Everyone Else is a Returnee โดดเดี่ยว 1000 ปี 291-310
บทที่ 291 – ความสำเร็จ (1)
“กรี๊ดด เป็นท่านราฟาเอลแห่งการรักษาจากสี่ยอดเทวทูต!”
เลียร่าได้กรีดร้องออกมาราวกับเป็นเด็กมัธยมที่ได้เจอกับไอดอลชายที่เธอชื่อชม ยูอิลฮานได้เพิ่มความเป็นศัตรูกับเทวทูตคนนี้ขึ้นและหันไปถามเลียร่าอย่างไม่พอใจขึ้นมา
“คนๆนี้แข็งแกร่งงั้นหรอ?”
“ในด้านการรักษา เขาน่าจะเหนือยิ่งกว่านายูนามาก ฉันได้ยินมาว่าตราบใดที่คนๆนั้นยังไม่ตายเขาก็จะสามารถทำให้คนนั้นฟื้นฟูกลับมาได้อย่างเต็มที่ แต่สำหรับในด้านการต่อสู้ล่ะก็… ฉันไม่รู้ ฉันได้ยินมาว่าเขาแข็งแกร่งกว่าพวกคลาส 7 ส่วนใหญ่แต่ฉันก็ไม่ได้รู้อะไรมากนัก”
มีพลังในด้านการรักษาเหนือยิ่งกว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์อย่างนายูนาไปมากแล้วก็ยังแกร่งกว่าคลาส 7 ส่วนใหญ่อีกด้วย? นี่จะโกงไปแล้ว! ถ้าคนๆนี้เป็นคนปกติ เขาก็ควรที่จะเลือกทางเดียวให้เชี่ยวชาญไปเลยสิ!
ยูอิลฮานที่ไม่ได้คิดถึงตัวเองเลยได้บ่นออกมาอย่างไร้ยางอายและเพิ่มความเป็นศัตรูกับเทวทูตคนนี้ขึ้นไปอีก เลียร่าที่เห็นยูอิลฮานเป็นแบบนี้ก็ได้มองมาที่เขาด้วยสายตาเป็นกังวล
“อิลฮาน ท่านราฟาเอลก็เป็นคนทรยศด้วยงั้นหรอ…?”
“ไม่หรอก ไม่ใช่แบบนั้นเลย แต่ฉันก็อยากจะให้เขาเป็นคนทรยศเหมือนกัน ฉันจะได้อัดเขาได้โดยไม่ต้องกังวลอะไร…”
“ทำไมกันล่ะ!?”
“ฉันไม่ชอบใบหน้าหล่อๆไร้ประโยชน์แล้วก็ใบหน้าที่ใจดีนั่น ให้ตายสิ”
“กรี๊ดดด นี่นายกำลังจะทำอะไร!”
ยูอิลฮานได้คิดกับตัวเองว่าเขาควรจะเผยตัวออกไปดีไหม แต่ว่าในท้ายที่สุดเขาก็ทำแค่การโยนหอกเพลิงออกไปฆ่าคนทรยศคลาส 5 ต่อไปแทน ไดเอลที่เห็นแบบนี้ได้รีบพูดออกมาทันที
[ท่านราฟาเอล พวกเราจะต้องหาตัวคนๆนี้! ได้โปรดใช้พลังของท่าน…!]
[แต่ว่านะไดเอล ฉันคิดต่างออกไปหน่อย]
ราฟาเอลไม่ใช่พวกคนที่ธรรมดาๆอยู่
[การฆ่าทูตสวรรค์แล้วทำให้คนที่ถูกฆ่ากลายเป็นคนทรยศงั้นหรอ? นั่นมันเป็นไปไม่ได้ คนที่จะทำได้มีแต่คนที่อยู่เหนือสวรรค์เท่านั้น แล้วมีเพียงเขาคนนั้นที่ทำได้ ไม่มีใครอื่นที่จะทำได้อีกแล้ว]
[ตะ… แต่ว่า…]
[ในความเห็นของฉัน นี่เป็นแค่ปีศาจน้อยบ้าบิ่นที่รู้วิธีแยกแยะว่าใครคือคนทรยศและฆ่าคนทรยศก็เท่านั้น]
[ทำไมล่ะ แล้วทำไปเพื่ออะไร!]
ราฟาเอลได้ยิ้มขึ้นมา
[ฉันก็ไม่รู้เหตุผลหรอก แต่ว่าถ้าให้เดาก็คงจะเป็นเพราะเขาไม่ชอบทางกองทัพจรัสแสงเอามากๆ ส่วนทำยังไงนี่ฉันพอจะรู้ มันเป็นไปได้ว่าคงเป็นใครสักคนที่มีคุณสมบัติที่จะเป็นผู้นำของกองกำลัง เพราะงั้นก็คงเป็นหนึ่งในคนเหล่านี้นั่นแหละหรือไม่…]
[นั่นมันเป็นไปไม่ได้!]
[มันเป็นไปแล้ว… คนที่มีคุณสมบัติคนใหม่ได้ปรากฏตัวขึ้นแล้ว]
[นั่นมันยิ่งเป็นไปไม่ได้เลย]
[อืมม เอาเถอะนะ แล้วเราควรจะหาเขาดีไหมนะ?]
เมื่อราฟาเอลได้ดีดนิ้วขึ้นมาก็ได้มีคลื่นแสงกระจายออกไปจากตัวเขา ถึงเวทย์นี้จะมีเป้าหมายที่การตรวจจับ แต่ว่ายูอิลฮานก็ยังขว้างหอกออกไปอีก 8 อันเพื่อฆ่าคนทรยศโดยไม่สนใจเวทย์นี้เลย
“ไม่!!!”
“นิ่งไว้เลียร่า เราไม่ถูกเจอตัวหรอกน่า”
[พี่สาวเลียร่าส่งเสียงดังไปแล้วนะครับ]
ตัวตนของยูอิลฮานก็ยังไม่ถูกตรวจเจอ แม้กระทั่งเวทย์กำลังทำงานอยู่หัวและปีกของคนทรยศก็ยังคงถูกตัดออกขาดจากกันอยู่ดี นี่มันราวกับจะเป็นการเย้ยผู้ร่ายเวทย์
[…หืม]
[ท่านราฟาเอล?]
ยังไงก็ตามสีหน้าของราฟาเอลกลับดูพึงพอใจในผลลัพธ์นี้เอามากๆ
[ดีมาก มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่แค่พลังของฉันจะหาตัวเขาเจอ]
[แม้กระทั่งพลังของท่านราฟาเอลก็ยังเป็นไปไม่ได้? ถ้างั้นเราคงต้องผลิกโลกใบนี้-]
[ใจเย็นก่อนไดเอล นายก็น่าจะรู้นะว่าเทวทูตเราจะต้องมีความใจเย็นในการมองสถานการณ์น่ะ?]
[แต่ถึงแบบนั้นมัน!]
แม้แต่ในตอนนี้ก็ยังมีทูตสวรรค์ร้องออกมาและเลือดของคนทรยศกระจายไปทั่ว นี่จะให้เขาใจเย็นลงได้ยังไงกัน? ระหว่างที่ไดเอลกำลังจะถามกลับไปนี้เอง ราฟาเอลก็ได้พูดขึ้นด้วยใบหน้าที่ใจเย็นมากๆ
[ฉันบอกนายไปแล้วใช่ไหม? มันไม่มีใครนอกจากนายท่านที่ทำให้ทูตสวรรค์กลายมาเป็นคนทรยศได้ ต่อให้เป็นซาตานก็ไม่อาจจะทำให้เลือดที่ไร้ซึ่งความมืดมิดมัวหมองได้ เอาล่ะถ้างั้น]
[…]
[ฉันไม่รู้หรอกว่าเขาหรือเธอคนนั้นตั้งใจจะทำอะไร แต่ว่าสิ่งที่เขาหรือเธอกำลังทำอยู่มันไม่ได้สร้างความเสียหายกับกองทัพสวรรค์แม้แต่นิดเลย ฉันกระทั่งอยากจะยื่นมือเข้าช่วยคนๆนั้นด้วยซ้ำไป]
[ท่านราฟาเอล!]
[ฮ่าฮ่าฮ่า]
แม้ว่าจะได้เห็นทูตสวรรค์ถูกหอกเพลิงฆ่าต่อหน้า ราฟาเอลก็ยังหัวเราะออกมาอย่างใจเย็น ตัวเขารู้ดีว่าคนที่ถูกฆ่าทุกๆคนคือคนทรยศ
[ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่าเขาโยนหอกออกมาจากไหน ฉันกระทั่งรู้สึกได้ว่าเพลิงพวกนี้เทียบได้กับของท่านมิคาเอลเลย นี่มันน่าสนใจมาก เป็นพวกระดับเบื้องบนคนใหม่งั้นหรอ? น่าสนใจจริงๆ]
[ท่านราฟาเอล เราจะปล่อยเอาไว้แบบนี้ไม่ได้นะ!]
[รอก่อนนะไดเอล]
ดวงตาของราฟาเอลได้เริ่มน่ากลัวขึ้นแล้ว
[ฉันบอกให้รอก่อนไง สำหรับทูตสวรรค์ทุกๆคนที่นี่ นายไม่ควรจะขยับนะไดเอล]
[…เข้าใจแล้วครับ]
ไม่มีทูตสวรร์คนใดที่กล้าจะขัดคำสั่งของราฟาเอล ตอนนี้ทั้งราฟาเอลและเจ้าของหอกเพลิงต่างก็ทำให้พวกเขาตายไปทั้งนั้นทำให้เหล่าผู้ทรยศที่ซ่อนอยู่ท่ามกลางทูตสวรรค์ได้แต่ตื่นตระหนกก่อนจะถูกฆ่าไป
[ฟู่ ฮ่าฮ่าฮ่า]
[ทะ.. ท่านราฟาเอล…]
รอยยิ้มที่ดูชั่วร้ายของราฟาเอลได้ฉีกกว้างมากขึ้นราวกับจะบอกว่า ‘เป็นอย่างที่คิด มีเจ้าพวกสารเลวเต็มไปหมด’ สำหรับคนทรยศที่ด้านหนึ่งคือหนึ่งในยอดสี่เทวทูต และอีกด้านคือหอกเพลิงแล้ว นี่มันคือนรกดีๆนี่เอง
[…อึก!]
[ฉันไม่อยากจะตายที่นี่!]
เหล่าคนที่ตัดสินใจว่าพวกเขาจะอยู่แบบนี้ไม่ได้ ในท้ายที่สุดพวกเขาก็เริ่มเคลื่อนไหว เหล่าคนที่มั่นใจในพลังตัวเองจากการที่อยู่คลาส 6 ถึงแม้ว่าพวกเขาจะใช้สัญญาณใดให้กันก็ตาม แต่ว่ามีคนทรยศคลาส 6 อยู่ 32 คนที่ได้กางปีกออกมาและเปิดใช้การข้ามมิติแบบกลุ่มไปสู่โลกอื่น!
[เราจะกลายเป็นปีกแห่งซาตาน!]
[เจ้าพวกหน้าซื่อย์ใจคตงี่เง่า อย่างน้อยในท้ายที่สุดเราก็ได้ซื่อสัตย์ต่อความต้องการของเรา]
[…โฮ่ พวกไร้ยางอายปรากฏตัวขึ้นมาแล้วสินะ? อืมม ถ้างั้นคราวนี้ผู้อยู่เบื้องบนคนใหม่ของเราคนนี้จะทำยังไงล่ะ?]
ถึงแม้ว่าราฟาเอลจะไม่รู้ถึงตัวตนของยูอิลฮาน แต่เขาก็เชื่อว่ายูอิลฮานจะต้องได้ยินเสียงของเขา ยูอิลฮานได้ส่งเสียงขึ้นจมูกออกมาและสร้างหอกขึ้นเล่มหนึ่ง จากนั้นเขาก็ประสานเข้ากับยูมิลเพื่อดึงพลังมังกรออกมาก่อนจะอัดพลังนั้นลงไปที่ปลายหอก นี่ดูเหมือนว่าเราจะไม่อาจจัดการคนหลายคนในคราวเดียวได้
“อิลฮาน เวทย์ของพวกนั้น! พวกนั้นจะหนีไปได้นะถ้านายไม่เปิดใช้การร่วงหล่นในตอนนี้!”
“ฉันรู้น่า แต่ว่าถ้าฉันพยายามจะฆ่าพวกนั้น งั้นฉันก็จะพลาดตัวเป้งไปน่ะสิ”
“แย่มาก…”
ยูอิลฮานได้เล็งไปที่ไดเอลตั้งแต่แรกแล้ว เจ้าไร้ยางอายคนนี้ได้ทำเป็นใจเย็นทั้งๆที่ภายในใจทั้งตื่นตระหนกและคิดจนหัวปั่นตั้งแต่ที่ราฟาเอลปรากฏตัวแล้ว! เจ้านี่ได้ทำหน้าแบบว่า ‘นี่แหละโอกาส’ ขึ้นมาหลังจากได้เห็นสิ่งที่ทูตสวรรค์คลาส 6 กำลังทำอยู่
[…หืม?]
ราฟาเอลก็ยังเอียงหัวออกมา เขาพอจะรู้ได้แล้วว่ายูอิลฮานไม่ได้ทำอะไรกับการที่คนทรยศได้เปิดใช้การข้ามมิติแบบต่อหน้านี้
นี่เขากลับไปแล้วงั้นหรอ? หรือว่าเขากลัวการสู้กับสิ่งมีชีวิตคลาส 6 กันล่ะ หรือว่าเขาระแวงในตัวตนของราฟาเอลกันนะ
ราฟาเอลได้คิดว่าทำไมยูอิลฮานถึงไม่ทำอะไรและในท้ายที่สุดเขาก็สรุปออกมาได้ ยิ่งเขาคิดเท่านั้นมันก็น่าตกใจและบ้ามาก แต่ว่านั่นมันก็มีพลังในการโน้มน้าวใจเขาอย่างมาก
เพราะแบบนั้นทำให้เขายกมือขึ้นมาก่อนจะสายเกินไป
[น่าสนใจมาก.. แล้วก็โง่เขลาเช่นกัน แต่ว่า]
[ท่านราฟาเอล!?]
[ฉันจะเล่นกับนายซักครั้งหนึ่ง]
มานาของราฟาเอลได้กระเพื่อมขึ้นมา ในเวลาต่อมามานาทั้งเฟย์ร่าก็ได้ตอบรับกับคำสั่งและสร้างคลื่นกระแทกออกมา
นี่มันก็มากพอแล้วที่จะทำให้เวทย์ทั้งหมดที่คนทรยศกำลังใช้ถูกยกเลิกและมานาได้เสียการควบคุมไป
[อ๊ากกก!?]
[มานาของฉันกำลังตีกลับ… ท่านซาตานได้โปรดช่วยเราด้วย!]
[เป็นแบบนี้ไปได้ยังไงกัน…]
แค่การกระทำเดียวได้ส่งผลร้ายเป็นวงกว้างอย่างมาก นี่คือสิ่งที่ต้องชดใช้ที่ดูถูกในพลังของหนึ่งในสี่ยอดเทวทูต การกระทำเดียวของเขานี้ได้ทำให้หลุบที่จะหนีไปจากโลกใบนี้ได้ปิดลงและปีกของเหล่านั้นที่เผยตัวเองออกมาได้ถูกย้อมไปเป็นสีดำ ตอนนี้ไม่มีทางหนีไว้ให้กับพวกเขาอีกแล้ว
[เอาล่ะ ในที่ฉันสุดก็ได้เห็นแล้วว่าตอนนี้ใครเป็นคนทรยศบ้างง]
ราฟาเอลได้ยิ้มขึ้นอย่างเย็นชาและสร้างดาบขึ้นจากมานาในเฟย์ร่า ดาบเล่มนี้ได้เต็มไปด้วยพลังลมที่หนาแน่นและยังมีพลังเพลิงให้เห็นเช่นกัน คนทรยศทั้งหมดต่างก็ต้องตกอยู่ในความสิ้นหวัง
[ราฟาเอล ละครตลกของแกมันจบลงไปพร้อมกับหลุมศพเทพเจ้าของแกแล้ว]
[ไม่ว่าพวกแกจะพยายามซ่อนแค่ไหนแต่พวกเราก็ได้รู้แล้ว ท่านผู้ยิ่งใหญ่ได้ทำให้เราได้รู้แล้ว!]
[หืมม พวกนายมันเน่าเฟะไปหมดแล้ว]
[นะ นายมันปีศาจ!]
[พวกนายชั่งกล้าเอ่ยนามทำให้ท่านต้องมัวหมองด้วยปากเน่าๆของพวกนายนะ!]
ทูตสวรรค์คลาส 6 ที่ไม่ได้เป็นคนทรยศก็ยังได้เข้าร่วมในการต่อสู้ครั้งนี้และทำให้โลกใบนี้ได้วุ่นวายขึ้นในทันที ราฟาเอลได้กระจายจิตสังหารที่ไม่สมกับฉายาการรักษาของเขาออกมา เหล่าทูตสวรรค์คลาส 6 ได้พุ่งเข้ามาสู้ด้วย ทูตสวรรค์ระดับสูงอีกคนหนึ่งก็ได้เข้ามาขวางทางเอาไว้
มีอยู่สองคนที่กำลังรอคอยเวลานี้
[ฟู่]
ไดเอลได้คิดขึ้นมา แม้ว่าตัวเขาจะไม่รู้ว่าผู้บุกรุกมองตัวตนจริงๆเขาออกไหม แต่ว่าด้วยการลอบโจมตีเพียงครั้งเดียวสำหรับเขาก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรอยู่แล้ว แล้วก็หากว่าตัวตนของเขาถูกเผยออกมาเพราะแบบนั้นราฟาเอลก็น่าจะอันตรายยิ่งกว่าศัตรูอีก เพราะงั้นหากเขาอยากจะรอดไปจากที่แห่งนี้คนที่เขาต้องระวังไม่ใช่ผู้บุกรุกแต่เป็นราฟาเอล
‘ในทันทีที่ฉันโจมตีราฟาเอลก็จะเท่ากับฉันได้ล่ะทิ้งตำแหน่งในฐานะทูตสวรรค์ของฉันไปแล้ว เพราะงั้นการจะใช้มานาของโลกใบนี้อีกจะเป็นไปไม่ได้ ถ้างั้นโอกาสของฉันก็คือตอนนี้ ตอนที่ราฟาเอลกำลังใช้มานานั่นกำลังพวกขยะ’
เขาจะต้องโจมตีด้วยพลังทั้งหมดเพื่อสร้างโอกาส ต่อให้ราฟาเอลจะมีระดับที่สูงกว่าเขา แต่ว่าราฟาเอลก็คงจะไม่ไร้บาดแผลแน่ และในตอนที่มานาของราฟาเอลกำลังแตกกระจายอยู่นี้อย่างน้อยก็น่าจะมีโอกาสให้เขาใช้หลบหนีออกไปได้
‘ถ้าเป็นไปได้ฉันก็อยากจะหาคนทรยศให้เจอแล้วก็ฆ่ามันเหมือนกัน แต่ว่าฉันไม่คิดเลยว่าราฟาเอลจะมาเคลื่อนไหวเอาในเวลาแบบนี้ นี่มันเป็นคำพยากรณ์จากกาเบรียลงั้นหรอ…? คงช่วยไม่ได้ล่ะนะ ฉันคงต้อง…’
และในตอนนี้เองอีกคนหนึ่งที่กำลังรอเวลานี้อยู่ก็ได้แทงหอกเข้ามาใส่ไดเอลที่กำลังคิดกับตัวเอง
[ติดคริติคอล!]
[ติดคริติคอล!]
[ติดคริ…]
[อ๊าาาา!?]
“ย๊าาาาาาก!”
ยูอิลฮานที่ผสานเข้ากับยูมิลได้ทุกสิ่งที่เขามีทำการโจมตี 12 ครั้งซ้อนด้วยหอกไร้วิถี
บทที่ 292 – ความสำเร็จ (2)
เลือดสีขี้เถ้าได้กระจายออกไปจนทั่ว นี่คือวินาทีที่ไดเอลได้ตัดสินใจจะโจมตีราฟาเอลและทำให้บันทึกของตัวเขาได้เปลื่ยนไปเองจากคำสั่งของซาตาน
วินาทีที่การสนับสนุนจากโลกใบนี้ที่เขาได้รับจากการเป็นสมาชิกของกองทัพสวรรค์ได้ถูกตัดลง นี่คือวินาทีที่ยูอิลฮานตัดสินใจเคลื่อนไหว
[อ๊าาา ฮ่าห์…!]
การโจมตีสิบสองครั้งซ้อนกันในจุดๆเดียวด้วยหอกไร้วิถีได้ทำให้เกิดรูขนาดใหญ่ขึ้นมาบนท้องของไดเอล เลือดที่กำลังเปลื่ยนเป็นสีดำของเขาได้กระจายออกไปทั่ว พร้อมทั้งเนื้อ หนัง กระดูกของเขา และขนปีกที่เป็นทั้งสีดำและขาวด้วยเช่นกัน
“สวัสดี! เจ็บไหมล่ะ?”
[อ๊าา! แค่ก!]
ยูอิลฮานได้เล็งโจมตีทั้งหัวใจและหัวไหล่ที่เป็นจุดอ่อนของทั้งทูตสวรรค์และเทวดาตกสวรรค์ แม้ว่าไดเอลจะได้ใช้มานาของเขาป้องกันเอาไว้เมื่อพบการโจมตีนี้ทำให้หัวไหล่ของเขาไม่ถูกทำลายไปจนหมดก็ตาม แต่ว่าหัวใจของเขาก็ได้หายไปหมดแล้ว ปีกของเขาคู่หนึ่งก็ถูกตัดออกไปเช่นกัน
นี่เป็นบาดแผลร้ายแรงถึงชีวิตเขาได้เลยหากว่าเขาไม่ลืมหนีไปรักษาตัวเองในทันที หากว่าเป็นเขาในสภาพปกติ เขาจะไม่มีทางบาดเจ็บแบบนี้แน่ แต่ว่ายูอิลฮานได้เล็งโจมตีเข้ามาในตอนที่เขากำลังเปลื่ยนจากทูตสวรรค์ไปเป็นเทวดาตกสวรรค์ทำให้พลังป้องกันเขาลดลงไปเสี้ยววินาทีหนึ่่ง
[แกคือ!?]
“ฟู่”
[ฟู่]
ลมหายใจเพลิงได้ออกมาจากริมฝีปากของยูอิลฮานเมื่อเขาเข้ามาใกล้พอจะใช้หอกโจมตี
ไดเอลได้รีบเปิดตากว้างและพยายามจะโจมตีกลับไป แต่ว่าในตอนนี้ ยูอิลฮานได้เปิดใช้งานการร่วงหล่นและโซ่เพลิงวิญญาณได้พุ่งเข้ามารัดพันทั่วร้างไดเอลเอาไว้แล้ว นอกจากการลอบโจมตียังมีแบบนี้อีกงั้นหรอ? ในตอนนี้สิ่งเดียวที่ไดเอลยังทำได้อยู่ก็คือตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว
“เฮ้ นายควรจะกังวลทางราฟาเอลมากกว่าตัวฉันไม่ใช่หรอกหรอ?”
ยูอิลฮานได้ขยับปากขึ้นเป็นรอยยิ้มราวกับว่าเขาเข้าใจดีถึงทุกสิ่งที่ไดเอลขึ้น ในตอนนี้ทีริ้้วสีทองปรากฏขึ้นที่ดวงตาสีแดงเพลิงของเขา ริ้วสีทองนี้ดูคล้ายคลึงกับของสัตว์เลื้อยคลาน
“ในตอนที่นายคิดแบบนั้นนายก็ซวยแล้ว”
[อ๊าากกกกก!?]
ไดเอลได้รู้ถึงความผิดพลาดของเขาและพยายามจะดิ้นรนหนีไปจากยูอิลฮน แต่ว่าความพยายามทั้งหมดของเขากลับมีแต่ความล้มเหลวตอบกลับมา
การร่วงหล่นได้ถูกเสริมพลังขึนถึงสองระดับจากเกราะร่างมังกรเพลิงวิญญาณ ต่อให้เป็นคลาส 7 ก็ยังถูกทำให้ลดระดับพลังลงและไม่อาจจะขยับได้แม้แต่นิ้วเดียว
[ยูอิลฮาน มนุษย์… สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำ กล้าที่…]
“เอ๋ นี่มันอาร์ติแฟคสินะ?”
ยูอิลฮานคิดว่าอัครเทวทูต(แก้จากเทวทูตธรรมดาๆเป็นอัครเทวทูตนะครับ)คลาส 7 จะไปไหนมาไหนโดยไม่เตรียมตัวอะไรซะอีก ตัวเขาได้เจอกับกระแสมานาที่อยู่ภายในอกของไดเอลและใช้เพลิงเข้าปกคลุมในทันที นี่มันคล้ายๆกันกับตอนที่ยูอิลฮานใช้เพลิงเพื่อเสริมพลังให้กับพรรคพวก แต่ว่าเพลิงที่ครอบคลุมอาร์ติแฟคนี้ต่างกันออกไปนิดหน่อยก็คือผลลัพธ์ของมันเป็นการทำลายทิ้งแทน
[สกิลการร่วงหล่นได้เพิ่มเลเวลขึ้นเป็น 72]
[…อะไรกัน?]
ไดเอลได้แต่ตกตะลึงออกมา ยูอิลฮานไม่ได้สนเลยสักนิดว่าอาร์ติแฟคนั่นจะมีผลอะไร เขาได้ทำลายมันทิ้งไปโดยที่ยังไม่ได้ทำงานเลย
[แก อะไรกัน? ได้ยังไง?]
“นายคงไม่ได้คาดหวังจะได้คำตอบจากฉันใช่ไหมนะ?”
ไดเอลได้ตัวสั่นแล้ว ยูอิลฮานได้แสยะยิ้มออกมาก่อนที่จะใช้หอกเพลิงโจมตีซ้ำลงไปในแผลของไดเอลด้วยหอกสะบั้นจักรวาล หอกที่แทงออกมาครั้งนี้ได้เต็มไปด้วยพลังแห่งมังกรและเพลิง มันลุกไหม้จนสว่างยิ่งกว่าในตอนที่สเปียร่าใช้ในตอนที่เธอมีชีวิตซะอีก
[ติดคริติคอล!]
เลือดได้พุ่งกระจายออกมาอีกครั้งหนึ่ง อาร์ติแฟคที่ถูกเพลิงปกคลุมอยู่ก็ได้ขาดครึ่งออกไปดูเหมือนว่านี่จะเป็นอาร์ติแฟคที่มีพลังในการรักษาผู้ใช้ชั่วคราวและจะทำการเทเลพอตผู้ใช้งานไปที่อื่นโดยการสุ่ม แต่ตอนนี้มันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว
ยูอิลฮานได้ยิ้มออกมา
“ลาก่อนนะ”
[เดี๋ยวก่อนมนุษย์! ไม่สิผู้อยู่เบื้องบนคนใหม่! ท่านซาตานมี-]
ทัศนคติของไดเอลได้เปลื่ยนไปทันที แต่ว่านี่มันก็ปกติเอามากๆ ยูอิลฮานได้ตวัดหอกของเขาอย่างไม่ลังเล หอกเพลิงสิบเล่มไดพุ่งออกมาจากเกราะร่างมังกรเพลิงแทงทะลุเข้าไปในส่วนต่างๆบนร่างกายของไดเอลทันที
และนี่คือช่วงสุดท้ายของชีวิตเขาแล้ว
[คุณได้รับค่าประสบการณ์]
[คุณได้รับบันทึกของไดเอลเลเวล 537]
[สกิลบันทึกได้เพิ่มเลเวลขึ้นเป็น 93]
ระหว่างเก็บศพกลับมายูอิลฮานก็บิดตัวไปมา สกิลการร่วงหล่นได้ถูกยกเลิกไปแล้วทำให้มานาทั้งหมดได้กลับเข้ามาตัวยูอิลฮานและหายไปอย่างไร้ร่องรอย นัยน์ตาสีทองของสัตว์เลื้อยคลานในตาของเขาก็หายไปเช่นกัน
เลียร่าที่เตรียมตัวสำหรับเหตุการณ์เลวร้ายมาตลอดก็ยังได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกและเก็บหอกของเธอกลับไป
[พระเจ้า มันจบลงแล้ว…]
ราฟาเอลได้กลายเป็นตกตะลึงจนนิ่งไปทันทีที่ได้เห็นสิ่งที่ยูอิลฮานทำลงไป แม้ว่าในระหว่างที่เขาฆ่าคนทรยศคลาส 6 ที่เหลืออยู่เขาก็ยังกังวลเรื่องการเคลื่อนไหวของไดเอลมาตลอด แม้กระทั่งตัวเขาเองก็ยังไม่อาจจะระเบิดการโจมตีแบบยูอิลฮานได้เลยทั้งๆที่ตัวเขาเป็นถึงหนึ่งในสี่ยอดอัครเทวทูต
หากว่ายูอิลฮานเลือกมาโจมตีเขาแทนจะเกิดอะไรขึ้นนะ? เขาก็ไม่อาจจะรับประกันในความปลอดภัยของตัวเองได้เหมือนกัน ถึงเขาจะไม่ตายไปง่ายๆเพราะพลังการรักษาของเขาก็ตาม
[เป็นพวกระดับเบื้องบน…อย่างที่คิด เป็นมนุษย์ที่มีคุณสมบัติจริงๆ ถึงแม้ว่านายจะไม่ใช่มนุษย์อีกแล้วก็ตาม]
“นายรู้ด้วยหรอ?”
ยูอิลฮานได้ถามกับราฟาเอลที่ยังตะลึงอยู่
“ถ้านายไม่จัดการฉันขอได้ไหม?”
ยูอิลฮานได้ชี้หอกไปที่คนทรยศที่ยังมีชีวิตรอดอยู่ ราฟาเอลได้ส่ายหน้าอย่างอึดอัดใจทันที
[…ไม่ เราจะจัดการมันเอง การกำจัดคนทรยศคือภารกิจของกองทัพสวรรค์เรา เพราะงั้นให้เราจัดการเถอะนะ]
“ตามใจ”
ราฟาเอลกับทูตสวรรค์คนอื่นๆได้กัดฟันและเคลื่อนไหวเร็วยิ่งขึ้นเมื่อได้เห็นความไม่สนใจใดๆของยูอิลฮาน ยังไงก็ตามคนทรยศพวกนี้ไร้พลังไปหมดแล้ว ความหวังทั้งหมดของพวกเขาได้ถูกยูอิลฮานบดขยี้ไปนับตั้งแต่ที่ไดเอลตายไปแล้ว
[ทะ ท่านไดเอลตายไปทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไร…]
[พวกเราไม่รอดแล้ว พวกเราไม่…]
[นี่คือจุดจบของคนทรยศงั้นหรอ? อ๊า ฉันมันก็แค่แมงเม่าโง่เขลางั้นสินะ? อ๊าาา เทพเจ้า ฉันมัน…]
ราฟาเอลกับทูตสวรรค์รู้สึกอึดอัดเล็กมากๆกับการที่ต้องจัดการคนทรยศที่เป็นเหมือนกับดอกไม้เฉาตายไปแล้ว ในเวลาเดียวกันยูอิลฮานก็ได้ฟื้นฟูมานาเขากลับมาและกำลังซ่อมอุปกรณ์ เลียร่าได้ถามเขาอย่างสับสนทันที
“ฉันคิดว่านายจะจัดการพวกนั้นด้วยซะอีกนะ”
“อืมม ดูเหมือนว่าทางฝั่งนู้นจะมีเรื่องคุยกับฉันเยอะเลยนะ ในเมื่อพวกเราอาจจะได้ร่วมมือกันไปอีกซักพัก ฉันก็คงไม่โจมตีทูตสวรรค์ไม่ได้แล้วล่ะ”
ยูอิลฮานพูดถูก หลังจากการสู้รบที่ทั้งผู้โจมตีและผู้ถูกโจมตีอึดอัดได้จบลงไป ราฟาเอลก็ได้พูดออกมาหลังจากที่เก็บเอาศพคนทรยศทั้งหมดไป
[นี่เป็นครั้งแรกที่เราได้เจอกันงั้นสินะ? ฉันราฟาเอล หนึ่งในสี่ยอดอัครเทวทูตจากกองทัพสวรรค์]
“ฉันยูอิลฮานจากเอิร์ธ(เอิร์ธนี่คือชื่อเรียกของโลกยูอิลฮานนะครับ)”
[นายเป็นคนที่โจมตีโลกที่สวรรค์ครอบครองอยู่แล้วฆ่าทูตสวรรค์ แถมยังขโมยโลกไปด้วยถูกไหม?]
“ใช่แล้วล่ะ”
ทูตสวรรค์ที่พึ่งจะสู้จบลงได้โกรธกับการยอมรับนี้ของยูอิลฮาน แต่ว่าราฟาเอลก็โบกมือให้พวกทูตสวรรค์ใจเย็นลงไป ราฟาเอลในตอนนี้กำลังปฏิบัติกับยูอิลฮานเหมือนเป็นหนึ่งในผู้นำกองกำลังแล้ว
มันเป็นเรื่องปกติมากๆที่กองกำลังหนึ่งจะไปขโมยโลกของกองกำลังอื่นๆมา และการที่ศัตรูมาจับมือกันเมื่อเวลาผ่านไปก็ไม่ใช่เรื่องที่หายากด้วย
[ฉันซาบซึ้งมากที่นายยอมพูดออกมาตรงๆ ถ้างั้นทำไมนายถึงได้เปลื่ยนมาล่าคนทรยศล่ะ?]
“ถ้าฉันบอกไปพวกนายจะเชื่อไม่ล่ะ?”
[ไม่รู้สึก อาจจะไม่ก็ได้]
ราฟาเอลได้ตอบกลับมาด้วยแล้วยิ้ม ยูอิลฮานได้ส่งเสียงขึ้นจมูกขึ้นมาจากคำนี้ และจากนั้นราฟาเอลก็ได้พูดคำที่ยูอิลฮานคาดเอาไว้ออกมา
[ฉันอยากจะขอเป็นพันธมิตรกับนาย ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรที่ทำให้นายต้องเคลื่อนไหวจัดการคนทรยศอย่างเร่งรีบก็ตาม แต่ว่าฉันจะเป็นคนนำทางนายไปในโลกที่อยู่ใต้การปกครองของกองทัพสวรรค์เอง เพราะงั้นมากับฉันสิ]
[ท่านราฟาเอล!]
[ไม่ได้นะครับ!]
[ทุกคนเงียบก่อน พวกนายทุกๆคนก็น่าจะได้เห็นความสามารถในการมองคนทรยศและฆ่าคนทรยศไปแล้วนี่ ในตอนนี้เราต้องการให้เขาช่วยเรา ช่วยหยุดทำเหมือนกับเขาคนนี้เป็นมนุษย์ธรรมดาแล้วก็หยาบคาบกับเขาได้แล้ว]
เมื่อเขาได้สั่งทูตสวรรค์ด้วยน้ำเสียงเย็นชา ทูตสวรรค์ทุกๆคนต่างก็หยักหน้ารับอย่างไม่เต็มใจและถอยกลับไป หลังจากเห็นแบบนี้ยูอิลฮานก็ตอบกลับไป
“จากที่ฉันรู้มาตอนนี้พวกนายก็น่าจะยุ่งมากนี่ นายที่เป็นหนึ่งในสี่ยอดทูตสวรรค์มีเวลามาให้ฉันด้วยงั้นหรอ?”
[ก็เพราะว่าเรายุ่งนั่นแหละทำให้การกำจัดคนทรยศเป็นเรื่องสำคัญ]
ดวงตาราฟาเอลได้สาดประกายเร้นลับออกมา
[หากว่าคนทรยศมาอารวาดในตอนสงครามสุดท้ายมันไม่ดีแน่]
“สงครามสุดท้าย? นั่นดูน่าสนใจจริงนะ แต่ว่าถ้าเป็นแบบนั้น…”
ยูอิลฮานได้คิดอยู่ครู่หนึ่งว่าเขาจะขออะไรจากกองทัพสวรรค์ได้สำหรับเรื่องนี้ ยังไงก็ตามในท้ายที่สุดเขาก็ส่ายหัวออกมา เขาได้วางแผนที่จะกวาดล้างคนทรยศของกองทัพสวรรค์ออกไปในเร็วๆนี้อยู่แล้ว ต่อให้กองทัพสวรรค์ไม่ให้อะไรเขา เขาก็คงต้องทำอยู่ดี แถมตอนนี้สมบัติที่กองทัพสวรรค์ครอบครองอยู่ก็ไม่ได้มีอะไรที่ดึงดูดใจเขาขนาดนั้น
“ดี ถ้างั้นก็ไปกันเถอะ”
[ฉันยินดีนะที่เราได้ร่วมมือกันเร็วแบบนี้ ฝากตัวด้วยแล้วกันนะ โอ้แล้วก็กับมังกรน้อยแล้วก็เลียร่าด้วยนะ ฝากตัวด้วย]
ราฟาเอลได้จับมือกับยูอิลฮานก่อน ยูอิลฮานได้จับมือกับเขาอย่างไม่ลังเล ส่วนยูมิลได้ส่งเสียงฟึดฟัดออกมาและเลียร่าก็แทบจะกรี๊ดออกมา แต่ราฟาเอลก็ไม่ได้สนใจ
[ฉันคิดว่านายคงจะรู้เรื่องนี้อยู่แล้วนะ พื้นที่ของกองทัพสวรรค์น่ะกว้างใหญ่มากๆ เราจะต้องใช้เวลากันมากเลยล่ะ]
“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอก นายแค่นำทางฉันไปก็พอ โอ้ ฉันได้ให้คนทรยศกับนายไปในคราวนี้แล้ว แต่ว่าเรื่องแบบนั้นจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้วนะ ฉันจะเป็นคนที่ฆ่าพวกนั้นเองเพราะงั้นนายก็แค่ตามจับคนที่หนีไปก็พอ ถ้านายปฏิเสธเรื่องนี้ฉันก็จะไม่ปฏิบัติตามนาย”
[พอมาได้ยินแล้ว นายดูดุร้ายจังเลยนะ]
ราฟาเอลได้ยิ้มแห้งๆออกมาและหันไปมองทูตสวรรค์คนอื่นๆ
[ตั้งใจกับการปกป้องเฟย์ร่าเอาไว้นะ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นให้รายงานมาทันที]
[รับทราบครับ!]
[ท่านราฟาเอล มนุษย์นั่น….]
[ตั้งใจทำหน้าที่ของนายไป]
ราฟาเอลได้แยกตัวจากทูตสวรรค์และเดินทางไปกับยูอิลฮาน เลียร่าได้มองมาที่ยูอิลฮานด้วยสายตาเป็นกังวล แต่ว่ายูอิลฮานก็แค่ลูบหัวเธอและหัวเราะออกมา
เขารู้ว่าเธอกังวลเรื่องอะไร บางทีก็เพราะว่าราฟาเอลคนนี้ไม่มองยูอิลฮานในแง่ดีนี้
มันไม่มีทางที่ยูอิลฮานจะไม่รู้ตัวอยู่แล้ว เขาจำได้ว่าเขาเคยได้ยินมาว่ากองทัพสวรรค์ไม่ยอมรับในตัวตนเบื้องบนคนอื่นๆด้วย
ยังไงก็ตามราฟาเอลก็น่าจะรู้เหมือนกันว่ายูอิลฮานระแวงเขาอยู่ เขาอาจจะตุกติกอะไรอยู่ก็ได้ เพราะแบบนี้แหละมันถึงได้น่าสนใจ
ยูอิลฮานได้มองดูมือของเขาที่จับกับราฟาเอลและหัวเราะออกมา
‘อัครเทวทูตผู้ยิ่งใหญ่ที่เป็นตัวแทนของเทพเจ้าและเป็นคนที่ได้รับพลังมามากที่สุด… ในที่สุดฉันก็ได้เจอเขาแล้ว’
ดวงตาของยูอิลฮานได้เป็นประกายขึ้นมา ข้อความข้อความหนึ่งได้ปรากฏขึ้นมา
[สกิลบันทึกได้เพิ่มเลเวลเป็นเลเวล 95]
‘ชิ้นส่วนสุดท้ายที่จำเป็นสำหรับการเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงแล้วก็กลายเป็นเทพเจ้าคนที่ 5’
ใครจะเป็นคนถูกกลืนกินกันนะ? ยูอิลฮานได้ยิ้มออกมาอย่างชั่วร้ายยิ่งกว่าราฟาเอลและเดินทะลุเข้าไปในประตูมิติ
บทที่ 293 – ความสำเร็จ (3)
[ท่านราฟาเอลนี่มันไม่ยุติธรรมเลยนะครับ พวกเราไม่ใช่คนทรยศ]
[ทุกๆคนที่เราได้เจอมาจนถึงตอนนี้ต่างก็พูดเหมือนนายนั่นแหละ แต่ว่านะเวร่า คนพวกนั้นไม่มีใครเลยที่เป็นผู้บริสุทธิ์]
[อ๊า เจ้านั่นกำลังหลอกท่าน! ท่านไปเชื่อคำพูดของมนุษย์คนหนึ่งได้ยังไงกัน!]
คนทรยศต่างก็ร้องแสดงความบริสุทธิ์ออกมาแต่ว่าราฟาเอลก็ไม่ได้ใส่ใจพวกเขา และในตอนที่เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นยูอิลฮานก็จะเหวี่ยงออกหอกออกมาทั้งแบบนี้ หัวของเวร่าที่กำลังร้องเรียกความยุติธรรมได้ถูกตัดลงไปทั้งอย่างนี้
[สกิลบันทึกได้เพิ่มเลเวลขึ้นเป็น 98]
[สกิลหอกสะบั้นจักรวาลได้เพิ่มเลเวลขึ้นเป็น 99]
ไม่เพียงแค่เวร่าเท่านั้น ยูอิลฮานได้ฆ่าคนทรยศไปมากมายบนหลังของยูมิลที่กำลังบินอยู่อย่างต่อเนื่อง เลือดสีเทาได้ย้อมไปทั่วทั้งโลกทำให้ราฟาเอลต้องโบกมือป้องกันไม่ให้เลือดมาโดนตัวเขาและเริ่มมองไปที่ยูอิลฮาน
[เรากำลังคุยกันอยู่นะ]
“นั่นมันคุยกันที่ไหนล่ะ มันก็แค่การร้องขอชีวิตเท่านั้นเอง”
ปัญหาใหญ่ก็คือการอ้อนแวนนั้นจะไม่ได้อะไรกลับมา ยูอิลฮานได้ส่งเสียงฮึดฮัดและเก็บเอาศพของคนทรยศเข้าไปในช่องเก็บของ เมื่อเห็นเขาทำแบบนี้ราฟาเอลได้แสดงสีหน้าตกใจออกมา
[นายดูชำนาญกับเรื่องมิติมากๆเลยนะ]
“นั่นต้องขอบคุณคนๆหนึ่งนะ”
[นายนี่มัน…]
ราฟาเอลได้ส่ายมือออกมาราวกับเขาเบื่อที่จะเถียงแล้ว จากนั้นทูตสวรรค์ทุกๆคนก็มารวมอยู่ข้างหน้าเขา
[คนทรยศได้หายไปแล้ว ใช้พลังทั้งหมดของพวกนายคุ้มกันโลกใบนี้เพื่อสวรรค์และเพื่อท่านเทพเจ้าที่มีเพียงหนึ่งซะนะ]
[เข้าใจแล้วครับท่านราฟาเอล!]
[พวกเราจะปฏิบัติตามนำแนะนำนี้ครับ!]
มานาที่ราฟาเอลได้ใช้ปิดกั้นโลกใบนี้ได้กลับคืนสู่ที่เดิม ในตอนที่เราได้ไปโลกอื่นเขาจะทำการปิดเส้นทางเข้าออกในทันที และเมื่อทุกๆอย่างจบลงเขาก็จะปลดออกมาเช่นนี้
[เอาล่ะยูอิลฮาน ตอนนี้เรามีปัญหาอยู่นิดหน่อย]
“อะไรล่ะ จบแล้วงั้นหรอ?”
ยูอิลฮานได้ทำสีหน้าราวกับเด็กน้อยที่หาขนมไม่เจอออกมา ราฟาเอลคิดว่านี่มันบ้ามาก ในเวลาเพียงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาพวกเขาได้ตระเวนไปโลกอื่นๆถึง 500 โลก และยูอิลฮานก็ได้ฆ่าคนทรยศไปนับหมื่น ไม่เคยมีใครเลยที่ฆ่าสิ่งมีชีวิตชั้นสูงมากขนาดนี้ในเวลาสั้นๆแต่ยูอิลฮานกลับทำมัน!
[นี่คือโลกสุดท้ายแล้วที่อยู่ในการดูแลของเรา ไม่ว่าสวรรค์จะมากแค่ไหนแต่ว่าจำนวนของโลกระดับสูงก็มีจำกัดเหมือนกัน]
“ถ้างั้นการเป็นพันธมิตรกันก็จบแค่นี้สินะ? ยินดีที่ได้ร่วมงานนะ”
[ยังไงก็ตาม นายยังไม่ได้เจอกับทูตสวรรค์ทุกๆคน]
ดวงตาราฟาเอลได้เป็นประกายขึ้นมา
[นายก็น่าจะรู้นะว่ามีทูตสวรรค์มากมายได้เข้าร่วมในสงครามต่อสู้กับกองกำลังอื่น]
“นี่นายกำลังตั้งใจที่จะกำจัดกองทัพจรัสแสงจริงๆงั้นสินะ?”
[แน่นอนสิ เพราะแบบนั้นทำให้เราต้องทำให้รากฐานของเรามั่นคงไงล่ะ แต่ว่าหากมีคนทรยศอยู่ในกลุ่มคนที่ร่วมการต่อสู้จะเกิดอะไรขึ้นกันล่ะ? แล้วหากว่าคนทรยศนั่นเป็นคลาส 7 ด้วยแล้วล่ะก็?]
“เรื่องมันก็จะเลวร้ายสินะ?”
[ถูกแล้ว เพราะงั้นตอนนี้เราจะไปหาคนพวกนั้นกัน วิธีการก็เหมือนกับที่ผ่านๆมา นายก็แค่ต้องฆ่าคนทรยศ]
“ทั้งๆที่ทูตสวรรค์กับเทวดาตกสวรรค์จะกำลังสู้กันอยู่เนี้ยน่ะหรอ?”
[ใช่แล้ว]
ยูอิลฮานได้ตอบกลับมาด้วยรอยยิ้ม
“ดูน่าสนใจดีนะ”
[นายดูจะชอบมากเลยสินะ ถ้างั้นเราจะไปกันเดี๋ยวนี้เลย]
ราฟาเอลได้เปิดประตูมิติขึ้นมาแล้ว เลียร่าได้จับไหล่ของยูอิลฮานเอาไว้เพราะเธออดจะห่วงเขาไม่ได้
“ฉันคิดว่านายจะกดดันตัวเองเกินไปแล้วนะอิลฮาน นายจะต้องทำถึงขนาดนี้จริงๆน่ะหรอ?”
“ใช่แล้ว ในเมื่อฉันเป็นคนเริ่มเรื่อง ฉันจะต้องได้เห็นตอนจบของมันด้วย”
แม้ว่าเขาจะตอบเลียร่าด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย แต่ว่าภายในหัวของเขากำลังมีความคิดมากมายอยู่ภายในหัว สิ่งที่เขากำลังคิดอยู่ก็คือเขาอาจจะได้เจอกับสิ่งที่ราฟาเอลต้องการ ราฟาเอลจะต้องวางกับดักบางอย่างเอาไว้แน่นอน
ยังไงก็ตามหากว่าเขาไม่ไปต่อ เขาก็คงจะต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะกลายมาเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงได้เพราะเขาได้ปล่อยเบาะแสที่เขาเจอไป ยูอิลฮานไม่ชอบที่จะรอคอยในสิ่งที่ไร้เป้าหมายแบบนั้น
“เลียร่า กลับไปรวมกับคนอื่นๆเถอะ นับจากนี้ไปมันจะอันตรายนิดหน่อย”
เพราะว่าทูตสวรรค์คนอื่นๆอ่านจะใช้เธอได้ – เขาไม่อาจจะพูดแบบนี้กับเธอได้ แต่ว่าเลียร่าก็พอเข้าใจว่าเขาอยากจะบอกอะไร
“โอเค นายจะไปกับฉันด้วยใช่ไหม?”
“ไม่ล่ะ เลเวลสกิลของฉันได้เพิ่มสูงขึ้นจนพอจะส่งคนอื่นไปได้แล้ว เพราะงั้นฉันจะตามไปหลังจากจบเรื่องแล้ว”
“…แล้วนั่นมันเมื่อไหร่กันล่ะ?”
“เดี๋ยวก็ถึงเวลานั้นเองแหละ”
“โอเค”
ยูอิลฮานได้จูบเลียร่าเบาๆและเปิดใช้สกิลข้ามมิติ ด้วยเลเวล 87 ของสกิลข้ามมิตินี้ได้ทำให้เขาสามารถจะส่งเธอไปในโลกอื่นได้อย่างสบายๆ ราฟาเอลที่เห็นแบบนี้ได้ยิ้้มแห้งๆออกมา
[มาแสดงความรักหวานชื่นกันแบบนี้เลยงั้นหรอ ฉันสูญเสียความรู้สึกแบบนั้นไปนานแล้ว]
“นั่นคงแย่น่าดูเลยนะ”
ยูอิลฮานได้ส่งเสียงขึ้นจมูกขึ้นมาและเข้าไปประตูมิติพร้อมกับยูมิลทันที
อีกด้านหนึ่งของประตูมิติคือสนามรบระหว่างทูตสวรรค์กับเทวดาตกสวรรค์! ในโลกใบนี้มีพลังงานสีดำหนาแน่นลอยอยู่ และภายในสงครามนี้จำนวนของทูตสวรรค์กับเทวดาตกสวรรค์ก็ดูจะไม่มีสิ้นสุดลง แม้กระทั่่งยูอิลฮานก็อดไม่ได้ที่จะต้องตกตะลึงกับภาพนี้
ท้องฟ้าสูงและกว้างจนเกินไป ผืนแผ่นดินกว้างใหญ่ไพศาล บางทีโลกของเขาที่เปลื่ยนแปลงไปอีกร้อยครั้งก็อาจจะกลายมาเป็นแบบนี้ก็ได้ แล้วโลกขนาดใหญ่แบบนี้ยังไม่ใช่่ฐานทัพหลักของกองกำลังอีกงั้นหรอ?
ที่ยิ่งน่าตกใจไปกว่านั้นก็คือสิ่งมีชีวิตชั้นสูงที่กำลังต่อสู้กันในส่วนต่างๆของทั้งผืนดินและท้องฟ้า ทูตสวรรค์กับเทวดาตกสวรรค์มีมากที่สุด แต่ว่ากองกกำลังปีศาจวิบัติกับสวนอาทิตย์อัสดงก็มีมากไม่ด้อยไปกว่ากันนัก ยูอิลฮานกระทั่งคิดว่าหากมีคนมาบอกเขาว่าสิ่งมีชีวิตชั้นสูงทั้งหมดมารวมกันที่นี่่เขาก็เชื่อ
“ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตชั้นสูงมากขนาดไหนกันนะ…?”
[นับตั้งแต่ที่เพื่อนของนาย คังมิเรย์ได้เปิดประตูมิติไปสู่โลกเบื้องล่าง พวกเราก็ได้รับข้อมูลจำนวนมากเกี่ยวกับโลกต่างๆที่อยู่ภายใต้การปกครองของกองทัพจรัสแสง โลกนี่คือโลกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดแล้วที่เราได้เจอ โลกใบนี้ได้เผชิญกับมหาภัยพิบัติขั้นที่ 7 ไปแล้วทำให้มันเกิดการวิวัฒนาการขึ้นมาหลายต่อหลายครั้ง แถมดลกนี้ก็ยังมีการเชื่อมต่อโดยตรงกับโลกเบื้องล่างอีกด้วย]
“เหตุผลที่พวกนายไม่ไปโลกเบื้องล่างตรงๆเลยคือ…”
[นายก็น่าจะรู้เรื่องนี้อยู่แล้วนี่]
แน่นอนว่านี่ก็เพื่อที่จะลดพลังโดยรวมของกองทัพจรัสแสง นี่เป็นเหตุผลที่มีกองกำลังอื่นๆนอกจากกองทัพสวรรค์ที่มาก่อความวุ่นวายขึ้นที่นี่ด้วย!
[แล้วคนทรยศล่ะ? นายมองเห็นพวกนั้นไหม?]
“แน่นอนสิ มีเยอะเลยนะ แต่ว่าฉันไม่เห็นคลาส 7 เลยนะ… นายไปช่วยพรรคพวกของนายที่น่าสงสารเถอะ ฉันจะเคลื่อนไหวด้วยตัวเอง”
[ด้วยความสามารถในการซ่อนตัวของนายที่น่าทึ่งสินะ… โอ้]
ก่อนที่ราฟาเอลจะพูดได้จบลง ยูอิลฮานก็เข้าไปในสนามรบพร้อมกับยูมิลแล้ว ด้วยความประสานกันของทั้งสองคนทำให้ความเร็วสูงขึ้นและพวกเขาก็ได้ใช้มานาปกปิดตัวตนไป ราฟาเอลที่เห็นแบบนี้ได้แต่พึมพัมออกมาอย่างตกใจ
[ความสามารถของเขาหลอกได้แม้กระทั่งสัมผัสของฉัน… แต่ว่าในคราวนี้ฉันจะไม่ปล่อยนายไปแน่]
ระหว่างเขามาในสนามรบยูอิลฮานก็ได้มองไปรอบๆโดยไม่พูดอะไรออกมาอยู่ครู่หนึ่ง ภาพที่เขาให้ในตอนนีก็คือเลือดหลากสีของสมาชิกแต่ล่ะกองกำลังได้กระจายกันออกมาเต็มไปหมด…
[พ่อครับ พ่อหาคนทรยศไม่เจอหรอ?]
“ไม่หรอก พ่อก็แค่กำลังคิดอะไรอยู่น่ะ”
เมื่อไม่นานมากนี้กองกำลังอื่นๆทั้งหมดยังไปรวมตัวกันโจมตีกองทัพสวรรค์อยู่เลย แต่แล้วแค่เพราะการเปิดประตูมิติเล็กๆน้อยๆกลับทำให้กองกำลังอื่นๆหันมาทุ่มกำลังโจมตีกองทัพจรัสแสง
สำหรับกองทัพปีศาจวิบัติที่สมองมีแต่กล้ามเนื้อนั้นข้ามไปได้เลย แต่ว่าเขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมสวนอาทิตย์อัสดงถึงได้เปลื่ยนจุดยืนและหันมาโจมตีกองทัพจรัสแสง พวกเขาทำไปเพื่ออะไรกันล่ะ? พวกเขาทั้งหมดก็แค่อารวาดไปตามใจแค่เพราะนี่เป็นการทำลายกองกำลังอื่นที่ไม่ใช่ตัวเองงั้นหรอ?
ถ้าอย่างนั้นมันก็ดูจไม่ต่างไปจากกองทัพปีศาจวิบัติเลยนี่ แต่มีสิ่งหนึ่งที่มั่นใจได้เลยก็คือพวกกองกำลังทั้งหมดคือกองกำลังที่ยูอิลฮานจะต้องจัดการให้ได้ในสักวันหนึ่ง
“…มาเริ่มกันเถอะมิล”
[ได้เลยครับพ่อ!]
การโจมตีของยูอิลฮานได้เริ่มขึ้นแล้ว ในระหว่างที่เขาผ่านสนามรบ ยูอิลฮานก็ได้จัดการทำลายหัวใจของคนทรยศไปในทันทีที่เจอ แน่นอนว่าไม่ใช่แค่คนทรยศเท่านั้นที่ถูกเขาฆ่า แต่ยังมีสิ่งมีชีวิตชั้นสูงอีกมากมายที่ยูอิลฮานได้จัดการฆ่าไปด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
แต่ถึงแบบนั้นส่วนใหญ่ยูอิลฮานก็จะเล็งจัดการที่คนทรยศกับกองทัพจรัสแสงมากกว่าก็ตาม แต่ว่าหากมีกองทัพปีศาจวิบัติกับสวนอาทิตย์อัสดงหลุดเข้ามาก็จะถูกเขาจัดการไปเช่นกัน
[อึก!?]
[ร่องหน… อ๊าากกก!]
ความตายได้เกิดขึ้นทั่วทุกพื้นที่ แต่เนื่องจากว่าสนามรบนี้วุ่นวายอยู่แล้วทำให้ไม่มีใครสังเกตเห็นการมีอยู่ของยูอิลฮานเลย และนี่ยิ่งทำให้เขายินดียิ่งขึ้น สนามรบแบบนี้นี่แหละเหมาะสมกับยูอิลฮานที่สุด
[คุณได้รับค่าประสบการณ์]
[คุณได้รับค่าประสบการณ์]
[คุณได้รับ…]
[พ่อครับ ผมได้ค่าประสบการณ์มาเรื่อยๆเลย]
“รู้ไม่ต้องใส่ใจเรื่องนี้หรอกนะ มันเป็นเรื่องปกติ”
จากการต่อสู้หลายๆแห่งทำให้ยูมิลได้มาถึงเลเวล 299 ตั้งนานแล้ว หากว่าพวกเขาทั้งคู่ไม่ได้ถูกจำกัดเลเวลไว้ทั้งคู่ก็คงจะมีเลเวลเกิน 400 ไปนานแล้วด้วยซ้ำไป แต่ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีเลเวล 299 แต่ว่าศักยภาพจริงๆของพวกเขาก็เหนือกว่าคลาส 6 ไปแล้วด้วยซ้ำไป
“นี่คือเวลาสำหรับการบุกตะลุย”
[พ่อครับจำนวนของศัตรูกำลังเพิ่มมากขึ้น นี่มันเยอะมาเลย]
“…ระวังพวกมันหน่อยๆก็พอลแล้ว ตอนนี้และมิลบุกได้เลย”
[ครับผม!]
และในท้ายที่สุดเมื่อยูอิลฮานได้ฆ่าสิ่งมีชีวิตชั้นสูงไปประมาณ 1500 คน คนอื่นๆในสนามรบก็รู้สึกได้ว่ามีอะไรบางอย่างแปลกๆ ท้องฟ้าได้ถูกแยกออกและมีสิ่งมีชีวิตที่มีมานามหาศาลโผล่ขึ้นมา
[ปีกที่ 2 แห่งกองทัพจรัสแสง อนาเฟียมาแล้วสินะ เจ้านกโง่เขลา ฉันจะเด็ดขนแกออกมาเอง]
“ปีกที่ 2 แห่งกองทัพจรัสแสง…”
นี่คือผู้บัญชาการลำดับที่สามของกองทัพจรัสแสงเชียวนะ แต่ยังไงก็ตามเขาคนนี้มีปริมาณมานาและแรงกดดันที่ใกล้เคียงกับราฟาเอล
มันไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น แต่ว่าปีกที่ 4แห่งกองทัพจรัสแสง ซาเทีย ที่เขาเคยเจอมาก่อน รวมไปถึงปีกที่ 3 และปีกที่ 5 ก็ได้มาที่นี่แล้วเช่นกัน ในตอนนี้กองทัพจรัสแสงกำลังจะแก้ปัญหาอย่างจริงๆจังๆแล้ว
ยังไงก็ตามสิ่งที่น่าทึ่งยิ่งกว่ากลับเกิดขึ้นมาจากทางกองทัพสวรรค์ ได้มีวงแหวนแห่งเพลิงปรากฏขึ้นมาก่อนที่จะมีเด็กหนุ่มผมสีบลอนด์งามเงาปรากฏตัวออกมา
ในมือของเขาคนนี้ถือหอกเพลิงอยู่ เขาคนนี้คือทูตสวรรค์ที่มีระดับพลังสูงที่สุดเท่าที่ยูอิลฮานเคยเห็นมาเลย ยูอิลฮานรู้ได้เลยทันทีว่าก่อนหน้านี้ที่เลียร่าพูดคืออะไร ตัวยูอิลฮานในตอนนี้ไม่อาจจะสู้กับเขาคนนี้ได้เลย
[ดีเลยอนาเฟีย ฉันกำลังรอให้นายมาที่นี่อยู่เลย]
[…มิคาเอล!?]
อัครเทวทูตไม่เคยปรากฏตัวที่กำแพงแห่งความโกลาหลมาก่อนได้มารวมตัวกันอยู่ที่นี่ถึงสองคน นี่มันเป็นสถานการณ์ที่น่าตกใจจนอาจจะทำห้คนอื่นคิดว่าสงครามที่กำแพงแห่งความโกลาหลไม่ได้สลักสำคัญเลย
ยังไม่ใช่แคนี้เท่านั้น แต่ยังมีสิ่งมีชีวิตชั้นสูงที่อยู่ฝั่งกองทัพปีศาจวิบัติได้ตัวระเบิดไปในทันที ก่อนที่จะมีมอนสเตอร์สีดำสนิทปรากฏตัวขึ้นมาจากแอ่งเลือด ยูอิลฮานรู้ได้ทันทีว่านี่คือการใช้เลือดเป็นตัวกลางในการเปิดประตูมิติ
[ในที่สุดก็ถึงเวลาที่เราคอยอยู่สักที… เวลาที่นายท่านได้มอบคำสั่งมา คำสั่งให้ฉันฆ่า ‘เขา’]
[ผู้บัญชาการที่ 1 แห่งกองทัพปีศาจวิบัติ เคสเช่น… ให้ตายสิ]
ยูอิลฮานได้เฝ้าคอยให้หัวหน้าผู้เฝ้าประตูปรากฏตัวมาเช่นกัน แต่ดูเหมือนว่าสวนอาทิตย์อัสดงจะไม่ได้เอาด้วย มันดูเหมือนว่าการที่ต้องเสียเคลาทูคในคราวนั้นจะเป็นการสูญเสียที่มหาศาลแล้วสำหรับพวกเขา แต่ถึงแม้ว่าจะไม่มีพวกสวนอาทิตย์อัสดง แต่ว่าเหล่าคนที่ได้มารวมตัวที่นี่ก็มากเกินพอแล้ว
[อนาเฟีย พลังของโลกเบื้องล่างจะลดลงอย่างมากถ้านายเสียพลังจากโลกใบนี้ไป ในเวลานั้นซาตานก็จะต้องหวาดกลัวแม้กระทั่งฉัน แค่นายคนเดียวคิดว่าจะไหวงั้นหรอ? ปีกที่ 1 ลาไซน์ไปไหนซะแล้วล่ะ?]
[ฝันไปเถอะมิคาเอล ต่อให้ไม่มีพลังจากท่านหญิงลาไซน์ ฉันก็จัดการแกได้ง่ายๆ กับสวรรค์กรวงๆของนายคิดว่าจะทำอะไรได้งั้นหรอ?]
[ในตอนนี้สวรรค์ได้อยู่ในสภาพที่บริสุทธิสะอาดที่สุดแล้วนับตั้งแต่ที่ซาตานได้เกิดขึ้นมา นายอาจจะตกใจก็ได้นะ แต่ว่าสวรรค์ในปัจจุบันนี้ปลอดภัย พวกเราได้มีผู้ช่วยมีดีมา]
[…]
อนาเฟียรู้ดีว่าผู้ช่วยคนนั้นหมายถึงใคร เขาได้กัดริมฝีปากเบาๆ
[ยูอิลฮาน… เขาอยู่ฝั่งของนายงั้นหรอ?]
[ฝั่งเรานี่หมายความว่ายังไง? พวกเราก็แค่รวมมือกัน เพราะงั้นนายก็ควรจะโกรธยูอิลฮานมากกว่าเราน่ะ]
[กรอดดดด….!]
มิคาเอลได้ยิ้มออกมา มันราวกับว่าเขารู้อยู่แล้วว่าหัวหน้าเทวดาตกสวรรค์จะมีคำสั่งแบบนี้ออกมา อนาเฟียได้โกรธขึ้นมาแล้วและมิคาเอลก็ได้เหวี่ยงหอกของเขาออกไปด้วยรอยยิ้ม
[แต่ว่าก็จงยินดีซะเถอะนะอนาเฟีย]
เปลวเพลิงได้ลุกขึ้นที่ร่างของมิคาเอล และในเวลาเดียวกันเพลิงก็ลุกขึ้นจากร่างยูอิลฮานเช่นกัน การซ่อนตัวของเขาได้หายไปและร่างเขาก็ถูกเผยออกมาให้ทุกคนได้เห็น
ยูอิลฮานรู้เป็นอย่างดีว่าทำไมมันถึงได้เป็นแบบนี้
หัวใจแห่งเพลิงไอเทมที่ใช้สร้างจิตวิญญาณแห่งเพลิงขึ้นมา นี่เป็นไอเทมที่ได้เก็บบันทึกมากมายเอาไว้ในตอนที่มันอยู่ภายในคลังสมบัติของกองทัพสวรรค์และราฟาเอลก็ได้แอบก่อกวนบันทึกพวกนั้นด้วยเวทย์บางอย่างในระหว่างที่ร่วมมือจัดการคนทรยศกับยูอิลฮาน
และในตอนที่มิคาเอลได้ร่ายเวทย์นั้นขึ้นก็ทำให้เวทย์ที่ราฟาเอลได้ไว้ถูกทำให้สมบูรณ์จนลบล้างการซ่อนตัวของยูอิลฮานหายไป
[ฉันจะลบเจ้าหนูนั่นออกไปให้นายเอง]
และในตอนนี้มิคาเอลก็กำลังมองตรงมาที่ยูอิลฮาน ไม่สิ มันไม่ใช่แค่มิคาเอลเท่านั้น
สิ่งมีชีวิตชั้นสูงในโลกที่กว้างใหญ่ใบนี้ต่างก็จ้องมองมาที่ยูอิลฮาน โดยเฉพาะราฟาเอลที่กำลังมองเขาด้วยรอยยิ้มและผู้บัญชาการกองพันที่ 1 แห่งกองทัพปีศาจวิบัติ นี่มันหมายความว่าคนพวกนี้ก็มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน
หรือก็คือสนามรบนี้ไม่ไดมีเป้าหมายเพื่อกวาดล้างคนทรยศและโจมตีกองทัพจรัสแสง แต่ว่ามันกลับเป็นการหลอกยูอิลฮาน ล่อลวงให้ยูอิลฮานมาที่นี่และฆ่าเขาทิ้งซะ
เพลิงนิรันดร์ได้ถามออกมา
[แล้วตอนนี้ฉันลบมันได้แล้วใช่ป่ะนายท่าน?]
“เอาเลยเพลิงนิรันดร์ เธอลบเวทย์นั่นออกไปได้เลย ขอโทษนะที่ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดมาตลอด”
และนี่ก็ยังเป็นเวทีสำหรับการก้าวกระโดดครั้งใหญ่ของยูอิลฮาน
บทที่ 294 – ความสำเร็จ (4)
[หืมมม?]
มิคาเอลได้ตื่นตระหนกขึ้นมาครู่หนึ่ง เขารู้แล้วว่าผนึกที่เขาฝังเอาไว้ตามรอยยูอิลฮานได้หายไปแล้ว เมื่อเห็นแบบนี้ยูอิลฮานก็แค่หัวเราะออกมา
“นายคงไม่คิดว่าฉันไม่รู้เรื่องนี้จริงๆหรอกนะ? สิ่งที่พวกนายใช้ในการสร้างผนึกขึ้นมาก็คือเพลิงกับบันทึก แล้วก็ซึ่งทั้งสองอย่างนั้นเป็นสิ่งที่ฉันเหนือกว่าพวกนายนะ”
[…อะไรกัน?]
คนที่ตอบกลับมาก็คือราฟาเอล นี่คือเวทย์ที่เขาได้ใช้เวลาสร้างมันขึ้นมาเป็นเวลานานและมันก็ทำให้ยูอิลฮานเผยตัวออกมาเบื้องหน้าทุกๆคน แต่อะไรกัน? เขารู้เรื่องนี้อยู่แล้วตั้งแต่แรก? ถ้างั้นทำไมเขาถึงยังได้รับผลกระทบจากเวทย์นี้อีกล่ะ?
“พวกนายน่ะ”
ยูอิลฮานได้มองไปที่ทุกๆคนด้วยรอยยิ้มกว้าง ทูตสวรรค์ที่คิดว่าต้อนยูอิลฮานจนมุม อัครเทวทูตมิคาเอลได้ปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิง กองทัพจรัสแสงที่แสดงความสับสนออกมา เหล่าสัตว์ร้ายที่ชอบในการทำลายจากกองทัพปีศาจวิติ รวมไปถึงพวกนิสัยเสียชอบซ่อนตัวอย่างสวนอาทิตย์อัสดง ยูอิลฮานได้มองไปที่ทุกๆคนเหล่านี้และถามออกมา
“นี่พวกนายกำลังมองใครอยู่น่ะ?”
ในเวลาต่อมาร่างของยูอิลฮานก็ได้กลายเป็นหมอกดำและหลอมละลายหายไปในอากาศ
[…อะไรกัน?]
ในที่สุดราฟาเอลก็รู้สึกได้ถึงบางอย่างแปลกๆ คนที่เข้าไปในสนามรบคือยูอิลฮานกับยูมิลทั้งสองคน แต่ว่าคนที่ถูกเวทย์ของมิคาเอลเผยออกมากลับมีแค่ยูอิลฮานเท่านั้น!
แล้วถ้างั้นมังกรนั่นไปอยู่ไหนกันล่ะ? ไม่สิ แล้วเจ้าสิ่งที่เหมือนกับยูอิลฮานที่ปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาคืออะไรกัน? นั่นใช่ยูอิลฮานตัวจริงงั้นหรอ?
[ติดคริติคอล!]
และคำตอบที่ราฟาเอลมองหาก็ได้ปรากฏขึ้นในเวลาต่อมา คำตอบนั่นได้มาพร้อมกับหอกที่แทงทะลุเข้ามาในท้องเขาแทบจะในทันที
ยูอิลฮานไม่เคยอยู่ในจุดที่เขามองกันไปตั้งแตกแรกแล้ว เขาได้หลอกล่อราฟาเอลเพื่อที่จะหาจังหวะเหมาะในการโจมตีอย่างสุดกำลัง
ไหล่ของราฟาเอลได้ฉีกกระจายและปีกทั้งสองข้างได้ฉีกขาดเป็นชิ้นๆไป
[นาย… หลอกฉัน!]
“ใครหลอกใครกันแน่?”
ยูอิลฮานได้ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา ในตอนนี้ราฟาเอลได้หมดคำพูดไปแล้ว อย่างน้อยที่สุดราฟาเอลก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเถียงกลับไป เขาได้แต่ไอออกมาเป็นเลือดและถามออกไป
[นายทำมันได้ยังไง?]
“ถึงฉันจะเกลียดการทำตัวเหมือนตัวร้ายตามพวกหนังที่ชอบอธิบายความสามารถในสถานการณ์แบบนี้ก็เถอะ… แต่ฉันจะบอกให้ล่ะกัน อาร์ติแฟคไงล่ะ”
เกราะร่างกายมังกรจิตวิญญาณเพลิง หรือพูดให้ชัดกว่านี้ก็คือพลังของเกราะร่างกายมนุษย์มังกร เขาได้แยกเอามานาส่วนหนึ่งรวมเข้ากับเวทย์ที่มิคาเอลกับราฟาเอลได้สร้างขึ้นมาจนมันดูน่าเชื่อถือ และในระหว่างนั้นก็ใช้ร่างมานานั่นดึงความสนใจจากทุกๆคนที่นี่ จากนั้นยูอิลฮานก็ถึงพลังทั้งหมดในฐานะยมทูตออกมาโจมตีราฟาเอลพร้อมกับยูมิล กระบวนการทั้งหมดมันง่ายอย่างมาก
[ง่าย? เทคนิคนี่มันหลอกคลาส 7 ได้ทุกๆคนรวมไปถึงฉัน… มันง่ายๆงั้นหรอ!?]
“สำหรับฉันมันก็ง่ายๆ เอาเถอะนะ นายจะทำแบบนี้ไปได้นานแค่ไหนกันน่ะ?”
ราฟาเอลกำลังใช้พลังการฟื้นฟูโดยธรรมชาติของเขาอยู่ แน่นอนว่าการโ๗มตีของยูอิลฮานก็แข็งแกร่ง แต่ว่านั่นมันไม่มากพอที่จะหยุดราฟาเอลได้
จริงๆแล้วในทันทีที่ได้ยินคำพูดของยูอิลฮาน ราฟาเอลก็เดาะลิ้นขึ้นมาและหายตัวไปปรากฏในที่อื่นทันที ที่ที่เขาปรากฏตัวก็คือข้างๆมิคาเอลผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในฝ่ายเขา
[ราฟาเอล ร่างกายนาย?]
[ผมไม่เป็นไร]
มิคาเอลยังมองมาที่ราฟาเอลด้วยสายตาเป็นกังวลๆนิดๆ มิคาเอลรู้ได้ทันทีว่า ‘เพลิง’ อันภาคภูมิใจของเขาไม่อาจจะใช้ได้ผลกับยูอิลฮาน
[เขาเป็นคนที่อันตรายจริงๆ เขาได้ยอมรับเวทย์ไว้ทั้งๆที่รู้อยู่แล้ว มันไม่น่าจะมีแค่เหตุผลอย่างการ ‘โจมตีนาย’…]
[อึก… ระวังเขาเอาไว้ด้วยนะท่านมิคาเอล พวกเราไม่รู้ว่าเขายังซ่อนอะไรไว้อยู่อีก]
“น่าทึ่งจัง”
หลังจากเห็นสภาพที่ค่อนข้างจะปกติของราฟาเอลทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ยังดูเฉียดตายอยู่เลยทำให้ยูอิลฮานตกตะลึง
ยังไงก็ตามแค่นี้มันก็มากพอแล้ว เครื่องใน กระดูก เนื้อ เลือดสีขาว รวมไปถึงขนปีกสีขาวที่ถูกเขาทำลายไปมันทำให้เขาได้รับบันทึกที่จำเป็นมาพอแล้ว
[…มิคาเอล อย่าบอกฉันนะว่านี่คือเหตุผลที่นายมาที่นี่น่ะ]
ปีกที่ 2 แห่งกองทัพจรัสแสงอนาเฟียได้พูดขึ้นอย่างไม่ไว้ใจ
[เพื่อฆ่ายูอิลฮาน?]
[พูดตรงแล้วมันก็เพื่อป้องกันนายไม่ให้ปกป้องยูอิลฮาน ถ้านายไม่หยุดพวกเรา งั้นพวกเราก็จะรู้สึกขอบคุณมาก… ว่ายังไงล่ะ?]
[…ถึงเราจะเบื่อหน่ายกับการกระทำของยูอิลฮาน แต่ว่าเขานั้นเทียบไม่ได้เลยกับสิ่งที่นายคิดแล้วก็ทำ นายไปจับมือร่วมกับกองทัพปีศาจวิบัติงั้นหรอ? ทั้งๆที่นายคือ ‘เมล็ดพันธ์ของสวรรค์’ เนี้ยน่ะ?]
มิคาเอลได้หยักไหล่และผงกหัวยืนยัน
[ฉันก็ไม่ได้ชอบการยืมพลังจากสัตว์ป่าสกปรกพวกนี้นักหรอก แต่ว่าหากมันหยุดการเกิดขององค์ประกอบที่น่ารำคาญขึ้นอีกได้งั้นมันก็คือเรื่องจำเป็น]
[นายมัน… เคลื่อนไหวได้]
อนาเฟียได้ออกคำสั่งกับกองทัพสวรรค์ทั้งๆคิดว่านี่มันบ้ามากๆ ในเวลาต่อมาเทวดาตกสวรรค์ทั้งหมดในสนามรบต่างก็เริ่มทำการเคลื่อนไหวแปลกๆออกมา
“หืมม”
ยูอิลฮานได้แต่เอียงหัวอย่างสับสนทั้งๆที่ยังเก็บเอาชิ้นส่วนราฟาเอลมา แม้ว่าเทวดาตกสวรรค์จะเป็นปฏิปักษ์กับทูตสวรรค์เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วก็ตาม แต่ในตอนนี้พวกเขากำลังเคลื่อนไหวเหมือนกับตั้งใจจะปกป้องยูอิลฮาน
“…นี่พวกนายกำลังทำอะไรอยู่?”
ทั้งๆที่เมื่อครู่นี้ยูอิลฮานยังทำการช่วยทูตสวรรค์กำจัดคนทรยศแล้วก็ฆ่าเทวดาตกสวรรค์ไปอยู่เลยเนี้ยนะ? พอมาตอนนี้คนพวกนี้กลับจะมาช่วยปกป้องยูอิลฮาน?
ในตอนนี้เองได้มีความคิดหนึ่งเข้ามาในหัวเขา
“นี่มันเหมือนกับว่า ‘มีแค่เราเท่านั้นที่แตะต้องชายคนนี้ได้!’ หรืออะไรทำนองนี้ หยุดเถอะนะที่มันดูน่าขยะแขยงแปลกๆ!”
ยูอิลฮานได้รู้สึกแปลกๆที่มันเหมือนกับเขากำลังเป็นตัวเอกในนิยายโรแมนติกทำให้เขาต้องตะโกนออกมาอย่างตกใจ แน่นอนว่าอนาเฟียรู้สึกแค่ว่านี่มันน่าเศร้ามาก
[การที่เราต้องมา… แค่ก ปกป้องเขานี่มัน!]
[ท่านอนาเฟีย พวกเราจะต้องปกป้องคนๆนั้นจริงๆงั้นหรอ? ตอนนี้ความคิดของท่านซาตานไม่เปลื่ยนไปอีกหรอ?]
[อย่าได้มาตั้งคำถามกับนายท่าน จนกว่าที่ท่านจะมอบคำสั่งใหม่มาให้เรา เราจะต้อง…]
อนาเฟียได้ขบริมฝีปากและหันหน้าไปราวกับจะปกป้องยูอิลฮาน ในมือของเขามีดาบใหญ่สีเลือดอยู่
[เราต้องปกป้องยูอิลฮาน คริสเซีย ซาเทีย ฉันคิดว่าพวกเธอคงรู้นะว่าต้องทำอะไร?]
[รู้แล้ว]
[รู้สิ!]
ปีกที่ 3 และ 4 แห่งกองทัพจรัสแสงได้ก้าวมาขัดขวางคนจากกองทัพปีศาจวิบัติ เคสเช่นที่ปรากฏตัวออกมาจากเลือดเอาไว้
[พวกเธอมันอ่อนแอเกินไป… ตอนนี้ฉันต้องการล่ามนุษย์นั่นเท่านั้น]
[ผ่านพวกเราไปให้ได้ก่อนสิ!]
พวกเขาทั้งหมดต่างก็พุ่งเข้าใส่กัน ประกายแสงและเลือดได้กระจัดกระจายออกมา สิ่งมีชีวิตชั้นสูงคลาส 5 ก็ยังเริ่มทำตามผู้นำกองกำลังของพวกเขาเช่นกัน แม้ว่าเป้าหมายของสงครามจะได้เปลื่ยนไปแล้ว แต่ความเข้มข้นของการต่อสู้มีแต่จะเพิ่มยิ่งขึ้น
[เป็นภาพที่น่าสนใจมาก]
กองทัพสวรรค์ที่ได้ยูอิลฮานช่วยกำจัดคนทรยศได้กำลังพยายามจะฆ่ายูอิลฮานจากการช่วยของกองทัพปีศาจวิบัติ และกองทัพจรัสแสงที่ได้รับความเสียหายอย่างมหาศาลจากยูอิลฮานในตอนนี้้กำลังทำการปกป้องเขาเพียงเพราะคำสั่งจากซาตาน ในขณะเดียวกันกลุ่มที่ไม่ค่อยมีเป้าหมายที่สุดเลยคือสวนอาทิตย์อัสงดงที่กำลังเฝ้ามองดูอย่างสนใจ
แม้ว่าเขาจะไม่อยากจะยอมรับ แต่ว่านี่มันเป็นฉากที่น่าสนใจแม้กระทั่งกับตัวยูอิลฮานเอง นี่มันน่าสนใจจริงๆ แต่ว่า
[คุณได้เชี่ยวชาญสกิลบันทึก]
[คุณได้รับคุณสมบัติ]
[รวบรวมบันทึกทั้งหมดของคุณ]
“เฮ้”
ยูอิลฮานได้เรียกอ่างแห่งปาฏิหาริย์ออกมาและพูดขึ้น
“นี่มันเป็นเวทีของพวกนายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
[…ยูอิลฮาน?]
ใครบางคนที่รู้ถึงความตั้งใจที่เขาเคลื่อนไหวได้ตะโกนออกมา ยังไงก็ตามนี่มันสายเกินไปแล้ว
[พ่อครับ ผมพร้อมแล้ว]
ยูมิลได้ตอบเขากลับมาทันที ยูอิลฮานก็ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม
“ดีมากมิล…พ่อก็พร้อมแล้วเหมือนกัน!”
อ่างแห่งปาฏิหาริย์ได้ขยายขนาดขึ้นและครอบคลุมทั้งยูมิลกับยูอิลฮาน พวกเขาทั้งสองคนได้สอดประสานเข้ากับอ่างแห่งปาฏิหาริย์และปล่อยมานาที่รุนแรงออกมาพร้อมๆกันกับเกราะร่างกายมังกรจิตวิญญาณเพลิงที่ปล่อยมานาตามหลังออกมา
พลังมังกร และพลังแห่งเพลิงทั้งหมดที่อยู่ใต้การปกครองของยูอิลฮานได้ถูกอ่างแห่งปาฏิหาริย์เสริมพลังขึ้น บีบอัดพลังเข้าด้วยกัน และทำวงจรนี้ซ้ำไปเรื่อยๆ
[ฉายาทั้งหมดได้หายไปโดยที่ผลของฉายายังคงอยู่เช่นเดิม คุณได้กลายเป็นตัวตนที่ไม่อาจจะนิยามด้วยภาษาใดๆได้]
[พรของเทพทั้งหมดที่ได้รับมาได้ถูกยกเลิกลง ในตอนนี้คุณได้มีอำนาจที่เหนือกว่าคุณสมบัติเหล่านั้นแล้ว]
[ผลจากฉายา ‘ก้าวข้าม’ ได้ถูกเพิ่มในบันทึก คุณจะไม่ถูกสิ่งใดผูกมัดอีกต่อไป]
เพลิงนิรันดร์ได้เก็บความรู้สึกยินดีของเธอเอาไว้ แต่ว่าอิชจาร์ไม่อยากจะเชื่อเรื่องแบบนี้เลยทั้งๆที่เขาเป็นศูนย์กลางของเรื่องทั้งหมด
[มะ มนุษย์นี่ เป็นแค่มนุษย์แท้ๆ! นายท่านเป็น… จริงๆงั้นหรอ?]
แสงสีแดงได้ปกคลุมไปทั่วทั้งโลก ในที่สุดแล้วมิคาเอลก็สัมผัสได้ถึงวิกฤติเป็นครั้งแรกหลังจากที่มาโลกใบนี้
[พะ พวกเราต้องหยุดเขา นี่มันเกิดขึ้นเร็วกว่าที่เราคิดซะอีก!]
[หยุดเขา โจมตี! ฉันบอกให้หยุดเขาไง!]
[ให้ตายสิ!]
ทูตสวรค์ทั้งหมดรวมไปถึงกองทัพปีศาจวิบัติต่างก็กรูกันเข้าใส่ยูอิลฮาน เทวดาตกสวรรค์ได้พยายามอย่างมากที่จะหยุดพวกนี้เอาไว้ ส่วนทางผู้เฝ้าประตูได้เฝ้ามองอย่างสนุกสนาม หนึ่งในผู้เฝ้าประตูได้พูดขึ้นขำๆ
[มันสายไปแล้ว พวกนายหยุดเขาไม่ได้แล้ว! นี่คือการเกิดของเทพเจ้าองค์ที่ห้า! คนสุดท้ายแต่ว่าเจิดจ้าที่สุด! องค์ที่ห้า!]
[ที่สุดงั้นหรอ…? งั้นนายหมายความว่าเขาจะยิ่งใหญ่และดีกว่าหัวหน้าของเราอีกหรอ?]
[นายท่านได้พูดเอาไว้แบบนี้ และเราก็ได้แต่เชื่อในคำพูดของนายท่าน!]
นี่คือคำทำนายจากหัวหน้าสวนอาทิตย์อัสง เป็นคำทำนายเดียวกันกับที่ทุกๆคนได้รู้จากเฮเรียน่า และเป็นเรื่องที่ทุกๆคนต่างก็กังวล มิคาเอลได้กัดฟันตะโกนออกมา
[ฆ่าเขาซะ!]
หอกเพลิงที่มิคาเอลโยนออกไปได้ถูกอนาเฟียหยุดเอาไว้ แต่ว่าเขาก็ไม่อาจจะหยุดการโจมตีเต็มกำลังของมิคาเอลไว้ได้ เขาได้ถูกผลักถอยกลับไปพร้อมกับกระอักเลือดออกมา แต่ถึงแบบนั้นอนาเฟียก็ได้ใช้พลังทั้งหมดหยุดมิคาเอลไว้ ในเวลาเดียวกันภาพที่คล้ายๆกันก็เกิดขึ้นกับคริสเซีย ซาเทียและเคสเช่นเช่นกัน
[กั๊ก กั๊ก]
[ให้ตายสิ]
[ท่านซาตาน!]
ยูอิลฮานไม่ได้สนใจในความวุ่นวายในสนามรบเลย สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเขาในตอนนี้ก็คือตัวของเขาเอง
ทุกๆสิ่งที่เขาจำได้และบันทึกจากนับตั้งแต่ที่เขาได้เกิดขึ้นมา พลังของสิ่งมีชีวิตชั้นสูง เศษเสี้ยวเทพเจ้าที่สุดท้ายเขาได้มาจากราฟาเอล! บันทึก แหล่งที่มาพลัง และการพัฒนาขึ้นของโลกที่เขาได้ประสบมาในโลกจำนวนนับไม่ถ้วน!
ข้อความได้ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าของเขา
[คุณจะกลายเป็นคนที่รวมทุกอย่างเข้าด้วยกัน แต่ว่าคุณยังขาดบางอย่างอยู่]
[ยังไงก็ตาม ในตอนนี้คุณจะได้รับคลาสรองมาแทนที่คู่หูทูตสวรรค์ ท่ามกลางคลาสรองทั้งหมดนี้มีบางสิ่งที่คุณต้องการอยู่ คุณรู้อยู่แล้วว่าคุณต้องการอะไร]
[1.ช่างไม้]
[2.ช่างตีเหล็ก]
[3.นักมายากล]
[4.นักฝึกสัตว์]
…
[179.ผู้นำ]
ผู้นำ ผู้นำคือคลาสรองที่ปกติมากๆที่มีความสามารถในการรวบรวมผู้คนและนำทางผู้คนเหล่านั้น คลาสรองนี้จะให้โบนัสเพิ่มขึ้นในตอนปาร์ตี้อยู่ แล้วก็ยังจะช่วยเสริมพลังให้กับคนจำนวนมากที่เขาหรือเธอเป็นผู้นำ คลาสรองนี่เป็นคลาสที่หัวหน้ากิลด์แทบทุกคนต่างก็มีอยู่
และในตอนนี้มันก็ได้ปรากฏขึ้นมาในลิสต์ที่ยูอิลฮานสามารถเลือกได้ ปาร์ตี้คือสิ่งที่ไม่เหมาะกับคนอย่างยูอิลฮานเลย หากว่าเขาไม่ได้สร้างลูกเรือขึ้นจากสกิลบัญชาการลูกเรือ มันก็คงไม่มีวันที่คลาสนี้จะปรากฏขึ้นมาให้เขาได้เลือกแน่
“แม้แต่ในความคิดของฉัน ฉันก็ยังเป็นคนหัวดื้อประมาณนึงเลยนะ”
[ยูอิลฮานนนนนนนน]
ทูตสวรรค์ที่ได้ฝ่าแนวป้องกันทู๖สวรรค์ได้เข้ามาโจมตียูอิลฮานอย่างไร้ปราณี ยังไงก็ตามคำพูดที่สวนอาทิตย์อัสดงพูดออกมาถูกต้องแล้ว ไม่มีใครเลยที่โจมตีถึงตัวยูอิลฮานได้ กลับกันการโจมตีพวกนี้กลับถูกดูดเข้ามาเสริมพลังให้กับยูอิลฮานแทนต่างหาก
ทุกๆสิ่งที่มิคาเอลกับทูตสวรรค์คนอื่นๆทำออกมาต่างก็ไร้ประโยชน์ หากว่าพวกเขาอยากจะหยุดยูอิลฮานไม่ให้กลายเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูง ถ้างั้นพวกเขาก็ควรที่จะหหนีไปด้วยความสามารถทั้งหมดของพวกเขา แต่ว่านั่นก็แค่เป็นการชะลอเวลาการตื่นขึ้นออกไปเล็กน้อยเท่านั้น
[พ่อเป็นพ่อที่เท่สุดๆไปเลย พ่อเท่อยู่เสมอและจะเท่ตลอดไป พวกเราเชื่อในตัวพ่อ]
ยูมิลได้พูดขึ้นออกมา เขาเป็นเด็กที่น่ารักและซื่อสัตย์จริงๆ ในตอนแรกที่ยูมิลเกิดขึ้นมายูอิลฮานยังเป็นแค่ไอทึ่มคนหนึ่งอยู่เลย สิ่งที่เขาสามารถจะพูดได้เลยก็คือ ที่ยูอิลฮานก้าวมาถึงตรงนี้ได้ก็เพราะมียูมิลอยู่ด้วย ยูอิลฮานรู้สึกยินดีจริงๆที่มียูมิลเข้ามาในชีวิต
“ขอบคุณนะมิล”
ยูอิลฮานได้ลูบหัวยูมิล จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้นเลือก
“ได้ ฉันจะกลายเป็นผู้นำ”
บันทึกนภาได้ส่งข้อความสีเขียวรายงานกลับมาเหมือนเช่นเคย
เพียงแค่ว่าคราวนี้ข้อมูลพวกนี้ต่างก็ปรากฏขึ้นที่ตรงหน้าของสิ่งมีชีวิตชั้นสูงทั้งหมดที่นี่อีกด้วย
[กองกำลังสิ่งมีชีวิตชั้นสูงกองกำลัง ‘ดราก้อนเนส(รังมังกร)’ ได้ถือกำเนิด]
บทที่ 295 – ความสำเร็จ (5)
การสร้างคืออะไร? ยูอิลฮานไม่เคยสร้างอะไรจากความว่างเปล่าเลย และเพราะแบบนี้เขาก็เลยไม่รู้ว่าการสร้างที่แท้จริงเป็นยังไง
การสร้างที่เขารู้จักนั้นคือการใช้วัตถุดิบที่มีอยู่แล้วมาเปลื่ยนไปเป็นอย่างอื่น เขาได้ก้าวหน้าขึ้นไปจนทำให้สิ่งที่เป็นไปไม่ได้กลายไปเป็นสิ่งที่เป็นไปได้
หากมีวัตถุดิบมากพอ เขาจะสร้างอะไรขึ้นก็ได้ เขามั่นใจในการทำแบบนี้
[มันยังไม่สายเกินไป เรายัง…]
[ทะ ท่านมิคาเอล!]
[กล้าดียังไง!]
[หลีกไป… พวกอีกาโสโครก อย่ามาขัดต่อประสงค์ของพระเจ้า!]
น้ำเสียงของทูตสวรรค์และเทวตกสวรรค์ได้ดังขึ้นมาจากไกลๆ ยูอิลฮานที่ได้ยินแบบนี้ได้คิดขึ้นกับตัวเอง
ฉันจะต้องพยายามทำอะไรอีกกันล่ะ?
“ใช่แล้ว การสร้างไงล่ะ”
แล้วสร้างอะไร?
“ตัวฉันเอง”
ตัวตนจริงของเขาได้ถูกสร้างขึ้นจากวัตถุดิบที่มาจากชีวิตของเขา ช่างตีเหล็กคือตัวเขาเอง ในขณะที่เพลิงนิรันดร์ อิชจาร์และยูมิลจะเป็นคนช่วยเขา อ่างแห่งปาฏิหาริย์ก็จะทำในหน้าที่เดียวกัน ผสานเพลิงและมังกรภานในตัวเขาให้เป็นหนึ่งและทำให้เขายกระดับขึ้นเป็นตัวตนที่ต่างไปจากเดิม
“ฉันต้องการเพลิงยิ่งกว่านี้”
ถ้าจะมีอะไรที่ไม่น่าพอใจก็คงเป็นเรื่องนี้ แต่แน่นอนว่าตัวยูอิลฮานในตอนนี้อยู่ในระดับที่สร้างไฟขึ้นมาเองและควบคุมไฟพวกนั้นได้แล้ว แต่ว่าเขาก็จะต้องทำแบบเดียวกันนี้กับมานามังกรด้วยเช่นกัน
เพลิงนิรันดร์กับอิชจาร์ได้ให้การสนับสนุนทางด้านพลังเพลิงและพลังมังกรไปตามลำดับ นอกจากนี้ยูมิลยังเป็นคนคอยส่งมานามังกรให้เขาอีกด้วย เพราะแบบนี้ทำให้พลังมังกรของเขามีมากกว่าพลังเพลิงที่เขามีเล็กน้อย
เขาจะต้องรักษาสมดุลของพลังทั้งสองอย่างเอาไว้ เขาจะทำได้ไหมนะ? ทำได้ยังไงกันล่ะ? ในตอนที่เขาได้คิดแบบนี้ เขาก็ค้นพบถึงแหล่งพลังงานเพลิงจากภายนอกที่กำลังเข้ามาใกล้เขา
“นี่แหละ”
คนที่กำลังเต็มไปด้วยความเกลียดชังมิคาเอล ดูเหมือนว่าเทวดาตกสวรรค์จะไม่อาจหยุดเขาไว้ได้ทำให้มิคาเอลส่งออร่าเพลิงมาจนถึงตัวยูอิลฮานตรงๆ
หากว่าทูตสวรรค์ไม่ได้ขวางมิคาเอลเอาไว้ ยูอิลฮานก็คงจะได้พลังเพลิงนี้มาสร้างตัวเองจนเสร็จแล้ว… พวกเทวดาตกสวรรค์นี่ไม่ได้ทำอะไรดีเลย
[ถึงฉันจะคิดว่านี่มันเป็นเรื่องโชคร้ายมากๆ.. แต่เราปล่อยให้นายมีตัวตนอยู่ไม่ได้ เราจะดูแลเอิร์ธโลกของนายเอง เพราะงั้น… ตายๆไปซะ!]
มิคาเอลที่สลัดปีกที่ 2 แห่งกองทัพจรัสแสงหลุดแล้ว ได้บินเข้ามาหายูอิลฮานและขว้างหอกเพลิงที่เต็มไปด้วยมานาของเขาเข้าใส่
ปีกที่ 4 แห่งกองทัพจรัสแสงซาเทียได้พยายามจะหยุดหอกเพลิงเอาไว้ก่อนถึงตัวยูอิลฮาน แต่ว่าผู้บัญชาการกองพันที่ 1 แห่งกองทัพปีศาจวิบัติเคสเช่นที่ได้กลืนกินปีกที่ 5 ไปแล้วได้เข้ามาขวางเธอได้
[มอนสเตอร์สารเลวนี่…!]
[เจ้านั่นกำลังย่างยูอิลฮานให้ฉันกิน ฉันไม่ให้เธอไปขวางก่อนอาหารจะเสร็จหรอกนะ!]
ยูอิลฮานได้เฝ้ามองดูการเป็นไปของการต่อสู้นี้และหัวเราะออกมา ก่อนที่ในท้ายที่สุดจะขยับตำแหน่งของอ่างแห่งปาฏิหาริย์เล็กน้อง ในเวลาต่อมาหอกเพลิงก็ได้พุ่งตรงเข้ามาในอ่างแห่งปาฏิหาริย์นี้
หอกเพลิงที่ควรจะทำลายทั้งอ่างแห่งปาฏิหาริย์รวมไปถึงยูอิลฮาน ได้สูญเสียพลังทั้งหมดไปและเหลือเพียงพลังงานที่รุนแรงอยู่เต็มอ่างแห่งปาฏิหาริย์เท่านั้น
[สกิลสวนกลับได้เพิ่มเลเวลขึ้นเป็น 39]
“ไม่ ไม่สิ ฉันไม่ได้จะสะท้อนมันกลับไป แต่ก็นั่นแหละ”
ยูอิลฮาน ‘ได้สวนกลับ’ การโจมตีจากมิคาเอลที่ได้ชื่อว่าเป็นรองเทพเจ้า เพราะงั้นทำให้เป็นธรรมดาที่เลเวลสกิลจะเพิ่มสูงขึ้นมา
ยังไงก็ตามถึงแม้ว่ายูอิลฮานจะได้โอกาสสร้างบาดแผลให้กับมิคาเอล แต่ว่าเขาก็ยกเลิกสกิลกลางทางและดูดเอาเพลิงที่มาจากการโจมตีไป
“ขอบคุณนะ นายได้ช่วยฉันเติมเต็มชิ้นส่วนสุดท้าย”
[พระเจ้า…]
มิคาเอลที่เห็นเพลิงถูกขโมยไปทำให้เขารู้ถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นและพึมพัมอย่างไม่อยากจะเชื่อ ยิ่งเขาเข้าใกล้ยูอิลฮานมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งเห็นชัดว่ายูอิลฮานกำลังทำอะไรอยู่
ภายนอกยูอิลฮานยังอยู่ในร่างมนุษย์อยู่ แต่จริงๆแล้วเขาจะเป็นอะไรก็ได้แม้แต่มนุษย์ ในตอนนี้องค์ประกอบที่สร้างคนที่ชื่อว่ายูอิลฮานขึ้นมากำลังถูกย่อยสลายไป องค์ประกอบพวกนี้ได้พักลงไปเป็นหน่วยที่เล็กที่สุดและได้ผสานเข้ากันใหม่อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด
[นายเป็นไปแล้ว…]
“ใช่”
ยูอิลฮานได้ตอบกลับมาด้วยรอยยิ้ม
“พวกนายมาสายเกินไปแล้ว”
[ฉันไม่ยอมรับ!]
มิคาเอลได้สร้างเพลิงขึ้นมาอีกและโยนออกมา ยังไงก็ตามนี่มีแต่ช่วยทำให้กระบวนการสร้างของยูอิลฮานเท่านั้น
หากว่ามิเชลเป็นทูตสวรรค์ที่ใช้พลังธาตุอื่นๆที่ไม่ใช่ไฟ แต่เป็นน้ำหรือน้ำแข็ง มิคาเอลก็น่าจะชะลอการสร้างของยูอิลฮานออกไปได้ แต่ว่าในตอนนี้ยูอิลฮานได้มาอยู่ในระดับใหม่แล้วทำให้เพลิงทั้งหมดของมิคาเอลถูกยูอิลฮานควบคุมไป
[มันเกิดขึ้นได้ยังไงกัน กาเบรียลไม่เห็นบอกเราเลยว่ามันจะสายเกินไป การมองอนาคตของเรายังไม่…]
“มองอนาคต… พยากรณ์….”
ยิ่งมิคาเอลเข้าไปใกล้ยูอิลฮานเท่าไหร่ มานาแห่งเพลิงของเขาก็จะถูกไปให้ยูอิลฮานมากเท่านั้น การผสานกันระหว่างยูอิลฮานกับอ่างแห่งปาฏิหาริย์ในตอนนี้ได้ส่งเสียงดังเหมือนฟ้าผ่าออกมาและกระทั่งทำให้สิ่งมีชีวิตที่นี่ถึงกับหูอื้อ
“ฉันเบื่อแล้วก็เหนื่อยกับเรื่องบ้าพวกนี้เต็มทีแล้ว ตอนทำแบบฝึกหัดในหนังสือฉันยังไม่เคยไปดูเฉลยเลยสักครั้ง”
นี่มันเป็นเรื่องโกหก ในตอนที่เขาไม่เข้าใจยูอิลฮานก็มักจะไปดูเฉลยอยู่บ่อยครั้งๆ
ยังไงก็ตามการทำแบบนี้จะทำให้เขารู้สึกโล่งใจในเวลาทำโจทย์ได้ แต่ว่าเมื่อไหร่ที่เขาโล่งใจแบบนั้นนั่นแหละคือสิ่งที่อันตรายที่สุด หลังจากนั้นยูอิลฮานก็จะหยุดดูเฉลย
ยูอิลฮานชอบความไม่รู้มากกว่า
เขาชอบความอิสระ
เขากระทั่งชอบความเงียบเหงา แต่ว่าในทางกลับกันเขาก็ชอบความวุ่นวาย
เขาชอบในทุกๆอย่างที่เขารักและรักเขา และในตอนนี้เขาต้องการจะตอบแทนความรักพวกนั้นกลับไป
หากว่าเขามีคุณสมบัติ
เขาก็อยากจะกอดทุกๆอย่างเอาไว้ในอ้อมอกของเขาเอง
เพลิงทั้งหมดที่มิคาเอลสร้างที่ถูกอ่างแห่งปาฏิหาริย์เก็บเอาไว้ได้ถูกส่งต่อหลั่งไหลไปสู่ยูอิลฮาน นี่มันดูเหมือนกับเป็นเพลิงล้างบาป มิคาเอลก็ยังสาปแช่งตัวเขาเองที่คิดว่าฉากนี้ดูศักดิ์สิทธิ์ไปครู่หนึ่ง
การสร้างได้เริ่มขึ้นมาแล้ว
[นายท่าน… กำลังเปลื่ยนไป]
[นะ นี่.. ไม่ใช่การเปลื่ยนแปลง แต่เป็นการเกิดใหม่ เป็นไปได้ยังไงกัน นี่คือสิ่งที่เผ่าพันธ์มังกรเราเฝ้าปรารถนาที่จะทำให้สำเร็จมาเป็นเวลายาวนานงั้นหรอ? สิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่มังกร แต่กำลังเกิดใหม่มาเป็นมังกร?]
[พ่อกำลังแกร่งขึ้น ผมก็แกร่งขึ้นเหมือนกัน]
“ทุกคน… ตั้งสมาธิ”
ยูอิลฮานได้หลอมตัวเขาเอว จากบันทึกทั้งหมดของเขา ฉายาของเขา คลาสหลักของเขา และแม้กระทั่งสกิลทั้งหมดต่างก็ถูกผสมเข้าด้วยกันและทำลายพร้อมสร้างขึ้นใหม่ แต่ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่ในตอนนี้
เขาได้ตั้งสมาธิทั้งหมดไปกับการทำให้ตัวเองแกร่งขึ้น สมบูรณ์ยิ่งขึ้น และเหมาะสมยิ่งขึ้น
[คลาสหลักและคลาสรองทั้งหมดได้หายไปโดยที่ยังคงความสามารถดั้งเดิมเอาไว้อยู่]
[สกิลบันทึกและปกครองได้ผสมรวมเข้าด้วยกันและวิวัฒนาการขึ้น คุณได้รับสกิลประกาศิต ตอนนี้คุณสามารถที่จะสร้างบันทึกที่เหนือยิ่งกว่าตัวคุณ รวมไปถึงทำให้บันทึกที่ไม่มีอยู่จริงเกิดขึ้นมาได้ ในการทำเช่นนั้นคุณจะต้องใช้มานาจำนวนมหาศาล]
[สกิลการร่วงหล่น โลหิตมังกร มนุษย์มังกรสอดประสาน ได้ผสมรวมเข้าด้วยกันและวิวัฒนาขึ้น คุณได้รับสกิลการประจักษ์แจ้ง คุณสามารถที่จะเพิ่มความสามารถทุกๆอย่างที่อยู่ภายในอาณาเขตของคุณได้ คุณสามารถที่เพิ่มพลังขอบเขตในการทำลายได้มากยิ่งขึ้นอีกตามระดับสกิลที่พัฒนาขึ้น]
[สกิลเทวะกำลัง หอกไร้วิถี หอกสะบั้นจักรวาล ชำแหละ ขุด ความแม่นยำสัมบูรณ์ได้ผสมเข้าด้วยกันและวิวัฒนาการขึ้น คุณได้รับสกิลวิถีทางไร้ขอบเขต]
เมื่อได้เห็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดที่นี่อย่างมิคาเอลก็ยังทำอะไรไม่ได้อีกทำให้ไม่มีใครเข้าไปใกล้ยูอิลฮาน แต่ว่ากองทัพปีศาจวิบัติก็ได้พุ่งเข้าไปโดยไม่สนใจได้เลย แต่นี่ก็ไม่ต่างจากการวิ่งเข้าไปหาพายุเพลิง การกระทำของกองทัพปีศาจวิบัติมีแต่เป็นแมงเม่าที่บินเข้าไปในกองเพลิงและถูกดูดมานาออกไปจนเหือดแห้ง
[อ๊าากกก แบบนี้…ฉันก็กินเข้าไม่ได้สิ! ให้ตายสิ! อ๊ากกกกกกกก!]
และแมกระทั่งผู้บัญชาการกองพันที่ 1 แห่งกองทัพปีศาจวิบัติเคสเช่นก็ยังไม่เว้น มันชัดเจนว่าเขากำลังจะบอกอะไร
ยูอิลฮานในตอนนี้ได้เข้าไปสู่ในขอบเขตใหม่ที่ผู้คนในที่แห่งนี้ไม่อาจจะเอื้อมไปถึงได้
“เอาล่ะถ้างั้น…”
[ไม่ ไม่…!]
[ท่านซาตาน! นี่ท่านกำลังจะปล่อยให้การเกิดของตัวตนแบบนี้เกิดขึ้นมาจริงๆงั้นหรอ? ท่านซาตาน+]
[อ่า ในที่สุด… คำพยากรณ์ก็เป็นจริงแล้ว!]
เปลวเพลิงได้ลุกโชดช่วงขึ้นมา เพลิงนี้ได้ลุกขึ้นมาราวกับจะปกครลุมตัวยูอิลฮานกับยูมิลและขยายขอบเขตออกไปอย่างต่อเนื่องจนกลืนกินทุกๆอย่างในพื้นที่และสร้างเป็นรูปแบบทรงกลมขึ้นมา
นี่ดูเหมือนกับไข่สีแดงใบนี้ ตัวยูอิลฮานกำลังเติมเต็มตัวเขาที่อยู่ภายในไข่
[อ่า]
[เขา…]
[เกิดขึ้นแล้ว]
และเมื่อผ่านไปพักหนึ่งเพลิงที่สร้างขึ้นมาเป็นทรงกลมก็ได้เริ่มถูกดูดเข้าไปตรงศูนย์กลาว ในตอนนี้โลกทั้งใบได้เงียบเสียงลงไป ทุกๆคนต่างเงียบลงราวกับจะเป็นการเฉลิมฉลอง หรือแสดงความหวาดกลัวในการกำเนิดขึ้นของเขา
และแล้วยูอิลฮานก็ได้เปิดตาขึ้น
ข้อความจำนวนนับไม่ถ้วนได้ปรากฏขึ้นมาที่ม่านตาของเขา
[คุณได้กลายเป็นผู้ปกครอง(เทพเจ้า) ของกองกำลังสิ่งมีชีวิตชั้นสูง ‘ดราก้อนเนส’ คุณไม่ถูกผูกมัดด้วยระดับพลังอีกต่อไป คุณไม่ถูกอะไรผูกมัดอีกแล้ว คุณจะไม่ได้แข็งแกร่งขึ้นในโลกที่อยู่ใต้การปกครองของคุณ แต่ว่าคุณก็จะไม่ได้รับผลกระทบใดๆในโลกที่เป็นของศัตรู]
[คุณสามารถเพิ่มการปกครองในพื้นที่ต่างๆได้ด้วยการใช้สกิล ‘ประกาศิต’ ได้ตามที่คุณต้องการ]
[‘ไม่มีใคร’ จะซ่อนตัวจากคุณได้อีก]
[คุณได้เพิ่มเลเวลขึ้นเป็น 519]
[ยูอิลฮาน]
[เทพเจ้าแห่งดราก้อนเนส เลเวล 519]
[พลังกำลัง – 1,113 ความคล่องแคล่ว – 1,067 พลังชีวิต – 1,035 พลังเวทย์ – 1,528]
[สกิลใช้งาน – ประจักษ์แจ้ง(การร่วงหล่น, โลหิตมังกร, การสอดประสานมนุษย์มังกร) เลเวล 1, วิถีทางไร้ขอบเขต(หอกสะบั้นจักรวาล, หอกไร้วิถึ, เทวะกำลัง, ชำแหละ, ขุด, ความแม่นยำสัมบูรณ์) เลเวล 1, หัตถกรรมมานาเลเวลสูงสุด, ประกาศิต (ปกครอง, บันทึก) เลเวล 1, ข้ามมิติ(กระโดด) เลเวล 87, จ้าวมิติเลเวล 88, สวนกลับเลเวล 39]
[สกิลติดตัว – ช่างตีเหล็กเลเวลสูงสุด, วิศวกรรมเวทย์เลเวลสูงสุด, ทำอาหารเลเวลสูงสุด, หัวใจที่ไม่สั่นคลอนเลเวลสูงสุด, การปรับตัวของนักท่องมิติเลเวล79, บัญชาลูกเรือเลเวล 86]
“ฟู่…”
[นายท่าน!]
[พระเจ้า… นายท่าน ท่านผู้ปกครอง!]
นี่คืองานที่ยากที่สุดเลยนับตั้งแต่ที่ยูอิลฮานได้เรียนรู้การสร้างมา เขาได้ถอนหายใจและหยักไหล่ขึ้นมา เปลวเพลิงโปรงแสงได้ไหลออกมาตามลมหายใจของเขาออกมาครู่หนึ่ง ในตอนนี้เกราะจิตวิญญาณเพลิงและเกราะร่างกายมนุษย์มังกรที่ยังไม่มีรูปร่างก็ได้เข้ามาปกคลุมร่างกายที่เปลือยเปล่าของเขาอีกครั้งหนึ่ง
ในระหว่างที่ทุกๆคนกำลังมองมาที่ยูอิลฮานอย่างสับสน ยูอิลฮานก็ได้ลูบหัวยูมิลและตรวจสอบสถานะของยูมิล
“มิล ลูกไม่เป็นไรนะ?”
[ครับ ผมพัฒนาขึ้นมามากเลย!]
ยูมิลได้ถูกปลุกพลังขึ้นมาพร้อมๆกันกับยูอิลฮาน เนื่องจากว่ายูมิลได้เชื่อมต่อกับยูอิลฮานลึกซึ่งยิ่งกว่าใครๆทำให้ยูมิลได้พัฒนาขึ้นในทันททีที่ยูอิลฮานได้เกิดใหม่ในฐานะเทพเจ้าแห่งดราก้อนเนส
[ผมแกร่งขึ้นมากเลยครับพ่อ! ผมทำได้ดีไหมครับ?]
“แน่นอนสิ ลูกทำได้ดีสุดๆไปเลย”
[เฮะๆ]
ในตอนนี้ยูมิลในร่างมังกรได้ตัวใหญ่มากยิ่งขึ้นไปอีก ขีดจำกัดของเลเวลก็ได้หายไปแล้วทำให้ยูมิลได้พัฒนาขึ้นมาเป็นมังกรคลาส 6 เลเวล 451 ในทันที ตอนนี้ยูมิลสามารถจะใช้เพลิงผสานกับลมได้ด้วยตัวเอลแล้วด้วย ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะการช่วยเหลือจากยูอิลฮาน
“โอ้ แล้วก็นะมิคาเอลนายก็มีส่วนช่วยเหมือนกัน”
[เจ้าสารเลว…]
มิคาเอลได้กัดฟันแน่นมองหน้ายูอิลฮานที่ได้เกิดใหม่ขึ้นมาเป็นเทพเจ้า หอกเพลิงในมือของเขาไม่อาจจะคงสภาพได้อยู่อีกและหายไป ต่อหน้าจ้าวแห่งเปลวเพลิงอย่างยูอิลฮานแล้ว ไม่มีใครที่จะมีสิทธิ์ใช้พลังเพลิงได้โดยไม่ได้รับอนุญาติจากเขา
[ฉันคือตัวแทนของเทพเจ้า! นายมันก็แค่เทพเจ้าจอมปลอม นายอย่าคิดนะว่าฉันมีแค่เพลิงเท่านั้น!]
“แน่สิว่าฉันไม่ได้คิดแบบนั้น ฉันก็ยังรู้ด้วยว่านายแข็งแกร่ง”
ระหว่างยกมือขึ้นมายูอิลฮานก็ได้ตอบกลับไปช้าๆ หอกเพลิงได้ปรากฏขึ้นบนมือของเขา การกระทำนี้ดูเป็นธรรมชาติจนคนอื่นๆไม่ได้รู้สึกใดๆเลย
“แล้วก็นะมิคาเอล…”
ยูอิลฮานได้กระดิกนิ้วออกมาด้วยรอยยิ้ม
“เข้ามาสิ”
บทที่ 296 – ความสำเร็จ (6)
[หยาบคาย]
มิคาเอลได้เรียกอาวุธใหม่ขึ้นมาจับแน่น ถึงแม้ว่ายูอิลฮานจะไม่รู้ต้นกำเนิดของมัน แต่ว่าหอกนี้จะต้องทำมาจากโลหะโบราณแน่ แค่ได้เห็นก็บอกได้แล้วว่านี่คืออาร์ติแฟคระดับเทพ
[แสงที่ปกคลุมนายนั่นนะ มันก็แค่ชุดคลุมที่แค่โดนขีดข่วนมันก็จะขาดเป็นชิ้นๆแล้ว]
“เป็นของที่น่าสนใจดีนะ”
แต่ว่าสิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่าอาร์ติแฟคระดับเทพเลยก็คือผู้ที่กำลังถือครองมันอยู่ มิคาเอลคือตนแทนของเทพเจ้า และเขาก็ยังเป็นกึ่งๆผู้นำของสี่ยอดอัครเทวทูตอีกด้วย
“โอ้ ทำไมนายถึงรีบแบบนั้นล่ะ”
หอกเพลิงกับหอกโลหะได้ปะทะเข้าด้วยกันอยู่กลางอากาศ เพลิงของยูอิลฮานก็ไม่ได้ผลกับมิคาเอลเต็ม 100% เหมือนกันกับการที่มิคาเอลใช้เพลิงกับยูอิลฮานไม่ได้ ผลลัพธ์ของการปะทะกันในครั้งแรกเลยก็คือ…
[!?]
มิคาเอลกำลังจะก้าวเท้าถอยกลับมาหลังจากที่ปะทะกัน แต่เขากลับพบว่าเขาไม่อาจจะถอยได้ทำให้เขาได้แต่มองมาด้วยความสับสน หลังจากที่ปะทะกันมิคาเอลไม่อาจจะดึงหอกกลับมาได้เลย
“มีอะไรงั้นหรอ?”
[นาย…]
จากภายนอกนี่ดูเหมือนกับการคุยกันของเพื่อนสนิท แต่ว่าสีหน้าของมิคาเอลในตอนนี้ดูอึดอัดจนน่ากลัว
[นายทำอะไรไป?]
“คิดว่าฉันจะบอกงั้นหรอ?”
เมื่อยูอิลฮานได้ดึงหอกเพลิงกลับเข้ามาหาเขา หอกโลหะก็ได้ไหลเข้ามาสู่มือของเขาเช่นกัน นี่มันไม่ใช่อาร์ติแฟคระดับมหากาพย์หรือโกลาหล แต่เป็นระดับเทพ! มิคาเอลไม่ยอมปล่อยหอกของเขาออกไปง่ายๆแน่ เพราะแบบนี้เองทำให้ร่างกายของมิคาเอลก็ถูกดึงเข้ามาด้วย ยูอิลได้จัดการเตะเข้าใส่หน้าอกออกไปในทันที
[ติดคริติคอล!]
[อึก!]
[ท่านมิคาเอล!]
หากว่ายูอิลฮานยังเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำอยู่ แค่การเตะเบาๆไม่อาจจะสร้างความเสียหายกับมิคาเอลได้แน่ แต่ในตอนนี้ยูอิลฮานได้อยู่ในระดับผู้นำกองกำลังแล้วรวมไปถึงเขามีเลเวลเกินกว่า 500 แล้วอีกด้วย การเตะครั้งเดียวที่เต็มไปด้วยพลังของเทวะกำลังได้ทำให้ร่างกายของมิคาเอลถูกผลักออกไปกลางอากาศและหอกระดับเทพก็ได้ตกสู่มือของยูอิลฮาน
[นายคิดว่าแค่การเอาหอกไปจากฉันได้จะทำให้หอกนั่นเป็นของนายงั้นหรอ!???]
“โอ้ หอกนี่ยอดเยี่ยมไปเลยนะ การโจมตีของมันจะสร้างบาดแผลที่ไม่อาจรักษาไดขึ้นมาและบาแผลนั่นก็จะเสียเลือดไม่หยุด… แล้วหอกนี่ก็ได้รับการยอมรับว่าเป็นยอดอาวุธที่ทำให้รักษาตัวเองได้ด้วยการทำร้ายผู้อื่น อาวุธชั่วร้ายนี่มันเหมาะกับทูตสวรรค์งั้นหรอเนี้ย?”
ยูอิลฮานได้สะบัดหอกไปมาสองสามครั้งเพื่อที่จะอ่านในบันทึกของมัน และจากนั้นเขาก็แทงมันเข้าไปในชุดเกราะร่างกายมังกรจิตวิญญาณเพลิงโดยไม่ลังเล นี่เขากำลังทำร้ายตัวเองงั้นหรอ?
มิคาเอลได้ตกตะลึงกับฉากนี้ แต่ว่าในเวลาต่อมาเขาก็ต้องถึงกับพูดไม่ออก อาร์ติแฟคระดับเทพได้ถูกชุดเกราะดูดเข้าไปราวกับถูกโยนลงบ่อน้ำ
[ยูอิลฮาน…?]
“ขอบใจนะ”
ในเวลาต่อมาหอกที่ยูอิลฮานถืออยู่ก็เปลื่ยนรูปร่างไป ตัวหอกได้ยาวขึ้นเล็กน้อย และมีเครื่องหมายสลักอยู่ที่คมหอก มิคาเอลรู้ได้ทันทีว่านี่มันหมายความว่ายังไง เขาถืงกับเผลอพูดออกมาโดยไม่รู้ตัว
[ไม่มีทาง… นี่มันไม่จริง มันไม่น่าจะเกิดขึ้นได้นี่]
“เอาล่ะ ฉันคิดว่าคงได้เวลาทดสอบดูแล้วสิ”
[กรรรรรร]
ตอนนี้ถึงตาของยูอิลฮานแล้ว ยูมิลได้คำรามขึ้นมาและกระพือปีกในทันทีจนส่งคลื่นเพลิงออกไป เมื่อยูอิลฮาน ‘ต้องการ’ ที่จะอยู่ตรงหน้าศัตรู ตัวเขาก็ได้มาโผล่เบื้องหน้าศัตรู
“หวัดดี?”
[หา…]
พร้อมๆกันยูอิลฮานก็ได้แทงหอกออกไป มิคาเอลก็ได้พิสูจน์ว่าเขาเหมาะสมกับการเรียกขานว่าตัวแทนเทพเจ้าเพราะเขาได้หลบหอกก่อนที่ยูอิลฮานจะเข้ามาถึงตัว แตว่าหอกของยูอิลฮานก็ไม่ใช่แค่การโจมตีตรงๆง่ายๆแบบนั้น
“ฮ่าห์”
[สกิลวิถีทางไร้ขอบเขตได้เพิ่มเลเวลขึ้นเป็น 9]
ด้วยเทคนิคหอกที่มากมายได้หลอมรวมมาเป็นหนึ่ง ด้วยหอกไร้วิถีและหอกสะบั้นจักรวาลเป็นรากฐานทำให้เกิดใหม่ขึ้นมาเป็นวิถีที่ก้าวข้ามเรื่องของเหตุผล มิติและโชคชะตาไปแล้ว นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมมัน ‘วิถีทางไร้ขอบเขต’
มันไม่อาจจะหลบได้ ไม่อาจจะป้องกันได้ ไม่อาจจะมองเห็น และไม่อาจจะได้ยินได้
[ติดคริติคอล!]
[อ๊าา…. อั๊ก!?]
นี่คือสิ่งที่มีเพียงแค่ระดับสูงสุดเท่านั้นที่จะทำได้ เลือดสีขาวบริสุทธิ์ได้สาดกระจายออกมาจากหน้าอกของมิคาเอลทั้งๆที่ยูอิลฮานยังอยู่ไกลออกไป
เลือดของเขาได้ไหลออกมาอย่างไม่สิ้นสุด
[อย่าบอกนะว่านายได้ก็อบปี้อาร์ติแฟค… นั่นมันเป็นของที่พระเจ้าให้ฉันมานะ!]
[ท่านมิคาเอล!]
ราฟาเอลไม่อาจจะอยู่เฉยได้แล้วทำให้เขาใช้พลังของเขากับมิคาเอล ความสามารถที่ไม่มีใครเทียบได้ของราฟาเอลกำลังทำการรักษาบาดแผลของมิคาเอล แต่ยังไงก็ตามยูอิลฮานก็แค่หัวเราะออกมา
[มันไม่หยุด เลือดของท่านมิคาเอล…]
[…อึก ชัดเจนแล้ว นี่มันคือพลังของอาร์ติแฟคระดับเทพที่นายไม่อาจจะทำอะไรได้ราฟาเอล ต่อให้จะเป็นฉันก็ตาม]
ยูอิลฮานได้รีบเข้าไปหามิคาเอลอีกครั้งและเหวี่ยงหอกออกไป มิคาเอลที่รู้ว่าหลบไปก็ไร้ประโยชน์ทำให้เขาเลือกเรียกอาร์ติแฟคอันใหม่ออกมาเผชิญหน้าแทน แต่ว่าอาร์ติแฟคของเขาก็ได้ถูกบดขยี้ไปในทันทีและเกิดบาดแผลขึ้นบนร่างของเขาอีก มิคาเอลได้อดกั้นเสียงครางเอาไว้ แต่ว่าราฟาเอลไม่อาจจะทนได้ หอกแห่งสายลมได้ปรากฏขึ้นบนมือของเขา
[เจ้าสิ่งมีชีวีตหยาบคาย นายกล้ามาละโมภกับอำนาจของสวรรค์แค่เพราะแข็งแกร่งขึ้นมานิดหน่อยงั้นหรอ!]
“จริงสิ นายก็เข้ามาเลย นายจะรักษาตัวเองง่ายๆแบบครั้งที่แล้วไม่ได้แล้วนะ”
[กรรรรรรรรรร!]
ยูมิลได้คำรามออกมาตามความตั้งใจของยูอิลฮาน สายลมได้ก่อตัวขึ้นมาจากร่างกายของเขาและทำให้เปลวเพลิงที่ลุกโชนอยู่บนเกราะของยูอิลฮานทรงพลังยิ่งขึ้น การสอดประสานระหว่างทั้งสองคนได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น และหอกขนาดยักษ์ที่น่ากลัวอยู่แล้วได้น่ากลัวมากยิ่งขึ้น
[ราฟาเอล! อย่าได้ลดการป้องกันลง!]
[ท่านราฟาเอลไปพักเถอะครับ! พวกเราไม่อาจจะหันหน้าหนีปีศาจตนนี้ไปได้ในเมื่อพวกเรารับใช้เทพเจ้าองค์เดียว!]
[ราฟาเอล!]
ปีศาจ เอ๋ ในที่สุดก็มีคำแบบนี้มาแล้วสินะ ยูอิลฮานได้ยิ้มแห้งๆออกมาในระหว่างที่มองดูราฟาเอลกำลังลอยเข้ามาด้วยลมกับปีกที่ขาดไปบางส่วนของเขา ราฟาเอลด์ดูเหมือนทูตสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ที่ทำตามคำสั่งของเทพเจ้า นี่ยิ่งทำให้ยูอิลฮานดูเหมือนกับปีศาจมากยิ่งขึ้น
ยังไงก็ตามหากว่าการที่เขาต้องการจะแกร่งขึ้นเพื่อจะเอาตัวรอดมันทำให้เขาถูกเรียกว่าปีศาจ
เขาก็ยินดีจะยอมรับมัน
[แด่พระบิดาโปรดอวยพรให้ข้า! มอบพลังให้ข้าเอาชนะปีศาจตนนี้!]
“ฮึ่ม”
นี่ไม่ใช่เวลามามัวคิดอะไรอีกแล้ว ยูอิลฮานได้จับหอกของเขาเพื่อเตรียมจะโต้กลับไป
[ฮ่าาห์!]
ยังไงก็ตามได้มีใครบางคนปรากฏตัวขึ้นจากด้านหลังของยูอิลฮานก่อนที่เขาจะได้ปะทะกับราฟาเอล นี่ก็คือเคสเช่น ผู้บัญชาการกองพันที่ 1 แห่งกองทัพปีศาจวิบตั ยังไงก็ตามยูอิลฮานก็แค่ฟันลงไปฉับเดียวเท่านั้น แม้ว่าเขาจะไม่มีเวลามาตวัดไปข้างหน้าและหลังก็ตาม
[อั๊ก….!]
[กิ๊ซซซ!]
ราฟาเอลได้กัดฟันเพื่อป้องกัน ส่วนเคสเช่นได้ยิ้มออกมาเหมือนกับชนะไปแล้ว มันคุ้มค่าแล้วที่เขามาที่นี่! กองทัพสวรรค์อ่อนแอลงและเขาก็จะแข็งแกร่งขึ้น! เคสเช่นรู้สึกว่าเขาได้มองเห็นอนาคตที่เต็มไปด้วยการทำลายล้างแล้ว
[ติดคริติคอล!]
[ติดคริติคอล!]
ในตอนนี้ทุกคนที่รู้ดีถึงพลังของเคสเช่นและได้คิดว่าการอารวาดของยูอิลฮานจะต้องหยุดลงแล้ว แต่ยังไงก็ตามผลลัพธ์ที่ออกมากลับต่างไปจากที่ทุกคนคาดคิดไว้
[อะ อั๊ก…]
[กี๊ซซซซซ!]
แม้ว่าจะมีการตวัดหอกเพียงครั้งเดียว แต่มีแผลเกิดขึ้นอยู่สองแห่ง ราฟาเอลไม่อาจจะป้องกันหอกของยูอิลฮานได้ทำให้มีเลือดพุ่งออกมาจากอกของเขา ส่วนเคสเช่นได้ร่วงหล่นไปก่อนที่กรงเล็บของเขาจะมาถึงหัวของยูอิลฮาน การโจมตีของยูอิลฮานได้ทั้งฟันและแทงไปในทิศทางที่แตกต่างกันสองทางในคราวเดียว
[คุณได้รับค่าประสบการณ์]
[คุณได้รับบันทึกเคสเช่นเลเวล 588]
[คุณได้เพิ่มเลเวลขึ้นเป็น 525 พละกำลังเพิ่มขึ้น 10 ความคล่องแคล่วเพิ่มขึ้น 5 พลังชีวิตเพิ่มขึ้น 5 พลังเวทย์เพิ่มขึ้น 10]
[สกิลวิถีทางไร้ขอบเขตได้เพิ่มเลเวลขึ้นเป็น 13]
[อ่าา ได้ยังไงกัน…]
“ลาก่อน”
ยูอิลฮานได้แทงหอกเข้าไปที่หน้าผากของราฟาเอลโดยที่ไม่สนใจฟังคำสุดท้ายของเขาเลยสักนิด หอกได้เจาะทะลวงสมองของราฟาเอลและทำให้ชีวิตของเขาจบลงเพียงเท่านี้
[คุณได้รับค่าประสบการณ์]
[คุณได้รับบันทึกราฟาเอลเลเวล 585]
[คุณได้เพิ่มเลเวลขึ้นเป็น 530 พละกำลังเพิ่มขึ้น 8 ความคล่องแคล่วเพิ่มขึ้น 7 พลังชีวิตเพิ่มขึ้น 5 พลังเวทย์เพิ่มขึ้น 5]
[สกิลวิถีทางไร้ขอบเขตได้เพิ่มเลเวลขึ้นเป็น 19]
สิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนที่อยู่ในโลกใบนี้ต่างก็ไม่เข้าใจว่าเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นและได้แต่แสดงสีหน้าตื่นตระหนกออกมา ยังไงก็ตามหลังจากศพของเคสเช่นและศพของราฟาเอลถูกดูดเข้าไปในช่องเก็บของของยูอิลฮาน ในที่สุดพวกเขาทุกๆคนก็รู้ได้ว่าสองคนนั้นได้ตายไปแล้ว
“ฟู่”
[พ่อครับผมเลเวลเพิ่มขึ้นเยอะเลย!]
“ทำได้ดีมากมิล”
ในสถานการณ์ที่ไม่เหมาะนี้พ่อและลูกได้ยิ้มให้กันและกัน ภาพนี้ดูมันควรที่จะน่าประทับใจสำหรับคนมอง แต่ว่าจริงๆแล้วมันดูชั่วร้ายและน่ากลัวมาก สิ่งมีชีวิตชั้นสูงต่างๆต่างกรู้สึกได้ว่าโลกใบนี้ได้ถูกแช่แข็งและกำลังพังทลายลง
[แม้กระทั่งเคสเช่นกับราฟาเอลก็ยัง…]
[หนึ่งในสี่ยอดอัครเทวทูต… ตายไปแล้ว!]
[ผู้บัญชาการกองพันที่ 1 แห่งกองทัพปีศาจวิบัติถูกจัดการไปง่ายๆ..]
ยูอิลฮานได้เงยหน้าขึ้นมา ในขณะนี้ทุกๆคนได้ก้าวถอยไปด้วยความกลัว จะมีแต่มิคาเอลเท่านั้นที่ได้เป็นสักขีพยานกับการตายจของราฟาเอลต่อตาได้แสดงความสิ้นหวังออกมา
[บ้าเอ้ย เวรเอ้ยยยยยยยย!]
[เหมือนกับว่าตัวตนนั่นเป็น…]
ทุกๆคนต่างก็สนใจอยู่กับตัวยูอิลฮาน แต่ยังไงก็ตามสายตาที่มองมาของพวกเขาดูแตกต่างไปจากเมื่อก่อน
ความเกลียดชังได้แสดงออกมาจากทูตสวรรค์ ความโกรธแคนได้มาจากเทวดาตกสวรรค์ ความสิ้นหวังมาจากองทัพปีศาจวิบัติและความยินดีได้มาจากสวนอาทิตย์อัสดง
ความรู้สึกที่แตกต่างกันของทั้งสี่ฝ่ายในก่อนหน้านี้ไดถูกเปลื่ยนให้กลายมาเป็นหนึ่งเดียวกัน
[พวกเราทำอะไรกับตัวตนนี้ไม่ได้แล้ว]
[เราต้องหนี หนีเร็ว!]
มันเป็นความรู้สึกที่ชื่นชนและความหวาดกลัวที่อยู่ลึกลงไปภายในใจ
[หนี]
[ไปจากโลกใบนี้ก่อนที่เส้นทางทุกๆเส้นทางจะถูกปิดลง]
[ทำไมท่านซาตานถึงได้เอาแต่ดูกันล่ะ?]
[เขาเป็นคนเดียวที่เพลิดเพลินไปกับเรื่องนี้ นี่คือโลกที่เชื่อมต่อกับโลกเบื้องล่าง เขาคงจะเพลิดเพลินไปกับการดูเทพเจ้าองค์ใหม่ไม่ว่าโลกใบนี้จะถูกยึดหรือปล่อยทิ้งไปก็ตาม]
[ถอย พวกเราจะไปขวางทางเขาไม่ได้]
[หนี]
สวนอาทิตย์อัสดงกับกองทัพจรัสแสงได้เป็นพวกแรกที่เริ่มการเคลื่อนไหว สวนอาทิตย์อัสดงไม่ได้มามีส่วนร่วมจริงๆจังๆแต่แรกแล้ว และกองทัพจรัสแสงก็ได้รีบถอยกันทันทีหลังจากได้เห็นซาตานไม่ได้ทำอะไรกับเรื่องนี้
[ท่านมิคาเอล]
[ท่านมิคาเอล!]
หลังจากนั้นมิคาเอลได้เงยหน้าขึ้นมาเล็กๆ ทูตสวรรค์ที่กระจายตัวอยู่ทั่วทั้งโลกได้มองกลับมาที่เขา ยูอิลฮานก็แค่มองคนพวกนี้โดยไม่โจมตีกลับไปเพราะเหตุผลบางอย่าง มิคาเอลก็พอจะรู้ว่าทำไมด้วยซึ่งนี่มันทำให้เขาโกรธมากๆ
ยังไงก็ตามถึงแบบนั้น
[…พวกเราจะถอย]
[ครับท่าน]
ทูตสวรรค์ทุกๆคนได้เริ่มหายตัวไปราวกับพวกเขากำลังคอยเวลานี้อยู่แล้ว แม้กระทั่งพวกคลั่งในองค์เทพเจ้าก็ยังรู้ดีถึงความต่างของพลัง
มิคาเอลได้เฝ้ามองดูทูตสวรรค์ทุกๆคนกลับไป และในตอนที่มีเขาเหลืออยู่เพียงคนเดียว ในท้ายที่สุดเขาก็เงยหน้าขึ้นมามองไปที่ยูอิลฮาน ในตอนนี้กำลังมานาปะทุอยูในตัวเขา แต่ยูอิลฮานกลับแค่หัวเราะออกมา
[ท่านเทพเจ้าจะต้องมาลงโทษกับบาปของนายแน่]
“ฉันล่ะสงสัยจริงๆเลย ถ้าเทพเจ้าบอกให้นายไปตาย นายจะทำไหม?”
[ถ้านั่นเป็นประสงค์ของเทพเจ้า และตามประสงค์ของท่านนายจะต้องตายแน่นอน]
“เทพเจ้าพูดแบบนั้นจริงดิ?”
[…]
มิคาเอลได้หายตัวไปโดยไม่ได้ให้คำตอบใดๆกลับมา จากนั้นคนที่เหลืออยู่ก็มีแค่ยูอิลฮาน ยูมิล และกองกำลังปีศาจวิบัติ
“ทำไมพวกนายถึงยังอยู่อีกล่ะ? อยากจะสู้กับฉันทั้งๆที่รู้ว่าพวกนายจะต้องตายงั้นหรอ? ฉันคิดว่าพวกนายควรจะเรียนรู้กันได้แล้วนะ”
ในเวลาต่อมายูอิลฮานก็ได้คำตอบที่เขาคาดไม่ถึงกลับมา
[หัวหน้าของพวกเราต้องการจะพบนาย]
[เทพเจ้าองค์ที่ห้า! ไปเอลโลคาทร่าด้วยกันกับเราเถอะ!]
“…ว่าไงนะ?”
ยูอิลฮานเพิ่งจะจัดการฆ่าผู้บัญชาการกองพันที่ 1 เคสเช่นของพวกเขาไปแล้วเมื่อไม่นานก่อนหน้านี้ยูอิลฮานก็ยังได้ฆ่าและชุบชีวิตเฮเรียน่าให้กลายมาเป็นหนึ่งในลูกน้องเขาด้วย หัวหน้าของกองทัพปีศาจวิบัติก็ไม่น่าจะชอบเขาสิ ยังไงก็ตามพวกนี้ก็ทำในเรื่องที่น่าสนใจ
[เขาไม่ฆ่านายหรอก! เขาจะไม่สู้กับนายด้วย!]
[นี่คือบริการที่ดีที่สุดเลยนับตั้งแต่ที่กองทัพปีศาจวิบัติถูกสร้างขึ้นมา! หัวหน้าชอบนาย!]
[เขาอยากที่จะเล่นกับนาย! เขาอยากจะเล่นด้วย!]
แม้ว่ายูอิลฮานจะเพิ่งปลุกพลังขึ้นมาและกลายเป็นเทพเจ้าได้ไม่นาน แต่แล้วเขาก็ได้รับคำเชิญจากศัตรูที่ทรงพลังมากๆที่ได้ก้าวข้ามข้อผูกมัดของสิ่งมีชีวิตชั้นสูงและเป็นเทพเจ้ามาก่อนเขานานมากแล้ว หากว่ายูอิลฮานรับคำเชิญไปเหมือนกับแกะหลงทาง เขาก็ไม่รู้เลยว่ามันจะเกิดสถานการณ์แบบไหนขึ้นมาบ้าง แต่ยังไงก็ตามยูอิลฮานก็แค่หัวเราะและตอบกลับไป
“โอเค งั้นก็ไปกันเถอะ!”
ยูอิลฮานไม่ได้โง่ ตอนนี้เขากำลังคิดถึงเรื่องหนึ่งอยู่
‘จะมีอาร์ติแฟคแบบไหนกันที่อยู่ในเอลโลคาทร่านะ?’
บทที่ 297 – ความสำเร็จ (7)
(ขอแก้ในเนื้อหาก่อนหน้านี้เรื่องพระเจ้ากับเทพเจ้านะครับ คือว่าต่อจากนี้เหล่าผู้นำกองกำลังจะเปลื่ยนเป็นเรียกว่าเทพ ส่วนผู้นำของกองทัพสวรรค์จะถูกเรียกเป็นพระเจ้านะครับ)
“เป็นโลกที่น่าทึ่งแหะ”
[ฮ่าฮ่าฮ่า! นี่แหละโลกที่น่าทึ่ง!]
ตัวแทนของกองทัพปีศาจวิบัติได้หัวเราะออกมาอย่างเต็มที่เมื่อได้ยินคำพูดแรกที่ยูอิลฮานได้เข้ามาในเอลโลคาทร่า แน่นอนว่าก็มีสมาชิกของกองทัพปีศาจวิบัติที่ไม่อาจจะห้ามสัญชาตญาณตัวเองได้และเข้ามาโจมตียูอิลฮาน แต่ว่าพวกนั้นก็ถูกยูอิลฮานจัดการไปในทันทีก่อนที่จะถูกเก็บไปอยู่ในช่องเก็บของของเขา
“ฉันคิดว่าอีกเดี๋ยวช่องเก็บของฉันก็จะเต็มแล้วเพราะงั้นห้ามตัวเองไว้หน่อยนะ”
[โอเค! โอเค!]
ดูเหมือนว่าผู้ปกครองกองทัพปีศาจวิบัติมีอิทธิพลค่อนข้างจะมาก แค่การที่ยูอิลฮานได้ถูกเชิญมาที่นี่ได้พูดออกมาแบบนี้ก็ทำให้เหล่าผู้ล่าที่อยู่ในชั้นบนๆได้คุ้มกันไม่ให้มีใครมาโจมตีอีก คนอื่นๆทั้งหมดทำได้แค่ส่งเสียงบ่นวุ่นวายออกมา
[นายมันล่อลวงท่านหญิงเฮเรียน่าไป บอกฉันมาสิว่านายทำได้ยังไงกัน!]
[ท่านหญิงเฮเรียน่า! ฉันก็อยากจะได้เชยชมความงามของเธอเหมือนกัน]
ยูอิลฮานเคยคิดว่าคนที่จะเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงได้จะต้องมีความฉลาด แต่หลังจากได้เห็นแบบนี้ดูเหมือนว่าความจริงจะไม่ใช่แบบนั้น
บางทีความแกร่งอาจจะเป็นสิ่งสำคัญที่สุดก็ได้สินะ! ยิ่งเขาคิดก็ยิ่งทำให้ยูอิลฮานเชื่อแบบนี้มาขึ้นทำให้เขาหยุดที่จะคิดถึงมัน
[กว่าจะไปถึงปราสาทยังจะต้องใช้เวลาอีกซักพัก]
[ฉันอยากจะเห็นท่านหญิงเฮเรียน่า]
[การที่นายท่านจะต้องการเจอสิ่งมีชีวิตอื่นนี่มันหาได้ยากมากๆ]
[แม้กระทั่งซาตานเขายังไม่สนใจเลย]
[แล้วนายเป็นอะไรกัน?]
“ใครจะไปรู้ล่ะ”
ยูอิลฮานได้มองไปรอบๆเอลโลคาทราโดยไม่สนใจเสียงตะโกนข้างๆ ทั้งท้องฟ้าและผืนดินต่างก็มีสีดำสนิท ในระยะห่างที่ไกลออกเป็นก็มีแม็กม่าเดือดละอุอยู่เต็มไปหมดและภายในอากาศก็เต็มไปด้วยพิษร้าย มันไม่มีทางเลยที่สิ่งมีชีวิตปกติจะมาใช้ชีวิตอยู่ที่แห่งนี้ได้
“บางทีโลกของฉันอาจจะกลายมาเป็นแบบนี้ในสักวัน”
[ผมไม่อยากให้เป็นแบบนั้นเลย]
ยูมิลดูจะไม่ชอบที่นี้มาก ยูอิลฮานก็เห็นด้วยกับยูมิล
“ใช่แล้ว พ่อก็ไม่อยากจะให้โลกเราเป็นแบบนี้มเหนือนกัน สภาพแวดล้อมแบบนี้มันไม่เหมาะกับคนอื่นๆเลย”
[อีกเดี๋ยวเราจะไปถึงแล้ว]
ปราสาทขนาดยักษ์ที่ไม่มีใครมองเห็นมาตลอดได้เผยตัวออกมา ถึงแม้ว่ายูอิลฮานจะมองผ่านการซ่อนตัวของมันออกนานแล้วก็ตาม ออร่าพลังทำลายได้กระจายออกมาจากศูนย์กลางที่แห่งนี้จนทุกๆคนสัมผัสได้ แม้กระทั่งยูอิลฮานที่ได้ปลุกพลังกลายมาเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงก็ยังรู้สึกกลัวอยู่ครู่หนึ่ง
“หืมม หัวหน้าของพวกนี้อยู่ในระดับที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง ฉันคิดว่าเขาแกร่งกว่ามิคาเอลซะอีก”
[แต่ทูตสวรรค์นั่นก็อ่อนแอกวาพ่อ]
“ที่พ่อเหนือกว่ามิคาเอลนั่นมันก็เพราะความเชี่ยวชาญในด้านธาตุไฟน่ะ มิล”
ยิ่งยูอิลฮานเข้าไปใกล้ปราสาท เขาก็ยิ่งรู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่หนักหน่วง แต่แทนที่ยูอิลฮานจะป้องกันแรงกดดันพวกนี้ เขากลับตั้งสมาธิไปกับการใช้สกิลสวนกลับแทน เมื่อเขาได้ทำแบบนี้ทำให้เขาได้รับบางอย่างที่คาดไม่ถึงออกมา
[สกิลสวนกลับได้เพิ่มเลเวลขึ้นเป็น 42]
[สกิลสวนกลับได้เพิ่มเลเวลขึ้นเป็น 43]
“ฟู่วว ดูเหมือนแบบนี้จะทำให้สกิลเพิ่มเลเวลขึ้นรัวๆเลยแหะ ถ้าเป็นแบบนี้ฉันก็อยากจะมีแรงกดดันแบบนี้ในบ้านเหมือนกันนะ”
[เป็นเทพที่ชั่วร้ายจริงๆ…]
อิชจาร์รู้แล้วว่าทำไมยูอิลฮานถึงได้แข็งแกร่งแบบนี้ ไม่เคยมีใครบอกว่าอยากจะให้มีแรงกดดันของหัวหน้ากองทัพปีศาจวิบัติอยู่ในบ้านตัวเองมาก่อน
[สกิลสวนกลับได้เพิ่มเลเวลขึ้นเป็น 45]
“หืม? ฉันคิดว่าที่นี่มีอะไรวักอย่างปะปนอยู่ด้วยแหะ… โอ้”
[กรรรรรร!]
ในที่สุดยูอิลฮานก็รู้สึกตัวว่ามีใครบางคนยืนอยู่ตรงหน้าทางเข้าปราสาทอยู่ ยูอิลฮานได้นึกย้อนไปว่าเขาเคยเจอคนๆนี้ที่ไหนมาก่อนและนึกออกว่านี่คือหนึ่งในสองของผู้บัญชาการกองพันที่ได้ไปหายูอิลฮานเพื่อต้องการแก้นค้นให้เฮเรียน่า
[แก… กล้าที่จะมาที่นี่ทั้งๆที่ทำเรื่องทั้งหมดนั่นไป]
“ขอโทษนะ แต่ว่านายเป็นใครนะ?”
ยูอิลฮานได้ถามออกไปด้วยความสงสัยจริงๆ แต่ว่านี่มันมากพอที่จะทำให้คนฟังต้องโมโหขึ้นมา
[ฉันฮิวลูทูน ผู้บัญชาการกองพันที่ 2 แห่งกองทัพปีศาจวิบัติ! แกได้ขโมยเฮเรียน่าของฉันไป!]
“ของนายอะไรนะ?”
เขาไม่อาจจะตอบอะไรกลับไปได้ ตัวเขาก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับเฮเรียน่าเลยสักนิด
[แก! ฉันจะฆ่าแกให้ได้เลย! กรอดดดดด!]
“เฮเรียน่าของนายอะรกัน! ทำไมอยู่ๆนายถึงหยุดพูดเรื่องนี้ไปซะล่ะ!”
[กรรรรรรรรรร!]
เพราะแบบนี้เองฮิวลูทูนได้คลั่งออกมาเพราะนี่จะเป็นวิธีเปลื่ยนเรื่องที่ดีที่สุดแล้ว เขาได้เลือกพุ่งเข้าใส่ยูอิลฮาน! ยูอิลฮานก็รู้ดีว่าเรื่องนี้จะต้องเกิดขึ้นแน่นอน
เขาคนนี้คือชายที่น่าสงสาร เขาเป็นคนที่อยู่ในความรักที่ไม่มีวันสมหวังตั้งแตกแรกเลย
“ฉันจะทำอะไรได้ล่ะในเมื่อเธอบอกว่าเธอชอบฉัน ทำไมนายไม่ยอมแพ้แค่นี้ซะล่ะ?”
ยูอิลฮานได้ยั่วฮิวลูทูนด้วยใบหน้าที่น่าสงสาร เขาคือหมายเลขหนึ่งในเรื่องการแสดงสีหน้าขัดแย้งกับสิ่งที่กำลังพูดออกมา
[ก๊าซซซซซซ!]
บางทีหากยูอิลฮานได้เจอเข้ากับฮิวลูทูนข้างนอกอาจจะต่างออกไป แต่ว่าที่นี่คือเอลโลคาทร่า ฐานทัพหลักของกองทัพปีศาจวิบัติและตอนนี้ก็อยู่หน้าปราสาทที่หัวหน้าของกองกำลังอาศัยอยู่ เพราะแบบนี้ทำให้พลังของฮิวลูทูนถูกเพิ่มมากขึ้นในที่แห่งนี้ นี่คือข้อได้เปรียบของอาณาเขต
“ฟู่”
แต่ถึงแบบนั้นยูอิลฮานก็ไม่ได้คิดซักนิดเดียวว่าเขาจะแพ้
ผู้นำของกองกำลังสิ่งมีชีวิตชั้นสูง เป็นคนที่ได้เดินไปในเส้นทางของตัวเองที่ต่างไปจากผู้อื่น พวกเขาอยู่ในเส้นทางที่ต่างไปจากเหล่าคนที่เลือกจะเดินตามเส้นทางของคนอื่น
“ฉันฆ่าหมอนี่ได้ใช่ไหม?”
[คิกคิก กองทัพปีศาจวิบัติไม่ถามคำถามแบบนี้กันหรอกนะ!]
“หืมม จริงสินะ พวกนายคงจะทำอะไรแบบนี้กันบ่อยๆสินะ ฉันก็แค่ถามเผื่อเอาไว้น่ะ!”
พลังเวทย์มืดได้ล้อมรอบตัวของฮิวลูทูนแล้ว นี่มันต่างไปจากมานาเพลิงของมิคาเอล นี่คือพลังเวทย์คำสาปที่สร้างขึ้นมาจากความต้องการฆ่าและความเกลียดชัง มานานี่ได้พุ่งออกมาอย่างรวดเร็วโดยที่เล็งมาที่คอของยูอิลฮานกับยูมิล
ยูมิลได้พยายามจะคำรามแผ่มานาออกไปป้องกัน แต่ว่าแค่การโจมตีของยูมิลไม่อาจจะหยุดมานานี้ได้เนื่องจากยูมิลยังอยู่ที่คลาส 6 อยู่เลย แต่แน่นอนว่านั่นคือการที่ยูอิลฮานไม่ได้เข้าร่วมด้วย
“มิลตอนนี้แหละ”
[กรรรรรรร!]
ในอดีตตอนที่ยูอิลฮานเป็นคนขี่มังกรยูมิลอยู่ เมื่อพวกเขาสู้ร่วมกันความสามารถของพวกเขาจะเพิ่มขึ้น 30% แน่นอนว่านั่นมันก็น่าทึ่งมากแล้ว แต่ว่าหากเป็นการ ‘ประสาน’ ที่แท้จริงแล้วมันจะยิ่งกว่านั้น
ในตอนนี้มันต่างออกไปแล้ว กองกำลังสิ่งมีชีวิตชั้นสูงที่มีชื่อว่าดราก้อนเนสได้กำเนิดขึ้นมาแล้ว และในระหว่างการกลายเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูง ทั้งสองคนได้เชื่อมต่อเข้าด้วยกันลึกซึ้งยิ่งกว่าแต่ก่อนทำให้ตอนนี้พวกเขาทั้งสองคนสามารถจะแบ่งมานาของกันและกันรวมไปถึงใช้สกิลของกันและกันได้ เพราะแบบนั้น
[กรรรรรรรรรรร!]
การคำรามของยูมิลจึงได้รับการสนับสนุนจากพลังเวทย์จำนวนมหาศาลของยูอิลฮานที่มีค่าสเตตัสพลังเวทย์อยู่ที่ 1,500 กว่าๆ!
[ติดคริติคอล!]
[อ๊ากกกก!]
แค่เพียงเสียงคำรามเดียวนี้ก็ทำให้สภาพแวดล้อมรอบๆทั้งหมดหายไปราวกับถูกกวาดล้างออกไป และฮิวลูทูนก็เลือดพุ่งออกมาจากทั่วทั้งร่าง
แม้กระทั่งมังกรแห่งความสิ้นหวังอิชจาร์ตอนที่มีชีวิตอยู่ก็ยังไม่อาจจะดึงพลังทำลายล้างแบบนี้ออกมาได้เลย
[อะ อั๊ก แก….]
[หยุดแค่นั้นแหละฮิวลูทูน]
น้ำเสียงของคนวัยกลางคนได้ดังออกมา บางทีนี่อาจจะเป็นเสียงของนายแห่งปราสาทที่มีหมาตัวน้อยมาเฝ้าอยู่! การที่มีอะไรมาขัดขวางการได้เจอกันของทั้งสองคนนี่มันไม่ดีเลย
[ถึงยังไงฉันก็แค่…!]
“ใครบอกว่าจะปล่อยนายไปกันน่ะ?”
ยังไงก็ตามยูอิลฮานก็ขว้างหอกออกมาอย่างไม่ลังเลใจด้วยรอยยิ้ม
[อ๊ากกก!]
วิถีทางไร้ขอบเขตไม่ได้แค่จะนำไปใช้กับการโจมตีด้วยหอกเท่านั้น แต่มันยังนำไปใช้กับการขว้างได้ด้วยเช่นกัน และหอกนี่ก็ได้แทงทะลุเข้าไปในร่างของฮิวลูทูนก่อนที่นายแห่งปราสาทนี้จะได้ทำอะไรซะอีก มันไม่มีทางเลยที่ฮิวลูทูนจะทนได้ในเมื่อเขาเพิ่งจะถูกเสียงคำรามของยูมิลทำให้หมดพลัง
[คุณได้รับค่าประสบการณ์]
[คุณได้รับบันทึกของฮิวลูทูนเลเวล 571]
[คุณได้เพิ่มเลเวลขึ้นเป็น 533 พละกำลังเพิ่มขึ้น 5 ความคล่องแคล่วเพิ่มขึ้น 3 พลังชีวิตเพิ่มขึ้น 2 พลังเวทย์เพิ่มขึ้น 5]
[สกิลวิถีทางไร้ขอบเขตได้เพิ่มเลเวลขึ้นเป็น17]
ผู้บัญชาการกองพันที่ 2 ฮิวลูทูนได้ตายลงไปแล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะได้ถูกเพิ่มพลังขึ้นถึงขีดสุดจากการที่อยู่ในฐานทัพ แต่ว่าเขาก็ยังคงตายไปโดยที่ไม่ได้ทำอะไรซักนิดเดียว
แต่ถึงแม้ว่าจะมีผู้บัญชาการตายไป เหล่าผู้ล่าที่สังกัดกองทัพปีศาจวิบัติก็เพียงแต่หัวเราะออกมากันเท่านั้น เจ้าพวกนี้ทั้งหมดบ้ากันไปแล้วจริงๆ
[อ่า โอ้]
ยูอิลฮานได้พูดออกมา
“นี่มันคือสิ่งที่เขาต้องชดใช้ที่กล้ามาทดสอบฉัน”
[นายนี่เป็นคนที่เหมาะสมกับการเข้าร่วมกองทัพปีศาจวิบัติจริงๆ ฉันก็ได้บอกเขาหลายครั้งแล้วนะว่าให้ห้ามตัวเองเอาไว้ในตอนเจอนาย แต่ว่าเขาก็ยังต้องมาจบชีวิตลงแบบนี้ น่าเศร้าจริงๆ]
ประตูปราสาทได้เปิดขึ้นมา ภายในนั้นเป็นความมืดมิดที่ปกคลุมแม้กระทั่งนายแห่งกองทัพปีศาจวิบัติ
[เทพคนที่ห้า ยินดีด้วยนะ ฉันขอแสดงความยินดีกับนายด้วย]
“ทั้งๆที่ฉันได้ฆ่าผู้บัญชาการกองพันที่ 1 กับ 2 ของนายแล้วก็ขโมยผู้บัญชาการกองพันที่ 3 ไปเนี้ยนะ?”
[ไม่เป็นไรหรอก]
คำตอบของเขาดูไม่สะทกสะท้านใดๆ
[มีคนระดับผู้บัญชาการหลายคนที่ตายไปในกองกำลังอื่นๆ นี่มันคือช่วงเวลาแห่งการทำลายล้าง นี่มันมีแต่น่าพอใจและน่ายินดี ฉันรู้สึกยินดีกับนายจริงๆ]
ยูอิลฮานได้เข้าใจแล้วว่าคนที่กำลังรอเขาอยู่ภายในปราสาทคือชายที่บ้าจริงๆ เขาได้แตะหลังของยูมิลเบาๆ ยูมิลที่เข้าใจสิ่งที่ยูอิลฮานจะบอกได้เปลื่ยนร่างกลับเป็นมนุษย์และจับมือยูอิลฮานเอาไว้
การกลายมาเป็นคลาส 6 ในคราวเดียวทำให้ยูมิลเติบโตขึ้นมาจนสูงพอๆกับยูอิลฮานแล้ว แต่การกระทำของยูมิลก็ยังไม่ต่างไปจากเด็กอยู่ดี บางทีก็อาจจะไม่เคยมีใครเลยในวัยเดียวกับเขาที่มาถึงคลาส 6 อีกด้วย
“ไปกันเถอะ”
“ครับ”
ทั้งพ่อลูกได้กุมมือกันเดินเข้าไปภายในปราสาท ภายในปราสาทมันไม่มีอะไรอยู่เลย หากมีเมดหรือพ่อบ้านมันก็ไม่น่าตกใจเลย แต่ว่าเมื่อยูอิลฮานได้เข้าไปในปราสาท เขาก็ได้โยนความคิดนี้ออกไปทันที ยูมิลได้จับมือของยูอิลฮานแน่นเพราะความกลัวซึ่งนี่ดูน่ารักมาก
“ไม่แปลกใจเลยที่ไม่มีใครเข้ามาใกล้ที่แห่งนี้”
[นายตกใจงั้นหรอ?]
“ก็นิดหน่อย”
ไม่มีใครกล้าจะโกหกเมื่อได้เห็นสิ่งที่กำลังมองยูอิลฮานจากไกๆ นี่มันดูเหมือนกับว่า ‘ดวงตา’ ของเขาคนนั้น
[ยินดีต้อนรับยูอิลฮาน ฉันเรียกตัวเองว่าความโลภ นายเป็นคนที่สามที่ได้มองมาที่ร่างที่แท้จริงของฉัน]
“แล้วคนที่หนึ่งกับสองล่ะ?”
[มิคาเอลกับซาตาน ฉันได้มีการต่อสู้กับสองคนนั้น มันน่าเศร้ามากที่ฉันกลืนกินสองคนนั้นไม่ได้]
ภายในกำแพงปราสาทยักษ์แห่งนี้มีมอนสเตอร์ที่ถูกล่ามด้วยโซ่ที่ทำขึ้นมาจากโลหะโบราณที่ซึ่งยูอิลฮานที่เป็นคนที่รวมพลังเทพแห่งช่างตีเหล็กไว้ในร่างก็ยังใช้เวลานานกว่าจะมองออก
ปีกของนก เกล็ดของมังกร ครีบของปลา แผงคอของสิงโต เขี้ยวของงู ผิวหนังของโทรลล์ กล้ามเนื้อของโอเกอร์ วงแหวนทูตสวรรค์ และปีกสีดำของเทวดาตกสวรรค์
นี่คือการรวมกันของส่งมีชีวิตในหลายๆโลก และหลังจากการหลอมรวมนับไม่ถ้วน ทำให้เขาได้อยู่ในสภาพนี้
[ฉันคือความโลภ คนที่เต็มไปด้วยความปรารถนา หลังจากได้ผ่านความต้องการและความโลภอย่างไม่สิ้นสุดมาทำให้ฉันได้มาถึงจุดๆนี้]
ความโลภมีขนาดที่ใหญ่มากๆและยังคงเพิ่มขนาดขึ้นไปอีก
ยูอิลฮานคิดว่าอิชจาร์ตัวใหญ่แล้วงั้นหรอ? เคลาทูคนั่นตัวใหญ่แล้วสินะ? แต่แล้วเขาก็ต้องเปล่ยนความคิดเมื่อได้เห็นสิ่งมีชีวิตที่แบ่งพลังเวทย์ตัวเองไปสร้างปราสาทและกระทั่งใช้เวทย์บิดเบือนพื้นที่เพื่อยัดร่างของตัวเองเข้ามาในที่เล็กๆแห่งนี้
“…นี่ฉันต้องสงสารนายไหม?”
[ฟุ ฮ่าฮ่า]
ปราสาทแห่งนี้ได้จองจำความโลภเอาไว้ ถึงแม้ว่าจะเป็นเทพแล้ว แต่ว่าพลังเวทย์ของเขาก็ยังแผ่ขยายออกไปจนถึงจุดที่เขาทนไม่ได้อีกต่อไป
แน่นอนว่าการคุมคามจากมานานี้จะส่งผลเท่ากันทั้งกับตัวเขาเองและศัตรูของเขา และเพราะแบบนี้ทำให้สกิลสวนกลับของยูอิลฮานพัฒนาขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
[สกิลสวนกลับได้เพิ่มเลเวลขึ้นเป็น 55]
[หืมม สงสารงั้นสินะ อารมณ์นั่นคือสิ่งที่ฉันได้เสียไปเมื่อนานมาแล้ว บางทีการได้ลิ้มลองความรู้สึกนั่นจากตัวนายอีกครั้งมันอาจจะคุ้มค่าก็ได้แต่ว่านะ… ตอนนี้ฉันจะปล่อยเอาไว้ก่อน]
“นี่นายกินไปมากขนาดไหนกัน”
[ฉันก็แค่รักการกิน ฉันชอบการที่อุปสรรคของฉันหายไป รวมไปถึงอุปสรรคพวกนั้นได้กลายมาเป็นพลังของฉัน ฉันจะทำให้ทุกๆอย่างที่ฉันกินลงไปกลายมาเป็นพลังและค่าประสบการณ์จนเกิดการพัฒนาอยางไม่สิ้นสุด]
เพราะแบบนี้ในตอนนี้ก็เลยทำให้เขามีร่างกายที่ใหญ่พอจะกินสวรรค์เองได้เลย เขาได้อยู่บนโลกที่เขาปกครองพุ่งเข้าไปหาสวรรค์ แต่ว่านั่นเป็นครั้งแรกที่เขาต้องผิดหวั
[มันไม่มีพระเจ้าอะไรนั่นเลย มันไม่มีอะไรให้ฉันกินเลย แล้วก็เจ้ามิคาเอลที่ดูไม่น่าอร่อยนั่นก็น่ารำคาญมากๆด้วย มันไม่คุ้มเลยที่ฉันจะไปปะทะกับหมอนั่น]
“นี่มันต่างจากที่ฉันได้ยินมานะ”
[อย่าบอกนะว่านายคิดว่าเจ้าพวกนั้นปฏิบัติตามคำสั่งที่มอบหมายมาจริงๆ? พวกอัครเทวทูตที่กำลังเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกันก็ด้วย]
ยูอิลฮานได้แสดงสีหน้าแปลกๆออกมาและตรวจสอบอีกเรื่องหนึ่ง
“แล้วถ้างั้นกองทัพจรัสแสงก็เหมือนกันงั้นหรอ?”
[ซาตานคือคนที่จริงใจและสวยงามที่สุดที่ฉันรู้จักเลยล่ะ เทวดาตกสวรรค์พวกนั้นก็แค่มัวเมาไปกับการอ้างบารมีของเขาเท่านั้นเอง]
“แล้วสวนอาทิตย์อัสดงล่ะ?”
[ในด้านนั่นฉันไม่รู้เลย แต่ว่าผู้นำของพวกนั้นเป็นคนที่น่าสนใจมากๆ ฉันผิดหวังมากๆที่ไม่ได้เจอกับเขาคนนั้น เอาล่ะเรากลับมาคุยหัวข้อหลักกันดีกว่านะ]
หัวหน้ากองทัพปีศาจวิบัติ – ความโลภที่ยูอิลฮานคาดเอาไว้มาเป็นพวกสมองกล้ามเนื้อและชื่นชอบการทำลายได้พูดกับยูอิลฮานด้วยน้ำเสียงสงบ
[นายรู้ไหมว่ากำลังจะเกิดการทำลายล้างขึ้น?]
“อะไรนะ?”
ยูอิลฮานได้ถามกลับไป
มอนสเตอร์คนนี้ได้ยิ้มกว้างออกมาจนเห็นฟัน
[อย่างที่ฉันเคยพูดออกไป ในสวรรค์ไม่เคยมีพระเจ้าอยู่ หรือก็คือพระเจ้าได้ตายไปแล้ว]
หากว่ายูอิลฮานไม่เคยอ่านหนังสือของฟรีดริช นีทเชอมาก่อน เขาก็คงจะต้องตกใจกับคำพูดนี้มาก
“ข้อสรุปง่ายๆแบบนี้มัน…”
[ไม่ได้มีโลกใบใหม่เกิดขึ้นมาอีกเลยหลังจากที่โลกของนาได้เกิดขึ้นมา ในเวลาเดียวกันโลกจำนวนมากมายก็ได้ล้มสลายลงไปหรือกำลังอยู่ระหว่างการล่มสลาย แม้กระทั่งโลกระดับสูงก็กำลังลดจำนวนลงไปเช่นกัน ถึงแมว่าโลกพวกนั้นจะรวมเข้าด้วยกันกลายเป็นโลกใบใหญ่ขึ้นมา แต่ในท้ายที่สุดโลกพวกนั้นก็จะต้องเจอกับการล่มสลาย มันก็เหมือนกับโลกของกองทัพจรัสแสงที่นายได้ทำลายไป]
“แล้วทำไมกันล่ะ? นายอยากจะเปิดแคมเปญสันติภาพอะไรแบบนี้งั้นหรอ?”
[ฉันปรารถนาในการทำลาย แต่ว่าเมื่อทุกๆคนหายไปมันก็จะไม่มีอะไรเหลือให้ฉันกินอีก เพราะงั้นนั่นเป็นเหตุผลทำให้ฉันขังตัวเองเอาไว้ เพราะแบบนี้… ถึงต้องมีพระเจ้าองค์ใหม่เกิดขึ้นมา ผู้สร้างคนใหม่ จำเป็นที่จะต้องมีคนปกครองทุกๆโลกและสร้างโลกขึ้นมาใหม่]
“แล้วเพราะแบบนั้นนายก็จะได้กินได้ตามใจอีกครั้งสินะ?”
[ถูกแล้ว และฉันก็]
ความโลภได้พูดเรื่องไร้สาระขึ้นมาอีกครั้ง
[ฉันคิดว่านายจะกลายเป็นพระเจ้าองค์ใหม่]
บทที่ 298 – ความสำเร็จ (8)
“อ่า โอเค”
เมื่อยูอิลฮานได้หันหน้าไป มอนสเตอร์ก็ได้หัวเราะออกมา
[นายคิดว่าฉันกำลังโกหกงั้นหรอ?]
“อ่า ใช่ แบบนั้นแหละ”
[พระเจ้าได้ตายไปแล้ว ฉันจะกินเขา ในเวลาเดียวกันซาตานก็เป็นคนที่รับใช้พระเจ้าจนถึงท้ายที่สุด ส่วนสวนอาทิตย์อัสงดงก็เป็นแค่ผู้ชม นับตั้งแต่เริ่มต้นมีแค่นายเท่านั้นยูอิลฮานที่ได้เข้าไปถึงขอบเขตการสรรสร้างนอกจากตัวพระเจ้าเอง ฉันมั่นใจในเรื่องนี้หลักจากได้เห็นการคืนชีพของเฮเรียน่า]
“สำหรับเรื่องนั้นฉันก็แค่หลอมจิตวิญญาณครึ่งหนึ่งของเธอเข้าไป…”
[ใช่แล้ว นายยังไม่ถึงระดับนั้น ทั้งพลังของนาย มานาของนาย บันทึกของนาย ทุกๆอย่าง แต่แน่นอนว่านายได้มาถึงในระดับที่ทำให้เราทุกคนต้องตกตะลึงแล้ว]
มันเป็นเรื่องที่เขาได้รู้เรื่องนี้ ยูอิลฮานไม่ได้มีความสามารถในการสร้างชีวิตจากความว่างเปล่า ยังไงก็ตามมอนสเตอร์ก็ยังพูดต่อไป
[แล้วด้วยสัญชาตญาณของนาย นายก็รู้ว่าจะทำอะไรต้องทำเพื่อที่ไปในระดับที่สูงกว่านี้ไม่ใช่หรอกหรอ?]
“…”
ใช่แล้ว ยูอิลฮานได้รู้เรื่องนี้อยู่แล้ว ทำไมถึงต้องมีกองกำลังอยู่ด้วยล่ะ? แล้วโลกที่อยู่ใต้การปกครองเกิดขึ้นได้ยังไงล่ะ? จะต้องทำอะไรเพื่อที่จะยกระดับพลังขึ้นไปอย่างต่อเนื่องงั้นหรอ? ในตอนนี้ยูอิลฮานรู้ในวิธีอื่นนอกจากการเพิ่มเลเวลไปอย่างไร้จุดหมายแล้ว
โลกไงล่ะ เขาจะต้องครอบครองโลกจำนวนมาก
“นายอยากจะให้ฉันเข้าร่วมในสงครามแย่งชิงโลกระดับสูงงั้นหรอ?”
[นายได้เข้าร่วมแล้ว ฉันก็แค่อยากจะให้นายรุกมากขึ้นเพื่อเป้าหมายของนาย]
“เพื่อที่จะสร้างอะไรมาให้นายกินน่ะหรอ?”
[ถูกแล้ว ในตอนนี้เรากำลังเจรจากันอยู่ นี่แหละคือสิ่งที่ฉันต้องการ]
ลิ้นสีแดงหลายแฉกของเขาได้ยื่นออกมาเหมือนกับสัตว์เลื้อยคลาย และตวัดไปมา
หลังจากนั้นคำพูดที่ยูอิลฮานไม่เคยคิดว่าเขาจะได้ยินจากปากสัตว์ประหลาดตัวนี้ก็ดังออกมา
[พันธมิตร]
ยูมิลได้บีบมือยูอิลฮานแน่น ในตอนนี้ยูมิลกำลังบอกนัยๆว่าเขาไม่ต้องการจะอยู่ฝ่ายเดียวกับสัตว์ประหลาดน่ากลังตนนี้ ยังไงก็ตามยูอิลฮานก็พบว่านี่มันเป็นข้อเสนอที่น่าดึงดูดใจมากทีเดียวสำหรับหัวหน้ากองกำลังเกิดใหม่ที่มีพลังน้อยที่สุด
“เอ๋ พันธมิตรสินะ”
[ถึงแม้ว่านายจะเป็นกองกำลังที่มีจำนวนน้อยที่สุด แต่ว่านายก็สามารถจะเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระที่สุดในหมู่เทพด้วยกัน ไม่มีใครจะเพิกเฉยตัวนายได้ แน่นอนวาฉันก็ด้วย ฉันอยากที่จะมีความสัมพันธ์ที่เท่าเทียมกันกับนาย]
“ช่วยพูดให้ชัดหน่อยสิ”
[เป้าหมายแรกก็คือกวาดล้างกองทัพจรัสแสงแล้วก็สวนอาทิตย์อัสดง จากนั้นเราก็จะแบ่งโลกของกองกำลังทั้งสองกองกำลังนั่นเท่าๆกัน ฉันก็จะได้มีมานาที่มากพอจะคงสภาพตัวเองได้ ส่วนนายก็จะเพิ่มระดับพลังได้เช่นกัน ส่วนเป้าหมายต่อจากนั้นคือ….]
ยูอิลฮานรู้ในเป้าหมายนี้ได้ทันทีโดยที่ไม่ต้องฟังอะไรอีก
“ลบล้างสวรรค์สินะ”
[ดูดกลืนสวรรค์และทำให้โลกของนายเป็นโลกลำดับที่หนึ่ง นายก็น่าจะกลายเป็นพระเจ้า นายจะกลายเป็นผู้สร้างคนใหม่! และจากนั้นฉันก็จะเป็นศัตรูของนาย]
“แล้วนี่นายจะไม่สวมหนังแกะแล้วพูดอะไรอย่างเป็นพันธมิตรไปตลอดกาลงั้นหรอ?”
[นี่มันคือธรรมชาติของฉัน ฉันซื่อสัตย์กับความปรารถนา แค่คิดว่าผู้สร้างคนใหม่จะมีรสชาติยังไงก็ทำให้ฉันคลั่งแล้ว]
ยูอิลฮานได้แต่จบด้วยการหัวเราะออกมา
“แล้วนายไม่คิดว่าฉันจะไปหาซาตานงั้นหรอ?”
[ถ้านายพูดแบบนั้นเพราะนายจำได้ว่าเทวดาตกสวรรค์พยายามจะปกป้องนายล่ะก็นะ… คนๆนั้นจะไม่มีการร่วมมือใดๆแน่ นั่นมันก็เพราะนายสมบูรณ์แล้ว มันก็เหมือนกับคนที่กำลังรอให้พิซซ่าในเตาอบสุกดีนั่นแหละ หากว่าพิซซ่านั่นสุกแล้วนายคิดว่าคนๆนั้นจะปล่อยทิ้งไว้งั้นหรอ?]
“เป็นการเปรียบเทียบที่สมกับเป็นนายดีนะ”
ยูอิลฮานก็แค่คิดเล่นๆไปเท่านั้น เขาไม่ได้คิดจริงๆอยู่แล้วว่าเขาจะไปเป็นพันธมิตรกับกองทัพจรัสแสง จริงๆแล้วการที่พวกนั้นมาปกป้องเขายิ่งทำให้เขารำคาญด้วยซ้ำไป ยูอิลฮานปกป้องตัวเขาเองได้อยู่แล้ว แต่เจ้าพวกนั้นกลับมาทำอะไรไร้ประโยชน์ไปซะได้
ยูอิลฮานไม่เคยคิดถึงสถานการณ์ที่เขาจะได้รับความช่วยเหลือเลยสักนิด นั่นมันก็เพราะตลอดเวลาเขาไม่เคยได้รับความช่วยเหลือจากภายนอกมาก่อน เพราะแบบนี้ถึงทำให้เขาแข็งแกร่ง เพราะแบบนี้ถึงทำให้เขายืนได้โดยลำแข้งตัวเอง ยืนได้โดยไม่ต้องพึ่งคนอื่น
เพราะแบบนี้ทำให้
“ขอโทษด้วยนะแต่ฉันขอปฏิเสธในข้อเสนอนี้”
เขาไม่จำเป็นต้องให้มอนสเตอร์นี่ช่วย
“ฉันจะทำตามการตัดสินใจของฉันเอง โลกล่มสลายงั้นหรอ? นายไม่มีอะไรกินงั้นหรอ? นั่นไม่ใช่ปัญหาของฉันนี่ ตราบใดที่โลกของฉันยังคงอยู่ฉันก็ไม่มีปัญหานี่ แล้วกหากพวกนายหรือใครมายุ่งย่ามกับฉันถ้างั้นฉันก็แค่จะลบพวกนายออกไป ฉันคิดว่านายคงจะเข้าใจในตัวฉันผิดไปแล้วนะ นายรู้อะไรไหม? ตัวฉันน่ะเป็นคนแบบ”
เขาได้ยิ้มออกมา
“เล็กจ้อยมากๆเลยนะ”
[เล็กจ้อยงั้นหรอ? งั้นนายก็เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในคนเล็กจ้อยนั่นแหละ แต่ว่านะนายในตอนนี้น่ะ… จะปกป้องโลกและคนของนายได้งั้นหรอ?]
“อืมม สำหรับตอนนี้มันก็คงจะยากนะ”
สำหรับการยืนอยู่ต่อหน้าตัวตนข้างหน้าเขานี้ ยูอิลฮานรู้สึกได้เลยถึงความต่างของพลัง
ในตอนนี้เขาไม่อาจจะเอาชนะตัวตนข้างหน้านี้ได้แน่ๆ เหตุผลที่ยูอิลฮานเอาชนะมิคาเอลได้นั่นมันก็เพราะว่าเขามีข้อได้เปรียบเรื่องธาตุเท่านั้นเอง แต่ว่าหากเป็นการเอาชนะมอนเตอร์บ้าที่ปล่อยแรงกดดันมานาทรงพลังแบบนี้ออกมาจากร่างกายได้โดยไม่ใช้อาร์ติแฟคหรือข้อได้เปรียบด้านธาตุมันก็คงจะเป็นไปไม่ได้ในตอนนี้
“แต่ว่าฉันก็ยังมีเวลาเหลืออยู่อีก ฉันกระทั่งป้องกันไม่ให้นายเข้ามาในโลกของฉันได้”
[ไม่หรอก ฉันไม่ได้คิดที่จะสู้กับนายเลย ฉันก็แค่อยากจะให้นายฟังในข้อเสนอของฉัน เพราะว่าในเร็วๆนี้]
มอนสเตอร์ได้ยิ้มออกมา ปากใหญ่ๆของเขาได้เปิดกว้างออกมาจนเห็นฟันจำนวนมากภายในปากและหัวเราะออกมา
[นายก็จะรู้ได้เอง คนพวกนั้นน่ะน่ารังเกลียดยิ่งกว่าฉันอีก ต่อให้นายอยู่เฉยๆสงครามก็จะเข้าไปหานายเอง จำข้อเสนอนี้ของฉันเอาไว้ให้ดี ฉันจะรอคอยคำตอบจากนายนะ]
ประตูปราสาทได้เปิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ยูอิลฮานได้หันหน้าไปพร้อมกับยูอิล มอนสเตอร์ก็ยังคงหัวเราะออกมา
[มันคงจะไม่นานนักหรอก]
“ฮึ่ม”
ประตูปราสาทได้ปิดลงและแรงกดดันที่น่ากลัวก็ได้หายไปพร้อมๆกับปราสาท สกิลสวนกลับของยูอิลฮานก็ได้มาถึงเลเวล 69 แล้ว
[จบแล้วหรอ? จบแล้วสินะ?]
[งั้นก็มาเล่นกับเราได้แล้ว]
เหล่านักล่าที่รอให้ยูออิลฮานหมดธุระได้พุ่งเข้ามาโจมตียูอิลฮานด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า แน่นอนว่า ‘เล่น’ นั่นน่าจะหมายถึงการกินเนื้อของคนๆนั้นไป ยูอิลฮานก็ได้ยิ้มกลับไปเช่นกันและจัดการกวัดแหว่งหอกของเขา
ค่าประสบการณ์ได้หลั่งไหลเข้ามาในทนัที แต่ว่าการต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตระดับต่ำแบบนี้ทำให้ไม่ได้ค่าประสบการณ์มากนัก
“ฉันบอกว่าช่องเก็บของฉันเต็มไปแล้วไง พวกนายนี่ไม่ฟังกันเลย”
“พ่อครับ กลับกันเถอะ ผมง่วงแล้ว”
“ได้เลย ตอนนี้พ่อก็เหนื่อยแล้วเหมือนกัน”
เนื่องจากว่ายูอิลฮานได้เปิดใช้สกิลสวนกลับอยู่ตลอดเวลาเพื่อต้านกับแรงกดดันทำให้เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะไม่เหนื่อย ยูอิลฮานได้ถอนหายใจและเปิดใช้สกิลข้ามมิติ
แต่ว่าก่อนที่สกิลจะทำงานและพาทั้งสองคนไปโลกอื่น ยูอิลฮานก็ได้มองไปที่กำแพงแห่งความโกลาหลที่อยู่ไกลออกไป
อีกฝั่งหนึ่งของกำแพงเป็นโลกแห่งแสงสว่างที่เต็มไปด้วยทูตสวรรค์
“ทำลายสวรรค์ด้วยกันงั้นสินะ?”
มอนสเตอร์นี่ไม่คิดจะซ่อนความต้องการกันเลย แต่ในครั้งนี้ยูอิลฮานก็เห็นด้วยกับพวกนั้น
‘มีหมูแบบไหนกันนะที่กินด้วยความคิดที่คิดถึงอนาคตไปด้วย? คงไม่ใช่หมูแต่เป็นโสคราตีสสินะ’
ยูอิลฮานได้คิดอยู่ในใจของเขา หากว่าเจ้านี่ฉลาดก็คงไม่ตกอยู่ในสภาพแบบนี้แน่
เจ้านี่น่าจะโกหกหรือซ่อนอะไรบางอย่างจากยูอิลฮานอยู่ ยกตัวอย่างก็เช่นหัวหน้าของสวนอาทิตย์อัสดงที่ดูเขาจะไม่อยากพูดถึงเลย
“ดูเหมือนฉันต้องไปหาหัวหน้ากองกำลังอื่นๆเหมือนกันงั้นหรอ?”
ยังไงก็ตามการไปที่กองทัพจรัสแสงนั้นคงจะไม่ดีแน่ ยูอิลฮานเชื่อในคำพูดของความโลภที่ว่าซาตานจะไม่ปล่อยเขาไปแน่ และหากยูอิลฮานเป็นซาตานก็คงจะทำเหมือนกัน
ส่วนหัวหน้าสวนอาทิตย์อัสดงยูอิลฮานไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอยู่ที่ไหน ยูอิลฮานรู้สึกตกใจเอามากๆ คนๆนี้คงจะมีความสามารถในการซ่อนตัวที่ลึกซึ้งมาก
“ถ้างั้นเรากำลังจะไปไหนกันหรอครับพ่อ?”
“แน่นอนสิว่าต้องเป็นที่ดาเรย์”
ยูอิลฮานก็อยากจะกลับไปที่โลกของเขา แต่หากเขากลับไปตอนนี้ได้เกิดปัญหาเล็กๆขึ้นแน่ ปัญหาก็คือโลกของเขาจะกลายไปเป็นโลกระดับสูงในทันที ระดับพลังของหัวหน้าของกองกำลังมากพอที่จะควบคุมการเป็นไปของโลกและเนื่องจากโลกได้เตรียมพร้อมมานานแล้ว นี่ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
“ผมคิดว่านั่นไม่ใช่ปัญหาเล็กๆนะครับพ่อ!”
“นี่ลูกเริ่มต่อล้อต่อเถียงพ่อแล้วนะ!”
แต่สำหรับที่ดาเรย์ ที่นั่นเป็นโลกระดับสูงไปแล้วแถมยังอยู่ใต้การปกครองของยูอิลฮานแล้วด้วย เพราะแบบนี้ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
ในตอนนี้เองสกิลข้ามมิติก็ได้ถูกทำงานแล้ว ภาพที่น่ากลัวได้ค่อยๆจางลงและโลกสงบสุขภายในดาเรย์ก็ได้โผล่ขึ้นมา
แน่นอนว่าโลกใบนี้ได้เริ่มเปลื่ยนไปอย่างต่อเนื่องเมื่อยูอิลฮานได้มาถึง
[คุณได้รวบรวมบันทึกทั้งหมดของโลกใบนี้และได้รับการเชื่อฟังจากผู้อาศัยทั้งหมดที่นี่ ที่โลกดาเรย์นี้ได้กลายเป็นถิ่นอาศัยของดราก้อนเนส]
[การได้รับบันทึกจากคุณทำให้ดาเรย์ได้เกิดมหาภัยพิบัติขั้นที่ 6 ขึ้น]
“อ่า ที่นี่ก็เกิดปัญหาเล็กๆขึ้นเหมือนกัน”
“นี่ก็ไม่ใช่ปัญาเล็กๆนะครับพ่อ!”
และมันก็ไม่ใช่เรื่องเล็กๆจริงๆ เมื่อยูอิลฮานได้ตัดสินใจจะไปหาเอลฟ์เพื่อจะช่วยปกป้องคุ้มกันก็ได้มีเสียงดังขึ้นมาจากในร่างของเขา และมีชุดข้อความอีกชุดหนึ่งโผล่ขึ้นมา
[พลังของคุณในฐานะผู้นำดราก้อนเนสได้ทำงาน]
[โลกภายใต้การปกครองของคุณกุนเดียได้รวมเข้ากันกับดาเรย์]
“…หืม?”
กุนเดียนั่นมันเป็นโลกระดับต่ำนี่ แต่การที่มันกำลังผสมเข้ากับดาเรย์นี่มัน? ถ้างั้นที่ดาเรย์แห่งนี้กำลังจะเจอมหาภัยพิบัติขั้นที่ 6 หรือกำลังถดถอยลงกันแน่เนี้ย?
นอกไปจากนี้การที่โลกระดับต่ำกับโลกระดับสูงรวมเข้าด้วยกันมันเป็นไปได้ด้วยงั้นหรอ ถ้ามันเป็นไปได้ทั้งสี่กองกำลังก่อนหน้านี้ก็คงจะไม่ปล่อยโลกระดับต่ำเอาไว้แน่! นี่มันหมายความว่าพลังนี้มีแต่ยูอิลฮานเท่านั้นที่มีมัน…!
“อ่า หัวของฉันมันปวด… อ๊ากกกกกกกก!”
ยังไงก็ตามบันทึกนภาก็ไม่ได้ให้เวลาเขาได้แบ่งแยกความคิดนี้ ข้อความจำนวนนับไม่ถ้วนได้ปรากฏขึ้นในหัวของเขาพร้อมๆกันกับการรวมกันของกุนเดียกับดาเรย์ที่เพิ่งจะเริ่มขึ้น
[โลกภายใต้การปกครองของคุณไทเฟ็นได้รวมเข้ากับดาเรย์]
[โลกภายใต้การปกครองของคุณอีไลด์ได้รวมเข้ากับดาเรย์]
“นี่มันอยู่นอกเหนือการคาดการณ์ของฉันแล้วนะ!”
“ดูสิ ดูสิพ่อ! ว้าว มิติกำลังแยกจากกัน! นั่นมันโลกที่เราเคยไปกันมาก่อน!”
โลกนี่หลอมรวมกันง่ายๆแบบนี้เลยงั้นหรอ!? ยูอิลฮานได้เบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง แต่ว่านี่มันยังไม่หมดแค่นั้น
[โลกภายใต้การปกครองของคุณเทโรดัว…]
[โลกภายใต้การปกครองของคุณ….]
[โลกภายใต้…]
[โลก…]
“…”
“โอ้ ว้าวววว!”
โลกได้ถูกแยกออกและมีโลกใหม่ๆปรากฏตัวขึ้นบนนั้นเพื่อที่จะขยายผืนดินและท้องฟ้าออกไป จากตะวันตก ตะวันออก เหนือ ใต้ ท้องฟ้าได้มาเจอกับท้องฟ้าที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ โลกกำลังขยายขนาดออกไปด้วยความเร็วที่น่าทึ่ง
พร้อมๆกันกับการขยายของโลกอำนาจการปกครองของยูอิลฮานก็ได้ขยายออกตามไปด้วย แต่ว่าหลังจากได้เห็นการเปลื่ยนแปลงไปการแผ่ขยายมานาและมอนสเตอร์ใหม่ๆที่กำลังเกิดขึ้นมาก็ทำให้เขาหัวเราะไม่ออกแล้ว
“พ่อครับ เราจะทำยังไงกันดี?”
“พ่อก็ไม่รู้เหมือนกัน… นั่นมันเอลฟ์นี่! พ่อจะต้องปกป้องเอลฟ์กับหมาป่าในโลกใบนี้! อ๊ากกกกกกก!”
ในวินาทีที่ยูอิลฮานก็ตั้งสติได้และเริ่มเคลื่อนไหว สถานการณ์ที่แย่ที่สุดที่เขาได้คิดเอาไว้มันได้เกิดขึ้นมาแล้ว
[โลกภาตใต้การปกครองของคุณเอิร์ธได้รวมเข้า….]
“ไม่!!!!!!”
[การรวมกันของดาเรย์กับเอิร์ธได้ถูกยกเลิกแล้ว]
“อ่า ฉันหยุดมันได้ด้วยแหะ”
หลังจากได้รู้เรื่องนี้ยูอิลฮานก็ได้โล่งอกขึ้นมา ยังไงก็ตามในจุดๆนี้โลกอื่นๆทั้งหมดที่เขาเคยไปมายกเว้นโลกของเขาได้รวมเข้ากับดาเรย์ไปจนหมดแล้ว
นี่คือการเกิดขึ้นของโลกที่เป็นของยูอิลฮานเพียงผู้เดียว
บทที่ 299 – ความสำเร็จ (9)
“เวรล่ะ”
ยูอิลฮานได้พึมพัมออกมาด้วยรอยยิ้ม การรู้แจ้งมักจะมาในตอนที่คนๆหนึ่งยอมแพ้เสมอ… การยอมแพ้นี่มันดีจริงๆเลยแหะ
“หืม? ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหัวใจไม่สั่นคลอนได้ทำงานแล้ว”
“พ่อครับ ผมก็อยากจะมีสกิลนั้นเหมือนกัน”
“มันดีแล้วล่ะที่ลูกไม่มีสกิลนั้น”
ทวีปจำนวนมากมายได้ถูกขยายขึ้นเป็นสิบเท่าพร้อมๆทั้งภูเขาที่โผล่ขึ้นมาและพังทลายลงไป หุบเขาลึกได้ปรากฏขึ้นจากผืนดิน ทะเลได้แห้งแล้งลงไปในขณะที่บางส่วนมีมากขึ้นจนกลืนผืนดินไป หากเป็นคนปกติได้มาเห็นภาพนี้พวกเขาก็คงไม่อาจจะตั้งสติต่อไปได้อีกแล้ว
ยังไงก็ตามยูอิลฮานก็ไม่กล้าจะปิดใช้งานหัวใจที่ไม่สั่นคลอนเพราะหวาดกลัวผลกระทบภายหลังที่จะตามมา เขาแค่ตัดสินใจปล่อยสกิลนี้เอาไว้
“ยังไงก็ตาม… พวกนายไม่เป็นอะไรนะ?”
“พะ พวกเราไม่เป็นไรครับท่านจักรพรรดิ!”
[บรู๋ววววววว!]
เหล่าเอลฟ์กับหมาป่าที่ตกตะลึงกับการเปลื่ยนแปลงที่จู่ๆก็เกิดขึ้นมาได้ถูกยูอิลฮานช่วยเอาไว้และพวกเขาไม่อาจจะซ่อนความตื่นตระหนกเอาไว้ได้
วิธีการช่วยเหลือของยูอิลฮานก็ไม่ปกติเอามากๆเช่นกัน ยูอิลฮานได้ใช้วงเวทย์ที่ถูกร่ายอยู่ทั่วทั้งดาเรย์ทำให้พื้นที่ส่วนหนึ่งยกส่วนขึ้นเพื่อไม่ให้ได้รับผลกระทบจากมหาภัยพิบัติและรวบรวมทุกๆคนมาไว้ที่นี่
“ท่านจักรพรรดิน่าทึ่งมาก”
“ดูสิๆ ท่านจักรพรรดิกำลังเปลื่ยนแปลงโลกล่ะ!”
“โอ้สวยจังเลย… ภายใต้ฝ่ามือท่านจักรพรรดิดาเรย์เรากำลังเบ่งบานขึ้นมา!”
ภายใต้ฝ่ามือท่านจักรพรรดิดาเรย์เรากำลังเบ่งบานขึ้นมา? ในตอนนี้ยูอิลฮานทำได้แค่พยายามจะควบคุมโลกเท่านั้นเองนะ!
มีเรื่องที่โชคดีและน่าสงสัยอยู่เรื่องหนึ่งก็คือวงเวทย์เอลฟ์โบราณนั้นได้ถูกร่ายเอาไว้นอกทวีปดาเรย์และแผ่ขยายข้ามกำแพงไปจนถึงโลกอื่นๆและทวีปของโลกอื่นๆโดยไร้ซึ่งปัญหาใดๆอีกด้วย
มันราวกับว่าวงเวทย์นี้ได้ถูกสร้างเอาไว้ด้วยความคิดที่จะให้มันขยายออกไปตั้งแต่แรกแล้ว
“อย่างน้อยที่สุดพวกเอลฟ์โบราณก็ได้เตรียมตัวไว้สำหรับการวิวัฒนาการโลก”
“พ่อครับ สู้ๆนะครับ”
แน่นอนว่าการที่ยูอิลฮานได้ยกระดับศักยภาพของวงเวทย์ด้วยการอัพเกรดมันก็มีส่วนช่วยด้วยเช่นกันล
และที่สำคัญที่สุดเลยก็น่าจะเป็นการที่ยูอิลฮานได้กลายเป็นจ้าวแห่งโลกใบนี้…
เขาคิดว่า เขาโชคดีในหลายๆด้าน
“โอ้ว โลกกำลังขยายออกไป”
“มอนสเตอร์ก็ยังได้เกิดและตายขึ้นมาอย่างต่อเนื่องเช่น”
“อ่า… ในที่สุดท่านจักรพรรดิก็”
“…ได้กลายเป็นพระเจ้า”
ทุกๆสถานที่นอกจากที่ราบสูงที่พวกยูอิลฮานยืนอยู่ได้กำลังเปลื่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่อง
มอนสเตอร์ที่ไม่อาจจะทนต่อความเข้มข้นของมานาได้ก็ได้แก่ลงอย่างต่อเนื่องจนตายไปเอง และไม่นานก็จะมีมอนสเตอร์ใหม่ๆเกิดขึ้นมาก่อนที่จะตายไปอีกครั้งหนึ่ง เรื่องแบบนี้ไม่ได้เกิดแค่กับมอนสเตอร์เท่านั้น แต่ธรรมชาติก็เป็นเช่นเดียวกัน
“สวย…”
“สวยมากๆ”
“แล้วก็… น่ากลัวมาด้วย”
การเกิดและตายคือชะตากรรมที่ไม่อาจจะเลี่ยงได้ และเป็นการเป็นไปที่ไม่อาจจะปฏิเสธได้ แต่ว่าการเป็นไปนี้ไม่ใช่สิ่งที่จะยอมรับกันได้ง่ายๆ หากว่ายูอิลฮานไม่ได้แย่เหล่าเอลฟ์กับหมาป่าออกมาก่อน คนพวกนี้ก็คงจะต้องเจอกับชะตากรรมที่คล้ายๆกัน เพราะงั้นการกระทำนี้ของเขาจึงยอดเยี่ยมมาก
“พ่อครับ เมื่อไหร่มันจะจบลงกันครับ?”
“ยังเหลือเวลาอยู่อีกมาก มิล ช่วยไปบอกคนอื่นๆว่าไม่ให้มาที่ดาเรย์ซักพักทีนะ”
“ได้เลยครับ!”
แม้กระทั่งในตอนที่ยูมิลได้อธิบายสถานการณ์ให้คนอื่นๆฟังผ่านเครื่องมือสื่อสาร ยูอิลฮานก็ยังเคลื่อนไหวอย่างวุ่นวาย ในตอนนี้การรวมกันของโลกได้จบลงแล้ว และเพราะแบบนี้ยูอิลฮานก็จะต้องจัดการช่วยวงเวทย์เอลฟ์โบราณให้เข้ากันกับโลกใบใหม่ที่ขยายใหญ่ขึ้นกว่าเดิมสิบกว่าเท่า
[สกิลประกาศิตได้เพิ่มเลเวลขึ้นเป็น 23]
[สกิลประกาศิตได้เพิ่มเลเวลขึ้นเป็น 24]
“ทั้งๆที่ฉันไม่เคยใช้สกิลี้มาก่อนเลเวลมันก็ยังเพิ่มขึ้นรัวๆเลยแหะ…”
สกิลประกาศิตก็คือสกิลที่เป็นการรวมกันของสกิลบันทึกกับสกิลปกครอง นี่คือสกิลที่ยืนยันถึงการยืนในตำแหน่งหัวหน้าของกองกำลังสิ่งมีชีวิตชั้นสูง
และในตอนนี้ยูอิลฮานกำลังทำการควบคุมวงเวทย์ที่ควบคุมทั้งโลกและทำการดูดเอาบันทึกทั้งหมดของสิ่งมีชีวิตมาเสริมพลังของมัน เพราะแบบนี้มันก็คล้ายกันกับการใช้สกิลบันทึกกับสกิลปกครองพร้อมๆกัน ทำให้สกิลที่วิวัฒนาการมาจากสกิลเหล่านี้ได้เพิ่มเลเวลขึ้นเช่นกัน
“…เอาล่ะถ้างั้นมาลองดูกัน”
สกิลประกาศิตก็เป็นอย่างที่เขาเพิ่งจะพูดไป มันเป็นสกิลที่จะทำให้เขาไปถึงในระดับพลังของทวยเทพ แต่ว่าในส่วนที่ยากลำบากก็คือมันจะเปิดใช้งานได้แค่ภายในส่วนพื้นที่การปกครองของเขาเท่านั้น
ยังไงก็ตามยูอิลฮานได้ครอบครองสกิล ‘ประจักษ์แจ้ง’ อยู่ และเขาสามารถจะใช้งานมันเพื่อสร้างพื้นที่ของเขาที่ไหนก็ได้ตลอดเวลา บางทีนี่อาจจะเป็นเพราะพลังของฉายา ‘ผู้ก้าวข้าม’ ที่ทำให้เขาได้รับเส้นทางในการวิวัฒนาการเพิ่มเติมขึ้นมามากมาย
มันยังไม่ใช่แค่นั้น ฉายา ‘ผู้ก้าวข้าม’ ยังทำให้เขามีอิสระมากๆอีกด้วย อิสระจนมากเกินไป เพราะแบบนี้ทำให้เมื่อยูอิลฮานได้กลายมาเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงทุกๆคนต่างก็หวาดกลัวยูอิลฮาน
‘ยิ่งคิดถึงมันก็ยิ่งทำให้ฉันรู้ว่ามันโกงมากแค่ไหน’
ตามปกติแล้วหัวหน้าของแต่ล่ะกองกำลังจะได้รับการเสริมพลังขึ้นอย่างมากในโลกที่อยู่ใต้การปกครองของพวกเขา ในขณะเดียวกันผู้บุกรุกเข้าไปในโลกผู้อื่นก็จะได้รับบทลงโทษเช่นกัน
เพราะแบบนี้เองทำให้สิ่งมีชีวิตชั้นสูงของแต่ล่ะกองกำลังไม่เคยไปทำสงครามในฐานทัพหลักของฝ่ายอื่น อาจจะพูดได้ว่านี่คือความสามารถในขั้นพัฒนาของสกิลจ้าวมิติที่ยูอิลฮานครอบครองอยู่
ยังไงก็ตามตัวยยูอิลฮานที่มีฉายา ‘ผู้ก้าวข้าม’ อยู่ทำให้เมื่อเขาได้กลายมาเป็นหัวหน้าดราก้อนเนสทำให้เขาสามารถจะเมินเฉยต่อเรื่องบทลงโทษในเรื่องนั้นได้ หรือก็คือยูอิลฮานจะไม่ได้รับการเพิ่มพลังเมื่อเขาอยู่ในโลกของเขาหรือในดาเรย์ แต่ว่าในเวลาเดียวกันเมื่อเขาบุกไปที่สวรรค์หรือโลกเบื้องล่าง เขาก็จะไม่ได้รับบทลงโทษใดๆเช่นกัน
ถ้างั้นแบบนี้ไม่ใช่ว่าในตอนป้องกันจะเสียเปรียบหรอกหรอ?
พูดแบบนั้นก็ไม่ถูกนัก นั่นมันเพราะว่ายูอิลฮานยังมีความสามารถในฐานะนักท่องมิติอยู่ และเขาสามารถจะป้องกันไม่ให้สิ่งมีชีวิตอื่นๆบุกเข้ามาในโลกของเขาได้
สิ่งที่ยิ่งทำให้เสียสมดุลไปกว่าเดิมนั่นก็คือยูอิลฮานสามารถจะสร้างพื้นที่ควบคุมของเขาขึ้นได้ด้วยสกิลประจักษ์แจ้ง มันจะทำให้ตัวเขาได้เปรียบหัวหน้ากองกำลังอื่นๆ
นี่มันเป็นเหตุผลที่ทำให้เขามั่นใจว่าเขาจะไม่แพ้ใครต่อให้เขาเป็นหัวหน้ากองกำลังที่ห้าที่อ่อนแอที่สุดก็ตาม
“ดีล่ะถ้างั้นก็”
ยูอิลฮานได้ค่อยๆเปิดปากขึ้นมา เขารู้สึกว่าภาษาที่เขากำลังพูดอยู่ในตอนนี้ไม่อาจจะใช้ภาษาปกติมาทำความเข้าใจได้
[มาแยกน้ำกับผืนดินกัน]
คลื่นน้ำได้ที่กำลังพุ่งอยู่ทุกๆที่ได้สงบลงและพุ่งออกไปหยุดนิ่งลงมากลายเป็นทะเลสาบหรือมหาสมุทร ผืนแผ่นดินก็ได้หลอมรวมกับแผ่นดินใกล้ๆ ในระหว่างกระบวนการนี้ก็ทำให้เกิดหุบเขาและภูเขาขึ้นมา ในเวลาเดียวกันทะเลสาบดั้งเดิมก็ได้หายไปและบางครั้งก็เกิดเป็นมหาสมุทรใหญ่ขึ้นมา
“อ่า อ่าาาาา”
“ได้ยังไงกัน…”
ในท้ายที่สุดเหล่าเอลฟ์ก็ทำอะไรไม่ถูกเมื่อได้เห็นคำพูดคำเดียวของยูอิลฮานได้ทำให้เกิดการเปลื่ยนแปลงขึ้นกับโลก ระหว่างยูอิลฮานกำลังควบคุมผืนฟ้าและแผ่นดิน เขาก็ได้เปล่งแสงสีแดงเพลิงออกมาโดยไม่รู้ตัว! เหล่าเอลฟ์ที่แต่เดิมภักดีกับเขาถึงขีดสุดอยู่แล้วได้เริ่มเกิดความศรัทธาขึ้นมา
แน่นอนว่ายูอิลฮานก็ไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีนัก
[สกิลประกาศิตได้เพิ่มเลเวลขึ้นเป็น 26]
[มานาถูกใช้ไปแล้ว 48%]
“ฮ่าห์ บ้ามากๆเลยแหะ”
จากการที่มานาส่วนใหญ่ถูกดูดออกไปแทบจะในทันทีทำให้เขาเกือบจะหมดสติลงไป เมื่อคิดถึงเลเวล 500 ของยูอิลฮานแล้วพลังเวทย์ของเขาจึงมีมหาศาลมาก เพราะแบบนี้มานาจำนวน 48% จึงไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลย! ยังไงก็ตามโชคดีที่สภาพดาเรย์เป็นแบบนี้
“พ่อไม่เป็นอะไรนะครับ”
“ไม่เป็นไร มานาของพ่อกำลังฟื้นฟูขึ้นมาอยู่”
มันจะมีหายนะเกิดขึ้นจากมานามากเกินไปใช่ไหม ยูอิลฮานได้ดูดมานาส่วนเกินพวกนั้นมาจากส่วนต่างๆของดาเรย์และฟื้นฟูมานาทั้งหมดของเขาอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าเขายังต้องใช้ประกาศิตอยู่อีกหลายครั้งอยู่ดี
[ทำให้มานาของโลกใบนี้สร้างพันธะกับวงเวทย์ขึ้น]
[ทำให้สลารบนโลกถูกเสริมพลังขึ้นจากการดูดมานาเข้าไป]
[แบ่งแยกแผ่นดินและสร้างป่าขึ้น]
จากกระบวนการหลอมรวมและวิวัฒนาการทำให้มานาเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล และเขาจะต้องจัดการปัญหาทั้งหมดนั่น ยูอิลฮานได้ควบคุมวงเวทย์เอลฟ์โบราณเหมือนกับเป็นอาร์ติแฟคของโลกใบนี้ทำการดูดมานาเข้าไปและสร้างสิ่งมีชีวิตที่สงบสุขที่สุดเท่าที่ทำได้ขึ้นมา
[สกิลประกาศิตได้เพิ่มเลเวลขึ้นเป็น 39]
“แฮ่กๆ ยากจริงๆเลย”
“พ่อครับ”
“พ่อไม่เป็นไร พ่อคิดว่าตอนนี้ใกล้จะเสร็จแล้วล่ะ”
เพราะพลังจิตใจและการดูดมานามาใช้สกิลประกาศิตอย่างต่อเนื่องทำให้ป่าไม้มีขนาดขยายใหญ่ที่ไม่มีใครคาดคิดเลยว่าจะมีต้นไม้แบบนี้ได้ รวมไปถึงหยดน้ำขนาดใหญ่ที่กระจายอยู่เต็มไปหมดโดยที่ลอยอยู่บนอากาศและทุกๆอย่างนี้ต่างก็ดูดซับมานาเข้าไปอย่างเป็นธรรมชาติ
องค์ประกอบหลายๆอย่างได้ทำให้โลกใบนี้กว้างใหญ่ และเปลื่ยนแปลงไปอย่างมากจนสวยงามยิ่งขึ้น ไม่มีโลกใดแบบนี้ที่ยูอิลฮานเคยเจอมาก่อน บางทีสวรรค์ก็อาจจะเป็นแบบนี้ก็ได้
“การที่โลกระดับต่ำรวมเข้ากับโลกระดับสูงนี่มัน… แล้วถ้าเป็นโลกระดับสูงสองแห่งล่ะ?”
ยูอิลฮานได้คิดเรื่องนี้และภาพที่เขาจินตนาการออกมาได้ก็ค่อนข้างจะดีด้วย บางทีนี่หากเป็นสำหรับหัวหน้าคนอื่นๆก็คงจะเป็นไปไม่ได้ แต่ว่าด้วยความสามารถที่ถึงแม้จะไม่สมบูรณ์อย่างความสามารถ ‘สรรสร้าง’ ก็ยังทำให้เป็นไปได้ที่จะรวมโลกระดับสูงสองแห่งเข้าด้วยกันให้เป็นโลกที่แข็งแกร่ง! นี่มันคือการโกงที่มีแค่ยูอิลฮานเท่านั้นที่ทำได้
“พ่อครับ ผมคิดว่าตอนนี้พ่อคงกำลังคิดอะไรบ้าๆอยู่แน่”
“พ่อก็เริ่มรู้สึกกลัวตัวเองแล้วเหมือนกันล่ะ”
ยูอิลฮานได้พูดตรงๆกับยูมิลที่หรี่ตามองมาที่เขา แน่นอนว่าเขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องบ้าๆแบบนั้นในตอนนี้ แค่การที่ดาเรย์รวมเข้ากับโลกอื่นๆนับสิบ ไม่สินับร้อยโลกก็ทำให้เขาปวดหัวแล้ว มันไม่มีทางที่เขาจะมีเวลาไปรวมกับโลกระดับสูงแห่งอื่นอีกแน่
นอกไปจากนี้ถึงแม้ว่ายูอิลฮานจะใช้สกิลประกาศิตควบคุมสิ่งต่างๆแล้ว แต่ว่ามันก็ไม่ใช่ว่าทุกๆอย่างภายในดาเรย์จะสวยงามและสงบสุขไปหมด
เพราะบันทึกของยูอิลฮานทำให้มีทะเลสาบพิษปรากฏขึ้นมาในบางส่วนของดาเรย์ รวมไปถึงนรกเพลิงที่กำลังลุกไหม้ในรอยแยกขึ้น แถมยังมีพายุไต้ฝุ่นแห่งความตายที่เกิดขึ้นมาจากฝุ่นโลหะที่มีอยู่ในพื้นที่สนามแม่เหล็กที่จะกวาดล้างทุกๆอย่างในเส้นทางไปอีกด้วย
“ว้าว พอสิ่งมีชีวิตคลาส 4 โดนมันเข้าก็ตายไปทันทีเลยล่ะ”
“ดาเรย์นี่ได้กลายเป็นเหมือนกับพ่อมากยิ่งขึ้นแล้ว เท่จังเลย”
จะมีก็ต่อยูมิลเท่านั้นที่ตาเป็นประกาย แม้ว่าเขาจะเชื่อตั้งแต่แรกแล้วว่าพ่อของเขาคือคนน่าทึ่ง แต่จากสิ่งที่ยูอิลฮานกำลังทำตอนนีที่ใกล้เคียงกับคำว่าปาฏิหาริย์ยิ่งทำให้เขามั่นใจยิ่งกว่าเดิมอีก! หากยูมิลมีเพื่อนมังกรล่ะก็ เขาก็คงจะเอาเรื่องของยูอิลฮานไปโม้ให้ทุกๆคนได้ยินแน่
“ผมอยากจะโม้เรื่องของพ่อจังเลย”
“แต่ว่าลูกก็รู้นี่มิล มังกรในตอนนี้น่ะ…”
เดี๋ยวก่อนนะ
มังกร?
“หืม ถ้าที่ดาเรย์ได้รับบันทึกของฉันไปล่ะก็ แถมที่ดาเรย์แห่งนี้แต่เดิมก็มีเผ่าพันธ์มังกรเกิดขึ้นมาเหมือนกัน…”
เมื่อดูจากมอนสเตอร์ที่เกิดและตายซ้ำๆจนทำให้เกิดการวิวัฒนาการ…
“พ่อครับ…”
ยูมิลรู้สึกได้เร็วกว่ายูอิลฮานเล็กน้อย เขาได้พึมพัมออกมาด้วยใบหน้าที่เหมือนกับฝันไป
“ผมรู้สึกได้ถึงตัวตนของมังกร”
“…จริงๆด้วย”
ยูอิลฮานได้กลืนน้ำลายลงไปและตอบกลับไป
ในดาเรย์แห่งนี้ สถานที่ที่ได้เกิดมหาภัยพิบัติขั้นที่ 6 ขึ้น โลกใบนี้ได้หลอมรวมเข้ากับโลกระดับต่ำทั้งหมดที่อยู่ใต้การปกครองของยูอิลฮาน
ที่แห่งนี้ได้มีมังกรเริ่มเกิดขึ้นมาแล้ว
บทที่ 300 – ฉันคือพ่อของพวกนาย (1)
[ฉัน…]
[อ๊า ฉันมีชีวิตขึ้นมาแล้ว แสงสว่างยามรุ่งอรุณกำลังส่องลงมาที่ตัวฉัน]
[ฉันมองเห็น ฉันสัมผัสได้ ฉันได้ยินเสียงด้วย กลิ่นของชีวิตใหม่ รสชาติที่หอมหวานของอากาศ… ฉันรู้สึกถึงมันได้!]
สมแล้วกับที่เป็นมังกร พวกเขาได้ส่งเสียงออกมาในทันทีที่ฝักออกมา บางทีอาจจะมีแค่เผ่าพันธ์มังกรเท่านั้นที่เริ่มมีอารมณ์ความรู้สึกต่างๆนับตั้งแต่เกิดเลย
[อ๊าา!]
[ผู้สร้างของฉัน นายท่านที่ได้ประทานสติปัญหาให้กับฉัน! ฉันขอสรรเสริญกับความยิ่งใหญ่ของท่าน]
เสียงร้องอันน่าอึดอัดใจได้ดังออกมาจากทั่วทั้งทวีป แน่นอนว่าไม่ใช่ว่ามอนสเตอร์ทุกตัวที่เกิดมาบนดาเรย์เป็นมังกรไปทั้งหมด แต่ว่าจากเอกลักษ์ของตัวดาเรย์ที่ได้รับอิทธิพลมาจากผู้ปกครองทำให้ส่วนใหญ่แล้วเป็นมังกร
หรือก็คือมีมังกรประมาณล้านกว่าตัวเกิดขึ้นมา
“อ่า…”
“ผมคิดว่าอีกเดี๋ยวก็จะมีมากกว่านี้อีกนะครับพ่อ”
สิ่งที่น่ากลัวยิ่งไปกว่านั้นก็คือมังกรที่เกิดใหม่ขึ้นมาไม่ได้อยู่ในคลาส 3 แต่ว่ามังกรพวกนี้ต่างก็เป็นมังกรเต็มวัยที่มีเลเวลสูงกว่า 200 ขึ้นไปทั้งนั้น แถมยังมีมังกรที่เกิดขึ้นมามีเลเวลถึง 270 หรือกระทั่ง 280 อีกด้วยซ้ำไป
“แค่เกิดมาก็ไม่ยุติธรรมแล้ว”
“ไม่ใช่ว่าพ่อบอกว่าชีวิตมันก็ไม่ยุติธรรมอยู่แล้วหรอครับ?”
“ใช่ พ่อพูดแบบนั้นแหละ”
ยังไงก็ตามเหล่ามังกรเพิ่งเกิดก็มีระดับเลเวลสกิลที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับเลเวลที่สูงถึง 280 ยูอิลฮานได้ตัดสินใจที่จะไม่สนใจในเรื่องเลเวลอีก
แต่แลวเรื่องที่เขาไม่อาจจะยอมรับได้ก็เกิดขึ้นในเวลาต่อมา
[ท่านอยู่ตรงนั้นล่ะ]
[ผู้สร้างเรา ครอบครัวของเรา]
[ท่านผู้ปกครองที่ยิ่งใหญ่และเปล่งประกาย]
“…หา?”
ยูอิลฮานได้แต่ส่งเสียงออกมาอย่างตกใจ วินาทีต่อมามานาก็ได้กระจายออกมาทั่วทั้งทวีปดาเรย์ที่ซึ่งได้แผ่ขยายออกมาอย่างไม่สิ้นสุด
มานาพวกนี้ได้สั่นพ้องขึ้นมาจากการที่มังกรทั้งหมดได้กำลังบินขึ้นมา
[ไปหานายท่าน]
[ไปหาท่านผู้ยิ่งใหญ่]
มังกรดูจะรู้ถึงตำแหน่งที่ยูอิลฮานผู้ให้กำเนิดอยู่ได้จากสัญชาตญาณและเริ่มที่จะบินเข้ามาหายูอิลฮาน คนที่เกิดค่อนข้างจะใกล้ได้มาถึงเร็วที่สุด และคนที่เกิดอยู่ใกล้ออกไปก็จะกระพือปีกอย่างไม่สิ้นสุดพร้อมตะโกนเรียกชื่อของยูอิลฮาน การที่มีมังกรขนาดร่างกายมหีมามาร้องประสานเสียงแบบนี้มีแต่จะทำให้คนอื่นๆต้องหวาดกลัวเท่านั้น
“บ้าอะไรเนี้ย? พวกมังกรเป็นบ้าอะไรกันไปหมด? พวกเขากำลังจะทำอะไรกัน?”
[นายท่านคือผู้ปกครองของมังกรทั้งมวลรวมถึงตัวฉันด้วย ฉันอยากจะเจอพวกเขาจริงๆเลย]
เสียงของอิชจาร์ดูจริงจังมากยิ่งกว่าที่เคย ตามปกติแล้วอิชจาร์มักจะมีคำบ่นออกมาตลอด แต่ว่าในตอนนี้น้ำเสียงของเขาดูจริงจังเอามากๆและมีกระทั่งความเคารพบูชายูอิลฮานอีกด้วย
[นายท่านได้ประกาศออกมาหลังจากที่ทำให้ฉันยอมแพ้ ในตอนนั้นนายท่านได้บอกว่าจะเป็นจ้าวของมังกรทั้งมวลรวมถึงตัวฉันด้วย นี่คือความปรารถนาของฉันที่ฉันไม่เคยทำได้เลยและเป็นคำขอของฉันในฐานะผู้แพ้]
“นายบอกว่าความปรารถนาของนายแล้วก็คำขอ…”
ครั้งหนึ่งอิชจาร์เคยเป็นมังกรแห่งความสิ้นหวังที่ได้คุกคามสิ่งมีชีวิตมากมาย แต่ว่าเขาไม่เคยไปถึงจุดหมายของเขาตลอดการเดินทางเลย
จากการพยายามมาหลายต่อหลายปีเขาควรจะไปถึงจุดๆนั้นแต่เขาก็ทำไม่สำเร็จ นี่คือความหวังและความปรารถนาของเขาที่ถูกเก็บเอามาไว้เป็นระยะเวลานาน จริงๆแล้วยูอิลฮานไม่เคยคิดถึงอิชจาร์มาก่อนเลย แต่ว่ายูอิลฮานก็รู้สึกสนใจเป็นครั้งแรกหลังจากได้รู้ถึงความรู้สึกของอิชจาร์ที่มีต่อการเกิดของมังกรจำนวนนับไม่ถ้วนในดินแดนแห่งนี้
มังกรที่ครั้งหนึ่งถูกอาบย้อมไปด้วยกระดูกแห่งคำสาปและความสิ้นหลัง ในที่สุดแล้วเขาก็เรียกคืนความตั้งใจดั้งเดิมออกที่สว่างสดใสมันเหมือนกันแสงท่ามกลางความมืดมนของจิตใจเขา
“ได้ ฉันเข้าใจแล้ว”
ไม่ว่ายังไงก็ตามเขาก็ได้ถูกกำหนัดให้เป็นจ้าวแห่งมังกรทั้งมวลมาล่วงหน้าอยู่แล้ว เพราะแบบนั้นนี่จึงเป็นความรับผิดชอบชองเชาเช่นกัน การทอดทิ้งมังกรที่เรียกเขาว่าพ่อมันก็คงจะไม่ต่างไปจากการทอดทิ้งยูมิลแน่นอน
“ในเมื่อฉันสัญญากับนายเอาไว้ในตอนเราทำสัญญากัน เพราะงั้นฉันจะรับผิดชอบมังกรพวกนี้เอง”
[ขอบคุณมากๆ]
หลังจากได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก อิชจาร์ก็ได้เงียบลงไป และในเวลาไม่นานมังกรก็ได้มารวมตัวกับรอบๆยูอิลฮาน
บางส่วนก็กระพือปีกบินอยู่บนท้องฟ้ารอบตัวยูอิลฮาน ในขณะที่บางส่วนก็หุบปีกมองขึ้นมาหายูอิลฮานจากพื้นดิน แน่นอนว่าโลกใบนี้กว้างใหญ่ขึ้นมาทำให้ท้องฟ้าก็ยังดูทอดยาวอย่างไร้ที่สิ้นสุดแม้ว่าจะมีมังกรนับแสนมารวมตัวกันอยู่
[พ่อ]
[พ่อของฉัน]
[ท่านผู้ยิ่งใหญ่และงดงาม]
[ท่านทรงพลัง อ่า ท่านแข็งแกร่งจริงๆ]
มังกรทั้งหมดต่างก็มองมาที่ยูอิลฮานด้วยความชื่นชม พวกมังกรได้มองเห็นอิทธิพลจำนวนมหาศาลที่ยูอิลฮานมีต่อโลกใบนี้รวมไปถึงมานาจำนวนมหาศาลที่ยูอิลฮานครอบครองอยู่และพลังแห่งทวยเทพที่ซ่อนเอาไว้ภายใต้เรือนร่างเล็กๆนี่ ยูอิลฮานรู้สึกอึดอัดเอามากๆกับการถูกสายตาของมังกรนับล้านมองมา แต่สำหรับยูมิลแล้วดูเขาจะชื่นชอบเอามากๆ
“พ่อครับ มังกรพวกนี้อ่อนแอกว่าผมหมดเลย!”
“ใช่แล้ว ตอนนี้มิลแข็งแกร่งมากๆแล้วไงล่ะ”
“ผมดีใจจัง!”
เหตุผลที่ยูมิลมีความสุขอาจจะไม่ใช่แค่เพราะว่าเขาแข็งแกร่งกว่ามังกรคนอื่นๆเท่านั้น แต่ว่าเขาก็น่าจะรู้สึกได้ถึงความความไม่พอใจต่อมังกรของยูอิลฮานได้หายไปแล้วด้วย
ก่อนหน้านี้ยูมิลไม่อาจจะแสดงความรู้สึกแบบนี้กับยูอิลฮานได้เนื่องจากว่ายูอิลฮานมีความเป็นศัตรูกับมังกรอยู่ แต่ว่าเขาก็ยังคงมีความโหยหาในเผ่าพันธ์เดียวกันเป็นธรรมชาติของตัวเองอยู่ และในตอนนี้มังกรจำนวนมากมายที่เพิ่งจะเกิดมาก็ได้ติดตามยูอิลฮานแล้ว เพราะแบบนี้เองก็เลยทำให้เขารู้สึกมีความสุข
“พวกนายอยากจะทำอะไรกันล่ะ? พูดออกมาตรงๆนะ”
แม้ว่ามังกรพวกนี้จะเพิ่งเกิดขึ้นมา แต่ว่าพวกมังกรก็สามารถที่จะเคลื่อนไหวได้ตามความต้องการและมีเหตุมีผลด้วยเช่นกัน เพราะแบบนี้ทำให้ยูอิลฮานได้เลือกที่จะปล่อยให้พวกมังกรได้ทำตามความต้องการของตัวเอง และมังกรทุกๆคนก็ได้ตอบกลับมาโดยไม่ลังเล
[ผมอยากที่จะแข็งแกร่ง!]
[ผมอยากที่จะอยู่กับท่าน!]
ใช่แล้ว เป้าหมายแต่เดิมของมังกรก็เป็นแบบนี้นี่แหละ ยูอิลฮานได้หยักไหล่ขึ้นมาอย่างสบายๆเพราะเขาได้คาดเอาไว้อยู่แล้วว่ามันจะต้องเป็นแบบนี้
“ได้เลย ฉันจะทำให้พวกนายแกร่งขึ้นเอง”
[ขอบคุณครับนายท่าน]
มังกรนับล้านตัวได้คำรามออกมาพร้อมๆกัน ยูอิลฮานได้หยักหน้าและหยิบเอาเนื้อมังกรออกมาจากช่องเก็บของ
เนื้อส่วนใหญ่พวกนี้ก็คือเนื้อของมังกรคลาส 4 และก็มีเนื้อมังกรคลาส 5 อยู่มากเช่นกัน รวมไปถึงเนื้อมังกรคลาส 6 ทราก้า ด้วยเช่นกัน และในท้ายที่สุดก็คือเนื้อของมังกรแห่งความสิ้นหวังอิชจาร์
“นี่คืออาหารมื้อแรกสำหรับพวกนาย หลังจากที่กินเนื้อไปแล้วพวกนายก็จะต้องออกกำลังกายกันเพราะงั้นกินให้อิ่มล่ะ”
มังกรรู้ได้ดีว่า ‘ออกกำลังกาย’ ของยูอิลฮานจะไม่ใช่การยืดเส้นยืดสายตามปกติแน่แม้ว่าพวกเขาจะเกิดมาไม่ถึง 20 นาทีก็ตาม
จากการที่มังกรได้ถูกสร้างขึ้นจากบันทึกของยูอิลฮานทำให้มังกรทุกๆคนสามารถจะเข้าใจได้ถึงคำพูดไร้สาระที่คลุมเครือของยูอิลฮานได้เป็นอย่างดี
[หรือก็คือนับจากนี้…]
[นี่คือภารกิจแรก!]
มังกรจำนวนนับไม่ถ้วนต่างก็มีขึ้นมาด้วยกระตือรือร้น เนื้อจำนวนมากนี่จะทำให้พวกเขาแข็งแกร่งมีอยู่จำกัดและมีคู่แข่งอยู่มากมายเพราะงั้นพวกเขาจึงต้องสู้กันเพื่อแย่งมาเท่านั้น
“แต่ว่าจะต้องไม่มีใครตายนะ ในตอนนี้พวกนายทุกคนคือครอบครัวเดียวกัน และคนที่ฆ่าครอบครัวของตัวเองจะไม่ได้รับการให้อภัย”
[เข้าใจแล้วครับ!]
[ครับ!]
จากคำตอบที่เต็มไปด้วยความกล้าหาญหรือเวทย์เพลิงขั้นสูงของพวกมังกรทำให้ดูเหมือนพวกเขาจะอัดอีกฝ่ายไปจนถึงสภาพกึ่งตายแน่นอน
“ตอนนี้ลูกไม่ต้องการอะไรแล้วงั้นหรอมิล?”
“ไม่หรอกครับ พวกเด็กๆควรที่จะกินเยอะๆและก็โตขึ้น”
ระหว่างเฝ้าดูลูกมังกรสู้กัน ยูมิลก็ได้ยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ คนที่ได้กินเนื้อของอิชจาร์ไปก็น่าจะมีศักยภาพที่จะกลายมาเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงเช่นกัน
ยูอิลฮานรู้สึกแปลกใจนิดๆขณะที่มองดูมังกรนับล้านทำสงครามเพื่อแย่งอาหารมื้อแรกกัน ทั้งบนท้องฟ้าหรือบนพื้นดินต่างกเต็มไปด้วยเวทย์จำนวนนับไม่ถ้วนและการปะทะกันของร่างกายที่ดูน่าตื่นเต้นยิ่งกว่าการต่อสู้ใดๆที่ยูอิลฮานเคยเห็นมา แต่ว่าเป้าหมายของการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่นี่กับแค่อาหารเพียงมื้อหนึ่งเท่านั้น…
“ดูเหมือนทุกๆคนจะหิวกันมากเลยนะ”
“มันไม่น่าจะใช่แค่นั้นนะครับ”
สำหรับมนุษย์แล้วการกินเนื้อกันเองคือเรื่องต้องห้าม แต่ว่าสำหรับมังกรการกินเนื้อกันเองนั่นคือพิธีกรรมที่จะสืบทอดเจตนารมณ์ของเผ่าพันธต่อไป พวกมังกรเหล่านี้ก็น่าจะรู้ในเรื่องนี้
“นายคิดยังไงล่ะอิชจาร์? เนื้อที่มังกรเหล่นี้อยากจะกินที่สุดก็คือนายเลยนะ?”
[ในตอนนี้เนื้อนั่นมันไร้ประโยชน์สำหรับฉันไปแล้ว ถ้ามันจะทำให้เด็กๆแกร่งขึ้นมา ถ้างั้นฉันก็ยินดี]
“…เดี๋ยวนี้นายพูดตรงๆเป็นแล้วนี่”
บางทีนี่คงถึงเวลาที่หยุดแกล้งอิชจาร์แล้ว ยูอิลฮานได้ยักหล่และมองกลับไป เอลฟ์กับหมาป่าที่รวมตัวกันอยู่บนที่ราบสูงต่างก็อ้าปากจนกรามค้างจากการต่อสู้ของมังกร
“มังกรตัวใหญ่นั่น”
“มอนสเตอร์ที่ฉันไม่อาจจะสู้ได้เพียงลำพังมีอยู่ตรงหน้าเป็นล้าน… ท่านจักรพรรดิช่าง… ยิ่งใหญ่จริงๆ”
มังกรที่เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวกำลังสู้กันตามคำสั่งของยูอิลฮานอยู่ สำหรับพวกเอลฟ์แล้วมันยิ่งทำให้ได้เห็นถึงความศักดิ์สิทธิ์ของยูอิลฮาน ยูอิลฮานได้หันมาปลอบเอลฟ์กับหมาป่าที่กำลังตื่นเต้นกันมากๆด้วยรอยยิ้มแห้งๆ
“สำหรับพวกนายที่อยากจะเป็นนักขี่มังกรกันก็ควรจะเตรียมตัวไว้นะ”
“โอ้วววววว!”
มีมังกรอยู่จำนวนมาก เพราะแบบนี้บางทียูอิลฮานก็อาจจะได้นักขี่มังกรมาอย่างน้อยก็ประมาณร้อยคนได้แน่ๆ ถึงต่อให้พวกเอลฟ์กับเผ่าพันธ์หมาป่าไม่อยากจะเป็น ยูอิลฮานก็จะบังคับเอง ยูอิลฮานไดตัดสินใจแบบนี้เอาไว้ภายในใจและหยักหน้าขึ้นมา เพราะแบบนี้เองทำให้เหล่าเอลฟ์จะต้องได้บุกเบิกเส้นทางใหม่ในการขี่มังกรหลังจากที่ได้ขี่หมาป่า!
“ฉันมาที่ดาเรย์ก็เพราะกลัวว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับโลกของฉัน และนี่ก็ดูจะเป็นทางเลือกที่ดีทีสุดที่ฉันได้เลือกอีกด้วย”
ในตอนนี้ยูอิลฮานได้เป็นผู้ปกครองของเหล่ามังกรทั้งมวล และประกายให้โลกแห่งมังกรเป็นเขตปกครองแรกของเขา แถมด้วยเอกลักษณ์ส่วนตัวของเขาทำให้โลกระดับต่ำภายใต้การปกครองของเขาหลอมรวมเข้ากับโลกใบนี้อีกด้วย
โลกได้ใหญ้ยิ่งขึ้นและมีมังกรที่เต็มไปด้วยศักยภาพกำเนิดขึ้นมา แค่นี่ก็มาพอที่จะเรียกว่าปาฏิหาริย์แล้ว
“ดูเหมือนว่าใกล้จะจบแล้วนะ”
แน่นอนว่ามหาภัยพิบัติขั้นที่ 6 ไม่ได้จะจบลงแค่นี้ แต่ว่ามานาในชั้นบรรยากาศได้เริ่มแสดงความสเถียรขึ้นมาแล้ว ในตอนนี้โอกาสฝนฟ้าคะนองในระหว่างกำลังเดินอยู่…น่าจะลดลงไปแล้ว แต่ก็สำหรับตอนนี้เท่านั้น
“ท่านจักรพรรดิ ท่านกำลังคิดอะไรอยู่หรอครับ?”
หนึ่งในเอลฟ์ที่มองดูยูอิลฮานที่กำลังอยู่ในความคิดอยู่ได้เรียกเขา ยูอิลฮานได้หยักไหล่ออกมา
“ฉันกำลังคิดถึงสิ่งที่ฉันจะทำในดาเรย์ต่อจากนี้น่ะ เพราะว่ามีหลายๆอย่างเปลื่ยนแปลงไปในทันที พวกเอลฟ์อย่างพวกนายกับเผ่าพันธ์หมาป่าจะเอาตัวรอดผ่านมันไปได้ก็ต่อเมื่อพวกนายแข่งแกร่งขึ้น…”
“ผมจะทำให้ได้ครับ!”
“ฉันชอบในความมั่นใจของพวกนายนะ แต่ว่า…”
ยูอิลฮานได้มองไปที่มอนสเตอร์ที่เกิดขึ้นมาทั่วทั้งโลก พวกเอลฟ์กับหมาป่าในปัจจุบันไม่อาจจะมีโอกาสจะเอาชนะมอนสเตอร์พวกนั้นได้เลย
มังกรไม่ใช่แค่สิ่งมีชีวิตเดียวที่เกิดมาแข็งแกร่ง มีมอนสเตอร์ขนาดใหญ่ที่มีเลเวลสูงกว่า 270 เกิดขึ้นมาทั่วทั้งดาเรย์
ในตอนนี้การเปลื่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมได้ลดลงไปแล้ว แต่ว่ามานาที่มีในดาเรย์ก็เปลื่ยนเป้าหมายไปที่การทำให้สิ่งมีชีวิตกลายพันธ์และวิวัฒนาการเร็วขึ้นแทน
“หากพวกนายอยากจะสู้กับสัตว์ร้ายแบบนั้นพวกนายจะต้องให้พวกมังกรช่วย”
“เราไม่อาจจะกังขาในคำพูดของท่านจักรพรรดิอยู่แล้ว แต่ว่าพวกเราจะใช้ชีวิตร่วมกันกับมังกรได้งั้นหรอ…”
เอลฟ์ต่างก็ไม่มั่นใจ นี่เป็นเรื่องปกติเพราะว่าเอลฟ์เคยเป็นเพียงเหยื่อของมังกรมาก่อน ยูอิลฮานได้ยิ้มแห้งๆออกมา
“มังกรทั้งหมดนั่นต่างก็ทำตามคำสั่งฉันและไม่ได้ต่อต้านฉัน เพราะงั้นเรื่องที่พวกนายเป็นกังวลกันอยู่ไม่มีทางเกิดขึ้นแน่ …ยังไงก็ตามพวกนายก็อาจจะต้องสู้กับศัตรูที่น่ากลัวและน่ารำคาญในอนาคตแน่ๆ”
[กรรรรรรร!]
“พวกเราพร้อมอยู่เสมอครับตราบใดที่ท่านจักรพรรดิยังคงอยู่กับเรา!”
เหล่าหมาป่ารู้สึกแปลกๆกับคำว่า ‘ศัตรูที่น่ากลัวและน่ารำคาญ’ ในขณะที่ฝั่งของเอลฟ์ได้ตะโกนออกมาอย่างกล้าหาฐ หืมดูเหมือนไม่จำเป็นต้องสอนพวกเขาแล้วนะ
ยูอิลฮานได้หยักหน้าด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ และตอนนี้เขาก็มองกลับไปหามังกร มังกรทั้งล้านตัวที่เพิ่งจะจบศึกแย่งชิงอาหารก็กำลังมองมาที่ยูอิลฮานอยู่
“เอาล่ะถ้างั้นก็…”
เขาได้ดูตัวที่แข็งแกร่งที่สุดที่ได้เอาเนื้อของอิชจาร์จาไปซึ่งนี่ทำให้ยูอิลฮานตกใจกับผลลัพธ์มาก
[ฟู่ กรรรรรรรรรรร!]
มีตัวหนึ่งได้ยึดเอาเนื้ออิชจาร์ทั้งหมดไป
“นายนี่โลภน่าดูเลยนะ”
[พ่อ ผมอยากแข็งแกร่ง!]
ตัวนี่ก็คือตัวที่ดึงดูดสายตาของยูอิลฮานตั้งแต่แรกแล้ว นี่คือมังกรที่เกิดมามีเลเวล 280 และมีเกล็ดสีแดงเพลิงที่สื่อถึงพลังแห่งเพลิงที่อยู่ในสายธาตุเดียวกับยูอิลฮาน
แน่นอนว่าตอนนี้มังกรแดงที่ได้กินเนื้ออิชจาร์ไปอีกทำให้เลเวลของมันเพิ่มขึ้นมาจนถึง 294 สกิลอื่นๆก็น่าจะพัฒนาขึ้นมาอย่างมากเช่นกัน
[ผมอยากจะแกร่งยิ่งกว่านี้ อยากที่จะเอาชนะ!]
“ดีมาก ฉันจะให้นายเป็นผู้นำกลุ่มนี้นะ ฉันจะให้ชื่อกับนายนั่นคือรูบี้”
[มีความสุขจัง!]
รูบี้มังกรแดงได้หลบสายตายูมิลที่จ้องมาเงียบๆราวกับจะถามรูบี้ว่านายดูถูกชื่อนี้งั้นหรอ ยูอิลฮานได้จัดการรักษาบาดแผลให้กับมังกรที่บาดเจ็บ สำหรับการรักษานั่นก็แค่ใส่โพชั่นที่ผสมขึ้นมาจากเลือดมังกรที่ผสมกับอ่างแห่งปาฏิหาริย์และเลือดของเขาเล็กน้อยก็พอแล้ว
[พ่อ แล้วต่อจากนี้เราจะทำอะไรกัน?]
“มันเป็นเรื่องดีนะที่จะฝึกสกิลที่มีตั้งแต่เกิดของพวกนาย… แต่ว่าสำหรับในตอนนี้ก็ไปสู้กับมอนสเตอร์ที่่อนแอจนไม่อาจจะคุกคามชีวิตพวกนายได้ก่อน ในอนาคตเป้าหมายแรกของพวกนายทุกคนก็คือห้ามไม่ใช่สิ่งมีชีวิตอื่นมาปกครองโลกใบนี้นอกจากตัวพวกนายเอง โอเคนะ?”
[เข้าใจแล้วครับ]
[เราจะทำตาม!]
มังกรทั้งหมดต่างก็บินแยกกันออกไปเหมือนกับตอนนี้มา เมื่อรูบี้คำรามขึ้น มังกรทั้งหมดก็ส่งเสียงออกมาพร้อมๆกัน
[เดี๋ยวจะกลับมานะครับ!]
เสียงคำรามของมังกรนี้ให้ความรู้สึกเหมือนกับพ่อแม่ที่ส่งลูกๆออกไปเรียนเป็นครั้งแรก ยูอิฮานได้มองส่งพวกมังกรจากไปและคิดว่าตราบใดที่ไม่มีใครตายก็ไม่มีปัญหา
“พ่อครับ แล้วเราจะทำอะไรต่อล่ะ?”
“ตอนนี้มีเรื่องหนึ่งที่ยังเหลืออยู่”
ดวงตาของยูอิลฮานได้เป็นประกายขึ้นมา ผลกระทบหลังจากมหาภัยพิบัติยังคงอยู่ ในขณะที่วงเวทย์เอลฟ์โบราณก็ได้ทำงานแล้วด้วย
แต่ว่าเรื่องที่ต้องจัดการก็คือเขาไม่อาจจะปล่อยให้ที่ราบสูงที่เอลฟ์กับหมาป่ายืนอยู่เป็นเหมือนก้อนหินๆและหญ้าเฉยๆได้ เพราะแบบนี้…
“เรามาสร้างเมืองไว้ให้ทุกคนใช้ชีวิตอยู่กันเถอะ”
จิตวิญญาณแห่งนักสร้างของเขากำลังลุกโชนขึ้นมาแล้ว
บทที่ 301 – ฉันคือพ่อของพวกนาย (2)
ระหว่างที่ยูอิลฮานกำลังสร้างปาฏิหาริย์อยู่ สมาชิกปาร์ตี้ของยูอิลฮานก็กำลังพิชิตโลกระดับสูงอยู่อีกแห่งหนึ่ง
[พวกเธอไปเอาความกล้ามาจากไหนถึงได้มาต่อต้านกองกำลังสิ่งมีชีวิตชั้นสูง?]
คนที่ถามคำถามนี้ออกมาด้วยน้ำเสียงชั่วร้ายก็คือเทวดาตกสวรรค์เซีย ผู้เฝ้าดูแลโลกระดับสูงเฟียต้าที่เป็นของกองทัพจรัสแสง เทวดาตกสวรรค์ส่วนใหญ่ได้ตายลงไปแล้วจากการระดมยิงจากป้อมปราการ และหลังจากต่อสู้กันพักหนึ่งทำให้ตอนนี้เหลือเขาอยู่เพียงคนเดียว
“กล้าอะไรของนาย ถ้าเรากล้ากันจริงๆเราจะไม่ทำแบบนี้แน่ ที่พวกเราทำแค่นี้ก็เพราะว่าฉันกลัวว่าคนที่ฉันรักแล้วก็เพื่อนๆที่มีค่าจะตายทั้งหมด และในสุดท้ายก็เพราะว่าฉันอาบแล้วก็อ่อนแอด้วย”
เลียร่าได้ตอบกลับมา คนที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มแน่นอนว่าคือเฮเรียน่า แต่ว่าในด้านความแข็งแกร่งทางร่างกายเธอยังด้อยกว่าเลียร่าทำให้หลังจากเลียร่าแยกจากยูอิลฮาน เลียร่าก็ได้มาทำหน้าที่หัวหน้ากลุ่มนี้
“แต่ไม่ว่ายังไงเราก็ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่จะพูดเรื่องนั้นกัน ถึงฉันจะไม่ใช่ฝ่ายถูกก็ตาม แต่… นี่คือสงคราม เพราะแบบนี้เราถึงได้มีชีวิตอยู่มาจนถึงตอนนี้”
[ทูตสวรรค์ชั้นสูงที่เสียปีกไป เลียร่า… เธอยินดีกับการเป็นสุนัขของมนุษย์งั้นหรอ!?]
“สุนัขมันก็ยังฉลาดกว่าคนคุยไมรู้เรื่องแบบนี้ซะอีก”
เลียร่าได้หยักไหล่ออกมาและยกหอกของเธอขึ้น ด้วยความรักที่สุดแสนจะลึกซึ้งของเธอได้ทำให้หอกทรงพลังขึ้นและในตอนนี้พลังโจมตีมันก็เกินกว่า 16,000 ไปแล้ว ความรักของเธอได้กลายไปเป็นจ้าวแห่งโลหะทั้งมวลที่ทำให้หอกของเธอทรงพลัง
“เข้ามาสิ ฉันจะจัดการนายแบบ 1 ต่อ 1 ให้ดู”
[เธอมันโง่ขนาดไหนกันถึงได้มาสู้กับฉันทั้งๆที่ฉันยังมีพลังในฐานะคลาส 6 อยู่ทั้งหมดในขณะที่เธอเสียมันไปแล้ว]
“ไม่ว่าฉันจะโง่หรือไม่ก็ตามเรื่องนี้มันจะถูกตัดสินหลังจากเราปะทะกันนี่?”
[เธอกล้างั้นหรอ…!]
แน่นอนว่าเลียร่าก็ไม่ได้ประมาท เธอได้ดึงพลังเวทย์ของเธอออกมาเสริมพลังกับชุดเดรสรบของเธอซึ่งยูอิลฮานได้ทำให้เธอรวมถึงเครื่องประดับต่างๆด้วย อีกทั้งเธอยังได้รับพรจากนายูนาและมีความมั่นใจที่จะเอาชนะศัตรูได้เท่านั้นเธอถึงจะพุ่งออกไป หากว่าเธอมาคนเดียวมันจะต่างออกไปแน่ แต่ว่าในตอนนี้ตัวเธอได้มากับคนจำนวนมากที่จะปกป้องและความคาดหวังมากมายที่เจอ
[คุณได้รับค่าประสบการณ์]
“ฟู่ จบซักที”
หนึ่งนาทีหลังจากการต่อสู้ได้เริ่มต้นขึ้นเลียร่าก็ได้จัดการฆ่าเซียและทำให้หอกของเธอที่มีพลังเวทย์ทำให้สั่นสงบลง เธอยังได้เก็บเอาศพมาเช่นกัน เฮเรียน่าที่เฝ้ามองมาตลอดก็อุทานขึ้นมา
[สไตล์การต่อสู้ของเธอดูคล้ายของที่รักเลยนี่]
“แน่อยู่แล้วสิ ก็ฉันนี่แหละที่สอนเขาใช้หอก”
[แล้วเธอรู้สึกยังไงมั้งล่ะกับการที่ถูกที่รักทิ้งห่างไปไกลแล้วน่ะ? หืมม เป็นยังไงมั้ง?]
“ฉันชอบนะ ฉันรู้สึกภูมิใจแล้วก็พอใจมากที่ฉันได้มีส่วนสำคัญทำให้อิลฮานเป็นอย่างทุกวันนี้ ฉันรู้สึกว่าฉันเป็นส่วนหนึ่งของเขาต่อให้เราแยกกันอยู่”
[…ชิ]
เฮเรียน่าพยายามจะแหย่เลียร่าแต่แล้วเธอก็ต้องเดาะลิ้นออกมาเมื่อได้เห็นรอยยิ้มมีความสุขของเลียร่า
สมแล้วที่เธอได้รับพรจากเทพแห่งความรัก ถึงแม้ว่าเฮเรียน่าจะรักยูอิลฮานจริงๆ แต่หากเทียบกับเลียร่าแล้วเธอก็ยังแค่เด็กๆ
“งั้นนี่ก็จบแล้วสินะ ถ้างั้นเราควรจะไปโลกต่อไปเลยดีป่ะ? เป็นกองทัพจรัสแสงอีก…”
“จะเกิดอะไรขึ้นกันถ้าซาตานเคลื่อนไหว?”
[ถ้าซาตานเคลื่อนไหว ถ้างั้นผู้นำกองกำลังอื่นๆก็จะเคลื่อนไหวเหมือนกัน เพราะงั้นนั่นจะเป็นเวลาที่ทุกๆกองกำลังเข้าสู่สงครามเพื่อจับตัวเขา แล้วนั่นก็เป็นสิ่งที่ที่รักเล็งอยู่เหมือนกัน]
“ในเวลานั้นเราจะไม่ตายกันหรอ~!?”
นายูนาได้ตะโกนออกมาอย่างตกตะลึง แต่เฮเรียน่าก็หยักไหล่ออกมา
[ฉันกำลังจะบอกว่าต่อให้เป็นแบบนี้ ทุกๆอย่างก็จะจบลงบนโลก และนี่ก็เป็นเหตุุผลที่แผนของที่รักจะทำให้ผู้นำแต่ล่ะกองกำลังอ่อนแอที่สุดเท่าที่จะทำได้ เธอลืมเรื่องนี้ไปแล้วงั้นหรอ?]
ดวงตาเฮเรียน่าได้ส่องประกายลึกลับออกมา
[เหตุผลของที่รักคือทำให้เราได้รวบรวมมันทึกให้มากๆ แล้วก็เหตุผลที่ที่รักเอาตัวเองไปในที่ที่อันตรายที่สุดทั้งหมดก็เพื่อปลุกพลังขึ้น ที่รักคือหัวหน้ากองกำลังสิ่งมีชีวิตชั้นสูงที่สมบูรณ์แบบที่สุด… ในเวลานั้นพวกเราก็ไม่จำเป็นต้องกลัวหัวหน้ากองกำลังอื่นๆอีกต่อไปแล้ว]
“ทุกๆอย่างจะเปลื่ยนแปลงไปในเวลานั้นสินะ~?”
[แน่นอนสิ… ไม่สิ บางทีที่รักอาจจะยืนอยู่บนจุดสูงสุดและรุ่งโรจน์ที่สุดเลยก็ได้]
เมื่อคิดถึงพระเจ้าของกองทัพสวรรค์แล้วคำพูดของเฮเรียน่าเป็นคำที่พยาบคายมาก แต่ว่าสำหรับคนที่นี่ ไม่ต้องพูดถึงคนอื่นเลยแม้กระทั่งเลียร่ากับเอิลต้าก็ยังมีความเชื่อในพลังพระเจ้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จริงๆแล้วพวกเธอก็อยากจะให้เป็นแบบนี้ด้วย
[แล้วก็นะคุณผู้หญิง เมื่อไหร่เธอจะสร้างประตูมิติล่ะ?]
เฮเรียน่าที่หลังจากพูดคำยกย่องยูอิลฮานแล้วรู้สึกอายขึ้นมาได้หันหน้าไปหาคังมิเรย์ ยังไงก็ตามสีหน้าของคังมิเรย์ค่อนข้างจะ ไม่สิ มืดมนเอามากๆ
“ฉันพยายามแล้ว แต่ว่าเปิดประตูมิติไม่ได้เลย”
[แต่ความสามารถของเธอคือการสร้างประตูมิติทีพาไปโลกอื่นนี่]
“มีการแทรกแซงจากองค์ประกอบภายนอกอยู่ กระทั่งส่งข้อความไปหาอิลฮานยังไม่ได้เลย ฉันคิดว่าความสามารถนี้จะไม่ถูกขัดขวางโดยใครก็ตามที่อยู่ในบันทึกนภาซะอีกนะ…”
[..ว่าไงนะ?]
เฮเรียน่าได้ถามกลับไป
[แม้กระทั่งอาร์ติแฟคที่ที่รักให้เรามาก็ใช้ไม่ได้ผลงั้นหรอ?]
ไมเพียงแต่ความสามารถของมิเรย์เท่านั้นที่ถูกขัดขวาง แต่ยังมีบางอย่างแทรกแซงอาร์ติแฟคของยูอิลฮานด้วยทั้งๆที่เขาคือคนที่ไปถึงในระดับการสรรสร้างแล้วเนี้ยนะ? เฮเรียน่าได้หันมาตรวจอาร์ติแฟคของเธอและพบว่านี่มันคือเรื่องจริง
เลียร่าก็รู้ว่าเครื่องสื่อสารอะไรก็ตามได้ถูกตัดขาดไปทั้งหมดและหันมาถามเฮเรียน่าด้วยเสียงสั่นๆ
“…ซาตานปรากฏตัวหรืออะไรงั้นหรอ?”
[ต่อให้เป็นซาตานก็ไม่อาจจะขัดขวางอาร์ติแฟคของที่รักได้ นี่มันคือ…]
[สถานการณ์ที่คาดไม่ถึง]
ก่อนที่เลียร่าจะพูดข้อสรุปออกมาก็ได้มีน้ำเสียงดังขึ้นมาทั่วทั้งเฟียต้าโดยที่ไม่ใช่เสียงของใครในที่แห่งนี้ทั้งนั้น น้ำเสียงนี้ทั้งไม่สูงไม่ต่ำ ไร้ซึ่งอารมณ์ เป็นแค่น้ำเสียงเรียบเฉยที่ไม่อาจจะระบุเพศได้
[กองกำลังที่ห้าแห่งบันทึกนภา]
เจ้าของเสียงได้ปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ดูรูปร่างเหมือนกับมนุษย์ แต่ว่าร่างกายนั้นผอมบางมีหมอกแสงออกมาจากทุกๆด้าน
[กำจัดกองกำลังนี้้ก่อนที่พวกเขาจะได้รับพลังในการต่อต้านสวรรค์]
พวกนี้นี่เป็นตัวตนที่แตกต่างไปจากทุกๆเผ่าพันธ์ที่พวกเขารู้จัก – มีปีกอยู่หกข้างที่ดูเหมือนจะลอยไปตามลม รวมไปถึงวงแหวนที่กระพริบอยู่บนหัวของพวกมัน
[ไม่มีทาง…]
เมื่อเห็นเลียร่าได้เห็นแบบนี้น้ำเสียงเธอได้สั่นออกมา เอิลต้ากับเลียร่าก็เช่นกัน
“นั่นมันทูตสวรรค์?”
“แต่สำหรับการเป็นทูตสวรรค์…”
[กำจัด]
‘มัน’ ได้ยกส่วนที่คล้ายกับแขนมนุษย์ยิงลำแสงเข้าใส่ป้อมปราการลอบยฟ้า ทุกๆคนต่างก็รู้ได้ว่านี่คือวิกฤติใหญ่และมิสทิคได้ตะโกนออกมา
[ทุกๆคนเข้ามาในป้อมปราการ!]
ในทันทีที่ทุกคนทำตามคำแนะนำของมิสทิค บาเรียก็ได้โผล่ขึ้นมาปกคลุมทั้งป้อมปราการลอยฟ้าทันที และในเวลาเดียวกันเกราะโลหะของเคลาทูตก็โผล่ขึ้นมาปกคลุมบาเรียอีกชั้นหนึ่ง! จากนั้นทั้งชั้นบาเรียและเกราะโลหะก็ได้เริ่มหมุน ‘มัน’ ที่ได้ยิงน้ำแสงออกมาได้ปะทะเข้ากับเกราะโลหะนี้ทำให้เกิดการระเบิดขึ้น
[กรี๊ดดดดดดด แกร่งมาก! แกร่งไปแล้ว! นี่มันบ้าอะไรกันเนี้ย ฉันไม่คิดว่าเลยว่านี่เป็นมานา!]
“”ฉันจะช่วยเธอเอง! ท่านหญิงเรย์น่าพวกเราต้องการพลังของท่านในทุกๆส่วน แม้กระทั่งในตอนท่านดูดนมแม่อยู่ก็ตาม”
“เทพธิดาคนนี้คงจะไปจำวัยเด็กของเธอได้หรอก!?”
นายูนาได้รีบใช้พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ทำการเสริมพลังให้กับมิสทิค พลังของเทพธิดาคือการฟื้นฟูและป้องกัน! พลังศักดิ์สิทธิ์นี้ได้โผล่ขึ้นทั่วทั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ทำการเติมเต็มช่องวางของบาเรียและเสริมพลังขึ้น แต่ถึงแม้จะทำทั้งหมดนี่การจะป้องกันลำแสงก็ไม่ง่ายเลย
นี่คือสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่พวกเธอเคยเจอ ที่น่ารำคาญยิ่งกว่าเดิมก็คือพวกเธอไม่รู้กระทั่งตัวตนของสิ่งนี้
“นี่มันมอนสเตอร์บ้าอะไรกันเนี้ย ถ้าอิลฮานอยู่เขาก็คงจะใช้สกิลบันทึกดูออกได้ทันที… อ๊า”
ในเวลาต่อมาเธอก็นึกขึ้นได้ว่าเธอจะพึ่งยูอิลฮานอีกแล้วและตบปากตัวเองไว้แม้ว่าอิลฮานจะยอดเยี่ยมมากๆก็จริง แต่ครั้งหนึ่งเธอก็เคยอยู่ในจุดสูงสุดของโลกเธอแต่กลับมามองหาความช่วยเหลือเนี้ยนะ! เธอได้เม้มริมฝีปากและยกหอกขึ้น
“ไม่ ถ้าเราไม่รู้ ถ้างั้นก็ค้นหาสิและค่อยเอาชนะมัน…!”
[มาร่วมมือกันอดีตทูตสวรรค์ ฉันไม่กล้าปล่อยให้เธอถูกเจ้านี่ฆ่าหรอกนะ เพราะถ้าแบบนั้นที่รักได้เกลียดฉันพอดี]
[ดูเหมือนว่าข้าจะต้องช่วยเหมือนกัน]
เลียร่า เฮเรียน่า โอโรจิได้ก้าวผ่านบาเรียออกมา แม้ว่าเจ้าสิ่งมีชีวิตนี่จะยิงลำแสงที่ทรงพลังเทียบเท่าบาเรียของยูอิลฮานแต่ว่าดวงตาของพวกเธอก็ยังเต็มไปด้วยเจตจำนงในการต่อสู้ มิสทิคได้ส่งกระจกนับไม่ถ้วนออกมาช่วยด้วย
[แม้ว่ามันน่าจะเป็นมานา แต่ฉันก็รู้สึกว่ามันต่างออกไปเล็กน้อยเพราะงั้นระวังตัวด้วย! ฉันจะลองวิเคราะห์และสะท้อนกลับไปเอง… แต่ว่าอย่าเชื่อในกระจกมากนักล่ะ!]
“เข้าใจแล้ว”
ตำแหน่งสมบูรณ์แล้ว ข้างหลังพวกเธอมีคิมเยซอล คังมิเรย์ และเอิลต้าที่เตรียมเวทย์ เป้าหมาของพวกเธอก็คือหาจุดอ่อนของมันแล้วก็หยุดไม่ให้มันสร้างความเสียหายไปมากกว่านี้ เจ้าสิ่งมีชีวิตคล้ายทูตสวรรค์ก็ดูจะสังเกตุเห็นพวกเธอแล้วเช่นกัน
[กำลังเพิ่มการคาดการณ์ศักยภาพ กำลังโหลดบันทึกเพิ่มเติมจากบันทึก]
มันยังคงพูดอะไรที่ไม่รู้เรื่องออกมาอยู่ดี ยังไงก็ตามมีเรื่องหนึ่งที่มั่นใจได้เลยว่ามันจะต้องมีอะไรอยากผู้บงการที่วางแผนทุกๆอย่างอยู่แน่
“งั้นดูเหมือนว่าเราจะเข้าใกล้บอสสุดท้ายแล้วนะ นอกจากนี้มันยังดูเหมือนเจ้านี่จะไม่ได้เกี่ยวข้องกับทั้งสี่กองกำลังเลย มันจะต้องมาจากองค์กรที่ต่างออกไปแน่นอน”
“ตอนนี้พี่สาวเลียร่ากำลังพูดเหมือนอิลฮานเลยล่ะ~!”
[…ยกระดับความอันตรายของศัตรู]
แม้กระทั่งศัตรูก็ยังตกใจกับการคาดเดาของเลียร่า! ยังไงก็ตามสถานการณ์ก็ไม่ได้ดีขึ้นเลย มันยังคงโจมตีป้อมปราการณ์อยู่ถึงแม้ว่าจะมองมาที่เฮเรียน่า เลียร่าและโอโรจิ
[กำจัด]
ลำแสงได้ถูกยิงออกมาแล้ว แต่ก็เพราะว่าการที่มันพูดพร้อมกับโจมตีเหมือนหุ่นยนต์สมัยเก่าทำให้ทุกๆคนหลบออกไปได้อย่างรวดเร็ว
[กำจัด]
“ชิ นี่มันครั้งที่สองแล้วนะ”
[น่ารำคาญจริงๆเลย!]
ถ้าว่าพวกเธอไม่ได้มีการตอบสนองที่เทียบได้กับสิ่งมีชีวิตชั้นสูงพวกเธอก็จะต้องตายไปในทันทีโดยที่ไม่มีโอกาสได้หลบเลย หลังจากที่มันได้เล็งเป้าหมายแล้วดูเหมือนมันจะยังไม่พอใจกับการโจมตีเพียงครั้งเดียวทำให้มันโจมตีออกมาอย่างต่อเนื่อง นี่มันดูเหมือนกับว่าพวกเธอกำลังเผชิญหน้ากับพันนัยน์ตาอยู่ พวกเธอไม่มีโอกาสจะโต้กลับไปได้เลย
[ฉันจะเปิดทางให้เอง]
มิสทิคไม่อาจจะทนได้อีกแล้ว เธอได้ส่งกระจกส่วนใหญ่ออกมาโจมตีในครั้งเดียวอย่างรุนแรงยิ่งขึ้น แต่ว่ามนก็ได้เตรียมการมาอย่างดีเช่นกัน
วงแหวนบนหัวมันสว่างขึ้นเล็กน้อยและก็เกิดวงแหวนขึ้นสามเมตรรอบตัวในทันทีก่อนที่จะหมุนอย่างต่อเนื่องเพื่อทำการป้องกัน นี่มันดูเหมือนกับเกราะโลหะบาเรียของป้อมปราการลอยฟ้าอย่างมาก!
“เจ้านี่มันเคลื่อนไหวเหมือนกับว่า…”
ก่อนที่เลียร่าจะได้พูดจบนั้นเอง
[ทำลาย]
[กรี๊ดดดดด]
ในท้ายที่สุดก็มีบางอย่างเกิดขึ้น ม่านปีกทั้งหมดของมันได้ยื่นออกมาพร้อมๆกันกับการยิงลำแสงเพื่อทำลายกระจกแห่งการทำลายไปหลายอันในทันที! จำนวนชัดๆที่ถูกทำลายไปก็คือ 4 อันพอดี มิสทิคได้ตะโกนออกมาทันที
[ไม่นะ พันนัยน์ตาได้กลายเป็นพันนัยน์ตาแล้ว!]
“นี่่ไม่ใช่เวลามาเล่นมุขนะ! ฉันคิดว่าเจ้านี่น่าจะกำลังเรียนรู้สกิลจากการใช้รูปแบบการโจมตีของเรา! แถมการกระทำของมันก็ยังเหมือนกับลูกน้องของบอสสุดท้ายเลย!”
ดวงตาเฮเรียน่าได้เป็นประกายขึ้นมาหลังจากได้ยินคำพูดของเลียร่า ตัวเธอไม่ได้มีความสามารถทางร่างกายมากนักทำให้เธอต้องวุ่นวายไปกับการหลบลำแสงพวกนี้ แต่ว่าหากว่ายิ่งเวลาผ่านไปศัตรูยิ่งแกร่งขึ้นถ้างั้นพวกเธอจะทนไว้แบบนี้ไม่ได้ตลอดแน่
[โอ้ ตอนนี้ก็เก็บเทคนิคของเธอไว้ก่อนแล้ว ดูเหมือนว่าจะถึงตาฉันแล้วสินะ เลียร่าเธอเปิดทางให้ฉันทีได้ไหม? มาเอาชนะมันด้วยกันเถอะ]
“…ฮึ่ม ได้สิ ตามฉันมาเฮเรียน่า”
อดีตทูตสวรรค์กับอดีตผู้บัญชาการกองทัพปีศาจได้รวมทีมกันแล้ว หลังจากเฮเรียน่าได้เข้าไปหาเลียร่า เลียร่าก็ได้ยกหอกของเธอขึ้นมาสูดหายใจเข้าลึกๆและพุ่งออกไป
[ความสำคัญของเป้าหมายที่จะกำจัด]
“ใครบอกกัน คนที่จะถูกกำจัดคือแกนั่นแหละ”
[เข้าไปใกล้อีกนิด… นั่นแหละ]
ด้วยหอกสั่นสะเทือนในมือของเลียร่าทำให้เธอสามารถจะหักเหลำแสงออกไปได้! คลื่นกระแทกของเธอได้จัดการทำลายลำแสงออกไปด้วย! และเฮเรียน่าก็ได้เข้าถึงตัวมันในทันที
[เธอรู้ไหมว่าที่รักได้ข้อร้องฉันไว้… แล้วฉันก็ไม่ใช่คนที่จะปฏิเสธคำขอของที่รักได้ด้วยสิ]
นี่คือเวลาที่เธอได้ตั้งใจมากที่สุดนับตั้งแต่ที่เธอได้เกิดใหม่ขึ้นมา เฮเรียน่าได้รวมพลังเสน่ห์ทั้งหมดไว้ที่ปลายนิ้วและสัมผัสเข้าไปที่ศัตรูในตอนที่มันไร้ซึ่งการป้องกันใดๆหลังจากถูกเลียร่าโจมตี เสน่ห์ที่ไม่มีชายใดเอาชนะได้ได้เริ่มไหลเข้าไปในตัวมัน
[เพราะงั้นช่วยตายไปหน่อยได้ไหม?]
[กำลังเปลื่ยนลำดับความสำคัญเป้าหมาย]
ยังไงก็ตามมันก็ยังคงตอบกลับมาอย่างไร้อารมณ์
[กำจัดศัตรูที่ขัดขวางการเคลื่อนไหวมากที่สุด]
[กรี๊ดดดด]
ลำแสงของมันได้เจาะทะลุท้องของเฮเรียน่าก่อนที่เลียร่าจะได้ทำอะไรซะอีก
บทที่ 302 – ฉันคือพ่อของพวกนาย (3)
“เฮเรียน่า!”
[อั๊ก…!]
เลียร่าได้ตะโกนออกมาอย่างตกใจ ในที่สุดราชินีซัคคิวบัสก็ถูกโจมตีเข้าแล้ว!
เลือดของเฮเรียน่าได้ไหลออกมาจากช่องท้องของเธอ เธอได้แต่ถอยกลับมาทั้งๆที่กุมแผลที่มีเลือดไหลอย่างต่อเนื่องเอาไว้ นี่คือการโจมตีตรงๆจากระยะประชิดทำให้เธอตกอยู่ในสภาพแบบนี้
[เจ้านี่มันคืออะไรกัน… การที่ตอบโต้ความสามารถของฉันได้นี่… มันไม่ใช่ที่รักด้วย! หรือบางทีมันอาจจะไม่ใช่สิ่งมีชีวิต]
[กำจัด]
“ย๊าาาากกก!”
เมื่อได้เห็นมันกำลังจะยกมือขึ้นอีกครั้ง เลียร่าก็ได้เม้มริมฝีปากเหวี่ยงหอกออกมา คลื่นกระแทกของเธอได้เบี่ยงเบนลำแสง ในที่สุดแลวมันก็หันมาหาเลียร่าและยกมือทั้งสองข้างขึ้น
[กำจัดคนขัดขวางที่มีความสำคัญสูงกว่า]
“ฉันไม่ชอบมันเลยสักนิด มันเอาแต่พ่นคำพูดเหมือนกับลูกน้องบอสสุดท้ายออกมาอยู่ได้!”
พลังเวทย์ทั้งหมดของเลียร่าได้ถูกรวมไว้ที่หอกและทำให้หอกสั่นสะเทือน เธอไม่สนแล้วต่อให้การโจมตีของเธอจะถูกเลียนแบบ คลื่นกระแทกของเธอได้เปลื่ยนพลังเวทย์ให้เป็นพลังโจมตีกายภาพ
มีคนบอกว่านคือมานาหรืออะไรงั้นหรอ? มันไม่สำคัญหรอก ตราบใดที่มันมีรูปร่างอยู่มันไม่มีทางหนีพ้นการสั่นสะเทือนไปได้!
[เลียร่านี่เธอ…]
“ถอยกลับไปรักษาตัวเองก่อน! เร็วเข้า!”
[…อึก!]
เฮเรียน่าไม่อาจจะพูดอะไรต่อได้หลังจากได้ยินแบบนี้ เธอได้หันหลังกลับไป ในตอนนี้เองวงแหวนทรงกลมก็ได้หมุนปกคลุมร่างมันถึงขีดสุด
[กำจัด]
“ก็มาลองดูสิ”
เลียร่าได้เข้าปะทะกับมันโดยไม่หยุดพักหายใจแล้ว แม้ว่าเธอจะกังวลเพราะเสน่ห์ของเฮเรียน่าไม่ได้ผลเลยสักนิด แต่ว่าโชคดีที่ว่าพลังของตัวเธอใช้ต่อกรกับมันได้อย่างสมบูรณ์แบบ นี่สามารถจะยืนยันได้จากการเปลื่ยนรูปแบบการพูดของมัน
[เป้าหมายมีลำดับความสำคัญในการกำจัด]
[เพิ่มลำดับความสำคัญเป็นลำดับแรก]
“น่ารำคาญจริง!”
[กำลังตรวจสอบจุดอ่อนศัตรู]
ในตอนนี้เอง มันก็ได้เริ่มส่งเสียงออกมาอย่างไม่รู้จบ! เลียร่าได้รู้สึกอีกครั้งหนึ่งว่าปากของมันคือตัวการที่น่ารำคาญที่สุดและเริ่มทำหน้าเหมือนกับกำลังจะร้อง
[อาาาาาาาาาาา]
“อ๊ากกกกกกก! มันทำอะไรซักอย่างแล้ว!”
เลียร่ากำลังรู้สึกเคร่งเครียดมาก แน่นอนว่ามันไม่ใช่แค่เพราะคลื่นกระแทกของเธอถูกการสั่นสะเทือนของเสียงมันหยุดเอาไว้
แต่ถึงแม้เธอจะถึงพลังออกมาได้มากกว่าคลาสของเธอ แต่ว่ามานาของตัวเธอก็ยังเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำอยู่ ในตอนนี้เธอกำลังรวมพลังเวทย์ทั้งหมดในร่างไปที่ปลายหอกอยู่ทำให้เธอจะคงสภาพแบบนี้ไว้ได้อีกแค่ประมาณ 3 นาทีเท่านั้น
“เราต้องทำอะไรซักอย่างแล้ว แต่ว่า…”
“…นี่ก็ไม่ได้ผลเหมือนกัน”
พวกเธอก็น่าจะรู้นับตั้งแต่ที่มันต้านทานเสน่ห์ได้แล้ว ในระหว่างเลียร่ากำลังยื้อมันเอาไว้ข้างหน้า คิมเยซอลและจอมเวบ์คนอื่นๆก็ได้ร่ายเวทย์กันเพื่อจะหยุดมันเอาไว้ แต่ว่าน่าเสียดายที่ไม่มีเวทย์ไหนเลยที่ใช้ได้ผลดี!
“มัน…”
เอิลต้าได้กัดริมฝีปากตะโกนขึ้นออกมา
“มันมีความต้านทานพลังเวทย์! เพราะงั้นวิธีที่จะจัดการมันดีที่สุดเลยก็คือเพิ่มพลังเวทย์ไปเป็นการโจมตีกายภาพตรงๆเท่านั้น!”
“อ๊า ให้ตายสิ! นี่มันแปลกมากเลยนะ! แล้วก็ฉันจะต้องทำยังไงดีล่ะ?”
เอิลต้ากับคังมิเรย์ได้พูดกันในระหว่างกำลังร่ายเวทย์อย่างสิ้นหวัง
“เรากำลังหาทางออกอยู่”
“ช่วยรออีกนิด!”
นี่มันไม่ดีแล้ว พวกเธอไม่ได้ช่วยอะไรเลย! ถ้าแบบนี้… เลียร่าได้ดื่มโพชั่นขวดเล็กลงไปอีกครั้งเพื่อจะปัดลำแสงของศัตรูและตะโกนขึ้น
“โอโรจิ นายกำลังทำบ้าอะไรอยู่!”
[ข้ากำลังเตรียมการโจมตีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดจากข้อมูลที่มีอยู่ ไม่ใช่ว่าก่อนที่จะไปโจมตีมันการวิเคราะห์ข้อมูลของศัตรูตรงหน้ามันเป็นเรื่องพื้นฐานหรอกหรอ?]
นั่นมันสำหรับในฝั่งที่ได้เปรียบจากการซ่อนตัวเท่านั้น! เลียร่าอยากจะตะโกนแบบนี้ออกไป แต่ว่าเธอก็ต้องเงียบลงหลังจากได้รู้ถึงสิ่งที่โอโรจิกำลังพยายามจะทำ
[ช่วยรออีกนิด ยื้อศัตรูไว้อีกนิด]
“…เจ้านี่กำลังทำเหมือนกับอิลฮาน”
แม้ว่าโอโรจิจะมีรูปร่างมนุษย์จากการที่ยูอิลฮานสร้างให้ แต่ว่าเขาก็ไม่ได้เป็นทั้งมนุษย์หรือมังกร
หลังจากการฝึกปรับตัวภายในบาเรีบกาลเวลามาเป็นเวลานาน ในที่สุดโอโรจิก็ขยับร่างกายได้ราวกับเปนร่างของตัวเองแล้ว และขอบเขตมันก็มากเกินไปนิดอีกด้วย
[อีกนิดเดียว… ฮ่าห์]
“ไม่สิ เขาทำได้ดูขัดหูขัดตากว่าอิลฮานซะอีก….”
ในตอนนี้โอโรจิได้กำลังควบคุมการเคลื่อนไหวของร่ายกายอยู่ตลอดเวลา และกำลังเปลื่ยนแปลงร่างกายของตัวเอง นี่คือความสามารถจากในตอนเป็นหอกมังกรแปดหาง แต่นี่เปนการเพิ่มพลังทำลายให้มากขึ้นด้วยร่างกาย กล้ามเนื้อ กระดูกและเลือดมังกร
จากภายนอกนี่ดูไม่ต่างจากมนุษย์ปกติเลย แต่ว่านี่คือการบีบอัดกล้ามเนื้อและกระดูกให้เปลื่ยนจากแขนกลายมาเป็นปืนใหญ่ที่ทำให้ไม่ว่าใครก็ต้องอึดอัดกันทั้งนั้น
[เสร็จแล้ว หยุดมันเอาไว้แบบนั้นแหละ!]
[ตรวจพบอันตรายจากเบื้องหลัง…]
“เขาบอกให้ฉันหยุดนายไว้น่ะ!”
คลื่นกระแทกที่ทรงพลังของเลียร่าไม่เพียงแต่ทำลายลำแสงเท่านั้น แต่กระทั่งยังหยุดการหมุนของวงแหวนด้วยเช่นกัน ในเวลาต่อมาโอโรจิที่ได้เปลื่ยนแขนเป็นปืนใหญ่ก็ได้พุ่งขึ้นมาบนท้องฟ้าอย่างต่อเนื่อง! นายูนาที่พึ่งรักษาเฮเรียน่าเสร็จก็หันมายกมือตะโกนออกมาทันที
“อ่า นี่มันเมก้า บัสเตอร์ล่ะ…!”
[เป็นไพท์บังเกอร์ต่างหาก!]
โอโรจิได้ตะโกนตอบปฏิเสธนายูนาออกมา! ใช่แล้ว ตอนนี้แขนของโอโรจิดูเหมือนจะยิงลำแสงปืนใหญ่ออกมาได้สัมผัสเข้ากับวงแหวน และหอกกระดูกที่แหลมคมก็ได้ถูกยิงออกมาจากแขนด้วยพลังที่ถูกบีบอัดและการระเบิดของเส้นใยกล้ามเนื้อของมังกรคลาส 7 รวมไปถึงยังมีการระเบิดของพลังเวทย์ด้วยทำให้หอกกระดูกได้แทงทะลุผ่านวงแหวนและปักเข้าที่ร่างกายของมัน
[ติดคริติคอล!]
[อั๊ก!?]
มันได้ชะงักขึ้นมาเป็นครั้งแรกแล้ว แม้กระทั่งการโจมตียังทำให้ได้แค่ทำให้มันหันไปสนใจเท่านั้น แต่ว่าการโจมตีนี้ของโอโรจิได้ทำให้เกิดบาดแผลถูกเจาะทะลวงขึ้น! มันได้รีบพยายามจะถอยไปรักษาบาดแผลของตัวเอง แต่ว่าการทำแบบนั้นมันไม่ง่ายเลยเพราะความทนทานและความต้านทานของกระดูกโอโรจิ โอโรจิได้ยิ้มรอยยิ้มชั่วร้ายขึ้นมาบนใบหน้าเหมือนกับมนุษย์และตะโกนขึ้นมา
[ถ้าเป็นการโจมตีกายภาพ ฉันไม่แพ้แน่! นี่คือพลังที่ฉันได้รับมาในระหว่างที่อยู่กับนายท่าน]
“ทำได้ดีมากโอโรจิ”
[แต่ว่าข้อเสียก็คือฉันมีหอกกระดูกเก็บเอาไว้อีกแค่อันเดียวเท่านั้น]
“แล้วนั่นนายจะโม้ทำบ้าอะไรโอโรจิ งี่เง่าเอ้ย!”
โอโรจิไม่มีทั้งความสามารถในพื้นที่มิติ ไม่มีความสามารถสร้างกระดูกคลาส 7 ได้ตามต้องการด้วย! อย่างน้อยในตอนนี้เขาก็ทำไม่ได้!
[ฉันจะโจมตีในจังหวะเหมาะใหม่นะ]
“ฉันหวังว่าฉันจะไม่ตายไปก่อนนะ! ฮ่าาาาาห์!”
[กะ กำ…!]
ในระหว่างโอโรจิถอยกลับไปเตรียมการโจมตีที่สอง เลียร่าก็พุ่งตรงเข้าใส่มันอีกครั้งหนึ่ง มันดูเหมือนว่าไม้ตายของโอโรจิจะสร้างความเสียหายรุนแรงจนศัตรูยังไม่อาจจะฟื้นฟูวงแหวนกับปีกกลับมาได้ และมันทำได้เพียงแค่ใช้แขนของมันป้องกันการโจมตีของเธอเท่านั้น แต่ว่าเลียร่าก็รู้สึกได้ถึงบางอย่างแปลกๆในตอนที่เธอเข้ามาใกล้มา
“นี่มันเหมือนกับว่า…”
[กำจัด]
ในระหว่างเลียร่ากำลังลังเลอยู่ มันก็ได้เริ่มใช้หน้าอกของมันสร้างเป็นปืนใหญ่ขึ้นมาและยิงหอกหมอกสีขาวออกมาจากร่างจริงของัมน ในทันทีที่เลียร่าได้เจอแบบนี้เธอรู้สึกหนาวขึ้นมา และในเวลาเดียวก็นก็มีความกลัวขึ้นมาด้วย มันได้ประกาศขึ้นมาด้วยน้ำเสียงมั่นใจ
[นี่มันไพท์บังเกอร์]
“หาาา!?”
หากว่านี่มันสร้างขึ้นจากบันทึกที่มันได้ดูดมาจากโอโรจิเมื่อกี้นี้ เธอก็จะตายไปในทันทีโดนการโจมตีนี้แน่! เลียร่าได้บินหลบตามสัญชาตญาณไปทันที เสียงระเบิดได้ดังขึ้นมาจากด้านหลังของเธอก่อนที่มิสทิคจะตะโกนขึ้น
[เฮ้ ฉันโดนลูกหลงด้วยนะ!]
“ป้องกันมันตามใจเธอเลย!”
[ฉันก็จะทำแบบนั้นอยู่แล้ว]
มิสทิคได้รับเอาส่วนหนึ่งของร่างกายมันเข้ามาในบาเรียและฝังมันเอาไว้บนพื้น แมว่ามันจะอันตรายมากๆ แต่ว่าร่างกายส่วนนี้ก็สามารถใช้ระบุตัวตนของศัตรูได้ มันได้ส่ายหัวขึ้นทันทีที่เห็นแบบนี้
[เทคนิคอันตราย ลบออกจากรูปแบบ]
[ไพท์บังเกอร์คืออาวุธของผู้ชาย นายใช้มันได้ยังไกัน นายมันต้องไม่ได้เป็นผู้ชาย!]
[นี่นายไม่เห็นเสน่ห์ของฉันที่ใช้ไม่ได้ผลงั้นหรอเจ้าจิ้งจก? ไม่ต้องพูดถึงผู้ชายเลย มันน่าจะไม่มีเพศด้วยซ้ำไป!]
เฮเรียน่าได้บ่นโอโรจิออกมา ในตอนนี้เพราะแผลของเธอไม่ได้หายสนิททำให้เธอกลับไปแนวหน้าไปไม่ได้อีก เธอได้ใช้มานาของเธอช่วยมิสทิคควบคุมพันนัยน์ตาแทน
แม้ว่าจะมีลำแสงพุ่งออกมาจากปีกของมัน แต่เหตุผลที่ทำกลุ่มสามารถสู้มาได้ถึงตอนนี้นั่นก็เพราะมีพันนัยน์ตาคอยช่วยอยู่
เลียร่าคิดที่จะเข้าไปโจมตีมันอีกครั้งก่อนที่มันจะฟื้นฟูโล่วงแหวนของมันกลับมา แต่ว่ามันก็ได้ใช้ลำแสงป้องกันไม่ให้เธอได้ทำแบบนั้น เลียร่าได้แต่กัดฟันตะโกนออกมา
“มันจะใช้การโจมตีลำแสงบ้าๆพวกนี้ไปถึงเมื่อไหร่กัน!?”
แหล่งพลังงานของมันไม่ใช่มานา มันได้เสริมรูปแบบการโจมตีของมันจากการวิเคราะห์และดูกเอาข้อมูลของศัตรู รวมไปถึงความต้าทานมานาและความสามารถบ้าๆที่จะป้องกันจากมานาในสภาพแวดล้อมรอบๆอีกด้วย! มันไม่มีสมาชิกของกองกำลังใดเป็นแบบนี้เลย ไม่ใช่ทั้งอัครเทวทูตจากกองทัพสวรรค์ หรือผู้บัญชาการกองกองพันแห่งกองทัพจรัสแสง นี่คือสิ่งมีชีวิตลึกลับที่ไม่อาจจะระบุตัวตนได้
“ความสมเหตุสมผลมันอยู่ตรงไหนกัน!? เจ้านี่มันโผล่ออกมาจากไหนเนี้ย!”
[การฟื้นฟูตัวเองไม่อาจเป็นไปได้ หยุดการฟื้นฟู จัดการระดับความสำคัญในการกำจัดศัตรู]
ในเวลาเดียวกันในท้ายที่สุดมันก็ได้ทำให้ทั้งกลุ่มเลียร่าขมขื่นยิ่งขึ้นจากการเปลื่ยนรูปแบบของมัน ก่อนหน้านี้มันจะปล่อยหมอกแสงไร้รูปร่างออกมา แต่ในตอนนี้มันได้หดหมอกแสงนั่นกลับไปก่อนที่จะสร้างเป็นโล่วงแหวนึ้นเพิ่มอีกสามอัน!
“อ่า ให้ตายสิ”
เลียร่าได้ส่งเสียงออกมาอย่างหงุดหงิด ถ้าสิ่งที่เธอกังวลมันไม่เป็นจริงก็คงดี แต่ว่าน่าเสียดายที่มันไม่เป็นแบบนั้น โล่วงแหวนทั้งสามอันได้เริ่มหมุนวนอย่างต่อเนื่องแทนที่โล่วงแหวนที่เสียหาย! แค่การหมุนเฉยๆของมันก็น่ากลัวอยู่แล้ว แต่มันยังพุ่งเข้ามาพร้อมโล่วงแหวนที่หมุนทำลายทุกอย่างอยู่อีกด้วย
[กำจัด]
“ถ้าโดนเข้าฉันได้ตายแน่! บาเรียก็เอาไม่อยู่!”
เลียร่าได้ร้องออกมาพร้อมๆกับบินไป ป้อมปราการลอยฟ้ากับป้อมปราการผู้พิทักษ์ก็เช่นกัน มิสทิคได้ควบคุมป้อมปราการทั้งสองให้เร็วที่สุดเป็นครั้งแรกเพื่อหลบจากโล่วงแหวนของมัน แต่ปัญหาคือการโจมตีของมันมีการติดตามติดมาด้วย
[กำจัด! กำจัด!]
และในท้ายที่สุดป้อมปราการหนึ่งในนั้นก็ปะทะเข้ากับโล่วงแหวน มิสทิคได้ส่งพันนัยน์ตาออกไปเพื่อรับมือกับมัน แต่ว่าโลวงแหวนของมันหมุนเร็วเกินไปจนปัดลำแสงของพันนัยน์ตาออกไปจนหมดรวมไปถึงทำลายเกราะของเคลาทูคด้วย หากเป็นแบบนี้แหล่งพลังงานของมิสทิคได้หมดลงแน่
[กรี๊ดดดดดด มันเร็วขึ้นอีกแล้ว! เจ้าบ้าโอโรจิ ทำอะไรซักอย่างกับมันทีสิ!]
[ฉันจัดการเอง]
มิสทิคได้กรีดร้องออกมาและในตอนนี้เองโอโรจิที่แอบซ่อนตัวมาลอดก็ได้ยิงหอกกระดูกอันที่สองทำลายมันตั้งแต่หัวไปจนจรดเป้า
[ติดคริติคอล!]
[ก๊าา ฮ่าาาาาห์….]
เสียงของมันได้หมดลง โล่วงแหวนทั้งสามอันก็หยุดหมุนแล้วด้วย โอโรจิมั่นใจแล้วว่าเขาได้จัดการโจมตีปิดฉากไปแล้ว
[ทำการ… หยุดการทำงาน]
[คุณได้รับค่าประสบการณ์]
[เลเวล??????? ???????????]
[อ่า นี่มัน]
เมื่อได้เห็นข้อมูลค่าประสบการณ์พวกนี้โอโรจิก็หยักไหล่ออกมา
[มันพิเศษสินะ]
“โอ้เวรล่ะ”
เลียร่าที่เพิ่งจะดีใจที่เอาชนะศัตรูได้กลับสบถออกมา หรือว่าเธอคิดถึงยูอิลฮานงั้นหรอ?
โอโรจิได้ยิ้มแห้งๆและหันกลับไปหาเธอและเขาก็ได้รู้ถึงเหตุผลที่เธอสบถออกมา
[กำจัด]
[กำจัด]
[ตรวจพบศัตรูที่่ร้ายกาจ อันตรายต่อการเก็บข้อมูล กำจัด]
ศัตรูที่พวกเขาได้ใช้พลังทั้งหมดถึงจะเอาชนะได้ยืนอยู่ตรงนั้น ไม่ใช่สิ มีพวกมันยืนอยู่ตรงนั้นถึงสามตัวต่างหาก
[]
บทที่ 303 – ฉันคือพ่อของพวกนาย (4)
“ยังติดต่ออิลฮานไม่ได้อีกหรอ!?”
“ไม่เลย อาร์ติแฟคไม่ทำงานเลย…!”
“มิตินี่เกิดอะไรบางอย่างขึ้น…!”
นักเวทย์ทุกๆคนได้พยายามที่จะใช้เวทย์ของพวกเธอ แต่ว่ามันไม่มีทางเลยที่จะจัดการตัวที่เหมือนกันกับตัวที่ต้อนพวกเธอจบมุมได้ แถมพวกมันในตอนนี้ยังมีถึงสามตัว
[กำจัด]
[กำจัด]
[กำจัด]
[นี่มันทำให้ฉันจะบ้า… หว่าาาา!]
มิสทิคที่กำลังฟื้นฟูป้อมปราการอยู่ได้ร้องออกมาทันที การโจมตีของพวกมันทั้งหมดได้เล็งมาที่ป้อมปราการ
[พวกมันกำลังพยายามจะลบร่องรอยทุกๆอย่างนั่นเพราะว่าที่รักจะเก็บบันทึกของพวกมันได้!]
“อ่า ใช่แล้ว! ถ้าเรารอดกลับไปที่รักก็จะเข้าใจในทุกๆอย่างรวมไปถึงตัวตนที่อยู่เบื้องหลังของเจ้าพวกนี้ด้วย”
[แต่ระหว่างเรากำลังพูดถึงเบื้องหลังนี่เราทั้งหมดจะตายกันแล้ว]
เลียร่ารู้สึกเหมือนว่าหากเธอไม่เล่นมุกออกมาเธอก็คงจะประหม่าจนหอกหลุดมือแน่ ทุกๆคนก็ยังรู้เหมือนกันว่าเลียร่ากำลังพยามทำให้ทุกๆคนใจเย็นลงแทนที่ยูอิลฮาน แต่ว่าเธอก็แทนที่ยูอิลฮานได้แค่ในด้านการเล่นมุก เธอไม่อาจจะมีพลังการต่อสู้แบบเขาได้ เฮเรียน่าได้สิ้นหวังกับความรู้สึกไร้พลังของเธอ
[ฉันน่าจะเพิ่มความสามารถอื่นๆนอกจากเสน่ห์ด้วย…]
[ความมั่นใจที่เธอสามารถจะทำให้สิ่งมีชีวิตทุกๆคนตกอยู่ในเสน่ห์ได้นอกจากนายท่านมันหายไปไหนแล้วล่ะ?]
[ถ้าฉันอยูู่คลาส 7 ล่ะก็ แต่ว่าในตอนนี้… ไม่ไหวแน่]
เฮเรียน่าได้พูดออกมาโดยไม่สนใจมิสทิคที่ตะโกนใส่เธอพร้อมทั้งหลบลำแสงทั้งหมดจากศัตรูทั้งสามคนอย่างวุ่นวาย เธอได้ตบแก้มของเธอ
[ไม่สิ ถึงแบบนั้นก็ไม่เป็นไร ฉันจะไม่ตายที่นี่ ต่อให้พวกนี้มันจะไม่ใช่สิ่งมีชีวิตเลยก็เถอะ แต่ตราบใดที่พวกมันยังมีสติปัญญาแล้วก็เคลื่อนไหวได้ล่ะก็…!]
“เฮเรียน่าอย่ากดดันตัวเอง… อ๊าาา!”
เลียร่าที่กำลังจะบอกให้เฮเรียน่าอย่ากดดันตัวเองเกินไป เธอได้ถูกโจมตีจนเกิดเป็นแผลร้ายแรงจากลำแสงของหนึ่งในศัตรู หากว่าพลังของเธอยังมีเต็มที่อยู่เธอก็จะหักเหวิถีลำแสงได้แน่ แต่ว่ามานาของเธอไม่ได่มีไม่จำกัด
โอโรจิก็ยังกลับไปที่แนวหน้าหลังจากทำการรักษากระดูกทั้งสองของเขาที่ได้จัดการทำให้ศัตรูคนแรกตายไป แต่ว่าที่โอโรจิทำได้ในตอนนี้ก็มีแค่ยื้อเวลาได้แค่ตัวเดียวเท่านั้น และการทำแบบนี้ก็มีแต่ทำให้พวกมันได้รับบันทึกบางส่วนมาด้วย
พีทที่มีความสามารถในการควบคุมอันเดตสิ่งมีชีวิตชั้นสูงก็กำลังปกป้องคนอื่นๆอยู่ แต่ว่าเขาไม่มีโอกาสได้โจมตีเลย เพราะแบบนี้หากเฮเรียน่าไม่ทำอะไรซักอย่าง อีกไม่นานพวกเขาก็จะต้องถูกกำจัดไปจริงๆแน่
[เลียร่าสลับกัน]
[ความสามารถของเธอใช้ไม่ได้ผลนะ อย่ากดดันตัวเองเกินไปสิ แค่ตั้งใจกับการควบคุมพันนัยน์… อ๊ะ]
[กำจัด]
[กำจัด]
สิ่งมีชีวิตที่ระบุไม่ได้ทั้งสองตัวได้เข้ามาใกล้เลียร่าหลังจากที่เห็นเธอบาดเจ็บขึ้นมา หลังจากเห็นแบบนี้เฮเรียน่าได้เม้มริมฝีปากตะโกนใส่นายูนา
[ให้พรเร็ว!]
“แต่ไม่ใช่เธอได้บอกว่าเธอไม่ต้องการพรจากบันทึกเทพนี่นา~?”
[แต่ในตอนนี้ฉันต้องการมัน! นี่เป็นพรจากเทพธิดาแห่งความงามนี่นา? นั่นจะทำให้ฉันมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้นอีก! มากไปจนถึงจุดที่จะส่งผลต่อสิ่งที่ไม่มีชีวิตได้!]
“อ๊า ไม่คิดเลยว่าวันที่ฉันจะต้องใช้พรนี้นอกจากตัวฉันเองจะมาถึง…”
แต่ถึงแม้นายูนาดูจะไม่เต็มใจร่ายพร แต่ว่าเธอก็รู้ดีว่านี่ไม่ใช่เวลามาเล่นอีกแล้ว เธอได้เริ่มร่ายพรในทันที
แม้ว่าเธอจะไม่ได้ชอบเฮเรียน่ามากนัก แต่ว่าเธอก็ไม่อยากจะให้เลียร่าบาดเจ็บไปมากกว่านี้อีก
“ผุดผ่องยิ่งกว่าแสงจันทร์ โปร่งใสยิ่งกว่าหยดน้ำค้าง สดชื่นยิ่งกว่าสายลมยามเช้า สูงส่งยิ่งกว่าดวงอาทิตย์ ท่านเทพธิดาแห่งความงาม! ได้โปรดมอบความงดงามของท่านให้แก่ผู้ที่ต้องการด้วยเถิด!”
“คำร่ายที่ดูครบถ้วนนี่มันอะไรกัน!?”
เมื่อไหร่ก็ตามที่เนื้อหาการร่ายเป็นแบบนี้ผลของมันก็จะยอดเยี่ยมเสมอ! ออร่าสีชมพูได้ลอยออกมาจากนายูนาและเข้าไปปกคลุมทั้งตัวของเฮเรียน่าก็ที่จะเพิ่มเสน่ห์ให้กับเธออย่างมหาศาล การเปลื่ยนแปลงนั้นมีมากมายมาก มากจนถึงขนาดที่ให้ความรู้สึกเหมือนกับเฮเรียน่าคือร่างจำแรงของเทพธิดาแห่งความงามเอง
เฮเรียน่าได้หลับตาของเธอลงและเปิดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ตอนนี้รู้สึกเหมือนราวกับว่ามีไอน้ำสีชมพูออกมาจากรอบๆตัวเธอ
[ฟู่…ฮ่าห์… เยี่ยมไปเลย นี่แหละ]
“อ๊าาา”
“มะ ไม่นะ นี่คือคนของท่านจักรพรรดิ…!”
เนื่องจากความสวยงามของเธอได้ถูกพรเสริมขึ้นไปอีกทำให้ตอนนี้คนที่มองไปที่เฮเรียน่าก็ยากจะยืนอยู่แล้ว หลังจากเห็นแบบนี้คังฮาจินก็รู้ได้ถึงบางอย่า
“ยูนานี่เธอ… ฉันเห็นเธอเข้าไปหาอิลฮานหลังจากร่ายพรนี้เป็นบางครั้ง…”
“พี่ฮาจิน ชู่วววว”
[ด้วยสิ่งนี้]
เฮเรียน่าได้เห็นเลียร่าถูกกดดันจนถอยมาอย่างต่อเนื่อง เธอได้พุ่งเข้าไปช่วยในทันทีโดยไม่ลังเล พลังเวทย์ที่ทรงพลังได้ปะทุออกมาจากร่างของเธอ
[ทำไมแกไม่ลองต้านทานมันอีกครั้งดูล่ะ! ในตอนนี้ฉันมันใจว่าเสน่ห์ของฉันมีผลต่อแม้กระทั่งหิน ลมหรือดวงอาทิตย์แล้ว!]
[กำลังระบุความสำคัญในการกำจัดเป้าหมาย… ปะ เป้า… หมาย…]
พรใช้ได้ผลจริงๆ ในตอนนี้หนึ่งในพวกมันที่กำลังโจตีเลียร่าได้หยุดเคลื่อนไหวลงหลังจากโดนเวทย์ของเฮเรียน่า เฮเรียน่าได้เพิ่มพลังเวทย์ขึ้นอีกโดยไม่ประมาทเพื่อที่จะเอาชนะความสามารถในการต้านทานของมันซึ่งเธอทำสำเร็จ! นี่เป็นอีกข้อพิสูจน์หนึ่งคือพวกมันไม่ได้มีการต้านทานเวทย์ที่สมบูรณ์แบบ
“เฮเรียน่า”
[เลียร่าถอยกลับไปรวมกลุ่มซะ! เฮ้ แกน่ะมองมาที่ฉันนี่]
[กำจัด เป้าหมาย… ลำดำความสำคัญ… กำจัด… ระบุเป้าหมาย เล็ง…]
แม้ว่าเธอจะล่อลวงได้ตัวหนึ่งแล้ว แต่เฮเรียน่าก็ยังกระจายมานาเข้าไปใส่อีกตัวในทันที! เธอจะไม่เคลื่อนไหวด้วยความกลัวอีกต่อไปแล้ว ถึงแม้ว่าบาดแผลที่ท้องของเธอจะยังไม่หายดี แต่ว่าเธอก็เคลื่อนไหวออกมาโดยไม่ลังเลซักนิดเดียว
หากว่าเธอจะตายแค่เพราะบาดแผลเดียว ถ้างั้นเธอก็คงไม่อาจจะอยู่ได้ถึงตอนนี้แน่! ในตอนนี้พลังเสน่ห์และความสวยงามของเธอได้ถูกปล่อยออกมาอย่างเต็มกำลัง! สิ่งที่เธอทำในตอนนี้มันเหมือนกับว่าเธอกำลังฝ่าหัวใจที่ไม่สั่นคลอนของยูอิลฮาน
[…โอ้ พอมาคิดดูแล้วถ้าฉันจู่โจมที่รักในตอนได้พรนี้ นั่นจะไม่สำเร็จในทันทีเลยหรอกหรอ? ฉันคิดว่าฉันน่าจะต้องคิดชื่อลูกได้แล้วสินะ?]
“ฉันไม่ยอมให้เธอทำหรอกนะ! ไม่มีวันนน!”
[เล็งเป้าหมาย ละ ล้มแหลม กำจัดปะ เป้าหมาย คะ ความสำคัญ คะ เคลื่อนไหว]
[ชาร์จพะ พลังงาน อะ อันตรา… วิเคราะห์ล้มเหลใ ไม่อาจจะวิเคราะห์ได้อีก มะ โหมดชาร์จ]
น้ำเสียงของพวกมันได้ขาดออกเป็นช่วงๆ การกระทำของพวกมันก็ยิ่งผิดปกติยิ่งขึ้น และแม้กระทั่งลำแสงที่โจมตีกลุ่มของพวกเลียร่าอยู่ตลอดเวลาก็ได้หยุดลงไปแล้ว การสั่นสะเทือนที่โลวงแหวนก็หยุดลงเช่นกัน
“…อ่า”
“มานาของฉัน!”
ยังไงก็ตามสิ่งที่สำคัญที่สุดเลยก็คือทั้งกลุ่มสามารถจะใช้มานาได้อิสระมากยิ่งขึ้น นี่มันพิสูจน์ได้เลยว่าวงแหวนและปีกของพวกมันมีผลอย่างมากกับมานาในโลกใบนี้!
[คุณผู้หญิง เมื่อไหร่เธอจะร่ายเวทย์โจมตีซักทีล่ะ? พี่สาวคนนี้ยื้อมันเอาไว้ได้ไม่นานนะ!]
“เธอทำได้ดีมากซัคคิวบัส…! นี่เป็นผลงานใหญ่เลย!”
ในตอนนี้คนอื่นๆทุกคนได้ฟื้นคืนการควบคุมมานากลับมาแล้ว เอิลต้าได้กัดฟันแน่นและสร้างวงเวทย์ขนาดใหญ่ขึ้นกลางอากาศ
[เพิ่มการประเมินความอันตรายของศัตรู]
[นั่นมันบ้าอะไรกัน!]
“ที่ฉันทำก็แค่บีบอัดมานาและเปลื่ยนความแข็งของมานาไป! ต่อให้พวกมันจะมีความต้านทานต่อมานา พวกมันก็ไม่อาจจะต้านพลังทำลายได้แน่!”
กระสุนเวทย์ขนาดยักษ์ได้พุ่งเข้าโจมตีพวกมันและระเบิดออกมา เมื่อกระสุนเวทย์ได้โดนตัวพวกมัน เวทย์ทั้งหมดก็ถูกยับยั้งทำให้กระสุนเวทย์หายไป แต่เพราะแบบนี้ก็ทำให้มานาปั่นป่วนไปเช่นกัน! เอิลต้าได้ใช้โอกาสนี้ควบคุมมานาที่ปั่นป่วนเพื่อที่จะสร้างความเสียหายกับวงแหวนและปีกของมัน
[ติดคริติคอล!]
และเธอก็คำนวนไม่คิด กระสุนเวทย์ได้ถูกออกแบบมาเพื่อที่จะสร้างแรงระเบิดกลับใส่คนที่ทำการยกเลิกเวทย์ มันได้ทำหน้าที่ทำลายปีกและวงแหวนได้เป็นอย่างดี
[ความเสียหายร้ายแรง เป็นไปไม่ได้ที่จะยับยั้งพลังงานของโลกเก่าอีก]
[ถอย หรือ ตะ ต้องการกำลังเสริม]
“วงจรมานากลับมาเป็นปกติแล้ว”
“ทำได้ดีมากเอิลต้า!”
คิมเยซอลที่ได้ฝึกมาหลายต่อหลายปีก็ไม่มีทางจะพลาดโอกาสสำคัญนี้
“พื้นที่มิติและเวลา! จงกลายเป็นคมเขี้ยวขจัดเหล่าผู้มาทำร้ายเรา!”
สิ่งที่เรียกได้ว่าเป็นปาฏิหาริย์ได้เกิดขึ้นมาแล้ว ในโลกที่กว้างใหญ่ใบนี้มีแค่มอนสเตอร์ทั้งสามตัวนี้เท่านั้นที่ถูกหยุดอยู่กับที่
“ทุกๆคนนอกจากมิเรย์ พวกเราต้องฆ่าพวกมันในตอนนี้! ในเมื่อพวกมันพูดถึงกำลังเสริมออกมาเพราะงั้นมิเรย์จะต้องเตรียมเวทย์สำหรับหลบหนี! พวกเราจำเป็นต้องไปมิติที่พวกมันเข้ามาไม่ได้!”
“ได้ค่ะแม่!”
[ฮ่าห์!]
โอโรจิที่ได้ฟื้นตัวพอสำหรับใช้ไพท์บังเกอร์อีกครั้งแล้วก็ได้ยิงหอกกระดูกออกมาจากแขนทั้งสองข้างฆ่าหนึ่งในพวกมันไป โอโรจิทำได้ตามที่ยูอิลฮานคาดหวังเอาไว้อย่างไม่มีผิด
คนที่เล็งโอกาสนี้เช่นเดียวกันก็คือพีทด้วยเช่นกัน เขาได้กระจายคำสาปเพื่อกัดกร่อยหยุดการเคลื่อนไหวของศัตรูและให้อันเดตพุ่งเข้าใส่หนึ่งในพวกมัน
“บรรเลงเพลงสู่นรก!”
[ก๊าซซซซซซซ!]
[มาอยู่เดียวกันเถอะ!]
การระเบิดครั้งนี้ยิ่งกว่ากระสุนเวทย์ซะอีก พีทได้ให้ศพสิ่งมีชีวิตชั้นสูงระเบิดออกมาด้วยการใช้พลังจากพรแห่งเทพ เพราะงั้นไม่ต้องสงสัยในเรื่องพลังโจมตีเลย! หากยูอิลฮานได้รู้เรื่องนี้ก็คงจะเศร้าแน่ แต่ถึงแบบนั้นการเอาชีวิตรอดก็คือสิ่งสำคัญที่สุด
เมื่อการเคลื่อนไหวของศัตรูได้ถูกการระเบิดของพีทขัดเข้าไปอีกทำให้คนอื่นๆก็ตามเข้าไปโจมตีเช่นกัน ไม่มีทางที่คนๆเดียวจะเอาชนะคนจำนวนมากได้อยู่แล้ว! เพราะแบบนี้ในท้ายที่สุดพวกมันก็ถูกทำลายลง
[คุณได้รับค่าประสบการณ์]
[เลเวล??? ?????????]
“ฉันเข้าใจแล้วว่าเจ้าตัวบ้าพวกนี้อย่างน้อยก็เลเวล 500!”
“นี่มันไม่ใช่เรื่องน่ายินดีเลย! คังมิเรย์แล้วประตูมิติล่ะ!?”
“พร้อมแล้ว!”
ปัญหาไม่ใช่เรื่องการได้รับความช่วยเหลือจากยูอิลฮานหรือไม่แล้ว แต่ว่าหากพวกเธอไม่รีบออกไปจากที่นี้ในทันที พวกเธอจะต้องถูกกำจัดแน่นอน…!
[กำจัด]
[กำจัดศัตรู]
ยังไงก็ตามคังมิเรย์ช้าไปนิด ดูเหมือนกับว่าพวกมันจะมีความสามารถในการฝืนเรียกพรรคพวกออกมาได้ในตอนที่พวกมันถูกกำจัด และตอนนี้ได้มีพวกมันถึงเก้าตัวโผล่ออกมาจากประตูมิติ
“นี่พวกมันทั้งหมดมาจากไหนกัน!?”
[เป้าหมายที่อันตรายที่สุด]
[กำลังเปลื่ยนลำดับความสำคัญเป็นลำดับสอง]
[กำจัดเป้าหมาย ไม่ทราบองค์ประกอบ]
[พรรคพวกของยูอิลฮาน จำเป็นต้องกำจัด]
“เป็นแบบนี้ได้ยังไงกัน…”
ไม่ต้องสงสัยในคำพูดของพวกมันแล้ว เบื้องหลังของเจ้าพวกนี้เป็นสิ่งที่ยูอิลฮานจะต้องได้เผชิญหน้าอย่างแน่นอน!
พวกเธอเพิ่งจะฝืนเอาชนะพวกมันสามตัวมาได้ แต่ในตอนนี้กลับมีพวกมันโผล่ขึ้นมาอีกเก้าตัว เพราะแบบนี้ทำให้ทั้งกลุ่มสิ้นหวัง
“…ฉันคิดว่าฉันทำมันได้”
ยังไงก็ตามเมื่อเห็นแบบนี้คังมิเรย์ได้เม้มปากของเธอ คังมิเรย์ก็คิดเหมือนกันกับที่เลียร่าและเฮเรียน่าคิด เธอคิดว่ายูอิลฮานได้ฝากกลุ่มไว้กับเธอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฐานะที่เธอเป็นคนดูแลความปลอดภัยของทุกๆคนด้วยเวทย์มิติของเธอ เธอไม่อาจจะปล่อยให้ใครบาดเจ็บได้อีกแล้ว
“ได้โปรดช่วยฉันด้วยนะ”
ในเมื่อพวกมันทั้งเก้าได้ยับยั้งการไหลของมานาไปอีกครั้งทำให้คังมิเรย์ได้รวมพลังทุกๆอย่างไปที่รัดเกล้าระดับเทพ มงกุฏแห่งปัญญา และได้ปลุกมานาของเธอ นอกจากนี้เธอยังได้กินคุกกี้ยัดไส้เวทมนต์ลงไป รวมทั้งดื่มโพชั่นทั้งหมดที่มีด้วย!
แล้วผลลัพธ์ที่ออกมาก็คือ
“ฉันทำได้ ฉันทำมันได้แน่ ฉันจะทำให้ได้…!”
[กำจัด]
[กำจัด]
[กำ…]
ยังไงก็ตามถึงเธอจะดึงมานาออกมาได้ แต่ว่าเธอก็ไม่อาจจะสร้างประตูมิติที่ใหญ่พอจะให้คนผ่านไปได้เพราะแรงกดดันจากภายนอก ถ้าเป็นแบบนี้เธอจะต้องหาวิธีใช้ประตูมิติเล็กๆนี่ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เคยลองมาก่อน แต่เธอจะต้องทำสำเร็จแน่
“เฮเรียน่า หยุดการเคลื่อนไหวพวกมันที!”
[พลังของพรกับมานาใกล้จะหมดแล้ว… อ๊า ฉันยื้อพวกมันได้แค่แป๊บเดียวนะ!]
“ฉันต้องการแค่แป๊บเดียวนั่นแหละ”
เฮเรียน่าได้ทำตามคำขอของคังมิเรย์ทันที เมื่อศัตรูได้แข็งทื่ออยู่กับที ประตูมิติที่พอแค่ให้ปากกาผ่านไปก็ได้ปรากฏขึ้นบนร่างของหนึ่งในพวกมันก่อนจะหายไป
[ติดคริติคอล!]
พร้อมๆกับประตูมิติที่หายไป ร่างกายส่วนนั้นของพวกมันก็หายไปด้วย
[ชิ้นส่วนร่างกายหายไป ไม่อาจต้านทานได้]
“!?”
“นั่นมันบ้าอะไรกัน!”
“นี่มันเพิ่งเริ่มเท่านั้น!”
มันยังไม่จบลง ประตูมิตินับสิบ นับร้อยได้ปรากฏขึ้นมาในทันทีก่อนที่จะหายไปและศัตรูทั้งเก้าก็ไม่อาจจะทนกับการกลายเป็นรังผึ้งไปในทันทีได้
[คุณได้รับค่าประสบการณ์]
[คุณได้รับค่าประสบการณ์]
[คุณได้รับ…]
พวกมันทั้งเก้าตัวได้ล้มตายลงไปทั้งแบบนี้ บางทีอาจจะเพราะพวกมันไม่มีเวลาให้เรียกกำลังเสริมทำให้ไม่มีอะไรเข้ามาในโลกนี้อีก
“ฮ่าห์… อ๊า”
“มิเรย์”
หลังจากได้สร้างปาฏิหาริย์ที่เกินกำลังเธอไป คังเรย์ได้ล้มไปในัทนที นายูนาได้รีบเข้าไปรับเธอเอาไว้ แต่คังมิเรย์ก็หมดสติไปแล้ว
“…นั่นคังมิเรย์ทำอะไรไปน่ะ?”
“ดูเหมือนว่านั่นจะนับเป็นปาฏิหาริย์ พลังศักดิ์สิทธิ์ของฉันถูกใช้ไปอย่างมาก”
เมื่อเลียร่าได้ถามออกมาอย่างสับสนโดยไม่สนใจแผลของตัวเองเลย นายูนาก็ตอบกลับมาอย่างสับสนเช่นกัน และในตอนนี้เอง
[ตอนนี้ดาเรย์ปลอดภัยแล้วนะ ทุกๆคนกลับมาในทันทีที่มาได้เลยนะ]
ในจังหวะที่เหมาะเจาะนี้เสียงของยูอิลฮานก็ได้ดังขึ้น เน่องจากว่าองค์ประกอบภายนอกทั้งหมดที่ปิดกันโลกใบนี้หายไปแล้วทำให้การเชื่อมต่อเกิดความเสถียรขึ้นมาในที่สุด เลียร่าได้มองไปที่คังมิเรย์ที่หมดสติอยู่ก่อนจะส่งเสียงที่ดูตกใจเล็งน้อยออกมา
“อิลฮาน คือว่า…”
บทที่ 304 – ฉันคือพ่อของพวกนาย (5)
ทั้งกลุ่มของเลียร่าได้กลับมาที่ดาเรย์ด้วยการช่วยเหลือจากสกิลข้ามมิติของยูอิลฮานสำเร็จ พวกเธอได้รีบเล่าเรื่องการต่อสู้เมื่อก่อนหน้านี้ออกมาในทันที
“เพราะแบบนี้ทุกคนก็เลยดูไม่มีความสุขเลยสินะ”
“ใช่สิ… ถึงจะไม่มีใครตายแต่ว่าอันเเดตของพีทตั้งหลายตัวได้จากตัวไปแล้ว”
“ศัตรูที่ไม่คาดคิดและไม่อาจคาดเดาได้ ศัตรูที่มีทั้งการต้านทานมานาและเข้ามาโจมตีอย่างฉับพลันในมิติอื่น… ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น… แต่ว่านะ”
ยูอิลฮานได้ยืนมองดูศพของศัตรูที่ไม่อาจจะระบุตัวตัวได้ตรงหน้าเขา วงแหวนที่บิดเบี้ยวของมันรวมไปถึงปีกที่เหมือนม่านได้ขาดรุ่งริ่ง นี่เป็นรูปแบบสิ่งมีชีวิตที่ยูอิลฮานไม่เคยเห็นมาก่อน
[รูปแบบสิ่งมีชีวิต?]
คนที่ตอบกลับมาอย่างไม่คาดคิดเลยก็คือเฮเรียน่าที่ได้กลับมาเป็นปกติหลังจากพรของเทพธิดาแห่งความงามได้หายไปแล้ว สิ่งที่เธอสงสัยก็คือเรื่องเดียวนั้นก็คือเธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเจ้าพวกนี้ที่สามารถจะจัดการกับพลังงานที่ไม่ใช่มานาและต้านทานเสน่ห์ของเธอได้จะเป็นสิ่งมีชีวิต
ยังไงก็ตามยูอิลฮานได้ตอบกลับมาอย่างชัดเจน
“คำพูดของพวกมันน่าจะทื่อๆสินะ เพราะงั้นพวกเธอก็คงจะคิดไปว่าพวกมันเป็นหุุ่นยนต์ใช่ไหมล่ะ แต่ว่านั่นมันอาจจะเป็นเพราะพวกมันไม่ได้มีภาษาการพูดที่ดีนักก็ได้ แต่ยังไงก็ตามในตอนนี้ฉันก็ยังไม่มั่นใจที่จะสรุปอยู่ดี”
ยูอิลฮานคือผู้เชี่ยวชาญในสกิลบันทึก ในจุดนี้ต่อให้เขาเจอกับสิ่งที่ไม่มีบันทึกอยู่เขาก็ยังจะสามารถมองบันทึกทั่วไปของพวกมันที่ถูกสิ่งมีชีวิตอื่นๆเก็บบันทึกเอาไว้ได้
แต่ยังไงก็ตามหลังจากเห็นเจ้าพวกนี้ยูอิลฮานก็ไม่ได้ข้อสรุปใดๆออกมาเลย ไม่ว่าจะเรื่องที่พวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตหรือไม่ก็ตาม หรือว่าพวกมันมาจากไหน หรือต่อให้พวกมันไม่ใช่สิ่งมีชีวิตแล้วพวกมันเกิดมาได้ยังไง!
“ฉันก็อยากจะเริ่มวิเคราะห์เจ้าพวกนี้จริงๆนะ แต่ว่า…”
“เท่จัง… โลกใบนี้สวยงามจังเลย…”
“ดาเรย์? นี่คือดาเรย์จริงๆน่ะหรอ…?”
หลังจากที่ทั้งกลุ่มได้เห็นความเปลื่ยนแปลงไปของดาเรย์ พวกเธอก็พูดไมออกกันไป ยูอิลฮานรู้สึกได้เลยว่าเขาจะต้องล่ะทิ้งงานที่จะต้องไปทำก่อนสักนิด เขาได้หัวเราะออกมาและดูสภาพของคนทั้งกลุ่ม หลังจากที่พวกเธอได้ผ่านการต่อสู้มาทำให้พวกเธอส่วนใหญ่ทั้งเหนื่อยและเต็มไปด้วยบาดแผล ท่ามกลางคนทั้งกลุ่มจะมีก็แต่นายูนาเท่านั้นที่ยังเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา
“หว่าาาาาาาาา หว่าาาาาาาาาาาาาาาาา! อิลฮาน~ มาแต่งงานกันที่นี่เถอะ แต่งงานน่ะ~”
เธอกำลังมองไปที่ปราสาทที่อยู่ตรงกลาง
เนื่องจากว่ายูอิลฮานกำลังเตรียมที่พักสำหรับมังกรด้วย เขาก็เลยได้ตัดสินใจที่จะสร้างที่อยู่อาศัยนี้อย่างเต็มที่ทำให้การสร้างของเขาดูเลยเถิดเกินไปนิด ผลที่ได้ออกมาเลยก็กลายเป็นเหมือนกับอาณาจักรสไตล์ยุโรปที่ดูเหมือนกับมาจากนิยายแฟนตาซี
“ได้เลย ฉันอนุญาติเพราะงั้นก็ไปหาผู้ชายดีๆมาซะนะ”
ยูอิลฮานได้ดีดหน้าผากนายูนาที่กำลังร้องอย่างยินดีพร้อมทั้งกำลังเข้ามาเกาะแขนเขา ยังไงก็ตามนายูนาก็ยังคงยิ้มและเขย่าแขนยูอิลฮานต่ไป
“แน่นอนสิว่าคนๆนั้นมีแค่อิลฮาน~! ฉันรักนายนะอิลฮานนน!”
ยูอิลฮานได้แต่ยิ้มแห้งๆออกมา ยังไงก็ตามปกติแล้วนายูนาจะทำตัวแบบนี้อยู่เสมออยู่แล้ว แถมนี่อาจจะเพราะว่าเธอได้กลับมาในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยด้วยก็ได้ เพราะงั้นเขาก็เลยพอจะเข้าใจความรู้สึกของเธอ
ยังไงก็การเข้าใจความรู้สึกกับการที่จะปกป้องเธอกับยมทูตที่โผล่ขึ้นมาจากด้านหลังของเธอมันต่างกัน
“ฉันยอมรับนะว่าเธอไม่ยอมแพ้ง่ายๆ แต่ไม่ว่ายังไงนั่นก็มีแต่จะทำให้เธอตายเท่านั้น”
“กรี๊ดดด พี่สาวเลียร่า”
ระหว่างทั้งคู่กำลังเล่นตลกกันตามปกติ ยูอิลฮานก็ได้หันไปปรบมือเรียกให้ทุกคนมาสนใจ
“ฉันได้เตรียมห้องส่วนตัวไว้ให้ทุกคนแล้วเพราะงั้นไปพักอาบน้ำกันซะ ฉันยังได้เตรียมพื้นที่ไว้ให้ป้อมปราการทั้งสองแห่งลงจอดด้วยนะมิสทิค เธอไปที่นั่นได้เลย”
[นายท่านทำเรื่องไร้สาระแบบนี้โดยไม่กระดิกคิ้วเลยนะ…]
[ก็ปกติแหละนะ]
คนที่อาศัยอยู่ในป้อมปราการต่างก็ข้าไปพักในที่ของตัวเอง เอลฟ์กับหมาป่าได้มองไปรอบๆอย่างสงสัยพร้อมกับคิดกันว่าที่นี่ใช่ดาเรย์ที่พวกเขาเคยอยู่จริงๆน่ะหรอ ส่วนทางด้านเด็กๆกองทัพมังกรต่างก็ตะโกนออกมาอย่างยินดีกับความหนาแน่นของมานาในดาเรย์นี้
“ทุกคนเลเวลเพิ่มกันเยอะเลยนะ”
“ก็ชัดเจนอยู่แล้วในเมื่อพวกเราได้ตระเวนไปในโลกระดับสูงต่างๆที่เหมือนกับนรก แต่ว่าก็ไม่ได้มีใครตายเลยซักคน… คนที่น่าทึ่งกว่าพวกฉันก็คือนายต่างหาก”
เอิลต้าเม้มปากมองไปที่ยูอิลฮานที่สูงขึ้นกว่าแต่ก่อนเล็กน้อย และในดวงตาของเขาก็มีแสงขึ้นเล็กๆ นอกจากนี้ภายในดวงตาที่เหมือนกับสัตว์เลื้อยคลานสีทองก็มีนัยน์ตาสีแดงที่ทำให้เธอรู้สึกเหมือนกับกำลังมองมังกรอยู่
“ยูอิลฮาน นายกลายมาเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงแล้ว….”
“ใช่แล้วล่ะ”
ยูอิลฮานได้ยอมรับออกมาง่ายๆ
“นี่ก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ฉันบอกว่าไม่ให้พวกเธอมาดาเรย์ในตอนนั้น ในตอนที่ฉันมาที่นี่ไม่เพียงแต่ที่นี่จะเกิดมหาภัยพิบัติขึ้นอีกเท่านั้น แต่โลกระดับต่ำต่างๆที่มนุษยชาติได้มาอยู่ร่วมกับฉันแลล้วก็ได้หลอมรวมเข้ากับกันที่ดาเรย์ และมานาที่โลกนี้ก็เริ่มจะปั่นปว่น”
“โลกระดับต่ำ? รวมกับที่ดาเรย์? มันเป็นไปได้ยังไงกัน?”
เอิลต้าดูจะไม่รู้เรื่องนี้เลย ยูอิลฮานได้หันไปมองเฮเรียน่าแทน แต่ดูเหมือนว่านี่ก็เป็นครั้งแรกที่เธอได้ยินเช่นกัน ตอนนี้แรกอิลฮานคิดว่าความโลภก็ทำได้เหมือนกัน แต่ดูเหมือนว่าการกลืนกินกับการหลอมรวมเข้าด้วยกันจะต่างกันนิดๆสินะ
[นี่เป็นพลังที่มีแต่ที่รักเท่านั้นที่มี ฉันมั่นใจเลย แล้วที่รักได้ค้นคว้าถึงพลังของที่รักหรือยัง? ถึงที่รักจะมีสกิลบันทึกอยู่แต่ว่าที่รักก็ยังใช้พลังทั้งหมดของตัวเองไม่ได้ใช่ไหมล่ะ?]
“ใช่ เธอพูดถูกเลย ฉันยังไม่บรรลุมัน… โอเคฉันก็ได้คิดเรื่องนี้เองแล้วเหมือนกันนั่นแหละ… ขอบคุณนะที่ช่วยปกป้องทุกๆคนเอาไว้”
[ก็นั่นเป็นคำขอของที่รักนี่]
เฮเรียน่าได้ยิ้มออกมาอย่างอบอุ่น จากตอนแรกที่เจอกันเธอได้เปลื่ยนไปในทางที่ดีมากยิ่งขึ้น ยูอิลฮานก็ชอบในด้านนี้ของเธอ
“เข้าไปพักข้างในเถอเฮเรียน่า”
[ฉันจะไปพัก แต่ว่าการได้อยู่ข้างๆคือการพักที่ดีที่สุดสำหรับฉันแล้ว]
“…อ๊า”
การได้เผชิญหน้ากับเธอเขารู้สึกจั๊กจี้และมันเหมือนกับเขากำลังนอกใจเลียร่า เพราะงั้นเขาได้รีบหันหน้าหลบไปในทันที
คังฮาจินที่ยืนอยู่ในตอนนี้ก็กำลังแบกคังมิเรย์ที่สงบอยู่เช่นกัน ยูอิลฮานก็รู้แล้วว่าเธอก็เป็นหนึ่งในคนที่ปกป้องทุกๆคน
“แล้ว… มิเรย์สงบลงไปยังไม่ตื่นอีกงั้นหรอ?”
“ดูเหมือนว่าเธอจะใช้มานาเกินตัว เพราะแบบนี้รัดเกล้าของเธอก็ดูจะลดความทนทานของมามากเหมือนกัน…”
“ไว้เดี๋ยวฉันจะจัดการเรื่องรัดเกล้าเอง แต่ว่าพาเธอไปพักก่อนเถอะนะ”
“ขอล่ะนะ ไม่ใช่แค่รัดเกล้าแต่เป็นตัวมิเรย์เองด้วย”
“…ไว้ทีหลังนะ”
คังฮาจินกับคังมิเรย์ได้เข้าไปภายในปราสาท คนอื่นๆก็ยังตามสองคนนั้นเข้าไปในปราสาทเช่นกัน คนที่เหลืออยู่ก็มีเฮเรียน่าที่ไม่คิดจะเข้าไปแต่แรกแล้ว กับคิมเยซอลที่กำลังมองมาที่ลูกของเธอด้วยสายตาประหลาดใจ
“นี่ลูกบาดเจ็บตรงไหนหรือป่าว? ลูกเปลื่ยนไปมากจนแม่ตกใจเลยนะ”
“ผมต่างหากที่ต้องเป็นห่วง แม่สบายดีนะครับ?”
“แน่นอนสิว่าแม่ไม่เป็นไรอยู่แล้ว แต่ว่าแม่เปนห่วงเรื่องอนาคน หากว่ามีเจ้าพวกนี้มากๆเข้า…”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมจัดการมันได้สบายๆอยู่แล้ว แล้วก็พวกเขาไม่จำเป็นต้องแยกเป็นสองกลุ่มอีกแล้ว”
เขารู้สึกตกใจมากกับการที่เรื่องนี้มันเกิดขึ้นในระหว่างที่เขากำลังจัดการโลกหลังจากที่กลายมาเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูง แต่ว่าเขาก็ได้เตรียมพร้อมสำหรับการบุกรุกที่ไม่คาดคิดอยู่ตลอดเวลา
สิ่งที่สำคัญที่สุดเลยก็คือทุกๆคนได้กลับมาอย่างปลอดภัย และเขาก็ยังได้กลายมาเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงก่อนที่คนอื่นๆจะตกอยู่ในอันตรายมากไปกว่านี้
“ลูกแม่ ลูกทำได้ดีมากจริงๆ แม่เชื่อมาเสมออยู่แล้วว่าลูกต้องทำได้”
“แม่ไม่ได้สงสัยในตัวผมเลยตั้งแต่แรกแล้ว… ขอบคุณนะครับแม่ ถึงแม้ว่านี่จะเป็นเรื่องปกติแต่ว่าการพูดมันก็น่าอายอยู่ดี ให้ลูกของแม่คนนี้จัดการดูแลทุกๆอย่างเองนะครับ”
“ได้เลยลูกแม่”
อารมณ์ภายในสายตาของแม่เขาไม่ได้มีแค่ความสุขเท่านั้น เธอยังรู้สึกอิจฉาเล็กน้อยที่ลูกของเธอได้ไปในจุดที่เธอไม่อาจจะไปถึงได้แม้ว่าจะใช้เวลาค้นคว้ามาหลายต่อหลายปี
ยังไงก็ตามเพราะเป็นลูกของเธอที่ทำได้ทำให้เธอยอมรับได้ เธอรู้สึกภูมิใจ มีความสุขด้วยเช่นกัน ในตอนนี้เธอยังรู้สึกโล่งใจจริงๆที่ลูกของเธอพูดว่าจะจัดการทุกอย่างเอง
“ได้เลย ตอนนี้แม่โล่งใจแล้วล่ะ”
คิมเยซอลได้ลูบผมสีแดงของลูกของเธอ ผมนี่ให้ความรู้สึกไร้รูปร่างและเธอก็ยังรู้สึกได้ถึงสัมผัสแปลกๆและความอบอุ่นที่ส่งมาถึงมือของเธอที่มันทำให้เธอรู้สึกดีนิดๆ
“ตอนนี้แม่ก็ต้องไปพักเหมือนกันนะครับ ไว้ค่อยคุยกันนะครับ”
“ได้เลย งั้นแม่ไปพักก่อนนะ”
คิมเยซอลก็ยังไปพักเช่นกัน เฮเรียน่าที่ดูจะรอให้ทุกๆคนหายไปก็ได้เข้ามาเกาะแขนยูอิลฮานในทันทีที่คิมเยซอลจากไป แต่ว่ายูอิลฮานก็ไม่ได้สบัดเธอออกไปเลย
นี่คือรางวัลสำหรับที่เธอได้ทำภารกิจได้ยอดเยี่ยม เหตุผลที่เขาไม่ว่านายูนาในก่อนหน้านี้ก็เช่นเดียวกัน ยูอิลฮานรู้สึกอึดอัดใจที่ตัวเขากำลังทำแบบนี้ แต่ว่าเขาก็ยังรู้สึกว่านี่เป็นการทำสิ่งที่ถูก
“ตอนนี้ฉันจะปล่อยไปก่อนแล้วกันนะ”
[รู้แล้วๆ ที่รักกำลังแสดงด้านของเหล่าเทพออกมาแล้ว ไม่เป็นไรหรอก ฉันจะจัดการที่เหลือเอง ฉันดีใจจังเลย]
“ปัญหาของเธอนั่นมันก็เพราะเธอชอบทำเหมือนรู้ไปหมดนั่นแหละ”
[ฟุฟุ]
เฮเรียน่าได้มีความสุขกับการอยู่กับยูอิลฮานอย่างเต็มนี่ นี่คือสิ่งที่เธอไม่เคยมีประสบการณ์มานานแล้ว แต่แม้กระทั่งตอนที่ยูอิลฮานกำลังเดินไปกับเธอ เขาก็ได้ใช้สกิลประกาศิตเพื่อสร้างดราก้อนเนส เมือง และปราสาทขึ้นมาด้วยมานาในผืนดินและท้องฟ้า เฮเรียน่าได้เฝ้ามองการสร้างที่ตระการตานี้และถามเขาออกมา
[ที่รักแล้วที่รักจะรวมโลกเข้ากับดาเรย์ไหม?]
“ถ้าเป็นไปได้ ฉันก็จะทำมันในสักวันน่ะ”
หากการรวมโลกขนาดใหญ่สองโลกที่ต่างกันเข้าด้วยกันได้งั้นมันก็ไม่มีเหตุผลที่เขาจะไม่ทำ บางทีนี่อาจจะเป็นเรื่องที่ถูกกำหนดเอาไว้นับตั้งแต่ที่การเชื่อมต่อของดาเรย์กับโลกได้เกิดขึ้นมาแล้ว หรือไม่ก็อาจจะเป็นในตอนที่ยูอิลฮานได้รับวงเวทย์เอลฟ์โบราณมา
“ฉันก็จะต้องใช้พลังจำนวนมหาศาลเพื่อให้เจตจำนงผู้พิทักษ์ดูดวงเวทย์เอลฟ์และปกคลุมโลกอีกครั้งหนึ่ง”
[มันเป็นไปได้แน่นอน ใช่แล้วในเมื่อมันเกิดขึ้นถ้างั้นมันก็ง่ายสำหรับที่รักที่จะปกป้องทุกๆอย่าง ฟุฟุที่รักได้ความสามารถที่เหมาะสมจริงๆเลย]
“ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงได้พลังนี้มานะ… แต่ว่าฉันคิดว่าทุกๆอย่างก็เป็นกำลังไปได้ดี”
นี่ไม่ใช่กองกำลังสิ่งมีชีวิตชั้นสูงเท่านั้น คนอื้นๆๆก็ยังมีโอกาสที่จะได้ใช้รูปแบบพลังงานที่ไม่รู้จักด้วยและชัดเจนว่าพวกมันก็จะสร้างปัญหาให้กับเขาเช่นกัน สำหรับยูออิลฮานที่ได้ทำร้ายและสร้างเบื้องหลังขึ้นมาแล้ว การที่จะถูกบอสสุดท้ายโจมตีทั้งๆที่รู้อยู่แล้วมันจะเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้
“ไม่ว่าพวกใครจะคิดอะไรเอาไว้ ฉันก็จะแสดงให้พวกนั้นได้เจอกับสิ่งที่คาดไม่ถึงเลย”
[นั่นแหละคือที่รัก สมบูรณ์แบบ… และเป็นเช่นนี้]
เฮเรียน่าได้ถามออกมาอีกด้วยความสงสัย
[แต่ทำไมในโลกใบนี้ถึงได้มีมังกรมาขนาดนี้ล่ะ? แถมทั้งหมดนั่นก็ดูจะใกล้เคียงกับสิ่งมีชีวิตชั้นสูงแล้วด้วย]
“อืม ไว้ฉันจะแนะนำพวกนั้นให้รู้จักทีหลัง เฮ้มีพวกมังกรกำลังมาแล้วล่ะ”
ยูอิลฮานได้หยักไหล่ออกมาด้วยรอยยิ้ม บนขอบฟ้าไกลออกไปเขาได้เห็นกลุ่มมังกรกำลังกลับมาหลังจากทำการล่าครั้งแรกสำเร็จ
คนที่นำมังกรมาเลยกแน่นอนว่าต้องเป็นมังกรแดงรูบี้ที่ได้กินเลือดเนื้อทั้งหมดของอิชจาร์ไป เธอได้ออกไปล่ามอนสเตอร์ในตอนเลเวล 294 แต่ว่าหลังจากกลับมาเธอก็มีเลเวล 296 แล้ว ดูเหมือนว่ามอนสเตอร์อื่นๆที่เกิดขึ้นมาในดาเรย์จะไม่ใช่เล่นๆเลย
[พ่อ รูบี้กลับมาแล้ว!]
[…’พ่อ’?]
น้ำเสียงของเฮเรียน่าได้เต็มไปด้วยความสงสัย ยูอิลฮานได้ยิ้มออกมาอีกครั้ง
“ไม่ใช่ว่าฉันบอกเธอว่าจะแนะนำพวกเขาให้เธอฟังหรอกหรอ?”
กองกำลังสิ่งมีชีวิตชั้นสูงดราก้อนเนส ศักยภาพที่น่ากลัวของกองกำลังนี้ก็คือการแตกหน่อนี่แหละ
บทที่ 305 – ฉันคือพ่อของพวกนาย (6)
[พ่อ สิ่งมีชีวิตนี่… เป็นศัตรูหรือป่าว?]
รูบี้ได้ถามยูอิลฮานออกมาด้วยความรู้สึกสงสัยอย่างมากที่เห็นเฮเรียน่าอยู่ติดกับยูอิลฮาน รูบี้พึมพัมขึ้นกับตัวเองว่ายูอิลฮานได้รับการโจมตีจิตใจอะไรหรือป่าว แต่ว่าคำพึมพัมพวกนี้ทั้งยูอิลฮานกับเฮเรียน่าก็ได้ยินเช่นกัน
“เธอเป็นพรรคพวกของเรา เพราะงั้นเธอไม่ต้องห่วงหรอกนะ แต่ว่านะทำไมถึงกลับกันมาแล้วล่ะ?”
[เนื่องจากว่ามีมอนสเตอร์เกิดขึ้นมามายมายก็เลยทำให้มีมอนสเตอร์ที่กำลังล่ามังกรเกิดขึ้นมาเช่นกัน หนูคิดว่าพ่อก็น่าจะต้องรู้เรื่องนี้…]
“โอ้”
นี่น่าจะเป็นเรื่องของธรรมชาติ ถึงแม้ว่ายูอิลฮานจะมองว่ามังกรแข็งแกร่งมากๆ แต่ว่าเขาก็มีบันทึกมามายเกี่ยวกับเหล่านักล่ามังกร ยิ่งตัวเขาเองยังเคยฆ่ามังกรไปเป็นพันๆตัวตั้งแต่ตอนแรกที่มาดาเรย์อีกด้วย
ดาเรย์ได้ใช้วิวัฒนาการทั้งหมดของบันทึกของเขามาเป็นพื้นฐาน เพราะงั้นมันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีเหล่ามอนสเตอร์นักล่ามังกรเกิดขึ้นมา ถ้ามันถึงขนาดที่ว่าแม้แต่มังกรก็ยังรู้สึกถึงวิกฤติ ดูท่าเจ้าพวกนั้นก็น่าจะมีเลเวลสูงเช่นกัน
“ถ้างั้นพวกเธอก็น่าจะวิวัฒนาการได้มากยิ่งขึ้นไปกว่านี้อีกหากว่าเอาชนะพวกมันได้”
[พ่อ เราต้องทำยังไงดี?]
“เธอกลัวพวกนั้นหรอ?… อืมนี่ก็คงช่วยไม่ได้สินะในเมื่อพวกเธอเพิ่งจะเกิดขึ้นมา”
ยูอิลฮานได้หันไปขอให้ยูมิลที่อยู่ข้างๆช่วยแทน
“มิลช่วยไปดูเหล่าญาติที่อ่อนแอกว่าลูกน้อย ลูก็แค่ต้องปล่อยให้พวกเธอเอาชีวิตรอดเท่านั้นแหละ”
“ได้เลยครับพ่อ ผมจะทำให้ทุกๆคนแข็งแกร่ง”
ยูมิลได้พูดขึ้นด้วยรอยยิ้มพร้อมกับบินออกไปท่ามกลางสายตาของรูบี้กับมังกรคนอื่นๆที่ได้ประจักษ์ถึงร่างมังกรคลาส 6 ที่เต็มไปด้วยความยิ่งใหญ่
[กรรรรรรรรรรร!]
ยูมิลที่มีอยู่ในร่างมังกรเพลิงเกล็ดทองได้คำรามออกมาจนทำให้มังกรทั้งหมดทีอยู่ตรงหน้าต่างก็ตัวแข็งทื่อ โดยเฉพาะในสายตาของรูบี้ได้เต็มไปด้วยไฟแห่งปรารถนา
[พี่ชายน่าทึ่ง!]
“พี่ชาย…?”
ในท้ายที่สุดยูอิลฮานก็สังเกตุว่าน้ำเสียงของรูบี้เหมือนกับผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เพราะงั้นเธอคือผู้หญิงสินะ! ดีนะที่เขาได้ตั้งชื่อผู้หญิงให้กับเธอไป
[ทุกคนตามฉันมา! มันยังมีอีกหลายครั้งในชีวิตนี้ที่พวกเธอจะต้องได้เจอกับพวกเหล่าตัวที่จะล่ามังกรเป็นปกติเพราะงั้นพวกเธอจะมากลัวตั้งแต่แรกไม่ได้!]
[มีกำลังใจจัง!]
[มีอะไรใหม่ๆเสมอเลย]
[น่าตื่นเต้น!]
“มิลจะต้องต่างออกไปแน่ในเมื่อมิลได้เลี้ยงดูเด็กๆไปบ้างแล้ว”
มิลคือเด็กที่น่าทึ่งจริงๆ มิลไม่ได้เอาจุดเด่นของพวกตัวคนเดียวของยูอิลฮานมาแต่แทนที่สิ่งนั้นด้วยความเป็นผู้นำแย่างไร้ที่ติแล้ว! มิลคือประเภทของคนที่จะไม่มีวันได้เป็นตัวเอกเลยหากเป็นในนิยาย
ในระหว่างยูอิลฮานกำลังโล่งใจอยู่ ยูมิลก็ได้นำทางมังกรทุกๆตนบินตรงไปในที่ที่ศัตรูอยู่แล้ว หลังจากมังกรได้จากไป เฮเรียน่าก็หันหน้ามามองที่ยูอิลฮานที่กำลังซาบซึ้งอยู่ การจ้องมามองคราวนี้ของเธอมันเต็มไปด้วยเศษเสี้ยงความโกรธเล็กๆ
[ที่รัก… ใครอีกแล้วล่ะ?]
“เรื่องนั้นไม่ต้องสนใจหรอกนะไม่ว่าเธอจะมีสิทธิจะถามหรือไม่ก็ตาม แต่นั่นมันไม่ใช่อย่างที่เธอคิด มีมังกรจำนวนมากได้เกิดขึ้นมาในระหว่างที่ดาเรย์กำลังเกิดมหาภัยพิบัติได้นับถือฉันเป็นเหมือนครอบครัวพวกเขานั่นเพราะว่าพลังจ้าวมังกรของฉัน”
[ฟู่วว ดีนะที่ไม่มีคู่แข่งเพิ่มขึ้นมาอีก]
ยูอิลฮานยังได้สร้างข้อจำกัดกับมอนสเตอร์ทั้งหมดที่เป็นนักล่ามังกรด้วย แน่นอนว่านี่มันไม่ใช่เพราะเขากลัวว่ายูมิลจะแพ้มอนสเตอร์ปกติพวกนั้น แต่ว่าเขากลัวว่ามังกรคลาส 4 ที่อ่อนแอจะได้รับบาดเจ็บมากกว่า นี่มันคือการโกง แต่ว่ายูอิลฮานก็อยากจะรักษากองกำลังเอาไว้
“เอาล่ะในเมื่อทำขนาดนี้แล้วหากพวกมังกรยังตายอีกก็ช่วยไม่ได้แล้วล่ะนะ… เอาล่ะถ้างั้นก็”
การก่อสร้างก็เกือบจะเสร็จแล้ว ทั้งหุบเขา รังมังกร และถ้ำ ที่ได้เตรียมเอาไว้ให้มังกรนับล้านได้อยู่กัน เมือง ป่าไม้ ฟาร์ม แล้วก็แม่น้ำสำหรับเหล่าเอลฟ์และหมาป่าได้ใช้ชีวิตอยู่กัน อย่างสุดท้ายเลยก็คือปราสาทที่ยิ่งใหญ่สถานที่สำหรับให้ยูอิลฮานกับพรรคพวกได้พักอาศัย แน่นอนว่าเขาไม่ลืมเตรียมพื้นที่พวกนี้ให้เหมาะกับการต่อสู้ด้วย
“ประกานแกนของป้อมปราการลอยฟ้ากับป้อมปราการผู้พิทักษ์และวงเวทย์เอลโบราณเข้าด้วยกันเพื่อที่จะทำให้ทั้งโลกใบนี้กลายเป็นป้อมปราการใหญ่ยักษ์… หืม ฐานได้วางเอาไว้ เพราะงั้นก็เหลือรอให้สูตรวงเวทย์สมบูรณ์สินะ”
[ใช่แล้ว ฉันชอบที่รักก็เพราะที่รักชอบทำอะไรใหญ่ๆแบบนี้นี่แหละ… แล้วนี่ที่รักกำลังจะทำให้ทั้งโลกใบนี้กลายมาเป็นสิ่งที่คล้ายๆกันกับป้อมปราการลอยฟ้างั้นหรอ?]
จริงๆแล้วนี่มันยิ่งใหญ่เกินกว่าที่เธอจะเข้าใจได้เต็มที่! ในจุดๆนี้ศัตรูของยูอิลฮานจะต้องน่าสงสารแน่ๆ แต่ว่าเฮเรียน่าก็ไม่ได้พูดแบบนั้นออกไป เธอได้เลือกถามเขนแทน
[แล้วที่รักจะเริ่มเมื่อไหร่นล่ะ ถ้าไม่ว่าอะไร… ฉันขอเป็นคนแรกได้ไหม?]
“ไม่ล่ะ เสียใจด้วยนะเลียร่าจะเป็นคนแรก”
[ชิ เอาแต่คิดถึงภรรยาของที่รักตลอดเลย นี่ที่รักชอบผู้หญิงคนนั้นมากขนาดนี้เลยงั้นหรอ ไม่สิชั่งมันเถอะ ยิ่งได้ยินคำตอบก็จะยิ่งเจ็บซะมากกว่า]
ยูอิลฮานได้ลูบผมของเฮเรียน่าที่กำลังผิดหวังนิดๆ เธอดูจะตกใจกับเรื่องนี้มาแต่ไม่นานเธอก็เริ่มหน้าแดงขึ้น
[ที่รักเปลื่ยนไปจริงๆด้วย ที่รักใจดียิ่งกว่าแต่ก่อน… ตอนนี้ที่รักก็คิดถึงฉันแล้วด้วย จริงไหมล่ะ?]
“ก็จริงแหละนะ ฉันยอมรับว่านี่ก็คือฉัน แต่ว่ามันก็แปลกๆ ฉันได้เปลื่ยนแปลงไปเล็กๆทั้งๆที่ฉันรู้ถึงเรื่องนี้”
ในอดีตตอนยูอิลฮานยังเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำอยู่เขามีชีวิตอิสระ แต่ว่าในตอนนี้เขาได้กลายมาเป็นผู้นำดราก้อนเนสไปแล้ว ทุกๆคนในกลุ่มได้ฝากชีวิตไว้กับเขา
มุมมองของเขาได้กว้างยิ่งขึ้นและมาตราฐานของเขาก็ได้กลายเป็นสูงขึ้นเช่นกัน ความรู้สึกของเขาที่มีต่อคนๆอื่นๆได้ลดน้อยลง แต่ว่าสิ่งใดที่อยู่ในสายตาของเขาเขาก็จะคิดเกี่ยวกับมันมากยิ่งขึ้น บางทีนี่อาจจะเป็นผลมาจากคลาสรองผู้นำที่เขาได้รับมาก่อนกลายเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงก็ได้
“แต่ว่านี่มันกวนใจฉันอยู่ การเปลื่ยนแปลงนี้ไม่อาจจะป้องกันได้ต่อให้เป็นหัวใจไม่สั่นคอลก็ตาม นี่มันคือเรื่องปกติงั้นหรอ? สิ่งที่ฉันกำลังคิดอยู่จริงๆแล้วคืออะไร?”
[แต่ไม่ใช่ว่าที่รักก็ได้เปลื่ยนไปอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้วหรอ การเก็บสะสมบันทึกไปเรื่อยๆ ละสร้างเป็นตัวเองขึ้นใหม่ท่ามกลางบันทึกที่ถูกจัดระเบียบ นี่มันก็แค่การทำกระบวนการนั้นซ้ำอีกครั้งเานั้นเอง ถ้าที่รักปฏิเสธมัน นั่นมันไม่ได้หมายความว่าที่รักปฏิเสธการเกิดใหม่ของตัวเองหรอกหรอ?]
ยูอิลฮานได้ปิดปากลง ถึงแม้ว่าบางครั้งเขาจะลืมเรื่องนี้ไป แต่ว่าเฮเรียน่าที่ได้ใช้ชีวิตมาเป็นหมื่นๆปีเธอไม่เคยจะลืม อย่างในตอนนี้เธอได้ทำให้ยูอิลฮานต้องประหลาดใจกับคำพูดของเธอ เขาได้หยักหน้าเห็นด้วยแต่โดยดี
“ใช่แล้ว เธอพูดถูก ถ้าฉันไม่ยอมรับตัวฉันเอง ถ้างั้นฉันก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะก้าวต่อแล้วล่ะ”
[แล้วก็นะฉันชอบที่ที่รักใจดีกับฉันมากขึ้นด้วย]
“…”
ความรู้สึกที่เขามีต่อเธอได้เพิ่มขึ้นอีกจากการรุกที่กระทันหันนี้ สกิลราซินีซัคคิวบัสยังคงทำงานอยู่สินะ? เขาจะลดการป้องกันลงไม่ได้เด็ดขาด ยูอิลฮานได้ดีดหน้าผากของเฮเรียน่าและหันหน้าปทางอื่น
“หลังจากคนอื่่นๆพักผ่อนพอแล้วก็เรียกให้พวกเขามารวมกัน ฉันจะออกไปสำรวจโลกสักหน่อย”
[ฟุฟุ เข้าใจแล้วที่รัก]
ยูอิลฮานได้บินขึ้นไปบนท้องฟ้า จากการที่เขาได้เชื่อมต่อเข้ากับเกราะร่างมังกรจิตวิญญาณเพลิงกับมังกรทำให้เป็นธรรมดาที่เขาจะสามารถบินได้โดยไม่ต้องใช้มานาเลย ถึงแม้ว่าการจะบินให้เร็วขึ้นจะต้องเรียกปีกเสียงเพรียกแห่งการล่มสลายออกมาก็ตาม
เขาได้ขยายมานาออกไปในสภาพแวดล้อมเพื่อที่จะบันทึกทุกๆอย่างไปพร้อมๆกันกับที่บินไปด้วย
“โฮ่”
เกราะร่างมังกรจิตวิญญาณเพลิงได้กลายเป็นมากกว่าแค่อาร์ติแฟคแล้ว เกราะๆนี้ได้รวมเป็นหนึ่งกับร่างของเขา อาวุธภายในก็สามารถจะเปล่ยนแปลงได้อย่างไร้ที่ติ ปีกเสียงเพรียกแห่งการล่มสลายที่ถูกสร้างขึ้นจากโลหะหลากหลายชนิดและแก่นแท้เวทย์จำนวนมากได้กลายมาเป็นปีกสีแดงเพลิงที่เหมือนกับปีกค้างคาวไปแล้ว หากใครได้เห็นคงจะเรียกว่านี่เป็นปีกมังกรแน่นอน
แน่นอนว่าศักยภาพภายในของมันก็ยังเพิ่มขึ้นเช่นกัน ประสิทธิภาพได้เพิ่มมากขึ้นจากเดิมอย่างน้อยก็สองเท่า
“เยี่ยมมาก สิ่งมีชีวิตชั้นสูงนีน่าสนใจจริงๆ”
[ฉันขอแสดงความตกใจกับความคิดของท่านเทพที่คิดว่ากระบวนกรเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงเป็นแค่การวิจัยหนึ่ง]
“นายนี่เริ่มกลายเป็นเหมือนโอโรจิแล้วนะ”
[อึก!?]
หลังจากแซวโอโรจิยูอิลฮานก็ได้เพิ่มความเร็วขึ้นตลอดเวลาและมองดูสภาพแวดล้อมรอบๆ มานาที่เขาได้ใช้ไปได้กำลังผสานเข้ากับโลกใบนี้และวงเวทย์เอลฟ์โบราณ เพราะแบบนี้ทำให้เขาได้รับรายละเอียดทั้งหมดมาต่อให้จะไปรอบๆด้วยความเร็วแบบนี้
จริงๆแล้วหลังจากมหาภัยพิบัติขั้นที่ 6 ที่ดาเรย์แห่งนี้ให้ความรู้สึกกับตัวยูอิลฮานเป็นโลกใบนี้เอง ยูอิลฮานทั้งรู้สึกตกใจและประหลาดใจกับเรื่องนี้มาก
นี่ก็น่าจะเป็นเหตุผลที่ทำให้กองกำลังอื่นๆไม่ยอมไปจัดการกองทัพสวรรค์ง่ายๆต่อให้พวกเขาจะดูไม่ต่างกันมากก็ตาม! นี่ก็อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ทุกๆคนไม่กล้าที่จะบุกเข้าไปในโลกหลักของกองกำลังอื่นๆ
[ออร่าแห่งเพลิงเต็มโลกนี้ไไปหมดเลย แต่ว่ามันก็กำลังสร้างสมดุลกับน้ำเหมือนกัน โลกใบนี้งดงามจริงๆ!]
“ขอบคุณที่คิดแบบนั้นนะเพลิงนิรันดร์”
เพลิงนิรันดร์ได้ดูดหรือเสริมเพลิงที่อยู่มีในโลกใบนี้ด้วยการส่งร่างก็อบปี้ของตัวเองไปรอบๆตัว รวมถึงดูดเอามานาและปล่อยออกไปเล่นรอบๆด้วย ในกระบวนการที่ยูอิลฮานได้เกิดใหม่มาเป็นผู้นำดราก้อนเนส เธอก็ยังได้ทะลุผ่านขั้นเช่นกัน ทำให้ในตอนนี้เธอมีพลังที่สูงกว่่าแต่ก่อนจนเทียบไม่ติด ต่อให้ไม่มียูอิลฮาน เพลิงนิรันดร์ก็สามารถจะป้องกันสิ่งมีชีวิตชั้นสูงได้เพียงลำพังแล้ว
“นักล่ามังกร นักล่ามังกร… อ่า เจอแล้ว”
ยูอิลฮานได้รู้สึกถึงร่องรอยการต่อสู้ที่รุนแรงระหว่างมังกรกับมอนสเตอร์อื่นๆที่อยู่ไกลออกไป แน่นอนว่าเนื่องจากยูมิลเป็นผู้นำมังกรทำให้ไม่เกิดการตายมากนัก แต่ว่าเนื่องจากยูมิลไม่ได้เข้าไปร่วมสู้ด้วยตรงๆ แต่เป็นการสนับสนุนแทนทำให้การต่อสู้ไม่ได้จบลงง่ายๆ
[ทุกๆคนร่วมมือกันสิ! ถ้ามีเพลิงแบบนี้แม้แต่ทำให้ข้าวสุกยังไม่ได้เลยนะ! อย่าได้ลืมศักดิ์ศรีในฐานะมังกรสิ!]
[เข้าใจแล้วพี่ชาย]
[เอามานาที่ปะทุอยู่ในคอพวกนายออกมา! สัมผัสถึงหัวใจที่เต้มอยู่และปล่อยมานาที่กำลังรู้สึกอยู่ภายในนั้นออกมา!]
นี่น่าจะเป็นการสอนที่เป็นไปได้ก็เพราะยูมิลเป็นมังกรเช่นกัน แม้ว่ายูมิลจะไม่ได้เรียนอะไรจากพ่อแม่ที่เป็นมังกร แต่ว่ายูมิลก็กำลำสอนสอนได้อย่างดี
ยูอิลฮานได้ออกมาจากที่นั่นด้วยรอยยิ้ม เขาเป็นห่วงว่าเขาอาจจะต้องไปช่วยมังกรแต่แล้วดูจากยูมิลที่นำทัพมังกรนับหมื่นสบายๆแล้วดูเหมือนว่าจะไม่ต้องกังวลแล้ว
“ถ้างั้นก็…”
ยูอิลฮานได้หันออกไป ในเมื่อเขาไม่ได้ซ่อนตัวตนเลยทำให้ทุกๆชีวิตในโลกใบนี้ต่างก็ระวังกับตัวเขา มีอารมณ์มากมายที่มีต่อตัวเขา ความหวาดกลัว ความชื่นชม การยอมรับความพ่ายแพ้และการต่อต้านเล็กน้อย
ยังมีกระทั่งร่องรอยความลังเลในเวลาเดียวกันก็มีความสับสน พวกสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นอยู่ท่ามกลางอารมณ์ที่สั่นไหวโดยที่ไม่รู้จักอารมณ์เหล่านี้เลย คนที่มีความรู้สึกใบนี้ในโลกใบนี้ก็น่าจะเป็น…
“สายพันธ์มังกรสินะ?”
[ท่านก็สัมผัสได้สินะ ท่านพูดถูกแล้ว ในตอนนี้โลกใบนี้ได้ให้กำเนิดแค่มังกรเท่านั้น แต่ยังมีสายพันธ์มังกรขึ้นมากมาย]
“โอโรจิก็เป็นสายพันธ์มังกรใช่ไหมล่ะ….”
โอโรจิในทางเทคนิคแล้วไม่ใช่มังกร ตัวตนจริงๆของโอโรจิแล้วคืองูขนาดยักษ์ที่มีบันทึกตำนานของญี่ปุ่น ยังไงก็ตามโอโรจิก็คือสายพันธ์มังกรและมีข้อได้เปรียบทางพื้นฐานมากกว่าสายพันธ์อื่นๆ นี่จะเรียกว่าโกงก็ได้ แต่ว่ายังไงมังกรก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่ยุติอยู่แล้ว
อิชจาร์ได้ถามกับเขาขึ้น
[ท่านเทพผูเปกครอง ท่านจะดูแลสายพันธ์มังกรทั้งหมดด้วยไหม? ที่ผ่านมาฉันเอาแต่สนใจกับการเพิ่มพูนชื่อเสียงมังกร แต่ว่าฉันก็ไม่เชื่อหรอกนะว่าชื่อกองกำลัง ดราก้อนเนสจะมีความหมายง่ายๆแบบนั้น]
“ใช่แล้ว ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน นอกไปจากนี้มันก็ยังเป็นตัวฉุกให้ฉันคิดที่จะมาดาเรย์เป็นโลกแรกหลังจากการเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูง… ฉันไม่คิดว่านี่มันเป็นเรื่องบังเอิญหรอกนะ”
ดาเรย์ไม่ใช่โลกสำหรับมังกรโดยเฉพาะ ที่นี่แต่เดิมแล้วเป็นโลกที่สายพันธ์มังกรเกิดได้อย่างง่ายดาย เหตุผลที่ยูอิลฮานมาที่นี่เป็นครั้งแรกก็คือการกวาดล้างสายพันธ์มังกรด้วย
ยังไงก็ตามพลังในตอนนี้ของยูอิลฮานคือการเป็นจ้าวมังกร และมังกรก็เป็นแค่สวนหนึ่งของสายพันธ์มังกรเท่านั้น
ถ้ายูอิลฮานเป็นคนที่ยอมแพ้ง่ายๆ เขาก็คงจะจัดการกวาดล้างพวกนี้ออกไปด้วยข้อแก้ตัวที่ว่ามังกรกับสายพันธ์มังกรต่างกัน แต่ว่าถากเขาเป็นคนแบบนั้นเขาก็คงยอมแพ้กับการใช้ชีวิตไปตั้งแต่ถูกทิ้งไว้บนโลกเป็นพันปีแล้ว
ยูอิลฮานได้ปรบมือขึ้นมา สิ่งมีชีวิตที่กำลังแอบมองเขาอยู่จากเบื้องหลัง และจากป่าไม้ทั้งหมดได้เริ่มตกใจและบิดร่างกายไปมา ในเวลาเดียวกันยูอิลฮานก็เปล่งเสียงทะเยอทะยานออกมาด้วยรอยยิ้ม
“ดีมาก ฉันน่าจะใช้โอกาสนี้ขนาดขอบเขตพลังของฉันออกไป แค่มังกรมันไม่พอหรอกนะ ฉันจะทำให้สายพันธ์มังกรทั้งหมดมาอยู่ใต้การปกครองของฉัน”
[ฉันคิดไว้แล้วว่าท่านจะพูดแบบนี้]
มีศัตรูที่เขายังระบุตัวไม่ได้อยู่ด้วย เพราะงั้นยิ่งมีพรรคพวกมากก็ยิ่งดี! และจะยิ่งดีกว่านี้หากยูอิลฮานทำให้พวกนี้ทั้งหมดกลายมาเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงด้วย! ยูอิลฮานได้ชักจูงตัวเองและกระจายมานาออกไปรอบๆ
“เฮ้ เจ้าพวกที่คิดว่าตัวเองเป็นมังกรน่ะ!”
น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเป็นใหญ่ได้ดังออกไปทั่วทั้งโลก
“ฉันจะให้เวลาพวกนายสิบวินาทีเพื่อรวมตัวกัน!”
บทที่ 306 – ฉันคือพ่อของพวกนาย (7)
การยั่วยุของเขาได้ผลมากๆ สายพันธ์มังกรต่างมี่กำลังสงสัยกับตัวตนของตัวเองหลังจากได้เห็นมังกรนับแสนกำลังบินอยู่ และในตอนนี้ยูอิลฮานก็ได้พูดคำพูดกระตุ้นเข้าไปอีกทำให้พวกมันทั้งหมดได้เริ่มกำลังมารวมตัวกัน
[กรรรรรรรรรร!]
จากทั้งภูเขาและป่าไม้
[ก๊าซซซซซซซซซ]
จากเบื้องบนหมู่เมฆ
[กรรรรรรรรรร!!]
จากถ้ำ ใต้น้ำ หรืออุโมงค์ต่างๆ สายพันธ์มังกรต่างก็เร่งรีบออกมาจากทีต่างๆเพื่อเข้าไปในที่ที่ยูอิลฮานอยู่
[ท่านผู้ปกครองโลกกำลัง… เรียกเรา!]
[ก๊าซซซซซซ! จ้างแห่งมังกรทั้งมวล ออร่านี่มันน่ารำคาญเหลือเกิน]
ภาพที่มังกรมารวมตัวกันนี่น่ากลัวเป็นอย่างยิ่งแล้ว แต่ในท้ายที่สุดมังกรก็เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของสายพันธ์มังกรเท่านั้น และมีสายพันธ์มังกรนับสิบล้านตัวที่ได้เกิดขึ้นมาที่นี่ และแม้กระทั่งในตอนนี้จำนวนก็ยังกำลังเพิ่มขึ้นไปอีกจากการวิวัฒนาการ
“ยังไม่พอ พวกนายคงไม่ได้คิดจะเอาชนะฉันด้วยออร่ากระจอกๆแค่นี้สินะ!”
ยูอิลฮานได้จัดการใช้วงเวทย์เอลฟ์โบราณกระจายออร่ากับมานาของเขาออกต่อไปให้กลางยิ่งขึ้นอีกทำให้มีสายพันธ์มังกรมารวมตัวกันมากยิ่งขึ้นไปอีก แถมมานานี่ของเขายังได้กระตุ้นให้มีการเกิดของสายพันธ์มังกรเพิ่มขึ้นมาอีกด้วย!
[เรามาตามที่นายเรียกแล้ว]
[นายเป็นอะไรกัน]
[แกว๊กกกกกกกก!]
[น่ารำคาญ! นายมันน่ารำคราญ!]
สายพันธ์มังกรนั้นต่างจากมังกรที่จะมีสติปัญญาสูงกว่ามนุษย์นับตั้งแต่เกิด เหล่าสายพันธ์มังกรนั้นจะมีสติปัญญาสูงต่ำแตกต่างกันไปตามแต่ล่ะตัว บางทีโอโรจินั้นอาจจะนับได้ว่าเป็นพวกมีสติปัญญาสูง
นี่ขนาดว่ายูอิลฮานเชี่ยวชาญสกิลภาษามาก่อน แต่ว่าในหมู่สายพันธ์มังกรทั้งหมดที่นี่มีแค่ 30% เท่านั้นที่สามารถจะส่งเสียงที่เป็นภาษามาได้ แน่นอนว่าส่วนใหญ่ทั้ง 30% นั่นต่างก็อยู่คลาส 4 กันหมด
“พวกนายทั้งหมดต่างก็มีหูมีตากันเพราะงั้นก็น่าจะได้ยินนะ ฉันก็คือจ้าวของโลกใบนี้และจ้าวแห่งมังกรทั้งมวล”
[เรารู้อยู่แล้ว กลิ่นของท่านมีเสน่ห์ดึดูดมากๆ เรารู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่มหาศาลจากท่าน ฉันยังรู้สึกได้ดึงพลังที่ดึงดูดและควบคุมพวกเราด้วย]
คนที่มีเลเวลสูงที่สุดในเหล่าสายพันธมังกรได้ตอบกลับมา สายพันธ์มังกรตัวมีผิวสีแดงพร้อมปีกที่เหมือนกับค้างคาวขนาดใหญ่ยักษ์และร่างกายที่เพรียวบางซึ่งแสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนถึงธาตุที่มีตั้งแต่กำเนิดว่าคือธาตุเพลิงอย่างแน่นอน หากจำแนงสายพันธ์ดูแลนี่ก็นับได้ว่าเป็นมังกรบิน
ยูอิลฮานตกใจมากหลังจากได้รู้ว่าเจ้านี่มีเลเวลเกือบจะ 290 แล้ว เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะมีสิ่งมีชีวิตอะไรอีกที่เกิดขึ้นมามีเลเวลสูงกว่ารูบี้อีก
“งั้นหรอ พวกนายรู้สึกได้ถึงพลังของสกิลปกครองสินะ”
[แต่ว่ามันต่างออกไป ท่านคือจ้าวของหมู่มังกร แต่ไม่ใช่เราสายพันธ์มังกรทั้งหมด ท่านเป็นจ้าวแห่งเพลิง แต่ไม่ใช่ตัวฉัน]
“นายพูดถูกแล้ว”
ในฐานะจ้าวแห่งมังกรทำให้เขามีอำนาจในการควบคุมที่ส่งผลกับสายพันธ์มังกรเช่นกัน แต่ว่านั่นมันก็แค่ส่วนหนึ่ง เพราะแบบนี้สายพันธ์มังกรก็เลยยังลังเลอยู่ และสิ่งที่ทำให้พวกมันมารวมตัวกันนี่ก็มาจากการตัวสินใจของตัวเอง
“ถ้าพวกนายก็น่าจะรู้นะว่าทำไมฉันถึงเรียกพวกนายมา”
[เพื่อที่จะยกระดับความภาคภูมิใจของมังกรสินะ?]
[เพื่อที่จะทำให้เราเป็นทาสมังกรงั้นหรอ?]
[หรือว่าเพื่อที่จะทำให้เรากลายเป็นของเล่นของมังกร?]
เพราะความที่มังกรเป็นราชาแห่งสายพันธ์มังกรทั้งมวล เพราะแบบนี้พวกสายพันธ์มังกรก็เลยหวาดกลัวมังกร! ยูอิลฮานได้แสดงสีหน้าย้อนนึกกลับไปถึงในตอนที่มังกรยังปกครองดาเรย์แห่งนี้อยู่
พอมาคิดดูแล้วมังกรก็ยังเป็นผู้ปกครองเหนือกว่าสายพันธ์มังกรด้วยเช่นกัน ในเวลานั้นสายพันธ์มังกรก็ได้แต่ยอมจำนนพร้อมทั้งแสดงสีหน้าที่แสดงความหวาดกลัวออกมา ที่ชัดที่สุดในเวลานั้นเลยก็คือไม่มีสายพันธ์มังกรตนไหนที่มีคลาส 4 นอกเหนือจากมังกร
ในตอนนั้นยูอิลฮานได้คิดว่าพวกที่มีสายพันธ์มังกรทั้งหมดนั่นก็น่าจะวิวัฒนาการไปเป็นมังกรในตอนที่กลายเป็คลาส 4 แต่ว่าพอมาคิดดีๆดูนี่มันเป็นเรื่องที่โครตจะไร้สาระมากๆ
เขามาแก้ความเข้าใจผิดนี้ได้ตอนไหนกันล่ะ? นั่นมันก็คือในตอนที่เขาได้กลายเป็นจ้าวแห่งมังกร หลังจากที่เขาได้รับความสามารถในการปกครองมังกร ตัวเขาที่ได้รับบันทึกที่ลึกซึ้งกับมังกรมากยิ่งขึ้นก็ได้รู้ว่าโอโรจิไม่ใช่มังกรแต่ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีสายพันธ์มังกร การที่โอโรจิปรับตัวเข้ากับร่างกายของอิชจาร์ได้ช้ามากๆก็น่าจะเพราะเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน
เพราะงั้นหากคิดตามปกติมังกรที่ใช้ชีวิตอยู่ในดาเรย์ก่อนหน้านี้ก็น่าจะฆ่าสายพันธ์มังกรไปเป็นจำนวนมากเพื่อที่จะทำตนให้เป็นราชา จากนั้นก็จัดการทำให้คนที่เหลือรอดในจำนวนน้อยนิดกลายมาเป็นลูกน้อย นี่มันช่างน่าเศร้าจริงๆ
“ไม่”
แต่ยูอิลฮานไม่ต้องการจะทำแบบนั้นกับเหล่าสายพันธ์มังกรพวกนี้
“ฉันเรียกพวกนายมาเพื่อที่จะมอบโอกาสให้พวกนายได้เป็นมังกรที่แท้จริง
ในฐานะที่เขาคือหัวหน้าดราก้อนเนส จ้าวแห่งมังกร และในฐานะประชาชนของเอิร์ธ โลกของเขา เขาจำเป็นจะต้องเติมเต็มภารกิจนี้
[…ว่าไงนะ?]
[ก๊าซซซซซซซซซซซ!]
[นั่นมันอะไรกัน? ขีดจำกัดทางสายพันธ์ไม่มีวันจะก้าวข้ามกันได้!]
ปฏิกิริยาตอบกลับนั้นรุนแรงมาก เสียงคำรามที่ดังวุนวายได้ลุกหือขึ้นมาในหมู่สายพันธ์มังกรนับล้านที่จำนวนยังคงเพิ่มขึ้นอยู่ตลอดเวลา
แม้แต่หูของยูอิลฮานก็ยังเรื่มจะอื้อไปแล้วด้วย มังกรบินเลเวล 290 ได้ถามเขาขึ้นมา
[ทำให้เราเป็นมังกร แล้วก็บัญชาเรา?]
“ถูกต้องแล้ว ไม่สิ จริงๆแล้วพวกนายก็จะยอมรับในตัวฉันเองในตอนที่เป็นมังกร พวกนายก็น่าจะรู้เรื่องนี้ดีนี่”
มังกรบินได้พูดไม่ออกกับคำยอมรับตรงๆของยูอิลฮาน สายพันธ์มังกรตัวอื่นๆที่ดูจะมีสติปัญญาอยู่บ้างก็ได้เงียบรอคำตอบของมังกรบินเช่นกัน ในท้ายที่สุดมันก็ได้พูดออกมา
[เป็นจ้าวแห่งมังกรที่โลภซะจริง ทำไมไม่ปล่อยเราไว้ล่ะ? ปล่อยให้เรามีชีวิตกันแบบนี้?]
“ไม่มีทางหรอก สิ่งที่ไม่เชื่อฟังฉันมีแต่จะต้องกลายมาเป็นค่าประสบการณ์ให้กับลูกๆของฉัน ในตอนนี้ทุกๆแหล่งค่าประสบการณ์มันมีค่านายรู้ไหม?”
[ฮ่า…!]
คำพูดของยูอิลฮานไร้ซึ่งการหลอกล่อใดๆ เพื่อที่จะเอาชีวิตรอด เพื่อที่จะมีชีวิต เพื่อที่จะปกป้องตัวเอง ยูอิลฮานได้ตัดสินมานานแล้วว่าจะทำยังไง นับตั้งแต่แรกในตอนที่เขาได้ฉีกมอนสเตอร์ที่โผล่ขึ้นมาในมหาลัยเขาตอนแรกสุด การแก้ปัญหาด้วยการฆ่ามันไม่เคยทรยศเขา
[ถ้างั้น… ถ้าแบบนั้น!]
ออร่าพลังได้พวยพุ่งออกมา เพลิงนี้ได้ลุกขึ้นมาจากปีกที่เหมือนกับค้างคาวซึ่งดูคล้ายกับปีกเสียงเพรียกแห่งการล่มสลายของยูอิลฮาล บางทีความสามารถก็อาจจะคล้ายๆกันด้วยซ้ำไป เพราะว่าบันทึกของปีกเสียงเพรียกแห่งการล่มสลายก็เป็นส่วนหนึ่งที่ใช้วิวัฒนาการโลกใบนี้
[ถ้างั้นเราก็ไม่มีตัวเลือกอื่นนอกจากฆ่าท่าน!]
“…สุดท้ายก็เป็นแบบนั้นสินะ?”
สายพันธ์มังกรส่วนใหญ่ต่างก็มีปฏิกิริยากับคำพูดของมังกรบิน พวกมันทั้งหมดได้ปลุกเร้าพลังขึ้นมาคุกคามยูอิลฮาน และมีกระทั่งบางตัวได้พุ่งเข้ามาหายูอิลฮานแล้ว หลังจากเห็นแบบนี้ยูอิลฮานก็หัวเราะออกมาท่ามกลางเสียงถอนหายใจของอิชจาร์
[งั้นมันก็เป็นไปไม่ได้สินะ บาปของมังกรมากเกินไปจริงๆ]
“ใครจะรู้กัน? ฉันคิดต่างออกไปนะ ฉันไม่มั่นใจหรอกนะว่าสายพันธ์มังกรทั้งหมดจะเป็นแบบนี้ หากว่ามีสักตัวที่อยากจะกลายเป็นมังกร… มันจะต่างออกไป”
[นายท่าน…?]
ยูอิลฮานได้ยิ้มออกมา เขาได้พึมพัมคำพูดกับตัวเองออกมา
“ประจักษ์แจ้ง”
[สกิลประจักษ์แจ้งได้ถูกเปิดใช้งาน กำลังประกาศอาณาเขตปกครองของคุณ]
โลกดาเรย์แห่งนี้ได้มีผู้ปกครองและพัฒนาขึ้นมาจากยูอิลฮาลกับบันทึกของตัวเอง ประจักษ์แจ้งได้ปรากฏขึ้นมาที่แห่่งนี้เป็นครั้งแรกแล้ว ยูอิลฮานที่มีพลังมากอยู่แล้วได้ยกระดับพลังอำนาจมากยิ่งขึ้นไปอีกจนย้อมให้ทั้งโลกใบนี้กลายเป็นสีแดง
[ก๊าาา!?]
[นะ… นี่มันอะไรกัน?]
[มานามหาศาลกำลังลุกไหม้จากชั้นบรรยากาศ]
สกิลประจักษ์แจ้งคือสกิลในเวอร์ชั่นพัฒนาขึ้นมาของคลาสหลักของเขา สกิลร่วงหล่น ในเวลาเดียวกันมันยังได้เพิ่มผลของมังกรและเพลิงอีกด้วย หากว่ายูอิลฮานต้องการยูอิลฮานก็สามารถจะทำให้มานาในท้องฟ้ากลายมาเป็นของตัวเองได้ซึงภายในโลกใบนี้ก็ไม่มีส่วนไหนที่ไม่ใช่ของเขาอีกด้วย
สกิลประจักษ์แจ้งได้สำแดงพลังออกมาจากภายในดาเรย์แห่งนี้เป็นขอบเขตของมัน พลังเพลิงและมังกรภายในพื้นที่โลกดาเรย์แห่งนี้ต่างก็ถูกเพริมพลังขึ้น นี่ก็น่าจะเสริมพลังให้กับรูบี้และมังกรตนอื่นๆที่กำลังสู้อยู่ด้วย
[กรรรร….!]
[เพลิงไม่เชื่อฟังฉันเลย]
สายพันธ์มังกรทุกคนไม่ว่าจะอยู่บนดิน ใต้ดิน หรือบนท้องฟ้าต่างก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันมหาศาลที่กดทับตัวพวกเขาอยู่ ยิ่งพวกที่มีพลังเพลิงต่างก็หายใจยากลำบากเป็นพิเศษ เพลิงทั้งหมดต่างก็จำนนต่อยูอิลฮานเพราะงั้นใครก็ตามที่เป็นศัตรูกับยูอิลฮานก็จะถูกนับว่าเป็นศัตรูกับเพลิงเหล่านี้ด้วยเช่นกัน ต่อให้เพลิงๆนั้นจะถูกคนอื่นๆสร้างขึ้นมาก็ตาม
[ไม่มีทางนี่มัน…!]
คนที่ลำบากที่สุดเลยก็แน่นอนว่าคือมังกรบิน เนื่องจากความตกตะลึงที่เพลิงทรยศตัวเองทำให้มันไม่อาจจะบินได้ถูกอีกต่อไปจนมันรู้สึกเหมือนกับจะร่วงลงมา สายพันธ์มังกรที่อ่อนแอบางตนก็กระทั่งถูกเผาจนตายโดยไม่อาจจะทำอะไรได้เลย
[แก นี่มัน… อะไรกัน!]
มันได้ฝืนเงยหน้าขึ้นมามองยูอิลฮาน และพูดคำพูดที่เต็มไปด้วยความเป็นศัตรูต่อจ้าวแห่งโลกใบนี้ ยังไงก็ตามยูอิลฮานก็แค่หัวเราะเบาๆและตอบกลับไป
“นายก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้วนะ ทุกๆอย่างที่เป็นส่วนหนึ่งของโลกใบนี้ต่างก็ก้มหัวให้รับใช้ตัวฉันที่เป็นเจ้านาย”
[อ๊าาา…. แกกกก….!]
ยอมรับไม่ได้ การที่จะต้องมาก้มหัวให้กับสัตว์ประหลาดที่น่ารังเกียจที่เป็นมังกรในร่างมนุษย์นั่น! ถึงแม้ว่าเพลิงจากในร่างของมันเองจะพยายามทำให้มันทำตามสัตว์ประหลาดนั่นก็ตาม
ยังไงก็ตาม
[แข็งแกร่ง… ให้ตายสิ แกแข็งแกร่ง…!]
[ก๊าซซซ….!]
[กี๊ซซซซซ!]
สายพันธ์มังกรทั้งหมดรวมไปถึงมังกรบินต่างก็ตัวแข็งทื่อในกันทั้งหมด พวกมันได้ถูกบังคับให้ได้แต่ก้มหัวให้กับยูอิลฮานที่กำลังเปิดใช้งานประจักษ์แจ้ง
ยูอิลฮานแข็งแกร่งมาก เขาเหมาะสมแล้วที่จะถูกเรียกว่าจ้าวแห่งมังกร เขาคือจ้าวแห่งโลกใบนี้ และจ้าวแห่งเพลิง ในทันทีที่พวกสายพันธ์มังกรได้ตัดสินใจจะต่อต้านเขาผลลัพธ์ที่ออกมาก็มีแต่พวกมันตัวแข็งเป็นหิน
[น่าหงุดหงุด… น่าหงุดหงิดจริงๆ]
มังกรบินได้กระอักเลือดออกมาด้วยความสิ้นหวัง
[ฉันอยากจะเป็นมังกร ฉันอยากจะแกร่งขึ้น!]
การแสวงหาความแข็งแกร่งไม่ได้มีแค่ในมังกรเท่านั้น แต่นี่ยังมีอยู่ในสายพันธ์มังกรทั้งหมดอีกด้วย
ไม่ว่าจะภายนอกหรือภายในพวกมันต่างก็แสวงหาและชื่ชมในพลัง นี่มันเห็นได้เลยจากสายตาของสายพันธ์มังกรทั้งหมดที่มองมาที่ยูอิลฮานที่เปลื่ยนจากความโกรธมาเป็นความกลัวและชื่นชม ยูอิลฮานได้ดึงเอาพลังของเขาออกมาก็เพราะรู้แบบนี้อยู่แล้ว
“พวกนายอยากจะแข็งแกร่งสินะ?”
[ใช่แล้ว! ฉันอยากจะแข็งแกร่งขึ้น! ถึงแม้ว่าฉันจะเกิดมามีร่างกายที่ทรงพลังแล้ว แต่ก็ต้องล้มลงเพราะการเกิดที่ไม่อาจจะยอมรับได้! ฉันไม่ยอมรับมัน]
มีทั้งเสียงตะโกนที่มีเหตุผลและไม่มีเหตุผลดังออกมา เสียงตะโกนส่วนมากดูเหมือนตะโกนออกมาอย่างสิ้นหวัง ยังไงก็ตามนี่มันเป็นเรื่องปกติเนื่องจากสายพันธ์มังกรทั้งหมดต่างก็มีเลเวลที่สูง พวกมันเกิดมาในระหว่างมหาภัยพิบิตขั้นที่ 6 หรือก็คือพวกมันเพิ่งจะแรกเกิดเท่านั้น! พวกมันยังเด็ก! มีอะไรให้พวกมันจะต้องลังเล? พวกมันทั้งยังเด็กและไร้ประสบการณ์!
และนี่ก็หมายความถึงเรื่องหนึ่งเช่นกัน
‘เจ้าพวกนี้หลอกได้ง่าย’
[…]
แม้แต่อดีตมังกรแห่งความสิ้นหวัง อิชจาร์ ก็ยังพูดไม่ออก ชายคนนี้เหมาะสมกับปีศาจจริงๆเลย! บางทีหากเขากลายเป็นผู้นำกองทัพปีศาจวิบัติเขาก็อาจจะทำได้ดีก็ได้!
“เยี่ยม ฉันจะทำให้พวกนายแข็งแกร่งเอง”
ยูอิลฮานได้ประกาศด้วยรอยยิ้ม
“สิ่งที่ฉันต้องการก็ง่ายมากๆ ยอมจำนงต่อฉันและใช้ชีวิตร่วมกันคนอื่นๆทุกคน”
น้ำเสียงของเขาได้ผสานเข้ากับวงเวทย์เอลฟ์โบราณจนกระจายออกไปทั่วทั้งดาเรย์ เสียงๆนี้ได้สะท้อนไปในใจของสายพันธ์มังกรทั้งหมดที่เกิดขึ้นมาและตัวที่ยังไม่เกิดด้วย
“แล้วจากนั้นฉันจะทำให้พวกนายกลายมาเป็นมังกร”
บทที่ 307 – ฉันคือพ่อของพวกนาย (8)
โลกได้เปลื่ยนแปลงไปแล้ว หรืออย่างน้อยสายพันธ์มังกรที่เกิดมาในดาเรย์ก็รู้สึกแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นตัวที่มีสติปัญญาหรือไม่ก็ตาม เหล่าผู้ที่ไม่ได้เกิดมาเป็นมังกรต่างก็จิตใจเบิกบาน พวกมันต่างก็แสดงความชื่นชมต่อท่านจ้าวแห่งมังกรตรงหน้าพวกมัน
มังกรบินที่ตกลงมาที่พื้นหลังจากเสียการควบคุมได้ลืมความเจ็บปวดไปแล้ว มันได้เงยหน้าขึ้นมาถามยูอิลฮานด้วย้น้ำเสียงสั่นเครือ
[นี่ท่านทำให้ฉันเป็น…]
“ถ้านายเป็นคนที่ต้องการพลัง นายก็น่าจะรู้นะว่านั่นคือเส้นทางที่ยาวไกลไม่สิ้นสุด ในเวลาเดียวกันเมื่อนายการมาอยู่ใต้บัญชาของฉันนายก็จะเสียอิสระไปด้วนะ?”
[ฉันรู้… แต่ถึงแบบนั้นฉันก็อยากจะแข็งแกร่ง ต่อให้มันเป็นเส้นทางที่ไร้ที่สิ้นสุดแต่ฉันก็อยากจะเริ่มเดิน ฉันอยากจะมีคุณสมบัติในการทำแบบนั้น ฉัน… อยากจะเป็นมังกร]
นี่ตรงมากๆ แม้ว่าก่อนหน้านี้จะดูเหมือนทรราชที่ไม่ยอมใคร แต่สุดท้ายพวกเขาก็เกิดมาได้ไม่กี่นาทีเท่านั้นทำให้พวกเขาไม่อาจจะซ่อนความต้องการไว้ได้
“ดีมาก นายก็น่าจะรู้นะว่าต้องทำอะไรใช่ไหม?”
[อ๊าา…. ฉันจะทำ ฉันหมายถึงฉันเข้าใจแล้ว]
ยูอิลฮานชอบความซื่อตรงนี้ แม้ว่าจะเป็นมอนสเตอร์ แต่ก็มีทั้งความเป็นมนุษย์ จิตใจที่คับแคบและความรุนแรง เหนือสิ่งอื่นใดก็คือการมอบชีวิตของตัวเองให้กับคนอื่นเพื่อความโลภที่โง่เขลา ยูอิลฮานจะไม่ชอบได้ไงล่ะ?
เขาได้ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม
“ใช่แล้ว ฉันจะทำให้นายเป็นมังกรเป็นคนแรก และเพราะแบบนั้นชื่อของนายก็คือ ‘หมายเลขหนึ่ง’ เหมือนกัน นายจะได้เป็นมังกรตนแรกที่ได้เกิดใหม่เป็นมังกร”
[หมายเลขหนึ่ง…]
แม้ว่านี่จะเป็นชื่อที่เรียบง่ายและตรงไปตรงมา แต่หมายเลขหนึ่งก็ดูจะไม่รู้เรื่องนี้และยินดีกับมัน ในเวลาเดียวกันกลุ่มมานาที่ออกมาจากตัวยูอิลฮานได้สั่นคลอนทั้งโลก มานาจำนวนมหาศาลนี้ได้รวมอยู่ในจุดๆหนึ่งเพื่อเริ่มการเปิดโครงสร้างพร้อมๆกับการใช้สกิลของเขา
[หนึ่งเลเวล 290 ได้ยอมจำนนต่อคุณ ได้ยอมรับหมายเลขหนึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา]
[สกิลประกาศิตถูกเปิดใช้งาน]
สกิลประกาศิตคือสกิลที่วิวัฒนาการขึ้นมาของปกครองและบันทึก ผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งหมดของเขาจะได้รับผลของสกิลนี้
สกิลนี้ของเขามันไม่ได้ทำให้เขาสามารถจะทำให้สิ่งมีชีวิตคลาส 1 ไปเป็นคลาส 3 ได้หรือชุบชีวิตจากความตาย แต่ว่าภายใต้เงื่อนไขที่เขามีวัตถุดิบเพียงพอ มันก็เป็นไปได้ที่จะใช้สกิลนี้ทำให้ในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
เพราะงั้นที่คือสกิลที่เหมาะสมที่สุดแล้วในสถานการณ์แบบนี้
[กรรร!?]
[นี่มันอะไรกัน!]
[แกว๊กกกกกกก!]
ถังยักษ์ได้ปรากฏขึ้นมากลางอากาศอย่างไร้ร่องรอยใดๆ นี่ก็คืออาร์ติแฟคอ่างแห่งปาฏิหาริย์ที่ได้มีส่วนช่วยทำให้เขาก้าวสู่สิ่งมีชีวิตชั้นสูง
ถังนี้ได้กลายมาเป็นอาร์ติแฟคระดับเทพแล้วหลังจากที่ได้ดูดซับเอาบันทึกและวัตถุดิบจำนวนนับไม่ถ้วนมา และเมื่อยูอิลฮานได้กลายเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงอีกทำให้มันได้เปลื่ยนแปลงไปเป็นอะไรที่ยิ่งกว่านั้น
[นี่มัน… พลังมังกรจำนวนมหาศาล]
“ดีแล้วที่นายรู้สึกได้ เอาล่ะถ้างั้นจะเริ่มแล้วนะ นายพร้อมใช่ไหม?”
[ใช่ พร้อมแล้ว]
ยูอิลฮานได้กวัดแกว่งแขนไปมาเหมือนคอนดักเตอร์ที่นำเหล่านักดนตรี พร้อมๆกับท่าทางของเขาอ่างแห่งปาฏิหาริย์ก็ได้ขยายขนาดใหญ่ยิ่งขึ้น และในท้ายที่สุดก็ใหญ่พอที่จะให้ร่างกายของหมายเลขหนึ่งเข้าไปอยู่ในนั้น
หากเป็นเมื่อก่อนการทำแบบนี้จะเป็นไปไม่ได้เลย ไม่ว่าอ่างแห่งปาฏิหาริย์จะน่าทึ่งยังไง มันก็ยังคงเป็นสสารอยู่
แต่แน่นอนว่าตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว จากการตื่นขึ้นเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงของยูอิลฮาน อ่างแห่งปาฏิหาริย์ก็ได้เชื่อมต่อเข้ากับวิญญาณและจิตใจของเขา
นี่ก็เป็นเหตุผลที่ทำให้กองกำลังของยูอิลฮานชื่อว่าดราก้อนเนสอีกด้วย ‘เนส’ ในคำว่าดราก้อนเนสนี่ได้สื่อถึงแก่นแท้ที่สุดของยูอิลฮาน โลกที่กล้างใหญ่และเล็กที่สุดในเวลาเดียวกัน มันได้สื่อถึงอ่างแห่งปาฏิหาริย์
[ภายในนี้…?]
“ตั้งสมาธิให้ดี ฉันไม่ดีใจหรอกนะที่จะทำให้นายเป็นครึ่งสัตว์ประหลาดครึ่งมังกรน่ะ”
[คะ ครับ!]
หมายเลขหนึ่งได้เงียบลงไป อ่างแห่งปาฏิหาริย์ก็ยังคงไม่หยุดขยายขนาดและได้อ้าปากขึ้นมากลืนหมายเลขหนึ่งลงไปทั้งตัวเหมือนกับมีชีวิต ตัวหมายเลขหนึ่งได้หายไปแล้ว
[ตายแล้ว!]
“ไม่ ยังไม่ตายหรอก”
ยูอิลฮานได้บอกกับสายพันธ์มังกรที่กำลังตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวและบินไปบนอ่างแห่งปาฏิหาริย์ อ่างแห่งปาฏิหาริย์ได้สร้างไข่สีแดงขนาดยักษ์ขึ้นมาเหมือนกับตอนที่ยูอิลฮานกลายเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูง และมีเส้นยาวพุ่งขึ้นไปสู่บนท้องฟ้า นี่มันดูเหมือนกับท่อที่เอาไว้ให้ใช้หายใจ
“ฟึบ”
ยูอิลฮานได้ตวัดนิ้วออกมา เลือดสองสามหยุดที่กำลังลุมไหม้อยู่ได้ถูกดูดเข้าไปในนั้น บาแผลของยูอิลฮานก็ได้หายตัวดีเมื่อผ่านไปวินาทีเดียว และเมื่อเลือดถูกดูดเขาไป อ่างแห่งปาฏิหาริย์ที่มีรูปร่างเหมือนไข่สีแดงก็เหมือนกับขยับเหมือนหัวใจที่เต้มอยู่
“พวกนายก็ดูไว้ด้วย”
ยูอิลฮานได้หันไปขยิบตาให้กับสายพันธ์มังกรที่ยังสงสัยในตัวเขาอยู่ ในจุดๆนี้พวกมันก็น่าจะรู้แล้วว่าหากยูอิลฮานจะหลอกพวกมันเขาก็แค่ใช้มานาผูกมัดพวกมันเอาไว้และไม่ต้องทำอะไรขนาดนี้เลย แต่ดูท่าพวกมันคงจะคิดไม่ได้เพราะสติปัญญาที่ด้อยกว่ามังกร
[อ๊าาาา!]
ในจังหวะเหมาะนี้หมายเลขหนึ่งก็ได้ครางดังออกมาเสียงครางนี้มีส่วนจากทั้งความเจ็บปวดจากการเปลื่ยนแปลงร่างกาย และอีกส่วนก็มาจากความยินดีจากการพัฒนาระดับขึ้นไป ยังไงก็ตามยูอิลฮานก็รู้ว่านี่มันเพิ่งจะเริ่มเท่านั้น
[อ๊ากกก! เจ็บ! เจ็บ…! ถึงจะดีแต่มันเจ็บ!]
“เนื่องจากว่านายขาดทั้งบันทึก มานา แล้วก็เลเวลทำให้เกิดเรื่องพวกนี้ขึ้นมา การที่จะกลายเป็นมังกรอย่างแท้จริง นายจะต้องเพิ่มเลเวลขึ้นอย่างน้อยสักสิบครั้ง”
[อ๊าา อ๊ากกกก ฮ่าาาาาห์!]
ไม่นานหลังจากนั้นก็ได้มีรอยแตกปรากฏขึ้นมาบนไข่ สำหรับยูอิลฮานที่คิดว่าจะต้องใช้เวลาอีกหลายชั่วโมงค่อนข้างจะประหลาดใจกับผลลัพธ์ นี่ดูเหมือนว่าความต้องการพลังและการเป็นมังกรของมันจะไม่ธรรมดาเลย
[อ๊าาาาาาาาาาาาาา!]
ไข่สีแดงได้แตกหักออกมาครึ่งหนึ่ ในตอนนี้เองสายพันธ์มังกรก็ได้กลายมาเป็นมังกรแล้ว รวมไปถึงขีดจำกัดทางสายพันธ์ก็ได้ถูกทำลายไป
[นายท่านผู้ปกครอง!]
“เร็วมากเลยนะ”
หมายเลขหนึ่งได้ยืนอยู่ตรงนี้ ยืนด้วยสองขาของมัน ปีกบนหลังของมันได้ใหญ่ขึ้นและเป็นสีแดงเข้มยิ่งกว่าเดิม ม่านตาได้ส่องประกายแห่งดวงดาวออกมา และกระทั้งสติปัญญาก็น่าจะถูกยกระดับขึ้นเช่นกัน ยูอิลฮานได้ถามออกมาด้วยรอยยิ้ม
“รู้สึกยังไงบ้างล่ะ?”
[ยอมเยี่ยมจริงๆครับ นายท่านผู้ปกครอง!]
[กลายเป็นมังกร…จริงๆแล้ว]
[ได้ยังไงกัน? ก้าวข้ามสายพันธ์ไปได้ยังไงกัน]
[ถ้างั้นฉันก็ด้วย]
[กรรรรร กรรรรรรรรรรรร!]
[ฉันด้วย ฉันก็อยากจะเป็นมังกร…!]
ปฏิกิริยาที่ยูอิลฮานหวังเอาไว้ก็ได้เริ่มปรากฏขึ้นมา หมายเลขหนึ่งได้รู้สึกถึงสายตาที่มองมาที่ตัวมันทำให้มันได้กางปีกคำรามออกมาอย่างยินดี
[กรรรรรรรรรรรร!]
[เสียงคำราม! เสียงคำรามของมังกร…!]
[มังกรล่ะ! มังกร!]
หมายเลขหนึ่งมีร่างกายที่เหมือนกับยูมิลที่ย่อส่วนลงมา แต่เดิมหมายเลขหนึ่งมีร่างเป็นสายพันธ์มังกรบินที่เชี่ยวชาญในการบินเป็นพิเศษ ทำให้ปีกของมันได้พัฒนามากกว่าแขนขา แต่นี่ก็เป็นการเปลื่ยนแปลงพื้นฐานภายนอกเท่านั้น โครงสร้างมานาภายในของัมนได้ถูกขัดเกลาและแผ่ขยายไปทั่วร่าง เพลิงที่มันมีนับตั้งแต่เกิดได้ถูกเสริมขึนไปอีกจากอิทธิพลจากยูอิลฮาน เนื่องจากว่ามันได้เกิดใหม่จากการที่ยูอิลฮานจัดการนี้ทำให้มันน่าที่จะแข็งแกร่งกว่าสิ่งมีชีวิตชั้นสูงตามปกติของกองทัพชั้นสูงอื่นๆที่มีระดับอยู่ที่ 300
[ฉันได้กลายเป็นมังกรแล้ว! ฉันแกร่งขึ้นแล้ว! แล้วฉันก็จะแกร่งขึ้นอีก!]
[ฉัน… ด้วยสิ! ฉันก็อยากจะเป็นมังกรเหมือนกัน!]
[ฉันจะติดตามท่าน! ท่านผู้ปกครองให้ฉันได้รับใช้ท่านด้วย!]
พวกที่เฝ้ามองการเปลื่ยนแปลงของหมายเลขหนึ่งมาตลอดได้เบิกตากว้างวิ่งเข้าหายูอิลฮาน มีกระทั่งบางตัวที่ดูเหมือนว่าจะคิดว่าการเข้าไปในอ่างแห่งปาฏิหาริย์่ทำให้พวกมันเข้าไปถูตัวอยู่กับอ่างแห่งปาฏิหาริย์ที่แตกอยู่ ยูอิลฮานได้โบกมือขำๆ อ่างแห่งปาฏิหาริย์ที่อยู่ตรงนั้นก็ได้หายไป
“พวกนายคงไม่คิดว่านั่นมันเป็นเรื่องง่ายๆหรอกนะ ฉันไม่รู้ด้วยว่าพวกนายมีคุณสมบัติแบบหมายเลขหนึ่งมาแค่ไหน”
แน่นอนว่าเรื่องคุณสมบัติอะไรนั่นมันเรื่องไร้สาระ ด้วยพลังที่ยูอิลฮานมีอยู่ในดาเรย์แห่งนี้การทำให้สายพันธ์มังกรกลายมาเป็นมังกรมันไม่ใช่เรื่องยากแบบนั้น แต่แน่นอนว่านั่นก็จะกินพลังบันทึกที่เขามีอยู่ไปด้วยทำให้เขาไม่อาจทำมันแบบไร้ขีดกัดได้ แต่หากว่ามีคนกลายมาเป็นมังกรขึ้นมาจากบันทึกของเขา ถ้างั้นแล้วมันก็มีดีต่อกับส่วนร่วมไม่ได้สูญเสียอะไร
“ในจุดนั้นจะมีแต่คนที่เติบโตจนถึงขีดสุดแล้วเท่านั้นถึงจะมีคุณสมบัติกลายมาเป็นมังกร”
[ฉันจะเตรียมทุกๆอย่างนายท่าน]
หมายเลขหนึ่งที่ได้กลายเป็นมังกรได้บินลงมาอยู่ต่อหน้ายูอิลฮานอย่ามีความสุข มันไม่เพียงแต่รู้สึกขอบคุณยูอิลฮานเท่านั้น ในตอนที่มันกลายมาเป็นมังกรมันก็ได้รับร่างใหม่ที่เป็นมังกรมาทำให้มันได้รู้ถึงพลังที่แท้จริงของยูอิลฮาน และรู้ว่ายูอิลฮานตั้งใจจะมาพูดคุยกับพวกมันตั้งแต่แรกแล้ว
[ฉะ ฉันด้วยสิ!]
[ก๊าซซซซซซซ!]
[ฉะ ฮันก็อยากจะเป็นเหมือนกันนะ!]
[ฉันยอมทำทุกๆอย่างหากได้หลุดพ้นจากร่างนี้!]
[ฉันอยากจะ… มีร่างที่หล่อ แข็งแกร่ง และฉลาดเหมือนกับหมายเลขหนึ่ง!]
“ว้าว ฉันนี่ฮ็อตจริงๆ”
ยูอิลฮานได้พูดติดตลกออกมาและมองไปที่มังกร
“ฉันมีเรื่องหนึ่งที่ฉันอยากจะให้พวกนายจัดการ เฮ้ญาติๆของพวกนายก็กำลังมาด้วยเหมือนกัน”
[ญาติๆ…?]
หมายเลขหนึ่งรู้สึกแปลกๆจึงได้ถามและเงยหน้าขึ้น สายพันธ์มังกรตัวอื่นๆก็ทำเช่นเดียวกัน
นับตั้งแต่ที่ยูอิลฮานได้ตัดสินใจใช้สกิลประจักษ์แจ้ง เขาก็ได้กระจายการมีอยู่ของเขาออกไปรอบๆเพื่อเรียกสายพันธ์มังกรมาแล้ว หากว่าจะมีปัญหาอะไรนั่นก็คงจะเป็นสกิลนี้ทรงพลังเกินไปจนทำให้เป็นการเรียกสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในดาเรย์มา
[ท่านพ่อ!]
[พ่อ!]
[ก๊าซซซซซ! มังกรแข็งแกร่ง ฉันรู้สึกได้ถึงพลังมังกร!]
[นายท่านนี่มัน…!?]
“อิลฮานเกิดอะไรขึ้น? มีพวกแปลกๆมาโจมตีอีกแล้วงั้นหรอ!?”
[นายท่านกำลังสู้อยู่งั้นหรอ!? ทั้งๆที่บอกให้เราไปพักเนี้ยนะ!?]
มังกรที่กำลังสู้กับนักล่ามังกรได้มาที่นี่ รวมไปถึงมอนสเตอร์ที่มีพลังนักล่ามังกร คนจากป้อมปราการลอยฟ้า! มิสทิคคิดว่าสถานการณ์ในตอนนี้เร่งรียมากทำให้เธอกระทั่งพาป้อมปราการทั้งสองมาด้วย
“หมายเลขหนึ่ง ตอนนี้นายรู้ใช่ไหมว่าสายพันธ์มังกรจะต้องทำอะไร?”
ยูอิลฮานได้โบกมือทักทายคนอื่นๆพร้อมกับมองดูสายพันธ์มังกรที่นี่ พวกมันทั้งหมดได้หยักหน้ายอมรับ แม้ว่าจะมีบางส่วนที่แสดงความกลัวออกมา แต่ก็ไม่มีใครถอยไป
นี่คือคุณสมบัติของผู้ที่ต้องการจะแข็งแกร่ง
[เข้าใจแล้วท่านผู้ปกครอง]
หมายเลขหนึ่งได้กางปีกบินขึ้นไปอีกครั้งหนึ่ง พลังเพลิงที่ทรงพลังได้ถูกรวมเอามาไว้ภายในปากของมัน
[ฉันจะต้องกำจัดศัตรูทุกๆคนที่กล้าต่อต้านท่านผู้ปกครอง]
[เพื่อที่จะเป็นมังกร!]
[เพื่อที่จะหลุดพ้นสภาพนี้ ฉันยอมสู้ตาย!]
[ก๊าซซซซซ!]
[อะ อะไรกันเนี้ย!? เราไม่ได้ต้องต่อสู้กับเจ้าพวกนี้หรอ? มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!?]
เพราะแบบนี้สงครามระหว่างสิ่งมีชีวิตที่อยากจะใช้ชีวิตในดาเรย์ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
บทที่ 308 – ฉันคือพ่อของพวกนาย (9)
[ตายซะ! มาสังเวยให้กับการเป็นมังกรของฉัน!]
[ฉันไม่ยอม! ฉันจะไม่ยอมแพ้พวกนายแน่ ต่อให้ตายฉันจะต้องทำให้พวกนายต้องชดใช้!]
[ทั้งๆที่เราต่างก็เพิ่งเกิดกันมาทั้งนั้น ทำไมพวกนายถึงต้องอารมณ์เสียด้วย]
[ลองฆ่าฉันด้วยพลังนักล่ามังกรนั่นสิ!]
สายพันธ์มังกรทั้งหมดที่อยากจะกลายเป็นมังกรที่แท้จริงภายใจ้การนำของหมายเลขหนึ่งได้ปะทะเข้ากับมอนสเตอร์ที่เล็งเป้ามาที่ยูอิลฮาล
นี่ไม่ใช่การปะทะกันของคลาส 3 ที่ตายกันไปอย่างง่ายได้ แต่นี่คือการปะทะกันของมอนสเตอร์ส่วนใหญ่ที่อยู่คลาส 4 กันทั้งนั้น
“อิลฮาน ทั้งหมดนี่มันอะไรกัน?”
“โอ้ นี่หรอ? ก็แค่การจัดระเบียบโลกเองนี่”
ยูอิลฮานได้หันไปตอบเลียร่าที่หลังจากได้เห็นภาพนี้ตกตะลึงไปอยู่หลายชั่วโมง
“จัดระเบียบโลก…?”
“หลังจากเกิดมหาภัยพิบัติขั้นที่ 6 ผ่านไปปัญหาสภาพแวดล้อมก็ได้สงบลงไปแล้ว แต่ยังไงก็ตามอย่างที่เธอรู้มหาภัยพิบัติจริงๆเพิ่งจะเริ่มเท่านั้นเอง จริงไหมล่ะ?”
“ก็ใช่นั่นแหละ”
ส่วนที่น่ากลัวจริงๆของมหาภัยพิบัติก็คือมอนสเตอร์ที่เกิดขึ้นมาจากมานาที่วิวัฒนาการขึ้น ในตอนอยู่ในมหาภัยพิบัติขั้นที่ 5 ดาเรย์ก็ได้เต็มไปด้วยมอนสเตอร์ที่น่ากลัวอยู่แล้ว แต่ในตอนนี้นี่คือมหาภัยพิบัติขั้นที่ 6
โชคดีที่ว่ายูอิลฮานได้รับเอามังกรกับสายพันธ์มังกรมาเป็นพรรคพวกได้ แต่หากว่าเขาไม่กลายเป็นหัวหน้าของกองทัพปีศาจวิบัติหรืออะไรทำนองนั้น เขาก็จะไม่มีวันบังคับให้มอนสเตอร์ทั้งหมดมาสวามิภักดิ์ได้ โดยเฉพาะพวกมอนสเตอร์นักล่ามังกรที่ถึงจะเกิดมาจากบันทึกของเขาที่เป็นพื้นฐานก็ตาม!
“แน่นอนว่าวิธีที่ดีที่สุดก็คือขังพวกมันเอาไว้ในกับดักแห่งการทำลาย แต่ว่าในตอนนี้การจะผลักดันให้มอนสเตอร์ทั้งหมดในโลกเข้าไปในดันเจี้ยนมันเป็นไปไม่ได้เลย นอกไปจากนี้เพราะการที่ดาเรย์ได้รวมเข้ากับโลกอื่นๆอีกทำให้มีผืนแผ่นดินเพิ่มขึ้นมาอีกมหาศาลอีกด้วย เพราะแบบนั้น…”
“นายก็เลยจะทำการกวาดล้างครั้งใหญ่ขึ้นสิน้า~ ด้วยการสั่งให้มังกรกับสายพันธ์มังกรจัดการ สมแล้วที่เป็นยูอิลฮานผู้ชอบทำอะไรยิ่งใหญ่เสมอเลย~ ด้านนี้ก็เท่ดีเหมือนกันนะ”
“ฮ่าฮ่า”
“หา ฮ่าฮ่าฮาา…”
นายูนาได้สรุปแบบนี้ออกมา ยูอิลฮานกับเลียร่าก็หัวเราะออกมาเช่นกัน แน่นอนว่าเสียงหัวเราะของแต่ล่ะคนต่างกันไปคนล่ะเรื่องเลย
[กลุ่มสิ่งมีชีวิตชั้นสูงดราก้อนเนสหมายถึงแบบนี้สินะ สมบูรณ์แบบ]
ในขณะเดียวกันเฮเรียน่าก็แสดงความคิดเห็นออกมา แม้ว่าเธอจะไปพักได้ไม่นานนักแต่เธอก็ฟื้นคืนกลับมาสู่สภาพที่สมบูรณ์ที่สุดมาแล้ว ไม่ใช่แค่เธอเท่านั้นคนอื่นๆที่พักอยู่ในทั้งสองป้อมปราการก็เป็นเช่นเดียวกัน
“อะแฮ่ม ฉันทำได้ดีไหม?”
จะมีก็แต่นายูนาที่ยังคงเหนื่อยล้าอยู่ เธอได้เสียมานาไปมหาศาลและล้ามากๆ ที่เธอเป็นแบบนี้เพราะว่าเธอยังไม่ได้พักอย่างเต็มที่เลย เธอได้คอยควบคุมดินแดนศักดิ์สิทธิ์ดูแลคนอื่นๆอยู่ตลอดเวลา
แน่นอนว่ายูอิลฮานก็รู้ว่าเธอรู้สึกยังไง เนื่องจากว่าเอกลักษ์ของคลาสของเธอ เธอก็เลยอยู่ในที่ที่ปลอดภัยที่สุดเสมอในสภาพรบ เธอได้ช่วยทุกๆคนด้วยพรและการรักษาของเธอ แต่ว่าเธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอึดอัดที่มีแต่ตัวเธอเท่านั้นที่ยืนอยู่ในจุดปลอดภัยทั้งๆที่คนอื่นไปสู้อยู่แนวหน้ากันหมด เธอจะยิ่งรู้สึกมากขึ้นอีกหากเป็นในสนามรบที่รุนแรง
“ขอบคุณที่ช่วยดูแลทุกๆคนนะ”
“เหะๆ”
ยูอิลฮานได้ลูบผมของเธอเบาๆแทนที่จะบ่นเธอ และเพราะแบบนี้มานาของเขาก็ได้ไหลซึมเข้าไปในร่างนายูนาและรักษาร่างกายที่เหนื่อยล้าของเธอ ในตอนนี้เขาได้กลายมาเป็นผู้นำกองกำลังแล้ว นี่คือเรื่องง่ายๆเหมือนกับการหายใจ แต่ว่าสำหรับนายูนาแล้วดูจะไม่ใช่แบบนั้น
“น่าทึ่งมาก! นึกว่าผมกับดวงตาที่เรืองแสงนั้นจะทำอะไรไม่ได้ซะอีก!”
“ฉันเข้าใจแล้วล่ะว่าเธอมองฉันยังไง”
“อ่า ไม่นะ ไม่ใช่แบบนั้น! ฉันก็แค่อยากจะตัดผมสวยๆนั้นของนายมาเก็บเอาไว้เองเฉยๆเอง!”
ยูอิลฮานได้หัวเราะออกมาแล้วก็ถามขึ้น
“แล้วมิเรย์ล่ะ?”
“เธอยังหลับอยู่เลย~ ฉันได้รักษาร่างกายเธอกับพลังเวทย์แล้เพราะงั้นพอความล้าของเธอหายไปเธอก็น่าจะตื่นขึ้นมาเอง”
“เธอนี่ดูแลเพื่อนเธอดีจังเลยนะ”
“แต่ปัญหาใหญ่เลยก็คือฉันรู้สึกว่าฉันกำลังชอบนายมากกว่ามิเรย์ล่ะ~”
นายูนาได้พูดคำน่าอายออกมาตรงๆ ซึ่งยูอิลฮานก็ได้ยิ้มออกมา
“เลียร่าอยู่ข้างหลังเธอน่ะ”
“อย่ามาหลอกฉันเลย ฉันน่ะ… ว้าย!”
“มารับโทษของเธอซะดีๆ!”
ระหว่างที่ยูอิลฮานกับคนอื่นๆคุยเล่นกันอยู่ มังกรที่รู้สึกได้ถึงมานาของยูอิลฮานก็ได้มารวมตัวอยู่รอบๆเขา ยูมิลคือคนที่เร็วที่สุด ตามมาด้วยรูบี้ เมื่อพวกเขาได้มองเห็นหมายเลขหนึ่งพวกเขาก็ต้องตะลึงไปและยิ่งตกใจมากยิ่งขึ้นอีกเมื่อได้เห็นการต่อสู้ของสายพันธ์มังกรกับมอนสเตอร์ที่ดูจะไม่มีวันสิ้นสุด
[พ่อครับนี่มันอะไรกัน?]
[พ่อ อย่าบอกนะว่าพ่อก็อยากจะปกครองสายพันธ์มังกรทั้งหมดด้วย…?]
“ยินดีต้อนรับนะ นับจากนี้นี่จะเป็นสนามรบแล้วเพราะงั้นรวมตัวกันแล้วก็เข้าไปสู้กันได้เลย ไม่ต้องห่วงอะไรหรอกนะเดี๋ยวพ่อจะเรียกมอนสเตอร์ตัวอื่นๆทั้งหมดมาที่นี่ด้วย”
[มอนสเตอร์ทั้งหมดในโลกที่กว้างใหญ่นี่…?]
แม้กระทั่งมังกรที่รู้ดีถึงพลังของยูอิลฮานก็ยังไม่อยากจะเชื่อคำพูดนี้ ยูอิลฮานได้ยิ้มและยกมือขึ้นมา จากมือของเขาได้มีออร่าที่ทรงพลังกระจายตัวออกไปรอบๆ
[ก๊าซซซซซซซซซซ!]
[กี๊ซซซซซซ!]
มอนสเตอร์ไม่อาจจะทนกับออร่านี้ได้ทำให้พวกมันได้แต่ถอยกลับไป ในเวลาเดียวกันสายพันธ์มังกรก็ได้ใช้โอกาสนี้ในการโจมตี แค่การยกมือง่ายๆก็ส่งผลใหญ่ขนาดนี้แล้ว จริงๆแล้วนี่ยังกระทั่งดึงดูดมอนสเตอร์ทั้งหมดในดาเรย์เข้ามาหาเขาที่นี่ด้วย
“กรี๊ดดด!”
“หาา นี่นายแข็งแกร่งขนาดนี้โดยที่เราไม่ได้สังเกตเลย!”
[นี่มันสกิล? ฉันรู้สึกว่าออร่าของที่รักกำลังเพิ่มพลังให้ฉัน]
หากเป็นในโลกอื่นบางทีอาจจะเป็นไปไม่ได้ แต่ว่าในดาเรย์แห่งนี้คือที่ของเขา การจะคงสภาพประจักษ์แจ้งไว้สักวันสองวันก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะงั้นในตอนนี้เขาก็เลยจัดการใช้สกิลสนับสนุนสายพันธ์มังกรกับมังกรด้วยพลังของเขา ที่น่าทึ่งกว่านั้นคือยูอิลฮานยังมีพลังเหลืออยู่อีก
“ฉันน่าจะต้องเพิ่มอีกไหมนะ?”
“นี่นายยังจะทำอะไรอีก… กรี๊ดด!”
“พระเจ้า!”
ในตอนนี้มือของยูอิลฮานได้สะบัดลงมา วงเวทย์เอลฟ์โบราณก็ได้เริ่มทำงาน
ไม่สิมันไม่อาจจะเรียกว่าวงเวทย์เอลฟ์โบราณได้อีกแล้ว มันได้ถูกยูอิลฮานปรับแต่งมานับไม่ถ้วนและในระหว่างมหาภัยพิบัติวงเวทย์นี้ก็ได้ดูดเอาบันทึกไปจนกลายเป็นสิ่งที่ไม่อาจจะจินตนาการได้! ยูอิลฮานได้ตัดสินใจใหม่ที่จะเปลื่ยนชื่อมันเป็นพรม
“ว่ะฮ่าฮ่าฮ่า! จงลิ้มรสพลังของพรมที่ถูกปูไปทั่วทั้งทวีปซะ”
เมื่อมานาของยูอิลฮานที่ถูกประจักษ์เสริมพลังได้ซึมเข้าไปในผืนดิน พรมที่อยู่ภายในนั้นทั้งหมดก็ได้ถูกเติมเต็มไปด้วยพลังและทำให้ทั้วดาเรย์กระพริบแสงสีแดงขึ้นมาครั้งหนึ่ง
[อ๊าา!?]
[ร่างกายของฉัน…]
[พะ พลังกำลังถูกดูดไป]
[ศักยภาพมังกรในตัวฉันกำลังปะทุออกมา]
[โอ้วววว ท่านผู้ปกครองผู้ยิ่งใหญ่!]
ทำให้อ่อนแอลง ทำให้ช้าลงและดูดมานามาจากศัตรู รวมไปถึงเพิ่มพลังการฟื้นฟูและพละกำลังให้กับพรรคพวก! นี่คือวัตถุประสงค์ทั้งหมดของพรม!
ภาพของมอนสเตอร์นับพันล้านกำลังสูญเสียพลังไปดูน่าประทับใจมาก แต่ว่าการที่มังกรทั้งหมดและสายพันธ์มังกรทั้งหมดได้บ้าคลั่งขึ้นมาจากมานาที่พุ่งทยานขึ้นน่าประทับใจยิ่งกว่า
[กรรรรรรรรรรรรรรรร!]
[จงลิ้มรสเพลิงนรกไปซะ! ก๊าซซซซซซซ!]
[ยังอ่อนแอไป พวกนายมันอ่อนแอเกินไป! เอาพลังออกมามากกวานี้อีก! ถ้าพวกนายยังฆ่าได้ไม่ถึงร้อยตัวต่อคน ฉันจะลงโทษพวกนายแน่]
รูบี้กับหมายเลขหนึ่งก็ยังคอยอารวาดไปทั่วเช่นกัน รูบี้ได้พยายามสร้างความประทับใจให้พ่อของเขาได้เห็น ส่วนทางหมายเลขหนึ่งได้พยายามที่จะตอบแทนนายท่านที่ทำให้มันแข็งแกร่งขึ้น ทั้งสองตนนี้ต่างก็มีพลังธาตุไฟทำให้พวกมันเป็นมังกรที่ถูกเพิ่มพลังขึ้นมาที่สุด
[เราต้องฆ่าเจ้าสารเลวนั่น!]
[พ่อพันธุ์นั่น!]
“โอ้ พูดได้ดีนี่สำหรับมอนสเตอร์? โอเค เข้ามาเลย”
จ้าวแห่งหมู่มังกร พ่อพันธุ์งั้นสินะ ยูอิลฮานพ่อใจกับฉายานี่และจัดการฆ่ามอนสเตอร์ที่พูดแบบนี้ไป ถึงแม้ว่าเขาจะสะบัดแขนเบาๆแต่หอกเพลิงก็ยังทะลุปากของมันไป
แม้ว่ามอนสเตอร์จะมีเลเวลมากกว่า 250 แต่ก็ยังเห็นได้ชัดว่ายูอิลฮานสามารถจะฆ่าพวกมันได้ในครั้งเดียว พวกมันได้ตายไปโดยที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่าถูกใครฆ่า! น่าเศร้าจริงๆ!
“…”
“พี่สาวเลียร่า~ ตอนนี้มีอะไรงั้นหรอ?”
“ฉันก็แค่ไม่พอใจที่ตลอดเวลาฉันได้ใช้ชีวิต…”
ไม่ใช่แค่ยูอิลฮานกับคนอื่นๆเท่านั้น มอนสเตอร์ก็ยังตกตะลึงไปกับการโจมตีที่เหนือกว่าการรับรู้ของพวกมันทำให้พวกมันตัวแข็งทื่อกับที่ ในเวลาเดียวกันผู้ที่สืบทอดบันทึกจากยูอิลฮานมาก็ไม่ใช่คนโง่ที่จะพลาดโอกาสนี้ไป ยูมิลได้นำทับมังกรบุกทันที
[ขับไล่พวกมันกลับไป! ขับไล่พวกมันให้มากยิ่งกว่านี้อีก! การต่อสู้คือเรื่องอขงกำลังใจ มันก็เหมือนกับสายลมที่ทำให้เพลิงรุนแรงและรวดเร็วยิ่งขึ้น!]
ลูกชายของเขาที่ได้ดูดซับเอาทุกๆอย่างไปได้ทำหน้าที่เป็นพี่ชายคนโตได้อย่างสมบูรณ์แบบ
[ตามหลังท่านพี่ไป! มังกรพวกนายคิดจะแพ้พวกสายพันธ์มังกรตัวอื่นๆทั้งๆที่เรายืนบนจุดสูงสุดงั้นหรอ!?]
[สายพันธ์มังกรจงอารวาดให้มากกว่านี้! ไปเอาตำแหน่งฐานะมังกรที่ท่านผู้ปกครองสัญญากับเราไว้มาให้ได้!]
นี่แหละคือกำลังใจ มังกรกับสายพันธ์มังกรต่างๆโดยปกติมักจะมีความเกลียดชังกันตั้งแต่เกิด แต่ว่าในตอนนี้พวกเขาได้รวมทีมกันโดยมียูอิลฮานเป็นตัวกลางและเข้าเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ที่มีพลังนักล่ามังกร
[ทำไมฉันถึงได้ฉีกพวกมันกรไม่ได้กัน! เขี้ยวของฉัน กรงเล็บของฉัน ทำไมมันถึงได้ทื่อไปกันล่ะ!]
[ก๊าซซซซซซซซซซซ!]
[พวกเราจะถอยกลับไปทั้งแบบนี้ไม่ได้… พวกเราต้องฉีกกระชากพวกมังกรสิ!]
แม้ว่ามอนสเตอร์ต่างๆจะถูกผลักดันกลับไปอย่างไร้ปราณี แต่พวกมันก็ไม่อาจจะออกไปจากที่นี่ได้ทำให้พวกมันได้แต่ร้องออกมาอย่างเจ็บปวดและถูกโจมตีจนตายลง จากนั้นก็ถูกโจมตีและตายไปอีก ในระหว่างนี้ได้มีมอนสเตอร์นับไม่ถ้วนกำลังตายไปลง จากความตายของพวกมันได้ทำให้มานาไหลออกมาไปเติมพลังให้กับพรมเพื่อเพิ่มมานาให้กับยูอิลฮาน และมานาบางส่วนที่ยังเหลือเกินมาอีกก็ถูกดูดเข้าไปในกระบอกในมือที่ยูอิลฮานได้หยิบเอาออกมา
“อิลฮานนั่นคือ…”
“ดีจริงๆ มันได้ใช้งานเร็วมากๆเลย”
กระบอกนี่คือสิ่งที่ยูอิลฮานได้ติดตั้งเอาไว้ในดาเรย์เพื่อที่จะรวบรวมมานาบนโลกมาไว้ในดาเรย์ เขาได้เก็บพวกมันกลับมาเพื่อเตรียมการต่อสู้ แต่ในตอนนี้เขาได้กลับมาที่ดาเรย์ทำให้เขาต้องติดตั้งมันอีกครั้งหนึ่ง แต่ตอนนี้สิ่งที่ท่อนี้มันต่างจากเดินนั่นก็คือมันได้ดูดมานาในดาเรย์เข้าไปแทนที่จะดูดจากโลก
ยูอิลฮานได้ตรวจดูมานาที่กำลังเติมเข้าไปในกระบอกและยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ เมื่อเขาได้เก็บเอามานาไปไว้ในที่เก็บนี้ เขาก็จะสามารถชะลอการเกิดของมอนสเตอร์ได้รวมไปถึงเก็บมานาจำนวนมหาศาลไว้ได้ด้วย นี่คือการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ยอดเยี่ยมสุด!
“เด็กดีต่อสู้กันไปแบบนี้ซักสามสัปดาห์นะ!”
[สะ สามสัปดาห์??…. ฉะ ฉันจะทำให้ดีที่สุด]
รูบี้รู้ว่ายูอิลฮานได้เรียกเอามอนสเตอร์ทั้งหมดในดาเรย์มาที่นี่และเธอได้แต่กัดฟันตอบกลับไป ยูอิลฮานได้หยักหน้ารัวๆและหันหน้าไปมองคนอื่นๆที่กำลังมองมาที่เขาอย่างตกตะลึง
“โอ้ จริงด้วยฉันยังไม่ได้เล่าเรื่องฉันไปเลยนี่?”
“ฉันไม่รู้ชัดนะว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ฉันคิดว่าฉันจะต้องได้ยินมันแล้วหลังจากได้เห็นแบบนี้”
เมื่อเลียร่าได้พูดออกมา นายูนาก็หยักหน้าทันที ยูอิลฮานได้ยิ้มเล็กๆและหยักหน้าให้กับพวกเธอ รอยยิ้มพึงพอใจก็ยังปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าเฮเรียน่า
“เยี่ยมมาก ถ้างั้นไปคุยกันดีกว่า”
ดราก้อนเนสสมีสมาขิกแค่สองคนเท่านั้นคือยูอิลฮานกับยูมิล ในท้ายที่สุดก็ถึงเวลาที่จะหาสมาชิกใหม่แล้ว!
บทที่ 309 – ก็เหมือนๆกับฉันนั่นแหละ (1)
“เอาล่ะถ้าอย่างงั้น”
ยูอิลฮานได้กาวแขนออกมา เพลิงได้ลุกขึ้นมาตามท่าทางของเขาก่อนที่จะปกคลุมคนอื่นๆรอบตัวเขารวมไปถึงป้อมปราการทั้งสองด้วย นี่คือการสร้างพื้นที่ที่ไม่อาจจะมีใครผ่านเข้ามาได้
พวกมอนสเตอร์ได้กัดฟันพยายามจะเข้ามาโจมตีเขา แต่ว่าไม่มีตัวไหนเลยที่จะผ่านบาเรียของยูอิลฮานนี้ได้ พวกที่เข้ามาโจมตีได้ถูกเหล่าสายพันธ์มังกรหรือมังกรฆ่าไปในทันทีที่พวกมันทำแบบนั้น
กลุ่มของยูอิลฮานได้มองดูมอนสเตอร์ที่กำลังพุ่งเข้ามากระแทกอย่างต่อเนื่องด้วยความรู้สึกที่เหมือนกับดูหนังสามมิติ หลังจากปรบมือออกมาเลียร่าก็ได้ตะโกนขึ้น
“โอ้ การต่อสู้ที่นี่ดูจะรุนแรงขึ้นนะ!”
“นี่มีป็อบคอร์นด้วยน้า~”
ในจังหวะนี้นายูนาก็ได้หยิบเอาป็อบคอร์นออกมา ดูเหมือนว่านี่จะเป็นแผนเอาใจเลียร่าของเธอเพื่อที่จะชดใช้ในความผิดที่ถูกเจอในระหว่างกำลังรุกยูอิลฮาน และนี่ก็ดูจะได้ผลมากเพราะเลียร่าได้รับมาอย่างพอใจ
“เธอมีความสามารถดีนี่!”
“ความสามารถบ้าอะไรล่ะนั่น!!”
ยูอิลฮานได้ตะโกนออกมา แต่ว่าสถานการณ์ก็ได้เปลื่ยนไปเป็นบรรยากาศสำหรับผู้ชมไปแล้ว ไม่ใช่แค่สองคนนี้เท่านั้น แต่คนอื่นๆก็ยังนั่งลงบนพื้นมองดูการต่อสู้ครั้งนี้ พวกเธอคิดที่จะมาดูตั้งแต่แรกแล้ว!
จรากการอยู่กับยูอิลฮานมานาทำให้พวกเธอรู้ดีว่าเวลาไหนควรสู้เวลาไหนไม่ควร เพราะงั้นยูอิลฮานคิดว่านี่มันค่อนข้างจะขมขื่นสำหรับเขา
“มันไม่ใช่เรื่องสั้นๆจริงไหมนะ? ไม่เป็นไรค่อยๆเล่านะ พวกเราทุกคนกำลังฟังอยู่”
[การกลายมาเป็นเทพองค์ที่ห้ามันไม่น่าจะใช่เรื่องธรรมดาแน่ๆ ที่รักฉันอยากจะได้ยินรายละเอียดแล้ว]
“ชู่ววว พวกเธอนี่มัน…”
ยูอิลฮานได้ถอนหายใจออกมา แต่ว่าเขาก็ทำอะไรไม่ได้ เลียร่าน่าจะบอกทุกๆคนถึงเรื่องที่ราฟาเอลได้เข้าร่วมการต่อสู้แล้วด้วย ยูอิลฮานได้เล่าเรื่องต่อจากนั้นและเผยถึงสิ่งที่เขาที่เขาทำเพื่อที่จะสร้างองค์กรสิ่งมีชีวิตชั้นสูง
ทั้งเรื่องที่ทุกๆกองกำลังได้เข้ามามีส่วนร่วมในการโจมตีกองทัพจรัสแสงแทน และยังมีความจริงที่น่าทึ่งที่ว่ามิคาเอลกับราฟาเอลได้ร่วมมือกันทำให้การซ่อนตัวของยูอิลฮานหายไป หรือพูดให้ถูกก็คือตัวปลอมที่เผงตัวออกมาแทน ยังมีเรื่องที่ยูอิลฮานได้ใช้โอกาสนี้โจมตีราฟาเอลเอาบันทึกที่จำเป็นทั้งหมดมาด้วย!
เรื่องที่ว่าเขาได้รับคลาสผู้นำมาแทนคลาสคู่หูทูตสวรรค์ และวิธีที่เขาได้เกิดใหม่ขึ้นมาเป็นหัวหน้ากองกำลัง เรื่องที่เขาได้ฆ่าเคสเช่นกับราฟาเอลและแกร่งขึ้นไปอีก อีกเรื่องเขาได้ไปเจอกับหัวหน้ากองกำลังปีศาจวิบัติที่เอลโลคาทร่า และได้กลับมาที่ดาเรย์จนเกิดมหาภัยพิบัติขั้นที่ 6 ขึ้น
“ฟู่ ไม่เห็นจะมีอะไรมากขนาดนั้นจริงไหมล่ะ?”
คังฮาจินได้ตอบกลับคำพูดที่ดูไร้สาระของยูอิลฮานทันที
“หากนั่นมันไม่มีอะไรมาก แล้วถ้าเกิดว่ามีอะไรมากจะเป็นยังไงกัน?”
“ทั้งๆที่ฉันยังไม่เคยเจอพวกระดับหัวหน้าเลยเนี้ยนะ…”
แม้ว่าเขาจะพูดทั้งหมดนี่ในพริบตาเดียว แต่นายูนาก็รู้สึกผิดหวังในจุดแปลกๆหนึ่ง ยูอิลฮานได้พยายามจะไม่สนใจตัวเธอ แต่แม้กระทั่งเลียร่าก็ยังลูบหัวเขาทั้งน้ำตา
“อิลฮานที่น่าสงสาร… ไม่เป็นไรนะ ฉันจะอยู่กับนายไปตลอดเอง”
“หา?”
[หืมม ที่มันเป็นแบบนี้เพราะที่รักได้ทำทุกๆอย่างงอย่างสมบูรณ์แบบ! ที่รักไม่ได้ผิด!]
“หา โอ้ว?”
“นะ นั่นมันเกิดขึ้นกันได้ ผู้นำสินะ หากว่าฉันไม่ได้ไปใช้เวลาในเบร์ย่าถึงสิบปีฉันก็คงจะไม่ได้รับมันเหมือนกันนั่นแหละ”
“เอ่???”
ปฏิกิริยาของทุกคนดูจะแปลกๆไปนะ นี่เขาได้กลายเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงเลยนะ ทำไมทุกคนถึงทำกับเขาแบบนี้กันล่ะ! อืม ยูอิลฮานก็ยังคิดว่าการได้รับคลาสผู้นำนั้นดูจะไม่ใช่เรื่องดีสินะ แต่ถึงแบบนั้น!
ถ้าเป็นแบบนี้ความหวังเดียวก็คือแม่ของเขา… แต่ว่าเมื่อเขาได้หันไปมองคิมเยซอล เธอก็ได้ยิ้มแหย่ๆออกมา พอคิดดูแล้วเธอได้ร่วมปาร์ตี้กันกับจิตวิญญาณในโลกนั่นเพื่อจัดการล่ามอนสเตอร์ตั้งแต่เลเวลหนึ่ง! เธอก็น่าจะมีคลาสย่อยนี่นานแล้วสินะ!
“ดราก้อนเนส เพราะแบบนั้นก็เลยเป็นเหตุผลทำให้มังกรมารวมตัวกันมากขนาดนี้สินะ?”
คิวเยซอลดูเหมือนจะอยากเปลื่ยนเรื่องทำให้เธอถาขึ้นมาหลังจากมองไปที่สายพันธ์มังกรทั้งหมดที่กำลังอยู่ในการต่อสู้ ยูอิลฮานได้หยักหน้าให้กับเธอ
“นี่มันเกิดขึ้นเพราะว่าโลกใบนี้เป็นโลกแรกที่เกิดมหาภัยพิบัติขี้นมาจากประสานมานาของผมเข้าไปในดาเรย์… แต่ก็ใช่ครับ แม่จะคิดแบบนั้นก็ได้”
ต่อให้ยูอิลฮานจะมาที่ดาเรย์เป็นที่สุดท้ายแต่ว่าเรื่องทำนองนี้ก็จะเกิดขึ้นเช่นกัน เพียงก็แต่ว่าขนาดการเกิดของมันอาจจะลดขนาดเล็กลงมา แต่ที่มันมีขนาดใหญ่มากขนาดนี้ก็เพราะเขาได้มาที่ดาเรย์ในเวลาที่พอเหมาะพอดี
[ไม่ใช่แค่มังกร แต่พวกสายพันธ์มังกรอื่นก็เช่นเดียวกัน… ที่รักน่าทึ่งมาก น่าทึ่งจริงๆ ในตอนที่รักได้รับพลังมังกรมาฉันก็คิดไว้อยู่แล้วว่ามันอาจจะเป็นแบบนี้ แต่ว่าฉันไม่เคยคิดเลยว่าจะมีกองกำลังที่ปกครองเหล่ามังกรอยู่จริงๆ]
สายพันธ์มังกร นี่คือเผ่าพันธ์ที่เกิดมาพร้อมศักยภาพสูงสุดตั้งแต่เกิด แน่นอนว่าสูงไม่เท่างกับมังกร แต่สายพันธ์มังกรนั้นเกิดมาพร้อมพลังชีวิตที่สูงสุดและพลังเวทย์ ยังไงก็ตามยูอิลฮานได้มีพลังในการจัดการควบคุมสายพันธ์มังกรเหล่านี้และยังสามารถจะทำให้พวกมันพัฒนาขึ้นไปได้อีก เพราะงั้นยังจำเป็นต้องพูดอะไรอีกถึงกองกำลังนี้อีกงั้นหรอ?
แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่กวนใจเฮเรียน่าอยู่ นั่นมันก็คือชื่อของกองกำลังนี้ที่รวมมังกรเอาไว้แต่มันไม่เห็นเกี่ยวกับสายพันธ์มังกรเลยนี่ ทำไมถึงต้องเป็นคำว่า ‘มังกร’ ด้วยล่ะ?
นี่เป็นความต้องการของบันทึกนภางั้นหรอ? มันไม่มีทางที่จะเป็นแบบนั้นแน่ บันทึกนภาจะต้องเลือกชื่อที่เหมาะสมกับยูอิลฮานหลังจากวิเคราะห์ตัวเขาดีแล้วเท่านั้น
“เฮเรียน่า ฉันคิดว่าเธอกำลังเข้าใจผิดอยู่นะ”
ยูอิลฮานหัวเราะออกมาหลังจากได้ยินพูดของเฮเรียน่า ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่เข้าใจในเรื่องที่เธอคิดอยู่ แต่ว่าพูดถึงข้อสรุปแล้วนี่มันไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมาห่วงเลย
“ดราก้อนเนสน่ะมันไม่ใช่แค่บ้านของมังกรนะ”
นัยน์ตาของยูอิลฮานได้ส่องประกายออกมา ม่านตัวสีทองแนวตั้งของเขาได้ปรากฏออกมาเหมือนกับทับทิมจนทำให้เฮเรียน่าต้องเสน่ห์ เธอไม่อาจจะใช้ชีวิตในฐานะราชินีซัคคิวบัสได้อีกแล้ว แต่ว่าเธอก้ยังถามออกมาอย่างนุ่มนวล
[ถ้างั้น…?]
“ดราก้อนเนสคือสถานที่ที่มังกรมารวมตัวกัน ใช้ชีวิตและในท้ายที่สุดก็คือที่ที่พวกเขาจะต้องกลับมา แล้วก็นอกจากนี้นะ…”
เขาได้ชูมือขึ้นมา เลียร่าที่รู้สึกได้ว่าถึงตาของเธอแล้วได้ลุกยืนเดินเข้ามาหาเขา คนอื่นๆก็ดูจะรู้สึกได้ถึงออร่าลึกลับเช่นกัน พวกเธอได้หันมาจ้องยูอิลฮาน เฮเรียน่าและเลียร่าทันที
ในตอนนี้เองถังขนาดยักษ์สีแดงไปโผล่ขึ้นมา นี่คือถังใบเดียวกับอันที่ทำให้หมายเลขหนึ่งกลายเป็นมังกรที่แท้จริง อ่างแห่งปาฏิหาริย์ ในท้ายที่สุดแล้วก็ดูเหมือนเฮเรียน่าจะรู้ตัวแล้วทำให้เธออุทานออกมา
[แบบนี้สินะดราก้อนเนส…]
“ใช่แล้ว นี่แหละดราก้อนเนส”
เลียร่าได้หลับตาของเธอลง พวกเขาไม่ตำเป็นต้องพูดคุยกันแล้วและเธอก็ยินดีที่มันไม่น่าอึดอัดเลย ยูอิลฮานได้หัวเราะออกมาและสะบัดมือลง อ่างแห่งปาฏิหาริย์ได้ปกคลุมตัวเลียร่าได้จดหมดและเปลื่ยนรูปร่างกลายมาเป็นเหมือนกับไข่ ทุกๆคนที่อยู่ตรงนี้ก็พอจะรู้แล้ว
“สถานที่ที่ให้กำเนิดมังกร”
[พระเจ้า…]
เฮเรียน่าไม่อาจจะปกปิดความตกตะลึงไว้ได้อีกแล้ว
[นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน ในที่สุดฉันก็เข้าใจแล้วว่าที่รักได้กลายไปเป็นตวตนที่เหนือกว่าสวรรค์ได้ยังไง กองกำลังที่สามารถจะเปลื่ยนแปลงของบุคคลได้ในขอบเขตที่มากขนาดนี้… จนถึงก่อนหน้านี้มีแค่กองทัพสวรรค์ที่ทำได้]
นี่ก็คือเรื่องจริง กองทัพปีศาจวิบัติทำได้ก็แค่ยกระดับของสิ่งมีชีวิตที่มีแนวโน้มทางด้านการทำลายและเก็บคุณลักษณ์เดิมของพวกมันเอาไว้
สวนอาทิตย์อัสงเป็นกองกำลังที่เคารพให้เอกลักษณ์ของแต่ล่ะคน พวกเขาจะสนับสนุนกับเอกลักษณ์เดิมของแต่ล่ะคนเท่านั้น
กองทัพจรัสแสงจะทำให้เกิดการเปลื่ยนแปลงบางอย่างขึ้น แต่ว่านั่นมันก็แค่การทำให้คนที่เป็นทูตสวรรค์อยู่แล้วเสื่อมโทรมลงเท่านั้นเอง
การเปลื่ยนร่างใหม่ของสิ่งมีชีวิตตามความหมายจริงๆในก่อนหน้านี้มีเพียงแค่กองทัพสวรรค์ที่ทำได้
แต่ว่าในตอนนี้ ที่แห่งนี้ ได้เกิดการทั้งเปลื่ยนร่างที่สมบูรณ์แบบและการวิวัฒนาการทำ
“เลียร่า อดทนอีกนิดนะ”
เลียร่าที่อยู่ภายในไข่ไม่ได้ตอบอะไรกับมา ยังไงก็ตามยูอิลฮานสามารถจะเข้าใจการเปลื่ยนร่างของเลียร่าที่อยู่ข้างในได้ต่อให้เขาหลับตาก็ตาม
ในตอนนี้มีเพียงเรื่องเดียวเท่านั้นที่เขาต้องทำอีก เมื่อเขาชี้นิ้วชี้ออกมาหยดเลือดของเขาก็ได้ไหลซึมลงไปภายในไข่สีแดง ในตอนนี้เองไข่ก็ได้สั่นออกมาพร้อมเสียงดังลั่น
[อ่า น่าอิจฉา ฉันชักอิจฉาแล้วสิ]
“รออีกเดี๋ยวนะ เดี๋ยวก็ถึงตาเธอแล้ว”
ไข่ได้สั่นอยู่อีกสองสามครั้งก่อนที่จะแตกออกมาเหมือนกับตอนของหมายเลยหนึ่ง ใช่แล้วกระบวนการนี้ดูคล้ายกับที่เกิดขึ้นกับหมายเลขหนึ่งมา
สำหรับหมายเลขหนึ่งแล้ว จริงๆคือยูอิลฮานได้ใช้เขาเพื่อทดลองความสามารถในฐานะหัวหน้าดราก้อนเนส แม้ว่ายูอิลฮานจะรู้ว่ามันปลอดภัยยังไงแต่จนกว่าเขาจะได้เห็นด้วยตาตัวเองเขาก็ไม่มีวันโล่งใจ
และคราวนี้ในตอนของเลียร่าก็ต่างไปจากหมายเลขหนึ่งเล็กน้อยเช่นกัน หมายเลขหนึ่งคือสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำสายพันธ์มังกรแปลงร่างไปเป็นมังกร ส่วนเลียร่าเธอคือคนที่สูญเสียตำแหน่งทูตสวรรค์ชั้นสูงคลาส 6 ตกลงมาสู่คลาส 4 และในตอนนี้เธอกำลังได้ระดับพลังเดิมที่เสียไปของเธอกลับมา หากพูดแล้วนี่มันก็ต่างกันราวฟ้ากับเหว
[ระ รอเดี๋ยวนะที่รัก ฟื้นฟูพลังดั้งเดิมของเธอกลับมา? ระดับพลังที่ครั้งหนึ่งเธอได้เสียไป?]
“ที่เลียร่าใช้งานบันทึกที่เธอเก็นสะสมเอาไว้ไม่ได้นั่นมันก็เพราะว่าเธอได้สูญเสียคุณสมบัติในฐานะทูตสวรรค์ไป แต่ว่าเธอก็ยังคงมีคำสำเร็จและบันทึกที่เธอได้รับมันมาจากตัวเองอยู่จริงไหมล่ะ?”
[แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น…]
“นี่มันก็เหมือนกันกับการที่ทูตสวรรค์กลายไปเป็นเทวดาตกสวรรค์ แล้วก็การที่เทวดาตกสวรรค์กลายไปเป็นเหล่านักล่าของกองทัพปีศาจวิบัติ แล้วก็การที่นักล่ากลายไปเป็นผู้เฝ้าประตูในสวนอาทิตย์อัสดงนั่นแหละ มันไม่เห็นมีอะไรที่ต้องตกใจเลยนี่”
ในอดีตสวนอาทิตย์อัสดงก็เคยพยายามจะทำให้เอิลต้าเกิดใหม่มาเป็นผู้เฝ้าประตู เนื่องจากว่าเอิลต้ามีบันทึกที่ถึงระดับพลังสิ่งมีชีวิตชั้นสูงอยู่แล้ว พวกสวนอาทิตย์อัสดงก็เลยต้องทำแค่สับเปลื่ยนบันทึกของเอิลต้าในฐานะของทูตสวรรค์ให้มาเป็นผู้เฝ้าประตูเท่านั้นเอง
วิธีนี่มันก็คล้ายๆกันกับวิธีที่เปลื่ยนทูตสวรรค์ให้กลายมาเป็นเทวดาตกสวรรค์ และมันก็เป็นเวทย์ที่ทุกๆกองกำลังแทบจะใช้กันหมดแล้วด้วย ยังไงก็ตาม…
[นั่นมันคือการสับเปลื่ยน! การใช้เวทย์นั่นเวลาก็มีส่วนสำคัญนะที่รักก็น่าจะรู้นี่! แต่ว่าเลียร่าสูญเสียพลังในระดับนั้นของเธอมานาเกินไป แล้วที่รักจะจัดการกับช่องว่างช่วงนั้นได้ยังไงกัน…!?]
“ต่อหน้าฉัน ช่องว่างเวลาแบบนั้นมันก็ไร้ค่า”
คำพูดนี้ของเขาได้ทำให้เฮเรียน่าต้องพูดไม่ออก ในเวลาซักพักหนึ่งเลียร่าก็ได้ ‘ฝัก’ ออกมา รอยแตกของไข่ได้ขยายกว้างยิ่งขึ้นและมีแสงสีแดงเผยออกมาจากรอยแยกนั่น หลังจากที่เฮเรียน่าสัมผัสได้ถึงพลังสั่นสะเทือนที่ทรงพลังเธอก็ตัวสั่นขึ้นมา
[เธออยู่ในคลาส 6 จริงๆด้วย…!]
“อีกเดี๋ยวก็ถึงตาเธอแล้วนะเฮเรียน่า”
“ฟู่”
ยูอิลฮานได้หัวเราะออกมาเมื่อได้เห็นสีหน้าที่เฮเรียน่ากำลังมองเลียร่าที่ออกมาพร้อมปีกมังกรสีแดงคู่หนึ่ง เลียร่าเธอได้เดินออกมาจากไข่ที่แตกออกจากกันแล้ว
“นี่มันถึงเวลาที่เธอจะได้กลับไปเป็นคลาส 7 ที่ ‘สมบูรณ์’ แล้วใช่ไหมล่ะ?”
บทที่ 310 – ก็เหมือนๆกับฉันนั่นแหละ (2)
การได้เห็นเลียร่าที่โผล่ออกมาพร้อมปีกมังกรได้ทำให้ทั้งกลุ่มพูดไม่ออกกันแล้ว ในท้ายที่สุดพวกเธอก็ได้รู้แล้วว่าทำไมยูอิลฮานถึงได้เป็นกองกำลังที่มีชื่อว่าดราก้อนเนส และเข้าใจถึงศักยภาพของเขาในฐานะหัวหน้ากองกำลัง แน่นอนว่าคนที่ตกใจที่สุดเลยก็คือเจ้าตัวอย่างเลียร่านั่นเอง
“ฉันรู้สึกได้ถึงสายเลือดมังกรที่ไหลเวียนในตัวฉัน นอกไปจากนี้… ฉันยังได้พลังกลับมาแล้วจริงๆ ไม่สินี่มันมากยิ่งกว่าเก่าอีกด้วย”
เลียร่าได้พึมพัมกับตัวเองอย่างสับสนและดีดนิ้วขึ้นมา เธอสัมผัสได้ถึงพลังมหาศาลภายในร่างของเธอ พลังที่แกร่งยิ่งกว่าในตอนที่เธอเป็นทูตสวรรค์ชั้นสูงซะอีก นี่มันทำให้เธอพอใจมากๆ
ไม่ใช่แค่นั้นในตอนนี้เธอยังได้เกิดใหม่ขึ้นมาในฐานของมังกร เธอได้มีความงามที่ทำให้คนมองต้องใจเต้นแรง ในตอนที่เธอเป็นทูตสวรรค์ชั้นสูงนั้น เธอไม่อาจจะดึงเอาพลังพรจากเทพแห่งความรักออกมาใช้ได้ง่ายๆ แต่นับตั้งแต่ที่เธอได้สูญเสียฐานะทูตสวรรค์ไปได้ทำให้เธอมีแค่พรเท่นั้นที่เหลืออยู่ พรและสายเลือดมังกรในร่างของเธอประสานกันจนทำให้เธอได้รับพลังของเธอกลับคืนมา
ดวงตาสีแดงของเธอได้กลายเป็นกระจ่างใสและลึกซึ้งยิ่งขึ้น สีผมขาวอมชมพูของเธอได้เปล่งประกายจางๆออกมา ผมสีบลอนด์ที่เงางามอยู่แล้วของเธอได้มีไรผมสีแดงผสมเข้ามาและพริ้วไสวไปตามานาราวกับมีชีวิต ตัวเธอในตอนนี้เหมือนกับ… เทพธิดา
ยูอิลฮานได้ถามเธอออกมาอย่างเป็นห่วง
“เลียร่ารู้สึกเป็นยังไงบ้าง? มีตรงไหนไม่สบายหรือ…”
“ยอดเยี่ยมที่สุด!”
“เฮ้..”
หลังจากนั้นเธอก็ได้พุ่งเข้ามาจูบยูอิลฮานในทันที ปีกมังกรบนหลังของเธอที่มาแทนทีปีกทูตสวรรค์กระพืบไปมาทำให้เธอดูน่ารักเล็กๆ เฮเรียน่าที่เห็นแบบนี้ได้ตอบกลับมาอย่างหดหูใจ
[ปีกมังกรมันไม่น่าจะเกี่ยวกับพลังนะแต่ว่าทำไมเลียร่าถึงมีปีกคู่นั้นล่ะ?]
“เลียร่าเคยเป็นทูตสวรรค์ชั้นสูงมาก่อนเพราะงั้นฉันคิดว่านี่มันน่าจะมีผลด้วย อ๊า ปล่อยฉันก่อน มันน่าจะมีเวลาอยู่ซักพักเพื่อที่เธอจะได้คุ้นกับร่างในตอนนี้”
“อ๊า แต่ถึงแบบนั้น”
จริงแล้วค่าประสบการณ์ที่เลียร่าได้รับมาในตอนที่เธอเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำอยู่ก็ส่งผลให้เธอพัฒนาขึ้นมาเช่นกันและในตอนนี้เลเวลของเธอก็ได้ก้าวข้ามเลเวลเดิมของเธอตอนเป็นทูตสวรรค์ชั้นสูงไปไกลแล้ว ตอนเธอเป็นทูตสวรรค์ชั้นสูงเธอมีเลเวลอยู่ที่ 430 ปลายๆ แต่ว่าในตอนนี้เมื่อเธอได้เกิดใหม่ขึ้นมาในฐานะมังกร เลเวลในปัจจุบันของเธอคือ 483 มันได้แสดงให้เห็นเป็นอย่างดีว่าสนามรบที่เธอได้เผชิญในระหว่างอยู่กับยูอิลฮานมันยากลำบากมากแค่ไหน
“สกิลทั้งหมดของฉันได้เปลื่ยนแปลงไปแล้วก็วิวัฒนาการด้วย นอกไปจากนี้… ฉันคิดว่าฉันสามารถเปลื่ยนร่างไปเป็นมังกรได้ด้วยล่ะ”
“อย่าเปลื่ยนร่างที่นี่นะ”
“…แล้วงั้นฉันควจจะไปช่วยพวกข้างนอกไหม?”
หลังจากมองไปที่การต่อสู้ด้านนอกดวงตาของเลียร่าก็เป็นประกายขึ้นมา เธออยากที่จะทดสอบพลังใหม่งั้นสินะ ยูอิลฮานได้หยักหน้าให้เธอด้วยรอยยิ้ม
“อย่าใช้พลังฆ่าพวกนั้นมากเกินไปล่ะ พวกข้างนอกยังต้องพัฒนาอีกมาก”
“โอเค ไว้ใจได้เลย!”
เธอได้กางปีกบินออกไปข้างนอกบาเรียทันที ตัวเธอในตอนนี้ได้อยู่ท่ามกลางมอนสเตอร์แล้ว นี่มันเหมือนกับการวาปมากกว่าบินไปซะอีก
[มะ มังกร!]
[มีมังกรอีกตัว! เกิดอะไรขึ้นด้านในนั้นกัน!?]
[พวกเราต้องฆ่ามันไม่ว่ายังไงก็ตาม! เราต้องฆ่าคนที่อยู่ข้างใน…. ก๊าซซซ!]
“โอราๆๆๆๆๆๆ! ทูตสวรรค์… ไม่สิหอกคลื่นมังกร!”
แม้ว่าเธอจะกลายมาเป็นมังกรไปแล้ว แต่การตั้งชื่อของเธอก็ยังแยเหมือนอย่างเคย! ยังไงก็ตามคลื่นกระแทกขนาดยักษ์ที่เธอสร้างขึ้นมาด้วยพลังเพลิงก็ทรงพลังมากพอที่จะทำให้ทุกๆคนลืมเรื่องชื่อนั่นไปได้ลย
เมื่อคลื่นกระแทกได้กระจายไปที่สนามรบจากหอกของเธอ มอนสเตอร์นับแสนก็ได้กลายเป็นชิ้นๆ
[ก๊าซซซซซซซซ!]
[ดะ ได้ยังไงกัน! เธอแกร่งกว่าท่านพี่ซะอีก!]
ทั้งมอนสเตอร์ที่เข้ามาโจมตีและมังกรต่างก็ไม่อาจจะซ่อนความตกตะลึงเอาไว้ได้ ส่วนคนที่อยู่ด้านในก็ไม่ต่างกัน
“ฉันพอว่าอย่ามากเกินไปไงล่ะ ให้ตายสิ…!”
“เลียร่าเธอมีความภาคภูมิใจในพลังของเธอแม้กระทั่งในตอนเธอเป็นทูตสวรรค์ การที่เธอเลือกทิ้งพลังไปอยู่กับนายนั่นเป็นเรื่องที่น่าทึ่งมาก… แต่สุดท้ายแล้วดูเหมือนว่าบุคคลิกนั่นของเธอก็ยังคงอยู่สินะ”
แม้ว่าเอิลต้าจะกำลังวิเคราะห์ในตัวเลียร่าอยู่ แต่สายตาของเธอได้จ้องตรงมาที่ยูอิลฮาน สายตาเธอเป็นประกายออกมาราวกับจะถามว่า ‘ใครเป็นคนต่อไป?’ ‘เป็นฉันใช่ไหม?’ เป็นฉันสินะ? ได้โปรดเป็นฉันเถอะนะ! ยูอิลฮานได้หัวเราะออกมากับสีหน้าแบบนี้ของเธอและกระดิกนิ้วขึ้น
“ยินด้วยนะเอิลต้า การก้าวไปสู่คลาส 6 นี่เป็นครั้งแรกสำหรับเธอสินะ?”
***
คังมิเรย์กำลังเดินอยู่ภายในหุบเหวมืด ที่นี่มันลึกและเต็มไปด้วยม่านหมอกความมืด เธอไม่รู้เลยว่าเธอกำลังยืนอยู่ที่ไหน ไม่รู้ว่าจุดสิ้นสุดมันอยู่ที่ไหน ไม่รู้ว่ามันมีกี่ชั้น ไม่รู้แม้แต่ว่ามันมีเพดานหรือป่าว ที่แห่งนี้มันเต็มไปด้วยสิ่งที่เธอไม่รู้เลย ที่แห่งนี้มันมีอยู่จริงๆด้วยงั้นหรอ?
“ทำไม… ฉันถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ?”
ก่อนหน้านี้เธอกำลังสู้อยู่ ช่วยคนอื่นๆเพื่อโจมตีโลกที่กองกำลังสิ่งมีชีวิตชั้นสูงปกครองอยู่ตามคำขอของยูอิลฮาน…
คังมิเรย์ได้ทำภารกิจนี้ของเธออย่างสุดความสามารถไปพร้อมๆกับทุกๆคนเพื่อที่จะตอบแทนยูอิลฮาน… และให้เขาสนใจตัวเธอมากขึ้น แถมนี่กำลังเป็นไปด้วยดีด้วย
“อ่า นั่นมัน”
เธอจำได้แล้ว ตอนนั้นเธอกำลังสู้กับพวกกองกำลังสิ่งมีวิตชั้นสูงอย่างราบรื่นร่วมกับโอโรจิในร่างอิชจาร์ เฮเรีน่าที่เป็นคลาส 7 ที่ไม่สมบูรณ์ และอดีตทูตสวรรค์อย่างเลียร่ากับเอิลต้า เธอได้อยู่ร่วมกับพรรคพวกที่ไม่อาจจะใช้สามัญสำนึกปกติมาคิดได้
แต่แล้วทุกๆอย่างก็มีปัญหาขึ้นมาเมื่อพวกเธอได้มาเจอเขากับสิ่งมีชีวิตแปลกๆที่เหมือนกับทูตสวรรค์ที่ปรากฏตัวขึ้นมา
พวกมันมีความสามารถในการต้านทานมานาที่สูงมากๆและมีกระทั่งบาเรียพิเศษที่ใช้ปิดกั้นการใช้งานมานาในพื้นที่ระดับหนึ่ง
พวกเธอทุกคนได้ต่อสู้กับเจ้าพวกนั้นอย่างยากลำบาก ยังไงก็ตามเมื่อพวกเธอได้ยกเลิกการปิดกั้นการใช้มานาได้ชั่วคราวจากการช่วยของเฮเรียน่า คังมิเรย์ก็ได้ใช้โอกาสนี้สร้าประตูมิติขนาดเล็กขึ้นมาเพื่อจัดการฆ่าเจ้าตัวแปลกๆที่โผล่ขึ้นมา เธอไม่น่าจะทำแบบนั้นได้เลย แต่แล้วเธอทำมันได้ยังไงกัน? คำถามนี้ได้วนเวียนอยู่ภายในจิตใจของเธอ
“เพราะงั้นฉันก็เลยตายแล้วสินะ?”
มันเป็นเพราะว่าเธอโลภมาก มันเป็นเพราะว่าเธอได้ทำอะไรที่เกิดกำลังงั้นหรอ?
เธอคนเดิมเป็นคนที่จะต้องหนีไปในทันทีที่เจอในสิ่งที่เธอได้ตัดสินแล้วว่ามันอันตราย แต่ว่าปัญหาคือเธอไม่กล้าทำมันเพราะเธอไม่อยากทำให้ยูอิลฮาเสียใจงั้นหรอ? เพราะงั้นเธอก็เลยตายแล้วตกมาอยู่ในมิติที่ว่างเปล่านี้?
“ถ้ามาคิดดูแล้ว นี่มันเริ่มต้นจากที่ลานปาส”
ถ้าเป็นตัวเธอในอดีต เธอก็แค่จะรอคอยไปจนกว่าที่มันจะเป็นไปได้ที่จะกลับไปสู่โลกอื่นครั้งและตั้งใจไปกับการพัฒนาความสามารถของเธอเอง เธอจะทำในสิ่งที่มันเป็นไปได้เท่านั้นและเชื่อว่านั่นมันดีที่สุดแล้วสำหรับตัวเธอ
ยังไงก็ตามเธอไม่ยอมทำแบบนั้น เธอได้เริ่มวิจัยเรื่องเวทย์มิติที่ไม่ใช่ด้านที่เธอเชี่ยวชาญเลยสักนิด ทำไมกัน? เพื่อที่จะช่วยคนบนโลกงั้นหรอ? เพื่อไปหาพี่น้องเธองั้นหรอ? เพื่อไปหานายูนาหรือสมาชิกในครอบครัวงั้นหรอ?
ไม่เลย นั่นมันเพราะเธออยากจะไปเจอยูอิลฮาน เธออยากจะเจอเขาให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ พูดตรงๆเลยก็คือเธอไม่ได้คิดถึงคนอื่นนอกไปจากเขาเลย เธอรู้สึกเหมือนกับเธอจะบ้าเพราะเธออยากจะเจอยูอิลฮาน ในตอนนั้นเธอก็ได้รู้ตัวเองแล้วว่าหัวใจเธอได้พองโตโดยที่ไม่คิดถึงใครอื่นนอกจากเขาอีกแล้ว ต่อให้นายูนาจะเสียใจเพราะเรื่องนี้ แต่มันก็คือเรื่องจริง เธอไม่อาจจะทำอะไรได้
เพราะแบบนั้นในท้ายที่สุดเธอก็เลยได้กลายมาเป็นจอมเวทย์มิติที่ได้รับพรจากเทพแห่งเวทมนต์ และได้เจอกับเขาคนนั้นอีกครั้ง
“อิลฮาน…”
เธอได้ยอมแพ้กับการเก็บซ่อนความรู้สึกไปแล้ว มีคนมากมายที่อยู่เคียงข้างเขาและคนเหล่านั้นก็งดงามยิ่งกว่าเธออีก คนที่รักเขามากยิ่งกว่าเธอ เธอคิดว่ามันอาจจะมีหวังอยู่กับชายที่ขโมยหัวใจเธอไป แต่ใช่แล้วในความเป็นจริงเธอรู้สึกหมดหนทางและอึดอัดใจ
แต่ต่อให้แบบนั้นเธอก็ไม่อยากจะทำให้ยูอิลฮานลำบากใจ เนื่องจากว่าเขาเป็นคนที่ดีแบบนั้น เธอก็ไม่อยากจะให้เขาต้องลำบากใจที่จะมาปฏิเสธเธอ
เขาเป็นคนใจดีแบบนี้เสมอไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งจนไม่ต้องสนใจสิ่งใดก็ได้!
เธอได้บอกกับตัวเองว่าแค่ยืนข้างๆเขาเธอก็พอใจแล้ว และเธอก็จะเดินเคียงข้างเขาตลอดไป ถึงแม้บางครั้งมันอาจจะทำให้ยูอิลฮานอึดอัดเพราะไม่ได้เป็นไปตามที่เธอวางแผนไว้ก็ตาม…
เธอมีความสุขแล้ว เธอยินดีกับมัน ถึงมันจะเจ็บปวดแต่ก็อบอุ่นใจ
“แต่ตอนนี้สุดท้ายฉันก็กำลังตายแล้ว”
ในตอนนี้เธอจะไม่มีวันได้เจอกับเขาอีก นี่มันเป็นเรื่องเศร้ามากจนเธออยากจะทรุดตัวลงร้องไห้ซะเดี๋ยวนี้
ในตอนนี้เองเธอก็ได้ยินเสียงหนึ่ง
[นังหนู]
น้ำเสียงทีเหมือนกับ เสียงเด็ก เสียงคนแก่ เสียงคนหนุ่ม เสียงหญิงสาว เป็นเสียงที่จะว่าใช่ก็ใช่จะว่าไม่ใช่ก็ไม่ใช่
[เธอได้ครอบครองในพลังที่น่าทึ่ง เธอได้บุกเบิกในดินแดนต้องห้ามด้วยตัวของเธอเอง ความสามารถนี้ของเธอนับได้เลยว่าคือบันทึกใหม่อย่างแท้จริง]
“…”
คังมิเรย์ได้เงยหน้าของเธอขึ้น บางทีเธออาจจะยังไม่ตายก็ได้? นี่คือความคิดแรกที่ได้เข้ามาในหัวของเธอ
[เธอน่ะสามารถปฏิเสธความตายได้ ไม่เพียงแค่นั้นเธอยังมีคุณสมบัติที่สามารถเปล่งประกายได้ยิ่งกว่าใครๆ]
“คุณเป็นใครกัน?”
[ฉันคือพระเจ้า]
คำตอบที่เรียบง่าย เรียบง่ายจนเธออยากจะหัวเราะออกมา คังมิเรย์ได้หัวเราะและส่ายหัวออกมา
“ดูเหมือนฉันจะตายแล้วสินะ”
[นังหนู ไม่ว่าเธอจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตาม แต่ว่าฉันมีตัวตนแค่เพียงฐานะพระเจ้าเท่านั้น เธออยากจะฟังเรื่องราวของฉันไหมล่ะ]
“ฟู่”
คังมิเรย์ได้มองตรวจดูสภาพรอบๆตัวโดยไม่สนเสียงที่ดังขึ้นมาเลย เธอไม่อาจจะรู้สึกถึงมานาได้และดูเหมือนเธอจะไม่อาจจะทำอะไรได้ เธอได้แต่หยักหน้าอย่างจนใจ
“งั้นก็เล่ามา”
[ถ้างั้นก่อนอื่นเลยฉันจะขอเล่าถึงว่าทำไมเธอกับฉันถึงได้มาเจอกัน]
“คุณเป็นผู้บงการของเจ้าพวกทูตสวรรค์แปลกๆนั่นสินะ ฉันได้ฆ่าแล้วก็ดูดซับบันทึกเจ้าพวกนั้นมามากมาย เพราะงั้นเราก็เลยได้เจอกันผ่านบันทึกกพวกนั้นถูกไหม?”
[..เธอนี่มันโดดเด่นกว่าที่ฉันคิดอีกนะ]
ถูกจุดสินะ คังมิเรย์ได้สรุปเรื่องต่างๆออกมาโดยที่มีคำใบ้เพียงคำเดียวที่เธอได้ยินนั่นก็คือ ‘พระเจ้า’ นี่ยิ่งทำให้เธอเก่งยิ่งกว่าอัจฉริยะซะอีก ผู้ที่ประกาศตัวเองว่า ‘พระเจ้า’ ดูจะตกใจกับเรื่องนี้เล็กน้อย แต่ว่าในฐานะของพระเจ้าเขาได้กลับมาตั้งสติและพูดต่อออกมาได้อย่างรวดเร็ว
[โลกในตอนนี้ไม่ถูกต้อง บาปและกรรมที่ฉันได้สร้างเอาไว้ได้ทำให้มันเป็นแบบนี้ มีสิ่งมีชีวิตที่ประกาศตัวเองว่าเป็นพระเจ้ามากเกินไปและจำนวนของโลกก็ได้เพิ่มมากขึ้นจนเกินควบคุม มานาได้พังทลายลง ฉันไม่รู้เลยว่าพลังที่นได้มอบให้ไปจะเป็นอันตรายแบบนี้ และหลังจากฉันได้พยายามจะหยุดมันมันก็ได้กลายมาเป็นแบบนี้]
“คุณจะข้ามรายละเอียดไปเยอะเลยนะ”
[แต่เรื่องพวกนั้นเธอก็รู้อยู่แล้วนี่]
คังมิเรย์ได้หยักหน้าออกมาตรงๆ เธอรู้เรื่องพวกนั้นหมดแล้ว
หากว่าคำพูดของ ‘พระเจ้า’ คือเรื่องจริง ถ้างั้นเขาก็คือผู้ที่สร้างจักรวาลนี้ขึ้นมา และยังเป็นคนที่กระจายพลังมานาออกไปด้วย
ยังไงก็ตามมีสิ่งมีชีวิตมากมายที่แข็งแกร่งเกินไปเพราะมานา และทำให้สิ่งมีชีวิตต่างๆนั่นกระทั่งมาคุกคามในตำแหน่งของพระเจ้า มีโลกจำนวนมากมายและทุกๆอย่ายก็ไม่ได้เป็นไปตามที่พระเจ้าต้องการ ก็แค่นี้แหละ
“เพราะงั้นคุณก็เลยทำให้เกิดภัยพิบัติอะไรแบบนี้สินะ?”
[ฉันคิดที่จะทำให้ทุกๆอย่างหายไปและเริ่มต้นใหม่]
หืม นี่มันแย่ยิ่งกว่าภัยพิบัติอีกนะเนี้ย คังมิเรย์ได้มองมาที่พระเจ้าด้วยความสงสัยและถามยืนยันออกมา
“…สร้างใหม่จากอดัมกับอีฟงั้นหรอ?”
[เธอไม่อยากจะเป็นอีฟงั้นหรอ?]
“แล้วอดัมคือใครล่ะ?”
[ฉันจะมอบยูอิลฮานให้กับเธอ เธอชอบเขาไม่ใช่หรอ? เธอไม่อยากจะให้เขามาอยู่กับเธอคนเดียวงั้นหรอ? ฉันจะทำให้ความต้องการของเธอเป็นจริง]
คังมิเรย์พูดไม่ออกแล้ว นี่มันเพราะว่าเธออายกับตัวเองที่คิดไปว่านั่นมันเป็นข้อเสนอที่ดีอยู่ครู่หนึ่ง
[ฉันจะสร้างใหม่กองทัพขึ้นมา คนที่เธอได้ทำลายไปคือสมาชิกของกองทัพนั่นแหละ ในตอนนี้ฉันต้องการพลังของเธอในตอนนี้ เมื่อเธอได้รับพลังในฐานะสิ่งมีชีวิตฉันสูง เธอก็จะได้รับพลังที่จะทำให้ทุกๆอย่างอยู่ใต้เท้าเธอ เพราะงั้นฉันจะให้เธอเป็นรองเพียงแค่ฉันเท่านั้น]
“แล้วกองทัพสวรรค์ล่ะ?”
[กองทัพใหม่มีไว้สำหรับคนใหม่ๆเท่านั้น ฉันสนใจแค่ตัวเธอกับยูอิลฮานเท่านั้น]
คังมิเรย์ได้หลับตาของเธอลง นี่เป็นข้อเสนอที่น่าดึงดูดใจเอามากๆ หากว่าตัวตนที่แข็งแกร่งถึงขนาดติดต่อมาหาเธอได้ผ่านบันทึก เขาคนนั้นก็น่าจะมีพลังทำให้เรื่องนั้นกลายเป็นจริงด้วย
เพราะงั้นเมื่อไหร่ที่เธอหยักหน้าออกมา เธอก็จะได้ครอบครองยูอิลฮานเพียงผู้เดียว…
ยังไงก็ตาม
“ฉันขอปฏิเสธ”
[ทำไมกันล่ะ?]
“คุณก็รู้ดี ยังต้องถามกันอีกหรอ?”
[แผนของฉันได้พังมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว และในทุกๆครั้งไปมันก็เป็นเพราะอารมณ์ที่มาจากมนุษย์อยู่ตลอดๆ เพราะงั้นฉันจึงสรุปออกาได้เพียงแต่ว่าอามรมณ์ของมนุษย์ได้ทำให้แผนของฉันวุ่นวาย นั่นก็คือเหตุผลที่ฉันได้กระตุ้นอารมณ์ของเธอเพราะต้องการอีกผลลัพธ์หนึ่ง แล้วผลลัพธ์เป็นยังไงล่ะ? หัวใจของเธอไม่สั่นไหวจากคำพูดที่ฉันบอกว่าเธอจะได้ครอบครองยูอิลฮานเลยสักนิด]
“นั่นมันก็จริง แต่ว่านะ”
คังมิเรย์ได้ยิ้มขำๆออกมา
“คุณยังรู้จักมนุษย์ดีไม่พอ จริงๆคุณยังไม่รู้จักมนุษย์ด้วยซ้ำไป คุณไม่รู้และไม่เข้าใจในเรื่องของความรักแม้แต่นิดเดียว”
เธอยังมีช่วงชีวิตที่สั้นและในชีวิตครั้งหนึ่งเธอก็เคยปฏิเสธในเรื่องความรักเช่นเดียวกัน ยังไงก็ตามเธอได้รู้จักคำๆนี้แล้ว แน่นอนว่าเธอก็คงจะไม่ได้พวกคำพูดอย่าง ‘ความรักไม่ใช่การผูดมัด มันคือการให้’ หรือคำพูดทำนองนี้
ตัวเธอต้องการยูอิลฮาน ต่อให้จะเป็นการกักขังเขาและมัดให้เขามองมาแต่เธอ เธอก็อยากจะทำแบบนี้ มันไม่เพียงแค่เธออยากจะมอบความรักให้เขา แต่เธอยังอยากที่จะได้ความรักกับมาเช่นกัน เธออยากจะได้ความรักของเขาก็เท่านั้น
“มันไม่มีอะไรน่าขยะแขยงไปกว่างานแต่งงานที่ถูกเตรียมไว้อยู่แล้วหรอกนะ? ความรักน่ะคือการแย่งชิง ไว้กลับไปหาอ่านหนังสือเรื่องนี้แล้วค่อยกลับมาคุยกับฉันนะ”
[…ฉันคงทำอะไรไม่ได้แล้วสินะ ฉันเสียใจด้วยนะแต่ว่าตัวเธอน่ะเป็นอุปสรรคกับแผนของฉันมากยิ่งกว่ายูอิลฮานซะอีก]
เธอก็พอจะเดาคำพูดต่อไปได้แล้ว ฉันคงจะขอให้เธอตายสินะ หรือทำไมฉันถึงได้มาอธิบายอย่างใจดีมากจนถึงตอนนี้? หรือคำพูดอะไรก็ตามในทำนองของพวกตัวร้าย นี่แหละคือสิ่งที่เธอกำลังคิดอยู่ ไม่ว่าจะวางตัวมาดีแค่ไหนเจ้านี่ก็คือผู้บุกรุก
[ยินดีต้อนรับสู่การพัก… หืม]
เขาได้พยายามที่จะสร้างอิทธิพลต่อจิตใจของคังมิเรย์ได้สำเร็จด้วยการแทนกแซงเข้ามาผ่านการตายของทูตสวรรค์แปลกๆและพยายามที่จะโจมตีจิตใจของเธอโดยตรง หากว่าเป็นยูอิลฮานที่มีหัวใจไม่สั่นคลอนการจะทำแบบนี้เป็นไปไม่ได้แล้ว แต่ว่าเขาคิดว่ายูอิลฮานไม่น่าจะทำอะไรได้เพราะเธอยังไม่ได้เป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงเลยด้วยซ้ำ
ยังไงก็ตามนั่นมันก็แค่ความคิดของเขาฝ่ายเดียว
“ไสหัวไปตายไหนก็ไป”
คังมิเรย์ได้ยกมือขึ้นมาพร้อมกับพูดคำพูดที่หยาบคายที่สุดนับตั้งแต่เธอเกิดมาทำให้แม้แต่พระเจ้าก็ยังพูดไม่ออก
สิ่งที่รวมอยู่ในฝ่ามือของเธอก็คือแสงสีขาว มานา
[อะไรกัน!?]
ตอนนี้เธอรู้สึกได้ถึงพลังมานาในตัวเองแล้ว ไม่สิ องค์ประกอบของมิตินี้ก็คือมานาของตัวเธอเอง ในที่แห่งนี้สิ่งที่ไม่ใช่มานาก็ต้องเป็นมานา หากเธอไม่มีมานา เธอก็แค่ต้องเรียกมันออกมาจากทุกๆอย่างรอบตัวเธอ ทำไมเธอถึงได้พึ่งมารู้เอาตอนนี้กันนะ? ทั้งๆที่เหล่ามานาได้กระซิบบอกเธออยู่ตลอดเวลา!
[เป็นแบบนี้ไปได้ยังไงกัน นี่มันจะผลิบานเร็วเกินไปแล้ว.. มันเร็วจนเกินไปจริงๆ]
“ฟู่”
มานาได้พังทลาย? พระเจ้าเป็นคนที่ได้เผยพลังงานที่งดงามนี้ออกมาแน่ แต่ว่าเขาต้องไม่ใช่คนสร้างมันแน่นอน! เธอได้ยิ้มเย้ยพระเจ้าและฉีกมิติแห่งนี้ด้วยมานาในมือของเธอ
[ฮ่าห์!]
มิติได้พังทลายลงไปทันที เสียงของพระเจ้าและเจตจำนงได้พังทลายลงและหายไป คังมิเรย์ได้ส่งเสียงฮึดฮัดออกมา
“รอให้ยูอิลฮานไปอัดนายได้เลย”
รอบๆตัวได้สว่างสดใสขึ้นมา คังมิรย์ได้รู้สึกได้ว่าอีกไม่นานเธอก็จะตื่นขึ้นมาแล้ว
ในตอนนี้เองได้มีข้อความเด้งขึ้นมา
[คุณได้สัมผัสถึงมานาได้ด้วยพลังของตนเองเพียงลำพังโดยไม่ต้องใช้สกิลใดๆช่วย นี่คือความสำเร็จที่ไม่เคยมีใครไปถึงมาก่อน มันคือบันทึกที่ไม่อาจจะบันทึกไว้ได้ และจะไม่มีวันถูกบันทึกไว้ คุณคือผู้ที่มีพรสวรรค์ในด้านมานสูงที่สุดนัตั้งแต่ที่บันทึกนภามีตัวตนขึ้นมา]
[คุณสามารถกลายเป็นตัวตนที่สมบูรณ์แบบได้ ยังไงก็ตามคุณจะต้องเติมเต็มอีก…]
“หุบปากน่า”
ยังไงก็ตามยูอิลฮานได้รวบรวมมานาในมือของเธอและตบมันออกไป มีเพียงแค่พลังของเธอเท่านั้นที่ยังคงอยู่และการเปลื่ยนแปลงก็ไม่ได้เกิดขึ้น ด้วยความสามารถของเธอที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นได้ทำให้เธอสามารถจะเละพวกสิ่งที่ขวางทางออกไปจากทางเธอได้
“ฉันจะไม่ทำมันคนเดียว ฉันจะไปหาอิลฮาน”
จากนั้นเธอก็ลืมตาขึ้นมา
คนที่เธอกำลังเฝ้าหารอคอยมานา และคนที่มีปีกมังกรอยู่บนหลังได้มองมาที่เธอกันทุกคน
“ยินดีต้อนรับกลับมานะมิเรย์”
ยูอิลฮานได้ยิ้มออกมา คังมิเรย์ก็ยิ้มออกมาเหมือนกับเด็กน้อยหลังจากเห็นเขา เพราะแบบนี้ทุกๆคนได้มารวมตัวกันแล้ว
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น