Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน 154-168
บทที่ 154
ท้าทายสวรรค์คือสิ่งใด
“หลี่ฟู่เฉิน!”
หลิงหวูหวงเปิดปากกว้าง ขณะที่ไม่เชื่อสายตาตัวเอง
หลี่ฟู่เฉินใช้เพียงดาบเดียวเพื่อให้หลี่หวูเซี่ยถอยไป เขาก้าวหน้าไปถึงขอบเขตปฐพีขั้นที่ 1 แล้วหรือไม่?
คิดและมองอย่างละเอียด เขาก็ไม่สามารถทำความเข้าใจได้!
เขาผู้ซึ่งสูญเสียเลือดไปมาก รู้สึกหดหู่มากขึ้น
“หลิวชิตี๋ เจ้าเป็นไรไหม?!” เซี่ยวหลี่ไบ๋รับเข้าไปถาม
“ข้าไม่เป็นไร ขอบคุณมากสำหรับความช่วยเหลือ”
สำหรับการที่หลิวหวูหวงกล่าวคำว่า ‘ช่วยเหลือ’ ออกมาได้ มันก็สามารถจินตนาการได้เพียงว่ารู้สึกแบบไหนกันที่เขามี
ใช้ดาบเดียวเพื่อขับไล่หลี่หวูเซี่ย หลี่ฟูเฉินก็คล้ายกับภูเขาที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ ปิดกั้นเส้นทางของต้วนไห่และหลี่หวูเซี่ย
ไม่ว่าเขาและหลิวหวูหวงจะมีความขัดแย้งในนิกายวารีครามเช่นไร ตราบใดที่พวกเขาอยู่ในเขตแดนร้อยพฤกษาเร้นลับ พวกเขาจะเป็นทีมเดียวกัน อยู่และตายพร้อมๆ กัน
“เป็นไปไม่ได้”
ปฏิกิริยาแรกของหลี่หวูเซี่ยคือไม่เชื่อ
เขาไม่เพียงแต่เป็นนักสู้ขอบเขตปฐพีระดับที่ 1 เขายังเป็นอัจฉริยะชั้นยอดจากนิกายปีศาจสวรรค์ นักสู้ขอบเขตปฐพีระดับ 1 โดยปกติแล้วไม่มีค่าควรแม้แต่การขัดรองเท้าให้เขา
ทันใดนั้นเองต้วนไห่ที่ดูบ้าคลั่งก็เผยให้เห็นสีหน้าราวกับมนุษยธรรมดาในดวงตาของเขา มีความรู้สึกตกใจ เจตนาสังหาร และเจตนาต่อสู้
“เขาเบี่ยงหอกของหลี่ชิเซียงออกไปได้จริงๆ หลี่ฟูเฉินผู้นี้เป็นใคร? นิกายวารีครามจะมีบุคคลที่น่ากลัวเช่นนี้อยู่ได้อย่างไร?”
เหล่าศิษย์ที่ยืนอยู่ข้างหลังหลี่หวูเซี่ยและต้วนไห่ล้วนแล้วแต่ตะลึง
พวกเขาไม่สามารถจินตนาการได้ว่าหลี่ฟู่เฉินทำได้อย่างไร
โดยไม่รู้ตัว คำจำกัดความของพวกเขาเกี่ยวกับการท้าทายสวรรค์เริ่มที่จะบิดเบือน มีใครบ้างที่จะท้าทายสวรรค์ได้มากกว่าหลี่ฟู่เฉิน?
เขาผู้ซึ่งอยู่ในขอบเขตต้นกำเนิดระดับที่ 8 ที่จริงแล้วแม้แต่กับหลี่หวูเซี่ยซึ่งเป็นนักสู้ขอบเขตปฐพีระดับที่ 1 เขาก็สู้ได้
“ฆ่าเขา เขาจะต้องเป็นภัยคุกคามในอนาคตแน่นอน เขาจะต้องตาย!”
ศิษย์จากนิกายโหมกระบี่และนิกายปีศาจสวรรค์ระเบิดเจตนาสังหารออกมาพร้อมๆ กัน
“ฮี่ฮี่ ข้าคาดว่าสมาชิกทั้งหมดจากนิกายวารีครามคงจะมาถึงแล้ว! ดีเหลือเกิน เพราะพวกเราจะฆ่าพวกเขาทั้งหมด” หลี่หวูเซี่ยพยายามเก็บความริษยาและเย้ยหยันพวกเขา
ต้วนไห่ไม่ได้กล่าวสิ่งใด แต่ดวงตาของเขาปูดโปนคล้ายกับจะหลุดออกมา
เขาที่รักการฆ่า สนุกกับการแยกศัตรูของเขาออกเป็นชิ้นๆ หากเขาสามารถฆ่าเด็กปีศาจอย่างเช่นหลี่ฟูเฉินได้ มันจะน่าพึงพอใจมากยิ่งขึ้น
‘ขอบเขตปฐพีระดับแรกห้าคน และระดับ 9 ขอบเขตต้นกำเนิดสองคน’ เฉินฟางหัวคิดอยู่ในใจของเธอ
“หลี่ชิตี๋ คิดทางออกสำหรับกับดักสังหารครั้งนี้” เซี่ยวหลี่ไบ๋ส่งข้อความลับไปยังหลี่ฟู่เฉิน
หลี่ฟู่เฉินส่ายหัว ด้วยเจ็ดคนที่มองตามพวกเขา พวกเขาจะหนีได้อย่างไร? หากพวกเขาเลือกที่จะหลบหนีจริงๆ มันก็อาจหนีออกไปได้แค่ตัวเขาเองเท่านั้น
“มีเพียงเจ็ดคนและยังต้องการกำจัดพวกเรา? ข้าจะทำให้พวกเจ้าทั้งหมดต้องไปนอนในหลุม” หลี่ฟู่เฉินกล่าวออกไปอย่างสงบและไม่แยแส บางทีอาจสงบเกินไป
แม้ว่าท้องฟ้ากำลังจะร่วงหล่น มันก็จะไม่ทำให้เขาเกิดความรู้สึกใดๆ
แต่คำกล่าวที่สงบนี้ก็มีเจตนาดูหมิ่นและเจตนาสังหารแฝงไปด้วย ซึ่งนี้ก็ก่อให้เกิดความเย็นยะเยือกในหัวใจของเหล่าศิษย์โหมกระบี่และปีศาจสวรรค์
ชัวครู่หนึ่งนึง อากาศก็คล้ายกับหม่นหมองลงไป ขณะที่ทั้งสองฝ่ายเขม่นใส่กัน
อ๊ากก!
กระบี่คลั่งต้วนไห่เป็นคนแรกที่ทำลายความเงียบ แต่มันไม่ใช่เสียงของมนุษย์ มันคล้าบกับเสียงสัตว์คำรามเสียมากกว่า มันโหดเหี้ยมและดุดัน ไร้อารมณ์อยู่ภายใน
ด้วยมือทั้งสองที่กำดาบ ต้วนไห่ตวัดมันลงไปใส่หลี่ฟู่เฉิน
“ต้วนไห่ เนื่องจากเจ้ามีสมยานามกระบี่คลั่ง เช่นนั้นก็ให้ข้าเปลี่ยนเจ้าเป็นคนบ้าจริงๆ” หลี่ฟูเฉินแทงไปยังปลายดาบของศัตรู
ติ๋ง!
สภาวะดาบพลังฉีและกระบี่พลังฉีถูกปล่อยออกมาในทุกทิศทาง
“ต้วนไห่ ข้าจะทิ้งเจ้านี้ให้กับเจ้า ข้าจะไปฆ่าคนอื่น” ร่างกายของหลี่หวูเซี่ยวูบหายไป เขาพุ่งไปหาเซี่ยวหลี่ไบ๋และคนอื่น ๆ
“ศัตรูของเจ้าคือข้า”
ด้วยท่าร่างศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกใช้ออกจนถึงขีดจำกัด หลี่ฟู่เฉินขัดขวางการโจมตีของหลี่หวูเซี่ย
“เจ้าใช่ต้องการต่อสู้กับข้าและต้วนไห่หรือไร?”
หลี่หวูเซี่ยถอยออกไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ใบหน้าของเขาดูมืดมน
เขารู้สึกว่าเขาถูกดูแคลน
“พายุดาวตก!”
หลี่ฟู่เฉินไม่ตอบกลับ ดาบทองดำในมือของเขาสั่น และปล่อยกระบวนดาบไปยังต้วนไห่และหลี่หวูเซี่ย
กระแสแสงคล้ายดาวตกนับไม่ถ้วนถูกยิงออกไป หลี่หวูเซี่ยไม่สามารถหยุดยั้งมันได้และต้องใช้หอกเพื่อป้องกัน ต้วนไห่ร่ายรำด้วยกระบี่ร้อยเทพยุทธ์เพื่อสร้างตาข่ายกระบี่ขึ้นมา ไม่อนุญาตให้มีการโจมตีใดๆ ผ่านไป
แต่หลี่ฟู่เฉินดูไม่ทุกร้อน เป้าหมายที่แท้จริงของพายุดาวตกก็คือเหล่าศิษย์ของนิกายโหมกระบี่และนิกายปีศาจสวรรค์
อ๊ากกก!
ศิษย์โหมกระบี่สองคนและศิษย์ปีศาจสวรรค์หนึ่งคนเสียชีวิตทันที
พายุดาวตกไร้ข้อบกพร่อง ทักษะดาบลึกลับขั้นต่ำไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกับมันได้ ตราบใดมีช่องโหว่เล็กๆ มันก็จะผ่านเข้าไปได้ กระบี่โลหิตหลิงหวงเป็นตัวอย่างที่ดีของเรื่องนั้น
การต่อสู้เพิ่งเริ่มขึ้น แต่ฝ่ายตรงข้ามผู้ซึ่งมีจำนวนเจ็ดคน ตอนนี้เหลือเพียงสี่ โต๊ะยังไม่ทันวาง อาหารก็กินใกล้หมดแล้ว
“พวกเจ้าฆ่าอีกสองคน อย่าบอกข้าว่าเจ้าทำไม่ได้ แม้ว่าเจ้าจะทำไม่ได้ เจ้าก็ต้องหาทางทำจนได้! หลิวหวูหวง หากเจ้ายังไม่ตาย เช่นนั้นก็เข้าร่วมการต่อสู้ครั้งนี้” ขณะนี้เอง หลี่ฟูเฉินไม่สนใจใดๆ และสั่งเขา
“หลี่ชิตี๋แน่นอนว่ากำลังท้ายทายสวรรค์!” เซี่ยวหลี่ไบ๋รู้สึกตกใจ
“หลี่ฟู่เฉิน อย่าได้หยิ่งไปนัก ต้วนไห่ มาฆ่าเขาด้วยกัน” หลี่หวูเซี่ยคล้ายจะคลั่ง ผลลัพธ์ในปัจจุบันเป็นความอัปยศที่เข้ามาตบหน้าของเขาเอง
เป้ง เป้ง เป้ง เป้ง เป้ง…
ทันใดนั้นเอง ทั้งสองฝ่ายก็แยกจากกันสู้อยู่คนละฝั่ง หนึ่งคือหลี่ฟู่เฉินกับต้วนไห่และหลี่หวูเซี่ย อีกหนึ่งคือเซี่ยวหลี่ไบ๋ และสมาชิกศิษย์สี่คนของนิกายโหมกระบี่และปีศาจสวรรค์
การต่อสู้กับทั้งสองที่เป็นการต่อสู้ของหลี่ฟูเฉิน เขามีข้อได้เปรียบในตอนลงมือครั้งแรก เนื่องจากองค์ประกอบของความตื่นตกใจ การต่อสู้ทั้งหมดหลังจากนั้นเขาอยู่ในสภาพที่ถูกกดดัน
ถ้ามันไม่ใช่แผนการที่น่ากลัวของเขา เขาจะตายไปแล้ว
“ฆ่า!”
“ฆ่า!”
“ฆ่า!”
ทักครั้งที่ต้วนไห่ลงมือจะกล่าวคำว่า ‘ฆ่า’ หลังจากนั้นกระบี่ของเขาก็จะแข็งแกร่งขึ้น ตอนนี้ กระบี่ของเขาก็คล้ายกับฝนพายุและคลื่นคะนอง ที่โหมซัดเข้าสู่หลี่ฟู่เฉิน
สภาวะจากหอกของหลี่หวูเซี่ยไม่ได้รุนแรงเท่าต้วนไห่ แต่ระดับชั้นมันก็เท่าเทียมกัน ทุกๆ ครั้งที่เข้าปะทะ มันราวกับมังกรพิษซึ่งกำลังพุ่งออกมาจากผืนทะเล หอกของเขามีพลังการเจาะทะลุที่สูงส่ง
“นี่คือการต่อสู้ที่แท้จริง การต่อสู้ที่ข้าสามารถต่อกรกับความโหยหาในใจได้”
เจตจำนงต่อสู้ของหลี่ฟู่เฉินนั้นพุ่งสูงทะลุฟ้า เขาแลกเปลี่ยนกระบวนท่าทั้งกับต้วนไห่และหลี่หวูเซี่ย
“เจตนาต่อสู้ของเขามีมากเกินไป ต้วนไห่ ให้ข้าหยุดเขาเอง”
ยิ่งพวกเขาต่อสู้มากเท่าไหร่ หลี่หวูเซี่ยก็ยิ่งรู้สึกว่าพลังต่อสู้ของหลี่ฟู่เฉินยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น ความแข็งแกร่งในพลังต่อสู้ของหลี่ฟู่ฉินนั้นใกล้เคียงกับเขา แต่เมื่อรวมกับต้วนไห่แล้วก็ยังใกล้เคียงกัน พวกเขายังคงไม่สามารถทำให้เขาพลาดพลั้งได้ในเร็วๆ นี้
ชิ้ง เคร้ง!
หอกสีแดงเลือดถูกแยกออกเป็นสามส่วน แต่ละส่วนเชื่อมโยงกันด้วยห่วงโซ่โลหะ
หอกสามส่วน มันมีพละกำลัง แต่ก็บองบาง ความสามารถที่มีคือตีหรือรัดโดยห่วงโซ่
“รัดโลหิตมังกรจันทรา!”
หลี่หวูเซี่ยคำราม หอกสามส่วนของเขากลายดูคล้ายกับมังกรโลหิต พุ่งเข้าใส่หลี่ฟู่เฉิน
“กระบี่คลั่ง 28 ส่วน!”
ต้วนไห่จริงๆ แล้วไม่ได้บ้า เขาหมกมุ่นอยู่กับโลกของตัวเอง เมื่อเห็นว่าหลี่ฟู่เฉินขัดขวางเอาไว้ เขาใช้วิชากระบี่ที่น่ากลัวที่สุดของเขาออกไปทันที แสงกระบี่โค้งงอพันอยู่รอบตัว และจะเข้าตัดหัวของหลี่ฟู่เฉินให้เป็นชิ้นๆ
ติ๋ง ติ๋ง ติ๋ง ติ๋ง…
วิชาดาบดาวตกของหลี่ฟู่เฉินเกินขีดจำกัดดั้งเดิมมานานแล้ว ใช้ดาบเดียวเพื่อป้องกันหอกสามส่วน พร้อมๆ กันนั้นเขาก็ปล่อยดาบพลังฉีไปยังวิชากระบี่ปีศาจคลั่งของต้วนไห่
“เศียรมังกรหวนคืน ตาย!”
หอกสามส่วนล้วนแล้วแต่หมุนวนอยู่ตามร่างกายหลี่หวูเซี่ย ขณะที่ถูกถ่ายพลังฉีหลั่งไหลเข้าไปจำนวนมาก หอกยาวยี่สิบฟุตพุ่งตรงไปยังหลี่ฟู่เฉิน เวลาเดียวกัน หลี่ฟูเฉินยังคงถูกกักตัวไว้ในการต่อสู้ที่ดุเดือดกับต้วนไห่
ภายใต้อันตรายร้ายแรง หลี่ฟู่เฉินรู้สึกเหมือนกระแสฟ้าผ่าไหลผ่านร่างกายของเขา มันทำให้ความรู้สึกของเขาเกิดความมึนงง เนื่องจากภัยคุกคามโลหิตจากหลี่หวูเซี่ย ในที่สุดศักยภาพในกายของหลี่ฟู่เฉินก็พุ่งไปเกินขีดจำกัดของมนุษย์
เจตจำนงเพลิงแดงที่น่าสะพรึงกลัวระเบิดขึ้น บนหัวของหลี่ฟู่เฉิน ปรากฏเตาหลอมลึกลับ ด้วยเตาหลอมและสภาวะพลังฉีที่รวมตัวกัน ต้วนไห่และหลี่หวูเซี่ยก็คล้ายกับอยู่ในนรก ทุกการเคลื่อนไหวของพวกเขาถูกรบกวน
ขั้นสูงสุดของระดับ 15 เทคนิคเปลวเพลิงลี้ลับ ร่างเตาหลอม
บทที่ 155
ดาบปีศาจหลี่ฟู่เฉิน
ด้วยการสนับสนุนจากร่างเตาหลอม พลังฉีเปลวเพลิงลี้ลับและเจตจำนงก็ถูกยกขึ้นไปอีกระดับ ด้วยการโคจรเพียงครึ่งรอบ สายธารแสงนับไม่ถ้วนก็ถูกปล่อยออกมา มันเข้าต่อต้านทั้งวิชาของกระบี่คลั่งต้วนไห่และวิชาของหลี่หวูเซี่ยหอกโลหิตมังกร
“เวรเอ่ย เทคนิคเปลวเพลงลี้ลับของเขาก่อรูปร่างขึ้นมาได้จริงๆ”
หัวใจของหลี่หวูเซี่ยเต็มไปด้วยความริษยา
เขาผู้ซึ่งเป็นนายน้อยของนิกายปีศาจสวรรค์ยังเข้าถึงได้เพียงแค่ระดับที่ 14 ของเทคนิคลึกลับโลหิตปีศาจ แต่หลี่ฟู่เฉินไม่เพียงแต่อยู่ระดับที่ 15 เท่านั้น เขากลับมาถึงระดับสูงสุดของมันได้อย่างพอเหมาะพอเจาะเช่นนี้ได้จริงๆ
ความหมายของระดับสูงสุดคืออะไร? โดยธรรมชาติแล้วมันคือจุดสูงสุดที่ไม่สามารถก้าวหน้าได้มากไปกว่านี้
หากเขาสามารถไปถึงระดับที่ 15 สูงสุดของเทคนิคลึกลับโลหิตปีศาจได้ เขาจะไม่ต้องเคลื่อนไหวแม้แต่นิกเดียว และก็สามารถใช้สภาวะจากการระเบิดพลังฉี เพื่อฆ่าศิษย์จากสามนิกายทั้งหมด
ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เขารู้สึกอิจฉาอย่างมากต่อการรับรู้ของหลี่ฟู่เฉิน
อิจฉาว่าทำไมเขาถึงไม่มีความเข้าใจแบบเดียวกัน
ความอิจฉานี้เป็นเชื้อเพลิงในหัวใจของเขา เขาไม่อนุญาตให้ปีศาจตนนี้มีชีวิตอยู่ ภายใต้ท้องฟ้า เฉพาะเขา หลี่หวูเซี่ยก็เพียงพอแล้ว หยานชิงหวูเป็นปีศาจที่ดำรงอยู่อีกตัวนึง แต่เธอก็ถูกกำหนดให้เป็นภรรยาของเขา และเป็นเพราะเช่นนี้ เขาจึงจะขอให้พ่อของเขาฝั่งเมล็ดพลังฉีปีศาจไว้ในร่างกายของเธอ จากนั้นเขาก็จะใช้เมล็ดพันธุ์นี้เพื่อควบคุมเธอได้อย่างง่ายดาย
จากมุมมองของเขา ตราบใดที่บางคนเป็นการดำรงอยู่ที่ท้าทายสวรรค์ พวกเขาจะต้องถูกควบคุมหรือทำลาย ไม่มีทางเลือกอื่นใดอีก
“หลี่ฟู่เฉิน เจ้าจะต้องตาย! อ๊ากกกกก!”
การแสดงออกของหลี่หวูเซี่ยบิดเบี้ยวคล้ายปีศาจ เขาประกอบหอกทั้งสามส่วนเข้าหากัน เพื่อใช้หอกสีแดงเลือดและเจาะมันไปยังหลี่ฟู่เฉิน
กระบี่คลั่งต้วนไห่กลายเป็นบ้าคลั่งยิ่งขึ้นเมื่อการต่อสู้ดำเนินต่อไป ตอนนี้เขาอยู่ในสถานะที่บ้าคลั่งที่ละทิ้งความรู้สึกทั้งหมด
“การต่อสู้ในตอนนี้ ทำไมมันถึงดูน่ากลัวขึ้นมากว่าเดิม?”
เลือดของหลี่ฟู่เฉินเกือบถูกจะถูกเพลิงแผดเผา ขณะที่เขากำลังรู้สึกเหมือนถูกต้มอยู่ เจตจำนงกาต่อสู้ที่เข้มข้น เจตจำนงแห่งดาบที่แหลมคม เจตจำนงเทคนิคที่เห็นได้อย่างชัดเจน ด้วยปัจจัยทั้งสามนี้ หลี่ฟูเฉินเข้าปะทะกับเจตจำนงกระบี่ของต้วนไห่และหอกของหลี่หวูเซี่ย
ตอนนี้ ภายในรัศมีสิบเมตรของบุคคลทั้งสามนี้ เป็นเขตแดนสังหาร ใครก็ตามที่เข้าไปจะกลายเป็นหมอกเลือดทันทีจากสภาวะพลังฉีของพวกเขา มันจากไม่เหลือแม้แต่กระดูกใดๆ
เนื่องจากการปะทะกันอย่างรุนแรงของจิตวิญญาณและเจตจำนงเต๋าแห่งการต่อสู้ มันจึงกลายเป็นพื้นที่ต้องห้ามสำหรับการใช้ภาพลวงตาทันที หากใครกล้าใช้ทักษะภาพลวงตา มันจะย้อนกลับเข้าตัวอย่างแน่นอน
“นั่นคือการต่อสู้ของชายทั้งสามที่กำลังบ้าคลั่ง”
เซี่ยวหลี่ไบ๋และคนอื่นๆ ซึ่งอยู่ด้านข้าง มองหลี่ฟู่เฉินบางเป็นครั้งคราว พวกเขาทุกคนสามารถทำได้เพียงแต่ถอนหายใจ เพื่อควบคุมความประหลาดใจอย่างท่วมท้นในหัวใจ
เมื่อเทียบกับศิษย์นิกายวารีคราม ศิษย์จากนิกายโหมกระบี่และนิกายปีศาจสวรรค์มีข้อสงสัยว่าพวกเขาใช่อยู่ในความฝันหรือไม่
กระบี่คลั่งต้วนไห่และปีศาจโลหิตหลี่หวูเซี่ย บุคคลที่ชั่วร้ายสองคนนี้กำลังได้รับการจัดการโดยคนๆ เดียว
และบุคคลนั้นคือดาบปีศาจแห่งนิกายวารีคาม
ในตอนแรก ไม่มีเชื่อถือหรือยกชูสมยานามนี้มากนัก
แต่ตอนนี้ พวกเขาเข้าใจอย่างลึกซึ้งแล้วว่าดาบปีศาจคือสิ่งใด
บูม!
เมื่อกระบี่ หอก และดาบเข้าปะทะกัน มันก็เกิดเสียงระเบิดขนาดใหญ่ ขณะเดียวกันทั้งสามคนก็ถอยห่างจากกัน
มีสิ่งนึงที่แตกต่างก็คือต้วนไห่และหลี่หวูเซี่ยกำลังบินกลับออกไปในสภาพที่หมดสติ ในขณะที่หลี่ฟู่เฉินยังมีสติอยู่
ปิส ปิสส!
ได้ยินเสียงใบดาบฟันเข้าเนื้อ นิกายโหมกระบี่และนิกายปีศาจสวรรค์ที่ติดพันอยู่ในการต่อสู้อันดุเดือดกับเซี่ยวหลี่ไบ๋และกลุ่ม เสียชีวิตในทันที ดูดถุงเก็บของพวกเขา หลี่ฟู่เฉินสั่ง “ไป”
ทุกอย่างเกิดขึ้นโดยฉับพลัน
อย่าได้กล่าวถึงศิษย์ทั้งสองที่ไม่สามารถตอบสนองได้ทันเวลาและถูกฆ่าตาย …
แม้แต่กระทั้งเซี่ยวหลี่ไบ๋และคนอื่นๆ ก็ไม่สามารถตอบสนองได้เช่นกัน
แต่ปัจจุบันหลี่ฟูเฉินไว้วางใจได้อย่างแท้จริง ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขาทั้งสี่ติดตามหลี่ฟู่เฉินอย่างไม่รู้ตัวและหนีไป
ต้วนไห่และหลี่หวูเซี่ยมีสติกลับมาในตอนนี้เอง แต่มันก็สายเกินไปแล้ว การปะทะกันก่อนหน้านี้มีพลังมากเกินไปและทั้งสองบินกลับออกไปอย่างน้อยสิบเมตร เมื่อถึงเวลาที่พวกเขาสามารถควบคุมร่างกายของพวกเขาได้ หลี่ฟู่เฉินและกลุ่มของเขาก็อยู่ห่างออกไป 200 เมตรแล้ว
“สารเลว!”
แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจว่าทำไมหลี่ฟู่เฉินถึงหนีไป หลี่หวูเซี่ยก็โกรธยิ่ง จากท่าทางของศัตรู คือการบอกว่าเขาสามารถมาและไปตามที่เขาชอบ และนี่ทำให้หลี่หวูเซี่ยรู้สึกว่าเขาไร้คุณค่า
ในขณะที่เขาเตรียมจะไล่ล่า เสียงลมพัดก็มาจากข้างหลัง
ขณะนี้เอง หลี่หวูเซี่ยกลายเป็นเข้าใจทุกอย่าง
หลี่ฟู่เฉินตรวจจับศัตรูได้จากระยะไกล ซึ่งเป็นสาเหตุที่เขาทำสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดก่อนหน้านี้
เขาใจเย็นอยู่ได้อย่างไร? ในการต่อสู้ที่ดุเดือด เขายังคงรู้สึกถึงผู้คนจากระยะไกลเช่นนี้ได้ แม้แต่กระทั้งต้วนไห่และเขาที่อยู่ในขอบเขตปฐพีระดับที่ 1 ก็ไม่ได้สนใจสิ่งรอบตัวเช่นนั้น
“ปีศาจโลหิต!”
คู่อสูรดำขาวเข้ามาอย่างเร่งรับ
“ต้วนไห่” “ต้วนชิเซียง”
หลิงหวงและเฉินเฟ่ยไห่ก็รีบมาที่นี่เช่นกัน
ความปั่นป่วนที่นี่โดดเด่นมากจนพวกเขาสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนจากหลายสิบไมล์ เขตแดนร้อยพฤกษาเร้นลับทั้งหมดกว้างเพียง 200 ไมล์เท่านั้น
“ใครคือคนที่ต่อสู้ดุเดือดติดพันกับพวกเจ้า?”
อสูรดำถามปีศาจโลหิตหลี่หวูเซี่ย
หลี่หวูเซี่ยขบฟันขณะที่กล่าว “ดาบปีศาจหลี่ฟู่เฉิน”
“อะไร? มันเป็นเขา!” อสูรขาวอุทาน
“มันเป็นเขาอีกครั้ง”
หลิงหวงไม่สามารถทำอย่างไรได้ ได้แต่สูดหายใจเข้าลึกๆ ขณะที่เขากล่าวออกมาอย่างดัง “มันจะเป็นเขาไปไม่ได้ เมื่อเราต่อสู้ก่อนหน้านี้ เขาอ่อนแอกว่าข้าเล็กน้อย”
หลี่หวูเซี่ยตอบกลับอย่างเย็นชา “เขาก้าวขึ้นระดับที่ 8 ของขอบเขตต้นกำเนิด เทคนิคเปลวเพลิงลี้ลับของเขาในตอนนี้อยู่ระดับที่ 15 และได้พัฒนาขึ้นไปยังระดับสูงสุด”
เมื่อได้ยินข้อมูลนั้น หลิงหวงก็เงียบไป
เมื่อตอนที่เขาต่อสู้กับหลี่ฟู่เฉิน เขาอยู่ระดับที่ 7 ของขอบเขตต้นกำเนิดเท่านั้น ตอนนี้เขามีความก้าวหน้าทั้งในระดับการฝึกฝนและเทคนิค ความสามารถของเขาจะต้องได้รับการสนับสนุนเพิ่มขึ้น
“บุคคลผู้นี้ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ เราจำเป็นต้องร่วมมือกันเพื่อกำจัดเขา” เฉินเฟ่ยไห่กล่าวด้วยน้ำเสียงทุ่มลึก
“เขาจะต้องถูกสังหาร” อสูรขาวเลือดสูบฉีดด้วยเจตนาสังหาร
อสูรดำกล่าว “แม้ว่าเขาจะอยู่ระดับที่ 8 ของขอบเขตต้นกำเนิด แต่เขาก็ยังแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ คงคาดคิดไม่ได้เลยหากเขาพบเข้ากับสนุมไพรหวนคืนกำเนิดและผลตัดปฐพีอย่างละอันขึ้นมา พวกเราทุกคนจะต้องถูกกวาดล้างอย่างไม่ต้องสงสัย”
“สมุนไพรหวนคืนกำเนิด? ไม่ดีแล้ว” การแสดงออกของหลี่หวูเซี่ยเปลี่ยนไป
“เกิดอะไรขึ้น?” ทุกคนมองหลี่หวูเซี่ย รวมถึงต้วนไห่ด้วยเช่นกัน
หลี่หวูเซี่ยเกือบจะอาเจียนเป็นเลือด “ถุงเก็บของฉีเฉาหวงมีสมุนไพรหวนคืนกำเนิดอยู่ 1 ต้น”
ฉีเฉาหวงเป็นศิษย์ของนิกายปีศาจสวรรค์ที่เพิ่งถูกสังหารไป และหลี่ฟู่เฉินก็ได้ถึงเก็บของพวกเขาไปแล้ว
ได้ยินเช่นนั้น การแสดงออกของทุกคนเปลี่ยนไป
“ไล่ตาม! เขาจะต้องไม่มีโอกาสได้ใช้สมุนไพรหวนคืนกำเนิด!” หลีหวูเซี่ยตะโกน
ตอนนี้ นิกายโหมกระบี่และนิกายปีศาจสวรรค์ทำงานร่วมกันเป็นหนึ่งเดียวและเป้าหมายเดียวของพวกเขาคือกำจัดหลี่ฟู่เฉิน
“ทำไมไม่รวมพวกเราเข้าไปด้วย?”
จากระยะไกลเป็นกลุ่มคนอีกกลุ่มนึง
มันเป็นกลุ่มศิษย์จากนิกายเร้นวิญญาณ
มีทั้งหมดห้าคน นายน้อยวิญญาณต้วนมู่หยุน วิญญาณสาวเย่ฮัว วิญญาณเด็กเจียนเสี่ยวเหมา และศิษย์อีกสองคนที่ไม่รู้จักจากนิกายเร้นวิญญาณ
ภายในเขตแดนร้อยพฤกษาเร้นลับ ศิษย์นิกายเร้นวิญญาณนั้นได้รับบาดเจ็บน้อยที่สุด พวกเขาปรากฏตัวและหายตัวไปราวกับภูติผี มันยากที่ใครจะมองเห็นพวกเขาได้
ด้วยการมาถึงของเหล่าศิษย์นิกายเร้นวิญญาณ เกือบทุกคนก็มารวมตัวกันที่นี่แล้ว คนที่ไม่ได้อยู่ที่นี่ โดยทั่วไปแล้วเป็นบุคคลขอบเขตต้นกำเนิดระดับ 9 ที่ไม่กล้าเปิดเผยตำแหน่ง คนเหล่านั้นอาจมีไม่มาก ก็ในเมื่อคนที่อ่อนแอ่กว่ามักถูกฆ่าตายหรือไม่ก็ซ่อนตัว
“แน่นอน แต่หากพวกเจ้ากล้าใช้กลอุบายใดๆ อย่าโทษพวกเราหากเปลี่ยนเป้าหมายไปที่พวกเจ้า” หลี่หวูเซี่ยกล่าว
ศิษย์นิกายเร้นวิญญาณเป็นสิ่งที่ผู้คนมักหวาดกลัวอยู่เสมอ
“อย่าได้กังวล มันไม่สายเกินไปที่จะต่อสู้หลังจากที่เรากำจัดศิษย์นิกายวารีครามเสร็จแล้ว” นายน้อยวิญญาณต้วนมู่หยุนหัวเราะ
“คี่คี่!” วิญญาณสาวเย่ฮัวหัวเราะคิกคัก
“ไป ไปไล่ล่ากันเถอะ”
มีคนสิบเอ็ดคนที่วิ่งไปยังทิศทางที่กลุ่มของหลี่ฟู่เฉินหนีไป
“หลี่ชิตี๋ สิ่งสำคัญที่สุดคือการหาสถานที่ปลอดภัยในการบริโภคสมุนไพรหวนคืนกำเนิด” รู้ว่าถุงเก็บของหลี่ฟู่เฉินบรรจุสมุนไพรหวนคืนกำเนิดไว้ เซี่ยวหลี่ไบ๋ตื่นเต้นมาก ตื่นเต้นยิ่งกว่าตอนที่เขาบุกทะลุขอบเขตปฐพีเสียอีก
“ถูกแล้ว ตราบใดที่หลี่ชิตี๋ก้าวหน้าขึ้นไปยังขอบเขตต้นกำเนิดระดับที่ 9 เขาจะสามารถเอาชนะผู้คนที่ถูกรวมกันโดยหลี่หวูเซี่ยและต้วนไห่แน่นอน” เฉินฟางหัวกล่าวออกมา
หลี่ฟู่เฉินกล่าวอย่างเย็นชา “พวกเขากำลังไล่ล่า ศิษย์นิกายเร้นวิญญาณก็รวมอยู่ด้วยเช่นกัน พวกเราต้องหาสถานที่ซึ่งง่ายต่อการป้องกันและเข้าโจมตียาก” ในหมู่พวกเขา เขาเป็นคนที่มีความเร็วแตกต่างที่สุด ถ้าเป็นเพียงหลี่ฟู่เฉิน เขาสามารถหนีได้อย่างง่ายดาย
“อาการบาดเจ็บของข้าหายไปอย่างน้อย 80% แล้ว หากเราสามารถหาสถานที่ปลอดภัยเพื่อปกป้องได้ ข้าจะทำให้ดีที่สุด” บริโภคสมุนไพรวิญญาณโลหิตระดับลึกลับขั้นกลางเข้าไป อาการบาดเจ็บของหลิวหวูหวงฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ผลของยายังไม่ถูกใช้อย่างสมบูรณ์ มันยังคงบำรุงร่างกายของเขา
“ตรงนั้น!”
ด้วยสายตาอันยอดเยี่ยมของหลี่ฟู่เฉิน เขาเห็นถ้ำที่เชิงเขาซึ่งอยู่ห่างออกไปหลายไมล์ หากถ้ำลึกพอ ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันจะเป็นสถานที่ที่ป้องกันได้อย่างง่ายดาย
บทที่ 156
แขวนอยู่บนเส้นด้าย
การเดินทางสองสามไมล์ใช้เวลาเพียงครู่เดียว สำหรับการที่กลุ่มจะมาถึง
ที่เชิงเขามีทางเข้าถ้ำกว้าง 2 คูณ 2 เมตร มองเข้าไปภายใน มันดูมืดและลึกมาก มืดมิดยิ่ง สายตาที่มองไปไม่สามารถเห็นจุดจบได้
“ถ้ำแห่งนี้เป็นทำเลที่ดี เราแค่ต้องปิดทางเข้า และเราจะสามารถปิดกั้นพวกเขาได้” ดวงตาของเซี่ยวหลี่ไบ๋สว่างขึ้น
เฉินฟางหัวนำโล่ระดับลึกลับขั้นต่ำออกมา “ยังมีโล่นี้อยู่ การป้องกันหนึ่งชั่วโมงสมควรที่จะเพียงพอ”
โล่ระดับลึกลับขั้นต่ำแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะถูกทำลาย อย่าได้กล่าวถึงนักสู้ขอบเขตปฐพีระดับที่ 1 แม้แต่กระทั้งนักสู้ขอบเขตปฐพีระดับที่ 9 ก็พบว่ามันยากที่จะทำลาย เมื่อพลังฉีถูกถ่ายลงโล่ มันสามารถลดแรงโจมตีลงได้ 50%
ถ้ำแห่งนี้มีความลึกประมาณหนึ่งร้อยเมตร ในส่วนที่ลึกที่สุดของถ้ำเป็นพื้นที่ที่ค่อนข้างกว้างใหญ่ ดูจากลอยกรงเล็บที่ถูกสร้างไว้บนกำแพง มันน่าจะเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ปีศาจ และสัตว์ปีศาจที่ว่านั้นก็เป็นสัตว์ปีศาจระดับ 3
“ข้าจะปรับแต่งสมุนไพรหวนคืนกำเนิดที่นี่ ข้าคงจะต้องพึ่งพวกเจ้าตลอดเวลา”
หลี่ฟู่เฉินไม่ได้กล่าวคำที่ไพเราะเสนาะหูมากนัก เขานั่งและโคจรเทคนิคเปลวเพลิงลี้ลับ
“ข้าจะอยู่เฝ้าเป็นคนแรก หลิวชิตี๋ เจ้าควรพักฟื้นให้เร็ว เจ้าจะต้องเปลี่ยนกะเป็นคนถัดไป” เซี่ยวหลี่ไบ๋รับโล่ระดับลึกลับขั้นต่ำมากจากเฉินฟางหัวและกล่าวกับหลิวหวูหวง
หลิวหวูหวงพยักหน้าและนั่งลงเช่นกัน
ขั้นสูงสุดของระดับที่ 15 เทคนิคเปลวเพลิงลี้ลับมีประสิทธิภาพอันน่าทึ่ง หลังจากโคจรง่ายๆ เพียงไม่กี่ครั้ง หลี่ฟู่เฉินรู้สึกว่าพลังของเขาเพิ่มขึ้นมาก ขณะที่พลังงานจากสวรรค์และโลกทะลักเข้ามาราวกับคลื่นลูกใหญ่
นำสมุนไพรหวนคืนกำเนิดขึ้นมา หลี่ฟู่เฉินบริโภคมันในคำเดียว
ในไม่ช้า หลี่หวูเซี่ยและกลุ่มก็ตามได้ทัน
“พวกมันอยู่ในถ้ำ ไปฆ่าพวกมันเถอะ” คู่อสูรดำขาวเป็นคู่แรกที่เข้าไป
เมื่อทั้งคู่ร่วมมือกันแล้ว ความสามารถของพวกเขาก็ยอดเยี่ยมขึ้นมาก ซึ่งเป็นสาเหตุที่พวกเขาไม่กลัวการซุ่มโจมตีใดๆ
เป้ง!
ขณะที่พวกเขาทั้งสองรีบเร่งเข้าไป ระเบิดพิษสีขาวก็ระเบิดออก มันทำให้คู่อสูรขาวดำตกตะลึง ขณะที่พวกเขาถอยกลับ
แม้ว่าพวกเขาจะไม่กลัวการซุ่มโจมตีใดๆ อย่างน้อยพวกเขาก็ต้องเห็นมันให้ทะลุปรุโปร่งเสียก่อน หากพวกเขาไม่เห็นอะไรเลย ไม่ว่ามนุษย์คนไหนก็จะพัฒนาความกลัวขึ้นมาในจิตใจ
“ออกไปให้พ้น!”
ตกตะลึงกับระเบิดพิษสีขาว อสูรดำขาวกลายเป็นไร้ความสุข ด้วยเสียงตะโกน อสูรขาวยิงคลื่นฝ่ามือของเขาไปที่ถ้ำ
ฮอง!
มังกรที่เกรี้ยวกราดคล้ายกับนสายลมกระโชกแรง หมอกสีขาวกลับเข้าไปในความลึกของถ้ำ
ไม่นาน เสียงดังกึกก้องครั้งใหญ่ก็เกิดขึ้น หมอกสีขาวกลับมาอีกครั้ง มันกลับมาพร้อมกับพลังฉีที่อัดแน่นและเศษหินนับไม่ถ้วน ขณะที่ครามนี้มันพุ่งออกมาจากปากถ้ำ
คู่อสูรขาวดำดูน่าสมเพช ก็ในเมื่อพวกเขาถูกโจมตีด้วยพลังฉีจำนวนมากที่อัดแน่นอยู่ภายในหมอกสีขาว เห็นได้ชัดว่าพลังฉีเหล่านั้นจริงๆ แล้วเป็นพลังฉีแห่งดาบ หากไม่ใช่เพราะปฏิกิริยาที่รวดเร็วและพลังอันน่าหวาดกลัวของพวกเขา พวกเขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัส
“เวรเอ้ย”
ทั้งคู่กลายเป็นกระวนกระวาย พวกเขาร่วมมือกับคนอื่นและยิงไปทางถ้ำอีกครั้ง
ภายในถ้ำ ก้อนหินจำนวนมากตกลงมาจากด้านบน พลังฉีสองเหล่งเข้าพัวพันด้วยกัน ขณะที่พลังฉีที่ไม่สามารถหยุดยั้งได้ปะทะเข้ากับเกราะระดับลึกลับขั้นต่ำ
พ้นเลือดออกมาคำนึง เซี่ยวหลี่ไบ๋ได้รับบาดเจ็บภายในอย่างรุนแรง
ความสามารถส่วนตัวของเขานั้นด้อยกว่าอสูรดำหรือขาวแบบตัวต่อตัว ตอนนี้พวกนั้นร่วมมือกัน แม้ว่าเกราะพลังฉีจะลดพลังโจมตีลงมาถึงครึ่งนึง พลังฉีของพวกเขาก็ยังคงไม่ใช่สิ่งที่เซี่ยวหลี่ไบ๋จะสามารถทนได้
ด้านข้างทั้งสองฝั่งของเซี่ยวหลี่ไบ๋ เฉินฟางหัวและหยูเหวินเทียนปล่อยดาบพลังฉีออกไปปากถ้ำอย่างต่อเนื่อง ดาบพลังฉีที่เกือบทำให้คู่อสูรขาวดำบาดเจ็บนั้นมาจากเฉินฟางหัว หยูเหวินเทียนทำเพียงแค่สนับสนุนเท่านั้น
“พวกเขากำลังถ่วงเวลาอยู่ ไปกันเถอะ”
ปีศาจโลหิต หลี่หวูเซี่ยไม่สามารถทนได้อีกต่อไป หากพวกเขาอนุญาตให้หลี่ฟู่เฉินก้าวเข้าสู่ระดับที่ 9 ของขอบเขตต้นกำเนิด มันจะไม่มีนิกายใดเทียบกับนิกายวารีครามได้ ไม่เว้นแม้แต่กระทั่งสามนิกายร่วมมือกัน
สิบเอ็ดคนจับมือกันล้อมถ้ำ พลังอำนาจของพวกเขาทำให้คนมึนงง
ทันใดนั้นเอง กระบี่พลังฉีนับไม่ถ้วน หอกพลังฉี และพลังฉีที่คล้ายฝนก็ถูกยิงเข้าไปในถ้ำ
ครืน!
น่าเสียดายที่ทางเข้าถ้ำนั้นเล็กเกินไป ตำแหน่งและมุมของทุกคนแตกต่างกัน ก่อนที่กลุ่มพลังฉีจะไปถึงส่วนที่ลึกที่สุดของถ้ำ พวกมันก็เริ่มเข้าปะทะกันเอง มันทำให้ถ้ำยุบตัวลง ขณะทีหินจำนวนมากตกลงมาและปิดผนึกถ้ำ
หลี่หวูเซี่ยและคนอื่นๆ รู้สึกว่าใบหน้าของพวกเขากำลังกระตุกอยู่ พวกเขาไม่ได้จินตนาการถึงผลลัพธ์เช่นนี้
พวกเขาคิดว่าหินในเขตแดนร้อยพฤกษาเร้นลับนั้นจะแข็งกว่าหินในโลกภายนอกหลายเท่า มันควรทนต่อพลังฉีขนาดใหญ่ได้
“หินไม่ได้มีมากนัก เราสามคนต้องทุบสร้างเส้นทาง” นายน้อยวิญญาณต้วนมู่หยุนยื่นข้อเสนอ
“มันเป็นวิธีเดียว” หลี่หวูเซี่ยพยักหน้า
โดยธรรมชาติแล้วต้วนมู่หยุนต้องหมายถึงบุคคลที่แข็งแกร่งสามคนจากทั้งสามนิกาย กระบี่คลั่งต้วนไห่ ปีศาจโลหิตหลี่หวูเซี่ย และตัวเขาเอง
ทั้งสามคนเข้ารวมพลังและใช้พลังฉีของพวกเขาเพื่อระเบิดหิน
ปึง ปึง ปึง ปึง
ภายใต้พลังฉีกระบี่นับไม่ถ้วน พลังฉีหอก และพลังฉีฝ่ามือ เศษหินแตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและกลายเป็นฝุ่นผง พวกเขาค่อยๆ ขุดไปทางด้านในของถ้ำ
เซี่ยวหลี่ไบ๋ เฉินฟางหัว และหยูเหวินเทียนจะป้องกันเศษหินจำนวนมากได้อย่างไร? พวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องถอยออกมา
15 นาทีต่อมา หินลึกกว่าสิบสองเมตรแตกออก ไม่มีสิ่งกีดขวางใดๆ อีกต่อไปยกเว้นบางส่วนที่เหลืออยู่บนพื้นหินเท่านั้น
“บุกเข้าไป!”
ทางเข้าของถ้ำกว้างประมาณ 2 เมตร และสามารถเข้าไปได้พร้อมกันในคราเดียวมากสุดก็แค่ 3 คน
เซี่ยวหลี่ไบ๋ไม่มีทางเลือกอื่น ได้แต่โยนทุกๆ สิ่งที่สามารถช่วยชีวิตได้ไปด้านหน้า ไม่ว่าจะเป็นระเบิดสายฟ้า ระเบิดพิษสีขาว หรือแม้แต่กระทั่งเข็มขนวัว พวกมันทั้งหมดถูกโยนออกไปอย่างไร้จุดหมาย
แต่หลี่หวูเซี่ย ต้วนมู่หยุน และต้วนไห่นั้นแข็งแกร่งมากเกินไป ไม่ว่าจะมีสิ่งใดถูกโยนไปใส่พวกเขา พวกมันจะถูกทำลายหรือถูกเบี่ยงเบน ไม่มีใดหยุดเดินเข้ามาของพวกเขาได้
ถ้ำทั้งหมดเต็มไปด้วยหมอกสีขาวหรือฝุ่นหิน เพราะมันไม่ได้รับการระบายอากาศทันที คุณภาพอากาศและการมองเห็นภายในถ้ำนั้นแย่มาก แม้ว่าจะอยู่ในระดับปฐพีและเห็นตอนกลางคืนได้ดี มันจะยังคงปรากฏความโกลาหลกับพวกเขาอยู่
ปั้ง!
โล่ระดับลึกลับขึ้นต่ำนั้นแทบจะถูกปลดออก ขณะที่เซี่ยวหลี่ไบ๋และพวกเข้าทั้งสามคนถูกกระแทกออกไปด้านหลัง
“ให้ข้า”
เวลานี้เอง หลิวหวูหวงลุกขึ้นและรับโล่มาจากเซี่ยวหลี่ไบ๋
แต่หลิวหวูหวงนั้นแข็งแกร่งกว่าเซี่ยวหลี่ไบ๋เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เขายังคงไม่เหมาะสมกับทั้งสามคน เขาเองยังได้รับบาดเจ็บภายในมาด้วยเช่นกัน พลังฉีที่รุนแรง ส่งทั้งเฉินฟางหัวและหยูเหวินเทียนที่ยืนอยู่ด้านหลังบินออกไปอีกครั้ง พวกเขาตกลงในพื้นที่ที่หลี่ฟู่เฉินกำลังฝึกฝนอยู่
บูม!
พายุวิญญาณพลังฉีโหมกระหน่ำพุ่งพรวดเข้ามาในร่างกายของหลี่ฟู่เฉิน
ด้วยเทคนิคเปลวเพลิงลี้ลับระดับ 15 สูงสุด ความก้าวหน้าด้านการสกัดกลั่นของหลี่ฟู่เฉินต่อสนุทไพรหวนคืนกำเนิดจึงเร็วขึ้นตามธรรมชาติ เขาใช้ระยะเวลาอันสั้นในการตัดผ่าน
เมื่อพลังฉีพุ่งเข้ามาในร่างกายของเขา พลังบ่มเพาะของหลี่ฟู่เฉินได้รับการเติมเต็มและเปี่ยมไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ในระดับที่ 9 ของขอบเขตต้นกำเนิด
“พวกเจ้าทำงานหนักมากแล้ว ตอนนี้ปล่อยให้ข้าจัดการพวกเขา”
ด้วยเสียงตะโกน หลี่ฟู่เฉินเปิดใช้งานเทคนิคลับมังกรเร้นลับและใช้รูปร่างเทคนิค การปรากฏตัวของสภาวะพลังที่รุนแรงครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดภายในถ้ำ และขยายไปสู่ทางเข้า
“ดาบดาวตก”
ลำธารแสงที่ดูน่าเหลือเชื่อพุ่งไปยังทางเข้าของถ้ำ
“ไม่ดีแล้ว เขาตัดผ่านสำเร็จ ยกเลิก หนีเร็ว”
ด้วยเจตนาสังหารที่ทิ่มแท่งมา หลี่หวูเซี่ยป้องกันโดยใช้หอกของเขา ดาบพลังฉีนี้น่ากลัวเกินไป มันทำให้เขาต้องถอยออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันทำให้เลือดของเขาเดือดไปด้วยไปโทสะ แต่เนื่องจากทัศนวิสัยที่ไม่ดีภายในถ้ำ หลี่หวูเซี่ยกลายเป็นตื่นตระหนกโดยไม่รู้ตัว
“พยายามที่จะหนี? ไม่มีทาง” หลี่ฟู่เฉินไล่ตามออกจากถ้ำ
บทที่ 157
การขับไล่
เสียงระเบิดดังขึ้นหลายครั้ง หินยักษ์ตกลงมาในถ้ำ ภูเขาทั้งลูกดูเหมือนจะเปลี่ยนไป
หนึ่งต่อสาม หลี่ฟู่เฉินสกดหลี่หวูเซี่ย ต้วนไห่ และต้วนมู่หยุนได้อยู่หมัด
อย่างแรกเนื่องจากพื้นที่จำกัดภายในถ้ำ ข้อได้เปรียบเรื่องตัวเลขจึงไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่
อย่างที่สอง แม้ว่าหลี่ฟู่เฉินจะไม่เห็นศัตรูของเขาชัดเจนนัก ประสาทสัมผัสของเขานั้นก็คมชัดกว่าอีกสามคนมาก
อย่างสุดท้าย จุดที่สามและเป็นจุดที่สำคัญที่สุด ความสามารถของหลี่ฟู่เฉินนั้นเพียงพอแล้ว
การพัฒนาของเขาจากระดับที่ 8 ถึง 9 ขอบเขตต้นกำเนิดอนุญาตให้ความสามารถพื้นฐานของหลี่ฟู่เฉินเพิ่มขึ้นอีกสองสามเท่าตัว แม้ว่ามันจะเป็น 1 กับ 1 หรือ 1 กับ 2 ก็ไม่มีใครที่จะสามารถต่อกรกับเขาได้
15 นาทีต่อมา เงาสี่ร่างก็พุ่งออกมาจากถ้ำ
คนแรกที่ออกมาคือต้วนมู่หยุน จากนั้นหลี่หวูเซี่ย และสุดท้ายคือต้วนไห่ ทั้งสามคนมีคราบเลือดติดอยู่ ต้วนมู่หยุนมีน้อยที่สุดและเสื้อผ้าของเขามีรอยเดียวที่ถูกฉีก หลี่หวูเซี่ยเกือบจะกลายเป็นบุคคลที่ร่างกายอาบไปด้วยเลือด ร่างกายหลายส่วนของเขายังคงมีเลือดออกมา ต้วนไห่เลวร้ายที่สุดจากทั้งหมด การต่อสู้ทำให้เขาแทบคลั่งเมื่อถอยห่างก็ต้องแลกเปลี่ยนกระบวนท่าไปด้วยทุกครั้ง ซึ่งเป็นสาเหตุว่าทำไมเขาถึงเป็นคนที่มีบาดแผลมากที่สุด เขาเสียใบหูไปหนึ่งข้าวด้วยการเฉือนจากหลี่ฟู่เฉิน
ด้านนอกของถ้ำมีอีก 8 คนที่กำลังตื่นตกใจ
ต้วนมู่หยุน ต้วนไห่ และหลี่หวูเซี่ยเป็นบุคคลสามคนที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาทั้งสามนิกายอย่างไม่ต้องสงสัย แม้ว่าพวกเขาทั้งสามจะรวมพลังกัน หลี่ฟู่เฉินก็ยังมีข้อได้เปรียบอยู่ หลี่ฟู่เฉินผู้นี้แปลกเกินไปแล้ว
ไม่มีเสียงหรือการแสดงตนใดๆ เงาปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของหลี่ฟู่เฉิน แสงสีดำเปล่งประกายอยู่บนกริชอย่างชัดเจน ขณะที่มันพยายามจะแทงไปยังหลังคอของหลี่ฟู่เฉิน
มันเป็นศิษย์จากนิกายเร้นวิญญาณ ความสามารถของเขาอยู่ใน 5 อันดับแรกของศิษย์ชั้นในในนิกายเร้นวิญญาณ หลังจากที่เข้าก้าวเข้าสู้ขอบเขตปฐพีระดับที่ 1 เขาควรจะสามารถฆ่านักสู้ที่อยู่ในระดับสูงกว่าเขาได้อย่างง่ายดาย ตราบใดที่การโจมตีของเขาถูกเป้าหมาย ไม่ว่าหลี่ฟู่เฉินจะแข็งแกร่งแค่ไหน มันก็ยังคงจะอันตรายถึงชีวิต
วิญญาณสาวเย่ฮัวหัวเราะเย็นชา หากการลอบสังหารหลี่ฟู่เฉินนั้นทำได้จริง เธอจะทำมันไปแล้ว พลังจิตวิญญาณของหลี่ฟู่เฉินแข็งแกร่งผิดปกติ การลอบสังหารจะใช้ได้ก็ต่อเมื่อมันคือต้วนมู่หยุนหรือเจียนเสี่ยวเหมาเท่านั้น
ปิส!
ก่อนที่กริชจะถึงระยะหนึ่งเมตร ดาบก็แทงทะลุคอของศิษย์นิกายเร้นวิญญาณ
ดาบยื่นออกมาจากไหล่ขวาของหลี่ฟู่เฉิน ในช่วงเวลาสำคัญ หลี่ฟูเฉินยกมือขวาขึ้นแล้วแทงดาบทองดำไปด้านหลังผ่านคอ ฆ่าศัตรูด้วยความเร็วสูง มันราวกับว่าเขามีดวงตาคู่หนึ่งอยู่ที่ด้านหลังศีรษะของเขา
ดึงดาบออกมา หลี่ฟู่เฉินไม่แม้แต่จะมองศัตรูที่ถูกสังหารและกวาดสายตาของเขาไปยังฝูงชน
รวมแล้วได้สิบ นี้ค่อนข้างมากแน่นอน
“เข้ามา!”
แม้ว่าจะเผชิญหน้ากับทั้งสิบคน หลี่ฟู่เฉินก็ไม่มีแม้แต่ความกลัวใดๆ
“ให้คู่อสูรขาวดำเช่นพวกข้าลองทักษะ”
อาวุธที่อสูรดำเลือกเป็นไม้สีดำ ขณะที่อสูรสีขาวเป็นโซ่สีขาว พวกเขาเปิดฉากโจมตีอย่างตรงไปตรงมา เข้าล้อมทั้งซ้ายและขวาของหลี่ฟู่เฉิน
ใครก็สามารถบอกได้อย่างง่ายดายว่าคู่อสูรขาวดำนั้นเชี่ยวชาญในการผสานการโจมตี การโจมตีของอสูรดำนั้นคาดเดาได้อยากและทรงพลัง สะกดข่ม และเต็มไปด้วยพลังงานหยาง ในขณะที่อสูรขาวเป็นการโจมตีที่เงียบเชียบและเบาบาง ลวงหลอก และเต็มไปด้วยพลังงานหยิน ด้วยการหนุนเสริมกันและกันด้วยจึงกลายเป็นกระบวนท่าที่ลึกซึ้งและหนักแน่น การโจมตีของพวกเขาไร้ที่ติ ไม่อนุญาตให้ฝ่ายตรงข้ามหลบหนีใดๆ
“กลับไปยังที่พวกเจ้ามา!”
ด้วยการเขย่าดาบทองดำในมือของหลี่ฟู่เฉิน ลำธารแสงมากมายของพลังฉีดาบดาวตกก็ถูกปล่อยออกมา
เก้ง เก้ง เก้ง เก้ง เก้ง…
ปิส!
คู่อสูรขาวดำถูกส่งกลับไปยังที่ที่พวกเขามา แต่ก็นำมาซึ่งการบาดเจ็บและรอยแผลเป็นจากดาบถึงขั้นอันตราย
“เวรเอ้ย เจ้าแข็งแกร่งขนาดนี้ได้เช่นไร” อสูรดำมองลงไปที่หน้าอกที่ถูกย้อมไปด้วยเลือดของเขาด้วยใบหน้าที่ดำคล้ำ
แขนซ้ายของอสูรขาวแทบจะสูญเสียการใช้งาน เป็นดาบพลังฉีที่ตัดเส้นประสาทแขนข้างซ้ายของเขา
“ทุกคนเข้าไปพร้อมกัน ข้าไม่เชื่อว่าเขาจะสามารถต่อสู้กับพวกเราทั้งสิบคนพร้อมกันได้”
อาการบาดเจ็บก่อนหน้านี้ของกระบี่โลหิตหลิงหวงหายไปนานแล้ว เมื่อเห็นความกล้าหาญของหลี่ฟู่เฉินมันจึงทำให้ใจของเขาเยือกเย็นลง ขณะที่เขาตะโกน
“ฆ่า!”
ในขณะนี้เอง ไม่มีใครใส่ใจว่าสิ่งนี้จะไร้ศักดิ์ศรีหรือไร้ยางอาย
แต่หลี่ฟู่เฉินก็ไม่โง่ที่จะยืนนิ่งและต่อสู้กับพวกเขาทั้งสิบคน
เขาพุ่งไปรอบๆ และทุกครั้งที่เขาขยับ มันจะเข้าปะทะกับคนเพียงแค่ 2 หรือ 3 คน ซึ่งทำให้ทั้ง 10 คนไม่สามารถร่วมมือกันได้
ชวู!
เปิดใช้ท่าร่างศักดิ์สิทธิ์ วิสัยทัศน์รอบๆของหลี่ฟู่เฉินกลายเป็นไม่ชัดเจน เขามาถึงที่ศิษย์ของนิกายเร้นวิญญาณในทันทีและเฉือนไปที่คอของเขา
มันสามารถได้ยินเสียง ‘ปิสส’ อันดัง
ศีรษะบินขึ้นไปบนท้องฟ้าขณะที่เลือดพุ่งออกมาทั่วราวกับน้ำพุ มันเป็นภาพที่ยิ่งใหญ่ตระการตา ก็ในเมื่อที่เลือดพุ่งขึ้นสูงหลายเมตร
“ฮี่ฮี่ เจ้าจะไม่สามารถออกไปได้อย่างง่ายดาย หลังจากที่ฆ่าศิษย์นิกายเร้นลับของข้าไป”
วิญญาณเด็กเจียงเสี่ยวเหมาเป็นคนแคระ อัตราการหลบหลักของเขาคล่องแคล่วว่องไวกว่าคนอื่นๆ เช่นตอนที่หลี่ฟู่เฉินได้ลงมือสังหารศิษย์จากนิกายเร้นวิญญาณ เจียงเสี่ยวเหมาก็ปรากฏตัวจากด้านหลังของผู้ตาย และกำหนดเป้าหมายของปากกาวิญญาณไปที่หัวใจของหลี่ฟูเฉิน
(หมายเหตุ TL: ปากกาวิญญาณไม่ได้หมายถึงปากกาในโลกปัจจุบัน emei piercers อยากเห็นภาพลองไปเสริชดูแอดไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอะไร)
“ใครเป็นคนตัดสิน? ไปให้พ้น!”
หลี่ฟู่เฉินหมุนเท้าอย่างรวดเร็วและเตะเจียงเสี่ยวเหมาออกไป
ลูกเตะไร้เงา ไม่มีเงาหรือร่องรอยใดๆ แม้ว่ามันจะยังไม่ถึงขั้นภวังค์ หรือหลี่ฟู่เฉินยังไม่เข้าใจเจตจำนงของลูกเตะไร้เงาก็ตาม ขาก็ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายมนุษย์ ด้วยความเร็วขาของหลี่ฟู่เฉิน มันจึงไม่ได้ช้าไปกว่าความเร็วของดาบเขาเลย
เจียงเสี่ยวเหมาถูกส่งตัวออกไปบนท้องฟ้าโดยตรง อาเจียนออกมาเป็นเลือดอย่างน่ากลัว
ผู้ชายคนนี้จะดีทั้งทักษะดาบและทักษะขาได้อย่างไร?
“มองมาที่ข้า”
หลี่ฟูเฉินจ้องมองเข้าไปในดวงตาของวิญญาณสาวเย่ฮัวซึ่งปรากฏตัวขึ้นอย่างไม่รู้ตัว ดวงตาของเธอมีเสน่ห์มาก คล้ายกับวังวนที่พยายามจะดื่มด่ำกับวิญญาณของหลี่ฟู่เฉิน
ขณะนั้นเองหลี่ฟู่เฉินก็ส่งเสียงอันเยือกเย็นออกไปว่า ‘หึ’ ดวงตาของเขายิงแสงสีฟ้าที่มีร่องรอยของสีเขียวอยู่ภายใน
ปิส!
ทั้งสองฝ่ายไม่ได้แลกเปลี่ยนกระบวนท่าใดๆ แต่วิญญาณสาวเย่ฮัวกลับพ่นเลือดออกมาจริงๆ
มันเป็นผลย้อนกลับของทักษะลวงตาของเธอ
‘พลังวิญญาณของเขาแกร่งเกินไป ข้าต้องล่าถอย’
วิญญาณสาวเย่ฮัวก็รู้สึกกลัวเช่นกัน เธอตระหนักได้ว่าเธอยังคงประเมินจิตวิญญาณของหลี่ฟู่เฉินต่ำไป
ทักษะลวงตาของเธอไม่สามารถส่งผลกระทบต่อเจตนารมณ์ของเป้าหมายได้แม้แต่เพียงเล็กน้อย
“ปีศาจคลั่ง 28 ส่วน!”
“วิชาฝ่ามือเงาวิญญาณ!”
“วิชาหอกโลหิตมังกร!”
การใช้โอกาสสั้นๆ นี้ สามคนที่แข็งแกร่งที่สุดจากสามนิกายมารวมกันเพื่อเริ่มการโจมตีแบบหมู่
น่าเสียดายที่หลี่ฟู่เฉินเรียกคืนพลังฉีของเขากลับมาได้แล้ว เขาใช้พายุดาวตกเพื่อหยุดการโจมตีแบบหมู่ และถอยกลับออกไปเพียงสามก้าว
“เขายังคงเป็นมนุษย์อยู่ใช่ไหม?”
เฉินเฟ่ยเห่อจากนิกานโหมกระบี่ไม่ได้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับการต่อสู่และตั้งใจที่จะล่าถอย เขารอเวลาอีกครั้งและอีกครั้งขณะที่มองเข้าไปในถ้ำ
เขาวางแผนที่จะกำจัดคนที่อยู่ภายในถ้ำก่อน
“กำลังวางแผนที่จะเข้าไป? ตาย!”
ใช้งานท่าร่างศักดิ์สิทธิ์ หลี่ฟู่เฉินเข้าโจมตีก่อน เขาปรากฏตัวด้านข้างของเฉินเฟ่ยเห่อ ขณะที่กรีดดาบออกไปในแนวนอน
ด้วยเจตจำนงเพลิงแดงและเจตจำนงดาบดาวตกที่ระเบิดออกมา เฉินเฟ่ยเห่อก็กลายเป็นกระสอบที่ไร้ชีวิต ขณะที่เขาถูกเฉือนส่งออกไปในแนวนอน เขานอนอยู่นิ่งๆ ไม่ทราบว่าเขาตายหรือมีชีวิตอยู่
ด้วยการต่อสู้ที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ หนึ่งชั่วโมงผ่านไปและหลี่ฟู่เฉินยังไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ศัตรูของเขาทุกคนได้รับบาดเจ็บ
ใครจะคาดได้ว่าหลี่ฟูเฉินจะแข็งแกร่งเช่นนี้หลังจากก้าวเข้าสู่ขอบเขตต้นกำเนิดระดับที่ 9
ไม่เป็นไรถ้าเขาแข็งแกร่งขึ้น ประเด็นสำคัญคือการตอบสนองเฉียบพลันของเขา ไม่อนุญาตให้พวกเขามีโอกาสล้อมรอบเขา
เทคนิคลับท่าร่างของคู่ต่อสู้พวกเขาเอง ก็เร็วเท่าที่ขีดจำกัดจะสามารถมีได้
แม้ว่าจะไม่เต็มใจ กลุ่มของพวกเขาก็เข้าใจดีว่าหากดำเนินแบบนี้ต่อไป พวกเขาทั้งหมดจะสูญเสียกำลังการต่อสู้ของพวกเขา มันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้พลังฉีของหลี่ฟู่เฉินหมดลงไปเพราะเขาครอบครองเม็ดยาพลังฉีไว้เป็นจำนวนมาก อย่างน้อยมันต้องจะใช้เวลาอีกหนึ่งชั่วโมงก่อนพวกเขาจะได้เห็นเขากินลงไปสักเม็ดนึง
“ไปกันเถอะ!” หลี่หวูเซี่ยกล่าวออกมาคล้ายไม่เต็มใจ แต่ก็ประสงค์ร้ายไว้ในเวลาเดียวกัน
ชวู ชวู ชวู…
ร่างหนีไปทีละร่าง หลิงหวงหิ้วเฉินเฟ่ยเห่อและออกไป
คนสุดท้ายที่จะจากไปคือกระบี่คลั่งต้วนไห่
เขาคำรามขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยความเศร้าและการโหยหวน
ไม่มีใครขัดขวางพวกเขา ขณะที่หลี่ฟู่เฉินยืนอยู่นิ่งๆ ดูพวกเขาจากไปอย่างเงียบๆ
การต่อสู้อันยาวนานนี้ก็บั่นทอดพลังของเขาไปมากเช่นกัน ถ้าพวกเขาทั้งหมดยอมเข้าสู้เป็นตาย มันจะต้องจบแบบที่ฝ่ายใดฝ่ายนึงต้องพ่ายแพ้แน่นอน ความอ่อนล้าจากพลังฉีนั้นเป็นเรื่องเล็ก จิตวิญญาณที่อ่อนล้านั้นถึงเป็นปัญหาร้ายแรง หลังจากทั้งหมดแล้ว เขาก็ต่อสู้กับศัตรูมากมายด้วยตัวเขาเอง
บทที่ 158
ส่วนกลางของเขตแดนร้อยพฤกษาเร้นลับ
ใช้สมุนไพรระดับลึกลับไปจำนวนมาก หลิวหวูหวงและคนอื่นๆ พักฟื้นอย่างรวดเร็ว หลังจาก 2 ชั่วโมง พวกเขาทั้งหมดก็หายดีแล้ว
เมื่อเห็นหลี่ฟู่เฉินเข้ามา เซี่ยวหลี่ไบ๋ลืมตาก่อนแล้วถาม “หลี่ชิตี๋ พวกนั้นอยู่ที่ไหน?”
“พวกเขาจากไปแล้ว” หลี่ฟู่เฉินตอบ
“จากไปแล้ว?” เซี่ยวหลี่ไบ๋มองด้วยความตะลึง
เห็นได้ชัดว่าทำไมพวกเขาถึงจากไป เขาไม่ได้โง่ เว้นแต่จะเสียเปรียบในระหว่างการต่อสู้เท่านั้น ไม่งั้นศิษย์จากทั้งสามนิกายก็จะไม่มีวันจากไป เห็นได้ชัดว่าหลี่ฟู่เฉินใช้ความแข็งแกร่งเพียงอย่างเดียวเพื่อขับไล่ศัตรู
หลิวหวูหวงและหยูเหวินเทียนก็ลืมตาขึ้นเช่นกัน พวกเขามีความรู้สึกที่ซับซ้อน ไม่ว่าพวกเขาจะยอมรับหรือไม่ หลี่ฟู่เฉินก็แซงหน้าพวกเขาไปแล้ว ไกลเกินความคาดหมายที่พวกเค้าคาดการณ์ไปมาก
แน่นอน มันเป็นไปไม่ได้สำหรับพวกเขาที่จะยอมรับผลลัพธ์นี้ด้วยความเต็มใจ
เส้นทางของเต๋าแห่งการต่อสู้เพิ่งจะเริ่มต้น คนที่หัวเราะเป็นคนสุดท้ายเท่านั้นถึงจะเป็นผู้ชนะที่แท้จริง
ออกจากถ้ำ ห้าคนก็ค้นหาสมุนไพรต่อไป
ผลตัดปฐพีไม่เพียงแต่จะช่วยให้นักสู้ขอบเขตต้นกำเนิดระดับที่ 9 ก้าวขึ้นไปสู่ระดับที่ 1 ของขอบเขตปฐพีเท่านั้น มันยังสามารถช่วยให้นักสู้ขอบเขตปฐพีก้าวสู่ระดับที่ 2 ของขอบเขตปฐพีได้ด้วยเช่นกัน จะไม่มีใครบ่นสำหรับเรื่องนี้ได้
ด้วยแปดถุงเก็บ หลี่ฟูเฉินไม่กังวลว่าเขาจะเก็บเกี่ยวสมุนไพรมากเกินไปหรือไม่ ตราบใดที่มันเป็นสมุนไพรสีเหลืองระดับสูหรือสมุนไพรระดับสูงกว่า หลี่ฟูเฉินจะเก็บเกี่ยวมัน
สำหรับคนอื่นๆ …
เซี่ยวหลี่ไบ๋และหลิวหวูหวงมีที่เก็บกระเป๋าสองใบ เฉินฟางหัวเดิมมีแค่หนึ่ง แต่หลี่ฟู่เฉินก็มอบถุงเก็บของหลูเสี่ยวเฟ่ยให้เธอ แต่ช่างน่าเสียดายที่มีตรานิกายวารีครามอยู่ ซึ่งจะต้องถูกส่งกลับไปยังนิกายเมื่อออกจากเขตแดนร้อยพฤกษาเร้นลับ
ในบรรดาทั้งห้าคน หยูเหวินเทียนเป็นคนเดียวที่มีถุงเก็บเพียงใบเดียว
ที่ริมแม่น้ำ เซี่ยวหลี่ไบ๋พบสมุนไพรหวนคืนกำเนิด
“หยูชิตี๋ สำหรับเจ้า” เซี่ยวหลี่ไบ๋ส่งสมุนไพรหวนคืนกำเนิดไปให้หยูเหวินเทียน
“ขอบคุณเซี่ยวชิเซียง”
หยูเหวินเทียนยินดีเป็นอย่างยิ่ง ระดับการฝึกฝนของเขาต่ำเกินไป แม้แต่กระทั้งหลี่ฟู่เฉินที่อยู่ในขอบเขตต้นกำเนิดระดับที่ 7 แต่เดิมก็ก้าวล้ำเขาไป เรื่องนี้รบกวนเขามาระยะหนึ่งแล้ว
ด้วยพวกเขาสี่คนรอบๆ หยูเหวินเทียนไม่ได้มีข้อกังวลใดๆ และเริ่มทำการปรับแต่งสมุนไพรหวนคืนกำเนิด
2 ชั่วโมงต่อมา การฝึกฝนของหยูเหวินเทียนก้าวหน้ามาถึงระดับที่ 9 ขอบเขตต้นกำเนิดอย่างเป็นทางการ
เขาเพียงแค่ต้องการผลตัดปฐพีเพื่อที่จะได้ตัดผ่านเป็นนักสู้ขอบเขตปฐพีระดับที่ 1
โดยธรรมชาติแล้ว ผลตัดปฐพีหายากกว่าสมุนไพรหวนคืนกำเนิดเป็นสิบเท่า จนถึงปัจจุบัน เฉินฟางหัวเท่านั้นที่ใช้มันไปแค่หนึ่งอัน ส่วนที่เหลือของพวกมันเป็นของพวกที่ระงับการบ่มเพาะของตัวเองและตัดผ่านหลังจากเข้ามาในเขตแดนร้อยพฤกษาเร้นลับ โดยไม่ได้รับความช่วยเหลือจากผลตัดปฐพี
‘ภายในรัศมี 200 ไมล์ของเขตแดนร้อยพฤกษาเร้นลับ ควรมีสมุนไพรหวนคืนกำเนิดและผลตัดปฐพีอยู่เป็นจำนวนมาก’ หลี่ฟู่เฉินไม่ได้คิดเกี่ยวกับตัวเอง แต่เป็นพ่อแม่ของเขา ถ้าเขาสามารถนำสมุนไพรหวนคืนกำเนิดมาได้ มันจะช่วยให้พ่อแม่ของเขาก้าวหน้าไปถึงระดับที่ 9 ของขอบเขตต้นกำเนิด
บูม!
ในขณะที่หลี่ฟู่เฉินยังคงไตร่ตรองอยู่ ห่างออกไปสามสิบไมล์เป็นเสาหลักจิตวิญญาณพลังฉีพุ่งพรวดขึ้นสู่ท้องฟ้า
เสาจิตวิญญาณขนาดใหญ่นี้เพียงพอที่ผู้คนจะเห็นมันอย่างชัดเจน แม้จะอยู่ห่างออกไปหลายสิบไมล์
“ส่วนกลางของเขตร้อยพฤกษาเร้นลับ มีคนพบส่วนกลางของเขตแดนร้อยพฤกษาเร้นลับ” เซี่ยวหลี่ไบ๋อ้าปากค้าง
ภายในเขตแดนร้อยพฤกษาเร้นลับเป็นพื้นที่ที่อุดมไปด้วยพลังสวรรค์และโลก นั้น เป็นส่วนกลางของเขตแดนร้อยพฤกษาเร้นลับ มันเป็นที่ที่ความหนาแน่นพลังงานสวรรค์และโลกอุดมสมบูรณ์มากที่สุด ซึ่งเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมสมุนไพรมีค่าถึงปรากฏขึ้นที่นั่น
ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา มีคนเพียงหนึ่งหรือสองกลุ่มเท่านั้นที่ส่วนกลางของเขตแดนร้อยพฤกษาเร้นลับ
มันไม่ใช่สิ่งที่ทุกกลุ่มสามารถค้นพบได้
“มา ไปกันเถอะ” หลี่ฟู่เฉินเริ่มมีชีวิตชีวาและวิ่งไป
เสาจิตวิญญาณพลังฉีนั้นใหญ่เกินไป ทุกคนเขตแดนร้อยพฤกษาเร้นลับจะเห็นมันอย่างแน่นอน
“ข้าต้องเป็นคนแรกที่จะเข้าสู่ใจกลางของเขตแดนร้อยพฤกษาเร้นลับ หากข้าได้รับผลตัดปฐพีมาอีกชิ้นหนึ่ง ข้าก็จะสามารถก้าวไปสู่ระดับที่ 2 ของขอบเขตปฐพี ตอนนั้นแล้ว ข้าก็จะสามารถเอาชนะหลี่ฟู่เฉินได้”
ขอบเขตปฐพีเป็นขอบเขตที่สามของเต๋าแห่งการต่อสู้ ความแตกต่างของแต่ละระดับขอบเขตนี้มีความสำคัญมากกว่าความแตกต่างของระดับระหว่างขอบเขตต้นกำเนิด หลี่หวูเซี่ยถูกครอบงำด้วยเจตนาสังหารที่มีต่อหลี่ฟู่เฉิน ถ้าเขาไม่สามารถ เขาก็จะไม่สามารถทำจิตใจให้สงบลง
มันเหมือนกันสำหรับคนอื่นๆ ทุกคนต้องการผลตัดปฐพีเช่นกัน
ที่ส่วนกลางของเขตแดนร้อยพฤกษามีโครงสร้างโบราณ โครงสร้างเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นด้วยแผ่นศิลาขนาดยักษ์ และปล่อยสภาวะพลังฉีออกมาเป็นจำนวนมาก
กลางอาคารมีสวนสมุนไพรเล็กๆ หยางชิงหวูนั่งอยู่บนเสาหินขนาดยักษ์และกำลังบ่มเพาะ สภาวะพลังฉีของเธอเปล่งประกายออกมาทั้งมืดและสว่าง
ไม่รู้ว่ามันนานแค่ไหนแล้ว บนท้องฟ้าเหนือสวนสมุนไพร คลื่นพลังงานสวรรค์และโลกมารวมตัวกันและพุ่งเข้าชนหยานชิงหวู
สภาวะพลังฉีของหยานชิงหวูเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง เสื้อคลุมและผมยาวของเธอโบกสะบัดทั้งๆ ที่ไร้สายลม ส่งผลให้เกิดความรู้สึกโดดเด่น
บูมม!
เปิดตาทั้งสองของเธอ สายตาเย็นชา แต่ทว่างดงามก็ลืมขึ้น
“นี่คือขอบเขตปฐพีระดับที่ 1”
หยานชิงหวูดึงดาบโค้งสีดำของเธอออกมา และตวัดลงไป
ครืน
ก้อนหินยักษ์ที่อยู่ไม่ไกลออกไปแยกออกเป็นสองส่วนอย่างเรียบร้อยหมดจด ส่วนที่เหลือของกระบี่พลังฉีและแยกพื้นผิวออก
แต่เพียงไม่นาน หินก็รวมตัวกลับมาและพื้นดินก็ฟื้นคืนอย่างรวดเร็ว
เพียงพริบตา มันราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หยานชิงหวูตระหนักรู้มานานแล้วว่าเขตแดนร้อยพฤกษาเร้นลับมีความสามารถในการกู้คืนอัตโนมัติ แต่ในส่วนหลักของเขตแดนร้อยพฤกษาเร้นลับ มันมีความสามารถในการฟื้นฟูของมันเพิ่มขึ้นสิบเท่า
“บางคนกำลัง?” หยานชิงหวูมองไปที่ทางเข้าอาคาร
“มันเป็นชิงหวูชิเหม่ย เจ้าก้าวขึ้นสู่ขอบเขตปฐพีระดับที่ 1 แล้วเช่นกัน?” แน่นอนว่าผู้นำคือ หลี่หวูเซี่ย
เห็นหยางชิงหวู ศิษย์นิกายโหมกระบี่และนิกายเร้นวิญญาณเกิดเจตนาสังหาร เปรียบเทียบกับหลี่ฟู่เฉิน พวกเขาต้องการฆ่าหยานชิงหวูมากกว่า เพราะการฆ่าหยานชิงหวูจะทำให้พวกเขาได้รับรางวัลมากมายจากนิกายของตัวเอง
สำหรับหลี่ฟู่เฉิน เขาอาจจะน่ากลัวในตอนนี้ แต่ตามข้อมูลจากหน่วยสำรวจของนิกาย เขาเป็นเพียงโครงกระดูกปกติ ใครจะรู้ว่าเมื่อไรที่เขาจะเข้าสู่สภาวะตกต่ำ
แต่หยานชิงหวูเป็นโครงกระดูก 6 ดาว ตราบใดที่ไม่มีอุบัติเหตุ เธอจะกลายเป็นภัยคุกคามในอนาคต
แน่นอน ถ้าสองคนนั้นถูกสังหาร มันจะดีที่สุด
‘ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะทำให้ศัตรูตื่นตัว รอจนกระทั่งวันสุดท้าย’ ต้วนมู่หยุนคิดกับตัวเอง
อีกด้านหนึ่งของโครงสร้าง กลุ่มของหลี่ฟู่เฉินรีบเข้ามา
“มีคนอยู่ที่นี่?”
มองไปยังโครงสร้างที่รกร้าง เฉินฟางหัวอดไม่ได้ที่จะถาม
เซี่ยวหลี่ไบ๋กล่าว “ตามตำนาน บุคคลที่มีความสามารถอย่างแท้จริงเข้าควบคุมเขตแดนร้อยพฤกษาเร้นลับ หรือบางที ครั้งหนึ่งเคยมีนักสู้ที่น่าเกรงขามอยู่ภายในเขตแดนร้อยพฤกษาเร้นลับ”
หลี่ฟูเฉินพยักหน้า เขาอ่านบันทึกที่คล้ายกันเช่นกัน ผู้เชี่ยวชาญที่น่าเกรงขามบางคนมีอยู่จริงซึ่งพวกเขาไม่สามารถจินตนาการได้ ความสามารถในการควบคุมลมและฝน บินขึ้นไปบนท้องฟ้าและดำดิ่งลงสู่พื้นดิน สร้างสิ่งต่างๆ จากความว่างเปล่า ความสามารถทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญทำได้เท่านั้น ได้มีการกล่าวกันว่าฝ่ามือขนาดเท่าอ่างยักษ์ในเขตแดนร้อยพฤกษเร้นลับนั้นเกิดจากการปะทะฝ่ามือของผู้เชี่ยวชาญ
แน่นอน บันทึกก็คือบันทึก ไม่ว่าจะจริงหรือไม่ ไม่มีใครรู้ ภายในดินแดนไร้ขอบเขตนี้ ขอบเขตหวนคืนกำเนิดเป็นสิ่งมีชีวิตสูงสุดที่ทุกคนรู้จัก ไม่มีใครเคยเห็นต้นแบบของขอบเขตที่สูงกว่า
บางทีก็ต่อเมื่อถึงขอบเขตหวนคืนกำเนิด ถึงจะรู้ว่ามีขอบเขตที่สูงกว่าอยู่จริง
หลังจากเข้าไปในอาคาร ทั้งห้าคนก็รู้สึกถึงความแตกต่างได้อย่างชัดเจนสำหรับความหนาแน่นของพลังงานสวรรค์และโลก ทุกลมหายใจ ร่องรอยแห่งพลังงานสวรรค์และโลกจะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย บำรุงเส้นชีพจร มันไม่เกินความจริงหากจะกล่าวว่า ถ้าคนธรรมดาอยู่ที่นี่นานพอ มันจะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าสิบเท่าหากพวกเขาได้ฝึกฝนในโลกภายนอก
บทที่ 159
ขอบเขตปฐพีระดับที่ 1
(โครงสร้างหินเหมือนกันกับอาคารหิน)
โครงสร้างหินยื่นออกไปทุกทิศทาง เหมือนเขาวงกต หลี่ฟู่เฉินและกลุ่มของเขาเข้ามาได้อย่างง่ายดาย แต่ไม่สามารถหาทางที่พวกเขาเข้ามาได้
ยิ่งไปกว่านั้น ภายในโครงสร้างหิน กลุ่มของพวกเขากระโดดขึ้นไปได้ด้วยความสูงที่จำกัด เพียงไม่นานขณะที่พวกเขามาถึงความสูงที่ 2 เมตร สภาวะพลังที่มองไม่เห็นก็มากดทับลงบนร่างกายของพวกเขา
“โครงสร้างหินเหล่านี้แปลกจริงๆ ไม่น่าแปลกใจที่นี่ถึงเป็นที่อยู่ของนักสู้ระดับผู้เชี่ยวชาญ” เฉินฟางหัวพึมพัมกับตัวเอง
เธอเชื่อมั่นว่านี่คือที่อยู่อาศัยของผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริง เขตแดนเร้นลับทั้งหมดอยู่ภายใต้การควบคุมของผู้เชี่ยวชาญ แต่เนื่องจากเวลาผ่านไป ผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริงก็ไม่ได้อยู่ที่นี่อีกต่อไป
เดินบนถนนหิน หลี่ฟู่เฉินยื่นมือออกไปและดูดบางสิ่ง… ก้านสมุนไพรที่เติบโตแล้วในซอกหินถูกนำมาไว้ในมือของเขา
เห็นได้ชัดว่ามันเป็นก้านสมุนไพรระดับสีเหลือขั้นสูงสุด มันเติบโตขึ้นคล้ายกับวัชพืชตามป่าภายในบริเวณส่วนกลางนี้
ที่ด้านข้างของทางเท้า บนกำแพง และแม้แต่กระทั่งท่อระบายน้ำ ทุกที่มีสมุนไพรเติบโตอยู่เต็มไปหมด ส่วนใหญ่เป็นสีเหลืองระดับสูงสุด มีสมุนไพรระดับลึกลับขั้นต่ำบ้างเป็นครั้งคราว
“โลกของผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริงเป็นสิ่งที่เราไม่มีวันเข้าใจ” เซี่ยวหลี่ไบ๋ส่ายหัว
ไม่ว่าจะเป็นภายในโครงสร้างหินหรือภายนอก มันมีสมุนไพรมากเกินไป พวกเขาค่อนข้างตื่นเต้นในตอนแรก แต่ตอนนี้ พวกเขาค่อนข้างคุ้นเคยกับมัน
ตอนนี้ เฉพาะสมุนไพรหวนคืนกำเนิด ผลตัดปฐพี หรือสมุนไพรที่อยู่ในระดับลึกลับขั้นสูงขึ้นไปเท่านั้นที่จะทำให้พวกเขาตื่นเต้นได้
หลังจากหนึ่งชั่วโมง ในที่สุดพวกเขาทั้งห้าก็เดินออกจากเขาวงกตและมาถึงที่ลานกว้าง ทางด้านตะวันตกมีสวนสมุนไพรขนาดเล็ก
“นั่นคือ… ผลตัดปฐพีหรือไม่?”
หยูเหวินเทียนชี้ไปที่ใจกลางของสวน ขณะที่ร่างกายของเขาสั่นอย่างรุนแรง
ในขณะที่พวกเขามองไป พวกเขาเห็นสวนสมุนไพรที่ล้อมรอบไปด้วยก้อนหินขนาดใหญ่และมีสมุนไพรชั้นเลิศกว่า 20 ชนิด ตรงกลางนั้นมีผลตัดปฐพีอยู่ 3 ผล
“3 ผลปรากฏขึ้นในที่เดียวกัน นี่ดูเหมือนจะไม่จริงซักเท่าใด” เซี่ยวหลี่ไบ๋รู้สึกประหลาดใจ
เฉินฟางหัวกล่าว “ข้าคิดว่าเราจำเป็นต้องตั้งกฏสำหรับการแบ่งกัน หากไม่ มันจะเป็นการทำให้หลี่ชิตี๋เสียเปรียบเกินไป”
หลี่ฟูเฉินเป็นผู้มีส่วนร่วมที่ยิ่งใหญ่ที่สุด และเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงยังมีชีวิตอยู่
เซี่ยวหลี่ไบ๋พยักหน้า “เฉินชิเหม๋ยกล่าวถูก ลองตั้งมาดู! สมุนไพรที่มีค่าทั้งหมดที่เราพบ ครึ่งนึงจะเป็นของหลี่ชิตี๋ อีกครึ่งหนึ่งจะใช้ร่วมกันโดยเราสี่คน หากใครมีความคิดเห็นใดๆ ตอนนี้เจ้าสามารถกล่าวออกมาได้”
สายตาของหลิวหวูหวงและหยูเหวินเทียนนั้นเต็มไปด้วยร่องรอยของความไม่พอใจ แต่พวกเขาก็ไม่ได้กล่าวความคิดเห็นใดๆ แม้ว่าจะออกความคิดเห็นกับเซี่ยวหลี่ไบ๋ มันก็จะจบลงด้วยการชนะของเสียงข้างมาก เซี่ยวหลี่ไบ๋และเฉินฟางหัวจะสนับสนุนหลี่ฟูเฉินแน่นอน
“ตั้งแต่ที่พวกเจ้าไม่มีความคิดเห็นใดๆ งั้นก็ตกลงตามนี้ หลี่ชิตี๋ เจ้าคิดอย่างไร?” เซี่ยวหลี่ไบ๋มองไปที่หลี่ฟู่เฉินและกล่าวถาม
หลี่ฟู่เฉินกล่าว “ฟังดีดูทีเดียว”
เขาไม่โง่ที่จะปฏิเสธข้อเสนอ ก็ในเมื่อมันเป็นสิ่งที่เขาสมควรได้รับ
นอกจากผลตัดปฐพีทั้งสาม มันยังมีสมุนไพรหวนคืนกำเนิดสี่ต้นและสมุนไพรระดับลึกลับขั้นต่ำอื่นๆ
หลี่ฟู่เฉินกล่าว “ข้าต้องการผลตัดปฐพีหนึ่งผลและสมุนไพรอื่นๆ เจ้าสามารถพูดคุยเกี่ยวกับผลตัดปฐพีอีกสองได้ที่หมู่พวกเจ้าเอง”
ตามกฎที่พวกเขาตั้ง ผลนึงของผลตัดปฐพีมีคุณค่ามากกว่าสมุนไพรอื่น ๆ
สาเหตุที่เขาไม่ต้องการผลตัดปฐพีทั้งหมด เป็นเพราะเขาต้องการให้ผู้อื่นได้เพิ่มความสามารถโดยรวมของตนเองด้วย หลังจากทั้งหมดแล้ว แน่นอนว่าต้องมีการต่อสู้ที่ดุเดือดยิ่งกว่ารออยู่
ยิ่งไปกว่านั้น ภายในโครงสร้างหินเหล่านี้ ไม่น่ามีผลปฐพีอยู่เพียงน้อยนิดเช่นนี้
“ข้าต้องการผลตัดปฐพีหนึ่งผล ในอนาคตข้ารับสิ่งที่จะหาพบเจอน้อยลงให้” หยูเหวินเทียนหมดหวังที่จะพัฒนาพลังบ่มเพาะเข้าสู่ระดับที่ 1 ของขอบเขตปฐพี
“ข้าเองก็ต้องการมันเช่นกัน” หลิวหวูหวงกล่าว
เซี่ยวหลี่ไบ๋กล่าว “ได้ ผลตัดปฐพีทั้งสองนี่จะมอบให้พวกเจ้าก่อน”
พลังบ่มเพาะของหยูเหวินเทียนนั้นต่ำเกินไปและสมควรได้รับผลตัดปฐพี หลิวหวูหวงเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ด้อยกว่าแค่หลี่ฟู่เฉิน ถ้าเขาสามารถก้าวไปสู่ระดับที่ 2 ของขอบเขตปฐพีได้ เช่นนั้นแล้วเขาจะเพิ่มพลังต่อสู้ของเขาได้อย่างมีนัยสำคัญ
เช่นนี้เอง การแจกจ่ายสมุนไพรให้สวนสมุนไพรขนาดเล็กก็เสร็จสิ้น
เก็บสมุนไพรที่เหลือ เหลือไว้เพียงแต่ผลตัดปฐพี หลี่ฟู่เฉินนั่งลงและเริ่มบ่มเพาะ
หยูเหวินเทียนนั่งลงเช่นกัน
หลิวหวูหวง เซี่ยวหลี่ไบ๋และเฉินฟางหัวช่วยปกป้องพวกเขาทั้งสองคน
โคจรเทคนิคเปลวเพลิงลี้ลับหลายสิบครั้ง หลี่ฟู่เฉินบริโภคผลตัดปฐพี
มันก็คุ้มค่าสมกับชื่อผลตัดปฐพี ผลการบำรุงล่อเลี้ยงนั้นเหนือกว่าสมุนไพรหวนคืนกำเนิดถึงสองเท่า ด้วยฤทธิ์ของยาที่แพร่กระจาย หลี่ฟูเฉินรู้สึกว่าจิตใจของเขาว่างเปล่า เป็นไปโดยที่ไม่รู้สึกว่าทั้งการต่อต้านหรือดิ้นรน
15 นาที 1 ชั่วโมง…
2 ชั่วโมงต่อมา ท้องฟ้าเริ่มมืดลง
ในช่วงเวลาตอนเย็น หยูเหวินเทียนเป็นคนแรกที่ตัดผ่านสำเร็จ
พลังฉีอันน่าทึ่งมารวมตัวกันอยู่ที่หยูเหวินเทียน สภาวะพลังฉีของเขาเปลี่ยนไป ขณะที่มันปลดปล่อยความกล้าหาญออกมาเล็กน้อย
แต่ไม่นานหลังจากนั้น การปรากฏตัวของสภาวะพลังฉีอีกอันที่น่าทึ่งกว่าก็ออกมา
มันเป็นหลี่ฟู่เฉินที่กำลังตัดผ่าน
“คลื่นพลังฉีที่น่ากลัวอะไรเช่นนี้”
เซี่ยวหลี่ไบ๋และอีกสองคนตกใจ
ความปั่นป่วนก่อนหน้านี้ไม่สามารถเปรียบเทียบกับของหลี่ฟู่เฉินได้ ขณะนั้นเองเขาก็ตัดผ่านไประดับที่ 1 ของขอบเขตปฐพี
ภายใต้สิ่งที่พวกเขากำลังรู้สึก พลังฉีที่ด้านข้างนั้นมีขนาดใหญ่กว่าทางหยูเหวินเทียนถึงสามเท่า มันกำลังก่อรูปร่างเหนือหลี่ฟู่เฉิน มันคล้ายกับการรวมตัวกันของยักษ์
ด้วยสภาวะพลังฉีที่ปรากฎขึ้นมาเพิ่มเติมนี้ พลังฉีเหนือหัวหยูเหวินเทียนเริ่มสั่นคลอนอย่างรุนแรง มันคล้ายกับกำลังจะล่มสลาย
หยูเหวินเทียนรู้สึกได้ถึงสัญญาณแปลกๆ และดูดซับพลังฉีเข้าสู่ร่างกายของเขาอย่างรวดเร็ว
บูม!
เสียงแปลกๆ ดังมาจากภายในร่างกายของเขา ขณะที่สภาวะพลังฉีที่ลอยอยู่บนหัวหยูเหวินเทียนบนท้องฟ้า เริ่มแผ่กระจายไปทั่วทุกทิศทาง
นักสู้ขอบเขตปฐพีสามารถใช้สภาวะพลังฉีของเขาเพื่อสกดขมจัดการศัตรู หากสภาวะพลังฉีของเขาแข็งแกร่งเพียงพอ มันจะสามารถตรึนักสู้ขอบเขตต้นกำเนิดได้อย่างง่ายดายและทำให้เขาหยุดอยู่นิ่งเฉย
ค่อยๆ ลืมตา หยูเหวินเทียนมีสีหน้าพึงพอใจ
ด่านพลังระดับที่ 1 ขอบเขตปฐพีนั้นน่าเกรงขามเกินไป ใช้ความรู้สึกของเขา เขาสามารถรู้สึกได้ถึงพลังงานที่ไหลเวียนรอบๆ รู้สึกเหมือนเขามีพลังมหัศจรรย์บางอย่าง รู้สึกราวกับว่าเขาเป็นผู้ควบคุมทุกอย่าง
แต่ในไม่ช้า สีหน้าพึงพอใจของหยูเหวินเทียนก็หายไป ในความรู้สึกของเขา เขารู้สึกได้ว่ามีพลังฉีมหาศาลที่สะสมอยู่เหนือหลี่ฟู่เฉิน มันคล้ายกับสัตว์ประหลาด ที่กำลังสูบพลังสวรรค์และโลกมาหาตัวมัน
ขณะที่พลังฉีไหลเข้าสู่ร่างกายของเขา ร่างของหลี่ฟู่เฉินดูเหมือนจะขยายตัวขึ้นเล็กน้อย การระเบิดเล็กๆ จำนวนนับไม่ถ้วนกำลังสะท้อนอยู่ภายในร่างกายของเขา ขณะนี้เอง สภาวะพลังฉีที่ถูกกักกันเอาไว้ก็ถูกปล่อยออกมา แม้ว่าทั้งสี่คนจะอยู่ในระดับที่ 1 ของขอบเขตปฐพี พวกเขาก็ยังรู้สึกอึดอัดอย่างยิ่ง ราวกับว่าร่างกายของพวกเขาหนักขึ้นและรู้สึกเป็นอัมพาต
‘นี่คือขอบเขตปฐพีที่แท้จริง แม้ว่าข้าจะหลับตา ข้าก็ยังรู้สึกถึงการมีอยู่ของผู้อื่น’
ภายในจิตวิญญาณของเขา หลี่ฟูเฉินสามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของพลังงานสวรรค์และโลกได้อย่างชัดเจน เขายังรู้สึกถึงคลื่นพลังฉีของบุคคลทั้งสี่ มันคล้ายกับเตาสี่เตาที่ไม่สามารถมองเห็นได้
“ยินดีด้วยที่พวกเจ้าทั้งสองก้าวเข้าสู่ขอบเขตปฐพี” เซี่ยวหลี่ไบ๋หัวเราะ
ด้วยความก้าวหน้าของหลี่ฟู่เฉินที่อยู่ในระดับที่ 1 ของขอบเขตปฐพี ร่องรอยสุดท้ายของความกังวลของเขาก็หายไปเช่นกัน
“หลี่ชิตี๋ ระดับและความสามารถของเจ้าในตอนนี้อยู่ระดับใด?” เฉินฟางหัวกล่าวถามอย่างสงสัย
หลี่ฟู่เฉิน “ดาบเดียว ฆ่าไม่ว่าใครก็ตาม”
การพัฒนาของเขาจากระดับที่ 9 ของขอบเขตต้นกำเนิดมาจนถึงระดับที่ 1 ของขอบเขตปฐพีไม่เพียงเพิ่มความสามารถพื้นฐานเท่าหรือสองเท่า แม้แต่หลี่ฟู่เฉินก็ไม่สามารถระบุได้อย่างแน่นอน หลังจากทั้งหมดแล้ว สิ่งที่เขาเพิ่งตัดผ่านไม่ใช่ระดับชั้นและเป็นขอบเขต
“เยี่ยมมาก” ดวงตาของเฉินฟางหัวสว่างขึ้น
“หลิวชิตี๋ ตอนนี้เจ้าสามารถมุ่งเน้นไปที่การตัดผ่านได้ ด้วยการปกป้องจากหลี่ชิตี๋ เจ้าควรสบายใจ” เซี่ยวหลี่ไบ๋กล่าวกับหลิวหวูหวง
หลิวหวูหวงพยักหน้า หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความคาดหวัง บางทีหลังจากเขาก้าวเข้าสู่ระดับที่ 2 ของขอบเขตปฐพี บางทีความสามารถของเขาอาจตัวต่อตัวกับหลี่ฟู่เฉินได้
บทที่ 160
เผชิญหน้าอีกครั้ง
การพัฒนาไปยังระดับที่ 2 ขอบเขตปฐพีของหลิวหวูหวงไม่โดดเด่นมากนัก ไม่เหมือนกับการพัฒนามายังระดับที่ 1 ขอบเขตปฐพีของหลี่ฟู่เฉิน
หากอธิบายพลังฉีที่พัฒนาขึ้นของหลี่ฟู่เฉินถือเป็นมังกรยักษ์ การพัฒนาของหลิวหวูหวงก็ถือว่าเป็นงูใหญ่ นั่นค่อนข้างแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ
แต่ถึงเป็นเช่นนั้น ระดับที่ 2 ขอบขอบเขตปฐพีก็ถือเป็นระดับ 2 สภาวะพลังฉีที่ปรากฏออกมาคล้ายกับพายุหมุน ส่งแรงกดดันมหาศาลแก่เซี่ยวหลี่ไบ๋ เฉินฟางหัว และหยูเหวินเทียน
“ด้วยความสามารถของเราห้าคนรวมกัน เราจะสามารถต่อสู้กับทั้งสามนิกายได้ในตอนนี้”
เซี่ยวหลี่ไบ๋รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ก่อนหน้านี้ หลี่ฟูเฉินเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถต่อสู้กับศิษย์จากทั้งสามนิกายได้ พวกเขาไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย และนั่นทำให้เขาผิดหวัง ความรู้สึกที่ได้รับการปกป้องเป็นสิ่งที่เขาไม่พึงปรารถนามากนัก
โครงสร้างหินมีขนาดใหญ่ และพวกเขาห้าคนก็สำรวจต่อไปลึกขึ้น
***
“คี่คี่ ในที่สุดก็ถึงระดับที่ 2 ของขอบเขตปฐพี”
“นี่คือความรู้สึกของระดับที่ 2 ขอบเขตปฐพี?”
ในส่วนลึกของโครงสร้างหินเป็นสวนสมุนไพรขนาดกลาง หลี่หวูเซี่ย ต้วนไห่ และต้วนมู่หยุนทั้งหมดก้าวไปสู่ระดับที่ 2 ของขอบเขตปฐพี สภาวะพลังฉีขนาดใหญ่ของทั้งสามคนลุกหือขึ้นสู่ท้องฟ้า แรงกดดันจากสภาวะพลังฉีที่มาจากพวกเขาทั้งสามคน ทำให้คนที่อยู่ในรัศมีหลายร้อยเมตรนี้กลายเป็นหายใจไม่ออกเนื่องจากแรงกดดัน
“ดูเหมือนว่าสวรรค์กำลังจับตามองพวกเราอยู่ พวกเรากลับพบสวนสมุนไพรขนาดกลางที่มีผลตัดปฐพีถึงหกผลอยู่จริงๆ” ต้วนมู่หยุนหัวเราะเบาๆ
“ตอนนี้เราสามารถเอาชนะหลี่ฟู่เฉินได้ด้วยตัวคนเดียว หากเราร่วมมือกัน เราจะสามารถเปลี่ยนให้เขากลายเป็นฝุ่นผ่งได้ด้วยการโจมตีครั้งเดียว” หลี่หวูเซี่ยกล่าวอย่างจริงจัง
ความรู้สึกแข็งแกร่งเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์ ความสามารถในการควบคุมชีวิตและความตายของผู้อื่นนั้นน่าพึงพอใจมากยิ่งกว่านั้น
ต้วนไห่ไม่ได้กล่าวสิ่งใด แต่รัศมีสังหารที่ออกมาจากร่างกายของเขานั้นช่างน่าเชื่อถือกว่าคำกล่าวไร้ประโยชน์ใดๆ
เห็นได้ชัดว่าการดำรงอยู่ของหลี่ฟู่เฉินส่งผลต่ออารมณ์ของเขาอย่างมาก
“เอาหล่ะ ตอนนี้พวกเราตัดผ่านได้แล้ว ถึงตาของเจ้าแล้ว” หลี่หวูเซี่ยกล่าวกับ อสูรดำ หลิงหวง และเจียงเสี่ยวเหมา
มีผลตัดปฐพีทั้งหมดหกผล ทั้งสามนิกายแบ่งกันคนละสองผล มีเพียงแค่หยานชิงหวู อสูรขาว และวิญญาณสาวเย่ฮัวเท่านั้นที่ไม่ได้รับส่วนแบ่ง
หยานชิงหวูเคยพบสวนสมุนไพรขนาดเล็ก ดังนั้นเธอควรจะมีผลตัดปฐพีอยู่ก่อนแล้ว
ขณะนี้อสูรขาวและวิญญาณสาวเย่ฮัวต้องรอไปก่อน
“ดี!”
อสูรดำ หลิงหวง และเจียงเสี่ยวเหมาไม่สามารถรอได้อีกและนั่งลงก่อนที่จะฝึกฝน พวกเขาบริโภคผลตัดปฐพี
***
เมื่อท้องฟ้ามืดลง ดาวก็สามารถมองเห็นได้รางๆ
หลี่ฟูเฉินและกลุ่มต่างก็เคลื่อนไหวลึกเข้าไปในโครงสร้างหิน หวังว่าจะพบสวนสมุนไพรอีกสักแห่งสองแห่ง
ไม่ทราบว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด ห่างออกไปทางทิศตะวันออกหลายไมล์ มันเป็นคลื่นของพลังงานที่ทำให้ใจเต้นระรัว
“มีคนกำลังตัดผ่าน” เฉินฟางหัวขมวดคิ้ว
“มันควรจะเป็นกลุ่มของหลี่หวูเซี่ย” เซี่ยวหลี่ไบ๋เองก็ขมวดคิ้วเช่นกัน
เมื่อความสามารถของพวกเขาได้รับการยกระดับขึ้น ศัตรูของพวกเขาก็ต้องผ่านกระบวนการเดียวเหมือนกัน แต่พวกเขาไม่ทราบว่ามีกี่คนที่อยู่ในระดับที่ 2 ของขอบเขตปฐพี หากพวกเขาส่วนใหญ่อยู่ในระดับที่ 2 ของขอบเขตปฐพี เมื่อนั้นทุกอย่างจะกลับไปยังจุดเริ่มต้นอีกครั้ง
“พวกเราต้องรีบหาสวนสมุนไพรอีกแห่งให้พบ” หลิวหวูหวงกล่าว
หลี่ฟู่เฉินพยักหน้า มันง่ายเกินไปที่จะก้าวหน้าในเขตแดนร้อยพฤกษาเร้นลับ สมุนไพรเพียงต้นเดียวก็เพียงพอที่จะก้าวไปยังขั้นถัดไป ตอนนี้พวกเขาอยู่ในพื้นที่หลักของเขตแดน มันจะง่ายยิ่งขึ้นสำหรับการพัฒนาระดับพลังบ่มเพาะของพวกเขา
โชคดีที่เราไม่สามารถกินผลตัดปฐพีได้อย่างต่อเนื่อง หากพวกเขาบริโภคครั้งที่สอง ผลของมันจะลดลงอย่างมาก ด้วยผลที่สาม ผลของมันจะเป็นเพียง 10% ของผลแรก สรุปแล้ว ยิ่งท่านบริโภคมากเท่าใด ผลที่ได้รับก็ยิ่งน้อยลง หลังจากผลที่สาม จะไม่มีผลใดๆ อีกต่อไป
หากไม่เป็นเช่นนั้น เพียงแค่มีแปดหรือสิบของผลตัดปฐพีก็จะช่วยให้คนนึงก้าวหน้าไปยังระดับที่ 9 ขอบเขตปฐพีได้อย่างง่ายดาย
***
ในสวนสมุนไพรขนาดกลาง หลิงหวง อสูรดำ และเจียงเสี่ยวเหมาเสร็จสิ้นขั้นตอนแล้ว
สภาวะพลังฉีของทั้งสามนั้นเลวร้ายอย่างไม่น่าเชื่อ ดวงตาของพวกเขานั้นแหลมคมดุจกระบี่ เต็มไปด้วยพลังฉีปีศาจที่ชั่วร้าย หรือแม้แต่กระทั่งเจ้าเล่ห์และหลอกลวง ตอนนี้พวกเขาทั้งสามคนเป็นบุคคลที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงหากเทียบกับสองชั่วโมงที่แล้ว
“หลี่ฟู่เฉิน ล้างคอและรอข้า!” อสูรดำหัวเราะสุดเสียง
หลิงหวกล่าว “ทันทีที่เขาปรากฏตัว ข้าจะให้เขาได้ลิ้มรสความรู้สึกที่ถูกหั่นเป็นพันๆ ชิ้น”
“ฝากศิษย์หญิงนิกายวารีครามให้ข้าดูแลเอง นางดูบอบบางและอ่อนโยน มันควรจะเป็นประสบการณ์ที่สนุกพอควรสำหรับการเล่นกับนาง หลังจากที่ข้าฆ่านาง ข้ายังสามารถทำให้นางกลายเป็นหุ่นเชิดมนุษย์ได้” เจียงเสี่ยวเหมาสายตาแสดงออกถึงความชั่วร้าย
บนพื้นไม่ไกลมากนักคือหยานชิงหวูผู้ซึ่งกำลังนั่งทำหน้าหงุดหงิด นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอได้ยินคนเหล่านี้พูดถึงชื่อหลี่ฟู่เฉิน
‘ระยะเวลาสั้นๆ เพียงครึ่งปี ดูเหมือนว่าเจ้าจะพัฒนาความสามารถของตัวเองได้ไม่เล็กน้อย’ หยานชิงหวูคิดอยู่ในใจของเธอ
ในช่วงเวลาเที่ยงคืน หลี่ฟูเฉินและกลุ่มของเขาพบสวนสมุนไพรแห่งที่สอง
ในสวนสมุนไพรแห่งนี้ มีผลตัดปฐพีเพียงผลเดียว แต่โชคยังดี ระหว่างเซี่ยวหลี่ไบ๋และเฉินฟางหัวเฉพาะคนเดียวเท่านั้นที่ยังไม่ได้รับผลตัดปฐพี
สำหรับสมุนไพรที่เหลือในสวนแห่งนี้ พวกเขาทั้งหมดเป็นของหลี่ฟูเฉิน
“ข้าใช้ผลตัดปฐพีไปแล้วหนึ่งผล ใช้อีกผลคงจะไม่มีผลลัพธ์ใดๆ อีกต่อไปแล้ว” เฉินฟางหัวหยิบผลตัดปฐพีขึ้นมาและมอบให้หลี่ฟู่เฉิน
หลี่ฟู่เฉินตอบกลับ “หากเจ้าทานผลตัดปฐพีผลนี้เข้าไป เจ้าจะมีโอกาสอย่างน้อย 10% ในการก้าวไปสู่ระดับที่ 2 ของขอบเขตปฐพี”
เฉินฟางหัวส่ายหัวของเธอ “10% มีโอกาสน้อยเกินไป หากเจ้าไม่ดูแคลนข้าหรือมองว่าข้าเป็นจุดอ่อน ระดับที่ 1 ของขอบเขตปฐพีนั้นเพียงพอสำหรับข้าแล้ว”
“โดยธรรมชาติแล้วข้าย่อมจะไม่ได้ดูถูกเจ้า ด้วยข้าที่อยู่ที่นี่เจ้าสบายใจได้”
หลี่ฟูเฉินเก็บผลตัดปฐพีและนำถุงเก็บที่ว่างเปล่าออกมา เขาส่งต่อให้เฉินฟางหัว “ถุงเก็บนี้เหมาะสำหรับเจ้า”
ถุงเก็บของที่มีตราของนิกายวารีครามต้องส่งคืนทั้งหมด อันที่ไม่มีตราของนิกายวารีคราม โดยธรรมชาติแล้วย่อมต้องเป็นของพวกเขาเอง
“ถ้างั้นข้าต้องช่วยตัวเองแล้ว” เฉินฟางหัวยิ้มออกอย่างมีความสุข ถุงเก็บเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักสู้ เมื่อใครซักคนออกไปในโลกภายนอก มันมีความจำเป็นเสมอที่จะต้องพกมันไปด้วย มันจะไม่สะดวกมากนักหากไม่มีถุงเก็บ ปัญหาทั้งหมดจะได้รับการแก้ไขหากมีมันเป็นของตัวเอง
ในระหว่างการประมูลในโลกภายนอก เมื่อใดก็ตามที่ถุงเก็บปรากฏ มันจะทำให้เกิดความวุ่นวาย ราคาอย่างน้อยก็น่าจะเป็นหลายหมื่นเหรียญทอง บางครั้ง แม้ว่าใครจะมีเหรียญทองมากซักเท่าใด พวกเขาก็ไม่สามารถรับมันมาได้ หลังจากทั้งหมดแล้ว ผู้ที่ต่อสู้เพื่อถุงเก็บ ก็ต้องเป็นคนที่มีอิทธิพลในระดับหนึ่ง
สองชั่วโมงต่อมา เซี่ยวหลี่ไบ๋ก้าวหน้าขึ้นสู่ระดับที่ 2 ของขอบเขตปฐพีได้สำเร็จ
เห็นได้ชัดว่าเซี่ยวหลี่ไบ๋ตื่นเต้นมาก
มันคาดเดาได้ไม่ยากเลยว่าทำไม ขอบเขตสำหรับนักสู้แล้ว แต่ละระดับยากที่จะก้าวไปสู่ระดับต่อไป ด้วยโครงกระดูกระดับ 4 ดาวของเขา มันจะใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งหรือสองปีก่อนที่เขาจะไปถึงระดับที่ 2 ของขอบเขตปฐพีด้วยวิธีการบ่มเพาะแบบปกติ
แต่ตอนนี้ เขาสามารถก้าวหน้าได้อย่างง่ายดายและประหยัดเวลาไปมาก
ในอดีตที่ผ่านมา ไม่ใช่ทุกกลุ่มที่จะค้นพบส่วนกลางของเขตแดน มันโชคดีแล้วหากมีศิษย์ซักหนึ่งหรือสองคนที่สามารถพบผลตัดปฐพีในกรณีเช่นนั้น
เมื่อพระอาทิตย์ยามเช้าโผล่พ้นและแสงส่องลงมาบนผืนดิน พวกเขาทั้งห้าออกเดินทางอีกครั้ง ลึกเข้าไปในโครงสร้างหิน
“น่าเสียดายจริงๆ นี่ควรเป็นสวนสมุนไพรขนาดใหญ่ แต่ไม่มีสมุนไพรแม้แต่ต้นเดียว” ดูสวนสมุนไพรขนาดใหญ่ที่ว่าง
เปล่า ทั้งห้าคนแสดงความเสียใจออกมา
หลี่ฟู่เฉินกล่าว “สมุนไพรระดับสูงต้องใช้เวลาหลายปีในการล่อเลี้ยง บางทีสมุนไพรเหล่านี้อาจถูกเก็บเกี่ยวโดยศิษย์ของทั้งสี่นิกายเมื่อไม่กี่ปี่นี้และยังไม่ได้รับการฟื้นฟู”
ขนรากเล็กๆ จะถูกทิ้งไว้ในดินหลังจากการเก็บเกี่ยว และรากขนเหล่านี้จะเริ่มงอกหลังจากหลายปีที่ผ่านไป และเป็นสมุนไพรอีกครั้ง
ยิ่งระดับของสมุนไพรสูงมากขึ้น มันก็ยิ่งจำเป็นในการใช้เวลาหลายปีเพื่อเติบโต
ตามบันทึก สมุนไพรระดับปฐพีบางอย่างต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองสามร้อยปีหรือหลายพันปีเพื่อที่จะเติบโตอีกครั้ง
สมุนไพรชั้นสูงระดับสวรรค์ในตำนานต้องใช้เวลาอย่างน้อยพันหรือหมื่นปี
เซี่ยวหลี่ไบ๋พยักหน้า “สิ่งที่หลี่ชิตี๋กล่าวถือว่าสมเหตุสมผลที่สุด”
“ฮ่าฮ่า! พวกเจ้าอยู่ที่นี่? สวรรค์อยู่ข้างเราและพาพวกเจ้ามาหาเราจริงๆ” เสียงที่ดูมุ่งร้ายดังกึกก้อง ขณะที่คนกลุ่มใหญ่เข้ามาในลานกว้าง
บทที่ 161
การปรากฏขึ้นของสภาวะพลังฉีที่น่ากลัว
กลุ่มนี้เป็นศิษย์จากทั้งสามนิกาย นำโดยหลี่หวูเซี่ย ต้วนไห่และต้วนมู่หยุน
คราวนี้ หยางชิงหวูเองก็เข้าร่วมด้วยเช่นกัน
นึกได้ว่าทั้งหมดมีเก้า หกของพวกเขาได้ก้าวไปสู่ระดับที่สองของขอบเขตปฐพี หลี่เซี่ยวไบ๋กลายเป็นไม่สบายใจ เขาคิดว่าอย่างน้อยที่สุดจะมีคนหรือสองคนที่เข้าสู่ระดับที่ 2 ของขอบเขตปฐพี แต่เขาไม่คิดว่าจริงๆ แล้วจะมีถึงหก
นอกเหนือจากนี้ อีกสี่คนที่อยู่ในระดับที่ 1 ของขอบเขตปฐพีและไม่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดาย
หยานชิงหวู อสรูขาว เย่ฮัว และเฉินเฟ่ยไห่ คนใดคนหนึ่งเหล่านี้ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าเซี่ยวหลี่ไบ๋และแข็งแกร่งกว่าหยูเหวินเทียนและเฉินฟางหัวอย่างเห็นได้ชัด
“คนกลุ่มนี้แน่แท้แล้วว่าเป็นพยัคฆ์ที่มาขวางเส้นทาง”
เซี่ยวหลี่ไบ๋หัวเราะอย่างขมขื่น เขาคิดว่าโชคของพวกเขาค่อนข้างดี แต่ใครจะรู้ว่าโชคของศัตรูของพวกเขาดีกว่าเสียอีก
หลี่หวูเซี่ยและกลุ่มมองดูด้วยอารมณ์ที่จริงจัง เขาสำรวจหลิวหวูหวงและข้ามผ่านไป เขาแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้สนใจใดๆ พวกเขาอยู่ในระดับที่ 2 ของขอบเขตปฐพีเช่นกันและเฉพาะหลิวหวูหวงเท่านั้นที่ดูมีความสามารถ คนที่ชื่อเซี่ยวหลี่ไบ๋อ่อนแออย่างไม่ต้องสงสัย เมื่อพวกเขาจ้องมองที่หลี่ฟู่เฉิน ใบหน้าทั้งหมดของพวกเขามืดมนลง
หลี่ฟูเฉินตอนนี้อยู่ในระดับที่ 1 ของขอบเขตปฐพี
ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่เขายังอยู่ในระดับที่ 9 ของขอบเขตต้นกำเนิด แค่นั้นก็เพียงพอที่เขาคนเดียวจะสู้กับคนทั้งหมด ตอนนี้เขาอยู่ในระดับที่ 1 ของขอบเขตปฐพี เขาจะไม่เป็นบางอย่างที่ท้าทายสวรรค์?
‘เวรเอ้ย!’ หลี่หวูเซี่ยคำรามอยู่ในใจ
หลี่ฟู่เฉินกวาดสายตาอันเย็นชาไปที่พวกเขาทั้งสิบ และประกาศออกอย่างไม่แยแส “ไปซะก่อนที่ข้าจะเปลี่ยนใจ!”
ในหมู่ทุกคนที่นี่ เฉพาะหลี่ฟู่เฉินเท่านั้นที่มีความสามารถในการท้าทายศิษย์ทั้งสามนิกายได้โดยลำพัง
ซึบ!
ร่างกายของต้วนไห่ปลดปล่อยเจตนาสังหาร ในขณะที่เขาดึงกระบี่ร้อยเทพยุทธ์ออกมาอย่างรวดเร็ว
“เขาก้าวขึ้นสู่อขบเขตปฐพีระดับที่ 1 แล้วอย่างไร? พวกเรามีหกขอบเขตปฐพีระดับที่ 2 และสี่ขอบเขตปฐพีระดับที่ 1 อยู่ที่นี่!” กระบี่โลหิตหลิงหวงตะโกน
ได้ยินคำกล่าว กลุ่มกลายเป็นหึกเหิม
พวกเขามีนักสู้ขอบเขตปฐพีระดับที่ 2 อยู่หกคนจริงๆ หากพวกเขาถอยกลับโดยไม่ต่อสู้ พวกเขาจะถูกทำให้อับอายขายหน้า แม้ว่าพวกเขาจะฆ่าหลี่ฟู่เฉินในอนาคต มันจะยังคงมีบาดแผลอยู่ในใจ
“มอบถุงเก็บของทั้งหมดของเจ้ามา แล้วข้าจะช่วยไว้ชีวิตเจ้า” อสูรดำเยาะเย้ย
“และหญิงนางนั้น ข้าต้องการนาง” เจียงเสี่ยวเหมาเลียริมฝีปาก ขณะที่จ้องมองไปยังเฉินฟางหัว
ได้ยินคำกล่าวเหล่านั้น ยกเว้นหลี่ฟู่เฉิน เซี่ยวหลี่ไบ๋และกลุ่มดึงดาบทองดำออกมา
“ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะไม่ฟังคำของเรา”
หลี่หวูเซี่ยเป็นคนแรกที่ระเบิดสภาวะพลังฉีออกมา ส่วนที่เหลือของศิษย์ทั้งสามนิกายทำตามและปลดปล่อยสภาวะพลังฉี มีเพียงหยานชิงหวูเท่านั้นที่ตั้งใจแยกตัวเองและยืนห่างออกไป
เธอไม่ชอบการใช้ประโยชน์จากจำนวน หากเธอต้องพ่ายแพ้ให้แก่หลี่ฟูเฉิน เธอจะทำมันอย่างยุติธรรม
ด้วยสภาวะพลังฉีที่ถูกระเบิดออกมาเกือบสิบคน ลานแห่งนี้ก็คล้ายกับถูกพรำด้วยพายุสายฝน อากาศดูเหมือนจะผิดเพี้ยนไป
แน่นอนว่าอากาศไม่สามารถผิดเพี้ยนไปได้
สิ่งที่ผิดเพี้ยนไปคือจิตวิญญาณของแต่ละบุคคล
หลังจากทั้งหมดแล้ว สภาวะพลังฉีก็มาจากจิตวิญวาญของจิตใจ
เมื่อจิตวิญญาณทั้งหมดเข้าปะทะกัน มันสร้างวิสัยทัศน์ของฉากที่บิดเบี้ยว
ภายใต้แรงกดดันจากสภาวะพลังฉีทั้งเก้า เซี่ยวหลี่ไบ๋ หลิวหวูหวง หยูเหวินเทียน และเฉินฟางหัวรู้สึกหายใจลำบาก หากพวกเขาเริ่มการต่อสู้ที่แท้จริง พวกเขาจะดึงความสามารถที่แท้จริงออกมาได้เพียง 70% หรือ 80%
ยืนอยู่ท่ามกลางสภาวะพลังฉีทั้งสองกองกำลัง หลี่ฟู่เฉินไม่รู้สึกอะไรเลย ราวกับว่าสภาวะพลังฉีเหล่านี้เป็นเมฆที่ลอยอยู่ ซึ่งไม่สามารถส่งผลกระทบจิตวิญญาณของเขาได้
“พวกเจ้าแน่แท้แล้วว่าไม่สามารถแยกความแตกต่างระหว่างชีวิตและความตายได้ ตั้งแต่ที่เป็นเช่นนี้แล้ว ข้าจึงไม่จำเป็นต้องกังวลอีกต่อไป หากเจ้าอยากตาย ข้าจะให้ความปรารถนานั้นแก่เจ้า”
เปิดใช้งานเทคนิคลับมังกรเร้นลับและใช้รูปแบบเทคนิค สภาวะพลังฉีอันทรงพลังก็ระเบิดทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
สภาวะพลังฉีนี้มันอะไรกัน?
ภายใต้สภาวะพลังฉีของหลี่ฟู่เฉิน สภาวะพลังฉีอื่นๆ ทั้ง 13 อันนั้นดูคร่ำครึและอ่อนแอกว่าหากเปรียบเทียบกัน พวกมันทั้งหมดถูกป่นปี้ราวกับเด็กตัวน้อย
ในช่วงพริบตาเดียว ลานทั้งหมดคล้ายกับเป็นนรก ทุกคนสามารถรู้สึกได้ว่าร่างกายของพวกเขากำลังถูกต้ม เซี่ยวหลี่ไบ๋และกลุ่มไม่เป็นไร ก็ในเมื่อสภาวะพลังฉีของหลี่ฟู่เฉินไม่ได้กำหนดเป้าหมายไปที่พวกเขา
แต่กลุ่มทั้งเก้าของหลี่หวูเซี่ย ทุกคนรู้สึกกระหายน้ำขณะที่ลิ้นและปากกลายเป็นแห้ง ผิวของพวกเขาเริ่มไหม้
โดยเฉพาะอสูรขาวและเฉินเฟ่ยไห่ พวกเขาเป็นคนที่มีระดับการบ่มเพาะอ่อนแอที่สุด ผิวหนังของพวกเขามีแผลพุพอง นี่เป็นผลข้างเคียงที่ร่างกายไม่สามารถควบคุมได้ เนื่องจากจิตวิญญาณถูกบิดเบือน
กล่าวอีกนัยนึง นี้มันถือเป็นทักษะภาพลวงตาได้เช่นกัน แต่เป็นทักษะภาพลวงตาที่หยาบและดุร้ายเป็นที่สุด ไม่มีทักษะใดๆ อื่นแอบแฝง มันเป็นเพียงความมุ่งมั่นจากจิตวิญาณที่บริสุทธิ์ และออกมาเป็นสภาวะพลังฉีเพื่อยับยั้งศัตรูของมัน
“สภาวะพลังฉีที่น่ากลัวอะไรเช่นนี้”
แม้ว่าพลังบ่มเพาะของเย่ฮัวจะเป็นเพียงแค่ระดับที่ 1 ของขอบเขตปฐพี แต่เธอก็เชี่ยวชาญทักษะภาพลวงตา ซึ่งเป็นสาเหตุที่เธอไม่ได้รับผลกระทบ มองไปที่คนอื่นๆ ส่งผลให้เธอไม่สามารถทำอย่างไรได้ ได้แต่ตัวสั่น
“ตาย!”
ไม่จำเป็นต้องใช้ดาบ หลี่ฟู่เฉินส่งฝ่ามือออกไป
ฝ่ามือพุ่งผ่านไปพร้อมๆ กับคลื่นพลังฉี
ทักษะฝ่ามือลึกลับขั้นต่ำ ฝ่ามือหลอมเหล็ก
ปั๊ง ปั๊ง!
ท่ามกลางกลุ่มของพวกเขา อสูรขาวและเฉินเฟ่ยไห่ผู้ซึ่งเป็นจุดอ่อน ร่างกายของพวกเขาถูกเผาไหม้และถูกส่งบินกลับไป
“ไป!”
หลี่หวูเซี่ยและที่เหลือตัวสั่นด้วยความกลัว ขณะที่พวกเขาหนีออกจากลานอย่างกุลีกุจอ
ปั๊ง!
ด้วยการส่งฝ่ามือไปอีกครั้ง หลี่ฟู่เฉินก็ส่งเจียงเสี่ยวเหมาล้มลง
“ทำไมเจ้าถึงไม่หนีไป?” หลี่ฟู่เฉินไม่ได้ไล่ตามเพื่อฆ่า แต่กลับกันมองไปยังลานที่หยานชิงหวูอยู่อยู่
หยานชิงหวูตอบกลับ “ฆ่าเพียงแค่สาม เจ้าทำสิ่งที่สมควรแล้ว”
หลี่ฟูเฉินไม่กล่าวสิ่งใด
เมื่อนั้นเองที่หยานชิงหวูกล่าวต่อ “หากเจ้ากำจัดศิษย์จากสามนิกายทั้งหมด แม้แต่กระทั้งนิกายวารีครามก็จะไม่สามารถช่วยเจ้าได้ โดยเฉพาะหลี่หวูเซี่ย เขาผู้ซึ่งเป็นนายน้อยของนิกายปีศาจสวรรค์เรา หากเจ้าฆ่าเขา ผู้นำนิกายจะเกิดโทสะจนกระทั้งมาที่นิกายวารีครามของเจ้าและพาเจ้าไปสู่ความตาย”
“เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะฆ่าเจ้า?” หลี่ฟู่เฉินกล่าว
“ถึงแม้ว่าข้าจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าก็ตามที แต่หากข้าอยากไป แม้แต่กระทั่งเจ้าก็ไม่สามารถหยุดข้าได้”
ขณะนั้นเองร่างของหยานชิงหวูก็กลายเป็นแกว่งไปมา หยานชิงหวูหลายร่างปรากฏขึ้นพร้อมกันและแต่ละร่างจากไปในหลายทิศทาง
หลี่ฟู่เฉินหัวเราะ แต่ก็ไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆ
แม้ว่าเขาจะเคลื่อนไหว เขาก็มีความมั่นใจเพียง 50% เท่านั้นที่จะทำให้เธออยู่ต่อได้
แต่เขาไม่ต้องการเช่นนั้น
สำหรับสิ่งที่หยานชิงหวูกล่าว เขาเองก็มีความกังวลเช่นกัน แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องที่น่าพอใจในการไล่ตามสังหาร แต่จากการกระทำเช่นนั้นก็จะมีผลย้อนกลับเช่นกัน
หากเขากำจัดศิษย์จากทั้งสามนิกายทั้งหมด นิกายวารีครามจะต้องเผชิญหน้ากับความโกรธเกรี้ยวจากทั้งสามนิกาย ภายใต้ความตั้งใจเดียวกันจากทั้งสามนิกาย ความน่าจะเป็นที่นิกายวารีครามจะมอบเขาให้มีโอกาสอย่างน้อย 90%
นี่คือความเป็นไปของโลก ใครก็ตามที่มีหมัดหนักกว่า คำกล่าวหรือการกระทำก็จะมีเหตุผลมากกว่า
หากไม่เป็นเช่นนั้น ไม่ว่าคำกล่าวหรือเหตุผลของท่านจะหนักแน่ซักแค่ไหน มันจะไร้สาระทั้งหมด
ขณะนี้เขายังไม่พร้อมที่จะขัดแย้งกับทั้งสามนิกายโดยตรง
แต่วันหนึ่ง เมื่อเขาอยู่เหนือนิกายทั้งหมดเหล่านี้ นั่นจะเป็นวันที่เขาสามารถทำได้ตามที่เขาพอใจ คนที่สมควรถูกสังหารจะไม่มีทางถูกปล่อยออกไป หากใครขัดขวางเขา เขาจะสังหารคนคนนั้น แม้ว่ามันผู้นั้นจะเป็นเทพก็ตามที
‘เครื่องรางทองคำ เจ้าให้ชีวิตที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับข้า ข้าจะไม่ทำให้เจ้าผิดหวัง’ หลี่ฟูเฉินคิดกับตัวเอง
ภายในจิตวิญญาณของเขา เครื่องรางทองคำบิดตัวไปมาเล็กน้อย ราวกับว่ามันมีสติเป็นของตัวเอง
หลังจากฆ่าทั้งสาม หลี่ฟูเฉินก็ได้สิทธิ์ของกระเป๋าเก็บโดยธรรมชาติ ซึ่งรวมพวกนี้แล้วเป็นเจ็ด
ขณะนี้เอง หลี่ฟู่เฉินครอบครองกระเป๋าเก็บ 14 ใบ
“หลี่ชิตี๋ เจ้าทำถูกต้องแล้ว โชคดีที่ไม่ได้บานปลายไปกว่านี้” เซี่ยวหลี่ไบ๋เห็นชอบการกระทำของหลี่ฟู่เฉิน
แม้ว่าเขตแดนร้อยพฤกษาเร้นลับจะเป็นสถานที่ที่อนุญาตให้มีการฆ่า และความตายนั้นตำหนิได้ด้วยเพียงแค่ความสามารถเดียวอย่างเดียว แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะสามารถฆ่าทุกคนได้
กล่าวตามตรง กลุ่มของปีนี้พิเศษเกินไป ด้วยการปรากฏตัวของหลี่ฟู่เฉินเพียงคนเดียวก็นับว่าผิดปกติแล้ว
ในยุคของดาบคลั่ง มีศัตรูเพียงแค่หนึ่งหรือสองคนที่สามารถต่อกรกับเขาได้ แม้ว่าความสามารถของดาบคลั่งนั้นจัดเป็นของเหล่าหัวกะทิ แต่เขาก็ยังคงไม่สามารถฆ่าได้ตามที่เขาต้องการ แต่ความสามารถของหลี่ฟู่เฉินนั้นโดดเด่นเกินไป เขาสามารถกำจัดทุกคนที่นี่ได้อย่างง่ายดาย และทำลายความสมดุลภายในเขตแดนร้อยพฤกษาเร้นลับ
หากมันเป็นดาบคลั่งเมื่อก่อน เขาจะต้องนั่งที่อยู่ที่สองรองลงมาจากหลี่ฟูเฉิน
ยังมีอีกสามวันก่อนที่จะเขตแดนร้อยพฤกษาเร้นลับจะปิดตัวลง พวกเขาทั้งห้าต้องรีบไปสำรวจโครงสร้างหินที่เหลือ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น