Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร 414-420

 บทที่ 414: ความโด่งดังของหลิงหยุน!

หลิงหยุนและเสี่ยวเม่ยหนิงเดินตรงไปที่รถแลนด์โรเวอร์ซึ่งจอดอยู่ตรงลานจอดรถภายนอกอาคารที่ใหญ่โตหรูหรา

ใบหน้าที่สวยงามของหนิงหลิงยู่บ่งบบอกว่าอารมณ์ของเธอกำลังขุ่นมัว สาเหตุมาจากผู้หญิงไร้ยางอายสองคนที่เธอไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อน

หนิงหลิงยู่จ้องมองใบหน้าที่หล่อเหลาของหลิงหยุน พร้อมกับบคิดในใจว่า หากพี่ชายของเธอน้ำหนักไม่ลด และยังคงอ้วนท้วนเหมือนสมัยก่อนก็คงจะดี เพราะหากเป็นเช่นนั้น คงจะไม่มีผู้หญิงสวยๆมากมายมาชื่นชอบ และอยากจะครอบครองเขาเหมือนอย่างทุกวันนี้ อีกทั้งคงไม่มีใครอยากจะมาแย่งหลิงหยุนที่อ้วนเหมือนหมูไปจากเธออีก

แต่ตอนนี้หลิงหยุนได้กลายเป็นหนุ่มน้อยที่สูงถึงหนึ่งร้อยแปดสิบสามเซนติเมตร หนักแปดสิบกว่ากิโลกรัม หากเทียบแล้วหลิงหยุนในเวลานี้ยังผอมกว่าถังเมิ่งเสียอีก แล้วก็สูงสง่ากว่าถังเมิ่งมาก โดยเฉพาะคิ้วรูปดาบที่ดูคมเข้ม และริมฝีปากที่คมชัดราวกับแกะสลัก

ไม่เพียงเท่านั้น.. แววตาที่นุ่มลึก และบุคลิกที่สงบเยือกเย็น และชวนขนลุกในบางครั้งของหลิงหยุน กลับยิ่งทำให้เขาดูมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น อีกทั้งประกายตาระยิบบระยับคู่นั้น ยังสามารถดึงดูดเพศตรงข้ามได้ตั้งแต่แรกเห็น..

แต่ส่วนที่มีเสน่ห์และดึงดูดผู้หญิงได้มากที่สุด กลับเป็นลักยิ้มลึกข้างแก้มซ้ายที่ดูไม่มีพิษมีภัยของเขา ไม่ว่าจะเป็นเวลาพูดหรือยิ้ม ลักยิ้มนี้ก็จะเผยออกมาให้เห็นอย่างเด่นชัด ทุกคนที่ได้เห็นต่างก็อยากจะเอื้อมมือไปสัมผัส และหญิงสาวบางคนอาจถึงกับรู้สึกอยากจะกระโดดเข้าไปหอม หรือกัดแก้มของเขาด้วยซ้ำ

นี่ยังไม่นับรวมถึงกลิ่นหอมที่แผ่กระจายออกจากร่างกายของหลิงหยุน ที่ไม่ว่าผู้หญิงคนใหนได้กลิ่น ก็อยากจะเข้าไปอยู่ใกล้ และไม่อยากถอยห่างอีกเลย

อีกทั้งความสามารถ และพละกำลังของหลิงหยุน ก็แสดงออกถึงการเป็นชายชาตรีที่แข็งแกร่ง ความสงบเยือกเย็นที่ออกจากคำพูดและการกระทำของเขา ประกอบกับรอยยิ้มที่ทรงเสน่ห์ ยิ่งทำให้หลิงหยุนกลายเป็นชายหนุ่มที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ จนยากที่ผู้หญิงคนใหนจะต้านทานได้!

หนิงหลิงยู่จ้องมองเหลิงหยุน และอดนึกถึงความฝันของเธอตั้งแต่วัยเพียงสิบสองไม่ได้ เธอใฝ่ฝันว่าจะได้เติบโตเคียงข้างพี่ชายร่างอ้วนของเธอคนนี้ แต่ที่สุดแล้วกลับนึกไม่ถึงว่า เพียงแค่ระยะเวลาสั้นๆ ทุกอย่างกลับกลายเป็นอย่างที่เห็น!

แต่จู่ๆ หนิงหลิงยู่ก็เอื้อมมือไปเกาะแขนของหลิงหยุนไว้แน่น ท่าทางของเธอดูตื่นตระหนก และดูเหมือนจะไม่ยอมปล่อยมือจากเขาอีกเลย

‘ผู้หญิงสองคนนั่นน่าจะช่วยงานได้..’

หลิงหยุนเองก็กำลังครุ่นคิดว่า หญิงสาวทั้งสองคนนั้น น่าจะเป็นประโยชน์ในการจัดการกับบริษัทชิงหยุนโปรดักชั่นได้บ้าง แต่เมื่อรู้สึกถึงน้ำหนักแขนของหนิงหลิงยู่ที่เกาะแน่น ทำให้เขาอดที่จะแปลกใจไม่ได้

“หลิงยู่.. เป็นอะไรรึเปล่า?!”

“พี่ใหญ่.. พี่.. พี่ชอบผู้หญิงสองคนเมื่อครู่ไม๊?” หนิงหลิงยู่ถามขึ้นด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวล

แต่หลิงหยุนกลับเพียงแค่ยิ้ม แล้วจ้องมองหนิงหลิงยู่อย่างอ่อนโยนพร้อมกับตอบไปว่า “หลิงยู่.. นี่คิดมากไปถึงใหนกันแล้ว? พี่จะชอบพวกเธอได้ยังไง..”

ในเวลานั้นถังเมิ่ง ตี้เสี่ยวอู๋ และคนอื่นๆต่างก็เดินออกมาพอดี ถังเมิ่งร้องบอกหลิงหยุนทันทีที่เห็นหน้า

“พี่หยุน.. ฉันเพิ่งจะได้รับโทรศัพท์แจ้งว่าใบขับขี่ของพี่เรียบร้อยแล้ว จะเข้าไปรับตอนนี้เลยไม๊?”

หลิงหยุนอุทานออกมาทันที “เยี่ยม.. เร็วกว่าที่คิดไว้มาก! เข้าไปเอาเลยดีกว่า”

กุญแจบบ้านทั้งสองหลังตอนนี้อยู่ที่ตี้เสี่ยวอู๋ หลิงหยุนสั่งให้ตี้เสี่ยวอู๋ไปจัดการปั๊มเพิ่มอีกสักสองสามชุด จากนั้นก็ส่งกุญแจรถแลนด์โรเวอร์ให้ตี้เสี่ยวอู๋เป็นผู้ขับไปรับใบขับขี่

ตอนนี้หลิงหยุนเองก็ขับรถเป็นแล้ว ถ้ามีใบขับขี่ ต่อไปเขาคงจะไปใหนมาใหนได้สะดวกขึ้นมาก..

เมื่อได้ใบขับมาแล้ว หลิงหยุนก็สั่งให้ถังเมิ่งขับรถไปที่คลินิกสามัญชนของเขา เพื่อไปดูว่าเหยาลู่เป็นยังไงบ้าง หากทุกอย่างเรียบร้อยดี ก็ให้เขาแวะไปดูที่ร้านเสื้อผ้าต่อเลย

ตี้เสี่ยวอู๋จัดการส่งกุญแจบ้านให้หลิงหยุน หลังจากที่จัดการเก็บกุญแจบ้านไว้ในแหวนพื้นที่แล้วจึงขับรถพาหนิงหลิงยู่ออกไป

“พี่ใหญ่.. นี่เราจะไปใหนกันคะ?!”

หนิงหลิงยู่นั่งอยู่ตรงที่นั่งข้างคนขับ ตอนนี้ในรถมีเพียงแค่เขากับหนิงหลิงยู่สองคน เธอจึงเริ่มรู้สึกงุนงงเล็กน้อย

หนิงหลิงยู่รู้ดีว่าหลิงหยุนมีธุระมากมายที่ต้องทำ และตอนนี้เธอก็เริ่มเข้าใจแล้วว่าเพราะอะไรหลิงหยุนจึงต้องโดดเรียนอยู่บ่อยๆ

“หลิงยู่.. พี่เรื่องบางอย่างที่พี่จะต้องบอกเธอ!”

หลิงหยุนไม่ได้ขับรถเร็วมาก เขาจึงหันไปมองหนิงหลิงยู่พร้อมกับพูดขึ้นว่า “ตอนนี้น้าหญิงอยู่ที่จิงฉูแล้ว!”

“ห๊ะ?! น้าหญิง.. น้าหญิงที่ใหนกันคะ?!”

หนิงหลิงยู่ถึงกับงุนงง และอึ้งไป.. เพราะตั้งแต่เติบโตมาจนถึงอายุสิบแปด เธอยังคิดว่าแม่ของเธอคงจะไม่มีญาติพี่น้องที่ใหน และนางฉินจิวยื่อเองก็ไม่เคยพูดถึงญาติคนใหนให้เธอฟังมาก่อนเลย

เธอไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าตัวเธอเองมีญาติ แต่เมื่อได้ยินหลิงหยุนพูดถึงน้าหญิง หนิงหลิงยู่จึงถึงกับงุนงง!

และเมื่อได้เห็นสีหน้าตกใจปนประหลาดใจอย่างมากของหนิงหลิงยู่ หลิงหยุนจึงหยุดรถไว้ข้างทาง และหันไปมองหน้าหนิงหลิงยู่พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงและท่าทางที่จริงจัง

“ใช่แล้ว.. น้าหญิง น้องสาวของแม่ไง! ชื่อว่าฉินตงเฉี่วย..”

หนิงหลิงยู่ยังคงไม่เชื่อ เธอได้แต่พึมพำว่า “แต่.. แต่แม่ไม่เคยพูดเรื่องนี้กับพวกเรามาก่อน..”

หลิงหยุนเอื้อมมืออกไปลูบหลังหนิงหลิงยู่เบาๆเพื่อปลอบบปะโลม “ตอนนี้น้าหญิงอยู่ที่บ้านแม่ พวกเราจะกลับไปรับน้าหญิงก่อน แล้วค่อยออกไปกินข้าวเที่ยงด้วยกัน!”

ฉินจิวยื่อและฉินตงเฉี่วยต่างก็เป็นยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน หลิงหยุนยังไม่พร้อมที่จะบอกเรื่องนี้กับหนิงหลิงยู่ ตอนนี้ฉินจิวยื่อไปที่สำนักกระบี่เทวะ หลิงหยุนเองก็ไม่รู้ว่าจะบอกเรื่องนี้กับหนิงหลิงยู่ยังไง เพราะเกี่ยวพันไปถึงพ่อแท้ๆของเธอ มันเป็นความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างละเอียดอ่อนและยิ่งใหญ่ แม้แต่ฉินตงเฉี่ยวยังกระอักกระอ่วนที่จะพูดถึง..

ดังนั้น เรื่องนี้หลิงหยุนจึงตั้งใจปล่อยให้เป็นการตัดสินใจของฉินตงเฉี่วย

“หลิงยู่.. ไม่ต้องกังวลใจไป น้าหญิงเป็นคนช่างพูด แล้วอายุก็ไม่ห่างจากพวกเราสองคนมากนัก น่าจะเป็นเพื่อนกับเธอได้!”

หลิงหยุนปลอบโยนหนิงหลิงยู่เสร็จแล้ว จึงขับบรถมุ่งหน้าไปที่บ้านเลขที่-9 ที่อ่าวจิงฉู

……….

โรงเรียนมัธยมจิงฉู..

ในโรงเรียนมัธยมจิงฉูเวลานี้ หากจะถามหาคนที่โด่งดังมีชื่อเสียงและฮ็อทที่สุด ก็คงจะไม่พ้นหลิงหยุนอย่างแน่นอน!

ในยุคของโลกอินเทอร์เน็ตที่มีทั้ง Weibo และ WeChat อีกทั้งข้อมูลข่าวสารต่างๆยังหาได้ง่ายจากโทรศัพท์มือถือ ดังนั้นข่าวลือเรื่องที่หลิงหยุนทุบสำนักงานรื้อถอนบนถนนหลินเจียง และบ้านอีกสองหลังในหมู่บ้านแห่งหนึ่งทิ้ง รวมทั้งข่าวเรื่องที่หัวหน้าสำนักงานรักษาความมั่นคงถูกหลิงหยุนสร้างความอับอายให้อย่างมาก ก็ได้แพร่ออกไปอย่างรวดเร็ว และยากที่จะควบคุมได้

นักเรียนทั้งโรงเรียนมัธยมจิงฉูไม่ว่าจะเป็นมัธยมต้น หรือมัธยมปลาย ต่างก็คลั่งไคล้หลิงหยุน นักเรียนทั่วทั้งโรงเรียนเอาแต่พูดถึงข่าวคราวของหลิงหยุน และตอนนี้หลิงหยุนก็ได้กลายมาเป็นดาวดวงเด่นที่สุดในประวัติศาสตร์ของโรงเรียนมัธยมจจิงฉูแห่งนี้!

ตอนนี้นักเรียนทั่วทั้งโรงเรียนต่างก็พากันจับกุล่ม และถามไถ่กันว่าหลิงหยุนมาโรงเรียนหรือยัง? มีข่าวใหม่เกี่ยวกับหลิงหยุนอีกหรือไม่!?

‘หลิงหยุน..’ สองคำนี้กลายเป็นคำพูดที่ได้ยินมากกว่าคำว่า  ‘สวัสดี’ แล้วก็ ‘ขอบคุณ’ เสียอีก!

ที่ระเบียงของแต่ละห้องเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมปลาย ระเบียงหน้าห้องเรียนของหลิงหยุนกลับเป็นที่ที่ผู้คนแออัดเบียดเสียดกันมากที่สุด พวกเขาต่างก็มามุงดูกันว่าหลิงหยุนมาโรงเรียนหรือยัง? บางคนก็มานั่งจับกลุ่มสอบถามจากเพื่อนนักเรียนในห้องของหลิงหยุนแทน!

แต่สถานการณ์ที่ร้อนแรงกลับเกิดขึ้นจำกัดเฉพาะภายในโรงเรียนมัธยมจิงฉูเท่านั้น แต่ในอินเทอร์เน็ตตอนนี้ ชื่อของหลิงหยุนได้ถูกบบล็อกไว้หมด

ตราบใดที่ข้อความในอินเทอร์เน็ตมีชื่อหลิงหยุนไปเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นการโพส หรือแม้แต่คอมเม้นต์ ก็จะถูกลบบหายไปอย่างไร้ร่องรอย

ภายในห้องเรียนของหลิงหยุน..

ฉางหลิงเอาแต่นั่งใจลอย แม้แต่ครูหวู่ซึ่งสอนวิชาประวัติศาสตร์เองก็ตาม ระหว่างที่สอนอยู่นั้น หางตาของเขากลับคอยเหลือบมองไปที่เก้าอี้มุมห้องด้านหลังอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเป็นที่นั่งประจำของหลิงหยุน

วันนี้ฉางหลิงแต่งตัวสวยงามเพื่อรอหนุ่มน้อยที่เธอหลงรักโดยเฉพาะ แต่กลับบกลายเป็นว่าหลิงหยุนไม่ได้มาเรียน

ส่วนเกาเฉินเฉินก็ยังคงติดต่อไม่ได้ แต่ที่นั่งของเธอตอนนี้กลับมีหญิงสาวคนอื่นเข้าไปนั่งแทน

สาวน้อยสดใสรูปร่างสูงโปร่งคนนี้ ฉางหลิงเพิ่งพบกับเธอไปเมื่อวานนี้ เธอจึงจำได้ว่าเป็นลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของหัวหน้าแก๊งมังกรเขียวชื่อว่าหลงหวู่!

‘วิ่งตามหลิงหยุนมาถึงที่นี่ แล้วยังจะมานั่งที่เกาเฉินเฉินอีก..’ ฉางหลิงได้แต่คิดในใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้

“ฉางหลิง.. อย่ามองไปข้างหลังบ่อยนัก เดี๋ยวเธอจะไม่พอใจเอา!”

ข้างๆโต๊ะคือเหมี่ยวเสี่ยวเหมาที่คอยสะกิด และเตือนฉางหลิงให้ระมัดระวัง

ฉางหลิงหวาดกลัวไม่กล้าหันไปมองอีก เมื่อเห็นว่าหลงหวู่กำลังมองเธอด้วยสายตาไม่พอใจ

ฉางหลิงหวาดกลัวจนต้องหลบสายตา และเมื่อเห็นว่าหลงหวู่เบือนสายตาไปที่อื่น เธอก็รีบกระซิบกับเหมี่ยวเสี่ยวเหมา  “น่ากลัวจัง..”


บทที่ 415: เทพธิดาคู่!

เฉิงเมี่ยนนั่งอยู่ในห้องเรียน แต่จิตใจของเธอกลับล่องลอยไปหาหลิงหยุน แม้ความทรงจำของเธอเกี่ยวกับความน่ากลัวของหลิงหยุนเมื่อหลายคืนก่อนจะถูกลบทิ้งไปแล้ว แต่ความทรงจำของเกี่ยวกับเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ ยังคงชัดเจน และเฉิงเมี่ยเองก็จำได้อย่างแม่นยำ

เฉิงเมี่ยนไม่เคยพบเจอใครที่เหมือนกับหลิงหยุนมาก่อน เธอไม่เคยรู้สึกอยากครอบครองใครมากมายเหมือนที่รู้สึกกับหลิงหยุน ทุกครั้งที่นึกถึงเขา เลือดในกายของเธอก็จะสูบฉีดขึ้นมาทันที!

หากเปรียบกับหลิงหยุนแล้ว เสียเจิ้นเหยินเทียบเขาไม่ได้แม้แต่ปลายเล็บ! และหากเปรียบกับความหลงใหลที่เฉิงเมี่ยมีให้หลิงหยุนในเวลานี้ ความรักที่เธอเคยมีให้เสียเจิ้นเหยินที่ผ่านมานั้น กลับกลายเป็นเรื่องน่าขันไปทันที!

ตอนนี้เฉิงเมี่ยนคลั่งไคล้ในตัวหลิงหยุนมาก และอยากจะพบหน้าเขาอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะอย่างไร เธอก็ต้องหาทางพบหน้าหลิงหยุนให้ได้!

เธอทำได้แม้กระทั่งยินดีคุกเข่าต่อหน้าหลิงหยุน หากเขาต้องการ! และไม่ว่าหลิงหยุนจะดุด่าเธออย่างไร เธอก็ยินยอม ขอเพียงอย่างเดียวว่า อย่าให้หลิงหยุนจากเธอไปโดยไม่พูดอะไร และไม่แม้แต่จะเหลียวหลังกลับมามอง!

และเฉิงเมี่ยนก็ทำอย่างที่คิดไว้จริงๆ!

ตลอดสามคาบเรียนที่ผ่านมา เฉิงเมี่ยนเอาแต่ยืนอยู่ตรงทางเดินที่ตรงเข้าห้องเรียนของหลิงหยุน เธอตั้งหน้าตั้งตาคอยเขาอยู่อย่างนั้น อีกทั้งยังพยายามที่จะขอเบอร์โทรศัพท์ของเขาจากเพื่อนๆ

เฉิงเมี่ยนลืมแม้กระทั่งว่าหลิงหยุนรักพี่สาวของเธอ – เฉิงเม่ยเฟิง ไม่ใช่เธอ!

เธอไม่แม้แต่จะคิดว่า หากหลิงหยุนกับเฉิงเม่ยเฟิงเป็นสามีภรรยากันแล้ว หลิงหยุนเองก็จะได้ขึ้นชื่อว่าเป็นพี่เขยของเธอ – นี่ไม่เท่ากับว่าน้องเมียหลงรักพี่เขยตัวเองอย่างนั้นหรือ..

“หลิงหยุน.. ฉันต้องได้เธอ ไม่ว่าจะต้องทำยังไงก็ตาม..”

แววตาของเฉิงเมี่ยนเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง ร่างกายของเธอร้อนรุ่มขึ้นเรื่อยๆ และร้อนแรงยิ่งกว่าบรรยากาศภายในห้องเสียอีก

……

ที่บ้านเลขที่-9 ในอ่าวจิงฉู

ฉินตงเฉี่วยสวมเสื้อนอนตัวโคล่งสบายๆ นั่งอยู่บนเตียง และพยายามนั่งทำสมาธิ แต่ก็ไม่สามารถทำได้

“นี่ข้าเป็นบ้าไปแล้วหรือยังไง? เจ้าเด็กบ้าหลิงหยุนั่น.. ข้าอยากจะฆ่าเจ้านัก!”

ฉินตงเฉี่วยคว้าหมอนที่อยู่บนเตียงขึ้นมากอดแน่น มือของนางลูบไล้อยู่ที่ริมฝีปากแดงพร้อมกับพึมพำออกมาด้วยความขุ่นเคืองใจ

แต่จู่ๆ ท้องของนางก็ร้องขึ้นด้วยความหิว เพราะถึงแม้ว่านางจะเป็นอัจฉริยะด้านการฝึกตน แต่นางก็ทำอาหารไม่เป็น เพราะเมื่ออยู่ในตระกูลเก่าแก่อย่างตระกูลเฉินนั้น ชีวิตของนางก็สะดวกสบาย และแทบไม่ต้องทำอะไรด้วยตัวเองเลย

“ข้าไม่รู้เบอร์โทรศัพท์ของเจ้าเด็กดื้อด้วยสิ! แล้วนี่ข้าจะไปหาข้าวกินที่ใหนได้บ้าง?”

ฉินตงเฉี่วยได้แต่นั่งถอนหายใจและเหม่อลอย แม้แต่เสื้อนอนตัวโคล่งเปิดลึกจนเห็นเนินอกสีขาวราวหิมะ นางก็ยังไม่รู้สึกตัว!

แต่ไม่นาน ฉินตงเฉี่วยก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ดังห่างอยู่ไม่ไกลนัก และดูเหมือนเสียงนั่นจะค่อยๆมุ่งหน้ามาทางบ้านของนาง!

“เจ้าเด็กดื้อนั่นกลับมาแล้วเหรอ?!”

ฉินตงเฉี่วยทั้งดีใจและมีความสุขมาก ร่างสวยงามของนางพุ่งออกจากเตียง และวิ่งออกนอกห้องนอนไปทันที ถึงเวลานี้นางเพิ่งจะรู้ตัวว่า คอเสื้อตัวโคล่งได้ตกลงไปและเผยให้เห็นหน้าอกขาวเนียนของนางถึงครึ่งเต้า

ฉินตงเฉี่วยหน้าแดงก่ำและร้อนไปหมด นางรีบกลับเข้าไปในห้องนอน และจัดแจงเปลี่ยนเสื้อผ้า

หลิงหยุนจอดรถแลนด์โรเวอร์ไว้ที่สนามหน้าบ้าน จากนั้นจึงลงจากรถไปเปิดประตูบ้านพร้อมกับร้องตะโกนว่า

“น้าหญิง.. ข้าหลิงหยุนเอง! ข้ากลับมาแล้ว..”

ความจริงหลิงหยุนรู้ดีอยู่แล้วว่า ด้วยความสามารถของฉินตงเฉี่วย เพียงแค่รถเข้ามาจอด นางก็ต้องรู้แล้ว ถึงแม้เขาจะไม่ได้ร้องบอกก็ตาม

 “น้าหญิงสวยมากไม๊?”

หนิงหลิงยู่ที่เริ่มยอมรับความจริงได้แล้วว่ามีน้าหญิงอยู่ในบ้านของเธออีกคน และพวกเธอทั้งคู่ก็กำลังจะได้พบหน้ากันอยู่แล้ว แต่ก็อดรนทนไม่ได้จนต้องร้องถามหลิงหยุนออกไป

หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับหันไปบอกหนิงหลิงยู่ว่า “เดี๋ยวคอยดูเองก็แล้วกัน!”

หลังจากที่รถจอด หลิงหยุนและหนิงหลิงยู่ต่างก็เดินลงมาจากรถ และทั้งคู่ก็เห็นฉินตงเฉี่วยที่กำลังเดินออกมาจากบ้าน

หนิงหลิงยู่และฉินตงเฉี่วยต่างก็จ้องตากันด้วยความตกตะลึง!

“ไม่น่าเชื่อ.. หลิงยู่.. ทำไมหลานจึงได้งดงามเช่นนี้นะ?! งดงามกว่าที่ข้าเคยเห็นในรูปเสียอีก!”

“ว้าว.. น้าหญิงกับแม่หน้าตาเหมือนกันมากเลยค่ะ!”

ฉินตงเฉี่วยเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข เธอยิ้มพร้อมกับหัวเราะคิกคัก ทำให้ดูมีเสน่ห์อย่างมาก จากนั้นก็ใช้วิชาตัวเบากระโดดไปยืนอยู่ตรงหน้าหนิงหลิงยู่ ดูเหมือนนางไม่คิดที่จะปิดบังวรยุทธของตนเอง!

“หลิงยู่.. หลานสาวของน้าช่างสวยงามนัก! น้าหญิงไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ”

ฉินตงเฉี่วยยื่นมือออกไปดึงหนิงหลิงยู่เข้ามากอดอยู่นาน และดูเหมือนไม่ยอมปล่อยเสียที..

“น้าหญิงของหนูก็สวยมากเหมือนกันค่ะ..”

แววตาของหนิงหลิงยู่ดูอึ้งไปเล็กน้อยเมื่อเห็นวิชาตัวเบาของฉินจิวยื่อ แต่ก็รีบกอดตอบนางกลับไปเช่นกัน หญิงสาวทั้งสองคนยังคืนยืนกอดกันแน่น และทั้งคู่ก็สามารถสนิทสนมและเข้ากันได้อย่างรวดเร็ว นี่คืออานุภาพของความสัมพันธ์ทางสายเลือด!

“ข้างนอกอากาศร้อน เข้าไปคุยกันในบ้านดีกว่า น้าหญิงจะได้ดูหน้าใช้ชัดๆกว่านี้!”

ฉินตงเฉี่วยคลายอ้อมแขนจากหนิงหลิงยู่ แล้วจูงเมือธอเข้าไปนั่งในบ้าน พร้อมกันนั้นก็ส่งกระแสจิตบอกหลิงหยุนว่า “เจ้าเด็กดื้อ.. ครั้งนี้เจ้าทำดีมาก!”

ฉินตงเฉี่วยดีใจตนลืมเรื่องหิวข้าวไปเสียสนิท..

“คิ้วแบบนี้ ดวงตาแบบนี้ ใบหน้าเล็กอ่อนโยนแบบนี้..”

ฉินตงเฉี่วยพาหนิงหลิงยู่ไปนั่งที่โซฟา นางจับหน้าหนิงหลิงยู่หมุนซ้ายทีขวาที แล้วก็ได้แต่พร่ำชมไม่หยุปาก

ฉินตงเฉี่วยได้เคยเห็นรูปของหลิงหยุนและหนิงหลิงยู่จากฉินจิวยื่อมาก่อนแล้ว และค่อนข้างจะคุ้นหน้าพวกเขาอยู่บ้าง แต่วันนี้เมื่อได้เห็นตัวจริงของหนิงหลิงยู่ นางก็ได้แต่คิดในใจว่าหนิงหลิงยู่นั้นงดงามกว่าในรูปหลายเท่านัก!

จากการพบหน้ากันของคนทั้งคู่ ทำให้เห็นความจริงอย่างหนึ่งว่า คนในครอบครัวที่มีสายเลือดเดียวกันนั้น ถึงอย่างไรก็แตกต่างจากคนในครอบครัวที่ไม่ใช่สายเลือด

หลิงหยุนและหนิงหลิงยู่ล้วนเป็นเด็กที่ฉินจิวยื่อเลี้ยงดูมาด้วยตัวเองทั้งคู่ และฉินตงเฉี่วยก็เพิ่งได้พบกับพวกเขาทั้งสองคนเป็นครั้งแรกเช่นกัน แต่ความรู้สึกของการได้พบกับคนทั้งสองกลับแตกต่างกัน..

นี่ไม่ใช่เรื่องของอารมณ์ความรู้สึก แต่มันเป็นเรื่องของความผูกพันทางสายเลือดที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้!

หนิงหลิงยู่และฉินตงเฉี่วยต่างก็พูดคุยกันอย่างอบอุ่นอยู่ครู่หนึ่ง แต่แล้วหนิงหลิงยู่ก็กระซิบถามขึ้นว่า

“น้าหญิงคะ.. ทำไม.. ทำไมตั้งนานถึงเพิ่งจะมาหาพวกเราคะ?”

หนิงหลิงยู่ช่างเป็นเด็กเฉลียวฉลาด ที่สามารถปะติดปะต่อเรื่องราวได้จากการที่จู่ๆ แม่ของเธอก็หายตัวไป แต่น้าหญิงที่ไม่เคยพบเห็นมาตลอด กลับปรากฏตัวขึ้นมาให้เห็น มีหรือที่เธอจะไม่รู้สึกแปลกใจ

 “เอ่อ.. เรื่องนั้น.. น้าหญิงเอาแต่ฝึกกำลังภายในอยู่หลายปี เลยไม่ได้ออกมาดูโลกภายนอกเลย..”

ฉินตงเฉี่วยนึกไม่ถึงว่าหนิงหลิงยู่จะถามคำถามเช่นนี้ขึ้นมา และสามารถมองเห็นปัญหาได้รวดเร็ว นางจึงไม่สามารถคิดหาคำตอบที่สมเหตุสมผลได้ทัน

“ฝึกกำลังภายในเหรอคะ? น้าหญิงหมายถึงฝึกวรยุทธใช่ไม๊คะ?”

หนิงหลิงยู่รู้มาก่อนแล้วว่าหลิงหยุนเองก็ฝึกกำลังภายในเช่นกัน เธอจึงสามารถยอมรับได้รวดเร็ว และไม่รู้สึกแปลกใจ

ฉินตงเฉี่วยจับมือเล็กๆที่สวยงามของหนิงหลิงยู่ไว้ พร้อมกับตอบไปยิ้มๆ “ใช่แล้ว.. ฝึกวรยุทธนั่นล่ะ ต่อไปถ้าหลิงหยุนดื้อ หรือกล้ารังแกเจ้า น้าหญิงจะช่วยจัดการกับเขาให้เอง!”

พูดจบก็หันไปมองหลิงหยุนด้วยหางตา..

“น้าหญิงคะ.. แล้วแม่ไปใหนคะ?” หนิงหลิงยู่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงถามคำถามที่สองออกมา

สำหรับคำถามนี้ของหนิงหลิงยู่ ฉินจิวยื่อได้ช่วยฉินตงเฉี่วยคิดหาคำตอบไว้อยู่แล้ว นางจึงตอบเสียงเบาว่า

“หลิงยู่.. แม่ของหลานไปธุระ น้าหญิงเองก็ไม่รู้รายละเอียดมากเท่าไหร่นัก เรื่องนี้ค่อนข้างยาว ไว้ตอนเย็นข้าจะเล่าให้เจ้าฟังนะ! คืนนี้เจ้ามานอนกับน้าหญิง ข้าจะค่อยๆเล่าให้เจ้าฟังดีไม๊?”

หนิงหลิงยู่เป็นเด็กสาวที่ฉลาด เธอจจึงยิ้มหวานให้กับบฉินตงเฉี่วย และไม่ถามอะไรอีก

จากนั้น ฉินตงเฉี่วยก็หันไปมองหลิงหยุนและถามขึ้นว่า “วันนี้เจ้าสองคนไม่ไปโรงเรียนหรือยังไง?”

หลิงหยุนยิ้มและตอบกลับไปว่า “น้าหญิง.. อัจฉริยะอย่างข้า ต่อให้ไม่เข้าห้องเรียนก็สามารถสอบเข้าหมาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในประเทศจีนได้ จะต้องเสียเวลาไปโรงเรียนทำไมกัน อีกอย่างข้าก็ไม่อยากให้ท่านเหงาอยู่บ้านคนเดียว ก็เลยพาหลิงยู่กลับมาหา”

ฉินตงเฉี่วยและหนิงหลิงยู่ฟังแล้วก็ได้แต่ยิ้ม ใบหน้ายิ้มแย้ม และเสียงหัวเราะของหญิงสาวทั้งสอง ช่างเป็นภาพที่สวยงามเหลือเกิน!

ในใจของหลิงหยุนสั่นไหวเล็กน้อย พร้อมกับอดคิดไม่ได้ว่า หญิงสาวสองวัยที่นั่งอยู่คู่กันนั้น ช่างดูราวกับเทพธิดาคู่เสียจริงๆ..

หลังจากหัวเราะอยู่ครู่หนึ่ง ฉินตงเฉี่วยก็มองหลิงหยุนพร้อมตอบกลับไปยิ้มๆ “ถ้าเจ้ามั่นใจถึงเพียงนั้นก็ดี เพราะถ้าพวกเจ้าสองคนมั่นใจว่าจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ เรื่องอื่นก็คงไม่สำคัญอะไรอีกแล้ว!”

หลิงหยุนมีความสุขมาก เขาบอกกับฉินตงเฉี่วยว่า “น้าหญิง.. ท่านน่าจะยังไม่ได้ทานข้าวเช้าเลยใช่ไม๊? ออกไปทานข้าวเที่ยงข้างนอกกับพวกเรานะ? เสร็จแล้วก็ไปช้อปปิ้งกันต่อ! ดีไม๊?”

ฉินตงเฉี่วยเมื่อได้ยินคำว่ากินข้าวกับช้อปปิ้งก็แสดงอาการดีใจออกหน้าออกตา นางรีบลุกขึ้นจากโซฟาทันทีพร้อมกับร้องบอกว่า

“ยังต้องถามอีกเหรอ? ข้าก็ต้องไปอยู่แล้ว!”

หลิงหยุนเรียกกุญแจบ้านทั้งสองหลังออกมาจากแหวนพื้นที่ และส่งให้กับฉินตงเฉี่วย พร้อมกับพูดขึ้นว่า “น้าหญิง นี่เป็นกุญแจบ้านทั้งสองหลัง ข้ามอบให้ท่านไว้!”

ระหว่างที่ขับรถกลับมาที่นี่ หลิงหยุนก็ได้มอบกุญแจของบ้านทั้งสองหลังให้กับหนิงหลิงยู่ด้วยเช่นกัน เพื่อวันหน้าเธอจะได้สามารถเข้าออกได้อย่างสะดวก

ฉินตงเฉี่วยรับกุญแจมาพร้อมกับเอ่ยชมหลิงหยุน “เจ้าเด็กดื้อ.. นี่เจ้ารู้จักหาเงินเป็นแล้วรึ? นี่คงจะมัวแต่เอาเวลาไปหาเงินซื้อบ้านสองหลังนี้สินะ เกรดถึงได้ต่ำขนาดนี้..”

หลิงหยุนได้แต่เกาหัวพร้อมกับตอบไปว่า “น้าหญิงใจเย็นๆ เพิ่งเจอกันเอง อย่าเพิ่งเรียกร้องอะไรจากข้ามากนัก..”

“น้าหญิง.. ท่านขับรถเป็นไม๊? ยังมีรถมาเซราติอีกคันอยู่ในโรงรถ ถ้าท่านขับเป็น..”

ฉินตงเฉี่วยไม่รอให้หลิงหยุนพูดจบ แต่ชิงตอบไปว่า “ไม่เป็น.. ข้าไม่เคยเรียน..”

หลิงหยุนยิ้มอย่างมีความสุข เขาจัดการปิดประตูบ้าน ในขณะที่ฉินตงเฉี่วยและหนิงหลิงยู่เดินขึ้นไปนั่งบนรถ


บทที่ 416: พาสาวงามเที่ยว!

ที่อพาร์ทเมนท์ของหลิงหยุนในเมืองจิงฉู..

รถแท็กซี่คันหนึ่งเคลื่อนตัวเข้าไปจอดที่ด้านหน้าอพาร์ทเมนท์อย่างช้าๆ และหญิงสาวคนหนึ่งก็ก้าวออกมาจากรถ

หญิงสาวรูปร่างเซ็กซี่ หน้าตาสวยงาม ผิวขาวสดใส ยืนอยู่ท่ามกลางแดดจ้า ผิวของเธอสว่างไสวยิ่งกว่าชุดเดรสสีขาวที่สวมใส่อยู่เสียอีก

และเธอก็คือตำรวจหญิงคนสวยหลินเมิ่งหานนั่นเอง หลังจากหายหน้าหายตาไปจากจิงฉูราวสิบกว่าวัน หลินเมิ่งหานก็กลับมาที่นี่อีกครั้ง เธอไม่มีกระเป๋าเดินทางใบใหญ่มาด้วย มีเพียงกระเป๋าถือผู้หญิงเล็กๆเพียงหนึ่งใบ หลินเมิ่งหานยืนนิ่งอยู่หน้าอพาร์ทเมนท์ครู่ใหญ่คล้ายกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่..

คนขับรถแท็กซี่ได้แต่จ้องมองเรือนร่างที่เซ็กซี่ของหลินเมิ่งหาน และดูเหมือนว่าคงจะไม่ยอมออกจากตรงนั้นหากบังเอิญไม่มีผู้โดยสารโบกต่อ เขาก็คงยินดีที่จะนั่งมองหญิงสาวหน้าตาสะสวยคนนี้อย่างมีความสุขต่อไปเรื่อยๆ

“ผู้หญิงอะไรสวยชิบหาย! ทั้งหน้าตา รูปร่าง.. ล้านคนจะมีสวยแบบนี้สักคน!”

คนขับรถแท็กซี่ได้แต่พึมพำกับตัวเอง ก่อนจะขับรถออกไปอย่างเสียดาย..

หลังจากที่ยืนนิ่งอยู่ครู่ใหญ่ หลินเมิ่งหานก็เดินขึ้นไปรอหลิงหยุนอยู่ที่หน้าห้อง

“คนใจร้าย.. ความจริงถ้าไม่ได้เจอนาย น่าจะดีกว่า..” น้ำตาใสๆค่อยๆไหลอาบแก้มของหลินเมิ่งหาน..

……..

หลิงหยุนขับรถกลับเข้าไปในตัวเมืองจิงฉูอีกครั้งหลังจากที่เพิ่งขับออกมาจากที่นั่น..

“นี่ถังเมิ่ง.. ในจิงฉูโรงแรมใหนดีที่สุด.. บอกมาเร็วเข้า!”

วันนี้ในแหวนพื้นที่ของหลิงหยุนมีเงินสดถึงสองล้าน และเขาก็กำลังจะพาฉินตงเฉี่วยไปทานอาหารดีๆ

ถังเมิ่งตอบกลับไปโดยไม่ต้องคิด “โรงแรมแชงกรีล่า.. อาหารที่นั่นใช้ได้เลย ฉันเคยไปกินมาแล้ว! นี่พี่จะเลี้ยง..”

หลังจากได้คำตอบ หลิงหยุนก็กดตัดสายทิ้งทันที และไม่แม้แต่จะพูดตอบถังเมิ่ง วันนี้เป็นวันครอบครัว หลิงหยุนไม่สามารถพาคนอื่นไปด้วยได้

แต่เมื่อกดวางสายไปแล้ว หลิงหยุนก็เพิ่งจะนึกขึ้นมาได้ว่า เขาไม่รู้ว่าโรงแรมนี้ตั้งอยู่ที่ใหน จึงหันไปถามหนิงหลิงยู่

“หลิงยู่.. รู้ไม๊ว่าโรงแรมแชงกรีล่าอยู่ที่ใหน?”

หนิงหลิงยู่หัวเราะคิกคักและตอบบกลับไปว่า “นี่พี่ไม่รู้จริงๆเหรอ.. ก็อยู่ตรงข้ามกับสำนักงานเขตเจียงหนานไง!”

หลิงหยุนยิ่งงงเข้าไปใหญ่ เพราะเขาเองก็ไม่รู้ว่าสำนักงานเขตเจียงหนานอยู่ตรงใหน?

โรงแรมแชงกรีล่านั้น นับว่าเป็นแลนด์มาร์คของเมืองจิงฉูเลยก็ว่าได้ และเป็นสถานที่ที่ผู้คนส่วนใหญ่นิยมไปทานกัน และก็ไม่จำเป็นต้องเป็นเฉพาะคนร่ำรวยมีฐานะเท่านั้น เพราะมีโซนสำหรับอาหารที่ราคาไม่แพงสำหรับบคนทั่วไปด้วย

และจากการนำทางของหนิงหลิงยู่ หลิงหยุนก็สามารถขับรถไปถึงหน้าโรงแรมแชงกรีล่าได้อย่างไม่ยากเย็นนัก

หลัจากจอดรถเรียบร้อยแล้ว หลิงหยุนก็เดินนำฉินตงเฉี่วยและหนิงหลิงยู่เข้าไปภายในโรงแรม จัดการจ้องห้องส่วนตัวที่ดีที่สุด และเริ่มสั่งอาหาร

หลิงหยุนนั้นนับว่าเป็นชายหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตร ส่วนฉินตงเฉี่วยและหนิงหลิงยู่ก็งดงามราวกับเทพธิดา ทั้งสามคนจึงตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนที่อยู่ที่นั่น บรรดาสาวเสริฟต่างก็พยายามหักห้ามใจที่จะไม่แอบมองหลิงหยุนให้บ่อยนัก ส่วนสายตาของหนุ่มนั้นก็ไม่ต่างจากสายตาของสาวๆมากนัก

หญิงสาวที่ได้พบเห็นหลิงหยุนในตอนนี้ ต่างก็พากันคิดว่าเขาคือชายหนุ่มร่างสูงที่ไม่เพียงหล่อเหลา ร่ำรวย ขับรถหรูเท่านั้น แต่ยังควงสาวสวยพร้อมกันถึงสองคน ไม่ว่าใครเห็นต่างก็อดที่จะอิจฉาหลิงหยุนไม่ได้

และเพื่อไม่ให้หนิงหลิงยู่ห้ามปราม หลิงหยุนจึงแอบสั่งอาหารกับเด็กเสริฟด้วยเสียงที่เบา เขาสั่งของที่อร่อยที่สุดและแพงที่สุดมาจำนวนมาก โดยไม่สนใจเรื่องสนนราคาแม้แต่นิดเดียว

แต่แล้วฉินตงเฉี่วยกลับเป็นฝ่ายอดรนทนไม่ได้ นางเหลือบมองหลิงหยุนพร้อมกับร้องเตือน

“นี่.. สั่งเยอะแบบนี้ เจ้ากินหมดหรือยังไง?”

หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับวางเมนูอาหารลงบนโต๊ะและหันไปพูดกับเด็กเสริฟว่า “ถ้างั้นก็พอแค่นี้ก็แล้วกัน.. น้าหญิงท่านดื่มเหล้าเป็นไม๊?”

หนิงหลิงยู่รีบร้องห้าม “พี่ใหญ่.. พี่ขับรถห้ามดื่มแอลกอฮอล์นะ..”

หลิงหยุนหัวเราะเสียงดัง “หลิงยู่.. เธอว่าหลัวจ้งจะกล้ามาจับพี่เหรอ? ต่อให้เป็นลุงถังพ่อของถังเมิ่งก็เถอะ..!”

“น้าหญิงคะ.. ดูพี่ใหญ่สิคะ เป็นแบบนี้ทุกทีเลย!” หนิงหลิงยู่หันไปฟ้องฉินตงเฉี่วย และมองนางด้วยสายตาอ้อนวอน

แต่ที่ใหนได้.. ฉินตงเฉี่วยกลับเข้าข้างหลิงหยุน นางหัวเราะคิกคักพร้อมกับบอกหนิงหลิงยู่ว่า

“ไม่เป็นไรหรอกน่า.. วันนี้น้าหญิงมีความสุขมากๆ ดื่มนิดดื่มหน่อยก็ไม่น่าจะเป็นไร! หลิงหยุน.. สั่งเหล้ามาเร็วเข้า..”

ฉินตงเฉี่ยวทำอาหารไม่เป็น ขับรถก็ไม่เป็น แต่เรื่องดื่มนั้นเป็นสิ่งที่นางชื่นชอบเป็นชีวิตจิตใจ อีกทั้งยังดื่มเก่งมากด้วย

หลิงหยุนอุตส่าห์เลือกโรงแรมที่ดีที่สุดในจิงฉูแล้ว มีหรือฉินตงเฉี่วยจะห้าม อีกทั้งนางเองก็อยากจะดื่มอยู่แล้ว!

อาหารและเหล้าถูกนำมาเสริฟอย่างรวดเร็ว ฉินตงเฉี่วยสั่งหลิงหยุนรินเหล้าให้กับหนิงหลิงยู่ด้วย และทั้งสามคนก็เริ่มรับประทานอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อยและมีความสุข

ฉินตงเฉี่วยดื่มเก่งมากจริงๆ และยิ่งดื่มมาก ก็ยิ่งดูจะมีความสุขมากขึ้น เมื่อครั้งที่อยู่ในโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่นั้น หลิงหยุนเองก็เป็นนักดื่มตัวฉกาจคนหนึ่ง เขาเคยดื่มเหล้าเป็นพันจอกแต่ก็ไม่เคยเมา เว้นแต่เบียร์ที่เขาไม่ดื่มเพราะไม่ชอบรสชาติของมัน แต่หากเป็นเหล้าขาวหรือว่าไวน์แล้วรับรองว่าถึงใหนถึงกัน

หลิงหยุนได้แต่อึ้ง และมองน้าหลานดื่มเหล้าเหมาไถ่หมดหนึ่งขวดไปอย่างรวดเร็ว

“เอามาอีกสองขวด!”

ระหว่างที่รอหลิงหยุนรินเหล้าให้อยู่นั้น ฉินตงเฉี่วยก็ไม่รีรอ นางร้องบอกให้เด็เสริฟนำเหล้ามาเพิ่มอีกทันที

หนิงหลิงยู่ตกใจและรีบร้องเตือน “น้าหญิงคะ ท่านกับพี่ใหญ่ดื่มมากแล้วนะคะ ถ้าอยากดื่มมาก กลับไปดื่มต่อที่บ้านไม่ดีกว่าเหรอคะ!?”

ฉินตงเฉี่วยดื่มเหล้าขาวเข้าไป ใบหน้าของนางถึงกับกลายเป็นสีแดง พร้อมกับตอบหนิงหลิงยู่ไปว่า

“หลิงยู่.. ไม่ต้องห่วง น้าหญิงกับพี่ใหญ่ของเจ้าสบายมาก..”

ตั้งแต่เที่ยงจนถึงบ่ายสองครึ่ง ทั้งฉินตงเฉี่วยและหลิงหยุนต่างก็ดื่มเหล้าขาวไปทั้งหมดสามขวด แน่นอนว่าทั้งคู่ควรจะต้องเมาปลิ้นไปแล้วหากไม่ใช้กำลังภายในรีดแอลกอฮอล์ออกจากร่างกาย

“เจ้าเด็กดื้อ.. คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะดื่มเก่งแบบนี้..” ฉินตงเฉี่วยพูดพร้อมกับจ้องมองหลิงหยุน

หลิงหยุนเองก็คิดไม่ถึงว่าฉินตงเฉี่วยจะดื่มมากมายขนาดนี้ เขาเองก็ไม่กล้าให้นางดื่มจนเมามาย เพราะไม่เช่นนั้นบ่ายนี้เขาคงไม่เป็นอันได้ทำอะไรแน่ ระหว่างนั้นเด็กเสริฟก็ยังคนนำอาหารขึ้นมาเสริฟเรื่อย

หลังจากที่ทั้งสามคนทานอาหารกลางวันกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว บริกรก็นำบิลค่าอาหารมาให้ หลิงหยุนโยนเงินสดสองปึกให้ไปโดยไม่พูดอะไร จากนั้นก็พาหญิงสาวทั้งสองคนเดินออกจากห้องไป

“นอกจากจะหล่อมากแล้ว ยังรวยมากอีก..” บริกรหนุ่มสองคนมองเงินที่หลิงหยุนวางไว้แล้วก็ได้แต่พึมพำออกมา

“น่าอิจฉาจริงๆ ควงสาวสวยพร้อมกันทีเดียวสองคนเชียว..!” พนักงานโรงแรมชายสองคนแอบคุยกันขณะที่มองหลิงหยุนเดินนำสาวสวยสองคนไปขึ้นรถด้วยความอิจฉา

แม้เสียงของพนักชายจะเบามาก แต่หลิงหยุนกับฉินตงเฉี่วยก็ได้ยินอย่างชัดเจน ทั้งคู่ถึงกับตกใจ แต่ฉินตงเฉี่วยนั้นถึงกับบหน้าแดง และรีบขึ้นไปบนรถทันที

“น้าหญิง.. ท่านคงต้องอยู่ที่นี่อีกหลายวัน พวกเราไปหาซื้อเสื้อผ้ากับบของใช้ที่จำเป็นกันก่อนจะดีกว่า..”

ฉินตงเฉี่วยตอบยิ้มๆ “เรื่องเสื้อผ้าข้าไม่ค่อยใส่ใจนัก แล้วแต่เจ้าก็แล้วกัน..”

หลิงหยุนพาฉินตงเฉี่วยและหนิงหลิงยู่ไปที่ย่านศูนย์กลางค้าใจกลางเมืองจิงฉูตลอดทั้งบ่าย พวกเขาทั้งกิน ดื่ม และเดินช้อปปิ้ง จนกระทั่งใช้เงินที่เหลืออยู่ในแหวนพื้นที่ไปจนหมด และรถแลนด์โรเวอร์ก็ไม่สามารถจุอะไรได้อีกแล้ว

หลิงหยุนพาหนิงหลิงยู่และฉินตงเฉี่วยไปซื้อเสื้อผ้า เขาไม่สนใจเรื่องเงินเลยแม้แต่น้อย ตราบใดที่หญิงสาวทั้งสองคนใส่แล้วสวย เขาก็หยิบเงินจ่ายทันที

สำหรับฉินตงเฉี่วยนั้น ดูเหมือนนางจะไม่แยแสกับเงินสักเท่าไหร่ หากหลิงหยุนอยากจะใช้ก็ใช้ไป แต่หนิงหลิงยู่นั้นอิดออดในตอนแรก แต่หลังจากซื้อเสื้อผ้าไปได้สองสามชุด เธอก็เริ่มสนุกกับการช้อปปิ้ง และดูเหมือนจะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ

ความสุขของหนิงหลิงยู่ไม่ได้อยู่ที่ราคาของเสื้อผ้า แต่อยู่ที่คนพาไปต่างหาก!

ทุกครั้งที่เห็นสายตาเป็นประกายระยิบระยับของหลิงหยุนในยามที่เห็นเธอสวมเสื้อผ้าสวยๆ หนิงหลิงยู่จะรู้สึกชื่นชอ บและพอใจสายตาเช่นนั้นของหลิงหยุนมาก..

ส่วนฉินตงเฉี่วยนั้น เพื่อไม่ให้หนิงหลิงยุ่รู้สึกเหงากับการช้อปปิ้ง นางจึงได้ช้อปปิ้งเป็นเพื่อนหลานสาว และทั้งคู่ก็ไม่ต่างจากผีเสื้อแสนสวยที่บินเข้าร้านนั้นออกร้านนี้ไปเรื่อย แต่กว่าจะรู้สึกตัว หนิงหลิงยู่ก็หิ้วถุงเสื้อผ้ากลับบ้านเป็นจำนวนมาก

วันนี้หลิงหยุนใช้เงินหมดไปกว่าสองล้าน และล้วนเป็นเงินสดทั้งหมด! เพราะจำนวนเงินที่มากมายขนาดนี้ วงเงินในบัตรเครดิตของเขาก็คงไม่พอ

ทั้งสามคนเดินช้อปปิ้งกันจนถึงทุ่มครึ่ง แม้หลิงหยุนกับฉินตงเฉี่วยจะยังมีพลังงานเหลือเฟือ แต่หนิงหลิงยู่กลับเดินต่อไม่ไหวแล้ว หลิงหยุนจึงพาทั้งคู่ไปทานข้าวเย็นต่อ

ทั้งสามคนรับประทานอาหารเย็นเสร็จตอนสามทุ่มพอดี จากนั้นหลิงหยุนก็พาหนิงหลิงยู่ และฉินตงเฉี่วยกลับบ้านพักผ่อน


บทที่ 417: ไม่จำเป็นต้องอดกลั้นอีกแล้ว!

หลังจากสามทุ่มไปแล้ว รถราบนถนนก็เริ่มเบาบางลงมาก หลิงหยุนจึงควบแลนด์โรเวอร์ออกจากตัวเมืองมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออก เพื่อกลับไปที่บ้านในอ่าวจิงฉูอย่างรวดเร็ว และเพียงแค่ยี่สิบนาทีก็ถึงบ้านเรียบร้อยแล้ว

หลิงหยุนไม่ยอมให้ฉินตงเฉี่วยและหนิงหลิงยู่ช่วยยกของลงจากรถ เขาจัดการนำของทุกอย่างไปไว้ในบ้านเองคนเดียวจนเรียบบร้อย

“น้าหญิง ท่านยังจำยอดฝีมือสองคนที่แยกกับข้าเมื่อคืนนี้ได้ไม๊? ข้าอยากจะออกไปพบพวกเขาหน่อย..”

หลังจากที่หลิงหยุนจัดการขนของเรียบร้อยแล้ว เขาก็กระซิบบอกเพื่อเป็นการขออนุญาตฉินตงเฉี่วย

ฉินตงเฉี่วยมองหลิงหยุนพร้อมกับทำเสียงจุ๊ๆ และแววตาก็เต็มไปด้วยความลังเลสงสัย ดูเหมือนนางจะไม่เชื่อคำพูดของหลิงหยุนนัก

“เจ้าต้องการไปพบสองคนนั้น.. แค่นั้นจริงๆรึ?” ฉินตงเฉี่วยยิ้มอย่างมีเลศนัยพร้อมกับถามขึ้นอย่างไม่ค่อยจะเชื่อ

หลิงหยุนจึงรีบตอบกลับไปทันที “เท่านั้นจริงๆ! เมื่อคืนเหล่ากุ่ยได้รับบาดเจ็บ ข้าอยากจะไปดูอาการของเขาหน่อย หากไม่ดีขึ้นข้าก็จะได้ช่วยรักษาให้.. ช่วงนี้เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ข้าต้องมั่นใจว่าจะไม่มีอะไรผิดพลาด..”

ฉินตงเฉี่วยมองหลิงหยุนพร้อมกับทำเสียงหัวเราะหึหึ ก่อนจะตอบไปว่า “ถ้างั้นเจ้าก็ไปได้.. แต่ยังไงก็ต้องกลับมานอนที่บ้าน เข้าใจไม๊?”

แม้ว่าหนิงหลิงยู่จะไม่อยากให้หลิงหยุนไป แต่เธอก็รู้ดีว่าหลิงหยุนมีธุระมากมายที่ต้องไปจัดการ อีกอย่างวันนี้เขาก็พาเธอไปเที่ยวตลอดทั้งวันแล้ว แม้จะรู้สึกเหนื่อยและหมดเรี่ยวหมดแรง แต่หนิงหลิงยู่ก็ยังร้องบอกหลิงหยุน

“พี่ใหญ่ หมั่นเช็คมือถือด้วยนะ ระวังเรื่องแบตด้วย อย่าให้พวกเราติดต่อพี่ไม่ได้อีกล่ะ..”

หลิงหยุนถึงกับเหงื่อตก เขารีบพยักหน้ารับ จากนั้นก็รีบวิ่งออกไปจากห้องนั่งเล่น และขับรถแลนด์โรเวอร์ออกไปทันที

แม้จะบอกว่าหญิงสาวทั้งคู่ว่าออกไปดูอาการของเหล่ากุ่ย แต่ความจริงแล้ว หลิงหยุนต้องการออกไปหาเหยาลู่ เพราะตั้งแต่ที่เขารักษาอาการบาดเจ็บให้เธอไปเมื่อครั้งนั้น เขาเองก็ยังไม่ได้พบหน้าเธออีกเลย หลิงหยุนจึงอดที่จะเป็นห่วงเธอไม่ได้

ก่อนที่จะขับรถออกไปนั้น หลิงหยุนก็ได้หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาดู แล้วก็พบว่ามีข้อความหลายข้อความ แล้วก็มีสายที่ไม่ได้รับอีกหลายสาย

-พี่หลิงหยุน ทำไมถึงไม่รับโทรศัพท์ฉัน เห็นข้อความนี้แล้วก็ตอบกลับฉันด้วย..-  ข้อความจากเสี่ยวเม่ยหนิง

-หลิงหยุน.. ฉันคิดถึงคุณ..- ข้อความจากเหยาลู่

-หลิงหยุน วันนี้ไม่มาเรียนเหรอ? ถ้านายไม่มาเรียน ครูประจำชั้นจะไปที่บ้านนายแล้วนะ! แล้วทำไมโทรไปถึงไม่รับสาย?- ข้อความจากฉางหลิง

ส่วนอีกสองข้อความนั้นถูกส่งมาจากเบอร์ที่เขาไม่รู้จัก แต่หลิงหยุนแค่อ่านก็รู้แล้วว่าเป็นข้อความมาจากหลิวหยานและจ้าวหยิง เพราะสองข้อความต่างก็มีนัยยะไม่ต่างกันนัก

-สุดหล่อ.. ยังยุ่งอยู่ไม๊? เมื่อไหร่จะว่างไปดื่มกาแฟกันล่ะ? ฉันคิดถึงเธอมากนะรู้ไม๊? ว่างเมื่อไหร่ก็โทรมาได้นะจ๊ะ..-

ส่วนอีกข้อความส่งมาจากถังเมิ่ง -พี่หยุน ประตูร้านเสื้อผ้าจัดการซ่อมเรียบร้อยแล้วนะ เปลี่ยนกุญแจใหม่หมดแล้ว ลูกกุญแจอยู่ที่ฉัน-

หลิงหยุนจัดการตอบข้อความของเสี่ยวเม่ยหนิงและฉางหลิง เขารู้ว่าทั้งคู่ยังคงอยู่ในช่วงทบทวนบทเรียนจึงไม่อยากโทรเข้าไปรบกวน

จากนั้นก็โทรหาเหยาลู่บอกกับบเธอว่า เขากำลังจะเข้าไปหา เหยาลู่ได้ฟังถึงกับดีใจอย่างมาก

ส่วนข้อความของหญิงบริการสองคนอย่างหลิวหยานกับจ้าวหยิงนั้น หลิงหยุนยุ่งอยู่ และยังมีอะไรต้องทำอีกมากจึงไม่สนใจที่จะตอบกลับไปในตอนนี้

หลังจากจัดการตอบข้อความเท่าที่จำเป็นแล้ว หลิงหยุนก็ขับรถตรงไปที่คลีนิคสามัญชนของเขา เมื่อไปถึงเขากลับเห็นคลินิกยังคงเปิดไฟสว่างไสว ภายในร้านยังมีเสียงตอกตะปู และเสียงเลื่อยไม้ ไม่น่าเชื่อว่าคนงานยังคงตกแต่งร้านอยู่จนดึกจนดื่น

“นี่สี่ทุ่มเข้าไปแล้ว.. คนงานยังทำงานกันอยู่อีกเหรอนี่..”

หลิงหยุนสังเกตเห็นว่า ประตูหน้าต่างที่พังยับเยินก่อนหน้านี้ ได้ถูกเปลี่ยนใหม่หมดแล้ว แต่ด้านล่างยังรกอยู่เพราะยังไม่ได้เริ่มตกแต่ง จึงเต็มไปด้วยเศษไม้ และฝุ่นเต็มไปหมด

ระหว่างที่เห็นหลิงหยุนเดินเข้าไปนั้น เหยาลู่ก็ร้องทักทายเสียงดังด้วยความดีใจ และรีบวิ่งเข้าไปกอดหลิงหยุนทันที จากนั้นขอบตาของเธอก็เริ่มแดง..

เธอเฝ้ารอหลิงหยุนด้วยความคิดถึง!

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ภายใต้ภาพลักษณ์ที่ดูอ่อนโยนของเหยาลู่นั้น ภายในกลับแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ แม้เธอจะเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ครั้งนี้รุนแรงที่สุด และได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส แต่เมื่อได้พบหลิงหยุน เธอกลับไม่คร่ำครวญหรือแสดงความอ่อนแอออกมาให้เห็นแม้แต่น้อย มีเพียงดวงตาที่แดงก่ำเท่านั้น

“กำลังรอผมอยู่ใช่ไม๊?!” หลิงหยุนกอดเหยาลู่แน่นอยู่ครู่หนึ่ง และลูบไล้แผ่นหลังของเธอเป็นการปลอบโยนพร้อมกับกระซิบถาม

หลังจากนั้น หลิงหยุนจึงเดินเข้าไปทักทายซูกงซึ่งเป็นหัวหน้าช่างพร้อมกับยื่นเงินสดจำนวนหนึ่งหมื่นหยวนให้กับเขา

“พี่ชาย.. วันนี้ทุกคนต่างก็ทำงานกันเหน็ดเหนื่อย ถ้าไงรับเงินนี่ไป และพาทุกคนไปหาอะไรดื่มแก้ร้อนกันนะ..”

ซูกงรีบปฏิเสธทันที และพูดขึ้นอย่างซื่อๆ “น้องชาย.. พวกเราทำทุกอย่างด้วยใจ ไม่เกี่ยวกับเงินเลย อีกอย่างครั้งที่แล้วท่านก็ได้มอบเงินไว้ให้พวกเรามากมายแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้เพิ่มอีกแล้ว”

แต่หลิงหยุนกลับยิ้มและยัดเงินปึกนั้นลงไปในมือของซูกงพร้อมกับพูดขึ้นว่า “เหยาลู่ยังไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น เธอจึงได้มาเฝ้าทุกคนทำงานในวันนี้ ต่อไปผมจะไม่ให้เธอมาอีก เรื่องคลีนิคต้องรบบกวนพี่ชายช่วยดูแลให้ด้วย!”

ซูกงได้แต่มองเงินหนึ่งหมื่นในมือ และรับมันไว้ด้วยความซาบซึ้งใจ จากนั้นจึงกระซิบกับหลิงหยุนว่า

“น้องชาย.. ฉันเป็นคนบ้านนอก ถ้าพูดจาอะไรผิดไป หรือไม่ถูกไม่ควร ก็อย่าได้ตำหนิฉันเลยนะ..”

จากนั้นซูกงก็ชี้ไปทางเหยาลู่ที่ยืนอยู่ห่างๆ แล้วกระซิบกับหลิงหยุนว่า “เด็กสาวคนนั้นเธอเป็นคนดีมากจริงๆ หวังว่าน้องชายจะไม่ทำร้ายความจริงใจที่เธอมีให้นะ..”

หลิงหยุนพยักหน้ายิ้มๆ เขาตบบ่าซูกงอย่างอ่อนโยน จากนั้นจึงตะโกนทักทายคนงานคนอื่นๆอีกเจ็ดแปดคนก่อนจะเดินออกจากคลีนิคไป

หลิงหยุนเปิดประตูออกไป และพาเหยาลู่เดินไปที่รถ เขาเปิดประตูให้พร้อมกับแนบริมฝีปากเข้าใบหูของเธอแล้วกระซิบว่า

“รถมารับเจ้าสาวแล้วครับ..”

เหยาลู่ฟังแล้วก็ได้แต่หัวเราะส่ายหน้า และก้มหน้าอย่างเอียงอาย

“เหยาลู่.. คืนนี้จะส่งตัวเจ้าสาวเจ้าบ่าวเข้าห้องหอที่ใหนดี?” หลิงหยุนถามขึ้นทันทีเมื่อเข้าไปในรถ

เหยาลู่ได้ฟังคำถามของหลิงหยุน ก็ถึงกับหน้าแดง ร่างบอบบางสั่นเล็กน้อยราวกับถูกไฟฟ้าช็อต

เธอลูบฝ่ามือไปมาที่ลำคออย่างเก้อเขิน ก่อนจะใช้สองมือรวบผมที่ยาวสลวยขึ้นพร้อมกับตอบไปว่า

“เอ่อ.. ฉันเฝ้าคลินิกมาตลอดทั้งวัน เนื้อตัวมีแต่เหงื่อแล้วก็ฝุ่นสกปรก..”

เหยาลู่ไม่ปฏิเสธ และต่อให้ต้องปฏิเสธ เธอก็คงปฏิเสธอย่างไม่เต็มใจ! หลิงหยุนเห็นท่าทางของเหยาลู่จึงได้แต่โอบกอดเธอด้วยความรู้สึกทั้งรักและสงสาร เพราะรู้ดีว่าความหวังของเหยาลู่คือการได้มีความสุขฉันท์ชายหญิงกับเขา..!

หลิงหยุนยิ้มและตอบกลับไปว่า “ผมไม่กลัวฝุ่นที่ติดตัวคุณนี่นา แค่อาบน้ำก็สะอาดแล้ว ผมช่วยอาบน้ำให้ก็ได้นะ ไม่คิดค่าบริการด้วย..”

เหยาลู่หน้าแดงด้วยความอาย แต่ในใจกลับรู้สึกมีความสุขอย่างมาก เสียงพูดของเธอเบาราวกับเสียงยุง และแทบจะไม่ได้ยิน

หลิงหยุนชอบเหยาลู่มากที่สุด เพราะเธอเป็นคนที่เชื่อฟังเขาที่สุด เขายิ้มและพูดขึ้นว่า “ผมจะขับรถไปส่งคุณที่โรงแรมก่อน คุณจะได้ไปอาบน้ำพักผ่อนไปพลางๆ ระหว่างที่รอผมไปจัดการธุระให้เสร็จ หลังจากเสร็จแล้ว ผมจะกลับไปหาคุณที่โรงแรม..”

เหยาลู่ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่า เมื่อใดก็ตามที่คลินิกชั้นสองตกแต่งเสร็จพร้อมอยู่ เธอจะมอบร่างกายให้กับหลิงหยุน แต่คิดไม่ถึงว่าคลีนิกกลับถูกทุบทำลายจนยับเยิน เหยาลู่จึงได้โกรธมาก

เหยาลู่คิดไม่ถึงว่าจู่ๆหลิงหยุนก็เสนอว่าจะมาหาเธอที่ห้องคืนนี้ เธอจึงทั้งแปลกใจแล้วก็เก้อเขินในเวลาเดียวกัน แต่ก็ตอบกลับบไปว่า..

“แล้วแต่..”

หลิงหยุนหัวเราะ จากนั้นก็เหยียบคันเร่งออกไปทันที เขาพาเหยาลู่กลับไปพักที่โรงแรมแชงกรีล่า และตอนนี้เขาก็รู้เส้นทางดีแล้ว

“โรงแรมนี้แพงเกินไป..” เหยาลู่เห็นหลิงหยุนพาเธอมาที่นี่ ในใจก็นึกเสียดายเงิน

หลิงหยุนตอบบกลับไปยิ้มๆ “ไม่มีอะไรแพงสำหรับคืนเข้าหอของเรา…”

ทั้งคู่เดินลงจากรถตรงเข้าไปในโรงแรมทันที.. หลิงหยุนเพิ่งจะมาทานอาหารเที่ยงที่นี่พร้อมกับฉินตงเฉี่วยและหนิงหลิงยู่ ดอร์แมนที่เปิดประตูยังคงเป็นคนเดียวกันกับที่อิจฉาหลิงหยุนไปเมื่อช่วงบ่าย แต่ตอนนี้กลับบเห็นหลิงหยุนควงสาวสวยคนใหม่มาอีกคน จึงได้แต่นึกสงสารหญิงสาวที่มาด้วย และอดที่จะอิจฉาหลิงหยุนไม่ได้!

“ผมต้องการห้องพักสำหรับหนึ่งอาทิตย์ครับ!” หลิงหยุนจัดการจจองห้องพักในขณะที่เหยาลู่เอาแต่เอียงอาย

“ทั้งหมดหนึ่งแสนแปดหมื่นหยวนค่ะ ทั้งหมดเจ็ดวัน จะจ่ายเป็นเงินสดหรือบัตรเครดิตดีคะ?”

ช่างบังเอิญที่หญิงสาวแคชเชียร์ก็เป็นคนเดียวกันกับเมื่อตอนเที่ยง เมื่อเธอเห็นหลิงหยุนเปลี่ยนสาวควงคนใหม่ อีกทั้งยังเปิดห้องสูทให้อยู่ตั้งเจ็ดวัน ในใจของเธอก็นึกอิจฉาเหยาลู่ไม่ต่างจากคนดอร์แมน

“เครดิตการ์ครับ!” หลิงหยุนใช้เงินสดไปหมดแล้ว จึงต้องชำระเป็นเครดิตการ์ด

หลังจากชำระเงินเรียบร้อยแล้ว และได้รับคีย์การ์ดเรียบร้อยแล้ว หลิงหยุนก็จูงมือเหยาลู่ขึ้นไปข้างบนพร้อมกับพนักงานโรงแรม

ช่วงที่ยังไม่ได้ฝึกวิชาลับหยินหยางนั้น หลิงหยุนจำเป็นต้องอดกลั้นและข่มอารมณ์อย่างว่า แต่ตอนนี้เขาฝึกวิชาพลังลับหยินหยางสำเร็จแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องอดกลั้นต่ออารมณ์ธรรมชาติเหล่านี้อีกต่อไปแล้ว

หลิงหยุนและเหยาลู่ขึ้นไปชั้นยี่สิบเจ็ดของโรงแรมแชงกรีล่า พนักงานโรงแรมจัดการเปิดประตูห้องสูทให้พร้อมกับอธิบายอย่างสุภาพ หลังจากพนักงานแนะนำเรียบร้อยและจากไปแล้ว ทั้งคู่จึงเดินเข้าไปด้านใน

“โอ้โห.. ห้องใหญ่มากเลย..!”  ทันทีที่เดินเข้าไปดูด้านใน เหยาลู่ก็ร้องออกมาอย่างตกอกตกใจ!

ไม่เพียงแค่ห้องใหญ่โต แต่ยังหรูหรามาก เรียกได้ว่าทุกอย่างในห้องล้วนดูหรูหราไปหมดเกินกว่าที่เหยาลู่จะคาดคิด!

“เหยาลู่.. คุณเข้าไปอาบน้ำพักผ่อนแล้วรอผมอยู่ที่นี่นะ ผมจะรีบกลับมา..”

หลิงหยุนไม่รีบร้อนมากนัก เขาจึงเข้าไปสำรวจในห้องและเดินดูอย่างพออกพอใจ

“หลิงหยุน.. คุณจะกลับมาที่นี่แน่นะ..” เหยาลู่มองหลิงหยุนที่ทำท่าจะเดินออกไปพร้อมกับยื่นมือไปจับมือเขาอย่างอายๆ และดูเหมือนไม่อยากให้หลิงหยุนจากไป

หลิงหยุนยื่นมือไปจับมือเหยาลู่ไว้พร้อมกับกระซิบว่า “แน่นอน..”

เขาก้มหน้าลงไปจูบเหยาลู่และบอกกับเธอเสียงเบา “ไม่ต้องกังวล.. เหยาลู่ของผมอยู่ที่นี่ ผมก็ต้องกลับมาที่นี่สิ!”


บทที่ 418: จูบจากนางฟ้า!

หลิงหยุนกดลิฟท์ลงมาชั้นล่างของโรงแรม เมื่อขึ้นรถได้ก็ขับมุ่งหน้าไปยังบ้านเลขที่-1 ในทะเลสาบจิงฉูทันที

เมื่อไปถึง เขาก็พบว่าทุกคนทั้งเหล่ากุ่ย ตู้กู่โม่ ตี้เสี่ยวอู๋ และเจ้าขาวปุยต่างก็รวมตัวกันอยู่ในบ้านหลังนี้

ทันทีที่หลิงหยุนก้าวลงจากรถ เงาสีขาวของเจ้าขาวปุยก็พุ่งออกมา และเพียงแว้บเดียวก็มุดเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของหลิงหยุน รูปร่างและสีหน้าท่าทางของมันทำให้หลิงหยุนถึงกับตกใจ

“เจ้าอย่าดูดซับพลังชีวิตเข้าไปมากจนเกินไป หลังจากนี้อีกห้าวันข้าจะพาเจ้าไปหาที่เพื่อกลายร่าง” หลิงหยุนลูบขนสีขาวที่นุ่มลื่นราวกับผ้าซาตินของเจ้าขาววปุยพร้อมกับกระซิบบอก

ใบหน้าเล็กๆของเจ้าขาวปุยผงกขึ้นลงเป็นการรับบรู้ ดวงตาสีดำขลับเป็นประกายระยิบบระยับของมัน จ้องมองหลิงหยุนอย่างประจบสอพลอ

ในเวลาเดียวกันนั้น เหล่ากุ่ย ตู้กู่โม่ และตี้เสี่ยวอู๋ ต่างก็เดินออกมาจากบ้านเพื่อทักทายหลิงหยุน หลิงหยุนเองก็ยิ้มทักทายพวกเขาทั้งสามคนเช่นกัน จากนั้นก็เชื้อเชิญเหล่ากุ่ยเข้าไปในบ้าน

“เหล่ากุ่ย.. วันนี้ข้ายุ่งทั้งวันจึงไม่มีเวลาได้มาดูแลต้อนรับท่าน อภัยให้ข้าด้วย..” หลิงหยุนเอ่ยขอโทษเหล่ากุ่ยอย่างสุภาพระหว่างที่เดินเข้าไปในบ้านด้วยกัน

เหล่ากุ่ยตอบยิ้มๆ “เรื่องเล็กน่า.. เจ้ามีญาติมาเยี่ยมเยียน ยังไงก็ต้องไปต้อนรับขับสู้ถึงจะถูก เรื่องของข้าเจ้าอย่าได้กังวลไปเลย..”

เหล่ากุ่ยได้แต่คิดในใจว่า.. นี่ยังไม่เรียกว่ายุ่งได้หรอก รอให้นายน้อยของเขาได้เจอกับท่านปู่ก่อนเถิด รับรองว่าจะมีงานให้ทำไม่หยุดไม่หย่อนเลยเชียวล่ะ!

หลังจากออกมาจากบ้านเฉิงเทียนเมื่อคืนนี้ เหล่ากุ่ยจึงฉวยโอกาสติดต่อกลับไปหาหลิงลี่ทันที

หลังจากที่ได้เล่าเหตุการณ์ทุกอย่างให้หลิงลี่ฟังแล้ว หลิงลี่เองก็ถึงกับตกใจ และอึ้งไปพักใหญ่ และเมื่อได้ฟังเรื่องราวที่น่าทึ่งของหลานชายที่ชื่อหลิงหยุนแล้ว มีหรือที่หลิงลี่จะยังนิ่งเฉยอยู่ที่บ้านได้อีก?

เขาแทบจะอดทนรอไม่ได้ หากมีปีกเขาคงจะบินไปที่เมืองจิงฉูในทันที เพื่อไปดูหลานชายที่เขาเองก็ไม่เคยได้พบหน้ามาก่อน

แต่หลิงลี่ไม่ได้ปริปากบอกเรื่องนี้กับใครเลยสักคน แม้แต่หลิงเสี่ยวซึ่งเป็นพ่อแท้ๆของหลิงหยุน เพราะเกรงว่าหากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป จะเป็นผลร้ายกับตระกูลหลิง และตัวของหลิงหยุนเอง

หลังจากที่วางสายจากเหล่ากุ่ยไปแล้ว หลิงลี่ก็ได้จัดการสั่งการทุกอย่างด้วยตัวเอง เขาจะเดินทางไปเมืองจิงฉูอย่างลับๆ เพื่อให้หลานชายของเขาได้พบเจอกับบรรพบุรุษของตัวเองเสียที!

หลิงหยุนที่ยังคงไม่รู้เรื่องนี้ ได้พูดกับเหล่ากุ่ยต่อว่า “เหล่ากุ่ย.. ข้าได้สั่งตี้เสี่ยวอู๋ไว้เรียบร้อยแล้ว ให้เขาคอยดูแลท่าน หากต้องใช้เงินก็บอกเขาได้เลย”

เหล่ากุ่ยหัวเราะอย่างมีความสุข “ตี้เสี่ยวอู๋รึ? เด็กคนนี้หน่วยก้านใช้ได้ ข้าชอบเขา..”

ทั้งสองคนเดินคุยกันไปจนถึงห้องที่สำหรับใช้ทำการรักษาอาการบาดเจ็บ เหล่ากุ่ยยกมือขึ้นและหันไปพูดกับหลิงหยุน

“พ่อหนุ่ม.. เวลานี้คนแก่อย่างข้ายังหาที่อยู่ไม่ได้ คงต้องขออาศัยอยู่กับเจ้าที่นี่ไปก่อน ไม่ทราบว่าเจ้าจะรังเกียจหรือไม่?”

หลิงหยุนยิ้ม “เหล่ากุ่ยทำไมถึงได้พูดแบบนั้นล่ะ? ในเมื่อข้าอยู่ที่นี่ ท่านก็ต้องอยู่ที่นี่กับข้าด้วยสิ! หากท่านต้องการอะไรเพิ่มเติม ก็บบอกตี้เสี่ยวอู๋ได้เลย!”

ทั้งสองคนกระซิบกระซาบกันอีกสองสามคำ หลิงหยุนก็หยุดพูดและเริ่มลงมือฝังเก้าเข็มปลุกชีพให้เหล่ากุ่ยอย่างตั้งอกตั้งใจ เพื่อช่วยรักษาอาการบบาดเจ็บภายในที่ยังไม่หายดีให้กับเขา

หลังจากการรักษาครั้งแรก อาการบาดเจ็บภายในของเหล่ากุ่ยก็ดีขึ้นถึงหกสิบเปอร์เซ็นต์ ตอนนี้หลิงหยุนเองก็มีประสบการณ์จากการรักษาเหล่ากุ่ยมากขึ้น และเหล่ากุ่ยเองก็คุ้นเคยกับวิธีการรักษา จึงทำให้การรักษาของหลิงหยุนยิ่งง่ายขึ้นอย่างมาก

หลิงหยุนทำการฝังเข็มอย่างรวดเร็ว เขาต้องเร่งมือเพราะมีสาวสวยกำลังรอเขาไปเข้าห้องหออยู่..

ครึ่งชั่วโมงต่อมา หลิงหยุนก็ดึงเข็มทองออกจากร่างกายของเหล่ากุ่ย จากนั้นก็พูดกับเหล่ากุ่ยสองสามคำ ก่อนจะรีบพุ่งออกไปจากบ้านทันที

“นี่หลิงหยุน.. แล้วนี่เจ้าจะไปใหน?! คืนนี้ดูเจ้ารีบร้อนนัก จะรีบไปเข้าห้องหอหรือยังไง?”

ตู้กู่โม่เห็นหลิงหยุนรีบร้อนราวกับถูกไฟรนก้น จึงได้แต่ร้องตะโกนถามออกไปด้วยความสงสัย

หลิงหยุนคิดในใจว่า ตู้กู่โม่ช่างเดาได้ถูกต้องแม่นยำนัก เขาจึงหันหลับกลับไปหาตู้กู่โม่พร้อมกับยกนิ้วกลางให้ และเมื่อเห็นตู้กู่โม่เห็น เขาก็ร้องโวยวายด้วยความโมโห หลิงหยุนได้แต่หัวเราะแล้วขับบรถหายไปทันที

ตอนนี้ใกล้จะเที่ยงคืนแล้ว และหลิงหยุนก็ค่อนข้างรีบร้อน เขาจึงเหยีบคันเร่งรถแลนด์โรเวอร์แทบมิดเพราะไม่ต้องการล่าช้า

แต่ยิ่งเขาไม่อยากจะล่าช้ามากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งพบเจอปัญหามากเท่านั้น เพราะระหว่างที่จดจ่ออยู่กับการขับบรถนั้น โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น

“เหยาลู่คงจะอาบน้ำเสร็จแล้วเลยโทรมาเร่งให้ข้ากลับไปสินะ! ฮ่า.. ฮ่า.. งั้นต้องเหยียบให้เร็วกว่านี้!”

หลิงหยุนมั่นใจมากว่าต้องเป็นเหยาลู่ เขาจึงเร่งเครื่องให้เร็วกว่าเดิม แต่เสียงเรียกเข้าก็ยังคงดังต่อเนื่อง หลิงหยุนได้แต่ขมวดคิ้วและเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ เพราะเหยาลู่ไม่เคยเร่งรัดเขาไม่ว่าจะเรื่องอะไร เขาจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูแล้วก็ถึงกับอึ้งไปเมื่อเหลือบเห็นชื่อที่อยู่บนหน้าจอโทรศัพท์!

ปรากฏว่าเป็นสายจากหลินเมิ่งหาน!

“ยังไงกัน? นี่หลินเมิ่งหานยังไม่ได้ออกจากจิงฉูงั้นรึ? หรือจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับนางอีก?”

ทันทีที่คิดได้เช่นนั้น หลิงหยุนก็รีบกดรับโทรศัพท์ทันที และเสียงของหลินเมิ่งหานก็ดังขึ้นที่ปลายสายทันที

“หลิงหยุน.. มารับฉันที่แองเจลบาร์หน่อย!” เสียงของหลินเมิ่งหานดังแผ่วอยู่ปลายสาย

“แองเจลบาร์.. อยู่ที่ใหนล่ะ? แล้วตอนนี้คุณยังอยู่ในเมืองจิงฉูหรือเปล่า?!” หลิงหยุนไม่รู้จัก เพราะแม้แต่โรงแรมแชงกรีล่าเขาเองก็เพิ่งจะเคยไปที่นั่นวันนี้เป็นครั้งแรก หลิงหยุนเหยียบเบรคทันที

“เจ้างั่งเอ๊ย! ถ้าฉันไม่อยู่จิงฉู จะโทรหานายทำไมกันเล่า? นายมันคนเลว นายมันคนชั่ว นายมันโง่!”

หลินเมิ่งหานรำพึงรำพันอยู่ปลายสาย หลิงหยุนถอนหายใจอย่างโล่งอกพร้อมกับคิดว่าไม่น่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับบเธอ น่าจะเมามากกว่า!

“สุดยอด.. คุณนี่มันสุดยอดจริงๆ! เอาล่ะ.. อย่าไปใหนล่ะ? รอผมอยู่ที่นั่น ผมจะรีบไปรับ!”

พูดจบหลิงหยุนก็วางสายไป แล้วรีบโทรหาตี้เสี่ยวอู๋เพื่อให้เขาบอกเส้นทางไปแองเจลบาร์ นับว่าหลิงหยุนโชคดีไม่น้อยที่ตี้เสี่ยวอู๋เองก็รู้จักที่นั่น และหลังจากวางสายไป ตี้เสี่ยวอู๋ยังนึกแปลกใจว่าดึกดื่นป่านนี้ หลิงหยุนยังจะออกไปดื่มอีกหรือ?

หลังจากวางสายจากตี้เสี่ยวอู๋ หลิงหยุนก็รีบขับรถมุ่งหน้าไปที่แองเจลบาร์ทันที!

หลินเมิ่งหานเป็นลูกทหาร จึงน่าจะมีการระมัดระวังตัวดีกว่าคนธรรมดา แต่ภายในบาร์ย่อมมีทั้งคนดีและคนเลวปะปนกัน หลิงหยุนจึงอดกังวลไม่ได้ว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับเธอ

หลินเมิ่งหานเป็นผู้หญิงคนแรกที่หลิงหยุนพบเมื่อตกลงมาบนโลกใบนี้! หลินเมิ่งหานจึงค่อนข้างมีความหมายพิเศษสำหรับเขา..

เธอเป็นตำรวจหญิงที่สวยงามราวกับบนางฟ้า หลิงหยุนช่วยชีวิตเธอ ดุด่าเธอ อีกทั้งยังขับไล่เธออย่างไม่ใยดี แต่ก่อนจจะจากไป หลินเมิ่งหานกลับยอมรับข้อเรียกร้องที่ไร้เหตุผลของเขา ตอนนั้นด้วยความโมโหอย่างมาก หลิงหยุนจึงเรียกร้องเงินจากเธอจำนวนห้าล้านหยวน แต่หลินเมิ่งหานกลับให้เขาถึงสิบล้าน อีกทั้งยังตั้งรหัสบัตรเป็นเลข 9 หกตัว หลิงหยุนเองก็เคยแปลกใจว่า เหตุใดจึงคล้ายกับเบอร์มือถือที่เสี่ยวเม่ยหนิงเลือกให้กับเขา แต่ตอนนี้หลิงหยุนเข้าใจความหมายของตัวเลขเหล่านั้นแล้ว..

หญิงสาวคนนี้ช่างบริสุทธิ์ สดใส แล้วก็น่ารักมาก!

“นี่นางยังไม่ได้ออกไปจากจิงฉูงั้นรึ? หรือว่าออกไปแล้ว.. แต่ทำไมถึงยังกลับมาอีก? หรือนางกลับมาเพราะคิดถึงข้า!? ฮ่า.. ฮ่า.. ข้านี่เสน่ห์แรงไม่เบาเลย!”

ที่แองเจลบาร์แสงไฟเป็นประกายระยิบระยับ เสียงเพลงดังกระหึ่ม แสงไฟสีแดงทำให้บรรยากาศภายในบบาร์ดูค่อนข้างมืดคลึ้ม

บาร์แห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวกลางคืนที่มีชื่อเสียงในเมืองจิงฉู และอยู่ห่างจาก SOS ไม่ถึงหนึ่งกิโลเมตร

หลิงหยุนรีบเดินเข้าไปข้างใน จากนั้นก็สอดส่ายสายตาหาหลินเมิ่งหาน และแล้วหลิงหยุนก็พบหญิงสาวสวมเดรสสีขาว กำลังนั่งดื่มอยู่ที่โต๊ะในมุมมืด

นอกจากหลินเมิ่งหานแล้ว ยังมีเด็กวัยรุ่นสี่ห้าคนกำลังยืนชนแก้วกับหลินเมิ่งหานอยู่ และดูเหมือนจะไม่มีเจตนาที่ไม่ดีนัก

หลิงหยุนได้ยินชัดเจนว่าเด็กหนุ่มเหล่านั้นถามหลินเมิ่งหานว่าต้องการไปต่อข้างนอกหรือไม่?

หลิงหยุนรู้สึกไม่พอใจ และรีบเดินเข้าไปหาหลินเมิ่งหานพร้อมกับยกมือขึ้นผลักคนที่อยู่ข้างโต๊ะกระเด็นออกไปพร้อมกับตะโกนว่า

“ออกไปให้พ้น!”

หัวหน้าของเด็กวัยรุ่นกลุ่มนี้ย้อมผมสีแดง ถูกหลิงหยุนผลักจนล้มก้นกระแทกพื้น และเมื่อเห็นหลิงหยุนทำตัวเป็นพระเอกมาช่วยนางเอกคนสวยก็ไม่พอใจ จึงได้ตะโกนถามหลิงหยุนว่า

“แกเป็นใคร? อย่างได้มากร่างที่นี่ แหกตาดูซะก่อนว่าที่นี่ถิ่นใคร?”

“จัดการมัน!”

เด็กผู้ชายหัวแดงดิ้นขลุกขลักพยายามจะลุกขึ้นยืน ร้องสั่งพร้อมกับปาขวดเบียร์ในมือใส่หลิงหยุน

หลิงหยุนยิ้มหยัน และเพียงแค่ยกขาขึ้นก็สามารถเตะเด็กหนุ่มอีกสี่ห้าคนลงไปกองกับพื้นพร้อมๆกัน แล้วจึงหันไปพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“ฉันไม่สนใจว่าจะถิ่นใคร? แล้วฉันก็จะต่อยหน้าแก อยากจะโดนกันอีกไม๊ล่ะ?”

อันธพาลสองสามคนต่างก็หันไปมองหน้ากัน เขาไม่เห็นด้วยซ้ำว่าหลิงหยุนยกขาขึ้นเตะตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่เมื่อล้มไปนอนกองกับพื้น จึงได้รู้ตัวว่าพวกเขาได้เจอของแข็งเข้าแล้ว

“พี่ครับ.. พวกผมมีตาหามีแวว.. ยกโทษให้พวกผมด้วย..” อันธพาลสองสามคนเห็นหลิงหยุนก็ไม่กล้ามีเรื่องกับเขาอีก และได้ต้องยอมรับว่าเป็นความโชคร้ายของพวกเขาเอง อีกทั้งไม่กล้าที่จจะวอแวกับหลินเมิ่งหานคนสวยด้วย

“หลิงหยุน.. มาแล้วเหรอ? นั่งลงแล้วดื่มกับฉันหน่อย..”

หลินเมิ่งหานยกแก้วขึ้นพร้อมกับยิ้มให้หลิงหยุน แววตาของเธอมึนเมา และพยายามที่จะลุกขึ้นยืน

“ยังจะดื่มบ้าบออะไรอีก! ไม่เห็นรึไงว่าตัวเองเมามากแล้ว? ยังไม่เข็ดอีกหรือไงกับเหตุการณ์เมื่อครั้งที่แล้ว?”

ใบหน้าของหลิงหยุนโกรธเกรี้ยว เขาคว้าแก้วออกจากมือหลินเมิ่งหานพร้อมกับวางกระแทกลงไปบนโต๊ะ..

“ไปกับผม!”

หลิงหยุนไม่รู้จะทำอย่างไร จึงได้แต่จับมือหลินเมิ่งหานไว้ และพยายามพาตัวเธอออกไปจากที่นี่ แต่เมื่อเห็นรูปร่างที่เซ็กซี่เย้ายวนของหลินเมิ่งหาน เขาก็ได้แต่กระอักระอ่วน แต่หากเขาไม่ประคองเธอไว้ หลินเมิ่งหานก็คงจะต้องล้มลงไปบนพื้นอย่างแน่นอน

“นี่คุณผู้หญิงครับ.. จะให้ผมทำยังไงกับคุณดี?!” หลิงหยุนถอนหายใจพร้อมกับเอื้อมมือไปโอบกอดร่างของหลินเมิ่งหานไว้เพื่อจะพาตัวเธอออกไปข้างนอก

มือเรียวงามสีชมพูของหลินเมิ่งหานกอดคอหลิงหยุนไว้แน่น พร้อมกับดวงตาที่มึนเมาก็จ้องมองใบหน้าหลิงหยุนอย่างใกล้ชิด

ท่ามกลางสายตาของผู้คน มือของหลินเมิ่งหานจับใบหน้าของหลิงหยุนไว้แน่น พร้อมกับแนบริมฝีปากเล็กๆแต่เย้ายวนของตนเองลงบนริมฝีปากของหลิงหยุน!

ดูเหมือนหลินเมิ่งหานจะดูเร่าร้อนมากในวันนี้ เธอแนบริมฝีปากอยู่อย่างนั้นครู่หนึ่ง ก่อนจะแทรกซอนลิ้นผ่านริมฝีปากสีแดงสดของตนเอง เข้าไปในริมฝีปากของหลิงหยุนที่เผยอรออยู่ด้วยความตื่นเต้น

หลิงหยุนรู้สึกว่าสมองของเขากำลังร่ำร้อง!

“หลิงหยุน.. นายต้องการฉันไม๊?” หลิงเมิ่งหานที่ไม่เคยดุดันและเร่าร้อนเช่นนี้มาก่อน กระซิบถามในขณะที่ริมฝีปากยังคงแนบอยู่กับปากของหลิงหยุน

หลิงหยุนโอบบร่างบอบบางของหลินเมิ่งหาน และรับรู้ได้ถึงยอดอกที่เบียดเสียดอยู่บนหน้าอกของตนเอง และสัมผัสได้ว่าร่างกายของหลินเมิ่งหานในตอนนี้ร้อนไปทั้งตัว!


บทที่ 418: จูบจากนางฟ้า!

หลิงหยุนกดลิฟท์ลงมาชั้นล่างของโรงแรม เมื่อขึ้นรถได้ก็ขับมุ่งหน้าไปยังบ้านเลขที่-1 ในทะเลสาบจิงฉูทันที

เมื่อไปถึง เขาก็พบว่าทุกคนทั้งเหล่ากุ่ย ตู้กู่โม่ ตี้เสี่ยวอู๋ และเจ้าขาวปุยต่างก็รวมตัวกันอยู่ในบ้านหลังนี้

ทันทีที่หลิงหยุนก้าวลงจากรถ เงาสีขาวของเจ้าขาวปุยก็พุ่งออกมา และเพียงแว้บเดียวก็มุดเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของหลิงหยุน รูปร่างและสีหน้าท่าทางของมันทำให้หลิงหยุนถึงกับตกใจ

“เจ้าอย่าดูดซับพลังชีวิตเข้าไปมากจนเกินไป หลังจากนี้อีกห้าวันข้าจะพาเจ้าไปหาที่เพื่อกลายร่าง” หลิงหยุนลูบขนสีขาวที่นุ่มลื่นราวกับผ้าซาตินของเจ้าขาววปุยพร้อมกับกระซิบบอก

ใบหน้าเล็กๆของเจ้าขาวปุยผงกขึ้นลงเป็นการรับบรู้ ดวงตาสีดำขลับเป็นประกายระยิบบระยับของมัน จ้องมองหลิงหยุนอย่างประจบสอพลอ

ในเวลาเดียวกันนั้น เหล่ากุ่ย ตู้กู่โม่ และตี้เสี่ยวอู๋ ต่างก็เดินออกมาจากบ้านเพื่อทักทายหลิงหยุน หลิงหยุนเองก็ยิ้มทักทายพวกเขาทั้งสามคนเช่นกัน จากนั้นก็เชื้อเชิญเหล่ากุ่ยเข้าไปในบ้าน

“เหล่ากุ่ย.. วันนี้ข้ายุ่งทั้งวันจึงไม่มีเวลาได้มาดูแลต้อนรับท่าน อภัยให้ข้าด้วย..” หลิงหยุนเอ่ยขอโทษเหล่ากุ่ยอย่างสุภาพระหว่างที่เดินเข้าไปในบ้านด้วยกัน

เหล่ากุ่ยตอบยิ้มๆ “เรื่องเล็กน่า.. เจ้ามีญาติมาเยี่ยมเยียน ยังไงก็ต้องไปต้อนรับขับสู้ถึงจะถูก เรื่องของข้าเจ้าอย่าได้กังวลไปเลย..”

เหล่ากุ่ยได้แต่คิดในใจว่า.. นี่ยังไม่เรียกว่ายุ่งได้หรอก รอให้นายน้อยของเขาได้เจอกับท่านปู่ก่อนเถิด รับรองว่าจะมีงานให้ทำไม่หยุดไม่หย่อนเลยเชียวล่ะ!

หลังจากออกมาจากบ้านเฉิงเทียนเมื่อคืนนี้ เหล่ากุ่ยจึงฉวยโอกาสติดต่อกลับไปหาหลิงลี่ทันที

หลังจากที่ได้เล่าเหตุการณ์ทุกอย่างให้หลิงลี่ฟังแล้ว หลิงลี่เองก็ถึงกับตกใจ และอึ้งไปพักใหญ่ และเมื่อได้ฟังเรื่องราวที่น่าทึ่งของหลานชายที่ชื่อหลิงหยุนแล้ว มีหรือที่หลิงลี่จะยังนิ่งเฉยอยู่ที่บ้านได้อีก?

เขาแทบจะอดทนรอไม่ได้ หากมีปีกเขาคงจะบินไปที่เมืองจิงฉูในทันที เพื่อไปดูหลานชายที่เขาเองก็ไม่เคยได้พบหน้ามาก่อน

แต่หลิงลี่ไม่ได้ปริปากบอกเรื่องนี้กับใครเลยสักคน แม้แต่หลิงเสี่ยวซึ่งเป็นพ่อแท้ๆของหลิงหยุน เพราะเกรงว่าหากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป จะเป็นผลร้ายกับตระกูลหลิง และตัวของหลิงหยุนเอง

หลังจากที่วางสายจากเหล่ากุ่ยไปแล้ว หลิงลี่ก็ได้จัดการสั่งการทุกอย่างด้วยตัวเอง เขาจะเดินทางไปเมืองจิงฉูอย่างลับๆ เพื่อให้หลานชายของเขาได้พบเจอกับบรรพบุรุษของตัวเองเสียที!

หลิงหยุนที่ยังคงไม่รู้เรื่องนี้ ได้พูดกับเหล่ากุ่ยต่อว่า “เหล่ากุ่ย.. ข้าได้สั่งตี้เสี่ยวอู๋ไว้เรียบร้อยแล้ว ให้เขาคอยดูแลท่าน หากต้องใช้เงินก็บอกเขาได้เลย”

เหล่ากุ่ยหัวเราะอย่างมีความสุข “ตี้เสี่ยวอู๋รึ? เด็กคนนี้หน่วยก้านใช้ได้ ข้าชอบเขา..”

ทั้งสองคนเดินคุยกันไปจนถึงห้องที่สำหรับใช้ทำการรักษาอาการบาดเจ็บ เหล่ากุ่ยยกมือขึ้นและหันไปพูดกับหลิงหยุน

“พ่อหนุ่ม.. เวลานี้คนแก่อย่างข้ายังหาที่อยู่ไม่ได้ คงต้องขออาศัยอยู่กับเจ้าที่นี่ไปก่อน ไม่ทราบว่าเจ้าจะรังเกียจหรือไม่?”

หลิงหยุนยิ้ม “เหล่ากุ่ยทำไมถึงได้พูดแบบนั้นล่ะ? ในเมื่อข้าอยู่ที่นี่ ท่านก็ต้องอยู่ที่นี่กับข้าด้วยสิ! หากท่านต้องการอะไรเพิ่มเติม ก็บบอกตี้เสี่ยวอู๋ได้เลย!”

ทั้งสองคนกระซิบกระซาบกันอีกสองสามคำ หลิงหยุนก็หยุดพูดและเริ่มลงมือฝังเก้าเข็มปลุกชีพให้เหล่ากุ่ยอย่างตั้งอกตั้งใจ เพื่อช่วยรักษาอาการบบาดเจ็บภายในที่ยังไม่หายดีให้กับเขา

หลังจากการรักษาครั้งแรก อาการบาดเจ็บภายในของเหล่ากุ่ยก็ดีขึ้นถึงหกสิบเปอร์เซ็นต์ ตอนนี้หลิงหยุนเองก็มีประสบการณ์จากการรักษาเหล่ากุ่ยมากขึ้น และเหล่ากุ่ยเองก็คุ้นเคยกับวิธีการรักษา จึงทำให้การรักษาของหลิงหยุนยิ่งง่ายขึ้นอย่างมาก

หลิงหยุนทำการฝังเข็มอย่างรวดเร็ว เขาต้องเร่งมือเพราะมีสาวสวยกำลังรอเขาไปเข้าห้องหออยู่..

ครึ่งชั่วโมงต่อมา หลิงหยุนก็ดึงเข็มทองออกจากร่างกายของเหล่ากุ่ย จากนั้นก็พูดกับเหล่ากุ่ยสองสามคำ ก่อนจะรีบพุ่งออกไปจากบ้านทันที

“นี่หลิงหยุน.. แล้วนี่เจ้าจะไปใหน?! คืนนี้ดูเจ้ารีบร้อนนัก จะรีบไปเข้าห้องหอหรือยังไง?”

ตู้กู่โม่เห็นหลิงหยุนรีบร้อนราวกับถูกไฟรนก้น จึงได้แต่ร้องตะโกนถามออกไปด้วยความสงสัย

หลิงหยุนคิดในใจว่า ตู้กู่โม่ช่างเดาได้ถูกต้องแม่นยำนัก เขาจึงหันหลับกลับไปหาตู้กู่โม่พร้อมกับยกนิ้วกลางให้ และเมื่อเห็นตู้กู่โม่เห็น เขาก็ร้องโวยวายด้วยความโมโห หลิงหยุนได้แต่หัวเราะแล้วขับบรถหายไปทันที

ตอนนี้ใกล้จะเที่ยงคืนแล้ว และหลิงหยุนก็ค่อนข้างรีบร้อน เขาจึงเหยีบคันเร่งรถแลนด์โรเวอร์แทบมิดเพราะไม่ต้องการล่าช้า

แต่ยิ่งเขาไม่อยากจะล่าช้ามากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งพบเจอปัญหามากเท่านั้น เพราะระหว่างที่จดจ่ออยู่กับการขับบรถนั้น โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น

“เหยาลู่คงจะอาบน้ำเสร็จแล้วเลยโทรมาเร่งให้ข้ากลับไปสินะ! ฮ่า.. ฮ่า.. งั้นต้องเหยียบให้เร็วกว่านี้!”

หลิงหยุนมั่นใจมากว่าต้องเป็นเหยาลู่ เขาจึงเร่งเครื่องให้เร็วกว่าเดิม แต่เสียงเรียกเข้าก็ยังคงดังต่อเนื่อง หลิงหยุนได้แต่ขมวดคิ้วและเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ เพราะเหยาลู่ไม่เคยเร่งรัดเขาไม่ว่าจะเรื่องอะไร เขาจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูแล้วก็ถึงกับอึ้งไปเมื่อเหลือบเห็นชื่อที่อยู่บนหน้าจอโทรศัพท์!

ปรากฏว่าเป็นสายจากหลินเมิ่งหาน!

“ยังไงกัน? นี่หลินเมิ่งหานยังไม่ได้ออกจากจิงฉูงั้นรึ? หรือจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับนางอีก?”

ทันทีที่คิดได้เช่นนั้น หลิงหยุนก็รีบกดรับโทรศัพท์ทันที และเสียงของหลินเมิ่งหานก็ดังขึ้นที่ปลายสายทันที

“หลิงหยุน.. มารับฉันที่แองเจลบาร์หน่อย!” เสียงของหลินเมิ่งหานดังแผ่วอยู่ปลายสาย

“แองเจลบาร์.. อยู่ที่ใหนล่ะ? แล้วตอนนี้คุณยังอยู่ในเมืองจิงฉูหรือเปล่า?!” หลิงหยุนไม่รู้จัก เพราะแม้แต่โรงแรมแชงกรีล่าเขาเองก็เพิ่งจะเคยไปที่นั่นวันนี้เป็นครั้งแรก หลิงหยุนเหยียบเบรคทันที

“เจ้างั่งเอ๊ย! ถ้าฉันไม่อยู่จิงฉู จะโทรหานายทำไมกันเล่า? นายมันคนเลว นายมันคนชั่ว นายมันโง่!”

หลินเมิ่งหานรำพึงรำพันอยู่ปลายสาย หลิงหยุนถอนหายใจอย่างโล่งอกพร้อมกับคิดว่าไม่น่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับบเธอ น่าจะเมามากกว่า!

“สุดยอด.. คุณนี่มันสุดยอดจริงๆ! เอาล่ะ.. อย่าไปใหนล่ะ? รอผมอยู่ที่นั่น ผมจะรีบไปรับ!”

พูดจบหลิงหยุนก็วางสายไป แล้วรีบโทรหาตี้เสี่ยวอู๋เพื่อให้เขาบอกเส้นทางไปแองเจลบาร์ นับว่าหลิงหยุนโชคดีไม่น้อยที่ตี้เสี่ยวอู๋เองก็รู้จักที่นั่น และหลังจากวางสายไป ตี้เสี่ยวอู๋ยังนึกแปลกใจว่าดึกดื่นป่านนี้ หลิงหยุนยังจะออกไปดื่มอีกหรือ?

หลังจากวางสายจากตี้เสี่ยวอู๋ หลิงหยุนก็รีบขับรถมุ่งหน้าไปที่แองเจลบาร์ทันที!

หลินเมิ่งหานเป็นลูกทหาร จึงน่าจะมีการระมัดระวังตัวดีกว่าคนธรรมดา แต่ภายในบาร์ย่อมมีทั้งคนดีและคนเลวปะปนกัน หลิงหยุนจึงอดกังวลไม่ได้ว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับเธอ

หลินเมิ่งหานเป็นผู้หญิงคนแรกที่หลิงหยุนพบเมื่อตกลงมาบนโลกใบนี้! หลินเมิ่งหานจึงค่อนข้างมีความหมายพิเศษสำหรับเขา..

เธอเป็นตำรวจหญิงที่สวยงามราวกับบนางฟ้า หลิงหยุนช่วยชีวิตเธอ ดุด่าเธอ อีกทั้งยังขับไล่เธออย่างไม่ใยดี แต่ก่อนจจะจากไป หลินเมิ่งหานกลับยอมรับข้อเรียกร้องที่ไร้เหตุผลของเขา ตอนนั้นด้วยความโมโหอย่างมาก หลิงหยุนจึงเรียกร้องเงินจากเธอจำนวนห้าล้านหยวน แต่หลินเมิ่งหานกลับให้เขาถึงสิบล้าน อีกทั้งยังตั้งรหัสบัตรเป็นเลข 9 หกตัว หลิงหยุนเองก็เคยแปลกใจว่า เหตุใดจึงคล้ายกับเบอร์มือถือที่เสี่ยวเม่ยหนิงเลือกให้กับเขา แต่ตอนนี้หลิงหยุนเข้าใจความหมายของตัวเลขเหล่านั้นแล้ว..

หญิงสาวคนนี้ช่างบริสุทธิ์ สดใส แล้วก็น่ารักมาก!

“นี่นางยังไม่ได้ออกไปจากจิงฉูงั้นรึ? หรือว่าออกไปแล้ว.. แต่ทำไมถึงยังกลับมาอีก? หรือนางกลับมาเพราะคิดถึงข้า!? ฮ่า.. ฮ่า.. ข้านี่เสน่ห์แรงไม่เบาเลย!”

ที่แองเจลบาร์แสงไฟเป็นประกายระยิบระยับ เสียงเพลงดังกระหึ่ม แสงไฟสีแดงทำให้บรรยากาศภายในบบาร์ดูค่อนข้างมืดคลึ้ม

บาร์แห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวกลางคืนที่มีชื่อเสียงในเมืองจิงฉู และอยู่ห่างจาก SOS ไม่ถึงหนึ่งกิโลเมตร

หลิงหยุนรีบเดินเข้าไปข้างใน จากนั้นก็สอดส่ายสายตาหาหลินเมิ่งหาน และแล้วหลิงหยุนก็พบหญิงสาวสวมเดรสสีขาว กำลังนั่งดื่มอยู่ที่โต๊ะในมุมมืด

นอกจากหลินเมิ่งหานแล้ว ยังมีเด็กวัยรุ่นสี่ห้าคนกำลังยืนชนแก้วกับหลินเมิ่งหานอยู่ และดูเหมือนจะไม่มีเจตนาที่ไม่ดีนัก

หลิงหยุนได้ยินชัดเจนว่าเด็กหนุ่มเหล่านั้นถามหลินเมิ่งหานว่าต้องการไปต่อข้างนอกหรือไม่?

หลิงหยุนรู้สึกไม่พอใจ และรีบเดินเข้าไปหาหลินเมิ่งหานพร้อมกับยกมือขึ้นผลักคนที่อยู่ข้างโต๊ะกระเด็นออกไปพร้อมกับตะโกนว่า

“ออกไปให้พ้น!”

หัวหน้าของเด็กวัยรุ่นกลุ่มนี้ย้อมผมสีแดง ถูกหลิงหยุนผลักจนล้มก้นกระแทกพื้น และเมื่อเห็นหลิงหยุนทำตัวเป็นพระเอกมาช่วยนางเอกคนสวยก็ไม่พอใจ จึงได้ตะโกนถามหลิงหยุนว่า

“แกเป็นใคร? อย่างได้มากร่างที่นี่ แหกตาดูซะก่อนว่าที่นี่ถิ่นใคร?”

“จัดการมัน!”

เด็กผู้ชายหัวแดงดิ้นขลุกขลักพยายามจะลุกขึ้นยืน ร้องสั่งพร้อมกับปาขวดเบียร์ในมือใส่หลิงหยุน

หลิงหยุนยิ้มหยัน และเพียงแค่ยกขาขึ้นก็สามารถเตะเด็กหนุ่มอีกสี่ห้าคนลงไปกองกับพื้นพร้อมๆกัน แล้วจึงหันไปพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“ฉันไม่สนใจว่าจะถิ่นใคร? แล้วฉันก็จะต่อยหน้าแก อยากจะโดนกันอีกไม๊ล่ะ?”

อันธพาลสองสามคนต่างก็หันไปมองหน้ากัน เขาไม่เห็นด้วยซ้ำว่าหลิงหยุนยกขาขึ้นเตะตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่เมื่อล้มไปนอนกองกับพื้น จึงได้รู้ตัวว่าพวกเขาได้เจอของแข็งเข้าแล้ว

“พี่ครับ.. พวกผมมีตาหามีแวว.. ยกโทษให้พวกผมด้วย..” อันธพาลสองสามคนเห็นหลิงหยุนก็ไม่กล้ามีเรื่องกับเขาอีก และได้ต้องยอมรับว่าเป็นความโชคร้ายของพวกเขาเอง อีกทั้งไม่กล้าที่จจะวอแวกับหลินเมิ่งหานคนสวยด้วย

“หลิงหยุน.. มาแล้วเหรอ? นั่งลงแล้วดื่มกับฉันหน่อย..”

หลินเมิ่งหานยกแก้วขึ้นพร้อมกับยิ้มให้หลิงหยุน แววตาของเธอมึนเมา และพยายามที่จะลุกขึ้นยืน

“ยังจะดื่มบ้าบออะไรอีก! ไม่เห็นรึไงว่าตัวเองเมามากแล้ว? ยังไม่เข็ดอีกหรือไงกับเหตุการณ์เมื่อครั้งที่แล้ว?”

ใบหน้าของหลิงหยุนโกรธเกรี้ยว เขาคว้าแก้วออกจากมือหลินเมิ่งหานพร้อมกับวางกระแทกลงไปบนโต๊ะ..

“ไปกับผม!”

หลิงหยุนไม่รู้จะทำอย่างไร จึงได้แต่จับมือหลินเมิ่งหานไว้ และพยายามพาตัวเธอออกไปจากที่นี่ แต่เมื่อเห็นรูปร่างที่เซ็กซี่เย้ายวนของหลินเมิ่งหาน เขาก็ได้แต่กระอักระอ่วน แต่หากเขาไม่ประคองเธอไว้ หลินเมิ่งหานก็คงจะต้องล้มลงไปบนพื้นอย่างแน่นอน

“นี่คุณผู้หญิงครับ.. จะให้ผมทำยังไงกับคุณดี?!” หลิงหยุนถอนหายใจพร้อมกับเอื้อมมือไปโอบกอดร่างของหลินเมิ่งหานไว้เพื่อจะพาตัวเธอออกไปข้างนอก

มือเรียวงามสีชมพูของหลินเมิ่งหานกอดคอหลิงหยุนไว้แน่น พร้อมกับดวงตาที่มึนเมาก็จ้องมองใบหน้าหลิงหยุนอย่างใกล้ชิด

ท่ามกลางสายตาของผู้คน มือของหลินเมิ่งหานจับใบหน้าของหลิงหยุนไว้แน่น พร้อมกับแนบริมฝีปากเล็กๆแต่เย้ายวนของตนเองลงบนริมฝีปากของหลิงหยุน!

ดูเหมือนหลินเมิ่งหานจะดูเร่าร้อนมากในวันนี้ เธอแนบริมฝีปากอยู่อย่างนั้นครู่หนึ่ง ก่อนจะแทรกซอนลิ้นผ่านริมฝีปากสีแดงสดของตนเอง เข้าไปในริมฝีปากของหลิงหยุนที่เผยอรออยู่ด้วยความตื่นเต้น

หลิงหยุนรู้สึกว่าสมองของเขากำลังร่ำร้อง!

“หลิงหยุน.. นายต้องการฉันไม๊?” หลิงเมิ่งหานที่ไม่เคยดุดันและเร่าร้อนเช่นนี้มาก่อน กระซิบถามในขณะที่ริมฝีปากยังคงแนบอยู่กับปากของหลิงหยุน

หลิงหยุนโอบบร่างบอบบางของหลินเมิ่งหาน และรับรู้ได้ถึงยอดอกที่เบียดเสียดอยู่บนหน้าอกของตนเอง และสัมผัสได้ว่าร่างกายของหลินเมิ่งหานในตอนนี้ร้อนไปทั้งตัว!


บทที่ 419: โลกของเราสองคน!

หลิงหยุนถูกเทพธิดาหลินเมิ่งหานจูบ แต่นั่นไม่ได้มีผลต่อการเดินของเขาเลยแม้แต่น้อย เขายังคงโอบกอดร่างของหลินเมิ่งหานเดินออกไปพร้อมกับดื่มด่ำในรสจูบที่เร่าร้อนของเธอไปด้วย ทั้งคู่ค่อยๆก้าวเดินออกไปจากแองเจลบาร์

“ว้าว! สุดยอดจริงๆ!” ใครบางคนร้อนตะโกนออกมา

“เฮ้อ.. เด็กสาวสมัยนี้ช่างใจกล้า.. สมัยพวกเรายังไม่กล้าทำขนาดนี้เลย..” บางคนก็พูดออกมาอย่างไม่พอใจ

“น่าเสียดาย.. ฉันนั่งอยู่ที่นี่ตั้งนานกลับเพิ่งจะเจอสาวสวยคุณภาพขนาดนี้ แต่น่าเสียดายที่หมอนั่นเอาไปซะแล้ว!”

“นายอย่าฝันไปเลย.. นายไม่เห็นหรือไงว่าไอ้หนุ่มหน้าหล่อนั่นดุแค่ใหน? มันไม่รอให้นายได้เอาแม่สาวสวยนั่นไปกินหรอก มันคงจะหักขานายก่อนแล้ว!”

“คู่นั้นสุดยอดจริงๆ.. โคตรอิจฉาเลยว่ะ..”

……

หนุ่มสาวที่รักการเที่ยวกลางคืนต่างก็รู้กันดีว่า ที่แองเจลบาร์แห่งนี้เป็นที่ที่พวกเขามักมาเสาะหาคู่นอนในแบบที่เรียกว่า One-night stand คือหากถูกใจกัน ก็ควงคู่กันออกไปมีสัมพันธ์เพียงแค่คืนเดียว แล้วต่างฝ่ายต่างก็แยกย้ายกันไป

 เมื่อหลินเมิ่งหานเดินเข้ามาที่แองเจลบาร์แห่งนี้เพียงคนเดียว บรรดาหนุ่มๆที่อยู่ในบาร์ต่างก็ตาเป็นประกาย ทุกคนต่างจ้องมองหลินเมิ่งหานไม่ต่างจากหมาป่าที่กำลังมองเหยื่ออย่างหิวโหย!

แต่ไม่ว่าจะเป็นชายหนุ่มหน้าใหน ทั้งนักรัก หนุ่มร่างสูงใหญ่ หนุ่มฐานะร่ำรวย หรือหล่อเหลาเพียงใด ใครก็ตามที่กล้าเดินเข้าไปทักทายหลินเมิ่งหาน ก็ต้องถูกเธอไล่ตะเพิดเสียงเย็นออกมากันทุกคน

“ไปให้พ้น!”

และแน่นอนว่าหนุ่มๆเหล่านั้นต่างก็ถึงกับนิ่งอึ้งและพูดไม่ออก แต่ก็ไม่มีใครยอมกลับไปที่นั่งของตัวเอง และเฝ้ารอว่าใครกันที่จะได้สาวสวยคุณภาพเช่นนี้ไปครอบครอง และคิดไม่ถึงว่ากลับเป็นหลิงหยุนชายหนุ่มที่เพิ่งเข้ามาในร้านได้ไม่นาน!

ท่ามกลางเสียงซุบซิบ เสียงเป่าปาก และเสียงปรบมือ หลิงหยุนโอบกอดร่างที่เร่าร้อนของหลินเมิ่งหานซึ่งกำลังรัดเขาแน่นราวกับงูนั้น ค่อยๆเดินออกไปจากแองเจลบาร์

เมื่อไปถึงที่รถ หลิงหยุนก็ผลักหลินเมิ่งหานเบาๆ พร้อมกับดิ้นหลุดจากการจูบของเธอ เขาจ้องมองริมฝีปากที่เผยอรอของหลินเมิ่งหาน ก่อนจะยิ้มมุมปากและถามขึ้นว่า

 “คุณจูบผมพอหรือยัง?”

ใบหน้าของหลินเมิ่งหานแดงก่ำ แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ หรือเป็นเพราะความอับอายกันแน่ มือสองข้างของเธอยังคงกอดคอหลิงหยุนไว้แน่น พร้อมกับจ้องมองหลิงหยุนนิ่ง จากนั้นริมฝีปากแดงก็ตำหนิหลิงหยุน

“นี่ตาทึ่ม..! คนเขาอุตส่าห์มอบจูบแรกให้ แต่นายกลับทำเหมือนไม่เห็นค่า..”

หลิงหยุนจ้องมองลึกลงไปในดวงตาของหลินเมิ่งหานนิ่งนาน แต่จู่ๆเขาก็นึกขำขึ้นมา จึงถามออกไปอย่างแปลกใจว่า

“นี่คุณเมาจริงหรือเปล่า?”

หลินเมิ่งหานเองก็จ้องมองหลิงหยุนเช่นกัน ดวงตาคู่สวยเป็นประกายนั้นมีแววตกใจเล็กน้อย นอกเหนือจากใบหน้าสวยงามที่แดงก่ำแล้ว ก็ไม่เหลือร่องรอยของความมึนเมาเลยแม้แต่น้อย?!

“ก็แค่เบียร์สิบกว่าขวด.. ปริมาณแอลกอฮอล์แค่นั้นไม่พอจะทำให้ผู้หญิงอย่างฉันเมาได้หรอก?”

ดูเหมือนหลินเมิ่งหานจะดูภูมิอกภูมิใจไม่น้อยที่ทำให้หลิงหยุนแปลกใจได้..

“แต่เมื่อครู่คุณทำเหมือนจะล้มลงไป!?” หลิงหยุนถามอย่างหงุดหงิด

“ก็ฉันลุกพรวดพราดแบบนั้น มันก็เสียการทรงตัวน่ะสิ ก็เท่านั้นเอง! แต่คิดไม่ถึงว่านายจะอ่อนโยนแบบนี้..”

หลิงหยุนฟังแล้วก็ได้แต่ขมวดคิ้ว จากนั้นจึงถอนหายใจก่อนจะถามกลับไปว่า “แล้วโทรจิกผมขนาดนั้น มีเรื่องอะไรหรือเปล่า? ไม่รู้หรือยังไงว่าผมกำลังเตรียมตัวที่จะไป..”

หลิงหยุนรีบร้อนมากจนเกือบจะหลุดปากพูดไปว่า เขากำลังเตรียมตัวจะไปเข้าหอ

หลินเมิ่งหานถึงกับอึ้งไป เธอเบียดหน้าอกของตัวเองแนบกับหน้าอกของหลิงหยุนแรงขึ้นพร้อมกับถามไปว่า

“นายเตรียมตัวจะไปทำอะไรเหรอ?”

แต่ยังไม่ทันที่หลิงหยุนจะได้ตอบ เขาก็ได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นแรงของหลินเมิ่งหาน ในใจอดคิดไม่ได้ว่าหลินเมิ่งหานดูเหมือนจะตั้งใจยั่วยวนเขามากเหลือเกิน?

“นายจะไปนอนกับใคร.. ห๊ะ?!”

จู่ๆ เมื่อหลินเมิ่งหานนึกถึงสาวงามแห่งเมืองจิงฉูที่ชื่อฉิงเม่ยเฟิง อารมณ์ของเธอก็เดือดดาลทันที และถามออกไปด้วยความไม่พอใจ

หลิงหยุนก้มหน้าลงจ้องมองหน้าอกใหญ่โตของหลินเมิ่งหาน เขาหัวเราะเบาๆพร้อมกับตอบไปว่า “ก็นี่ได้เวลาเข้านอนของผมแล้ว..”

หลินเมิ่งหานตั้งใจไว้แล้วว่า วันนี้เธอจะมอบทุกอย่างให้กับหลิงหยุน ตอนนี้หลิงหยุนจ้องมองเรือนร่างของเธอด้วยสายตาเร่าร้อน แม้เธอจะรู้สึกอาย แต่ก็ฝืนพูดออกไปว่า

“แล้วตอนฝันล่ะ.. นายฝันถึงใคร?”

หลิงหยุนไม่ตอบ แต่ใช้มือซ้ายโอบแผ่นหลังของหลินเมิ่งหานแนบตัวเขาแทนคำตอบ หลินเมิ่งหานสัมผัสได้ถึงความรู้สึกรุนแรงผ่านการสัมผัสนั้น

ช่างเป็นความรู้สึกที่ประหลาด และหลินเมิ่งหานเองก็ไม่สามารถปฏิเสธความรู้สึกเช่นนั้นได้ อีกทั้งเธอก็ไม่คิดที่จะปฏิเสธ! เพียงแต่สถานที่ไม่อำนวย..

“ถ้างั้น.. ที่ใหนดี?” หลิงหยุนถามยิ้มๆ

ตอนนี้ต่อให้หลินเมิ่งหานต้องการจะหนี หลิงหยุนก็ไม่ปล่อยให้เธอหนีไปได้แน่

“ที่บ้านของฉัน..”

“ไปกันเลย!”

หลิงหยุนหยุดฝ่ามือที่กำลังลูบไล้แผ่นหลัง และรีบเปิดประตูรถให้หลินเมิ่งหานขึ้นไป

“บอกทางด้วย..”

แล้วรถแลนด์โรเวอร์ก็ทะยานออกไปทันที

…….

ภายในเบาะด้านข้างคนขับ หลินเมิ่งจัดแจงเสื้อผ้าให้เรียบร้อย จากนั้นก็หันไปมองหลิงหยุนด้วยความรู้สักสับสน

คืนนี้หลิงหยุนจะเป็นผู้ชายคนแรกสำหรับเธอ ความบริสุทธิ์ของเธอจะตกเป็นของเขา และหลิงหยุนเป็นผู้ชายเพียงคนเดียวที่เธอต้องการมอบสิ่งนี้ให้!

ต่อให้เป็นว่าที่สามีในอนาคตของเธอ หลงเทียนเจียวแห่งตระกูลหลงในปักกิ่ง ก็ไม่เหมาะสมที่จะได้ครอบครอง!

เด็กผู้ชายที่ดื้อรั้นคนนี้ ไม่เพียงแค่ช่วยชีวิตของเธอไว้ แต่เขายังเป็นผู้ที่ช่วยรักษาพรหมจรรย์ให้กับเธอ เขาได้ช่วยเธอไว้ถึงสองครั้งสองครา!

‘ผมชอบว่ายน้ำหน้าหนาว..’ หลินเมิ่งหานได้แต่หัวเราะทุกครั้งเมื่อนึกถึงคำพูดประโยคนี้ของหลิงหยุนที่เขาพูดกับเธอตอนที่ได้พบกันครั้งแรก

ครั้งที่สองที่เธอถูกยาปลุกเซ็กชนิดรุนแรงเข้าไป ไม่เพียงหลิงหยุนได้เห็นความน่าเกลียดในตัวเธอ แต่ยังได้เห็นเรือนร่างที่เปลือยเปล่าของเธอด้วย

หลินเมิ่งหานยังจำได้ว่า ตอนนั้นหลิงหยุนมองเรือนร่างของเธอด้วยสายตาเปิดเผย ในระหว่างที่ยานั่นออกฤทธิ์ เธอมีความต้องการอย่างมาก และในช่วงที่ร่างกายของเธอรุ่มร้อนราวกับถูกแผดเผานั้น ไม่เพียงหลิงหยุนไม่ฉวยโอกาส แต่ยังทำการรักษาให้จนกระทั่งเธอพ้นขีดอันตราย!

‘เพราะผมคือหลิงหยุน!’ หลินเมิ่งหานยังจำคำพูดติดปากที่เขามักพูดอย่างภูมิอกภูมิใจได้ เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ น้ำตาแห่งความซาบซึ้งใจ และน้ำตาแห่งความสุขก็ค่อยๆไหลออกมา

และตอนนี้เธอเองก็ได้ตกหลุมรักหลิงหยุนอย่างถอนตัวไม่ขึ้น!

แต่ถึงอย่างไร ฐานะของเธอกับหลิงหยุนก็แตกต่างกันมาก อีกทั้งตอนนี้หลงเทียนเจียวแห่งตระกูลหลงซึ่งดูแลกองทัพในประเทศจีน ก็ได้มาพูดคุยกับพ่อของเธอซึ่งเป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกองทัพเรื่องการแต่งงาน ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีใครกล้าเอ่ยปากปฏิเสธ

เมื่อหลินเมิ่งหานรู้ข่าวว่าเธอจะต้องเข้าพิธีแต่งงานในอีกห้าเดือนข้างหน้า เธอก็หนีออกมาจากบ้านทันที!

ระหว่างนี้.. หากสามารถอยู่กับหลิงหยุนได้หนึ่งวัน เธอก็จะอยู่หนึ่งวัน! และตั้งใจที่จะเป็นของเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น

ตอนนี้น้ำหนักและส่วนสูงของหลิงหยุนค่อนข้างอยู่ในมาตรฐาน และหน้าตาของเขาก็หล่อเหลาขึ้นมาก เรียกได้ว่าไม่มีที่ติ!

และนั่นทำให้หลินเมิ่งหานรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก แต่เธอยังไม่รู้ว่าในอนาคตเขาจะยิ่งน่าแปลกใจกว่านี้อีก!

……….

‘เหยาลู่.. ผมขอโทษ.’ หลิงหยุนขับรถไปพร้อมกับนึกขอโทษเหยาลู่อยู่ในใจ

การแสดงออกของหลินเมิ่งหานในวันนี้นั้น แตกต่างและตรงข้ามกับอุปนิสัยที่ผ่านมาของเธอมาก เธอเป็นฝ่ายจูบหลิงหยุนอย่างดื่มด่ำ ราวกับต้องการจะระบายความรู้สึกที่คับแค้นใจบางอย่างออกมา.. และนี่ไม่ใช่เรื่องปกติ!

อีกทั้งจากนิสัยของหลินเมิ่งหาน หากเธอตัดสินใจที่จะออกจากเมืองจิงฉูไปแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่เพียงแค่สิบวันเธอก็จะกลับมาที่นี่อีก และการกลับมาครั้งนี้ดูเหมือนอารมณ์ของเธอจะกล้าและก๋ากั่นอย่างผิดปกติ

“หลิงหยุน.. นายผอมลงอีกแล้วใช่ไม๊ ทำไมน้ำหนักนายถึงลดเร็วจัง..” หลินเมิ่งหานเอาแต่จ้องหน้าหลิงหยุนก่อนจะถามเสียงเบา

“น้ำหนักลงเพราะคิดถึงคุณไง.!”

“ใครเชื่อคำพูดของนายก็โง่แล้ว! ถ้าคิดถึงฉัน ทำไมไม่โทรหาฉันล่ะ? เบอร์โทรของฉันก็เบอร์เดิม ไม่ได้เปลี่ยนสักหน่อย!” หลินเมิ่งหานประชด

“คุณดูเปลี่ยนไปมาก.. ทำอะไรผิดไปจากปกติ ผมอยากให้คุณสงบจิตสงบใจ และใคร่ครวญให้แน่ใจก่อน..”

มาถึงตอนนี้ หลิงหยุนได้แต่พูดออกไปตามตรง หลินเมิ่งหานนั้นบริสุทธิ์สะอาดราวกับคริสตัล เธอเป็นคนยึดมั่นในหลักการ และเป็นคนเถรตรงอย่างมาก แม้จะเฉลียวฉลาดแต่ก็ไม่รู้จักซิกแซ็ก ซึ่งต่างจากนิสัยของหลิงหยุนมากทีเดียว!

ในมุมมองความคิดของหลิงหยุน เขามีกฎเหล็กอยู่ว่า ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม ต้องไม่ให้ตัวเองเป็นทุกข์กับสิ่งที่ทำ!

และความพ่ายแพ้ก็ไม่ใช่สไตล์ของหลิงหยุน!

“ไมไต้องมาทำเป็นสอนฉัน! ฉันอายุมากกว่านาย เป็นพี่นายนะ! นี่นายรู้จักเคารพคนอื่นเป็นบ้างไม๊?” หลินเมิ่งหานยกมือขึ้นทุบหลิงหยุน

“หน้าอกคุณใหญ่โตจริงๆ..” หลิงหยุนยิ้มมุมปากก่อนจะเหลือบไปมองหน้าอกใหญ่โตของหลินเมิ่งหาน

“นี่นาย!” หลินเมิ่งหานพุ่งเข้าไปทุบหลิงหยุนต่อ

“ไปทางใหน?” รถแลนด์โรเวอร์เลี้ยวมาถึงทางแยกกหลิงหยุนจึงร้องถาม

“เลี้ยวซ้าย..”

หลิงหยุนหมุนพวงมาลัยเลี้ยวไปทางซ้ายทันที

“คุณซื้อบ้านอยู่ในจิงฉูตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หลิงหยุนถามยิ้มๆ

หลินเมิ่งหานยิ้มพร้อมกับตอบไปว่า “ก็ตั้งแต่หลังเหตุการณ์นั่นล่ะ ฉันต้องหาที่สำหรับซ่อนตัว ก็เลยหาซื้อบ้านเล็กๆไว้ แต่ฉันไม่ได้เดือดร้อนเงิน ตอนกลับไปบ้านก็เลยไม่ได้ประกาศขาย..”

หลิงหยุนยักคิ้วพร้อมกับบอกไปว่า “ก็ถ้าคุณไม่รู้ว่าจะเอาบบ้านไว้ทำไม ยกให้ผมก็ได้นะ?!”

หลินเมิ่งหานถึงกับหัวเราะคิกคัก “ฉันว่าในโลกนี้ คงจะหาผู้ชายอย่างนายไม่ได้แล้วล่ะ โลภมากจริงๆ! ฉันให้นายไปตั้งสิบล้านแล้ว เงินจำนวนนั้นก็ซื้อบ้านได้ถึงสองหลัง นายยังไม่พอใจอีกเหรอ?”

หลิงหยุนตอบกลับไปอย่างภูมิใจว่า “คุณพูดเองนะว่าผมโลภมาก ไม่รู้จักพอ!”

หลินเมิ่งหานเหลือบมองหลิงหยุนอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะถอนหายใจและพูดขึ้นว่า “หลายวันมานี้ชีวิตของนายเป็นยังไงบ้าง?”

หลิงหยุนไม่ตอบแต่ถามกลับไปว่า “แล้วคุณกลับมาจิงฉูตั้งแต่เมื่อไหร่?”

“เพิ่งมาถึงวันนี้เอง มีอะไรหรือเปล่า?”

สำหรับหลิงหยุน เขารู้สึกเมืองจิงฉูเงียบเหงาไปตั้งแต่เฉิงเม่ยเฟิงถูกพาตัวไป ส่วนเกาเฉินเฉินก็ไม่มีข่าวคราว อีกทั้งเสี่ยวเม่ยเม่ยก็ไม่รู้ว่าอยู่ที่ใหน หากเขายังคงรู้สึกสบายดีก็คงจะเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมากแล้ว!

หลินเมิ่งหานเห็นสีหน้าท่าทางที่เคร่งเครียดของหลิงหยุน หัวใจของเธอก็ถึงกับเต้นแรง เพราะสีหน้าท่าทางของหลิงหยุนเช่นนี้ บ่งบอกว่าเขากำลังโกรธมาก หลินเมิ่งหานยังจำสีหน้าของหลิงหยุนเมื่อครั้งที่เธอดื้อดึงจะเอาเงินสามล้านกลับไปที่สถานีตำรวจจเพื่อใช้เป็นหลักฐานได้

“หลิงหยุน.. เกิดอะไรขึ้นกับบนาย? นายอยู่กับสาวงามของจิงฉูทุกวัน ยังไม่มีความสุขอีกเหรอ?”

หลินเมิ่งหานเข้าใจมาตลอดว่า หลิงหยุนกับเฉิงเม่ยเฟิงนั้นมีสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง และเธอเองก็เศร้าโศกและทุกข์ใจกับเรื่องนี้มาโดยตลอด แม้เธอตั้งใจจะมอบความบริสุทธิ์ของตนเองให้กับหลิงหยุน แต่ก็นับว่าเขาเป็นคนที่มีเจ้าของแล้วอยู่ดี

หลิงหยุนขับรถไปเงียบๆ บรรยากาศภายในรถเริ่มเงียบจนวังเวง จนกระทั่งผ่านไปนาน หลิงหยุนจึงพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบบ

“เฉิงเม่ยเฟิงถูกคนพาตัวไปแล้ว..”

“ห๊ะ.. อะไรนะ? ถูกพาตัวไป?!” หลินเมิ่งหานร้องอุทานออกมา และไม่รู้ว่าเธอควรจะดีใจหรือว่าเสียใจดี จึงรีบถามต่อว่า

“เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่?  แล้วใครเป็นคนเอาตัวเธอไป?!”

ดวงตาของหลิงหยุนเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือก พร้อมกับตอบไปด้วยเสียงเย็นชา “เมื่อวันเสาร์ แม่ชีจากสำนักจิ้งซินเป็นคนเอาตัวเธอไป”

“สำนักจิ้งซินอะไรกัน? แล้วอยู่ที่ใหน?” หลินเมิ่งหานไม่เคยได้ยินชื่ออะไรแบบนี้มาก่อน จึงถามขึ้นอย่างงงๆ

“ผมก็ไม่รู้ว่าอยู่ที่ใหน? แต่ไม่ว่าจะอยู่ที่ใหนก็ตาม.. ถ้าผมรู้เมื่อไหร่ ที่นั่นจะต้องราบเป็นหน้ากอง!”

“แล้วแม่ชีนั่นเอาตัวเธอไปทำไม? อย่าบอกนะว่า..”

หลินเมิ่งหานอยากจะพูดคำว่าเฉิงเม่ยเฟิงไปบวชชี แต่เมื่อเห็นสีหน้าและสายตาที่เย็นชาของหลิงหยุน เธอก็ไม่กล้าพูดต่อ..

“ผมจะเล่าให้คุณฟังทีหลัง.. ตอนนี้ไปทางใหนต่อ?”

“เอ่อ.. เลี้ยวไปทางตะวันออก แล้วก็ขับไปตามทางเรื่อยๆ”

หลินเมิ่งหานคิดถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนนี้ ก็ได้แต่ตัวสั่น


บทที่ 420: ดอกไม้เบ่งบาน!

หมู่บ้านแห่งนี้อยู่แถบชานเมืองด้านเหนือของเมืองจิงฉูชื่อว่าหมู่บ้านฟู่หัว ล้อมรอบไปด้วยภูเขาสีเขียว และแม่น้ำหลายสาย ต้นไม้เขียวชอุ่ม สภาพแวดล้อมค่อนข้างเงียบสงบ แต่ก็หรูหรา เหมาะสำหรับคนมีฐานะร่ำรวยที่อยากจะมาใช้ชีวิตสงบๆ

บ้านแต่ละหลังล้วนเป็นบ้านเดี่ยว หากเทียบกับหมู่บ้านของหลิงหยุนแล้ว บ้านในหมู่บ้านฟู่หัวนี้จะหลังเล็กกว่า และมีพื้นที่ใช้สอยน้อยกว่า

“บรรยากาศยอดเยี่ยมมาก.. คุณเลือกเก่งไม่เบาเลย..”

เมื่อเข้าไปภายในเขตหมู่บ้าน หลิงหยุนก็ลดความเร็วของรถ จากนั้นก็เปิดกระจกลงเพื่อรับลม และอากาศที่สดชื่น หลิงหยุนสัมผัสได้ถึงความเย็น และกลิ่นหอมของต้นไม้ดอกไม้ อีกทั้งพลังชีวิตที่กระจายอยู่

ในระดับกลางของขั้นปรับร่างกาย-5 นั้น หลิงหยุนสามารถดูดซับพลังชีวิตจากต้นไม้ดอกไม้เหล่านี้ได้ แม้ว่าจะมีอยู่อย่างเบาบาง แต่ก็มีไปตลอดทาง และค่อนข้างมีประโยชน์กับร่างกายของหลิงหยุน

“ฉันชอบความเงียบสงบ..”

ใบหน้าเล็กๆของหลินเมิ่งหานเริ่มร้อนผ่าว และไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมองหน้าหลิงหยุน แม้กระทั่งเสียงพูดของเธอก็ยังสั่น

หลินเมิ่งหานเริ่มตื่นตระหนกมากขึ้นเรื่อยๆ และใจของเธอก็เต้นรัวไม่ต่างจากเสียงกลอง เพราะนี่เป็นครั้งแรกสำหรับเธอ แล้วจะไม่ให้เธอตื่นเต้นได้อย่างไรกัน!

หลินเมิ่งหานกำลังคิดว่า เธอดื่มมามากพอสมควร น่าจะทำให้เธอกล้ามากขึ้น!

“บ้านของคุณหลังใหน?”

“หลังที่อยู่ด้านในสุด นายขับตรงไปเรื่อยๆ..”

หลิงหยุนคิดในใจว่า.. นี่สิถึงจะเป็นบุคลิกที่แท้จริงของหลินเมิ่งหาน เขาเหลือบมองหลินเมิ่งหานที่ตอนนี้เริ่มนั่งเงียบไม่พูดไม่จาอีก..

เมื่อขับไปถึงบ้านโซนในสุด หลินเมิ่งหานก็ยกมือชึ้ไปที่บ้านหลังหนึ่งทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือ พร้อมกับพูดด้วยเสียงที่เบาราวกับเสียงยุง

“หลังนั้น..”

หลินเมิ่งหานรู้สึกอาย หน้าของเธอแดงไปจนถึงใบหู และเสียงพูดก็เริ่มเบาลงเรื่อยๆ

คืนนี้.. สำหรับครั้งแรกของหลินเมิ่งหาน เธอรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะเป็นชู้กับสามีของคนอื่น เพราะเธอเข้าใจมาตลอดว่าหลิงหยุนกับเฉิงเม่ยเฟิงมีสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกันแล้ว

หากหลินเมิ่งหานรู้ว่า นี่ก็เป็นครั้งแรกของหลิงหยุนเช่นกัน เธอก็น่าจจะรู้สึกผ่อนคลายมากกว่านี้ ทั้งคู่ต่างก็เป็นครั้งแรกของกันและกัน ต่างคนต่างก็ไม่เคยผ่านเรื่องแบบนี้มาก่อน และไม่ประสีประสาทั้งคู่ คงจะไม่มีใครหัวเราะเยาะใคร พวกเขาจะได้เรียนรู้เรื่องนี้ไปด้วยกัน

หลินเมิ่งหานรู้สึกตื่นเต้นและกังวลอย่างมาก ส่วนหลิงหยุนเองก็พยายามปั้นหน้าให้นิ่งสงบมากที่สุด เพื่อพยายามเก็บงำความตื่นเต้นของตัวเองไว้

หากอยู่ต่อหน้าเฉิงเม่ยเฟิง เสี่ยวเม่ยเม่ย หรือว่าเกาเฉินเฉิน หลิงหยุนคงจะไม่รู้สึกตื่นเต้นถึงเพียงนี้ เพราะพวกเขาเคยเปลือยกายต่อหน้ากันและกันมาแล้ว อีกทั้งยังเคยสัมผัสเรือนร่าง และกอดจูบกันมาก่อนหน้านี้ แต่สถานการณ์ระหว่างเขากับหลินเมิ่งหานในตอนนี้ ทำให้หลิงหยุนรู้สึกคล้ายคนกำลังจมน้ำ

หากเป็นเหยาลู่ หลิงหยุนเองก็คงไม่ตื่นเต้นถึงเพียงนี้เช่นกัน เพราะเหยาลู่นั้นค่อนข้างจงรักภักดิ์ดีต่อเขา ไม่ว่าหลิงหยุนต้องการอะไร เหยาลู่ก็จะเพียงแค่พยักหน้าและไม่เคยปฏิเสธ เธอคงจะทำให้หลิงหยุนมีความสุขอย่างมาก และคงทำให้เขารู้สึกราวกับเป็นจักรพรรดิก็ไม่ปาน

ส่วนหลินเมิ่งหานนั้น หลิงหยุนรู้ดีว่าเธอแตกต่างจากผู้หญิงเหล่านั้น อีกทั้งภายใต้ชุดกระโปรงเดรสสีขาว ก็คือเรือนร่างที่เร่าร้อน!

หลิงหยุนสัมผัสได้ว่าความสุขของเขาลดลงเล็กน้อยเพราะความตึงเครียด แต่ก็ยังมีความกระตือรือร้นที่จะได้มีสัมพันธ์กับเธอ

“ขับรถเข้าไปจอดด้านในเลย..”

หลินเมิ่งหานเปิดประตูรถลงไป และสั่งให้หลิงหยุนขับรถเข้าไปด้านใน และเมื่อเขาจอดรถเรียบร้อยแล้ว เธอก็เดินไปปิดประตูบ้าน

และตอนนี้บ้านหลังนี้ก็จะเป็นโลกส่วนตัวของพวกเขาทั้งสองคนแล้ว และจะไม่มีใครเข้ามาวุ่นวายได้อีก!

ก่อนที่หลิงหยุนจะลงจากรถ เขารีบพิมพ์ข้อความส่งให้เหยาลู่

-เหยาลู่.. ผมมีปัญหานิดหน่อย ไม่สามารถกลับไปอยู่กับคุณได้ ไม่ต้องห่วงนะ พักผ่อนเยอะๆล่ะ-

หลังจากที่กดส่งไปแล้ว หลิงหยุนก็รีบปิดโทรศัพท์และเก็บเข้าไปในแหวนพื้นที่ แล้วจึงเดินลงจากรถไป

บ้านหลังนี้แม้จะเล็กแต่ก็เป็นระเบียบเรียบร้อย หลิงหยุนเหลือบมองสนามที่สะอาดเป็นระเบียบ จึงได้แต่ถามขึ้นว่า

“คุณไม่อยู่บ้านตั้งหลายวัน แต่ทำไมบ้านยังสะอาดเรียบร้อยแบบนี้ล่ะ?”

หลินเมิ่งหานเปิดประตูเข้าไปในบ้าน เมื่อได้ยินคำถามของหลิงหยุนจึงตอบกลับไปว่า “ซื่อบื้อจัง! ฉันก็จ้างบริษัททำความสะอาดให้มาดูแลให้น่ะสิ ทางบริษัทจะส่งคนมาดูแลบ้านให้ทุกๆสองวัน!”

“คุณ..”

“นาย..”

จู่ๆทั้งสองคนก็พูดขึ้นมาพร้อมกันเมื่อเข้าไปในบ้าน และบรรยากาศภายในห้องรับแขกตอนนี้ก็เริ่มกระอักระอ่วนราวกับมีประกายไฟที่พร้อมจะจุดติดขึ้นได้เสมอ!

หลิงหยุนอดคิดไม่ได้ว่า รู้อย่างนี้เขาน่าจะปล่อยให้หลินเมิ่งหานดื่มต่อจนเมามาย เพราะในสถานการณ์เช่นนี้หากหลินเมิ่งหานไม่เป็นฝ่ายเริ่มต้น ก็ดูเหมือนจะมีปัญหามากมาย

อีกอย่างหลิงเมิ่งหานก็อายุมากกว่าหลิงหยุนถึงสองปี แล้วก็ดื่มเบียร์ไปตั้งมากมาย น่าจะมีความกล้ามากกว่าเขา แต่ตอนนี้เธอกลับเพียงแค่ยืนยิ้มหน้าแดง และรู้สึกราวกับว่ากำลังมีดอกไม้เบ่งบานอยู่ภายในบ้าน

‘เมิ่งหาน.. ทำไมไม่ก๋ากั่นเหมือนตอนอยู่ในบาร์ล่ะ? กลายเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง?’

หลินเมิ่งหานคิดในใจ จากนั้นเธอก็แสร้งทำเหมือนไม่มีอะไร และรีบถามหลิงหยุนเพื่อกลบเกลื่อนความอาย

“เอ่อ.. นายอยากจจะดื่มอะไรไม๊? ฉันจะไปหยิบมาให้!”

“อ๊ะ..” หลินเมิ่งหานร้องตกใจ!

จู่ๆร่างของหลิงหยุนก็มายืนอยู่หน้าเธอในระยะกระชั้นชิด หลิงหยุนอดทนรอไม่ไหวอีกแล้ว เมื่อเห็นหลินเมิ่งหานไม่กล้าเริ่ม เขาจึงเดินเข้าไปยืนตรงหน้าพร้อมกับเอื้อมมือไปโอบกอดหลินเมิ่งหานไว้ และกระซิบว่า

“ผมไม่อยากดื่มอะไรทั้งนั้นล่ะ.. ตอนนี้ผมอยากจะกินคุณ!”

“ห้องนอนไปทางใหน?”

……………

สองชั่วโมงผ่านไป..

บรรยากาศภายในห้องนอนอบอวลไปด้วยความสุข และหอมหวนราวกับมีดอกไม้เบ่งบาน หลินเมิ่งหานได้ผ่านช่วงเจ็บปวดที่เกิดจากเยื่อพรหมจรรย์ฉีกขาดจากการมีสันพันธ์ที่ลึกซึ้งกับหลิงหยุนครั้งแรก และทุกอย่างก็ค่อยๆดีขึ้น

“เมิ่งหาน..”

“เราสองคนนับว่าเป็นสามีภรรยากันแล้ว นายยังจะเรียกชื่อฉันอยู่อีกเหรอ?!”

หลิงเมิ่งหานที่นอนอยู่ด้านล่างยื่นเมือออกไปโอบแผ่นหลังของหลิงหยุนไว้ พร้อมกับพูดขึ้นอย่างไม่พอใจนัก

“ไม่ให้ผมเรียกชื่อ.. แล้วจะให้ผมเรียกอะไร?!” หลิงหยุนหัวเราะ

“ก็เรียกฉันว่า.. ที่รักไง หรือไม่ก็ภรรยา..” หลินเมิ่งหานร้องบอก

หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับเรียกหลินเมิ่งหานว่าคุณภรรยา จากนั้นก็โน้มใบหน้าเข้าไปกระซิบข้างหูของหลินเมิ่งหาน

“ผมมีความลับจะบอก.. นี่ก็เป็นครั้งแรกของผมเหมือนกัน!”

“อะไรนะ?!”

หลินเมิ่งหานร้องออกมาอย่างตกใจ ใบหน้าสวยงามของเธอบ่งบอกว่าไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่หลิงหยุนพูด ดวงตาของเธอมีน้ำตาเอ่อขึ้นมาเล็กน้อย!

“แต่.. แต่ว่านายกับเฉิงเม่ยเฟิงอยู่ด้วยกันแล้วนี่? สามี.. ไม่จำเป็นต้องพูดเพื่อให้ฉันสบายใจก็ได้..” หลินเมิ่งหานยังคงไม่เชื่อ แต่ก็พูดคุยกับหลิงหยุนอย่างมีความสุข

หลิงหยุนตอบกลับไปยิ้มๆ “ผมกับเฉิงเม่ยเฟิงอยู่ด้วยกันจริง แต่พวกเราก็เพียงแค่สัมผัสร่างกายภายนอกกันเท่านั้น ผมไม่เคยทำแบบนี้กับใครมาก่อน..”

หลินเมิ่งหานถึงกับอึ้ง! เธอคิดว่าหลิงหยุนเป็นคนแรกของเธอ แต่กลับนึกไม่ถึงว่าเธอเองก็เป็นคนแรกของหลิงหยุนเช่นกัน!

ช่างโชคดีเหลือกเกินที่หลินเมิ่งหานกลับมาที่จิงฉูในวันนี้ ไม่เช่นนั้น.. ความสุขที่สุดในคืนนี้ก็คงต้องตกเป็นของเหยาลู่ ไม่ใช่หลินเมิ่งหาน! และแน่นอนว่าหลิงหยุนไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้หลินเมิ่งหานฟัง

“สามี.. ฉันรักคุณมากนะ..” หลินเมิ่งหานกระซิบบอกหลิงหยุนอย่างอ่อนโยน ในขณะที่ร่างกายส่วนล่างกำลังบีบรัดอย่างรุนแรง

หลิงหยุนไม่มีเวลาตอบกลับหลินเมิ่งหาน เพราะเขากำลังใช้วิชาพลังลับหยินหยาง เพื่อที่จะถ่ายเทพลังหยินจากกายของเขาเข้าสู่กายของหลินเมิ่งหาน!

มีเพียงช่วงเวลาเช่นนี้เท่านั้นที่หลิงหยุนจะสามารถปรับเปลี่ยนร่างกายของหลินเมิ่งหานให้หลุดจากการเป็นปุถุชนคนธรรมดาได้ และยิ่งเธอได้รับความสุขอย่างสูงสุดมากเท่าไหร่ ความแข็งแกร่งของกำลังภายในก็จะยิ่งพุ่งสูงขึ้นมากเท่านั้น!

พลังหยินที่เยือกเย็นจากกายของหลิงหยุนจำนวนมาก พุ่งเข้าสู่ภายในกายของหลินเมิ่งหาน หลิงหยุนช่วยให้พลังหยินที่เขาถ่ายเทสู่ร่างของหลินเมิ่งหานนั้น สามารถเคลื่อนไปตามเส้นลมปราณได้อย่างไม่ติดขัด ด้วยการใช้นิ้วจี้ไปตามจุดต่างๆบนร่างกายของเธอ!

โฮ่วเทียน-1, โฮ่วเทียน-2, โฮ่วเทียน-3.. กำลังภายในร่างกายของหลินเมิ่งหานค่อยๆพัฒนาขึ้นจนเข้าสู่ขั้นโฮ่วเทียน-6

ทุกครั้งที่สามารถพัฒนาเข้าสู่ขั้นต่างๆได้นั้น กายของหลินเมิ่งหานจะสั่นเทิ้มไปทั่วทั้งร่าง และจะรู้สึกสดชื่น!

หลินเมิ่งหานไม่รู้ว่าหลิงหยุนได้ทำอะไรกับร่างกายของเธอไปบ้าง เธอเพียงแค่คิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงแค่ปรากฏการณ์ที่ผู้หญิงควรรู้สึกในช่วงเวลานี้เท่านั้น!

‘ธรรมชาติร่างกายของสตรีช่างน่าอิจฉาจริงๆ’

หลิงหยุนแอบพออกพอใจอยู่เงียบๆ ตลอดสามชั่วโมงที่อยู่ในร่างของหลินเมิ่งหานนั้น ทุกจุดสูงสุดที่เธอรู้สึก ร่างกายของเธอจะกลั่นพลังหยินที่บริสุทธิ์ออกมาทุกครั้ง และหลิงหยุนก็สามารถดูดซับพลังหยินบริสุทธิ์นั้นไว้ได้จนหมด ไม่มีสูญเปล่าแม้แต่นิดเดียว!

สองคนรวมเป็นหนึ่งจึงก่อเกิดการไหลเวียนของพลังหยินหยางจำนวนมาก และแล้วมัจฉาหยินและมัจฉาหยางที่อยู่ในจุดตันเถียนของหลิงหยุนก็ถูกกระตุ้น พวกมันหมุนอยู่ในท้องของหลิงหยุนอย่างรวดเร็ว ดวงตาหยินในร่างของมัจฉาหยางได้ช่วยเพิ่มพลังหยินในร่างกายของหลิงหยุนที่สูญเสียไปขึ้นมาใหม่!

กำลังภายในของหลิงหยุนก็พัฒนาขึ้นเช่นกัน และตอนนี้เขาก็ได้เข้าสู่ระดับสูงสุดของขั้นปรับร่างกาย-5 แล้ว แต่หลิงหยุนยังไม่พอใจ!

เขาพลิกฝ่ามือเรียกน้ำเต้าวิเศษออกมา และใช้มือซ้ายยกน้ำเต้าวิเศษขึ้นดื่มน้ำลายมังกรทันที!

และเพียงแค่อึกเดียวหลิงหยุนก็ดื่มน้ำลายมังกรเข้าไปถึงสองสามกิโลกรัม และตอนนี้พลังชีวิตในกายของหลิงหยุนก็เพิ่มขึ้นมากจนเส้นแบ่งรูปมังกรที่อยู่ในจุดตันเถียนของเขาถึงกับเปล่งรัศมีสีทองเรืองรอง!

พลังชีวิตจากน้ำลายมังกรได้ถูกถ่ายเทเข้าสู่กายของหลินเมิ่งหานผ่านสัญลักษณ์แห่งความเป็นชายที่เชื่อมกายของคนทั้งคู่ไว้ หลินเมิ่งหานสัมผัสได้ว่าความรู้สึกนี้นอกจากให้ความรู้สึกซาบซ่านที่น่าถวิลหาแล้ว ยังอ่อนโยน ให้ความรู้สึกสบาย และดูเหมือนจะมีประโยชน์ต่อร่างกายด้วย

และในระหว่างการหมุนเวียนระหว่างสองกายนั้น พลังชีวิตจากน้ำลายมักร และพลังหยินที่เยือกเย็น ก็สามารถผสมผสานเข้ากันได้เป็นอย่างดี ทำให้เส้นลมปราณและกำลังของบุรุษและสตรีต่างก็แข็งแกร่งขึ้นทันที!

ตูม!!

หลังจากระเบิดความสดชื่นที่ไม่สามารถอธิบายได้ หลิงหยุนก็สามารถเข้าสู่ขั้นปรับร่างกาย-6 ได้แล้ว เช่นเดียวกับหลินเมิ่งหานที่กำลังภายในกลับแข็งแกร่งขึ้นอีกเช่นกัน

การจะฝึกบ่มเพาะจนมาถึงขั้นโฮ่วเทียน-7 ได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แต่เพราะพลังหยินและพลังชีวิตจากน้ำลายมังกรในกายหลิงหยุน ไม่เพียงทำให้หลินเมิ่งหานสามารถพัฒนาขึ้นมาถึงขั้นโฮ่วเทียน-7 แต่ยังขึ้นไปจนถึงขั้นโฮ่วเทียน-8 และหลังจากที่เข้าสู่ระดับต้นของขั้นโฮ่วเทียน-9 ทุกอย่างก็เริ่มหยุดนิ่ง!

จุดตันเถียนของหลินเมิ่งหานเริ่มนิ่ง และเส้นลมปราณต่างๆก็ขยายขึ้นหลายเท่า และเมื่อร่างกายของหลินเมิ่งหานเริ่มค่อยๆหยุดนิ่ง หลิงหยุนจึงเริ่มสำรวจดูร่างกายของตนเองบ้าง

แม้หลินเมิ่งหานจะไม่เคยฝึกบ่มเพาะมาก่อน แต่นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ ตราบใดที่กำลังภายในของเธอพัฒนาเข้าสู่ขั้นต่างๆได้แล้ว การฝึกฝนก็เป็นเรื่องง่ายนิดเดียว เหมือนกับคนที่หิวข้าว หากมีอาหารอยู่ตรงหน้า ก็แค่หยิบขึ้นมากินเท่านั้นเอง!

หลิงหยุนเข้าสู่ระดับเริ่มต้นของขั้นปรับร่างกาย-6 แม้จะดูเหมือนว่ากำลังภายในของเขาก้าวหน้าเพียงแค่สองขั้น แต่อย่าลืมว่า แต่ละขั้นนั้นแข็งแกร่งอย่างที่สุด!

จากการเข้าสู่ขั้นปรับร่างกายใหม่ทั้งสองขั้นด้วยวิธีนี้ ความแข็งแกร่งของมันกลับเพิ่มขึ้นป็นสองเท่าหากเทียบกับขั้นที่เขาผ่านฝึกมาก่อนหน้านี้!

หลิงหยุนมีความสุขอย่างมากที่สามารถก้าวหน้าได้อีกสองขั้น! พลังหยินในกายของหลินเมิ่งหานนั้นช่างมีประโยชน์มากจริงๆ!

และนี่ก็นับว่าเป็นข้อได้เปรียบข้อที่สองจากการฝึกวิชาพลังลับหยินยางของหลิงหยุน เพราะธรรมชาติของสตรีนั้นเกิดมาพร้อมกับพลังหยิน แต่การฝึกเช่นนี้จะทำให้ความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น หรือน้อยลงนั้น ก็ขึ้นอยู่กับสตรีนางนั้นด้วย เพราะหากไม่ใช่สตรีที่มีพลังหยินบริสุทธิ์แล้วล่ะก็ การฝึกก็นับว่าเสียเวลาเปล่า..

และสำหรับระดับความก้าวหน้านั้น ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆอย่าง เช่นความแข็งแกร่งของสตรี พรสวรรค์ กระดูก และระดับกำลังภายใน รวมถึงลักษณะทางกายภาพอื่นๆ ทุกอย่างมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกัน จึงให้ผลแตกต่างกันไป

ร่างกายของหลิงหยุนค่อยๆสงบลงแล้ว เขาเริ่มใช้วิชาพลังลับหยินหยางอีกครั้ง ดวงตาสีดำและดวงตาสีขาวที่อยู่บนตัวมัจฉาหยิน และมัจฉาหยางนั้นเด่นชัดมาขึ้นกว่าเดิม และนี่เรียกว่าดวงตาหยินหยางซึ่งเกิดจากการฝึกวิชาพลังลับหยินหยางนี้

หากดวงตาหยินหยางนี้สมบูรณ์เมื่อใด จะเกิดสิ่งที่มหัศจรรย์อย่างมาก เพราะจะสามารถทำให้คนผู้นั้นมองทะลุภาพลวงตาได้!

พลังอมตะที่อยู่หว่างคิ้วของหลิงหยุนค่อยๆมีสีทองเข้มขึ้น และนั่นนับว่าเป็นสัญญาณที่ดี

หลิงหยุนวางร่างที่อ่อนปวกเปียกของหลินเมิ่งหานลง แต่เขายังคงไม่ถอยออกจากร่างของเธอ หลิงหยุนยังคงนอนนิ่งทับเรือนร่างของหลินเมิ่งหานที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อ และปล่อยให้การไหลเวียนของพลังหยินและหยางค่อยๆหยุดลงเองอย่างช้าๆ จนนิ่งไปในที่สุด

“สามี.. นี่นายทำอะไรกับฉัน?” หลินเมิ่งหานไม่ถึงกับสลบไสล เธอรู้สึกจิตใจตื่นรู้และรู้ว่าร่างกายของเธอเปลี่ยนไปอย่างมาก จึงได้แต่ถามขึ้นด้วยความสงสัย

“..อย่าเพิ่งขยับร่างกาย อยู่นิ่งๆครู่หนึ่งก่อน เรียบร้อยแล้วผมจะบอกคุณเอง..”

จากนั้นหลิงหยุนก็เงียบไป และทั้งคู่ก็นอนร่างทับกันนิ่งอยู่แบบบนั้น

ดวงตาคู่สวยของหลินเมิ่งหานเอ่อไปด้วยน้ำตาแห่งความสุข คืนนี้ไม่เพียงหลิงหยุนทำให้เธอมีความสุขอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน แต่เธอมีความสุขทั้งทางกายและจิตใจ เธอจะไม่มีวันลืมค่ำคืนนี้เลยตลอดชีวิต!

ผ่านไปกว่าสองชั่วโมง และก็เป็นเวลาเกือบตีห้า ทุกอย่างจึงสิ้นสุดลง..

หลิงหยุนลุกขึ้น และพาตัวเองออกจากร่างของหลินเมิ่งหาน จากนั้นจึงนั่งขัดสมาธิและเริ่มฝึกพลังลับหยินหยางต่อ..

ส่วนหลินเมิ่งหานนั้นทั้งเหนื่อยล้าและหมดเรี่ยวหมดแรง จึงได้นอนหลับไป และริมฝีปากยังคงแย้มยิ้มอย่างมีความสุข

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม