Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน 183-189

 บทที่ 183


เจียงหนัวไห่


 


 


“ผู้บัญชาการฝ่ายสาขา มีศิษย์หลักสองคนมาที่นี่เพื่อรายงานขอรับ”


 


ในห้องประชุมฝ่าย ผู้ดูแลฝ่าขสาขารายงาน


 


“สองคน?”


 


ผู้บัญชาการฝ่ายสาขาคือหวังกาน เป็นนักสู้ขอบเขตสวรรค์ขั้นต่ำ


 


เขามักจะปวดหัวเมื่อมีสิ่งต่างๆ เข้ามาเกี่ยวข้องกับศิษย์หลัก พวกเขาน่ากลัวจริงๆ และยังบ้าบิ่นเกินไปเช่นกัน พวกเขาจะรับออกไปยังสถานที่ๆ อันตรายอยู่เสมอๆ นิกายแท้จริงแล้วกำหนดอัตราการเสียชีวิตกับฝ่ายสาขามา สำหรับศิษย์หลัก อัตราการเสียชีวิตของพวกเขามีโควต้า 1 คนต่อปี และด้วยความบังเอิญ ในปีนี้ ศิษย์หลักระดับเงินเพิ่งถูกดูดเลือดจนเกลี้ยงไป หากตายไปอีกคน เขาในฐานะผู้บัญชาการฝ่ายสาขาจะถูกหักคะแนน และถ้าคะแนนของเขาต่ำกว่ามาตราฐานเขาจะถูกไล่ออกจากตำแหน่งผู้บัญชาการของเขาเอง


 


“ให้พวกเขาเข้ามา!” หวังกานกล่าวอย่างไม่สามารถทำอย่างไรได้


 


แม้ว่ามันจะเป็นปัญหา เขาก็รู้อยู่กับใจว่าศิษย์หลักต้องผ่านการต่อสู้เพื่อพัฒนา และเนื่องจากเขาเป็นผู้บัญชาการฝ่ายสาขาในตอนนี้ เขาจะต้องคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด


 


หลี่ฟู่เฉินและเซียงเทียนเชียงเดินเข้าไปในห้องประชุม


 


“ศิษย์หลักหลี่ฟูเฉิน ศิษย์หลักเซียงเทียนเชียง ทักทายผู้บัญชาการหวัง”


 


พวกเขาทั้งสองทักทายอย่างพร้อมเพรียง


 


“งั้นแล้วเจ้าก็คือหลี่ฟู่เฉิน” ได้ยินชื่อของหลี่ฟู่เฉิน หวังกานตกตะลึง เขาเคยได้ยินชื่อเสียงของหลี่ฟู่เฉินมานานแล้ว ในช่วงที่เข้าไปในเขตแดนร้อยพฤกษาเร้นลับ เขาพึ่งพาความสามารถของตนเองสร้างการบาดเจ็บล้มตายอย่างหนักกับอีกสามนิกาย เขาโดดเด่นยิ่งกว่าดาบคลั่งเมื่อก่อนหน้านี้


 


“เป็นข้าเอง” หลี่ฟู่เฉินตอบ


 


หวังกานขมวดคิ้ว “เจ้าเพิ่งเป็นศิษย์หลักเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ทำไมเจ้าถึงต้องรีบไล่ล่านักสู้เต๋าปีศาจ? เจ้าไม่สมควรขาดคะแนนสะสมใช่หรือไม่?”


 


ระดับการบ่มเพาะปัจจุบันของหลี่ฟู่เฉินต่ำเกินไป หากเขาเป็นนักสู้ขอบเขตปฐพีระดับกลาง หวังกานจะไม่คัดค้าน หากเขาเป็นนักสู้ขอบเขตปฐพีระดับกลาง เขาจะสามารถต่อต้านศัตรูที่อยู่ขอบเขตปฐพีระดับสูงได้ ตราบเท่าที่ไม่มีศัตรูขอบเขตสวรรค์ปรากฏ เขาจะไม่ตกอยู่ในอันตรายใดๆ


 


หลี่ฟู่เฉินตอบ “เฉพาะสภาวะอันตรายเท่านั้นถึงจะสามารถเข้าสู่สภาวะจิตแห่งตนได้ หากไม่เช่นนั้นแล้ว การมาที่นี่ของข้าก็ไม่มีความหมายใดๆ”


 


หากเขาไปตามเส้นทางปกติและฝึกฝนไปเรื่อยๆ หลี่ฟูเฉินก็ยังคงพัฒนาไปสู่จุดสูงสุดของขอบเขตปฐพี ถึงขอบเขตสวรรค์ ถึงขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิด หรืออาจเกินขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิด แต่มันจะช้าเกินไปและในช่วงเวลาที่เขาทำเช่นนั้น มันจะเป็นหลายสิบปีต่อไป


 


นอกเหนือจากนี้ โลกเปลี่ยนแปลงเร็วเกินไป แน่นอนว่านิกายวารีครามจะต้องเผชิญหน้ากับวิกฤตในเวลาที่ขับคัน ใครจะรู้ได้จริงๆ ว่าสงครามสี่นิกายจะเกิดขึ้นเมื่อใด ตอนนี้เขาหวังแค่ว่า เขาจะมีความสามารถในการป้องกันตัวเองได้บ้าง


 


แม้ว่าเซียงเทียนเชียงจะไม่เชิญเขาในเวลานี้ ท้ายที่สุดแล้วเขาก็จะออกมาฝึกฝนด้วยตนเองหลังจากผ่านไประยะหนึ่ง


 


หวังกานส่ายหัว เขาคาดไว้ว่าคำแนะนำของเขาจะไร้ประโยชน์


 


“เป็นครั้งแรกของเจ้าสำหรับการมาที่นี่ มาทำแบบนี้กันดีกว่า ข้าจะจัดให้เจ้าสองคนอยู่ในกลุ่มที่ 10 ทีมที่ 3 และทีมที่ 5 ตอนนี้พวกเขาบังเอิญอยู่ที่นี่เป็นช่วงเวลาสั้นๆ” สาขาที่เจ็ดมีทั้งหมด 10 กลุ่ม แต่ละกลุ่มนำโดยหัวหน้ากลุ่มที่อยู่ในช่วงสูงสุดของขอบเขตปฐพี เมื่อเทียบกับกลุ่มอื่น กลุ่มที่ 10 มีงานน้อยที่สุด และส่วนใหญ่เขาก็จัดให้ศิษย์หลักไปที่นั่นด้วยเช่นกัน


 


“ขอบคุณผู้บัญชาการหวัง” หลี่ฟู่เฉินและเซียงเทียนเชียงขอบคุณด้วยการป้องมือ


 


กลุ่ม 10 ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของคฤหาสน์


 


ในช่วงเวลาสั้นๆ พวกเขาทั้งสองมาถึงที่ลานขนาดใหญ่


 


ลานแห่งนี้ถูกแยกออกเป็นห้องโถง หนึ่งใหญ่และอีกห้าเล็ก แต่โถงถูกแยกออกเป็นห้องเล็กๆ ห้าห้อง


 


ในห้องโถง…


 


“ศิษย์หลักหลี่ฟู่เฉินและเซียงเทียนเชียงรายงานตัว”


 


ในห้องโถงเป็นชายร่างใหญ่ที่เงยหน้าขึ้นและกล่าว “เข้ามา!”


 


“ทักทายผู้นำกลุ่มเฉิน!”


 


ได้ยินเสียง หลี่ฟู่เฉินและเซียงเทียนเชียงเดินเข้าไปในห้องโถงและทักทายชายร่างใหญ่ราวกับหมี


 


ชายผู้นี้ถูกยกให้เป็นหัวหน้าของกลุ่ม 10 เฉินต้าเซียง ขอบเขตปฐพีระดับสูงสุด สถานะของเขาสูงกว่าผู้อาวุโสชั้นนอกและเจ้าเมือง เขาถือว่าเป็นผู้อาวุโสชั้นนอกระดับสูง


 


“ผู้บัญชาการหวัง มีข้อตกลงอะไรสำหรับพวกเจ้าสองคน?” เฉินต้าเซียงหาวขณะที่เขาถาม


 


หลี่ฟู่เฉินตอบ “ผู้บัญชาการหวังขอให้เราเข้าร่วมทีมที่ 3 และทีมที่ 5”


 


“โอ้.. งั้นแล้วเจ้าก็เข้าร่วมทีมที่ 3 และทีมที่ 5” เฉินต้าเซียงพยักหน้า


 


“หัวหน้าเฉิน เราไม่รู้ว่าผู้นำทีมที่ 3 และที่ 5 คือใคร” เซียงเทียนเชียงกล่าว


 


เฉินต้าเชียงโบกมือของเขา “อย่าได้กังวล เจ้าจะรู้ว่าจักพวกเขาในอีกไม่กี่วัน กลุ่มที่ 10 ของเรามีงานน้อยที่สุดอยู่แล้ว”


 


หลี่ฟู่เฉินและเซียงเทียนเชียงมองหน้ากัน


 


หลังจากหลี่ฟู่เฉินและเซียงเทียนเชียงออกไป เฉินต้าเซียงพึมพำกับตัวเอง “กลุ่มที่ 10 ของข้าเกือบจะกลายเป็นค่ายสำหรับศิษย์หลัก สิ่งนี้ไม่สามารถดำเนินต่อไป ข้าต้องพูดคุยกับผู้บัญชาการหวัง เพื่อให้ข้าเป็นหัวหน้ากลุ่มในกลุ่มอื่น”


 


หลี่ฟู่เฉินเป็นสมาชิกของทีมที่ 3 ดังนั้นเขาจึงไปลานที่สาม


 


เช่นเดียวกัน เซียงเทียนเชียงเป็นสมาชิกของทีมที่ 5 ดังนั้นเขาจึงไปลานที่ห้า


 


เป็นอย่างที่เฉินต้าเซียงกล่าว พวกเขารู้จักหัวหน้าทีมของพวกเขาหลังจากนั้นสองสามวัน


 


หัวหน้าทีมที่ 3 คือซูฉิงไห่ นักสู้ขอบเขตปฐพีระดับที่เจ็ด แต่เดิมเขาเป็นผู้อาวุโสชั้นนอก แต่เขาไม่สามารถแบกรับชีวิตที่สงบสุขในนิกายวารีครามได้ ดังนั้นเขาจึงมายังสาขาที่เจ็ดของฝ่ายวายุศักดิ์


 


“เจ้าคือศิษย์หลักคนที่สองของทีมเรา ก่อนหน้านี้ทีมของเรามีศิษย์หลักสองคนเหมือนกัน แต่หนึ่งในนั้นตายไปแล้ว” หลี่ฟูเฉินอยู่ในสนามหลังบ้าน มีชาและเขากำลังพบปะกับซูฉิงไห่


 


“กลุ่ม 10 ไม่ใช่ว่ามีงานน้อยที่สุด? เขาตายอย่างไร?” หลี่ฟู่เฉินสอบถาม


 


ซูฉิงไห่หัวเราะอย่างขมขื่น “ศิษย์หลักผู้นั้นพบว่ากลุ่ม 10 ของเราสงบสุขเกินไป เขาจึงออกไปตามล่านักสู้เต๋าปีศาจเดียวตัวคนเดียว เขาลงเอยด้วยการถูกดูดเลือดของตน ถูกดูดเลือดด้วยนักสู้เต๋าปีศาจที่เทคนิคการดูดโลหิต เมื่อถึงเวลาที่เราพบเขา เขาก็เป็นศพตายซากที่ไม่มีแม้แต่ฟันหรือผมเส้นแม้แต่เส้นเดียวแล้ว”


 


หลี่ฟู่เฉินกลายเป็นเงียบลง เวลาและชีวิตดำเนินต่อไปตามความพึงพอใจ ตั้งแต่ที่ตอนนี้เขามาอยู่ที่ฝ่ายสาขาวายุศักดิ์สิทธิ์แล้ว เขาจำเป็นต้องเตรียมตัวตาย แน่นอน เขาจะไม่ทำตัวเหมือนศิษย์หลักผู้นั้น ออกเดินทางด้วยตัวคนเดียวเพื่อล่านักสู้เต๋าปีศาจ มันไม่จำเป็น


 


เขาเชื่อว่าจะต้องมีโอกาสได้ไปล่านักสู้เต๋าปีศาจแน่นอน


 


“โอ้ใช่แล้ว เจียงหนัวไห่กำลังฝึกฝนอย่างสันโดษ เมื่อเขาออกมา เจ้าสองคนจะได้รู้จักกัน” เจียงหนัวไห่เป็นศิษย์หลักอีกคนที่ซูฉิงไห่กล่าวถึง


 


“แน่นอน” หลี่ฟู่เฉินพยักหน้า


 


เมื่อวันเวลาผ่านไป เพียงพริบตาเดียว หลี่ฟูเฉินก็อยู่ที่สาขาที่เจ็ดเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์แล้ว


 


กลุ่มอื่นๆ จะมีภารกิจทุกวันๆ เฉพาะกลุ่มที่ 10 เท่านั้นที่ยังคงอยู่เช่นเดิม


 


หลี่ฟู่เฉินไม่รีบร้อน เขาฝึกฝนเทคนิคเพลิงโลกันต์อยู่ในห้องของเขาระหว่างวัน


 


จากนั้นเขาจะมุ่งหน้าไปที่ด้านนอกของสาขาที่เจ็ดเพื่อฝึกฝนวายุทมิฬสามกาย


 


วายุทมิฬสามโคลนเป็นเทคนิคตัวเบาลึกลับขั้นกลาง เมื่ออยู่ในขั้นดีเลิศย่อย ผู้ฝึกฝนสามารถสร้างร่างหลอกขึ้นมาได้ เมื่อถึงขั้นดีเลิศ ผู้ฝึกฝนสามารถสร้างได้สองร่าง เมื่อรวมร่างกายที่แท้จริงแล้ว มันจะเป็นสามร่าง ซึ่งเป็นสาเหตุที่ชื่อของเทคนิคคือวายุทมิฬสามกาย


 


“เจ้าคือหลี่ฟู่เฉิน?”


 


ในวันนี้ ขณะที่หลี่ฟู่เฉินฝึกฝนเทคนิคเพลิงโลกันต์แท้จริงของเขา เขาถูกขัดจังหวะด้วยเสียงจากด้านบนกำแพง


 


หลี่ฟูเฉินขมวดคิ้ว “เจียงหนัวไห่”


 


เขาสามารถสัมผัสได้ถึงร่องรอยความเกลียดชังจากเจียงหนัวไห่


 


ถ้าเป็นคนอื่น พวกเขาจะถูกกระแทกออกไปแล้ว แต่เจียงหนัวไห่ยังสามารถยืนอยู่บนกำแพงได้อย่างปกติ


 


“เจ้าควรจะห่างจากเฉินฟางหัวซิเหม๋ยในอนาคต” เจียงหนัวไห่กล่าวอย่างเฉยเมย


 


“ทำไมข้าต้องทำ?”


 


เขาไม่ทราบความสัมพันธ์ระหว่างเจียงหนัวไห่และเฉินฟางหัว แต่มันไม่เกี่ยวข้องกับเขา


 


“เพราะเจ้าไม่ได้เป็นคู่ต่อสู้ของข้าในตอนนี้”


 


“นั่นอาจไม่เป็นเช่นนั้น”


 


หลี่ฟูเฉินไม่สนใจเฉินฟางหัว จนถึงขณะนี้ ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่ทำให้หัวใจเขาเต้นแรงได้ แต่มันไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่สามารถเป็นเพื่อนกับเฉินฟางหัวได้ หากพวกเขาเป็นเพื่อนกัน แน่นอนว่าต้องมีบางครั้งที่พวกเขาเดินทางด้วยกัน


 


“เจ้าลองดูไหมละ?” เจียงหนัวไห่ปลดปล่อยสภาวะพลังฉีออกมาอย่างรุนแรง


บทที่ 184


สมาคมมือปีศาจ


 


 


“เจ้ากับข้าไม่มีความจำเป็นที่ต้องสู้กัน ข้าแนะนำให้เจ้าอย่ากระทำใดๆ เพื่อผลประโยชน์ของเจ้าเอง”


 


เจียงหนัวไห่เป็นเพียงระดับ 3 ของขอบเขตปฐพี หลี่ฟูเฉินมีความมั่นใจยิ่งสำหรับการที่จะเอาชนะเขา


 


“เจ้าเหมือนจะพูดจาใหญ่โตได้ดี” เจียงหนัวไห่เคลื่อนไหว


 


ราวกับสายลม เจียงหนัวไห่ปรากฏตัวต่อหน้าหลี่ฟู่เฉินในทันที และส่งวิชาฝ่าเมฆหนามายังเขา


 


รัศมีเงาฝ่ามือเกาะกลุ่มอย่างหนาแน่น มันครอบคลุมเส้นทางหลบหนีของหลี่ฟู่เฉิน


 


“ดั่งเช่นที่ข้ากล่าว เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า”


 


ร่างของหลี่ฟู่เฉินหายไปราวกับภูติผี


 


นัยน์ตาของเจียงหนัวไห่เบิกกว้าง ฝ่ายตรงข้ามของเขาหนีออกจากทักษะฝ่ามือของเขาได้?


 


กวาดสายตาของเขาไปรอบๆ เจียงหนัวไห่พบหลี่ฟู่เฉิน เขาใช้เทคนิคตัวเบาและไล่ตามหลี่ฟูเฉิน จากนั้นเขาก็ส่งไปอีกสองฝ่ามือ เพิ่มพลังจากฝ่ามือก่อนเป็นสองเท่า


 


ทันใดนั้นร่างของหลี่ฟู่เฉินก็หันกลับมา หนึ่ง.. สอง.. สาม…


 


ภาพติดตาเห็นได้เป็นชุดๆ ขณะที่หลี่ฟูเฉินหายไปจากสายตาของเจียงหนัวไห่


 


“เจ้าเข้าใจเจตจำนงเทคนิคตัวเบาหรือไม่?” รูม่านตาของเจียงหนัวไห่หดตัวลง


 


นิกายวารีครามเป็นนิกายที่มุ่งเน้นไปยังเต๋าแห่งดาบ โดยปกติแล้วศิษย์ส่วนใหญ่จะเน้นไปที่ทักษะดาบเสียมากกว่า ในขณะที่ทักษะต่อสู้อื่นๆ เป็นเพียงแค่ส่วนประกอบ มันไม่บ่อยนักที่ใครบางคนสามารถเข้าถึงขั้นภวังค์ในทักษะอื่นๆ นอกจากทักษะดาบ จากมุมมองของเจียงหนัวไห่ หลังจากเข้าถึงขอบเขตสวรรค์ได้แล้วใครก็สามารถเข้าถึงขั้นภวังค์ในทักษะต่อสู้ลึกลับขั้นต่ำอื่นๆ ได้ และเข้าใจเจตจำนงของสิ่งนั้น


 


หลี่ฟู่เฉินไม่ตอบกลับ ขณะที่เขายืนอยู่บนต้นไม้ใหญ่ในสวน


 


“เจ้าเข้าใจเจตจำนงเทคนิคตัวเบาแล้วอย่างไร? ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะเร็วกว่าดาบของข้า” เจียงหนัวไห่ชักดาบของเขาออกมา และตวัดดาบออกไปสามครั้ง เจตจำนงแห่งดาบที่พลุ่งพล่านดูคล้ายกับทะเลสาบ


 


สึบ!


 


ต้นไม้ใหญ่ถูกแยกออกเป็นสามส่วน และเปลี่ยนเป็นเศษเล็กเศษน้อยทันที


 


“ข้าเห็นเจ้า อย่าได้คิดที่จะหนีไปรอบๆ”


 


ด้วยเจตจำนงแห่งดาบที่กำหนดเป้าหมายแล้ว เขาเห็นร่างหนึ่งพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ใบหน้าของเขาเผยรอยยิ้มเย็นชาออกมา ขณะที่คิดว่าคนที่อยู่กลางอากาศไม่สามารถยืมพลังจากสิ่งใดเพื่อหลบจากเขาได้


 


“วารีหยก ทะยาน!”


 


เจตจำนงแห่งดาบพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ลายเส้นของดาบพลังฉียิงตรงไปที่หลี่ฟู่เฉิน


 


“เจ้าแน่ใจหรือว่าเห็นข้า?”


 


หลี่ฟูเฉินปรากฏตัวด้านหลังเจียงหนัวไห่และส่งเขาบินออกไปด้วยหมัด


 


ล้มลงบนพื้นอย่างน่าสังเวช เจียงหนัวไห่ดูไม่พอใจ เทคนิคตัวเบาของหลี่ฟู่เฉินโดดเด่นเกินไป ตั้งแต่แรก เจียงหนัวไห่ไม่แต่จะสัมผัสกับเสื้อผ้าของหลี่ฟู่เฉินได้


 


เจียงหนัวไห่ยังคงมีไพ่ตายที่เขาไม่ได้เผยออก แต่หลี่ฟู่เฉินก็เช่นกัน


 


“รวม! เร็ว ทุกคนมารวมตัวกัน!”


 


ในเวลาที่เจียงหนัวไห่กำลังจะทำการโจมตีอีกครั้ง เสียงของซูฉิงไห่ก็ดังก้องขึ้น


 


เค้นเสียงอย่างเย็นชา เจียงหนัวไห่ออกจากลานเล็กๆ ของหลี่ฟู่เฉิน


 


‘รวมตัวทันที? กำลังจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น?’ หลี่ฟู่เฉินคิดในใจของเขา ในขณะที่ไม่สนใจเจียงหนัวไห่


 


หอประชุม


 


ทีมทั้งห้าของกลุ่ม 10 มีสมาชิกทั้งหมด 25 คนอยู่ที่นี่แล้ว เมื่อรวมเฉินต้าเซียง มันจึงเป็น 26


 


มองไปรอบๆ หลี่ฟู่เฉินสังเกตเห็นว่ามีศิษย์หลักทั้งหมดเจ็ดคน


 


เหตุผลที่ทำให้เขาแน่ใจเป็นเพราะช่องว่างของอายุ สมาชิกที่เหลือมีอายุอย่างน้อย 40 หรือ 50 ปี


 


เฉินต้าเซียงกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ่มลึก “เจ้าคงไม่คิดว่ามันน่าเบื่อใช่หรือไม่?! ตอนนี้เป็นโอกาส! จากรายงานของหน่วยลาดตระเวน มีร่องรอยของสมาคมสาขามือปีศาจในพื้นที่ด้านตะวันออกของเมืองเขาทมิฬ เนื่องจากกลุ่ม 1 2 และ 3 ออกไปทำภารกิจอยู่ จึงเหลือแค่ 7 กลุ่มเท่านั้นที่จะต้องมุ่งหน้าออกไป เพื่อกำจัดสมาคมสาขามือปีศาจ”


 


“เยี่ยม! ข้าอยู่ที่นี่มาสองเดือนแล้ว แต่ก็ได้ทำเพียงภารกิจเล็กๆ เพียงหนึ่งภารกิจเท่านั้น ข้ายังไม่เคยเห็นนักสู้เต๋าปีศาจอย่างที่ควรจะเป็นแม้แต่น้อย” ศิษย์หลักกลายเป็นตื่นเต้น


 


เฉินต้าเซียงจ้องมองเขาและกล่าว “สมาคมมือปีศาจเป็นหนึ่งในสิบองค์กรระดับบนของนักสู้เต๋าปีศาจในแคว้นวารีครามเรา แม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่ฝ่ายสาขา เราก็ไม่สามารถประมาทพวกนั้นได้ อย่าประมาท หากไม่เช่นนั้นแล้ว เจ้าอาจสูญเสียชีวิตขิงตนไปได้”


 


เขากลัวอย่างแท้จริงว่าเหล่าศิษย์หลักจะบุ่มบ่ามและรีบไปที่แนวหน้า


 


“เอาล่ะ ตอนนี้ไปพบกับอีกหกกลุ่มได้แล้ว”


 


เฉินต้าเซียงโบกมือแล้วเดินออกไปที่จัตุรัส


 


ที่จัตุรัส อีกหกกลุ่มอยู่ที่นั่นแล้ว


 


“ฟู่เฉินชิตี๋ ดูนั้น นั้นดาบไร้อารมณ์ชิเซียง”


 


เซียงเทียนเชียงยืนอยู่ข้างหลี่ฟู่เฉินและชี้ไปยังเด็กหนุ่มรูปหล่อที่เย็นชาที่สุดในจัตุรัส


 


“ดาบไร้อารมณ์?” หลี่ฟู่เฉินมองดู


 


ในช่วงยุคของดาบคลั่ง เฉพาะดาบพยัคฆ์และดาบไร้อารมณ์เท่านั้นที่สามารถจับคู่ความสามารถกับเขาได้


 


ทั้งสามคนนั้นแก่กว่าหลี่ฟู่เฉินมาก โดยธรรมชาติความสามารถที่พวกเขามีย่อมน่าหวาดกลัว


 


หลี่ฟู่เฉินคิดว่าเขาในปัจจุบันเขายังไม่เหมาะสมกับพวกเขา เขาคาดว่าเขาจะพ่ายแพ้ในเวลาไม่กี่วินาทีโดยพวกเขา


 


รู้สึกถึงการจ้องมองจากหลี่ฟู่เฉิน ดาบไร้อารมณ์ก็หันกลับมามองเช่นกัน


 


ดวงตาของพวกเขาประสานกันในทันที มันก่อเกิดความเจ็บปวดอย่างรุนแรงต่อดวงตาของหลี่ฟู่เฉิน


 


สภาวะพลังฉีของเขาแหลมคมเกินไป แม้แต่กระทั่งดวงตาของเฉินต้าเซียงก็มีพลังเช่นนี้ หลี่ฟู่เฉินรู้สึกได้ถึงเจตจำนงอันแรงกล้าของดาบไร้อารมณ์ มันแข็งแกร่งกว่าศิษย์หลักในนิกายคนใดๆ ที่เขาเคยเห็น ดูเหมือนจะเทียบเท่ากับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์


 


‘ควรค่าแก่สมยานามดาบไร้อารมณ์!’ หลี่ฟู่เฉินตกใจ


 


“เป็นดวงตาที่น่ากลัวอย่างแท้จริง”


 


ร่างกายของเซียงเทียนเชียงสั่นเท้า วิญญาณของเขาด้อยกว่าหลี่ฟู่เฉินมาก แม้ว่าดาบไร้อารมณ์จะไม่ได้มองมาที่เขาโดยตรง แต่การมองมาในทิศทางของเขาก็ทำให้เขารู้สึกไม่สบายตัวและทำให้ร่างกายของเขารู้สึกได้ถึงความเสียวซ่า


 


หวังกานเดินออกจากห้องประชุม “ภารกิจนี้จะนำโดยหัวหน้าของกลุ่ม 4 ลั่วฮุ่ย ทุกคนต้องฟังคำสั่งของเขาและเดินทางออกไปทันที”


 


“ทราบ!” ทุกคนตะโกนอย่างพร้อมเพรียง


 


สมาชิกทั้งหมด 182 คน ขี่ม้าเลือดปีศาจระดับ 2 182 ตัว ทุกคนเดินทางออกจากสาขาที่เจ็ดอย่างรวดเร็ว


 


ในเวลาเดียวกัน ศิษย์ฝ่ายหลายพันคนก็ตามมาด้วยการขี่ม้าเลือดปีศาจระดับ 2


 


การกำจัดสมาคมมือปีศาจ มันย่อมเป็นการต่อสู้ของผู้เชี่ยวชาญกับผู้เชี่ยวชาญ สมุนกับสมุน จะไม่มีใครรอดชีวิตไปได้ ศิษย์ฝ่ายอยู่ที่นั่นเพื่อสังหารสมาชิกขอบเขตต้นกำเนิดจากสมาคมมือปีศาจ


 


***


 


พื้นที่ทางตะวันออกของเมืองเขาทมิฬไม่ไกลจากสาขาที่เจ็ดมากนัก พวกเขามาถึงในสามวัน


 


จากระยะไกล คฤหาสน์ธรรมดาสามารถเห็นได้ในสายตาของทุกคน


 


ลั่วฮุ่ยเหวี่ยงแขนอันใหญ่โตของเขา “ฆ่าพวกมัน!”


 


ตามข้อมูล คฤหาสน์ธรรมดาๆ นี้จริงๆ แล้วเป็นของเหล่าตระกูลชั้นรอง แต่ก็ถูกควบคุมโดยสมาคมมือปีศาจมานานแล้ว


 


“ฆ่า!” ผู้คนหลายพันคนลงจากหลังม้าและล้อมรอบคฤหาสน์จากทุกทิศทุกทาง


 


ภายในคฤหาสน์…


 


“เวรเอ้ย มันจะต้องเป็นพวกฝ่ายสาขาที่โพลงที่ตั้งของเราออกไป ทุกคนวิ่งออกไปและต่อสู้!”


 


ผู้บัญชาการของสมาคมสาขามือปีศาจเป็นผู้เชี่ยวชาญขั้นสูงสุดของขอบเขตปฐพี ที่ด้านข้างของเขามีนักสู้ขอบเขตปฐพีขั้นสูงสุดอยู่อีก 6 คน


 


“ฆ่า!”


 


คล้ายกับน้ำที่ไหล่บาก สมาชิกของสมาคมมือปีศาจรีบออกไป


 


มีนักสู้ขอบเขตต้นกำเนิดประมาณ 2,000 คนแ ละนักสู้ขอบเขตปฐพี 100 คน พวกเขาส่งเสียงดังออกมา


 


“นักสู้ขอบเขตปฐพีจำนวนมาก”


 


นี่เป็นครั้งแรกที่หลี่ฟู่เฉินเห็นนักสู้ขอบเขตปฐพีจำนวนมากในการเข่นฆ่ากัน ฉากที่ยิ่งใหญ่นี้สร้างละอองเลือดขึ้นมา ราวกับกับว่าจู่ๆ มันก็ปรากฏได้เอง


 


บูม บูม บูม…


 


คนแรกที่สร้างเสียงระเบิดคือนักสู้ขอบเขตปฐพี


 


นักสู้ขอบเขตปฐพีสามารถปลดปล่อยพลังฉีได้ ก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะปะทะกัน แรงกดดันพลังฉีที่น่ากลัวก็ได้ปะทะกันก่อนแล้ว ทันใดนั้นเอง ทรายและหินก็ลอยไปทั่ว พายุรุนแรงถูกปลุกขึ้นและสิ่งที่ตามมาคือฉากของเลือด


 


มีสมาชิกของสมาคทมือปีศาจและสมาชิกของกลุ่มที่เจ็ดล้มลงไป


 


“ตาย!”


 


หลี่ฟู่เฉินใช้ออกพายุดาวตก มันเจาะทะลุร่างนักสู้ขอบเขตปฐพีจากสมาคมมือปีศาจทันที แต่ก็มีคนอื่นที่มีความสามารถค่อนข้างแข็งแกร่งและสามารถป้องกันพายุดาวตกของหลี่ฟู่เฉินได้


บทที่ 185


ดาบไร้อารมณ์


 


 


หลังจากการโจมตีไม่กี่ครั้ง นักสู้ขอบเขตปฐพีจากทั้งสองฝ่ายก็เริ่มการต่อสู้กันอย่างใกล้ชิด


 


ศัตรูของหลี่ฟู่เฉินเป็นนักสู้เต๋าปีศาจที่เป็นนักสู้ขอบเขตปฐพระดับที่ 5 เขามีรอยแผลเป็นอยู่บนใบหน้าของเขา


 


นักสู้เต๋าปีศาจผู้นี้ฝึกฝนเทคนิคระดับลักลึกลับ ทว่ามันเป็นเทคนิคประเภทกัดกร่อน ร่างกายของเขาฉายคุณสมบัติของการกัดกร่อนรุนแรงออกมา ก่อนที่ดาบของหลี่ฟู่เฉินจะสามารถบรรลุถึงเป้าหมายได้ พลังฉีที่มีฤทธิ์กัดกร่อนก็กระจายพลังไปแล้วก่อนที่หลี่ฟู่เฉินจะได้เข้าใกล้เสียอีก


 


“สารเลวน้อย หลังจากที่ข้าสลายร่างกายเจ้า มันควรช่วยเพิ่มความก้าวหน้าในพลังฉีกัดกร่อนของข้าได้ไม่น้อย” จ้าวต้าขุ่ยเยาะเย้ยอย่างเย็นชา


 


วิญญาณพลังฉีกัดกร่อน เทคนิคลึกลับขั้นกลาง มันสามารถกัดเซาะร่างกายของศัตรูและแปลงแก่นชีวิตของพวกเขาไปเป็นพลังฉีวิญญาณกัดกร่อนได้ ระดับความโด่ดเด่นเช่นนี้มากเกินกว่าเทคนิคดูดโลหิตเป็นส่วนใหญ่ โดยทั่วไปแล้ว ผู้ที่อยู่ในระดับ 6 ขอบเขตปฐพีและต่ำกว่าจะไม่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้ และจะถูกพลังฉีกัดกร่อนเข้ากัดกินอย่างง่ายดาย


 


ส่งฝ่ามือออกมา ฝ่ามือสีดำพุ่งเข้ามาโจมตีหลี่ฟู่เฉิน


 


ร่างเงาปรากฏ หลี่ฟู่เฉินหลบฝ่ามือ


 


“เทคนิคตัวเบาที่ดี แต่น่าเสียดายที่เจ้ามีระดับการฝึกฝนต่ำเกินไป”


 


จ้าวต้าคุ่ยคำราม ขณะที่พลังฉีกัดกร่อนวิญญาณของเขาพุ่งออกไปและครอบคลุมรัศมีหลายเมตร


 


ชี่ ชี่ ชี่!


 


หลี่ฟู่เฉินได้ยินเสียงเดือดของเพลิงโลกันต์แท้จริง


 


เทคนิคเพลิงโลกันต์แท้จริงเป็นพลังฉีประเภทร้อน และเป็นดาวสะกดข่มพลังฉีกัดกร่อนวิญญาณโดยธรรมชาติ ยิ่งไปกว่านั้น ระดับเทคนิคเพลิงโลกันต์แท้จริงของหลี่ฟู่เฉินก็สูงมากแล้ว ระดับที่ 14 ความเป็นจริงแล้วแค่สิ่งนี้ก็เพียงพอที่จะให้หลี่ฟู่เฉินเอาชนะนักสู้ขอบเขตปฐพีระดับ 2 และ 3 ได้


 


แต่ หลังจากทั้งหมดแล้วจ้าวต้าคุ่ยก็เป็นถึงนักสู้ขอบเขตปฐพีระดับที่ 5 ระดับการฝึกฝนของเขาสูงกว่าระดับการฝึกฝนของหลี่ฟู่เฉินมาก เมื่อพลังฉีเพลิงโลกันต์พยายามที่จะต้านทานพลังฉีกัดกร่อนวิญญาณ มันก็ดูเหมือนจะละลายออกไปเล็กน้อย


 


“เทคนิคลับมังกรเร้นลับ เปิดใช้งาน!”


 


เมื่อหลี่ฟู่เฉินใช้เทคนิคลับมังกรเร้นลับ พลังฉีเพลิงโลกันต์จำนวนมหาศาลก็ถูกแปรสภาพเป็นพลังฉีมังกรเร้นลับทันที ของเหลวหนืดจากพลังฉีมังกรเร้นลับแทรกซึมออกมาจากร่างของเขาและปกป้องหลี่ฟูเฉิน


 


ตอนนี้ พลังฉีกัดกร่อนของศัตรูไม่สามารถทำอะไรหลี่ฟูเฉินได้อีกต่อไป ทันทีที่พลังฉีกัดกร่อนวิญญาณเข้ามาใกล้ มันจะกลายเป็นไอน้ำทันที


 


“เทคนิคลับที่สามารถเพิ่มความสามารถโดยรวม?”


 


จ้าวต้าคุ่ยรู้สึกอิจฉา แม้ว่าเขาจะบ่มเพาะเทคนิคลึกลับขั้นกลาง แต่เทคนิคลับสำหรับสมาคมมือปีศาจไม่มีโควต้าให้ยืมใช้ เขาสามารถฝึกฝนได้เพียงแต่เทคนิคลับระดับ 2 ดาวเท่านั้น แถมยังเป็นเทคนิคหลบหนี


 


“กรงเล็บวิญญาณกัดกร่อน!”


 


แบมือขวาของเขา จ้าวต้าคุ่ยส่งกรงเล็บอันชั่วร้ายไปยังหลี่ฟู่เฉิน


 


“ตาย!”


 


ไม่ต้องใช้ทักษะดาบลึกลับขั้นกลาง หลี่ฟู่เฉินหลบกรงเล็บได้ และใช้กระบวนดาบดาวตกเพื่อเจาะร่างกายของจ้าวต้าคุ่ย


 


“เหล่านักสู้เต๋าปีศาจทุกคนล้วนแล้วแต่ฝึกฝนเทคนิคลึกลับขั้นกลางแค่และมันก็เป็นสิ่งนอกรีตทั้งหมด นักสู้ทั่วไปในนิกายย่อมไม่ใช้คู่ต่อสู้ของเขา”


 


แม้ว่าหลี่ฟูเฉินจะสามารถสังหารนักสู้ขอบเขตปฐพีระดับ 5 ได้อย่างง่ายดาย แต่เขาก็ไม่ได้สนใจมัน ในสนามรบ อย่างน้อยๆ ทุกคนก็เป็นนักสู้ขอบเขตปฐพีระดับที่ 3 และมีนักสู้เต๋าปีศาจที่อยู่ขอบเขตปฐพีระดับ 6 อยู่จำนวนมากเช่นกัน


 


ในเรื่องของการก้าวหน้าพลังฝึกฝน นักสู้เต๋าปีศาจนั้นก้าวหน้าได้รวดเร็วกว่านักสู้โดยทั่วไป


 


***


 


“ฮ่าฮ่า! กัดกร่อน!”


 


นักสู้เต๋าปีศาจนั้นมีจำนวนมากกว่าสมาชิกสาขาที่เจ็ด แต่หลังจากการต่อสู้ไปสักพัก สมาชิกนักสู้เต๋าปีศาจดูเหมือนจะไม่เสียเปรียบอีกต่อไป นักสู้เต๋าปีศาจส่งฝ่ามือออกไปอย่างแรง และเปลี่ยนนักสู้สาขาที่เจ็ดให้กลายเป็นโครงกระดูกที่เปื้อนเลือด กัดกร่อนเนื้อทั้งหมดในร่างกายของเขา


 


มันเป็นเทคนิคการกัดกร่อนแบบเดียวกัน แต่ดูเหมือนจะโดดเด่นกว่าเทคนิคการกัดกร่อนของจ้าวต้าคุ่ย และมีความแข็งแกร่งในการสังหารมากกว่า


 


น่าเสียดายที่นักสู้เต๋าปีศาจผู้นี้ไม่สามารถหยิ่งได้นานนัก แสงดาบส่องผ่านเข้ามาอย่างรวดเร็วและเจาะทะลุหัวของเขา


 


ผู้ที่ใช้ออกกระบวนท่าคือดาบไร้อารมณ์


 


ดาบของเขาเร็วและโหดเหี้ยม ขณะนั้นเอง เขาก็ใช้กระบวนดาบออกไปสามครั้ง ทุกๆ กระบวนดาบเข้าไปสังหารคนสามคนทันที ทุกคนตายลงเพียงแค่ดาบเดียว


 


“ให้ข้าทดสอบทักษะของเจ้า”


 


นักสู้เต๋าปีศาจขอบเขตปฐพีระดับที่ 7 เข้ามาโจมตีดาบไร้อารมณ์


 


ร่างกายของดาบไร้อารมณ์พุ่งออกไป ขณะที่เขาวนไปมาอยู่รอบๆ ศัตรูอยู่หลายครั้ง


 


ในช่วงเวลาต่อไป นักสู้เต๋าปีศาจขอบเขตปฐพีระดับที่ 7 ก็ถูกตัดออกเป็นหลายชิ้น


 


“ทักษะดาบน่ากลัวอะไรเช่นนี้”


 


ไม่เพียงแต่สมาชิกสาขาที่เจ็ดที่ตกใจ สิ่งนี้ยังไปปลูกฝังความหวาดกลัวให้กับนักสู้เต๋าปีศาจจากสมาคมมือปีศาจด้วยเช่นกัน


 


ทักษะดาบของดาบไร้อารมณ์มีจุดประสงค์เพื่อการสังหาร ทุกการเคลื่อนไหวและทุกท่าทางนั้นโหดเหี้ยมยิ่ง ไร้อารมณ์จนถึงที่สุด เมื่อดาบถูกใช้ออก ศัตรูสามารถทำได้แต่อธิษฐานเท่านั้น!


 


“น่าสะพรึงกลัว!”


 


นี่เป็นครั้งแรกที่หลี่ฟู่เฉินได้เห็นผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริง


 


อาจจะหลังจากหลายปี ที่จักรพรรดิดาบหลิวหวูหวงและหยูเหวินเทียนเทียบเท่ากับดาบไร้อารมณ์ แถมอาจจะด้อยกว่าเล็กน้อย แต่ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นพวกเขาสองคนหรือหลี่ฟู่เฉิน พวกเขายังอยู่ค่อนข้างไกลจากระดับการต่อสู้ของดาบไร้อารมรณ์


 


เมื่อการสังหารกลายเป็นรุนแรงขึ้น ดาบไร้อารมณ์ก็ได้เปรียบอย่างมากและสังหารศัตรูอยู่ในสนามรบ แต่ผู้คนที่เหลือตกอยู่ในการต่อสู้ที่ดุเดือด รวมถึงหัวหน้าทีมอื่นๆ เช่นกัน


 


นักสู้เต๋าปีศาจไม่ใช่นักสู้ทั่วไป พวกเขามีพลังฉีที่แปลกประหลาดซึ่งมีฤทธิ์กัดกร่อน เป็นพิษ หรืออาจทำให้เกิดภาพหลอน


 


ในระยะสั้น เมื่อนักสู้ปะทะกัน ความเร็วและพลังโจมตีมีความสำคัญเป็นอย่างมาก แต่ก็มีปัจจัยอื่นๆ ที่อาจส่งผลต่อผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้อยู่


 


ดังนั้น แม้ว่าสาขาที่เจ็ดจะมีจำนวนเหนือกว่าและความสามารถโดยรวมดีกว่า พวกเขาก็ยังคงไม่สามารถได้รับชัยชนะในเวลาอันสั้นได้ มันแทบจะเป็นไปไม่ได้ มันจะนำไปสู่วิกฤติหากพวกเขาประมาท


 


หลี่ฟูเฉินได้เห็นมันครั้งแรก ก็ในเมื่อนักสู้จากสาขาที่เจ็ดถูกยาพิษเนื่องจากความประมาทเพราะคิดว่าเขามีฝีมือ ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของเขาลดลงอย่างมากหลังจากที่เขาถูกวางยาพิษและถูกสังหารโดยศัตรูด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว


 


ยิ่งไปกว่านั้น มีศิษย์หลักมากมายอยู่ในสาขาที่เจ็ดและส่วนใหญ่เป็นตัวถ่วง


 


ระดับการฝึกฝนของพวกเขาต่ำเกินไป แต่พวกเขาก็ยังอยากเลือกที่จะต่อสู้ข้ามระดับ อย่างไรก็ตามพวกเขาจะต่อสู้ข้ามระดับได้กี่ระดับกัน? หากไม่ใช่หรือเพราะนักสู้ขอบเขตปฐพีระดับสูงหนึ่งหรือสองคนปกป้องพวกเขา พวกเขาคงจะตายไปนานแล้ว


 


ในการต่อสู้ที่วุ่นวายนี้ มีเพียงศิษย์หลักที่อย่างน้อยอยู่ในขอบเขตปฐพีระดับที่ 3 เท่านั้นถึงจะสามารถปกป้องตนเองได้ เหล่าศิษย์หลักที่อยู่ในระดับ 5 ของขอบเขตปฐพีหรือสูงกว่าสามารถต่อสู้กับศัตรูได้


 


การสังหารในทันทีของดาบไร้อารมณ์นั้นดำเนินต่อไปได้ไม่นานนัก หลังจากที่เขาสังหารนักสู้เต๋าปีศาจไปกว่า 8 คนแล้ว เขาก็ถูกขวางโดยนักสู้เต๋าปีศาจขอบเขตปฐพีระดับที่ 9


 


พลังฝึกฝนของดาบที่ไร้อารมณ์นั้นอยู่ในระดับ 5 ขอบเขตปฐพี ไม่ถือว่าต่ำหรือสูง แต่การที่จะสังหารนักสู้เต๋าปีศาจขอบเขตปฐพีระดับ 9 ที่บ่มเพาะเทคนิคลึกลับ มันยังคงเป็นงานที่ยากยิ่ง


 


หลังจากทั้งหมดแล้ว เมื่อระดับการฝึกฝนเพิ่มขึ้น ก็จะมีโอกาสสูงขึ้นในการทำความเข้าใจเจตจำนงต่อสู้หรือเจตจำนงเทคนิค การห่างระดับระหว่างการสู้รบไม่ได้เป็นเพียงปัจจัยหนึ่งหรือสอง


 


หลี่ฟูเฉินพบกับศัตรูอีกคน


 


มันเป็นนักสู้เต๋าปีศาจขอบเขตปฐพีระดับที่ 6


 


ศัตรูเข้าใจเจตนจำนงและไม่ได้มีความแข็งแกร่งตามปกติ เขาเหนือกว่านักสู้เปีศาจคนก่อนหน้าหรืออดีตเจ้าเมืองแห่งหมอกเมฆา เฉินตู่เจียนเห่อ


 


ไม่ว่าจะเข้าใจเจตจำนงต่อสู้น้อยหรือมาก ความสามารถโดยรวมของเขาอย่างน้อยก็จะเหนือกว่าปกติหนึ่งหรือสองเท่า


 


“ฮี่ฮี่ ร่างกายของเจ้าแน่แท้แล้วว่าแข็งแกร่ง หลังจากต่อสู้ไปมาแล้วเจ้าก็ยังคงทำได้ดี ข้าสงสัยว่าหากข้าดูดเลือดของเจ้า มันจะช่วยเพิ่มระดับการบ่มเพาะของข้าได้หรือไม่?” นี่คือนักสู้เต๋าปีศาจที่ฝึกฝนเทคนิคดูดโลหิต เขาแลบลิ้นออกมาแล้วเลียริมฝีปาก


 


นักสู้ไม่ว่าใครก็ตามหากฝึกฝนเทคนิคขัดเกลาร่างกายก็จะมีเลือดที่มีแก่นแท้ชีวิต พวกเขาเป็นทรัพยากรที่น่าหลงไหลสำหรับผู้ฝึกฝนเทคนิคดูดโลหิต


 


“ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะมีชีวิตสำหรับการเพิ่มระดับการฝึกฝนของเจ้าเอง เร็วดุจเพลิงดาวตก”


 


หลี่ฟูเฉินส่งวิชาดาบเพลิงดาวตกใส่ศัตรู


 


“มันไร้ประโยชน์ ข้าเข้าใจเจตจำนงเทคนิคของข้าแล้ว… บางอย่างไม่ถูกต้อง นี่คือ…”


 


นักสู้เต๋าปีศาจมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว เกราะพลังฉีของเขาถูกทำลาย และหน้าอกของเขาก็เปิดออกราวกับดาวตกขนาดใหญ่ตกลงมาที่เขา


บทที่ 186


อาวุโสแมงป่อง


 


 


‘เจตจำนงที่ดาบไร้อารมณ์มีเห็นได้ชัดว่าเป็นเจตจำนงแห่งดาบทักษะลึกลับขั้นกลาง ความแตกต่างที่ใหญ่ที่สุดระหว่างข้ากับเขาเป็นเพียงระดับการฝึกฝน…’


 


หลังจากฆ่าศัตรูในดาบเดียว หลี่ฟู่เฉินคิดกับตัวเอง


 


มีความแตกต่างอย่างมากระหว่างเจตจำนงแห่งดาบในทุกๆ ระดับ ความแตกต่างที่ไม่อาจหาสิ่งใดเข้าเสริมได้ หากมีคนเข้าใจเจตจำนงแห่งดาบลึกลับขั้นสูง แต่มีระดับการฝึกฝนเหมือนกับหลี่ฟู่เฉิน เขาอาจบดขยี้หลี่ฟู่เฉินได้ในดาบเดียว โดยที่เขาไม่อาจต้านทานใดๆ


 


หลี่ฟูเฉินเป็นเหมือนสิ่งผิดปกติ เขาที่อยู่ในระดับที่ 1 ของขอบเขตปฐพีแต่ก็ชนะการต่อสู้อย่างต่อเนื่อง นักสู้เต๋าปีศาจ 7 ตกตายลงภายใต้คมดาบของเขา จำนวนการฆ่าของเขาไล่ล่ารองมาจากดาบไร้อารมณ์


 


แม้จะมีสมาชิกสาขาที่เจ็ดที่แข็งแกร่งกว่าดาบไร้อารมณ์และหลี่ฟูเฉินอยู่ แต่เนื่องจากพลังบ่มเพาะสูงเกินไป พวกเขาถูจึงกโจมตีจากนักสู้เต๋าปีศาจที่มีระดับพลังสูงทันที ซึ่งเป็นสาเหตุที่พวกเขาไม่มีโอกาสในการสังหารสมาชิกของนักสู้เต๋าปีศาจที่อ่อนแอกว่า


 


“ไปฆ่าเด็กนั่น!”


 


ผู้บัญชาการสมาคมมือปีศาจสาขานั้นดูน่ากลัวผิดปกติ เขาต่อสู้กับหัวหน้ากลุ่มสาขาที่เจ็ดถึงสองคน แต่เขาก็ยังสามารถส่งข้อความผ่านกระแสจิตไปยังนักสู้เต๋าปีศาจคนอื่นได้


 


ได้ยินคำสั่ง นักสู้เต๋าปีศาจผู้ซึ่งมีการเคลื่อนไหวดูแปลกประหลาดพุ่งเข้าหาหลี่ฟู่เฉิน


 


“เจตจำนงเทคนิคตัวเบา!”


 


ด้วยประสาทสัมผัสที่แหลมคมของเขา หลี่ฟู่เฉินตรวจพบสิ่งที่คล้ายกับเงาที่เข้ามาใกล้เขาทันที มันราวกับปลาที่กำลังว่ายน้ำอยู่ในสระ


 


นักสู้ทุกคนมีความเชี่ยวชาญด้านต่างๆ เป็นของตัวเอง


 


นักสู้เต๋าแห่งดาบโดยปกติแล้วย่อมเน้นไปที่ทักษะดาบ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขาเข้าใจเจตตำนงแห่งดาบได้เร็วกว่าทักษะอื่นๆ


 


นักสู้เต๋ากระบี่ย่อมเน้นไปที่ทักษะกระบี่ ดังนั้นพวกเขาจึงมักเข้าใจเจตจำนงกระบี่ได้ก่อนเป็นอันดับแรก


 


นักสู้เต๋าปีศาจผู้นี้มีความเชี่ยวชาญในเทคนิคตัวเบา


 


แสงที่ดูเย็นยะเยือกพุ่งเข้ามา ดาบสั้นแทงไปยังร่างของหลี่ฟู่เฉิน


 


“ห้ะ?” นักสู้เต๋าปีศาจขมวดคิ้ว จากผลกระทบที่ร่างกายรู้สึก มันราวกับว่าดาบของเขาพลาดเป้า


 


เพียงอึดใจเดียว หลี่ฟู่เฉินหยุดโคจรเทคนิคเพลิงโลกันต์แท้จริง และเปลี่ยนเป็นโคจรย่างก้าวเงาวายุแทน ด้วยเทคนิคลับมังกรเร้นลับที่ส่งเสริมย่างก้าวเงาวายุ ความเร็วที่จะได้จึงไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เขาหลบการแทงของศัตรูได้ในพริบตา


 


“ระเบิดเพลิงดาวตก!”


 


ปรากฏตัวอีกครั้ง หลี่ฟูเฉินอยู่ด้านหลังศัตรูของเขาเรียบร้อยแล้ว เมื่อระเบิดเพลิงดาวตกถูกใช้ออก ท้องฟ้าก็เต็มไปด้วยประกายไฟเล็กๆ


 


“จบแล้ว”


 


นักสู้เต๋าปีศาจที่มีความเชี่ยวชาญในเทคนิคตัวเบาโดนประกายไฟ เกราะพลังฉีที่มีความสามารถดีดว่าของเขาขาดออกจากกันราวกับกระดาษและหลุมเผาไหม้ขนาดใหญ่ก็เกิดขึ้นทั่วร่างกายอย่างง่ายดาย ต่อจากนั้น ร่างกายของเขาก็เริ่มละลาย ไม่แม้แต่จะปล่อยให้เขาร้องคำใดๆ ออกมา


 


‘ด้วยเจตจำนงแห่งดาบลึกลับขั้นกลางที่มี แค่ก็เพียงพอสำหรับข้าสำหรับการดูแคลนผู้คนที่อยู่ในขอบเขตปฐพี ข้าเพียงแค่ต้องเลื่อนระดับการฝึกฝน และระดับเทคนิคต่อไป’


 


ขอบเขตปฐพีระดับที่ 1 นั้นต่ำเกินไป หากไม่ใช่เพราะเทคนิคลับมังกรเร้นลับ หลี่ฟูเฉินอาจจะไม่โดดเด่นดังเช่นตอนนี้


 


‘บ้าเอ้ย! นิกายวารีครามเต็มไปด้วยตัวประหลาด’ ผู้บัญชาการสมาคมมือปีศาจสาขาเห็นทุกอย่างและกลายเป็นโกรธแค้น


 


กลุ่มตัวประหลาดจากนิกายเหล่านี้ไม่สามารถวัดค่าความสามารถได้ด้วยวิธีปกติ คนอื่นๆ อาจถูกตัดสินจากระดับการฝึกฝนของพวกเขา แต่คนเหล่านี้ไม่สามารถตัดสินได้ด้วยวิธีเดียวกันได้


 


“สมาชิกสมาคมมืดปีศาจทั้งหมด ฟังคำสั่งของข้า แยกตัวออกจากการขัดขวางของพวกมัน อย่าได้ยืดเวลาต่อสู้อีก!” ผู้บัญชาการสมาคมมือปีศาจสาขาคำราม


 


“สมาชิกสาขาที่เจ็ดรับคำสั่งของเจ้า อย่าได้ปล่อยให้ใครหลบหนีออกไปแม้แต่คนเดียว!” หัวหน้ากลุ่ม 4 ลั่วฮุ่ยเองก็ตะโกนด้วยเช่นกัน


 


เขาไม่เคยคาดหวังว่าสมาคมมือปีศาจสาขาจะยากต่อการจัดการถึงเพียงนี้ เห็นได้ชัดว่าพวกเขามีจำนวนมากกว่า แต่คนเหล่านั้นก็ยังคงมีเปรียบในการต่อสู้ ดูเหมือนว่าเขาจะประเมินคนเหล่านี้ต่ำเกินไป


 


อีกด้านหนึ่งกำลังพยายามหลบหนี ในขณะที่อีกด้านหนึ่งพยายามห้อมล้อม การต่อสู้ตอนนี้รุนแรงมากขึ้น


 


***


 


“มือแรกกระจ่าง!”


 


หลังจากแลกกระบวนท่าอยู่หลายครั้ง ในที่สุดดาบไร้อารมณ์ก็เปิดใช้เทคนิคลับของเขา


 


มันเป็นเทคนิคลับระดับ 3 ดาวที่เรียกว่ามือแรกกระจ่าง มันช่วยให้การไหลเวียนพลังฉีที่มือดีขึ้น และเพิ่มพลังโจมตีของผู้ใช้มากกว่าสองเท่าได้ในทันที


 


ดาบไร้อารมณ์ตัดแขนซ้ายของศัตรูอย่างง่ายดายและหลังจากนั้นสามดาบ ศัตรูก็ถูกสังหาร


 


แม้ว่าสมาคมมือปีศาจจะมีความแข็งแกร่งในด้านการสู้รบ แต่ความสามารถโดยรวมของพวกเขาไม่สามารถต่อกรกับสาขาที่เจ็ดได้ เมื่อการต่อสู้ยืดเยื้อ การบาดเจ็บล้มตายของพวกเขาก็เพิ่มขึ้นและมันก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป


 


ผู้บัญชาการสมาคมมือปีศาจสาขาตื่นตระหนก เขาตะโกน “อาวุโสแมงป่องช่วยข้า”


 


“เจ้าต้องการให้ข้าเคลื่อนไหว? นั้นง่ายๆ 5 ล้านเหรียญทอง”


 


ชายชราหลังค่อมเดินออกมาจากคฤหาสน์


 


“ข้าสัญญา” ผู้บัญชาการตอบอย่างรีบร้อน


 


“ฮี่ฮี่ ขอบใจเจ้ามาก” ชายชราหลังค่อมตะโกน พลังฉีที่น่าหวาดกลัวถูกปล่อยออกมาขณะที่มันครอบคลุมพื้นที่หลายร้อยเมตร ทุกคนตกอยู่ในอาการอัมพาต และไม่สามารถเคลื่อนไหวได้


 


“นักสู้ขอบเขตสวรรค์ขั้นต่ำ?” สมาชิกทุกคนในสาขาที่เจ็ดต่างตกอยู่ในความหวาดกลัว


 


มันเกินการความหมายของพวกเขาอย่างสิ้นเชิง ว่าสมาคมมือปีศาจจะมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ระดับต่ำอยู่ด้วย


 


ผู้บัญชาการสมาคมมือปีศาจเกิดความคิดชั่วร้าย ‘อาวุโสแมงป่องเป็นหนึ่งในบุคคลระดับสูงของห้าพิษสามคณะ ห้าพิษสามคณะเป็นหนึ่งใน 3 องค์กรที่ติดอันดับซึ่งนักสู้เต๋าปีศาจต้องการเข้ามากที่สุดในแคว้นวารีครามและมันยังเต็มไปด้วยผู้เชี่ยวชาญ’


 


‘เหตุผลที่อาวุโสแมงป่องอยู่ที่นี่ คือการชวนสมาคมมือปีศาจเข้าร่วมกับห้าพิษสามคณะอย่างเป็นทางการ เพราะพวกเขาไม่รู้ตำแหน่งที่แน่นอนของศูนย์บัญชาการใหญ่ของเรา เขามาที่นี่เป็นการพิเศษ เพื่อส่งจดหมายให้ข้าไปต่อยังศูนย์บัญชาการใหญ่ของเรา ด้วยอาวุโสแม่งป่องที่อยู่ที่นี่ มันก็ง่ายต่อการล้างบางฝ่ายสาขาของนิกายวารีคราม ง่ายราวกับการปัดฝุ่น’


 


“ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ขั้นต่ำ?” ตาของหลี่ฟู่เฉินหดแคบลง


 


ขอบเขตสวรรค์เป็นสิ่งมีชีวิตที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เพียงคนใดคนหนึ่งที่เป็นก็สามารถสังหารนักสู้ขอบเขตปฐพีทั้งกลุ่มได้ทันที


 


“เป็นเกียรติของเจ้าแล้วที่ได้ตายด้วยน้ำมือของข้า พวกเจ้าทุกคนสามารถไปยังนรก!”


 


ด้วยมือที่ถูกโบก อาวุโสแมงป่องยิ่งพลังฉีที่มีรูปร่างเหมือนเข็มสีฟ้าออกไป


 


“ดูเหมือนว่าข้า หลิวคุนมีโชคค่อนข้างมาก มันกลับหาปลาตัวโตที่นี่ได้จริงๆ”


 


ในชั่วชณะนั้นเอง ฝ่ามือขนาดยักษ์ล่วงลงมาจากด้านบนและทำให้เข็มพลังฉีของเขาหายไป


 


ครืนนน!


 


เสียงพลังฉีระเบิดอย่างต่อเนื่อง ภายในรัศมี 100 เมตร ทุกคนไม่ว่าจะเป็นสมาชิกสาขาที่เจ็ดหรือสมาชิกสมาคมมือปีศาจ ทุกคนได้รับความเสียหายจากพลังฉี ทุกคนอาเจียนออกมาเป็นเลือดและหน้าดูซีดจาง


 


“เป็นรองผู้บัญชาการหลิว”


 


สมาชิกของสาขาที่เจ็ดกลายเป็นมีความสุข


 


หลิวคุน รองผู้บัญชาการสาขาที่ 7 ของฝ่ายวายุศักดิ์สิทธิ์ เขาเป็นนักสู้ขอบเขตสวรรค์ขั้นต่ำเช่นกัน


 


“น่าสนใจ ดูเหมือนว่าข้าจะไม่ได้รับ 5 ล้านเหรียญทองแล้ว แต่หากข้าสามารถกำจัดผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ของนิกายวารีครามได้ ผู้นำจะให้รางวัลข้าอย่างแน่นอน” อาวุโสแมงป่องกล่างเสียงดังฟังชัด


 


ทันใดนั้นเขาก็นอนราบกับพื้นขณะที่ขาขวาของเขาโค้งขึ้น เช่นเดียวกับเหล็กในของแมงป่อง


 


ชวู!


 


อาวุโสแมงป่องแทงไปที่หลิวคุน ขาขวาของเขาขยับและยิงพลังฉีน้ำเงินออกไป ในเวลาเดียวกัน มือทั้งสองของอาวุโสแม่งป่องก็ทำหน้าที่ราวกับก้ามปูและพุ่งเข้าไปหนีบหลิวคุนอย่างดุร้าย


 


เทคนิคระดับลึกลับขั้นสูง : เทคนิคแมงป่องสีน้ำเงิน


 


ไม่มีใครรู้ว่าเทคนิคเหล่านี้มาจากที่ไหน แต่แหล่งที่มานั้นโดยธรรมชาติแล้วย่อมลึกลับและมีเทคนิคที่น่ากลัวมากมาย


 


โดยปกติแล้ว ยิ่งองค์กรเต๋าปีศาจมีอิทธิพลมากเท่าไหร่ เทคนิคเต๋าปีศาจที่พวกเขามีก็ยิ่งมากขึ้น


 


ในช่วงที่รุ่งโรจที่สุด ก็คือในตอนที่นิกายหมัดปีศาจยังคงอยู่ แต่น่าเสียดาย นิกายเต๋าปีศาจไม่สามารถเปิดเผยต่อสาธารณชนได้ เมื่อเปิดเผยแก่สาธารณชน โดยธรรมชาติแล้วมันย่อมถูกทำลายจากนิกายปกติทั้งหมด หากไม่เช่นนั้นแล้ว ทวีปยูนิคอร์นตะวันออกจะเต็มไปด้วยนิกายเต๋าปีศาจ


 


ปั๊ง บูม ปั๊ง บูม…


 


ด้วยสองนักสู้ขอบเขตสวรรค์ที่ต่อสู้กันบนท้องฟ้า การต่อสู้จึงยิ่งรุนแรงขึ้น ไม่มีใครสามารถเห็นการเคลื่อนไหวของผู้เชี่ยวชาญทั้งสองได้ เว้นเพียงแต่การปะทะกันระหว่างพวกเขาเป็นครั้งคราว ระเบิดพลังฉีคำรามราวกับฟ้าร้อง


 


หลี่ฟู่เฉินฟื้นคืนความมุ่งมั่นในจิตใจของเขากลับมา ขณะที่เขาเริ่มสังหารนักสู้เต๋าปีศาขอบเขตปฐพีจากสมาคมมือปีศาจคนอื่นต่อ


 


15 นาทีต่อมา สมาชิกจากสมาคมมือปีศาจก็ได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ในตอนแรกมีนักสู้ขอบเขตปฐพีประมาณ 100 คน แต่ตอนนี้ มีเพียง 20 คนที่เหลืออยู่


 


“ทุกคนที่ขัดขวางข้าจะต้องตาย!”


 


ผู้บัญชาการสมาคมมือปีศาจสาขาตัดสินใจที่จะทิ้งทุกคนและหลบหนี เขาผู้ที่มีความสามารถสูงส่ง หัวหน้ากลุ่มทั่งสองจึงไม่สามารถรั้งเขาไว้ได้


 


“กลับไป!”


 


แสงดาบอันหนาแน่นบังคับให้ผู้บัญชาการสมาคมมือปีศาจต้องล่าถอย


 


ปิส ปิส!


 


ดาบพลังฉีสองสายแทงทะลุผู้บัญชาการสมาคมมือปีศาจสาขา หัวหน้ากลุ่มสองคนรีบไล่ล่าและจบชีวิตของเขาลงอย่างรวดเร็ว


 


คนที่ขัดขวางเขาคือดาบไร้อารมณ์ เขาทำมันราวกับว่ากำลังทำเรื่องปกติสามัญ ดาบไร้อารมณ์หันหลังกลับและสังหารสมาชิกสมาคมมือปีศาจขอบเขตปฐพีคนอื่นๆ ต่อ


 


“เด็กผู้นี้น่ากลัวจริงๆ” หัวหน้ากลุ่ม 4 ลั่วฮุ่ยอ้าปากค้าง


 


หัวหน้ากลุ่ม 5 พยักหน้า “ศิษย์หลักระดับทองจะเป็นบางอย่างที่เรียบง่ายได้อย่างไร? ศิษย์หลักระดับทองอีกผู้หนึ่ง หลี่ฟู่เฉินสามารถสังหารนักสู้เต๋าปีศาจเกือบสิบคนได้ด้วยตัวของเขาเอง!”


 


“คนเหล่านี้ถูกกำหนดให้เป็นผู้นำในอนาคต ข้าหวังว่าพวกเขาจะสามารถนำนิกายวารีครามให้ไปสู่จุดสูงสุดที่แตกต่างจากเดิมได้”


บทที่ 187


อันดับนักล่า


 


 


แม้ว่าสมาชิกสมาคมมือปีศาจทั้งหมดจะถูกทำให้อ่อนแอ่ลง แต่การต่อสู้บนท้องฟ้าก็ยังไม่สิ้นสุด


 


เมื่อขอบเขตนักสู้อยู่ในระดับที่สูงขึ้น การต่อสู้ระหว่างสองผู้เชี่ยวชาญจะใช้เวลานานกว่าจะเสร็จสิ้น


 


ในฐานะรองผู้บัญชาการสาขาที่เจ็ด หลิวคุนฝึกฝนเทคนิคลึกลับขั้นสูงเช่นเดียวกับอาวุโสแมงป่อง


 


ในนิกายวารีคราม เทคนิคลึกลับขั้นสูงสุดทุกคนไม่สามารถเข้าถึงมันได้


 


มันเฉพาะศิษย์หลักเท่านั้น อาวุโสชั้นใน และสมาชิกส่วนน้อยที่สามารถแลกเทคนิคลึกลับขั้นสูงสุดได้


 


แน่นอน สำหรับหลินคุน เทคนิคลึกลับขั้นสูงเพียงพอเพียงแค่ชั่วคราว ณ ตอนนี้ เทคนิคลึกลับขั้นสูงที่เขาฝึกฝนอยู่ในระดับที่ 17 มันยังไม่ถึงจุดสูงสุดก่อนไประดับที่ 18


 


เนื่องจากเทคนิคและระดับการฝึกฝนมีระดับใกล้เคียงกัน ข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือทักษะต่อสู้ของพวกเขา


 


ทักษะต่อสู้เต็มไปด้วยความเป็นไปได้ มันมีหลายประเภทและส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับผู้ฝึกฝน


 


หลังจากแลกเปลี่ยนกันหลายร้อยกระบวนท่า หลิวคุนและอาวุโสแมงป่องทั้งคู่ยังคงสูสีกัน


 


“หลุดหยอกล้อได้แล้ว ข้าสูญเสียเหรียญทอง 5 ล้านเหรียญก็เป็นเพราะเจ้า ข้าจะสังหารสมาชิกของเจ้า 5 คน!”


 


อาวุโสแมงป่องโจมตีลงมาจากฟากฟ้า คนส่วนใหญ่ไม่สามารถตอบสนองได้ทันเวลา


 


“เจ้ากล้า!” ดวงตาของหลิวคุนเบิกกว้างขณะที่เขากลายเป็นโกรธ


 


ปิสส ปิสส ปิสส…


 


ละอองหมอกโลหิตเกิดขึ้น ขณะที่สมาชิกขอบเขตปฐพีสาขาที่เจ็ดทั้งห้าคนถูกบดขยี้กลายเป็นกองเนื้อ


 


หัวหน้ากลุ่ม 4 และ 5 ถูกรวมไว้ในห้าคนนั้น


 


ผู้อาวุโสแมงป่องแต่เดิมตั้งใจจะฆ่าดาบไร้อารมณ์ แต่ดาบไร้อารมณ์นั้นมีความรู้สึกที่เฉียบแหลมและสามารถหลบไปด้านข้างได้ทันทีในตอนที่อาวุโสแมงป่องโจมตีลงมาจากฟากฟ้า


 


หลี่ฟู่เฉินเองอยู่ใกล้ๆ ตรงนั้นเช่นกัน แต่เขาหลบออกไปได้ไกลกว่าดาบไร้อารมณ์ ฉากที่อาวุโสแมงป่องสังหารชายทั้งห้าคนนั้นเขาสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน


 


‘ความแตกต่างระหว่างขอบเขตเพียงขอบเขตหนึ่งก็เป็นเหมือนสวรรค์และโลก หัวหน้าทีมทั้งสองอย่างต่ำก็อยู่ที่จุดสูงสุดของขอบเขตปฐพี แต่พวกเขาก็ตายลงไปทั้งๆ แบบนั้น’ หัวใจของหลี่ฟู่เฉินสั่นไหว เขารู้ว่าเขาคงหนีไม่พ้นความตาย หากอาวุโสแมงป่องเล็งเป้ามาที่เขา


 


“ถามหาความตาย!” หลิวคุนไล่ตามอาวุโสแม่งป่องมาอย่างใกล้ชิด


 


“ไม่จำเป็นต้องมาส่งข้า ยังมีโอกาสที่ข้าจะเอาหัวของเจ้าไปอยู่”


 


ความเร็วของอาวุโสแมงป่องเพิ่มขึ้นหลังจากที่เขาเปิดใช้งานเทคนิคลับประเภทหลบหนีและทิ้งหลิวคุนไปไกล


 


“บ้าเอ้ย!” หลิวคุนหยุดการไล่ล่า อย่างไรก็ตามการแสดงออกของเขาดูมืดมนยิ่ง


 


“หัวหน้าลั่วและหัวหน้าเหลียงตายแล้ว…” หัวหน้าทีมอีกห้าคนที่เหลือต่างเสียใจกับสหายที่จากไป


 


“มันสามารถตำหนิได้เพียงแต่โชคของพวกเขาเท่านั้น ถึงได้พานพบนักสู้เต๋าปีศาจขอบเขตสวรรค์  เฮ้อ… ชีวิตและความตายสามารถเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว”


 


“ใช่ หากเป็นเรา เราก็คงไม่สามารถหนีชะตากรรมที่น่าสยดสยองแบบนั้นได้เช่นกัน”


 


ขวัญกำลังใจของผู้คนกลายเป็นตกต่ำ ความตื่นเต้นจากการที่พวกเขากำจัดนักสู้เต๋าปีศาจจากสาขามือปีศาจเริ่มหายไป


 


***


 


การกำจัดสมาคมมือปีศาจสาขาเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในสามวัน


 


บนกระดานนักล่าสาขาที่เจ็ดมีชื่อหลี่ฟู่เฉิน หมายเลขที่อยู่ด้านหลังชื่อของเขาคือเลขหลักเดียว 9


 


นั่นหมายความว่าหลี่ฟู่เฉินสังหารนักสู้เต๋าปีศาจขอบเขตปฐพีมาทั้งหมดแล้วเก้าคน


 


แม้ฟังดูไม่ค่อยเยอะ แต่ในความเป็นจริง อันดับของหลี่ฟู่เฉินอยู่เหนือตำแหน่งที่กำหนดไว้แล้ว


 


บนกระดานนักล่า มีชื่อศิษย์หลักมากกว่า 400 คน หลี่ฟู่เฉินอยู่ในอันดับที่ 198


 


การจัดอันดับของนักล่านั้นเกิดจากการรวมกันทั้งฝ่ายวายุศักดิ์และฝ่ายเหล็กโลหิต ซึ่งหมายความว่ามันเป็นการจัดอันดับโดยรวมและไม่ใช่แค่การจัดอันดับฝ่ายสาขา


 


แน่นอนว่าเมื่อตอนที่กระดานนักล่าเพิ่มข้อมูลปัจจุบันไป ผลงานล่าสุดจะกลายเป็นล่าช้าไปแล้ว


 


ทุกๆ เดือน ฝ่ายสาขาจะเพิ่มข้อมูลการจัดอันดับโดยรวม ซึ่งหมายความว่าชื่อของหลี่ฟู่เฉินจะไม่ปรากฏในฝ่ายสาขาอื่น เฉพาะในวันแรกของเดือนเท่านั้นที่ชื่อของหลี่ฟู่เฉินจะไปปรากฏในรายชื่อฝ่ายสาขาอื่นๆ แต่เมื่อถึงตอนนั้น หลี่ฟู่เฉินอาจจะไม่ใช่อันดับ 198 ก็ได้ ขณะเดียวกันสาขาอื่นๆ ก็จะเพิ่มข้อมูลของพวกเขาในรูปแบบเดียวกัน


 


“จากศิษย์หลักทั้งหมด 400 คน ประมาณ 400 คนมีจำนวนการฆ่าน้อยกว่า 20 ครั้ง เฉพาะ 20 อันดับแรกเท่านั้นที่มีการฆ่าได้มากกว่านี้”


 


หลี่ฟู่เฉินมองขึ้นไปข้างบนและเห็นชื่อของเซี่ยเฟิง


 


เซี่ยเฟิงคือดาบไร้อารมณ์


 


จำนวนการฆ่าของเขาอยู่ที่ 98 อันดับ 5


 


ด้านบนของเขาคือดาบคลั่งและดาบพยัคฆ์


 


หนึ่งคืออันดับ 3 และอีกหนึ่งคือ อันดับ 1


 


ที่อันดับ 3 จำนวนการฆ่าอยู่ที่ 105 ที่อันดับ 1 จำนวนการฆ่าอยู่ที่ 145


 


ดาบพยัคฆ์ติดการต่อสู้เป็นนิสัย ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เขามีจำนวนการฆ่าสูงกว่าดาบคลั่ง แต่นี่ก็ไม่ได้หมายความว่าความสามารถของดาบพยัคฆ์นั้นเหนือกว่าดาบคลั่งแต่อย่างใด


 


“หากดูการฆ่าจากศิษย์หลักรวมกันทั้งหมดกว่า 400 คน พวกเขาสังหารนักสู้ขอบเขตต้นปฐพีไปแล้วกว่าพันคน แน่นอนว่ามันเป็นตัวเลขที่น่ากลัว”


 


สังหารนักสู้ขอบเขตปฐพีกว่าพันคนหมายความว่าอย่างไร? ในช่วงที่ตระกูลใหญ่ทั้งสี่ยังอยู่ในเมืองหมอกเมฆา มันมีนักสู้ขอบเขตปฐพีน้อยกว่า 20 คนเสียอีก


 


แม้แต่กระทั้งเมืองขนาดกลางอย่างเมืองรวยเงินก็มีนักสู้ขอบเขตปฐพีประมาณ 30 คนเท่านั้น


 


แน่นอน นี่ไม่ใช่การสังหารในปีๆ เดียว แต่เป็นการสะสมจำนวนมาประมาณสิบปี


 


หากศิษย์หลักไม่สามารถตัดผ่านขอบเขตสวรรค์ได้ก่อนอายุ 40 ปี พวกเขาจะได้รับตำแหน่งผู้อาวุโสนิกายชั้นนอกโดยอัตโนมัติ


 


คนส่วนใหญ่ได้รับเลื่อนตำแหน่งให้เป็นศิษย์หลักอายุประมาณ 20 ปีเศษๆ ก่อนที่พวกเขาจะอายุ 40 พวกเขาจะมีชีวิตในฐานะหลักอยู่ประมาณ 10 ปี+


 


มันยังคงเป็นที่ยอมรับได้หากจะมีการสังหารนักสู้ขอบเขตปฐพีกว่าพันคนในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา


 


แต่สิ่งที่หลี่ฟู่เฉินไม่รู้ก็คือ ในช่วงสองทศวรรษนี้ จำนวนนักสู้เต๋าปีศาจขอบเขตปฐพีที่ถูกสังหารไม่ใช่แค่หลักพัน แต่มันมากกว่าอย่างน้อยจำนวนสองเท่าของจำนวนเหล่านั้น


 


ศิษย์หลักกอนหน้านี้หลายคนที่ไม่ได้เป็นศิษย์หลักอีกต่อไปจะถูกลบชื่อของพวกเขาออกจากกระดานนักล่า


 


คนที่ถึงแก่กรรมก็จะลบชื่อออกไป


 


หากนับการฆ่าเหล่านั้นและนำมาพิจารณาด้วย สองเท่าตัวเป็นเพียงขั้นต่ำ


 


มันยังมีอยู่อีกสิ่งที่หลี่ฟู่เฉินเองก็ไม่รู้เช่นกัน ก็คือศิษย์หลักไม่ได้ล่าเฉพาะนักสู้เต๋าปีศาจเท่าปีศาจเท่านั้น แต่นักสู้ขอบเขตปฐพีจากนิกายอื่นๆ ก็ล่าด้วยเช่นกัน


 


อย่างเช่นเศษซากของนิกายหมัดปีศาจ


 


หรือนักสู้ขอบเขตปฐพีจากนิกายเร้นวิญญาณหรือนิกายโหมกระบี่ นิกายเพื่อนบ้านมักจะมีความขัดแย้งอยู่เสมอ แม้ว่าความขัดแย้งจะไม่นำไปสู่สงคราม แต่การต่อสู้ขนาดเล็กมักเกิดขึ้นบ่อยครั้ง


ไม่กี่ปีก่อน นิกายวารีครามมีการสู้รบขนาดเล็กกับนิกายสวรรค์ปีศาจ อย่างน้อยๆ ก็มีนักสู้ขอบเขตสวรรค์กว่าโหลและนักสู้ขอบเขตปฐพีกว่าพันคนที่เกี่ยวข้อง


 


***


 


เวลาผ่านไปหลายวัน


 


กลุ่ม 10 กลับไปสู่ความสงบสุขตามปกติ แม้กระทั่งเมื่อมีภารกิจ มันก็ไม่ถูกมอบหมายให้กลุ่ม 10 เว้นแต่จะเป็นภารกิจใหญ่


 


เดือนแรกสิ้นสุดลงและเป็นวันแรกของเดือนที่สอง อย่างที่คาดไว้ อันดับของหลี่ฟู่เฉินลดลงจาก 198 เป็น 215


 


หลี่ฟูเฉินไม่ได้สนใจ


 


จำนวนการสังหารนั้นสัมพันธ์กับจำนวนคะแนนสะสมที่จะได้รับ


 


สำหรับทุกๆ นักสู้เต๋าปีศาจขอบเขตปฐพี รางวัลจะเป็น 20,000 คะแนนสะสม


 


หลี่ฟู่เฉินไม่ได้ขาดคะแนนสะสมแต่อย่างใด ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการจัดอันดับหรือจำนวนการฆ่าของเขา


 


***


 


ในศูนย์บัญชาการสมาคมมือปีศาจที่ตั้งอยู่ที่ไหนสักแห่งในใต้ดิน…


 


กลุ่มเงาดำนั่งในเป็นวงกลมภายในห้องประชุมที่มืดสนิทและน่าขนลุก


 


“สาขาของเราถูกกวาดล้างโดยนิกายวารีครามสาขาที่เจ็ด เราไม่สามารถนิ่งเฉยได้ เราต้องตอบโต้”


 


“เราตอบโต้แน่นอน แต่เราต้องดำเนินให้เร็ว เราจำเป็นต้องใช้เวลาให้สั้นที่สุดในการกำจัดผู้คนสาขาที่เจ็ดและอย่าให้สาขาอื่นเข้ามาเสริมกำลังได้”


 


“มาสอนบทเรียนให้นิกายวารีครามเถอะ! ให้พวกเขาได้รู้ผลของการยั่วยุมือปีศาจเรา!”


 


“เราจะเริ่มเมื่อไหร่?”


 


“สามวันจากนี้ เราจะรวบรวมสมาชิกทั้งหมดของเราในช่วงสามวันนี้และกำจัดสาขาที่เจ็ดในครั้งเดียว นอกจากนี้เรายังจะใช้โอกาสโจมตีสาขาที่หกและสาขาที่ห้าซึ่งอยู่ใกล้เคียงด้วยเช่นกัน”


 


“เอาหล่ะ สามวันจากนี้ หลังจากที่เรากำจัดสาขาที่เจ็ด จากนั้นเราจะเข้าร่วมกับห้าพิษสามคณะ พวกนั้นส่งคนมาที่สาขาของเรา”


 


การประชุมสิ้นสุดลงอย่างรวดเร็ว สมาชิกสาขาที่เจ็ดไม่รู้ว่าการโจมตีขนาดใหญ่กำลังจะเกิดขึ้นกับพวกเขา เมื่อมันเกิดขึ้น มันจะไม่ต่างจากการเข้าโรงเชือด


บทที่ 188


วิกฤต


 


 


ด้วยจิตวิญญาณที่เป็นสีฟ้าอ่อนของเขาตอนนี้ มันทำให้การรับรู้ของหลี่ฟู่เฉินมีมากเกิดจนถึงระดับที่น่าเหลือเชื่อ


 


ไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เทคนิคเพลิงโลกันต์แท้จริงของเขาเพิ่งทะลุระดับ 14 ตอนนี้มันแสดงสัญญาณของการทะลุระดับที่ 15 แล้ว


 


ในฐานะที่เป็นเทคนิคลึกลับขั้นสูงสุด โดยปกติจะใช้เวลานานมากสำหรับการพัฒนาในแต่ละระดับของเทคนิคเพลิงโลกันต์แท้จริง การตัดผ่าน 1 ระดับได้ในทุกๆ ปีก็ถือว่าเร็วมากแล้ว แต่การตัดผ่านได้ภายในไม่กี่เดือน มันผิดธรรมชาติเกินไป


 


ภายใต้แสงอาทิตย์ที่เจิดจ้า หลี่ฟู่เฉินนั่งอยู่ท่ามกลางมัน


 


ในร่างกายของเขา เทคนิคเพลิงโลกันต์โคจรอย่างรวดเร็ว ขณะที่มันดูดซับร่องพลังฉีประเภทร้อนจากสวรรค์และโลก


 


เทคนิคบ่มเพาะจำเป็นต้องดูดซับพลังฉีด้วยเช่นกัน แต่มันก็สามารถก้าวหน้าได้เพียงเล็กน้อย คุณภาพสมควรเน้นมากกว่าปริมาณ


 


เมื่อจิตทั้งห้าถูกเพ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า หลี่ฟู่เฉินรู้สึกเหมือนมีดวงอาทิตย์อยู่จุดพลังฉีเหนือสะดือของเขา นอกจากนี้เขายังรู้สึกได้ถึงดวงอาทิตย์บนท้องฟ้าด้วยเช่นกัน ดวงอาทิตย์ทั้งสองสะท้อนไปมาอย่างพร้อมเพรียง มันก่อเกิดสัมพันธ์อันลึกลับขึ้นมา


(หมายเหตุ 1 : จิตทั้งห้าหมายถึง จิตตรงฝ่ามือทั้งสอง เท้า และส่วนบนของหัว)


(หมายเหตุ 2 : จุดพลังฉีเหนือสะดือ  = ตันเทียน ห่างออกไป 2 นิ้วคือที่ๆ จุดพลังฉีเหนือสะดืออยู่)


 


ทักษะต่อสู้ทุกประเภท รวมถึงเทคนิคบ่มเพาะ ทุกอย่างของพวกมันมีความลึกลับของสวรรค์และโลกซ่อนอยู่ บ้างมีจำนวนน้อย ขณะที่บ้างที่จำนวนมาก ยิ่งทักษะระดับสูงมากขึ้น ความลึกลับของสวรรค์และโลกที่อยู่ในมันก็ยิ่งมากขึ้นตามเช่นกัน


 


ในตำนานเล่าว่าเมื่อเราฝึกฝนทักษะต่อสู้ไปจนถึงระดับสวรรค์ไปจนถึงจุดสูงสุด เจตจำนงที่สร้างขึ้นสามารถรบกวนวิธีแห่งสวรรค์และโลกที่กำเนิดอยู่รอบๆ ตัวได้


 


แต่ไม่มีใครเคยเห็นสิ่งที่กล่าวถึงในตำนาน


 


แต่เมื่อทักษะต่อสู้ระดับปฐพีถูกฝึกฝนจนถึงขีดจำกัด เจตจำนงก็จะหลุดพ้นออกจากทักษะต่อสู้ และกลายเป็นตัวตนที่โดดเดี่ยว มันสามารถใช้เจตจำนงนั้นเพื่อสังหารได้


 


ในหลุมฝังศพของนักสู้ที่แท้จริงเจตจำนงของพวกเขาจะถูกทิ้งไว้ เมื่อใดก็ตามที่มีผู้บุกรุก พวกเขาจะได้รับการโจมตีจากเจตจำนง โดยส่วนใหญ่ 9 ใน 10 ของผู้บุกรุกจะตกตายลงไปจากการโจมตีของเจตจำนง


 


ยิ่งไปกว่านั้น เจตจำนงที่แตกต่างผลลัพธ์ที่เกิดก็ย่อมแตกต่าง


 


เจตจำนงบางเจตจำนงก็มีลักษณะที่ก้าวร้าว ขณะที่บางเจตจำนงที่นุ่มนวล


 


ยกตัวอย่างเช่น หากทางเข้าสุสานมีเจตจำนงประเภทนุ่มนวลเป็นสิ่งต้านรับ ผู้ที่มีความสามารถไม่เพียงพอก็ไม่สามารถเข้าไปได้


 


แม้ว่าเทคนิคเพลิงโลกันต์แท้จริงจะไม่ใช่เทคนิคระดับปฐพี แต่มันก็ใกล้เคียงยิ่ง และเจตจำนงเทคนิคนั้นดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับดวงอาทิตย์บนท้องฟ้า


 


ขณะที่ดวงอาทิตย์ขนาดเล็กๆ ในจุดพลังฉีเหนือสะดือโคจรไปรอบๆ เปลวเพลิงก็ถูกจุดขึ้น


 


เจตจำนงเทคนิคเพลิงโลกันต์แท้จริงของหลี่ฟู่เฉินค่อยๆ แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ


 


เจตจำนงเทคนิคเพลิงโลกันต์แท้จริงตอนนี้เป็นเพียงเจตจำนงที่มีรูปแบบอันเรียบง่ายและไม่ได้เป็นเจตจำนงที่สมบูรณ์ เมื่อนักสู้ศึกษาเทคนิค พวกเขาต้องศึกษาเจตจำนง และค่อยๆ เสริมพลังเพื่อเลื่อนระดับเทคนิค


 


ในวันหนึ่งที่เทคนิคเพลิงโลกันต์แท้จริงของหลี่ฟู่เฉินทะลุถึงระดับที่ 21 เจตจำนงเทคนิคเพลิงโลกันต์แท้จริงที่เกิดขึ้นจะต้องเป็นสิ่งที่น่าหวาดกลัวอย่างแน่นอน บางที เขาอาจจะสามารถใช้เจตจำนงเทคนิคเพื่อสังหารได้


 


เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน หลี่ฟู่เฉินก็ค่อยๆ หยุดโคจรเทคนิคเพลิงโลกันต์แท้จริงของเขาอย่างช้าๆ ขณะที่ไอร้อนพลังฉีถูกคายออกมาจากปากของเขา


 


วันถัดไป หลี่ฟูเฉินยังคงฝึกฝนเมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น


 


ในบ่ายวันที่สาม…


 


ดวงอาทิตย์ในวันนี้ช่างเลวร้ายยิ่ง ดูเหมือนราวกับว่ามันจะพร้อมที่จะเผาผลาญโลกทั้งใบให้กลายเป็นเถ้าถ่าน


 


ดวงอาทิตย์ขนาดเล็กในจุดพลังฉีเหนือสะดือของหลี่ฟู่เฉินโคจรด้วยความเร็วสูง เนื่องจากเปลวเพลิงได้เพิ่มขึ้นมากกว่าสองวันที่ผ่านมามาก


 


ไม่ทราบว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด หลี่ฟู่เฉินรู้สึกเพียงแค่ว่าจุดเหนือสะดือของเขาและเส้นชีพจรมีอาการปวดแสบปวดร้อน ในช่วงเวลาต่อไป เทคนิคเพลิงโลกันต์ก็ปะทุขึ้น คลื่นความร้อนพลุ่งพล่านออกมาจากแกนกลางตันเถียนของหลี่ฟู่เฉิน มันแพร่กระจายออกไปๆ รอบๆ ตัวเขา เผาพื้นดินจนแตกระแหง


 


“ในที่สุดข้าก็ตัดผ่านสำเร็จ?” หลี่ฟู่เฉินรู้สึกยินดีอย่างมาก


 


ระดับที่ 15 ของเทคนิคเพลิงโลกันต์แท้จริงนั้นแข็งแกร่งอย่างผิดปกติ ใช้สติของเขาเพื่อสัมผัสกับดวงอาทิตย์เล็กๆ ในจุดพลังฉีเหนือสะดือ เขาเห็นว่าตอนนี้มันสว่างกว่าแต่ก่อนมาก มันดูคล้ายกับลูกบอลลาวา


 


เมื่อเขาใช้สติรู้สึกถึง เขาสามารถรู้สึกถึงความร้อนจากมันได้


 


“เมื่อครู่ข้ารู้สึกเหมือนกับว่าจุดพลังฉีเหนือสะดือและเส้นชีพจรของข้าเกือบแตกร้าว ดูเหมือนว่าระดับการฝึกฝนของข้าต่ำเกินไป”


 


เพื่อก้าวหน้าในเทคนิคเพลิงโลกันต์แท้จริง นั้นก็หมายความว่าเส้นชีพจรของคนๆ หนึ่งอาจถูกเผาไหม้ได้ เฉพาะผู้ที่มีร่างกายที่แข็งแกร่งหรือระดับการฝึกฝนสูงส่งเท่านั้นถึงจะที่สามารถเลื่อนระดับได้อย่างราบรื่น


 


ความแข็งแกร่งทางกายภาพของหลี่ฟู่เฉิน พิจารณาได้ว่าเป็นอันดับต้นๆ ในนิกายวารีคราม หลังจากทั้งหมดแล้ว เทคนิคขัดเกลาร่างกายที่ดีที่สุดของนิกายวารีครามก็เป็นเพียงทักษะลึกลับขั้นสูง


 


แต่ระดับการฝึกฝนของหลี่ฟู่เฉินต่ำเกินไป หากเป็นนักสู้ขอบเขตปฐพีระดับที่ 1 คนอื่น พวกเขาถูกเผาเมื่อพวกเขาก้าวขึ้นสู่ระดับที่ 15 ของเทคนิคเพลิงโลกันต์แท้จริง


 


แน่นอน ว่ามีบุคคลเช่นนั้นจำนวนไม่มาก ระดับการรับรู้เช่นหลี่ฟู่เฉินจะมีซักกี่คน?


 


‘หวังว่าดอกเพลิงเยือกแข็งที่เก็บไว้ จะพาข้าก้าวเข้าสู่ระดับที่ 17 ได้ เมื่อข้าเข้าสู่ระดับที่ 16 ข้าจะต้องอดทนกับมันช่วงเวลานึง’


 


หลี่ฟูเฉินได้รับดอกเพลิงเยือกแข็งในระหว่างการเดินทางอยู่เขตแดนร้อยพฤกษาเร้นลับ ดอกไม้ดอกนี้สามารถช่วยในผู้ที่ฝึกฝนเทคนิคประเภทร้อนหรือเทคนิคเยือกแข็งได้ มันอนุญาตให้ผู้ฝึกฝนก้าวหน้าในเทคนิคหนึ่งระดับโดยไม่ทำอันตรายต่อเส้นชีพจรแต่อย่างใด


 


หลี่ฟูเฉินรู้สึกว่าไม่น่าจะเป็นปัญหาหากพึ่งพาร่างกายของเขาตัดผ่านเข้าสู้ระดับที่ 16 หลังจากทั้งหมดแล้ว มันจะเจ็บปวดเล็กน้อยเพียงแค่ตอนที่เพลิงลุกไหม้


 


เมื่อเทคนิคเพลิงโลกันต์แท้จริงทะลุระดับที่ 15  เจตจำนงเทคนิคเพลิงโลกันต์แท้จริงของหลี่ฟู่เฉินจึงเติบโตขึ้นมาก ด้วยเจตจำนงเทคนิคที่ก้าวหน้าของเขา ขอควดในด้านพลังฝึกฝนของเขาจึงหายไป นั่นหมายความว่าหลี่ฟูเฉินสามารถพัฒนาสู่ขอบเขตปฐพีระดับที่ 2 ในในทันที


 


‘แน่นอนว่านี่คือผลลัพธ์แบบต่อเนื่อง!’


 


หลี่ฟูเฉินไม่รีบเร่งในการตัดผ่าน ก็ในเมื่อเขาตั้งใจที่จะรักษาเสถียรภาพของเทคนิคเพลิงโลกันต์แท้จริงระดับที่ 15 ให้ได้เสียก่อน


 


***


 


สองวันต่อมา…


 


หลี่ฟู่เฉินสูดลมหายใจนำอากาศเข้าปอด และเตรียมพร้อมที่จะตัดผ่านเข้าสู่ขอบเขตปฐพีระดับที่ 2


 


ด้วยเทคนิคเพลิงโลกันต์แท้จริงที่ถูกโคจร พลังงานจำนวนมากของสวรรค์และโลกถูกพลังฉีบีดอัดให้แน่นขึ้น


 


มันพยายามทำให้พายุจิตวิญญาณพลังฉีก่อตัว


 


‘ในตอนนี้ข้าต้องใช้เม็ดยา’


 


สถานที่แห่งนี้ไม่ใช่เขตแดนร้อยพฤกษาเร้นลับ พลังงานพลังฉีจากสวรรค์และโลกหายากและไม่สามารถสร้างพายุทอร์จิตวิญญาณพลังฉีได้


 


หลี่ฟูเฉินจะไม่สามารถตัดผ่านไปสู่ระดับที่ 2 ของขอบเขตปฐพีได้โดยการแค่ดูดซับพลังงานพลังฉี เขาสามารถตัดผ่านได้ก็ต่อเมื่อเขาบริโภคและใช้ประโยชน์จากยาจากเม็ดยา


 


บริโภคเม็ดยาสีเหลืองขั้นสูงสุด หลี่ฟูเฉินโคจรเทคนิคของเขาเพื่อดูดซับผลของยา


 


หลังจากช่วงเวลาสั้นๆ หลี่ฟู่เฉินบริโภคเม็ดยาสีเหลืองขั้นสูงสุดอีกเม็ด


 


ภายในเวลาเพียงสองชั่วโมง หลี่ฟู่เฉินใช้เม็ดยาสีเหลืองขั้นสูงสุดไปแล้วกว่า 5 เม็ด มันจะมีค่า 50,000 คะแนน


 


โชคยังดี ที่ความมั่งคั่งที่หลี่ฟู่เฉินมีนั้นเกินพอ


 


***


 


หลายพันเมตรขึ้นไปบนท้องฟ้า อสูรวิญญาณระดับ 2 เหยี่ยวทะยานเมฆาร่อนอยู่บนมัน


 


ที่ด้านหลังของเหยี่ยวทะยานเมฆา เป็นนักสู้ขอบเขตปฐพีที่ยืนอยู่ จากลักษณะของอาภรณ์ของเขา เห็นได้ชัดว่าเขามาจากนิกายวารีคราม


 


นี่เป็นสายลับจากสาขาที่เจ็ด พวกเขาเชี่ยวชาญในการสอดแนมสถานการณ์โดยรอบ


 


เหตุผลที่สาขาสมาคมมือปีศาจถูกกำจัดลงก็เพราะพวกเขาไม่มีอสูรประเภทอากาศ ทักษะฝึกฝนอสูรนั้นใช้ได้เฉพาะกับนิกายเท่านั้น มันเป็นพลังพื้นฐานของนิกายด้วยเช่นกัน ด้วยการอาศัยการขี่ม้าหรือการเดินเท้า ข้อมูลจะไม่ถูกส่งต่อจนกว่าศัตรูจะเข้ามาปะทะ


 


สายลับผู้นี้กินผลไม้บางอย่าง ในขณะที่สุ่มดูด้านล่าง


 


“หืม?”


 


จากความสูงหลายพันเมตร สายลับผู้นั้นเห็นคลื่นสีดำพุ่งเข้ามาหาทิศทางของสาขาที่เจ็ด


 


“นั้นคือ… ศัตรู!”


 


สายลับผู้นั้นตกใจ เขาควบคุมเหยี่ยวทะยานเมฆาให้พุ่งขึ้นที่สูงกว่าเดิม ขณะที่เขาเตรียมที่จะหันหลังกลับเพื่อถ่ายทอดข้อความ


 


“ตาย!”


 


ขณะนี้เอง ชายเสื้อคลุมสีดำปรากฏตัวขึ้นจากท้องฟ้าเบื้องบนและส่งฝ่ามือของเขาไปที่สายลับผู้นั้น


 


มันเป็นนักสู้ขอบเขตสวรรค์


 


ปิสส!


 


สายลับผู้นั้น และเหยี่ยวทะยานเมฆาล่วงลงไปพร้อมกัน


 


ชวู! บูมม!


 


ดอกไม้ไฟสีแดงพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าและระเบิดออก มันโดดเด่นสะดุดตา


 


ชายเสื้อคลุมสีดำขมวดคิ้ว เขาเข้ามาสังหารอย่างรวดเร็ว แต่ใครจะรู้ว่าเป้าหมายก็ยังสามารถส่งสัญญาณออกไปได้


 


“ไม่สำคัญ ยังมีอีกครึ่งวันก่อนที่เราจะไปถึงสาขาที่เจ็ด ไม่มีอะไรที่พวกเขาสามารถทำได้ แม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าเรากำลังไป” ชายเสื้อคลุมสีดำอีกคนปรากฏตัวขึ้นและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดูอันตราย


 


***


 


สาขาที่เจ็ด…


 


“ท่านผู้บัญชาการสาขา มีบางคนใช้สัญญาณไฟแดง” สายลับอีกคนวิ่งเข้ามาในห้องประชุม


 


“สัญญาณไฟสีแดง…”


 


หน้าของหวังกานซีดเผือก หากสัญญาณไฟแดงถูกใช้ออกมา นั้นหมายความว่าศัตรูกำลังบุกรุก


 


“ส่งคำสั่งของข้าออกไป ทุกคนมุ่งหน้าไปยังสาขาที่หกทันที” เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชีวิตและความตายของสมาชิกสาขาที่เจ็ดทั้งหมด หวังกานไม่เห็นแก่ตัวมากพอที่จะอยู่ที่นี่และรอให้ศัตรูเข้ามาล้อมรอบพวกเขา


บทที่ 189


การหลบหนีครั้งใหญ่


 


 


คำสั่งอพยพออกมาอย่างกะทันหัน ก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ทุกคน


 


หากต้องการให้สาขาที่เจ็ดย้ายไปยังที่พำนักในนิกายวารีคราม นั่นแสดงให้เห็นว่าศัตรูน่ากลัวเพียงใด


 


‘ต้องเป็นศูนย์บัญชาการของสมาคมมือปีศาจที่มาแก้แค้น!’ หลี่ฟู่เฉินคาดเดา


 


ในฐานะที่เป็นองค์กรเต๋าปีศาจหนึ่งในสิบของแคว้นวารีคราม สมาคมมือปีศาจจึงนับเป็นองค์กรที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง ด้วยพลังทั้งหมดของสมาคมมือปีศาจ มันจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่สาขาที่เจ็ดจะต้องล่าถอย หากถูกคุกคาม


 


มันจะโอหังเกินไปหากที่จะไปดูแคลนพลังของสมาคมมือปีศาจ


 


ความแข็งแกร่งโดยรวมขององค์กรเต๋าปีศาจอาจไม่ได้ด้อยไปกว่านิกายวารีคราม


 


องค์กรเต๋าปีศาจที่แข็งแกร่งบางองค์กรอาจมีพลังในการเอาชนะนิกายได้


 


แต่พวกเขาไม่สามารถแสดงความอาจหาญได้อย่างเปิดเผยและทำได้เพียงแต่ซ่อนเร้นอยู่ในความมืด หากพวกเขากล้าแสดงกำลังทหารอย่างเปิดเผย พวกเขาจะถูกโจมตีจากนิกายหลากหลายทันที เช่นเดียวกับนิกายหมัดปีศาจในอดีต


 


หากองค์กรเต๋าปีศาจอ่อนแอ่และมีขนาดเล็กเกินไป พวกเขาก็จะถูกลบล้างโดยองค์กรเต๋าปีศาจอื่นๆ ในแคว้นวารีคราม พวกเขาจะไม่อนุญาตให้องค์กรขนาดเล็กได้รับประโยชน์ในขณะที่พวกเขาเป็นคนถูกกำหนดเป้าหมาย


 


สมาชิกทั้งหมดจากสาขาที่เจ็ดขี่ม้าเลือดปีศาจระดับ 2 และควบม้าไปยังสาขาที่หกทันที


 


ในทวีปยูนิคอร์นตะวันออกทั้งหมด ม้าเลือดปีศาจระดับ 2 เป็นสัตว์ที่ดีที่สุดในการเดินทางภาคพื้นดิน ทุกนิกายจะทำให้ม้าเลือดปีศาจระดับ 2 เชื่องอย่างน้อยหมื่นตัว สำหรับม้าเลือดปีศาจระดับ 1 พวกมันมีความหมายสำหรับนักสู้ทั่วไปสำหรับการที่ใช้เป็นพาหนะ


 


ม้าเลือดปีศาจระดับ 2 สามารถเดินทางด้วยความเร็วแบบไม่หยุดพักและมีความแข็งแกร่งที่น่าทึ่งทั้งยังรักษาความเร็วสูงสุดได้ดี


 


แต่ไม่ว่าม้าเลือดปีศาจระดับ 2 จะวิ่งได้เร็วแค่ไหนก็ตาม มันก็ไม่สามารถเอาชนะความเร็วในการบินของนักสู้ขอบเขตสวรรค์ได้


 


นักสู้เต๋าปีศาจขอบเขตสวรรค์ห้าคนปิดกั้นเส้นทางสาขาที่เจ็ด


 


ตอนนี้ สาขาที่เจ็ดมีนักสู้ขอบเขตสวรรค์อยู่เพียงแค่สามคนเท่านั้น


 


หนึ่งในนั้นคือผู้บัญชาการสาขา หวังกาน อีกสองคนเป็นรองผู้บังบัญชาสาขา


 


ยิ่งไปกว่านั้น ในห้านักสู้เต๋าปีศาจขอบเขตสวรรค์ หนึ่งในนั้นเป็นระดับกลางจริงๆ แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงแค่ระดับ 4 ของขอบเขตสวรรค์ นั้นก็ถือได้ว่าเป็นระดับกลาง


 


“พวกเจ้าทุกคนรีบไป และอย่ามองย้อนกลับมา!” หวังกานคำราม


 


นี่คือวิกฤตชีวิตและความตาย อย่าได้คิดถึงการช่วยคนอื่น มันคงดีมากแล้วหากเจ้าสามารถช่วยตัวเองได้ แน่นอน ในฐานะผู้บัญชาการสาขา เขาไม่สามารถหนีได้ มีศิษย์หลักสิบคนอยู่ที่สาขาที่เจ็ด หากการหลบหนีของเขาจะส่งผลให้ศิษย์หลักทั้งหมดถูกจำกัด เบื้องบนของนิกายวารีครามจะไม่ลงโทษเขา แต่ตระกูลเขาทั้งตระกูลจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นแทน


 


“ชดใช้มาซะ!”


 


หลี่ฟู่เฉินกระแทกท้องม้าอย่างแรง ทำให้ม้าเลือดปีศาจระดับ 2 เร่งความเร็วจนถึงระดับสูงสุด


 


ที่ด้านข้างของเขาคือเซียงเทียนเชียงและศิษย์หลักคนอื่นๆ


 


หลี่ฟูเฉินไม่กล้าใช้เทคนิคตัวเบาเพื่อหลบหนี ก็ในเมื่อเขากลัวว่ามันอาจดึงดูดความสนใจเอาได้ คนที่ได้รับความสนใจมากที่สุดในตอนนี้จะเป็นคนแรกที่ตาย


 


“เมื่อเราไปถึงสาขาที่หกจะยังมีโอกาสรอดอยู่ เวรเอ้ย นักสู้เต๋าปีศาจเหล่านี้อวดดีเกินไป!” หนึ่งในศิษย์หลักสถบและสาปแช่ง


 


“ฮึ่ม คอยดูเถอะ! หลังจากผ่านพ้นเหตุการณ์นี้ไปได้ นิกายจะต้องโกรธจัดและส่งนักสู้ขอบเขตสวรรค์จำนวนมากออกไปเพื่อกำจัดองค์กรเต๋าปีศาจ” ศิษย์หลักอีกคนหนึ่งกล่าวด้วยสีที่มืดมน


 


หลี่ฟู่เฉินมองดูพวกเขาและคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ทันที จากนั้นเขาก็จงใจเว้นระยะห่างระหว่างพวกเขากับตัวเขาเอง


 


เซียงเทียนเชียงเองก็ค่อนข้างมีไหวพริบอยู่เช่นกัน เมื่อเห็นว่าหลี่ฟูเฉินจงใจเว้นระยะห่างระหว่างพวกเขา เขาทำสิ่งเดียวกัน


 


บูม!


 


พลังฉีอันรุนแรงดั่งเช่นพายุที่น่าหวาดกลัวที่สุดลงมายังกลุ่ม นักสู่ขอบเขตปฐพี 8 คนและนักสู้ขอบเขตต้นกำเนิดหลายสิบคนเสียชีวิตทันทีพร้อมๆ กับม้าของพวกเขา ระเบิดออกเป็นหมอกเลือด


 


คนที่ฆ่าพวกเขาคือนักสู้เต๋าปีศาจขอบเขตสวรรค์ ด้วยความสามารถของขอบเขตสวรรค์ เขาจึงสามารถสังหารนักสู้ขอบเขตปฐพีและขอบเขตต้นกำเนิดได้ราวกับเชือดไก่ เชือดออกเป็นกลุ่มเชือดทั้งหมด


 


“ทรงพลังอะไรเช่นนี้!”


 


มองย้อนกลับไปยังที่ๆ พวกเขาพึ่งผ่านมา หนังศีรษะของเซียงเทียนเชียงด้านชา มันได้กลายเป็นเส้นทางแห่งความตายไปแล้ว เส้นทางที่มีผู้คน ม้า และศิษย์หลักบางคนที่ถูกสังหาร


 


หันกลับไปด้านหน้า เซียงเทียนเชียงมองหลี่ฟู่เฉิน


 


ดวงตาของเขาดูแล้วราวกับว่าได้รับพรและเช่นเดียวกับความหวาดหวั่น


 


กล่าวตามตรง เมื่อเขาติดตามหลี่ฟู่เฉินในการออกห่างจากกลุ่ม มันเป็นการกระทำที่มาจากจิตใต้สำนึกทั้งหมด และการเคลื่อนไหวตามจิตใต้สำนึกนี้ช่วยชีวิตเขาไว้ได้


 


หากก่อนหน้านี้เขาเพียงแค่ชื่นชมการรับรู้ของหลี่ฟู่เฉิน เช่นนี้ตอนนี้เขาเริ่มชื่นชมเลื่อมใสหลี่ฟู่เฉินในฐานะคนผู้หนึ่ง


 


เขาไม่ใช่มนุษย์แล้ว เขาจะมีการรับรู้และจิตใจที่แข็งแกร่งในเวลาเดียวกันได้อย่างไร เขารู้ว่าถ้าศิษย์ทั้งหมดจมารวมตัวกันในที่เดียว มันจะดึงดูดความสนใจ


 


“เราสองคนควรรักษาระยะห่างกว่านี้ เราทั้งคู่ยังเด็กเกินไป เพียงแค่มองแวบเดียวก็พอจะรู้ว่าเราเป็นศิษย์หลัก” หลี่ฟู่เฉินกล่าว


 


“อ่า”


 


เซียงเทียนเชียงเข้าใจจุดนี้และเริ่มแยกออกห่างจากหลี่ฟู่เฉิน


 


ทุกครั้งที่นักสู้เต๋าปีศาจเคลื่อนไหว มันจะนำมาซึ่งชีวิตจำนวนมหาศาลที่สูญเสียไป หลักจากที่เขาโจมตีอย่างต่อเนื่อง ก็เหลือศิษย์หลักที่มีชีวิตรอดเพียงแค่สามคน


 


พวกเขาคือดาบไร้อารมณ์ เซี่ยเฟิง หลี่ฟู่เฉิน และเซียงเทียนเชียง


 


ในไม่ช้า ความสนใจของนักสู้เต๋าปีศาจขอบเขตสวรรค์ก็ตกลงที่ดาบไร้อารมณ์เซี่ยเฟิง


 


ด้วยประสาทสัมผัสของนักสู้ขอบเขตสวรรค์เช่นเขา เขาสามารถรู้สึกถึงสภาะพลังฉีอันแหลมคมจากดาบไร้อารมณ์เซี่ยเฟิงได้ มันดูแตกต่างจากศิษย์หลักทั่วไปมาก


 


“เขาสมควรเป็นศิษย์หลักระดับทอง” เขาหัวเราะเยาะอย่างมุ่งร้ายและส่งฝ่ามือข้ามท้องฟ้าไปทางเซี่ยเฟิง


 


ม้าเลือดปีศาจระดับ 2 ชะงักขณะที่เซี่ยเฟิงกลายเป็นภาพติดตาและกระโจนออกไป


 


ในช่วงเวลาสำคัญ เขาเปิดใช้งานเทคนิคลับระดับ 2 ดาว ท่าร่างศักดิ์สิทธิ์ เสริมด้วยเทคนิคตัวเบา ความเร็วของเขาพุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุด


 


เขาหลบการโจมตีได้อย่างหวุดหวิด


 


“โห้? เจ้าหลบนั้นได้? ไม่เป็นไร ให้ข้า นกฮูกโลหิต ได้เล่นกับเจ้า”


 


นกฮูกโลหิตส่งฝ่ามือไปยังเซี่ยเฟิง


 


เซี่ยเฟิงเผยมือของเขาและโยนระเบิดอัคนีคำรนออกไป


 


ระเบิดอัคนีคำรนเป็นสิ่งที่หายากยิ่งกว่าระเบิดอัคนีธรรมดาทั่วไปมาก ระเบิดหนึ่งลูกมีมูลค่าการคะแนนกว่า 10,000 คะแนนและสามารถทำลายนักสู้ขอบเขตปฐพีได้อย่างง่ายดาย ระเบิดอัคนีคำรนจำนวนหนึ่งนั้นหมายความว่ามันมีค่าประมาณสองสามแสนคะแนนสะสม


 


มีเพียงศิษย์หลักเช่นเซี่ยเฟิงเท่านั้นถึงสามารถใช้จ่ายคะแนนสะสมได้มากมายเช่นนี้


 


ระเบิดอัคนีคำรนหลายลูกก็ยังไม่สามารถหยุดยั้งพลังฝ่ามือของนกฮูกโลหิตได้ แต่มันก็ยังสามารถสร้างช่องว่างได้ และเป็นเซี่ยเฟิงที่ใช้ช่องว่างนี้เบี่ยงตัวเขาไปทางซ้ายและพุ่งไปในทิศทางนั้น


 


ครืน!


 


ตำแหน่งที่เซี่ยเฟิงยืนอยู่แต่เดิมนั้นกลายเป็นหลุมขนาดใหญ่ซึ่งสามารถฝังศพได้กว่าร้อยศพอย่างง่ายดาย


 


“น่าสนใจ ข้าอยากจะดูว่าเจ้าจะซ่อนไพ่ตายใดไว้อีก”


 


นกฮูกโลหิตสะบัดนิ้วของเขา สิ่งที่ถูกดีดออกมาจากนิ้วนั้นมีความเร็วอย่างน่าอัศจรรย์ใจ มันบินเร็วกว่าลูกศรถึงสองสามเท่า


 


ปิสส!


 


ร่างกายของเซี่ยเฟิงระเบิดออกและล่วงลงมาราวกับผ้าขี้ริ้วที่ลอยอยู่ในอากาศ หลังจากดูใกล้ๆ จริงๆ แล้วมันเป็นเพียงแค่เสื้อผ้าชิ้นหนึ่ง


 


สิ่งที่เกิดขึ้นคือเซี่ยเฟิงได้ใช้ออกทักษะหลบหนีประเภทหนึ่งซึ่งคล้ายกับจักจั่นที่สั่นกระดองของมัน


 


‘โชคดีที่เซี่ยเฟิงมาที่นี่เพื่อช่วยดึงดูดความสนใจให้เรา’ หลี่ฟู่เฉินรู้สึกมีความสุข


 


นักสู้เต๋าปีศาจขอบเขตสวรรค์มีทั้งหมดห้าคน สี่คนกำลังเข้าพัวพันอยู่กับผู้บัญชาการสาขาที่เจ็ดทั้งสาม ที่เหลือจากพวกนั้นมาเพื่อจัดการกับคนที่เหลือเป็นพิเศษ


 


หากมีอีกคนมาตามล่าพวกเขา เขาจะไม่มีความมั่นใจในการมีชีวิตรอดอีกต่อไป


 


อ๊ากกก!


 


เสียงกรีดร้องอย่างน่าสังเวชดังมาจากด้านหลัง


 


มันเป็นเสียงของรองผู้บัญชาการสาขาหลิวคุน


 


ด้วยสี่ต่อสาม หนึ่งในนั้นต้องต่อสู้กับศัตรูสองคนแน่นอน


 


หลิวคุนมีความสามารถที่อ่อนแอที่สุดจากผู้บังคับบัญชาทั้งสาม แต่เขากลับต้องเผชิญหน้ากับศัตรูสองคน หลังจากผ่านไปสองสามร้อยกระบวนท่า เขาจึงถูกสังหาร


 


“เจ้าไล่ตามพวกที่เหลือ” หัวหน้าของสมาคมมือปีศาจส่งข้อความไปยังหนึ่งในนักสู้เต๋าปีศาจขอบเขตสวรรค์


 


“ได้” ร่างของนักสู้ขอบเขตสวรรค์ผู้นี้เปล่งประกายในขณะที่เขาไล่ตามหลี่ฟูเฉินและกลุ่มผู้หลีกหนี


 


“ไม่ดีแล้ว นักสู้เต๋าปีศาจขอบเขตสวรรค์อีกคนนึงกำลังมา”


 


หลี่ฟู่เฉินสังเกตเห็นสภาวะพลังฉีที่แข็งแกร่งจากด้านหลัง ในใจของเขากลายเป็นตื่นตระหนก แต่มันกลับกลายเป็นความคิดไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้ในทันที


 


“ข้าไม่สามารถตายที่นี่ได้”


 


ในขณะนี้เองที่หลี่ฟูเฉินไม่เชื่อเรื่องบังเอิญอีกต่อไป


 


อายุน้อยของเขาหมายความว่าเขาจะกลายเป็นเป้าหมายที่โดดเด่นที่สุดอย่างแน่นอน


 


โคจรย่างก้าวเงาวายุและเปิดใช้งานเทคนิคลับมังกรเร้นลับ หลี่ฟู่เฉินดีดตัวออกจากม้าเลือดปีศาจระดับ 2 ความเร็วของเขาเมื่อเทียบกับเซี่ยเฟิง มันอยู่ในระดับเดียวกัน หากไม่เช่นนั้นก็รวดเร็วกว่า

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม