Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน 315-321

 DC บทที่ 315: จงคุกเข่าต่อหน้าท่านเจ้า


 


“ผู้นำนิกาย ข้าจักออกไปชั่วขณะ” ซูหยางกล่าวกับโหลวหลานจีซึ่งรอพวกเขาอยู่ข้างนอก


 


“เอ๋ เจ้าจักไปไหนรึ” เธอถามเขาเมื่อเห็นว่านี่ช่างกระทันหันเกินไป


 


ซูหยางแค่ชี้ไปยังผู้อาวุโสจงเป็นการตอบคำถามเธอ


 


“ข้าคงต้องขอยืมตัวเขาชั่วขณะ” ผู้อาวุโสจงกล่าว


 


ในเมื่อปราชญ์กระบี่ศักดิ์สิทธิ์จะอยู่ข้างกายเขา ดังนั้นโหลวหลานจีจึงไม่กังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของซูหยางและยอมรับการเดินทางไปของเขาอย่างง่ายๆ


 


“เจ้าจักกลับมาทันพรุ่งนี้หรือไม่ยามเมื่อเราลงทะเบียนการแข่งขัน” โหลวหลานจีถาม


 


ผู้อาวุโสจงเงียบไปชั่วขณะในเมื่อเขาไม่มั่นใจว่าเจ้าซีต้องการทำอะไรกับซูหยาง ต่อให้เขาไม่ได้ฆ่าผู้อาวุโสนิกายจากนิกายแท่นบูชาทองแต่ก็เหมือนกับว่าเจ้าซีมีเจตนาอื่นกับเขา


 


“แน่นอน” ซูหยางกล่าวด้วยรอยยิ้มมั่นใจ


 


ไม่นานหลังจากนั้นซูหยางและผู้อาวุโสจงก็ออกจากโรงเตี๊ยมเกล็ดหิมะ


 


“ถ้าเจ้ามิทำหรือพูดอะไรงี่เง่า เจ้าอาจจะสามารถกลับมาภายในพรุ่งนี้” ผู้อาวุโสจงกล่าวหลังจากที่พวกเขาออกไป


 


“ถ้าข้าต้องการไปใครกล้าหยุดข้ารึ” ซูหยางกล่าวอย่างเยือกเย็น


 


“ข้าหวังว่าเจ้ากล้าที่จะทำท่าหยิ่งยะโสต่อหน้าเจ้าซี” ผู้อาวุโสซีแค่นเสียงเย็นชา


 


หลังจากการสนทนาสั้นๆพวกเขาก็เดินทางไปยังบ้านตระกูลซีอย่างเงียบกริบ


 


เวลาต่อมาหลังจากนั้นซูหยางก็ยืนอยู่ตรงหน้าแผ่นดินตระกูลซีที่กว้างใหญ่เท่ากับสำนักหนึ่ง


 


สังเกตเห็นซูหยางจ้องไปยังภาพอันยิ่งใหญ่ข้างหน้าผู้อาวุโสจงก็พูดขึ้นว่า “เรายังคงอยู่ที่ทางเข้าและเจ้าก็หวาดหวั่นเสียแล้วรึ ปฏิกิริยาเช่นนั้นมิเข้ากับบุคลิกของเจ้าเลย”


 


ซูหยางเพียงแค่ยักไหล่ เขาไม่อยากเสียลมปากกับผู้อาวุโสจง


 


“เปิดประตูและแจ้งเจ้าซีว่าข้าได้กลับมาแล้วพร้อมกับ “เซียวหยาง””


 


ผู้อาวุโสจงกล่าวกับทหารรักษาการณ์คนหนึ่ง


 


หลังจากที่ทหารรักษาการณ์เปิดประตู ผู้อาวุโสจงก็ได้นำซูหยางไปยังหนึ่งในร้อยห้องรับแขกภายในอาคารขนาดใหญ่


 


“เราจักรออยู่ที่นี่จนกว่าเจ้าซีจะเรียกหาเรา” ผู้อาวุโสจงกล่าว


 


“และข้าจักเตือนเจ้าตอนนี้ว่า เจ้าซีเป็นคนที่มีอำนาจมากที่สุดในทวีปตะวันออกนี้รองลงมาจากท่านบรรพบุรุษ อีกนัยหนึ่งก็คือเขาเป็นจักรพรรดิของสถานที่นี้ เจ้าสามารถไม่เคารพข้าได้ตามที่เจ้าต้องการแต่เขามิใช่คนที่เจ้าสามารถล่วงเกินได้ ถ้าเจ้าเห็นค่าชีวิตตัวเอง จะเป็นประโยชน์สูงสุดต่อเจ้าหากจะละทิ้งความเย่อหยิ่งต่อหน้าเขา”


 


“เจ้าพูดว่าจักรพรรดิรึ ฮ่าฮ่าฮ่า” ซูหยางพลันระเบิดเสียงหัวเราะออกมา


 


“ขำอะไรกัน” ผู้อาวุโสจงขมวดคิ้ว


 


“ข้าควรจะพาเจ้าไปทวีปศักดิ์สิทธิ์กลางสักวันหนึ่งจริงๆ เพื่อเปิดหูเปิดตาเจ้า”


 


“อะไรกัน เจ้าเคยไปทวีปศักดิ์สิทธิ์กลางมาก่อนรึ ไม่… ที่สำคัญไปกว่านั้น… เจ้ารู้วิธีไปที่นั่น” ผู้อาวุโสจงตกใจเป็นอย่างมากราวกับว่าเขามองเห็นผี


 


อย่างไรก็ตามก่อนที่ซูหยางจะทันได้ตอบคำถาม คนรับใช้ของตระกูลซีก็ได้เคาะประตูห้อง


 


“ผู้อาวุโสจง ท่านเจ้าได้รับรู้ว่าท่านได้กลับมาแล้วและตอนนี้ได้รอท่านไปแสดงตัวในท้องพระโรง”


 


“ดูเหมือนว่าเป็นเวลาที่จะต้องพบกับ “จักรพรรดิ” คนนี้แล้ว” ซูหยางกล่าวขณะที่เขาเดินไปทางประตู


 


“เดี๋ยวก่อน เจ้ายังมิได้ตอบคำถามข้า เจ้ารู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับทวีปศักดิ์สิทธิ์กลางบ้าง”


 


แต่อนิจจาซูหยางไม่สนใจเขาอย่างสิ้นเชิงและพูดกับคนรับใช้ที่รออยู่ด้านข้างว่า “พาข้าไปยังท้องพระโรง”


 


“ซูหยาง… เจ้าเลว…” ผู้อาวุโสจงกัดฟันด้วยความโกรธเมื่อซูหยางไม่สนใจเขา


 


อย่างไรก็ตามต่อให้เขาต้องการที่จะมัดซูหยางติดเก้าอี้และตั้งคำถามอีกฝ่ายในตอนนี้แค่ไหนก็ตาม เขาก็ไม่อาจที่จะปล่อยให้เจ้าซีรอพวกเขานานเกินไป


 


“เจ้าอาจจะไม่สนใจข้าในตอนนี้แต่ข้าจักมั่นใจว่าจะต้องได้คำตอบจากเจ้าก่อนที่เจ้าจะจากที่นี่ไป”


 


ผู้อาวุโสจงสาบานในใจก่อนที่จะติดตามคนรับใช้และซูหยางไปพบเจ้าซี


 


ไม่กี่นาทีหลังจากนั้นซูหยางก็ไปถึงท้องพระโรงพร้อมกับผู้อาวุโสจงด้านข้าง


 


“ท่านเจ้า ผู้อาวุโสจงและเซียวหยางมาถึงแล้ว”


 


คนรับใช้เคาะประตู


 


“ให้พวกเขาเข้ามาข้างใน”


 


สุ้มเสียงอันแข็งแกร่งดังขึ้นมาจากด้านหลังประตูใหญ่


 


ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น ประตูก็เปิดออกและซูหยางก็เดินเข้าไปในห้องอย่างสบายๆที่ซึ่งคนหลายสิบคนได้รออยู่แล้ว


 


ด้านในสุดของห้องนี้เป็นชายวัยกลางคนที่มีรูปลักษณ์อันเข้มแข็งและกลิ่นอายน่าหวาดหวั่น


 


ส่วนสำหรับคนอื่นๆพวกเขาล้วนสวมชุดเกราะอันทรงอานุภาพและยืนอยู่สองฟากข้างของห้องด้วยสมบัติวิญญาณระดับสวรรค์ในมือและท่าทางดุร้ายมองดูเหมือนกับว่าพวกเขากำลังเตรียมตัวทำสงคราม


 


“ท่านเจ้า” ผู้อาวุโสจงพลันคุกเข่าลงต่อหน้าชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ด้านในสุดของห้องทันทีที่เขาเข้ามาในห้อง


 


ส่วนสำหรับซูหยางนั้น เขาเพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทางเยือกเย็น


 


“จงคุกเข่าต่อหน้าท่านเจ้า”


 


ทหารองครักษ์ที่ยืนอยู่ของข้างพากันตะโกนออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน นำมาซึ่งกลิ่นอายอันข่มขู่กดดันลงบนร่างซูหยาง


 


ทหารองครักษ์เหล่านี้ล้วนอยู่จุดสูงสุดของเขตปฐพีวิญญาณและบางคนก็อยู่ในเขตอัมพรวิญญาณ


 


อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะถูกกดดันจากกลิ่นอายของจอมยุทธนับสิบที่ถือว่าอยู่ในระดับสูงสุดของโลกนี้ ซูหยางก็ยังคงยืนอยู่ที่นั่นด้วยท่าทางเฉยเมยเหมือนกับว่าเขาไม่รู้สึกถึงแรงกดดันเลยแม้แต่น้อย


 


เมื่อเห็นเช่นนี้ผู้อาวุโสจงได้แต่แอบถอนหายใจ


 


“น่าสนใจ…” เจ้าซียิ้มภายในใจเมื่อเขาเห็นแรงต้านทานของซูหยาง


 


“เจ้ามิได้ยินพวกเรารึเจ้าคนต่ำช้า จงคุกเข่าลงต่อหน้าท่านเจ้า”


 


ทหารองครักษ์พลันไม่พึงพอใจกับปฏิกิริยาของเขาและตระเตรียมอาวุธของตนเองในทันทีชี้ไปยังซูหยาง


 


ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นสุดท้ายซูหยางก็เปิดปากพูด


 


“ถ้าท่านพาข้ามาที่นี่เพียงเพื่อที่จะให้สุนัขเหล่านี้เห่าเข้ามาในหูข้า ข้าจักหันกายกลับไปเดี๋ยวนี้”


 


“เจ้า…เจ้าลูกสำส่อน”


 


บรรดาทหารองครักษ์ต่างพากันคำรามด้วยความโกรธหลังจากที่ถูกซูหยางเรียกเป็นสุนัขและสองสามคนในนั้นก็ได้พุ่งเข้าหาซูหยางพร้อมจิตสังหาร


 


“อนิจจา… เจ้าทำอะไรลงไป หรือว่าเจ้าพยายามหาที่ตายในวันนี้จริงๆ” ผู้อาวุโสจงซึ่งยังคงอยู่ในท่านั่งคุกเข่าทอดถอนใจเมื่อเขาไม่ได้มีความคิดที่จะช่วยซูหยางซึ่งเขาได้เตือนไว้แล้วก่อนที่จะมาที่นี่DC บทที่ 316: เจ้ามีความสัมพันธ์อะไรกับลูกสาวข้า


 


“เจ้าเรียกใครเป็นสุนัข ข้าจักฆ่าเจ้าเดี๋ยวนี้”


 


ไม่ต่ำกว่าจำนวนครึ่งหนึ่งขององครักษ์ในห้องนั้นพุ่งตัวเข้าไปยังซูหยางพร้อมกับอาวุธที่ยกขึ้น สายตาเต็มไปด้วยจิตสังหาร


 


“หยุด”


 


ชายวัยกลางคนพลันคำรามลั่น จนทำให้อากาศภายในห้องนั้นสั่นกระเพื่อม


 


องครักษ์เหล่านั้นพลันชะงักการเคลื่อนไหว


 


“กลับคืนสู่ที่” เจ้าซีกล่าว


 


“ขอรับ ท่านเจ้า”


 


แม้ว่าพวกเขาจะยังลังเล องครักษ์ต่างก็พากันกลับคืนสู่ที่ของตนเอง อย่างไรก็ตามสายตาของพวกเขายังคงจ้องเขม็งไปยังซูหยางและเต็มไปด้วยจิตสังหาร


 


“ผู้อาวุโสจงเขาเป็นคนที่ฆ่าคนในเมืองของข้าหรือไม่” เจ้าซีถามเขา


 


“เรียนท่านเจ้า ข้ามิคิดว่าเขาเป็นผู้ร้าย”


 


“โห อธิบายให้ข้าฟังว่าทำไมท่านจึงคิดว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ ท่านเป็นคนที่พูดเองไม่ใช่รึว่าสำนึกกระบี่นั้นเป็นของเขา หรือว่าเขามิใช่เซียวหยาง”


 


“เซียวหยางเป็นชื่อปลอม ชื่อจริงของเขาคือซูหยาง” ผู้อาวุโสจงกล่าว “ส่วนที่ว่าทำไมข้าจึงเชื่อว่าเขาบริสุทธิ์ก็เพราะ….เขามีข้ออ้าง”


 


“ชื่อปลอมรึ นั่นมิใช่เรื่องผิดปกติอะไรในหมู่ผู้ฝึกยุทธ” เจ้าซีครุ่นคิดในใจ


 


“ให้ข้าได้รับรู้ถึงข้ออ้างของเขาด้วย”


 


ผู้อาวุโสจงแสดงความลังเลเมื่อเจ้าซีถามคำถามเช่นนั้น


 


“มีอะไรรึ ผู้อาวุโสจง ทำไมเจ้าจึงลังเล หรือว่ามีอะไรที่จะต้องซุกซ่อนไว้” เจ้าซีกดดัน


 


ผู้อาวุโสจงแอบถอนใจและกล่าวว่า “เมื่อข้าคนนี้เข้าไปเยี่ยมนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยที่โรงเตี๊ยม ซูหยางยังคงฝึกฝนวิชาอยู่ และสามารถยืนยันได้ชัดเจนโดยผู้นำนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยว่าเขาได้อยู่ที่นั่นนับตั้งแต่พวกเขาไปถึงโรงเตี๊ยมก่อนที่การฆาตรกรรมได้เกิดขึ้น ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะทำความผิด”


 


เจ้าซีมองดูผู้อาวุโสจงด้วยท่าทางงุนงงและกล่าวว่า “นั่นเป็นข้ออ้างประเภทไหนกัน ผู้อาวุโสจง เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเขามิได้แอบออกมาระหว่างที่เขาฝึกวิชา หรือว่าผู้นำนิกายอยู่ข้างเขาตลอดเวลางั้นรึ” เจ้าซีตั้งคำถามเขา


 


“ท่านเจ้า… การฝึกวิชาที่ข้าพูดถึงมิใช่การฝึกฝนปกติทั่วไป แต่เป็น…การฝึกวิชาคู่…” ผู้อาวุโสจงเกือบสำลักเมื่อเขาต้องพูดเช่นนั้น


 


“ท-ท่านพูดอะไรไป” เจ้าซีมีท่าทางแข็งทื่อจากความประหลาดใจ


 


“ซูหยาง… เขามิได้ฝึกวิชาตามลำพัง… ตามจริงแล้วยังมีหญิงสาวอีกสองนางอยู่ข้างเขาด้วยเมื่อข้าเห็นเขา… และพวกเธอดูเหมือนจะค่อนข้างอ่อนเพลีย…”


 


หลังจากที่ผู้อาวุโสจงจบคำพูดของเขา ทั้งสถานที่พลันเงียบสงัด


 


“นี่มันเป็นเรื่องอะไรกันแน่” ซูหยางอ้าปากพูดทำลายความเงียบ “แรกสุดท่านขัดขวางการฝึกวิชาของข้า จากนั้นท่านก็ลากข้ามาตามทางถึงที่นี่ และตอนนี้ข้าก็กำลังถูกตัดสินราวกับว่าเป็นผู้ร้ายอะไรสักอย่าง ถ้าท่านมิมีคำอธิบายที่ดีสำหรับเรื่องนี้ ต่อให้ท่านเป็นถึงตระกูลซี ก็อย่าหาว่าข้าหยาบคาย”


 


“หุบปากเน่าของเจ้า ใครให้สิทธิ์ในการพูดแก่เจ้ากัน และเจ้าก็มิได้เป็นอย่างอื่นนอกจากคนหยาบคายนับตั้งแต่ทันทีที่เจ้าก้าวเข้ามาภายในห้องนี้แล้ว” หนึ่งในองครักษ์คำรามใส่เขา


 


“…” เจ้าซีจ้องมองซูหยางด้วยแววตาสงสัย ถ้าเขามิได้ฆ่าผู้อาวุโสนิกายเช่นนั้นใครเป็นคนทำ


 


“ถ้าผู้อาวุโสจงเชื่อว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ เช่นนั้นข้าก็จักมิติดตามหัวข้อนี้จากเขาอีกต่อไป” เจ้าซีกล่าวในเวลาถัดไป


 


จากนั้นเขาก็หันไปมองดูซูหยาง


 


“เจ้าเป็นคนแรกที่ข้าพบที่กล้าแสดงท่าทางโอหังต่อหน้าตระกูลซีของข้า อย่างไรก็ตาม ข้าจักทิ้งเรื่องนี้ไปนับแต่นี้ เซียว…ซูหยาง ใช่ไหม ข้ามีเพียงแค่คำถามง่ายๆข้อหนึ่งสำหรับเจ้า”


 


เจ้าซีหรี่ตาลง มองดูคล้ายกับว่าเขาเตรียมตัวฆ่าซูหยางถ้าเขาตอบผิดและกล่าวต่อว่า “เจ้ามีความสัมพันธ์อะไรกับลูกสาวข้า”


 


“เราเป็แค่เพียงคนรู้จักที่ได้แลกเปลี่ยนคำพูดไม่กี่คำก่อนหน้านี้ ดังนั้นจึงมิมีอะไรระหว่างเรา” ซูหยางกล่าวด้วยเสียงเรียบเฉย


 


“อย่างนั้นรึ” เจ้าซีมีความสงสัยในความสัมพันธ์ระหว่างซูหยางและลูกสาวของเขา ซีซิงฟาง ว่าไปแล้ววิธีที่ซีซิงฟางมีปฏิกิริยาต่อชื่อของเขาบ่งบอกถึงบางอย่างที่ใกล้ชิดยิ่งกว่านั้น


 


“แต่ถึงแม้ว่าเราจะยังเป็นเพียงคนรู้จักตอนนี้ นั่นก็จักต้องเปลี่ยนแปลงในอนาคต”


 


ซูหยางพลันพูดต่อ


 


“จ-เจ้าเพิ่งพูดอะไรไป”


 


ไม่เพียงแค่เจ้าซี กระทั่งผู้อาวุโสจงก็มองดูเขาด้วยดวงตาที่เบิกกว้างเต็มไปด้วยความตระหนก


 


“ในเมื่อท่านเป็นพ่อของเธอ ข้าควรยอมให้ท่านรู้เป็นการล่วงหน้าว่าข้าวางแผนที่จะเป็นมากกว่าคนรู้จักกับลูกสาวท่าน” ซูหยางกล่าวพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า “มิเพียงแต่เธอจะสุภาพสะสวยแต่ร่างกายของเธอก็ค่อนข้างพิเศษและน่าประทับใจเช่นกัน”


 


“ช่างกล้านัก”


 


จิตสังหารพลันปกคลุมทั้งห้อง


 


อย่างไรก็ตามไม่ใช่องครักษ์ที่ปลดปล่อยจิตสังหารนั้น กลับกันเป็นเจ้าซีซึ่งมองดูซูหยางราวกับว่าเขาเป็นคนที่ตกตายไปแล้ว


 


เจ้าซีเป็นคนใจคอหนักแน่นด้วยมีความอดทนสูง ด้วยเหตุนั้นเขาจึงไม่ได้นำเรื่องความเย่อหยิ่งของซูหยางมาใส่ใจ อย่างไรก็ตามเมื่อมาถึงเรื่องของลูกสาวแก้วตาแก้วใจของเขา เขากลายเป็นคนที่แทบจะแตกต่างไปโดยสิ้นเชิง


 


“เจ้าลองกล้าพูดถึงลูกสาวข้าอีกสักครั้ง”


 


พลังอำนาจอันลึกล้ำของเขตอัมพรวิญญาณระดับสูงสุดปลดปล่อยออกมาจากร่างของเจ้าซีและเขาก็ยืนขึ้นตรงเข้าไปหาซูหยางด้วยจิตคุกคาม


 


อย่างไรก็ตามซูหยางไม่ได้เป็นคนประเภทที่ขี้ขลาดภายใต้แรงกดดัน ความจริงแล้วเขาจะยิ่งเติบโตภายใต้สถานการณ์แบบนั้น


 


“มีอะไรผิดไปกับการที่ข้าเผยความรู้สึกต่อลูกสาวท่านรึ นั่นเป็นอาชญากรรมรึไง ข้ามิอาจจินตนาการได้ว่ามีชายคนอื่นอีกมากมายเพียงใดในโลกนี้นอกจากข้าที่ต้องการจะได้ควงเทพธิดาเช่นนั้น”


 


“เจ้าเลว”


 


โดยไม่มีการเตือน เจ้าซีเหวี่ยงหมัดไปยังซูหยางด้วยพลังการฝึกปรือเกือบทั้งหมดในนั้น


 


ซูหยางยิ้มกับการโจมตีที่เข้ามาและต่อยหมัดไปข้างหน้าเช่นกัน


 


บูม


 


เมื่อหมัดของพวกเขาปะทะกัน ปราณไร้ลักษณ์ในหมัดของพวกเขาก็ระเบิดออก จนทำให้ทั้งอาคารสั่นไหว ถ้าไม่ใช่เพราะว่าค่ายกลป้องกันที่ปกป้องสถานที่นี้อยู่ บ้านตระกูลซีคงต้องแหลกสลายลงกับพื้นจากการแลกหมัดของพวกเขาเมื่อกี้นี้


 


“อาาา”


 


เจ้าซีปลิวกลับหลังไปจากแรงกระแทก ลงสู่พื้นห่างออกไปหลายเมตร


 


“ท่านเจ้า”


 


องครักษ์ต่างพากันตระหนกไปชั่วขณะ แต่เมื่อพวกเขาเห็นว่าเจ้าซียังคงไม่เป็นไร พวกเขาก็ถอนหายใจโล่งอก


 


ส่วนสำหรับซูหยาง เขาเพียงก้าวถอยหลังไปเพียงหนึ่งก้าวหลังจากการปะทะ


 


“เจ้า..” เจ้าซีมองดูซูหยางด้ายท่าทางตระหนก ดูเหมือนว่าไม่อยากเชื่อ


 


เมื่อมาคิดว่าตัวเขาเองซึ่งเป็นผู้ฝึกวิชาเขตอัมพรวิญญาณระดับสูงสุด จะต้องมาพ่ายให้กับใครก็ไม่รู้คนนี้ในการแลกหมัดที่ต้องใช้เพียงพลังปราณไร้ลักษณ์ นั่นช่างเป็นเรื่องที่น่าตระหนกอย่ามาก


 


“เจ้ากล้าลงมือต่อท่านเจ้าได้อย่างไร ทิ้งชีวิตเจ้าไว้ที่นี่ซะ”


 


องครักษ์ในห้องต่างพากันลงมือพุ่งเข้าไปหาซูหยางพร้อมกับยกอาวุธขึ้น กระทั่งผู้อาวุโสจงก็ยังดึงกระบี่ของตนเองออกมา


 


“เดี๋ยวก่อน”


 


เจ้าซีพลันคำราม


 


“ท-ท่านเจ้า”


 


องครักษ์ไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้าซีจึงยับยั้งพวกเขาไว้ทั้งที่มาถึงจุดนี้แล้ว หรือว่าพวกเขาจะได้รับการยอมให้ลงมือหลังจากที่เขาตายไปแล้ว


 


“พวกเจ้ามิเห็นการแลกหมัดของพวกเราเมื่อกี้นี้รึ พวกเจ้ามิมีใครสักคนที่เป็นคู่ต่อสู้ของเขา กระทั่งต่อให้พวกเจ้าทั้งหมดรุมก็ตาม” เจ้าซีพูดอย่างรวดเร็ว


 


“…”


 


องครักษ์พากันกัดฟัน ต่อให้พวกเขาทั้งหมดร่วมมือกันพวกเขาก็ยังไม่อาจที่จะสยบเจ้าซีได้ ยิ่งกว่านั้นซูหยางซึ่งสามารถต้านทานการจู่โจมของเขาได้อย่างง่ายดาย


 


“ซูหยาง… เจ้า… เจ้าเป็นใครกัน ไม่.. เจ้าเป็นมิตรหรือศัตรู”


 


ผู้อาวุโสจงถามเขาพร้อมขมวดคิ้ว หลังจากที่เห็นการประมือของซูหยางกับเจ้าซี นั่นก็เห็นชัดเจนแล้วว่ากระทั่งตัวเขาเองก็ไม่อาจสยบอีกฝ่ายได้ แม้ว่าเขาจะถูกยกย่องว่าเป็นจอมกระบี่ที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปตะวันออก เขายังคงตามหลังเจ้าซีในด้านพลังการฝึกปรืออีกหลายก้าว


 


“อย่ากังวล ข้ามิได้มาที่นี่วันนี้ด้วยเจตนาที่จะสร้างปัญหา” ซูหยางกล่าวด้วยท่าทางเรียบเฉย “ถ้าข้าต้องการทำร้ายตระกูลซีของท่าน ข้าควรจะทำมันไปแล้วตั้งแต่เราพบกันครั้งแรก”


 


“เช่นนั้นอะไรคือเจตนาทั้งหมดนี้”


 


“ข้าเพียงแค่ต้องการพิสูจน์อะไรบางอย่างเท่านั้น”


 


“พิสูจน์ อะไรที่เจ้าต้องการที่จะพิสูจน์ที่นี่” เจ้าซีถามเขาด้วยท่าทางงุนงง


 


“ท่านจักรู้เรื่องนี้ไม่เร็วก็ช้า” ซูหยางพูดด้วยรอยยิ้มลึกลับ


 


“ว่าไปแล้ว ที่ข้าพูดเพื่อยั่วยุท่านให้โจมตีข้าเมื่อกี้ ข้าหวังว่าท่านคงมินำมันมาใส่ใจ”


 


“…”


 


ทั้งห้องพลันเงียบลงไปในทันที


 


“ส่วนสำหรับความสัมพันธ์ของข้ากับนายหญิงน้อยนั้น จริงแล้วเรามิได้มีอะไรพิเศษเกิดขึ้น และข้าก็มิได้มีแผนที่จะไล่ตามเธอ”


 


แม้ว่าซีซิงฟางจะเป็นหญิงสาวสวยสุดยอดและมีกระทั่งร่างสวรรค์ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ทำให้ซูหยางไล่ตามเธอได้ อย่าว่าจะคลั่งไคล้ในตัวเธอ ในเมื่อเธอไม่ได้มีคุณสมบัติมากปานนั้น แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาควรพูดออกมาดังๆ


 


“อย่างไรก็ตาม ถ้าท่านชักนำข้ามาที่นี่เพียงแค่เรื่องสองอย่างนี้เท่านั้น เช่นนั้นข้าจักขอตัวก่อนในตอนนี้”


 


ซูหยางหันกายและเริ่มมุ่งตรงไปทางออก


 


“ด-เดี๋ยวก่อน” เจ้าซีพลันหยุดเขาไว้


 


ซูหยางหยุดเดินและหันกลับไปมองยังเจ้าซี “เร็วหน่อย ข้ายังมีคนรอข้ากลับไปด้วยความกระวนกระวาย ในเมื่อการฝึกวิชาของพวกเราถูกขัดขวางจากใครสักคนที่นี่” เขาพูดด้วยเสียงเรียบเฉยDC บทที่ 317: ผู้พิทักษ์ตระกูลซี


 


“ข้ามีข้อเสนอสำหรับเจ้า ซูหยาง” เจ้าซีกล่าวด้วยท่าทางจริงจังบนใบหน้า “เข้าร่วมกับตระกูลซีในฐานะผู้พิทักษ์ หากว่าเจ้าตกลง ข้าจักทำเหมือนกับว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นวันนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”


 


“ท-ท่านเจ้า…นั่นค่อนข้างจะ…”


 


ผู้อาวุโสจงมองดูเขาด้วยสายตาประหลาดใจเต็มไปด้วยความสงสัยและลังเล


 


ผู้พิทักษ์ก็เป็นดังที่กล่าว ใครสักคนที่ปกป้องตระกูลยามเมื่อต้องการ ฐานะของผู้พิทักษ์ของตระกูลซีก็เปรียบเหมือนกับผู้บัญชาการกองทัพทั้งหมด และยิ่งไปกว่านั้นในเมื่อพวกเขาเป็นผู้ปกป้องตระกูลอันดับหนึ่งของทวีปแห่งนี้ เมื่อมีตำแหน่งถึงระดับนั้นย่อมนำมาซึ่งชื่อเสียงไม่จบสิ้นต่อคนผู้นั้น


 


เป็นถึงจอมกระบี่ที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปแห่งนี้ แน่นอนว่าผู้อาวุโสจงเองก็ย่อมเป็นผู้พิทักษ์ตระกูลเซียว อย่างไรก็ตามเพียงแค่ความแข็งแกร่งอันลึกล้ำอย่างเดียวย่อมไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นผู้พิทักษ์ตระกูลซีได้ในทันใด ในเมื่อพวกเขาย่อมต้องเป็นคนที่เชื่อถือได้ด้วย


 


ด้วยเหตุนี้จึงเป็นเหตุที่ว่าทำไมผู้อาวุโสจงรู้สึกว่าการตัดสินใจของเจ้าซีที่จะให้ซูหยางเป็นผู้พิทักษ์ตระกูลซีจึงไม่เหมาะสม ในเมื่อเขาไม่ใช่คนที่พวกเขสามารถไว้วางใจได้อย่างเต็มที่ในเวลานั้น อย่าว่าแต่การกระทำของเขาในวันนี้ที่ไม่ไว้หน้าของตระกูลซี ยิ่งไปกว่านั้นยังต่อหน้าเจ้าซีอีกด้วย


 


“โห ข้าจะได้อะไรตอบแทนในการเป็นผู้พิทักษ์” ซูหยางถามแม้ว่าจะมีเจตนาเป็นศูนย์ในการเข้าร่วมตระกูลซีด้วยการเป็นผู้พิทักษ์


 


เจ้าซีดวงตาเป็นประกายและพูดขึ้นว่า “การเป็นผู้พิทักษ์ของตระกูลซีก็เหมือนกับการได้เป็นคนของตระกูล ปกติแล้วการเป็นคนของตระกูลซี ถือเป็นความรับผิดชอบของเราในการจัดหาทรัพยากรสำหรับการฝึกฝนให้เจ้า ยิ่งไปกว่านั้นเรายังจักหาสมบัติวิญญาณระดับปฐพีสูงสุด ส่วนสิ่งอื่นอย่างเช่นชื่อเสียงและตำแหน่งนั้นยิ่งมิต้องไปกล่าวถึง”


 


“อืมมมม..”


 


ซูหยางแกล้งทำเป็นครุ่นคิด ถ้าเขาไม่ได้พบกับชิวเยว่ เช่นนั้นเขาอาจจะครุ่นคิดอย่างหนักในการเข้าร่วมกับตระกูลซีเพื่อวัตถุสำหรับการฝึกฝนวิชา


 


ปกติแล้วนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยย่อมได้ผลลัพธ์ด้วยเช่นกันและอาจจะได้รับศิษย์ใหม่อย่างล้นหลามแม้กระทั่งเขาไม่ได้ทำอะไรก็ตามระหว่างการแข่งระดับภูมิภาค


 


อย่างไรก็ตามด้วยแผนปัจจุบันของเขา นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยก็ถูกผูกไว้ให้เป็นหนึ่งในนั้นถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นนิกายที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในทวีปก็ตามหลังจากการแข่งขันระดับภูมิภาค


 


“ข้ามิต้องการสมบัติวิญญาณระดับปฐพีหรือผลประโยชน์อื่นใด แต่ข้าอาจจะพิจารณาข้อเสนอของท่านถ้าท่านยกลูกสาวท่านให้ข้า” ซูหยางกล่าวด้วยรอยยิ้มอย่างหน้าด้านหลังจากนั้น


 


“เจ้า…”


 


เจ้าซีพยายามอย่างดีที่สุดที่จะไม่ระเบิดความโกรธออกมาเหมือนก่อนหน้านี้ แต่ร่างของเขาก็เห็นชัดว่าสั่นสะท้าน


 


“ท่านเจ้า เพียงแค่ให้คำสั่งพวกเราและพวกเราจะสู้ตายกับเจ้าเลวนี่แม้ว่าพวกเราจะมีโอกาสชนะน้อยมาก”


 


องครักษ์พากันสั่นสะท้านไปด้วยความโกรธ ในเมื่อพวกเขาไม่เคยได้รับการถูกเหยียดหยามเช่นนั้นมาก่อนในชีวิต


 


“เจ้ามั่นใจรึว่าเจ้าต้องการปฏิเสธ ซูหยาง นี่เป็นโอกาสที่จักมิมาอีกครั้ง” เจ้าซีกล่าวโดยไม่สนใจเหล่าองครักษ์


 


“นั่นมิมีปัญหาใดๆทั้งสิ้น” ซูหยางกล่าวขณะที่เขาเริ่มเดินออกไปยังทางออกอีกครั้ง


 


เจ้าซีถอนใจ เมื่อคนหยาบคายอย่างซูหยางอาจยากเข้าสู่ตระกูลซี การพลาดกับความแข็งแกร่งอันลึกล้ำของเขานั้นนับเป็นความสูญเสียอันยิ่งใหญ่สำหรับตระกูลซีโดยรวม


 


ไม่นานนักขณะที่ซูหยางก้าวออกไปนอกห้อง คนนับสิบซึ่งเห็นว่าส่วนใหญ่เป็นองครักษ์ก็พากันวิ่งมาทางเขา


 


“ท่านเจ้า ท่านบาดเจ็บหรือไม่ แรงสั่นสะเทือนเมื่อกี้นี้คืออะไร”


 


องครักษ์ต่างพากันวิ่งเข้ามาภายในห้อง


 


“ใจเย็นๆ ทุกสิ่งเป็น–”


 


“ท่านพ่อ ปราณไร้ลักษณ์เมื่อกี้นั่นคืออะไรกัน”


 


ก่อนที่เจ้าซีจะทันได้พูดจบประโยค สาวสวยที่มีรัศมีสง่างามก็ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังของฝูงชน


 


“นายหญิงน้อย” ผู้อาวุโสจงเกือบจะกุมหน้าผากกับการปรากฏตัวของเธอในทันใด ซึ่งจะต้องทำให้เรื่องซับซ้อนยิ่งขึ้นในอนาคต


 


“พ-พี่ชายเซียว ท่านมาทำอะไรที่นี่”


 


ดังเช่นที่ผู้อาวุโสจงได้คาดคิดไว้อย่างไม่ยากนัก ซีซิงฟางพลันสังเกตเห็นหน้าตาหล่อเหลาของซูหยาง


 


“มาได้สักพักแล้ว” ซูหยางแสดงรอยยิ้มสดใสให้เธอ


 


“ถ้าข้ารู้ว่าท่านมา ข้าต้องมาต้อนรับท่านด้วยตนเองแน่นอน ท่านได้รับของสิ่งนั้นจากผู้อาวุโสจงหรือไม่”


 


ซีซิงฟางเข้าไปหาซูหยางอย่างกระตือรือล้น


 


“…”


 


นอกเหนือจากเสียงอันตื่นเต้นของซีซิงฟาง ทุกคนนอกเหนือจากนั้นล้วนพากันมองดูพวกเขาอย่างเงียบกริบด้วยดวงตาโต


 


“ถ้านี่เป็นท่าทางการแสดงออกแบบคนรู้จักของพวกเขา ข้ามิสามารถที่จะจินตนาการเห็นพวกเขาในฐานะเพื่อน” เจ้าซีร่ำร้องในใจ


 


พวกเขาจะเป็นเพียงแค่คนรู้จักได้อย่างไรเมื่อพวกเขาดูเหมือนใกล้ชิดสนิดสนมกันเช่นนั้น หากเป็นเช่นนี้ต่อไปพวกเขาอาจจะร่วมเตียงกันถ้าพวกเขาเป็นแค่เพื่อน


 


อย่างไรก็ตามแม้ว่าเจ้าซีเกลียดที่จะใช้ลูกสาวของตนเองเพื่อผลประโยชน์ เขาก็ต้องการความแข็งแกร่งอันลึกล้ำของซูหยางมาเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลซีจริงๆ นี่ยังไม่ได้พูดถึงเบื้องหลังอันลึกลับของอีกฝ่าย


 


“ลูกสาวข้า เจ้ามาได้ถูกเวลา ข้าเพิ่งปรึกษากับจอมยุทธท่านนี้เผื่อว่าเขาต้องการเป็นผู้พิทักษ์ตระกูลซี”


 


“ท่านเจ้า” ผู้อาวุโสจงไม่อยากเชื่อหูตาของตนเอง เจ้าซีเพิ่งใช้ลูกสาวตนเองเพื่อหว่านล้อมซูหยางอยู่ใช่ไหม ขณะที่เขากำลังจะฆ่าซูหยางที่กล่าวถึงลูกสางของตนเองเมื่อไม่กี่นาทีก่อน การเปลี่ยนแปลงทัศนคติของเขาช่างล้ำลึกเหลือเกิน


 


แน่นอนว่าในโลกที่ความแข็งแกร่งมาเป็นอันดับแรกในแทบทุกสถานการณ์นี้ เจ้าซีย่อมไม่สนใจที่จะทำหน้าด้านสักหน่อยตราบเท่าที่ตระกูลซีของเขาได้จอมยุทธคนอื่นมาเพิ่ม


 


“จริงรึ พี่ชายเซียว ท่านจะมาเป็นผู้พิทักษ์ของตระกูลเราหรือ” เธอมองดูเขาด้วยดวงตาร้องขอ


 


ภายใต้สถานการณ์ปกติ ใครก็ตามที่เผชิญกับคำอ้อนวอนของเธอย่อมต้องพยักหน้าโดยไม่ลังเลหรือครุ่นคิด แต่เธอโชคร้าย ซูหยางเป็นชายที่เผชิญพบกับผู้หญิงนับไม่ถ้วนใต้เข็มขัดของเขาจึงเฉยเมยกระทั่งภายใต้รูปลักษณ์ที่ไม่อาจต้านทานได้ของเธอ


 


“ข้าต้องขออภัย แต่ข้าได้ปฏิเสธข้อเสนอไปแล้ว” ซูหยางกล่าวด้วยรอยยิ้มขอโทษ


 


ท่าทางดีใจของซีซิงฟางเปลี่ยนเป็นเศร้าเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดของเขา อย่างไรก็ตามเธอไม่ได้กดดันเขาและกล่าวว่า “ข้ามั่นใจว่าท่านต้องมีเหตุผล ดังนั้นข้าจักมิถาม แต่ในเมื่อท่านมาที่นี่ ทำไมเรามินั่งดื่มชาสักถ้วยล่ะ ข้ามีบางสิ่งที่ต้องการพูดกับท่าน ข้ามิต้องการคำว่าไม่เป็นคำตอบในครั้งนี้”


 


ซูหยางพยักหน้า “ธุระของข้าที่นี่ได้เสร็จสิ้นแล้ว ดังนั้นข้าจักรับข้อเสนอนี้” เขาสนอง


 


“เยี่ยม เช่นนั้นโปรดตามข้ามา”


 


“ด-เดี๋ยว” เจ้าซีรีบหยุดพวกเขาในทันใด


 


“มีอะไรรึ ท่านพ่อ พี่ชายเซียวเป็นแขกคนสำคัญของข้าแล้วตอนนี้” เธอหันตัวกลับมาถามพร้อมขมวดคิ้ว หวังว่าเขาจะไม่ทำเรื่องยุ่งยากให้กับพวกเธอ


 


“พวกเจ้าทั้งสองจะไปไหนกัน” เขาถาม


 


“แน่นอนว่าห้องข้า” ซีซิงฟางตอบโดยไม่ลังเล


 


เจ้าซีขมวดคิ้วและพูดว่า “เพียงแค่พวกเจ้าสองคนนะรึ ฮึ่ม นอกจากว่าผู้อาวุโสจงจะไปกับเจ้าด้วยก็อย่าได้คิดเรื่องนั้นอีก”


 


ซีซิงฟางหันไปมองดูผู้อาวุโสจง ซึ่งจ้องมองกลับมาด้วยรอยยิ้มว่าช่วยไม่ได้บนใบหน้า


 


“ตกลง” เธอตอบตกลงในทันทีDC บทที่ 318: ดูร่างข้าสิ


 


“ท่านเจ้า จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเจ้าเลวนั่นทำอะไรที่ไม่เหมาะสมกับนายหญิงน้อย เราคงมิสามารถปกป้องเธอได้ถ้ามีสิ่งผิดพลาดเกิดขึ้น…”


 


บรรดาองครักษ์มีท่าทางกังวลกับเหตุการณ์ รู้สึกเหมือนกับว่าซีซิงฟางถูกโยนเข้าไปในดงสิงโตในฐานะกระต่าย


 


“พวกเจ้ามิต้องกังวล เขามิแตะต้องเธอแน่” เจ้าซีกล่าวด้วยเสียงชัดเจน


 


องครักษ์จ้องมองเขาด้วยท่าทางหวาดหวั่น ทำไมเขาจึงถึงมั่นใจเกี่ยวกับเรื่องนี้


 


“ชายคนนั้น… เขาสามารถจ้องมองลูกสาวข้าได้อย่างเต็มตาโดยปราศจากอารมณ์ใดได้อย่างแท้จริง ราวกับว่าเขาเพียงมองดูผู้หญิงดาษดื่นทั่วไป… ข้ามิเคยพบชายอื่นนอกจากข้าที่สามารถมองดูเธอด้วยดวงตาผุดผ่องปานนั้น…”


 


ซีซิงฟางสามารถถือได้ว่าเป็นหนึ่งในบรรดาหญิงสาวที่สวยที่สุดในทวีปตะวันออก ดังนั้นทุกผู้คนมักจ้องมองเธอหากไม่ใช่สายตาหื่นกระหายก็เป็นความคิดเพ้อฝัน ดังนั้นจึงเป็นเหตุที่ทำไมเธอจึงสวมผ้าแพรปิดบังใบหน้าเมื่อเธอออกไปพ้นจากอาคารนี้


 


กล่าวไปแล้ว ซูหยางได้เห็นหญิงสาวสวยมาคณานับในชีวิตของเขา และในสายตาของเขาแล้วหน้าตาของซีซิงฟางก็ไม่ใช่อะไรที่ต้องหวั่นไหวเช่นเดียวกับที่เธอทำให้คนอื่นรู้สึก


 


องครักษ์เงียบไปหลังจากที่เจ้าซีอธิบาย พวกเขาล้วนรู้ว่ายากแค่ไหนที่จะมองดูซีซิงฟางด้วยความคิดผ่องใส ในเมื่อไม่มีพวกเขาสักคนที่ประสบความสำเร็จมาจนถึงวันนี้ถึงแม้ว่าจะเห็นเธอมานับครั้งไม่ถ้วนจากช่วงเวลาหลายปีนี้


 


“และถึงแม้ว่าเขาต้องการทำอะไรสนุกกับลูกสาวข้า เธอก็มิใช่คนที่อ่อนด้อยไปกว่าข้าในบางสถานการณ์” เจ้าซูพูด “ไม่ว่าอย่างไรร่างสวรรค์ของเธอก็มิใช่มีไว้เพื่อแสดง”


 


แม้ว่าซีซิงฟางจะยังไม่ใกล้เคียงกับระดับของเขาในด้านการฝึกวิชา แต่พลังความแข็งแกร่งของเธอได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญนับตั้งแต่ครึ่งปีที่ผ่านมานี้เมื่อเธอกลับมาจากการผจญภัย แต่ในเมื่อซีซิงฟางไม่ได้อธิบายเหตุผลเบื้องหลังความก้าวหน้าอย่างฉับพลันให้กับเจ้าซี เขาได้แต่คิดสงสัยไปต่างๆนาๆ


 


“ใช่แล้วนับตั้งแต่นายหญิงน้อยกระตุ้นร่างร้อยพิษมิกรายของเธอ กระทั่งจอมยุทธเขตอัมพรวิญญาณก็จักล้มลงภายใต้อำนาจนั้น”


 


องครักษ์ต่างพากันตระหนัก


 


ในเวลานั้นภายในห้องส่วนตัวของซีซิงฟาง ซูหยางจิบชาที่ชงโดยซีซิงฟางอย่างใจเย็น


 


“ท่านคิดว่าชาข้าเป็นอย่างไรบ้าง พี่ชายเซียว” ซีซิงฟางถามเขาขณะที่เธอนั่งข้างกายเขา


 


“เจ้าควรเพียงเรียกข้าว่าซูหยาง เซียวหยางเป็นเพียงชื่อปลอมสำหรับตอนที่ข้าเดินทาง และเจ้ามิจำเป็นต้องมากมารยาท” ซูหยางกล่าวกับเธอ


 


“ส่วนสำหรับชานี้… เจ้าผลิตมันขึ้นมาเองรึ” เขาพลันถามเธอ


 


“ช-ใช่แล้ว…”


 


แม้ว่าเธอค่อนข้างประหลาดใจอยู่บ้างกับข้อมูลใหม่นี้ เธอยังคงรู้สึกดีใจที่เขาตัดสินใจเปิดเผยให้เธอรู้ถึงตัวตนที่แท้จริง นั่นหมายถึงว่าเขาเชื่อถือเธอ


 


“สมุนไพรที่ใช้สร้างเป็นชานี้ข้าก็ปลูกมันขึ้นมาเอง ถ้าท่านอยากเห็นมัน ข้าสามารถพาท่านไปยังสวนของข้าหลังจากนี้”


 


“ถ้าเจ้าพูดถึงสวนที่อยู่หลังอาคารนี้ เช่นนั้นข้าก็ได้เห็นมันแล้ว” ซูหยางกล่าวซึ่งเขาได้ตรวจสอบสถานที่นี้ด้วยสัมผัสวิญญาณทันทีที่เขามาถึงแล้ว


 


“…?”


 


ผู้อาวุโสจง ซึ่งยืนอยู่ข้างประตูเหมือนกับคนรับใช้มองดูซูหยางด้วยคิ้วขมวดมุ่น เท่าที่เขารู้ ซูหยางอยู่ข้างกายเขามาก่อนหน้าที่พวกเขาจะได้ก้าวเข้ามาในที่แห่งนี้ ดังนั้นทำไมเขาจึงรู้เกี่ยวกับสวนของซีซิงฟางอย่าว่าแต่ได้เห็นมัน


 


ซีซิงฟางพยักหน้า “อย่าไรก็ตามข้าหวังว่าพ่อของข้ามิได้สร้างปัญหาให้ท่านเมื่อกี้นี้” เธอกล่าวหลังจากนั้น


 


“อะไรที่ทำให้เจ้าคาดคิดว่าเขาสร้างปัญหาให้กับข้า” ซูหยางถามด้วยรอยยิ้ม


 


ซีซิงฟางหัวเราะหึและกล่าวว่า “เพราะว่าเขาเป็นคนดื้อดึงมาก และเมื่อเขาต้องการให้ท่านเป็นผู้พิทักษ์ให้กับตระกูลซีของเรา ข้าก็ได้นึกออกมาเช่นนั้น”


 


“เอ้อ แม้ว่านั่นมิเท่าไหร่นัก ข้าก็เกือบหัวหลุดในห้องนั้น” ซูหยางก็ยังเริ่มหัวเราะ


 


“อะไรนะ” ซีซิงฟางตื่นตระหนกกับคำของเขา


 


“เจ้าพูดเรื่องไร้สาระอะไรกัน” ผู้อาวุโสจงแค่นเสียงเย็นชา “นั่นเป็นสิ่งที่เจ้าหาเข้าตัวเอง”


 


“ผู้อาวุโสจง ทำไมท่านพูดเช่นนั้น อย่ากังวล ซูหยาง ข้าจักพูดกับพ่ออย่างแน่นอนหลังจากนี้” ซีซิงฟางกล่าวกับเขา


 


แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าเขาทำอะไรจึงเป็นเหตุให้เกิดสถานการณ์เช่นนั้น เธอก็อดไม่ได้ที่จะอยู่ข้างซูหยางในเมื่อเขาเป็นผู้มีบุญคุญของเธอ


 


“ข้ามิถือ” ซูหยางกล่าว “ว่าไปแล้วก็ดังที่ผู้อาวุโสจงกล่าว นั่นเป็นความผิดของข้าเอง”


 


“อย่างไรก็ตาม ข้ามั่นใจว่าเจ้ามิได้พาข้ามาที่นี่เพียงเพื่อดื่มชา ใช่ไหม” เขามองดูซีซิงฟาง ซึ่งดูเหมือนกับว่าเธอเป็นเด็กเล็กที่มีข่าวน่าตื่นเต้นต้องการบอกเล่า


 


หลังจากเงียบไปชั่วขณะ ซีซิงฟางยกมือของเธอขึ้นและกล่าวว่า “โปรดมองดูร่างข้าสิ”


 


“…”


 


ผู้อาวุโสจงลืมตากว้างด้วยความตระหนก และเขารีบแทรกอย่างรวดเร็ว “ท่านพูดอะไรนายหญิงน้อย”


 


อย่างไรก็ตาม ซีซิงฟางแสดงสีหน้าสับสนและถามว่า “มีอะไรผิดไปหรือผู้อาวุโสจง”


 


“ท-ท-ท่าน… ทำไมท่านจึงขอร้องสิ่งที่ไม่เหมาะสมจากคนที่เพิ่งรู้จักได้อย่างไร”


 


ผู้อาวุโสจงกล่าว สร้างความสงสัยให้กับเธอ


 


ซีซิงฟางขมวดคิ้ว “ไม่เหมาะสมรึ มีอะไรที่ไม่เหมาะสมเกี่ยวกับการที่ข้า…”


 


อย่างไรก็ตามเธอชะงักถ้อยคำเพียงแค่ครึ่งประโยคหลังจากที่ตระหนักว่าเธอได้พูดอะไรไปก่อนหน้านี้ และหน้าแดงขึ้นอย่างรวดเร็ว


 


“ข-ข-ข้ามิได้หมายความแบบนั้น ข้าเพียงต้องการให้เขาดูร่างสวรรค์ของข้า” เธอรีบอธิบายตัวเอง แต่อนิจจานั่นเพียงยิ่งทำให้ผู้อาวุโสจงเข้าใจผิดไปมากกว่าเดิม


 


“ท่านต้องการให้เขาดูร่างสวรรค์ของเจ้า”


 


แน่นอนว่าผู้อาวุโสจงได้ลืมไปว่าซูหยางมีความสามารถที่จะดูร่างสวรรค์ของซีซิงฟางโดยไม่จำเป็นต้องให้เธอเปลือยร่าง


 


“ผู้อาวุโสจง ถ้าท่านมิหุบปาก ข้าจักโยนท่านออกไปจากห้องของข้า” ซีซิงฟางตะโกน ใบหน้าเธอรุ่มร้อนแดงก่ำ


 


“นอกจากว่าท่านฆ่าชายชราคนนี้ อย่าแม้จะคิดในเรื่องที่จะบีบข้าจากไป”


 


ซูหยางส่ายหน้าและกล่าวกับซีซิงฟางว่า “ส่งมือเจ้ามาให้ข้า”


 


ซีซิงฟางสูดลมหายใจลึกและยื่นมือเรียบของเธอให้กับเขา


 


ซูหยางเลิกสนใจผู้อาวุโสจง ซึ่งจ้องมองเขาเขม็งข่มขู่ฆ่าถ้าเขาเล่นตุกติกอะไร และจับมืองามของซีซิงฟาง


 


เขาไม่เสียเวลาอีกต่อไปทำการตรวจสอบร่างของเธอด้วยปราณไร้ลักษณ์ของเขา


 


“อืมม” ซูหยางเลิกคิ้วหลังจากนั้นชั่วขณะ ดูเหมือนว่าสับสนกับบางสิ่ง


 


“ม-มีอะไรผิดไปหรือ” ซีซิงฟางถามด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลหลังจากที่เห็นท่าทางของเขาDC บทที่ 319: ถูกพิษ


 


หลังจากที่ตรวจสอบเงื่อนไขของซีซิงฟางไปสองสามนาที สุดท้ายซูหยางก็รู้ว่าอะไรที่กวนใจเขาอยู่


 


“เจ้า.. เจ้าได้ทำตามคัมภีร์ยุทธถูกต้องทุกอย่างหรือไม่” เขาถามเธอพร้อมกับขมวดคิ้ว จนทำให้เกิดความรู้สึกลางร้ายปรากฏขึั้นในห้อง


 


“ข-ข้าทำ…” ซีซิงฟางพยักหน้าอย่างแข็งกระด้าง


 


“มีอะไรผิดพลาดกับร่างสวรรค์ของข้าหรือไม่” เธออดไม่ได้แต่รู้สึกกังวลหลังจากที่เห็นเขาขมวดคิ้ว อย่างไรก็ตามเธอมั่นใจว่าเธอได้ฝึกฝนร่างร้อยพิษมิกรายของเธอเข้าสู่ร่างระดับเซียนร่างพันพิษมิกรายไปเรียบร้อยแล้ว


 


“เพื่อที่จะฝึกร่างร้อยพิษมิกรายไปเป็นร่างพันพิษมิกราย เจ้าได้อาบพิษที่แตกต่างกันกว่าพันชนิดตามลำดับเฉพาะ ข้าสามารถเห็นได้ว่าเจ้าได้รับร่างพันพิษมิกรายแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม… เจ้าโดนพิษระหว่างขั้นตอนไปเสียแล้ว”


 


“อะไรกัน” ซีซิงฟางมีท่าทางตระหนกเมื่อได้ยินว่าตัวเธอตอนนี้ติดพิษ


 


“ท-ท่านมั่นใจเรื่องนี้รึ” เธอถาม รู้สึกสงสัย


 


แม้ว่าเธอต้องการเชื่อวาจาเขา แต่นั่นก็เป็นการยากมากที่จะเชื่อว่าร่างของเธอนั้นถูกพิษเมื่อเธอมีร่างกายที่ต้านทานพิษ ยิ่งไปกว่านั้นเธอไม่รู้สึกเจ็บป่วยหรืออะไรทั้งสิ้นที่จะแสดงให้เห็นว่าร่างของเธอถูกพิษ


 


“พิษชนิดนี้เป็นพิษพิเศษที่ไม่เหมือนพิษอื่น จริงแล้วบางคนไม่แม้จะถือว่ามันเป็นพิษชนิดหนึ่งแต่เป็นอย่างอื่นไป ซึ่งนี่เป็นไปไม่ได้ถ้าเจ้าทำตามคัมภีร์ยุทธอย่างถูกต้อง ลองนึกถึงการฝึกฝนของเจ้า ประเภทและปริมาณของพิษที่เจ้าอาบต้องเป็นไปตามวิชาอย่างถูกต้อง”


 


“จ-เจ้าพูดถึงอะไรกัน ร่างพันพิษมิกราย ถูกพิษ” ผู้อาวุโสจงขัดพวกเขาด้วยสีหน้าสงสัย แต่อนิจจาเขาถูกอีกฝ่ายละเลยอย่างสิ้นเชิง


 


ซีซิงฟางหลับตาลงครุ่นคิด ไม่นานหลังจากนั้นเธอก็กล่าวว่า “ใช่แล้ว เพราะว่าข้ามิเคยได้ยินพิษที่ต้องการบางอย่าง ข้าจึงทดแทนมันด้วยพิษอย่างอื่นที่มีผลเหมือนกัน เช่นการใช้สมุนไพรเศียรมังกรฟ้าแทนดอกเศียรมังกรม่วง หรือว่านั่นเป็นสาเหตุ”


 


“…”


 


เมื่อซูหยางได้ยินคำของเธอ เขาก็เกือบยกมือกุมหน้าผาก “ข้าได้มองข้ามความจริงที่ว่าพิษบางอย่างที่เธอต้องการในการฝึกมิอาจจะปรากฏขึ้นในโลกเยาว์วัยนี้ที่ซึ่งมีอายุเพียงสองพันปี ในเมื่อพวกมันต้องใช้เวลานับหมื่นปีในการเติบโต…” เขาถอนใจ


 


“ข้าขอโทษ ข้าควรจะรู้ดีกว่านี้” เขาส่ายหน้า “ทั้งหมดนี้เนื่องมาจากความประมาทของข้า ข้ามิควรให้วิชานั้นแก่เจ้าตั้งแต่แรก..”


 


ซูหยางมีเจตนาที่จะช่วยเหลือเธอด้วยวิชาระดับเซียนด้วยใจบริสุทธิ์ แต่อนิจจาเจตนาเช่นนั้นกลับเป็นต้นเหตุทำร้ายเธอ


 


“ม-ไม่จริง” ซีซิงฟางกล่าวอย่างรวดเร็ว “นี่มิใช่ความผิดของท่าน ข้ามิควรจะทำการอย่างบุ่มบ่ามเช่นนั้น ถ้าข้าได้ทำตามคัมภีร์ยุทธอย่างถูกต้อง นี่ก็มิควรจะเกิดขึ้น…”


 


“อย่างไรก็ตาม จักเกิดอะไรขึ้นกับข้าตอนนี้หรือไม่ เหตุใดข้าจึงยังรู้สึกสบายดีถึงที่สุด” เธอพลันถาม


 


“พิษในร่างของเจ้ายังเพิ่งปรากฏขึ้น ดังนั้นเจ้าจึงมิประสบกับอาการของมันไปอีกสองสามเดือน อย่างไรก็ตามครั้นเมื่อพิษเริ่มแสดงผล มันจักกัดกร่อนร่างกายของเจ้าอย่างช้าๆจากภายใน…จนกระทั่งร่างของเจ้าทั้งหมดสูญหายไปจากโลกนี้ ถ้าเจ้าปล่อยให้พิษคงอยู่ในร่าง เจ้าจักหายจากโลกนี้ไปภายในห้าปี”


 


“ม..ไม่จริง…”


 


ความสิ้นหวังลึกล้ำที่เธอไม่เคยประสบมาก่อนเติมใจซีซิงฟางจนเต็มอย่างรวดเร็ว ท่าทางของเธอเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น


 


“เจ้าพ่นวาจาเน่าเหม็นอะไรใส่นายหญิงน้อย เธอจะถูกพิษได้อย่างไรในเมื่อเธอมีร่างร้อยพิษมิกรายที่ต้านทานต่อพิษร้ายทั้งมวลในโลกนี้ เห็นชัดว่าเจ้าเพียงแค่ต้องการที่จะทำให้เธอกลัว”


 


แม้ว่าเขาไม่รู้สถานการณ์นี้ ผู้อาวุโสจงก็ยังตะโกนใส่ซูหยางที่เป็นต้นเหตุให้ซีซิงฟางมีปฏิกิริยาเช่นนั้น


 


“ผู้อาวุโสจง โปรดเงียบชั่วขณะ” ซีซิงฟางมองดูเขาด้วยท่าทางตึงเครียด


 


เธอหันกลับไปหาซูหยางและกล่าวว่า “มี…มีวิธีที่จะรักษาพิษชนิดนี้ในร่างข้าหรือไม่”


 


ซูหยางไม่ได้ตอบเธอในทันใดชั่วขณะก่อนที่จะกล่าวขึ้น “มี มีวิธีหนึ่งที่รักษาเจ้าได้ มันเป็นเรื่องง่ายเช่นเดียวกับการอาบร่างเจ้าในพิษบางอย่าง เช่นเดียวกับการที่เจ้าฝึกร่างพันพิษมิกราย อย่างไรก็ตาม สมุนไพรที่ต้องการเหล่านั้นมีอยู่ในโลกนี้หรือไม่นี่ยังเป็นปัญหา”


 


“ขอกระดาษและบางอย่างสำหรับเขียนให้ข้า” เขาพลันกล่าว


 


ซีซิงฟางไม่กล้าที่จะอืดอาด หยิบกระดาษและหมึกโดยเร็วพลัน


 


ครั้นเมื่อเขาพร้อมเขียนแล้ว ซูหยางก็บันทึกรายชื่อบางอย่างบนแผ่นกระดาษและยื่นส่งให้กับซีซิงฟาง “เจ้าสามารถหาสิ่งเหล่านี้มาได้หรือไม่”


 


ซีซิงฟางมองดูกระดาษ


 


ไม่นานหลังจากนั้นเธอก็ขมวดคิ้ว


 


“สมุนไพรแปดในเก้าชนิดนี้มีอยู่ แม้ว่าจะหายากมากและแพงมาก แต่อย่างไรก็ตามสำหรับขิงเลือดปีศาจนี้… ข้ามิเคยได้ยินสมุนไพรพิษชนิดนี้มาก่อน” ซีซิงฟาง ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในผู้ที่มีความรู้ประสบการณ์มากที่สุดในด้านพิษในทวีปแห่งนี้ กล่าว


 


“นี่ยุ่งยากอยู่บ้าง…” ซูหยางครุ่นคิดอีกครั้ง


 


หลังจากนั้นชั่วขณะ เขาก็กล่าวว่า “เราสามารถหารือเกี่ยวกับขิงเลือดปีศาจหลังจากที่เราได้สมุนไพรทั้งแปดมาแล้ว”


 


ซีซิงฟางพยักหน้าด้วยความรู้สึกเป็นกังวล “ข้าจักพูดกับพ่อข้าเกี่ยวกับเรื่องนี้…”


 


“เจ้าสามารถอธิบายให้ข้าฟังเกี่ยวกับสถานการณ์นี้ได้หรือยัง” ผู้อาวุโสจงสุดท้ายก็พูดขึ้น “เกิดอะไรขึ้น นายหญิงน้อยถูกพิษจริงรึ มันเกิดขึ้นได้อย่างไร”


 


แม้ว่าเขาเข้าใจบางอย่างจากการสนทนาของพวกเขา แต่ก็ไม่เพียงพอสำหรับเขาที่จะเข้าใจทั้งหมด


 


ซีซิงฟางหันไปมองซูหยาง


 


“มิมีความจำเป็นที่จะต้องเก็บไว้เป็นความลับในตอนนี้” ซูหยางกล่าว


 


ซีซิงฟางพยักหน้าและเริ่มอธิบายสถานการณ์ให้กับผู้อาวุโสจง


 


“ก่อนที่ซูหยางจะออกไปจากรถม้าในวันนั้น เขาได้มอบคัมภีร์ยุทธระดับเซียนให้กับข้า วิชาที่ยอมให้ข้าสามารถฝึกร่างร้อยพิษมิกรายไปอีกระดับ..”


 


“อะไรนะ” ผู้อาวุโสจงตะโกนลั่น รู้สึกตระหนกถึงที่สุด


 


คัมภีร์ยุทธระดับเซียนเป็นอะไรที่กระทั่งสำนักกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ยังเข่นฆ่าแก่งแย่งกัน ยิ่งนี่เป็นถึงวิชาที่สามารถฝึกร่างสวรรค์ด้วย


 


“ข้าฝึกวิชาอย่างลับๆในปีหลังๆโดยการอาบร่างข้าด้วยพิษที่แตกต่างกันนับพันชนิด และข้าได้ประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนร่างร้อยพิษมิกรายของข้าไปเป็นร่างพันพิษมิกรายที่เหนือกว่าไม่นานมานี้”


 


หลังจากชะงักไปเล็กน้อยเธอก็กล่าวต่อว่า “แต่อนิจจาแม้ว่าข้าได้รับร่างพันพิษมิกราย เพราะว่าข้าฝึกอย่างไม่ถูกต้อง ตอนนี้ข้าถูกพิษ… และถ้าไม่รักษา ข้าจักตายภายในห้าปี…”


 


“ป-เป็นไปไม่ได้…” ผู้อาวุโสจงล้มลงคุกเข่าเมื่อเขาได้ยินคำพูดสุดท้ายของซีซิงฟาง เจ้าซีจะมีปฏิกิริยาอย่างไรต่อข่าวนี้


 


“เจ้าชั่ว เจ้ามีเจตนาให้วิชาระดับเซียนแก่เธอทั้งที่รู้อยู่ว่าจะเกิดอย่างนี้ขึ้นรึ” ผู้อาวุโสจงเริ่มกล่าวโทษซูหยางกับสถานการณ์นี้ สายตาของเขาเปล่งจิตสังหารออกมา


 


เมื่อซีซิงฟางสังเกตเห็นผู้อาวุโสจงจับกระบี่ เธอก็พลันกระโดดมาหน้าซูหยางและตะโกนว่า “ท่านจะทำอะไร ผู้อาวุโสจง ถ้าเขาต้องการทำร้ายข้าจริง เขาก็ควรจะเงียบไว้เกี่ยวกับพิษและปล่อยให้ข้าตายโดยไม่แม้จะได้รู้ความจริง”


 


ผู้อาวุโสจงพลันชะงักค้างด้วยท่าทางสับสน


 


ถ้าซูหยางต้องการทำร้ายซีซิงฟางจริงๆ ทำไมเขาจึงต้องยอมให้เธอรู้เกี่ยวกับพิษในร่างเธอ กระทั่งเปิดเผยถึงวิธีที่จะรักษามัน ซึ่งนั่นตรงกันข้ามกับเจตนาร้ายเช่นนั้นอย่างแท้จริง


 


หลังจากที่คิดหักล้างในใจอยู่ชั่วขณะ ผู้อาวุโสจงก็ปล่อยมือจากกระบี่และกล่าวว่า “เราไปหาพ่อของท่านตอนนี้เลย”DC บทที่ 320: เลือดไม่กี่หยด


 


ไม่นานหลังจากนั้นครั้นเมื่อผู้อาวุโสจงเข้าใจสถานการณ์ได้เต็มที่แล้ว เขาก็พลันพาพวกเขาไปพบกับเจ้าซี


 


“พวกเจ้ากลับมาแล้วรึ” เจ้าซีไม่คิดว่าจะเห็นพวกเขาเร็วปานนี้


 


“นายท่าน มี…มีปัญหาขอรับ…” ผู้อาวุโสจงไม่รู้ว่าควรจะอธิบายสถานการณ์ให้แก่เจ้าซีโดยไม่ทำให้อีกฝ่ายโกรธอย่างไร ในเมื่อแน่นอนว่าอีกฝ่ายต้องแทบบ้าครั้นเมื่อเขารู้ถึงสถานการณ์ของซีซิงฟาง


 


“มีปัญหาอะไรรึ พูดมา” เจ้าซีขมวดคิ้ว รู้สึกถึงลางร้ายจากผู้อาวุโสจง


 


“ผู้อาวุโสจง ข้าจักเป็นคนพูดเอง”


 


ซีซิงฟางก้าวออกมาข้างหน้าและพูดว่า “ท่านพ่อ บอกท่านตามจริง ข้าได้ฝึกร่างสวรรค์ของข้านับตั้งแต่กลับมา และข้าสามารถเปลี่ยนร่างร้อยพิษมิกรายของข้าไปเป็นร่างพันพิษมิกราย”


 


“อะไรนะ นั่นเป็นจริงรึ ลูกสาวข้า” เจ้าซีพลันลุกขึ้นยืนจากที่นั่ง ความสุขปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาซึ่งเป็นสิ่งที่ยากจะได้เห็น


 


ซีซิงฟางพยักหน้า แต่บนใบหน้าของเธอมีความตึงเครียด ไม่มีความรู้สึกภูมิใจในความสำเร็จของตนเอง


 


“มิน่าที่ทำไมการฝึกฝนวิชาของเจ้าจึงพัฒนาไปมากมายเพียงนั้นในช่วงระยะเวลาสั้นๆ” เจ้าซีอยู่ในสภาพที่เกือบจะเต้นรำเพราะความดีใจ “นี่เป็นสิ่งที่มีค่าควรแก่การเฉลิมฉลอง ข้าจัก–”


 


“ท่านพ่อ ข้ายังพูดไม่จบ” ซีซิงฟางรีบยับยั้งพร้อมขมวดคิ้ว


 


“แม้ว่าข้าได้รับร่างพันพิษมิกราย แต่เพราะความประมาทของข้าระหว่างการฝึกวิชา ข้าได้ทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายตนเอง ถ้ามิรักษาข้าจักสิ้นชีพภายในห้าปี”


 


ท้ายที่สุดเมื่อซีซิงฟางได้เปิดเผยสถานการณ์ที่แท้จริงในปัจจุบัน ทั้งร่างและสีหน้าของเจ้าซีพลันชะงักค้าง ราวกับว่าตัวเขาพลันเปลี่ยนไปเป็นรูปปั้นศิลา


 


“จ-จ-เจ้าพูดว่า….”


 


เจ้าซีเกือบล้มลงคุกเข่าจากความตระหนก


 


“ร่างข้าตอนนี้ถูกพิษ” เธอพูดต่อ


 


“นั่นเป็นไปได้อย่างไร ร่างของเจ้าควรจะต้านทานพิษทั้งมวล” เจ้าซีพลันกล่าวอย่างรวดเร็ว


 


“นั่น…ข้ามิอาจจะอธิบายได้…” เธอส่ายหน้า


 


“นี่มัน.. นี่มันกระทันหันเกินไป นานเท่าไหร่แล้วที่เจ้ารู้เรื่องนี้ ทำไมเจ้าจึงถึงมาบอกข้าในตอนนี้” เจ้าซีกลับกลายเป็นโกรธ


 


ซีซิงฟางถอนใจและกล่าวว่า “ข้ารู้เรื่องนี้ไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้เช่นกัน ถ้ามิใช่เขาข้าคงอยู่ต่อไปโดยมิรู้เรื่องราวอะไรเลย”


 


เมื่อเจ้าซีสังเกตเห็นซีซิงฟางชี้ไปที่ซูหยาง ความโกรธของเขาก็ปะทุขึ้น


 


“ซูหยาง หวังว่านี่ไม่ใช่เป็นการเสแสร้งของเจ้าอีกครั้ง” เขาคำราม


 


“ท่านพ่อ มิมีเหตุผลสำหรับเขาที่จะต้องโกหก ในเมื่อซูหยางเป็นคนที่ให้คัมภีร์ระดับเซียนแก่ข้าเพื่อฝึกฝนร่างสวรรค์”


 


“อะไรนะ เขาให้คัมภีร์ระดับเซียนแก่เจ้างั้นรึ” เจ้าซีแตกตื่นถึงที่สุด คัมภีร์ระดับเซียนเป็นอะไรที่กระทั่งตระกูลซีของเขาก็ต้องฆ่าฟันเพื่อให้ได้มา สุดท้ายเขาจึงเข้าใจว่าทำไมซีซิงฟางจึงมีท่าทีแบบที่เธอเป็นก่อนหน้านั้นยามเมื่ออยู่ใกล้กับซูหยาง


 


ซูหยางยังคงเยือกเย็นและพูดด้วยเสียงชัดเจนว่า “ข้าสามารถรู้สึกถึงความสงสัยของพวกเจ้าทั้งหมด”


 


เขาพลันหันไปมองดูซีซิงฟางและกล่าวว่า “รวมถึงเจ้าด้วย”


 


“…” ซีซิงฟางอ้าปากแต่ไม่สามารถเปล่งเสียงอะไรออกมา


 


“ยื่นมือเจ้ามาให้ข้า” เขาพลันกล่าว


 


ซีซิงฟางไม่ถามอะไรเพียงยื่นมือให้กับซูหยาง


 


“ข้ากำลังจะเปิดปากแผลบนนิ้วของเจ้า เพียงเลือดไม่กี่หยดก็เพียงพอ” ซูหยางกล่าวขณะที่เขานำกระบี่ออกมา


 


“เจ้าคิดว่ากำลังจะทำอะไรกับนายหญิงน้อย”


 


“เจ้าชั่ว ถ้าเจ้ากล้าทำร้ายลูกสาวข้า ข้าจักฆ่าเจ้าแน่”


 


ไม่เพียงแต่ผู้อาวุโสจงแต่เจ้าซีก็ยังตื่นตัวกับการกระทำของเขา


 


“ข้ามิเป็นไร” ซีซิงฟางกล่าวอย่างรวดเร็ว “เชื่อถือเขาบ้างสิ”


 


ซีซิงฟางหันไปจ้องตรงเข้าไปในดวงตาของซูหยางและพยักหน้า “ข้าเชื่อท่าน”


 


ซูหยางไม่ได้พูดอะไรเพียงเฉือนเป็นรอยเล็กๆบนนิ้วของซีซิงฟาง ทำให้เลือดของเธอหยดลงพื้นสองสามหยด


 


ทันทีที่เลือดของซีซิงฟางสัมผัสพื้น ก็ได้ยินเสียงซู่ ราวกับว่าใครสักคนกำลังปรุงอาหารในห้องนี้


 


เมื่อเลือดสัมผัสพื้นแกร่ง มันก็เริ่มกัดกระเบื้องปูพื้นทันที ราวกับว่าเลือดของซีซิงฟางกลายเป็นกรด


 


“พ-พื้น มันกำลังหลอมละลาย” ผู้อาวุโสจงชี้ไปยังพื้นด้วยแขนที่สั่นระริกทั้งแขน


 


“สวรรค์” เจ้าซีเกือบจะไม่เชื่อสายตาตนเอง และซีซิงฟางเองก็เกือบล้มก้นจ้ำเบ้าจากความตกใจ


 


“น-น-นี่เป็นเพราะเลือดข้ารึ…” ซีซิงฟางปิดปากด้วยมืออีกข้าง


 


“ถ้ามิใช่เพราะว่าร่างพันพิษมิกรายของเจ้า ร่างของเจ้าคงมิสามารถต้านทานพิษนี้ได้แม้จะแค่เพียงนาทีเดียว”


 


หลังจากที่ทั้งห้องเงียบไปเนิ่นนานเนื่องมาจากความตระหนก เจ้าซีก็พูดด้วยแหบพร่า “แก้พิษ… เราต้องการหายาแก้พิษเดี๋ยวนี้”


 


“ผู้อาวุโสจง ข้าต้องการหมอที่ดีที่สุดทั้งหมดในทวีปนี้มาที่นี่เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เราต้องการที่จะหาวิธีที่จะรักษาลูกสาวข้าก่อนที่จะ…บัดซบ” เจ้าซีเริ่มอยู่ไม่เป็นสุข


 


“ท่านพ่อ ใจเย็น ซูหยางได้หาวิธีที่จะรักษาพิษในร่างข้าแล้ว” ซีซิงฟางกล่าวอย่างรวดเร็ว


 


“นั่นเป็นความจริงรึ” เจ้าซีไม่มีกลิ่นอายของผู้ครองเมืองอีกต่อไป เขาตรงเข้าไปหาซูหยางด้วยท่าทางของบิดาที่เป็นห่วงไย “บอกข้ามา เราจะรักษาลูกสาวข้าได้อย่างไร ข้าจักให้เจ้าทุกสิ่งถ้าเจ้ารักษาเธอ”


 


“ข้าได้เขียนรายการสิ่งของที่เราต้องการรักษาพิษของเธอไว้แล้ว หามันมาก่อนจากนั้นเราจึงจะดำเนินการขั้นต่อไป” ซูหยางกล่าว


 


ซีซิงฟางนำเอากระดาษแผ่นหนึ่งออกมาและแสดงให้กับเจ้าซีซึ่งเกือบหายใจไม่ออกเมื่อเห็นสมุนไพรหายากจำนวนมากในรายการ


 


“ลืมสมุนไพรอื่นที่ยากจะเห็นแม้กระทั่งในตลาดที่ใหญ่ที่สุดก่อน ขิงเลือดปีศาจนี่คือบ้าอะไรกันวะ ข้ามิเคยกระทั่งจะได้ยินชื่อยาแบบนั้นมาก่อน”


 


“สนใจสมุนไพรอื่นก่อน เจ้าสามารถปล่อยให้ข้ากังวลกับขิงเลือดปีศาจเอง” ซูหยางพลันพูดขึ้น


 


“จ-จริงรึ” เจ้าซีมองดูอีกฝ่ายด้วยสายตาสงสัย ด้วยว่าตัวเขาเองยังไม่เชื่อใจซูหยางเต็มที่


 


“ในเมื่อข้าเป็นคนที่ให้วิชานั้นแก่เธอเพื่อฝึกฝน ข้าก็สมควรแบ่งปันความรับผิดชอบด้วยในเรื่องทั้งหมดนี้” ซูหยางยักไหล่ และเขากล่าวต่อว่า “และแม้ว่าเธอจะมีเวลามากถึงห้าปี ข้าแนะนำให้พวกเจ้ามีทุกสิ่งพร้อมภายในหนึ่งปี มิเช่นนั้นเธอจักต้องกล้ำกลืนความเจ็บปวดอย่างรุนแรงในปีถัดๆไปจนกว่าจะตาย”


 


“…”


 


ทุกคนในห้องฝืนกลืนน้ำลายอย่างยากเย็นโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ซีซิงฟาง ซึ่งเกือบจะเป็นลมหลังจากที่ได้ยินว่าเธอจะต้องเจ็บปวดอย่างหนักหลังจากนั้นDC บทที่ 321: เขาสามารถเชื่อถือได้หรือไม่


 


“ในเมื่อตอนนี้ข้าได้พูดทุกสิ่งที่ข้าต้องการแล้ว ข้าก็จักขอตัว” ซูหยางพลันกล่าว


 


“เจ้าจะไปตอนนี้รึ แล้วลูกสาวข้าเล่า” เจ้าซีเปลี่ยนเป็นโกรธขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าซูหยางยังคงเยือกเย็นกับสถานการณ์เช่นนี้อย่างสมบูรณ์ ราวกับว่านี่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับตัวเอง


 


“อย่าคิดว่าเจ้าสามารถหลีกหนีไปจากเรื่องนี้” ผู้อาวุโสจงก็ขมวดคิ้วเช่นกัน


 


“หนีรึ ข้าได้ให้รายการยาที่จำเป็นในการรักษาเธอแก่เจ้าไปเรียบร้อยแล้ว จนกว่าเจ้ารวบรวมพวกมันได้ เช่นนั้นก็มิมีอะไรที่เราสามารถทำเพื่อเธอได้ หรือว่าเจ้ากำลังบอกข้าให้อยู่ที่นี่จนกระทั่งเธอรักษาหายสนิทงั้นรึ ข้ายังมีสิ่งที่ต้องทำเช่นกัน” ซูหยางแค่นเสียงเย็นชา


 


“ถ้าเจ้าต้องการข้าจริงๆ เจ้าก็รู้ว่าจะหาข้าได้จากไหน”


 


ซูหยางหันกายและเริ่มเดินไปยังประตู


 


“ท่านพ่อ โปรดเยือกเย็นลง พี่ชายซูหยางพูดถูก… หากปราศจากตัวยา เราจะทำอะไรได้ในตอนนี้ เรามิสามารถที่จะกักเขาไว้ที่นี่โดยไร้เหตุผล จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเราทำให้เขาโกรธ ใครจักช่วยข้าในตอนนั้น” ซีซิงฟางยังคงอยู่ข้างเดียวกับซูหยาง


 


เจ้าซีมองดูท่าทางเคร่งเครียดของเธอชั่วขณะก่อนที่จะถอนใจ


 


“เจ้าพูดถูก เราจำเป็นที่จะมุ่งไปในการรวบรวมตัวยาก่อนเป็นอันดับแรก ผู้อาวุโสจง ข้ามิสนใจว่าเราจะต้องใช้ทรัพย์สินมากมายเพียงใดที่จะต้องใช้หรือว่าจะต้องล่วงเกินใครสำหรับตัวยาในรายการนี้ ข้าต้องการมันให้มาอยู่ตรงหน้าข้าภายในครึ่งปี”


 


“อีกอย่าง อาการของลูกสาวข้าต้องมิผ่านออกไปจากห้องนี้ ถ้าเจ้าพวกชั่วอย่างเช่นดาบแสงจันทร์รู้เรื่องนี้ พวกมันต้องถือโอกาสในเรื่องนี้อย่างแน่นอน”


 


“ขอรับ ท่านเจ้า”


 


หลังจากที่ผู้อาวุโสจงจากไป เจ้าซีก็กล่าวกับซีซิงฟางว่า “สำหรับเจ้า.. ข้าจะพาเจ้าไปพบกับพ่อข้า”


 


“ท-ท่านปู่รึ”


 


“แม้ว่าซูหยางนั่นอาจจะเป็นผู้บริสุทธิ์และต้องการช่วย แต่มิมีใครรู้เจตนาที่แท้จริงของเขา เพียงแค่ปลอดภัยไว้ก่อน เราต้องการฟังความเห็นของพ่อข้าเกี่ยวกับอาการของเจ้าเช่นกัน”


 


เวลาต่อจากนั้น หลังจากที่ซีซิงฟางติดตามเจ้าซีไปพบกับปู่ของเธอ พวกเขาก็ไปถึงยังพื้นที่ห่างไกลจากบ้านของพวกเขาไม่กี่กิโลเมตร ที่ซึ่งมีบ้านไม้หลังเล็กๆตั้งอยู่


 


“ท่านพ่อ มีเรื่องเร่งด่วน” เจ้าซีเคาะประตูตรงหน้า


 


“เรื่องที่ซิงเอ๋อร์ถูกพิษ ใช่ไหม” เสียงผู้ชราแว่วมาหลังจากนั้น


 


“ใช่” เจ้าซีดูไม่ประหลาดใจแม้แต่น้อยที่พ่อของเขารู้เกี่ยวกับอาการของซีซิงฟาง


 


“เข้ามาข้างใน…”


 


ไม่นานจากนั้น เจ้าซีและซีซิงฟางก็เข้าไปในบ้านไม้หลังเล็กตรงหน้า และที่นั่งอยู่ตรงหน้าพวกเขาก็คือชายชราที่มีกลิ่นอายอันลึกล้ำราวกับหลุดพ้นจากโลกนี้ เป็นกลิ่นอายที่เพียงสามารถเปล่งออกมาจากผู้ที่ย่างเข้าสู่เขตราชันวิญญาณเท่านั้น


 


“ข้าได้ดูพวกเจ้านับตั้งแต่ต้น” ชายชรากล่าว


 


“ต-ตั้งแต่ต้น…” เจ้าซีสงสัยว่าพ่อของเขาเห็นมากน้อยเพียงใด


 


“แน่นอนว่า นับตั้งแต่เด็กหนุ่มนั่นก้าวเท้าเข้ามาในบ้าน”


 


เจ้าซีแอบถอนใจและกล่าวว่า “ในเมื่อพ่อได้เห็นทุกอย่างแล้ว ข้าก็จักมิต้องอธิบาย เพียงแต่ขอความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซูหยางคนนี้… เขาสามารถเชื่อถือได้หรือไม่”


 


“…”


 


ซีซิงฟางยังคงนิ่งเฉย แต่เธอก็จ้องมองชายชราด้วยสายตาที่เห็นชัดว่าเป็นกังวล


 


ทั้งห้องเปลี่ยนเป็นเงียบสงัดหลังจากที่เจ้าซีถามคำถามของตนเอง และชายชราก็ได้หลับตาลงครุ่นคิด


 


หลังจากเวลาผ่านไปอย่างเงียบสงัดชั่วขณะ ชายชราก็กล่าวอย่างเชื่องช้าแต่ชัดเจนว่า “เด็กหนุ่มนั่น… กระทั่งข้าเองก็มิอาจเห็นถึงเจตนาที่แท้จริงของเขา”


 


“ว่ากระไร เรื่องนี้เป็นไปได้อย่างไร” เจ้าซีมีท่าทางตกใจเป็นอย่างมาก


 


“อย่างไรก็ตาม ข้าก็มิได้รู้สึกถึงสิ่งที่เป็นอันตรายจากเขา” ชายชราพลันกล่าวต่อ


 


“จริงรึ” ซีซิงฟางพลันมีท่าทางโล่งอก


 


“อย่าเพิ่งยินดีเร็วเกินไป ซิงเอ๋อร์ แม้ว่าข้ามิรู้ว่าเจ้ามีความสัมพันธ์ใดกับเขา เจ้าก็ยังจำเป็นที่จะต้องระวังตัวจากเขา ชายคนนั้น… แม้ว่าเขามิได้แสดงออก แต่เขารับรู้ถึงการคงอยู่ของข้าอย่างแน่นอน”


 


แม้ว่าเขามิได้กล่าวถึง แม้ว่ารู้ว่าเขาถูกจับจ้องโดยจอมยุทธในเขตราชันวิญญาณ ซูหยางก็ไม่ได้แสดงความกลัวออกมาแม้แต่น้อย ราวกับว่าเขามั่นใจว่ากระทั่งจอมราชันไม่อาจแตะต้องเขา


 


“นั่นเป็นไปมิได้ ท่านพ่อก้าวสู่เขตราชันวิญญาณไปแล้ว นอกจากว่าเขาก็อยู่ในระดับเดียวกันเช่นกัน มิมีทางที่เขาสามารถสังเกตเห็นท่าน”


 


“เด็กหนุ่มนั่นแน่นอนว่ายังมิถึงเขตราชันวิญญาณ ถ้าสายตาข้ามิพลาด เขาควรจะยังอยู่ในระดับต้นของเขตอัมพรวิญญาณ”


 


“ว่ากระไร นั่นยิ่งเป็นไปมิได้ ถ้าเขาเพียงอยู่ในระดับต้นของเขตอัมพรวิญญาณ ทำไมเขาจึงสามารถป้องกันการโจมตีของข้าได้อย่างสมบูรณ์แบบ ยิ่งไปกว่านั้นยังเหนือกว่าข้าอีกด้วย” เจ้าซีปฏิเสธที่จะเชื่อถึงความเป็นไปได้ที่ว่าเขตอัมพรวิญญาณระดับสูงสุดเช่นตัวเขาจะพ่ายแพ้แก่คนที่อยู่ในเขตอัมพรวิญญาณระดับต้น


 


“ท่านพ่อ ท่านโจมตีพี่ชายซูหยางได้อย่างไร” ซีซิงฟางพลันแสดงความโกรธกับการกระทำของเขาในทันที


 


“จ-ใจเย็น… ข้าเพียงทดสอบเขา…” เจ้าซียิ้มขื่นขม


 


“มียอดยุทธซุ่มซ่อนอยู่มากมายในโลกกว้างใหญ่นี้ แม้ว่าข้าอาจจะเป็นเพียงคนเดียวที่อยู่ในเขตราชันวิญญาณในทวีปนี้ แต่นั่นก็ยังมีทวีปอื่นอีกสามทวีปนอกเหนือจากทวีปตะวันออก นี่ยังมิรวมทวีปศักดิ์สิทธิ์กลางอีก”


 


“ข้ามิแปลกใจเลยถ้าชายหนุ่มคนนี้มีอาจารย์เป็นหนึ่งในหมู่ยอดยุทธที่ซุกซ่อนกาย ยิ่งกว่านั้น เขาอาจจะกระทั่งเป็นยอดยุทธซ่อนกายเองด้วยซ้ำและมีเจตนาที่จะหลอกตาผู้เฒ่าคนนี้”


 


“แม้ว่าเรามิรู้อะไรเกี่ยวกับชายหนุ่มคนนี้ ถ้าเขามิได้แสดงความประสงค์ร้ายต่อตระกูลซีของเรา ที่ดีที่สุดก็คือการหลีกเลี่ยงการล่วงเกินเขา” ชายชรากล่าว


 


“เอาล่ะ พอกับเรื่องเขาได้แล้ว ซิงเอ๋อร์ ขอมือเจ้าให้ข้าหน่อย”


 


ซีซิงฟางยื่นมือของเธอออกไป


 


“ข้ากำลังจะเอาเลือดของเจ้าออกมาเล็กน้อย”


 


ชายชราจึงทำการเปิดแผลบนนิ้วของเธอเช่นเดียวกับที่ซูหยางได้ทำและเก็บเลือดของเธอออกมาเล็กน้อย


 


หลังจากที่จ้องมองไปที่เลือดเป็นเวลาหลายนาที ชายชราก็ส่ายหน้า “ข้าเกรงว่ากระทั่งผู้เฒ่าคนนี้ก็มิอาจจะรักษาเจ้า ซิงเอ๋อร์ ข้าเสียใจ…”


 


“ม-มิมีทาง…” เจ้าซีถอนใจ ดูเหมือนว่าซูหยางอาจจะเป็นคนเดียวในโลกนี้ที่มีความสามารถที่จะรักษาซีซิงฟางในตอนนี้


 


“มิเป็นไร ท่านปู่ ท่านมิต้องขอโทษกับความผิดพลาดอันโง่เขลาของข้า ถ้าข้าได้ฝึกวิชาอย่างถูกต้อง สิ่งเหล่านี้คงมิเกิดขึ้น และเราก็ยังคงมีพี่ชายซูหยาง ข้าเชื่อว่าเขาจักรักษาข้าได้” ซีซิงฟางยังไม่หมดหวัง


 


“อือ” ชายชราพยักหน้า “เจ้าควรอยู่ที่นี่ชั่วระยะหนึ่ง เพื่อที่ข้าจะสามารถตรวจสอบอาการและวิเคราะห์เลือดของเจ้าได้ ถ้ามันเลวร้ายขึ้นในทันใด ข้าก็ยังอยู่ที่นี่”


 


“ซิงเอ๋อร์เข้าใจแล้ว ท่านปู่”


 


ไม่นานหลังจากนั้น ครั้นเมื่อเจ้าซีกลับบ้านตามลำพัง เขาก็สั่งหน่วยข่าวที่ดีที่สุดของตระกูลซีทำการสืบทุกอย่างเกี่ยวกับซูหยาง


 


“ข้าต้องการผลลัพธ์ก่อนการแข่งขันระดับภูมิภาคจะเริ่มต้นขึ้น”


 


“ตามประสงค์ของท่านเจ้า”


 


หลังจากที่สั่งการแล้ว เจ้าซีก็นั่งลงบนบัลลังก์ของตนเองด้วยท่าทางงุนงง คิดในใจว่า “ซูหยาง… จริงแล้วเจ้าเป็นใครกันรึ”


 


ที่เจ้าซีไม่รู้ ด้วยไม่คาดคิดว่าจะได้ข้อมูลอะไรเกี่ยวกับเบื้องหลังของซูหยาง แต่ทุกอย่างเกี่ยวกับชีวิตของซูหยางจะเปิดเผยต่อหน้าเขาเพียงแค่ไม่กี่วันหลังจากนั้น

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม