Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน 211-217

 บทที่ 211


การต่อสู้ด้วยเลือด


 


 


สุสานแห่งนี้กว้างใหญ่ไพศาล และการที่มาพบกับฟานเฉียนหยูได้นั้นถือเป็นเรื่องของโชคล้วนๆ สองชั่วโมงต่อมา ทั้งคู่ไม่พบใครแม้แต่ผู้เดียว รวมถึงห้องอื่นๆ ก็ไม่พบเช่นกัน


เมื่อพวกเขาเข้าลึกลงไปในสุสานพวกเขาก็สูญเสียประสาทในด้านการรับรู้ทิศทางไป


พวกเขาทำได้เพียงแต่พึ่งพาสัญชาติญาณของตนเองเท่านั้น


หลังจากนั้นอีกสองชั่วโมง ท้ายที่สุดแล้วทั้งคู่ก็ได้พบกับใครบางคน


น่าเสียดายที่มันเป็นคนที่พวกเขาไม่ต้องการพบเจอมากที่สุด


ดูเหมือนว่าที่จุดศูนย์กลางของสุสานนี้ มันจะเป็นอุโมงค์ที่แตกแขนงออกไปยังจุดต่างๆ และพื้นที่ๆ ใหญ่ที่สุดก็มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณร้อยเมตร หนึ่งในอุโมงค์เชื่อมต่อ ฟู่จงชานและหลี่หวูเซี่ยเดินออกมาอย่างช้าๆ


 


“หลี่ฟู่เฉิน ข้าต้องขอยอมรับ เจ้านั้นโชคไม่ดีเสียจริง เจ้ามักโคจรมาพบกับข้าอยู่ตลอด ดูเหมือนว่าสวรรค์เองก็ต้องการให้เจ้าตาย” หลี่หวูเซี่ยถากถาง ขณะที่เขาหยิบธงเลือดเล็กๆ ที่มีลักษณะเป็นริ้วสีเลือดขึ้นมา


 


หลี่ฟู่เฉินตอบกลับ “ก็ยังไม่แน่ว่าใครจะได้รับชัยชนะ บางทีอาจเป็นเจ้าทั้งคู่ที่ต้องตายก็เป็นไปได้”


 


“เจ้ากล้าโอ้อวดถึงเพียงนี้?! แม้ว่าเจ้าจะมีสิ่งประดิษฐ์มากมายแต่เจ้าก็ไม่อาจหลบหนีความตายได้ในวันนี้ไปได้” ฟู่จงชานจ้องไปที่หลี่ฟู่เฉินราวกับเห็นคนตาย


 


ในสายตาของเขา มันราวกับหลี่ฟู่เฉินด้ายไปเรียบร้อยแล้ว


 


หากเป็นฟานเฉียนสงที่อยู่ที่นี่ พวกนั้นอาจเป็นต่อพวกเขาอยู่บ้าง แต่ถ้าเป็นเพียงหลี่ฟู่เฉิน นั้นก็ไม่นับว่าเป็นอะไรแล้ว


 


“ฟู่จงชาน ข้าจะปล่อยหลี่ฟู่เฉินให้เจ้า ฝากฟานเฉียนหยูให้กับข้า” หลี่หวูเซี่ยค่อนข้างฉลาด เขามีของมีค่ามากมายเหลือเฟือ แต่ความสามารถพื้นฐานของเขาไม่เก่งพอ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถดึงศักยภาพสูงสุดของสิ่งประดิษฐ์เหล่านั้นออกมาใช้ได้ เขาไม่แน่ใจว่าเขาจะจัดการกับหลี่ฟูเฉินได้หรือไม่ แต่เขารู้ว่ามันเพียงพอสำหรับเขาหากจัดการฟานเฉียนหยู


 


“ไม่ต้องกังวล ข้าต้องการเพียงสิบดาบเท่านั้น” ฟู่จงชานตอบกลับอย่างมั่นใจ


 


ในความเป็นจริง หากหลี่ฟู่เฉินไม่มีสิ่งประดิษฐ์ใดๆ เขาจะใช้เพียงแค่สามดาบเท่านั้น สำหรับการกำจัดหลี่ฟู่เฉิน


 


หลี่ฟู่เฉินส่งข้อความลับไปยังฟานเฉียนหยู “เจ้าควรออกไปก่อน”


 


เขาไม่ต้องการให้ฟานเฉียนหยูตกอยู่ในอันตรายและเขาควรจะจัดการเรื่องของเขาด้วยตัวเอง หลังจากทั้งหมดแล้ว ฟานเฉียนหยูก็ไม่ใช้ฟานเฉียนสง มีความแตกต่างค่อนข้างมากในความสามารถระหว่างพวกเขา หากมีอะไรเกิดขึ้น


 


เขาจะหาเหตุผลมาตอบกับฟานเฉียนสงได้อย่างไร


 


ฟานเฉียนหยูส่ายหัวของเธอ “การต่อสู้ระหว่างชีวิตและความตายเป็นโอกาสสำหรับข้า นอกเหนือจากนี้ ข้าเองก็มีสิ่งประดิษฐ์ด้วยเช่นกันและอาจจะจัดการกับหลี่หวูเซี่ยได้”


 


เธออยู่ในระดับที่สี่ของขอบเขตปฐพี ในขณะที่หลี่หวูเซี่ยอยู่ในระดับที่สามของขอบเขตปฐพี หากเธอหนีไปโดยที่ไม่แม้แต่จะต่อสู้ พลังที่เธอบ่มเพาะมาตลอดนี้จะบ่มเพาะมาเพื่ออะไร?

“เช่นนั้นก็ระวังตัวด้วย”


 


หลี่ฟู่เฉินไม่ได้พยายามโน้มน้าวใจเธอต่อ เพราะฟู่จงชานและหลี่หวูเซี่ยกำลังจะลงมือแล้ว หากเขายังคงดื้อดึงต่อ มันก็จะมีแต่เป็นการรบกวนพวกเขาเท่านั้น


 


“อือ” ฟานเฉียนหยูพยักหน้ารับ มีดจันทร์เสี้ยวคู่หนึ่งปรากฏขึ้นในมือของเธอ


 


“ฆ่า!”


 


หลี่หวูเซี่ยพุ่งไปหาฟานเฉียนหยูก่อนเป็นคนแรก เขามือของเขามีธงสีเลือดถือไว้อยู่ คลื่นพลังฉีสีเลือดแพร่กระจายตัวออกไปราวกับคลื่นน้ำตก


 


เห็นได้ชัดว่าธงสีเลือดนี้เป็นอาวุธพิเศษที่สามารถเพิ่มความสามารถของนักสู้ได้และยังเป็นตัวชดเชยระยะห่างระหว่างขอบเขต มันเพิ่มความสามารถให้หลี่หวูเซี่ยได้มากกว่าอาวุธอื่นๆ ธงสีเลือดนี้เห็นได้ชัดว่าอยู่ในระดับสูง อย่างน้อยๆ มันก็คือระดับลึกลับขั้นสูง


 


“แตกสลายไปซะ!”


 


แขนของฟานเฉียนหยูร่ายรำไปพร้อมๆ กับมีดจันทร์เสี้ยวในมือ สภาพแวดล้อมทั้งหมดข้างๆ เธอเต็มไปด้วยแสงดาบและค่อยเข้าตัดพลังฉีสีเลือดอยู่


 


“ข้าแนะนำให้เจ้ายอมแพ้และข้าจะคงสภาพศพไว้ให้ หากไม่เช่นนั้นแล้ว เจ้าจะไม่มีแม้แต่ศพเหลืออยู่เลย” ไม่แม้แต่จะมองหลี่หวูเซี่ยและฟานเฉียนหยู ฟู่จงชานกล่าวกับหลี่ฟู่เฉินอย่างเย็นชา


 


หลี่ฟู่เฉินถามกลับ “เจ้าคิดว่าข้าจะทำเช่นนั้นจริงๆ?”


 


ในขณะที่เขากล่าว หลี่ฟู่เฉินก็เปิดใช้งานเทคนิคลับมังกรเร้นลับ พลังฉีเพลิงโลกันต์แท้จริงถูกแปรสภาพเป็นของเหลวหนืดดังเช่นพลังฉีมังกรเร้นลับ


 


“ตาย!” ฟู่จงชานฟันลงไปที่หลี่ฟู่เฉิน


 


การฟันลงมาครั้งนี้รวดเร็วมากและไร้ซึ่งความปรานี มันราวกับว่าการฟันครั้งนี้จะสามารถแยกช่องว่างอากาศออกจากกันได้


 


เคร้ง!


 


เศษหินบินวอนกระจายไปทั่ว ขณะที่ดาบของฟู่จงชานพลาดเป้าหมาย


 


“หือ?!” ฟู่จงชานรู้สึกว่าความเร็วของหลี่ฟู่เฉิน นั้นเร็วกว่าตอนที่เขาสู้กับซูเหยชานที่ในเมืองหมอกหนาเสียอีก


 


“เจตจำนงเทคนิคตัวเบาและเจตจำนงเทคนิคลูกเตะ” ฟู่จงชานขมวดคิ้ว


 


ด้วยการใช้เจตจำนงทั้งสอง ความเร็วและความคล่องตัวของเขาไม่ได้เพียงขึ้นเพียงแค่เล็กน้อย แต่มันเพิ่มขึ้นอย่างน้อยก็สองเท่า


 


ด้วยการโคจรย่างก้าวเงาวายุและใช้ลูกเตะไร้เงา ปัจจุบันหลี่ฟู่เฉินเองก็ไม่ต่างากภูติผีมากนัก


 


ไม่ว่าจะเป็นบนพื้นดิน ผนัง หรือเพดาน มันเป็นเหมือนพื้นราบลื่นสำหรับหลี่ฟู่เฉิน มันราวกับไม่มีอุปสรรคหรือตัวยึดเหนี่ยวใดๆ ที่จะเกาะติดเขาได้อีกแล้ว


 


ขณะที่เจตจำนงย่างก้าวเงาวายุและลูกเตะไร้เงารวมเข้าด้วยกัน หลี่ฟูเฉินก็เพิกเฉยต่อการมีอยู่ของน้ำหนักใดๆ


 


เนื่องจากจุดแข็งของฟู่จงานคือความแข็งแกร่ง หลี่ฟู่เฉินจึงต้องละทิ้งเทคนิคเพลิงโลกันต์แท้จริงไป มันจะไม่มีโอกาศชนะหากเขายังฝืนต่อไปทั้งๆ แบบนี้ ด้วยเหตนี้ ทำไมไม่เสี่ยงเลือกโคจรย่างก้าวเงาวายแทน เพื่อเพิ่มความเร็วและความคล่องแคล่วว่องไวของเขาซะเลยเสียละ


 


เขาเชื่อว่าในช่วงเวลาสั้นๆ เขาจะไม่โดนดาบของคู่ต่อสู้ของเขาแน่นอน


 


“ข้าไม่ใช่ซูเหยชาน หากเจ้าคิดว่าข้าไม่มีวิธีจัดการกับเจ้าในปัจจุบัน เช่นนั้นเจ้าก็คิดผิดแล้ว”


 


ร่างกายของฟู่จงชานไม่ได้ขยับเขยื่อนเลยแม้แต่นิ้วเดียว เขาเพิ่มความจดจ่อไปที่ประสาทหูและตาของเขา ใช้พวกมันถึงขีด จำกัดเพื่อรับรู้วิถีการเคลื่อนไหวของหลี่ฟู่เฉิร


 


“ตรงนั้น!”


 


ฟู่จงชานฟังลงไปในความว่างเปล่า


 


ในความว่างเปล่านั้น ร่างหนึ่งได้ปรากฏขึ้น แต่ร่างนั้นก็กลับตัวกลางอากาศอย่างรวดเร็วเพื่อหลบเลี่ยงการฟันครั้งนี้


 


วืด วืด วืด วืด…


 


ฟู่จงชานฟันออกไปสิบดาบติดต่อกัน ทุกๆ ดาบเล็งไปที่ๆ หลี่ฟู่เฉินจะเคลื่อนที่ไป แต่หลี่ฟู่เฉินมีปฏิกิริยาตอบโต้ที่ดีกว่า ซึ่งเขาก็สามารถตรวจสอบวิถีดาบของฟู่จงชานได้ตลอดเวลา


 


“สิบดาบผ่านไปแล้วนะ” เสียงของหลี่ฟู่เฉินถูกกล่าวออกมาจากอากาศในทุกทิศทาง


 


“ฮึ่ม!” ฟู่จงชานส่งเสียงคำรามในคอและไม่พอใจ


 


“ตาข่ายสวรรค์!”


 


ฟูจงชานใช้ท่าสังหารของเขา ด้วยกระบวนดาบนี้ ที่ช่องว่างนั้นเต็มไปด้วยแสงดาบคล้ายกับตาข่ายที่มีพลีงฉีหนาแน่น ลอมรอบหลี่ฟู่เฉินไว้ทุกทิศทาง


 


และเวลานี้เอง ประสาทสัมผัสของหลี่ฟู่เฉินก็ถูกกระตุ้นขึ้นมาสุดขีด ร่างกายของเขาขยับในแนวนอน บิดร่างกาย และขดตัว ภายในชั่วพริบตานี้ ร่างกายของหลี่ฟู่เฉินก็ขยับไปแล้วกว่าแปดรูปแบบ


 


ตึง ตึง!


 


ตาข่ายดาบนั้นตัดพื้นหินทั้งหมด แต่หลี่ฟู่เฉินก็ยังคงไม่ได้รับความเสียหายใดๆ


 


“เป็นไปได้ยังไง?” ฟู่งชานดูตกใจ


 


เขาไม่เคยเห็นใครที่สามารถหลบตาข่ายสวรรค์ได้อย่างสมบรูณ์แบบเช่นนี้มาก่อน แม้ว่าจะมีใครบางคนที่สามารถทำได้ มันไม่สมควรเป็นหลี่ฟู่เฉิน แต่สมควรเป็นผู้เชี่ยวชาญประเภทชูมู่หยูมากกว่า


 


ดวงตาของหลี่ฟู่เฉินกระจ่างใส ตาข่ายสวรรค์ดูเหมือนจะไร้ที่ติก็จริง แต่ในความเป็นจริงแล้ว แสงดาบนั้นมาพร้อมกันแต่ไม่ได้ถูกใช้งานพร้อมกัน ถ้ามันถูกใช้งานพร้อมกับด้วยการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว เขาก็ไม่มีทางที่จะหลบได้อย่างแท้จริง


 


“ตอนนี้แหละ!” ดวงตาของหลี่ฟู่เฉินเต็มไปด้วยเจตนาสังหาร ทันใดนั้นมือของเขามีหน้าไม้ปรากฏและมันเต็มถูกบรรจุด้วยศรทลายปีศาจ เขาผลาญพลังฉีลงไปในหน้าไม้ และจังหวะเดียวกันก็จะได้ยินเสียง ติ้ว ขณะที่ศรทลายปีศาจถูกยิงออกไป


 


“ไม่ดีแล้ว” ขนของฟู่จงชานลุกชันขึ้น


 


มันมีทั้งข้อดีและข้อเสียเมื่อใช้กระบวนท่าสังหารออกไป เขาต้องการเวลาในรวบรวมความแข็งแรงและเมื่อใช้ไปก็ต้องใช้เวลากว่มันจะกลับคืนมา ก่อนที่พลังฉีของเขาจะกลับมา ความเร็วในการเคลื่อนที่ของเขาก็จะช้าลงเล็กน้อยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้


 


“สลายไปซะ!”


 


รู้ว่าเขาไม่มีเวลาที่จะนำดาบออกมาป้องกันแล้ว ฟู่จงชานเพิ่มความหนาของเกราะพลังฉีที่ปกป้องอยู่รอบกายของเขา ตอนนี้มันหนาอย่างน้อยหนึ่งฟุต มันเป็นเหมือนกำแพงพลังฉีที่ถูกสำรองเอาไว้ และพยายามปิดกั้นศรทลายปีศาจที่กำลังมาถึง


 


ปิส!


 


ศรทลายปีศาจถูกสร้างขึ้นเจาะเกราะป้องกันพลังฉี ศรลูกเดียวก็เพียงพอที่จะเจาะผ่านเกราะป้องกันพลังฉีของฟู่จงชานแล้ว มันเจาะลึกเข้าไปในร่างกายของฟูจงชาน ส่งผลทำให้เลือดปะทุสาดออกไปทั่ว


 


“หลี่ฟู่เฉิน ข้าปราถนาความตายของเจ้า!” ฟู่จงชานคร่ำครวญและก็ลงมือห้อมล้อมหลี่ฟู่เฉินด้วยแสงดาบนับไม่ถ้วนอีกครั้ง


 


“นั่นเป็นผลลัพธ์ที่ค่อนข้างดูดีดีทีเดียว” หลี่ฟูเฉินหลบด้วยความเร็วสูง


 


เหตุผลที่หลี่ฟู่เฉินไม่ได้ใช้ประโยชน์จากเศษอาวุธระดับปฐพีก็คือเขาไม่ได้เข้าใจความสามารถของเศษอาวุธนี้ได้อย่างสมบูรณ์ แต่ศรทลายปีศาจนั้นแตกต่างกัน ตราบเท่าที่เขาพบช่องว่างของศัตรู ศรลูกเดียวก็จะแทงทะลุผ่านการเกราะป้องกันพลังฉีไปได้ในเก้านับจากสิบครั้ง


 


ปิสส!


 


ทันใดนั้นเอง แสงดาบก็ผ่านเข้ามา มันถูกเร่งความเร็วราวกับแสง


 


หลี่ฟู่เฉินพยายามอย่างดีที่สุดที่จะหลบหนี แต่ท้ายที่สุดก็ยังมีรบาดแผลจากแสงดาบนี้ ส่งผลทำให้หน้าอกซ้ายของเขามาเลือดออก


 


 


สายตาที่ดูลองลอยของฟู่จงชานหวนกลับมาดังเดิมอีกครั้ง สภาวะพลังฉีของฟู่จงชานเองก็มาถึงจุดสูงสุดอีกครั้งเช่นกัน


 


เห็นได้ชัดว่าศัตรูของหลี่ฟู่เฉินได้เปิดใช้งานเทคนิคลับเข้าแล้ว


บทที่ 212

หมดหวัง


 


 


ฟูจงชานถือดีเกินไป เขาคิดว่าเขาจะสามารถรับมือกับหลี่ฟู่เฉินได้โดยตรง โดยไม่ต้องใช้เทคนิคลับใดๆ และยังคิดอีกว่าจะสามารถชนะหลี่ฟู่เฉินได้ภายในสิบดาบ


ความเป็นจริงครั้งนี้มันได้ตบหน้าเขาอย่างโหดร้าย


เขาเปิดใช้งานเทคนิคลับระดับ 3 ดาวของตน ความสามารถของเขาเพิ่มขึ้นมากและความเร็วของดาบก็เช่นกัน หลี่ฟู่เฉินเองก็เกือบถูกฟันเพราะความไม่ระวัง หากมันไม่ได้เป็นเพราะการตอบสนองที่รวดเร็วของเขา เขาก็คงจะถูกผ่าออกเป็นสองส่วนไปแล้ว และในตอนนี้ เขาไม่ได้โคจรเทคนิคเพลิงโลกันต์แท้จริงไว้ ดังนั้นพลังป้องกันของเขาจึงยิ่งลดน้อยลงไปอีก


 


กระดกกลืนยาฟื้นระดับลึกลับขั้นต่ำเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง หลี่ฟู่เฉินผลักดันความเร็วของเขาไปจนถึงขีดสุด เขาหลบดาบที่สองของฟูจงชานอย่างยากลำบากแม้ว่าเขาจะได้รับความช่วยเหลือจากเทคนิคลับแล้วก็ตาม


 


ปั้ง!


 


หลี่ฟู่เฉินขว้างระเบิดพิษจำนวนมากออกไป ขณะที่ละอองหมอกกระจายออกมาจนหนาแน่น


 


“ออกไป!”


 


มือซ้ายของฟูจงชานขดตัวราวกับหัวมังกร หมุนวนอยู่ภายในหมอก ส่งผลทำให้หมอกทั้งหมดนี้เริ่มจางหายไป


 


ฮอง ฮอง ฮอง…


 


ขณะเดียวกับลมที่เหมือนพายุถูกปล่อยออก หมอกพิษหนาแน่นก็ถูกเป่าออกไปในไม่กี่ลมหายใจ


 


ความสามารถของฟูจงชานแข็งแกร่งเกินไป ศรทลายปีศาจทำให้เขาบาดเจ็บได้จริง แต่ก็ไม่ถือว่าเป็นการบาดเจ็บสาหัส ความสามารถของเขาได้รับผลกระทบแน่ๆ แต่ด้วยการเปิดใช้งานเทคนิคลับ ความสามารถของเขาก็เพิ่มขึ้นแทนที่จะลดลง มันเป็นการผลักดันทำให้หลี่ฟู่เฉินต้องตกลงไปในสถานการณ์ที่อันตราย


 


เมื่อบาดแผลของเขาเริ่มฟื้นตัว หัวของหลี่ฟู่เฉินก็อาจจะตกลงแทนเอาได้


 


เขาสามารถดูออกได้เลยว่าศรทลายปีศาจจะไม่มีโอกาสได้ใช้อีกต่อไป และด้วยศัตรูที่ระวังตัวอยู่แบบนี้ โอกาสสำหรับเขาคงไม่ได้มีมากมายนัก แม้ว่าเขาจะใช้อาวุธระดับปฐพี เขาก็จะมีโอกาสเพียงครั้งเดียวเท่านั้น หากเขาพลาดในครั้งนี้ เขาจะไม่มีโอกาสอีกต่อไป


 


ในอีกด้านหนึ่ง ฟานเฉียนหยูก็ตกอยู่ความเสียเปรียบเช่นกัน


 


ธงโลหิตในมือของหลี่หวูเซี่ยนั้นน่าหวาดกลัวเกินไป มันเองก็ดูเหมือนจะเพิ่มความแข็งแกร่งโดยรวมของเขา มันต้องการเพียงแค่ต้องการพลังฉีถ่ายเข้าไปเพื่อระเบิดออกพลังอันน่าสะพรึงกลัวออกมา


 


ไม่มีวิธีอื่นอีก ฟานเฉียนหยูเก็บมีดจันทร์เสี้ยวลงไปและหยิบร่มเหล็กขึ้นมา


 


ร่มเหล็กนี้เองก็เป็นอาวุธพิเศษ ซึ่งสามารถใช้ได้ทั้งการโจมตีและป้องกัน ในช่วงเวลาสั้นๆ เธอไม่จำเป็นต้องกังวลอีก


 


ปิสส!


 


ร่างกายของหลี่ฟู่เฉินเริ่มมีบาดแผลเพิ่มขึ้น ส่งผลทำให้ทั่วทั้งร่างของเขาอาบไปด้วยเลือด


 


เผชิญหน้ากับคมดาบ กลยุทธหมอกพิษก็ไม่สามารถใช้ได้อีกต่อไป


 


ฟูจงชานไม่เหมือนกับซูเหยชาน ซึ่งเป็นเพียงศิษย์หลักระดับเงิน เขาเป็นศิษย์หลักระดับทอง ไม่ว่าจะเป็น ระดับเทคนิค ระดับเทคนิคลับ หรือระดับทักษะต่อสู้ พวกมันทั้งหมดย่อมเหนือกว่าของซูเหยชาน เว้นเพียงแต่ระดับบ่มเพาะที่ต่ำกว่าก็เพียงแต่แค่นั้น


 


“ทำไมข้าถึงไม่สามารถสังหารมันได้?”


 


ฟูจงชานดูร้อนใจ ศรทลายปีศาจอาจจะทำให้เขาบาดเจ็บได้ไม่มากนัก แต่มันก็ไม่ได้เบาถึงขั้นไม่รู้สึกอะไรเช่นกัน หากการต่อสู้ยังดำเนินต่อไป อาการบาดเจ็บของเขาจะรุนแรงขึ้นอย่างไม่มีข้อแม้ และเมื่อได้รับบาดเจ็บสาหัส มันก็จะ


 


ส่งผลต่อความสามารถต่างๆ ของเขา โดยเฉพาะปฏิกิริยาตอบสนองของเขา


 


หลี่ฟู่เฉินยังคงยืนหยัดอยู่อย่างอดทน พยายามที่จะยับยั้งตนเองจากการใช้อาวุธระดับปฐพี


 


เขาต้องการโอกาสที่จะทำร้ายศัตรูอย่างรุนแรง เขาไม่ได้หวังว่าจะเอาชนะศัตรูของเขาได้ในตอนนี้


 


เศษอาวุธระดับปฐพีนั้นเป็นเพียงแค่อาวุธที่เสียหาย มันไม่ใช่สิ่งประดิษฐ์ที่มีพลังสังหารเบ็ดเสร็จ


 


หากสามารถทำร้ายศัตรูของเขาได้อย่างรุนแรง มันก็นับว่าประสบความสำเร็จแล้ว


 


“ตาข่ายสวรรค์!” ฟูจงชานใช้ท่าสังหารของเขาอีกครั้ง


 


“นครพายุ!”


 


เมื่อพายุถูกปลดปล่อยออกมา มันก็เข้าไปปะทะกับท่าสังหารของฟูจงชาน


 


หลังจากการระเบิดเล็กน้อย พายุก็เหือดหายไป ในขณะที่แสงดาบรูปตาข่ายก็สลัวลงและเผยให้เห็นข้อบกพร่องมากมาย


 


มันเป็นฟานเฉียนสง


 


ฟานเฉียนสง ผู้ที่อยู่ในระดับที่ห้าขอบเขตปฐพีมีความสามารถเหนือกว่าหลี่ฟู่เฉินอย่างมาก หากเขาทุ่มเต็มกำลัง มันก็เป็นไปได้ที่จะสลายการโจมตีนี้


 


โดยไม่เสียเวลาใดๆ อีก เมื่อฟานเฉียนสงสกัดกั้นท่าสังหารของฟู่จงชาน หลี่ฟู่เฉินก็หยิบเศษอาวุธออกมาทันที


 


แสงสีดำเปล่งประกายและหายไปกลางอากาศก่อนที่จะกลับมาปรากฏตัวอีกครั้งที่หน้าของฟูจงชาน


 


ฟูจงชานคำรามและระเบิดสภาวะพลังฉีของเขา


 


ปิสส…


 


เศษอาวุธมีความสามารถในการเจาะทะลวงอ่อนแอกว่าศรทลายปีศาจ แต่มันก็เหนือกว่าในด้านความแข็งแกร่ง เมื่อใช้ผ่านพลังฉี มันก็เจาะทุละร่างกายของฟูจงชานได้ในทันที


 


ฟูจงชานอาเจียนออกมาเป็นเลือดสดและบินกลับออกไปข้างหลัง


 


พลังของเศษอาวุธนั้นกระจายออกไปด้วยเกราะพลังฉีและพลังที่เหลือไม่สามารถเจาะเข้าร่างกายของเขาได้ แต่ส่งร่างกายของเขาบินกลับไปแทน


 


“กระหน่ำลม ฝน!”


 


ฟานเฉียนสงดูดุร้ายขณะที่เขาพุ่งเข้าไปยังฟูจงชาน พลองโลหะของเขาหมุนวนไม่หยุดกลางอากาศและเมื่อวงกลมมีขนาดเล็กลง พลังก็ขยายใหญ่ขึ้น ราวกับหัวสว่าน มันพุ่งทลวงไปที่ฟู่จงชานอย่างรุนแรง


 


“เพลิงดาวตกฉบับว่องไว!”


 


หลี่ฟู่เฉินเองก็ส่งการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดออกไปเช่นกัน ประกายไฟพุ่งเข้าหาฟูจงชาน


 


“พวกเจ้าทั้งหมดรนหาที่ตาย!”


 


ฟูจงชานกวัดแกว่งดาบของเขาและต่อต้านท่าสังหารของทั้งฟานเฉียนสงและหลี่ฟู่เฉิน ระหว่างที่ทำทั้งหมดนี้เลือดไหลออกมาจากปากของเขา


 


ปิสสส!


 


ศรทลายปีศาจอีกดอกถูกปักลงไปในร่างของฟูจงชาน ขณะที่ตัวศรเองก็กำลังสั่นสะเทือน


 


“เวร เวร เวรเอ้ย พวกเจ้าทั้งหมดมันเป็นตัวสารเลว!” หัวใจของฟูจงชานปุทะอารมณ์ทุกประเภทออกมา เช่นความโกรธ ความเดือดดาล ความเจ็บปวด ด้วยสิ่งนี้มันเกือบจะทำให้เขาบ้าคลั่ง


 


โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อหลี่ฟู่เฉิน หากเป็นไปได้ เขาจะกินเนื้อและดื่มเลือดของมัน


 


ใช้ประโยชน์จากเหตุการณ์ ก้านพลองของฟานเฉียนสงก็เข้าไปปะทะที่หน้าอกของฟูจงชาน


 


แคร๊ก!


 


กระดูกซี่โครงของฟูจงชานสองสามซี่หัก ขณะที่ร่างกายของเขาบินไปข้างหลังอีกครั้ง


 


“ระเบิดเพลิงดาวตก!”


 


ในบรรดาทักษะดาบระดับลึกลับขั้นกลางทั้งสามที่หลี่ฟู่เฉินเชี่ยวชาญ วิชาดาบเพลิงดาวตกมีความน่ากลัวมากที่สุด ระเบิดเพลิงดาวตกอาจจะไม่มีอะไรมากมาย นอกเสียจากแสงอ่อนๆ แต่เมื่อมันสัมผัสกับพลังฉีของฟูจงชาน มันก็ระเบิดพลังโจมตีที่น่าประหลาดใจออกมา ส่งผลทำให้ฟูจงชานอาเจียนออกมาเป็นเลือด


 


“เจ้าทำให้ข้าต้องทำเช่นนี้เองนะ… ผ่าโลหิต!”


 


ร่างกายของฟูจงชานเปล่งประกายด้วยแสงสีเลือด มันทะลักเข้าไปในดาบยาว ด้วยการกวัดแกว่งเพียงครั้งเดียว แสงดาบสีเลือดขนาดใหญ่ก็ถูกปลดปล่อยออกมา ซึ่งนวดเร็วมากและครอบคลุมหลายสิบเมตร


 


ปิส ปิสส!


 


หลี่ฟู่เฉินและฟานเฉียนสงบินกลับออกไปข้างหลังและเปียกโชกไปด้วยเลือด


 


ฟานเฉียนสงยังคงสบายดีและไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ไม่ใช่กับหลี่ฟู่เฉิน เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส โชคยังดีที่ฟานเฉียนสงมาที่นี่เพื่อช่วยเหลือ เขาจึงเปลี่ยนกลับไปใช้เทคนิคเพลิงโลกันต์แล้ว ไม่เช่นนั้นดาบนี้จะแยกตัวเขาออกจากกัน


 


กระบวนดาบนี้ถูกใช้โดยฟูจงชาน มันเป็นเทคนิคลับระดับ 3 ดาวที่ถูกเติมพลังด้วยการเผาผลาญเลือดของตัวเอง เพื่อที่จะระเบิดออกพลังต่อสู้ที่น่าเกรงขามออกมา


 


“ข้าจะปล่อยให้เขามีเวลาพักฟื้นไม่ได้”


 


หลี่ฟู่เฉินบังคับตัวเองให้ตื่นตัว ประสานงานกับฟานเฉียนสงและโจมตีไปที่ฟูจงชานอีกครั้ง


 


“ตาย!”


 


หลี่ฟู่เฉินยิงศรทลายปีศาจลูกสุดท้ายออกไป


 


ลูกศรนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นอันตรายถึงชีวิต ขณะที่มันเจาะเข้าไปในปอดของฟูจงชาน


 


ปอดเป็นอวัยวะที่สำคัญอย่างยิ่งของร่างกาย มันจำเป็นต้องใช้โคจรพลังฉี เมื่อปอดของเขาถูกลูกศรพุ่งทะลุ สภาวะพลังฉีที่ระเบิดออกมาของฟูจงชานก็ลดลงไปครึ่งนึงจากเดิมทันที


 


“ไปลงนรกซะ!”


 


อาวุธของฟานเฉียนสงเปล่งประกายสีเขียวและมีหลอดเลือดสีดำขึ้นตามมัน เขาโจมตีไปที่ฟูจงชานอย่างต่อเนื่อง ด้วยเสียงดัง ปั๊ง ปั๊ง ปั๊ง ที่ได้ยินในอากาศ กระดูกครึ่งหนึ่งของฟูจงชานก็หักลงและร่างกายเขาอ่อนแอปวกเปียก พลังฉีเองก็อ่อนลงเช่นกัน


 


แคร๊ก!


 


ฟานเฉียนสงใช้พลองของเขาบดขยี้ไปตรงระหว่างคิ้วของฟูจงชาน


 


“ไม่ดีแล้ว”


 


ในอีกด้านหนึ่ง หลี่หวูเซี่ยได้เห็นฉากนั้นและรู้สึกหวาดกลัว


 


ก่อนที่ทุกอย่างจะเริ่มขึ้น เขาไม่เคยคาดหวังว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นนี้ จากมุมมองของเขา แม้ว่าหลี่ฟู่เฉินและฟานเฉียนสงจะร่วมมือกันก็ตามที พวกเขาก็ยังไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ของฟูจงชานได้


 


“หนี!”


 


หลี่หวูเซี่ยโบกธงสีเลือดของเขาเพื่อสลัดฟานเฉียนหยูทิ้ง และวิ่งไปทางหนึ่งในอุโมงค์


 


“ข้าจะตามเขาไป!”


 


ฟานเฉียนสงยังมีพลังกำลังอยู่มาก ขณะที่เขาไล่ล่าตามหลังหลี่หวูเซี่ยไปอย่างรวดเร็ว


 


สำหรับหลี่ฟู่เฉิน เขาพบว่ามันยากที่จะยืนหยัดอยู่ได้ เขากินยาฟื้นฟูระดับลึกลับขั้นต่ำและนั่งไขว่ห้างเพื่อพักฟื้นอาการบาดเจ็บของเขา


 


ในช่วงเวลาสั้นๆ ฟานเฉียนสงก็กลับมา


 


“พี่ พี่ฆ่าเขาไปแล้วหรอ?” ฟานเฉียนหยูถาม


 


ฟานเฉียนสงส่ายหัวของเขา “บุคคลผู้นี้มีสิ่งประดิษฐ์มากเกินไป เขาหนีไปแล้ว”


 


“ด้วยฟูจงชานที่ตายไปแล้ว ข้าสงสัยว่าเขาจะทำอะไรได้ไม่มากนัก” ฟานเฉียนหยูออกความคิดเห็น


 


ฟานเฉียนสงตอบ “การฆ่าเขาจะเป็นการดีที่สุด เขาจะเป็นตัวปัญหา หากเขาถูกปล่อยให้มีชีวิตอยู่ต่อไป”


บทที่ 213

มรดก


 


 


หลังจากที่ใช้เวลาไปหลายชั่วโมง ในที่สุดหลี่ฟู่เฉินก็ฟื้นฟูสภาพเดิมกลับมาได้ 30% ถึง 40%


 


การบาดเจ็บครั้งนี้เป็นหนึ่งในอาการบาดเจ็บรุนแรงที่สุดที่เขาเคยประสบพบเจอมา หากว่าเขาประมาทแม้แต่เพียงเล็กน้อย ชีวิตของเขาก็คงจะจบสิ้นลงแล้ว


 


“เกือบไปแล้วจริงๆ” หลี่ฟู่เฉินสูดหายใจลึก ขณะที่กลิ่นเลือดเองก็เข้ามากลับการสูดหายใจครั้งนี้ เขาลืมตาขึ้น


 


ความสามารถของฟูจงชานน่ากลัวเกินไป หลี่ฟูเฉินใช้ความสามารถทั้งหมดของเขาไปแล้วและยังได้รับการสนับสนุนจากฟานเฉียนสงอีก แต่เขาก็สามารถเอาชนะฟูจงชานได้แบบฉิวเฉียดเท่านั้น


 


มันยากที่จะจินตนาการว่าหากฟานเฉียนสงไม่ได้อยู่ที่นี่ เขาจะถูกกดดันไปจนถึงขั้นไหนกัน? หลังจากทั้งหมดแล้ว เขาไม่สามารถหลบหนีได้ แม้ว่าเขาจะทำได้ก็จริง แต่ฟานเฉียนหยูยังอยู่ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถละทิ้งเธอได้


 


“หลี่ฟู่เฉิน เจ้าตื่นแล้ว?” ฟานเฉียนสงและฟานเฉียนหยูมองมาที่เขา


 


หลี่ฟู่เฉินพยักหน้า “ขอบใจพวกเจ้าทั้งคู่มาก”


 


ฟานเฉียนสงโบกมือก่อนจะกล่าว “ข้ายังไม่ได้เก็บถุงเก็บของของฟูจงชาน ไปดูกันว่าเขามีอะไรบ้าง และมาแบ่งกัน!”


 


หลี่ฟู่เฉินตอบกลับ “ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น กระเป๋าเก็บของฟูจงชานเป็นของพวกเจ้าสองคนแล้ว อย่าปฏิเสธข้อเสนอของข้า หากเจ้ายังถือว่าข้าเป็นเพื่อนอยู่”


 


มันไม่สำคัญว่าของสิ่งใดจะอยู่ในกระเป๋าของฟูจงชาน หลี่ฟู่เฉินไม่ได้มีความสนใจต่อเรื่องนี้เท่าใดนัก


 


“ก็ได้ ข้าจะทำหน้าให้หนาและรับมันไว้” ฟานเฉียนสงลังเลอยู่สักครู่ก่อนจะพยักหน้า


 


อาการบาดเจ็บของเขาจะไม่หายโดยไว้เพราะเม็ดยาฟื้นฟู้ระดับลึกลับขั้นต่ำ หลี่ฟู่เฉินกัดฟันของเขาและหยิบยาเม็ดฟื้นฟู้ระดับลึกลับขั้ยกลางออกมาจากถุงเก็บของเขา


 


ยาฟื้นฟูระดับลึกลับขั้นกลางมีค่าใช้จ่าย 100,000 คะแนนต่อเม็ด หากถูกแลกเป็นเหรียญทอง มันจะมีค่าเป็นสองเท่า ก่อนที่หลี่ฟูเฉินจะเริ่มการเดินทางของเขา เขาแลกยาฟื้นฟูระดับลึกลับขั้นกลางออกมาสองเม็ด โชคยังดีที่เขาได้รับเม็ดยาลึกลับขั้นกลางมาเพิ่มขึ้น เมื่อตอนที่เขาได้ฆ่าหลิวกวงเฟิงจากนิกายพัตเงิน และซูเหยชานจากนิกายสวรรค์ปีศาจ หากไม่เช่นนั้นแล้ว เขาก็อาจจะคงรู้สึกเสียดายเจียนตาย


 


เขาไม่ได้เพียงแค่กังวลแค่มูลค่าของมัน แต่หากเมื่อเขาต้องใช้ครั้งต่อไป เขาจะเอาที่ไหนใช้กันละ?


 


ท้ายที่สุดแล้วในโลกภายนอก มันยากที่จะค้นหาและซื้อยาฟื้นฟูระดับลึกลับขั้นกลาง เม็ดยาที่มีระดับสูงดังกล่าวจะปรากฏเฉพาะในระหว่างการประมูลเท่านั้น


 


ผลกระทบของเม็ดยาฟื้นฟูระดับลึกลับขั้นกลางนั้นมีคุณค่าสมกับราคา ในเวลาเพียง 15 นาที สภาพของหลี่ฟู่เฉินกลับมาอยู่ที่ 80% ผลกระทบจากยาที่ดูไร้สิ้นสุดเป็นเหมือนคลื่นที่พุ่งขึ้นสูง ขณะที่มันเข้ามากระทบกับบาดแผลของหลี่ฟู่เฉินอย่างต่อเนื่อง มันช่วยบำรุงโลหิตของเขา ช่วยเพิ่มความเร็วในการฟื้นตัวของเขาอย่างน้อยสิบเท่า


 


“ไปกันเถอะ!” หลี่ฟู่เฉินยืนขึ้น


 


พวกเขาล่าช้ามานานกันเกินไปแล้ว ของที่ยอดเยี่ยมจะไม่รอพวกเขาแน่


 


“เอาหล่ะ”


 


ฟานเฉียนสงรู้สึกพึงพอใจมาก เนื่องจากความมั่งคั่งที่อยู่ในถุงเก็บของของฟูจงชานนั้นหรูหราเกินกว่าที่เขาจินตนาการไว้ หลังจากมอบส่วนหนึ่งให้กับน้องสาวของเขา ส่วนที่เหลือก็ยังเพียงพอสำหรับเขาที่จะใช้มันต่อสู้ได้อีกเกือบปี


 


ครึ่งวันต่อมา หลี่ฟูเฉินและทั้งสองก็ออกจากเขาวงกตอุโมงค์แล้วก็ข้ามทะเลสาบ


 


ทะเลสาบมีสะพานไม้โดดเดี่ยวที่มีความยาวประมาณ 500 เมตรตั้งไว้อยู่


 


น้ำของทะเลสาบที่อยู่โดยรอบสะพานไม้นั้นมีสีเขียวเข้มและบางครั้งก็จะปล่อยฟองอากาศออกมา


 


ฟานเฉียนหยูโยนแผ่นเหล็กลงไปในทะเลสาบ และมองเห็นได้ด้วยตามนุษย์ ก่อนที่เหล็กจะจมลงไป มันก็เริ่มเป็นสนิมและละลายลง ความเป็นพิษอยู่ในระดับที่ทำให้เส้นผมของพวกเขาลุกชัน มันเต็มไปด้วยหมอกพิษ ทั้งคู่ไม่กล้าแตะต้องมันอีก


 


“มีพิษร้ายแรงอยู่ในน้ำของทะเลสาบ มันไม่สามารถแตะต้องได้อย่างแน่นอน และเราอาจจะข้ามไปไม่ได้เช่นกัน” 500 เมตรไม่ถือว่าเป็นระยะไกล ด้วยความสามารถของพวกเขา พวกเขาจะข้ามไปได้อย่างง่ายดาย แต่จุดที่สำคัญที่สุดก็คือ เจ้าของหลุมฝังศพอาจพิจารณาจุดๆ นี้ไว้แล้ว และอาจจะไม่อนุญาตให้พวกเขาข้ามไปได้อย่างง่ายดาย


 


“มาลองดูเถอะ!” หลี่ฟู่เฉินขว้างโลหะชิ้นหนึ่งไปยังที่อีกฝั่งหนึ่ง


 


วืดด!


 


ดูเหมือนว่าโลหะจะถูกบดขยี้เป็นเศษผงโดยแรงที่มองไม่เห็น พลังนั้นเลวร้ายยิ่งกว่าทะเลสาบที่มีพิษ


 


“ดูเหมือนว่าทางเดียวที่ใช้ได้ก็คือสะพาน” หลี่ฟู่เฉินขมวดคิ้ว


 


การเดินบนสะพานไม้เดี่ยวอาจจะเป็นอันตราย แต่หากท่านต้องการข้ามฝั่ง วิธีเดียวที่จะทำได้ก็คือเดินบนสะพานไม้เดี่ยว


 


คลุมร่างกายทั้งหมดของเขาด้วยเจตจำนงเพลิงแดง หลี่ฟู่เฉินเริ่มข้ามสะพานไม้ก่อนคนแรก


 


เขาค่อนข้างแน่ใจมากว่าพิษในทะเลสาบเป็นพิษที่ร้ายแรงมาก และบวกกับแรงสั่นสะเทือนเหนือทะเลสาบ ทั้งสองอาจเป็นเจตจำนง เนื่องจากพวกมันคือเจตจำนง วิธีเดียวที่จะปกป้องตัวเองได้ก็คือการใช้เจตจำนงของเขาเอง อย่างน้อยก็อาจมีความหวังเพื่อความอยู่รอดได้บ้าง


 


เหยียบลงไปบนสะพานไม้เดี่ยว หลี่ฟู่เฉินจุดติดเจตจำนงเพลิงแดง


 


“อย่างที่คาดไว้”


 


พิษพลังฉีและแรงสั่นสะเทือนเป็นเจตจำนงจริงๆ โชคดีที่มีเกราะป้องกันจากเจตจำนงเพลิงแดง หลี่ฟูเฉินจึงยังคงยืนหยัดอยู่ได้


 


กลับไปที่ตีนสะพาน หลี่ฟู่เฉินกล่าวกับฟานเฉียนหยู “เจ้ายังไม่เข้าใจเจตจำนงเทคนิค ไปด้วยกัน”


 


ฟานเฉียนสงเข้าใจเจตจำนงเทคนิคแล้ว แต่ฟานเฉียนหยูยังไม่


 


หลี่ฟู่เฉินสันนิษฐานว่าเจตจำนงเทคนิคของเขานั้นเหนือกว่าเจตจำนงเทคนิคของฟานเฉียนสง และรู้ว่าเขาสามารถปกป้องฟานเฉียนหยูได้


 


ฟานเฉียนหยูพยักหน้าและติดตามไปอย่างใกล้ชิดอยู่ที่ด้านหลังของหลี่ฟู่เฉิน


 


ขยายเจตจำนงเพลิงแดง หลี่ฟู่เฉินคลุมร่างของฟานเฉียนหยูด้วยเจตจำนงเพลิงแดงนี้


 


ผ่านสะพานไม้ไปครึ่งทาง เจตจำนงเพลิงแดงก็เริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ส่งผลทำให้เจตจำนงเพลิงแดงเกือบจะหายไป


 


โชคยังดีที่พวกเขาทั้งคู่มาถึงฝั่งอีกได้อย่างปลอดภัย


 


“พี่ ระวังตัวด้วย” ฟานเฉียนหยูกล่าวกับฟานเฉียนสง


 


ฟานเฉียนหยูพยักหน้าและใช้เจตจำนงเทคนิคไร้กังวลของเขาเพื่อปกป้องตัวเอง ในขณะที่เดินข้ามสะพานไม้


 


คล้ายกับฟานเฉียนหยู ผ่านสะพานไปครึ่งทาง ฟานเฉียนสงก็รู้สึกว่าเจตจำนงเทคนิคไร้กังวลของเขาสั่นสะเทือนอย่างรุงแรง โชคดีสิ่งที่เขาต้องทำก็มีเพียงการปกป้องตัวเอง หากเขาเป็นเหมือนหลี่ฟู่เฉินที่ต้องปกป้องฟานเฉียนหยูไปด้วย เขาอาจจะไม่สามารถข้ามสะพานไปได้


 


หลังจากผ่านไปสิบลมหายใจ ฟานเฉียนสงก็มาถึงอีกฝั่งนึกด้วยเช่นกัน


 


“หลุมฝังศพนี้อาจเป็นของผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริงซึงอย่างน้อยๆ ก็อยู่ในขอบเขตเทพยุทธ์วิญญาณหรือสูงกว่า มีเพียงผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นที่สามารถใช้ความสามารถด้านเต๋าเจตจำนงต่อสู้ได้ถึงระดับที่ไม่น่าเชื่อเช่นนี้” ฟานเฉียนสงหัวเราะแห้งๆ


 


หลี่ฟูเฉินถาม “ขอบเขตเทพยุทธ์วิญญาณคือขอบเขตต่อไปต่อจากขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดใช่หรือไม่?”


 


ฟานเฉียนสงพยักหน้า “ถูกแล้ว เจ้ารู้จักตระกูลต้วนหลินหรือไม่? โครงกระดูกเทพยุทธ์วิญญาณของพวกเขากล่าวกันว่าเกี่ยวข้องกับขอบเขตเทพยุทธ์วิญญาณ นี่คือเหตุผลว่าทำไมตระกูลนั้นถึงมีความน่าเกรงขามและสามารถยืนหยัดเป็นกองกำลังระดับสูงในทวีปยูนิคอร์นตะวันออกได้”


 


“ขอบเขตเทพยุทธ์วิญญาณ?ตระกูลต้วนหลิน?”


 


หลี่ฟู่เฉินตระหนักได้ว่าความรู้ของเขานั้นตื้นเขินเกินไป


 


ฟานเฉียนหยูกล่าว “เดิมทีทวีปยูนิคอร์นตะวันออกนั้นมีผู้เชี่ยวชาญปรามจารย์อยู่มากมาย แต่เพราะเหตุใดไม่รู้ การสู้รบครั้งใหญ่ก็ได้ปะทุขึ้นในทวีปยูนิคอร์นตะวันออกซึ่งเกี่ยวข้องกับผู้เชี่ยวชาญปรามจารย์ทั้งหมด หลังจากนั้นไม่นานผู้เชี่ยวชาญปรามจารย์เหล่านี้ก็หายไป ว่ากันว่าพวกเขาถูกเนรเทศออกไป แต่ไม่มีใครรู้ว่าจริงหรือเท็จ พวกเราเองก็ต้องรู้มันให้ได้จากการอ่านบันทึกโบราณบางอย่าง”


 


ฟานเฉียนสงกล่าวต่อ “เรายังห่างไกลจากขอบเขตนั้น อย่าพึ่งไปสนใจมัน ดูเหมือนว่าจะมีห้องโถงใหญ่รออยู่ข้างหน้านะ”


 


มีห้องโถงใหญ่อยู่ข้างหน้าและประตูก็ถูกเปิดออกแล้ว มีคนปรากฏอยู่รอบๆ ดูเหมือนจะไล่ตามบางสิ่งบางอย่าง


 


“เข้าไปข้างในกันเถอะ” หลี่ฟู่เฉินมุ่งหน้าไปยังห้องโถงใหญ่


 


ภายในห้องโถงใหญ่มีวิญญาณเล็กๆ ที่ดูเหมือนจุดแสงบินไปมาอยู่บนฟ้า ชูมู่หยู ซงฉิงเหอ และเหว่ยชานเห่อต่างก็ไล่ตามจุดไฟเหล่านั้น


 


“สิ่งเหล่านี้เป็นมรดก?” ฟานเฉียนสงยกคิ้วของเขาขึ้น


 


มรดกเฉพาะ พวกมันเป็นข้อมูลประเภทหนึ่ง ก่อนใครจะได้รับมันไป จะไม่มีใครรู้ว่ามีข้อมูลประเภทใดอยู่


 


มรดกถูกจัดเรียงเป็นมรดกหลักและมรกดรอง


 


มรดกรองเป็นทักษะต่อสู้และเทคนิคลับที่น่ากลัวต่างๆ มรดกหลักคือการส่งผ่านประสบการณ์ชีวิตจากผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริง ซึ่งบรรจุทุกอย่างที่ผู้เชี่ยวชาญเข้าใจ


บทที่ 214

บทดาบที่ไม่สมบรูณ์ ดาบไร้สมบรูณ์


 


 


มีจุดไฟสิบจุดอยู่ในห้องโถงใหญ่ จุดไฟเหล่านี้ดูเหมือนจะมีพลังวิญญาณแฝงอยู่ภายใน ทันทีที่ชูมู่หยู่และอีกสองคนเข้าหา พวกมันจะหลบและบินหนีออกไปทันที


 


รู้สึกได้ว่าหลี่ฟู่เฉินและกลุ่มของเขามาถึง แต่ชูมูหยูและกลุ่มของเธอก็ไม่ได้สนใจแต่อย่างใด ความคิดเดียวของพวกเธอคือรีบจับจุดไฟและรับมรดก


 


มันไม่ยากเลยที่จะจินตนาการได้ว่าทักษะต่อสู้และเทคนิคลับเหล่านั้นที่เป็นมรดก ต้องน่าหวาดกลัวแน่นอน มันเป็นที่คาดกันว่ามรดกเหล่านี้ถือเป็นทักษะที่แท้จริงของคนระดับสูงในนิกายของพวกเขาด้วยซ้ำ ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยระดับความสามารถในปัจจุบันของพวกเขา พวกเขายังไม่สามารถที่จะได้รับทักษะที่แท้จริงในระดับหัวกะทิจากนิกาย


 


ซึ่งเป็นสาเหตุที่มรดกที่นี่ถือเป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ในการพัฒนาตนเองของพวกเขา


 


“ข้าชอบจุดไฟที่เรืองแสงลูกนั้น” ฟานเฉียนหยูเข้าร่วมเพื่อไล่ตามจุดไฟ


 


“จุดแสงสีขาวนั้นก็ดูดี” ฟานเฉียนสงเองก็เลือกเป้าหมายของเขา


 


ไม่มีใครรู้ว่ามีอะไรอยู่ในจุดไฟเหล่านี้ พวกเขาสามารถพึ่งพาได้เพียงแต่สัญชาตญาณของพวกเขาเท่านั้น


 


หลี่ฟู่เฉินไม่ได้เข้าร่วมในการไล่ล่าทันที เขาสามารถรู้สึกได้ว่าจุดแสงเหล่านี้มีสีที่แตกต่างกันไป และยังมีรัศมีที่แตกต่างกันออกไปอีกเล็กน้อย


 


หลี่ฟูเฉินไม่รู้ว่าคนอื่นๆ จะรู้สึกถึงความแตกต่างเล็กน้อยในรัศมีเหล่านี้หรือไม่ แต่เขาสามารถสัมผัสได้ถึงร่องรอยของมัน


 


หลี่ฟู่เฉินเดินไปข้างหน้าเพื่อรับรู้ทุกจุดแสงที่หลากหลาย และปลดประสาทสัมผัสอบ่างแผ่วเบา


 


หลังจากนั้นไม่นาน หลี่ฟู่เฉินก็มองเห็นแสงสีทอง


 


จุดไฟสีทองนี้เย่อหยิ่งยิ่ง มันราวกับว่ามันเป็นกษัตริย์ที่มีอำนาจ จุดไฟอื่นๆ ไม่กล้าเข้าใกล้มัน


 


โคจรย่างก้าวเงาวายุ หลี่ฟู่เฉินก็ขึ้นไปในอากาศและพุ่งเข้าหาจุดไฟสีทอง


 


แสงสีทองส่องประกายและเริ่มเว้นระยะห่างระหว่างมันกับหลี่ฟูเฉิน


 


“ตัวชั่วร้าย…”


 


หลี่ฟูเฉินเปิดใช้เทคนิคลับมังกรเร้นลับของเขาเพื่อเพิ่มความเร็ว เขาเปลี่ยนเป็นเงาเพื่อไล่ตามแสงสีทองจากด้านหลัง


 


เห็นได้ชัดว่าความยากลำบากของแต่ละจุดไฟนั้นแตกต่างกัน


 


ซงฉิงเห่อ เหว่ยชานเห่อ และฟานเฉียนหยูมีความยากลำบากในการไล่ล่าจุดไฟในปริมาณเดียวกัน พวกเขาอยู่ห่างออกไปหนึ่งก้าวจากการจับมัน


 


จุดไฟของฟานเฉียนสงนั้นยากขึ้นเล็กน้อย ต่อมาก็คือชูมู่หยู จากนั้นก็คือหลี่ฟู่เฉิน


 


สำหรับมุมมองต่อสิ่งนี้ วิสัยทัศน์ของคนๆ หนึ่งในการเลือกจุดไฟขึ้นอยู่กับศักยภาพโดยกำเนิดของคนๆ นั้น


 


ยิ่งมีศักภาพในระดับสูง สัญชาตญาณต่อจุดไฟมรดกเหล่านี้ก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น


 


ชูมู่หยูไล่ตามจุดไฟสีเขียว มันด้อยกว่าจุดไฟสีทองนั่นเล็กน้อยซึ่งก็จองหองลงเล็กน้อยเช่นกัน


 


“ฮ่าฮ่า ข้าจับเจ้าได้แล้ว!”


 


ซงฉิงเห่อเป็นคนแรกที่จับจุดไฟได้ ทันทีที่เขาจับจุดไฟไว้ในมือของเขา มันก็ผสมเข้ากับร่างกายของเขาทันที ช่วงเวลาต่อมา ร่างของเขาก็ชะงักราวกับว่าเวลาที่ๆ เขาอยู่หยุดลง


 


“แกจะหนีไปไหน!”


 


เหว่ยชานเห่อยังจับไปยังจุดไฟและเข้าสู่ภาวะชะงักงัน


 


หลังจากนั้นไม่นาน ฟานเฉียนหยูก็จับจุดไฟที่เธอเลือก


 


ในช่วงเวลาสั้นๆ มีเฉพาะฟานเฉียนสง ชูมู่หยู และหลี่ฟู่เฉินเท่านั้นที่ยังไม่ได้จับจุดไฟ


 


“ดูเหมือนว่าวิธีการธรรมดาจะไม่สามารถใช้กับจุดแสงสีทองนี้ได้” หลี่ฟู่เฉินขมวดคิ้ว


 


 


จนถึงปัจจุบัน เขาเข้าใกล้จุดไฟสีทองมากที่สุดก็คือไม่กี่เมตร หลังจากสังเกตจุดแสงสีทอง เห็นได้ชัดว่าจุดไฟนี้มีความสามารถสูง


 


หยุดการติดตามของเขา หลี่ฟูเฉินร่อนลงบนพื้น


 


“ตั้งแต่ที่ข้าไม่สามารถจับเจ้าได้ ข้าก็จะดึงดูดเจ้าแทน”


 


ด้วยความคิดที่เปล่งประกายในใจของเขา หลี่ฟู่เฉินก็ระเบิดสภาวะพลังฉีของเขาออกมา


 


หลี่ฟู่เฉินไม่ได้มีเจตจนาที่จะใช้สภาวะพลังนี้เพื่อใช้ทำให้แสงสีทองตกใจ หากเขาตั้งใจจะทำเช่นนั้นจริงๆ เช่นนั้นเขาก็คงจะเป็นตัวตลกแล้ว สภาวะพลังฉีของเขาจะทำให้มันตกใจได้อย่างไรก็เนื่องเพราะจุดไฟสีทองนี้เย่อหยิ่งมาก แม้แต่สภาวะพลังฉีของนักสู้ขอบเขตสวรรค์ก็อาจไม่สามารถทำให้สำเร็จได้


 


หลี่ฟูเฉินต้องการใช้เจตจำนงของเขาเพื่อดึงดูดจุดไฟสีทอง


 


จิตวิญญาณของเขาสามารถพิชิตทุกสิ่งได้และหลังจากได้การยกระดับจากเต๋าแห่งดาบในปัจจุบันของเขา วิญญาณของเขาก็มีคมแห่งดาบแฝงไว้อยู่ นอกจากนี้ยังมีพลังของเครื่องรางทองคำที่บรรจุอยู่ภายในจิตวิญญาณของเขาด้วย มันอาจจะอ่อนแอ แต่มันก็มีอยู่จริง


 


เมื่อชูมู่หยูเห็นสิ่งที่หลี่ฟู่เฉินทำ ประกายดวงตาของเธอก็ก่อกเดความคิดขึ้นมาเช่นกัน


 


แต่เธอยังคงสังเกตต่อไป


 


บางทีมันอาจเป็นเพราะเจตจำนงของหลี่ฟู่เฉินหรือไม่ก็พลังของเครื่องรางทองคำของเขา จุดไฟสีทองนั้นดูเหมือนจะหวั่นไหวและต้องการที่จะเข้าใกล้ แต่ก็ยังลังเล จากนั้นมันจึงเริ่มลอยเหนือและรอบๆ หลี่ฟูเฉิน


 


“มันทำได้จริงๆ เหรอ?”


 


ชูมู่หยูไม่สามารถทำอย่างไรได้ ได้แต่ยอมรับความฉลาดของหลี่ฟู่เฉิน เขาไม่ได้มีเพียงแต่ศักยภาพที่โดดเด่น แน่นอนวิธีการคิดของเขาก็ไม่เหมือนใครเช่นกัน


 


ชูมู่หยูไม่อายที่จะเลียนแบบ เธอร่อนลงบนพื้นดินและระเบิดสภาวะพลังฉีของเธออกมา


 


“ตั้งแต่ที่พวกเจ้าทั้งหมดทำเช่นนั้น ข้าก็ขอทำตามเช่นกัน” สัญชาตญาณของฟานเฉียนสงบอกเขาว่ามันไม่ผิดที่จะทำตามสิ่งที่หลี่ฟู่เฉินและชูมู่หยูกำลังทำอยู่ตอนนี้เอง สภาวะพลังฉีทั้งสามของพวกเขาถูกระเบิดออกมาและใช้คลื่นวิญญาณของพวกเขาเข้าไปกระแทกเพื่อดึงดูดจุดไฟที่พวกเขาต้องการ


 


ห้านาทีต่อมา ปรากฏการณ์ที่น่าสนใจก็เกิดขึ้น จุดไฟทั้งสามเริ่มวนรอบเป็นวงกลมทั้งสามจุด พวกมันประพฤติตนเหมือนดั่งเช่นเด็กที่ซุกซน หยอกล้อในขณะเย้าแหย่คนทั้งสามไปด้วย แต่พวกมันก็ไม่เต็มใจที่จะยอมจำนน


 


“ระเบิด!” ชูหมู่หยูตะโกนออกมาและสภาวะพลังฉีของเธอก็เข้มข้นยิ่งขึ้น คลื่นพลังงานที่เต็มไปด้วยพลังชีวิตและความตายกระจายฟุ้งไปทั่ว


 


วูสสส!


 


จุดไฟสีเขียวทำหน้าเหมือนฝืนใจที่จะกลับบ้านไปที่รังของมัน ทันใดนั้นมันก็เข้าสู่ร่างกายของชูมู่หยูและทำให้ชูมู่หยูปิดตาของเธอลง


 


หลังจากนั้นครู่ หนึ่งฟานเฉียนสงก็ทำตามแทบจะพร้อมๆ กันเพื่อดึงดูดจุดไฟให้เข้าไปในร่างกายของเขาตามที่เขาต้องการ


 


มีเพียงหลี่ฟู่เฉินและจุดไฟสีทองเท่านั้นที่ยังอยู่ในความยุ่งเหยิง


 


“เจ้ายังลังเลอยู่อีก?” หลี่ฟู่เฉินมองไปที่แสงสีทอง


 


จุดแสงสีทองค่อยๆ เข้ามาใกล้ๆ


 


“ภายในร่างมีการดำรงอยู่ที่เหนือกว่าความเข้าใจของเจ้า หากเจ้าไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของความแข็งแกร่งของข้าในตอนนี้ เช่นนั้นเจ้าจะได้เป็นเมื่อไหร่กัน?!”หลี่ฟูเฉินตะโกนขณะจิตวิญญาณแห่งดาบที่แข็งแกร่งของเขาถูกปลดปล่อยออกมา แม้แต่เครื่องรางทองคำก็สั่นสะเทือนด้วยพลังงานนี้


 


ในช่วงเวลานี้เอง จุดไฟสีทองไม่ลังเลอีกต่อไปและเข้าสู่ร่างกายของหลี่ฟู่เฉิน


 


บูม!


จิตใจของเขาพลุ่งพล่านไปด้วยคลื่นกระจ่างใสที่ดูไร้ขอบเขต ข้อมูลจำนวนมากพุ่งกระแทกมาราวกับคลื่นยักษ์ ฝังลงไปในใจของหลี่ฟู่เฉิน


 


ข้อมูลที่อยู่ในความยุ่งเหยิงทำให้หลี่ฟู่เฉินประสบกับอาการปวดหัวที่แทบจะระเบิดออกจากกัน


 


เพียงไม่นาน ข้อมูลก็ถูกจัดเรียงใหม่โดยอัตโนมัติและได้รับการจัดให้เป็นย่อหน้าของคำศัพท์


 


“บทดาบไร้สมบรูณ์ เทคนิคลับระดับ 6 ดาว ใช้ไขกระดูกเป็นเครื่องมือในการสร้างรูปแบบ เมื่อรูปแบบถูกสร้างขึ้น ดาบไร้สมบรูณ์ก็จะถูกสร้างขึ้น ไม่จำเป็นต้องใช้ดาบหรือกระบี่ ร่างกายของผู้ฝึกฝนจะเป็นดั่งซึ่งดาบที่แท้จริง”


 


“บทดาบเหล็กดำแท้จะสามารถหลอมรวมเข้ากับรูปแบบเหล็กดำได้ บทดาบทองแดงแท้จะสามารถรวมเข้ากับรูปแบบทองแดง…”


 


เมื่อข้อมูลถูกส่งมาเสร็จสมบูรณ์แล้ว หลี่ฟู่เฉินกลายเป็นตื่นตกใจ


 


มันเป็นเทคนิคลับระดับ 6 ดาวจริงๆ


 


ภายในทวีปยูนิคอร์นตะวันออกทั้งหมด เทคนิคลับระดับ 6 ดาวเกือบจะหายไปหลังจากผ่านมาหลายต่อหลายรุ่น นิกายวารีครามเองก็อาศัยเทคนิคลับระดับ 5 ดาว นิกายต้นกำเนิดดาบ เพื่อคงนิกายไว้ และการได้เทคลับระดับ 6 ดาวมาถือเป็นความสำเร็จระดับใด?


 


มากไปกว่านั้น มันเป็นเทคนิคลับระดับ 6 ดาวที่แท้จริงถึงแม้ว่ามันจะเป็นบทที่ไม่สมบูรณ์ก็ตาม ถ้ามันสมบูรณ์ เทคนิคการลับนี้จะไปอยู่ระดับใดกัน? 7 ดาว 8 ดาว หรือแม้กระทั่งสิ่งที่เป็นตำนาน เทคนิคลับ 9 ดาว?


 


“ใช้ไขกระดูกเป็นเครื่องมือในการก่อรูปแบบ เป็นไปได้หรือไม่ที่จะทำให้โครงสร้างกระดูกทั้งหมดเป็นอาวุธ?”


 


เนื้อหาของข้อมูลทำให้หลี่ฟู่เฉินประหลาดใจ


 


ระดับของอาวุธไม่ได้ถูกกำหนดโดยวัสดุ แต่ยังรวมถึงระดับของรูปแบบ


 


ยกตัวอย่างเช่นดาบทองดำของหลี่ฟู่เฉิน วัสดุมีน้ำหนักเพียงเจ็ดหรือแปดกิโลกรัม แต่หลังจากเพิ่มในรูปแบบเข้าไป มันก็กลายเป็นหนักประมาณ 50 กิโลกรัม มันเทียบเท่ากับการเปลี่ยนแปลงลักษณะวัสดุของทองดำ มันไม่ยากที่จะจินตนาการเลยว่า การเปลี่ยนแปลงแบบไหนจะเกิดขึ้นกับหลี่ฟู่เฉินเมื่อไขกระดูกของเขาถูกทำให้กลายเป็นดาบไร้สมบรูณ์ หรือแม้แต่กระทั่งบทดาบทองแดง


 


เมื่อเขาไปถึงจุดนั้นจริงๆ ความแข็งกระดูกของเขาจะไปถึงระดับที่น่ากลัวอย่างแน่นอน ซึ่งเหนือกว่ากระดูกสัตว์ปีศาจเสียอีก


 


ความหนักเป็นเพียงของพื้นฐานที่สุดของดาบไร้สมบรูณ์ มันไม่ใช่แค่เอาไว้หนักอย่างเท่านั้น แต่มันก็สามารถใช้เป็นกำลังในการโจมตีได้เช่นกัน


 


“ข้าไม่ได้คาดหวังเลยว่าจะได้รับเทคนิคลับระดับ 6 ดาวที่น่าหวั่งเกรง บทที่ไม่สมบูรณ์ของดาบไร้สมบูรณ์นี้มา ได้มาก่อนก่อนที่ข้าจะได้รับนิกายต้นกำเนิดดาบเสียอีก”


 


เขาตัดสินใจแล้วว่าเขาจะไม่ส่งต่อความลับนี้ให้กับทุกคน เขาจะไม่เปิดเผยบทดาบที่ไม่สมบูรณ์นี้ให้กับนิกาย


 


“ถึงแม้ว่าข้าจะได้รับบทดาบที่ไม่สมบูรณ์นี้มาแล้ว มันก็ไม่ได้หมายความว่านิกายต้ยกำเนิดดาบนั้นจะไร้ประโยชน์ บางทีด้วยทักษะที่แท้จริงเพียงชิ้นที่ได้จากภายในและภายนอกนิกาย พวกมันก็อาจสามารถสนับสนุนซึ่งกันและกัน”


บทที่ 215


วิญญาณปีศาจ


 


ไม่ทราบว่าผ่านไปนานเท่าใดแล้ว ข้อมูลที่อยู่ในบทดาบไร้สมบรูณ์นั้นในที่สุดก็ถูกส่งมอบอย่างสมบูรณ์


 


หลี่ฟู่เฉินตระหนักได้ว่าในดาบไร้สมบรูณ์ มันมีเพียงบทดาบเหล็กดำและบทดาบทองแดงเท่านั้นที่สมบูรณ์ นอกนั้นก็มีเพียงแค่ส่วนเล็กๆ ของบทดาบเงิน


 


จากข้อมูลที่บันทึกไว้บทดาบเหล็กสีดำนั้นไม่ได้อ่อนแอกว่าเทคนิคลับระดับ 5 ดาวอื่นๆ เลย


 


ในส่วนของบทดาบไร้สมบรูณ์ทองแดง มันจะถูกจัดหมวดหมู่เป็นเทคนิคลับระดับ 6 ดาวแล้ว


 


เทคนิคลับดาบไร้สมบรูณ์นี้ไม่ควรใช้สำหรับโจมตีโดยตรง แต่กลับกันมันช่วยเหลือด้านพลังโจมตีโดยรวม


 


ประดุจดั่งเช่นดาบประดิษฐ์ ด้วยตัวเองมันไม่สามารถฆ่าใครได้ แต่เมื่อมันมาอยู่ในมือของนักดาบ มันจะสามารถฆ่าได้


 


ทฤษฎีของดาบไร้สมบูรณ์ก็เป็นเชกเช่นเดียวกัน


 


ครั้นเมื่อหลี่ฟู่เฉินได้ก่อดาบไร้สมบรูณ์ขึ้นมา เขาจะสามารถใช้ไขกระดูกเป็นดาบ เพื่อปล่อยดาบพลังฉีได้โดยไม่ต้องใช้ดาบประดิษฐ์ แต่ถ้าเขาถือดาบประดิษฐ์ไว้ด้วย พลังฉีแห่งดาบก็จะสามารถเพิ่มขึ้นความน่าหวั่งเกรงได้ยิ่งขึ้นไปอีก


 


แน่นอน ส่วนสาระสำคัญของเทคนิคลับนั้นฝึกฝนยากมาก แม้แต่กระทั่งดาบไร้สมบรูณ์ทองแดงที่เป็นเทคนิคลับระดับ 5 ดาวก็ยังยาก มันเป็นไปไม่ได้ที่จะฝึกฝนมันภายในระยะเวลาอันสั้น มันสามารถฝึกฝนได้หลังจากผ่านไปหลายวันและหลายเดือนภายใต้การฝึกฝนอย่างขยันขันแข็ง


 


เปิดดวงตาของเขา หลี่ฟู่เฉินตระหนักได้ว่าเขาเป็นคนแรกที่ตื่นขึ้นมา


 


ทันทีที่หลี่ฟู่เฉินลืมตา ชูมู่หยูเองก็ตื่นขึ้นด้วยเช่นกัน


 


เธอไม่ได้มองมาที่หลี่ฟู่เฉินอย่างที่เขาคิด ‘เทคนิคลับระดับ 6 ดาวนี้เพียงพอสำหรับข้าแล้วที่จะทำลายกฎของทวีปยูนิคอร์นตะวันออก แต่ข้าไม่สามารถเปิดเผยเทคนิคลับระดับ 6 ดาวนี้ให้กับทุกคนได้’


 


มันเป็นความจริงที่รู้กันว่าแม้แต่กระทั้งหุบเขานิรันด์ก็ไม่ได้มีเทคนิคลับระดับ 6 ดาว


 


หากสิ่งนี้ถูกเปิดเผย มันจะทำให้นิกายต่างๆ ในทวีปยูนิคอร์นตะวันออกกลายเป็นบ้าคลั่ง


 


“ข้าสงสัยว่าเทคนิคลับแบบใดกันที่เขาได้รับ?” ชูมู่หยูมองไปที่หลี่ฟู่เฉิน


 


จากสิ่งที่เธอสังเกตเห็น เทคนิคลับของหลี่ฟู่เฉินสมควรเป็นเทคนิคลับระดับ 6 ดาว บางทีมันอาจเหนือกว่าเธอ เพียงแค่ลักษณะจุดไฟของเขาก่อนหน้านี้ก็บอกได้แล้ว


 


สำหรับคนอื่นๆ มันสมควรเป็นเทคนิคลับระดับ 4 หรือ 5 ดาว


 


หลังจากได้รับบทที่ไม่สมบูรณ์ ดาบไร้สมบรูณ์แล้ว หลี่ฟูเฉินก็วางแผนที่จะไปไล่ตามจุดไฟอื่นๆ แต่ในไม่ช้าเขาก็ตระหนักว่าจุดไฟเหล่านี้เริ่มกระจายและผสมผสานเข้ากับผนังของห้องโถงใหญ่


 


“ดูเหมือนว่าแต่ละคนจะได้รับมรดกเทคนิคลับได้แค่อันเดียวเท่านั้น” หลี่ฟู่เฉินคิดกับตัวเอง


 


“เค๊ก เค๊ก ตั้งแต่ที่พวกเจ้าได้อยู่ที่นี่แล้ว เราจะกินพวกเจ้าทุกคน มันควรจะสามารถเสริมสร้างร่างกายของพวกเราได้”


 


เมื่อทุกคนตื่นขึ้นมา บุคคลที่คุ้นเคยก็เดินเข้ามาจากประตูหน้าของห้องโถงใหญ่


 


พวกเขาคือฟูจงชาน ซูเหยชาน และศิษย์หลักทั้งสองจากนิกายเพลิงปฐพี และหลี่หวูเซี่ยเองก็ด้วยเช่นกัน


 


พวกเขาทั้งห้าคนไม่ได้ดูเหมือนเป็นมนุษย์ ตาขาวของพวกเขาเป็นสีดำและนัยตาเองก็ดูซีดหม่นหมอง มันดูแปลกมาก


 


“เกิดอะไรขึ้น? พวกเขายังไม่ตาย?” ฟานเฉียนสงและฟานเฉียนหยูตกตะลึง


 


“มีบางอย่างไม่ถูกต้อง” หลี่ฟู่เฉินขมวดคิ้ว


 


“เกาชิตี๋ หลูชิตี๋ เกิดอะไรขึ้นกับพวกท่าน?” ซงชานเห่อถามอย่างรวดเร็ว เมื่อเขาเห็นศิษย์ของนิกายเพลิงปฐพีทั้งคู่เช่นเดียวกับเขา


 


พวกเขาทั้งคู่พยายามเข้ามาหา แต่ก็ไม่สามารถข้ามสะพานไม้เดี่ยวได้


 


“ใครคือเกาชิตี๋ของเจ้า” เด็กหนุ่มพูด ขณะที่เกาชิตี๋เลียริมฝีปากของเขา ลิ้นแฉกที่แปลกและน่าขยะแขยงแลบออกมา


 


ชูมู่หยูกล่าวอย่างจริงจัง “ร่างกายของพวกเขาถูกครอบงำโดยสิ่งชั่วร้าย” เธอคือผู้มีประสบการณ์หลายภารกิจและมีความรู้มากกว่าใครที่นี่


 


“สิ่งมีชีวิตที่ชั่วร้าย?” หลี่ฟู่เฉินกำลังคิดอย่างลึกซึ้ง


 


ดูเหมือนว่าหลังจากหลี่หวูเซี่ยหนีไป ผลลัพธ์สุดท้ายของเขาคงจะไม่ดีนัก แต่ก็ดี มันช่วยประหยัดความพยายามของหลี่ฟู่เฉินในการพยายามฆ่าเขาอีกครั้ง


 


แต่หลี่ฟู่เฉินไม่ได้ยินดีเลย หลี่หวูเซี่ยอาจจะตายไปแล้ว แต่สิ่งชั่วร้ายนี้ยากที่จะจัดการมากกว่าตัวหลี่หวูเซี่ยเองแน่นอน หากมันสามารถครอบครองร่างกายหรือศพได้ การจะจัดการกับมันจะง่ายดายได้ยังไง?


 


“ออกไปจากร่างของเกาชิตี๋ซะ!” ซงฉิงเห่อรู้สึกโมโห ขณะที่เขาตะโกนและส่งกำปั้นใส่ศัตรู


 


“เค๊ก เค๊ก ประเมินตนสูงไปแล้ว”


 


เงาพุ่งออกมาจากด้านหลังของ ‘เกาชิตี๋’ เสียงดังเกิดขึ้นมาจากหัว อากาศถูกฉีกขาด ขณะที่เงาดำพุ่งไปยังที่ที่ซงฉิงเห่ออยู่ ซึ่งนี้มันส่งให้เขาบินออกไป


 


ปิสส!


 


กระอักเลือดออกมาคำนึง ซงฉิงเห่อกลายเป็นตื่นตกใจ


 


ความสามารถของเขาอาจไม่ได้อยู่ในระดับที่ยอดเยี่ยม แต่เขาก็ไม่ได้อ่อนแอในแบบที่คู่ต่อสู้ของเขาสามารถส่งเขาได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว ความสามารถของ ‘เกาชิตี๋’ ได้พัฒนาขึ้นมากเท่าใด?


 


“หาง!”


 


ดวงตาของหลี่ฟู่เฉินเบิกกว้าง เขาเห็นได้อย่างชัดเจนว่าชายที่เรียกว่า ‘เกาชิตี๋’ มีหางโผล่ออกมาจากด้านหลังของร่างกาย มันเป็นหางของงูที่มีเกล็ด เทียบขนาดได้เท่ากับงูยักษ์เลยมีเดียว


 


ปุบ ปุบ ปุบ!


 


หางของ ‘เกาชิตี๋’ แกว่งไปรอบๆ สร้างเสียงแหลมขึ้นในอากาศ


 


“รู้แล้ว มันเป็นวิญญาณปีศาจ!” ฟานเฉียนสงอุทาน


 


ทุกคนมองไปที่ฟานเฉียนสง


 


ฟานเฉียนสงอธิบาย “สัตว์ปีศาจระดับ 6 จะผลิตวิญญาณปีศาจออกมา ตราบใดที่วิญญาณปีศาจยังไม่ถูกพิชิต แม้ว่าร่างกายของมันจะพังทลาย มันก็ยังสามารถเกิดใหม่หรือครอบครองร่างกายที่เพิ่งสูญเสียวิญญาณไปได้ เมื่อมันเข้ายึดครองร่างของนักสู้และครอบคลุมมันด้วยพลังฉีปีศาจ มันจะกลายเป็นสิ่งดำรงอยู่ที่ไม่ใช่ทั้งมนุษย์หรือปีศาจ”


 


“ตอนนี้ข้าเห็นแล้ว” ชูมู่หยูพยักหน้า


 


เธอเองก็รู้ได้ว่าคนเหล่านี้ถูกวิญญาณปีศาจครอบงำ


 


คนที่โจมตีซงฉิงเห่อเห็นได้ชัดว่าเป็นวิญญาณปีศาจของสัตว์ร้ายประเภทงู


 


“อือ… ไม่เลว เจ้าค่อนข้างมีความรู้เกี่ยวกับวิญญาณปีศาจ  ข้าคิดว่าทั่วทั้งยูนิคอร์นฝั่งตะวันออก มีเพียงนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดเท่านั้นที่จะได้รู้ถึงสิ่งเหล่านี้” ‘ซูเหยชาน’ กล่าว ปากของเขาเต็มไปด้วยฟันที่คมกริบและลิ้นที่มีกล้ามเนื้อยาว 15 เซนติเมตร ใบหน้าของเขามีตุ่มตะปุมตะป่ำอยู่มากมาย


 


“ถ้ามันเป็นวิญญาณปีศาจจริงๆ นี้ก็คงเป็นปัญหาแล้ว”การแสดงออกของเหว่ยชานเห่อกลายเป็นไม่พอใจ


 


วิญญาณปีศาจก่อนหน้านี้เป็นถึงสัตว์ปีศาจระดับ 6 แม้ว่าจะมีเป็นเพียงแค่วิญญาณปีศาจไปแล้ว มันก็ยังคงน่ากลัวยิ่ง วิญญาณปีศาจยังคงทักษะการต่อสู้ของพวกมันไว้ได้ และเมื่อวิญญาณปีศาจเหล่านี้กลับคืนสู่สภาพดั้งเดิมได้ แม้ว่าหลี่ฟู่เฉิน และคนที่เหลือจะโจมตีด้วยกัน พวกเขาก็จะไม่สามารถทำอะไรได้แม้แต่เพียงนิดเดียว


 


“วิญญาณปีศาจนี้น่ากลัวจริงๆ แต่ก็เป็นก่อนที่พวกมันจะตายเท่านั้น เมื่อพวกมันเกิดใหม่ ความสามารถของพวกมันก็จะใกล้เคียงกับความสามารถของร่างกายที่พวกมันมี”


 


“ถูกแล้ว นี่คือเหตุผลที่เราจะกินพวกเจ้าเพื่อเสริมสร้างความสามารถของเรา”


 


ฉีก!


 


เสื้อผ้าชั้นในของ ‘ซูเหยชาน’ แตกออกเป็นชิ้นๆ ในทันทีและทันใดนั้นเองร่างกายของเขาก็พองตัวขึ้น เพียงลมหายใจเดียว มนุษญ์ตุ๊กแกก็ปรากฏตัวในระยะที่ทุกคนเห็น


 


“นี่คือหลุมฝังศพ ทำไมถึงมีวิญญาณปีศาจ? ไม่ใช่ว่าสัตว์ปีศาจระดับ 6 ไม่ได้อยู่ในทวีปยูนิคอร์นตะวันออกแล้วหรือไง?” ฟานเฉียนหยูกล่าวออกมาด้วยความกังวล


 


“เป็นเด็กดีและมาเป็นอาหารของพวกเรา!”


 


‘ซูเหยชาน’ คำรามขณะที่เขาพุ่งเข้าหาพวกเขา


 


“ถอยออกไป!”


 


เคียวปรากฏอยู่ในมือของชูมู่หยู ขณะที่เธอกวัดแกว่งมัน แสงสีเขียวเข้มจะเปล่งประกายออกมา


 


ครืน!


 


เมื่อพลังฉีปะทะกันและระเบิดออก ชูมู่หยูและ ‘ซูเหยชาน’ ก็ถอยออกจากกัน


 


“น่าสนใจ เจ้าค่อนข้างมีความสามารถ” ‘ซูเหยชาน’ เลียริมฝีปากของเขา


 


บิสส บิสส บิสส…


 


สามารถได้ยินการสั่นสะเทือนที่รุนแรงจากด้านหลังของ ‘หลี่หวูเซี่ย’ ได้ มันมีปีกโปร่งใสปรากฏขึ้นและมันก็กำลังสั่นสะเทือน ร่างของเขาลอยขึ้นกลางอากาศ ในขณะที่ปากของเขายาวและแหลม เปลี่ยนไปคล้ายกับเข็มฉีดยา


 


นี่คือสัตว์ปีศาจประเภทยุง


 


“เข้าไปที่ห้องโถงด้านข้าง”


 


หลี่ฟูเฉินไม่ได้มีเจตนาที่จะปะทะกับวิญญาณปีศาจเหล่านี้ เขากล่าวกับฟานเฉียนสง และฟานเฉียนหยูก่อนที่จะข้ามไปยังห้องโถงด้านข้างของห้องโถงใหญ่


 


ส่วนที่เหลือของพวกเขาตื่นขึ้นมาจากการรับรู้และวิ่งไปที่ห้องโถงด้านข้างเช่นกัน


 


“อย่าหนีนะ”


 


วิญญาณปีศาจทั้งห้าเริ่มการไล่ล่าและ ‘หลี่หวูเซี่ย’ เองนั้นก็รวดเร็วที่สุดในบรรดาพวกเขา เขารีบไปหาซงฉิงเห่อที่ช้าที่สุดอย่างรวดเร็วและใช้เข็มแทงทะลุผ่านการเกราะป้องกันพลังฉีของซูฉิงเหอและร่างกายของเขา ด้วยการดูดอย่างรวดเร็ว ‘หลี่หวูเซี่ย’ ร่างของซูฉิงเห่อก็เริ่มที่จะเหี่ยวเฉาลงอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่ร่างกายของเขาเองก็พองขึ้นและเต็มไปด้วยแสงสีสดของเลือด


บทที่ 216

ตัดผ่าน

ความสามารถของวิญญาณปีศาจนั้นเกินกว่าจะรับมือได้ พวกมันสามารถเพิ่มพลังจากร่างตนได้ถึงประมาณสามเท่า ซงฉิงเห่อซึ่งเป็นศิษย์หลักระดับทองของนิกายเพลิงปฐพีนั้น มีความแข็งแกร่งเท่ากับฟูจงชาน แต่ด้วยการดูดเพียงครั้งเดียวจาก ‘หลี่หวูเซี่ย’ ร่างกายของเขาก็เปลี่ยนเป็นศพตายซากทันที ช่างเป็นความตายที่น่าสังเวช

หลังจากดูดซูฉิงเห่อจนแห้ง ‘หลี่หวูเซี่ย’ ก็ไม่ได้ไล่ล่าหลี่ฟู่เฉินและที่เหลือในทันที ร่างของเขาหยุดอยู่กลางอากาศขณะที่ร่างของมันส่องแสงสีเลือดออกมา ดูเหมือนจะพยายามชำระพลังจากเลือดที่ได้มา

หลังจากเข้าไปในห้องโถงด้านใน หลี่ฟู่เฉินตรวจสอบมันด้วยจิตสำนึกของเขาและพบทางออกทันที จากนั้นเขาก็มุ่งตรงไปที่ทางออกทันที

“ที่นี่คือดินแดนของเรา พวกเจ้าจะหนีไปที่ใดได้?”

‘ฟูจงชาน’ เปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์เสือ ขณะที่ดวงตาของเขาเองก็ดูโหดเหี้ยมขึ้นด้วยเช่นกัน

เมื่ออกจากห้องถ้องแล้ว พื้นที่ก็กว้างขึ้นทันที ทำให้วิญญาณปีศาจใช้ประโยชน์จากทักษะรบได้มากขึ้น

ในขณะที่วิญญาณปีศาจตนหนึ่งกำลังจะตามฟานเฉียนหยู หลี่ฟู่เฉินดึงหน้าไม้ของเขาออกมาอย่างรวดเร็วและยิงศรทลายปีศาจ

ศรทายปีศาจเดินทางด้วยความเร็วสูงและเจาะร่างวิญญาณปีศาจทันที

กรรช์!

วิญญาปีศาจตัวนี้เป็น ‘หลูชิตี๋’ ของซูฉิงเห่อ เขาเป็นครึ่งมนุษย์ครึ่งสัตว์ ดึงศรทลายปีศาจออกมาแล้วหักครึ่ง

“น่าเสียดายอะไรเช่นนี้!”

หลี่ฟู่เฉินรู้สึกว่าเป็นเรื่องน่าเสียดายเพราะศรทลายปีศาจสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ พลังงานคริสตัลของศรทลายปีศาจจะหมดไปเมื่อใช้งานทุกครั้ง แต่มันสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ซ้ำได้สองถึงสามครั้ง ดูเหมือนว่าเขาจะต้องใช้ศรทลายปีศาจทั้งหมดในสุสานนี้

แน่นอนแม้ว่าจะเป็นเรื่องน่าเสียดายก็ตาม แต่หลี่ฟู่เฉินก็ไม่มีทางเลือกอื่นใดอีก หากเขาสามารถอยู่รอดได้ในการเผชิญหน้านี้ได้ มันจะนับว่าเป็นสิ่งที่โชคดีที่สุด เขาไม่รู้จริงๆ ว่าเขาจะซ่อนตัวจากวิญญาณปีศาจทั้งสี่ต่อไปได้อย่างไร

“ข้าจะต้องลงไปที่นี่จริงๆ?” หลี่ฟู่เฉินรู้สึกไม่เต็มใจอย่างยิ่ง

มันเป็นตอนนี้เอง ที่เขาได้รู้ว่าตัวเองอ่อนแอ่แค่ไหน

หากความสามารถของเขาแข็งแกร่งขึ้นซักเล็กน้อย เขาอาจจะสามารถปะทะกับวิญญาณปีศาจเหล่านี้ได้ ในหมู่พวกเขา มีเพียงชูมู่หยูที่สามารถต่อสู้กับพวกมันได้ หากไม่ใช่เพราะจำนวนที่มากเกินไปของพวกมัน ชูมู่หยูก็ไม่จำเป็นต้องหนี

หากในหมู่พวกเขามีผู้เชี่ยวชาญในระดับเดียวกับดาบไร้อารมณ์เซี่ยเฟิง เขาอาจต่อสู้วิญญาณปีศาจอย่างน้อนสองตัวด้วยตนเอง

หากมีผู้เชี่ยวชาญระดับเดียวกับดาบคลั่งที่นี่เขาอาจจะสามารถจัดการกับวิญญาณปีศาจทั้งสี่หรือห้าตนได้อย่างง่ายดาย

“ความสามารถ ทุกอย่างเกี่ยวกับความสามารถ หากไร้ความสามารถ มันก็เป็นเรื่องยากที่จะก้าวต่อไปข้างหน้า… ระดับการฝึกฝนของข้ายังต่ำเกินไป”

การอยู่ในระดับที่ 2 ของขอบเขตปฐพีนั้นอยู่ในระดับต่ำที่สุด

หลี่ฟู่เฉินพึ่งการรับรู้ของเขาอย่างบ้าคลั่ง แต่ไม่มีเวลาพอที่เขาจะพัฒนาได้

ก่อนที่วิญญาณวิญญาณของเขาจะเปลี่ยนเป็นสีฟ้าอ่อน การรับรู้ของเขาก็อยู่ในระดับเดียวกับกรอบกระดูก 6 ดาวทั่วไปแล้ว การรับรู้ในปัจจุบันของเขาเหนือกว่ากรอบกระดูกระดับ 6 ดาวอย่างแน่นอน ตราบใดที่เขามีเวลาพอที่จะเติบโต เขาจะทำลายกฎของทวีปยูนิคอร์นตะวันออกอย่างสมบูรณ์

“มันเป็นเรื่องดีแล้วหรือไม่ที่ข้าออกมาฟูมฟักอารมณ์นิสัยของตนเอง?”

หลี่ฟูเฉินเริ่มสงสัยในตัวเลือกของเขาเอง

หัวเราะอย่างขมขื่น หลี่ฟู่เฉินส่ายหัวและสงสัยตัวเองจริงๆ

ดูเหมือนว่าหัวใจของเขาจะไม่แข็งแกร่งเพียงพอ เขาเผชิญหน้ากับปัญหาเหล่านี้ได้ด้วยไม่ตั้งใจเพราะเขาไม่มีประสบการณ์เพียงพอและไม่รู้ถึงอันตราย

การเดินทางมาฝึกฝนจะทำให้เขามีประสบการณ์เพียงพอ แต่ก็มีจำนวนอันตรายเท่ากับประสบการณ์ที่จะได้ในจำนวนเท่ากัน

“ถูกต้องแล้ว ยาพิษ!”

หลี่ฟู่เฉินจำได้ว่ามียาพิษอยู่หลายชนิดในถุงเก็บที่เขาได้รับจากหลิวกวงเฟิงของจากนิกายพัตเงิน

ยาพิษเป็นยาชนิดพิเศษที่ไม่ได้ใช้สำหรับการช่วยเหลือในการบ่มเพาะ มันถูกใช้เพื่อจัดการกับศัตรูคนหนึ่ง

หลี่ฟู่เฉินไม่กล้าที่จะใช้มันกับฟูจงชานเพราะเขากลัวว่าเขาอาจถูกพิษด้วยเช่นกัน

เว้นแต่เขาจะตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตและความตาย ไม่เช่นนั้นเขาก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะใช้ยาพิษนี้

แต่ตอนนี้ตัวเลือกเขาแทบไม่มี

เอายาพิษออกมา หลี่ฟู่เฉินถ่ายพลังฉีของเขาลงไปในเม็ดยาแล้วโยนกลับไปยัง ‘ฟูจงชาน’ ที่ติดตามเขาอยู่

บูม!

เมื่อเม็ดยาพิษระเบิด ก๊าซพิษจำนวนมากก็ตัวกระจายออกมา

หลังจากสูดดมก๊าซพิษแล้ว หลี่ฟู่เฉินรู้สึกว่าศีรษะของเขาหมุนเวียนเขากินยาแก้พิษและพูดกับคนอื่นว่า “กินยาแก้พิษเร็วเข้า”

เมื่อได้ยินคำแนะนำของเขาคนอื่นๆ ก็รีบหยิบยาแก้พิษออกมาและกินเข้าไป

ความเร็วการแพร่กระจายของก๊าซพิษค่อนข้างเร็ว วิญญาณปีศาจทั้งสี่ติดพิษจากก๊าซพิษนี้

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ‘ฟูจงชาน’ ผู้ที่ไล่ตามเขา เขาสูดดมก๊าซพิษไปจำนวนมากและมีผลทันที

โดยที่สังเกตเห็นได้ ความเร็วของวิญญาณปีศาจทั้งสี่เริ่มช้าลง

“มันได้ผล” สายตาของหลี่ฟู่เฉินสว่างขึ้น

ไม่ว่าจะเป็นนักสู้หรือสัตว์ปีศาจ พวกมันล้วนแล้วแต่ต้องกลัวพิษ

ยกเว้นสัตว์ปีศาจที่มีคุณสมบัติเป็นพิษอยู่แล้ว

หลังจากไตร่ตรองอยู่สักครู่ หลี่ฟู่เฉินโยนยาพิษอีกสองเม็ดออกไป

ก๊าซพิษสีแดงและน้ำเงิน ทำให้ใบหน้าของวิญญาณปีศาจปกคลุมดูคล้ายกับดิน มันทุกตนความเร็วในการเคลื่อนที่ลดลงในขณะที่พยายามหลีกเลี่ยงแก๊สพิษ

ใช้โอกาสนี้เอง ทั้งห้าคนเข้าไปในห้องโถงที่สร้างด้วยหินอย่างรวดเร็ว

ครืน!

ขณะที่ทั้งห้าเดินเข้าไปในห้องโถงที่ทำจากหิน พวกเขารีบกดกลไกที่ทำให้ประตูหินขนาดใหญ่ปิดอย่างรวดเร็ว

แฮ็ก แฮ็ก แฮ็ก!

พวกเขาทั้งห้าคนกำลังหอบหายใจ

“หลี่ฟู่เฉิน ต้องขอบคุณยาพิษของเจ้าแล้ว” หัวใจของฟานเฉียนสงหวาดกลัวยิ่ง

หลี่ฟูเฉินกล่าว “ข้าเองก็เพิ่งนึกถึงมันได้”

ปั้ง!

ด้านนอกของประตูหิน ได้ยินเสียงการที่ดูรุนแรงดังออกมา

คนที่ตีประตูอยู่คือ ‘เกาชิตี๋’ และ ‘ซูเหยชาน’ หนึ่งในนั้นคือวิญญาณปีศาจประเภทงูและอีกคนหนึ่งเป็นวิญญาณปีศาจครึ่งคล้ายตุกแกที่มีพิษ ทั้งคู่มีภูมิคุ้มกันต่อพิษ ถ้าไม่ใช่เพราะร่างกายของพวกเขา พวกเขาก็ไม่ต้องกลัวแก๊สพิษเหล่านี้เลย

แต่ตอนนี้ ร่างกายปัจจุบันของพวกเขายังค่อนข้างอ่อนแอต่อก๊าซพิษ

“ตอนนี้เราควรทำยังไงดี?” ฟานเฉียนหยูถาม

หลี่ฟู่เฉินตอบว่า “ไม่มีทางอื่นใดอีก เราสามารถทำได้เพียงแค่ทำตามสถานการณ์เท่านั้น”

มันเป็นไปไม่ได้ที่จะออกไปยังที่แห่งนั้น นั่นคือเส้นทางสู่ความตาย

แต่ถ้าพวกเขาไม่ออกไป พวกเขาก็จะทำอะไรไม่ได้นอกจากรอ

ที่ด้านข้าง ชูมู่หยูนั่งไขว่ห้างเพราะเธอตั้งใจจะค้นคว้าเทคนิคลับที่เพิ่งได้รับมา หากเธอสามารถบรรลุระดับที่มั่นคงได้ อาจมีวิธีที่จะหลบหนีได้บ้าง

ฟานเฉียนสงเสนอว่า “ทุกคนมีถุงเก็บของ ซึ่งเต็มไปด้วยของต่างๆ ทำไมเราไม่ลองแยกออกมาดูกัน?”

ในห้องโถงมรดก เขาได้รับเทคนิคลับระดับ 5 ดาวและต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อวิเคราะห์

“นี่เป็นสิ่งเดียวที่เราทำได้ตอนนี้” เหว่ยชานเห่อและฟานเฉียนหยูพยักหน้า

สำหรับหลี่ฟู่เฉิน เขาไม่ได้มีความตั้งใจที่จะทำความเข้าใจในบทไม่สมบรูณ์ ดาบไร้สมบูรณ์ เขาแค่ต้องการดูว่าเขาจะสามารถพัฒนาไปสู่ระดับที่ 3 ของขอบเขตปฐพีได้หรือไม่

เมื่อเขาหยิบถุงเก็บของของหลิวกวงเฟิงและซูเหยชานออกมา เขาก็พบสิ่งของที่มีประโยชน์มากมายที่ใช้สำหรับวัตถุประสงค์ในการบ่มเพาะ

ทั้งๆ แบบนี้ทุกคนก็อ้างสิทธิ์ในส่วนของตนเองและเริ่มฝึกฝนหรือทำความเข้าใจ

ในมุมตะวันออกเฉียงใต้ หลี่ฟู่เฉินหยิบถุงเก็บสองใบออกมา พวกมันคือกระเป๋าของหลิวกวงเฟิงและซูเหยชาน

“นี่คือดอกน้ำค้างหยกทอง มันสามารถช่วยเพิ่มความแข็งแรงของหัวใจข้าได้”

“นี้คือสมุนไพรวายุวิญญาณ มันสามารถช่วยเพิ่มความเร็วในการบ่มเพาะของข้าได้”

“นี่คือเม็ดยาระดับลึกลับขั้นกลาง ยาร้อยดอกไม้ มันสามารถบำรุงตันเถียนของข้าได้”

หลี่ฟูเฉินนำทุกสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อการฝึกฝนของเขาออกมา

ในที่สุดหลี่ฟู่เฉินก็ได้เรียกผลตัดปฐพีออกจากถุงเก็บของเขาเอง

เขาเก็บผลตัดปฐพีลูกนี้ไว้เป็นพิเศษสำหรับตัวเขาเอง

ผลตัดปฐพีลูกแรกนั้นมีโอกาส 100% ในการช่วยเหลือผู้บริโภคพัฒนา ลูกที่สองที่อนุญาตให้ผู้บริโภคมีโอกาสก้าวหน้าเพียง 10% หรือ 20% เท่านั้น โอกาสอาจไม่สูง แต่เมื่อสิ่งอื่นๆ มีครบครัน หลี่ฟู่เฉินรู้สึกว่ามีโอกาสเป็นไปได้

สูดหายใจเข้าลึกๆ หลี่ฟู่เฉินสมุนไพรวายุวิญญาณและเริ่มโคตรเทคนิคเพลิงโลกันต์

เมื่อฤทธิ์ยาของสมุนไพรวายุวิญญาณกระจายไปทั่ว หลี่ฟู่เฉินรู้สึกว่าร่างกายของเขาเกิดความหิวกระหาย ความเร็วในการฝึกฝนของเขารวดเร็วกว่าปกติมาก

หลังจากที่เขาดูดซับสมุนไพรวายุวิญญาณเข้าไปแล้ว หลี่ฟู่เฉินใช้น้ำค้างหยกทอง และยาร้อยดอกไม้ตามทันที

ท้ายที่สุด หลี่ฟู่เฉินก็ทานผลตัดปฐพีลงไป

ขณะที่ผลตัดปฐพีเข้ามาในท้องของเขา แรงระเบิดที่ดูไร้ขอบเขตระเบิดออกมาจากภายใน

พลังที่ดูมีนัยะสำคัญนี้บริสุทธิ์มากและไม่ต้องการการปรับแต่งใดๆ หลี่ฟูเฉินมีเพียงสิ่งเดียวที่ต้องทำ นั่นคือการพัฒนาสู่ระดับที่ 3 ของขอบเขตปฐพี


บทที่ 217

ระดับที่ 3 ขอบเขตปฐพี

ขณะที่อยู่ในขอบเขตปฐพี แต่ละระดับเมื่อก้าวหน้าขึ้นมันก็จะยากมากขึ้นยากมากขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่กระทั้งศิษย์หลักก็ตาม การเพิ่มระดับเพียงหนึ่งระดับอาจใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งปี ผู้ที่สามารถเพิ่มระดับของพวกเขาได้ภายในหนึ่งปี อาจเป็นผู้ที่มีโครงกระดูกระดับ 5 ดาวที่ยอดเยี่ยมหรือศิษย์โครงกระดูก 6 ดาว

แน่นอนว่ามีข้อยกเว้นอยู่เสมอ ด้วยการเผชิญหน้ากับโชคชะตา คนหนึ่งคนก็จะสามารถเพิ่มระดับได้อย่างรวดเร็ว

เหมือนดั่งเช่นตอนที่ได้สมุนไพรหายากเช่นผลตัดปฐพีมา หรือการเข้าถึงเขตแดนเร้นลับถนนดารา ทั้งหมดนี้ทำให้นักสู้ก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว

ในช่วงเวลาสั้นๆ ร่างกายของหลี่ฟู่เฉินมีสรรพคุณทางยามากมายและพวกมันก็ช่วยเสริมกันและกันเพื่อช่วยในการพัฒนาของหลี่ฟู่เฉิน

ความรู้สึกเขาราวกับปลาตัวใหญ่หลายตัวกำลังลากหลี่ฟู่เฉินที่เหมือนกับเรือลำเล็กทวนกระแสน้ำ พวกมันพุ่งตรงไปยังทิศทางตรงกันข้ามของกระแสน้ำเชี่ยวแห้งนี้ด้วยแรงมหาศาล

จากจุดสูงสุดของระดับที่ 2 ขอบเขตปฐพี ก็ไปถึงขีดจำกัดสูงสุดขีดของระดับที่ 2 ของขอบเขตปฐพี

เมื่อเขามาถึงขีดจำกัดสูงสุดของระดับที่ 2 ขอบเขตปฐพีแล้ว หลี่ฟูเฉินรู้สึกถึงการมีอยู่ของคอขวด

คอขวดนี้ทำหน้าที่เหมือนตัวล็อค ซึ่งปิดผนึกทางเดินขึ้นไปของหลี่ฟูเฉินไว้

หากเขาต้องการเปิดล็อคนี้ เขาอาจต้องการรหัสหรือเฉือนแยกมันออกจากกัน

หลี่ฟู่เฉินเลือกตัวเลือกหลัง

ตัวเลือกเดิมคือการไหลไปกับกระแสและพัฒนาตามธรรมชาติ แต่เห็นได้ชัดว่าตอนนี้เขากำลังไหลทวนกระแสอยู่

พลังฉีและหัวใจของเขาเปลี่ยนเป็นใบมีดที่แหลมคม เฉือดเฉือนไปยังตัวล็อค

มีรอยแตกเกิดขึ้นบนตัวล็อค

ไม่ทราบว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด ความช่วยเหลือจากสมุนไพรต่างๆ ก็หมดลง แต่ตัวล็อคก็ยังคงไม่แตกออก

หลี่ฟูเฉินมีเพียงหนึ่งความคิดในใจของเขาตอนนี้ นั่นคือการทำลายตัวล็อค เขาไม่สนใจสิ่งอื่นเลย

เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!

เมื่อพลังฉีและหัวใจของเขามีค่าหลอมรวมและความเข้ากันได้ในระดับสูงขึ้น ใบมีดในหัวใจของเขาก็ยิ่งแหลมคมและชัดเจนขึ้น

ซึบ!

สายฟ้าขนาดใหญ่พุ่งเข้าใส่ตัวล็อคและทำลายมัน

ในขณะนี้เอง พลังภายในของหลี่ฟู่เฉินกำลังอาละวาดและคำรามคลั่ง หลี่ฟูเฉินไม่กล้าที่จะนิ่งนอนใจ เขารีบกลืนเม็ดยาสีเหลืองระดับสูงสุดและเติมพลังฉีที่จำเป็นสำหรับการเข้าสู่ระดับที่ 3 ของขอบเขตปฐพีจนเพียงพอ

หลังจากทั้งหมดแล้ว นี่ก็ไม่ใช่เขตแดนร้อยพฤกษา ไม่มีพลังสวรรค์และโลกจำนวนมหาศาลที่นี่ เขาต้องพึ่งพาเม็ดยาเพื่อเติมพลังฉีที่ว่างเปล่าอย่างรวดเร็ว

เมื่อหลี่ฟู่เฉินตัดผ่านระดับขั้น ทุกคนก็รู้สึกถึงคลื่นพลังฉี

“เขาตัดผ่านหรือไม่?” ชูมู่หยูเปิดตาของเธอขึ้นและมองดู

ในหมู่ทุกคนที่นี่ หลี่ฟู่เฉินเป็นคนเดียวเท่านั้นที่เธอยอมรับและคนจำนวนมากเองก็ยอมรับเธอ มีเพียงไม่กี่คนในทวีปยูนิคอร์นตะวันออกทั้งหมดเท่านั้นที่ได้รับการยอมรับจากเธอ

“นี่เป็นเรื่องดี ด้วยความสามารถในปัจจุบันของเขา เขาควรจะสามารถต้านทานความแข็งแกร่งของวิญญาณปีศาจตนนึงได้แล้ว”

สำหรับบางคนที่เธอได้ยอมรับแล้ว ชูมู่หยูจึงไม่ถือว่าหลี่ฟู่เฉินเป็นบุคคลปกติธรรมดาอีกต่อไป

ผู้คนบางประเภทพวกเขาจะมีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอย่างมากหลังจากผ่านระดับการฝึกฝนในแต่ละครั้ง

เมื่อนักสู้ธรรมดาเข้าสู้ขั้นขอบเขตปฐพีระดับสูง ความสามารถของคนผู้นั้นจะเข้าสู้ระดับคนหนึ่งคนทันที

ศิษย์หลักระดับเงินจะมีความสามารถเพิ่มขึ้นสองคน

ศิษย์หลักระดับทองจะมีความสามารถเพิ่มขึ้นสามคน

ในขณะที่อัจฉริยะชั้นยอด อย่างน้อยๆ พวกเขาก็จะมีความสามารถเพิ่มขึ้นสี่คน

นี่คือความแตกต่าง

ปิดตาของเธอ ชูมู่หยูก็เริ่มวิเคราะห์อย่างต่อเนื่อง เมื่อเร็วๆ นี้เธอได้รับเทคนิคลับระดับ 6 ดาวมา

“เยี่ยม! หลี่ฟู่เฉินตัดผ่านแล้ว!” ฟานเฉียนสงและฟานเฉียนหยูดีใจเป็นอย่างยิ่ง

ในสายตาของพวกเขา หลี่ฟูเฉินเป็นการดำรงอยู่ที่บ้าคลั่ง และเมื่อพวกเขาก้าวหน้าในระดับของตน มันย่อมไม่เหมือนกับนักสู้ทั่วไปที่เพิ่มระดับมาระดับหนึ่งแน่นอน

พวกเขาค่อนข้างสงสัยว่าระดับความสามารถของหลี่ฟู่เฉินจะไปถึงระดับใด

ฮูววว!

เปลวเพลิงแลบผ่านออกมาจากลมหายใจ หลี่ฟู่เฉินค่อยๆ ลืมตา

“ในที่สุดก็มาถึงระดับที่ 3 ของขอบเขตปฐพี”

หลี่ฟูเฉินรู้สึกถึงพลังที่เพิ่มขึ้นภายในร่างกายของเขา แต่เขาดูสงบนิ่งมาก

เมื่อระดับการฝึกฝนของเขาก้าวเข้าสู่ระดับที่ 3 ของขอบเขตปฐพี ความสามารถของเขาเพิ่มขึ้นช่วงใหญ่ เขามั่นใจว่าถ้าเขาไปพบกับฟูจงชานอีกรอบ เขาจะสามารถไปต่อสู้กับเขาได้ในระดับที่เท่าเทียม

เมื่อระดับการฝึกฝนของหลี่ฟู่เฉินสูงขึ้น ความแข็งแกร่งทางกายภาพของเขาไม่เพียงแต่เพิ่มขึ้นเท่านั้น ปฏิกิริยาของร่างกาย ความเร็ว และคุณลักษณะต่าง ๆ ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน

“แต่นี่ก็ไม่เพียงพอที่จะรับมือกับวิญญาณปีศาจ อย่างดีที่สุดข้าก็สามารถรับมือมันได้แค่หนึ่งตนเท่านั้น”

ความสามารถของวิญญาณปีศาจนั้นแข็งแกร่งและมันก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าชูมู่หยูเลย

แม้ว่าเขาจะมีระดับบ่มเพาะที่ต่ำกว่าชูมู่หยู แต่ความสามารถที่แท้จริงของพวกเขานั้นห่างไกลกันมาก มากกว่าระดับการบ่มเพาะแค่ชั้นเดียว

ซูหยูหยูอายุใกล้เคียงกับเขา 19 ปี แต่เมื่อตอนที่ชูมู่หยูก้าวขึ้นถึงขอบเขตปฐพี เธออาจอายุน้อยกว่าหยานฉิงหวูซะด้วยซ้ำ

ซึ่งหมายความว่าเมื่อเธออายุ 16 หรือ 17 ปี เธอก็ก้าวขึ้นสู่ขอบเขตปฐพีแล้ว ในขณะที่หลี่ฟูเฉินเพิ่งก้าวไปสู่ขอบเขตปฐพีตอนอายุ 19 ประสบการณ์สามปีมีความแตกต่างกัน

สามปีก็เพียงพอที่จะบรรลุสิ่งต่างๆ

ในฐานะที่เป็นโครงกระดูก 6 ดาว สามปีก็เพียงพอแล้วที่ชูมู่หยูจะก้าวขึ้นไปบนของเต๋าต่อสู้

อย่างน้อยๆ หลี่ฟู่เฉินรู้สึกว่าเจตจำนงระดับลึกลับขั้นกลางของชูมู่หยูนั้นลึกซึ้งยิ่งกว่าเจตจำนงระดับลึกลับขั้นกลางของเขามาก แม้ว่าหลี่ฟูเฉินจะก้าวไปสู่ระดับที่ 4 ของขอบเขตปฐพีในตอนนี้ เขาก็ยังไม่สามารถเป็นศัตรูให้ชูมู่หยูได้

การสะสมประสบการณ์ของเขานั้นด้อยกว่ามาก

แม้ว่าเขาจะมีการรับรู้ที่น่ากลัว เขาก็ยังคงต้องใช้เวลาในการสะสมและพัฒนา

ปั้ง ปั้ง ปั้ง!

ประตูหินยังไม่หยุดสั่นขณะที่ฝุ่นร่วงลงมา

เวลาที่เหลือไว้สำหรับพวกเขานั้นมีไม่มากนัก

ประตูหินนี้ยังไงก็ยังคงเป็นประตูหิน ไม่ว่ามันจะแน่นและแข็งแรงแค่ไหนก็ตาม มันจะยังคงถูกบดขยี้ลงได้หากถึงคราวของมัน

หลังจากสร้างความมั่นคงให้กับการฝึกฝนของเขา หลี่ฟู่เฉินเริ่มทำความเข้าใจเทคนิคลับระดับ 3 ดาว เทคนิคน้ำพุชีวิต

ความยากระดับ 6 ดาว บทไร้สมบรูณ์ ดาบไม่สมบรูณ์นั้นยากเกินไป เขาไม่แน่ใจว่าเขาจะมีความสำเร็จใดๆ ภายในระยะเวลาอันสั้นนี้ ถ้าเขาจะวางเดิมพันกับบทดาบไร้สมบูรณ์ ทำไมไม่ใช้เวลาไปกับเทคนิคน้ำพุแห่งชีวิตแทนดีกว่าหละ

เทคนิคน้ำพุชีวิตมีความสามารถในการเพิ่มศักยภาพชีวิตและรักษาส่วนหนึ่งของการบาดเจ็บในปัจจุบัน

มันมีประโยชน์อย่างมากในสถานการณ์ชีวิตและความตาย อย่างน้อยเขาก็สามารถรักษาสภาพร่างกายให้แข็งแรงได้และจะไม่มีความสามารถที่ลดลงเนื่องจากการบาดเจ็บสาหัสแต่อย่างใด

ขั้นตอนแรกในการฝึกฝนเทคนิคการน้ำพุชีวิตคือการเปิดน้ำพุแห่งชีวิต

และสถานที่ที่จะเปิดน้ำพุแห่งชีวิตอยู่ที่ร่างกายจุดหมิงเหมย

(หมายเหตุ TL: จุดหมิงเหมยยังเป็นที่รู้จักกันในนามประตูแห่งพลัง)

จุดหมิงเหมยเป็นจุดหนึ่งที่เป็นรากฐานของร่างกายมนุษย์ มันเป็นสาระสำคัญของชีวิตและแก่นแท้ แสดงถึงช่วงชีวิตโดยธรรมชาติและพลังงานชีวิต

หนึ่งสามารถบำรุงร่างกายเพื่อยืดอายุการใช้งาน และอีกหนึ่งเพิ่มความสามารถของพลังงานชีวิตให้ได้ แต่มันก็เป็นเรื่องยากมากที่จะเพิ่มช่วงชีวิตโดยธรรมชาติและพลังงานชีวิต

เฉพาะสมุนไพรที่หายากมากเท่านั้นที่สามารถเพิ่มแก่นแท้ของชีวิตได้

เมื่อแก่นแท้ของชีวิตที่ไร้ชีวิต มันจะกลายเป็นไร้ประโยชน์ที่จะลองบำรุงรักษาในภายหลัง

วัตถุประสงค์ในการเปิดน้ำพุชีวิตจุดหมิงเหมยคือการเปิดใช้งานสาระสำคัญของชีวิตตามธรรมชาติและเปิดใช้งานการฟื้นคืนสภาพทันที

ซึ่งหมายความว่าทุกครั้งที่หลี่ฟู่เฉินเปิดใช้งานเทคนิคน้ำพุชีวิต เขาจะต้องจ่ายส่วนหนึ่งของชีวิตที่เคยมีมาแต่กำเนิด และเมื่อมันหมดลง หลี่ฟูเฉินจะเสียชีวิต

“แน่นอนนี่เป็นเทคนิคลับที่ชั่วร้าย” หลี่ฟู่เฉินยกคิ้วขึ้น

สาระสำคัญของชีวิตตามธรรมชาติของคนผู้หนึ่งมีจำกัดเกินไป เฉพาะหลังจากถึงขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดแล้วเท่านั้นถึงสามารถเพิ่มแก่นแท้ชีวิตของพวกเขาเองได้

ก่อนหน้านั้น สาระสำคัญแห่งชีวิตตามธรรมชาติของคนๆ หนึ่งจะเป็นตัวแปรที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง สำหรับสิ่งประดิษฐ์ที่ประเมินค่าไม่ได้ซึ่งสามารถเพิ่มแก่นแท้ของชีวิตแต่กำเนิด พวกมันหายากเกินไปและมันเป็นสิ่งที่ใครๆ ก็อยากจะพบ

เราต้องระวังเมื่อเปิดน้ำพุชีวิต ความผิดพลาดใดๆ จะทำให้ชีวิตแต่กำเนิดรั่วไหลออกมาและชีวิตของผู้ใช้จะดับสูญ

หลังจากใช้เวลาสามวัน ในที่สุดหลี่ฟู่เฉินก็เปิดน้ำพุชีวิตของเขาได้สำเร็จ

“เอาหล่ะ ถึงแม้ว่ามันจะเสี่ยง แต่มันก็ค่อนข้างเร็วฝึกฝนได้รวดเร็วและไม่ได้ใช้เวลานานเท่ากับฝ่ามือกระจ่างแรกเริ่ม”

หลังจากเปิดใช้งานน้ำพุแห่งชีวิต เทคนิคน้ำพุแห่งชีวิตก็อยู่ในอันดับต้นๆ ที่มีความสำคัญ หากได้รับบาดเจ็บสาหัญก็จะสามารถใช้เทคนิคนี้รักษาได้ในทันที

เมื่อสำเร็จระดับที่สูงขึ้น คาดว่ามันน่าจะสามารถรักษาร่างกายให้มีสภาพสมบูรณ์ได้ แต่สิ่งที่จำเป็นก็คือต้องมีสาระสำคัญของชีวิตตามธรรมชาติเพียงพอ

บูมม บูมม บูมมม!

ประตูหินแข็งแกร่งกว่าที่คิดไว้มาก เป็นเวลาหลายวันแล้วแต่มันก็ยังไม่มีรอยแตกแม้แต่ครั้งเดียว

“เทคนิคมรกตปฐพีสวรรค์มีทั้งหมดเจ็ดระดับ แม้ว่าข้าจะเข้าถึงเพียงแค่ระดับแรก มันก็สามารถช่วยเพิ่มความสามารถของข้าได้มาก” ภายในไม่กี่วัน ชูมู่หยูใช้การรับรู้ที่เหลือเชื่อของเธอจากโครงกระดูกระดับ 6 ดาวและในที่สุดก็เข้าใจความรู้พื้นผิวเผนของเทคนิคลับระดับ 6 ดาว เทคนิคมรกตปฐพีสวรรค์

ครืนน!

ประตูหินสั่นสะเทือนอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและรอยแตกเริ่มขยายออก

ด้านนอกของประตู ‘หลี่หวูเซี่ย’ ที่ดวงตากำลีงแดงฉาน เข้ากระแทกประตูหิน

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม