Everyone Else is a Returnee โดดเดี่ยว 1000 ปี 291-310

 บทที่ 291 – ความสำเร็จ (1)


“กรี๊ดด เป็นท่านราฟาเอลแห่งการรักษาจากสี่ยอดเทวทูต!”


เลียร่าได้กรีดร้องออกมาราวกับเป็นเด็กมัธยมที่ได้เจอกับไอดอลชายที่เธอชื่อชม ยูอิลฮานได้เพิ่มความเป็นศัตรูกับเทวทูตคนนี้ขึ้นและหันไปถามเลียร่าอย่างไม่พอใจขึ้นมา


“คนๆนี้แข็งแกร่งงั้นหรอ?”

“ในด้านการรักษา เขาน่าจะเหนือยิ่งกว่านายูนามาก ฉันได้ยินมาว่าตราบใดที่คนๆนั้นยังไม่ตายเขาก็จะสามารถทำให้คนนั้นฟื้นฟูกลับมาได้อย่างเต็มที่ แต่สำหรับในด้านการต่อสู้ล่ะก็… ฉันไม่รู้ ฉันได้ยินมาว่าเขาแข็งแกร่งกว่าพวกคลาส 7 ส่วนใหญ่แต่ฉันก็ไม่ได้รู้อะไรมากนัก”


มีพลังในด้านการรักษาเหนือยิ่งกว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์อย่างนายูนาไปมากแล้วก็ยังแกร่งกว่าคลาส 7 ส่วนใหญ่อีกด้วย? นี่จะโกงไปแล้ว! ถ้าคนๆนี้เป็นคนปกติ เขาก็ควรที่จะเลือกทางเดียวให้เชี่ยวชาญไปเลยสิ!


ยูอิลฮานที่ไม่ได้คิดถึงตัวเองเลยได้บ่นออกมาอย่างไร้ยางอายและเพิ่มความเป็นศัตรูกับเทวทูตคนนี้ขึ้นไปอีก เลียร่าที่เห็นยูอิลฮานเป็นแบบนี้ก็ได้มองมาที่เขาด้วยสายตาเป็นกังวล


“อิลฮาน ท่านราฟาเอลก็เป็นคนทรยศด้วยงั้นหรอ…?”

“ไม่หรอก ไม่ใช่แบบนั้นเลย แต่ฉันก็อยากจะให้เขาเป็นคนทรยศเหมือนกัน ฉันจะได้อัดเขาได้โดยไม่ต้องกังวลอะไร…”

“ทำไมกันล่ะ!?”

“ฉันไม่ชอบใบหน้าหล่อๆไร้ประโยชน์แล้วก็ใบหน้าที่ใจดีนั่น ให้ตายสิ”

“กรี๊ดดด นี่นายกำลังจะทำอะไร!”


ยูอิลฮานได้คิดกับตัวเองว่าเขาควรจะเผยตัวออกไปดีไหม แต่ว่าในท้ายที่สุดเขาก็ทำแค่การโยนหอกเพลิงออกไปฆ่าคนทรยศคลาส 5 ต่อไปแทน ไดเอลที่เห็นแบบนี้ได้รีบพูดออกมาทันที


[ท่านราฟาเอล พวกเราจะต้องหาตัวคนๆนี้! ได้โปรดใช้พลังของท่าน…!]

[แต่ว่านะไดเอล ฉันคิดต่างออกไปหน่อย]


ราฟาเอลไม่ใช่พวกคนที่ธรรมดาๆอยู่


[การฆ่าทูตสวรรค์แล้วทำให้คนที่ถูกฆ่ากลายเป็นคนทรยศงั้นหรอ? นั่นมันเป็นไปไม่ได้ คนที่จะทำได้มีแต่คนที่อยู่เหนือสวรรค์เท่านั้น แล้วมีเพียงเขาคนนั้นที่ทำได้ ไม่มีใครอื่นที่จะทำได้อีกแล้ว]

[ตะ… แต่ว่า…]

[ในความเห็นของฉัน นี่เป็นแค่ปีศาจน้อยบ้าบิ่นที่รู้วิธีแยกแยะว่าใครคือคนทรยศและฆ่าคนทรยศก็เท่านั้น]

[ทำไมล่ะ แล้วทำไปเพื่ออะไร!]


ราฟาเอลได้ยิ้มขึ้นมา


[ฉันก็ไม่รู้เหตุผลหรอก แต่ว่าถ้าให้เดาก็คงจะเป็นเพราะเขาไม่ชอบทางกองทัพจรัสแสงเอามากๆ ส่วนทำยังไงนี่ฉันพอจะรู้ มันเป็นไปได้ว่าคงเป็นใครสักคนที่มีคุณสมบัติที่จะเป็นผู้นำของกองกำลัง เพราะงั้นก็คงเป็นหนึ่งในคนเหล่านี้นั่นแหละหรือไม่…]

[นั่นมันเป็นไปไม่ได้!]

[มันเป็นไปแล้ว… คนที่มีคุณสมบัติคนใหม่ได้ปรากฏตัวขึ้นแล้ว]

[นั่นมันยิ่งเป็นไปไม่ได้เลย]

[อืมม เอาเถอะนะ แล้วเราควรจะหาเขาดีไหมนะ?]


เมื่อราฟาเอลได้ดีดนิ้วขึ้นมาก็ได้มีคลื่นแสงกระจายออกไปจากตัวเขา ถึงเวทย์นี้จะมีเป้าหมายที่การตรวจจับ แต่ว่ายูอิลฮานก็ยังขว้างหอกออกไปอีก 8 อันเพื่อฆ่าคนทรยศโดยไม่สนใจเวทย์นี้เลย


“ไม่!!!”

“นิ่งไว้เลียร่า เราไม่ถูกเจอตัวหรอกน่า”

[พี่สาวเลียร่าส่งเสียงดังไปแล้วนะครับ]


ตัวตนของยูอิลฮานก็ยังไม่ถูกตรวจเจอ แม้กระทั่งเวทย์กำลังทำงานอยู่หัวและปีกของคนทรยศก็ยังคงถูกตัดออกขาดจากกันอยู่ดี นี่มันราวกับจะเป็นการเย้ยผู้ร่ายเวทย์


[…หืม]

[ท่านราฟาเอล?]


ยังไงก็ตามสีหน้าของราฟาเอลกลับดูพึงพอใจในผลลัพธ์นี้เอามากๆ


[ดีมาก มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่แค่พลังของฉันจะหาตัวเขาเจอ]

[แม้กระทั่งพลังของท่านราฟาเอลก็ยังเป็นไปไม่ได้? ถ้างั้นเราคงต้องผลิกโลกใบนี้-]

[ใจเย็นก่อนไดเอล นายก็น่าจะรู้นะว่าเทวทูตเราจะต้องมีความใจเย็นในการมองสถานการณ์น่ะ?]

[แต่ถึงแบบนั้นมัน!]


แม้แต่ในตอนนี้ก็ยังมีทูตสวรรค์ร้องออกมาและเลือดของคนทรยศกระจายไปทั่ว นี่จะให้เขาใจเย็นลงได้ยังไงกัน? ระหว่างที่ไดเอลกำลังจะถามกลับไปนี้เอง ราฟาเอลก็ได้พูดขึ้นด้วยใบหน้าที่ใจเย็นมากๆ


[ฉันบอกนายไปแล้วใช่ไหม? มันไม่มีใครนอกจากนายท่านที่ทำให้ทูตสวรรค์กลายมาเป็นคนทรยศได้ ต่อให้เป็นซาตานก็ไม่อาจจะทำให้เลือดที่ไร้ซึ่งความมืดมิดมัวหมองได้ เอาล่ะถ้างั้น]

[…]

[ฉันไม่รู้หรอกว่าเขาหรือเธอคนนั้นตั้งใจจะทำอะไร แต่ว่าสิ่งที่เขาหรือเธอกำลังทำอยู่มันไม่ได้สร้างความเสียหายกับกองทัพสวรรค์แม้แต่นิดเลย ฉันกระทั่งอยากจะยื่นมือเข้าช่วยคนๆนั้นด้วยซ้ำไป]

[ท่านราฟาเอล!]

[ฮ่าฮ่าฮ่า]


แม้ว่าจะได้เห็นทูตสวรรค์ถูกหอกเพลิงฆ่าต่อหน้า ราฟาเอลก็ยังหัวเราะออกมาอย่างใจเย็น ตัวเขารู้ดีว่าคนที่ถูกฆ่าทุกๆคนคือคนทรยศ


[ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่าเขาโยนหอกออกมาจากไหน ฉันกระทั่งรู้สึกได้ว่าเพลิงพวกนี้เทียบได้กับของท่านมิคาเอลเลย นี่มันน่าสนใจมาก เป็นพวกระดับเบื้องบนคนใหม่งั้นหรอ? น่าสนใจจริงๆ]

[ท่านราฟาเอล เราจะปล่อยเอาไว้แบบนี้ไม่ได้นะ!]

[รอก่อนนะไดเอล]


ดวงตาของราฟาเอลได้เริ่มน่ากลัวขึ้นแล้ว


[ฉันบอกให้รอก่อนไง สำหรับทูตสวรรค์ทุกๆคนที่นี่ นายไม่ควรจะขยับนะไดเอล]

[…เข้าใจแล้วครับ]


ไม่มีทูตสวรร์คนใดที่กล้าจะขัดคำสั่งของราฟาเอล ตอนนี้ทั้งราฟาเอลและเจ้าของหอกเพลิงต่างก็ทำให้พวกเขาตายไปทั้งนั้นทำให้เหล่าผู้ทรยศที่ซ่อนอยู่ท่ามกลางทูตสวรรค์ได้แต่ตื่นตระหนกก่อนจะถูกฆ่าไป


[ฟู่ ฮ่าฮ่าฮ่า]

[ทะ.. ท่านราฟาเอล…]


รอยยิ้มที่ดูชั่วร้ายของราฟาเอลได้ฉีกกว้างมากขึ้นราวกับจะบอกว่า ‘เป็นอย่างที่คิด มีเจ้าพวกสารเลวเต็มไปหมด’ สำหรับคนทรยศที่ด้านหนึ่งคือหนึ่งในยอดสี่เทวทูต และอีกด้านคือหอกเพลิงแล้ว นี่มันคือนรกดีๆนี่เอง


[…อึก!]

[ฉันไม่อยากจะตายที่นี่!]


เหล่าคนที่ตัดสินใจว่าพวกเขาจะอยู่แบบนี้ไม่ได้ ในท้ายที่สุดพวกเขาก็เริ่มเคลื่อนไหว เหล่าคนที่มั่นใจในพลังตัวเองจากการที่อยู่คลาส 6 ถึงแม้ว่าพวกเขาจะใช้สัญญาณใดให้กันก็ตาม แต่ว่ามีคนทรยศคลาส 6 อยู่ 32 คนที่ได้กางปีกออกมาและเปิดใช้การข้ามมิติแบบกลุ่มไปสู่โลกอื่น!


[เราจะกลายเป็นปีกแห่งซาตาน!]

[เจ้าพวกหน้าซื่อย์ใจคตงี่เง่า อย่างน้อยในท้ายที่สุดเราก็ได้ซื่อสัตย์ต่อความต้องการของเรา]

[…โฮ่ พวกไร้ยางอายปรากฏตัวขึ้นมาแล้วสินะ? อืมม ถ้างั้นคราวนี้ผู้อยู่เบื้องบนคนใหม่ของเราคนนี้จะทำยังไงล่ะ?]


ถึงแม้ว่าราฟาเอลจะไม่รู้ถึงตัวตนของยูอิลฮาน แต่เขาก็เชื่อว่ายูอิลฮานจะต้องได้ยินเสียงของเขา ยูอิลฮานได้ส่งเสียงขึ้นจมูกออกมาและสร้างหอกขึ้นเล่มหนึ่ง จากนั้นเขาก็ประสานเข้ากับยูมิลเพื่อดึงพลังมังกรออกมาก่อนจะอัดพลังนั้นลงไปที่ปลายหอก นี่ดูเหมือนว่าเราจะไม่อาจจัดการคนหลายคนในคราวเดียวได้


“อิลฮาน เวทย์ของพวกนั้น! พวกนั้นจะหนีไปได้นะถ้านายไม่เปิดใช้การร่วงหล่นในตอนนี้!”

“ฉันรู้น่า แต่ว่าถ้าฉันพยายามจะฆ่าพวกนั้น งั้นฉันก็จะพลาดตัวเป้งไปน่ะสิ”

“แย่มาก…”


ยูอิลฮานได้เล็งไปที่ไดเอลตั้งแต่แรกแล้ว เจ้าไร้ยางอายคนนี้ได้ทำเป็นใจเย็นทั้งๆที่ภายในใจทั้งตื่นตระหนกและคิดจนหัวปั่นตั้งแต่ที่ราฟาเอลปรากฏตัวแล้ว! เจ้านี่ได้ทำหน้าแบบว่า ‘นี่แหละโอกาส’ ขึ้นมาหลังจากได้เห็นสิ่งที่ทูตสวรรค์คลาส 6 กำลังทำอยู่


[…หืม?]


ราฟาเอลก็ยังเอียงหัวออกมา เขาพอจะรู้ได้แล้วว่ายูอิลฮานไม่ได้ทำอะไรกับการที่คนทรยศได้เปิดใช้การข้ามมิติแบบต่อหน้านี้


นี่เขากลับไปแล้วงั้นหรอ? หรือว่าเขากลัวการสู้กับสิ่งมีชีวิตคลาส 6 กันล่ะ หรือว่าเขาระแวงในตัวตนของราฟาเอลกันนะ


ราฟาเอลได้คิดว่าทำไมยูอิลฮานถึงไม่ทำอะไรและในท้ายที่สุดเขาก็สรุปออกมาได้ ยิ่งเขาคิดเท่านั้นมันก็น่าตกใจและบ้ามาก แต่ว่านั่นมันก็มีพลังในการโน้มน้าวใจเขาอย่างมาก


เพราะแบบนั้นทำให้เขายกมือขึ้นมาก่อนจะสายเกินไป


[น่าสนใจมาก.. แล้วก็โง่เขลาเช่นกัน แต่ว่า]

[ท่านราฟาเอล!?]

[ฉันจะเล่นกับนายซักครั้งหนึ่ง]


มานาของราฟาเอลได้กระเพื่อมขึ้นมา ในเวลาต่อมามานาทั้งเฟย์ร่าก็ได้ตอบรับกับคำสั่งและสร้างคลื่นกระแทกออกมา


นี่มันก็มากพอแล้วที่จะทำให้เวทย์ทั้งหมดที่คนทรยศกำลังใช้ถูกยกเลิกและมานาได้เสียการควบคุมไป


[อ๊ากกก!?]

[มานาของฉันกำลังตีกลับ… ท่านซาตานได้โปรดช่วยเราด้วย!]

[เป็นแบบนี้ไปได้ยังไงกัน…]


แค่การกระทำเดียวได้ส่งผลร้ายเป็นวงกว้างอย่างมาก นี่คือสิ่งที่ต้องชดใช้ที่ดูถูกในพลังของหนึ่งในสี่ยอดเทวทูต การกระทำเดียวของเขานี้ได้ทำให้หลุบที่จะหนีไปจากโลกใบนี้ได้ปิดลงและปีกของเหล่านั้นที่เผยตัวเองออกมาได้ถูกย้อมไปเป็นสีดำ ตอนนี้ไม่มีทางหนีไว้ให้กับพวกเขาอีกแล้ว


[เอาล่ะ ในที่ฉันสุดก็ได้เห็นแล้วว่าตอนนี้ใครเป็นคนทรยศบ้างง]


ราฟาเอลได้ยิ้มขึ้นอย่างเย็นชาและสร้างดาบขึ้นจากมานาในเฟย์ร่า ดาบเล่มนี้ได้เต็มไปด้วยพลังลมที่หนาแน่นและยังมีพลังเพลิงให้เห็นเช่นกัน คนทรยศทั้งหมดต่างก็ต้องตกอยู่ในความสิ้นหวัง


[ราฟาเอล ละครตลกของแกมันจบลงไปพร้อมกับหลุมศพเทพเจ้าของแกแล้ว]

[ไม่ว่าพวกแกจะพยายามซ่อนแค่ไหนแต่พวกเราก็ได้รู้แล้ว ท่านผู้ยิ่งใหญ่ได้ทำให้เราได้รู้แล้ว!]

[หืมม พวกนายมันเน่าเฟะไปหมดแล้ว]

[นะ นายมันปีศาจ!]

[พวกนายชั่งกล้าเอ่ยนามทำให้ท่านต้องมัวหมองด้วยปากเน่าๆของพวกนายนะ!]


ทูตสวรรค์คลาส 6 ที่ไม่ได้เป็นคนทรยศก็ยังได้เข้าร่วมในการต่อสู้ครั้งนี้และทำให้โลกใบนี้ได้วุ่นวายขึ้นในทันที ราฟาเอลได้กระจายจิตสังหารที่ไม่สมกับฉายาการรักษาของเขาออกมา เหล่าทูตสวรรค์คลาส 6 ได้พุ่งเข้ามาสู้ด้วย ทูตสวรรค์ระดับสูงอีกคนหนึ่งก็ได้เข้ามาขวางทางเอาไว้


มีอยู่สองคนที่กำลังรอคอยเวลานี้


[ฟู่]


ไดเอลได้คิดขึ้นมา แม้ว่าตัวเขาจะไม่รู้ว่าผู้บุกรุกมองตัวตนจริงๆเขาออกไหม แต่ว่าด้วยการลอบโจมตีเพียงครั้งเดียวสำหรับเขาก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรอยู่แล้ว แล้วก็หากว่าตัวตนของเขาถูกเผยออกมาเพราะแบบนั้นราฟาเอลก็น่าจะอันตรายยิ่งกว่าศัตรูอีก เพราะงั้นหากเขาอยากจะรอดไปจากที่แห่งนี้คนที่เขาต้องระวังไม่ใช่ผู้บุกรุกแต่เป็นราฟาเอล


‘ในทันทีที่ฉันโจมตีราฟาเอลก็จะเท่ากับฉันได้ล่ะทิ้งตำแหน่งในฐานะทูตสวรรค์ของฉันไปแล้ว เพราะงั้นการจะใช้มานาของโลกใบนี้อีกจะเป็นไปไม่ได้ ถ้างั้นโอกาสของฉันก็คือตอนนี้ ตอนที่ราฟาเอลกำลังใช้มานานั่นกำลังพวกขยะ’


เขาจะต้องโจมตีด้วยพลังทั้งหมดเพื่อสร้างโอกาส ต่อให้ราฟาเอลจะมีระดับที่สูงกว่าเขา แต่ว่าราฟาเอลก็คงจะไม่ไร้บาดแผลแน่ และในตอนที่มานาของราฟาเอลกำลังแตกกระจายอยู่นี้อย่างน้อยก็น่าจะมีโอกาสให้เขาใช้หลบหนีออกไปได้


‘ถ้าเป็นไปได้ฉันก็อยากจะหาคนทรยศให้เจอแล้วก็ฆ่ามันเหมือนกัน แต่ว่าฉันไม่คิดเลยว่าราฟาเอลจะมาเคลื่อนไหวเอาในเวลาแบบนี้ นี่มันเป็นคำพยากรณ์จากกาเบรียลงั้นหรอ…? คงช่วยไม่ได้ล่ะนะ ฉันคงต้อง…’


และในตอนนี้เองอีกคนหนึ่งที่กำลังรอเวลานี้อยู่ก็ได้แทงหอกเข้ามาใส่ไดเอลที่กำลังคิดกับตัวเอง


[ติดคริติคอล!]

[ติดคริติคอล!]

[ติดคริ…]


[อ๊าาาา!?]

“ย๊าาาาาาก!”


ยูอิลฮานที่ผสานเข้ากับยูมิลได้ทุกสิ่งที่เขามีทำการโจมตี 12 ครั้งซ้อนด้วยหอกไร้วิถี


บทที่ 292 – ความสำเร็จ (2)


เลือดสีขี้เถ้าได้กระจายออกไปจนทั่ว นี่คือวินาทีที่ไดเอลได้ตัดสินใจจะโจมตีราฟาเอลและทำให้บันทึกของตัวเขาได้เปลื่ยนไปเองจากคำสั่งของซาตาน


วินาทีที่การสนับสนุนจากโลกใบนี้ที่เขาได้รับจากการเป็นสมาชิกของกองทัพสวรรค์ได้ถูกตัดลง นี่คือวินาทีที่ยูอิลฮานตัดสินใจเคลื่อนไหว


[อ๊าาา ฮ่าห์…!]


การโจมตีสิบสองครั้งซ้อนกันในจุดๆเดียวด้วยหอกไร้วิถีได้ทำให้เกิดรูขนาดใหญ่ขึ้นมาบนท้องของไดเอล เลือดที่กำลังเปลื่ยนเป็นสีดำของเขาได้กระจายออกไปทั่ว พร้อมทั้งเนื้อ หนัง กระดูกของเขา และขนปีกที่เป็นทั้งสีดำและขาวด้วยเช่นกัน


“สวัสดี! เจ็บไหมล่ะ?”

[อ๊าา! แค่ก!]


ยูอิลฮานได้เล็งโจมตีทั้งหัวใจและหัวไหล่ที่เป็นจุดอ่อนของทั้งทูตสวรรค์และเทวดาตกสวรรค์ แม้ว่าไดเอลจะได้ใช้มานาของเขาป้องกันเอาไว้เมื่อพบการโจมตีนี้ทำให้หัวไหล่ของเขาไม่ถูกทำลายไปจนหมดก็ตาม แต่ว่าหัวใจของเขาก็ได้หายไปหมดแล้ว ปีกของเขาคู่หนึ่งก็ถูกตัดออกไปเช่นกัน


นี่เป็นบาดแผลร้ายแรงถึงชีวิตเขาได้เลยหากว่าเขาไม่ลืมหนีไปรักษาตัวเองในทันที หากว่าเป็นเขาในสภาพปกติ เขาจะไม่มีทางบาดเจ็บแบบนี้แน่ แต่ว่ายูอิลฮานได้เล็งโจมตีเข้ามาในตอนที่เขากำลังเปลื่ยนจากทูตสวรรค์ไปเป็นเทวดาตกสวรรค์ทำให้พลังป้องกันเขาลดลงไปเสี้ยววินาทีหนึ่่ง


[แกคือ!?]

“ฟู่”

[ฟู่]


ลมหายใจเพลิงได้ออกมาจากริมฝีปากของยูอิลฮานเมื่อเขาเข้ามาใกล้พอจะใช้หอกโจมตี


ไดเอลได้รีบเปิดตากว้างและพยายามจะโจมตีกลับไป แต่ว่าในตอนนี้ ยูอิลฮานได้เปิดใช้งานการร่วงหล่นและโซ่เพลิงวิญญาณได้พุ่งเข้ามารัดพันทั่วร้างไดเอลเอาไว้แล้ว นอกจากการลอบโจมตียังมีแบบนี้อีกงั้นหรอ? ในตอนนี้สิ่งเดียวที่ไดเอลยังทำได้อยู่ก็คือตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว


“เฮ้ นายควรจะกังวลทางราฟาเอลมากกว่าตัวฉันไม่ใช่หรอกหรอ?”


ยูอิลฮานได้ขยับปากขึ้นเป็นรอยยิ้มราวกับว่าเขาเข้าใจดีถึงทุกสิ่งที่ไดเอลขึ้น ในตอนนี้ทีริ้้วสีทองปรากฏขึ้นที่ดวงตาสีแดงเพลิงของเขา ริ้วสีทองนี้ดูคล้ายคลึงกับของสัตว์เลื้อยคลาน


“ในตอนที่นายคิดแบบนั้นนายก็ซวยแล้ว”

[อ๊าากกกกก!?]


ไดเอลได้รู้ถึงความผิดพลาดของเขาและพยายามจะดิ้นรนหนีไปจากยูอิลฮน แต่ว่าความพยายามทั้งหมดของเขากลับมีแต่ความล้มเหลวตอบกลับมา


การร่วงหล่นได้ถูกเสริมพลังขึนถึงสองระดับจากเกราะร่างมังกรเพลิงวิญญาณ ต่อให้เป็นคลาส 7 ก็ยังถูกทำให้ลดระดับพลังลงและไม่อาจจะขยับได้แม้แต่นิ้วเดียว


[ยูอิลฮาน มนุษย์… สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำ กล้าที่…]

“เอ๋ นี่มันอาร์ติแฟคสินะ?”


ยูอิลฮานคิดว่าอัครเทวทูต(แก้จากเทวทูตธรรมดาๆเป็นอัครเทวทูตนะครับ)คลาส 7 จะไปไหนมาไหนโดยไม่เตรียมตัวอะไรซะอีก ตัวเขาได้เจอกับกระแสมานาที่อยู่ภายในอกของไดเอลและใช้เพลิงเข้าปกคลุมในทันที นี่มันคล้ายๆกันกับตอนที่ยูอิลฮานใช้เพลิงเพื่อเสริมพลังให้กับพรรคพวก แต่ว่าเพลิงที่ครอบคลุมอาร์ติแฟคนี้ต่างกันออกไปนิดหน่อยก็คือผลลัพธ์ของมันเป็นการทำลายทิ้งแทน


[สกิลการร่วงหล่นได้เพิ่มเลเวลขึ้นเป็น 72]


[…อะไรกัน?]


ไดเอลได้แต่ตกตะลึงออกมา ยูอิลฮานไม่ได้สนเลยสักนิดว่าอาร์ติแฟคนั่นจะมีผลอะไร เขาได้ทำลายมันทิ้งไปโดยที่ยังไม่ได้ทำงานเลย


[แก อะไรกัน? ได้ยังไง?]

“นายคงไม่ได้คาดหวังจะได้คำตอบจากฉันใช่ไหมนะ?”


ไดเอลได้ตัวสั่นแล้ว ยูอิลฮานได้แสยะยิ้มออกมาก่อนที่จะใช้หอกเพลิงโจมตีซ้ำลงไปในแผลของไดเอลด้วยหอกสะบั้นจักรวาล หอกที่แทงออกมาครั้งนี้ได้เต็มไปด้วยพลังแห่งมังกรและเพลิง มันลุกไหม้จนสว่างยิ่งกว่าในตอนที่สเปียร่าใช้ในตอนที่เธอมีชีวิตซะอีก


[ติดคริติคอล!]


เลือดได้พุ่งกระจายออกมาอีกครั้งหนึ่ง อาร์ติแฟคที่ถูกเพลิงปกคลุมอยู่ก็ได้ขาดครึ่งออกไปดูเหมือนว่านี่จะเป็นอาร์ติแฟคที่มีพลังในการรักษาผู้ใช้ชั่วคราวและจะทำการเทเลพอตผู้ใช้งานไปที่อื่นโดยการสุ่ม แต่ตอนนี้มันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว


ยูอิลฮานได้ยิ้มออกมา


“ลาก่อนนะ”

[เดี๋ยวก่อนมนุษย์! ไม่สิผู้อยู่เบื้องบนคนใหม่! ท่านซาตานมี-]


ทัศนคติของไดเอลได้เปลื่ยนไปทันที แต่ว่านี่มันก็ปกติเอามากๆ ยูอิลฮานได้ตวัดหอกของเขาอย่างไม่ลังเล หอกเพลิงสิบเล่มไดพุ่งออกมาจากเกราะร่างมังกรเพลิงแทงทะลุเข้าไปในส่วนต่างๆบนร่างกายของไดเอลทันที


และนี่คือช่วงสุดท้ายของชีวิตเขาแล้ว


[คุณได้รับค่าประสบการณ์]

[คุณได้รับบันทึกของไดเอลเลเวล 537]

[สกิลบันทึกได้เพิ่มเลเวลขึ้นเป็น 93]


ระหว่างเก็บศพกลับมายูอิลฮานก็บิดตัวไปมา สกิลการร่วงหล่นได้ถูกยกเลิกไปแล้วทำให้มานาทั้งหมดได้กลับเข้ามาตัวยูอิลฮานและหายไปอย่างไร้ร่องรอย นัยน์ตาสีทองของสัตว์เลื้อยคลานในตาของเขาก็หายไปเช่นกัน


เลียร่าที่เตรียมตัวสำหรับเหตุการณ์เลวร้ายมาตลอดก็ยังได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกและเก็บหอกของเธอกลับไป


[พระเจ้า มันจบลงแล้ว…]


ราฟาเอลได้กลายเป็นตกตะลึงจนนิ่งไปทันทีที่ได้เห็นสิ่งที่ยูอิลฮานทำลงไป แม้ว่าในระหว่างที่เขาฆ่าคนทรยศคลาส 6 ที่เหลืออยู่เขาก็ยังกังวลเรื่องการเคลื่อนไหวของไดเอลมาตลอด แม้กระทั่งตัวเขาเองก็ยังไม่อาจจะระเบิดการโจมตีแบบยูอิลฮานได้เลยทั้งๆที่ตัวเขาเป็นถึงหนึ่งในสี่ยอดอัครเทวทูต


หากว่ายูอิลฮานเลือกมาโจมตีเขาแทนจะเกิดอะไรขึ้นนะ? เขาก็ไม่อาจจะรับประกันในความปลอดภัยของตัวเองได้เหมือนกัน ถึงเขาจะไม่ตายไปง่ายๆเพราะพลังการรักษาของเขาก็ตาม


[เป็นพวกระดับเบื้องบน…อย่างที่คิด เป็นมนุษย์ที่มีคุณสมบัติจริงๆ ถึงแม้ว่านายจะไม่ใช่มนุษย์อีกแล้วก็ตาม]

“นายรู้ด้วยหรอ?”


ยูอิลฮานได้ถามกับราฟาเอลที่ยังตะลึงอยู่


“ถ้านายไม่จัดการฉันขอได้ไหม?”


ยูอิลฮานได้ชี้หอกไปที่คนทรยศที่ยังมีชีวิตรอดอยู่ ราฟาเอลได้ส่ายหน้าอย่างอึดอัดใจทันที


[…ไม่ เราจะจัดการมันเอง การกำจัดคนทรยศคือภารกิจของกองทัพสวรรค์เรา เพราะงั้นให้เราจัดการเถอะนะ]

“ตามใจ”


ราฟาเอลกับทูตสวรรค์คนอื่นๆได้กัดฟันและเคลื่อนไหวเร็วยิ่งขึ้นเมื่อได้เห็นความไม่สนใจใดๆของยูอิลฮาน ยังไงก็ตามคนทรยศพวกนี้ไร้พลังไปหมดแล้ว ความหวังทั้งหมดของพวกเขาได้ถูกยูอิลฮานบดขยี้ไปนับตั้งแต่ที่ไดเอลตายไปแล้ว


[ทะ ท่านไดเอลตายไปทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไร…]

[พวกเราไม่รอดแล้ว พวกเราไม่…]

[นี่คือจุดจบของคนทรยศงั้นหรอ? อ๊า ฉันมันก็แค่แมงเม่าโง่เขลางั้นสินะ? อ๊าาา เทพเจ้า ฉันมัน…]


ราฟาเอลกับทูตสวรรค์รู้สึกอึดอัดเล็กมากๆกับการที่ต้องจัดการคนทรยศที่เป็นเหมือนกับดอกไม้เฉาตายไปแล้ว ในเวลาเดียวกันยูอิลฮานก็ได้ฟื้นฟูมานาเขากลับมาและกำลังซ่อมอุปกรณ์ เลียร่าได้ถามเขาอย่างสับสนทันที


“ฉันคิดว่านายจะจัดการพวกนั้นด้วยซะอีกนะ”

“อืมม ดูเหมือนว่าทางฝั่งนู้นจะมีเรื่องคุยกับฉันเยอะเลยนะ ในเมื่อพวกเราอาจจะได้ร่วมมือกันไปอีกซักพัก ฉันก็คงไม่โจมตีทูตสวรรค์ไม่ได้แล้วล่ะ”


ยูอิลฮานพูดถูก หลังจากการสู้รบที่ทั้งผู้โจมตีและผู้ถูกโจมตีอึดอัดได้จบลงไป ราฟาเอลก็ได้พูดออกมาหลังจากที่เก็บเอาศพคนทรยศทั้งหมดไป


[นี่เป็นครั้งแรกที่เราได้เจอกันงั้นสินะ? ฉันราฟาเอล หนึ่งในสี่ยอดอัครเทวทูตจากกองทัพสวรรค์]

“ฉันยูอิลฮานจากเอิร์ธ(เอิร์ธนี่คือชื่อเรียกของโลกยูอิลฮานนะครับ)”

[นายเป็นคนที่โจมตีโลกที่สวรรค์ครอบครองอยู่แล้วฆ่าทูตสวรรค์ แถมยังขโมยโลกไปด้วยถูกไหม?]

“ใช่แล้วล่ะ”


ทูตสวรรค์ที่พึ่งจะสู้จบลงได้โกรธกับการยอมรับนี้ของยูอิลฮาน แต่ว่าราฟาเอลก็โบกมือให้พวกทูตสวรรค์ใจเย็นลงไป ราฟาเอลในตอนนี้กำลังปฏิบัติกับยูอิลฮานเหมือนเป็นหนึ่งในผู้นำกองกำลังแล้ว


มันเป็นเรื่องปกติมากๆที่กองกำลังหนึ่งจะไปขโมยโลกของกองกำลังอื่นๆมา และการที่ศัตรูมาจับมือกันเมื่อเวลาผ่านไปก็ไม่ใช่เรื่องที่หายากด้วย


[ฉันซาบซึ้งมากที่นายยอมพูดออกมาตรงๆ ถ้างั้นทำไมนายถึงได้เปลื่ยนมาล่าคนทรยศล่ะ?]

“ถ้าฉันบอกไปพวกนายจะเชื่อไม่ล่ะ?”

[ไม่รู้สึก อาจจะไม่ก็ได้]


ราฟาเอลได้ตอบกลับมาด้วยแล้วยิ้ม ยูอิลฮานได้ส่งเสียงขึ้นจมูกขึ้นมาจากคำนี้ และจากนั้นราฟาเอลก็ได้พูดคำที่ยูอิลฮานคาดเอาไว้ออกมา


[ฉันอยากจะขอเป็นพันธมิตรกับนาย ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรที่ทำให้นายต้องเคลื่อนไหวจัดการคนทรยศอย่างเร่งรีบก็ตาม แต่ว่าฉันจะเป็นคนนำทางนายไปในโลกที่อยู่ใต้การปกครองของกองทัพสวรรค์เอง เพราะงั้นมากับฉันสิ]

[ท่านราฟาเอล!]

[ไม่ได้นะครับ!]

[ทุกคนเงียบก่อน พวกนายทุกๆคนก็น่าจะได้เห็นความสามารถในการมองคนทรยศและฆ่าคนทรยศไปแล้วนี่ ในตอนนี้เราต้องการให้เขาช่วยเรา ช่วยหยุดทำเหมือนกับเขาคนนี้เป็นมนุษย์ธรรมดาแล้วก็หยาบคาบกับเขาได้แล้ว]


เมื่อเขาได้สั่งทูตสวรรค์ด้วยน้ำเสียงเย็นชา ทูตสวรรค์ทุกๆคนต่างก็หยักหน้ารับอย่างไม่เต็มใจและถอยกลับไป หลังจากเห็นแบบนี้ยูอิลฮานก็ตอบกลับไป


“จากที่ฉันรู้มาตอนนี้พวกนายก็น่าจะยุ่งมากนี่ นายที่เป็นหนึ่งในสี่ยอดทูตสวรรค์มีเวลามาให้ฉันด้วยงั้นหรอ?”

[ก็เพราะว่าเรายุ่งนั่นแหละทำให้การกำจัดคนทรยศเป็นเรื่องสำคัญ]


ดวงตาราฟาเอลได้สาดประกายเร้นลับออกมา


[หากว่าคนทรยศมาอารวาดในตอนสงครามสุดท้ายมันไม่ดีแน่]

“สงครามสุดท้าย? นั่นดูน่าสนใจจริงนะ แต่ว่าถ้าเป็นแบบนั้น…”


ยูอิลฮานได้คิดอยู่ครู่หนึ่งว่าเขาจะขออะไรจากกองทัพสวรรค์ได้สำหรับเรื่องนี้ ยังไงก็ตามในท้ายที่สุดเขาก็ส่ายหัวออกมา เขาได้วางแผนที่จะกวาดล้างคนทรยศของกองทัพสวรรค์ออกไปในเร็วๆนี้อยู่แล้ว ต่อให้กองทัพสวรรค์ไม่ให้อะไรเขา เขาก็คงต้องทำอยู่ดี แถมตอนนี้สมบัติที่กองทัพสวรรค์ครอบครองอยู่ก็ไม่ได้มีอะไรที่ดึงดูดใจเขาขนาดนั้น


“ดี ถ้างั้นก็ไปกันเถอะ”

[ฉันยินดีนะที่เราได้ร่วมมือกันเร็วแบบนี้ ฝากตัวด้วยแล้วกันนะ โอ้แล้วก็กับมังกรน้อยแล้วก็เลียร่าด้วยนะ ฝากตัวด้วย]


ราฟาเอลได้จับมือกับยูอิลฮานก่อน ยูอิลฮานได้จับมือกับเขาอย่างไม่ลังเล ส่วนยูมิลได้ส่งเสียงฟึดฟัดออกมาและเลียร่าก็แทบจะกรี๊ดออกมา แต่ราฟาเอลก็ไม่ได้สนใจ


[ฉันคิดว่านายคงจะรู้เรื่องนี้อยู่แล้วนะ พื้นที่ของกองทัพสวรรค์น่ะกว้างใหญ่มากๆ เราจะต้องใช้เวลากันมากเลยล่ะ]

“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอก นายแค่นำทางฉันไปก็พอ โอ้ ฉันได้ให้คนทรยศกับนายไปในคราวนี้แล้ว แต่ว่าเรื่องแบบนั้นจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้วนะ ฉันจะเป็นคนที่ฆ่าพวกนั้นเองเพราะงั้นนายก็แค่ตามจับคนที่หนีไปก็พอ ถ้านายปฏิเสธเรื่องนี้ฉันก็จะไม่ปฏิบัติตามนาย”

[พอมาได้ยินแล้ว นายดูดุร้ายจังเลยนะ]


ราฟาเอลได้ยิ้มแห้งๆออกมาและหันไปมองทูตสวรรค์คนอื่นๆ


[ตั้งใจกับการปกป้องเฟย์ร่าเอาไว้นะ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นให้รายงานมาทันที]

[รับทราบครับ!]

[ท่านราฟาเอล มนุษย์นั่น….]

[ตั้งใจทำหน้าที่ของนายไป]


ราฟาเอลได้แยกตัวจากทูตสวรรค์และเดินทางไปกับยูอิลฮาน เลียร่าได้มองมาที่ยูอิลฮานด้วยสายตาเป็นกังวล แต่ว่ายูอิลฮานก็แค่ลูบหัวเธอและหัวเราะออกมา


เขารู้ว่าเธอกังวลเรื่องอะไร บางทีก็เพราะว่าราฟาเอลคนนี้ไม่มองยูอิลฮานในแง่ดีนี้


มันไม่มีทางที่ยูอิลฮานจะไม่รู้ตัวอยู่แล้ว เขาจำได้ว่าเขาเคยได้ยินมาว่ากองทัพสวรรค์ไม่ยอมรับในตัวตนเบื้องบนคนอื่นๆด้วย


ยังไงก็ตามราฟาเอลก็น่าจะรู้เหมือนกันว่ายูอิลฮานระแวงเขาอยู่ เขาอาจจะตุกติกอะไรอยู่ก็ได้ เพราะแบบนี้แหละมันถึงได้น่าสนใจ


ยูอิลฮานได้มองดูมือของเขาที่จับกับราฟาเอลและหัวเราะออกมา


‘อัครเทวทูตผู้ยิ่งใหญ่ที่เป็นตัวแทนของเทพเจ้าและเป็นคนที่ได้รับพลังมามากที่สุด… ในที่สุดฉันก็ได้เจอเขาแล้ว’


ดวงตาของยูอิลฮานได้เป็นประกายขึ้นมา ข้อความข้อความหนึ่งได้ปรากฏขึ้นมา


[สกิลบันทึกได้เพิ่มเลเวลเป็นเลเวล 95]


‘ชิ้นส่วนสุดท้ายที่จำเป็นสำหรับการเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงแล้วก็กลายเป็นเทพเจ้าคนที่ 5’


ใครจะเป็นคนถูกกลืนกินกันนะ? ยูอิลฮานได้ยิ้มออกมาอย่างชั่วร้ายยิ่งกว่าราฟาเอลและเดินทะลุเข้าไปในประตูมิติ


บทที่ 293 – ความสำเร็จ (3)


[ท่านราฟาเอลนี่มันไม่ยุติธรรมเลยนะครับ พวกเราไม่ใช่คนทรยศ]

[ทุกๆคนที่เราได้เจอมาจนถึงตอนนี้ต่างก็พูดเหมือนนายนั่นแหละ แต่ว่านะเวร่า คนพวกนั้นไม่มีใครเลยที่เป็นผู้บริสุทธิ์]

[อ๊า เจ้านั่นกำลังหลอกท่าน! ท่านไปเชื่อคำพูดของมนุษย์คนหนึ่งได้ยังไงกัน!]


คนทรยศต่างก็ร้องแสดงความบริสุทธิ์ออกมาแต่ว่าราฟาเอลก็ไม่ได้ใส่ใจพวกเขา และในตอนที่เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นยูอิลฮานก็จะเหวี่ยงออกหอกออกมาทั้งแบบนี้ หัวของเวร่าที่กำลังร้องเรียกความยุติธรรมได้ถูกตัดลงไปทั้งอย่างนี้


[สกิลบันทึกได้เพิ่มเลเวลขึ้นเป็น 98]

[สกิลหอกสะบั้นจักรวาลได้เพิ่มเลเวลขึ้นเป็น 99]


ไม่เพียงแค่เวร่าเท่านั้น ยูอิลฮานได้ฆ่าคนทรยศไปมากมายบนหลังของยูมิลที่กำลังบินอยู่อย่างต่อเนื่อง เลือดสีเทาได้ย้อมไปทั่วทั้งโลกทำให้ราฟาเอลต้องโบกมือป้องกันไม่ให้เลือดมาโดนตัวเขาและเริ่มมองไปที่ยูอิลฮาน


[เรากำลังคุยกันอยู่นะ]

“นั่นมันคุยกันที่ไหนล่ะ มันก็แค่การร้องขอชีวิตเท่านั้นเอง”


ปัญหาใหญ่ก็คือการอ้อนแวนนั้นจะไม่ได้อะไรกลับมา ยูอิลฮานได้ส่งเสียงฮึดฮัดและเก็บเอาศพของคนทรยศเข้าไปในช่องเก็บของ เมื่อเห็นเขาทำแบบนี้ราฟาเอลได้แสดงสีหน้าตกใจออกมา


[นายดูชำนาญกับเรื่องมิติมากๆเลยนะ]

“นั่นต้องขอบคุณคนๆหนึ่งนะ”

[นายนี่มัน…]


ราฟาเอลได้ส่ายมือออกมาราวกับเขาเบื่อที่จะเถียงแล้ว จากนั้นทูตสวรรค์ทุกๆคนก็มารวมอยู่ข้างหน้าเขา


[คนทรยศได้หายไปแล้ว ใช้พลังทั้งหมดของพวกนายคุ้มกันโลกใบนี้เพื่อสวรรค์และเพื่อท่านเทพเจ้าที่มีเพียงหนึ่งซะนะ]

[เข้าใจแล้วครับท่านราฟาเอล!]

[พวกเราจะปฏิบัติตามนำแนะนำนี้ครับ!]


มานาที่ราฟาเอลได้ใช้ปิดกั้นโลกใบนี้ได้กลับคืนสู่ที่เดิม ในตอนที่เราได้ไปโลกอื่นเขาจะทำการปิดเส้นทางเข้าออกในทันที และเมื่อทุกๆอย่างจบลงเขาก็จะปลดออกมาเช่นนี้


[เอาล่ะยูอิลฮาน ตอนนี้เรามีปัญหาอยู่นิดหน่อย]

“อะไรล่ะ จบแล้วงั้นหรอ?”


ยูอิลฮานได้ทำสีหน้าราวกับเด็กน้อยที่หาขนมไม่เจอออกมา ราฟาเอลคิดว่านี่มันบ้ามาก ในเวลาเพียงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาพวกเขาได้ตระเวนไปโลกอื่นๆถึง 500 โลก และยูอิลฮานก็ได้ฆ่าคนทรยศไปนับหมื่น ไม่เคยมีใครเลยที่ฆ่าสิ่งมีชีวิตชั้นสูงมากขนาดนี้ในเวลาสั้นๆแต่ยูอิลฮานกลับทำมัน!


[นี่คือโลกสุดท้ายแล้วที่อยู่ในการดูแลของเรา ไม่ว่าสวรรค์จะมากแค่ไหนแต่ว่าจำนวนของโลกระดับสูงก็มีจำกัดเหมือนกัน]

“ถ้างั้นการเป็นพันธมิตรกันก็จบแค่นี้สินะ? ยินดีที่ได้ร่วมงานนะ”

[ยังไงก็ตาม นายยังไม่ได้เจอกับทูตสวรรค์ทุกๆคน]


ดวงตาราฟาเอลได้เป็นประกายขึ้นมา


[นายก็น่าจะรู้นะว่ามีทูตสวรรค์มากมายได้เข้าร่วมในสงครามต่อสู้กับกองกำลังอื่น]

“นี่นายกำลังตั้งใจที่จะกำจัดกองทัพจรัสแสงจริงๆงั้นสินะ?”

[แน่นอนสิ เพราะแบบนั้นทำให้เราต้องทำให้รากฐานของเรามั่นคงไงล่ะ แต่ว่าหากมีคนทรยศอยู่ในกลุ่มคนที่ร่วมการต่อสู้จะเกิดอะไรขึ้นกันล่ะ? แล้วหากว่าคนทรยศนั่นเป็นคลาส 7 ด้วยแล้วล่ะก็?]

“เรื่องมันก็จะเลวร้ายสินะ?”

[ถูกแล้ว เพราะงั้นตอนนี้เราจะไปหาคนพวกนั้นกัน วิธีการก็เหมือนกับที่ผ่านๆมา นายก็แค่ต้องฆ่าคนทรยศ]

“ทั้งๆที่ทูตสวรรค์กับเทวดาตกสวรรค์จะกำลังสู้กันอยู่เนี้ยน่ะหรอ?”

[ใช่แล้ว]


ยูอิลฮานได้ตอบกลับมาด้วยรอยยิ้ม


“ดูน่าสนใจดีนะ”

[นายดูจะชอบมากเลยสินะ ถ้างั้นเราจะไปกันเดี๋ยวนี้เลย]


ราฟาเอลได้เปิดประตูมิติขึ้นมาแล้ว เลียร่าได้จับไหล่ของยูอิลฮานเอาไว้เพราะเธออดจะห่วงเขาไม่ได้


“ฉันคิดว่านายจะกดดันตัวเองเกินไปแล้วนะอิลฮาน นายจะต้องทำถึงขนาดนี้จริงๆน่ะหรอ?”

“ใช่แล้ว ในเมื่อฉันเป็นคนเริ่มเรื่อง ฉันจะต้องได้เห็นตอนจบของมันด้วย”


แม้ว่าเขาจะตอบเลียร่าด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย แต่ว่าภายในหัวของเขากำลังมีความคิดมากมายอยู่ภายในหัว สิ่งที่เขากำลังคิดอยู่ก็คือเขาอาจจะได้เจอกับสิ่งที่ราฟาเอลต้องการ ราฟาเอลจะต้องวางกับดักบางอย่างเอาไว้แน่นอน


ยังไงก็ตามหากว่าเขาไม่ไปต่อ เขาก็คงจะต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะกลายมาเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงได้เพราะเขาได้ปล่อยเบาะแสที่เขาเจอไป ยูอิลฮานไม่ชอบที่จะรอคอยในสิ่งที่ไร้เป้าหมายแบบนั้น


“เลียร่า กลับไปรวมกับคนอื่นๆเถอะ นับจากนี้ไปมันจะอันตรายนิดหน่อย”


เพราะว่าทูตสวรรค์คนอื่นๆอ่านจะใช้เธอได้ – เขาไม่อาจจะพูดแบบนี้กับเธอได้ แต่ว่าเลียร่าก็พอเข้าใจว่าเขาอยากจะบอกอะไร


“โอเค นายจะไปกับฉันด้วยใช่ไหม?”

“ไม่ล่ะ เลเวลสกิลของฉันได้เพิ่มสูงขึ้นจนพอจะส่งคนอื่นไปได้แล้ว เพราะงั้นฉันจะตามไปหลังจากจบเรื่องแล้ว”

“…แล้วนั่นมันเมื่อไหร่กันล่ะ?”

“เดี๋ยวก็ถึงเวลานั้นเองแหละ”

“โอเค”


ยูอิลฮานได้จูบเลียร่าเบาๆและเปิดใช้สกิลข้ามมิติ ด้วยเลเวล 87 ของสกิลข้ามมิตินี้ได้ทำให้เขาสามารถจะส่งเธอไปในโลกอื่นได้อย่างสบายๆ ราฟาเอลที่เห็นแบบนี้ได้ยิ้้มแห้งๆออกมา


[มาแสดงความรักหวานชื่นกันแบบนี้เลยงั้นหรอ ฉันสูญเสียความรู้สึกแบบนั้นไปนานแล้ว]

“นั่นคงแย่น่าดูเลยนะ”


ยูอิลฮานได้ส่งเสียงขึ้นจมูกขึ้นมาและเข้าไปประตูมิติพร้อมกับยูมิลทันที


อีกด้านหนึ่งของประตูมิติคือสนามรบระหว่างทูตสวรรค์กับเทวดาตกสวรรค์! ในโลกใบนี้มีพลังงานสีดำหนาแน่นลอยอยู่ และภายในสงครามนี้จำนวนของทูตสวรรค์กับเทวดาตกสวรรค์ก็ดูจะไม่มีสิ้นสุดลง แม้กระทั่่งยูอิลฮานก็อดไม่ได้ที่จะต้องตกตะลึงกับภาพนี้


ท้องฟ้าสูงและกว้างจนเกินไป ผืนแผ่นดินกว้างใหญ่ไพศาล บางทีโลกของเขาที่เปลื่ยนแปลงไปอีกร้อยครั้งก็อาจจะกลายมาเป็นแบบนี้ก็ได้ แล้วโลกขนาดใหญ่แบบนี้ยังไม่ใช่่ฐานทัพหลักของกองกำลังอีกงั้นหรอ?


ที่ยิ่งน่าตกใจไปกว่านั้นก็คือสิ่งมีชีวิตชั้นสูงที่กำลังต่อสู้กันในส่วนต่างๆของทั้งผืนดินและท้องฟ้า ทูตสวรรค์กับเทวดาตกสวรรค์มีมากที่สุด แต่ว่ากองกกำลังปีศาจวิบัติกับสวนอาทิตย์อัสดงก็มีมากไม่ด้อยไปกว่ากันนัก ยูอิลฮานกระทั่งคิดว่าหากมีคนมาบอกเขาว่าสิ่งมีชีวิตชั้นสูงทั้งหมดมารวมกันที่นี่่เขาก็เชื่อ


“ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตชั้นสูงมากขนาดไหนกันนะ…?”

[นับตั้งแต่ที่เพื่อนของนาย คังมิเรย์ได้เปิดประตูมิติไปสู่โลกเบื้องล่าง พวกเราก็ได้รับข้อมูลจำนวนมากเกี่ยวกับโลกต่างๆที่อยู่ภายใต้การปกครองของกองทัพจรัสแสง โลกนี่คือโลกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดแล้วที่เราได้เจอ โลกใบนี้ได้เผชิญกับมหาภัยพิบัติขั้นที่ 7 ไปแล้วทำให้มันเกิดการวิวัฒนาการขึ้นมาหลายต่อหลายครั้ง แถมดลกนี้ก็ยังมีการเชื่อมต่อโดยตรงกับโลกเบื้องล่างอีกด้วย]

“เหตุผลที่พวกนายไม่ไปโลกเบื้องล่างตรงๆเลยคือ…”

[นายก็น่าจะรู้เรื่องนี้อยู่แล้วนี่]


แน่นอนว่านี่ก็เพื่อที่จะลดพลังโดยรวมของกองทัพจรัสแสง นี่เป็นเหตุผลที่มีกองกำลังอื่นๆนอกจากกองทัพสวรรค์ที่มาก่อความวุ่นวายขึ้นที่นี่ด้วย!


[แล้วคนทรยศล่ะ? นายมองเห็นพวกนั้นไหม?]

“แน่นอนสิ มีเยอะเลยนะ แต่ว่าฉันไม่เห็นคลาส 7 เลยนะ… นายไปช่วยพรรคพวกของนายที่น่าสงสารเถอะ ฉันจะเคลื่อนไหวด้วยตัวเอง”

[ด้วยความสามารถในการซ่อนตัวของนายที่น่าทึ่งสินะ… โอ้]


ก่อนที่ราฟาเอลจะพูดได้จบลง ยูอิลฮานก็เข้าไปในสนามรบพร้อมกับยูมิลแล้ว ด้วยความประสานกันของทั้งสองคนทำให้ความเร็วสูงขึ้นและพวกเขาก็ได้ใช้มานาปกปิดตัวตนไป ราฟาเอลที่เห็นแบบนี้ได้แต่พึมพัมออกมาอย่างตกใจ


[ความสามารถของเขาหลอกได้แม้กระทั่งสัมผัสของฉัน… แต่ว่าในคราวนี้ฉันจะไม่ปล่อยนายไปแน่]


ระหว่างเขามาในสนามรบยูอิลฮานก็ได้มองไปรอบๆโดยไม่พูดอะไรออกมาอยู่ครู่หนึ่ง ภาพที่เขาให้ในตอนนีก็คือเลือดหลากสีของสมาชิกแต่ล่ะกองกำลังได้กระจายกันออกมาเต็มไปหมด…


[พ่อครับ พ่อหาคนทรยศไม่เจอหรอ?]

“ไม่หรอก พ่อก็แค่กำลังคิดอะไรอยู่น่ะ”


เมื่อไม่นานมากนี้กองกำลังอื่นๆทั้งหมดยังไปรวมตัวกันโจมตีกองทัพสวรรค์อยู่เลย แต่แล้วแค่เพราะการเปิดประตูมิติเล็กๆน้อยๆกลับทำให้กองกำลังอื่นๆหันมาทุ่มกำลังโจมตีกองทัพจรัสแสง


สำหรับกองทัพปีศาจวิบัติที่สมองมีแต่กล้ามเนื้อนั้นข้ามไปได้เลย แต่ว่าเขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมสวนอาทิตย์อัสดงถึงได้เปลื่ยนจุดยืนและหันมาโจมตีกองทัพจรัสแสง พวกเขาทำไปเพื่ออะไรกันล่ะ? พวกเขาทั้งหมดก็แค่อารวาดไปตามใจแค่เพราะนี่เป็นการทำลายกองกำลังอื่นที่ไม่ใช่ตัวเองงั้นหรอ?


ถ้าอย่างนั้นมันก็ดูจไม่ต่างไปจากกองทัพปีศาจวิบัติเลยนี่ แต่มีสิ่งหนึ่งที่มั่นใจได้เลยก็คือพวกกองกำลังทั้งหมดคือกองกำลังที่ยูอิลฮานจะต้องจัดการให้ได้ในสักวันหนึ่ง


“…มาเริ่มกันเถอะมิล”

[ได้เลยครับพ่อ!]


การโจมตีของยูอิลฮานได้เริ่มขึ้นแล้ว ในระหว่างที่เขาผ่านสนามรบ ยูอิลฮานก็ได้จัดการทำลายหัวใจของคนทรยศไปในทันทีที่เจอ แน่นอนว่าไม่ใช่แค่คนทรยศเท่านั้นที่ถูกเขาฆ่า แต่ยังมีสิ่งมีชีวิตชั้นสูงอีกมากมายที่ยูอิลฮานได้จัดการฆ่าไปด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว


แต่ถึงแบบนั้นส่วนใหญ่ยูอิลฮานก็จะเล็งจัดการที่คนทรยศกับกองทัพจรัสแสงมากกว่าก็ตาม แต่ว่าหากมีกองทัพปีศาจวิบัติกับสวนอาทิตย์อัสดงหลุดเข้ามาก็จะถูกเขาจัดการไปเช่นกัน


[อึก!?]

[ร่องหน… อ๊าากกก!]


ความตายได้เกิดขึ้นทั่วทุกพื้นที่ แต่เนื่องจากว่าสนามรบนี้วุ่นวายอยู่แล้วทำให้ไม่มีใครสังเกตเห็นการมีอยู่ของยูอิลฮานเลย และนี่ยิ่งทำให้เขายินดียิ่งขึ้น สนามรบแบบนี้นี่แหละเหมาะสมกับยูอิลฮานที่สุด


[คุณได้รับค่าประสบการณ์]

[คุณได้รับค่าประสบการณ์]

[คุณได้รับ…]


[พ่อครับ ผมได้ค่าประสบการณ์มาเรื่อยๆเลย]

“รู้ไม่ต้องใส่ใจเรื่องนี้หรอกนะ มันเป็นเรื่องปกติ”


จากการต่อสู้หลายๆแห่งทำให้ยูมิลได้มาถึงเลเวล 299 ตั้งนานแล้ว หากว่าพวกเขาทั้งคู่ไม่ได้ถูกจำกัดเลเวลไว้ทั้งคู่ก็คงจะมีเลเวลเกิน 400 ไปนานแล้วด้วยซ้ำไป แต่ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีเลเวล 299 แต่ว่าศักยภาพจริงๆของพวกเขาก็เหนือกว่าคลาส 6 ไปแล้วด้วยซ้ำไป


“นี่คือเวลาสำหรับการบุกตะลุย”

[พ่อครับจำนวนของศัตรูกำลังเพิ่มมากขึ้น นี่มันเยอะมาเลย]

“…ระวังพวกมันหน่อยๆก็พอลแล้ว ตอนนี้และมิลบุกได้เลย”

[ครับผม!]


และในท้ายที่สุดเมื่อยูอิลฮานได้ฆ่าสิ่งมีชีวิตชั้นสูงไปประมาณ 1500 คน คนอื่นๆในสนามรบก็รู้สึกได้ว่ามีอะไรบางอย่างแปลกๆ ท้องฟ้าได้ถูกแยกออกและมีสิ่งมีชีวิตที่มีมานามหาศาลโผล่ขึ้นมา


[ปีกที่ 2 แห่งกองทัพจรัสแสง อนาเฟียมาแล้วสินะ เจ้านกโง่เขลา ฉันจะเด็ดขนแกออกมาเอง]

“ปีกที่ 2 แห่งกองทัพจรัสแสง…”


นี่คือผู้บัญชาการลำดับที่สามของกองทัพจรัสแสงเชียวนะ แต่ยังไงก็ตามเขาคนนี้มีปริมาณมานาและแรงกดดันที่ใกล้เคียงกับราฟาเอล


มันไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น แต่ว่าปีกที่ 4แห่งกองทัพจรัสแสง ซาเทีย ที่เขาเคยเจอมาก่อน รวมไปถึงปีกที่ 3 และปีกที่ 5 ก็ได้มาที่นี่แล้วเช่นกัน ในตอนนี้กองทัพจรัสแสงกำลังจะแก้ปัญหาอย่างจริงๆจังๆแล้ว


ยังไงก็ตามสิ่งที่น่าทึ่งยิ่งกว่ากลับเกิดขึ้นมาจากทางกองทัพสวรรค์ ได้มีวงแหวนแห่งเพลิงปรากฏขึ้นมาก่อนที่จะมีเด็กหนุ่มผมสีบลอนด์งามเงาปรากฏตัวออกมา


ในมือของเขาคนนี้ถือหอกเพลิงอยู่ เขาคนนี้คือทูตสวรรค์ที่มีระดับพลังสูงที่สุดเท่าที่ยูอิลฮานเคยเห็นมาเลย ยูอิลฮานรู้ได้เลยทันทีว่าก่อนหน้านี้ที่เลียร่าพูดคืออะไร ตัวยูอิลฮานในตอนนี้ไม่อาจจะสู้กับเขาคนนี้ได้เลย


[ดีเลยอนาเฟีย ฉันกำลังรอให้นายมาที่นี่อยู่เลย]

[…มิคาเอล!?]


อัครเทวทูตไม่เคยปรากฏตัวที่กำแพงแห่งความโกลาหลมาก่อนได้มารวมตัวกันอยู่ที่นี่ถึงสองคน นี่มันเป็นสถานการณ์ที่น่าตกใจจนอาจจะทำห้คนอื่นคิดว่าสงครามที่กำแพงแห่งความโกลาหลไม่ได้สลักสำคัญเลย


ยังไม่ใช่แคนี้เท่านั้น แต่ยังมีสิ่งมีชีวิตชั้นสูงที่อยู่ฝั่งกองทัพปีศาจวิบัติได้ตัวระเบิดไปในทันที ก่อนที่จะมีมอนสเตอร์สีดำสนิทปรากฏตัวขึ้นมาจากแอ่งเลือด ยูอิลฮานรู้ได้ทันทีว่านี่คือการใช้เลือดเป็นตัวกลางในการเปิดประตูมิติ


[ในที่สุดก็ถึงเวลาที่เราคอยอยู่สักที… เวลาที่นายท่านได้มอบคำสั่งมา คำสั่งให้ฉันฆ่า ‘เขา’]

[ผู้บัญชาการที่ 1 แห่งกองทัพปีศาจวิบัติ เคสเช่น… ให้ตายสิ]


ยูอิลฮานได้เฝ้าคอยให้หัวหน้าผู้เฝ้าประตูปรากฏตัวมาเช่นกัน แต่ดูเหมือนว่าสวนอาทิตย์อัสดงจะไม่ได้เอาด้วย มันดูเหมือนว่าการที่ต้องเสียเคลาทูคในคราวนั้นจะเป็นการสูญเสียที่มหาศาลแล้วสำหรับพวกเขา แต่ถึงแม้ว่าจะไม่มีพวกสวนอาทิตย์อัสดง แต่ว่าเหล่าคนที่ได้มารวมตัวที่นี่ก็มากเกินพอแล้ว


[อนาเฟีย พลังของโลกเบื้องล่างจะลดลงอย่างมากถ้านายเสียพลังจากโลกใบนี้ไป ในเวลานั้นซาตานก็จะต้องหวาดกลัวแม้กระทั่งฉัน แค่นายคนเดียวคิดว่าจะไหวงั้นหรอ? ปีกที่ 1 ลาไซน์ไปไหนซะแล้วล่ะ?]


[ฝันไปเถอะมิคาเอล ต่อให้ไม่มีพลังจากท่านหญิงลาไซน์ ฉันก็จัดการแกได้ง่ายๆ กับสวรรค์กรวงๆของนายคิดว่าจะทำอะไรได้งั้นหรอ?]

[ในตอนนี้สวรรค์ได้อยู่ในสภาพที่บริสุทธิสะอาดที่สุดแล้วนับตั้งแต่ที่ซาตานได้เกิดขึ้นมา นายอาจจะตกใจก็ได้นะ แต่ว่าสวรรค์ในปัจจุบันนี้ปลอดภัย พวกเราได้มีผู้ช่วยมีดีมา]

[…]


อนาเฟียรู้ดีว่าผู้ช่วยคนนั้นหมายถึงใคร เขาได้กัดริมฝีปากเบาๆ


[ยูอิลฮาน… เขาอยู่ฝั่งของนายงั้นหรอ?]

[ฝั่งเรานี่หมายความว่ายังไง? พวกเราก็แค่รวมมือกัน เพราะงั้นนายก็ควรจะโกรธยูอิลฮานมากกว่าเราน่ะ]

[กรอดดดด….!]


มิคาเอลได้ยิ้มออกมา มันราวกับว่าเขารู้อยู่แล้วว่าหัวหน้าเทวดาตกสวรรค์จะมีคำสั่งแบบนี้ออกมา อนาเฟียได้โกรธขึ้นมาแล้วและมิคาเอลก็ได้เหวี่ยงหอกของเขาออกไปด้วยรอยยิ้ม


[แต่ว่าก็จงยินดีซะเถอะนะอนาเฟีย]


เปลวเพลิงได้ลุกขึ้นที่ร่างของมิคาเอล และในเวลาเดียวกันเพลิงก็ลุกขึ้นจากร่างยูอิลฮานเช่นกัน การซ่อนตัวของเขาได้หายไปและร่างเขาก็ถูกเผยออกมาให้ทุกคนได้เห็น


ยูอิลฮานรู้เป็นอย่างดีว่าทำไมมันถึงได้เป็นแบบนี้


หัวใจแห่งเพลิงไอเทมที่ใช้สร้างจิตวิญญาณแห่งเพลิงขึ้นมา นี่เป็นไอเทมที่ได้เก็บบันทึกมากมายเอาไว้ในตอนที่มันอยู่ภายในคลังสมบัติของกองทัพสวรรค์และราฟาเอลก็ได้แอบก่อกวนบันทึกพวกนั้นด้วยเวทย์บางอย่างในระหว่างที่ร่วมมือจัดการคนทรยศกับยูอิลฮาน


และในตอนที่มิคาเอลได้ร่ายเวทย์นั้นขึ้นก็ทำให้เวทย์ที่ราฟาเอลได้ไว้ถูกทำให้สมบูรณ์จนลบล้างการซ่อนตัวของยูอิลฮานหายไป


[ฉันจะลบเจ้าหนูนั่นออกไปให้นายเอง]


และในตอนนี้มิคาเอลก็กำลังมองตรงมาที่ยูอิลฮาน ไม่สิ มันไม่ใช่แค่มิคาเอลเท่านั้น


สิ่งมีชีวิตชั้นสูงในโลกที่กว้างใหญ่ใบนี้ต่างก็จ้องมองมาที่ยูอิลฮาน โดยเฉพาะราฟาเอลที่กำลังมองเขาด้วยรอยยิ้มและผู้บัญชาการกองพันที่ 1 แห่งกองทัพปีศาจวิบัติ นี่มันหมายความว่าคนพวกนี้ก็มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน


หรือก็คือสนามรบนี้ไม่ไดมีเป้าหมายเพื่อกวาดล้างคนทรยศและโจมตีกองทัพจรัสแสง แต่ว่ามันกลับเป็นการหลอกยูอิลฮาน ล่อลวงให้ยูอิลฮานมาที่นี่และฆ่าเขาทิ้งซะ


เพลิงนิรันดร์ได้ถามออกมา


[แล้วตอนนี้ฉันลบมันได้แล้วใช่ป่ะนายท่าน?]

“เอาเลยเพลิงนิรันดร์ เธอลบเวทย์นั่นออกไปได้เลย ขอโทษนะที่ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดมาตลอด”


และนี่ก็ยังเป็นเวทีสำหรับการก้าวกระโดดครั้งใหญ่ของยูอิลฮาน


บทที่ 294 – ความสำเร็จ (4)


[หืมมม?]


มิคาเอลได้ตื่นตระหนกขึ้นมาครู่หนึ่ง เขารู้แล้วว่าผนึกที่เขาฝังเอาไว้ตามรอยยูอิลฮานได้หายไปแล้ว เมื่อเห็นแบบนี้ยูอิลฮานก็แค่หัวเราะออกมา


“นายคงไม่คิดว่าฉันไม่รู้เรื่องนี้จริงๆหรอกนะ? สิ่งที่พวกนายใช้ในการสร้างผนึกขึ้นมาก็คือเพลิงกับบันทึก แล้วก็ซึ่งทั้งสองอย่างนั้นเป็นสิ่งที่ฉันเหนือกว่าพวกนายนะ”

[…อะไรกัน?]


คนที่ตอบกลับมาก็คือราฟาเอล นี่คือเวทย์ที่เขาได้ใช้เวลาสร้างมันขึ้นมาเป็นเวลานานและมันก็ทำให้ยูอิลฮานเผยตัวออกมาเบื้องหน้าทุกๆคน แต่อะไรกัน? เขารู้เรื่องนี้อยู่แล้วตั้งแต่แรก? ถ้างั้นทำไมเขาถึงยังได้รับผลกระทบจากเวทย์นี้อีกล่ะ?


“พวกนายน่ะ”


ยูอิลฮานได้มองไปที่ทุกๆคนด้วยรอยยิ้มกว้าง ทูตสวรรค์ที่คิดว่าต้อนยูอิลฮานจนมุม อัครเทวทูตมิคาเอลได้ปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิง กองทัพจรัสแสงที่แสดงความสับสนออกมา เหล่าสัตว์ร้ายที่ชอบในการทำลายจากกองทัพปีศาจวิติ รวมไปถึงพวกนิสัยเสียชอบซ่อนตัวอย่างสวนอาทิตย์อัสดง ยูอิลฮานได้มองไปที่ทุกๆคนเหล่านี้และถามออกมา


“นี่พวกนายกำลังมองใครอยู่น่ะ?”


ในเวลาต่อมาร่างของยูอิลฮานก็ได้กลายเป็นหมอกดำและหลอมละลายหายไปในอากาศ


[…อะไรกัน?]


ในที่สุดราฟาเอลก็รู้สึกได้ถึงบางอย่างแปลกๆ คนที่เข้าไปในสนามรบคือยูอิลฮานกับยูมิลทั้งสองคน แต่ว่าคนที่ถูกเวทย์ของมิคาเอลเผยออกมากลับมีแค่ยูอิลฮานเท่านั้น!


แล้วถ้างั้นมังกรนั่นไปอยู่ไหนกันล่ะ? ไม่สิ แล้วเจ้าสิ่งที่เหมือนกับยูอิลฮานที่ปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาคืออะไรกัน? นั่นใช่ยูอิลฮานตัวจริงงั้นหรอ?


[ติดคริติคอล!]


และคำตอบที่ราฟาเอลมองหาก็ได้ปรากฏขึ้นในเวลาต่อมา คำตอบนั่นได้มาพร้อมกับหอกที่แทงทะลุเข้ามาในท้องเขาแทบจะในทันที


ยูอิลฮานไม่เคยอยู่ในจุดที่เขามองกันไปตั้งแตกแรกแล้ว เขาได้หลอกล่อราฟาเอลเพื่อที่จะหาจังหวะเหมาะในการโจมตีอย่างสุดกำลัง


ไหล่ของราฟาเอลได้ฉีกกระจายและปีกทั้งสองข้างได้ฉีกขาดเป็นชิ้นๆไป


[นาย… หลอกฉัน!]

“ใครหลอกใครกันแน่?”


ยูอิลฮานได้ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา ในตอนนี้ราฟาเอลได้หมดคำพูดไปแล้ว อย่างน้อยที่สุดราฟาเอลก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเถียงกลับไป เขาได้แต่ไอออกมาเป็นเลือดและถามออกไป


[นายทำมันได้ยังไง?]

“ถึงฉันจะเกลียดการทำตัวเหมือนตัวร้ายตามพวกหนังที่ชอบอธิบายความสามารถในสถานการณ์แบบนี้ก็เถอะ… แต่ฉันจะบอกให้ล่ะกัน อาร์ติแฟคไงล่ะ”


เกราะร่างกายมังกรจิตวิญญาณเพลิง หรือพูดให้ชัดกว่านี้ก็คือพลังของเกราะร่างกายมนุษย์มังกร เขาได้แยกเอามานาส่วนหนึ่งรวมเข้ากับเวทย์ที่มิคาเอลกับราฟาเอลได้สร้างขึ้นมาจนมันดูน่าเชื่อถือ และในระหว่างนั้นก็ใช้ร่างมานานั่นดึงความสนใจจากทุกๆคนที่นี่ จากนั้นยูอิลฮานก็ถึงพลังทั้งหมดในฐานะยมทูตออกมาโจมตีราฟาเอลพร้อมกับยูมิล กระบวนการทั้งหมดมันง่ายอย่างมาก


[ง่าย? เทคนิคนี่มันหลอกคลาส 7 ได้ทุกๆคนรวมไปถึงฉัน… มันง่ายๆงั้นหรอ!?]

“สำหรับฉันมันก็ง่ายๆ เอาเถอะนะ นายจะทำแบบนี้ไปได้นานแค่ไหนกันน่ะ?”


ราฟาเอลกำลังใช้พลังการฟื้นฟูโดยธรรมชาติของเขาอยู่ แน่นอนว่าการโ๗มตีของยูอิลฮานก็แข็งแกร่ง แต่ว่านั่นมันไม่มากพอที่จะหยุดราฟาเอลได้


จริงๆแล้วในทันทีที่ได้ยินคำพูดของยูอิลฮาน ราฟาเอลก็เดาะลิ้นขึ้นมาและหายตัวไปปรากฏในที่อื่นทันที ที่ที่เขาปรากฏตัวก็คือข้างๆมิคาเอลผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในฝ่ายเขา


[ราฟาเอล ร่างกายนาย?]

[ผมไม่เป็นไร]


มิคาเอลยังมองมาที่ราฟาเอลด้วยสายตาเป็นกังวลๆนิดๆ มิคาเอลรู้ได้ทันทีว่า ‘เพลิง’ อันภาคภูมิใจของเขาไม่อาจจะใช้ได้ผลกับยูอิลฮาน


[เขาเป็นคนที่อันตรายจริงๆ เขาได้ยอมรับเวทย์ไว้ทั้งๆที่รู้อยู่แล้ว มันไม่น่าจะมีแค่เหตุผลอย่างการ ‘โจมตีนาย’…]

[อึก… ระวังเขาเอาไว้ด้วยนะท่านมิคาเอล พวกเราไม่รู้ว่าเขายังซ่อนอะไรไว้อยู่อีก]

“น่าทึ่งจัง”


หลังจากเห็นสภาพที่ค่อนข้างจะปกติของราฟาเอลทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ยังดูเฉียดตายอยู่เลยทำให้ยูอิลฮานตกตะลึง


ยังไงก็ตามแค่นี้มันก็มากพอแล้ว เครื่องใน กระดูก เนื้อ เลือดสีขาว รวมไปถึงขนปีกสีขาวที่ถูกเขาทำลายไปมันทำให้เขาได้รับบันทึกที่จำเป็นมาพอแล้ว


[…มิคาเอล อย่าบอกฉันนะว่านี่คือเหตุผลที่นายมาที่นี่น่ะ]


ปีกที่ 2 แห่งกองทัพจรัสแสงอนาเฟียได้พูดขึ้นอย่างไม่ไว้ใจ


[เพื่อฆ่ายูอิลฮาน?]

[พูดตรงแล้วมันก็เพื่อป้องกันนายไม่ให้ปกป้องยูอิลฮาน ถ้านายไม่หยุดพวกเรา งั้นพวกเราก็จะรู้สึกขอบคุณมาก… ว่ายังไงล่ะ?]

[…ถึงเราจะเบื่อหน่ายกับการกระทำของยูอิลฮาน แต่ว่าเขานั้นเทียบไม่ได้เลยกับสิ่งที่นายคิดแล้วก็ทำ นายไปจับมือร่วมกับกองทัพปีศาจวิบัติงั้นหรอ? ทั้งๆที่นายคือ ‘เมล็ดพันธ์ของสวรรค์’ เนี้ยน่ะ?]


มิคาเอลได้หยักไหล่และผงกหัวยืนยัน


[ฉันก็ไม่ได้ชอบการยืมพลังจากสัตว์ป่าสกปรกพวกนี้นักหรอก แต่ว่าหากมันหยุดการเกิดขององค์ประกอบที่น่ารำคาญขึ้นอีกได้งั้นมันก็คือเรื่องจำเป็น]

[นายมัน… เคลื่อนไหวได้]


อนาเฟียได้ออกคำสั่งกับกองทัพสวรรค์ทั้งๆคิดว่านี่มันบ้ามากๆ ในเวลาต่อมาเทวดาตกสวรรค์ทั้งหมดในสนามรบต่างก็เริ่มทำการเคลื่อนไหวแปลกๆออกมา


“หืมม”


ยูอิลฮานได้แต่เอียงหัวอย่างสับสนทั้งๆที่ยังเก็บเอาชิ้นส่วนราฟาเอลมา แม้ว่าเทวดาตกสวรรค์จะเป็นปฏิปักษ์กับทูตสวรรค์เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วก็ตาม แต่ในตอนนี้พวกเขากำลังเคลื่อนไหวเหมือนกับตั้งใจจะปกป้องยูอิลฮาน


“…นี่พวกนายกำลังทำอะไรอยู่?”


ทั้งๆที่เมื่อครู่นี้ยูอิลฮานยังทำการช่วยทูตสวรรค์กำจัดคนทรยศแล้วก็ฆ่าเทวดาตกสวรรค์ไปอยู่เลยเนี้ยนะ? พอมาตอนนี้คนพวกนี้กลับจะมาช่วยปกป้องยูอิลฮาน?


ในตอนนี้เองได้มีความคิดหนึ่งเข้ามาในหัวเขา


“นี่มันเหมือนกับว่า ‘มีแค่เราเท่านั้นที่แตะต้องชายคนนี้ได้!’ หรืออะไรทำนองนี้ หยุดเถอะนะที่มันดูน่าขยะแขยงแปลกๆ!”


ยูอิลฮานได้รู้สึกแปลกๆที่มันเหมือนกับเขากำลังเป็นตัวเอกในนิยายโรแมนติกทำให้เขาต้องตะโกนออกมาอย่างตกใจ แน่นอนว่าอนาเฟียรู้สึกแค่ว่านี่มันน่าเศร้ามาก


[การที่เราต้องมา… แค่ก ปกป้องเขานี่มัน!]

[ท่านอนาเฟีย พวกเราจะต้องปกป้องคนๆนั้นจริงๆงั้นหรอ? ตอนนี้ความคิดของท่านซาตานไม่เปลื่ยนไปอีกหรอ?]

[อย่าได้มาตั้งคำถามกับนายท่าน จนกว่าที่ท่านจะมอบคำสั่งใหม่มาให้เรา เราจะต้อง…]


อนาเฟียได้ขบริมฝีปากและหันหน้าไปราวกับจะปกป้องยูอิลฮาน ในมือของเขามีดาบใหญ่สีเลือดอยู่


[เราต้องปกป้องยูอิลฮาน คริสเซีย ซาเทีย ฉันคิดว่าพวกเธอคงรู้นะว่าต้องทำอะไร?]

[รู้แล้ว]

[รู้สิ!]


ปีกที่ 3 และ 4 แห่งกองทัพจรัสแสงได้ก้าวมาขัดขวางคนจากกองทัพปีศาจวิบัติ เคสเช่นที่ปรากฏตัวออกมาจากเลือดเอาไว้


[พวกเธอมันอ่อนแอเกินไป… ตอนนี้ฉันต้องการล่ามนุษย์นั่นเท่านั้น]

[ผ่านพวกเราไปให้ได้ก่อนสิ!]


พวกเขาทั้งหมดต่างก็พุ่งเข้าใส่กัน ประกายแสงและเลือดได้กระจัดกระจายออกมา สิ่งมีชีวิตชั้นสูงคลาส 5 ก็ยังเริ่มทำตามผู้นำกองกำลังของพวกเขาเช่นกัน แม้ว่าเป้าหมายของสงครามจะได้เปลื่ยนไปแล้ว แต่ความเข้มข้นของการต่อสู้มีแต่จะเพิ่มยิ่งขึ้น


[เป็นภาพที่น่าสนใจมาก]


กองทัพสวรรค์ที่ได้ยูอิลฮานช่วยกำจัดคนทรยศได้กำลังพยายามจะฆ่ายูอิลฮานจากการช่วยของกองทัพปีศาจวิบัติ และกองทัพจรัสแสงที่ได้รับความเสียหายอย่างมหาศาลจากยูอิลฮานในตอนนี้้กำลังทำการปกป้องเขาเพียงเพราะคำสั่งจากซาตาน ในขณะเดียวกันกลุ่มที่ไม่ค่อยมีเป้าหมายที่สุดเลยคือสวนอาทิตย์อัสงดงที่กำลังเฝ้ามองดูอย่างสนใจ


แม้ว่าเขาจะไม่อยากจะยอมรับ แต่ว่านี่มันเป็นฉากที่น่าสนใจแม้กระทั่งกับตัวยูอิลฮานเอง นี่มันน่าสนใจจริงๆ แต่ว่า


[คุณได้เชี่ยวชาญสกิลบันทึก]

[คุณได้รับคุณสมบัติ]

[รวบรวมบันทึกทั้งหมดของคุณ]


“เฮ้”


ยูอิลฮานได้เรียกอ่างแห่งปาฏิหาริย์ออกมาและพูดขึ้น


“นี่มันเป็นเวทีของพวกนายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”

[…ยูอิลฮาน?]


ใครบางคนที่รู้ถึงความตั้งใจที่เขาเคลื่อนไหวได้ตะโกนออกมา ยังไงก็ตามนี่มันสายเกินไปแล้ว


[พ่อครับ ผมพร้อมแล้ว]


ยูมิลได้ตอบเขากลับมาทันที ยูอิลฮานก็ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม


“ดีมากมิล…พ่อก็พร้อมแล้วเหมือนกัน!”


อ่างแห่งปาฏิหาริย์ได้ขยายขนาดขึ้นและครอบคลุมทั้งยูมิลกับยูอิลฮาน พวกเขาทั้งสองคนได้สอดประสานเข้ากับอ่างแห่งปาฏิหาริย์และปล่อยมานาที่รุนแรงออกมาพร้อมๆกันกับเกราะร่างกายมังกรจิตวิญญาณเพลิงที่ปล่อยมานาตามหลังออกมา


พลังมังกร และพลังแห่งเพลิงทั้งหมดที่อยู่ใต้การปกครองของยูอิลฮานได้ถูกอ่างแห่งปาฏิหาริย์เสริมพลังขึ้น บีบอัดพลังเข้าด้วยกัน และทำวงจรนี้ซ้ำไปเรื่อยๆ


[ฉายาทั้งหมดได้หายไปโดยที่ผลของฉายายังคงอยู่เช่นเดิม คุณได้กลายเป็นตัวตนที่ไม่อาจจะนิยามด้วยภาษาใดๆได้]

[พรของเทพทั้งหมดที่ได้รับมาได้ถูกยกเลิกลง ในตอนนี้คุณได้มีอำนาจที่เหนือกว่าคุณสมบัติเหล่านั้นแล้ว]

[ผลจากฉายา ‘ก้าวข้าม’ ได้ถูกเพิ่มในบันทึก คุณจะไม่ถูกสิ่งใดผูกมัดอีกต่อไป]


เพลิงนิรันดร์ได้เก็บความรู้สึกยินดีของเธอเอาไว้ แต่ว่าอิชจาร์ไม่อยากจะเชื่อเรื่องแบบนี้เลยทั้งๆที่เขาเป็นศูนย์กลางของเรื่องทั้งหมด


[มะ มนุษย์นี่ เป็นแค่มนุษย์แท้ๆ! นายท่านเป็น… จริงๆงั้นหรอ?]


แสงสีแดงได้ปกคลุมไปทั่วทั้งโลก ในที่สุดแล้วมิคาเอลก็สัมผัสได้ถึงวิกฤติเป็นครั้งแรกหลังจากที่มาโลกใบนี้


[พะ พวกเราต้องหยุดเขา นี่มันเกิดขึ้นเร็วกว่าที่เราคิดซะอีก!]

[หยุดเขา โจมตี! ฉันบอกให้หยุดเขาไง!]

[ให้ตายสิ!]


ทูตสวรค์ทั้งหมดรวมไปถึงกองทัพปีศาจวิบัติต่างก็กรูกันเข้าใส่ยูอิลฮาน เทวดาตกสวรรค์ได้พยายามอย่างมากที่จะหยุดพวกนี้เอาไว้ ส่วนทางผู้เฝ้าประตูได้เฝ้ามองอย่างสนุกสนาม หนึ่งในผู้เฝ้าประตูได้พูดขึ้นขำๆ


[มันสายไปแล้ว พวกนายหยุดเขาไม่ได้แล้ว! นี่คือการเกิดของเทพเจ้าองค์ที่ห้า! คนสุดท้ายแต่ว่าเจิดจ้าที่สุด! องค์ที่ห้า!]

[ที่สุดงั้นหรอ…? งั้นนายหมายความว่าเขาจะยิ่งใหญ่และดีกว่าหัวหน้าของเราอีกหรอ?]

[นายท่านได้พูดเอาไว้แบบนี้ และเราก็ได้แต่เชื่อในคำพูดของนายท่าน!]


นี่คือคำทำนายจากหัวหน้าสวนอาทิตย์อัสง เป็นคำทำนายเดียวกันกับที่ทุกๆคนได้รู้จากเฮเรียน่า และเป็นเรื่องที่ทุกๆคนต่างก็กังวล มิคาเอลได้กัดฟันตะโกนออกมา


[ฆ่าเขาซะ!]


หอกเพลิงที่มิคาเอลโยนออกไปได้ถูกอนาเฟียหยุดเอาไว้ แต่ว่าเขาก็ไม่อาจจะหยุดการโจมตีเต็มกำลังของมิคาเอลไว้ได้ เขาได้ถูกผลักถอยกลับไปพร้อมกับกระอักเลือดออกมา แต่ถึงแบบนั้นอนาเฟียก็ได้ใช้พลังทั้งหมดหยุดมิคาเอลไว้ ในเวลาเดียวกันภาพที่คล้ายๆกันก็เกิดขึ้นกับคริสเซีย ซาเทียและเคสเช่นเช่นกัน


[กั๊ก กั๊ก]

[ให้ตายสิ]

[ท่านซาตาน!]


ยูอิลฮานไม่ได้สนใจในความวุ่นวายในสนามรบเลย สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเขาในตอนนี้ก็คือตัวของเขาเอง


ทุกๆสิ่งที่เขาจำได้และบันทึกจากนับตั้งแต่ที่เขาได้เกิดขึ้นมา พลังของสิ่งมีชีวิตชั้นสูง เศษเสี้ยวเทพเจ้าที่สุดท้ายเขาได้มาจากราฟาเอล! บันทึก แหล่งที่มาพลัง และการพัฒนาขึ้นของโลกที่เขาได้ประสบมาในโลกจำนวนนับไม่ถ้วน!


ข้อความได้ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าของเขา


[คุณจะกลายเป็นคนที่รวมทุกอย่างเข้าด้วยกัน แต่ว่าคุณยังขาดบางอย่างอยู่]

[ยังไงก็ตาม ในตอนนี้คุณจะได้รับคลาสรองมาแทนที่คู่หูทูตสวรรค์ ท่ามกลางคลาสรองทั้งหมดนี้มีบางสิ่งที่คุณต้องการอยู่ คุณรู้อยู่แล้วว่าคุณต้องการอะไร]

[1.ช่างไม้]

[2.ช่างตีเหล็ก]

[3.นักมายากล]

[4.นักฝึกสัตว์]

[179.ผู้นำ]


ผู้นำ ผู้นำคือคลาสรองที่ปกติมากๆที่มีความสามารถในการรวบรวมผู้คนและนำทางผู้คนเหล่านั้น คลาสรองนี้จะให้โบนัสเพิ่มขึ้นในตอนปาร์ตี้อยู่ แล้วก็ยังจะช่วยเสริมพลังให้กับคนจำนวนมากที่เขาหรือเธอเป็นผู้นำ คลาสรองนี่เป็นคลาสที่หัวหน้ากิลด์แทบทุกคนต่างก็มีอยู่


และในตอนนี้มันก็ได้ปรากฏขึ้นมาในลิสต์ที่ยูอิลฮานสามารถเลือกได้ ปาร์ตี้คือสิ่งที่ไม่เหมาะกับคนอย่างยูอิลฮานเลย หากว่าเขาไม่ได้สร้างลูกเรือขึ้นจากสกิลบัญชาการลูกเรือ มันก็คงไม่มีวันที่คลาสนี้จะปรากฏขึ้นมาให้เขาได้เลือกแน่


“แม้แต่ในความคิดของฉัน ฉันก็ยังเป็นคนหัวดื้อประมาณนึงเลยนะ”

[ยูอิลฮานนนนนนนน]


ทูตสวรรค์ที่ได้ฝ่าแนวป้องกันทู๖สวรรค์ได้เข้ามาโจมตียูอิลฮานอย่างไร้ปราณี ยังไงก็ตามคำพูดที่สวนอาทิตย์อัสดงพูดออกมาถูกต้องแล้ว ไม่มีใครเลยที่โจมตีถึงตัวยูอิลฮานได้ กลับกันการโจมตีพวกนี้กลับถูกดูดเข้ามาเสริมพลังให้กับยูอิลฮานแทนต่างหาก


ทุกๆสิ่งที่มิคาเอลกับทูตสวรรค์คนอื่นๆทำออกมาต่างก็ไร้ประโยชน์ หากว่าพวกเขาอยากจะหยุดยูอิลฮานไม่ให้กลายเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูง ถ้างั้นพวกเขาก็ควรที่จะหหนีไปด้วยความสามารถทั้งหมดของพวกเขา แต่ว่านั่นก็แค่เป็นการชะลอเวลาการตื่นขึ้นออกไปเล็กน้อยเท่านั้น


[พ่อเป็นพ่อที่เท่สุดๆไปเลย พ่อเท่อยู่เสมอและจะเท่ตลอดไป พวกเราเชื่อในตัวพ่อ]


ยูมิลได้พูดขึ้นออกมา เขาเป็นเด็กที่น่ารักและซื่อสัตย์จริงๆ ในตอนแรกที่ยูมิลเกิดขึ้นมายูอิลฮานยังเป็นแค่ไอทึ่มคนหนึ่งอยู่เลย สิ่งที่เขาสามารถจะพูดได้เลยก็คือ ที่ยูอิลฮานก้าวมาถึงตรงนี้ได้ก็เพราะมียูมิลอยู่ด้วย ยูอิลฮานรู้สึกยินดีจริงๆที่มียูมิลเข้ามาในชีวิต


“ขอบคุณนะมิล”


ยูอิลฮานได้ลูบหัวยูมิล จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้นเลือก


“ได้ ฉันจะกลายเป็นผู้นำ”


บันทึกนภาได้ส่งข้อความสีเขียวรายงานกลับมาเหมือนเช่นเคย


เพียงแค่ว่าคราวนี้ข้อมูลพวกนี้ต่างก็ปรากฏขึ้นที่ตรงหน้าของสิ่งมีชีวิตชั้นสูงทั้งหมดที่นี่อีกด้วย


[กองกำลังสิ่งมีชีวิตชั้นสูงกองกำลัง ‘ดราก้อนเนส(รังมังกร)’ ได้ถือกำเนิด]


บทที่ 295 – ความสำเร็จ (5)


การสร้างคืออะไร? ยูอิลฮานไม่เคยสร้างอะไรจากความว่างเปล่าเลย และเพราะแบบนี้เขาก็เลยไม่รู้ว่าการสร้างที่แท้จริงเป็นยังไง


การสร้างที่เขารู้จักนั้นคือการใช้วัตถุดิบที่มีอยู่แล้วมาเปลื่ยนไปเป็นอย่างอื่น เขาได้ก้าวหน้าขึ้นไปจนทำให้สิ่งที่เป็นไปไม่ได้กลายไปเป็นสิ่งที่เป็นไปได้


หากมีวัตถุดิบมากพอ เขาจะสร้างอะไรขึ้นก็ได้ เขามั่นใจในการทำแบบนี้


[มันยังไม่สายเกินไป เรายัง…]

[ทะ ท่านมิคาเอล!]

[กล้าดียังไง!]

[หลีกไป… พวกอีกาโสโครก อย่ามาขัดต่อประสงค์ของพระเจ้า!]


น้ำเสียงของทูตสวรรค์และเทวตกสวรรค์ได้ดังขึ้นมาจากไกลๆ ยูอิลฮานที่ได้ยินแบบนี้ได้คิดขึ้นกับตัวเอง


ฉันจะต้องพยายามทำอะไรอีกกันล่ะ?


“ใช่แล้ว การสร้างไงล่ะ”


แล้วสร้างอะไร?


“ตัวฉันเอง”


ตัวตนจริงของเขาได้ถูกสร้างขึ้นจากวัตถุดิบที่มาจากชีวิตของเขา ช่างตีเหล็กคือตัวเขาเอง ในขณะที่เพลิงนิรันดร์ อิชจาร์และยูมิลจะเป็นคนช่วยเขา อ่างแห่งปาฏิหาริย์ก็จะทำในหน้าที่เดียวกัน ผสานเพลิงและมังกรภานในตัวเขาให้เป็นหนึ่งและทำให้เขายกระดับขึ้นเป็นตัวตนที่ต่างไปจากเดิม


“ฉันต้องการเพลิงยิ่งกว่านี้”


ถ้าจะมีอะไรที่ไม่น่าพอใจก็คงเป็นเรื่องนี้ แต่แน่นอนว่าตัวยูอิลฮานในตอนนี้อยู่ในระดับที่สร้างไฟขึ้นมาเองและควบคุมไฟพวกนั้นได้แล้ว แต่ว่าเขาก็จะต้องทำแบบเดียวกันนี้กับมานามังกรด้วยเช่นกัน


เพลิงนิรันดร์กับอิชจาร์ได้ให้การสนับสนุนทางด้านพลังเพลิงและพลังมังกรไปตามลำดับ นอกจากนี้ยูมิลยังเป็นคนคอยส่งมานามังกรให้เขาอีกด้วย เพราะแบบนี้ทำให้พลังมังกรของเขามีมากกว่าพลังเพลิงที่เขามีเล็กน้อย


เขาจะต้องรักษาสมดุลของพลังทั้งสองอย่างเอาไว้ เขาจะทำได้ไหมนะ? ทำได้ยังไงกันล่ะ? ในตอนที่เขาได้คิดแบบนี้ เขาก็ค้นพบถึงแหล่งพลังงานเพลิงจากภายนอกที่กำลังเข้ามาใกล้เขา


“นี่แหละ”


คนที่กำลังเต็มไปด้วยความเกลียดชังมิคาเอล ดูเหมือนว่าเทวดาตกสวรรค์จะไม่อาจหยุดเขาไว้ได้ทำให้มิคาเอลส่งออร่าเพลิงมาจนถึงตัวยูอิลฮานตรงๆ


หากว่าทูตสวรรค์ไม่ได้ขวางมิคาเอลเอาไว้ ยูอิลฮานก็คงจะได้พลังเพลิงนี้มาสร้างตัวเองจนเสร็จแล้ว… พวกเทวดาตกสวรรค์นี่ไม่ได้ทำอะไรดีเลย


[ถึงฉันจะคิดว่านี่มันเป็นเรื่องโชคร้ายมากๆ.. แต่เราปล่อยให้นายมีตัวตนอยู่ไม่ได้ เราจะดูแลเอิร์ธโลกของนายเอง เพราะงั้น… ตายๆไปซะ!]


มิคาเอลที่สลัดปีกที่ 2 แห่งกองทัพจรัสแสงหลุดแล้ว ได้บินเข้ามาหายูอิลฮานและขว้างหอกเพลิงที่เต็มไปด้วยมานาของเขาเข้าใส่


ปีกที่ 4 แห่งกองทัพจรัสแสงซาเทียได้พยายามจะหยุดหอกเพลิงเอาไว้ก่อนถึงตัวยูอิลฮาน แต่ว่าผู้บัญชาการกองพันที่ 1 แห่งกองทัพปีศาจวิบัติเคสเช่นที่ได้กลืนกินปีกที่ 5 ไปแล้วได้เข้ามาขวางเธอได้


[มอนสเตอร์สารเลวนี่…!]

[เจ้านั่นกำลังย่างยูอิลฮานให้ฉันกิน ฉันไม่ให้เธอไปขวางก่อนอาหารจะเสร็จหรอกนะ!]


ยูอิลฮานได้เฝ้ามองดูการเป็นไปของการต่อสู้นี้และหัวเราะออกมา ก่อนที่ในท้ายที่สุดจะขยับตำแหน่งของอ่างแห่งปาฏิหาริย์เล็กน้อง ในเวลาต่อมาหอกเพลิงก็ได้พุ่งตรงเข้ามาในอ่างแห่งปาฏิหาริย์นี้


หอกเพลิงที่ควรจะทำลายทั้งอ่างแห่งปาฏิหาริย์รวมไปถึงยูอิลฮาน ได้สูญเสียพลังทั้งหมดไปและเหลือเพียงพลังงานที่รุนแรงอยู่เต็มอ่างแห่งปาฏิหาริย์เท่านั้น


[สกิลสวนกลับได้เพิ่มเลเวลขึ้นเป็น 39]


“ไม่ ไม่สิ ฉันไม่ได้จะสะท้อนมันกลับไป แต่ก็นั่นแหละ”


ยูอิลฮาน ‘ได้สวนกลับ’ การโจมตีจากมิคาเอลที่ได้ชื่อว่าเป็นรองเทพเจ้า เพราะงั้นทำให้เป็นธรรมดาที่เลเวลสกิลจะเพิ่มสูงขึ้นมา


ยังไงก็ตามถึงแม้ว่ายูอิลฮานจะได้โอกาสสร้างบาดแผลให้กับมิคาเอล แต่ว่าเขาก็ยกเลิกสกิลกลางทางและดูดเอาเพลิงที่มาจากการโจมตีไป


“ขอบคุณนะ นายได้ช่วยฉันเติมเต็มชิ้นส่วนสุดท้าย”

[พระเจ้า…]


มิคาเอลที่เห็นเพลิงถูกขโมยไปทำให้เขารู้ถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นและพึมพัมอย่างไม่อยากจะเชื่อ ยิ่งเขาเข้าใกล้ยูอิลฮานมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งเห็นชัดว่ายูอิลฮานกำลังทำอะไรอยู่


ภายนอกยูอิลฮานยังอยู่ในร่างมนุษย์อยู่ แต่จริงๆแล้วเขาจะเป็นอะไรก็ได้แม้แต่มนุษย์ ในตอนนี้องค์ประกอบที่สร้างคนที่ชื่อว่ายูอิลฮานขึ้นมากำลังถูกย่อยสลายไป องค์ประกอบพวกนี้ได้พักลงไปเป็นหน่วยที่เล็กที่สุดและได้ผสานเข้ากันใหม่อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด


[นายเป็นไปแล้ว…]

“ใช่”


ยูอิลฮานได้ตอบกลับมาด้วยรอยยิ้ม


“พวกนายมาสายเกินไปแล้ว”

[ฉันไม่ยอมรับ!]


มิคาเอลได้สร้างเพลิงขึ้นมาอีกและโยนออกมา ยังไงก็ตามนี่มีแต่ช่วยทำให้กระบวนการสร้างของยูอิลฮานเท่านั้น


หากว่ามิเชลเป็นทูตสวรรค์ที่ใช้พลังธาตุอื่นๆที่ไม่ใช่ไฟ แต่เป็นน้ำหรือน้ำแข็ง มิคาเอลก็น่าจะชะลอการสร้างของยูอิลฮานออกไปได้ แต่ว่าในตอนนี้ยูอิลฮานได้มาอยู่ในระดับใหม่แล้วทำให้เพลิงทั้งหมดของมิคาเอลถูกยูอิลฮานควบคุมไป


[มันเกิดขึ้นได้ยังไงกัน กาเบรียลไม่เห็นบอกเราเลยว่ามันจะสายเกินไป การมองอนาคตของเรายังไม่…]

“มองอนาคต… พยากรณ์….”


ยิ่งมิคาเอลเข้าไปใกล้ยูอิลฮานเท่าไหร่ มานาแห่งเพลิงของเขาก็จะถูกไปให้ยูอิลฮานมากเท่านั้น การผสานกันระหว่างยูอิลฮานกับอ่างแห่งปาฏิหาริย์ในตอนนี้ได้ส่งเสียงดังเหมือนฟ้าผ่าออกมาและกระทั่งทำให้สิ่งมีชีวิตที่นี่ถึงกับหูอื้อ


“ฉันเบื่อแล้วก็เหนื่อยกับเรื่องบ้าพวกนี้เต็มทีแล้ว ตอนทำแบบฝึกหัดในหนังสือฉันยังไม่เคยไปดูเฉลยเลยสักครั้ง”


นี่มันเป็นเรื่องโกหก ในตอนที่เขาไม่เข้าใจยูอิลฮานก็มักจะไปดูเฉลยอยู่บ่อยครั้งๆ


ยังไงก็ตามการทำแบบนี้จะทำให้เขารู้สึกโล่งใจในเวลาทำโจทย์ได้ แต่ว่าเมื่อไหร่ที่เขาโล่งใจแบบนั้นนั่นแหละคือสิ่งที่อันตรายที่สุด หลังจากนั้นยูอิลฮานก็จะหยุดดูเฉลย


ยูอิลฮานชอบความไม่รู้มากกว่า


เขาชอบความอิสระ


เขากระทั่งชอบความเงียบเหงา แต่ว่าในทางกลับกันเขาก็ชอบความวุ่นวาย


เขาชอบในทุกๆอย่างที่เขารักและรักเขา และในตอนนี้เขาต้องการจะตอบแทนความรักพวกนั้นกลับไป


หากว่าเขามีคุณสมบัติ


เขาก็อยากจะกอดทุกๆอย่างเอาไว้ในอ้อมอกของเขาเอง


เพลิงทั้งหมดที่มิคาเอลสร้างที่ถูกอ่างแห่งปาฏิหาริย์เก็บเอาไว้ได้ถูกส่งต่อหลั่งไหลไปสู่ยูอิลฮาน นี่มันดูเหมือนกับเป็นเพลิงล้างบาป มิคาเอลก็ยังสาปแช่งตัวเขาเองที่คิดว่าฉากนี้ดูศักดิ์สิทธิ์ไปครู่หนึ่ง


การสร้างได้เริ่มขึ้นมาแล้ว


[นายท่าน… กำลังเปลื่ยนไป]

[นะ นี่.. ไม่ใช่การเปลื่ยนแปลง แต่เป็นการเกิดใหม่ เป็นไปได้ยังไงกัน นี่คือสิ่งที่เผ่าพันธ์มังกรเราเฝ้าปรารถนาที่จะทำให้สำเร็จมาเป็นเวลายาวนานงั้นหรอ? สิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่มังกร แต่กำลังเกิดใหม่มาเป็นมังกร?]

[พ่อกำลังแกร่งขึ้น ผมก็แกร่งขึ้นเหมือนกัน]


“ทุกคน… ตั้งสมาธิ”


ยูอิลฮานได้หลอมตัวเขาเอว จากบันทึกทั้งหมดของเขา ฉายาของเขา คลาสหลักของเขา และแม้กระทั่งสกิลทั้งหมดต่างก็ถูกผสมเข้าด้วยกันและทำลายพร้อมสร้างขึ้นใหม่ แต่ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่ในตอนนี้


เขาได้ตั้งสมาธิทั้งหมดไปกับการทำให้ตัวเองแกร่งขึ้น สมบูรณ์ยิ่งขึ้น และเหมาะสมยิ่งขึ้น


[คลาสหลักและคลาสรองทั้งหมดได้หายไปโดยที่ยังคงความสามารถดั้งเดิมเอาไว้อยู่]

[สกิลบันทึกและปกครองได้ผสมรวมเข้าด้วยกันและวิวัฒนาการขึ้น คุณได้รับสกิลประกาศิต ตอนนี้คุณสามารถที่จะสร้างบันทึกที่เหนือยิ่งกว่าตัวคุณ รวมไปถึงทำให้บันทึกที่ไม่มีอยู่จริงเกิดขึ้นมาได้ ในการทำเช่นนั้นคุณจะต้องใช้มานาจำนวนมหาศาล]

[สกิลการร่วงหล่น โลหิตมังกร มนุษย์มังกรสอดประสาน ได้ผสมรวมเข้าด้วยกันและวิวัฒนาขึ้น คุณได้รับสกิลการประจักษ์แจ้ง คุณสามารถที่จะเพิ่มความสามารถทุกๆอย่างที่อยู่ภายในอาณาเขตของคุณได้ คุณสามารถที่เพิ่มพลังขอบเขตในการทำลายได้มากยิ่งขึ้นอีกตามระดับสกิลที่พัฒนาขึ้น]

[สกิลเทวะกำลัง หอกไร้วิถี หอกสะบั้นจักรวาล ชำแหละ ขุด ความแม่นยำสัมบูรณ์ได้ผสมเข้าด้วยกันและวิวัฒนาการขึ้น คุณได้รับสกิลวิถีทางไร้ขอบเขต]


เมื่อได้เห็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดที่นี่อย่างมิคาเอลก็ยังทำอะไรไม่ได้อีกทำให้ไม่มีใครเข้าไปใกล้ยูอิลฮาน แต่ว่ากองทัพปีศาจวิบัติก็ได้พุ่งเข้าไปโดยไม่สนใจได้เลย แต่นี่ก็ไม่ต่างจากการวิ่งเข้าไปหาพายุเพลิง การกระทำของกองทัพปีศาจวิบัติมีแต่เป็นแมงเม่าที่บินเข้าไปในกองเพลิงและถูกดูดมานาออกไปจนเหือดแห้ง


[อ๊าากกก แบบนี้…ฉันก็กินเข้าไม่ได้สิ! ให้ตายสิ! อ๊ากกกกกกกก!]


และแมกระทั่งผู้บัญชาการกองพันที่ 1 แห่งกองทัพปีศาจวิบัติเคสเช่นก็ยังไม่เว้น มันชัดเจนว่าเขากำลังจะบอกอะไร


ยูอิลฮานในตอนนี้ได้เข้าไปสู่ในขอบเขตใหม่ที่ผู้คนในที่แห่งนี้ไม่อาจจะเอื้อมไปถึงได้


“เอาล่ะถ้างั้น…”

[ไม่ ไม่…!]

[ท่านซาตาน! นี่ท่านกำลังจะปล่อยให้การเกิดของตัวตนแบบนี้เกิดขึ้นมาจริงๆงั้นหรอ? ท่านซาตาน+]

[อ่า ในที่สุด… คำพยากรณ์ก็เป็นจริงแล้ว!]


เปลวเพลิงได้ลุกโชดช่วงขึ้นมา เพลิงนี้ได้ลุกขึ้นมาราวกับจะปกครลุมตัวยูอิลฮานกับยูมิลและขยายขอบเขตออกไปอย่างต่อเนื่องจนกลืนกินทุกๆอย่างในพื้นที่และสร้างเป็นรูปแบบทรงกลมขึ้นมา


นี่ดูเหมือนกับไข่สีแดงใบนี้ ตัวยูอิลฮานกำลังเติมเต็มตัวเขาที่อยู่ภายในไข่


[อ่า]

[เขา…]

[เกิดขึ้นแล้ว]


และเมื่อผ่านไปพักหนึ่งเพลิงที่สร้างขึ้นมาเป็นทรงกลมก็ได้เริ่มถูกดูดเข้าไปตรงศูนย์กลาว ในตอนนี้โลกทั้งใบได้เงียบเสียงลงไป ทุกๆคนต่างเงียบลงราวกับจะเป็นการเฉลิมฉลอง หรือแสดงความหวาดกลัวในการกำเนิดขึ้นของเขา


และแล้วยูอิลฮานก็ได้เปิดตาขึ้น


ข้อความจำนวนนับไม่ถ้วนได้ปรากฏขึ้นมาที่ม่านตาของเขา


[คุณได้กลายเป็นผู้ปกครอง(เทพเจ้า) ของกองกำลังสิ่งมีชีวิตชั้นสูง ‘ดราก้อนเนส’ คุณไม่ถูกผูกมัดด้วยระดับพลังอีกต่อไป คุณไม่ถูกอะไรผูกมัดอีกแล้ว คุณจะไม่ได้แข็งแกร่งขึ้นในโลกที่อยู่ใต้การปกครองของคุณ แต่ว่าคุณก็จะไม่ได้รับผลกระทบใดๆในโลกที่เป็นของศัตรู]

[คุณสามารถเพิ่มการปกครองในพื้นที่ต่างๆได้ด้วยการใช้สกิล ‘ประกาศิต’ ได้ตามที่คุณต้องการ]

[‘ไม่มีใคร’ จะซ่อนตัวจากคุณได้อีก]

[คุณได้เพิ่มเลเวลขึ้นเป็น 519]


[ยูอิลฮาน]

[เทพเจ้าแห่งดราก้อนเนส เลเวล 519]

[พลังกำลัง – 1,113 ความคล่องแคล่ว – 1,067 พลังชีวิต – 1,035 พลังเวทย์ – 1,528]

[สกิลใช้งาน – ประจักษ์แจ้ง(การร่วงหล่น, โลหิตมังกร, การสอดประสานมนุษย์มังกร) เลเวล 1, วิถีทางไร้ขอบเขต(หอกสะบั้นจักรวาล, หอกไร้วิถึ, เทวะกำลัง, ชำแหละ, ขุด, ความแม่นยำสัมบูรณ์) เลเวล 1, หัตถกรรมมานาเลเวลสูงสุด, ประกาศิต (ปกครอง, บันทึก) เลเวล 1, ข้ามมิติ(กระโดด) เลเวล 87, จ้าวมิติเลเวล 88, สวนกลับเลเวล 39]

[สกิลติดตัว – ช่างตีเหล็กเลเวลสูงสุด, วิศวกรรมเวทย์เลเวลสูงสุด, ทำอาหารเลเวลสูงสุด, หัวใจที่ไม่สั่นคลอนเลเวลสูงสุด, การปรับตัวของนักท่องมิติเลเวล79, บัญชาลูกเรือเลเวล 86]


“ฟู่…”

[นายท่าน!]

[พระเจ้า… นายท่าน ท่านผู้ปกครอง!]


นี่คืองานที่ยากที่สุดเลยนับตั้งแต่ที่ยูอิลฮานได้เรียนรู้การสร้างมา เขาได้ถอนหายใจและหยักไหล่ขึ้นมา เปลวเพลิงโปรงแสงได้ไหลออกมาตามลมหายใจของเขาออกมาครู่หนึ่ง ในตอนนี้เกราะจิตวิญญาณเพลิงและเกราะร่างกายมนุษย์มังกรที่ยังไม่มีรูปร่างก็ได้เข้ามาปกคลุมร่างกายที่เปลือยเปล่าของเขาอีกครั้งหนึ่ง


ในระหว่างที่ทุกๆคนกำลังมองมาที่ยูอิลฮานอย่างสับสน ยูอิลฮานก็ได้ลูบหัวยูมิลและตรวจสอบสถานะของยูมิล


“มิล ลูกไม่เป็นไรนะ?”

[ครับ ผมพัฒนาขึ้นมามากเลย!]


ยูมิลได้ถูกปลุกพลังขึ้นมาพร้อมๆกันกับยูอิลฮาน เนื่องจากว่ายูมิลได้เชื่อมต่อกับยูอิลฮานลึกซึ่งยิ่งกว่าใครๆทำให้ยูมิลได้พัฒนาขึ้นในทันททีที่ยูอิลฮานได้เกิดใหม่ในฐานะเทพเจ้าแห่งดราก้อนเนส


[ผมแกร่งขึ้นมากเลยครับพ่อ! ผมทำได้ดีไหมครับ?]

“แน่นอนสิ ลูกทำได้ดีสุดๆไปเลย”

[เฮะๆ]


ในตอนนี้ยูมิลในร่างมังกรได้ตัวใหญ่มากยิ่งขึ้นไปอีก ขีดจำกัดของเลเวลก็ได้หายไปแล้วทำให้ยูมิลได้พัฒนาขึ้นมาเป็นมังกรคลาส 6 เลเวล 451 ในทันที ตอนนี้ยูมิลสามารถจะใช้เพลิงผสานกับลมได้ด้วยตัวเอลแล้วด้วย ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะการช่วยเหลือจากยูอิลฮาน


“โอ้ แล้วก็นะมิคาเอลนายก็มีส่วนช่วยเหมือนกัน”

[เจ้าสารเลว…]


มิคาเอลได้กัดฟันแน่นมองหน้ายูอิลฮานที่ได้เกิดใหม่ขึ้นมาเป็นเทพเจ้า หอกเพลิงในมือของเขาไม่อาจจะคงสภาพได้อยู่อีกและหายไป ต่อหน้าจ้าวแห่งเปลวเพลิงอย่างยูอิลฮานแล้ว ไม่มีใครที่จะมีสิทธิ์ใช้พลังเพลิงได้โดยไม่ได้รับอนุญาติจากเขา


[ฉันคือตัวแทนของเทพเจ้า! นายมันก็แค่เทพเจ้าจอมปลอม นายอย่าคิดนะว่าฉันมีแค่เพลิงเท่านั้น!]

“แน่สิว่าฉันไม่ได้คิดแบบนั้น ฉันก็ยังรู้ด้วยว่านายแข็งแกร่ง”


ระหว่างยกมือขึ้นมายูอิลฮานก็ได้ตอบกลับไปช้าๆ หอกเพลิงได้ปรากฏขึ้นบนมือของเขา การกระทำนี้ดูเป็นธรรมชาติจนคนอื่นๆไม่ได้รู้สึกใดๆเลย


“แล้วก็นะมิคาเอล…”


ยูอิลฮานได้กระดิกนิ้วออกมาด้วยรอยยิ้ม


“เข้ามาสิ”


บทที่ 296 – ความสำเร็จ (6)


[หยาบคาย]


มิคาเอลได้เรียกอาวุธใหม่ขึ้นมาจับแน่น ถึงแม้ว่ายูอิลฮานจะไม่รู้ต้นกำเนิดของมัน แต่ว่าหอกนี้จะต้องทำมาจากโลหะโบราณแน่ แค่ได้เห็นก็บอกได้แล้วว่านี่คืออาร์ติแฟคระดับเทพ


[แสงที่ปกคลุมนายนั่นนะ มันก็แค่ชุดคลุมที่แค่โดนขีดข่วนมันก็จะขาดเป็นชิ้นๆแล้ว]

“เป็นของที่น่าสนใจดีนะ”


แต่ว่าสิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่าอาร์ติแฟคระดับเทพเลยก็คือผู้ที่กำลังถือครองมันอยู่ มิคาเอลคือตนแทนของเทพเจ้า และเขาก็ยังเป็นกึ่งๆผู้นำของสี่ยอดอัครเทวทูตอีกด้วย


“โอ้ ทำไมนายถึงรีบแบบนั้นล่ะ”


หอกเพลิงกับหอกโลหะได้ปะทะเข้าด้วยกันอยู่กลางอากาศ เพลิงของยูอิลฮานก็ไม่ได้ผลกับมิคาเอลเต็ม 100% เหมือนกันกับการที่มิคาเอลใช้เพลิงกับยูอิลฮานไม่ได้ ผลลัพธ์ของการปะทะกันในครั้งแรกเลยก็คือ…


[!?]


มิคาเอลกำลังจะก้าวเท้าถอยกลับมาหลังจากที่ปะทะกัน แต่เขากลับพบว่าเขาไม่อาจจะถอยได้ทำให้เขาได้แต่มองมาด้วยความสับสน หลังจากที่ปะทะกันมิคาเอลไม่อาจจะดึงหอกกลับมาได้เลย


“มีอะไรงั้นหรอ?”

[นาย…]


จากภายนอกนี่ดูเหมือนกับการคุยกันของเพื่อนสนิท แต่ว่าสีหน้าของมิคาเอลในตอนนี้ดูอึดอัดจนน่ากลัว


[นายทำอะไรไป?]

“คิดว่าฉันจะบอกงั้นหรอ?”


เมื่อยูอิลฮานได้ดึงหอกเพลิงกลับเข้ามาหาเขา หอกโลหะก็ได้ไหลเข้ามาสู่มือของเขาเช่นกัน นี่มันไม่ใช่อาร์ติแฟคระดับมหากาพย์หรือโกลาหล แต่เป็นระดับเทพ! มิคาเอลไม่ยอมปล่อยหอกของเขาออกไปง่ายๆแน่ เพราะแบบนี้เองทำให้ร่างกายของมิคาเอลก็ถูกดึงเข้ามาด้วย ยูอิลได้จัดการเตะเข้าใส่หน้าอกออกไปในทันที


[ติดคริติคอล!]


[อึก!]

[ท่านมิคาเอล!]


หากว่ายูอิลฮานยังเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำอยู่ แค่การเตะเบาๆไม่อาจจะสร้างความเสียหายกับมิคาเอลได้แน่ แต่ในตอนนี้ยูอิลฮานได้อยู่ในระดับผู้นำกองกำลังแล้วรวมไปถึงเขามีเลเวลเกินกว่า 500 แล้วอีกด้วย การเตะครั้งเดียวที่เต็มไปด้วยพลังของเทวะกำลังได้ทำให้ร่างกายของมิคาเอลถูกผลักออกไปกลางอากาศและหอกระดับเทพก็ได้ตกสู่มือของยูอิลฮาน


[นายคิดว่าแค่การเอาหอกไปจากฉันได้จะทำให้หอกนั่นเป็นของนายงั้นหรอ!???]

“โอ้ หอกนี่ยอดเยี่ยมไปเลยนะ การโจมตีของมันจะสร้างบาดแผลที่ไม่อาจรักษาไดขึ้นมาและบาแผลนั่นก็จะเสียเลือดไม่หยุด… แล้วหอกนี่ก็ได้รับการยอมรับว่าเป็นยอดอาวุธที่ทำให้รักษาตัวเองได้ด้วยการทำร้ายผู้อื่น อาวุธชั่วร้ายนี่มันเหมาะกับทูตสวรรค์งั้นหรอเนี้ย?”


ยูอิลฮานได้สะบัดหอกไปมาสองสามครั้งเพื่อที่จะอ่านในบันทึกของมัน และจากนั้นเขาก็แทงมันเข้าไปในชุดเกราะร่างกายมังกรจิตวิญญาณเพลิงโดยไม่ลังเล นี่เขากำลังทำร้ายตัวเองงั้นหรอ?


มิคาเอลได้ตกตะลึงกับฉากนี้ แต่ว่าในเวลาต่อมาเขาก็ต้องถึงกับพูดไม่ออก อาร์ติแฟคระดับเทพได้ถูกชุดเกราะดูดเข้าไปราวกับถูกโยนลงบ่อน้ำ


[ยูอิลฮาน…?]

“ขอบใจนะ”


ในเวลาต่อมาหอกที่ยูอิลฮานถืออยู่ก็เปลื่ยนรูปร่างไป ตัวหอกได้ยาวขึ้นเล็กน้อย และมีเครื่องหมายสลักอยู่ที่คมหอก มิคาเอลรู้ได้ทันทีว่านี่มันหมายความว่ายังไง เขาถืงกับเผลอพูดออกมาโดยไม่รู้ตัว


[ไม่มีทาง… นี่มันไม่จริง มันไม่น่าจะเกิดขึ้นได้นี่]

“เอาล่ะ ฉันคิดว่าคงได้เวลาทดสอบดูแล้วสิ”

[กรรรรรร]


ตอนนี้ถึงตาของยูอิลฮานแล้ว ยูมิลได้คำรามขึ้นมาและกระพือปีกในทันทีจนส่งคลื่นเพลิงออกไป เมื่อยูอิลฮาน ‘ต้องการ’ ที่จะอยู่ตรงหน้าศัตรู ตัวเขาก็ได้มาโผล่เบื้องหน้าศัตรู


“หวัดดี?”

[หา…]


พร้อมๆกันยูอิลฮานก็ได้แทงหอกออกไป มิคาเอลก็ได้พิสูจน์ว่าเขาเหมาะสมกับการเรียกขานว่าตัวแทนเทพเจ้าเพราะเขาได้หลบหอกก่อนที่ยูอิลฮานจะเข้ามาถึงตัว แตว่าหอกของยูอิลฮานก็ไม่ใช่แค่การโจมตีตรงๆง่ายๆแบบนั้น


“ฮ่าห์”


[สกิลวิถีทางไร้ขอบเขตได้เพิ่มเลเวลขึ้นเป็น 9]


ด้วยเทคนิคหอกที่มากมายได้หลอมรวมมาเป็นหนึ่ง ด้วยหอกไร้วิถีและหอกสะบั้นจักรวาลเป็นรากฐานทำให้เกิดใหม่ขึ้นมาเป็นวิถีที่ก้าวข้ามเรื่องของเหตุผล มิติและโชคชะตาไปแล้ว นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมมัน ‘วิถีทางไร้ขอบเขต’


มันไม่อาจจะหลบได้ ไม่อาจจะป้องกันได้ ไม่อาจจะมองเห็น และไม่อาจจะได้ยินได้


[ติดคริติคอล!]

[อ๊าา…. อั๊ก!?]


นี่คือสิ่งที่มีเพียงแค่ระดับสูงสุดเท่านั้นที่จะทำได้ เลือดสีขาวบริสุทธิ์ได้สาดกระจายออกมาจากหน้าอกของมิคาเอลทั้งๆที่ยูอิลฮานยังอยู่ไกลออกไป


เลือดของเขาได้ไหลออกมาอย่างไม่สิ้นสุด


[อย่าบอกนะว่านายได้ก็อบปี้อาร์ติแฟค… นั่นมันเป็นของที่พระเจ้าให้ฉันมานะ!]

[ท่านมิคาเอล!]


ราฟาเอลไม่อาจจะอยู่เฉยได้แล้วทำให้เขาใช้พลังของเขากับมิคาเอล ความสามารถที่ไม่มีใครเทียบได้ของราฟาเอลกำลังทำการรักษาบาดแผลของมิคาเอล แต่ยังไงก็ตามยูอิลฮานก็แค่หัวเราะออกมา


[มันไม่หยุด เลือดของท่านมิคาเอล…]

[…อึก ชัดเจนแล้ว นี่มันคือพลังของอาร์ติแฟคระดับเทพที่นายไม่อาจจะทำอะไรได้ราฟาเอล ต่อให้จะเป็นฉันก็ตาม]


ยูอิลฮานได้รีบเข้าไปหามิคาเอลอีกครั้งและเหวี่ยงหอกออกไป มิคาเอลที่รู้ว่าหลบไปก็ไร้ประโยชน์ทำให้เขาเลือกเรียกอาร์ติแฟคอันใหม่ออกมาเผชิญหน้าแทน แต่ว่าอาร์ติแฟคของเขาก็ได้ถูกบดขยี้ไปในทันทีและเกิดบาดแผลขึ้นบนร่างของเขาอีก มิคาเอลได้อดกั้นเสียงครางเอาไว้ แต่ว่าราฟาเอลไม่อาจจะทนได้ หอกแห่งสายลมได้ปรากฏขึ้นบนมือของเขา


[เจ้าสิ่งมีชีวีตหยาบคาย นายกล้ามาละโมภกับอำนาจของสวรรค์แค่เพราะแข็งแกร่งขึ้นมานิดหน่อยงั้นหรอ!]

“จริงสิ นายก็เข้ามาเลย นายจะรักษาตัวเองง่ายๆแบบครั้งที่แล้วไม่ได้แล้วนะ”

[กรรรรรรรรรร!]


ยูมิลได้คำรามออกมาตามความตั้งใจของยูอิลฮาน สายลมได้ก่อตัวขึ้นมาจากร่างกายของเขาและทำให้เปลวเพลิงที่ลุกโชนอยู่บนเกราะของยูอิลฮานทรงพลังยิ่งขึ้น การสอดประสานระหว่างทั้งสองคนได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น และหอกขนาดยักษ์ที่น่ากลัวอยู่แล้วได้น่ากลัวมากยิ่งขึ้น


[ราฟาเอล! อย่าได้ลดการป้องกันลง!]

[ท่านราฟาเอลไปพักเถอะครับ! พวกเราไม่อาจจะหันหน้าหนีปีศาจตนนี้ไปได้ในเมื่อพวกเรารับใช้เทพเจ้าองค์เดียว!]

[ราฟาเอล!]


ปีศาจ เอ๋ ในที่สุดก็มีคำแบบนี้มาแล้วสินะ ยูอิลฮานได้ยิ้มแห้งๆออกมาในระหว่างที่มองดูราฟาเอลกำลังลอยเข้ามาด้วยลมกับปีกที่ขาดไปบางส่วนของเขา ราฟาเอลด์ดูเหมือนทูตสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ที่ทำตามคำสั่งของเทพเจ้า นี่ยิ่งทำให้ยูอิลฮานดูเหมือนกับปีศาจมากยิ่งขึ้น


ยังไงก็ตามหากว่าการที่เขาต้องการจะแกร่งขึ้นเพื่อจะเอาตัวรอดมันทำให้เขาถูกเรียกว่าปีศาจ


เขาก็ยินดีจะยอมรับมัน


[แด่พระบิดาโปรดอวยพรให้ข้า! มอบพลังให้ข้าเอาชนะปีศาจตนนี้!]

“ฮึ่ม”


นี่ไม่ใช่เวลามามัวคิดอะไรอีกแล้ว ยูอิลฮานได้จับหอกของเขาเพื่อเตรียมจะโต้กลับไป


[ฮ่าาห์!]


ยังไงก็ตามได้มีใครบางคนปรากฏตัวขึ้นจากด้านหลังของยูอิลฮานก่อนที่เขาจะได้ปะทะกับราฟาเอล นี่ก็คือเคสเช่น ผู้บัญชาการกองพันที่ 1 แห่งกองทัพปีศาจวิบตั ยังไงก็ตามยูอิลฮานก็แค่ฟันลงไปฉับเดียวเท่านั้น แม้ว่าเขาจะไม่มีเวลามาตวัดไปข้างหน้าและหลังก็ตาม


[อั๊ก….!]

[กิ๊ซซซ!]


ราฟาเอลได้กัดฟันเพื่อป้องกัน ส่วนเคสเช่นได้ยิ้มออกมาเหมือนกับชนะไปแล้ว มันคุ้มค่าแล้วที่เขามาที่นี่! กองทัพสวรรค์อ่อนแอลงและเขาก็จะแข็งแกร่งขึ้น! เคสเช่นรู้สึกว่าเขาได้มองเห็นอนาคตที่เต็มไปด้วยการทำลายล้างแล้ว


[ติดคริติคอล!]

[ติดคริติคอล!]


ในตอนนี้ทุกคนที่รู้ดีถึงพลังของเคสเช่นและได้คิดว่าการอารวาดของยูอิลฮานจะต้องหยุดลงแล้ว แต่ยังไงก็ตามผลลัพธ์ที่ออกมากลับต่างไปจากที่ทุกคนคาดคิดไว้


[อะ อั๊ก…]

[กี๊ซซซซซ!]


แม้ว่าจะมีการตวัดหอกเพียงครั้งเดียว แต่มีแผลเกิดขึ้นอยู่สองแห่ง ราฟาเอลไม่อาจจะป้องกันหอกของยูอิลฮานได้ทำให้มีเลือดพุ่งออกมาจากอกของเขา ส่วนเคสเช่นได้ร่วงหล่นไปก่อนที่กรงเล็บของเขาจะมาถึงหัวของยูอิลฮาน การโจมตีของยูอิลฮานได้ทั้งฟันและแทงไปในทิศทางที่แตกต่างกันสองทางในคราวเดียว


[คุณได้รับค่าประสบการณ์]

[คุณได้รับบันทึกเคสเช่นเลเวล 588]

[คุณได้เพิ่มเลเวลขึ้นเป็น 525 พละกำลังเพิ่มขึ้น 10 ความคล่องแคล่วเพิ่มขึ้น 5 พลังชีวิตเพิ่มขึ้น 5 พลังเวทย์เพิ่มขึ้น 10]

[สกิลวิถีทางไร้ขอบเขตได้เพิ่มเลเวลขึ้นเป็น 13]


[อ่าา ได้ยังไงกัน…]

“ลาก่อน”


ยูอิลฮานได้แทงหอกเข้าไปที่หน้าผากของราฟาเอลโดยที่ไม่สนใจฟังคำสุดท้ายของเขาเลยสักนิด หอกได้เจาะทะลวงสมองของราฟาเอลและทำให้ชีวิตของเขาจบลงเพียงเท่านี้


[คุณได้รับค่าประสบการณ์]

[คุณได้รับบันทึกราฟาเอลเลเวล 585]

[คุณได้เพิ่มเลเวลขึ้นเป็น 530 พละกำลังเพิ่มขึ้น 8 ความคล่องแคล่วเพิ่มขึ้น 7 พลังชีวิตเพิ่มขึ้น 5 พลังเวทย์เพิ่มขึ้น 5]

[สกิลวิถีทางไร้ขอบเขตได้เพิ่มเลเวลขึ้นเป็น 19]


สิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนที่อยู่ในโลกใบนี้ต่างก็ไม่เข้าใจว่าเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นและได้แต่แสดงสีหน้าตื่นตระหนกออกมา ยังไงก็ตามหลังจากศพของเคสเช่นและศพของราฟาเอลถูกดูดเข้าไปในช่องเก็บของของยูอิลฮาน ในที่สุดพวกเขาทุกๆคนก็รู้ได้ว่าสองคนนั้นได้ตายไปแล้ว


“ฟู่”

[พ่อครับผมเลเวลเพิ่มขึ้นเยอะเลย!]

“ทำได้ดีมากมิล”


ในสถานการณ์ที่ไม่เหมาะนี้พ่อและลูกได้ยิ้มให้กันและกัน ภาพนี้ดูมันควรที่จะน่าประทับใจสำหรับคนมอง แต่ว่าจริงๆแล้วมันดูชั่วร้ายและน่ากลัวมาก สิ่งมีชีวิตชั้นสูงต่างๆต่างกรู้สึกได้ว่าโลกใบนี้ได้ถูกแช่แข็งและกำลังพังทลายลง


[แม้กระทั่งเคสเช่นกับราฟาเอลก็ยัง…]

[หนึ่งในสี่ยอดอัครเทวทูต… ตายไปแล้ว!]

[ผู้บัญชาการกองพันที่ 1 แห่งกองทัพปีศาจวิบัติถูกจัดการไปง่ายๆ..]


ยูอิลฮานได้เงยหน้าขึ้นมา ในขณะนี้ทุกๆคนได้ก้าวถอยไปด้วยความกลัว จะมีแต่มิคาเอลเท่านั้นที่ได้เป็นสักขีพยานกับการตายจของราฟาเอลต่อตาได้แสดงความสิ้นหวังออกมา


[บ้าเอ้ย เวรเอ้ยยยยยยยย!]

[เหมือนกับว่าตัวตนนั่นเป็น…]


ทุกๆคนต่างก็สนใจอยู่กับตัวยูอิลฮาน แต่ยังไงก็ตามสายตาที่มองมาของพวกเขาดูแตกต่างไปจากเมื่อก่อน


ความเกลียดชังได้แสดงออกมาจากทูตสวรรค์ ความโกรธแคนได้มาจากเทวดาตกสวรรค์ ความสิ้นหวังมาจากองทัพปีศาจวิบัติและความยินดีได้มาจากสวนอาทิตย์อัสดง


ความรู้สึกที่แตกต่างกันของทั้งสี่ฝ่ายในก่อนหน้านี้ไดถูกเปลื่ยนให้กลายมาเป็นหนึ่งเดียวกัน


[พวกเราทำอะไรกับตัวตนนี้ไม่ได้แล้ว]

[เราต้องหนี หนีเร็ว!]


มันเป็นความรู้สึกที่ชื่นชนและความหวาดกลัวที่อยู่ลึกลงไปภายในใจ


[หนี]

[ไปจากโลกใบนี้ก่อนที่เส้นทางทุกๆเส้นทางจะถูกปิดลง]

[ทำไมท่านซาตานถึงได้เอาแต่ดูกันล่ะ?]

[เขาเป็นคนเดียวที่เพลิดเพลินไปกับเรื่องนี้ นี่คือโลกที่เชื่อมต่อกับโลกเบื้องล่าง เขาคงจะเพลิดเพลินไปกับการดูเทพเจ้าองค์ใหม่ไม่ว่าโลกใบนี้จะถูกยึดหรือปล่อยทิ้งไปก็ตาม]

[ถอย พวกเราจะไปขวางทางเขาไม่ได้]

[หนี]


สวนอาทิตย์อัสดงกับกองทัพจรัสแสงได้เป็นพวกแรกที่เริ่มการเคลื่อนไหว สวนอาทิตย์อัสดงไม่ได้มามีส่วนร่วมจริงๆจังๆแต่แรกแล้ว และกองทัพจรัสแสงก็ได้รีบถอยกันทันทีหลังจากได้เห็นซาตานไม่ได้ทำอะไรกับเรื่องนี้


[ท่านมิคาเอล]

[ท่านมิคาเอล!]


หลังจากนั้นมิคาเอลได้เงยหน้าขึ้นมาเล็กๆ ทูตสวรรค์ที่กระจายตัวอยู่ทั่วทั้งโลกได้มองกลับมาที่เขา ยูอิลฮานก็แค่มองคนพวกนี้โดยไม่โจมตีกลับไปเพราะเหตุผลบางอย่าง มิคาเอลก็พอจะรู้ว่าทำไมด้วยซึ่งนี่มันทำให้เขาโกรธมากๆ


ยังไงก็ตามถึงแบบนั้น


[…พวกเราจะถอย]

[ครับท่าน]


ทูตสวรรค์ทุกๆคนได้เริ่มหายตัวไปราวกับพวกเขากำลังคอยเวลานี้อยู่แล้ว แม้กระทั่งพวกคลั่งในองค์เทพเจ้าก็ยังรู้ดีถึงความต่างของพลัง


มิคาเอลได้เฝ้ามองดูทูตสวรรค์ทุกๆคนกลับไป และในตอนที่มีเขาเหลืออยู่เพียงคนเดียว ในท้ายที่สุดเขาก็เงยหน้าขึ้นมามองไปที่ยูอิลฮาน ในตอนนี้กำลังมานาปะทุอยูในตัวเขา แต่ยูอิลฮานกลับแค่หัวเราะออกมา


[ท่านเทพเจ้าจะต้องมาลงโทษกับบาปของนายแน่]

“ฉันล่ะสงสัยจริงๆเลย ถ้าเทพเจ้าบอกให้นายไปตาย นายจะทำไหม?”

[ถ้านั่นเป็นประสงค์ของเทพเจ้า และตามประสงค์ของท่านนายจะต้องตายแน่นอน]

“เทพเจ้าพูดแบบนั้นจริงดิ?”

[…]


มิคาเอลได้หายตัวไปโดยไม่ได้ให้คำตอบใดๆกลับมา จากนั้นคนที่เหลืออยู่ก็มีแค่ยูอิลฮาน ยูมิล และกองกำลังปีศาจวิบัติ


“ทำไมพวกนายถึงยังอยู่อีกล่ะ? อยากจะสู้กับฉันทั้งๆที่รู้ว่าพวกนายจะต้องตายงั้นหรอ? ฉันคิดว่าพวกนายควรจะเรียนรู้กันได้แล้วนะ”


ในเวลาต่อมายูอิลฮานก็ได้คำตอบที่เขาคาดไม่ถึงกลับมา


[หัวหน้าของพวกเราต้องการจะพบนาย]

[เทพเจ้าองค์ที่ห้า! ไปเอลโลคาทร่าด้วยกันกับเราเถอะ!]

“…ว่าไงนะ?”


ยูอิลฮานเพิ่งจะจัดการฆ่าผู้บัญชาการกองพันที่ 1 เคสเช่นของพวกเขาไปแล้วเมื่อไม่นานก่อนหน้านี้ยูอิลฮานก็ยังได้ฆ่าและชุบชีวิตเฮเรียน่าให้กลายมาเป็นหนึ่งในลูกน้องเขาด้วย หัวหน้าของกองทัพปีศาจวิบัติก็ไม่น่าจะชอบเขาสิ ยังไงก็ตามพวกนี้ก็ทำในเรื่องที่น่าสนใจ


[เขาไม่ฆ่านายหรอก! เขาจะไม่สู้กับนายด้วย!]

[นี่คือบริการที่ดีที่สุดเลยนับตั้งแต่ที่กองทัพปีศาจวิบัติถูกสร้างขึ้นมา! หัวหน้าชอบนาย!]

[เขาอยากที่จะเล่นกับนาย! เขาอยากจะเล่นด้วย!]


แม้ว่ายูอิลฮานจะเพิ่งปลุกพลังขึ้นมาและกลายเป็นเทพเจ้าได้ไม่นาน แต่แล้วเขาก็ได้รับคำเชิญจากศัตรูที่ทรงพลังมากๆที่ได้ก้าวข้ามข้อผูกมัดของสิ่งมีชีวิตชั้นสูงและเป็นเทพเจ้ามาก่อนเขานานมากแล้ว หากว่ายูอิลฮานรับคำเชิญไปเหมือนกับแกะหลงทาง เขาก็ไม่รู้เลยว่ามันจะเกิดสถานการณ์แบบไหนขึ้นมาบ้าง แต่ยังไงก็ตามยูอิลฮานก็แค่หัวเราะและตอบกลับไป


“โอเค งั้นก็ไปกันเถอะ!”


ยูอิลฮานไม่ได้โง่ ตอนนี้เขากำลังคิดถึงเรื่องหนึ่งอยู่


‘จะมีอาร์ติแฟคแบบไหนกันที่อยู่ในเอลโลคาทร่านะ?’


บทที่ 297 – ความสำเร็จ (7)


(ขอแก้ในเนื้อหาก่อนหน้านี้เรื่องพระเจ้ากับเทพเจ้านะครับ คือว่าต่อจากนี้เหล่าผู้นำกองกำลังจะเปลื่ยนเป็นเรียกว่าเทพ ส่วนผู้นำของกองทัพสวรรค์จะถูกเรียกเป็นพระเจ้านะครับ)


 


“เป็นโลกที่น่าทึ่งแหะ”

[ฮ่าฮ่าฮ่า! นี่แหละโลกที่น่าทึ่ง!]


ตัวแทนของกองทัพปีศาจวิบัติได้หัวเราะออกมาอย่างเต็มที่เมื่อได้ยินคำพูดแรกที่ยูอิลฮานได้เข้ามาในเอลโลคาทร่า แน่นอนว่าก็มีสมาชิกของกองทัพปีศาจวิบัติที่ไม่อาจจะห้ามสัญชาตญาณตัวเองได้และเข้ามาโจมตียูอิลฮาน แต่ว่าพวกนั้นก็ถูกยูอิลฮานจัดการไปในทันทีก่อนที่จะถูกเก็บไปอยู่ในช่องเก็บของของเขา


“ฉันคิดว่าอีกเดี๋ยวช่องเก็บของฉันก็จะเต็มแล้วเพราะงั้นห้ามตัวเองไว้หน่อยนะ”

[โอเค! โอเค!]


ดูเหมือนว่าผู้ปกครองกองทัพปีศาจวิบัติมีอิทธิพลค่อนข้างจะมาก แค่การที่ยูอิลฮานได้ถูกเชิญมาที่นี่ได้พูดออกมาแบบนี้ก็ทำให้เหล่าผู้ล่าที่อยู่ในชั้นบนๆได้คุ้มกันไม่ให้มีใครมาโจมตีอีก คนอื่นๆทั้งหมดทำได้แค่ส่งเสียงบ่นวุ่นวายออกมา


[นายมันล่อลวงท่านหญิงเฮเรียน่าไป บอกฉันมาสิว่านายทำได้ยังไงกัน!]

[ท่านหญิงเฮเรียน่า! ฉันก็อยากจะได้เชยชมความงามของเธอเหมือนกัน]


ยูอิลฮานเคยคิดว่าคนที่จะเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงได้จะต้องมีความฉลาด แต่หลังจากได้เห็นแบบนี้ดูเหมือนว่าความจริงจะไม่ใช่แบบนั้น


บางทีความแกร่งอาจจะเป็นสิ่งสำคัญที่สุดก็ได้สินะ! ยิ่งเขาคิดก็ยิ่งทำให้ยูอิลฮานเชื่อแบบนี้มาขึ้นทำให้เขาหยุดที่จะคิดถึงมัน


[กว่าจะไปถึงปราสาทยังจะต้องใช้เวลาอีกซักพัก]

[ฉันอยากจะเห็นท่านหญิงเฮเรียน่า]

[การที่นายท่านจะต้องการเจอสิ่งมีชีวิตอื่นนี่มันหาได้ยากมากๆ]

[แม้กระทั่งซาตานเขายังไม่สนใจเลย]

[แล้วนายเป็นอะไรกัน?]

“ใครจะไปรู้ล่ะ”


ยูอิลฮานได้มองไปรอบๆเอลโลคาทราโดยไม่สนใจเสียงตะโกนข้างๆ ทั้งท้องฟ้าและผืนดินต่างก็มีสีดำสนิท ในระยะห่างที่ไกลออกเป็นก็มีแม็กม่าเดือดละอุอยู่เต็มไปหมดและภายในอากาศก็เต็มไปด้วยพิษร้าย มันไม่มีทางเลยที่สิ่งมีชีวิตปกติจะมาใช้ชีวิตอยู่ที่แห่งนี้ได้


“บางทีโลกของฉันอาจจะกลายมาเป็นแบบนี้ในสักวัน”

[ผมไม่อยากให้เป็นแบบนั้นเลย]


ยูมิลดูจะไม่ชอบที่นี้มาก ยูอิลฮานก็เห็นด้วยกับยูมิล


“ใช่แล้ว พ่อก็ไม่อยากจะให้โลกเราเป็นแบบนี้มเหนือนกัน สภาพแวดล้อมแบบนี้มันไม่เหมาะกับคนอื่นๆเลย”

[อีกเดี๋ยวเราจะไปถึงแล้ว]


ปราสาทขนาดยักษ์ที่ไม่มีใครมองเห็นมาตลอดได้เผยตัวออกมา ถึงแม้ว่ายูอิลฮานจะมองผ่านการซ่อนตัวของมันออกนานแล้วก็ตาม ออร่าพลังทำลายได้กระจายออกมาจากศูนย์กลางที่แห่งนี้จนทุกๆคนสัมผัสได้ แม้กระทั่งยูอิลฮานที่ได้ปลุกพลังกลายมาเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงก็ยังรู้สึกกลัวอยู่ครู่หนึ่ง


“หืมม หัวหน้าของพวกนี้อยู่ในระดับที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง ฉันคิดว่าเขาแกร่งกว่ามิคาเอลซะอีก”

[แต่ทูตสวรรค์นั่นก็อ่อนแอกวาพ่อ]

“ที่พ่อเหนือกว่ามิคาเอลนั่นมันก็เพราะความเชี่ยวชาญในด้านธาตุไฟน่ะ มิล”


ยิ่งยูอิลฮานเข้าไปใกล้ปราสาท เขาก็ยิ่งรู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่หนักหน่วง แต่แทนที่ยูอิลฮานจะป้องกันแรงกดดันพวกนี้ เขากลับตั้งสมาธิไปกับการใช้สกิลสวนกลับแทน เมื่อเขาได้ทำแบบนี้ทำให้เขาได้รับบางอย่างที่คาดไม่ถึงออกมา


[สกิลสวนกลับได้เพิ่มเลเวลขึ้นเป็น 42]

[สกิลสวนกลับได้เพิ่มเลเวลขึ้นเป็น 43]


“ฟู่วว ดูเหมือนแบบนี้จะทำให้สกิลเพิ่มเลเวลขึ้นรัวๆเลยแหะ ถ้าเป็นแบบนี้ฉันก็อยากจะมีแรงกดดันแบบนี้ในบ้านเหมือนกันนะ”

[เป็นเทพที่ชั่วร้ายจริงๆ…]


อิชจาร์รู้แล้วว่าทำไมยูอิลฮานถึงได้แข็งแกร่งแบบนี้ ไม่เคยมีใครบอกว่าอยากจะให้มีแรงกดดันของหัวหน้ากองทัพปีศาจวิบัติอยู่ในบ้านตัวเองมาก่อน


[สกิลสวนกลับได้เพิ่มเลเวลขึ้นเป็น 45]


“หืม? ฉันคิดว่าที่นี่มีอะไรวักอย่างปะปนอยู่ด้วยแหะ… โอ้”

[กรรรรรร!]


ในที่สุดยูอิลฮานก็รู้สึกตัวว่ามีใครบางคนยืนอยู่ตรงหน้าทางเข้าปราสาทอยู่ ยูอิลฮานได้นึกย้อนไปว่าเขาเคยเจอคนๆนี้ที่ไหนมาก่อนและนึกออกว่านี่คือหนึ่งในสองของผู้บัญชาการกองพันที่ได้ไปหายูอิลฮานเพื่อต้องการแก้นค้นให้เฮเรียน่า


[แก… กล้าที่จะมาที่นี่ทั้งๆที่ทำเรื่องทั้งหมดนั่นไป]

“ขอโทษนะ แต่ว่านายเป็นใครนะ?”


ยูอิลฮานได้ถามออกไปด้วยความสงสัยจริงๆ แต่ว่านี่มันมากพอที่จะทำให้คนฟังต้องโมโหขึ้นมา


[ฉันฮิวลูทูน ผู้บัญชาการกองพันที่ 2 แห่งกองทัพปีศาจวิบัติ! แกได้ขโมยเฮเรียน่าของฉันไป!]

“ของนายอะไรนะ?”


เขาไม่อาจจะตอบอะไรกลับไปได้ ตัวเขาก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับเฮเรียน่าเลยสักนิด


[แก! ฉันจะฆ่าแกให้ได้เลย! กรอดดดดด!]

“เฮเรียน่าของนายอะรกัน! ทำไมอยู่ๆนายถึงหยุดพูดเรื่องนี้ไปซะล่ะ!”

[กรรรรรรรรรร!]


เพราะแบบนี้เองฮิวลูทูนได้คลั่งออกมาเพราะนี่จะเป็นวิธีเปลื่ยนเรื่องที่ดีที่สุดแล้ว เขาได้เลือกพุ่งเข้าใส่ยูอิลฮาน! ยูอิลฮานก็รู้ดีว่าเรื่องนี้จะต้องเกิดขึ้นแน่นอน


เขาคนนี้คือชายที่น่าสงสาร เขาเป็นคนที่อยู่ในความรักที่ไม่มีวันสมหวังตั้งแตกแรกเลย


“ฉันจะทำอะไรได้ล่ะในเมื่อเธอบอกว่าเธอชอบฉัน ทำไมนายไม่ยอมแพ้แค่นี้ซะล่ะ?”


ยูอิลฮานได้ยั่วฮิวลูทูนด้วยใบหน้าที่น่าสงสาร เขาคือหมายเลขหนึ่งในเรื่องการแสดงสีหน้าขัดแย้งกับสิ่งที่กำลังพูดออกมา


[ก๊าซซซซซซ!]


บางทีหากยูอิลฮานได้เจอเข้ากับฮิวลูทูนข้างนอกอาจจะต่างออกไป แต่ว่าที่นี่คือเอลโลคาทร่า ฐานทัพหลักของกองทัพปีศาจวิบัติและตอนนี้ก็อยู่หน้าปราสาทที่หัวหน้าของกองกำลังอาศัยอยู่ เพราะแบบนี้ทำให้พลังของฮิวลูทูนถูกเพิ่มมากขึ้นในที่แห่งนี้ นี่คือข้อได้เปรียบของอาณาเขต


“ฟู่”


แต่ถึงแบบนั้นยูอิลฮานก็ไม่ได้คิดซักนิดเดียวว่าเขาจะแพ้


ผู้นำของกองกำลังสิ่งมีชีวิตชั้นสูง เป็นคนที่ได้เดินไปในเส้นทางของตัวเองที่ต่างไปจากผู้อื่น พวกเขาอยู่ในเส้นทางที่ต่างไปจากเหล่าคนที่เลือกจะเดินตามเส้นทางของคนอื่น


“ฉันฆ่าหมอนี่ได้ใช่ไหม?”

[คิกคิก กองทัพปีศาจวิบัติไม่ถามคำถามแบบนี้กันหรอกนะ!]

“หืมม จริงสินะ พวกนายคงจะทำอะไรแบบนี้กันบ่อยๆสินะ ฉันก็แค่ถามเผื่อเอาไว้น่ะ!”


พลังเวทย์มืดได้ล้อมรอบตัวของฮิวลูทูนแล้ว นี่มันต่างไปจากมานาเพลิงของมิคาเอล นี่คือพลังเวทย์คำสาปที่สร้างขึ้นมาจากความต้องการฆ่าและความเกลียดชัง มานานี่ได้พุ่งออกมาอย่างรวดเร็วโดยที่เล็งมาที่คอของยูอิลฮานกับยูมิล


ยูมิลได้พยายามจะคำรามแผ่มานาออกไปป้องกัน แต่ว่าแค่การโจมตีของยูมิลไม่อาจจะหยุดมานานี้ได้เนื่องจากยูมิลยังอยู่ที่คลาส 6 อยู่เลย แต่แน่นอนว่านั่นคือการที่ยูอิลฮานไม่ได้เข้าร่วมด้วย


“มิลตอนนี้แหละ”

[กรรรรรรร!]


ในอดีตตอนที่ยูอิลฮานเป็นคนขี่มังกรยูมิลอยู่ เมื่อพวกเขาสู้ร่วมกันความสามารถของพวกเขาจะเพิ่มขึ้น 30% แน่นอนว่านั่นมันก็น่าทึ่งมากแล้ว แต่ว่าหากเป็นการ ‘ประสาน’ ที่แท้จริงแล้วมันจะยิ่งกว่านั้น


ในตอนนี้มันต่างออกไปแล้ว กองกำลังสิ่งมีชีวิตชั้นสูงที่มีชื่อว่าดราก้อนเนสได้กำเนิดขึ้นมาแล้ว และในระหว่างการกลายเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูง ทั้งสองคนได้เชื่อมต่อเข้าด้วยกันลึกซึ้งยิ่งกว่าแต่ก่อนทำให้ตอนนี้พวกเขาทั้งสองคนสามารถจะแบ่งมานาของกันและกันรวมไปถึงใช้สกิลของกันและกันได้ เพราะแบบนั้น


[กรรรรรรรรรรร!]


การคำรามของยูมิลจึงได้รับการสนับสนุนจากพลังเวทย์จำนวนมหาศาลของยูอิลฮานที่มีค่าสเตตัสพลังเวทย์อยู่ที่ 1,500 กว่าๆ!


[ติดคริติคอล!]

[อ๊ากกกก!]


แค่เพียงเสียงคำรามเดียวนี้ก็ทำให้สภาพแวดล้อมรอบๆทั้งหมดหายไปราวกับถูกกวาดล้างออกไป และฮิวลูทูนก็เลือดพุ่งออกมาจากทั่วทั้งร่าง


แม้กระทั่งมังกรแห่งความสิ้นหวังอิชจาร์ตอนที่มีชีวิตอยู่ก็ยังไม่อาจจะดึงพลังทำลายล้างแบบนี้ออกมาได้เลย


[อะ อั๊ก แก….]

[หยุดแค่นั้นแหละฮิวลูทูน]


น้ำเสียงของคนวัยกลางคนได้ดังออกมา บางทีนี่อาจจะเป็นเสียงของนายแห่งปราสาทที่มีหมาตัวน้อยมาเฝ้าอยู่! การที่มีอะไรมาขัดขวางการได้เจอกันของทั้งสองคนนี่มันไม่ดีเลย


[ถึงยังไงฉันก็แค่…!]

“ใครบอกว่าจะปล่อยนายไปกันน่ะ?”


ยังไงก็ตามยูอิลฮานก็ขว้างหอกออกมาอย่างไม่ลังเลใจด้วยรอยยิ้ม


[อ๊ากกก!]


วิถีทางไร้ขอบเขตไม่ได้แค่จะนำไปใช้กับการโจมตีด้วยหอกเท่านั้น แต่มันยังนำไปใช้กับการขว้างได้ด้วยเช่นกัน และหอกนี่ก็ได้แทงทะลุเข้าไปในร่างของฮิวลูทูนก่อนที่นายแห่งปราสาทนี้จะได้ทำอะไรซะอีก มันไม่มีทางเลยที่ฮิวลูทูนจะทนได้ในเมื่อเขาเพิ่งจะถูกเสียงคำรามของยูมิลทำให้หมดพลัง


[คุณได้รับค่าประสบการณ์]

[คุณได้รับบันทึกของฮิวลูทูนเลเวล 571]

[คุณได้เพิ่มเลเวลขึ้นเป็น 533 พละกำลังเพิ่มขึ้น 5 ความคล่องแคล่วเพิ่มขึ้น 3 พลังชีวิตเพิ่มขึ้น 2 พลังเวทย์เพิ่มขึ้น 5]

[สกิลวิถีทางไร้ขอบเขตได้เพิ่มเลเวลขึ้นเป็น17]


ผู้บัญชาการกองพันที่ 2 ฮิวลูทูนได้ตายลงไปแล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะได้ถูกเพิ่มพลังขึ้นถึงขีดสุดจากการที่อยู่ในฐานทัพ แต่ว่าเขาก็ยังคงตายไปโดยที่ไม่ได้ทำอะไรซักนิดเดียว


แต่ถึงแม้ว่าจะมีผู้บัญชาการตายไป เหล่าผู้ล่าที่สังกัดกองทัพปีศาจวิบัติก็เพียงแต่หัวเราะออกมากันเท่านั้น เจ้าพวกนี้ทั้งหมดบ้ากันไปแล้วจริงๆ


[อ่า โอ้]


ยูอิลฮานได้พูดออกมา


“นี่มันคือสิ่งที่เขาต้องชดใช้ที่กล้ามาทดสอบฉัน”

[นายนี่เป็นคนที่เหมาะสมกับการเข้าร่วมกองทัพปีศาจวิบัติจริงๆ ฉันก็ได้บอกเขาหลายครั้งแล้วนะว่าให้ห้ามตัวเองเอาไว้ในตอนเจอนาย แต่ว่าเขาก็ยังต้องมาจบชีวิตลงแบบนี้ น่าเศร้าจริงๆ]


ประตูปราสาทได้เปิดขึ้นมา ภายในนั้นเป็นความมืดมิดที่ปกคลุมแม้กระทั่งนายแห่งกองทัพปีศาจวิบัติ


[เทพคนที่ห้า ยินดีด้วยนะ ฉันขอแสดงความยินดีกับนายด้วย]

“ทั้งๆที่ฉันได้ฆ่าผู้บัญชาการกองพันที่ 1 กับ 2 ของนายแล้วก็ขโมยผู้บัญชาการกองพันที่ 3 ไปเนี้ยนะ?”

[ไม่เป็นไรหรอก]


คำตอบของเขาดูไม่สะทกสะท้านใดๆ


[มีคนระดับผู้บัญชาการหลายคนที่ตายไปในกองกำลังอื่นๆ นี่มันคือช่วงเวลาแห่งการทำลายล้าง นี่มันมีแต่น่าพอใจและน่ายินดี ฉันรู้สึกยินดีกับนายจริงๆ]


ยูอิลฮานได้เข้าใจแล้วว่าคนที่กำลังรอเขาอยู่ภายในปราสาทคือชายที่บ้าจริงๆ เขาได้แตะหลังของยูมิลเบาๆ ยูมิลที่เข้าใจสิ่งที่ยูอิลฮานจะบอกได้เปลื่ยนร่างกลับเป็นมนุษย์และจับมือยูอิลฮานเอาไว้


การกลายมาเป็นคลาส 6 ในคราวเดียวทำให้ยูมิลเติบโตขึ้นมาจนสูงพอๆกับยูอิลฮานแล้ว แต่การกระทำของยูมิลก็ยังไม่ต่างไปจากเด็กอยู่ดี บางทีก็อาจจะไม่เคยมีใครเลยในวัยเดียวกับเขาที่มาถึงคลาส 6 อีกด้วย


“ไปกันเถอะ”

“ครับ”


ทั้งพ่อลูกได้กุมมือกันเดินเข้าไปภายในปราสาท ภายในปราสาทมันไม่มีอะไรอยู่เลย หากมีเมดหรือพ่อบ้านมันก็ไม่น่าตกใจเลย แต่ว่าเมื่อยูอิลฮานได้เข้าไปในปราสาท เขาก็ได้โยนความคิดนี้ออกไปทันที ยูมิลได้จับมือของยูอิลฮานแน่นเพราะความกลัวซึ่งนี่ดูน่ารักมาก


“ไม่แปลกใจเลยที่ไม่มีใครเข้ามาใกล้ที่แห่งนี้”

[นายตกใจงั้นหรอ?]

“ก็นิดหน่อย”


ไม่มีใครกล้าจะโกหกเมื่อได้เห็นสิ่งที่กำลังมองยูอิลฮานจากไกๆ นี่มันดูเหมือนกับว่า ‘ดวงตา’ ของเขาคนนั้น


[ยินดีต้อนรับยูอิลฮาน ฉันเรียกตัวเองว่าความโลภ นายเป็นคนที่สามที่ได้มองมาที่ร่างที่แท้จริงของฉัน]

“แล้วคนที่หนึ่งกับสองล่ะ?”

[มิคาเอลกับซาตาน ฉันได้มีการต่อสู้กับสองคนนั้น มันน่าเศร้ามากที่ฉันกลืนกินสองคนนั้นไม่ได้]


ภายในกำแพงปราสาทยักษ์แห่งนี้มีมอนสเตอร์ที่ถูกล่ามด้วยโซ่ที่ทำขึ้นมาจากโลหะโบราณที่ซึ่งยูอิลฮานที่เป็นคนที่รวมพลังเทพแห่งช่างตีเหล็กไว้ในร่างก็ยังใช้เวลานานกว่าจะมองออก


ปีกของนก เกล็ดของมังกร ครีบของปลา แผงคอของสิงโต เขี้ยวของงู ผิวหนังของโทรลล์ กล้ามเนื้อของโอเกอร์ วงแหวนทูตสวรรค์ และปีกสีดำของเทวดาตกสวรรค์


นี่คือการรวมกันของส่งมีชีวิตในหลายๆโลก และหลังจากการหลอมรวมนับไม่ถ้วน ทำให้เขาได้อยู่ในสภาพนี้


[ฉันคือความโลภ คนที่เต็มไปด้วยความปรารถนา หลังจากได้ผ่านความต้องการและความโลภอย่างไม่สิ้นสุดมาทำให้ฉันได้มาถึงจุดๆนี้]


ความโลภมีขนาดที่ใหญ่มากๆและยังคงเพิ่มขนาดขึ้นไปอีก


ยูอิลฮานคิดว่าอิชจาร์ตัวใหญ่แล้วงั้นหรอ? เคลาทูคนั่นตัวใหญ่แล้วสินะ? แต่แล้วเขาก็ต้องเปล่ยนความคิดเมื่อได้เห็นสิ่งมีชีวิตที่แบ่งพลังเวทย์ตัวเองไปสร้างปราสาทและกระทั่งใช้เวทย์บิดเบือนพื้นที่เพื่อยัดร่างของตัวเองเข้ามาในที่เล็กๆแห่งนี้


“…นี่ฉันต้องสงสารนายไหม?”

[ฟุ ฮ่าฮ่า]


ปราสาทแห่งนี้ได้จองจำความโลภเอาไว้ ถึงแม้ว่าจะเป็นเทพแล้ว แต่ว่าพลังเวทย์ของเขาก็ยังแผ่ขยายออกไปจนถึงจุดที่เขาทนไม่ได้อีกต่อไป


แน่นอนว่าการคุมคามจากมานานี้จะส่งผลเท่ากันทั้งกับตัวเขาเองและศัตรูของเขา และเพราะแบบนี้ทำให้สกิลสวนกลับของยูอิลฮานพัฒนาขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง


[สกิลสวนกลับได้เพิ่มเลเวลขึ้นเป็น 55]


[หืมม สงสารงั้นสินะ อารมณ์นั่นคือสิ่งที่ฉันได้เสียไปเมื่อนานมาแล้ว บางทีการได้ลิ้มลองความรู้สึกนั่นจากตัวนายอีกครั้งมันอาจจะคุ้มค่าก็ได้แต่ว่านะ… ตอนนี้ฉันจะปล่อยเอาไว้ก่อน]

“นี่นายกินไปมากขนาดไหนกัน”

[ฉันก็แค่รักการกิน ฉันชอบการที่อุปสรรคของฉันหายไป รวมไปถึงอุปสรรคพวกนั้นได้กลายมาเป็นพลังของฉัน ฉันจะทำให้ทุกๆอย่างที่ฉันกินลงไปกลายมาเป็นพลังและค่าประสบการณ์จนเกิดการพัฒนาอยางไม่สิ้นสุด]


เพราะแบบนี้ในตอนนี้ก็เลยทำให้เขามีร่างกายที่ใหญ่พอจะกินสวรรค์เองได้เลย เขาได้อยู่บนโลกที่เขาปกครองพุ่งเข้าไปหาสวรรค์ แต่ว่านั่นเป็นครั้งแรกที่เขาต้องผิดหวั


[มันไม่มีพระเจ้าอะไรนั่นเลย มันไม่มีอะไรให้ฉันกินเลย แล้วก็เจ้ามิคาเอลที่ดูไม่น่าอร่อยนั่นก็น่ารำคาญมากๆด้วย มันไม่คุ้มเลยที่ฉันจะไปปะทะกับหมอนั่น]

“นี่มันต่างจากที่ฉันได้ยินมานะ”

[อย่าบอกนะว่านายคิดว่าเจ้าพวกนั้นปฏิบัติตามคำสั่งที่มอบหมายมาจริงๆ? พวกอัครเทวทูตที่กำลังเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกันก็ด้วย]


ยูอิลฮานได้แสดงสีหน้าแปลกๆออกมาและตรวจสอบอีกเรื่องหนึ่ง


“แล้วถ้างั้นกองทัพจรัสแสงก็เหมือนกันงั้นหรอ?”

[ซาตานคือคนที่จริงใจและสวยงามที่สุดที่ฉันรู้จักเลยล่ะ เทวดาตกสวรรค์พวกนั้นก็แค่มัวเมาไปกับการอ้างบารมีของเขาเท่านั้นเอง]

“แล้วสวนอาทิตย์อัสดงล่ะ?”

[ในด้านนั่นฉันไม่รู้เลย แต่ว่าผู้นำของพวกนั้นเป็นคนที่น่าสนใจมากๆ ฉันผิดหวังมากๆที่ไม่ได้เจอกับเขาคนนั้น เอาล่ะเรากลับมาคุยหัวข้อหลักกันดีกว่านะ]


หัวหน้ากองทัพปีศาจวิบัติ – ความโลภที่ยูอิลฮานคาดเอาไว้มาเป็นพวกสมองกล้ามเนื้อและชื่นชอบการทำลายได้พูดกับยูอิลฮานด้วยน้ำเสียงสงบ


[นายรู้ไหมว่ากำลังจะเกิดการทำลายล้างขึ้น?]

“อะไรนะ?”


ยูอิลฮานได้ถามกลับไป


มอนสเตอร์คนนี้ได้ยิ้มกว้างออกมาจนเห็นฟัน


[อย่างที่ฉันเคยพูดออกไป ในสวรรค์ไม่เคยมีพระเจ้าอยู่ หรือก็คือพระเจ้าได้ตายไปแล้ว]


หากว่ายูอิลฮานไม่เคยอ่านหนังสือของฟรีดริช นีทเชอมาก่อน เขาก็คงจะต้องตกใจกับคำพูดนี้มาก


“ข้อสรุปง่ายๆแบบนี้มัน…”

[ไม่ได้มีโลกใบใหม่เกิดขึ้นมาอีกเลยหลังจากที่โลกของนาได้เกิดขึ้นมา ในเวลาเดียวกันโลกจำนวนมากมายก็ได้ล้มสลายลงไปหรือกำลังอยู่ระหว่างการล่มสลาย แม้กระทั่งโลกระดับสูงก็กำลังลดจำนวนลงไปเช่นกัน ถึงแมว่าโลกพวกนั้นจะรวมเข้าด้วยกันกลายเป็นโลกใบใหญ่ขึ้นมา แต่ในท้ายที่สุดโลกพวกนั้นก็จะต้องเจอกับการล่มสลาย มันก็เหมือนกับโลกของกองทัพจรัสแสงที่นายได้ทำลายไป]


“แล้วทำไมกันล่ะ? นายอยากจะเปิดแคมเปญสันติภาพอะไรแบบนี้งั้นหรอ?”


[ฉันปรารถนาในการทำลาย แต่ว่าเมื่อทุกๆคนหายไปมันก็จะไม่มีอะไรเหลือให้ฉันกินอีก เพราะงั้นนั่นเป็นเหตุผลทำให้ฉันขังตัวเองเอาไว้ เพราะแบบนี้… ถึงต้องมีพระเจ้าองค์ใหม่เกิดขึ้นมา ผู้สร้างคนใหม่ จำเป็นที่จะต้องมีคนปกครองทุกๆโลกและสร้างโลกขึ้นมาใหม่]

“แล้วเพราะแบบนั้นนายก็จะได้กินได้ตามใจอีกครั้งสินะ?”

[ถูกแล้ว และฉันก็]


ความโลภได้พูดเรื่องไร้สาระขึ้นมาอีกครั้ง


[ฉันคิดว่านายจะกลายเป็นพระเจ้าองค์ใหม่]



บทที่ 298 – ความสำเร็จ (8)


“อ่า โอเค”


เมื่อยูอิลฮานได้หันหน้าไป มอนสเตอร์ก็ได้หัวเราะออกมา


[นายคิดว่าฉันกำลังโกหกงั้นหรอ?]

“อ่า ใช่ แบบนั้นแหละ”


[พระเจ้าได้ตายไปแล้ว ฉันจะกินเขา ในเวลาเดียวกันซาตานก็เป็นคนที่รับใช้พระเจ้าจนถึงท้ายที่สุด ส่วนสวนอาทิตย์อัสงดงก็เป็นแค่ผู้ชม นับตั้งแต่เริ่มต้นมีแค่นายเท่านั้นยูอิลฮานที่ได้เข้าไปถึงขอบเขตการสรรสร้างนอกจากตัวพระเจ้าเอง ฉันมั่นใจในเรื่องนี้หลักจากได้เห็นการคืนชีพของเฮเรียน่า]

“สำหรับเรื่องนั้นฉันก็แค่หลอมจิตวิญญาณครึ่งหนึ่งของเธอเข้าไป…”

[ใช่แล้ว นายยังไม่ถึงระดับนั้น ทั้งพลังของนาย มานาของนาย บันทึกของนาย ทุกๆอย่าง แต่แน่นอนว่านายได้มาถึงในระดับที่ทำให้เราทุกคนต้องตกตะลึงแล้ว]


มันเป็นเรื่องที่เขาได้รู้เรื่องนี้ ยูอิลฮานไม่ได้มีความสามารถในการสร้างชีวิตจากความว่างเปล่า ยังไงก็ตามมอนสเตอร์ก็ยังพูดต่อไป


[แล้วด้วยสัญชาตญาณของนาย นายก็รู้ว่าจะทำอะไรต้องทำเพื่อที่ไปในระดับที่สูงกว่านี้ไม่ใช่หรอกหรอ?]

“…”


ใช่แล้ว ยูอิลฮานได้รู้เรื่องนี้อยู่แล้ว ทำไมถึงต้องมีกองกำลังอยู่ด้วยล่ะ? แล้วโลกที่อยู่ใต้การปกครองเกิดขึ้นได้ยังไงล่ะ? จะต้องทำอะไรเพื่อที่จะยกระดับพลังขึ้นไปอย่างต่อเนื่องงั้นหรอ? ในตอนนี้ยูอิลฮานรู้ในวิธีอื่นนอกจากการเพิ่มเลเวลไปอย่างไร้จุดหมายแล้ว


โลกไงล่ะ เขาจะต้องครอบครองโลกจำนวนมาก


“นายอยากจะให้ฉันเข้าร่วมในสงครามแย่งชิงโลกระดับสูงงั้นหรอ?”

[นายได้เข้าร่วมแล้ว ฉันก็แค่อยากจะให้นายรุกมากขึ้นเพื่อเป้าหมายของนาย]

“เพื่อที่จะสร้างอะไรมาให้นายกินน่ะหรอ?”

[ถูกแล้ว ในตอนนี้เรากำลังเจรจากันอยู่ นี่แหละคือสิ่งที่ฉันต้องการ]


ลิ้นสีแดงหลายแฉกของเขาได้ยื่นออกมาเหมือนกับสัตว์เลื้อยคลาย และตวัดไปมา


หลังจากนั้นคำพูดที่ยูอิลฮานไม่เคยคิดว่าเขาจะได้ยินจากปากสัตว์ประหลาดตัวนี้ก็ดังออกมา


[พันธมิตร]


ยูมิลได้บีบมือยูอิลฮานแน่น ในตอนนี้ยูมิลกำลังบอกนัยๆว่าเขาไม่ต้องการจะอยู่ฝ่ายเดียวกับสัตว์ประหลาดน่ากลังตนนี้ ยังไงก็ตามยูอิลฮานก็พบว่านี่มันเป็นข้อเสนอที่น่าดึงดูดใจมากทีเดียวสำหรับหัวหน้ากองกำลังเกิดใหม่ที่มีพลังน้อยที่สุด


“เอ๋ พันธมิตรสินะ”

[ถึงแม้ว่านายจะเป็นกองกำลังที่มีจำนวนน้อยที่สุด แต่ว่านายก็สามารถจะเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระที่สุดในหมู่เทพด้วยกัน ไม่มีใครจะเพิกเฉยตัวนายได้ แน่นอนวาฉันก็ด้วย ฉันอยากที่จะมีความสัมพันธ์ที่เท่าเทียมกันกับนาย]

“ช่วยพูดให้ชัดหน่อยสิ”

[เป้าหมายแรกก็คือกวาดล้างกองทัพจรัสแสงแล้วก็สวนอาทิตย์อัสดง จากนั้นเราก็จะแบ่งโลกของกองกำลังทั้งสองกองกำลังนั่นเท่าๆกัน ฉันก็จะได้มีมานาที่มากพอจะคงสภาพตัวเองได้ ส่วนนายก็จะเพิ่มระดับพลังได้เช่นกัน ส่วนเป้าหมายต่อจากนั้นคือ….]


ยูอิลฮานรู้ในเป้าหมายนี้ได้ทันทีโดยที่ไม่ต้องฟังอะไรอีก


“ลบล้างสวรรค์สินะ”

[ดูดกลืนสวรรค์และทำให้โลกของนายเป็นโลกลำดับที่หนึ่ง นายก็น่าจะกลายเป็นพระเจ้า นายจะกลายเป็นผู้สร้างคนใหม่! และจากนั้นฉันก็จะเป็นศัตรูของนาย]

“แล้วนี่นายจะไม่สวมหนังแกะแล้วพูดอะไรอย่างเป็นพันธมิตรไปตลอดกาลงั้นหรอ?”

[นี่มันคือธรรมชาติของฉัน ฉันซื่อสัตย์กับความปรารถนา แค่คิดว่าผู้สร้างคนใหม่จะมีรสชาติยังไงก็ทำให้ฉันคลั่งแล้ว]


ยูอิลฮานได้แต่จบด้วยการหัวเราะออกมา


“แล้วนายไม่คิดว่าฉันจะไปหาซาตานงั้นหรอ?”

[ถ้านายพูดแบบนั้นเพราะนายจำได้ว่าเทวดาตกสวรรค์พยายามจะปกป้องนายล่ะก็นะ… คนๆนั้นจะไม่มีการร่วมมือใดๆแน่ นั่นมันก็เพราะนายสมบูรณ์แล้ว มันก็เหมือนกับคนที่กำลังรอให้พิซซ่าในเตาอบสุกดีนั่นแหละ หากว่าพิซซ่านั่นสุกแล้วนายคิดว่าคนๆนั้นจะปล่อยทิ้งไว้งั้นหรอ?]

“เป็นการเปรียบเทียบที่สมกับเป็นนายดีนะ”


ยูอิลฮานก็แค่คิดเล่นๆไปเท่านั้น เขาไม่ได้คิดจริงๆอยู่แล้วว่าเขาจะไปเป็นพันธมิตรกับกองทัพจรัสแสง จริงๆแล้วการที่พวกนั้นมาปกป้องเขายิ่งทำให้เขารำคาญด้วยซ้ำไป ยูอิลฮานปกป้องตัวเขาเองได้อยู่แล้ว แต่เจ้าพวกนั้นกลับมาทำอะไรไร้ประโยชน์ไปซะได้


ยูอิลฮานไม่เคยคิดถึงสถานการณ์ที่เขาจะได้รับความช่วยเหลือเลยสักนิด นั่นมันก็เพราะตลอดเวลาเขาไม่เคยได้รับความช่วยเหลือจากภายนอกมาก่อน เพราะแบบนี้ถึงทำให้เขาแข็งแกร่ง เพราะแบบนี้ถึงทำให้เขายืนได้โดยลำแข้งตัวเอง ยืนได้โดยไม่ต้องพึ่งคนอื่น


เพราะแบบนี้ทำให้


“ขอโทษด้วยนะแต่ฉันขอปฏิเสธในข้อเสนอนี้”


เขาไม่จำเป็นต้องให้มอนสเตอร์นี่ช่วย


“ฉันจะทำตามการตัดสินใจของฉันเอง โลกล่มสลายงั้นหรอ? นายไม่มีอะไรกินงั้นหรอ? นั่นไม่ใช่ปัญหาของฉันนี่ ตราบใดที่โลกของฉันยังคงอยู่ฉันก็ไม่มีปัญหานี่ แล้วกหากพวกนายหรือใครมายุ่งย่ามกับฉันถ้างั้นฉันก็แค่จะลบพวกนายออกไป ฉันคิดว่านายคงจะเข้าใจในตัวฉันผิดไปแล้วนะ นายรู้อะไรไหม? ตัวฉันน่ะเป็นคนแบบ”


เขาได้ยิ้มออกมา


“เล็กจ้อยมากๆเลยนะ”

[เล็กจ้อยงั้นหรอ? งั้นนายก็เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในคนเล็กจ้อยนั่นแหละ แต่ว่านะนายในตอนนี้น่ะ… จะปกป้องโลกและคนของนายได้งั้นหรอ?]

“อืมม สำหรับตอนนี้มันก็คงจะยากนะ”


สำหรับการยืนอยู่ต่อหน้าตัวตนข้างหน้าเขานี้ ยูอิลฮานรู้สึกได้เลยถึงความต่างของพลัง


ในตอนนี้เขาไม่อาจจะเอาชนะตัวตนข้างหน้านี้ได้แน่ๆ เหตุผลที่ยูอิลฮานเอาชนะมิคาเอลได้นั่นมันก็เพราะว่าเขามีข้อได้เปรียบเรื่องธาตุเท่านั้นเอง แต่ว่าหากเป็นการเอาชนะมอนเตอร์บ้าที่ปล่อยแรงกดดันมานาทรงพลังแบบนี้ออกมาจากร่างกายได้โดยไม่ใช้อาร์ติแฟคหรือข้อได้เปรียบด้านธาตุมันก็คงจะเป็นไปไม่ได้ในตอนนี้


“แต่ว่าฉันก็ยังมีเวลาเหลืออยู่อีก ฉันกระทั่งป้องกันไม่ให้นายเข้ามาในโลกของฉันได้”

[ไม่หรอก ฉันไม่ได้คิดที่จะสู้กับนายเลย ฉันก็แค่อยากจะให้นายฟังในข้อเสนอของฉัน เพราะว่าในเร็วๆนี้]


มอนสเตอร์ได้ยิ้มออกมา ปากใหญ่ๆของเขาได้เปิดกว้างออกมาจนเห็นฟันจำนวนมากภายในปากและหัวเราะออกมา


[นายก็จะรู้ได้เอง คนพวกนั้นน่ะน่ารังเกลียดยิ่งกว่าฉันอีก ต่อให้นายอยู่เฉยๆสงครามก็จะเข้าไปหานายเอง จำข้อเสนอนี้ของฉันเอาไว้ให้ดี ฉันจะรอคอยคำตอบจากนายนะ]


ประตูปราสาทได้เปิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ยูอิลฮานได้หันหน้าไปพร้อมกับยูอิล มอนสเตอร์ก็ยังคงหัวเราะออกมา


[มันคงจะไม่นานนักหรอก]

“ฮึ่ม”


ประตูปราสาทได้ปิดลงและแรงกดดันที่น่ากลัวก็ได้หายไปพร้อมๆกับปราสาท สกิลสวนกลับของยูอิลฮานก็ได้มาถึงเลเวล 69 แล้ว


[จบแล้วหรอ? จบแล้วสินะ?]

[งั้นก็มาเล่นกับเราได้แล้ว]


เหล่านักล่าที่รอให้ยูออิลฮานหมดธุระได้พุ่งเข้ามาโจมตียูอิลฮานด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า แน่นอนว่า ‘เล่น’ นั่นน่าจะหมายถึงการกินเนื้อของคนๆนั้นไป ยูอิลฮานก็ได้ยิ้มกลับไปเช่นกันและจัดการกวัดแหว่งหอกของเขา


ค่าประสบการณ์ได้หลั่งไหลเข้ามาในทนัที แต่ว่าการต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตระดับต่ำแบบนี้ทำให้ไม่ได้ค่าประสบการณ์มากนัก


“ฉันบอกว่าช่องเก็บของฉันเต็มไปแล้วไง พวกนายนี่ไม่ฟังกันเลย”

“พ่อครับ กลับกันเถอะ ผมง่วงแล้ว”

“ได้เลย ตอนนี้พ่อก็เหนื่อยแล้วเหมือนกัน”


เนื่องจากว่ายูอิลฮานได้เปิดใช้สกิลสวนกลับอยู่ตลอดเวลาเพื่อต้านกับแรงกดดันทำให้เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะไม่เหนื่อย ยูอิลฮานได้ถอนหายใจและเปิดใช้สกิลข้ามมิติ


แต่ว่าก่อนที่สกิลจะทำงานและพาทั้งสองคนไปโลกอื่น ยูอิลฮานก็ได้มองไปที่กำแพงแห่งความโกลาหลที่อยู่ไกลออกไป


อีกฝั่งหนึ่งของกำแพงเป็นโลกแห่งแสงสว่างที่เต็มไปด้วยทูตสวรรค์


“ทำลายสวรรค์ด้วยกันงั้นสินะ?”


มอนสเตอร์นี่ไม่คิดจะซ่อนความต้องการกันเลย แต่ในครั้งนี้ยูอิลฮานก็เห็นด้วยกับพวกนั้น


‘มีหมูแบบไหนกันนะที่กินด้วยความคิดที่คิดถึงอนาคตไปด้วย? คงไม่ใช่หมูแต่เป็นโสคราตีสสินะ’


ยูอิลฮานได้คิดอยู่ในใจของเขา หากว่าเจ้านี่ฉลาดก็คงไม่ตกอยู่ในสภาพแบบนี้แน่


เจ้านี่น่าจะโกหกหรือซ่อนอะไรบางอย่างจากยูอิลฮานอยู่ ยกตัวอย่างก็เช่นหัวหน้าของสวนอาทิตย์อัสดงที่ดูเขาจะไม่อยากพูดถึงเลย


“ดูเหมือนฉันต้องไปหาหัวหน้ากองกำลังอื่นๆเหมือนกันงั้นหรอ?”


ยังไงก็ตามการไปที่กองทัพจรัสแสงนั้นคงจะไม่ดีแน่ ยูอิลฮานเชื่อในคำพูดของความโลภที่ว่าซาตานจะไม่ปล่อยเขาไปแน่ และหากยูอิลฮานเป็นซาตานก็คงจะทำเหมือนกัน


ส่วนหัวหน้าสวนอาทิตย์อัสดงยูอิลฮานไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอยู่ที่ไหน ยูอิลฮานรู้สึกตกใจเอามากๆ คนๆนี้คงจะมีความสามารถในการซ่อนตัวที่ลึกซึ้งมาก


“ถ้างั้นเรากำลังจะไปไหนกันหรอครับพ่อ?”

“แน่นอนสิว่าต้องเป็นที่ดาเรย์”


ยูอิลฮานก็อยากจะกลับไปที่โลกของเขา แต่หากเขากลับไปตอนนี้ได้เกิดปัญหาเล็กๆขึ้นแน่ ปัญหาก็คือโลกของเขาจะกลายไปเป็นโลกระดับสูงในทันที ระดับพลังของหัวหน้าของกองกำลังมากพอที่จะควบคุมการเป็นไปของโลกและเนื่องจากโลกได้เตรียมพร้อมมานานแล้ว นี่ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร


“ผมคิดว่านั่นไม่ใช่ปัญหาเล็กๆนะครับพ่อ!”

“นี่ลูกเริ่มต่อล้อต่อเถียงพ่อแล้วนะ!”


แต่สำหรับที่ดาเรย์ ที่นั่นเป็นโลกระดับสูงไปแล้วแถมยังอยู่ใต้การปกครองของยูอิลฮานแล้วด้วย เพราะแบบนี้ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร


ในตอนนี้เองสกิลข้ามมิติก็ได้ถูกทำงานแล้ว ภาพที่น่ากลัวได้ค่อยๆจางลงและโลกสงบสุขภายในดาเรย์ก็ได้โผล่ขึ้นมา


แน่นอนว่าโลกใบนี้ได้เริ่มเปลื่ยนไปอย่างต่อเนื่องเมื่อยูอิลฮานได้มาถึง


[คุณได้รวบรวมบันทึกทั้งหมดของโลกใบนี้และได้รับการเชื่อฟังจากผู้อาศัยทั้งหมดที่นี่ ที่โลกดาเรย์นี้ได้กลายเป็นถิ่นอาศัยของดราก้อนเนส]

[การได้รับบันทึกจากคุณทำให้ดาเรย์ได้เกิดมหาภัยพิบัติขั้นที่ 6 ขึ้น]


“อ่า ที่นี่ก็เกิดปัญหาเล็กๆขึ้นเหมือนกัน”

“นี่ก็ไม่ใช่ปัญาเล็กๆนะครับพ่อ!”


และมันก็ไม่ใช่เรื่องเล็กๆจริงๆ เมื่อยูอิลฮานได้ตัดสินใจจะไปหาเอลฟ์เพื่อจะช่วยปกป้องคุ้มกันก็ได้มีเสียงดังขึ้นมาจากในร่างของเขา และมีชุดข้อความอีกชุดหนึ่งโผล่ขึ้นมา


[พลังของคุณในฐานะผู้นำดราก้อนเนสได้ทำงาน]

[โลกภายใต้การปกครองของคุณกุนเดียได้รวมเข้ากันกับดาเรย์]


“…หืม?”


กุนเดียนั่นมันเป็นโลกระดับต่ำนี่ แต่การที่มันกำลังผสมเข้ากับดาเรย์นี่มัน? ถ้างั้นที่ดาเรย์แห่งนี้กำลังจะเจอมหาภัยพิบัติขั้นที่ 6 หรือกำลังถดถอยลงกันแน่เนี้ย?


นอกไปจากนี้การที่โลกระดับต่ำกับโลกระดับสูงรวมเข้าด้วยกันมันเป็นไปได้ด้วยงั้นหรอ ถ้ามันเป็นไปได้ทั้งสี่กองกำลังก่อนหน้านี้ก็คงจะไม่ปล่อยโลกระดับต่ำเอาไว้แน่! นี่มันหมายความว่าพลังนี้มีแต่ยูอิลฮานเท่านั้นที่มีมัน…!


“อ่า หัวของฉันมันปวด… อ๊ากกกกกกกก!”


ยังไงก็ตามบันทึกนภาก็ไม่ได้ให้เวลาเขาได้แบ่งแยกความคิดนี้ ข้อความจำนวนนับไม่ถ้วนได้ปรากฏขึ้นในหัวของเขาพร้อมๆกันกับการรวมกันของกุนเดียกับดาเรย์ที่เพิ่งจะเริ่มขึ้น


[โลกภายใต้การปกครองของคุณไทเฟ็นได้รวมเข้ากับดาเรย์]

[โลกภายใต้การปกครองของคุณอีไลด์ได้รวมเข้ากับดาเรย์]


“นี่มันอยู่นอกเหนือการคาดการณ์ของฉันแล้วนะ!”

“ดูสิ ดูสิพ่อ! ว้าว มิติกำลังแยกจากกัน! นั่นมันโลกที่เราเคยไปกันมาก่อน!”


โลกนี่หลอมรวมกันง่ายๆแบบนี้เลยงั้นหรอ!? ยูอิลฮานได้เบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง แต่ว่านี่มันยังไม่หมดแค่นั้น


[โลกภายใต้การปกครองของคุณเทโรดัว…]

[โลกภายใต้การปกครองของคุณ….]

[โลกภายใต้…]

[โลก…]


“…”

“โอ้ ว้าวววว!”


โลกได้ถูกแยกออกและมีโลกใหม่ๆปรากฏตัวขึ้นบนนั้นเพื่อที่จะขยายผืนดินและท้องฟ้าออกไป จากตะวันตก ตะวันออก เหนือ ใต้ ท้องฟ้าได้มาเจอกับท้องฟ้าที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ โลกกำลังขยายขนาดออกไปด้วยความเร็วที่น่าทึ่ง


พร้อมๆกันกับการขยายของโลกอำนาจการปกครองของยูอิลฮานก็ได้ขยายออกตามไปด้วย แต่ว่าหลังจากได้เห็นการเปลื่ยนแปลงไปการแผ่ขยายมานาและมอนสเตอร์ใหม่ๆที่กำลังเกิดขึ้นมาก็ทำให้เขาหัวเราะไม่ออกแล้ว


“พ่อครับ เราจะทำยังไงกันดี?”

“พ่อก็ไม่รู้เหมือนกัน… นั่นมันเอลฟ์นี่! พ่อจะต้องปกป้องเอลฟ์กับหมาป่าในโลกใบนี้! อ๊ากกกกกกก!”


ในวินาทีที่ยูอิลฮานก็ตั้งสติได้และเริ่มเคลื่อนไหว สถานการณ์ที่แย่ที่สุดที่เขาได้คิดเอาไว้มันได้เกิดขึ้นมาแล้ว


[โลกภาตใต้การปกครองของคุณเอิร์ธได้รวมเข้า….]

“ไม่!!!!!!”

[การรวมกันของดาเรย์กับเอิร์ธได้ถูกยกเลิกแล้ว]

“อ่า ฉันหยุดมันได้ด้วยแหะ”


หลังจากได้รู้เรื่องนี้ยูอิลฮานก็ได้โล่งอกขึ้นมา ยังไงก็ตามในจุดๆนี้โลกอื่นๆทั้งหมดที่เขาเคยไปมายกเว้นโลกของเขาได้รวมเข้ากับดาเรย์ไปจนหมดแล้ว


นี่คือการเกิดขึ้นของโลกที่เป็นของยูอิลฮานเพียงผู้เดียว



บทที่ 299 – ความสำเร็จ (9)


“เวรล่ะ”


ยูอิลฮานได้พึมพัมออกมาด้วยรอยยิ้ม การรู้แจ้งมักจะมาในตอนที่คนๆหนึ่งยอมแพ้เสมอ… การยอมแพ้นี่มันดีจริงๆเลยแหะ


“หืม? ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหัวใจไม่สั่นคลอนได้ทำงานแล้ว”

“พ่อครับ ผมก็อยากจะมีสกิลนั้นเหมือนกัน”

“มันดีแล้วล่ะที่ลูกไม่มีสกิลนั้น”


ทวีปจำนวนมากมายได้ถูกขยายขึ้นเป็นสิบเท่าพร้อมๆทั้งภูเขาที่โผล่ขึ้นมาและพังทลายลงไป หุบเขาลึกได้ปรากฏขึ้นจากผืนดิน ทะเลได้แห้งแล้งลงไปในขณะที่บางส่วนมีมากขึ้นจนกลืนผืนดินไป หากเป็นคนปกติได้มาเห็นภาพนี้พวกเขาก็คงไม่อาจจะตั้งสติต่อไปได้อีกแล้ว


ยังไงก็ตามยูอิลฮานก็ไม่กล้าจะปิดใช้งานหัวใจที่ไม่สั่นคลอนเพราะหวาดกลัวผลกระทบภายหลังที่จะตามมา เขาแค่ตัดสินใจปล่อยสกิลนี้เอาไว้


“ยังไงก็ตาม… พวกนายไม่เป็นอะไรนะ?”

“พะ พวกเราไม่เป็นไรครับท่านจักรพรรดิ!”

[บรู๋ววววววว!]


เหล่าเอลฟ์กับหมาป่าที่ตกตะลึงกับการเปลื่ยนแปลงที่จู่ๆก็เกิดขึ้นมาได้ถูกยูอิลฮานช่วยเอาไว้และพวกเขาไม่อาจจะซ่อนความตื่นตระหนกเอาไว้ได้


วิธีการช่วยเหลือของยูอิลฮานก็ไม่ปกติเอามากๆเช่นกัน ยูอิลฮานได้ใช้วงเวทย์ที่ถูกร่ายอยู่ทั่วทั้งดาเรย์ทำให้พื้นที่ส่วนหนึ่งยกส่วนขึ้นเพื่อไม่ให้ได้รับผลกระทบจากมหาภัยพิบัติและรวบรวมทุกๆคนมาไว้ที่นี่


“ท่านจักรพรรดิน่าทึ่งมาก”

“ดูสิๆ ท่านจักรพรรดิกำลังเปลื่ยนแปลงโลกล่ะ!”

“โอ้สวยจังเลย… ภายใต้ฝ่ามือท่านจักรพรรดิดาเรย์เรากำลังเบ่งบานขึ้นมา!”


ภายใต้ฝ่ามือท่านจักรพรรดิดาเรย์เรากำลังเบ่งบานขึ้นมา? ในตอนนี้ยูอิลฮานทำได้แค่พยายามจะควบคุมโลกเท่านั้นเองนะ!


มีเรื่องที่โชคดีและน่าสงสัยอยู่เรื่องหนึ่งก็คือวงเวทย์เอลฟ์โบราณนั้นได้ถูกร่ายเอาไว้นอกทวีปดาเรย์และแผ่ขยายข้ามกำแพงไปจนถึงโลกอื่นๆและทวีปของโลกอื่นๆโดยไร้ซึ่งปัญหาใดๆอีกด้วย


มันราวกับว่าวงเวทย์นี้ได้ถูกสร้างเอาไว้ด้วยความคิดที่จะให้มันขยายออกไปตั้งแต่แรกแล้ว


“อย่างน้อยที่สุดพวกเอลฟ์โบราณก็ได้เตรียมตัวไว้สำหรับการวิวัฒนาการโลก”

“พ่อครับ สู้ๆนะครับ”


แน่นอนว่าการที่ยูอิลฮานได้ยกระดับศักยภาพของวงเวทย์ด้วยการอัพเกรดมันก็มีส่วนช่วยด้วยเช่นกันล


และที่สำคัญที่สุดเลยก็น่าจะเป็นการที่ยูอิลฮานได้กลายเป็นจ้าวแห่งโลกใบนี้…


เขาคิดว่า เขาโชคดีในหลายๆด้าน


“โอ้ว โลกกำลังขยายออกไป”

“มอนสเตอร์ก็ยังได้เกิดและตายขึ้นมาอย่างต่อเนื่องเช่น”

“อ่า… ในที่สุดท่านจักรพรรดิก็”

“…ได้กลายเป็นพระเจ้า”


ทุกๆสถานที่นอกจากที่ราบสูงที่พวกยูอิลฮานยืนอยู่ได้กำลังเปลื่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่อง


มอนสเตอร์ที่ไม่อาจจะทนต่อความเข้มข้นของมานาได้ก็ได้แก่ลงอย่างต่อเนื่องจนตายไปเอง และไม่นานก็จะมีมอนสเตอร์ใหม่ๆเกิดขึ้นมาก่อนที่จะตายไปอีกครั้งหนึ่ง เรื่องแบบนี้ไม่ได้เกิดแค่กับมอนสเตอร์เท่านั้น แต่ธรรมชาติก็เป็นเช่นเดียวกัน


“สวย…”

“สวยมากๆ”

“แล้วก็… น่ากลัวมาด้วย”


การเกิดและตายคือชะตากรรมที่ไม่อาจจะเลี่ยงได้ และเป็นการเป็นไปที่ไม่อาจจะปฏิเสธได้ แต่ว่าการเป็นไปนี้ไม่ใช่สิ่งที่จะยอมรับกันได้ง่ายๆ หากว่ายูอิลฮานไม่ได้แย่เหล่าเอลฟ์กับหมาป่าออกมาก่อน คนพวกนี้ก็คงจะต้องเจอกับชะตากรรมที่คล้ายๆกัน เพราะงั้นการกระทำนี้ของเขาจึงยอดเยี่ยมมาก


“พ่อครับ เมื่อไหร่มันจะจบลงกันครับ?”

“ยังเหลือเวลาอยู่อีกมาก มิล ช่วยไปบอกคนอื่นๆว่าไม่ให้มาที่ดาเรย์ซักพักทีนะ”

“ได้เลยครับ!”


แม้กระทั่งในตอนที่ยูมิลได้อธิบายสถานการณ์ให้คนอื่นๆฟังผ่านเครื่องมือสื่อสาร ยูอิลฮานก็ยังเคลื่อนไหวอย่างวุ่นวาย ในตอนนี้การรวมกันของโลกได้จบลงแล้ว และเพราะแบบนี้ยูอิลฮานก็จะต้องจัดการช่วยวงเวทย์เอลฟ์โบราณให้เข้ากันกับโลกใบใหม่ที่ขยายใหญ่ขึ้นกว่าเดิมสิบกว่าเท่า


[สกิลประกาศิตได้เพิ่มเลเวลขึ้นเป็น 23]

[สกิลประกาศิตได้เพิ่มเลเวลขึ้นเป็น 24]


“ทั้งๆที่ฉันไม่เคยใช้สกิลี้มาก่อนเลเวลมันก็ยังเพิ่มขึ้นรัวๆเลยแหะ…”


สกิลประกาศิตก็คือสกิลที่เป็นการรวมกันของสกิลบันทึกกับสกิลปกครอง นี่คือสกิลที่ยืนยันถึงการยืนในตำแหน่งหัวหน้าของกองกำลังสิ่งมีชีวิตชั้นสูง


และในตอนนี้ยูอิลฮานกำลังทำการควบคุมวงเวทย์ที่ควบคุมทั้งโลกและทำการดูดเอาบันทึกทั้งหมดของสิ่งมีชีวิตมาเสริมพลังของมัน เพราะแบบนี้มันก็คล้ายกันกับการใช้สกิลบันทึกกับสกิลปกครองพร้อมๆกัน ทำให้สกิลที่วิวัฒนาการมาจากสกิลเหล่านี้ได้เพิ่มเลเวลขึ้นเช่นกัน


“…เอาล่ะถ้างั้นมาลองดูกัน”


สกิลประกาศิตก็เป็นอย่างที่เขาเพิ่งจะพูดไป มันเป็นสกิลที่จะทำให้เขาไปถึงในระดับพลังของทวยเทพ แต่ว่าในส่วนที่ยากลำบากก็คือมันจะเปิดใช้งานได้แค่ภายในส่วนพื้นที่การปกครองของเขาเท่านั้น


ยังไงก็ตามยูอิลฮานได้ครอบครองสกิล ‘ประจักษ์แจ้ง’ อยู่ และเขาสามารถจะใช้งานมันเพื่อสร้างพื้นที่ของเขาที่ไหนก็ได้ตลอดเวลา บางทีนี่อาจจะเป็นเพราะพลังของฉายา ‘ผู้ก้าวข้าม’ ที่ทำให้เขาได้รับเส้นทางในการวิวัฒนาการเพิ่มเติมขึ้นมามากมาย


มันยังไม่ใช่แค่นั้น ฉายา ‘ผู้ก้าวข้าม’ ยังทำให้เขามีอิสระมากๆอีกด้วย อิสระจนมากเกินไป เพราะแบบนี้ทำให้เมื่อยูอิลฮานได้กลายมาเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงทุกๆคนต่างก็หวาดกลัวยูอิลฮาน


‘ยิ่งคิดถึงมันก็ยิ่งทำให้ฉันรู้ว่ามันโกงมากแค่ไหน’


ตามปกติแล้วหัวหน้าของแต่ล่ะกองกำลังจะได้รับการเสริมพลังขึ้นอย่างมากในโลกที่อยู่ใต้การปกครองของพวกเขา ในขณะเดียวกันผู้บุกรุกเข้าไปในโลกผู้อื่นก็จะได้รับบทลงโทษเช่นกัน


เพราะแบบนี้เองทำให้สิ่งมีชีวิตชั้นสูงของแต่ล่ะกองกำลังไม่เคยไปทำสงครามในฐานทัพหลักของฝ่ายอื่น อาจจะพูดได้ว่านี่คือความสามารถในขั้นพัฒนาของสกิลจ้าวมิติที่ยูอิลฮานครอบครองอยู่


ยังไงก็ตามตัวยยูอิลฮานที่มีฉายา ‘ผู้ก้าวข้าม’ อยู่ทำให้เมื่อเขาได้กลายมาเป็นหัวหน้าดราก้อนเนสทำให้เขาสามารถจะเมินเฉยต่อเรื่องบทลงโทษในเรื่องนั้นได้ หรือก็คือยูอิลฮานจะไม่ได้รับการเพิ่มพลังเมื่อเขาอยู่ในโลกของเขาหรือในดาเรย์ แต่ว่าในเวลาเดียวกันเมื่อเขาบุกไปที่สวรรค์หรือโลกเบื้องล่าง เขาก็จะไม่ได้รับบทลงโทษใดๆเช่นกัน


ถ้างั้นแบบนี้ไม่ใช่ว่าในตอนป้องกันจะเสียเปรียบหรอกหรอ?


พูดแบบนั้นก็ไม่ถูกนัก นั่นมันเพราะว่ายูอิลฮานยังมีความสามารถในฐานะนักท่องมิติอยู่ และเขาสามารถจะป้องกันไม่ให้สิ่งมีชีวิตอื่นๆบุกเข้ามาในโลกของเขาได้


สิ่งที่ยิ่งทำให้เสียสมดุลไปกว่าเดิมนั่นก็คือยูอิลฮานสามารถจะสร้างพื้นที่ควบคุมของเขาขึ้นได้ด้วยสกิลประจักษ์แจ้ง มันจะทำให้ตัวเขาได้เปรียบหัวหน้ากองกำลังอื่นๆ


นี่มันเป็นเหตุผลที่ทำให้เขามั่นใจว่าเขาจะไม่แพ้ใครต่อให้เขาเป็นหัวหน้ากองกำลังที่ห้าที่อ่อนแอที่สุดก็ตาม


“ดีล่ะถ้างั้นก็”


ยูอิลฮานได้ค่อยๆเปิดปากขึ้นมา เขารู้สึกว่าภาษาที่เขากำลังพูดอยู่ในตอนนี้ไม่อาจจะใช้ภาษาปกติมาทำความเข้าใจได้


[มาแยกน้ำกับผืนดินกัน]


คลื่นน้ำได้ที่กำลังพุ่งอยู่ทุกๆที่ได้สงบลงและพุ่งออกไปหยุดนิ่งลงมากลายเป็นทะเลสาบหรือมหาสมุทร ผืนแผ่นดินก็ได้หลอมรวมกับแผ่นดินใกล้ๆ ในระหว่างกระบวนการนี้ก็ทำให้เกิดหุบเขาและภูเขาขึ้นมา ในเวลาเดียวกันทะเลสาบดั้งเดิมก็ได้หายไปและบางครั้งก็เกิดเป็นมหาสมุทรใหญ่ขึ้นมา


“อ่า อ่าาาาา”

“ได้ยังไงกัน…”


ในท้ายที่สุดเหล่าเอลฟ์ก็ทำอะไรไม่ถูกเมื่อได้เห็นคำพูดคำเดียวของยูอิลฮานได้ทำให้เกิดการเปลื่ยนแปลงขึ้นกับโลก ระหว่างยูอิลฮานกำลังควบคุมผืนฟ้าและแผ่นดิน เขาก็ได้เปล่งแสงสีแดงเพลิงออกมาโดยไม่รู้ตัว! เหล่าเอลฟ์ที่แต่เดิมภักดีกับเขาถึงขีดสุดอยู่แล้วได้เริ่มเกิดความศรัทธาขึ้นมา


แน่นอนว่ายูอิลฮานก็ไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีนัก


[สกิลประกาศิตได้เพิ่มเลเวลขึ้นเป็น 26]

[มานาถูกใช้ไปแล้ว 48%]


“ฮ่าห์ บ้ามากๆเลยแหะ”


จากการที่มานาส่วนใหญ่ถูกดูดออกไปแทบจะในทันทีทำให้เขาเกือบจะหมดสติลงไป เมื่อคิดถึงเลเวล 500 ของยูอิลฮานแล้วพลังเวทย์ของเขาจึงมีมหาศาลมาก เพราะแบบนี้มานาจำนวน 48% จึงไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลย! ยังไงก็ตามโชคดีที่สภาพดาเรย์เป็นแบบนี้


“พ่อไม่เป็นอะไรนะครับ”

“ไม่เป็นไร มานาของพ่อกำลังฟื้นฟูขึ้นมาอยู่”


มันจะมีหายนะเกิดขึ้นจากมานามากเกินไปใช่ไหม ยูอิลฮานได้ดูดมานาส่วนเกินพวกนั้นมาจากส่วนต่างๆของดาเรย์และฟื้นฟูมานาทั้งหมดของเขาอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าเขายังต้องใช้ประกาศิตอยู่อีกหลายครั้งอยู่ดี


[ทำให้มานาของโลกใบนี้สร้างพันธะกับวงเวทย์ขึ้น]

[ทำให้สลารบนโลกถูกเสริมพลังขึ้นจากการดูดมานาเข้าไป]

[แบ่งแยกแผ่นดินและสร้างป่าขึ้น]


จากกระบวนการหลอมรวมและวิวัฒนาการทำให้มานาเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล และเขาจะต้องจัดการปัญหาทั้งหมดนั่น ยูอิลฮานได้ควบคุมวงเวทย์เอลฟ์โบราณเหมือนกับเป็นอาร์ติแฟคของโลกใบนี้ทำการดูดมานาเข้าไปและสร้างสิ่งมีชีวิตที่สงบสุขที่สุดเท่าที่ทำได้ขึ้นมา


[สกิลประกาศิตได้เพิ่มเลเวลขึ้นเป็น 39]


“แฮ่กๆ ยากจริงๆเลย”

“พ่อครับ”

“พ่อไม่เป็นไร พ่อคิดว่าตอนนี้ใกล้จะเสร็จแล้วล่ะ”


เพราะพลังจิตใจและการดูดมานามาใช้สกิลประกาศิตอย่างต่อเนื่องทำให้ป่าไม้มีขนาดขยายใหญ่ที่ไม่มีใครคาดคิดเลยว่าจะมีต้นไม้แบบนี้ได้ รวมไปถึงหยดน้ำขนาดใหญ่ที่กระจายอยู่เต็มไปหมดโดยที่ลอยอยู่บนอากาศและทุกๆอย่างนี้ต่างก็ดูดซับมานาเข้าไปอย่างเป็นธรรมชาติ


องค์ประกอบหลายๆอย่างได้ทำให้โลกใบนี้กว้างใหญ่ และเปลื่ยนแปลงไปอย่างมากจนสวยงามยิ่งขึ้น ไม่มีโลกใดแบบนี้ที่ยูอิลฮานเคยเจอมาก่อน บางทีสวรรค์ก็อาจจะเป็นแบบนี้ก็ได้


“การที่โลกระดับต่ำรวมเข้ากับโลกระดับสูงนี่มัน… แล้วถ้าเป็นโลกระดับสูงสองแห่งล่ะ?”


ยูอิลฮานได้คิดเรื่องนี้และภาพที่เขาจินตนาการออกมาได้ก็ค่อนข้างจะดีด้วย บางทีนี่หากเป็นสำหรับหัวหน้าคนอื่นๆก็คงจะเป็นไปไม่ได้ แต่ว่าด้วยความสามารถที่ถึงแม้จะไม่สมบูรณ์อย่างความสามารถ ‘สรรสร้าง’ ก็ยังทำให้เป็นไปได้ที่จะรวมโลกระดับสูงสองแห่งเข้าด้วยกันให้เป็นโลกที่แข็งแกร่ง! นี่มันคือการโกงที่มีแค่ยูอิลฮานเท่านั้นที่ทำได้


“พ่อครับ ผมคิดว่าตอนนี้พ่อคงกำลังคิดอะไรบ้าๆอยู่แน่”

“พ่อก็เริ่มรู้สึกกลัวตัวเองแล้วเหมือนกันล่ะ”


ยูอิลฮานได้พูดตรงๆกับยูมิลที่หรี่ตามองมาที่เขา แน่นอนว่าเขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องบ้าๆแบบนั้นในตอนนี้ แค่การที่ดาเรย์รวมเข้ากับโลกอื่นๆนับสิบ ไม่สินับร้อยโลกก็ทำให้เขาปวดหัวแล้ว มันไม่มีทางที่เขาจะมีเวลาไปรวมกับโลกระดับสูงแห่งอื่นอีกแน่


นอกไปจากนี้ถึงแม้ว่ายูอิลฮานจะใช้สกิลประกาศิตควบคุมสิ่งต่างๆแล้ว แต่ว่ามันก็ไม่ใช่ว่าทุกๆอย่างภายในดาเรย์จะสวยงามและสงบสุขไปหมด


เพราะบันทึกของยูอิลฮานทำให้มีทะเลสาบพิษปรากฏขึ้นมาในบางส่วนของดาเรย์ รวมไปถึงนรกเพลิงที่กำลังลุกไหม้ในรอยแยกขึ้น แถมยังมีพายุไต้ฝุ่นแห่งความตายที่เกิดขึ้นมาจากฝุ่นโลหะที่มีอยู่ในพื้นที่สนามแม่เหล็กที่จะกวาดล้างทุกๆอย่างในเส้นทางไปอีกด้วย


“ว้าว พอสิ่งมีชีวิตคลาส 4 โดนมันเข้าก็ตายไปทันทีเลยล่ะ”

“ดาเรย์นี่ได้กลายเป็นเหมือนกับพ่อมากยิ่งขึ้นแล้ว เท่จังเลย”


จะมีก็ต่อยูมิลเท่านั้นที่ตาเป็นประกาย แม้ว่าเขาจะเชื่อตั้งแต่แรกแล้วว่าพ่อของเขาคือคนน่าทึ่ง แต่จากสิ่งที่ยูอิลฮานกำลังทำตอนนีที่ใกล้เคียงกับคำว่าปาฏิหาริย์ยิ่งทำให้เขามั่นใจยิ่งกว่าเดิมอีก! หากยูมิลมีเพื่อนมังกรล่ะก็ เขาก็คงจะเอาเรื่องของยูอิลฮานไปโม้ให้ทุกๆคนได้ยินแน่


“ผมอยากจะโม้เรื่องของพ่อจังเลย”

“แต่ว่าลูกก็รู้นี่มิล มังกรในตอนนี้น่ะ…”


เดี๋ยวก่อนนะ


มังกร?


“หืม ถ้าที่ดาเรย์ได้รับบันทึกของฉันไปล่ะก็ แถมที่ดาเรย์แห่งนี้แต่เดิมก็มีเผ่าพันธ์มังกรเกิดขึ้นมาเหมือนกัน…”


เมื่อดูจากมอนสเตอร์ที่เกิดและตายซ้ำๆจนทำให้เกิดการวิวัฒนาการ…


“พ่อครับ…”


ยูมิลรู้สึกได้เร็วกว่ายูอิลฮานเล็กน้อย เขาได้พึมพัมออกมาด้วยใบหน้าที่เหมือนกับฝันไป


“ผมรู้สึกได้ถึงตัวตนของมังกร”

“…จริงๆด้วย”


ยูอิลฮานได้กลืนน้ำลายลงไปและตอบกลับไป


ในดาเรย์แห่งนี้ สถานที่ที่ได้เกิดมหาภัยพิบัติขั้นที่ 6 ขึ้น โลกใบนี้ได้หลอมรวมเข้ากับโลกระดับต่ำทั้งหมดที่อยู่ใต้การปกครองของยูอิลฮาน


ที่แห่งนี้ได้มีมังกรเริ่มเกิดขึ้นมาแล้ว



บทที่ 300 – ฉันคือพ่อของพวกนาย (1)


[ฉัน…]

[อ๊า ฉันมีชีวิตขึ้นมาแล้ว แสงสว่างยามรุ่งอรุณกำลังส่องลงมาที่ตัวฉัน]

[ฉันมองเห็น ฉันสัมผัสได้ ฉันได้ยินเสียงด้วย กลิ่นของชีวิตใหม่ รสชาติที่หอมหวานของอากาศ… ฉันรู้สึกถึงมันได้!]


สมแล้วกับที่เป็นมังกร พวกเขาได้ส่งเสียงออกมาในทันทีที่ฝักออกมา บางทีอาจจะมีแค่เผ่าพันธ์มังกรเท่านั้นที่เริ่มมีอารมณ์ความรู้สึกต่างๆนับตั้งแต่เกิดเลย


[อ๊าา!]

[ผู้สร้างของฉัน นายท่านที่ได้ประทานสติปัญหาให้กับฉัน! ฉันขอสรรเสริญกับความยิ่งใหญ่ของท่าน]


เสียงร้องอันน่าอึดอัดใจได้ดังออกมาจากทั่วทั้งทวีป แน่นอนว่าไม่ใช่ว่ามอนสเตอร์ทุกตัวที่เกิดมาบนดาเรย์เป็นมังกรไปทั้งหมด แต่ว่าจากเอกลักษ์ของตัวดาเรย์ที่ได้รับอิทธิพลมาจากผู้ปกครองทำให้ส่วนใหญ่แล้วเป็นมังกร


หรือก็คือมีมังกรประมาณล้านกว่าตัวเกิดขึ้นมา


“อ่า…”

“ผมคิดว่าอีกเดี๋ยวก็จะมีมากกว่านี้อีกนะครับพ่อ”


สิ่งที่น่ากลัวยิ่งไปกว่านั้นก็คือมังกรที่เกิดใหม่ขึ้นมาไม่ได้อยู่ในคลาส 3 แต่ว่ามังกรพวกนี้ต่างก็เป็นมังกรเต็มวัยที่มีเลเวลสูงกว่า 200 ขึ้นไปทั้งนั้น แถมยังมีมังกรที่เกิดขึ้นมามีเลเวลถึง 270 หรือกระทั่ง 280 อีกด้วยซ้ำไป


“แค่เกิดมาก็ไม่ยุติธรรมแล้ว”

“ไม่ใช่ว่าพ่อบอกว่าชีวิตมันก็ไม่ยุติธรรมอยู่แล้วหรอครับ?”

“ใช่ พ่อพูดแบบนั้นแหละ”


ยังไงก็ตามเหล่ามังกรเพิ่งเกิดก็มีระดับเลเวลสกิลที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับเลเวลที่สูงถึง 280 ยูอิลฮานได้ตัดสินใจที่จะไม่สนใจในเรื่องเลเวลอีก


แต่แลวเรื่องที่เขาไม่อาจจะยอมรับได้ก็เกิดขึ้นในเวลาต่อมา


[ท่านอยู่ตรงนั้นล่ะ]

[ผู้สร้างเรา ครอบครัวของเรา]

[ท่านผู้ปกครองที่ยิ่งใหญ่และเปล่งประกาย]


“…หา?”


ยูอิลฮานได้แต่ส่งเสียงออกมาอย่างตกใจ วินาทีต่อมามานาก็ได้กระจายออกมาทั่วทั้งทวีปดาเรย์ที่ซึ่งได้แผ่ขยายออกมาอย่างไม่สิ้นสุด


มานาพวกนี้ได้สั่นพ้องขึ้นมาจากการที่มังกรทั้งหมดได้กำลังบินขึ้นมา


[ไปหานายท่าน]

[ไปหาท่านผู้ยิ่งใหญ่]


มังกรดูจะรู้ถึงตำแหน่งที่ยูอิลฮานผู้ให้กำเนิดอยู่ได้จากสัญชาตญาณและเริ่มที่จะบินเข้ามาหายูอิลฮาน คนที่เกิดค่อนข้างจะใกล้ได้มาถึงเร็วที่สุด และคนที่เกิดอยู่ใกล้ออกไปก็จะกระพือปีกอย่างไม่สิ้นสุดพร้อมตะโกนเรียกชื่อของยูอิลฮาน การที่มีมังกรขนาดร่างกายมหีมามาร้องประสานเสียงแบบนี้มีแต่จะทำให้คนอื่นๆต้องหวาดกลัวเท่านั้น


“บ้าอะไรเนี้ย? พวกมังกรเป็นบ้าอะไรกันไปหมด? พวกเขากำลังจะทำอะไรกัน?”

[นายท่านคือผู้ปกครองของมังกรทั้งมวลรวมถึงตัวฉันด้วย ฉันอยากจะเจอพวกเขาจริงๆเลย]


เสียงของอิชจาร์ดูจริงจังมากยิ่งกว่าที่เคย ตามปกติแล้วอิชจาร์มักจะมีคำบ่นออกมาตลอด แต่ว่าในตอนนี้น้ำเสียงของเขาดูจริงจังเอามากๆและมีกระทั่งความเคารพบูชายูอิลฮานอีกด้วย


[นายท่านได้ประกาศออกมาหลังจากที่ทำให้ฉันยอมแพ้ ในตอนนั้นนายท่านได้บอกว่าจะเป็นจ้าวของมังกรทั้งมวลรวมถึงตัวฉันด้วย นี่คือความปรารถนาของฉันที่ฉันไม่เคยทำได้เลยและเป็นคำขอของฉันในฐานะผู้แพ้]

“นายบอกว่าความปรารถนาของนายแล้วก็คำขอ…”


ครั้งหนึ่งอิชจาร์เคยเป็นมังกรแห่งความสิ้นหวังที่ได้คุกคามสิ่งมีชีวิตมากมาย แต่ว่าเขาไม่เคยไปถึงจุดหมายของเขาตลอดการเดินทางเลย


จากการพยายามมาหลายต่อหลายปีเขาควรจะไปถึงจุดๆนั้นแต่เขาก็ทำไม่สำเร็จ นี่คือความหวังและความปรารถนาของเขาที่ถูกเก็บเอามาไว้เป็นระยะเวลานาน จริงๆแล้วยูอิลฮานไม่เคยคิดถึงอิชจาร์มาก่อนเลย แต่ว่ายูอิลฮานก็รู้สึกสนใจเป็นครั้งแรกหลังจากได้รู้ถึงความรู้สึกของอิชจาร์ที่มีต่อการเกิดของมังกรจำนวนนับไม่ถ้วนในดินแดนแห่งนี้


มังกรที่ครั้งหนึ่งถูกอาบย้อมไปด้วยกระดูกแห่งคำสาปและความสิ้นหลัง ในที่สุดแล้วเขาก็เรียกคืนความตั้งใจดั้งเดิมออกที่สว่างสดใสมันเหมือนกันแสงท่ามกลางความมืดมนของจิตใจเขา


“ได้ ฉันเข้าใจแล้ว”


ไม่ว่ายังไงก็ตามเขาก็ได้ถูกกำหนัดให้เป็นจ้าวแห่งมังกรทั้งมวลมาล่วงหน้าอยู่แล้ว เพราะแบบนั้นนี่จึงเป็นความรับผิดชอบชองเชาเช่นกัน การทอดทิ้งมังกรที่เรียกเขาว่าพ่อมันก็คงจะไม่ต่างไปจากการทอดทิ้งยูมิลแน่นอน


“ในเมื่อฉันสัญญากับนายเอาไว้ในตอนเราทำสัญญากัน เพราะงั้นฉันจะรับผิดชอบมังกรพวกนี้เอง”

[ขอบคุณมากๆ]


หลังจากได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก อิชจาร์ก็ได้เงียบลงไป และในเวลาไม่นานมังกรก็ได้มารวมตัวกับรอบๆยูอิลฮาน


บางส่วนก็กระพือปีกบินอยู่บนท้องฟ้ารอบตัวยูอิลฮาน ในขณะที่บางส่วนก็หุบปีกมองขึ้นมาหายูอิลฮานจากพื้นดิน แน่นอนว่าโลกใบนี้กว้างใหญ่ขึ้นมาทำให้ท้องฟ้าก็ยังดูทอดยาวอย่างไร้ที่สิ้นสุดแม้ว่าจะมีมังกรนับแสนมารวมตัวกันอยู่


[พ่อ]

[พ่อของฉัน]

[ท่านผู้ยิ่งใหญ่และงดงาม]

[ท่านทรงพลัง อ่า ท่านแข็งแกร่งจริงๆ]


มังกรทั้งหมดต่างก็มองมาที่ยูอิลฮานด้วยความชื่นชม พวกมังกรได้มองเห็นอิทธิพลจำนวนมหาศาลที่ยูอิลฮานมีต่อโลกใบนี้รวมไปถึงมานาจำนวนมหาศาลที่ยูอิลฮานครอบครองอยู่และพลังแห่งทวยเทพที่ซ่อนเอาไว้ภายใต้เรือนร่างเล็กๆนี่ ยูอิลฮานรู้สึกอึดอัดเอามากๆกับการถูกสายตาของมังกรนับล้านมองมา แต่สำหรับยูมิลแล้วดูเขาจะชื่นชอบเอามากๆ


“พ่อครับ มังกรพวกนี้อ่อนแอกว่าผมหมดเลย!”

“ใช่แล้ว ตอนนี้มิลแข็งแกร่งมากๆแล้วไงล่ะ”

“ผมดีใจจัง!”


เหตุผลที่ยูมิลมีความสุขอาจจะไม่ใช่แค่เพราะว่าเขาแข็งแกร่งกว่ามังกรคนอื่นๆเท่านั้น แต่ว่าเขาก็น่าจะรู้สึกได้ถึงความความไม่พอใจต่อมังกรของยูอิลฮานได้หายไปแล้วด้วย


ก่อนหน้านี้ยูมิลไม่อาจจะแสดงความรู้สึกแบบนี้กับยูอิลฮานได้เนื่องจากว่ายูอิลฮานมีความเป็นศัตรูกับมังกรอยู่ แต่ว่าเขาก็ยังคงมีความโหยหาในเผ่าพันธ์เดียวกันเป็นธรรมชาติของตัวเองอยู่ และในตอนนี้มังกรจำนวนมากมายที่เพิ่งจะเกิดมาก็ได้ติดตามยูอิลฮานแล้ว เพราะแบบนี้เองก็เลยทำให้เขารู้สึกมีความสุข


“พวกนายอยากจะทำอะไรกันล่ะ? พูดออกมาตรงๆนะ”


แม้ว่ามังกรพวกนี้จะเพิ่งเกิดขึ้นมา แต่ว่าพวกมังกรก็สามารถที่จะเคลื่อนไหวได้ตามความต้องการและมีเหตุมีผลด้วยเช่นกัน เพราะแบบนี้ทำให้ยูอิลฮานได้เลือกที่จะปล่อยให้พวกมังกรได้ทำตามความต้องการของตัวเอง และมังกรทุกๆคนก็ได้ตอบกลับมาโดยไม่ลังเล


[ผมอยากที่จะแข็งแกร่ง!]

[ผมอยากที่จะอยู่กับท่าน!]


ใช่แล้ว เป้าหมายแต่เดิมของมังกรก็เป็นแบบนี้นี่แหละ ยูอิลฮานได้หยักไหล่ขึ้นมาอย่างสบายๆเพราะเขาได้คาดเอาไว้อยู่แล้วว่ามันจะต้องเป็นแบบนี้


“ได้เลย ฉันจะทำให้พวกนายแกร่งขึ้นเอง”

[ขอบคุณครับนายท่าน]


มังกรนับล้านตัวได้คำรามออกมาพร้อมๆกัน ยูอิลฮานได้หยักหน้าและหยิบเอาเนื้อมังกรออกมาจากช่องเก็บของ


เนื้อส่วนใหญ่พวกนี้ก็คือเนื้อของมังกรคลาส 4 และก็มีเนื้อมังกรคลาส 5 อยู่มากเช่นกัน รวมไปถึงเนื้อมังกรคลาส 6 ทราก้า ด้วยเช่นกัน และในท้ายที่สุดก็คือเนื้อของมังกรแห่งความสิ้นหวังอิชจาร์


“นี่คืออาหารมื้อแรกสำหรับพวกนาย หลังจากที่กินเนื้อไปแล้วพวกนายก็จะต้องออกกำลังกายกันเพราะงั้นกินให้อิ่มล่ะ”


มังกรรู้ได้ดีว่า ‘ออกกำลังกาย’ ของยูอิลฮานจะไม่ใช่การยืดเส้นยืดสายตามปกติแน่แม้ว่าพวกเขาจะเกิดมาไม่ถึง 20 นาทีก็ตาม


จากการที่มังกรได้ถูกสร้างขึ้นจากบันทึกของยูอิลฮานทำให้มังกรทุกๆคนสามารถจะเข้าใจได้ถึงคำพูดไร้สาระที่คลุมเครือของยูอิลฮานได้เป็นอย่างดี


[หรือก็คือนับจากนี้…]

[นี่คือภารกิจแรก!]


มังกรจำนวนนับไม่ถ้วนต่างก็มีขึ้นมาด้วยกระตือรือร้น เนื้อจำนวนมากนี่จะทำให้พวกเขาแข็งแกร่งมีอยู่จำกัดและมีคู่แข่งอยู่มากมายเพราะงั้นพวกเขาจึงต้องสู้กันเพื่อแย่งมาเท่านั้น


“แต่ว่าจะต้องไม่มีใครตายนะ ในตอนนี้พวกนายทุกคนคือครอบครัวเดียวกัน และคนที่ฆ่าครอบครัวของตัวเองจะไม่ได้รับการให้อภัย”

[เข้าใจแล้วครับ!]

[ครับ!]


จากคำตอบที่เต็มไปด้วยความกล้าหาญหรือเวทย์เพลิงขั้นสูงของพวกมังกรทำให้ดูเหมือนพวกเขาจะอัดอีกฝ่ายไปจนถึงสภาพกึ่งตายแน่นอน


“ตอนนี้ลูกไม่ต้องการอะไรแล้วงั้นหรอมิล?”

“ไม่หรอกครับ พวกเด็กๆควรที่จะกินเยอะๆและก็โตขึ้น”


ระหว่างเฝ้าดูลูกมังกรสู้กัน ยูมิลก็ได้ยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ คนที่ได้กินเนื้อของอิชจาร์ไปก็น่าจะมีศักยภาพที่จะกลายมาเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงเช่นกัน


ยูอิลฮานรู้สึกแปลกใจนิดๆขณะที่มองดูมังกรนับล้านทำสงครามเพื่อแย่งอาหารมื้อแรกกัน ทั้งบนท้องฟ้าหรือบนพื้นดินต่างกเต็มไปด้วยเวทย์จำนวนนับไม่ถ้วนและการปะทะกันของร่างกายที่ดูน่าตื่นเต้นยิ่งกว่าการต่อสู้ใดๆที่ยูอิลฮานเคยเห็นมา แต่ว่าเป้าหมายของการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่นี่กับแค่อาหารเพียงมื้อหนึ่งเท่านั้น…


“ดูเหมือนทุกๆคนจะหิวกันมากเลยนะ”

“มันไม่น่าจะใช่แค่นั้นนะครับ”


สำหรับมนุษย์แล้วการกินเนื้อกันเองคือเรื่องต้องห้าม แต่ว่าสำหรับมังกรการกินเนื้อกันเองนั่นคือพิธีกรรมที่จะสืบทอดเจตนารมณ์ของเผ่าพันธต่อไป พวกมังกรเหล่านี้ก็น่าจะรู้ในเรื่องนี้


“นายคิดยังไงล่ะอิชจาร์? เนื้อที่มังกรเหล่นี้อยากจะกินที่สุดก็คือนายเลยนะ?”

[ในตอนนี้เนื้อนั่นมันไร้ประโยชน์สำหรับฉันไปแล้ว ถ้ามันจะทำให้เด็กๆแกร่งขึ้นมา ถ้างั้นฉันก็ยินดี]

“…เดี๋ยวนี้นายพูดตรงๆเป็นแล้วนี่”


บางทีนี่คงถึงเวลาที่หยุดแกล้งอิชจาร์แล้ว ยูอิลฮานได้ยักหล่และมองกลับไป เอลฟ์กับหมาป่าที่รวมตัวกันอยู่บนที่ราบสูงต่างก็อ้าปากจนกรามค้างจากการต่อสู้ของมังกร


“มังกรตัวใหญ่นั่น”

“มอนสเตอร์ที่ฉันไม่อาจจะสู้ได้เพียงลำพังมีอยู่ตรงหน้าเป็นล้าน… ท่านจักรพรรดิช่าง… ยิ่งใหญ่จริงๆ”


มังกรที่เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวกำลังสู้กันตามคำสั่งของยูอิลฮานอยู่ สำหรับพวกเอลฟ์แล้วมันยิ่งทำให้ได้เห็นถึงความศักดิ์สิทธิ์ของยูอิลฮาน ยูอิลฮานได้หันมาปลอบเอลฟ์กับหมาป่าที่กำลังตื่นเต้นกันมากๆด้วยรอยยิ้มแห้งๆ


“สำหรับพวกนายที่อยากจะเป็นนักขี่มังกรกันก็ควรจะเตรียมตัวไว้นะ”

“โอ้วววววว!”


มีมังกรอยู่จำนวนมาก เพราะแบบนี้บางทียูอิลฮานก็อาจจะได้นักขี่มังกรมาอย่างน้อยก็ประมาณร้อยคนได้แน่ๆ ถึงต่อให้พวกเอลฟ์กับเผ่าพันธ์หมาป่าไม่อยากจะเป็น ยูอิลฮานก็จะบังคับเอง ยูอิลฮานไดตัดสินใจแบบนี้เอาไว้ภายในใจและหยักหน้าขึ้นมา เพราะแบบนี้เองทำให้เหล่าเอลฟ์จะต้องได้บุกเบิกเส้นทางใหม่ในการขี่มังกรหลังจากที่ได้ขี่หมาป่า!


“ฉันมาที่ดาเรย์ก็เพราะกลัวว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับโลกของฉัน และนี่ก็ดูจะเป็นทางเลือกที่ดีทีสุดที่ฉันได้เลือกอีกด้วย”


ในตอนนี้ยูอิลฮานได้เป็นผู้ปกครองของเหล่ามังกรทั้งมวล และประกายให้โลกแห่งมังกรเป็นเขตปกครองแรกของเขา แถมด้วยเอกลักษณ์ส่วนตัวของเขาทำให้โลกระดับต่ำภายใต้การปกครองของเขาหลอมรวมเข้ากับโลกใบนี้อีกด้วย


โลกได้ใหญ้ยิ่งขึ้นและมีมังกรที่เต็มไปด้วยศักยภาพกำเนิดขึ้นมา แค่นี่ก็มาพอที่จะเรียกว่าปาฏิหาริย์แล้ว


“ดูเหมือนว่าใกล้จะจบแล้วนะ”


แน่นอนว่ามหาภัยพิบัติขั้นที่ 6 ไม่ได้จะจบลงแค่นี้ แต่ว่ามานาในชั้นบรรยากาศได้เริ่มแสดงความสเถียรขึ้นมาแล้ว ในตอนนี้โอกาสฝนฟ้าคะนองในระหว่างกำลังเดินอยู่…น่าจะลดลงไปแล้ว แต่ก็สำหรับตอนนี้เท่านั้น


“ท่านจักรพรรดิ ท่านกำลังคิดอะไรอยู่หรอครับ?”


หนึ่งในเอลฟ์ที่มองดูยูอิลฮานที่กำลังอยู่ในความคิดอยู่ได้เรียกเขา ยูอิลฮานได้หยักไหล่ออกมา


“ฉันกำลังคิดถึงสิ่งที่ฉันจะทำในดาเรย์ต่อจากนี้น่ะ เพราะว่ามีหลายๆอย่างเปลื่ยนแปลงไปในทันที พวกเอลฟ์อย่างพวกนายกับเผ่าพันธ์หมาป่าจะเอาตัวรอดผ่านมันไปได้ก็ต่อเมื่อพวกนายแข่งแกร่งขึ้น…”

“ผมจะทำให้ได้ครับ!”

“ฉันชอบในความมั่นใจของพวกนายนะ แต่ว่า…”


ยูอิลฮานได้มองไปที่มอนสเตอร์ที่เกิดขึ้นมาทั่วทั้งโลก พวกเอลฟ์กับหมาป่าในปัจจุบันไม่อาจจะมีโอกาสจะเอาชนะมอนสเตอร์พวกนั้นได้เลย


มังกรไม่ใช่แค่สิ่งมีชีวิตเดียวที่เกิดมาแข็งแกร่ง มีมอนสเตอร์ขนาดใหญ่ที่มีเลเวลสูงกว่า 270 เกิดขึ้นมาทั่วทั้งดาเรย์


ในตอนนี้การเปลื่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมได้ลดลงไปแล้ว แต่ว่ามานาที่มีในดาเรย์ก็เปลื่ยนเป้าหมายไปที่การทำให้สิ่งมีชีวิตกลายพันธ์และวิวัฒนาการเร็วขึ้นแทน


“หากพวกนายอยากจะสู้กับสัตว์ร้ายแบบนั้นพวกนายจะต้องให้พวกมังกรช่วย”

“เราไม่อาจจะกังขาในคำพูดของท่านจักรพรรดิอยู่แล้ว แต่ว่าพวกเราจะใช้ชีวิตร่วมกันกับมังกรได้งั้นหรอ…”


เอลฟ์ต่างก็ไม่มั่นใจ นี่เป็นเรื่องปกติเพราะว่าเอลฟ์เคยเป็นเพียงเหยื่อของมังกรมาก่อน ยูอิลฮานได้ยิ้มแห้งๆออกมา


“มังกรทั้งหมดนั่นต่างก็ทำตามคำสั่งฉันและไม่ได้ต่อต้านฉัน เพราะงั้นเรื่องที่พวกนายเป็นกังวลกันอยู่ไม่มีทางเกิดขึ้นแน่ …ยังไงก็ตามพวกนายก็อาจจะต้องสู้กับศัตรูที่น่ากลัวและน่ารำคาญในอนาคตแน่ๆ”

[กรรรรรรร!]

“พวกเราพร้อมอยู่เสมอครับตราบใดที่ท่านจักรพรรดิยังคงอยู่กับเรา!”


เหล่าหมาป่ารู้สึกแปลกๆกับคำว่า ‘ศัตรูที่น่ากลัวและน่ารำคาญ’ ในขณะที่ฝั่งของเอลฟ์ได้ตะโกนออกมาอย่างกล้าหาฐ หืมดูเหมือนไม่จำเป็นต้องสอนพวกเขาแล้วนะ


ยูอิลฮานได้หยักหน้าด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ และตอนนี้เขาก็มองกลับไปหามังกร มังกรทั้งล้านตัวที่เพิ่งจะจบศึกแย่งชิงอาหารก็กำลังมองมาที่ยูอิลฮานอยู่


“เอาล่ะถ้างั้นก็…”


เขาได้ดูตัวที่แข็งแกร่งที่สุดที่ได้เอาเนื้อของอิชจาร์จาไปซึ่งนี่ทำให้ยูอิลฮานตกใจกับผลลัพธ์มาก


[ฟู่ กรรรรรรรรรรร!]


มีตัวหนึ่งได้ยึดเอาเนื้ออิชจาร์ทั้งหมดไป


“นายนี่โลภน่าดูเลยนะ”

[พ่อ ผมอยากแข็งแกร่ง!]


ตัวนี่ก็คือตัวที่ดึงดูดสายตาของยูอิลฮานตั้งแต่แรกแล้ว นี่คือมังกรที่เกิดมามีเลเวล 280 และมีเกล็ดสีแดงเพลิงที่สื่อถึงพลังแห่งเพลิงที่อยู่ในสายธาตุเดียวกับยูอิลฮาน


แน่นอนว่าตอนนี้มังกรแดงที่ได้กินเนื้ออิชจาร์ไปอีกทำให้เลเวลของมันเพิ่มขึ้นมาจนถึง 294 สกิลอื่นๆก็น่าจะพัฒนาขึ้นมาอย่างมากเช่นกัน


[ผมอยากจะแกร่งยิ่งกว่านี้ อยากที่จะเอาชนะ!]

“ดีมาก ฉันจะให้นายเป็นผู้นำกลุ่มนี้นะ ฉันจะให้ชื่อกับนายนั่นคือรูบี้”

[มีความสุขจัง!]


รูบี้มังกรแดงได้หลบสายตายูมิลที่จ้องมาเงียบๆราวกับจะถามรูบี้ว่านายดูถูกชื่อนี้งั้นหรอ ยูอิลฮานได้จัดการรักษาบาดแผลให้กับมังกรที่บาดเจ็บ สำหรับการรักษานั่นก็แค่ใส่โพชั่นที่ผสมขึ้นมาจากเลือดมังกรที่ผสมกับอ่างแห่งปาฏิหาริย์และเลือดของเขาเล็กน้อยก็พอแล้ว


[พ่อ แล้วต่อจากนี้เราจะทำอะไรกัน?]

“มันเป็นเรื่องดีนะที่จะฝึกสกิลที่มีตั้งแต่เกิดของพวกนาย… แต่ว่าสำหรับในตอนนี้ก็ไปสู้กับมอนสเตอร์ที่่อนแอจนไม่อาจจะคุกคามชีวิตพวกนายได้ก่อน ในอนาคตเป้าหมายแรกของพวกนายทุกคนก็คือห้ามไม่ใช่สิ่งมีชีวิตอื่นมาปกครองโลกใบนี้นอกจากตัวพวกนายเอง โอเคนะ?”

[เข้าใจแล้วครับ]

[เราจะทำตาม!]


มังกรทั้งหมดต่างก็บินแยกกันออกไปเหมือนกับตอนนี้มา เมื่อรูบี้คำรามขึ้น มังกรทั้งหมดก็ส่งเสียงออกมาพร้อมๆกัน


[เดี๋ยวจะกลับมานะครับ!]


เสียงคำรามของมังกรนี้ให้ความรู้สึกเหมือนกับพ่อแม่ที่ส่งลูกๆออกไปเรียนเป็นครั้งแรก ยูอิฮานได้มองส่งพวกมังกรจากไปและคิดว่าตราบใดที่ไม่มีใครตายก็ไม่มีปัญหา


“พ่อครับ แล้วเราจะทำอะไรต่อล่ะ?”

“ตอนนี้มีเรื่องหนึ่งที่ยังเหลืออยู่”


ดวงตาของยูอิลฮานได้เป็นประกายขึ้นมา ผลกระทบหลังจากมหาภัยพิบัติยังคงอยู่ ในขณะที่วงเวทย์เอลฟ์โบราณก็ได้ทำงานแล้วด้วย


แต่ว่าเรื่องที่ต้องจัดการก็คือเขาไม่อาจจะปล่อยให้ที่ราบสูงที่เอลฟ์กับหมาป่ายืนอยู่เป็นเหมือนก้อนหินๆและหญ้าเฉยๆได้ เพราะแบบนี้…


“เรามาสร้างเมืองไว้ให้ทุกคนใช้ชีวิตอยู่กันเถอะ”


จิตวิญญาณแห่งนักสร้างของเขากำลังลุกโชนขึ้นมาแล้ว



บทที่ 301 – ฉันคือพ่อของพวกนาย (2)


ระหว่างที่ยูอิลฮานกำลังสร้างปาฏิหาริย์อยู่ สมาชิกปาร์ตี้ของยูอิลฮานก็กำลังพิชิตโลกระดับสูงอยู่อีกแห่งหนึ่ง


[พวกเธอไปเอาความกล้ามาจากไหนถึงได้มาต่อต้านกองกำลังสิ่งมีชีวิตชั้นสูง?]


คนที่ถามคำถามนี้ออกมาด้วยน้ำเสียงชั่วร้ายก็คือเทวดาตกสวรรค์เซีย ผู้เฝ้าดูแลโลกระดับสูงเฟียต้าที่เป็นของกองทัพจรัสแสง เทวดาตกสวรรค์ส่วนใหญ่ได้ตายลงไปแล้วจากการระดมยิงจากป้อมปราการ และหลังจากต่อสู้กันพักหนึ่งทำให้ตอนนี้เหลือเขาอยู่เพียงคนเดียว


“กล้าอะไรของนาย ถ้าเรากล้ากันจริงๆเราจะไม่ทำแบบนี้แน่ ที่พวกเราทำแค่นี้ก็เพราะว่าฉันกลัวว่าคนที่ฉันรักแล้วก็เพื่อนๆที่มีค่าจะตายทั้งหมด และในสุดท้ายก็เพราะว่าฉันอาบแล้วก็อ่อนแอด้วย”


เลียร่าได้ตอบกลับมา คนที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มแน่นอนว่าคือเฮเรียน่า แต่ว่าในด้านความแข็งแกร่งทางร่างกายเธอยังด้อยกว่าเลียร่าทำให้หลังจากเลียร่าแยกจากยูอิลฮาน เลียร่าก็ได้มาทำหน้าที่หัวหน้ากลุ่มนี้


“แต่ไม่ว่ายังไงเราก็ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่จะพูดเรื่องนั้นกัน ถึงฉันจะไม่ใช่ฝ่ายถูกก็ตาม แต่… นี่คือสงคราม เพราะแบบนี้เราถึงได้มีชีวิตอยู่มาจนถึงตอนนี้”

[ทูตสวรรค์ชั้นสูงที่เสียปีกไป เลียร่า… เธอยินดีกับการเป็นสุนัขของมนุษย์งั้นหรอ!?]

“สุนัขมันก็ยังฉลาดกว่าคนคุยไมรู้เรื่องแบบนี้ซะอีก”


เลียร่าได้หยักไหล่ออกมาและยกหอกของเธอขึ้น ด้วยความรักที่สุดแสนจะลึกซึ้งของเธอได้ทำให้หอกทรงพลังขึ้นและในตอนนี้พลังโจมตีมันก็เกินกว่า 16,000 ไปแล้ว ความรักของเธอได้กลายไปเป็นจ้าวแห่งโลหะทั้งมวลที่ทำให้หอกของเธอทรงพลัง


“เข้ามาสิ ฉันจะจัดการนายแบบ 1 ต่อ 1 ให้ดู”

[เธอมันโง่ขนาดไหนกันถึงได้มาสู้กับฉันทั้งๆที่ฉันยังมีพลังในฐานะคลาส 6 อยู่ทั้งหมดในขณะที่เธอเสียมันไปแล้ว]

“ไม่ว่าฉันจะโง่หรือไม่ก็ตามเรื่องนี้มันจะถูกตัดสินหลังจากเราปะทะกันนี่?”

[เธอกล้างั้นหรอ…!]


แน่นอนว่าเลียร่าก็ไม่ได้ประมาท เธอได้ดึงพลังเวทย์ของเธอออกมาเสริมพลังกับชุดเดรสรบของเธอซึ่งยูอิลฮานได้ทำให้เธอรวมถึงเครื่องประดับต่างๆด้วย อีกทั้งเธอยังได้รับพรจากนายูนาและมีความมั่นใจที่จะเอาชนะศัตรูได้เท่านั้นเธอถึงจะพุ่งออกไป หากว่าเธอมาคนเดียวมันจะต่างออกไปแน่ แต่ว่าในตอนนี้ตัวเธอได้มากับคนจำนวนมากที่จะปกป้องและความคาดหวังมากมายที่เจอ


[คุณได้รับค่าประสบการณ์]


“ฟู่ จบซักที”


หนึ่งนาทีหลังจากการต่อสู้ได้เริ่มต้นขึ้นเลียร่าก็ได้จัดการฆ่าเซียและทำให้หอกของเธอที่มีพลังเวทย์ทำให้สั่นสงบลง เธอยังได้เก็บเอาศพมาเช่นกัน เฮเรียน่าที่เฝ้ามองมาตลอดก็อุทานขึ้นมา


[สไตล์การต่อสู้ของเธอดูคล้ายของที่รักเลยนี่]

“แน่อยู่แล้วสิ ก็ฉันนี่แหละที่สอนเขาใช้หอก”

[แล้วเธอรู้สึกยังไงมั้งล่ะกับการที่ถูกที่รักทิ้งห่างไปไกลแล้วน่ะ? หืมม เป็นยังไงมั้ง?]

“ฉันชอบนะ ฉันรู้สึกภูมิใจแล้วก็พอใจมากที่ฉันได้มีส่วนสำคัญทำให้อิลฮานเป็นอย่างทุกวันนี้ ฉันรู้สึกว่าฉันเป็นส่วนหนึ่งของเขาต่อให้เราแยกกันอยู่”

[…ชิ]


เฮเรียน่าพยายามจะแหย่เลียร่าแต่แล้วเธอก็ต้องเดาะลิ้นออกมาเมื่อได้เห็นรอยยิ้มมีความสุขของเลียร่า


สมแล้วที่เธอได้รับพรจากเทพแห่งความรัก ถึงแม้ว่าเฮเรียน่าจะรักยูอิลฮานจริงๆ แต่หากเทียบกับเลียร่าแล้วเธอก็ยังแค่เด็กๆ


“งั้นนี่ก็จบแล้วสินะ ถ้างั้นเราควรจะไปโลกต่อไปเลยดีป่ะ? เป็นกองทัพจรัสแสงอีก…”

“จะเกิดอะไรขึ้นกันถ้าซาตานเคลื่อนไหว?”

[ถ้าซาตานเคลื่อนไหว ถ้างั้นผู้นำกองกำลังอื่นๆก็จะเคลื่อนไหวเหมือนกัน เพราะงั้นนั่นจะเป็นเวลาที่ทุกๆกองกำลังเข้าสู่สงครามเพื่อจับตัวเขา แล้วนั่นก็เป็นสิ่งที่ที่รักเล็งอยู่เหมือนกัน]

“ในเวลานั้นเราจะไม่ตายกันหรอ~!?”


นายูนาได้ตะโกนออกมาอย่างตกตะลึง แต่เฮเรียน่าก็หยักไหล่ออกมา


[ฉันกำลังจะบอกว่าต่อให้เป็นแบบนี้ ทุกๆอย่างก็จะจบลงบนโลก และนี่ก็เป็นเหตุุผลที่แผนของที่รักจะทำให้ผู้นำแต่ล่ะกองกำลังอ่อนแอที่สุดเท่าที่จะทำได้ เธอลืมเรื่องนี้ไปแล้วงั้นหรอ?]


ดวงตาเฮเรียน่าได้ส่องประกายลึกลับออกมา


[เหตุผลของที่รักคือทำให้เราได้รวบรวมมันทึกให้มากๆ แล้วก็เหตุผลที่ที่รักเอาตัวเองไปในที่ที่อันตรายที่สุดทั้งหมดก็เพื่อปลุกพลังขึ้น ที่รักคือหัวหน้ากองกำลังสิ่งมีชีวิตชั้นสูงที่สมบูรณ์แบบที่สุด… ในเวลานั้นพวกเราก็ไม่จำเป็นต้องกลัวหัวหน้ากองกำลังอื่นๆอีกต่อไปแล้ว]

“ทุกๆอย่างจะเปลื่ยนแปลงไปในเวลานั้นสินะ~?”

[แน่นอนสิ… ไม่สิ บางทีที่รักอาจจะยืนอยู่บนจุดสูงสุดและรุ่งโรจน์ที่สุดเลยก็ได้]


เมื่อคิดถึงพระเจ้าของกองทัพสวรรค์แล้วคำพูดของเฮเรียน่าเป็นคำที่พยาบคายมาก แต่ว่าสำหรับคนที่นี่ ไม่ต้องพูดถึงคนอื่นเลยแม้กระทั่งเลียร่ากับเอิลต้าก็ยังมีความเชื่อในพลังพระเจ้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จริงๆแล้วพวกเธอก็อยากจะให้เป็นแบบนี้ด้วย


[แล้วก็นะคุณผู้หญิง เมื่อไหร่เธอจะสร้างประตูมิติล่ะ?]


เฮเรียน่าที่หลังจากพูดคำยกย่องยูอิลฮานแล้วรู้สึกอายขึ้นมาได้หันหน้าไปหาคังมิเรย์ ยังไงก็ตามสีหน้าของคังมิเรย์ค่อนข้างจะ ไม่สิ มืดมนเอามากๆ


“ฉันพยายามแล้ว แต่ว่าเปิดประตูมิติไม่ได้เลย”

[แต่ความสามารถของเธอคือการสร้างประตูมิติทีพาไปโลกอื่นนี่]

“มีการแทรกแซงจากองค์ประกอบภายนอกอยู่ กระทั่งส่งข้อความไปหาอิลฮานยังไม่ได้เลย ฉันคิดว่าความสามารถนี้จะไม่ถูกขัดขวางโดยใครก็ตามที่อยู่ในบันทึกนภาซะอีกนะ…”

[..ว่าไงนะ?]


เฮเรียน่าได้ถามกลับไป


[แม้กระทั่งอาร์ติแฟคที่ที่รักให้เรามาก็ใช้ไม่ได้ผลงั้นหรอ?]


ไมเพียงแต่ความสามารถของมิเรย์เท่านั้นที่ถูกขัดขวาง แต่ยังมีบางอย่างแทรกแซงอาร์ติแฟคของยูอิลฮานด้วยทั้งๆที่เขาคือคนที่ไปถึงในระดับการสรรสร้างแล้วเนี้ยนะ? เฮเรียน่าได้หันมาตรวจอาร์ติแฟคของเธอและพบว่านี่มันคือเรื่องจริง


เลียร่าก็รู้ว่าเครื่องสื่อสารอะไรก็ตามได้ถูกตัดขาดไปทั้งหมดและหันมาถามเฮเรียน่าด้วยเสียงสั่นๆ


“…ซาตานปรากฏตัวหรืออะไรงั้นหรอ?”

[ต่อให้เป็นซาตานก็ไม่อาจจะขัดขวางอาร์ติแฟคของที่รักได้ นี่มันคือ…]


[สถานการณ์ที่คาดไม่ถึง]


ก่อนที่เลียร่าจะพูดข้อสรุปออกมาก็ได้มีน้ำเสียงดังขึ้นมาทั่วทั้งเฟียต้าโดยที่ไม่ใช่เสียงของใครในที่แห่งนี้ทั้งนั้น น้ำเสียงนี้ทั้งไม่สูงไม่ต่ำ ไร้ซึ่งอารมณ์ เป็นแค่น้ำเสียงเรียบเฉยที่ไม่อาจจะระบุเพศได้


[กองกำลังที่ห้าแห่งบันทึกนภา]


เจ้าของเสียงได้ปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ดูรูปร่างเหมือนกับมนุษย์ แต่ว่าร่างกายนั้นผอมบางมีหมอกแสงออกมาจากทุกๆด้าน


[กำจัดกองกำลังนี้้ก่อนที่พวกเขาจะได้รับพลังในการต่อต้านสวรรค์]


พวกนี้นี่เป็นตัวตนที่แตกต่างไปจากทุกๆเผ่าพันธ์ที่พวกเขารู้จัก – มีปีกอยู่หกข้างที่ดูเหมือนจะลอยไปตามลม รวมไปถึงวงแหวนที่กระพริบอยู่บนหัวของพวกมัน


[ไม่มีทาง…]


เมื่อเห็นเลียร่าได้เห็นแบบนี้น้ำเสียงเธอได้สั่นออกมา เอิลต้ากับเลียร่าก็เช่นกัน


“นั่นมันทูตสวรรค์?”

“แต่สำหรับการเป็นทูตสวรรค์…”

[กำจัด]


‘มัน’ ได้ยกส่วนที่คล้ายกับแขนมนุษย์ยิงลำแสงเข้าใส่ป้อมปราการลอบยฟ้า ทุกๆคนต่างก็รู้ได้ว่านี่คือวิกฤติใหญ่และมิสทิคได้ตะโกนออกมา


[ทุกๆคนเข้ามาในป้อมปราการ!]


ในทันทีที่ทุกคนทำตามคำแนะนำของมิสทิค บาเรียก็ได้โผล่ขึ้นมาปกคลุมทั้งป้อมปราการลอยฟ้าทันที และในเวลาเดียวกันเกราะโลหะของเคลาทูตก็โผล่ขึ้นมาปกคลุมบาเรียอีกชั้นหนึ่ง! จากนั้นทั้งชั้นบาเรียและเกราะโลหะก็ได้เริ่มหมุน ‘มัน’ ที่ได้ยิงน้ำแสงออกมาได้ปะทะเข้ากับเกราะโลหะนี้ทำให้เกิดการระเบิดขึ้น


[กรี๊ดดดดดดด แกร่งมาก! แกร่งไปแล้ว! นี่มันบ้าอะไรกันเนี้ย ฉันไม่คิดว่าเลยว่านี่เป็นมานา!]

“”ฉันจะช่วยเธอเอง! ท่านหญิงเรย์น่าพวกเราต้องการพลังของท่านในทุกๆส่วน แม้กระทั่งในตอนท่านดูดนมแม่อยู่ก็ตาม”

“เทพธิดาคนนี้คงจะไปจำวัยเด็กของเธอได้หรอก!?”


นายูนาได้รีบใช้พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ทำการเสริมพลังให้กับมิสทิค พลังของเทพธิดาคือการฟื้นฟูและป้องกัน! พลังศักดิ์สิทธิ์นี้ได้โผล่ขึ้นทั่วทั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ทำการเติมเต็มช่องวางของบาเรียและเสริมพลังขึ้น แต่ถึงแม้จะทำทั้งหมดนี่การจะป้องกันลำแสงก็ไม่ง่ายเลย


นี่คือสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่พวกเธอเคยเจอ ที่น่ารำคาญยิ่งกว่าเดิมก็คือพวกเธอไม่รู้กระทั่งตัวตนของสิ่งนี้


“นี่มันมอนสเตอร์บ้าอะไรกันเนี้ย ถ้าอิลฮานอยู่เขาก็คงจะใช้สกิลบันทึกดูออกได้ทันที… อ๊า”


ในเวลาต่อมาเธอก็นึกขึ้นได้ว่าเธอจะพึ่งยูอิลฮานอีกแล้วและตบปากตัวเองไว้แม้ว่าอิลฮานจะยอดเยี่ยมมากๆก็จริง แต่ครั้งหนึ่งเธอก็เคยอยู่ในจุดสูงสุดของโลกเธอแต่กลับมามองหาความช่วยเหลือเนี้ยนะ! เธอได้เม้มริมฝีปากและยกหอกขึ้น


“ไม่ ถ้าเราไม่รู้ ถ้างั้นก็ค้นหาสิและค่อยเอาชนะมัน…!”

[มาร่วมมือกันอดีตทูตสวรรค์ ฉันไม่กล้าปล่อยให้เธอถูกเจ้านี่ฆ่าหรอกนะ เพราะถ้าแบบนั้นที่รักได้เกลียดฉันพอดี]

[ดูเหมือนว่าข้าจะต้องช่วยเหมือนกัน]


เลียร่า เฮเรียน่า โอโรจิได้ก้าวผ่านบาเรียออกมา แม้ว่าเจ้าสิ่งมีชีวิตนี่จะยิงลำแสงที่ทรงพลังเทียบเท่าบาเรียของยูอิลฮานแต่ว่าดวงตาของพวกเธอก็ยังเต็มไปด้วยเจตจำนงในการต่อสู้ มิสทิคได้ส่งกระจกนับไม่ถ้วนออกมาช่วยด้วย


[แม้ว่ามันน่าจะเป็นมานา แต่ฉันก็รู้สึกว่ามันต่างออกไปเล็กน้อยเพราะงั้นระวังตัวด้วย! ฉันจะลองวิเคราะห์และสะท้อนกลับไปเอง… แต่ว่าอย่าเชื่อในกระจกมากนักล่ะ!]

“เข้าใจแล้ว”


ตำแหน่งสมบูรณ์แล้ว ข้างหลังพวกเธอมีคิมเยซอล คังมิเรย์ และเอิลต้าที่เตรียมเวทย์ เป้าหมาของพวกเธอก็คือหาจุดอ่อนของมันแล้วก็หยุดไม่ให้มันสร้างความเสียหายไปมากกว่านี้ เจ้าสิ่งมีชีวิตคล้ายทูตสวรรค์ก็ดูจะสังเกตุเห็นพวกเธอแล้วเช่นกัน


[กำลังเพิ่มการคาดการณ์ศักยภาพ กำลังโหลดบันทึกเพิ่มเติมจากบันทึก]


มันยังคงพูดอะไรที่ไม่รู้เรื่องออกมาอยู่ดี ยังไงก็ตามมีเรื่องหนึ่งที่มั่นใจได้เลยว่ามันจะต้องมีอะไรอยากผู้บงการที่วางแผนทุกๆอย่างอยู่แน่


“งั้นดูเหมือนว่าเราจะเข้าใกล้บอสสุดท้ายแล้วนะ นอกจากนี้มันยังดูเหมือนเจ้านี่จะไม่ได้เกี่ยวข้องกับทั้งสี่กองกำลังเลย มันจะต้องมาจากองค์กรที่ต่างออกไปแน่นอน”

“ตอนนี้พี่สาวเลียร่ากำลังพูดเหมือนอิลฮานเลยล่ะ~!”

[…ยกระดับความอันตรายของศัตรู]


แม้กระทั่งศัตรูก็ยังตกใจกับการคาดเดาของเลียร่า! ยังไงก็ตามสถานการณ์ก็ไม่ได้ดีขึ้นเลย มันยังคงโจมตีป้อมปราการณ์อยู่ถึงแม้ว่าจะมองมาที่เฮเรียน่า เลียร่าและโอโรจิ


[กำจัด]


ลำแสงได้ถูกยิงออกมาแล้ว แต่ก็เพราะว่าการที่มันพูดพร้อมกับโจมตีเหมือนหุ่นยนต์สมัยเก่าทำให้ทุกๆคนหลบออกไปได้อย่างรวดเร็ว


[กำจัด]

“ชิ นี่มันครั้งที่สองแล้วนะ”

[น่ารำคาญจริงๆเลย!]


ถ้าว่าพวกเธอไม่ได้มีการตอบสนองที่เทียบได้กับสิ่งมีชีวิตชั้นสูงพวกเธอก็จะต้องตายไปในทันทีโดยที่ไม่มีโอกาสได้หลบเลย หลังจากที่มันได้เล็งเป้าหมายแล้วดูเหมือนมันจะยังไม่พอใจกับการโจมตีเพียงครั้งเดียวทำให้มันโจมตีออกมาอย่างต่อเนื่อง นี่มันดูเหมือนกับว่าพวกเธอกำลังเผชิญหน้ากับพันนัยน์ตาอยู่ พวกเธอไม่มีโอกาสจะโต้กลับไปได้เลย


[ฉันจะเปิดทางให้เอง]


มิสทิคไม่อาจจะทนได้อีกแล้ว เธอได้ส่งกระจกส่วนใหญ่ออกมาโจมตีในครั้งเดียวอย่างรุนแรงยิ่งขึ้น แต่ว่ามนก็ได้เตรียมการมาอย่างดีเช่นกัน


วงแหวนบนหัวมันสว่างขึ้นเล็กน้อยและก็เกิดวงแหวนขึ้นสามเมตรรอบตัวในทันทีก่อนที่จะหมุนอย่างต่อเนื่องเพื่อทำการป้องกัน นี่มันดูเหมือนกับเกราะโลหะบาเรียของป้อมปราการลอยฟ้าอย่างมาก!


“เจ้านี่มันเคลื่อนไหวเหมือนกับว่า…”


ก่อนที่เลียร่าจะได้พูดจบนั้นเอง


[ทำลาย]

[กรี๊ดดดดด]


ในท้ายที่สุดก็มีบางอย่างเกิดขึ้น ม่านปีกทั้งหมดของมันได้ยื่นออกมาพร้อมๆกันกับการยิงลำแสงเพื่อทำลายกระจกแห่งการทำลายไปหลายอันในทันที! จำนวนชัดๆที่ถูกทำลายไปก็คือ 4 อันพอดี มิสทิคได้ตะโกนออกมาทันที


[ไม่นะ พันนัยน์ตาได้กลายเป็นพันนัยน์ตาแล้ว!]

“นี่่ไม่ใช่เวลามาเล่นมุขนะ! ฉันคิดว่าเจ้านี่น่าจะกำลังเรียนรู้สกิลจากการใช้รูปแบบการโจมตีของเรา! แถมการกระทำของมันก็ยังเหมือนกับลูกน้องของบอสสุดท้ายเลย!”


ดวงตาเฮเรียน่าได้เป็นประกายขึ้นมาหลังจากได้ยินคำพูดของเลียร่า ตัวเธอไม่ได้มีความสามารถทางร่างกายมากนักทำให้เธอต้องวุ่นวายไปกับการหลบลำแสงพวกนี้ แต่ว่าหากว่ายิ่งเวลาผ่านไปศัตรูยิ่งแกร่งขึ้นถ้างั้นพวกเธอจะทนไว้แบบนี้ไม่ได้ตลอดแน่


[โอ้ ตอนนี้ก็เก็บเทคนิคของเธอไว้ก่อนแล้ว ดูเหมือนว่าจะถึงตาฉันแล้วสินะ เลียร่าเธอเปิดทางให้ฉันทีได้ไหม? มาเอาชนะมันด้วยกันเถอะ]

“…ฮึ่ม ได้สิ ตามฉันมาเฮเรียน่า”


อดีตทูตสวรรค์กับอดีตผู้บัญชาการกองทัพปีศาจได้รวมทีมกันแล้ว หลังจากเฮเรียน่าได้เข้าไปหาเลียร่า เลียร่าก็ได้ยกหอกของเธอขึ้นมาสูดหายใจเข้าลึกๆและพุ่งออกไป


[ความสำคัญของเป้าหมายที่จะกำจัด]

“ใครบอกกัน คนที่จะถูกกำจัดคือแกนั่นแหละ”

[เข้าไปใกล้อีกนิด… นั่นแหละ]


ด้วยหอกสั่นสะเทือนในมือของเลียร่าทำให้เธอสามารถจะหักเหลำแสงออกไปได้! คลื่นกระแทกของเธอได้จัดการทำลายลำแสงออกไปด้วย! และเฮเรียน่าก็ได้เข้าถึงตัวมันในทันที


[เธอรู้ไหมว่าที่รักได้ข้อร้องฉันไว้… แล้วฉันก็ไม่ใช่คนที่จะปฏิเสธคำขอของที่รักได้ด้วยสิ]


นี่คือเวลาที่เธอได้ตั้งใจมากที่สุดนับตั้งแต่ที่เธอได้เกิดใหม่ขึ้นมา เฮเรียน่าได้รวมพลังเสน่ห์ทั้งหมดไว้ที่ปลายนิ้วและสัมผัสเข้าไปที่ศัตรูในตอนที่มันไร้ซึ่งการป้องกันใดๆหลังจากถูกเลียร่าโจมตี เสน่ห์ที่ไม่มีชายใดเอาชนะได้ได้เริ่มไหลเข้าไปในตัวมัน


[เพราะงั้นช่วยตายไปหน่อยได้ไหม?]

[กำลังเปลื่ยนลำดับความสำคัญเป้าหมาย]


ยังไงก็ตามมันก็ยังคงตอบกลับมาอย่างไร้อารมณ์


[กำจัดศัตรูที่ขัดขวางการเคลื่อนไหวมากที่สุด]

[กรี๊ดดดด]


ลำแสงของมันได้เจาะทะลุท้องของเฮเรียน่าก่อนที่เลียร่าจะได้ทำอะไรซะอีก



บทที่ 302 – ฉันคือพ่อของพวกนาย (3)


“เฮเรียน่า!”

[อั๊ก…!]


เลียร่าได้ตะโกนออกมาอย่างตกใจ ในที่สุดราชินีซัคคิวบัสก็ถูกโจมตีเข้าแล้ว!


เลือดของเฮเรียน่าได้ไหลออกมาจากช่องท้องของเธอ เธอได้แต่ถอยกลับมาทั้งๆที่กุมแผลที่มีเลือดไหลอย่างต่อเนื่องเอาไว้ นี่คือการโจมตีตรงๆจากระยะประชิดทำให้เธอตกอยู่ในสภาพแบบนี้


[เจ้านี่มันคืออะไรกัน… การที่ตอบโต้ความสามารถของฉันได้นี่… มันไม่ใช่ที่รักด้วย! หรือบางทีมันอาจจะไม่ใช่สิ่งมีชีวิต]

[กำจัด]

“ย๊าาาากกก!”


เมื่อได้เห็นมันกำลังจะยกมือขึ้นอีกครั้ง เลียร่าก็ได้เม้มริมฝีปากเหวี่ยงหอกออกมา คลื่นกระแทกของเธอได้เบี่ยงเบนลำแสง ในที่สุดแลวมันก็หันมาหาเลียร่าและยกมือทั้งสองข้างขึ้น


[กำจัดคนขัดขวางที่มีความสำคัญสูงกว่า]

“ฉันไม่ชอบมันเลยสักนิด มันเอาแต่พ่นคำพูดเหมือนกับลูกน้องบอสสุดท้ายออกมาอยู่ได้!”


พลังเวทย์ทั้งหมดของเลียร่าได้ถูกรวมไว้ที่หอกและทำให้หอกสั่นสะเทือน เธอไม่สนแล้วต่อให้การโจมตีของเธอจะถูกเลียนแบบ คลื่นกระแทกของเธอได้เปลื่ยนพลังเวทย์ให้เป็นพลังโจมตีกายภาพ


มีคนบอกว่านคือมานาหรืออะไรงั้นหรอ? มันไม่สำคัญหรอก ตราบใดที่มันมีรูปร่างอยู่มันไม่มีทางหนีพ้นการสั่นสะเทือนไปได้!


[เลียร่านี่เธอ…]

“ถอยกลับไปรักษาตัวเองก่อน! เร็วเข้า!”

[…อึก!]


เฮเรียน่าไม่อาจจะพูดอะไรต่อได้หลังจากได้ยินแบบนี้ เธอได้หันหลังกลับไป ในตอนนี้เองวงแหวนทรงกลมก็ได้หมุนปกคลุมร่างมันถึงขีดสุด


[กำจัด]

“ก็มาลองดูสิ”


เลียร่าได้เข้าปะทะกับมันโดยไม่หยุดพักหายใจแล้ว แม้ว่าเธอจะกังวลเพราะเสน่ห์ของเฮเรียน่าไม่ได้ผลเลยสักนิด แต่ว่าโชคดีที่ว่าพลังของตัวเธอใช้ต่อกรกับมันได้อย่างสมบูรณ์แบบ นี่สามารถจะยืนยันได้จากการเปลื่ยนรูปแบบการพูดของมัน


[เป้าหมายมีลำดับความสำคัญในการกำจัด]

[เพิ่มลำดับความสำคัญเป็นลำดับแรก]

“น่ารำคาญจริง!”

[กำลังตรวจสอบจุดอ่อนศัตรู]


ในตอนนี้เอง มันก็ได้เริ่มส่งเสียงออกมาอย่างไม่รู้จบ! เลียร่าได้รู้สึกอีกครั้งหนึ่งว่าปากของมันคือตัวการที่น่ารำคาญที่สุดและเริ่มทำหน้าเหมือนกับกำลังจะร้อง


[อาาาาาาาาาาา]

“อ๊ากกกกกกก! มันทำอะไรซักอย่างแล้ว!”


เลียร่ากำลังรู้สึกเคร่งเครียดมาก แน่นอนว่ามันไม่ใช่แค่เพราะคลื่นกระแทกของเธอถูกการสั่นสะเทือนของเสียงมันหยุดเอาไว้


แต่ถึงแม้เธอจะถึงพลังออกมาได้มากกว่าคลาสของเธอ แต่ว่ามานาของตัวเธอก็ยังเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำอยู่ ในตอนนี้เธอกำลังรวมพลังเวทย์ทั้งหมดในร่างไปที่ปลายหอกอยู่ทำให้เธอจะคงสภาพแบบนี้ไว้ได้อีกแค่ประมาณ 3 นาทีเท่านั้น


“เราต้องทำอะไรซักอย่างแล้ว แต่ว่า…”

“…นี่ก็ไม่ได้ผลเหมือนกัน”


พวกเธอก็น่าจะรู้นับตั้งแต่ที่มันต้านทานเสน่ห์ได้แล้ว ในระหว่างเลียร่ากำลังยื้อมันเอาไว้ข้างหน้า คิมเยซอลและจอมเวบ์คนอื่นๆก็ได้ร่ายเวทย์กันเพื่อจะหยุดมันเอาไว้ แต่ว่าน่าเสียดายที่ไม่มีเวทย์ไหนเลยที่ใช้ได้ผลดี!


“มัน…”


เอิลต้าได้กัดริมฝีปากตะโกนขึ้นออกมา


“มันมีความต้านทานพลังเวทย์! เพราะงั้นวิธีที่จะจัดการมันดีที่สุดเลยก็คือเพิ่มพลังเวทย์ไปเป็นการโจมตีกายภาพตรงๆเท่านั้น!”

“อ๊า ให้ตายสิ! นี่มันแปลกมากเลยนะ! แล้วก็ฉันจะต้องทำยังไงดีล่ะ?”


เอิลต้ากับคังมิเรย์ได้พูดกันในระหว่างกำลังร่ายเวทย์อย่างสิ้นหวัง


“เรากำลังหาทางออกอยู่”

“ช่วยรออีกนิด!”


นี่มันไม่ดีแล้ว พวกเธอไม่ได้ช่วยอะไรเลย! ถ้าแบบนี้… เลียร่าได้ดื่มโพชั่นขวดเล็กลงไปอีกครั้งเพื่อจะปัดลำแสงของศัตรูและตะโกนขึ้น


“โอโรจิ นายกำลังทำบ้าอะไรอยู่!”

[ข้ากำลังเตรียมการโจมตีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดจากข้อมูลที่มีอยู่ ไม่ใช่ว่าก่อนที่จะไปโจมตีมันการวิเคราะห์ข้อมูลของศัตรูตรงหน้ามันเป็นเรื่องพื้นฐานหรอกหรอ?]


นั่นมันสำหรับในฝั่งที่ได้เปรียบจากการซ่อนตัวเท่านั้น! เลียร่าอยากจะตะโกนแบบนี้ออกไป แต่ว่าเธอก็ต้องเงียบลงหลังจากได้รู้ถึงสิ่งที่โอโรจิกำลังพยายามจะทำ


[ช่วยรออีกนิด ยื้อศัตรูไว้อีกนิด]

“…เจ้านี่กำลังทำเหมือนกับอิลฮาน”


แม้ว่าโอโรจิจะมีรูปร่างมนุษย์จากการที่ยูอิลฮานสร้างให้ แต่ว่าเขาก็ไม่ได้เป็นทั้งมนุษย์หรือมังกร


หลังจากการฝึกปรับตัวภายในบาเรีบกาลเวลามาเป็นเวลานาน ในที่สุดโอโรจิก็ขยับร่างกายได้ราวกับเปนร่างของตัวเองแล้ว และขอบเขตมันก็มากเกินไปนิดอีกด้วย


[อีกนิดเดียว… ฮ่าห์]

“ไม่สิ เขาทำได้ดูขัดหูขัดตากว่าอิลฮานซะอีก….”


ในตอนนี้โอโรจิได้กำลังควบคุมการเคลื่อนไหวของร่ายกายอยู่ตลอดเวลา และกำลังเปลื่ยนแปลงร่างกายของตัวเอง นี่คือความสามารถจากในตอนเป็นหอกมังกรแปดหาง แต่นี่เปนการเพิ่มพลังทำลายให้มากขึ้นด้วยร่างกาย กล้ามเนื้อ กระดูกและเลือดมังกร


จากภายนอกนี่ดูไม่ต่างจากมนุษย์ปกติเลย แต่ว่านี่คือการบีบอัดกล้ามเนื้อและกระดูกให้เปลื่ยนจากแขนกลายมาเป็นปืนใหญ่ที่ทำให้ไม่ว่าใครก็ต้องอึดอัดกันทั้งนั้น


[เสร็จแล้ว หยุดมันเอาไว้แบบนั้นแหละ!]

[ตรวจพบอันตรายจากเบื้องหลัง…]

“เขาบอกให้ฉันหยุดนายไว้น่ะ!”


คลื่นกระแทกที่ทรงพลังของเลียร่าไม่เพียงแต่ทำลายลำแสงเท่านั้น แต่กระทั่งยังหยุดการหมุนของวงแหวนด้วยเช่นกัน ในเวลาต่อมาโอโรจิที่ได้เปลื่ยนแขนเป็นปืนใหญ่ก็ได้พุ่งขึ้นมาบนท้องฟ้าอย่างต่อเนื่อง! นายูนาที่พึ่งรักษาเฮเรียน่าเสร็จก็หันมายกมือตะโกนออกมาทันที


“อ่า นี่มันเมก้า บัสเตอร์ล่ะ…!”

[เป็นไพท์บังเกอร์ต่างหาก!]


โอโรจิได้ตะโกนตอบปฏิเสธนายูนาออกมา! ใช่แล้ว ตอนนี้แขนของโอโรจิดูเหมือนจะยิงลำแสงปืนใหญ่ออกมาได้สัมผัสเข้ากับวงแหวน และหอกกระดูกที่แหลมคมก็ได้ถูกยิงออกมาจากแขนด้วยพลังที่ถูกบีบอัดและการระเบิดของเส้นใยกล้ามเนื้อของมังกรคลาส 7 รวมไปถึงยังมีการระเบิดของพลังเวทย์ด้วยทำให้หอกกระดูกได้แทงทะลุผ่านวงแหวนและปักเข้าที่ร่างกายของมัน


[ติดคริติคอล!]


[อั๊ก!?]


มันได้ชะงักขึ้นมาเป็นครั้งแรกแล้ว แม้กระทั่งการโจมตียังทำให้ได้แค่ทำให้มันหันไปสนใจเท่านั้น แต่ว่าการโจมตีนี้ของโอโรจิได้ทำให้เกิดบาดแผลถูกเจาะทะลวงขึ้น! มันได้รีบพยายามจะถอยไปรักษาบาดแผลของตัวเอง แต่ว่าการทำแบบนั้นมันไม่ง่ายเลยเพราะความทนทานและความต้านทานของกระดูกโอโรจิ โอโรจิได้ยิ้มรอยยิ้มชั่วร้ายขึ้นมาบนใบหน้าเหมือนกับมนุษย์และตะโกนขึ้นมา


[ถ้าเป็นการโจมตีกายภาพ ฉันไม่แพ้แน่! นี่คือพลังที่ฉันได้รับมาในระหว่างที่อยู่กับนายท่าน]

“ทำได้ดีมากโอโรจิ”

[แต่ว่าข้อเสียก็คือฉันมีหอกกระดูกเก็บเอาไว้อีกแค่อันเดียวเท่านั้น]

“แล้วนั่นนายจะโม้ทำบ้าอะไรโอโรจิ งี่เง่าเอ้ย!”


โอโรจิไม่มีทั้งความสามารถในพื้นที่มิติ ไม่มีความสามารถสร้างกระดูกคลาส 7 ได้ตามต้องการด้วย! อย่างน้อยในตอนนี้เขาก็ทำไม่ได้!


[ฉันจะโจมตีในจังหวะเหมาะใหม่นะ]

“ฉันหวังว่าฉันจะไม่ตายไปก่อนนะ! ฮ่าาาาาห์!”

[กะ กำ…!]


ในระหว่างโอโรจิถอยกลับไปเตรียมการโจมตีที่สอง เลียร่าก็พุ่งตรงเข้าใส่มันอีกครั้งหนึ่ง มันดูเหมือนว่าไม้ตายของโอโรจิจะสร้างความเสียหายรุนแรงจนศัตรูยังไม่อาจจะฟื้นฟูวงแหวนกับปีกกลับมาได้ และมันทำได้เพียงแค่ใช้แขนของมันป้องกันการโจมตีของเธอเท่านั้น แต่ว่าเลียร่าก็รู้สึกได้ถึงบางอย่างแปลกๆในตอนที่เธอเข้ามาใกล้มา


“นี่มันเหมือนกับว่า…”

[กำจัด]


ในระหว่างเลียร่ากำลังลังเลอยู่ มันก็ได้เริ่มใช้หน้าอกของมันสร้างเป็นปืนใหญ่ขึ้นมาและยิงหอกหมอกสีขาวออกมาจากร่างจริงของัมน ในทันทีที่เลียร่าได้เจอแบบนี้เธอรู้สึกหนาวขึ้นมา และในเวลาเดียวก็นก็มีความกลัวขึ้นมาด้วย มันได้ประกาศขึ้นมาด้วยน้ำเสียงมั่นใจ


[นี่มันไพท์บังเกอร์]

“หาาา!?”


หากว่านี่มันสร้างขึ้นจากบันทึกที่มันได้ดูดมาจากโอโรจิเมื่อกี้นี้ เธอก็จะตายไปในทันทีโดนการโจมตีนี้แน่! เลียร่าได้บินหลบตามสัญชาตญาณไปทันที เสียงระเบิดได้ดังขึ้นมาจากด้านหลังของเธอก่อนที่มิสทิคจะตะโกนขึ้น


[เฮ้ ฉันโดนลูกหลงด้วยนะ!]

“ป้องกันมันตามใจเธอเลย!”

[ฉันก็จะทำแบบนั้นอยู่แล้ว]


มิสทิคได้รับเอาส่วนหนึ่งของร่างกายมันเข้ามาในบาเรียและฝังมันเอาไว้บนพื้น แมว่ามันจะอันตรายมากๆ แต่ว่าร่างกายส่วนนี้ก็สามารถใช้ระบุตัวตนของศัตรูได้ มันได้ส่ายหัวขึ้นทันทีที่เห็นแบบนี้


[เทคนิคอันตราย ลบออกจากรูปแบบ]

[ไพท์บังเกอร์คืออาวุธของผู้ชาย นายใช้มันได้ยังไกัน นายมันต้องไม่ได้เป็นผู้ชาย!]

[นี่นายไม่เห็นเสน่ห์ของฉันที่ใช้ไม่ได้ผลงั้นหรอเจ้าจิ้งจก? ไม่ต้องพูดถึงผู้ชายเลย มันน่าจะไม่มีเพศด้วยซ้ำไป!]


เฮเรียน่าได้บ่นโอโรจิออกมา ในตอนนี้เพราะแผลของเธอไม่ได้หายสนิททำให้เธอกลับไปแนวหน้าไปไม่ได้อีก เธอได้ใช้มานาของเธอช่วยมิสทิคควบคุมพันนัยน์ตาแทน


แม้ว่าจะมีลำแสงพุ่งออกมาจากปีกของมัน แต่เหตุผลที่ทำกลุ่มสามารถสู้มาได้ถึงตอนนี้นั่นก็เพราะมีพันนัยน์ตาคอยช่วยอยู่


เลียร่าคิดที่จะเข้าไปโจมตีมันอีกครั้งก่อนที่มันจะฟื้นฟูโล่วงแหวนของมันกลับมา แต่ว่ามันก็ได้ใช้ลำแสงป้องกันไม่ให้เธอได้ทำแบบนั้น เลียร่าได้แต่กัดฟันตะโกนออกมา


“มันจะใช้การโจมตีลำแสงบ้าๆพวกนี้ไปถึงเมื่อไหร่กัน!?”


แหล่งพลังงานของมันไม่ใช่มานา มันได้เสริมรูปแบบการโจมตีของมันจากการวิเคราะห์และดูกเอาข้อมูลของศัตรู รวมไปถึงความต้าทานมานาและความสามารถบ้าๆที่จะป้องกันจากมานาในสภาพแวดล้อมรอบๆอีกด้วย! มันไม่มีสมาชิกของกองกำลังใดเป็นแบบนี้เลย ไม่ใช่ทั้งอัครเทวทูตจากกองทัพสวรรค์ หรือผู้บัญชาการกองกองพันแห่งกองทัพจรัสแสง นี่คือสิ่งมีชีวิตลึกลับที่ไม่อาจจะระบุตัวตนได้


“ความสมเหตุสมผลมันอยู่ตรงไหนกัน!? เจ้านี่มันโผล่ออกมาจากไหนเนี้ย!”

[การฟื้นฟูตัวเองไม่อาจเป็นไปได้ หยุดการฟื้นฟู จัดการระดับความสำคัญในการกำจัดศัตรู]


ในเวลาเดียวกันในท้ายที่สุดมันก็ได้ทำให้ทั้งกลุ่มเลียร่าขมขื่นยิ่งขึ้นจากการเปลื่ยนรูปแบบของมัน ก่อนหน้านี้มันจะปล่อยหมอกแสงไร้รูปร่างออกมา แต่ในตอนนี้มันได้หดหมอกแสงนั่นกลับไปก่อนที่จะสร้างเป็นโล่วงแหวนึ้นเพิ่มอีกสามอัน!


“อ่า ให้ตายสิ”


เลียร่าได้ส่งเสียงออกมาอย่างหงุดหงิด ถ้าสิ่งที่เธอกังวลมันไม่เป็นจริงก็คงดี แต่ว่าน่าเสียดายที่มันไม่เป็นแบบนั้น โล่วงแหวนทั้งสามอันได้เริ่มหมุนวนอย่างต่อเนื่องแทนที่โล่วงแหวนที่เสียหาย! แค่การหมุนเฉยๆของมันก็น่ากลัวอยู่แล้ว แต่มันยังพุ่งเข้ามาพร้อมโล่วงแหวนที่หมุนทำลายทุกอย่างอยู่อีกด้วย


[กำจัด]

“ถ้าโดนเข้าฉันได้ตายแน่! บาเรียก็เอาไม่อยู่!”


เลียร่าได้ร้องออกมาพร้อมๆกับบินไป ป้อมปราการลอยฟ้ากับป้อมปราการผู้พิทักษ์ก็เช่นกัน มิสทิคได้ควบคุมป้อมปราการทั้งสองให้เร็วที่สุดเป็นครั้งแรกเพื่อหลบจากโล่วงแหวนของมัน แต่ปัญหาคือการโจมตีของมันมีการติดตามติดมาด้วย


[กำจัด! กำจัด!]


และในท้ายที่สุดป้อมปราการหนึ่งในนั้นก็ปะทะเข้ากับโล่วงแหวน มิสทิคได้ส่งพันนัยน์ตาออกไปเพื่อรับมือกับมัน แต่ว่าโลวงแหวนของมันหมุนเร็วเกินไปจนปัดลำแสงของพันนัยน์ตาออกไปจนหมดรวมไปถึงทำลายเกราะของเคลาทูคด้วย หากเป็นแบบนี้แหล่งพลังงานของมิสทิคได้หมดลงแน่


[กรี๊ดดดดดด มันเร็วขึ้นอีกแล้ว! เจ้าบ้าโอโรจิ ทำอะไรซักอย่างกับมันทีสิ!]

[ฉันจัดการเอง]


มิสทิคได้กรีดร้องออกมาและในตอนนี้เองโอโรจิที่แอบซ่อนตัวมาลอดก็ได้ยิงหอกกระดูกอันที่สองทำลายมันตั้งแต่หัวไปจนจรดเป้า


[ติดคริติคอล!]


[ก๊าา ฮ่าาาาาห์….]


เสียงของมันได้หมดลง โล่วงแหวนทั้งสามอันก็หยุดหมุนแล้วด้วย โอโรจิมั่นใจแล้วว่าเขาได้จัดการโจมตีปิดฉากไปแล้ว


[ทำการ… หยุดการทำงาน]


[คุณได้รับค่าประสบการณ์]

[เลเวล??????? ???????????]


[อ่า นี่มัน]


เมื่อได้เห็นข้อมูลค่าประสบการณ์พวกนี้โอโรจิก็หยักไหล่ออกมา


[มันพิเศษสินะ]

“โอ้เวรล่ะ”


เลียร่าที่เพิ่งจะดีใจที่เอาชนะศัตรูได้กลับสบถออกมา หรือว่าเธอคิดถึงยูอิลฮานงั้นหรอ?


โอโรจิได้ยิ้มแห้งๆและหันกลับไปหาเธอและเขาก็ได้รู้ถึงเหตุผลที่เธอสบถออกมา


[กำจัด]

[กำจัด]

[ตรวจพบศัตรูที่่ร้ายกาจ อันตรายต่อการเก็บข้อมูล กำจัด]


ศัตรูที่พวกเขาได้ใช้พลังทั้งหมดถึงจะเอาชนะได้ยืนอยู่ตรงนั้น ไม่ใช่สิ มีพวกมันยืนอยู่ตรงนั้นถึงสามตัวต่างหาก


[]



บทที่ 303 – ฉันคือพ่อของพวกนาย (4)


“ยังติดต่ออิลฮานไม่ได้อีกหรอ!?”

“ไม่เลย อาร์ติแฟคไม่ทำงานเลย…!”

“มิตินี่เกิดอะไรบางอย่างขึ้น…!”


นักเวทย์ทุกๆคนได้พยายามที่จะใช้เวทย์ของพวกเธอ แต่ว่ามันไม่มีทางเลยที่จะจัดการตัวที่เหมือนกันกับตัวที่ต้อนพวกเธอจบมุมได้ แถมพวกมันในตอนนี้ยังมีถึงสามตัว


[กำจัด]

[กำจัด]

[กำจัด]

[นี่มันทำให้ฉันจะบ้า… หว่าาาา!]


มิสทิคที่กำลังฟื้นฟูป้อมปราการอยู่ได้ร้องออกมาทันที การโจมตีของพวกมันทั้งหมดได้เล็งมาที่ป้อมปราการ


[พวกมันกำลังพยายามจะลบร่องรอยทุกๆอย่างนั่นเพราะว่าที่รักจะเก็บบันทึกของพวกมันได้!]

“อ่า ใช่แล้ว! ถ้าเรารอดกลับไปที่รักก็จะเข้าใจในทุกๆอย่างรวมไปถึงตัวตนที่อยู่เบื้องหลังของเจ้าพวกนี้ด้วย”

[แต่ระหว่างเรากำลังพูดถึงเบื้องหลังนี่เราทั้งหมดจะตายกันแล้ว]


เลียร่ารู้สึกเหมือนว่าหากเธอไม่เล่นมุกออกมาเธอก็คงจะประหม่าจนหอกหลุดมือแน่ ทุกๆคนก็ยังรู้เหมือนกันว่าเลียร่ากำลังพยามทำให้ทุกๆคนใจเย็นลงแทนที่ยูอิลฮาน แต่ว่าเธอก็แทนที่ยูอิลฮานได้แค่ในด้านการเล่นมุก เธอไม่อาจจะมีพลังการต่อสู้แบบเขาได้ เฮเรียน่าได้สิ้นหวังกับความรู้สึกไร้พลังของเธอ


[ฉันน่าจะเพิ่มความสามารถอื่นๆนอกจากเสน่ห์ด้วย…]

[ความมั่นใจที่เธอสามารถจะทำให้สิ่งมีชีวิตทุกๆคนตกอยู่ในเสน่ห์ได้นอกจากนายท่านมันหายไปไหนแล้วล่ะ?]

[ถ้าฉันอยูู่คลาส 7 ล่ะก็ แต่ว่าในตอนนี้… ไม่ไหวแน่]


เฮเรียน่าได้พูดออกมาโดยไม่สนใจมิสทิคที่ตะโกนใส่เธอพร้อมทั้งหลบลำแสงทั้งหมดจากศัตรูทั้งสามคนอย่างวุ่นวาย เธอได้ตบแก้มของเธอ


[ไม่สิ ถึงแบบนั้นก็ไม่เป็นไร ฉันจะไม่ตายที่นี่ ต่อให้พวกนี้มันจะไม่ใช่สิ่งมีชีวิตเลยก็เถอะ แต่ตราบใดที่พวกมันยังมีสติปัญญาแล้วก็เคลื่อนไหวได้ล่ะก็…!]

“เฮเรียน่าอย่ากดดันตัวเอง… อ๊าาา!”


เลียร่าที่กำลังจะบอกให้เฮเรียน่าอย่ากดดันตัวเองเกินไป เธอได้ถูกโจมตีจนเกิดเป็นแผลร้ายแรงจากลำแสงของหนึ่งในศัตรู หากว่าพลังของเธอยังมีเต็มที่อยู่เธอก็จะหักเหวิถีลำแสงได้แน่ แต่ว่ามานาของเธอไม่ได่มีไม่จำกัด


โอโรจิก็ยังกลับไปที่แนวหน้าหลังจากทำการรักษากระดูกทั้งสองของเขาที่ได้จัดการทำให้ศัตรูคนแรกตายไป แต่ว่าที่โอโรจิทำได้ในตอนนี้ก็มีแค่ยื้อเวลาได้แค่ตัวเดียวเท่านั้น และการทำแบบนี้ก็มีแต่ทำให้พวกมันได้รับบันทึกบางส่วนมาด้วย


พีทที่มีความสามารถในการควบคุมอันเดตสิ่งมีชีวิตชั้นสูงก็กำลังปกป้องคนอื่นๆอยู่ แต่ว่าเขาไม่มีโอกาสได้โจมตีเลย เพราะแบบนี้หากเฮเรียน่าไม่ทำอะไรซักอย่าง อีกไม่นานพวกเขาก็จะต้องถูกกำจัดไปจริงๆแน่


[เลียร่าสลับกัน]

[ความสามารถของเธอใช้ไม่ได้ผลนะ อย่ากดดันตัวเองเกินไปสิ แค่ตั้งใจกับการควบคุมพันนัยน์… อ๊ะ]

[กำจัด]

[กำจัด]


สิ่งมีชีวิตที่ระบุไม่ได้ทั้งสองตัวได้เข้ามาใกล้เลียร่าหลังจากที่เห็นเธอบาดเจ็บขึ้นมา หลังจากเห็นแบบนี้เฮเรียน่าได้เม้มริมฝีปากตะโกนใส่นายูนา


[ให้พรเร็ว!]

“แต่ไม่ใช่เธอได้บอกว่าเธอไม่ต้องการพรจากบันทึกเทพนี่นา~?”

[แต่ในตอนนี้ฉันต้องการมัน! นี่เป็นพรจากเทพธิดาแห่งความงามนี่นา? นั่นจะทำให้ฉันมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้นอีก! มากไปจนถึงจุดที่จะส่งผลต่อสิ่งที่ไม่มีชีวิตได้!]

“อ๊า ไม่คิดเลยว่าวันที่ฉันจะต้องใช้พรนี้นอกจากตัวฉันเองจะมาถึง…”


แต่ถึงแม้นายูนาดูจะไม่เต็มใจร่ายพร แต่ว่าเธอก็รู้ดีว่านี่ไม่ใช่เวลามาเล่นอีกแล้ว เธอได้เริ่มร่ายพรในทันที


แม้ว่าเธอจะไม่ได้ชอบเฮเรียน่ามากนัก แต่ว่าเธอก็ไม่อยากจะให้เลียร่าบาดเจ็บไปมากกว่านี้อีก


“ผุดผ่องยิ่งกว่าแสงจันทร์ โปร่งใสยิ่งกว่าหยดน้ำค้าง สดชื่นยิ่งกว่าสายลมยามเช้า สูงส่งยิ่งกว่าดวงอาทิตย์ ท่านเทพธิดาแห่งความงาม! ได้โปรดมอบความงดงามของท่านให้แก่ผู้ที่ต้องการด้วยเถิด!”

“คำร่ายที่ดูครบถ้วนนี่มันอะไรกัน!?”


เมื่อไหร่ก็ตามที่เนื้อหาการร่ายเป็นแบบนี้ผลของมันก็จะยอดเยี่ยมเสมอ! ออร่าสีชมพูได้ลอยออกมาจากนายูนาและเข้าไปปกคลุมทั้งตัวของเฮเรียน่าก็ที่จะเพิ่มเสน่ห์ให้กับเธออย่างมหาศาล การเปลื่ยนแปลงนั้นมีมากมายมาก มากจนถึงขนาดที่ให้ความรู้สึกเหมือนกับเฮเรียน่าคือร่างจำแรงของเทพธิดาแห่งความงามเอง


เฮเรียน่าได้หลับตาของเธอลงและเปิดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ตอนนี้รู้สึกเหมือนราวกับว่ามีไอน้ำสีชมพูออกมาจากรอบๆตัวเธอ


[ฟู่…ฮ่าห์… เยี่ยมไปเลย นี่แหละ]

“อ๊าาา”

“มะ ไม่นะ นี่คือคนของท่านจักรพรรดิ…!”


เนื่องจากความสวยงามของเธอได้ถูกพรเสริมขึ้นไปอีกทำให้ตอนนี้คนที่มองไปที่เฮเรียน่าก็ยากจะยืนอยู่แล้ว หลังจากเห็นแบบนี้คังฮาจินก็รู้ได้ถึงบางอย่า


“ยูนานี่เธอ… ฉันเห็นเธอเข้าไปหาอิลฮานหลังจากร่ายพรนี้เป็นบางครั้ง…”

“พี่ฮาจิน ชู่วววว”

[ด้วยสิ่งนี้]


เฮเรียน่าได้เห็นเลียร่าถูกกดดันจนถอยมาอย่างต่อเนื่อง เธอได้พุ่งเข้าไปช่วยในทันทีโดยไม่ลังเล พลังเวทย์ที่ทรงพลังได้ปะทุออกมาจากร่างของเธอ


[ทำไมแกไม่ลองต้านทานมันอีกครั้งดูล่ะ! ในตอนนี้ฉันมันใจว่าเสน่ห์ของฉันมีผลต่อแม้กระทั่งหิน ลมหรือดวงอาทิตย์แล้ว!]

[กำลังระบุความสำคัญในการกำจัดเป้าหมาย… ปะ เป้า… หมาย…]


พรใช้ได้ผลจริงๆ ในตอนนี้หนึ่งในพวกมันที่กำลังโจตีเลียร่าได้หยุดเคลื่อนไหวลงหลังจากโดนเวทย์ของเฮเรียน่า เฮเรียน่าได้เพิ่มพลังเวทย์ขึ้นอีกโดยไม่ประมาทเพื่อที่จะเอาชนะความสามารถในการต้านทานของมันซึ่งเธอทำสำเร็จ! นี่เป็นอีกข้อพิสูจน์หนึ่งคือพวกมันไม่ได้มีการต้านทานเวทย์ที่สมบูรณ์แบบ


“เฮเรียน่า”

[เลียร่าถอยกลับไปรวมกลุ่มซะ! เฮ้ แกน่ะมองมาที่ฉันนี่]

[กำจัด เป้าหมาย… ลำดำความสำคัญ… กำจัด… ระบุเป้าหมาย เล็ง…]


แม้ว่าเธอจะล่อลวงได้ตัวหนึ่งแล้ว แต่เฮเรียน่าก็ยังกระจายมานาเข้าไปใส่อีกตัวในทันที! เธอจะไม่เคลื่อนไหวด้วยความกลัวอีกต่อไปแล้ว ถึงแม้ว่าบาดแผลที่ท้องของเธอจะยังไม่หายดี แต่ว่าเธอก็เคลื่อนไหวออกมาโดยไม่ลังเลซักนิดเดียว


หากว่าเธอจะตายแค่เพราะบาดแผลเดียว ถ้างั้นเธอก็คงไม่อาจจะอยู่ได้ถึงตอนนี้แน่! ในตอนนี้พลังเสน่ห์และความสวยงามของเธอได้ถูกปล่อยออกมาอย่างเต็มกำลัง! สิ่งที่เธอทำในตอนนี้มันเหมือนกับว่าเธอกำลังฝ่าหัวใจที่ไม่สั่นคลอนของยูอิลฮาน


[…โอ้ พอมาคิดดูแล้วถ้าฉันจู่โจมที่รักในตอนได้พรนี้ นั่นจะไม่สำเร็จในทันทีเลยหรอกหรอ? ฉันคิดว่าฉันน่าจะต้องคิดชื่อลูกได้แล้วสินะ?]

“ฉันไม่ยอมให้เธอทำหรอกนะ! ไม่มีวันนน!”

[เล็งเป้าหมาย ละ ล้มแหลม กำจัดปะ เป้าหมาย คะ ความสำคัญ คะ เคลื่อนไหว]

[ชาร์จพะ พลังงาน อะ อันตรา… วิเคราะห์ล้มเหลใ ไม่อาจจะวิเคราะห์ได้อีก มะ โหมดชาร์จ]


น้ำเสียงของพวกมันได้ขาดออกเป็นช่วงๆ การกระทำของพวกมันก็ยิ่งผิดปกติยิ่งขึ้น และแม้กระทั่งลำแสงที่โจมตีกลุ่มของพวกเลียร่าอยู่ตลอดเวลาก็ได้หยุดลงไปแล้ว การสั่นสะเทือนที่โลวงแหวนก็หยุดลงเช่นกัน


“…อ่า”

“มานาของฉัน!”


ยังไงก็ตามสิ่งที่สำคัญที่สุดเลยก็คือทั้งกลุ่มสามารถจะใช้มานาได้อิสระมากยิ่งขึ้น นี่มันพิสูจน์ได้เลยว่าวงแหวนและปีกของพวกมันมีผลอย่างมากกับมานาในโลกใบนี้!


[คุณผู้หญิง เมื่อไหร่เธอจะร่ายเวทย์โจมตีซักทีล่ะ? พี่สาวคนนี้ยื้อมันเอาไว้ได้ไม่นานนะ!]

“เธอทำได้ดีมากซัคคิวบัส…! นี่เป็นผลงานใหญ่เลย!”


ในตอนนี้คนอื่นๆทุกคนได้ฟื้นคืนการควบคุมมานากลับมาแล้ว เอิลต้าได้กัดฟันแน่นและสร้างวงเวทย์ขนาดใหญ่ขึ้นกลางอากาศ


[เพิ่มการประเมินความอันตรายของศัตรู]

[นั่นมันบ้าอะไรกัน!]

“ที่ฉันทำก็แค่บีบอัดมานาและเปลื่ยนความแข็งของมานาไป! ต่อให้พวกมันจะมีความต้านทานต่อมานา พวกมันก็ไม่อาจจะต้านพลังทำลายได้แน่!”


กระสุนเวทย์ขนาดยักษ์ได้พุ่งเข้าโจมตีพวกมันและระเบิดออกมา เมื่อกระสุนเวทย์ได้โดนตัวพวกมัน เวทย์ทั้งหมดก็ถูกยับยั้งทำให้กระสุนเวทย์หายไป แต่เพราะแบบนี้ก็ทำให้มานาปั่นป่วนไปเช่นกัน! เอิลต้าได้ใช้โอกาสนี้ควบคุมมานาที่ปั่นป่วนเพื่อที่จะสร้างความเสียหายกับวงแหวนและปีกของมัน


[ติดคริติคอล!]


และเธอก็คำนวนไม่คิด กระสุนเวทย์ได้ถูกออกแบบมาเพื่อที่จะสร้างแรงระเบิดกลับใส่คนที่ทำการยกเลิกเวทย์ มันได้ทำหน้าที่ทำลายปีกและวงแหวนได้เป็นอย่างดี


[ความเสียหายร้ายแรง เป็นไปไม่ได้ที่จะยับยั้งพลังงานของโลกเก่าอีก]

[ถอย หรือ ตะ ต้องการกำลังเสริม]

“วงจรมานากลับมาเป็นปกติแล้ว”

“ทำได้ดีมากเอิลต้า!”


คิมเยซอลที่ได้ฝึกมาหลายต่อหลายปีก็ไม่มีทางจะพลาดโอกาสสำคัญนี้


“พื้นที่มิติและเวลา! จงกลายเป็นคมเขี้ยวขจัดเหล่าผู้มาทำร้ายเรา!”


สิ่งที่เรียกได้ว่าเป็นปาฏิหาริย์ได้เกิดขึ้นมาแล้ว ในโลกที่กว้างใหญ่ใบนี้มีแค่มอนสเตอร์ทั้งสามตัวนี้เท่านั้นที่ถูกหยุดอยู่กับที่


“ทุกๆคนนอกจากมิเรย์ พวกเราต้องฆ่าพวกมันในตอนนี้! ในเมื่อพวกมันพูดถึงกำลังเสริมออกมาเพราะงั้นมิเรย์จะต้องเตรียมเวทย์สำหรับหลบหนี! พวกเราจำเป็นต้องไปมิติที่พวกมันเข้ามาไม่ได้!”

“ได้ค่ะแม่!”

[ฮ่าห์!]


โอโรจิที่ได้ฟื้นตัวพอสำหรับใช้ไพท์บังเกอร์อีกครั้งแล้วก็ได้ยิงหอกกระดูกออกมาจากแขนทั้งสองข้างฆ่าหนึ่งในพวกมันไป โอโรจิทำได้ตามที่ยูอิลฮานคาดหวังเอาไว้อย่างไม่มีผิด


คนที่เล็งโอกาสนี้เช่นเดียวกันก็คือพีทด้วยเช่นกัน เขาได้กระจายคำสาปเพื่อกัดกร่อยหยุดการเคลื่อนไหวของศัตรูและให้อันเดตพุ่งเข้าใส่หนึ่งในพวกมัน


“บรรเลงเพลงสู่นรก!”

[ก๊าซซซซซซซ!]

[มาอยู่เดียวกันเถอะ!]


การระเบิดครั้งนี้ยิ่งกว่ากระสุนเวทย์ซะอีก พีทได้ให้ศพสิ่งมีชีวิตชั้นสูงระเบิดออกมาด้วยการใช้พลังจากพรแห่งเทพ เพราะงั้นไม่ต้องสงสัยในเรื่องพลังโจมตีเลย! หากยูอิลฮานได้รู้เรื่องนี้ก็คงจะเศร้าแน่ แต่ถึงแบบนั้นการเอาชีวิตรอดก็คือสิ่งสำคัญที่สุด


เมื่อการเคลื่อนไหวของศัตรูได้ถูกการระเบิดของพีทขัดเข้าไปอีกทำให้คนอื่นๆก็ตามเข้าไปโจมตีเช่นกัน ไม่มีทางที่คนๆเดียวจะเอาชนะคนจำนวนมากได้อยู่แล้ว! เพราะแบบนี้ในท้ายที่สุดพวกมันก็ถูกทำลายลง


[คุณได้รับค่าประสบการณ์]

[เลเวล??? ?????????]


“ฉันเข้าใจแล้วว่าเจ้าตัวบ้าพวกนี้อย่างน้อยก็เลเวล 500!”

“นี่มันไม่ใช่เรื่องน่ายินดีเลย! คังมิเรย์แล้วประตูมิติล่ะ!?”

“พร้อมแล้ว!”


ปัญหาไม่ใช่เรื่องการได้รับความช่วยเหลือจากยูอิลฮานหรือไม่แล้ว แต่ว่าหากพวกเธอไม่รีบออกไปจากที่นี้ในทันที พวกเธอจะต้องถูกกำจัดแน่นอน…!


[กำจัด]

[กำจัดศัตรู]


ยังไงก็ตามคังมิเรย์ช้าไปนิด ดูเหมือนกับว่าพวกมันจะมีความสามารถในการฝืนเรียกพรรคพวกออกมาได้ในตอนที่พวกมันถูกกำจัด และตอนนี้ได้มีพวกมันถึงเก้าตัวโผล่ออกมาจากประตูมิติ


“นี่พวกมันทั้งหมดมาจากไหนกัน!?”

[เป้าหมายที่อันตรายที่สุด]

[กำลังเปลื่ยนลำดับความสำคัญเป็นลำดับสอง]

[กำจัดเป้าหมาย ไม่ทราบองค์ประกอบ]

[พรรคพวกของยูอิลฮาน จำเป็นต้องกำจัด]

“เป็นแบบนี้ได้ยังไงกัน…”


ไม่ต้องสงสัยในคำพูดของพวกมันแล้ว เบื้องหลังของเจ้าพวกนี้เป็นสิ่งที่ยูอิลฮานจะต้องได้เผชิญหน้าอย่างแน่นอน!


พวกเธอเพิ่งจะฝืนเอาชนะพวกมันสามตัวมาได้ แต่ในตอนนี้กลับมีพวกมันโผล่ขึ้นมาอีกเก้าตัว เพราะแบบนี้ทำให้ทั้งกลุ่มสิ้นหวัง


“…ฉันคิดว่าฉันทำมันได้”


ยังไงก็ตามเมื่อเห็นแบบนี้คังมิเรย์ได้เม้มปากของเธอ คังมิเรย์ก็คิดเหมือนกันกับที่เลียร่าและเฮเรียน่าคิด เธอคิดว่ายูอิลฮานได้ฝากกลุ่มไว้กับเธอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฐานะที่เธอเป็นคนดูแลความปลอดภัยของทุกๆคนด้วยเวทย์มิติของเธอ เธอไม่อาจจะปล่อยให้ใครบาดเจ็บได้อีกแล้ว


“ได้โปรดช่วยฉันด้วยนะ”


ในเมื่อพวกมันทั้งเก้าได้ยับยั้งการไหลของมานาไปอีกครั้งทำให้คังมิเรย์ได้รวมพลังทุกๆอย่างไปที่รัดเกล้าระดับเทพ มงกุฏแห่งปัญญา และได้ปลุกมานาของเธอ นอกจากนี้เธอยังได้กินคุกกี้ยัดไส้เวทมนต์ลงไป รวมทั้งดื่มโพชั่นทั้งหมดที่มีด้วย!


แล้วผลลัพธ์ที่ออกมาก็คือ


“ฉันทำได้ ฉันทำมันได้แน่ ฉันจะทำให้ได้…!”

[กำจัด]

[กำจัด]

[กำ…]


ยังไงก็ตามถึงเธอจะดึงมานาออกมาได้ แต่ว่าเธอก็ไม่อาจจะสร้างประตูมิติที่ใหญ่พอจะให้คนผ่านไปได้เพราะแรงกดดันจากภายนอก ถ้าเป็นแบบนี้เธอจะต้องหาวิธีใช้ประตูมิติเล็กๆนี่ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เคยลองมาก่อน แต่เธอจะต้องทำสำเร็จแน่


“เฮเรียน่า หยุดการเคลื่อนไหวพวกมันที!”

[พลังของพรกับมานาใกล้จะหมดแล้ว… อ๊า ฉันยื้อพวกมันได้แค่แป๊บเดียวนะ!]

“ฉันต้องการแค่แป๊บเดียวนั่นแหละ”


เฮเรียน่าได้ทำตามคำขอของคังมิเรย์ทันที เมื่อศัตรูได้แข็งทื่ออยู่กับที ประตูมิติที่พอแค่ให้ปากกาผ่านไปก็ได้ปรากฏขึ้นบนร่างของหนึ่งในพวกมันก่อนจะหายไป


[ติดคริติคอล!]


พร้อมๆกับประตูมิติที่หายไป ร่างกายส่วนนั้นของพวกมันก็หายไปด้วย


[ชิ้นส่วนร่างกายหายไป ไม่อาจต้านทานได้]

“!?”

“นั่นมันบ้าอะไรกัน!”

“นี่มันเพิ่งเริ่มเท่านั้น!”


มันยังไม่จบลง ประตูมิตินับสิบ นับร้อยได้ปรากฏขึ้นมาในทันทีก่อนที่จะหายไปและศัตรูทั้งเก้าก็ไม่อาจจะทนกับการกลายเป็นรังผึ้งไปในทันทีได้


[คุณได้รับค่าประสบการณ์]

[คุณได้รับค่าประสบการณ์]

[คุณได้รับ…]


พวกมันทั้งเก้าตัวได้ล้มตายลงไปทั้งแบบนี้ บางทีอาจจะเพราะพวกมันไม่มีเวลาให้เรียกกำลังเสริมทำให้ไม่มีอะไรเข้ามาในโลกนี้อีก


“ฮ่าห์… อ๊า”

“มิเรย์”


หลังจากได้สร้างปาฏิหาริย์ที่เกินกำลังเธอไป คังเรย์ได้ล้มไปในัทนที นายูนาได้รีบเข้าไปรับเธอเอาไว้ แต่คังมิเรย์ก็หมดสติไปแล้ว


“…นั่นคังมิเรย์ทำอะไรไปน่ะ?”

“ดูเหมือนว่านั่นจะนับเป็นปาฏิหาริย์ พลังศักดิ์สิทธิ์ของฉันถูกใช้ไปอย่างมาก”


เมื่อเลียร่าได้ถามออกมาอย่างสับสนโดยไม่สนใจแผลของตัวเองเลย นายูนาก็ตอบกลับมาอย่างสับสนเช่นกัน และในตอนนี้เอง


[ตอนนี้ดาเรย์ปลอดภัยแล้วนะ ทุกๆคนกลับมาในทันทีที่มาได้เลยนะ]


ในจังหวะที่เหมาะเจาะนี้เสียงของยูอิลฮานก็ได้ดังขึ้น เน่องจากว่าองค์ประกอบภายนอกทั้งหมดที่ปิดกันโลกใบนี้หายไปแล้วทำให้การเชื่อมต่อเกิดความเสถียรขึ้นมาในที่สุด เลียร่าได้มองไปที่คังมิเรย์ที่หมดสติอยู่ก่อนจะส่งเสียงที่ดูตกใจเล็งน้อยออกมา


“อิลฮาน คือว่า…”


บทที่ 304 – ฉันคือพ่อของพวกนาย (5)


ทั้งกลุ่มของเลียร่าได้กลับมาที่ดาเรย์ด้วยการช่วยเหลือจากสกิลข้ามมิติของยูอิลฮานสำเร็จ พวกเธอได้รีบเล่าเรื่องการต่อสู้เมื่อก่อนหน้านี้ออกมาในทันที


“เพราะแบบนี้ทุกคนก็เลยดูไม่มีความสุขเลยสินะ”

“ใช่สิ… ถึงจะไม่มีใครตายแต่ว่าอันเเดตของพีทตั้งหลายตัวได้จากตัวไปแล้ว”

“ศัตรูที่ไม่คาดคิดและไม่อาจคาดเดาได้ ศัตรูที่มีทั้งการต้านทานมานาและเข้ามาโจมตีอย่างฉับพลันในมิติอื่น… ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น… แต่ว่านะ”


ยูอิลฮานได้ยืนมองดูศพของศัตรูที่ไม่อาจจะระบุตัวตัวได้ตรงหน้าเขา วงแหวนที่บิดเบี้ยวของมันรวมไปถึงปีกที่เหมือนม่านได้ขาดรุ่งริ่ง นี่เป็นรูปแบบสิ่งมีชีวิตที่ยูอิลฮานไม่เคยเห็นมาก่อน


[รูปแบบสิ่งมีชีวิต?]


คนที่ตอบกลับมาอย่างไม่คาดคิดเลยก็คือเฮเรียน่าที่ได้กลับมาเป็นปกติหลังจากพรของเทพธิดาแห่งความงามได้หายไปแล้ว สิ่งที่เธอสงสัยก็คือเรื่องเดียวนั้นก็คือเธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเจ้าพวกนี้ที่สามารถจะจัดการกับพลังงานที่ไม่ใช่มานาและต้านทานเสน่ห์ของเธอได้จะเป็นสิ่งมีชีวิต


ยังไงก็ตามยูอิลฮานได้ตอบกลับมาอย่างชัดเจน


“คำพูดของพวกมันน่าจะทื่อๆสินะ เพราะงั้นพวกเธอก็คงจะคิดไปว่าพวกมันเป็นหุุ่นยนต์ใช่ไหมล่ะ แต่ว่านั่นมันอาจจะเป็นเพราะพวกมันไม่ได้มีภาษาการพูดที่ดีนักก็ได้ แต่ยังไงก็ตามในตอนนี้ฉันก็ยังไม่มั่นใจที่จะสรุปอยู่ดี”


ยูอิลฮานคือผู้เชี่ยวชาญในสกิลบันทึก ในจุดนี้ต่อให้เขาเจอกับสิ่งที่ไม่มีบันทึกอยู่เขาก็ยังจะสามารถมองบันทึกทั่วไปของพวกมันที่ถูกสิ่งมีชีวิตอื่นๆเก็บบันทึกเอาไว้ได้


แต่ยังไงก็ตามหลังจากเห็นเจ้าพวกนี้ยูอิลฮานก็ไม่ได้ข้อสรุปใดๆออกมาเลย ไม่ว่าจะเรื่องที่พวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตหรือไม่ก็ตาม หรือว่าพวกมันมาจากไหน หรือต่อให้พวกมันไม่ใช่สิ่งมีชีวิตแล้วพวกมันเกิดมาได้ยังไง!


“ฉันก็อยากจะเริ่มวิเคราะห์เจ้าพวกนี้จริงๆนะ แต่ว่า…”

“เท่จัง… โลกใบนี้สวยงามจังเลย…”

“ดาเรย์? นี่คือดาเรย์จริงๆน่ะหรอ…?”


หลังจากที่ทั้งกลุ่มได้เห็นความเปลื่ยนแปลงไปของดาเรย์ พวกเธอก็พูดไมออกกันไป ยูอิลฮานรู้สึกได้เลยว่าเขาจะต้องล่ะทิ้งงานที่จะต้องไปทำก่อนสักนิด เขาได้หัวเราะออกมาและดูสภาพของคนทั้งกลุ่ม หลังจากที่พวกเธอได้ผ่านการต่อสู้มาทำให้พวกเธอส่วนใหญ่ทั้งเหนื่อยและเต็มไปด้วยบาดแผล ท่ามกลางคนทั้งกลุ่มจะมีก็แต่นายูนาเท่านั้นที่ยังเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา


“หว่าาาาาาาาา หว่าาาาาาาาาาาาาาาาา! อิลฮาน~ มาแต่งงานกันที่นี่เถอะ แต่งงานน่ะ~”


เธอกำลังมองไปที่ปราสาทที่อยู่ตรงกลาง


เนื่องจากว่ายูอิลฮานกำลังเตรียมที่พักสำหรับมังกรด้วย เขาก็เลยได้ตัดสินใจที่จะสร้างที่อยู่อาศัยนี้อย่างเต็มที่ทำให้การสร้างของเขาดูเลยเถิดเกินไปนิด ผลที่ได้ออกมาเลยก็กลายเป็นเหมือนกับอาณาจักรสไตล์ยุโรปที่ดูเหมือนกับมาจากนิยายแฟนตาซี


“ได้เลย ฉันอนุญาติเพราะงั้นก็ไปหาผู้ชายดีๆมาซะนะ”


ยูอิลฮานได้ดีดหน้าผากนายูนาที่กำลังร้องอย่างยินดีพร้อมทั้งกำลังเข้ามาเกาะแขนเขา ยังไงก็ตามนายูนาก็ยังคงยิ้มและเขย่าแขนยูอิลฮานต่ไป


“แน่นอนสิว่าคนๆนั้นมีแค่อิลฮาน~! ฉันรักนายนะอิลฮานนน!”


ยูอิลฮานได้แต่ยิ้มแห้งๆออกมา ยังไงก็ตามปกติแล้วนายูนาจะทำตัวแบบนี้อยู่เสมออยู่แล้ว แถมนี่อาจจะเพราะว่าเธอได้กลับมาในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยด้วยก็ได้ เพราะงั้นเขาก็เลยพอจะเข้าใจความรู้สึกของเธอ


ยังไงก็การเข้าใจความรู้สึกกับการที่จะปกป้องเธอกับยมทูตที่โผล่ขึ้นมาจากด้านหลังของเธอมันต่างกัน


“ฉันยอมรับนะว่าเธอไม่ยอมแพ้ง่ายๆ แต่ไม่ว่ายังไงนั่นก็มีแต่จะทำให้เธอตายเท่านั้น”

“กรี๊ดดด พี่สาวเลียร่า”


ระหว่างทั้งคู่กำลังเล่นตลกกันตามปกติ ยูอิลฮานก็ได้หันไปปรบมือเรียกให้ทุกคนมาสนใจ


“ฉันได้เตรียมห้องส่วนตัวไว้ให้ทุกคนแล้วเพราะงั้นไปพักอาบน้ำกันซะ ฉันยังได้เตรียมพื้นที่ไว้ให้ป้อมปราการทั้งสองแห่งลงจอดด้วยนะมิสทิค เธอไปที่นั่นได้เลย”

[นายท่านทำเรื่องไร้สาระแบบนี้โดยไม่กระดิกคิ้วเลยนะ…]

[ก็ปกติแหละนะ]


คนที่อาศัยอยู่ในป้อมปราการต่างก็ข้าไปพักในที่ของตัวเอง เอลฟ์กับหมาป่าได้มองไปรอบๆอย่างสงสัยพร้อมกับคิดกันว่าที่นี่ใช่ดาเรย์ที่พวกเขาเคยอยู่จริงๆน่ะหรอ ส่วนทางด้านเด็กๆกองทัพมังกรต่างก็ตะโกนออกมาอย่างยินดีกับความหนาแน่นของมานาในดาเรย์นี้


“ทุกคนเลเวลเพิ่มกันเยอะเลยนะ”

“ก็ชัดเจนอยู่แล้วในเมื่อพวกเราได้ตระเวนไปในโลกระดับสูงต่างๆที่เหมือนกับนรก แต่ว่าก็ไม่ได้มีใครตายเลยซักคน… คนที่น่าทึ่งกว่าพวกฉันก็คือนายต่างหาก”


เอิลต้าเม้มปากมองไปที่ยูอิลฮานที่สูงขึ้นกว่าแต่ก่อนเล็กน้อย และในดวงตาของเขาก็มีแสงขึ้นเล็กๆ นอกจากนี้ภายในดวงตาที่เหมือนกับสัตว์เลื้อยคลานสีทองก็มีนัยน์ตาสีแดงที่ทำให้เธอรู้สึกเหมือนกับกำลังมองมังกรอยู่


“ยูอิลฮาน นายกลายมาเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงแล้ว….”

“ใช่แล้วล่ะ”


ยูอิลฮานได้ยอมรับออกมาง่ายๆ


“นี่ก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ฉันบอกว่าไม่ให้พวกเธอมาดาเรย์ในตอนนั้น ในตอนที่ฉันมาที่นี่ไม่เพียงแต่ที่นี่จะเกิดมหาภัยพิบัติขึ้นอีกเท่านั้น แต่โลกระดับต่ำต่างๆที่มนุษยชาติได้มาอยู่ร่วมกับฉันแลล้วก็ได้หลอมรวมเข้ากับกันที่ดาเรย์ และมานาที่โลกนี้ก็เริ่มจะปั่นปว่น”

“โลกระดับต่ำ? รวมกับที่ดาเรย์? มันเป็นไปได้ยังไงกัน?”


เอิลต้าดูจะไม่รู้เรื่องนี้เลย ยูอิลฮานได้หันไปมองเฮเรียน่าแทน แต่ดูเหมือนว่านี่ก็เป็นครั้งแรกที่เธอได้ยินเช่นกัน ตอนนี้แรกอิลฮานคิดว่าความโลภก็ทำได้เหมือนกัน แต่ดูเหมือนว่าการกลืนกินกับการหลอมรวมเข้าด้วยกันจะต่างกันนิดๆสินะ


[นี่เป็นพลังที่มีแต่ที่รักเท่านั้นที่มี ฉันมั่นใจเลย แล้วที่รักได้ค้นคว้าถึงพลังของที่รักหรือยัง? ถึงที่รักจะมีสกิลบันทึกอยู่แต่ว่าที่รักก็ยังใช้พลังทั้งหมดของตัวเองไม่ได้ใช่ไหมล่ะ?]

“ใช่ เธอพูดถูกเลย ฉันยังไม่บรรลุมัน… โอเคฉันก็ได้คิดเรื่องนี้เองแล้วเหมือนกันนั่นแหละ… ขอบคุณนะที่ช่วยปกป้องทุกๆคนเอาไว้”

[ก็นั่นเป็นคำขอของที่รักนี่]


เฮเรียน่าได้ยิ้มออกมาอย่างอบอุ่น จากตอนแรกที่เจอกันเธอได้เปลื่ยนไปในทางที่ดีมากยิ่งขึ้น ยูอิลฮานก็ชอบในด้านนี้ของเธอ


“เข้าไปพักข้างในเถอเฮเรียน่า”

[ฉันจะไปพัก แต่ว่าการได้อยู่ข้างๆคือการพักที่ดีที่สุดสำหรับฉันแล้ว]

“…อ๊า”


การได้เผชิญหน้ากับเธอเขารู้สึกจั๊กจี้และมันเหมือนกับเขากำลังนอกใจเลียร่า เพราะงั้นเขาได้รีบหันหน้าหลบไปในทันที


คังฮาจินที่ยืนอยู่ในตอนนี้ก็กำลังแบกคังมิเรย์ที่สงบอยู่เช่นกัน ยูอิลฮานก็รู้แล้วว่าเธอก็เป็นหนึ่งในคนที่ปกป้องทุกๆคน


“แล้ว… มิเรย์สงบลงไปยังไม่ตื่นอีกงั้นหรอ?”

“ดูเหมือนว่าเธอจะใช้มานาเกินตัว เพราะแบบนี้รัดเกล้าของเธอก็ดูจะลดความทนทานของมามากเหมือนกัน…”

“ไว้เดี๋ยวฉันจะจัดการเรื่องรัดเกล้าเอง แต่ว่าพาเธอไปพักก่อนเถอะนะ”

“ขอล่ะนะ ไม่ใช่แค่รัดเกล้าแต่เป็นตัวมิเรย์เองด้วย”

“…ไว้ทีหลังนะ”


คังฮาจินกับคังมิเรย์ได้เข้าไปภายในปราสาท คนอื่นๆก็ยังตามสองคนนั้นเข้าไปในปราสาทเช่นกัน คนที่เหลืออยู่ก็มีเฮเรียน่าที่ไม่คิดจะเข้าไปแต่แรกแล้ว กับคิมเยซอลที่กำลังมองมาที่ลูกของเธอด้วยสายตาประหลาดใจ


“นี่ลูกบาดเจ็บตรงไหนหรือป่าว? ลูกเปลื่ยนไปมากจนแม่ตกใจเลยนะ”

“ผมต่างหากที่ต้องเป็นห่วง แม่สบายดีนะครับ?”

“แน่นอนสิว่าแม่ไม่เป็นไรอยู่แล้ว แต่ว่าแม่เปนห่วงเรื่องอนาคน หากว่ามีเจ้าพวกนี้มากๆเข้า…”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมจัดการมันได้สบายๆอยู่แล้ว แล้วก็พวกเขาไม่จำเป็นต้องแยกเป็นสองกลุ่มอีกแล้ว”


เขารู้สึกตกใจมากกับการที่เรื่องนี้มันเกิดขึ้นในระหว่างที่เขากำลังจัดการโลกหลังจากที่กลายมาเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูง แต่ว่าเขาก็ได้เตรียมพร้อมสำหรับการบุกรุกที่ไม่คาดคิดอยู่ตลอดเวลา


สิ่งที่สำคัญที่สุดเลยก็คือทุกๆคนได้กลับมาอย่างปลอดภัย และเขาก็ยังได้กลายมาเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงก่อนที่คนอื่นๆจะตกอยู่ในอันตรายมากไปกว่านี้


“ลูกแม่ ลูกทำได้ดีมากจริงๆ แม่เชื่อมาเสมออยู่แล้วว่าลูกต้องทำได้”

“แม่ไม่ได้สงสัยในตัวผมเลยตั้งแต่แรกแล้ว… ขอบคุณนะครับแม่ ถึงแม้ว่านี่จะเป็นเรื่องปกติแต่ว่าการพูดมันก็น่าอายอยู่ดี ให้ลูกของแม่คนนี้จัดการดูแลทุกๆอย่างเองนะครับ”

“ได้เลยลูกแม่”


อารมณ์ภายในสายตาของแม่เขาไม่ได้มีแค่ความสุขเท่านั้น เธอยังรู้สึกอิจฉาเล็กน้อยที่ลูกของเธอได้ไปในจุดที่เธอไม่อาจจะไปถึงได้แม้ว่าจะใช้เวลาค้นคว้ามาหลายต่อหลายปี


ยังไงก็ตามเพราะเป็นลูกของเธอที่ทำได้ทำให้เธอยอมรับได้ เธอรู้สึกภูมิใจ มีความสุขด้วยเช่นกัน ในตอนนี้เธอยังรู้สึกโล่งใจจริงๆที่ลูกของเธอพูดว่าจะจัดการทุกอย่างเอง


“ได้เลย ตอนนี้แม่โล่งใจแล้วล่ะ”


คิมเยซอลได้ลูบผมสีแดงของลูกของเธอ ผมนี่ให้ความรู้สึกไร้รูปร่างและเธอก็ยังรู้สึกได้ถึงสัมผัสแปลกๆและความอบอุ่นที่ส่งมาถึงมือของเธอที่มันทำให้เธอรู้สึกดีนิดๆ


“ตอนนี้แม่ก็ต้องไปพักเหมือนกันนะครับ ไว้ค่อยคุยกันนะครับ”

“ได้เลย งั้นแม่ไปพักก่อนนะ”


คิมเยซอลก็ยังไปพักเช่นกัน เฮเรียน่าที่ดูจะรอให้ทุกๆคนหายไปก็ได้เข้ามาเกาะแขนยูอิลฮานในทันทีที่คิมเยซอลจากไป แต่ว่ายูอิลฮานก็ไม่ได้สบัดเธอออกไปเลย


นี่คือรางวัลสำหรับที่เธอได้ทำภารกิจได้ยอดเยี่ยม เหตุผลที่เขาไม่ว่านายูนาในก่อนหน้านี้ก็เช่นเดียวกัน ยูอิลฮานรู้สึกอึดอัดใจที่ตัวเขากำลังทำแบบนี้ แต่ว่าเขาก็ยังรู้สึกว่านี่เป็นการทำสิ่งที่ถูก


“ตอนนี้ฉันจะปล่อยไปก่อนแล้วกันนะ”

[รู้แล้วๆ ที่รักกำลังแสดงด้านของเหล่าเทพออกมาแล้ว ไม่เป็นไรหรอก ฉันจะจัดการที่เหลือเอง ฉันดีใจจังเลย]

“ปัญหาของเธอนั่นมันก็เพราะเธอชอบทำเหมือนรู้ไปหมดนั่นแหละ”

[ฟุฟุ]


เฮเรียน่าได้มีความสุขกับการอยู่กับยูอิลฮานอย่างเต็มนี่ นี่คือสิ่งที่เธอไม่เคยมีประสบการณ์มานานแล้ว แต่แม้กระทั่งตอนที่ยูอิลฮานกำลังเดินไปกับเธอ เขาก็ได้ใช้สกิลประกาศิตเพื่อสร้างดราก้อนเนส เมือง และปราสาทขึ้นมาด้วยมานาในผืนดินและท้องฟ้า เฮเรียน่าได้เฝ้ามองการสร้างที่ตระการตานี้และถามเขาออกมา


[ที่รักแล้วที่รักจะรวมโลกเข้ากับดาเรย์ไหม?]

“ถ้าเป็นไปได้ ฉันก็จะทำมันในสักวันน่ะ”


หากการรวมโลกขนาดใหญ่สองโลกที่ต่างกันเข้าด้วยกันได้งั้นมันก็ไม่มีเหตุผลที่เขาจะไม่ทำ บางทีนี่อาจจะเป็นเรื่องที่ถูกกำหนดเอาไว้นับตั้งแต่ที่การเชื่อมต่อของดาเรย์กับโลกได้เกิดขึ้นมาแล้ว หรือไม่ก็อาจจะเป็นในตอนที่ยูอิลฮานได้รับวงเวทย์เอลฟ์โบราณมา


“ฉันก็จะต้องใช้พลังจำนวนมหาศาลเพื่อให้เจตจำนงผู้พิทักษ์ดูดวงเวทย์เอลฟ์และปกคลุมโลกอีกครั้งหนึ่ง”

[มันเป็นไปได้แน่นอน ใช่แล้วในเมื่อมันเกิดขึ้นถ้างั้นมันก็ง่ายสำหรับที่รักที่จะปกป้องทุกๆอย่าง ฟุฟุที่รักได้ความสามารถที่เหมาะสมจริงๆเลย]

“ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงได้พลังนี้มานะ… แต่ว่าฉันคิดว่าทุกๆอย่างก็เป็นกำลังไปได้ดี”


นี่ไม่ใช่กองกำลังสิ่งมีชีวิตชั้นสูงเท่านั้น คนอื้นๆๆก็ยังมีโอกาสที่จะได้ใช้รูปแบบพลังงานที่ไม่รู้จักด้วยและชัดเจนว่าพวกมันก็จะสร้างปัญหาให้กับเขาเช่นกัน สำหรับยูออิลฮานที่ได้ทำร้ายและสร้างเบื้องหลังขึ้นมาแล้ว การที่จะถูกบอสสุดท้ายโจมตีทั้งๆที่รู้อยู่แล้วมันจะเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้


“ไม่ว่าพวกใครจะคิดอะไรเอาไว้ ฉันก็จะแสดงให้พวกนั้นได้เจอกับสิ่งที่คาดไม่ถึงเลย”

[นั่นแหละคือที่รัก สมบูรณ์แบบ… และเป็นเช่นนี้]


เฮเรียน่าได้ถามออกมาอีกด้วยความสงสัย


[แต่ทำไมในโลกใบนี้ถึงได้มีมังกรมาขนาดนี้ล่ะ? แถมทั้งหมดนั่นก็ดูจะใกล้เคียงกับสิ่งมีชีวิตชั้นสูงแล้วด้วย]

“อืม ไว้ฉันจะแนะนำพวกนั้นให้รู้จักทีหลัง เฮ้มีพวกมังกรกำลังมาแล้วล่ะ”


ยูอิลฮานได้หยักไหล่ออกมาด้วยรอยยิ้ม บนขอบฟ้าไกลออกไปเขาได้เห็นกลุ่มมังกรกำลังกลับมาหลังจากทำการล่าครั้งแรกสำเร็จ


คนที่นำมังกรมาเลยกแน่นอนว่าต้องเป็นมังกรแดงรูบี้ที่ได้กินเลือดเนื้อทั้งหมดของอิชจาร์ไป เธอได้ออกไปล่ามอนสเตอร์ในตอนเลเวล 294 แต่ว่าหลังจากกลับมาเธอก็มีเลเวล 296 แล้ว ดูเหมือนว่ามอนสเตอร์อื่นๆที่เกิดขึ้นมาในดาเรย์จะไม่ใช่เล่นๆเลย


[พ่อ รูบี้กลับมาแล้ว!]

[…’พ่อ’?]


น้ำเสียงของเฮเรียน่าได้เต็มไปด้วยความสงสัย ยูอิลฮานได้ยิ้มออกมาอีกครั้ง


“ไม่ใช่ว่าฉันบอกเธอว่าจะแนะนำพวกเขาให้เธอฟังหรอกหรอ?”


กองกำลังสิ่งมีชีวิตชั้นสูงดราก้อนเนส ศักยภาพที่น่ากลัวของกองกำลังนี้ก็คือการแตกหน่อนี่แหละ



บทที่ 305 – ฉันคือพ่อของพวกนาย (6)


[พ่อ สิ่งมีชีวิตนี่… เป็นศัตรูหรือป่าว?]


รูบี้ได้ถามยูอิลฮานออกมาด้วยความรู้สึกสงสัยอย่างมากที่เห็นเฮเรียน่าอยู่ติดกับยูอิลฮาน รูบี้พึมพัมขึ้นกับตัวเองว่ายูอิลฮานได้รับการโจมตีจิตใจอะไรหรือป่าว แต่ว่าคำพึมพัมพวกนี้ทั้งยูอิลฮานกับเฮเรียน่าก็ได้ยินเช่นกัน


“เธอเป็นพรรคพวกของเรา เพราะงั้นเธอไม่ต้องห่วงหรอกนะ แต่ว่านะทำไมถึงกลับกันมาแล้วล่ะ?”

[เนื่องจากว่ามีมอนสเตอร์เกิดขึ้นมามายมายก็เลยทำให้มีมอนสเตอร์ที่กำลังล่ามังกรเกิดขึ้นมาเช่นกัน หนูคิดว่าพ่อก็น่าจะต้องรู้เรื่องนี้…]

“โอ้”


นี่น่าจะเป็นเรื่องของธรรมชาติ ถึงแม้ว่ายูอิลฮานจะมองว่ามังกรแข็งแกร่งมากๆ แต่ว่าเขาก็มีบันทึกมามายเกี่ยวกับเหล่านักล่ามังกร ยิ่งตัวเขาเองยังเคยฆ่ามังกรไปเป็นพันๆตัวตั้งแต่ตอนแรกที่มาดาเรย์อีกด้วย


ดาเรย์ได้ใช้วิวัฒนาการทั้งหมดของบันทึกของเขามาเป็นพื้นฐาน เพราะงั้นมันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีเหล่ามอนสเตอร์นักล่ามังกรเกิดขึ้นมา ถ้ามันถึงขนาดที่ว่าแม้แต่มังกรก็ยังรู้สึกถึงวิกฤติ ดูท่าเจ้าพวกนั้นก็น่าจะมีเลเวลสูงเช่นกัน


“ถ้างั้นพวกเธอก็น่าจะวิวัฒนาการได้มากยิ่งขึ้นไปกว่านี้อีกหากว่าเอาชนะพวกมันได้”

[พ่อ เราต้องทำยังไงดี?]

“เธอกลัวพวกนั้นหรอ?… อืมนี่ก็คงช่วยไม่ได้สินะในเมื่อพวกเธอเพิ่งจะเกิดขึ้นมา”


ยูอิลฮานได้หันไปขอให้ยูมิลที่อยู่ข้างๆช่วยแทน


“มิลช่วยไปดูเหล่าญาติที่อ่อนแอกว่าลูกน้อย ลูก็แค่ต้องปล่อยให้พวกเธอเอาชีวิตรอดเท่านั้นแหละ”

“ได้เลยครับพ่อ ผมจะทำให้ทุกๆคนแข็งแกร่ง”


ยูมิลได้พูดขึ้นด้วยรอยยิ้มพร้อมกับบินออกไปท่ามกลางสายตาของรูบี้กับมังกรคนอื่นๆที่ได้ประจักษ์ถึงร่างมังกรคลาส 6 ที่เต็มไปด้วยความยิ่งใหญ่


[กรรรรรรรรรรร!]


ยูมิลที่มีอยู่ในร่างมังกรเพลิงเกล็ดทองได้คำรามออกมาจนทำให้มังกรทั้งหมดทีอยู่ตรงหน้าต่างก็ตัวแข็งทื่อ โดยเฉพาะในสายตาของรูบี้ได้เต็มไปด้วยไฟแห่งปรารถนา


[พี่ชายน่าทึ่ง!]

“พี่ชาย…?”


ในท้ายที่สุดยูอิลฮานก็สังเกตุว่าน้ำเสียงของรูบี้เหมือนกับผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เพราะงั้นเธอคือผู้หญิงสินะ! ดีนะที่เขาได้ตั้งชื่อผู้หญิงให้กับเธอไป


[ทุกคนตามฉันมา! มันยังมีอีกหลายครั้งในชีวิตนี้ที่พวกเธอจะต้องได้เจอกับพวกเหล่าตัวที่จะล่ามังกรเป็นปกติเพราะงั้นพวกเธอจะมากลัวตั้งแต่แรกไม่ได้!]

[มีกำลังใจจัง!]

[มีอะไรใหม่ๆเสมอเลย]

[น่าตื่นเต้น!]

“มิลจะต้องต่างออกไปแน่ในเมื่อมิลได้เลี้ยงดูเด็กๆไปบ้างแล้ว”


มิลคือเด็กที่น่าทึ่งจริงๆ มิลไม่ได้เอาจุดเด่นของพวกตัวคนเดียวของยูอิลฮานมาแต่แทนที่สิ่งนั้นด้วยความเป็นผู้นำแย่างไร้ที่ติแล้ว! มิลคือประเภทของคนที่จะไม่มีวันได้เป็นตัวเอกเลยหากเป็นในนิยาย


ในระหว่างยูอิลฮานกำลังโล่งใจอยู่ ยูมิลก็ได้นำทางมังกรทุกๆตนบินตรงไปในที่ที่ศัตรูอยู่แล้ว หลังจากมังกรได้จากไป เฮเรียน่าก็หันหน้ามามองที่ยูอิลฮานที่กำลังซาบซึ้งอยู่ การจ้องมามองคราวนี้ของเธอมันเต็มไปด้วยเศษเสี้ยงความโกรธเล็กๆ


[ที่รัก… ใครอีกแล้วล่ะ?]

“เรื่องนั้นไม่ต้องสนใจหรอกนะไม่ว่าเธอจะมีสิทธิจะถามหรือไม่ก็ตาม แต่นั่นมันไม่ใช่อย่างที่เธอคิด มีมังกรจำนวนมากได้เกิดขึ้นมาในระหว่างที่ดาเรย์กำลังเกิดมหาภัยพิบัติได้นับถือฉันเป็นเหมือนครอบครัวพวกเขานั่นเพราะว่าพลังจ้าวมังกรของฉัน”

[ฟู่วว ดีนะที่ไม่มีคู่แข่งเพิ่มขึ้นมาอีก]


ยูอิลฮานยังได้สร้างข้อจำกัดกับมอนสเตอร์ทั้งหมดที่เป็นนักล่ามังกรด้วย แน่นอนว่านี่มันไม่ใช่เพราะเขากลัวว่ายูมิลจะแพ้มอนสเตอร์ปกติพวกนั้น แต่ว่าเขากลัวว่ามังกรคลาส 4 ที่อ่อนแอจะได้รับบาดเจ็บมากกว่า นี่มันคือการโกง แต่ว่ายูอิลฮานก็อยากจะรักษากองกำลังเอาไว้


“เอาล่ะในเมื่อทำขนาดนี้แล้วหากพวกมังกรยังตายอีกก็ช่วยไม่ได้แล้วล่ะนะ… เอาล่ะถ้างั้นก็”


การก่อสร้างก็เกือบจะเสร็จแล้ว ทั้งหุบเขา รังมังกร และถ้ำ ที่ได้เตรียมเอาไว้ให้มังกรนับล้านได้อยู่กัน เมือง ป่าไม้ ฟาร์ม แล้วก็แม่น้ำสำหรับเหล่าเอลฟ์และหมาป่าได้ใช้ชีวิตอยู่กัน อย่างสุดท้ายเลยก็คือปราสาทที่ยิ่งใหญ่สถานที่สำหรับให้ยูอิลฮานกับพรรคพวกได้พักอาศัย แน่นอนว่าเขาไม่ลืมเตรียมพื้นที่พวกนี้ให้เหมาะกับการต่อสู้ด้วย


“ประกานแกนของป้อมปราการลอยฟ้ากับป้อมปราการผู้พิทักษ์และวงเวทย์เอลโบราณเข้าด้วยกันเพื่อที่จะทำให้ทั้งโลกใบนี้กลายเป็นป้อมปราการใหญ่ยักษ์… หืม ฐานได้วางเอาไว้ เพราะงั้นก็เหลือรอให้สูตรวงเวทย์สมบูรณ์สินะ”

[ใช่แล้ว ฉันชอบที่รักก็เพราะที่รักชอบทำอะไรใหญ่ๆแบบนี้นี่แหละ… แล้วนี่ที่รักกำลังจะทำให้ทั้งโลกใบนี้กลายมาเป็นสิ่งที่คล้ายๆกันกับป้อมปราการลอยฟ้างั้นหรอ?]


จริงๆแล้วนี่มันยิ่งใหญ่เกินกว่าที่เธอจะเข้าใจได้เต็มที่! ในจุดๆนี้ศัตรูของยูอิลฮานจะต้องน่าสงสารแน่ๆ แต่ว่าเฮเรียน่าก็ไม่ได้พูดแบบนั้นออกไป เธอได้เลือกถามเขนแทน


[แล้วที่รักจะเริ่มเมื่อไหร่นล่ะ ถ้าไม่ว่าอะไร… ฉันขอเป็นคนแรกได้ไหม?]

“ไม่ล่ะ เสียใจด้วยนะเลียร่าจะเป็นคนแรก”

[ชิ เอาแต่คิดถึงภรรยาของที่รักตลอดเลย นี่ที่รักชอบผู้หญิงคนนั้นมากขนาดนี้เลยงั้นหรอ ไม่สิชั่งมันเถอะ ยิ่งได้ยินคำตอบก็จะยิ่งเจ็บซะมากกว่า]


ยูอิลฮานได้ลูบผมของเฮเรียน่าที่กำลังผิดหวังนิดๆ เธอดูจะตกใจกับเรื่องนี้มาแต่ไม่นานเธอก็เริ่มหน้าแดงขึ้น


[ที่รักเปลื่ยนไปจริงๆด้วย ที่รักใจดียิ่งกว่าแต่ก่อน… ตอนนี้ที่รักก็คิดถึงฉันแล้วด้วย จริงไหมล่ะ?]

“ก็จริงแหละนะ ฉันยอมรับว่านี่ก็คือฉัน แต่ว่ามันก็แปลกๆ ฉันได้เปลื่ยนแปลงไปเล็กๆทั้งๆที่ฉันรู้ถึงเรื่องนี้”


ในอดีตตอนยูอิลฮานยังเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำอยู่เขามีชีวิตอิสระ แต่ว่าในตอนนี้เขาได้กลายมาเป็นผู้นำดราก้อนเนสไปแล้ว ทุกๆคนในกลุ่มได้ฝากชีวิตไว้กับเขา


มุมมองของเขาได้กว้างยิ่งขึ้นและมาตราฐานของเขาก็ได้กลายเป็นสูงขึ้นเช่นกัน ความรู้สึกของเขาที่มีต่อคนๆอื่นๆได้ลดน้อยลง แต่ว่าสิ่งใดที่อยู่ในสายตาของเขาเขาก็จะคิดเกี่ยวกับมันมากยิ่งขึ้น บางทีนี่อาจจะเป็นผลมาจากคลาสรองผู้นำที่เขาได้รับมาก่อนกลายเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงก็ได้


“แต่ว่านี่มันกวนใจฉันอยู่ การเปลื่ยนแปลงนี้ไม่อาจจะป้องกันได้ต่อให้เป็นหัวใจไม่สั่นคอลก็ตาม นี่มันคือเรื่องปกติงั้นหรอ? สิ่งที่ฉันกำลังคิดอยู่จริงๆแล้วคืออะไร?”

[แต่ไม่ใช่ว่าที่รักก็ได้เปลื่ยนไปอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้วหรอ การเก็บสะสมบันทึกไปเรื่อยๆ ละสร้างเป็นตัวเองขึ้นใหม่ท่ามกลางบันทึกที่ถูกจัดระเบียบ นี่มันก็แค่การทำกระบวนการนั้นซ้ำอีกครั้งเานั้นเอง ถ้าที่รักปฏิเสธมัน นั่นมันไม่ได้หมายความว่าที่รักปฏิเสธการเกิดใหม่ของตัวเองหรอกหรอ?]


ยูอิลฮานได้ปิดปากลง ถึงแม้ว่าบางครั้งเขาจะลืมเรื่องนี้ไป แต่ว่าเฮเรียน่าที่ได้ใช้ชีวิตมาเป็นหมื่นๆปีเธอไม่เคยจะลืม อย่างในตอนนี้เธอได้ทำให้ยูอิลฮานต้องประหลาดใจกับคำพูดของเธอ เขาได้หยักหน้าเห็นด้วยแต่โดยดี


“ใช่แล้ว เธอพูดถูก ถ้าฉันไม่ยอมรับตัวฉันเอง ถ้างั้นฉันก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะก้าวต่อแล้วล่ะ”

[แล้วก็นะฉันชอบที่ที่รักใจดีกับฉันมากขึ้นด้วย]

“…”


ความรู้สึกที่เขามีต่อเธอได้เพิ่มขึ้นอีกจากการรุกที่กระทันหันนี้ สกิลราซินีซัคคิวบัสยังคงทำงานอยู่สินะ? เขาจะลดการป้องกันลงไม่ได้เด็ดขาด ยูอิลฮานได้ดีดหน้าผากของเฮเรียน่าและหันหน้าปทางอื่น


“หลังจากคนอื่่นๆพักผ่อนพอแล้วก็เรียกให้พวกเขามารวมกัน ฉันจะออกไปสำรวจโลกสักหน่อย”

[ฟุฟุ เข้าใจแล้วที่รัก]


ยูอิลฮานได้บินขึ้นไปบนท้องฟ้า จากการที่เขาได้เชื่อมต่อเข้ากับเกราะร่างมังกรจิตวิญญาณเพลิงกับมังกรทำให้เป็นธรรมดาที่เขาจะสามารถบินได้โดยไม่ต้องใช้มานาเลย ถึงแม้ว่าการจะบินให้เร็วขึ้นจะต้องเรียกปีกเสียงเพรียกแห่งการล่มสลายออกมาก็ตาม


เขาได้ขยายมานาออกไปในสภาพแวดล้อมเพื่อที่จะบันทึกทุกๆอย่างไปพร้อมๆกันกับที่บินไปด้วย


“โฮ่”


เกราะร่างมังกรจิตวิญญาณเพลิงได้กลายเป็นมากกว่าแค่อาร์ติแฟคแล้ว เกราะๆนี้ได้รวมเป็นหนึ่งกับร่างของเขา อาวุธภายในก็สามารถจะเปล่ยนแปลงได้อย่างไร้ที่ติ ปีกเสียงเพรียกแห่งการล่มสลายที่ถูกสร้างขึ้นจากโลหะหลากหลายชนิดและแก่นแท้เวทย์จำนวนมากได้กลายมาเป็นปีกสีแดงเพลิงที่เหมือนกับปีกค้างคาวไปแล้ว หากใครได้เห็นคงจะเรียกว่านี่เป็นปีกมังกรแน่นอน


แน่นอนว่าศักยภาพภายในของมันก็ยังเพิ่มขึ้นเช่นกัน ประสิทธิภาพได้เพิ่มมากขึ้นจากเดิมอย่างน้อยก็สองเท่า


“เยี่ยมมาก สิ่งมีชีวิตชั้นสูงนีน่าสนใจจริงๆ”

[ฉันขอแสดงความตกใจกับความคิดของท่านเทพที่คิดว่ากระบวนกรเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงเป็นแค่การวิจัยหนึ่ง]

“นายนี่เริ่มกลายเป็นเหมือนโอโรจิแล้วนะ”

[อึก!?]


หลังจากแซวโอโรจิยูอิลฮานก็ได้เพิ่มความเร็วขึ้นตลอดเวลาและมองดูสภาพแวดล้อมรอบๆ มานาที่เขาได้ใช้ไปได้กำลังผสานเข้ากับโลกใบนี้และวงเวทย์เอลฟ์โบราณ เพราะแบบนี้ทำให้เขาได้รับรายละเอียดทั้งหมดมาต่อให้จะไปรอบๆด้วยความเร็วแบบนี้


จริงๆแล้วหลังจากมหาภัยพิบัติขั้นที่ 6 ที่ดาเรย์แห่งนี้ให้ความรู้สึกกับตัวยูอิลฮานเป็นโลกใบนี้เอง ยูอิลฮานทั้งรู้สึกตกใจและประหลาดใจกับเรื่องนี้มาก


นี่ก็น่าจะเป็นเหตุผลที่ทำให้กองกำลังอื่นๆไม่ยอมไปจัดการกองทัพสวรรค์ง่ายๆต่อให้พวกเขาจะดูไม่ต่างกันมากก็ตาม! นี่ก็อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ทุกๆคนไม่กล้าที่จะบุกเข้าไปในโลกหลักของกองกำลังอื่นๆ


[ออร่าแห่งเพลิงเต็มโลกนี้ไไปหมดเลย แต่ว่ามันก็กำลังสร้างสมดุลกับน้ำเหมือนกัน โลกใบนี้งดงามจริงๆ!]

“ขอบคุณที่คิดแบบนั้นนะเพลิงนิรันดร์”


เพลิงนิรันดร์ได้ดูดหรือเสริมเพลิงที่อยู่มีในโลกใบนี้ด้วยการส่งร่างก็อบปี้ของตัวเองไปรอบๆตัว รวมถึงดูดเอามานาและปล่อยออกไปเล่นรอบๆด้วย ในกระบวนการที่ยูอิลฮานได้เกิดใหม่มาเป็นผู้นำดราก้อนเนส เธอก็ยังได้ทะลุผ่านขั้นเช่นกัน ทำให้ในตอนนี้เธอมีพลังที่สูงกว่่าแต่ก่อนจนเทียบไม่ติด ต่อให้ไม่มียูอิลฮาน เพลิงนิรันดร์ก็สามารถจะป้องกันสิ่งมีชีวิตชั้นสูงได้เพียงลำพังแล้ว


“นักล่ามังกร นักล่ามังกร… อ่า เจอแล้ว”


ยูอิลฮานได้รู้สึกถึงร่องรอยการต่อสู้ที่รุนแรงระหว่างมังกรกับมอนสเตอร์อื่นๆที่อยู่ไกลออกไป แน่นอนว่าเนื่องจากยูมิลเป็นผู้นำมังกรทำให้ไม่เกิดการตายมากนัก แต่ว่าเนื่องจากยูมิลไม่ได้เข้าไปร่วมสู้ด้วยตรงๆ แต่เป็นการสนับสนุนแทนทำให้การต่อสู้ไม่ได้จบลงง่ายๆ


[ทุกๆคนร่วมมือกันสิ! ถ้ามีเพลิงแบบนี้แม้แต่ทำให้ข้าวสุกยังไม่ได้เลยนะ! อย่าได้ลืมศักดิ์ศรีในฐานะมังกรสิ!]

[เข้าใจแล้วพี่ชาย]

[เอามานาที่ปะทุอยู่ในคอพวกนายออกมา! สัมผัสถึงหัวใจที่เต้มอยู่และปล่อยมานาที่กำลังรู้สึกอยู่ภายในนั้นออกมา!]


นี่น่าจะเป็นการสอนที่เป็นไปได้ก็เพราะยูมิลเป็นมังกรเช่นกัน แม้ว่ายูมิลจะไม่ได้เรียนอะไรจากพ่อแม่ที่เป็นมังกร แต่ว่ายูมิลก็กำลำสอนสอนได้อย่างดี


ยูอิลฮานได้ออกมาจากที่นั่นด้วยรอยยิ้ม เขาเป็นห่วงว่าเขาอาจจะต้องไปช่วยมังกรแต่แล้วดูจากยูมิลที่นำทัพมังกรนับหมื่นสบายๆแล้วดูเหมือนว่าจะไม่ต้องกังวลแล้ว


“ถ้างั้นก็…”


ยูอิลฮานได้หันออกไป ในเมื่อเขาไม่ได้ซ่อนตัวตนเลยทำให้ทุกๆชีวิตในโลกใบนี้ต่างก็ระวังกับตัวเขา มีอารมณ์มากมายที่มีต่อตัวเขา ความหวาดกลัว ความชื่นชม การยอมรับความพ่ายแพ้และการต่อต้านเล็กน้อย


ยังมีกระทั่งร่องรอยความลังเลในเวลาเดียวกันก็มีความสับสน พวกสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นอยู่ท่ามกลางอารมณ์ที่สั่นไหวโดยที่ไม่รู้จักอารมณ์เหล่านี้เลย คนที่มีความรู้สึกใบนี้ในโลกใบนี้ก็น่าจะเป็น…


“สายพันธ์มังกรสินะ?”

[ท่านก็สัมผัสได้สินะ ท่านพูดถูกแล้ว ในตอนนี้โลกใบนี้ได้ให้กำเนิดแค่มังกรเท่านั้น แต่ยังมีสายพันธ์มังกรขึ้นมากมาย]

“โอโรจิก็เป็นสายพันธ์มังกรใช่ไหมล่ะ….”


โอโรจิในทางเทคนิคแล้วไม่ใช่มังกร ตัวตนจริงๆของโอโรจิแล้วคืองูขนาดยักษ์ที่มีบันทึกตำนานของญี่ปุ่น ยังไงก็ตามโอโรจิก็คือสายพันธ์มังกรและมีข้อได้เปรียบทางพื้นฐานมากกว่าสายพันธ์อื่นๆ นี่จะเรียกว่าโกงก็ได้ แต่ว่ายังไงมังกรก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่ยุติอยู่แล้ว


อิชจาร์ได้ถามกับเขาขึ้น


[ท่านเทพผูเปกครอง ท่านจะดูแลสายพันธ์มังกรทั้งหมดด้วยไหม? ที่ผ่านมาฉันเอาแต่สนใจกับการเพิ่มพูนชื่อเสียงมังกร แต่ว่าฉันก็ไม่เชื่อหรอกนะว่าชื่อกองกำลัง ดราก้อนเนสจะมีความหมายง่ายๆแบบนั้น]

“ใช่แล้ว ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน นอกไปจากนี้มันก็ยังเป็นตัวฉุกให้ฉันคิดที่จะมาดาเรย์เป็นโลกแรกหลังจากการเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูง… ฉันไม่คิดว่านี่มันเป็นเรื่องบังเอิญหรอกนะ”


ดาเรย์ไม่ใช่โลกสำหรับมังกรโดยเฉพาะ ที่นี่แต่เดิมแล้วเป็นโลกที่สายพันธ์มังกรเกิดได้อย่างง่ายดาย เหตุผลที่ยูอิลฮานมาที่นี่เป็นครั้งแรกก็คือการกวาดล้างสายพันธ์มังกรด้วย


ยังไงก็ตามพลังในตอนนี้ของยูอิลฮานคือการเป็นจ้าวมังกร และมังกรก็เป็นแค่สวนหนึ่งของสายพันธ์มังกรเท่านั้น


ถ้ายูอิลฮานเป็นคนที่ยอมแพ้ง่ายๆ เขาก็คงจะจัดการกวาดล้างพวกนี้ออกไปด้วยข้อแก้ตัวที่ว่ามังกรกับสายพันธ์มังกรต่างกัน แต่ว่าถากเขาเป็นคนแบบนั้นเขาก็คงยอมแพ้กับการใช้ชีวิตไปตั้งแต่ถูกทิ้งไว้บนโลกเป็นพันปีแล้ว


ยูอิลฮานได้ปรบมือขึ้นมา สิ่งมีชีวิตที่กำลังแอบมองเขาอยู่จากเบื้องหลัง และจากป่าไม้ทั้งหมดได้เริ่มตกใจและบิดร่างกายไปมา ในเวลาเดียวกันยูอิลฮานก็เปล่งเสียงทะเยอทะยานออกมาด้วยรอยยิ้ม


“ดีมาก ฉันน่าจะใช้โอกาสนี้ขนาดขอบเขตพลังของฉันออกไป แค่มังกรมันไม่พอหรอกนะ ฉันจะทำให้สายพันธ์มังกรทั้งหมดมาอยู่ใต้การปกครองของฉัน”

[ฉันคิดไว้แล้วว่าท่านจะพูดแบบนี้]


มีศัตรูที่เขายังระบุตัวไม่ได้อยู่ด้วย เพราะงั้นยิ่งมีพรรคพวกมากก็ยิ่งดี! และจะยิ่งดีกว่านี้หากยูอิลฮานทำให้พวกนี้ทั้งหมดกลายมาเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงด้วย! ยูอิลฮานได้ชักจูงตัวเองและกระจายมานาออกไปรอบๆ


“เฮ้ เจ้าพวกที่คิดว่าตัวเองเป็นมังกรน่ะ!”


น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเป็นใหญ่ได้ดังออกไปทั่วทั้งโลก


“ฉันจะให้เวลาพวกนายสิบวินาทีเพื่อรวมตัวกัน!”



บทที่ 306 – ฉันคือพ่อของพวกนาย (7)


การยั่วยุของเขาได้ผลมากๆ สายพันธ์มังกรต่างมี่กำลังสงสัยกับตัวตนของตัวเองหลังจากได้เห็นมังกรนับแสนกำลังบินอยู่ และในตอนนี้ยูอิลฮานก็ได้พูดคำพูดกระตุ้นเข้าไปอีกทำให้พวกมันทั้งหมดได้เริ่มกำลังมารวมตัวกัน


[กรรรรรรรรรร!]


จากทั้งภูเขาและป่าไม้


[ก๊าซซซซซซซซซ]


จากเบื้องบนหมู่เมฆ


[กรรรรรรรรรร!!]


จากถ้ำ ใต้น้ำ หรืออุโมงค์ต่างๆ สายพันธ์มังกรต่างก็เร่งรีบออกมาจากทีต่างๆเพื่อเข้าไปในที่ที่ยูอิลฮานอยู่


[ท่านผู้ปกครองโลกกำลัง… เรียกเรา!]

[ก๊าซซซซซซ! จ้างแห่งมังกรทั้งมวล ออร่านี่มันน่ารำคาญเหลือเกิน]


ภาพที่มังกรมารวมตัวกันนี่น่ากลัวเป็นอย่างยิ่งแล้ว แต่ในท้ายที่สุดมังกรก็เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของสายพันธ์มังกรเท่านั้น และมีสายพันธ์มังกรนับสิบล้านตัวที่ได้เกิดขึ้นมาที่นี่ และแม้กระทั่งในตอนนี้จำนวนก็ยังกำลังเพิ่มขึ้นไปอีกจากการวิวัฒนาการ


“ยังไม่พอ พวกนายคงไม่ได้คิดจะเอาชนะฉันด้วยออร่ากระจอกๆแค่นี้สินะ!”


ยูอิลฮานได้จัดการใช้วงเวทย์เอลฟ์โบราณกระจายออร่ากับมานาของเขาออกต่อไปให้กลางยิ่งขึ้นอีกทำให้มีสายพันธ์มังกรมารวมตัวกันมากยิ่งขึ้นไปอีก แถมมานานี่ของเขายังได้กระตุ้นให้มีการเกิดของสายพันธ์มังกรเพิ่มขึ้นมาอีกด้วย!


[เรามาตามที่นายเรียกแล้ว]

[นายเป็นอะไรกัน]

[แกว๊กกกกกกกก!]

[น่ารำคาญ! นายมันน่ารำคราญ!]


สายพันธ์มังกรนั้นต่างจากมังกรที่จะมีสติปัญญาสูงกว่ามนุษย์นับตั้งแต่เกิด เหล่าสายพันธ์มังกรนั้นจะมีสติปัญญาสูงต่ำแตกต่างกันไปตามแต่ล่ะตัว บางทีโอโรจินั้นอาจจะนับได้ว่าเป็นพวกมีสติปัญญาสูง


นี่ขนาดว่ายูอิลฮานเชี่ยวชาญสกิลภาษามาก่อน แต่ว่าในหมู่สายพันธ์มังกรทั้งหมดที่นี่มีแค่ 30% เท่านั้นที่สามารถจะส่งเสียงที่เป็นภาษามาได้ แน่นอนว่าส่วนใหญ่ทั้ง 30% นั่นต่างก็อยู่คลาส 4 กันหมด


“พวกนายทั้งหมดต่างก็มีหูมีตากันเพราะงั้นก็น่าจะได้ยินนะ ฉันก็คือจ้าวของโลกใบนี้และจ้าวแห่งมังกรทั้งมวล”

[เรารู้อยู่แล้ว กลิ่นของท่านมีเสน่ห์ดึดูดมากๆ เรารู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่มหาศาลจากท่าน ฉันยังรู้สึกได้ดึงพลังที่ดึงดูดและควบคุมพวกเราด้วย]


คนที่มีเลเวลสูงที่สุดในเหล่าสายพันธมังกรได้ตอบกลับมา สายพันธ์มังกรตัวมีผิวสีแดงพร้อมปีกที่เหมือนกับค้างคาวขนาดใหญ่ยักษ์และร่างกายที่เพรียวบางซึ่งแสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนถึงธาตุที่มีตั้งแต่กำเนิดว่าคือธาตุเพลิงอย่างแน่นอน หากจำแนงสายพันธ์ดูแลนี่ก็นับได้ว่าเป็นมังกรบิน


ยูอิลฮานตกใจมากหลังจากได้รู้ว่าเจ้านี่มีเลเวลเกือบจะ 290 แล้ว เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะมีสิ่งมีชีวิตอะไรอีกที่เกิดขึ้นมามีเลเวลสูงกว่ารูบี้อีก


“งั้นหรอ พวกนายรู้สึกได้ถึงพลังของสกิลปกครองสินะ”

[แต่ว่ามันต่างออกไป ท่านคือจ้าวของหมู่มังกร แต่ไม่ใช่เราสายพันธ์มังกรทั้งหมด ท่านเป็นจ้าวแห่งเพลิง แต่ไม่ใช่ตัวฉัน]

“นายพูดถูกแล้ว”


ในฐานะจ้าวแห่งมังกรทำให้เขามีอำนาจในการควบคุมที่ส่งผลกับสายพันธ์มังกรเช่นกัน แต่ว่านั่นมันก็แค่ส่วนหนึ่ง เพราะแบบนี้สายพันธ์มังกรก็เลยยังลังเลอยู่ และสิ่งที่ทำให้พวกมันมารวมตัวกันนี่ก็มาจากการตัวสินใจของตัวเอง


“ถ้าพวกนายก็น่าจะรู้นะว่าทำไมฉันถึงเรียกพวกนายมา”

[เพื่อที่จะยกระดับความภาคภูมิใจของมังกรสินะ?]

[เพื่อที่จะทำให้เราเป็นทาสมังกรงั้นหรอ?]

[หรือว่าเพื่อที่จะทำให้เรากลายเป็นของเล่นของมังกร?]


เพราะความที่มังกรเป็นราชาแห่งสายพันธ์มังกรทั้งมวล เพราะแบบนี้พวกสายพันธ์มังกรก็เลยหวาดกลัวมังกร! ยูอิลฮานได้แสดงสีหน้าย้อนนึกกลับไปถึงในตอนที่มังกรยังปกครองดาเรย์แห่งนี้อยู่


พอมาคิดดูแล้วมังกรก็ยังเป็นผู้ปกครองเหนือกว่าสายพันธ์มังกรด้วยเช่นกัน ในเวลานั้นสายพันธ์มังกรก็ได้แต่ยอมจำนนพร้อมทั้งแสดงสีหน้าที่แสดงความหวาดกลัวออกมา ที่ชัดที่สุดในเวลานั้นเลยก็คือไม่มีสายพันธ์มังกรตนไหนที่มีคลาส 4 นอกเหนือจากมังกร


ในตอนนั้นยูอิลฮานได้คิดว่าพวกที่มีสายพันธ์มังกรทั้งหมดนั่นก็น่าจะวิวัฒนาการไปเป็นมังกรในตอนที่กลายเป็คลาส 4 แต่ว่าพอมาคิดดีๆดูนี่มันเป็นเรื่องที่โครตจะไร้สาระมากๆ


เขามาแก้ความเข้าใจผิดนี้ได้ตอนไหนกันล่ะ? นั่นมันก็คือในตอนที่เขาได้กลายเป็นจ้าวแห่งมังกร หลังจากที่เขาได้รับความสามารถในการปกครองมังกร ตัวเขาที่ได้รับบันทึกที่ลึกซึ้งกับมังกรมากยิ่งขึ้นก็ได้รู้ว่าโอโรจิไม่ใช่มังกรแต่ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีสายพันธ์มังกร การที่โอโรจิปรับตัวเข้ากับร่างกายของอิชจาร์ได้ช้ามากๆก็น่าจะเพราะเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน


เพราะงั้นหากคิดตามปกติมังกรที่ใช้ชีวิตอยู่ในดาเรย์ก่อนหน้านี้ก็น่าจะฆ่าสายพันธ์มังกรไปเป็นจำนวนมากเพื่อที่จะทำตนให้เป็นราชา จากนั้นก็จัดการทำให้คนที่เหลือรอดในจำนวนน้อยนิดกลายมาเป็นลูกน้อย นี่มันช่างน่าเศร้าจริงๆ


“ไม่”


แต่ยูอิลฮานไม่ต้องการจะทำแบบนั้นกับเหล่าสายพันธ์มังกรพวกนี้


“ฉันเรียกพวกนายมาเพื่อที่จะมอบโอกาสให้พวกนายได้เป็นมังกรที่แท้จริง


ในฐานะที่เขาคือหัวหน้าดราก้อนเนส จ้าวแห่งมังกร และในฐานะประชาชนของเอิร์ธ โลกของเขา เขาจำเป็นจะต้องเติมเต็มภารกิจนี้


[…ว่าไงนะ?]

[ก๊าซซซซซซซซซซซ!]

[นั่นมันอะไรกัน? ขีดจำกัดทางสายพันธ์ไม่มีวันจะก้าวข้ามกันได้!]


ปฏิกิริยาตอบกลับนั้นรุนแรงมาก เสียงคำรามที่ดังวุนวายได้ลุกหือขึ้นมาในหมู่สายพันธ์มังกรนับล้านที่จำนวนยังคงเพิ่มขึ้นอยู่ตลอดเวลา


แม้แต่หูของยูอิลฮานก็ยังเรื่มจะอื้อไปแล้วด้วย มังกรบินเลเวล 290 ได้ถามเขาขึ้นมา


[ทำให้เราเป็นมังกร แล้วก็บัญชาเรา?]

“ถูกต้องแล้ว ไม่สิ จริงๆแล้วพวกนายก็จะยอมรับในตัวฉันเองในตอนที่เป็นมังกร พวกนายก็น่าจะรู้เรื่องนี้ดีนี่”


มังกรบินได้พูดไม่ออกกับคำยอมรับตรงๆของยูอิลฮาน สายพันธ์มังกรตัวอื่นๆที่ดูจะมีสติปัญญาอยู่บ้างก็ได้เงียบรอคำตอบของมังกรบินเช่นกัน ในท้ายที่สุดมันก็ได้พูดออกมา


[เป็นจ้าวแห่งมังกรที่โลภซะจริง ทำไมไม่ปล่อยเราไว้ล่ะ? ปล่อยให้เรามีชีวิตกันแบบนี้?]

“ไม่มีทางหรอก สิ่งที่ไม่เชื่อฟังฉันมีแต่จะต้องกลายมาเป็นค่าประสบการณ์ให้กับลูกๆของฉัน ในตอนนี้ทุกๆแหล่งค่าประสบการณ์มันมีค่านายรู้ไหม?”

[ฮ่า…!]


คำพูดของยูอิลฮานไร้ซึ่งการหลอกล่อใดๆ เพื่อที่จะเอาชีวิตรอด เพื่อที่จะมีชีวิต เพื่อที่จะปกป้องตัวเอง ยูอิลฮานได้ตัดสินมานานแล้วว่าจะทำยังไง นับตั้งแต่แรกในตอนที่เขาได้ฉีกมอนสเตอร์ที่โผล่ขึ้นมาในมหาลัยเขาตอนแรกสุด การแก้ปัญหาด้วยการฆ่ามันไม่เคยทรยศเขา


[ถ้างั้น… ถ้าแบบนั้น!]


ออร่าพลังได้พวยพุ่งออกมา เพลิงนี้ได้ลุกขึ้นมาจากปีกที่เหมือนกับค้างคาวซึ่งดูคล้ายกับปีกเสียงเพรียกแห่งการล่มสลายของยูอิลฮาล บางทีความสามารถก็อาจจะคล้ายๆกันด้วยซ้ำไป เพราะว่าบันทึกของปีกเสียงเพรียกแห่งการล่มสลายก็เป็นส่วนหนึ่งที่ใช้วิวัฒนาการโลกใบนี้


[ถ้างั้นเราก็ไม่มีตัวเลือกอื่นนอกจากฆ่าท่าน!]

“…สุดท้ายก็เป็นแบบนั้นสินะ?”


สายพันธ์มังกรส่วนใหญ่ต่างก็มีปฏิกิริยากับคำพูดของมังกรบิน พวกมันทั้งหมดได้ปลุกเร้าพลังขึ้นมาคุกคามยูอิลฮาน และมีกระทั่งบางตัวได้พุ่งเข้ามาหายูอิลฮานแล้ว หลังจากเห็นแบบนี้ยูอิลฮานก็หัวเราะออกมาท่ามกลางเสียงถอนหายใจของอิชจาร์


[งั้นมันก็เป็นไปไม่ได้สินะ บาปของมังกรมากเกินไปจริงๆ]

“ใครจะรู้กัน? ฉันคิดต่างออกไปนะ ฉันไม่มั่นใจหรอกนะว่าสายพันธ์มังกรทั้งหมดจะเป็นแบบนี้ หากว่ามีสักตัวที่อยากจะกลายเป็นมังกร… มันจะต่างออกไป”

[นายท่าน…?]


ยูอิลฮานได้ยิ้มออกมา เขาได้พึมพัมคำพูดกับตัวเองออกมา


“ประจักษ์แจ้ง”


[สกิลประจักษ์แจ้งได้ถูกเปิดใช้งาน กำลังประกาศอาณาเขตปกครองของคุณ]


โลกดาเรย์แห่งนี้ได้มีผู้ปกครองและพัฒนาขึ้นมาจากยูอิลฮาลกับบันทึกของตัวเอง ประจักษ์แจ้งได้ปรากฏขึ้นมาที่แห่่งนี้เป็นครั้งแรกแล้ว ยูอิลฮานที่มีพลังมากอยู่แล้วได้ยกระดับพลังอำนาจมากยิ่งขึ้นไปอีกจนย้อมให้ทั้งโลกใบนี้กลายเป็นสีแดง


[ก๊าาา!?]

[นะ… นี่มันอะไรกัน?]

[มานามหาศาลกำลังลุกไหม้จากชั้นบรรยากาศ]


สกิลประจักษ์แจ้งคือสกิลในเวอร์ชั่นพัฒนาขึ้นมาของคลาสหลักของเขา สกิลร่วงหล่น ในเวลาเดียวกันมันยังได้เพิ่มผลของมังกรและเพลิงอีกด้วย หากว่ายูอิลฮานต้องการยูอิลฮานก็สามารถจะทำให้มานาในท้องฟ้ากลายมาเป็นของตัวเองได้ซึงภายในโลกใบนี้ก็ไม่มีส่วนไหนที่ไม่ใช่ของเขาอีกด้วย


สกิลประจักษ์แจ้งได้สำแดงพลังออกมาจากภายในดาเรย์แห่งนี้เป็นขอบเขตของมัน พลังเพลิงและมังกรภายในพื้นที่โลกดาเรย์แห่งนี้ต่างก็ถูกเพริมพลังขึ้น นี่ก็น่าจะเสริมพลังให้กับรูบี้และมังกรตนอื่นๆที่กำลังสู้อยู่ด้วย


[กรรรร….!]

[เพลิงไม่เชื่อฟังฉันเลย]


สายพันธ์มังกรทุกคนไม่ว่าจะอยู่บนดิน ใต้ดิน หรือบนท้องฟ้าต่างก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันมหาศาลที่กดทับตัวพวกเขาอยู่ ยิ่งพวกที่มีพลังเพลิงต่างก็หายใจยากลำบากเป็นพิเศษ เพลิงทั้งหมดต่างก็จำนนต่อยูอิลฮานเพราะงั้นใครก็ตามที่เป็นศัตรูกับยูอิลฮานก็จะถูกนับว่าเป็นศัตรูกับเพลิงเหล่านี้ด้วยเช่นกัน ต่อให้เพลิงๆนั้นจะถูกคนอื่นๆสร้างขึ้นมาก็ตาม


[ไม่มีทางนี่มัน…!]


คนที่ลำบากที่สุดเลยก็แน่นอนว่าคือมังกรบิน เนื่องจากความตกตะลึงที่เพลิงทรยศตัวเองทำให้มันไม่อาจจะบินได้ถูกอีกต่อไปจนมันรู้สึกเหมือนกับจะร่วงลงมา สายพันธ์มังกรที่อ่อนแอบางตนก็กระทั่งถูกเผาจนตายโดยไม่อาจจะทำอะไรได้เลย


[แก นี่มัน… อะไรกัน!]


มันได้ฝืนเงยหน้าขึ้นมามองยูอิลฮาน และพูดคำพูดที่เต็มไปด้วยความเป็นศัตรูต่อจ้าวแห่งโลกใบนี้ ยังไงก็ตามยูอิลฮานก็แค่หัวเราะเบาๆและตอบกลับไป


“นายก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้วนะ ทุกๆอย่างที่เป็นส่วนหนึ่งของโลกใบนี้ต่างก็ก้มหัวให้รับใช้ตัวฉันที่เป็นเจ้านาย”

[อ๊าาา…. แกกกก….!]


ยอมรับไม่ได้ การที่จะต้องมาก้มหัวให้กับสัตว์ประหลาดที่น่ารังเกียจที่เป็นมังกรในร่างมนุษย์นั่น! ถึงแม้ว่าเพลิงจากในร่างของมันเองจะพยายามทำให้มันทำตามสัตว์ประหลาดนั่นก็ตาม


ยังไงก็ตาม


[แข็งแกร่ง… ให้ตายสิ แกแข็งแกร่ง…!]

[ก๊าซซซ….!]

[กี๊ซซซซซ!]


สายพันธ์มังกรทั้งหมดรวมไปถึงมังกรบินต่างก็ตัวแข็งทื่อในกันทั้งหมด พวกมันได้ถูกบังคับให้ได้แต่ก้มหัวให้กับยูอิลฮานที่กำลังเปิดใช้งานประจักษ์แจ้ง


ยูอิลฮานแข็งแกร่งมาก เขาเหมาะสมแล้วที่จะถูกเรียกว่าจ้าวแห่งมังกร เขาคือจ้าวแห่งโลกใบนี้ และจ้าวแห่งเพลิง ในทันทีที่พวกสายพันธ์มังกรได้ตัดสินใจจะต่อต้านเขาผลลัพธ์ที่ออกมาก็มีแต่พวกมันตัวแข็งเป็นหิน


[น่าหงุดหงุด… น่าหงุดหงิดจริงๆ]


มังกรบินได้กระอักเลือดออกมาด้วยความสิ้นหวัง


[ฉันอยากจะเป็นมังกร ฉันอยากจะแกร่งขึ้น!]


การแสวงหาความแข็งแกร่งไม่ได้มีแค่ในมังกรเท่านั้น แต่นี่ยังมีอยู่ในสายพันธ์มังกรทั้งหมดอีกด้วย


ไม่ว่าจะภายนอกหรือภายในพวกมันต่างก็แสวงหาและชื่ชมในพลัง นี่มันเห็นได้เลยจากสายตาของสายพันธ์มังกรทั้งหมดที่มองมาที่ยูอิลฮานที่เปลื่ยนจากความโกรธมาเป็นความกลัวและชื่นชม ยูอิลฮานได้ดึงเอาพลังของเขาออกมาก็เพราะรู้แบบนี้อยู่แล้ว


“พวกนายอยากจะแข็งแกร่งสินะ?”

[ใช่แล้ว! ฉันอยากจะแข็งแกร่งขึ้น! ถึงแม้ว่าฉันจะเกิดมามีร่างกายที่ทรงพลังแล้ว แต่ก็ต้องล้มลงเพราะการเกิดที่ไม่อาจจะยอมรับได้! ฉันไม่ยอมรับมัน]


มีทั้งเสียงตะโกนที่มีเหตุผลและไม่มีเหตุผลดังออกมา เสียงตะโกนส่วนมากดูเหมือนตะโกนออกมาอย่างสิ้นหวัง ยังไงก็ตามนี่มันเป็นเรื่องปกติเนื่องจากสายพันธ์มังกรทั้งหมดต่างก็มีเลเวลที่สูง พวกมันเกิดมาในระหว่างมหาภัยพิบิตขั้นที่ 6 หรือก็คือพวกมันเพิ่งจะแรกเกิดเท่านั้น! พวกมันยังเด็ก! มีอะไรให้พวกมันจะต้องลังเล? พวกมันทั้งยังเด็กและไร้ประสบการณ์!


และนี่ก็หมายความถึงเรื่องหนึ่งเช่นกัน


‘เจ้าพวกนี้หลอกได้ง่าย’

[…]


แม้แต่อดีตมังกรแห่งความสิ้นหวัง อิชจาร์ ก็ยังพูดไม่ออก ชายคนนี้เหมาะสมกับปีศาจจริงๆเลย! บางทีหากเขากลายเป็นผู้นำกองทัพปีศาจวิบัติเขาก็อาจจะทำได้ดีก็ได้!


“เยี่ยม ฉันจะทำให้พวกนายแข็งแกร่งเอง”


ยูอิลฮานได้ประกาศด้วยรอยยิ้ม


“สิ่งที่ฉันต้องการก็ง่ายมากๆ ยอมจำนงต่อฉันและใช้ชีวิตร่วมกันคนอื่นๆทุกคน”


น้ำเสียงของเขาได้ผสานเข้ากับวงเวทย์เอลฟ์โบราณจนกระจายออกไปทั่วทั้งดาเรย์ เสียงๆนี้ได้สะท้อนไปในใจของสายพันธ์มังกรทั้งหมดที่เกิดขึ้นมาและตัวที่ยังไม่เกิดด้วย


“แล้วจากนั้นฉันจะทำให้พวกนายกลายมาเป็นมังกร”



บทที่ 307 – ฉันคือพ่อของพวกนาย (8)


โลกได้เปลื่ยนแปลงไปแล้ว หรืออย่างน้อยสายพันธ์มังกรที่เกิดมาในดาเรย์ก็รู้สึกแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นตัวที่มีสติปัญญาหรือไม่ก็ตาม เหล่าผู้ที่ไม่ได้เกิดมาเป็นมังกรต่างก็จิตใจเบิกบาน พวกมันต่างก็แสดงความชื่นชมต่อท่านจ้าวแห่งมังกรตรงหน้าพวกมัน


มังกรบินที่ตกลงมาที่พื้นหลังจากเสียการควบคุมได้ลืมความเจ็บปวดไปแล้ว มันได้เงยหน้าขึ้นมาถามยูอิลฮานด้วย้น้ำเสียงสั่นเครือ


[นี่ท่านทำให้ฉันเป็น…]

“ถ้านายเป็นคนที่ต้องการพลัง นายก็น่าจะรู้นะว่านั่นคือเส้นทางที่ยาวไกลไม่สิ้นสุด ในเวลาเดียวกันเมื่อนายการมาอยู่ใต้บัญชาของฉันนายก็จะเสียอิสระไปด้วนะ?”

[ฉันรู้… แต่ถึงแบบนั้นฉันก็อยากจะแข็งแกร่ง ต่อให้มันเป็นเส้นทางที่ไร้ที่สิ้นสุดแต่ฉันก็อยากจะเริ่มเดิน ฉันอยากจะมีคุณสมบัติในการทำแบบนั้น ฉัน… อยากจะเป็นมังกร]


นี่ตรงมากๆ แม้ว่าก่อนหน้านี้จะดูเหมือนทรราชที่ไม่ยอมใคร แต่สุดท้ายพวกเขาก็เกิดมาได้ไม่กี่นาทีเท่านั้นทำให้พวกเขาไม่อาจจะซ่อนความต้องการไว้ได้


“ดีมาก นายก็น่าจะรู้นะว่าต้องทำอะไรใช่ไหม?”

[อ๊าา…. ฉันจะทำ ฉันหมายถึงฉันเข้าใจแล้ว]


ยูอิลฮานชอบความซื่อตรงนี้ แม้ว่าจะเป็นมอนสเตอร์ แต่ก็มีทั้งความเป็นมนุษย์ จิตใจที่คับแคบและความรุนแรง เหนือสิ่งอื่นใดก็คือการมอบชีวิตของตัวเองให้กับคนอื่นเพื่อความโลภที่โง่เขลา ยูอิลฮานจะไม่ชอบได้ไงล่ะ?


เขาได้ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม


“ใช่แล้ว ฉันจะทำให้นายเป็นมังกรเป็นคนแรก และเพราะแบบนั้นชื่อของนายก็คือ ‘หมายเลขหนึ่ง’ เหมือนกัน นายจะได้เป็นมังกรตนแรกที่ได้เกิดใหม่เป็นมังกร”

[หมายเลขหนึ่ง…]


แม้ว่านี่จะเป็นชื่อที่เรียบง่ายและตรงไปตรงมา แต่หมายเลขหนึ่งก็ดูจะไม่รู้เรื่องนี้และยินดีกับมัน ในเวลาเดียวกันกลุ่มมานาที่ออกมาจากตัวยูอิลฮานได้สั่นคลอนทั้งโลก มานาจำนวนมหาศาลนี้ได้รวมอยู่ในจุดๆหนึ่งเพื่อเริ่มการเปิดโครงสร้างพร้อมๆกับการใช้สกิลของเขา


[หนึ่งเลเวล 290 ได้ยอมจำนนต่อคุณ ได้ยอมรับหมายเลขหนึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา]

[สกิลประกาศิตถูกเปิดใช้งาน]


สกิลประกาศิตคือสกิลที่วิวัฒนาการขึ้นมาของปกครองและบันทึก ผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งหมดของเขาจะได้รับผลของสกิลนี้


สกิลนี้ของเขามันไม่ได้ทำให้เขาสามารถจะทำให้สิ่งมีชีวิตคลาส 1 ไปเป็นคลาส 3 ได้หรือชุบชีวิตจากความตาย แต่ว่าภายใต้เงื่อนไขที่เขามีวัตถุดิบเพียงพอ มันก็เป็นไปได้ที่จะใช้สกิลนี้ทำให้ในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้


เพราะงั้นที่คือสกิลที่เหมาะสมที่สุดแล้วในสถานการณ์แบบนี้


[กรรร!?]

[นี่มันอะไรกัน!]

[แกว๊กกกกกกก!]


ถังยักษ์ได้ปรากฏขึ้นมากลางอากาศอย่างไร้ร่องรอยใดๆ นี่ก็คืออาร์ติแฟคอ่างแห่งปาฏิหาริย์ที่ได้มีส่วนช่วยทำให้เขาก้าวสู่สิ่งมีชีวิตชั้นสูง


ถังนี้ได้กลายมาเป็นอาร์ติแฟคระดับเทพแล้วหลังจากที่ได้ดูดซับเอาบันทึกและวัตถุดิบจำนวนนับไม่ถ้วนมา และเมื่อยูอิลฮานได้กลายเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงอีกทำให้มันได้เปลื่ยนแปลงไปเป็นอะไรที่ยิ่งกว่านั้น


[นี่มัน… พลังมังกรจำนวนมหาศาล]

“ดีแล้วที่นายรู้สึกได้ เอาล่ะถ้างั้นจะเริ่มแล้วนะ นายพร้อมใช่ไหม?”

[ใช่ พร้อมแล้ว]


ยูอิลฮานได้กวัดแกว่งแขนไปมาเหมือนคอนดักเตอร์ที่นำเหล่านักดนตรี พร้อมๆกับท่าทางของเขาอ่างแห่งปาฏิหาริย์ก็ได้ขยายขนาดใหญ่ยิ่งขึ้น และในท้ายที่สุดก็ใหญ่พอที่จะให้ร่างกายของหมายเลขหนึ่งเข้าไปอยู่ในนั้น


หากเป็นเมื่อก่อนการทำแบบนี้จะเป็นไปไม่ได้เลย ไม่ว่าอ่างแห่งปาฏิหาริย์จะน่าทึ่งยังไง มันก็ยังคงเป็นสสารอยู่


แต่แน่นอนว่าตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว จากการตื่นขึ้นเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงของยูอิลฮาน อ่างแห่งปาฏิหาริย์ก็ได้เชื่อมต่อเข้ากับวิญญาณและจิตใจของเขา


นี่ก็เป็นเหตุผลที่ทำให้กองกำลังของยูอิลฮานชื่อว่าดราก้อนเนสอีกด้วย ‘เนส’ ในคำว่าดราก้อนเนสนี่ได้สื่อถึงแก่นแท้ที่สุดของยูอิลฮาน โลกที่กล้างใหญ่และเล็กที่สุดในเวลาเดียวกัน มันได้สื่อถึงอ่างแห่งปาฏิหาริย์


[ภายในนี้…?]

“ตั้งสมาธิให้ดี ฉันไม่ดีใจหรอกนะที่จะทำให้นายเป็นครึ่งสัตว์ประหลาดครึ่งมังกรน่ะ”

[คะ ครับ!]


หมายเลขหนึ่งได้เงียบลงไป อ่างแห่งปาฏิหาริย์ก็ยังคงไม่หยุดขยายขนาดและได้อ้าปากขึ้นมากลืนหมายเลขหนึ่งลงไปทั้งตัวเหมือนกับมีชีวิต ตัวหมายเลขหนึ่งได้หายไปแล้ว


[ตายแล้ว!]

“ไม่ ยังไม่ตายหรอก”


ยูอิลฮานได้บอกกับสายพันธ์มังกรที่กำลังตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวและบินไปบนอ่างแห่งปาฏิหาริย์ อ่างแห่งปาฏิหาริย์ได้สร้างไข่สีแดงขนาดยักษ์ขึ้นมาเหมือนกับตอนที่ยูอิลฮานกลายเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูง และมีเส้นยาวพุ่งขึ้นไปสู่บนท้องฟ้า นี่มันดูเหมือนกับท่อที่เอาไว้ให้ใช้หายใจ


“ฟึบ”


ยูอิลฮานได้ตวัดนิ้วออกมา เลือดสองสามหยุดที่กำลังลุมไหม้อยู่ได้ถูกดูดเข้าไปในนั้น บาแผลของยูอิลฮานก็ได้หายตัวดีเมื่อผ่านไปวินาทีเดียว และเมื่อเลือดถูกดูดเขาไป อ่างแห่งปาฏิหาริย์ที่มีรูปร่างเหมือนไข่สีแดงก็เหมือนกับขยับเหมือนหัวใจที่เต้มอยู่


“พวกนายก็ดูไว้ด้วย”


ยูอิลฮานได้หันไปขยิบตาให้กับสายพันธ์มังกรที่ยังสงสัยในตัวเขาอยู่ ในจุดๆนี้พวกมันก็น่าจะรู้แล้วว่าหากยูอิลฮานจะหลอกพวกมันเขาก็แค่ใช้มานาผูกมัดพวกมันเอาไว้และไม่ต้องทำอะไรขนาดนี้เลย แต่ดูท่าพวกมันคงจะคิดไม่ได้เพราะสติปัญญาที่ด้อยกว่ามังกร


[อ๊าาาา!]


ในจังหวะเหมาะนี้หมายเลขหนึ่งก็ได้ครางดังออกมาเสียงครางนี้มีส่วนจากทั้งความเจ็บปวดจากการเปลื่ยนแปลงร่างกาย และอีกส่วนก็มาจากความยินดีจากการพัฒนาระดับขึ้นไป ยังไงก็ตามยูอิลฮานก็รู้ว่านี่มันเพิ่งจะเริ่มเท่านั้น


[อ๊ากกก! เจ็บ! เจ็บ…! ถึงจะดีแต่มันเจ็บ!]

“เนื่องจากว่านายขาดทั้งบันทึก มานา แล้วก็เลเวลทำให้เกิดเรื่องพวกนี้ขึ้นมา การที่จะกลายเป็นมังกรอย่างแท้จริง นายจะต้องเพิ่มเลเวลขึ้นอย่างน้อยสักสิบครั้ง”

[อ๊าา อ๊ากกกก ฮ่าาาาาห์!]


ไม่นานหลังจากนั้นก็ได้มีรอยแตกปรากฏขึ้นมาบนไข่ สำหรับยูอิลฮานที่คิดว่าจะต้องใช้เวลาอีกหลายชั่วโมงค่อนข้างจะประหลาดใจกับผลลัพธ์ นี่ดูเหมือนว่าความต้องการพลังและการเป็นมังกรของมันจะไม่ธรรมดาเลย


[อ๊าาาาาาาาาาาาาา!]


ไข่สีแดงได้แตกหักออกมาครึ่งหนึ่ ในตอนนี้เองสายพันธ์มังกรก็ได้กลายมาเป็นมังกรแล้ว รวมไปถึงขีดจำกัดทางสายพันธ์ก็ได้ถูกทำลายไป


[นายท่านผู้ปกครอง!]

“เร็วมากเลยนะ”


หมายเลขหนึ่งได้ยืนอยู่ตรงนี้ ยืนด้วยสองขาของมัน ปีกบนหลังของมันได้ใหญ่ขึ้นและเป็นสีแดงเข้มยิ่งกว่าเดิม ม่านตาได้ส่องประกายแห่งดวงดาวออกมา และกระทั้งสติปัญญาก็น่าจะถูกยกระดับขึ้นเช่นกัน ยูอิลฮานได้ถามออกมาด้วยรอยยิ้ม


“รู้สึกยังไงบ้างล่ะ?”

[ยอมเยี่ยมจริงๆครับ นายท่านผู้ปกครอง!]

[กลายเป็นมังกร…จริงๆแล้ว]

[ได้ยังไงกัน? ก้าวข้ามสายพันธ์ไปได้ยังไงกัน]

[ถ้างั้นฉันก็ด้วย]

[กรรรรร กรรรรรรรรรรรร!]

[ฉันด้วย ฉันก็อยากจะเป็นมังกร…!]


ปฏิกิริยาที่ยูอิลฮานหวังเอาไว้ก็ได้เริ่มปรากฏขึ้นมา หมายเลขหนึ่งได้รู้สึกถึงสายตาที่มองมาที่ตัวมันทำให้มันได้กางปีกคำรามออกมาอย่างยินดี


[กรรรรรรรรรรรร!]

[เสียงคำราม! เสียงคำรามของมังกร…!]

[มังกรล่ะ! มังกร!]


หมายเลขหนึ่งมีร่างกายที่เหมือนกับยูมิลที่ย่อส่วนลงมา แต่เดิมหมายเลขหนึ่งมีร่างเป็นสายพันธ์มังกรบินที่เชี่ยวชาญในการบินเป็นพิเศษ ทำให้ปีกของมันได้พัฒนามากกว่าแขนขา แต่นี่ก็เป็นการเปลื่ยนแปลงพื้นฐานภายนอกเท่านั้น โครงสร้างมานาภายในของัมนได้ถูกขัดเกลาและแผ่ขยายไปทั่วร่าง เพลิงที่มันมีนับตั้งแต่เกิดได้ถูกเสริมขึนไปอีกจากอิทธิพลจากยูอิลฮาน เนื่องจากว่ามันได้เกิดใหม่จากการที่ยูอิลฮานจัดการนี้ทำให้มันน่าที่จะแข็งแกร่งกว่าสิ่งมีชีวิตชั้นสูงตามปกติของกองทัพชั้นสูงอื่นๆที่มีระดับอยู่ที่ 300


[ฉันได้กลายเป็นมังกรแล้ว! ฉันแกร่งขึ้นแล้ว! แล้วฉันก็จะแกร่งขึ้นอีก!]

[ฉัน… ด้วยสิ! ฉันก็อยากจะเป็นมังกรเหมือนกัน!]

[ฉันจะติดตามท่าน! ท่านผู้ปกครองให้ฉันได้รับใช้ท่านด้วย!]


พวกที่เฝ้ามองการเปลื่ยนแปลงของหมายเลขหนึ่งมาตลอดได้เบิกตากว้างวิ่งเข้าหายูอิลฮาน มีกระทั่งบางตัวที่ดูเหมือนว่าจะคิดว่าการเข้าไปในอ่างแห่งปาฏิหาริย์่ทำให้พวกมันเข้าไปถูตัวอยู่กับอ่างแห่งปาฏิหาริย์ที่แตกอยู่ ยูอิลฮานได้โบกมือขำๆ อ่างแห่งปาฏิหาริย์ที่อยู่ตรงนั้นก็ได้หายไป


“พวกนายคงไม่คิดว่านั่นมันเป็นเรื่องง่ายๆหรอกนะ ฉันไม่รู้ด้วยว่าพวกนายมีคุณสมบัติแบบหมายเลขหนึ่งมาแค่ไหน”


แน่นอนว่าเรื่องคุณสมบัติอะไรนั่นมันเรื่องไร้สาระ ด้วยพลังที่ยูอิลฮานมีอยู่ในดาเรย์แห่งนี้การทำให้สายพันธ์มังกรกลายมาเป็นมังกรมันไม่ใช่เรื่องยากแบบนั้น แต่แน่นอนว่านั่นก็จะกินพลังบันทึกที่เขามีอยู่ไปด้วยทำให้เขาไม่อาจทำมันแบบไร้ขีดกัดได้ แต่หากว่ามีคนกลายมาเป็นมังกรขึ้นมาจากบันทึกของเขา ถ้างั้นแล้วมันก็มีดีต่อกับส่วนร่วมไม่ได้สูญเสียอะไร


“ในจุดนั้นจะมีแต่คนที่เติบโตจนถึงขีดสุดแล้วเท่านั้นถึงจะมีคุณสมบัติกลายมาเป็นมังกร”

[ฉันจะเตรียมทุกๆอย่างนายท่าน]


หมายเลขหนึ่งที่ได้กลายเป็นมังกรได้บินลงมาอยู่ต่อหน้ายูอิลฮานอย่ามีความสุข มันไม่เพียงแต่รู้สึกขอบคุณยูอิลฮานเท่านั้น ในตอนที่มันกลายมาเป็นมังกรมันก็ได้รับร่างใหม่ที่เป็นมังกรมาทำให้มันได้รู้ถึงพลังที่แท้จริงของยูอิลฮาน และรู้ว่ายูอิลฮานตั้งใจจะมาพูดคุยกับพวกมันตั้งแต่แรกแล้ว


[ฉะ ฉันด้วยสิ!]

[ก๊าซซซซซซซ!]

[ฉะ ฮันก็อยากจะเป็นเหมือนกันนะ!]

[ฉันยอมทำทุกๆอย่างหากได้หลุดพ้นจากร่างนี้!]

[ฉันอยากจะ… มีร่างที่หล่อ แข็งแกร่ง และฉลาดเหมือนกับหมายเลขหนึ่ง!]

“ว้าว ฉันนี่ฮ็อตจริงๆ”


ยูอิลฮานได้พูดติดตลกออกมาและมองไปที่มังกร


“ฉันมีเรื่องหนึ่งที่ฉันอยากจะให้พวกนายจัดการ เฮ้ญาติๆของพวกนายก็กำลังมาด้วยเหมือนกัน”

[ญาติๆ…?]


หมายเลขหนึ่งรู้สึกแปลกๆจึงได้ถามและเงยหน้าขึ้น สายพันธ์มังกรตัวอื่นๆก็ทำเช่นเดียวกัน


นับตั้งแต่ที่ยูอิลฮานได้ตัดสินใจใช้สกิลประจักษ์แจ้ง เขาก็ได้กระจายการมีอยู่ของเขาออกไปรอบๆเพื่อเรียกสายพันธ์มังกรมาแล้ว หากว่าจะมีปัญหาอะไรนั่นก็คงจะเป็นสกิลนี้ทรงพลังเกินไปจนทำให้เป็นการเรียกสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในดาเรย์มา


[ท่านพ่อ!]

[พ่อ!]

[ก๊าซซซซซ! มังกรแข็งแกร่ง ฉันรู้สึกได้ถึงพลังมังกร!]

[นายท่านนี่มัน…!?]

“อิลฮานเกิดอะไรขึ้น? มีพวกแปลกๆมาโจมตีอีกแล้วงั้นหรอ!?”

[นายท่านกำลังสู้อยู่งั้นหรอ!? ทั้งๆที่บอกให้เราไปพักเนี้ยนะ!?]


มังกรที่กำลังสู้กับนักล่ามังกรได้มาที่นี่ รวมไปถึงมอนสเตอร์ที่มีพลังนักล่ามังกร คนจากป้อมปราการลอยฟ้า! มิสทิคคิดว่าสถานการณ์ในตอนนี้เร่งรียมากทำให้เธอกระทั่งพาป้อมปราการทั้งสองมาด้วย


“หมายเลขหนึ่ง ตอนนี้นายรู้ใช่ไหมว่าสายพันธ์มังกรจะต้องทำอะไร?”


ยูอิลฮานได้โบกมือทักทายคนอื่นๆพร้อมกับมองดูสายพันธ์มังกรที่นี่ พวกมันทั้งหมดได้หยักหน้ายอมรับ แม้ว่าจะมีบางส่วนที่แสดงความกลัวออกมา แต่ก็ไม่มีใครถอยไป


นี่คือคุณสมบัติของผู้ที่ต้องการจะแข็งแกร่ง


[เข้าใจแล้วท่านผู้ปกครอง]


หมายเลขหนึ่งได้กางปีกบินขึ้นไปอีกครั้งหนึ่ง พลังเพลิงที่ทรงพลังได้ถูกรวมเอามาไว้ภายในปากของมัน


[ฉันจะต้องกำจัดศัตรูทุกๆคนที่กล้าต่อต้านท่านผู้ปกครอง]

[เพื่อที่จะเป็นมังกร!]

[เพื่อที่จะหลุดพ้นสภาพนี้ ฉันยอมสู้ตาย!]

[ก๊าซซซซซ!]


[อะ อะไรกันเนี้ย!? เราไม่ได้ต้องต่อสู้กับเจ้าพวกนี้หรอ? มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!?]


เพราะแบบนี้สงครามระหว่างสิ่งมีชีวิตที่อยากจะใช้ชีวิตในดาเรย์ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว



บทที่ 308 – ฉันคือพ่อของพวกนาย (9)


[ตายซะ! มาสังเวยให้กับการเป็นมังกรของฉัน!]

[ฉันไม่ยอม! ฉันจะไม่ยอมแพ้พวกนายแน่ ต่อให้ตายฉันจะต้องทำให้พวกนายต้องชดใช้!]

[ทั้งๆที่เราต่างก็เพิ่งเกิดกันมาทั้งนั้น ทำไมพวกนายถึงต้องอารมณ์เสียด้วย]

[ลองฆ่าฉันด้วยพลังนักล่ามังกรนั่นสิ!]


สายพันธ์มังกรทั้งหมดที่อยากจะกลายเป็นมังกรที่แท้จริงภายใจ้การนำของหมายเลขหนึ่งได้ปะทะเข้ากับมอนสเตอร์ที่เล็งเป้ามาที่ยูอิลฮาล


นี่ไม่ใช่การปะทะกันของคลาส 3 ที่ตายกันไปอย่างง่ายได้ แต่นี่คือการปะทะกันของมอนสเตอร์ส่วนใหญ่ที่อยู่คลาส 4 กันทั้งนั้น


“อิลฮาน ทั้งหมดนี่มันอะไรกัน?”

“โอ้ นี่หรอ? ก็แค่การจัดระเบียบโลกเองนี่”


ยูอิลฮานได้หันไปตอบเลียร่าที่หลังจากได้เห็นภาพนี้ตกตะลึงไปอยู่หลายชั่วโมง


“จัดระเบียบโลก…?”

“หลังจากเกิดมหาภัยพิบัติขั้นที่ 6 ผ่านไปปัญหาสภาพแวดล้อมก็ได้สงบลงไปแล้ว แต่ยังไงก็ตามอย่างที่เธอรู้มหาภัยพิบัติจริงๆเพิ่งจะเริ่มเท่านั้นเอง จริงไหมล่ะ?”

“ก็ใช่นั่นแหละ”


ส่วนที่น่ากลัวจริงๆของมหาภัยพิบัติก็คือมอนสเตอร์ที่เกิดขึ้นมาจากมานาที่วิวัฒนาการขึ้น ในตอนอยู่ในมหาภัยพิบัติขั้นที่ 5 ดาเรย์ก็ได้เต็มไปด้วยมอนสเตอร์ที่น่ากลัวอยู่แล้ว แต่ในตอนนี้นี่คือมหาภัยพิบัติขั้นที่ 6


โชคดีที่ว่ายูอิลฮานได้รับเอามังกรกับสายพันธ์มังกรมาเป็นพรรคพวกได้ แต่หากว่าเขาไม่กลายเป็นหัวหน้าของกองทัพปีศาจวิบัติหรืออะไรทำนองนั้น เขาก็จะไม่มีวันบังคับให้มอนสเตอร์ทั้งหมดมาสวามิภักดิ์ได้ โดยเฉพาะพวกมอนสเตอร์นักล่ามังกรที่ถึงจะเกิดมาจากบันทึกของเขาที่เป็นพื้นฐานก็ตาม!


“แน่นอนว่าวิธีที่ดีที่สุดก็คือขังพวกมันเอาไว้ในกับดักแห่งการทำลาย แต่ว่าในตอนนี้การจะผลักดันให้มอนสเตอร์ทั้งหมดในโลกเข้าไปในดันเจี้ยนมันเป็นไปไม่ได้เลย นอกไปจากนี้เพราะการที่ดาเรย์ได้รวมเข้ากับโลกอื่นๆอีกทำให้มีผืนแผ่นดินเพิ่มขึ้นมาอีกมหาศาลอีกด้วย เพราะแบบนั้น…”

“นายก็เลยจะทำการกวาดล้างครั้งใหญ่ขึ้นสิน้า~ ด้วยการสั่งให้มังกรกับสายพันธ์มังกรจัดการ สมแล้วที่เป็นยูอิลฮานผู้ชอบทำอะไรยิ่งใหญ่เสมอเลย~ ด้านนี้ก็เท่ดีเหมือนกันนะ”

“ฮ่าฮ่า”

“หา ฮ่าฮ่าฮาา…”


นายูนาได้สรุปแบบนี้ออกมา ยูอิลฮานกับเลียร่าก็หัวเราะออกมาเช่นกัน แน่นอนว่าเสียงหัวเราะของแต่ล่ะคนต่างกันไปคนล่ะเรื่องเลย


[กลุ่มสิ่งมีชีวิตชั้นสูงดราก้อนเนสหมายถึงแบบนี้สินะ สมบูรณ์แบบ]


ในขณะเดียวกันเฮเรียน่าก็แสดงความคิดเห็นออกมา แม้ว่าเธอจะไปพักได้ไม่นานนักแต่เธอก็ฟื้นคืนกลับมาสู่สภาพที่สมบูรณ์ที่สุดมาแล้ว ไม่ใช่แค่เธอเท่านั้นคนอื่นๆที่พักอยู่ในทั้งสองป้อมปราการก็เป็นเช่นเดียวกัน


“อะแฮ่ม ฉันทำได้ดีไหม?”


จะมีก็แต่นายูนาที่ยังคงเหนื่อยล้าอยู่ เธอได้เสียมานาไปมหาศาลและล้ามากๆ ที่เธอเป็นแบบนี้เพราะว่าเธอยังไม่ได้พักอย่างเต็มที่เลย เธอได้คอยควบคุมดินแดนศักดิ์สิทธิ์ดูแลคนอื่นๆอยู่ตลอดเวลา


แน่นอนว่ายูอิลฮานก็รู้ว่าเธอรู้สึกยังไง เนื่องจากว่าเอกลักษ์ของคลาสของเธอ เธอก็เลยอยู่ในที่ที่ปลอดภัยที่สุดเสมอในสภาพรบ เธอได้ช่วยทุกๆคนด้วยพรและการรักษาของเธอ แต่ว่าเธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอึดอัดที่มีแต่ตัวเธอเท่านั้นที่ยืนอยู่ในจุดปลอดภัยทั้งๆที่คนอื่นไปสู้อยู่แนวหน้ากันหมด เธอจะยิ่งรู้สึกมากขึ้นอีกหากเป็นในสนามรบที่รุนแรง


“ขอบคุณที่ช่วยดูแลทุกๆคนนะ”

“เหะๆ”


ยูอิลฮานได้ลูบผมของเธอเบาๆแทนที่จะบ่นเธอ และเพราะแบบนี้มานาของเขาก็ได้ไหลซึมเข้าไปในร่างนายูนาและรักษาร่างกายที่เหนื่อยล้าของเธอ ในตอนนี้เขาได้กลายมาเป็นผู้นำกองกำลังแล้ว นี่คือเรื่องง่ายๆเหมือนกับการหายใจ แต่ว่าสำหรับนายูนาแล้วดูจะไม่ใช่แบบนั้น


“น่าทึ่งมาก! นึกว่าผมกับดวงตาที่เรืองแสงนั้นจะทำอะไรไม่ได้ซะอีก!”

“ฉันเข้าใจแล้วล่ะว่าเธอมองฉันยังไง”

“อ่า ไม่นะ ไม่ใช่แบบนั้น! ฉันก็แค่อยากจะตัดผมสวยๆนั้นของนายมาเก็บเอาไว้เองเฉยๆเอง!”


ยูอิลฮานได้หัวเราะออกมาแล้วก็ถามขึ้น


“แล้วมิเรย์ล่ะ?”

“เธอยังหลับอยู่เลย~ ฉันได้รักษาร่างกายเธอกับพลังเวทย์แล้เพราะงั้นพอความล้าของเธอหายไปเธอก็น่าจะตื่นขึ้นมาเอง”

“เธอนี่ดูแลเพื่อนเธอดีจังเลยนะ”

“แต่ปัญหาใหญ่เลยก็คือฉันรู้สึกว่าฉันกำลังชอบนายมากกว่ามิเรย์ล่ะ~”


นายูนาได้พูดคำน่าอายออกมาตรงๆ ซึ่งยูอิลฮานก็ได้ยิ้มออกมา


“เลียร่าอยู่ข้างหลังเธอน่ะ”

“อย่ามาหลอกฉันเลย ฉันน่ะ… ว้าย!”

“มารับโทษของเธอซะดีๆ!”


ระหว่างที่ยูอิลฮานกับคนอื่นๆคุยเล่นกันอยู่ มังกรที่รู้สึกได้ถึงมานาของยูอิลฮานก็ได้มารวมตัวอยู่รอบๆเขา ยูมิลคือคนที่เร็วที่สุด ตามมาด้วยรูบี้ เมื่อพวกเขาได้มองเห็นหมายเลขหนึ่งพวกเขาก็ต้องตะลึงไปและยิ่งตกใจมากยิ่งขึ้นอีกเมื่อได้เห็นการต่อสู้ของสายพันธ์มังกรกับมอนสเตอร์ที่ดูจะไม่มีวันสิ้นสุด


[พ่อครับนี่มันอะไรกัน?]

[พ่อ อย่าบอกนะว่าพ่อก็อยากจะปกครองสายพันธ์มังกรทั้งหมดด้วย…?]

“ยินดีต้อนรับนะ นับจากนี้นี่จะเป็นสนามรบแล้วเพราะงั้นรวมตัวกันแล้วก็เข้าไปสู้กันได้เลย ไม่ต้องห่วงอะไรหรอกนะเดี๋ยวพ่อจะเรียกมอนสเตอร์ตัวอื่นๆทั้งหมดมาที่นี่ด้วย”

[มอนสเตอร์ทั้งหมดในโลกที่กว้างใหญ่นี่…?]


แม้กระทั่งมังกรที่รู้ดีถึงพลังของยูอิลฮานก็ยังไม่อยากจะเชื่อคำพูดนี้ ยูอิลฮานได้ยิ้มและยกมือขึ้นมา จากมือของเขาได้มีออร่าที่ทรงพลังกระจายตัวออกไปรอบๆ


[ก๊าซซซซซซซซซซ!]

[กี๊ซซซซซซ!]


มอนสเตอร์ไม่อาจจะทนกับออร่านี้ได้ทำให้พวกมันได้แต่ถอยกลับไป ในเวลาเดียวกันสายพันธ์มังกรก็ได้ใช้โอกาสนี้ในการโจมตี แค่การยกมือง่ายๆก็ส่งผลใหญ่ขนาดนี้แล้ว จริงๆแล้วนี่ยังกระทั่งดึงดูดมอนสเตอร์ทั้งหมดในดาเรย์เข้ามาหาเขาที่นี่ด้วย


“กรี๊ดดด!”

“หาา นี่นายแข็งแกร่งขนาดนี้โดยที่เราไม่ได้สังเกตเลย!”

[นี่มันสกิล? ฉันรู้สึกว่าออร่าของที่รักกำลังเพิ่มพลังให้ฉัน]


หากเป็นในโลกอื่นบางทีอาจจะเป็นไปไม่ได้ แต่ว่าในดาเรย์แห่งนี้คือที่ของเขา การจะคงสภาพประจักษ์แจ้งไว้สักวันสองวันก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะงั้นในตอนนี้เขาก็เลยจัดการใช้สกิลสนับสนุนสายพันธ์มังกรกับมังกรด้วยพลังของเขา ที่น่าทึ่งกว่านั้นคือยูอิลฮานยังมีพลังเหลืออยู่อีก


“ฉันน่าจะต้องเพิ่มอีกไหมนะ?”

“นี่นายยังจะทำอะไรอีก… กรี๊ดด!”

“พระเจ้า!”


ในตอนนี้มือของยูอิลฮานได้สะบัดลงมา วงเวทย์เอลฟ์โบราณก็ได้เริ่มทำงาน


ไม่สิมันไม่อาจจะเรียกว่าวงเวทย์เอลฟ์โบราณได้อีกแล้ว มันได้ถูกยูอิลฮานปรับแต่งมานับไม่ถ้วนและในระหว่างมหาภัยพิบัติวงเวทย์นี้ก็ได้ดูดเอาบันทึกไปจนกลายเป็นสิ่งที่ไม่อาจจะจินตนาการได้! ยูอิลฮานได้ตัดสินใจใหม่ที่จะเปลื่ยนชื่อมันเป็นพรม


“ว่ะฮ่าฮ่าฮ่า! จงลิ้มรสพลังของพรมที่ถูกปูไปทั่วทั้งทวีปซะ”


เมื่อมานาของยูอิลฮานที่ถูกประจักษ์เสริมพลังได้ซึมเข้าไปในผืนดิน พรมที่อยู่ภายในนั้นทั้งหมดก็ได้ถูกเติมเต็มไปด้วยพลังและทำให้ทั้วดาเรย์กระพริบแสงสีแดงขึ้นมาครั้งหนึ่ง


[อ๊าา!?]

[ร่างกายของฉัน…]

[พะ พลังกำลังถูกดูดไป]

[ศักยภาพมังกรในตัวฉันกำลังปะทุออกมา]

[โอ้วววว ท่านผู้ปกครองผู้ยิ่งใหญ่!]


ทำให้อ่อนแอลง ทำให้ช้าลงและดูดมานามาจากศัตรู รวมไปถึงเพิ่มพลังการฟื้นฟูและพละกำลังให้กับพรรคพวก! นี่คือวัตถุประสงค์ทั้งหมดของพรม!


ภาพของมอนสเตอร์นับพันล้านกำลังสูญเสียพลังไปดูน่าประทับใจมาก แต่ว่าการที่มังกรทั้งหมดและสายพันธ์มังกรทั้งหมดได้บ้าคลั่งขึ้นมาจากมานาที่พุ่งทยานขึ้นน่าประทับใจยิ่งกว่า


[กรรรรรรรรรรรรรรรร!]

[จงลิ้มรสเพลิงนรกไปซะ! ก๊าซซซซซซซ!]

[ยังอ่อนแอไป พวกนายมันอ่อนแอเกินไป! เอาพลังออกมามากกวานี้อีก! ถ้าพวกนายยังฆ่าได้ไม่ถึงร้อยตัวต่อคน ฉันจะลงโทษพวกนายแน่]


รูบี้กับหมายเลขหนึ่งก็ยังคอยอารวาดไปทั่วเช่นกัน รูบี้ได้พยายามสร้างความประทับใจให้พ่อของเขาได้เห็น ส่วนทางหมายเลขหนึ่งได้พยายามที่จะตอบแทนนายท่านที่ทำให้มันแข็งแกร่งขึ้น ทั้งสองตนนี้ต่างก็มีพลังธาตุไฟทำให้พวกมันเป็นมังกรที่ถูกเพิ่มพลังขึ้นมาที่สุด


[เราต้องฆ่าเจ้าสารเลวนั่น!]

[พ่อพันธุ์นั่น!]

“โอ้ พูดได้ดีนี่สำหรับมอนสเตอร์? โอเค เข้ามาเลย”


จ้าวแห่งหมู่มังกร พ่อพันธุ์งั้นสินะ ยูอิลฮานพ่อใจกับฉายานี่และจัดการฆ่ามอนสเตอร์ที่พูดแบบนี้ไป ถึงแม้ว่าเขาจะสะบัดแขนเบาๆแต่หอกเพลิงก็ยังทะลุปากของมันไป


แม้ว่ามอนสเตอร์จะมีเลเวลมากกว่า 250 แต่ก็ยังเห็นได้ชัดว่ายูอิลฮานสามารถจะฆ่าพวกมันได้ในครั้งเดียว พวกมันได้ตายไปโดยที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่าถูกใครฆ่า! น่าเศร้าจริงๆ!


“…”

“พี่สาวเลียร่า~ ตอนนี้มีอะไรงั้นหรอ?”

“ฉันก็แค่ไม่พอใจที่ตลอดเวลาฉันได้ใช้ชีวิต…”


ไม่ใช่แค่ยูอิลฮานกับคนอื่นๆเท่านั้น มอนสเตอร์ก็ยังตกตะลึงไปกับการโจมตีที่เหนือกว่าการรับรู้ของพวกมันทำให้พวกมันตัวแข็งทื่อกับที่ ในเวลาเดียวกันผู้ที่สืบทอดบันทึกจากยูอิลฮานมาก็ไม่ใช่คนโง่ที่จะพลาดโอกาสนี้ไป ยูมิลได้นำทับมังกรบุกทันที


[ขับไล่พวกมันกลับไป! ขับไล่พวกมันให้มากยิ่งกว่านี้อีก! การต่อสู้คือเรื่องอขงกำลังใจ มันก็เหมือนกับสายลมที่ทำให้เพลิงรุนแรงและรวดเร็วยิ่งขึ้น!]


ลูกชายของเขาที่ได้ดูดซับเอาทุกๆอย่างไปได้ทำหน้าที่เป็นพี่ชายคนโตได้อย่างสมบูรณ์แบบ


[ตามหลังท่านพี่ไป! มังกรพวกนายคิดจะแพ้พวกสายพันธ์มังกรตัวอื่นๆทั้งๆที่เรายืนบนจุดสูงสุดงั้นหรอ!?]

[สายพันธ์มังกรจงอารวาดให้มากกว่านี้! ไปเอาตำแหน่งฐานะมังกรที่ท่านผู้ปกครองสัญญากับเราไว้มาให้ได้!]


นี่แหละคือกำลังใจ มังกรกับสายพันธ์มังกรต่างๆโดยปกติมักจะมีความเกลียดชังกันตั้งแต่เกิด แต่ว่าในตอนนี้พวกเขาได้รวมทีมกันโดยมียูอิลฮานเป็นตัวกลางและเข้าเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ที่มีพลังนักล่ามังกร


[ทำไมฉันถึงได้ฉีกพวกมันกรไม่ได้กัน! เขี้ยวของฉัน กรงเล็บของฉัน ทำไมมันถึงได้ทื่อไปกันล่ะ!]

[ก๊าซซซซซซซซซซซ!]

[พวกเราจะถอยกลับไปทั้งแบบนี้ไม่ได้… พวกเราต้องฉีกกระชากพวกมังกรสิ!]


แม้ว่ามอนสเตอร์ต่างๆจะถูกผลักดันกลับไปอย่างไร้ปราณี แต่พวกมันก็ไม่อาจจะออกไปจากที่นี่ได้ทำให้พวกมันได้แต่ร้องออกมาอย่างเจ็บปวดและถูกโจมตีจนตายลง จากนั้นก็ถูกโจมตีและตายไปอีก ในระหว่างนี้ได้มีมอนสเตอร์นับไม่ถ้วนกำลังตายไปลง จากความตายของพวกมันได้ทำให้มานาไหลออกมาไปเติมพลังให้กับพรมเพื่อเพิ่มมานาให้กับยูอิลฮาน และมานาบางส่วนที่ยังเหลือเกินมาอีกก็ถูกดูดเข้าไปในกระบอกในมือที่ยูอิลฮานได้หยิบเอาออกมา


“อิลฮานนั่นคือ…”

“ดีจริงๆ มันได้ใช้งานเร็วมากๆเลย”


กระบอกนี่คือสิ่งที่ยูอิลฮานได้ติดตั้งเอาไว้ในดาเรย์เพื่อที่จะรวบรวมมานาบนโลกมาไว้ในดาเรย์ เขาได้เก็บพวกมันกลับมาเพื่อเตรียมการต่อสู้ แต่ในตอนนี้เขาได้กลับมาที่ดาเรย์ทำให้เขาต้องติดตั้งมันอีกครั้งหนึ่ง แต่ตอนนี้สิ่งที่ท่อนี้มันต่างจากเดินนั่นก็คือมันได้ดูดมานาในดาเรย์เข้าไปแทนที่จะดูดจากโลก


ยูอิลฮานได้ตรวจดูมานาที่กำลังเติมเข้าไปในกระบอกและยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ เมื่อเขาได้เก็บเอามานาไปไว้ในที่เก็บนี้ เขาก็จะสามารถชะลอการเกิดของมอนสเตอร์ได้รวมไปถึงเก็บมานาจำนวนมหาศาลไว้ได้ด้วย นี่คือการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ยอดเยี่ยมสุด!


“เด็กดีต่อสู้กันไปแบบนี้ซักสามสัปดาห์นะ!”

[สะ สามสัปดาห์??…. ฉะ ฉันจะทำให้ดีที่สุด]


รูบี้รู้ว่ายูอิลฮานได้เรียกเอามอนสเตอร์ทั้งหมดในดาเรย์มาที่นี่และเธอได้แต่กัดฟันตอบกลับไป ยูอิลฮานได้หยักหน้ารัวๆและหันหน้าไปมองคนอื่นๆที่กำลังมองมาที่เขาอย่างตกตะลึง


“โอ้ จริงด้วยฉันยังไม่ได้เล่าเรื่องฉันไปเลยนี่?”

“ฉันไม่รู้ชัดนะว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ฉันคิดว่าฉันจะต้องได้ยินมันแล้วหลังจากได้เห็นแบบนี้”


เมื่อเลียร่าได้พูดออกมา นายูนาก็หยักหน้าทันที ยูอิลฮานได้ยิ้มเล็กๆและหยักหน้าให้กับพวกเธอ รอยยิ้มพึงพอใจก็ยังปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าเฮเรียน่า


“เยี่ยมมาก ถ้างั้นไปคุยกันดีกว่า”


ดราก้อนเนสสมีสมาขิกแค่สองคนเท่านั้นคือยูอิลฮานกับยูมิล ในท้ายที่สุดก็ถึงเวลาที่จะหาสมาชิกใหม่แล้ว!



บทที่ 309 – ก็เหมือนๆกับฉันนั่นแหละ (1)


“เอาล่ะถ้าอย่างงั้น”


ยูอิลฮานได้กาวแขนออกมา เพลิงได้ลุกขึ้นมาตามท่าทางของเขาก่อนที่จะปกคลุมคนอื่นๆรอบตัวเขารวมไปถึงป้อมปราการทั้งสองด้วย นี่คือการสร้างพื้นที่ที่ไม่อาจจะมีใครผ่านเข้ามาได้


พวกมอนสเตอร์ได้กัดฟันพยายามจะเข้ามาโจมตีเขา แต่ว่าไม่มีตัวไหนเลยที่จะผ่านบาเรียของยูอิลฮานนี้ได้ พวกที่เข้ามาโจมตีได้ถูกเหล่าสายพันธ์มังกรหรือมังกรฆ่าไปในทันทีที่พวกมันทำแบบนั้น


กลุ่มของยูอิลฮานได้มองดูมอนสเตอร์ที่กำลังพุ่งเข้ามากระแทกอย่างต่อเนื่องด้วยความรู้สึกที่เหมือนกับดูหนังสามมิติ หลังจากปรบมือออกมาเลียร่าก็ได้ตะโกนขึ้น


“โอ้ การต่อสู้ที่นี่ดูจะรุนแรงขึ้นนะ!”

“นี่มีป็อบคอร์นด้วยน้า~”


ในจังหวะนี้นายูนาก็ได้หยิบเอาป็อบคอร์นออกมา ดูเหมือนว่านี่จะเป็นแผนเอาใจเลียร่าของเธอเพื่อที่จะชดใช้ในความผิดที่ถูกเจอในระหว่างกำลังรุกยูอิลฮาน และนี่ก็ดูจะได้ผลมากเพราะเลียร่าได้รับมาอย่างพอใจ


“เธอมีความสามารถดีนี่!”

“ความสามารถบ้าอะไรล่ะนั่น!!”


ยูอิลฮานได้ตะโกนออกมา แต่ว่าสถานการณ์ก็ได้เปลื่ยนไปเป็นบรรยากาศสำหรับผู้ชมไปแล้ว ไม่ใช่แค่สองคนนี้เท่านั้น แต่คนอื่นๆก็ยังนั่งลงบนพื้นมองดูการต่อสู้ครั้งนี้ พวกเธอคิดที่จะมาดูตั้งแต่แรกแล้ว!


จรากการอยู่กับยูอิลฮานมานาทำให้พวกเธอรู้ดีว่าเวลาไหนควรสู้เวลาไหนไม่ควร เพราะงั้นยูอิลฮานคิดว่านี่มันค่อนข้างจะขมขื่นสำหรับเขา


“มันไม่ใช่เรื่องสั้นๆจริงไหมนะ? ไม่เป็นไรค่อยๆเล่านะ พวกเราทุกคนกำลังฟังอยู่”

[การกลายมาเป็นเทพองค์ที่ห้ามันไม่น่าจะใช่เรื่องธรรมดาแน่ๆ ที่รักฉันอยากจะได้ยินรายละเอียดแล้ว]

“ชู่ววว พวกเธอนี่มัน…”


ยูอิลฮานได้ถอนหายใจออกมา แต่ว่าเขาก็ทำอะไรไม่ได้ เลียร่าน่าจะบอกทุกๆคนถึงเรื่องที่ราฟาเอลได้เข้าร่วมการต่อสู้แล้วด้วย ยูอิลฮานได้เล่าเรื่องต่อจากนั้นและเผยถึงสิ่งที่เขาที่เขาทำเพื่อที่จะสร้างองค์กรสิ่งมีชีวิตชั้นสูง


ทั้งเรื่องที่ทุกๆกองกำลังได้เข้ามามีส่วนร่วมในการโจมตีกองทัพจรัสแสงแทน และยังมีความจริงที่น่าทึ่งที่ว่ามิคาเอลกับราฟาเอลได้ร่วมมือกันทำให้การซ่อนตัวของยูอิลฮานหายไป หรือพูดให้ถูกก็คือตัวปลอมที่เผงตัวออกมาแทน ยังมีเรื่องที่ยูอิลฮานได้ใช้โอกาสนี้โจมตีราฟาเอลเอาบันทึกที่จำเป็นทั้งหมดมาด้วย!


เรื่องที่ว่าเขาได้รับคลาสผู้นำมาแทนคลาสคู่หูทูตสวรรค์ และวิธีที่เขาได้เกิดใหม่ขึ้นมาเป็นหัวหน้ากองกำลัง เรื่องที่เขาได้ฆ่าเคสเช่นกับราฟาเอลและแกร่งขึ้นไปอีก อีกเรื่องเขาได้ไปเจอกับหัวหน้ากองกำลังปีศาจวิบัติที่เอลโลคาทร่า และได้กลับมาที่ดาเรย์จนเกิดมหาภัยพิบัติขั้นที่ 6 ขึ้น


“ฟู่ ไม่เห็นจะมีอะไรมากขนาดนั้นจริงไหมล่ะ?”


คังฮาจินได้ตอบกลับคำพูดที่ดูไร้สาระของยูอิลฮานทันที


“หากนั่นมันไม่มีอะไรมาก แล้วถ้าเกิดว่ามีอะไรมากจะเป็นยังไงกัน?”

“ทั้งๆที่ฉันยังไม่เคยเจอพวกระดับหัวหน้าเลยเนี้ยนะ…”


แม้ว่าเขาจะพูดทั้งหมดนี่ในพริบตาเดียว แต่นายูนาก็รู้สึกผิดหวังในจุดแปลกๆหนึ่ง ยูอิลฮานได้พยายามจะไม่สนใจตัวเธอ แต่แม้กระทั่งเลียร่าก็ยังลูบหัวเขาทั้งน้ำตา


“อิลฮานที่น่าสงสาร… ไม่เป็นไรนะ ฉันจะอยู่กับนายไปตลอดเอง”

“หา?”

[หืมม ที่มันเป็นแบบนี้เพราะที่รักได้ทำทุกๆอย่างงอย่างสมบูรณ์แบบ! ที่รักไม่ได้ผิด!]

“หา โอ้ว?”

“นะ นั่นมันเกิดขึ้นกันได้ ผู้นำสินะ หากว่าฉันไม่ได้ไปใช้เวลาในเบร์ย่าถึงสิบปีฉันก็คงจะไม่ได้รับมันเหมือนกันนั่นแหละ”

“เอ่???”


ปฏิกิริยาของทุกคนดูจะแปลกๆไปนะ นี่เขาได้กลายเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงเลยนะ ทำไมทุกคนถึงทำกับเขาแบบนี้กันล่ะ! อืม ยูอิลฮานก็ยังคิดว่าการได้รับคลาสผู้นำนั้นดูจะไม่ใช่เรื่องดีสินะ แต่ถึงแบบนั้น!


ถ้าเป็นแบบนี้ความหวังเดียวก็คือแม่ของเขา… แต่ว่าเมื่อเขาได้หันไปมองคิมเยซอล เธอก็ได้ยิ้มแหย่ๆออกมา พอคิดดูแล้วเธอได้ร่วมปาร์ตี้กันกับจิตวิญญาณในโลกนั่นเพื่อจัดการล่ามอนสเตอร์ตั้งแต่เลเวลหนึ่ง! เธอก็น่าจะมีคลาสย่อยนี่นานแล้วสินะ!


“ดราก้อนเนส เพราะแบบนั้นก็เลยเป็นเหตุผลทำให้มังกรมารวมตัวกันมากขนาดนี้สินะ?”


คิวเยซอลดูเหมือนจะอยากเปลื่ยนเรื่องทำให้เธอถาขึ้นมาหลังจากมองไปที่สายพันธ์มังกรทั้งหมดที่กำลังอยู่ในการต่อสู้ ยูอิลฮานได้หยักหน้าให้กับเธอ


“นี่มันเกิดขึ้นเพราะว่าโลกใบนี้เป็นโลกแรกที่เกิดมหาภัยพิบัติขี้นมาจากประสานมานาของผมเข้าไปในดาเรย์… แต่ก็ใช่ครับ แม่จะคิดแบบนั้นก็ได้”


ต่อให้ยูอิลฮานจะมาที่ดาเรย์เป็นที่สุดท้ายแต่ว่าเรื่องทำนองนี้ก็จะเกิดขึ้นเช่นกัน เพียงก็แต่ว่าขนาดการเกิดของมันอาจจะลดขนาดเล็กลงมา แต่ที่มันมีขนาดใหญ่มากขนาดนี้ก็เพราะเขาได้มาที่ดาเรย์ในเวลาที่พอเหมาะพอดี


[ไม่ใช่แค่มังกร แต่พวกสายพันธ์มังกรอื่นก็เช่นเดียวกัน… ที่รักน่าทึ่งมาก น่าทึ่งจริงๆ ในตอนที่รักได้รับพลังมังกรมาฉันก็คิดไว้อยู่แล้วว่ามันอาจจะเป็นแบบนี้ แต่ว่าฉันไม่เคยคิดเลยว่าจะมีกองกำลังที่ปกครองเหล่ามังกรอยู่จริงๆ]


สายพันธ์มังกร นี่คือเผ่าพันธ์ที่เกิดมาพร้อมศักยภาพสูงสุดตั้งแต่เกิด แน่นอนว่าสูงไม่เท่างกับมังกร แต่สายพันธ์มังกรนั้นเกิดมาพร้อมพลังชีวิตที่สูงสุดและพลังเวทย์ ยังไงก็ตามยูอิลฮานได้มีพลังในการจัดการควบคุมสายพันธ์มังกรเหล่านี้และยังสามารถจะทำให้พวกมันพัฒนาขึ้นไปได้อีก เพราะงั้นยังจำเป็นต้องพูดอะไรอีกถึงกองกำลังนี้อีกงั้นหรอ?


แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่กวนใจเฮเรียน่าอยู่ นั่นมันก็คือชื่อของกองกำลังนี้ที่รวมมังกรเอาไว้แต่มันไม่เห็นเกี่ยวกับสายพันธ์มังกรเลยนี่ ทำไมถึงต้องเป็นคำว่า ‘มังกร’ ด้วยล่ะ?


นี่เป็นความต้องการของบันทึกนภางั้นหรอ? มันไม่มีทางที่จะเป็นแบบนั้นแน่ บันทึกนภาจะต้องเลือกชื่อที่เหมาะสมกับยูอิลฮานหลังจากวิเคราะห์ตัวเขาดีแล้วเท่านั้น


“เฮเรียน่า ฉันคิดว่าเธอกำลังเข้าใจผิดอยู่นะ”


ยูอิลฮานหัวเราะออกมาหลังจากได้ยินพูดของเฮเรียน่า ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่เข้าใจในเรื่องที่เธอคิดอยู่ แต่ว่าพูดถึงข้อสรุปแล้วนี่มันไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมาห่วงเลย


“ดราก้อนเนสน่ะมันไม่ใช่แค่บ้านของมังกรนะ”


นัยน์ตาของยูอิลฮานได้ส่องประกายออกมา ม่านตัวสีทองแนวตั้งของเขาได้ปรากฏออกมาเหมือนกับทับทิมจนทำให้เฮเรียน่าต้องเสน่ห์ เธอไม่อาจจะใช้ชีวิตในฐานะราชินีซัคคิวบัสได้อีกแล้ว แต่ว่าเธอก้ยังถามออกมาอย่างนุ่มนวล


[ถ้างั้น…?]

“ดราก้อนเนสคือสถานที่ที่มังกรมารวมตัวกัน ใช้ชีวิตและในท้ายที่สุดก็คือที่ที่พวกเขาจะต้องกลับมา แล้วก็นอกจากนี้นะ…”


เขาได้ชูมือขึ้นมา เลียร่าที่รู้สึกได้ว่าถึงตาของเธอแล้วได้ลุกยืนเดินเข้ามาหาเขา คนอื่นๆก็ดูจะรู้สึกได้ถึงออร่าลึกลับเช่นกัน พวกเธอได้หันมาจ้องยูอิลฮาน เฮเรียน่าและเลียร่าทันที


ในตอนนี้เองถังขนาดยักษ์สีแดงไปโผล่ขึ้นมา นี่คือถังใบเดียวกับอันที่ทำให้หมายเลขหนึ่งกลายเป็นมังกรที่แท้จริง อ่างแห่งปาฏิหาริย์ ในท้ายที่สุดแล้วก็ดูเหมือนเฮเรียน่าจะรู้ตัวแล้วทำให้เธออุทานออกมา


[แบบนี้สินะดราก้อนเนส…]

“ใช่แล้ว นี่แหละดราก้อนเนส”


เลียร่าได้หลับตาของเธอลง พวกเขาไม่ตำเป็นต้องพูดคุยกันแล้วและเธอก็ยินดีที่มันไม่น่าอึดอัดเลย ยูอิลฮานได้หัวเราะออกมาและสะบัดมือลง อ่างแห่งปาฏิหาริย์ได้ปกคลุมตัวเลียร่าได้จดหมดและเปลื่ยนรูปร่างกลายมาเป็นเหมือนกับไข่ ทุกๆคนที่อยู่ตรงนี้ก็พอจะรู้แล้ว


“สถานที่ที่ให้กำเนิดมังกร”

[พระเจ้า…]


เฮเรียน่าไม่อาจจะปกปิดความตกตะลึงไว้ได้อีกแล้ว


[นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน ในที่สุดฉันก็เข้าใจแล้วว่าที่รักได้กลายไปเป็นตวตนที่เหนือกว่าสวรรค์ได้ยังไง กองกำลังที่สามารถจะเปลื่ยนแปลงของบุคคลได้ในขอบเขตที่มากขนาดนี้… จนถึงก่อนหน้านี้มีแค่กองทัพสวรรค์ที่ทำได้]


นี่ก็คือเรื่องจริง กองทัพปีศาจวิบัติทำได้ก็แค่ยกระดับของสิ่งมีชีวิตที่มีแนวโน้มทางด้านการทำลายและเก็บคุณลักษณ์เดิมของพวกมันเอาไว้


สวนอาทิตย์อัสงเป็นกองกำลังที่เคารพให้เอกลักษณ์ของแต่ล่ะคน พวกเขาจะสนับสนุนกับเอกลักษณ์เดิมของแต่ล่ะคนเท่านั้น


กองทัพจรัสแสงจะทำให้เกิดการเปลื่ยนแปลงบางอย่างขึ้น แต่ว่านั่นมันก็แค่การทำให้คนที่เป็นทูตสวรรค์อยู่แล้วเสื่อมโทรมลงเท่านั้นเอง


การเปลื่ยนร่างใหม่ของสิ่งมีชีวิตตามความหมายจริงๆในก่อนหน้านี้มีเพียงแค่กองทัพสวรรค์ที่ทำได้


แต่ว่าในตอนนี้ ที่แห่งนี้ ได้เกิดการทั้งเปลื่ยนร่างที่สมบูรณ์แบบและการวิวัฒนาการทำ


“เลียร่า อดทนอีกนิดนะ”


เลียร่าที่อยู่ภายในไข่ไม่ได้ตอบอะไรกับมา ยังไงก็ตามยูอิลฮานสามารถจะเข้าใจการเปลื่ยนร่างของเลียร่าที่อยู่ข้างในได้ต่อให้เขาหลับตาก็ตาม


ในตอนนี้มีเพียงเรื่องเดียวเท่านั้นที่เขาต้องทำอีก เมื่อเขาชี้นิ้วชี้ออกมาหยดเลือดของเขาก็ได้ไหลซึมลงไปภายในไข่สีแดง ในตอนนี้เองไข่ก็ได้สั่นออกมาพร้อมเสียงดังลั่น


[อ่า น่าอิจฉา ฉันชักอิจฉาแล้วสิ]

“รออีกเดี๋ยวนะ เดี๋ยวก็ถึงตาเธอแล้ว”


ไข่ได้สั่นอยู่อีกสองสามครั้งก่อนที่จะแตกออกมาเหมือนกับตอนของหมายเลยหนึ่ง ใช่แล้วกระบวนการนี้ดูคล้ายกับที่เกิดขึ้นกับหมายเลขหนึ่งมา


สำหรับหมายเลขหนึ่งแล้ว จริงๆคือยูอิลฮานได้ใช้เขาเพื่อทดลองความสามารถในฐานะหัวหน้าดราก้อนเนส แม้ว่ายูอิลฮานจะรู้ว่ามันปลอดภัยยังไงแต่จนกว่าเขาจะได้เห็นด้วยตาตัวเองเขาก็ไม่มีวันโล่งใจ


และคราวนี้ในตอนของเลียร่าก็ต่างไปจากหมายเลขหนึ่งเล็กน้อยเช่นกัน หมายเลขหนึ่งคือสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำสายพันธ์มังกรแปลงร่างไปเป็นมังกร ส่วนเลียร่าเธอคือคนที่สูญเสียตำแหน่งทูตสวรรค์ชั้นสูงคลาส 6 ตกลงมาสู่คลาส 4 และในตอนนี้เธอกำลังได้ระดับพลังเดิมที่เสียไปของเธอกลับมา หากพูดแล้วนี่มันก็ต่างกันราวฟ้ากับเหว


[ระ รอเดี๋ยวนะที่รัก ฟื้นฟูพลังดั้งเดิมของเธอกลับมา? ระดับพลังที่ครั้งหนึ่งเธอได้เสียไป?]

“ที่เลียร่าใช้งานบันทึกที่เธอเก็นสะสมเอาไว้ไม่ได้นั่นมันก็เพราะว่าเธอได้สูญเสียคุณสมบัติในฐานะทูตสวรรค์ไป แต่ว่าเธอก็ยังคงมีคำสำเร็จและบันทึกที่เธอได้รับมันมาจากตัวเองอยู่จริงไหมล่ะ?”

[แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น…]

“นี่มันก็เหมือนกันกับการที่ทูตสวรรค์กลายไปเป็นเทวดาตกสวรรค์ แล้วก็การที่เทวดาตกสวรรค์กลายไปเป็นเหล่านักล่าของกองทัพปีศาจวิบัติ แล้วก็การที่นักล่ากลายไปเป็นผู้เฝ้าประตูในสวนอาทิตย์อัสดงนั่นแหละ มันไม่เห็นมีอะไรที่ต้องตกใจเลยนี่”


ในอดีตสวนอาทิตย์อัสดงก็เคยพยายามจะทำให้เอิลต้าเกิดใหม่มาเป็นผู้เฝ้าประตู เนื่องจากว่าเอิลต้ามีบันทึกที่ถึงระดับพลังสิ่งมีชีวิตชั้นสูงอยู่แล้ว พวกสวนอาทิตย์อัสดงก็เลยต้องทำแค่สับเปลื่ยนบันทึกของเอิลต้าในฐานะของทูตสวรรค์ให้มาเป็นผู้เฝ้าประตูเท่านั้นเอง


วิธีนี่มันก็คล้ายๆกันกับวิธีที่เปลื่ยนทูตสวรรค์ให้กลายมาเป็นเทวดาตกสวรรค์ และมันก็เป็นเวทย์ที่ทุกๆกองกำลังแทบจะใช้กันหมดแล้วด้วย ยังไงก็ตาม…


[นั่นมันคือการสับเปลื่ยน! การใช้เวทย์นั่นเวลาก็มีส่วนสำคัญนะที่รักก็น่าจะรู้นี่! แต่ว่าเลียร่าสูญเสียพลังในระดับนั้นของเธอมานาเกินไป แล้วที่รักจะจัดการกับช่องว่างช่วงนั้นได้ยังไงกัน…!?]

“ต่อหน้าฉัน ช่องว่างเวลาแบบนั้นมันก็ไร้ค่า”


คำพูดนี้ของเขาได้ทำให้เฮเรียน่าต้องพูดไม่ออก ในเวลาซักพักหนึ่งเลียร่าก็ได้ ‘ฝัก’ ออกมา รอยแตกของไข่ได้ขยายกว้างยิ่งขึ้นและมีแสงสีแดงเผยออกมาจากรอยแยกนั่น หลังจากที่เฮเรียน่าสัมผัสได้ถึงพลังสั่นสะเทือนที่ทรงพลังเธอก็ตัวสั่นขึ้นมา


[เธออยู่ในคลาส 6 จริงๆด้วย…!]

“อีกเดี๋ยวก็ถึงตาเธอแล้วนะเฮเรียน่า”

“ฟู่”


ยูอิลฮานได้หัวเราะออกมาเมื่อได้เห็นสีหน้าที่เฮเรียน่ากำลังมองเลียร่าที่ออกมาพร้อมปีกมังกรสีแดงคู่หนึ่ง เลียร่าเธอได้เดินออกมาจากไข่ที่แตกออกจากกันแล้ว


“นี่มันถึงเวลาที่เธอจะได้กลับไปเป็นคลาส 7 ที่ ‘สมบูรณ์’ แล้วใช่ไหมล่ะ?”



บทที่ 310 – ก็เหมือนๆกับฉันนั่นแหละ (2)


การได้เห็นเลียร่าที่โผล่ออกมาพร้อมปีกมังกรได้ทำให้ทั้งกลุ่มพูดไม่ออกกันแล้ว ในท้ายที่สุดพวกเธอก็ได้รู้แล้วว่าทำไมยูอิลฮานถึงได้เป็นกองกำลังที่มีชื่อว่าดราก้อนเนส และเข้าใจถึงศักยภาพของเขาในฐานะหัวหน้ากองกำลัง แน่นอนว่าคนที่ตกใจที่สุดเลยก็คือเจ้าตัวอย่างเลียร่านั่นเอง


“ฉันรู้สึกได้ถึงสายเลือดมังกรที่ไหลเวียนในตัวฉัน นอกไปจากนี้… ฉันยังได้พลังกลับมาแล้วจริงๆ ไม่สินี่มันมากยิ่งกว่าเก่าอีกด้วย”


เลียร่าได้พึมพัมกับตัวเองอย่างสับสนและดีดนิ้วขึ้นมา เธอสัมผัสได้ถึงพลังมหาศาลภายในร่างของเธอ พลังที่แกร่งยิ่งกว่าในตอนที่เธอเป็นทูตสวรรค์ชั้นสูงซะอีก นี่มันทำให้เธอพอใจมากๆ


ไม่ใช่แค่นั้นในตอนนี้เธอยังได้เกิดใหม่ขึ้นมาในฐานของมังกร เธอได้มีความงามที่ทำให้คนมองต้องใจเต้นแรง ในตอนที่เธอเป็นทูตสวรรค์ชั้นสูงนั้น เธอไม่อาจจะดึงเอาพลังพรจากเทพแห่งความรักออกมาใช้ได้ง่ายๆ แต่นับตั้งแต่ที่เธอได้สูญเสียฐานะทูตสวรรค์ไปได้ทำให้เธอมีแค่พรเท่นั้นที่เหลืออยู่ พรและสายเลือดมังกรในร่างของเธอประสานกันจนทำให้เธอได้รับพลังของเธอกลับคืนมา


ดวงตาสีแดงของเธอได้กลายเป็นกระจ่างใสและลึกซึ้งยิ่งขึ้น สีผมขาวอมชมพูของเธอได้เปล่งประกายจางๆออกมา ผมสีบลอนด์ที่เงางามอยู่แล้วของเธอได้มีไรผมสีแดงผสมเข้ามาและพริ้วไสวไปตามานาราวกับมีชีวิต ตัวเธอในตอนนี้เหมือนกับ… เทพธิดา


ยูอิลฮานได้ถามเธอออกมาอย่างเป็นห่วง


“เลียร่ารู้สึกเป็นยังไงบ้าง? มีตรงไหนไม่สบายหรือ…”

“ยอดเยี่ยมที่สุด!”

“เฮ้..”


หลังจากนั้นเธอก็ได้พุ่งเข้ามาจูบยูอิลฮานในทันที ปีกมังกรบนหลังของเธอที่มาแทนทีปีกทูตสวรรค์กระพืบไปมาทำให้เธอดูน่ารักเล็กๆ เฮเรียน่าที่เห็นแบบนี้ได้ตอบกลับมาอย่างหดหูใจ


[ปีกมังกรมันไม่น่าจะเกี่ยวกับพลังนะแต่ว่าทำไมเลียร่าถึงมีปีกคู่นั้นล่ะ?]

“เลียร่าเคยเป็นทูตสวรรค์ชั้นสูงมาก่อนเพราะงั้นฉันคิดว่านี่มันน่าจะมีผลด้วย อ๊า ปล่อยฉันก่อน มันน่าจะมีเวลาอยู่ซักพักเพื่อที่เธอจะได้คุ้นกับร่างในตอนนี้”

“อ๊า แต่ถึงแบบนั้น”


จริงแล้วค่าประสบการณ์ที่เลียร่าได้รับมาในตอนที่เธอเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำอยู่ก็ส่งผลให้เธอพัฒนาขึ้นมาเช่นกันและในตอนนี้เลเวลของเธอก็ได้ก้าวข้ามเลเวลเดิมของเธอตอนเป็นทูตสวรรค์ชั้นสูงไปไกลแล้ว ตอนเธอเป็นทูตสวรรค์ชั้นสูงเธอมีเลเวลอยู่ที่ 430 ปลายๆ แต่ว่าในตอนนี้เมื่อเธอได้เกิดใหม่ขึ้นมาในฐานะมังกร เลเวลในปัจจุบันของเธอคือ 483 มันได้แสดงให้เห็นเป็นอย่างดีว่าสนามรบที่เธอได้เผชิญในระหว่างอยู่กับยูอิลฮานมันยากลำบากมากแค่ไหน


“สกิลทั้งหมดของฉันได้เปลื่ยนแปลงไปแล้วก็วิวัฒนาการด้วย นอกไปจากนี้… ฉันคิดว่าฉันสามารถเปลื่ยนร่างไปเป็นมังกรได้ด้วยล่ะ”

“อย่าเปลื่ยนร่างที่นี่นะ”

“…แล้วงั้นฉันควจจะไปช่วยพวกข้างนอกไหม?”


หลังจากมองไปที่การต่อสู้ด้านนอกดวงตาของเลียร่าก็เป็นประกายขึ้นมา เธออยากที่จะทดสอบพลังใหม่งั้นสินะ ยูอิลฮานได้หยักหน้าให้เธอด้วยรอยยิ้ม


“อย่าใช้พลังฆ่าพวกนั้นมากเกินไปล่ะ พวกข้างนอกยังต้องพัฒนาอีกมาก”

“โอเค ไว้ใจได้เลย!”


เธอได้กางปีกบินออกไปข้างนอกบาเรียทันที ตัวเธอในตอนนี้ได้อยู่ท่ามกลางมอนสเตอร์แล้ว นี่มันเหมือนกับการวาปมากกว่าบินไปซะอีก


[มะ มังกร!]

[มีมังกรอีกตัว! เกิดอะไรขึ้นด้านในนั้นกัน!?]

[พวกเราต้องฆ่ามันไม่ว่ายังไงก็ตาม! เราต้องฆ่าคนที่อยู่ข้างใน…. ก๊าซซซ!]

“โอราๆๆๆๆๆๆ! ทูตสวรรค์… ไม่สิหอกคลื่นมังกร!”


แม้ว่าเธอจะกลายมาเป็นมังกรไปแล้ว แต่การตั้งชื่อของเธอก็ยังแยเหมือนอย่างเคย! ยังไงก็ตามคลื่นกระแทกขนาดยักษ์ที่เธอสร้างขึ้นมาด้วยพลังเพลิงก็ทรงพลังมากพอที่จะทำให้ทุกๆคนลืมเรื่องชื่อนั่นไปได้ลย


เมื่อคลื่นกระแทกได้กระจายไปที่สนามรบจากหอกของเธอ มอนสเตอร์นับแสนก็ได้กลายเป็นชิ้นๆ


[ก๊าซซซซซซซซ!]

[ดะ ได้ยังไงกัน! เธอแกร่งกว่าท่านพี่ซะอีก!]


ทั้งมอนสเตอร์ที่เข้ามาโจมตีและมังกรต่างก็ไม่อาจจะซ่อนความตกตะลึงเอาไว้ได้ ส่วนคนที่อยู่ด้านในก็ไม่ต่างกัน


“ฉันพอว่าอย่ามากเกินไปไงล่ะ ให้ตายสิ…!”

“เลียร่าเธอมีความภาคภูมิใจในพลังของเธอแม้กระทั่งในตอนเธอเป็นทูตสวรรค์ การที่เธอเลือกทิ้งพลังไปอยู่กับนายนั่นเป็นเรื่องที่น่าทึ่งมาก… แต่สุดท้ายแล้วดูเหมือนว่าบุคคลิกนั่นของเธอก็ยังคงอยู่สินะ”


แม้ว่าเอิลต้าจะกำลังวิเคราะห์ในตัวเลียร่าอยู่ แต่สายตาของเธอได้จ้องตรงมาที่ยูอิลฮาน สายตาเธอเป็นประกายออกมาราวกับจะถามว่า ‘ใครเป็นคนต่อไป?’ ‘เป็นฉันใช่ไหม?’ เป็นฉันสินะ? ได้โปรดเป็นฉันเถอะนะ! ยูอิลฮานได้หัวเราะออกมากับสีหน้าแบบนี้ของเธอและกระดิกนิ้วขึ้น


“ยินด้วยนะเอิลต้า การก้าวไปสู่คลาส 6 นี่เป็นครั้งแรกสำหรับเธอสินะ?”


***


คังมิเรย์กำลังเดินอยู่ภายในหุบเหวมืด ที่นี่มันลึกและเต็มไปด้วยม่านหมอกความมืด เธอไม่รู้เลยว่าเธอกำลังยืนอยู่ที่ไหน ไม่รู้ว่าจุดสิ้นสุดมันอยู่ที่ไหน ไม่รู้ว่ามันมีกี่ชั้น ไม่รู้แม้แต่ว่ามันมีเพดานหรือป่าว ที่แห่งนี้มันเต็มไปด้วยสิ่งที่เธอไม่รู้เลย ที่แห่งนี้มันมีอยู่จริงๆด้วยงั้นหรอ?


“ทำไม… ฉันถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ?”


ก่อนหน้านี้เธอกำลังสู้อยู่ ช่วยคนอื่นๆเพื่อโจมตีโลกที่กองกำลังสิ่งมีชีวิตชั้นสูงปกครองอยู่ตามคำขอของยูอิลฮาน…


คังมิเรย์ได้ทำภารกิจนี้ของเธออย่างสุดความสามารถไปพร้อมๆกับทุกๆคนเพื่อที่จะตอบแทนยูอิลฮาน… และให้เขาสนใจตัวเธอมากขึ้น แถมนี่กำลังเป็นไปด้วยดีด้วย


“อ่า นั่นมัน”


เธอจำได้แล้ว ตอนนั้นเธอกำลังสู้กับพวกกองกำลังสิ่งมีวิตชั้นสูงอย่างราบรื่นร่วมกับโอโรจิในร่างอิชจาร์ เฮเรีน่าที่เป็นคลาส 7 ที่ไม่สมบูรณ์ และอดีตทูตสวรรค์อย่างเลียร่ากับเอิลต้า เธอได้อยู่ร่วมกับพรรคพวกที่ไม่อาจจะใช้สามัญสำนึกปกติมาคิดได้


แต่แล้วทุกๆอย่างก็มีปัญหาขึ้นมาเมื่อพวกเธอได้มาเจอเขากับสิ่งมีชีวิตแปลกๆที่เหมือนกับทูตสวรรค์ที่ปรากฏตัวขึ้นมา


พวกมันมีความสามารถในการต้านทานมานาที่สูงมากๆและมีกระทั่งบาเรียพิเศษที่ใช้ปิดกั้นการใช้งานมานาในพื้นที่ระดับหนึ่ง


พวกเธอทุกคนได้ต่อสู้กับเจ้าพวกนั้นอย่างยากลำบาก ยังไงก็ตามเมื่อพวกเธอได้ยกเลิกการปิดกั้นการใช้มานาได้ชั่วคราวจากการช่วยของเฮเรียน่า คังมิเรย์ก็ได้ใช้โอกาสนี้สร้าประตูมิติขนาดเล็กขึ้นมาเพื่อจัดการฆ่าเจ้าตัวแปลกๆที่โผล่ขึ้นมา เธอไม่น่าจะทำแบบนั้นได้เลย แต่แล้วเธอทำมันได้ยังไงกัน? คำถามนี้ได้วนเวียนอยู่ภายในจิตใจของเธอ


“เพราะงั้นฉันก็เลยตายแล้วสินะ?”


มันเป็นเพราะว่าเธอโลภมาก มันเป็นเพราะว่าเธอได้ทำอะไรที่เกิดกำลังงั้นหรอ?


เธอคนเดิมเป็นคนที่จะต้องหนีไปในทันทีที่เจอในสิ่งที่เธอได้ตัดสินแล้วว่ามันอันตราย แต่ว่าปัญหาคือเธอไม่กล้าทำมันเพราะเธอไม่อยากทำให้ยูอิลฮาเสียใจงั้นหรอ? เพราะงั้นเธอก็เลยตายแล้วตกมาอยู่ในมิติที่ว่างเปล่านี้?


“ถ้ามาคิดดูแล้ว นี่มันเริ่มต้นจากที่ลานปาส”


ถ้าเป็นตัวเธอในอดีต เธอก็แค่จะรอคอยไปจนกว่าที่มันจะเป็นไปได้ที่จะกลับไปสู่โลกอื่นครั้งและตั้งใจไปกับการพัฒนาความสามารถของเธอเอง เธอจะทำในสิ่งที่มันเป็นไปได้เท่านั้นและเชื่อว่านั่นมันดีที่สุดแล้วสำหรับตัวเธอ


ยังไงก็ตามเธอไม่ยอมทำแบบนั้น เธอได้เริ่มวิจัยเรื่องเวทย์มิติที่ไม่ใช่ด้านที่เธอเชี่ยวชาญเลยสักนิด ทำไมกัน? เพื่อที่จะช่วยคนบนโลกงั้นหรอ? เพื่อไปหาพี่น้องเธองั้นหรอ? เพื่อไปหานายูนาหรือสมาชิกในครอบครัวงั้นหรอ?


ไม่เลย นั่นมันเพราะเธออยากจะไปเจอยูอิลฮาน เธออยากจะเจอเขาให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ พูดตรงๆเลยก็คือเธอไม่ได้คิดถึงคนอื่นนอกไปจากเขาเลย เธอรู้สึกเหมือนกับเธอจะบ้าเพราะเธออยากจะเจอยูอิลฮาน ในตอนนั้นเธอก็ได้รู้ตัวเองแล้วว่าหัวใจเธอได้พองโตโดยที่ไม่คิดถึงใครอื่นนอกจากเขาอีกแล้ว ต่อให้นายูนาจะเสียใจเพราะเรื่องนี้ แต่มันก็คือเรื่องจริง เธอไม่อาจจะทำอะไรได้


เพราะแบบนั้นในท้ายที่สุดเธอก็เลยได้กลายมาเป็นจอมเวทย์มิติที่ได้รับพรจากเทพแห่งเวทมนต์ และได้เจอกับเขาคนนั้นอีกครั้ง


“อิลฮาน…”


เธอได้ยอมแพ้กับการเก็บซ่อนความรู้สึกไปแล้ว มีคนมากมายที่อยู่เคียงข้างเขาและคนเหล่านั้นก็งดงามยิ่งกว่าเธออีก คนที่รักเขามากยิ่งกว่าเธอ เธอคิดว่ามันอาจจะมีหวังอยู่กับชายที่ขโมยหัวใจเธอไป แต่ใช่แล้วในความเป็นจริงเธอรู้สึกหมดหนทางและอึดอัดใจ


แต่ต่อให้แบบนั้นเธอก็ไม่อยากจะทำให้ยูอิลฮานลำบากใจ เนื่องจากว่าเขาเป็นคนที่ดีแบบนั้น เธอก็ไม่อยากจะให้เขาต้องลำบากใจที่จะมาปฏิเสธเธอ


เขาเป็นคนใจดีแบบนี้เสมอไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งจนไม่ต้องสนใจสิ่งใดก็ได้!


เธอได้บอกกับตัวเองว่าแค่ยืนข้างๆเขาเธอก็พอใจแล้ว และเธอก็จะเดินเคียงข้างเขาตลอดไป ถึงแม้บางครั้งมันอาจจะทำให้ยูอิลฮานอึดอัดเพราะไม่ได้เป็นไปตามที่เธอวางแผนไว้ก็ตาม…


เธอมีความสุขแล้ว เธอยินดีกับมัน ถึงมันจะเจ็บปวดแต่ก็อบอุ่นใจ


“แต่ตอนนี้สุดท้ายฉันก็กำลังตายแล้ว”


ในตอนนี้เธอจะไม่มีวันได้เจอกับเขาอีก นี่มันเป็นเรื่องเศร้ามากจนเธออยากจะทรุดตัวลงร้องไห้ซะเดี๋ยวนี้


ในตอนนี้เองเธอก็ได้ยินเสียงหนึ่ง


[นังหนู]


น้ำเสียงทีเหมือนกับ เสียงเด็ก เสียงคนแก่ เสียงคนหนุ่ม เสียงหญิงสาว เป็นเสียงที่จะว่าใช่ก็ใช่จะว่าไม่ใช่ก็ไม่ใช่


[เธอได้ครอบครองในพลังที่น่าทึ่ง เธอได้บุกเบิกในดินแดนต้องห้ามด้วยตัวของเธอเอง ความสามารถนี้ของเธอนับได้เลยว่าคือบันทึกใหม่อย่างแท้จริง]

“…”


คังมิเรย์ได้เงยหน้าของเธอขึ้น บางทีเธออาจจะยังไม่ตายก็ได้? นี่คือความคิดแรกที่ได้เข้ามาในหัวของเธอ


[เธอน่ะสามารถปฏิเสธความตายได้ ไม่เพียงแค่นั้นเธอยังมีคุณสมบัติที่สามารถเปล่งประกายได้ยิ่งกว่าใครๆ]

“คุณเป็นใครกัน?”

[ฉันคือพระเจ้า]


คำตอบที่เรียบง่าย เรียบง่ายจนเธออยากจะหัวเราะออกมา คังมิเรย์ได้หัวเราะและส่ายหัวออกมา


“ดูเหมือนฉันจะตายแล้วสินะ”

[นังหนู ไม่ว่าเธอจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตาม แต่ว่าฉันมีตัวตนแค่เพียงฐานะพระเจ้าเท่านั้น เธออยากจะฟังเรื่องราวของฉันไหมล่ะ]

“ฟู่”


คังมิเรย์ได้มองตรวจดูสภาพรอบๆตัวโดยไม่สนเสียงที่ดังขึ้นมาเลย เธอไม่อาจจะรู้สึกถึงมานาได้และดูเหมือนเธอจะไม่อาจจะทำอะไรได้ เธอได้แต่หยักหน้าอย่างจนใจ


“งั้นก็เล่ามา”

[ถ้างั้นก่อนอื่นเลยฉันจะขอเล่าถึงว่าทำไมเธอกับฉันถึงได้มาเจอกัน]

“คุณเป็นผู้บงการของเจ้าพวกทูตสวรรค์แปลกๆนั่นสินะ ฉันได้ฆ่าแล้วก็ดูดซับบันทึกเจ้าพวกนั้นมามากมาย เพราะงั้นเราก็เลยได้เจอกันผ่านบันทึกกพวกนั้นถูกไหม?”

[..เธอนี่มันโดดเด่นกว่าที่ฉันคิดอีกนะ]


ถูกจุดสินะ คังมิเรย์ได้สรุปเรื่องต่างๆออกมาโดยที่มีคำใบ้เพียงคำเดียวที่เธอได้ยินนั่นก็คือ ‘พระเจ้า’ นี่ยิ่งทำให้เธอเก่งยิ่งกว่าอัจฉริยะซะอีก ผู้ที่ประกาศตัวเองว่า ‘พระเจ้า’ ดูจะตกใจกับเรื่องนี้เล็กน้อย แต่ว่าในฐานะของพระเจ้าเขาได้กลับมาตั้งสติและพูดต่อออกมาได้อย่างรวดเร็ว


[โลกในตอนนี้ไม่ถูกต้อง บาปและกรรมที่ฉันได้สร้างเอาไว้ได้ทำให้มันเป็นแบบนี้ มีสิ่งมีชีวิตที่ประกาศตัวเองว่าเป็นพระเจ้ามากเกินไปและจำนวนของโลกก็ได้เพิ่มมากขึ้นจนเกินควบคุม มานาได้พังทลายลง ฉันไม่รู้เลยว่าพลังที่นได้มอบให้ไปจะเป็นอันตรายแบบนี้ และหลังจากฉันได้พยายามจะหยุดมันมันก็ได้กลายมาเป็นแบบนี้]

“คุณจะข้ามรายละเอียดไปเยอะเลยนะ”

[แต่เรื่องพวกนั้นเธอก็รู้อยู่แล้วนี่]


คังมิเรย์ได้หยักหน้าออกมาตรงๆ เธอรู้เรื่องพวกนั้นหมดแล้ว


หากว่าคำพูดของ ‘พระเจ้า’ คือเรื่องจริง ถ้างั้นเขาก็คือผู้ที่สร้างจักรวาลนี้ขึ้นมา และยังเป็นคนที่กระจายพลังมานาออกไปด้วย


ยังไงก็ตามมีสิ่งมีชีวิตมากมายที่แข็งแกร่งเกินไปเพราะมานา และทำให้สิ่งมีชีวิตต่างๆนั่นกระทั่งมาคุกคามในตำแหน่งของพระเจ้า มีโลกจำนวนมากมายและทุกๆอย่ายก็ไม่ได้เป็นไปตามที่พระเจ้าต้องการ ก็แค่นี้แหละ


“เพราะงั้นคุณก็เลยทำให้เกิดภัยพิบัติอะไรแบบนี้สินะ?”

[ฉันคิดที่จะทำให้ทุกๆอย่างหายไปและเริ่มต้นใหม่]


หืม นี่มันแย่ยิ่งกว่าภัยพิบัติอีกนะเนี้ย คังมิเรย์ได้มองมาที่พระเจ้าด้วยความสงสัยและถามยืนยันออกมา


“…สร้างใหม่จากอดัมกับอีฟงั้นหรอ?”

[เธอไม่อยากจะเป็นอีฟงั้นหรอ?]

“แล้วอดัมคือใครล่ะ?”

[ฉันจะมอบยูอิลฮานให้กับเธอ เธอชอบเขาไม่ใช่หรอ? เธอไม่อยากจะให้เขามาอยู่กับเธอคนเดียวงั้นหรอ? ฉันจะทำให้ความต้องการของเธอเป็นจริง]


คังมิเรย์พูดไม่ออกแล้ว นี่มันเพราะว่าเธออายกับตัวเองที่คิดไปว่านั่นมันเป็นข้อเสนอที่ดีอยู่ครู่หนึ่ง


[ฉันจะสร้างใหม่กองทัพขึ้นมา คนที่เธอได้ทำลายไปคือสมาชิกของกองทัพนั่นแหละ ในตอนนี้ฉันต้องการพลังของเธอในตอนนี้ เมื่อเธอได้รับพลังในฐานะสิ่งมีชีวิตฉันสูง เธอก็จะได้รับพลังที่จะทำให้ทุกๆอย่างอยู่ใต้เท้าเธอ เพราะงั้นฉันจะให้เธอเป็นรองเพียงแค่ฉันเท่านั้น]

“แล้วกองทัพสวรรค์ล่ะ?”

[กองทัพใหม่มีไว้สำหรับคนใหม่ๆเท่านั้น ฉันสนใจแค่ตัวเธอกับยูอิลฮานเท่านั้น]


คังมิเรย์ได้หลับตาของเธอลง นี่เป็นข้อเสนอที่น่าดึงดูดใจเอามากๆ หากว่าตัวตนที่แข็งแกร่งถึงขนาดติดต่อมาหาเธอได้ผ่านบันทึก เขาคนนั้นก็น่าจะมีพลังทำให้เรื่องนั้นกลายเป็นจริงด้วย


เพราะงั้นเมื่อไหร่ที่เธอหยักหน้าออกมา เธอก็จะได้ครอบครองยูอิลฮานเพียงผู้เดียว…


ยังไงก็ตาม


“ฉันขอปฏิเสธ”

[ทำไมกันล่ะ?]

“คุณก็รู้ดี ยังต้องถามกันอีกหรอ?”

[แผนของฉันได้พังมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว และในทุกๆครั้งไปมันก็เป็นเพราะอารมณ์ที่มาจากมนุษย์อยู่ตลอดๆ เพราะงั้นฉันจึงสรุปออกาได้เพียงแต่ว่าอามรมณ์ของมนุษย์ได้ทำให้แผนของฉันวุ่นวาย นั่นก็คือเหตุผลที่ฉันได้กระตุ้นอารมณ์ของเธอเพราะต้องการอีกผลลัพธ์หนึ่ง แล้วผลลัพธ์เป็นยังไงล่ะ? หัวใจของเธอไม่สั่นไหวจากคำพูดที่ฉันบอกว่าเธอจะได้ครอบครองยูอิลฮานเลยสักนิด]

“นั่นมันก็จริง แต่ว่านะ”


คังมิเรย์ได้ยิ้มขำๆออกมา


“คุณยังรู้จักมนุษย์ดีไม่พอ จริงๆคุณยังไม่รู้จักมนุษย์ด้วยซ้ำไป คุณไม่รู้และไม่เข้าใจในเรื่องของความรักแม้แต่นิดเดียว”


เธอยังมีช่วงชีวิตที่สั้นและในชีวิตครั้งหนึ่งเธอก็เคยปฏิเสธในเรื่องความรักเช่นเดียวกัน ยังไงก็ตามเธอได้รู้จักคำๆนี้แล้ว แน่นอนว่าเธอก็คงจะไม่ได้พวกคำพูดอย่าง ‘ความรักไม่ใช่การผูดมัด มันคือการให้’ หรือคำพูดทำนองนี้


ตัวเธอต้องการยูอิลฮาน ต่อให้จะเป็นการกักขังเขาและมัดให้เขามองมาแต่เธอ เธอก็อยากจะทำแบบนี้ มันไม่เพียงแค่เธออยากจะมอบความรักให้เขา แต่เธอยังอยากที่จะได้ความรักกับมาเช่นกัน เธออยากจะได้ความรักของเขาก็เท่านั้น


“มันไม่มีอะไรน่าขยะแขยงไปกว่างานแต่งงานที่ถูกเตรียมไว้อยู่แล้วหรอกนะ? ความรักน่ะคือการแย่งชิง ไว้กลับไปหาอ่านหนังสือเรื่องนี้แล้วค่อยกลับมาคุยกับฉันนะ”

[…ฉันคงทำอะไรไม่ได้แล้วสินะ ฉันเสียใจด้วยนะแต่ว่าตัวเธอน่ะเป็นอุปสรรคกับแผนของฉันมากยิ่งกว่ายูอิลฮานซะอีก]


เธอก็พอจะเดาคำพูดต่อไปได้แล้ว ฉันคงจะขอให้เธอตายสินะ หรือทำไมฉันถึงได้มาอธิบายอย่างใจดีมากจนถึงตอนนี้? หรือคำพูดอะไรก็ตามในทำนองของพวกตัวร้าย นี่แหละคือสิ่งที่เธอกำลังคิดอยู่ ไม่ว่าจะวางตัวมาดีแค่ไหนเจ้านี่ก็คือผู้บุกรุก


[ยินดีต้อนรับสู่การพัก… หืม]


เขาได้พยายามที่จะสร้างอิทธิพลต่อจิตใจของคังมิเรย์ได้สำเร็จด้วยการแทนกแซงเข้ามาผ่านการตายของทูตสวรรค์แปลกๆและพยายามที่จะโจมตีจิตใจของเธอโดยตรง หากว่าเป็นยูอิลฮานที่มีหัวใจไม่สั่นคลอนการจะทำแบบนี้เป็นไปไม่ได้แล้ว แต่ว่าเขาคิดว่ายูอิลฮานไม่น่าจะทำอะไรได้เพราะเธอยังไม่ได้เป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงเลยด้วยซ้ำ


ยังไงก็ตามนั่นมันก็แค่ความคิดของเขาฝ่ายเดียว


“ไสหัวไปตายไหนก็ไป”


คังมิเรย์ได้ยกมือขึ้นมาพร้อมกับพูดคำพูดที่หยาบคายที่สุดนับตั้งแต่เธอเกิดมาทำให้แม้แต่พระเจ้าก็ยังพูดไม่ออก


สิ่งที่รวมอยู่ในฝ่ามือของเธอก็คือแสงสีขาว มานา


[อะไรกัน!?]


ตอนนี้เธอรู้สึกได้ถึงพลังมานาในตัวเองแล้ว ไม่สิ องค์ประกอบของมิตินี้ก็คือมานาของตัวเธอเอง ในที่แห่งนี้สิ่งที่ไม่ใช่มานาก็ต้องเป็นมานา หากเธอไม่มีมานา เธอก็แค่ต้องเรียกมันออกมาจากทุกๆอย่างรอบตัวเธอ ทำไมเธอถึงได้พึ่งมารู้เอาตอนนี้กันนะ? ทั้งๆที่เหล่ามานาได้กระซิบบอกเธออยู่ตลอดเวลา!


[เป็นแบบนี้ไปได้ยังไงกัน นี่มันจะผลิบานเร็วเกินไปแล้ว.. มันเร็วจนเกินไปจริงๆ]

“ฟู่”


มานาได้พังทลาย? พระเจ้าเป็นคนที่ได้เผยพลังงานที่งดงามนี้ออกมาแน่ แต่ว่าเขาต้องไม่ใช่คนสร้างมันแน่นอน! เธอได้ยิ้มเย้ยพระเจ้าและฉีกมิติแห่งนี้ด้วยมานาในมือของเธอ


[ฮ่าห์!]


มิติได้พังทลายลงไปทันที เสียงของพระเจ้าและเจตจำนงได้พังทลายลงและหายไป คังมิเรย์ได้ส่งเสียงฮึดฮัดออกมา


“รอให้ยูอิลฮานไปอัดนายได้เลย”


รอบๆตัวได้สว่างสดใสขึ้นมา คังมิรย์ได้รู้สึกได้ว่าอีกไม่นานเธอก็จะตื่นขึ้นมาแล้ว


ในตอนนี้เองได้มีข้อความเด้งขึ้นมา


[คุณได้สัมผัสถึงมานาได้ด้วยพลังของตนเองเพียงลำพังโดยไม่ต้องใช้สกิลใดๆช่วย นี่คือความสำเร็จที่ไม่เคยมีใครไปถึงมาก่อน มันคือบันทึกที่ไม่อาจจะบันทึกไว้ได้ และจะไม่มีวันถูกบันทึกไว้ คุณคือผู้ที่มีพรสวรรค์ในด้านมานสูงที่สุดนัตั้งแต่ที่บันทึกนภามีตัวตนขึ้นมา]

[คุณสามารถกลายเป็นตัวตนที่สมบูรณ์แบบได้ ยังไงก็ตามคุณจะต้องเติมเต็มอีก…]


“หุบปากน่า”


ยังไงก็ตามยูอิลฮานได้รวบรวมมานาในมือของเธอและตบมันออกไป มีเพียงแค่พลังของเธอเท่านั้นที่ยังคงอยู่และการเปลื่ยนแปลงก็ไม่ได้เกิดขึ้น ด้วยความสามารถของเธอที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นได้ทำให้เธอสามารถจะเละพวกสิ่งที่ขวางทางออกไปจากทางเธอได้


“ฉันจะไม่ทำมันคนเดียว ฉันจะไปหาอิลฮาน”


จากนั้นเธอก็ลืมตาขึ้นมา


คนที่เธอกำลังเฝ้าหารอคอยมานา และคนที่มีปีกมังกรอยู่บนหลังได้มองมาที่เธอกันทุกคน


“ยินดีต้อนรับกลับมานะมิเรย์”


ยูอิลฮานได้ยิ้มออกมา คังมิเรย์ก็ยิ้มออกมาเหมือนกับเด็กน้อยหลังจากเห็นเขา เพราะแบบนี้ทุกๆคนได้มารวมตัวกันแล้ว

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม