Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน 142-153

 บทที่ 142


เจตจำนงเพลิงแดง


 


 


ในช่วงเวลาที่เขาฝึกฝนท่าร่างศักดิ์สิทธิ์อยู่นั้น หลี่ฟู่เฉินก็ยังฝึกฝนทักษะดาบสีเหลืองขั้นกลางไปพร้อมๆ กันด้วย


 


บางทีอาจเป็นเพราะเต๋าแห่งดาบของเขาในปัจจุบัน หลี่ฟู่เฉินจึงใช้เวลาน้อยกว่าหนึ่งเดือนในการเข้าสู่ขั้นภวังค์สำหรับทักษะดาบสีเหลืองขั้นกลาง 6 ทักษะ


 


“ทักษะดาบสีเหลืองเป็นพื้นฐานของทักษะดาบ แต่รากฐานก็สามารถแบ่งแยกย่อยได้เช่นกัน ทักษะดาบสีเหลืองขั้นต่ำเป็นรากฐานของทักษะดาบขั้นต่ำ ขณะที่ทักษะดาบสีเหลืองขั้นกลางก็เป็นรากฐานของทักษะดาบขั้นกลาง รากฐานของทักษะดาบสีเหลืองขั้นกลางเป็นผลผลิตที่เกิดขึ้นจากการรวมกันของฐานรากทักษะดาบขั้นต่ำ ฐานรากทักษะดาบระดับกลางที่น่าเกรงขามบางส่วนนั้นเป็นผลพลอยได้จากรากฐานทักษะดาบขั้นต่ำกว่าหนึ่งโหล”


 


หลี่ฟู่เฉินมีความรู้สึก ว่าถ้าเขาสามารถเข้าใจทักษะดาบสีเหลืองกว่า 1,000 ทักษะ มันอาจเป็นไปได้สำหรับเขาที่จะสร้างทักษะดาบระดับลึกลับของตัวเองขึ้นมา


 


การสร้างทักษะดาบระดับลึกลับเป็นผลงานที่ยิ่งใหญ่ ผู้ที่สามารถสร้างทักษะดาบระดับลึกลับของตัวเองขึ้นมาได้ จะมีคุณสมบัติในการเป็นผู้เชี่ยวชาญในเต๋าแห่งดาบ และหากดูจากผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ทั้งหมดในนิกายวารีคราม การมีคุณสมบัติเป็นผู้เชี่ยวชาญเต๋าแห่งดาบเป็นสิ่งที่ได้หายากยิ่ง


 


9 … 24 … 30 ทักษะดาบสีเหลืองขั้นกลาง


 


เช่นเดียวกับตอนที่เขาฝึกฝนทักษะดาบสีเหลืองขั้นต่ำ ความก้าวหน้าในด้านการฝึกฝนทักษะดาบของหลี่ฟู่เฉินเริ่มเร็วขึ้นและเร็วขึ้น ในเดือนแรก เขามาถึงขั้นภวังค์ของทักษะดาบขั้นกลางได้เพียงแค่ 9 ทักษะเท่านั้น ในเดือนที่สอง มันคือ 15 เพียงสองสัปดาห์ในเดือนที่สาม หลี่ฟู่เฉินมาถึงขั้นภวังค์ของทักษะดาบสีเหลืองขั้นกลางทั้ง 30 ทักษะ


 


***


 


ยืนอยู่ในลานของเขา ร่างของหลี่ฟู่เฉินเปี่ยมล้นไปด้วยเจตจำนงแห่งดาบ


 


เจตจำนงดาบดาวตกราวกับอสูรที่ดูดซับเต๋าแห่งดาบและสร้างความแข็งแกร่งให้ตัวเองอย่างไม่มีที่สิ้นสุด


 


‘มีโอกาสที่เจตจำนงแห่งดาบเพิ่มระดับได้อยู่หรือไม่?’ หลี่ฟู่เฉินคิดกับตัวเอง


 


ด้วยทักษะดาบสีเหลืองขั้นกลางทั้ง 30 ทักษะที่อยู่ในขั้นภวังค์ หลี่ฟู่เฉินก็ไม่ได้แลกทักษะดาบเพิ่มเติมอีกต่อไป


 


ประการแรก มันเป็นเพราะข้อจำกัดด้านเวลา ประการที่สอง เพราะเขารู้สึกว่าเทคนิคเปลวเพลิงลี้ลับอยู่ใกล้กับการพัฒนาแล้ว


 


หากบรรลุระดับเทคนิคเปลวเพลิงลี้ลับได้อีกครั้ง มันจะอยู่ในระดับสูงสุดสิบห้า


 


นี่เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง ในบางแง่ มันสำคัญยิ่งกว่าการทำความเข้าใจเจตจำนงแห่งดาบ


 


เหตุผลหลักคือเทคนิคเปลวเพลิงลี้ลับนั้นเป็นเทคนิคระดับลึกลับขั้นกลาง ในขณะที่วิชาดาบดาวตกนั้นเป็นระดับลึกลับขั้นต่ำ


 


เมื่อแสงอาทิตย์แผดเผาส่องมาจากเบื้องบน


 


หลี่ฟู่เฉินที่นั่งอยู่บนก้อนหินใหญ่อย่างโดดเดี่ยว ร่างกายของเขากลายเป็นมีเปลวไฟแทรกซ้อนไปทั่วร่าง


 


หากใครก็ตามที่ดูสิ่งที่เกิดขึ้นข้างในได้ จะก็สามารถเห็นได้ว่าภายในร่างกายของหลี่ฟู่เฉินนั้นเป็นอย่างไร มันคล้ายกับเตาหลอมบำรุง เตาหลอมที่ดูคล้ายกับมีชีวิต มันกลืนกินพลังฉีเข้าไปเป็นจำนวนมาก


 


จากนั้นเตานั้นก็สร้างพลังฉีซึ่งเปรียบเสมือนคริสตัลสีแดงเพลิงขึ้นมาทดแทน


 


“โชคดีที่ข้าฝึกฝนเทคนิคร่างกายเร้นโลหิต หากไม่เช่นนั้นแล้ว เลือดและร่างกายของข้าคงไม่สามารถต้านทานพลังฉีที่ร้อนแรงเช่นนี้ได้”


 


เทคนิคบ่มเพาะเพลิงเป็นหนึ่งในเทคนิคที่มีอำนาจมากที่สุด และนอกจากนี้ยังมีความต้องการในด้านคุณภาพร่างกายของผู้ฝึกฝนเป็นอย่างมาก


 


หากคุณภาพร่างกายไม่ตรงตามมาตรฐาน มันก็ยากที่จะพัฒนาไปสู่ระดับที่ 13 และ 14 อย่าได้กล่าวถึงระดับที่ 15 การฝืนบังคับทะลวงระดับจะส่งผลให้เกิดความผิดปกติจากภายใน สำหรับคนที่โชคดี เส้นชีพจรของพวกเขาจะเพียงแค่ถูกแผดเผาและกลายเป็นคนพิการ


 


ได้มีการกล่าวกันว่าเทคนิคเพลิงโลกันต์แท้จริง ซึ่งเป็นหนึ่งในสองเทคนิคบ่มเพาะสูงสุดของนิกายวารีคราม มีความต้องการสูงผิดปกติสำหรับคุณภาพของร่างกาย หากไม่เป็นเช่นนั้น ผู้ฝึกฝนจะไม่สามารถพัฒนาไปสู่ระดับที่สูงกว่าได้


 


ทั่วทั้งนิกายวารีคราม ไม่มีใครสามารถเข้าถึงระดับสูงสุดระดับที่ 21 ของเทคนิคเพลิงโลกันต์แท้จริงได้


 


ไม่ใช่เพราะการรับรู้ไม่เพียงพอ แต่เกิดจากความกลัวและคุณสมบัติของร่างกายที่ไร้ประสิทธิภาพ


 


ด้วยคุณภาพร่างกายปัจจุบันของหลี่ฟู่เฉิน แม้ว่าเขาจะได้รับเทคนิคเพลิงโลกันต์แท้จริงมาเพื่อฝึกฝน เขาอย่างดีที่สุดเขาก็สามารถไปถึงระดับที่ 14 หรือ 15 เพียงแค่นั้น ก่อนที่เขาจะก้าวไปสู่ตำแหน่งที่สูงกว่าเดิม เขาจะต้องเพิ่มระดับการฝึกฝนของเขา


 


ด้วยพลังบ่มเพาะที่สูงขึ้น มันจะช่วยป้องกันร่างกายของตนเองได้มากขึ้น


 


***


 


แต่ละวัน ทุกๆ วัน หลี่ฟูเฉินจะเริ่มบ่มเพาะเมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น และเลิกฝึกฝนเมื่อพระอาทิตย์ลง


 


เหลืออีกสิบวันก่อนการเปิดเขตแดนร้อยพฤกษาเร้นลับ…


 


เจตจำนงที่มีอุณหภูมิสูงเริ่มแผดเผาเร่าร้อนขึ้น


 


เจตจำนงที่มีอุณหภูมิสูงเร่าร้อนนี้ไร้รูปแบบและมองไม่เห็น แต่ทว่ามันมีอยู่จริง ทุกที่ที่มันแพร่กระจายออกไป มันจะทำให้สถานที่นั้นไหม้เกรียม ในลานที่หลี่ฟู่เฉินอยู่ พื้นผิวดินแตกระแหง ผนังแตกหัก บ้านเองก็แตกออก ต้นไม้ถูกเผาไหม้ และลำธารเหือดแห้ง เจตจำนงแผดเผานี้ดูเหมือนจะดูดซับพลังงานความร้อนจากสวรรค์และโลก ภายใต้พื้นที่แห่งนี้ มันจะรวบรวมพลังงานความร้อนทั้งหมดรอบๆ มันและเผาไหม้ทุกสิ่งอย่างรวดเร็ว


 


บิซซ!


 


แสงสีแดงที่เปล่งประกายออกมา เมื่อหลี่ฟู่เฉินก้าวลงจากก้อนหิน มันก็ละลายลงอย่างรวดเร็วในแบบที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า หินใหญ่ก้อนหนึ่งคล้ายกับเทียนแท่งยักษ์ที่กำลังหลอมละลาย


 


ค่อยๆ ลืมตา แสงสีแดงสดใสสองประกายในประกายแววตาของหลี่ฟู่เฉิน


 


“งั้นแล้วนี่ก็เป็นเทคนิคเปลวเพลิงลี้ลับระดับที่สิบห้า?”


 


หลี่ฟู่เฉินเปิดมือขวาของเขาขึ้นมาและเพลิงพลังฉีสีแดงก็พุ่งพวยออกมาทันที มันดูคล้ายกับเปลวไฟที่กำลังลุกโชน


 


เปลวไฟนี้มีจิตอยู่ภายใน ด้วยการสนับสนุนจากอนุภาพจิตในนั้น อุณหภูมิเปลวเพลิงจะร้อนมากยิ่งขึ้น ร้อนมากจนแม้แต่กระทั่งอากาศก็ดูแปลกไปและสร้างนิมิตที่ดูบิดเบี้ยวขึ้นมาได้


 


“ความร้อนของเพลิงสีแดงนั้นไม่น่ากลัวเท่าใด แต่หลังจากเพิ่มเจตจำนงเพลิงแดงลงไป มันกลายเป็นน่ากลัวมากกว่าเดิมหลายเท่าตัว ราวกับว่ามันมีวิญญาณเป็นของตัวเอง”


 


หลี่ฟู่เฉินสูดหายใจเข้าลึกๆ และยืนอยู่ต่อหน้าก้อนแร่เหล็กดำ เขากดฝ่ามือทั้งสองลงบนมันและใช้พลังฉีเพลิงแดงเพื่อห่อหุ้มแร่


 


หลังจากระยะเวลาหนึ่ง แร่ที่มีความสูง 2 เมตรได้รับการขัดเกลาเป็นเหล็กสีดำขนาดเท่าอ่างล้างหน้า


 


แม้ว่าเหล็กดำจะมีสิ่งเจือปนค่อนข้างมาก มันก็ยังถือว่าการปรับแต่งประสบความสำเร็จ


 


“เจตจำนงเพลิงแดงนั้นน่ากลัวอย่างที่ล่ำลือกัน”


 


หลี่ฟูเฉินที่เข้าใจเจตจำนงของดาบดาบดาวตกก็ยังต้องประหลาดใจ


 


เขาตระหนักได้ว่าเขายังคงดูแคลนความแตกต่างระหว่างเจตจำนงระดับลึกลับขั้นกลางกับเจตจำนงขั้นต่ำเกินไป แม้หลังจากที่เจตจำนงดาบดาวตกดูดซับสาระสำคัญของเต๋าแห่งดาบเข้าไปเป็นจำนวนมาก มันก็ยังคงไม่สามารถเปรียบเทียบกับเจตจำนงของเพลิงสีแดงได้


 


“หากเจตจำนงลึกลับขั้นกลางยังเหนือกว่าเป็นอย่างมาก งั้นแล้วข้าสงสัยว่าเจตจำนงระดับปฐพีนั้นจะเป็นอย่างไร มันล่ำลือกันว่าสามารถแทรกแซงสวรรค์และเปลี่ยนโลกได้”


 


เต๋าต่อสู้ เต๋าแห่งดาบ


 


เต๋ามักมีอยู่ในทักษะต่อสู้อยู่เสมอๆ


 


เต๋าตามธรรมชาติที่สำคัญที่สุดก็คือเต๋าสวรรค์


 


ทักษะต่อสู้ระดับสวรรค์เป็นจุดกำเนิดของทักษะต่อสู้ระดับต่ำ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทุกอย่างล้วนเกี่ยวข้องกับเต๋าสวรรค์


 


เจตจำนงแห่งการต่อสู้คือธรรมชาติและยังเป็นเป้าหมายระดับสูง ซึ่งจะนำนักสู้ผู้หนึ่งเข้าไปใกล้ชิดกับเต๋าสวรรค์ได้


 


เมื่อคำนึงถึงปัญหาในอนาคตภายภาคหน้า หลี่ฟูเฉินมีความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับการรักษาเทคนิคเปลวเพลิงลี้ลับระดับที่ 15 เอาไว้


 


ขณะนี้เขาไม่สามารถควบคุมเจตจำนงเพลิงแดงได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมากไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด และสิ่งนี้เองก็จะช่วยส่งเสริมทั้งอำนาจและพลังของเขาได้มาก


 


และสิ่งที่เกิดขึ้นรอบๆ นี้ก็เป็นสัญญาณที่บ่งบอกได้ดีว่าเขายังไม่สามารถควบคุมเจตจำนงเพลิงแดงได้


 


ในสายตาของหลี่ฟู่เฉิน พลังที่ไม่ได้อยู่ในการควบคุม ไม่ถือว่าเป็นพลังของตัวเอง


 


สิ่งที่เขาต้องการก็คือการควบคุมพลังใหม่นี้ให้ได้อย่างเต็มที่


 


***


 


สามวันต่อมา ในที่สุดเจตจำนงเพลิงแดงก็เสถียร


 


ตราบใดที่เขาไม่ได้ตั้งใจโคจรเทคนิคเปลวเพลิงลี้ลับระดับที่ 15 เจตจำนงเพลิงแดงก็จะไม่ถูกเปิดเผย


 


นอกจากนั้น หลี่ฟู่เฉินยังค้นพบว่าเจตจำนงเพลิงแดงนั้นเกี่ยวข้องกับอารมณ์ของเขา


 


หากอารมณ์ของเขากำลังผันผวน เจตจำนงเพลิงแดงก็มีความผันผวนเช่นกัน


 


“ดูเหมือนว่าเจตจำนงระดับลึกลับขั้นกลางนั้นเกี่ยวข้องกับความตั้งใจของร่างกายและอนุภาพจิต เจตจำนงเพลิงแดงนี้สามารถโกรธเกรี้ยวได้อย่างง่ายดาย หากข้าดึงอารมณ์ได้ถึงขีดสุด เจตจำนงเพลิงแดงก็น่าจะแข็งแกร่งขึ้นได้ด้วยเช่นกัน”


 


ดูความเรียบร้อยในลานบ้านของเขา หลี่ฟู่เฉินหัวเราะอย่างขมขื่น


 


ลานบ้านไม่นับเป็นไร มันก็แค่ไม่สวยงามอีกต่อไป แต่เฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านทั้งหมดกลับกลายเป็นเถ้าถ่าน หากไม่ใช่เพราะโครงสร้างที่มั่นคงของบ้าน มันก็จะถูกเผาเช่นกัน


 


วันถัดไป ผู้ดูแลชั้นในฝึกหัดเข้ามาส่งข่าว มันระบุให้หลี่ฟู่เฉินมุ่งหน้าไปยังห้องโถงชั้นใน


 


หลี่ฟู่เฉินคาดเดาว่าถึงเวลาที่ต้องออกเดินทางไปสู่เขตแดนร้อยพฤกษาเร้นลับแล้ว


บทที่ 143


ไปยังเขตแดนเร้นลับ


 


 


ห้องโถงชั้นใน…


 


จ้าวหวูจินยืนอยู่ตรงกลาง และด้านข้างของเขามีผู้อาวุโสนิชั้นในเก้าคน ซึ่งพลังฉีที่ปรากฏออกมาก็ไม่ได้ด้อยกว่าเขามากนัก


 


หลังจากนั้นไม่นาน หลี่ฟู่เฉินและคนอื่นๆ ก็มาถึงห้องโถงใหญ่


 


จ้าหวูจินเริ่มกล่าว “วันนี้เราจะมุ่งหน้าเข้าสู่เขตแดนร้อยพฤกษาเร้นลับ แต่ก่อนหน้านั้น มารับดาบและทรัพย์สมบัติของพวกเจ้าไป”


 


ขณะที่เขากล่าวจบ ผู้ดูแลชั้นในทั้งสิบคนก็นำดาบ และกระเป๋าหนังสัตว์เข้ามา


 


หลังจากได้รับดาบ หลี่ฟู่เฉินวาดดาบเบาๆ ฟึบ พลังดาบเยือกเย็นจากดาบไหลออกมาอย่างมากมาย มันสามารถแยกแขนของใครคนนึงออกได้อย่างง่ายดาย


 


‘เป็นดาบลึกลับขั้นกลาง ดาบทองดำ!’ หลี่ฟู่เฉินตกใจ


 


ดาบทองดำเป็นอุปกรณ์ดาบสำหรับศิษย์หลัก ใบดาบมันแหลมคมซึ่งสามารถตัดเหล็กได้เหมือนตัดเส้นผม ทุกสิ่งคล้ายกับโคลนเมื่ออยู่ภายใต้มัน


 


“ดาบทองดำหนึ่งเล่มมีค่าอย่างน้อยก็ 100,000 เหรียญทอง ในโลกภายนอก ดาบที่หายากเช่นนี้ไม่สามารถซื้อด้วยเงินได้” หลี่ฟู่เฉินอ้าปากค้างอยู่เมื่อได้เห็นความเอื้ออาทรของนิกาย


 


สายตาของเขาเปลี่ยนจากดาบทองดำเป็นกระเป๋าหนังสัตว์ปีศาจ


 


“นี่ควรเป็นถุงเก็บของที่ทำจากหนังปีศาจมิติ ราคาของกระเป๋าใบนี้มากกว่ามูลค่าของดาบทองดำเสียอีก!”


 


ปีศาจมิตินั้นเป็นสัตว์ร้ายระดับ 4 มันมีคุณสมบัติเป็นความว่างเปล่าและสามารถกลืนกินอะไรก็ได้ การใช้หนังมันเพื่อมาทำกระเป๋าเก็บของจะช่วยให้สามารถจัดเก็บสิ่งของจำนวนมากได้ กระเป๋าใบเล็กๆ นี้เองอาจจะเก็บของขนาดมหึมาลงไปได้


 


“ถ่ายพลังฉีของเจ้าเข้าไปในถุงเก็บแล้วมันจะเปิดออก ลองมันดู” ผู้อาวุโสข้างจ้าวหวูจินกล่าว


 


ได้ยินสิ่งที่ผู้อาวุโสกล่าว ทุกคนถ่ายพลังฉีของตนเองลงในถุงเก็บของ


 


ในเดี๋ยวนั้นเอง ถุงเก็บก็ถูกเปิดขึ้นโดยอัตโนมัติ หลี่ฟู่เฉินมองเข้าไปข้างในและเห็นว่าถุงถูกเปิดออกขนาดเท่าฝ่ามือและมีที่เก็บของกว้างประมาณหนึ่งเมตร


 


“ราวกับเวทมนตร์!”


 


ศิษย์นิกายชั้นในสิบคนตกตะลึง หลังจากได้เห็นความสามารถของถุงเก็บของเป็นครั้งแรก


 


‘โลกเป็นสถานที่ที่กว้างใหญ่และมีสิ่งลึกลับมากมาย สิ่งที่ดีที่สุดคือทำใจเปิดรับต่อโลกกว้างนี้’ หลี่ฟู่เฉินสงบอารมณ์ของตัวเองลง


 


จ้าวหวูจินกล่าว “เวลาเปิดออกของเขตแดนร้อยพฤกษาเร้นลับคือหนึ่งสัปดาห์ ภายในสัปดาห์นี้ เจ้าควรทำให้ดีที่สุดเพื่อเก็บเกี่ยวสมุนไพรและแร่ที่มีประโยชน์ เว้นแต่จำเป็น อย่าได้ฆ่าใคร แน่นอน หากฝ่ายตรงข้ามไม่มีความสุภาพ เจ้าเองก็ไม่จำเป็นต้องมี นิกายวารีครามของเราไม่แสวงหาปัญหา แต่ก็ไม่กลัวปัญหาเช่นกัน หากเป็นไปได้ ลองรวมกลุ่มกันดู เพื่อให้ศิษย์นิกายอื่นไม่ได้มีโอกาสที่จะลอบสังหารพวกเจ้า”


 


“ขอรับผู้อาวุโสใหญ่” พวกเขาสิบคนพยักหน้า


 


จ้าวหวูจินกล่าวต่อ “นอกเหนือจากการระแวดระวังศิษย์จากนิกายอื่น เจ้าเองก็ต้องระวังสัตว์ปีศาจภายในเขตแดนร้อยพฤกษาเร้นลับด้วยเช่นกัน บางประเภทระดับสูง และบางประเภทระดับต่ำ หลายปีก่อน สัตว์ปีศาจระดับ 3 ขั้นสูงได้เข้ามาและก่อให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายครั้งใหญ่ในทุกๆ นิกาย แต่นั่นก็เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ยากมากและสามารถไม่ใส่ใจมัน เมื่อเป็นเช่นนั้น พวกเจ้าก็ไม่จำเป็นต้องกังวลกับความกังวลที่ไม่จำเป็น”


 


จบคำกล่าวของเขา จ้าวหวูจินโบกมือของเขา “มากับข้า” จากนั้นเขาก็เดินออกจากห้องโถงชั้นใน


 


นอกห้องโถงใหญ่ จ้าหวูจินกล่าวกับผู้อาวุโสชั้นในที่อยู่ข้างเขา “อาวุโสเหลียง กล่าวให้ลูกรักทั้งสองของเจ้ามา”


 


ผมของอาวุสเหลียงดูไม่เรียบร้อยนักเขาคล้ายกับเพิ่งหลุดออกมาจากป่า เขาส่งเสียง ‘ฮี่ฮี่’ ก็ที่จะเป่านกหวีดเสียงแหลมสูง


 


ก๊าก!


 


กั๊ว!


 


สัตว์ปีศาจชนิดบินได้สองตัวบินออกมาจากยอดเขาที่อยู่ห่างไกล


 


“ใหญ่มาก!” หลี่ฟูเฉินและกลุ่มต่างก็เบิกตากว้าง


 


หนึ่งในนั้นคือสัตว์ปีศาจประเภทนก มันถูกห่อหุ้มด้วยขนสีทอง ขนแต่ละอันมีความยาวหลายเมตร ปีกของมันยาวอย่างน้อยๆ 20 เมตร ซึ่งดูแล้วมันสามารถครอบคลุมดวงอาทิตย์ได้อย่างง่ายดาย


 


อีกตัวคือสัตว์ปีศาจที่ร่างกายเป็นเสือและมีปีก แต่ที่ปลายอีกด้านหนึ่งกลับเป็นหัวของนกจริงๆ ปีกของมันยาวประมาณ 20+ เมตร


 


ระดับ 4 ชั้นต่ำ นกทอง


 


ระดับ 4 ชั้นต่ำ พยัคฆ์ล่องลอย


 


อันที่จริงแล้ว พวกมันไม่ใช่สัตว์ปีศาจ แต่เป็นสัตว์จิตวิญญาณ


 


สัตว์จิตวิญญาณก็คือสัตว์ปีศาจที่เชื่องแล้ว พลังฉีปีศาจภายในร่างกายของพวกมันถูกกำจัดไปนานแล้วและถูกหลงเหลือไว้เพียงแต่พลังฉีวิญญาณแต่เพียงเท่านั้น


 


“อาวุโสเหลียงผู้นี้จะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญที่สามารถทำให้สัตว์ปีศาจระดับ 4 ขั้นต่ำทั้งสองตัวนี้เชื่องได้” รู้สึกถึงแรงกดดันวิญญาณจากสัตว์จิตวิญญาณระดับ 4 ขั้นต่ำ หลี่ฟู่เฉินและคนอื่นๆ รู้สึกหายใจลำบาก


 


สัตว์จิตวิญญาณระดับ 4 ขั้นต่ำเปรียบเทียบได้กับนักสู้ขอบเขตสวรรค์ระดับต่ำ แต่พลังฉีจิตวิญญาณมันไร้ขอบเขต หากไม่ใช่เพราะขาดทักษะต่อสู้ แม้แต่กระทั่งนักสู้ขอบเขตสวรรค์ระดับกลางก็ไม่อาจเป็นคู่มือสัตว์จิตวิญญาณระดับ 4 ขั้นต่ำเพียงตัวเดียวได้


 


ในขณะที่นกทองและพยัคฆ์ล่องลอยเข้ามา จ้าวหวูจินก็กล่าว “ทุกคนขึ้นไป!”


 


หลังของนกทองและพยัคฆ์ล่องลอยนั้นใหญ่พอที่จะบรรทุกคนจำนวนมาก


 


หลี่ฟู่เฉินยืนอยู่บนหลังของพยัคฆ์ล่องลอยด้วยกันกับจ้าวหวูจิน เฉินฟางหัว ศิษย์ชั้นในอีกสามคน และผู้อาวุโสชั้นในอีกสี่คน


 


ผู้คนที่เหลือนั่งอยู่ด้านหลังของนกทอง


 


“ขึ้น!” อาวุโสเหลียงตะโกนสั่ง


 


นกทองและพยัคฆ์ล่องลอยกระพือปีกเพื่อพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ในพริบตา พวกเขาก็ผ่านชั้นเมฆและหายไป


 


***


 


แคว้นเขาจันทราโลหิตตั้งขวางแคว้นวารีครามไว้อยู่ต่อจากนั้นก็ แคว้นปีศาจสวรรค์ แคว้นโหมกระบี่ และแคว้นเร้นวิญญาณ


 


ในตอนกลางของแคว้นเขาจันทราโลหิตเป็นทะเลสาบขนาดมหึมา


 


บนพื้นผิวของทะเลสาบร้อยพฤกษาเป็นสองนิกายที่มาถึงนานแล้ว แต่ละนิกายนำสมาชิกมายี่สิบคน สิบเป็นศิษย์ชั้นในและอีกสิบเป็นผู้อาวุโสชั้นใน


 


ทั้งสองนิกายนี้คือนิกายโหมกระบี่และนิกายเร้นวิญญาณ


 


สมาชิกของนิกายโหมกระบี่ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้อาวุโสหรือเหล่าศิษย์ ต่างก็ถือกระบี่ขนาดใหญ่ไว้ที่ด้านหลัง ด้านหลังของกระบี่มีวงแหวนทั้งหมดเก้าวงและด้ามของมันถูกสลักออกมาคล้ายกับหัวเสือ ลักษณะธรรมชาติโดยรวมของมันก็ดุดัน รุนแรง และโหมฉกรรช์


 


สมาชิกนิกายเร้นวิญญาณทั้งหมดสวมเสื้อคลุมที่ถูกปักเป็นลายเมฆสีหมองมน พวกเขาทั้งหมดมีสภาวะพลังฉีที่ดูลึกลับและมันราวกับว่าพวกเขาสามารถหายตัวไปได้ตลอดเวลา การปรากฏตัวของพวกเขาขัดขวางวิสัยทัศน์ของผู้ชมมองอย่างมาก


 


เมื่อศิษย์จากทั้งสองฝ่ายตรวจสอบซึ่งกันและกัน ดวงตาของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความเกลียดชังและความมุ่งมั่นที่แฝงมาด้วยเจตนาสังหาร หากใครพูดอะไรบางอย่างที่ไม่เหมาะสม การต่อสู้ขั้นแตกหักจะเกิดขึ้นทันที


 


ก๊ากก!


 


กั๊วว!


 


จากฟากฟ้า เสียงสะท้อนของสัตว์ปีศาจดังกึกก้องเข้ามาในหู


 


“นิกายวารีครามมาถึงแล้ว”


 


ผู้อาวุโสใหญ่ชั้นในของนิกายโหมกระบี่เป็นชายมีอายุที่มีร่างกายใหญ่โต ด้านหลังของเขาเป็นดาบทองคำขาวที่ดูสง่างามและไร้ฝัก กระบี่ยักษ์นี้อย่างน้อยต้องอยู่จุดสูงสุดของความสามารถที่มนุษย์มี มันมีความกว้างหนึ่งฟุต ชายผู้นั้นกระพริบตา และสายตาแหลมคมที่สกดข่มผู้คนได้ถูกปล่อยออกมา ทำให้ไม่มีใครกล้ามองเข้าไปในตาเขา


 


ในช่วงเวลาสั้นๆ นกทองและพยัคฆ์ล่องลอยก็มาถึงท้องฟ้าเหนือทะเลสาบร้อยพฤกษา


 


“ทุกคนลงไป” จ้าวหวูจินลงจากนกทอง


 


คนอื่นติดตามมาในไม่ช้า


 


ซึ่ม! ซึ่ม!


 


ระลอกคลื่นถูกสร้างขึ้นบนผิวน้ำของทะเลสาบ ในขณะที่สมาชิกของนิกายวารีครามกว่า 20 คนลงมาบนพื้นผิวของทะเลสาบ


 


อาวุโสเหลียงโบกมือเพื่อส่งสัญญาณให้สัตว์จิตวิญญาณของเขาออกไป และตามล่าหาอาหารของพวกมันเอง


 


“จ้าวหวูจิน เป็นเวลานานแล้วที่ไม่ได้พบกัน”


 


ผู้อาวุโสใหญ่ชั้นในของนิกายโหมกระบี่หัวเราะสุดเสียง ส่งสภาวะพลังฉีที่น่ากลัวจากดาบไปยังจ้าวหวูจิน


 


“เหอเลียนหู่ เจ้าก็ยังเป็นเฒ่าหยาบคายเช่นเดิม”


 


จ้าวหวูจินปลดปล่อยสภาวะพลังฉีเพื่อต่อต้านเหอเลียนหู่


 


บูม บูม ตึ้ม!


 


เสาน้ำพุ่งขึ้นมาจากผิวน้ำทะเลสาบร้อยพฤกษา นั่นเป็นผลของการปะทะกันของพลังฉีทั้งสอง


 


“คนจากนิกายสวรรค์ปีศาจก็อยู่ที่นี่เช่นกัน”


 


ผู้อาวุโสใหญ่ชั้นในของนิกายเร้นวิญญาณเป็นหญิงชราที่ดูแปลกประหลาดและก็ยังเป็นหญิงชราที่มากฝีมือ เธอเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า


 


ในบั่นปลายของฟากฟ้า สัตว์จิตวิญญาณสีดำสี่ปีกกำลังบินข้ามผ่านมา


 


สัตว์จิตวิญญาณสีดำตัวนั้นมีขนาดใหญ่กว่าทั้งนกทองและพยัคฆ์ล่องลอย ปีกมันกว้างอย่างน้อย 30+ เมตร เมื่อตอนที่มันบินข้ามผ่านท้องฟ้า มันดูเหมือนเมฆดำขนาดยักษ์ที่กำลังเคลื่อนที่ ครอบคลุมโลกด้วยแรงกดดันที่น่าหวาดกลัวและนำพายุรุนแรงเข้ามา


บทที่ 144


อัจฉริยะจากนิกายอื่น


 


 


สัตว์จิตวิญญาณระดับ 4 ขั้นกลาง อสูรสี่ปีกสวรรค์


 


สัตว์จิตวิญญาณตัวนี้ได้รับการเลี้ยงดูเป็นอย่างดีจากสำนักปีศาจสวรรค์ รูปแบบดั่งเดิมของมันคือสัตว์ปีศาจสี่ปีกปฐพี


 


อสูรสี่ปีกสวรรค์นั้นก้าวร้าวผิดธรรมดา แม้ว่าตอนนี้จะอยู่ระดับ 4 ขั้นกลาง แต่เมื่อมันเกิดการบาดเจ็บ ความแข็งแกร่งในด้านพลังต่อสู้จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก จากระดับ 4 ชั้นกลางพุ่งขึ้นไปถึงระดับ 4 ชั้นสูง ถือได้ว่าสัตว์จิตวิญญาณตนนี้เป็นตัวแทนของนิกายปีศาจสวรรค์


 


ด้วยแรงลมที่คล้ายกับใบดาบ อสูรสี่ปีกสวรรค์ค่อยๆ ร่อนลงมาจากสูงหลายเมตร


 


“ลงไป!”


 


ชายผู้มีอายุคนนึงลงมาก่อน ตามด้วยสมาชิกอีกกว่า 20 คน


 


ผู้อาวุโสชั้นใน 13 คน และเหล่าศิษย์ชั้นในอีก 13 คนขึ้นฝั่ง


 


เห็นได้ชัดว่าที่ว่างของนิกายสวรรค์ปีศาจนั้นมากกว่า 3 ที่


 


“มันเป็นนาง?”


 


หลี่ฟูเฉินกวาดสายตาของเขาไปรอบๆ และเห็นสิ่งที่งดงามสมบูรณ์แบบที่อยู่ภายใต้ผ้าคลุมสีดำ


 


พลังบ่มเพาะของคนงามในผ้าคลุมดำนั้นอยู่ในระดับที่ 9 ของขอบเขตต้นกำเนิด ร่างกายของเธอส่งออร่าที่น่าหวาดกลัวออกมา แม้แต่กระทั่งการถูกมองจากเธอเพียงครั้งเดียวก็ทำให้รู้สึกเหมือนถูกเชือดด้วยคมดาบ


 


‘สมควรเป็นโครงกระดูกระดับ 6 ดาว เพิ่มพลังบ่มเพาะขึ้นได้ในเวลาเพียงไม่กี่เดือน และดูเหมือนว่าเธอเองก็เข้าใจเจตจำนงกระบี่แล้วด้วยเช่นกัน’ หลี่ฟู่เฉินคิดกับตัวเอง


 


ในขณะเดียวกับที่หลี่ฟู่เฉินสำรวจหยานชิงหวู หยานชิงหวูเองก็กำลังค้นหาหลี่ฟู่เฉินด้วยเช่นกัน


 


มันเป็นสัญชาตญาณของผู้หญิงที่เธอได้ตัดสินว่าหลี่ฟู่เฉินเองก็มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเข้าสู่เขตแดนร้อยพฤกษาเร้นลับด้วยเช่นกัน


 


เพียงไม่นาน หยานชิงหวูก็พบหลี่ฟู่เฉิน


 


ทั้งคู่พบกัน หนึ่งประดุจคมดาบ อีกนึงดูนิ่งเงียบและสงบสุข


 


“เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถเสแสร้งไม่มีใดเกิดขึ้น?” หยานชิงหวูหัวเราะเย็นชา


 


“ชิงหวูชิเหม่ย เจ้ารู้จักใครบางคนจากนิกายวารีครามหรือไม่?” ที่ด้านข้างของหยานชิงหวู เป็นบุคคลวัยเยาว์ที่มีผิวขาวซีดราวกับหิมะ ซึ่งดูแล้วเหมือนจะอายุ 20 ปีกล่าวถาม


 


ขมวดคิ้วของเธอ หยานชิงหวูกล่าว “ไม่มี”


 


เรื่องของเธอจะต้องตัดสินด้วยตัวเอง เปรียบเทียบกับหลี่ฟู่เฉิน เธอไม่ชอบหลี่หวูเซี่ยผู้นี้มากกว่า


 


“ชิงหวูชิเหม่ยล้อข้าเล่นแล้ว ดูเหมือนว่าศิษย์คนหนึ่งจากนิกายวารีครามจะทำให้เจ้าขุ่นเคืองใจ ไม่เป็นไร ข้าจะฆ่าพวกมันทั้งหมดและนำหัวของพวกมันมาให้เจ้าเอง”


 


หลี่หวูเซี่ยเลียริมฝีปากของเขา และปล่อยปลดเจตนาชั่วร้ายออกจากดวงตา


 


“เจ้าไม่จำเป็นต้องเข้ามายุ่งกับเรื่องของข้า” หยานชิงหวูเปล่งเสียงทางจมูก


 


หลี่หวูเซี่ยไม่สนใจความเห็นของเธอ “เรื่องของชิงหวูชิเหม่ยนับว่าเป็นเรื่องของข้าเช่นกัน หลังจากทั้งหมดแล้ว เจ้าเองก็ต้องกลายเป็นภรรยาของข้าในอนาคตอยู่ดี”


 


“หลี่หวูเซี่ย ข้าจะกล่าวอีกครั้ง ข้าจะไม่แต่งงานกับเจ้า ไม่ใช่ตอนนี้ มันจะอยู่ในอนาคตอันไกล”


 


“กล่าวปัดแบบเด็กๆ แต่ข้าก็ไม่ได้รังเกียจมันเช่นกัน” หลี่หวูเซี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลาย


 


หยานชิงหวูโกรธ แต่ไม่ต้องการที่จะตอบ


 


“เหว่ยหยี่ปิง เป็นเรื่องยากเสียจริงๆ ที่นิกายปีศาจสวรรค์ของเจ้าจะมาถึงไว”


 


เหว่ยหยี่ปิงเป็นชายผู้มีอายุที่สวมเสื้อคลุมดำยาว เขาเพิกเฉยต่อผู้อาวุโสนิกายเร้นวิญญาณและกวาดสายตาของเขาไปทั้งสามนิกาย “ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะนำขยะมาด้วย เหล่าศิษย์นิกายปีศาจสวรรค์ เมื่อเจ้าเห็นพวกเขา อย่าปล่อยให้ใครมีชีวิตรอด”


 


“ขอรับผู้อาวุโสใหญ่”


 


ได้ยินคำสั่ง ศิษย์จากนิกายปีศาจสวรรค์ทุกคนมีแววตาที่แฝงไปด้วยเจตนาสังหาร พวกเขาเต็มไปด้วยรัศมีฆ่าฟันที่หนาแน่นคล้ายจะก่อต่อในรูปแบบคลื่น มันราวกับว่าพวกเขาเป็นสัตว์ที่ชั่วร้าย


 


‘ไม่ใช่ว่านี่คือนิกายปีศาจหรือไม่?!’ หลี่ฟู่เฉินคิด


 


“ฮึ่ม คนอื่นอาจเกรงกลัวนิกายปีศาจสวรรค์ของเจ้า แต่นิกายโหมกระบี่ของเจ้าไม่เกรงกลัว ศิษย์นิกายโหมกระบี่ หากเจ้าเห็นศิษย์จากนิกายปีศาจสวรรค์ ฆ่าพวกมันทั้งหมดอย่างรวดเร็ว” เหอเหลียนหู่กล่าวเยาะเย้ย


 


หญิงชราจากนิกายเร้นวิญญาณรู้สึกไม่มีความสุขเมื่อถูกเพิกเฉยจากเหว่ยหยี่ปิง แต่นิกายเร้นวิญญาณไม่ชมชอบกับการทะเลาะวิวาทมากนัก พวกเขาต้องการที่จะลอบสังหารและวางแผนในที่มืด ดวงตาของหญิงชรามีเจตนาสังหาร ซึ่งตามด้วยการไปกระซิบกับเหล่าศิษย์ของเธอ


 


“พวกเจ้าเห็นนี้ไหม? นี่คือความสัมพันธ์ระหว่างนิกาย” จ้าวหวูจินส่งข้อแยกออกไปถึงหลี่ฟู่เฉินและเหล่าศิษย์มากมาย


 


ได้ยินสิ่งนี้ อารมณ์ของเหล่าศิษย์ก็ปะทุออกมา บางคนตื่นเต้น บางคนกลัว และบางคนก็สงสัยในความสามารถของพวกเขา


 


มีเพียงหลี่ฟูเฉินเท่านั้นที่ยังสงบและไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์


 


“เนื่องจากตอนนี้ยังคงมีเวลาอยู่ ข้าสมควรที่จะแนะนำศิษย์ระดับจากเหล่านิกาย”


 


“ศิษย์ที่ถือกระบี่หัวผีเป็นศิษย์ลำดับที่ 1 จากนิกายโหมกระบี่ กระบี่คลั่ง ค้วนไห่ เขาเป็นที่รู้จักกันดีในด้ายทักษะกระบี่ที่บ้าคลั่งของเขา ถ้าเจ้าพบเขา อย่าได้เข้าไปยุ่งเป็นอันขาด หากเจ้าสามารถหลบหนีได้ เจ้าควรจะหนีไปดีที่สุด เขาจะกลายเป็นบ้าเมื่อเวลาได้เห็นเลือด เขาเคยถูกจำคุกเป็นเวลาหนึ่งปีเพราะฆ่าศิษร่วมย์นิกาย หลังจากที่เขาได้รับการปล่อยตัว เขาก็ทำให้ศิษย์คนอื่นพิการ จากนั้นก็ถูกจำคุกอีกหนึ่งปี ความสามารถของเขานั้นเพียงพอที่จะฆ่านักสู้ขอบเขตปฐพีระดับ 1 ได้ พยายามหลีกเลี่ยงเขาถ้าเป็นไปได้”


 


ทุกคนมองตามสายตาของจ้าวหวูจิน ภายในค่ายของนิกายโหมกระบี่มีชายที่มีอายุมากกว่า 20 ปีอยู่หนึ่งคน ผมดูยุ่งเหยิงและดวงตาปูดโปด นิ้วของเขาขยับไม่หยุด มันเหมือนกับว่าเขากำลังนับบางสิ่ง เมื่อเขารู้ตัวว่ามีคนกำลังมองเขาอยู่ เขาเงยหัวขึ้นทันที


 


ดวงตาของเขามัน…


 


นั่นคือดวงตาที่ไร้อารมณ์และกำลังคิดเกี่ยวกับความคลั่งที่มีต่อเลือด มันน่ากลัวยิ่งกว่าศิษย์ของนิกายปีศาจสวรรค์


 


“นั้นเป็นดวงตาที่น่ากลัวจริงๆ”


 


หลังจากทั้งหมดแล้วเฉินฟางหัวก็ยังคงเป็นผู้หญิง และไม่สามารถทำอย่างไรได้ ได้แต่ตัวสั่น


 


“เฉินชิเจี๋ย อย่ามองเขา” หลี่ฟู่เฉินกล่าวเบาๆ


 


หากความกล้าของบุคคลถูกบดขยี้ ความสามารถของพวกเขาจะลดลงไปในทันที เห็นได้ชัดว่ากระบี่คลั่งต้วนไห่ผู้นี้สามารถแสดงความมุ่งมั่นของความบ้าคลั่งออกมาได้ ซึ่งทำให้คู่ต่อสู้ของเขาแพ้พ่ายก่อนที่จะต่อสู้เสียอีก เขาไม่ใช่คนที่นักสู้ธรรมดาๆ จะสามารถรับมือได้


 


เฉินฟางหัวพยักหน้าและรีบก้มหัวลง


 


จ้าวหวูจินพยักหน้าเห็นชอบ ในบรรดาพวกเขาสิบคน มีเพียงคนเดียวที่สงบ มันคือหลี่ฟู่เฉิน


 


เพื่อที่จะมองไปยังกระบี่คลั่ง ต้วนไห่ได้และไม่รู้สึกถูกครอบงำ มันขึ้นอยู่กับความมุ่งมั่นและความกล้าหาญของเขา นี้ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความสามารถของเขาเลย


 


บุคคลประเภทนี้จะสามารถสงบสติอารมณ์ได้ไม่ว่าในสถานการณ์ใดๆ


 


บางครั้ง ความสามารถในการสงบสติอารมณ์ยังเป็นข้อได้เปรียบในระหว่างการต่อสู้เช่นกัน


 


สำหรับหลิวหวูหวง เซี่ยหลี่ไบ๋ หยูเหวินเทียน และคนอื่นๆ ส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบทางอารมณ์ แม้ว่าบางคนในพวกเขาจะไม่กลัว แต่พวกเขาก็ด้อยกว่าหลี่ฟู่เฉินที่รักษาความสงบไว้ได้เป็นอย่างดี


 


“อกเหนือจากกระบี่คลั่ง ต้วนไห่ ศิษย์ชั้นในนิกายโหมกระบี่ลำดับที่ 2 กระบี่โลหิต หลิงหวง บุคคลผู้นี้ก็ยอดเยี่ยมมากเช่นกัน เขาเป็นศิษย์ชั้นในเพียงคนเดียวที่แลกเปลี่ยนกระบวนท่ากับกระบี่คลั่งต้วนไห่ได้และปราศจากอาการบาดเจ็บ จำเป็นต้องให้ความสนใจเขาด้วยเช่นกัน”


 


หลังจากแนะนำศิษย์นิกายโหมกระบี่ครบสี่คนแล้ว จ้าวหวูจินเริ่มแนะนำศิษย์จากนิกายเร้นวิญาญ


 


“ศิษย์จากนิกายเร้นวิญญาณนั้นเชี่ยวชาญในเรื่องการซุ่มโจมตีและการลอบสังหาร พวกเขามีทักษะและการวางแผนสังหารที่แปลกประหลาด ศิษย์ชั้นในอันดับที่ 1 ของพวกเขาเรียกกันว่า นายน้อยวิญญาณ ต้วนมู่เหยา เขาได้ลอบสังหารผู้เชี่ยวชาญขอบเขตปฐพีระดับที่ 3 ไประวังอย่าเข้าใกล้เขาหากเจ้าเห็นเขา อย่าเพิกเฉยต่อการดำรงอยู่ของเขา ถ้าไม่ เจ้าอาจจะตอบสนองได้ไม่ทันเวลาและอาจจะถูกฆ่าตายได้”


 


“ที่ด้านข้างของเขามีศิษย์หญิงคนหนึ่งชื่อวิญญาณสาว เย่ฮัว อย่าได้มองเข้าไปในดวงตาของเธอ อย่ามองไปที่ส่วนใดๆ ของร่างกายเธอด้วย ในบางมุม เธอยิ่งน่ากลัวกว่ากระบี่คลั่งต้วนไห่และนายน้อยวิญญาณต้วนมู่เหยาเสียอีก เป็นการดีที่สุดที่จะหลีกเลี่ยงเธอ”


 


“ศิษย์ตัวเล็กๆ ที่อยู่ด้านหลังคือวิญญาณเด็ก เสี่ยวเหมา เขามีคุณสมบัติพิเศษบางอย่างเกี่ยวกับร่างกายของเขา เขาไม่สามารถถือได้ว่าเป็นมนุษย์หรือวิญญาณ ความสามารถของเขาไม่สามารถตัดสินใดๆ ได้ แม้แต่นายน้อยวิญญาณต้วนมู่เหยาและวิญญาณสาวเย่ฮัวก็ไม่กล้าที่จะยั่วยุเขา เป็นการดีกว่าที่จะไม่จัดการกับบุคคลที่ลึกลับและไม่รู้จัก”


 


ก่อนที่จ้าวหวูจินจะได้แนะนำศิษย์จากนิกายปีศาจสวรรค์ หลี่ฟูเฉินขัดจังหวะ “ผู้อาวุโสใหญ่ ข้ามีความเห็นต่าง”


 


“โหห.. เจ้าเห็นต่างอย่างไร?”


 


จ้าวหวูจินและผู้อาวุโสชั้นในที่เหลือมองหลี่ฟู่เฉินด้วยความประหลาดใจไม่ก็ขมวดคิ้ว


บทที่ 145


ต้นไม้เฟื่องฟูในป่า


 


(TL หมายเหตุ: ต้นไม้ที่เฟื่องฟูในป่าเป็นคำที่หมายถึง : บุคคลซึ่งโดดเด่นท่ามกลางคนอื่นๆ )


 


 


“มีความจำเป็นต้องระวังคนเหล่านี้อย่างแน่นอน แต่เราไม่จำเป็นต้องสวมมงกุฎให้คนเหล่านั้นและฉุดดึงนิกาวารีครามของเราลง พวกเราผู้ฝึกฝนดาบไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวใด หากเราพบกับเทพ เราก็จะสังหารเทพ หากเราเจอพระพุทธเจ้า เราก็จะสังหารพระพุทธเจ้า(buddha มันใช้คำนี้อะ) ความคมของดาบคือการฟันฝ่าอุปสรรคทุกอย่าง  หากมีความกลัวในใจ เต๋าแห่งดาบจะหายไป และเมื่อเต๋าแห่งดาบหายไปแล้ว เราจะฝ่าอุปสรรคและก้าวไปข้างหน้าได้อย่างไร?”


 


หลี่ฟู่เฉินอธิบายเหตุผลของเขา


 


“ความหมายของเจ้าคือฆ่าใครก็ตามที่เราพบเจอ และเผชิญหน้ากับความตายด้วยความสงบ?” หนึ่งในผู้อาวุโสชั้นในกล่าวถาม


 


หลี่ฟูเฉินตอบอย่างใจเย็น “มันทั้งถูกและไม่ถูกต้อง ดูและคิดว่าสถานการณ์ไหนเป็นสิ่งสำคัญ ความหวาดกลัวนั้นเป็นสิ่งสำคัญ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องแยกกับคนเหล่านี้ พวกเขายังคงเป็นมนุษย์ พวกเขายังมีเลือดและเนื้อ หากพวกเขาถูกแทง สิ่งที่ไหลออกมาก็ยังคงเป็นเลือด ทำไมเราต้องหลีกเลี่ยงพวกเขาเมื่อตอนที่เราเห็นพวกเขา? เป็นไปได้ไหมที่นิกายวารีครามของเราจะหนีได้ก็ต่อเมื่อเราเห็นศัตรูที่แข็งแกร่งเท่านั้น?”


 


คำแนะนำก่อนหน้านี้ของจ้าวหวูจินได้ฝั่งเจตจำนงแห่งความหวาดกลัวลงไปในจิตใจของเหล่าศิษย์ชั้นใน อย่าได้กล่าวถึงการพบกับอัจฉริยะเช่นกระบี่คลั่งต้วนไห่ หากพวกเขาได้พบกับคนที่มีความสามารถในระดับเดียวกันกับพวกเขา พวกเขาก็จะมีความกลัวในจิตใจและจะถูกฆ่าตาย


 


“กล่าวได้ดี”


 


จ้าวหวูจินไม่ได้วิจารณ์หลี่ฟู่เฉิน แต่ยินดีเป็นอย่างยิ่ง


 


เขาเป็นกังวบมากเกินไปและไม่ได้พิจารณาสถานการณ์โดยรวม


 


เขาเป็นห่วงว่าต้นกล้าที่ยอดเยี่ยมทั้งสิบนี้จะตายภายในเขตแดนร้อยพฤกษาเร้นลับ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาระมังระวังมากขึ้น


 


ใครจะไม่ทราบว่านักดาบที่แท้จริงต้องมีจิตใจที่กล้าหาญ


 


หากหัวใจนั้นมีตำหนิ ดาบเองก็จะมีข้อบกพร่องเช่นกัน เช่นนั้นนักดาบจะยังคงฝึกเต๋าแห่งดาบต่อไปได้อย่างไร?


 


“สิ่งที่ชายชราคนนี้กล่าวอาจจะฟังดูน่ากลัวเกินไป สำหรับคนที่ข้าได้กล่าวถึงก่อนหน้านี้ หากจำเป็นต้องมีการต่อสู้ เมื่อนั้นพวกเจ้าต้องแสดงความกล้าหาญของนิกายวารีครามพวกเราออกมา! และก็ทำให้พวกเขากลัวเราแทน! นิกายวารีครามของเราไม่ใช่สิ่งที่จะพ่ายแพ้ได้ง่ายๆ ดาบเป็นอาวุธของนักฆ่า เลือดเท่านั้นที่จะทำให้มันแหลมคมขึ้น”


 


คำพูดจากหลี่ฟู่เฉินและจ้าวหวูจินจุดไฟในประกายสายตาของเหล่าศิษย์ แต่เดิมพวกเขาดูหวาดกลัว ทว่าตอนนี้มันแฝงไปด้วยออร่าที่ดูแหลมคมและมั่นใจ เหล่าศิษย์ไม่ได้มีความหวาดกลัวในจิตใจอีกต่อไป พวกเขารู้สึกว่าเต๋าแห่งดาบของพวกเขายิ่งมายิ่งมั่นคงและแน่วแน่ขึ้น


 


หลิวหวูหวงมองหลี่ฟู่เฉินอย่างจริงจัง เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อน แต่ตอนนี้ ทันใดนั้นเขาก็คิดได้ว่าหลี่ฟูเฉินนั้นน่ากลัวอย่างแท้จริง มันยิ่งกว่ากระบี่คลั่งต้วนไห่ หรือนายน้อยวิญญาณต้วนมู่เหยาเสียอีก


 


ดึงสายตาของเขาจ้องมองไปที่นิกายปีศาจสวรรค์ จ้าวหวูจินเริ่มแนะนำศิษย์ชั้นในของนิกายปีศาจสวรรค์


 


“บุคคลแรกที่ถูกกล่าวถึงในนิกายปีศาจสวรรค์คืออสูรโลหิตหลี่หวูเซี่ย เขาเป็นลูกชายของผู้นำนิกายปีศาจสวรรค์ เขาครอบครองโครงกระดูกอสูรโลหิต  ระดับ 5 ดาว ไม่เพียงแต่โครงกระดูกประเภทนี้จะเป็นโครงกระดูกแบบพิเศษระดับ 5 ดาวที่ต่างจากอื่นๆ ทั้งหมด มันมียังมีพลังแฝงเพิ่มเติมเข้ามา ยิ่งเขาฆ่าผู้คนมากเท่าไหร่ พลังฉีปีศาจเขาก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น ยิ่งฆ่าก็ยิ่งสามารถใช้ศักยภาพที่แท้จริงออกมาได้ ว่ากันว่าเขาได้ได้ฆ่าผู้คนไปแล้วกว่าพันชีวิต และพวกเขาทุกคนต่างก็มีระดับการฝึกฝนเทียบเท่ากับเขา”


 


“เขาฆ่าคนไปกว่าพันคน?”


 


แม้ว่าทุกคนจะถูกกระตุ้นก่อนหน้านี้และเจตจำนงของความกลัวลดลงไปบ้างแล้ว เมื่อพวกเขาได้ยินเกี่ยวกับหลี่หวูเซี่ย พวกเขาก็ไม่สามารถทำอย่างไรได้ ได้แต่มีการเปลี่ยนแปลงในการแสดงออก


 


เปรียบเทียบกับหลี่หวูเซี่ย จำนวนคนที่พวกเขาฆ่าไปอาจไม่เกิน 10 คน


 


“ไม่ใช่ว่าเขาเป็นปีศาจนักฆ่าหรือไม่?!” ดาบวารีขาว ไบ๋เต๋า ไม่สามารถทำอย่างไรได้ ได้แต่กล่าวออกมา


 


จ้าวหวูจินกล่าวต่อ “ประมาณสามเมตรทางด้านขวาของหลี่หวูเซี่ยคืออสูรดำเหลียงหวูช๋าง ข้างๆ เหลียงหวูช๋างนั้นเป็นอสูรขาวเก๋าชง พวกเขายังเป็นที่รู้จักในนามคู่อสูรดำและขาว พวกเขาเชี่ยวชาญในการโจมตีพร้อมกัน พวกเขายังสามารถเอาชนะศินักสู้ขอบเขตปฐพีระดับ 1 ได้ด้วยตัวคนเดียว เมื่อประสานพลังกันแล้ว ความสามารถของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ชื่อเสียงของพวกเขาในนิกายปีศาจสวรรค์นั้นไม่ได้ด้อยกว่าหลี่หวูเซี่ยเลย”


 


“กรงเล็บวิญญาณ เจิ้งซวน เขาบ่มเพาะทักษะกรงเล็บระดับลึกลับขั้นต่ำ กรงเล็บวิญญาณโลกันต์ ซึ่งมีความยากลำบากต่อการฝึกฝนที่สุดในส่วนนิกายปีศาจสวรรค์ ได้มีการกล่าวกันว่าภายในนิกายปีศาจสวรรค์ทั้งหมด มีศิษย์เพียงสามคนเท่านั้นที่สามารถบรรลุขั้นภวังค์ของทักษะกรงเล็บวิญญาณโลกันต์ได้ พวกเขาสองคนเป็นศิษย์หลักและน่ากลัวมาก กล่าวกันว่าพวกเขาถูกจัดให้อยู่ในพื้นที่ที่เท่าเทียมกับหลี่หวูเซี่ย แต่ขาดเพียงสถานะเท่านั้น”


 


“และท้ายที่สุด ตระกูลหลักของนิกายปีศาจสวรรค์ อัจฉริยะจากตระกูลหยาน หยานชิงหวู ความสามารถของเธออาจจะไม่แข็งแกร่งเท่ากับหลี่หวูเซี่ย หรือคู่อสูรดำขาว หรือกรงเล็บวิญญาณเจิ้งซวน แต่เธอก็มีศักยภาพสูงสุด เพราะโครงกระดูกของเธอคือระดับ 6 ดาว”


 


ทุกคนกำลังขมวดคิ้วหลังจากได้ยินข้อมูลของหลี่หวูเซี่ย คู่อสูรดำขาว และกรงเล็บวิญญาณเจิ้งซวน


 


ตัดสินข้อมูลจากจ้าวหวูจิน ทุกคนรู้ได้อย่างคร่าวๆ ว่าหลี่หวูเซี่ยอยู่ใกล้เคียงกับกระบี่คลั่งต้วนไห่ แม้ว่าคู่อสูรดำขาวอาจจะอ่อนแอกว่า แต่เมื่อพวกเขารวมกลุ่มกันแล้ว พวกเขาอาจจะเก่งกว่าหลี่หวูเซี่ย นอกจากนั้น กรงเล็บวิญญาณเจิ้งซวนอาจไม่ได้ด้อยไปกว่าหลี่หวูเซี่ย


 


เพียงแค่อิงจากสี่คนนั้น มันก็แสดงให้เห็นแล้วว่าอัจฉริยะจากนิกายปีศาจสวรรค์นั้นยอดเยี่ยมกว่านิกายอื่นๆ อีกสามนิกาย


 


นี่เป็นความเข้าใจร่วมกันที่ทุกคนเข้าถึง


 


แต่หลังจากทราบถึงโครงกระดูกระดับ 6 ดาวของหยานชิงหวูทุกคนกลายเป็นตกใจ


 


ความหมายของโครงกระดูกระดับ 6 ดาวคืออะไร?


 


ทุกคนรู้มันดี


 


ถ้าโครงกระดูกระดับ 4 ดาวเป็นอัจฉริยะ โครงกระดูกระดับ 5 ดาวน่าจะถือได้ว่าเป็นอัจฉริยะระดับต้นๆ


 


โครงกระดูก 6 ดาวถือว่าเป็นอัจฉริยะที่สุดในรุ่น


 


นับตั้งแต่ก่อตั้งนิกายวารีครามขึ้นมา ไม่มีบุคคลที่มีโครงกระดูกระดับ 6 ดาวโผล่ขึ้นเว้นแต่ผู้นำนิกายรุ่นแรก


 


โครงกระดูกระดับ 6 ดาวมีโอกาสที่จะเกินขอบเขตหวนคืนกำเนิดและไปยังขอบเขตที่อยู่สูงขึ้นไป


 


ด้วยขอบเขตเช่นนั้น คนหนึ่งคนก็เทียบเท่ากับหนึ่งนิกาย หากใครไม่ปฏิบัติตาม นั้นหมายความว่ามันผู้นั้นพร้อมที่จะเผชิญกับการสูญพันธุ์


 


“นิกายปีศาจสวรรค์น่ากลัวอย่างแท้จริง!” ดาบห้วงเขา ลั่วหยี่ซานพึมพัม


 


“มันเป็นนิกายที่น่าหวาดกลัวอย่างแท้จริง” หลี่ฟูเฉินเห็นด้วย


 


หลี่ฟู่เฉินเท่านั้นที่จะจินตนาการได้ เมื่อหยานชิงหวูพัฒนาขึ้นในอนาคต ภัยคุกคามแบบไหนที่จะก่อให้เกิดกับอีกสามนิกาย?


 


ด้วยประกายตาเย็นชา จ้าวหวูจินกล่าว “ข้าหวังว่าพวกเจ้าทุกคนจะพยายามอย่างดีที่สุด เพื่อฆ่าผู้หญิงคนนี้หากเจ้าพบเธอ ทุกคนที่สามารถกำจัดเธอได้จะได้รับคะแนนสะสม 3 ล้านคะแนน ขีดจำกัดของการไถ่ถอนสิ่งต่างๆ จะเพิ่มขึ้นไปยังชั้นของผู้อาวุโสนิกายชั้นใน ตราบใดที่เจ้ามีคะแนนสะสมเพียงพอ โดยทั่วไปแล้วเจ้าสามารถแลกของที่เจ้าต้องการได้”


 


การคุกคามของโครงกระดูก 6 ดาวนั้นมากเกินไป ไม่กี่สิบปีต่อไป หากนิกายวารีครามถูกกำจัดหมดสิ้นไป มันอาจจะเพราะผู้หญิงคนนี้เอง


 


“อาวุโสใหญ่ อย่าได้กังวล ข้าจะสังหารผู้หญิงนางนี้เอง”


 


แม้ว่าหยานชิงหวูเป็นความงามที่สมบูรณ์แบบ ที่แม้แต่หลิวหวูหวงก็ยังรู้สึกประทับใจ แต่ถ้ามีโอกาส เขาจะฆ่าหยานชิงหวูอย่างแน่นอน


 


ตราบใดที่มีความสามารถเพียงพอ หญิงสาวหาได้ก็จะไม่ขาด คะแนนบริจาค 3 ล้านคะแนนและข้อจำกัดในการแลกรับรางวัลของผู้อาวุโสนิกานชั้นในเป็นข้อเสนอที่น่าสนใจมาก


 


เช่นเดียวกับนิกายวารีคราม นิกายโหมกระบี่ และนิกายเร้นวิญญาณก็ได้รับคำสั่งสังหารเช่นกัน จะมีรางวัลมากมายรออยู่เมื่อฆ่าหยานชิงหวู


 


“ต้นไม้ที่เฟื่องฟูในป่าจะถูกผูกไว้ให้โค่นลง หากความสามารถของใครบางคนเหนือล้ำเกินไป มันก็ยากที่จะพัฒนาได้อย่างถูกควร”


 


หลี่ฟูเฉินรู้สึกกดดันในหัวใจ เขาสงสัยว่าเขาเองจะถูก ‘ตั้งรางวัล’ แบบนี้รึเปล่า


 


หลังจากทั้งหมดแล้ว ความสามารถทางจิตวิญญาณของเขาก็โดดเด่นเกินไป เขาผู้ซึ่งเป็นโครงกระดูกธรรมดาทั่วไปแต่มีการรับรู้ที่เกินกว่าโครงกระดูกระดับ 5 ดาว เมื่อจิตวิญญาณของเขาเปลี่ยนเป็นสีฟ้าอ่อนอย่างสมบูรณ์ มันจะเติบโตขึ้นอีกเท่าตัวแน่นอน


 


“เขตแดนร้อยพฤกษาเร้นลับครั้งนี้เป็นโอกาสสำหรับข้าที่จะพัฒนาและก้าวหน้า ข้าต้องใช้ประโยชน์จากมันอย่างเต็มที่”


 


สิ่งที่หลี่ฟู่เฉินไม่รู้ก็คือ คือว่าเขาได้กลายเป็นสิ่งที่ดูขัดหูขัดตาสำหรับนิกายอื่นๆ ทั้งสามนิกาย


 


ในการแบ่งปันข้อมูลของแต่ละนิกาย มันบอกว่าหลี่ฟูเฉิน หลิวหวูหวง และเซี่ยวหลี่ไบ๋ล้วนเป็นเป้าหมายที่โดดเด่น พวกเขาถูกจับจ้องเป็นเป้าสังหาร แม้แต่กระทั่งหยูเหวินเทียนเองก็อยู่ในบัญชีดำด้วยเช่นกัน หลังจากทั้งหมดแล้ว เขาก็เป็นโครงกระดูกระดับ 5 ดาว แต่เนื่องจากอายุของเขาเขาจึงไม่โดดเด่นเกินไป หากให้เวลาเขาอีกซัก 2 ปี เขาจะไม่ได้ด้อยไปกว่าหลิวหวูหวง


 


เขตแดนร้อยพฤกษาเร้นลับเป็นโอกาสที่โชคชะตาประทานมา แต่ก็เป็นบททดสอบเลือดด้วยเช่นกัน บุคคลที่เข้มแข็งจะมีชีวิตรอดและผู้อ่อนแอจะต้องตาย


บทที่ 146


ดอกไม้เพลิงเยือกแข็ง


 


 


ช่วงบ่าย …


 


ทันใดนั้นเองหมอกหนาก็ลอยขึ้นจากทะเลสาบร้อยพฤกษา หมอกนี้แปลกมาก แม้ว่าบางคนพยายามใช้กำลังเพื่อปักหรือตัดหมอกออกไป มันก็ไม่ขยับแม้แต่นิดเดียว หมอกนี้ดูเหมือนจะไม่ได้เป็นของโลกนี้


 


และเป็นขณะนี้เองที่กลุ่มคนรู้สึกได้ถึงความกดดัน ประตูสีขาวค่อยๆ เปิดออกด้วยตัวเอง


 


“ประตูร้อยพฤกษาเปิดออกแล้ว”


 


สามาชิกจากทั้งสี่นิกายไปที่ประตู


 


“เขตแดนร้อยพฤกษาเร้นลับนี้มีความสามารถในการเคลื่อนย้าย ใครก็ตามที่เข้าไปจะถูกส่งออกไปแบบสุ่ม จำคำของข้าไว้ให้ดี อย่าแสวงหาปัญหา แต่ก็อย่าได้กลัวปัญหาเช่นกัน หากเจ้าพบศิษย์จากนิกายอื่น อย่าต่อสู้เว้นแต่เสียจะจำเป็น แต่ถ้าถึงจำเป็นจริงๆ แล้ว แสดงความกล้าหาญของเจ้าออกมา เจ้าจะต้องตัดสินสถานการณ์ด้วยตัวเอง นอกจากนี้ ค้นหาความเป็นไปได้ทั้งหมดเพื่อเพิ่มความสามารถของเจ้า พวกเจ้าสามารถบริโภคสมุนไพรที่สามารถปรับปรุงพลังบ่มเพาะและความสามารถทางกายภาพของเจ้าได้ในทันที หากเจ้าพบอะไรที่พิเศษ เมื่อนั้นนำมันออกมา สุดท้ายนี้แล้ว ปกป้องชีวิตของเจ้าเอง ข้าหวังว่าพวกเจ้าทั้งสิบคนจะรอดชีวิตออกมา” จ้าวหวูจินให้คำแนะนำเป็นครั้งสุดท้าย


 


ตอนนี้ ประตูร้อยพฤกษาค่อยๆ เปิดออกอย่างช้าๆ เหล่าศิษย์จากนิกายปีศาจสวรรค์เข้าไปในทันที


 


สำหรับนิกายวารีคราม หลิวหวูหวงรีบวิ่งเข้าไป ตามด้วยเซี่ยวหลี่ไบ๋…


 


พริบตาเดียว ศิษย์ชั้นในของทุกนิกายก็เข้าไปยังเขตแดนร้อยพฤกษาเร้นลับ


 


“เฒ่าที่น่าเคารพทั้งสาม ตั้งแต่ที่นี่ไม่มีอะไรทำแล้ว ทำไมเราไม่มาเดิมพันกันละ?” ผู้อาวุโสใหญ่ของนิกายปีศาจสวรรค์ เหว่ยหยี่ปิงยิ้มแย้ม


 


“เราจะพนันอะไรกันดีหละ?” ดวงตาเหอเหลียนหู่สว่างขึ้น


 


จ้าวหวูจินและหญิงชราจากนิกานเร้นวิญญาณก็ดูสนใจเช่นกัน


 


เหว่ยหยี่ปิงกล่าว “มาเปรียบเทียบกันว่าศิษย์จากทั้งสี่นิกายฝ่ายไหนจะตกตายน้อยที่สุด ผู้ที่เสียหายน้อยท้ายสุดแล้วจะเป็นผู้ชนะ สามนิกายจะต้องจ่ายออกเหรียญทอง 1 ล้านเหรียญสำหรับศิษย์ที่ตายต่อคน”


 


“ข้าเอาด้วย” เหอเหลียนหู่ตอบ


 


“นิกายเร้นวิญญาณของข้าแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะสูญเสีย ข้าเอาด้วย” หญิงชราจากนิกายเร้นวิญญาณมีความมั่นใจต่อศิษย์ของเธอเป็นอย่างมาก มันเป็นความจริงที่รู้กันดีว่านิกายเร้นวิญญาณมีความเชี่ยวชาญในการลอบสังหารและมักจะทำให้ชีวิตของใครคนหนึ่งตกอยู่ในอันตราย


 


“ตั้งแต่ที่พวกเจ้าสามคนเข้าร่วม ข้าก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่เข้าร่วม”


 


เหรียญทองสองสามล้านเหรียญไม่นับเป็นไรสำหรับจ้าวหวูจิน ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเหรียญทองสิบล้านก็ไม่นับเป็นไร ราคาเท่านี้มันก็เพียงพอที่จะทำให้เขาคันเล็กน้อย แน่นอน เขาไม่ต้องการเป็นผู้แพ้ แต่เมื่อเทียบกับทองคำ หลี่ฟูเฉินและคนอื่นๆ นั้นมีค่ายิ่งกว่ามาก


 


“ดีมาก เหมือนว่าพวกเจ้าทุกคนจะค่อนข้างมั่นใจ แต่น่าเสียดายที่ความมั่นใจนั้นมันไร้ประโยชน์ พวกเจ้าทั้งสามคนรอจ่ายเหรียญทองให้กับข้าเสียเถอะ!” เหว่ยหยี่ปิงดูยินดีเป็นอย่างยิ่ง ในมุมมองของเขา อีกสามนิกายจะแพ้อย่างแน่นอน พวกเขาแต่ละคนจะต้องให้เหรียญทองสองสามล้านเหรียญแก่เขา เขาจะได้รับเหรียญทองมากกว่าสิบล้านด้วยการยกมือเพียงแค่มือเดียว


 


“เจ้าไม่มีทางรู้ว่าผลลัพธ์สุดท้ายจะจบลงอย่างไร” จ้าวหวูจินหัวเราะเยือกเย็น


 


***


 


ภายในเขตแดนร้อยพฤกษาเร้นลับ พลังงานจากสวรรค์และโลกนั้นหนาแน่นกว่าที่คิด มันหน่าแน่นกว่าในเมืองโลหิตปีศาจถึงหลายเท่า ไม่จำเป็นต้องมีเม็ดยาพลังฉีเพื่อบ่มเพาะก็สามารถสะสมพลังได้ตามที่ต้องการ


 


“หากข้าสามารถบ่มเพาะอยู่ในเขตแดนร้อยพฤกษาเร้นลับเป็นเวลาหนึ่งปี การก้าวหน้าขึ้นสู่ขอบเขตปฐพีก็จะง่ายขึ้น”


 


ร่อนลงบนพื้นหญ้าอย่างนุ่มนวล หลี่ฟูเฉินกระซิบกับตัวเอง


 


“หือ?! เป็นไปได้ยังไง?”


 


หลังจากที่ลงมาถึงพื้น ดวงตาของหลี่ฟู่เฉินเบิกกว้างราวกับว่าเขาเห็นบางสิ่งที่ไม่น่าเชื่อ


 


หญ้าทั้งหมดเป็นต้นสมุนไพร


 


แม้ว่าพวกมันจะเป็นสมุนไพรสีเหลืองขั้นต่ำ แต่ก้านเดียวก็มีค่าประมาณ 2 ถึง 3 เหรียญทอง


 


แต่พื้นที่นี้ทั้งหมดเต็มไปด้วยพวกมัน!


 


“ไม่ใช่ว่านี้เป็นดินแดนเหรียญทองหรือไม่?”


 


หลี่ฟูเฉินรู้สึกสับสนเล็กน้อยหลังจากมาถึงเขตแดนร้อยพฤกษาเร้นลับ


 


เขาพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อสงบสติอารมณ์ ขณะนั้นเองเขาก็หัวเราะออกมาอย่างขมขื่น


 


แม้ว่าแผ่นดินก่อนหน้าเขาทั้งหมดจะเป็นเหรียญทอง เขาก็ไม่สามารถนำมันมาได้


 


ถุงเก็บสามารถเก็บสิ่งของลงไปได้หนึ่งลูกบาศก์เมตรเท่านั้น และถึงจะบรรจุสมุนไพรสีเหลืองชั้นต่ำลงไปบนมันก็ไม่สามารถทำกำไรได้อยู่ดี


 


ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่ได้ต้องการเข้ามาเพื่อค้นหาสมุนไพรสีเหลืองขั้นต่ำ สมุนไพรระดับลึกลับขั้นต่ำเพียงต้นเดียวเทียบเท่ากับสมุนไพรสีเหลืองขั้นต่ำหนึ่งหมื่นต้น และนั้นเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมการเข้ามาตามหาสมุนไพรระดับลึกลับนั้นถึงถูกควรกว่า


 


“ลืมมันไปซะ ข้าจะไม่มองมัน”


 


หลี่ฟู่เฉินพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะมองสมุนไพรเหล่านี้ให้เหมือนหญ้าธรรมดา


 


ทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ หลังจากเดินไปหนึ่งชั่วโมง หลี่ฟูเฉินยังคงไม่สามารถออกจากที่ราบได้


 


“นี่คือดอกบัวเจ็ดดาราระดับลึกลับขั้นต่ำ มีมูลค่า 20,000 เหรียญทอง”


 


“นี่คือดอกโคงา ระดับลึกลับขั้นต่ำ มีมูลค่า 15,000 เหรียญทอง”


 


“ผลเถาเขียว ระดับลึกลับขั้นต่ำ 25,000 เหรียญทอง”


 


ข่าวลือเป็นจริง ภายในเขตแดนร้อยพฤกษาเร้นลับ สมุนไพรระดับลึกลับเป็นสิ่งธรรมดาสามัญ ในเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมง หลี่ฟู่เฉินได้พบสมุนไพรระดับลึกลับขั้นต่ำแล้วหลายชิ้น


 


มันเทียบเท่ากับเงินกว่า 70,000 เหรียญทอง


 


ขณะที่เขาเดินเล่น หลี่ฟู่เฉินเห็นสัตว์ปีศาจ


 


มันเป็นกิเลนโลหิตระดับ 2 ขั้นสูง สัตว์ปีศาจตนนี้ชอบเนื้อสัตว์และเป็นสัตว์กินเนื้อ


 


ตอนนี้ กิเลนโลหิตกำลังเคี้ยวสมุนไพรบนพื้นอย่างบ้าคลั่งราวกับว่ามันเป็นอาหารอันโอชะ


 


หลี่ฟู่เฉินหัวเราะ ดูเหมือนว่าสัตว์ปีศาจที่เข้ามาเขตแดนร้อยพฤกษาเร้นลับโดยไม่ได้ตั้งใจก็ถูกดึงดูดด้วยสมุนไพรธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นสัตว์กินเนื้อหรือสัตว์กินพืช พวกมันก็กำลังเคี้ยวสมุนไพร


 


ยกศีรษะขึ้น กิเลนโลหิตสังเกตเห็นหลี่ฟูเฉิน


 


ดวงตาของมันส่องประกายระยิบระยับ กิเลนโลหิตพุ่งเข้าหาหลี่ฟูเฉิน


 


สัตว์กินเนื้อจะไม่สามารถซ่อนตัวจากความปรารถนาได้ มันเห็นมนุษย์เป็นอาหารอันโอชะ มันก็ไม่สามารถทำอย่างไรได้ ได้แต่มีความอยากอาหารสำหรับเนื้อมนุษย์


 


หลี่ฟูเฉินไม่ใส่ใจและยังเดินต่อไป


 


ปั๊ง!


 


ขณะที่กิเลนโลหิตกำลังจะกัดหลี่ฟุเฉิน ร่างของเขาปล่อยเจตจำนงอันร้อนแรงที่คล้ายกับจะทำลายทุกสิ่ง และส่งกิเลนเลือดบินออกไป


 


ก่อนที่มันจะถึงพื้น พลังฉีของมันทั้งหมดก็เหือดแห้งไปและตกตายลง


 


ร่างของมันไหม้เกรียมและมีควันออกมา เกล็ดของมันร่วงหล่น ไม่มีอะไรเหลือรอด


 


แม้กระทั่งเมื่อตายไปแล้ว กิเลนโลหิตตัวนี้ก็ไม่สามารถเข้าใจว่าทำไมมนุษย์ผู้นี้ถึงได้แข็งแกร่งเช่นนี้ เพียงแค่ใช้การป้องกันของพลังฉีก็เพียงพอที่จะทำให้เกิดการระเบิดจากสภาวะพลังแนร้ายแรง มันเป็นสิ่งที่แม้แต่กระทั้งนักสู้ขอบเขตปฐพีบางคนก็ไม่สามารถทำได้


 


“ดอกไม้เพลิงเยือกแข็ง ระดับลึกลับขั้นสูง  400,000 เหรียญทอง”


 


หลังจากหลายชั่วโมงผ่านไป โชคของหลี่ฟู่เฉินก็ออกมาและพบว่าเป็นสมุนไพรระดับลึกลับขั้นสูงที่หาได้ยาก ดอกไม้เพลิงเยือกแข็ง


 


ดอกไม้นี้บรรจุวิญญาณพลังฉีทั้งน้ำแข็งและเปลวไฟ ผู้ที่บ่มเพาะด้วยเทคนิคประเภทเพลิงสามารถกินดอกไม้นี้เพื่อลดอุณหภูมิร่างกายได้และหลีกเลี่ยงการเผาไหม้หรือเส้นชีพจรเหือดแห้งได้ ในขณะเดียวกันผู้บ่มเพาะเทคนิคเยือกแข็งก็สามารถกินดอกไม้นี้เพื่อปกป้องอวัยวะภายในจากการถูกแช่แข็งได้


 


ยกตัวอย่างเช่น หากหลี่ฟู่เฉินได้ฝึกฝนเทคนิคเพลิงโลหกันต์แท้จริง ด้วยร่างกายและการบ่มเพาะในปัจจุบันของเขา เขาก็สามารถไปถึงระดับที่ 15 ได้ แต่ด้วยดอกไม้เพลิงเยือกแข็งนี้ เขาอาจไปถึงระดับที่ 16 หรืออันดับที่ 17 ได้อย่างง่ายดาย


 


ใส่ดอกไม้เพลิงเยือกแข็งลงในกล่องหยกอย่างระมัดระวัง หลี่ฟู่เฉินยิ้มออกมา


 


ก้านดอกนี้อาจมีประโยชน์ในอนาคต


 


“เร็วเข้า นั้นไม่ใช่ว่าศิษย์จากวารีคราม หลี่ฟู่เฉิน?”


 


ตามขอบของทุ่งหญ้ามีศิษย์นิกายปีศาจสวรรค์สองคนค้นพบหลี่ฟู่เฉินได้โดยบังเอิญ


 


“ฮ่าฮ่า พวกเราโชคดีจริงๆ แค่คว้าถุงเก็บของของเขามาได้ และเราก็จะได้สมุนไพรมาเพิ่มอีก” ถุงเก็บของเป็นของหายากสำหรับทุกนิกายและทุกคนก็มีได้เพียงถุงเดียว หลังออกจากเขตแดนร้อยพฤกษาเร้นลับ มันก็จำเป็นต้องส่งคืน แต่ถุงเก็บที่ขโมยมาไม่จำเป็นต้องส่งคืน


บทที่ 147


เฉินชิเจี๋ย เจ้าต้องการความช่วยเหลือหรือไม่?


 


 


 


“ศิษย์นิกายปีศาจสวรรค์?”


 


ดวงตาของหลี่ฟู่เฉินเปล่งประกายแวววาว


 


เขาไม่ได้เป็นคนกระหายเลือดและอยู่ในสภาพผิดปกติ ตราบใดที่ไม่มีใครกระตุ้นเขา เขาก็จะไม่ไปตอแยเช่นกัน แต่นี่คือเขตแดนร้อยพฤกษาเร้นลับ


 


เขาต้องการถุงเก็บของเพิ่มเติม ยิ่งมีเยอะก็ยิ่งดี และวิธีเดียวที่จะได้รับถุงเก็บของมากขึ้นก็คือการขโมยมาจากคนอื่น


 


เพื่อเส้นทางสู่ความก้าวหน้าสู่สุดในเต๋าแห่งดาบ หลี่ฟู่เฉินไม่รังเกียจที่จะฆ่าใครก็ตามที่ขวางทางเขา คนที่ขวางทางของเขาตอนนี้คือนิกายปีศาจสวรรค์ นิกายโหมกระบี่ และนิกายเร้นวิญญาณ


 


“เป็นข้าที่แย่เอง” หลี่ฟูเฉินขยับไปหาพวกเขาทั้งสองอย่างรวดเร็ว


 


“ถามหาความตาย เขากล้าเข้ามาใกล้พวกเราจริงๆ


 


ศิษย์ของนิกายปีศาจสวรรค์ทั้งสองคนปล่อยออร่าดุร้ายและน่าหวาดกลัวออกมาจากดวงตาของพวกเขา


 


ในฐานะที่เป็นศิษย์ชั้นในของนิกายปีศาจสวรรค์ พวกเขาจึงถูกปลูกฝังความรู้สึกที่เหนือกว่ามาด้วย ในสายตาของพวกเขา นิกายอื่นๆ ทั้งหมดเป็นไก่ที่อ่อนแอ แม้แต่กระทั้งหลี่ฟู่เฉินผู้ซึ่งเป็นศิษย์ชั้นในอันดับสูงสุดของนิกายวารีครามก็เป็นเป้าหมายที่เรียบง่าย หากพวกเขาร่วมมือกัน


 


“ส่งกระเป๋าของเจ้ามา และพวกเราจะส่งศพที่อยู่ในสภาพสมบรูณ์ของเจ้ากลับไปเอง หากไม่…”


 


ศิษย์จากนิกานปีศาจสวรรค์ทั้งสองคนยืนอยู่ทางซ้ายและขวา เดินมาหาหลี่ฟู่เฉิน แต่ก่อนที่ทั้งสองจะกล่าวจบประโยค หลี่ฟู่เฉินก็เริ่มโจมตี


 


ไม่จำเป็นต้องใช้มือเลยแม้แต่น้อย หลี่ฟู่เฉินระเบิดพลังฉีเพลิงแดงของเขาใส่ทั้งคู่


 


ไฟสีแดงเข้มข้มและพลังฉีพลุกพล่านพุ่งไปหาพวกเขาทั้งสองราวกับพายุ


 


ภายในพลังฉีเพลิงแดงนั้นเป็นเจตจำนงเพลิงแดงที่มีวัตถุประสงค์ในการเผาทุกสิ่งทุกอย่างให้มอดไหม้ไป


 


ปิส! ปิส!


 


พวกเขาสองคนได้รับบาดเจ็บสาหัสทันที เกราะพลังฉีของพวกเขาถูกทำลายราวกับกระดาษเปียก


 


“เห็นได้ชัดว่าระดับพลังบ่มเพาะของข้ายังต่ำเกินไป”


 


หลี่ฟู่เฉินคาดว่าทั้งสองน่าจะอยู่จุดสูงสุดของขอบเขตต้นกำเนิด แต่เขาใช้ความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับนักสู้ขอบเขตต้นกำเนิดระดับที่ 7 ออกไปเท่านั้น การใช้พลังฉีเพื่อโจมตีศัตรูนั้นไม่ได้มีประสิทธิภาพเท่ากับการใช้ทักษะต่อสู้ของเขา


 


“เขาจะเป็นคนที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ได้อย่างไร? เพียงแค่การระเบิดพลังฉีของเขาก็ทำให้เราตกอยู่ในสภาพบาดเจ็บแล้ว”


 


ศิษย์ทั้งสองจากนิกายปีศาจสวรรค์สับสน และถูกความกลัวเตะเข้าอย่างจัง


 


ในความคิดของพวกเขา แม้แต่กระทั่งหลี่หวูเซี่ยและเจิ่งซานก็ไม่ได้น่ากลัวเท่านี้ เฉพาะคู่อสูรดำขาวที่รวมพลังกันเท่านั้นถึงจะทรงพลังเทียบเท่า


 


“เวรเอ้ย ข้อมูลที่ได้มานั้นมันเก่าเกินไป บุคคลผู้นี้ควรค่าแก่ความสนใจ เขามันเป็นเนื้อร้าย ปีศาจ และควรระวังอย่างยิ่ง หากใครเห็นเขา พวกเขาควรหนีออกมาทันทีและหลีกหนีด้วยทุกสิ่งที่มี”


 


“หนีเร็ว เราต้องเตือนคนอื่นๆ”


 


ขณะนี้เอง พวกเขาสองคนมีเพียงความคิดเดียว นั้นคือการวิ่งหนี หนีเพื่อชีวิตของพวกเขา


 


“เจ้าจะหนีได้เร็วพอหรือเปล่า?”


 


ด้วยการกระตุ้นใช้ท่าร่างศักดิ์สิทธิ์ หลี่ฟูเฉินก้าวไปอย่างรวดเร็วและลงฝ่ามือไปยังแต่ละคน


 


ทักษะฝ่ามือระดับลึกลับขั้นต่ำ ฝ่ามือหลอมเหล็ก


 


พวกเขาสองคนล้มลงกับพื้นและเลื่อนออกไปอีกหลายสิบเมตร ร่างกายของพวกเขาดำเหมือนถ่านและไร้ร่องรอยของชีวิต


 


“เจตจำนงเปลวเพลิงแข็งแกร่งเกินไป” หลี่ฟู่เฉินอ้าปากค้างอยู่ในใจ


 


เจตจำนงเปลวเพลิงสามารถนำมาใช้กับทักษะฝ่ามือหลอมเหล็กระดับลึกลับขั้นต่ำได้ ด้วยการใช้ร่วมกันนี้สามารถทำให้เทคนิคต่อสู้ระดับลึกลับขั้นต่ำใดๆ เลือนขึ้นไปสู่ขั้นกลาง และเมื่อถูกฝ่ามือกระแทกใส่ เพลิงแดงที่ดุร้ายและรุนแรงบุกเข้าไปในร่างกานของทั้งสองด้วยฝ่ามือ และส่งผลทำให้พวกเขากลายเป็นศพ


 


เดินผ่านไป หลี่ฟู่เฉินหยิบกระเป๋าที่ด้านข้างขึ้นมา


 


ถ่ายพลังฉีเข้าภายใน เขาเปิดมันเพื่อดู


 


มีสมุนไพรชั้นดีอยู่พอสมควร ส่วนใหญ่เป็นระดับลึกลับขั้นต่ำ มีเพียงสองต้นเท่านั้นที่เป็นระดับลึกลับขั้นกลาง


 


“ตอนนี้ด้วยถุงเก็บของ 3 อัน ข้าก็สามารถเติมของเข้าไปได้อย่างตามใจ”


 


ก่อนหน้านี้ ถุงเก็บของของหลี่ฟ่เฉินมีสมุนไพรสีเหลืองขั้นสูงและสูงสุดอยู่มากมาย หลังจากทั้งหมดแล้ว สมุนไพรสีเหลืองขั้นสูงก็มีค่าไม่กี่ร้อยเหรียญทอง และสมุนไพรสีเหลืองขั้นสูงสุดก็มีมูลค่าอย่างน้อยสองสามพันเหรียญทอง ด้วยจำนวนที่รวบรวมมา พวกมันก็มีค่าเหรียญทองมากพอสมควร ซึ่งหลี่ฟู่เฉินไม่ต้องการเสียมันไป


 


นอกจากสิ่งนี้ ก็มีเกราะและอาวุธอีกสองที่มีค่าเกือบ 300,000 เหรียญทอง


 


“ดูเหมือนว่าสมุนไพรและแร่ไม่ใช่ทรัพยากรเพียงอย่างเดียวในเขตแดนร้อยพฤกษาเร้นลับ ศิษย์จากนิกายอื่นก็ยังเป็นแหล่งทรัพยากรอย่างดีเช่นกัน การฆ่าคนใดคนหนึ่งจะทำให้เจ้าได้รับทรัพย์สมบัติจำนวนมหาศาล”


 


เจตนาสังหารได้ก่อตัวขึ้นในหัวใจของหลี่ฟู่เฉินอย่างช้าๆ


 


***


 


กู่ กู่ กู่ กู่…


 


ไม่นานหลังจากที่หลี่ฟู่เฉินเดินจากไป ผิวดินของเขตแดนร้อยพฤกษาเร้นลับนั้นเริ่มมีการขยับ จากนั้นมันก็กินซากศพของศิษย์นิกายปีศาจสวรรค์อย่างรวดเร็ว


 


ในช่วงเวลาสั้นๆ ก็ไม่เหลือร่องรอยของศพอีกต่อไป


 


ในเวลาเดียวกัน การสังหารหมู่เกิดขึ้นทั่วเขตแดนร้อยพฤกษาเร้นลับ


 


กระบี่คลั่งต้วนไห่ได้ฆ่าลั่วหยี่ซานของนิกายวารีครามผู้ซึ่งมีความสามารถอย่างท่วมท้นไป


 


กระบี่โลหิตหลิงหวงใช้สบั้นชำระโลหิตของเขาเพื่อชำระเลือดทั้งหมดของศิษย์นิกายเร้นวิญญาณจากนั้นก็เปลี่ยนให้คนเหล่านั้นกลายเป็นศพ


 


นายน้อยวิญญาณต้วนมู่หยุนลงมือและก็จากไปราบกับภูตผี ศิษย์จากนิกานโหมกระบี่ไม่รู้ว่าเขาตายได้อย่างไร


 


วิญญาณสาวเย่ฮัว และวิญญาณเด็กเจียงเสี่ยวเหมากำลังฆ่าอัจฉริยะดุจดั่งเช่นไก่ที่ไร้อันตราย


 


อย่าลืมว่าอัจฉริยะทั้งห้าจากนิกายปีศาจสวรรค์ทุกคนต่างก็เหมือนปีศาจร้าย


 


ภายในวันเดียว ศิษย์ที่เข้ามาเพียง 43 คนนั้นตกตายไปแล้วสิบคน


 


“หนี หนีเร็ว!”


 


เฉินฟางหัวและศิษย์ชั้นในที่ชื่อหลูเสี่ยวเฟ่ยกำลังวิ่งหนีกุลีกุจอ ข้างหลังพวกเขาคือกรงเล็บวิญญาณเจิ้งซวน ซึบ ซึบ เห็นได้ชัดว่าความเร็วของเขาเร็วกว่าพวกเขาเล็กน้อย


 


“ทำไมข้าต้องมาพบกับกรงเล็บวิญญาณเจิ่งซานด้วย…ใครก็ได้ช่วยข้า…”


 


หลูเสี่ยวไฟ่ยไม่ต้องการที่จะตาย เขายังมีถนนยาวไกลรออยู่ข้างหน้าและไม่ต้องการตายที่นี่ในเขตแดนร้อยพฤกษาเร้นลับ


 


แม้ว่าเขาจะรู้ถึงอันตรายภายในเขตแดนร้อยพฤกษาเร้นลับ แต่ก่อนหน้านี้เขาเต็มไปด้วยพลังและไม่สนใจอันตรายเหล่านี้ทั้งหมด ทว่าเมื่อเขาได้พบกับความเป็นจริง เขาตระหนักได้ว่าเขากลัวความตาย ในอดีตเขาไม่กลัวความตายเพราะเขาไม่เคยเจอศัตรูที่แข็งแกร่งซึ่งเขาไม่สามารถเทียบได้มาก่อน อาชญากรที่ต้องการตัวในระหว่างการปฏิบัติภารกิจเหล่านั้น เป็นแค่นักสู้ธรรมดาที่มีไหวพริบมากกว่าคนทั่วไปเล็กน้อย


 


ใบหน้าของเฉินฟางหัวดูซีด เนื่องจากเธอก็ไม่ต้องการที่จะตายเช่นกัน


 


หากเลือกมีชีวิตอยู่ได้ ใครบ้างที่จะไม่ต้องการ?


 


“หากพบศัตรูชนิดที่ข้าเอาชนะไม่ได้ ข้าก็ทำเพียงแต่หนีเท่านั้น”


 


เฉินฟางหัวเข้าใจความหมายของหลี่ฟู่เฉิน เธอเข้าใจว่าหลี่ฟูเฉินไม่ได้ต้องการต่อสู้แลกชีวิตกับใครก็ตามที่เขาพบเจอ แต่กลับกัน เขาก้าวข้ามความหวาดกลัวและความนึกคิดว่าจะพ่ายแพ้ ทั้งนี้ก็เพื่อให้ดาบแห่งเต๋าได้ดำเนินต่อไป


 


ตอนนี้ เจิ้งซวนอยู่ห่างออกไปประมาณ 100 ฟุต


 


“กรงเล็บวิญญาณโลกันต์!”


 


เจิ้งซวนใส่กรงเล็บสีดำคู่หนึ่งไว้ เกิดคลื่นจากกรงเล็บของเขา แสงหลายพุ่งออกไป


 


ฟีดด!


 


เกราะพลังฉีของหลูเสี่ยวเฟ่ยถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ ราวกับกระดาษ เขาถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ พร้อมกับชุดเกราะสัตว์ปีศาจระดับ 3


 


เลือด เนื้อ และกระดูกบินไปรอบๆ ขณะที่หลูเสี่ยวเฟ่ยตกตายลงไปทันที และศพของเขาก็ล้มลงไปที่พื้น


 


“หลูชิเซียงตายแล้ว?” เฉินฟางหัวเดี๋ยวนั้นเองกลายเป็นงุนงง


 


เห็นแล้วว่าหลูเสี่ยวเฟ่ยเป็นอย่างไร เขาผู้ซึ่งมีอนาคตอันยิ่งใหญ่รออยู่ข้างหน้า กลับตายต่อหน้าต่อตาของเธอ มันส่งผลกระทบทางอารมณ์อย่างมาก นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกถึงความโหดร้ายของโลกนี้


 


“ลืมมันซะ! มีแต่ต้องลองดู!”


 


เฉินฟางหัวไม่ได้พยายามหนีต่อไป เธอหันหลังกลับและเผชิญหน้ากับเจิ้งซวน


 


เนื่องจากเป็นไปไม่ได้ที่จะหนี เช่นนั้นก็ต้องต่อสู้และตายไปด้วยความภาคภูมิใจและศักดิ์ศรี


 


“ไม่หนีแล้ว? เลือกได้ดี ถอดเสื้อผ้าทั้งหมดแล้วทำให้ข้ารู้สึกดี บางทีข้าอาจจะทำให้เจ้าตายอย่างมีเกียรติ ถ้าไม่ แม้ว่าเจ้าจะตายไปแล้ว ข้าจะใช้หลายร้อยวิธีในการทำลายซากศพของเจ้า”


 


กรงเล็บวิญญาณเจิ้งซวนเป็นคนโหดร้ายผิดปกติวิปลาส ซึ่งดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความปราถนาร้าย


 


“เจ้ามันปีศาจ”


 


ความกล้าหาญที่เฉินฟางหัวรวบรวมมาได้ ท้ายที่สุดแล้วมันก็ถูกบดขยี้แทบจะทันที


 


เธอไม่สามารถจัดการกับศัตรูประเภทนี้ได้


 


“ปีศาจ? เหอะ ข้าเป็นคนที่น่ากลัวกว่าปีศาจ 100 เท่า” เจิ้งซวนเดินไปทางเฉินฟางหัวอย่างช้าๆ


 


“เฉินชิเจี๋ย เจ้าต้องการความช่วยเหลือหรือไม่?”


 


บนเนินเขาที่อยู่ไม่ไกล มีร่างปรากฏขึ้น


 


“หลี่ชิตี๋…” น้ำเสียงของเฉินฟางหัวคล้ายกับกำลังจะร้องไห้


ตอนที่ 153


“ศิษย์ชั้นในระดับสูงสุดของนิกายวารีคราม?”


 


เจิ้งซานมองไปในทิศทางของหลี่ฟู่เฉิน


 


จากเนินเขา ร่างของหลี่ฟู่เฉินหายไปอย่างไร้ร่องลอย และเพียงไม่นานก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งที่ด้านข้างของเฉินฟางหัว


 


“เฉินชิเจี๋ย ไปพักผ่อนอยู่ข้างๆ ก่อนเถอะ เดี๋ยวข้าจัดการเรื่องนี้เอง”


 


เขาสามารถกล่าวได้เลยว่าเฉินฟางหัวจิตใจกำลังแตกสลาย


 


มันไม่ใช่เพราะเธอมีพลังใจที่อ่อนแอ แต่กรงเล็บวิญญาณเจิ้งซานนั้นสกดข่มและโหดร้ายเกินไป


 


ผู้หญิงจะให้ความสำคัญกับความบริสุทธิ์ของตัวเองมากกว่าสิ่งใด เห็นได้ชัดว่าสภาพจิตใจของเธอจะกลายเป็นสิ้นหวังมาก หากเธอไม่สามารถตายอย่างมีเกียรติได้


 


เฉินฟางหัวพยักหน้า เธอรู้ว่านี่ไม่ใช่เวลาที่จะดึงดันทำเป็นเข้มแข็ง ความมั่นใจและกำลังใจของเธอเกือบจะถูกบดขยี้โดยเจิ้งซวน


 


“เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถช่วยเธอได้?” เจิ้งซวนหัวเราะเยาะ ร่างกายของเขาปลดปล่อยพลังฉีปีศาจออกมา


 


“ข้าคนเดียวก็เพียงพอแล้ว” หลี่ฟู่เฉินตอบ


 


“ไม่น่าแปลกใจที่เจ้าเป็นศิษย์ชั้นในระดับสูงสุดของนิกายวารีคราม มันเป็นความมั่นใจที่เหลือล้นเสียจริง แต่กิจกรรมที่ข้าโปรดปราดนั้นคือการที่ฆ่าบุคคลผู้ซึ่งมีความมั่นใจ ข้าจะถลกหนังของเจ้าออกให้หมด และนำมันมาทำเป็นหมวกฟาง


 


หลี่ฟู่เฉินหัวเราะอย่างเย็นชา “กรงเล็บวิญญาณเจิ้งซวน หยุดกลอุบายของเจ้า อย่าใช้กลวิธีไร้ยางอายนี้เพื่อทำลายชื่อเสียงตนเอง”


 


“โหห!” ได้ยินคำตอบของหลี่ฟู่เฉิน การแสดงออกมาของเจิ้งซวนกลายเป็นเย็นชาทันที


 


เขาตระหนักได้ว่าหลี่ฟู่เฉินนั้นแตกต่างจากคนอื่น ๆ


 


หลี่ฟูเฉินสงบ ในสายตาของเขาไม่มีแม้แต่การสั่นไหว มีเพียงความเงียบสงบและคำใบ้ลางๆ ของเจตนาสังหาร


 


“ดูเหมือนว่าข้าไม่สามารถประมาทเจ้าได้”


 


เจิ่งซวนดูจริงจังมากขึ้นและไม่เล่นเล่ห์เหลี่ยมอีกต่อไป


 


“สามดาบ” หลี่ฟูเฉินมีสีหน้าไม่แยแส ขณะที่เขาวาดดาบทองคำออกไปทีละครั้งละครั้ง


 


เจิ้งซวนนั้นไม่ได้เป็นบุคคลทั่วไปแน่นอน มันเป็นไปไม่ได้ที่จะฆ่าเขาด้วยการลงดาบเพียงครั้งเดียว แต่สามดาบยังคงพอเป็นไปได้


 


“ฮ่าฮ่า” เจิ้งซวนเริ่มหัวเราะ เขาไม่เคยเห็นใครหยิ่งยะโสเท่านี้มาก่อน เขาคิดว่าตัวหลี่ฟูเฉินคือเรื่องตลกที่สุดในรอบสิบปี


 


“ดาบที่หนึ่ง” หลี่ฟู่เฉินเริ่มลงมือ


 


เจตจำนงเพลิงแดง


 


เจตจำนงดาบดาวตก


 


ด้วยเจตจำนงทั้งสองที่ผสานกัน เขาแทงเจิ้งซวนด้วยดาบทองดำของเขา


 


ดาบนี้ไม่ปรากฏแสงสว่างอย่างที่เคยเป็นมาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจตจำนงดาบดาวตกที่ควรมี แต่มันต่างออกไปเพราะเจตจำนงเพลิงแดง


 


เร็ว!


 


เร็วเกินไป เร็วเสียจนเจิ้งซวนไม่สามารถหลบได้


 


เมื่อดาบแรกถูกฟันออกไปจนสุดทาง มันก็ได้มาต่อหน้าของเจิ้งซวน


 


มันเป็นดาบที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้


 


ดาบนี้ส่งความหนาวเหน็บลึกลงไปในกระดูกสันหลังของเจิ้งซวน


 


“กรงเล็บวิญญาณโลกันต์!”


 


เจิ้งซวนคำราม ขณะที่เขาโจมตีออกไปในแสงไฟ


 


ฟึบ ฉึก!


 


ผิวดินฉีกขาด กรงเล็บของเจิ้งซวนโจมตีโดนเพียงแค่แสงดาบเท่านั้น ดาบนั้นเร็วเกินไป มันทำจึงให้เขาตัดสินใจผิดพลาดไป


 


เกราะพลังฉีและเกราะหนังสัตว์ปีศาจของเขาถูกแทง แสงดาบอันร้อนแรงทำให้เจิ้งซวนกรีดร้องอย่างน่าสังเวช เขาอดไม่ได้ที่จะกรีดร้องออกมาอย่างตื่นตระหนก


 


บนหน้าอกของเขามีรูเล็กๆ ที่เกรียมไหม้ปรากฏ มันลึกประมาณครึ่งนิ้ว


 


ในช่วงเวลาสำคัญ เจิ้งซวนเปิดใช้งานเทคนิคลับระดับ 2 ดาวของนิกายปีศาจสวรรค์ ลวดลายปีศาจ


 


เทคนิคลับนี้ต้องใช้ลวดลายจากร่างปีศาจมาสักบนลงร่างกาย ลวดลายจะช่วยเพิ่มความหนาแน่นและความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อ


 


“เจตจำนงแห่งดาบและเจตจำนงเทคนิค!” ใบหน้าของเจิ้งซวนเต็มไปด้วยความหวาดกลัว


 


จากข้อมูลที่เขาได้รับ หลี่ฟู่เฉินเข้าใจเพียงแต่เจตจำนงแห่งดาบเท่านั้น และไม่ได้เข้าใจเจตจำนงเทคนิค


 


หากมันเป็นเพียงเจตจำนงแห่งดาบ เขาก็จะไม่มีวันถูกรบกวน หลังจากทั้งหมดแล้ว เขาเองก็เข้าใจเจตจำนงกรงเล็บวิญญาณโลกันต์ด้วยเช่นกัน และระดับบ่มเพาะของเขาเองก็สูงกว่าหลี่ฟู่เฉินถึงสองระดับ


 


“เป็นไปได้อย่างไร? เขาฝึกฝนเทคนิคบ่มเพาะระดับลึกลับขั้นกลางถึงขั้นสูงสุดได้ตั้วแต่อยู่ขอบเขตต้นกำเนิด?”


 


เจิ้งซวนไม่สามารถเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเชื่อสายตาของตนเอง


 


ถ้าไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว ก็ไม่มีสิ่งมดที่จะสามารถอธิบายพลังโจมตีที่มากล้นของดาบแรกนี้ได้


 


กินเม็ดยา เจิ้งซวนเหวี่ยงมือแล้วขว้างระเบิดโลหะออกไปสองลูก เขาหันกลับและเตรียมตัวหนีทันที


 


ต่อต้านใครบางคนที่แข็งแกร่งเบ็ดเสร็จอย่างเช่นหลี่ฟู่เฉินไม่ได้ เจิ้งซวนตั้งใจที่จะหลบหนี


 


“ชายผู้นี้มีความเข้าใจต่อเจตจำนงเทคนิค ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา แต่หากข้าสามารถหาสถานที่ที่ปลอดภัยเพื่อพัฒนาขอบเขตบ่มเพาะของข้าได้ ข้าก็จะสามารถไปสู่ขอบเขตปฐพีระดับแรกได้”


 


เจิ้งซวยยังสามารถพัฒนาได้อีกไกล แต่เพื่อที่จะเข้าเขตแดนร้อบพฤกษาเร้นลับ เขากลับต้องสกดพลังบ่มเพราะของเขาเอง


 


ความก้าวหน้าของขอบเขตแห่งการฝึกฝนไม่ได้ง่ายดายอย่างที่คิด มันต้องมีสถานที่ปลอดภัยในการโคจรพลังฉี


 


เมื่อถูกรบกวนจากใคร มันก็ง่ายที่จะตกอยู่ในความปั่นป่วนและเส้นชีพจรทั้งหมดอาจกลายเป็นพิการได้


 


หากเขาสามารถทะลวงระดับได้ทันที ตอนนี้เขาก็คงไม่จำเป็นต้องหลบหนีออกไปเช่นนี้


 


บูม บูม บูม….


 


ด้วยการมองเพียงครั้งเดียว หลี่ฟู่เฉินก็รู้ว่าระเบิดโลหะเป็นระเบิดสายฟ้า พวกมันเป็นเครื่องมือทำลายล้างที่สำคัญซึ่งสามารถฆ่านักสู้ขอบเขตต้นกำเนิดระดับที่ 9 ได้อย่างง่ายดาย


 


น่าเสียดายที่หลี่ฟู่เฉินไม่ใช่นักสู้ขอบเขตต้นกำเนิดระดับที่ 9


 


ขยายเกราะพลังฉีของเขาออกไปด้วยเจตจำนงเพลิงแดง หลี่ฟูเฉินกลายเป็นสายธารแห่งเพลิงและไล่ตามเจิ้งซวนไป ขณะที่เขากำลังวิ่งไล่ ระเบิดสายฟ้าก็สลายตัวลงไปพร้อมๆ กับอำนาจทำลายล้างเมื่อมันสัมผัสด้วยเจตจำนงเพลิงแดง


 


ด้วยเวลาเพียงชั่วลมหายใจ หลี่ฟูเฉินก็จับเจิ้งซวนไว้ได้


 


ไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามของเขาจะรวดเร็วแค่ไหนก็ตาม เขาก็ยังคงไม่เร็วพอสำหรับท่าร่างศักดิ์สิทธิ์ของเขา


 


บูม!


 


เมฆหมอกหนาทึบกระจายออกไป ขณะที่เจิ้งซวนโยนระเบิดสีขาวออกมา


 


หลี่ฟู่เฉินถอนเกราะพลังฉีออก จากนั้นก็ทำการระเบิดสภาวะพลังฉี


 


วึบ วึบ วึบ


 


ลมรุนแรงเกิดขึ้น กระจายหมอกควันออกไป


 


หลี่ฟูเฉินจับเจิ้งซวนอีกครั้ง


 


เจิ้งซวนพยายามทำหน้าให้ดูเข้มแข็งต่อหน้าหลี่ฟู่เฉิน “หลี่ฟู่เฉิน เจ้าควรปล่อยข้าไป และเจ้าก็ไม่ควรสร้างปัญหาให้กับนิกายวารีครามของเจ้าเอง”


 


เขาเองก็กลัวตายเช่นกัน และยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่ต้องการตายด้วยน้ำมือของศิษย์นิกายวารีคราม


 


“ดาบที่สอง!”


 


หลี่ฟู่เฉินปล่อยดาบที่สองออกไป ดาบนี้ถูกใช้ออกพร้อมกับการเปิดใช้งานเทคนิคลับมังกรเร้นลับ พลังฉีที่น่ากลัวแพร่ครอบคลุมตัวของเจิ้งซวย


 


“เวรเอ้ย”


 


เจิ้งซวนนำโล่ออกมาจากถุงเก็บของ และนำมันมาปิดที่ด้านหน้าของเขา


 


เคร้ง!


 


ประกายไฟพุ่งออกมาขณะที่แรงกระทบถูกส่งลงไปบนโล่ เจิ้งซวนแทบจะถูกฝั่งอยู่ในโคลนแบบมิดตัว แขนทั้งสองข้างของเขาไร้ความรู้สึกและเป็นอัมพาต


 


“ดาบที่สาม”


 


ด้วยร่างที่หายไป หลี่ฟู่เฉินปรากฏตัวขึ้นมาที่ด้านหลังของเจิ้งซวน ขณะที่เขาหยิบหัวออกมาด้วย


 


ทั้งหมดที่จำเป็นต่อการฆ่ากรงเล็บวิญญาณเจิ้งซานคือการใช้ออกไปสามดาบ


 


หากข่าวนี้ถูกส่งออกไป มันจะทำให้ศิษย์ทั้งหมดจากทั้งสามนิกายตกลงไปสู่ความตื่นตระหนก


 


แต่นี่ก็เป็นเพราะทัศนคติที่ไร้ความรอบคอบตรึกตรองของกรงเล็บวิญญาณเจิ้งซวน หากเขาหาสถานที่เพื่อพัฒนาขอบเขตบ่มเพาะของเขาก่อนเป็นอันดับแรก เขาจะไม่ตายอย่างง่ายดายเช่นนี้


 


ด้วยความสามารถของหลี่ฟู่เฉิน มันเป็นงานที่ยากที่จะเอาชนะอัจฉริยะขอบเขตปฐพีระดับที่ 1 เขาจะต้องเผชิญกับความเสี่ยงเป็นการตอบแทนหากเขาจะลงมือต่อสู้


 


“นี่คือเกราะระดับลึกลับขั้นต่ำ”


 


หยิบโล่ขึ้นมา หลี่ฟู่เฉินกลายเป็นตกใจ


 


เพียงแค่โล่นี้ชิ้นเดียวก็มีมูลค่า 100,000 เหรียญทองแล้ว มันอาจมีค่ามากกว่านี้เพราะน้ำหนักวัสดุในเกราะหนักกว่าของอาวุธมาก มูลค่าของมันจะสูงขึ้นโดยธรรมชาติ


 


เจิ้งซวนมีถุงเก็บสองใบ หนึ่งในนั้นเป็นของเขาและอีกอันเป็นของหลูเสี่ยวเฟ่ยจากนิกายวารีคราม ถุงเก็บของแต่ละใบมีเครื่องหมายของแต่ละนิกายอยู่


 


หลังจากค้นร่างของเจิ้งซวนเสร็จ หลี่ฟู่เฉินก็กลับไปหาเฉินฟางหัว


 


“หลี่ชิตี๋ เจิ้งซวนอยู่ที่ไหนแล้ว?” เฉินฟางหัวพักฟื้นเสร็จสิ้น


 


“ตายแล้ว” หลี่ฟู่เฉินตอบ


 


“ตาย?” ดวงตาของเฉินฟางหัวเบิกกว้าง


 


ศัตรูที่น่ากลัวเช่นเจิ้งซวนกลับตกตายลงภายใต้เงื้อมมือของหลี่ฟู่เฉิน หลี่ฟู่เฉินแข็งแกร่งแค่ไหนกันแน่? เป็นไปได้ไหมว่าความสามารถของเขาจะมากขึ้นกว่าเดิมได้ด้วยเวลาเพียงสามเดือน?


 


เฉินฟางหัวสูดหายใจเข้าลึกๆ และพยายามซึมซับข้อมูลเหล่านี้


 


ในช่วงเวลานี้เท่านั้น เธอก็เข้าใจได้อย่างแท้จริงว่าหลี่ฟู่เฉินน่ากลัวเพียงใด บุคคลที่ชั่วร้ายเหล่านั้นพวกเขาจะรู้หรือไม้ว่าแท้จริงแล้วพวกเขาเป็นเพียงผู้อ่อนแอในสายตาของหลี่ฟูเฉิน… เป็นคนที่เขาสามารถกำจัดได้อย่างง่ายดาย


บทที่ 149


ผลตัดปฐพี


 


 


ตอนนี้รวมกลุ่มได้สองคนแล้ว การค้นหาสมุนไพรจึงมีประสิทธิภาพมากขึ้น


 


ไม่ว่าจะเป็นสีเหลืองระดับสูงสุด หรือสมุนไพรระดับลึกลับ ทั้งหมดถูกเก็บเกี่ยว


 


มีดวงอาทิตย์อยู่ในเขตแดนร้อยพฤกษาเร้นลับ


 


เมื่อพระอาทิตย์กำลังจะตก พวกเขาทั้งสองคนมุ่งหน้าไปยังภูเขาหินเพื่อหาที่พักผ่อน


 


เมื่อดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าและดวงจันทร์ขึ้น พวกเขาทั้งสองคนก็อยู่ในหุบเขาแล้ว


 


ในส่วนลึกของหุบเขาเป็นทะเลสาบเล็กๆ ใกล้กับทะเลสาบเป็นสัตว์ปีศาจสีแดงขนาดใหญ่ มีความยาวอย่างน้อย 7 เมตร


 


“มันเป็นสัตว์ปีศาจระดับ 3 ขั้นต่ำ ปีศาจไต่อำพัน” เฉินฟางหัวกระซิบ


 


“สัตว์ปีศาจตัวนี้สมควรปกป้องสมุนไพรสำคัญบางชนิดอยู่ มาดูกันดีกว่า” ดวงตาของหลี่ฟู่เฉินดูเหมือนจะสว่างไสวคล้ายประกายสายฟ้า แม้แต่กระทั้งสภาพแวดล้อมที่มืดมิดเช่นนี้ก็ไม่สามารถขัดขวางสายตาของเขาได้


 


เพียงไม่นาน หลี่ฟู่เฉินเห็นสมุนไพรที่กำลังเติบโตอยู่รอยแตกภายในกองหิน ซึ่งอยู่ข้างสัตว์ปีศาจ


 


ก้านสมุนไพรนี้มีสีดำสนิท ในขณะที่ด้านบนของผลไม้เป็นสีเงินแกมทอง


 


“ตอนนี้ข้าเห็นแล้ว มันกำลังปกป้องผลไม้ระดับลึกลับขั้นสูง ผลตัดปฐพี” ลี่ฟูเฉินถอนสายตาของเขาและแจ้งเฉินฟางหัว


 


“ผลตัดปฐพี?” เฉินฟางหัวยกคิ้วของเธอ


 


ผลแยกปฐพีไม่สามารถระบุราคาได้ มันช่วยให้นักสู้ขอบเขตต้นกำเนิดระดับที่ 9 พัฒนาไปสู่ขอบเขตปฐพีได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งช่วยประหยัดเวลาได้มาก


 


ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากความคืบหน้า มันจะไม่ทำให้ผู้ใช้พลังถูกเว้นว่าง และอาจอนุญาตให้พวกเขาเตรียมพร้อมสำหรับระดับการบ่มเพาะต่อไป


 


แน่นอน ไม่มีนักสู้ขอบเขตระดับที่ 9 ระดับคนใดที่ไม่สามารถพัฒนาต่อไปได้หลังจากกินผลตัดปฐพี สำหรับนักสู้ขอบเขตต้นกำเนิดระดับ 9 โดยเฉลี่ย พวกเขาจะต้องอยู่ขีดสูงสุดของขอบเขตต้นกำเนิดเพื่อที่จะตัดผ่านการใช้ผลตัดปฐพี


 


กลุ่มศิษย์เหล่านี้จะไม่มีปัญหา เนื่องจากพวกเขาทั้งหมดมีเทคนิคบ่มเพาะที่สูงกว่าซึ่งจะสามารถปรับแต่งผลตัดปฐพีได้อย่างง่ายดายและดูดซับผลของยาได้อย่างมีประสิทธิภาพ


 


กรรช์!


 


ปีศาจไต่อำพันสังเกตเห็นหลี่ฟู่เฉินและเฉินฟางหัว มันลุกขึ้นยืนอย่างน่ากลัวและพลังฉีปีศาจไร้ขอบเขตก็พุ่งออกมาจากภายในร่างกาย


 


“เฉินชิเจี๋ย เจ้าควรถอยออกไปก่อน”


 


สัตว์ปีศาจระดับ 3 ขั้นต่ำนั้นแข็งแกร่งพอที่จะฆ่านักสู้ปฐพีระดับต่ำได้ทันที มีเพียงผู้เชี่ยวชาญจากขอบเขตปฐพีที่ฝึกฝนเทคนิคบ่มเพาะระดับลึกลับเท่านั้นที่สามารถจัดการกับสัตว์ร้ายตัวนี้ได้


 


เปิดใช้งานเทคนิคลับมังกรเร้นลับ


 


หลี่ฟู่เฉินพุ่งไปที่ที่ปีศาจไต่อำพัน


 


กรรช์!


 


มีประกายไฟจำนวนหนึ่งออกมาจากร่างของสัตว์ปีศาจไต่อำพัน ด้วยเสียงคำรามอันดังก้อง เปลวเพลิงสีแดงปรากฏ


 


เหวี่ยงกรงเล็บไปยังด้านหน้าอย่างรุนแรง เส้นสายเล็กๆ ของเล็บสีแดงพุ่งไปยังหลี่ฟู่เฉิน


 


“ตาย!”


 


ร่างกายของหลี่ฟู่เฉินหันหลบกรงเล็บ ในขณะที่เขาสวนการโจมตีสวนกลับรวดกับสายฟ้าฟาด ส่งไปที่ปีศาจไต่อำพัน


 


ปิสส!


 


สีสดใสจากดาบพลังฉีเจาะเกราะเกร็ดของปีศาจไต่อำพัน สร้างแผลบนหน้าอกของมัน


 


“ไม่น่าแปลกใจเลยที่มันเป็นสัตว์ปีศาจระดับ 3 ข้อได้เปรียบที่ใหญ่ที่สุดคือการป้องกันร่างกายที่แข็งแกร่ง”


 


สัตว์ปีศาจระดับ 2 ขั้นสูงมีความแข็งแกร่งทางกายภาพประมาณ 20,000 กิโลกรัม สัตว์ปีศาจระดับ 3 ขั้นต่ำจะมีพลังอย่างน้อย 100,000 กิโลกรัม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประเภทของสัตว์ปีศาจด้วย ความแข็งแรงทางกายภาพของมันจะแตกต่างกัน


 


ด้วยความแข็งแกร่งทางกายภาพในระดับสูง ร่างกายของพวกมันจึงแข็งแกร่งขึ้นตามธรรมชาติ นักสู้ขอบเขตปฐพีระดับต่ำตามค่าเฉลี่ยจะไม่สามารถทำลายการป้องกันได้


 


แต่หลี่ฟู่เฉินต่างออกไป เมื่อเปิดใช้เทคนิคลับมังกรเร้นลับของเขา ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของหลี่ฟู่เฉินเกือบจะอยู่ในระดับที่ 9 ของขอบเขตต้นกำเนิด


 


พร้อมทั้งเจตจำนงเพลิงแดงและเจตจำนงดาบดาวตก การเจาะทะลุเกราะป้องกันของปีศาจไต่อำพันมันเป็นไปได้


 


ทุกข์ทรมานอาการบาดเจ็บที่หน้าอก สัตว์ปีศาจไต่อำพันกลายเป็นบ้าคลั่ง เปลวเพลิงลุกโชติช่วงรอบตัว ขณะที่หลี่ฟู่เฉินพุ่งเข้าใส่


 


ปิส ปิส ปิส…


 


หลี่ฟู่เฉินเบี่ยงตัวหลบการโจมตีจากปีศาจไต่อำพันด้วยรูปแบบการเคลื่อนไหวในมุมแปลกๆ และในเวลาเดียวกัน ก็ทิ้งบาดแผลเลือดไว้บนร่างกายของศัตรู


 


ในสายตาของเฉินฟางหัว ปีศาจไต่อำพันนั้นเหมือนกับสัตว์ที่ติดกับดัก


 


หลังจาก 5 นาที หลี่ฟู่เฉินก็แทงใบมีดของเขาเข้าไปในตาซ้ายของสัตว์ปีศาจไต่อำพันและทะลวงดาบของเขาลงไปเพื่อทำลายสมองของศัตรู


 


ครืน!


 


คล้ายกับอาคารที่ถูกถลม สัตว์ปีศาจไต่อำพันล้มลงมาบนพื้น พร้อมกับเปลวเพลิงแดงที่ค่อยๆ ดับไป


 


ผ่าหน้าท้องของสัตว์ปีศาจไต่อำพัน หลี่ฟูเฉินหาแกนปีศาจไม่พบ


 


ในสายตาของเขา เขาไม่ได้สนใจวัสดุอื่น


 


“ผลตัดปฐพีจะสุกหลังจากเปลี่ยนเป็นสีทองเท่านั้น ดูเหมือนว่าเราจะต้องอยู่ที่นี่สักวันหรือสองวัน” หลี่ฟู่เฉินกล่าว


 


เฉินฟางหัวพยักหน้า “ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน เรามีเวลาเหลือเฟือ”


 


ตลอดทั้งวัน เธอเก็บของใส่กระเป๋าเธอได้เกือบครึ่งหนึ่งแล้ว เขตแดนร้อยพฤกษาเร้นลับจะปิดในอีก 6 วัน


 


***


 


หลี่ฟูเฉินและเฉินฟางหัวประเมินความสุกของผลตัดปฐพีได้ถูก


 


ในตอนเช้าของวันที่สอง เมื่อแสงอาทิตย์สาดส่องแสงกระทบกับผลตัดปฐพี มันก็เปลี่ยนเป็นสีทองเรียบร้อยแล้ว มันส่งกลิ่นหอมไปทั่วหุบเขาที่ยกสภาวะของมันขึ้นมาทันที


 


“ผลตัดปฐพีตอนนี้สุกเต็มที่แล้ว”


 


หลี่ฟูเฉินเอื้อมมือออกไปและดึงผลตัดปฐพีมา


 


“สำหรับเจ้า” หลี่ฟู่เฉินส่งต่อให้เฉินฟางหัว


 


“สำหรับข้า?” เฉินฟางหัวไม่เข้าใจ


 


หลี่ฟู่เฉินตอบ “ไม่มีประโยชน์อะไรเลยสำหรับข้าที่จะบริโภคผลตัดปฐพีนี้ มันสามารถช่วยให้นักสู้ก้าวหน้าจากระดับที่ 9 ของขอบเขตต้นกำเนิด เข้าสู่ระดับที่ 1 ของขอบเขตปฐพีได้ แต่มันไม่สามารถช่วยทำให้ข้าก้าวหน้าจากระดับที่ 7 ไปถึงระดับที่ 9 ของขอบเขตต้นกำเนิดได้ ยังเป็นช่วงใหญ่ก่อนที่ข้าจะไปถึงระดับที่ 9 ของขอบเขตต้นกำเนิดอยู่อีก ทำไมเจ้าไม่กินมันก่อนและใช้ความแข็งแกร่งในพลังต่อสู้ของเจ้าเพื่อตัวพวกเรา เมื่อตอนที่เจ้าไปถึงระดับที่ 1 ของขอบเขตปฐพีหล่ะ”


 


ผลตัดปฐพีกับการตัดผ่านเข้าสู้ขอบเขตปฐพีมีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด ความลึกลับในระหว่างนั้นเป็นสิ่งที่หลี่ฟูเฉินไม่สามารถหยั่งรู้ได้


 


“นี่ดีจริงๆ เหรอ?” เฉินฟางหัวลังเล


 


เธอต้องการพัฒนาไปสู่ระดับที่ 1 ของขอบเขตปฐพีโลกอย่างรวดเร็ว เมื่อเธออยู่ขอบเขตปฐพีระดับที่ 1 แล้ว เธอจะมีความสามารถในการป้องกันตัวเอง มันจะไม่เหมือนเธอในปัจจุบันที่เป็นรองจากศิษย์นิกายทั้งสี่มาก


 


“เขตแดนร้อยพฤกษาเร้นลับมีสมุนไพรอยู่มากมาย ยังคงเหลือเวลาอีก 6 วัน บางทีเราอาจจะพบผลตัดปฐพีอีกผลหนึ่ง หากเจ้าไม่เพิ่มระดับพลังบ่มเพาะในตอนนี้ เจ้าจะต้องเผชิญกับความยากลำบากมากมายในภายหลัง”


 


หลี่ฟูเฉินไม่กล้ารับประกันความปลอดภัยของเฉินฟางหัว ในบรรดาสี่นิกาย มีผู้คนมากมายที่ระงับพลังบ่มเพาะของพวกเขาเอง ในอีกไม่กี่วัน อาจจะมีนักสู้ขอบเขตปฐพีระดับที่ 1 ปรากฏก็


 


“ขอบคุณเจ้ามาก” เฉินฟางหัวรับผลตัดปฐพีมา


 


เพื่อความก้าวหน้าจากระดับที่ 9 ของขอบเขตต้นกำเนิดสู่ระดับที่ 1 ของขอบเขตปฐพีนั้น มันเป็นกระบวนการที่สำคัญซึ่งต้องการสถานที่แห่งสงบสุขอย่างแท้จริง เฉินฟางหัวพบถ้ำที่เหมาะสมและเข้าไปเพื่อเริ่มดำเนินการ


 


หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เฉินฟางหัวก็นำผลตัดปฐพีขั้นมาแล้วกลืนลงไป


 


***


 


เวลาผ่านไปตั้งแต่เช้าจนถึงเที่ยง และจากเที่ยงถึงเย็น


 


หลี่ฟู่เฉินยังนั่งและฝึกฝนอยู่ที่ริมทะเลสาบ


 


ระดับที่ 15 ของเทคนิคเปลวเพลิงลี้ลับนั้นไม่ใช่ขีดจำกัด ระดับ 15 สูงสุดนั้นถึงจะเป็นขีดจำกัดที่แท้จริง


 


เมื่อไปถึงจุดนั้น เทคนิคเปลวเพลิงลี้ลับจะมีการเปลี่ยนแปลงและความแข็งแกร่งในด้านพลังต่อสู้ของผู้ฝึกฝนจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย


 


เมื่อพระอาทิตย์กำลังจะตก เฉินฟางหัวเข้าสู่กระบวนการตัดผ่าน


 


บูม!


 


ภายในหุบเขา ลมที่พัดผ่านทำให้หินกระจายไปทั่ว พายุหมนุที่น่าหวาดกลัวและน่าเกรงขามมารวมตัวกันอยู่ที่เฉินฟางหัว


 


“เธอกำลังตัดผ่านหรือไม่?”


 


ลี่ฟู่เฉินลืมตาขึ้นและมองไปยังถ้ำ


 


ภายในถ้ำ แสงเรืองรองถูกปล่อยออกมา มันเป็นพลังฉีของเฉินฟางหัวที่กำลังเรืองแสง


 


หลังจากนั้นไม่นาน ร่างนึงก็เดินออกมาจากในถ้ำ


 


สถานะในปัจจุบันของเฉินฟางหัวนั้นไม่ได้แข็งแกร่งกว่าหนึ่งหรือสองเท่าจากแต่ก่อน มันแข็งแกร่งกว่าอย่างน้อยมากมายหลายเท่า พลังฉีที่กำลังพลุ่งพลานคล้ายกับลูกคลื่น หนึ่งตามมาด้วยอีกหนึ่ง


 


“รู้สึกอย่างไรบ้าง?” หลี่ฟู่เฉินยิ้มขณะที่หัวเราะ


 


“แข็งแกร่งมาก เพียงแค่ระดับที่ 1 ของขอบเขตปฐพีนั้นเป็นสิ่งที่น่ากลัวมากแล้ว มันเหมือนกับการเกิดใหม่ทั้งหมด และความรู้สึกของข้าที่มีต่อพลังสวรรค์และโลกนั้นคมชัดกว่ามากก่อนมาก ” จบประโยคของเธอ เฉินฟางหัวส่งฝ่ามือไปในอากาศ


 


ฮูววว!


 


พลังลมที่แข็งแกร่งและน่าสะพรึงกลัวทำให้พื้นดินในหุบเขาแยกออกไปเล็กน้อย สร้างช่องว่างขึ้น


บทที่ 150


พบกับกระบี่โลหิต


 


 


“แข็งแกร่งมาก!” หลี่ฟู่เฉินพยักหน้า


 


แข็งแกร่งยิ่งกว่ากรงเล็บวิญญาณเจิ้งซวนมาก


 


เมื่ออัจฉริยะก้าวหน้าสู่ขอบเขตปฐพี มันก็คล้ายกับเสือที่ได้รับปีก พลังแห่งฝ่ามือก่อนหน้านี้สามารถฆ่านักสู้ขอบเขตปฐพีระดับ 1 ได้ในทันที


 


“หลี่ชิตี๋ นี่เป็นแร่รึเปล่า?”


 


เฉินฟางหัวผู้ซึ่งกำลังกล่าวอยู่ ทันใดนั้นก็มองไปที่พื้น


 


ผิวของพื้นดิน ซึ่งได้รับแรงกระแทกจากฝ่ามือของเธอ มันเผยให้เห็นความเปล่งประกายของโลหะสีทอง


 


“ให้ข้าดู”


 


หลี่ฟูเฉินส่งพลังฉีที่แผงจิตสำนึกของเขาลงไปยังพื้น


 


ไม่นาน บางอย่างขนาดเท่าหม้อชา แร่เงินสีม่วงอ่อนปรากฏอยู่ในใจของเขา


 


“มันเป็นแร่เงินม่วงระดับลึกลับขั้นต่ำ” หลี่ฟู่เฉินกล่าว


 


ไม่รับรู้ว่าหลี่ฟู่เฉินทำได้อย่างไร เฉินฟางหัวมีความยินดี


 


หนึ่งกิโลกรัมของแร่เงินม่วงมีค่าคะแนนสะสม 700 คะแนน ด้วย 1,000 กิโลกรัม มันจะเป็น 700,000 คะแนน มันเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างสำคัญ


 


ขุดแร่เงินม่วง หลี่ฟู่เฉินประเมินน้ำหนักของมันแล้วกล่าวว่า “ประมาณ 2,000 กิโลกรัม”


 


“2,000 กิโลกรัมเป็น 1.4 ล้านคะแนนสะสม!”


 


เฉินฟางหัวดึงดาบทองดำของเธอออกมา และฟันลงไปสามดาบต่อเนื่องเพื่อแยกแร่


 


อันหนึ่งใหญ่กว่าอันอื่น อันเล็กลงเพียงขนาดของอ่างล้างหน้า ประมาณ 300 กิโลกรัม


 


“ข้าจะเอาอันเล็ก ส่วนเจ้าเอาอันใหญ่ไป”


 


หากปราศจากหลี่ฟู่เฉิน เธอคงไม่ได้มีชีวิตอยู่อีกต่อไป แร่เงินม่วง 300 กิโลกรัมก็มากเกินพอแล้ว


 


หลี่ฟู่เฉินเพียงแค่ยิ้มและไม่ได้กล่าวใดมาก จากนั้นก็ไปรับแร่เงินม่วงส่วนที่เหลือ


 


แม้ว่าท้องฟ้าจะมืดมิดแล้ว พวกเขาทั้งสองก็เตรียมตัวที่จะออกจากหุบเขา


 


ด้วยความสามารถในปัจจุบันของพวกเขา พวกเขาไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวในเขตแดนร้อยพฤกษาเร้นลับอีกต่อไป พวกเขาสามารถเดินไปไหนมาไหนได้โดยไม่ต้องรู้สึกกลัว


 


***


 


“ในที่สุด ข้าก็อยู่ในขอบเขตปฐพีระดับที่ 1”


 


ในป่าที่เต็มไปด้วยต้นไม้ขนาดมหึมา หลิวหวูหวงเปิดตาเขาออกอย่างช้าๆ และก็มีสภาวะพลังฉีปกครองปรากฏออกมา  มันทำให้ต้นไม้สั่นสะเทือน ทำให้ฝนตกภายในระยะหลายสิบเมตร


 


“ตาย!”


 


ห่างออกไปเพียงไม่กี่สิบเมตรเป็นสัตว์ปีศาจระดับ 2 ขั้นสูง ซึ่งเป็นสัตว์ปีศาจที่พยายามหลบหนีออกจากถ้ำ สะกดขมและดุร้ายราวกับมังกร พลังฉีพุ่งออกมาจากป่าและปะทะกับสัตว์ปีศาจ เปลี่ยนเป็นกองเนื้อสับ


 


“นี่คือขอบเขตปฐพีระดับที่ 1 ?” ดวงตาของหลิวหวูหวงเปล่งประกายความเยือกเย็น


 


ในเวลาเดียวกัน บุคคลมากมายทะลุผ่านระดับที่ 1 ของขอบเขตปฐพีด้วยเช่นกัน


 


นิกายวารีฟ้ามี เซี่ยวหลี่ไบ๋ ไบ๋เต๋า และหลินหวานชิง


 


นิกายโหมกระบี่มีหกคน


 


นิกายเร้นวิญญาณก็มีหกคนเช่นกัน


 


ส่วนนิกายปีศาจสวรรค์มีทั้งสิ้นแปดคน


 


***


 


ในวันที่สาม…


 


“หยานชิงหวู เจ้าจะไม่สามารถออกจากเขตแดนร้อยพฤกษาเร้นลับไปแบบมีชีวิตได้ ทำไมเจ้าไม่ลิ้มลองว่าผู้หญิงต้องควรรู้สึกอย่างไรก่อนที่จะตาย?” ศิษย์นิกายโหมกระบี่ได้พบกับหยานชิงหวู


 


ศิษย์นิกายโหมกระบี่ผู้นี่คือฟานยี่เต๋า ปัจจุบันเขาอยู่ในระดับที่ 1 ของขอบเขตปฐพี เขาปรากฏตัวคล้ายกับคนที่บ้าคลั่งและพลังสภาวะก็โดดเด่นราวกับเป็นพายุหมุนกระบี่ ห่อหุ้มหยานชิงหวู


 


“ข้ากับคนเช่นเจ้า?” หยานชิงหวูวางมือขวาของเธอลงบนด้ามดาบ


 


“ถูกแล้ว เป็นข้า! ไม่ว่าเจ้าจะแข็งแกร่งแค่ไหน เจ้าก็ไม่ได้เป็นคู่ต่อสู้ของข้าอยู่ดี โครงกระดูกของเจ้าถือเป็นตำหนิในนิกายโหมกระบี่พวกข้า ซึ่งข้าไม่อนุญาตให้มันมีอยู่”


 


“มีความแตกต่างระหว่างบุคคลอยู่ ถ้าเจ้าอยู่ขอบเขตปฐพีระดับที่ 1 แล้วอย่างไร? จันทร์ทมิฬสะพรั้ง”


 


หยานชิงหวูเริ่มลงมือ


 


เมื่อเปรียบเทียบกับ 5 เดือนก่อนที่ภูเขาหิมะทยาน ตอนนี้หยานชิงหวูยอดเยี่ยมกว่าแต่ก่อนมาก


 


ในเวลาไม่กี่เดือน เจตจำนงกระบี่จันทร์ทมิฬของเธอนั้นสามารถใช้ได้อย่างอิสระแล้ว ในเวลาเดียวกัน เธอยังได้ฝึกฝนเทคนิคลับระดับ 3 ดาวที่ตระกูลของเธอส่งผ่านมา ระบำกลืนยุทธ์


 


ระบำกลืนยุทธ์นี้สามารถยกระดับความรวดเร็วให้เป็นสองเท่าจากสถานะพื้นฐาน


 


ไม่ปรากฏร่องรอยหรือเสียงใดๆ ร่างหยานชิงหวูหลายร่างปรากฏออกมาจากอากาศ ฟายยี่เต๋าไม่สามารถตรวจจับได้ว่าเป็นของจริงหรือเท็จ


 


“นี้เทคนิคลับอะไรกัน” ฟานยี่เต๋าเริ่มตื่นตระหนก


 


กับคนที่มีชื่อเสียง ฟานยี่เต๋าค่อนข้างระมัดระวังกับหยานชิงหวู ผู้ซึ่งเป็นโครงกระดูกระดับ 6 ดาว


 


ซึบ!


 


หยานชิงหวูหลายคนเฉือนไปที่ฟางยี่เต๋าในเวลาเดียวกัน


 


“ข้าจะทำลายกระบวนท่าของเจ้า!”


 


ฟานยี่เต๋าส่งเสียงคำรามและหมุนไปพร้อมกับแสงดาบของเขา


 


เช้ง เช้ง เช้ง


 


ประกายไฟปรากฏออกมา ขณะที่หยานชิงหวูหลายคนถอยออกไปด้วยการตีลังกา พวกเธอก็แยกออกไปที่ฟางยี่เต๋าอีกครั้ง


 


15 นาทีผ่านไป ด้านหลังของฟานยี่เต๋าเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ


 


ภายใน 15 นาที เขาไม่กล้าหยอนยานแม้แต่น้อย เขาใช้ความพยายามอย่างเต็มที่เพื่อป้องกันการโจมตีของหยานชิงหวู ซึ่งมันค่อยๆ ลดสมาธิของเขาลง และในทางเดียวกัน มันทำให้เขามีอาการประสาทหลอน


 


“ตาย!”


 


ทันใดนั้นเอง หยานชิงหวูหลายคนก็รวมกันเป็นหนึ่งเดียว แสงกระบี่พุ่งทยานออกมา ดุจดั่นเช่นดวงจันทร์ที่ข้ามท้องฟ้าในคืนที่มืดมิด เจาะพื้นปฐพี


 


ปิส!


 


พื้นดินแตกออกไปชิ้นๆ ด้านหลังถูกทิ้งไว้ด้วยรอยกระบี่ ร่างของฟางยี่เต๋าถูกแยกออกเป็นสองส่วน


 


ร่อนลงพื้นเบาๆ หยานชิงหวูหน้าซีดลง


 


แม้ว่าฟานยี่เต๋าจะเป็นอัจฉริยะธรรมดาที่ยังไม่เข้าใจเจตจำนงแห่งดาบ แต่ความแตกต่างระหว่างขอบเขตต้นกำเนิดและขอบเขตปฐพีนั้นรุนแรงเกินไป เมื่อนักสู้ก้าวหน้าเข้าสู่ขอบเขตปฐพี ความสามารถของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก หากไม่ใช่เพราะระบำกลืนยุทธ์ของเธอ เธอก็ไม่ได้เป็นคู่ต่อสู้ของฟางยี่เต๋า


 


“ข้าต้องการผลตัดปฐพี” ดวงตาของหยานชิงหวูเปล่งประกายอย่างมุ่งมั่น


 


***


 


ในชั่วพริบตาเดียว สี่วันได้ผ่านไป การฆ่าเกิดขึ้นทุกวัน ผู้ที่ไม่ได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตปฐพีกลายเป็นเหยื่อสำหรับผู้ที่ก้าวข้ามไป ทุกคนซ่อนตัวอยู่


 


“เวรเอ้ย หากข้าไม่ก้าวหน้ากว่านี้ ข้าก็จะตายอยู่ที่นี่”


 


ภายในหุบเขา หยูเหวินเทียนดูเหมือนจะวิตกกังวล


 


เขายังอยู่ในระดับที่ 8 ของขอบเขตต้นกำเนิด และยังไม่เข้าใจเจตจำนงแห่งดาบ เพิ่มข้อเท็จที่ว่าเขาได้พบศิษย์นิกายเร้นวิญญาณ ถูกฆ่าตายในดาบเดียวจากศิษย์ของนิกายปีศาจสวรรค์ มันจึงทำให้สภาวะจิตใจเกิดความกลัวอย่างรุนแรง


 


เขามีโครงกระดูกระดับ 5 ดาวและไม่สามารถตกตายในเขตแดนร้อยพฤกษาเร้นลับได้


 


“หยูเหวินชิตี๋”


 


ขณะที่หยูเหวินเทียนกำลังตื่นตระหนกอยู่ เสียงที่คุ้นเคยมาจากเนินเขาไม่ไกล


 


“เซี่ยวชิเซียง” ดวงตาของหยูเหวินเทียนสว่างขึ้น


 


“โชคดีที่ข้าพบเจ้าก่อน ติดตามอยู่ข้างข้าจากนี้ไป! มองหาสมุนไพรที่ช่วยให้เจ้าก้าวหน้าไปสู่ขอบเขตปฐพีได้อย่างรวดเร็ว” เซี่ยวหลี่ไบ๋กล่าว


 


“ขอบคุณท่านมาก เซี่ยวชิเซียง”


 


หยูเหวินเทียนขอบคุณเซี่ยวหลี่ไบ๋จากใจจริง เขาเห็นได้ชัดว่าเซี่ยวหลี่ไบ๋ก้าวหน้าขึ้นสู่งระดับที่ 1 ของขอบเขตปฐพีเรียบร้อยแล้ว ด้วยการปกป้องจากเขา เขาจะได้รับประกันความปลอดภัย


 


เซี่ยวหลี่ไบ๋ตอบกลับ “พวกเราเป็นศิษย์จากนิกายเดียวกัน เป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน” เซี่ยวหลี่ไบ๋ต้องการรวบรวมศิษย์จากนิกายวารีครามเข้าไว้ด้วยกัน การเดินทางคนเดียวนั้นอันตรายเกินไป ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะอยู่ในระดับที่ 1 ของขอบเขตปฐพีก็นับว่าอันตราย


 


ห่างออกไปหลายสิบไมล์จากภูเขา หลี่ฟู่เฉินและเฉินฟางหัวพบกับกระบี่โลหิตหลิงหวงจากนิกายโหมกระบี่


 


กระบี่โลหิตได้ก้าวหน้าไปถึงระดับที่ 1 ของขอบเขตปฐพีแล้ว และเหนือกว่าเฉินฟางหัวมาก


 


ในระหว่างพวกเขามีก้านสมุนไพรปลดปล่อยคลื่นวิญญาณอันหนาแน่นออกมา


 


สมุนไพรหวนคืนกำเนิดระดับลึกลับขั้นกลาง


 


ก้านสมุนไพรนี้สามารถอนุญาตให้นักสู้ก้าวหน้าขึ้นไปหนึ่งระดับได้ ที่สำคัญที่สุดคือ มันไม่มีผลข้างเคียงใดๆ และเป็นเช่นเดียวกับเมื่อผู้ใช้ฝึกฝนระดับสูงใช้ความพยายามของตัวเอง


 


“ข้าเห็นว่าเจ้าต้องการสมุนไพรนี้มาก แต่ช่างน่าเสียดาย ข้าไม่อนุญาตให้เอาไป” กระบี่โลหิตหลิงหวงเย้ยหยัน เขามองไปยังหลี่ฟู่เฉินและเฉินฟางหัวราวกับว่าพวกเขาเป็นเหยื่อของเขา


 


“หลี่ชิตี๋ ข้าจะรั้งเขาไว้  เมื่อเจ้าได้รับสมุนไพรหวนคืนกำเนิด เจ้าจะต้องหนีไปทันที” เฉินฟางหัวกล่าว


 


หลี่ฟู่เฉินส่ายหัว “เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา”


บทที่ 151


ความสามารถอันน่าทึ่ง


 


 


แม้ว่าทั้งคู่จะอยู่ในระดับที่ 1 ของขอบเขตปฐพี เฉินฟางหัวก็ยังถือว่าอยูล่างๆ จากระดับเดียวกัน ถ้าเธอไม่เข้าใจเจตจำนงแห่งดาบ เธอจะไม่มีวันเป็นคู่ต่อสู้ของกระบี่โลหิตหลิงหวงได้ สำหรับการที่เธอจะไปสู้กับหลิงหวงด้วยตัวเองนั้นเท่ากับการไปหาความตาย


 


“แต่…”


 


เฉินฟางหัวเต็มไปด้วยความวิตกกังวล เนื่องจากหลี่ฟู่เฉินอยู่เพียงแค่ระดับที่ 7 ของขอบเขตต้นกำเนิดเท่านั้น และมีช่องว่างขนาดใหญ่ของพลังบ่มเพาะอยู่


 


“ไม่มีแต่ เจ้าคิดว่าข้าแสดงความสามารถออกมาเต็มที่แล้ว?” หลี่ฟู่เฉินตอบกลับ


 


ไม่ว่าจะกับกรงเล็บวิญญาณเจิ้งซวนหรือปีศาจไต่อำพัน หลี่ฟู่เฉินก็จัดการมันได้ภายในเวลาเพียงไม่นาน เขาจึงยังไม่ได้แสดงความสามารถออกมาเต็มที่ แม้แต่กระทั่งตัวเขาเองก็ยังไม่แน่ใจว่าเขาแข็งแกร่งเพียงใด เพราะเขายังไม่พบศัตรูที่เขาต้องทุ่มพลังทั้งหมดออกไป


 


กระบี่โลหิตหลิงหวงเป็นคนที่น่าสะพรึงกลัว แต่ไม่ถึงจุดที่เขาไม่สามารถต่อสู้ได้


 


เมื่อได้ยินคำกล่าวของหลี่ฟู่เฉิน เธอเลือกที่จะเชื่อเขา


 


“รับโล่นี้ไป” หลี่ฟู่เฉินหยิบโล่ออกมาจากถุงเก็บของเขา มันเป็นโล่ระดับลึกลับขั้นต่ำที่เขาได้รับจากกรงเล็บวิญญาณเจิ้งซวน


 


หากปราศจากโล่ เฉินฟางหัวน่าจะถูกสังหารในทันทีโดยกระบี่โลหิตหลิงหวง


 


รับโล่มา เฉินฟางหัวไม่กล่าวคำใดอีก เธอตัดสินใจแล้ว แม้ว่าเธอจะตาย เธอจะไม่ถอยกลับและไม่เกรงกลัวอะไร


 


“มดตัวน้อยสองตัวกลับกล้าที่จะสู้กับข้าจริงๆ เรื่องตลกอะไร” กระบี่โลหิตหลิงหวงเห็นทุกอย่างและเผยรอยยิ้มเย็นชา


 


ในสายตาของเขา ไม่ว่าจะเป็นเฉินฟางหัวที่อยู่ในระดับที่ 1 ขอบเขตปฐพีหรือหลี่ฟูเฉินที่อยู่ในระดับที่ 7 ของขอบเขตต้นกำเนิด พวกเขาล้วนแล้วแต่เหมือนมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนหลังผู้ซึ่งเป็นเพียงแค่ระดับที่ 7 ของขอบเขตต้นกำเนิด และยังคงพยายามทำตัวเหมือนผู้เชี่ยวชาญ เขาจะต้องหยอกล้อซักหน่อย


 


“ข้าไม่มีเวลาเล่นกับพวกเจ้าสองคน ไปอีกฝากนึงเพื่อรับความตายของเจ้า!”


 


หลิงหวางดึงกระบี่ยาวของเขาออกมาจากเอว


 


มันเป็นกระบี่ยาวสีเลือด ซึ่งมีนามว่า : กระบี่กระหายเลือด มันเป็นดาบสมบัติระดับลึกลับขั้นกลางที่มอบให้หลิงหวงโดยนิกายโหมกระบี่ มันมีชื่อเสียงเช่นเดียวกับกระบี่คลั่งต้วนไห่ กระบี่ร้อยเทพยุทธ์


 


สำหรับศิษย์นิกายโหมกระบี่คนอื่นๆ พวกเขาให้เพียงกระบี่สมบัติระดับลึกลับขั้นกลาง


 


ด้วยกระบี่กระหายเลือดที่ออกมาจากฝัก หลิงหวงตั้งใจที่จะเฉือนเฉินฟางหัวและหลี่ฟู่เฉินอย่างแน่วแน่


 


สึบ!


 


กลางอากาศ มีแสงสีตระการตา ดาบพลังฉีที่ดูเหมือนจะฉีกสวรรค์ได้ ลงมาที่พวกเขาทั้งสอง


 


‘ข้าไม่สามารถป้องกันสิ่งนี้ได้!’ นี่เป็นความคิดเพียงอย่างเดียวในใจของเฉินฟางหัว


 


ถูกยกระดับด้วยโล่ระดับลึกลับขั้นต่ำที่หลี่ฟู่เฉินมอบให้เธอ เฉินฟางหัวยกโล่ขึ้นมากันบริเวณหัว


 


เคร้ง!


 


เมื่อดาบพลังฉีปะทะกับโล่ เฉินฟางหัวรู้สึกได้ถึงพลังมหาศาล มันราวกับว่าเธอถูกฟ้าผ่า เธอกระอักเลือดออกมาคำนึง


 


ร่างกายของเธอปลิ้วไปด้านหลัง


 


แคร็ก!


 


พื้นดินแตกออก มันทิ้งรอยร้าวที่ดูน่ากลัวเอาไว้ ขณะที่ดาบพลังฉีอันบอบบางถูกปล่อยออกมาจากรอยแตก


 


“อืม!” หลิงหวงมองอย่างประหลาดใจ ขณะที่เขามองไปทางซ้ายเพื่อหาหลี่ฟู่เฉิน


 


เมื่อหลิงหวงฟันไปที่หลี่ฟู่เฉินก่อนหน้านี้ ร่างกายของเขาหายไปและหลบดาบพลังฉี ขณะที่เขาปรากฏขึ้นอีกครั้ง หลี่ฟู่เฉินก็อยู่ที่ฝั่งขวาของหลิงหวงแล้ว


 


“ดาบดาวตก!”


 


เปิดใช้งานเทคนิคลับมังกรเร้นลับ เพลิงพลังฉีสีแดงจำนวนมหาศาลถูกแปรสภาพเป็นพลังมังกรเร้นลับ


 


เพลิงพลังฉีระดับที่ 15 ฉีนั้นว่าดุร้ายแล้ว ตอนนี้มันถูกแปรสภาพเป็นพลังฉีมังกรเร้นลับ มันจึงเต็มไปด้วยความลึกลับอย่างแท้จริง มันราวกับงูลาวาที่กำลังแหวกว่ายอยู่ภายในเส้นชีพจรของหลี่ฟู่เฉิน


 


ด้วยเจตจำนงของเขา พลังฉีมังกรเร้นลับก็หลั่งไหลเข้าสู่ดาบทองดำ หลี่ฟูเฉินพุ่งไปทางหลิงหวง และใช้เจตจำนงเพลิงแดงและเจตจำนงดาบดาวตก เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับดาบของเขา


 


“ไม่ดีแล้ว” เห็นดาบนี้ หนังศีรษะของหลิงหวงชาด้าน


 


ดาบนี้เร็วมากเกินไป มันเกินขีดจำกัดความเร็วของทักษะดาบที่เป็นระดับลึกลับขั้นต่ำไปแล้ว


 


“ดัชนีบิดใจ!”


 


ไม่มีเวลาเพียงพอที่จะปิดกั้นด้วยดาบของเขา หลิงหหวงทำได้เพียงแต่ยกมือซ้ายของเขาที่เคลือบด้วยชั้นของพลังฉีหนาแน่นขึ้นมากัน จากนั้น เขาก็พยายามใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางจับที่ดาบทองดำ


 


แกร๊ก!


 


นิ้วของหลิงหวง ซึ่งสามารถบดเหล็กหิมะเงินได้ ถูกบดขยี้ด้วยดาบพลังฉีจากดาบทองดำก่อนที่เขาจะแตะดาบเสียอีก กระดูกในมือของเขาก็บิดม้วนราวกับเกลียวแป้งสาลี


 


แต่นิ้วของเขาทำให้ความเร็วดาบของหลี่ฟู่เฉินลดลงอย่างน้อย 30%


 


อ๊ากก!


 


หลิงหวงคำรามต่ำ ในขณะที่เขาหันไปด้านข้างเพื่อหลีกตัวออกจากดาบทองดำ


 


พื้นเริ่มแตก ขณะที่สภาวะพลังจากดาบพลังฉีและดาบทองดำกระจายไปทั่วทุกที่


 


หลี่ฟู่เฉินถูกผลักออกอย่างน้อยกว่าสิบสองเมตร หลิงหวงก็ถอยกลับออกไปอย่างน้อยแปดก้าว


 


“วิชาดาบสะพรั้งอนันย์!”


 


โดยไม่รู้ตัว เฉินฟางหัวก็อยู่กลางอากาศ ด้านหลังหลิงหวง ด้วยการแกว่งดาบของเธอ แสงดาบนับจำนวนนับไม่ถ้วนก็ผลิบานเหมือนดอกพลัม ดักจับหลิงหวงไว้


 


“ไปให้พ้น!”


 


ด้วยการระเบิดสภาวะพลังฉี หลิงหวงไม่ได้หันหลังกลับก่อนที่เขาจะเหวี่ยงดาบของตัวเองกลับไป คลื่นโลหิตหนาทึบจากเงากระบี่ทันทีพุ่งเข้าไปทำลายดาบสะพรั้งอนันย์ของเฉินฟางหัว กระบี่พลังฉีที่เหลือหลังจากนั้นก็เพียงพอที่จะส่งเฉินฟางหัวบินกลับไป


 


ปิส ปิส ปิส!


 


บุปผาสามดอกบานอยู่บนหลังของหลิงหวง


 


เมื่อหลิงหวงได้รับบาดเจ็บจากหลี่ฟู่เฉิน วิญญาณและทักษะกระบี่ของเขาก็ไม่ได้รัดกุมอีกต่อไป หากบวกกับทัศนคติที่ดูถูกดูแคลนของเขา นั่นทำให้เขาต้องจ่ายราคา


 


“พายุดาวตก!”


 


เมื่อตอนที่เฉินฟางหัวโจมตี หลี่ฟู่เฉินลอยตัวขึ้นสู่อากาศและเหวี่ยงดาบของเขา ปล่อยแสงและเปลวเพลิงจำนวนนับไม่ถ้วนออกจากดาบทองดำของเขา


 


วูบ


 


แสงจ้าสว่างแสบตา


 


เส้นดาวตกที่ไร้ขีดจำกัดตกลงมาจากฟากฟ้าราวกับพายุดาวตก


 


นี่คือกระบวนดาบที่สร้างขึ้นโดยหลี่ฟู่เฉิน หลังจากดูดซับเต๋าแห่งดาบมาเป็นจำนวนมาก ดาบดาวตกของหลี่ฟู่เฉินก็มี


 


การเปลี่ยนแปลงบางอย่าง ซึ่งนี่เป็นการที่ทำให้เขาสร้างกระบวนดาบที่สองของวิชาดาบดาวตกได้


 


ท่านี้เป็นการโจมตีแบบพื้นที่ แต่ดาบพลังฉีแต่ละอันก็ถูกปล่อยออกไปกลับพุ่งออกไปได้อย่างสมบูรณ์แบบ และมีข้อบกพร่องไม่มากนัก


 


นี่คือทักษะดาบลึกลับขั้นต่ำที่ถูกผลักดันให้ไปถึงขีดจำกัด ทั้งในด้านพลังและความละเอียดอ่อน


 


บางทีมันอาจเกินขีดจำกัดไปแล้ว


 


หลิงหวงตอบสนองได้ช้าเกินไปครึ่งจังหวะ เมื่อถึงเวลาที่เขารู้ตัว ดาบพลังฉีก็เข้ามาใกล้ร่างกายของเขาแล้ว!


 


บูมม!


 


พลังฉีที่ระเบิดออกมาจากนักสู้ขอบเขตปฐพีเหมือนฟองสบู่ที่กำลังขยายตัว พยายามปกป้องดาบพลังฉี


 


ดาบพลังฉีส่วนใหญ่กระเด้งออกมาเนื่องเกราะป้องกันของพลังฉี แต่พลังฉีป้องกันนี้ไม่ได้ไร้ที่ติและขึ้นอยู่กับโครงสร้างของร่างกาย พลังฉีป้องกันบางส่วนนั้นค่อนข้างอ่อนแอกว่าส่วนอื่นๆ


 


ดาบพลังฉีกว่าสิบโหลเจาะพวกมันให้อ่อนลงและทิ้งบาดแผลเล็กๆ ไว้บนร่างของหลิงหวง


 


“พวกเจ้าสองคนต้องตาย! ต้องตาย!”


 


ดวงตาของหลิงหวงแดงก่ำ แม้ว่าเขาจะต่อสู้กับกระบี่คลั่งต้วนไห่ เขาก็ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ใครจะคิดว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ยังถูกโจมตีหลายครั้งโดยมดสองตัวนี้


 


เขาเป็นบุคคลที่ภาคภูมิใจ เขาไม่สามารถยอมรับผลลัพธ์นี้ได้


 


“หลังจากทั้งหมดแล้วเขาก็อยู่ขอบเขตปฐพีระดับที่ 1” หลี่ฟูเฉินรู้สึกเสียดาย


 


“ฮ่าฮ่า หลิงหวง เจ้าได้รับบาดเจ็บจากมดสองตัวจริงๆ ช่างน่าประหลาดใจอะไรเช่นนี้!” จากหนึ่งพันเมตร มีร่างเงากำลังพุ่งมาจากที่นั่น เห็นได้ชัดว่ามันเป็นหนึ่งในอัจฉริยะที่มีชื่อเสียงจากนิกายโหมกระบี่ เฉินเฟ่ยไห่


 


“หลี่ชิตี๋ ให้ข้าช่วยเจ้า!”


 


เคราะห์ดี นิกายวารีครามก็มีกำลังเสริมเช่นกัน


 


มันคือเซี่ยวหลี่ไบ๋และหยูเหวินเทียน


 


นักต่อสู้ขอบเขตปฐพีมีความอ่อนไหวต่อพลังงานของสวรรค์และโลก หากระยะทางไม่ไกลเกินไป พวกเขาก็สามารถตรวจจับได้อย่างง่ายดายว่าพลังงานระเบิดมาจากทางใด หรือมาจากไหน


 


“เซี่ยวชิเซียง” เฉินฟางหัวดูโล่งใจ


 


ด้วยเซี่ยวชิเซียงที่อยู่ที่นี่ พวกเธออาจจะได้รับชัยชนะ อย่างน้อยพวกเธอก็จะไม่ถูกทรมาน


 


หลังจากนั้นไม่กี่ลมหายใจ กำลังเสริมจากทั้งสองด้านก็มาถึงแล้ว


 


ในอีกด้านหนึ่งเป็นสี่คนที่มาจากนิกายวารีคราม หลี่ฟู่เฉิน เซี่ยวหลี่ไบ๋ เฉินฟางหัว และหยูเหวินเทียน


 


ในอีกด้านหนึ่งเป็นคู่จากนิกายโหมกระบี่ หลิงหวงและเฉินเฟ่ยไห่


 


ทั้งสองฝ่ายต่างก็มองตากันราวกับพยัคฆ์จ้องเหยื่อ ความตึงเครียดอยู่ในระดับสูง ชี้ให้เห็นว่าสามารถเข้าสู้การต่อสู้แตกหักได้ตลอดเวลา


 


เซี่ยวหลี่ไบ๋ตกตะลึงอยู่ในหัวใจของเขา เนื่องจากความสามารถของหลี่ชิตี๋นั้นมากมายเกินไป นักสู้ขอบเขตต้นกำเนิดระดับที่เจ็ดสามารถทำให้กระบี่โลหิตหลิงหวงได้รับบาดเจ็บสาหัสได้ หากหลี่ฟู่เฉินอยู่ในระดับที่ 8 หรือ 9 ของขอบเขตต้นกำเนิด ความสามารถของเขาจะเกินกว่าอัจฉริยะส่วนใหญ่ที่อยู่ในระดับที่ 1 ของขอบเขตปฐพีแน่นอน


บทที่ 152


ขอบเขตต้นกำเนิดระดับที่ 8


 


 


ทั้งสองฝ่ายต่างสำรวจกันและกัน แต่ก็ยังไม่มีใครริเริ่มโจมตี


 


แม้ว่านิกายโหมกระบี่จะมีเพียงสองคนแต่เพียง แต่ศิษย์ทั้งสองคนนี้ก็เป็นศิษย์จากนิกายโหมกระบี่ที่อาวุโสใหญ่บอกให้พวกเขาระวัง


 


เหตุผลที่หลิงหวงและเฉินเฟ่ยไห่ไม่ได้เคลื่อนไหวบุ่มบ่าม เป็นเพราะนิกายวารีครามมีสมาชิกอยู่ถึงสี่คนและสองคนในนั้นเป็นระดับต้นๆ ของขอบเขตต้นกำเนิดอยู่ถึงสองคน แม้ว่าหนึ่งในแยกย่อยนั้นจะเป็นเพียงนักสู้ระดับที่ 7 ของขอบเขตต้นกำเนิด เขาก็เป็นถึงศิษย์ลำดับสูงสุดในนิกายวารีครามและยังเป็นผู้รับที่ทำให้หลิงหวงได้รับบาดเจ็บ


 


ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยเจตจำนงสังหาร เฉินเฟ่ยไห่พร้อมที่จะเคลื่อนไหว


 


“คี่คี่ ดูเหมือนว่าจะมีความสนุกมากมายเกิดขึ้นที่นี่!”


 


บนต้นไม้ไม่ไกล เป็นหญิงที่มีเสน่ห์มากล้นปรากฏออกมาอย่างไร้ร่องรอยใดๆ


 


อาภรณ์ของเธอเริงระบำไปตามสายลม ร่างของเธอเหมือนฉากในภาพลวงตา ซึ่งดูคล้ายกับจะเป็นจริง แต่ก็ดูเลือนลางในเวลาเดียวกัน


 


วิญญาณสาว เย่ฮัว


 


เมื่อรวมกับกระบี่โลหิตหลิงหวง ดวงตาของทุกคนเบิกกว้าง


 


ทักษะภาพลวงตาเป็นขอบเขตที่พวกเขาไม่รู้จัก หัวใจของพวกเขาเต็มไปด้วยความลังเลต่อสิ่งที่ไม่รู้จัก เมื่อท่านรู้สึกได้ว่าเป็นภาพลวงตา มันก็สายเกินไปแล้ว


 


“อย่ามองเธอ” หลี่ฟู่เฉินเตือนเฉินฟางหัวและคนอื่นๆ


 


หลี่ฟู่เฉินผู้ซึ่งมีจิตวิญญาณอันแข็งแกร่ง เขาสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าในร่างของวิญญาณสาวเย่ฮัว มันมีคลื่นพลังบางอย่างแปลกๆ ถูกปล่อยออกมา คลื่นพวกนั้นแหกคอกเกินไป และจะทำให้คนตกอยู่ในภาพลวงตา หากมีคนมองเธอเป็นระยะเวลาหนึ่ง


 


ขณะนั้นเองร่างของเธอก็แตกออกคล้ายกับสายหมอก เมื่อเธอปรากฏตัวอีกครั้ง วิญญาณสาวเย่ฮัวก็อยู่ใกล้พวกเขาแล้ว เธอยื่นมือขึ้นมาเพื่อสะบัดผมยาวๆ ของเธอ เสน่ห์เช่นนี้มันทำให้ผู้คนรู้สึกว่าพวกเขาได้ยินเสียงหัวเราะ ‘คี่คี่’ ของเธอข้างๆ หูพวกเขา


 


“หลิงหวง เฉินเฟ่ยไห่ เหตุใดพวกเราทั้งสามถึงไม่ร่วมมือกันเพื่อกำจัดนิกานวารีคราม?” เย่ฮัวเสนอ


 


เฉินเฟ่ยไห่ขมวดคิ้ว “เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่อเจ้าหรือไร?”


 


การร่วมมือกับคนที่เชี่ยวชาญทักษะภาพลวงตานั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าสิ่งนั้นคล้ายกับทำงานร่วมกับพยัคฆ์ เมื่อพวกมันตัดสินใจที่จะทรยศ ก็ไม่มีวิธีพลิกหวนคืนแล้ว


 


ในระยะสั้น เขาไม่เชื่อใจเย่ฮัว


 


“นับว่าเจ้าโชคดี ไปกันเถอะ” หลิงหวงเองก็ไม่เชื่อใจเย่ฮัวเช่นกัน เขาได้รับบาดเจ็บทั้งกายและวิญญาณ มันจึงไม่ปลอดภัยหากจะต้องต่อสู้กับเย่ฮัว หากไม่เป็นเช่นนี้ เขาจะพิจารณาข้อเสนอของเธอ


 


จบคำพูดของเขา หลิงหวงและเฉินเฟ่ยไห่หันไปจาก


 


เย่ฮัวแบมือของเธอด้วยใบหน้าที่ไม่สามารถทำอย่างไรได้ “ตั้งแต่ที่พวกเขาไม่ต้องการเล่นด้วย งั้นทำไมพวกเราจะต้องเล่นด้วย!”


 


แม้ว่าเธอจะอยู่คนเดียว แต่เธอก็ทำตัวเหมือนเป็นเจ้าบ้าน โดยไม่เกรงกลัวศิษย์ทั้งสี่จากนิกายวารีครามที่มีหลี่ฟู่เฉินแม้แต่น้อย


 


“ไปซะ!”


 


ดวงตาของลี่ฟู่เฉินเปล่งประกายสีเขียวอมน้ำเงิน สภาวะพลังฉีที่แข็งแกร่งรุกรานไปยังวิญญาณสาวเย่ฮัว


 


หน้าของเธอขาวซีด วิญญาณสาวเย่ฮัวหันกลับไปมองหลี่ฟู่เฉินด้วยท่าทางแปลก ๆ


 


“น่าสนใจ…” การแสดงออกของเธอจริงจังขึ้นมาก


 


เห็นได้ชัดว่าจิตวิญญาณของหลี่ฟู่เฉินแข็งแกร่งมาก และสภาวะพลังฉีที่ปรากฏออกมาก็เต็มไปด้วยความรุนแรงที่มากพอจะทำลายเจตจำนงของเธอ


 


เมื่อวิญญาณของเธอจะหยุดชะงัก พลังทักษะลวงตาของเธอจึงลดลงอย่างมาก


 


“เราจะได้พบกันอีกในเร็วๆ นี้”


 


สายลมพัดผ่านกลุ่มพวกเขา และวิญญาณสาวเย่ฮัวก็หายไปพร้อมกับสายลม


 


นี่ไม่ใช่เทคนิคตัวเบาที่เหนือกว่า แต่เป็นภาพลวงตาที่มีต่อสายตา


 


แต่ในสายตาของหลี่ฟู่เฉิน วิญญาณสาวเย่ฮัวเพียงแค่ใช้วิธีการเบี่ยงเบนความสนใจเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ร่างกายที่แท้จริงของเธอจากหายไปนานแล้ว


 


“ทักษะลวงตาน่าเกรงขามอะไรเช่นนี้!” เซี่ยวหลี่ไบ๋กล่าวด้วยน้ำเสียงล้ำลึก


 


ในบรรดาสี่นิกาย นิกายปีศาจสวรรค์นั้นแข็งแกร่งสุด นิกายเร้นวิญญาณเจ้าเล่ห์มากที่สุด และนิกายโหมกระบี่ก็ดุร้ายที่สุด


 


แต่เมื่อเอามาเปรียบเทียบกัน นิกายวารีครามนั้นเอาแต่กังวลอยู่กับนิกายปีศาจสวรรค์และนิกายโหมกระบี่


 


“เธอจากไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องกังวล!”


 


ทำให้เมื่อของเขาเป็นสูญญากาศ หลี่ฟู่เฉินดึงสมุนไพรหวนคืนกำเนิดมาไว้ในมือของเขา


 


“หลี่ชิตี๋ เราสามคนจะให้ความคุ้มครองเอง เจ้าปรับแต่งและดูดซับสมุนไพรหวนคืนกำเนิดให้เร็วไว หลังจากนั้น เจ้าก็สามารถก้าวเข้าสู่ระดับที่ 8 ของขอบเขตต้นกำเนิดได้” เซี่ยวหลี่ไบ๋เข้าใจได้อย่างชัดเจนว่าวิญญาณสาวเย่ฮัวออกไปเพราะเธอกลัวหลี่ฟู่เฉิน หากไม่ได้หลี่ฟู่เฉินช่วยไว้ พวกเขาทั้งสามคนก็จะไม่สามารถหลุดออกจากทักษะลวงตาของวิญญาณสาวเย่ฮัวได้ ความสำคัญสูงสุดของพวกเขาคือการให้หลี่ฟู่เฉินก้าวหน้าในระดับการฝึกฝนของเขา


 


“อือ”


 


หลี่ฟู่เฉินพยักหน้าและนั่งลงทันที เขาเริ่มโคจรเทคนิคเปลวเพลิงลี้ลับหลายครั้งก่อนที่จะบริโภคสมุนไพรหวนคืนกำเนิดเข้าไป


 


สมุนไพรหวนคืนกำเนิดละลายทันทีเมื่อบริโภคเข้าไป ขณะที่พลังงานบริสุทธิ์ก็เข้าไปบรรเทาแขนขาและกระดูกของเขาทั้งหมด


 


‘ไม่น่าแปลกใจที่ผู้ใช้สามารถเลื่อนหนึ่งระดับโดยไม่มีผลข้างเคียงใดๆ’ หลี่ฟู่เฉินเข้าใจทันที


 


พลังงานอันยอดเยี่ยมและบริสุทธิ์จากสมุนไพรหวนคืนกำเนิดไม่ได้ด้อยไปกว่าพลังฉีเพลิงแดงของเขา แต่ในขณะเดียวกัน มันก็ก่อเกิดพลังลึกลับที่สามารถหล่อเลี้ยงวิญญาณได้ มันจะไม่มีผลกระทบในด้านความก้าวหน้า หรือก่อให้เกิดช่องว่างในการฝึกฝน


 


ระดับที่ 7 ระยะหลัง ระดับที่ 7 ระดับสูงสุด


 


ระดับที่ 8 ขอบเขตต้นกำเนิด!


 


บูม!


 


พลังงานไร้ขอบเขตวิ่งเข้ามาจากทั่วทุกมุมและมารวมตัวกันที่ที่หลี่ฟู่เฉินอยู่


 


“ช่างเป็นคลื่นพลังวิญญาณที่น่าทึ่ง”


 


เฉินฟางหัวตกใจ เมื่อเธอก้าวไปสู่ขอบเขตปฐพีระดับที่ 1 ก็มีเหตุการณ์ที่คล้ายกัน แต่มันก็ยอดเยี่ยมกว่าหลี่ฟู่เฉินเพียงเล็กน้อยเท่านั้น


 


เธอไม่ได้คาดหวังว่าเมื่อหลี่ฟู่เฉินทะลุผ่านจากขอบเขตต้นกำเนิดระดับที่ 7 ไประดับที่ 8 จะทำให้เกิดคลื่นวิญญาณขนาดใหญ่เช่นนี้


 


รอจนกว่าเขาจะผ่านไปสู่ระดับที่ 1 ของขอบเขตปฐพี มันจะเป็นฉากแบบไหนกัน


 


“พลังการรับรู้ของหลี่ชิตี๋แน่นอนว่าเป็นสิ่งที่ท้าทายสวรรค์ เจ้ามาถึงระดับ 15 สูงสุดของเทคนิคเปลวเพลิงลี้ลับได้อย่างรวดเร็ว”


 


ก่อนหน้านี้เซี่ยหลี่ไบ๋รู้สึกแปลกๆ เกี่ยวกับความสามารถอันแข็งแกร่งของหลี่ฟู่เฉิน


 


ในที่สุดเขาก็รู้ความลับว่าทำไมหลี่ฟูเฉินถึงแข็งแกร่ง


 


เจตจำนงเพลิงแดงของหลี่ฟู่เฉินเป็นเจตจำนงระดับลึกลับขั้นกลาง ไม่ทราบว่ามันจะยอดเยี่ยมขนาดไหนเมื่อรวมกับกับเจตจำนงระดับลึกลับขั้นต่ำอันอื่น หรือกับเจตจำนงดาบดาวตกขั้นภวังค์ของหลี่ฟู่เฉิน มันไม่ได้กล่าวเกินจริงเลยว่านี่คล้ายกับการตกปีกให้กับพยัคฆ์


 


แตกต่างจากเฉินฟางหัวและเซี่ยวหลี่ไบ๋ หยูเหวินเทียนมีความรู้สึกซับซ้อนมากกว่านั้น


 


หากเขายังคงปฏิบัติต่อหลี่ฟู่เฉินเป็นเหมือนมนุษย์ธรรมดาเขาก็คงเป็นคนงี่เง่าคนนึง


 


หลี่ฟู่เฉินอาจมีโครงกระดูกระดับธรรมดา แต่เขาได้ผ่านพ้นตัวอย่างของบุคคลปกติไปแล้ว บางทีพรสวรรค์ของเขาคือสิ่งที่การทดสอบโครงกระดูกปกติไม่สามารถตรวจจับได้


 


หลังจากทั้งหมดแล้ว โลกใบนี้ก็กว้างใหญ่และเป็นเรื่องปกติที่จะมีความผิดปกติซึ่งไม่สามารถอธิบายได้เกิดขึ้น เมื่อคนหนึ่งไปถึงจุดสิ้นสุดของถนนแห่งการต่อสู้ มันก็สามารถอธิบายได้ว่านั้นคือตำนาน


 


“ช่างเป็นความรู้สึกที่เหนือกว่าอย่างแท้จริง”


 


ด้วยระดับการฝึกฝนของเขาตอนนี้ซึ่งอยู่ในระดับที่ 8 ของขอบเขตต้นกำเนิด แต่เมื่อเทียบหลี่ฟู่เฉินพลังฉีภายในของเขาแข็งแกร่งและบริสุทธิ์กว่ามาก พลังมันเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 30%


 


หากรากฐานของใครเพิ่มขึ้น 30% มันจะหมายถึงความสามารถโดยรวมของพวกเขาก็เพิ่มขึ้น 30% เช่นกัน


 


มันเป็นเหมือนบางสิ่งที่ซ้อนกัน และยังมีความสามารถที่ถูกส่งเสริมจากเทคนิคลับระดับ 2 ดาวอีก ความสามารถจะเหนือกว่ามาก


 


ฮูววว!


 


ส่งฝ่ามืออกไป พลังฝ่ามือที่มั่นคงและรุนแรงคล้ายกับอสรพิษที่กำลังพิโรธ  เลื่อนตัวไปข้างหน้าและฉีกกระชากพื้นผิวดิน


 


‘ตอนนี้หากข้าได้พบกับกระบี่โลหิตหลิงหวงอีกครั้ง ข้าจะสามารถต่อกรกับเขาได้โดยตรง’ หลี่ฟูเฉินคิดกับตัวเอง


 


“หลี่ชิตี๋ ยินดีด้วย”


 


เซี่ยวหลี่ไบ๋เดินไปแสดงความยินดีกับหลี่ฟู่เฉิน


 


หลี่ฟู่เฉินตอบกลับ “ขอบคุณท่านที่ให้การคุ้มครองแก่ข้า”


 


หากไม่มีพวกเขาสามคนปกป้อง เขาจะไม่กล้าตัดผ่านระดับการฝึกฝนของเขา


 


“หลี่ชิตี๋ ตั้งแต่ที่เจ้าก้าวหน้าแล้ว งั้นเราไปค้นหาสมุนไพรต่อ! บางทีเราอาจพบผลตัดปฐพีอีกลูกหนึ่ง” เฉินฟางหัวกล่าวว่า


 


ความสามารถของหลี่ฟู่เฉินที่แข็งแกร่งขึ้น นั้นก็หมายความว่าศิษย์นิกายวารีครามอย่างพวกเธอเองก็ปลอดภัยขึ้น ใครๆ ก็จินตนาการช่วงสองวันที่จะถึงต่อจากนี้ภายในเขตแดนร้อยพฤกษาเร้นลับได้ มันจะเป็นการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ เมื่อสิ่งนั้นเกิดขึ้น ความขัดแย้งระหว่างนิกายจะยิ่งโหดร้าย นิกายวารีครามของพวกเธอต้องการผู้นำ


 


และผู้นำคนนั้นก็จะต้องเป็นหลี่ฟู่เฉิน ไม่ใช่ใครอื่นอีก


 


“สิ่งที่เฉินชิเหม๋ยกล่าวเป็นเรื่องที่ควรแล้ว ความสำคัญสูงสุดของเราก็คือการค้นหาสมุนไพรหวนคืนกำเนิดและผลตัดปฐพีให้มากขึ้น” เซี่ยวหลี่ไบ๋พยักหน้า


 


สำหรับหยูเหวินเทียน เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะให้คำแนะนำใดๆ ในเขตแดนร้องพฤกษาเร้นลับ เว้นแต่ว่าเขาจะไปถึงระดับที่ 1 ของขอบเขตปฐพี


บทที่ 153


หลิวหวูหวงที่น่าอนาถ


 


 


“ตาย!”


 


เช่นเดียวกับต้นไผ่ที่แตกหัก ด้วยสภาวะดาบที่ปรากฏออกมา ศิษย์นิกายโหมกระบี่ก็ถูกผ่าออกจากกัน


 


จักรพรรดิดาบหลิวหวูหวงถูกยกให้เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับแนวหน้าในเขตแดนร้อยพฤกษาเร้นลับ ผู้ที่แข็งแกร่งกว่าเขาสามารถนับได้ด้วยนิ้วมือเพียงข้างเดียว


 


และเป็นเช่นเดียวกันหลิงหวูหวงก็พร้อมที่จะรับกระเป๋าเก็บของของเหยื่อไป นัยน์ตาของเขาหดตัว และเหงื่อรดหน้าผากของเขา


 


บนต้นไม้ ด้านหลังเขาหลายสิบเมตรเป็นร่างที่ยืนอยู่บนยอดเขา


 


ร่างนั้นดูเงียบมาก แม้ว่าจะไม่มีคำกล่าวใดๆ ถูกกล่าวออกมา บรรยากาศที่เงียบสงบนี้ก็ก่อเกิดพายุอันรุนแรง


 


กระบี่คลั่งต้วนไห่ ศิษย์ที่โด่งดังที่สุดของนิกายโหมกระบี่


 


เห็นได้ชัดว่าปัจจุบันเขาอยู่ในระดับที่ 1 ของขอบเขตปฐพี


 


หน้าตาของต้วนไห่อยู่ในค่าเฉลี่ย ขอบตาของเขาโค้งลงและเขามีเปลือกตาปูดโปน เขากำลังจ้องกระบี่ร้อยเทพยุทธ์ของเขาเอง และไม่ได้จ้องมาที่หลิวหวูหวง


 


หลิวหวูหวงไม่กล้าหยิบกระเป๋าเก็บของขึ้น เขาหันและค่อยๆ จากไป


 


“กระบี่คลั่งต้วนไห่” หลิวหวูหวงทำได้เพียงแค่เอ่ยชื่อเขาเท่านั้น


 


“มันจะเป็นไรไหม หากข้าจะตัดเจ้าออกเป็น 18 ส่วน?” ต้วนไห่กล่าวอย่างช้าๆ


 


“ข้ากังวลว่าเจ้าจะไม่สามารถทำเช่นนั้นได้” หลิงหวูหวงตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น


 


แม้ว่าเขาจะไม่ต้องการเผชิญหน้ากับต้วนไห่ แต่หลิวหวูหวงก็ยังคงเป็นอัจฉริยะชั้นยอด ดาบปกครองของเขาจะถูกสกดขมโดยคู่ต่อสู้ได้อย่างไร


 


“เช่นนั้นเป็น 19 ส่วน” ต้วนไห่ขยับ


 


ราวกับหุ่นไม้กระบอก การเคลื่อนไหวของต้วนไห่ค่อนข้างแข็งทื่อ


 


แต่ทว่านเวลาเดียวกันมันก็รวดเร็ว อาศัยอิทธิพลจากร่างกายที่แปลกประหลาดของเขา เขาก็มาอยู่ต่อหน้าหลิวหวูหวงแล้ว


 


กระดูกที่เคลื่อนไหวได้เหล่านั้นดูน่ากลัว


 


เช้ง!


 


หลิวหวูหวงมองไม่เห็นว่าต้วนไห่ใช้กระบวนท่าใด เขาพึ่งพาสัญชาตญาณในการแกว่งดาบและก็ป้องกันตัวเอง


 


ประกายไฟไร้รูปลักษณ์ปรากฏออกมา


 


จากนั้น ประกายไฟมากมายเกิดขึ้น


 


“เร็วมาก”


 


หลิวหวูหวงตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก กระบี่ของต้วนไห่นั้นเร็วเกินไป ดังนั้นจึงไม่มีทางใดที่เขาจะโต้กลับได้เลย เขาทำได้เพียงแต่ป้องกัน ป้องกัน และป้องกันอยู่อย่างซ้ำๆ


 


“ไม่ ข้าจะต้องโต้กลับ”


 


หลิวหวูหวงปล่อยเสียงคำรามออกมา และสภาวะพลังฉีของเขาก็ระเบิดออก สภาวะพลังฉีพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า และก็ไล่ต้อนกระบี่คลั่งต้วนไห่


 


บูม!


 


สภาวะพลังฉีที่แข็งแกร่งกว่าปรากฏออกมา และเขาสะกดขมสภาวะพลังฉีของหลิวหวูหวง


 


จึก! ไหล่ของหลิวหวูหวงถูกเจาะ จึก! อีกแผลหนึ่งที่ต้นขา จากนั้นก็หน้าอกและท้อง


 


ภายในไม่กี่ลมหายใจ ร่างกายของหลิวหวูหวงก็เฉือนไม่ต่ำกว่า 8 ครั้ง


 


หากหลิวหวูหวงไม่ได้เปิดใช้งานเทคนิคลับระดับ 2 ดาว เทคนิคเครื่องหมายเร้นลับ ตัวเขาจะไม่ปรากฏเพียงแค่บาดแผลที่ไร้อันตรายพวกนี้ แขนขาของเขาจะถูกตัดออก และจะมีหลุมปรากฏอยู่ที่หน้าอกและกระเพาะ


 


‘เวรเอ้ย ทำไมข้า หลิวหวูหวง ถึงได้อ่อนแอ่เช่นนี้’ หลิวหวูหวงคำรามอยู่ในใจ ขณะที่เขาเกลียดตัวเองที่อ่อนแอ


 


ทันใดนั้นเอง เขาก็จดจำหลี่ฟู่เฉินได้


 


หากหลี่ฟู่เฉินอยู่ที่นี่ เขาจะจัดการกับกระบี่คลั่งต้วนไห่อย่างไร?


 


เพียงไม่นาน หลิวหวูหวงก็ล้มเลิกความคิดที่น่าหัวเราะ หากเรากำลังกล่าวถึงขอบเขตบ่มเพาะระดับเดียวกัน หลี่ฟูเฉินจะน่าเกรงขาม แต่ระดับการฝึกฝนของเขาต่ำเกินไปที่จะจัดการกับกระบี่คลั่งต้วนไห่ ซึ่งตอนนี้อยู่ในระดับที่ 1 ของขอบเขตปฐพี


 


บาดแผลยังคงเกิดขึ้นในร่างกายของเขา


 


หลิวหวูหวงเริ่มที่จะล่าถอย


 


ถอยกลับเป็นพัลวัน


 


หากสิ่งนี้ยังคงดำเนินต่อไป เขาจะถูกสับเป็นชิ้นๆ โดยต้วนไห่


 


หนึ่งไล่ล่าขณะที่อีกหนึ่งหนี ความเร็วของพวกเขาเร็วเท่ากับพายุหมุน


 


“หลิวชิเซียง ให้เราได้ช่วยเจ้า”


 


คลื่นพลังงานถูกส่งออกมาจากดาบวารีขาวไบ๋เต๋าและหลินหวังชิง ด้วยพวกเขาที่อยู่คนละฝั่ง พวกเขาเข้าโจมตีกระบี่คลั่งต้วนไห่


 


เห็นการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ จิตวิญญาณของหลิวหวูหวงตีโต้กลับมา และเขาก็โต้กลับไปทันที


 


สภาวะพลังดาบของพวกเขาคล้ายกับตาข่ายสวรรค์ ไม่อนุญาตให้มีช่องโหว่ใด ๆ


 


หากเป็นอัจฉริยะชั้นยอดคนอื่น พวกเขาจะตายทันทีภายใต้สภาวะพลังดาบนี้


 


ชิ้ง ชิ้ง ชิ้ง ชิ้ง…


 


ความสามารถของต้วนไห่แข็งแกร่งกว่าที่คาดไว้มาก แม้ว่าทั้งสามจะร่วมมือกัน พวกเขาก็ยังคงไม่สามารถทำลายสภาวะพลังกระบี่ของต้วนไห่ได้ สิ่งที่พวกเขาทำได้ก็เพียงแค่สกดข่มเล็กน้อยเท่านั้น


 


“เขาแข็งแกร่งเกินไป”


 


ในขณะที่การต่อสู้ลากยาวไป ไบ๋เต๋าและหลินหวังชิงเริ่มหวาดกลัว


 


สำหรับเขตแดนร้อยพฤกษาเร้นลับในปีนี้ มันเห็นได้ชัดว่าศิษย์จากนิกายทั้งสามนั้นยอดเยี่ยมกว่าพวกเขามาก แม้แต่กระทั่งหลิวหวูหวงเองก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยอมรับ


 


“ต้วนชิเซียง เรามาเพื่อช่วยเหลือ”


 


หลังจากช่วงเวลาสั้นๆ ศิษย์นิกายโหมกระบี่ก็เข้ามาเช่นกัน สองคนที่อยู่ในระดับที่ 1 ของขอบเขตปฐพีและอีกคนหนึ่งอยู่ในระดับที่ 9 ของขอบเขตต้นกำเนิด


 


อัตราของความได้เปรียบเปลี่ยนไปแล้ว


 


“พวกเจ้าทั้งหมดไปให้พ้น” เสียงที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังสะท้อนออกมา ต้วนไห่มุ่งมั่นที่จะเอาชนะหลิวหวูหวงและอีกสองคนด้วยความสามารถของเขาเอง


 


ได้ยินต้วนไห่ ศิษย์นิกายโหมกระบี่ทั้งสามซึ่งกำลังจะเข้าสู่การต่อสู้หยุดในเส้นทางของพวกเขาทันที เนื่องจากพวกเขาไม่กล้าขัดขืนต้วนไห่


 


“ลืมมันซะ พวกเราจะเตรียมพร้อมอยู่ด้านข้าง”


 


หนึ่งในศิษย์ขอบเขตปฐพีระดับที่ 1 ของนิกายโหมกระบี่กล่าว


 


“สิ่งที่เราทำได้มากสุดก็คงมีเพียงเท่านี้”


 


พวกเขาทั้งสามคนสังเกตการต่อสู้จากระยะไกล ขณะที่มองไปด้วยความโลภ


 


***


 


ห่างออกไปหลายไมล์ หลี่ฟู่เฉินและกลุ่มกำลังค้นหาสมุนไพร


 


หลี่ฟู่เฉินไม่เพียงแต่ต้องการสมุนไพรหวนคืนกำเนิดเท่านั้น หยูเหวินเทียนเองก็ต้องการเช่นกัน


 


แน่นอน สมุนไพรหวนคืนกำเนิดอันแรกโดยธรรมชาติแล้วจะต้องเป็นหลี่ฟู่เฉิน ขณะที่หยูเหวินเทียนต้องรอคิวต่อจากเขา


 


ในเรื่องนี้ หยูเหวินเทียนไม่คัดค้าน


 


ไม่ว่าเขาจะยอมรับหรือไม่ก็ตาม ความแข็งแกร่งในด้านพลังต่อสู้ของหลี่ฟู่เฉินนั้นแข็งแกร่งกว่าเขาสิบเท่า มีเพียงการพึ่งพาหลี่ฟูเฉินเท่านั้น พวกเขาจึงจะสามารถต่อสู้กับอีกสามนิกายได้


 


“ในอนาคตยังมีโอกาสอยู่”


 


หยูเหวินเทียนกำหมัดของเขาแน่น เขาจำกัดขีดจำกัดของตัวเองไว้เพียงแค่นิกายวารีคราม คิดว่าโครงกระดูกระดับ 5 ดาวนั้นยิ่งใหญ่ แต่หลังจากได้เห็นผู้ที่มีอัจฉริยะชั้นแนวหน้าจากอีกสามนิกาย ความปรารถนาที่จะแข็งแกร่งขึ้นในตอนนี้ก็กลายเป็นเข้มข้นขึ้น – อย่างน้อยสิบเท่า


 


ตอนนี้ คู่ต่อสู้ของเขาไม่ได้มีแต่หลี่ฟู่เฉินหรือยอดอัจฉริยะในนิกายวารีครามคนอื่นๆ แม้แต่กระทั้งยอดอัจฉริยะทั้งสามนิกายก็ยังเป็นเป้าหมายของเขาเช่นกัน วันหนึ่ง เขาจะวางพวกนั้นไว้ใต้เท้าของเขา


 


พบสมุนไพรระดับลึกลับหลายต้น แต่น่าเสียดายที่ไม่มีสมุนไพรหวนคืนกำเนิด ผลตัดปฐพีเองก็ไม่เห็นวี่แววเช่นกัน


 


สมุนไพรหวนคืนกำเนิดและผลตัดปฐพีแทบจะไม่มีอยู่จริงในโลกภายนอก เห็นได้ชัดว่ามันเป็นของหายากภายในเขตแดนร้อยพฤกษาเร้นลับ


 


“หลิวหวูหวงดูเหมือนจะอยู่ข้างหน้า เขาถูกไล่ล่าอยู่?”


 


เก็บก้านสมุนไพรระดับลึกลับ เซี่ยวหลี่ไบ๋เงยหน้าขึ้นและขมวดคิ้ว


 


หลิวหวูหวงอยู่ห่างออกไปหลายพันเมตรในสภาพที่น่าสังเวช ปกคลุมไปด้วยเลือด


 


ข้างหลังเขามีศิษย์นิกายโหมกระบี่อยู่ถึงสี่คน พร้อมกันนั้นกระบี่คลั่งต้วนไห่เป็นคนนำ พวกเขาตาม มีศิษย์นิกายปีศาจสวรรค์อยู่สามคน โดยมีหลี่หวูเซี่ยเป็นผู้นำ


 


หลิวหวูหวงถูตามล่าจากคนเจ็ดคน


 


มันไม่ง่ายเลยที่หลิวหวูหวงจะรอดมาได้จนถึงตอนนี้


 


เริ่มแรกด้วยความแข็งแกร่งของบุคคลสามคน พวกเขาก็สามารถปราบปรามกระบี่คลั่งต้วนไห่ได้ ก็ในเมื่อศิษย์นิกายโหมกระบี่อีกสามคนได้รับคำสั่งไม่ให้แทรกแซง


 


น่าเสียดายที่หลิวหวูหวงกับอีกทั้งสองคนนั้นโชคไม่ดี เพราะหลี่หวูเซี่ยและทีมของเขาเองก็อยู่ใกล้ๆ ตรวจจับคลื่นพลังงานได้ พวกเขาจึงรีบไป


 


คนอื่นอาจกลัวต้วนไห่ แต่หลี่หวูเซี่ยไม่เป็นเช่นนั้น อย่างไรก็ตาม หลี่หวูเซี่ยไม่ได้โจมตีต้วนไห่แต่ช่วยเขาในการกำจัดนิกายวารีครามแทน


 


ภายใต้การโจมตีจากทั้งคู่ ไบ๋เต๋าและหลินหวังชิงถูกสังหารลงไปในทันที


 


หลิวหวูหวงดีที่สุดทำได้เพียงแต่หลบหนี


 


แต่เขาจะไม่สามารถวิ่งได้อีกต่อไปได้หากเลือดของเขาออกจนหมดตัว และเขาเองก็ไม่มีเวลาพักผ่อนเลย


 


“ไปเร็ว!”


 


เซี่ยวหลี่ไบ๋ดึงดาบของเขาและวิ่งไปช่วยหลิวหวูหวงอย่างรวดเร็ว


 


หลิวหวูหวงสังเกตเห็นเซี่ยหลี่ไบ๋และกลุ่ม ก็พุ่งเข้าไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน


 


“เริ่มการต่อสู้!”


 


เปิดใช้เทคนิคลับมังกรเร้นลับของเขาและท่าร่างศักดิ์สิทธิ์ หลี่ฟู่เฉินเดินทางด้วยความเร็วที่มากกว่าเซี่ยวหลี่ไบ๋


 


“หลิวหวูหวง ถึงพวกนั้นจะอยู่ตรงนี้ก็ช่วยเจ้าไม่ได้ ตาย!”


 


อาวุธของหลี่หวูเซี่ยเป็นหอกสีแดงเลือด ควงหอกของเขา มันกลายเป็นมังกรโลหิตทันที เจาะไปทางหลิวหวูหวง


 


หลิวหวูหวงไม่เต็มใจที่จะยอนจำนนต่อชะตากรรมของเขา ขณะที่เขาคำรามอยู่ในหัวใจ


 


เมื่อเห็นว่าหอกนั้นสามารถโจมตีที่หลิวหวูหวงได้


 


ชิ้ง!


 


ดาบทองดำเบี่ยงเบนทิศทางโดยปลายหอก


 


“ถอยไป”


 


หลี่ฟูเฉินใช้ความแข็งแกร่งจากแรงแขนของเขาเพื่อขับไล่หลี่หวูเซี่ย

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม