Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร 365-371

 บทที่ 365: ล้างบางเมืองจิงฉู (14) – หลิงหยุนสุดยอด!

พนักงานในสำนักงานต่างพากันหวาดกลัว! พวกเขาไม่ได้เสแสร้ง แต่หวาดกลัวกันจริงๆ!

พนักงานเหล่านี้มีหรือจะไม่รู้ขั้นตอนการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างว่าต้องได้รับการยินยอมจากเจ้าของบ้านเสียก่อน อีกทั้งยังต้องมีการจ่ายเงินชดเชยให้ด้วย แต่เพราะเป็นเพียงแค่ผู้ใต้บังคับบัญชา และถูกกดดันกันต่อมาเป็นทอดๆ

ทุกคนต่างก็รู้อยู่แก่ใจว่า.. การรื้อถอนบ้านของหลิงหยุนนั้น พวกเขาต่างก็ไม่ได้ทำตามขั้นตอนที่ถูกต้องตามกฏหมาย แต่แอบรื้อถอนกันอย่างเงียบๆ

ดังนั้น.. พนักงานทุกคนจึงพากันเหงื่อแตกพลั่ก เพราะรู้ตัวดีว่าได้กระทำการไปโดยพละการ และไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของบ้าน การกระทำของพวกเขาจึงไม่ต่างจากพวกหัวขโมยเลยแม้แต่น้อย!

กู่เหลียนซันเองก็เคยพูดกับทุกคนว่า นี่เป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องตามกฏหมาย หากเจ้าของบ้านโวยวายและลุกขึ้นต่อต้าน ก็คงจะมีปัญหา..

แต่กู่เหลียนซันก็ยังเลือกที่จะทำ!

เพราะเห็นว่านางฉินจิวยื่อไม่อยู่ในจิงฉู และหลิงหยุนก็ได้หายตัวไปกว่าหนึ่งอาทิตย์แล้ว ตอนนี้มีเพียงหนิงหลิงยู่คนเดียวเท่านั้น กู่เหลียงซันจึงกล้าที่จะลงมือ อีกทั้งเขายังมีผู้ที่คอยให้การสนับสนุนอย่างเสียเจิ้นติงและหลัวจ้ง ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีแก๊งอันธพาลที่เป็นคนของเถียนป๋อเตาคอยเป็นมือเป็นเท้าให้ ทำให้กู่เหลียนซันไม่หวาดกลัวต่อสิ่งใด!

คำพูดของกู่เหลียนซันในตอนนั้นเต็มไปด้วยความลำพอง “ลงมือได้เลย! พวกมันไม่กลับมาหรอกน่า.. แต่ก็ต้องนับว่าเป็นโชคดีของพวกมันที่ไม่กลับมา เพราะถ้าใครกล้าเข้ามาขวาง ฉันจะให้มันถูกกระทืบตายไม่ต่างจากมดตัวหนึ่งเลยเชียว.. ไม่ต้องไปสนใจอะไร!”

จากนั้น.. กู่เหลียนซันและเถียนป๋อเตาก็สั่งการให้ทุบบ้านของหลิงหยุนทันที และเพียงแค่พริบตาเดียวบ้านทั้งหลังก็พังทลายไม่เหลือซาก พนักงานที่รับคำสั่งก็ยังคงกังวล และหวาดกลัวว่าครอบครัวของหลิงหยุนจะกลับมาสร้างปัญหาให้กับพวกเขา

แต่หลังจากผ่านไปแล้วสองวัน เหตุการณ์ก็ยังคงสงบนิ่ง ทุกคนจึงวางใจว่าคงจะไม่มีปัญหาอะไรแล้ว และวันนี้พวกเขาก็เตรียมตัวที่จะทำงานอย่างอื่นต่อ และไม่มีใครคาดคิดว่าหลิงหยุนจะกลับมาแม้แต่คนเดียว!

แต่ทันทีที่หลิงหยุนปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน เขากลับดูมีพลังอำนาจและน่าเกรงขามอย่างมาก เพราะเมื่อมาถึงหลิงหยุนก็ตรงเข้าเล่นงานกู่เหลียนซัน พร้อมกับจับเขาโยนออกไปนอกออฟฟิศทันที

กู่เหลียนซันเป็นชายร่างใหญ่ที่หนักกว่า 170 กิโลกรัม แต่หลิงหยุนกลับใช้มือเพียงข้างเดียวจับเขาโยนออกไปข้างนอกได้อย่างง่ายดาย และดูเหมือนว่าหลิงหยุนจะไม่ต้องพยายามออกแรงเลยแม้แต่น้อย!

พนักงานทุกคนต่างก็รู้ตัวว่าพวกเขาได้ทำการรื้อถอนอย่างไม่ถูกต้องตามขั้นตอน และนับว่าเป็นเรื่องที่ผิดกฏหมาย เมื่อเห็นหลิงหยุนปรากฏตัวขึ้นที่สำนักงาน มีหรือที่พวกเขาจะไม่หวาดกลัว? แต่ละคนล้วนตกใจกลัวจนตัวสั่น มีสองคนถึงกับฉี่รดกางเกงด้วยซ้ำไป!

ทุกคนล้วนเห็นภาพที่หลิงหยุนจับกู่เหลียนซันโยนออกไปนอกประตู จึงไม่มีใครกล้าหือหรือลุกขึ้นต่อต้านแม้แต่คนเดียว แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทุกคนทำเหมือนกันนั่นก็คือ.. ทุกคนต่างก็ยกโทรศัพท์มือถือออกมาโทรหาคนรู้จัก แต่เมื่อหลิงหยุนหันไปมอง พวกเขาต่างก็กลัวลนลานจนถึงกับโยนโทรศัพท์ทิ้งลงกับพื้นทันที!

แต่หลิงหยุนกลับยิ้มให้และพูดขึ้นว่า “ทุกคนอยากจะโทรหาคนรู้จักไม่ใช่เหรอ? เชิญเลย.. จะโทรหากี่คนก็เชิญตามสบาย! แล้วก็อย่าลืมรีบพากันออกไปแจ้งความที่สถานีตำรวจด้วยนะ.. อย่ามายืนเกะกะฉันทำงานที่นี่! รีบไปซะ.. ไอ้พวกสวะ!”

ตอนนี้หลิงหยุนต้องการถล่มสำนักงานแห่งนี้ให้ราบเป็นหน้ากองโดยเร็วที่สุด!

หลังจากที่ทุกคนพากันวิ่งหนีออกไป.. หลิงหยุนก็หยิบเอกสารต่างๆที่วางอยู่บนโต๊ะลงมากองรวมกัน แล้วจัดการใช้ยันต์อัคนีเผาทิ้งจนหมด!

จากนั้นก็เรียกกระบี่โลหิตแดนใต้ออกมา แล้วจัดการฟันโต๊ะเก้าอี้ภายในสำนักงานจนพังเรียบ แล้วจึงฟันเข้าที่กำแพงเป็นลำดับต่อไป!

หลิงหยุนแทบไม่ต้องออกแรงมากมาย เขาถือกระบี่ไว้ในมือขวา และเดินไปที่ผนังของสำนักงาน จากนั้นก็ยกกระบี่ขึ้นฟันลงไปที่ผนังโดยรอบ

‘อีกไม่นานหรอก.. สำนักงานนี่ก็จะพังทลายลง! เยี่ยม.. แทบไม่ต่างจากการลงมือตัดเต้าหู้!’ หลิงหยุนคิดในใจพร้อมกับค่อยๆเดินแสยะยิ้มออกมาจากสำนักงาน..

เมื่อออกมาด้านนอก หลิงหยุนก็ใช้มังกรพรางร่างสำรวจไปรอบๆสำนักงานด้านนอก จากนั้นจึงค่อยหยุด และใช้มือทั้งสองข้างผลักผนัง สำนักงานก็ค่อยๆพังครืนและถล่มลงมาอย่างช้าๆ

ระหว่างที่ทุกคนกำลังยืนมองหลิงหยุนด้วยความงุนงง เพราะไม่รู้ว่าเขากำลังคิดจะทำอะไรอยู่นั้น ทุกคนก็ได้ยินเสียงครืนดังขึ้นพร้อมๆกัน!

“เสียงฟ้าร้องเหรอ!? นี่มัน..”

“แย่แล้ว.. สำนักงานกำลังจะถล่ม!”

“ชิบหายแล้วสิ.. มันถล่มลงมาแล้ว!”

“หนีเร็วเข้า..”

ครืน..! ครืน!

เสียงสำนักงานที่กำลังพังครืนลงมาดังมากขึ้นเรื่อยๆ และได้ยินออกไปไกลถึงห้าร้อยเมตร คนแถวถนนหลินเจียงที่อยู่ในรัศมีห้าร้อยเมตรต่างก็ได้ยินเสียงดังปัง! และสำนักงานก็พังทลายลงมา จนฝุ่นคลุ้งกระจายไปในอากาศ และผู้คนที่อยู่บริเวณนั้นต่างก็พากันสำลักฝุ่นและไอกันเป็นแถว!

แม้แต่ถังเมิ่งเองยังตกตะลึงเช่นกัน เขาได้แต่คิดในใจว่าลูกพี่ของเขาช่างโหดและดุดันมากจริงๆ! นี่เพียงแค่รื้อถอนสำนักงานของพวกมัน ยังไม่ถึงคิวของบ้านเถียนป๋อเตา!

หลังจากที่หลิงหยุนไล่พนักงานออกจากออฟฟิศจนหมดแล้ว ผู้คนที่อยู่แถวถนนหลินเจียงต่างก็พากันวิ่งมาดูว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ และทุกคนต่างก็ตกตะลึงกับภาพสำนักงานที่พังทลายลงต่อหน้าต่อตา..

“นี่.. นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้น?!”

“สำนักงานของไอ้พวกที่จะมารื้อถอนบ้านนี่นา.. ทำไมถึงได้พังลงมาแบบนั้นล่ะ ฮ่า ฮ่า?! แต่ก็สมน้ำหน้ามัน!”

“ใช่.. สมน้ำหน้ามัน! พวกมันเอาแต่จะกดเงินค่าชดเชย สมควรแล้วที่ได้รับกรรม!”

“นั่นมันลูกชายของฉินจิวยื่อ-หลิงหยุนไม่ใช่เหรอ? หลิงหยุนกลับมาแล้วพวกเรา! เขากลับมาแก้แค้นคืนแล้ว!”

“จริงๆด้วย ใช่หลิงหยุนจริงๆด้วย! แต่ดูเหมือนเขาจะผอมลงไปมาก?”

“นี่เขาทำลายสำนักงานขนาดใหญ่แบบนี้ได้ยังไง?! ไปเอาเรี่ยวแรงมาจากใหน?”

ผู้คนบนถนนหลินเจียงต่างพากันออกความเห็นกันไปต่างๆนานา หลายวันที่ผ่านมาพวกเขาล้วนแต่ถูกคนของกู่เหลียนซันข่มเหง ตอนนี้ได้มาเห็นสำนักงานของกู่เหลียนซันถูกทำลาย ส่วนตัวกู่เหลียนซันเองก็นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นไม่ต่างจากสุนัขที่กำลังหมดลมหายใจ มีหรือที่ทุกคนจะไม่พากันสะใจ!

เสียงสำนักงานถล่มดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่ว แม้แต่หลี่หงเม่ยที่ยืนส่งหลิงหยุน และกำลังสังหรณ์ใจว่าจะต้องมีเรื่องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ทันทีที่ได้ยินเสียงดังขึ้น เธอจึงเป็นคนแรกที่วิ่งมาดู!

 “โอ้!! นั่นมัน..” หลี่หงเม่ยแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเอง หลิงหยุนเพิ่งจะบอกกับเธอว่าให้รอดูอะไรสนุกๆ ที่แท้เขาก็มารื้อสำนักงานรื้อถอนนี่เอง!

หลิงหยุนเห็นผู้คนกว่าสามร้อยเข้ามามุงกันในชั่วพริบตาเดียว เขาปัดฝุ่นที่มือและตามร่างกายออกพร้อมกับยิ้มและพูดกับฝูงชนว่า

“ทุกท่าน.. วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ผมกับครอบครัวไม่อยู่บ้าน แต่ไอ้สวะพวกนี้แอบมารื้อถอนบ้านของผมโดยที่ยังไม่ได้รับการยินยอม ตอนนี้ผมก็เลยกลับมาแก้แค้นพวกมันคืน ถ้ายังไงขอให้ทุกท่านช่วยเป็นพยานให้ผมด้วยนะครับ!”

เสียงผู้คนพากันปรบมือจนดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่ว!

“ได้.. ไม่มีปัญหา! พวกเราเองก็ไม่พอใจเหมือนกัน พวกมันสมควรได้รับกรรมแล้ว!”

“หลิงหยุน.. เธอเก่งมากเลยนะที่จัดการกับไอ้พวกสวะรกโลกนั่นได้!”

“พวกมันมีแต่คนสาระเลว ห้องของฉันตั้งสี่ร้อยตารางเมตร แต่พวกมันกลับจ่ายค่าชดเชยให้ฉันแค่หกร้อยหยวน เงินแค่นั้นฉันจะไปพอหาที่อยู่ใหม่ได้ยังไงกัน!”

ในเวลานั้น ผู้คนต่างก็พากันวิ่งมาดู แต่ละคนต่างก็ร้องออกมาด้วยความดีใจ!

หลิงหยุนส่งสัญญาณให้ทุกคนเงียบ จากนั้นก็พูดกับกู่เหลียนซันและพนักงานของเขาว่า

“พวกแกทุกคนฟังให้ดี! กลับไปบอกู่เหลียนเฉิงว่า ถ้ามันต้องการจะรื้อถอนบ้านของคนที่นี่ จะต้องยินยอมจ่ายเงินชดเชยในราคาที่ชาวบ้านพอใจเท่านั้น ไม่อย่างนั้น.. ใครก็ไม่มีสิทธิ์รื้อถอนบ้านหลังใหนทั้งนั้น!”

คำพูดของหลิงหยุนทำให้ชาวบ้านทุกคนต่างก็พากันโห่ร้องและปรบมือด้วยความดีใจ!

สีหน้าของพนักงานต่างก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว พวกเขาแทบอยากจะวิ่งหนีและไปหาที่หลบซ่อน..

“ส่วนเรื่องที่พวกแกแอบไปรื้อทำลายบ้านของฉัน รับรองว่าเรื่องนี้ต้องถึงโรงถึงศาลแน่ มันจะไม่จบเพียงเท่านี้!”

หลังจากที่หลิงหยุนพูดจบ เขาก็หันไปมองตู้กู่โม่กับถังเมิ่ง จากนั้นก็ใช้มือเพียงข้างเดียวลากกู่เหลียนซันที่อยู่ในสภาพร่อแร่ขึ้นไปบนรถฮัมเมอร์

“พ่อแม่พี่น้อง.. หลายปีมานี้พวกท่านถูกเถียนป๋อห่าวรังแก? มันกับกู่เหลียนซันรวมหัวกันรื้อบ้านของผม? ตอนนี้ผมจะไปรื้อบ้านของมันคืน ทุกท่านอยากจะดูไม๊?!”

แน่นอนว่าเป็นภาพที่ทุกคนอยากจะเห็น เมื่อได้ยินหลิงหยุนพูดว่าจะไปหาเรื่องเถียนป๋อเตาต่อ พวกเขาจึงต้องการจะตามไป!

“หลิงหยุน.. ฉันจะนำทางไปเอง..”

“ไปพวกเรา.. ไปกัน!”

“เชอะ.. เจ้าเถียนป๋อเตามันคงยังไม่รู้ชะตากรรมสิท่า..?! ครั้งที่แล้วมันก็ถูกหลิงหยุนอัดจนน่วม นี่ยังกล้ารวมหัวกับคนอื่นแอบมาทุบบ้านของหลิงหยุนหวังจะแก้แค้น! ช่างรนหาที่แท้ๆ”

“นั่นน่ะสิ.. หลายปีมานี้หลานชายของเถียนป๋อเตามากินข้าวที่ร้านฉัน รวมๆแล้วก็เกือบสองหมื่นหยวน แต่ก็ไม่ยอมจ่ายแม้แต่หยวนเดียว!”

“ไปพวกเรา.. ตามไปดูกันดีกว่า..”

หลิงหยุนสั่งถังเมิ่งให้ชะรอรถฮัมเมอร์ เพื่อให้คนที่เดินตามมาสามารถตามได้ทัน คนหลายร้อยคนต่างก็พากันเดินมุ่งหน้าไปทางตะวันออก และเลี้ยวไปทางทิศใต้ ทุกคนต่างก็มุ่งหน้าไปที่หมู่บ้านหลินเจียงเพื่อดูหลิงหยุนจัดการกับเถียนป๋อเตา

หลิงหยุนนั่งอยู่ในรถมองใบหน้าที่เจ็บปวดของกู่เหลียนซัน แล้วพูดน้ำเสียงเนิบๆ “ใครสั่งให้แกทำ? ถ้าแกยอมบอก ฉันก็จะทำให้แกหายเจ็บปวด..”

“ไม่.. ไม่มีใครสั่ง..” กู่เหลียนซันกัดฟันและดิ้นขลุกขลักไปมา

หลิงหยุนมองหน้าพร้อมกับหัวเราะ จากนั้นก็ใช้นิ้วโป้งกดลงไป “เอาล่ะ.. นี่เป็นกระดูกของแก ฉันจะดูซิว่าแกจะทนได้นานแค่ใหน!”

เพียงไม่นาน หลิงหยุนก็มาถึงหน้าทางเข้าหมู่บ้านหลินเจียง เขาสั่งให้ตู้กู่โม่เฝ้ากู่เหลียนซันอยู่ในรถ และสั่งให้ถังเมิ่งจอดรถอยู่ด้านนอก จากนั้นจึงเปิดประตูรถลงไป

“นี่มันอะไรกัน.. พวกเขาพากันมาที่นี่ทำไม?”

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่อยู่หน้าหมู่บ้านร้องออกมาอย่างตกใจ เมื่อเห็นผู้คนพากันเข้ามาที่หมู่บ้านจำนวนมาก และก็อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

หลิงหยุนยิ้มให้กับพนักงานรักษาความปลอดภัยทั้งสามคน พร้อมกับถามยิ้มๆ “ขอโทษครับ.. ไม่ทราบว่าบ้านของผู้อำนวยการเถียนอยู่หลังใหนครับ?”


บทที่ 366: ล้างบางเมืองจิงฉู (15) – เถียนป๋อเตา!

“เอ่อ.. บ้านท่านผู้อำนวยการเถียนเหรอครับ? อยู่โซนใต้ครับ สามหลังที่ใหญ่ที่สุด แล้วก็สวยที่สุด!”

อาจเป็นเพราะยังเช้าเกินไป หรืออาจเป็นเพราะความหวาดกลัวที่เห็นคนมากันจำนวนมาก หรืออาจเป็นเพราะรอยยิ้มที่สดใสของหลิงหยุนก็เป็นได้ ทำให้หนึ่งในเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสามคน ยอมตอบคำถามของหลิงหยุนอย่างง่ายดาย

“ขอบคุณครับ!”

หลิงหยุนตะโกนขอบคุณเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสามคน จากนั้นก็เหลือบมองถังเมิ่งที่ยืนอยู่ข้างๆ ทั้งสองคนเดินเคียงข้างกันผ่านประตูเข้าไป และมุ่งหน้าไปทางโซนทิศใต้ตามที่พนักงานรักษาความปลอดภัยบอก

“พี่หยุน.. นี่นายแน่ใจนะว่าจะไปรื้อบ้านของเถียนป๋อเตาจริงๆเหรอ? มันจะไม่โจ่งแจ้งเกินไปเหรอ? อีกอย่างบ้านที่นี่ก็หลังใหญ่โตแล้วก็ก่อสร้างค่อนข้างแข็งแรง!”

ถังเมิ่งเดินไปพร้อมกับกระซิบถามหลิงหยุน..

แต่หลิงหยุนตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “แน่ใจสิ! นี่นายยังต้องถามอีกเหรอ? ยังไงบ้านของมันต้องถูกรื้อ แล้วไม่ใช่แค่หลังเดียวนะ แต่ต้องทั้งสามหลังด้วย! ยิ่งหลังใหญ่เท่าไหร่ก็ยิ่งดี จะได้สร้างแรงสั่นสะเทือนได้มาก!”

ถังเมิ่งลูบหัวโล้นของตัวเองที่ตอนนี้เปียกโชกไปด้วยเหงื่อเพราะความร้อนจากแสงอาทิตย์ “บ้านที่นี่มีสองชั้น.. ถ้ามันพังลงมาแล้วนายหนีออกมาไม่ทัน ฉันจะทำยังไงล่ะ?”

หลิงหยุนฟังแล้วก็หัวเราะร่วน ถังเมิ่งก็ยังคงเป็นถังเมิ่งที่กังวลไปซะทุกเรื่อง! เขาขยิบตาให้ถังเมิ่งแล้วตอบกลับไปว่า

“นี่นายคิดว่าฉันเป็นนายหรือยังไง? สบายใจได้! นายรอดูเรื่องสนุกๆก็พอ อีกอย่างนายมีหน้าที่คอยจัดการรับมือกับผู้คนที่จะตามมาดู คงจะมีจำนวนไม่น้อย แต่นายน่าจะจัดการได้!”

หลิงหยุนเร่งถังเมิ่งให้เดินเร็วขึ้น เพราะเกรงว่าจะมีคนแอบส่งข่าวให้เถียนป๋อเตารู้ล่วงหน้าก่อน และถ้ามันหนีไปซ่อน ก็คงจะหมดสนุก..

หลิงหยุนไม่เพียงแค่ต้องการทุบทำลายบ้านของเถียนป๋อเตา แต่เขาต้องการทุบทำลายต่อหน้ามัน หลิงหยุนต้องการให้เถียนป๋อเตาได้รู้รสชาดของการที่บ้านตัวเองถูกทุบทิ้งต่อหน้าต่อตาว่าจะมีความรู้สึกอย่างไร!

หลิงหยุนและถังเมิ่งต่างก็เร่งฝีเท้าไปตามถนนในหมู่บ้านให้เร็วขึ้น และทิ้งระยะห่างจากผู้คนที่ตามมามากพอสมควาร และเพียงแค่สามนาที ทั้งคู่ก็เดินไปถึงสุดทางด้านทิศใต้ของหมู่บ้าน

บ้านหลังใหญ่โตสวยงามสามหลังตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าหลิงหยุนกับถังเมิ่ง แต่ละหลังล้วนมีพื้นที่กว้างขวาง ตัวบ้านเป็นอาคารสองชั้น หน้าและหลังหันไปทางทิศเหนือและใต้ แบบบ้านเป็นสไตล์โมเดิร์นเก๋ไก๋สวยงาม รอบๆบ้านปลูกต้นไม้ดอกไม้ ดูสง่างามและเงียบสงบยิ่งนัก

หลิงหยุนมองไปรอบๆหมู่บ้านหลินเจียง ก่อนจะแสยะยิ้มพร้อมกับพึมพำว่า “เถียนป๋อเตา.. รสนิยมของเจ้าไม่เลวนี่! บ้านทั้งสามหลังล้วนสวยงามและฮวงจุ้ยก็ดีไม่น้อย! แต่น่าเสียดายที่มันกำลังจะถูกทุบทิ้งแล้ว!”

ถังเมิ่งไม่สนใจบ้านทั้งสามหลังนั้น แต่เขากลับสนใจรถทั้งสามคันที่จอดอยู่ในบ้านหลังกลางมากกว่า..

“โอ้โห.. มีทั้ง Audi แล้วก็ BMW ดูเหมือนตำแหน่งผู้อำนวยการจะหาเงินได้ไม่น้อยเลยทีเดียว..”

หลิงหยุนฟังแล้วก็ยิ้มออกมาทันที เขาตรงเข้าไปยังบ้านหลังใหญ่สุดที่อยู่ตรงกลาง แล้วหันไปพูดกับถังเมิ่งว่า

“เถียนป๋อเตามันอยู่บ้านกับผู้หญิงพอดี ดูเหมือนจะหลายคนด้วยสิ..”

“ห๊ะ.. อยู่กับผู้หญิงหลายคนงั้นเหรอ?” ถังเมิ่งตาแทบถลนออกมาจากเบ้า

หลิงหยุนพยักหน้า พร้อมกับเหลือบมองถังเมิ่งที่ตามเข้ามาอย่างรวดเร็ว แล้วหันไปสั่งถังเมิ่งว่า

“หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเตรียมถ่ายวีดีโอ.. แล้วรีบตามฉันขึ้นไปข้างบน!”

ถังเมิ่งหยิบโทรศัพท์ไอโฟนของเขาขึ้นมาทันที และรีบวิ่งตามหลิงหยุนเข้าไปในบ้านโดยไม่รอช้า

….

เถียนป๋อเตาถูกหลิงหยุนกับถังเมิ่งรุมกระทืบเพราะไปวอแวกับนางฉินจิวยื่อ จนใบหน้าของบวมเปล่งราวกับซาลาเปา และต้องไปนอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลถึงสองวัน แต่กว่าหน้าของเขาจะหายบวมจริงๆก็ต้องใช้เวลาหลายวัน

ระหว่างที่พักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาล เถียนป๋อเตาก็ได้ข่าวว่าเถียนเสี่ยวกวงถูกหลิงหยุนทำร้ายจนบาดเจ็บปางตาย และอาการก็หนักกว่าเขามาก ทำให้เขาทั้งโกรธและเจ็บแค้นอย่างที่สุด

ในฐานะที่มีตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการของสำนักงานเขตย่อยบนถนนหลินเจียง และทำหน้าที่ดูแลคุ้มครองชาวบ้านในแถบนี้มานาน ไม่มีใครที่กล้าแม้แต่จะต่อปากต่อคำกับเขาแม้แต่คนเดียว

แต่นึกไม่ถึงว่าทั้งเขาและเถียนเสี่ยวกวง กลับถูกเด็กเมื่อวานซืนอย่างลูกชายของนางฉินจิวยื่อทำร้ายแทบปางตาย

หลังจากที่ส่งเตาฉีไปบุกคลีนิคของฉินจิวยื่อ ผลกลับกลายเป็นว่าเตาฉีกลับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน  ไม่เพียงไม่ตอบคำถามของเขา แต่ยังทำตัวเหินห่างและเย็นชากับเถียนป๋อเตา และทำราวกับมีความลับอะไรที่ปกปิดและไม่ต้องการบอกกับเขา

นั่นเพราะในเวลานั้น เตาฉีเองก็ถูกหลิงหยุนจี้จุดไว้ และทุกๆเที่ยงคืนของทุกวัน เขาจะต้องเจ็บปวดเจียนตาย นับแต่นั้นมาเตาฉีจึงรู้ว่าหลิงหยุนเป็นผู้ที่มีพลังอำนาจที่ไม่ควรไปตอแยด้วย แต่เมื่อคิดจะถอยก็สายเกินไปเสียแล้ว! จึงไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่จะมาช่วยเถียนป๋อเตาจัดการกับหลิงหยุนอีก

เถียนป๋อเตาเองก็เป็นคนเจ้าเล่ห์ จากแหล่งข่าวของเขา ทำให้รู้ว่าหลิงหยุนนั้นไม่ใช่คนที่เขาจะต่อกรได้ง่ายๆ และด้วยกำลังที่เขามีนั้น ไม่มีทางที่เขาจะเอาชนะหลิงหยุนได้ เขาจึงได้แต่กล้ำกลืนความเจ็บแค้นเอาไว้ และรอคอยโอกาสในวันที่นางฉินจิวยื่อจะกลับมาที่คลีนิคอีก

ขนาดเตาฉีที่เก่งกาจที่สุดบนถนนเส้นนี้ ยังไม่สามารถรับมือหลิงหยุนได้ สิ่งเดียวที่เถียนป๋อเตาต้องพึ่งพาก็คืออำนาจรัฐ เขาเชื่อว่าต่อให้หลิงหยุนเก่งกาจแค่ใหน ก็ไม่สามารถที่จะต่อต้านอำนาจของทางการได้อย่างแน่นอน!

ในที่สุด.. เขาก็เลือกที่จะรอคอยโอกาส แหล่งชุมชนแออัดบนถนนหลินเจียงนั้นมีกำหนดที่จะต้องถูกรื้อถอนอยู่แล้ว แต่เถียนป๋อเตากำลังครุ่นคิดหาวิธีที่จะรื้อถอนให้เร็วขึ้นเพื่อใช้เล่นงานนางฉินจิวยื่อ แต่กลับคิดไม่ถึงว่ากู่เหลียนซันก็มาพบเขาด้วยเรื่องที่ต้องการจะรื้อบ้านของหลิงหยุนเช่นกัน

เถียนป๋อเตาได้ฟังก็รู้สึกยินดีและมีความสุขอย่างมาก แต่ก็ได้เตือนกู่เหลียนซันว่าหลิงหยุนไม่ใช่คนที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยได้ง่ายๆ เพราะไม่เช่นนั้น เขาจะต้องถูกหลิงหยุนตอบโต้กลับอย่างสาสมแน่

แต่กู่เหลียนซันกลับยกมือขึ้นตบหน้าอกพร้อมตอบอย่างมั่นอกมั่นใจว่า ตอนนี้หลิงหยุนกำลังเผชิญกับปัญหาอย่างหนัก แล้วก็หายตัวไปตั้งสามสี่วันแล้ว จะเป็นหรือตายก็ยังไม่มีใครรู้ ส่วนนางฉินจิวยื่อก็ไม่ได้อยู่ในจิงฉู และไม่สามารถติดต่อได้เช่นกัน

กู่เหลียนซันยังบอกเถียนป๋อเตาอีกว่า ไม่ใช่เพียงแค่เขากับกู่เหลียนซันที่ต้องการเล่นงานหลิงหยุน แต่ยังมีพี่ชายของเขากู่เหลียนเฉินที่มีสัมพันธภาพที่แน่นแฟ้นกับรองนายกเทศมนตรี และหัวหน้าสำหนักงานรักษาความมั่นคงคนปัจจุบัน พวกเขาทั้งหมดก็ต้องการเล่นงานหลิงหยุนเช่นกัน!

นับตั้งแต่ทุบบ้านของนางฉินจิวยื่อทิ้งไปเมื่อวันพฤหัสบดี ทั้งเถียนป๋อเตาและกู่เหลียนซันก็ภูมิอกภูมิใจและมีความสุขอย่างมาก สองวันที่ผ่านมาทั้งคู่ต่างก็พูดคุยเรื่องการรื้อถอนบ้านในชุมชนแออัด นอกเหนือจากเรื่องงาน ทั้งคู่ก็เป็นพวกมักมากในกามเหมือนกัน เมื่อคืนทั้งสองคนก็ยังไปเที่ยวไนท์คลับจนถึงดึกๆดื่นๆ

การกุมอำนาจในการรื้อถอนชุมชนแออัดนั้น ทำให้เถียนป๋อเตามีอำนาจในการต่อรองสูง และกู่เหลียนซันก็ต้องจ่ายเงินจำนวนมากให้กับเถียนป๋อเตา เพื่อให้การรื้อถอนสามารถทำได้เร็วขึ้นก่อนถึงกำหนดการจริง

เถียนป๋อเตามีความสุขอย่างมาก.. ตอนนี้ภรรยาของเขาเองก็ไม่อยู่ในจิงฉู เขาจึงโทรเรียกสาวๆมาให้บริการเขาที่บ้านในหมู่บ้านหลินเจียงนี้ถึงเก้าคน! แต่ละคนล้วนแล้วแต่ยังเป็นนักศึกษาอยู่ทั้งสิ้น อีกทั้งสามหรือสี่คนก็สวยงามมากทีเดียว

หลังจากที่เถียนป๋อเตาโทรเรียกหญิงสาวทั้งเก้าคนมาที่บ้าน เขาก็สนุกสุดเหวี่ยงกับสาวๆพวกนั้นจนกระทั่งถึงตีห้าครึ่ง และตอนนี้เขาก็ทั้งเหนื่อยและเพลียจนสลบไสลไป

ตอนนี้.. เถียนป๋อเตานอนสลบเหมือดอยู่ท่ามกลางสาวน้อยทั้งเก้าคนหลังจากที่โด๊ปยาบำรุงเข้าไปเพื่อให้สามารถเล่นสนุกกับสาวๆเหล่านี้ได้ทั้งคืน ตอนนี้เถียนป๋อเตานอนอยู่บนเตียงขนาดใหญ่ล้อมรอบด้วยสาวๆ และหลิงหยุนก็ได้ยินทุกอย่างชัดเจน

หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยก่อนจะสะกิดให้ถังเมิ่งให้เดินตรงไปที่ประตูบ้าน และเพื่อไม่ให้เสียงดัง หลิงหยุนเรียกกระบี่โลหิตแดนใต้ออกมา และสอดเข้าไปที่ร่องประตู จากนั้นก็จัดการตัดกลอนจนขาด แล้วผลักประตูเข้าไป

“ระหว่างที่เดินขึ้นบันได นายเตรียมตัวถ่ายวีดีโอได้เลย!”

หลิงหยุนใช้กระแสจิตบอกถังเมิ่ง ถังเมิ่งได้ยินเสียงของหลิงหยุนอย่างชัดเจน เขาจึงพยักหน้าด้วยความตื่นเต้น..

จากนั้นหลิงหยุนก็จับแขนของถังเมิ่งไว้ แล้วใช้มังกรพรางร่างกระโดดขึ้นชั้นสองไป และตรงไปยังห้องนอนที่มีเสียงดังออกมา จากนั้นก็เตรียมผลักประตูห้องเข้าไป

“พร้อมแล้วใช่ไม๊?” หลิงหยุนถามถังเมิ่งอีกครั้ง

ถังเมิ่งยิ้มพร้อมกับพยักหน้า!

หลิงหยุนยกเท้าขึ้นถีบประตูห้องดังปัง! และประตูห้องก็เปิดออกทันที!

ถังเมิ่งไม่รอช้า รีบกดปุ่มอัดวีดีโอบนโทรศัพท์ที่ได้เตรียมพร้อมไว้แล้วทันที!


บทที่ 367: ล้างบางเมืองจิงฉู (16)  – ฉากเร่าร้อน!

“แม่เจ้าโว้ย!! ยังกับฉากกำลังเริงรักในหนัง AV ญี่ปุ่นเลย! เร่าร้อนมาก!”

ถังเมิ่งจัดการใช้โทรศัพท์ไอโฟนที่ถืออยู่บันทึกภาพวีดีโอไว้ได้อย่างรวดเร็ว พร้อมกับเลือกมุมที่ดีที่สุด เขาได้แต่พึมพำในขณะที่ถ่ายฉากเร่าร้อนพวกนั้น

หลิงหยุนเองก็ถึงกับชะงักไปเมื่อพบกับฉากเร่าร้อนที่อยู่ตรงหน้า จนถึงกับนิ่งอึ้งไปครู่ใหญ่ ลืมกระทั่งว่าต้องทำอะไรต่อไป..

นั่นเพราะฉากรักเร่าร้อนในห้องนอนของเถียนป๋อเตานั้น เกินกว่าที่หลิงหยุนจะจินตนาการได้!

ดูเหมือนห้องนอนของเถียนป๋อเตานั้น จะถูกตกแต่งมาเพื่อใช้ปฏิบัติภารกิจอย่างว่าโดยเฉพาะ แม้กระทั่งเตียงขนาดใหญ่ที่ทำขึ้นมาเป็นพิเศษนั้น ถึงจะนอนกันอยู่เป็นสิบคนก็ยังเหลือพื้นที่ว่างอีกมากมาย!

ภายในห้องนอนติดตั้งผ้าม่านอย่างหนาไว้ ไม่ว่าภายนอกท้องฟ้าจะสว่างไสว หรือแสงแดดจะเจิดจ้ามากเพียงใด ก็ไม่สามารถส่องเข้ามาภายในห้องนอนได้ ส่วนบนเพดานนั้นติดตั้งหลอดไฟสีแดงที่ตอนนี้เปิดไว้ ทำให้ภายในห้องสว่างไสวไปด้วยแสงสีแดง..

ห้องทั้งห้องตกแต่งด้วยโทนสีชมพูผสมกับแดงกุหลาบและม่วงลาเวนเดอร์ ใครก็ตามที่เข้าไปคงจะคิดเหมือนกันว่า บรรยากาศช่างกระตุ้นอารมณ์วาบหวามในหัวใจได้ดีนัก

ผ้าปูเตียงที่ทำจากผ้าไหมสีเหลืองทองก็เป็นประกายระยิบระยับดูหรูหราอย่างมาก หากใครได้เห็นคงอยากที่เข้าไปสัมผัส หรือไม่ก็นอนเกลือกกลิ้งไปมา

แต่ทว่าสิ่งเหล่านั้นยังไม่ใช่ภาพที่น่าตกใจเท่ากับเรือนร่างที่เซ็กซี่ และเร่าร้อนของสาวๆทั้งเก้าคนที่ล้วนแล้วแต่อวดต้นขานวลเนียน เอวที่กำลังบิดไปมาไม่ต่างจากงูที่กำลังเลื้อย และเสียงร้องซี้ดซ้าดที่ดังกันระงม

เมื่อหลิงหยุนและถังเมิ่งเปิดประตูเข้าไป.. ภาพที่เขาเห็นก็คือหญิงสาวบางคนกำลังนั่ง บางคนกำลังนอน และบางคนก็เกยร่างอยู่บนร่างของเถียนป๋อเตา หญิงสาวทั้งเก้าคนต่างก็ล้อมรอบร่างชองราชาเถียนป๋อเตาที่อยู่ตรงกลางไว้

ใบหน้าของบรรดาหญิงสาวแต่ละคนล้วนแดงก่ำ ร่างกายที่กำลังบิดไปมา และเสียงร้องครวญครางต่างก็เงียบลงทันที ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเสียงกรีดร้องแทน

ภาพที่หลิงหยุนเห็นนั้นต่างจากที่เขาจินตนาการไว้มาก เพราะไม่ใช่ว่าสาวๆทุกคนที่อยู่ในห้องจะอยู่ในสภาพเปลือยกายทั้งหมด แต่บางคนกลับนุ่งน้อยห่มหน้อยด้วยเสื้อผ้าที่มีสีสรร ไม่ว่าจะเป็นขาว แดง ม่วง ช่างเป็นภาพที่มีเสน่ห์และเย้ายวนตายิ่งนัก..

“ห๊ะ.. นี่มัน..”

หลิงหยุนเองก็ถึงกับอึ้งจนพูดอะไรไม่ออกกับสิ่งที่พบเห็น เขาพบเจอสิ่งแปลกประหลาดมามากมาย แต่ภาพที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นกลับยิ่งแปลกประหลาด?!

หลิงหยุนไม่เข้าใจ แต่ใช่ว่าถังเมิ่งจะไม่เข้าใจ เพราะแม้มือจะบันทึกภาพวีดีโอ แต่ร่างกายของเขากลับมีปฏิกิริยาตอบสนอง..

“โอ้วแม่เจ้า.. มีทั้งชุดพนักงานเสริฟ ชุดนางพยาบาล ชุดนักเรียน ชุดกระต่ายก็มี ชุดชั้นในอย่างเดียวก็มี ถูกมัดมือมัดเท้าก็มี ไม่ใส่อะไรเลยก็มี!!”

เสียงถีบประตูของหลิงหยุนทำให้สาวๆหลายคนรีบยกมือขึ้นปิดหน้าทันที บางคนก็ลุกขึ้นไปคว้าเสื้อผ้าขึ้นมาใส่ และเมื่อสาวๆหลายคนต่างพากันลุกขึ้น ก็เผยให้เห็นร่างเปลือยเปล่าของเถียนป๋อเตาที่นอนอยู่ตรงกลาง

ก่อนหน้านั้น.. ร่างของเถียนป๋อเตารายล้อมไปด้วยสาวๆทั้งเก้า ทั้งแขนและขาต่างก็ถูกสาวน้อยเหล่านั้นนอนทับบ้าง นั่งทับบ้างจนชาไปหมดและไม่สามารถขยับตัวได้ จึงได้แต่นอนอ้าซ่าอยู่บนเตียงขนาดใหญ่นั้น

เถียนป๋อเตาที่หมดเรี่ยวหมดแรงจากภารกิจที่ตื่นเต้นมาตลอดทั้งคืน เมื่อได้ยินเสียงดังขึ้นที่ประตู ก็คิดว่าเป็นหญิงสาวคนใดคนหนึ่งลุกออกจากห้องไป แต่ด้วยสัญชาติญาณจึงได้หันหน้าไปมอง และร้องถามว่า

“นั่นใคร..? ห๊ะ..”

เถียนป๋อเตาถึงชะงัก และนิ่งไปครู่ใหญ่!

เหตุผลที่เถียนป๋อเตากล้าพาสาวน้อยมาเริงรักที่บ้านของเขาพร้อมกันถึงเก้าคนนั้น เพราะเขาได้ออกแบบและตกแต่งที่นี่ให้เป็นรังสวาทของตนเองกับบรรดาสาวๆอยู่แล้ว และยังมั่นใจว่าจะไม่มีใครสามารถเข้ามาที่นี่ได้โดยที่เขาไม่อนุญาต

แต่เมื่อเถียนป๋อเตาหันหน้าหน้ามา แน่นอนว่าถังเมิ่งย่อมไม่พลาดโอกาสที่ดีเช่นนี้ และได้บันทึกภาพใบหน้าและร่างเปลือยเปล่าของเขาไว้ทันที

เถียนป๋อเตาถึงกับหน้าซีดและเปลี่ยนเป็นเศร้าสร้อยหมดหวัง เมื่อพบว่าคนที่เข้ามาในบ้านของเขานั้นเป็นหลิงหยุนกับถังเมิ่ง เขาได้แต่คร่ำครวญอยู่ในใจว่า วันนี้คงจะเป็นวันจบสิ้นของเขาแล้ว!

เถียนป๋อเตายังคงไม่รู้วว่าข้างนอกเกิดอะไรขึ้นบ้าง และทำไมจู่ๆหลิงหยุนจึงมาปรากฏตัวต่อหน้าเขาได้ แต่เมื่อภาพสาวน้อยที่นุ่งน้อยห่มน้อยรวมถึงร่างที่เปลือยเปล่าของเขานั้นได้ถูกบันทึกภาพไว้ ทำให้เถียนป๋อเตารู้ชะตากรรมของตัวเองได้เป็นอย่างดี!

จบแล้ว! หน้าที่การเงิน ชีวิต เขาหมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว!

เพราะคนที่บันทึกภาพเหตุการณ์ภายในห้องนอนไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นศัตรูของเขาเอง..หลิงหยุน คนที่เขาเพิ่งไปจัดการรื้อถอนบ้านมาเมื่อสองวันก่อน!

ไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว! เถียนป๋อเตารีบดึงร่างของหญิงสาวที่นอนทับร่างของเขาอยู่ออกไปทันที แล้วรีบลุกขึ้นกระโดดลงจากเตียง และวิ่งไปคุกเข่าตรงหน้าหลิงหยุนกับถังเมิ่งพร้อมกับร้องตะโกนออกมา!

เถียนป๋อเตายกมือขึ้นตบหน้าตัวเองอย่างแรง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองหลิงหยุนกับถังเมิ่งด้วยสายตาวิงวอน..

“หลิงหยุน.. ฉันขอโทษ! ฉันผิดไปแล้ว.. เธออยากได้อะไรบอกฉันมาได้เลย ฉันยินดีเธอให้ทุกอย่าง แต่อย่าเอาเรื่องวันนี้ออกไปเผยแพร่เลยนะ!”

“ฉันมันชั่วช้าเอง! ไม่สิ.. ฉันไม่น่ามีชีวิตด้วยซ้ำ! ฉันไม่ควรไปวอแวแม่ของเธอ และยิ่งไม่ควรพาคนไปรื้อบ้านของเธอ..”

เพี้ยะ!!

หลิงหยุนโน้มตัวลงไปหาเถียนป๋อเตาและเงื้อมือขึ้นตบหน้าของมันอย่างแรง และการตบของหลิงหยุนเพียงแค่ครั้งเดียวนั้น ก็รุนแรงกว่าการถูกคนอื่นตบเป็นสิบครั้ง หน้าของเถียนป๋อเตาบวมขึ้นมาให้เห็นทันตา และมุมปากก็มีเลือดไหลออกมา

เมื่อได้ยินเถียนป๋อเตาพูดถึงแม่ของเขาในสถานการณ์เช่นนี้ หลิงหยุนแทบอยากจะฉีกร่างของมันออกเป็นชิ้นๆ!

“หุบปาก..!” หลิงหยุนตะโกนบอกเถียนป๋อเตาเสียงดัง

หลังจากนั้น ก็หันไปทางสาวน้อยบางคนที่ถูกมัดมือและกำลังตกใจกลัว..

“แกจับเด็กผู้หญิงพวกนั้นมัดใช่ไม๊? แกก็มีเมียตั้งมากมาย แต่ยังทำทารุณกรรมกับเด็กผู้หญิง แกยังนับว่าเป็นคนอยู่อีกหรือเปล่า?”

ถังเมิ่งที่กำลังบันทึกภาพวีดีโออยู่นั้น เมื่อได้ยินคำพูดของหลิงหยุน จึงรู้ได้ทันทีว่าเขากำลังเข้าใจผิดอย่างแรง จึงเข้าไปกระซิบข้างหูว่า

“พี่หยุน.. นี่ไม่ใช่การทารุณกรรมอะไรเลย นั่นเป็นเกมพิศวาสของพวกเขาเท่านั้น..”

“ห๊ะ..” หลิงหยุนถึงกับหน้าแดง พร้อมกับแอบคิดในใจว่าเกมบ้าบออะไรกัน.. เถียนป๋อเตาก็เล่นด้วยนี่นะ?

หลิงหยุนรู้ตัวว่าพลาดไปจึงรีบพูดเรื่องอื่นเพื่อกลบเกลื่อนทันที “รีบแก้มัดให้พวกเธอ แล้วก็ให้ทุกคนเปลี่ยนเสื้อผ้า เสร็จแล้วก็ลงไปข้างล่าง ข้างนอกมีคนรออยู่มากมาย!”

หลิงหยุนได้ยินเสียงอื้ออึงดังอยู่ด้านนอกได้อย่างชัดเจน และคาดว่ามีจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว..

สาวๆกลุ่มนี้เล่นบทพิศสวาทกันมาตลอดทั้งคืน และเสื้อผ้าก็ถูกถอดทิ้งกระจุยกระจายไปทั่วห้อง ตอนนี้ต่างก็ไม่สนใจว่าชิ้นใหนเป็นเสื้อผ้าของใคร หยิบอะไรได้ก็เอามาใส่ปกปิดร่างกายไว้ก่อน

แต่ดูเหมือนจะมีเด็กสาวสองสามคนที่เคยชินกับเรื่องแบบนี้ เมื่อเห็นว่าไม่ใช่ตำรวจ พวกเธอก็ไม่ได้รีบร้อนที่จะใส่เสื้อผ้านัก แต่กลับเดินบิดตะโพกเข้ามายั่วยวนหลิงหยุนแทน

เพราะไม่ว่าใบหน้าของหลิงหยุนจะโกรธหรือหัวเราะ ถึงอย่างไรก็ดูมีเสน่ห์น่ามองกว่าเถียนป๋อเตา และหากทียบกันแล้วก็แตกต่างกันราวฟ้ากับดิน

แม้ว่าหญิงสาวเหล่านี้จะไม่ได้สวยจนเลิศเลอ แต่ก็นับได้ว่าอยู่ในระดับปานกลาง หน้าอกก็ยังเต่งตึง รูปร่างก็ดี เรียกว่าเย้ายวนสายตาและกระตุ้นอารมณ์ความรู้สึกได้เป็นอย่างดี หญิงสาวสองสามคนนั้นต่างก็มองหลิงหยุนด้วยแววตากระหายในตัวเขา..

หลิงหยุนสัมผัสได้ถึงความต้องการของหญิงสาว และเขาเองก็เกือบจะมีปฏิกิริยาตอบสนองและเคลิบเคลิ้มตามไปด้วยเช่นกัน

แต่ตอนนี้ร่างกายของหลิงหยุนเข้าสู่ระดับสูงสุดของขั้นปรับร่างกาย-4แล้ว อีกทั้งยังฝึกพลังลับหยินหยางสำเร็จแล้วด้วย จุดตันเถียนจึงมีขนาดที่ใหญ่ เมื่อมีอารมณ์ความต้องการเกิดขึ้น เขาจึงไม่ทุกข์ทรมานกับความต้องการนั้น

หากเป็นเฉิงเม่ยเฟิง หรือเกาเฉินเฉินมายืนยั่วยวนอยู่ตรงหน้าหลิงหยุนในตอนนี้ รับรองว่าครั้งนี้เขาคงไม่ลังเลที่จะจัดการกับพวกเธอทั้งสองคนอย่างแน่นอน และเขาคงจะไม่หยุดกลางคันเหมือนเมื่อก่อนแน่!

“หลิงหยุน.. เด็กสาวพวกนี้เป็นผู้หญิงของฉันเอง ถ้าเธอชอบ.. ฉันจะยกให้เธอก็ได้  แล้วถ้าเธอต้องการอีกกี่คนก็บอกฉันมาได้เลย ฉันจะหาให้เธอเอง..”

ตอนนี้เถียนป๋อเตาหมดท่า เขาจึงต้องยอมทำทุกอย่างเพื่อให้หลิงหยุนยกโทษให้ ไม่เอาเรื่อง และยอมปล่อยเขาไป!

“หุบปากของแกซะ! แล้วก็รีบๆไปหาหาอะไรปิดไอ้ที่ห้อยโตงเตงนั่นซะ ทุเรศลูกตา! เสร็จแล้วก็รีบตามฉันลงไปข้างล่าง..”

เถียนป๋อเตาหน้าซีดด้วยความกลัวพร้อมกับร้องถามขึ้นมาด้วยความตกใจ!

“อะไรนะ?! ลงไปข้างล่างทำไมกัน? พวกเราคุยกันเงียบๆไม่ได้หรือไง? ฉันสัญญาว่าถ้าเธอยอมปล่อยฉันไป ไม่ว่าเธออยากจะได้อะไร ฉันก็จะยอมยกให้ทุกอย่าง.. ทุกอย่างจริงๆ!”

หลิงหยุนหัวเราะอย่างมีความสุข “งั้นเหรอ? นอกจากผู้หญิง บ้าน แล้วยังมีอะไรจะให้ฉันอีกไม๊?”

หลังจากฟังหลิงหยุนพูดแล้ว เถียนป๋อเตาก็คิดอยู่นาน แต่ก็คิดไม่ออก..

หลิงหยุนมองไปทางสาวๆ เมื่อเห็นทุกคนสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว เขาจึงพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ.. ฉันมีเรื่องที่ต้องคิดบัญชีกับคนแซ่เถียนเท่านั้น แล้วที่มาที่นี่ก็เพื่อมาจัดการกับมันคนเดียว! ใครที่ไม่เกี่ยวข้อง ก็รีบออกไปจากบ้านได้แล้ว เพราะอีกไม่นานบ้านหลังนี้ก็จะถล่มลงมา!”

 “อะไรนะ?!” หญิงสาวทั้งเก้าคนถึงกับร้องออกมาด้วยความตกใจ ทุกคนต่างพากันหยิบกระเป๋าของตัวเอง แล้วก็วิ่งหนีออกจากบ้านทันที ไม่แม้แต่จะหันกลับไปมองเถียนป๋อเตาที่ยังคงนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้น

สาวๆพวกนี้ต่างก็รู้ดีว่า อีกไม่นานเถียนป๋อเตาก็ต้องถูกทำลายจนไม่เหลืออะไร และคงไม่สามารถเลี้ยงดูพวกเธอได้อีก

“ฉันขอร้องเถอะนะ.. ได้โปรด..” เถียนป๋อเตายังคงไม่ละความพยายามในการร้องขอความเมตตาจากหลิงหยุน

“แกได้ยินเสียงคนข้างนอกไม๊? ถ้ายังไม่รีบใส่เสื้อผ้าแล้วลงไปกับฉันดีๆแล้วล่ะก็ ฉันจะจับแกโยนออกไปนอกหน้าต่างในสภาพแบบนี้แทน!”

หลิงหยุนพูดจบก็หันมายิ้มให้ถังเมิ่งและถามว่า “ทุกอย่างเรียบร้อยใช่ไม๊?”

ถังเมิ่งยิ้มพร้อมกับตอบว่า “พี่หยุน.. รับรองได้ว่าวีดีนี้ทั้งเร่าร้อนแล้วก็.. ฮ่า ฮ่า”


บทที่ 368: ล้างบางเมืองจิงฉู (17)  – ดังกะฉ่อน!

ที่สำนักงานรักษาความมั่นคง..

หัวหน้าสำนักงานรักษาความมั่นคงคนปัจจุบัน-หลัวจ้ง กำลังนั่งมองภาพวีดีโอในคอมพิวเตอร์อยู่ในห้องทำงานด้วยสีหน้าเคร่งเครียด..

วีดีโอที่หลัวจ้งกำลังดูอยู่นั้น เป็นภาพจากกล้องวงจรปิดที่จับภาพของชายร่างสูงใหญ่คนหนึ่งไว้ได้ ในภาพชายผู้นั้นกำลังเดินเอามือไขว้หลังข้ามถนนอยู่กลางสี่แยกแห่งหนึ่ง แต่จู่ๆกลับมาหยุดอยู่หน้ากล้อง แล้วค่อยๆเงยหน้าขึ้นจ้องมองเข้าไปในกล้อง จากนั้นก็ยิ้มมุมปากคล้ายแสยะยิ้มให้กับกล้อง เป็นรอยยิ้มที่เต็มด้วยความมั่นอกมั่นใจ!

แล้วชายคนนั้นก็ยกมือขึ้นชี้ที่กล้องด้วยสายตาที่เย็นชาและดุดัน สีหน้าท่าทางของเขานั้นเต็มไปด้วยความหยิ่งผยองอย่างที่สุด!

และภาพวีดีโอที่หลัวจ้งกำลังดูอยู่นั้น ก็คือภาพของหลิงหยุนที่กล้องวงจรปิดตรงสี่แยกถนนจิงฉีและกู่เฟิงบันทึกไว้ได้นั่นเอง?!

ทุกครั้งที่หลัวจ้งดูภาพวีดีโอจากกล้องวงจรปิดตัวนี้ เขาถึงกับต้องถอนหายใจออกมาด้วยความหนักใจ เพราะรู้สึกคล้ายกับว่าหลิงงหยุนกำลังยืนชี้หน้าเขาอยู่..

“มันจงใจยั่วโมโห! หลิงหยุนมันจงใจยั่วโมโหชัดๆ! นี่มันกลับมาที่จิงฉูแล้วเหรอ? ฉันก็อยากจะรู้นักว่ามันจะเก่งกาจสามารถแค่ใหนเชียว?!”

หลังจากที่หลัวจ้งถอนหายใจ และบ่นพึมพำกับตัวเอง เขาก็ไม่กล้าที่จะมองหน้าหลิงหยุนอีก และกำลังใคร่ครวญว่าจะเข้าจับกุมหลิงหยุนทันทีเลยดีหรือไม่?!

ระหว่างที่เขากำลังอึดอัดใจอยู่นั้น เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นพอดี หลัวจ้งรีบกดหยุดเล่นวีดีโอไว้ชั่วคราว และทำเสียงกระแอมเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นว่า

“เข้ามาได้!”

ตำรวจหญิงเดินเข้ามาในห้อง และตรงเข้าไปที่หน้าโต๊ทำงานของหลัวจ้ง เธอยืนตัวตรงทำความเคารพก่อนจะรายงานว่า

“หัวหน้าหลัวคะ.. เกิดเรื่องใหญ่ค่ะ!”

ทันทีที่หลัวจ้งได้ยิน หัวใจของเขาก็เต้นแรงขึ้นมาทันที สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองตำรวจหญิงพร้อมกับถามออกไปว่า

“มีเรื่องอะไร?”

และแน่นอนว่าคงจะไม่มีเรื่องอะไรจะใหญ่โตไปกว่าการที่หลิงหยุนบุกเข้าไปรื้อทำลายสำนักงานของกู่เหลียนซัน และทันทีที่หลิงหยุนออกไป พนักงานก็เป็นคนโทรเข้าไปแจ้งที่สถานีตำรวจเอง

หลังจากที่หลัวจ้วได้ฟ้ง เขาก็ทุบกำปั้นลงบนโต๊ะอย่างแรง พร้อมกับร้องตะโกนออกมาด้วยความโมโห

“หลิงหยุน.. แกมันโอหังเกินไปแล้ว ไม่เกรงกลัวแม้กระทั่งกฎหมาย!”

ตำรวจหญิงยังคงรายงานต่อด้วยสีหน้าตื่นตกใจ “จากรายงานล่าสุด.. ตอนนี้หลิงหยุนกำลังพาคนจำนวนมากไปที่หมู่บ้านหลินเจียง เห็นว่าจะไปจัดการรื้อถอนบ้านของผู้อำนวยการสำนักงานเขตถนนหลินเจียงที่ชื่อเถียนป๋อเตาด้วยค่ะท่าน!”

หลัวจ้งได้ยินถึงกับอึ้งไปก่อนจะร้องออกมาเสียงดัง “อะไรนะ?! จะไปรื้อถอนบ้านงั้นเหรอ?! แล้วยังจะรออะไรอยู่อีก ให้ตำรวจพร้อมอาวุธจำนวนหนึ่งไปตามจับหลิงหยุนตอนนี้เลย อย่าให้มันรื้อถอนบ้านใครได้อีก แล้วผมจะรีบตามไป!”

หลังจากพูดจบ โทรศัพท์มือถือของหลัวจ้งก็ดังขึ้น  และเมื่อเห็นว่าเป็นสายจากกู่เหลียนเฉินเขาจึงรีบรับสายทันที!

 “หัวหน้าหลัว.. ขอโทษที่ต้องโทรมารบกวนคุณในวันหยุด! ผมแค่จะโทรมาบอกว่าหลิงหยุนมันกลับมาแล้ว และตอนนี้มันก็จัดการถล่มสำนักงานของผมจนพังหมด แล้วยังจับตัวน้องชายของผมไปด้วย ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดียังไง? กรุณาช่วยผมด้วย!”

หลังจากที่กู่เหลียนเฉิงถูกหลิงหยุนทำลายสัญลักษณ์แห่งชายชาตรีผ่านไปได้สองอาทิตย์ กู่เหลียนเฉินก็เริ่มร่วมมือกับคนที่เกี่ยวข้องวางแผนเล่นงานหลิงหยุน

หลัวจ้งพยักหน้าพร้อมกับตอบไปว่า “ผมรู้เรื่องแล้ว! ในเมื่อหลิงหยุนมันไม่เคารพกฎหมาย ผมก็จะจัดการกับมันเอง ตอนนี้ผมได้สั่งการให้ตำรวจพร้อมอาวุธจำนวนหนึ่งเข้าไปจับกุมตัวมันแล้ว รอให้ผมจับมันได้ก่อนเถอะ..”

กู่เหลียนเฉิงได้แต่ขมวดคิ้วพร้อมกับถอนหายใจ แล้วตอบไปว่า “ขอบคุณมาก หัวหน้าหลัว.. ได้โปรดช่วยน้องชายผมด้วยนะครับ ช่วยให้เขาปลอดภัยด้วย!”

หลัวจ้งถอนหายใจอย่างแรงพร้อมกับตอบไปว่า “สบายใจได้.. หลิงหยุนมันคงไม่กล้าทำร้ายคนกลางวันแสกๆหรอก แล้วผมจะรีบไปช่วยน้องชายของคุณกลับมาให้ได้เร็วที่สุด!”

กู่เหลียนเฉิงยังจำภาพความดุดันของหลิงหยุนได้ มือขวาของเขาเอื้อมลงไปสัมผัสอวัยวะท่อนล่างที่หายไป ริมฝีปากของเขาบิดเบี้ยวในขณะที่เอ่ยขอบคุณหลัวจ้งอีกครั้งก่อนจะวางสายไป

หลังจากวางสายไปแล้ว กู่เหลียนเฉิงก็ค่อยๆลุกขึ้นยืนช้าๆ และจ้องมองออกไปนอกหน้าต่างของโรงพยาบาล เขาถอนหายใจพร้อมกับพึมพำว่า

“เกมนี้คงยากที่จะชนะ..”

นักธุรกิจใหญ่อย่างกู่เหลียนเฉิงวิเคราะห์สถานการณ์ไปในทางที่เป็นลบ แม้ท้องฟ้าข้างนอกจะมีแสงแดดสดใส แต่ความรู้สึกของเขากลับมืดมิดหดหู่อย่างบอกไม่ถูก..

…….

ภายในร้านกาแฟที่เงียบสงบแห่งหนึ่งในเมืองจิงฉู สาวสวยสองคนกำลังนั่งหันหน้าเข้าหากัน และสนทนากันอย่างสนิทสนม

คนหนึ่งแต่งหน้าบางเบา เผยให้เห็นใบหน้าสีขาวอมชมพู ผมดำเงาคล้ายเส้นไหมที่ถูกรวบขึ้นนั้น ช่วยให้เห็นหน้าผากสดใส คิ้วยาวหนา จมูกจิ้มลิ้ม และริมฝีปากเล็กที่เคลือบด้วยลิปสติกสีกุหลาบ ดูช่างเซ็กซี่ยิ่งนัก!

ดวงตาคู่งามของหญิงสาวหรี่ลงเล็กน้อย เผยให้เห็นขนตาที่ยาว ลักษณะท่าทางดูเป็นคนมั่นใจและถือดี

เครื่องหน้าของเธอนั้น ไม่ว่าจะเป็นรอยยิ้ม คิ้วที่เรียวยาวสวยงาม และริมฝีปากเล็กนั้น นับว่าเป็นการผสมผสานกันอย่างลงตัวในสไตล์ของเหลียงเฟิงอี้..

เธอไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นน้าเล็กของฉางหลิง ซึ่งเป็นศัลยแพทย์อยู่ที่โรงพยาบาลเจียงหนานชื่อเหลียงเฟิงอี้นั่นเอง!

เหลียงเฟิงอี้สวมเสื้อชีฟองคอวีและกระโปรงรัดรูปสีขาว เผยให้เห็นหน้าอกที่อวบอิ่มสวยงาม และเอวที่คอดเล็กกับก้นที่แน่น รูปร่างของเธอมีส่วนเว้าส่วนโค้งที่ค่อนข้างได้รูปและสมส่วน

ถุงน่องสีชีมพูเข้ากับรองเท้าสีแดงสดใส ทำให้เหลียงเฟิงอี้ดูสง่างามแต่เซ็กซี่ในแบบผู้ใหญ่

ตรงข้ามเหลียงเฟิงอี้เป็นหญิงสาวหน้าตาสะสวยอีกคนที่อายุไล่เลี่ยกัน ซึ่งไม่น่าจะเกิน 27 หรือ 28 ผมของเธอสั้นแค่ติ่งหู แม้ว่ารูปร่างหน้าตาของเธอจะไม่เซ็กซี่และน่าดึงดูดเท่ากับเหลียงเฟิงอี้ แต่ก็ดูเป็นสาวสวยที่มีสมอง..

หญิงสาวคนนี้เป็นคนที่ทั้งมณฑลเจียนหนานต้องรู้จัก เพราะเธอเป็นนักข่าวแสนสวยของสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นชื่อ.. ซูหลิงเฟย!

เหลียงเฟิงอี้และซูหลิงเฟยเป็นเพื่อนนักเรียนสมัยมัทธยมเหมือนเกาเฉินเฉินกับหนิงหลิงยู่ ในสมันเรียนพวกเธอทั้งคู่ต่างก็เคยเป็นดาวเด่นของโรงเรียนมาก่อนเช่นกัน

หลังจากที่จบออกมาคนหนึ่งก็เข้าสอบเข้าเป็นนักเรียนแพทย์ได้ ส่วนอีกคนก็เรียนทางด้านทีวีและการสื่อสาร แต่โชคดีที่ทั้งคู่เรียนอยู่ในเมืองหลวงเหมือนกัน พวกเธอจึงไม่เคยขาดการติดต่อกัน และตอนนี้ทั้งคู่ก็ยังได้ทำงานในเมืองจิงฉูเหมือนกันอีก จึงไม่ต้องพูดถึงความสนิทสนมของพวกเธอทั้งสองคน!

วันนี้เป็นวันหยุด หลังจากออกกำลังกายที่ฟิตเนสเสร็จแล้ว ทั้งคู่จึงนัดมาเจอกันที่ร้านกาแฟแห่งนี้

ซูหลิงเฟยคนกาแฟในแก้วของตัวเองพร้อมกับจ้องมองเหลียงเฟิงอี้ ก่อนจะถามยิ้มๆ “เฟิงอี้.. วันนี้เธอดูแปลกไปนะ หรือว่ามีแฟนแล้ว?!”

เหลียงเฟิงอี้มองซูหลิงเฟยพร้อมกับมีเสียงถอนหายใจดังออกมาจากริมฝีปากเซ็กซี่  “จะบ้าเหรอ! หลานสาวฉันต่างหากล่ะที่มี กำลังจะสอบเอนทรานซ์แท้ๆ แต่ดันมามีความรักซะก่อน แล้วนี่ก็ดันมาอกหักอีก ตอนนี้ก็เอาแต่ร้องห่มร้องไห้ น่าอึดอัดชะมัด..”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ใบหน้าของหลิงหยุนพร้อมรอยยิ้มสดใสของเขา ก็ปรากฏขึ้นในหัวของเหลียงเฟิงอี้ทันที เธอถึงกับส่ายหัวด้วยความตกใจจนหน้าแดง

ซูหลิงเฟยได้ฟังก็ได้แต่ถอนหายใจตาม “เฮ้อ.. เด็กผู้หญิงสมัยนี้ช่างแตกต่างจากสมัยเราจริงๆ สมัยนี้แค่มัธยมก็มีแฟนกันหมดแล้ว..”

ซูหลิงเฟยเป็นนักข่าวหญิงคนแรกของสถานีทีวีท้องถิ่น เธอจึงได้ยินเรื่องทำนองนี้บ่อยๆจนไม่ได้รู้สึกแปลกประหลาดอะไร

เหลียงเฟิงอี้ขมวดคิ้วพร้อมกับถอนหายใจแล้วพูดต่อว่า “ความจริงหลานสาวของฉันเป็นเด็กที่ตั้งอกตั้งใจเรียนมากเลยนะ แล้วก็มีเธอเป็นไอดอลด้วย เฉิงหลิงตั้งใจที่จะสอบเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยการสื่อสารเหมือนกับเธอ..”

ซูหลิงเฟยจึงถามอย่างแปลกใจ “น่าแปลก.. แค่เด็กผู้ชายคนเดียว ถึงกับยอมทิ้งเป้าหมายของตัวเอง”

ซูหลิงเฟยค่อนข้างงุนงง เพราะเธอเองก็เคยเห็นฉางหลิงหลายครั้ง และไม่เคยได้ยินว่าฉางหลิงจะชอบพอเด็กผู้ชายคนใหนเลย แล้วทำไมจู่ๆ เพียงเพราะแค่ผู้ชายคนเดียวถึงได้ไม่สนใจใยดีกับการสอบเอนทรานซ์?

“อีกแค่เดือนเดียวก็จะสอบเอนทรานซ์แล้ว รอหลังสอบเสร็จค่อยมีความรักก็ได้นี่นา?!”

เหลียงเฟิงอี้ถอนหายใจและกำลังจะตอบ แต่จู่ๆโทรศัพท์มือถือของซูหลิงเฟยก็ดังขึ้น หลังจากรับสายและนิ่งฟังอยู่ครู่หนึ่ง จู่ๆซูหลิงเฟยก็วางสายแล้วลุกพรวดพราดขึ้นทันที

เหลียงเฟิงอี้เงยหน้าขึ้นมองสีหน้าตกอกตกใจของซูหลิงเฟยพร้อมกับถามขึ้นว่า “มีเรื่องอะไรอีกล่ะแม่นักข่าวคนสวย!?”

ซูหลิงเฟยตอบกลับมาด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป “เกิดเรื่องใหญ่แล้ว.. ฉันต้องรีบไปก่อนนะ!”

เหลียงเฟิงอี้หัวเราะคิกคักพร้อมกับถามต่อว่า “มีข่าวใหญ่อะไรนักหนาที่ทำให้แม่นักข่าวคนสวยถึงกับต้องไปด้วยตัวเอง?”

ซูหลิงเฟยหันไปหยิบกระเป๋าพร้อมกับตอบไปว่า “มีคนแจ้งมาว่าสำนักงานแห่งหนึ่งบนถนนหลินเจียง จู่ๆก็มีคนเข้าไปรื้อทำลายจนพังถล่มยับเยิน รู้สึกว่าจะชื่อ.. หลิงหยุน! ฉันต้องรีบไปก่อนนะ เห็นว่าเขาจะไปถล่มบ้านในหมู่บ้านต่ออีก!”

“อะไรนะ?! หลิงหยุนเหรอ?!”

เหลียงเฟิงอี้ถึงกับตกใจเมื่อได้ยินชื่อหลิงหยุน และไม่สามารถนิ่งเฉยอยู่ได้อีก เธอลุกพรวดขึ้นมาทันทีจนหน้าอกอวบอิ่มกระเพื่อมไปทั้งสองข้าง


บทที่ 369 : ล้างบางเมืองจิงฉู (18) – แก๊งมังกรเขียว!

ที่บ้านเดี่ยวหลังหนึ่งในถนนหลินเจียง..

ร่างสูงใหญ่ของเตาฉีผู้ที่มีแผลเป็นบนใบหน้า กำลังเดินไปมารอบๆลานบ้านด้วยความกระวนกระวายใจไม่ต่างจากสุนัขติดจั่น แววตาของเขาเต็มไปด้วยความกังวล

เตาฉีเป็นหัวหน้าดูแลกลุ่มนักเลงบนถนนเส้นนี้ ไม่ว่าบนถนนหลินเจียงนี้จะมีเรื่องอะไรที่เกิดขึ้น เขาย่อมได้รับข่าวคราวอย่างรวดเร็ว รวมถึงข่าวเรื่องที่หลิงหยุนไปทุบทำลายสำนางานรื้อถอนก็เช่นกัน

ตอนนี้เตาฉีรู้ว่าหลิงหยุนกำลังไปที่หมู่บ้านหลินเจียงเพื่อจัดการรื้อถอนบ้านของเถียนเป๋อเตาเป็นรายต่อไป เขาจึงได้แต่ละล้าละลังและสับสนอย่างบอกไม่ถูก!

“พี่เตา.. พี่ต้องตัดสินใจแล้วว่าจะอยู่ฝ่ายใหน?”

เวลานี้ลูกน้องคนสนิททั้งสี่ของเตาหยงที่กำลังยืนรอฟังการตัดสินใจของตาฉีอยู่ข้างๆ ได้เอ่ยถามออกมาอย่างร้อนใจ

“พวกแกไม่ต้องมาเร่ง.. ไม่เห็นหรือยังไงว่าฉันกำลังใช้สมองอยู่?!” เตาฉีส่ายหน้าที่มีแผลเป็นของเขาพร้อมกับร้องบอกไป

เมื่อครั้งที่เถียนป๋อเตาพาคนไปรื้อถอนบ้านของหลิงหยุนนั้น เตาฉีเองก็พยายามติดต่อหลิงหยุน แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ ส่วนตี้เสี่ยวอู๋ก็ติดต่อไม่ได้เช่นกัน เพราะถูกตำรวจจับกุมตัวไปแล้ว!

เจ้าหน้าที่ของทางการเป็นผู้นำทีมรื้อถอนสิบกว่าคนเข้าไปทำการรื้อถอนบ้านของหลิงหยุน แล้วนักเลงอย่างเตาฉีจะมีอำนาจอะไรที่จะสามารถเข้าไปขัดขวางเจ้าหน้าที่ได้ อีกทั้งหลิงหยุนเองก็หายตัวไปหลายวัน ไม่รู้ว่าเป็นหรือตายกันแน่!

แต่ตอนนี้หลิงหยุนกลับมาแล้ว และดูเหมือนจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิมมากด้วย เมื่อมาถึงก็จัดการทุบทำลายสำนักงานรื้อถอนและบ้านของเถียนป๋อเตาเป็นการแก้แค้นทันที เตาฉีเองจึงทำตัวไม่ถูกว่าจะเลือกเข้าข้างใหนดี?

หากเขาเลือกอยู่ข้างหลิงหยุน.. และหลิงหยุนถูกทางการจับกุมตัวขึ้นมา แน่นอนว่าคนของทางการที่นำโดยเถียนป๋อเตา ก็ต้องกลับมาเล่นงานเขาอย่างแน่นอน และเขาคงยากที่จะต่อกรได้

แต่หากเตาฉีเลือกเข้าข้างเถียนป๋อเตา และเข้าไปช่วยเขาจัดการหยุดหลิงหยุน ครั้งนี้หากหลิงหยุนจี้จุดของเขาอีกครั้ง เขามิต้องตายทั้งเป็น หรือจบชีวิตเลยงั้นหรือ?!

เขาไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่านี้.. คนหนึ่งก็คือหลิงหยุนที่สามารถควบคุมบงการชีวิตของเขาได้ ส่วนเถียนป๋อเตาก็เป็นเจ้าหน้าที่ของทางการ ตอนนี้หลิงหยุนกลับมาแล้ว และสองฝั่งต่างก็ร้อนแรงดั่งไฟ แต่เตาฉีจำต้องเลือกเพียงข้างเดียว!

เตาฉีไม่รู้ว่าหลิงหยุนมีไพ่ตายอะไรอยู่ในมือบ้าง แต่จากที่เขาคิดนั้น เพียงแค่กำลังความสามารถของหลิงหยุนคนเดียว ก็แข็งแกร่งหาใครเทียบได้ยากแล้ว และแน่นอนว่าหลิงหยุนจะสามารถจัดการเถียนป๋อเตาให้อยู่หรือตายได้อย่างแน่นอน!

เตาฉีจุดบุหรี่ขึ้นสูบ และจู่ๆคิ้วหนาของเขาก็ขมวดเข้าหากัน ดวงตาหรี่ลงพร้อมกับพูดรอดไรฟันว่า

“รีบไปช่วยหลิงหยุน!”

“พวกแกทั้งสี่คนไปรวบรวมลูกน้องที่มีฝีมือ แล้วไปที่บ้านของเถียนป๋อเตา และรอฟังคำสั่งจากหลิงหยุนเท่านั้น ไม่ว่าหลิงหยุนจะสั่งให้ทำอะไร พวกแกก็ให้ความร่วมมือเขาอย่างเต็มที่!”

เตาฉีกดบุหรี่ที่เหลืออยู่ครึ่งตัวลงบนพื้น และกัดฟันพูดอย่างคนที่ตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว!

การเลือกอยู่ฝ่ายหลิงหยุนนั้น ไม่ว่าเขาจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้หรือไม่นั้น อย่างน้อยเตาฉีก็ไม่ต้องโดนหลิงหยุนจี้จุดอีก ส่วนปัญหาเรื่องอื่นนั้นเตาฉีเชื่อว่าเขาสามารถเอาตัวรอดได้

แต่หากหลิงหยุนเป็นฝ่ายชนะ แน่นอนว่าเตาฉีก็นับว่าเลือกข้างถูก แต่ต่อให้หลิงหยุนเป็นฝ่ายพ่ายแพ้และถูกจับกุมตัว เขาก็ยังพอมีหนทางที่จะสามารถหลบหนีจากจิงฉูได้

แต่หากเตาฉีไม่เลือกอยู่ข้างหลิงหยุน ไม่ว่าหลิงหยุนจะแพ้หรือชนะ เขาก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้เกินวันที่ 8 มิถุนายนอยู่ดี เพราะหลิงหยุนเคยบอกกับเขาไว้ว่า จะให้ตี้เสี่ยวอู๋มาคลายจุดสุดท้ายให้กับเขาในวันนั้น..

“ลูกพี่ไม่ไปด้วยเหรอ?!” มังกรถามขึ้นมา

เตาฉีตอบกลับไปว่า “ฉันไปไม่ได้หรอก! ฉันไม่เหมือนพวกแก.. ถ้าฉันไปก็จะเป็นที่สะดุดตา ฉันกลัวว่าถ้าฉันไป ยังไม่ทันที่จะได้ช่วยหลิงหยุน ก็จะถูกตำรวจจับกุมตัวก่อนแล้วน่ะสิ!”

“หลิงหยุนถึงขนาดกล้าบุกเดี่ยวเข้าไปรื้อทำลายบ้านของเถียนป๋อเตา ฉันว่าแค่ความแข็งแกร่งของหลิงหยุนเพียงคนเดียว พวกแกคงแทบไม่ต้องช่วยอะไรเขามากนัก นอกจากช่วยจัดการสถานการณ์ที่อาจโกลาหลเท่านั้น พูดอย่างตรงไปตรงมา หากหลิงหยุนเป็นฝ่ายชนะ พวกแกก็จะได้รับประโยชน์อย่างมากมาย แต่หากเขาพ่ายแพ้ อย่างมากพวกแกก็ถูกจับติดคุกสองสามวัน แล้วพอเรื่องซาตำรวจก็คงปล่อยตัว..”

จู่ๆเตาฉีก็มองคนสนิททั้งสี่พร้อมกับพูดยิ้มๆว่า “แต่ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง.. ฉันนี่ล่ะที่จะเป็นคนที่โชคร้ายที่สุด..”

แต่ถ้าเตาฉีไม่เลือกข้าง.. ผลก็คือเขานี่ล่ะที่จะเป็นผู้ที่โชคร้ายที่สุดอีกเช่นกัน!

เมื่อได้ฟังเช่นนั้น หมาป่าก็พูดขึ้นว่า “พี่เตา.. ทำไมถึงได้พูดแบบนั้น! พี่ไปกับพวกเราเถอะ ไม่ว่าหลิงหยุนจะเป็นฝ่ายชนะหรือพ่ายแพ้ พวกเราจะทำทุกหนทางให้หลิงหยุนคลายจุดให้กับพี่เอง!”

มังกรเองก็พูดออกมาอย่างร้อนใจ “พี่เตา.. หลายปีที่ผ่านมาพี่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับพวกเรา ครั้งนี้เป็นเรื่องความเป็นความตายของพี่ พวกเรายินดีทำทุกอย่างเพื่อพี่!”

“ทุกคน.. ไปกันได้แล้ว!”

ลูกน้องคนสนิททั้งสี่ต่างก็โค้งคำนับเตาฉี พร้อมกับเดินออกจากลานบ้านไปทันที..

เตาฉีมองตามเงาทั้งสี่ไปอย่างเงียบๆอยู่ครู่ใหญ่ แล้วก็ถอนหายใจออกมาในที่สุด “น้องรัก.. ปล่อยให้เป็นเรื่องของโชคชะตาก็แล้วกัน!”

…………

ตรงข้ามกับหัวหน้าแก๊งมังกรเขียวอย่างหลงคุน.. ทันทีที่เขารู้ข่าว ก็รีบเรียกประชุมทันที จากนั้นก็รีบนั่งรถไปที่หมู่บ้านหลินเจียงพร้อมกับลูกสาว-หลงหวู่ทันที!

“หลิงหยุนนี่ก็ช่างเหลือเกินจริงๆ! จู่ๆก็หายตัวไปเป็นอาทิตย์ แต่พอกลับมาก็สร้างความโกลาหลไปทั่ว! ทำไมเขาถึงชอบสร้างแต่ปัญหานักนะ..”

ภายในรถ.. หลงคุนและหลงหวู่นั่งคู่กันอยู่ที่เบาะด้านหลัง และหลงหวู่ก็ส่ายหน้าบ่นออกมาด้วยความไม่พอใจในตัวหลิงหยุน

หลงคุนที่มีสีหน้าเคร่งเครียด เมื่อได้ยินหลงหวู่บ่นพึมพำ ก็ถึงกับระเบิดเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกับตอบไปว่า

“ถ้าไม่สร้างปัญหา.. ก็คงไม่ใช่หลิงหยหยุนน่ะสิ! อีกอย่าง.. เขาหายตัวไปตั้งหลายวัน แต่พอกลับมาก็พบว่าที่บ้านเกิดเรื่องมากมาย แล้วจะไม่ให้เขาโกรธได้ยังไงกัน?”

หลงหวู่ทำเสียงขึ้นจมูกและพูดอย่างไม่พอใจ “หลิงหยุนเจ้าเล่ห์จะตายไป กฎหมายทำอะไรเขาไม่ได้หรอกค่ะ เราไม่เห็นต้องไปช่วยเขาเลย!”

หลงคุนตอบกลับไปยิ้มๆ “อย่ามั่นใจขนาดนั้นว่าหลิงหยุนจะไม่ต้องการความช่วยเหลือกจากเรา การไปของเราครั้งนี้ จะช่วยเขาให้มีพลังต่อรองและสร้างแรงสั่นสะเทือนได้อย่างมาก..”

หลงหวู่ตอบด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเล็กน้อย “หลิงหยุนจะไปรื้อทำลายบ้านของคนอื่น ยังไงตำรวจก็ต้องมาแน่นอน! พ่อคะ.. พ่อคิดว่าแก๊งมังกรเขียวจะสู้รบปรบมือกับตำรวจไหวเหรอคะ?”

หลงคุนฟังแล้วก็ได้แต่ยิ้ม “แล้วใครบอกล่ะว่าเราจะต้องไปสู้รบปรบมือกับตำรวจ? พวกเราจะไปคุยกับตำรวจดีๆต่างหาก? ไม่อย่างนั้นพ่อจะพาลูกสาวที่จบกฏหมายจากฮาร์วาร์ดมาด้วยทำไมกัน?”

หลงหวู่ได้ฟังคำชมของพ่อก็ได้แต่ทำหน้าอายๆแล้วตอบกลับไปว่า “พ่อคะ.. หนูเรียนจบกฎหมายระหว่างประเทศนะคะ อีกอย่างกฏหมายของแต่ละประเทศก็แตกต่างกัน..”

หลงคุนตอบกลับไปว่า “แต่ความจริงภายใต้ดวงอาทิตย์ดวงนี้ก็เหมือนกันทุกทีล่ะน่า! หลิงหยุนทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว.. ในเมื่อคนอื่นรื้อทำลายบ้านของเขาได้ ทำไมเขาจะรื้อทำลายบ้านของคนอื่นคืนบ้างไม่ได้ล่ะ?!”

“หลัวจ้งดูเหมือนจะรีบร้อนลงมือไปหน่อย?! เขาคงคิดว่าสามารถเอาชนะถังเทียนห่าวได้แล้วสินะ! ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลยว่าภายใต้ดวงอาทิตย์ดวงนี้ ยังมีเรื่องที่ปืนไม่สามารถแก้ปัญหาหรือข่มขู่ใครได้!”

ดูเหมือนว่าหลงคุนจะไม่ค่อยพอใจนัก เขาพูดต่อว่า “ถ้าพ่อเดาไม่ผิด ครั้งนี้หลัวจ้งต้องไปดูเหตุการณ์ด้วยตัวเองแน่ ถ้าได้พบกับเขาครั้งนี้ พ่อเองก็มีเรื่องที่จะต้องคุยกับเขาเหมือนกัน..”

…..

ที่บ้านของเถียนป๋อเตาในหมู่บ้านหลินเจียง..

ตอนนี้หน้าบ้านของเถียนป๋อเตามีฝูงชนมุงอยู่เป็นจำนวนมาก ผู้คนที่อยู่ระแวกนั้นเมื่อได้ข่าวก็พากันตามมาดูด้วยเช่นกัน คนที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านหลินเจียงเอง เมื่อรู้ว่ากำลังจะเกิดเรื่องใหญ่โตขึ้นในหมู่บ้าน ก็พากันวิ่งออกจากบ้านมาดูด้วยเช่นกัน ดังนั้นบริเวณรอบบ้านของเถียนป๋อเตาจึงเต็มไปด้วยผู้คนจำนวนมาก!

คนที่มามุงดูต่างก็ตกใจกับภาพที่เห็น.. หญิงสาวทั้งเก้าคนกำลังวิ่งหน้าตื่นออกมาจากบ้านของเถียนป๋อเตาในสภาพเสื้อผ้ายับยู่ยี่ ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง!

“พระเจ้า.. นี่มันฮาเร็มหรือบ้านอยู่อาศัยกันแน่?!”

“โอ้โห.. สาวๆพวกนั้น เห็นแล้วหัวใจจะวาย”

“ไม่รอดแน่.. ครั้งนี้เถียนป๋อเตาต้องตายแน่ๆ! สมน้ำหน้ามันจริงๆ!”

“มัจจุราชหวังยังอยู่ในบ้าน รอดูว่ามันจะออกมาพูดยังไง?”

สาวๆทั้งเก้าคนต่างพากันยืนก้มหน้าก้มตาและเอามือปิดบังใบหน้าไว้ ในขณะที่ฝูงชนกำลังชี้มือชี้ไม้มาทางพวกเธอ

“ออกไปได้แล้วเถียนป๋อเตา! ใส่กางเกงในสีแดงตัวเดียวนั่นล่ะ..”

หลิงหยุนไม่รอให้เถียนป๋อเตาแต่งตัวเรียบร้อย เขาจัดการถีบร่างของเถียนป๋อเต๋า และบังคับให้เดินลงบันไดไป

เถียนป๋อเตาได้ยินเสียงดังจากข้างนอก ก็รู้ได้ว่าครั้งนี้เขาคงต้องจบสิ้นทุกอย่าง และจะไม่เหลืออะไรอีกแล้ว เถียนป๋อเตาปฏิเสธที่จะลงไปข้างล่าง แต่ก็ถูกหลิงหยุนถีบลงไป

ถังเมิ่งที่เดินตามมาก็ช่วยหลิงหยุน เขาทั้งลากและส่งเสียงตะโกนด่าเถียนป๋อเตา

“ทำไม.. ตอนนี้รู้จักอายงั้นเหรอ? เป็นไงบ้างล่ะ นอนกับผู้หญิงทีเดียวตั้งเก้าคน สนุกมากไม๊? ตอนทำไม่อาย ตอนนี้ทำเป็นอาย?”

เถียนป๋อเตานั่งยองๆ แต่ในไม่ช้าก็ถูกลากออกมานอกบ้าน ถังเมิ่งมองฝูงชนที่มุงดูอยู่ก็ถึงกับเย็นยะเยือกขึ้นมาทันที!

“พี่หยุน.. คนมากันเยอะมาก?!”

หลิงหยุนยังคงสสงบนิ่งและตอบกลับไปยิ้มๆ “เยอะสิดี! จะได้มีชีวิตชีวาหน่อย..”


บทที่ 370 : ล้างบางเมืองจิงฉู (19) – บ้านถล่ม!

 “ตู้กู่โม่ไม่คิดจะมาร่วมสนุกด้วยรึนี่?”

หลิงหยุนเดินออกมาหน้าประตู แต่เมื่อไม่เห็นตู้กู่โม่อยู่ในฝูงชนด้วย  จึงรู้ว่าตู้กู่โม่คงจะไม่ต้องการร่วมสนุกกับเรื่องนี้ หลิงหยุนจึงไม่ได้สนใจเขาอีก

หลิงหยุนหันไปมองเถียนป๋อเตา ที่สวมเพียงกางเกงในสีแดง จากนั้นก็ยกมือขึ้นจี้จุดเขาตามร่างกายของเขาหลายแห่ง และใช้เท้าถีบร่างของเขาออกมา

“คนแซ่เถียน.. แกกล้ารื้อบ้านของฉันทิ้ง วันนี้ฉันจะรื้อบ้านของแกบ้าง แหกตาดูให้ดีล่ะ!”

หลิงหยุนบอกเถียนป๋อเตาที่นอนอยู่บนพื้นและไม่สามารถขยับตัวได้ จากนั้นก็หันไปยิ้มกว้างให้กับฝูงชนที่พากันมามุงดูพร้อมกับตะโกนบอกกับทุกคนว่า

“พ่อแม่พี่น้องทั้งหลาย.. ทุกท่านคงจะรู้แล้วใช่ไม๊ว่า เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา เถียนป๋อเตาได้พาคนไปทุบทำลายบ้านของผมจนพังยับเยิน ตอนนี้ผมจะมาจัดการรื้อทำลายบ้านของมันคืนบ้าง ทุกท่านว่ามันยุติธรรมดีหรือไม่?”

“ยุติธรรมสิ! พวกเราสนับสนุน! รื้อเลย!”

ผู้คนต่างพากันร้องตะโกนสนับสนุนการกระทำของหลิงหยุน พวกเขาต่างก็เป็นคนยากจนที่อาศัยอยู่บนถนนหลินเจียง และถูกเถียนป๋อเตากดขี่ข่มเหงมาเป็นเวลานาน ตอนนี้เถียนป๋อเตาเป็นฝ่ายเสียท่า และสภาพของเขาในตอนนี้ก็ไม่ต่างจากสุนัขตัวหนึ่ง ทุกคนจึงกันร้องออกมาด้วยความโกรธแค้น!

หลิงหยุนโบกมือขึ้นไปมาพร้อมกับใช้มังกรคำรามร้องบอกฝูงชนสนั่นกึกก้อง “ทุกท่าน.. กรุณาถอยหลังออกไปให้ห่างจากบริเวณบ้านเพื่อความปลอดภัยของตัวท่านเอง ห้านาทีหลังจากนี้ บ้านหลังนี้จะถล่มลงมา!”

เสียงตะโกนของหลิงหยุนดังชัดเจนไปทั่วทั้งบริเวณ และทำให้ทุกคนยิ่งเพิ่มความอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น

เพราะในบริเวณนั้นไม่มีรถขุดเลยแม้แต่คันเดียว เพียงแค่ห้านาที.. หลิงหยุนจะสามารถรื้อบ้านหลังใหญ่ขนาดนี้ได้อย่างไรกัน? เว้นแต่ว่าเขาจะมีระเบิด ไม่เช่นนั้นไม่มีทางที่หลิงหยุนจะถล่มบ้านหลังใหญ่ขนาดนี้ให้พังราบเป็นหน้ากองได้อย่างแน่นอน

ผู้คนส่วนใหญ่จึงคิดว่าหลิงหยุนคงต้องเลือกที่วิธีการระเบิดบ้าน ทุกคนจึงพากันถอยออกไปไกลถึงยี่สิบเมตร และเฝ้าดูอยู่ในระยะไกลแทน

ภายในรัศมียี่สิบเมตรรอบๆบ้านหลังใหญ่นี้ปราศจากผู้คนทันที เหลือเพียงหลิงหยุนกับถังเมิ่งเท่านั้น

หลิงหยุนสำรวจดูจนมั่นใจแล้วว่า ไม่ว่าบ้านจะถล่มลงไปในทิศทางใด ก็จะไม่เป็นอันตรายกับผู้คน จึงได้พยักหน้าอย่างพึงพอใจ

ขณะที่หลิงหยุนกำลังจะร้องบอกถังเมิ่งให้ลากเถียนป๋อเตาออกไปให้พ้นจากบริเวณบ้านเพื่อความปลอดภัย แต่เขากลับเห็นกลุ่มชายฉกรรจ์ราวสามสิบคนที่เข้ามากันผู้คนให้ออกห่างจากบริเวณบ้าน

คนของเตาฉีล้วนอาศัยอยู่บริเวณถนนหลินเจียง พวกเขาจึงมาถึงที่เกิดเหตุได้อย่างรวดเร็วทันใจ!

หลิงหยุนมองชายสี่คนที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้ากลุ่ม ก็จำได้ทันทีว่าเป็นคนสนิททั้งสี่ของเตาฉี

“ในที่สุดเตาฉีก็เลือกข้างแล้วสินะ! ฉลาดไม่เบาเลยทีเดียว..”

คนของเตาฉีล้วนเป็นคนที่มาเก็บค่าคุ้มครองแถวนี้ทุกวัน บ้างก็ทำงานที่บ่อน ผู้คนจึงค่อนข้างรู้จักพวกเขาดี จึงค่อนข้างเกรงกลัว และยอมฟังคำสั่งของพวกเขาอย่างว่าง่าย

“พี่หยุน.. วันที่บ้านของพี่ถูกทุบทิ้งนั้น พี่เตาพยายามติดต่อพี่แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ พี่เตาได้พยายามอย่างดีที่สุดแล้ว แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ จึงได้แต่ยืนมองบ้านของพี่ถูกทุบทิ้งต่อหน้า แต่เมื่อได้ยินว่าพี่กลับมาแก้แค้น พี่เตาก็ส่งพวกเรามาช่วย และให้พวกเราฟังคำสั่งของพี่..”

มังกรเดินตรงเข้าไปยืนอยู่ตรงหน้าหลิงหยุนและถังเมิ่ง พร้อมกับแสดงท่าทางที่เคารพนบนอบ พร้อมกับรายงานอย่างตรงไปตรงมา..

หลิงหยุนหัวเราะอย่างมีความสุข “ขอบใจทุกคนมาก! แต่ฉันยังไม่ต้องการความช่วยเหลือในตอนนี้!”

หลิงหยุนหันไปมองเถียนป๋อเตาที่นั่งอยู่กับพื้นพร้อมกับสั่งว่า “บ้านหลังนี้กำลังจะถล่มลงมา จัดการลากมันออกไปที่อื่นก่อน”

มังกรมองเถียนป๋อเตาที่นอนกองอยู่กับพื้น จากนั้นก็ขยิบตาสั่งลูกน้องสองคนให้มายกร่างของเขาออกไป

หลิงหยุนพยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ “นี่น้องชายของฉันชื่อถังเมิ่ง! คิดว่าทุกคนน่าจะรู้จักแล้ว ฉันคงไม่ต้องพูดอะไรมากอีก พวกนายฟังคำสั่งของถังเมิ่ง และคอยกันผู้คนอย่าให้เข้าใกล้บริเวณบ้าน เพราะอาจจะได้รับบาดเจ็บได้!”

ก่อนที่หลิงหยุนจะลงไปสำรวจก้นหลุมยักษ์นั้น ถังเมิ่งได้ไปจัดการเรื่อการโอนรถแลนด์โรเวอร์ที่บ้านเตาฉีมาแล้ว เขาจึงรู้จักกับมังกรและคนอื่นๆดี

ถังเมิ่งเอามือลูบศรีษะโล้นๆของตัวเอง พร้อมกับทักทายมังกรและคนอื่นๆ จากนั้นก็ส่งสัญญาณให้ทุกคนไปทำหน้าที่กันคนที่มามุงดูให้อยู่ในบริเวณที่ปลอดภัย

หลังจากที่เห็นว่าฝูงชนอยู่ในการควบคุมจัดการที่ดีแล้ว หลิงหยุนก็หันกลับไป และกำลังจะเดินเข้าไปในบ้าน แต่เขาก็ได้ยินเสียงไซเรนดังขึ้นมา!

รถตำรวจกำลังมุ่งหน้ามาที่นี่!

ทันทีที่รถตำรวจมาถึง ก็จัดการจอดรถไว้ด้านนอกฝูงชน จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ลงจากรถ และเร่งรีบเข้าไปในที่เกิดเหตุ ตำรวจที่มาต่างก็พบกับหลิงหยุนที่ยืนเด่นอยู่หน้าประตู

เจ้าหน้าที่ตำรวจที่มาในวันนี้ ล้วนแล้วแต่มาจากสถานีตำรวจบนถนนหลินเจียง ทันทีที่ได้รับคำสั่งจากหลัวจ้ง ตำรวจจำนวนหนึ่งก็มุ่งหน้ามาที่หมู่บ้านหลินเจียงทันที และมาช้ากว่าคนของเตาฉีเพียงแค่ไม่กี่นาที

“ใครที่อยู่ด้านในบ้าน.. กรุณาฟังเจ้าหน้าที่ตำรวจ! การกระทำของคุณเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย คุณไม่สามารถรื้อถอนบ้านของเขาอื่นตามอำเภอใจได้!”

เจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งตะโกนใส่โทรโข่งบอกหลิงหยุน..

ทันทีที่หลิงหยุนได้ยิน เขาได้แต่แสยะยิ้มพร้อมกับคิดว่า ‘ตอนนี้จะมาอ้างเรื่องผิดกฎหมายงั้นรึ? แต่ตอนที่พวกมันรื้อบ้านของข้า พวกเจ้ากลับไม่ห้ามปราม!’

เพียงแค่เหลือบมองหลิงหยุนก็รู้ว่า พวกที่มาเป็นเพียงตำรวจชั้นผู้น้อยที่ไม่มีคุณสมบัติจะพูดคุยกับเขา หลิงหยุนจึงไม่ใส่ใจและเร่งรีบเข้าไปในบ้านทันที

ตำรวจที่มาต่างก็พากันตกตะลึงในกิริยาของหลิงหยุนที่ไม่แยแสพวกเขาเลยแม้แต่น้อย!

ตำรวจทุกนายต่างก็คิดเหมือนกันว่า ถึงแม้พวกเขาจะไม่สามารถหยุดการกระทำของหลิงหยุนได้ แต่อย่างน้อยก็จะสามารถดึงเวลาไว้ได้บ้าง เพื่อรอให้คนของสำนักงานรักษาความมั่นคงเดินทางมาถึงก่อน แต่กลับคิดไม่ถึงว่าหลิงหยุนไม่เพียงไม่แยแสตำรวจเท่านั้น แต่ยังทำราวกับว่าตำรวจเหล่านั้นไม่มีตัวตน!

ตำรวจหลายนายต่างก็พูดคุยปรึกษากัน และตำรวจสองนายก็ทำท่าจะเดินเข้าไปในบ้าน แต่ถังเมิ่งกลับพูดขึ้นว่า

“นี่.. ถ้าไม่กลัวตายก็เข้าไปได้เลย เพราะภายในห้านาที บ้านหลังนี้ก็จะถล่มลงมาแล้ว!”

“นี่คุณพูดอะไรกัน? บ้านแข็งแรงขนาดนี้ แค่ห้านาทีจะถล่มลงมาง่ายๆได้ยังไงกัน? เขามีระเบิดในมือหรือยังไง?”

ตำรวจจากสถานีตำรวจบนถนนหลินเจียงและเถียนป๋อเตา ต่างก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน และสนิทสนมกันราวกับพี่น้อง แน่นอนว่าพวกเขาย่อมไม่ต้องการเห็นบ้านของเถียนป๋อเตาต้องถล่มลงมาต่อหน้าต่อตา

แม้ถังเทียนห่าวจะสูญสิ้นอำนาจไปชั่วคราว แต่ถังเมิ่งก็คุ้นเคยกับสำนักงานรักษาความมั่นคงมานานหลายปี เขาจึงไม่รู้สึกเกรงกลัวตำรวจที่อยู่ตรงหน้า จึงได้ตอบกลับไปยิ้มๆ

“ไม่จำเป็นต้องใช้ระเบิดหรอก ถ้าไม่เชื่อก็เขาไปสิ แล้วอย่าหาว่าฉันไม่เตือนก็แล้วกัน..”

ยังไม่ทันที่ถังเมิ่งจะพูดจบดี เสียงตูม.. ตูม.. ตูม ก็ดังสนั่นออกมาจากในบ้าน และทุกคนก็สัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนอยู่ใต้ฝ่าเท้าของตัวเอง!

ทันทีที่หลิงหยุนเข้าไปในบ้าน เขาก็เรียกหม้อเสินหนงออกมาจากแหวนพื้นที่ทันที จากนั้นก็ใช้ตรงขาตั้งของหม้อเสินหนงทุบกระแทกเข้ากับกำแพงบ้านอย่างรุนแรง!

หม้อเสินหนงที่มีขนาดใหญ่และหนักกว่าสองร้อยกิโลกรัม จึงไม่ต่างจากค้อนขนาดยักษ์ในมือของหลิงหยุนที่ใช้การได้ดีมาก เขาจัดการทุบเข้าที่กำแพงเพียงแค่เจ็ดแปดครั้ง บ้านก็เริ่มโยกเยกทันที!

ถึงแม้บ้านหลังนี้จะมีสองชั้นและดูแข็งแรงกว่าบ้านชั้นเดียว แต่กำแพงบ้านชั้นล่างก็เปรียบเหมือนรากฐานที่รองรับบ้านชั้นสองไว้ เมื่อชั้นล่างทรุด แน่นอนว่าชั้นบนก็ต้องทรุดตาม และเรื่องนี้เป็นสิ่งที่หลิงหยุนเองก็รู้ดี

ผู้คนที่อยู่ด้านนอกต่างก็สัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนที่รุนแรง และทุกคนก็ได้แต่อ้าปากค้างพร้อมกับอุทานออกมาอย่างตกใจ!

“พระเจ้า.. นี่หลิงหยุนทำอะไรอยู่ข้างในบ้านกันแน่?! ทำไมพื้นดินถึงได้สะเทือนไปหมดแบบนี้!”

“ตายแล้ว.. หยั่งกับเกิดแผ่นดินไหว!”

“นี่.. นี่เขาถล่มบ้านหลังใหญ่ขนาดนี้ได้จริงๆเหรอ?!”

“ฟังจากเสียงแล้ว.. ฉันว่าพวกเราไปหาที่หลบกันจะดีกว่า..”

…………

หลิงหยุนจัดการทุบเสาบ้านทั้งสองต้นที่ตกแต่งไว้อย่างสวยงาม และทันทีที่บ้านถูกทุบ ฝุ่นก็คลุ้งไปทั่วทั้งบริเวณ

หลิงหยุนเงยหน้าขึ้นมอง พร้อมกับคิดว่าขืนเขายังอยู่ข้างในคงโดนตึกถล่มทับอย่างแน่นอน

แม้ว่าหลิงหยุนจะฝึกดารกะดายันผ่านมาถึงสิบเอ็ดระดับย่อย  แต่หากถูกบ้านทั้งหลังถล่มทับ แม้ว่าตัวเขาจะไม่เป็นอะไร แต่คงจะเสียหน้าไม่น้อย?!

ถึงแม้จะดูเป็นภาพที่ก้าวร้าวดุดัน แต่ก็น่าอาย และนั่นไม่ใช่สไตล์ของเขา!

“เอาล่ะ.. จัดการผนังตรงมุมอีกด้านแล้วค่อยออกไป..”

หลิงหยุนเคลื่อนไปทางกำแพงด้านตะวันออกเฉียงใต้ของบ้าน จากนั้นก็ยกหม้อเสินหนงในมือทุบเข้ากับกำแพงอย่างรุนแรงอีกครั้ง!

ตูม.. ตูม.. ตูม.. ตูม..

สิ้นเสียงตูมครั้งที่สี่ กำแพงทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ก็เป็นรูขนาดใหญ่ให้หลิงหยุนออกมาได้

ในเวลานั้น.. สภาพของบ้านหลังใหญ่ก็ไม่ต่างจากแพไม้ไผ่ที่เริ่มสั่นไหวเบาๆ และค่อยๆทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

“โอ้แม้เจ้า.. นั่นบ้านกำลังถล่มลงแล้วจริงๆด้วย..”

“จริงด้วย.. ดูสิส่ายไปส่ายมาอย่างแรง กำลังจะถล่มลงแล้ว..”

“หนีเร็วพวกเรา.. หนีเร็ว.. มันจะถล่มแล้ว..”

ในเวลานั้นไม่เพียงฝูงชนที่พากันหนีเอาตัวรอด แม้แต่ตำรวจเองก็พากันวิ่งหนีออกมาด้วยความหวาดกลัว ไม่มีใครกล้าวิ่งเข้าไปในบ้านเลยแม้แต่คนเดียว!

หลิงหยุนใช้มังกรพรางร่างหลบออกจากบ้าน แต่ก็เห็นบ้านยังคงไหวไปไหวมาอยู่นาน แต่ก็ไม่ถล่มลงมาเสียที เขาจึงเข้าไปในบ้านอีกครั้ง และจัดการยกหม้อเสินหนงฟาดเข้าไปที่เสาบ้านอีกหนึ่งครั้ง!

ตูม!!! เสาต้นสีขาวหักลงทันที!

ครั้งนี้หลิงหยุนรู้ว่าบ้านต้องถล่มลงมาอย่างแน่นอน เขาจึงเก็บหม้อเสินหนงเข้าไปในแหวนพื้นที่ และใช้มังกรพรางร่างเคลื่อนที่ออกมาจากบ้าน และไปยืนอยู่ห่างถึงยี่สิบเมตร!

ครืน!!

พื้นดินสั่นสะเทือน และเสียงดังสนั่นหวั่นไหวจากบ้านถล่ม ฝุ่นลอยคลุ้งไปทั่วทั้งบริเวณ


บทที่ 371 : ล้างบางเมืองจิงฉู (20) – นักกฏหมายสาว!

ยังไม่ถึงห้านาทีเต็มด้วยซ้ำไป บ้านสวยหลังใหญ่ทั้งหลังก็พังทลายครืนลงไปในพริบตา!

ฝุ่นจากเศษดินและปูนฟุ้งกระจายไปทั่วทั้งบริเวณ ทำให้ผู้คนที่อยู่บริเวณนั้นต่างก็ตาพร่ามัวมองและมองไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนที่บ้านทั้งหลังจะถล่มลงมา แต่เมื่อทุกคนลืมตาขึ้น บ้านทั้งหลังก็เหลือเพียงซากปรักหักพังแล้วเท่านั้น!

“โอ้แม่เจ้า! นี่หลิงหยุนสามารถทุบบ้านทั้งหลังทิ้งได้จริงๆด้วย?! มันเป็นไปได้ยังไงกัน?”

“ถึงคราวมัจจุราชถังต้องเป็นฝ่ายทุกข์ระทมบ้างสินะ! แถวนี้เป็นชานเมืองก็จริง แต่บ้านหลังใหญ่ขนาดนี้ ต่ำๆก็ต้องห้าล้าน..”

“มันไม่ใช่แค่ตัวบ้านนะ.. ใหนจะของในบ้านอีกล่ะ ได้ข่าวว่ามันใช้เงินตกแต่งไปมากโขเชียวล่ะ..”

“ว่าแต่หลิงหยุนไปเอาเรี่ยวแรงมาจากใหนกัน ฉันนึกว่าจะใช้ระเบิดซะอีก? จากเสียงที่ได้ยิน.. คล้ายๆกับว่าเขาใช้ของแข็งทุบกับผนังตึก..”

ลูกน้องที่เตาฉีส่งมาช่วยหลิงหยุนนั้น เมื่อเห็นหลิงหยุนจัดการทุบทำลายบ้านของเถียนป๋อเตาเพียงคนเดียว และไม่มีเครื่องมือในการรื้อถอนแม้แต่ชิ้นเดียว แต่ละคนก็ถึงกับตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก และแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง!

เจ้าหน้าที่ตำรวจต่างก็อึ้งจนพูดอะไรไม่ออกเช่นกัน ในใจต่างก็คิดว่าหลิงหยุนช่างเป็นคนที่น่ากลัวนัก ก่อนหน้านี้ก็เพิ่งจะบุกไปทำลายสำนักงานรื้อถอน นี่กลับมาทุบบ้านของเถียนป๋อเตาทิ้งอีกหลัง!

แม้แต่เหล่ากุ่ยที่ซ่อนตัวอยู่และคอยแอบดูอยู่ห่างๆ ยังถึงกับหน้าเหยเกด้วยความตกใจพร้อมกับพึมพำเบาๆ

“นี่นายน้อยใช้มือเปล่าทำลายบ้านทั้งหลังได้จริงๆเหรอนี่.. นี่มันช่าง..”

เถียนป๋อเตาที่ถูกลูกน้องของเตาฉีคุมตัวไว้ในเวลานี้ ได้แต่จ้องมองบ้านที่เป็นเสมือนฮาเร็มของตนเองถูกหลิงหยุนทุบทิ้งต่อหน้าต่อตา จึงไม่ต้องพูดถึงว่าจะตกใจและทุกข์ใจแสนสาหัสเพียงใด!

ตอนนี้เถียนป๋อเตามีคดีฉาวโฉ่เรื่องผู้หญิง เขารู้ตัวดีว่าถึงอย่างไรหน้าที่การงานของตัวเองคงต้องถึงคราววิบัติแล้วอย่างแน่นอน รวมถึงอำนาจบารมีและคอนเน็คชั่นต่างๆที่เคยมี ก็คงต้องเป็นอันสิ้นสุดลงไปด้วยเช่นกัน

แต่ถึงอย่างนั้น เถียนป๋อเตาก็รู้ดีว่าบทลงโทษที่เขาจะได้รับก็คงไม่มีอะไรรุนแรงไปกว่านี้ คงจะมีเพียงแค่เรื่องของการสูญเสียตำแหน่งและอำนาจบารมีเท่านั้น

แต่ถึงแม้เขาต้องถูกให้ออกจากราชการ แต่ก็ยังมีเงินทอง มีบ้าน และยังคงสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสุขสบายๆไปวันๆ ส่วนเรื่องธุรกิจนั้น ก็ยังพอที่จะพึ่งพาเพื่อนฝูงได้บ้าง

แต่ตอนนี้หลิงหยุนกลับทำลายบ้านของเขาจนไม่เหลือซาก บ้านหลังนี้เขาใช้เงินลงทุนไปทั้งหมดเจ็ดล้าน แล้วจะไม่ให้เขารู้สึกเสียใจได้อย่างไรกัน?!

ตอนนี้เถียนป๋อเตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว!

เพราะหลิงหยุนมีเพียงแค่มือเปล่า ไม่มีเครื่องไม้เครื่องมือแม้แต่ชิ้นเดียว ทุกคนต่างก็เห็นกับตา แต่กลับสามารถทำให้บ้านหลังใหญ่แข็งแรงขนาดนี้ถล่มทลายลงได้เพียงในเวลาสั้นๆ เขาทำได้อย่างไรกัน?!

แล้วเสียงดังสนั่นหวั่นไหวนั่นเกิดจากอะไรกันแน่?!

เถียนป๋อเตาได้แต่คิดว่าเป็นเพราะเขาที่แส่หาเรื่องเอง?! แม้แต่เตาฉีที่ว่าเก่งกาจก็ยังถูกหลิงหยุนจัดการจนอยู่หมัด ตอนนี้แม้จะอยู่ต่อหน้าต่อตำรวจหลายนาย แต่หลิงหยุนยังกล้าทุบทำลายบ้านของเขาอย่างไม่แยแส และไม่มีความเกรงกลัว?!

เมื่อครู่เถียนป๋อเตาได้ยินเต็มสองหูว่า เตาฉีส่งลูกน้องมาช่วยหลิงหยุน เห็นได้ชัดว่าเขาเลือกที่จะยืนอยู่ฝ่ายหลิงหยุน ไม่รู้ว่าหลิงหยุนไปทำยังไง เตาฉีถึงได้เปลี่ยนไปอยู่ข้างหลิงหยุนและยอมที่จะเป็นปฏิปักษ์กับเขา?

แล้วนี่หลิงหยุนทำอะไรกับเขากันแน่ ตอนนี้เขาถึงขยับเขยื้อนตัวไม่ได้เลย?!

เมื่อคิดได้เช่นนี้.. เถียนป๋อเตาก็ได้แต่รู้สึกเศร้าเสียใจขึ้นมาทันที เขาไม่น่าเข้าไปยุ่งกับหลิงหยุนอีก..

หลิงหยุนปัดฝุ่นที่มือและตามร่างกายออกจนหมด ก่อนจะเดินแสยะยิ้มเข้าไปหาเถียนป๋อเตา และก้มลงไปคุยกับเขาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

“คนแซ่เถียน.. วันที่แกพาคนไปรื้อบ้านของฉันทิ้ง คงจะนึกไม่ถึงล่ะสิว่าตัวเองจะมีวันนี้!”

“ฉันเคยเตือนแกแล้วว่าห้ามมายุ่งกับครอบครัวของฉันอีก ความจริงหลังจากคืนนั้นฉันก็ไม่เคยคิดที่จะกลับไปหาเรื่องแกอีกเลย แต่เป็นแกเองที่จองล้างจองผลาญครอบครัวของฉันไม่เลิก ต้องโทษที่แกแส่หาเรื่องเอง!”

พูดจบ.. หลิงหยุนก็หันหน้าไปทางทิศตะวันออกพร้อมกับพูดยิ้มๆว่า “ยังมีอีสองหลังสินะ!”

ในเมื่อหลิงหยุนพูดไว้แล้วว่าเขาจะทุบทิ้งทั้งสามหลัง เขาก็ต้องทุบทิ้งทั้งสามหลังตามที่พูดไว้ โดยนิสัยของหลิงหยุนนั้น เขาเป็นคนที่เมื่อเดินหน้าทำสิ่งใดแล้ว จะไม่ล้มเลิกกลางคัน อีกทั้งเขาต้องการประกาศก้องให้คนทั้งเมืองจิงฉูได้รู้ว่า คนอย่างหลิงหยุน.. ไม่ใช่ว่าใครก็ไม่สามารถรังแกได้ง่ายๆ!

แต่ดูเหมือนเจ้าหน้าที่ตำรวจก็มีปฏิกิริยาตอบโต้ที่ว่องไวเช่นกัน หนึ่งในนั้นรีบร้องห้ามขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นหลิงหยุนหันไปมองบ้านที่เหลืออีกสองหลัง

“หลิงหยุน.. คุณทำเรื่องผิดกฎหมาย! ทางเราคงต้องจับกุมคุณไว้ก่อน กรุณาตามเราไปที่สถานีตำรวจเพื่อให้ปากคำด้วย!”

เจ้าหน้าที่ตำรวจที่พูดออกมานั้น ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถปกปิดสีหน้าแววตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวได้ในระหว่างที่พูดกับหลิงหยุน

หลิงหยุนหันไปมองอย่างสนอกสนใจ แต่จู่ๆก็อ้าปากหัวเราะเสียงดังและพูดขึ้นว่า

“ผิดกฏหมายงั้นเหรอ?! ถ้างั้นคุณตำรวจก็ช่วยตอบคำถามของผมหน่อยสิ.. บ้านของผมถูกเถียนป๋อเตาและบริษัทรับเหมารื้อถอนโดยที่ทางผมเองก็ไม่ได้ยินยอม  พวกเขาทำผิดกฏหมายหรือไม่? แล้วถ้าผิด.. ทำไมตอนนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้วางเฉยไม่จับกุมตัวพวกเขาล่ะ?”

“เอ่อ.. เรื่องนั้น..”

คำถามของหลิงหยุนทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนายนั้นถึงกับอึ้งไป และไม่สามารถโต้แย้งได้

นั่นเพราะคำพูดของหลิงหยุนล้วนถูกต้องทุกประการ ในวันพฤหัสบดี.. เถียนป๋อเตานำคนไปรื้อบ้านหลิงหยุนจริง พวกเขาต่างก็รู้แก่ใจดี แต่ก็แสร้งทำหูหนวกตาบอดในเวลานั้น และทำราวกับว่าสิ่งที่เถียนป๋อเตาทำนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง..

ดังนั้น.. เมื่อถูกหลิงหยุนตั้งคำถามตรงๆต่อหน้าผู้คนมากมาย ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรเช่นกัน?!

“เอ่อ.. เรื่องนั้น.. เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องเร่งเพื่อให้งานรื้อถอนเสร็จเร็ว อีกอย่างก็เหลือแค่ชุมชนของคุณอีกชุมชนเดียว แต่ถ้าคุณคิดว่าเกิดปัญหาและไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็ต้องจัดการด้วยวิธีที่ถูกกฎหมาย สังคมของเราเป็นสังคมที่อยู่ร่วมกันด้วยความสันติสุข..”

ผู้กำกับคิดหาคำตอบอยู่นาน แต่ก็คิดหาเหตุผลที่ดีไม่ได้ จึงต้องตอบกลับไปเช่นนั้น

หลิงหยุนแสยะยิ้มพร้อมกับโต้กลับไปว่า “เพื่อให้ภารกิจเสร็จสิ้นโดยเร็วงั้นเหรอ? แต่เคยคิดบ้างไม๊ว่าหลังจากนั้นครอบครัวของผมทั้งสามชีวิตจะไปอยู่ที่ใหน? พวกเขาไม่เคยถามเราด้วยซ้ำไป แล้วใหนล่ะสัญญาและข้อตกลง? ถ้ามีก็ไปเอาออกมาให้ผมดูหน่อย..”

“เอ่อ.. เรื่องนั้น..” คำโต้แย้งของหลิงหยุนทุกคำ ผู้กำกับไม่สามารถตอบโต้กลับได้ จึงได้แต่อึกๆอักๆ

ตอนนี้ผู้คนที่ติดตามหลิงหยุนมาที่นี่ ต่างก็แสดงออกว่าอยู่ข้างหลิงหยุน และสนับสนุนการกระทำของเขา ทุกคนที่มาที่นี่ต่างก็รู้สึกว่าเจ้าหน้าที่รัฐและทีมรื้อถอน ต่างก็รุมรังแกหลิงหยุนและครอบครัวอย่างไม่เป็นธรรม และไม่มีความยุติธรรมเลยแม้แต่น้อยนิด!

“เอ่อ.. เรื่องนั้น.. แต่ถึงแม้พวกเขาจะทำไม่ถูกก็จริง คุณก็ต้องใช้วิธีที่ถูกกฏหมายแก้ปัญหา อย่างเช่นไปแจ้งความ..”

ผู้กำกับเริ่มรู้สึกเสียหน้ามากขึ้นทุกที แต่ตอนนี้หัวหน้าสำนักงานรักษาความมั่นคงของเมืองจิงฉูกำลังเดินทางมาที่นี่ หน้าที่ของเขาในเวลานี้คือต้องดึงเวลาไว้ให้ได้นานที่สุด..

หลิงหยุนเองก็รู้ดีว่าผู้กำกับกำลังพยายามที่จะยื้อเวลา แต่เขาไม่ได้สนใจ วันนี้ต่อไปให้เป็นราชาที่ยิ่งใหญ่ เขาก็จะลากลงมาให้ได้!

หลิงหยุนหัวเราะอย่างมีความสุข “เอาล่ะ.. ขอบคุณมากที่แนะนำให้ผมไปแจ้งความเอาผิดตามกฏหมาย แต่ตอนนี้ผมทุบบ้านของเขาทิ้งไปแล้ว เขาก็ต้องไปแจ้งความเอาผิดผมได้เหมือนกัน แล้วคุณมาบอกผมตอนนี้จะมีประโยชน์อะไร?!”

“จริงด้วย.. รื้อเลย..! รื้อเลย! รื้อเลย!” ผู้คนต่างพากันส่งเสียงเชียร์หลิงหยุน

“ตอนที่พวกเขารื้อทำลายบ้านผม กฎหมายกลับใช้ไม่ได้! แต่พอผมทุบบ้านของเขาทิ้งบ้าง กฎหมายก็ใช้ได้ขึ้นมาทันที ดูเหมือนว่ากฎหมายจะบังคับใช้กับเฉพาะคนบางกลุ่มสินะ..?!”

พูดจบหลิงหยุนก็ยิ้มให้กับผู้กำกับพร้อมกับยกมือชี้ที่หน้าอกตัวเอง แล้วพูดขึ้นว่า..

“เพราะเป็นผม.. คุณถึงไม่กล้าจับกุมตัวสินะ! นี่ถ้าเป็นชาวบ้านธรรมดาๆ ผมว่าคุณคงจะใช้กำลังลากตัวพวกเขาขึ้นรถตำรวจแล้วพาไปที่สถานีแล้วล่ะ..”

“คุณจะมาเสียเวลายกข้อกฏหมายคุยกับพวกเขาอย่างนี้รึ? หรือคุณจะยอมพูดคุยกับชาวบ้านอย่างสงสันติงั้นหรือ? และถ้าผมไปทุบบ้านของคุณตอนนี้ คุณจะยังยืนพูดกับผมแบบที่พูดอยู่นี้ไม๊?”

หลิงหยุนยกมือขึ้นชี้หน้าผู้กำกับ และชี้กราดไปที่หน้าตำรวจทุกนายที่อยู่บริเวณนั้น แล้วพูดต่อว่า

“พวกคุณตอบผมมาสิ.. ถ้าผมไปทุบบ้านพวกคุณในตอนนี้ พวกคุณจะใช้กำลังกับผมไม๊? หรือพวกคุณยังจะจับเข่าคุยกับผมอย่างสงบสันติ?!”

ไม่มีเสียงตอบจากเจ้าหน้าที่ตำรวจแม้แต่คนเดียว แน่นอนว่าเป็นใครก็คงทนนิ่งเฉยไม่ได้ หากจู่ๆก็มีคนเข้าไปทุบทำลายบ้านของตัวเอง

แต่ก็มีเสียงตำรวจนายหนึ่งที่ก้มหน้าก้มตาตอบเสียงเบา “แต่บ้านของคุณเก่าซอมซ่อแบบนั้น จะมาทุบบ้านหลังใหญ่โตของคนอื่นแทนได้ยังไงกัน..”

หลิงหยุนได้ฟังถึงกับโกรธจนต้องระเบิดเสียงหัวเราะออกมากึกก้อง..

“นี่น่ะเหรอที่พวกคุณอ้างกฏหมาย? บ้านเก่าๆซ่อมซ่อแล้วยังไง? แต่มันก็คือทรัพย์สินของครอบครัวผม! มันคือทรัพย์สินของครอบครัวผม..!! การที่คุณตำรวจตอบแบบนี้ก็หมายความว่า ถ้าผมมีบ้านหลังใหญ่โตสวยงามกว่าบ้านของคุณ ผมก็มีสิทธิ์ที่จะไล่ทุบบ้านของคุณได้สินะ.. คุณหมายความแบบนี้ใช่ไม๊?”

“พูดได้ดี!”

น้ำเสียงหวานแต่ดังชัดถ้อยชัดคำ ลอยมาจากด้านหลังฝูงชนที่พากันยืนเงียบ หลิงหยุนหันไปมองทางต้นเสียง ก็พบร่างบอบบางกะทัดรัดของหญิงสาวคนหนึ่ง สวมเสื้อรัดรูปสีเบจ และกางเกงเซ็กซี่กำลังเดินฝ่าฝูงชนเข้ามา

หญิงสาวผู้นี้ไม่เพียงมีน้ำเสียงที่หวานหยดย้อย แต่กลับเป็นสาวน้อยที่มีรูปร่างหน้าตาเซ็กซี่ร้อนแรง หน้าอกใหญ่โตทั้งสองข้างกระเพื่อมขึ้นลง จนน่ากลัวว่าเสื้อสีเบจตัวเล็กจะไม่สามารถปกปิดไว้ได้ และมองเห็นเป็นร่องลึก

เอวของเธอเล็กคอดและก้นกลมกลึง สัดส่วนระหว่างตะโพกกับเอวนั้นก็สมส่วนน่ามอง ท่อนขาเรียวยาวและสวมรองเท้าส้นสูง ทำให้หญิงสาวผู้นี้สูงจนเกือบเท่าหลิงหยุน

ใบหน้าของเธอนั้นขาวใสบริสุทธิ์ราวกับดอกบัวสีขาวบนเขาเทียนซัน ดวงตากลมโตนั้นทั้งดูมีเสน่ห์และเอาเรื่อง ส่วนริมฝีปากนั้นค่อนข้างอวบอิ่ม ช่างเข้ากับใบหน้าสวยใสไร้เครื่องสำอางอย่างที่สุด เรียกได้ว่าเย้ายวนและมีเสน่ห์อย่างมาก ไม่ว่าผู้ชายคนใดได้เห็นก็ต้องมองจนเหลียวหลัง

กลิ่นหอมแปลกลอยเข้ากระทบจมูกของหลิงหยุน ทำให้เขารู้สึผ่อนคลายอย่างมาก แต่ก็อดที่จะประหลาดใจไม่ได้..

‘หลงหวู่งั้นรึ?!’

หลิงหยุนคิดไม่ถึงว่าเมื่อหลงหวู่ลบรองพื้นที่หนาเตอะออก เธอจะกลายเป็นหญิงสาวที่สวยงามได้ถึงเพียงนี้ ความสวยของเธอไม่ได้ด้อยกว่าเหมี่ยวเสี่ยวเหมาหรือเฉิงเม่ยเฟิงเลย โดยเฉพาะรูปร่างนั้น.. เรียกได้ว่าทั้งสวยและเซ็กซี่กว่าเหมี่ยวเสี่ยวเหมาเสียอีก

หลิงหยุนตกใจสุดขีด! เพราะหลงหวู่ที่ไร้รองพื้นและแต่งหน้าบางๆนั้น กลับแตกต่างอย่างสิ้นเชิง

เมื่อหลงหวู่เห็นท่าทีที่นิ่งอึ้งไปของหลิงหยุน ในใจก็รู้สึกภูมิอกภูมิใจที่สามารถทำให้หลิงหยุนตกตะลึงได้

แต่เธอกลับไม่หยุดพูดกับหลิงหยุน หลงหวู่เดินเข้าไปยืนตรงกลางระหว่างหลิงหยุนกับผู้กำกับ และหันไปยิ้มให้กับผู้กำกับและพูดขึ้นว่า

“สวัสดีค่ะ.. ฉันเป็นทนายของหลิงหยุน ถ้าคุณมีปัญหาเรื่องข้อกฎหมาย คุยกับฉันโดยตรงได้ค่ะ!”

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม