Everyone Else is a Returnee โดดเดี่ยว 1000 ปี ตอนพิเศษ 1-3

 ตอนพิเศษที่ 1 – จบชีวิตที่โดดเดี่ยว มุ่งสู่งานแต่งงาน


ทั่วทั้งจักรวาลไม่อาจจะเฝ้าสังเกตทั้งหมดได้ง่ายๆ มีโลกได้ถูกสร้างขึ้นมาใหม่และถูกทำลายไปอยู่ทุกขณะ มีโลกจำนวนมหาศาลที่ไม่อาจจะพัฒนาและรวมไปถึงไม่อาจจะเชื่อมต่อกับบันทึกนภาทำให้โลกเหล่านั้นไม่อาจจะผลิตมานาขึ้นมาได้ ถึงแบบนั้นก็ยังมีโลกอีกจำนวนมากที่พัฒนาขึ้นมาอย่างราบรื่นแต่ว่าก็ไม่ได้มีเอกลักษณ์หรือร่องรอยอะไรพิเศษที่ดึงดูดสายตาสิ่งมีชีวิตชั้นสูงได้ โลกทั้งหมดเหล่านี้ต่างก็ไม่อาจจะกลายมาเป็นโลกระดับสูง


และกับดักแห่งการฟื้นคืนที่ยูอิลฮานได้ทำไว้ก็ได้แผ่กระจายไปตามโลกเหล่านั้นผ่านโลกที่ใกล้เคียงกันและบังคับให้โลกเหล่านั้นต้องมาหลอมรวมเข้ากับเอิร์ธ


“นี่มันเกิดอะไรขึ้น…”

“นะ นี่คือมานา”


ยูอิลฮานไม่ได้จับเอากลุ่มโลกเข้ามารวมกันแบบมั่วๆ เขาได้ก่อตั้งภูมิภาคพื้นที่แบ่งแยกโลกด้อยวิวัฒนาการ โลกมีวิวัฒนาการและโลกระดับสูงด้วยการใช้ภูเขาและแม่น้ำใหญ่มาเป็นเส้นแบ่งเขต


เนื่องจากความหนาแน่นมานาจะเปลื่ยนแปลงไปตามภูมิภาคพวกนี้ทำให้มอนสเตอร์ที่มีอยู่ในแต่ล่ะภูมิภาคก็จะแตกต่างกันไป


“ในตอนนี้อิลฮานกำลังทำการสร้างอย่างตรงไปตรงมา…”

“ฉันไม่ชอบแบบนี้เลย ทำไมฉันต้องมาทำงานหกวันแล้วมีเวลาพักแค่วันเดียวกันนะ ในอนาคฉันจะต้องมีเวลาพักหกวันต่อสัปดาห์”

“ถ้าตอนนั้นมาถึงฉันสงสัยจริงๆว่าในหนึ่งวันที่ทำงานนั่นนายจะทำงานขนาดไหนัน?”


โลกที่ยูอิลฮานกำลังสร้างขึ้นค่อนข้างที่จะคล้ายกันกับจักรวาลในอดีต เมื่อเขามองไปที่โลก โลกก็ไม่ได้กว้างใหญ่นัก แต่ว่ามีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะมองดูทั้งโลกได้อย่างหมดจดนั่นคือยูอิลฮานเท่านั้น


แม้กระทั่งสมาชิกระดับสูงของดราก้อนเนสก็ยังทำไม่ได้ หากพวกเขาตั้งใจจะมองพวกเขาก็จะเห็นแค่มุมๆหนึ่งของโลกโดยที่ไม่รู้ว่าจุดสิ้นสุดมุมๆนั้นจะอยู่ตรงไหน


“น่าทึ่ง ความจริงทั้งหมดเกี่ยวกับเวทย์ที่ฉันได้เรียนรู้มาจนถึงตอนนี้… เวทย์เหล่านั้นทั้งหมดได้ถูกผสมกลายมาเป็นธรรมชาติของโลกใบนี้”

“ต่อให้ฉันหลอมรวมโลกทั้งหมดมาเป็นหนึ่งได้ แต่มันก็มีแต่จะทำให้เกิดความโกลาหลที่ไร้จุดจบขึ้นหากว่าฉันเอามารวมมั่วๆ การที่จะกลายมาเป็นโลกในอุดมคติแบบนี้มีแต่ต้องต่อจิ๊กซอว์ที่ล่ะชิ้นๆอย่างระมัดระวังเท่านั้น”


เพราะแบบนี้ยูอิลฮานจึงได้กำลังทำงานหลอมรวมโลกเข้าด้วยกันอย่างเป็นธรรมชาติ แต่นี่มันไม่ใช่เรื่องปกติธรรมดาเลยสำหรับคนอื่นๆ ผู้คนของเอิร์ธที่ได้กระจัดกระจายไปตามโลกต่างๆมากมายรวมถึงผู้คนที่อาศัยอยู่ในโลกพวกนั้นได้ถูกอัญเชิญมาที่เอิร์ธอย่างต่อเนื่อง และพวกเขาเหล่านี้ทั้งหมดต่างก็ได้ประสบกับความสับสนอยู่พักหนึ่ง


ยังไงก็ตามไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ไหนในโลกใบนี้ พวกเขาต่างก็มองเห็นถึงเมืองลอยฟ้าที่ยูอิลฮานอาศัยอยู่ สำหรับพวกเขาแล้วยูอิลฮานเหมือนกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลัง พระผู้เป็นเจ้า และนี่ก็เป็นสิ่งที่ยูอิลฮานอย่างให้เป็น


“ผู้คนกำลังมองขึ้นมาที่พวกเรา!”

“พวกเขากำลังตะโกนอะไรซักอย่างอยู่แต่ว่าฉันได้ยินไม่ชัด”

“หากพวกเขาอยากจะให้ฉันตอบ ฉันก็จะตอบ แต่หากไม่ใช่แบบนั้นฉันก็ไม่คิดที่จะติดต่อใดๆกับพวกเขา”


เป้าหมายของยูอิลฮานนั่นก็ผสานโลกและเพิ่มความเข้มข้นให้กับพลังงานทั้งหมด เขากำลังคิดที่จะลบล้างวงจรการเกิดและตายของโลกด้วยการผสานโลกทั้งหมดที่มีศักยภาพเข้าด้วยกัน


และในเมื่อเขาทำได้สำเร็จแล้ว จึงไม่จำเป็นที่เขาต้องไปแทรกแซงผู้อยู่อาศัยอีก


“อ่า ดูเด็กๆพวกนั้นสิ ดูเหมือนเด็กๆจะได้กลับไปอยู่กับครอบครัวอย่างปลอดภัยแล้ว”

“ฉันตั้งใจเอาไว้แบบนั้นแหละ… เด็กๆคนไหนที่เสียครอบครัวไปฉันจะเป็นคนดูแลเอง”


ยูอิลฮานได้พูดออกมาอย่างขมขื่นก่อนที่จะยื่นมือออกมา ทันใดนั้นคฤหาสน์ขนาดใหญ่ได้ลอยขึ้นจากมุมหนึ่งของเมืองลอยฟ้าและลดระดับความสูงลง ในอนาคตเด็กๆที่สูญเสียครอบครัวไปจะได้ใช้ชีวิตอยู่ภายใต้การคุ้มครองของยูอิลฮาน


เลียร่าที่เฝ้าดูอยู่ได้ถามออกมาอย่างตั้งใจ


“อิลฮานนี่อาจจะเป็นคำถามง่ายๆสำหรับนายนะแต่ว่า… นายไม่คิดที่จะชุบชีวิตคนอื่นๆนอกจากเด็กที่ถูกขับไล่ออกไปในการขับไล่ครั้งใหญ่หรอ?”

“ฉันก็คิดไวแล้วว่าจะมีคนถามแบบนี้”


สำหรับยูอิลฮานที่มีศัยภาพในการทำอะไรก็ได้ในฐานะของคนที่จัดการดูแลทั้งวิญญาณและสสารแล้ว ปัญหาใหญ่ที่สุดสำหรับเขาเลยก็คือการตัดสินใจว่าจะชุบชีวิตใครและไม่ชุบชีวิตใคร


ในตอนเขายังคงเป็นมนุษย์ ยูอิลฮานมีวิธีและข้อแก้ตัวมากมายเนื่องจากว่าเขายังไม่เหมาะสมที่จะจัดการในวิญญาณ แต่สำหรับตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว


เขาเป็นพระเจ้าไปแล้ว และทั้งวิญญาณและร่างกายทั้งหมดอยู่ภายในอาณาเขตของเขา เพราะงั้นเขาสามารถจะเอาแต่ใจไม่สนใจเสียงร้องอะไรใดๆจากคนอื่นๆเลยก็ได้ ไม่มีใครที่จะทำอะไรกับเขาได้แล้ว


นี่คือเหตุผลที่ทำให้ยูอิลฮานต้องตั้งใจคิดในเรื่องนี้มากๆ


“แต่ดูสิ ตอนนี้ทุกๆโลกได้กลายเป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว จิตวิญญาณดั้งเดิมทั้งหมดก็ได้กลายมาเป็นหนึ่งเดียวแล้วเช่นกัน เพราะงั้นต่อให้ฉันไม่ได้ชุบชีวิตพวกเขากลับมาในร่างเดิม พวกเขาก็จะกลับมาเกิดใหม่บนโลกนี้ในอีกไม่นานเช่นกัน นี่ฉันยังต้องไปแทรกแซงอีกจริงๆงั้นหรอ? ฉันต้องไปแทรกแซงโอกาสหนึ่งในชีวิตด้วยการมอบชีวิตให้ผู้คน ซึ่งการแทรกแซงของฉันจะทำให้การเสียสละที่ยิ่งใหญ่ของพวกเขาสูญเปล่าและลดคุณค่าของพวกเขาลงงั้นหรอ?”

“แต่ว่าท่านจักรพรรดิ”


พัทที่รออยู่สักพักได้พูดขึ้นมา เขาคือคนที่ใกล้ชิดกับความตายและวิญญาณเป็นลำดับสองรองลงมาจากยูอิลฮาน เขาสามารถจะเข้าใจถึงความกังวลของยูอิลฮานเป็นอย่างดี


“ผมคิดว่าฟีเรียเธออยากที่จะกลับมาอยู่เคียงข้างท่านจักรพรรดิ หากว่าเธอได้ทำการช่วยเหลือใดๆก็ตามให้ท่านจักรพรรดิมาถึงจุดนี้ ก็ไม่ใช่ว่ามันจะเป็นการดีหรอครับที่ให้เธอกลับมาในตำแหน่งเดิมเป็นรางวัล?”

“…รางวัลสำหรับเหล่าคนที่ได้ช่วยฉันในการขึ้นมาเป็นพระเจ้างั้นหรอ? หรือก็คือให้ยกเว้นผู้คนที่อยู่ในดราก้อนเนสและแบ่งแยกพวกเขากับคนปกติหรอ? นี่คือสิ่งที่นายกำลังจะบอกใช่ไหม?”

“ได้โปรดอภัยให้กับคำพูดของผมด้วยแต่ว่า… ก็ใช่ครับ สำหรับเธอที่ปรารถนาที่จะรับใช้ท่านจักรพรรดิต่อให้เป็นช่วงสุดท้ายในชีวิตของเธอก็ตาม ท่านจะไม่สงสารเธอเลยหรอ?”


ยูอิลฮานได้มองไปที่พีท พีทคือคนที่กลัวการถูกยูอิลฮานเกลียดยิ่งกว่าการตายซะอีกได้ตัวสั่นอย่างเจ็บปวด แต่เขาก็ไม่คิดจะยอมถอย สถานการณ์แบบนี้ได้ดำเนินไปซักพักก่อนที่ยูอิลฮานจะถอนหายใจหยักหน้าออกมา


“ไม่เป็นไร แค่ครั้งนี้แค่ครั้งเดียวนะ”

“ท่านจักรพรรดิ!”

“ขอบคุณครับ ท่านจักรพรรดิ!”


เอลฟ์ทั้งสามได้กระโดดขึ้นมาอย่างดีใจ เนื่องจากว่าเขาอยู่ที่นี่แล้ว ยูอิลฮานจึงพูดกับคนอื่นๆเช่นกัน


“ในเมื่อฉันได้ตัดสินใจที่จะแบ่งแยกระหว่างสมาชิกของเรากับคนทั่วไปแล้ว ฉันก็จะต้องทำมันให้มากขึ้น คำพูดของพีทก็ไม่ได้ผิดเลย ทุกๆคนได้ช่วยฉันอยากมากในการมาเป็นพระเจ้า เพราะงั้นฉันจะให้พวกนายทุกคนได้โอกาสในการ ‘โกง’ เชิญพูดถึงสิ่งที่ต้องการมาได้เลย หลังจากการหลอมรวมโลกเสร็จสิ้นแล้วเรื่องนี้จะไม่ถูกอนุมัติอีกแล้วนะ”

“ถะ ถ้าครอบครัวของเราตายไปถ้างั้นก็ช่วย…”

“โอ้ ครอบครัวของครอบครัวสมิทสันทั้งสองคนได้กลับมาอย่างปลอดภัยแล้ว พวกเธอสองคนไปเตรียมตัวพิธีแต่งกันได้เลย”

“ฉันอยากจะมีลูก!!! แอ๊กกกกก”


นายูนาได้ถูกสอยร่วงไปอย่างรวดเร็ว ยังไงก็ตามเลียร่าที่เป็นคนจัดการเธอก็ได้แสดงสีหน้าลำบากเล็กน้อย ทุกๆอย่างได้แตกต่างไปจากก่อนหน้านี้แล้ว


ตอนที่เธอเป็นทูตสวรรค์และตอนที่ยูอิลฮานยังเป็นมนุษย์ หรือตอนที่พวกเธาทั้งคู่ยังเป็นมนุษย์อยู่ พวกเธอสามารถจะรับมือคนอื่นๆได้อย่างง่ายดายด้วยเพียงมือข้างเดียว…. แต่ในตอนนี้ยูอิลฮานคือพระเจ้าที่่ดูแลโลกทั้งใบแล้ว


“หากฉันยังอยากจะผูกขาดเขาไว้เพียงคนเดียวฉันคงจะโลภเกินไป…”

“เลียร่า ถ้าเธออยากให้ฉันทำแบบนั้น ฉันก็จะมองแค่เธอ”


ยูอิลฮานได้พูดออกมา คำพูดเหล่านี้คือเรื่องจริง


“ยังไงก็ตาม… ใช่แล้ว ฉันขอโทษ ฉันคิดว่ามุมมองของฉันต่างไปจากเดิมแล้ว ถึงแม้ว่าฉันอยากจะมองแค่เธอเพียงคนเดียว แต่สุดท้ายคนอื่นๆก็ยังเข้ามาในความคิดฉันเช่นเดียวกัน บางทีมันอาจจะเป็นผลย้อนกลับจากการใช้ชีวิตเพียงคนเดียวมาอย่างยาวนานก็ได้ เพราะงั้นฉันก็เลยอยากเก็บพวกเธอทั้งหมดไว้ในอ้อมแขนของฉัน ฉันอยากกอดพวกเธอเอาไว้แน่นๆไม่ปล่อยไปไหน”

“อ่า”

“อูววว”


ในตอนนี้เขากำลังตัวเกร็งสุดๆแล้ว ยังไงก็ตามเลียร่าก็แค่ยิ้มแห้งๆออกมาราวกับว่าเธอรู้อยู่แล้วว่ามันจะต้องเป็นแบบนี้ เธอรู้มาตั้งแต่แรกแล้ว ยูอิลฮานที่ตอนแรกเป็นเหมือนกับกำแพงเหล็กกล้าต่อคนอื่นๆนอกจากเธอได้เริ่มที่จะยิ้มให้กับผู้หญิงคนอื่นๆเมื่อไม่นานมานี้


เธอไม่สงสัยอยู่แล้วว่าเขารักเธอมากที่สุด เธอได้ผูกขาดเขาเพียงคนเดียวมาถึงตอนนี้ก็ดีแล้ว เธอคนผู้หญิงคนแรกของพระเจ้าและจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป


“นายทำอะไรกับอารมณ์ของนายแค่เพราะความต้องการใช่ไหมล่ะ? ผู้คนบอกว่าคนที่ตกหลุมรักก่อนคือผู้แพ้ใช่ไหมล่ะ… เพราะงั้นฉันก็หวังว่านายจะยอมรับความรู้สึกทั้งหมดนั่นของนาย ฉันชอบนายที่เป็นแบบนั้นแหละ”

“พี่สาว… กรี๊ดดดดดด”


เลียร่าได้หันไปหยุดไม่ให้นายูนาพูด จากนั้นก็หันมาพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น


“กลับกันฉันจะต้องเป็นคนแรกที่ได้เข้าพิธีแต่ง พิธีที่ยิ่งใหญ่เพื่อให้ทุกๆคนได้รู้ว่าฉันคือภรรยาหลวง!!!”

“พี่สาว!”

“เลียร่า…!”

“เลียร่า ฉันรักเธอ!”


ผู้คนที่อยู่นิ่งเงียบด้วยความเป็นกังวลมาตลอดได้ส่งเสียงเชียร์กันออกมา


“เลียร่า… ขอบคุณนะ”

“นายมันเป็นคนที่แย่มาก แต่ฉันก็ยังรักนาย”


สายตาจำนวนนับไม่ถ้วนได้มองสลับไปมาระหว่างยูอิลฮานกับเลียร่า บางคนก็รู้สึกอายในขณะที่บางคนได้เต็มไปด้วยพลังใจ แค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่ทั้งสองคนจะได้เข้าใจกันและกันอย่างสมบูรณ์ ในที่สุดแล้วข้อตกลงในเรื่องความสัมพันธ์ก็เป็นเอกฉันฑ์แล้ว


โอโรจิที่เฝ้าดูเงียบๆมาตลอดเวลาก็ได้เสริมขึ้นมา


“ในเมื่อท่านมีคนรักอยู่มากมาย มันก็คงยากแล้วล่ะที่นายท่านจะใช้ชีวิตโดดเดี่ยวอีก”

“โอโรจิ นายอย่าได้ฝันเลย”


น้ำเสียงที่เฉียบคมของมิสทิคได้ทำให้โอโรจิหันมามองอย่างสับสน สีหน้าของเขาไร้ซึ่งเบาะแสใดๆและมองมาราวกับเขาเชี่ยวชาญในสกิลการแสดงแล้ว


“ฝันถึงอะไรงั้นหรอ?”

“อ๊า”


การหลอมรวมครั้งใหญ่ได้เสร็จสิ้นลงแล้ว ในที่สุดเมืองลอยฟ้าก็ได้ไปตั้งอยู่ที่ใจกลางมหาสมุทรแปซิฟิก และผสานรวมเข้ากับโลก ในตอนนี้โลกทั้งหมดได้เป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว


“ว้าว ดูความหนาแน่นมานาสิ”

“บางทีอาจจะมีสิ่งมีชีวิตชั้นสูงเกิดขึ้นมาเองตามธรรมชาติก็ได้”

“อ่า ดูทองฟ้ารอบๆสิ อาจจะมีมังกรที่แท้จริงเกิดขึ้นมาตามธรรมชาติก็ได้”

“ฉันแค่ล้อเล่นนะ แต่ว่ามันกลับเป็นเรื่องจริง!?”


หลังจากยูอิลฮานเสร็จสิ้นงานของเขาแล้ว เขาก็ได้สูดหายใจเอาอากาศบริสุทธ์ลงไป จากนั้นก็ส่งเสียงให้ดังไปทั่วทั้งโลก


[สวัสดีคุณสุภาพบุรุษ์และสุภาพสตรี…]


***


การแต่งงานของยูอิลฮานกับเลียร่าได้ถูกวางแผนไว้ในวันถัดไป แต่แล้วสุดท้ายก็ล่าช้าไปถึงหนึ่งเดือน


มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะรวมมนุษย์ทุกๆคนมาไว้ในที่ที่เดียว เพราะงั้นยูอิลฮานได้จัดสร้างงานแต่งไว้บนเมฆและร่ายเวทย์ให้ทุกๆคนสามารถจะมองงานแต่งของพระเจ้าได้ นี่คือข้อตกลงระหว่างเขากับเลียร่า


“ฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมฉันถึงได้ต้องมาเป็นคนดำเนินงานแต่งนี้”


ลูซิเฟอร์กำลังใส่เสื้อสูทที่ทำให้เขารู้สึกจะไม่สบายตัว แต่ว่าราเซียได้เกาะแขนเขาเอาไว้แน่นและยิ้มออกมา


“มีแค่คนที่มีสติปัญญาอย่างท่านเท่านั้นที่จะจัดงานแต่งให้กับท่านยูอิลฮานได้”

“เธอยิ้มมากไปแล้วนะราเซีย”

“นั่นเพราะท่านในชุดสูทดูเท่มากไงล่ะ”


ลูซิเฟอร์ได้ส่งเสียงขึ้นจมูกออกมา ยังไงก็ตามรอยยิ้มราเซียก็มีแต่จะยิ่งมากขึ้น เธอมีความสุขที่เธอยังรับใช้ซาตานเคียงข้างเขาได้ต่อไป


“แล้วสถานที่นี้ถูกสร้างขึ้นมาได้ยังไง?”

“เป็นพลังพระเจ้า เป็นสิ่งที่เราไม่อาจจะเข้าใจ”

“แล้วพระเจ้าก็มีความรู้สึกเหมือนมนุษย์และกำลังจะแต่งงานกับใครสักคนงั้นหรอ?”

“บางทีเราอาจจะได้เห็นช่วงเวลาแห่งตำนานก็ได้”


แม้ว่าที่จัดงานแต่งจะใหญ่มาก แต่ภายในที่แห่งนี้ก็ยังมีคนอยู่นับไม่ถ้วน นี่เป็นเรื่องธรรมดาเพราะว่ามีตัวแทนมากมายในโลกนับไม่ถ้วนที่อยากจะมามีส่วนร่วมในงานแต่งพระเจ้า และยังมีตัวแทนนับร้อยจากในแต่ล่ะโลกที่อยู่ใต้การปกครองของยูอิลฮาน


“ที่รักกำลังคิดอะไรอยู่หรอ?”


กาเบรียล ยูยงฮานได้มาสะกิดคิมเยซอลที่นั่งอยู่ในมุมๆหนึ่งนิ่งๆโดยไม่พูดอะไร ในที่สุดเธอก็หันกลับมามองสามีของเธอและหัวเราะออกมาด้วยรอยยิ้มพร้อมทั้งยักไหล่ออกมา


“ฉันกำลังคิดเกี่ยวกับลูกชายเราเมื่อก่อน ฉันเป็นห่วงว่าเขาอาจจะไม่เคยได้เดทกับผู้หญิงสักคนไปทั้งชีวิต แต่พอมาตอนนี้มันน่าขำดีนะ มีคนมากมายที่สุดใจและรักเขา”

“ที่รักก็เป็นที่นิยมในหมู่ผู้ชายเมื่อก่อนเหมือนกัน ในบางครั้งผมยังสงสัยเลยว่าทำไมคุณถึงมาแต่งงานกับผม”

“โอ้”


คิมเยซอลได้หรี่ตาลง เธอได้หัวเราะและพูดขึ้นมา


“คุณเป็นเพียงคนเดียวของฉันนับตั้งแต่ที่ฉันเจอคุณ”

“นี่คุณประจบผมนี่”

“แต่มันคือความจริง เพราะงั้นมันยิ่งน่าหงุดหงิดไงล่ะ ฉันอยากจะเจอคุณมากๆ แต่คุณกลับหาตัวได้ยากเนี้ยสิ”

“กาเบรียลเป็นชายที่ไม่เคยเห็นคุณค่าตัวเองตลอดเลย เขาเชื่อว่าทุกๆคนไม่มองมาที่เขาและชอบหมกหมุ่นในสิ่งที่เขาทำตลอด นี่แหละทำให้เขาถึงได้น่าดึงดูด”


ยูเรียลที่นั่งเงียบๆอยู่ข้างๆได้กล่าวเสริมขึ้นมา คิมเยซอลที่กำลังซึมซับบรรยากาศกับกาเบรียลที่ไม่ได้รู้เลยว่าสถานการณ์เขาเหมือนกับลูกชาย จู่ๆเขาก็รู้สึกปวดทอง


“อะแฮ่ม ตอนนี้ฉันมีธุระต้องไปที่อื่น…”

“คุณคิดว่าคุณจะไปไหนกัน งานแต่งกำลังจะเริ่มแล้วนะ”


คิมเยซอลกำลังบีบนวดแขนของเขา ยูเรียลก็ยังมองมาที่คิมเยซอลด้วยรอยยิ้ม


“ไม่ใช่ว่านี่ถึงเวลาที่เราต้องคุยกันแล้วหรอเยซอล? คู่ของเธอได้แต่งงานกันมาหลายสิบปีแล้ว แต่ว่าฉันได้รอคอยมาหลายพันล้านปีแล้วนะ”

“…ไว้ค่อยคุยกันทีหลังนะ”


เมื่อแขกทุกๆคนได้นั่งลงและฉากภาพสถานที่งานแต่งได้ถูกมองเห็นได้จากทุกๆที่ งานแต่งก็ได้เริ่มต้นขึ้น เนื่องจากไม่มีใครที่จะขัดพิธีนี้ทำให้คู่บ่าวสาวได้เดินเข้ามาพร้อมๆกัน


“ว้าว”

“งดงามมาก…”

“หืม ฉันมองเห็นเจ้าบ่าวไม่ชัดเลย”

“ไม่มีทาง แม้แต่ในตอนนี้นายท่านก็ยังปกปิดตัวเองอยู่…?”


ยูอิลฮานได้ซ่อนตัวตนอยู่บางๆเพื่อขับเน้นความงามของเจ้าสาวเขา! เลียร่ากำลังใส่ชุดเดรสสีขาวบริสุทธิ์ที่ซึ่งดึงดูดความสนใจจากแขกทุกๆคนในฐานะผู้หญิงที่งดงามที่สุดในโลก


ผมสีทองประกายและนัยน์ตาสีแดง แก้มสีชมพูอ่อนได้ดึงความสนใจจากทุกๆคน ชุดที่เข้ารูปอย่างสมบูรณ์แบบไร้ซึ่งจุดเปิดเผยผิวหนังใดๆ ในตอนนี้เธอได้กลายมาเป็นเทพธิดาแห่งความรักและได้รับสิ่งที่นับได้ว่าเป็นชัยชนะในด้านความรักแล้ว พลังเวทย์ได้ถูกปล่อยออกมาเป็นประกายตามผิวหนังของเธอ เกิดขึ้นมาเป็นม่านพลังโปร่งแสงที่เข้าคู่กับชุดเดรสของเธอได้อย่างสมบูรณ์แบบ


“เธอไม่อาจจะระงับความสุขของเธอได้แล้ว”

“อ๊า น่าอิจฉาจัง… ความอิจฉาเลียร่าของฉันมันมากจนเก็บเอาไว้ไม่อยู่แล้ว”

“ฉันด้วยๆ ฉันก็อยากจะแต่งงานกับคุณพ่อทูนหัวเหมือนกัน!”

“”เธอไม่เกี่ยว””


ทุกๆคนต่างก็หลงไหลไปกับความงดงามของเจ้าสาว และยิ่งมีคนมองหาเจ้าบ่าวไม่เจอมากยิ่งขึ้น ในช่วงเวลาสั้นๆที่ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นนิรันดร์เจ้าบ่าวก็ได้เผยตัวออกมาและก้าวขึ้นมายืนบนแท่น


ลูซิเฟอร์ที่เป็นผู้ดำเนินงานได้มองไปที่ทั้งสองคนและพูดออกมา


“ความรักคือความงดงามที่ไร้ขีดสุด แต่ในเวลาเดียวกันก็เป็นสิ่งที่มืดมนและน่าเศร้าพร้อมๆกัน การแต่งงานคือพิธีกรรมการสาบานปฏิญาณตนที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด แต่ในเวลาเดียวกันมันก็เป็นงานที่เหมือนกับเต็มไปด้วยความโกหก หลอกลวง และปลิ้นปล่อนเช่นเดียวกัน ลองดูสิ เจ้าบ่าวที่อยู่ตรงหน้าฉันในตอนนี้กำลังจะรับเจ้าสาวอีกนับไม่ถ้วนในอนาคตอันใกล้นี้”

“เฮ้ เปลื่ยนคนดำเนินงานที”


ยูอิลฮานได้ค้านออกมา แต่น่าเสียดายที่ไม่มีผู้ดำเนินงานสำรองแล้ว ลูซิเฟอร์ได้พูดคำพูดต่อไป


“แต่ถึงแบบนั้น คนทั้งสองที่ยืนอยู่จุดนี้ก็รู้เรื่องนั้นอยู่แล้ว ฉันขอแสดงความนับถือในจิตใจดีงามของเจ้าสาว รวมไปถึงความไร้ยางอายของเจ้าบ่าวด้วยเช่นกัน”

“นาย! ไว้มาเจอกันหลังจบพิธีนะ”

“บ่าวสาวของเราได้มีการเชื่อมโยงกันอย่างแข็งแกร่ง ไม่มีใครที่จะแยกพวกเขาออกจากกันได้ เพราะงั้นไม่ว่าใครที่อยากจะร้องเรียนอะไรก็ตามจงหุบปากไปตลอดการหรืออยากจะเอาชีวิตตัวเองมาทิ้งก็เข้ามา”


ไม่มีใครอยากจะเอาชีวิตไปทิ้ง และดูเหมือนคนที่นี่ก็เลือกที่จะหุบปากไปตลอด หลังจากนั้นคู่บ่าวสาวก็ได้กล่าวต้อนรับแขก หลังจากนั้นก็เหมือนกับฉากประชดที่ผู้อาศัยบนโลกได้กล่าวอวรพรให้กับพระเจ้าของพวกเขา ในท้ายที่สุดลูซิเฟอร์ก็ได้เริ่มกล่าวช่วงสุดท้าย


“นี่คือเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่เป็นงานแต่งของพระเจ้า พระเจ้ายูอิลฮานน่าจะรู้ถึงเรื่องนี้เป็นอยากดี และในตอนนี้ถึงเวลามอบของขวัญแต่งงานให้กับเจ้าสาวของเขาแล้ว”

“…ฟู่”


ยูอิลฮานได้หยิบเอาแหวนเล็กๆออกมาถือด้วยมือที่สั่นเล็กน้อยอย่างเป็นกังวล แหวนนี้เป็นแหวนที่ทำขึ้นมาจากโลหะที่ลึกลงไปมีออร่าสีแดงเข้มอยู่ภายใน เมื่อเห็นแหวนอันนี้ดวงตาเลียร่าได้เบิกกว้างขึ้นมา


“อิลฮาน นี่นาย…”

“ที่งานแต่งล่าช้าก็เพราะฉันมัวแต่ทำเจ้าสิ่งนี้ ฉันได้ใช้โลหะทั้งหมดที่แตกต่างกันในโลกรวมไปถึงหัวใจของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดทำมันขึ้นมา”


นี่คือสิ่งของที่ไม่อาจจะประเมินค่าได้ แหวนแต่งงานนี้คือสิ่งที่เขาใช้เวลาทั้งเดือนของเขาในการสร้างมันขึ้นมาด้วยตัวเอง แหวนวงนี้คือตัวแทนของโลกทั้งใบ


ยูอิลฮานรู้สึกอายเล็กน้อยทำให้เขาต้องเกาหัวและพูดออกมากับเธอ


“เธอจะเป็นที่หนึ่งสำหรับฉันตลอดไปเลียร่า ถ้าเธอต้องการฉันก็จะอยู่เคียงข้างเธอไปตลอด ฉันรักเธอเลียร่า”

“อ่า…”


แหวนได้พอดีนิ้วของพวกเขาอยางสมบูรณ์แบบ นี่ได้สื่อถึงว่ายูอิลฮานได้ประกาศออกไปว่าเลียร่าจะยืนเคียงข้างเขาอย่างเท่าเทียมกัน เลียร่าได้ลูบแหวนของน้ำตาคลอ


“ฉันก็รักนายเหมือนกัน!”

“อืมม เอาล่ะ…. เฮ้ๆ ไอนั่นนะ ที่หลังจากพูดจบ”


เลียร่าไม่อาจจะห้ามใจได้อีกและเข้าจูบยูอิลฮาน เพราะแบบนี้เองทำให้พิธีได้วุ่นวายขึ้นมา ลูซิเฟอร์ได้ตะโกนออกมาอย่างรำคาญ


“พวกเขาทั้งคู่คือพระเจ้าและภรรยาของพระเจ้า เพราะงั้นสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในโลกใบนี้จะต้องเชื่อฟังและทำตามทั้งสอง! ตำนานบทใหม่จะเริ่มต้นขึ้น ณ จุดนี้! เฮ้! โยนช่อดอกไม้! ให้ตายสิ โยนช่อดอกไม้บ้าอะไรแบบนี้!”


เลียร่าที่ถูกกระตุ้นด้วยนิสัยลูซิเฟอร์ได้โยนช่อดอกไม้ไปข้างหลังของเธอและเข้าโจมตียูอิลฮานอีกครั้ง ยูอิลฮานได้ตัดสินใจเทเลพอตพวกเขาไปในห้องส่วนตัวในป้อมปราการลอยฟ้าอย่างรวดเร็ว


ถึงจะไม่มีใครคาดคิดว่างานจะไปด้วยดี แต่สุดท้ายพิธีก็ได้จบลงด้วยความวุ่นวายและร่องรอยของคู่บ่าวสาวก็ได้หายไปหลังจากช่อดอกไม้ได้ลอยออกมา


“เอาล่ะนะ”


จู่ๆช่อดอกไม้ก็ลอยค้างอยู่กลางอากาศ คนที่ทำแบบนี้ก็คือเอิลต้า จิตสังหารได้พวยพุ่งออกมาจากร่างเธอ


“เราควรจะมาตัดสินกันว่าใครจะเป็นคนต่อไป?”

“…เสียใจด้วยนะ แต่ฉันจะไม่ยอมเสียที่สองไป”


คังมิเรย์ได้ยืนขึ้นและมองตรงไปด้วยสีหน้ามั่นใจ นายูนาได้หัวเราะออกมาแต่บนมือของเธอได้มีประกายพลังศักดิ์สิทธิ์พวยพุ่งขึ้นมาแล้ว


“ฉันจะเป็นคนต่อไปจากพี่สาวเลียร่า”

“ไม่ ฉันต่างหาก”

“ฉันคิดว่าฉันคือคนที่เข้าใจถึงคุณค่าที่แท้จริงของที่รักคนแรกนะ”


ริมฝีปากของเฮเรียน่าได้ยกยิ้มขึ้นมาอย่างชั่วร้าย เธอไม่สนว่ายูอิลฮานจะมีภรรยามากแค่ไหน แต่ว่าเธอต้องการจะจัดลำดับชั้นให้ชัดเจน!


คนที่จะมีส่วนร่วมในการสู้ครั้งนี้ต่างก็เป็นผู้ทรงพลังกันทั้งนั้น สำหรับฟีเรียหรือเอริเซียต่างก็ไม่อาจจะยืนบนการแข่งขันนี้ได้เพราะพวกเธอไร้พลัง พวกเธอได้แต่กล้ำกลืนฝืนทนเอาไว้ พีทได้เดินไปร้องไห้อยู่ในมุมๆหนึ่งเท่านั้น ความเป็นจริงช่างโหดร้ายและเย็นชาอยู่เสมอ


“ดีล่ะ พวกเรากำลังจะเข้าสู่ช่วงถัดไปอย่างราบรื่น”


ลูซิเฟอร์ที่กำลังทำสีหน้าแปลกๆกว่าเมื่อก่อนได้หยิบไมโครโฟนขึ้นมาอีกครั้ง


“การแย่งชิงตำแหน่งภรรยาคนที่สองของพระเจ้า! ใครจะเป็นคนต่อไป? การต่อสู้ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว!”

“เฮ้ นี่นายลูซิเฟอร์!”


แน่นอนว่าใครจะเป็นคนที่สองไม่ได้สำคัญอีกแล้ว


ที่ชัดเจนคือยูอิลฮานจะไม่มีวันพูดคำว่าโดดเดี่ยวได้อีกแล้ว


ตอนพิเศษที่ 2 – ความรักของเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาช่างเป็นเรื่องแปลกประหลาดอย่างที่คิดเลย


“ฟู่”


ในช่วงทุกวันนี้สทิคเป็นกังวลอย่างมาก หลังจากที่ยูอิลฮานได้เข้าเป็นพระเจ้าอย่างสมบูรณ์แล้ว เธอก็ไม่จำเป็นต้องปวดหัวจากการจัดการดูแลโลกอีกต่อไป ในตอนนี้งานของเธอได้ลดน้อยลงมามากจนทำให้เธอได้มีเวลาคิดสิ่งต่างๆมากมาย


ทำไมเธอถึงได้เกิดมา เป้าหมายชีวิตของเธอคืออะไร เธอเป็นเหมือนเด็กวัยรุ่นที่เต็มไปด้วยความคิดมากมากทำให้เธอไม่อาจจะไปใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างสงบสุข


[ท่านเอิร์ธ ฉันเกิดมาทำไมกัน?]

[เธอได้เกิดขึ้นมาเพื่อเป้าหมายในการฆ่ายูอิลฮานที่ทำให้โลกล่มสลายลง ไม่มีเป้าหมายอื่นหรือแรงจูงใจอื่นอีกแล้ว]


นี่คือคำตอบของเอิร์ธ แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดกับคนอื่นมากนักนอกจากช่วยยูอิลฮานกับคิมเยซอล เขาก็รู้สึกสนิทกับมิสทิคเล็กๆน้อยๆ เพราะมิสทิคเดิมทีมาจากเขา และเมื่อเธอเป็นกังวลแบบนี้เขาก็ไม่อาจจะปล่อยเธอทิ้งไว้ได้


“ถ้าอย่างนั้นท่านก็สร้างฉันขึ้นมาโดยไม่คิดถึงอนาคตเลย”

[ฉันมีอยู่หนึ่งเป้าหมายที่ชัดเจน แต่ว่าฉันไม่ได้หวังอะไรจากเธอหลังจากที่เธอจะทำหน้าที่สำเร็จหรือล้มเหลวก็ตาม ในตอนนี้ทุกๆอย่างได้ถูกจัดการแล้ว เธอก็แค่ต้องใช้ชีวิตไปตามที่เธอเห็นสมควร]

“ฉันไม่เข้าใจจริงๆว่าชีวิตคืออะไร”


อย่างที่เอิร์ธได้ตอบกลับมา เธอเกิดขึ้นมาแค่เพื่อฆ่ายูอิลฮาน เธอได้ถูกยูอิลฮานฆ่าไปโดยที่ยังไม่ได้ทำอะไรเลย หลังจากนั้นเธอก็ถูกยูอิลฮานชุบชีวิตขึ้นมาใหม่ แต่ว่าเธอก็มีแต่ช่วยสนับสนุนให้กับชีวิตของยูอิลฮาน เธอไม่มีอะไรอย่างอื่นให้ทำอีกเลย เพราะงั้นบางทีแล้วในด้านการใช้ชีวิตเธอก็เหมือนกับเด็กทารก


[ไม่มีใครรู้หรอกว่าชีวิตเกี่ยวกับอะไร ต่อให้เธอจะไปถามนายท่านยูอิลฮาน เธอก็จะไม่ได้คำตอบที่มีประโยชน์กลับมาอยู่ดี]

“ตอนนี้ฉันเข้าไปหานายท่านไม่ได้เลย นายท่านยังคงเป็นห่วงฉัน แม้ว่าตัวเขาจะปฏิเสธก็ตาม เขารักในทุกๆสิ่งที่เขาสร้างหลังจากกลายเป็นพระเจ้า พวกตรงๆแล้วมันอึดอัดน่ะ”

[เธอกลัวว่าเธอจะตกหลุมรักเขา?]

“ฉันไม่เข้าใจว่าความรักคืออะไร แล้วก็…”


เมื่อเป็นเรื่องความรักได้มีคนๆหนึ่งเข้ามาในความคิดเธอ ในตอนแรกเธอก็แค่เพลิดเพลินไปกับการพูดคุยกับเขาเนื่องจากทั้งคู่มีสถานการณ์คล้ายๆกัน แต่เมื่อเวลาผ่านไปอารมณ์เธอก็เปลื่ยนไปเป็นบางสิ่งที่คล้ายเดิม แต่ก็ต่างจากเดิม


“มันเหมือนกับว่า… หัวใจฉันจะเต้นแรงในทุกๆทีที่เห็นเขาและฉันจะรู้สึกรำคาญเขาโดยไร้เหตุผล ฉันรู้ว่านี่มันไม่ปกติเลย ทำไมกันล่ะ? พวกเราไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกัน นี่มันกระทันหันเกินไป”

[นี่เธอกำลังพูดอะไรอยู่]


เอิร์ธได้เยาะเย้ยเธอออกมา


[ในโลกใบนี้เต็มไปด้วยสิ่งที่ไม่อาจจะอธิบายออกมาได้ เธอกำลังจะหาคำอธิบายจากโลกใบนี้งั้นหรอ? พวกเราได้แต่ยอมรับมัน พวกเราได้แต่อยู่กับปัจจุบัน พวกเราก็ต้องก้าวต่อไป…. และนี่แหละคือชีวิต]


เธอไม่รู้ว่าเธอเกิดมาทำไม เธอไม่รู้ว่าเธอจะไปที่ไหร่ เพราะงั้นเธอก็แค่ไปในที่ที่เธออยากจะไปและทำในสิ่งที่เธออยากจะทำ มันคงจะน่าอายหากว่าเธอไม่รู้ถึงสิ่งที่เราจะบอก


[เหตุผลที่เธอเป็นแบบนี้มันก็เพราะงูนั่นใช่ไหมล่ะ? หยุดปฏิเสธความรู้สึกตัวเองและหลบหนีมันได้แล้ว ก็แค่ยอมรับอย่างที่เป็นก็พอแล้ว]

“ถ้าท่านเอิร์ธเป็นฉัน…”

[ฉันไม่ใช่เธอ]


เอิร์ธได้พูขัดคำถามออกมาอย่างไร้ปราณี จากนั้นก็พูดเสริมขึ้นมา


[ฉันไม่สามารถจะช่วยอะไรเธอได้ เพราะงั้นทำไมไม่ลองไปถามคนที่คล้ายๆกับเธอในเรื่องนี้กันล่ะ?]

“…จริงด้วย โอเค ฉันจะไปถามพวกเธอ”


มิสทิคได้ยื่นขึ้น เธอได้กดหมวกฟางที่ยูอิลฮานมอบให้กับเธอมาและออกไปหาคนที่น่าจะช่วยเธอได้


***


“อืมม นี่เป็นคำถามที่ยากมาก”


ผู้ถูกถามคาริน่า สมิธสันได้ส่งเสียงออกมา เด็กหนุ่มรูปหล่อได้จับนิ้วของมิสทิคเอาไว้ด้วยแขนเล็กๆของเขา


“อุแง๊!”

“เธอรู้เรื่องความรักไหมนิค?”

“ลูกเราไม่ได้รู้เรื่องอะไรแบบนั้นหรอกนะ”


คาริน่าได้ลูบผมของนิคและเริ่มพูดออกมา


“นี่เป็นเรื่องส่วนตัวมากเลยนะ เธอจะไม่เป็นไรหรอมิสทิค?”

“แน่สิ ฉันอยากจะได้ข้อมูลให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้”

“ถ้างั้นก็… ที่จริงในตอนแรกที่ฉันได้เจอกับชายคนนั้น ฉันคิดว่าเขาเป็นคนที่หน้าด้านที่สุดในชีวิตเลย”


มิเชล สมิธสันคือชายที่เต็มไปด้วยความดื้นด้านและความโลภ เขาเห็นแต่ตัวเอง กลุ่มของเขา ประเทศของเขา และเป้าหมายของคนอื่นๆนอกจากของเขาคือสิ่งที่ผิด


“ยังไงก็ตามเมื่อเวลาได้ผ่านไปและสภาพแวดล้อมก็ได้เริ่มเปลื่ยนแปลงเขา ในตอนแรกพวกเราก็แค่เป็นพันธมิตรกันเพราะว่ามีศัตรูเหมือนกัน เขายังคงหยิ่งยโสอยู่ แต่ในมุมๆหนึ่งเขาก็ยังมีความเป็นสุภาพบุรุษ เดิมทีเขาเป็นคนที่หัวรั้นมากๆแม้แต่กับพวกเดียวกันเอง แต่ในเวลาต่อมาเขาได้เริ่มที่จะสนใจคนอื่นมากขึ้น”


ถึงจะน่าหงุดหงิด แต่คาริน่าคิดว่าจุดเปลื่ยนของเขาก็น่าจะเป็นในตอนที่เขาได้เริ่มหลงรักคังมิเรย์ เมื่อได้มีคนนอกเข้ามาอยู่ในสายตาเขาทำให้เขาเริ่มสนใจคนนอกมากยิ่งขึ้น


“เนื่องจากเขาอยากที่จะเห็นคนนอก เขาก็เลยยอมรับในตัวเองที่อยู่ในสายตาคนอื่นทำให้เขาได้เริ่มถ่อมตัวขึ้นมาเล็กน้อย ฉันคิดว่าฉันคือคนที่ได้เห็นการเปลื่ยนแปลงนี้อย่างใกล้ชิด ฉันคิดว่าเขาเป็นไอโง่แท้ๆเลยล่ะ แต่ว่ามันก็น่าผิดหวังในตัวฉันเองเหมือนกันเนื่องจากฉันก็รู้สึกตัวว่าฉันนั้นคล้ายกันกับเขา แต่ฉันก็ภาคภูมิใจนะที่ได้เห็นเขาเติบโตขึ้น… และพอเป็นแบบนี้ ฉันก็ตกอยู่ในวงจรของการเฝ้ามองแตเขาและคิดถึงแค่เรื่องของเขา”

“อืมมม”


เมื่อได้ยินเรื่องของเธอ มิสทิคได้เริ่มเปรียบเทียบสถานการณ์ของตัวเองกับของคาริน่า คาริน่าได้ยิ้มออกมาและพูดเรื่องราวของเธอให้จบ


“ฉันได้เห็นตัวเองในตัวเขา และนี่คือเหตุผลที่ทำให้ฉันรู้สึกกับเขามากขึ้นตามที่ฉันได้เห็นการเปลื่ยนแปลงของเขา มิสทิคเธอก็เหมือนกันใช่ไหม?”

“ฉะ ฉัน”


เมื่อคิดไปถึงโอโรจิส เธอก็รู้สึกขกลุกในใจ โอโรจิกับมิสทิคได้ประสบกับการเปลื่ยนแปลงมากมายในระหว่างยอยู่กับยูอิลฮาน พวกเขาต่างล้อเลียนกันและกัน บางครั้งก็พึ่่งพากันและกัน… และในระหว่างนั้นมิสทิคก็รู้สึกได้ว่ามีความรู้สึกใหม่แตกหน่อขึ้นมา


“ขอบคุณสำหรับคำตอบนะ ฉัคิดว่านี่เป็นแหล่งอ้างอิงที่ดีเลย”

“มิสทิค”

“ว่าไง?”

“เมื่อมีโอกาสนะ…”


คาริน่าได้เอามือปิดหูนิคไว้และกระซิบกับมิสทิค หลังจากได้ยินเรื่องนี้หน้ามิสทิคก็เปลื่ยนเป็นสีแดง


“โอเคนะ?”

“ดะ ได้เลย”


มิสทิคได้เดินออกไปด้วยท่าทางที่เหมือนกับหุ่นย์กระป๋อง คาริน่าได้หัวเราะออกมาทันทีที่เห็นเธอเดินจากไปและก้มลงมาลูบหัวนิค เขาดูคล้ายกันกับมิเชลและไม่อาจจะน่ารักไปกว่านี้ได้อีกแล้ว


หนึ่งในคนที่มิสทิคไปหาอีกคนนั่นก็คือยูเรียล น่าบังเอิญที่เธอกำลังอยู่กับกาเบรียล


“คิมเยซอลอยู่ไหนล่ะ?”

“เธอไปหาอิลฮานพร้อมข่าวใหญ่สองเรื่องน่ะ”

“ข่าวใหญ่?”


เมื่อมิสทิคได้แสดงความสงสัยออกมา กาเบรียลก็หยักหน้าพูดออกมา


“อิลฮานจะมีน้อง”

“น้อง?”

“อิลฮานจะมีน้องอีกคนหนึ่ง…”

“…”


มิสทิคได้หรี่ตามองไปที่กาเบรียล ยูเรียลที่อยู่ข้างได้ลูบที่หน้าท้องของเธออย่างพึงพอใจ


“นายมันแย่มาก…”

“เธอกำลังเข้าใจผิดมิสทิค พวกเราเพิ่งจะแต่งงานกันมาเมื่อเร็วๆนี้เอง”


คิมเยซอลได้มีงานแต่งไปแล้ว แต่ถึงแบบนั้นพวกเขาก็กลังมีงานแต่งอีกอย่างหนึ่งพร้อมๆกันกับยูเรียลด้วย เธออยากที่จะใส่ชุดแต่งงานอะไรแบบนั้น


แน่นอนว่ากาเบรียลก็ไม่ได้มีสิทธิ์ค้านอะไรอยู่แล้ว และยูเรียลก็พึงพอใจที่ได้ยืนเคียงข้างเขา


“ยูเรียล”


มิสทิคได้นึกในใจว่ากาเบรียลคือชายที่มีศักยภาพเหมือนยูอิลฮาน และเมินเขาไปก่อนจะหันไปมองยูเรียล


“ทำไมเธอถึงได้ตกหลุมรักคนๆนี้?”

“การจะตกหลุมรักใครต้องมีเหตุผลด้วยหรอ?”


นี่คือคำตอบของยูเรียล เธอได้ยิ้มออกมาอย่างงดงาม


“ฉันก็แค่ชอบเขามาก ชอบตอนที่เขาเล่นมุกกับฉันบนสวรรค์ ตอนที่เขารู้สึกเจ็บปวดจากอนาคตที่ได้เห็น ตอนที่เขาต้องถอนหายใจออกมาเพราะความขัดแย้งด้านความคิดของลูซิเอลกับมิคาเอล และในตอนที่เขาเฝ้าดูแลคนอื่นๆ…”

“อย่ามาชมกันต่อหน้าสิยูเรียล”


กาเบรียลรู้สึกเขินขึ้นมา แต่นี่ยิ่งทำให้รอยยิ้มยูเรียลกว้างยิ่งขึ้น


“ฉันได้พูดอยู่เสมอ ความรักไม่ใช่สิ่งที่น่าอายเลย มันคือพรที่ทรงคุณค่า เจิดจ้าและงดงาม ความรักได้เกิดขึ้นมาโดยที่ฉันไม่รู้เลยและเมื่อฉันรู้ตัว ฉันก็ตกอยู่ภายใต้อำนาจความรักแล้ว แน่นอนว่าก็มีคนหลีกหนีไปจากอารมณ์นี้ได้ แต่ว่าฉันก็อยากที่จะรักเขาต่อไปและในที่สุดก็ได้กลายมาเป็นความจริง”

“นับหมื่นๆปีน่ะหรอ?”

“ไม่มีแม้แต่วินาทีเดียวเลยที่ฉันจะหยุดรักเขา แต่ว่านะ… ใช่แล้ว ต่อให้ความรู้สึกฉันจะเปลื่ยนไป ฉันก็ไม่เสียใจไปกับช่วงเวลานั้นอยู่ดี การเฝ้ารอคอยเขาไม่เคยเลยที่ฉันจะไม่มีความสุข”

“…”

“ไม่ต้องกลัวมิสทิค”


ยูเรียลได้ยื่นมือออกมาลูบแก้มมิสทิคเพื่อหยอกเธอและในตอนนี้เธอก็มอบความมั่นใจมาให้


“ความรู้สึกของเธอมันไม่ใช่สิ่งที่ต้องซ่อนไว้ แต่ว่ามันเป็นสิ่งที่เธอต้องเผยมันออกมา อย่ากลัวเรื่องในอนาคตสิ อย่าเสียศรัทธาในตัวเองและยอมรับสิ่งที่เธอเป็น แค่นี้กพอแล้ว”

“ยอมรับในตัวเอง…”


มิสทิคได้หยักหน้าออกมาอย่างแข็งทื่อ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้เห็นใจกับการที่ยูเรียลใช้ชีวิตมาหลายต่อหลายปีมากกว่าเธอ แต่ว่าคำพูดของยูเรียลก็ได้กระแทกเข้าใจเธออย่างแท้จริง


“ขอบใจนะที่ช่วย ตอนนี้ฉันจะไปแล้ว โอ้ แล้วก็ยินดีด้วยนะที่ท้อง”

“ตอนนี้ฉันอยากจะมีลูกสาว แค่ลูกชายคนเดียวก็เกินพอแล้ว”

“ฉันอยากได้ลูกชายกาเบรียล ลูกชายที่ยอดเยี่ยมเหมือนคุณ”

“อ๊าา ฉันไม่ต้องการอิลฮานอีกคน!”


มิสทิคได้เดินออกไปที่สวนพร้อมคิดที่จะบอกถึงสิ่งที่กาเบรียลตะโกนออกมากับยูอิลฮาน เธอได้ดินไปอย่างสงบและจัดการความคิดของตัวเอง แต่แล้วก็มีใครบางคนอยู่ที่นี่ก่อนหน้าเธอ


“โอ้ มิสทิค”

“คังฮาจิน”

“นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกนะที่เราเจอกัน แต่ว่าเธอก็ยังดูประหม่าอยู่ดี”


คังฮาจินได้ยิ้มแห้งๆออกมา มิสทิคแค่ส่งเสียงหึออกมา


“นายไม่ได้มีส่วนร่วมอะไรเลยจนจบ”

“ใช่แล้ว ฉันได้หาวิธีที่จะไปถึงสิ่งมีชีวิตชั้นสูงแล้ว แต่ว่าฉันไม่มีพรสวรรค์ใดๆในการทำแบบนั้น”


คังฮาจินได้สารภาพออกมาตรงๆ อย่างที่เขาได้พูดมา ชีวิตปัจจุบันในตอนนี้ของเขาไม่ได้มีอะไรต้องทำที่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้เลย


เนื่องจากว่าเขาได้อยู่กับยูอิลฮานในตอนโลรวมเป็นหนึ่ง ทำให้เขาได้ใช้ความฉลาดสร้างธุรกิจใหม่ขึ้นมาในช่วงที่คนอื่นๆกำลังอยู่ในช่วงปรับตัวเข้ากับโลกใหม่นี้ เขาได้เริ่มธุรกิจรถไฟเพื่อเชื่อมต่อภูมิภาคทั้งหมดบนโลก


คำว่า ‘รถไฟ’ นี่จริงๆแล้วคือสิ่งที่ได้ยูอิลฮานสร้างให้มีความทนทานอย่างมากและไม่ได้รับผลใดๆจากสภาพแวดล้อม รถไฟนี้ได้ถูกสร้างขึ้นมาให้สามารถจะวิ่งไปที่ไหนก็ได้บนโลกใบนี้! ยูอิลฮานได้มีส่วนช่วยอย่างมากในธุรกิจครั้งนี้ทำให้ธุรกิจของคังฮาจินได้ประสบความสำเร็จอย่างมาก


ทั้งปลอดภัยและรวดเร็ว รวมไปถึงยังมีคำอธิบายว่า ‘เกิดจากความร่วมมือกับพระเจ้า’ อีกด้วย! เพราะแบบนี้ทำให้เขาได้กลายมาเป็นหัวหน้าองค์กรขนาดใหญ่ที่แม้แต่พ่อของเขาคังชานยังไม่อาจจะเทียบได้


ยูอิลฮานก็เป็นผู้จัดการร่วมเช่นกัน แต่ว่าเขาก็ไม่ได้ทำอะไรอย่างเปิดเผย เพราะงั้นแล้วในทางปฏิบัติคังฮาจินคือหัวหน้า


“แม้ว่านี่จะไม่ได้อยู่ในความเห็นของเรา แต่ว่าชื่อเสียงนายก็เกือบจะเทียบได้กับนายท่านเลยนี่?”

“อีกไม่นานฉันก็จะแต่งงานแล้วเหมือนกัน พ่ออยากจะให้ฉันแต่งงานกับชาวเกาหลี แต่ว่ามันไม่ได้เป็นไปตามที่ฉันต้องการเนี้ยสิ”


เรปิน่าโลกที่เจอกับมหาภัยพิบัติครั้งที่สามและเป็นหนึ่งในโลกที่ถูกดึงเขามาหลอมรวม คู่หมั้นของคังฮาจินก็คือลูกสาวของจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิเรปิน่า


“แน่นอนว่านี่คือการแต่งงานทางการเมือง นี่ต้องไม่ใช่แค่การแต่งงานธรรมดาๆเท่านั้นแน่”

“นาย… รักนายูนาไม่ใช่หรอ?”

“ใช่แล้ว”


คังฮาจินได้ยอมรับออกมา มิสทิคได้ถามขึ้น


“เจ็บใจไหม?”

“เจ็บสิ ยังไงก็ตามในตอนที่ฉันรู้ตัวมันก็สายเกินกว่าจะทำอะไรได้แล้ว เพราะแบบนั้นฉันถึงได้จัดการกับความรู้สึกตัวเองไงล่ะ นี่เป้นสิ่งที่บางคนก็ทำได้ง่ายๆในขณะที่บางคนก็ทำมันได้ยาก แต่โชคดีที่ดูเหมือนว่าฉันจะเคยทำมันมาเมื่อนานมาแล้ว”


จริงๆแล้วเขาก็ยังดูขมขื่นอยู่ แต่ว่าเธอก็ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่จะปลอบเขาได้ เพราะงั้นเธอก็เลยอยู่เงียบๆ แต่ว่าคังฮาจินก็ได้พูดเรื่องราวของเขาต่อ


“ฉันคิดว่าฉันมีโอกาสที่ได้เธอมา ยังไงก็ตามฉันทำตัวเหลาะแหละและยิ่งยโส ในท้ายที่สุดก็ต้องเสียเธอไป ไม่สิมันไม่เกี่ยวกับเรื่องอะไรพวกนั้นเลย ฉันเป็นชายเพียงคนเดียวที่ใกล้ชิดกับยูนา แต่ว่านายูนาน่าจะคิดกับฉันในฐานะพี่ชายมาแต่แรกแล้ว”

“อืมม….”


หลังจากเธอได้แต่งงานกับยูอิลฮาน นายูนาก็ได้ยิ่งสวยกว่าเดิมอีก มันไม่ใช่เพราะรอยยิ้มที่ไม่เคยหายไปจากใบหน้าเธอทำนั้น แต่ว่าก็ยังเพราะเลียร่ากับนายูนากเป็นเทพธิดาที่มีอำนาจในด้านความรักกับความงานกันอยู่แล้ว ทำให้พวกเธอยิ่งงดงามมากยิ่งขึ้นตามช่วงเวลาที่ได้ใช้ไปกับยูอิลฮาน


มิสทิคได้คิดว่าหากนายูนาได้รักกับคังฮาจินจะเป็นยังไง แต่แล้วทั้งหมดนั่นก็ไม่มีความหมายอีกต่อไป เพราะนี่มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อีกต่อไปแล้ว


“มิสทิค”

“ว่าไง?”

“เมื่อไหร่ที่เธอคิดว่ามันถึงเวลาได้พุ่งชนเข้าไปเลยนะ การทำแบบนี้จะทำให้เธอไม่ต้องมาคิดย้อนเสียใจทีหลังแบบฉัน”


คังฮาจินได้พูดออกมา นี่คือคำพูดที่จริงใจจากเขา


“ก่อนที่มันจะสายเกินไป ไม่ว่าใครจะคิดอะไรยังไง เธอจะต้องมุ่งตรงไปด้วยความรู้สึกที่แท้จริงของเธอและเธอจะได้รับคำตอบที่เหมาะสมกลับมาเอง ต่อให้ปลายทางจะเป็นความพ่ายแพ้แต่ในท้ายที่สุดมันก็จะดีขึ้นเอง”


มิสทิคได้ยอมรับคำแนะนำของเขา


“โอเค… แล้วก็นะนายูนาน่าจะไม่ได้ชอบนายแม้แต่นิดเลย! เพราะงั้นนายก็ไม่ต้องเสียใจนะ!”

“ฉันรู้แล้วน่ายัยโง่” ฉันก็แค่อยากจะโม้ซักหน่อยเท่านั้นเอง”


คังฮาจินได้ส่งเสียงหึขึ้นพร้อมหันหน้าไปทางอื่น มิสทิคที่ได้รับคำตอบมาแล้วได้วิ่งออกไปอย่างไม่ลังเล ที่ที่เธอมุ่งไปคือเมืองลอยฟ้าที่ในตอนนี้ไม่ลอยฟ้าแล้ว ที่ที่ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของเด็กๆที่สูญเสียครอบครัวไป


“ตรงนั้น เร็วเข้า!”

“ครับอาจารย์ใหญ่”


โอโรจิได้เฝ้าคอยดูแลเด็กๆในที่แห่งนี้ เขารับหน้าที่ในการให้การศึกษาและฝึกฝนเด็กๆร่วมกันคนอื่นๆ และได้เริ่มถูกเด็กๆเรียกว่า ‘อาจารย์ใหญ่’


“โอโรจิ!”

“หืม?”


โอโรจิได้สังเกตเห็นมิสทิคและหันไปมองด้วยสีหน้ารำคาญ ยิ่งได้เห็นรอยยิ้มของมิสทิคสีหน้าเขายิ่งดูรำคาญมากขึ้นกว่าเดิม


“โอโรจิ!!!!!”


มิสทิคได้โยนหมวกฟางของเธอออกไป การทำงานของโลกได้หยุดลงชั่วคราว แต่เธอก็เชื่อว่าในระหว่างนั้นยูอิลฮานจะจัดการแทนเธอเอง เธอได้ส่งพลังเวทย์ทั้งหมดไปที่ขาและทีบตัวออกไป


“ยัยบ้า เด็กๆทนคลื่นมานาไม่ไหว….!!!?”


จากนั้นเธอก็กระแทกโอโรจิจนล้มลงกับพื้นโดยไม่ยอมหยุดลงทำให้ปากของเธอกระแทกเข้ากับปากโอโรจิ นี่คือวิธีที่คาริน่าได้สอนเธอมา! เธอได้ดูดวิญญาณโอโรจิออกมาด้วยจูบที่รุนแดงไร้ซึ่งเทคนิคหรือเวลาให้หายใจ หลังจากการจูบที่ยาวนานผ่านไปแล้วเธอก็ตะโกนออกมา


“ฉันรักนาย!”

“นะ นี่ ยัยผู้หญิงบ้า จู่ๆนี่เธอมาพูดบ้า… อ๊ะ!?”

“กรี๊ดดด!”

“กำลังจูบกันล่ะ! อาจารย์ใหญ่กำลังถูกจูบ!”


ความวุ่นวายของเด็กๆได้เกิดขึ้นมา ไม่ใช่แค่เด็กที่กำลังฝึกเท่านั้น แต่กระทั่งเด็กที่อยู่ภายในบ้านก็ยังวิ่งออกมาดู โอโรจิได้พยายามที่จะหยุดเอาไว้แต่ว่ามิสทิคได้ใช้พลังเวทย์ของเธอจัดการเขาจนไม่อาจจะทำอะไรได้เลย


“มาแต่งงานกันเถอะ!”

“ทีล่ะขั้นตอนสิ! จะกระทันหันก็มีขีดจำกัด…!”

“มาแต่งงานกัน!”

“กรี๊ดดดดดดด!”

“เจ๋งจัง!”


โอโรจิได้พยายามใช้พลังเวทย์หลบหนีไปจากมิสทิค แต่มิสทิคก็ได้จับตามองเป้าหมายไว้แล้วและเธอจะไม่ยอมถอยง่ายๆอีกด้วย


“ห้ามหนีไปไหนนะ ตอบฉันมาเจ้างู”

“นี่เธอไปกินบ้าอะไรมา….”


เมื่อเห็นเธอมองเขาด้วยสีหน้าตั้งใจทำให้เขาต้องเกาหัวออกมา ถึงเขาจะรู้เรื่องนี้ก่อนอยู่แล้วก็ตามที แต่เธอคือคนที่ไม่อาจจะอ่านอารมณ์ออกได้เลย


“โอโรจิได้ไหม?”

“…ฟู่”


ถึงแบบนั้นเขาก็ไม่ได้เกลียดเธอ ความรักเป็นอารมณ์ที่แปลก บางทีต่อให้เป็นพระเจ้าก็อธิบายมันออกมาไม่ได้ ใช่แล้ว พระเจ้านั่นคือยูอลฮานนี่ โอโรจิได้จัดลำดับความคิดแล้วพูดออกมา


“ฉันไม่อยากแต่ง”

“อะไรนะ!?”


มิสทิคได้แสดงสีหน้าสิ้นหวังออกมาราวกับเธอถูกทำลายล้างทั้งประเทศ โอโรจิได้พูดเสริมขึ้น


“ฉันยังไม่เข้าใจสิ่งที่เรียกว่ารัก เพราะงั้น… ทำไมเราไม่เริ่มจากการเดทก่อนล่ะ”

“…เจ้าบ้า! บ้าที่สุด!”


มิสทิคได้สะอื้นออกมาและเข้าโจมตีโอโรจิอีกครั้งหนึ่ง โอโรจิที่แทบจะรับเธอไม่ไหวก็รู้สึกได้ถึงสายตาที่มองมาจากรอบๆและถอนหายใจออกมา


ตอนพิเศษที่ 3 – เอลฟ์กึ่งเทพ


“ผมขอโทษนะแม่”


ยูอิลฮานได้เกาหัวออกมาและขอโทษแม่ของเขา


“ผมคิดว่าทีมเบสบอลมันมากเกินไปสำหรับตอนนี้”

“จะใช้เวลานานแค่ไหน”

“บางทีอาจจะยี่สิบปี”

“ได้เลย ลูกแม่พยายามเข้านะ”


คิมเยซอลได้หยักหน้าอย่างพอใจและหันไปรอบๆ


“ตอนนี้แม่จะทำทีมฟุตบอลก่อนแล้วกัน”


มุมๆหนึ่งมีสนามฟุตบอลที่กว้างใหญ่อยู่ สถานที่แห่งนี้ดูจะเหมาะสำหรับให้ทีมฟุตบอลนับร้อยทีมมาแข่งกันได้โดยไร้ซึ่งปัญหาใดๆ เนื่องจากว่ายูอิลฮานเป็นคนสร้างมันขึ้นมาจึงทำให้ไม่มีใครกล้าจะพูดอะไร


“นี่มันไม่เล็กเกินไปที่จะให้ลูกๆเราเล่ยหรอ~?”


นายูนากลับกลัวว่ามันจะเล็กเกินไป! ยูอิลฮานได้หัวเราะออกมาและทำให้เธอโล่งใจ


“มีเวทย์ขยายพื้นที่ถูกร่ายไว้อยู่ไม่ต้องห่วงหรอก”

“อ่อ!”


ในตอนนี้เองได้มีเสียงดังกังวาลไปทั่วสนามขึ้นมา


[ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีได้เฝ้ารอคอยกันมานานพอแล้วว! การแข่งขันแห่งฟุตบอลประวัติศาตร์ระหว่างเหล่าทายาทพระเจ้าทั้งหลายปะทะกับเหล่าทายาทของเพื่อนๆของเขากำลังจะเริ่มขึ้น ณ บัดนี้แล้ว!]

[ทุกท่านลองมองกันให้ดี ต้นเหตุของหลักของการเกิดการแข่งขันนี้ขึ้นก็เพราะเหล่เพื่อนๆของพระเจ้าต่างก็อยากจะแข่งขันกับพระเจ้า แต่พวกเขาขี้ขลาดและไม่อาจจะเทียบกับพระเจ้าได้เพราะงั้นจึงเกิดการแข่งนี้ขึ้น… ไม่สิ เดี๋ยวนะ ใครก็ได้บอกทีว่าทำไมฉันถึงต้องมาเป็นผู้ดำเนินงานอีกแล้ว!]

[ทุกวันนี้ชื่อเสียงท่านลูซิเฟอร์ได้เป็นที่รู้จักไปกว้างไกล และในวันนี้งานนี้ก็จะต้องถูกดูแลด้วยฉันราเซีย กับท่านลูซิเฟอร์]


ที่นั่งที่สามารถจะจุผู้คนได้นับสิบล้านคนได้เต็มหมดแล้ว มีผู้ปกครองโลกเล็กๆจำนวนมากมายได้ยอมเสียเงินจำนวนมหาศาลและใช้เส้นสายอย่างมากในการได้ตั๋วเข้าชมในแมตๆนี้เพื่อจะใกล้ชิดพระเจ้า แต่ว่าน่าเสียดายที่ยูอิลฮานกับครอบครัวมีที่นั่งพิเศษอยู่ เพราะงั้นพวกเขาก็ไม่อาจจะเจอคนที่ต้องการได้


“พลังคือทุกอย่าง”

“รู้แล้วน่า พอนายเป็นคนพูดมันยิ่งน่ากลัวอิลฮาน”

“อย่างที่พูดไป ผู้เล่นกำลังเข้าสู่สนามแล้ว!”

[กรรมการไปไหนล่ะ ทำไมผู้เล่นถึงเข้ามาก่อน?]


เนื่องจากว่าลูกๆของยูอิลฮานไม่ได้มีแค่เพศชาย ทำให้การแข่งครั้งนี้เป็นการแข่งแบบทุกเพศ ด้วยระดับของยูอิลฮานกับเพื่อนๆของเขาแล้วเรื่องเพศของเด็กที่เกิดมามันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรเลย!


“กรี๊ดดดดด!”

“นั่นมันท่านยูอา”


ลูกสาวคนแลกของยูอิลฮานกับเลียร่า ยูอาได้โผล่ออกมาเป็นคนแรก เธอมีผมสีทองประกายเหมือนแม่ของเธอและมีนัยน์ตาสีแดงเพลิงเหมือนกับพ่อหห


[นี่คือลูกคนโตสุดของพระเจ้า ยูอา มีข่าวลือกันว่าเธอจะต้องเอาชนะพระเจ้าให้ได้ก่อนเธอถึงจะได้กลายมาเป็นภรรยาของเขา หืมม เธอคงจะได้โสดไปจนตายแน่นอน]

[ท่านลูซิเฟอร์!]


การเดินเข้ามาของเหล่านักเตะต่างก็เป็นเหมือนกับการเดินแฟชั่นโชว์ที่มีแสงสปอตไลท์คอยส่อง!


“โอ้ งดงามมาก”

“เป็นปกติอยู่แล้วในเมื่อเธอคือลูกสาวของเทพธิดาแห่งความรักนี่ เธอสวยมากขนาดนี้ตั้งแต่ยังเยาว์วัย”


เสียงชื่นชมได้ดังสั่นออกมาจากฝั่งที่นั่ง ในตอนนี้ยูอามีอายุเพียงแค่ 7 ปีเท่านั้น แต่ร่างกายเธอโตได้เร็วมากจนดูเหมือนกับเด็กอายุ 15 ปี นี่คือธรรมชาติของเหล่ามังกร การเพิ่มเลเวลขึ้นอย่างรวดเร็วนั่นจะหมายถึงการเติบโตที่รวดเร็วมากเช่นกัน


“ท่านอา โปรดแต่งงานกับผมด้วย”

“ไว้หลังจบการแข่ง พาหมอนั่นมาด้วยนะ”


ยูอิลฮานได้ออกคำสั่งกับมังกรแท้จริงที่อยู่ใกล้ๆเขาสั่นๆออกมาและมองกลับไปที่สนามอีกครั้ง ลูกแฝดชายหญิงของนายูนา เอียนกับไอนะได้เดินตามหลับยูอาเข้ามาในสนาม


เนื่องจากพวกเขาสองพี่น้องได้สือทอดความงามมาจากนายูนา ทำให้ทั้งคู่งดงามมากๆ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่เหมือนกับแม่ของพวกเขาที่สมองกลวงๆ พวกเขามีความสง่างามและมีเป็นคนปกติ


[พวกเขาทั้งคู่… ช่างเถอะ จากที่ฉันรู้มามีการเดิมพันกันว่าใครจะเป็นคนที่เติบโตไปเป็นคนที่งดงามที่สุดในหมู่ลูกสาวพระเจ้า แต่ว่านั่นมันคือประตูที่อยู่บนชั้นฟ้าสำหรับพวกเธอ เพราะงั้นพวกเธอควรจะหยุดฝันจะดีกว่านะ]

[อ่า ผู้เข้าแข่งขันคนถัดไปได้เข้ามาแล้ว!]


ลูกชายยูอิลฮานกับเฮเรียน่า ยูจินคือคนถัดมานี้ ถึงแม้ว่าจะมีการถกเถียงกันในเลือกลูกสาวว่าใครงดงามที่สุด แต่ว่าสำหรับลูกชายที่หล่อเหลาที่สุดไม่มีข้อคัดค้านใดๆ ยูจินได้เป็นผู้ที่มีเสียงโหวตมากที่สุดเอาชนะลูกชายของนายูนาไปได้อย่างน่าทึ่ง


[ถึงแม้ว่าเขาจะสืบทอดกรรมพันธ์มาจากพระเจ้าเพียงครึ่งเดียว แต่เขาหล่อเหลาขนาดนี้ได้ยังไงกัน… นี่คือเรื่องที่น่าอัศจรรย์มากที่สุดเรื่องหนึ่ง การเติบโตของเขาเป็นรองก็แค่พี่ใหญ่สุดอย่างยูอาเท่านั้น เพราะงั้นฉันสงสัยจริงๆว่าใครจะเป็นพระเจ้าคนถัดไป… โอ้ ยูอิลฮานก็คงจะไม่ล่ะทิ้งตำแหน่งสินะ? ฉันรู้ ฉันเคยมีประสบการณ์มากับตาแก่อีกคนเป็นหมื่นปีมาแล้ว]

[คนถัดไปคือยูเซอากับยูซิร่า!]


คนแรกคือลูกสาวคังมิเรย์และอีกคนคือลูกสาวเอิลต้า ทั้งสองคนนี้ได้เดินทางไปศึกษาเรื่องเวทย์อย่างต่อเนื่องทำให้พวกเธอเป็นคนที่สนิทกันที่สุด มันมากจนดูเหมือนจะข้ามเส้นได้ในสักวันและพวกเธอได้จับมือกันและกันระหว่างเดินเข้ามา


[นี่มันดูอันตรายแล้วนะ มันไม่แปลกๆหรอ?]

[ไม่ต้องห่วงท่านลูซิเฟอร์ ถึงพวกเธอจะดูสนิทกัน แต่ดูเหมือนพวกเธอก็ยังแข่งกันแย่งความรักจากพ่ออยู่]

[ก็ดี]


ต่อมาคือแฝดสามลูกของเอริเซีย ยูอิลวู ยูอิจุนและยูซามู บางทีอาจจะเพราะแต่เดิมเธอคือหมาป่า หรือบางทีอาจจะเพราะเธออยากจะมีลูกให้มากที่สุด ทำให้เธอได้คลอดลูกออกมาทีเดียวถึงสามคน


พวกเขาทั้งสามคนคือลูกที่มีบุคลิกก้าวร้าวมากที่สุดในหมู่ลูกๆของยูอิลฮาน และในช่วงต้นการเติบโตของพวกเขาน่าประทับใจมากเนื่องจากได้รับพรจากเทพธิดาแห่งดวงจันทร์เอริเซีย


[หากว่าทั้งสามคนได้ถูกปล่อยออกไปข้างนอกเมืองพระเจ้า พวกเขาทั้งสามคนได้สร้างปัญหาขึ้นมาอย่างไม่รู้จบแน่… เฮ้ ห้ามใช้ร่างหมาป่า]


จุดแข็งพวกเขาก็คือพวกเขาสามารถแปลงร่างไปเป็นหมาป่าได้! ในเวลาเดียวกันพวกเขาก็สามารถแปลงไปเป็นมังกรได้อีกครั้ง และในภายหลังบางทีพวกเขาอาจจะกลายไปเป็นพวกคิเมร่าที่เป็นพันธ์ผสมระหว่างหมาป่ากับมังกรเหมือนแม่พวกเขาก็ได้


“ทำไมล่ะตาแก่ลูซิเฟอร์! พวกเราก็กำลังใช้ความสามารถของเราอยู่นี่ไง!”

[พวกนายไม่เคยเห็นการสอบจูนินจากนารูโต๊ะหรือไง? เรื่องแบบนี้มันต้องเก็บเป็นความลับ]

“บู๊! พวกเหยียดเชื้อชาติ!”

“มันก็จะวุ่นวายอยู่ดี! ฉันได้สืบทอดการพยากรณ์มาจากคุณปู่เพราะงั้นฉันรู้หมดแหละ!”

[อย่ามาโกหก เงียบไปเลย]


ต่อมาคือลูกสาวฟีเรีย ยูเจีย เธอได้รับนิสัยของแม่เธอที่ชอบคอยรับใช้ยูอิลฮานเงียบๆ ทำให้เธอเป็นคนที่เงียบขรึมมากๆ ทุกๆเรื่องเธอทำได้ยอดเยี่ยมมากนอกจากเรื่องที่ว่าเธอไม่อยากจะแยกจากยูอิลฮานเหมือนกับแม่เธอ


[ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอจะมีอายุแค่ห้าปีเท่านั้น จริงๆแล้วฉันคิดว่าเด็กคนนี้อาจจะเป็นคนที่เติบโตขึ้นมางดงามที่สุดก็ได้ในเมื่อเธอมีสายเลือดเอลฟ์ แต่ว่าเธอก็เป็นที่รู้จักน้อยมากที่สุดเพราะเธอมักจะเกาะติดกับพ่อตลอดมา ลูกชายน่ะปกติดี แต่ทำไมลูกสาวทุกๆคนที่ชอบมองพ่อเป็นเหมือนคนรักด้วยนะ?]

[มีงานวิจัยในเรื่องนี้มาตลอดท่านลูซิเฟอร์ พระเจ้าได้เกิดใหม่ขึ้นมาเป็นมังกร เพราะงั้นลูกๆของเขาจึงเป็นมังกรด้วย แต่ว่าธรรมชาติมังกรคือการแสวงหาพลัง ลูกชายเขาจะมีความรู้สึกเคารพบูชาของเขา และเพราะงั้นลูกสาวก็จะหลงไหลในพ่อของพวกเธอที่เป็นผู้ชายก่อนที่จะมองว่าคือพ่อ มันไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลย]

[ไม่ใช่ว่าเธอต้องพูดว่าเขาเป็นพ่อก่อนจะเป็นผู้ชายหรอกหรอ? เอาเถอะไม่ว่าจะยังไง ครอบครัวพระเจ้ามันก็เป็นเรื่องบ้าๆอยู่แล้ว เพราะงั้นช่างมัน! ถ้างั้นพานักเตะคนสุดท้ายออกมาเถอะ!]


คนสุดท้ายและเป็นผู้รักษาประตู ยูเอรัง ลูกชายคนที่สองระหว่างยูอิลฮานกับเลียร่า! เขามีอายุสี่ปี ถึงแม้ว่าเขาจะเติบโตขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว แต่เขาก็ยังคงเป็นคนที่เตี้ยที่สุดในผู้เล่นทุกคนอยู่ดี


“กรี๊ดดดดดดดดด!”

“น่ารักจัง!”

“เอรังมาหาพี่สาวนี่!”


และเขาก็คือเด็กชายที่น่ารักที่สุดในลูกของยูอิลฮาน เขาเป็นคนที่ต่างไปจากยูจิน ยูอิลฮานได้สร้างหน่วยลับขึ้นมาเพื่อรวบรวมข้อมูลของเด็กสาวที่คิดจะแย่งลูกชายสุดหน้ารักของเขามาป้องกันไว้อีกด้วย


[ยูเอรัง… หืมม เป็นเด็กที่น่ารักมาก]

[ใช่แล้วล่ะ ฉันยังอยากให้เรามาเป็นลูกของเราเลย]

[แต่ว่าเขาจะทำหน้าที่ผู้รักษาประตูได้ดีหรอ?]

[จากที่ท่านกาเบรียลได้บอกกับเรามา เด็กที่น่ากลัวที่สุดก็คือเอรังนี่แหละ]

[เขาก็น่ากลัวจริงๆนั่นแหละ น่ารักจนน่ากลัว]


เสน่ห์ของเขาเป็นเสน่ห์ไม่ว่าใครก็ต้องตกหลุมรักต่อให้เป็นพรรคพวกยูอิลฮานก็ตาม! ลูซิเฟอร์กับราเซียได้มองดูเขาเดินไปรวมกับพี่น้องของเขาจนลับสายตาไป


[เอาล่ะ ถ้างั้นเรามาถึงฝั่งคู่แข่งกันบ้าง เราไม่ได้มีเวลาเหลือมากแล้วเพราะงั้นออกมา…. ให้ตายสิ เจ้าเด็กพวกนี้ไม่ฟังกันเลย]

[พี่สาวคนโตของทีมเพื่อนออกมาแล้ว! ยูนิ สมิธสันได้ออกมาแล้ว!]

[เธอโตขึ้นมา เธอคือเด็กคนแรกที่ได้รับพรจากพระเจ้า]


ยูนิ สมิธสันมีอายุสิบเก้าปีแล้วในตอนนี้ และเธอไม่ลังเลเลยแม้แต่นิดที่จะมาใช้เวลาร่วมกันกับเด็กที่มีอายุน้อยกว่าสิบปีที่เด็กกว่าเธอมา เป้าหมายของเธอเป็นสิ่งที่ชัดเจนมา


“ถ้าฉันชนะต้องอนุญาตให้ฉันแต่งงานกับท่านพ่อทูนหัว”

“…เธอจะโลภไปแล้วนะพี่สาว”


ยูอากับยูนิ สมิธสันได้จ้องกันอย่างร้อนแรง พวกเธอทั้งคู่ต่างก็มีผมทอง แต่คนหนึ่งมีตาสีเขียวในขณะที่อีกคนมีสีแดงซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกัน ถึงแม้ว่ายูอาจะมีความสูงที่ด้อยกว่าเนื่องจากว่าเธอยังเด็ก แต่ว่าในด้านความสามารถเธอก็ไม่ด้อยกว่าเลย


“น้องสาวน้องชาย พวกเราจะยอมส่งท่านพ่อให้กับพี่ยูนิไหม?”

“ไม่ล่ะ”

“ไม่มีวัน”

“ให้พี่ยูนิเนี้ยนะ? พรืด”

“ไม่มีทาง”


คำพูดของยูนิได้ทำให้ลูกๆยูอิลฮานลุกเป็นไฟ! แต่ถึงแบบนั้นยูนิก็ไม่ได้ยอมถอย ความปรารถนาของมังกรไม่ใช่สิ่งที่จะถูกซ่อนไว้ได้ เธอจะไม่มีวันยอมแพ้


“หลังจบการแข่งนี่พวกเธอจะต้องเรียกฉันว่าแม่แทนพี่สาว!”

“นี่พี่กล้ามากเลยนะ…”


เจตจำนงแห่งการต่อสู้ของยูอาได้เดือดพล่านขึ้นมาแล้ว ชั้นบรรยากาศรอบๆตัวเธอได้บิดเบี้ยวขึ้นมา เธอคือหนึ่งในคนที่ได้สืบทอดในพลังเพลิงของยูอิลฮาน


คนอื่นๆต่างก็เตรียมพลังพิเศษขึ้นมาและจ้องไปที่ยูนิ ลูซิเฟอร์ที่มองดูภาพนี้อยู่ได้ลูบจมูกและพูดออกมาอย่างพึงพอใจ


[ฮ่าฮ่าฮ่า เป็นการต่อสู้ที่น่าสนใจ]

[คนถัดไปไม่ใช่ใครอื่นอีกนอกจากลูกของคู่รักสมิธสัน นิค สมิธสัน!]


นิคคือผู้ที่ได้พ่อมาอย่างแรงต่างไปจากยูนิที่ได้แม่มา ถึงแม้ว่าเขาจะดูทะเล้นนิดๆ แต่ว่าเขาก็ยังมีใบหน้าหล่อเหลาคมเข้ม เพราะงั้นเขาจึงได้ทำงานเป็นนายแบบบนโลก


“เป้าหมายของฉันคือเธอ อา”

“หุบปาก ฉันจะส่งพวกนายทั้งคู่ลงไปในก้นบึ้งนรกเอง”


ความต้องการสู้ของยูอาได้มายิ่งขึ้นกว่างเดิมอีก! นิคหวาดกลัวความเป็นศัตรูนี้จากเธอเล็กน้อยและเดินไปข้างๆพี่สาวของเขา ในตอนนี้เองนักเตะคนถัดไปก็ได้เดินเข้ามา


[คนต่อมาก็คือลูกสาวทั้งสองของกาเบรียล ยูนายอนกับยูไอสุ พวกเธอคือน้องสาวของพระเจ้าและน่าจะเป็นป้าของทีมฝ่ายตรงข้าม นี่คือเรื่องที่น่าสนใจ…]

[เด็กๆเหล่านี้ช่างมีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนกันจริงๆ ท่านยูอิลฮานนี่ช่างเป็นชายที่บาปหนา]


ลูกสาวทั้งสองของคิมเยซอล ยูนายอน ลูกสาวของยูเรียล ยูไอสุ ทั้งสองคนต่างก็มีรอยยิ้มสุภาพอบอุ่นอยู่บนใบหน้า แต่ว่าพวกเธอก็มีพรสวรรค์ในด้านเวทย์เทียบได้กับยูเซอากับยูซิร่า เพราะงั้นทั้งสี่คนจึงนับได้ว่าเป็นคนรุ่นถัดไปที่เชี่ยวชาญในเวทมนต์


“ฉันไม่ชอบที่จะเห็นพี่ชายต้องเศร้าเพราะงั้นฉันจะไม่เล่นแรงนะ”

“ใช่แล้ว มาเล่นด้วยกันเถอะ”

“คุณป้า นั่นคุณกำลังใช้เวทย์! นี่มันขี้โกง!”


[ในตอนนี้ยังเป็นการแข่งฟุตบอล! แต่ในอนาคตฉันคิดว่ามันคงจะเป็นสงครามจักรวาลแน่ หืมม บางทีฉันน่าจะเปิดโต๊ะพนันขึ้นมาสักแห่งก็น่าจะดีนะ]

[ท่านลูซิเฟอร์…?]


ต่อมาก็คือลูกชายของมิไรกับจิล เฮสเชี่ยน ลูกทั้งสามของโอโรจิกับมิสทิค เฟเนีย เฟท และเฟนาดิน ลูกสาวของพีทกับมิลฟ่า ไอรีน่า


[สำหรับพรสวรรค์ของลูกๆมิสทิคกับโอโรจิไม่ต้องพูดถึงเลย พวกเขาคือลูกน้องที่ใกล้ขิดกับยูอิลฮานมากที่สุด และไอรีน่าที่ได้สืบทอดมานาของเทพแห่งความตาย ฉันคิดว่าในอนาคตเขาน่าจะก้าวข้ามฉันได้ในด้วยซ้ำไป เฮสเชี่ยนเป็นคนที่อ่อนแอที่สุดที่นี่ พยายามเข้านะเฮสเชี่ยน การแข่งขันนี้จะทำให้นายเติบโตขึ้น!]

[ท่านลูซิเฟอร์!]

[และในท้ายที่สุด]


เด็กชายกับเด็กสาวได้เดินออกมา พวกเขาคือเด็กที่มีอายุน้อยที่สุดในกลุ่ม แต่ว่าออร่าจากแววตาของพวกเขาไม่ได้ธรรมดาเลยแม้แต่นิด นี่มันเป็นเรื่องปกติเพราะว่าพวกเขาได้สืบทอดยีนของคนที่ครั้งหนึ่งเคยแข็งแกร่งที่สุดและเป็นกองกำลังที่แกร่งที่สุดลำดับที่สุด


[นี่คือลูกของเรา พวกเขาได้สืบทอดมาจากตัวฉันและหยาบคายเล็กน้อย]

[พวกเขาได้ต่อสู้กันเองเพื่อหาว่าใครจะรับหน้าที่เป็นผู้รักษาประตู]


เด็กสองคนนี้คือลูกของลูซิเฟอร์กับราเซีย เอเดรี่ยนกับเอเรียล ถึงแม้ว่าภายนอกพวกเขาจะดูดเงียบขรึม แต่ภายใจพวกเขาเต็มไปด้วยพลัง บางทีพวกเขาอาจจะเป็นคนที่เหมาะสมกับเผ่าพันธ์มังกรมากที่สุดในกลุ่มคนที่ยืนอยู่ตรงนี้ก็ได้ และพวกเขาต่างก็บูชาในความแข็งแกร่งพร้อมๆทั้งปรารถนาที่อย่างแรงกล้าที่จะก้าวข้ามทุกๆคน


“ฉันรู้ว่าพี่สาวยูนิน่าหมดหวังนะแต่ว่า…”

“เพราะแบบนั้นเราจะแพ้ไม่ได้ เสียใจด้วยนะ ชัยชนะในครั้งนี้เป็นของเรา”


ทั้งสองคนต่างก็เต็มไปด้วยจิตวิญญาณนักสู้เช่นกัน เหล่าทีมลูกพระเจ้าได้ต่อสู้เพื่อปกป้องชื่อเสียงของพ่อพวกเขา รวมไปถึงป้องกันไม่ให้มีแม่อีกคนด้วย พวกเขาได้ปะทะกับทีมลูกๆของเพื่อนพระเจ้าที่ต่างก็มีความปรารถนาที่แท้จริงเหมือนมังกร! ทั้งสองทีมได้เดินแยกเขี้ยวใส่กันจนแทบจะเหมือนกับจะปะทะกันได้ทุกเมื่อ


[ตอนนี้นักเตะก็ได้เข้าสนามกันหมดแล้ว แต่ว่า…]

[ท่านลูซิเฟอร์ถ้าแข่งขึ้นมาจะไม่เป็นไรจริงๆน่ะหรอ? ฉันคิดว่าอีกเดี๋ยวจะต้องเกิดการฆ่ากันขึ้นแน่]

[หืม… โอเค]


ในตอนนี้ยูอิลฮานที่ได้มองดูเงียบๆตลอดเวลาก็ได้ลากนิ้วเป็นวงกลม จากท่าทางนี้ของเขาได้ทำให้ลูซิเฟอร์หัวเราะออกมาและหยักหน้า


[อ่า เป็นสัญญาณว่าโอเคคสินะ? โอเค พวกเด็กๆฆ่าฉันได้เลย ฆ่ากันให้เต็มที่]

[อ่า! เฮ้ อย่าแแปลงร่าง! อย่างน้อยก็เริ่มกันด้วยร่างมนุษย์… อ่า!?]


ในตอนนี้ก่อนที่สนามจะวุ่นวายไปกว่านี้คลื่นมานาจำนวนมหาศาลก็โผล่ขึ้นมาหยุดเด็กๆเอาไว้ เวทย์ทั้งหมดและสกิลทุกอย่างได้ถูกบังคับยกเลิกลงไป และเด็กๆทุกคนได้ถูกถอดอาวุธออกไป! พลังนี้ไม่เพียงแต่ทำให้เด็กนิ่งไปเท่านั้น แต่ผู้ชมก็ทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน


[…คนๆนี้แข็งแกร่งขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ยูอิลฮาน เจ้าบ้านี่ เขาไม่ได้จะบอกว่าฆ่ากันได้ แต่พวกเด็กๆไม่อาจจะฆ่ากันได้ต่อให้พยายามมากแแค่ไหนต่างหาก]

[ใช่แลว… ดูเหมือนว่าเขาจะซ่อนพลังของเขาเอาไว้เป็นอย่างดี]


ขณะที่ลูซิเฟอร์กับราเซียกำลังพยายามซ่อนความจริงที่ว่าพวกเขาตกตะลึงอยู่ เด็กหนุ่มคนหนึ่งก็ได้ปรากฏตัวขึ้นตรงกลางของทั้งสองทีมราวกับเขาอยู่ตรงนี้มาตลอดเวลาแล้ว


หน้าตาของเขาดูคล้ายกันกับยูอิลฮานที่สุด เขาได้เตรียมโตขึ้นมาเป็นมังกรที่แท้จริงและเป็นคนที่แกร่งที่สุดในสนาม


“นักเตะทุกๆคนต้องรักษาสมดุลของพลังเอาไว้นะ”


นี่คือยูมิล


“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด!”

“ท่านมิลลลลลลลล!”


เสียงเชียร์ได้ดังออกมาจากที่ฝั่งผู้ชม อาจจะมีบางคนที่ไม่รู้จักหน้าตาของยูอิลฮานแต่ว่าคนที่ปรากฏตัวออกมาเป็นตัวแทนในสาธารณะของเขามากที่สุดนั่นก็คือลูกชายคนแรกของเขา ยูมิลนั่นเอง


เขาคืออันดับหนึ่งของการจัดอันดับ ‘คนที่คุณอยากจะกอดที่สุด’ และเป็นอันดับหนึ่งของ ‘คนที่แค่เห็นหน้าก็มีความสุข’! จะมีเรื่องแย่ก็คือเรื่องหนึ่งที่ว่าจะไม่มีใครเห็นหน้าเขาได้นอกจากยูอิลฮาน เว้นก็แต่เขาจะแสดงตัวออกมาเอง


[เขาซ่อนตัวอยู่ตลอดเวลา กรรมการคือยูมิล]

[เขาไม่ต้องให้มีผู้ช่วยกรรมการเลย]

[…เฮ้ ราเซีย ฉันค่อนข้างจะสับสนนะ แต่ว่านี่ยูมิลไปถึงคลาส 9 แล้วงั้นหรอ?]

[…ท่านพูดถูกแล้วล่ะ]


การไปถึงคลาส 9 หมายความว่าจะไม่มีใครที่เทียบได้กับยูมิลอีกนอกจากกาเบรียลกับลูซิเฟอร์! โลกในตอนนี้แทบจะไม่มีการต่อสู้แล้วนี่จึงแปลกมากที่ทำไมยูมิลถึงได้พัฒนามาขนาดนี้


ยังไงก็ตามยูมิลก็ไม่ได้สนใจถึงความตกใจและความกลัวของทุกคน เขาได้หันไปเตือนนักเตะ


“ห้ามแปลงร่าง หากมีการใช้สกิลหรือเวทย์แล้วถูกฉันพบเข้า ก็จะโดนใบเหลืองนะ แน่นอนว่าถ้ามั่นใจว่าฉันมองไม่เห็นก็ใช้ได้เต็มที่เลย”

“ครับ พี่ชาย!”

“นี่มันเหมือนกฏการสอบจูนินเลย…”

“พี่มิล…”


เสน่ห์ของนิคได้ทำให้ทุกๆคนรวมไปถึงนิคกับพี่น้องหมาป่าทั้งสองตรงสงบลง


เขาได้ส่งนักเตะทุกๆคนไปประจำตำแหน่งและหัวเราะออกมาหลังจากที่มองไปที่ยูเอรังที่กำลังวิ่งไปที่ประตูด้วยรอยยิ้มไร้กังวล


“เอรัง พยายามเข้านะ”

“ครับพี่!”


เอรังยิ้มออกมาอย่างแจ่มใส ในเวลาต่อมาร่างกายเขาก็ละลายหายไปกับอากาศ ทุกๆคนที่มองดูอยู่ต่างก็ตกตะลึง จะมีก็แต่ยูอิลฮานเท่านั้นที่หัวเราะออกมา


ยูเอรังคือผู้ที่สืบทอดเส้นทางการซ่อนตัวของยูอิลฮานไปอย่างไร้ปัญหาใดๆ

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม