Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน 267-270

 บทที่ 267


การประลอง


 


“ไม่เลว ไม่เลว ท่าสังหารนี้โดดเด่นกว่าที่ข้าคิดไว้มาก”


ชายผู้โดดเด่นปรากฏตัวขึ้นข้างหลังหลี่ฟู่เฉินจากที่ไหนสักที่


 


หลี่ฟู่เฉินหันกลับมาและป้องหมัด “ท่านอาจารย์”


 


ชายผู้โดดเด่นผงกศีรษะ “แต่มันก็ยังไม่เพียงพอ ต่อไป ข้าต้องการให้เจ้าสร้างท่าสังหารที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นกว่านี้ มันคงไม่นับว่าเป็นอย่างไรหากมันแข็งแกร่งขึ้นแค่เพียงเล็กน้อย มันจะต้องมีแข็งแกร่งขึ้นอย่างน้อยก็ครึ่งระดับ และต้องใกล้เคียงกับทักษะดาบระดับลึกลับขั้นสูง”


 


‘แข็งแกร่งขึ้นครึ่งระดับ? ใกล้เคียงกับทักษะดาบระดับลึกลับขั้นสูง?’ การแสดงออกของหลี่ฟู่เฉินเปลี่ยนไป


 


ท่าสังหารท่าแรกของเขาแข็งแกร่งกว่าคนอื่นๆ อยู่แล้ว ซึ่งนับเป็นประมาณ 130% ของพลังโจมตีจากทักษะดาบเพลิงปีศาจ ท่าสังหารท่าที่สองของเขาแข็งแกร่งกว่าท่าสังหารท่าแรกราวๆ 30% ซึ่งเป็นประมาณ 170% ของทักษะดาบเพลิงปีศาจ ถ้าท่าสังหารที่สามแข็งแกร่งขึ้นครึ่งระดับ มันก็จะแข็งแกร่งกว่าท่าสังหารท่าที่สองอย่างน้อย 30% ซึ่งนั้นก็หมายความว่ามันจะมีพลังอย่างน้อยเป็นสองเท่าของทักษะดาบเพลิงปีศาจ


 


แน่นอนว่าทักษะดาบเพลิงปีศาจในปัจจุบันของเขายังไม่เข้าใจเจตจำนงแห่งดาบเพลิงปีศาจและอยู่ในขั้นดีเลิศแต่เพียงเท่านั้น


 


เมื่อเขาเข้าใจเจตจำนงแห่งดาบเพลิงปีศาจแล้วนั้น ไม่ว่าท่าสังหารระดับลึกลับขั้นกลางจะแข็งแกร่งเพียงใด มันก็คงเทียบไม่ได้กับทักษะดาบเพลิงปีศาจ


 


เว้นก็แต่ท่าสังหารระดับลึกลับขั้นกลางของคนๆ นั้นจะสามารถก้าวข้ามไปสู่ท่าสังหารระดับลึกลับขั้นสูงได้


 


“ทำไม? เจ้าทำไม่ได้?” ชายที่โดดเด่นถาม


 


หลี่ฟู่เฉินตอบ “แน่นอนว่าข้าทำได้”


 


ไม่มีคำว่าเป็นไปไม่ได้ในพจณานุกรมของเขา


 


ตราบเท่าที่เขามีเวลาเพียงพอ เขาจะสามารถเข้าใจเจตจำนงแห่งดาบเพลิงปีศาจได้


 


“เป็นเรื่องดีที่หากเจ้าทำได้จริงๆ” ชายผู้โดดเด่นยิ้ม เขาต้องการรีดศักยภาพของหลี่ฟู่เฉินออกมาอย่างช้าๆ


 


จากสิ่งที่เขาเห็น ศักยภาพของหลี่ฟู่เฉินยังไม่สามารถแสดงออกมาได้อย่างเต็มที่ ในความเป็นจริงแล้ว โดยพื้นฐานย่อมไม่มีใครที่สามารถใช้พลังศักยภาพได้อย่างเต็มที่ มันต้องผ่านการฝึกฝนมากมายและผ่านสถานการณ์ที่สิ้นหวังก่อนที่มันถึงจะเกิดขึ้นได้ นี่คือสาเหตุที่ทำให้ความสำเร็จมีความแตกต่างกันแม้กะดูกจะมีดาวระดับเดียวกันก็ตาม


 


‘เมื่อร่างท่าสังหารท่าที่สามได้แล้ว ข้าสมควรทดสอบมันกับเจตจำนงดาบโคจรหลั่งไหล’


 


หลี่ฟู่เฉินมีโครงร่างสำหรับท่าสังหารท่าที่สามแล้ว


 


ขณะเดียวกับที่หลี่ฟู่เฉินกำลังจะมุ่งเน้นไปที่การสร้างท่าสังหารที่สาม ศิษย์ในสายบางคนที่อยู่ภายใต้ชายผู้โดดเด่นก็ไม่สามารถรับมันได้อีกต่อไป


 


“ผู้อาวุโสชิเซียง เฉินชิเซียงเชิญท่านไปสนทนาด้วย”


 


ในวันนี้ศิษย์ศิษย์ในสายมาที่ที่หลี่ฟู่เฉินกำลังฝึกวิชาดาบ


 


“แล้วอย่างไร?”


 


หลี่ฟู่เฉินรู้เกี่ยวกับเฉินชิเซียงที่ศิษย์คนนี้กล่าวถึง


 


บรรดาศิษย์ในสายภายใต้ผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับคนแรกส่วนใหญ่เป็นคนที่ผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่สาม แต่มีสองคนที่ผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่สี่ได้ และหนึ่งในนั้นก็คือ เฉิงกวงเจี๋ย เฉิงกวงเจี๋ยผู้นี้เป็นศิษย์หลักอันดับ 1 จากนิกายดาบธารไพศาล แต่เขาก็อายุน้อยกว่าลู่หยุนเล็กน้อย ซึ่งเป็นศิษย์หลักอันดับ 1 จากนิกายดาบธารเมฆา เขาอยู่ในอันดับที่ 60 ของการจัดอันดับดารา และมีความสามารถที่ยอดเยี่ยม


 


“ทุกคนอยู่ภายใต้อาจารย์คนเดียวกัน และเป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกคนจะดื่มกินและสนทนาด้วยกัน อาวุโสชิเซียงคงจะไม่ปฏิเสธใช่หรือไม่!” คนผู้นี้ยิ้มแบบเสแสร้งและจ้องไปที่หลี่ฟู่เฉิน


 


หลี่ฟู่เฉินพยักหน้าอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว “เจ้าไปก่อน ข้าจะตามไปทีหลัง”


 


เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่านี่เป็นการท้าทายของศิษย์ในสาย


 


สถานะของศิษย์ส่วนตัวและศิษย์ในสายเป็นเพียงคำบอกเล่าจากอาจารย์ของพวกเขาเท่านั้น


 


หากอาจารย์ต้องการให้เจ้าเป็นศิษย์ส่วนตัว เจ้าก็จะได้เป็นศิษย์ส่วนตัว หากเขาต้องการให้เจ้าเป็นศิษย์ในสาย ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วเจ้าก็จะต้องเป็นศิษย์ในสาย


 


หากเป็นหลี่ฟู่เฉินที่ได้เป็นศิษย์ในสาย เขาก็อาจไปท้าทายศิษย์ส่วนตัวคล้ายๆ กัน


 


มันมีความเป็นไปได้ที่อาจารย์จะนับถือเจ้ามากขึ้น หลังจากที่เอาชนะศิษย์ส่วนตัวได้ ซึ่งก็หมายความว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเจ้าจะกลายเป็นศิษย์ส่วนตัวด้วยเช่นกัน


 


เมื่อหลี่ฟู่เฉินมาถึงจุดนัดพบมีลูกศิษย์ทั้งเก้าคนรออยู่แล้ว


 


ผู้นำของศิษย์ในสายก็เข้ามา คนผู้นี้มีรูปร่างที่ธรรมดา แต่มีกล้ามเนื้อมาก และเขาก็มีดวงตาที่ดูสง่างามมาก


 


เฉิงกวงเจี๋ย ศิษย์หลักอันดับ 1 ของนิกายดาบธารไพศาล อยู่ในระดับที่ 9 ของขอบเขตปฐพี เขาได้รับการยอมรับให้เป็นศิษย์ในสายโดยผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับคนแรกเมื่อสิบเดือนก่อน


 


มีกฎในเขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับ หลังจากที่อาศัยอยู่ที่นี่เป็นเวลาหนึ่งปีเต็ม ก็ต้องออกจากเขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับและจะไม่ได้กลับมาอีก


 


มีเวลาเพียงไม่ถึงสองเดือนก่อนที่เฉิงกวงเจี๋ยจะจากไป


 


ก่อนที่เขาจะจากไปเขาต้องการเป็นศิษย์ส่วนตัวของผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับคนแรก เช่นนั้นแล้วเขาก็จะมีผู้สนับสนุนเมื่อตอนที่เขาอยู่ในโลกภายนอก เขาไม่พอใจเพียงที่ได้พึ่งพาเพียงแค่นิกายดาบธารไพศาล


 


“หลี่ฟู่เฉิน เจ้ามาแล้ว”


 


เฉิงกวงเจี๋ยเรียกชื่อหลี่ฟู่เฉินโดยตรง และเขาก็ไม่ได้เรียก ผู้อาวุโสชิเซียงแต่อย่างใด


 


หลี่ฟู่เฉินเองก็ไม่ได้รังเกียจเช่นกัน เขาหาที่นั่งและนั่งลง


 


“ถ้ามีใครอยากจะท้าทายข้า ก็เข้ามาเถอะ! ไม่จำเป็นต้องซุ่มรออยู่รอบๆ พุ่มไม้” หลี่ฟู่เฉินไม่มีเวลามายุ่งกับคนเหล่านี้ ถ้าเขามีเวลาเหลือเฟือ เขาอยากจะใช้มันไปกับการสร้างท่าสังหารที่สามของเขามากกว่า


 


เฉิงกวงเจี๋ยหัวเราะ “แน่นอนว่าพวกเราจะแลกกระบวนท่ากันอย่างแน่นอน แต่ข้า เฉิงกวงเจี๋ย เป็นชายที่รู้เรื่องมารยาทพื้นฐาน มาดื่มกันก่อนเถอะ”


 


“ย่อมได้!”


 


ใช้เวลาไม่มากในการดื่มไวน์ด้วยเหตุนี้ หลี่ฟู่เฉินจึงยอมรับคำท้า


 


หลังจากดื่มไวน์ไปสามรอบ และด้วยฤทธิ์ของไวน์ จิตวิญญาณของความเจตนาสู้รบของทุกคนพุ่งสูงขึ้น


 


“ผู้อาวุโสชิเซียง ข้าหลางเทาอยากจะเห็นกระบวนท่าของท่าน” เด็กหนุ่มที่มีแขนขายาวโดดเด่นก้าวออกมา


 


“เอาเถอะ!” หลี่ฟู่เฉินลุกขึ้นยืนด้วยเช่นกัน


 


เฉิงกวงเจี๋ยกล่าว “เพื่อความยุติธรรม ทุกคนจะต่อสู้กันภายในค่ายกลยับยั้งข้อจำกัด”


 


สถานที่รวมตัวของพวกเขาไม่ใช่สถานที่ธรรมดา ก็ในเมื่อมันมีค่ายกลยับยั้งข้อจำกัดตั้งอยู่ข้างๆ


 


ค่ายกลยับยั้งข้อจำกัดคือรูปแบบที่จำกัดพลังฝึกฝนของคนๆ หนึ่ง


 


ค่ายกลยับยั้งข้อจำกัดนี้จะจำกัดการฝึกฝนของทุกคนให้อยู่ในขอบเขตพลังฉี เช่นนี้เอง พลังฝึกฝนของทุกคนจึงเหมือนกันหมด และพวกเขาก็สามารถจัดการกันและกันได้ด้วยแค่ทักษะต่อสู้แต่เพียงเท่านั้น


 


ในความเป็นจริง หากไม่มีค่ายกลยับยั้งข้อจำกัด ทุกคนก็ยังสามารถควบคุมพลังฝึกฝนของตนเองได้ แต่ในช่วงเวลาแห่งความสิ้นหวัง คงมีเพียงไม่กี่คนที่สามารถยับยั้งพลังฝึกฝนของตัวเองได้อย่างแท้จริง และหากการยับยั้งทำได้ไม่ถูกต้อง อาจมีผู้เสียชีวิตเกิดขึ้นได้


 


นี่ไม่ใช่สิ่งที่เฉิงกวงเจี๋ยปรารถนา


 


เมื่อหลี่ฟู่เฉินเข้าสู่ค่ายกล เขารู้สึกได้ว่าพลัฉีของเขาถูกลดไปยังระดับที่ 9 ของขอบเขตพลังฉี และมันก็ไม่สามารถเพิ่มพลังขึ้นได้ เขารู้สึกว่าแม้แต่กระลั้งเทคนิคลับมังกรเร้นลับและฝ่ามือกระจ่างแรกเริ่มก็ไม่สามารถเพิ่มพลังฉีได้เช่นกัน


 


“ค่ายกลที่น่ากลัวอะไรเช่นนี้!”


 


ในที่สุดหลี่ฟู่เฉินก็ได้เห็นความลึกลับของเขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับ


 


นิกายทั่วไปไม่มีความสามารถในการครอบครองค่ายกลยับยั้งข้อจำกัดนี้ แม้แต่กระทั้งกองกำลังที่มีอิทธิพลชั้นยอดในทวีปยูนิคอร์นตะวันออกก็อาจจะไม่มี


 


ขณะที่ยืนอยู่ในค่ายกลยับยั้งข้อจำกัด หลางเทาและหลี่ฟู่เฉินยืนอยู่ห่างจากกัน 10 เมตร


 


“อาวุโสชิเซียง ระวังตัวด้วย”


 


หลางเทากวาดดาบยาวของเขาออกไป ในขณะที่เจตจำนงแห่งดาบอันแหลมคมก็พุ่งออกไปด้วยเช่นกัน


 


หลางเทาอาจจะเป็นเพียงแค่ศิษย์ในสาย แต่เขาก็ได้รับคำชี้แนะมากมายจากชายผู้โดดเด่นและมีการปรับปรุงอย่างมากในด้านทักษะดาบของเขา เขายังสามารถสร้างท่าสังหารได้ถึงสองท่า


 


“เข้ามาได้ตามที่เจ้าต้องการ” หลี่ฟู่เฉินมีสีหน้าที่สงบ


 


“ดาบวายุ เกลียวสังหาร!”


 


ท่าแรกที่หลางเทาใช้คือท่าสังหาร


 


ท่านี้เป็นเพียงการหยั่งเชิง เขาไม่ได้หยิ่งผยองถึงขนาดคิดว่าท่าสังหารนี้จะจบเกมหลี่ฟู่เฉินได้


 


หลังจากได้รับการเสริมพลังด้วยพลังฉีในขอบเขตพลังฉี ดาบยาวของเขาก็เหมือนกับทอนาโดที่บิดเป็นเกลียวเข้าหาหลี่ฟู่เฉิน


 


“เอาความสามารถที่แท้จริงของเจ้าออกมา” ใช้ทักษะดาบเพลิงปีศาจ หลี่ฟู่เฉินใช้ดาบธรรมดาๆ เพื่อหยุดท่าสังหารของคู่ต่อสู้ บังคับให้คู่ต่อสู้ถอยหลังไปหลายก้าว


 


ท่าสังหารของหลางเทานั้นอ่อนแอเกินไป และเทียบกับทักษะดาบเพลิงปีศาจไม่ได้เลย


 


“ได้ วายุสังหาร!”


 


หลางเทาหายใจเข้าลึกๆ ดวงตาของเขาแหลมคมมาก และดาบยาวในมือของเขาก็กลายเป็นพายุที่พุ่งเข้าไปทำลายหลี่ฟู่เฉิน ในชั่วพริบตานั้น สภาวะพลังฉีที่รุนแรงเช่นนี้เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนหวาดกลัว


 


“อ่อนแอ่เกินไป”


 


หลี่ฟู่เฉินไม่จำเป็นต้องลงมือใช้ท่าสังหารด้วยซ้ำ เขาใช้ทักษะดาบเพลิงปีศาจและพุ่งเข้าหาหลางเทา


 


พายุที่น่ากลัวดูเหมือนจะหายไปทันที


 


ดาบนี้โจมตีไปที่ข้อบกพร่องของคู่ต่อสู้โดยตรง ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องใช้ท่าสังหาร


 


“ใช้ทักษะดาบระดับลึกลับขั้นสูง?” เฉิงกวงเจี๋ยหรี่ตาของเขา


 


การมองเห็นของเขาเฉียบคมมาก และต้องใช้การมองเพียงแค่ครั้งเดียวเพื่อตรวจสอบว่าหลี่ฟู่เฉินใช้ท่าสังหารหรือไม่ ท่าสังหารนั้นรุนแรงมาก ในขณะที่กระบวนดาบของหลี่ฟู่เฉินมีความสง่างามที่ท่าสังหารไม่มี ความสง่างามนี้เป็นสิ่งที่มีในทักษะดาบที่สมบูรณ์เท่านั้น


บทที่ 268


ท่าสังหารที่สาม


 


หลังจากนั้นไม่นานศิษย์ในสายอีกสองสามคนก็ได้ท้าทายหลี่ฟู่เฉิน แต่ทุกคนก็ยังไม่สามารถบังคับให้เขาใช้ท่าสังหารออกมาได้


“หลี่ฟู่เฉิน มาอีกสักรอบเถอะ” การแสดงออกของเฉิงกวงเจี๋ยดูดุดันมากกว่าตอนเริ่มต้น


 


เขาต้องยอมรับว่าการรับมือกับหลี่ฟู่เฉินไม่ใช่เรื่องง่าย เขาหวังว่าหลี่ฟู่เฉินจะยังไม่มีเวลาพัฒนาท่าสังหารของเขา


 


ภายในค่ายกลยับยั้งข้อจำกัด เฉิงกวงเจี๋ยระเบิดเสียงตะโกนออกมา และโจมตีด้วยท่าสังหารแรกของเขา


 


ชั่วขณะหนึ่ง เจตจำนงแห่งดาบที่ไม่สามารถหลบพ้นได้ ดาบพลังฉีได้พุ่งออกไป


 


ปั๊ง!


 


เฉิงกวงเจี๋ยถูกทำให้ถอยกลับไปตั้งหลัก


 


ท่าสังหารแรกของเขาไม่ได้แข็งแกร่งไปกว่าท่าสังหารที่สองของหลางเทามากนัก เขาเหนือกว่าเล็กน้อยในแง่ของความตระหนักรู้ด้านการต่อสู้และทักษะต่อสู้


 


แต่ก็ดูเหมือนจะไร้ประโยชน์


 


ภายในค่ายผลยับยั้งข้อจำกัด หลี่ฟู่เฉินไม่คิดว่าเขาจะแพ้ผู้ใดก็ตาม แม้ว่าเขาจะใช้เพียงทักษะต่อสู้ที่อ่อนแอที่สุดของเขาก็ตาม เขาก็ยังคงสามารถใช้มันได้เต็มพลัง


 


การแสดงออกของเฉิงกวงเจี๋ยไม่ได้ดูดีมากเท่าไหรนัก ในขณะที่เขาใช้ท่าสังหารที่สองของเขาอย่างรวดเร็ว


 


ปั๊ง!


 


เฉิงกวงเจี๋ยถูกทำให้ต้องถอยกลับมาตั้งหลักอีกครั้ง


 


ในขณะนี้ การแสดงออกทุกคนเปลี่ยนไป


 


แม้จะเป็นท่าสังหารที่มีพลังใกล้เคียงกัน แต่เมื่อถูกใช้ต่างคน ผลที่ได้ของมันก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง


 


ท่าสังหารที่สองของ เฉิงกวงเจี๋ยไม่เพียงแต่เหนือกว่าทุกคน เขายังมีความตระหนักในด้านการต่อสู้และทักษะต่อสู้ที่เหนือกว่าคนอื่นๆ อีกด้วย แต่เมื่อมาอยู่ตรงหน้าหลี่ฟู่เฉิน เขาก็ยังป้องกันมันได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวและไม่มีโอกาสสำหรับการโต้กลับ


 


“กวาดเงา!”


 


เฉิงกวงเจี๋ยคำรามด้วยความโกรธ ขณะที่ท่าสังหารที่สามของเขาระเบิดพลังออกมา


 


กระบวนท่าครั้งนี้พุ่งออกไปราวกับเงาและรวดเร็วดั่งสายฟ้า


 


นี่เป็นเพียงการพลังที่ใช้ออกในขอบเขตพลังฉี ถ้ามันอยู่ในขอบเขตปฐพี ความเร็วของมันคงเร็วขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ


 


“เป็นท่าที่ไม่เลว” มีแสงวาบแปลกๆ ในดวงตาของหลี่ฟู่เฉิน


 


ในโลกแห่งศิลปะการต่อสู้ ไม่มีสิ่งใดที่เอาชนะไม่ได้ ยกเว้นเพียงแค่ความเร็วเท่านั้น


 


การรับรู้ของหลี่ฟู่เฉินนั้นแข็งแกร่งมาก และไม่ว่าทักษะต่อสู้ของเจ้าจะมีความซับซ้อนเพียงใด เขาก็จะสามารถหาจุดอ่อนจนเจอได้ แต่ถ้าทักษะต่อสู้ของเจ้ารวดเร็ว หลี่ฟู่เฉินก็จะสามารถแสดงความตระหนักรู้ของเขาออกมาได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น


 


น่าเสียดายที่มันไม่เร็วพอ อย่างน้อยมันก็ไม่เกินไปกว่าความเร็วในการตอบสนองของหลี่ฟู่เฉิน


 


เขาตอบโต้ ขณะที่เขาระเบิดพลังโจมตีออกไป ดาบของหลี่ฟู่เฉินกระแทกเข้ากับเงาดาบ


 


วูสสส!


 


เมื่อประกายไฟสาดกระจาย ท่าสังหารของเฉิงกวงเจี๋ยก็ถูกเปลี่ยนทิศทาง


 


ในช่วงเวลาต่อมา ดาบของหลี่ฟูเฉินได้พาดลง และชี้ไปที่ลำคอของเฉิงกวงเจี๋ย


 


“เจ้าแพ้แล้ว” หลี่ฟู่เฉินกล่าวอย่างไม่แยแส


 


พวกเขาต่อสู้กับด้วยขอบเขตพลังที่คล้ายกัน แต่เขากลับไม่จำเป็นต้องใช้ท่าสังหารด้วยซ้ำ


 


ย้อนกลับไปที่งานเลี้ยงน้ำชาฝนใบไม้ หรันเฉียนฉิวและเสี่ยวไบ๋ได้เปรียบเนื่องจากพลังฝึกฝนของพวกเขา หากพวกเขาทุกคนมีระดับการฝึกฝนที่เหมือนกัน หลี่ฟู่เฉินก็จะเอาชนะพวกเขาได้ด้วยดาบเดียว


 


‘ข้าแพ้ทั้งๆ สภาพเช่นนี้?’ เฉิงกวงเจี๋ยรู้สึกงุนงงอยู่ในหัวของเขา


 


เขาไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าความห่างชั้นระหว่างตัวเขากับหลี่ฟู่เฉิน มันเป็นช่องว่างขนาดใหญ่เกินไปจนกระทั่งแม้แต่เขาเองก็ไม่อาจคาดคิดได้


 


จนถึงตอนนี้ เขายังไม่แน่ใจว่าเลยหลี่ฟู่เฉินมีท่าสังหารหรือไม่


 


ถ้าหลี่ฟู่เฉินใช้ท่าสังหาร ความห่างชั้นก็จะไม่กว้างขึ้นอีกหรือ?


 


ศิษย์ในสายที่เหลืออยู่มองไปยังหลี่ฟู่เฉินด้วยการแสดงออกที่แตกต่างไปจากเดิม


 


ไม่น่าแปลกใจที่เขาสามารถเป็นศิษย์ส่วนตัวได้ ความเข้าใจในตัวหลี่ฟู่เฉินของอาจารย์ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ


 


“กลุ่มคนโง่” ในที่พำนัก ชายผู้โดดเด่นส่ายหัวและหัวเราะ


 


เขาไม่ได้ขัดขวางเมื่อศิษย์ในสายของเขาท้าทายหลี่ฟู่เฉิน เขาต้องการใช้โอกาสนี้แสดงให้พวกเขาเห็นถึงความแตกต่างระหว่างพวกเขากับอัจฉริยะที่แท้จริง เขาต้องการให้พวกเขารู้ถึงความต่างชั้น และให้ความจริงบอกพวกเขาว่าไม่ควรเพ้อฝันและมั่นใจมากเกินไป


 


***


 


หลังจากเอาชนะเฉิงกวงเจี๋ยได้ ตำแหน่ง ‘ผู้อาวุโสชิเซียง’ ของหลี่ฟู่เฉินก็ไม่ถูกท้าทายอีกต่อไป หลี่ฟู่เฉินรู้สึกพึงพอใจ ก็ในเมื่อไม่มีใครมารบกวนเขา และเขาก็สามารถใช้เวลาทั้งหมดเพื่อสร้างท่าสังหารที่สามได้


 


“หากข้าต้องการสร้างกท่าสังหารที่สามเจตจำนงโคจรหลั่งไหลของข้า อาจจะต้องเข้าใกล้เจตจำนงแห่งดาบระดับลึกลับขั้นสูงหรือไม่?”


 


ในวันนี้ หลี่ฟู่เฉินกำลังพึมพำกับตัวเอง


 


“เจ้าคิดผิดแล้ว” ชายที่โดดเด่นปรากฏตัวขึ้นด้านหลังหลี่ฟู่เฉิน


 


“ท่านอาจารย์” หลี่ฟู่เฉินหันกลับไปพร้อมกับป้องหมัด


 


ชายผู้โดดเด่นอธิบายว่า “เจตจำนงแห่งดาบเป็นแก่นแท้ของทักษะดาบและกระบวนดาบ แต่ตัวของกระบวนดาบเองก็ต้องยอดเยี่ยมด้วยเช่นกัน หากเจตจำนงแห่งดาบเป็นเหมือนกับจิตวิญญาณของคน เช่นนั้นแล้วกระบวนดาบก็เปรียบเสมือนการเคลื่อนไหวร่างกายของคนผู้นั้น จิตวิญญาณที่ทรงพลังอาจสามารถทำให้คนๆ นั้นกลายเป็นบุคคลพิเศษ แต่ถ้าร่างกายมีพลังใกล้เคียงกัน จะไม่ดีกว่าหรือ?”


 


ชายที่โดดเด่นกล่าวในขณะที่เขากำลังเดิน


 


หลี่ฟู่เฉินไม่ได้กล่าวอะไร คำอธิบายของอาจารย์นั้นตามหลักการแล้วถูกต้องทั้งหมด


 


เช่นเดียวกับทักษะดาบเพลิงปีศาจ แม้ว่ามันจะยังไม่ได้อยู่ในขั้นภวังค์และไม่มีเจตจำนงดาบเพลิงปีศาจ แต่พลังของมันก็แข็งแกร่งกว่าทักษะดาบระดับลึกลับขั้นกลางที่ถูกเข้าใจเจตจำนงแห่งดาบระดับลึกลับขั้นกลางได้แล้ว นี่เป็นเพราะความจริงที่ว่ากระบวนดาบของทักษะดาบระดับลึกลับขั้นสูงนั้นทรงพลังอยู่แล้ว


 


“หากเจ้าต้องการที่จะเข้าใจเจตจำนงแห่งดาบระดับลึกลับขั้นสูงได้เร็วขึ้น เจ้าก็ต้องสร้างกระบวนดาบที่แข็งแกร่งเพียงพอเสียก่อน หากทั้งกระบวนดาบและเจตจำนงแห่งดาบทรงพลัง กระบวนดาบของเจ้าก็จะทรงพลังมากยิ่งขึ้น” ชายผู้โดดเด่นกล่าว


 


“ขอรับท่านอาจารย์” หลี่ฟู่เฉินพยักหน้า


 


***


 


หนึ่งเดือนถัดมา


 


บนยอดเขา


 


หลี่ฟู่เฉินกำลังกวัดแกว่งกิ่งไม้ที่เหี่ยวเฉา มันพุ่งไปในอากาศ


 


ในเสี้ยววินาทีนี้เองมีเงารูปวงกลมจางๆ ปรากฏขึ้น


 


ปั๊ง!


 


กิ่งไม้เหี่ยวเฉาระเบิดออก


 


“ในที่สุดข้าก็มีสัญญาณของความคืบหน้าแล้ว” หลี่ฟู่เฉินอารมณ์ดี ขณะที่เขาฝึกฝนต่อไป


 


เจตจำนงดาบโคจรหลั่งไหล มีเทคนิคที่ทำให้ดาบหมุนได้ แต่ประเด็นสำคัญสำหรับท่าสังหารที่สามก็คือ จะทำให้มันหมุนเร็วขึ้นได้อย่างไร


 


ตามการคาดเดาของหลี่ฟู่เฉิน หากความเร็วในการหมุนเพียงพอ แม้แต่กระทั้งน้ำก็สามารถตัดเหล็กได้


 


อีกครึ่งเดือนผ่านไป


 


หลี่ฟู่เฉินพุ่งไปในอากาศพร้อมกับกิ่งไม้เหี่ยวเฉา


 


ปั๊ง! แคร็ก!


 


คราวนี้กิ่งไม้เหี่ยวเฉายังคงระเบิดออก แต่เศษเสี้ยวของพลังฉีก็เพียงพอที่จะแบ่งก้อนหินขนาดใหญ่ออกเป็นสองซีก


 


“ท่านี้น่ากลัวยิ่งกว่าที่คิด!” ดวงตาของหลี่ฟู่เฉินเป็นประกายขึ้น


 


เขาใช้พลังฉีแค่ขอบเขตพลังฉีเท่านั้น ถ้าเขาใช้ที่พลังที่ขอบเขตปฐพี กระบวนท่านี้อาจจะแยกโลหะระดับลึกลับขั้นต่ำออกจากกันได้


 


หนึ่งวันก่อนการเปิดเขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับ


 


หลี่ฟู่เฉินมีสีหน้าเคร่งขรึมและยืนอยู่ที่ยอดของภูเขา กิ่งไม้เหี่ยวเฉาพุ่งออกไปช้าๆ แต่ทว่าจริงๆ แล้วมันนับว่ารวดเร็วยิ่ง


 


ทันใดนั้นเอง เงาของดวงจันทร์เต็มดวงสีแดงเพลิงก็ปรากฏขึ้น


 


แคร็ก!


 


ก้อนหินขนาดใหญ่ถูกแยกออกจากกันพร้อมกับผืนดินถูกแยกออกเป็นสองส่วน และมีความลึกถึงหนึ่งเมตร


 


“ท่าสังหารท่าที่สามในที่สุดก็เสร็จสิ้น”


 


ในตอนนี้ หลี่ฟู่เฉินรู้สึกดีมาก และเจตจำนงแห่งดาบของเขาก็เอ่อล้นออกมาจากร่าง


 


โดยที่เขาไม่รู้ตัวเลยว่าเจตจำนงดาบโคจรหลั่งไหลของเขาเพิ่มระดับขึ้นใกล้เคียงกับเจตจำนงดาบระดับลึกลับขั้นสูงแล้ว และจากสิ่งนี้เมื่อใช้ท่าสังหารที่สามของเขาระเบิดออก มันก็ทำให้พลังของท่าสังหารที่สามสูงกว่าที่คาดการณ์เอาไว้


 


เขาคิดว่าพลังของท่าสังหารที่สามนี้แข็งแกร่งกว่าทักษะดาบเพลิงปีศาจประมาณสองเท่าครึ่ง


 


ในแง่ของพลังที่พุ่งออกไปดูบริสุทธิ์ยิ่ง มันไม่ได้ด้อยไปกว่าทักษะดาบระดับลึกลับขั้นนสูงที่ถูกเข้าใจเจตจำนงแห่งดาบแล้วเลย


 


ในแง่ของกระบวนดาบ ท่าสังหารที่สามดูเฉียบคมกว่าทักษะดาบเพลิงปีศาจ


 


“ดียิ่ง ท่าสังหารระดับลึกลับขั้นกลางของเจ้าแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาท่าสังหารอื่นๆ ที่ข้าเคยเห็นเสียอีก” ชายผู้โดดเด่นลงมาและยิ้มขณะที่เขากล่าว


 


“ท่านอาจารย์” หลี่ฟู่เฉินหลุดออกจากใจกำลังตื่นเต้น


 


ชายผู้โดดเด่นพยักหน้า “เจ้าเป็นคนที่มีพรสวรรค์ที่สุดเท่าที่ข้าเคยเห็น แต่ทว่าคนเก่งๆ ทุกคนมักมีเส้นทางที่ค่อนคดเคี้ยวและมักเผชิญกับหลุมลึก อย่างไรก็ตามเมื่อเจ้าอยู่ใกล้ตัวข้า ข้าเชื่อว่าจะไม่มีใครกล้าแตะต้องเจ้าในทวีปยูนิคอร์นตะวันออก แต่สักวันที่ข้าต้องจากไป เมื่อถึงเวลานั้น เจ้าต้องพึ่งพาตัวเอง!”


 


“อาจารย์ท่านจะจากไป?” หลี่ฟู่เฉินประหลาดใจ


 


ชายผู้โดดเด่นกล่าว “ไม่ต้องกังวล ข้าจะไม่ออกไปภายในช่วงเวลานี้ อย่างน้อยก็ก่อนการแข่งขันการจัดอันดับดารา”


 


เขาสามารถอยู่ในเขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับได้เพียงไม่กี่ปี และเขารู้ว่าเขาจะต้องจากไปนสักวัน


 


หลี่ฟู่เฉินยังคงเงียบ


 


ครึ่งหนึ่งของเหตุผลที่เขามายังเขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับ คือการมาพึ่งใบบุญ แต่เขาก็ไม่ได้คาดหวังว่าผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับจะต้องจากไปในสักวันหนึ่ง


 


แต่มันเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว มีประวัติเกี่ยวกับผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับไม่มากนัก ดูเหมือนว่าพวกเขาจะปรากฏในช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น และหลังจากที่ผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์จากไป อาจเป็นเวลาหลายปีต่อมา ก่อนที่ผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับจะปรากฏตัวอีกครั้ง


 


‘ดูเหมือนว่าข้าจะต้องพึ่งพาตัวเองในอนาคต’ หลี่ฟู่เฉินคิดกับตัวเอง


บทที่ 269


เจตจำนงดาบเพลิงปีศาจ


 


เขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับได้เปิดขึ้นอีกครั้ง มันมีผู้คนเข้ามามากกว่าก่อนหน้านี้เสียอีก


มีเวลาอีกไม่ถึงหนึ่งปีก่อนการแข่งขันการจัดอันดับดารา อัจฉริยะที่ปกปิดตัวเองไว้ในนิกายต่างๆ ไม่สามารถรั้งตัวเองไว้ได้อีกต่อไป และเข้ามาทดลองตัวเองในเขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับ


หยานฉิงหวูอยู่ท่ามกลางพวกเขา


อายุของหยานฉิงหวูนั้นอายุน้อยที่สุดในบรรดาพวกเขาทั้งหมด เธออายุ 18 ปีและพลังฝึกฝนของเธอก็ไม่ได้อ่อนแอเช่นกัน เธออยู่ในระดับที่ 5 ของขอบเขตปฐพี และความเร็วในการฝึกฝนของเธอก็ดูเหมือนจะเหนือกว่าโครงกระดูก 6 ดาวส่วนใหญ่ ซึ่งเร็วกว่าความเร็วของชูมู่หยูเสียด้วยซ้ำ


 


แน่นอน สาเหตุหลักที่หยานฉิงหวูสามารถก้าวเข้าสู่ระดับที่ 5 ของขอบเขตปฐพีได้ก็เนื่องจากความพยายามของเธอในเขตแดนเส้นทางดวงดาว ด้วยการสนับสนุนของพลังงานเส้นทางดวงดาว พลังบ่มเพาะของเธอก้าวหน้าอย่างมากในระดับหนึ่ง


 


“ ขาเป็นคนที่ผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่หก และเข้าสู่ประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่เจ็ดจริงๆ?”


 


ในสามเดือน ความสำเร็จของหลี่ฟู่เฉินได้แพร่กระจายไปยังนิกายต่างๆ แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งนิกายสวรรค์ปีศาจ


 


ในฐานะที่เป็นศิษย์ของนิกายสวรรค์ปีศาจ โดยธรรมชาติแล้วหยานฉิงหวูย่อมรู้ถึงเหตุการณ์ครั้งนี้


 


แต่เธอก็พบว่ามันยากที่จะเชื่อว่าศักยภาพโดยกำเนิดของหลี่ฟู่เฉินนั้นน่ากลัวอย่างมาก


 


เกี่ยวกับเรื่องของหลี่ฟู่เฉิน หยานฉิงหวูมีอารมณ์ที่ซับซ้อนมาก


 


มีความชื่นชม ขุ่นเคือง และความรู้สึกขอบคุณ


 


ชื่นชมเพราะหลี่ฟู่เฉินเป็นเพียงโครงกระดูก 1 ดาว แต่เขาก็มาได้ไกลขนาดนี้


 


ขุ่นเคืองก็เนื่องเพราะหลี่ฟู่เฉินเอาเปรียบเธอ


 


การขอบคุณก็เนื่องจากการที่หลี่ฟู่เฉินสังหารหลี่หวูเซี่ย ซึ่งช่วยแก้ปัญหาให้เธอได้


 


เมื่อเขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับเปิดขึ้น หยานฉิงหวูและอัจฉริยะอื่นๆ อีกมากมายเข้าสู่เขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับทีละคนๆ


 


ประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานแรก


 


ประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่สอง


 



 


ประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่สี่


 


หยานฉิงหวูผ่านประตูเทพยุทธ์บานที่ห้าได้อย่างรวดเร็ว


 


เมื่ออยู่ที่ประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่หก หยานฉิงหวูคล้ายชูมู่หยู เธอไม่สามารถไปต่อได้


 


มีหลายครั้งที่อายุของคนๆ หนึ่งได้เปรียบ


 


เมื่อคนเราอายุมากขึ้น ศักยภาพที่มีมาแต่กำเนิดก็จะค่อยๆ จางหายไป ถึงแม้จะมีข้อเสียบ้างในประสบการณ์ชีวิตเมื่อตอนที่ยังเด็กก็ตามที


 


“สตรีผู้นี้ไม่เลว ศักยภาพโดยกำเนิดของเธออยู่ในระดับที่เหนือกว่า!” ชายผู้มีดวงตาอินทผลัมถูกล่อลวงอีกครั้ง


 


ทั้งๆ อย่างนั้น หยานฉิงหวูได้รับเลือกจากผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับคนที่สามและกลายเป็นศิษย์ส่วนตัวของเขา


 


ในเวลาเดียวกัน โดยธรรมชาติแล้วหยานฉิงหวูและชูมู่หยูก็ได้รู้จักกัน


 



 


ในวันที่สามหลังจากการเปิดเขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับ พลังบ่มเพาะของหลี่ฟู่เฉินดำเนินไปได้อย่างราบรื่น และก้าวไปสู่ระดับที่ 6 ของขอบเขตปฐพี


 


ครึ่งปีสำหรับหนึ่งระดับไม่ถือว่าเร็วหรือช้า


 


โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อหลี่ฟู่เฉินเป็นเพียงโครงกระดูกหนึ่งดาว


 


หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากพลังงานเส้นทางดวงดาว เขาจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งปีเพื่อก้าวไปอีกระดับหนึ่ง


หลังจากทั้งหมดแล้ว เมื่อคนหนึ่งก้าวขั้นสู่ระดับต่อไปของขอบเขตปฐพี มันก็จะเป็นการท้าทายมากขึ้นสำหรับการก้าวขึ้นสู่ระดับต่อไป หากไม่มีโครงกระดูกคุณภาพสูง มันก็จำเป็นที่จะต้องพึ่งพาเทคนิคเพลิงโลกันต์ขั้นที่ 15

หลังจากก้าวไปสู่ระดับที่ 6 ของขอบเขตปฐพีแล้ว พลังงานเส้นทางดวงดาวมากกว่าครึ่งในร่างกายของหลี่ฟู่เฉินก็หมดลง พลังงานเส้นทางดวงดาวที่เหลืออยู่ไม่เพียงพอให้หลี่ฟู่เฉินก้าวเข้าสู่ระดับที่ 7 ของขอบเขตปฐพีอย่างรวดเร็วอีกต่อไป


 


‘หากข้ามีเวลา ข้าจะต้องไปหาหินดวงดาวอีกก้อน และเข้าสู่เขตแดนเร้นลับเส้นทางดวงดาวอีกครั้ง’ หลี่ฟู่เฉินคิดกับตัวเอง


 


หินดวงดาวหาได้ยากมาก ทุกครั้งที่หินดวงดาวปรากฏขึ้น มันจะถูกแย่งชิงไปอย่างรวดเร็ว แต่ถ้ามีโอกาสหลี่ฟู่เฉินก็จะไม่มีวันปล่อยมันไป


 


สะสมพลังไว้กับตัวและหลังจากนั้นอีกสามวัน เทคนิคเพลิงโลกันต์ของหลี่ฟู่เฉินก็มีความก้าวหน้าเช่นกัน


 


จากขั้นที่ 15 ก้าวไปยังขั้นที่ 16 มันอาจจะเป็นเพียงแค่ขั้นเดียว แต่ความแตกต่างของมันมีแค่หลี่ฟู่เฉินเท่านั้นที่เข้าใจ


 


อันดับดาราทุกคนที่มีระดับพลังบ่มเพาะที่สูง ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วอยู่สูงกว่าระดับที่ 8 ของขอบเขตปฐพี แต่เทคนิคระดับลึกลับขั้นสูงสุดของพวกเขาดีที่สุดก็อยู่แค่ขั้นที่ 15 หลี่ฟู่เฉินคิดว่าในทวีปยูนิคอร์นตะวันออกทั้งหมด ในกลุ่มผู้เยาว์ คงมีผู้เยาวเพียงไม่ถึงสิบคนที่ฝึกฝนเทคนิคบ่มเพาะจนถึงขั้นที่ 16 จำนวนนั้นอาจน้อยจนกระทั้งนับด้วยมือข้างเดียวได้


 


แม้แต่กระทั้งผู้อาวุโสใหญ่ของนิกายวารีคราม จ้าวหวูจินก็สามารถฝึกฝนได้เพียงแค่เทคนิคบ่มเพาะระดับลึกลับขั้นสูงสุดเท่านั้น เทคนิควารีครามแท้จริงขั้นที่ 19 ผู้อาวุโสชั้นในส่วนใหญ่ก็อยู่ในขั้นที่ 16 เช่นกัน

อันดับเทคนิคบ่มเพาะปัจจุบันของหลี่ฟู่เฉินอยู่ในระดับผู้อาวุโสชั้นในแล้ว เขาอาจอยู่ที่ด้านล่างจากผู้อาวุโสชั้นในทั้งหมด แต่มันก็นับว่าเป็นความสำเร็จที่ไม่ธรรมดา


 


หลังจากทั้งหมดแล้ว หลี่ฟู่เฉินตอนนี้อายุเพียงแค่ 20 ปี และพลังฝึกฝนของเขาก็อยู่ระดับที่ 6 ของขอบเขตปฐพี นอกจากนี้ เขายังได้เผชิญหน้ากับโชคชะตามากมาย ที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเขา


 


ขั้นที่ 16 ของเทคนิคเพลิงโลกันต์มีพลังฉีที่ร้อนแรงและไร้ขอบเขต ในแง่ของคุณภาพพลังฉี หลี่ฟู่เฉินในปัจจุบันไม่ได้ด้อยไปกว่าอัจฉริยะที่อยู่ในระดับที่ 7 ของขอบเขตปฐพีเหล่านั้น


 


ด้วยความก้าวหน้าในด้านพลังบ่มเพาะของเขา หลี่ฟู่เฉินก็สังเกตเห็นว่าความสามารถของเขาต่อทักษะดาบเพลิงปีศาจก็เพิ่มขึ้น


 


หากกล่าวก่อนหน้านี้เป็นเด็กคนหนึ่งที่กำลังแกว่งดาบไปมาด้วยทักษะดาบเพลิงปีศาจแล้วนั้น ตอนนี้ก็นับว่าเป็นวัยรุ่นคนนึงที่กำลังแกว่งดาบของตนเองอยู่


 


‘หากพลังฝึกฝนของข้าอยู่ในขอบเขตสวรรค์ ข้าก็อาจจะเข้าใจเจตจำนงดาบเพลิงปีศาจได้ในเวลาสั้นๆ!’


 


หลี่ฟู่เฉินมั่นใจในการรับรู้ของเขามาก แต่มันก็ถูกจำกัดโดยพลังบ่มเพาะของเขา


 


***


 


อีกสามเดือนผ่านไป


 


เขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับเปิดขึ้นอีกครั้ง


 


ครั้งนี้ มีคนจำนวนน้อยกว่าเดิม ทุกคนต้องเลือกเวลาที่เหมาะสม และปล่อยให้ตัวเองอยู่ในเขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับได้ครบหนึ่งปีเต็ม แต่เหลือเพียงครึ่งปีก่อนการแข่งขันการจัดอันดับดารา กลับกัน สำหรับคนที่ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง พวกเขาทั้งหมดได้เข้าสู้เขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับ


 


ฟึบ!


 


บนยอดเขา กิ่งไม้เหี่ยวเฉาในมือของหลี่ฟู่เฉินกำลังลุกโชนด้วยเปลวเพลิง


 


แต่เปลวเพลิงนี้ไม่ได้ทำลายกิ่งไม้เหี่ยวเฉา และในทางกลับกันมันเข้าปกป้องกิ่งไม้แทน


 


“นี่คือเจตจำนงดาบเพลิงปีศาจ?” หลี่ฟู่เฉินหายใจเข้าลึกๆ


 


เจตจำนงดาบเพลิงปีศาจนั้นลึกลับกว่าที่เขาคิดไว้มาก มันมีร่องรอยลึกลับบางอย่างของสวรรค์และโลก


 


แคร็ก!


 


กวัดแกว่งกิ่งไม้เหี่ยวเฉา หลี่ฟู่เฉินตวัดผ่าเป็นเส้นตรงออกไป


 


มีหุบเหวลึกปรากฏอยู่ตรงหน้าเขา ซึ่งลึกถึงห้าเมตร เจตจำนงแห่งดาบที่ลุกโชนพลุ่นพล่านและระเบิดออก เช่นเดียวกับการระเบิดออกของลาวา


 


“ดี ในที่สุดเจ้าก็เข้าใจเจตจำนงแห่งดาบระดับลึกลับขั้นสูงแล้ว” ชายที่โดดเด่นมีความยินดีมาก


 


ความช่วยเหลือที่เขาให้กับหลี่ฟู่เฉินนั้นไม่ได้ถือว่ามากหรือน้อย แต่เราต้องพึ่งพาตนเองเสมอในการฝึกฝน คนอื่นทำได้เพียงแต่ให้คำนะนำเท่านั้นและไม่สามารถทำให้เจ้าเข้าใจสิ่งต่างๆ ได้ทันที


 


“ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณคำแนะนำของอาจารย์” หลี่ฟู่เฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนน้อมถ่อมตน


 


“ส่วนใหญ่เกิดจากความพยายามของเจ้าเอง เจ้าไม่จำเป็นต้องเจียมเนื้อเจียมตัวมากนัก” ชายผู้โดดเด่นยิ้มและกล่าว “เนื่องจากเจ้าเข้าใจเจตจำนงแห่งดาบระดับลึกลับขั้นสูงแล้ว เช่นนั้นในช่วงเวลาต่อจากนี้ เจ้าต้องพยายามสร้างท่าสังหารระดับลึกลับขั้นสูง!”


 


ชายที่โดดเด่นมีความต้องการต่อตัวของหลี่ฟู่เฉินอย่างรุนแรง


 


กระบวนท่าสังหารระดับลึกลับขั้นสูงเป็นสิ่งที่แม้แต่กระทั้งนักสู้ขอบเขตสวรรค์ก็ไม่สามารถสร้างได้


 


แม้ว่าจะมีคำแนะนำของเขา ความยากมันก็ไม่ได้ลดลงเลย


 


“ขอรับ ท่านอาจารย์”


 


หลี่ฟู่เฉินไม่คุ้นเคยกับการปฏิเสธ เนื่องจากเขาเข้าใจเจตจำนงแห่งดาบระดับลึกลับขั้นสูงแล้ว เช่นนั้นสำหรับการสร้างท่าสังหารระดับลึกลับขั้นสูงก็ไม่สมควรที่จะเป็นไปไม่ได้เสียทีเดียว


 


การเริ่มต้นเป็นส่วนที่ยากที่สุดเสมอ แต่เขาได้ผ่านช่วงเริ่มต้นที่สำคัญไปแล้ว


 


“ข้าเชื่อว่าเจ้าทำได้”


 


ชายผู้โดดเด่นต้องการเห็นว่าหลี่ฟู่เฉินจะไปได้ไกลซักแค่ไหน


 


แน่นอน ถ้าหลี่ฟู่เฉินไม่สามารถสร้างกระบวนท่าสังหารระดับลึกลับขั้นสูงได้ เขาก็ไม่ผิดหวังเช่นกัน หลังจากทั้งหมดแล้ว มันก็ค่อนข้างยากเกินไปสำหรับทุกคน


 


แต่ถ้าหลี่ฟู่เฉินสามารถสร้างกระบวนท่าสังหารระดับลึกลับขั้นสูงได้ เขาก็คงจะไม่คิดถึงสิ่งที่ต้องเสียไปเพื่อดูแลหลี่ฟู่เฉิน


 


เขาไม่ต้องการจากไป ทั้งๆ ที่จะไม่มีวันได้เห็นหลี่ฟู่เฉินในอนาคตอีกแล้ว


 


“ข้าหวังว่าเจ้าจะทำได้!” ผู้ชายที่โดดเด่นจากไป


บทที่ 270


การรวมตัวของผู้เชี่ยวชาญ


 


ชายผู้โดดเด่นได้ประเมินการรับรู้และความสามารถในการสร้างสรรค์ของหลี่ฟู่เฉินต่ำไป


หากหลี่ฟู่เฉินยังไม่เข้าใจเจตจำนงแห่งดาบเพลิงปีศาจ เขาคงไม่สามารถสร้างกระบวนท่าสังหารระดับลึกลับขั้นสูงได้ แต่หลังจากที่เข้าใจเจตจำนงแห่งดาบเพลิงปีศาจแล้ว วิธีการสร้างกระบวนท่าสังหารระดับลึกลับขั้นสูงสำหรับหลี่ฟู่เฉินก็ไหลลื่นขึ้นมาก มันเป็นเพียงการสร้างท่าสังหารที่สูงกว่าท่าสังหารที่สามของเขาหนึ่งขั้น ซึ่งไม่มากเกินไปนัก


 


ภายในระยะเวลาหนึ่งเดือน หลี่ฟู่เฉินมีเคร้าโครงของกระบวนท่าสังหารระดับลึกลับขั้นสูงของเขาแล้ว


 


เหลือประมาณครึ่งปีก่อนการแข่งขันการจัดอันดับดวงดาว


 


“ทำลาย!”


 


กิ่งไม้เหี่ยวเฉาในมือของหลี่ฟู่เฉินได้แตกออกเป็นชิ้นๆ แต่มีแสงสีแดงคลุมไว้จึงทำให้กิ่งไม้ไม่ถูกเผา


 


กิ่งไม้เหี่ยวแห้งถูกยกขึ้นสูงก่อนที่หลี่ฟู่เฉินจะเหวี่ยงลงอย่างแรง


 


บูม!


 


กิ่งไม้เหี่ยวเฉากลายเป็นฝุ่นในทันที ในขณะที่แสงสีแดงเข้มก็เหมือนกับคบเพลิงที่มีสีแดงเพลิงได้กระทบลงไปที่พื้น


 


พื้นดินถูกแยกออก แสงสีแดงเป็นเหมือนมังกรที่ขยายออกไปอย่างรวดเร็ว


 


เมื่อแสงสีแดงแตกตัว มีหุบเหวที่ยาวกว่าสิบเมตรปรากฏขึ้นตรงหน้าของเขา


 


หุบเหวอาจดูแคบ แต่มันกลับกว้างเป็นแนวยาวและความกว้างสุดท้ายก็กว้างถึงหนึ่งเมตร


 


ส่วนที่ลึกที่สุดของหุบเหวลึกอย่างน้อยก็หกเมตร


 


ในแง่ของความลึกซึ้ง ท่านี้ด้อยกว่ากระบวนท่าเงาสังหารเพลิงปีศาจเล็กน้อย แต่ในแง่ของพลังทำลาย มันแข็งแกร่งกว่าเงาสังหารเพลิงปีศาจมาก


 


“ดี ข้าประเมิณเจ้าต่ำเกินไป” ในขณะที่ร่างของเขาปรากฏขึ้น ชายผู้โดดเด่นจ้องมองไปที่หลี่ฟู่เฉินด้วยสายตาหลงใหล


 


หายใจเอาอากาศร้อนๆ ออกมา หลี่ฟู่เฉินหันกลับมาก “อาจารย์ ข้าจะไม่ทำให้ความคาดหวังของท่านต้องผิดหวัง”


 


เจตจำนงดาบเพลิงปีศาจมีพลังทำลายล้างที่น่าประหลาดใจ ด้วยเหตุนี้หลี่ฟู่เฉินจึงตั้งใจลดการเคลื่อนไหวที่ละเอียดอ่อนลง และผลักดันพลังของดาบเพลิงปีศาจไปจนถึงขีดสุด


 


“การรับรู้ของเจ้ามีมากเพียงพอที่จะดูถูกวีรบุรุษทั้งหมดในทวีปนี้ แต่ เจ้าไม่ได้มีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะปกป้องตัวเอง”


 


ในขณะนั้นเองชายผู้โดดเด่นยื่นมือออกมาและแสดงท่าทาง หลี่ฟู่เฉินก็บินออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจ


 


“ไม่ต้องดิ้นรน” ชายผู้โดดเด่นคว้าเข้าที่ข้อมือขวาของหลี่ฟู่เฉิน


 


ชี่ ชี่ ชี่ ชี่ ชี่ ชี่…


 


หลี่ฟู่เฉินรู้สึกราวกับว่าข้อมือของเขาถูกตีด้วยเหล็กเพราะเขารู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดจากการเผาไหม้ที่รุนแรง


 


ในช่วงเวลาต่อจากนั้น หลี่ฟู่เฉินถึงสามารถมองเห็นได้ รูปแบบที่คล้ายกับรูปแบบลวดลายเริ่มแพร่กระจายจากข้อมือขวาของเขาขึ้นมาจนไปสุดที่หลังฝั่งขวาของเขา


 


“นี่คือ?” หลี่ฟู่เฉินประหลาดใจ


 


ชายผู้โดดเด่นอธิบายว่า “นี่คือลวดลายต่อสู้ระดับปฐพี ด้วยความสามารถในปัจจุบันของเจ้า เจ้าไม่สามารถเข้าใจทักษะต่อสู้ระดับปฐพีได้ แต่ข้าได้ตีตราลวดลายต่อสู้ระดับปฐพีไว้บนมือของเจ้าแล้ว ซึ่งเจ้าสามารถถ่ายพลังฉีของเจ้าเข้าไปโดยตรงและระเบิดพลังลวดลายต่อสู้ระดับปฐพีออกมา พลังเทียบเท่ากับทักษะต่อสู้ระดับปฐพี แน่นอน พลังของลวดลายต่อสู้ระดับปฐพีนี้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสภาวะพลังฉีของเจ้า ยิ่งพลังฉีของเจ้าแข็งแกร่งขึ้นเท่าไหร่ ความแข็งแกร่งของลวดลายต่อสู้ระดับปฐพีก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น แต่ลวดลายต่อสู้ระดับปฐพีนี้มีมันหมด และยิ่งเจ้าใช้มันมากเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งหมดเร็วเท่านั้น เมื่อวันที่ลวดลายต่อสู้ระดับปฐพีหมดลงอย่างสมบูรณ์ และเจ้าจะไม่สามารถใช้มันได้อีก”


 


“ลวดลายต่อสู้ระดับปฐพี?” หลี่ฟู่เฉินอ้าปากค้าง


 


ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขา เขาไม่สามารถเข้าใจทักษะต่อสู้ระดับปฐพีได้ เขาอาจจะต้องก้าวไปสู่ขอบเขตสวรรค์ก่อนถึงจะทำได้


 


หลี่ฟู่เฉินไม่รู้ว่าทักษะต่อสู้ระดับปฐพีนั้นแข็งแกร่งเพียงใด


 


แต่จากการประเมินของเขา พลังของมันคงจะแข็งแกร่งกว่าทักษะดาบเพลิงปีศาจอย่างน้อยสิบเท่า


 


แนวคิดของพลังสิบเท่าคืออะไร? หลี่ฟู่เฉินมั่นใจว่าเขาจะสามารถสังหารคู่ต่อสู้ได้ทันที แม้ว่าพวกเขาจะเป็นนักสู้ขอบเขตสวรรค์ระดับต่ำก็ตาม


 


นอกจากนี้ ยิ่งพลงฉีของเขาแข็งแกร่งขึ้นเท่าไหร่ ลวดลายต่อสู้ระดับปฐพีก็จะแสดงพลังได้มากขึ้นเท่านั้น เมื่อเขาอยู่ขอบเขตสวรรค์ มันก็ไม่อาจรู้ได้เลยว่าลวดลายต่อสู้ระดับปฐพีนี้จะน่ากลัวและทรงพลังเพียงใด


 


หลังจากเวลานาน ในที่สุดการสร้างรูปแบบลวดลายต่อสู้ระดับปฐพีก็เสร็จสมบูรณ์ ชายที่โดดเด่นดูซีดเซียวและดวงตาของเขาหรี่แคบ


 


“ท่านอาจารย์” หลี่ฟู่เจินรู้สึกตื้นตันใจยิ่ง


 


เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าการสร้างตราสัญลักษณ์รูปแบบลวดลายต่อสู้อาจต้องใช้แก่นแท้ของวิญญาณ และถ้าใช้มากเกินไป มันก็เป็นการยากที่จะฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่แล้ว


 


ชายผู้โดดเด่นส่ายมือของเขา “มันไม่ได้เป็นอันตราย หากข้าต้องออกจากเขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับ ข้าจะต้องจ่ายเป็นราคาที่สูงกว่านี้”


 


เหตุผลที่เขาสามารถให้ตรารูปแบบลวดลายต่อสู้ระดับปฐพีแก่หลี่ฟู่เฉินก็เป็นเพราะเขามีสถานะเป็นผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับ หากเขาพึ่งตัวเอง มันคงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะทำเช่นนั้น


 


หลี่ฟู่เฉินไม่ได้พูดอะไรและมองไปที่มือขวาของเขา ลวดลายได้หายไปแล้ว แต่หลี่ฟู่เฉินก็ยังคงรู้สึกได้ถึงการคงอยู่ของมัน


 


‘ข้าสงสัยว่าลวดลายที่ข้าได้รับจากประตูแห่งโลกและประตูแห่งสวรรค์เป็นรูปแบบลวดลวยต่อสู้ด้วยหรือไม่?’


 


ในประตูโลก ทั้งตัวของเขามีลวดลาย ซึ่งหายไปในเวลาต่อมาและเขาก็ไม่สามารถรับรู้ถึงมันได้


 


ในขณะที่อยู่ในประตูสวรรค์ ก็มีตราประทับพุ่งเข้ามาประทับที่บนฝ่ามือซ้ายของเขา


 


รอยประทับนั้นหายไปและเขาก็รู้สึกไม่ได้เช่นกัน


 


***


 


เมื่อการแข่งขันจัดอันดับดาราเข้ามาใกล้มากขึ้น ก็ไม่ทราบว่าตั้งแต่เมื่อใดที่มีการรวมตัวกันของนักสู้ขอบเขตสวรรค์ และนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิด นอกเขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับ


 


แม้ว่าทุกคนตั้งใจเก็บสภาวะพลังฉีของพวกเขาไว้แล้ว แต่ทว่าเมื่อสภาวะพลังฉีของพวกเขาสัมผัสกัน ก็จะมีพายุและสายฟ้าปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าเหนือสถานที่แห่งนี้


 


นักสู้ขอบเขตสวรรค์ไม่เป็นอย่างไร แต่การที่นักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดมาอยู่ที่นี่ดูอเหมือนจะยู่เหนือความคาดหมายของทุกคน


 


ประตูของพระราชวังเปิดขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้ ไม่มีอัจฉริยะคนใดเข้าไปยังเขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับ เหลือน้อยกว่าสามเดือนแล้วก่อนที่จะถึงการแข่งขันจัดอันดับดารา หากพวกเขาเข้าไปในตอนนี้ พวกเขาก็ออกได้หลังจากการเปิดเขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับครั้งต่อไปเท่านั้น


 


เงาว่างเปล่ารูปมนุษย์ก่อตัวขึ้น มันชำเลืองมองทุกคน ขยาดแรงดันพลังฉีที่ไร้รูปร่างออกไป


 


ทุกคนกลั้นหายใจ


 


ในเวลาปกติ คนเหล่านี้เป็นผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดของทวีปยูนิคอร์นตะวันออก และสามารถเรียกลมและฝนได้


 


แต่ต่อหน้าเงาที่ว่างเปล่านี้ พวกเขาไม่ต่างจากมด


 


ฟึบ ฟึบ ฟึบ ฟึบ ฟึบ…


 


ร่างโผล่ออกมาจากเขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับทีละคนๆ


 


“พวกเขาออกมาแล้ว!”


 


ในบรรดาผู้เชี่ยวชาญทั้งหมด เจ้านิกายวารีคราม โอหยางเหวินเทียน และนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดอีกสองคนจากนิกายวารีครามก็อยู่ท่ามกลางความประหลาดใจเช่นกัน


 


นักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดสองคนนี้เป็นผู้พิทักษ์ของนิกายวารีคราม และอันดับของพวกเขาก็อยู่ต่ำกว่าเจ้านิกายและผู้อาวุโสสูงสุด


 


หลังจากนั้นครู่หนึ่ง หลี่ฟู่เฉิน หลี่เซียงหรู เฉินหยวนหู และเซี่ยเฟิงทั้งหมดก็ออกมา


 


โอหยางเหวินเทียนเผยรอยยิ้ม ครั้งนี้ นิกายวารีครามของเขาได้รับชื่อเสียงมากมายอย่างแท้จริง


 


เดิมทีเขาคิดว่าหลี่เซียงหรูเป็นพรสำหรับนิกายวารีครามแล้ว เขาไม่ได้คาดคิดเลยว่าหลี่ฟู่เฉินเองก็ปรากฏตัวขึ้นมา


 


ย้อนกลับไป เมื่อตอนที่จ้าวหวูจินนึกถึงหลี่ฟู่เฉิน เขาไม่ได้ให้ความสนใจกับหลี่ฟู่เฉินมากนักและเพียงปฏิบัติต่อเขาในฐานะอัจฉริยะที่มีศักยภาพ


 


เขาคิดว่าแม้ว่าหลี่ฟู่เฉินจะไม่สามารถก้าวไปสู่ขอบเขตสวรรค์ได้ในอนาคต มันก็จะไม่มีผลเสียใดๆ


 


ตอนนี้ เขามีความกลัวอยู่ในใจ


 


ใช่ เขากลัวมาก


 


กลัวว่าเขาอาจพลาดท่าให้หลี่ฟู่เฉิน


 


ความสำเร็จของหลี่ฟู่เฉินในเขตแดนร้อนสมุนไพรเป็นที่รู้กันดีในนิกายวารีคราม มันทำให้เกิดความโกลาหลในทั้งนิกาย


 


ผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่หก เป็นคนแรกที่เข้าสู่ประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่เจ็ด ประตูแห่งโลก ได้รับการยอมรับให้เป็นศิษย์ส่วนตัวภายใต้ผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับคนแรก แต่ละความสำเร็จเหล่านี้สว่างไสวและรุ่งโรจน์อย่างน่าประหลาดใจ


 


ในประวัติศาสตร์ของนิกายวารีคราม ไม่เคยมีอัจฉริยะยอดเยี่ยมขนาดนี้มาก่อน


 


“หลี่ฟู่เฉิน!” โอหยางเหวินเทียนส่งข้อความถึงหลี่ฟู่เฉิน


 


หลี่ฟู่เฉินและคนอื่นๆ สังเกตเห็นโอหยางเหวินเทียนและผู้พิทักษ์ทั้งสองแล้ว ขณะที่พวกเขากำลังมุ่งหน้าไป


 


“เจ้านิกาย!” พวกเขาทั้งสี่ทักทายด้วยการป้องหมัด


 


“ดี! เจ้าทุกคนยอดเยี่ยมและไม่ได้ทำให้นิกายวารีครามของข้าต้องอับอาย ข้าภูมิใจในตัวเจ้า” โอหยางเหวินเทียนยิ้มแย้มแจ่มใส ในบรรดาสี่คนนั้น หลี่ฟู่เฉินและหลี่เซียงหรูได้รับการยอมรับให้เป็นศิษย์ส่วนตัวภายใต้ผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับ นี่เป็นเครื่องรางป้องกันอย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งไม่เพียงแต่ได้ผลกับพวกเขาสองคน และมันยังมีผลกับนิกายวารีครามอีกด้วย


 


ตราบใดที่ยังมีผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับอยู่ใกล้ๆ ก็จะไม่มีนิกายอื่นใดกล้าจัดการนิกายวารีคราม


 


พลังฉีสังหารถูกระเบิดออกมา ในฐานะที่เป็นเจ้านิกายสวรรค์ปีศาจ หลี่เซี่ยเทียนเองก็สังเกตเห็นหลี่ฟู่เฉินเช่นกัน


 


พลังฉีสังหารถูกแผ่ออกมาจากร่างกายเขาโดยตรงและไม่ได้มีเจตนาที่จะปกปิดแต่อย่างใด


 


โอหยางเหวินเทียนจ้องมองไปที่หลี่เซี่ยเทียน “หลี่เซี่ยเทียน ทำไม? เจ้าต้องการลงมือหรือไม่?”


 


หลี่เซี่ยเทียนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่มืดมน “ผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับอาจปกป้องเจ้าได้ในตอนนี้ แต่พวกเขาไม่สามารถปกป้องเจ้าได้ตลอดชีวิต เมื่อถึงเวลา ข้าจะให้เจ้าชดใช้คืนให้ข้าเป็นสิบร้อยพันเท่า และข้าจะทำให้เจ้าต้องทนทุกข์กับผลที่ตามมา”

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม