Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน 253-259

 บทที่ 253

ถูกจำได้

การมาถึงของนายน้อยดาบมังกร จื่อหยูเย่ ทำให้คนเหล่านั้นที่อยู่นอกประตูเมืองทางทิศตะวันออกเป็นไปด้วยความตื่นเต้น

ในทวีปยูนิคอร์นตะวันออก ทุกคนที่อายุต่ำกว่า 35 ปีถือเป็นส่วนหนึ่งของเยาวชนรุ่นใหม่

ปัจจุบัน มีแค่เยาวชนกลุ่มนี้ที่ทรงพลังและมีศักยภาพโดยกำเนิดที่น่าประหลาดใจ

พวกเขาคือหกนายน้อย สี่เทพธิดา และสามราชาดารา

นายน้อยดาบมังกร จื่อหยูเย่ แน่นอนแล้วว่าต้องเป็นหกนายน้อย

ชูมู่หยูแห่งหุบเขานิรันดร์ดำรงตำแหน่งเป็นเทพธิดามู่หยู

นายน้อยแห่งนิกายนภาดารามีฉายานามว่านายน้อยนภา

เซี่ยฮัวชวนของตระกูลตวนหลินมีบรรดาศักดิ์เป็นนายน้อยตวนหลิน

หยานฉิงหวูจากนิกายสวรรค์ปีศาจมีฉายาว่าเทพธิดาชิงหวู

เยาวชนกลุ่มนี้มีทั้งหมดมีโครงกระดูก 6 ดาวหรือไม่ก็เป็นโดคงกระดูก 5 ดาวระดับท้าทายสวรรค์

แน่นอนว่ามีโครงกระดูก 5 ดาวระดับท้าทายสวรรค์ ที่ไม่สามารถเข้าสู่รายนามแห่งนี้ได้

ยกตัวอย่างเช่น เซี่ยฮัวชือ จากตระกูลตวนหลิน

โครงกระดูกระดับ 6ดาวยย่อมได้เข้าสู่กลุ่มคนกลุ่มนี้แน่นอน ในขณะที่โครงกระดูก 5 ดาวระดับท้าทายสวรรค์จะต้องตัดสินจากผลงานในอนาคต เช่นนั้นก็หมายความว่าเซี่ยฮัวชือมีโอกาสเข้าสู่กลุ่มนี้ในอนาคต แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้

สำหรับสามราชาดารา พวกเขาทั้งสามคนเป็นบุคคลที่อยู่ระดับสูงสุดของเยาวชนรุ่นใหม่ในทวีปยูนิคอร์นตะวันออก สถานะและความสามารถของพวกเขาเหนือกว่าหกนายน้อยและสี่เทพธิดา

ในการแข่งขันจัดอันดับดาราก่อนหน้านี้ เห็นได้ชัดว่าทั้งสามคนต้องได้อยู่ในตำแหน่งสามอันดับ และมีความแข็งแกร่งอย่างหาใครเปรียบ

แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะเทียบกับพวกเขาไม่ได้เสียีเดียว ผู้ที่มีอายุมากกว่าอาจไม่ได้มีศักยภาพโดยกำเนิดเท่ากับคนเหล่านั้น แต่ผู้ที่มีศักยภาพโดยกำเนิดที่เหล่านั้นกลับมีคนที่อายุน้อยกว่าพวกเขาและก็ไม่แข็งแกร่งพอที่จะสู้กับคนพวกนั้นเช่นกัน

สายตาของหลี่ฟู่เฉินจับจ้องไปที่นายน้อยดาบมังกร จื่อหยูเย่

ในสายตาของหลี่ฟู่เฉิน จื่อหยูเย่ผู้มีสภาวะพลังฉีที่ดูมีอำนาจสูงสุดแต่เพียงผู้เดียว ร่างกายทั้งหมดของเขาไม่มีข้อบกพร่องแม้แต่จุดเดียว กลับกัน ร่างกายของเขาดูแหลมคมและราวกับว่าเขาจะสามารถเปิดฉากโจมตีผู้คนได้ทันทีจากทุกที่ทุกมุม นี่เป็นสิ่งที่ลู่หยุนและหลี่เซียงหรูไม่สามารถเทียบได้เมื่อเทียบกับเขา

‘สมควรแล้วที่เป็นหนึ่งในหกนายน้อย นายน้อยดาบมังกร’ หลี่ฟู่เฉินออกอาการเห็นด้วยอยู่ในใจของเขา

ตลอดสองปีที่ผ่านมา เขาอยู่ในอันดับที่ 28 ในการจัดอันดับดารา ความสามารถในปัจจุบันของเขาอย่างน้อยก็อยู่ใน 15 อันดับแรกของการจัดอันดับดารา

‘บางที เขาอาจจะสามารถเข้าใจเจตจำนงแห่งดาบระดับลึกลับขั้นสูงได้แล้ว!’

สัญชาตญาณของหลี่ฟู่เฉินบอกเขาว่ามีบุคคลจำนวนมากที่เข้าใจเจตจำนงแห่งดาบระดับลึกลับขั้นสูง

หลี่ฟู่เฉินไม่รู้ว่าการรับรู้ของเขาเป็นอันดับ 1 หรือไม่ แต่ด้วยเวลาที่แตกต่างกัน เว้นเสียแต่หลี่ฟู่เฉินจะมีการรับรู้ที่สูงมากถึงมากที่สุด ไม่เช่นนั้นแล้ว เขาก็ไม่มีทางที่เขาจะย่นระยะหว่างระหว่างช่วงสองสามปีนี้ได้

นายน้อยดาบมังกร จื่อหยูเย่อายุ 22 ปีในปีนี้ เขาอยู่ในระดับที่ 9 ของขอบเขตปฐพี และอายุมากกว่าหลี่ฟู่เฉินสองปี ซึ่งหมายความว่าเขามีเวลาสองปีในการฝึกฝนเมื่อก่อนหน้าเขาในเชิงอนุนาม

สองปีของการบ่มเพาะเป็นเวลานานมากสำหรับโครงกระดูก 6 ดาว ปีเดียวสำหรับโครงกระดูก 6 ดาวก็เพียงพอที่จะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

ลู่หยุนและหลี่เซียงหรูก็สัมผัสได้ถึงการคงอยู่ของจื่อหยูเย่

พลังฉีแห่งดาบของจื่อหยูเย่หนาแน่นมากเกินไป ในฐานะนักดาบ แม้ว่าพวกเขาจะหลับตา พวกเขาก็คงรู้สึกถึงมันได้

แต่ตอนนี้ ทั้งสองคนราวกับลูกศรบนคันธนู พวกเขาไม่สามารถหยุดได้เว้นแต่เสียจะได้รับชัยชนะมา

เช้ง เช้ง เช้ง เช้ง เช้ง เช้ง…

คล้ายกับได้รับการกระตุ้นอย่างรุนแรง การต่อสู้ระหว่างพวกเขาสองคนมาถูกผลักดันไปเป็นบ้าคลั่งทันที

ปิส!

เลือดสดกระฉูดออกมาจากร่างกายของลู่หยุน

หลี่เซียงหรูมั่งคงมากเกินไป และถึงแม้จะได้เห็นร่างของจื่อหยูเย่ มันก็ไม่ได้ทำให้เขาเกิดอารมณ์ใดๆ แต่ลู่หยุนกลับได้รับผลกระทบเล็กน้อย ซึ่งทำให้หลี่เซียงหรูมีโอกาส

“ผลลัพธ์ถูกกำหนดออกมาแล้ว”

เมื่อเห็นสถานการณ์ปัจจุบัน หลี่ฟู่เฉินปล่อยลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก

หากเป็นคนอื่น หลี่ฟู่เฉินคงไม่คิดว่านี่คือบทสรุป

แต่ดาบคลั่ง หลี่เซียงหรูนั้นไม่ธรรมดา เจตจำนงของเขามีความยึดมั่นถือมั่นอย่างเหนือจินตนาการ และแสดงให้เห็นถึงทักษะดาบของเขา

เมื่อเขาเสียเปรียบไปแล้ว มันก็แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะกลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบ

400 กระบนท่า 500กระบวนท่า…

การต่อสู้ระหว่างพวกเขาสองคนถูกลากออกไป แต่นี่ก็สมเหตุสมผล

หลังจากทั้งหมดแล้ว ระดับความสามารถของทั้งคู่ก็อยู่ในระดับเดียวกัน มันเป็นไปไม่ได้เลยที่ผลลัพธ์จะออกมาภายในช่วงเวลาสั้นๆ

มันจะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อระดับความสามารถของผู้หนึ่งแตกต่างกันอย่างมาก เช่นนั้นก็ก็จะเป็นการแข่งขันที่สามารถตัดสินได้ภายดาบเดียว สองดาบ หรือแม้แต่กระทั้งไม่กี่สิบดาบ

หลังจากผ่านไป 500 กระบวนท่า มีบาดแผลบนตัวลู่หยุนมากขึ้น และสภาวะพลังฉีของตัวเขาก็อ่อนแอกว่าเมื่อก่อนเล็กน้อย

ในขณะที่การต่อสู้ถูกลากออกไป ข้อได้เปรียบของหลี่เซียงหรูก็ขยายใหญ่ขึ้น

อาจเป็นเพราะมีคนไปแพร่ข้อมูล จำนวนผู้สังเกตการณ์ที่ประตูเมืองด้านตะวันออกจึงเพิ่มขึ้นถึงสองสามเท่า

มีคนไม่มากนักที่สนใจในการต่อสู้ของหลินเถิงและเฉินหยวนหู

แต่การต่อสู้ระหว่างลู่หยุนและหลี่เซียงหรูนั้นไม่เหมือนกัน

ยิ่งไปกว่านั้น หนึ่งในหกนายน้อย อันดับที่ 28 นายน้อยดาบมังกร จื่อหยูเย่ก็อยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน

ในโอกาสปกติพวกเขาไม่มีโอกาสที่จะเห็นจื่อหยูเย่ได้มากเสียเท่าไหร่

“คนผู้นี้คือนายน้อยดาบมังกร จื่อหยูเย่?”

รายล้อมไปด้วยผู้คน เซี่ยฮัวชือเดินเข้ามา

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นจื่อหยูเย่ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยเจตจำนงต่อสู้ที่รุนแรง แต่เจตจำนงนี้ก็ถูกเก็บงำไว้อย่างดี และจะไม่ถูกตรวจพบโดยคนทั่วไป

ด้วยสายตาของเขาที่จ้องมองไปยังจื่อหยูเย่ เซี่ยฮัวชือจึงไม่ได้สังเกตเห็นหลี่ฟู่เฉิน

“หกนายน้อย… น่าสนใจ”

เซี่ยฮัวชือค่อนข้างไม่พอใจที่เขาไม่สามารถมีรายชื่ออยู่ในกลุ่มชนชั้นสูงเหล่านั้นได้

แต่เขาก็ไม่ได้สนใจมากนัก เพราะรู้ว่าวันหนึ่ง เขาจะสามารถกอบกู้เกียรติยศและศักดิ์ศรีที่เป็นของเขากลับคืนมาได้ หากมีโอกาส เขาก็ไม่รังเกียจที่จะเอาจื่อหยูเย่ออกจากใจเป็นการส่วนตัว

ในสายตาของเขาบรรดาอัจฉริยะที่มีศักยภาพสูงล้วนเป็นเหยื่อของเขา

จื่อหยูเย่เองก็ไม่มีข้อยกเว้นเช่นกัน

จื่อหยูเย่ไม่ใช่คนธรรมดาและประสาทสัมผัสของเขาน่ากลัวอย่างยิ่ง

เขาสังเกตเห็นมันในทันทีและมองไปที่เซี่ยฮัวชือ

ดวงตาของพวกเขาทั้งคู่สบตากันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

“เซี่ยฮัวชือจากตระกูลต้วนหลินมีเจนตาที่จะสังหารข้า?” มุมปากของจื่อหยูเย่แสยะยิ้ม

เขาไม่ใช่คนใจดีและเป็นคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ และเขาก็ไม่ได้คาดหวังให้คนอื่นมากำหนดเป้าหมายเป็นเขา

มีเจตจำนงที่ลึกปรากฏขึ้นในสายตาของจื่อหยูเย่มันพุ่งเข้าหาเซี่ยฮัวชือ

แต่เซี่ยฮัวชือก็ถอนสายตาออกในเวลานี้เอง

มันคงไม่ฉลาดที่จะปะทะกับจื่อหยูเย่ในตอนนี้ และเขาก็ไม่ต้องการให้โอกาสกับเป้าหมายของเขาด้วยเช่นกัน

มีคนเข้ามามากขึ้นและชูมู่หยูเองก็มาด้วยเช่นกัน

ในฐานะหนึ่งในโครงกระดูก 6 ดาวทั้งสองของหุบเขานิรันดร์ ชูมู่หยูเองก็มีฉายาว่าเทพธิดา โดยที่ไม่ต้องพูดถึงศักยภาพโดยกำเนิดของเธอ เพียงแค่รูปลักษณ์ภายนอกของเธอก็มีเสน่ห์เพียงพอที่จะข่มผู้หญิงคนอื่นๆ ทั้งหมดแล้ว

เธอกวาดสายตามองไปที่จื่อหยูเย่และเซี่ยฮัวชือ ในขณะที่มีการแสดงออกไม่แยแสปรากฏอยู่บนใบหน้าของเธอ

ไม่รู้ว่าทำไมร่างของ หลี่ฟู่เฉินถึงปรากฏขึ้นในใจของเธอ

“ข้าสงสัยว่าเขาจะอยู่ที่นี่ด้วยรึเปล่า?”

สัญชาตญาณของผู้หญิงคนหนึ่งน่ากลัวมาก

ในตอนแรกเธอไม่ได้นับถือหลี่ฟู่เฉินและไม่คิดว่าเขามีค่าซักเท่าใดนัก แต่หลังจากเหตุการณ์ทั้งหมดในหลุมฝังศพ หลี่ฟู่เฉินได้ทิ้งความประทับใจไว้ในส่วนลึกของเธอ

ลึกอย่างไม่น่าเชื่อ

หากหกนายน้อย สี่เทพธิดา และสาวราชาดาราเป็นบุคลที่มีพรสวรรค์อยู่ในโลกด้านสว่าง เช่นนั้นแล้วหลี่ฟู่เฉินก็คงเป็นดารายักษ์ที่ซ่อนอยู่ในความมืดมิด ตัวตนแทบจะจืดจาง แต่ก็ไม่สามารถละเลยได้

สำรวจพื้นที่ทั้งหมด ทันใดนั้นชูมู่หยู่ก็สังเกตเห็นร่างของหลี่ฟู่เฉิน

ไม่จำเป็นต้องลังเล ชูมู่หยู่เหลือบมองไปที่หลี่ฟู่เฉิน

“ซ่อนอยู่ในความมืด?” ชูมู่หยูอยากรู้อยากเห็นมาก

“หลี่ฟู่เฉิน ดูเหมือนว่าเจ้าจะสบายดี” ชูมู่หยูใช้พลังฉีของเธอเพื่อส่งข้อความถึงหลี่ฟู่เฉิน

หลี่ฟู่เฉินตอบ “ดูเหมือนว่าข้าจะไม่สามารถซ่อนตัวจากเจ้าได้”

เขารู้ดีว่าเขาไม่สามารถซ่อนตัวจากคนที่คุ้นเคยกับเขาได้ รูปร่างหน้าตาของเขาสามารถเปลี่ยนแปลงได้ แต่สภาวะพลังฉีของเขาก็ยังคงเดิม

“เจ้าถูกตามล่าตัวใช่หรือไม่?” ชูมู่หยูถาม

หลี่ฟู่เฉินตอบกลับ “การระมัดระวังเป็นเรื่องดีเสมอ แต่เมื่อเขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับเปิดขึ้น โดยธรรมชาติแล้วข้าย่อมเปิดเผยตัวตน”

เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะรักษาการปลอมตัวเช่นนี้ไว้ เมื่อเขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับเปิดขึ้น เขาก็จะเปลี่ยนกลับไปใช้ตัวตนเดิม

ตราบเท่าที่เขาสามารถเป็นศิษย์ส่วนตัวของหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับได้ เขาเชื่อว่านิกายสวรรค์ปีศาจก็คงจะไม่กล้าที่จะจัดการกับเขา หลังจากทั้งหมดแล้ว นิกายสวรรค์ปีศาจไม่มีหลักฐานว่าเขาเป็นผู้ร้ายที่สังหารหลี่หวูเซี่ย

หลี่ฟู่เฉินไม่ได้พิจารณาเสียด้วยซ้ำว่าเขาจะสามารถเป็นหนึ่งในศิษย์ส่วนตัวของผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับได้หรือไม่

หากเขาไม่ได้รับการยอมรับให้เป็นศิษย์ส่วนตัวด้วยศักยภาพโดยกำเนิดของเขา เช่นนั้นแล้วเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมรับชะตากรรมของตัวเอง


บทที่ 254


เขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับเปิดออก


 


800 กระบวนท่า 1000 กระบวนท่า…


 


ปิส!


 


ดาบของดาบคลั่งหลี่เซียงหรูแทงทะลุไหล่ลู่หยุนและเขาก็ได้รับชัยชนะไป


 


“ลู่หยุน เหอะ เจ้าช่างไร้ประโยชน์เสียจริง เจ้ากลับไปแพ้ให้คนที่อยู่อันดับต่ำกว่าเจ้าจริงๆ” ข้างนายน้อยดาบมังกร จื่อหยูเย่ เป็นชายดูน่าเกลียดที่แบกดาบขนาดใหญ่ไว้บนหลังของเขา


 


นักดาบที่น่าเกลียดผู้นี้คือ กงซุนยี่ ศิษย์หลักอันดับ 3 จากนิกายดาบมังกรฟ้า อยู่ในอันดับที่ 48 ในการจัดอันดับดารา บุคคลที่มีชื่อเสียงเหนือกว่าลู่หยุน


 


ลู่หยุนส่งเสียง ‘ฮึ่ม’ ออกมา และไม่ได้กล่าวอะไร


 


“หลี่เซียงหรู ความสามารถของเจ้านับว่าไม่เลว ข้าสงสัยว่าเจ้าจะสามารถรับดาบของข้าได้หรือไม่”


 


นักดาบที่น่าเกลียด กงซุนยี่ เพราะหน้าตาที่น่าเกลียดของเขา เขาจึงรู้สึกอ่อนไหวเกี่ยวกับวิธีที่ผู้คนมองเขา และเขาก็ชอบที่จะโอ้อวดความสามารถของตนเอง เขาอยากให้คนอื่นรู้ว่าถึงเขาจะขี้เหร่ แต่เขาก็เป็นเลิศในทุกสิ่งทุกอย่างนายน้อยดาบมังกร จื่อหยูเย่จะไม่มีวันลดสถานะของเขาเข้าไปเกี่ยวข้องกับสถานการณ์เช่นนี้ แต่นักดาบที่น่าเกลียด กงซุนยี่คิดว่าเขาไม่ควรปล่อยโอกาสเช่นนี้ไป


 


จบคำกล่าวของเขา กงซุนยี่ไม่รอให้หลี่เซียงหรูตอบกลับ ก่อนที่เขาจะชักดาบขนาดใหญ่ออกมาด้วยมือซ้ายทันที


 


ไม่นานหลังจากนั้น ดาบเล่มหนึ่งก็พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าและปักเข้าไปที่หลี่เซียงหรู


 


ดาบพลังฉีที่สุดใสแพรวพราวราวกับดาวหางพุ่งเข้ามาหาหลี่เซียงหรู


 


“สิบดาบสังหาร!” หลี่เซียงหรูใช้ท่าสังหารของเขาทันที


 


“ครืน!”


 


หลี่เซียงหรูถูกบังคับให้ถอยกลับ ในขณะที่แขนของเขารู้สึกชา


 


เขาสามารถหลบการโจมตีของคู่ต่อสู้ได้ก็จริง แต่ฝ่ายตรงข้ามถามว่าเขาจะสามารถป้องกันดาบของเขาได้หรือไม่ ดังนั้นเขาจึงไม่มีเหตุผลที่จะหลบเลี่ยงมัน


 


ในสถานการณ์ที่หลี่เซียงหรูจำเป็นต้องปะทะ เขาด้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับกงซุนยี่ เขาเป็นศิษย์อันดับ 3 จากนิกายดาบมังกรฟ้า


 


นิกายดาบมังกรฟ้าเป็นหนึ่งในกองกำลังชั้นยอดของทวีปยูนิคอร์นตะวันออก โดยมีศิษย์หลัก 5 คนที่มีรายชื่ออยู่ในการจัดอันดับดารา


 


นอกจากนี้ทั้งหมดยังอยู่อันดับสูง


 


“ไม่เลว แต่ก็นับว่าไร้ค่าหากข้าใช้ดาบที่สอง” กงซุนยี่หัวเราะและเก็บดาบขนาดใหญ่ของเขาลงไป


 


การแสดงออกของหลี่เซียงหรูยังคงสงบ


 


ด้วยลักษณะความคิดเช่นนี้ มันทำให้หลี่ฟู่เฉินพยักหน้าเห็นชอบ


 


ในระหว่างการบ่มเพาะเต๋าแห่งการต่อสู้ ศักยภาพโดยกำเนิดเป็นสิ่งสำคัญ แต่ความมุ่งมั่นและภาวะอารมณ์ของคนๆ หนึ่งนั้นสำคัญยิ่งกว่า


 


หากปราศจากความมุ่งมั่นและภาวะอารมณ์ ก็คงไม่มีใครสามารถใช้ศักยภาพที่มีมาแต่กำเนิดได้อย่างเต็มที่ แม้ว่าศักยภาพโดยกำเนิดของใครคนนั้นจะด้อยกว่าผู้อื่นเล็กน้อย แต่ด้วยความมุ่งมั่นและภาวะอารมณ์เช่นนี้ เราก็จะสามารถทำลายขีดจำกัด และสามารถบรรลุสิ่งที่สูงกว่าได้


 


ภาวะอารมณ์ของหลี่เซียงหรูเป็นหนึ่งในภาวะอารมณ์ที่ดีที่สุดที่เขาเคยเห็น


 


หากเขามีศักยภาพโดยกำเนิดสูง หลี่ฟู่เฉินเดาว่าหลี่เซียงหรูก็จะสามารถเดินไปได้ไกลมากขึ้นในเขตแดนเส้นทางแห่งดวงดาว


 


“นิกายวารีครามของเจ้าค่อนข้างโชคดีที่มีเจ้า และดาบคลั่งหลี่เซียงหรู” ชูมู่หยูเองก็พยักหน้าเห็นด้วย ในขณะที่ส่งข้อความถึงหลี่ฟู่เฉิน


 


หลี่ฟู่เฉินยิ้ม “ดาบคลั่งชิเซียงเป็นตำนานในนิกายวารีครามเรา นี่เองก็เป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นเขา”


 


“ตำนาน หือ? เจ้าเหนือกว่าตำนานผู้นั้นเสียอีก” ชูมู่หยูแสดงความคิดเห็น


 


หลี่ฟู่เฉินกล่าว “เจ้ายกยอข้าเกินไปแล้ว”


 


“ในแง่ของสภาวะอารมณ์ เจ้าก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเขา ในแง่ของศักยภาพโดยกำเนิด เจ้าเหนือกว่าเขาอย่างเห็นได้ชัด ข้ากล่าวอะไรผิดหรือไร?”


 


หลี่ฟู่เฉินหัวเราะ และไม่กล่าวอะไรต่อ


 


***


 


ในเมื่อผู้ชนะระหว่างนิกายวารีครามและนิกายดาบเมฆาได้รับการตัดสินแล้ว ทุกคนจึงกลับไปที่เมือง


 


ในพริบตา ก็เหลือเวลาอีกเพียงสามวันก่อนการเปิดเขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับ


 


ที่ลานบ้าน…


 


“สามวายุทมิฬลอกเลียน!”


 


ร่างกายของหลี่ฟู่เฉินสั่นสะท้านขณะที่หลี่ฟู่เฉินอีกสองคนเดินออกมาจากร่างของเขา


 


“ในที่สุดข้าก็เข้าใจเจตจำนงสามวายุทมิฬลอกเลียน”


 


บนใบหน้าของหลี่ฟู่เฉินเผยรอยยิ้มออกมา ในขณะที่ร่างลอกเลียนแบบทั้งสองสลายไป


 


สามวายุทมิฬลอกเลียนเป็นเทคนิคตัวเบาระดับลึกลับขั้นกลาง


 


เมื่ออยู่ในขั้นกึ่งดีเลิศ มันสามารถสร้างร่างลอกเลียนแบบได้หนึ่งร่าง เมื่ออยู่ในขั้นดีเลิศ มันสามารถสร้างร่างลอกเลียนแบบได้สองร่าง เมื่อรวมกับร่างจริงก็รวมเป็นสามร่าง


 


เมื่ออยู่ในขั้นภสังค์พร้อมกับเข้าใจเจตจำนงสามวายุทมิฬลอกเลียน สองร่างลอกเลียนคงอยู่ แต่พวกมันก็จะดูสมจริงมากขึ้น


 


ไร้ซึ่งการคงอยู่ ร่างของหลี่ฟู่เฉินทะยานไปรอบๆ


 


เนื่องจากความรวดเร็วของเขา ลานกว้างจึงเต็มไปด้วยร่างของเขาและทั้งสามร่างก็เหมือนเป็นร่างจริง


 


“สามวายุทมิฬลอกเลียนนี้ไม่เพียงแต่สามารถสร้างร่างลอกเลียนแบบได้ แต่มันก็ยังรวดเร็วมากเช่นกัน หลังจากที่เข้าใจเจตจำนงเทคนิคตัวเบานี้แล้ว มันช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการเคลื่อนไหวของข้าขึ้นอย่างน้อยก็สองเท่า”


 


แนวคิดของพลังการเคลื่อนไหวที่เพิ่มขึ้นสองเท่าคืออะไร?


 


โดยที่ไม่ต้องกล่าวโอ้อวดใดๆ ในปัจจุบันหลี่ฟู่เฉินสามารถสังหารคนที่เคยปะทะกับเขาก่อนหน้านี้ได้ทันทีโดยไม่มีปัญหาใดๆ


 


แน่นอนว่าสิ่งที่จำเป็นต้องมีก็คือต้องพลังทำลายการป้องกัน


 


หากมีเพียงแค่ความเร็วและไร้พลังโจมตีก็ไร้ประโยชน์


 


เมื่อหลี่ฟู่เฉินโคจรสามวายุทมิฬลอกเลียน หลี่ฟู่เฉินจะไม่สามารถโคจรเทคนิคเพลิงโลกันต์แท้จริงได้ ซึ่งเป็นที่แน่นอนแล้วว่าเขาจะต้องเสียพลังในการโจมตีของเขาไปมาก


 


“ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร หลังจากเข้าใจเจตจำนงสามวายุทมิฬลอกเลียนแล้ว ความสามารถในการต่อสู้โดยรวมของข้าก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสามารถในการเอาชีวิตรอดของข้าซึ่งเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า”


 


เทคนิคตัวเบาที่ยอดเยี่ยมนับเป็นประโยชน์อย่างแท้จริง


 


หากหลี่ฟู่เฉินอยู่ในสถานการณ์ที่เขาสามารถทำลายการป้องกันของคู่ต่อสู้ได้ มันจะเป็นเรื่องที่น่ากลัวสำหรับศัตรูอย่างแท้จริง


 


สามวันผ่านไปไวราวกับโกหก


 


ห่างจากเมืองเมฆเขียว 300 ไมล์ก็คือภูเขาสูงลูกนี้


 


บนยอดเขานี้มีกึ่งห้องโถงพระราชวัง


 


ที่กล่าวว่ากึ่งไม่ใช่เพราะมันเป็นซากปรักหักพัง แต่เพราะมันหายไปกึ่งหนึ่งอย่างแท้จริง


 


ในทางตรงกันข้าม ส่วนของห้องโถงพระราชวังกลับดูโอ่อ่าและสง่างามยิ่ง ไม่มีรอยขีดข่วนแม้แต่รอยเดียว แต่ทว่าอีกกึ่งนั้นราวกับมันหายไปอีกโลก


 


ในตอนเช้าตรู่ ผู้คนจำนวนมากแห่กันไปที่ยอดเขานี้


 


หลี่ฟู่เฉินเงยหน้าขึ้นและมองขึ้นไปด้านบนของประตูห้องโถงพระราชวัง เขาเห็นกระดานซึ่งเขียนไว้ว่า – เขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับ


 


ลายมือที่เขียนดูแล้วทรงพลัง ดังเช่นว่ามันถูกแกะสลักด้วยอาวุธที่มีเจตจำนงขนาดยักษ์ทั้งยังดูลึกลับ


 


‘สมกับชื่อ – เขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับ’ หลี่ฟู่เฉินคิด


 


เขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับเป็นเขตแดนที่กึ่งเปิดกึ่งปิด ห้องโถงในพระราชวังนี้ไม่ได้เป็นผลงานของโลกนี้และเป็นโครงสร้างที่สร้างขึ้นจากเขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับ


 


หลายคนมาถึงจุดสูงสุดของภูเขา


 


นายน้อยมังกร จื่อหยูเย่ นักดาบผู้น่าเกลียดกงซุนยี่


 


เทพธิดามู่หยู ชูมู่หยู


 


เซี่ยฮัวชือ


 


นักดาบล่องเมฆา ลู่หยุน


 


ดาบคลั่งหลี่เซียงหรู ดาบพยัคฆ์เฉินหยวนหู ดาบไร้อารมณ์เซี่ยเฟิง และหลี่ฟู่เฉิน


 


มีอันดับดาราอย่างน้อยสิบคนอยู่ที่นี่ หลังจากเพิ่มคนทั้งหมดที่มีอยู่ก่อนแล้ว ที่นี่ก็มีนักสู้อย่างน้อย 500 คน


 


มีแปดคนที่มาจากนิกายวารีคราม


 


“ยังมีเวลาอีก 15 นาทีก่อนที่เขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับจะเปิดขึ้น ข้าสงสัยว่าจะมีกี่คนที่สามารถผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานแรกไปได้”


 


“มันคงจะเป็นเรื่องที่ดีมาก ถ้าหากหนึ่งในสิบคนสามารถผ่านไปได้”


 


“มันยากขนาดนั้นเลยหรือ?”


 


“เจ้าไม่เคยเข้าไปเลยอาจจะไม่รู้ ประตูเทพยุทธ์ทั้งแปดบานไม่ได้เพิ่มความยากเมื่อตอนที่เจ้าผ่านประตูไปได้แล้ว ประตูทั้งแปดไม่ได้แยกตามระดับ มันอยู่ที่ว่าเจ้าจะเหมาะสมหรือไม่เหมาะเพียงเท่านั้น หรือไม่ก็เจ้ามีศักยภาพเพียงพอ เจ้าก็จะเข้าไปได้ แต่ก็นะ… ผู้ที่สามารถผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่สองได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะมีศักยภาพโดยกำเนิดที่ดีกว่าผู้ที่ผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับได้แค่บานเดียว บางทีบุคคลผู้นั้นก็อาจแค่เหมาะสมกว่าเล็กน้อยเท่านั้น หรือไม่ก็มีศักยภาพรอบด้านมากกว่า”


 


“นั้นก็ถูก แต่ถ้าใครไม่สามารถผ่านได้แม้แต่กระทั้งประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานแรก คนผู้นั้นก็จะไม่มีวันได้เข้าสู้เขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับได้อีก เฮ้อ… คงจะดีไม่น้อย หากข้าระมัดระวังตัวมากกว่านี้ และมาถึงเขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับให้ช้ากว่านี้”


 


“นั้นซิ! ตอนนี้ข้ารู้สึกว่าข้าสามารถผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานแรกได้อย่างแน่นอน แต่น่าเสียดายที่ข้าไม่มีโอกาสอีกแล้ว”


 


ท่ามกลางฝูงชนที่นี่ ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถเข้าสู่เขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับได้ มีผู้ที่พยายามและไม่สามารถผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานไปได้อยู่ด้วย ดังนั้นพวกเขาจึงมาที่นี่ดูเท่านั้น เนื่องจากพวกเขาเสียโอกาสไปแล้ว


 


ครืน!


 


15 นาที่ต่อมา ทันใดนั้นประตูห้องโถงพระราชวังก็เปิดออก ในขณะที่แสงสีรุ้งพุ่งออกมาจากภายในและส่องสว่างอยู่บนยอดเขา


 


“เขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับเปิดแล้ว”


 


ทุกคนกลั้นหายใจและไม่กระพริบตา


 


ในขณะนี้เอง ร่างที่สง่างามค่อยๆ ควบแน่นและลอยขึ้นมากลางอากาศ


 


มันเป็นร่างที่ดูแล้วกึ่งจริงกึ่งเท็จ


 


“ผู้ที่สูญเสียคุณสมบัติจะต้องไม่เข้าไปในเขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับ ไม่เช่นนั้นแล้ว พวกเขาจะถูกลบเลือนให้หายไป” เงาที่ว่างเปล่ากล่าวอย่างไร้ความปรานี


 


รับฟังคำเตือน ไม่มีใครมีปฏิกิริยาที่รุนแรง


 


เงาที่ว่างเปล่านี้ไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับ และดูเหมือนจะไม่มีชีวิต


 


แต่ความสามารถของมันก็แข็งแกร่งมาก มีนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดคนนึงที่พยายามจะเข้าสู่เขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับ แต่ก็ถูกลบหายไปด้วยการลงมือเพียงครั้งเดียว นั้นก็หมายความว่าเงาที่ว่างเปล่านี้มีความสามารถที่เหนือกว่าผู้ที่อยู่ในขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิด


บทที่ 255


คืนสู่รูปลักษณ์ที่แท้จริง


(แอดแปลพลาดไป จื่อหยูเย่ยังไม่เคยเข้าไปในเขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับมาก่อน)


 


“น่าสนใจ”


จื่อหยูเย่จ้องไปที่เงาว่างเปล่าและสัมผัสได้ถึงพลังของมัน


 


หากเจตจำนงเต๋าต่อสู้มีพลังของเต๋าสวรรค์ มันก็จะเป็นเต๋าต่อสู้ระดับปฐพีได้โดยธรรมชาติ เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นเจตจำนงเต๋าต่อสู้ระดับสวรรค์


 


เต๋าต่อสู้ระดับสวรรค์เป็นพลังที่คล้ายกับพระเจ้า


 


มันไม่จำเป็นต้องเคลื่อนไหวใดๆ ก็กำจัดนักสู้ในขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดได้


 


“เนื่องจากเขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับกำลังจะเปิดขึ้น ข้าก็คงไม่จำเป็นที่จะต้องปลอมตัวอีกต่อไป” หลี่ฟู่เฉินเอื้อมมือมาทาบที่หน้า ฟื้นฟูรูปลักษณ์ที่แท้จริงของเขากลับมา


 


“บุคคลผู้นี้ปลอมตัวมา?” มีคนสังเกตเห็นพฤติกรรมที่ผิดปกติของหลี่ฟู่เฉินและร้องอุทาน


 


“มันเป็นเขา?”


 


มีหลายคนที่จำหลี่ฟู่เฉินได้


 


ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา หลี่ฟู่เฉินเป็นที่ต้องการของนิกายสวรรค์ปีศาจ และหลายเมืองก็มีใบประกาศจับของหลี่ฟู่เฉิน


 


“บุคคลผู้นี้เป็นที่ต้องการของนิกายสวรรค์ปีศาจ และนิกายสวรรค์ปีศาจจะต้องไม่ตัวเขาออกไปอย่างแน่นอน ข้าไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะเปิดเผยตัวตนเช่นนี้”


 


“หากข้าเดาไม่ผิด เขาคงต้องการเป็นศิษย์ส่วนตัวของผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับ หากมันเกิดขึ้น นิกายสวรรค์ปีศาจก็คงจะไม่กล้าแตะต้องเขาอีกต่อไป”


 


“ฝันไปเถอะ การเป็นศิษย์ส่วนตัวจะไปง่ายขนาดนั้นได้อย่างไร? หากมันง่ายขนาดนั้น โลกทั้งโลกก็คงจะเต็มไปด้วยศิษย์หลักของผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับ ข้าคิดว่าเขากำลังหลงระเริงไปกับจินตนาการของตนเอง และเขาก็มีความมั่นใจมากเกินไป ข้าอยากเห็นว่าเขาจะทำอะไรหลังจากที่ล้มเหลวไปแล้ว”


 


“บางที เขาอาจจะถูกจับโดยผู้เชี่ยวชาญของนิกายสวรรค์ปีศาจ เมื่อตอนที่เขาออกมา” ทุกคนหัวเราะอย่างเย็นชา


 


“มันคือหลี่ฟู่เฉิน การตายของนายน้อยผู้นั้นเกี่ยวข้องกับเขาอย่างแน่นอน”


 


มีศิษย์หลักระดับทองจากนิกายสวรรค์ปีศาจอยู่ทีนี่ด้วยเช่นกัน เมื่อพวกเขาได้ยินคำกล่าวของคนเหล่านั้น พวกเขาทั้งหมดมองตามไป


 


หลี่ฟู่เฉินไม่สนใจสายตาของทุกคน ขณะที่เดินไปหาดาบคลั่ง หลี่เซียงหรูและคนอื่นๆ เขาป้องกำปั้นและทักทาย “ชิเซียงทั้งหลาย ข้าหลี่ฟู่เฉิน”


 


“ข้าเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับเจ้า” หลี่เซียงหรูพยักหน้าทักทาย


 


เฉินหยวนหูเองก็พยักหน้าเช่นกัน “เจ้าทำได้ดีมากเมื่อตอนเขตแดนร้อยสมุนไพรเร้นลับ”


 


เขาเคยได้ยินเรื่องของหลี่ฟู่เฉินที่รับหน้าที่เป็นผู้นำในเขตแดนร้อยสมุนไพรเร้นลับ ก่อนที่หลี่ฟู่เฉินจะประสบความสำเร็จเช่นนี้ ก็มีเพียงเฉพาะดาบคลั่งหลี่เซียงหรูเท่านั้นที่สามารถทำได้


 


“เราพบกันอีกครั้งแล้ว” เซี่ยเฟองรู้จักหลี่ฟู่เฉิน


 


สาเหตุที่เขาตรวจหาไม่พบหลี่ฟู่เฉิน ส่วนใหญ่เป็นเพราะเขาไม่ได้มีเจตนาที่จะทำเช่นนั้น หากเขาตั้งใจที่จะทำ แม้ว่าหลี่ฟู่เฉินจะปลอมตัวมา เขาก็คงจะยังจำเขาได้


 


“ข้าได้ยินมาว่าเจ้าเอาชนะเสี่ยวไบ๋และหรันเฉียนฉิวได้ เป็นเช่นนั้นหรือ?” เซี่ยเฟิงสอบถาม


 


เมื่อเขาผ่านเมืองฝนใบไม้ เขาจึงได้รับรู้เกี่ยวกับความสามารถของหลี่ฟู่เฉินในงานเลี้ยงน้ำชาฝนใบไม้ได้โดยไม่ได้ตั้งใจ การเอาชนะอันดับดาราที่มีชื่อเสียง เสี่ยวไบ๋และหรันเฉียนฉิวได้ทำให้เขาประหลาดใจ


 


“โอ้! เป็นเรื่องจริงหรือไม่?” ดวงตาของเฉินหยวนหูสว่างขึ้น


 


เสี่ยวไบ๋และหรันเฉียนฉิวไม่ใช่หัวหลักหัวตอ แต่หลี่ฟู่เฉินอยู่ในระดับที่ 5 ของขอบเขตปฐพีกลับสามารถเอาชนะทั้งสองคนได้ ความสามารถนี้เพียงพอที่จะส่งผลต่ออารมณ์ของเขา


 


“ข้าก็แต่โชคดี” หลี่ฟู่เฉินหัวเราะ


 


หลี่เซียงหรูสำรวจหลี่ฟู่เฉิน “ถ้ามีโอกาส ไว้ค่อยมาพบกันดีๆ อีกครั้ง”


 


หากหลี่ฟู่เฉินสามารถเอาชนะเสี่ยวไบ๋และหรันเฉียนฉิวได้ ความสามารถของเขาก็คงจะไม่ด้อยไปกว่าเฉินหยวนหู


 


ประเด็นที่สำคัญคือหลี่ฟู่เฉินอายุน้อยกว่าเฉินหยวนหู


 


“แน่นอน” หลี่ฟู่เฉินพยักหน้า


 


ในขณะนี้เขาไม่จำเป็นต้องเจียมเนื้อเจียมตัวมากเกินไปนัก บางครั้ง การเจียมเนื้อเจียมตัวเกินไปก็จะดูคล้ายกับว่าเขาเป็นคนที่เจ้าเล่ห์และหยิ่งผยอง


 


“เจ้าไม่ควรเปิดเผยตัวตนของเจ้าในเวลานี้” เฉินหยวนหูขมวดคิ้ว


 


หลี่ฟู่เฉินกล่าว “หากข้าเป็นศิษย์ส่วนตัวภายใต้ผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับ นิกายสวรรค์ปีศาจจะยังกล้าแตะต้องข้าอยู่อีกหรือ?”


 


“โดยธรรมชาติแล้วก็ไม่” เซี่ยเฟิงตอบกลับ “แม้ว่านิกายสวรรค์ปีศาจจะมีสามความกล้าและหนึ่งบ้าบิ่น พวกเขาก็คงจะไม่กล้าทำ ความโกรธเกรี้ยวของผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับไม่ใช่สิ่งที่นิกายทั่วไปจะทนได้ แต่การเป็นศิษย์ส่วนตัวภายใต้ผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธิ์เร้นลับไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่พูด”


 


เฉินหยวนหู่ขมวดคิ้วและไม่ได้แสดงความคิดเห็น เขารู้สึกว่าหลี่ฟู่เฉินมีความมั่นใจมากเกินไป


 


เพื่อที่จะเป็นศิษย์ส่วนตัวภายใต้ผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับ เขาจะต้องผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่ห้าเป็นอย่างน้อย


 


แม้ว่าหลี่ฟู่เฉินจะสามารถเอาชนะเสี่ยวไบ๋และหรันเฉียนฉิวได้ มันก็ยังคงยากอยู่ดีที่จะผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่ห้า


 


มีบางสิ่งที่แม้ว่าเจ้าจะมั่นใจ เจ้าไม่ก็ควรโอ้อวดเกินไป


 


หลังจากทั้งหมดแล้ว แม้แต่กระทั้งโครงกระดูก 6 ดาวก็ยังไม่กล้าบอกว่าพวกเขาจะสามารถผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่ห้าได้อย่างแน่นอน


 


หากหลี่ฟู่เฉินไม่ใช่ศิษย์หลักของนิกายวารีคราม เฉินหยวนหูก็คงจะเย้ยหยันเขาไปแล้ว


 


“ไปแจ้งพวกระดับบน บอกพวกเขาว่าหลี่ฟู่เฉินอยู่ที่นี่” ศิษย์หลักระดับทองสองสามคนจากนิกายสวรรค์ปีศาจใช้พลังฉีของพวกเขาเพื่อส่งข้อความ เพียงไม่กี่ลมหายใจ แต่ละคนก็ลงจากภูเขาและมุ่งหน้าไปยังเมืองเมฆเขียว“มันเป็นเขา?” เซี่ยฮัวชือจำหลี่ฟู่เฉินได้


 


เขาคล้ายกับเซี่ยเฟิง เพราะเขาไม่สนใจการดำรงอยู่ของหลี่ฟู่เฉินมากนัก ไม่เช่นนั้น เขาก็คงพบหลี่ฟู่เฉินไปแล้ว


 


รูปลักษณ์อาจหลอกลวงผู้คนได้ แต่สภาวะพลังฉีของเขาก็ยังคงเป็นของจริง ถึงยังไงเขาก็คือขอบเขตปฐพี มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถปกปิดการคงอยู่ของพวกเขาได้


 


“ข้าสงสัยว่าเขาผ่านด่านที่ห้าของเขตแดนเส้นทางดวงดาวไปได้หรือไม่”


 


นี่เป็นสิ่งที่เซี่ยฮัวชือกังวลมาก


 


หากหลี่ฟู่เฉินผ่านด่านที่ห้าไปได้จริงๆ เขาก็คงต้องสังหารหลี่ฟู่เฉินด้วยทุกอย่างที่เขามี


 


“หากมีโอกาส ข้าต้องกำจัดเขา ข้าสมควรจะมีพลังแห่งโชคเพิ่มขึ้นหลังจากที่ข้าสังหารเขาได้”


 


เซี่ยฮัวชือกลอกตาและซ่อนเจตนาสังหารของเขาลงไป


 


ฮังเฟิงเป็นอีกคนที่จำหลี่ฟู่เฉินได้ ซึ่งตอนนี้เขามีสีหน้าที่ซีดเซียว


 


เมื่อเทียบกับเซี่ยฮัวชือ เขาถูกหลี่ฟู่เฉินหยอกล้อได้อย่างสมบูรณ์ในเขตแดนเส้นทางดวงดาว


 


“ฮึ่ม ข้าไม่คิดเคลื่อนไหวด้วยตัวเองแน่ ศิษย์หลักของนิกายสวรรค์ปีศาจได้ไปแจ้งใครบางคนแล้ว”


 


เมื่อหลี่ฟู่เฉินกลับมาใช้รูปลักษณ์ที่แท้จริงของเขาแล้ว มันก็ทำให้เกิดความปั่นป่วนบนยอดเขาไม่น้อย


 


แต่ในไม่ช้า ความตื่นเต้นก็ลดลง ก็ในเมื่อความสนใจของทุกคนกลับมาที่ประตูห้องโถงของพระราชวังอีกครั้ง


 


“ไป เข้าไป”


 


บรรดาผู้ที่มีคุณสมบัติในการเข้าสู่เขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับทั้งหมดได้เข้าไปในประตูโถงพระราชวังทีละประตู


 


ในพริบตา ก็มีเพียงไม่กี่เท่านั้นที่เหลืออยู่บนยอดเขา


 


คนทั้งหมดนี้เป็นคนที่สูญเสียคุณสมบัติ


 


“เฮ้อ ช่างน่าเสียดาย ทำไมเราถึงมีโอกาสอีกไม่ได้? ตราบเท่าที่ข้าสามารถผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานแรกได้ ข้าก็คงมีความหวังที่จะได้เป็นศิษย์ในสายภายใต้ผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับ นี่คือสถานะที่น่ากลัวยิ่งกว่าสถานะของผู้อาวุโสสูงสุด”


 


“ตอนนั้นข้ารีบมากเกินไป ข้าต้องการแข็งแกร่งให้เร็วขึ้นและสุดท้ายก็ลงเอยเช่นนี้”


 


มองคนอื่นๆ ที่เข้าประตูวังไปอย่างไม่สามารถทำอะไรได้ ทุกคนที่ถูกทิ้งต่างก็สำนึกผิด หากเงาที่ว่างเปล่าไม่ได้ยืนเฝ้า พวกเขาอาจต้องพยายามลองดู


 


แน่นอนว่านี่เป็นเพียงความตั้งใจของพวกเขา แม้จะไม่มีเงาที่ว่างเปล่ายืนเฝ้าอยู่ พวกเขาไม่กล้าเข้าไปจริงๆ อยู่ดี


 


พวกเขาเป็นเพียงนักสู้ขอบเขตปฐพีแต่เพียงเท่านั้น


 


***


 


หลังจากเข้าประตูวังแล้ว ทุกคนเดินทางไปตามทางยาว


 


เส้นทางนี้ดูเหมือนจะมีไว้สำหรับยักษ์ เนื่องจากมันกว้างกว่าหลายร้อยเมตรและยาวมากกว่าหนึ่งร้อยไมล์


 


ทุกๆ ส่วนของระยะทางบนเส้นทาง จะมีประตูหินซึ่งดูเหมือนว่าจะสามารถให้คนมากกว่าร้อยคนผ่านไปได้ในเวลาเดียวกันตั้งอยู่ มีทั้งหมดแปดประตู


 


“ดังนั้น นั้นก็คือประตูเทพยุทธ์เร้นลับทั้งแปดบาน?”


 


หลี่ฟู่เฉินตรวจสอบประตูหินแปดประตูและภูเขาทั้งสองด้านของเส้นทาง


 


เส้นทางนี้วิ่งผ่านเทือกเขาและในบรรดาภูเขาเหล่านี้มียอดเขาหลักแปดยอด


 


ยอดเขาหลักทุกแห่งมีที่พำนัก


 


หกที่พำนักที่ใกล้กับผู้ที่เข้ามาทำการทดสอบมากที่สุด มีหกคนในที่ๆ แตกต่างกันลืมตา


 


“สามเดือนผ่านไปแล้ว ข้าสงสัยว่าครั้งนี้จะมีต้นกล้าที่ดีหรือไม่” ชายชราผมหงอกผู้ที่มีดวงตาลึกล้ำพึมพำ และหลับตาลงไม่นานหลังจากนั้น


 


“ครั้งก่อน เหลาสือรับศิษย์ส่วนตัวที่มีความสามารถมากมา ข้าหวังว่าจะมีคนที่ตรงตามความคาดหวังของข้ามาบ้าง” ชายผู้มีนัยน์ตาคล้ายผลอินทผลัมหัวเราะเบาๆ และค่อนข้างสนใจ


(หมายเหตุ TL: เหลาสือหมายถึง ผู้เฒ่าอันดับสี่ ซึ่งอยู่ในอันดับที่สี่)


 


สาวงามวัยกลางคนที่ดูสง่างามกล่าว “ข้าจะรับเฉพาะศิษย์ที่เป็นผู้หญิงเท่านั้น ข้าสงสัยว่าจะมีศิษย์ผู้หญิงคนใดที่จะทำให้ตาของข้าเบิกกว้างขั้นได้”


 


บุคคลทั้งหกนี้มักรับลูกศิษย์เป็นประจำ บางคนก็เป็นศิษย์ในสาย ในขณะที่มีศิษย์ส่วนตัวด้วยเช่นกัน


 


แน่นอนว่ามีศิษย์ส่วนตัวเพียงไม่กี่คนเท่านั้น เว้นเสียแต่จะมีนักสู้ที่ผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่ห้าอยู่ด้วย โดยทั่วไปแล้วพวกเขาจะไม่รับพวกเขาในฐานะศิษย์ส่วนตัว เว้นแต่บุคคลผู้นั้นจะมีความพิเศษมากหรือมีคุณลักษณะบางอย่างที่ผิดปกติ


 


แต่ถ้าใครสักคนสามารถผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่หกได้ แน่นอนว่าพวกเขาจะรับบุคคลผู้นั้นมาเป็นศิษย์ส่วนตัว


 


คนที่สามารถผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่หกได้มีน้อยเกินไป มันคงจะน่าเสียดายที่จะพลาดพวกเขาไป


บทที่ 256


เร็วกว่าหนึ่งก้าว


 


สำหรับสองที่พำนักสุดท้าย มีชายผู้สง่างามและชายชราผมขาวซึ่งไม่ได้ลืมตาขึ้นมา


พวกเขาไม่เคยรับศิษย์ส่วนตัวมาก่อน และมีเพียงศิษย์ในสายเพียงไม่กี่คนเท่านั้น


 


ไม่ใช่เพราะพวกเขาเป็นคนที่จู้จี้จุกจิก แต่คนที่ตอบสนองความต้องการของพวกเขาได้นั้นน้อยเกินไป


 


โดยพื้นฐานแล้วพวกเขาไม่มีความคาดหวังใดๆ เลย


 


ที่ประตูหินบานแรก ทุกคนหยุดอยู่ที่นั่น


 


“ประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่หนึ่ง มันอาจง่ายราวกับพลิกมือ แต่หากมันไม่ได้เป็นเช่นนั้น มันก็จะยากไปถึงที่สุด”


 


ทุกคนรู้สึกไม่แน่ใจ รวมถึงผู้จัดอันดับดาราบางคนก็เป็นเช่นเดียวกัน


 


“ไม่มีอะไรให้ต้องกลัว ข้าไม่เชื่อว่าข้าจะผ่านมันไปไม่ได้” หนึ่งในพวกเขาเข้าไปในประตูหิน


 


ฟึบ!


 


ประตูหินมองดูแล้วเหมือนจะไม่มีความสามารถใดๆ แต่เมื่อบุคคลผู้นี้เข้าไป เขาก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยทันที


 


หลังจากมีคนเข้าไป เหล่าคนที่เหลือก็ไม่ลังเลอีกต่อไป ขณะที่พวกเขาทั้งหมดตามเข้าไป


 


หลี่ฟู่เฉินตามมาข้างหลังอย่างใกล้ชิดเช่นกัน


 


ในช่วงเวลาต่อมาเขาปรากฏตัวขึ้นในพื้นที่นึง


 


นี่คือพื้นที่ที่เป็นหนองน้ำ ทั่วทั้งสวรรค์และโลกไม่มีอะไรเลยนอกจากหนองน้ำ


 


“การทดสอบเทคนิคตัวเบา?” หลี่ฟู่เฉินขมวดคิ้ว


 


เขาร่อนลงบนหนองน้ำอย่างนุ่มนวลซึ่งมันก็ไม่มีแม้แต่ระลอกคลื่นใดๆ


 


“มันไม่สำคัญ เมื่อมีปัญหาใดๆ ข้าก็จะแก้ไขปัญหาตามสิ่งนั้น นี่เป็นเพียงประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานแรก ไม่จำเป็นต้องคิดมากเกินไป”


 


โคจรพลังฉี หลี่ฟู่เฉินเริ่มทะยานไปตามหนองน้ำ


 


หนองน้ำแห่งนี้ดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด หลังจากวิ่งมามากว่าสองชั่วโมง หลี่ฟู่เฉินก็ยังมองไม่เห็นจุดจบ


 


ซุ่ม ซุ่ม!


 


โดยที่ไม่รู้ตัว ระลอกคลื่นเรื่มปรากฏขึ้นบนหนองน้ำ


 


ระลอกคลื่นนี้ ทำให้หลี่ฟู่เฉินรู้สึกได้ว่าความเร็วของเขามันลดลงอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ ความเหนียวจากหนองน้ำที่ด้านล่างจากฝ่าเท้าของเขาก็รู้สึกแข็งแกร่งยิ่งขึ้น


 


เมื่อร่างกายของเขาหยุดนิ่ง หลี่ฟู่เฉินก็ถูกแรงกระเพื่อมผลักถอยหลังกลับไปหลายเมตร


 


‘ดูเหมือนว่านี่จะเป็นการทดสอบเทคนิคตัวเบาอย่างหนึ่ง’


 


ใช้สามวายุทมิฬลอกเลียน หลี่ฟู่เฉินพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ทั้งร่างของเขากลายเป็นภาพซ้อนทับที่กำลังแล่นไปทั่วบึง ซึ่งร่างเหล่านั้นก็ตามร่างข้างหน้าไปติดๆ


 


ในขณะเดียวกันคนอื่นๆ ก็ทะยานอยู่บนหนองน้ำเช่นกัน


 


“ข้าทำไม่ได้… เทคนิคตัวเบาคือจุดอ่อนของข้า เวรเอ้ย” ชายหนุ่มคนหนึ่งพยายามทะยานไปตามหนองน้ำด้วยสีหน้าหดหู่


 


หนองน้ำนี้ไม่ใช่หนองน้ำธรรมดา มันมีแรงหน่วงเหนียวที่แข็งแกร่ง ทุกครั้งที่พวกเขาก้าวไปจึงต้องใช้แรงจำนวนมาก


 


“อ๊าก!”


 


ชายหนุ่มคนหนึ่งตะโกนออกมาอย่างไม่เต็มใจ ขณะที่ร่างทั้งหมดของเขาทรุดลงไปบนหนองน้ำและไม่สามารถเดินหน้าออกไปได้อีก คลื่นในบึงพุ่งขึ้นและกลืนกินชายหนุ่มผู้นั้น


 


ภายในสองชั่วโมง มากกว่าครึ่งกลุ่มถูกกำจัดออกไป


 


“ทำไม่ได้ ประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานแรกอาจดูเหมือนการทดสอบเทคนิคตัวเบา แต่จริงๆ แล้วมันเป็นการทดสอบการควบคุมพลังฉี หากเจ้าไม่สามารถควบคุมพลังฉีของตัวเองได้ เจ้าก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะอยู่ในเขตแดนเทพยุทธ์เร้น


 


ลับ” ชายร่างผอมยิ้มเยาะอยู่ในที่พำนักแห่งหนึ่ง


 


ยิ่งไปไกลเท่าไหร่ความถี่ของระลอกคลื่นก็ยิ่งเร็วขึ้นเท่านั้น ซึ่งนี่ทำให้ทุกคนตื่นตะลึง


 


โชคดีที่นี่ไม่ยากเกินไปสำหรับหลี่ฟู่เฉิน หากเป็นเพียงการทดสอบเทคนิคตัวเบา เขาก็ไม่มีอะไรต้องกลัว


 


หนึ่งชั่วโมงต่อมา ในที่สุดหลี่ฟู่เฉินก็มองเห็นทางออก


 


ทางออกอยู่ในอากาศเหนือหนองน้ำ หลี่ฟู่เฉินเหยียบลงบนพื้นผิวของหนองน้ำอย่างแรงและกำจัดอาการหน่วงเหนียวออก ร่างของเขาลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าและรีบวิ่งผ่านไปที่ทางออกทันที


 


ฟึบ!


 


ทันใดนั้นเองหลี่ฟู่เฉินก็กลับมาที่เส้นทาง และตรงหน้าของเขาก็คือประตูหินบานที่สอง


 


ฟึบ!


 


ขณะที่หลี่ฟู่เฉินออกมาก็มีร่างที่ตามเขามาด้วยเช่นกัน


 


มันคือนายน้อยมังกร จื่อหยูเยา


 


“อ้ะ!”


 


เมื่อจื่อหยูเย่เห็นหลี่ฟู่เฉิน เขารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย


 


ในฐานะที่เป็นหนึ่งในหกนายน้อย โดยพื้นฐานแล้วไม่มีอะไรที่เขาไม่เชี่ยวชาญ


 


นอกเหนือจากทักษะดาบของเขาแล้ว เทคนิคตัวเบาก็เป็นหนึ่งในความเชี่ยวชาญของเขา


 


เดิมทีเขาคิดว่าเขาจะเป็นคนแรกที่ผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับเป็นคนแรก เขาไม่คาดคิดว่าจะมีคนนำหน้าเขาไปแล้ว


 


“น่าสนใจ เขาใช้แรงหมดไปแล้วหรือไม่?”


 


จื่อหยูเย่ไม่ได้กังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะนี้เป็นแค่ประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานแรก เขาจึงไม่ได้ใช้แรงทั้งหมดที่มีไป และมันก็เพราะเขาไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น


 


ด้วยแสงวูบวาบจื่อหยูเย่พุ่งเข้าไปในประตูหินบานที่สอง


 


‘ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาคือนายน้อยดาบมังกร’ หลี่ฟู่เฉินชมเชยอยู่ในใจของเขา


 


ประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานแรกไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะหลี่ฟู่เฉินเองที่สามารถผ่านมันไปได้ก็เพราะเขาใช้สามวายุทมิฬลอกเลียน เขาไม่ได้คาดว่านายน้อยดาบมังกร จื่อหยูเย่จะตามหลังเขามาเช่นนี้ และดูเหมือนว่าพวกเขาจะผ่านประตูแรกในเวลาเดียวกัน


 


ตามหลังไปอย่างใกล้ชิด หลี่ฟู่เฉินเองก็เข้าไปในประตูที่สองด้วยเช่นกัน


 


หลังจากนั้นสักครู่ เซี่ยฮีวชือ ชูมู่หยู และคนอื่นๆ ก็ออกมา พวกเขาสบตากันก่อนจะเดินเข้าไปในประตูหินบานที่สอง


 


พื้นที่ภายในประตูบานที่สองให้ความรู้สึกยิ่งใหญ่


 


ในพื้นที่นี้มีเพียงยอดเขาที่ทั้งหนาและทึบ


 


ภูเขามีความลาดชันซึ่งไม่สามารถเดินขึ้นไปได้ ยิ่งไปกว่านั้น แรงโน้มถ่วงในอากาศก็แข็งแกร่งมากเสียจนทำให้ยากที่จะกระโดด


 


เดินไปที่เชิงเขา หลี่ฟู่เฉินตระหนักได้ว่ามีประตูหินขนาดใหญ่ที่ปิดสนิทตั้งไว้อยู่ มันสูงประมาณ 30 เมตรกว้าง 20 เมตร ขณะที่เขายืนอยู่ที่หน้าประตูหิน เขารู้สึกได้ถึงการสภาวะพลังฉีอันยิ่งใหญ่ซึ่งทำร้ายจิตสำนึกของเขา


 


“ข้าต้องผลักประตูหินนี้ให้เปิดออกหรือไม่” หลี่ฟู่เฉินกล่าวด้วยความอยากรู้อยากเห็น


 


กดมือทั้งสองข้างของเขาลงบนประตูหิน หลี่ฟู่เฉินระเบิดพลังฉีของเขาและผลักไปข้างหน้าอย่างแรง


 


ครืน…


 


ประตูหินที่ถูกผลักเปิดออกเกิดเสียงดัง ซึ่งดูเหมือนจะค่อนข้างง่าย


 


แต่หลังจากเปิดประตูหินนี้ ประตูหินสูง 50 เมตรอีกบานเข้ามาในระยะสายตา


 


ครั้งนี้หลี่ฟู่เฉินไม่สามารถเปิดประตูหินได้ทั้งๆ ที่เขาใช้เทคนิคเพลิงโลกันต์แท้จริงไปแล้ว


 


หลี่ฟู่เฉินประสบความสำเร็จได้หลังจากที่เปิดใช้งานเทคนิคลับมังกรเร้นลับ


 


แต่หลังจากเปิดประตูหิน 50 เมตร ก็มีประตูหิน 100 เมตรออกมา


 


ย้ะ!


 


หลี่ฟู่เฉินใช้กำลังทั้งหมดแต่ก็ยังไม่สามารถผลักเปิดประตูได้


 


“น่าสนใจ!”


 


หลี่ฟู่เฉินชักดาบทองคำดำออกมา และฟันไปที่ประตูหิน


 


เช้ง!


 


ดาบพลังฉีสลายไปในขณะที่ประตูหินยังคงไม่เกิดอะไรใดๆ


 


“อย่างที่คาดไว้ ข้าต้องพึ่งพากำลังกายของตัวเองเพื่อเปิดประตู มันไม่ได้ใกล้เคียงกับคำว่าทำลายได้เอาเสียเลย”


 


ยกเลิกความคิดที่จะทำลายประตู หลี่ฟู่เฉินเลิกโคจรเทคนิคลับมังกรเร้นลับและเปิดใช้งานฝ่ามือกระจ่างแรกเริ่ม


 


ฝ่ามือกระจ่างแรกเริ่มสามารถเพิ่มความแรงในการระเบิดพลังไปที่มือข้างเดียวได้ ซึ่งมันก็มีประสิทธิภาพยิ่งกว่าเทคนิคลับมังกรเร้นลับ


 


แคร๊ก!


 


ประตูหินสั่น แต่มันก็สั่นเพียงแค่เล็กน้อย


 


“เปิดออก!”


 


เกร็งกล้ามเนื้อทั้งหมดในร่างกายของเขา หลี่ฟู่เฉินจดจ่อด้วยความมุ่งมั่น และใช้ความแข็งแกร่งในแขนทั้งสองข้างผลักไปที่ประตูหิน


 


ครืน!


 


ประตูหินเปิดออกพร้อมกับเสียงดังกึกก้อง


 


“เป็นเช่นนี้นี่เอง!” ใบหน้าของหลี่ฟู่เฉินเกิดความเข้าใจ


 


ประตูที่สองของประตูเทพยุทธ์เร้นลับไม่ได้ทดสอบความแข็งแกร่งเพียงอย่างเดียว แต่มันก็ทดสอบความมุ่งมั่นของคนผู้นั้นด้วยเช่นกัน เมื่อนักสู้จดจ่อและเกิดความมุ่งมั่นขึ้นในจิตใจมากๆ เข้า ประตูหินก็จะเปิดได้อย่างง่ายดาย แต่สิ่งที่จำเป็นต้องมีคือต้องมีก็คือความแข็งแกร่งและความมุ่งมั่น


เมื่อประตูหิน 100 เมตรถูกเปิดออก ก็ไม่มีประตูหินอื่นๆ อีก ดังนั้นหลี่ฟู่เฉินจึงเดินออกจากพื้นที่นี้


 


ราวกับฉากในละคร เมื่อหลี่ฟู่เฉินเดินออกมา จื่อหยูเย่ก็เดินออกมาเช่นกันและช้ากว่าหลี่ฟู่เฉินหนึ่งก้าว


 


จื่อหยูเย่กลายเป็นตื่นตกใจและหลี่ฟู่เฉินเองก็เช่นกัน


 


‘บางที… ประตูเทพยุทธ์เร้ลับทั้งแปบานจะปรับความยากโดยอัตโนมัติตามการฝึกฝนของนักสู้ ไม่เช่นนั้นแล้ว หากมีระดับการบ่มเพาะสูง พวกเขาคงได้เปรียบเกินไป และมันก็จะไม่สามารถแสดงให้เห็นถึงการตัดสินที่ยุติธรรมของเขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับได้’ หลี่ฟู่เฉินคิดในใจ


 


การแสดงออกของจื่อหยูเย่ดูแล้วค่อนข้างไม่พอใจ


 


เขาไม่ได้ทุ่มสุดตัวประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานแรก แต่สำหรับประตูที่สอง เขาใช้แรงทั้งหมด


 


‘เป็นไปได้ไหมว่าเขารู้อยู่แล้วว่าการทดสอบนี้ต้องใช้ทั้งความแข็งแกร่งและความมุ่งมั่น?’ จื่อหยูเย่รู้สึกว่านี่เป็นเพียงคำอธิบายในเชิงตรรกะเท่านั้น


 


“ไม่เลว เด็กสองคนนี้ค่อนข้างดี และผ่านประตูเทพยุทย์เร้นลับบานที่สองได้อย่างรวดเร็ว”


 


“ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมีจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งและน่าจะสามารถผ่านประตูเวทย์เทพยุทธ์เร้นลับบานที่สี่ได้”


 


“ข้าสงสัยว่าพวกเขาจะสามารถผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่ห้าได้หรือไม่”


 


ภายในที่พำนักของพวกเขาเอง ผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับทั้งหกคนเฝ้าสังเกตทุกคน แต่ละคนมีหน้าจอน้ำที่ไหลราวกับน้ำตกที่มีภาพปรากฏอยู่ตรงมัน


บทที่ 257


ระเบิดพลังระดับมังกร


 


ความเร็วของเซี่ยฮัวชือและชูมู่หยู ไม่ได้เร็วเท่าความเร็วของหลี่ฟู่เฉินและจื่อหยูเย่


ในสายตาของผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับทั้งหกคน บุคคลทั้งสี่นี้พวกเขามั่นใจว่าจะผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่สี่ได้


 


ในขณะนี้จากผู้ทดสอบหลายร้อยคน เหลือเพียงยี่สิบคนเท่านั้น


 


มันเป็นเรื่องดีที่ประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานแรก จะมีเพียงแค่หนึ่งในสิบเท่านั้นที่จะสามารถผ่านมันไปได้


 


แต่สำหรับประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่สอง มากกว่าครึ่งหนึ่งไม่สามารถเปิดประตูหินที่สามได้ แม้ว่าบางคนจะมีจิตวิญญาณที่มุ่นมั่งมากก็ตาม


 


นิกายวารีครามทำได้ดีมาก นอกจากหลี่ฟู่เฉิน ก็มีอีกสี่คนที่ผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่สอง


 


ทั้งสี่คนโดยธรรมชาติแล้วต้องเป็น หลี่ฟู่เฉิน หลี่เซียงหรู เฉินหยวนหู และเซี่ยเฟิง


 


ไม่มีอะไรให้พูดถึงมากนักเกี่ยวกับความมุ่งมั่นของหลี่เซียงหรู ซึ่งมีความแข็งแกร็งเองก็แทบไม่มีที่ติ


 


เฉินหยวนหู่ที่คลั่งไคล้การต่อสู้และแม้ว่าจิตวิญญาณของเขาจะไม่แข็งแกร่งเท่ากับของหลี่เซียงหรู มันยังคงก้าวร้าวดุดันเพียงพอ และความก้าวร้าวดุดันของเขาก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเขาสู้ต่อไป


 


เซี่ยเฟิงสงบพอและจิตวิญญาณของเขาเองก็เหมือนบ่อน้ำโบราณที่ไม่มีระลอกคลื่นใดๆ


 


ในหมู่พวกเขา มีผู้จัดอันดับดาราเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ไม่สามารถผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่สองไปได้


 


***


 


ประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่สาม…


 


นี่คือพื้นที่แห่งเปลวเพลิง


 


พื้นดินเป็นทะเลเพลิง ท้องฟ้ามีเมฆเพลิงและมีเปลวไฟจำนวนนับไม่ถ้วนที่วิ่งไปมาในรูปร่างเหมือนสัตว์ร้าย


 


นี่อาจเป็นพื้นที่ของเปลวเพลิง แต่หลี่ฟู่เฉินไม่รู้สึกถึงความร้อนใดๆ และดูเหมือนเป็นแค่ภาพลวงตาเท่านั้น


 


‘การทดสอบของประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่สามคืออะไร?’


 


ยืนอยู่ท่ามกลางทะเลเพลิงนี้ ดวงตาของหลี่ฟู่เฉินเหลือบไปเห็นเปลวเพลิงรูปสัตว์ร้ายเหล่านั้น ในขณะที่จิตใจของเขาแผ่จิตสัมผัสที่ซ่อนเร้นออกไว้ออกมา


 


เปลวเพลิงร่างสัตว์ร้ายเหล่านี้เต็มไปด้วยพลังระเบิดและไม่ได้คงอยู่เป็นเวลานานนัก ในก็เมื่อพวกมันจะระเหยและระเบิดออกทุกครั้งมีสัมผัสทะเลเพลิงและเมฆเปลวเพลิงตรงๆ


 


แรงระเบิด


 


ถูกต้องแล้วการระเบิดพลัง


 


“มันเป็นการทดสอบความแข็งแกร่งของพลังฉี” ดวงตาของหลี่ฟู่เฉินสว่างขึ้น


 


ความแรงของการระเบิดพลังถูกกำหนดโดยปัจจัยต่างๆ ระหว่างแต่ละคน บางคนมีชีพจรที่หนาและแข็งแกร็ง ดังนั้นพวกเขาจึงระเบิดพลังที่แข็งแกร่งออกมาได้ บางคนมีระดับการบ่มเพาะสูงและระดับเทคนิคลับเองก็สูง ด้วยเหตุนี้การระเบิดพลังของพวกเขาจึงแข็งแกร่งขึ้น มีบางคนที่มีจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งกว่า ซึ่งทำให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน


 


ความแรงของการระเบิดพลังไม่เกี่ยวข้องกับการฝึกฝนพลังฉี


 


หากระเบิดพลังฉีเพิ่มขึ้นได้เป็นสองเท่าเมื่ออยู่ในตอนที่เป็นนักสู้ระดับที่ 1 ของขอบเขตปฐพี เช่นนั้นก็จะได้ผลลัพธ์เช่นเดียวกันเมื่อนักสู้ผู้นั้นขั้นไปในระดับที่ 9 ของขอบเขตปฐพี


 


ที่สำคัญที่สุดก็คือความแข็งแกร่งของการระเบิดพลังที่ร่างกายของแต่ละคนสามารถผลิตได้


 


ด้วยความคิดที่แวบผ่านเข้ามา หลี่ฟู่เฉินเริ่มกำหมัดทันที


 


ซุ้ม!


 


เพลิงรูปหมาป่าพุ่งออกมาและระเบิดออก


 


เพลิงรูปหมาป่านี้ไม่ได้ก่อตัวขึ้นจากพลังฉี แต่เกิดขึ้นด้วยเปลวเพลิงภายในพื้นที่ทะเลเพลิงนี้ มันสัมพันธ์กับประสิทธิภาพของความแรงในการระเบิดพลัง


 


เปลี่ยนหมัดของเขาเป็นฝ่ามือ หลี่ฟู่เฉินใช้ฝ่ามือฟาดออก


 


ฝ่ามือนี้ถูกใช้ออกด้วยฝ่ามือถลุงเหล็ก


 


เปลวไฟพุ่งขึ้นมาอย่างรุนแรง ในขณะที่เพลิงรูปเสือดาวปรากฏออกมา


 


“เยี่ยม!” สมมติฐานของหลี่ฟู่เฉินถูกต้อง


 


ความแข็งแกร่งของการระเบิดพลัง จะทำให้เกิดเพลิงรูปสัตว์ร้ายต่างๆ


 


หากเป็นเช่นนี้ หลี่ฟู่เฉินก็คิดว่าความแรงของการระเบิดพลังจะต้องเกินเกณฑ์ไประดับหนึ่งก่อนถึงจะสามารถออกจากพื้นที่แห่งเปลวเพลิงนี้ได้


 


เปิดใช้งานฝ่ามือกระจ่างแรกเริ่ม หลี่ฟู่เฉินส่งฝ่ามือออกไปอีกครั้ง


 


กรรรช์!


 


เปลวเพลิงส่งเสียงคำรามออกมา ขณะที่เปลวเพลิงรูปเสือก่อตัวออกมาจากการระเบิดพลังนี้


 


“ข้าสงสัยเกี่ยวกับการระเบิดพลังจากทักษะดาบ”


 


ชักดาบทองดำของเขาออกมา หลี่ฟู่เฉินตวัดมัน


 


เห็นได้ชัดว่าในฐานะนักดาบความแข็งแกร่งในการระเบิดพลังทักษะดาบของหลี่ฟู่เฉินนั้นเหนือกว่าทักษะฝ่ามือของเขา ด้วยการตวัดครั้งเดียว เปลวเพลิงรูปวัวพุ่งออกมา ด้วยสภาวะพลังฉีที่แข็งแกร่งและทรงพลังเช่นนี้ มันจึงสร้างเพลิงที่เหนือกว่าเสืออกมา


 


ถัดไปคือทักษะดาบเพลิงปีศาจ


 


เมื่อทักษะดาบเพลิงปีศาจถูกใช้ออก เปลวเพลิงรูปแรดปรากฏขึ้น


 


หลังจากใช้ท่าสังหารระดับลึกลับขั้นกลาง งูหลามยักษ์โผล่ออกมา


 


ด้วยการเปิดใช้งานบทดาบไร้สมบูรณ์บทดาบเหล็กดำ เสียงคำรามของมังกรเพลิงก็ดังกระหึ่มศักดิ์ศรีและความทะนงตนแผ่ออกมาจากร่างของมัน


 


ในขณะนี้เองประตูเปลวเพลิงก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าหลี่ฟู่เฉิน


 


“ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน”


 


หลี่ฟู่เฉินไม่รีบร้อนที่จะออกจากพื้นที่แห่งเปลวเพลิงนี้


 


เขาหายใจเข้าลึกๆ และจดจ่อไปยังจิตวิญญาณของเขา ท่ามกลางจิตวิญญาณ ดูเหมือนว่าพลังจากในนั้นถูกแผ่ออกมา


 


กรรช์!


 


เสียงมังกรคำรามดังก้องกังวาน ในขณะที่มังกรเปลวเพลิงขนาดยักษ์บินโฉบขึ้นไป มันกัดและตวัดกรงเล็บของมัน เกิดการระเบิดอย่างรุนแรง


 


“อะไร? การระเบิดระดับมังกรเพลิงหลั่งไหล?”


 


ผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับในที่พำนักทั้งหกต่างประหลาดใจ


 


โดยทั่วไป การระเบิดระดับมังกร ก็จะสามารถทำให้ผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่สามไปได้แล้ว แต่ก็ยังไม่เคยมีใครที่บรรลุถึงระดับมังกรเพลิงหลั่งไหลมาได้จริงๆ


 


มังกรเพลิงหลั่งไหลและมังกรธรรมดามีความแตกต่างกันหนึ่งระดับ แต่ช่องว่างนั้นก็ราวกับฟ้าเหว


 


อย่างไรก็ตามในท้ายที่สุด มังกรเพลิงหลั่งไหลก็ยังคงนับว่าเป็นมังกรจริงๆ แต่มันนับเป็นมังกรที่มีสายพันธุ์สูงกว่า


 


“ข้าต้องรับเด็กคนนี้เป็นศิษย์ส่วนตัวของข้าให้ได้ ห้ามใครมาเถียงกับข้า” ผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับซึ่งดูสูงและแข็งแกร็งราวกับภูเขาคำรามออกมา


 


“เหลาหลิว เจ้าไม่มีคุณสมบัติพอที่จะสอนเขา ในทางกลับกัน ข้านับว่าดีกว่าเจ้า” ชายผู้มีดวงตาเหมือนผลอินทผลัมกล่าวขึ้น


(หมายเหตุ TL: เหลาหลิวหมายถึง ผู้เฒ่าที่หก ซึ่งหมายถึงอันดับ 6 ในการจัดอันดับ)


 


ชายร่างสูงและแข็งแกร็งกล่าวอย่างไม่เต็มใจ “ข้าเก่งในเรื่องการระเบิดพลัง ทำไมข้าถึงไม่มีคุณสมบัติ?”


 


สายงามวัยกลางคนกล่าว “ในแง่ของความแรงในการระเบิดพลัง เราก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเจ้า ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าเก่งแต่ในเรื่องการระเบิดพลังเท่านั้น แล้วปัจจัยอื่นๆ ล่ะ? เจ้าจะสอนเขาอย่างไร? อย่าทำให้คนเก่งๆ เช่นนี้เสียของ”

ชายร่างสูงและแข็งแกร็งยังคงไม่ยอมจำนน “ข้าไม่สน ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ข้าจะต้องได้สอนเขา”


 


การสร้างศิษย์ส่วนตัวที่น่าเกรงขามเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อพวกเขา ดังนั้นเขาจึงต้องไม่ยอมแพ้


 


“อย่าดื้อรั้นไป นอกจากนี้ มันก็เป็นทางเลือกของเขาที่จะเลือกหรือไม่เลือก แต่ข้าคิดว่าเขาคงจะไม่เลือกเจ้า” ชายผู้มีดวงตาอินทผลัมไม่ได้โต้แย้งและเขากล่าวต่อในขณะที่หัวเราะไปด้วย


 


พวกเขาอาจจะอยู่ในที่พำนักของใครของมัน แต่ผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับนั้นลึกลับมากและพวกเขาก็ล้วนแต่เป็นนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิด การส่งเสียงของพวกเขาจากระยะไกลนั้นง่ายมาก


 


ผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับที่เหลือไม่ได้พูดอะไร แต่พวกเขาก็ถูกล่อลวงอย่างมาก พวกเขาตัดสินใจแล้วว่าจะล่อลวงหลี่ฟู่เฉิน และปล่อยให้เขาเลือกพวกเขาเป็นอาจารย์ของเขา หลังจากทั้งหมดแล้ว เมื่อพวกเขาพลาดโอกาสดังกล่าว พวกเขาอาจจะไม่ได้พบมันอีกเลย


 


“เด็กคนนี้ค่อนข้างดี”


 


ในขณะนี้เอง ชายชราผมขาวในที่พำนักหลังที่สองก็กล่าว


 


“พี่สอง ท่านมีความคิดบางอย่าง?” ชายผู้มีดวงตาอินทผลัมสูญเสียความสงบขณะที่เขาถาม


 


พี่ใหญ่และพี่รองยังไม่ยอมรับลูกศิษย์ส่วนตัว และพวกเขาทั้งคู่ก็มีพลังมาก หากพวกเขาสองคนก้าวเข้ามา ความหวังของพวกเขาก็ลดลงทันที 90%


 


ชายชราผมขาวกล่าวอย่างเฉยเมย “สิ่งที่เขาจำเป็นต้องทำก็คือการที่เขาสามารถผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่ห้าได้”


 


ประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่ห้าเป็นความคาดหวังที่ต่ำที่สุด ถ้าเป็นสมัยก่อน เขาจะไม่รับศิษย์ส่วนตัวแม้ว่าพวกเขาจะผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่หกไปแล้วก็ตาม แต่หลี่ฟู่เฉินนั้นพิเศษเล็กน้อย ในฐานะนักสู้การระเบิดพลังที่แข็งแกร่งออกมาได้เป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งที่จะกำหนดความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของคนๆ หนึ่ง ระดับมังกรเพลิงหลั่งไหลในตำนานและระดับมังกรธรรมดามีความแตกต่างที่ใหญ่โตมาก


 


เช่นเดียวกับความแตกต่างระหว่างบุคคลทั่วไปกับอัจฉริยะซึ่งมีขนาดใหญ่มากอย่างไม่น่าเชื่อ


 


“ข้าหวังว่าเขาจะไม่ผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่ห้า”


 


นอกเหนือจากชายที่โดดเด่นในที่พักนำแรก ส่วนที่เหลือของผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับอีกหกคนต่างก็หวังว่าหลี่ฟู่เฉินจะล้มเหลวก่อนที่จะถึงประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่ห้า


 


หากคนอื่นรู้ว่าผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้คิดอย่างไร พวกเขาอาจจะกลายเป็นโง่งม


 


แต่ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ไม่ได้สนใจอะไรเลย เพราะไม่ว่าพวกเขาจะยอมรับศิษย์ส่วนตัวคนใดก็ขึ้นอยู่กับพวกเขาทั้งสิ้น


 


หากเจ้าไม่ได้รับความชื่นชอบจากพวกเขา มันก็ไม่สำคัญแม้ว่าเจ้าจะผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่ห้า หากพวกเขาตั้งใจที่จะละทิ้งเจ้า เช่นนั้นแล้วเจ้าก็จะไม่มีโอกาสใดๆ


 


แต่ถ้าเจ้ามีความเหมาะสมกับเกณฑ์การรับของพวกเขา แม้ว่าเจ้าจะผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่สามเท่านั้น พวกเขาก็ยังคงจะรับเจ้าเป็นศิษย์ส่วนตัว


 


แน่นอน ประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่สามเป็นค่ามาตรฐานที่ต่ำที่สุดแล้ว หากมันต่ำกว่านี้ พวกเขาจะต้องพิจารณาใหม่ พวกเขาจะไปรับศิษย์ส่วนตัวที่ผ่านประตูเทพยุทธ์ได้แค่บานแรกหรือบานที่สองไปทำอะไร?


 


“จะให้ดีที่สุดก็คือการที่เขาไม่ผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่สี่” ชายร่างสูงและแข็งแกร็งมีเจตนาร้ายเช่นนี้


 


หลี่ฟู่เฉินเหมาะสมกับความต้องการของเขามากเกินไป เขาหวังว่าเขาจะสามารถคว้าหลี่ฟู่เฉินมาได้ทันที และเขาก็ไม่สนใจผลลัพธ์ของหลี่ฟู่เฉินสำหรับการผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานอื่นๆ ก็ในเมื่อเขาต้องการยอมรับหลี่ฟู่เฉินเป็นศิษย์ส่วนตัวของเขา


 


หลี่ฟู่เฉินไม่รู้เกี่ยวกับความคิดของผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับ


 


เมื่อเห็นว่าเขาผลิตมังกรเพลิงยักษ์ได้ หลี่ฟู่เฉินคิดกับตัวเอง ‘ข้าสงสัยว่าการระเบิดพลังนี้อยู่ในระดับอะไร? ยังมีระดับที่สูงกว่านี้อีกหรือไม่?’


บทที่ 258


ชายที่โดดเด่นลืมตาขึ้น


“ระเบิด!”


ในพื้นที่เปลวเพลิง จื่อหยูเย่ตะโกนด้วยความโกรธขณะที่เขาเดินไปด้านหน้า


เสียงคำรามของสัตว์ร้ายคำรามดังก้อง ขณะที่มังกรพุ่งออกมาจากเปลวเพลิงซึ่งมีการปรากฏตัวที่สง่างาม


หลังจากนั้น ประตูแห่งเปลวเพลิงก็ปรากฏขึ้น ซึ่งเวลานี้เองที่จื่อหยูเย่ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก


เขารู้สึกได้ถึงความยากของประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่สาม และแม้แต่กระทั้งเขาก็ไม่สามารถผ่านมันไปได้โดยบังเอิญ


ในเวลาเดียวกัน คนอื่นๆ ก็ผ่านพื้นที่เปลวเพลิง


ชูมมู่หยูและเซี่ยฮีวชือเป็นพวกแรกที่ผ่าน


ตามมาโดยหลี่เซียงหรู และฮังเฟิง


เฉินหยวนหูและเซี่ยเฟิงสามารถงระเบิดพลังและสร้างได้เพียงงูหลามยักษ์เท่านั้น ฉะนั้นแล้วเขาจึงต้องจากไปอย่างน่าเสียดาย


ดังนั้นผู้ทดสอบยี่สิบกว่าคนจึงเหลือเพียงเก้าคนที่ผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่สาม


ในบรรดาพวกเขาศิษย์ของนิกายวารีครามสองคนก็คือ หลี่ฟู่เฉิน และหลี่เซียงหรู


หลังจากออกจากพื้นที่แห่งเปลวเพลิง จื่อหยูเย่ไม่เห็นหลี่ฟู่เฉิน


‘เขายังไม่ออกมาหรือ?’ จื่อเยว่พึมพำ


หลังจากยืนอยู่ในตำแหน่งนั้นและรออยู่สักครู่ เมื่อจื่อหยูเย่ยังไม่เห็นหลี่ฟู่เฉินออกมา เขาจึงเดินหน้าไปยังประตูที่สี่


ประตูเวทย์เทพยุทธ์เร้นลับบานที่สี่คือโลกแห่งน้ำ


เมื่อหลี่ฟู่เฉินเข้ามา เขาก็ถูกห่อหุ่มด้วยน้ำทันที


ปลาตัวใหญ่ว่ายมาจากระยะไกล


หลังจากดูอย่างใกล้ชิด ใครก็ตามก็จะสังเกตได้ว่ามันไม่ใช่ปลาตัวใหญ่ แต่เป็นปลาที่ถูกสร้างขึ้นด้วยวัสดุล้ำค่า


ช่องท้องของปลาเปิดขึ้นและมีห้องควบคุมอยู่ภายใน


หลังจากเข้าสู่ช่องท้องของปลาแล้ว หลี่ฟู่เฉินสำรวจห้องควบคุม


ห้องควบคุมนั้นเรียบง่ายมากและนอกเหนือจากชิ้นส่วนที่เป็นคริสตัลใสแล้ว ก็มีเพียงพวงมาลัยนี้


หลี่ฟู่เฉินจับพวงมาลัยด้วยมือทั้งสองข้างของเขาและหมุนเล็กน้อย ในขณะที่ปลาตัวใหญ่ก็หันไปตาม เมื่อเขากดมันลง ปลาตัวใหญ่ว่ายลง เมื่อเขาดึงมันขึ้นมา ปลาตัวใหญ่ก็จะลอยขึ้น


ไม่นานหลังจากนั้นหลี่ฟู่เฉินก็ลองถ่ายพลังฉีของเขาเข้าไป


วูสสสส!


ความเร็วของปลาตัวใหญ่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งเร็วกว่าเมื่อก่อนถึงสิบเท่า


“ประตูนี้ทดสอบอะไร?” หลี่ฟู่เฉินไม่เข้าใจ


หากเป็นการทดสอบถ่ายพลังฉี เช่นนั้นเขาก็จะพ่ายแพ้ผู้ที่มีระดับการบ่มเพาะสูงกว่าเขาแน่นอน


สัญชาตญาณของเขาบอกเขาว่ามันน่าจะเกี่ยวข้องกับพวงมาลัยนี้


หลังจากปลาตัวใหญ่ว่ายไปได้สักครู่ ทันใดนั้นเอง มีจุดดำกลุ่มนึงปรากฏขึ้นที่ด้านหน้า


หลังจากเข้าไปดูใกล้ๆ เขาได้ก็รู้ว่าจริงๆ แล้วจุดดำนั้นเป็นฝูงปลาที่กำลังว่ายอยู่


ฝูงปลานี้ว่ายเร็วมาก ขณะที่พวกมันพุ่งเข้าหาหลี่ฟู่เฉิน


“การทดสอบความเร็วในการตอบสนองและการรับรู้!” หลี่ฟู่เฉินเข้าใจได้ในทันที


ความเร็วของปฏิกิริยาและการรับรู้เกี่ยวข้องกับการฝึกฝน แต่มันก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกันมากนัก อย่างน้อย มันก็ไม่ใช่ปัจจัยชี้ขาด


แน่นอนว่าถ้าหลี่ฟู่เฉินเป็นเพียงอัจฉริยะทั่วไปตอนนี้เขาก็คงจะเสียเปรียบเป็นอย่างมาก


หลังจากทั้งหมดแล้ว เขาก็อยู่ในระดับที่ 5 ของขอบเขตปฐพีและอัตราการเติบโตของความเร็วในการตอบสนองและการรับรู้ของคนๆ หนึ่งนั้นก็น้อยเกินไป การรับรู้ของคนที่ที่ต่ำกว่าระดับที่ 6 ของขอบเขตปฐพีจะมีแค่หนึ่งรอย ซึ่งมันแตกต่างอย่างมากจากระดับที่ 7 ของขอบเขตปฐพี และมันอยู่ในระดับที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับระดับที่ 8 และ 9 ของขอบเขตปฐพี


สำหรับประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่สี่แล้ว อย่างน้อยก็ต้องอยู่ในระดับที่ 7 หรือ 8 ของขอบเขตปฐพีเพื่อไม่ให้เสียเปรียบ


“ประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่สี่ทดสอบความเร็วในการตอบสนองและการรับรู้ ข้าสงสัยว่าเขาจะผ่านมันไปได้อย่างสบายใจหรือไหม”


“มันเสียเปรียบมากเกินไปสำหรับการอยู่ในระดับที่ 5 ของขอบเขตปฐพี แต่ด้วยความสามารถของเขา มันไม่ควรเป็นปัญหา แต่เขาคงจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก”


ผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับทั้งหกคนต่างก็ให้ความสนใจกับหลี่ฟู่เฉิน


ผู้เชี่ยวชาญอีกสองคนให้ความสนใจเพียงเล็กน้อยเป็นครั้งคราว


แต่เพียงไม่นาน ทั้งหกคนก็ตระหนักได้ว่าพวกเขาคิดผิด ขณะที่ดวงตาของพวกเขาค่อยๆ เบิกกว้างขึ้นพร้อมกับความเหลือเชื่อ


ความเร็วในการตอบสนองและการรับรู้ของหลี่ฟู่เฉินนั้นน่ากลัวเกินไป


ฝูงปลาฝูงนี้ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดและไม่อนุญาตให้มีสิ่งใดเคลื่อนที่ผ่านไปได้ หากอัจฉริยะทั่วไปต้องเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ จิตใจของพวกเขาอยู่ในสภาพว่างเปล่าและจะต้องตะลึง มีเพียงอัจฉริยะที่น่าเกรงขามเท่านั้นถึงจะสามารถสงบสติอารมณ์และหลบเลี่ยงมันราวกับว่าชีวิตของพวกเขาแขว้งอยู่บนเส้นด้าย เช่นนั้นพวกเขาจึงจะสามารถผ่านไปได้อย่างง่ายดาย


แต่หลี่ฟู่เฉินสามารถควบคุมปลาตัวใหญ่ได้ราวกับว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายของเขา ภายใต้การจัดการของหลี่ฟู่เฉิน ปลาตัวใหญ่ใช้ประโยชน์ได้จากทุกพื้นที่ มองหาช่องว่างที่จะเข้าไปในขณะที่เคลื่อนไหวอย่างราบรื่นได้อย่างไม่น่าเชื่อ


การได้เห็นหลี่ฟู่เฉินควบคุมปลาตัวใหญ่ก็เป็นเหมือนกับความเพลิดเพลิน


ผู้เชี่ยวชาญทั้งหกคนหันไปมองคนอื่นๆ ที่เข้ามาในพื้นที่ และสังเกตเห็นความแตกต่างทันที


คนอื่นๆ ทั้งหมดที่ควบคุมปลาตัวใหญ่ต่างก็กลัวมากและไปอยู่ขอบๆ ตั้งแต่ต้นจนจบ เกรงว่าอาจชนเข้ากับฝูงปลา


แต่หลี่ฟู่เฉินทำตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง


“การรับรู้ของเขาเหลือเชื่อขนาดนี้ได้อย่างไร?”


ชายผู้มีดวงตาอินทผลัมเผยแววตาที่เปล่งประกาย


โดยธรรมชาติแล้วเขาสามารถเห็นได้ว่าความเร็วในปฏิกิริยาของหลี่ฟู่เฉินเป็นเพียงปัจจัยรอง ในขณะที่ปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือความตระหนักรู้ของเขา ซึ่งช่วยให้เขาเข้าใจได้ทันทีว่าเขาต้องทำอะไร


“น่ากลัว น่ากลัวเกินไปแล้ว แม้แต่กระทั้งนักสู้ขอบเขตสวรรค์ก็ยังไม่ได้มีการรับรู้ที่น่าเหลือเชื่อเช่นนี้!”


หลังจากที่ชายร่างสูงและแข็งแกร็งตกใจแล้ว ใบหน้าของเขาก็เผยให้เห็น ‘ความเศร้าโศก’


เขายอมรับว่าเขาไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นที่อาจารบ์ให้กับหลี่ฟู่เฉิน และถ้าหลี่ฟู่เฉินอยู่ในมือของเขา มันจะเป็นการทำให้ความสามารถของเขาเป็นการเสียของไปโดยสิ้นเชิง


‘มีเพียงพี่ใหญ่และพี่สองเท่านั้นที่สามารถสอนเขาได้!’ ชายร่างสูงและแข็งแกร็งคิดกับตัวเอง


ชายผู้โดดเด่นและผู้อาวุโสผมขาวล้วนมีความสามารถรอบด้านและไม่มีข้อบกพร่องมากนัก ในขณะที่ทั้งหกคนมีข้อบกพร่องบางประการ


“เด็กคนนี้เป็นข้อยกเว้น เมื่อเทียบกับการรับรู้ของเขา ความแรงในการระเบิดพลังของเขาก็ไม่นับว่าเป็นอะไร” มือของสาวงามวัยกลางคนวางอยู่บนหน้าผากของเธอ การรับรู้เป็นมือขวาของเธอ แต่พี่ใหญ่และพี่ชายคนที่สองทำได้ดีกว่าเธอมาก สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเธอไม่มีทางสอนคุณลักษณะความแข็งแกร่งของการระเบิดพลังได้


เมื่อปลาตัวใหญ่ว่ายผ่านฝูงปลา ประตูลำธารก็ปรากฏขึ้นที่ด้านหน้า


โผล่ออกมาจากปลาตัวใหญ่ หลี่ฟู่เฉินเดินเข้าประตูลำธาร


***


นอกเขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับ…


“มีใครบางคนผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่สี่และมันก็ไม่ใช่นายน้อยดาบมังกร จื่อหยูเย่ ผู้ชายคนนั้นชื่อหลี่ฟู่เฉิน”


ที่เสาด้านซ้ายของประตูพระราชวัง มีประตูหินแปดประตูที่มีภาพว่างเปล่าซึ่งทุกคนสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าหลี่ฟู่เฉินโผล่ออกมาจากประตูหินที่สี่และเข้าสู่ประตูหินที่ห้าอย่างรวดเร็ว


ในชั่วพริบตาทุกคนตกอยู่ในความโกลาหล


นายน้อยดาบมังกรจื่อหยูเย่เป็นใคร? เขาเป็นหนึ่งในหกนายน้อยแห่งทวีปยูนิคอร์นตะวันออกและมีพรสวรรค์ชั้นยอด ผู้ที่ถูกอ้างว่ามีศักยภาพในระดับราชา ในขณะที่หลี่ฟู่เฉินเป็นเพียงแค่ดาวรุ่งพุ่งแรงเท่านั้น


ในความเห็นของทุกคน หากมีใครเร็วกว่านายน้อยดาบมังกรจื่อหยูเย่ ก็ควรจะเป็นเทพธิดามู่หยู , ชูมู่หยู หรือไม่ก็โครงกระดูก 5 ดาวระดับท้าทายสวรรค์ เซี่ยฮัวชือ มันไม่ควรเป็นหลี่ฟู่เฉิน


“ดูเหมือนว่าเราจะตัดสินผิด คนๆ นี้มีศักยภาพโดยกำเนิดที่ทรงพลังจริงๆ”


ทุกคนรู้สึกถึงความร้อนบนใบหน้าของพวกเขา ขณะที่พวกเขาล้อเลียนหลี่ฟู่เฉินด้วยการประเมินความสามารถของตัวเองสูงเกินไปและมั่นใจมากเกินไป


ความจริงเช่นนี้มันเข้ามาตบหน้าพวกอย่างโหดเหี้ยม


“ฮึ่ม ก็แค่รอและดู เขาอาจจะไม่ผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่ห้าก็ได้ มีสถานการณ์เช่นนี้ในอดีต มีคนผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานสี่เป็นคนแรก แต่กลับติดอยู่ในประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่ห้า”


มีบางคนที่ไม่เต็มใจกับผลลัพธ์ที่เป็นเช่นนี้


“บ้าเอ้ย เขาผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่สี่ไปแล้ว” ศิษย์หลักระดับทองจากนิกายสวรรค์ปีศาจดูไม่พอใจอย่างมาก


ยิ่งหลี่ฟู่เฉินผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับมากเท่าไหร่ ก็หมายถึงความเป็นไปได้ที่สูงขึ้นสำหรับการที่เขาจะได้รับการยอมรับให้เป็นศิษย์ส่วนตัว


ตอนนี้มันเป็นสถานการณ์ที่อันตรายอย่างยิ่ง เมื่อหลี่ฟู่เฉินกลายเป็นศิษย์ส่วนตัวภายใต้หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับ นิกายสวรรค์ปีศาจจะต้องพิจารณาถึงผลที่ตามมาอย่างรอบคอบว่าพวกเขาจะสัมผัสหลี่ฟู่เฉินดีหรือไม่

การฆ่าหลี่ฟู่เฉินเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่การล่วงเกินผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับเป็นเรื่องใหญ่


ใครจะรู้ว่าผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับจะบ้าคลั่งและสร้างหายนะที่นิกายสวรรค์ปีศาจหรือไม่ อย่างเช่นการสังหารนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดทั้งหมด…


***


เมื่อเข้าไปในประตูเทพยุทธ์เร้นลับที่ห้า โลกแห่งสายฟ้าฟาดก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าหลี่ฟู่เฉิน


ท้องฟ้าปกคลุมไปด้วยเมฆสายฟ้า ราวจะกับสายฟ้าฟาดผ่าลงมาจากเบื้องบน ถักทอกันเป็นตาข่าย


หลี่ฟู่เฉินยังคงยืนอยู่นิ่งๆ และสังเกตพื้นที่สายฟ้าฟาดอย่างระมัดระวัง


“สายฟ้าฟาดทั้งหมดนี้ดูเหมือนทักษะต่อสู้”


หลังจากสังเกตมานาน หลี่ฟู่เฉินได้ข้อสรุปที่น่าตกใจ


การโจมตีด้วยสายฟ้าทุกครั้งดูเหมือนนักสู้ที่ใช้ท่าสังหาร บางอันช้า ในขณะบางอันเร็ว บางอันก็มีหลายรูปแบบ และบางอันก็ก้าวร้าว


ในช่วงเวลานี้เองผู้อาวุโสผมขาวในที่พำนักที่สองก็ลืมตาขึ้นและเริ่มสังเกตหลี่ฟู่เฉิน


ในขณะเดียวกัน ชายที่โดดเด่นในที่พำนักแรกก็ลืมตาขึ้นด้วยเช่นกัน


บทที่ 259


นิกายปีศาจสวรรค์ที่ไม่ยอมแพ้


‘มันสมควรเป็นการทดสอบทักษะต่อสู้!’


ขณะที่หลี่ฟู่เฉินคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาชักดาบทองดำและแสดงทักษดาบเพลิงปีศาจออกมา


แต่ก็ไม่มีคำตอบใดๆ


‘ทักษะต่อสู้ของข้ายังไม่ลึกซึ้งพอหรือ?’


หลี่ฟู่เฉินแสดงท่าสังหารของเขาออกมา แต่ก็ยังไม่มีการตอบสนองใดๆ


‘ทำไมไม่ดึงสายฟ้าฟาดลงมาสักที’ หลี่ฟู่เฉินฟาดดาบของเขาเข้าหาสายฟ้าอันหนึ่ง


บึม!


หลังจากตวัดดาบไปหาสายฟ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว มันก็พุ่งเข้าใส่หลี่ฟู่เฉินทันที


แก่นแท้ของทักษะต่อสู้ปรากฏขึ้นในความคิดของหลี่ฟู่เฉิน


“ได้ผล”


หลี่ฟู่เฉินลืมตาขึ้นมาอย่างค่อนข้างประหลาดใจ


สายฟ้านี้มีแก่นแท้ของทักษะต่อสู้


‘สร้างท่าเคลื่อนไหวตามสาระสำคัญของทักษะต่อสู้?’


หลี่ฟู่เฉินสันนิษฐานไปในลักษณะนี้


ลงมือทำทันทีที่เขาคิดถึงเรื่องนี้ หลี่ฟู่เฉินเริ่มศึกษาแก่นแท้ของทักษะต่อสู้เหล่านี้


แก่นแท้ขอทักษะต่อสู้ภายในสายฟ้านี้เป็นแก่นแท้ของทักษะลูกเตะ หลังจากได้รับแก่นแท้ของทักษะลูกเตะนี้แล้ว หลี่ฟู่เฉินรู้สึกได้ว่าระดับทักษะลูกเตะของเขาเพิ่มขึ้นไม่น้อย


มันเกือบจะใกล้เคียงกับระดับของทักษะดาบ


‘มันควรจะเป็นแก่นแท้ของทักษะลูกเตะชั้นสูงทีเดียว’


หลี่ฟู่เฉินรู้สึกว่ามันค่อนข้างเป็นประโยชน์ที่จะอยู่ที่นี่ต่อไปอีกหน่อย


การได้รับแก่นแท้ทักษะเท้านั้นแตกต่างจากการฝึกฝนวิชาทักษะลูกเตะด้วยตัวเอง ก็ในมันเป็นการอัดข้อมูลเข้าสู่จิตใจโดยตรง กับอย่างหลังที่มันต้องค่อยฝึกฝนขึ้นมาอย่างช้าๆ


หลังจากศึกษาเรื่องนี้สักครู่หลี่ฟู่เฉินก็เริ่มสร้างทักษะลูกเตะเป็นของตัวเอง


บูม!


เสียงระเบิดพลังฉีสะท้อนออกมาด้วยการเตะเพียงครั้งเดียว


บูม บูม บูม บูม…


ราวกับเสียงของฟ้าร้อง หลี่ฟู่เฉินทำการเตะหลายร้อยครั้งและการเตะแต่ละครั้งเป็นก็สร้างแรงกดดันได้มากกว่าการเตะครั้งก่อน การเตะแต่ละครั้งมีความประณีตมากขึ้นขณะที่เขาดำเนินการเตะต่อไป ในที่สุดลูกเตะนี้ก็ไม่แพ้ทักษะลูกเตะระดับลึกลับขั้นต่ำ ขณะที่เขาเริ่มสร้างเจตจำนงทักษะลูกเตะต่อ


แต่ก็ยังไม่มีการตอบสนองใดๆ


หลี่ฟู่เฉินไม่ได้รู้สึกท้อแท้และยังคงศึกษาต่อไป


หลังจากช่วงเวลาที่ผ่านไปนานเท่าใดก็ไม่อาจทราบ ในที่สุดลูกเตะของหลี่ฟู่เฉินก็เกิดฟ้าผ่าและความเร็วในการเตะของเขาก็รวดเร็วปานสายฟ้าฟาด มันรวดเร็วและคาดเดาไม่ได้อย่างน่าเหลือเชื่อ หากเขาต้องต่อสู้กับอัจฉริยะทั่วไป พวกเขาจะไม่สามารถมองเห็นวิถีของการเตะได้และจะเห็นเพียงแค่แสงวาบของสายฟ้า


หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมงสายฟ้าก็แลบออกมาจากการเตะของหลี่ฟู่เฉินซึ่งสอดคล้องกับฟ้าแลบบนท้องฟ้า


ในเวลาเดียวกันประตูสายฟ้าก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าหลี่ฟู่เฉิน


‘อย่างที่คาดไว้ ตราบใดที่ข้าสร้าทักษะต่อสู้ระดับลึกลับขั้นกลางตามแก่นแท้ของทักษะต่อสู้ได้ ข้าก็จะสามารถออกจากพื้นที่แห่งสายฟ้านี้ได้’


‘ข้าสงสัยว่าข้าจะดูดซับสายฟ้าได้มากกว่านี้หรือเปล่า’


หลี่ฟู่เฉินฟันดาบของเขาเข้าหาสายฟ้าอีกครั้ง แต่คราวนี้ ไม่มีการตอบสนองใดๆ


‘ดูเหมือนว่าทุกคนจะสามารถดูดซับสายฟ้าได้เพียงครั้งเดียว เราไม่ควรโลภ’


เมื่อคิดได้เช่นนั้น หลี่ฟู่เฉินก็ก้าวเข้าไปในประตูสายฟ้า


“การรับรู้ของเด็กคนนี้ยอดเยี่ยมมาก ข้าจะเอาตัวเขามาเอง” ผู้เฒ่าผมขาวกล่าว


โดยที่รู้สึกไม่เต็มใจ ชายผู้มีดวงตาอินทผลัมกล่าว “พี่สอง ท่านให้เขากับข้าได้ไหม?”


ผู้เฒ่าผมขาวหัวเราะและตอบว่า “เหลาซาน เจ้ามีศิษย์ส่วนตัวอยู่แล้ว เจ้าจำแย่งจากข้าไปทำไม?”


(หมายเหตุ TL: เหลาซาน หมายถึง ผู้เฒ่าที่สาม)


ชายผู้มีดวงตาผลอินทผลัมกล่าวว่า “อย่างมากที่สุดข้าจะแลกเปลี่ยนศิษย์ส่วนตัวของข้ากับท่าน”


ผู้อาวุโสผมขาวกล่าว “เจ้าคิดว่าข้าโง่? ข้าไม่ได้สนใจในตัวศิษย์ส่วนตัวของเจ้าเลย”


“พี่สอง ถ้าเขาเลือกข้า ท่านก็ไม่ควรสร้างปัญหาใด ตกลงหรือไม่” ชายผู้มีดวงตาผลอินทผลัมกล่าวตอบ


ผู้เฒ่าผมขาวโต้กลับ “สร้างปัญหาเจ้าหมายถึงอะไร? แต่เจ้าสบายใจได้ หากเขาเลือกเจ้าแม้ว่าเขาจะรู้เกี่ยวกับข้อมูลของเราแล้วก็ตาม ข้าก็จะไม่ฉกฉวยเขาไปจากเจ้า” เขาสันนิษฐานว่าความเป็นไปได้ดังกล่าวแทบจะไม่มี ใครเลือกผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับอันดับ 3 และละทิ้งผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับอันดับ 2 ไปได้? เว้นแต่เขาจะเป็นคนโง่ที่ปัญญาอ่อนด้อยปัญญา


“พวกเจ้าทุกคนหยุดเถียงกัน สำหรับเขา ข้าจะรับเขาไปเอง” ชายที่โดดเด่นกล่าว


“พี่ใหญ่ เขาเป็นไปตามที่ท่านคาดหวัง?” ผู้เฒ่าผมขาวค่อนข้างไม่สงบ


ชายที่โดดเด่นคือผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับอันดับ 1 และเขาก็ยังเป็นพี่ใหญ่ของทุกคนอีกด้วย


อันที่จริง พวกเขาไม่ได้สาบานเป็นพี่น้องกัน และพวกเขาก็ไม่เกี่ยวข้องกันทางสายเลือดด้วย แต่พวกเขาพูดถึงกันและกันในฐานะพี่น้องเพราะทุกคนที่นี่เป็นผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับ


ในความเป็นจริง ผู้เฒ่าผมขาวคนนี้อายุยังไม่มากแต่เขาก็ดูแก่แล้ว แน่นอนว่าอายุของเขาแก่กว่าผู้ชายที่โดดเด่น แต่ชายที่โดดเด่นคนนี้แข็งแกร่งกว่าเขาในด้านความสามารถ ดังนั้นเขาจึงสามารถอยู่ได้แค่ในอันดับที่สองเท่านั้น

ชายที่โดดเด่นกล่าว “ข้ามีศิษย์ในสายอยู่บ้าง แต่มีเพียงเขาเท่านั้นที่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นศิษย์ส่วนตัวของข้า ข้าจะพลาดโอกาสนี้ไปได้อย่างไร?”


เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับอันดับ 1 และการยอมรับศิษย์ส่วนตัวนั้นยากเกินไป


ไม่ใช่ว่าเขาไม่ต้องการยอมรับใดๆ แต่คนเหล่านั้นขาดอะไรบางอย่างไป


หลังจากทั้งหมดแล้วการสร้างศิษย์ส่วนตัวที่น่าเกรงขามนั้นค่อนข้างเป็นประโยชน์สำหรับพวกเขา


ยกเว้นเขาและน้องสอง คนอื่นๆ ต่างก็มีศิษย์ส่วนตัวของตัวเองอยู่แล้ว


ผู้อาวุโสผมขาวกล่าวอย่างหมดหนทาง “ข้าคิดว่าในที่สุดข้าก็จะได้ศิษย์ส่วนตัว เฮ้อ…”


เหลาซานไม่ได้โต้เถียงกับเขาและเห็นด้วย เขาไม่มีทางสู้กับพี่ใหญ่ได้ เว้นแต่หลี่ฟู่เฉินจะเป็นคนโง่จริงๆ


“น้องสอง รออีกสักครู่ แน่นอนว่าเจ้าสามารถหาศิษย์ส่วนตัวได้ก่อนการแข่งขันการจัดอันดับดารา ตามการคำนวณของข้า คนรุ่นนี้น่าจะเป็นรุ่งที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่การหายตัวไปของผู้เชี่ยวชาญที่น่าเกรงขามทั้งหมด เจ้ายังมีโอกาสที่ดีในการรับศิษย์ส่วนตัว” ชายที่โดดเด่นพยายามปลอบโยนน้องสองของเขา


ผู้เฒ่าผมขาวพยักหน้า “ข้าก็หวังไว้เช่นนั้น!”


เขารู้สึกได้เช่นกันว่าคนรุ่นนี้ค่อนข้างพิเศษ ไม่เช่นนั้นแล้ว พวกเขาก็คงจะไม่มาปรากฏตัวที่นี่


***


นอกเขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับ


“เขาผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่ห้า!”


“หลังจากผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่ห้าแล้ว ก็มีโอกาสอย่างน้อย 90% ที่จะเป็นศิษย์ส่วนตัวภายใต้ผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับ ซี๊ด!”


ทุกคนต่างก็หวาดกลัว ในขณะที่ศิษย์หลักระดับทองของนิกายสวรรค์ปีศาจการแสดงออกที่ดูซีดเซียว


หลี่ฟู่เฉินที่ได้รับการยอมรับให้เป็นศิษย์ส่วนตัวภายใต้ผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับนั้นก็เป็นคนที่มีเบื้องหลังเรียบร้อยแล้ว นิกายสวรรค์ปีศาจของพวกเขาจะไม่สามารถจัดการกับหลี่ฟู่เฉินได้ในอนาคต เว้นแต่จะมีคนในกลุ่มรุ่นหลังของพวกเขาเท่านั้นที่สามารถฆ่าหลี่ฟู่เฉินได้


ผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เคยกล่าวไว้ว่าพวกเขาจะไม่เข้าไปยุ่งหากเป็นการต่อสู้ภายในคนรุ่นเดียวกัน พวกเขาห้ามไม่ให้ผู้อาวุโสเข้าไปเกี่ยวข้องเท่านั้น


ไม่ควรมีใครคิดว่าพวกเขาสามารถปกปิดมันจากผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับได้


บางทีผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับอาจพบว่าเป็นการยากที่จะตรวจสอบความจริง แต่เงาที่ว่างเปล่าซึ่งปกป้องเขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับอยู่สามารถทำได้


มีข่าวลือว่าเงาที่ว่างเปล่าซึ่งปกป้องเขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับนี้เป็นวิญญาณของเขตแดนเร้นลับและมีพลังลึกลับที่ทรงพลัง หากผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับจ่ายราคาออกไป พวกเขาก็จะสามารถให้วิญญาณของเขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับสืบหาความจริงให้ได้


ไม่เช่นนั้นแล้ว ผู้ร้ายที่สังหารศิษย์ส่วนตัวภายใต้ผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์จะถูกเปิดเผยอย่างรวดเร็วได้อย่างไร?


หากให้สรุปจริงๆ ทวีปยูนิคอร์นตะวันออกมีขนาดใหญ่มากและมีผู้เชี่ยวชาญมากมาย ใครจะไปรู้ว่าใครคือผู้ร้าย? หากไม่ใช่คนที่มีพลังมากๆ


ฟึบ ฟึบ ฟึบ ฟึบ


ร่างสองสามร่างปรากฏตัวขึ้นมาเหนือท้องฟ้า และพวกเขาทั้งหมดก็เป็นนักสู้ขอบเขตสวรรค์


“เจ้าแน่ใจหรือว่าเขาอยู่ในเขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับ?” หนึ่งในนักสู้ขอบเขตสวรรค์ได้ถามศิษย์หลักระดับทองของนิกายสวรรค์ปีศาจ


ศิษย์หลักระดับทองจากนิกายสวรรค์ปีศาจตอบเขาด้วยสีหน้าที่เจ็บปวด “ผู้อาวุโส เขาได้ผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่ห้าไปแล้ว ข้าเกรงว่าเขาอาจจะกลายเป็นศิษย์ส่วนตัวของผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับไปแล้ว”


“อะไรนะ? เขาผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่ห้า?”


นักสู้ขอบเขตสวรรค์เหล่านี้ล้วนเป็นผู้อาวุโสของนิกายสวรรค์ปีศาจและหลังจากได้ยินข้อมูลนี้ พวกเขาทั้งหมดตกตะลึง


พวกเขารู้ดีว่าศักยภาพโดยกำเนิดของหลี่ฟู่เฉินนั้นสูงมาก แต่พวกเขาไม่ได้คาดคิดว่ามันจะอยู่ในระดับนี้


เป็นความจริงที่ทราบกันดีว่าผู้ที่ผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่ห้าได้ล้วนแล้วแต่เป็นอัจฉริยะชั้นยอดของทวีป และล้วนเป็นโครงกระดูกระดับ 6 ดาวหรือเป็นโครงกระดูก 5 ดาวระดับท้าทายสวรรค์ แต่ทว่าหลี่ฟู่เฉินเป็นเพียงแค่โครงกระดูก 1 ดาวเท่านั้น


“เวรเอ้ย ทำไมเขาถึงมีศักยภาพที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้”


“เราไม่สามารถยุติเรื่องเช่นนี้ได้ เจ้านิกายกล่าวว่าให้จับหลี่ฟู่เฉินเดินไม่ต้องคำนึงถึงค่าตอบแทน”


“ถูกแล้ว จับเขา ผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับไม่สามารถออกจากเขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับได้ตามต้องการ ทุกครั้งที่ออกมา พวกเขาจะต้องจ่ายราคามหาศาล เราแค่จับเขาไว้ เราจะให้เจ้านิกายเป็นผู้ตัดสินใจขั้นสุดท้ายหลังจากที่เรานำเขากลับไป”


คนเหล่านี้ไม่ต้องการกลับมือเปล่า ในความเห็นของพวกเขา ตราบใดที่พวกเขาไม่ฆ่าหลี่ฟู่เฉิน ก็ไม่ควรมีปัญหาใดๆ


พวกเขาไม่มีทางที่จะเข้าใจได้ว่าเจ้านิกายกำลังจะทำอะไร


เขาอาจปล่อยหลี่ฟู่เฉินไป หรือเขาอาจฆ่าหลี่ฟู่เฉินเนื่องจากความโกรธ


พวกเขาต้องทำในสิ่งที่จำเป็นสำหรับพวกเขาเท่านั้น

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม