Don’t Heal the Others 55-75

 ตอนที่ 55 สกิลจับสัตว์เลี้ยง


“นายคือนักผจญภัยใช้ไหม ฉันมีงานให้นายทำ พวกแพะดำที่ในทางตะวันออก โตเต็มที่แล้ว ช่วยไปเก็บ ขนของมันมาให้ฉันหน่อย”


เสี่่ยวเฟิง หาภารกิจที่มีไว้สำหรับเรียนรู้ สกิลการจับสัตว์ ที่ร้านขายสัตว์เลี้ยงร้านหนึงตรงหัวมุม ของเมือง เตียนหลง ได้ หลังจากที่เขาเดินไปมา พักหนึง เขาก็เจอกับฟาร์ม ที่อยู่หลัง ร้านขายสัตว์เลี้ยงและ หลังจากที่เขาเดินเข้าไป เขาก็ได้รับมอบภารกิจ


“ไม่มีปัญหา”


“คุณได้รับ ภารกิจเก็บขนสัวตว์ จงไปที่ พื่นที่เลี้ยง แพะดำ ที่อยู่ด้านตะวันออกของฟาร์มแห่งนี้เพื่อเก็บ ขน ให้ได้ 20 ชิ้น คุณจำเป็นต้อง นำ ขนแพะ มาให้ ผู้ดูแลฟาร์มเพื่อที่จะสำเร็จภารกิจนี้”


ภารกิจนั้นไม่ยาก เกะดำ เป็น มอนสเตอร์ปกติที่เชื่อง เสี่่ยวเฟิง ใช้สกิลเก็บเกี่ยวเพื่อที่จะเก็บ ขนแพะ ทั้ง 20 ชิ้น อย่างรวดเร็วแลำนำมันมาให้กับ ผู้ดูแล


“ถ้านายอยากจะเลี้ยงสัตว์ นายจำเป็นที่จะรู้วิธีที่จะทำให้มันเชื่อง ฉันมีภารกิจอีกอย่างให้นาย เมื่อเร็วๆนี้ พวก ไก่อ้อเอ้ ในเขตทางเหนือ เริ่มที่จะดื้อ ช่วยฉันทำให้มันเชื่อง โปรดควบคุมพลังของคุณและ อย่าทำร้ายพวกมัน”


NPC ได้มอบภารกิจอีกอย่างให้กับเสี่่ยวเฟิง หลังจากที่เขาทำภารกิจ เก็บขนเพะสำเร็จ ดูเหมือนว่า เขาต้องภารกิจอีกหลายอย่างก่อนที่เขาจะได้เรียนรู้สกิล การจับสัตว์เลี้ยง เขารับภารกิจนี้ในทันที


“คุณได้รับ ภารกิจ ทำให้ ไก่ อ้อเอ้ เชื่อง จงเดินทางไปที่ เขตทางเหนือของฟาร์มแห่งนี้ และ สั่งสอน พวก ไก่ อ้อเอ้อ จอมซน (the naughty Cooing Chicken) เคล็ดลับสำหรับภารกิจ : คณสามารถทำให้มันเชื่องได้โดย การโจมตีและ ลดเลือดของพวกมันให้เหลือ 10 เปอร์เซ็น หลังจฃากที่ทำให้ไก้ อ่อเอ้ 20 ตัวเชื่องแล้ว คุณจึงจะสามารถสำเร็จภารกิจนั้ได้ ถ้าไก้ อ่อ เอ้ ถูกฆ่าภารกิจนี้จะล้มเหลว”


“ภารกิจที่สองนั้น ยากกว่าภารกิจแรกอย่างชัดเจน ไก้ อ้อเอ้ ไม่ใช้มอนเสตอร์ที่แข็งแกร่ง แต่เสี่่ยวเฟิงนั้น มีพลังโจมตีที่สูงมาก และจะเป็นการยาก ที่เขาจะควบคุมพลังโจมตีของตัวเองได้”


ไก่ อ้อเอ้ อยู่ที่ทางเหนือของฟาร์ม เป็นชนิดเดียวกับพวกไก่ที่อยู่นอกเมือง เตียนหลง พวกทั้งมันอ้วนและดูน่ารัก ทำให้พวกมันเป็นได้รับความนิยมในหมู่ ผู้เล่นผู้หญิง


มีฝูงไก่อ้อแอ้ อยู่และส่วนใหญ่ของชื่อของพวกมันคือ “ไก่ อ้อแอ้ เชื่อง” พวกเมัน เป็นมอนสเตอร์ที่ไม่ก้าวร้าว แต่จะมีแต่บ้างตัวเท่านั้นที่มีชื่อเป็น “ไก่ อ้อเอ้ จอมซน” พวกมันจะโจมตีผู้เล่นที่เข้ามาใกล้ ไก่พวกนี้คือเป้าหมายชองเสี่่ยวเฟิงในภารกิจนี้


ไก่ อ้อเอ้ ทั้ง 2 ชนินดนี้หน้าตาเหมือนกับ พวกไก้ที่อยู่รอบนอกเมือง เตียนหลง พวกมันเป็นสัตว์ที่อ่อนแอ ด้วย HP ที่มีอยู่เพียง 2200 เท่านั้น เสี่่ยวเฟิง รู้สึกลังแล นี้มันเป็นงานที่ยาก ถ้าเขาพลั่งมือฆ่า เจ้าพวก ไก่ไปซักตัวละก็ เขาคงอาจจะไม่มีโอกาสเรียน สกิลจับสัตว์เลี้ยงอีกต่อไป ซึ้งจะเป็นผลลัพย์ที่ร้ายแรงมาก


เสียงร้อง อ้อแอ้ ของไก่


ไก่ตัวหนังหนึงที่อยู่ใกล้ตัว เสี่่ยวเฟิง เกิดบ้าคลั่งขึ้นมา แล้วบินเขามาจิกเขา


เสี่่ยวเฟิง ไม่ได้สนใจ ดาเมาจ ที่เกิดขึ้นกับแค่ มอนสเตอร์ที่มีเลวลแค่ 10 แต่เขาไม่สามารถทำอะรได้นอกจาก ใช้ คทารักษาของเขา เขาตีไก้ตัวนั้นโดนที่ยังไม่ใช้ Weapon Blessing


เสียงร้อง อ้อแอ้ ของไก่


“-82!”


เสี่่ยวเฟิงได้ยินมันขัน และ HP ของมันก็ลดลงเหลือ 118


โชคยังดีที่ เขาไม่ตีติด คริติคอล เสี่่ยวเฟิงรู้สึกโล่งอกแล้วตีมันเบาๆ อีกครั้ง


“-81!”


โชคดีเท่าไรสำหรับเสี่่ยวเฟิง เพราะเลือดของไก่ นั้นเหลือแค่ 37 เท่านั้น ตามความต้องการของภารกิจนี้ เขาต้องลดเลือดของมันให้เหลือตำกว่า 10 เปอร์เซ็น ซึ่งนั้นก็หมายความว่าเลือดของมันต้องเหลือน้อยกว่า 20 พอยต์ เสี่่ยวเฟิงรู้สึกเครียดหลังจากที่เขาเช็คดู พลังโจมตีของตนเอง


งานนี้มันยากเกินไปแล้ว! เขาไม่สามารถที่จะทำงานนี้ให้สำเร็จได้!


เสียงอ้อเอ้


ไก้ อ้อเอ้ตัวนั้น ที่เหลือ HP อยู่ไม่มากกลับมาตื่นตัวอีกครั้ง มันบินเข้าหาเสี่่ยวเฟิง แล้วทั้งจิกและขวน เขา แต่เสี่่ยวเฟิงไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ นอกจากยืนเฉยๆ ให้ไก่ ทำร้าย ตัวเขาอยู่อย่างนั้น ถ้าเขาสามารถที่จะ ฮีล ไก่ตัวนี้ได้ เขาคงจะทรมารมันโดยการ ฮีลและอัดมันไปเรื่อยๆ


หลังกจากที่เขาใช้ความ คิดอยู่พักหนึง เสี่่ยวเฟิงก็คิดแผนออกมา เขาเอาอุปกรรณ์ทั้งหมดของเขาใส้กลับปใน เป้ สพาย ทำให้ตอนนี้เขาส่วมกางเกงที่ถูกระบบเกมบังคงให้ใส่ อยู่ตัวเดียวเท่านั้น


ตอนนี้เขาเปลื่อยตัวอย่างแท้จริงแล้ว เขาดูเหมือนพวกชอบเปลื่องผ้าเลย เสี่่ยวเฟิงคงไม่กล้าทำแบบนีเถ้ามีผู้เล่นอีกคนอยื่นอยู่กับเขา


“ถึงจะหนาวหน่อย แต่ก็หวังว่ามันจะสำเร็จ”


ลมเย็นพัดโดน ใบหน้าของเขาแล่ว ร่างที่ผอมบางของ เสี่่ยวเฟิง ก็เริ่มสั่น เขาจึงจะต้องจบงานนี้ อย่างรวดเร็ว ใน ครั้งแรกเขา กระเตะไก่ที่อยู่ข้างๆรองเท้า ของเขาอย่างไร้ความปราณี. เขายังไม่ได้โจมตีมันเมื่อเขาเอาอุปกรณ์ทั้งหมดของเขาออก ไก่ตัวนี้ได้ลดลงของเขา HP ไปได้กว่าครึ้งในระยะเวลาไม่นาน


“-12! “


เลข ดาเมจ ที่ไม่สูงมากปรากฏขึ้นบนหัว ของเจ้าไก้ อ้อ เอ้ ตัวนั้น แต่เสี่่ยวเฟิงกลับรู้สุขใจอย่างมาก ตอนนี้เขาไม่ได้ส่วม อุปกร์ณของเขาสักชิ้นหนึงเลย ทำให้พลังโจมตี ของเข้าสูงตามค่า strength พื้นฐาน 27 แต้ เท่านั้น เพียงเท่านี้เขาก็จะสามารถจัดการกับ ไก่ ตัวนี้ได้แล้ว!


“ไอ้ไก่ชั่ว แกเสร็จฉัน!”


เสี่่ยวเฟิงที่ชั่วร้าย เตะไก่ตัวนั้น อย่างไม่ปราณี ด้วยเท้าเปล่าๆ ของเขา


เสียง อ้อแอ้


“-12!”


เลข ดาเมจ ปรากฏขึ้นอีกครั้ง เลือดของเจ้าไก่ ที่เหลือ HP อยู่เพียงไม่มากก่อนหน้า เหลือ HP อยู่ต่ำกว่า 20 แต้มแล้วในตอนนี้ มันเปลี่ยนไปเป็นไก่ เชื่อง และหยุดโจมตี เสี่่ยวเฟิงในทันที ภารกิจขึ้นว่า เขาทำให้ ไก่อ้อเอ้ 1 ตัวเชื่อง ได้สำเร็จ


เสี่่ยวเฟิง ตื้รเต่นเพราะเชื่อว่าตัวเขานั้นได้ค้นพบวิธีการจัดการกับ ไก่ อ้อเอ้ พวกนี้แล้ว เขายิ้มและวิ่งเปลื่องผ้าเข้าไปหาฝูงของมัน เขาเตะพวกมันไปเรื่อยๆ ทำให้พวกไก่กระจายไปคนละทิศละทาง


“แกมันเป็น ไอโรคจิต!”


เสี่่ยวเฟิง สังเกตุได้ว่ามีใครบ้างคนมาที่นี้เพื่อที่จะทำภารกิจ เรียนรู้สกิล จับสัตว์ เขาหันกลับไปแล้วเจอกับ นักธนู หนุ่ม คนหนึง อายุของเขาอยู่ที่ประมาณ 18 หรือ 19 ปี และปกปิดชื่อ ตัวละครของเขา เสี่่ยวเฟิงไม่รู้ว่า สถานะของนักธนูคนนี้ เป็นอย่างไร แต่มั่นใจว่าเขาต้องเป็น ผู้เล่นที่เก่งอย่างแน่นอนเพราะเขาสามารถ เขามาในเมืองหลักได้


แต่ในตอนนี้ นักธนูหนุ่ม ที่กำลังมองเสี่่ยวเฟิงด้วยความ รังเกียจ รีบหันหน้าหลบไปราวกับว่าดวงตาของเขาติดเชื้อไปแล้ว จากนั้นเข้าก็หันหน้าแล้วมุ่งไปยัง เขตตะวันออก เขาไม่ต้องการที่จะอยู่ที่นี้อีกต่อไป


เสี่่ยวเฟิง สมเพศตัวเขาเอง เขาที่ส่วมเพียงกางเกงที่ถูกระบบบังคงแล้วกำลังเตะพวกไก่ อย่างเป็นบ้าเป็นหลัง และยังมี ขนไก่ 2 ชิ้น อยู่บนหัวของเขาอีก เขาอายและหันไปรอบๆ และรู้สึกโล่งอกเมื่อเขาพบว่าไม่มีใครคนอื่น อยู่แถวนี้ แต่เขาก็ยังกังวลและซ่อนชื่อตัวละครของเขา มันน่าอายเกินไปถ้าใครมาเห็นเขาในตอนนี้


แต่ เสี่่ยวเฟิงนึกนึกได้ว่า เขามี ชุดที่พอจะใส่ได้อยู่ เขารีบค้นหาและส่วมใส่มันในทันที เขาสบายใจขึ้นในตอนนี้ที่เขาใส่ชุด เริ่มต้นอยู่ เขากลับไปเตะพวกไก่ อ้อเอ้ อีกครั้ง เป้นครั้งแรกที่เขาพบว่าเป็นการยากที่เขาจะจัดการกับ มอนสเตอร์ เลเวล 10 เพราะเขาใช้เวลานานในการที่จะทำให้ไก้แต่ละตัวเชื่อง


ถว่า เสี่่ยวเฟิงนั้น กลับมามีความสุขอีกครั้งเพราะว่า นักธนู คนก่อนนหน้านี้ได้เข้ามาใน เขตทางเหนืออีกครั้งเพื่อ จะทำภารกิจ ไก่อ้อเอ้ หลังจากที่เขาทำภารกิจที่เขตตะวันออกเสร็จ


เหมือนกับเสี่่ยวเฟิง นักธนูหนุ่ม ก็ไม่กล้าที่จะโจมตี พวกไก่อีก หลังจากที่เขาลองโจมตีดูแล้วเขาก็ถอดชุด อุปกรณ์ของเขาออก อย่างกับว่าเสี่่ยวเฟิงเป็นต้นแบบให้กับเขา


เสี่่ยวเฟิงที่อยากแก้แค้นเพราะเขาไม่สามารถทนต่อการถูกกลั่นแกล้งจากผู้เล่นคนอื่นได้เขาจึง พูดตอกกับนักธนูในทันที


“เฮ้ๆ นายทำอะไรของนาย หน่ะ?”


“เฮ้ย! หยุดเดี้ยวนี้นะ! ทำไมนายถึงแก้ผ้าตอนกลางวันแสกๆแบบนี้ละ? นายมันน่าเวทนานัก ฉันก็ยังยืน อยู่ตรงนี้นะเฟ้ย!”


“หุบปากของแกเดี้ยวนี้! ที่ฉันทำแบบนี้ก็เพื่อภารกิจ!”


ผูู้ที่เล่นนักธนูคนนี้ค่อนข้างจะละอ่อน หลังจากที่ เขาถอดเสื้อ แจ็คเก็ต ของเขาออก หน้าของเขาก็แดง เมื่อเสี่่ยวเฟิงแกล้งเขาต่อ


“นายกำลังหมายถึงอะไรของนาย? นายแก้ผ่า ในตอนกลางพระอาทิตย์อยู่บนหัวแบบนี้ มันช่างน่าอาย”


“นายมัน ใจทราม และ ไร้ยางอายอีก“


“นี้ฉันกำลังถูกแกคุกคามในที่สาธารณะอยู่ ฉันจะแจ้งเรื่องนี้ให้กับระบบลงโทษ แล้วแกก็จะต้องโดนฟ้าผ่าจนตาย”


เสี่่ยวเฟิงไม่กลัวที่จะแกล้ง นักธนูคนนี้นอย่างไม่ปราณี เพราะว่าตัวเขาเองส่วมใส่เสื้อผ้าอยู่


“พอแล้วเว้ย! หุปปากของแกสักที!”


ท่อนบนที่ผอมบางของ นักธนูหนุ่ม ที่เปลื่อยปล่าวสั่นเทา ด้วยความโกรธหลังจากที่ได้ยืนคำพูดของเสี่่ยวเฟิง


“โอเค! ฉันจะหุปปากก็ได้! ก็ฉันทำภารกิจเสร็จไปแล้วนิ”


เสี่่ยวเฟิงออกห่างจากฝูงไก และไปยืนอยู่อีกด้านหนึง เหมือนกับว่าเขาเชื่อคำพูดของ นักธนูที่บอกให้เขาหุบปาก


แต่สิ่งที่เขาทำต่อจากนั้นทำให้นักธนูโกรธยิ่งกว่าเดืม เสี่่ยวเฟิงที่ถึงจะหุบปากและยื่นอยู่อีกด้านแต่เขาก็เปิดกล้องของระบบขึ้นมาและเริ่มถ่ายรูปของ นักธนู อย่างจริงจัง


“อย่ายื่นไม่ทำอะไรอยู่ตรงนั้นสิเว้ย! ฉันให้ตำแหน่งของภารกิจกับนายไปแล้วนี้หน่า เร็วๆเขาแล้วรีบถอด… ไม่สิ รีบทำภารกิจของนายให้เสร็จ”


“เห้ย! ไอบ้านี้! ฉันจะฆ่าแก”


ใบหน้าของนักธนูหนุ่มมิดหม่นขึ้นทันที เขาส่วมชุดของเขาในพลิบตาและหยิบธนูยาวขึ้นมาพร้อมที่จะสู้กับเสี่่ยวเฟิง


“ช่วยด้วย! มีนักผจญภัยจะทำการ ฆ่าผู้เล่นในเมือง! ทหารยาม! มหารยามอยู่ที่ไหน! รีบๆ มาจับมันไปที”


เสี่่ยวเฟิง ไม่ได้เคลื่อนไหว แต่ยืนนิ่งๆ แล้วตะโกนหาทหาร


“หุบปาก!”


นัก ธนูหนุ่มที่ กือบจะยิงธนูเข้าใส่เสี่่ยวเฟิง นั้นตัวแข็งขึ้นมาในทันที เสี่่ยวเฟิงพูดถูก นี้มันเป็นพื้นที่ปลอดภัย ในเมืองนี้ ถ้าเขาเริ่มการ ฆ่าผู้เล่น สิ่งที่ตามมาจะแย่สุดๆ อย่างแน่นอน


แต่เมื่อมองไปยังเสี่่ยวเฟิงที่แกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง นักธนูหนุ่มก็ถูกเติมเต็มไปด้วยความโกรธแค้น เขาหายใจเข้าไปเหือกใหญ่เหมือนกับ วัวแกตัวหนึง ทั้งร่างของเขาก็สั่นเท่าด้วยความโกรธ แตาหลังจากนั้นไม่นานเขาก็หันหลังแล้วเดินออกไป โดยที่ไม่ทำภารกิจให้สำเร็จ


“นายมันยังอ่อนไป กล้าดียังไงมายุ่งกับฉัน!”


เสี่่ยวเฟิงเย้ยอย่างเหยียดหย่าม แล้ว ปรบมือของเขาทั้ง 2 ข้าง เขาเกือบจะเดินางไปส่งภารกิจแล้ว แต่มื่อเขาได้ยินเสียง ผู้หญิงที่ไร้ความรัก มาจากด้านหลังเขาก็หยุดชะงัก


“ไอกร๊วก! แกดูมีความสุขดีนิ!”


เสี่่ยวเฟิงตกใจกับเสียงที่นั้น เขาไม่นึกว่าตัวว่าจะมี ผู้เล่นคนที่สาม อยู่ใกล้ๆ เขาส่วมใส่อุปกณ์ของเขา และหันไปข้างหลังในพลิบตา ดูเหมือนว่าเขากำลังตื่นตัว


จากนั้นเขาก็เห็น ร่างของ ไนท์คูเออร์ ค่อยปรากฏขึ้นบนอากาศ


“หายตัวได้?”


เสี่่ยวเฟิง ขมวดคิ้ว ไนท์คูเออร์ นั้นเก่งกาจไม่น่าแปลกใจ ถ้าเธอได้เปลี่ยนอาชีพมาแล้ว แต่ทำไมเธอถึงยังไม่โจมตีเขาละ?


เป็นครั้งแรกที่ เสี่่ยวเฟิง เห็น สกิลหายตัว ในเกมออนไลน์ สกิลหายตัวนั้นมีประโชน์มาก ขนาดตัวเขาเองยัง ไม่รู้สึกตัวเลยว่าโดน สกดรอยตาม ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็ยังไม่ได้ส่วมชุดของเขาจนถึงตอนนี้ เขาคงจะถูกฆ่าไปแล้ว ถ้า เธอเริ่มโจมตีใส่เขาก่อนหน้านี้


แต่เสี่่ยวเฟิงเข้าใจเหตุผลของเธอที่ไม่โจมตีในทันทีเมื่อเขานึกได้ว่า ไม่มีผู้เล่นคนใดกล้าที่จะ มีปัญหา กับ เหล่าทหารยามที่เมืองหลักในตอนนี้


ไนท์คูเออร์ กับ โรส เป็นญาติกัน ทำให้ เสี่่ยวเฟิงก็ไม่อยากที่จะคุยกับเธอ เขาเก็บอาวุธของเขาแล้ว เดินไปส่งภารกิจ


“เดี้ยวสิ…”


ไนท์คูเออร์ อยากจะพูดอะไรบ้างอย่าง แต่ก็ยอมแพ้และเดินจากไป หลังจากที่เธอครุ่นคิดอยู่พักหนึง เธอส่งเสียงด้วยความไม่พอใจ และเดินทางไปยังเขต ตะวันเพื่อทำภารกิจ เก็บ ขนแพะ


เหมือนกับว่า ไนท์คูเออร์ ตั้งใจจะหลบหน้าเขา และเสี่่ยวเฟิงเองก็ไม่อยากจะเจอหน้าเธอเมื่อเขาเริ่มทำภารกิจต่อไป


หลังจากที่ เขาทำให้ ไก่ อ้อเอ้ เชื่องได้ครบสำเร็จ เขาก็ได้รับชุดภารกิจที่น่าหนักใจมาอีกหลายชุด แต่ในที่สุดเขาก็ทำมันสำเร็จทั้งหมดและ ได้เรียนรู้ สกิล จับสัตว์เลี้ยง


“คุณได้เรียนรู้สกิลทักษะชีวิต – จับสัตว์เลี้ยง!”


ตอนที่ 56 ป่า หมู๋กว๋าง ที่แปดเปื้อน


“นักผจญภัย ข้าเชื่อว่าเจ้าจะเติบโตเป็น ผู้ผสมพันสัตว์ ที่เพรียบพร้อมไปด้วยความสามารถ ฉันจะให้สัตว์เลี้ยงตัวนี้เป็นรางวัลให้กับคุณด้วย”


หลังจากที่เสี่ยวเฟิง ทำชุดภารกิจเสร็จ เขาได้รับ ไข่สัตว์เลี้ยงแค่เพียง หนึงอัน จากผู้ดูแลฟาร์มเพิ่มเติมจาก สกิล จับสัตว์เลี้ยง


ใบหน้าของเขามือหม่นทันทีที่เขาเห็นชื่อของไข่ ในกระเป๋าของเขา


ไข่สัตว์เลี้ยง (ไก่ อ้อเอ้)


มันคือไก่บ้านั้น! เสี่ยวเฟิงเกือบจะโยนมันทิ้ง


“สัตว์เลี้ยงที่ยอดเยี่ยมสามารถเพิ่มพลังการโจมตีให้กับเจ้านายมันได้อย่างมหาศาล แต่การได้มันมานั้นก็ยากเช่นกัน ยิ่งสัตว์ประหลาดแข็งแกร่งขนาดไหน มันก็จะจับยากขึ้นเท่านั้น เมื่อมันใกล้ตายแล้วเท่านั้นจึงจะมีโอกาสเล็กน่อยที่มันจะกลายเป็น ไข่สัตว์เลี้ยง หลังจากที่คุณจับมันได้สำเร็จ”


“โอกาสที่จะสำเร็จนั้นขึ้นอยู่กับ ความชำนาญของ สกิล จับสัตว์ เอง ด้วย ยิ่งสัตว์ประหลาดอ่อนแอขนาดไหน มันก็จะถูก จับง่ายขึ้นขนาดนั้น นอกจากนั้น เจ้ายังจะสามารถจับไข่ที่ยังไม่ฝักตัว อย่างเข่น ไข่ของ สัตว์เลี้ยงได้ด้วย ยิ่งกว่านั้น พวกสัตว์ประหลาดที่มีรูปรางคล้านสัตว์ป่า จะสามารถ ดรอป ไข่สัตว์เลี้ยงของมันได้เมื่อมันถูกฆ่า และถ้าเจ้าโชคดีพอ เจ้าจะสามารถพบ ไข่ที่ยังไม่ฝักตัวใน รังของมอนเสตอร์


หลังจากที่ เสี่ยวเฟิง เดินทางออกไปจากฟาร์ม เขาก็ได้ตรวจดูเวลา แล้วพบว่า เขาได้ทำงานเสร็จไปแล้วหลายอย่างและนี้ก็เกือบจะบ่ายแล้ว เขาจึง สุ่มหาพื่นที่ว่างๆ และ กดออกจากเกม


เขาลง ฆโษณาออนไลน์ เพื่อหาพยาบาลไว้ แต่ก็ยังไม่มีใครตอบกลับมา เขาจึงแต่งตัวและออกไปช็อปปิ้งด์ หลังจากที่เขากลับมาถึงบ้าน เขาก็ใส้ผ้ากันเปื้อนและเดินเข้าไปในห้องครัว


“เสี่ยวหลิง ทำไมเธอถึงไม่ไปโรงเรียนละ?”


เสี่ยวเฟิง ทำเสียงรบกวน ทำให้ เสี่ยวหลิง ตื่นขึ้นมา เธอใส่ชุดนอนอยู่และเดินออกมาจากห้องของเธอพร้อมกับ ขยี้ดวงตาสลึมสลือที่กลมโตของเธอทั้งสองข้าง


“ก็วันนี้มันวันสุดสัปดาห์! ไอพี่หน้าโง่ พี่นี้น่ารำคาญจริงๆเลย!”


เสี่ยวหลิง เดินเข้าไปในห้องน้ำด้วยความโกรธ เสี่ยวเฟิง พูดไม่ออก ช่วงนี้เขามัวแต่เล่นเกมจนลืมไปวันเวลาไปแล้ว


เสี่ยวเฟิง วางอาหารลงบนโต๊ะกินข้าว และถามเธอว่าอยากจะออกไปเที่ยวเล่นในวันหยุดไหม แต่

เสี่ยวหลิง ตอบว่า เธออยู่บ้านดีกว่า เสี่ยวเฟิงจึงไม่สามารถทำอะไรให้เธอได้


ในขณะเดียวกัน เสี่ยวเฟิง ก็รู้สึกผิดขึ้นมาเล็กน้อยที่ อาการ ออทิสตริก ของ เสี่ยวหลิง แย่ลงเรื่อยๆ ตั้งแต่ เซียควางเหวย ตายไป ถึงขนาดแม่เลี้ยงของเธอก็เป็นคนแปลกหน้า ไปแล้วในสายตาของเสี่ยวหลิง ถึงเธอจะไม่สร้างปัญหาให้กับ เสี่ยวหลิง แต่เธอก็ไม่เลี้ยงดู เสี่ยวหลิง ด้วยเช่นกัน


เสี่ยวเฟิงไม่ได้ฆ่า เซียควางเหวย แต่เขาเลือกที่จบชีวิตของตัวเองเนื่องจากตัวเสี่ยวเฟิง เสี่ยวเฟิงนั้นเคยถูก ทรมาน ใน สถานที่เรียกว่า “เฮฟเวน” เมื่อเขากลับออกมาเขาเกือบจะเสียความเป็นมนุษย์ของเขาไปทั้งหมด แต่เขาถูกปลุกคืนกลับมาด้วย น้ำตาอันรักใคร่ ของ เซียควางเหวย


เซียควางเหวย ที่เป็นผู้ขายผมสีเทาวัยกลางคน ข้อร้องอ้อนวอนอย่าให้ เสี่ยวเฟิง ทำร้ายลูกสาวเพียงคนเดียวของเขา เพราะเธอคือทายาทของเขาที่เหลืออยู่เพียงคนเดียว หลังจากนั้นเขาก็กระโดดฆ่าตัวตายลงจากชั้นบนสุดของ ตึก กลุ่ม มิดซัมเมอร์ อย่างไม่ลังเล


“ปัง ปัง ปัง!”


พวกเขาทั้งสอง กำลังจะรับประทานอาหารเที้ยงกันด้วยกับ เมื่อเขาได้บิเสียง ประตูของอพาร์ทเม้นของพวกเขาโดนทุบ คนที่อยู่ด้านนอก คงไม่ได้เคาะเพราะกำลังอยู่ในอารมณ์ที่ดี


“ใคร?”


เสี่ยวเฟิง อารมณ์เสียเล็กน้อยก่อนที่จะเดินไปเปิดประตู ทั้งเขาและเสี่ยวหลิงไม่ชอบที่จะถูกรบกวน


“เธอ! ทำไมเธอถึงมาที่นี้?”


แต่เสี่ยวเฟิงไม่คิดว่าคนที่อยู่ด้านนอกประตูคือ ไนท์คูเออร์ หรือชื่อจริงของเธอคือ ซือ เย่จิ๋ง เธอ ดูเป็นสาวสวยแล้วเธอก็ยังแต่งตัวตามแฟชั่น


มันเป็น ฤดูร้อนที่ร้อนสมชื่อ ซือ เย่จิ๋ง ส่วมเสื้อยืดห่านสีเหลืองกับกางเกงยีนขาสั้น เธอเป็นคนตัวสูงและหุ่นดี ขาที่เรียวยาวทั้งสองข้างของเธอ ยาวเกือบจะเท่าครึ่งหนึงของความสูงของเธอ ขาของเธอทั้งขาวและดูบอบบาง ทำให้เสี่ยวเฟิงรู้สึก เคลิ้มขึ้นมาในทันที่


“แน่นอนอยู่แล้วว่าฉันต้องมาหานาย มันเกิดอะไรขึ้นระหว่างนายกับลูกพี่ลูกน้องฉัน !? ฉันถามเธอไปแต่เธอก็ปฏิเสธที่จะพูดความจริง บอกความจริงกับฉันเพือฉันจะได้ช่วยแก้ไขปัญหาของนายได้….กลิ่นนี้หอมจัง!”


ทันใดนั้น ซือ เย่จิ๋ง ก็หยุดพูดกับ เสี่ยวเฟิง จมูกสวยๆ ของเธอขยับแล้วเธอก็เดินบนนิ้วเท้าเข้าไปในห้อง เธอส่วมร้องเท้ามีส้นโปร่งแสง ซึ้งก็ทั้งดูดีและสวย เธอเห็นโต๊ะกินข้าวอยู่ข้างหลังเสี่ยวเฟิงแล้วกลื้นน้ำลายตัวเอง


“วันนี้พวกเธอกิน ซี่โครงเปรี้ยวหวาน กันหรอ!”


“ใช้” เสี่ยวเฟิงที่ยังยืนขว้างทางเดิน ไม่มีทีท่าว่าจะชวนเธอมาร่วมโต๊ะด้วย


“บังเอิญจัง! ฉันก็ยังไม่ได้ทานข้าวเที่ยงเลย” ซือ เย่จิ๋ง กลื้นน้ำลายอีกครั้ง


“หืม?” เสี่ยวเฟิงก็ยังยืนอยู่เฉยโดยไม่พูดอะไร


“เฮ้ นายนี้มันน่าเบื่อสะจริง! นายรู้ไหมว่ามีผู้ชายกี่คนในเมือง เซี่ยงไฮ้ ที่อยากพาฉันไปกิน ดินเนอร์?”


ซือ เย่จิ๋ง กัดฟันด้วยความโกรธแล้วกรอกตาใส่ เสี่ยวเฟิง


“เราไม่ได้ทำเพื่อเธอไว้นิ”


เสี่ยวเฟิง ตอบอย่างง่ายๆ แต่มันเป็นความจริง เขาไม่ได้คิดว่าจะมีผู้ร่วมโต๊ะอีกคนมาในมื้อเที่ยงนี้ด้วย ดังนั้น อาหารที่อยู่บนโต๊ะจึงพอสำหรับเขา และเสี่ยวหลิง


“นายเป็นผู้ชาย นายก็ช่วยกินให้น้อยๆ แล้วแบ่งหาให้ฉันบ้างไม่ได้หรอ? ฉันกินไม่เยอะหรอก!”


ซือ เย่จิ๋ง ก็ยังคงกรอกตาไปมา แต่เสี่ยวเฟิงไม่สนใจเธอ แม้เธอจะดูสูง ผอมและหุ่นดี แต่เธอเองเคยเรียน ศิลปะการต่อสู้ ฉนั้นเธอจึงต้องกินเยอะเป็นธรรมดา


“ออกไปจากตรงนั้น สักที! ไม่อย่างงั้นฉันจะร้องบอกว่านายจะล่วงละเมิดฉัน ให้เพื่อนบ้านออกมาดู”


ซือ เย่จิ๋ง กอด อกส่งผลให้ หน้าอก ที่ดูไม่เด่นของเธอดูโตขึ้นมานิดหน่อย แล้วพูดขึ้นอย่างไร้ยางอาย


ใบหน้าของเสี่ยวเฟิงคล้ำขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อเขานึกขึ้นได้ว่า ซือ เย่จิ๋ง เคยทำสิ่งเดียวกันตรงหน้าทางเข้า มหาวิทยาลัย เซีย มาก่อน เธอเป็นหญิงสาวที่มี พลังเสน่ห์ อย่างมาก


เสี่ยวเฟิงทำอะไรไม่ได้นอกจากเปิดประตู อพาร์ทเม้น ซือ เย่จิ๋ง เดินผ่าน เสี่ยวเฟิง ด้วยรอยยิ้มอันอวดดี เสี่ยวเฟิงได้กลิ่นหอมอ่อนๆลอยมาจากตัวของเธอ


“น้อง เสี่ยวหลิง พี่ขอลองจับเส้นผมที่สลวย ของหนู ได้ไหมคะ”


ซือ เย่จิ๋ง รู้สึกเป็นอิสระและเดินเข้าไปในห้องครัว เธอหยิบจาน ช้อและส้อม แล้วไปเข้าไปนั้งข้างๆ เสี่ยวหลิง เธอมอง ผมสีทองของ เสี่ยวหลิง แล้วยิ้มเพราะเธอ อยากลองจับมันดู


“ทำไมเธอถึงกลับมาที่นี้อีก? เอามืออันโสโครกของเธอไปไกลๆตัวหนู! หนูไม่ยังอยากจะติดเชื้อจากเธอนะ!”


เสี่ยวหลิง ให้คำปฏิเสธที่อย่างตรงๆ แล้วเลื่อนเก้าอี้ของเธออออกห่างจาก ซือ เย่จิ๋ง


แต่ ซือ เย่จิ๋ง ไม่ใส่ใจ เป้าหมายของเธอคือ อาหารเที่ยง ฉนั้นเธอจึงเริ่มกินอย่างมูมมาม


“อ่อ! แล้วแกไอ้ กร๊วก! แกทำอะไรกับลูกพี่ลูกน้องฉัน นายคุกคามทางเพศกับเธอหรอ? ทำไมเธอถึง… ว้าวอันนี้อร่อยจัง!!”


เป็นที่ชัดเจนว่า ซือ เย่จิ๋ง ยังไม่ลืมจุดมุ่งหมายของเธอ เธอกินกร้อมกับถามเขาด้วยเสียงอาหารเต็มปากของเธอ


แต่ เสี่ยวหลิงที่เพิ่งจะเริ่มกินข้าว เงยหัวขึ้นมาพร้อมมองไปบัง เสี่ยวเฟิงอย่างตั้งใจและวาดระแวง


“ไม่ใช่เรื่องกับเธอ เธอรีบๆกินแล้วออกไปจากบ้านฉันสักที”


เสี่ยวเฟิง ไม่ตอบคำถาม และไล่ ซือ เย่จิ๋ง ออกจากบ้านทันทีที่เธอกินข้าวของเขาเสร็จ


“เฮ้ย ไอ กร๊วก! แกจะมาทำหยาบๆแบบนี้กับผู้หญิงๆสวยๆแบบฉันไม่ได้! แกไม่มีทางที่จะหาแฟนได้นะ! แกทำได้แค่อยู่กันสองคนกับ น้องสาวของแก แล้วก็ทำตัวเป็นไอโรคจิต!”


ซือ เย่จิ๋ง ทุบประตู แต่ก็ไม่มีการตอบกลับ เธอจึงเดินกลับไปหลังจากที่เธอทีบประตู ด้วยความโกรธ


เสี่ยวเฟิง กลับมา ออนไลน์ อีกครั้งหลักจากอธิบายกับ เสี่ยวหลิง ไปอย่างคร่าวๆ ที่เขารีบไล่ ซือ เย่จิ๋ง ออกจากบ้าน ก็เพราะว่า เขากลัวว่าเธอจะหลุดปากออกมาก คงจะเป็นปัญหาแน่ๆ ทางเธอพูดถึงชื่อ มิดซัมเมอร์ ขึ้นต่อหน้า เสี่ยวหลิง


5 ชั่วโมง ได้ผ่านไปแล้ว เสี่ยวเฟิงก็เดินทางไปยัง สาขาย่อยของเมือง เตียนหลง มีผู้เล่นบางคนอยู่ในเมือง เตียนหลง แต่ทุกคนที่นั้น ดูเร่งรีบและวิ่งไปทั่วเมือง ไม่มีใครที่เดินเตร็ดเตร่ อยู่กับที่ พวกเขาต้องการที่จะทำภารกิจหลายอย่างใสำเร็จ ก่อนที่ผู้เล่นส่วนใหญ่จะเปลี่ยนอาชีพสำเร็จ


“แด็ด คุณมาได้ตรงเวลาพอดี! พลังของฉันกลับคืนมาแล้ว ช่วยนำฉันไปสู่ดินแดนโสมม ที่ the บิกลิช ปรากฏขึ้นด้วย ฉันจะชำระบาปของมันในนามแห่ง แสงเอง ”


ทันที ที่ เสี่ยวเฟิง เข้ามาใน ห้องโถงของสาขาย่อย เขาก็พบกับ กัปตันโบลตัน ที่เดินเข้าหาเขา เกราะสีเงินของเขา เปร่งประกายและตัวเขาก็เต็มไปด้วยพลัง


“กัปตัน คุณอยู่คนเดียวหรอ?” เสี่ยวเฟิง สังเหตุเห็นว่า ไม่มีอัศวินคนใดเดินอารักษ์ กัปตันโบลตัน เขาจึงถามด้วยความสงสัย


“กัปตันโบลตัน คือ อัศวินแห่งแสง ที่แกร่งที่สุดใน สาขาย่อยของเมือง เตียนหลง พลังของท่านนั้นเข้าขั้น ระดับตำนาน การชำระล้าง บิกลิช เป็นอะไรที่ง่ายๆ สำหรับเขา” The high priest เดินเข้ามาแล้วตอบคำถาม ด้วยร้อยยิ้ม


เสี่ยวเฟิง ประหลาดใจเล็กน้อย เขาไม่คิดว่า กัปตันโบลตัน คือ บอสระดับตำนาน นี้มันเจ๋งมาก!


“ไปกันเถอะ!”


เสี่ยวเฟิง พยักหน้าอย่างไร้แรงกดดัน ด้วยความช่วยเหลือของ กัปตันโบลตัน เขาสามารถที่จะ กำจัด พวก กองทัพแห่งความมืด ใน ป่า ป่า หมู๋กว๋าง ได้อย่างง่ายดาย


ถึงมันจะไม่ได้รับอนุญาติให้ขี่ในเมือง แต่ กัปตันโบลตัน ก็เรียกม้า ยูนิคอร์น สีขาวมีปีก ออกมาหลังจากที่เขาออก มาจาก สาขาย่อย เขาไม่สนใจพวกทหารในเมือง ที่เดินผ่านไป มา และ พวก NPC ทหารยามก็มอง กัปตันโบลตัน อย่างเคารพ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่กล้าที่จะหยุด กัปตันโบลตัน


เสี่ยวเฟิงรู้สึกกล้าจึง เรียก ม้าดำ ของเขาออกมาก พวก NPC ทหารยาม ที่เดินลาดตระเวนอยู่ก็ไม่กล้าจะห้ามเขาเช่นกัน เพราะว่าเขากำลังเดินนำหน้า กัปตันโบลตัน


ม้าดำของ เสี่ยวเฟิง นั้นดู กระจอกไปเลย เมื่อเทียบกับ ม้า ยูนิคอร์น ศักดิ์สิทธิ์


ดวงตาของเสี่ยวเฟิง เบิ่งโตขึ้น เขามาถึง ป่า ป่า หมู๋กว๋าง อีกครั้ง ถึงสัญลักษณ์ในแผนที่ของระบบจะบอกว่าเขามาถูกที่ แต่ เสี่ยวเฟิง ก็ยังคิดว่าเขาเดินทางมาผิดที่


“คุณ ได้ ค้นพบ ป่า ป่า หมู๋กว๋าง ที่แปดเปื้อน”


ป้า ป่า หมู๋กว๋าง ที่อยู่ตรงหน้าพวกเขานั้นไม่สว่างโปร่ง เหมือนที่เคยเป็นมา มันถูกห่อหุ่ม ไปด้วย ความรสนิยม อันเน่าเปื่อย!


ป่าทั้งป่า ทั้งมืดและหนาว ต้้นไม้ทั้งหลายเหี้ยวกลายเป็นสีดำมืด กิ้งไม้ที่ไร้ใบ นั้นดูน่ากลัว นอกจากนั้นยังมีแถวใบหน้าของมนูษย์ ฝังอยู่ในลำต้นอีกด้วย


ป่า ป่า หมู๋กว๋าง ที่เคยดูสงบและศักดฺสิทธิ์ ในตอนนี้ดูน่าขนลุก ก็อบลิน ป่า หมู๋กว๋าง ตัวหนึง ปรากฏขึ้นตรงหน้าพวกเขา มันก็ได้เปลี่ยนตัวเองไปแล้วเช่นกัน


ก็อบลิน แห่งความมืด


เลเวล: 12


เกรด: ปกติ


จำนวน HP: 260


INT: 45


พลังป้องกัน: 20


สกิล: บีบแสง


คำฮธิบาย: องครักษ์ แห่ง ป่า ป่า หมู๋กว๋าง พวกมันช่วยไล่ สัตว์ประหลาดตัวอื่นออกไปจาก ป่า ป่า หมู๋กว๋าง พวกมันจะโหดเหี้ยมขึ้น และกลายเป็นศัตรู หลังจากที่ป่า ป่า หมู๋กว๋าง แปดเปื้อน ไปแล้ว


คุณสมบัติ : มันมีค่า INT ที่สูง ระวังอย่าทำให้มันตื่นตัวกันหลายตัว ไม่อย่างงั้นคุณจะตกอยู่ในอันตราย


มันดูเหมือน ซอมบี้ ของ ก็อบลิน ป่า หมู๋กว๋าง ในขณะที่ ก็อบบลิน ป่า หมู๋กว๋าง นั้นดูน่ารัก ก็อบลินแห่งความมืดนั้นดู น่ากลัว ปีกของมันโดนทำลาย แต่ค่าสถานะของมันกลับสูงขึ้น


“ดูเหมือนว่าป่า ป่า หมู๋กว๋าง จะติดเชื้อเข้า ไปแล้ว แต่โชคยังดีที่ยังไม่สายเกินไปที่เราจะแก้ปัญหานี้ ไปกันเถอะ แด็ด พวกเราต้องรีบหาตัว บิกลิช แล้วฆ่ามันเพื่อความแปดเปื้อนนี้นี้”


กัปตันโบลตัน ขมวดคิ้วและเร่งเสี่ยวเฟิง เสี่ยวเฟิงนำหน้า กัปตันโบลตัน ไปยัง ทะเลสาปตรงกลางของป่า ป่า หมู๋กว๋าง อย่างไม่ล่าช้า


“แสงพิพากษา!”


ก๊อบลินแห่งความมืด กลุ่มใหญ่ วิ่งเข้าหาพวกเขา กัปตันโบลตัน ใช้สกิลที่ดูเหมือนกับ วงแหวนแสง ฆ่าพวกมันทั้งหมดก่อนที่ เสี่ยงเฟิงจะตั้งตัวได้ทัน


“กัปตันโบลตัน มาตั้งทีมกัน!”


เสี่ยวเฟิง ชักจะหวั่นใจเพราะเขาไม่อยากที่จะให้ ค่าประสบการณ์จากก็อบบลิน พวกนี้ หมดไปอย่างปล่าวประโยชน์ เขาจึงได้ความคิด และส่ง คำเชิญชวน ให้กับ กัปตันโบลตัน แต่เขาก็ไม่ได้หวังว่าเขาจะทำได้สำเร็จ


“เอาละ ในตอนนี้ ป่า ป่า หมู๋กว๋าง เต็มไปดูเสียง กรีดร้อง อยู่ใกล้ๆ กับฉันไว้ แล้ว ฉันจะปกป้องนายเอง”


เสี่ยวเฟิง ได้ยินเสียงของระบบบอกว่า พวกเขาได้ร่วมทีมกันสำเร็จ เขามองไปยังหน้าต่าง ของทีม และเปิด ข้อมุลของค่าสถานะของ กัปตันโบลตัน ขึ้นมา หลังจากที่เขาตรวจดูแล้ว เสี่ยวเฟิงก็อ้าปากค้าง


ตอนที่ 57 กองทัพแห่งความมืด


อัศวินแห่งแสง – โบสตัน


เลเวล: 30


เกรด : นางฟ้า


อาชีพ:อัศวินแห่งแสง


ธาตุ: ศักดิ์สิทธิ์


HP: ???/???


MP: ???/???


สกิล: ???


เสี่่ยวเฟิง ไม่สามารถเอาข้อมูลของเขาออกมาได้ นอกจาก ข้อมูลปกติของเขา อย่างเช่น เกรดและอาชีพ แต่เสี่่ยวเฟิง มั่นใจว่า กัปตันโบลตัน นั้นเป็น NPC ที่สำคัญและแข็งแกร่ง


เขาเป็น บอสแผ่านางฟ้า ที่เลเวลต่ำกว่า มิท แค่เลเวลเดียวเท่านั้น เขาสามารถช่วย ผู้เล่นได้อย่างแน่นอน


เสียง กดเมาส์


พวกเขาเดินลึกเข้าไปในป่า หมู๋กว๋าง ตามทางมี นักรบกระดูก คลานออกมากจากหลุมตามพื้นดิน ในขณะเดียวกัน พวก นักรบกระดูกก็ยังดู แข็งแกร่งกว่าตอนที่เสี่่ยวเฟิงเข้ามาที่นี้ในตอนแรก มอนสเตอร์ ที่กระจอกที่สุดในนั้นก็ยังเป็น มอนสเตอร์ที่มี เลเวลสูงถึง 25 และ มีมอนสเตอร์ระดับสูงโพล่ออกมาเอีกป็นช่วงๆ เสี่่ยวเฟิงไม่สามารถใช้การสอดแนมชั้นสูง เพื่อจะตรวจ ดูค่าสถานะของพวกมันได้ นั้นก็หมายความว่าเลเวลของพวกมันนั้นมากกว่า 30!


แต่ นักรบกระดูกจำนวนมากเป็นเพียงแค่ เสื้อกระดาษ สำหรับ กัปตันโบลตัน ไม่ว่าเขาจะเดินไปทางไหนก็จะมีศพของพวกมันกองอยู่แทบเท้าของเขาตลอด


เสี่่ยวเฟิง วิ่งไป มา ตามหลัง กัปตันโบลตัน กับ หลอด EXP ของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้เขารู้สึกพอใจและมีความสุข แต่ เพราะ พวก ทหารกระดูกที่ถูก กัปตันโบลตัน นั้นจะไม่มี ไอเทมตก ทำให้เสี่่ยวเฟิงกลับมารู้สึกผิดหวัง


“หยุดก่อน! ฉันได้กลิ่นแรงๆ ของพวกมัน”


พวกเขามาถึง ทะเลสาป ตรงกลางโดยไม่โดนใครหยุดกลางทาง แต่ กัปตันโบลตัน หยุดอย่างฉับพลันและ มองไปยัง พื้นที่ที่ควรจะเป็นทะเลสาป


ทะเลสาป ที่เคยใสสว่าง ได้หายเป็น และมีหนองน้ำสีเทาเข้ามาแทนที่


“โอ้ เจ้าคือ หมางานตัวนั้นของ Temple of Ligh ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะมาถึงด้วยในเวลาเพียงแค่นี้”


เสียงแหบๆ ดังขึ้นรอบๆตัวพวกเขาและอากาศชื้นๆ ก็กระจะออก มี หลุ่ม หลุ่มหนึงปรากฏอย่างฉับพลันขึ้นบนพื้นผิว ของ บึงที่เหมือนกับทะเลสาปแห่งนี้ จากนั้น ร่าง ของ บิกลิช ก็ค่อยๆ ลอยออกมาจาก หลุ่มตรงนั้น


“แกมันเป็นแค่ สัตว์ประหลาด ที่เลวทราม แกกล้าดียังไงถึงเข้ามาในเมืองของเหล่ามนุษย์ และ ทำให้ แหล่งกำเนิดแสง ในเมือง เตียนหลง ต้องแปดเปื้อน! วันนี้ ฉันจะปลดปล่อยแกเอง!”


กัปตันโบลตัน ที่ กำ ดาบแสง ไว้ในมือขวาของเขา แล้วหยิบโล่สีเงินออกมา ด้วยมือข้างซ้าย เขาขี้ม้า ยูนิคอร์น ศักดิ์สิทธิ์ ตัวสูงอยู่ และชี้ดาบของเขาไปที่ตัว บิกลิช มันดูราวกับว่า ร่างกายของเขานั้นกำลังเปล่งแสง


“โอ้ เจ้ามันเป็นแค่ หน่วยย่อย ของ Temple of Light แกไม่สามารถที่จะหยุด กองทัพมืดของพวกเราได้!”


บิกลิช โต้ด้วยเสียงแหบๆ ของมัน และเริ่มมองไปทางเสี่่ยวเฟิง ด้วยดวงตาที่เหี่ยวและว่างปล่าวของมัน


“เจ้าเป็นเพียง นักพิธีการแห่งแสง (light ritualist) ตัวน้อย ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะสามารถหนีออก จาก

ราชาโครงกระดูกทอง ไปได้ มันถูกข้าเรียกมา ถึง มันยังได้รับพลังไม่เต็มที่ แต่มันก็ แข็งแกร่งพอๆ กับ หัวหน้า พาลาดิน ของ Temple of Light! นักพิธีการที่เป็นมนุษย์ที่บอบบางอย่างแกไม่น่าจะรอดจาก มัน ไปได้”


เสี่่ยวเฟิงรับรู้ได้ถึง ความเกลียดชังของ บิกลิช ที่เปลี่ยนมาที่เขาในชั่วครู่หนึง แต่ ความเกลียดชัง ก็ย้ายไปหา กัปตันโบลตัน ในทันที


“แต่ตอนที่ข้าไม่รู้สึกถึง ราชาโครงกระดูกทอง แล้ว ข้าก็รู้ในทันทีว่า พวก Temple of Light น่าจะรู้ว่าข้าอยู่ที่นี้ ข้าเลยเตรียมการไว้อย่างดี แต่อย่างได้ห่วงไป ข้าจะฝั่งร่างพวกเจ้าไว้ในที่แห่งนี้เอง นี่คือ การรบครั้งแรกของ กองทัพมืด และนี้ ก็ยังเป็นปฐมบท ของความวิบัติของเมือง เตียนหลง อีกด้วย ฮ่าฮ่า! ”


บิกลิช ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ทำให้เสี่่ยวเฟิงหวั่นใจ เห็นได้ชักว่า บิกลิช นั้นเตรียมตัวมาอย่างดีสำหรับการต่อสู้ครั้งนี้ ทว่า ทาง หน่วยย่อย ของเมือง เตียนหลง ได้ส่ง กัปตันโบลตัน มาเพียงคนเดียวเท่านั้น ดูเหมือนว่าทาง ทัพแห่งแสงสว่าง จะมั่นใจมากเกินไป


“จงตื่นขึ้นมา! ความตายที่หลับไหล! อุทิศวิญาณและเกียรติของพวกเจ้าเพื่อ กองทัพมืด และเพื่อ จักรพรรดิปีศาจ ผู้สูงส่ง!”


บิกลิช ลอยอยู่กลางอากาศและยกฝามือที่แห้งผากของมันขึ้น จากนั้นก็ มี วงแหวนเวทมนต์ ปรากฏขึ้นใต้บึง พื้นโคลนของบึง เคลื่อนไหวคล้ายกับ คลื่น และมี นักรบกระดูกตัวเย็น ค่อยๆ ขึ้นมาจากผิวน้ำ


เสี่่ยวเฟิง สังเกตุพวกมันแล้วพบว่า นักรบกระดูกพวกนี้ นั้นมีสีดำมืด และกระดูดของพวกมัน ก็ดำมืดราวกับว่ามันคือน้ำหมึก เสี่่ยวเฟิงไม่สามารถหาข้อมูลจากใช้ สกิลการสอดแนขั้นสูงได้


นักรบกระดูกแห่งความมืด


???


???


???


นักรบโครงกระดูกแนวหน้า


???


???


???


ผู้นำแห่งกองทัพกระดูกแห่งความมืด


???


???


???


อัศวินโครงกระดูกผู้บังคับบัญชาแห่งความมืด


???


???


???


“ระวังไว้! พวกนี้มันจะค่อยหลบซ่อนและจู่โจมเรา แด็ด ป้องกันตัวเองเอาไว้!”


กัปตันโบลตัน ดูจะสง่าขึ้น เสี่ยวเฟิง ควาดเดาว่า เลเวลของ พวกนักรบกระดูกนั้น มากกว่าระดับ 50 และยังอาจจะมี บอสระดับเงินและทอง รวมอยู่ด้วย ไม่อย่างงั้น กัปตันโบลตัน ที่เป็นถึง บอสระดับนางฟ้า คงไม่ตื่นตัวขนาดนี้ อุปกรณ์ส่วมใส สามารถแยกได้เป็นสามประเภท ตามระดับคุณภาพ คือ อุปกรณ์ส่วมใส ระดับ ทอง อิมมอทอล และ อาร์ติแฟค พวกบอสก็เช่นเดียวกัน บอสระดับนางฟ้า เก่งกว่า บอสระดับทอง ในขณะที่ บอส มิท นั้นแข็งแกร่งที่สุดในบันดาบอกสทั้งหมดและเป็นศัตรูที่ชั่วร้าย


กัปตันโบลตัน ไม่จำเป็นที่จะต้องบอกเรื่องนี้กับเสี่่ยวเฟิง เพราะเขารู้อยู่แล้วว่าสิ่งที่สำคัญที่สุด การเอาตัวรอด ด้วยความที่เขา เป็น ผู้เล่น เสี่่ยวเฟิง นั้นไม่กลัวที่จะตาย แต่ถ้าเขาตายไป EXP ของเขาจะลดลง 20 เปอร์เซ็น และนั้นจะเป็นความสูญปล่าวที่ยิ่งใหญ่สำหรับเขา


“เหล่า นักรบซากศพ ผู้กล้าหาญ จงฉีกศัตรูที่อยู่ตรงหน้าของพวกเจ้าให้แหลกเป็นชิ้นๆ!”


สงครามครั้งใหญ่เริ่มขึ้น บิกลิช ออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงที่แหบ แล้วกลุ่มของ บอสกระดูก ก็วิ่งเข้าไปหา กัปตันโบลตัน อย่างบ้าคลั่ง บิกลิช ยังเริ่มใช้ มนต์ดำอีกดด้วย


ถว่า กัปตันโบลตัน นั้นไม่มีความกลัวสักนิด เขาประจันหน้ากับ พวกบอสโครงกระดูก และสั่งให้ ยูนิคอร์น แห่งแสง พุ่งเข้าใส่ นักรบโครงกระดูก


“ฮึมมม!”


สงครามประทุขึ้นในทันควัน กัปตันโบลตัน เป็นพาลาดินที่เก่งที่สุด ใน สาขาย่อยของเมือง เตียนหลง อย่างแน่นอน เพราะเขาสามารถรับมือกับ บอสที่เลวเลเท่ากับ เขา ได้กว่า 10 ตัว เขาคลุ่มตัวเองด้วย แสงศักดิ์จนดูเหมือนกับว่าเขาคือ เทพเจ้าแห่งแสง


พลังโจมตีจากการประทันกันของพวกเขานั้นน่ากลัวมาก เสี่ยวเฟิงที่มองเห็น เลขดาเมจเป็นหมื่นๆหรือแสนๆ ไม่กล้าที่จะเข้าไปใกล้ๆ เพราะว่า เขาอาจจะ โดน seckilled ได้ในทันที ถ้าเขาอยู่ในระยะ สกิล ของใครสักคน


อย่างไรก็ตามเสี่ยวเฟิง ก็ไม่เบื่อ ด้วยการปรากฏตัวของ กลุ่ม บอสโครงกระดูก ทำให้ พวกนักรบกระดูกจำนวนมากเกิดขึ้นรอบๆตัวเขาด้วย พวกมันเป็น มอนเสอร์ที่เก่งและอยู่ใน ระดับสูง และให้ค่า EXP ที่สูงอีกด้วย เขาฆ่าพวกมันด้วยความสนุก


“อาต้า!”


“ฮึมมม!”


“ปัง!”


กลุ่มของพวก บอสที่กำลังสู้กับบอสอีกกลุ่มอย่างดุเดือด ทำให้ เสี่่ยวเฟิงรักษาระยะห่างจาก สมรภูมินั้นไว้ เขากำลังฆ่า พวก นักรบโครงกะดูกอยู่เฉยๆ และเปิด เว็ปไซด์หลัก ขึั้นมาดู


ในช่วงนี้ ส่วนของการสนธนา จะถูกเติ่มเต็มไปด้วย หัวข้อที่เกี่ยวกับ ภารกิจทดสอบ ซึ่งก็ไม่น่าเป็นที่แปลกใจ หลังจากมีการเปลี่ยนอาชีพอย่างล้มหล่ามเกิดขึ้นมาแล้ว ผู่เล่นหลายคนติดอยู่กับการทำ ภารกิจสอบ แต่พวกเขาก็ได้แลกเปลี้ยนประสบการณ์กันและเริ่มจะคุ้นเคยกับภารกิจมากขึ้น นอกจากนั้น ถ้าพวกเขามีอุปกรณ์ส่วมใส่ที่ดีกว่าเดิม พวกคงจะหมดปัญหาและสามารถทำภารกิจทดสอบ ได้สำเร็จภายใน 1 วัน


เสี่ยวเฟิง กำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับ พวก มิดซัมเมอร์ ในส่วนการของกิลด์ แล้วเขาก็พบ กระทู้อันหนึงที่ถูกสร้างโดย ผู้เล่นชื่อว่า เหลาซวี ที่มีการตอบกลับหลายครั้งในกระทู้และดูเหมือนจะเป็นที่ได้รับความนิยมในหมู่ผู้เล่น เสี่ยวเฟิง จึงสังเกตุดู ผู้เล่น เหลาซวี อย่างสนใจ


“แนะนำ กิลด์หลักๆ ใน มิท และการคาดเดา อันดับ – เหลาซวี”


“หึหึหึ มิท เปิดบริการได้ไม่กี่วันก็มี กิลด์ทั้งขนาดใหญ่และเล็ก เริ่มปรากฏออกมา ฉันเชื่อว่า กองกำลังที่เกิดจาก กิลด์หลักจะเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นเมื่อ ผู้เล่นเกือบทั้งหมดเปลี่ยนอาชีพไปแล้ว ฉันจะพูดถึง กิลด์หลักๆ ที่มีอยู่ใน เขต Huaxia และผู้เล่นสามารถเลือกกิลด์ที่อยากจะเข้าร่วมได้”


“แน่นอนว่า ลำดับที่ฉันจะบอกต่อไปนี้ไม่เกี่ยวข้องกับระดับการจัดอันดับของกิลด์เหล่านี้ ในอนาคต ระบบจะ แจ้งรายชื่อของกิลด์ และฉันก็ไม่กล้าที่จะฟันธง นี้เป็นเพี่ยงแค่ การตาดเดาของฉันเพียงผู้เดียว ”


“เริ่มแรก ฉันจะแนะนำกิลด์ที่นำอยู่ในตอนนี้ ไดนาสตี้ เป็นกิลด์ พี่ใหญ่และยัง เป็นกิลด์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดใน เกมออนไลน์ ที่ผ่านๆ มาอีกด้วย กิลด์นี้มีทั้ง ขนาดที่ใหญ่ที่สุด จำนวนผู้เล่นที่มากที่สุด เงินตราที่มากที่สุด และอำนาจที่ที่มีเยอะที่สุด สมาชิกส่วนใหญ่ของกิลด์จะอยู่ทางเหนือ ของเขต Huaxia และเผ่าหลัก คือ Terran ควรจะให้ความสนใจกับกิลด์ชั้นนำ นี้ถ้าคุณเป็น ผู้เล่นที่มีความดดเด่น ตามการคาดเดาอย่างใจกล้าของฉัน ฉันคิดว่า กิลด์ ไดนาสตี้ จะรุ่งโรจน์ต่อไป และกลายเป็น กิลด์ 1 อันดับต้นใน มิท”


“ต่อมา ฉันอยากจะแนะนำให้รู้จักกับ กิลด์ กลอรี่ เผ่าหลักของกิลด์คือ เอลฟ์ กิลด์นี้ยังเป็นกิลด์ที่เป็นที่รู้จัก แต่สมาชิกส่วยใหญ่เลือกที่จะกลายเป็น เอลฟ์ ไม่มีกิลด์หลักใดๆ ที่ทำแบบนี้ ดังนั้น พวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้รับแรงกดดันจากการแข่งขัน และจะก้าวหน้าอย่างมาก ฉันเดาว่า กิลด์นี่อาจกลายเป็นกิลด์ 5 อันดับต้นในอนาคน กิลด์ กลอรี่ จะเป็นทางเลือกที่ดี ถ้า ผู้เล่นเผ่า เอลฟ์ ต้องที่จะเข้าร่วมกิลด์หลัก”


เสี่ยวเฟิง ไล่ดู คำแนะนำพวกนี้และพบกับชื่อของ บางกิลด์ ที่ คุ้นเคย


“วอร์สปิริตฮอล์ คือกิลด์ขนาดใหญ่ ที่อยู่ทางใต้ กิลด์นี้เป้นที่นิยมในหมู่ผู้เล่นเพราะมี ระบบการจัดการที่เข็มงวด และ เป็นกิลด์ที่ไม่เคยทำร้ายผู้เล่นทั่วไป เฉพาะผู้เล่นที่จิตใจ สะอาดและสื่อตรงเท่านั้น ที่จะสามารถเข้าร่วมกับกิลด์ได้ คุณสามารถเข้าร่วมกับพวกเขาได้ ถ้าคุณชอบบรรยากาศลักษณะนี้ ฉันเชื่อว่า วอร์สปิริตฮอล์ จะสามารถ ขึ้นไปสู่ กิลด์ 50 อันดับต้น ของรายชื่อได้”


“ดูมส์เดย์ลีค ก็ตั้งอยู่ทางใต้เช่นเดียวกัน กิลด์นี้มีปัญหากับ กิลด์ วอร์สปิริตฮอล์ อยู่เสมอ สมาชิกของกิลด์นั้น เป็นคน หยิ่งยโส ฉันเชื่อว่า ฉันเชื่อว่ากิลด์นี้ สามารถเข้าสู่ 50 อันดับต้นได้ ได้เช่นกัน”


“สมาชิกส่วนใหญ่ของ กิลด์ เทาท์แมนอัลแลนซ์ อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของ Huaxia เป็นที่ลือกันว่า กิลด์นี้ใช้ ระบบการจัดการแบบทหารในการ ดูแล สมาชิกของกิลด์ สมาชิกต้องทำตามคำสั่งอย่างไม่มีข้อยกเว้น ”ฉันเชื่อว่ากิลด์นี้ สามารถเข้าสู่ 50 อันดับต้นได้ ได้เช่นกัน”


“กิลด์ มิดซัมเมอร์ เป็นหนึงในกดิลด์ขนาดใหญ่ที่ตั้วอยู่ทางใต้ ฉันเชื่อว่าพวกเราทุกคน คุ้นเคยกับชื่อ บริษัทเกมชื่อดัง กลุ่ม มิดซัมเมอร์กิลด์ กันดี กิลด์ มิดซัมเมอร์กิลด์ นั้นผูกติดกับ กลุ่ม มิดซัมเมอร์กิลด์ เป็นที่รู้ว่ากันว่าประธานของกลุ่ม มิดซัมเมอร์กิลด์ นั้นเป็นคนที่ ทะเยอทะยาน และได้เปลี่ยนเป้าหมายของกลุ่ม มิดซัมเมอร์กิลด์ มาอยู่ที่โลกของ มิท ท่านประธานต้องการที่จะประสบความสำเร็จเลยทั้งลงทุนและทระพยากรณ์กับเกนี้ ฉันเชื่อว่ากิลด์สามารถเข้าถึง 30 อันดับต้นได้!”


เสี่ยวเฟิง พบข้อมุลบางอย่างเดี่ยวกับผู้เล่นชื่อ เหลาซวี เขาเป็นผู้ที้ได้ในการยกย่องว่าเป็น ผู้ที่รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับ เกมส์ออนไลน์ เหลาซวี นั้นมีความสามารถและผู้เล่นหลายคนเชื่อถือ การวิเคาระห์ของเขา


เหลาซวี แนะนำกิลด์หลักเกือบครบทุกกิลด์ ใน กระทู้นี้ ผู้เล่นหลายคนคงจะตัดสินใจเลือกเข้ากิลได้ ด์ง่ายขึ้น เขายังยอมรับด้วยว่าเขาได้รับค่าทำโฆษณา


เสี่่ยวเฟิง ปิดศูนย์แลกเปลี่นยน เว็ปไซด์หลักลง และมอง ไปยังหน้าต่างๆ บนเกมส์อย่างสบายใจ ถว่า เขากลับช๊อค เหมือนหน้าจอหนึงแสดง HP ของ กัปตันโบลตัน ที่กำลังจะหมด


“เฮ้ออ…”


เสี่่ยวเฟิง อึ้งและนึกขึ้นได้ว่า กัปตันโบลตัน ไม่สามารถที่จะทนต่อ ดาเมจ ของกลุ่มบอสพวกนี้ได้


แต่อย่างไรก็ตาม เขาก็ต้องช่วยกัปตันโบลตันให้ได้ ถ้าหาก กัปตันโบลตัน โดนฆ่าภารกิจนี้ก็จะล้มเหลวและ ภารกิจเนื่อเรื่องก็จะถูกหยุดลง เสี่่ยวเฟิงรู้สึกกังวลและรีบวิ่งไปช่วย กัปตันโบลตัน


ตอนที่ 58 ปีศาจ บิกลิช


เสี่ยวเฟิงที่ได้เปิด เว็ปไซน์หลักเมื่อ 10 นาทีที่แล้วและ กัปตันโบลตัน ที่เกือบจะถูกฆ่าภายในเวลาที่ผ่านไปเพียงนิดเดียว นี้มันจะอันตรายเกินไปแล้ว! เฉินฟงรีบวิงกลับไปช่วย กัปตันโบลตัน


กัปตันโบลตัน เป็นคนที่อ่อนแอ่ อย่านั้นหรือ? ไม่มีทางเป็นไปได้ มีคำความเป็นไปได้อย่างเดียวคือ การเตรียมตัวของ บิกลิช นั้นเป็นผล กัปตันโบลตัน ที่มีอยู่เพียงคนเดียวไม่สามารถจะต่อกรกับ บิกลิช ได้ หน่ำซ้ำเขาก็อาจจะโดนฆ่าด้วยถ้าเขาประมาท


การต่อสู้ของพวกเขา นั้นรุนแรง ทำให้บริเวณป่าที่ล้อมบึงตรงกลาง ถูกทำลาน เหมือนกับว่ามีลมพายุวพัดผ่าน รอบไหม้นั้นอยู่ไปในทุกๆ หลุมบนพื้นดิน แต่เสี่ยวเฟิง ก็ไม่พบใครหลักจากที่เขาวิ่งกลับมาที่เดิม พวกเขาอาจจะ สู้กันอยู่อีกที่หนึงก็เป้นได้เพราะว่า เสียวเฟิง สามารถได้ยินเสียงจากพื่นที่ใกล้ๆๆ


เฉินฟงรีบตามเสียงไปแล้วได้พบกับ กัปตันโบลตัน อย่างรวดร็ว กัปตันโบลตัน นั้นยังโหดเหี้ยมและฆ่า บอส ดครงกระดูกไปแล้วหลายตัว ตอนนี้เหลือพวกมันกันแค่ 3 ตน ถึงแม่เสี่ยวเฟิง จะไม่เห็น ตัวเลข HP อย่างชัดเจน เขาก็มั่นใจว่า HP ของบอส ทั้ง 3 นั้นใกล้หมดเต็มที่แล้วจาก หลอด HP


ถึงอย่างไร กัปตันโบลตัน ก็เสี่ยงอันตรายยิ่งขึ้น เพราะ เขาเหลือ HP ตำกว่า 20 เปอร์เซ้นตื ชุดเกราะเงินที่เงา่งามของเขาถูก ขยี้และแหวกออก หน้าผากของเขาก็มีเลือกออก ดูเหมือนว่าเขาจะเกรี้ยวกราดขึ้นมา เพราะ เขา ตะโกนในระหว่างที่กำลังต่อสู้กับ บอสโครงกระดูก ทั้ง 3 ตัว อย่างเอาเป้นเอาตาย เขากำลังลด HP ของ ด้วย ชีวิตของเขา


เฉินฟงรับรู้ได้ในทันทีว่า บิกลิช นั้นกุ้มชะตาของการต่อสู้ครั้งนี้ มันได้หลบอยู้ข้างหลัง พวก นักรบและทหารโครงกระดูก แล้วใช้ สกิล หลายอย่างโจมตีใส่ กัปตันโบลตัน อาการบาดเจ็บว่นใหญ่ของ กัปตัน นั้นมาจาก ตัว บิกลิช เฉินฟฟงรู้สึกประหลาดใจนิดหน่อยแล้วสรุปว่า เลเวลของ บิกลิช นั้นอยู่ในเลเวลเดียวกับกับ กัปตันโบลตัน ไม่อย่างนั้น มันก็จะไม่สามารถสร้างดาเมจให้กับเขาได้มากขนาดนี้ โชคยังดีที่ มันกลับ ธาตุ สว่าง ของ กัปตันโบลตัน ถ้าไม่อย่างนั้น กัปตันโบลตัน คงถูกมันฆ่าตายไปแล้ว


ถว่า บิกลิช ก้ยังสามารถฆ่า กัปตันโบลตัน ได้ในเวลาเพียงนิดเดียวเพราะว่า HP ของเขานั้น ใกล้จะหมด และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น บิกลิช ยังไม่เสียง HP ของเขาเลย!


ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ กัปตันโบลตัน จะต้องตายแน่นอน!


เสี่ยวเฟิง คมวดคิ้ว เพราะ ไม่รู้ว่าเขาควรจะทำอะไรต่อไป เขาไม่สามารถที่จะเข้าไป ร่วมต่อสู้กับพวก บอส เลวเลสูงๆ ได้ เพราะว่าเขาไม่สามารถสร้าง ความเสียหายให้ใครได้เลย เขาสามารถทำได้เพียงหาทางที่จะ ดึงเอา บิกลิช ออกมา และช่วย กัปตันโบลตัน หนี


แต่เหลังจากที่ เสี่ยวเฟิง นึกถึงความเป้นไปได้ เขาก็คิดอะไรออกมา เขาค่อยๆเข้าไปใน สมรภูมิอย่างช้าๆ เมื่อเขาเข้าใกล้พอ เขาก็ใช้สกิล โฮลี่ ไลท์ หล่นลงมาบนหัว กัปตันโบลตัน’


“+2000087!”


 


 


เลขการเพิ่มพลัง ปรากฏขึ้น บนหัวของ กัปตันโบลตันและ จำนวนของมันนั้นมากกว่า 2 ล้าน!


เสี่ยวเฟิงรู้สึกดีใจ เขาไม่คิดว่า สกิล โฮลี่ ไลท์ จะมีประสิทธิ์ภาพมากพอในการ ช่วย กัปตันโบลตัน.


การเพิ่ม HP ของ สกิล โฮลี่ ไลท์ โดยหลักๆ แล้วนั้นนับเป็น 10 เปอร์เซ็น ของ HP เป้าหมาย บวกกับ ค่า strength ถึงจะเอาผลค่า strength ของเสี่ยวฟงออกจากการคำณวน HP ของ กัปตันโบลตัน ก็ยังถูกเพิ่มขึ้นมากถึง หนึง ใน สิบ ซึ้งนั้นหมายความว่า HP ของ กัปตันโบลตัน นั้นจริงแล้วมีอยู่มากกว่่า 20 ล้าน แต้ม


เพราะว่าการใช้ สกิล โฮลี่ ไลท์ นั้นได้ผล เฉินฟงจึงได้เพิ่ม พลังอาวุธและค่าความกล้า ให้กับ กัปตันโบลตัน ทำให้เขาที่ทั้งเหนื่อยและอ่อนแอ กลับมาแข็งแรก่งอีกครั้ง!


“คุณทำได้ดีมาก! แด็ด!”


กัปตันโบลตัน หันหลังไปส่งยิ้มที่แข็งแรงให้กับ เสี่ยวเฟิง จากนั้นก็พุ่งเข้าไปหา นักรบกโครงระดูกดำในทันที ทั้งอาวุธและ พลังโจมตี ของเขาถูกเพิ่มขึ้นอย่างมาก


เสี่ยวเฟิงรู้สึกผิดหวังที่เขา ไม่สามารถตรวจดูค่าพลังโจมตีของ กัปตันโบลตัน ได้


“อะไรกัน! เจ้าอีกแล้วหรอ! เจ้าแมลงตัวจ้อย! เจ้าบังอาจมาขัดขว้างแผนการของข้า นักรบกระดูกแถวหน้า จงไปฆ่ามันเดี้ยวนี้”


บิกลิช โมโห แล้วความเกลียดชังชองมันก็เปลี่ยนมาทาง เสี่ยวเฟิง แต่โชคไม่ดีที่มันกำลังต่อสู้อยู่กับ กัปตันโบลตัน ดังนั้นมันจึงสั่งให้ลูกน้องของมันฆ่า แมลงตัวจ้อย ตัวนี้แทน!


“ฮึมมม!”


ทหารกระดูก 3 ตนที่กำลังสู้กับ กัปตันโบลตัน พร้อมๆกัน ทันไดนั้น ทหารกระดูกที่ถือมีดคู่ ก็กระโดดออกมากจากตรงนั้น และถึงแม่มันจะเหลือ HP อยู่ไม่มาก มันก็เริ่มวิ่งไล่เฉินฟงอย่างรวดเร็ว


“แด็ด รีบวิ่งหนีไปเร็วเข้า! คุณไม่มีทางที่จะ สู้กับมันได้! วิ่งกลับไปยังเมือง เตียนหลง แล้วบอกกับ พรใหญ่ และ บาทหลวงใหญ่ ว่าให้พวกเขามาช่วยเราที่นี้”


บิกลิช โจมตีใส่ กัปตันโบลตัน อย่างดุเดือด ทำให้ กัปตันโบลตัน ตะโกนบอก เสี่ยวเฟิงโดยที่ไม่ได้หันหน้ามา


ฉินฟงไม่สามารถที่จะ ทิ้ง กัปตันโบลตัน ไว้ได้ เพราะเสี่ยวเฟิงได้รู้แล้วว่าเขาสามารถที่จะช่วย กัปตันโบลตัน ได้ ถูกฆ่า กัปตันโบลตัน ภารกิจนี้จะล้มเหลว


ด้วยเหตุนี้ เสี่ยวเฟิงถึงไม่หนีไปเมื่อ บอส นักรบกระดูก วิ่งเข้าหาตัวเขา เขากระโดดไปข้างหลังเพื่อหลบสกิล ระยะไกลที่ดูเหมือนกับ ลำแสดงรูปดาบสีดำ จกานั้นก็วิ่งไปรอบๆ บึงเพื่อที่จะหลบหลีก บอสตัวนี้ ซึ้งแน่นอนว่าเขาก็ไมลืมที่จะ ใช้สกิล ค้อนพิพาษา ใส่ตัวบอส เพราะอย่างไรก็ตาม บอสตัวนี้ ก็เหลือ HP อยู่ไม่ม่ก ถ้าเขาฆ้ามันได้ เขาจะได้รับ EXP และ ของดรอป มากมาย


“คริติคอล! -2!”


แต่เขาก็ล้มเลิกความคิดนั้นไปทันทีเมื่อ เขาทำ ดาเมจคริติคอล ใส่บอสตัวนี้ ได้เพียง 2 แต้ม


เห็นได้ชัดว่า พลังโจมตีของเสี่ยวเฟิง นั้นไม่มากพอที่จะ เจาะ พลังป้องกันของมัน ยิ่งไปกว่านั้น ตัวบอสเองก็ อาจจะะเลือดอีกหลายล้านถึงแม้จะ หลอด HP ของหมดจะใกล้หมดไปแล้วก็ตาม เฉินเฟิงล้มเลิกความคิดในทันที แต่ในมือเขาก็ยังถือ คทารักษา เพื่อจะช่วยเพิ่ม HP ของ กัปตันโบลตัน


คทารักษามีความสามารถลดระยะเวลา คูลดาวน์ ของสกิลรักษา ได้ 10% ด้วยผลนี้ทำให้ คูลดาวน์ ของ สกิล โฮลี่ ไลท์ กลายเป็น 27 วินาที ภายในไม่กี่วินาที HP ที่เกือบจะหมดไปของ กัปตันโบลตัน กลับว่าเต็ม อีกครั้ง


เสี่ยวเฟิง รู้สึกโล่งอกขึ้นเล็กน้อย ที่ระบบเกมส์จะไม่มอบ ภารกิจที่ไม่ทางที่จะทำได้สำเร็จ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าภารกิจนั้น เป็น ภารกิจเนื้อเรื่อง ยกตัวอย่างเช่น เขายังสามารถทำภารกิจนี่ให้สำเร็จได้โดยการ คอยเพิ่ม HP ของ กัปตันโบลตัน


แต่ ความยากของภารกิจนี้ก็เห็นอยู่ชัดเจน สภาพสนามรบ นั้นอันตราย และ บอส โครงกระดูกก็ยังไล่โจมตีเขา เขากำลังอยู่ในความเสี่ยง เพราะ เขาจะสามารถถูกฆ่าได้ในทันทีถ้าหาก เขาไม่มีสกิลบ้างอย่าง ไว้จัดการกับ บอส โครงกระดูก


“ฮีมมม!”


หลักจาก ที่ บอสโครงกระดูกหนึง ตัว ถูก เฉินฟง ดึงออกไป บอสอีกเพียง สองตัว ก็ไม่ใช้ ขนามือของ กัปตันโบลตัน ที่กลับมาแข็งแรงและมี HP เต็ม ถึงแม้ บิกลิช จะโจมตีใส้และกดดัน กัปตันโบลตัน บอส โตรงกระดูกทั้งสองตัวก็ถูก กัปตันโบลตัน ฆ่า ที่ละตัว


เแต่หลังจากที่มันทั้งสองถูกลด HP ลงจนหมด และกลายเป็นฝุ่นควันสีดำไปแล้ว เสี่ยวเฟิงก็ยังไม่ได้ยินเสียงระบบเตื่อนของระบบ หลังจากที่ มันทั้ง 2 ถูกกำจัด และเขาก็ยังไม่ได้ EXP เป็น รางวัล ซึ้่มันทำให้เขารู้สึกผิดหวัง


“แด็ด! ฉันชื่นชม ในความสามารถของคุณอย่างลึกซึ้ง รอฉันสักครู่! ฉันกำลังจะไปช่วยคุณ!”


กัปตันโบลตัน เกือบจะวิ่งเข้าไปช่วย เสี่ยวเฟิง หลังจากที่เขาฆ่า บอส โครงกระดูกได้ แต่กลับถูก เสี่ยวเฟิง หยุดไว้อย่างฉับพลัน

“หยุดก่อน! ฉันยังพอจะทน ดาเมจ ของเจ้านี้ได้! ชอนายรีบตาม บิกลิช เพราะมันกำลังจะหนีไปแล้ว”


เฉินฟง ตัดสินใจได้ถูกแล้ว บิกลิช อยากที่จะหนีออกไปในทันที หลังจาที่ก บอสโครงกระดูกทุกตัว ถูก กัปตันโบลตัน ฆ่า บิกลิช รู้ว่า มันจะโดนพวกเขาทั้งสองคนฆ่าอย่างแน่นอน ถ้ามันยังอยู่ที่นี้ต่อไป พวก บอสระดับสูงทุกตัว มี IQ ที่สูงเช่นกัน และจะหนีไปถ้าพวกมันโดนกดดัน จนเป็นฝ่ายเสียเปรียบ


“เจ้ามันเป็นแค่ นักพิธีการ เผ่ามนุษย์ ที่ อ่อนเอ ราวกับ กับตัวมด! แกกล้าดียังไงที่กล้าทำลายแผนการของฉัน! ข้า จะไม่เอาแกไว้แน่!”


ความเกลียดชังของ บิกลิช ก็ยังอยู่กับ เสี่ยวเฟิง ถว่า กัปตันโบลตัน วิ่งเข้าไปหามัน ดังนั้นมันจึงทำอะไรไม่ได้นอกจาก ถอยออกไป”


“ข้าจะปล่อยเจ้าไปในวันนี้ แต่ครั้งต่อ ข้าจะชุบชีวิต ศพ ของเจ้าขึ้นเป็นโครงกระดูก! ท่านจักรพรรดิ ปีศาจได้ตืนขึ้นมาแล้ว! Temple of Light ไม่มีทางที่จะหยุด กองทัพแห่งความมืดได้! กองทัพแห่งความมืดจะพิชิต ดินแดนของพระเจ้า และ เมือง เตียนหลง ก็จะเป็นกลายเป็น สุสานของเจ้า”


“ บิกลิช กำลังลอยอยู่ กลางอากาศ ขมขู่พวกเขา ด้วยเสียงแหบๆ ของมัน ในระหว่างที่มันกำลังหนีกลับไปยัง ตรงกลางของ บึง”


“รีบเข้าไปหามันเร็วเข้า! อย่าให้มันหนีไปได้!”


เสี่ยวเฟิง ยืนอยู่บนพื้นดิน ตะโกนอย่างกังวล บิกลิช เป็น บอสระดับสูงถ้า กัปตันโบลตัน ฆ่ามันเสี่ยวเฟิง ก็จะได้ ส่วนแบ่ง EXP ที่จะสามารถทำให้เขาเพิ่ม เลเวล ได้อย่างแน่นอน


แต่ดูเหมือนว่า ปีกของยูนิคอร์นแห่งแสง นั้นบาดเจ็บ ถึงแม้มันจะสามารถช่วยให้ กัปตันโบลตัน บินได้ แต่มันก็ไม่สามาารภที่จะไล่ตาม บิกลิช ได้ทัน เสี่ยวเฟิง ไม่สามารถทำอะไรได้ แล้ว บิกลิช ก็หนีกลับไปที่ กลางทะเลสาปที่ถูกทำให้เป็นบึงได้สำเร็จ จากนั้น ผิวน้ำที่คุ่นมัวก็สว่างขึ้น ทำให้ วงแหวน เวทมนต์ ปรากฏออกมา


“ข้าเกือบจะทำแผนการของข้าสำเร็จอยู่แล้ว แต่แผนข้ากลับถูกเจ้าทำลายข้าไม่มีทางที่จะยอมรับความพ่ายแพ้นี้!”


วงแหวน เวทมนต์สว่างขึ้นเรื่อยๆ จนกลายสภาพ เป็น ลูกบอล ครอบตัว บิกลิช แล้ว ตัว บิกลิช ก็หายไปหลังจากที่ แสงได้กระจายออก


กัปตันโบลตัน หยุดในทันที่ที่เขา ถึง รอบนอกของ วงแหวนเวทมนต์ เขาที่ดู สง่างาม จ้องไปยัง วงแหวนเวทมนต์ขนาดใหญ่ ที่กำลังปกคลุมทะเลสาปแห่งนี้ แล้วตะโกนออกมาด้วยความประหลาดใจ

“นี้…นี้มันคือ วงแหวน เคลื่อนย้าย? ทำไมพวกเขา ถึงได้สร้าง วงแหวนเคลื่อนย้าย ที่มีขนาดใหญ่เท่านี้ใกล้ๆ กับเมือง เตียนหลง?”


เสี่ยวเฟิง พึงจะมาถึง ทอนหายใจแล้วถาม กัปตันโบลตัน


“มันหนีไปแล้วหรอ?”


“ใช้แล้ว…”


กัปตันโบลตัน ที่งงงัน ตอยคำถามของ เสี่ยวเฟิง อย่างไม่รู้สึกตัว แต่เขาก็นึกขึ้นมาได้ว่ามีอะไรบ้างอย่าง ผิดปกติ เขาหันกลับไปแล้วมอง เสี่ยวเฟิง อย่างกังวัลใจ


“แด็ด ฉันมีเรื่องที่ต้องไปรายงานให้กับทาง Temple of Light ฉันจะต้องกลับในทันที คุณสามารถหามาหาฉันที่สาขาย่อย ของ Temple of Light ในเมือง เตียนหลง ได้ในภายหลัง!”


กัปตันโบลตัน นั้นอยู่ในความเร่งรีบ จนเขาไม่เปิดโอกาสให้ เสี่ยวเฟิง เปิดปากพูด ก็มีวงแหวนเคลื่อนย้ายอยู้ใต้เท้าของเขาแล้ว เขาก็หายตัวไปในทันที


“ไอ้บัดซบ!”


เสี่ยวเฟิง สบถใส่ กัปตันโบลตัน ที่หายตัวไปในพริบตา เขาไม่คิดว่า กัปตันโบลตัน จะเป็นคนที่ไว้ใจไม่ได้ขนาดนี้ ทั้งที่ เสี่ยวเฟิงก็ยังคงถูก บอส โครงกระดูกไล่ล่าอยู่!


“อาต้า!”


มี อาต้า ตามหลังเขาอยู่ และเสี่ยวเฟิงก็นึกขึ้นได้ว่า บอส โครงกระดูก นั้นวิ่งมาถึงตัวเขาอีกครั้งหนึง มันรวดเร็วมาก ทำให้เฉินฟง ไม่สามารถกำจัด ความเกลียดของมันได้ ใบหน้าของเขาเปลี่ยนสีอีกครั้งก่อนที่เขาจะ หันหลังและวิ่งหนีจาก มันในทันที


“แก ทำบ้าอะไรของแก?! ช่วยฆ่า บอสตัวนี้ ก่อนที่แกจะหายออกไปสิ!”


โชคดีสำหรับเขา ที่ บอส โครงกระดูก นั้นไล่ล่าเขาอยู่ได้ไม่นาน เพราะหลังกจาก ไม่กี่นาที ร่างกระดูกของมันก็ระเบิดและกลายเป็นควัญสีดำทำให้มัน หายไป


แต่ เสี่ยวเฟิง ก็ยังคงบืนอยู่ใน ป่า เขาย่องกลับไปที่ พื่นที่รอบทะเลสาป แล้วมองไปรอบๆ อย่างระวัง จากนั้นเข้าก็เข้าไปที่ ตรงกลางของทะเลสาปที่ดูเหมือนกับ หนองน้ำ


บิกลิช ได้หนีไปอย่างออกไปอย่างรีบเร่ง และกัปตันโบลตันก็รีบออกไปจากที่นี้เช่นกัน เเสี่ยวเฟิง ไม่รู้ว่า บิกลิช ได้ทำอะไรเอาไว้บ้างกับตรงกลางทะเลสาปแห่งนี้ แต่ทะเลสาปกลายเป็น หนองบึง โดยไม่ทราบสาเหตุ เสี่ยวเฟิง มั่นใจว่าต้องมีอะไรบ้างอย่างอยู่ใน ตรงกลางบึง นอกจากยังนั้นเป็นไปได้ว่า สิ่งนั้น ยังไม่ถูกบิกลิชเอากลับไป


เสี่ยวเฟิง ไม่ต้องการที่จะพยายามจะทำภารกิจยากๆ นี้โดย ไม่ได้อะไรติดมือกลับไป เขาหวังว่า เขาจะพบ สิ่งของบ้างอย่าง เพื่อเป็นรางวัลตอบแทน


OG ตอนที่ 59 การค้นพบ


เสี่ยวเฟิง ที่ระวังตัว มาพักหนึงแล้ว เดินออกมาจากที่ซ่อนหลังจากที่ ตรวจดูรอบๆ และไม่พบอะไรที่แปลกตาดูเหมือนว่า บิกลิช จะหนีไปแล้วจริงๆ


ป่า หมู๋กว๋าง เริ่มเปลี่ยนแปลงอีกครั้งหลังจากที่ บิกลิช จากไป ความมืดและสภาพแวดล้อมที่ดูอึมครึม ค่อยๆ หายไป เสี่ยวเฟิง รู้สึกได้ถึง บรรยากาศที่เบาบางลง เหมื่อนกับว่า พระอาทิตย์ได้ขึ้นมาทำให้ความมือ มลายหายไป


การเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดที่สุดอยู่ ตรงกลางทะเลสาป ผิวโคลนได้ถูกคั้นไว้ด้วยชั้นน้ำมันสีเทา แต่ในตอนนี้ ชั้นน้ำมัน กระจายออกจากทะเลสาปอย่างรวดเร็ว ทำให้พื้นน้ำกลับมา สดใส อีกครั้ง


“อะไรเนี้ย?”


เสี่ยวเฟิง มองไปยัง ทะเลสาปที่สดใส แล้วสังเหตุเห็นว่า ยังมี วงแหวนเวทมน ขนาดใหญ่หนึ่งวง อยู่ที่พื้นใต้ทะเลสาป เขาสนใจใน วงแหวน ในทันที


หลังจากที่เขาครุ่นคิดอยู่พักหนึง เขาก็กระโดดลงไปในทะเลสาป และรีบดำลงไปอย่างรวดเร็ว


ตอนที่เขากระโดดลง เขาได้ยิน เสียงของระบบ และเขาก็ทรายว่า ทะเลสาปแห่งนี้มีชื่อเรียกว่า ทะเลสาป หมู๋กว๋าง


ทะเลสาป หมู๋กว๋าง นั้นใสสะอาดและไม่มีสัตว์ร้ายอาศัยอยู่ภายใน เป็นทะเลสาปที่มีขนาดใหญ่แต่เสี่ยวเฟิง ก็ค้นพบ แหล่งของแสง อยู่ใกล้กันกับขอบของทะเลสาป ในทันที


ที่นั้น แผ่นหินหลายแผ่น ถูกวางไว้ด้วยกันเพื่อปกคลุ่มพื้นใต้ทะเลสาป รูปแบบการวางอยู่ของแผ่นหินพวกนี้ ก็ให้เกิด วงแหวน เวทมนย์ ขนาดใหญ่ที่กว้างพอที่จะ ครอบพื้นที่ทั้งทะเลสาป


อย่างไรก็ตาม วงแหวนเวทมนย์ ยักษ์ นั้นยังกระพริบอยู่ เหมือนกับว่ามันยังไม่เสร็จ และอยู่ในสภาวะที่ไม่คงที่


เสี่ยวเฟิง กลั้นหายใจในทันทีที่เขาเข้าใกล้แผ่นหิน แผ่นหิน นั้นใหญ่เท่ากับ โต๊ะ และดูเก่าแก่ สัดส่วนของแผ่นหินนั้นไม่เท่ากัน แต่การเชื่อมกันไว้อย่างไร้รอยต่อ ดูเหมือนกับว่าแผ่นหินพวกนี้ถูกขุดขึ้นมาจากที่เดียวกัน


แผ่นหินแต่ละแผ่น ถูกฝัง อัญมณีโปร่งแสงที่ส้องแสงสีขาวออกมา เอาไว้ด้วย เสี่ยวเฟิง ใช้การตรวจสอบระดับสูง กับ อัญมณี ในทันที


หินอวกาศ


ชนิด: วัสดุ


คุณภาพ:หายาก


คำอธิบาย: แร่อัญมณีหายากที่มีพลังแห่งอวกาศ แร่อัญมณี นี้เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการ สร้างวงแหวน เคลื่อนย้าย มันมีค่าอย่างยิ่ง

มันคือวัสดุหายากจริงๆ ด้วย ดวงตาของทั้งสองข้างของเสี่ยวเฟิงสว่างขึ้น เขาไม่รู้ถึงประสิทธิภาพของแร่หิน แต่เขาก็ดีใจที่มันเป็นวัสดุที่ค่าอย่างยิ่ง.


เสี่ยวเฟิง ยังไม่ได้ ใช้สกิลเก็บเกี่ยวด้วยซ้ำ แต่เขาก็ขุดเอา หินอวกาศ ออกมากจากแผ่นหินอย่างไม่ชักช้า ถึง ทะเลสาป หมู๋กว๋าง ทะมีขนาดใหญ่แต่เสี่ยวเฟิง ก็ค้นไปรอบๆ และพบหินแร่ ทั้ง 128 อัน โชคดีวัสดุพวกนี้สามารถที่จะกองทับกันได้ ในกระเป๋าเป้ ของเขา ไม่อย่างนั้น กระเป๋าของเขาคงไม่ใหญ่พอ ที่จะเก็บแร่พวกนี้ไว้


หลังจากที่เก็บ หินอวกาศมาทั้งหมด เสี่ยวเฟิงก็มองไปยัง แผ่นหิน พร้อมกับลูบค้างของเขา


ชิ่นส่วนของวงแหวนเคลื่อนย้าย (8)


ชนิด: วัสดุ


ความหายาก: ไม่ทราบ


คำอธิบาย: แผ่นหินแข็ง ที่บันทึก วงแหวนเคลื่อนย้าย บางส่วนไว้ สามารถใช้สร้าง วงแหวนเคลื่อนย้าย ได้


หลังจากที่เขาคิดอยู่พักหนึง เสี่ยวเฟิงก็ขุดเอา แผ่นหินขึ้นมาด้วย เขาเอาแผ่นหินทั้ง 128 แผ่น ไปเใส่ในกระเป๋า เป้ และเรียงมันให้เหมือนกับ หินอวกาศ ในขณะนั้นเสี่ยวเฟิงก็ได้ยินเสียงของระบบและรู้ว่ากระเป๋า เป้ ของเขานั้นได้บรรจุสิ่งของเกินพิกัด ทำให้เขา ช้าลง ในทันที


โชคดีที่ เสี่ยวเฟิงนั้น อยู่ในน้ำ เขาว่ายน้ำขึ้นไป อย่างยากลำบาก ก่อนที่จะกลั้นหายใจ และดำลงไปอีกครั้ง เขายังไม่หยุดสำรวจทะเลสาปนี้


ในตอนที่ เสี่ยวเฟิงกำลังขุด แผ่นหินอยู่นั้น เหมือนเขาจะเห็นอะไรบ้างอย่างอยู่ตรงกลางทะเลสาป เขาจึงว่ายน้ำเพื่อค้นหามันในทันที


เสี่ยวเฟิง ค่อยๆ ปรับตัวเข้ากับน้ำหนักแผ่นหินในกระเป๋า เป้ ของเขา แต่เมื่อเขาเข้าใกล้ กลางทะเลสาปเขาก็รู้สึกถึงแรงกดดันอันมหาศาล


“นี้มันแปลกๆ แหะ…”


เสี่ยวเฟิงรู้สึกไม่ดี เขาไม่รู้สึกถึงแรงกดดันนี้ในตอนที่ .กัปตันโบลตัน และ บิกลิช นั้นโกรธเกรี้ยว แต่อย่างไรก็ตามในขณะที่เขาเข้าใกล้กึงกลางของทะเลสาป เขารู้สึกถึงแรงที่ดันร่างของเขา คล้ายกับแรงดันน้ำ และเขาก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้


ความลังเลจาก เสี่ยวเฟิงนั้น อยู่แค่ไม่นานเท่านั้น เมื่อเขานึกขึ้นได้ว่า นี้เป็นเกม และเขาแค่ ถูกส่งกลับไปยัง the bind ถ้าเขาตาย ดังนั้นเขาจึงเดินทางเข้าสู่ตรงกลางของทะเลสาปต่อ


แน่นอนมา เสี่ยวเฟิงก็เตรียนที่จะหนีถ้าเขาอยู่ในความขับคัน เพราะถึงอย่างไรก็ตาม เขาจะเสีย EXP อยู่ดีถ้าเขาตาย


“นี้คือ…”


เสี่ยวเฟิง ค่อยๆเข้าไปใกล้ตรงกลางของทะเลสาป และฉาก ฉากหนึงก็เผยเขาให้เห็น


ตรงกลางของทะเลสาป ยุบตัวลงเป็นหลุม และมี รูปปั้นดิน อยู่ในหลุ่มนั้น


มีรูปปั้นดิน อยู่ ใต้กลางทะเลสาป หมู๋กว๋าง รูปปั้น คุกเขาอยู่กับพื่นและดูเหมือนผู้ชายตัวสูงที่ดูไม่เป็นมิตร และกำลังตะโกนอยู่ แต่มีปีกสองข้าง ติดอยู่กับหลังของเขา รูปปั้นนี้รูปปั้นที่ชัดแจ้ง


“นางฟ้างั้นหรอ?”


เสี่ยวเฟิงคิดว่านี้คือรูปปั้นของนางฟ้าในครั้งแรกที่เขาเห็น รูปปั้นดินนี้ ดูเหมือนกับ รูปของนางฟ้าในโฆษณาชวนเชื่อ ของ มิท


รูปปั้นดินของนางฟ้าที่กำลังเท้าเขาอยู่ข้างหยึง อยู่ใต้ทะเลสาป มันมองไปบนฟ้าแล้วเปิดปากเหมือนกับกำลังจะตะโกนอะไรบางอย่าง มือข้างหนึงถูกยกขึ้นเหมือนกับมันต้องจะจับอะไรบ้างอย่าง


แต่มีดาบ อันหนึงเจาะทุลุหน้าอกของมันและตรึงมันไว้กับ ทะเลสาป


ดาบอันนี้ ก็ถูกสร้างขึ้นมาจาก ดินเข่นเดียวกัน เป็นดาบที่มีขนาดใหญ่และแทงทะลุรูปปั้นนางฟ้า ดาบ ถูกตรึงไว้กับพื้นใต้ทะเลสาปและดาบอีกครึ้งดามก็อยู่ด้านนอก


รุปปั้น ดิน ไม่โดนน้ำกัดกล่อน ดูเหมือนว่าน้ำของทะเลสาปจะถูกบีบออกไปจากที่นี้โดยพลังลึกลับ ทำให้ สูญญากาศเกิดขึ้นในบริเวณนี่ มันปกป้องฉากนี้ไว้เหมือนกับอาคม และไม่ใช้้แค่น้ำเท่านั้นที่ถูกบีบออกไปแต่ ดินที่อยู้ข้างใต้ก็ถูกดูดออกไปเช่นกัน นี้คือเหตุผลที่ผู้ที่ตรงนี้เป็นหลุม


เป็นธรรมดา เสี่ยวเฟิง ไม่กล้าที่จะเข้าไปใกล้ สูญญากาศแห่งนี้ เขาเดินไปมาและพบกับบางอย่างเข้า


เสี่ยวเฟิงได้ยิน เสียงของน้ำที่ดังกึกก้อง


มีบางอย่างกำลังสว่างขึ้นเรื่อยๆ ที่ด้านบนของพื้นที่สูญญากาศกลางทะเลสาป เสี่ยวเฟิงจึงรีบว่ายน้ำขึ้นไปดูทันที


มันเหมือนกับเสียงของ ฟองอากาศแตกในน้ำ เสี่ยวเฟิงพบกับ คริสตัลสีทองขนาดเท่ากำมือ ที่นี่


แต่มันถูกเคลือบไว้ได้วย ชั้นของเหลวที่เหนียวและดูค้ลายกับ เหมือก ในตอนนี้ชั้นเหมือกกำลังหดลงและ คริสตัล ก็ค่อยๆ ปรากฏเด่นขึ้น เพราะเหตุนี้ เสี่ยวเฟิงถึงสังเกตุเห็นว่า มันกำลังสว่างขึ้น แสงที่เขาเห็นนั้นมาจาก คริสตัลสีทอง


แหล่งพลังของ หมู๋กว๋าง


ชนิด : แก่นพลังงาน


ความหายาก: ไม่ทราบ


คำอธิบาย: บรรจุไว้ซึ่ง พลังแสงสว่างที่แข็งแกร่งและไร้เทียมทาน นี้คือแกนพลังงาน ของป่า หมู๋กว๋าง


มันคือของดี! ดวงตาของเสี่ยวเฟิง ประกายขึ้น เขาหยิบ คริสตัลสีทอง แล้วโยนมันเข้าไปในกระเป้า เป้ ของเขาอย่างไม่ลังเล


เหมือก เหนียวที่ปกคุล่ม แหล่งพลังของ หมู๋กว๋าง นั้นได้กลายเป็น ลูกบอลกลมขนาดเท่ากำมือ และลอยขึ้นไปช้างๆ แหล่งพลังของ หมู๋กว๋าง อย่างช้าๆ เสี่ยวเฟิงที่ใส่ คริสตัล เข้าไปใน เป้ ของเขา มองไปเห็น วัตถุเหมือกเหนี่ยวสีเทา คล้านเยลลี่ และตาของเขาก็ลุกวาวขึ้นอีกครั้ง


รากฐาน แห่ง ความชั่วร้ายทั้งมวล


ชนิด : แก่นพลังงาน


ความหายาก: ไม่ทราบ


คำอธิบาย: บรรจุไว้ซึ่งพลังแห่่งความตาย โดนส่วนใหญ่จะ เกิดขึ้นได้ ในสุสานที่มีวิญญาณมากมาย


มันดูเหมือนกับ แหล่งพลังของ หมู๋กว๋าง เสี่ยวเฟิงไม่รู้ว่า เจ้า บิกลิช ได้ใช้สิ่งนี้เพื่อกระจาย บรรยากาศแห่งความตายในป่า หมู๋กว๋าง หรือไม่ เสี่ยวเฟิง หยิบมันขึ้นมาและใส่มันลงในกระเป้า


เสี่ยวเฟิงใส่ แก่นพลังงานทั้งสองชิ้นลงไปในกระเป๋าของเขา เขากำลังจะมองหาสิ่งอื่นเมื่อเขาได้ยินเสียงแตกเบาๆ เสี่ยวเฟิง ไม่แน่ใจว่าเป็นเสียง เขาคิดไปเองหรือปล่าว


เสี่ยวเฟิง ตรวจสอบ ก้นทะเลสาปอยู่ตลอดเวลาหลายครั้งทำให้ เขามั่นใจว่ามีเขาอยู่เพียงคนเดียวที่นี้ เขาจึงตื่นตัวในทันทีหลังจากที่เขาได้ยินเสียงแตกหัก ที่เขา ไม่คุ้นชิน เขามองไปรอบๆด้วยความระวัง จากนั้น เขาก็ จ้องไปยัง รูปปั้นดิน อย่างไม่รู้ตัว


เสี่ยวเฟิงมีสายตาที่เยี่ยมยอด เขาใช้ไหวพริบ สังเกตุเห็นว่ามีเศษดิน ลอกออกมาจากรูปปั้นรูปดาบ เขามองมันอีกครั้งอย่างระเอียด และพบว่า ขอบของ ดาบนั้นกำลัง ส่องสว่างอย่างเย็นยะเยือกเพราะว่า ดินได้ลอกออกมาจากตัวมัน


เดี้ยวก่อนนะ!


ทันใดนั้น เสี่ยวเฟิง ก็ได้ความคิดดีๆ ขึ้นมา รูปปั้นนี้อาจจะไม่ได้ไปเป็นแค่รูปปั้น มันอาจเป็น ตัวนางฟ้า นางฟ้าที่คุกเขาอยู่ที่ก้นทะเลสาปมาอย่างยาวนาน ดังนั้นรูปปั้นถึง ถูกปกคลุมด้วยชั้นตะกอน


เสี่ยงกรอบแกร็บ

เสี่ยวเฟิงได้ยินเสียง แตกหัก อีกเสียง เขาอยู่ใกล้กับเสียงนั้น และกำลังมองไปที่มันอย่างใจจดใจจ่อ ดังนั้นเขาจึงเห็น ฝ่ามือของรูปปั้น แตกอย่างฉับพลัน


เสี่ยวเฟิง ถอยออกมาในทันที เขาตกใจ และในตอนนี้เขามั่นใจอย่างแน่นอนแล้วว่า สิ่งนี้ ไม่ใช้ รูปปั้นดิน ยิ่งกว่านั้น ดูเหมือนว่ารูปปั้นนั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงหลังจากที่่เขา เอา แหล่งพลังของ หมู๋กว๋าง ใส่เข้าไปในกระเป๋าเป้!


เสี่ยวเฟิงรู้สึกผิดขึ้นมาในทันทีกับสิ่งที่เขาคิด ในตอนนี้ รูปปั้นดินหยุดเคลื่อนไหว และเสี่ยวเฟิงไม่อยากที่จะอยู่ที่นี้อีกต่อไป เขารีบว่ายน้ำอย่างระวังจนเขาขึ้นถึงฝัง


“บัดซบ! นี้มันหนักเกินไป”.


ในทันทีที่เขาว่างเท่าของเขาลงบนพื้นดิน เสี่ยวเฟิงก็เข้าใจอย่างลึงซึ้ง ถึงความหนักเกินพิกัด ของกระเป๋าของเขา


ขาทั้งสองข้างของเขาหมดแรงทำให้เขาเกือบจะล้มลงไปบนพิ้น ถึงแม้เขาจะมีสุขภาพที่แข็งแรง


แต่เสี่ยวเฟิง กัดฟันและยืนขึ้น ด้วย น้ำหนักอันมหาศาล เขาขยับมือและเท้าทั้งสองข้าง ของเขาเพื่อที่จะปรับตัวเข้ากับน้ำหนักที่เขาบรรทุก จกานั้นเขาก็หยิบเอา คัมภีร์ย้ายกลับ(returning scroll) ออกมาจากกระเป้าแล้วขย้ำมันเพื่อส่งเขากลับไปยังเมือง เตียนหลง


ในเมือง เตียนหลง มีผู้เล่นบางคนได้เข้ามาอยู่ที่ จุดวาร์ป ของเมืองแล้ว ผู้เล่นระดับสูงและผู้เล่นชั้นหนึงเกือบทุกคนก็ได้ทำ ภารกิจทดสอบ สำเร็จไปแล้วและได้แยกย้ายเข้าไปในเมืองหลักแห่งอื่น นอกจากนั้น ผู้เล่นมากขึ้นเรื่อยๆ รู้ถึง กลยุทธ์ของภารกิจทดสอบ ทำให้ภารกิจนั้นง่ายดายกว่าก่อน ทำให้กลุ่มผู้เล่นจำนวนมากเริ่มทยอยเข้าไปในเมืองหลักหลายแห่ง


“หืม! เป็นคุณจริงๆด้วย! ท่านนักผจญภัยผู้กล้าหาญ ตอนนี้ท่าน พระใหญ่ และบาทหลวงใหญา รวมถึง กัปตันโบลตัน พวกท่านกำลังรอคุณอยู่ ในโถงกลาง โปรดรีบไปพบกับพวกเขาด้วย”


เสี่ยวเฟิงไม่รอช้าและรีบเดินทางไปยัง สาขาย่อยของเมือง เตียนหลง แต่ว่าเขายังปรับตัวเข้ากับน้ำหนักได้ไม่สมบรูณ์นัก ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถเดินได้เร็ว


เมื่อเขามาถึงหน้าประตูของ โบสท์ อัศวินสองคนเข้ามาตอนรับเขาอย่างอบอุ่น


สิ่งนี้ ทำให้ เสี่ยวเฟิงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย อัศวินสองคนนี้ไม่ได้สุภาพขนาดนี้ตอนที่เขามาที่นี้ครั้งแรก


เสี่ยวเฟิงรีบเดิน ไปที่ โถงกลาง ด้วยความความสงสัย เสี่ยวเฟิงรู้สึกประหลาดใจกว่าเดิม เมื่อพวก นักพิธีการและอัศวินทุกคนที่เขาได้พบระหว่างทาง โค้งและทำตัวเป็นมิตรกับเขาแทนที่จะเมินเขา


“ฮ่าฮ่า! แด็ด! คุณมาถึงแล้ว!”


เสี่ยวเฟิงได้ยินเสียงหัวเราะที่เบิกบานของ กัปตันโบลตัน หลังจากที่เขาเข้ามาในโถงกลาง


เสี่ยวเฟิงมองเข้าไปในห้องโถง นอกจาก พระใหญ่ และ กัปตันโบลตัน ก็ยังมี ชายแก่หนวดขาว อยู่ด้านในกับพวกเขาด้วย มีชื่อ บาทหลวงใหญ่แห่งเมืองเตียนหลง อยู่บนหัวของเขา


“เขาคือ คุณไคเซอร์ ประธานของ Temple of Light ของเมืองย่อย เตียนหลง นักพิธีการผู้กล้า ท่านทำให้ ท่าน บาทหลวงใหญ่ รู้สึกประทับใจกับความสามารถที่กล้าหาญ ของคุณและอยากจะพบคุณเป็นการส่วนตัว” พระใหญ่ พูดพร้อมมองไปที่ เสี่ยวเฟิงอย่างชื่นชม


“ทำได้ดีมาก ท่านนักผจญภัย กัปตันโบลตัน ได้ชื่นชมคุณไว้หลายอย่าง”


บาทหลวง ไคเซอร์r ได้พูดกับเสี่ยวเฟิงเช่นเดียวกัน เขาจับหนวดของเขาและยิ้มให้เสี่ยวเฟิง แต่เสี่ยวเฟิงรู้สึกมาตลอดว่าผู้เฒ่าตนนี้ มีเป้าหมายอื่น


OG ตอนที่ 60 โครงเรื่อง


“ดินแดงแห่งพระเจ้า เคยเป็นโลกที่สงบสันติ เคยเผ่าทั้งหลายใช้ชีวิตร่วมกันที่นี้ด้วยความกลมเกลียว เคยมีทั้ง มนุษย์ เอลฟ์ คนแคระ และอีกมากมาย แต่วันหนึงความมืดก็ได้เข้ามาในดินแดนแห่งนี้”


“พวกมันเรียกตัวเองว่า กองทัพแห่งความมืด หัวหน้าของพวกคือ ปีศาจร้ายหลายตน ที่ไม่ได้เป็นสมาชิกของ ดินแดงแห่งพระเจ้า พวกมันทั้งแข็งแกร่ง กระหายเลือดและหยุดยั้งไม่ได้ มันสร้างพวก ผีดิบ ขึ้นมาเพราะมันสามารถความคุมสิ่งที่ตายไปแล้วได้ ยิ่งสงครามดุดเดือดมากขึ้นเท่าไรกองทัพของมันก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นด้วยเท่านั้น เพราะว่าพวกทหารที่ตายในสงครามจะถูกเปลี่ยนเป็นผีดิบ และกลายเป็น กองพลของพวกมัน”


“มันเป็นหายนะที่เกือบทำลาย ดินแดนแห่งพระเจ้า ไปทั้งหมด ”


“เผ่าที่อาศัยอยู่ใน ดินแดนแห่งพระเจ้า สวดสภาวนา เพื่อขอให้ พระเจ้าของพวกเขาหยุดความหายนะ นี้”


“พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่หลายองค์ ตอบรับ ด้วยการช่วยพวกเรา ต่อต้านกองทัพแห่งความมือด้วยพลังที่น่าอัศจรรย์ของพวกเขา”


“แต่พลังของพวก ปีศาจนั้นเกินกว่าที่พระเจ้าคาดไว้ พวกพระเจ้า โจมตีใส่ปีศาจด้วยตัวของพวกเขา แต่ก็ไม่สามารถที่ จะฆ่าพวกมันทั้งหมดในคราวเดียวได้ ดังนั้นพระเจ้าจึงหยุดการฆ่่าฟันแต่เปลี่ยนเป็นการผนึกพวกปีศาจเอ้าไว้ แล้วกำจัด กองทัพมืดที่ไร้ซึ่งผู้นำ ออกไปจากดินแดนแห่งพระเจ้า ”


“แต่นี้ไม่ใช้ทางออกที่ทาวร ถึงสมาชิกส่วนใหญ่ของกองทัพแห่งความมืด จะถูกฆ่า แต่ก็มีบ้างคนที่รอดออกมาได้ พวกมันซ่อนตัวอยู่ในมุมมืดของ ดินแดนแห่งพระเจ้าเพื่อ รวบรวมกองทัพและรอโอกาสของพวกมัน และพวกปีศาจที่เคยถูกผนึกอาจหลุดออกจากพันธนาการ ”


“ผลที่ตามมา เหล่าพระเจ้า ร่วมมือกันเพื่อจะกล่าวคำทำนาย หลังจากนั้น พวกเขาได้ให้คำนายไว้กับทุกคนที่อยู่ในดินแดนของพระเจ้า นักผจญภัยจากอีกโลกหนึงจะโทมเข้ามาในดินแดนของพระเจ้าแห่งนี้ พวกเขาจะเป็นอัมตะและทนทาน ยิ่งกว่านั้น พวกเขาจะมีกันเป็นจำนวนมาก พวกเขาจะช่วยเราในการต่อกร กับกองทัพแห่งความมืด ด้วยความช่วยเหลือของเหล่านักผจญภัย พวกกองทัพแห่งความมือไม่มีทางที่จะเป็นภับกับพวกเราไม่ว่าพวกมันจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ตาม ดังนั้น เหล่าพระเจ้าจึงบอกกับผู้ที่อยู่ในดินแดนแห่งพระเจ้าตั้งแต่แรกเริ่ม ให้พวกเขาพยายามอย่างเต็มที่ในการให้ความช่วยเหลือกับเหล่านักผจญภัยต่างโลกที่จะต้องเติบโตและแข็งแกร่งมากพอที่จะ ต่อสู้กับกองทัพแห่งความมืด และคุณคือ นักผจญภัยแหล่านั้น”


เขาประหลาดใจเมื่อ บาทหลวงใหญ่เริ่ม เล่าเนื้อเรื่อง แต่เสี่ยวเฟิงตั้งสมาธิ และฟังสิ่งที่ บาทหลวงพูดทุกคำ


“ฮ่าฮ่า คุณคือนักรบผู้กล้า ฉันมั่นใจว่าคุณคือความหวังของกองทัพแห่งแสงสว่างในทันทีที่ฉันพบคุณ โบลตัล ได้บอกกับฉันถึง การกระทำที่ยิ่งใหญ่ของคุณ ถ้าไม่มีคุณ เขาอาจถูกฆ่าในการรอบโจมตีของ เจ้าชั่ว บิกลิช ไปแล้ว”


ไคเซอร์ มองมาทาง เสี่ยวเฟิงและยิ้มขึ้นมา เขาพูดต่อไปว่า

“ฉันรู้สึกไดว่าคุณนั้นมีศักยภาพที่ยอดเยี่ยมในการเป็นนักผจญภัย ถึงคุณจะยังอ่อนแออยู่ในตอนนี้แต่คุุณก็สามารถช่วย กัปตันโบลตัน กำจัด เหล่านักรบกระดูกแห้งความมืด ของ บิกลิช ได้สำเร็จ เมื่อคุณแข็งแร่ง

ว่านี้แล้วคุณจะต้องเป็น แกนนำ ของ วิหารแห่งแสง อย่างแน่นอน สิ่งที่เกิดขึ้น นี้จะต้องเป็นการนำพาของ เทพเจ้าแห่งแสง”


“คุณได้ทำภารกิจเนื้อเรื่องสำเร็จ – ผู้นำแห่งแส่งสว่าง! คุณได้รับ ค่า EXP 20,000 แต้ม รางวัล: ค่าความดีของ NPC ทุกคนใน วิหารแห่งแสง ต่อตัวคุณ +10 และ ค่าความดีของ กัปตันโบลตัน ต่อคุณ +20 ”


ระบบได้ประกาศว่าเขานั้นได้ทำภารกิจสำเร็จ เขาปแปลกใจเมื่อ เขาไม่เพียงได้รับ ค่า EXP แต่ยังได้ ค่าความดี


ใน มิท ค่าความดี ที่ต่ำที่สุดดีของ npc นั้นคือ 0 และสูงสุด คือ100 NPC จะเป็นมิตรและมีชื่อสีเหลืองเมื่อค่าความดี เท่ากับ 50 เมื่อผู้เริ่มเกม NPC ทั้งหมดใน ค่ายเดียวกัน จะมีค่าความดี 60 และเป็นมิตร ถ้าผู้เล่นช่วย NPC ด้วยการทำภารกิจ ค่าความดีจะเพิ่มขึ้นเป็น 70 และ NPC จะเป็นมิตรและใจดี


เสี่ยวเฟิง ไม่คิดว่า NPC ทุกคนใน วิหารแห่งแสง มีค่าความดี 70 แต้ม และของ กัปตันโบลตัน 80 แต้มและเชื่อใจเข้า หลักจากที่เขาทำขั้นตอนแรกของภารกิจเนื้อเรื่องสำเร็จ


“วิหารแห่งแสง ของพวกเราเป็นสถานที่ ที่ผู้เลื่อมใสในพระเจ้ารวมตัวกัน ที่นี้เปรียบดังพระเจ้าของเหล่ามนูษย์ ความเลื่อมใสของคุณที่เป็นที่ประจักษ์ให้เห็นผ่าน แหวนแห่งความเชื่อ ในมือของคุณ ยิ่งกว่านั้น กัปตันโบลตัน ก็ยังพูดความกล้าหาญของคุณ ดั้งนั้นฉันจะเป็นตัวแทนของ วิหารแห่งแสง ในการสรรเสริญกับคุณ สิ่งนี้จะแสดงถึง เกียรติยศของคุณ และการนำทางของเทพเจ้าแห่งแสง”


หลังจากที่ บาทหลวง ไคเซอร์ พูดจบ เหรีญตราสีเงินก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา เขายื่นมันให้ เสี่ยวเฟิง


เสี่ยวเฟิง ยื่นมือเพื่อหยิบเหรียญนั้นมา แล้วจองมองไปยังเหรียญสีเงินด้วย สกิลตรวจสอบขึ้นสูง


เหรียญแห่งเกรียรติยศ: สาวกผู้เลื่อมใส


ชนิด : อุปกรณ์พิเศษ


ความสามารถ: เมื่อส่วมใส NPC ในฝ่ายแสงทุกคนที่มีความความดี ต่อตัวคุณเพื่อขึ้น ในขณะที่ NPC ทุกคนในฝ่ายความมืด จะมีค่าความเกลียดชังต่อตัวคุณมากขึ้น


ความพิเศษ: เมื่อส่วมใส่ ฉายา สาวกผู้เลื่อมใส จะปรากฏขึ้นบนชื่อของตัวละครของคุณ


เหรียญตราสีเงิน ถูกสลักไว้ซึ่งรูปของ นางฟ้าตัวน้อย และเหรียญนี้ก็เป็น อุปกรณ์พิเศษอย่างแม้จริง มันไม่เพิ่มค่าสถานะปกติของผู้เล่นแต่มันมีความสามารถพิเศษ


เสี่ยวเฟิง ส่วมมันในทันที ผู้เล่น ต้องติดมันไว้ที่หน้าอกและสามารถที่จะเลือกที่จะซ่อมมันไว้ได้ แต่เสี่ยวเฟิงสนใจใน ความสามารถพิเศษของเหรียญนี้ มากกว่า


เสี่ยวเฟิง ได้ความคิดขึ่นมาทันที หลักจกาที่เขาส่วมมันแล้ว ฉายา สาวกผู้เลื่อมใส ก็ปรากฏขึ้นบนชื่อตัวละครของเจาในทันที แต่เสี่ยวเฟิงเลือกที่จะซ่อนชื่อตัวละครของเขา ทำให้ดูเหมือนกับว่า ชื่อ สาวกผู้เลื่อมใส เป็นชื่อจริงของตัวละครเขา เท่านี้คนอื่นๆจะไม่เห็นถึงความแตกต่างถ้าพวกเขาไม่สังเกตุให้ดี


เสี่ยวเฟิง จับโซ่ ของเขาไว้ ถ้าเข้าแวะเข้าไปในร้านเสื้อผ้าเพื่อที่จะซื้อผ้าปิดปากตามแฟชั่นและ ใช้ฉายาอันนี้อย่างฉลาด เขาจะซ่อนตัวตนของเขาได้อย่างสมบรูณ์

“กัปตันโบลตัน ได้คุยกับฉันถึงเรื่องที่เกิดขึ้นใน ป่า หมู๋กว๋าง มันคือแผนการของพวกกองทัพแห่งความมืดที่หลงเหลืออยู่ พวกมันเคยสู้กับเรา ตอนนั้นทั้งสองฝ่ายมีกา สูญเสียอย่างมาก ยิ่งกว่านั้น พวกมันยังสร้าง วงแหวนเคลื่อนย้าย ไว้ นอกเมืองเตียนหลง ในขณะที่เราประมาท เป็นไปได้อย่างสูงว่าเป้าหมายของพวกมันคือเมือง เตียนหลง ทั้งเมือง ”


“เราไม่รู้ว่ามีอะไรอยุ่ใน วนแหวนเคลื่อนย้ายที่สร้างไม่เสร็จ มันอาจเป็นกองทัพมืดที่เหลืออยู่มากมายก็เป็นได้ แต่ฉันเชื่อว่าเราไม่แข็งแกร่งพอที่จะหยุดมันไว้ได้ ”


เสี่ยวเฟิง อยากจะบอกกับ บาทหลวงใหญ่ ไคเซอร์ ว่า วงแหวนเคลื่อนย้ายได้ถูกเขาดึงออกมาและมีนางฟ้าที่ถูกโคลนตมไว้ใต้ทะเลสาป แต่เขาก็ลังเลที่จะบอกกับบาทหลางใหญ่


“เพราะฉนั้น เราต้องการที่จะ ส่งเรื่องนี้ให้กับสำนักงานใหญ่ของ วิหารแห่งแสง เพื่อขอความช่วยเหลือในทันที แต่ทางสำนักใหญ่กำลังติดพันกับการ พิธีการที่เกิดขึ้นอยู่ ด้วบผลกระทบของพลังอันมหาศาลในอากาศ ทำให้วงแหวนเคลื่อยย้ายทุกอันที่เชื่อมกับ สาขาย่อยของเรา ใช้การไม่ได้ชั่วคราว ทำให้ในตอนนี้เราจำเป็นที่จะต้องใช้ใครบางคนในการส่งสาร”


ไคเซอร์ พูดต่อไปว่า “สาวกผู้เลื่อมใส ผู้กล้า คุณสามารถที่จะช่วยเราส่ง ข้อความ นี้ได้หรือไม้”


“คุณได้รับภารกิจเนื้อเรื่องอย่างที่สอง -พาหนะแห่งแสง? เคล็ดลับ: วงแหวนเคลื่อนย้ายไม่สามารถใช้การได้ในตอนนี้ ดังนั้นคุณจำเป็นต้องเดินทางไปยัง สำนักงานใหญ่ของ วิหารแห่งแสง ซึ่งตั้งอยู่ใน ภูเขาเจิดจรัส ในพื่นที่ทางตะวันออกของ ดินแดนแห่งพรเจ้า คุณอาจต้องเดินทางผ่าน อาณาเขตของมอนเสอร์เลเวลสูง”


นี้ดูเหมือนจะเป็นขั้นที่สองของภารกิจเนื้อเรื่อง แม้ว่าจะไม่มัคำเตือนเรื่องความยาก เสี่ยวเฟิงก็มั่นใจว่าภารกิจนี้จะต้องยากมากๆ อย่างแน่นอนหลังจากที่เขาอ่านเคล็ดลับของภารกิจนี้ แต่เขาก็รับภารกิจในทันทีอย่างไม่ลังเล


“ฉันรับภารกิจนี้!”


“สาวกผู้เลื่อมใส ผู้กล้าหาญ อย่าทำให้ฉันผิดหวัง นี้คือจดหมายส้วนตัวจากฉัน โปรดนำมันไปให้กับ เทพทธิดาแห่งแสง ภายในวันพรุ่งนี้ คุณสามารถเอาม้วนกระดาษนี้ติดตัวไปได้ มันจะส่งคุณไปยังเมืองหลักของเผ่ามนูษย์ที่อยู่ใกล้กับ ภูเขาเจิดจรัส มากที่สุด ฉันหวังว่ามันจะช่วยคุณได้ ”


บาทหลวง ไคเซอร์ พยักหน้าอย่างโล่งอก เขาหยืบเอา ม้วนกระดาษสองชิ่นออกมาให้เสี่ยวเฟิง ม้วนกระดาษสีขาว คือ จดหมาย ส่วนอีกชิ้นที่เป็นแผ่นหนัง คือ คัมภีร์ เคลื้อนย้าย แห่งเมือง Shengshui


มีการจับเวลาเกิดขึ้น ในขั้นที่สองของภารกิจเนื้อเรื่อง เสี่ยวเฟิง มั้วลาเพียงแค่ครึ่งวันในการปฏิบัติภารกิจให้สำเร็จ ภารกิจจะล้มเหลวถ้าเขาไม่สามารถทำได้สำเร็จภายในวันพรุ่งนี้


หลังจากที่เสี่ยวเฟิงได้รับ ม้วนกระดาษทั้งสอง อัน บาทลวงใหญ่ ไตเซอร์ ก็แร่งให้เขารีบออกเดินทาง เสี่ยวเฟิงไมต้องการที่จะอยู่ที่นี้หลังจากที่เขารับภารกิจมาแล้ว เขาพูดคุยกับพวกบาทหลวง อยู่พักหนึงเมื่อเขาพบว่าเขาไม่สามารถที่จะเริ่มภารกิจเนื้อเรื่องอย่างอื่นได้ เขาก็เดินออกไปในมันที


“แด็ด คุณกำลังจะเดินทางไป ภูเขาเจิสจรัสแล้วหรอ?”


เสี่ยวเฟิง ออกจากเมืองสาขาย่อยของเมือง เตียนหลง และกำลังจะเดินออกประตูไป แต่เขาก็ได้ยินเสียงชุดเกราะมาจากทางด้านหลังของเขา และมีใครบางกำลังกำลังพูดอยู่


เสี่ยวเฟิง ครุ่นคิด และนึกขึ่นได้ว่า เขากำลังถูกเรียกชื่อ เขาจึงหันหลังกลับไปในทันที


แน่นอนว่า เขามองเห็น กลุ่มอัศวินแห่งแสงหลายคน กำลังเดินเข้ามาหาเขา กัปตันโบลตัน เดินนำหน้าและเรียกหาเสี่ยวเฟิง


“ใช้แล้ว! กัปตันโบลตัน คุณกำลังจะไปไหน ”


เสี่ยวเฟิง งุ่งงอยู่พักหนึงแล้วรีบถามกลับไป มี อัศวินกว่าหนึ่งร้อยคน เดินตามหลัง กัปตันโบลตัน มันเห็นได้ชัดว่าพวกเขาจะไปปฏิบัติภารกิจสำคัญ เสี่ยวเฟิง ถามไปในทันทีและหวังว่าเขาจะได้รับภารกิจอีกชิ้น


“พวกเรากำลังจะเดินทางไปยัง ป่า หมู๋กว๋าง เพื่อเข้าไปทำลาย วงแหวรเคลื่อนย้ายที่นั้น ถ้าพวกกองทัพแห่งความมืด ต้องที่จะโจมตีพวกเรา เราจะหยุดการเตรียมการของพวกมันด้วยการทำลายวงแหวนเคลื่อนย้ายอันนั้น ”


กัปตันโบลตัน ยังดูมีพลังอยู่ เกราะเงินของเขาส่องสว่างและเขาก็ พูดกับเสี่ยวเฟิง อย่างมั่นใจ “อย่าได้ห่วงไป ครั้งนี้ ฉัน เอา กลุ่มอัศวินมากับฉันด้วย เราจะต้องกำจัดมันได้อย่างแน่นอนถึงแม้จะมี บิกลิช 10 ตัวอยู่ใน วงแหวนเคลื่อนย้าย”


เสี่ยวเฟิงอ้าปกแต่ก็ไม่พูดอะไร เขายังไม่ได้บอก กัปตันโบลตัน ว่า วงแหวนเคลื่อนย้ายนั้นได้ถูกเขาดึงออกมาหมดแล้ว กัปตันโบลตัน น่าได้ไปดูด้วยตัวของเขาเอง


“อีกอย่างนะ แด็ด ฉันมีอะไรบ้างอย่างจะบอกกับคุณ”


กัปตันโบลตัน ดูจริงจังขึ้นมาทันทีและพูดว่า “ถ้าคุณได้พบกับ เทพทิดาแห่งแสง คุณต้องขอให้เธอเปิดทางให้คุณเข้าไป ทำศีลจุ่ม ใน ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ มันจะช่วยเพิ่มพลังให้กับคุณอย่างมาก”


“ศีลจุ่ม? อะไรคือ ศีลจุ่ม?” เสี่ยวเฟิงถาม ถึงมันจะไม่ใช้ครั้งแรกที่เขาได้ยินคำนี้


“จะมี บ้อน้ำแห่งแสง อยู่ใน ภูเขาเจิดจรัส ผู้เลื่อมใสที่ได้ทำผลงานที่ดีให้กับ วิหารแห่งแสง จะสามารถเข้าไป ทำศีลจุ่มได้ มันอาจเปลี่ยนอาชีพของเหล่านักผจญภัยได้ คุณสามารถเปลี่ยนเป็น นักพิธีกรรมแห่งแสง จาก นักพิธีกรรมทั่วไป ได้


ดวงตาของเสี่ยวเฟิง ลุกวาว ขึ้นทันทีที่เข้าได้ยินสิ่งที่ กัปตันโบลตัน พูดขึ้น เขาสามารถเลือกอาชีพ ลับได้! นี้เป็นสิ่งที่สุดยอดมาก!


เสี่ยวเฟิง รู้สึก ตื่นเต้นขึ้นมาทันที และอยากจะรีบเข้าไปบน ภูเขาเจิดจรัส แต่เขาถามเขาถามหนึงกับ กัปตันโบลตัน


“กัปตันโบลตัน เทพธิดาแห่งแสงที่ สาขาหลักของ วิหารแห่งแสง คือ เทพพระเจ้าแห่งแสงหรือไม่?”


“ไม่ใช้ เทพเจ้าทุกองค์ร่วมถึงเทพเจ้าแห่งแสง ไม่อยู่ใน ดินแดนแห่งพระเจ้า เทพธิดาแห่งแสงเป็นตัวแทนของ เทพพระเจ้าแห่งแสง และเป็น ผู้นำสูงสุดของ วิหารแห่งแสง เธอเป็นเทพธิดาที่สวยและสูงสุด ”


กัปตันโบลตัน พูดขึ้น และเสี่ยวเฟิงก็สามารถมองได้ชัดถึง ความ ชื่นชมและคุณค่าในสายตาของเขา


ตอนที่ 61 พบกับไนฟโดยบังเอิญ


เสี่ยวเฟิง คิดว่า กัปตันโบลตัน ถูกเทพธิดาแห่งแสงทำให้หลุ่มลงไปแล้ว เขาจึงรีบขอตัวออกมา เมื่อ กัปตันโบลตัน สวดภวานา


เสี่ยวเฟิง ส่งข้อความไปหา เฉียนโตวโตว ทำเขาให้รู้ว่า เธอนั้นกำลังทำเงินได้อย่างเยอะในหมู่บ้านเริ่มต้น กอง อุปกรณ์ระดับสูงระดับ 10 และ ขวดโพชั้น ขั้นกลางที่ผูเล่นคนอื่นๆ ไม่สามารถหาซื้อได้ในหมู่บ้านเริ่มต้นเป็นเหตุให้ร้านค้าของเธอได้รับความนิยม มีผู้เล่นจำนวนนับไม่ถ้วน อยู่รอบๆร้านของเธอ ทำให้พื้นที่การค้าตรงกลางของหมู่บ้านแห่งนี้ ถูกครอบครอง


สองพี่น้อง นิโคลัส ที่ กำลังขนยาโพชั่น อยู่นั้น หมดแรง แต่พวกเขานั้นทั้งเหนื่อยแบบมีความสุข เพราะพวกเขาได้ทำกำไรได้พอสมควร


เฉียนโตวโตว จัดหายาโพชั่นขั้นกลางจำนวนมาก เป็นผลให้อัตราการทำภารกิจทดสอบ ใน หมู่บ้านเริ่มต้นหมายเลข 9191 เพิ่มขึ้นอย่างมาก


ในขณะเดียวกัน ศาลาขุมทรัพย์ ก็ได้รับความนิยมมากขึ้นทำให้สมาชิกของกิลด์ขนาดใหญ่จำนวนมาก เข้ามาที่ หมู่บ้านเริ่มต้นหมายเลข 9191


เฉียนโตวโตว ยังได้บอกกับเสี่ยวเฟิงอย่างภูมิใจว่า เธอปฏิเสธที่จะขาย ยาโพชั่นของเธอ ให้กับผู้เล่นที่มี ชื่อกิลด์ มิดซัมเมอร์ และ ดูมส์เดย์ นำหน้า ซึ่งนั้นก็ทำให้เสี่ยวเฟิงพูดไม่ออก เขาอยากจะบอกเธอว่ากิลด์พวกนี้อาจ ขอให้ ผู้เล่นที่ไม่มีคำนำหน้าแบบพกวกนั้น ให้ช่วยซื้อยาแทนพวกเขาก็เป็นได้ แต่้สี่ยวเฟิง ไม่อยากที่จะทำลายความมั่นใตของ เธอ เขาจึงบอกกับเธอว่า เธอไม่จะเป็นที่จะต้องแก้แค้นให้เขาเพราะเขาจะจัดการเรื่องนั้นด้วยตัวของเขาเอง


ผลสุดท้าย เฉียนโตวโตว ได้ขอให้ เสี่ยวเฟิง ซื้อที่ดินสักแห่งในเมืองหลักไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เพราะเธอต้องการที่จะเปิดร้านค้า


เสี่ยวเฟิง ให้คำมั่นสัญญากับเธอไว้อย่างดี แต่เขากลับคิดว่ามันเป็นคำขอที่ยาก


ใจกลางของเมืองหลักแต่ละแห่งถูกจัดไว้ให้กับ ผู้เล่น ซึ่งผู้เล่นสามารถซื้อมันได้ในราคาที่ถูกตั้งไว้ แต่มันทีราคาที่แพงเกินไป


ราคาของทำเลทอง นั้น มีค่าถึง เหรียญทองเป็นพันๆเหรียญ ซึ่งเท่ากับ เงินเป็นล้านๆ ในชีวิตจริง


แต่ราคานี้ก็ถือว่าไม่สูงจนเกินไป โลกของเกม เกมนี้ มี โอกาสที่จะพัฒนาได้ในวงกว้าง และคุณจะสามารถทำเงินได้มากมาย ไม่ว่าคุณจะทำอะไรกับ ที่ดินนั้น ก็ตาม


แต่ปัญหาใหญ่ก็คือ เกมนี้ยังไม่มีระบบแลกเปลี่ยนเงินตรา และเขาก็ไม่สามรถที่จะหาเหรียญทองเป็น พันๆ เหรียญได้


ดังนั้น กิลด์ใหญ่ๆ และ สมาคมการเงินต่างๆ ที่อยู่ในเกมนี้ จึงจับตามมองไปยัง ที่ดินในเมืองหลัก อย่างใจจดใจจ่อ แต่พวกเขาก็ไม่มีเงินพอที่จะซื้อเช่นกัน ต้องขอบคุณพวกเขาที่อัตราการแลกเปลี่ยน ระหว่างเหรียญทอง และเงินสด ขึ้นไปถึง 1 ต่อ 5 ทำให้ ทุกคนแห่กันซื้อเหรียญทองอย่างล้นลาม และต้องการจะจับจองซื้อ ที่ดิน ล่วงหน้า

เสี่ยวเฟิง เชื่อว่า เมื่ออัตราแลกเปลี่ยนเงินตราได้รับการอนุมัติไปแล้ว การแข่งขันที่ดุเดือดก็จะตามมา แต่ในตอนนี้ไม่มีใครที่สามารถซื้อที่ดินได้ ทำให้ไม่มีคู่แข่งและสามารถเลือกซื้อ ทำเลที่ดีที่สุด เมื่อไรก็ได้


เฉียนโตวโตว มอบงานนี้ให้กับเสี่ยวเฟิง และพูดอย่างมั่นใจว่า เธอมั่นใจว่าเขาจะทำงานนี้ได้สำเร็จ จากนั้นก็วางสายและเริ่มการค้าขายต่อ ในขณะที่เสี่ยวเฟิงพูดอะไรไม่ออก


เสี่ยวเฟิง ถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหนาย เพราะเขาสามารถทำได้เพียงแค่ทำตามที่เธอว่าไปก่อนเท่านั้น เขาไม่สนใจในคำพูดของเธอแล้วขยำ คัมภีร์ย้ายกลับของเมือง เชียงชุย


เมืองหลัก ใน มิท มีคัมภีร์ย้ายกลับ ของมันเอง ไม่ว่าระยะทางจะไกลแค่ไหน ตราบเท่าที่ ผู้เล่นคนนั้นไม่ได้อยู่ในการต่อสู้และไม่ได้ถูกระงับการเคลื่อนย้าย เขาจะสามารถใช้ คัมภีร์นี้ ในการส่งกลับมายังเมื่องหลักนั้นๆ ได้


ความจริงแล้ว ผู้เล่นสามารถยังสามารถใช้ วงแหวนเคหลื่อยย้าย ในการย้ายไปเมืองหลักที่อื่นได้ แต่การใช้วงแหวนเคลื่อนย้ายนั้น มีค่าใช้จ่ายที่แพงและไม่สามารถที่จะใช้มันได้ระหว่างที่อยู่ในสนามรบ ดังนั้น คัมภีร์ย้ายกลับจึงเป็นหนทางของการค้นส่งที่่ผู้เล่นชอบ


แสงสีขาว สว่างขึ้น และเสี่ยวเฟืงก็ได้หายไปจาก เมืองเตียนหลง และได้มาถึงเมืองที่น่าสนใจ สิ่งก็สร้างที่นี้ดูคล้ายกับ สถาปัตยากรรมโบราณของ Huaxia ซึ่งดูคล้ายกับเมือง เตียนหลง แต่สามารถสังเกตุเห็นชั้นหิมะ ที่อยู่บนถนนเส้นต่างๆ และ บนตึกหลายแห่ง


“คุณ ได้ค้นพบเมือง เชียงชุย ”


เสี่ยวเฟิงได้บินเสียงเตือนของระบบทำให้เขารู้ว่า เขาอยู่ในเมืองที่ถูกต้องแล้ว เขามองไปรอบๆ และพบว่า เมือง เชียงชุย มีผู้เล่นมากกว่าเมือง เตียนหลง มีผู้เล่นมากมายอยู่ที่นี้และพวกเขาก็ไม่สนใจเสี่ยวเฟิงที่เพิ่งเดินออกมาจากวงแหวนเคลื่อนย้าย


เสี่ยวเฟิงเปิด แผนที่ของระบบขึ้นมาเพื่อ มองดูแผนที่ของเมือง เชียงชุย และพื้นที่ใกล้เคียง แต่หลังจากที่เขาได้อ่านมันอยู่พักหนึง เขาก็ตะลึง

เขาไม่สามารถหาข้อมูล ที่เกี่ยวกับภูเขาเจิดจรัส บนแผนที่ได้เลย!


เสี่ยวเฟิง รับรุ้ในทันทีถึงความยากของ ขั้นที่สอง ของภารกิจเนื้อเรื่องหลัก


ภารกิจคงจะไม่แย่เท่าไรถ้า เขาต้องเดินทางผ่านอาณาเขตของมอนสเตอร์ระดับสูง สิ่งที่ยากที่สุดคือเขาต้องหา ภูเขาเจิดจรัสให้พบในดวลาที่จำกัด เขาต้องหาสถานที่นี้ให้เจอก่อนจะหมดวัน!


คำอธิยายของตัวภารกิจนั้นสั้น เสี่ยวเฟิงรู้แค่เพียงรู้ว่า เมือง เชียงชุย นั้นเป็นเมืองที่อยู่ใกล้กับ ภูเขาเจิดจรัส มากที่สุด แต่ดูเหมือนว่า ภูเขานั้น ไม่ได้อยู้ใกล้กับตัวเมือง ซึ้งหมายความว่าเขาจะไม่สามารถหามันในแผนที่เมือง ได้เจอ แผนที่นั้นแสดงให้เห็นเพียงข้อมูลของตัวเมืองหลักและอาณาเขตใกล้เคียง อาณาเขตอื่น นั้นเป็นสีดำ ผู้เล่นจำเป็นที่จะต้องออกเดินทางสำรวจ แต่เสี่ยวเฟิงในตอนนี้มีเวลาไม่พอ


“นี้มันจะยากเกินไปแล้ว…”


เสี่ยวเฟิง ขมวดคิ้ว แผนที่ของ ดินแดนแห้งพระเจ้านั้น กว้างมาก ยิ่งไปกว่านั้นเสี่ยวเฟิงก็ไม่รู้ว่าจะเดินทางไปทางไหนต่อหลังจากที่เขาออกจากเมือง เชียงชุย


“เฮ้! พระเทพ!”


เสี่ยวเฟิงกำลังมองดูแผนที่อยู่และไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป ในเวลานี้ ได้มีแสงสว่างออกมากจาก เดอะ ไบด ใกล้กับเขา และผู้เล่นคนหนึงก็ปรากฏตัวคนแล้วจ้องมาที่เขาอย่างไม่มั่นใจ


“ไนฟ?”


เสี่ยวเฟิง ประหลาดใจ เขาไม่คิดว่าเขาจะพบกับคนที่เขารู้จักในเมือง เชียงชุย


“พระเทพ! เป็นคุณจริงๆ ด้วย! คุณเกิดที่เมือง เชียงชุย ด้วยหรอ?”


ไนฟ กำลังมองไที่ เสื้อผ้า ของเสี่ยวเฟิงและฉายา สาวกผู้เลื่อมใส บนหัวขอเขา ไนฟ ถามด้วยความลังเล และมั่นใจว่านี่คือเสี่ยวเฟิง หลังจากที่ เสี่ยวเฟิงพูดกับเขา


ไนฟ ค่อนข้างที่จะคุ้นเคยกับเสี่ยวเฟิง ยิ่งไปกว่านั้น เสี่ยวเฟิงกำลังส่วม เสื้อผึกหัดตัวเดียวกันกับ เสื้อที่เขาใส่ก่อนหน้า่นี้ ที่ทางเข้าโซน


ถ้้าไม่อย่างนั้น ไนฟ อาจจะไม่มีทางจำเขาได้ หลังจากที่มองไปที่ชื่อบนหัวของเขา


ในตอนนี้ ไนฟ มั่นใจแล้วว่าคนคนนี้คือ เสี่ยวเฟิง หลังจกาที่ได้ยินเสียงเขาพูด


“ปล่าว ฉันเกิดที่เมือง เตียนหลง ฉันมาที่นี้เพื่อทำภารกิจ กิลด์ของนายอยู่ที่เมือง เชียงชุย อย่างนั้นหรอ?”


เสี่ยวเฟิง ประหลาดใจอย่างมากพร้อมกับมองไปที่ ไนฟ ด้วนรอยยิ้ม เป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ ! ไนฟสามารถช่วยเขาค้นหา ภูเขาเจิดจรัส ได้


“ใช้แล้วกิลด์ วอร์สปิริตฮอล์ ตัดสินใจที่จะเติบโตในเมือง เชียงชุย พระเทพ ภารกิจของคุณคืออะไร มีอะไรที่คุณอยากให้ผมทำไหม?”


ไนฟ ลำลึกถึงคำพูดของ สกาย ในจิดใจของเขา และอยากที่จะช่วยเสี่ยวเฟิง


“ฉันต้องการความช่วยเหลือ ของนายจริงๆ นายเคยได้ยินสถานที่ที่ถูกเรียกว่า ภูเขาเจิดจรัสไหม? มันไม่น่าจะอยู่ไกลจากเมือง เชียงชุย ”


แต่เสี่ยวเฟิงที่ต้องการความช่วยเหลือของเขา เขาจึงถามอย่างรวดเร็ว


“นั้นคือชื่อสถานที่ในภารกิจของคุณหรอ? ผมคิดว่า…..”


หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่พักหนึง ไนฟก็ส่ายหัวแล้วพูดขึ้นมาว่า “ไม่ ผมไม่คืดว่าผมเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน”


เสี่ยวเฟิง โมโหแล้วตอบกลับไปว่า “แกมัน ไร้ประโยชน์!”


“ท่านพระเทพ โปรดอย่ากังวลไป ถึงแม้ผมจะไม่รู้จักสถานที่นี้ แต่ผมก็สามารถจะถามสมาชิกคนอื่นได้ สมาชิกทุกคนของกิลด์ของพวกเรา อยู่ในเมือง เชียงชุย นี้ พวกเขาบางคนอาจรู้จักที่นี้ก็เป็นได้” ไนฟตอบด้วยความอับอาย


เสี่ยวเฟิง เร่ง ไนฟ และพูดในทันทีว่า “รีบๆ ไปถามพวกเขาเร็วเข้า”


ไนฟ ตอบกลับในทันที “ท่านประธานสั่งให้พวกเขาไปฆ่าบอส แล้วกิลด์ของเราก็ยังไม่เป็นที่รู้จักทำให้เรายังไม่มีช่องเชทของกิลด์ ผมต้องหาไปหาพวกให้เจอก่อน พระเทพ คุณอยากมากับผมไหม”


“อย่างนั้นก็ได้ เรารีบหาพวกเขาให้เจอ เพราะภารกิจของฉัน เป็นภารกิจที่มีเวลาจำกัด”


ไนฟ ไม่กล้าที่จะเสียเวลาอีกต่อไป เมื่อเขาได้ยินว่านี้เป็นภารกิจที่จำกัดเวลา ยิ่งไปกว่านี้น เขาต้องรีบอย่างมาก เพราะเขาเพิ่งจะถูกฆ่าและส่งกลับมาที่ เดอะ ไบด ดังนั้น เจาจึงเรียกม้าของเขาออกมาแล้วรีบเดินทางออกจากเมืองไปกับเสี่ยวเฟิง


“นายมีอุปกรณ์ที่ดีไม่ใช่หรอ? ทำไมนายถึงปรากฏออกมาจาก เดอะ ไบด? นายโดนบอสตัวนั้นฆ่าตายสินะ?”


เสี่ยวเฟิง ขี่ม้าดำของเขาตามหลัง ไนฟ แล้วถามขึ้น ด้วยความที่เขาเป็นผู้นำอาวุโส ของกิลด์ War Spirit Hall ไนฟจึงมี อุปกรณ์ส่วมใส่ที่หรูหรา ยิ่งไปกว่านั้น เขายังเป็น นักรบโล่ และมีสกิลป้องกัน การที่เขาถูกฆ่าจึงเป็นเรื่องที่น่าแปลก


“ก็… บอสนั้นมันแข็งแกร่งเกินไป พระเทพ ได้โปรดช่วยพวกเราด้วย ถ้าเกิดบางบางอย่างสิ่งขึ้น ผมได้บอกกับท่านประธานไว้ว่า ผมจะพาคุณมาข่วยพวกเขา” ไนฟตอบด้วยความอับอาย


“อย่างงั้นก็ได้. ฉันจะช่วยพวกนายฆ่าบอสนั้น ถ้านายช่วยฉันต้นหา ภูเขาจิดจรัส” เสี่ยวเฟิงรับปากอย่างง่ายๆ กับไนฟ


ไนฟ โล่งใจขึ้นมาในทันที สาเหตุที่เขาพาเสี่ยวเฟิงมายังสนามรบนั้นก็เพราะเขาต้องการให้ เสี่ยวเฟิง ช่วยเหลือพวกเขา ไนฟ กังวลว่าเสี่ยวเฟิงอาจโกรธที่เขาไม่ได้บอกไว้เสี่ยวเฟิงไว้ก่อน แต่ในตอนนี้เขาสบายใจและเร่งความเร็วของเขา


สถานที่ ที่ กิลด์ วอร์สปิริตฮอล์ ต้อสู้กับ บอส นั้นอยู่ห่างไกลจากเมือง เชียงชุย มันเป็นพื้นที่ที่ถูกปกคลุมไปด้วย หิมะสีขาวแท้ ถึงเสี่ยวเฟิงจะอยู่บนหลังของม้าดำ มันก็ยังใช้เวลากว่าครึ่งชั่วโมงในการเดินทามาถึงที่นี้

“อย่าสู้กับมันตัวต่อตัว! พวกนายทน ดาเมจ ไม่ได้! ใช้สัตว์เลี้ยงเพือ่ป้องกันตัวไว้! เร็วๆเข้า ทุกคนรีบเรียกสัตว์เลี้ยงของตัวเองออกมา!”


“พวกนักล่า จงวางกับดัก! ให้พวกนายทุกคน ใช้ กับดักแช่แข็ง! เราต้องพยายามอย่าเต็มที่ที่จะ ขังบอสตัวนี้!”


“อาชีพที่โจมตีจากระยะไกล อย่าได้ใช้สกิลสำคัญของพวกนาย! บอสตัวนี้มีเลเวลที่สูงไป และพวกนายจะทำดาเมจบังคับได้เพียง 1 แต้ม จากสกิลของพวกนาย! เก็บสกิลของพวกนายไว้แล้วค่อยใช้มันหลังจากที่ บอสโกรธ”


ภายใต้การนำของไนฟ เสี่ยวเฟิงข้ามผ่านอาณาเขตของพวกสัตว์ประหลาดแล้วข้ามผ่านหุบเขาน้ำแข็ง และในที่สุดก็มาถึง ทะเลสาปที่กล้ายที่ถูกแชแข็งอย่างสมบรูณ์


ทะเลสาปแห่งนี้ถูกแช่แข็งและดูเหมือนพื้นดิน ที่นี้ มี ยักษ์น้ำแข็งตัวหนึงกำลังนอนอยู่ตรงกลาง และถูกล้อมด้วยผู้เล่นหลายคน ตรงนั้นมีผู้เล่นอยู่อย่างน้อยเป็นร้อยๆ คน พวกผู้เล่นที่เป็นนักล่ากำลังวางกับดักไปรอบๆ ทะเลสาปแช่แข็ง


ชื่อของผู้เล่นส่วนใหญ่มีคำนำหน้าเป็น วอร์สปิริต ทำให้พวกเขาคือ สมาชิกของ กิลด์ วอร์สปิริตฮอล์ อย่างแน่นอน


“หัวหน้า ไนฟ กลับมาแล้ว!”


ณ ทางเข้าสู่หุบเขาน้ำแข็ง มีผู้เล่นสองคนที่มีหน้าที่ห้ามไม่ให้ผู้เล่นคนอื่นเข้ามาที่นี้ พวกเขาตะโกนในทันที่ที่พวกเขาเห็น ไนฟ


“ไนฟ กลับมาแล้ว เตรียมตัวให้พร้อม เราจะลองโจมตีบอสตัวนี้ อีกครั้ง ถ้าครั้งนี้เราล้มเหลว เราจะล้มเลิกและกลับมาอีกครั้งเมือ่มีสมาชิกมาที่นี้มากกว่านี้ ”


มีสมาชิกของกิลด์ วอร์สปิริตฮอล์ อยุ่ที่นี้หลายคน และผู้เล่นที่เป็นหัวหน้าผู้ที่กำลังออกคำสั่งอยู่เดินมาหาพวกเสี่ยวเฟิง ชื่อของเขาคือ วอร์สปิริต สกาย เสี่ยวเฟิงเคยได้ยินไนฟพูดถึงเขาในฐานะประธาน ทำให้เขารู้ในทันที่ว่า ชายหนุ่มคนนี้คือ ประธานของกิลด์ วอร์สปิริตฮอล์


“เร็วๆ เข้า เตรียมพร้อม ที่จะจู่โจมบอสตัวนี้ พวกเรารอนายอยู่ ไม่มี นักรบโล่คนไหนในกิลด์ ของเราที่สามารถต้านทาน ดาเมจของบอสตัวนี้ได้นอกจากนาน ฉันเลยบอกให้พวกนั้นถอยออกมาหลักจากที่นายถูกบอสฆ่า”


สกายเดิรเข้ามาแล้วพูดกับ ไนฟ พวกเขายืนอยู่ด้วยกัน และ เสี่ยวเฟิงสังเกตุเห็นว่า เขาทั้งสองนั้นดูคล้าย กันเล้กน้อย


“เดี่้ยวก่อนนะ!” ไนฟ พูดขี้นแล้วดึง สกายเข้ามา แล้วพูดด้วยเสียงที่เบาว่า “พี่ชาย เขา คือ พระเทพ ที่ผมเคยพูดถึงไง”


เสี่ยวเฟิงประหลาดใจ เขาไม่นึกว่าทั้งสองจะเป็นพี่น้องกันจริง


“สวัสดี พระเทพ! ยินดีที่ได้พบคุณ! ”


ความจริงแล้วหลังจากการมาถึงของ เสี่ยวเฟิง สกายก็เริ่มมองเขาอย่างระวัง แต่ในตอนนี้เขากลับยื่นมือออกมาและ มองไปที่หัวของ เสี่ยวเฟิง อย่างสงสัยและถามเขาว่า “Master ชื่อของคุณคือ สาวกผู้เลื่อมใส หรอ? แล้วทำไมคนอื่นๆ ถึงเรียกคุณว่า Healer”


“อ้อ นี้มันเป็นฉายาหน่ะ”


เสี่ยวเฟิง จับมือกับเขา จากนั้นเขาก็ซ่อนฉายาและแสดงชื่อของตัวละครให้เห็น คำว่า ‘แด๊ด’ ตัวใหญ่นั้นเตะตรา


“พี่ชายครับ พระเทพ มาที่นี้เพื่อจะทำภารกิจของเขา เขาต้องการที่จะเดินทางไปยัง ภูเขาเจิดจรัส ขอให้พี่ช่วย ถามสามชิกในกิลด์ให้ที ว่ามีใครเคยได้ยินชื่อนี้ไหม ”


ปากของ สกาย กระตุกอย่างเห็นได้ชัด หลังจากมองไปที่ชื่อบนหัวของเสี่ยวเฟง ไนฟเข้าใจความรู้สึกของเขาและบอกเขา ถึง ภารกิจของ เสี่ยวเฟิง ในทันที


“ไม่มีปัญหา แต่เราต้องฆ่าบอสตัวนี้ก่อน พระเทพ ในเมื่อคุณก็อยู่ที่นี้แล้ว คุณสามารถจะช่วยพวกเราได้ไหม?”


สกาย พยักหน้า เขาไม่ใช้คนที่พูดอ้อมคอมเขาจึงเสนอเงื่อนไข ของเขาทันที พวกเขาจะไม่ช่วยใครฟรีๆ


“ไม่มีปัญหา”


เสี่ยวเฟิงหยักหน้า และให้คำสัญญากับพวกเขา


“เริ่มจู่โจมบอสได้!”


62

“พระเทพ นี้คือกลุ่ม พระ ของพวกเราในตอนนี้ เนื่อวจากผู้เล่นที่มีอาชีพเป็น พระ นั้น หายาก พระส่วนใหญ่ในกิลด์ของ เราจึงอยู่ที่ หมู่บ้านฝึกหัดเพื่อช่วยเหลือสมาชิกคนอื่นของกิลด์ของเรา ให้ทำ ภารกิจทดสอบ ได้สำเร็จ ทำให้ตอนนี้เรามี พระ อยู่กับเราไม่ถึง 30 คน”


สกาย นำทาง เสี่ยวเฟิงมายังแนวหลังของ กองกำลังของสมาชิกกิลด์ วอร์สปิริตฮอล์ พระ ทั้งหมด ที่นี้เป็นผู้เล่นหญิงที่กำลังยทนอยู่บน หินนำแข็งก้อนหนึง


“เขาเป็นใครกันคะ ท่านประธาน?”


มีผู้เล่นเพศหญืงที่ทั้งสวยและหุ่นดีอยู่ประมาณ 30 คนตรงนี้ เนื่องจากเสี่ยวเฟิงถูกท่านประธานพามาที่นี้ พวกเธอจีงมองไปที่เขาอย่างสงสัย พวกเธอกระซิบกระซาบถึงเขาอย่างตื้นเต่นด้วยเสียงหวานๆ ของพวกเธอ ผู้นำของกลุ่มผู้หญิงเดินเข้ามาทักทายพวกเขา


ชื่อของผู้เล่นคนนี้คือ ซื๋ออี้ เธอเป็นผู้หญิงที่มี มนตร์เสน่ห์ ดึงดูดผู้ชายเข้าหาเธอ


เธอยังเป็นผู้เล่นอาชีพ พระ อีกด้วย เธออยู่ในช่วงอายุ 20 ต้นๆ และ เธอดูมีเสน่ห์ ดวงตาของเธอนั้นงดงามและยั่วยวนใจ เมื่อเธอมองคุณ คุณก็จะหลงเสน่ห์ความนุ่มนวลของเธอ


แต่สิ่งที่ทำให้เขาประทับใจมากที่สุดคือรูปร่างของเธอซึ่งดูดีมาก ขาของเธอยาวและเรียว เอวของเธอผอมบาง และเธอก็มีหน้าอกที่ใหญ่มาก!


เสื้อคลุมของ พระ ที่เปิดส่วนหน้าอกอยู่นั้น ไม่สามารถที่จะ ปกปิดรูปร่างอันยอดเยี่ยม ของเธอได้ หน้าอกของเธอทั้ง ใหญ่และสะดุดตา! มันทั้งดูบอบบางและขาวสว่าง เซียวเฟิง มองเห็นร่องอกของเธออย่างชัดเจน เซี่ยวเฟิงเชื่อว่าผู้ชายจะถูกดึงดูดด้วยหน้าอกที่ใหญ่ของเธอเป็นอย่างแรก แทนที่จะเป็นใบหน้าที่ดูน่ารัก ของเธอ


“นี้คือ พระเทพ ฉันขอให้เขาช่วยพวกเรา ”


ดูเหมือนว่า สกาย จะกลัวที่เขาได้พบกับ ซื๋ออี้ เขาหันหน้าออกจากเธอ แล้วจ้องมองไปที่กลุ่ม พระ ที่อยู่ข้างหลังเธอและพูดว่า “เราจะโจมตีบอสตัวนี้ในทันทีและ พระเทพ จะทำหน้าที่เป็น หัวหน้ากลุ่ม พระ อย่างชั่วคราว ทุกคนต้องปฏิบัติตามคำสั่งของเขา”


“คุณพูดว่าอะไรนะคะ? ” ซื๋ออี้ รุ้สึกหงุดหงิดกับสิ่งที่สกายได้พูดออกมา เธอโอบแขนของเธอไว้เหนือหน้าอก ทำให้หน้าอกของเธอก็ดูโตและน่าดึงดูดยิ่งขึ้น


“ประธานคะ คุณมีปัญหาอะไรกับฉันหรือปล่าว? ฉันเป็นหัวหน้าของ กลุ่ม พระ แต่ในตอนนี้คุณเพิ่งเอาชายคนหนึ่งมาและขอให้เขาทำหน้าที่แทนฉัน ในการโจมตี บอสตัวนี้นะคะ! เห็นได้ชัดว่าคุณไม่เชื่อมั่นในความสามารถของฉัน! โปรดอย่าลังเลที่จะแสดงความคิดเห็นหรือให้ข้อเสนอแนะถ้าคุณมีมัน ฉันไม่สนใจว่าใครจะเป็นหัวหน้า ฉันสามารถลาออกถ้าคุณไม่ไว้ใจฉัน “


ทุกคนสามารถรู้สึกถึงเห็นความไม่พอใจของ ซื๋ออี้ แต่นี่เป็นเรื่องปกติ เธอทั้งสวยและมีรูปร่างดี นอกจากนี้เธอยังเป็นหัวหน้ากลุ่ม พระ ของ กิลด์ วอร์สปิริตฮอล์ อีกด้วย ในฐานะที่เธอเป็นผู้หญิงที่มีความั่นใจ เธอจะต้องรู้สึกรำคาญและรู้สึกละอายใจเมื่อเธอถูกลิดรอนความสามารถในการออกคำสั่งขอเธอในการต่อสู้ ในที่สาธารณะ

“ฉันไม่ได้กีดกันเธอความสามารถในการออกคำสั่งของเธอ แต่ บอส ตัวนี้ยากที่จะจัดการดังนั้นฉันจึงขอให้ ท่านผู้นี้ มาช่วยเรา พระเทพ เป็น พระอาวุโส และฉันเชื่อว่ากลุ่ม พระ ของเธอ จะมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิน ด้วยความช่วยเหลือของเขา ” สกาย ฝื้นยิ้มและอธิบายอย่างไม่มั่นใจ เขาดูไม่เหมือนประธานของกิลด์เลย เมื่อเขาพูดคุยกับเธอ


ความจริงแล้ว ไม่มีชายผู้ใดที่สามารถทำตัวได้อย่างปกติเมื่อพูดคุยกับผู้หญิงที่มีเสน่ห์ อย่าง Ziy


“คุณ คิดว่าฉันไม่ดีพอ และ กลุ่มพระนี้ จะสามารถทำได้ดีกว่านี้กับหัวหน้าคนอื่นใช้มั้ย?” ซื๋ออี้ นั้นยังคงปากแข็งและปฏิเสธที่จะเข้าใจ สกาย


“เธอเข้าใจเจตนาของฉันผิด..” สกาย ที่ดูหดหู่ สามารถทำได้เพียงมาไปทาง เสี่ยวเฟิง และอธิบายกับเขาว่า “พระเทพ ซื๋ออี้ คือหัวหน้าของ กลุ่ม พระ เธอยังเป็น ฮีลเลอร์ที่ดีที่สุดของ กิลด์ วอร์สปิริตฮอล์ อีกด้วย เธอไม่ได้ต้องการจะขัดใจคุณ”


“อ้า ฉันเข้าใจ เธอมีเต้าที่โตมาก”


เสี่ยวเฟิง หันออกมาจากหน้าอกใหญ่ๆ ของเธออย่างช้าๆ ก่อนที่จะเห็นด้วย กับ สกาย


“นายพูดว่าไงนะ?


ซื๋ออี้ จ้องเสี่ยวเฟิงอย่างไม่เป็นมิตรในทันที


“ก็ปล่าวนิ เธอน่าจะเริ่มได้แล้ว เข้าไปโจมตี บอส ตามปกติแล้วฉันจะมองหาโอกาสเพื่อดูว่าฉันจะสามารถทำอะไรให้ได้บ้าง”


“ก็ได้”


สกาย ไม่สามารถทำอะไรกับ ซื๋ออี้ ได้เลย เขาเพียงแต่พยักหน้าแล้วเดินจากไป เขาออกคำสั่งแล้วผู้เล่นกว่าร้อยๆขนก็เรียงแถวกันในทันที


“พระเทพ! โปรดให้ พรชีวิต กับผมด้วย”


ในฐานะ นักรบโล่ ที่ดีที่สุดของ วอร์สปิริตฮอล์ ไนฟ มีหน้าที่รับผิดชอบหลักในการต่อสู้กับบอส หลังจากตรวจสอบ โพชั้น แล้วเขาก็ยืนต่อหน้าบอสและเตรียมพร้อมเข้าโจมตี แต่ในขณะนี้เขามองกลับไปและขอให้เสี่ยวเฟิงรักษาเขา เขามั่นใจว่าเสี่ยวเฟิงสามารถเพิ่ม HP ของเขาได้อย่างมาก


“ฉันไม่ได้เรียนสกิลนั้น”


เสี่ยวเฟิงตอบสั้นๆ


“อะไรนะ?”


ไนฟ ตะลึง เนื่องจากพวกเขาตะโกนใส่กันผู้เล่นของ วอร์สปิริตฮอล์ ที่อยู่ใกล้เคียงจึงได้ยินเสียงตะโกน พวกเขาหันหลังกลับและดูเซี่ยวเฟิงที่ยืนอยู่ในกลุ่ม พระ ด้วยความประหลาดใจ


“นายเป็นนักบวชแต่ไม่ได้เรียนสกิล พรชีวิต? นี้นายเป็น พระเทพ จริงๆ รึปล่าว?”


ซื๋ออี้ ยืนอยู่ข้าง เสี่ยวเฟิง เธอไม่พอใจกับเสี่ยวเฟิง เธอจึงเยาะเย้ยเขาทันที


เซี่ยวเฟิงไม่ตอบคำถามของเธอ เขาแตะจมูกของเขาและไม่พูดอะไรเลยซึ่งนั้นทำให้ ซื๋ออี้ อาย


หัวหน้า ซื๋ออี้ โปรดให้ พรชีวิต กับฉัน!”


ไนฟ ต้องยอมแพ้และขอให้ ซื๋ออี้ เพิ่ม บัฟ ให้กับเขา ไม่ว่าอย่างไร ซื๋ออี้ ก็คือ ฮีลเลอร์ที่เก่งที่สุดของ วอร์สปิริตฮอล์ และ การรักษาของเธอที่เธอทำจะต้องสูงที่สุดในกิลด์นี้


ซื๋ออี้ ส่งเสียงในทางจมูก เพราะ รู้สึกว่าเธอเป็นเพียงแผนสอง ต่อจาก ไนฟ เธอมองไปที่เซี่ยวเฟิงด้วยความโกรธ แต่ก็ยังเพิ่ม พรชีวิต ให้กับ ไนฟ เพราะถึงอย่างไรก็ตาม นี้ก็เป็นงานของเธอและเธอก็ต้องทำมันอย่างจริงจัง


หลังจากได้รับ พรชีวิต ขีดจำกัดสูงสุดของ HP ไนฟได้เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ไนฟถือโล่ของเขาและพุ่งเข้าไปหาบอสตัวนี้ ซึ่งเป็นยักษ์น้ำแข็ง ที่อยู่กลางทะเลสาปที่เยืยอกแข็ง อย่างไม่ชักช้า


“กลุ่ม พระ ต้องให้ความสนใจกับ HP ของผู้เล่นแถวหน้า! นักรบโล่ สองแถวเดินหน้าเข้าไป และล้อมตัวบอสเอาไว้! หยุดมันไว้อย่าให้มันวิ่งออกมา! อย่าเข้าใกล้ตัวบอส มากเกินไป! และระวัง สกิล ของมันไว้ !”


ผู้เล่นระยะไกล อย่าได้โจมตีมัน! พวกนายจะสามารถเริ่มโจมตีได้ หลังจากผู้เล่นแถวหน้าดึงตัวบอสไว้แล้ว!


สกาย ที่ยืนอยู่บนหินน้ำแข็งกำลังออกคำสั่ง ผู้เล่นหลายร้อยคนยืนอยู่ด้วยกันและจ้องมอง ตัวบอส อย่างกังวล


“ฮึมมมม!”


ไนฟ ต่อสู้กับ ยักษ์นำแข็ง บน ทะเลสาบน้ำแข็ง


ยักษ์นำแข็ง นั้นสูงเท่ากับตึกสามชั้น มันยังมอบอยู่บนทะเลสาปที่เยือกเย็นแห่งนี้ เหมือนกับ รูปสลักน้ำแข็ง

เมื่อไนฟ ทุบโล่ของเขาลงบนขาของมัน ดูเหมือนว่ามันจะตื่นขึ้นมาในทันที ร่างที่ใหญ่โตของมันลุกขึ้นอย่างช้าๆ


“มิซ!”


“มิซ!”


“-1!”


ไนฟ เอาโล่มาไว้ที่หน้าอกของเขาด้วยมือซ้าย และถือดาบมือเดียวไว้ในมือขวา ยักษ์น้ำแข็งเพิ่งตื่นขึ้นมาและจะไม่โจมตีเขา ดังนั้นเขาจึงใช้โอกาสนี้ในการ แทงเท้าอันใหญ่โตของยักษ์น้ำแข็งหลายครั้ง


แน่นอนว่าในฐานะ นักรบโล่ ที่เพิ่มค่าสถานะทั้งหมดลงไปที่ ค่าร่างกาย ของเขา ทำให้พลังโจมตีของ ไนฟ นั้นต่ำมาก เขาทำให้เกิด ดาเมจบังคับได้เพียง แต้มเดียว เดียวเท่านั้น


“ฮึมมมมม!”


แต่ยักษ์น้ำแข็งได้ตื่นขึ้นมาเต็มที่แล้ว หลังจากที่มันส่งเสียงอันก้าวร้าว ยักษ์ก็ขยับเท้าขนาดใหญ่ แล้ว เตะโดน ไนฟ กระเด็นออกมา ในขณะนั้น ความเสียหายจำนวนมหาศาลก็ลอยอยู่บนหัวของเขา


ไนฟ กระเด็นขึ้นไปในอากาศ และ HP ของเขาก็เกือบจหมด ในความเป็นจริงภายใต้ผลของ พรชีวิต เขาก็มี HP เพียงแค่ 200 เท่านั้น


“กลุ่มแรกใช้ Holy Light! ส่วนกลุ่มที่สองใช้ สกิล รักษา! ฉันได้มอบหน้าที่ให้กับพวกเธอแล้ว! จงทำมันให้สำเร็จ!”


ซื๋ออี้ ที่ยืนอยู่ทัดจากเสี่ยวเฟิง กำลังออกคำสั่ง ทันใดนั้น ตัวเลขรักษาหกตัวเลข ก็ลอยขึ้นบนหัวของไนฟ


“+53!”


“+6! +6! +6…”


“+61!”


“+5! +5! +5…”


“+47!”


“+5! +5! +5…”


HP ของ ไนฟ ถูกเพิ่มขึ้นในทันที เขาหันตัวกลับมาแล้วลุกขึ้น ก่อนที่จะวิ่งเข้าหา ยักษ์น้ำแข็ง


เสี่ยวเฟิง ไม่ได้สนใจผลของการรักษาจากพวกเขา ในความเป็นจริงมี พระอยู่ มากมายที่นี้ และพวกเขาสามารถช่วยเขาและเพิ่ม HP ของไนฟได้ ตราบเท่าที่เขาไม่โดนบอสฆ่าในทีเดียว


แต่ว่าเสี่ยวเฟิง นั้นสงสับเกี่ยวกับ ยักษ์น้ำแข็งอย่างมาก ไนฟ ได้ส่วมใส่อุปกรณ์อย่างดี แต่บอสตัวนี้ก็เกือบจะ ฆ่าเขาในทีเดียว อย่างง่ายเขาอาจถูกส่งกลับไปยัง เดอะ ไบด ของเมือง เชียงชุย ไปแล้วหาก ซื๋ออี้ ไม่ได้ให้ พรชีวิต กับเขา


ดังนั้น เสี่ยวเฟิงจึงสนใจ เลเวล ของบอสตัวนี้ เขาจึงใช้สกิลสอดแนมขั้นสูงเพื่อค้าหาข้อมูลของมัน


ยักษ์น้ำแข็งผู้พิทักษ์


เลเวล: 30


Grade: บอสทั่วไป


จำนวน HP: ???


พลังป้องกัน: ???


พลังป้องกันเวทมนตร์: ???


สกิล: ???


คำอธิบาย: ???


“มันเป็น บอสระดับ 30! พวกนายใจกล้ามาก! ทำไมพวกนายถึงจะสู้กับมันในตอนนี้ละ?”


เสี่ยวเฟิง แปลกใจและถามพวกเขาไป พวกเขาเพิ่งจะเข้ามาในเมืองหลัก ทำไม ถึงกล้าที่จะสู้กับบอสที่เลเวลสูงขนาดนี้?


สกาย อยู่ไม่ไกลจากเสี่ยวเฟิง หลังจากที่เขาได้ยินสิ่งที่เสี่ยวเฟิงพูด สกายก็หันหน้ามาตอบเขาพร้อมรอยยิ้มว่า “บอส ระดับ 30 ขึ้นไปเท่านั้นที่จะสามารถดรอป ตรากิลด์ ให้กับเราได้ เราจะทิ้งมันไปไม่ได้เพราะเราโชคดีที่หามันเจอ พวกเรามีผู้เล่นไม่มากพอในวันนี้และอาจฆ่ามันไม่ได้ แต่จำนวนสมาชิกของ วอร์สปิริตฮอล์ ที่ได้เปลี่ยนอาชีพของพวกเขา จะเกินหมื่นภายในวันพรุ่งนี้ แล้วในตอนนั้น ฉันจะสามารถขอให้ผู้เล่นหลายๆคนล้อมและฆ่าพวกมันได้ .”


เสี่ยวเฟิงส่ายหัวและคิดว่า สิ่งที่ยิ่งใหญ่อาจสามารถทำให้สำเร็จได้ด้วยความพยายามของมวลชน


“อย่าหยุดรักษา ใช้ยาเพิ่ม MP หาก MP ของพวกเธอลดลง ต่อไป ขอให้กลุ่มที่สองใช้ Holy Light และกลุ่มที่สามใช้ สกิล การรักษา ให้รักษาเขาไว้ตลอดแม้ว่า HP ของเขาจะเต็มอยู่ก็ตาม กลุ่มที่สามและสี่โปรดทำหน้าที่ของเธอต่อหลังจาก 3 วินาที ผ่านไป”


ซื๋ออี้ จ้องเสี่ยวเฟิงกับสกายที่กำลังพูดคุยและออกคำสั่งอย่างใจเย็น อย่างไม่พอใจ


เสี่ยวเฟิง มอง ไปที่เธออย่างไม่ตั้งใจ เขาไม่ได้ถูกหน้าอกโตๆ ของเธอดึงดูดในครั้งนี้ เขารับรู้ได้ในทันทีว่า คำสั่งของเธอมีประสิทธิภาพจริงๆ


เธอแบ่ง พระ 30 คนออกเป็น 10 กลุ่ม สกิล Holy Light มีระยะเวลาคูลดาวน์ ที่ 30 วินาที แต่ภายใต้การควบคุมของเธอ เหล่าพระ สามารถใช้สกิล Holy Light ได้ในทุก 3 วินาที เพื่อเพิ่ม HP ของ ไนฟ อย่างไม่มีจำกัด ดังนัน HP ของเขาจะกลับมาเต็มในทุก 3 วินาที


ในห่วงเวลา 3 วินาที กลุ่มกระจะเพิ่ม HP ของเขาอย่างต่อเนื่องด้วยการใช้ สกิล รักษา ยิ่งไปกว่านั้น ไนฟจะใช้ ยา ด้วย ดังนั้นโดยทั่วไปแล้ว HP ของเขาจะเต็มอยู่ตลอดการต่อสู้กับ บอสตัวนี้ อย่างไรกังวล


ในฐานะที่เป็นหัวหน้าของกลุ่ม พระ ซื๋ออี้ นั้นทั้งมีความสามารถและเพรียบพร้อม แต่เธอกลับมีชื่อเสียงด้วยหน้าอกอันใหญ่โตของเธอ


แต่เสี่ยวเฟิง นึกถึงปัญหาหนึงขึ้นมาได้ ถ้าการรักษาแบบนี้ใช้ได้ผลจริง เขาไม่มีทางที่จะเจอกับไนฟ์ที่ เดอะ ไบด ของเมือง เชียงชุย


ยักษ์น้ำแข็งผู้พิทักษ์ เป็น บอสระดับ 30 เลเวลของมันนั้นสูงเกินไปและสามารถที่จะสร้างความเสียหายอันมหาศาลได้ถึงแม้ว่าการโจมตีของมันจะไม่เกิดขึ้นบ่อย ไนฟแทบจะทนต่อดาเมจเล็กน้อยของมันไม่ได้และเกือบ ที่จะถูกบอสฆ่าตายในทันที แต่ด้วยความช่วยเหลือของกลุ่ม พระ ทำให้เขา สามารถทนดาเมจเหล่านี้ได้ด้วย หลอด HP ที่เต็ม แต่นี้ก็ยังเป้นปัญหาอยู่


เขาสามารถต้านได้เพียงความเสียหายของการโจมตีปกติเท่านั้น ถ้าหากบอส โจมตี คริติคอล หรือใช้ สกิล ที่มีความเสียหายสูงขึ้นมา เขาจะถูกฆ่าตายแน่นอน หลังจากการตายของเขาจะ ไม่มีนักรบโล่คนใดใน วอร์สปิริตฮอล์ ที่จะสามารถต้านทานการโจมตีปกติของบอสตัวนี่ได้ และพวกเขาไม่สามารถควบคุมบอสได้อีกต่อไป


63

สกาย อาจจะพูดถูก หลังจากสมาชิกส่วนใหญ่ของ วอร์สปิริตฮอล์ เปลี่ยนอาชีพของพวกเขาและมาที่เมือง เชียงชุย แล้ว พวกเขาจะสามารถฆ่าบอสตัวนี้ ได้อย่างแน่นอน ประธานของกิลด์ สามารถขอให้ผู้เล่นหนึ่งหมื่นคนเปลี่ยนกันรับดาเมจได้ แม้ว่าพวกเขาจะถูก ฆ่าในทันที ศพของพวกเขาก็ยังสามารถขว้างไม่ให้บอสวิ่งออกมา แต่ในตอนนี้ มีสมาชิกชั้นยอดของกิลด์ น้อยกว่า 1,000 คนได้เปลี่ยนอาชีพของพวกเขา และจะเป็นการยากที่จะต่อกรกับบอสเลเวล 30


แต่ว่า เสี่ยวเฟิง ก็ใจความเร่งรีบของ สกาย เช่นกัน บอสเลเวล 30 มีโอกาสที่จะดรอป กิลด์โทเค็น และจุดเกิดใหม่ ของบอสนั้น ก็อยู่ใกล้กับเมือง เชียงชุย ซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่ของกิลด์ วอร์สปิริตฮอล์ จึงเป็นธรรมดาที่ สกาย อยากที่จะสังหารบอสตัวนี้


กิลด์โทเค็น เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการก่อตั้งกิลด์ ไม่ว่าสมาชิกกิลด์ วอร์สปิริตฮอล์ จะสักกี่คน พวกเขาเป็นเพียงแค่กองทรายกองหนึง จนกว่าที่จะได้รับการสภาปนา พวกเขาจะสามารถใช้ ระบบก่อตั้งทีม กับ ระบบกระซิบ ได้เท่านั้น หลังการสภาปนาของกิลด์ สมาชิกจะมีช่องทางพูดคุยของกิลด์ และสามารถที่จะร่วมกันเป็นกิลด์ที่เหนียวแน่น


ยิ่งไปกว่านี้ ยักษ์น้ำแข็งผู้พิทักษ์ตัวนี้ ก็อาจดรอป กิลด์โทเค็น อันแรก ของ มิท


นี้จะเป็นประโยชน์อย่างมหาศาล ถ้าสกายสามารถเป็นบุคคลแรกในเขต Huaxia ที่ได้จัดตั้งกิลด์


มีผู้เล่นหลายร้อยล้านคนและกิลด์ขนาดใหญ่อีกนับไม่ถ้วนในเขต Huaxia มันคือตลาดที่มีการแข่งขันสูง ถ้าเขาสามารถกลายเป็นบุคคลแรกที่ก่อตั้งกิลด์ได้สำเร็จ กิลด์ วอร์สปิริตฮอล์ ก็จะโดงดัง และความแข็งแกร่งและชื่อเสียงของกิลด์ก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ผู้เล่นจะโทมเข้ามาเมื่อพวกเขาเปิดรับสมาชิกใหม่


นั้นเป็นผลดีของการมีชื่อเสียง กิลด์โทเค็น อันแรกของเขต Huaxia นั้นเย้ายวนมาก มันยุติธรรมที่จะบอกว่า กิลด์โทเค็น ทำให้ ประธานของกิลด์ ขนาดใหญ่ในเขต Huaxia นั้นคลั่งไคล้


ดังนั้น จึงไม่น่าที่จะแปลกใจที่ สกาย จะควบคุมตัวเองไม่ได้และรีบเร่งอย่างมาก เขาตั้งใจที่จะฆ่าบอสตัวนี้ถึงแม้ว่า กิลด์ของเขายังไม่แข็งแกร่งพอ!


“เตรียมพร้อมโจมตี! กลุ่มนักเวทย์และกลุ่มนักธนู ต้องเตรียมตัวให้พร้อม!”


“พวกนั้นดึงบอส ออกมาแล้ว! เริ่มกันเลย! ยิงมัน! ยิงไปที่บอส!”


ไนฟ ได้ป้องกัน ดาเมจ เกือบสิบวินาทีและดึงดูดความเกลียดชังของยักษ์น้ำแข็งผู้พิทักษ์ เอาไว้ทั้งหมด จากนั้น สกาย ก็ตะโกนสั่งให้ผู้เล่นคนอื่นโจมตี บอสยักษ์ ในทันที


“บรืซ!”


ทันใดนั้น ฝนธนูก็ปรากฏขึ้นในทันทีราวกับฝูงตั๊กแตน! เสี่ยงหึงๆ เกิดขึ้น แล้ว ลูกศรหลายลูกก็ถูกสาดลงใส่ ร่างของ ยักษ์น้ำแข็งผู้พิทักษ์ และเกิดการสั่นของอากาศ


ในขณะเดียวกัน เมจ หลายร้อยคน โบกคทาพร้อมกัน ทำให้ ยักษ์น้ำแข็ง กลบในกอง ลูกไฟ ลูกศรน้ำแข็ง และสายฝ้าอันหน้าแนาน ทำให้ ร่างสูงขนาดตึกสามชั้น ของมันนั้นถูกปกคลุม ไปด้วยสกิลอันนับไม่ถ้วน ในเวลาอันสั้น


“-1!”


“มิซ!”


“-1!”


“คริติคอล! -2!!”


“มิซ!”


“มิซ!”



ตัวเลข ดาเมจจำนวนนับไมถ้วนปรากฏขึ้นบนหัวของยักษ์น้ำแข็งผู้พิทักษ์ ราวกับควัน ที่เกือบจะรวมกันเป็นเมฆสีแดง แต่ดาเมจที่แท้จริงนั้น น้อยนิด ส่วนมากจะโจมตีไม่โดน และสกิลมากมายที่พุ่งลงไปบนตัว บอส ก็ทำดามเจบังคับได้เพียง หนึ่งแต้มเท่านั้น


แต่ถึงอย่างไร HP ของยักษ์น้ำแข็งผู้พิทักษ์ ก็ลดลงไปกว่า 100 ในขณะเดียวกันพวกเขาก็สังเกตุเห็น หลด HP ของ บอสตัวนี้


71875/72000


มันยังเหลือ HP อีกกว่า 70000 ซึ่งนั้นมากกว่า HP ของ Golden Skeleton King แต่นี้ก็ถือว่าปกติเพราะ บอสตัวนี้มี เลเวลสูงกว่า Golden Skeleton King ถึง 10 เลเวล.


“โจมตี free ใส่มันต่อไป! กลุ่ม เมจ ต้องดู แต้ม เวทมนตร์ ของตัวเองเอาไว้! อย่าลืมว่าพวกนายยังมี แต้ม เวทมนต์ มากกว่าครึ่ง!”


“กลุ่มนักธนู ต้องทำ DPS อย่างเร็วที่สุด! กลุ่มพระ จับตาดู HP ของผู้เล่นแนวหน้า! กลุ่มนักรบ ต้องหาโอกาสเพื่อที่จะเข้าช่วยเหลือในเวลาที่เหมาะสม!”


เป็นที่เห็นได้ชัดว่า สกายนั้น ไม่กลัวเมื่อต้องเผชิญหน้ากับ HP อันมหาศาลของ ยักษ์น้ำแข็งผู้พิทักษ์ เขายังคงออกคำสั่งอย่างบ้าคลั่ง


เสี่ยวเฟิง ยังสังเกตเห็นว่าผู้เล่นชั้นสูงของ วอร์สปิริตฮอล์ มีความสามารถในการต่อสู้ที่แข็งแกร่ง อาชีพที่แตกต่างกันทำหน้าที่ของตัวเองและรูปแบบที่มีความเสถียรภาพและไร้ความสับสน นอกจาก ไนฟ ซึ่งเป็นผู้เล่นแนวหน้าเพียงคนเดียว ก็ยังมีนักรบกว่า 200 คนที่ยืนอยู่รอบทะเลสาบน้ำแข็งและพวกเขาก็พร้อมที่จะช่วยเหลือไนฟ นักฆ่าและอาชีพอื่นๆ ที่ไม่มีความสามารถในการต่อสู้แบบกลุ่มก็ยืนอยู่รอบๆ ผู้เล่นที่อยู่ระยะไกล เพื่อป้องเหตุไม่คาดฝัน


“ฮึมมมม!”

ยักษ์น้ำแข็งผู้พิทักษ์ กรีดร้อง และใบหน้าของมันที่ดูเหมือนกับรูปสลักน้ำแข็งแสดงให้เห็นถึงความโกรธของมัน มันเหวียงขวานน้ำแข็ง แล้วทุบมันลงไปยัง ไนฟ ที่อยู่ใต้เท้าของมัน


“เปรี้ยง!”


ขวานน้ำแข็ง พลาดตัวของ ไนฟ และกระเด็นทิ่มลงไปบน พื้นของทะเลสาปน้ำแข็ง ชั้นน้ำแข็งของทะเลสาป ที่เรียบราวกับกระจกนั้นแตกในทันที และ ลอยร้าวที่ค้ลายกับใยแมงมุม ก็ปรากฏขึ่นบนนั้น ในขณะเดียวกัน เศษน้ำแข็งมากมายก็กระจายออกไปในทุกทิศทาง


ไนฟ หลบ การโจมตีของยักษ์น้ำแข็งได้ แต่เขาก็ยังโดนสะเก็ดน้ำแข็งพุ่งเข้าใส่ สะเก็ดน้ำแข็งที่ถือว่าเล็กสำหรับ ยักษ์น้ำแข็ง แท้จริงแล้วมีขนาดใหญ่พอๆ กับ ก้อนอิฐน้ำแข็ง สำหรับพวกผู้เล่น


ก้อนอิฐน้ำแข็งสองก้อนกระเด็นโดนหัวของ ไนฟ เต็มๆ แน่นอนว่า เขา มึน อยู่หลายวินาที แต่ HP ของเขากลับมาเต็มในทันทีหลังจาก ได้รับการรักษาจากกลุ่ม พระ ที่แข็งแกร่ง ไนฟ สายหัว เพื่อรักษาสติของเขาเอาไว้ และจากนั้นเขา ก็รีบกลิ้งผ่านหว่างขาของยักษ์น้ำแข็งและปรากฏตัวขึ้นข้างหลังตัวของยักษ์ เขาหลบเท้าอัน มหึมา ของ ยักษ์น้ำแข็ง ได้สำเร็จ


“มิส!”


“-1!”


“-1!”



ตัวเลข ดาเมจ อันนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น บนหัวของ ยักษ์น้ำแข็งผู้พิทักษ์ อย่างต่อเนื่องตลอดเวลาราวกับว่ามีใครบ้างคนโยนระเบิดควันสีแดงไปบนหัวของ บอสตัวนี้ ตัวเลขดาเมจมากมาย ร่วมตัวกันเป็น เมฆสีแดง และ HP ของ ยักษ์น้ำแข็ง ก็ถูกลดลงไปแล้ว 2000 ถึง 3000


“พวกเราลด HP มันได้ถึง 10เปอร์เซ็นแล้ว! ไนฟ! นายถอยออกมาได้เลย! ทีมรับช่วงต่อทีมแรกต้องพลัดกันโจมตีบอส! ” พวกนายไม่จำเป็นต้องกลับมาหลักจากที่นายถูกฆ่าและส่งกลับไปที่เมือง! ไปทำภารกิจ เพื่อเอา EXP ที่พวกนายเสียไปกลับคืนมา!”


ภายใต้ การโจมตีอันหนักหน่วงของผู้เล่นของผู้เล่นมากมายหลายคน HP ของ ยักษ์น้ำแข็งผู้พิทักษ์ ก็ถูกทำให้ลดลงไป 10 เปอร์เซ็น หรือเท่ากับ 7200 แต้ม ในเวลาน้อยกว่า 10 นาที แต่ HP ที่ลดลงก็หมายความว่ายักษ์น้ำแข็งกำลังจะเริ่มใช้ สกิล ของมัน


ไนฟ ถอยหนีในทันที ในฐานะที่เขาเป็น นักรบโล่คนเดียวที่สามารถทนต่อการโจมตีของบอสตัวนี้ได้ เขาจึงต้องหลีกเหลี่ยงการถูกฆ่า ดังนั้น ผู้เล่นคนอื่น ต้องต้าน สกิล ของบอสตัวนี้ด้วยชีวิตของพวกเขา!


กลุ่มของผู้เล่นที่ได้เตรียมตัวพร้อมแล้ว เดินออกมาข้างหน้า มีผู้เล่นห้าคนและไม่ใช้ทุกคนที่มีอาชีพ เป็นนักรบ หนึ่งในนั้นเป็น นักฆ่า และ อีกสองคนเป็น เมจ พวกเขาทุกคน ดูใจเย็นเมื่อต้องเผชิญหน้ากับความตาย


คนแรก เป็น นักรบเถื่อน เขาพยักหน้าให้กับ ไนฟ และรีบวิ่งเขาไปแทนที่ไนฟในทันที นักรบเถื่อนคนนั้น วิ่งเข้าไปชน บอส ในขณะเดียวกัน ซื๋ออี้ ได้ให้ พรชีวิต ให้กับ นักรบเถื่อน แต่เธอรู้อย่างแน่นอนว่า

การเพิ่มพลังนี้นั้นไม่พอที่จะช่วยชีวิตของเขา


“ฮึมมมม!”


นักรบเถื่อนคนนี้ กลายเป็นเป้าหมายของยักษ์น้ำแข็งผู้พิทักษ์ในทันที มันเปิด มันเปิดปากอันใหญ่โตของมัน และสูดหายใจราวกับลมพายุ เอาน้ำแข็งและหิมะที่มองเห็นได้ เข้าไปในตัวของมัน แล้วเป่าและพ่น พายุนั้นออกมา พายุอันหนาวเหน็บออก ปกคลุมไปทั่วบริเวณอย่างไร้มุมอับ มันไม่มีทางที่จะหนีออกไปได้ และนักรบเถื่อนคนนั้นก็ถูกแช่แข็งด้วยอากาศอันหนาวเย็นในและกลายเป็นรูปสลักในทันที เขาถูกฆ่าด้วยดาเมจที่มากกว่า 500 แต้ม และกลายเป็นศพ เขากล้ายเป็นแสงสีขาวในรูปสลักและถูกส่งกลับไปยังเมืองหลักเพื่อทำการฟื้นคืน ก่อนเขาจะล้มลงไปบนพื้นซะอีก


“เฮ้! เจ้าโง่น้ำแข็ง มองมาทางนี้!”


ไนฟ ออกไปข้างหน้า ในทันที่ ยักษ์น้ำแข็ง หยุดใช้สกิล ของมัน เข้าทุมดาบและโล่ ที่อยู่ในมือของเขาลงใส่เท้าทั้งสองข้างของ ยักษ์น้ำแข็ง ทำให้สะเก็ดน้ำแข็งกระเด็นไปทั่ว


“ฮึมมมม!”


ยักษ์น้ำแข็งกลับมาโกรธเกรี้ยวและใช้วิธีเดียวกันในการโจมตี ไนฟ มันยกเท้าข้างหนึงขึ้นและพยายามจะเหยียบลงไปที่ตัวของ ไนฟ แต่บอส นั้นมีขนาดใหญ่มาก และใช้เวลานานในการเหยียบไปที่ตัวผู้เล่น ไนฟใช้โอกาสนี้หลบออกมา แต่พื้นของทะเลสาปกลับแตกออกอีกครั้ง


“บรืซ”


เมื่อ ยักษ์น้ำแข็งผู้พิทักษ์ กำลังใช้สกิลของมันการโจมตีของผู้เล่นถูกหยุดไปก่อนที่จะกลับมาเริ่มขึ้นอีกครั้ง ร่างของบอสยักษ์ ถูกคลุ่มรอบไปด้วย สกิลหลายอย่าง และ HP ของมันก็ยังลดลงอย่างต่อเหนื่อง


วอร์สปิริตฮอล์ ชำนาญในการใช้เทคนิค และ เป็นกิลด์ที่ทรงพลังอย่างแน่นอน สมาชิกของกิลด์ มัประสบกาณ์มากมายในการรับมือกับ บอส และ ประธานของกิลด์ ก็กล้าที่จะโจมตีบอส ถึงแม้มีเพียงแค่ ไนฟ เท่านั้นที่เกือบจะต้านทานดาเมจของบอสไว้ไม่ได้

.

แต่ ไฟน เองก็สามาถต้านได้เพียง การโจมตีปกติของบอสเท่านั้น และเขาจะถูกฆ่าด้วยสกิลของมัน อย่างแน่นอน ดังนั้น เมื่อ HP ของไนฟ ลดลงเป็นจำวนมากและบอสเกือบจะใช้สกิลของมัน ไนฟ จะ ถอยออกมาในทันที และนักรบ คนอื่นจะเข้ามาแทนที่และต้านดาเมจของ สกิลจากบอส ด้วยชีวิตของพวกเขา หลังจากที่สกิลของบอสจบลง ไนฟ ก็จะวิ่งเข้าหาบอสอีกครั้ง


จากการสังเกตุการต่อสู้ที่ดุเดือดนี้กับบอสตัวนี้ เสี่ยวเฟิง รู้สึกได้ว่าเขาได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง เขารู้สึกตื่นเต้นและหมกหมุ่นอยู่กับความคิด แม้ว่าเขาจะเป็นผู้เล่นที่มีประสบการณ์แต่เขาก็เล่นเกมนี้ด้วยตัวคนเดียว เพราะฉนั้นการต่อสู้แบบทีมทีมครั้งนี้จึงเป็นแรงบัลดาลใจที่ยอดเยี่ยมให้กับเขา เขาจึงสนใจมันเป็นอย่างมาก


แต่เสี่ยวเฟิง ก็ยังอยากจะรู้ว่ากิลด์ วอร์สปิริตฮอล์ จะทำอะไรต่อไป เพราะว่า ยักษ์น้ำแข็งผู้พิทักษ์ยังมี HP อีก 90 เปอเซน และมันจะต้องมี สกิล อีกมากมายรวมถึง สกิลขั้นวิกฤติ ไนฟทำได้เพียงด้านทานการโจมตีแบบปกติของมันอย่างยากเย็นและเหลือกำลังเสริมอีกเพียง สี่ กองเท่านั้น เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะสามารถต้านดาเมจของยักษ์น้ำแข็ง


“พวกเราลง HP ของมันลงไป 20 เปอร์เซ็นแล้ว! ไนฟ ถอยออกมาได้แล้ว! กำลังเสริมรีบๆ วิ่งเข้าไปแทนที่เขา!”


เวลาสิบนาทีผ่านไป และ HP ของยักษ์น้ำแข็งก็ลดลงไปอีก 10 เปอร์เซ็นอีกหน สกายออกคำสั่งให้ ไนฟ ถอยออกมาอีกครั้ง และ ผู้เล่นเมจ คนหนึงก็วิ่งเข้าไปหา บอส


ซื๋ออี้ ไม่แม้แต่จะเพิ่ม พรชีวิต ให้กับผู้เล่นคนนี้ ทุกคนรู้ดีว่า ผู้เล่น เมจ นั้น บอบบางและมี HP ที่น้อยนิด ดังนั้น เมจคนนี้ จึงไม่มีทางที่จะถูกช่วยไว้ได้ ทุกคนได้แต่หยุดการโจมตีและมอง เมจ จากกำลังเสริมโดน สกิลของบอส ฆ่า อย่างไม่มีทางช่วยเหลือ


“พวกเราลด HP ของมันลงไป 30 เปอร์เซ็นแล้ว! ไนฟ! กำลังเสริมรีบ วิ่งเข้าไปแทนที่!”



“พวกเราลด HP ของมันลงไป 40 เปอร์เซ็นแล้ว ไนฟ! กำลังเสริม….!”



ภายใต้การโจมตีอันดุเดือด HP ของยักษ์น้ำแข็งยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง และอีกไม่นาน HP ของมันจะถูกลดลงไปถึงครึ่ง ทุกคนรู้ว่าพวกเขาเผชิญกับบททดสอบที่ใหญ่มากขึ้นนับจากนี้ บอสจะใช้ สกิลที่โหดร้าย เมื่อ HP ของมันตำกว่า 50 เปอร์เซ็น


พลังป้องกันของ บอส จะลดลงเมื่อมัน ดุร้าย ดังนั้น นี้เป็นโอกาสที่ยอดเยี่ยมในการ ทำ DPS ผู้เล่นที่มีอาชีพ DPS ทั้งหมด จะใช้สกิลของพวกเขาในตอนนั้น


แต่ในขณะเดียวกัน พลังโจมตีของบอสและความเร็วในการโจมตีก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก ในสถานะ ดุร้าย อีกด้วย บอสตัวนี้มีพลังโจมตีที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว และมันจะสามารถฆ่าผู้เล่นได้ในทันหลังจากเข้าสู้ สถานะ ดุร้าย


ในตอนนี้ มันจะอันตรายอย่างมากสำหรับ ไนฟ ที่แทบจะไม่สามารถทนต้อการโจมตีของบอสได้


“มันเหลือ HP แค่ 50 เปอร์เซ็นแล้วตอนนี้! ไนฟ! รีบๆ ถอยออกมาก! หนีออกไปที่ขอบของทะเลสาปน้ำแข็ง! กำลังเสริม ชลอ บอสเอาไว้! ได้โปรดทนต่อไปอีกหน่อย! ฉันหวังว่าบอสจะไม่ใช้สกิลที่รุนแรง! ”

สกาย ดูมืดมัว เขามองไปยังผู้เล่นคนสุดท้ายของกลุ่มกำลังเสริม


เขาเป็นผู้เล่นอาชีพ นักฆ่า ผู้เล่นทั้งหมดของกลุ่มกำลังเสริมมี EXP มากกว่า 120 เปอร์เซน สำหรับเลเวล 10 ผู้เล่นนักฆ่าคนนี้ไม่มี สกิลระยะไกล แต่เขาก็มี เลเวล 10 เขาคือผู้เล่นชั้นสูงอย่างแน่นอน


64

“ฮึมมม!”


ยักษ์น้ำแข็งผู้พิทักษ์ ยกขวามของมันขึ้นด้วยมือทั้งข้างและกรีดร้องต่อ เห็นได้ชัดว่ามันกำลังเตรียมจะใช้สกิล ขั้นวิกฤติ


ผู้เล่นระยะไกลทั้งหมด หยุดการโจมตีของพวกเขาเพื่อหลบการดึงค่าความเกลียดของบอสยักษ์ในตอนนี้


ในฐานะที่เขาเป็นสมาชิกคนสุดท้ายของ กลุ่มกำลังเสริม ผู้เล่นนักฆ่าเดินออกไปข้างหน้า เห็นได้ชักว่าเขาฉลาดในการรับมือกับบอส เขาไม่กล้าจะที่เข้าไปใกล้ยักษ์น้ำแข็งและยืนอยู่ตรงริมรัศมีความเกลียดของมัน


ในไม่ช้า ยักษ์น้ำแข็งผู้พิทักษ์ ก็ได้เริ่มใช้สกิลของมัน แต่ว่าสกิลนั้นไม่ได้เป็น สกิลรุนแรง ซึ่งเป็นที่โล่งอกอย่างยิ่งสำหรับผู้เล่นทุกคน

“เปรี้ยง!”


ทุกย่างกาวที่ยักษ์น้ำแข็งก้าวเดิน จะสร้างคลื่นความเย็นแพร่ออกไปจากเท้าทั้งสองข้างของมัน คลื่นความเย็นนั้นปกคลุกไปในวงกว้างและคือสกิลระยะไกลอย่างแน่นอ ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ใครรู้ถึงระยะเวลามีอยู่ของคลื่น ยักษ์น้ำแข็งย้ำเข้าไปหา นักฆ่าผู้ที่เป็นผู้เล่นคนเดียวที่อยู่ในรัศมีความเกลียดของมัน และคลื่นความเย็นที่ถูกปล่อยออกมาทับกันเป็นชั้นๆ


ผู้เล่นนักฆ่าคนนั้น หันหลังและวิ่งหนีอย่างไม่ลังเล แต่เขาก็ไม่กล้าวิ่งเร็วเกินไป เขาวิ่งไปตามริมรัศมีความเกลียดของยักษ์น้ำแข็งผู้พิทักษ์ เพื่อที่จะชลอมันไว้


แต่ในไม่นาน ปัญหาที่ร้ายแรงก็เกิดขึ้น


ทะเลสาปน้ำแข็งนั้นมีขนาดไม่กว้างมาก หลักจากที่วิ่งไปทั่วทะเลสาปสักครู่หนึง ผู้เล่นนักฆ่าก็ค้นพบว่าเขายืนอยู่ที่ริมทะเลสาปน้ำแข็งซึ่งเป็น กองบัญชาการของผู้เล่นอาชีพระยะไกล ของกิลด์ วอร์สปิริตฮอล์


เขาไม่สามารถตรงเข้าไปได้และต้องหยุดในทันที ผู้เล่นนักฆ่าคนั้น กัดฟันของเขาเพราะเขาต้องการที่จะวิ่งผ่าน ยักษ์น้ำแข็งผู้พิทักษ์ด้วยความเร็วสูงสุดของเขาเพื่อโจมตีมันจากข้างหลัง


โชคไม่ดีที่ ผู้เล่นนักฆ่า ถูกยักษ์น้ำแข็ง ต้อนจนจนมุม และชั้นของคลื่นความเย็นก็ถูกปลดปล่อยออกมาจกาเท้าของมัน ในบริเวณกว้าง เขากำลังยืนอยู่ที่มุม มุมหนึงของทะเลสาปน้ำแข็งและไม่มีทางที่จะหนีออกไปได้ เขาเร่งความเร็วของเขาและต้องการที่จะวิ่งผ่านบอส ในระหว่างช่องว่างของคลื่นความเย็น สองคลื่น แต่เขาทำไม่สำเร็จและโดนคลื่นความเย็นปกคลุม นักฆ่าคนนี้ถูกเปลี่ยนเป็นรูปสลักน้ำแข็งในพริบตา คลื่นความเย็ยสามารถสร้างความเสียหายได้ 200 แต้ม ทำให้เขาถูกฆ่าในทันที


“เสร็จกัน!”


ผู้เล่นหลายคนหมดหวังไปพร้อมๆ กัน


ยักษ์น้ำแข็งผู้พิทักษ์ เสียเป้าหมายความเกลียดของมัน หลังจากที่ ผู้เล่นนักฆ่าคนนั้นตาย ดังนั้นมันจึงเดินตรงไปข้างหน้า สกิลระยะไกลของมันยังไม่หยุดและมีผู้เล่นแนวหลังกลุ่มใหญ่ของกิลด์ วอร์สปิริตฮอล์l อยู่ตรงหน้่าของสกิล


ยักษ์น้ำแข็งได้ตามผู้เล่นนักฆ่ามาที่ริมทะเลสาปน้ำแข็ง และผู้เล่นแนวหลังก็อยู่ใกล้กับขอบทะเลสาป ผู้เล่นหลายคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าของ ยักษ์น้ำแข็งผู้พิทักษ์ นั้นตื่นกลัวและเริ่มที่จะอยากหนีออกมาในทันที เป็นผลให้รูปทัพนั้นสั่นคล่อน


บอส กำลังจะวื่งเข้าใส่ ผู้เล่นแนวหลัง และทุกคนก็รู้ถึงผลที่จะตามมา ผู้เล่นหลายอยากที่จะหันหลังและหนีออกไป แต่พวกเขาไม่ขยับ ในด้านหนึงพวกเป็นผู้เล่นระดับสูงที่ได้รับการฝึกฝนอย่างดี และจะไม่สามารถที่จะเริ่มทำอะไรได้โดยปราศจากคำสั่งของประธาน ในอีกด้านหนึง ไม่มีทางที่จะวิ่งหนีออกไปได้ ยักษ์น้ำแข็งผู้พิทักษ์นั้นดูเหมือนจะเชื่องช้า แต่ตัวของมันใหญ่และสามารถเคลื่อนที่ได้ไกลด้วยการก้าว ก้าวเดียว มันเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะหนี


“ทีมกำลังเสรืมที่สอง! นี้เป็นความสมัครใจ..เราเคารพการตัดสินใจของพวกนาย EXP ของพวกนายจะต่ำกว่า 20 เปอร์เซ็นและจะถูกส่งกลับไปยังหมู่บ้านมือใหม่หลังจากที่ถูกบอสตัวนี้ฆ่า ฉันจะไม่บังคังให้พวกนายเดินออกมา แต่กิลด์ วอร์สปิริตฮอล์ จะไม่ลืมบุญคุณของพวกนาย”


สกายเสียงแหบ เขากัดฟันกรอดและเส้นเลือดสีม่วงเด่นขึ้นบนขมับของเขา


ทีมกำลังเสริมที่สองนั้นไม่มีอยู่จริง เพราะว่า กิลด์ วอร์สปิริตฮอล์ มีผู้เล่นระดับสูงเพียง 5 คนที่มี EXP มกากว่า 120 เปอร์เซ็นสำหรับเลเวล 10 สิ่งที่เรียกว่าทีมกำลังเสริมที่สองนั้นเป็นเพียงโล่มนุษย์เท่านั้นและสมาชิกของทีมนี้จะถูกฆ่าและถูกส่งกลับไปหมู่บ้านเริ่มต้นในทันที


ใน มืท หลังจากที่ออกจาก หมู่บ้านเริ่มต้า ผู้เล่นจะต้องเจอกับระบบที่เรียกว่า โทษของการตาย แต่ละครั้งที่ผู้เล่นถูกฆ่าตาย มันจะลด EXP ของผู้เล่นคนนั้น ลงไป 20 เปอร์เซ็น ของแต้ม EXP ในการเลื่อนขึ้นครั้งต่อไปและถ้าผู้เล่นไม่มี EXP 20% นี้ มันจะลดเลเวลของผู้เล่นลงไปหนึ่งเลเวลแทน


ถ้า ผู้เล่นเลเวล 10 หลายคน ถูกลด เลเวลลง พวกเขาจะถูกส่งกลับไปยังหมู่บ้านเริ่มต้น ซึ่งจะเป็นความเสียหายที่ค่อนข้างใหญ่สำหรับพวกเขา


สกาย ได้คาดการณ์ไว้แล้วว่าเขาจะต้องพบกับสถานการณ์แบบนี้ เพราะอย่างไรก็ตาม พวกเขามีเพียงทีมกำลังเสริมที่มีสมาชิก 5 คนและไม่สามารถที่จะต้านทานสกิลของบอสได้ แต่มันก็ยังทำให้เขาใจหายอยู่ดีเมื่อเขาขอให้ผู้เล่นคนอื่นเสี่ยงตาย


“ฮาฮ่า! ฉันขอเสนอตัว! ฉันอยากจะกลับหมู่บ้านเริ่มต้มและไปทำภารกิจทดสอบให้สำเร็จอีกรอบ!!”


ทุกคนบืนอยู่ในความเงียบและพวกเขาสามารถได้ยินแค่เพียงเสียงลากเท้าของยักษ์น้ำแข็งผู้พิทักษ์ พวกเขาทักคนนั้นสิ้นหวังและอยู่ภายใต้แรงกดกดันอันมหาศาล แต่ว่า นักธนูคนหนึ่งหัวเราะขึ้นและเดินออกมา


“เฮ้! ไอหน้าโง่ตัวใหญ๋! หันมาที่ฉันสิ!”


เขาวิ่งเข้าไปในระยะความเกลียดของ ยักษ์น้ำแข็งผู้พิทักษ์แล้วยิง ศร สองดอกไปที่หัวของบอส ยักษ์น้ำแข็งผู้พิทักษ์หันกลับมาและกำหนดเป้าความเกลียดที่นักธนูที่ยิงศรเข้าหาตัวมัน นักธนูคนนั้นวิ่งออกมาในทันทีและยักษ์น้ำแข็งผู้พิทักษ์ก็ไล่ตามเขาและออกห่างจาก ผู้เล่นแนวหลังที่ยืนอยู่ที่ ริมทะเลสาปน้ำแข็ง


แต่เขาทำได้เพียงวิ่งหนีไปได้ไม่ไกลนัก ก่อนที่ยักษ์น้ำแข็งวิ่งตามเขาทัน หลังจากนั้นเขาก็ถูกปกคุลมด้วยคลื่นความเย็น


“เพื่อเกียรติยศ ของ วอร์สปิริต! ”


นักธนูคนนั้น ตะโกนออกมาด้วยรอยยิ้ม หลังจากนั้นเขาก็กลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งและหายไปกับแสงสีขาว


แต่หลังจากที่เขาตาย ยักษ์น้ำแข็งผู้พิทักษ์ ก็เปลี่ยนทิศทางของมันอย่างเฉียบพลัน มันหันหลังกลับมาและตรงเข้าไปที่กลุ่มผู้เล่นขนาดใหญ่ที่ยืนอยู่ที่ ริมทะเลสาปน้ำแข็ง ที่จริง มันเคยเข้ามาที่ริมทะเลสาปแล้วครั้งหนึ่ง และผู้เล่นแนวหลังเหล่านี้ก็เคย ถูกความเกลียดชังของมันปกคลุมไปแล้ว มันทิ้งพวกเขาไปเพื่อไล่ตามนักธนูคนนั้นเพราะว่านักธนูโจมตีมัน ดังนั้นยักษ์น้ำแข็งจึงหันหลังกลับมา และวิ่งเข้าหา เป้าความเกลี่ยดของมันที่เหลืออยู่ในทันที หลังจากที่นักธนูคนนั้นถูกฆ่า


ยิ่งไปกว่านั้น มันยังคงใช้ สกิล เดิมอยู่ สกิลนั้นคงอยู่มาถึง 10 วินาทีแล้วแต่ไม่มีใครรู้ว่า สกิลของมัน ยังอยู่ได้นานแค่ไหน


“ฉันจะเข้าไปเอง! วอร์สปิริต นั้นไม่มีวันตาย! เกียรติยศ ยังคงอยู่ตลอดไป!! ”


เมจอีกคนหนึงเดินออกมา เพื่อจะทำภารกิจฆ่าตัวตายนี้ และวิ่งเข้าไปในระยะความเกลียดของยักษ์น้ำแข็งผู้พิทักษ์ เขาทำตามแบบอย่างที่นักธนูคนนั้นทำ และเอาเวลาหนึงวินาที มาให้ผู้เล่นแนวหลัง


“ฮาฮา! ฉันจะเข้าไปด้วย! ฉันอยากจะกลับไปช่วยพวกนั้นทำภารกิจทดสอบให้เสร็จ!”


“รอฉันด้วย! ฉันไม่กลัวที่จะถูกส่งกลับไปยังหมุ่บ้านฝึกหัดหรอก! วอร์สปิริต นั้นไม่มีวันตาย! ”


“วอร์สปิริต นั้นไม่มีวันตาย! ไปกันเถอะ!”


ผู้เล่นหลายคน ทำตามตัวอย่างของผู้เล่นนักธนูคนนั้น พวกเขาเดินออกมาและวิ่งเข้าไปหา ยักษ์น้ำแข็งผู้พิทักษ์ที่ละคน นี้เป็นกลยุทธ์ฆ่าตัวตาย และพวกเขากำลังถ่วงบอสเอาไว้ด้วยการเสียชีวิตของพวกเขา ผู่เล่นเหล่านี้จะสูญเสียหลายสิ่งและถูกส่งตัวกลับไปที่ หมู่ป้านฝึกหัดมากกว่า ที่เมืองหลัก หลังจากที่ถูกฆ่าไปแล้ว


แต่พวกเขาก็ยังวิ่งเข้าหา บอส อย่างไม่ลังแล พวกเขาตะโกน สโลแกน ของกิลด์ออกมาและเริ่มการโจมตีอย่างวีรบุรุษ และในที่สุดพวกเขาจะกลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งในชั้นอากาศเย็น


ภาพที่อยู่ตรงหน้า กลายเป็น ภาพที่โศกสลดและกล้าหาญผสมไปด้วยกัน สกาย ยืนอยู่บนก้อนหินน้ำแข็ง เม้มริมฝีปากของเขาเข้าด้วยกัน ตาของเขาถูกเติมเต็มไปด้วยน้ำตา


“พี่ชาย, ช่วยหยุดพวกเขาที! ผมต้านดาเมจมันไหว! พวกเขาเป็นกระดูกสันหลังของกิลด์เรานะ!”


ไนฟ กำหมัดทั้งสองข้างและกัดฟันของเขาแล้วตะโกนออกมา

สกายมองไปยัง ฉากอันน่าเศร้านี้ เส้นเลือดตรงคอขอเขาปูดขึ้น ดวงตาของเขาถูกเติมเข้าไปด้วย ความทรมารและการดิ้นรน แต่เขาไม่พูดอะไรออกมา เขากลัวว่าความพยามยามและการเสียสละทั้งหมดของพวกผู้เล่น จะสูญเปล่าถ้าเขาสั่งให้หยุด


สกายสามารถทำได้เพียงจดจำชื่อและหน้าตาของผู้คนเหล่านี้ ผู้คนที่เสียสละตัวเองเพื่อกิลด์นั้นไม่ได้มีแค่ สมาชิกหลักแต่ยังรวมถึงเหล่าแกนนำของกิลด์ด้วย ถ้าไม่มีพวกเขา กิลด์ the วอร์สปิริตฮอล์ คงไม่สามารถที่จะเติบโตได้ขนาดนี้!


“หยุดได้แล้ว! หยุดวิ่งเข้าไปหา บอส! ประธาน ช่วยบอกให่พวกนั้นถอยกลับมา! พวกเราจะปล่อยบอสตัวนี้ไป!”


ดวงตาของ ซื๋ออี้ นั้นเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา เธอ กลายเป็นบ้า และเำิ่ม สกิลหลายรูปแบบให้กับเหล่าผู้เล่นที่เข้าไปต้านทาน ดาเมจของบอส ด้วยร่างของพวกเขา เธอได้ใช้ พรชีวิต พรอาวุธ Holy Light และสกิลรักษาอีกมากมาย จนในที่สุด MP ของเธอก็หมดลง แต่ความพยายามของเธอนั้นสูญเปล่าและเธอ สามารถทำได้เพียงขอให้ สกาย บอกให้หยุด ด้วยเสียงสะอื่น


ผู้เล่นผู้หญิงของกลุ่ม พระ ก็กำลังร้องไห้อย่างเงียบๆ พวกเธอรู้สึกรู้สึกตื้นตันกับเพื่อนร่วมกิลด์ของพวกเธอในโลกเสมือนจริงนี้ ความจริงแล้ว กลุ่ม พระ นั้นเป็นเป้าหมายของยักษ์น้ำแข็งผู้พิทักษ์ และพวกสมาชิกคนอื่นๆ ก็กำลังปกป้องพวกเธอ


ดวงตาของ สกาย แดงก่ำ ริมฝีปากของเขาขยับ แต่เขาไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาไม่สามารถออกคำสั่งให้พวกเขาถ้อยออกมาได้ ไม่เช่นนั้นความพยายามและการเสียสละอันยิ่งใหญ่ของพวกเขานั้นจะไร้ประโยชน์และเขาไม่สามารถที่จะชดใช้มันได้ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากอธิษฐานให้บอสจะหยุดใช้สกิลนี้เสียที แต่เมื่อเขามองไปรอบ ๆ สถานที่แห่งนี้และเห็นว่ามีร่างหนึ่งวิ่งเข้าใส่บอสทันที เขาตกใจและตะโกนใส่ร่างนั้นในทันที


“ไนฟ! กลับมา!”


คนที่วิ่งเข้าไปคือ ไนฟ ดวงตาของเขาเป็นสีแดงเช่นกัน เขาทนไม่ได้กับฉากที่เขาเห็นอีกต่อไปเพราะว่าคนพวกนี้ตายเพื่อตัวเขา


“ออกไปให้พ้นทาง! ฉันจะต้านการโจมตีของมัน!”


ไนฟ ไม่สนใจคำพูดของ สกาย เขาตะโกนและวิ่งเข้าไปในระยะความเกลียดชังของยักษ์น้ำแข็งผู้พิทักษ์ ในขณะเดียวกันพวกผู้เล่นคนอื่นก็หยุดการปฏิบัติภารกิจฆ่าตัวตาย


“ไนฟ! บัดซบ! กลุ่ม พระ ต้องคอยดู HP ของเขา!”


สกายตะโกนออกมา ไนฟ คือผู้ที่เป็นหวังเดียวในการฆ่าบอส หากเขาถูกฆ่าโดย สกิลนี้ พวกเขาจะได้ดิ่งลงไปในก้นบึ่งของความสิ้นหวังเป็นแน่ สกายรู้สึกผิดที่เขาเเลือกโจมตีบอสในวันนี้ เขาควรจะรอไปอีกหนึ่งวันแล้วค่อยโจมตีบอสเมื่อเขามีผู้เล่นมากกว่านี้


“ใช้คลื่นการรักษา! กลุ่มแรกและกลุ่มที่ เริ่มได้!!”


สกาย ไม่จำเป็นที่จะต้องออกคำสั่งใด ๆ ซื๋ออี้ ก็รู้ดีว่าเธอควรทำอะไรต่อไป เธอไม่แม้แต่ที่จะเช็ดคราบน้ำตาของเธอ และสั่งการไปยังกลุ่มพระ ทันใดนั้น ก็มีคลื่นรักษาอันทรงพลังของเหล่าพระ ก็หล่นลงบนหัวของไนฟ


“ปัง!”


ในเวลาเดียวกันยักษ์น้ำแข็งผู้พิทักษ์ หันไปหา ไนฟ และกระทืบเท้าของมัน ทำให้คลื่นความเย็นแผ่กระจายไปทั่วผิวน้ำของทะเลสาบ


“-200!”


ดูเหมือนว่ามันจะเป็นดาเมจที่ตายตัว HP ของ ไนฟ เกือบหมดลง ทำให้เขามีแต้ม HP เหลืออยู่นิดหน่อย แต่หลังจากการรักษา จากเหล่า พระ HP ของเขาก็เต็มในพริบตา ในสายตาของทุกคนมีความหวังและดูเหมือนว่า ไนฟ นั้นสามารถที่จะต้านทานการดจมตีไว้ได้


ในเวลาเดียวกัน ยักษ์น้ำแข็งผู้พิทักษ์ ก็ทิ่มขวานน้ำแข็งลงบนพื้นและหยุดสกิลนี้ไว้ ดวงตาของผู้เล่นทุกมันวาวขึ้น และพวกเขาคิดว่าพวกเขาประสบความสำเร็จในการด้านทานการโจมตี


แต่พวกเขาก็หมดหวังอีกครั้งในวินาทีถัดมา


สกิล ของยักษ์น้ำแข็งผู้พิทักษ์ นั้นใกล้จะถึงจุดสิ้นสุด แต่สกิลของมันจะขึ้นไปสู่จุดที่อันตรายที่สุดก่อนที่มันจะจบลง บอส ดึงขวานแข็งของมันขึ้นและ คลื่นความเย็นสามชั้นก็ปรากฏขึ้นพร้อมๆ กัน คลื่นทั้งสามซ้อนเข้าด้วยกันและกลายเป็น คลื่นขนาดหมึมา สามคลื่น คลื่นนั้นกำลีงเคลื่นที่เข้าไปหา ไนฟ และผู้เล่นทุกคนก็กำลังมองคลื่นนั้นอย่างตกตะลึง


ผู้เล่นทั้งหมด นั้นเข้าตาจนแล้วในเวลานี้ คลื่นทั้งสามกำลังจะกลืนกินมีด ไนฟ ลงไป แต่พวกเขาไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ คลื่นแต่ละคลื่น สามารถสร้าง ดาเมจได้ 200 แต้ม ไนฟ เกือบที่จะไม่สามารถต้านทานคลื่นความเย็นอันแรกเอาไว้ได้ แต่คลื่นทั้งสามก็กำลังเคลื่อนที่เข้าหาเขาพร้อมๆ กัน ไนฟจะถูกคลื่นปกคลุมภายในเวลาเพียงหนึ่งวินาที มันเป็นไปไม่ได้ที่ไนฟจะทนต่อคลื่น ที่มีดาเมจ 200 ทั้งสามได้ภายในเวลาเพียงหนึ่งวินาที


จะเป็นไปได้ไหม? ถ้ากลุ่ม พระ สามารถที่จะมอบการรักษาแบบไม่มีที่ติและ เพิ่ม HP ของไนฟให้เต็มได้ติดๆ กันสามรอบ เขาก็อาจจะรอดชีวิตมาได้ แต่จะมีใครบ้างที่สามารถมอบการรักษาที่แม่นยำได้ด้วยเวลาที่แตกต่างกันเพียง 0.3 วินาที?


ไม่ นั้นมันเป็นไปไม่ได้…


65

ทุกคนวางอาวุธของพวกเขาลงอย่างไม่เต็มใจในดวงตาพวกเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง คลื่นทั้งสามเข้ามาที่ ไนฟ ทีละอัน เขาไม่สามารถที่จะต้านดาเมจนี้ได้ ทุกคนรู้ว่าตราบใดที่ ไนฟ ถูกฆ่า การต่อสู้กับบอสตัวนี้จะจบลงในทันทีและพวกเขาก้ต้องยอมรับความพ่ายแพ้


ไนฟ ยังคงมึนงง ไม่มีทางที่เขาจะยกโล่ขึ้นมาได้ เขาเริ่มจะเสียใจกับสิ่งที่เขาทำลงไป เขาไม่ควรจะทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังแบบนี้ เพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะต้านทานดาเมจของสกิลจากบอสเลเวล 30 ยิ่งไปกว่านั้น ไนฟ รู้อยู่แก่ใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาถูกฆ่า กิลด์ วอร์สปิริตฮอล์ จะต้องเผชิญกับความพ่ายแพ้และความพยายามและการเสียสละที่ผ่านมาทั้งหมดที่ผ่านมาจะสูญปล่าว


“พวกเธอทุกคน! ใช้สกิล Holy Light! ใช้มันให้พร้อมๆ กัน! ทนไว้! เราต้องผ่านวินาทีนี้ไป! ขอเพียงแค่วินาทีเดียว! อย่างเพิ่งยอมแพ้!”


ซื๋ออี้ ตะโกนออกคำสั่งอย่างบ้าระห่ำ กลุ่ม พระ ของกิลด์ วอร์สปิริตฮอล์ คือความหวังสุดท้าย พวกเธอต้องเพิ่ม HP ของไนฟ อย่างพร้อมเพรียงกันภายในวินาทีนี้และต้องทำให้ HP ของ ไนฟ เต็มอยู่ตลอดเวลา


ถึงแม่ว่า บอสตัวนี้ สามารถสร้าง ดาเมจ อันมหาศาลได้ในทุกๆ 0.3 วินาที ไนฟก็อาจจะรอดถ้าพวกเธอสามารถเติม HP ของเขาได้ในทันที


แต่ ซื๋ออี้ ก็รู้ว่า ความหวังที่กลุ่มพระ จะทำได้สำเร็จมีเพียงน้อยนิดเท่านั้น มันแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะทำมันให้สำเร็จ และพวกเขาก็ได้แต่หวังให้ปาฏิหาริย์เกิดขึ้น


ประการแรกคือ กลุ่มพระไม่สามารถที่จะ รักษา ไนฟ ได้ในเวลาเดียวกันและการรักษาถูกแยกออก มันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้สำหรับพวกเธอที่จะรักษา ไนฟ ในทุกๆ 0.3 วินาที ยิ่งไปกว่านั้น สกิล Holy Light ของ พระบ้างคงยังคงอยุ่ในเวลา cooldown นี้เป็นภารกิจที่เป็นไปไม่ได้


แต่ ซื๋ออี้ ก็สามารถทำได้เพียงยอมเสี่ยง และภวานาให้ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นเท่านั้น เธอสวดภวานาไว้ว่าให้เธอสามารถเพิ่ม HP ของไนฟทั้งหมด ได้ในทุกๆ 0.3 วินาที


“ฮึมมมม!”


เธอไม่มีเวลามากนักในการสวดภวานา คลื่นระเบิดความเย็นนั้นมีความสูงสองเมตร ซึ่งถือว่ามีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับยักษ์น้ำแข็งผู้พิทักษ์ แต่คลื่นนั้นไม่สามารถที่จะถูกหยุดได้ และพุ่งเขาไปชนไนฟ ในทันที


ซื๋ออี้ กำมือ กรอดฟัน และกัดริมฝีปากที่หวานฉ่ำ ของเธอ เธอกำลังจ้องไปที่ หลอด HP บนหัวของ ไนฟ โดยไม่กระพริบตา


ขณะนี้ ดูเหมือนว่า เวลาได้เดินช้าลง เลขการ รักษาหลายอัน ลอยขึ้นบนหัวของไนฟ์ ขณะเดียวกับที่ คลื่นความเย็นทั้งสามพุ่งผ่านร่างของเขา


“-200!”


คลื่นระเบิดลูกแรกหายไป ทำให้ HP ของไนฟ เกือบหมด ด้วยความช่วยเหลือจากสกิล Life Blessing ทำให้เขามีเพียง HP 210 และ HP เขาก็เกือบหมดลงเพียงเพราะคลื่นระเบิดลูกแรก

ตัวเลข รักษา จำนวนมาก ปรากฏขึ้นบนหัวของ ไนฟ พระหลายคน กำลังรักษาเขาอย่างบ้าคลั่งและไม่สม่ำเสมอ ทำให้ เขาได้ HP กลับมาแล้วครึ่งหนึ่ง แต่ในขณะเดียวกัน คลื่นระเบิดลูกที่สองก็ปรากฏขึ้น และเขาไม่สามารถที่จะต้านดาเมจของมันได้ ด้วย HP เพียงครึ่งเดียว


“+110!”


แต่ดวงตาของ ซื๋ออี้ นั้นเบิ่งโต เธอพบว่า หลอด HP ของไนฟนั้นเต็มในทันที ในท่ามกลางตัวเลขรักษาจำนวนมากบนหัวของ ไนฟ ตัวเลขรักษาสามหลักนั้นสะดุดตาอย่างมาก!


ซื๋ออี้ ใจจะวาย เมื่อเธอเห็นตัวเลขรักษาสามหัลกอันนี้ ไนฟ ผู้ที่มี HPเพียงครึ่งเดียวกลับมามี HP ที่เต็มแล้วตอนนี้! ยิ่งไปกว่านั้น เลขรักษาอันนี้ ปรากฏขึ้นได้อย่างทันท่วงที และคุ้มครอง ไนฟ ไว้ก่อนที่ คลื่นระเบิดลูกที่สองจะปรากฏ!


เธอ มองไปยัง กลุ่มพระ ด้วยดวงตาอันงามหยดย้อยของเธอและค้นพบว่า เสี่ยวเฟิงกำลัง แกว่งไม้เท้า ของเขา ซื๋ออี้ นั้นประหลาดใจและไม่อยากจะเชื่อว่า เป็นเสี่ยวเฟิงที่ช่วยพวกเขาเวลาจากสถานการณ์ชับคัน


แต่พวกเขา เพิ่งจะเติม HP ของ ไนฟ ได้ครั้งเดียว และมันไม่พอ เพราะว่ายังมีคลื่นระเบิดอีกสองลูก!


มันดูเหมือนการเคลื่อนไหว้ทั้งหมดนั้นช้าลง แต่ในความเป็นจริง เวลานั้นไม่ได้เดินช้าลงแต่ฉากด้านหน้าของพวกเขานั้นชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อพวกเขาจดจ่อกับมันอย่างจริงจัง


คลื่นระเบิดลูกที่สองกระทบตัวของไนฟ และสร้างความเสียหาย 200 แต้ม หลอด HP ของเขาเกือบหมดเกลี้ยง และเขาก็มี HP กลับมาเพียงสามในสี่หลังจากที่กลุ่ม พระ รักษาเขาอย่างบ้าพลัง แต่หลังจากนั้น คลื่นระเบิดความเย็นลูกที่สามก็พุ่งตรงเข้าหาเขาอีกครั้ง


ซื๋ออี้ ปล่อยมือออกจากไม่เท้าของเธออย่างอ่อนแรง เธอดูสิ้นหวังในตอนนี้ ตัวเลขการรักษาจากกลุ่ม พระ นั้นเยอะมากพอ แต่ช่วงเวลานั้นสั้นเกินไป เธอคิดว่า การรักษาที่ไร้ความพร้อมเพรียงและบ้าระห่ำแบบนี้จะสามารถเพิ่ม HP ของเขาได้ทันเวลา แต่ในตอนนี้เห็นได้ชัดว่าเธอคิดผิด


ในความเป็นจริง เธอระลึกได้ว่าเธอนั้นคิดผิดตั้งแต่ คลื่นระเบิดความเย็น ลูกแรกปรากฏขึ้น ถ้าไม่มีตัวเลขรักษาสามหลัก ไนฟ คงจะถูกฆ่าไปแล้ว


ซื๋ออี้ จ้องไปที่เสี่ยวเฟิงด้วยดวงตาอันงดงามของทาง เธอเชื่อว่านี้คือ พระ ที่มีความสามารถประหลาดที่เป็นผู้ที่ได้ทำตัวเลขฮีลสามหลักนี้ แต่เธอไม่มีความหวังแล้วในตอนนี้


ถึง พระคนนี้ จะมีสมรรถภาพในการรักษาอันยอดเยี่ยมและเป็น พระเทพ อย่างแน่นอน แต่เขาก็ได้ใช้สกิล Holy Light ไป และไม่มีสกิลรักษาอื่นที่สามารถใช้ได้ในทันที หมายความว่า ไนฟ นั้นชะตาขาดไปแล้ว


แต่ดวงตาอันสวยสดของ ซื๋ออี้ เบิ่งโตขึ้นในทันที่ เพราะว่าเธอได้เห็น เสี่ยวเฟิง เกว่งไม้เท้าของเขาอีกครั้ง เสี่ยวเฟิง ดูสงบนิ่ง เหมือนกับว่า ฉากที่น่าระทึกขวัญตรงหน้าของเขาเป็นเพียงแค่เรื่องที่ไม่สำคัญ


ซื๋ออี้ นั้นตะลึง เธอกลับหลังหันกลับไปมองไนฟ ที่มี HP แค่หนึ่งในสาม และรู้สึกเหลือเชื่อ ในขณะเดียวกันเธอก็มองเห็น เลขรักษาสามหลักอีกอัน ปรากฏขึ้นบนหัวของเขา


“+143!”


“-200!”


HP ของ ไนฟ กลับมาเต็มในพริบตา และลดกลับลงไปอีกครั้งด้วย คลื่นระเบิดความเย็นลูกที่สาม HP ของ ไนฟ เหลือเพียงแค่หลักเดียว!


แต่เขาก็ยังมีชีวิตอยู่!


ทุกคนอึ้งและมองไปที่เหตุการณ์ปฏิหารตรงหน้าพวกเขา ด้วยความอัศจรรย์ใจ ดวงตาของ ซื๋ออี้ เิบ้งโตขึ้นและเต็มไปด้วยความแปลกใจ


ไนฟ นั้นมีความรู้สึกที่รุนแรงกว่า มันดูเหมือนว่าเขาอยากจะกระโดดบันจี้จัมออกจากขอบทะเลสาป เขาได้ไปยืนอยู่ในสถานการณ์แห่งความเป็นความตาย แต่เขาไม่คิดว่าเขานั้นจะสามารถรอดจาก คลื่นระเบิดทั้งสามได้


หลังจากที่ไนฟ เห็น HP ของเขาเหลือแค่หนึงหลัก ไนฟก็ทึ้งแล้วจากนั้นก็เรียกสติของเขากลับมา เขาหันหลังและวิ่งอย่างไม่ลังเล เขาสามารถหลบการโจมตีของยักษ์น้ำแข็งผู้พิทักษ์ได้อย่างง่ายด่าย ถ้ามันไม่ได้ใช้สกิลอื่นๆ


“เร็วเข้า รีบเพิ่ม HP ของเขา!”


ในที่สุด ซื๋ออี้ ได้กลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงและตะโกนออกคำสั่ง แต่สกิลการรักษาของกลุ่ม พระ นั้นถูกใช้ไปจนหมดเกลี้ยงในการรักษาอันบ้าคลั่งที่ผ่านมาและสกิลรักษา HP ก็หมดลงเช่นกัน พวกเธอหันมามองหน้ากัน และไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรต่อไป


แต่นี้ยังไม่ใช้เรื่องใหญ่ ในตอนนี้ ไนฟ เข้าใจว่าเขาต้องเอาชีวิตรอดให้ได้ เขาวิ่งต่อไปทิ้งตัวยักษ์น้ำแข็งผู้พิทักษ์อย่างไม่เห็นฝุ่น ภายใต้ประสิทธิภาพอันยาวนานของสกิลรักษา ยังทำให้ HP ของเขาถูกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเหนื่องและไม่เป็นเลขหนึ่งหลักอีกต่อไป ผู้เล่นคนอื่น นั้นก็รู้สึกโล่งอก


“ซื๋ออี้! กลุ่มพระ! ทำได้ดีมาก!”


สกาย ดีใจอย่างมากจากนั้นเขาก็ชื่นชม ซื๋ออี้ เขารู้สึกประทับใจอย่างมาก นี้เป็นกลุ่มพระที่มีผู้เล่นเพียง 30 คน และเขาไม่คาดว่า พวกเธอสามารถสร้าง ผลการรักษา“ร่างอนันท์” ได้.


“ประธานคะ… คุณน่าจะชอบคุณ พระเทพ คนนี้…พวกเราไม่ได้ทำอะไรมากมายเลย”


ซื๋ออี้ เข้าใจอย่างดีในสิ่งที่เกิดขึ้น ดังนั้นเธอจึงไม่เอาความดีความชอบมาเป็นของตัวเอง แต่ดวงตาอันกลมโตของเธอจับจ้องไปที่เสี่ยวเฟิง


“ฮ่าฮ่า! พระเทพ! ฉันรู้แล้วละว่าคุณคือผู้เล่นระดับสูง!” สกายหัวเราะและผู้เล่นหญิงทั้งหมดของกลุ่ม พระ ทุกคนจ้องไปทางเสี่ยวเฟิง


“อย่าพูดแบบนั้นเลย ถ้าไม่ใช้เพราะ วิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพ-องกลุ่มพระของนาย ฉันคงไม่สามารถเพิ่ม HP ของนักรบโล่ที่แข็งแกร่ง ได้เต็มด้วยตัวฉันหรอก”


ถว่า เสี่ยวเฟิงนั้นดูสงบ เขาส่ายหัวของเขาและพูดอย่างราบเรียบไร้ซึ่งความหยิ่งพยอง


สกายยิ้มแล้วหยุดพูด ซื๋ออี้ จ้องไปทางเสี่ยวเฟิงอยู่ครู่หนึงก่อนที่จะหันหลังไปถาม สกาย ในทันที


“ประธานคะ เราจะทำภารกิจเสี่ยงตายนี้ต่อไปไหมคะ?”


สกาย คิดอยู่ครู่หนึงและตอบว่า “นี้เป็นหนทางเดียวที่จะกำจัดบอสตัวนี้ได้ ไนฟไม่สามารถที่จะต้านสกิลของบอสไว้ได้ ดาเมจ ของ สกิลระยะไกลค่อนข้างที่จะต่ำ ถ้าไม่เป็นเช่นนั้นไนฟก็คงจะถูกฆ่าไปแล้ว ตอนนี้บอสเหลือ HP แค่ 50 เปอร์เซ็น และเราจะไม่ล้มแผนการของเราในตอนนี้!


สกาย ตอบด้วยเสียงเบา สมาชิกของกิลด์ต้องทำการเสียสละที่สูงส่งเพื่อความก้วยหหน้าของ กิลด์ วอร์สปิริตฮอล์ และนีเป็นก็เป็นสิ่งจะต้องเกิดขึ้น


ถูกต้อง ที่บอสตัวนี้ยังมี HP อยู่ที่ 50 เปอร์เซ็นในตอนนี้ HP ที่ลดลงนี้ นำโอกาสและความท้าทายมาให้กับพวกเขา


ยิ่ง HP ของบอสมีน้อยเท่านะ ตัวบอสก็จะอันตรายมากขึ้นเท่านั้น บอสยังไม่ใช้สกิลที่ร้ายแรง นั้นหมายความว่าพวกเขาต้องพยายามและทำการเสียสละต่อไป!


ข้อนิ้วมือทั้งของ ซื๋ออี้ ขาวโพลน เมื่อเธอกำมัดแน่นขึ้น เธอไม่ชอบฉากที่โศกสลด ทันใดนั้นเธอก็มองไปที่เสี่ยวเฟิงอีกครั้ง


“นายเป็น เทพ ไม่ใช้หรอ? ประธานเขาขอให้นายช่วยพวกเราต่อสู้กับบอส และฉันคิดว่านายควรจะทำอะไรสักอย่างแทนทีจะเป็นเพียงแค่ผู้รับชม ”


ซื๋ออี้ เข้าใจว่าเธอกำลังทำตัวไม่มีเหตุผลอยู่ในตอนนี้ ถ้าปราศจากความช่วยเหลือของเสี่ยวเฟิง ไนฟ คงจะถูกฆ่าไปแล้ว และ พวกเขาก็คงจะพายแพ้ในการต่อสู้กับบอสตัวนี้

แต่นี้ก็ยังเป็น การยืนยันถึงความแข็งแกร่งของเสี่ยวเฟิง เธอจ้องไปที่เสี่ยวเฟิงด้วยดวงตาอันงดงาม และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเขาจะช่วยพวกเธอ


เสี่ยวเฟิงส่ายหัวและถอนหายใจด้วยความ เบื่อหนาย จากนั้นเขาก็กระโดดลงมาจากแผ่นหินน้ำแข็งและตอบว่า “ฉันจะสู้กับบอสตัวนี้”


ในความจริง เสี่ยวเฟิงนั้นอยากจะหยุดผู้เล่นทั่วไปจากการปฏิบัตรภารกิจฆ่าตัวตาย


“อะไรนะ? พระเทพ คุณอยากจะสู้กับบอสตัวนี้หรอ? แต่คุณเป็น พระ นิ!”


สกายตะลึงงัง แต่เสี่ยวเฟิงไม่ตอบและก้าวเข้าไปทางทะเลสปาน้ำแข็ง


”พระเทพ คุณจะมาที่นี้ทำไม?”


ไนฟกำลังวิ่งอยู่บนทะเลสาปน้ำแข็งเพื่อหนีออกจาก ยักษ์น้ำแข็งผู้พิทักษ์ เขาไม่สามารถที่จะวิ่งออกจากระยะความเกลียดของยักษ์น้ำแข็งได้ ไม่อย่างนั้น บอสอาจจะเสียเป้าหมายความเกลียดของมันและวิ่งเข้าไปโจมตีผู้เล่นแถวหลัง แต่เขาไม่กล้าที่จะต้อสู้กับบอสเพราะ HP ของเขายังไม่เต็มในตอนนี้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงแค่ ชลอ บอสยักษ์น้ำแข็งเอาไว้ แต่ผู้เล่นแนวหลังของกิลด์ วอร์สปิริตฮอล์ นั้นก็ยังไม่สามารถโจมตีบอสได้เพราะว่า มันนั้นจะเปลี่ยนเป้าหมายความเกลียดในทันทีถ้าพวกเขาโจมตีมันในอตนนี้


ไนฟ ประหลาดใจหลังจากที่เขาพบว่าเสี่ยวเฟิงกำลังยืนอยู่บนผิวน้ำน้ำแข็งอยู่ในตอนนี้


“นายจะออกไปแล้วไปเพิ่มของนาย HP ก็ได้ ฉันจะสู้กับบอสตัวนี้”


เสี่ยวเฟิง พูดอย่างสบายๆ และเดินเข้าไปในระยะความเกลียดชังของยักษ์น้ำแข็งผู้พิทักษ์


“โอเค”


ไนฟ พยักหน้าตกลงอย่างไม่ลังเล เสี่ยวเฟิงเคยสู้กับ กิลด์ชั้นสูงสองกิลด์ทั้ง ดูมส์เดย์ลีค และ มิดซัมเมอร์กิลด์ ด้วยตัวเขาเองมาแล้ว ไนฟ เคยเห็นมันด้วยตาของเขาเอง ดังนั้นเขาจึงเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของเสี่ยวเฟิงและดีใจอย่างมากเมื่อเขาได้ยินว่าเสี่ยวเฟิงนั้นอยากที่จะช่วยพวกเขา ไนฟโล่งใจขึ้นและรีบเดินออกจากระยะความเกลียดชังของยักษ์น้ำแข็งผู่พิทักษ์ในทันที


“ฮีมมมม!”


มีผู้เล่นเพียงคนเดียวที่อยู่ในระยะความเกลียดชังอชงยักษ์น้ำแข็งผู้พิทักษ์ มันจึงเปลี่ยนเป้าหมายความเกลียดของมัน แล้วก็คำรามและเดินเข่้ามาทางเสี่ยวเฟิง แต่ละก้าวที่มันเดินนั้นส่งแรงสั่นสเทือนไปทั่วทะเลสาปน้ำแข็ง มันเดินเข้ามาหาเสี่ยวเฟิงและเหวี่ยวงขวานของมันลงมาที่เสี่ยวเฟิง


จังหวะของเสี่ยวเฟิงนั้นคงที่ แต่เขาก็เคลื่อนที่ไปทางซ้ายอย่างฉับพลัน และหลังจากนั้น พวกเขาก็พบว่ายักษ์น้ำแข็งได้ยกขวานของมันขึ้นมา และ ขวานของมันก็ปรากฏขึ้นทางด้านขวาของเสี่ยวเฟิง ผิวน้ำที่ถูกแช่แข็งนั้นแตกออกด้วยเสียงอันดังกึกก้อง


เสี่ยวเฟิงยังคงใจเย็นและเคลื่อนที่เข้าไปใกล้กับยักษ์น้ำแข็งผู่พิทักษ์ แต่ถว่าเขาเคลื่อนที่สลับซ้าย ขวาเป็นบ้างครั้งคราว ด้วยความเร็วที่ไม่คงที่ เขาไม่ได้รีบร้อยและดูเหมือนกับว่าเขากำลังเดินเล่นอยู่ใน สนามหญ้า


แต่มันดูเหมือนกับว่า ยักษ์น้ำแข็งผู้พิทักษ์นั้นไม่เป็นอันตรายสำหรับเสี่ยวเฟิง เสี่ยวเฟิงสามารถที่จะหลบการโจมตีทั้งหมดของมันได้อย่างแน่นอน


ถ้าเสี่ยวเฟิงเคลื่อนที่ไปทางซ้าย ขวานน้ำแข็งก็จะปรากฏขึ้นตรงทางขวาของเขา ถ้าเสี่ยวเฟิงเคลื่อนที่ไปข้างหน้า ขวานนั้นก็จะปรากฏขึ้นข้างหลังของเขา มันดูราวกับว่าบอสตัวนี้จงใจที่จะหลบเสี่ยวเฟิง?


“มันคือ..”


“มันเป็นไปได้ไง?!”


ผู้เล่นเป็นร้อยๆ คน ของกิลด์ วอร์สปิริตฮอล์ ที่ยืนอยู่ล้อมรอบทะเลสาปน้ำแข็ง ตะลึงงั้นและจ้องมองไปที่ ฉากอันหน้าเหลือเชื่อ


“นี้มันคือ ออลเรเลีย สเต็ป!”


สกาย อึ้ง นัยตาของเขาหดเล็กลง และ ตะโกนออกอย่างไม่ตั้งใจว่า


“อะไรนะ?! นี้คือ ออลเรเลีย สเต็ป งั้นหรอ!”


“ใช้แล้ว! การคาดการณ์ในการป้องกัน ของเขานั้นสุดยอด! มันต้องเป็น ออลเรเลีย สเต็ป อย่างแน่นอน!”


66

เสี่ยวเฟิง กำลังต้านไว้อยู่ เขาอยู่ใกล้กับยักษ์น้ำแข็งมากๆ แต่เขาไม่ได้รีบร้อนในการหลบการโจมตีของยักษ์น้ำแข็ง ดูเหมือนว่าเขากำลังเดินด้วยความเร็วปกติแต่การโจมตีทุกอย่างของบอสนั้นไม่ถึงตัวเขา


มันดูเหมือนว่า ขวานน้ำแข็งของยักษ์น้ำแข็งผู้พิทักษ์นั้นจงใจที่จะไม่ทำร้ายเสี่ยวเฟิง ยิ่งไปกว่านั้นก้อนอิฐน้ำแข็งที่กระเด็นออกไปทั่วทิศทางก็ยังไม่โดนตัวของเสี่ยวเฟิง


ผู้เล่นเป็นพันๆ คนที่กำลังยืนรอบๆ ทะเลสาปน้ำแข็งกำลังจับตามองไปที่เสี่ยวเฟิงอย่างตะลึง


มันคือฉากที่น่าตื่นเต้น! สิ่งที่เสี่ยวเฟิงกำลังทำอยู่นั้นคือรูปแบบการป้องกันที่ถูกสอนมาจากในหนังสือ!


ผู้เล่นระดับสูงได้ศึกษาการใช้ ออลเรเลียเสต็ป และผู้ที่มีความรู้มันเพียงผิวเผินก็สามารถที่จะกลายเป็นผู้เล่นระดับเทพได้ แต่ไม่มีผู้ใดที่สามารถทำมันได้อย่างเต็มประสิทธิภาพขนาดนี้ ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาอยู่ในโลกเสมือนจริงที่ผู้เล่นทุกคนไม่คุ้นชิน


“จิ! เขาคือ เทพ อย่างแน่นอน!”


“เจ๋ง!”


“เขาเป็นสมาชิกของกิลด์ของเราหรอ? ทำไมฉันถึงไม่เคยได้ยินชื่อของเขาละ?”


“เขาไม่มีชื่อน้ำหน้าของกิลด์ชองเรา ชื่อของเขาคือ สาวกผู้เลื่อมใส เขาเป็นสมาชิกใหม่หรอ? ฉันอยากจะเขาไปกอดเขา! ”


“เขาไม่ได้เป็นสมาชิกของกิลด์ของเรา อย่าดีใจไป เขาเป็นผู้เล่นจากภายนอกและท่านประธานขอให้เขาช่วยเหลือพวกเรา ฉันเพิ่งได้ยินมา”


“มันแปลกๆนะ ทำไม ท่านเทพ ถึงไม่โจมตีบอสละ? เขาแค่กำลังวิ่งไปมา”


หลังจากการที่พูดคุยกันแล้ว ผู้เล่นทุกคนก็พบกับปัญหา เสี่ยวเฟิงไม่โจมตีบอสแม่แต่น้อย มันดูเหมือนว่าเขากำลังเล่นกับ ยักษ์น้ำแข็ง


พวกผู้เล่น จ้องมองหน้ากันโดยไม่พูดอะไรออกมา เป็นเรื่องจริงที่ ท่านเทพ สามารถหลบการโจมตีทั้งหลายของ บอส ได้ แต่ว่าเขาก็ไม่ได้โจมตึมันเพื่อดึงความเกลียด ผลที่ตามมาทำให้ พวกผู้เล่นนั้นก็ไม่สามารถที่จะต่อสู้กับบอสได้ ไม่อย่างนั้น ความเกลียดของบอส อาจถูกย้ายมาที่พวกเขา


“ประธาน เราควรทำอะไรต่อไป?”


สกาย ก็งงงั้นไปด้วย เขาก็ไม่เข้าใจการกระทำของเสี่ยวเฟิง ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องถามกับ ซื๋ออี้ เธอก็อึ้งอยู่เช่นกัน ใบหน้าที่สวยงามนั้นแข็งกระด้างและริมฝีปากสีชมผูของเธอก็เปิดออก


“ซื๋ออี้ เกิดอะไรขึ้น? เธอพูดอะไรออกไปตอนที่เธอขอให้ ท่านเทพ ช่วยพวกเรา?”


สกาย จำได้อย่างชัดเจนว่า เสี่ยวเฟิงกระโดลงมาช่วยเขา หลังจากที่ ซื๋ออี้ ได้พูดอะไรบ้างอย่างกับ เสี่ยวเฟิง ด้วยความตื่นนเต้น


แต่ ซื๋ออี้ ก็ไม่รู้เช่นกัน เธอเกือบอยากที่จะตะโกนออกใส่ เสี่ยวเฟิงและขอให้เขาโจมตีไปที่บอสเพื่อจะดึงความเกลียดของมัน แต่เธอนึกขึ้นมาได้ว่า ผู้เล่นระดับสูงอย่างเขาไม่ต้องการคำแนะนำจากเธอ ดังนั้นเธอจึงทำเพียงแต่ส่ายหัวของเธอไปมา


“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ บางทีเขาอาจไม่มีสกิลไว้สำหรับโจมตี เขามีอาชีพเป็นพระ อย่างไรก็ตามอาจเพราะ…เดียวก่อน! มองไปที่เขาสิ! มองไปตรงที่บอสโจมตีสิ! ”


ซื๋ออี้ สังเกตอย่างละเอียดมากขึ้น เธอกำลังจะสายหัวของเธอ แต่เธอก็พบอะไรบ้างอย่างเข้า ดวงตาที่งดงามของเธอจับจ้องไปที่บอส แล้วเธอก็พูดออกมาสุดเสียง


“ว่าไงนะ?”


ผู้เล่นทุกคน กำลังมองไปยัง พื้นที่ตรงกลางของทะเลสาปน้ำแข็งอย่างสงสัย หลังจกาที่พวกเขาได้ยินคำพูดของ ซื๋ออี้ ทุกคนก็เข้าใจในสิ่งที่เธอพูดในทันที ขวานน้ำแข็งของบอส นั้น โจมตีลงไปทีพื้นแช่แข็งตรงเดิมทุกครั้ง เห็นได้ชัดว่า เสี่ยวเฟิง เจตนาที่จะให้บอสทำแบบนี้


“เขากำลังทำอะไรของเขา?”


ทุกคน งงงวย พวกเขาไม่เข้าใจเจตนาของเสี่ยวเฟิง แต่พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะตั้งคำถามกับเขาเพระว่าพวกเขาได้เห็น พลังและทักษะ ของ เสี่ยวเฟิง ด้วยตาของพวกเขาเอง


แต่ พวกเขาก็เข้าใจสิ่งที่เสี่ยวเฟิงกำลังทำอยู่ได้อย่างรวดเร็ว


“เปรี้ยง!”


ยักน้ำแข็ง จามขวานของมันใส่ลงไปกับทะเลสาป และพื้นแช่แข็งก็แตกออก น้ำแข็งขนาดเท่าก่อนอิฐกระจายออกไปทุกทิศทาง แต่เศษน้ำแข็งนั้น ไม่ทะลุโดนเสื้อผ้าของเสี่ยวเฟิงเลยแม่แต่นิดเดี้ยว


“ฮีมมม!”


ยักษ์น้ำแข็งผู้ผิทักษ์คำรามครั้งแล้วครั้งเหล่า แต่มันก็ไม่สามารถที่จะเตะต้องเสื้อผ้าของเสี่ยวเฟิงได้แม่แต่นิดเดี้ยว มันถูกเสี่ยวเฟิงควบคุมให้จามขวานของมันลงไปตรงที่เดิมซ้ำๆ


ผิ้วน้ำที่ถูกแช่งแข็งของทะเลสาป ที่เคยราบเรียบราวกับกระจกเงา ได้ถูกทำลายและแตกออกเหมือนกับใยแมงมุม ผิ้วน้ำแช่แข็ง ใต้เท้าทั้งสองข้างของยักษ์น้ำแข็งนั้นถูกทำให้เสียหายอย่างหนัก ภายใต้การควยคุมของเสี่ยวเฟิง ทำให้ยักษ์น้ำแข็ง จามขวานของมันลงมาที่เดิมซ้ำๆ หลุ่มหลุ่มหนึง ปรากฏขึ้นและรอยแตกก็ขยายใหญ่ขึ้นมาเรื่อยๆ


“เปรี้ยง!”


.ยักษ์น้ำแข็ง จามขวานของมันลงใส่ผิวน้ำแช้แข็งอีกครั้งและก้อนน้ำแข็งก็กระจายออกไปรอบทิศทาง ทั้งหลุ่มและรอยแตกของผิวน้ำแช่แข็งเริ่มใหญ่ขึ้น แต่ยักษ์น้ำแข็งผู้พิทักษ์นั้นไม่สนใจพื้นที่ที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด มันโกรธเกรี้ยว และต้องการเพียงจะฆ่า แมลงงั้งตัวนี้ ภายใต้การนำพาอันรอบคอบของเสี่ยวเฟิง มันก็จามขวานใส้พื่นที่เดิมของผิวน้ำแช่แข็งอีกครั้ง


เสียง กรอบแกร็บ


ในตอนนี้ พวกเขาได้ยินเสียงกรอบแกร็บอย่างชัดเจนราวกับว่าบางอย่างได้แยกออก นับจากหลุมน้ำแข็งที่เท้าของยักษ์น้ำแข็งผู้พิทักษ์ รอยแตกของน้ำแข็งก็ยาวกว่าครึ่งเมตรไปแล้ว


แต่ยักษ์น้ำแข็งผู้พิทักษ์ไม่รู้สึกถึงรอยแตกเหล่นี้แม้แต่น้อย มันยกขวานน้ำแข็งขึ้นอีกครั้งและพยายามที่จะโจมตีไปยังศรีษะของเสี่ยวเฟิง


ขณะนี้ ในที่สุดเสี่ยวเฟิงก็ได้เลิกวิ่งเล่นกับยักษ์น้ำแข็ง เขาถอยกลับออกไปอย่างรวดเร็วก่อนที่ยักษ์น้ำแข็งผู้พิทักษ์จะจามขวานของมันลงไปบนพื้น เขากำลังยืนอยู่ไกลห่างออกจากยักษ์น้ำแข็งผู้พิทักษ์และดู ยักษ์น้ำแข็งผู้พิทักษ์จามขวานน้ำแข็งลงไปและกะเทาะผิวน้ำที่ถูกแช่แข็งใต้เท้าของมัน


เสียง กรอบแกร็บ


“บึ้มมมม!”


ดูเหมือนผิวน้ำแข็งจะถึงขีดจำกัดความทนทานของมัน ขวานตกลงบนผิวน้ำแช่แข็งและพวกเขาก็ได้ยินเสียงแตกอย่างต่อเหนื่อง พื้นผิวที่ถูกแช่แข็งตรงเท้าของยักษ์น้ำแข็งผู้พิทักษ์นั้นถล่มลงเหมือนกับกับกระจกเงาที่แตกออกจากตรงกลางในทันที


ตามมาจากเสียงแตกที่ดังกึกก้องและเสียงคำรามของยักษ์น้ำแข็งผู้พิทักษ์ หลุ่มใต้เท้าของมันแยกออกอีกครั้งและเปลี่ยนเป็นหลุ่มขนาดใหญ่ในทันที ไร้แรงค้ำใดๆ ยักษ์น้ำแข็งผู้พิทักษ์ตัวขนาดมหึมา เอนเอียงและหล่นลงไปในหลุ่มขนาดใหญ่พร้อมกับเสียงน้ำกระจายในพริบตา


เสียงยักษ์จมน้ำ


น้ำที่กระจายหายออกไปอย่างรวดเร็ว และพวกเขาก็อึงเมื่อรู้ว่า ครึ้่งของร่างอันมหึมาเท่ากับตึกสามชั้นของยักษ์น้ำแข็งผู้พิทักษ์ จมลงไปในหลุ่มขนาดใหญ๋ และร่างอีกครึ้งของมัน ก็ถูกเปลื่อยปล่าวเสี่ยงต่อการโจมตี อยู่เหนือชั้นน้ำแข็ง!


ยักษ์น้ำแข็งผู้พิทักษ์ได้ติดอยู่ในหลุ่มน้ำแข็ง! ไม่ว่ามันจะพยายามต่อสู้แค่ไหน มันก็ติดอยู่ในชั้นน้ำแข็งที่หนาและไม่สามารถที่จะขยับออกไปได้!


“ว่าไงนะ..”


การแสดงออกอันแข็งถื่อ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของผู้เล่นทุกคนของกิลด์ วอร์สปิริตฮอล์ ผู้เล่นเป็นร้อยคนกำลังจองมองไปที่มันอย่างซื่อบื้อ


บอส ติดอยู่ในหลุ่มหรอ?


นั้นก็หมายความว่ามันอยู่ภายในเงื้อมมือองเหล่าผู้เล่น! ยักษ์จะไม่เป็นอันตราบกับพวกเขานับจากนี้ต่อไป ไม่ว่ามันจะเคยแข็งแกร่งแค่ไหนก็ตาม!


“เท่านี้ พวกนายจะใช้เวลาเท่าไรก็ได้ในการโจมตีมัน แต่ก่อนหน้านั้นขอให้นายช่วยฉัน และไปถามพวกผู้เล่นในกิลด์ของนายเกี่ยวกับสถานที่ที่ฉันต้องเดินทางไปในภารกิจของฉัน ฉันต้องทำภารกิจนี้ให้เสร็จภายในเวลาที่กำหนดแล้วตอนนี้ฉันก็เหลือเวลาอยู่แค่ไม่กี่ชั่วโมงแล้ว”


เสี่ยวเฟิง ปรบมือ และกลับไปบนแผ่นหินน้ำแข็งที่เขายืนอยู่ก่อนหน้า เขาโบกมือไปมาตรงหน้าของ สกาย ที่ อึ้งอยู่แล้วเรียกชื่อของเขา ในที่สุด สกายก็ได้สติกลับมา


“โอ้… อ่า! โอเค!”


สกาย ก็ยังคงช็อคอยู่ ในตอนแรกเขาพยักหน้าตกลงอย่างมึนงง จากนั้นเขาก็นึกขึ้นมาได้อย่างฉับพลันว่าเกิดอะไรขึ้น


“พวกนายทุกคนที่มีอาชีพที่โจมตีระยะไกล! DPS! ทำ DPS ด้วยพลังทั้งหมดที่พวกนายมี! เริ่มโจมตีได้!”


เขาตะโกนออกมาในทันทีด้วยความตื่นเต้น ภายใต้คำสั่งของเขา ผู้เล่นเป็นร้อยๆ คน ของกิลด์ วอร์สปิริตฮอล์ ก็ได้สติกลับมาเช่นกับ ผู้เล่นทุกคนที่มีอาชีพที่โจมตีจากระยะไกล มองหน้ากันไปมาอย่างไร้คำพูด และจากนั้นพวกเขาก็เริ่มโจมตี บอส อย่างบ้าคลั่ง พวกผู้เล่นนั้นตื่นตัวและใช้สกิลทั้งหมดของพวกเขาใส่ ยักษ์น้ำแข็งผู้พิทักษ์ที่ติดอยู่ใตน้ำ พวกเขาคิดว่าตัวของพวกเขากำลังติดอยู่ในความฝัน


เสี่ยวเฟิง ไม่ได้ตั้งใจที่จะเข้าไปช่วยพวกเขาโจมตีบอส เหตุผลหลักก็เพราะว่าเขาไม่มีสกิลโจมตีจากระยะไกล และยิ่งไปกว่านั้น พวกผู้เล่นก็ยังไม่ต้องการความช่วยเหลือของเขาในตอนนี้ ดังนนั้น เสี่ยวเฟิงจึงกำลังนั่งอยู่บนหินน้ำแข็งและมองไปที่เวลาในตอนนี้


มันใกล้ถึงเวลาอาหารเย็นแล้วและเขาก็เหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงในการทำภารกิจของเขาให้สำเร็ข เสี่ยวเฟิงขมวดคิ้ว มีผู้เล่นมากมายในกิลด์ วอร์สปิริตฮอล์ และถ้าไม่มีใครรู้ถึงภูเขาเจิสจรีด เขาอาจจะทำภารกิจนี้ไม่สำเร็จ


“ฮ่าฮ่า! ฉันไม่เคยฆ่าบอส ง่ายขนาดนี้มาก่อน!”


หลังจากนั้นไม่นาน สกายและไนฟก็กลับมายังหินน้ำแข็ง พวกเขาทั้งคู่รู้สึกปลาบปลื้ม ยิ่งไปกว่านั้น ผู้เล่นอีกเกือบทั้งร้อยๆ ของกิลด์ วอร์สปิริตฮอล์ ก็รู้สึกโล่งใจ บ้างคนถึงกับพูดคุยกัน ขณะโจมตีใส่บอส บอสตัวนี้ได้กลายเป็นเพียงแค่เป้าหมายไปแล้ว และพวกเขาแค่ต้องโจมตีมันไปตามกลไกเท่านั้นและมันมีไม่มีความยากเลย


“มีใครรู้บ้าง? ภูเขาเจิดจรัสอยู่ที่ไหน?”


เสี่ยวเฟิง ลุกขึ้นยืนแล้วปัดผ้าคุลมของเขาก่อนที่จะมองไปที่ สกายและไนฟ


“คือว่า… ภูเขานั้น…”


รอยยิ้มของพวกเขาทั้งสองหายไปในทันทีและใบหน้าของพวกเขาแข็งกระด้าง หัวใจของเสี่ยวเฟิงตกลงไปที่ตาตุ่ม และมองไปที่พวกเขาทั้งสองอย่างเคร่งขรึม


“พระเทพ คือที่จริงแล้ว สมาชิกกิลด์ วอร์สปิริตฮอล์ ของพวกเรานั้นเป็นผู้เล่นมือใหม่ของเมือง เชียงชุย ผู้เล่นของเราที่เปลี่ยนอาชีพไปคนแรกเพิ่งจะมาถึงที่นี้เมื่อวานนี้ และพวกเราก็ทำเพียงแค่ภารกิจที่อยู่ในสถานที่ใกล้เคียงกับเมือง เชียงชุย เท่านั้น เราได้ถามสมาชิกทุกคนของเราที่มีอยู่แล้ว แต่ไม่มีใครเลยที่เคยได้ยินสถานแห่งนี้ ที่ถูกเรียกว่า ภูเขาเจิสจรัด


ไนฟ พูดออกมาด้วยความอับอาย เสี่ยวเฟิงได้ช่วยให้พวกเขาควบคุมตัวบอสไว้ได้ แต่พวกเขากลับไม่พบข้อมูลเกี่ยวกับภูเขานั้นเลย


“เจ้าพวกไร้ประโยชน์!


หน้าของเสี่ยวเฟิง ดำมืดขึ้นและจ้องไปยังสกาย กับ ไนพ ด้วยความผิดหวัง


“คือว่า พวกเราได้ส่งผู้เล่นบางคนไปยังบริเวณรอบเมือง เชียงชุย เพื่อจะหาภูเขานั้นแล้ว พวกเราต้องการเพียงกลุ่มเมจ และกลุ่มนักธนูเท่านั้นในการโจมตีบอส พวกผู้เล่นอาชีพอื่นไม่มีประโยชน์ในตอนนี้ งานจะสำเร็จได้หากร่วมแรงร่วมใจกันทำ ฉันเชื่อว่าพวกเราจะสามารถหาภูเขานี้เจอภายในเวลาไม่นาน”


สกาย พูดออกมาอย่างรวดเร็ว ความจริงพวกเขาต้องการเพียงกลุ่ม DPS สองกลุ่มที่มีอาชีพ ระยะไกลเท่านั้นในเวลานี้และผู้เล่น ที่มีอาชีพอื่นก็ไม่สามารถที่จะทำ DPS และโจมตีไปที่บอสที่ติดอยู่ในน้ำแข็งได้


“นายจะเดินทางไป ภูเขาเจิดจรัสงั้นหรอ?”


แต่ทันได้นั้น ซื๋ออี้ เดินเข้ามาหาพวกเขาอย่างสละสลวย เธอทั้งมีเสน่ห์ดึงดูดและดูน่ารัก เธอมองเสี่ยวเฟิง อย่างสงสัยและกระพริบตาที่กลมโตของเธอ


“เธอรู้จักที่นั้นหรอ?” เสี่ยวเฟิงมองไปที่เธอในทันที


“ปล่าว”


ซื๋ออี้ ส่ายหัวแล้วยิ้ม ดวงตาที่กลมโตของและสวยสดของเธอยังแคบลงอีกด้วย


สกาย กับ ไนฟ มองกันหน้ากัน และถอยกลับออกมาไม่กี้ก้าวพร้อมกัน พวกเขาหันออกจาก ซื๋ออี้ และไม่กล้าที่จะสบตากับเธอ


“เธอกำลังพู…..”


ใบหน้าของเสี่ยวเฟิงดำมืดขึ้นอีกรอบเพราะเขาถูก ซื๋ออี้ ขัดจังหวะอีกครั้งก่อนที่เขาจะพูดเสร็จ


“แต่ฉันรู้จักคนที่รู้จักสถานที่นี้”


ซื๋ออี้ ยิ้มอย่างนุ่มนวลและจ้องไปที่เสี่ยวเฟิง ดวงตาที่ใสสว่างของเธอเปล่งประกายอย่างชั่วร้าย


ใบหน้าของเสี่ยวเฟิงนั้นตรึงเครียด เขานึกได้ว่าผู้หญืงที่มีเสน่ห์และน่าดึงดูดคนนี้นั้นยากที่รับมือ


“ซื๋ออี้ ช่วยพา พระเทพ ไปที่ภูเขานั้นที ในเมื่อเธอรู้ว่ามันอยู่ที่ไหน”


“ใช้! ผู้การ ซื๋ออี้ พระเทพได้ช่วยพวกเราควบคุมตัวบอสเอาไว้ พวกเราต้องตอบแทนเขานะ!”


สกายและไนฟ ยืนอยู่ห่างจาก ซื๋ออี้ พูดขึ้นมา พวกเขาไม่กล้าที่จะเข้าไปคุยใกล้ๆ และดูเหมือนว่าจะกลัว ซื๋ออี้


“ก็ได้”


ซื๋ออี้ พงกหัวอย่างไม่ลังเล เธอยิ้มและไม่ปฎิเสธพวกเขา


“อย่างงั้นหรอ? แล้วเขาคนนี้อยู่ที่ไหน?”


เสี่ยวเฟิงประหลาดใจและไม่ได้คาดว่าผู้หญิงคนนี้จะตกลงกับเขารวดเร็วแบบนี้ เขาจึงถามเธอในทันที

“เขาเป็น NPC ฉันพบกับเขาตอนที่ฉันทำภารกิจ เหมือนว่าเขาจะพูดถึง ภูเขาเจิสจรัด ฉันน่าจะเป็นคนเดียวที่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน นายอยากจะให้ฉันนำทางไปไหมละ?”


รอยยิ้มของ ซื๋ออี้ ดูน่าดึงดูดขึ้น เธอเป็นสาวที่มีน้ำใจและน่าดึงดูดแล้วยังมีดวงตาที่ใสสะอาด เมื่อเธอยิ้มดูเหมือนว่าดวงตาของเธอดูชุ่มช้ำทำให้ดวงตาของเธอดูน่าหลงไหล


“งั้นก็รีบพาฉันไปที่นั้น! ไปกัน เถอะ! ”


เสี่ยวเฟิงพูดออกมาอย่างกังวล เขารู้ว่าผู้หญิงคนนี้ยากที่จะจัดการ แต่เขาก็ไม่กลัวเธอแม่แต่น้อย


67

ยักษ์น้ำแข็งผู้พิทักษ์นั้นติดอยู่ในน้ำแข็งและพวกผู้เล่นต้องทำเพียงแค่ใช้สกิลทั้งหลายใส่มันเท่านั้น ทำให้กลุ่มผู้เล่นพระ นั้นไม่มีประโชน์ในตอนนี้


หัวหน้าของผู้เล่นกลุ่มพระ ก็ไม่มีอะไรต้องทำเช่นกัน ดังนั้น ซื๋ออี้ จึงออกมาจากที่นั้นพร้อมกับเสี่ยวเฟิง หลังจากที่เธอบอกลากับ สกาย ไปแล้ว


สกาย ไม่ค้านและตกลงที่จะให้พวกเขาออกเดินทางในทันที ดูเหมือนว่า สกายนั้นกังวลที่จะส่ง ซื๋ออี้ ไป นอกจากนั้น เมือ่สกายเห็นพวกเขาเดินทางออกไป เขาหันไปมองเสี่ยวเฟิงอย่างประหลาดเหมือนกับว่าเขาอยากจะพูดอะไรบ้างอย่างกับเสี่ยวเฟิง แต่เขาเปิดและปิดปากของเขาไม่พูดอะไรออกมา


“แล้ว NPC คนนี้อยู่ที่ไหน?”


เสี่ยวเฟิง กำลังเดินตามหลัง ซื๋ออี้ พวกเขากำลังจะเดินทางไปในทิศทางของ ทุ่งหิมะ แทนที่เมือง เชียงชุย เมือง เชียงชุย ตั้งอยู่ในบริเวณทางเหนือของ ดินแดนแห่งพระเจ้า สภาพอากาศที่นี้นั้นหนาวเย็น และมีภูเขาหิมะมากมายอยู่ภายนอกของเมือง


ถว่า เสี่ยวเฟิงนั้นไม่มีเจตนาที่จะชม รูปร่างอันอรชร ของ ซื๋ออี้ เขากระวนกระวายและเร่ง ซื๋ออี้ ต่อไป


“อย่ารีบร้อน อดทนไว้หน่อยสิ”


ซื๋ออี้ ไม่สบอารมณ์กับ เสี่ยวเฟิง อย่างมาก เธอกรอกดวงตาที่อ่อนหวานสวยงามของเธอวนจนครบรอบอยู่หลายครั้งและเพ่งไปที่เสี่ยวเฟิง ด้วยความไม่พอใจ


“มันไม่ใช้ภารกิจของเธอ ก็แน่นอนว่าเธอจะไม่กังวล ฉันไม่มั่นใจเลยว่า NPC คนนี้จะรู้ถึงตำแหน่งภารกิจของฉันแน่นอนรึปล่าว ”


เสี่ยวเฟิงพูด อย่างไร้ความรู้สึก ซื๋ออี้ มีรูปร่างทีได้สัดส่วนและกำลังเดินอย่างเฉิดฉาย เสี่ยวเฟิงเดินอยู่ข้างหลังเธอและย้อมรับว่าเธอนั้นมีเสน่ห์ แต่เธอช้าเกินไป สิ่งที่น่ารำคาญที่สุดคือเธอไม่มีม้าประจำตัวและสามารถเดินทางได้โดยการเดินเพียงเท่านั้น ซึ่งสิ่งนั้นทำให้เสี่ยวเฟิงเริ่มโมโห


เส้นตายของภารกิจใกล้เข้ามาทุกที และ มันก็เกือบจะถึงเวลาที่เสี่ยวเฟิงต้องออกจากเกมและไปเตรียมอาหารให้กับ เสี่ยวหลิงแล้ง เสี่ยวเฟิงวางแผนที่จะ ออกจากเกมในทันทีหลังจากที่เขาทราบถึงตำแหน่งของภูเขาเจิดจรัสแล้ว และเขาจะกลับมาทำภารกิจให้สำเร็จทีหลัง


“ก็เห็นอยู่ว่านายเป็น เทพ และนายก็สามารถฆ่าบอสได้อย่างสบายๆ ทำไมนายถึงไม่ช่วยกิลด์ของเรา ฆ้่าบอสนั้น ให้เร็วกว่านี้ละ? เราไม่จำเป็นที่จะต้องทำการสละชีวิตมากขนาดนั้น”


ซื๋ออี้ หยุดเดินขึ้นมา และหันหลังกลับไปจ้องตาของเสี่ยวเฟิง ดวงตาที่สวยงามของเธอเต็มไปด้วยความสงสัย


“ฉันไม่ใช้สมาชิก ของกิลด์เธอ แล้วทำไมฉันต้องพยามยามขนาดนั้นเพื่อจะช่วยพวกเธอละ? ยิ่งกว่านั้น พวกผู้เล่นอีกหลายคนก็ต้องถูกฆ่าในการต่อสู้กับบอส อยู่แล้ว ฉันคิดว่าเธอจะชาชินกับการเสีลสละไปแล้วเสียอีก” เสี่ยวเฟิงมองเธอแบบแปลกๆ


ซื๋ออี้ เงียบ เสี่ยวเฟิงกำลังพูดความจริง เขาไม่ใช้สมาชิกของ กิลด์ วอร์สปิริตฮอล์ และเขาไม่จำเป็นที่จะต้องช่วยพวกเขา นอกจากนั้น ผู้เล่นบ้างส่วนก็จะต้องถูกฆ่าจากการต่อสู้กับบอสไม่ว่าอย่างไรก็ตาม แต่โลกเสมือนจริงนี้เหมือนจริงเกินไปและเธอก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมทีมของเธออย่างที่เธอไม่ได้คาดคิด นั้นคือเหตุผลว่าทำไมเธอถึงรู้หดหู่อย่างมาก ในระหว่างที่พวกเขาเข้าโจมตีบอส


“เธอ ช่วยรีบๆ หน่อย ได้ไหม?”


เสี่ยวเฟิง หงุดงิดและจ้องไปที่ ซื๋ออี้ ที่กำลังยืนอยู่นิ่งๆ เขากังวลว่าผู้หญิงคนนี้กำลังหลอกหลวงเขาและเธอไม่รู้จัก NPC คนใดที่รู้ถึงตำแหน่งของ ภูเขาเจิดจรัส


“ก็ที่นี้ไง”


เธอรู้สึกถึงความไม่ไว้วางใจในดวงตาของเสี่ยวเฟิง ซื๋ออี้ หันศรีษะของเธออย่างหมดความอดทนและชี้ไปข้างหน้าและพูดออกมา


“ตัว NPC อยู่ที่ไหน”


เสี่ยวเฟิงหันไปข้างหน้าและพบว่าพวกเขาได้มาถึงหมู่บ้านหิมะเล็กๆ มีบ้านอยู่ที่นี้ประมาณสิบหลังและที่หลังคาก็ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ แผนที่ของระบบแสดงให้เห็นที่นี้มีชื่อเรียกว่า หมู่บ้านทุ่งหิมะ


ซื๋ออี้ ไม่สนใจ เสี่ยวเฟิง และเดินเข้าไปในหมุ่บ้านหิมะจนเธอก็พบกับ NPC ที่ดูมีอายุคนหนึง ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นหัวหน้าของ หมู่บ้านหิมะแห่งนี้


“คุณปู่คะ ปู่กำลังสวดภวานาไปถึง ภูเขาเจิดจรัส อยู่หรอคะ?”


หัวหน้าหมู่บ้านที่ดูมีอายุกำลังคุกเข่าอยู่บน พื้นราบในหมู่บ้านหิมะ และกำลังสวดภวานาให้ ภูเขาหิมะที่อยู่ห่างออกไป ซื๋ออี้ เดินขึ้นไปหาและถามเขาโดยตรง


“อ่า..เธอคือนักผจญภัยคนนั้นนิ เธอได้ช่วยพวกเราไล่หมาป่าหิมะเมื่อเธอมาที่นี้ครั้งล่าสุด ฮาฮ่า ฉันกำลังสวดภวานาไปถึง ภูเขาเจิดจรัส ภูเขาได้ส่องแสงสว่างเมือไม่นานมานี้และจะต้องมีเหตุการณ์สำคัญบ้างอย่างดำเนินอยู่แน่นอน ฉันภวานาให้แสงศักดฺ์สิทธ์จากที่นั้นปกป้องหมู่บ้านของพวกเรา”


หัวหน้าหมู่บ้าน ยิ้มและพูดกับ ซื๋ออี้ เห็นได้ชัดว่า ซื๋ออี้ เคยเข้ามาทำภารกิจทีนี้มาแล้วก่อนหน้านี้ หัวหน้าหมู่บ้านจึงอยู่ในด้านดีกับเธอ


หลังจากที่ได้ยินคำพูดของหัวหน้าหมุ่บ้าน ตาของเสี่ยวเฟิงลุกวาวและถามคำถามกับหัวหน้าหมู่บ้านในทันที


“หัวหน้าหมู่บ้าน คุณรู้ไหมว่า ภูเขาเจิดจรัสอยุ่ที่ไหน?”


“ท่านนักผจญภัย ทำไมท่านถึงถามเกี่ยวกับ ภูเขาเจิดจรัส ละ? ภูเขาเจิดจรัส เป็นอาณาเขตของเทพธิดาแห้งแสงสว่าง ภูเขาลูกนั้นศักดฺสิทธิ์ นักผจญภัยแบบท่านไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปที่นั้น” หัวหน้าหมู่บ้านมองเสี่ยวเฟิงและสายหัวของเขา


“ฉันเป็นนักพิธีการ และฉันเชื่อในพลังแสงสว่าง ฉันต้องการเพียงแค่ทราบถึงตำแหน่งของ ภูเขาเจิดจรัสและฉันนับถือมันจากหัวใจหัวของฉัน ” เสี่ยวเฟิงโกหกกับ หัวหน้าหมู่บ้าน และแสดง ฉายา สาวกผู้เลื่อมใส บนศรีษะของเขาไปพร้อมกัน


“คุณคือ สาวกผู้เลื่อมใส ผู้สูงส่ง! คุณคือผู้นับถือที่อุทิศตนเพื่อเผยแพร่แสงสว่าง! โปรดให้อภับข้าที่ทำตัวไม่มีมารยาท” หัวหน้าหมู่บ้านก้มหัวให้เสี่ยวเฟิงแล้วพูดต่อ “ภูเขาเจิดจรัสนั้นคือภูเขาหิมะที่อยู่ตรงหน้าของพวกเรา ภูเขานั้นถูกปกป้องด้วยภูเขาหิมะอีกหลายลูก แต่มีมอนเสตอร์ ที่แข็งแกร่งมากมายอยู่รอบๆ ภูเขาหิมะ ท่าน สาวก โปรดอยู่ห่างจากเขานั้นไว้”


หลังจากที่ได้ยินคำพูดของหัวหน้าหมู่บ้าน เสี่ยวเฟิงก็มองไปยีงภูเขาที่อยู่ห่างออกไปและเปิดแผนที่ของระบบขึ้นมาพร้อมกันเพื่อค้นหาตำแหน่งของภูเขานั้นบนแผนที่


หลังจากนั้นไม่นาน เสี่ยวเฟิงก็ค้นพบตำแหน่งคราวๆ ของภูเขาเจิดจรัส เขาวัดระยะทางด้วยตาของเขาและพบว่าเขาน่าจะเดินทางไปถึงที่นั้นภายในเวลาสองชั่วโมงด้วยม้าของเขา เขารู้สึกโล่งอก เขาขอบคุณหัวหน้าหมู่บ้านและออกจากเกม ภายในหมู่บ้านนั้น


“เฮ..”


ซื๋ออี้ ตาเหลือก เสี่ยวเฟิงออกจากเกมไปในทันทีโดยไม่ได้ขอบคุณเธอด้วยซ้ำ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้สนใจผู้นำทางคนนี้ เธอโมโหพร้อมกับกระทืบเท้าของเธอ


แต่เสี่ยวเฟิงนั้นหายออกไปแล้วและมันปล่าวประโยชน์ที่จะมามีอารมณ์โกรธในตอนนี้


หลังจากที่เขาถอดหมวกที่ใช้เล่นเกมออก เสี่ยวเฟิงก็เดินเข้าไปในห้องครัวอย่างรวดเร็วเพื่อที่จะล้างมือของเขาและเตรียมทำอาหารเย็น.


“พี่ชาย! รีบย้ายออกจากที่นี้กันเถอะ!”


เสียวหลิง ที่กำลังดูทีวีอยู่และ ทันใดนั้นศรีษะของเธอโผล่ออกมาจากโซฟา แล้วเธอก็ตะโกนใส่เสี่ยวเฟิง


“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”


เสี่ยงเฟิงถาม เธอ อย่างประหลาด เขาได้วางแผนที่จะย้ายออกไปยังเมืองอื่น แต่เสี่ยวหลิงไม่สนใจแผนนั้นเลยไปแล้วทำไมเธอถึงอยากที่จะย้ายออกไปในตอนนี้?


“ผู้หญิงบ้าคนนั้นกลับมาอีกนะสิ! แต่ฉันไล่เธอไปแล้ว!”


สีหน้าแห่งชัยชนะ ปรากฏขึ้นบนในหน้าอันประณีตของเสี่ยวหลิง เสี่ยวเฟิง อึ้งไปครู่หนึงก่อนที่จะนึกได้ว่าเธอกำลังพูดถึง ซือเย่จิ๋ง ที่มีชื่อตัวละครในเกมของเธอว่า ไนท์คูเออร์.


“แต่เธอจะต้องกลับมาที่นี้อีกแน่ๆ หนูว่าเราต้องย้ายออกไปในไม่ช้า เพื่อเราจะได้ไม่ต้องเจอหน้านางผู้หญิงไร้ยางอายคนนั้น!” เสี่ยวหลิง ยังคงพูดต่อไป และเธอก็มีความรังเกลียดที่มากล้นต่อ ไนท์คูเออร์


เสี่ยวเฟิง เงียบและไม่แม้แต่จะพูดเปลี่ยนแนวคิดของเธอ เขาได้วางแผนที่จะย้ายออกไปที่อื่นไว้แล้ว ศัตรูของเขา หาอพาร์ทเม้นที่นี้จนพบแล้ว และเสี่ยวเฟิงก็ไม่อยากที่จะเจอหน้า ไนท์คูเออร์ เขากังวลว่าเสี่ยวหลิงอาจได้ยินข้อมูลบ้างอย่างเกี่ยวกับกลุ่ม มิดซัมเมอร์ จาก ไนท์คูเออร์.


“ได้ งั้นเราสองเขาจะย้ายออกไปภายในไม่กี่วันข้างหน้า”


เสี่ยวเฟิง สัญญากับ เสี่ยวหลิง ก่อนหน้านี้เขาค้นเจอบ้านพีกตากอากาศหลังเล็กบนอินเทอร์เน็จ เขาจำเป็นที่จะต้องทำเงินในบนโลกของเกม ความจริงแล้ว มันเป็นสิ่งง่ายมากในการที่จะทำเงินอย่างมากมายโดนการเล่นเกมนี้ ในปัจจุบัน ราคาของอุปกรณ์ระดับสูงหนึ่งชิ้นนั้นมีค่ามากกว่า 1000 หยวน

ตัวอย่างเช่น อุปกรณ์หายากระดับ 10 นั้นหมดไปจากคลังของหมู่บ้านเริ่มต้น ผู้เล่นหลายคนต่อแถวกันเพื่อที่จะจับจองมันเป็นให้ได้ ราคาของมันถึงพุ่งสูงขึ้นแต่มีคนขายอยู่เพียงไม่กี่คน ผู้เล่นจำนวนมาก ที่ยังติดอยู่ใน โซนเริ่มต้น ได้ขึ้นราคาของ อุปกรณ์ชั้นสูงระดับ 10 ไปแล้วหลายครั้ง


เสี่ยวเฟิง มีแผนที่ใหญ่กว่านั้น เกมที่เสมือนจริงเกมนี้ เป็นที่นิยมไปทั่วโลก และเสี่ยวเฟิงก็ได้วาดพิมพ์เขียวเพื่อการเติบโตของเขาไว้แล้ว ด้วยความสามารถของเขา เขาจะสามารถประสบความสำเร็จได้อย่างแน่นอ นั้นคือเหตุผลที่เขาให้ความสนใจกับ ศาลาขุมทรัพย์ ของ เฉียนโตวโตว


เสี่ยวเฟิง รับประทานอาหารเย็นเสร็จอย่างรวดเร็วและทำความสะอาดโต๊ะกินข้าว จากนั้นเขาก็ล็อกอินเข้าไปในเกม เขาไม่สามารถที่ล้มเหลวในภารกิจเนื้อเรื่องนี้ได้ ไม่อย่างนั้น ผู้เล่นคนอื่นจะเล่นตามเขาตัว


“แล้วทำไมเธอยังอยู่ที่นี้?”


เสี่ยวเฟิง ออนไลน์เข้ามาในหมู่บ้านหิมะ และเขาก็ถูก ซื๋ออี้ ทำให้่กลัว เธอยังคงรอเขาอยู่ในที่ที่เขาออกจากเกมไป


เสี่ยวเฟิง ตระหนักได้ทันทีว่าเขาจะต้องหาพื้นที่ที่ปลอดภัยก่อนที่เขาจะออกจากเกมในครั้งต่อไป ถ้ามีใครบ้างคนซุ่มโจมตีเขาในบริเวณเขาออกจากเกม และโจมตีเขาเมื่อเขากลับมาออนไลน์อีกครั้ง เขาอาจจะถูกฆ่่าเพราะเขาไม่มีเวลาเตรียมตัวรีบมือ


“ก็ฉันรอนายอยู่ไง”


ซื๋ออี้ ขยิบดวงตากลมโตของเธแแล้วตอบ


เธอ เป็นผู้หญิงที่สวยและมีเสน่ห์ รูปร่างของเธอนั้นเยี่ยมยอด ผ้าคลุมของพระที่เปิดบริวเวณหน้าอกเปิดเผย สิ่งที่ดีที่สุดที่เธอมีไว้ให้ อย่างหมดจดนั้นก็คือ เต้าโตๆ ของเธอ


ยิ่งไปกว่านั้น เธอยังมีใบหน้าเรี่ยวรูปไข่ที่มีเสน่ห์ และเธอก็ยิ้มอยู่ตลอดเหมือนกับ สนุกจิ้งจอก ไม่ว่าผู้ชายคนใดก็ คงจะถูกเธอดึงดูด ได้โดยไม่รู้ตัว เมื่อเธอมองไปที่ชายผู้นั้นด้วยดวงตาที่กลมโตของเธอ


เธอเป็นสาวที่เยี่ยมยอดอย่างแน่นอนและชายคงจะถูกเธอดึงดูด แม้ นักบุญ ก็ไม่สามารถสงบนิ่งได้เมื่อได้มาอยู่ตรงหน้าของเธอไม่ว่าเขาจะมีคุณธรรมเท่าไรก็ตาม เธอคงจะหลงไหลมากยิ่งขึ้นเมื่อตั้งใจที่จะหว่านเสน่ห์ของเธอ


แต่ เสี่ยวเฟิง ไม่สนใจเธอแม้แต่น้อย


“เธอจะอยู่ที่นี้ก็ได้ แต่ฉันต้องไปทำภารกิจของฉัน”


เสี่ยวเฟิง ต้องการที่จะเสียเวลาของเขาอีกต่อไป เขาเรียกม้าดำออกมาแล้วขึ้นขี่มันและออกไปจากหมู่บ้านหิมะในทันที ก่อนที่ ซื๋ออี้ จะได้พูดอะไรออกมา


“เฮ้! ภารกิจอะไรของนาย? ขอฉันเข้าร่วมด้วยได้ไหม?”


แต่เสี่ยวเฟิงก็ยังสามารถได้ยินเสียงหวานๆ ของ ซื๋ออี้ ดังมาจากข้างหลังเขา เขาหันกลับมองและใบหน้่าของก็ดูงุดงิดขึ้นมาทันที เธอขี่ม้าสีขาวของเธอเหมือนกันแต่ผู้หญิงคนนี้ยืนยันว่าเธอไม่มีม้าส่วนตัวตอนที่พวกเขาเดินทางมาที่ หมู่บ้านหิมะ


เสี่ยวเฟิงไม่คิดว่า เธอจงใจที่จะกลับไปที่เมือง เชียงชุย เพื่อไปซื้อม้าส่วนตัวในตอนที่เขาได้ออกจากเกมไป


แต่เสี่ยวเฟิง รู้สึกประทับ เมื่ออตนนี้เธอกำลีงขี่ม้า ม้าสีขาวกำลังวิ่งอยู่และหุ่นอันโค้งดว้า ของ ซื๋ออี้ ก็ยังส่ายไปหาตามความเร็วที่ม้าวิ่งไปด้วย หน้าอกโตๆ ของเธอก็ยังส่ายไปมา แม้จะเป็นถึง เสี่ยวเฟิง เขาก็ยังถูกหน้าอกนั้นดึงดูดเอาไว้’


“มันเป็นภารกิจคนเดียว จะให้สำเร็จฉันต้องทำมันคนเดียว”


เสี่ยวเฟิง ปฏิเสธเธอโดยไม่ต้องคิด ภารกิจเนื่อเรื่องนั้นมีความสำคัญมาก และเขาจะไม่มีทางที่จะให้คนอื่นมีส่วนร่วม


“ช่วยพาฉันไปที่ ภูเขาเจิดจรัสด้วย ฉันสงสัยเกี่ยวกับภูเขานั้น หัวหน้าหมู่บ้านบอกว่า มันคือสำนักงานใหญ่ของวิหารแห่งแสง หลังจากที่ฉันเปลี่ยนอาชีพและกลายเป็นนักพิธีการฉันก็ไม่สามารถเข้าไปในวิหารสาขาย่อยของเมืองหลักได้เลย”


ซื๋ออี้ ยังคงรบเร้าเขาอยู่ ดูเหมือนว่าเธอมุ่งมั่นที่จะติดตามเสี่ยวเฟิงไปให้ได้


“มีมอนเสตอร์ อยู่บนหุบเขาหิมะมากเกินไป และพวกมันก็เป็น มอนเสตอร์ รฺะดับสูง เธอส่วมแค่เสื้อเกราะผ้าแบบนี้ จะถูกพวกมันฆ่าเอาง่ายๆ” เสี่ยวเฟิงก็มุ่งมั่นที่จะไล่เธอไปให้พ้นเช่นกัน


“ฉันเป็นผู้หญิงอ่อนแอ ช่วยปกป้องฉันทีสิ”


“ความเป็นความตายของเธอไม่ใช้เรื่องของฉัน”


“นายเป็นผู้เล่นระดับเทพ ถ้านายไม่สามารถที่จะปกป้องผู้เลนผู้หญิงคนหนึงได้ ชื่อเสี่ยงของนายจะเสื่อมเสียเอานะ”


“แล้วทำไมเธอถึงไม่ฟังฉัน? เธอฆ่าบอสตัวนั้นแล้วหรอ? แล้วทำไมเธอถึงไม่กลับไปสั่งการกลุ่มพระของเธอละ?”


“บอสยักน้ำแข็งผู้พิทักษ์ถูกฆ่าไปแล้วแต่มันไม่ดรอป กิลด์โทเค็น กิลด์ของเราจะไม่สู้กับบอสที่มีเลเวลสูงในช่วงนี้ เพราะอย่างแรกเราไม่มีเป้าหมายที่จะโจมตี อย่างที่สองเราจะเริ่มต่อสู้กับบอสก็ ต่อเมื่อผู้เล่นส่วนใหญ่ของเราเปลี่ยนอาชีพสำเร็จ เพราะฉนั้น เราถึงไม่มีการเรียกรวมตัวกันในตอนนี้ พวกเราเพียงแต่ต้องต่อสู้กับมอนสเตอร์เพื่อเพิ่มเลเวล ฉันบอกกับท่านประธานว่าฉันต้องการที่จะติดตามนายเพื่อช่วยทำภารกิจแล้วเข้าก็ให้วันหยุดหนึ่งวันกับฉันทันที”


68

เสี่ยวเฟิงไม่คาดว่า หญิงคนนี้จะกลายเป็นปัญหาของเขาเเตสุดท้ายเขาก็ไล่เธอออกไปไม่สำเร็จ แต่เขาพยายามทำเป็นไม่สนใจเธอ เธอคงจะถูกฆ่าอย่างรวดเร็วและถูกส่งกลับไปยังหมู่บ้านฝึกหัด


เสี่ยวเฟิงเดินตรงเข้าไปในภูเขาหิมะ ม้าดำของเขานั้นว่องไวและพวกเขาเข้า่ไปถึงเขตแดนของสัตว์ประหลาด

อย่างรวดเร็ว แต่เสี่ยวเฟิงไม่ดูแผนที่เพราะต้องการที่จะเหลียกเลี่ยงพวกมอนเสอตร์ เพราะฉนั้น เขาจึงไม่ดึงดูดค่าความเกลียดใดๆ เลยแม้ว่าเขากำลังเคลื่อนที่อยู่ในอาณาเขตของพวกมัน


“นี้! สาวกผู้เลื่อมใส ทำไมชื่อของนายถึงแปลกจัง?”


“นี้! แล้วภารกิจของนายบอกให้ทำอะไรละ? ทำไมนายถึงเดินทางไปที่ภูเขาเจิสจรัส? ภูเขานั้นมันอยู่ห่างจากเรามากนะ นายเป็นผู้เล่นระดับเทพ ภารกิจของนายก็ต้องสำคัญมากแน่ๆ ”


“ไนฟ บอกว่านายไม่ใช้ผู้เล่นที่มาจากเมืองเชียงชุย แล้วนายเลือกจุดเกิดที่ไหน?”


“นายช่วยบอกวิธีที่จะทำให้ฉันเป็นพระที่เก่งขึ้นได้ไหม?


ตลอดทางซื๋ออี้ พูดไม่หยุด ถึงเสียงของเธอจะไพเราะ แต่เสี่ยวเฟิงก็เริ่มจะหมดความอดทนกับเธอ สิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือผู้หญิงคนนี้น่าจะรวยมาก ดูเหมือนม้าขาวของเธอจะมีราคาที่แพงกว่าม้าดำของเสี่ยวเฟิง เธอจึงเคลื่อนที่ได้ไวกว่าเสี่ยวเฟิงทำให้เขาไมา่สามารถที่จะสลัดเธอออกไปได้ มีมอนเสตอร์อยู่เต็มไปหมดและเขาก็ขวางเธอไว้ไม่ให้เธอไว้ไม่ให้เธอวิ่งออกไปตามใจชอบไม่อย่างนั้นเธอคงจะแซงหน้าเขาไปแล้ว


เสี่ยวเฟิง โกรธและพูดขึ้นอย่างเย็นชา “เธอเป็น พระ ที่เก่งที่สุดใน วอร์สปิริตฮอล์ ไม่ใช่หรอ? ฉันว่าฉันคงเก่งไม่พอที่จะสอนเธอ”


แต่ ซื๋ออี้ ยอมรับถึงจุดอ่อนขอเธออย่างเต็มใจ แล้วพูดว่า “ที่ค่าสถานะของฉันดีก็เพราะว่าฉันใช้อุปกรณ์ที่ยอดเยี่ยม แต่ที่ฉันอ่อนแอ ก็เพราะฉันไม่มี สกิล ใช้เลย วันนี้นายได้ใช้สกิล เพิ่ม HP ของ ไนฟ ไปสองหน ฉันไม่คิดว่านั้นเป็นเรื่องบังเอิญ มันเป็นสกิลรักษาในตำนานใช้ไหม? พระที่สามารถรักษาผู้เล่นได้หลายครั้งภายใจแค่ชั่ววินาที นายช่วยสอนไฉันได้ไหม?”


“เธออยากจะเรียนสกิลนั้นจริงๆ หรอ?”


“ถูกต้อง!”


“ฉันจะสอนเธอ ก็ต่อเมื่อที่เธอสัญญาว่าจะกลับไปและไม่ตามฉันมาอีก หลังจากที่เธอได้เรียนมันแล้ว”


“ได้เลยไม่มีปัญหา!”


ซื๋ออี้ สัญญากับเขาในทันที เสี่ยวเฟิงกลัวว่าเธอจะกลับคำสัญญาเขาจึงพูดขึ้นทันที “ การรักษาแบบ Plug-in เป็นการรักษาแบบคาดการณ์ไว้ก่อน มันจะใช้เวลาราวๆ หนึ่งวินาทีเพื่อให้ โฮลี่ไลท์ ทำงาน และมันก็ยังใช้เวลาหนึ้งวินาทีที่การโจมตีของบอสจะสร้างดาเมจให้กับผู้เล่นอีกด้วย ถ้าเธอใช้สกิล โฮลี่ไลท์ ในตอนที่บอสโจมตีใส่ผู้เล่น เธอจะสามารถเพิ่ม HP ของเขาได้ทันทีเมื่อบอสทำดาเมจ ”


“ฟังดูง่ายจัง”

“มันจะไม่ง่ายเมื่อเธอได้ลองทำมันให้สำเร็จ เธอจะต้องใช้เวลานานในการหาเวลาที่เหมาะที่จะใช้สกิลของเธอ เอาละ เธอก็ลองกลับไปฝึกดู เธอสัญญาว่าจะกลับไปหลังจากที่เธอได้เรียนมัน ”


“ฉันไม่ได้สัญญาอะไรสักหน่อย” ซื๋ออี้ กระพริบดวงตากลมโตที่ชุ่มช่ำของเธอและแกล้งโง่


“เธอบอกว่า เธอจะไม่ตามฉันอีกต่อไปหลังจากที่เธอได้เรียนสกิลนี้” ใบหน้าของเสี่ยวเฟิง ดำมืดขึ้นมาทันที


“ฉันไม่ได้ตามนาย! ฉันก็อยากไปที่ ภูเขาเจิดจรัส เหมือนกัน! ฉันก็เป็นนักพิธรการเหมือนกันและภูเขานั้นก็ไม่ใช้ทรัพย์สินของนายสักหน่อย” ซื๋ออี้ เถียง


เสี่ยวเฟิงไม่สนใจเธอและเร่งฝีเท้าของเขา เข้าเห็นภูเขาหิมะหลายลูกอยู่ห่างออกไป แต่ตอนนี้เขาเข้าไปใกล้มันและระลุกได้ว่าภูเขาที่เขาเห็นนั้นเป็นเพียงแค่เนินหิมะและมีภูเขาอยู่เพียงลูกเดียวเท่านั้น เขาจึงเห็นมันอย่างชัดจึง


สถานที่แห่งนี้อยู่ห่างจากเมือง เชียงชุย มากเพราะเขาใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงก่อนที่เขาจะมาถึงที่นี้ด้วยการขี่ม้าดำที่ว่องไว ผู้เล่นอาจจะสามารถวิ่งจากเมืองหลักเมืองหลังไปถึงอีกเมืองหนึ่งได้ภายในเวลาสองชั่วโมง แต่ไม่มีเมืองหลักเมืองอื่นอยู่ที่ใกล้กับ ภูเขาเจิดจรัส อย่างแน่นอน บิชอปไคเซอร์ บอกกับว่าเมือง เชียงชุย นั้นอยู่ใกล้ ภูเขาเจิดจรัสมากที่สุดเมื่อเขามอบคัมภีร์ย้ายกลับของเมือง เชียงชุย กับเสี่ยวเฟิง


เสี่ยวเฟิงเห็นเค้าโครงของผูเขาเจิดจรัสอยู่ห่างออกไป นั้นไม่ใช้ภูเขาที่มีหิมะปกคลุม นั้นคือเมืองที่อลังการสร้างอยู่บนภูเขาหิมะลูกนั้น! มันเป็นเมืองศักดิ์สิทธิ


เมืองนั้นเป็นเมืองที่สูงและมีกำแพงเมืองสีขาว โบสท์ที่สูงละฟ้า และสิ่งก็สร้างที่ตระการตา! เมืองนี้ต้องมี่ขนาดใหญ่กว่าเมืองหลักแน่นอน!


นั้นคือภูเขาเจิดจรัส ในขณะที่ภูเขารองรับเมืองศักดิสิทธิ มันมีขนาดสูงเพียงประมาณหนึ่งร้อยเมตรเท่านั้น ความจริงแล้วภูเขาลูกนี้ไม่ได้เตี้ย และมันมีขนาดประมาณตึก 40 ชั้น แต่เสี่ยวเฟิงนั้นไม่ได้รู้สึกประทับใจกับสิ่งที่เขาเห็นและไม่รู้สึกตกใจเลยสักนิด


ด้านหนึงของภูเขานั้นเอียงลง บันไดที่ดูคล้ายกับหยกสีขาวต่อขั้นขึ้นไปยังเมืองศักดิสิทธิที่สูงขึ้นไปกว่า 100 เมตร ข้างราวบันไดทั้งสองข้างมีจุดสีเงินแวววับ ถ้าเสี่ยวเฟิงคิดถูกจุดพวกนั้นน่าจะเป็น อัศวินแสงแห่่ง เมืองศักดฺสิทธิ์


ในเวลานี้ถ้ามองดูแต่ไกลเมืองศักดฺสิทธิ์ทั้งเมืองถูกอาบไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิสีขาว มันดูเหมือนกับน้ำตกขนาดยักษ์ที่ทำมาจากแสงศักดิ์สิทธิ มันไหลลงมาจากท้องฟ้าและอาบเมืองทั้งเมือง


“มันดูตระการตามากจังเลย นั้นคือสำนักงานใหญ่ของวิหารศักดฺ์สิทธิแน่นอน”


ซื๋ออี้ ตะลึงและมองดูเมืองศักดสิทธิ์แต่ไกล ดวงตาของเธอนั้นเต็มไปด้วยความประหลาดใจ


เสี่ยวเฟิงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยแค่เขาก็กลับมาแคร่งขรึ้มในเวลาต่อมา พวกเขาเดินทางเข้าใกล้ภูเขาเจิดจรัส พวกสัตว์ประหลาดตามทางนั้นมีเลเวลที่สูงขึ้น ครึ้งชั่วโมงที่ผ่านมา เสี่ยวเฟิงไม่สามารถใช้ทักษะสอดแนมชั้นสูงเพื่อตรวจสอบเลเวลของพวกสัตว์ประหลาดได้ พวกมันเป็นอันตรายขึ้นกว่าเดิม

ในเวลานี้ พวกเขาอยู่ที่อาณาเขตของ นกปีกขาว เสี่ยวเฟิงไม่สามารถทีจะมองเห็นเลเวลของพวกมันได้แต่ตามลำดับการกระจาย ของ มอนสเตอร์ตามทางที่พวกเขาเดินทางผ่านมา เขาเชื่อว่านกพวกนี้น่าจะมีเลเวลมากกว่า 50 พวกมันอันตรายมาก นอกจากนั้น นกพวกนี้่กำลังกำลังบินอยู่และระนะความเกลียดของพวกมันก็ไม่คงตัวอย่างมาก


หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็ได้ยิน เสียงแคว้ก


ใบหน้าของเสี่ยวเฟิงเปลี่ยนไปในทันทีของที ซื๋ออี้ จะพูดจบ นกปีกขาวตัวหนึง กำลังบินอบู่บนหัวของเขาและพวกเขาก็อยู่ในระยะความเกลียดของมัน หลังจากที่มันทำเสียงร้องเสียงประหลาดมันก็ทะยานลงมาโจมตี ซื๋ออี้


“ฮ่าฮ่าอ่า เธอไม่รอดแล้ว”


เสี่ยวเฟิง หัวเราะออกมากเสียงดัง ซื๋ออี้ ตื่นตกใจ เสี่ยวเฟิง มองไปที่เธอและโบกมือให้และกำลังจะวิ่งหนีเธอไป ยังไงซะ นกปีกขาวตัวนี้ก็ไม่โดนโจมตีเขา


“อ่าาาา ช่วยฉันด้วย”


ซื๋ออี้ ไม่คิดว่าเสี่ยวเฟิงจะไร้อย่างอายขนดานี้ เขาหันไปและออกวิ่งในทันทีโดยไม่หันกลับมาช่วยเธอ เธอกรีดร้องและวิ่งตามไป


ทีแรก เสี่ยวเฟิงกำลังวิ่งอย่างสบายใจ แต่หน้าของเขาดำมืดขึ้นมาทันทีหลังจากนั้นไม่นาย เขารู้แล้วว่าม้าขาวของ ซื๋ออี้ นั้นมีราคาแพงและว่องไวกว่าม้าดำของเขา หลังจากไม่กี่นานที ซื๋ออี้ ก็แซงหน้าเข้าและเสี่ยวเฟิงก็ถูกทิ้งห่าง ค่าความเกลียดของ นกปีกขาว นั้นจับไปที่ตัวเขาแล้ว


“ห่าเอ้ย!”


ใบหน้าของเสี่ยวเฟิงเปลี่ยนสีและเขาสะบทออกมาเบาๆ เขามุ่งมั่นที่จะซื้อม้าที่ราคาแพงที่สุดหลังจากที่เขาทำภารกิจสำเร็จ


“เฮ้! คุณเทพ ดูเหมือนว่านายกำลังจะโดนนกนั้นฆ่าเอานะ ฮาฮาฮ่า สมน้ำหน้า! นายไม่ควรจะวิ่งหนีแล้วทิ้งฉันไว้คนเดียวแบบนั้น”


แต่ตอนนี้เสี่ยวเฟิงไม่มีเวลาในการคิดแผนการใดได้ มอนเสอร์ที่บินได้นั้นว่องไวและเขาไม่สามารถที่จะสลัดมันออกไปได้ด้วยการข้วบม้าดำของเขา ทันใดนั้น ซื๋ออี้ ก็หัวเราะออกมาเสียงดังราวกับว่าเธอเจออะไรบ้างอย่างที่น่าทึงเข้าให้ นกปีกขาวตัวนั้น อยู่ใกล้เสี่ยวเฟิงมากๆ ในตอนนี้และมันก็เกือบจะเข้าถึงแผ่นหลังของเขา


เสี่ยวเฟิงได้ยินเสียง แคว้ก อีกเสียง


“บัดซบ!”


เสี่ยวเฟิงสะบทออกมาเบาๆ ม้าดำของคงยังคงวิ่งในความเร็วสูงสุด เสี่ยวเฟิงเหวี่ยง โทเทมกระทิงทอง บนหลังม้าของเขา แล้วทุบมันลงไปใส้ นกปีกขาว และทันใดนั้นค้อนทองยักษ์ก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา


“-1!”

เสี่ยวเฟิงยังไม่ได้ สวดเพิ่มพลังอาวุธ ให้กับตัวเขาเอง ดังนั้นพลังโจมตีของสกิลนั้นจึงไม่มากพอที่จะทลายการป้องกันของนกปีกขาว แต่โชคยังดีที่ การโจมตีทำให้เกิดผล สตันท์ ของสกิล ค้อนแห่งการพิพากษาt ค้อนทองคำยักษ์ ตีโดนหัวของนกและนกปีกขาวก็มึนงงและล่วงลงไปบนพื้น


เสี่ยวเฟิง โล่งใจ ม้าดำเขาใส่ความเร็วอีกครั้งและวิ่งออกจากระยะความเกลียดชังของ นกปีกขาว ก่อนที่มันจะพื้นขึ้นมา


“คุณเทพ! นายเจ๋งจัง! มันเป็นมอนเสตอร์ระดับสูง และ นายก็จัดการมันได้! ฉันว่านายน่าจะฆ่ามันได้ด้วย ถ้านกอีกหลายตัวเข้าโจมตีนายพร้อมกัน!.


ซื๋ออี้ ลดความเร็วลง และวิ่งผ่านสี่ยวเฟิง เธอยังชมเขาไว้ด้วย


เสี่ยวเฟิง รู้สึกได้ว่ามีอะไรบ้างอย่างผิดปกติ เขามองไปข้างหน้าและพบกับ นกปักขาวสองตัว กำลังทะยานลงมาเพื่อโจมตีเขา! พวกมันถูก ซื๋ออี้ ล่อมา!


“บัดซบ! เธอเป็นบ้าอะไรของเธอ? ทำไมเธอถึงล่อมันมา?”


เสี่ยวเฟิง สะบทออกมาเสียงดัง และใบหน้าของเข้าดำมืดด้วยความโกรธ


.”ฉันไม่ได้ตั้งใจ! ทำไมนายถึงตะคอดเสียงดังแบบนั้นละ? ฉันวิ่งเร็วเกินแล้วฉันก็ล่อพวกมันมาโดยไม่ได้ตั้งใจ แตาฉันว่านายสามารถฆ่านกสองตัวนี้ได้แบบง่ายๆ” ซื๋ออี้ พูดเสียงเบา ม้าขาวของเธอนั้นรวดเร็ว ดังนั้นเธอจึงหลบอยู่ด้านหลังเสี่ยวเฟิงอย่างไม่แกรงกลัวและเปลี่ยนค่าความเกลียดของพวกมันไปที่เขา


“เธอพูดบ้าอะไรของเธอ?”


เสี่ยวเฟิง สะบทออกมาอย่างต่อเนื่อง นกปีกขาว ทะยานลงมาหาเขา แต่สกิล Hammer of Judgement ยังอยู่ในช่วงเวลา คูลดาวน์ เสี่ยวเฟิงไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ม้าดำจะถูกฆ่าไม่ได้เพราะเขาไม่สามารถไปถึง ภูเขาเจิดจรัสได้ด้วยการเดินเท้า ดังนั้นในขณะที่นกสองตัวโฉบลงมา เขาเก็บม้าดำของเขาแล้วพลิกตัวกลับกลางอากาศก่อนที่จะเตะพื้น


เสี่ยวเฟิงได้ยิน เสียง แคว้ก


เสี่ยวเฟิง รอดจากการโจมตีของ นกปีกขาวทั้งสอง แต่ตัวเขาก็เปื่อนไปด้วยดินโคลนและดูสกปรก


แต่เสี่ยวเฟิงไม่มีเวลาในการที่จะทำความสะอาดตัวเอง เขาลุกขึ้นอย่างไม่รอช้าและวิ่งหนีอย่างเร็วที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้


นกปีกขาวทั้งสองตัวยังคงไล่ตามหลังเสี่ยวเฟิงอยู่ พวกมันเร็วกว่าเขา ในบ้างครั้ง พวกมันจะตามเขาทันจากดานหลังและโจมตีเขาจากทั้งสองด้าน ดังนั้น เสี่ยวเฟิงจึงจำเป็นที่จะต้องเคลื่อนไหวสลับซ้ายขวาเพื่อหลบการโจมตีนั้น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยโคลนและเขาก็หนีอย่างหวาดกลัว แต่ตอนที่เขาต้องพยามยามอย่างสุดความสามารถที่จะหนีออกจากอาณาเขตของพวกนก และสลัดนักปีกขาวสองตัวนี้ออกไปให้ได้ มันคือหนทางเดียวของเขา


แต่ในขณะที่เขากำลังวิ่งหนี ทันใดนั้น เสี่ยวเฟิงก็รู้สึกถึงบุคคลร่างสูงคนหนึ่งปรากฏขึ้น บุคคลนั้นคือ ซื๋ออี้ ที่กำลังข้วบม้าขาวอยู่ เธอมองเขาอย่างสบายใจและพยามยามอย่างมาก ที่อดกลันเสียงหัวเราะ ใบหน้าของเธอได้เปลี่ยนเป็นสีแดง

เสี่ยวเฟิง กราดเกรี้ยว แต่เขาไม่สามารถที่จะตามเธอหรือสลัดเธอออกไปได้ เขาเกือบจะกระทืบเท้าของเขาด้วยความคลั่ง


แต่เขาสามารถทำได้เพียงจ้องมองหน้าอกโตๆ ของเธอที่กำลังเด้งไปมาตอนที่ม้าขาวกำลังวิ่ง เพื่อระบายความโกรธของเขาเท่านั้น


ในที่สุด เขาก็วิงหนีออกจากอาณาเขาของ นกปีกขาว หลังจากเวลาห้านาที และสะบัดนกบ้าสองตัวนั้นออกไปได้ ใบหน้าของเสี่ยวเฟิงดำมืด และดูเย็นชา เขาเรียกม้าดำของเขาและรีบวิ่งไปยัง ภูเขาเจิสจรัดโดยไม่พูดอะไรออกมา


“นี้ ! ฉันไม่ได้ตั้งใจ นายอย่าเมินฉันสิ”


ซื๋ออี้ ไล่ตามเสี่ยวเฟิง และพูดขึ้นด้วยเสียอันนุ่มนวล แต่เสี่ยวเฟิงจงใจไม่สนใจเธอเลย เราวกับว่าเขาเป็นคนหูหนวก


นกปีกขาวพวกนั้นยากที่จะต่อกรด้วย และเสี่ยวเฟิงก็ใช้เวลาไปหลายนาทีกว่าที่เขาจะสลัดมันออกได้สำเร็จ เสี่ยวเฟิงระวังตัวมากขึ้นและพวกมอนเสตอร์ตัวอื่นก็ไม่เป็นภัยให้กับเขา เขามาถึงตีนเขาอย่างรวดเร็วและบันไดที่เขาเห็นจากระยะไกลก็มาอยู่ตรงหน้าของเขา


“คุณได้เข้ามาในพื้นที่พิเศษ คุณไม่ได้รับอนุญาตในการใช้วงแหวนหรือคัมภีร์คลื่อนย้ายทุกรูปแบบใน พื้นที่นี้ คัมภีร์ย้ายกลับของคุณจะใช้การไม่ได้ชั่วคราว”


69

บันไดที่ทอดยาวขึ้นไปในก้อนเมฆและดูเหมือนว่าจะยาวไปถึงท้องฟ้า มันถูกทำขึ้นมาด้วยหยก


บนบันได คือนครศักดฺสิทธิ์ที่ตระการตาเสี่ยวเฟิงที่ยืนอยู่บนพื้นดินมองเห็นเพียงแค่กำแพงกลมและหอคอยเวทมนย์ทีตั้งตระหงานเข้าไปในก้อนเมฆเท่านั้น


“สาวกผู้เลื่อมใส ยินดีตอนรับสู่ ภูเขาเจิดจรัส”


ภายใต้ บันไดนั้นมี แถงของอัศวินเกราะสีเงินอยู่มากมาย หลังจากที่เสี่ยวเฟิงมาถึง อัศวินสองคนก็เดินเข้ามาพูดกับเขาอย่างเป็นมิตร


“ฉันต้องการที่จะเข้าพบ เทพธิดาแห่งแสง สาขาย่อยในเมือง เตียนหลง กำลังมีปัญหา”

.

เสี่ยวเฟิงพูด เขายังคงไม่สามารถที่จะมองเห็นเห็นเลเวลของอัศวินแสง แต่อัศวินพวกนี้ส่วมใส่อุปกรณ์ที่ดีกว่า และน่าจะมีเลเวลที่สูงกว่าเหล่าอัศวินในสาขาย่อยในเมือง เตียนหลง


“ที่เมือง เตียนหลง ก็มีปัญหาเช่นกันหรอ….ดูเหมือนว่าพวกเผ่าแห่งความมืดจะเริ่มใจกล้าขึ้น กว่าเดิม…” อัศวินด้านหน้าพูดขึ้น เสี่ยวเฟิงรู้สึกแปลกใจกับคำพูดของเขา


“เมืองหลักแห่งอื่นก็มีปัญหาเช่นกันรึ?”


“ใช้แล้ว ระหว่างการทำพิธีถือกำเนิดในภูเขาเจิดจรัส ภูเขาเจิดจรัสจะอยู่ในภาวะปิด (space blockade) วงแหวนเคลื่อนย้ายของสาขาย่อยอื่นจะถูกตัดชั่วคราว เผ่าแห่งความืดจะถือโอกาสนี้เพื่อเข้าโจมตีโถงหลัก และนี่ไม่ใช้ครั้งแรกที่มันเกิดขึ้น ”


อัศวินอธิบาย เสี่ยวเฟิง พยักหน้าด้วยความเข้าใจ แล้วอัศวินก็พูดต่อไป


“เทพธิดาแห่งแสง อยู่ในวิหารแห่งนี้ คุณสามารถเดินเข้าไปในวิหารเพิ่อหาเธอ มีเพียงแค่เทพธิดาแห่งแสงเท่านั้นทีสามารถใช้เวทมนย์เคลื่อนย้ายได้ใน ภ่าวะปิด แบบนี้”


เสี่ยวเฟิง พยักหน้าและขอบคุณกับอัศวิน มันเป็นเวลาตกดึกและเขาก็มัเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงเพื่อจะทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ เขาจึงปีนบันไดหยกขาวอย่างไม่รอช้า


ซื๋ออี้ ตามเขามา ด้วยความงุนงงบนหน้าอันงดงามของเธอ แต่เธอเชื่อว่านี้คือภารกิจที่ยิ่งใหญ่เพราะเธอสังเกตุเห็ว่าเสี่ยวเฟิงกับอัศวินแสงพูดคุยเกี่ยวับ เทพธิดาแห่งแสง และเผ่าแห่งความมืด


ในขณะนี้ เสี่ยวเฟิงกำลังปีนบันไดขึ้นไปยังภูเขาเจิสจรัด เธอจึงตามเขาไปในทันที ด้วยประสบการณ์การเล่นเกมออนไลน์มานานหลายปีของเธอ เธอถึงมั่นใจว่านี้คือภารกิจระดับสูงและเธอสามารถที่จะได้รับประโยชน์อย่างมหาศาลแม้ได้รางวัลตอบแทนเพียงเล็กน้อยก็ตาม


“นักผจญภัยไม่ได้รับอนุญาติให้เข้ามาที่นี้ ภูเขาเจิดจรัสจะไม่เปปิดทางให้คุณ โปรคกลับมาอีกครั้งเมือ่คุณ เลเวล 50”


แต่อัศวินตัวสูงสองคนห้ามเธอไว้เมื่อทำกำลังจะปันบันไดขึ้นไป


“อะไรนะ? ทำไมฉันถึงขึ้นไปไม่ได้ละ? เขาก็เป็นนักผจญภัยเหมือนกับฉันนะ!.


ซื๋ออี้ ชี้ไปที่เสี่ยวเฟิงที่กำลังปีนบันไดขึ้นไปต่อ และโต้แย้ง


“ยังมี สาวกอีกหลายคน ที่เชื่อในแสงสว่าง อยู่ถามกลางเหล่านักผจญภัย พวกเขามีศรัทธาและภูเขาเจิดจรัสจะตอบรับพวกเขา” อัศวินข้างหน้า พูดขึ้น


“ฉันก็นับถือแสงสว่างนะ! ฉันเป็น นักพิธีการ! ฉันก็ต้องมีศรัทธามากกว่าเขาสิ! ให้ฉันเข้าไปที่นั้นเถอะ!”


.ซื๋ออี้ ตอบอัศวินทันที แต่ครั้งนี้ อัศวินข้างหน้ากลับกลายเป็นยืนเงียบและไม่สนใจเธอ


“นี้! ท่านพระเทพ! สากวผู้เลื่อมใส! ช่วยบอกพวกเขาทีว่าเรามาด้วยกัน!”


หลังจากที่พบว่า ฮัศวินไม่เชื่อใจเธอ ซื๋ออี้ จึงตะโกนไปหาเสี่ยวเฟิง


แต่ เสี่ยวเฟิง อยากที่จะทิ้งเธอไว้ เขาไม่พูดอะไรออกมาและเร่งฝีเท้าของเขา ไม่นานนักเขาก็ไม่ได้ยินเสียงของ ซื๋ออี้ อีกต่อไป


บันไดนั้นมีความยาวมาก แต่โชคดีที่ ผู้เล่นนั้นจะไม่มีวันเหนื่อย นอกจากนั้น ภูเขานี้ก็สูงเพียงแค่ 100 เมตร เสี่ยวเฟิงจึงปีนขึ้นถึงยอดและได้เห็นเมืองที่โอ่อ่า


“เฮ้! คุณได้พบกับ วิหารแห่งแสง สำนักงานใหญ่ภูมิภาคเอเซีย!ค่าชื่อเสียง +100 ”


เสี่ยวเฟิงประหลาดใจ ดูเหมือนว่า นครศักดิสิทธฺ์ จะเป็นสำนักงานใหญ่ของเขต Huaxia และเขตอื่นก็น่าจะมี วิหารที่คล้ายกันเช่นกัน


เสี่ยวเฟิง ไม่่สนใจความจริงอันนี้ ประตูเมืองนั้นเปิดอยู่และเสี่ยวเฟิงก็เดินเข้าไปในนครศักดฺสิทธิ์ที่ถูกอาบไปด้วยแสงศักดฺสิทธิ์ในทันที


นครศักดฺิสิทธฺนั้นใหญ่โต แต่ชื่อในแผนที่ระบบนั้นดูธรรมดา มันแตกต่างตากเมืองหลักทั่วไปที่ผู้เล่นอยู่และมีพื้นที่ซับซ้อนไม่มากนัก มีสถานที่อำนาวความสะดวกมากนี้ที่นี้ และมีวิหารสำคัญอยู่ใจกลางเมือง เสี่ยวเฟิงรีบวิ่งไปในทันที


แต่มันแปลกที่นครศักดฺสิทธิ์จะเงียบแบบนี้ มี NPC อยู่เพียงไม่กี่คน และเสี่ยวเฟิงไม่รู้ว่าพวกเขาไปซ่อนกันอยู่ที่ไหน แต่ NPC นักพิธีหลายคนการที่เขาพบนั้นเป็น คาร์ดินัลเหมือนกับ บิชอป ไคเซอร์


เสี่ยวเฟิงสอบถาม NPC ไม่กี่คนที่กำลังเดินผ่าน ใกล้กับทางเข้าวิหารกลางเมือง จากนั้นเขาก็รีบเข้าไปที่นั้นในขณะเดียวกัน เขามองขึ้นไปบนทองฟ้าเหนือวิหารกลางอย่างแปลกๆ จากด้านนอกของเมือง ผู้เล่นจะสามารถเห็น นครศักดิสิทธฺิ์ที่ถูกคลุมไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ ต่อเมื่อ เข้ามาถึงเมืองเท่านั้นถึงจะเห็นว่ามีแสงสว่างแรงกล้าอยู่กลางเมือง มันเหมือนกับแนวช่องของแสงส่องลงไปมี่เมืองในแนวตั้ง แต่เสี่ยวเฟิงไม่รู้ถึงตำแหน่งของมัน


“สาวกผู้เลื่อมใส่? ข้าไม่เคยเห็นหน้าเจ้ามาก่อน เจ้ามาจาก สาขาย่อยรึ?”


คาร์ดินัล เพิ่งหนึงออกมาจากวิหารเมื่อเสี่ยวเฟิงมาถึงทาเข้าวิหารกลาง เขาเป็นชายแก่และมีชื่อบนหัวของเขาว่า บิชอปเรนัลด์ เขาเห็นเสี่ยวเฟิงและถามเขาอย่างสงสัย

“ใช้แล้ว ฉันมาจากเมือง เตียนหลง.. ”


“อ่า! เมือง เตียนหลง! ไคเซอร์สบายดีไหม? เราเป็นเพื่อนเก่ากัน! ”


บิชอปเรนัลด์ ดีใจเมื่อเขาได้ยินคำพูดของเสี่ยวเฟิง เขาขัดเสี่ยวเฟิงทันที


“ไคเซอร์ สบายดี แต่เมือง เตียนหลง กำลังตกอยู่ในอันตราย ฉันมาที่นี้เพื่อขอความช่วยเหลือกับเทพธิดาแห่งแสงสว่าง”


เสี่ยวเฟิง ระงับความโกรธของเขาไว้และพยายามอดกลั้น เขาเหลือเวลาอีกประมาณสิบนาทีในการสำเร็จภารกิจของเขา


“ข้าเข้าใจแล้ว โปรดตามข้ามา”


ดูเหมือนบิชอปเรนัลด์จะชอบคุย แต่ยังโชคดีที่เขารู้ว่าสิ่งนี้คือสิ่งที่มีความสำคัญสูงสุด เขาจึงรีบนำทางเข้าไปในวิหารทันทีหลังจากที่เขาได้ยินว่าเมืองตกอยู่ในอันตราย


เสี่ยวเฟิง ยอมรับข้อตกลงนี้ด้วยความดีใจ วิหารกลางนั้นใหญ่เกินไปและเขาก็ไม่รู้จักที่นี้ดีพอ ดังนั้นเขาจึงตาม บิชอปเรนัลด์ อย่างไม่ลังเล


“ไม่นานมานี้ เผ่าแห่งความมืด ในดินแดนแห่งพระเจ้า นั้นสร้างปัญหาอย่างไม่หยุดหย่อน เทพธิดาแห่งแสงคาดการไว้ว่ากองทัพแม่งความมืดจะกลับมาอีกครั้ง ดังนั้นเธอจึงจัดพิธีการเพื่อชิงความได้เปรียบ แค่พวกเราไม่คาดว่าพวก เผ่าแห่งความมืดบ้านั้น จะสบโอกาสและเข้าโจมตีสาขาย่อยหลายแห่ง ของเมือง เตียนหลง ก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย”


“แต่พวกเผ่าแห่งความมิดจะถูกชำระล้างด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์หลังจาก พิธีการถือกำเนิด นั้นเสร็จสิ้นอย่างสมบรูณ์ พวกเผ่าแห่งความมืดไม่มีทางที่จะต้อกรกับพลังแสงได้แม้ว่า พวกปีศาจจะถูกชุบชีวิต และจักรพรรดฺปีศาจกลับมาอีกครั้งก็ตาม ภาวะปิดของ ภูเขาเจิดจรัสนั้นเกิดขึ้นโดยพลังอวกาศที่แข็งกล้าจากพิธีการถือกำเนิด แต่นั้นก็ถูกใช้เพื่อป้องกันไม่ให้พิธีการถูกทำลายเช่นกัน”


บิชอปเรนัลด์ พูดไม่หยุดตลอดทาง ในที่สุดเสี่ยวเฟิงกับเขามาถึงด้านในของวิหารกลาง เสี่ยวเฟิงมีข้อสงสัยเกี่ยวกับพิธีถือกำเนิดที่ เรนัลด์ ได้กล่าวถึง แต่เขาก็รู้ว่าเขาไม่เหลือเวลาที่จะถามคำถาม เขาทำได้แค่รอถามเรนัลด์ทีหลัง


เพราะว่าเสี่ยวเฟิงกำลังเกาะติดอยู่กับหญิงคนหนึ่ง ไม่ใช้แค่หญิงคนใดแต่เธอคือเทพธิดา


“นี้คือ เทพธิดาแห่งแสง!”


เสี่ยวเฟิงสังเกตุเห็นชื่อที่โดนเด่นไปแล้วก่อนที่ บิชอปเรนัลด์ จะบอกเขา


วิหารนั้นว่างเปล่าและกว้างของในขณะที่พลังแห่งแสงนั้นแข็งกล้า มีอัศวินยืนอยู่ทั้งสองด้านและร่างของพวกเขานั้นอยู่ในชุดเกราะ ถึงขนาดใบหน้าของพวกเขาก็ถูกบดบังด้วยชุดเกราะ


มี บัลลังข์หยกขาวอันหรูหราอยู่ตรงกลางของวิหาร บัลลงข์ของพระเจ้านี้ ลอยค้างอยู่กลางอากาศ และเทพธิดาแห่งแสง ที่ NPC ทั้งหลายพูดถึงกำลัง นอนอยู่ข้างบนบัลลังข์นั้น เธอดูเกียจคร้าน


เสี่ยวเฟิงไม่รู้ว่าจะอธิบาย เทพธิดาแห่งแสง แบบไหน เธอดูเหมือนหญิงสาวที่ไร้ที่ติ!


เธอต้องถูกระบบจำลองขึ้นมาแน่ๆ เธอสมบรูณ์แบบและความสาวยงามของเธอก็ไร้ที่ติ


เธอคือ ความสวยงามแห่งตะวันออก แต่เสี่ยวเฟิงไม่มั่นใจอายุของเธอ เธอดูเหมือนจะมีอายุ สิบเจ็ดหรือสิบแปดปี แต่บางครั้งผู้เล่นคนอื่นอาจคิดว่าเธอนั้นมีอายุ ยี่สิบเจ็ดหรือยี่สิบแปดปี เพราะว่าเธอนั้นสมบรูณ์แบบเกิดไปและลักษณะเฉพาะของผู้หญิงในร่างของเธอทั้ง รูปร่าง ใบหน้า และผิว นั้นสมบรูณ์แบบ เธอมีทุกส่วนของความงามและดูสมบรู์แบบเกินกว่าที่จะเป็นไปได้


ผู้หญิงแบบนี้น่าจะเป็นที่ต้องการของผู้ชายทุกคนบนโลกแต่เสี่ยวเฟิงรู้สึกว่าเธอนั้นอยู่ไกลเกินเอื้อม นอกจากความสวยที่ไม่น่าเชื่อของเธอ เสี่ยวเฟิงก็หลงไหลในดวงตาของเธอเช่นกัน


เธอ ทำตัวอยู่เหนือกว่าคนอื่น และดูเหมือนว่าเธอนั้นอวดดีและหัวสูง เธอคือเทพธิดาแห้งแสงและเธอมองดูบุคคลธรรมดาราวกับว่าพวกเขาเป็นแค่แมลง เธอมองเสี่ยวเฟิงอย่างอนาถาและกลับไปไม่แยแสและเย็นชาอีกหน ดูเหมือนว่าทุกคนจะมองขึ้นไปที่เธอนั้นต่ำต้อยกว่าเธอ


ด้วย รูปโฉมที่สมบรูณ์แบบของเธอ เธอจึงเป็น เทพธิดาแห่งโลกอื่นผู้ที่เป็นมนุษย์และสูงส่ง


เธอส่วมเสื้อราตรีสีขาว พร้อมกับมีมงกุฏสีเงินอยู่บนศรีษะของเธอ ผมดำยาวของเธอปลิวสยายและสะอาดเอียมอ้อง เธอดู ศักดิสิทธิ์และบริสุทธิ์ และดูเหมือนว่าเธอควรจะได้รับการบูชาจากคนธรรมดา


ใช้ สัตว์ประหลาดตัวนี้ต้องเป็น เทพธิดา เสี่ยวเฟิงหลงอยู่กับความสวยของเธอ เทียบกับเธอแล้ว โรสผู้ที่มีรูปลักษณ์ที่ดีและละเอียดอ่อน ดูเป็นเพียงแค่เด็กผู้หญิงที่ยังไม่โตเท่านั้น


“เทพธิดาแห่งแสง นีคือ สาวกผู้เหลื่อมใส่ จาก เมืองเตียนหลง ”


เสี่ยวเฟิงได้สติกลับมาหลังจากที่เขาได้ยินคำพูดของ บิชอปเรนัลด์ เขาหยิบเอา จดหมายจาก บิชอปไคเซอร์ ออกมาทันที เขาเหลือเวลาไม่กี่นาทีในการทำภารกิจนี้ให้สำเร็จและนี้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเขา


เสี่ยวเฟิง ปล่อยมืออกจากจดหมายนั้น แล้วมันก็ปลิวออกไปอย่างฉับพลันและหล่นลงไปในมือของเทพธิดาที่กำลังพิงอยู่บนบัลลังข์


เธอเปิดจดหมายออกและอ่านมัน หลังจากนั้นจดหมายก็หายไปในอากาศ ทั้งหมดนั้นเธอทำไปอย่างไร้ซึ้งความใส่ใจและไม่แสดงอาการใดๆ ออกมา


“ข้า เข้าใจแล้ว”


หลังจากนั้นเธอก็พูดออกมาในที่สุด เสียงของเธอนั้นสมบรูณ์แบบและไร้ซึ้งมลธิน


มันสำเร็จแล้วหรอ?


เสี่ยวเฟิง อึ้งและมองเทพธิดาอย่างไม่เชื่อ เมือง เตียนหลง กำลังตกอยู่ในอันตราย ตามที่ บิ๊กลิช ได้ทำเอาไว้ กองทัพแห่งความมืดได้ปรากฏขึ้นมาแล้ว และเมือง เตียนหลง ก็เป็นเป้าหมายแรกของพวกมัน แล้วทำไมเทพธิดาถึงยังใจเย็นอยู่ละ?


“เจ้าคือ สาวกผู้เลื่อมใสในหมู่นักผจญภัย…เจ้าทำได้ดีมากในการทำลายแผนการแรกของกองทัพแห่งความมืด ข้าจะให้รางวัลกับเจ้าได้ เจ้าอยากได้อะไร?”


เทพธิดาแห่งแสงพูดขึ้นอีกครั้ง เธอมองลงมาที่เสี่ยวเฟิงอย่างโอ้อวด


ถ้าว่ากันตามตรง เสี่ยวเฟิงไม่ชอบทัศนคติของเธอ เธอมองมาที่เขาอย่างกับว่าเขาอยู่ในเป็นชนชั้นล่าง ดังนั้นเสี่ยวเฟิงจึงไม่่รักษาความสุภาพนักเมื่อเขาตอบคำถามของเธอ


“ฉันอยากทำศีลจุ่ม”


กัปตันโบลตัน บอกกับเขาว่าผู้เล่นสามารถเปลี่ยนอาชีพเขาและเลือกอาชีพที่ลับที่ซ่อนอยู่ได้หลังจากรับการล้างบาปแล้ส เสี่ยวเฟิงไม่รู้อะไรเกี่ยวพิธีศีลจุ่ม แต่เขาก็ยังขอให้เขาได้ชำระบาป


“บิชอปเรนัลด์ พาผู้นั้นไปยังบ่อน้ำสักดิ์สิทธิเพื่อชำระบาป”


เทพธิดาแห่งแสงพูดอย่างเย็นช้า ในเวลาเดียวกัน เสี่ยวเฟิงก็ได้ยินเสียงเตือนของระบบ


“เฮ้! คุณได้สำเร็จภารกิจเนื้อเรื่อง 2 – พาหนะแห่งแสง! คุณได้รับค่า EXP 10,000 และการล้างบาป เป็นรางวัล!”


70

EXP 10,000 แต้มเป็นของรางวัลเล็กน้อยสำหรับเสี่ยวเฟิง ภารกิจเนื้อเรื่องนั้นยากและค่าประสบการณ์พวกนี้ก็ไม่มีความหมายสำหรับเขา แต่การทำศีลจุ่มนั้นคือส่วนที่สำคัญที่สุด


เสี่ยวเฟิง ตาม บิชอปเรนัลด์ ไปที่ประตูทางลับของวิหารกลาง เขาอดไม่ได้ที่จะถาม บิชอป เกี่ยวกับการทำศีลจุ่ม


“โอ้ ศีลจุ่ม พลังบริสุทธ์แห่งแสงจะซึมเข้าไปในร่างของเจ้า แต่ละบุคคนจะรับพลังแห่งแสงได้ตามระดับของความศรัทธาและความเชื่อมั่นของพวกเขา แต่ถ้าเจ้าเป็นผู้ที่ทุ่มเท พลังแห่งแสงจำนวนมากจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางคุณสมบัติและเจ้าก็จะแข็งแกร่งขึ้นทันที ไคเซอร์ ได้เลื่อนขุั้นเป็น บิชอป ตอนที่เขาประกอบพิธีศีลจุ่มเป็นครั้งแรกและถูกส่งไปที่เมื่อง เตียนหลง แต่ข้าเข้าพิธีศีลจุ่มถึงสามครั้งก็ที่จะได้เป็น บิชอป มันช่างน่าอาย ”


บิชอปเรนัลด์ เป็นคนช่างพูด แต่เสี่ยวเฟิงสามารถที่จะใช้โอกาสนี้ในการหาข้อมูลเพิ่มได้


“คน คนหนึงสามารถผ่านพิธีศีลจุ่มได้หลายครั้งหรอ?”


“ใช้แล้ว แต่พิธีศีลจุ่มจะผลาญหลังของบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นผู้ที่ทำผลงานอันใหญ่ยิ่งให้กับวิหารแห้งแสงเท่านั้นที่จะสามารถมีโอกาสได้รับการล้างบาป บ่อน้ำนั้นมีพลังแสงที่แข็งกล้าที่สุดในภูขาเจิดจรัสและพวกเราเชื่อว่าผู้ที่มีศรัทธาสามารถสื่อสารกับพระเจ้าได้บนที่แห่งนี้ พลังแห่งแสงในบ่อน้ำนั้นอุดมสมบรูณ์ มันกลายเป็นร่างมนุษย์และเกิดเป็นแอ่งน้ำ เจ้าต้องนอนลงไปแช่ในบ่อน้ำศักดฺ์สิทธิจนกว่าพลังแห่งแสงในร่างของเจ้านั้นเปี่ยมล้น แต่โดยปกติแล้วพิธีศีลจุ่มจะเสร็จสิ้นภายในเวลาครึ่งชัวโมง โอ้! ดูสิ! นั้นคือ บ่อน้ำศักดฺ์สิทธิ์”


บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ตั้งอยู่ที่ด้านหลังของวิหารกลาง ถ้าไม่ทราบถึงการทำงานของมัน คุณจะถือว่ามันคือบ่อน้ำที่มีไว้ประดับ แต่แนวแสงที่อยู่ตรงกลางของบ่อน้ำนั้นชี้ให้เห็นว่าบ่อน้ำนี้มีความพิเศษ


นี้คือแนวแสงที่เสี่ยวเฟิงเคยเห็นมาก่อนหน้านี้ เขาเคยคิดว่าแนวแสงนั้นเสัมพันธ์กับวิหารกลาง แต่ด้วยความประหลาดใจของเขา จริงๆ แล้วแนวแสงนี่้อยู่ในบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์


“เจ้าสามารถเข้าไปในบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์และอยู่ที่ขอบตรงนั้นเป็นเวลาครึ่งชั่วโมง เจ้าเป็นนักผจญภัยและพลังแห่งแสงจะไม่เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับเจ้า แต่เจ้าสามารถจะเลื่อนขั้นเป็น นักพิธีการแห่งแสงได้ ซึ่งเป็นอาชีพที่มีสมรรถภาพกว่านักพิธีการธรรมดา”


บิชอปเรนัลด์ ส่ง เสี่ยวเฟิงไปที่ขอบของบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์และหยุดอยู่นิ่งๆ จนในที่สุดเขาก็มองไปที่เสี่ยวเฟิงแล้วพูดขึ้น “โปรดอย่าเข้าไปใกล้ใจกลางของบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ มันเป็นสถานที่ในการจัดพิธีถือกำเนิด เจ้าต้องอยู่ห่างจากมันไว้!”


บิชอปเรนัลด์ ออกไปหลังจากที่เตือนเสี่ยวเฟิงอยู่หลายครั้ง บ่อน้ำสีทองศักดิ์สิทธิ์ลึกประมาณหนึ่งเมตร เสี่ยวเฟิงมองไปที่มันและกระโดดลงไปในน้ำ


เกิดน้ำสาดขึ้น แล้วเสี่ยวเฟิงก็ลงไปในน้ำ


เสี่ยวเฟิงกระโดดน้ำลงไปด้วยเสียงน้ำสาด เขาไม่คิดว่ามันคือน้ำของจริง แต่มันมีสีทองและดูเหมือนเป็นทองคำที่ถูกละลาย

ไม่มีเสียงเตือนของระบบเกิดขึ้นและเสี่ยวเฟิงรู้สึกได้ว่าน้ำคลืบลานเข้ามาที่เขา มันทำให้เขาหนาว


เวลาครึ่งชั่วโมงนั้นถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ค่อนข้างนาน เสี่ยวเฟิงเรียกดูเว็ปไซด์ในกระดานข่าวฆ่าเวลา แต่ก็ไม่มีข่าวใหญ่เมื่อเร็วๆนี้ และผู้ใช้งานส่วนใหญ่ก็อยู่ในส่วนสนทนาของกิลด์


มันเต็มไปด้วยประกาศรับสมัครสมาชิกจากกิลด์ต่างๆ ในช่วงนี้สมาชิกส่วนใหญ่ของกิลด์ขนาดใหญ่ได้เข้าไปสู่เมืองหลักกันไปแล้ว พวกเขาเริ่มศึกษาข้อดีและข้อเสียของเมืองหลักแต่ละแห่งเพื่อที่จะเลือกเมืองหนึ่งในนั้นเป็นสำนักงานใหญ่ของกิลด์พวกเขา


แต่กิลด์ส่วนใหญ่เลือกที่จะเอาที่เกิดของพวกเขาเป็นสำนักงานใหญ่ มีผู้เล่นท้องถิ่นมากและกิลด์ท้องถิ่นก็มีชื่อเสียงกว่าที่นี้ พวกเขาสามารถสร้างความได้เปรียบในทั้งรายได้และการพัฒนา


แต่พวกเขาก็กำลังเจอปัญหาด้วย มีผู้เล่นอยู่มากเกินไปและมีกิลด์จำนวนนับไม่ถ้วนหลากหลายขนาดในเขต Huaxia กิลด์มกามายจะเลือกเมืองหลักแห่งเดียวกันเพื่อการเติบโตและนั้นทำเกิดความขัดแย้งระหว่างกิลด์ทั้งหลายอยู่ตลอด


เสี่ยวเฟิง สแกนหน้าข่าวประกาศและพบว่ามีกิลด์มากกว่าสิบกิลด์อยู่ในเมือง เตียนหลง รวมถึงกิลด์สำคัญสองแห่งคือ มิดซัมเมอร์ และ ดูมส์เดย์ลีค!


นอกจากนั้น กิลด์ทุกกิลด์สามารถซื้อ กิลด์โทเค็น ได้ทั่วโลกและราคาของมันได้เพิ่มขึ้นเป็น ล้านๆ ของสกุลเงินจริงไปแล้ว ในขณะเดียวกัน พวกเขายังได้ซื้อข้อมูลตำแหน่งของ บอสระดับ 30 ในราคาแพง ดูเหมือนว่าสงครามระหว่างกิลด์กำลังจะปะทุขึ้น


เสี่ยวเฟิงออกจาก กระดานสนทนาและมองดูเวลา เขายังต้องอยู่ที่นี้ไปอีก สิบนาที เสี่ยวเฟิงใจร้อนและมองไปรอบตัวเขาและพบว่าเขาอยู่ในบ่อน้ำศักดฺ์สิทธิ์ตามลำพัง หลังจากนั้นเขาก็หลงไหลในแนวแสงสว่างตรงหน้าของเขา


บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์นั้นขนาดไม่ใหญ่นักและแนวแสงศักดฺิ์สิทธิ์ที่ตั้งสูง นั้นอยู่ห่างจากเสี่ยวเฟิง ไม่ถึงสิบเมตร มันเป็นการเดินสั่นๆสำหรับเขา แนวแสงอยู่กลางบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ มันเป็นสีทองและโปร่งแสงและมีความมันวาวเหมือนกับ ค้อนแห่งการพิพากษา


“ฮืม? นั้นคือ?”


เสี่ยวเฟิงจ้องมองไปที่มันอยู่ครู่หนึง ถัดจากนั้นเขาก็พบว่า มีบ้างสิ่งบ้างอย่างอยู่ที่ตรงกลางของแนวแสง!


ความสงสัยของเขาถูกกระตุ้น เสี่ยวเฟิงเดินไปอย่างช้าๆ และมองเห็นวัตถุในแนวแสงเมื่อเขาเข้าใกล้มัน


มันคือ ไข่!


มันเป็นไข่สีทองขนาดใหญ่ มันมีขนาดอย่างน้อยเมตรครึ่ง ไข่ส่วนใหญ่นั้นจมอยู่ในบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์และส่วนที่โผล่พ้นน้ำก็ถูกหุ้มไว้ในแนวแสง


“ทำไข่ถึงปรากฏอยู่ในนี้? ที่นี่เป็นที่ที่พิธีถือกำเนิดถูกจัดขึ้น”


เสี่ยวเฟิง ประหลาดใจ เขาเดินไปรอบๆ แนวแสงศักดฺืสิทธิ์ และต้องการที่จะมองเห็นไข่นั้นชัดเจนยิ่งขึ้น


แต่น่าเสียดายที่ แนวแสงศักดิ์สิทธิ์นั้นต้านสกิลสอดแนมชั้นสูง ไม่อย่างนั้น เสี่ยวเฟิงคงจะได้ข้อมูลเพิ่มเติมของมันได้


เสี่ยวเฟิง ไม่เจออะไรเลยหลังจากที่ของสอดส่องมันดู เขาจับคางและใช้ความคิดอยู่ครู่หนึง และในที่สุดเขาก็ไม่สามารถเก็บความอยากรู้ของเขาเอาไว้ได้ เขายืนมือออกไปอย่างระวังและเตะไปที่ แนวของแสงศักดิ์สิทธิ์


ถว่า แนวแห่งแสงศักดฺ์สิทธิที่ดูเหมือยเป็นวัตุที่จับต้องได้ กลับเป็นแต่แสงและเงา มือของเสี่ยวเฟิงผ่านทะลุผ่านออกไปอย่างง่ายได้และไปเตะกับไข่ยักษ์ ในขณะเดียวกัน เสี่ยวเฟิงก็ได้ยินเสียงเตือน ของระบบ


“เฮ้! คุณต้องการที่จะฝักไข่สัตว์เลี้ยงหรือไม่? คุณจะได้สัตว์เลี้ยงตัวใหม่หลังจากที่ไข่ใบนี้ฟังตัวอย่างเสร็จสมบรูณ์ เคล็ดลับ: ถ้าคุณมีสัตว์เลี้ยงอยู่แล้ว มันจะถูกเปลี่ยนและหายไปหลังจากที่ไข่ใบนี้ฝัก”


เสี่ยวเฟิง อึ้งหลังจากที่เขาได้ยินเสียงของระบบนี้ ว่าไงนะ? ไข่ยักษ์อันนี้คือไข่สัตว์เลี้ยง!


เสี่ยวเฟิง อึ้งไปพักหนึงและเขาไม่มั่นใจว่าควรจะทำอย่างไร ไข่สัตว์เลี้ยงสามารถฝักได้ทันที ยกเว้นสัตว์ที่ได้มาจากการจับ สถานะแรกเริ่มของสัตว์ประหลาดหลายตัวก็คือไข่เช่นกัน ดังนั้นไข่ใบนี้ก็น่าจะเป็น สถานะแรกเริ่ม ของสัตว์ประหลาดชนิดหนึง


“พิธีถือกำเนิดของวิหารแห่งแสงถูกจัดอยู่ในไข่ใบนี้!”


เสี่ยวเฟิงติดอยู่ในทางเลือกสำคัญ เขายังไม่มีสัตว์เลี้ยง ไข้สัตว์เลี้ยงใบนี้อยู่กลางบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์และถูกปกคลุมไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ มันต้องเป้นสัตว์เลี้ยงเลเวลสูงแน่นอน


แต่ไข่ยักษ์ใบนี้อาจเป็นกุญแจสำคัญของพิธีถือกำเนิด ถ้าเขาฝักมันอย่างลับๆ และทำลายพิธีการนี้ ผลที่ตามมาจะร้ายแรงและเขาจะต้องถูกลงโทษอย่างแน่นอน


“ช่างมัน! ฉันอยากได้มัน! ฉันไม่กลัวพวกนั้นหรอก!!”


หลังจากที่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เสี่ยวเฟิงตัดสินใจที่จะฝักมัน เขาอาจเสีย EXP ไป 20 เปอร์เซ็นและถูกส่งกลับไปเมืองหลักหรือยิ่งกว่านั้นไปที่หมู่บ้านฝึกหัด แต่เขาจะได้รับสัตว์เลี้ยงระดับสูงและมันคุ้มค่า


แต่ถึงอย่างไร เขาก็อยู่ที่เลวล 12 และจะถูกลดลงเหลือระดับ 10 หลังจากที่ถูกฆ่า เสี่ยวเฟิงไม่กังวลและไม่กลัว เขาตัดสินใจที่จะฝักมัน


“เปรี้ยง!”


เสี่ยวเฟิงได้ยินเสียงของกระจกแตก ทันใดนั้นแนวแสงศักดฺิ์สิทธิ์ทั้งหมดก็ระเบิดออกเป็นชิ้นๆ และร่วงลงมาเหมือนกับฝนแสง


เสี่ยง กร็อบแกร็บ

ในขณะเดียวกัน รอยแตกก็เริ่มปราก็ขึ้นบนไข่ยักษ์ แสงสีขาวแพรวพราวส่องออกมาจากรอยแตก ถึงขนาดที่เสี่ยวเฟิงปิดตาของตัวเองอย่างไม่รู้ตัว หลังจากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงของระบบอีกครั้ง


“เฮ้! คุณได้ทำการฝักสัตว์เลี้ยง -นางฟ้าสองปีก โปรดตั้งชื่อให้กับเธอ”


“ว่าไงนะ? นางฟ้างั้นหรอ?”


เสี้ยวเฟิงตะลึงแล้วเปิดตาของเขา ไข่ยักษ์ตรงหน้าของเขาได้หายไปและมีสาวผมสีเงินเปลือยกายยืนอยู่ตรงหน้าของเขา เธอกำลังมองเขาด้วยความสงสัยและศรีษะของเธอก็เอียงไปด้านหนึง มีปีกสีขาวคู้หนึ่งอยู่บนหลังของเธอ เธอกระพือปีกทั้งสองข้างของเธอเหนือพื้นน้ำสีทองของบ่อน้ำศักดิ์สิทธิและผิวน้ำก็สั่นกระเพิ่ม


เธอคือนางฟ้า! เขาฝักเธอออกมา!


ดวงตาของเสี่ยวเฟิงเบิงโต ซึ่งนั้นเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก ทันใดนั้นเข้าก็รู้สึกว่าเขากำลังมีปัญหา


“โปรดตั้งชื่อให้สัตว์เลี้ยงของคุณ!”


ระบบเตื่อนเสี่ยวเฟิงอีกครั้ง เสี่ยวเฟิงได้สติกลับมาและกลื้นน้ำลายตัวเอง มองไปยังตัวหน้าฟ้าเขาลังเลอยู่ครู่หนึง


“เสียวไบ?”


“เฮ้! ชื่อนั้นสามารถใช้งานได้! คุณตั้งชื่อของเธอได้สำเร็จ!”


“เฮ้! สัตว์เลี้ยง เสียวไบของคุณเข้าไปอยู่อันดับหนึงของรายชื่อสัตว์เลี้ยงของเขต Huaxia คุณต้องการปกปิดชื่อตัวละครคุณหรือไม่?”


“เฮ้! เนืองจากชื่อของคุณไม่เหมาะสมกับบรรทัดฐาน มันจึงถูกซ่อนโดยอัตโนมัติ.


เสี่ยวเฟิงเปิดปากของเขาและไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมา แต่ผู้หญิงตัวเล็กยืนอยู่ตรงหน้าของเขาเอียงหัวอย่างสงสัยและพูดกระซิบออกมาอย่างไม่รู้ตัว


“เสี่ยว….ไป๋….”


จากนั้นเด็กหญิงคนนี้ก็กระพริบดวงตาที่มีในตาสีเงินของเธอและเดินเข้าไปกอดขาน่องขาวเสี้ยวเฟิงอย่างอ่อนโยน เธอตัวเล็กและสามารถเตะได้ถึงน่องของเสี่ยวเฟิงเท่านั้น


“เจ้านาย.”


เสี่ยวเฟิงพูดไม่ออก ในตอนนี้ฝนศักดิ์สิทธิ์ที่เกิดจากชิ้นส่วนของแนวแสงศักดฺสิทธิ์ ก็ตกลงมาที่เสี่ยไบ เสี่ยวไป๋กำลังกอดน่องของเสี่ยวเฟิง ดังนั้นบ้างชิ้นจึงตกลงใส้เสี่ยวเฟิงไปด้วย เสี่วเฟิงได้ยินเสียงเตือยของระบบทันที


“เฮ้! ภายใต้อิทธิพลของพลังแห่งพระเจ้า คุณได้เปลี่ยนอาชีพเป็นนักพิธีการศักดิ์สิทธิ”

ฝนส่วนใหญ่ตกลงมาที่เสี่ยวไป๋และก่อให้เกิดเกราะกระโปรงให้กับเธอ ซับในคือกระโปรงสงาสีขาว ปกปิดไว้ด้วยชิ้นส่วนของชุดเกราะสีเงิน เธอมี ทีคาดผม เกราะหุ้มหน้าอก เกราะเอว เกราะศอก เกราะแขน และเกราะขา แต่ละชิ้นนั้นเป็นอิสระออกจากกันแต่พวกมันก็ดูสวยงาม


“เร็วเข้า! พิธีถือกำเนิดได้เสร็จสิ้นแล้ว! ไปต้อนรับ ออระเคิล”


เสี่ยวเฟิงได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา กลุ่มคนจำนวนมากกำลังรีบเข้ามา แน่นอนว่าพวกเขาถูกเสียงแตกของแนวแสงนำพามา


นี้เป็นกลุ่มของ NPC บิชอป และคนที่อายุน้อยที่สุดในนั้นมีเคราสีขาว พวกเขารีบไปที่บ่อน้ำศักดิ์สิทธิที่ตั้งอยู่ข้างนอกในทันทีและอึ้งหลังจากพวกเขาเห็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กกอดน่องของเสี่ยวเฟิงอยู่


เสี่ยวไป๋ กระพือปีกของเธออยู่ในน้ำ หลังจากที่เฝ้ามองไปที่เธออยู่เป็นเวลานาน พวกบิชอบก็มั่นใจว่าปีกสีขาวที่อยู่บนหลังของเธอนั้นเป็นของจริง และพวกเขาทุกคนนั้นก็พูดไม่ออก


“อ้า! นั้นคือ ออระเคิล!”


ฝูงชนแยกออกจากกันและ บิชอปเรนัลด์ กับ เทพธิดาแห่งแสงก็เข้ามาถึง มองมาถึงตรงนี้ บิชอปเรนัลด์ นั้นช็อคและเริ่มพูดอย่างตะกุกตะกัก เทพธิดาแห่งแสงเฝ้ามองเสี่ยวไป๋และใบหน้าที่ไม่แยแสและดูสงบของเธอก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว พลังที่มองไม่เห็นของเธอพลุ่งพล่านออกมาอย่างฉับพลันและพวกบิชอปก็กระเด็นออกไปทุกทิศทาง


“สาวกผู้เลื่อมใส เจ้าทำอะไรลงไป! ข้าบอกเจ้าแล้วว่าให้เจ้าอยู่ห่างจากตรงกลางของบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ! เจ้ากล้าดีอย่างไรมาเตะต้อง ออระเคิล! นี้คือการดูหมิ่นอย่างใหญ่หลวงต่อเทพเจ้าแห่งแสง!”


บิชอปเรนัลด์ เป็นคนแรกที่หันกลับและลุกขึ้น เขาโกรธเกรี้ยวและตะคอกใส่เสี่ยวเฟิง แต่เสี่ยวเฟิงนั้นรู้ว่าเขานั้นหนีออกไปไม่ได้ระหว่างที่เกิด ภาวะปิด ดังนั้นเขาจึงใจเย็นและผ่อนคลาย เขาดูสบายใจและเกือบอยากที่จะผิวปากด้วยมือของเธอที่อยู่ในกระเป๋า


“ท่านเทพธิดา! เราควรจะทำอย่างไรกันดี?”


บิชอปเรนัลด์ ทำอะไรไม่ได้นอกจากขอให้ เทพธิดาแห่งแสงช่วย เธอกำลังเดือดดาลอยู่ในตอนนี้


“บอกให้ บิชอปจากสาขาย่อยทั้งมาที้นี้และเข้าประชุมที่วิหารกลาง!”


เทพธิดาแห่งแสง พยายามอย่างมากที่จะระงับความโกรธของเธอ แต่เธอดูเหมือนผู้หญิงของจริงเวลาเธอโกรธ เสี่ยวงเฟิงมองเธอด้วยความชื่นชม


“เจ้าก็ต้องเข้าร่วมการประชุมด้วย! เจ้ามีปัญหาใหญ่แล้วตอนนี้! อย่าคิดจะหนี! ข้าสามารถจะตามจับเจ้าได้ตลอดแม้ว่าเจ้าจะอยู่ใน แดนแห่งผู้ถูกเนรเทศก็ตาม!”


เทพธิดาแห่งแสง จ้องเสี่ยวเฟิงและพูดอย่างเย็นชา


เสี่ยวเฟิงสั่นเทาด้วยความกลับ อัศวินในวิหารศักดิ์สิทธิได้บอกกับเขาไว้ว่า เทพธิดาแห่งแสงมีพลังอวกาศที่แข็งแกร่ง และเธอสามารถควมคุมผู้เล่นในหมู่บ้านฝึกหัดได้ มันไม่มีให้หนีไม่มีมีที่ให้หลบ เสี่ยวเฟิงกลัวว่าเขาอาจจะต้องปิดบัญชีผู้ใช้ของเขา!


ฉนั้น เสี่ยวเฟิงจึงไม่กล้าที่จะอวดดี อีกต่อไป


71

การหายไปของแนวแห่งแสง ทำให้พิธีการถือกำเนิดได้สิ้นสุดลงและการใช้งานของวงแหวนเคลื่อนย้ายใน นครศักดิ์สิทธิ์ กลับคืนมาเหมือนเดิม


เสี่ยวเฟิงกำลังยื่นอยู่ด้านนอกห้องโถงใหญ่ของวิหารกลาง และเสี่ยวไป๋ก็ยังกอดน่องของเขาอยู่ คาร์ดินัล เดินออกมาจากวงแหวนเคลื่อนย้ายและรีบเข้าไปยังโถงกลางที่ละคน เสี่ยวเฟิงมองไปที่พวกเขาด้วยสายตาที่ว่างเปล่าและไม่รู้จะพูดอะไร


“นาย นาย นายตกลอยู่ในปัญหาที่ใหญ่หล่วงแล้วคราวนี้!”


ไคเซอร์ ก็อยู่ในกลุ่ม บิชอป ผู้ที่ถูกเรียกตัวมาด้วย ดูเหมือนว่าเขาจะรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เขามองเสี่ยวไป๋ที่กำลังกอดน่องของเสี่ยวเฟิงแล้วถอนหายใจ จากนั้นก็จ้องไปที่ เสี่ยวเฟิงที่กำลังยื่นอยู่หน้าประตูและรีบเดินเข้าไปในโถงใหญ่ บิชอปที่มาจากเมืองหลักก็มองดูเสี่ยวเฟิงด้วยสายตาประหลาดเช่นกัน ชายที่มีอายุเหล่านี้มองเขาด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อนราวกับว่าพวกเขาทรมารจากอาการท้องผูกในเวลาเดียวกัน


เสี่ยวเฟิงก็ถอนหายใจออกหาด้วยความเหนื่อยหนายเช่นกัน เขาไม่คาดว่าจะมีนางฟ้าอยู่ในไข่สัตว์เลี้ยง สำหรับวิหารแห่งแสง ที่เชื่อในพระเจ้าแห่งแสง นางฟ้านั้นมีความสำคัญยิ่ง เธอคือผู้แทนของพระเจ้าแห่งแสงและรับใช้ในเป็น ออระเคิล


แต่ตอนนี้ไข่ได้ฝักออกมาและเขาก็ไม่สามารถที่ส่งมันกลับไปได้ ยิ่งไปกว่านั้น เสี่ยวเฟิงก็อยากที่จะเก็บมันไว้ นางฟ้านั้นเป็นปัญหาแต่มันก็เป็นการแสกงถึงพลังแห่งแสงที่แข็งแกร่งเช่นกัน มันชิ่งอันดับแรกของรายชื่อสัวต์เลี้ยงของเขต Huaxia ในทันที ซึ่งแสดงให้เห็นถึงพลังของมัน เสี่ยวเฟิงจะไม่มีทางทิ้งสัตว์เลี้ยงเยี่ยงนี้


เสี่ยวเฟิง จับผมสั่นสีขาวของเธอและไม่เปิดหน้าต่างสถานะของเธอขึ้นมาแต่เปิดหน้าต่างสถานะของตัวละครของขี้นมาแทนก่อน เขาได้เปลี่ยนอาชีพของเขาสำเร็จและเลือกอาชีพลับในเวลาเดียวกับที่เสี่ยวไป๋ฝักออกมา


ตัวละคร: แด๊ด


เลวล: 12


อาชีพ:นักพืธีกรรมศักดิ์สิทธิ์


ค่าชื่อเสียง: 320


ธาตุ: ศักดิ์สิทธิ์


HP : 269


MP : 255


พลังโจมตี : 93-101


พลังเวทมนต์: 67-69

พลังป้องกัน : 60-65


พลังป้องกันเวทมนตร์ : 49-54


ค่าสถานะพื้นฐาน:


ความแข็งแกร่ง: 93


ค่าร่างกาย: 82


ค่าความว่องไว: 67


ค่าความฉลาด: 70


ค่าปราณ: 75


ค่าสถานะที่เหลืออยู่: 0


ความสามารถพิเศษ- พลังแห่งพระเจ้า กายาศักดิฺสิทธิ์


พลังแห่งพระเจ้า (ระดับ 5):


(ผลพิเศษที่ 1) -คุณสามารถปล่อยสกิลทั้งหมดของคุณไปไปที่เป้าหมายใดก็ได้ ทั้ง ศัตรูและมิตรของคุณ เมื่อคุณปล่อยสกิลใส่เป้าหมายที่มีธาตุสว่างและธาตุธรรมชาติ ผลของสกิลรักษาและสกิลบัฟจะเพิ่มขึ้น 50%


(ผลพิเศษที่ 2) -คุณสามารถปล่อยสกิลทั้งหมดของคุณไปไปที่เป้าหมายใดก็ได้ ทั้ง ศัตรูและมิตรของคุณ เมื่อคุณปล่อยสกิลใส่เป้าหมายที่เป็นธาตุความมืดและธาตุผีดิบ ผลของสกิลรักษาและสกิลบัฟจะสร้างความเสียหายที่เท่ากันกับการรักษาหรือ เพิ่มดีบัฟ


กายาศักดิ์สิทธิ์ (ระดับ 1):


(ผลพิเศษที่ 1) – เมื่อคุณถูกฆ่าตายในครั้งแรกของแต่ละวัน คุณจะไม่ถูกลงโทษด้วย กลไกโทษของการตาย และสามารถฝื้นคืนชีวิตได้ในจุดเกิด


(ผลพิเศษที่ 2) – ผลของสกิลจะเพิ่มขึ้น 100% เมื่อคุณได้รับสกิลการรักษา หรือ บัฟ


สกิลที่เชี่ยวชาญ:


โฮลี่ ไลท์ (ระดับ1) สกิลชำราะล้าง (ระดับ 1) พรอาวุธ (ระดับ 1) และ พรความกล้าหาญ (ระดับ 1)


สกิล ทักษะชีวิต:


การสอดแนมชั้นสูง และการเก็บเกี่ยวเบื้องต้น


เสี่ยวเฟิง ตกใจหลังจากที่เขาได้อ่านหน้าต่างตัวละครของเขา ค่าสถานะของยังคงเหมือนเดิมแต่ ความสามารถในการต่อสู้ของเขานั้นถูกปรับปรุงให้ดีขึ้นอย่างมาก!


ก่อนอื่น อาชีพของเสี่ยวเฟิงนั้นเปลี่ยนไป มันใช้นักพิธีการแห่งแสงเหมือนกับที่ บิชอปเรนัล ได้กล่าวถึง เขาเป็นนักพิธีการศักดิ์สิทธิ์ในตอนนี้ซึ่งจะต้องเป็นระดับสูงกว่า!


ภายใต้ผลของอาชีพใหม่ ธาตุของเสี่ยวเฟิง ได้กลายเป็นธาตุศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย แม้ว่าอาชีพใหม่จะไม่ได้ให้สกิลใหม่กับเขา แต่ความเชี่ยวชาญพิเศษทั้งสอง นั้นยอดเยี่ยมและจะช่วยเขาได้อย่างมาก!


ความสามารถอันแรกคือ พลังแห่งพระเจ้า เสี่ยวเฟิงสามารถใช้สกิลใส่เป้าหมายที่เป็นมิตรได้เท่านั้นในก่อนหน้านี้ แต่ในตอนนี้เขาสามารถใช้สกิลไปยังเป้าหมายใดๆ ก็ได้ และมีผลพิเศษของสกิลถึงสองอย่างรวมทั้ง การบัฟ และผลข้างเคียง


เมื่อเข้าปล่อยสกิลรักษาไปยังเป้าหมายที่มีธาตุสว่าง อย่างเช่น มนุษย์ (Terran) เขาจะทำให้เกิด บัฟ’ ขึ้น แต่สกิลพวกนี้จะมีผลตรงข้ามกันเมื่อใช้กับพวกผีดิบ การรักษาจะเปลี่ยนเป็นดาเมจที่เท่ากันแทน และ ‘บัฟ’ จะเปลี่ยนเป็น ‘บัฟ’ ที่มีผลเสียแทน


ความสามารถที่สองก็คือ กายาศักดิฺสิทธิ์! นี้เป็นทักษะที่พิเศษมาก!


เขาสามารถคืนชีพได้ที่จุดเกิดได้วันละครั้งโดยไม่ถูกลงโทษ นอกจากนั้น ผลของสกิลบัฟและสกิลรักษาจะถูกเพิ่มขึ้นอีก 100%!


อีกนัยหนึงคือ สมรรถนะในการต่อสู้ของเขาจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ถ้าเขาใช้ พรอาวุธให้กับตัวเขาเอง!


เสี่ยวเฟิง รู้สึกตื่นเต้นขึ้นทันทีหลังจากที่เขาจิตนาการถึง ฉากที่น่ากลัวนี้!


มันคงจะจริงถ้าบอกว่าอาชีพนี้ เป็นอาชีพที่แข็งแกร่งและน่ากลัว!


มันต้องเป็นอาชีพลับอย่างแน่นอน! ยิ่งไปกว่านั้น อาชีพลับนี้อาจจะแข็งแกร่งกว่าอาชีพลับทั่วไปอีกด้วย นักพิธีกรรมธรรมดาสามารถเปลี่ยนเป็นนักพิธีกรรมแห่งแสงสว่างได้เท่านั้นหลังจากที่ได้ทำพิธีล้างบาป ในขณะที่ เสี่ยวเฟิง ได้ซึมซับ ชิ้นส่วนที่พังลงมาของแนวแห่งแสงศักดิ์สิทธิ และกลายเป็น นักพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งกว่าเดิม!


เสี่ยวเฟิงเก็บความตื่นเต้นของเขาเอาไว้และเปิดหน้าต่างสถานะของ เสี่ยวไป๋ ด้วยความคาดหวังที่เร้าร้อนกว่าเดิม เขาซึมซับ ชิ้นส่วนหลายชิ้นของแนวแสงศักดฺิ์สิทธิและเขาก็แข็งแก่งขึ้นอย่างมากในตอนนี้ เสี่ยวไป๋ เป็นนางฟ้าและซึมซับ ชิ้นส่วนส่วนใหญ่ เสี่ยวเฟิงไม่สามารถที่จะจินตาการได้ว่าเธอจะแข็งแกร่งขนาดไหน!


เสี่ยวไป๋ (นางฟ้าสองปีก)


ระดับ: 1


ชนิด: สัตว์เลี้ยง


เจ้านาย: แด๊ด


คุณภาพ: ทอง


ธาตุ: ศักดิ์สิทธิ์


HP : 1000


MP: 1000


พลังโจมตี: 100/100


พลังเวทมนต์: 100/100


พลังป้องกัน: 50/50


พลังป้องกันเวทมนต์: 50/50


ความสามารถพิเศษ: พลังแห่งพระเจ้า กายาศักดิ์สิทธิ์


พลังแห่งพระเจ้า (ระดับ 10):


(ผลพิเศษที่ 1) -คุณสามารถปล่อยสกิลทั้งหมดของคุณไปไปที่เป้าหมายใดก็ได้ ทั้ง ศัตรูและมิตรของคุณ เมื่อคุณปล่อยสกิลใส่เป้าหมายที่มีธาตุสว่างและธาตุธรรมชาติ ผลของสกิลรักษาและสกิลบัฟจะเพิ่มขึ้น 100%


(ผลพิเศษที่ 2) -คุณสามารถปล่อยสกิลทั้งหมดของคุณไปไปที่เป้าหมายใดก็ได้ ทั้ง ศัตรูและมิตรของคุณ เมื่อคุณปล่อยสกิลใส่เป้าหมายที่เป็นธาตุความมืดและธาตุผีดิบ ผลของสกิลรักษาและสกิลบัฟจะสร้างความเสียหายที่เท่ากับ 200% ของการรักษา หรือเพิ่ม ดีบัฟ 200%


กายาศักดิ์สิทธิ์ (ระดับ 1):


(ผลพิเศษที่ 1) – เมื่อคุณถูกฆ่าตายในครั้งแรกของแต่ละวัน คุณจะไม่ถูกลงโทษด้วย กลไกโทษของการตาย และสามารถฝื้นคืนชีวิตได้ในจุดเกิด


(ผลพิเศษที่ 2) – ผลของสกิลจะเพิ่มขึ้น 100% เมื่อคุณได้รับสกิลการรักษา หรือ บัฟ


เสี่ยวเฟิงอยู่ในพวังหลังจากที่เข้าอ่านหน้าต่างค่าสถานะของเธอ เสี่ยวไป๋ นั้นอยู่ที่เลเวล 1 แต่เธอมี HP 1,000 แต้ม และ MP 1,000 แต้ม ซึ่งเยอะกว่าของเสี่ยวเฟิงที่มีเลเวล 12 ถึง สี่เท่า! ยิ่งไปกว่านั้นสมถรรภาพในการต้อสู้ของพวกเขาก็ยังอยู่ในระดับเดียวกันอีกด้วย!


ความสามารถพิเศษของเธอคล้ายกับความสามารถศักดิ์สิทธิ์ของเขา แต่ระดับ ของ พลังแห่งพระเจ้า ของเธอนั้นสูงกว่าและผลพิเศษของมันก็แข็งแกร่งกว่าของเขาอีกด้วย


จากนั้น เสี่ยวเฟิง ก็เริ่มมองไปที่สกิลของเสี่ยวไป๋ ดวงตาทั้งสองของเขาเบิ้งโตในครั้งแรกที่เขาเห็นสกิลของเธอ


สกิลเผ่า:


นภาแห่งพระเจ้า (ติดตัว:แบ่งปันผลพิเศษให้กับเจ้าของ) – สกิลรักษาและสกิลบัฟทั้งหมดไม่จำกัดระยะร่าย ไม่จำกัดเป้าหมายในการร่าย และคุณสามารถปล่อยสกิลใส่เป้าหมายทุกเป้าที่อยู่ในระยะการมองเห็นของคุณได้


ความเมตตาแห่งพระเจ้า (ติดตัว:แบ่งปันผลพิเศษให้กับเจ้าของ) – เลเวลของคุณไม่สูงพอและมันจะยังไม่เปิดในตอนนี้


โทษะแห่งพระเจ้า (ติดตัว:แบ่งปันผลพิเศษให้กับเจ้าของ) – เลเวลของคุณไม่สูงพอและมันจะยังไม่เปิดในตอนนี้


พรแห่งพระเจ้า (ติดตัว:แบ่งปันผลพิเศษให้กับเจ้าของ) – เลเวลของคุณไม่สูงพอและมันจะยังไม่เปิดในตอนนี้


“โอ้ พระเจ้า!”


เสี่ยวไป๋ มี สกิลติดตัวอยู่ห้าสกิล ในนั้น สี่สกิลยังไม่ถูกเปิดออกเพราะว่าเลวลของเธอนั้นยังไม่สูงพอ แต่เสี่ยวเฟิงก็อึ้งหลังจากที่เขาได้อ่านรายละเอียดของสกิลที่เปิดอยู่หนึ่งอัน


สกิลติดตัวที่มีชื่อเรียกว่า นภาแห่งพระเจ้า นี้แข็งแกร่งมาก! ยิ่งไปกว่านั้น เสี่ยวเฟิงก็สามารถที่จะเพลิดเพลินไปกับผลพิเศษนั้นอีกด้วย! ตัวอย่างเช่น เขาสามารถละทิ้ง ระยะการร่ายที่จำกัด และปลดปล่อยสกิล โฮลี่ไลท์ ให้กับผู้เล่นทุกเขาที่เขาเห็นได้แล้ว!


เขาสามารถรักษาคนอื่นและเพิ่ม HP ของพวกเขาได้อย่างไม่หยุดยั้ง!


ด้วยสกิล ติดตัวอันนี้ เสี่ยวเฟิงสามารถเพิ่ม HP ของผู้เล่นเป็นพันๆ คนได้ในเวลาเดียวกัน ซึ่งนั้นจะเป็นภาพที่น่าตื่นเต้น


และเสี่ยวเฟิงยังสามารถได้รับผลพิเศษของสกิลติดตัวอื่นๆ ของเสี่ยวไป๋อีกด้วย สกิลอื่นอีกสี่สกิลยังไม่ถูกเปิดออก แต่ตามผลพิเศษของ สกิลนภาแห่งพระเจ้า เสี่ยวเฟิงจึงมั่นใจว่าสกิลทั้งสี่สกิลนั้นต้องพิเศษมากแน่ๆ !


เสี่ยวฟึงรู้สึกได้ว่าคอของเขาแห้ง เขากลื้นน้ำลายด้วยความลำบากจากนั้นก็มองไปที่สกิลใช้งานของเธอ


สกิลเผ่า:


พิธีล้างบาปศักดิ์สิทธ์ (ระดับ1) – เรียกแสงศักดฺ์สิทธิ์เพื่อทำการล้างบาปทั่วบริเวณ รักษาสัตว์ประหลาดที่เป็นมิตร และทำร้ายสัตว์ประหลาดที่เป็นศัตรู จำนวนของการรักษาและการทำดาเมจ เท่ากับ ค่าความฉลาด และมีเวลาคูลดาวน์ อยู่ที่ หนึ่งนาที


ดาบแห่งจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ (ระดับ 1) – เรียก ดาบแห่งจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ของคุณออกมา ศักยภาพในการโจมตีนั้นคือ 100% ของค่าพลังโจมตี ดาบสามารถอยู่ได้นาน 10 นาที และมีเวลาคูลดาวน์อยู่ที่ 1 ชั่วโมง

โล่แห่งจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ (ระดับ 1) – เรียกโล่แสงออกมาป้องกันเป้าหมาย โล่แสงจะหายไปหลังจากที่ปัดป้องการโจมตีได้ 3 ครั้ง โล่แสงสามารถลดดาเมจของการโจมตีครั้งแรกได้ 100% ลดดาเมจของการโจมีครั้งที่สอง ได้ 75% ลดดาเมจของการโจมตีครั้งที่สาม ได้ 50 % เวลาคูลดาวน์อยู่ที่ 10 นาที


ยังไม่เปิด – ยังไม่เปิด


อาจเพราะว่าเธออยู่ที่เลเวล 1 เสี่ยวไบ๋ ถึงเปิดสกิล สำหรับใช้งานได้เพียง สามสกิล แต่สกิลแต่ละสกิล นั้นทั้งแข็งแกร่งและคงกระพัน


เสี่ยวเฟิงรู้สึกปลาบปลื้มไปแล้ว เสี่ยวไป๋เป็นสัตว์เลี้ยงที่ไม่มีคู่แข่งอย่างแน่นอ เธอเป็นเพียง สัตว์เลี้ยงทอง แต่

เธอนั้นแข็งแกร่งสมกับที่เป็นชื่อของนางฟ้า!


เสี่ยวเฟิง ได้ทำผลประโยชน์ที่มากล้น ในภารกิจนี้ เขาเปลี่ยนอาชีพของเขาและกลายเป็นนักพิธรกรรมศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแก่งกว่าเดิม ยิ่งไปกว่านั้น เขายังได้ เสี่ยวไป๋ ซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงที่แข็งแกร่ง


เสี่ยวไป๋ ดูเหมือนเด็กผู้หญิงตัวน้อย อายุ 8 หรือ 9 ขวบ เธอมีผลสั่นสีเงินและปีกเล็กสีขาวคู่หนึ่งอยู่บนหลังของเธอ บ่งบอกถึงเผ่าพันธ์ของเธอ


ใบหน้าของเธอที่ถูกจำลองจากระบบ นั้นสวยเหมือนกับของเสี่ยวเฟิง แต่เธอมองโลกใบใหม่ที่อยู่ตรงหน้าเธออย่างสงสัยราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นแปลกตาสำหรับเธอ เธอกอดน่องของเสี่ยวฟงไว้แน่นและคิดว่าเขาเป็นผู้ช่วยเหลือคนเดียวของเธอ


เสี่ยวเฟิง สัมผัสผมสั้นสีเงินของเธออย่างนุ่มนวล และรู้สึกพอใจอย่างมากในสัตว์ที่แข็งแกร่งตนนี้ หลังจากนั้นเขาก็เปิดรายชื่อสัตว์เลี้ยงขึ้นมาและมองไปที่รายชื่อนั้นด้วยความพอใจในตัวเอง


รายชื่อสัตว์เลี้ยงของเขต Huaxia


อันดับหนุึ่ง: นางฟ้าสองปีก – คุณภาพ: ทอง – เจ้าของ: xxx


อันดับสอง: นกนภาเพลิง – คุณภาพ: หายาก – เจ้าของ: ซีเหมินชุยเซวีย


อันดับสาม: เสือสิงโตสายฟ้า – คุณภาพ: ยอดเยี่ยม – เจ้าของ: ฉันคือพาลาดินแห่งการรักษา


อันดับสี่: …


อันดับสิบ: ไก่อ้อเอ้ทอง – คุณภาพ: ยอดเยี่ยม – เจ้าของ: ไนท์คูเออร์


ในฐานะที่เป็น สัตว์เลี้ยงระดับทอง เสี่ยวไป๋ จึงแข็งแก่งกว่าสัตว์ธรรมดาทุกตัวในรายชื่อสัตว์เลี้ยงอย่างมาก แม้ว่า สัตว์ระดับหายาก และระดับยอดเยี่ยม นั้นล้ำค่ามากสำหรับผู้เล่นทั่วไป มันก็เป็นเพียงแต่สัตว์ป่าธรรมดาเมื่อเทียบกับ เสี่ยวไป๋


เสี่ยวเฟิง ปิดหน้าต่างสถานะของเสี่ยวไป๋และรายชื่อสัตว์เลี้ยง ลง เขาจีบโซ่ของเขาและจมอยู่ในความคิด

แต่เขาต้องเผชิญปัญหาอยู่ในขณะนี้ เขาได้รับประโยชน์มากมายและกำลังประสบปัญหาใหญ่อยู่เช่นกัน เสี่ยวไป๋ นั้นเป็นของ วิหารแห่งแสง และเขาได้ขโมยเธอมา ผลที่ตามมาจะต้องร้ายแรงมาก


เสี่ยวเฟิงมองไปที่ประตูที่ถูกปิดไว้ของโถงกลางและใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนสี เขาอยากที่จะกลับหลังหันและวิ่งหนีไป แต่เขาไม่มั่นใจว่าเขาจะสามารถหนีจาก เทพธิดาแห่งแสงได้ เหมือนว่าเทพธิดาแห่งแสงจะเป็นผู้นำสูงสุดใน ดินแดนแห่งพระเจ้า


เสี่ยง กร๊อบแกร๋บ


เสี่ยงกำลังมองไปที่ประตูของโถงใหญ่และกำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการหลบหนี แต่ในเวลานี้ ประตูนั้นก็เปิดออกอย่างฉับพลันและ เทพธิดาแห่งแสงก็เดินเข้ามาหาเขาพร้อม กับ กลุ่มคาร์ดินัล


72

เทพธิดาแห่งแสง เป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดตั้งแต่เสี่ยวเฟิงเคยเห็นมา โรส ยังถูกของสวยของเธอบดบังไปซะจนมิด เพราะอย่างไรก็ตาม โรส ก็เป็นมนุษย์เพศหญิง ในขณะที่ เทพธิดาแห่งแสงนั้นถูกจำลองขึ้นมาจากระบบ


เทพธิดาแห่งแสงนั้น สมบรูณ์แบบและไร้จุดด้อย แต่ความสวยของเธอนั้นถูกจำลองขึ้นมาและสามารถที่ตะมีอยู่ในโลกเสมือนจริงของเกมเท่านั้น


เธอ ดูเป็นคนที่หยิ่งพยองและไม่สนใจโลกอยู่ตลอดเวลา ราวกับว่าเธอนั้นอยู่เหนือกว่ามนุษย์ทุกคน ไม่มีอารมณ์ใดๆ ปรากฏอยู่บนใบหน้าอันสมบรูณ์แบบของเธอและดูเหมือนว่าเธอจะไม่มีความคิดที่เกี่ยวกับ ความเศร้าโศรก ความสุข และความทุกข์ อยู่เลย เธอเป็นเหมือนเทพธิดาสำหรับบุคคลทั่วไปและเธอก็มองมนุษย์อย่างกับว่าพวกเขาเป็นเพียงแมงหรือแมลง


แต่เสี่ยวเฟิงนั้นไม่พอใจกับทัศนคติของเธอ ทำไมเธอถึงอยู่เหนือกว่าคนอื่นละ?


เสี่ยวเฟิงไม่สามารถหยุดคิดความคิดทีดำมืดได้ ในสายตาของผู้คนทั่วไป เทพธิดาแห่งแสงนั้นศักดิ์สิทธิและอยู่ไกลลิบ เธอจะทำอย่างไรเมื่อเธอพบกับเทพพระเจ้าแห่งแสง? เธออาจจะยอมจำนนและยอมเป็นทาสรับใช้ในตอนนั้น


ถว่า เทพธิดาแห่งแสงอาจไม่ทันสังเหตุเห็นถึงใบหน้าที่ไม่พอใจของเสี่ยวเฟิง เธอมองไปที่เสี่ยวไป๋ที่กำลังกอดต้นขาของเสี่ยวเฟิงไว้แน่น แล้วก็เกิดความโมโหขึ้นมา เธอยากที่จะเข้าใกล้แล้วในตอนนี้ และเธอก็มองเสี่ยวเฟิงด้วยความโกรธ ซึ่งนั้นทำให้เธอดูสมบรูณ์แบบและมีเสน่ห์มากขึ้น


“นักผจญภัยเผ่ามนุษย์ เจ้าได้ทำความผิดอันใหญ่หลวง!”


เทพธิดาแห่งแสง ยังคงเงียบอยู่ ในขณะที่เหล่าบิชอปสูงอายุนั้นก็ถือโอกาสเริ่มวิพากษ์วิจารณ์เขา บิชอบที่จริงจังและมีหนวดขาวสองคนเดินออกมาข้างหน้า พวกเขาคือ ไคเซอร์ และ เรนัลด์


เรนัลด์ พูดอย่างเย็นชาว่า “พิธีถือกำเนิดของภูเขาเจิดจรัสนั้นถูกจัดขึ้นเพิ่มเป็นการต้อนรับ ออระเคิล! แต่เจ้ากลับเปลี่ยน ออระเคิล ไปเป็นสัตว์เลี้ยงของเจ้า! ”


เรนัลด์ ชี้หน้าเสี่ยวเฟิงแล้วพูดอย่างฉุนเฉียว พอเขามองไปที่เสี่ยวไป๋ที่กำลังกอดต้นขาของเสี่ยวเฟิง เขาก็โกรธหน้าแดงแลำอยากที่จะต่อว่าอรกครั้ง


“ฮาฮ่า โปรดใจเย็นๆ กันก่อนเถอะ”


บิชอปไคเซอร์ ยิ้มและเดินมาข้างหน้าเพื่อเล่นบทผู้รักสันติ เขาพูดว่า “นักผจญภัยมีความสามารถในการทำให้สัตว์เลี้ยงเชื่อง และนี้ก็เป็นกฏที่ถูกเขียนขึ้นโดย ผู้สร้าง เนื่องจาก ออระเคิล นั้นได้กลายเป็นสัตว์เลี้ยงของนักผจญภัยเผ่ามนุษย์คนนี้ไปแล้ว เราจึงต้องยอมรับความจริงนี้และเราไม่สามารถที่จะละเมิดกฏข้อนี้นี้ได้”


จากนั้น บิชอปไคเซอร์ ก็มองมาที่เสี่ยวเฟิงและพูดว่า “พวกเราพบทางออกหลังจากที่ได้พูดคุบกับคนอื่น ภายใต้ฤกษ์ที่ดีของท่านคุณหญิงเทพธิดา เราจึงร่วมกันลงคะแนนเสียง”


“แล้วทางออกนั้นคือ?”

เสี่ยวเฟิงถามด้วยความลังเล เขารู้สึกได้ว่า บิชอปไคเซอร์ นั้นฉลาดหลักแหลมและเจ้าเล่ห์


“ออระเคิล เป็นของภูเขาเจิดจรัส และเจ้าไม่สามารถเอาเธอออกไปได้”


“ว่าไงนะ? ขอปฎิเสธ! เธอเป็นสัตว์เลี้ยงของฉันและฉันจะไม่ทิ้งเธอไว้ที่นี้คนเดี่ยว”


เสี่ยวเฟิง ปฎิเสธข้อเสนอของพวกเขาทันที และส่ายหัวโดยไม่ลังเล เสี่ยวไป๋มีความสามารถในการต่อสู้ที่แข็งแกร่งและจะช่วยเหลือเขาได้มาก เขาจะไม่มีทางทิ้งเธอไว้ใน วิหารแห่งแสง


“แต่ เจ้าไม่มีสิทธิที่จะปฏิเสธข้อเสนอของเรา!” ออระเคิล เป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างมากต่อวิหารแห่งแสงและเธอจะต้องอาศัยอยู่ที่นี้! เจ้าควรจะยอมรับข้อตกลงนี้สะดีกว่า ไม่เช่นนั้นเจ้าจะถูกกักขังไว้ในภูเขาเจิดจรัสและจะไม่มีทางออกไปจากที่นี้ได้!” เทพธิดาแห่งแสงส่งเสียอย่างไม่พอใจแล้วแล้วพูดอย่างเย็นชา


“ฉันไม่กลัวมันหลอก! พวกนายจะลองดูก็ได้! ฉันจะเอาเสี่ยวไป๋ไปไว้ใน พื้นที่สัตว์เลี้ยง (pet space) และวิหารแห่งแส่งจะไม่มีวันหา ออระเคิล ของพวกเขาเจอ!” เสี่ยวเฟิงพูดอย่างไร้ยางอาย


ผู้สร้าง ที่พวกเขาพวกเขาน่าจะเป็น ระบบของเกม นั้นหมายความว่าพวกเขาไม่สามารถละเมิดกฏของระบบได้ และพื้นที่สัตว์เลี้ยงนั้นก็เป็นระบบส่วนตัวของผู้เล่น


“เจ้าบ้า!” เทพธิดาแห่งแสง โกรธหน้าแดงในทันทีและหยุดพูดกับเสี่ยวเฟิง หน้าอกโตๆ ของเธอกระเพื่อมแล้วใบหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปเป็นเย็นยะเยือก


“โปรดอย่าเพิ่งใช้อารมณ์กันเลย ใจเย็นๆ กันก่อน พวกเราสามารถพูดคุยกันและหาทางออกที่ดีกว่านี้ได้!” บิชอปไคเซอร์ พูดแทรากขึ้นมาอีกครั้ง และมองไปที่เสี่ยวเฟิงด้วยร้อยยิ้ม


“เทพธิดาแห่งแสงพูดถูก กองทัพแห่งความมืดปรากฏขึ้นอีกครั้งและพวกเราจัดพิธีถือกำเนิดและเรียก ออระเคิล ลงมายัง ดินแดนแห่งพระเจ้าเพื่อที่จะกำจัดพวกมัน ดังนั้น ออระเคิล จำเป็นต้องแบกรับภาระอันใหญ่ยิ่งเอา แม้ว่าตอนนี้เธอจะเป็นสัตว์เลี้ยงของเจ้า เธอก็ยังได้รับมอบหมายงานสำคัญเอาไว้ เพราะฉนั้น ออระเคิล จึงต้องอยู่ในภูเขาเจิดจรัส ”


เสี่ยวเฟิง เปิดปากและต้องการที่จะโต้เถียงเขา แต่ บิชอปไคเซอร์ ขัดเขาไว้อีกครั้งแล้วพูดต่อว่า “โปรดฟังฉันก่อน”


“เพราะว่าเจ้าเข้าแทรกแซงพิธีถือกำเนิด ทำให้ ออระเคิล ยังไม่โตเต็มที่ในตอนนี้ เธอไม่แข็งแกร่งพอที่จะทำลายกองทัพแห่งความมืด ดังนั้น เธอจึงต้องอยู่ในภูเขาเจิดจรัสเพื่อฟื้นฟูพลังของเธอ”


วิธีแก้ปัญหานี้ เหมือนจะน่ายอมรับมากสำหรับ เสี่ยวเฟิง ในตอนนี้ เสี่ยวไป๋ นั้นแข็งแกร่งพอสำหรับเสี่ยวเฟิงและผู้เล่นทั่วไป แต่เห็นได้ขัดว่า NPC ระดับสูงเหล่านี้ไม่พอใจ กับความแข็งแกร่งของเธอ เพราะอย่าไรก็ตาม เสี่ยวไป๋ก็เป็นสัตว์เลี้ยงของเขา ถ้าเธอสามารถอาศัยอยู่ที่ ภูเขาเจิดจรัสและฟื้นพลังของเธอ เธอจะสามารถช่วยเสี่ยวเฟิงได้มากขึ้นกว่าเดิมและเพิ่มสมรรถภาพในการต่อสู้ให้ของเขา


เสี่ยวเฟิง จับโซ่ของเขาและจมอยู่ในความคิด


 


“นี้เป็น ข้อยินยอมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่วิหารแห่งแสงสามารถทำได้ เราสามารถยอมรับได้ว่าเจ้า คือเจ้านายของ ออระเคิล แต่เจ้าต้องนับถือในพระเจ้าแห่งแสงสว่างอย่างสัตย์จริง และช่วยเหลือกองทัพแห่งแสงหลังจากที่ ออระเคิล ตกเป็นสัตว์เลี้ยงของเจ้า เมื่อกองทัพแห่งความมืดกลับมา เจ้าจะต้องช่วยพวกเราต่อกรกับพวกมันและทำผลงานชองเจ้า” บิชอปไคเซอร์ พูดต่อไป แม้ว่าน้ำเสียงของเขาจะดูเป็นมิตร แต่เขากำลังขู่เสี่ยวเฟิงอยู่


พวกเขาได้ทางออกนี้ มาด้วยการลงคะแนน และการคัดค้านของ เสี่ยวเฟิง นั้นไม่มีผล เขาอยู่ที่เลเวล 12 และเป็นเพียงผู้เล่นที่ไม่มีความสำคัญ ถ้าเขายังยืนกรานความเห็นของเขา บิชอปเหล่านี้อาจจะใช้มาตรการที่ร้ายแรงกว่าเดิม


เสี่ยวเฟิง เข้าจุดนี้ดี แม้แต่ โบลตัน ที่เป็นกัปตันของอัศวินแห่งสาขาย่อยในเมือง เตียนหลง ยังเป็น บอสที่น่าหวาดกลัวและเกือบที่จะขึ้นไปถึงระดับตำนาน บิชอปที่กำลังยืนอยู่ใน วิหารแห่งแสง เหล่านี้ต้องอยู่ในระดับที่สูงกว่า และเสี่ยวเฟิงก็ไม่ใช้คู่มือสำหรับพวกเขา


“สัตว์เลี้ยงเป็นผู้ช่วยที่มีความสามารถสำหรับนักผจญภัยอย่างพวกเราและพวเราก็สามารถมีสัตว์เลี้ยงได้เพียงตัวเดียวเ่ทานั้น ถ้าฮฉันทิ้งเสี่ยวไป๋ไว้ที่นี้ ฉันก็จะไม่มีสัตว์เลี้ยงครอบครองและสิ่งนี้จะส่งผลต่อพลังในการต่อสู้ของฉันอย่างมาก


เสี่ยวเฟิง จับคางของเขาด้วยมือข้างหนึ่งและแตะศรีษะของเสี่ยวไป๋ด้วยมืออีกข้าง เขายอมรับข้อตกลงนี้แต่เขาก็ต้องการสิ่งไว้ชดเชย


ถ้าเขาไม่สามารถเอาเสี่ยวไป๋มากับเขาได้ เขาจะเสียงฉายาสัตว์เลี้ยง เขาจะเสียเปรียบเพราะผู้เล่นคนอื่นมีสัตว์เลี้ยงในขณะที่เขาไม่มี


แต่มันก็เห็นได้ชัดว่าเสี่ยวนั้นกำลังทำตัวไม่มีเหตุผล สกิลติดตัวของเสี่ยวไป๋สามารถที่จะแบ่งปันได้และเขาก็สามารถได้รับผลของสกิลแม้ว่าเธอจะอยู่ไกลสุดลูกหูลูกตาก็ตาม เขาไม่สามารถใช้ความสามารถในการโจมตีของเธอได้ หากเธอต้องอยู่ในภูเขาเจิดจรัส แต่ก็เขาไม่ได้สูญเสียอะไรไปมากเพราะสกิลติดตัวของเสี่ยวไป๋นั้นแข็งแกรง


“แน่นอนว่าเราพิจารณาสิ่งนี้ไว้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ตามกฏที่ถูกเขียนขึ้นโดย ผู้สร้าง ออระเคิล นั้นเป็นของเจ้าและพวกเราไม่ควรจะเก็บเธอไว้ใน ภูเขาเจิดจรัส เจ้าเป็นเจ้าหนายของ ออระเคิล หลังที่ได้พูดคุยและไตรตรองกัน พวกเราดัดสินที่จะประทาน กิติมศักดฺิ์ของอาชบิชอปแห่งวิหารศักดฺ์สิทธิ ให้กับเจ้า! ”


เสี่ยวเฟิงกำลังจ้องไปที่ บิชอปไคเซอร์ และรอค่าชดเชยของเขา เมื่อ บิชอปไคเซอร์ พูดเสร็จ เสี่ยวเฟิงก็ถามด้วยความสงสัย“แค่นี้หรอ?”


“ก็ใช่นะสิ!”


ใบหน้าของ บิชอปไคเซอร์ เปลี่ยนเป็นแข็งกระด้าง เข้าต้องเสี่ยวเฟิงด้วยความโมโหและไม่สบอารมณ์กับ ทัศนคิติที่ไม่รู้ถึงคุณค่าของเขา


“เจ้าจะโลภเกินไปแล้ว! อาชบิชอปแห่งวิหารศักดิ์สิทธินั้นแข็งแกร่ง! เจ้าจะได้รับอภิสิทธิ์ที่เจ้่าไม่มีทางที่จะจิตนาการออกมาได้ ใน ดินแดนแห่งพระเจ้า! เจ้าเป็นเจ้านายของ ออระเคิล ไม่เช่นนั้น พวกเราจะไม่มอบฉายานี้ให้กับนักผจญภัยคนหนึ่งหรอก! มีบุคคลไม่ถึงสิบคนในวิหารแห่งแสงของพวกเรา ที่มีฉายา อาชบิชอป!

บิชอปเรนัลด์ ไม่สามารถยังยั้งความโกรธของเขาได้ และตะโกนใส่เสี่ยวเฟิง


“อ่า ฉันเข้าใจแล้ว”


เสี่ยวเฟิง ถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหนาย ของตอบแทนนั้นเป็นเพียงฉายากิตติมศักดิ์และมันก็จะไม่นำประโยชน์สำคัญใดๆ มาให้กับเขา


“เจ้าตกลงที่จะทิ้ง ออระเคิล ไว้ที่ภูเขาเจิดจรัส และข้าจะมอบ ฉายาอาชบิชอปแห่งแสง เป็นสิ่งตอบแทน เจ้าไม่สามารถพา ออระเคิล ไปจากภูเขาเจิดจรัสได้ถ้าฉันไม่อนุญาติ ”


เทพธิดาแห่งแสงพูดออกมาเบาๆ เธอก้าวออกมาและสัมผัสหน้าอกของเสี่ยวเฟิงด้วยนิ้วมือสีขาวของเธอ อย่างแผ่วเบา


ในขณะเดียวกัน แสงสีทองก็ก่อตัวขึ้น เหรียญตราที่งดงามกว่าเดิมบนหน้าอกของเขา และบดบังเหรีญตราสาวกผู้เลื่อมใส


“เฮ้! คุณได้รับเหรียญตรากิตติมศักดิ์: อาชบิชอปแห่งแสง”


เสี่ยวเฟิงมองดูความสามารถของมัน มันคืออุปกรณ์พิเศษเหมือนกับเหรียญตราสาวกผู้เลื่อมใสเช่นกัน มันไม่มีการเพิ่มค่าพลังพิเศษอย่างอื่น แต่ผู้เล่นสามารถส่วมใส่เหรียญตราที่แตกต่างกันได้หลายอัน ในเวลาเดียวกันและเลือกผลพิเศษของเหรีญตราเหรียญหนึ่ง


เหรียญตรากิตติมศักดิ์: อาชบิชอปแห่งแสง


ชนิด: อุปกรณ์พิเศษ


ความสามารถ: หลังจากที่ส่วมใส่มันแล้ว คุณจะได้รับการปฎิบัติเหมือนกับ อาชบิชอป ในเขตอิทธิพลของกองทัพแห่งแสงสว่างทั้งหมด คุณสามารถใช้สิทธิของอาชบิชอปได้ในสาขาย่อยของวิหารแห่งแสงทั้งหมด


ความพิเศษ: หลังจากที่ส่วมใส่มันแล้ว ฉายา อาชบิชอป จะปรากฏขึ้นบนชื่อตัวละคนของคุณ


คำอธบายความสามารถนั้นก็ยังคล้ายกับของ สาวกผู้เลื่อมใส อีกด้วย และเสี่ยวเฟิงก็ไม่พบสิทธิพิเศษใดๆ นี้อาจจะเป็นเพียงแค่ฉายากิตติมศักดิ์สำหรับผู้เล่น เขาไม่สามารถที่จะระดมผลอัศวินของวิหารสว่างได้เหมือนกับเหล่า NPC บิชอป


“พา ออระเคิล กลับไปยังบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ เธอสามารถฟื้นฝูพลังแสงของเธอได้ในที่นั้น และจงจำไว้ว่า อย่าเรียกเธอไป หากฉันไม่อนุญาติ”


เทพธิดาแห่งแสง จากไปหลังจากที่พูดจบและกลุ่ม คาร์ดินัลก็เดินออกไปแล้วเช่นกัน


“เจ้าบ้า เจ้…” บิชอปเรนัลด์ รีบเดินเข้ามาหาและอยากจะเถียงกับเสี่ยวเฟิงอีกครั้ง แต่ บิชอปไคเซอร์ ขัดจังหวะเขาไว้


“อ่า บิชอปเรนัลด์ โปรด ใส่ใจในทัศนคติของท่านที่มีต่อ อาชบิชอปด้วย”

ไคเซอร์ จงใจที่จะไอออกมาเพื่อเตือนใจ เรนัลด์ แต่เขากลับยิ้มเหมือนกับว่าเขาได้ระบายความโกรธออกไปแล้ว


หลังจากที่ได้ยินสิ่งที่เขาพูด เสี่ยวเฟิงจึงแสดง ฉายา อาชบิชอป บนศรีษะเขาในทันที เขามองไปที่ บิชอปเรนัลด์ อย่างจริงจังราวกับว่าเขากำลังตรวจงานลูกน้องเขา


“…” บิชอปเรนัลด์ เงียบไปในทันใด เขาหน้าแดงและย้อมแพ้ไปในที่สุดหลังจากที่เขาเห็นฉายาบนศรีษะของเสี่ยวเฟิง จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “อาชบิชอบ โปรดเพิ่มเลเวลของท่านอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ออระเคิล เป็นสัตว์เลี้ยงของท่านและเลเวลของเธอก็จะถูกจำกัดด้วยตัวท่าน จะเป็นการยากสำหรับเธอที่จะฟื้นฝูพลังทั้งหมดของเธอในขณะที่กองทัพแห่งความมืดนั้นมีความแข็งแกร่ง ยิ่งไปกว่านั้นวิหารแห่งสร้างก็ไม่สามรถที่จะจัดการกองทัพที่เหลืออยู่ของพวกมันได้” ปราศจากความช่วยเหลือจากพระเจ้า ผู้คนที่ใช้ชีวิตอยู่ในดินแกนแห่งพระเจ้าจะตกอยู่ในความทุกย์ยากที่แสนสาหัสเหมือนเมื่อหลายพัน ปีก่อน


ผลที่ตามานั้นร้ายแรงและเสี่ยวเฟิงจำเป็นต้องให้คำสัญญากับเขา แต่เจาจะพยายามให้ดีที่สุดในการเพิ่มเลวเลของเขา โดยไม่ต้องให้พวกบิชอปมาเตือน


จากนั้นเขาก็กลับไปยัง บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ด้านหลัง วิหารกลาง เมื่อมองไปที่เสี่ยวไป๋ เสี่ยวเฟิงก็ไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรต่อไป


73

เสี่ยวไป๋ เป็นสัตว์เลี้ยงของเขา แต่เธอดูเหมือนเด็กผู้หญิงอายุ 8 หรือ 9 ขวบ เธอมีรูปลักษณ์ที่เหม่อลอย อยู่บนใบน่าที่น่ารักน่าชังของเธอ เธอกำลังกอดต้นขาของเสี่ยวเฟิงไว้แน่นและเขาก็ไม่อยากที่จะทิ้งเธอไว้คนเดียวที่นี้


โชคดีที่ เสี่ยวไป๋นั้นคุ้นเคยกับบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ เมื่อพวกเขากลับมาถึงบ่อน้ำ เธอปล่อยมือจากเสี่ยวเฟิงและลงไปในบ่อน้ำด้วยตัวเธอเอง ชิ้นสูงที่เรืองแสงอยู่ไม่กี่ชิ้นปรากฏขึ้นในบ่อน้ำศักดิ์สิทธิแลพก่อตัวเป็นเปลือกไข่ครึ่งฟอง เสี่ยวไป๋ห่อหุ่มอยู่ในเปลือกไขนั้นและลอยลำอยู่ในน้ำ ในขณะเดียวกัน สีของเปลือกไข๋ก็เปลี่ยนไปและมันต่างจากสีที่เสี่ยวเฟิงเคยเห็นมาก่อนหน้านี้ มันดูเหมือนเกราะเดรสสีเงินที่เสี่ยวไป๋ส่วมใส่อยู่


ในขณะเดียวกัน แนวแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์ก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า และเข้าปกคลุมเสี่ยวไป๋และเปลือกไข่ครึ่งฟอง แต่เแนวแสงศักดิ์สิทธิ์นี้ นั้นไม่เด่นชัดเหมือนกับแนวแสงอันก่อน มันค่อนข้างที่จะไม่แจ่มแจ้ง


เสี่ยวไป๋ เดินเข้าไปในบ่อน้ำศักดิ์สิทธิด้วยตัวของเธอเอง และเสี่ยวเฟิงก็รู้สึกโล่งใจ แต่เขาก็ยังกังวลเรื่องเธออยู่ เธอดูเหมือนเด็ก และเธอก็เป็นสัตว์เลี้ยงของเสี่ยวเฟิงในโลกของเกมนี้


เสี่ยวเฟิง คุ้ยหาไปทั่วกระเป้าของเขา แต่ก็ไม่พบของเล่นหรือขนมใดๆ เลย มีเพียงแต่ ยา อุปกรณ์ ของไว้อวด และวัสดุ


แต่มีไข่สัตว์เลี้ยงอยู่ใบหนึ่งที่เป็นรางวัลจากการสำเร็จภารกิจจับสัตว์ เสี่ยวเฟิงหยิบ ไข่สัตว์เลี้ยง(ไก่อ้อเอ้) ออกมาทันที


เสี่ยวเฟิงได้ยินเสียงร้องของไก่


ไข่สัตว์เลี้ยงนี้สามารถนำมาฟักตัวหรือปล่อยออกไปได้ เสี่ยวเฟิงเลือกที่จะปล่อยมันออกไป ไก่สีทองออกมาจากเปลือกไข่ในทนัที ไก้อ้อเอ้ นั้นเป็นมอนเสตอร์ที่ เป็นกลางและไม่เป็นอันตราย มันดูน่ารักหลังจากที่มันถูกฟังออกมา


“เสี่ยวไป๋ เธอจะเล่นกับไก่ตัวนี้ก็ได้นะ และฉันจะกลับมาหาเธอบ่อยๆ นะ”


เสี่ยวเฟิงสัมผัสศรีษะของเสี่ยวไป๋ที่กำลังนั้งอยู่บนเปลือกไข่ และโยนไก่อ้อเอ้ที่กำลังดิ้นรนและพยามกระพือปีก ไปให้เธอ


เสี่ยวไป๋ตะแคงศรัษะของเธอและมองไปที่เสี่ยวเฟิงอย่างไม่เข้าใจ แต่เธอสนใจไก่อ้อเอ้ที่ยังคงร้องอ้อเอ้อยู่ในทันที เธออุ้มมันไว้ในอุ้งมือทั้งสองเขาเธอและจ้องไปที่มันอย่างปราศจากความรู้สึก


ในที่สุด เสี่ยวเฟิงก็ยืนขึ้นและเดินออกไป เขาหยิบ คัมภีร์ย้ายกลับของเมือง เตียนหลงออกมาและขย้ำมัน เขามองไปที่เสี่ยวไป๋ก่อนที่ร่างกายของเขาจะกลายเป็นแสงสีขาวและหายไป


เมือง เตียนหลง คึกคักไปด้วยผู้เล่นแล้วในตอนนี้ หลังจากที่เดินออกมาจากวงแหวนเคลื่อนย้ายแล้วเสี่ยวเฟิงก็ตะลึงไปกับความพลุกพลานและความีชีวิตวาของถนนตรงหน้าของเขา นี้มันเเฟื่องฟูกว่าเมือง เชียงชุย เสียงอีก


เสี่ยวเฟิง ปรากฏขึ้นในเมือง เตียนหลง ในเวลาเดียวกันกับที่ ซื๋ออี้ ที่กำลังรอเขาอยู่ที่บันไดที่ตีนเขาของภูเขาเจิสจรัดได้รับข่าวใหม่


“ว่าไงนะ? เขาหายไปหรอ? แล้วเขาออกไปตอนไหน?”


ซื๋ออี้ พูดกับคนที่อยู่ปลายสายด้วยเสียงที่ดังขึ้น


“เขาอาจพึ่งออกจากที่นี้ สมาชิกของพวกเราเห็นเขาอยู่ที่วงแหวนเคลื่อนย้ายของเมือง เตียนหลง”


นั้นคือ สกาย ที่กำลังคุยอยู่กับ ซื๋ออี้ เขาใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบคำถามของเธอ


“โห! ไอคนขึ้เนี้ยว!”


ซื๋ออี้ เปล่งเสียงอย่างไม่พอใจและโอบหน้าอกของเธอ เต้าโตๆ ของเธอดูเด่นขึ้นมากตอนนี้


“เฮ้! แล้วเธอรู้สึกอย่างไร? เธอได้ข้อมูลอะไรมาบ้างไหม?” สกายถาม


“ไม่ได้มาเลย เขาไม่ยอมแบ่งภารกิจให้กับฉัน ยิ่งไปกว่านั้น มีเพียงผู้เล่นที่มีเลเวลสูงกว่าหรือเท่ากับ 50 เท่านั้นที่จะสามารถเข้าภูสู่เขาเจิดจรัสได้ ตำแหน่งของภารกิจนี้เป็นแผนที่ระดับสูง และฉันก็เข้าไปที่นั้นไม่ได้ด้วยซ้ำ”


“แผนที่ขั้นสูงสำหรับผู้เล่นที่มีเลเวล 50 งั้นหรอ?” สกายที่อยู่ปลายสาย ตะลึง


“ใช้แล้ว มันอาจจะเกี่ยวข้องกับวิหารแห่งแสงก็เป็นได้ ฉันสังเกตุเห็นว่าชุดเกราะและอาวุธของ NPC การ์ด แห่งภูเขาเจิดจรัส นั้นดูคล้ายกับของอัศวินแห่งวิหารแห่งแสงในเมืองหลัก”


“ถ้าเป็ยอย่างนั้น..เธอจะกลับมาก็ได้ตอนนี้ ขอให้ฌะออย่างลืมสถานที่นั้นนะ เหมือนว่าสมาชิกของเราจะได้รับ ภารกิจโซน พวกเราอาจต้องเจ้าไปในโซนภานใยคืนนี้”


“โอเค! ฉันจะกลับไปเดี้ยวนี้แหละ!”



หลังจากที่เขากลับมายังเมือง เตียนหลง เสี่ยวเฟิงก็ไม่รีบไปรับภารกิจเนื้อเรื่องแต่ว่าเขาเปิดรายชื่อระดับขึ้นมาและตรวจดูมันอีกครั้ง เขาได้ใช้เวลามากเกินไปในการทำภารกิจเนื้อเรื่องทั้งสองให้สำเร็จและหลอด EXP ของเขาก็เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อยหลังจากตอนนั้น


รายชื่อการจัดอันดับ ของ เขต Huaxia


อันดับที่หนึ่ง: xxx – เลเวล: 1 – อาชีพ: นักพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ – เข้าร่วม: ไม่มี


อันดับที่สอง: ซีเหมินชุยเซวีย – เลเวล: 11 – อาชีพ: นักดาบ – เข้าร่วม: ไม่มี


อันดับที่สาม: ไดนาสตี้วอร์ก็อต – เลเวล: 11 – อาชีพ: นักรบเถื่อน – เข้าร่วม: ไม่มี


อันดับที่สี่: เฟิงยุนจีฉา – เลเวล: 11 – อาชีพ: นักรบเถื่อน – เข้าร่วม: ไม่มี


อันดับที่ห้า: นักธนูอายุ 17 ที่อยากจะนอนกับพระ – เลเวล: 11 – อาชีพ: นักธนู – เข้าร่วม: ไม่มี 无

อันดับที่หก: ดูมส์เดย์ก็อด – เลเวล: 11 – อาชีพ: เจ้าแห่งพลังธาตุ – เข้าร่วม: ไม่มี


อันดับที่เจ็ด: ฉันคือพาลาดินแห่งการรักษา – เลเวล: 11 – อาชีพ: พาลาดิน – เข้าร่วม: ไม่มี


อันดับที่แปด: วอร์สปิริตสกาย – เลเวล: 11 – อาชีพ: นักรบเถื่อน – เข้าร่วม: ไม่มี


อันดับที่เก้า: เดอะสปิริตออฟอิมอแทลอิทิ – เลเวล: 11 – อาชีพ: นักฆ่า – เข้าร่วม: ไม่มี


อันดับที่สิบ: กลอรี่ไนน์บราเธอร์ – เลเวล: 11 – อาชีพ: นักเวทธรรมชาติ – เข้าร่วม: ไม่มี


เสี่ยวเฟิงคิดถูกที่เขาเป็นกังวล เขามีเลเวล 12 และเขาก็เข้าไปอยู่ในอันดับที่หนึ่ง แต่ผู้เล่นคนอื่นก็เกือบจะตามเขาทันอยู่แล้ว ผู้เล่นอีกทั้งเก้าคนได้ขึ้นถึงเลเวล 11 แล้ว และเสี่ยวเฟิงแกรงว่าพวกเขาจะตามเขาทันภายในเช้าวันพรุ่งนี้


ยิ่งไปกว่านั้น ผู้เล่นส่วนใหญ่ที่อยู่ในรายการจัดสิบอันดับแรกก็เป็นปประธานของกิลด์หลักทั้งนั้น พวกเขาดื่มด่ำไปกับ ทรัพยากรของกิลด์ขนาดใหญ่ทั้งกิลด์และสามารถอัพเลเวลตัวเองได้อย่างรวดเร็ว ตัวอย่างเช่น พวกเขาไม่จำเป็นที่จะต้องโจมตีมอนเสอร์ด้วยตัวของพวกเขาเองด้วยซ้ำ


แต่นี้ก็ยังเป็นตัวบ่งบอกว่า ผู้เล่นที่อยู่กระจัดกระจายกันออกไป นั้น ทั้งแข็งแกร่งและมีความชำนาญ พวกเขาสามารถอยู่รายชื่อในสิบอันดับต้นได้ภายใต้การแข่งขันที่ดุเดือดนี้ ไนท์คูเออร์ ผู้ที่เคยอยู่ในรายชื่อสิบอันดับต้นมาก่อนนั้นถูกผู้เล่นคนอื่นทิ้งห่างออกไป เพราะไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เธอก็เป็นนักฆ่าและอาชีพนี้ไม่เหมาะกับการฆ่ามอนเสตอร์เพื่ออัพเลเวล


หลังจากที่พบว่าผู้เล่นคนอื่นกำลังจะไล่ตามเขาทัน เสี่ยวเฟิงจึงไม่ตั้งเป้าหมายเพื่อที่จะทำภารกิจนั้น เป้าหมายหลักของเขาในตอนนี้คือการอัพเลเวล


ยิ่งไปกว่านั้น เสี่ยวเฟิงก็สามารถอัพเลเวลด้วยตัวของเขาเองได้แล้วในตอนนี้ เขาได้เปลี่ยนอาชีพของเขาและกลายเป็น นักพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์


ภายใต้ความสามารถของ พลังแห่งพระเจ้า สกิลรักษาของเสี่ยวเฟิงจะกลายเป็นสกิลที่สร้างความเสียหายตราบใดที่เป้าหมายของเขาคือ ผีดิบ หรือ พวกเผ่าแห่งความมืด สิ่งนี้ช่วยเพิ่มสมถรรมในการสร่้างความเสียหายของเสี่ยวเฟิงได้อย่างมาก


ยิ่งไปกว่านั้น ภายใต้ผลของสกิล นภาแห่งพระเจ้า ของ เสี่ยวไป๋ เสี่ยวเฟิงจะสามารถปล่อยสกิลรักษาของเขาใส่เป้าหมายที่อยู่ในสายตาของเขาได้ในเวลาเดียวกัน!


มันหมายความว่า เสี่ยวเฟิง สามารถผสมผสานสกิล นภาแห่งพระเจ้า กับ สกิล พลังแห่งพระเจ้าได้ ถ้าเขาสารถหา จุดเติมพลังที่มีมอนเสตอรืผีดิบจำนวนมากได้พบ เขาจะสามารถฆ่าพวกผีดิบและอัพเลเวลได้ด้วยความเร็วที่น่ากลัว


ดังนั้น เขาจึงต้องการเพียงหาจุดเติมพลังให้พบ และทำการเตรียมการบ้างอย่างในขณะนี้

อย่างเช่น เขาต้องซื้อยาให้เพียงพอและขยายกระเป้าของเขา มันจะผลาญ MP จำนวนมากเพื่อการ อัพเลเวลโดยใช้การใช้สกิลเหล่านั้น นอกจากนั้น เขาจะสังหารมอนเสตอร์เป็นจำนวนมากและจะมีได้รับของดรอปมากมาย เขาไม่จะสามารถทิ้งมันไปได้หากประเป๋าของเขาไม่ใหญ่พอ


“เราต้องการเหรียญทองหนึ่งเหรียญในการเพิ่มพื้นที่ในกระเป๋าหนึ่งช่อง…โอ้! คุณคือ อาชบิชอบนิ! คุณต้องการที่จะขยายกระเป๋าของคุณไหม?”


เขาไปที่บริเวณโกดังในตอนแรกเพื่อจะเอา ใบรับรองภารกิจ กุญแจปิดผนึก และไอเทมอื่นๆ ที่เขายังไม่สามารถมใช้งานได้ในตอนนี้เก็บเข้าไปในโกดัง แล้วเขาก็พบกับ NPC หัวหน้าทีจะช่วยขยายกระเป๋าของเขา


แต่ NPC หัวหน้าที่อ้วนตุตะคนนี้ ตัวสั่นขึ้นมาในทันทีหลังกจากที่เห็นฉายา อาชบิชอปบนศรีษะของเสี่ยวเฟิง และจากนั้นเขาก็เดินเข้าไปหาเสี่ยวเฟิงด้วยความเคารพและหวาดหวั่น


“ใช่ ช่วยเพิ่มให้ฉันสิบช่อง และนี้คือเหรียญทองสิบเหรียญ” เสี่ยวเฟิงพยักหน้า แต่เขาก็กหวาดหวั่นกับทัศนคติของ NPC หัวหน้าตัวอ้วนคนนี้ทันที


“ไม่ ไม่ ไม่! นี้เป็นเกียรติของข้าน้อยที่ได้ขยายกระเป๋าให้กับท่าน อาชบิชอบ! ข้าน้อยจะรับเงินของท่านได้อย่าไรกัน? ข้าน้อยจะช่วยท่านขยายช่องกระเป๋าใบนี้จนถึงขีดจำกัดสูงสุด เดี้ยวนี้แหละ!


NPC หัวหน้าตัวอ้วน โบกมืออย่างต่อเนื่อง และจากนั้นเสี่ยวเฟิงก็ได้ยืนเสียงเตือนของระบบ กระเป้าของเขามี 100 ช่องแล้วในตอนนี้


เสี่ยวเฟิงหยิบเงินของเขากลับมา เขาประหลาดจะที่นึกขึ้นได้ว่า ฉายา อาชบิชอปกิตติมาศักดิ์ นั้นมีประโยชน์มากกว่าที่เขาคิด


“ความสามารถของข้าน้อยจำกัดให้ข้าน้อยสามารถขยายกระเป๋าให้ท่านได้เพียง 100 ช่องเท่านั้น อาชบิชอบ หากท่านหา หินอวกาศ พบ ข้าน้อยจะสามารถเพิ่มช่องของกระเป๋าให้กับท่านได้มากกว่าเดิม”


NPC หัวหน้าตัวอ้วน ส่งเสี่ยวเฟิงออกไปทางประตูอย่างเคารพและขอให้เขาแวะมาที่นี้บ่อยๆ


เสี่ยวเฟิง นั้นมีความสุขสุขสันต์ เขาไม่คาดไม่ถึงว่า อาชบิชอปย จะมีสิทธิพิเศษที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ เขาคิดอะไรบ้างอย่างขึ้นมาทันที และเดินไปยัง คฤหาสน์ของเจ้าเมือง


เฉียนโตวโตว เคยขอให้เขาก้าวล้ำหน้า กิลด์อื่นและสมาคมอื่นๆ เอาไว้ และจากนั้นค่อยซื้อที่ดินในเมืองหลัก เสี่ยวเฟิงสงสัยว่าเขาจะสาารถได้ที่ดินมาด้วยการใช้ฉายา อาชบิชอป อย่างเต็มที่ได้หรือไม่


คฤหาสน์ของเจ้าเมืองเตียนหลง นั้นดูโอ่อ่า มันดูเหมือนคฤหาสน์ของนายพลในละครชุดเก่า และมันยังตั้งอยู่ในใจกลางเมืองเตียนหลงอีกด้วย


ในขณะนี้ มีผู้เล่นหลายคนอยู่ด้านนอกของคฤหาาน์ และ NPC ทหารยามเกือบทุกคุณก็ถูกผู้เล่นที่กำลังทำภารกิจล้อมอยู่


“นักผจญภัย ภรรยาของเจ้าเมือง ต้องการที่จะรับประทานเนื้อปลาประโทงแทงดาบสีขาว ที่มีอยู่มากมาย ในแม่น้ำ ซึเชียง (Xicheng river) คุณช่วยจับปลานั้นมาให้ฉันสิบตัวได้หรือไม่?”

“มันเป็นภารกิจการเก็บเกี่ยว ฉันต้องการปลากระโทงแทงดาบสีขาว 10 ตัว บอกให้ใครสักคนเอาปลาพวกนั้นมาให้ฉันเดี้ยวนี้”


มี NPC ทหารยามมากมายอยู่ด้านนอกของคฤหาสน์ของเจ้าเมือง และพวกเขาทุกข้าก็ถูกห้อมล้อมไปด้วยผู้เล่น ยังมี คนใช้ คนหนึ่ง ที่มีผู้เล่นล้อมอยู่เพียงไม่กี่คน


ผู้เล่นคนอื่นก็ต้องการที่จะเดินเข้ามาและรับภารกิจของ คนใช้ เช่นกัน แต่พวกผู้เล่นไม่กล้าที่จะเดินเข้ามาหลังจากที่ได้เห็นคำนำหน้า มิดซัมเมอร์ บนศรีษะของพวกที่ล้อม คนใช้ อยู่


“คุณ คนใช้ เราจะเข้าไปในคฤหาสน์และพบกับเจ้าเมืองได้หรือไม่?”


ทันไดนั้น เสี่ยวเฟิงก็ได้ยินเสี่ยวที่เย็นชาและน่าฟัง และได้กลิ่นหอมของดอกบัว


นั้นคือ มิดซัมเมอร์ โรส ผู้เล่นที่ยืนอยู่รอบๆ ตัว คนใช้ นั้นก็คือสมาชิกของ มิดซัมเมอร์กิลด์ และ มิดซัมเมอร์ โรส ก็เป็นหัวหน้าของพวกเขา


“อ่า ท่านเจ้าเมืองกำลังยุ่งอยู่กับธุระสำคัญ และไม่มีเวลาที่จะมาพบกับเหล่านักผจญภัย”


NPC คนใช้ พูดด้วยความลำบากใจและปฏิเสธ โรส


“คุณ หลิว ดูเหมือนว่าความติดเห็นของเขายังดีไม่พอนะ พวกเราจะต้องทำภารกิจนี้ต่อไป” มิดซัมเมอร์ ลิลลี่ ยืนอยู่ข้างหลังโรสและพูดออกมาด้วยเสียงอันแผว่เบา


“ก็ถูก พวกนั้นจับปลากระโทงแทงดาบสีขาวได้หรือยัง? บอกให้พวกนั้นให้ทำให้เร็วกว่านี้ ที่ดินของเมืองเตียนหลงเป็นของเจ้าเมือง เราต้องพบกับเขาให้เร็วที่สุด” โรส พยักหน้าและพูดตอบ


“ฉันบอกพวกเขาไปแล้วว่าให้ทำให้เร็วกว่านี้ คุณ หลิว คุณมั่นใจหรอว่ะคุณจะสามารถเป็นคนแรกที่ซื้อที่ดินจากเจ้าเมืองได้เพราะการส้รางความประทับใจกับพวกเขา? ”


“ฉันเองก็ไม่มั่นใจ แต่เราจำเป็นต้องทำให้เจ้าเมืองประทับใจ ซึ่งนั้นจะช่วยให้พวกพัฒนากิลด์ของเรา ในเมืองเตียนหลงได้ดีขึ้น นอกจากนั้น เราจำเป็นที่จะต้องพบกับเขาก็เพราะว่าเราสามารถซื้อที่ดินจากเขาได้คนเดียวเท่านั้น หลังจากที่ระบบแลกเปลี่ยนเงินตราเริ่มเปิดใช้งาน”


“ใช่เลย คุณฉลาดจัง!”


เสี่ยวเฟิง มองเห็นฝูงชนและถนนที่พลุกพลาน เมื่อเขามาถึงคฤหาสน์ของเจ้าเมือง เขาไม่คาดว่าจะมีผู้เล่นมากขนาดนี้ที่ทำภารกิจอยู่ที่นี่ แต่เขาก็ไม่สนใจพวกผู้เล่นเหล่านั้นและเดินตรงไปยังประตู


“คุณ หลิว! ดูนั้นสิ! ไอบ้านั้นไง!”


ลิลลี่ตาไว เธอเป็นคนแรกที่เห็นเสี่ยวเฟิงผู้ที่มาถึงคฤหาสน์ของเจ้าเมือง เธอชี้ไปที่เขาที่อยู่ห่างออกไและตะโกนด้วยความเกลียดชังที่เห็นได้ชัดบนใบหน้าของเธอ


74

เสี่ยวเฟิงได้บินเสียงของ ลิลลี่ และพบพวกเขาในทันที พวกเขายืนอยู่ตรงหน้าประตู ดังนั้นเสี่ยวเฟิงจึงเดินเข้าไปหาพวกเขาด้วยรอยยิ้ม


“ว่าไง คนสวย! บังเอิญจังเลย!”


“นายกำลังพูดอยู่กับใครกัน? พวกเราไม่ได้สนิทอะไรกับนายนะ!” ลิลลี่ ตีหน้าตายและพูดอย่างเย็นช้า เธอไม่เข้าใจว่าทำไม เสี่ยวเฟิง ถึงพูดเอาใจกับพวกเขา อย่างไรพวกเขาก็เป็นศัตรูกัน


เธอยังไม่รู้อีกด้วยว่าทำไม คุณ หลิว ถึงบอกให้กิลด์ของพวกเธอทั้งกิลด์ กำจัดชายคนนี้ จริงๆแล้ว เธอยังเคยตั้งใจจะชวนเขาเข้าร่วมกิลด์ มิดซัมเมอร์ อีกด้วย


สมาชิกหลายคนของ มิดซัมเมอร์กิลด์ ก็จำศัตรูของพวกเขาได้ทันที พวกเขาหยิบอาวุธออกมาพร้อมกัน และมองไปที่เสี่ยวเฟิงด้วยความเป็นศัตรู ตอนนี้พวกเขาอยู่ในเมืองใหญ่ไม่เช่นนั้นพวกคงเข้าโจมตีเขาไปแล้ว


“ไม่ต้องไปไม่สนใจมัน”


โรสพูดเสียงที่แผว่เบา แล้วเธอก็หันหน้าออกไปจากเสี่ยวเฟิงและเลิกสนใจเขา


ภาพลักษณ์ของตัวละครที่ผู้เล่นได้ปรับเปลี่ยนเอาไว้ จะเป็นไม่แสดงผล เมื่อผู้เล่นได้ทำจากเปลี่ยนอาชีพสำเร็จ และนั้นอาจเป็นเหตุผลที่ โรส ส่วมใส่ ผ้าคลุ่มหน้าสีขาวอยู่ น่าเสียดายที่ใบหน้าที่สมบรูณ์แบบของเธอต้องถูกบดบัง


“นี้! นายอยากจะเข้าไปในคฤหาสน์ของเจ้าเมืองใช่ไหม? ถ้างั้นนายก็ควรจะเริ่มต้นที่ ภารกิจจากทหารยามนะ ถ้าไม่อย่างงั้น คนใช้นั้นก็จะไม่พูดกับนาย” ลิลลี่ ส่งเสียงไม่พอใจและมองไปที่เสี่ยวเฟิงด้วยความขี้อวด พวกเธอเป็นกลุ่มผู้เล่นที่ทำภารกิจได้เร็วที่สุดในเมือง เตียนหลง


ถว่า ก่อนที่เธอจะพูดจบ คนใช้ก็สังเกตุเห็นเสี่ยวเฟิง ใบหน้าของคนใช้เปลี่ยนไปทันทีแล้วจากนั้นเขาก็กล่าวคำำทักทายกับเสี่ยวเฟิงอย่างสุภาพ

“อ่า! อาชบิชอบ เดินทางมายังคฤหาสน์ของเจ้าเมืองด้วยตัวของท่านเอง! โปรดบอกกับข้าว่าภารกิจของท่านคือสิ่งใด?


NPC คนใช้นั้นปากแข็งและดูจริงจัง เขาเพียงแค่ทำตัวเฉยๆ กับพวกเธอ แต่ตอนนี้เขากลับพูดกัยเสี่ยวเฟิงอย่างเคารพและมีความอบอุ่น ซึ่งทำให้ผู้เล่นคนอื่นของกิลด์ มิดซัมเมอร์ นั้นอึ้งไปตามๆ กัน


ลิลลี่ ก็อึ้งอยู่เช่นกัน ส่วนโรสก็รู้สึกประหลาดใจ เธอขมวดคิ้วและมองไปที่เสี่ยวเฟิงอย่างไม่ไว้ใจ


“ฉันอยากจะเข้าพบเจ้าเมือง”


เสี่ยวเฟิง เมิน พวกเขา และพูดกับ คนใช้ ทันที


“ได้เลย! โปรดตามข้าพเจ้ามา!”


NPC คนใช้โค้งตัวทันทีและนำทางไปโดยไร้ข้อกังขาใดๆ เสี่ยวเฟิงตามหลังเขาเข้าไปใน คฤหาสน์ของเจ้าเมือง


“คุณ หลิว คะ…”


ได้มองไปที่เสี่ยวเฟิงที่เดินเข้าไปในคฤหาสน์อย่างองอาจ ทำให้ลิลลี่นั้นโกรธเกรี้ว และพูดกับโรส


แต่โรสก็ยัง งุนงง อยู่เช่นกัน เธออยากที่แอบเข้าไปใน คฤหาสน์ ในขณะที่ NPC คนใช้ไม่อยู่ แต่ทหารยามสองเข้าก็เดินออกมาและยืนบังประตูเอาไว้ ทำให้เธอต้องล้มเลิกแผนการไปในที่สุด


คฤหาสน์ของเจ้าเมืองนั้นมีขนาดไม่ใหญ่นัก มันมีขนาด เล็กกว่า วิหารสาขาย่อยของเมืองเตียนหลงด้วยซ้ำ เสี่ยวเฟิงเห็น เจ้าเมืองเตียนหลง ทันทีในห้องโถง


“อาชบิชอปแห่งวิหารแห่งแสง เหตุผลใดที่ท่านมาที่นี้?


เจ้าเมืองเตียนหลง เป็น ชายวัยกลางคนที่มีดวงตาที่โตและคิ้วที่หนา เขาแข็งแกร่งและดูมีอำนาจ เขานั้นอยู่ในห้องโถง และไม่ได้ลุกขึ้นมาทักทานเสี่ยวเฟิง


“ท่านเจ้าเมือง ฉันต้องการที่จะซื้อที่ดินผืนหนึงในเขตเศรษฐกิจของเมือง เตียนหลง” เสี่ยวเฟิงพูดออกไปตรงๆ


“ไม่มีปัญหา ฉันไม่คิดว่านักผจญภัยจะสามารถเปลี่ยนเป็น อาชบิอป แบบนี้ได้ ที่ดินของเมืองเตียนหลงสามารถขายให้กับนักผจญภัยได้ นี้เป็นแผนที่ของเขตการค้าของเมืองเตียนหลง ที่ดินถูกติดป้านราคาไว้แล้วและคุณก็สามารถเลือกได้อย่างอิสระ


เห็นได้ชัดว่า เจ้าเมืองเตียนหลงนั้นประหลาดใจที่ เสี่ยวเฟิงเป็นเพียงผู้เล่น แต่เขาก็ยังหยิบแผนที่นั้นออกมาอย่างว่องไวอยู่ดี


“อืม…นี้มัน..”


แผนที่ของเขตเศรษฐกิจนั้นชัดเจนและเสี่ยวเฟิงก็สามารถมองเห็น ข้อดีและข้อเสียของทำเลที่ดินแต่ละจุด และราคาที่แตกต่างกันออกไป แต่ที่ดินนั้นราคาแพงมากและจะมีค่าใช้จ่ายเป็นในการซื้อเท่ากับ เหรียญทองเป็นพันเหรียญหรือเหรียญทองเป็นแสนเหรียญ เสี่ยวเฟิงรู้สึกกระอักกระอวน


ตามระบบแลกเปลี่ยนเงินตรา เหรียญทองหนึ่งเหรียญมีค่าเท่ากับ เงินจริง 100 นั้นหมายความว่าราคาของที่ดินที่มีราคาแพงที่สุดนั้นมีราคาประมาณสิบล้าน


นี้อาจจะไม่ใช้ราคาที่แพงสำหรับสมาคมพวกนั้น เสี่ยวเฟิงเชื่อว่าที่ดินในเขตเศรษฐกิจเหล่านี้จะขายออกในทันทีที่ระบบแลกเปลี่นเงินตราเริ่มเปิดใช้งาน แต่ปัญหาคือระบบแลกเปลี่ยนเงินตรานั้นยังไม่เปิดใช้งานในตอนนี้


และ เสี่ยวเฟิงก็ ไม่มีเหรีญทองมากมาย ในเวลานี้


“อาชบิชชอป คุณมีปัญหาอะไรหรือไม่? คุณพูดออกมาได้นะ เขตเศรษฐกิจของเมืองเตียนหลงนั้นเปิดไว้ให้กับนักผจญภัย และฉันสามารถขายมันทั้งหมดให้กับคุณได้หากคุณต้องการ”


เจ้าเมืองเตียนหลงพูดอย่างตรงไปตรงมาซึ่งนั้นทำให้เสี่ยวเฟิงรู้สึกเขินอายมากขึ้นกว่าเก่า แน่นอนว่าเขาก็อยากที่จะซื้อที่ดินทั้งหมด! แต่เขามีเงินไม่พอ!


“อ่า ท่านเจ้าเมือง ที่จริงแล้ว ฉัน….ไม่มีตัง” เสี่ยวเฟิงพูดด้วยความเขินอาย


“ว่าไงนะ?!”


แต่เจ้าเมืองเตียนหลง กลับโกรธจัด เขาสุะดุ้งและเซถลาลงไปนั้งกับพื้น!


“วิหารแห่งแสง นั้นมีอำนาจและเจ้ากี้เจ้าการ! เแกกล้าดียังไที่งเข้าครอบครองดินแดนของจักรวรรดิ เสินโจว อย่างโจ่งแจ่งแบบนั้น! ”


เสี่ยวเฟิง ถูกเขาทำให้ตกใจกลัว แต่เสี่ยวเฟิงก็นึกบ้างอย่างออก ดูเหมือนเจ้าเมืองเตียนหลงจะไม่มีความคิดเห็นที่ดี กับวิหารศักดิ์สิทธิเหมือนกับ NPC ทั่วไป ฉนั้น เขาจึงทอดทิ้งมัน


นอกจากนั้น เขายังกล่าวถึง จักรวรรดิ เสินโจว นี้เป็นครั้งแรกที่ เสี่ยวเฟิง นึกขึ้นได้ว่า เคยมี จักรวรรดิ หนึ่งอยู่ในดินแดนแห่งพรเจ้า ในเรื่องราวของภารกิจที่แล้ว วิหารแห่งแสงดำรงตำแหน่งผู้มีอำนาจอยู่เสมอ และจักรวรรดินั้นก็เป็นสถานที่ที่ไม่เป็นที่รู้จัก


“ไม่ ไม่ ไม่ ฉันเพียงต้องการเช่า ที่ดินพื้นหนึ่ง ในฐานะนักผจญภัย และจะซื้อมันตามราคาขายในไม่กี่วันถัดจากนี้”


“จะเช่าที่ดินพื้นหนึ่งอย่างงั้นรึ?”


หลังจากที่ได้ยินสิ่งที่เสี่ยวเฟิงพูด เจ้าเมืองเตียนหลงก็ใจเย็นลงในที่สุด


เสี่ยวเฟิง พยักหน้า ระบบแลกเปลี่ยนเงินตราจะเปิดภายในสิบวันอย่างแน่นอน เขาไม่ทราบว่าจำนวนเงินที่ เฉียนโตวโตว จะลงทุนไปกับเกมนี้นั้นจะมีจำนวนเท่าใด แต่เขาก็มีแผน B เขาต้องทำเงินให้ได้เกินกว่า 100,000 เหรียญทองภายใน 10 วัน


“คุณเป็นคนแรกที่ถามถึงการเช่าซื้อที่ดิน และนี้เป็นสิ่งที่ฉันคาดไม่ถึง แต่เขตเศรษฐกิจนั้นเตรียมพร้อมไว้สำหรับนักผจญภัยอย่างเช่นคุณ และคุณก็ยังเป็น อาชบิชอบ อีกด้วย ฉันสามารถให้คำสัญญากับคุณได้…” เจ้าเมืองเตียนหลงพูดขึ้นหลังจากที่เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง


“ท่านเจ้าเมือง ของคุณท่านมาก!” เสี่ยวเฟิงตอบในทันที


“เดี้ยวก่อน! ฉันยังพูดไม่จบ” เจ้าเมืองเตียนหลงพูดขัดเสี่ยวเฟิงอีกครั้ง


“อะไรนะ?” เสี่ยวเฟิง มึนงง


“ฉันให้ท่านเช่าซื้อที่ดินได้ แต่ฉันกำลังมีปัญหาอยู่ในตอนนี้ ฉันจะให้ท่านเช่ามันได้ หลังจากที่ท่านช่วยฉันแก้ปัญหานั้นให้กับฉัน” เจ้าเมืองเตียนหลงพูด


เสี่ยวเฟิง เข้าใจแล้วว่านี้คือภารกิจ เขาพูดว่า “แล้วฉันพอจะช่วยอะไรได้บ้าง?” คุณบอกมาได้เลน”


“หืม ฉันชื่นชมความกล้าหาญของท่าน ฉันมีความสงสัยอยากรู้ว่า ท่านได้เป็น อาชบิชอบแห่งวิหารแห่งแสงในฐานะนักผจญภัย ได้อย่างไร แต่มันไม่ใช้กงการของฉัน” เจ้าเมืองเตียนหลงกระแอมแล้วพูดกับเสี่ยวเฟิงอย่างจริงจัง


“เมื่อสองวันที่แล้ว ทหารยามของแถวหนึ่งได้หายไปในระหว่างที่ทำงานให้กับฉันด้านนอกคฤหาสน์หลังนี้ จากนั้นฉันเลยส่งทหารยามอีกสองแถวเพื่อ ออกไปตามหาพวกเขา แต่พวกเขาก็หายไปเหมือนกันและฉันก็ไม่ได้ข่าวอะไรจากพวกเขาอีกเลยหลังจากนั้น ”


“ลูกน้องของฉัน นั้นเป็น ทหารที่มีประสบการณ์ และพวกเขาไม่มีทางที่จะหายไเข้ากลีบเมฆไปแบบนี้ ฉันจึงรู้ทันทีว่ามีบ้างสิ่งที่ร้ายแรงเกิดขึ้นแล้ว ฉันจึงส่งผู้คนอีกมากมายออกไปตามหาพวกเขาแต่พวกเขาทั้งหมดก็หายไปตามไปด้วยเช่นกัน


“ฉันส่งหัวหน้านักรบออกไปตามหาพวกเขาเมื่อวานนี้ เขาเป็นคนสนิทของฉันและเป็นนักรบที่แข็งแกร่ง ฉันมั่นใจว่าเขาจะสามารถผ่านอุปสรรคไปได้ไม่ว่าสถานการณ์จะอันตรายขนาดไหนก็ตาม”


“แต่เขาก็ยังไม่กลับมา”


เจ้าเมืองเตียนหลง มองไปที่เสี่ยวเฟิงและพูดว่า “ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในที่นั้น แต่ มันอาจอันตรายกว่าที่ฉันคิดเอาไว้ ดังนั้นฉันจึงต้องการให้ท่านเข้าไปที่สถานที่นั้นเพื่อนำข้อมูลกลับมารายงานฉัน ภัยอันตรายที่ซ่อนอยู่ที่นั้นนั้นเกินกว่าที่ฉันจะจิตนาการได้ ท่านยังไม่แข็งแกร่งพอและจะถูกฆ่าตายอย่างแน่นอน แต่ด้วยความที่ท่านเป็นนักผจญภัยท่านจึงเป็นอมตะ ฉันเชื่อว่าคุณสามารถที่จะนำข้อมูลบ้างอย่างกลับมารายงานฉันได้แม้ว่าท่านจะถูกฆ่าตายก็ตาม ท่านพร้อมที่จะเดินทางไปที่นั้นหรือไม่?”


“เฮ้! คุณต้องการที่จะรับภารกิจ: สัญญาณแห่งภัยอันตราย หรือไม่? เคล็ดลับ: ภารกิจนี้มีความยากสูงเราแนะนำให้ผู้เล่นร่วมทีมกันเพื่อทำภารกิจให้สำเร็จ!”


มันเป็นภารกิจที่ยากและดูเหมือนว่าเขาจะถูกฆ่าตายอย่างแน่นอน แต่เสี่ยวเฟิงก็จำเป็นที่จะต้องรับภารกิจนี้เพื่อที่จะชิงเขตเศรษฐกิจนั้น อีกอย่างเขาก็ไม่คิดว่าเขาจะถูกฆ่า


“ฉันตกลง!”


“ดีมาก! ท่านกล้าหาญมาก ฉันจะรออยู่ในคฤหาสน์นี้และรอฟังท่าน โปรดกลับมาเร็วๆ ละ! ท่านอาจจะพบกับหัวหน้านักรบคนนั้นก็เป็นได้ เขานั้นแข็งแร่งมากและฉันเชื่อว่าเขสยังมีชีวิตอยู่”


หลังจากที่ลับภารกิจนั้นแล้ว เสี่ยวเฟิงก็ไม่มีสิ่งใดที่จะทำต่อได้อีก เขาบอกลากับเจ้าเมืองเตียนหลงและออกจากคฤหาสน์


“แล้วเจอกันใกม่ คุณอาชบิชอบ!”


NPC คนใช้ออกไปส่งเขาอย่างเคารพ โรสและสมาชิกคนอื่นของกิลด์ มิดซัมเมอร์ ได้จากไป พวกเขารอคอยอยู่อย่างยาวนาน แต่ก็ไม่เจอกับ คนใช้ และพวกเขาก็ยังติดพวงกับภารกิจอยู่ ดังนั้นพวกเธอจึงสามารถทำได้เพียงแค่จากไป


เสี่ยวเฟิง หยุดคิดถึงพวกเขา พวกเขาเป็นศัตรูกันและไม่มีทางที่จะร่วมมือกันเพื่อทำภารกิจนี้ให้สำเร็จได้ เขาอาจตั้งใจทำให้พวกเธอโกรธตอนที่พวกเขาได้เจอกัน แต่เขา จะฆ่าพวกเธอในสนามรบ อย่างไม่ลังเล


เสี่ยวเฟิงเดินออกจากเมืองและเปิดดูแผนที่ของระบบ ตำแหน่งของภารกิจนั้นอยู่ค่อนข้างไกล ดูเหมือนว่าเขาจะไม่มีเวลาพอ ในการอัพเลเวล เขาหวังว่าผู้เล่นคนอื่นจะช้าลง


มันเป็นเวลาตีสองหรือตีสาม แต่ก็ยังมีผู้เล่นอยู่มากมายในเมืองเตียนหลง ขณะที่เสี่ยวเฟิงเดินออกจากเมืองเข้าก็ได้เผชิญหน้ากับกลุ่มผู้เล่นที่มีชื่อนำหน้า ดูมส์เดย์


“ท่านประธาน ฉันได้ขอให้ผู้เล่นบ้างส่วนเดินไปทั่วเมืองเตียนหลงแล้ว นี้เป็นเมืองหลักที่เหมาะสมกับการพัฒนาของพวกเรา มี สัตว์ประหลาดหลากหลายระดับ และ เลเวลของพวกมันนั้นอู่ในช่วง 10 ถึง 30 นี้เป็นสถานที่ที่เป็นที่นิยมในการ อัพเลเวล ในช่วงนี้ นอกจากนี้ยังมีจุดผลิตมากมายสำหรับวัสดุต่าง ๆ และอีกหลายรายการเป็นวัสดุหายาก”


ลอว์ก็อต เดินตาม ชายคนหนึ่งทีเป็นหัวหน้าของผู้เล่นเหล่านี้ เขากำลังพูดและโบกมือของเขาด้วยความตื่นเต้น


“ที่สำคัญกว่านั้น มีใครบ้างคนได้รับภารกิจของโซน และทางเข้าโซนก็อยู่ไม่ไกลตากเมืองนี้! ท่านประธาน โปรดคิดถึงข้อดีของมัน มันมี ทรัพยากรที่เหลือเฟือ และมีจุดอัพเลเวลที่สำคัญหลายจุด ยิ่งไปกว่านั้น มันก็ยังตั้งอยู่ใกล้กับ ทางเข้าโซนของช่วงต้นอีกด้วย เมืองหลักเมืองนี้ต้องได้รับความนิยมในหมู่ผู้เล่นแน่นอน! นี้เป็นสถานที่ที่ดีในการพัฒนาเริ่มต้นของพวกเรา! ”


“ฉันก็คิดว่า ลอว์ก็อต พูดถูกเหมือนกัน เมืองนี้นั้นเหมาะกับการเริ่มต้นพัฒนาซึ่งก็หมายความว่า มอนเสตอร์ รอบๆ จะต้องอยู่ในเลเวลที่ต่ำ ดังนั้นจึงเป็นการง่ายสำหรับพวกเราที่จะป้องกันการโจมตีจากเหล่ามอนเสตอร์ ในเวลาที่ทำการสร้างที่ทำการกิลด์ของพวกเรา! ผู้เล่นอีกคนที่มีชื่อ ดูมส์เดย์ ก็อตออฟวอร์ ก็พูดขี้นเช่นกัน”


“แต่หลักเมืองนี้เป็นที่เกิดของกิลด์ มิดซัมเมอร์ เราจะต้องปะทะกับพวมันแน่นอน ถ้าเราเลือกที่จะเริ่มการพัฒนากิลด์ของเราในเมืองนี้”


ชื่อของผู้ชายที่เดินนำหน้าอยู่คือ ดูมส์เดย์ก็อต และเขาก็เป็นประธานของกิลด์ ดูมส์เดย์ลีค เขากำลังลังเลอยู่ในตอนนี้


“เฮ้! ประธาน! ดูมส์เดย์ลีค ไม่กลัว กิลด์ มิดซัมเมอร์! อดีตประธานของ มิดซัมเมอร์กิลด์ ได้ออกไปแล้วและธานคนปัจจุบันเป็น ผู้เล่นหญิง ชื่อของเธอคือ โรส คุณรู้รึป่าวเราไม่ได้กลัวผู้หญิงคนนี้! นอกจากนี้ มิดซัมเมอร์กิลด์ อยู่ในเครือ มิดซัมเมอร์ และเป้าหมายสำคัญของพวกเขาคือการทำเงิน จะไม่มีความขัดแย้งขนาดใหญ่ระหว่างพวกเราสองกิลด์ เพราะ พวกเขาจะประสบความสูญเสียทางการเงินที่มหาศาล และคณะกรรมการ จะไม่เห็นด้วยกับพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจะจากไป และมอบเมืองเตียนหลงให้กับเรา ลอว์ก็อต พูดด้วยความรังเกียจอย่างเห็นได้ชัด


ดูมส์เดย์ก็อต ยังคงลังเลอยู่ ก็อตออฟวอร์ กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ เสี่ยวเฟิงที่สวมชุดมือใหม่ ก็เดินตรงมาหาพวกเขา เขากำลังดูแผนที่และไม่ได้สังเกตเห็นพวกเขาเลย

“ใช้! บัดซบ! เขาก็อยู่ในเมืองเตียนหลงด้วย!”


ลอว์ก็อต เงยหน้าขึ้นและก็รู้ทันท่าว่านั้นคือเสี่ยวเฟิง ใบหน้าของเขาเปลี่ยนสีแล้วเขาพูดอย่างเย็นชา


อย่าให้มันหนีไปได้! ล้อมมันไว้! ฉันไม่คิดว่ามันก็อยู่ในเเมืองเตียนหลงด้วย!


หลังจากยืนยันว่าเขาเป็นเป้าหมายของพวกเขา ก็อตออฟวอร์ ยิ้มอย่างน่ากลัวและออกคำสั่ง ผู้เล่นกลุ่มใหญ่ของ ดูมส์เดย์ลีค ล้อมรอบ เสี่ยวเฟิง ทันที หลายสิบคน


“โอ้! เกิดอะไรขึ้น?”


“พวกเขาจะสู้กันหรอ?”


“เกิดอะไรขึ้น? พวกเขากำลังอยู่ในเมืองหลักนะ! พวกเขาต้องการอะไร!”


ผู้เล่นที่ยืนอยู่รอบๆ พวกเขาถูกดึงความสนใจ พวกเขาเดินเข้ามาด้วยความอยากรู้


75

“เฮ้ มีคนอยู่เยอะจัง!”


เสี่ยวเฟิงยังคงดูแผนที่อยู่ เขาเงยหน้าขึ้นและพบว่าเขาถูกกลุ่มคนจำนวนมากใหญ่ล้อมอยู่อย่างกะทันหัน พวกเขาเป็นสมาชิกของกิลด์ ดูมส์เดย์ลีค ซึ่งกระตุ้นต่อมอยากรู้ของเขา


“เฮ้! ว่าไงเพื่อน! ฉันได้ยินมาว่านายเหียดหยาม ดูมส์เดย์ลีค ของพวกเราที่หมู่บ้านฝึกหัดนั้น! แกกล้าดียังไงมาทำให้เราไม่พอใจ!


ดูมส์เดย์ก็อตออฟวอร์ เดินมาข้างหน้า เขาและเสี่ยวเฟิงยื่นเผชิญหน้ากัน เสี่ยวเฟิงยิ้มอย่างเย็นชาในขณะที่ ดูมส์เดย์ลอว์ก็อต ที่ยืนอยู่ข้างหลังดูมส์เดย์ก็อด มองเสี่ยวเฟิงอย่างโกรธเกรี้ยว


“ดูมส์เดย์ลีค หรอ? มันคืออะไรหรอ? ฉันจำไม่ได้”


เสี่ยวเฟิงยิ้มและพูดออกมาด้วยความเกลียดชัง แน่ชัดแล้วว่า เขาไม่เกรงกลัว กิลด์ ดูมส์เดย์ลีค


ภายในพริบตา ผู้เล่นหลายสิบคนจากกิลด์ ดูมส์เดย์ลีค ซึ่งรวมไปถึง ดูมส์เดย์ก็อด ก็จ้องเสี่ยวเฟิงอย่างเลือดเย็น ใบหน้าของพวกเขาบิดเบี้ยวไปด้วยความโกรธ


“ว้าว! เขาเก่งจังเลย! เขากล้าดียังไงออกมาพูดเยาะเย้ยกิลด์ ดูมส์เดย์ลีค ทั้งๆ ที่ประธานของกิลด์ก็ยืนอยู่ตรงนั้น!”


“ฉันว่าเขาเป็น คนโง่ นะ!. เขาส่วมใส่ชุดฝึกหัดอยู่แต่ ชื่อของเขาคือ อาชบิชอบ เป็นชื่อที่แปลกมากฉันและฉันก็ไม่เคยได้ยินมันมาก่อน”


“ฉันว่าเขาไม่รอดแล้วละ! เขาจะถูกโยนออกจากโลกของเกมนี้ !”


ผู้เล่นที่ยืนอยู่รอบๆ ก็ตะลึงไปกับเขาเช่นกัน พวกเขากำลังพูดคุยกันถึงผู้เล่นลึกลับคนนี้


“เอาละ ฉันจะไม่มีทางให้อภัยแก ฉันหวังว่าแกจะจำฉันเอาไว้นะ เพราะ กิลด์ ดูมส์เดย์ลีค จะโยนแกออกไปจากโลกเกมใบนี้!”


ดูมส์เดย์ก็อด เป็นผู้ชายที่อยู่ในช่วงอายุ 30 ต้นๆ เขามองเสี่ยวเฟิงอย่างเฉยเมย และ พูดกับเขาอย่างราบเรียบ


“แกไม่รอดแล้ว! บัญชีผู้ใช้ของแกจะต้องถูกลบออก!”


ลอว์ก็อต แลำ ก็อตออฟวอร์ รู้จัก ดูมส์เดย์ก็อด เป็นอย่างดี พวกเขารู้สึกได้ในทันทีว่า ท่านประธานของพวกเขากำลังฉุนเฉียว และมองเสี่ยวเฟิงอย่างสมเพช


“โห? จริงหรอ?”


เสี่ยวเฟิง เปิดปากพูดสบประมาท


“ไปกันเถอะ”


ดูมส์เดย์ก็อด จ้องไปที่เสี่ยวเฟิงอีกครั้ง และไม่พูดสิ่งใด ในความติดของเขา เสี่ยวเฟิง เป็นเพียงชายที่ได้ตายไปแล้ว


“หลีกไปให้พ้น!”


ก็อตออฟวอร์ ยิ้มอย่างน่ากลัวและยื่นมือออกไปพลักเขา


“อ้า!”


แต่เขาก็ต้องแปลกใจเมื่อ เสี่ยวเฟิงล้มลงไปกับพื้นในทันที หลังจากถูกเขาพลัก


“แกทำอะไรของแก?”


ก็อตออฟวอร์ อึ้ง และมองไปยังมือทั้งสองข้างที่เขายื่นออกไป เขาเพียงพลักชายผู้นี้เบาๆ แล้วก็เขาก็ไม่น่าจะได้รับดาเมจ


แต่ทันไดนั้น เสี่ยวเฟิงที่กำลังนอนอยู่บนพื้น ก็หายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็ ตะโกนและกรีดร้องออกมา


“ช่วยฉันด้วย! มีคนทำร้ายฉัน! ได้โปรดช่วยฉันด้วย! ทหารอยู่ที่ไหน? มีคนต่อยฉันข้างในเมืองหลัก!”


เสี่ยงตะโกนของเขานั้นดูน่าอนาถาและดังขึ้นกว่าเดิม ผู้เล่นทุกคนที่ยืนอยู่แถวนั้นก็ถูกเสียงของเขาดึงดูดความสนใจและมองเขาด้วยความตะลึง


“เกิดอะไรขึ้น”


ดูมส์เดย์ก็อด ก้าวออกมาข้างหน้าและกำลังจะเดินจากไป แต่ทันไดนั้น เขาก็ได้ยืนเสียงตะโกน เขาหันไปและเห็นเสี่ยวเฟิงกำลังนอนอยู่บนพื้นและร้องเสียงดัง ดูมส์เดย์ก็อด ขมวดคิ้วและถามด้วยความแคลงใจ


“ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น! ผมก็แค่พลักเขาเบาๆ แต่เขากลับล้มลงไปบนพื้น ผมไม่กล้าที่จะชกเขาในเมืองแบบนี้หรอก! นี้มันเป็นกลลวง ผมมั่นใจว่าเขาเจตนาที่จะทำแบบนี้”


ก็อตออฟวอร์ ไม่รู้จะทำยังไง เขามองเสี่ยวเฟิงที่นอนอยู่บนพื้นอย่างโกรธเกรี้ยว


“เฮ้ย! หยุดทำแบบนี้! ฉันรู้นะว่าแกอยากจะแกล้งทำเป็นได้รับบาดเจ็บแล้วบอกให้พวกทหาร มาลงโทษเรา! แต่นั้นมันเป็นไปไม่ได้! เราไม่ได้สร้างดาเมจกับแกเลย!”


“มันเป็นไอโง่หรอ? มันกล้าดียังไงมาใส่ร้ายพวกเราในเกมนี้?”


“ไปกันเถอะ เราจะมีปัญหาถ้าทหารพวกนั้นเดินทางถึงมาที่นี้”


ดูมส์เดย์ก็อด ขมวดคิ้วและอยากที่จะเดินออกไปในทันที ถว่า มันสายเกินไป


“เกิดอะไรขึ้น?”


พวกผู้เล่นที่อยู่รอบนอกถูกแยกห่างออกจากกัน แล้ว ทหารยามของเมือง สองกลุ่มที่คอยเดินลาดตะเวนอยู่ก็ได้ยินเสียงของพวกเสี่ยวเฟิง พวกทหารยามกำลังเดินเข้าหาเสี่ยวเฟิงและสมาชิกของ กิลด์ ดูมส์เดย์ลีค.


มันช้าเกินไปสำหรับพวกเขาที่จะหลบออกมา แต่ ดูมส์เดย์ก็อด นั้นไม่กังวล เขารู้เป็นอย่างดีว่า ก็อตออฟวอร์ จะไม่โจมตีผู้เล่นคนอื่นในเมืองนี้ เขาไม่ได้โง่ขนาดนั้น


แต่ทันไดนั้น ใบหน้าของ ดูมส์เดย์ก็อด ก็ดำคล้ำ เพราะเขาพบว่า ทหารยามที่เดินลาดตระเวนที่เป็นพวกจอมบงการและหยิ่งพยอง เปลี่ยน ทัศนคติของพวกเขาไปที่เสี่ยวเฟิงอย่างฉับพลัน


“นักผจญภัย นี้มันอะไรกัน?” ฉันเตือนพวกนายว่าให้ทำตัวดีๆ ถ้าฉันจับได้ว่าพวกนายสร้างปัญหาและต่อสู้กับคนอื่นภายในเมื่องหลัก ฉันก็จะส่งพวกนายไปขังคุกและพวกนายจะต้องอยู่ที่นั้นเป็นเวลา หนึ่งเดือน!.


กัปตันของทหารยาม เดินไปหาพวกเขา แล้วพูดอย่างหยิ่งพยอง แต่ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันทีหลังจากที่เขาเห็นเสี่ยวเฟิงที่นอนกองอยู่บนพื้น


“อ-อาชบิชอบ! เกิดอะไรขึ้นรึ? โปรดยืนขึ้นเถิด! เร็วเข้าๆ รีบเข้ามาช่วยพยุงท่านอาชบิชอบ!”


กัปตันของทหารยาม ถามเสี่ยวฟังทันทีด้วยน้ำเสียงที่ปนความประจบประแจง ดูเหมือนว่าเขาจะกลายเป็นลูกน้องของเสี่ยวเฟิงไปในทันที ซึ่งทำให้ผู้เล่นรอบๆ นั้นตะลึง


กัปตันทหารยามผู้ซึ่งหยิ่งพยองจองหอง กลับมาก้มหัวเลี้ยแข้งเลี้ยขาราวกับว่าเสี่ยวเฟิงเป็นบิดาของเขาในทันที ผู้เล่นที่อยู่รอบๆ พวกเขานั้นตะลึง แล้วจากนั้นกัปตันก็ค่อยๆ พยุง ชายผู้ที่นอนอยู่บนพื้น และตะโกนถาม


“ท่านอาจบิชอป ท่านเป็นอะไร? ทำไมท่านถึงไปนอนอยู่เยี่ยงบนพื้นดินนั้นละ?”


กัปตันทหารยาม พูดอย่างสุภาพ เขาประจบประแจงและเอาแขนทั้งสองข้างของเสี่ยวเฟิงมาพาดบ่า เสียงของเขามันเยิ้มและเขาก็อยากจะประจบสอพลอ เสี่ยวเฟิง


“ฉันถูกผู้คนบนถนนพวกนี้ทำร้าย! คุณเป็นทหารยามที่ไม่ได้เรื่องเลยนะกัปตัน!”


เสี่ยวเฟิงปัดฝุ่นบนตัวของเขาและชี้ไปที่ ดูมส์เดย์ก็อดกับ สมาชิกคนอื่นของกิลด์ ดูมส์เดย์ลีค. อย่างโกรธเกี้ยว


ใบหน้าของ ดูมส์เดย์ก็อด คล้ำ เขารู้สึกแล้วว่าเขากำลังจะมีปัญหา


ผู้เล่นคนอื่นที่ยืนอยู่เฉยๆ และมองไปที่เสี่ยวเฟิงด้วยความขยาด ก็รู้สึกได้ว่ามีบ้างสิ่งผิดแปลกไป


“อะไรนะ? ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย! นักผจญภัยกลุ่มนี้จะใจกล้าเกินไปแล้ว! ไป! ไปเอาตัวพวกนั้นมา!”


กัปตันทหารยาม นั้นโกรธเกรี้ยว หลังจากที่ได้ยินคำพูดของเสี่ยวเฟิง เขาตะโกนออกไป และ ทหารยามสองกลุ่มก็วิ่งเขาหาผู้เล่นของกิลด์ ดูมส์เดย์ลีค ทันที


กลุ่มผู้เล่นขนาดใหญ่ของกิลด์ ดูมส์เดย์ลีค ก็งุนงงเช่นกัน พวกเขาจ้องมอง NPC ทหารยามที่กำลังวิ่งเข้าหาพวกเขาด้วยความว่างเปล่า และไม่รู้จะทำยังไง


พวกเขาไม่สามารถมองเห็น เลเวลของ NPC เหล่านี้ โดยการใช้ สกิลสอดแนมขั้นสูง ได้ด้วยซ้ำ พวกเขาเพิ่งจะถึงเมืองหลักจากหมู่บ้านฝึกหัด เมื่อหลายวันที่แล้ว และพวกเขาก็ไม่ใช้คู่มือของ ทหารพวกนี้ ทหารยาม จับพวกเขาไว้ในทันที


“ดี! เอาตัวพวกนั้นไป! ส่งมันไปขัง! พวกแกจะถูกขังเป็นเวลาหนึ่งเดิน! ไม่สิ! สองเดือน!”


เสี่ยวเฟิง ได้เปรียบพวกเขาในทันที เขาชี้ไปที่ ดูมส์เดย์ก็อด และ สมาชิกอื่นของกิลด์ ดูมส์เดย์ลีค แล้วพูดในท่าทางที่ตนอยู่สูงกว่า


“พวกนายได้ยินสิ่งที่ อาชบิบอป พูดใช้ไหม?” เอาตัวมันไปแล้วเอาพวกมันไปขังไว้หนึ่งเดือน! ไม่สิ! สองเดือน!


.กัปตันทหารยามทำตามที่เสียวเฟิงสั่งในทันทีราวกับว่าเขาเป็นลูกน้องของเสี่ยวเฟิง


“แล้วทำไมเรานายถึงต้องเอาเราไปขังคุก? เราไม่ได้โจมตีคนอื่นในเมืองนี้เลยนะ!”


“ปล่อยฉันไป! ฉันไม่อยากถูกขัง!”


ผู้เล่นของกิลด์ ดูมส์เดย์ลีค นั้นตะคิดนะควงใจขึ่นมาทันที พวกเขากำลังตะโกนและกรีดร้อง ถ้าพวกเขาถูกNPC ทหารพวกนี้จับขังเป็นเวลา หนึ่ง หรือ สอง เดือน พวกเขาจะประสบกับความสุญเสียอันใหญ่หลวงแน่นอน


ไม่มีใครกล้าที่จะกล้ามีเรื่องกับ NPC พวกนั้น ในช่วงนี้ เมื่อพวกเขาอยู่ในคุก พวกเขาก็จะไม่สามารถทำภารกิจหรืออัพเลเวลได้ ซึ่งนั้นหมายความว่าพวกเขาจะถูกเตะออกไปจากเกมนี้ ในช่วงนี้ ผู้เล่นก็กำลังยุ่งอยู่กับการอัพเลเวล ผู้เล่นบ้างคนก็ไม่มีเวลาออกไปหาอาหารกินด้วนซ้ำ พวกเขาไม่สามารถเสียเวลาได้เลยแม้แต่นาทีเดี้ยว


พวกเขาไม่สามารถจินตนาการถึงผลพวงของการติดอยู่ในคุกเป็นเวลาถึง หนึ่งหรือสองเดือนได้!


ใบหน้าของ ดูมส์เดย์ก็อด ซีดลง ลอว์ก็อต และ ก็อตออฟวอร์ ก็กำลังแตกตื่นและขอให้เขาช่วย


แต่ ดูมส์เดย์ก็อด ก็สิ้นหวังเช่นกัน เขาจะสามารถท้าทายพวก NPC ทหารยาทได้รึ? ไม่มีทาง พวกเขาไม่ใช้คู่มือของทหารยามพวกนี้ ยิ่งไปกว่านั้นผลที่จะตามมาก็อาจจะแย่ลงไปอีก


ดังนั้น ผู้เล่นของกิลด์ ดูมส์เดย์ลีค รวมไปถึงประธานของพวกเขา ก็ถูก NPC ทหารยามเอาตัวไป เมื่อมองไปที่พวกเขา ผู้คนที่เฝ้าดูอยู่ก็ตะลึงและงุนงง


“ท่าน อาชบิชอป ท่านพอใจกับการทางออกแบบนี้ไหม?”


กัปตันทหารยามยังคงถามเสี่ยวเฟิงด้วยเสียงอันมันเยิ่มของเขา แต่ผู้เล่นที่อยู่รอบๆ ไม่กล้าที่จะดูถูก NPC คนนี้ ถึงแม้เขาจะขี้ประจบสอพอและไร้ยางอาย พวกเขาก็ไม่สามารถที่มีปัญหากับเขาได้ในตอนนี้


“อืม นายทำได้ดีมาก อีกอย่างนะ ผู้ชายคนนั้นก็อยู่กลุ่มเดี่ยวกันกับพวกมัน ช่วยเอาตัวเขาไปด้วย”


เสี่ยวเฟิงพยักหน้าด้วยความพอใจอย้างมาก แล้วเขาก็ชี้ไปยังผู้เล่นคนหนึ่งในหมู่คนที่มุงดู เขาเคยเหยียดหยามเสี่ยวเฟิง แต่เสี่ยวเฟิงเป็นชายที่ชอบการล้างแค้น


“อ้า! ไม่นะ! ฉันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันกับ ดูมส์เดย์ลีค! โปรดอย่าเชื่อคำพูดเขา!”


ใบหน้าของผู้เล่นคนนั้นซีดในทันทีและเขาก็ตะโกนออกมาด้วยความกลัว


“ทำตัวดีๆ! ยืนนิ่งๆ! เจ้ากล้าทำร้าย อาชบิชอป ได้อย่างไร! เจ้าอยากจะถูกขับไล่ออกไปจาก ดินแดนแห่งพระเจ้ารึ?”


กัปตันทหารยาม เดินเข้าไปหาผู้เล่นคนนี้ด้วยตัวของเขาเอง เขากำลังตะโกนและกรีดร้องเสียงดัง เขาก็ดูน่าอนาถายิ่งกว่าเสี่ยวเฟิงเสียอีก เสี่ยวเฟิงต้องยอมรับว่าชายผู้นี้มี้เสียงร้องที่ดังกว่าเขา


เสี่ยวเฟิง ปรับปกเสื้อของเขาให่้เข้าที่และถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหนาย มันโดดเดี่ยวเมื่อเขาต้องมาอยู่ในตำแหน่งที่สูงว่งเช่นนี้ ผู้เล่นคนอื่นจ้องเขาด้วยความว่างเปล่าและเขาก็เดินออกไปอย่างเหย่อหยิ่ง

เสี่ยวเฟิงพบ ไนท์คูเออร์ ยืนอยู่ในฝูงชน เธอส่วมใส่หน้ากากและมองมาที่เขาด้วยความเกลียดชัง


เสี่ยวเฟิง จ้องเธอตาเขม็งราวกับว่าเขาข่มขู่จะเอาตัวเธอไปอีกคน


ไนท์คูเออร์ จ้องตาเขากลับด้วยความท้าทาย จากนั้นเธอก็หันหลังแล้วเดินจากไป ความจริงแล้ว เธอกลัวว่าเสี่ยวเฟิงจะเอาเธอไปขังคุก และมันดูเหมือนว่าเขาจะเอาจริง


แต่เธอเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก่อนที่เธอจะหยุด เธอกลับไปตามเสี่ยวเฟิงอีกครั้งและพบกับเขาได้ ด้านนอกของเมืองหลักแห่งนี้

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม