Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน 234-240
DC บทที่ 234: ข้าทำอะไรลงไป…
“แต้มถูกโอนเรียบร้อยแล้ว” ผู้อาวุโสเจ้ายื่นป้ายประจำตัวคืนให้กับซูหยางหลังจากที่โอนแต้มนิกายให้กับเขาสามพันแต้ม
แม้ว่าเขาอาจจะดูลังเลในการให้สามพันแต้มนิกายแก่ซูหยางสำหรับน้ำมันรัญจวน นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาคิดว่ามันไม่มีค่า
ตามจริงแล้วการจ่ายสามพันแต้มนิกายให้กับสิ่งที่มีความประสิทธิภาพเช่นเดียวกับโอสถหยินพ้นพิสัยอันล้ำค่าอีกทั้งมีประสิทธิภาพสูงกว่าถึงสามเท่า นั่นเหมือนกับการขโมยอีกฝ่ายได้อย่างเหลือเชื่อในใจของผู้อาวุโสเจ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อโอสถหยินพ้นพิสัยเพียงเม็ดเดียวก็มีค่าสามพันแต้มนิกายแล้วสำหรับศิษย์
“ถ้าข้าแยกมันออกเป็นหลายขวดและขายแต่ละขวดให้ได้ราคาเท่ากับโอสถหยินพ้นพิสัยหนึ่งเม็ด เช่นนั้นข้าสามารถได้คืนสิ่งที่ข้าต้องใช้จ่ายไปได้อย่างง่ายดาย” ผู้อาวุโสเจ้าหัวเราะในใจ
“ถ้าไม่มีอะไรที่เจ้าต้องการแล้ว ก็กลับไปซะ” ผู้อาวุโสเจ้ากล่าวกับเขาหลังจากยื่นส่งป้ายประจำตัวให้กับเขา “ส่วนสำหรับข้อตกลงของเรา ข้าจักติดต่อเจ้ายามเมื่อข้าพร้อมแล้ว”
ซูหยางสามารถบอกได้ว่าผู้อาวุโสเจ้าไม่ต้องการเห็นหน้าเขาอีกต่อไป แต่โชคร้ายเขายังจำเป็นต้องซื้อวัตถุดิบเพื่อที่จะผลิตน้ำมันรัญจวนมากกว่านี้
“ข้าต้องการทุกอย่างในรายการนี้” ซูหยางแสดงใบรายการให้เขาอีกครั้ง
“…”
ผู้อาวุโสเจ้าไม่ได้พูดอะไรกับเขาเพียงหยิบใบรายการ
“เจ้าช่วยจัดวัตถุเหล่านี้จากด้านหลังให้ข้าหน่อยสิ” ผู้อาวุโสเจ้าร้องขอซุนจิงจิงขณะที่เขายื่นส่งแผ่นกระดาษให้เธอ
ซุนจิงจิงพยักหน้าและกลับเข้าไปด้านหลังอีกครั้ง
สองสามนาทีหลังจากนั้น ซุนจิงจิงก็กลับมาพร้อมถุงใบใหญ่ใส่วัตถุดิบ
“ทุกสิ่งที่เจ้าจดไว้อยู่ในนี้ ตรวจสอบอีกครั้งถ้าเจ้าต้องการ”
ซูหยางไม่ต้องเปิดถุงเพื่อดูวัตถุดิบภายใน และเพียงแค่สูดดมครั้งเดียวเพื่อตรวจดูว่ามีอะไรภายในถุง
“นั่นมิจำเป็น” เขากล่าวกับเธอขณะที่เขาถ่ายโอนแต้มสองพันแต้มนิกายคืนให้ผู้อาวุโสเจ้า
หลังจากขายน้ำมันรัญจวนให้กับผู้อาวุโสเจ้าหนึ่งขวดได้มาสามพันแต้มนิกายและใช้สองในสามของแต้มซื้อวัตถุดิบพอสำหรับน้ำมันรัญจวนสองขวด ซูหยางก็ออกจากคลังมุกพิสุทธิ์พร้อมหนึ่งพันแต้มนิกายที่คงเหลืออยู่สำรองไว้ในอนาคต
วัตถุประสงค์ทั้งหมดของเขาได้รับการเติมเต็มโดยไม่สะดุด ยิ่งไปกว่านั้นการเดิมพันเล็กน้อยกับผู้อาวุโสเจ้าซึ่งประกันว่าสมบัติมีค่าจากคลังมุกพิสุทธิ์อยู่ในกระเป๋าเขาแน่นอน
กล่าวไปแล้วถึงแม้ว่าเขาจะได้รับวัตถุมีค่ามากที่สุดที่คลังมุกพิสุทธิ์เสนอ มันก็ยังไม่มีประโยชน์อะไรมากกับคนอย่างซูหยาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขามีพลังการฝึกปรือถึงระดับเก้าเขตปฐพีวิญญาณ
ยามเมื่อซูหยางกลับถึงบ้าน เขาก็นำวัตถุดิบทุกอย่างออกมาจากถุงและเริ่มผลิตน้ำมันรัญจวนมากกว่าเดิม
ในเวลานั้นย้อนกลับไปยังคลังมุกพิสุทธิ์ ผู้อาวุโสเจ้าถามซุนจิงจิงว่า “เจ้าจำวัตถุในใบรายการทั้งหมดได้หรือไม่”
ซุนจิงจิงพยักหน้า
“ข้าต้องการให้เจ้าเก็บใบรายการและน้ำมันรัญจวนนี้ไว้เป็นความลับจากทุกคน แม้ว่าจะเป็นผู้อาวุโสนิกายก็ตามถ้าพวกเขาถามถึง จนกว่าผู้นำนิกายจะมีคำสั่งว่าพวกเราควรทำอย่างไร”
“ข้าเข้าใจแล้ว” เธอตอบกลับอย่างรวดเร็ว
“ดีมาก ช่วยบอกปู่ของเจ้าให้มาหาข้าภายในสองวัน เพราะว่าข้ามีเรื่องสำคัญที่จะปรึกษากับเขา”
“ข้าจักบอกเขาเช่นนั้น”
“สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ เจ้ามิจำเป็นต้องคิดมาก ในเมื่อมันเป็นเรื่องค่อนข้างปกติภายในนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย และเมื่อสุดท้ายเจ้าพบคู่ฝึก เจ้าจักทำเรื่องที่น่าอายยิ่งกว่าในห้องนั้น” ผู้อาวุโสเจ้าไม่ต้องการให้ซุนจิงจิงใส่ใจกับการกระทำของตัวเธอเองในวันนี้ เพราะว่ามันอาจจะมีผลต่อการฝึกวิชาของเธอเอง
“ข้า…” แม้ว่าเธอจะประทับใจกับการปลอบโยนของอีกฝ่าย ซุนจิงจิงก็ไม่รู้ว่าจะตอบสนองกับผู้อาวุโสเจ้าอย่างไร ในเมื่อนั่นยิ่งจะทำให้เธอรู้สึกอายและกระอักกระอ่วนยิ่งกว่าเดิม
“เจ้าสามารถไปได้แล้ววันนี้” ผู้อาวุโสเจ้าพลันกล่าวกับเธอ
มีเพียงคนไม่กี่คนภายในนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยที่จะได้รับการดูแลแบบซุนจิงจิงจากผู้อาวุโสเจ้า เพราะว่าเธอเป็นหลานสาวของผู้อาวุโสซุน ซึ่งเป็นเพื่อนกับผู้อาวุโสเจ้านับตั้งแต่วันที่พวกเขาเป็นศิษย์นอก ผู้อาวุโสเจ้าไม่ได้มองดูซุนจิงจิงเพียงแค่เป็นศิษย์
ตามจริง ทั่วทั้งนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย ซุนจิงจิงเป็นศิษย์เพียงคนเดียวที่สามารถทำตัวสบายๆเมื่ออยู่ใกล้กับคนเช่นผู้อาวุโสเจ้า
กล่าวไปแล้ว ซุนจิงจิงก็รู้ดีว่าผู้อาวุโสเจ้าดูแลเธออย่างลำเอียง แต่เธอก็ตัดสินใจที่จะทำเหมือนว่าเธอไม่สามารถแยกแยะได้ ในเมื่อเธอไม่ต้องการให้ศิษย์คนอื่นเริ่มต้นข่าวลือที่เป็นอันตราย
หลังจากที่ได้รับการบอกให้กลับไปได้ ซุนจิงจิงก็ออกจากคลังมุกพิสุทธิ์กลับไปยังบ้าน
ยามเมื่อเธอกลับถึงห้องของเธอเอง ซุนจิงจิงก็ปิดห้องขังตนเองแม้ว่าจะมีเพียงคนเดียวอาศัยอยู่ในบ้านนั้น
เมื่อเธอมั่นใจว่าไม่มีใครอยู่รอบๆ ซุนจิงจิงก็นำเอาขวดเล็กๆทีซ่อนอยู่ในเสื้อผ้าของเธอออกมาและจ้องมองดูมันด้วยท่าทางสำนึกผิด
“ข้าเสียใจจริงๆ ท่านผู้อาวุโสเจ้า…” เธอถอนหายใจ
ซุนจิงจิงได้แอบเอาน้ำมันรัญจวนใส่ในภาชนะของเธอเองออกมาบางส่วนเมื่อเธอยังอยู่ภายในอีกห้อง และนำกลับมาบ้าน
เมื่อเธอได้เรียนรู้ถึงความพึงใจที่น้ำมันรัญจวนมีผลต่อร่างของเธอ เธอไม่อาจต่อต้านความกระหายอยากจนทำให้ขโมยบางส่วนออกมาเพื่อตัวเธอเองใช้ที่บ้านยามเมื่อเธออยู่คนเดียว
“ข้าทำอะไรลงไป… เมื่อคิดว่าข้าจักทำอะไรเช่นนี้…ข้าต้องบ้าไปแล้ว”
ซุนจิงจิงถอนหายใจเมื่อผู้อาวุโสเจ้าไม่ได้สงสัยเธอหลังจากที่เห็นว่าหนึ่งในสามของน้ำมันรัญจวนหายไป กระทั่งยอมรับคำขอโทษของเธอมิเช่นนั้นเธอคงต้องฆ่าตัวตายด้วยความอับอาย และถึงแม้ว่าเธอจะเหยียดหยามการกระทำของตนเอง แต่เธอกลับไม่มีความเสียใจแม้แต่น้อย
ยามเมื่อซุนจิงจิงเตรียมตัวด้วยการเปลือยกายบนเตียงแล้ว เธอก็ทำการลูบไล้น้ำมันรัญจวนบางส่วนบนส่วนที่ไวต่อความรู้สึกที่สุดของเธอ
สองสามวินาทีหลังจากนั้น ซุนจิงจิงก็เริ่มครวญครางขณะที่สร้างความรัญจวนให้กับตัวเอง
DC บทที่ 235: งานจากผู้นำนิกาย
หลังจากที่ซูหยางและซุนจิงจิงจากคลังมุกพิสุทธิ์แล้ว ผู้อาวุโสเจ้าก็ตรงไปยังศาลาหยินหยางเพื่อพบกับโหลวหลานจีสืบเนื่องมาจากน้ำมันรัญจวน
“ซูหยางให้เจ้ามารึ” โหลวหลานจีตรวจสอบดูขวดแก้วในมือเธออย่างใกล้ชิดด้วยท่าทางเคร่งเครียด
ทุกสิ่งที่มีซูหยางเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยทำให้เธอต้องระมัดระวังอย่างที่สุด ใครจะรู้ว่าคนที่คาดเดาไม่ได้อย่างเขาจะทำอะไรต่อไป
“ใช่แล้ว” ผู้อาวุโสเจ้าพยักหน้าและกล่าวต่อว่า “มันถูกทดสอบแล้วโดยหลานสาวของผู้อาวุโสซุน ซุนจิงจิง และเธอได้ตัดสินว่ามันมีประสิทธิภาพอย่างต่ำสามเท่าของโอสถหยินพิสุทธิ์”
โหลวหลานจีไม่ได้กล่าวอะไรไปชั่วขณะ เธอจุ่มนิ้วของเธอเข้าไปในน้ำมันที่ลื่นไหล และต่อหน้าผู้อาวุโสเจ้า เธอทำการลูบมันเข้ากับตนเองภายใต้ชุดคลุมของเธอ
“…”
ผู้อาวุโสเจ้าแอบถอนหายใจแต่ไม่ได้กล่าวว่าอย่างไร ได้แต่หลับตาลง
ไม่นานหลังจากนั้น โหลวหลานจีก็กล่าวขึ้นว่า “นี่เป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง ถ้าเราสามารถจำแนกได้ว่าสิ่งนี้สร้างขึ้นมาได้อย่างไรหรือว่ามันมาจากไหน มันต้องช่วยเพิ่มพลังอำนาจโดยรวมของนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยได้อย่างมหาศาล”
ถ้าศิษย์หญิงภายในนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยได้รับการเพิ่มปราณหยิน เช่นนั้นศิษย์ชายที่ฝึกร่วมกับพวกเธอก็จะพัฒนาขึ้นเช่นกัน อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าเธอจะตื่นเต้นเพียงใดก็ตาม โหลวหลานจีก็ไม่ได้มองโลกในแง่ดีจนเกินไปนัก ในเมื่อใครจะรู้ว่าพวกเธอจะได้น้ำมันรัญจวนนี้ต่อไปในอนาคตหรือไม่
“ซูหยางได้บอกแก่ท่านว่าเขาได้รับสิ่งนี้มาจากไหนหรือไม่” เธอถามผู้อาวุโสเจ้า
เขาพลันส่ายหน้าและกล่าวว่า “ไม่เพียงแต่เจ้าเด็กเลวนั่นหยาบคายอย่างแท้จริง ทั้งยังปฏิเสธที่จะพูดอะไรออกมา ไม่แม่แต่จะบอกใบ้”
“อย่างนั้นรึ…” โหลวหลานจีถอนหายใจ อย่าว่าแต่เขาเลย กระทั่งเธอในฐานะผู้นำนิกายยังไม่รู้ว่าจะจัดการกับคนแบบซูหยางให้เหมาะสมได้อย่างไร
“อย่างไรก็ตามนั่นก็ยังอาจจะมีเบาะแส…” ผู้อาวุโสเจ้าพลันกล่าวขึ้น
“ว่าต่อไป”
“นอกจากน้ำมันรัญจวนแล้ว เขาก็ยังนำเอารายการวัตถุดิบออกมาด้วย ใช้จ่ายถึงสองพันแต้มนิกายโดยไม่มีความลังเลหลังจากที่ขายน้ำมันรัญจวน ถ้าให้ข้าเดา รายการนั่นต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับน้ำมันรัญจวน อาจจะเป็นตำรับยาก็ได้”
ดวงตาของโหลวหลานจีเปล่งประกายเมื่อเธอได้ยินคำของผู้อาวุโสเจ้า “ท่านจดจำวัถถุดิบทุกอย่างที่อยู่ในรายการนั้นได้รึ” เธอถามเขา
“ข้าจำได้”
“ดีสัส” โหลวหลานจีก่นด่าด้วยความตื่นเต้น เกือบระเบิดเสียงหัวเราะใส่ซูหยางที่ประเมินความฉลาดของพวกเขาต่ำไป
อย่างไรก็ตามพวกเขาจะรู้สักนิดก็หาได้ไม่ว่าซูหยางได้ทำนายเหตุการณ์เช่นนั้นไว้แล้ว ถ้าจะกล่าวไปต่อให้พวกเขารู้ถึงวัตถุดิบที่ใช้ผลิตน้ำมันรัญจวน ถ้าพวกเขาไม่มีทั้งเคล็ดวิชาและฝีมือในการสร้างน้ำมันรัญจวน พวกเขาไม่มีวันที่จะสำเร็จไม่ว่าจะทดลองมากมายกี่ครั้งก็ตาม ด้วยเหตุนี้ซูหยางจึงไม่สนใจที่จะปล่อยให้พวกเขาได้เห็นรายการวัตถุดิบ
ผู้อาวุโสเจ้านึกถึงรายการวัตถุดิบจากความทรงจำของเขาและเขียนออกมาบนแผ่นกระดาษตามความต้องการของโหลวหลานจี
“นี่ ได้แล้ว” เขายื่นส่งให้กับเธอหลังจากที่เสร็จแล้ว
“นี่ค่อนข้างจะเป็นรายการที่ยาวนะ” โหลวหลานจีพูดหลังจากที่อ่านจนจบรายการวัตถุดิบ
“นั่นจึงทำให้รายการนี้ดูสมจริงมากขึ้น”
“ดีล่ะ” โหลวหลานจีพยักหน้า และกล่าวต่อว่า “แม้ว่าเรามิอาจผลิตยาได้ แต่ข้าก็ต้องการให้ตำหนักเม็ดยาพ้นพิสัยศึกษารายการนี้และดูว่าพวกเขาพบอะไรใหม่บ้าง และเพราะว่าเรากำลังเกี่ยวข้องอยู่กับยาและสมุนไพร ดังนั้นข้าจึงต้องการให้ตำหนักโอสถได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย แบ่งน้ำมันรัญจวนให้พวกเธอบางส่วนเพื่อดูว่าพวกเธอสามารถบอกได้ว่ามันทำมาจากอะไร”
“ข้าเข้าใจ แต่..แล้วเขาล่ะ” ผู้อาวุโสเจ้าถาม
“เขา… ถ้าท่านหมายถึงซูหยาง ข้ามีธุระอื่นกับเขาอยู่แล้ว ดังนั้นข้าจักไปพบเขาในเร็วๆนี้”
โหลวหลานจียังคงไม่ยกโทษให้กับการที่ซูหยางตบหน้าเธอขณะที่กำลังหลับอยู่ แม้ว่ามันจะทำให้เธอตื่น นั่นไม่มีวิธีอื่นที่ดีกว่าการตบหน้าสาวสวย มีแต่คนต่ำช้าเท่านั้นที่จะทำเช่นนั้น
ผู้อาวุโสเจ้าออกจากตำหนักหยินหยางหลังจากนั้นสองสามนาทีเพื่อทำงานที่ได้รับมอบจากโหลวหลานจีให้เสร็จ
แรกเริ่มเขาตรงไปยังตำหนักเม็ดยาพ้นพิสัย ที่ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดเม็ดยาทุกเม็ดในคลังมุกพิสุทธิ์
“ผู้นำนิกายได้มีงานให้กับตำหนักเม็ดยาพ้นพิสัย” ผู้อาวุโสเจ้ากล่าวกับพวกเขาทันทีที่เขาเข้าไปในอาคาร
“ผู้อาวุโสเจ้า”
นักปรุงยาภายในนั้นทักทายเขา
“ผู้นำนิกายต้องการอะไรจากพวกเรารึ ตราบเท่าที่มันเกี่ยวข้องกับเม็ดยา ตำหนักเม็ดยาพ้นพิสัยย่อมมิทำให้เธอผิดหวัง”
“โชคร้ายอยู่บ้าง มันไม่ใช่เม็ดยา” ผู้อาวุโสเจ้านำเอารายการออกมาและกล่าวว่า “ผู้นำนิกายต้องการที่จะรู้ว่มีตำรับยาใดบ้างที่ต้องการวัตถุดิบตามรายการนี้ ถ้ามิมีใครรู้ เธอก็ต้องการให้พวกเจ้าทำการวิจัยมันให้ดีที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้”
ยามเมื่อผู้อาวุโสเจ้ายื่นส่งรายการวัตถุดิบให้กับพวกเขา บรรดานักปรุงยาในตำหนักเม็ดยาพ้นพิสัยก็มารวมตัวกันเป็นวงกลมและเริ่มปรึกษาหารือ
หลังจากที่งานที่ตำหนักเม็ดยาพ้นพิสัยเสร็จแล้ว ผู้อาวุโสเจ้าก็ตรงไปยังตำหนักโอสถพร้อมกับขวดจิ๋วบรรจุน้ำมันรัญจวนในกระเป๋า
“ศิษย์น้อยคำนับผู้อาวุโสเจ้า”
บรรดาหญิงสาวที่ตำหนักโอสถพลันทักทายผู้อาวุโสเจ้าเมื่อเห็นเขา
“ผู้อาวุโสเจ้า” หลานลี่ชิงก็ทักทายเขาด้วยการโค้งคำนับอย่างอ่อนหวาน
ผู้อาวุโสเจ้าพยักหน้าและกล่าวว่า “ข้ามาที่นี่วันนี้ก็เพราะว่าผู้นำนิกายได้มีงานให้กับตำหนักโอสถ”
“ผู้นำนิกายต้องการให้เราทำอะไรรึ” หลานลี่ชิงถาม
ผู้อาวุโสเจ้านำเองขวดเล็กบรรจุน้ำมันรัญจวนออกมาจากกระเป๋าและแสดงให้พวกเธอดู
“กลิ่นนี้…”
ไม่เพีงแค่หลานลี่ชิงแต่ศิษย์ทุกคนที่อยู่ในนั้นยกเว้นหนึ่งคนพลันสังเกตพบกลิ่นหอมหวานที่รายล้อมขวดแก้ว
แม้ว่าไม่มีใครในหมู่พวกเธอแสดงออกมาทางสีหน้า พวกเธอล้วนจดจำน้ำมันรัญจวนได้จากกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อร่างกายของพวกเธอได้อาบไล้ด้วยสารนี้เมื่อไม่นานมานี้
หลานลี่ชิงรู้สึกหวาดหวั่นในใจเมื่อเห็นน้ำมันรัญจวน ทำไมผู้อาวุโสเจ้าจึงให้พวกเธอดูน้ำมันรัญจวน และยิ่งไปกว่านั้นเขาได้สิ่งนี้มาจากไหน
DC บทที่ 236: การกลับมาของการนวดขั้นเทพ
“ผู้นำนิกายมีงานให้ตำหนักโอสถศึกษาสารนี้อย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้ว่าจะได้ผลเพียงเล็กน้อยก็ตาม พยายามหาว่าใช้วัตถุดิบอะไรในการผลิตสารนี้” ผู้อาวุโสเจ้ากล่าว
“ส-สารนี้คืออะไร และท่านได้มาจากไหน” หลานลี่ชิงถามด้วยท่าทางโง่งม ทำท่าทางเหมือนกับว่าเธอไม่เคยเห็นน้ำมันรัญจวนมาก่อน
“สิ่งนี้เรียกว่าน้ำมันรัญจวน และถ้าหากเป็นไปได้ มันจักแทนที่โอสถหยินพ้นพิสัย ส่วนที่ว่ามันมาจากไหนนั้นนั่นเป็นสิ่งที่ข้ามิสามารถเปิดเผยได้ ถ้าเจ้าต้องการรู้จริงๆ เจ้าสามารถถามตัวผู้นำนิกายเอง” ผู้อาวุโสเจ้ากล่าว
“นั่นมิจำเป็น…” หลานลี่ชิงกล่าว มั่นใจถึงที่มาของน้ำมันรัญจวนจากคำพูดของเขา
ไม่มีข้อสงสัยเลยว่ามันมาจากซูหยาง ซึ่งนั่นทำให้หลานลี่ชิงค่อนข้างเป็นกังวลอยู่บ้าง เพราะว่าเธอรู้ดีถึงประสิทธิภาพของน้ำมันรัญจวน เธอสามารถเห็นนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยติดตามซูหยางเพื่อความลับของมัน
ผู้อาวุโสเจ้าจากไปหลังจากที่ยื่นส่งน้ำมันรัญจวนให้กับหลานลี่ชิงแล้ว
ยามเมื่อผู้อาวุโสเจ้าจากไปแล้ว ศิษย์ทุกคนก็มารวมตัวกันรอบหลานลี่ชิง พวกเธอล้วนต้องการยืนยันว่านี่ใช่น้ำมันที่ซูหยางใช้บนร่างพวกเธอหรือไม่
“มันเป็นน้ำมันตัวเดียวกันจริงด้วย…” ซวนจิงหลินพึมพัม
“เจ้าคิดว่าพวกเขาได้มาจากศิษย์พี่ชายซูหรือไม่” อวี้เยียนถามด้วยท่าทางเป็นกังวล “จะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกนั้นกำลังสอบสวนเขาอยู่ขณะที่พวกเรากำลังพูดกันอยู่”
“อย่าพูดอะไรที่เป็นลางร้าย” ซางเหวินจีขมวดคิ้ว
“ไม่ว่ามันจะมาจากไหน เจ้านิกายได้คาดหวังให้พวกเราได้ตรวจสอบ ดังนั้นนี่เป็นสิ่งที่เราต้องทำ ถ้าพวกเจ้าเป็นกังวลเรื่องซูหยาง เจ้าสามารถตรวจสอบเขาได้หลังจากที่พวกเราทำเสร็จแล้ว” หลานลี่ชิงกล่าวด้วยท่าทางขุ่นเคือง
“เจ้าค่ะ ท่านอาจารย์”
ตำหนักโอสถก็พลันเริ่มทำงานเกี่ยวกับน้ำมันรัญจวน แต่คนเหล่านั้นก็ไม่อาจทำงานได้โดยปราศจากความกังวลเรื่องซูหยาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลานลี่ชิงซึ่งเหม่อลอยอยู่เป็นระยะตลอดทั้งวัน
ในเวลานั้น ซูหยางเพิ่งเสร็จสิ้นการผลิตน้ำมันรัญจวนเพิ่มขึ้นอีกสองขวด ขณะที่อยู่ภายในห้อง
“ข้าควรไปคลังมุกพิสุทธิ์อาทิตย์ละครั้งสำหรับวัตถุดิบ” เขาคิดในใจ
หลังจากนั้นซูหยางก็ออกไปยังนอกบ้านและแขวนป้ายบนแท่งไม้เหมือนกับธงบริเวณลานด้านหน้า ที่ซึ่งเคยเป็นสถานที่ที่เขาใช้รวบรวมแต้มนิกาย
เพียงพูดว่าเขาได้กลับมาทำธุรกิจอีกครั้ง ย่อมไม่มีข้อสงสัยเลยว่านั่นย่อมกระจายออกไปด้วยตนเองโดยไม่ต้องให้เขาทำอะไรทั้งสิ้น และคำร่ำลือก็จะแพร่กระจายไปรวดเร็วยิ่งขึ้นกว่าเดิมหากซูหยางขึ้นป้ายเอาไว้
หลังจากที่ซูหยางขึ้นป้ายเอาไว้ด้านนอกว่าเปิดบริการธุรกิจอีกครั้งแล้วนั้น เขาก็กลับเข้าไปรอลูกค้าอยู่ภายใน
และอย่างรวดเร็ว เหล่าศิษย์ที่ผ่านบริเวณที่พักของซูหยางก็สังเกตเห็นธงที่โดดเด่นพร้อมกับตัวอักษรที่มีขนาดใหญ่
“การนวดขั้นเทพกลับมาแล้ว ปราศจากค่าใช้จ่าย มิจำกัดเวลา พร้อมบริการพิเศษ”
“เทพยดาฟ้าดิน ซูหยาง เจ้าเลวนั่นสุดท้ายก็กลับมา”
ศิษย์ชายรู้สึกเหมือนกับว่าฟ้ามืดลงอีกครั้ง และความหวาดหวั่นอันเลวร้ายได้กลับมาอีกครั้ง หากเป็นเช่นนี้ต่อไปคู่ของพวกเขาย่อมต้องกลับไปหาธุรกิจของซูหยางเพื่อความสุขสมและลืมเรื่องพวกเขาอย่างสมบูรณ์เหมือนก่อนหน้านั้น
“บัดซบ หญิงของข้าเพิ่งเริ่มกลับไปหาข้าไม่นานหลังจากที่ไปนวดกับซูหยาง ยามเมื่อเธอได้ยินเรื่องนี้ ข้าคงมิอาจจะฝึกคู่ได้ไม่รู้ว่านานอีกเท่าไหร่”
ส่วนบรรดาศิษย์หญิง พวกเธอเริ่มเฉลิมฉลองกันตรงนั้นเมื่อพวกเธอเห็นป้าย
“ซูหยางเปิดบริการนวดอีกครั้ง และฟรีด้วย ข้าคงกำลังฝันไปตอนนี้”
“บริการพิเศษประเภทไหนกันที่เขาจะทำให้นะ ข้ารอไม่ไหวแล้ว”
“ลืมเรื่องพวกนั้นไปให้หมด นั่นไม่มีเวลาจำกัดสิบนาทีอีกต่อไป ย่อมหมายความว่าข้าสามารถเสพสุขกับการนวดของเขาตราบนานเท่าที่ข้าต้องการ”
“ข้ากำลังจะไปร่วมฝึกกับคู่ของข้า ลืมมันไปเถอะ เขารอได้”
ศิษย์นอกหญิงเริ่มเข้าแถวหน้าบ้านของซูหยางหลังจากที่เห็นป้าย
“ศิษย์พี่ชาย ท่านเปิดอีกครั้งจริงหรือ”
ซูหยางเปิดประตูและปรากฏกายตรงหน้าพวกเธอหลังจากที่พวกเธอเคาะประตู
“ถูกต้องแล้ว” เขาตอบด้วยรอยยิ้มหล่อเหลา
“บริการพิเศษประเภทไหนกันที่ท่านจะให้ จะต่างจากสิ่งที่ท่านทำก่อนหน้านี้อย่างไร” หนึ่งในพวกเธอถาม
“พวกเจ้าจักรู้เองภายในนี้”
“ฟรีจริงใช่ไหม” อีกคนถาม
“นั่นบอกไว้บนป้ายแล้วมิใช่รึ”
“ล-แล้วเรื่องเวลาจำกัดล่ะ ถ้าบางคนตัดสินใจอยู่ตลอดทั้งวัน นั่นมิทำให้ต้องใช้เวลาตราบนานเท่านานกว่าจะถึงตาของพวกเราส่วนใหญ่” บางคนที่ท้ายแถวถาม
“เจ้ามิต้องกังวลเรื่องนั้น เพราะว่าพวกเจ้าส่วนใหญ่จักทนมิได้นานเช่นนั้น” ซูหยางตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม
“จะว่าไปแล้วทำไมเจ้ามิเข้ามาข้างในก่อนล่ะเพื่อที่เราจะได้เริ่มกัน” ซูหยางกล่าวกับคนแรกของแถว
“ด-ได้เลย”
ศิษย์คนแรกของแถวเข้าไปในบ้านด้วยท่าทางกระตือรือล้น และความตื่นเต้นของเธอสามารถรับรู้แม้กระทั่งคนสุดท้ายของแถว
ยามเมื่อศิษย์หญิงเข้าไปในห้องของซูหยางแล้ว เขาก็ถามเธอด้วยเสียงเยือกเย็นว่า “เจ้าต้องการนวดหรือว่าต้องการฝึกคู่ร่วมกับข้า”
“ขอทวนอีกครั้ง”
ศิษย์หญิงมองดูซูหยางด้วยดวงตากลมโต เหมือนกับว่าไม่อยากเชื่อ และคิดว่าเธอฟังเขาผิดไป เธอถามย้ำว่า “ท-ท่านต้องการร่วมฝึกกับคนอย่างข้ารึ”
“ถ้านั่นเป็นความปรารถนาของเจ้า” ซูหยางตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม
“…”
ศิษย์หญิงเปลี่ยนเป็นไร้คำพูด เธอไม่คาดคิดว่าจะมีบริการเสริมแบบนั้นเมื่อเธอมาที่นี่
“ข-ข้าต้องการฝึกคู่ร่วมกับท่าน” เธอตอบกลับอย่างรวดเร็ว
มีศิษย์นอกไม่มากนักที่จะปฏิเสธในการฝึกคู่ร่วมกับศิษย์ใน ยิ่งไปกว่านั้นกับคนที่มีฝีมือและความหล่อเหลาดังเช่นซูหยาง
“ดีแล้ว ทำไมเจ้ามิถอดเสื้อผ้าออกเพื่อที่เราจะได้เริ่ม”
ศิษย์หญิงถอดเสื้อผ้าของเธอออกอย่างรวดเร็วและประณีตก่อนที่จะนอนลงบนเตียง
ไม่นานหลังจากนั้น ซูหยางก็เริ่มโลมเล้าร่างกายของเธอก่อนที่จะฝังแท่งขนาดใหญ่ของเขาเข้าไปในร่างและดูดซับปราณหยินของเธอ
DC บทที่ 237: ผู้อาวุโสนิกายที่ระทมทุกข์
“อาาาา อาาาา อาาาา”
ศิษย์หญิงกรีดร้องด้วยความสุขสมขณะที่ซูหยางย่ำยีร่างกายของเธอด้วยดุ้นใหญ่ เปลี่ยนช่องทางรักของเธอให้เป็นรูปเดียวกับดุ้นของเขา
ภายในชั่วไม่กี่นาทีนับตั้งแต่พวกเขาเริ่มร่วมฝึกคู่ ศิษย์หญิงก็หมดแรงจากการปลดปล่อยปราณหยินมากเกินไป
“ถ้าเราร่วมฝึกกันต่อไปอีก ร่างของเจ้าอาจจะเป็นอันตรายจากการที่ปราณหยินแห้งเหือด” ซูหยางกล่าวกับเธอ
“อือ…” แม้ว่าเธอจะลังเลที่จะจากไปหลังจากที่ใช้เวลาที่เหมือนไม่กี่วินาทีในห้องนี้ ศิษย์หญิงก็จากไปหลังจากที่สวมใส่เสื้อผ้าแล้ว
ศิษย์หญิงมากกว่าโหลได้เข้าแถวหน้าบ้านซูหยางนับตั้งแต่เริ่มบริการ แต่เมื่อลูกค้ารายแรกที่เข้าไปในบ้านซูหยางกลับออกมาหลังจากที่ใช้เวลาไม่กี่นาทีภายในนั้น ทุกคนที่รออยู่ด้านนอกต่างก็พากันงงงัน
“ทำไมเจ้าจึงกลับออกมาด้านนอกแล้วล่ะ นั่นยังไม่ถึงสิบนาทีเสียด้วยซ้ำนับตั้งแต่เจ้าเข้าไปข้างใน” คนในแถวถามเธอ คิดว่าเธอช่างโง่เง่าที่เสียโอกาสทั้งที่เป็นคนแรกที่เข้าไป
“พ-พวกเจ้ามิเข้าใจสิ่งใดเลย…” ศิษย์หญิงส่ายหน้าและจากไปด้วยร่างกายที่ยังคงไวต่อการกระตุ้น ทำให้การก้าวย่างของเธอดูแปลกประหลาด
ผู้คนในแถวมองเธอจากไปด้วยท่าทางสงสัยและประหลาดใจ “นั่นเธอหมายความว่าอย่างไร”
“แขกในแถวคนต่อไป โปรดเข้ามาด้านใน” ซูหยางกล่าวจากภายในห้องเขา
คนต่อไปในแถวไม่มัวคิดให้เสียเวลา เธอตรงเข้าไปในบ้าน
ยามเมื่อเธอเข้าไปในห้องของเขาแล้ว ซูหยางก็ถามเธอว่า “เจ้าต้องการนวดหรือว่าต้องการร่วมฝึกคู่”
“เอ๋”
หญิงสาวมองดูซูหยางด้วยตากลมกว้างและท่าทางตื่นตระหนก เช่นเดียวกับหญิงคนก่อนหน้า
“บริการไหนที่เจ้าต้องการ ข้าสามารถนวดให้เจ้าหรือร่วมฝึกคู่กับเจ้าก็ได้” ซูหยางพูดย้ำอีกครั้งเมื่อหญิงสาวยังคงไม่ตอบสนองหลังจากเวลาผ่านไปหลายวินาที
“ข้าต้องการ…ร่วมฝึกคู่ดีไหม” เธอยังคงไม่แน่ใจ ตอบสนองเป็นเชิงคำถาม
“ดีแล้ว กรุณาถอดเสื้อผ้าของเจ้าเพื่อที่พวกเราจะได้เริ่มกัน”
ศิษย์หญิงถอดเสื้อผ้าของเธอออกและนอนลงบนเตียง และซูหยางก็เริ่มบริการสองสามวินาทีหลังจากนั้น
“อาาา อาาา อาาาาาา”
ศิษย์หญิงไม่อยากเชื่อถึงความสุขที่เธอได้รับ มันเหมือนกับว่าเธอได้เปิดโลกใบใหม่
และเช่นเดียวกับลูกค้ารายก่อนหน้า เธอหมดแรงภายในไม่กี่นาที
“ศิษย์พี่ชาย ท่านช่างมหัศจรรย์…” เธอชื่นชมเขาด้วยน้ำเสียงจริงใจ
ซูหยางยิ้มและกล่าวว่า “ข้าจักรออยู่ที่นี่หากเจ้าต้องการกลับมาในเวลาไหนก็ตาม”
หญิงสาวพยักหน้าและออกไปอย่างรวดเร็วหลังจากนั้น
ยามเมื่อศิษย์หญิงออกจากบ้านไปแล้ว เมื่อถูกถามโดยคนอื่น เธอได้กล่าวว่า “เจ้าสามารถเลือกรับการนวดจากศิษย์พี่ชายหรือเจ้าสามารถร่วมฝึกคู่กับเขาก็ได้”
“ว่ากระไร เราสามารถร่วมฝึกคู่กับศิษย์พี่ชายซู” บรรดาหญิงสาวที่รออยู่ในแถวต่างพากันตระหนกจนพูดไม่ออก ความคาดหวังและความตื่นเต้นของพวกเธอสูงทะลุฟ้า
“เจ้าเลือกแบบไหน” หนึ่งในพวกเธอถาม
“ข้าเลือกร่วมฝึกกับเขา…และนั่น…เหนือโลก…” เธอตอบกลับด้วยท่าทางเอียงอาย
“ดีกว่าการนวดของเขาอีกรึ” อีกคนถาม
“ดียิ่งกว่าทุกวิถีทาง…”
เมื่อเหล่าศิษย์หญิงได้ยินเช่นนั้น ความคาดหวังและความกระตือรือล้นของพวกเธอก็สูงเสียดฟ้าถึงขั้นที่ว่าอาจจะมีพลังมากพอที่จะทำลายเมืองได้ทั้งเมืองถ้าอารมณ์นั้นสามารถเปลี่ยนเป็นวิชาการต่อสู้
ยามเมื่อลูกค้าคนที่สามเข้าไปในห้องซูหยาง เธอพลันกล่าวว่า “ข้าต้องการร่วมฝึกคู่”
ซูหยางเพียงพยักหน้า และไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น เขาก็เริ่มเสือกแทงศิษย์หญิง
หลังจากที่เขาร่วมกับลูกค้าคนที่สามเรียบร้อยแล้ว ซูหยางก็รับศิษย์หญิงเข้าไปในห้องเขาอย่างต่อเนื่อง ลูกค้าแปดในสิบคนพวกเธอล้วนร้องขอกิจกรรมร่วมฝึกคู่กับเขา
และเมื่อกิจกรรมอยู่ได้ไม่นานถึงสิบนาที ซูหยางก็สามารถร่วมฝึกกับหญิงสาวได้ประมาณสี่ถึงแปดคนคนทุกชั่วโมง อย่างไรก็ตาม เพราะว่าทุกกิจกรรมล้วนสั้นและเร็ว ซูหยางจึงปลดปล่อยปราณหยางหลังจากที่ร่วมฝึกกับหญิงสาวสิบกว่าคน
แถวด้านนอกบ้านซูหยางได้เพิ่มขึ้นจนถึงขั้นที่ว่าไม่อาจเห็นบ้านซูหยางได้จากท้ายแถว และนั่นก็มีอย่างน้อยกว่าร้อยคนที่ยืนอยู่ในแถวนั้น
ยังไม่ถึงหนึ่งวันดีสำหรับศิษย์นอกแทบทุกคนก็ได้ยินว่าซูหยางได้เปิดบริการธุรกิจขึ้นมาอีกครั้ง และทุกคนที่เคยไปหาเขาก่อนหน้านี้เพื่อรับการนวดล้วนมุ่งหน้าไปยังที่พักของซูหยางยามเมื่อพวกเธอได้ยินเรื่องนั้น ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อพวกเธอรับรู้ว่าซูหยางมีบริการพิเศษที่ยอมให้พวกเธอเลือกระหว่างการนวดและร่วมฝึกคู่กับเขา พวกเธอเกือบกลายเป็นบ้าไปเพราะความตื่นเต้น ในเมื่อนั่นเป็นบางสิ่งที่พวกเธอได้ต้องการประสบนับตั้งแต่ได้รับการนวดจากเขา
การที่ซูหยางเริ่มเปิดบริการอีกครั้งทำให้เกิดความปั่นป่วนขนานใหญ่ภายในนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย จนเกิดความยากลำบากในการเดินทางภายในเขตศิษย์นอก ทำให้ทุกคนลำบากในการเดินทาง ทั้งหมดก็เพราะว่าบรรดาศิษย์นอกที่เป็นหญิงล้วนพากันมาชุมนุมบริเวณที่พักของซูหยาง
ในเวลานั้นผู้อาวุโสนิกายก็เต็มไปด้วยข้อร้องเรียนจากศิษย์ชาย กล่าวโทษซูหยางที่ทำให้พวกเขาขาดคู่ฝึกและการฝึกวิชานับตั้งแต่เขาเริ่มเปิดอีกครั้ง
“พวกเราควรทำอย่างไรดี หากเป็นเช่นนี้ต่อไป พวกเราคงพบว่าการร่วมฝึกคู่ระหว่างศิษย์ลดลงอย่างชัดเจน และศิษย์ชายจักต้องร้องเรียนจนกว่าซูหยางจะหยุดเล่นเกมปริศนาเล็กๆของเขานั่น”
ผู้อาวุโสนิกายต่างพากันปรึกษาหารือกันจนเวลาผ่านไปหลายวัน
“ทำไมเราไม่บอกซูหยางให้หยุดธุรกิจของเขาล่ะ”
“อย่าคิดอย่างนั้น” ผู้อาวุโสนิกายหญิงสองสามคนพลันปฏิเสธคำแนะนำนั้นในทันที เป็นเหตุให้บรรยากาศกลายเป็นความเงียบน่าอึดอัด
“ใช่ ข้ายอมรับว่าข้าได้ไปหาเขาเพื่อรับการนวดก่อนหน้านี้ แต่ตราบเท่าที่เรามิต้องร่วมฝึกคู่ นั่นก็มิได้ผิดกฏนิกาย” หนึ่งในพวกเธอกล่าว
“พวกเราค่อยพูดเรื่องนี้ในคราวหลัง…” หนึ่งในผู้อาวุโสนิกายที่มีอาวุโสมากกว่ากล่าวขึ้น “เรามาที่นี่เพื่อปรึกษาหาทางออกให้กับศิษย์ที่เรียกร้อง ส่วนการบีบบังคับให้ซูหยางหยุดทำธุรกิจ นั่นเป็นเพียงเหตุที่ทำให้เหล่าศิษย์หญิงประท้วงและร้องเรียนต่อจากนั้น ซึ่งนั่นมิได้แก้ปัญหาอะไรทั้งสิ้น”
“เราได้เจอเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อนหน้านี้แล้ว”
ผู้อาวุโสนิกายพากันถอนใจ
ทำไมศิษย์หนึ่งคนจึงสามารถสร้างความปั่นป่วนวุ่นวายและสร้างสถานการณ์อันร้ายแรงต่อบรรดาศิษย์ชายได้มากเช่นนี้ ทั้งที่ใช่ว่าเขาได้กระทำอะไรผิดกฏนิกายแม้แต่น้อย และคำตอบที่สามารถสร้างความพึงพอใจให้กับทั้งสองฝ่ายนั้นมีหรือไม่
DC บทที่ 238: ปิดชื่อลงคะแนน
บรรดาผู้อาวุโสนิกายใช้เวลาอีกครึ่งชั่วโมงต่อมาในการครุ่นคิดอย่างเงียบเชียบ
ถ้าพวกเขายังยอมให้ซูหยางดำเนินธุรกิจเล็กๆนี้อีกต่อไป เช่นนั้นเหล่าศิษย์ชายก็จะร้องเรียนเรื่องคู่ของเขาไม่สนใจพวกเขา
แต่ถ้าพวกเขาหยุดซูหยางจากการให้บริการนวด ก็จะกลายเป็นเหล่าศิษย์หญิงก็จะหันมาร้องเรียนพวกเขาแทน
ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางใดก็ตามที่พวกเขาตัดสินใจเลือก นั่นก็ไม่สามารถที่จะสร้างความพึงพอใจให้กับทั้งสองด้านได้มีแต่จะสร้างความโกรธให้กับอีกฝ่าย
“มีความคิดดีๆบ้างไหม” ผู้อาวุโสนิกายถามหาความคิดดีๆหลังจากนั้น
“ถ้ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะพึงพอใจให้กับทั้งสองฝ่าย ทำไมเราไม่เลือกสักข้างล่ะ อีกฝ่ายย่อมเยือกเย็นลงเมื่อเวลาผ่านไป”
“นั่นก็ถูก แต่ข้างไหนที่เราควรเลือก”
“ทำไมเรามิใช้วิธีปิดชื่อลงคะแนนล่ะ เราสามารถทั้งหยุดซูหยางและสร้างความโกรธแค้นให้กับศิษย์หญิง หรือเลิกสนใจสถานการณ์และสร้างความโกรธแค้นให้กับศิษย์ชายได้เช่นกัน”
ผู้อาวุโสนิกายที่นั่นต่างสบสายตากันและตกลงกับการปิดชื่อลงคะแนน
สองสามนาทีหลังจากนั้น ยามเมื่อการลงคะแนนเสร็จสิ้น ผู้อาวุโสนิกายที่อาวุโสที่สุดก็นับผลการลงคะแนน
“พวกเราเก้าคนเลือกที่จะมิสนใจกับสถานการณ์ ขณะที่อีกสิบต้องการให้ซูหยางหยุดธุรกิจของเขา”
เมื่อผู้อาวุโสนิกายห้าคนที่ลงคะแนนสนับสนุนธุรกิจของซูหยางรู้ผล ใบหน้าของพวกเธอก็แสดงความเสียใจ เมื่อพวกเธอก็จะไม่ได้รับประสบการณ์การนวดของซูหยางอีกต่อไป
“แม้ว่านี่จะเป็นการปิดชื่อ ข้าก็ขอบอกไว้ว่าข้าลงคะแนนฝ่ายตรงข้ามกับซูหยาง” หนึ่งในผู้อาวุโสนิกายพลันกล่าวขึ้น “มันเป็นสิ่งที่ทำให้ศิษย์หญิงโกรธแค้นก็จริง แต่ถ้าหากว่าศิษย์ชายขาดคู่ฝึกที่จะฝึกร่วมด้วยเพราะว่าซูหยาง นั่นย่อมมีผลกระทบอย่างมากต่อนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย ในเมื่อพวกเขามีหนทางที่จะเพิ่มพูนความแข็งแกร่งเพียงวิธีเดียวนั่นก็คือผ่านการร่วมฝึกคู่”
ผู้อาวุโสนิกายอธิบาย แสดงเหตุผลที่เขาลงคะแนนฝ่ายตรงข้ามกับซูหยาง
และหลังจากที่ได้ยินคำอธิบายเช่นนั้น ผู้ที่สนับสนุนซูหยางก็เริ่มคิดใหม่อีกครั้ง
หากว่าศิษย์ชายกว่าครึ่งของเขตศิษย์นอกไม่ได้ฝึกฝีมือ พลังฝึกปรือของนิกายโดยรวมก็จะลดลงไป ซึ่งจะเป็นการคุกคามถึงความปลอดภัยของพวกเขา
“แต่ผู้หญิงเป็นสิ่งมีชีวิตที่คาดเดาไม่ได้อย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเธอเป็นศิษย์ของนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย…ใครจะรู้ว่าพวกเธอจะทำอะไรบ้าคลั่งบ้างถ้าพวกเราขัดขวางพวกเธอมิให้ได้รับความสุข และนี่เป็นสิ่งที่มาจากผู้หญิง…”
“ถ้าผู้อาวุโสนิกายส่วนใหญ่สนับสนุน ก็จะมิมีอะไรเกิดขึ้นและทุกสิ่งก็จักกลับมาเป็นปกติก่อนที่เราจะรู้เสียอีก และถึงแม้ว่าพวกเธอจะเกเร พวกเธอก็ไม่กล้าที่จะสร้างปัญหามากเกินไปให้กับผู้อาวุโสนิกาย”
สถานที่นั้นพลันเงียบลงหลังจากนั้น
ไม่นานหลังจากนั้น ผู้อาวุโสสูงวัยก็กล่าวขึ้นว่า “เช่นนั้นก็ให้ตัดสินเช่นนี้ แม้ว่ามันอาจจะน่าเสียใจที่สิ่งต่างๆมาถึงขั้นนี้และเขาก็มิได้ทำอะไรผิดตามทำนองคลองธรรม เราก็จำเป็นต้องให้ซูหยางหยุดธุรกิจของเขา ในเมื่อนั่นจักสร้างความขัดแย้งและโกรธเคืองระหว่างศิษย์เป็นจำนวนมาก”
หลังจากเงียบไปอีกชั่วขณะ ผู้อาวุโสนิกายที่สูงวัยก็กล่าวต่อว่า “ถ้าว่าไปแล้ว ใครจักเป็นคนที่ไปพูดกับซูหยางเกี่ยวกับการตัดสินใจของพวกเรา”
ผู้อาวุโสนิกายในที่นั้นพากันสบสายตากันอีกครั้ง แต่ทุกคนล้วนมีท่าทางสับสนงงงัน
แม้ว่ากว่ากึ่งหนึ่งของพวกเขาได้ลงคะแนนตรงข้ามซูหยาง แต่ไม่มีใครในหมู่พวกเขากล้าเป็นคนไปหยุดธุรกิจของซูหยางอย่างเป็นรูปธรรม ในเมื่อพวกเขาไม่ต้องการที่จะปรากฏตัวให้เห็นว่าเป็นคนปิดร้านซูหยาง เพราะแน่นอนว่าศิษย์หญิงย่อมกลุ้มรุมคนคนนั้นหลังจากนั้น
เมื่อเวลาผ่านไปหลายนาทีโดยไม่มีใครต้องการเป็นหน่วยกล้าตายสำหรับงานนี้ หนึ่งในหมู่พวกเขาก็ยกมือขึ้นและกล่าวว่า “ในเมื่อไม่มีใครต้องการเป็นอาสาสมัครแม้ว่าจะมีความกระตือรือล้นตกลงที่จะปิดธุรกิจของซูหยางกันก่อนหน้านี้ ข้าก็จักทำเรื่องนี้เอง”
ผู้อาวุโสนิกายภายในห้องต่างพากันหันไปมองชายคนที่เพิ่งพูด
“ท่านมั่นใจเรื่องนี้รึ ผู้อาวุโสซุน”
คนที่อาสาไม่ได้เป็นใครไปนอกจากผู้อาวุโสซุน ปูของซุนจิงจิง
“ต้องมีคนที่ทำเรื่องนี้ ใช่ไหม ยิ่งไปกว่านั้นข้าได้เคยพูดกับเขามาสองสามครั้งก่อนหน้านี้ ดังนั้นข้าถือเป็นผู้ที่เหมาะสมสำหรับงานนี้”
“ต้องขอโทษที่สร้างปัญหาให้ท่าน ผู้อาวุโสซุน”
ผู้อาวุโสซุนส่ายหน้าและออกไปจากที่นั่นในเวลาไม่นานหลังจากนั้น
ยามเมื่อผู้อาวุโสซุนจากไปแล้ว ผู้อาวุโสนิกายที่เหลืออยู่ก็เริ่มแสดงความประหลาดใจ
“ใครจักคิดว่าคนอย่างผู้อาวุโสซุนจักเป็นผู้อาสาทำงานเช่นนี้…”
“ใช่แล้ว เขาเป็นคนสุดท้ายที่นี่ที่ข้าคาดว่าจะเป็นคนไป”
ในขณะที่ผู้อาวุโสนิกายที่เหลือยังคงอยู่ในในห้องประชุม ผู้อาวุโสซุนก็ตรงเข้าไปยังที่พักของซูหยาง
อย่างไรก็ตามโดยไม่น่าประหลาดใจ สถานที่นั้นคราคร่ำไปด้วยศิษย์หญิง
นับเป็นเวลาสองสามวันตั้งแต่ซูหยางเริ่มธุรกิจของเขาอีกครั้ง และทั่วทั้งเขตศิษย์นอกล้วนได้ยินเรื่องนี้แล้วในตอนนี้ กล่าวอีกนัยหนึ่งศิษย์นอกหญิงส่วนใหญ่ล้วนได้ยินซึ่งนั่นนับเป็นหลักร้อย
พอจะกล่าวได้ว่า แม้ว่าจะเกิดการปิดกั้นในพื้นที่นั้น แต่ยามเมื่อผู้อาวุโสซุนปรากฏตัวและบรรดาศิษย์สังเกตเห็นเขา พวกเขาล้วนเปิดทางให้กับเขาขณะที่คำนับไปด้วยในขณะที่เขาผ่านไป
และเพราะว่าพวกเธอเปิดทางให้เขา ผู้อาวุโสซุนจึงไปถึงทางเข้าบ้านซูหยางอย่างง่ายดาย
อย่างไรก็ตามในขณะที่ผู้อาวุโสซุนสามารถเข้าไปถึงบ้านได้ตามปรารถนา แต่ประตูห้องของซูหยางยังคงปิดอยู่ และในเมื่อเขาไม่ต้องการที่จะทำให้เกิดเหตุที่นั่น ผู้อาวุโสซุนตัดสินใจรอด้านนอกจนกระทั่งซูหยางออกมาด้านนอกด้วยตนเอง
สองสามนาทีหลังจากนั้น ประตูห้องของซูหยางก็เปิดออก และศิษย์หญิงคนหนึ่งก็เดินออกมาด้วยท่าทางการเคลื่อนไหวที่ไม่มั่นคง เหมือนกับว่าขาของเธอหมดแรง
ผู้อาวุโสซุนมองดูเธอจากไปพร้อมเลิกคิ้ว และยามที่เขาได้กลิ่นของปราณหยินมาจากร่างของศิษย์หญิง เขาก็ถอนใจ “เจ้าเด็กชั่วซูหยางนี่…เมื่อมาคิดว่าเขายังมีแรงที่จะฝึกคู่ทั้งที่มีคนมากมายปานนี้…”
ผู้อาวุโสซุนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉาซูหยางในใจหลังจากที่เห็นฉากนี้ เพราะว่าเขาไม่ได้เป็นที่นิยมปานนี้ยามเมื่อเขาอยู่ในวันเวลาที่รุ่งโรจน์ช่วงเป็นศิษย์หลัก อย่าได้พูดถึงว่าเพียงเป็นศิษย์ในดังเช่นซูหยาง
“หืม ผู้อาวุโสซุนรึ” ซูหยางปรากฏตัวขึ้นหลังจากที่ศิษย์นั้นจากไปแล้ว และเขาก็พูดด้วยท่าทางสบายๆว่า “ข้ายินดีที่ท่านมาที่นี่ แต่ท่านไม่รู้รึว่าข้าเพียงรับหญิงเข้าไปในห้องเท่านั้น”
“ว่ากระไร– เจ้าบ้า ข้ามาที่นี่ด้วยเรื่องอื่นตะหาก” ผู้อาวุโสซุนตะโกนใส่เขาอย่างรวดเร็วเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด
“อย่างนั้นรึ” ซูหยางเพียงแค่ยิ้มและกล่าวว่า “เข้าไปพูดข้างในกันเถอะ”
DC บทที่ 239: ความปรารถนาในการฝึกฝน
หลังจากผู้อาวุโสซุนเข้าไปในบ้านพร้อมกับซูหยาง ผู้อาวุโสซุนก็กล่าวขึ้นว่า “ข้าจักพูดสั้นๆและง่ายๆว่า สิ่งที่เจ้าทำตอนนี้เป็นเหตุให้เกิดความวุ่นวายจำนวนมาก และผู้อาวุโสนิกายได้ตัดสินใจที่จะหยุดมันครั้งนี้ตลอดไป”
“ช่างตรงไปตรงมา” ซูหยางกล่าว ท่าทางของเขายังคงสงบ
“แม้ว่าเจ้ามิได้ทำอะไรเกินเลยกฏของนิกาย แต่นั่นกลับทำให้ศิษย์ชายจำนวนมากมิสามารถที่จะฝึกฝนได้ และเราก็มิอาจปล่อยให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นต่อไปได้อีก ข้าหวังว่าเจ้าคงเข้าใจได้ว่านี่ทำให้ผู้อาวุโสนิกายเกิดความสนใจ เพราะว่าข้อร้องเรียนมากมายถูกส่งไปหาพวกเขา และพวกเขาล้วนเบื่อหน่ายกับเรื่องนี้”
ผู้อาวุโสซุนอธิบายให้ซูหยาง แม้ว่าพวกเขาต้องการให้เขาหยุดทำเช่นนี้ พวกเขาก็ทำเพราะว่าถูกบีบโดยเหล่าศิษย์
“อืมมมม… อย่างนั้นรึ” ซูหยางยังคงเฉย กล่าวว่า “นี่หมายความว่าเป็นความผิดของข้าที่บรรดาศิษย์เหล่านี้ไม่สามารถที่จะสร้างความพึงพอใจให้กับหญิงของตนเองได้ หือ ข้าคิดว่านิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยกระตุ้นให้บรรดาศิษย์ร่วมฝึกคู่ให้ได้มากที่สุดเสียอีก และนั่นก็เป็นสิ่งปกติที่ข้ากำลังทำ”
ผู้อาวุโสซุนรู้ว่านี่ไม่ง่ายที่จะหว่านล้อมคนอย่างซูหยาง แต่เขาก็พยายามโดยไม่คิดมากนัก “นั่นก็จริง แต่ในกรณีของเจ้า มันเป็นบางสิ่งที่นิกายมิเคยพบมาก่อน ข้ามั่นใจว่ามิมีใครภายในนิกายที่จะคาดคิดว่าคนคนเดียวสามารถฝึกร่วมกับคนหลายคนได้จนทำให้เกิดปัญหา”
“ถ้าข้าปฏิเสธล่ะ ท่านจะทำอะไร ในเมื่อข้ามิได้ล่วงข้ามกฏใดของนิกายเลย ท่านจักต้องมีเหตุผลที่ดีกว่านี้ในการหว่านล้อมข้าให้หยุด ซึ่งตามความเป็นจริง ทำไมนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยมิสอนศิษย์ให้สามารถสร้างความพึงพอใจให้หญิงได้ดีกว่านี้”
“ซูหยาง นี่มิใช่สิ่งที่เจ้าสามารถปฏิเสธได้ ในเมื่อผู้อาวุโสเขตศิษย์นอกทุกคนล้วนคาดหวังให้เจ้าหยุดการลวงโลกีย์นี้” ผู้อาวุโสซุนขมวดคิ้ว
“ลวงโลกีย์ นั่นช่างน่าเจ็บปวด ผู้อาวุโสซุน สิ่งที่ข้ากำลังทำทั้งหมดนี้ก็เพื่อช่วยนิกายโดยการสร้างความสุขสมให้กับบรรดาศิษย์หญิง แต่เพราะว่าการร้องเรียนบางอย่างที่ทำให้ท่านต้องการนำเอาความสุขของพวกเธอออกไป ข้ารู้สึกละอายใจที่ต้องเป็นส่วนหนึ่งของสถานที่ที่มีความคิดเช่นนี้” ซูหยางส่ายหน้าด้วยท่าทางเป็นทุกข์ร้อน
อย่างไรก็ตามกับการแสดงออกของเขานั้น ผู้อาวุโสซุนกลับไม่เชื่อแม้แต่น้อยและกล่าวว่า “แม้ว่าข้าเพียงได้พูดกับเจ้าไม่กี่ครั้ง ข้าก็รู้จักตัวเจ้าเป็นอย่างดี ซูหยาง ในเมื่อเจ้ามิใช่คนประเภทที่จะกล่าวถ้อยคำอย่างนั้นแม้แต่น้อย”
ซูหยางยิ้มและกล่าวว่า “เช่นนั้นท่านก็คงมิเข้าใจข้าแม้แต่น้อย…”
เมื่อเห็นว่าเรื่องนี้ไปไม่ถึงไหน ผู้อาวุโสซุนก็ถอนใจ “จักทำอะไรจึงจะหยุดความบ้าคลั่งนี้ได้ ข้ามาที่นี่เพียงเพื่อส่งข่าวให้กับเจ้า ถ้าเจ้ามิต้องการฟังข้า เช่นนั้นเจ้าก็จักต้องเจอกับคนอื่นอีก และพวกเขาย่อมมิมีความอดทนเช่นเดียวกับข้า”
ซูหยางหรี่ตามองดูผู้อาวุโสซุน แม้ว่าปราณหยินที่เขาได้จากการร่วมฝึกคู่กับศิษย์นอกเหล่านี้ทั้งหมดแทบจะไม่มีอะไรเลย แต่ก็นานมาแล้วที่เขาได้ร่วมฝึกคู่กับหญิงจำนวนมากโดยไม่หยุดพัก และเขาก็ค่อนข้างสนุกกับมันแม้ว่าจะไม่ได้ประโยชน์มากนักจากสิ่งที่เขาต้องการ
ถึงแม้ว่ามันอาจจะไม่มีผลกระทบกับซูหยางมากนักถ้าหากว่าเขาหยุดการร่วมฝึกคู่กับศิษย์นอกเหล่านี้ แต่เขาก็ไม่ชอบให้มีคนมาบีบบังคับเอาสิ่งต่างๆจากเขา
“ให้ข้ากล่าวแบบตรงประเด็น ท่านมีเพียงปัญหาเดียวกับสิ่งที่ข้าทำ ก็เพราะว่าศิษย์หญิงที่มาหาข้าเพื่อหาความสุขมิยอมกลับไปหาคู่ของพวกเธอ และพวกเขาจึงทำการร้องเรียน ถูกต้องไหม”
“ในแง่นั้น ใช่” ผู้อาวุโสซุนพยักหน้า
“เช่นนั้นท่านก็จักมิรบกวนข้าอีก ถ้าศิษย์เหล่านั้นหยุดร่ำร้อง ใช่ไหม”
ผู้อาวุโสซุนมองดูเขาด้วยท่าทางครุ่นคิด คิดในใจว่า “เขาคิดจะทำอะไรคราวนี้”
“ถ้าเจ้าสามารถทำให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นได้ เช่นนั้นผู้อาวุโสนิกายก็จักมิมีเหตุผลอีกต่อไปที่จะหยุดสิ่งที่เจ้าทำ”
“เหตุใดทำให้ท่านมั่นใจเช่นนั้น”
“เจ้าคิดว่าข้าเป็นใคร” ผู้อาวุโสซุนกล่าวด้วยเสียงหยิ่งทระนง “ถ้าข้ากล่าวว่าผู้อาวุโสนิกายจักมิรบกวนเจ้าอีก เช่นนั้นพวกเขาก็จักมิรบกวนเจ้า”
หลังจากเงียบไปชั่วขณะ ซูหยางก็พยักหน้าและกล่าวว่า “ข้าจักถือว่าท่านให้สัญญาแล้ว”
สองสามวินาทีหลังจากนั้น เขาก็ตรงไปยังประตู
“เจ้ากำลังจะไปไหน” ผู้อาวุโสซุนถามเขา
ซูหยางไม่ได้กล่าวถ้อยคำอะไรทั้งสิ้น เพียงก้าวเท้าออกไปข้างนอก
ยามเมื่อเขาอยู่ข้างนอก ศิษย์ทุกคนที่นั่นล้วนมองดูเขาด้วยท่าทางกังวล คิดสงสัยว่าจะมีสิ่งที่เป็นปัญหาเกิดขึ้น ในเมื่อผู้อาวุโสซุนเป็นหัวหน้าของหน่วยคุมกฏ และนั่นก็มีเพียงเหตุผลเดียวที่ทำไมเขาจึงมาปรากฏตัวขึ้นที่เขตศิษย์นอก
“ข้ามีสามเรื่องที่จะประกาศ” ซูหยางพลันกล่าวขึ้นด้วยเสียงอันดังพอที่ศิษย์ทุกคนที่อยู่ด้านหลังจะได้ยิน
“อันดับแรก ข้าจักมิเปิดบริการนี้อีกต่อไป”
เมื่อซูหยางกล่าวถ้อยคำเหล่านั้น หญิงทุกคนที่นั่นรู้สึกเหมือนกับว่าถูกแทงเข้าไปที่หัวใจด้วยกระบี่คม
“ว่ากระไร มีอะไรเกิดขึ้นรึ”
“หรือนี่เป็นเพราะผู้อาวุโสซุน”
“นี่ช่างกระทันหันเกินไป ข้ารออยู่ที่นี่นับชั่วโมงแล้ว”
ความโกลาหลเกิดขึ้นด้านนอกที่พักของซูหยางจนผู้อาวุโสซุนรู้สึกถึงหยาดเหงื่อที่กำลังไหลออกมาจากใบหน้าเมื่อเขาได้ยินชื่อตัวเองถูกกล่าวขานโดยกลุ่มมวลชน แน่นอนว่าเหล่าศิษย์พลันถือว่าเขาเป็นเหตุผลที่ซูหยางปิดประตู
“เงียบก่อนสักชั่วขณะ ข้ายังคงมีอีกสองเรื่องที่จะกล่าว” ซูหยางคำราม จนทำให้ที่แห่งนั้นเงียบลงทันที
“แม้ว่าข้าจักมิทำการบริการเช่นนี้อีกต่อไป ประตูของข้ายังคงเปิดให้ทุกคนที่ต้องการที่จะร่วมฝึกคู่กับข้า ดังนั้นจึงมิมีอะไรเปลี่ยนแปลง”
“นี่มันหมายความว่าอะไร” ผู้อาวุโสซุนจ้องมองซูหยางด้วยท่าทางงุนงง
และก่อนที่ศิษย์หญิงจะทันได้เฉลิมฉลองกับข่าวนั้น ซูหยางก็กล่าวต่อว่า “อย่างไรก็ตามเนื่องเพราะว่าพวกเจ้าส่วนใหญ่ได้ละเลยคู่ฝึกของเจ้า ข้าจึงต้องตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ถ้าเจ้าต้องการที่จะร่วมฝึกคู่กับข้า จงมั่นใจว่าอย่างน้อยอย่าได้ละเลยคู่ฝึกของเจ้า เพราะว่าสุดท้ายแล้ว ข้าก็ยังมิใช่คู่ฝึกของเจ้า เป็นเพียงศิษย์ของนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยที่ปรารถนาการฝึกฝนเท่านั้น”
ทั้งสถานที่นั้นพลันเงียบสงัด และคงอยู่เช่นนั้นไปอีกหลายวินาทีหลังจากคำกล่าวของซูหยาง ทุกคนที่นั่นล้วนไร้คำพูดที่จะกล่าวรวมไปถึงผู้อาวุโสซุนด้วย
DC บทที่ 240: เทพเจ้าแห่งการเสพสม
“นี่ดีพอสำหรับท่านหรือยังผู้อาวุโสซุน” ซูหยางหันไปถามอีกฝ่ายซึ่งกำลังจ้องมองดูเขาด้วยท่าทางสับสนดูเหมือนกำลังงุนงง
“ข..ข้าเดาว่างั้น” ผู้อาวุโสซุนไม่รู้ว่าควรตอบสนองอย่างไร ในเมื่อไม่มีผู้อาวุโสคนใดคาดหวังว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้
“ถ้ามิมีอะไรแล้วที่ท่านต้องการจากข้า ข้าคงต้องขอกลับไปฝึกฝนต่อ” ซูหยางพูดด้วยท่าทางเรียบเฉย
ผู้อาวุโสซุนยืนอยู่ตรงนั้นเหมือนรูปปั้นชั่วขณะก่อนที่จะจากไป ในเมื่อไม่มีเหตุผลใดที่จะให้เขาอยู่นานกว่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นยังมีสายตาคมกริบที่ส่งมาหาเขาจากบรรดาศิษย์หญิง
เขากลัวว่าถ้าเขาอยู่นานกว่านั้น ศิษย์หญิงเหล่านั้นจะมองเขาเป็นผู้ร้ายไปเลยจริงๆ
หลังจากที่ออกจากเขตศิษย์นอก ผู้อาวุโสซุนก็กลับไปยังสถานที่จัดการประชุม ที่ซึ่งผู้อาวุโสที่ยังคงอยู่กำลังรอข่าวจากเขา
“ผู้อาวุโสซุน ท่านกลับมาค่อนข้างเร็วกว่าที่ข้าคาดเอาไว้ เป็นอย่างไรกับศิษย์คนนั้น เขาสร้างปัญหาอะไรหรือไม่”
ผู้อาวุโสนิกายต่างพากันถามเขา
ผู้อาวุโสซุนส่ายหน้า “แม้ว่าข้ามิได้ทำการหว่านล้อมเขาให้หยุด บรรดาศิษย์ชายก็ควรจะมิร้องเรียนอีกต่อไปนับจากวันนี้”
“นั่นท่านหมายความว่าอะไร”
ในเวลานั้นผู้อาวุโสนิกายต่างพากันงุนงง ไม่ว่าเหตุการณ์จะเป็นอย่างไร พวกเขาตกตะลึงมากกว่าที่ผู้อาวุโสซุนไม่สามารถเกลี้ยกล่อมศิษย์คนหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเป็นถึงหัวหน้าผู้คุมกฏ
ผู้อาวุโสซุนถอนหายใจและอธิบายให้ผู้อาวุโสนิกายที่เหลือฟังว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อเขาพยายามหว่านล้อมซูหยางให้หยุดความสุขสันต์จอมปลอม
“ใครจะคิดว่ายังมีวิธีที่ง่ายและได้ประสิทธิภาพเช่นนั้น…” ผู้อาวุโสสูงวัยที่อยู่ตรงนั้นพึมพัม
สิ่งที่พวกเขาทั้งหมดต้องทำก็คือการขอให้ซูหยางหว่านล้อมให้ศิษย์หญิงหยุดการไม่ให้ความสนใจกับคู่ฝึกของตนเอง และทุกสิ่งก็จะคลี่คลายไปโดยไม่ต้องให้เขาปิดบริการ
“แต่เมื่อมาคิดว่าเขาพูดอย่างโอหังที่ว่า “พรากความสุขของหญิงสาวไป” เห็นชัดว่าเขารู้ถึงวิธีผลักผู้คนให้ตกไปอยู่ในจุดที่ลำบาก”
ผู้อาวุโสนิกายบริเวณนั้นต่างพากันหัวเราะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้อาวุโสหญิง
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะเป็นการแก้ไขปัญหาที่สมบูรณ์แบบ แต่ก็ใช่ว่าผู้อาวุโสนิกายทุกคนที่นั่นจะพึงพอใจ พวกเขาไม่ชอบที่ว่าซูหยางในฐานะแค่เพียงศิษย์สามารถทำอะไรก็ตามที่เขาต้องการราวกับว่าเขาบริหารสถานที่นั้น กล่าวไปแล้วก็ไม่มีใครที่พูดขึ้นมาเพราะพวกเขาเชื่อว่าถ้าซูหยางดำรงชีวิตอยู่ด้วยทัศนคติเช่นนั้นต่อไป เขาก็จะล่วงเกินใครสักคนที่เขาไม่สามารถที่จะล่วงเกินได้สักวันหนึ่งและได้รับรู้ถึงวิถีทางอันยากลำบาก
“ตอนนี้สิ่งที่พวกเราสามารถทำได้ก็เพียงรอให้เกิดผลลัพธ์แท้จริงออกมา” ผู้อาวุโสซุนกล่าว
ทุกคนพยักหน้าพวกเขาต่างพากันออกไปจากสถานที่นั้นสองสามนาทีหลังจากนั้น
ในช่วงเวลานั้นย้อนกลับไปยังเขตศิษย์นอก แถวที่ด้านหน้าบ้านซูหยางไม่ได้หดสั้นลงแม้ว่าจะผ่านไปหลายชั่วโมงให้หลัง ตามจริงมันยิ่งขยายออกไปมากขึ้น
คำพูดถึงกลเม็ดการฝึกคู่ของซูหยางและแท่งใหญ่ที่เขากวัดแกว่งอยู่บนเตียงได้แพร่กระจายไปทั่วนิกายนับตั้งแต่วันแรก และเขตศิษย์นอกส่วนใหญ่ก็รับรู้ถึงเรื่องนี้ในเวลานี้แล้ว
เมื่อเวลาผ่านไปหลายวันจนถึงตอนนี้ กระทั่งกลุ่มศิษย์หญิงที่เคยเยาะเย้ยซูหยางในอดีตก็ไปหาเขาเพื่อร่วมฝึกด้วยอย่างน้อยสักครั้ง
กระทั่งยังมีเหล่าศิษย์ที่แอบสาบานว่าจะอยู่ให้ห่างซูหยาง แต่เมื่อไม่ได้ยินอะไรไปนอกจากชื่อเขามาหลายวันก็ทำให้พวกเธออยากรู้อยากเห็นจนทำให้พวกเธอเปลี่ยนใจและมาหาเขาแทน
หลังจากผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ในเขตศิษย์นอก ก็มีเพียงศิษย์นอกหญิงไม่กี่คนเท่านั้นที่ยังไม่เคยร่วมฝึกกับซูหยาง บางสิ่งที่พวกเธอคิดว่าเป็นสิ่งที่มีค่าพอที่จะโอ้อวดได้
ยิ่งไปกว่านั้นซูหยางกลายเป็นบุคคลศักดิ์สิทธิ์ภายในเขตศิษย์นอก ซึ่งหญิงสาวหลายคนเริ่มกำหนดให้เขาเป็นเทพเจ้าแห่งการเสพสมเมื่อพูดถึงเขา
–
–
–
เวลาหนึ่งอาทิตย์ผ่านไปนับตั้งแต่โหลวหลานจีตื่นขึ้นจากการหลับไหลเป็นเวลานานของเธอ
“นับเป็นอาทิตย์แล้วและก็ไม่มีสัญญาณว่าท่านจะกลับไปหลับไหลเช่นนั้นอีก ท่านควรจะปลอดภัยแล้วตอนนี้ ถ้าจะกล่าวไปก็อย่าทำอะไรที่อันตรายจนเกินไปสักหนึ่งเดือนเพื่อป้องกันมันกลับมา” หมอกล่าวกับโหลนหลานจีหลังจากใช้เวลาตรวจสอบกว่าหนึ่งอาทิตย์
ยามเมื่อหมอจากไปแล้ว โหลวหลานจีก็พลันออกจากศาลาหยินหยางเป็นครั้งแรกในรอบหนึ่งอาทิตย์ และด้วยเป้าหมายในใจ เธอก็ตรงไปยังเขตศิษย์นอก
“เจ้ารอไป่ก่อนเถอะ ซูหยาง เจ้าอาจจะคิดว่าข้าได้ลืมเรื่องตบหน้าข้าไปแล้วเพราะว่าข้ามิได้ไปหาเจ้าในสองสามวันที่ผ่านมานี้ แต่ตอนนี้เมื่อข้าสามารถออกจากศาลาหยินหลางได้ เจ้าต้องเสียใจที่มาตบหน้าสาวสวยเช่นข้า”
อย่างไรก็ตามยามเมื่อโหลวหลานจีมาถึงเขตศิษย์นอก เธอต้องตื่นตระหนกกับภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า
นั่นมีศิษย์หญิงไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยคนป้วนเปี้ยนอยู่รอบที่พักของซูหยางและก็มีศิษย์ชายอีกเล็กน้อยที่นั่นซึ่งดูเหมือนมาพยายามเกลี้ยกล่อมศิษย์หญิงให้ไปจากบริเวณนี้
“ศิษย์ผู้นี้คารวะผู้นำนิกาย”
เหล่าศิษย์ที่อยู่ที่นั่นพลันโค้งคำนับโหลวหลานจีและทักทายเธอเมื่อพวกเขาสังเกตเห็นร่างเธอ
“ท-ทำไมจึงมีคนมากมายที่นี่ มีงานฉลองหรืออะไรกันรึ” เธอถามพวกหล่อนด้วยท่าทางงงงัน
เพราะว่าเธอได้อยู่ในศาลาหยินหยางผ่านมานับอาทิตย์และบรรดาผู้อาวุโสนิกายต่างไม่ต้องการรบกวนเธอ พวกเขาจึงไม่ได้พูดให้เธอฟังเกี่ยวกับสถานการณ์ที่นี่ ดังนั้นเธอจึงงุนงงกับสถานการณ์ที่นี่
“นั่นมิถูกต้อง เจ้านิกาย พวกเราทั้งหมดมาที่นี่เพื่อรอร่วมฝึกคู่กับศิษย์พี่ชายซู”
หนึ่งในบรรดาศิษย์ที่ตรงนั้นอธิบายกับเธอ
โหลวหลานจีกรามตกลงไปถึงพื้นเมื่อได้ยินเช่นนั้น ศิษย์หญิงทั้งหมดนี้มาที่นี่เพื่อร่วมฝึกกับซูหยางงั้นรึ
“สวรรค์เบื้องบนเกิดอะไรขึ้นตอนที่ข้าไม่อยู่กัน” เธอร่ำร้องในใจ
ทำไมจึงพลันมีคนมากมายต้องการร่วมฝึกคู่กับซูหยาง หรือว่าเขาทำอะไรอีกแล้ว
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น