Don’t Heal the Others 101-125

 101

“เจ้าหนูนั่นอยู่เมืองนี้รึเปล่าเนี่ย?”


“คงจะทำเป็นไม่ได้ยินสินะ ไอ้กร๊วกนั่น”


“ขอลองหน่อยได้ไหม? อาจจะเป็นเพราะว่าชื่อของพี่ถูกปกปิด หมอนั่นอาจจะไม่ไว้ใจก็ได้”


2 นิโคลัสช่วยตอบเสี่ยวเฟิง เขาก็รู้สึกว่ามันมีเหตุผลอยู่เหมือนกัน แต่ทันใดนั้นก็มีสายเรียกเข้าจากระบบ


“เดี๋ยวก่อน”


เสี่ยวเฟิงรีบเบรกคนทั้ง 2 ก่อนแล้วดูว่าใครเรียกเขา ปลายสายคือซืออี๋ที่เป็นเพื่อนของเขา


“นายใช่คนที่สั่งให้ป่าวประกาศในเมืองเทียนหลงรึเปล่า? หรือคนอื่นแอบอ้าง?”ปลายสายถามด้วยความสับสน


“นั่นฉันเอง ประกาศมันดังไปถึงเมืองเฉิงฉุยเลยรึไง?” พอได้ยินอย่างงั้นเสี่ยวเฟิงยิ่งสับสนยิ่งกว่าเธออีก


“ฉันมาทำธุระที่เทียนหลง แล้วตอนนี้เฉิงฉุยมีผู้เล่นอยู่แน่นไปหมดพื้นที่พิเศษก็เลยพลอยเต็มไปด้วยเลย ไม่อยากจะไปแย่งโอกาสพวกที่เลเวลน้อยๆน่ะ” ซืออี๋พูดอย่างเกียจคร้าน “ดูท่าว่านายกำลังตามหาเฉียงกวนเอาเฉินอยู่สินะ?”


“รู้จักเขาเหรอ?” เสี่ยวเฟิงถาม


“ถ้าไม่ไปชื่อซ้ำกับใครน่ะนะ นั่นน่ะญาติฉันเองตอนนี้น่าจะอยู่นอกเมืองคงจะไม่ได้ยินนายหรอก แล้วที่ฉันมาอยู่ที่นี่ก็มาช่วยเขานี่แหละ” เสียงของซืออี๋ยังคงเนือยอยู่เหมือนเดิม


“เยี่ยม พาฉันไปหาเขาได้ไหม” เสี่ยวเฟิงรู้สึกยินดีมาก


“ก่อนหน้านั้นฉันขอถามอะไรซักอย่างจากนายก่อน แล้วเขาก็ไม่ได้จะมาคุยกับใครง่ายๆด้วย” ซืออี๋ดูท่าเหมือนต้องการอะไรบางอย่างจากเขา.


“ได้” เสี่ยวเฟิงพยักหน้า


“งั้นรออยู่ในเมือง ขอเวลา 2 นาที”


ซืออี๋นั้นตรงต่อเวลามาก เธอมาเจอเขาภายใน 2 นาทีตามที่บอกไว้


นิโคลัสทั้ง 2 คนต่างตะลึงไปกับความงดงามของคนที่ปรากฎตัวต่อหน้าเขา เจ๋าซือนั้นก็ออกอาการหน้าม่อในทันที


“อืม ขาอวบไม่เลว…อืม…งดงามเหลือเกิน…”


ขนาดเตียจูยังเขินจนหน้าแดงต้องหลบหน้าหลบตาในตอนที่ซืออี๋มองมาทางเขา


“เพื่อนของนายกับนายนี่เข้ากันได้ดีเหลือเกินนะ” ซืออี๋กลอกตาไปทางเสี่ยวเฟิงแล้วเดินเข้าไปหาเขาอย่างจงใจ


เสี่ยวเฟิงรู้สึกกระดากจนต้องมองไปทางเด็กเนิร์ดทั้ง 2 แต่พวกเขากลับมมองกลับมาด้วยความนับถือ ทำให้เขาแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนีเลย


“พวกนายกลับไปก่อนก็ได้นะ ที่เหลือเดี๋ยวจัดการเอง” เสี่ยวเฟิงพูดกับทั้ง 2


“ไม่ พวกเราสัญญากันไว้แล้วว่าจะร่วมทุกข์ร่วมสุขไปด้วยกัน ได้โปรดพาพสกเราไปด้วยเถอะ” เจ๋าซือพูดออกมาอย่างหน้าไม่อาย


เสี่ยวเฟิงแทบคลั่ง เขาจำไม่ยักกะได้ว่าพูดอะไรแบบนั้นเอาไว้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเหตุผลของไอ้พวกนี้คือซืออี๋แน่ๆ


“ลูกพี่เสี่ยวกำลังตามหาคนอยู่ใช่ไหมล่ะ? ก็น่าจะยากพอตัวนะแล้วพวกเราก็ว่างอยู่ด้วย ให้พวกเราช่วยเถอะ” เตียจูเสริมขึ้นมา ซึ่งเสี่ยวเฟิงนั้นไม่เชื่อเหตุผลยาวยืดของอีกฝ่ายเลยแม้แต่นิดเดียว


“ตามใจพวกนายเถอะ”


เสี่ยวเฟิงนั้นเริ่มที่จะรำคาญแล้ว แต่ถ้าไอ้ 2 คนนั้นมันจะหน้าด้านได้ขนาดนี้เขาก็ไม่รู้จะห้ามยังไงเหมือนกัน


“ตามฉันมาเลย”


ซืออี๋ยิ้มมุมปาก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เธอเรียกสัตว์พาหนะของเธอออกมาแล้วมุ่งหน้าออกจากเมืองในทันที


พวกเสี่ยวเฟิงรีบตามติดไปในทันที แต่เขาก็รับรู้ถึงความผิดปกติบางอย่าง


สัตว์ขี่ของซืออี๋นั้นเปลี่ยนไป


เดิมเธอขี่ม้าขาว ส่วนเขานั้นจะขี่ม้าดำ ซึ่งวิ่งได้เร็วกว่าเขา


เขาเลยไปหาม้าแดงมาเพื่อที่จะเอาชนะซืออี๋โดยเฉพาะ


แต่ที่เธอใช้ตอนนี้คือม้าเฟอร์กาน่าซึ่งเป็นสิ่งที่แพงที่สุดในตลาดตอนนี้


เสี่ยวเฟิงรู้สึกไม่ชอบใจเข้าไปใหญ่ เขาคิดว่าซืออี๋จงใจกวนประสาทเขา พวกเขากำลังไปทางที่เป็นเขตพิเศษของเมืองร้าง และเธอต้องเห็นม้าสีแดงของเขาแน่ๆ ก่อนหน้านี้มันยังเป็นม้าขาวธรรมดาๆอยู่เลย!


ไม่มีใครเชื่อว่าเป็นความบังเอิญ ราคาของม้าเฟอร์กาน่าตอนนี้นั้นน่ากลัวซะจนเสี่ยวเฟิงยังไม่ซื้อ


ส่วนนิโคลัสทั้ง 2 คนนั้นยิ่งแล้วใหญ่ด้วยความที่จนสุดๆ พวกเขาเลยขี่ม้าสีดำเท่านั้น ตลอดทางพวกเขาไม่สามารถที่จะตามพวกเสี่ยวเฟิงได้ทันเลย


ซืออี๋ไม่ได้ขี่เร็วมากนักเพื่อที่จะรอพวกเขา แล้วเธอก็ไม่ได้หยอกล้อเสี่ยวเฟิงเหมือนเมื่อก่อนหน้าทำให้เสี่ยวเฟิงรู้สึกเสียดายนิดหน่อย


เฉียงกวนเอาเฉินอยู่ในเมืองร้างที่อยู่ไกลออกไปจากเมืองเทียนหลง พวกมอนสเตอร์รูปร่างมนุษย์นั้นล้วนแต่กลายเป็นซอมบี้ไปหมดแล้ว แม้แต่เสี่ยวเฟิงยังใช้เวลาจัดการพวกมันอยู่เกือบ 20 นาที.


“เขาอยู่ที่ไหน?”


เสี่ยวเฟิงมองไปรอบๆ เขามองเห็นแต่ซอมบี้เดินไปเดินมา เขาเลยต้องหันไปถามซืออี๋


ชาวบ้านคืนชีพ


เลเวล: 18


ระดับ: ทั่วไป


ธาตุ: มือ


พลังชีวิต: 340/340


พลังโจมตี: 52-59


พลังป้องกัน: 37-42


พลังโจมตีเวทย์: 34-39


สกิล: กัด คำราม


คำอธิบาย: เป็นธรรมดาของเมืองที่ล่มสลาย ที่จะมีคนตายฟื้นคืนชีพ ถึงจะเป็นอย่างงั้นสัญชาตญาณในการปกป้องเมืองของพวกเขานั้นยังคนอยู่


“มันควรจะเป็นที่นี่สิ รอก่อนนะ”


ซืออี๋รีบติดต่อหาทันที ซึ่งได้รับคำตอบมาเร็วมาก


“เขาอยู่ที่โบสถ์กลางเมือง รีบไปกันเถอะ”


มอนสเตอร์เลเวล 18 นั้นไม่ใช่ปัญหาเลย เสี่ยวเฟิงเพียแค่เพิ่มบัฟเสริมอาวุธให้พวกนิโคลัสแล้วก็ยืนดูอยู่ห่างๆ ด้วยพลังโจมตีที่เพิ่มมากว่า 100 พวกเขาสามารถจัดการซอมบี้ได้ในดาบเดียว


ซืออี๋มองพวกเขาอย่างช่วยไม่ได้ และก็ดูประหลาดใจในความเป็นทีมของพวกเขา.


มันทำให้เห็นว่าพวกเพื่อนๆของเสี่ยวเฟิงนั้นไม่ธรรมดาเลย ถ้าพวกเขาไม่มีบัฟพลังโจมตีคงไม่มาถึง 100 ได้ แต่ด้วยการสนับสนุนของเสี่ยวเฟิงนั้นทำให้พวกเขาไม่เจอปัญหาใดๆเลยในการต่อสู้


แม้แต่พี่น้องนิโคลัสก็ยังไม่เชื่อสายตาของตัวเองเลยว่าพวกเขาจะได้ขนาดนี้.


“เขาอยู่ตรงนี้แหละ”


ถึงแม้พวกซอมบี้จะเยอะแค่ไหนก็ไม่สามารถขวางพวกเขาได้ แล้วพวกเขาก็มาอยู่ใจกลางเมืองจนได้ ที่ประตูทางเข้าของโบสถ์ แล้วพวกเขาก็พบกับเฉียงกวนเอาเฉินที่กำลังจัดการมอนสเตอร์


“อะไรน่ะ?”


เสี่ยวเฟิงถึงกับต้องเลิกคิ้ว


อาชีพของเขาคือนักดาบที่สู้ระยะประชิด แต่กลับมีค่าพลังที่ใกล้เคียงกับมือสังหารมากกว่า เขาใช้ดาบสองมือในการต่อสู้


อาวุธในมือของเขาตอนนี้ไม่ดีเท่าไหร่นัก มันเป็นดาบยาวระดับหายากธรรมดา แต่มันกลับเข้ามือของเขาเป็นอย่างมาก


“สกิลดาบอย่างงั้นเหรอ?”


เสี่ยวเฟิงตั้งใจดูการต่อสู้ของเด็กคนนั้นเป็นครั้งแรก


“นี่! เสี่ยวเชน”


ซืออี๋ตะโกนเรียกเฉียงกวนเอาเฉินอีกฝ่ายฟาดฟันซอมบี้ตรงหน้าจนตายแล้วหันมองมาทางพวกเสี่ยวเฟิง


“ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่เนี่ย” ดูท่าว่าเขาจะจำพวกเสี่ยวเฟิงได้ แต่หน้าเจ้าตัวดูบ่จอยพิกล “นี่ซืออี๋ มาทำอะไรเนี่ย?”


“ก็เป็นเพื่อนกันน่ะสิ มีเรื่องอยากให้ช่วยหน่อย” ขนาดเป็นญาตอย่างซืออี๋ยังคุยด้วยลำบากเลย


“ไม่ทำอ่ะ อย่ามายุ่งกับฉัน” เฉียงกวนเอาเฉินพูดโดยไม่คิดจะสนทนาต่อเลยแม้แต่น้อย


“เห้ย อยากโดนดีรึไงหาไอ้เด็กเวรนี่? นี่แพ้พนันให้พวกเรานะลืมไปแล้วเหรอ? ช่วยทำตามสัญญาที่จะกินขี้กิโลนึงด้วยนะ?” เจ๋าซือพูดอย่างคุกคามในทันที


“ใครมันจะไปทำวะ? น่าขยะแขยงจะตาย” เฉียงกวนเอาเฉินพูดด้วยความโกรธ


“···”


เสี่ยวเฟิงแล้วพวกต่างมองไปทางเฉียงกวนเอาเฉินที่กำลังจะเดินจากไปอย่างเงียบๆ


“ไอหมอนี่มันไม่โง่นี่หว่า? ใครบอกว่ามันเลวทรามขนาดนั้นวะ?” เจ๋าซือกระซิบมาหา


“ทำไม่ได้เว้ยยยย!” เฉียงกวนเอาเฉินทันทีที่เขารู้ตัวว่าเขาใช้คำพูดผิดไปหน่อย เขาจึงหันกลับมาตะโกนสวนด้วยความโกรธ


ซืออี๋มองอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกสงสาร แล้วก็พูดต่อไปว่า


“ฉันยอมรับว่าฉันแพ้พนันโอเคมั้ย? แต่ฉันทำให้ไม่ได้ งั้นจะให้ทำอะไรตอบแทนล่ะ?” เฉียงกวนเอาเฉินหน้าบูดราวกับลูกโป่งที่โดนปล่อยลม


“ยังจำได้ไหมว่านายส่งเรื่องไปที่วิหารแห่งแสงในเมืองเทียนหลงเมื่อวานนี้?” เสี่ยวเฟิงถาม


“เมื่อวาน? อ่อก็มีพาลาดินคนหนึ่งให้ฉันส่งข้อความมาให้ แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่านั้นเพราะมันไม่ได้รางวัลอะไร” เฉียงกวนเอาเฉินคิดอยู่พักนึงแล้วก็พูดออกมา


“แล้วจำได้ไหมว่าไปเจอเขาที่ไหน?”


เสี่ยวเฟิงพูดอะไรไม่ออก เขานึดว่าที่เขาไม่ได้รับรางวัลเพราะว่าเขาส่งภารกิจผิดวิธีซะอีก


“อ่า ถ้าจำไม่ผิดก็แถวๆนี้แหละ แต่จำที่แบบแน่ๆไม่ได้” เฉียงกวนเอาเฉินดูแผนที่แล้วก็พูดออกมาอย่างจนใจ


“งั้นก็ไม่ช่วยตามหาหน่อย” เสี่ยวเฟิงรับคำ


“ตอนนี่ยังไม่ได้ทำภารกิจอยู่ใกล้จะเสร็จแล้วด้วย เดี๋ยวจะตามไปทีหลัง” เฉียงกวนเอาเฉินพูดแล้วชี้ไปทางโบสถ์


“ห่าเอ๊ย” เจ๋าซือกับเสี่ยวเฟิงนั้นถึงกับหมดหนทาง


“ก็ได้ เดี๋ยวพวกเราจะช่วยภารกิจของนาย แล้วต้องรีบมาช่วยพวกเราด้วย”


“ได้ งั้นรวมปาร์ตี้กันเลย” เฉียงกวนเอาเฉินมองว่าทำแบบนั้นก็ดีเหมือนกันเลยส่งคำขอร่วมปารฺ์ตี้ทันที


พวกเขารวมกันจนกลายเป็นทีม 5 คน แล้วก็ติดตามเฉียงกวนเอาเฉินไปยังโบสถ์ร้าง


“นี่ภารกิจอะไรวะเนี่ย? นี่ยากเกินไปหน่อยไหม!”


เนื่องจากการรวมปาร์ตี้เพื่อช่วยภารกิจของเฉียงกวนเอาเฉินมันจะไม่ใช่ภารกิจสำหรับคนๆเดียวอีกต่อไป ทำให้ความยากของมันนั้นเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมมาก ไม่แปลกใจเลยว่าคนๆนั้นถึงขอให้เฉียงกวนเอาเฉินมาช่วยแบบนี้


102

เพียงแต่มองไปที่ใบหน้าของก็เห็นได้ชัดว่าเด็กคนนี้นั้นหยิ่งพยองถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดอะไรออกมากมาย และภารกิจนี้ ต้องยากมากแน่นอน เพราะเขาไม่กล้าที่จะทำภารกิจนี้คนเดียวและขอความช่วยเหลือจากพระคนหนึ่ง


 


“เฮ้ ไอหนู นี้มันเป็นภารกิจแบบไหนกัน?”


 


เจ๋าซือ  ถามด้วยความสงสัย


 


“มันอาจเป็นภารกิจของโซน”  เฉียงกวนเอาเฉิน ไตรตรองเกี่ยวกับภารกิจก่อนจะตอบ เจ๋าซือ


 


“ว่าไงนะ?” เจ๋าซือ ตกตะลึง ซึ่งดึงดูดความสนใจของคนอื่น


 


“นายคิดว่านายจะทำภารกิจของโซนได้ด้วยตัวคนเดียวรึ?” เตียจู อดไม่ได้ที่จะพูดออกไป


 


เสี่ยวเฟิง รู้สึกประหลาดใจ พอๆ กับ ซื๋ออี้ เขาไม่รู้ว่า เฉียงกวนเอาเฉิน ได้รับภารกิจของโซนของเมือง เตียนหลง มาแล้ว


 


ภารกิจโซน ที่ก็คือภารกิจที่มีไว้เปิดโซน หลังจากที่ทำภารกิจนี้สำเร็จ โซนระดับ 15 จะปรากฏขึ้นที่เมือง เตียนหลง แม้ว่ามันจะเป็นโซนใหญ่สำหรับผู้เล่น 20 คน แต่มันก็จะไม่มีความยากนักเมื่อระหว่างที่ปฏิบัติทำภารกิจนั้น และจะทำสำเร็จ ได้อย่างง่ายดายโดยการทำตามเงื่อนไขของภารกิจให้สำเร็จ


 


แต่ถึงกระนั้น ภารกิจมันยังคงยากสำหรับคนเพียงสองคนที่จะทำมันได้สำเร็จ  ดังนั้นเด็กคนนี้ถึงมีความกล้าหาญมาก


 


ก่อนที่จะทำภารกิจของโซน  สถานที่นั้นอยู่ในแผนที่ แทนที่จะเป็นทางเข้าโซน ดังนั้นมันจะไม่ส่งผลใดๆ ต่อ รอบการลงโซน ที่เสียวเฟิงกับ ซื๋ออี้ ได้ใช้ไป


 


ภายในโบสท์ที่คร่ำครึ มีสัตว์ประหลาดรูปร่างเหมือนคนและผู้ศรัทธาคืนชีพนั้นอยู่ไปทั่ว เมื่อพวกเสี่ยวเฟิงเข้าไปยังรูปปั้นดินที่พังทลายระหว่างที่ต่อสู้กับพวกสัตว์ประหลาด พวกเขาก็ได้ค้นพบทางเข้าไปสู่ห้องลับซึ่งเป็นตำแหน่งที่แท้จริงของภารกิจนี้


 


“บัฟให้ที”


 


ดูเหมือนว่า เฉียงกวนเอาเฉิน จะเคยมาที่นี้ ดังนั้นเขาจึงเริ่มจะวังตัวเมื่อเข้ามาอยู่ด้านหน้าทางเข้าห้องลับ และพูดขึ้นมาระหว่างที่เข้าเดินเข้าไป


 


ซื๋ออี้ ให้ พรชีวิต กับ เฉียงกวนเอาเฉิน เสี่ยวเฟิงที่กำลังมองไปทั่ว ก็ให้ พรอาวุธ กับเขาด้วยเช่นกัน แต่ ซื๋ออี้ นั้นก็ชอบที่จะเพิ่ม พรอาวุธ หลังจากที่เธอได้เพิ่ม พรชีวิตไปแล้ว ดังนั้น พรอาวุธของเธอจึงคลุมไปกับของ เสี่ยวเฟิง


ฉนั้น เฉียงกวนเอาเฉิน จึงได้ยินเสียงเตือนสองครั้ง ครั้งแรกเป็น ค่าพลังโจมตีที่ถูกเพิ่มขึ้นโดย เสี่ยวเฟิง และครั้งที่สอง เป็น ค่าพลังโจมตีที่ถูกเพิ่มโดย ซื๋ออี้.


 


จากนั้น เด็กคนนี้ ก็ตะลึงงัน และไม่เชื่อสิ่งที่เขาเห็นบน แทบสถานะของเขา และเขาถึงกับต้องขยี้ตาทั้งสองข้างพื่อจะมองเห็นมันได้อย่างชัดเจน


 


“พ..พล…พลังโจมตี หนึงร้อยสี่สิบเชี่ยวหรอ?!”


 


เด็นคนนี้ ตกตะลึงและมองที่ยังเสี่ยวเฟิงด้วยดวงตาที่เกือบจะถล่นออกมาของเขา และใบหน้าของเขาก็ถูกเติมเต็มไปด้วยความตกใจ


 


“พี่ชาย เสี่ยว ของเราเป็น ฮีลเลอร์หมายเลขหนึ่ง จะประหลาดใจอะไรมากมายละ?” เจ้าโง่” เจ๋าซือ พูดด้วยความภูมิใจแม้ว่าเขาก็ตกตะลึงไปกับสิ่งที่เขาเห็นเช่นกัน


 


เฉียงกวนเอาเฉิน มองไปที่เสี่ยวเฟิงด้วยความชมเชย จากนั้นเขาก็หันไปทาง ซื๋ออี้ แล้วพูดอย่างอายๆ


 


“ลูกพี่ ไม่ต้องเพิ่มบัฟให้กับผมหรอก บัฟของพี่มันไม่ค่อยมีประโยชน์อะไร แล้วมันก็ยังไม่ได้ถึงครึง ของบัฟของ เสี่ยวเฟิง ด้วยซ้ำ”


 


ซื๋ออี้  เหล่ ดวงตาที่น่ารักของเธอทันที และเผยให้เห็นถึงอันตรายในตาของเธอ เธอเดินไปดึงหูทั้งสองข้างของ เฉียงกวนเอาเฉิน และทำให้ศรีษะของเขาเอียง


 


“แก ว่า ไง นะ?”


 


“โอ้ยยย! ผมผิดไปแล้ว! หยุดที! มันเจ็บนะ ผมผิดไปแล้ว!” เฉียงกวนเอาเฉิน ร้องออกมาในทันที ถึงความเจ็บปวดจะถูกทำให้อ่อนเบาลงในเกมนี้ ความเจ็บปวดจะถูกลดลงก็ต่อเมื่ออยู่ระหว่างการต่อสู้แบบนองเลือดเท่านั้น และผู้เล่นก็สามารถรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดจากการโจมตีตามธรรมดาได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย


 


“ระวังปากแกเอาไว้!”


 


ซื๋ออี้ ปล่อยมือจากหัวของเขาและเตือน เฉียงกวนเอาเฉิน ซึ่งนั้นทำให้เขารู้สึกกลัวและไปหลบอยู่ข้างหลังเสี่ยวเฟิง


 


เสี่ยวเฟิง ส่ายหัว เพราะเขารู้ว่า เฉียงกวนเอาเฉิน นั้นสามารถดิ้นหนี ซื๋ออี้ ได้อย่างง่ายด่าย แต่เขาก็ไม่ทำ ดูเหมือนว่าเขาจะเคารพนับถือ ลูกพี่ลูกน้องของเขา จริงๆ


 


ทั้งห้าคนเข้าไปใน ห้องลับ อย่างระวัง ถึงอย่างไรมันก็ยังเป็นภารกิจของโซน ดังนั้นแม้มันจะง่าย ตัวบอสก็ยังยากที่จะต่อกรด้วยอยู่ดี และพวกเขาก็อาจตายได้ในทันทีถ้าพวกเขาไม่ตั้งสติ


 


หลังจากที่เวลาคูลดาวน์ 30 วินาทีผ่านไป เฉียงกวนเอาเฉิน ก็ อดใจรอไม่ไหวที่จะเร่งให้ เสี่ยวเฟิง เพิ่ม พรอาวุธ ให้กับเขา เพราะเขาเสียเวลารอมานานแล้ว


 


“ฮ่าฮ่า จะไม่มีใครหยุดฉันได้! พลังโจมตี 200 วู้ฮู้!”


 


หลังจากที่เสี่ยวเฟิง เพิ่ม พรอาวุธ ให้กับเขา เฉียงกวนเอาเฉิน ก็เริ่มหัวเราะออกมาอย่างหยิ่งพยอง จากนั้นเขาก็วิ่งเข้าไปในฝูงสัคว์ประหลาดและกำจัดพวกมันด้วยดาบยาวของเขา


 


“-147!”


 


“-151!”


 


“-142!”


 


“คริติคอล-268!”


 


··

 


ตัวเลขมากมายลอยออกมาจากเหล่ามอนเสตอร์ และหลอดพลังชีวิตของพวกมันก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัก


 


“ว้าว! ดีมากเลย!”


 


เฉียงกวนเอาเฉิน นั้นพอใจอย่างมากกับสิ่งนี้และกลับไปกำจัดพวกมันต่อ หลังจากนั้นพวกสัตว์ประหลาดเหล่าก็เกือบที่ถูกกำจัดไปแล้วทั้งหมด


 


“ไอเด็กนี้ ก็เก่งไม่เบานิ!”


 


พี่น้อง นิโคลัส ไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับดาบ แต่พวกเขารู้สึกได้ว่า สิ่งที่ เฉียงกวนเอาเฉิน กระทำด้วยดาบของเขา นั้นคล่องแคล่ว และ ไม่เหมือนกับผู้เล่นธรรมดาเหล่านั้น ที่ใช้อาวุธของพวกเขาไม่เป็นสะด้วยซ้ำ


 


ในขณะที่ เฉียงกวนเอาเฉิน ใช้ดาบนั้นได้ง่ายดายและคล่องแคล่ว และเขาก็สามารถจู่โจมด้วยดาบของเขาได้โดยไม่ต้องหยุดพัก


 


นั้นสร้างความประทับใจกับ สองพี่น้อง นิโคลัส และพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่เด็กคนนี้อย่างจริงจังขึ้น


 


แม้แต่ เสี่ยวเฟิง ก็รู้สึกประทับใจเช่นกันและเขาก็คิดว่า เขาคงจะไม่ใช้แค่เด็กคนหนึ่งแล้ว


 


“ก่อนหน้านี้ ฉันสามารถตัดเลือดของมันออกได้เพียง 30 หรือ 40 เปอร์เซ็นเท่านั้น แต่ตอนนี้มันรู้สึกดีมากๆเลยละ!?”


 


เด็กคนนี้ ตื่นเต้นอย่างมาก ราวกับว่าเขาเพิ่งได้รับของเล่นชิ้นใหม่และเขาไม่หยุดหย่อนตลอดทางที่เขาได้กวาดล้างมอนเสตรอ์ตัวเล็กทั้งหมดและทำให้คนอื่นๆ หมดโอกาสที่จะทำเช่นนั้น


 


“มันน่าจะอยู่ที่นี่ พวกเราจะต้องกำจัดบอสและได้รับเควสไอเทม”


 


ความลับข้างใต้โบสเก่านั้น ไม่ยิ่งใหญ่อะไร ดังนั้นพวกเขาจึงมาถึงที่ห้องมืดๆ หลังจากที่ได้กำจัดมอนสเตอร์ตัวจ๋อยตามทางไปทั้งหมด ซึ่งดูเหมือนว่าจะถูกใช้เพื่อขังคน


 


“มันดูมืดมนจัง”


 


เจ๋าซือ  พูดออกมาหลังจากที่เขาได้มองไปรอบๆ และมั่นใจว่านี้เป็น หอผู้ป่วย ที่มีอุปกรณ์ที่เอาไว้ใช้ในการทรมานจำนวนมากแขวนไว้บนกำแพงที่เปื้อนเลือด


 


ความจริงแล้ว พวกเขารู้สึกถึง บรรยากาศอันมืดมนและเยือกเย็น ได้ก่อนที่พวกเขาจะเข้ามาในห้อง


 


“ภูมิหลังของภารกิจนี้บอกไว้ว่ายังไงนะ?” เตียจู ถาม


 


“ดูเหมือนว่า สังฆราช(pontifex/pontiff) แห่งวิหารแห่งแสง หันไปคบหากับกองทัพมืด และได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับเวทมนต์บ้างอย่างในโบทส์แห่งนี้ แต่เขาทำล้มเหลว ซึ่งความล้มแหลวนั้นทำลายเมืองนี้ทั้งเมืองและเปลี่ยนมันไปเป็นสถานที่ที่แปดเปื้อนและไม่สามาถที่จะชะล้างได้” เฉียงกวนเอาเฉิน คิดถึงเรื่องราวของภารกิจที่อยู่ตรงหน้าและพูดออกมา


 


“เป็นภารกิจที่นายรับมาจากวิหารแห่งแสงของเมืองเตียนหลงอย่างนั้นรึ? เสี่ยวเฟิง ถามด้วยความสงสัยและเขาก็รู้ในทันทีว่ามันเกี่ยวข้องกับวิหารแห่งแสง


 


“ปล่าว ภารกิจนี้ได้รับมาจาก คฤหาสน์ของเจ้าเมือง NPC ได้บอกมาว่าเป็นเพราะว่า ผู้ก่อเหตุคือพระสังฆราชที่หันไปเข้ากับกองทัพมืดนั้น ดังนั้นวิหารแห่งแสงจึงปฏิเสธที่จะรับผิดชอบ และไม่ยอมส่งใครมาชะล้างเมืองแห่งนี้ แต่เมืองนั้นก็เป็นเขตแดนของจักรวรรดิ ฉนั้น เจ้าเมืองจึงไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากส่งนักผจญภัยเข้ามาที่นี้ ถ้าพวกเราทำภารกิจของเราสำเร็จ ก็จะมีทหารจากเมืองเตียนหลงเข้ามาสร้างฐานทัพและกลุ่มจุดเคลื่อนย้าย (teleport formation) จากนั้นที่นี้ก็จะเปิดเป็นโซนพิเศษ ” เฉียงกวนเอาเฉิน ส่ายหัวแล้วพูดขึ้น


 


“โอเค” เสี่ยวเฟิงพยักหน้าและคาดว่ามันก็คงจะคล้ายกันกับ ฐานทัพ ของ ฟอเวิดแค็มฟ


 


“ได้เลเวลไปหาบอสแล้ว ไปกันเถอะ”


 


หอผู้ป่วยนั้นกว้างใหญ่และพวกเขาทั้งห้าคนก็เดินเข้าไปข้างในที่ตามหลังกันไปที่ละคน ในแสงสลัว พวกเขาก็มองเห็น ใครคนหนึง ที่นิ่งเงียบและดูเหมือนกับ ร่างไร้วิญาณอยู่บนเก้าอี้เหล็กที่ใช้สำหรับการสอบสวน อยู่ตรงกลางของห้อง


 


“นี้คือบอสงั้นหรอ?”


 


“ไม่น่าจะใช่ เขามีหลอดเลือดและเป็นปกติ เขาเป็นมอนเสตอร์ชั้นสูง ระดับ 15 ชื่อว่า ตัวทดลองหมายเลข 17”


 


พวกเขาทุกคนรู้แปลกใจเล็กน้อย เพราะว่าไม่มีบอสอยู่ในหอผู้ป่วยที่ว่างเปล่าแห่งนี้ เหลือแต่มอนเสตอร์ระดับสูงที่นั้งอยู่บนเก้าอี้เหล็กเท่านั้น


 


“เราฆ่ามันก่อนจากนั้นค่อยหาต่อ ”


 


พี่น้อง นิโคลัส พูดขึ้นหลังจากที่พวกเขามองไปรอบๆ แล้วไม่พบอะไร


 


“เริ่มกันเถอะ”


 


เสี่ยวเฟิงจำใจตกลง .เฉียงกวนเอาเฉิน ยังคงตื่นเต้นกับการฆ่ามัน


 


“ฮูมมม!”


 


“อู่ลาล้า!”


 


ในเวลานี้ พวกเขาสังเกตุเห็นว่า ตัวทดลองหมายเลข 17 ถูกล็อคติดอยู่กับเก้าอี้เหล็กด้วยโซ่เหล็กขึ้นสนิม เมื่อ เฉียงกวนเอาเฉิน เริ่มเข้าไปใกล้ มันก็ยกหัวของมันขึ้นแล้วคำรามซึ่งทำให้ โซ่เหล็กครูด กันเสียงดัง


 


แต่มันก็ยังถูกล็อคให้กับที่ และมันก็ไม่สามารถดิ้นหลุดออกมาได้ไม่ว่ามันจะพยายามแบบไหนก็ตาม ดังนั้น มันก็สามารถที่จะถูกโจมตีเหมือนกันกับเป้าหมายที่มีชิวิต


 


“มันไม่ง่ายไปหน่อยหรอ?”


 


เฉียงกวนเอาเฉิน แทงมันด้วยดาบสองครั้ง และตัวทดลองก็ไม่สามารถที่จะป้องกันตัวได้ จกานั้น เฉียงกวนเอาเฉิน ก็รู้สึกแปลกๆ และตัดสินใจที่จะฆ่ามันทันที


 


ด้วยหลอดเหลือที่เหลือ ศูนย์ ศรีษะของตัวทดลองหมายเลข 17 ก็ก้มลงมา เมื่อนั้น เสี่ยวเฟิงจึงรู้สึกได้ว่าบ้างอย่างผิดแปลกไป


 


“ถอยออกมา! มีบ้างอย่างผิดปกติ!”


 


มันก็ยังสายเกินไป สำหรับ เสี่ยวเฟิงที่จะพูดมันออกมาแล้ว หลังจากนั้นหน้าอกของ ตัวทดลองหมายเลข 17 ก็เริ่มระเบิดก็าซสีดำเริ่มไหลออกมาเหมือนกับของเหลว


 


โชคดีสำหรับ เฉียงกวนเอาเฉิน ที่ตอบสนองอย่างรวดเร็วและรักษาระยะห่างจากก็าซโดยการตีลังกาย้อนหลังกลับไป


“ดูเหมือนว่านั้นคือบอสนะ เวทมนต์พวกนั้น” เสี่ยวเฟิงพูดออกมาระหว่างที่จ้องไปยังก๊าซสีดำ


 


ทุกคนตื่นตระหนก พวกเขาเห็นก็าซสีดำเริ่มแยกออกจากร่างของตัวทดลองและรวมตัวกันเพื่อก่อเป็นรูปร่าง


 


มันเหมือนกับของเหลว ที่ดูคล้ายกับปิโตรเลียมเจลลี่ จากนั้นมันก็เปลี่ยนไปอย่างแม้จริงเป็น ลูกบอลที่ดูแปลกประหลาดและมีเส้นผ่านศูนย์กลางยาวสองเมตร มันยังมีก้อนเนื้อแปลกประหลาดอยู่ไปทั่ว ทำให้ทุกคนนั้นขนลุก


 


ในขณะเดียวกัน หลอดพลังชีวติและสถานะของมันก็ปรากฏขึ้น


 


ปีศาจแห่งความน่ารังเกียจ


 


เลเวล: 15


 


ชนิด: บอสชั้นสูง


 


HP : 11000/11000


 


ค่าพลังโจมตี: 95-100


 


ค่าความฉลาด:99-110


 


ค่าพลังป้องกัน: 88-98


 


ค่าพลังป้องกันเวทมนต์: 80-85


 


ทักษะ:


 


หนามบมแห่งความเกลียดชัง หนามบมแห่งความหวาดกลัว การเติบโต ความมืดหนึ่งเดียว ฝันร้ายหนึ่งเดียว


 


คำอธิบาย : มอนสเตอร์ เกิดจากความเกลียดชังด้านลบ มีความสามารถในการแพร่ความหวาดกลัวแม้จะอยู่ในพลังที่ต่ำ


 


คุณสมบัตื: เป็นบอสชั้นสูง มีพลังโจมตีที่สูงและมีพลังป้องกัน และสามารถโจมตีได้ทั้งทางกายภาพและทางเวทย์มนตร์


103

“มันเป็นลูกบอลยักษ์สีดำ ช่างน่ากลัวจริงๆ”


เจ๋าซือ ยักไหล่แล้วพูดขึ้นด้วยความหวาดกลัว หอผู้ป่วยที่มืดมนแห่งนี้ทำให้เขารู้สึกเสี่ยวสันหลังอยู่แล้ว และการปรากฏขึ้นของ ก้อนเนื้อสีดำ นั้นก็ช่างน่ากลัวเหลือเกิน


“นายไม่จำเป็นต้องเข้าไปสู้ นายก็แค่อยู่ห่างๆ แล้วคอยโจมตีด้วย DPS ” เตียจู พูดด้วยความโกรธ


“เริ่มกันเถอะ ฉันรอไม่ไหวแล้ว!”


เด็กนั้นก็ยังตื่นเต้นกับมันอยู่เนื่องจากไม่ว่าใคร ก็อยากที่จะเริ่มการต่อสู้ในทันที ถ้าหากพลังโจมตีของใครคนนั้น ถูกเพิ้มขึ้นไปสามเท่า เหมือนกับเด็กคนนั้น


“เริ่มกันเถอะ”


เตียจู เดินออกไปข้างหน้า เนื่องจากพวกเขาไม่มี นักรบโล่อยู่ในทีม ดังนั้น เขาจึงเป็นคนเดียวที่สามารถต่อสู้แทนนักรบโล่ได้


ในเวลานั้น ซื๋ออี้ ได้เพิ่ม พรชีวิต ให้กับเขาแล้วเขาก็เป็นคนเดียวที่สามารถได้รับ พรอาวุธ ต่อไปได้เพราะว่า DPS อีกสองคน เจ๋าซือ และเด็กคนนั้น ได้รับ พรอาวุธ จากเสี่ยวเฟิงไปแล้ว


“กูลลู่ลู้!”


ก้อนเนื้อสีดำ ทำเสียงที่น่าขยะแขยงออกมาคล้ายกับน้ำมันเดือด การโจมตีของมันที่จริงแล้วเป็นการขยายหนามออกมาจากด้านในของก้อนเนื้อ ซึ่งทำให้ เตียจู บาดเจ็บไปสองครั้ง


แต่เนื่องจากที่พวกเขามีพระอยู่สองคน พวกเขาจึงยังไม่ตกอยู่ในอันตรายหากพวกเขาไม่ถูกฆ่าตายในทันที


DPS ของ เจ๋าซือ และเด็กน้อย นั้นสูงมาก แม้ว่าพวกเขาจะมีพระอยู่สองคนและมี DPS ที่ไม่เพียงพอ HP ของ มอนสเตอร์มันก็เริ่มลดลงอย่างรวดเร็ว


การรักษา ของ เสี่ยวเฟิงนั้นวิเศษมาก ดังนั้นไม่ว่าใครก็ตามที่ได้รับบัฟเพิ่มพลังโจมตี พลังของเขาคนนั้นก็จะเพิ่มเป็นสองเท่า ซึ่งทำให้โจมตีได้อย่างรุนแรง


“ระวังสกิลพวกนั้นไว้ดีๆ วิธีการโจมตีของบอสตัวนี้มันแปลกมาก”


เสี่ยวเฟิง ส่งเสียงเตือน ก็เพราะรูปร่างที่แปลกประหลาดของมอนสเตอร์ ก็มีการโจมตีที่แปลกประหลาด และพวกเขาก็ไม่สามารถที่จะคาดการ์แทบที่จะหลบมันไม่พ้น


เมื่อเขาพูดจบ เขาก็เห็มอนสเตอร์เริ่มปล่อบก๊าซสีดำออกมาจากก้อนเนื้อปูดๆ ของมันในทันทีและเข้าไปกลุ่ม เด็กน้อยและ เตียจู อย่างรวดเร็ว


ก็าซสีดำที่ถูกปล่อยออกมานั้นไม่สร้างความเจ็บปวด และมันเกิดขึ้นและหายไปอย่างรวดเร็ว พวกเขาทั้งสองเขายืนอยู่ตรงนั้นอย่างมึนงง และมีเครื่องหมายบนศรีษะของพวกเขาแสดงถึง สถานะกลัว


ถ้าเขาเสี่ยวเฟิงเคยโดนสกิลสร้างความกลัวมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อตอนที่เขาต่อสู้กับ ราชาโครงกระดูกทอง ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าสกิลแบบนี้นั้นน่ากลัวเพียงใด ถ้าเขาไม่มีสติขนาดนั้น เขาอาจจะตายไปแล้วในตอนนี้


ถ้าเกิดเป็นกลุ่มผู้เล่นธรรมดา พวกเขาคงจะถูกบอสฉีกออกเป็นชิ้นๆ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะโดนสกิลนี้ไปเป็นเวลาเพียงครึ่งนาที


แน่นอนว่าหลังจากที่มอนสเตอร์ตัวนี้ ใช้เวทมนตร์ความกลัวใส่พวกเขาแล้ว มันก็เริ่มโจมตีอย่างรวดเร็วในทันทีและปล่อยหนามจากข้างในก้อนเนื้อออกมาพร้อมๆ กัน.


เสี่ยวเฟิงได้เดินมาข้างหน้าแล้ว เมื่อเขาเห็นเครื่องหมายความหวาดกลัว และเตะ เตียจู ที่อึ้งอยู่ออกไป เมื่อเขากำลังจะดึงเด็กคนนั้นออกไป เด็กก็ส่ายหัวของเขาและกลับมาได้สติในทัน หลังจากที่เขามองเห็น หนามพุ่งเข้าหาเขา เขาก็ก้าวถอยหลบอย่างรวดเร็ว


เสี่ยวเฟิง ไม่ได้กลับเข้าไป เนื่องจากเขาได้ก้าวออกมาแล้ว เขาควรจะฝึกทักษะของเขา และหยิบเอา ไม้กระบองหนาม ออกมา ซึ่งเปลี่ยนไปเป็นค้อนสีทอง และโจมตโดน มอนสเตอร์อย่างรุงแรง


“-113!”


ความเจ็บปวดนั้นไม่มากเท่าไรนัก เนื่องจ่าก เขาไม่ได้ เพิ่ม พรอาวุธให้กับตัวเอง แม้ว่าพลังโจมตีของเขสาะถูกเพิ่มไปอีก 50 เปอร์เซ็นจาก ความช่วยเหลือของของสกิล พลังแห่งพระเจ้า มันก็จะเพิ่มขึ้นได้เกิน 100 เท่านั้น และมันไม่มีผลต่อ DPS ของเสี่ยวเฟิง


หลังจากที่เปลี่ยนเป็น คทารักษา แสงศักดิ์สิทธิ์ก็ถูกโยนเข้าไปใส่ศรีษะของมอนสเตอร์ แม้ว่าการพุ่งเข้าใส่ของแสงจะไม่ใหญ่นัก แต่ความเจ็บปวดนั้นรุงแรง


“-11052!”


มีเลขความเจ็บปวดถึงห้าหลัก และ หลอดเลือดของ มอนสเตอร์ก็ลดลงไปเป็นจำนวยมาก แล้วดูเหมือนว่าเสี่ยวเฟิงจะสามารถได้ยินเสียงกรีดร้องของมอนสเตอร์


“เกิดบ้าอะไรขึ้น! นั้นมันอะไรกัน?”


เจ๋าซือ ตะลึงอย่างมากจนเขาอ้าปากค้างเหมือนกันกับ ซื๋ออี้


เด็กน้อยคนนั้นก็ยืนอยู่เฉยๆ เพราะความตกใจ เช่นกัน


“นั้นมันอะไรกัน? มากกว่า หนึ่งหมื่น เลยหรอ?”


ที่จริงแล้ว เสี่ยวเฟิง ไม่ต้องการที่จะอวด สกิลลับของเขาจนเกิดไป ต่อหน้าของคนอื่น ดังนั้นเขาจึงสามารถอธิบายได้แบบไม่เต็มที่


“อาชีพของฉัน มีผลความเสียหายพิเศษ ต่อพวกที่ธาตุมืด”


พวกเขาก็ยังไม่ปักใจเชื่ออยู่ดี แต่ในตอนนี้ หลอดพลังชีวิต ของมอนสเตอร์ ได้มาถึง จุดการใช้ทักษะ มันจึงใช้ทักษะอื่นซึ่งทำให้พวกเขาไม่มีเวลาประหลาดใจอยู่มากนัก


“กูลลู่ลู้!”


ทันใดนั้น มอนสเตอร์ก็เปลี่ยนไปเป็นบ้างสิ่งที่คล้ายกับ ปลาปักเป้า และร่างของมันก็ถูกปกคลุมไปด้วยหนาม จากนั้นมันการกลิ้งเขาหาพวกเขา


“แยกย้าย”


พวกเขาไม่มีเวลามาประหลาดใจ และรีบหลบออกไปทางซ้ายและขวา อย่างฉับพลัน


แต่ลูกบอลก้อนเนื้อ ก็ยังคงกลิ้งหมุนต่อไป และเริ่มไล่ลาพวกเขา เพราะว่าขนาดใหญ่ๆ นั้น ทำให้มันไม่สามารถเคลื่อนที่ได้รวดเร็วนัก และการไล่ล่าก็เริ่มขึ้นในหอผู้ป่วยแห่งนี้


“นี้มันจะหยุดตอนไหม?”


เตียจู ได้สติกลับมาจากความหวาดกลัว และเริ่มที่จะรำคาญ มอนสเตอร์ และเขาก็ถูกไล่ล่าไปทั่วหอผู้ป่วย ก่อนจะพูดขึ้น


“ก็เป็นไปได้ ลองคิดถึงบ้างสิ่งที่จะทำให้มันหยุดสิ!” เจ๋าซือ ตะโกนตอบ


“ให้ฉันลองดู”


เด็กน้อยคนนั้น กระโดยออกไปและยืนขว้างหน้าลูกบอลก้อนเนื้อ โดยถือดาบของเขาและพยายามที่จะป้องกันมัน


“เฮ้ย แกบ้ารึป่าว! แกกำลังจะเอาตัวไปตายนะ!”


เจ๋าซือ ตะโกน ถว่าก็สายเกินไปสำหรับเขาที่จะหยุด เด็กคนนั้น เพราะว่าลูกบอลก้อนเนื้อได้กลิ้งทับหน้าของเขาไปแล้ว?


หลังจากนั้น ลูกบอลก้อนเนื้อ ก็กระทบกับดาบของเด็กน้อย อย่างรุนแรง


“ติ้ง!”


“บล็อค!”


ฉากที่เด็กนั้นจะถูกทับแบน ที่พวกเขาได้คิดเอาไว้ก็ไม่เกิดขึ้น ลูกบอลก้อนเนื้อทำเสียงโลหะ หลังจากที่มันกระแทกเข้ากับดาบเล่มนั้นและหยุดลง


ไม่มีตัวเลขความเสียหายบนหัวของเด็กน้อย มีเพียงแต่ เครื่องหมายแสดงการบล็อค


“เกิดบ้าอะไรขึ้น! ไม่ใช้ว่า นักรบโล่ ทำการบล็อคได้อย่างเดียวหรอกหรอ?


พี่น้อง นิโคลัส นั้นตะลึงไปหมด และแม้แต่เสี่ยวเฟิง ก็ยังรู้สึกประหลาดใจ


ที่จริงแล้ว อาวุธทุกอย่างสามารถก่อให้เกิดการ บล๊อค ได้ แต่นักรบโล่ก็ยังสามารถถูกโจมตีด้วยการคริติคอลได้อยู่ดี แต่โอกาสความเป็นไปได้นั้นต่ำมาก


ถ้าเด็กคนนั้ใจกล้าพอที่จะทำแบบนั้น ก็หมายความว่าเขาต้องมั่นใจ 100 เปอร์เซ็น ซึ่งมันน่าตะลึงมาก


แน่นอนว่า ลูกบอลก้อนเนื้อนั้นถูกป้องกันสำเร็จและหยุดกลิ้งในทันที และเปลี่ยนไปเป็นลูกบอลธรรมดาอีกครั้ง


จากนั้นพวกเขาก็เริ่มทำ DPS แต่เสี่ยวเฟิงไม่มีทางที่จะใช้ สกิลแสงศักดิ์สิทธิ์เพื่อสร้างแรงระเบิด ฉนั้นเขาจึงทำการโจมตีได้ทุกๆ หนึ่งนาทีเท่านั้นเมื่อค้อนแห่งการทดสอบ ตดอยู่ในชาวงเวลาคูลดาวน์ และเขาเขาก็ไม่รับ แต่ว่าเด็กคนนั้นก้สามารถบล๊อคได้บ่อยครั้งซึ่งทำให้ พี่น้อง Nicholas นั้นเกิดความสงสัยมากขึ้นเรื่อยๆ และมีเพียง ซื๋ออี้ เท่านั้นที่รู้สึกปกติธรรมดากับสิ่งที่เด็กน้อยทำ


แม่ว่าเสี่ยวเฟิงจะไม่ได้ทำ DPS มากมาย หลอดพลังชีวิตของตัวมอนสเตอร์ก็ลดลงอย่างต่อเนื่องภานใต้การโจมตีของเด็กน้อบและ เจ๋าซือ และมันก็เกือบตายภายในเวลาครึ่งชั่วโมงโดยมีเลือดเหลืออยู่เพียง 10 เปอร์เซ็นเท่านั้น ในขณะเดียวกันมันก็เริ่มที่จะโจมตีด้วยสกิลพิเศษของมัน


“ฮึฮึฮึ…”


เหมือนกับว่ามีใครบ้างคนกำลังหัวเราะ แต่หัวเราะในทางที่แปลกประหลาด จากนั้น สีดำมืด ก็กระจายออกมาจากใจกลางของมอนสเตอร์ เหมือนกับน้ำตก หลลงไปยังพิ้นดินและผนัง


มันเหมือนกับน้ำหมึก และเริ่มไหลท่วม หอผู้ป่วยทั้งหอ พวกผู้คนไม่มีหนทางที่จะหลบซ่อนและไม่นานนัก หอผู้ป่วยก็เปลี่ยนไปเป็นสีดำ


ทุกคนโดนหมด รวมถึง เสี่ยวเฟิงด้วย เพราะว่าเป็นสกิลที่เล่งเป้าไปที่ผู้คนทุกคนและไม่มีขอแตกต่าง


และชื่อของสกิลก็คือ ฝันร้ายนิรันดร์


มันรู้สึกเหมือนกับว่าพวกเขาอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดำมืดและไม่มีสิ่งใดอยู่ เสี่ยวเฟิงขมวดคิ้วในเวลาเดียวกันและกำ คทารักษาของเขา ไว้แน่น ในขณะที่เขาตื่นตัวไปโดยสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป


“เปรี้ยง!”


มันเหมือนกับแสงสว่างถูกเปิดอย่างฉับพลันซึ่งทำให้เสี่ยวเฟิงหยีตาในเวลานั้น


“แกไม่ได้ยินฉันเรียกแกหรอ เจ้าร่างกายหมายเลข 13 ฉันจะทำลายแกซะถ้าแกทำให้เสียเวลามากไปกว่านี้!”


“เพียะ” เสียงแซ่กระทบได้ดังขึ้น เสียวเฟิงรู้สึกปวดแสบปวดร้อนที่หลังของเขาและไม่สามารถลืมตาได้


จากนั้นสถานการณ์ก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาของเขา ซึ่งทำให้เขานั้นตกใจและตกตะลึง


“เพียะ!”


เสี่ยวเฟิง ถูกแซ่ฟาดไปบนหลังอีกหน จากนั้นชายใส่ชุดป้องกันสารเคมีสีขาวสองคนก็เดินมาที่เจาและมองเขาอย่างหมดความอดทน


“มันดูเหมือนว่า ร่างที่มีชีวิตร่างนี้ ก็สติแตกเหมือนกัน เอามันไปกำจัดซะ”


“อย่ารีบไป พวกเราสามารถใช้เขาใน การทดสอบข้อมูลการทดลองใหม่ได้”


“นายหมายถึงการทดสอบ ยีน นั้นนะหรอ? เขายังไม่ได้เป็นผู้ใหญ่ด้วยซ้ำ เขาจะรับมันได้หรอ?”


“มันไม่สำคัญ ถ้ามันล้มเหลว เราก็กำจัดเขา”


“ก็เข้าท่า ส่งตัวเขามา”


บทสนทนาระว่างบุคลากรทั้งสองคนทำให้เสี่ยวเฟิงได้สติกลับมาจากความตะลึง จากนั้นเขาก็มองไปรอบๆ อย่างมีสติและพบว่าเขากำลังอยู่ในสถานการณ์ที่คล้ายกัน


ผนังโลหะสีขาวอันหนึ่ง มันคือห้องแล็ป บุคลากรจำนวนมาก ส่วมชุดคลุมป้องกันสารเคมีกำลังเดินอยู่ข้างในห้องนั้น


มีร่างที่มีชีวติมากมายลอยอยู่ใน คอนเทนเนอร์เพาะเชื้อสีเขียว-นั้นคือเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงหลายที่อยู่ชุดนักโทษสีขาว!


คอนเทนเนอร์เพราะเชื้อดเหมือนกับเส้าแก้งโปร่งแสง และถูกเติมไว้ด้วย สารละลายธาตุอาหารสีเขียว เด็กวัยรุ่นจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังลอยอยู่ในนั้นและพวกเขาก็แทบจะไม่ขยับตัวเลย ดังนั้นมันจึงยากที่จะบอกได้ว่าพวกเขายังมีชีวิตอยู่รึปล่าว


เสี่ยวเฟิงลดศรัษะลงและมองเห้นเงาสะท้อนของตนเองบนพื้นสแตนเลส


ชายอ้วนตัวเล็กอีกคนที่ส่วมชุดนักโทษสีขาว!


บุคลากรสองคนกำลังดันเขาเข้าไปใน คอนเทนเนอร์เพาะเชื้อ


ในตอนนั้น เสี่ยวเฟิงรู้สึกกลัวและยกมือที่สั่นเทาของเขาทั้งสองข้างที่ซีดเผือกและเกือบจะโปร่งใส เขาสามารถมองเห็นเส้นเลือกและลายโครงกระดูกที่อยู่ข้างใน


“ไม่นะ!”


เสี่ยวเฟิงตะโกนออกมาเพราะความกลัวและมองทั้งหมดทั้งมวล ด้วยดวงตาที่ว่างเปล่าของเขา!


เขาเห็นตัวเขาถูกดันเข้าไปใน คอนเทนเนอร์เพราะเชื้อที่ว่างเปล่า และสารละลายธาตุอาหารอันเย็นเฉียบก็ถูกแทลงมา เหนือศรีษะของเขา และไหลท่วมร่างของเขา ทันใดนั้นร่างอ้วนๆ ของเขาก็ลอยอยู่ใน คอนเทนเนอร์สีเขียวใบนี้


สารละลายธาตุอาหารที่เย็นเยือก และการขาดอากาศหายใจ ทำให้เขาได้สติและการไหลเวียนหยุดลง จากนั้นของเหลวสีแดงก็ถูกราด เข้ามาใน คอนเทนเนอร์ใบนี้นซึ่งมันเคลื่อนไหวได้และว่ายเข้าไปหาเสี่ยวเฟิง


เขารู้สึกเป็นตะคริวไปทั้วตัวเพราะว่าความเจ็บปวดจากการกัด แต่ของเหลวสีแดงไม่หยุดแม้แต่วินาทีเดียวด้วยซ้ำและเริ่มทะลวงเข้าไปในร่างของเขาด้วยแรงทั้งหมดของมัน


104

เสี่ยวเฟิงกำลังลอยไปมาอยู่ใน น้ำเพาะเชื้อ เขาบีบคอของเขาและใบหน้าของเขาก็บิดเบี้ยวไปด้วยความเจ็บปวด


เหมือนว่าของเหลวสีแดงจะมีชีวิตและมีสิ่งมีชีวิตที่มองไม่เห็นดิ้นไปมาอยู่ข้างในนั้น พวกมันถลกเนื้อหนังของเสี่ยวเฟิง พวกมันต้องการที่จะบดกระดูกของเขาด้วยซ้ำ!


เสี่ยวเฟิง ดูน่ากลัว ราวกับว่าเขาถูกถลกหนังและบ้างสิ่งกัดกินเนื้อของเขา!


จากนั้น กระแสน้ำที่รุงแรงก็ถูกเปลี่ยนเข้ามาใน คอนเทนเนอร์เพาะเชื้ออันนี้ และมันก็เริ่มจะไชเข้าตรงเปลือกสมองส่วนหน้าของเสี่ยวเฟิง เสี่ยวเฟิงรู้สึกได้ว่าสมองของเขานั้นบวมเป่งและเกือบจะระเบิดออกมา


ถว่า ในเวลานี้ เสี่ยวเฟิงก็ได้สติของเขากลับมาอย่างฉับพลัน ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวแต่เขาก็เปิดตาของเขาในทันทีและมองไปรอบห้องอย่างเย็นชา มันดูเหมือนกับว่าตาทั้งสองข้างนั้นไม่ใช้ดวงตาของมนุษย์หรือ ดวงตาของสัตว์เลือดเย็นในตอนที่ทำการล่าสัตว์อื่น ดวงตาของเขาไม่มีชีวิตชีวา หรือ อารมณ์ อยู่ในนั้นเลย


เสียงกร็อบแกร๊บ


มันเหมือนกับเสียกระจกแตก คอนเทนเนอร์เพาะเชื่อใบนั้นและห้องแล็ปที่ขาวที่สร้างด้วยโลหะ ทั้งหมดพังทลายเป็นเสี่ยงๆ เหมือนกับรูปภาพ และเหมือนว่าทุกอย่างจะเป็นเพียงแค่ความฝัน


เสี่ยวเฟิงกลับมายังห้องขังอีกครั้งหนึ่ง และสภาพแวดล้อมอันดำมืด ก็กลับเป็นปกติ ปีศาจแห่งความเกลียด


คนอื่น ยังคงอยู่นิ่ง และมองไปยังสถานที่นี้ด้วยความว่างเปล่า มันดูเหมือนว่าพวกเขายังอยู่ในความทรงจำบ้างอย่าง


“ซีเหมินชุยเซวีย ฉันจะกำจัดแก! ฉันจะต้องเป็นนักดาบที่แกร่งที่สุดในยุคสมัยนี้อย่างแน่นอน! แกกล้าดีอย่างไรมาดูถูกตระกูล เฉียงกวน ของพวกเรา! ฉันจะทำให้แกเสียใจกับทุกสิ่งที่แกเคยทำ! ”


เด็กชาย พูดด้วยความโกรธและ เขากำลังเหวี่ยงดาบของเขาเข้าปะทะกับอากาศอย่างไม่รู้ตัว


“ปล่อยฉันไปเถอะ! พวกเราแต่งงานกันแล้ว! ทำมาคุณถึงอยากจะมีเซ็กตอนนี้ละ! ฉันเป็นคู่หมั่นคุณนะ และฉันจะไม่มีทางทิ้งคุณไป! อย่าเข้ามานะ! ไปลงนรกซะ!”


ใบหน้าของ ซื๋ออี้ บิดเบี้ยวไปด้วยความกลัว ความโกรธ และ ความตื่นตระหนก


“เสี่ยวสุย! อย่างทิ้งฉันไป! ฉันรักเธอ! อย่างหักอกฉันเลย!”


เจ๋าซือ เหยียดมือออกและพยายามที่จะคว้าอะไรบ้างอย่างในอากาศ และมีน้ำตาอยู่บนหน้าของเขา


“พ่อครับ แม่ครับ ผมจะตั้งใจเรียนและสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่เยี่ยมที่สุด! อย่าหย่ากันเลยนะครับ!”


น้ำเสียงของ เตียจู เต็มไปด้วยคำอ้อนวอน เขาเซถลาไปข้างหน้าไม่กี่ก้าว


“ฮิฮิฮิ…”


ดูเหมือนว่า ปีศาจแห่งความเกลียด กำลังหัวเราะอยู่ เขี้ยวอันแหลมคมของมันอยู่ใกล้กับพวกเขามาก


ใบหน้าของเสี่ยวเฟิงแดงดำ และเขาก็จ้องไปที่ตัวมอนสเตอร์อย่างเย็นชา เขาเหวี่ยง คทารักษาของเขา และใช้ สกิล โฮลี่ไลท์ ใส่ ปีศาจแห่งความเกลียดชัง บอสตัวนี้ที่เหลือ HP อยู่ต่ำกว่า 10% ก็ถูกฆ่าในทันที ทันใดนั้น ไอเทมดรอปจำนวนนับไม่ถ้วนได้ปรากฏขึ้นในห่องขังแห่งนี้


“อ้า!”


มีใครบ้างคนร้องออกมาและผู้เล่นคนอื่นทั้งหมดที่หลงอยู่ในฝันร้ายนิรันดร์ก็ตื่นขึ้นมาทันที พวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และ ใบหน้าของพวกเขาก็มีน้ำตาอยู่ด้วย


“มันตายแล้ว! พวกเรามาดูของที่บอสดรอปกันดีกว่า!”


เสี่ยวเฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม และชวนให้พวกเขาเข้ามาดู


“ฮาฮ่า! มันเป็นบอสระดับสูง! มันอาจจะดรอป ไอเทมระดับทองบ้างชิ้น! มาดูกันดีกว่า! ”


เจ๋าซือ เป็นคนแรกที่เข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้ เขาเช็ดน้ำตาของเขาแล้ววิ่งเข้าไปที่ของที่ดรอปอยู่บนพื้นโดยไม่รอช้า


“ใจเย็นกันก่อน! พวกเราต้องแบ่งของดรอปเหล่านั้นตามอาชีพของเรา”


เตียจู ตามเขาไปแล้วพูดออกมา


“ฉันไม่เห็นแสงสีทอง พวกเราโชคไม่ดี ไม่มีของสวมใส่ระดับทองดรอปเลย” เฉียงกวนเอาเฉิน ยืนอยู่ข้างหน้าไอเทมที่ดรอป สายตาของเขากวาดไปรอบๆ พื้นอย่างต่อเนื่องจากนั้นเขาก็พูดขึ้นด้วนความผิดหวัง


“ดูเหมือนว่าเราจะโชคร้ายนะ”


ซื๋ออี้ บิดเอวที่ผอมบางของเธอและเดินมาข้างหน้า เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่เกียจคร้าน


พวกเขาทุกคนกลับมาเป็นปกติภายในเวลาไม่กี่วินาที อย่างกับว่าความฝันที่เพิ่งผ่านไปไม่มีอยู่จริง


“มีเหรียญทองอยู่เพียงเหรียญเดียวเท่านั้นและฉันรู้ว่าไม่มีพวกนายคนไหนต้องการมัน ดังนั้นมันเป็นของฉัน” เสี่ยวเฟิงเริ่มเก็บกวาดสนามรบ


“มีอุปกรณ์ส่วมใส่สีเขียวสามชิ้นและฉันไม่คิดว่าพวกนายต้องการมัน อย่างนั้นฉันขอนะ”


“มีอุปกรณ์ส่วมใส่สีฟ้าสองชิ้นและฉันไม่คิดว่าพวกนายต้องการมัน ถ้างั้นฉันขอนะ””


“โอ้! ฉันเจอ อุปกรณ์ส่วมใส่สีเงิน ชิ้นหนึ่ง มันเป็นดาบมือเดียว ฉันไม่คิดว่า…”


มีอุปกรณ์ส่วมใส่อยู่หกชิ้น และเสี่ยวเฟิงก็หยิบมันเขาไปใส่ในกระเป๋าเป้ของเขาที่ละชิ้น เขากำลังจะหยิบ ดาบมือเดียวสีเงินขึ้นว่า แต่ผู้เล่นวัยรุ่น ก็หยุดเขาไว้ด้วยความโกรธ


“วางมันลง!”


ผู้เล่นวัยรุ่น รีบเดินเข้ามาใยทันที และคว้า ดาบมือเดียวสีเงิน ไป จากนั้นเขาก็พูดกับเสี่ยวเฟิงด้วนความโกรธ “น่าละอายใจซะจริง! ทำไมนายถึงคิดว่าพวกเราไม่อยากได้อุปกรณ์พวกนี้ละ? ดาบเล่มนี้เป็นของฉัน!”


“ถ้าอย่างนั้น เราจะโยนลูกเต๋า ถ้านายอยากได้มันเหมือนกัน”


“บ้าเอ้ย! แกเป็น พระ! ทำไมแกถึงอยากสู้กับฉันเพื่อดาบมือเดียวละ! ยอมแพ้ไปซะ! ไม่งั้น ฉันจะไม่พานายไปหา NPC ของภารกิจนี้ นะเฟ้ย!”


คำขู่ของผู้เล่นวัยรุ่นนั้นเป็นผล และเสี่ยวเฟิงจำเป็นต้องยอมปล่อยดาบสีเงินเล่มนี้ไป เตียจู เป็น นักรบเถื่อน และต้องใช้ดาบสองมือ ดังนั้นเขาไม่ต้องการอุปกรณ์ชิ้นนี้และมันก็ตกเป็นของ เฉียงกวนเอาเฉิน


“เอาละ นายได้อุปกรณ์ส่วมใส่ชิ้นนี้ รีบๆ ไปส่งภารกิจ ฉันอยากจะเจอ NPC ของภารกิจนี้โดยเร็วที่สุด” เสี่ยวเฟิงกล่าว


“ฮาฮ่า นี้คือดาบชั้นยอด ฉันจะพานายไปยังสถานที่ของ NPC ก่อน อย่างไรก็ตาม ภารกิจนี้ไม่ได้ถูกกำหนดเวลาไว้”


ผู้เล่นวัยรุ่น ตื่นเต้นและใจกว้างมากขึ้น หลังจากที่ได้รับดาบสีเงิน


ในปัจจุบัน อุปกรณ์สีเงินนั้นมัมูลค่ามหาศาล นอกจากนั้นแล้ว มันก็ยังเป็นอาวุธและมันมีค่ามากกว่าอุปกรณ์ชิ้นอื่น


มีผู้เล่นเป็นร้อยล้านคนในเขต Huaxia ในตอนนี้ แต่มีอุปกรณ์สีทองอยู่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยชิ้นในเขตนี้ทั้งเขตและยังมีตำแหน่งว่างอยู่ในรายการจัดอันดับของอุปกรณ์อีกด้วย


สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของโซน ซึ่งสามารถผลิตอุปกรณ์สีเงินได้สม่ำเสมอและดรอปอุปกรณ์สีทองได้บ้างเป็นครั้งคราว


อุปกรณ์สีเงินชิ้นนี้นั้นหายากมากและมันยันเป็นดาวมือเดียวที่เหมาะกับอาชีพของเขาอีกด้วย ผู้เล่นวัยรุ่นตื่นเต้นและถือดาบมือเดียวเล่มนี้ที่ดูเหมือนกับหนามสีดำ


ดาบคมเงิน


คุณภาพ: สีเงิน


ชนิดของอุปกรณ์: ดาบมือเดียว


ระดับของอุปกรณ์: 15


ความต้องการของอุปกรณ์: ผู้เล่นอาชีพนักรบและอัศวิน และค่าความว่องไวของต้องมากกว่า 60 แต้ม


คุณสมบัติ


พลังโจมตี: 18-20


อัตราการโจมตีกายภาพ +5%


อัตราการคริติคอล +5%


ค่าความแข็งแกร่ง +16


ค่าความว่องไว +20


ค่าร่างกาย +16


ความสามารถพิเศษ:


ซีลเวอร์เอ็จ: หลังจากที่ใช้งานแล้ว ความเร็วของผู้เล่นจะเพิ่มขึ้น 100% และจะคงอยู่เป็นเวลา 10 วินาที ระยะเวลาคูลดาวน์เท่ากับ 1 นาที


“เร็วเข้ารีบๆ นำทางไปได้แล้ว นายยังใช้มันไม่ได้ในตอนนี้ทำไมนายยังจ้อมมองมันอยู่อีกละ?” เจ๋าซือ ขู่เร่งเขาอย่าง


“ฉันสามารถส่วมมันได้หลังจากที่ฉันอัพเลเวลขึ้นไปอีกสองเลเวล ดังนั้นฉันจะต้องทำความคุ้นเคยกับมันก่อน” เด็กชายวัยรุ่นนั้นตื่นเต้นและไม่ใสใจคำพูดเสียดสีของ เจ๋าซือ เขายังคงลูบอุปกรณ์สีเงินอันนั้นอยู่และจ้องมองมันด้วยความต้องการ


ภายใต้การนำของผู้เล่นวัยรุ่น พวกเขาก็เดินออกจากโบสท์ที่ถูกทิ้งล้างอย่างรวดเร็วและจากซากปลักหักฟังของเมืองนี้ไป พวกเขาเดินทางมาที่สถานที่ที่มีชื่อว่า เกร เพลน บนแผนที่


ก่อนที่จะเดินจากไป เสี่ยวเฟิงมองกลับไปที่โบสท์ที่ถูกทิ้งล้างในซากของเมือง เขาดูภาคภูมิใจ


สกิลของบอส สามารถกระตุ้นความทรงจำอันเจ็บปวดของเหล่าผู้เล่นได้และสร้างฝันร้ายที่ไม่สิ้นสุดขึ้นมา


แบบนี้มันออกนอกลู่นอกทางเกินไป! พวกเขาไม่สามารถทำให้เกิด การเปลี่ยนแปลงทางจิต ให้กับผู้เล่นได้!


เสี่ยวเฟิงไม่สามารถอดได้ที่จะมองไปบนท้องผ้า โนอาผู้ที่สร้างโลกของเกมนี้ขึ้นมาจะสามารถทำพฤติกรรมที่สุดจะทนแบบนี้ได้จริงๆ หรอ?


มันก็พอจะรับได้ หากระบบจำลองและคอยนำทางให้ผู้เล่นจำได้เอง แต่ถ้าหากพวกเขาแอบสอดแนมความทรงจำของผู้เล่นละ…


แต่เสี่ยวเฟิงส่ายหัวทันที เขารู้อย่างชัดเจนว่าสิ่งนี้มันเป็นไปไม่ได้ โนอาห์ เป็น AI ที่มีศักยภาพสูงและมันไม่สามารถที่จะส้รางความผิดผลาดอันใหญ่หลวงเบบนี้ได้ โนอาห์ คือการตกผลึกของเหล่ามนุษย์ชาติในศตวรรษนี้


“นี้เป็นสถานที่ของภารกิจ เราต้องฆ่ามอนสเตอร์ตามทางเหล่านี้ก่อน”


กลุ่มผู้เล่นขนาดใหญ่เดินทางมาที่ทางเข้าของซากเมืองภายในเวลาสิบนาทีหลังจากที่เสี่ยวเฟิงและเพื่อนร่วมทีมของเขาออกมาจากที่นั้น


ผู้เล่นส่วนใหญ่มีชื่อ ดูมส์เดย์ นำหน้าอยู่บนศรีษะของพวกเขาและพวกเขาก็คือสมาชิกของกิลด์ ดูมส์เดย์ลีค ผู้เล่นผู้นำคือประธานของกิลด์พวกเขาและ ดูมส์เดย์ลอว์ก็อต ก็ตามเขามาด้วย พวกเขาถูกนำตัวไปขังคุกเพราะเสี่ยวเฟิง แต่พวกเขาก็ออกได้หลังจากเวลาไม่กี่วันโดยไม่มีเหตุผล


แต่ ดูมส์เดย์ก็อด นั้นดูนและเห็นได้ชัดว่าเขาอารมณ์ไม่ดี


“ท่านประธาน บอสถูกใครบ้างคนฆ่าตายไปแล้ว!”


ผู้เล่นคนหนึ่งรีบวิ่งมาจาก โบสท์ที่ถูกทิ้งล้าง ด้วยความตื่นตระหรก และพูดกับ ดูมส์เดย์ก็อด อย่างระมัดระวัง


“ว่าไงนะ? มีใครบ้างฆ่ามันล่วงหน้าพวกเราไปแล้ว! ผู้เล่นคนอื่นสามารถรับภารกิจโซนอันนี้ได้ได้ด้วยรึ” ลอว์ก็อต ถามด้วยความโกรธ


“บางทีอาจเป็นเพราะพวกเราถูกขังอยู่ในคุกและเส้นตายของภารกิจก็ได้ผ่านไปแล้วก็ได้ ระบบจึงมอบภารกิจให้กับผู้เล่นคนอื่นเนื่องจากพวกเราทำภารกิจล้มเหลว” ดูมส์เดย์ก็อตออฟวอร์ กล่าวขึ้นหลังจากที่คิดอยู่ครู่หนึ่ง


“ไอ พระบ้า นั้น! พวกเรา ดูมส์เดย์ลีค จะต้องฆ่ามันให้ได้!” ลอว์ก็อต พูดอย่างจริงจัง


“พวกเราจะไม่ยอมแพ้จนกว่าพวกเราจะฆ่ามันสำเร็จ!”


ดูมส์เดย์ก็อด พูดอย่างง่ายๆ และใบหน้าของเขาก็แดงก่ำ


……


“นาย นี้นายแน่ใจนะว่าพวกเราเดินมาถูกทาง? ทำไมพวกเราถึงยังไม่เจอมันสักทีละ?”


ในอีกด้านหนึ่ง เสี่ยวเฟิงและเพื่อนร่วมทีมของเขาได้ใช้เวลาไปกว่า 10 นาที ค้นห้า NPC ใน เกร เพลน และ เจ๋าซือ เชื่อว่าพวกเขานั้นเดินมาผิดทาง


“ฉันมั่นใจ มันอยู่ทางทิศตะวันตกและฉันจำมันได้แน่นอน” ผู้เล่นวัยรุ่นพูดด้วยความแร่ใจ


แต่ทันใดนั้น ผู้เล่นคนอื่นก็หยุดพร้อมกันและมองไปที่ผู้เล่นวัยรุ่นด้วยความงุนงง


“แต่เรากำลังมุ่งหน้าไปทางใต้นะตอนนี้!”


“อะไรนะ? ทำไมนายถึงมาทางใต้ละ?”


“บัดซบ! แกนกำลังนำทางอยู่นะ!”


“โอ้! ฉันรู้แล้ว ดูเหมือนว่าฉันจะผิด NPC คนนี้อาจจะอยู่ทางใต้ก็ได้ ฉันก็ไม่แน่ใจ”


“ว่าไงนะ? แกไม่มั่นใจ?”


“บ้าเอ้ย! แกเป็นพวกหลงทิศรึไง?”


เสี่ยวเฟิงและผู้เล่นคนอื่นพูดไม่ออก แม่แต่ ซื๋ออี้ ก็ก่ายหน้าผากสีขาวของเธอด้วนมือทั้งสองข้าง ผู้เล่นวัยรุ่นยังคงพยายามค้นหาทิศทาง และเสี่ยวเฟิงก็ส่ายหัวด้วยความเบื่อหน่าย


“แล้วเราจะหา NPC คนนี้เจอได้ยังไง? แผนที่นี้มันใหญ่มากเลยนะ!”


“อย่างนั้น พวกเราก็น่าจะแยกตัวกันตามหา NPC คนนี้ ทุกคนที่อยู่ที่นี้เลือกค้นหาในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง ช่วยส่ง ข้อความมาให้พวกเราด้วยถ้านายเจอ NPC คนนั้นแล้ว ไอเด็กคนนี้นี้มันพึ่งพาไม่ได้เลย ”


105

เกร เพลน  นั้นกว้างใหญ่มากและมีมอนสเตอร์ะดับสูงกว่า 10 อยู่มากมาย พวกมันเกือบทั้งหมดเป็น ผีดิบ แบนชี และซอมบี้ ที่มีคุณสมบัติมืด มีมอนสเตอร์เหล่านี้อยู่มากมายและที่นีก็เป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมสำหรับการเพิ่มระดับของผู้เล่นช่วงนี้ เสี่ยวเฟิง เชื่อว่านี้คือเหตุผลที่ กัปตันโบลตัน มาที่นี้


 


ในที่สุด เสี่ยวเฟิง ก็ได้พบกับ กัปตันโบลตัน หลังจากผ่านไปชั่วโมงหนึ่ง เขาไม่ได้อยู่ในทิศตะวันตกหรือทิศใต้ แต่เขากลับ ยืนอยู่ในพื้นที่ที่ว่างเปล่าในทิศตะวันออกเฉียงใต้ ผู้เล่นวัยรุ่นนั้นกลัวว่าเสี่ยวเฟิงอาจ ทารุณเขา ดังนั้นเขาจึงรีบกลับไปยังเมืองหลักนั้นและส่งภารกิจของเขา


 


พี่น้องนิโคลัส ได้ ออฟไลน์ ไปแล้วหลังจากที่กล่าวลากับเสี่ยวเฟิง มันดูเหมือนว่าพวกเขาต้องทำอะไรบ้างอย่างในตอนเช้า จากนั้นเสี่ยวเฟิงก็ชับไล่ ซื๋ออี้ ออกไป แต่เธออวด ม้าเหงื่อโลหิต ของเธอก่อนที่เธอจะจากไป


 


ในขณะเดียวกัน เสี่ยวเฟิงก็เตือนพวกเขาอย่าได้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับโซนของเมืองเตียนหลงโซนนี้ ก่อนที่จะปลีกตัวออกมา ปีศาจแห่งความเกลียดชังตัวนี้นั้นแปลกประหลาด


 


ผู้เล่นคนอื่นเห็นด้วยกับเขาและพยักหน้า


 


“กัปตันโบลตัน ทำไมคุณถึงมาที่นี้ละ?”


 


มีรอยชำรุดซึกหรออยู่บนชุดเกราะของเขา แต่ กัปตันโบลตัน นั้นไม่ได้รับบาดเจ็บ กลุ่มอัศวินของเขานั้นดูน่าสังเวช เกือบทุกคนในกลุ่มนั้นได้รับบาดเจ็บและพวกเขาจำเป็นต้องวิ่งไปทั่ว เสี่ยวเฟิงเดินมาข้างหน้าและถามอย่างประหลาดใจ


 


โอ้! ผู้กล้า…ไม่สิ! คุณคือ อาร์ชบิชอป”


 


กัปตันโบลตัน อยู่บนพื้นและพักผ่อนอยู่ เขากำลังจะทักทายเสี่ยวเฟิงหลังจากที่เห็นเพื่อนที่คุ้นเคยคนนี้ แต่ทันใดนั้นเขาก็มองเห็นตรา บนหน้าอกของเสี่ยวเฟิง และฉายาบนศรีษะของเขา ดวงตาของเขาเบิงโตในทันที


 


“ไม่ต้องสุภาพนักหรอก พวกเราเป็นเพื่อนเก่ากันและมารยาททางสังคมพวกนี้ก็สามารถะเว้นไว้ได้” เสี่ยวเฟิงพูดด้วยร้อยยิ้ม


 


“…” กัปตันโบลตัน เงียบจากนั้นก็พูดต่อ


 


“ฉันตามรอย ของเจ้า บิกลิช ที่หลบหนีมายังสถานที่แห่งนี้ และ พบกับ ร่องลอยของ กองทัพแห่งความมืด พวกมันเป็นกองทัพมืดที่มีการจัดระเบียบ แทนที่จะเป็น เผ่าแห่งความมืดทั่วๆ ไป ดังนั้นพวกเราจึงสร้าง ป้อมปราการไว้ที่ประตูกำแพงนี้ ฉันได้กำจัดพวกสัตว์ประหลาดแห่งความมืด ล่วงหน้าไปแล้ว ท่าน อาร์ชบิชอบ  กรูณาขอให้ อาร์ชบิชอปไคเซอร์ ส่ง ไฮพรีสท์สองคน มาทำการสร้าง วงแหวนเคลื่อนย้ายให้ฉันที ในขณะเดียวกัน เราก็ยังต้องการกลุ่มนักพิธีการด้วย อีกอย่างหนึ่ง กรูณาขอให้เจ้าเมืองเตียนหลงส่ง ทหารแหละช่างฝีมือบ้างส่วน มาด้วย”


 


กัปตันโบลตัน พูดโดยไม่หยุดพัก เสี่ยวเฟิงก็ได้รับคำเตือนรับภารกิจเช่นกัน


 


“เอาละ ฉันจะไปบอกพวกเขาเดี้ยวนี่ละ”


 


เสี่ยวเฟิงพยักหน้า ดูเหมือนว่า ฟอเวิด แค็มฟ ในเมือง เชียงชุย จะเป็น ปราการใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นไม่ห่างจาก ทางเข้าโซนระดับ 15 มากนักเช่นกัน เสี่ยวเฟิงไม่คาดว่า กัปตันโบลตัน ก็ต้องการที่จะสร้างปราการเช่นกัน


 


ในเวลานั้น ผู้เล่นที่ต้องการเข้าไปยังโซนพิเศษ ก็ต้องใช้งานวงแหวนเคลื่อนย้ายในค่ายของพวกเขา จากนั้นพวกเขาก็จะพบว่ามีภารกิกมามายอยู่ที่นี่ ในทางนี้ ค่ายนี้ก็จะได้รับความนิยมในหมู่ผู้เล่นอย่างแน่นอน ดูเหมือนว่าที่นี่จะถูกระบบกำหนดไว้ให้แล้ว และผู้เล่นตามที่เนื้อเรื่องได้กล่าวไว้ก็ต้องช่วย NPC ในการต่อกรกับ กองทัพมืด


 


แต่ก่อนที่จะจากปาก เสี่ยวเฟิงใช้สกิล โฮลี่ ไลท์ ชุดหนึ่งใส่ กลุ่มอัศวินของ กัปตันโบลตัน และเพิ่ม HP ของพวกเขา ถ้าไม่เช่นนั้น อัศวินพวกนี้อาจถูกฆ่าและกลายเป็นศพก่อนที่เขาจะกลับมา


 


“นี่มัน…พลังแห่งพระเจ้า!”


 


HP ของอัศวินที่ได้รับบาดเจ็บทุกคนเพิ่มขึ้นกว่า 15% พวกเขามองไปยังร่างกายของพวกเขาและรู้สึกตกใจ กัปตันโบลตัน พูดออกมาทันทีด้วยความประหลาดใจและมองไปยังเสี่ยวเฟิงที่กำลังเดินจากไป


 


เสี่ยวเฟิงกลับมาถึงเมืองเตียนหลงและพบกับ บิชอปไคเซอร์ ในวิหารแห่งแสงเพื่อส่งภารกิจของเขาก่อน แล้วจากนั้นเสี่ยวเฟิงก็บอกกับเขาว่า กัปตันโบลตัน ต้องการความช่วยเหลือ


 


บิชอปไคเซอร์ พูดว่าเขาจะเตรียมการทันทีและบอกให้เสี่ยวเฟิงมาที่นี่หลังจากที่ผ่านไประยะหนึ่ง


 


จากนั้น เสี่ยวเฟิงเดินทางไปยัง คฤหาสน์ ของเจ้าเมือง และรายงานความต้องการของ กัปตันโบลตัน.


 


เจ้าเมืองเตียนหลง นั้นไม่พออกพอใจกับวิหารแห่งแสง แต่เขาจำเป็นต้องทำหารร่วมกันกับวิหารในกาเพื่อต่อกร กับกองทัพมืด ดังนั้นเขาจึงออกคำสั่งในทันทีและเรียกพลทหารในเมืองมารวมตัว


 


เสี่ยวเฟิง คิดว่า เขาได้ทำภารกิจเสร็จหมดแล้ว แต่ทันใดนั้นเขาก็ได้รับชุดภารกิจอีกครั้ง บิชอปไคเซอร์ และเจ้าเมืองเตียนหลงมอบภารกิจให้กับเขาพร้อมๆ กัน เขาต้องนำ กำลังเสริมร่วมของทหารจากวิหารแห่งแสงและจากเมืองเตียนหลงเพื่อไปสมถบกับ กัปตันโบลตัน ให้พูดอีกอย่าง นี่ก็คือ ภารกิจนำทางและเขา่ก็คือผู้ที่ต้องนำทาง


 


เสี่ยวเฟิงต้องล้มเลิกแผนอื่นไปก่อนในตอนนี้และรอการมาถึงของกำลังเสริมร่วมในเมือง


 


ในขณะเดียวกัน มีใครบ้างคนสังเกตุเห็นเขา แม้เขาจะปลอมตัว ฉายา อาร์ชบิชอบบนศรีษะของเขานั้นก็ยังคงสะดุดตาและดูน่าประทับใจอยู่ดี สมาชิกของกิลด์ ดูมส์เดย์ลีค พบตัวเสี่ยวเฟิงในทันที


 


“ท่านประธาน เป้าหมายของเรากำลังจะออกไปจากเมืองหลักแห่งนี้!”


 


“ทำได้ดีมาก! จับตาดูเขาเอาไว้! บอกให้ผู้เล่นในเมืองเตียนหลงทุกคนมารวมตัวกัน!”


 



 


ขนาดของกำลังเสริมร่วมที่ประกอบไปด้วยทหารจากวิหารแห่งแสงและทหารจากเมืองเตียนหลง นั้นค่อนข้างมีขนาดใหญ่ มีทหาร 500 คนและช่างฝีมือ 10 คน จากเมืองเตียนหลง มี ไฮพรีส 2 คน และ นักพิธีการ 8 คน จากวิหารแห่งแสง


 


มีคนทั้งหมด 520 คน และพวกเขาทุกเขารวมตัวกันเป็นทีมในจตุรัสกลาง เสี่ยวเฟิงรู้สึกตกใจเมื่อพวกเขาเดินทางมาถึง


 


“คุณ อาร์ชบิชอป ในที่สุดเขาก็มาที่นี่! ทั้ง 520 คนจากกำลังเสริมร่วมนั้นพร้อมแล้ว โปรดออกคำสั่งด้วย”


 


หัวหน้าของกำลังเสริมร่วมที่จริงแล้วคือ กัปตันของทหารยามที่ช่างประจบคนนั้น  เขาเดินออกมาทันทีและทักทายเสี่ยวเฟิงหลังจากที่เห็นเขา


 


“พวกเขากำลังทำอะไรกัน? มี NPC อยู่เยอะจัง””


 


“เหมือนว่ามันจะเป็นกองทัพ ทำไมถึงมารวมตัวกันละ? เขาต้องการจะสู้รบหรอ?”


 


“ทำไม NPC พวกนี้ถึงอยากมีส่วนร่วมในสงครามละ? แล้วพวกเขาต้องการจะต่อสู้กับใคร? พวกมอนสเตอร์โจมตีเมืองของพวกเขาหรอ?”


 


“ไม่ใช่ ฉันไม่คิดว่ามันเป็นมอนสเตอร์หรอกนะ ไม่อย่างนั้น พวกเราก็จะได้รับคำเตือนจากระบบแล้ว นอกจากนั้น NPC ในเมืองก็ยังดูสบายดี”


 


“ลืมมันไปเถอะ ลองติดตามพวกเขาไปดู พวกเราอาจจะพบกับภารกิจลับก็ได้”


 


มีผุ้เล่นมากมายอยู่ใน จตุรัสกลางของเมืองเตียนหลง พวกเขาประหลาดใจและพูดคุยกับคนอื่นๆ หลังจากที่พบว่า NPC ได้มารวมตัวกันอย่างไม่มีเหตุผล พวกเขากำลังเฝ้ามองด้วยความสนใจและความสงสัย


 


“ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังรอใครบ้างคนอยู่ แล้วเขาคือใครละ?”


 


“เขามาแล้ว! ดูสิ! นั้นมัน ผู้เล่น นิ…พวกเขากำลังรอผู้เล่นคนหนึ่งอยู่! ไม่อยากจะเชื่อเลย!”


 


“ผู้เล่นคนไหนที่มีอำนาจขนาดนี้? อาร์ชบิชอบงั้นหรอ? ชื่อของเขาฟังดูคุ้นๆนะ”


 


“พวกเขากำลังรอ อาร์ชบิชอปอยู่จริงๆ ด้วย! ดูสิ! พวกเขากำลังเคลื่อนพล! ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเดินทางออกจากเมืองหลักนี้นะ!”


 


“เร็วๆ เข้า รีบตามพวกเขาไป”


 


ทุกคน ตกตะลึง และเดินตาม กองทัพนั้นไปด้วยความ สนอก สนใจ หลังจากที่ค้นพบว่ากองทัพ NPC นั้นรอผู้เล่นคนหนึ่งอยู่


 


เสี่ยวเฟิงรู้สึกลำบากใจ  กัปตันของทหารยามนั้น โค้งคำนับ ให้กับเขา เสี่ยวเฟิงโบกมือของเขาไปมาทันทีและขอให้พวกเขาออกเดินทาง เขาต้องการที่จะนำทีมนี้ไปให้ถึงตำแหน่งของ กัปตันโบลตัน โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้


 


เสี่ยวเฟิง ไม่สนใจเหล่าผู้เล่นที่เดินตามกองทัพเลย แต่พวกเขาสามารถรับภารกิจได้จำนวนมาก หากพวกเขาตามกองทัพนี้ไปถึง เกร เพลน .


 


ทีมที่มีคนมากกว่า 500 คนทีมนี้ เดินออกจากเมืองหลักแห่งนี้และมีผู้เล่นจำนวนมากขึ้น ติดตามพวกเขา ผู้เล่นจำนวนมากที่อยากรู้อยากเห็นก็ร่วมกับพวกเขาในทันที และกลายเป็นผู้ชมซึ่งนั้นทำให้ถนนทั้งแออัดและวุ่นวาย


 



 


ประมาณตอนเที่ยง และ สตรีมเมอร์ชื่อดังสองคนรวมถึง เหลาซวี และ ชูเมิ๋งหยิง ก็ได้หยุดออกอากาศไปแล้ว เสี่ยวเฟิงยังไม่ได้เข้าสตูดิโอไลฟ์สดของเขาเลยด้วยซ้ำ


 


หน้าจอการไลฟ์สตรีม ควรจะเงียบสงบ แต่ สตูดิโอไลฟ์สดอันใหม่ก็ได้ปรากฏขึ้นอย่างฉับพลัน มันได้รับความนิยมอย่างมากและจำนวนของผู้ชมก็ขึ้นถึงเป็นสิบล้านคนภายในเวลาน้อยกว่าสิบนาที!


 


เจ้าของของไลฟ์สตรีมสตูดิโออันนี้ก็คือ ดูมส์เดย์ก็อด และนี้ก็เป็นไลฟ์สตูดิโอของกิลด์ ดูมส์เดย์ลีค.


 


“เฮ้ย! ดูมส์เดย์ก็อด! ฉันไม่เคยคิดเลยว่านายเริ่มทำไลฟ์สตรีม!”


 


ตำแหน่งของการไลฟ์สตรีมครั้งนี้อยู่ด้านนอกเมืองหลักเมือง ดูมส์เดย์ก็อด กำลังยืนบนเนินเขาที่มีหญ้าสีเขียว เขาดูมีชีวิตชีวาด้วยมือทั้งสองข้างของเขาประสานกันอยู่ด้านหลัง


 


แต่เห็นได้ชัดว่าใครคนนั้นไม่ใช้เขา บูลเล็ทสกรีน(คำพูดที่เคลื่อนผ่านหน้าจอในขณะไลฟ์สตรีม)แนวประชดประชัน อันหนึงปรากฏขึ้นและ วอร์สปิริตสกาย เป็นคนส่งมันมา


 


“ฉันได้ยินมาว่าประธานของกิลด์ ดูมส์เดย์ลีค กำลังจะทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ดูเหมือนว่านายต้องการที่จะให้พวกเราทุกคน ดูสิ่งนั้นผ่านไลฟ์สตรีมเพื่อที่จะแสดงให้เห็นถึงพลังของนาย มันน่าทึงมาก! นายคือไอดอลของพวกเราและพวกเราต้องเรียนรู้จากนาย!”


 


ดูมส์เดย์ก็อด ไม่สนใจคำพูดเสียดสีของไนฟ เขายังคงเงียบเฉย แต่บูลเล็ทสกรีนอีกอันก็ปรากฏขึ้นและมันถูกส่งมาโดย บราเธอร์ไนน์ออฟกลอรี่ ผู้ที่เป็นประธานของ กิลด์กลอรี่.


 


ใบหน้าของ ดูมส์เดย์ก็อด แดงกำขึ้นทันที กิลด์กลอรี่ เป็นกิลด์ที่ดีที่สุดและใหญ่ที่สุดในทางใต้ แต่เขาก็ไม่รู้ว่าทำไมประธานของกิลด์นั้นถึงไม่เป็นมิตรกับเขาถึงขนาดนั้น


 


“ฉันได้ยินมาว่ากืลด์ ดูมส์เดย์ลีค กำลังจะลอบฆ่าผู้เล่นระดับเทพคนหนึง ความจริงแล้ว ฉันก็สงสัยอยากรู้ว่าเขาเป้นใครเหมือนกัน เขากล้าดียังไงมาหาเรื่องกับ ดูมส์เดย์ลีค! ทำไมแกถึงขอให้ผู้คนมากมายฆ่าเขาละ? ”


 


บูลเล็ทสกรีนอีกอัน ปรากฏขึ้นและมันถูกส่งมาโดยประธานของกิลด์หลัก กิลด์หนึ่ง ผู้ชมสามารถมองเห็นได้ว่ามีผู้เล่นจำนวนมากจากกิลด์  ดูมส์เดย์ลีค ยืนอยู่ข้างหลัง ดูมส์เดย์ก็อด


 


และเห็นได้ชัดว่าใบหน้าของ ดูมส์เดย์ก็อด นั้นแดงก่ำขึ้นอีกครั้ง


 


เขาโพสท์ข่าวลงไปในกระดานสนทนาของกิลด์ไปเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้ว นี่ยังเป็นเหตุผลว่าทำไมไลฟ์สตูดิโอของเขาถึงกลายเป็นสตูดิโอที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดในรายการจัดอัดดับหลังจากที่มันได้ถูกจัดเตรียมขึ้น ผู้ชมส่วนใหญ่คือผู้เล่นจากกิลด์หลักหลายกิลด์


 


เขาไม่ได้บอกพวกเขาถึงวัตถุประสงค์ของการกระทำครั้งนี้ของกิลด์ ดูมส์เดย์ลีค! แล้วพวกผู้เล่นพวกนี้รู้ถึงความลับนี้ได้อย่างไรละ?


 


สิ่งนี้บ่งบอกว่ามีสายลับจากกิลด์อื่นอยู่ในกิลด์ ดูมส์เดย์ลีค!


 


บ้าจริง! ดูมส์เดย์ก็อด สบถออกมาเงียบๆ


 


แต่เขาสามารถสบถออกมาในใจได้เท่านั้น สิ่งนี้ไม่ใช้เรื่องแปลกใหม่และมันก็ยากที่จะจัดการ ดูมส์เดย์ลีค เองก็มีสายลับอยู่ในกิลด์ของฝั่งตรงข้ามเช่นกัน


 


“ฉันจำได้ว่า ดูมส์เดย์ลีค ประสบกับความผ่ายแพ้อันน่าอับอายเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา และ พระเทพ เป็นคนเอาพวกเขาไปขังคุก แล้ว ดูมส์เดย์ลีค ก็ได้เอาเขาไปไว้คำสั่ง ‘ต้องฆ่า’ อันนั้นอีกด้วย พวกนายกำลังจะวางแผนลอบโจมตีเพื่อที่จะฆ่า พระเทพ อย่างงั้นรึ?”


 


ประธานของกิลด์อีกคนคาดเดา


 


คิ้วของ ดูมส์เดย์ก็อด เคลื่อนไหวอย่างฉับพลัน ปรธานคนนี้พูดถูก เขากำลังวางแผนซุ่มโจมตีเพื่อที่จะฆ่าเสี่ยเฟิง


 


แต่ในเวลานี้ เขาก็ไม่กล้าที่จะยอมรับ เขารู้ว่า วอร์สปิริตฮอล์ นั้นใกล้ชิดกับเสี่ยวเฟิงและสมาชิกบ้างคนของ วอร์สปิริตฮอล์ ต้องดูการไลฟ์สตรีมของเขาอยู่ในขณะนี้ ถ้าเขายอมบอกถึงวัตถุประสงค์ของเขา ก็เป็นไปได้ว่ากิลด์ วอร์สปิริตฮอล์ จะไปรายงานกับเสี่ยวเฟิง ถ้าเป็นแบบนั้น แผนของเขาก็จะล้มเหลวอย่างแนนอนเพราะเสี่ยวเฟิงอาจจะไม่ออกมาจากเมืองหลักนั้น


 


ที่จริงแล้ว ไนฟ ก็สังเกตุเห็นบ้างสิ่งหลังจาก  บูลเล็ทสกรีนอันนี้ เขานึกขึ้นมาได้ว่า มันอาจเป็นเสี่ยวเฟิที่ ดูมส์เดย์ลีค วางแผนที่จะสังหารในครั้งนี้ ดังนั้นเขาจึงติดต่อเสี่ยวเฟิงทันที


 


“ห่ะ? นายกำลังพูดว่าอะไรนะ? มันดังเกินไป! ฉันไม่ได้ยินนายเลย!”


 


เสี่ยวเฟิงอยู่ในฝูง NPC และสภาพแวดล้อมรอบตัวเขาก็มีเสียงดังน่ารำคาญมาก เขาตะโกนใส่ไนฟที่อยู่ปลายสาย


 


“พระเทพ ตอนนี้คุณอยู่ในเมืองเตียนหลงใช่ไหม? โปรดอย่าออกไปจากเมืองนะ…”


 


“อะไรนะ? อย่ายอมแพ้หรอ? โอเค ฉันรู้แล้ว! ขอบคุณมาก!”


 


เสี่ยวเฟิงปิดหูของเขาด้วยมือข้างหนึ่งและว่างสายโทรศัพท์ด้วยมืออีกข้าง เขารู้สึกประหลาดใจและไม่เข้าใจว่า ไนฟ กำลังคิดอะไรอยู่


 


เสี่ยวเฟิง ส่ายหัวของเขา และเลิกสนใจคำพูดของไนฟ จากนั้นเขาก็นำแถวยาวของผู้เล่นและ NPC ออกจากเมืองหลัก


106

ในขณะนี้ มีผู้ชมมากกว่า 30 ล้านคนในสตูดิโอไลฟ์สดของ ดูมส์เดย์ก็อด. พวกเขาทุกคนเข้ามาในไลฟ์สตูดิโอของเขาเพราะว่าสตูดิโอนี้เป้นสตูดิโอที่ได้รับความนิยมที่สุดในขณะนี้ แต่ผู้ชมส่วนใหญ่ยังไม่ทราบถึงเนื้อหาของการไลฟ์สตรีมครั้งนี้ของเขา


 


แต่พวกเขาก็ทราบถึงเนื้อหาของการสตรีมมิ่งในทันที ผู้เล่นจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เข้ามาในไลฟ์สตูดิโอของเขาหลังจากที่ได้ยินข่าว


 


“เขามาแล้ว ดูเหมือนว่าการไลฟ์สตรีมของเราจะสามารถเริ่มต้นได้สักที


 


ในที่สุด ดูมส์เดย์ก็อด ก็พูดออกมา เขามองไปที่ประตูเมืองที่อยู่ห่างออกไปด้วยร้อยยิ้มอันเยือกเย็นบนใบหน้าของเขา นี่คือการเริ่มต้นที่ดัและอย่างน้อยการซุ่มโจมตีก็สำเร็จลุล่วง มันเป็นการตัดสินใจที่ไม่ยั้งคิดในการทำไลฟ์สตรีมเพราะว่าข้อมูลเหล่านี้อาจจะถูกเปิดเผยไปก่อน แต่มันก็คุ้มในการทำอยู่ดีเพราะผู้เล่นทุกคนในเขต Huaxia จะรับรู้ในทันทีว่า ดูมส์เดย์ลีค นั้นแข็งแกร่งและมีอำนาจนาดไหน


 


เพื่อที่จะ ฆ่าเสี่ยวเฟิง เขาได้นำผู้เล่นระดับสูง 20,000 คนจากกิลด์ ดูมส์เดย์ลีค มาด้วย!


 


ในความเป็นจริงเขาสามารถขอให้ผู้เล่นอื่นมาที่นี่ได้มากกว่านี้ แม้ว่าพวกเขาจะไม่มีช่องทางกิลด์ แต่เขาสามารถนำผู้เล่นมาถึง 100,000 คนได้อย่างง่ายดาย! แต่นั้นจะไร้ประโยชน์เพราะมีผู้เล่น 20,000 คนก็เพียงพอแล้ว มันไร้ประโยชน์ที่จะนำผู้เล่นมาที่นี่เพราะที่นี่จะเต็มไปด้วยผู้เล่นและพวกเขาก็ไม่สามารถมองเห็นเป้าหมายของพวกเขาได้ เป้าหมายของพวกเขาคือผู้เล่นคนเดี่ยวที่ไม่โดดเด่นในฝูงชน ในความเป็นจริงมีเพียงไม่กี่พันคนเท่านั้นที่ยืนอยู่ตรงกลางที่สามารถมองเห็นเป้าหมายได้อย่างชัดเจนดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการที่จะขอให้คนมาที่นี่อีก


ผู้เล่นที่เพิ่มมากขึ้นจะทำให้เกิดการกัดขว้างกันเอง ในขณะที่ ผู้เล่น 20,000 คนพอที่จะปิดกั้นประตูของเมืองนี้


 


ดูมส์เดย์ก็อด และสมาชิกคนอื่น ซุ่มรอเสี่ยวเฟิง และตำแหน่งของพวกเขานั้นอยู่ห่างจากประตูเมืองเล็กน้อย ดังนั้นเขาจึงรออยู่ประมาณหนุ่งนาทีก่อนที่เสี่ยวเฟิงจะปรากฏตัวขึ้น แต่ใบหน้าของเขาก็แดงก่ำทันทีหลังจากที่ค้นะบว่ามีผู้คนอย่างน้อยอีกเป็นพันคนกำลังตามเขาอยู่!


 


เขาตะโกนใส่ผู้คนที่อยู่ปลายสายในทันที “เกิดอะไรขึ้น? นายบอกว่ามันอยู่คนเดียวนิ! ทำไมถึงมีคนติดตามมันอยู่เยอะนักละ?”


 


“ท่านประธานพวกเราถามได้ถามใครบ้างคนแล้ว ผู้คนที่กำลังติดตามเขาอยู่ไม่มีอะไรเกี่ยวกับเป้าหมายของเรา พวกเขากำลังติดตาม NPC ที่จะออกจากเมืองและต้องการที่จะรับภารกิจเพิ่มเท่านั้น ผู้เล่นที่อยู่ปลายสายพูดอย่างระมัดระวัง”


 


“์NPC หรอ?”


 


ดูมส์เดย์ก็อด ตะลึงงั้นแล้วมองไปที่พวกเขาอย่างรอบคอบ ผู้คนเป็นร้อยคนอยู่ที่ตรงปราการทั้งหมด ก็คือแถวยาวของเหล่า NPC เขายังจำได้ถึงวันที่เขาถูกเหล่าทหารยามจับไปขังคุก


 


แต่ตอนนี้ เขาไม่กลัว NPC เหล่านี่แม้แต่น้อย พวก NPC อยู่ด้านเนืองของเมืองหลักแห่งนี่และ NPC เหล่านี้ ก็ไม่มีสิทธิจับพวกเขาในข้อหาทำร้ายผู้เล่นคนอื่นได้ มันจะเป็นปัญหากับเสี่ยวเฟิงที่อยู่กับ NPC แต่ NPC เหล่านี้ก็ไม่สามารถทำอะไรได้และหากลูกน้องของเขาไม่โจมตีพวก NPC


 


“บัดซบ! หรือว่า พวก ดูมส์เดย์ลีค ต้องการจะกำจัด พระเทพ? ”


 


“ไม่น่าเชื่อ! ดูมส์เดย์ก็อด! นายกล้าดียังไงที่จะฆ่าผู้เล่นที่เก่งที่สุดในเขต Huaxia? ”


 


“ดูมส์เดย์ก็อด! แกเป็นอะไรไปแล้ว!”


 


ในขณะเดียวกัน ผู้เล่นที่อยู่สตูดิโอไลฟ์สดของ ดูมส์เดย์ก็อด ก็ตกตะลึงเหมือนกัน ผู้ชมทุกคนสามารถมองเห็นเสี่ยวเฟิงที่ปรากฏอยู่ในการไลฟ์สตรีมได้อย่างชัดเจน ผู้ชมส่วนมากรู้ว่าเสี่ยวเฟิงมีฉายาคือ อาร์ชบิชอป ฉายานี่ได้เคยถูกเปิดเผยให้เห็นมาแล้วตอนที่เขาทำภารกิจโซนได้สำเร็จ ฉนั้น ผู้ชมส่วนใหญ่จึงจำเสี่ยวเฟิงได้ในทันทีแม้ว่าเขาจะปลอมตัวอยู่


 


และผู้เล่นธรรมดาที่อยู่ในสตูดิโอไลฟ์สดแห่งนี้ก็เข้าใจจุดประสงค์ของการไลฟ์สตรีมครั้งนี้ในทันที กิลด์หลักที่มีชื่อว่า ดูมส์เดย์ลีค ทำการไลฟ์สตรีมครั้งนี่เพื่อที่จะแสดงให้เห็นถึงกระบวนการสังหาร พระเทพที่เป็นผู้เล่นที่เก่งที่สุดในเขต Huaxia !


 


ผู้เล่นจำนวนมากหลั่งไหลเข้ามาในสตูดิโอไลฟ์สดของ ดูมส์เดย์ก็อด หลังจากที่ได้ยินข่าวใหม่ข่าวนี่!


 


“เรามาเริ่มกันเลย!”


 


ดูมส์เดย์ก็อด  ไม่สามารถอดทนรอได้อีกต่อไป เขาเกรงว่าอีเวนต์พิเศษอาจจะเกิดขึ้นหากเขาไม่เริ่มในตอนนี้ หากเสี่ยวเฟิงหนีออหไปจากวงลอมนี้ได้ การไลฟ์สตรีมของเขาก็จะต้องกลายเป็นสิ่งที่น่าหัวเราะเยาะอย่างแน่นอน


 


ด้านนอกของเมืองนี่นั้นเป็นพิ้นหญ้าที่สวยงาม แต่ในตอนนี้ มันก็แน่นอัดไปด้วยผู้เล่นที่ปรากฏตัวออกมาจากทุกทิศทุกทาง เว้นแต่ทางประตูเมือง ในความจริงแล้ว ดูมส์เดย์ก็อด ได้บอกให้ลูกน้องของเขาขวางประตูเมืองเอาไว้เพื่อป้องกันการการหลบหนีของเสี่ยวเฟิง ถว่า ถนนนั้นถูกปิดไว้ได้ผู้เล่นที่ตามเสี่ยวเฟิงมา ในขณะที่ลูกน้องของเขาไม่สามารถที่จะออกจากเมืองมาได้ด้วยซ้ำและทำได้เพียงยืนอยู่ข้างหลังในด้วยความอึดอัด


 


ในขณะเดียวกัน เสี่ยวเฟิงก็ได้รับการเตือนจากระบบและเขาก็จำเป็นต้องเข้าสู้โหมดต่อสู้ คำภีร์ย้ายกลับและคีมภีร์เคลื่อนย้ายจะไม่สามารถใช้งานได้ในตอนนี้ นี่คือสกิลหมายหัวของอาชีพนักล่าซึ่งมีประสิทธิภาพอย่างสูงในการบังคับให้ผู้เล่นเข้าสู่โหมดต่อสู้


 


เสี่ยวเฟิงที่กำลังเดินไปข้างหน้า มองขึ้นไปด้านบนแล้วก็ตกตะลึง ผู้เล่นจากทุกทิศทางกำลังเคลื่อนที่มาหาเขาอย่างไร้มุมอับ


 


ภายในเวลาไม่กี่นาที เสี่ยวเฟิงก็ถูกล้อมไว้ด้วยผู้เล่นกว่า 20,000 คน กำลังเสริมร่วมของ และแถวยาวของ NPC ที่ติดตามเขาก็ถูกล้อมอยู่เช่นกัน


 


เสี่ยวเฟิงหยุดทันทีและผู้เล่นคนอื่นก็หยุดนิ่งด้วยความประหลาดใจ พวกเขามองไปรอบๆ อย่างน่าใจหายและไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทุกคนดูมึนงง


 


จากนั้น ดูมส์เดย์ก็อด ก็เดินออกมา ฝูงชนหลีกทางให้เข้าอย่างสมัครใจและเขาดูพอใจในตัวเองและอวดดี่ เขาเดินตรงไปหาเสี่ยวเฟิงและยืนประจันหน้ากับเขา ผู้ชมในสตูดิโอไลฟ์สดสามารถมองเห็น ดูมส์เดย์ก็อด และเสี่ยวเฟิงได้พร้อมกัน


 


“โอ้ เป็นนายนี่เอง ทำไมนายถึงพาผู้คนมาที่นี่ตั้งมากมายละ? นายอยากจะฆ่าฉันหรอ?” เสี่ยวเฟิงเข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่เขา ดูมส์เดย์ก็อด เขาถามแบบประหลาดๆ


 


“ใช้แล้ว ฉันหวังว่าแกจะรู้นะว่า พวกเราจะฆ่าใครก็ตามที่เป็นศัตรูกับ ดูมส์เดย์ลีค อย่างแน่นอน” ดูมส์เดย์ก็อด ส่งเสียงไม่พอใจและโบกมือของเขา ผู้เล่นที่ยืนอยู่ด้านหลังเขาเริ่มเคลื่อนไหวและวิ่งเข้าหาเสี่ยวเฟิงในทันที


 


“นายควรจะอยู่ในคุกนี ทำไมนายถึงออกมาเร็วนักละ? ” เสี่ยวเฟิงถามด้วยความสงสัยและมองกลับไปหากัปตันของทหารยาม เขาจำได้ว่ากัปตันนั้นเป็นคนที่เอาตัว ดูมส์เดย์ก็อด และสมาชิกคนอื่น ไปขังคุก


 


“อา…คุณ อาร์ชบิชอป พวกเขาถูกปล่อยตัวหลังจากจ่ายค่าประกันตัวไปแล้ว….” กัปตันทหารยามพูดอย่างระวังและเหงื่อออกท่วใตัว เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนเก็บตัง


 


“หุบปาก! เราจะฆ่าแกได้แน่นอนวันนี้! และเราก็จะฆ่าทุกคนที่ต่อต้านกิลด์ ดูมส์เดย์ลีค ของเรา!” ใบหน้าของ ดูมส์เดย์ก็อด แดงก่ำหลังจากที่เขาเห็นกัปตันทหารยาม เขาต้องจ่ายเหรียญทองไปเป็นจำนวนมากเพื่อที่จะปล่อยตัวของเขาและผู้จัดการชั้นนำคนอื่นของกิลด์ ดูมส์เดย์ลีค


 


“ฉันรู้นะว่าแกเป็นผู้เล่นชั้นนำและสามารถฆ่าผู้เล่น 20 คนได้พร้อมๆ กัน แต่แกสามารถที่จะเอาชนะผู้เล่น 200 คน หรือว่า 2000 คน ด้วยตัวแกคนเดียวได้รึปล่าว? พวกเรามีสมาชิก 20,000 ในวันนี้! ไอโง่หน้าไม่อาย! แกต้องตายด้วยเงื่อมมือของเราในวันนี้! นี่คือผลที่ตามมาของการเป็นศัตรูกับกิลด์ ดูมส์เดย์ลีค! ฆ่ามัน! ฉันจะฆ่าแกทุกครั้งที่ฉันเห็นหน้าแก! และพวกเราก็จะไม่หยุดจนกว่าแกจะถูกส่งกลับไปหมู่บ้านฝึกหัด!.


 


ดูมส์เดย์ก็อด ออกคำสั่งและผู้เล่นที่อยู่ด้านหลังของเขาก็เข้าประชิดเสี่ยวเฟิง โชคยังดีที่มีผู้เล่นมากมายและกองทัพ NPC ยืนอยู่ข้างหลังเสี่ยวเฟิง ไม่้เช่นนั้น สมาชิกของกิลด์ ดูมส์เดย์ลีค ก็อาจโจมตีเข้าไปแล้ว ผู้เล่นของ ดูมส์เดย์ลีค ไม่กลัวพวกผู้เล่นที่คอยสังเกตุการอยู่แต่พวกเขากลัวว่าจะพลั้งมอไปทำร้ายเหล่า NPC ความจริงแล้ว NPC ทุกคนในตอนนี้นั้นมีเลเวลที่สูงและผู้เล่นทั่วไป ก็ไม่ใช้คู่ต่อสู่ของพกวเขา


 


สงครามอาจปะทุขึ้นเมื่อไดก็ได้ มีผู้ชมกว่า 50 ล้านคนที่ไลฟ์สตูดิโอของ ดูมส์เดย์ก็อด นอกจากนั้นก็ยังมีความสังสนอรมานอยู่ด้านนอกเมืองอีกด้วย


 


ผู้เล่นเหล่าที่ติดตามเสี่ยวเฟิงมาก็สังเกตุเห็นว่ามีอะไรบ้างอย่างผิดปกติเช่นกันและถอยออกมาในทันที แต่ความอยากรู้ของพวกเขาก็เพิ่มขึ้น และพวกเขาก็หยุดอยู่ตรงหน้าประตูเมืองของเมืองหลักเมืองนี่และเสี่ยวเฟิงกับกำลังเสริมร่วมของเหล่าNPC ก็ถูกแยกออกจากกัน ด้วยวิธีนี้พวกเขาก็ได้ช่วยกิลด์ ดูมส์เดย์ลีค ในหารตัดทางหนีอของเสี่ยวเฟิงออกอย่างไม่ได้ตั้งใจ


 


“เดี่ยวก่อน! เราสู้กันวันหลังได้ไหม? ” เสี่ยวเฟิงโบกมือของเขาแล้วพูดขึ้นจากนั้นเขาก็ถอดหน้ากากของเขาออก


 


“ฮึ! แกกลัวฉันละสินะ? มันสายไปแล้ว!” ดูมส์เดย์ก็อด ดูพอใจและส่งเสียงออกมา


 


“ปล่าว ตอนนี้ฉันต้องการทำภารกิจ แบบนี้แล้วเราสู้กันหลังได้ไหม? ฉันจะสนองความต้องการของนายอย่างแน่นอนในตอนนั้น นายว่ายังไง?”


 


เสี่ยวเฟิงถามอย่างสุภาพและพยายามที่จะเจรจากับเขา ความจริงแล้วเขาไม่ได้กลัว ดูมส์เดย์ลีค เลย เขามีเท้าซาลาเมนเดอทองซึ่งเป็นอุปกรณ์สีทอง มันสามารถทำความเสียหายธาตุไฟแบบต่อเนื่องจากระนะไกลได้ นี่เป็นอาวุธเวทมนตร์ของเสี่ยวเฟิงแต่เขสยังไม่สามารถใช้งานมันได้ในตอนนี้เพราะเขายังมีเลเวลไม่ถึง 15


 


ดังนั้น เขาจึงต้องการที่จะทำการนัดและสู้กับพวกเขาในวันหลัง เขามั่นใจว่าเขาจะต้องสั่งสอนพวก ดูมส์เดย์ลีค ได้อย่างแน่นอน แต่ในตอนนี้ เสี่ยวเฟิงก็เป็นหัวหน้าของกำลังเสริมร่วมนี้ NPC พวกนี่จะต้องช่วยเขาอย่างแน่่นอนเมื่อ ดูมส์เดย์ลีค โจมตีโดนเสี่ยวเฟิง แบบนี่แล้ว เสี่ยวเฟิงก็จะไม่สามารถสังหารสมาชิกของ ดูมส์เดย์ลีค ได้ดัวยตัวของเขาเอง


 


“ไม่มีทาง! ฉันบอกแกไปแล้วว่าทุกคนที่เป็นศัตรูกับ  ดูมส์เดย์ลีค จะต้องถูกฆ่า! ไม่มีใครช่วยแกได้! พวกเราลุย!”


 


แต่ก็เห็นได้ชัดว่า ดูมส์เดย์ก็อด ปฎิเสธที่จะให้โอกาสเสี่ยวเฟิง เขาออกคำสั่งจากนั้นเหล่าผู้เล่นของ ดูมส์เดย์ลีค ก็วิ่งเข้าหาเสี่ยวเฟิงในทันที ลูกธนูจำนวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งลงมาจากฝากฟ้าเช่นกันในขณะที่ผู้เล่นอาชีพ เมจ ก็เริ่มร่ายเวทมนตร์


 


“อ้าา ทำไมนายถึงเอาแต่สร้างปัญหาแบบนี้ละ?”


 


เสี่ยวเฟิงถอนหายใจแล้วถอยออกมาหนึ่งก้าว เขามองไปที่ผู้เล่นเหล่านี่ด้วยความเวทนาแล้วจากนั้นก็โบกมือทั้งสองข้างของเขาพร้อมกัน เขามองกลับไปที่กังลังเสริมร่วมแล้วพูดว่า “ฆ่ามัน!”


 


“พวกเรา ปกป้อง ท่าน อาร์บบิชอปไว้!”


 


“เรามาฆ่าพวกผู้คนที่ดื้อรั้นพวกนี้ที่กล้าเข้าทำร้าย ท่านอาร์ชบิชอป ในที่สาธาณแบบนี้ดีกว่า!”


 


กัปตันทหารยามที่ช่างประจบเป็นคนแรกที่่เดินออกมาข้างหน้า เขายืนอยู่ข้างหน้าของเสี่ยวเฟิงและปกป้องเขาด้วยร่างกายของตัวเอง ทหาร 500 คนข้างหลังที่อยู่ด้านหลังของพวกเขาเคลื่อนที่และวิ่งเข้าผู้เล่นของ ดูมส์เดย์ลีค จากทุกทิศทางในทันที


 


“ฆ่าพวกมันเลย!”


 


ใบหน้าของ ดูมส์เดย์ก็อด แดงก่ำขึ้นทนัทีและผู้เล่นจำนวนนับไม่ถ้วนของ ดูมส์เดย์ลีค ก็อยากจะหยุด แต่มันสายเกินไป


 


มีทหารอยู่ 500 คน และ ผู้เล่นจากกิลด์ ดูมส์เดย์ลีค 20,000 คน และฝ่ายหลังนั้นก็น่าจะสามารถกำจัดศัตรูของพวกเขาได้อย่างง่ายดาย แต่ NPC เหล่านี่มีเลเวลที่สูงและผู้เล่นก็ไม่ใช้คู่ต้อสู้ของพวกเขา


 


สำหรับ NPC ทหารเหล่านี้ที่มีเลเวลสูงและลึกลับ ผู้เล่นเลเวล 10 นั้นเป็นเพียงเสื้อกระดาษเท่านั้น พวกเขาเปรียบเสมือน หมาป่า ในขณะที่ผู้เล่นเป็นเพียงแกะ พวกเขาฆ่าผู้เล่นธรรมดาเหล่านี่ได้อย่างง่ายดายเหมือนกับว่าพวกเขากำลังหันผักอยู่


 


สงครามระหว่าง ดูมส์เดย์ลีค และ เสี่ยวเฟิงได้กลายเป็น การสังหารหมู่อันโกลาหลอยู่เพียงฝ่ายเดียว


 


ผู้ชมสามารถมองเห็นได้เพียง NPC ใจกล้าและแข็งแก่รง สังหารสมาชิกของกิลด์ ดูมส์เดย์ลีค  ในขณะที่ผู้เล่นวิ่งหนีอย่างหมดรูป ทุกอย่างดูวุ่นวายไปหมด


 


“ทำไมพวก NPC ถึงเข้าโจมตีผู้เล่นแบบนี้ละ?”


 


ใบหน้าของ ดูมส์เดย์ก็อด นั้นซีดเผือก เขาจ้องไปที่เสี่ยวเฟิงแล้วกรีดร้องออกมาอย่างหมดท่า


 


“ฉันบอกนายแล้วว่าฉันกำลังทำภารกิจอยู่และฉันกำลังนำทางพวกเขาออกจากเมืองหลัก ทำไมนายถึงดื้อนักละ? ที่จริงเราก็แค่นัดกันแล้วค่อยสู้กันวันหลังหลังจากที่ฉันทำภารกิจเสร็จแล้วแค่นั้น”


 


เสี่ยวเฟิงพูดด้วยความเหนื่อยหน่ายใจ และไม่ต้องการที่จะโจมตีพวกผู้เล่นด้วยตัวของเขาเองด้วยซ้ำ


 


ในขณะนี้ ผู้คนหลายคนพูดอะไรไม่ออด เสี่ยวเฟิงไม่ใช้คู่ต่อสู้ของ NPC ทหารพวกนี้และนี่ก็ไม่ใช้ภารกิจนำทางอย่างแน่นอน


 


“วิ่งเร็ว! วิ่งหนีไป ให้เร็วที่สุด!”


 


ดูมส์เดย์ก็อด ตะโกน แผนการที่จะรอซุ่มและกำจัดเสี่ยวเฟิงได้ล้มเหลวไม่เป็นท่าไปแล้ว ภายในไม่กี่นาที ผู้เล่นเป็นพันคนของกิลด์ ดูมส์เดย์ลีค ก็ถูกฆ่าและจำนวนผู้เสียชีวิตของยังคงเพิ่มขึ้น เขาทำได้เพียงบอกให้พวกเขาหนีไปเท่านั้น


 


ผู้เล่นของกิลด์ ดูมส์เดย์ลีค ถอยกลับในทันทีและพวกเขากำลังวิ่งอย่างสิ้นหวังเหล่า NPC ทหารก็กำลีงไล่ตามพวกเขาและพวกเขาจะต้องถูกฆ่าอย่างแน่นอนโดยไร้ซึ่งการโอกาสป้องกันตัวเมื่อพวกเขาถูกจับได้


 


ความโกลาหล การเข่นฆ่า การหลบหนีและความผ่ายแพ้ นี่คือสิ่งที่ผู้ชม 50 ล้านคนในไลฟ์สตูดิโอมองเห้นในขณะนี้


107

สตูดิโอไลฟ์สดของ ดูมส์เดย์ก็อด นั้นเงียบ และไม่มี บูลเล็ทสกรีน อยู่เลย ทุกคนช็อคกับฉากที่เลวร้ายอันนั้น ตามสถิติที่ไม่สมบรูณ์ ผู้เล่นกว่า 3,500 คนถูกฆ่า!


 


หลังจากที่ ดูมส์เดย์ก็อด โดนฆ่า ไลฟ์สตรีมก็แสดงให้เห็น เดอะไบด์ ของเมืองเตียนหลง


 


“วอร์สปิริตสกาย” ได้มอบ เหรียญเงิน 250 เหรียญ วอร์สปิริตฮอล์ ปรารถนาให้  ดูมส์เดย์ก็อด มีความสุขในทุกๆ วัน!


 


“บราเธอร์ไนน์ออฟกลอรี่ ได้มอบเหรียญเงิน 250 เหรียญ กิลด์กลอรี่ ปรารถนาให้ ผลตอบแทนที่มีความสุขมากมายในวันนี้”


 


“เดอะสปิริตออฟอิมมอเทลลิตี้ ได้มอบเหรียญเงิน 250 เหรียญ”


 


……


 


จากนั้น บูลเล็ทสกรีน สีแดง จำนวนนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้นในสตูดิโอไลฟ์สดของเขา ประธานของกิลด์หลักหลายคนที่กำลังชมไลฟ์สตรีมอยู่ยังคงเงียบและยุ่งกับการให้เหรียญเงินกับเขา


 


บูลเล็ทสกรีน สีแดง จะปรากฏขึ้นเมื่อมูลค่าของของขวัญมีมากกว่า 1 เหรียญทอง เช่นเดียวกันกับเหรียญเงิน 250 เหรียญ


 


ใครบ้างคนเริ่มและจำนวนของ แฟน ในรายชื่อแผนของ ดูมส์เดย์ก็อด ก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเหนื่องและพวกเขาทุกคนก็มอบเหรีญเงิน 250 เหรียญกับเขา


 


“ปัง!”


 


ใบหน้าของ ดูมส์เดย์ก็อด แดงก่ำในทันที เมื่อมองไปยังสมาชิกคนอื่นของกิลด์ของเขาที่ยืนอยู่ที่ เดอะไบด์ และเหรียญเงิน 250 เหรียญที่ได้รับมาจากเหล่าผู้ชมจากสตูดิโอไลฟ์สดของเขา เขาก็โกรธจัดและปิดสตูดิโอไลฟ์สดของเขาลงด้วยความโกรธ


 


ผู้จัดการระดับสูงจากกิลด์หลักต่างๆ กำลังหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน และ มิดซัมเมอร์ โรส ก็คือหนึ่งในนั้น แต่เธอไม่ได้ออกความเห็นใดๆ เธอปิดไลฟ์สตรีมลงและนิ่งเฉยเป็นเวลานาน


 


“นี้พวกเราทำหนักไปรึปล่าว? ดูหน้าของ ดูมส์เดย์ก็อด สิ! ฉันไม่อยากจะหัวเราะเยาะเขาเลย! ฮาฮาฮา!”


 


“นายพูดถูก! พวกเรามันเลวจริงๆ ! ฮ่าฮาฮา! ช่างน่าขำจริงๆ!”


 


“ดูมส์เดย์ก็อด โง่เง่าและ พระเทพ นั้นสุดยอดมาก! ไลฟ์สตรีมครั้งนี้ช่างน่าอับอายจริงๆ และฉันเชื่อว่า ดูมส์เดย์ลีค จะเอา พระเทพ เป็นศัตรูหมายเลยหนึ่งแน่นอน! พวกเขาอาจออกคำสั่ง มัสท์คิล ซะด้วยซ้ำ!”


 


“อย่าได้กังวลไป พระเทพเป็นผู้เล่นที่เก่งที่สุดในเขต Huaxia และมีเลเวลที่สูงกว่า เบลดมาส์เตอร์ เขาแข็งแกร่งและฉันเชื่อว่า ดูมส์เดย์ลีค นั้นไม่ใช้คู่ต่อสู้ของเขา”


 


“ฉันเป็นกังวลและส่งข้อความไปหา พระเทพ เพื่อหยุดเขาจากการออกจากเมืองหลัก แต่ฉันไม่คิดว่าจะเป็น  ดูมส์เดย์ลีค ที่ต้องได้รับความผ่ายแพ้ เขาเก่งจัง! ”


 


“พระเทพไม่มีทางที่จะเป็น ผู้เล่นธรรมดา! เขาเป็นใครกัน?”


 


“ฉันไม่รู้ ฉันเคยถาม เหลาซวี เกี่ยวกับ ตัวตนของพระเทพ แต่เขาก็ไม่รู้อะไรเลยเหมือนกัน นอกจากนั้น ถ้ายึดตามความสามารถของเขา ฉันก็คิดว่าจริงแล้ว พระเทพ อาจเป็น ผู้เล่นเกมออนไลน์มือใหม่ เขาไม่ทราบถึงข้อมูลเบื้องต้นด้วยซ้ำ”


 


“ไม่อยากจะเชื่อ! ทำไมผู้เล่นมือใหม่ถึงแข็งแกรงและมีทักษะในโลกของเกมออไลน์ได้ขนาดนี้?”


 


“พวกเรารู้ว่า เหลาซวี นั้นมีความรู้และมีความสามารุ เขาอาจจะรู้ถึงตัวตนของ พระเทพ อยู่แล้วก็ได้ แต่เขาไม่กล้าที่จะบอกกับผู้เล่นคนอื่น”


 


“ว่าไงนะ? เหลาซวี ไม่กล้าที่จะบอกผู้เล่นคนอื่นเกี่ยวกับ ตัวตนของพระเทพ? นั้นมันเป็นไปไม่ได้”



 


ในอีกด้านหนึ่ง .ดูมส์เดย์ลีค ก็ล้มเหลวและหลบหนีออกไป เสี่ยวเฟิงและกำลังเสริมร่วมของเขาก็กลายเป็น ก็อต ออฟ พเลก ต่อผู้เล่นคนอื่น ไม่มีใครกล้าที่จะติดตามพวกเขาอีกต่อไปและผู้เล่นหนีออกมาทั้งททีที่พวกเขาเห็นเสี่ยวเฟิงและกองทัพของเขา


 


เสี่ยวเฟิง นำทางกำลังเสริมร่วมไปยังตำแหน่งของ กัปตันโบลตัน. อย่างเกียจคร้าน ในช่วงเวลานี้เขาก็บอกให้กำลังเสริมร่วมหยุดและพัก ดังนั้นเขาจึงถือโอกาสนี้เพื่อเตรียมอาหารเที่ยงให้กับเสี่ยวหลิง


 


ผู้คนมากมายส่งคำขอเป็นเพื่อนมาหาเสี่ยวเฟิง ทุกคนในนั้นเป็นประธานของกิลด์หลักทั้งหมด เสี่ยวเฟิงยอมรับทุกคำเชิญขอเป็นเพื่อโดยไม่ได้ดูข้อมูลของพวกเขาเลย เขายังพูดคุยกับพวกเขาบ้างคนอีกด้วย


 


หลังจากที่นำทางกำลังเสริมร่วมมายัง เกร เพลน และมั่นใจแล้วว่าไม่มีภารกิจอื่นตามหา เสี่ยวเฟิงก็จากไปจากที่นี้ เขายังมีสองสิ่งที่ต้องทำ สิ่งแรกคือ เขาต้องอัพเลเวล เพราะเขาพบว่าผู้เล่นคนอื่นกำลังอัพเกรดอย่างต่อเหนื่องและกำลังจะไล่ตามเขาทัน ไนท์คูเออร์ เสียตำแหน่งที่สองของรายชื่อเลเวลไปแล้วเสี่ยวเฟิงก็อยู่ในความเสี่ยงที่จะถูกแซงหน้า ดังนั้นเขาจำเป็นต้องอัพเกรดไปถึงเลเวล 15 แล้วส่วมใส่ เท้า แซลอะแมนเดอะสีทอง


 


นอกจากนั้น เลเวลของทักษะของเขาก็จะเพิ่มขึ้นด้วย และเขาจะต้องกำจัดมอนสเตอร์เพื่อจะอัพเลเวล


 


อย่างที่สองคือ เขาต้องทำภารกิจที่ เฉียนโตวโตว มอบหมายมา เขาต้องหาอุปกรณ์อันยอดเยี่ยมบ้างชิ้น เพื่อการประมูลวันพรุ่งนี้ เขาไม่ต้องการที่จะสละ อุปกรณ์ระดับ อิมมอเทล  ของเขา


 


ดังนั้น จึงมีความต้องการเร่งด่วนสำหรับบอส เขาจะแก้ปัญหาเหล่านี่ได้โดยการสังหารบอส โดยเฉพาะพวกที่เป็นธาตุมืด ถ้าเป็นแบบนั้น เขาจะสามารถใช้สกิล โฮลี่ไลท์ ลด HP ของมันเป็นเปอร์เซ็นได้ เขาจะฆ้าบอสได้อย่างรวดเร็วไม่ว่าเลเวลของมันจะสูงแค่ไหนก็ตาม


 


“กัปตันโบลตัน มีสัตว์ประหลาดธาตุมืดที่ทรงพลังอยู่ใกล้ที่นี่ไหม? ฉันอยากจะฆ่าบอส!”


 


เสี่ยวเฟิงถาม กัปตันโบลตัน ก่อนที่จะออกไป กัปตัน ต้องคุ้นเคยกับพืนที่รอบๆ แน่นอนเนื่องจากเขาประจำการอยู่ที่นี้อยู่แล้ว


 


“ท่าน อาร์ชบิชอบ ทำไมคุณถึงอยากเจอกับบอสธาตุมืดละ?” กัปตันโบลตัน ถามด้วยความแปลกใจ


 


“แน่นอน ฉันต้องการที่จะชำระล้างมัน ในฐานะอาร์ชบิชอปของวิหารแห่งแสง ฉันจำเป็นที่จะต้องกำจัดสัตว์ประหลาด”


 


“แต่คุณยังไม่แกร่งพอ…” กัปตันโบลตัน พูดด้วยความลังเลแต่เสี่ยวเฟิงรู้ทันทีว่าเขากำลังหมายความว่าอะไร


 


“นายกล้าดีอย่างไรตั้งคำถามกับความแข็งแกรงของฉัน? ฉันช่วยนายฆ่า บิ๊กลิช  ในป่า หมู๋กว๋างนะ!นายยังจำได้ไหม? นายคงจะถูกฆ่าไปแล้วถ้าปราศจากความช่วยเหลือจากฉัน!”


 


เสี่ยวเฟิงพูดด้วยความโกรธและขัด ตราอาร์ชบิชอป บนหน้าอกของเขา มันดูเงาวับ


 


“ข้าขอโทษ ท่านอาร์ชบิชอป ฉันประทับใจอย่างลึกซึ้งกับจิตวิญญาณความทุ่มเทเพื่อแสงของคุณ ในทางทิศตะวันตกของแนวหน้าของเราที่อยู่ติดกับขอบของ เกร เพลน ที่นั้นมี ออร์คที่แข็งแกร่งอยู่ แต่เพราะเหตุผลทางสภาพแวดล้อม ฉันจึงจู่โจมมัน ท่านอาร์ชบิชอป โปรดสังหารมันในนามของแสง!”


 


กัปตันโบลตัน พูดอย่างสุภาพในทันทีและเสี่ยวเฟิงก็จากไปด้วยความพอใจ


 


“แต่ฉันอยู่ภายใต้การปกป้องอันศักดิ์สิทธิ์และสามารถฝื้นคืนชีพได้หลังจากที่ถูกฆ่า บิ๊กลิช นั้นไม่ใช้คู่ต่อสู้ของฉัน…”


 


กัปตันโบลตัน บ่นหลังจากที่เสี่ยวเฟิงออกไปจากสายตา จากนั้นเขาก็ส่ายหัวและเริ่มสร้างแนวหน้า


 


ไฮพรีสมีความรับผิดชอบในการสร้างวงแหวนเคลื่อนย้ายและ NPC ช่างฝีมือบ้างส่วน ก็กำลังสร้างคัมภีร์เคลื่อนย้ายและยาหลายชนิด พวกเขากลายเป็น NPC นักธุรกิจ ค่ายได้ถูกสร้างขึ้นและผู้เล่นจำนวนนับไม่ถ้วนก็จะปรากตัวขึ้นในสถานที่นี้หลังจากที่โซนของเมืองถูกทิ้งล้างได้เปิดสู่สาธารณะ


 


ในตอนนี้ เสี่ยวเฟิงก็ได้มาถึงสถานที่ที่ กัปตันโบลตัน กล่าวถึงแล้วเช่นกัน แต่มีปัญหาแล้วในตอนนี้


 


มันเป็นสภาพแวดล้อมบึง เสี่ยวเฟิงก้าวออกไปและจมลงไปในโคลนทันที ยิ่งเขาดิ้นร้นมากเท่านั้นเขาก็ยิ่งจมลงไปลึกมากเท่นั้น เขามึนงงและนึกออกว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี่ไม่นาน มีศิลาเคลื่อนย้ายที่หนักอึ้งหลายอันอยู่ในกระเป๋าเป่ของเขาและเขาก็น้ำนักเกินอยู่ในตอนนี้ เขาลืมความจริงข้อนี้ไปเพราะเขาคุ้นชินกับมันไปแล้ว แต่เขาก้าเข้ามาในบึงและจมลงไปในนนั้นซึ่งทำให้เขาพูดไม่ออก


 


เขาไม่กล้าที่จะดิ้นร้น ไม่อย่างนั้น เขาก็จะจมลงไปในบึ้งลึกขึ้นกว่าเดิม เขาสามารถทำได้เพียงชยับมือของเขาด้วยความยากล้ำบากภายใต้โคลนและพยายามที่จะคว้าเอา คำภีร์ย้ายกลับเมืองหลักออกมา แต่ด้วยน้ำหนักปัจจุบันของเขาทำให้เขาไม่สามารถจะกำจัดโคลนออกไปได้


 


“เฮ้! ว่าไง นายต้องการให้ช่วยไหม?”


 


ทันใดนั้นเสี่ยวเฟิงได้ยินเสียงของผู้หญิงจากข้างบนตอนที่เขากำลังขยับมือของเขาด้วยความยากลำบาก


เขามองขึ้นไปและนั้นเป็นผู้เล่นผู้หญิงสาวแสนสวย เธอดูคุ้นๆ และไม่มีชื่อตัวละครอยู่บนศรีษะของเธอ เธอต้องปกปิดมันไว้แน่นอน


 


ผู้เล่นผู้หญิงสาวแสนสวย คนนี้ คงจะเป็น เมจ เธอส่วมเสื้อคลุมเมจตัวเรียวและกำลังถือไม้เท้าอยู่ แต่อุปกรณ์ช้นนี้นั้นมีเลเวลต่ำและเสี่ยวเฟิงเชื่อว่าเลเวลของผู้เล่นผู้หญิงคนนี้นั้นไม่สูงมากพอ


 


“เธอช่วยฉันไม่ได้หรอก”


 


นี่คือสาวที่สดสวยและดึงดูดแต่เสี่ยวเฟิงไม่มองเธอ เขาพูดอย่างง่ายๆ แล้วขยับมือของเขาต่อด้วยความยากลำบาก


 


“นายติดอยู่ในบึงนี้หรอ? ไม่ต้องห่วง ฉันจะดึงนายขึ้นมา!”


 


สาวสวยมองที่เสี่ยวเฟิงอย่างประหลาดเหมือนกับว่าเธอไม่คิดว่าเสี่ยวเฟิงจะจำเธอไม่ได้ แต่เธอก็ไม่รู้สึกหดหู่ใจแค่เธอกลับพูดด้วยความกระตื้อรือร้นอยา่งมาก


 


“เธอไม่แข็งแกร่งพอที่จะดึงงฉันขึ้นไป” เสี่ยวเฟิงไม่สนใจเธอ


 


“ไม่ต้องห่วง! ฉันแข็งแกรงมากนะในโลกของเกมนี้!” หญิงสาวไม่รู้สึกหดหู่หลังจากที่ได้ยินสิ่งที่เสี่ยวเฟิงพูด เธอเก็บไม้เท้าของเธอและพับแขนเสื้อของเธอ เธอใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะไปยืนอยู่ตรงขอบของบึ้ง จากนั้นเธอก็จับศรีษะของเสี่ยวเฟิงด้วยมือทั้งสองข้างของเธอ ย่อตัวลง และดึงเสี่ยวเฟิงราวกับว่าเขาเป็นหัวผักกาด


 


ใบหน้าของเสี่ยวเฟิงเปลี่ยนเป็นสีแดง เธอพูดถูก หญิงสาวคนนี้นั้นแข็งแกร่งและเกือบที่จะทำคอของเขาหัก แต่เสี่ยวเฟิงก็ยังติดอยู้ในบึ้งและถล้ำลึกลงไปใยโคลน เขาถูกปกคลุมไปด้วยโคลนตั้งแต่คอของเขาลงไป


 


“อ้า! นายตัวหนักจัง!”


 


ผู้เล่นสาวสวยปล่อยมือและเซถลาลงไปบนพื้น เธอกำลังหอบ


 


“ปล่อยฉันอยู่คนเดียวเถอะ”


 


เสี่ยวเฟิงพูดด้วยความโกรธ เขารักษาความสมดุลไว้ได้ แต่ตอนนี่เขาถล้ำลึกไปในโคลนหลังจากที่ถูกผู้หญิงคนนี้ดึง


 


“ไม่ต้องห่วง! ฉันจะดึงนายขึ้นมาได้แน่นอน!”


 


แต่ผู้เล่นสาวสวยทำเพียงกำมือของเธอเพื่อให้กำลังใจตัวเธอเอง จกานั้นเธอก็ลุกขึ้นอีกครั้งและเหวี่ยงไม้เท่าของเธอ


 


“ออกมา เสี่ยวหั๊วะ!”


 


เสี่ยงเอี๊ยดอาด


 


ดูเหมือนว่าจะเป็นเสียงของหนู วงแหวนเวทมนตร์ของสัตว์เลี้ยงที่เท้าของเธอได้ถูกเปิดออกอย่างฉับพลันจากนั้น ดอกทานตะวันสูงหนึ่งเมตรก็ออกมา มันเป็นสัตว์เลี้ยง มันมีหน้าตาที่สดใจและกิ้งไม้ทั้งสี่กิ้งของมันเคลื่อนไหวเหมือนขากับเท้าทั้งสองข้าง มันกำลังวิ่งรอบผู้เล่นสาวสวยคนนี้อย่างมีความสุข


 


“เสี่ยงหั๊วะ ดึงเขาขึ้นมา”


 


เสี่ยงเอี๊ยดอาด


 


ผู้เล่นสาวสวยสั่งสัตว์เลี้ยงประเภทพืชของเธออย่างรวดเร็ว


 


ทันใดนั้น ดอกทานตะวันชื่อว่า เสี่ยวหั๋วะ ก็ทำเสียงมีความสุข มันยืดแขนของมันออกและผูกไว้กับคอของเสี่ยวเฟิงที่ยังไม่จมลงไปในบึ้ง เหมือนกับเถ้าวัลย์สองอันและดึงเขาขึ้นมาอย่างเอาเป็นเอาตาย


 


“บ..บ้าเอ้ย…”


 


ใบหน้าของเสี่ยวเฟิงเปลี่ยนจากสีแดงไปเป็นสีม่วง เขากำลังโดนผูกคอและไม่สามารถหายใจออกมาได้ด้วยซ้ำ ไม่ต้องพูดถึงการส่งเสียง


 


เสี่ยงเอี๊ยดอาด


 


มันเห็นได้ชัดว่าดอกทานตะวันได้ใช้พลังทั้งหมดของมัน เถ้าวัลย์ของมันตึกและร่างของมันเอนไปด้านหลัง และตาของมันก็ปิดอยุ่ด้วย


 


ใบหน้าของเสี่ยวเฟิงเปลี่ยนไปเป็นสีม่วงเข้มและเขาก็ค่อยๆหมดสติลง


 


เสี่ยงเอี๊ยดอาด


 


ในที่สุด ดอกทานตะวันก็ยอมแพ้และเซลงไปกับพื้น เถาวัลย์ของมันคลายออกแต่เสี่ยวเฟิงก็หายใจได้ไม่เต็มปอด


 


สัตว์เลี้ยงตัวนั้นไม่ได้ดึงเขาขึ้นมาเลยแต่เสี่ยวเฟี่งกลับจมลงไปในโคลนลึกกว่าเดิมอีก ในตอนนี้ ปากของเขาก็จมลงไปแล้ว และเขาสามารถหายใจผ่านทางจมูกได้เท่านั้น


108

เมื่อได้ดูเสี่ยวเฟิงผู้ซึ่งมีศรีษะอีกครึ้งหนึ่งอยู่ข้างนอก หญิงสาวสวยก็ดูเหมือนจะละอายใจและไม่รู้ว่าควรจะทำหน้ายังไง


 


ทันใดนั้น เธอก็มองไปทางอื่นเหมือนกับว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นแล้วลุกขึ้นและจากไปอย่างเงียบๆ


 


“นี่มันแปลกมาก จะมีผู้เล่นอยู่ที่นี้ได้อย่างไรกัน? มันต้องเป็นเพราะฉันเห็นภาพลวงตาแน่ๆ ใช้ไหม? เสี่ยวหั๋วะ เราไปที่อื่นกันเถอะ”


 


ปากของเสี่ยวเฟิงถูกฝั่งอยู่ในบึงไปหมดแล้วดังนั้นเขาจึงไม่สามารถที่จะพูดออกมาได้เลย ไม่อย่างนั้น เขาก็จะต้องกลืนโคลนที่เต็มไปด้วยดินและมีกลิ่นเหม็นพวกนี้เข้าไปในปากของเขา สิ่งที่เขาสามารทำได้คือ จ้องไปที่หลังของผู้เล่นสาวสวยด้วยสายตาที่โกรธเกรี้ยวและแก้ไขข้อความด้วยความไม่พอใจ


 


“อีบ้า! อย่างให้ฉันเจอหาเธอเจอนะ!”


 


ด้วยเงามีเสน่ห์ ผู้เล่นสาวสวยก็เดินเร็วขึ้น เธอไม่บ่นจนกระทั้งเธออยู่ห่างออกไป


 


“สมน้ำหน้า ใครอนุญาติให้นายมาดึงความนิยมของฉัน?”


 


“และนายก็ตัวหนักเกินไปจริงๆ  ดังนั้นมันไม่ใช้เรื่องของฉันุหากนายถูกช่วยขึ้นมาไม่ได้”


 


“และนอกจากนั้น ไม่ใช้ว่านายแข็งแกร่งมากขนาดนั้นหอร? มันไร้ประโยชน์จริงๆ ที่นายติดอยู่ในบึงแบบนั้น”


 


ผู้เล่นสาวสวยคนนี้ ก็คือ เทพธิดาของประเทศคนหนึ่ง ที่ถูกเรียกว่า ชูเมิ๋งหยิง แต่เสี่ยวเฟิงเคยเห็นเธอใน ทีวี แค่ครั้งเดียวตอนที่เขาดูทีวีกับเสี่ยวหลิง ดังนั้นเขาจึงจำเธอไม่ได้เมื่อเขาเห็นเธอในตอนแรก


 


เสี่ยวเฟิง เอาหน้ากากออกก่อนที่เขาจะอยู่ด้านนอกเมืองเตียนหลง แต่ต่อมาเขาก็ลืมที่จะใส่มัน ดังนั้น ชูเมิ๋งหยิง ที่เห็นการใช้ชีวิตปกติของเสี่ยวเฟิงในเกม จึงจำเสี่ยวเฟิงได้ทันที


 


ในวงแหวนเคลื่อนย้ายของเมืองเตียนหลง เสี่ยวเฟิงก็ปรากฏตัวขึ้นในแสงวาบสีขาว ในโลกเสมือนจริงอันนี้ ไม่มีการคลิกเพื่อใช้ถ้าคุณต้องการใช้คัมภีร์ย้อนกลับ แต่ต้องทำการขย้ำตัมภีร์นั้นเท่านั้น มันใช้เวลานานสำหรับเสี่ยวเฟิงก่อนที่เขาจะทำการกระทำนั้นสำเร็จในบึ้ง


 


“เห้ย! อะไรเนี่ย! เหม็นจังวุ้ย!”


 


เมื่อเสี่ยวเฟิง ปรากฏตัวขึ้น ผู้เล่นที่อยู่ใกล้กับวงแหวนเคลื่อนย้ายก็รีบออกห่างจากตัวเขา ทุกคุณปิดจมูกของพวกเขาออกห่างจากเสี่ยวเฟิงด้วยสายตาอันรังเกียจ


 


ในตอนนี้ จมูกของเสี่ยวเฟิง ก็เต็มไปด้วยโคลนดำที่มีกลิ่นเหม็น ขนาดเขาเองยังทนไม่ได้เลย ไม่ต้องพูดถึงคนอื่นๆ


 


ด้วยใบหน้าที่บูดเบี้ยว เสี่ยวเฟิงดูเหมือนจะมืดกว่าโคลนดำบนร่างกายของเขาเสี่ยอีก เขาเดินดุ่มๆ ไปยังโรงแรม ในขณะที่ผู้เล่นที่อยู่ตามทางต้องออกห่างจากทางเดินและหวาดกลัวเมื่อมองเห็นเขาเดินมา


 


“หืม?”


 


โดยบังเอิญ  ไนท์คูเออร์ ก็อยู่ในเมืองเช่นกัน ดังนั้นเธอจึงบังเอิญเจอกับเสี่ยวเฟิง เธอจำเขาไม่ได้ในตอนแรกที่เธอเห็นเขา จนเธอมองเขาเป็นครั้งที่สองเธอจึงสะดุ้งตกใจ


 


“มองอะไร? เธอไม่เคยเห็นคนหล่อๆ รึไง? เฮ้!” เสี่ยวเฟิงไม่ได้รับอากาศที่ดี แต่ในทันทีที่เขาเปิดปากของเขา เขาก็กลื้นโคลนสีดำลงไปอย่างไม่ตั้งใจซึ่งทำให้เขาพ่นมันออกมาอยู่ครู่หนึ่ง


 


ปล่อย ไนท์คูเออร์ ที่ดูท่าทางแปลกไป เสี่ยวเฟิงก็เดินเข้าไปใน โรงแรมของ NPC เพื่อที่จะเช็คอินและเริ่มอาบน้ำ


 


“ไม่ นายมาทำอะไรที่นี่?” หลังจากเวลาสองนาทีผ่านไป เสี่ยวเฟิงก็ได้รับสายโทรเขาจาก  ไนท์คูเออร์ และเขาก็สามารถมองเห็นรอยยิ้มอันน่าหดหู่ของเขาเอง


 


“ไม่ต้องมายุ่ง” เสี่ยวเฟิงไม่คุยกับเธอ และล้างโคลนสีดำด้วยน้ำด้วยแรงของผู้ชาย


 


“นายเคยดูน่าเกรงขามหลังจากที่นายโกง ดูมส์เดย์ลีค ไม่ใช้หรอ?นายได้สิ่งนี่มาได้ไง? โดนล้างแค้นงั้นหรอ?” ไนท์คูเออร์ ได้จุดประกายความปรารถนาที่จะได้ยินข่าวซุบซิบ และคอยถามคำถามเขา แน่นอน เธอไม่เว้นเสียงหัวเราะของเธอ”


 


“ไปให้พ้น! ฉันเกลียดผู้หญิงแล้วนะตอนนี้!”


 


เสี่ยวเฟิงวางสายทันที แล้วถอดอุปกรณ์ส่วมใส่ของเขาออกแล้วล้างมันต่อ แม้ว่าโคลนดำจะถูกล้างออกไปแล้ว เขาก็ยังรู้สึกเหม็นร่างกายของเขาอยู่


 


“นายได้มันมาจากผู้หญิงคนหนึ่งหรอ? ใครมันจะแข็งแกร่งขนาดนั้นกัน?”


 


ไนท์คูเออร์ ยังคงโทรหาเขาครั้งแล้วครั้งเหล่าด้วยหินประหลาด


 


“อย่ามายุ่งสิ! เธออยากได้ยินเสียงอ่างอาบน้ำของฉันหรอ? ฉันจะเอามันให้เธอดูก็ได้นะถ้าเธออยาดดู! เธออยากดูไหมละ?”


 


“ไอคนระยำ!”


 


ครั้งนี้ ไนท์คูเออร์ เป็นฝ่ายวางสายไปก่อน และเลิกยุ่งกับเสี่ยวเฟิงไปในที่สุด


 


เสี่ยวเฟิงล้างตัวเองอยู่ครึ่งชั่วโมงก่อนที่จะออกมาจากห้องน้ำ โชคดีที่เขากลับมาสะอาดอีกครั้ง เพราะว่าเขาได้ถอดอุปกรณ์ของเขาออกและนำไปใส่ไว้ในช่องว่างในกระเป้าของเขาไปแล้วก่อนหน้านี้ มันถูกทำให้เหมือนใหม่อีกครั้งเมื่อมันถูกนำออกมาอีกครั้งหนึ่ง เขาต้องทำเพียงล้างกลิ่นพวกนี้ออกจากตัวเขา


 


เขาทำต่อและเดินทางกลับไปที่ เกร เพลน เขาก็เลี้ยวเป็นวงกลมอย่างดุร้าย โชคไม่ดีที่เขาไม่พบผู้เล่นสาวคนนั้น ไม่อย่างนั้นหล่อนก็คงจะตกอยู่ในอันตรายแน่นอน


 


ในท้ายที่สุด เสี่ยวเฟิงก็กลับไปยังสถานที่ที่เขาได้ล่นลงไปในบึง เขามองไปยังสถานที่ที่เขาเคยจมลงไปก่อนหน้านี่และมองไปรอบๆ อย่างระแวดระวัง และในที่สุดเขาก็พบกับทางเข้าไปยังหนองน้ำ


 


จากนั้น เสี่ยวเฟิงก็เจอกับบอสออร์ตที่ กัปตันโบลตัน พูดถึง แต่ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปเป็นหดหู่อีกครั้งหลังจากที่เขาเจอมัน


 


ออร์คบึง


 


ระดับ: 25


 


ธาตุ: ธรรมชาติ


 


เกรด: บอสระดับสูง


 


HP: 19000/19000


 


ค่าพลังโจมตี: 285-305


 


ค่าความฉลาด: 99-110


 


ค่าพลังป้องกัน: 108-120


 


ค่าพลังป้องกันเวทมนตร์: 80-85


 


ทักษะ


 


ทุบพื้นดิน เท้ากระทืบสงคราม รักษาช้า เสียงกรีดร้องแห่งความคลั่ง คลั่งระดับสูง ฆ่ากระหนำ


 


คำอธิบาย: สัตว์ประหลาดทรงพลังเกิดในบึงสีเทา จะแข็งแกร่งในสภาพแวดล้อมแบบนั้น


 


ความพิเศษ: บอสระดับสูง พลังโจมตีและพลังป้องกันอันมหาศาล เสริมด้วยการโจมตีทั้งทางทางกายภาพและเวทย์มนตร์ พลังป้องกันที่ดีขึ้นต่อความเสียหายทางมานา


 


มันคือบอสแน่นอน แต่ธาตุของมันไม่เป็นธาตุมืดแต่เป็นธาตุธรรมชาติ เสี่ยวเฟิงแช่ง กัปตันโบลตัน ในใจของเขาแล้วเขาก็หันและเดินจากไป


 


มันไม่ใช้เพราะว่าเขาไม่สู้กับบอสตัวนี้ไม่ไหว แม้ว่าเลเวลมันจะสูงถึง 25 ไม่ช้าก็เร็วมันก็จะโดนฆ่าอยู่ดี สำหรับเสี่ยวเฟิงในตอนี้ เขาสามารถทำให้มันเหนื่อยและฆ่ามันได้ตราบเท่าที่เขาสามารถขัดจังหวะของบอสได้


 


แต่ปัญหานั้นอยู่ในกระบวนการการต่อสู่ที่กินระยะเวลานาน ด้วยความสามารถในการต่อตัวคนเดียวกับบอสตัวนี้ เขาก็ไม่อยากจะเสียเวลา มันจะใช้เวลานานมากเกินไป สำหรับเขาที่ม่ใช่อาชีพ DPS


 


โดนล้อมรอบไปด้วยภูมิภาพที่เต็มไปด้วยหนองน้ำและบึง เสี่ยวเฟิงนั้นกลัวนิดหน่อย สิ่งนี้ทำให้เสี่ยวเฟิงเข้าใจถึงเหตุผลบางข้อที่ทำไมบอส ออร์ค ถึงทรงพลังขึ้นในภูมิประเทศนี้


 


ด้วยเหตุนี้ เสี่ยวเฟิงจุงสามารถพึ่งอะไรไม่ได้นอกจากผลพิเศษของสกิล พลังแห่งพระเจ้า ในการล่าสังหารบอสมีธาตุมืด เพื่อที่เขาจะมั่นใจในประสิทธิภาพที่เขาต้องการ ก่อนจะถึงวันพรุ้งนี้ เขาต้องสังหารอีกไม่กี่ครั้งเพื่อหาอุปกรณ์ระดับสูงเพิ่มสองสามชิ้น


 


แต่เสี่ยวเฟิงรู้อย่างแน่นอนว่า บอสผีดิบระดับสูงนั้นอยู่ที่ไหน มันอยู่ในดันเจี้ยนใต้ดินที่อยู่ใต้ภูเขาโครงกระดูก ในสุสานใต้ที่แสงส่องเข้ามาถึงแค่ชั้นแรก เสี่ยวเฟิงมองเห็นการมีอยู่ของบอสหลายตัวเมื่อตอนที่เขาไปเยือนที่นั้นครั้งล่าสุด แต่เหมือนเดิม ความซับซ้อนของแผนที่นั้นยิ่งใหญ่มากจนเสี่ยวเฟิงไม่กล้าที่จะทำอะไรแบบซี้ซั้ว


 


แต่ตอนนี้ มีแผนที่ที่นั้นเท่านั้นที่มีบอสผีดิบอยู่จำนวนมาก และนั้นก็ตรงกับความต้องการของเสี่ยวเฟิง


 


เสี่ยวเฟิงไม่รู้อะไร แต่ก็กลับมายังเมืองเตียนหลง หนึ่งครั้ง หลังจากที่เขาซื้อกระเป๋ายาต่างๆ เขาก็รีบไปที่เมืองใต้ดินทันทีและพร้อมที่จะฆ่ามอสเตอร์จำนวนมากกว่าเดิมในที่นั้น ด้วยความสามารถของเขา เขาจะไม่ถูกฆ่าอย่างง่ายได้ในทันที่ที่เขาเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวัง นอกจากนั้นแล้ว ทักษะช่วยชีวิตของเสี่ยวเฟิงก็ยังคงแข็งแกร่ง และส่วมใส่ไว้ด้วย ต่างหูระดับ อิมมอเทล และวงแหวนแห่งชีวิต


 


เริ่มแรกเขาก็ใช้วงแหวนเคลื่อนย้ายและมาถึงเมืองที่อยู่ใกล้เขาภูเขาโครงกระดูกมากที่สุด แล้วเขาก็ขี่ม้าจูจูเบย์ ไปยังภูเขาโครงกระดูก


 


ถว่า เมื่อมองไปที่ จูจูเบย์ เสี่ยวเฟิงก็รู้สึกหว่าวุ่นเล็กน้อย เมื่อเขาได้นึกถึง ซื๋ออี้ ที่มีม้าเหงื่อโลหิตที่มีระดับสูงกว่าม้าของเขา ดังนั้นเขาจีงต้องการม้าที่ดีกว่านี้


 


อย่างไรก็ตาม เสี่ยวไป๋ก็กันเขาไว้จากการใช้งานสัตว์เลี้ยง ฉนั้น อย่างน้อยเขาก็จำเป็นที่จะต้องหาสัตว์ขี่ที่ดีกว่านี้ให้ได้ ถ้าให้พูดถึงรายชื่อปัจจุบันของเขต Huaxia จะมีก็แต่รายชื่อสัตว์ขี่เท่านั้นที่ไม่ได้บันทึกชื่อของเขา


 


รายชื่อสัตว์ขี่ได้รับการพัฒนาขึ้นโดยใครบ้างคงมานานแล้ว แต่เมื่อเสี่ยวเฟิงเปิดรายชื่อนั้นขึ้นมามั่วๆ ก็มีสัตว์ที่เยี่ยมยอดเพียงสามตัวเท่านั้นที่อยู่อันดบต้นๆ หนึ่งในนั้นคือ หมูป่า


 


สัตว์ขี่สามารถเพิ่มค่าสถานะหลักให้กับผู้เล่น และสัตว์ขี่บางตัวก็ยังมีสกิลอีกด้วย แม่ว่าพวกมันจะไม่ดีเหมือนกับสัตว์เลี้ยงปกติที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการต่อสู้กับผู้เล่น ค่าสถานะหลักนั้นก็มีประโยชน์กว่าในหลายๆ ครั้ง


 


ดังนั้นเสี่ยวเฟิงจึงคิดเกี่ยวกับมัน ใหหมู่สัตว์ขี่ที่เขาเคยเห็น มีเพียงม้ายูนิคอนร์ศักดิ์สิทธิ์ของ กัปตันโบลตัน ที่มีปีกและดูเหมือนจะบินได้เท่านั้นที่ดูเท่ที่สุดซึ่งนั้นทำให้เสี่ยวเฟิงมีความคิดบ้างอย่าง เขาวางแผนที่จะกลับไปและถาม กัปตันโบลตัน ว่าเข้าได้ม้ายูนิคอนร์ศักดิ์นั้นมาจากที่ไหน ถึงอย่างไรเขาก็เป็น อาร์ชบิอปแห่งแสง มันดูไม่สมเหตุสมผลที่จะบอกว่า วิหารแห่งแสง ไม่ได้จัดหาสัตว์ขี่ให้กับเขา


 


ทหารโครงกระดูกในหุบเขาโครงกระดูกจำนวนมากกว่าเดิมถูกฆ่า แต่ยังมีทหารโครงกระดูกอยู่อีกเป็นร้อยตัว เสี่ยวเฟิงจะไม่ปล่อยให้ ค่าประสบการณ์พวกนี้ หลุดมือไปและเขาก็ได้รับมันมาอย่างไม่ยาก และจากนั้นเขาก็เดินทางไปยังสุสานเมืองใต้ดิน


 


“เฮ้! คุณได้เข้าสู่สุสานเมืองใต้ดิน”


 


เมื่อกลับมาที่สุสานเมืองใต้ดิน เขาก็มองเห็นดันเจี้ยนเมืองใต้ดินที่โอ่อ่า แต่เมืองมองไปรอบๆ เขาก็เห็นมอนสเตอร์ผีดิบหลายชนิดที่มีเลเวลตำสุดอยู่ที่ เลเวล 20 พวกมันส่วนใหญ่เป็นเครื่องหมายคำถาม ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถมองเห็นเลเวลของพวกมันได้และเขาก็มองเห็นบอสอยู่เต็มไปหมดทุกที่


 


แต่สิ่งนี้ก็ยังหมายถึงอุปกรณ์ส่วมใส่ระดับสูงและค่าประสบการณ์จำนวนมาก อย่างที่เขาพูดกันว่า ในความเสี่ยงมีโอกาสอยู่เสมอ


 


เสี่ยวเฟิงตรวจสอบสเบียงในกระเป๋าเป่ของเขา จากนั้นก็หายใจเข้าลึกๆ และเปลี่ยนไปใช้คทารักษาและสกิลโฮลี่ไลท์ เมื่อเขาเล็งเป้าหมาย ไปยังเหล่า มอนสเตอร์ผีดิบที่สามารถมองเห็นด้วยตา ทั้งหมดในชั้นแรกของดันเจี้ยนเมืองใต้ดินเสร็จ อุปกรณ์ทั้งสองชิ้นก็ปล่อยพลังออกมา เหมือนกับทะเลสีทองที่กวาด ลงมา


 


“โฮกก!”


 


ภายในพริบตา วิญญาณผีดิบเป็นพันๆ ตัวที่เคยอยู่อย่างเงียบเฉียบ ก็ก่อความอลหมานขึ้นและหันไปหน้าทางเข้าของดันเจี้ยนเมืองใต้ดินพร้อมๆ กัน ลูกไฟวิญญาณจำนวนนับไม่ท้วนมีสีเขียววาว กำลังจ้องไปที่เสี่ยวเฟิง


 


“-1023!”


 


“-892!”


 


“-2071!”


 


“-4087!”


 


“-697!”


 


“-984!”


 



 


ฝูงตัวหนังสือดาเมจลอบขึ้นมาราวกับเมฆสีแดง ในขณะที่มอนสเตอร์หลายตัวก็วิ่งเข้าหาเสี่ยวเฟิงเช่นเดียวกันน ถว่า ก่อนหน้านี้ ยังเหลือการโจมตีจากระยะไกลอยู่บนทองฟ้ามากมาย


 


ฮึมม!”


 


เมื่อได้หายใจเข้าลึกๆ และตัวพองเหมือนกับปลาแล้ว เสี่ยวเฟิงพุ่งทยาน ทะลุผ่าน ระลอกของเหล่ามอนสเตอร์


 


“-36!”


 


“-27!”


 


“-48!”


 


ถว่าภายในพริบตา ตัวหนังสือดาเมจสามตัวก็เด้งขึ้นบนศรีษะของเสี่ยวเฟิง และเลือดของเขาลดลงเกือบถึงครึ้งในทันที


 


สิ่งนี้ทำให้เสี่ยวเฟิงต้องคมวดคิ้ว เขาสามารถหลบการโจมตีของ โบน เฟรทเชอร์ ได้ด้วยสภาพภูมิประเทศของที่นี้ แต่การโจมตีของวิญญาญผู้หญิงนั้นคล้ายๆ กับการโจมตีของลูกไฟวิญญาณที่ละเว้นสภาพของ๓ุมิประเทศ การโจมตีนั้นไม่สามารถทะลุผ่านมอนสเตอร์ตัวอื่นได้ แต่มันทะลุผ่านกำแพงได้ ซึ่งทำให้มันเป็นอันตรายอย่างมากกับตัวเขาที่ไม่ทันระวังตัว


 


หลังจากที่ได้เงยศรีษะของเขาเพื่อกระดกดื่ม เฮ็ลท์โพชั่นระดับกลางและมานาโพชั่นระดับกลางในเวลาเดียวกันแล้ว เสี่ยวเฟิงก็มองไปรอบๆ และเอาตัวเขาออกห่างจากการโจมตีของมือหอกแมงป่องสองคนอย่างรวดเร็ว


 


ในขณะนี้ เสี่ยวเฟิงไม่อยากจะเพิ่ม พรอาวุธให้กับตัวเขาเอง เพราะว่าสิ่งที่เขาต้องทำในตอนนี้ไม่ใช้การโจมตี แต่คือการเอาตัวรอดจาก คลื่นมอนสเตอร์จำนวนนับไม่ถ้วน จากนั้นเขาก็จะต้องรอเวลาคูลน์ดาวน์ของสกิล โฮลี่ไลท์ เพื่อที่จะใช้ผลพิเศษของสกิล พลังแห่งพระเจ้า เพื่อการต่อสู้กับมอนสเตอร์เหล่านี้


 


ชั้นของคลื่นมอนสเตอร์พุ่งขึ้นในชั้นใต้ดินของดันเจี้ยนใต้เมืองซึ่งเมืองกับจุดหนาสีดำที่ดูคล้ายกับฝูงมด  แต่บนหยอดของคลื่นนั้นคทอเสี่ยวเฟิงที่วิ่งด้วยความบ้าคลั่ง มีมอนสเตอร์จำนวนนับไม่ถ้วนอยู่ในทุกชั้นของดันเจี้ยนเมืองใต้ดินและพวกมันทั้งหมดก็ถูกเสี่ยวเฟิงทำให้เดือดดาล


 


แต่ว่า HP ของเสี่ยวเฟิงนั้นก็ลดลงเป็นครั้งคราวเช่นกัน มีการโจมตีเกิดขึ้นและคลื่นของเหล่ามอนสเตอร์มากเกินไป ถึงแม้เสี่ยวเฟิงจะใช้ภูมิประเทศของดันเจี้ยนในการหลยการโจมตีมากมาย เขาก็ยังโดนการโจมตีพวกนั้นอยู่ในบ้างครั้ง เสี่ยวเฟิงจะกินยาบ้างส่วนหากเขา HP ของเขาลดลง เมื่อเขาโดนโจมตีพร้อมกันหลายครั้งหรือเขาถูกบอสสัมผัสเท่านั้น เสี่ยวเฟิงถึงจะจงใจเพิ่มสกิลโฮลี่ไลท์ให้กับตัวเอง และสกิลโฮลี่ไลท์หลายอันก็ถูกใช้ไปในการโจมตี เมื่อใดก็ตามที่เวลาคูลดาวน์หมดลง ก็จะมีบ้างส่วนของเมฆสีแดงลอยขึ้นมาในคลื่นที่แปลกประหลาดอันนี้


109

สกิลโฮลี่ลไท์สามารถใช้งานได้มากที่สุดสองครั้งภายในหนึ่งนาที ถึงแม้ว่าคทารักษาจะสามารรถช่วยลดคูลเวลาดาวน์ได้หกวินาที ถ้าเป็นแบบนั้นเสี่ยวเฟิงก็ส่งนามบัตรของเขาเพื่อคว้าเวลา


 


แต่การลดลงของ HP ที่เกิดจากสกิล โฮลี่ไลท์ จะถูกคำนวณตามเปอร์เซ็นทีกำหนด โดยทั่วไปแล้ว เวลาห้านาทีนั้นก็พอที่จะเก็บกวาดแหล่งก่อสร้างต่างๆ สำหรับเกมเกมหนึ่ง


 


แต่ในสถานการณ์จริงเมื่อผ่านไปสิบนาที สำหรับคลื่นมอนเสตอร์ในดันเจี้ยนเมืองใต้ดิน แม้พวกที่มี HP เหลืออยู้น้อยที่สุดก็ยังคงเหลือ HP อยู่ครึ่งหนึ่ง


 


ถ้าไม่เหลือโฮลี่ไลท์ให้กับเขาเพื่อการรักษา HP ของเขา เสี่ยวเฟิงก็คงตายไปแล้วในเกม


 


“ซิซิ!”


 


ศรกระดูกสองลูกบินผ่านหูทั้งสองข้างของเสี่ยวเฟิง แต่พวกมันก็ถูกเขาหมุนกลับทันที มีพื้นที่ไม่มากให้เสี่ยวเฟิงหนีเพราะคลื่นมอนสเตอร์กำลังไล่ตามมตัวเขามาข้างหน้าในขณะที่การโจมตีที่หลายหลายก็เข้าปกคุลมตัวเขาอย่างหน่าแน่นจากระยะไกล ดังนั้น เขาจึงไม่สามารถที่จะหนีออกไปได้โดยไร้รอยขีดขวนได้


 


“วูมม!”


 


“-83!”


 


ลูกบอลไฟวิญญาณโดนหลังของเสี่ยวเฟิง แต่มันหลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะว่ามันมาจากมุมอับ ตัวหนังสือดาเมจลอยขึ้นบรศรีษะของเสี่ยวเฟิงในทันที


 


นั้นคือบอส เนเทอร์แบนชีร์ ที่ไม่สามารถมองเห็นเลเวลของมันได้ แต่เนื่องจากมันเป็นบอสที่โจมตีจากเวทมนตร์ระยะไกล มันจึงเป็นอันตรายอย่างมากกับตัวของเสี่ยวเฟิง


 


เสี่ยวเฟิงเพิ่มจะใช้สกิลโฮลี่ไลท์ให้กับตัวเอง ในขณะที่เขากำลังดื่มมานาโพชั่นไปพร้อมกัน แบบนี้แล้ว เขาก็จะดึงเอา Mana ที่เหลืออยู่ครึ้งหนึ่งกลับมาได้นิดหน่อย


 


ในตอนนี้เสี่ยวเฟิงก็ค้นพบอุปกรณ์ส่วมใส่ที่มีประโยชน์ที่สุดบนร่างของเขา นั้นคือสร้อยคอของเขา ฟันแหลมของหมาป่า แม้ว่ามันจะเป็นอุปกรณ์ส่วมใส่ธรรมดาระดับสีเชียว การฟื้นตัวของ HP และมานา 1% ก็เป็นหนทางของการฟื้นฝูนอกเหนือจากยาโพชั่น


 


เมื่อใดที่แต้มการฟื้นฟูของยาโพชั่นระดับกลางนั้นต่ำกว่าที่เขาคาดเอาไว้ ผลการฟื้นฟูของ ฟันแหลมของหมาป่า ก็จะช่วยเสี่ยวเฟิงรับมือกับเหตุฉุกเฉินหลายอย่าง


 


สิ่งนี้ทำให้เสี่ยวเฟิง ต้องการจะอัพเดตอุปกรณ์ส่วมใส่ที่เลเวลต่ำเกินไปสำหรับเขา บนร่างของเขา และมันก็เกือบที่จะจำเป็นต้องนำออกไป


 


แต่ว่า เสี่ยวเฟิงก็มักจะข้ามขั้นเพื่อโจมตีมอนสเตอร์อยู่แพอุปกรณ์ส่วมใส่ที่เขาได้รับก็ยังอยู่ในระดับสูงอีกด้วย ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถพกพวกมันไปด้วยได้ สืง่นี้ค่อนข้างจะเป็นปัญหาสำหรับเขา


 


ดังนั้นเมื่อเขาคิดอีกครั้งหนึ่ง เสี่ยวเฟิงก็วางแผนที่จะอัพเกรดอูปกรณ์ของเขาเมื่อเขาหมดภาระกับ เฉียนโตวโตว แล้ว


 


เป้าหมายของเขาคือ โซนเลเวล 15 เข้าเกือบจะถึงเลเวล 15 แล้ว โซนเลเวล 15 พอดีจะสามารถผลิตอุปกรณ์ระดับเงินชิ้นหนึ่งและอุปกรณ์ระดับทอง แค่ของระดับหายากก็สามารถแทนที่ของส่วมใส่ของเสี่ยวเฟิงในตอนนี้ได้แล้ว


 


“กิ๊ง! เลเวลของสกิลโฮลี่ไลท์ของคุณ ได้ถูกเลื่อนขั้นเป็นระดับ 2”


 


เดอะ โฮลี่ ไลท์ (ระดับกลาง: 0/500)


 


ผลพิเศษ: เพิ่มแต้ม HP ให้กับสัตว์ประหลาดที่เป็นมิตรในทันที และแต้มการรักษาก็คือ (10 เปอร์เซ็นของ HP สูงสุดของเป้าหมาย + ค่าพลังจิตวิญญาณของตนเอง)


 


ระยะเวลาคูลดาวน์: 30 วินาที


 


แต้ม Mana ที่ต้องใช: 15 แต้ม


 


หลังจากที่ยืดเยื้อยอยู่เป็นเวลาครึ่งชั่วโมง เสี่ยวเฟิงก็ได้ยินเสียงปี๊บเตือนของระบบรายงานว่าสกิล โฮลี่ ไลท์ ได้รับการอัพเกรดแล้วในที่สุด ในขณะที่มีชิ้นส่วนของจุดที่เหลือปรากฏขึ้นในคลื่นของมอนสเตอร์


 


สกิลโฮลี่ไลท์ เป็นสกิลแรกของเสี่ยวเฟิงและก็เป็นสกิลที่ถูกใช้มากที่สุดด้วนเช่นกัย มันจึงไม่น่าแปลกใจนักสำหรับเขาที่มันจะเป็นสิ่งแรกที่ได้รับการอัพเกรด แต่เขาก็เชี่ยวชาญในการใช้งานสกิลที่ถูกใช้งานอย่างแพร่หลายสกิลอื่นเช่นกัน


 


สกิลโฮลี่ไลท์ที่ได้การอัพเกรดยังมีเเวลาคูลดาวน์เท่าเดิมและแต้มรักษาพื้นฐานเท่าเดิม สิ่งที่เปลี่ยนไปอย่างเดียงคือ จำนวนเปอร์เซ็นเพิ่มจาก 10% เป็น 15% ซึ่งก็หมายความว่าความเสียหายต้อธาตุมืดก็เพิ่มขึ้นไปเป็น 15% เช่นกัน


 


นี่คือการอัพเกรดที่ดีมาก!


 


เสี่ยวเฟิงหันกลับไปในทันที และใช้สกิลโฮลี่ไลท์ระดับกลางที่เพิ่งหมดเวลาคูลดาวน์ไป แสงสีทองได้เข้าปกคลุมอีกครั้งและแทลงใส่มอนสเตอร์ในสายตา


 


“กิ๊ง! คุณสังหาร มือหอกกระดูก เลเวล 25 และได้รับค่าประสบการณ์ 500 แต้ม”


 


“กิ๊ง! คุณสังหาร มือธนูกระดูก เลเวล 25 และได้รับค่าประสบการณ์ 500 แต้ม”


 


“กิ๊ง! คุณสังหาร เดมอนแบนชี ระดับสูงเลเวล 20…


 


“กิ๊ง!”


 



 


หน้าจอเตือนของระบบจำนวนมากปรากฏขึ้นในพริบตา ถ้ามองไปรอบๆ ภายใต้ตัวเลขดาเมจที่หนาแน่นและเป็นจุดๆ เหมือนกับควันสีแดง HP ของเหล่ามอนสเตอร์ที่ก่อตัวกันเป็นคลื่นที่อยู่จุดที่ต่ำสุดก็ได้หมดลงไปแล้วและร่างทั้งหลายก็เปลี่ยนเป็นโครงกระดูกที่ผุพังและเติมเต็มไปทั้งห้องโถงขนาดใหญ้


 


“กิ๊ง! เลเวลของคุณได้ถูกเลื่อนขึ้นไปสู่เลเวล 14 และคุณได้รับแต้มสถานะฟรี หนึ่งแต้ม”


 


ในเวลาเดียวกัน ค่าประสบการณ์จำนวนมากก็ได้แปลงผลเป็น แสงที่เลื่อนขั้นขึ้นรอบตัวเสี่ยวเฟิง และในที่สุดเขาก็ได้มาถึงเลเวล 14


 


เสี่ยวเฟิงไม่รู้ว่าครั้งนี้เขาได้ฆ่ามอนสเตอร์ไปกี่ตัว แต่พวกมันมีอยู่เป็นพันตัวอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นมันก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเลื่อนขั้นได้แบบนี้


 


ยิ่งไปกว่านั้น พวกนี่ก็ไม่ใช้ทั้งหมด แม้ว่ามอนสเตอร์ที่ก่อตัวกันเป็นคลื่นจะถูกทำให้หายไปแล้วสื่งที่เหลืออยู่นั้นก็ไม่น้อยอยู่ดี


 


ผลพิเศษของสกิลพลังแห่งพระเข้าสามารถทำงานได้เฉพาะกับเป้าหมายที่อยู่ในสายตาเท่านั้น สำหรับมอนสเตอร์เหล่านี้ที่ไม่ได้อยู่ในสายตาในตอนเริ่มเพราะถูกบดบีงไว้ด้วยกำแพงหรือด้วยมอนสเตอร์ตัวอื่น ผลพิเศษของพลังแห่งพระเข้าก็จะไม่สามารถใช้งานได้


 


เพราะฉนั้น เสี่ยวเฟิงก็ไม่สามารถกำจัดมอนสเตอร์ทั้งหมดได้ในคราวเดียวกัย มอนสเตอร์ที่ไล่ตามเข้าอยู่และอยู่ในสายตาของเสี่ยวเฟิงเท่านั้นที่จะสามารถถูกำจัดได้เหมือนมอนสเตอร์กลุ่มแรก


 


แต่ว่า แม้ว่าจำนวนของคลื่นมอนสเตอร์ที่เหลืออยู่นั้นจะมีมากมาย ส่วนน้อยของพวกมันเท่านั้นที่มี HP ไม่มาก และพวกมันส่วนใหญ่ก็มี HP ไม่เต็ม การเก็บกวาดพื้นที่ก่อนหน้านี้ทำให้เสี่ยวเฟิงมีพื้นที่ในการเคลื่อนไหวมากขึ้น และความกดดันก็ลดลงอย่างมากด้วยเช่นกัน จะบอกก็ได้ว่าเขานั้นพ้นจากอันตรายแล้ว


 


ทันใดนั้น เมื่อหันไปรอบๆ เสี่ยวเฟิงก็กลับไปยังซากกระดูกที่ตามมาด้วยการระเบิดครั้งใหญ่ในห้องโุถง และเริ่มการเก็บกวาดในทันที


 


นี่เหมือนกับการต้อสู้ในห่ากระสุน เหมือนกับการที่จะโขมยอาหารออกมาจากปากเสือ แต่เสี่ยวเฟิงคิดอย่างอื่นไม่ได้นอกจากทำสิ่งนี้ เพราะว่าเพียงหนึ่งนาที ถ้าคลื่นมอนสเอตร์ด้านหลังของเขาพุ่งเข้าหาเขา สถานที่ที่เคยเกิดการระเบิดครั้งใหญ็ขึ้นก็จะหน่าแน่นขึ้นอีกรอบและไม่มีที่อยู่ ไม่ต้องพูดถึงเวลาที่เสี่ยวเฟิงเข้าไปเก็บอุปกรณ์


 


เสี่ยวเฟิงไม่มั่นใจว่าจะสามารถเก็บกวาดคลื่นมอนสเตอรฺที่เหลืออยู่ก่อนที่อุปกรณ์จะหายไปได้หรือไม่


 


เขาเพียงให้ความสนใจกับการเก็บอุปรณ์ที่มีระดับสูงกว่าระดับเงิน เมื้อได้มองไปยังแสงสีเงินและสีทองในไอเทมที่กองกันเป็นภูเขา เขาก็เลิกเก็บเหรียญทองซะด้วยซ้ำ


 


ถว่า เสี่ยวเฟิงก็มีเวลาน้อยกว่าสามนาทีในการกำจัดเหล่ามอยสเตอร์พวกนี้ให้ราบคาบ หลังจากที่หยืบอุปกรณ์บางชิ้นขึ้นมาด้วยความเร่งรีบ เขาก็ถูกคลื่นมอนสเอตร์ไล่ลาตามหลังเขาทันที เสี่ยวเฟิงไม่มีทางเลือกนอกจากที่จะหันหลังและวิ่งอีกครั้ง


 


ในเวลาเดียวกัน เขาก็ปลดปล่อยความแค้นกับคลื่นมอนสเตอร์ที่เหลืออยู่ ทะเลสีทองก็ปรากฏขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน และเอาเมฆเข้มสีแดงออกไป


 


พื้นที่ในทุกๆ ชั้นของ ดันเจี้ยนเมืองใต้ดิก สามารถอธิบายได้ว่ามีขนาดใหญ่ เสี่ยวเฟิงอยู่ที่นี่เป็นเวลามากถึงสามชั่วโมงเพื่อกำจัดมอนสเตอร์ที่หนาแน่นและกระจายออกในสถานที่แห่งนี้ และเหลือมอนสเตอร์ที่รอดไปได้เพียงไม่กี่ตัว


 


แต่เขาก็มีการเก็บเกี่ยวที่ยิ่งใหญ่เช่นกัน อย่างแรก กระเป้าเป้ที่มี 100 ช่องของเสี่ยวเฟิงก็ได้บรรจุไว้ด้วยอุปกรณ์ส่วมใส่ เหล่านั้นเป็นอุปรณ์ระดับเงินอยู่กว่า 80 ชิ้น และ เป็นอุปกรณ์ระดับทองอยู่เกิน 10 ชิ้น ที่ไม่มีความสามารถที่ห่วยแตกเลย ถ้าอุปกรณ์พวกนี้ถูกปล่อยออกไป มันก็คงจะเกิดแผนดินไหวครั้งใหญ่อย่างแน่นอน


 


แล้วค่าประสบการณ์ของเสี่ยวเฟิงก็เพิ่มขึ้นไปเป็น 85% ของเลวลเ 14 ไม่ห่างจากการเลื่อนขั้นครั้งต่อไปนัก


 


โขคไม่ดีที่ไม่มีบอสที่สูงกว่าระดับทองอยู่ที่นี้มีเพียงแต่บอสทั่วไปที่เขาไม่ได้รับอุปกรณ์จากมันในชั้นแรกของดันเจี้ยน สิ่งนี้ทำให้เสี่ยวิฟงผิดหวังเล็กน้อบ ก็เพราะว่าเมื่อมอนสเตอร์ระดับสูงเหล่านี้มอบอุปกรณ์ให้กับเขา สิ่งที่เขาได้ทำลงไปนั้นพอสำหรับอุปกรณ์ระดับอิมมอเทล อุปกรณ์ส่วมใส่สามารถส่วมใส่แบบข้ามเลวลได้


 


“หืม? นี้มัน…”


 


ในขณะนี้ เสี่ยวเฟิงกำลังคุ้ยหาไปทั่วร่างของบอสตัวหนึ่ง เนเทอร์แบนชีที่เคยเป็นสิ่งอันตรายที่สำหรับเขาก่อนหน้านี้นั้นเอง มันถูกประเมินไว้ว่าเป็นบอสที่แข็งแกร่งที่สุดในชั้นแรกของดันเจี้ยนนี้ และมันก็เป็นตัวสุดท้ายที่เสี่ยวเฟิงกำจัด


 


เนเทอร์แบนชี ทำให้เขาได้อุปกรณ์ระดับ 35 เท่านั้น เป็นข้อบ่งชี้ว่า เนเทอร์แบนชี นั้นเป็นบอสที่มีระดับ 35 โชคไม่ดีที่ อุปกรณ์สีทองชิ้นนี้เป็นอุปกณ์ชั้นสูงที่สุดที่ เนเทอร์แบนชี สามารถมอบให้เขาได้


 


เสี่ยวเฟิงผิดหวังเล็กน้อย ทันใดนั้นเองเขาก็สบตาเข้ากับป้ายไม่สีดำที่อยู่บนพิ้น


 


โทเค็นไม้สีดำมีขนาดเท่าฝ่ามือ และสลักไว้ด้วยคำว่า “โทเต็น”


 


“นี้มัน…”


 


ภายในอึกใจเดียว เสี่ยวเฟิงก็พอจะเดาได้ ดังนั้นเขาจึงหยิบโมเค็นไม้ดำขึ้นมา


 


กิลด์โทเค็น


 


คุณภาพ: พิเศษ


 


คุณสมบัติ: สร้างใบรับรองให้กับกิลด์


 


เรืองจริงหรือนี้!


 


เสี่ยวเฟิงไม่รู้ว่าจะพูเอะไร เขาไม่คาดว่าเขาจะอะไรแบบนี้ เนเทอร์แบนชี ทำให้เขาได้รับกิลด์โทเค็น มาอย่างไม่ได้ตั้งใจ ความตกใจครั้งนี้ทำให้เสี่ยวเฟิงไม่รู้จำทำหน้าแบบไหน


แม้ว่าเสี่ยวเฟิงจะไม่แน่ใจในมูลค่าของกิลด์โทเค็น เขาก็สามารถคาดการณ์อย่างคราวๆ ได้ว่ามันต้องเป็นสิ่งที่จะทำให้กิลด์การค้าทั้งหมดในเขต Huaxia บ้าคลั่งได้อย่างแน่นอนในตอนนี้


 


เมื่อได้ทิ้งอุปกรณ์สีเงินชิ้นหนึ่งออกไป แล้วนำกิลด์โทเค็นไปใส่ไว้มนกระเป้าของเขา เสี่ยวเฟิงก็ได้ใช้เวลาทั้งกลางวันนี้ไปอย่างมีมีความหมาย บอกได้ว่าเลยเขาได้เก็บเกี่ยวอย่างเต็มที่


 


เสี่ยวเฟิงไม่สนใจมอนสเตอร์ที่อยู่กระจัดกระจายออกไป เขาอยากที่เห็นดันเจี้ยนเมืองใต้ดินชั้นที่สองเหมือนกัน เมื่อมองไปที่กระเป๋าเป่ที่อัดเต็มไปด้วยไอเทม เขาก็ทำได้เพียงยับยั้งความคิดนั้นไว้ก่อนและเลือกที่จะเดินทางกลับไปยังเมืองหลัก


 


เมื่อได้ส่งข้อความไปหา เฉียนโตวโตว และบอกเธอหาให้รอเขาที่เขตโกดังย่านถนนการค้าของเมืองเตียนหลง เสี่ยวเฟิงก็เดินทางไปที่นั้น


 


แต่เขาไม่คาดว่า เฉียนโตวโตว จะมาถึงก่อนเขา ถึงอย่างไร เธอก็พักอยู่แถวถนนการค้าอยู่แล้ว และได้รอคอยอยู่ด้านนอกของเขตโกดัง


 


“พี่ เสี่ยว! พี่ได้อะไรมาบ้าง? มันคืออะไรหรอ?”


 


ในทันที่ที่เธอมองเห็นเสี่ยวเฟิงเดินเข้ามา เฉียนโตวโตว ก็ตื่นเต้นขึ้นมาในทันทีด้วยดวงตาที่ กลมโต งดงาม และมีชีวติชีวาของเธอ เธอรู้ว่าเสี่ยวเฟิงจะไม่โทรหาเธอถ้าไม่มีเรื่องใดๆ และสถานที่เขานัดพบกันก็อยู่ในเขตโกดัง ดังนั้นจึงต้อมีบ้างสิ่งให้กับเธอแน่ๆ


 


“ฉันจะแลกเปลี่ยนกับเธอ เธอเอาของพวกนี้ไปเก็บไว้ในโกดังก่อน”


 


เสี่ยวเฟิงพูด “การเก็บของไว้ในดขตโกดังแห่งนี้ ถูกป้องกันไว้โดยระบบ แม้ว่าเธอจะต้องจ่ายเงินจำนวนหนึง แต่ความปลอดภัยต้องมาก่อนเป็นอันดับแรก”


 


“อ้า! อุปกณ์สีเงิน! ทั้งหมดมี 10 ชิ้นเชียว! พี่เสี่ยว พี่ได้ของพวกนี้มาจากไหน? คุณภาพของมันสูงจัง มันยังเอาไปขายไม่ได้ตอนนี้ แต่มันก็พอสำหรับพวกเราที่จะเอาไปไว้ใน บ้านสมบัติ เพื่อเป็นสิ่งของที่เอาไว้แสดง!”


 


ในการแแลกเปลี่ยนระหว่างตัวผู้เล่นด้วยกัน พวกเขาจะสามารถแลกเปลี่ยนได้มากที่สิบช่องเท่านั้นในแต่ละครั้ง เสี่ยวเฟิงโยนอุปกรณ์สีเงินสิบชิ้นให้กับ เฉียนโตวโตว ทำให้เธอกรี๊ดเสียงหลง จากนั้นเธอก็เอามันไปเก็บอย่างมีความสุข


 


“มีอีกหรอ? สิบชิ้นอีกแล้ว?”


 


แต่ในทันทีทันใด เสี่ยวเฟิงก็เปิดกล่องแลกเปลี่ยนอีกครั้งและโยนไอเทมเข้าไปสิบชิ้น


 


ไม่น่าเชื่อ เฉียนโตวโตว ยังคงตื่นเต้นที่ได้รับพวกมัน


 


จากนั้นเสี่ยวเฟิงก็โยนไอเทมมาอีกสิบชิ้น


 


“พี่เสี่ยว พี่…”


 


เฉียนโตวโตว พูดตะกุกตะกัก เพียงแค่เธอมองไปที่เสี่ยวเฟิงเธอก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาแล้ว


 


ในระหว่างที่รักษาความเงียบเอาไว้ เสี่ยวเฟิงก็ได้เปิดกล่องขึ้นมาและโยนไอเทมระดับเงินอีกสิบชิ้นขึ้นไปอีกครั้ง


 


“…”


 


เฉียนโตวโตว รู้สึกมึนงงเล็กน้อย และด้วยการเคลื่อนไหวที่ดูอันแข็งถื่อ เธอก็เอาไอเทมระดับเงิน 80 ชิ้นมาจากมือของเสี่ยวเฟิง เมื่อเธอคิดว่ามันหมดแล้ว เสี่ยวเฟิงก็เปิดกล่องแลกเปลี่ยนขึ้นอีกและโยนไอเทม ระดับทองขึ้นไปในครั้งนี้


 


“พี่เสี่ยว…พี่คงไม่ได้ไปโขมยสมบัติใครมาหรอกนะ? ฉันกลัวนิดหน่อย…”


 


สิ่งที่ เฉียนโตวโตว แสดงให้เห็นอยู่บนใบหน้าของเธอเปลี่ยนจากความตื่นเต้นไปเป็นความกังวลใจ อุปกรณ์ใดๆก็ตามที่เสี่ยวเฟิงหยิบออกมานั้นพอที่จะทำให้ผู้เล่นทั่วๆไป ทำการปล้นจี้แย่งชิงกันเองได้เลย แต่่เสี่ยวเฟิง โยนพวกมันขึ้นมาด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึก


 


โดยไม่ตอบอะไร เสี่ยวเฟิงก็เปิดกล่องแลกเปลี่ยนขึ้นมาอีกครั้งที่มีแค่ไอเทมชิ้นเดียงในครั้งนี้ สิ่งนั้นคือโทเค็นไม้ดำ หรือก็คือกิลด์โทเค็นนั้นเอง!


 


ด้วยใบหน้าที่แสดงออกมาอย่างเอื่อยเฉื่อย เฉียนโตวโตว ก็ขยี้ตาของเธอเพราะคิดว่าเธอนั้นเห็นภาพล่วงตา แล้วในที่สุดเธอก็จ้องไปยังป้ายไม้ดำนั้น หลังจากที่ยื่นยันว่ามันแล้ว เธอก็กระโดดดีใจในทันที


 


“อ้า! พี่เสี่ยวเฟิง ฉันรักพี่จังเลย!”


 


ไม่ปล่อยให้เสี่ยวเฟิงได้พูดสิ่งใดออกมา ตัวของ เฉียนโตวโตว นั้นก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นที่อธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ไปแล้ว เธอกอดเขาและจูบเขาแล้วเลียใบหน้าของเขาไปทั่ว สาวสวยคนนี้กลายเป็นบ้าไปอย่างสมบรูณ์แล้วในตอนนี้


110

เสี่ยวเฟิงกดไปบนใบหน้าสวยๆ ของเธอด้วยมือข้างหนึ่งแล้วดึงเธอออกไปอีกด้าน ขณะที่เขาเช็ดน้ำลายบนหน้าของเขาด้วยมืออีกข้าง สิ่งที่เขาแสดงอยู่บนใบหน้าทำให้ เฉียนโตวโตว หัวเสียอย่างมาก


 


“พี่เสี่ยว ฉันเป็นผู้หญิงนะ พี่จะทำให้ฉันเสียโฉมเอานะ” เฉียนโตวโตว ไม่พอใจ


 


“หยุดพูดแบบนั้น ฉันเบื่อเพศหญิงแล้วตอนนี้” เสี่ยวเฟิงไม่อารณ์ไม่ดี


 


“หืม? เกิดอะไรขึ้นหรอ? พี่เสี่ยวไม่ใช้ว่าพี่โดนสาวทิ้งนะ? มันไม่สำคัญหรอกถึงพี่จะอกหก! พี่ชอบฉันแบบไหนหรอ? ถึงฉันจะยังเด็กอยู่ ฉันก็หุ่นดีแถมยังสวยมากๆ อีกด้วย! ”


 


เฉียนโตวโตว นั้นตื่นเต้นกับสิ่งที่เสี่ยวเฟิงได้พูดออกมากแล้วเผยให้เห็นหน้าอกของเธอ


 


“รีบๆ เข้าเรื่องสักที” เสี่ยวเฟิงไม่เต็มใจที่จะคุยกับเธอ


 


“ก็ได้…” เฉียนโตวโตว พูดด้วยความเสียดาย “ศาลาสมบัติจะถูกสร้างขึ้นในตอนบ่ายของวันพรุ่งนี้ ฉันถูกกำหนดให้ไปจัดงานประมูลตอนค่ำของวันพรุ่งนี้ แต่เนื่องจากเรามีกิลด์โทเค็นแล้ว เราก็จะต้องรอจนกว่าระบบแลกเปลี่ยค่าเงินจะเปิดใช้งานก่อนที่จะเริ่มการประมูล ถ้าทำแบบนี้ เราก็จะสามารถทำกำไรได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย”


 


“ประกาศไปทุกเซิฟเวอร์! ณ ปัจจุบัน ผู้เล่นกว่า 50% ก็ได้เปลี่ยนอาชีพขั้นแรกสำหรับแล้วในทุกเซิฟเวอร์ และ มิท ก็จะเปิดระบบแลกเปลี่ยนค่าเงิน 24 ชั่วโมงหลังจากนี้!”


 


“ประกาศไปทุกเซิฟเวอร์! ณ ปัจจุบัน ผู้เล่นกว่า 50% ก็ได้เปลี่ยนอาชีพขั้นแรกสำหรับแล้วในทุกเซิฟเวอร์ และ มิท ก็จะเปิดระบบแลกเปลี่ยนค่าเงิน 24 ชั่วโมงหลังจากนี้!”


 


“ประกาศไปทุกเซิฟเวอร์…”


 


“ประกาศไปทุกเซิฟเวอร์…”


 


“ประกาศไปทุกเซิฟเวอร์…”


 



 


ตอนที่ เฉียนโตวโตว  ยังพูดไม่จบ การเตือนของระบบก็ดังก้องอยู่ในหัวของเธอซึ่งทำให้ เฉียนโตวโตว นั้นมึนงง แล้วจากนั้น เธอก็ยิ้มสดใสราวกับดอกไม้


 


“ดูเหมือนว่าขนาดระบบยังช่วยเราเลย ถ้าเป็นแบบนี้แล้ว เราก็ทำตามแผนเดิม การประมูลจะถูกจัดขึ้นวันพรุ่งนี้ตอนค่ำ และฉันจะปล่อยข่าวเกี่ยวกับการประมูลในคืนนี้ พี่เสี่ยว พี่ก็ไม่ต้องไปประกาศโฆษณาแล้วนะ กิลด์โทเค็นของเราคือการโฆษณาที่ยอดเยี่ยมที่สุด”


 


“อืม ตอนนี้เราขาดแค่ของใช้ระดับสูง ใช้ไหม? ฉันยังมีเวลาตอนบ่ายเหลืออยู่อีกวัน ฉันจะออกไปหาเอง” เสี่ยวเฟิงพยักหน้าแล้วพูดตอบ


 


สำหรับของใช้ระดับสูง โพชั่นจะเป็นสิ่งที่ดีเพราะผู้เล่นต้องการมันมากที่สุด เหมือนกับ ขุมทรัพย์ขุมแรกของ เฉียนโตวโตว มันจะเป็นกำไรที่งดงามอย่างแน่นอน ในการขายโพชั่นระดับกลางในหมู่บ้านเริ่มต้น ในมุมมองของผู้ทำธุรกิจแบบผูกขาดและความต้องการของผู้เล่น


 


เสี่ยวเฟิงคิดแผนการนี้ออกมาในตอนนี้ เพราะว่าเมืองหลักนั้นจะขายโพชั่นในคุณภาพที่สูงกว่าของหมู้บ้านฝึกหัด แผนที่มีระดับสูงกว่านั้นก็อาจจะขายยาโพชั่นที่มีคุณภาพสูงกว่าของเมืองหลักด้วย


 


เสี่ยวเฟิงรู้จักสถานที่แบบนั้นอยู่ที่หนึ่ง นั้นก็คือ เมืองศักดิ์สิทธิ์ที่สำนักงานใหญ่ของวิหารแห่งแสงตั้งอยู่ จากขนาดของเมืองศักดิ์สิทธิ์ เป็นไปได้อย่างมากว่าเมืองนั้นจะถูกเปิดให้ผู้เล่นในภายหลังซึ่งนั้นหมายค่าว่าจะมีร้านค้าของ NPC


 


หลังจากกล่าวลากับ เฉียนโตวโตว เสี่ยวเฟิงก็ซื้อกระเป๋าที่บรรจุของน่าอร่อยบ้างอย่าง ในถนนการค้าระหว่างทาง เนื่องจากเขากำลังจะเดินทางไปที่ เมืองศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ต้องไปเยี่ยมเสี่ยวไป๋อย่างแน่นอน


 


ผู้เล่นไม่สามารถไปถึง เมืองศักดิ์สิทธิ์ผ่านทางวงแหวนเคลื่อนย้ายตามเมืองหลักต่างๆ ได้ ยกเว้นก็แต่วงแหวนเคลื่อนย้ายของ วิหารย่อยต่างๆ ของวิหารแห่งแสง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไม เสี่ยวเฟิงขึงเดินทางไปที่วิหารย่อยของเมืองเตียนหลง ด้วยการกล่าวลาอย่างเคารพของ ไฮพรีสที่มีหน้ารับผิดชอบวงแหวนเคลื่อนย้าย เสี่ยวเฟิงก็หายไป เมืองเขาปรากฏขึ้นอีกครั้ง เขาก็อยู่ในเมืองศักดิ์สิทธิ์แล้ว


 


“หืม? นั้น อาร์ชบิชอป ไม่ใช้หรอ? แขกพิเศษ แขกพิเศษ”


 


ในทันที่ที่เสี่ยวเฟิงออกมาจากวงแหวนเคลื่อนย้าย เขาก็ได้พบกับ บิชอปเรนัลด์ ผู้ชอบพูดคุย ตอนนี้เสี่ยวเฟิงมีอะไรบ้างอย่างจะขอให้เขาช่วย เขาอาจช่วยแก้ปัญหาได้


 


“บิชอปเรนัลด์ ฉันมีคำถามสองข้อและฉันอยากให้คุณช่วย”


 


“โอ้? อาร์ชบิชอป หากคุณต้องการสิ่งใด ฉันก็จะทำให้ดีที่สุด” บิชอปเรนัลด์ นั้นกระตือรือร้นมาก เสี่ยวเฟิงสันนิษฐานว่าเขาน่าจะทำเพราะเห็นแก่ เสี่ยวไป๋ มากกว่า


 


“มีสถานที่ที่ขาย เฮ็ลท์โพชั่น อยู่ในเมืองศักด์สิทธิ์ หรือปล่าว?” เสี่ยวเฟิงถาม


 


“เฮ็ลโพชั่น?” บิชอปเรนัลด์ งุนงง


 


“มันคือ ยาโพชั่นเอาไว้รักษา คุณก็รู้นิ ฉันเป็นนักผจญภัย ของใช้พวกนี้มันมีประโยชน์กับฉันมากๆ”


 


“โอ้ คุณพูดว่า โพชั่นรักษา ใช้ไหม? วิหารแห่งแสงของเราใช้ น้ำบริสุทธ์ที่เต็มไปด้วยพลังแห่งแสงในการรักษาบาดแพล มีน้ำพุแห่งแสงอันหนึ่งอยู่ตรงกลางเมืองศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ที่มีผู้วิเศษหลายคนเก็บรวบรวม น้ำนั้นอยู่ คุณอาจจะได้พบกับพวกเขาถ้าคุณเดินทางไปที่นั้น” บิชอปเรนัลด์ พยักหน้า


 


“โอเค ปัญหาอีกอย่าง   ฉันอยากได้ ม้ายูนิคอร์นแห่งแส่ง มาเป็นสัตว์ขี่ ฉันต้องเดินทางไปที่ไหนถึงฉันจะหามันพบ?” เสี่ยวเฟิงพยักหน้าตอบแล้วพูดขึ้น


 


“ม้ายูนิคอร์นแห่งแสง? มันอาจจะลำบากหน่อยนะ” บิชอปเรนัลด์  ตอบ


 


“พูดว่าอะไรนะ?” เสี่ยวเฟิงถาม


 


“ม้ายูนิคอร์นแห่งแสงเป็นสัตว์ประหลาดที่ทรงพลัง ของพลังแห่งธรรมชาติและพลังแห่งแสง มีจุดรวมตัวของพวกมันอยู่ในภูเขาที่อยู่ด้านหลังเมืองศักดิ์สิทธิ์ แต่ว่า ด้วยอารมณ์ที่แปรปรวนของมันทำให้จ้องใช้ พาลาดินที่ทรงพลังสักหน่อยที่จะให้มันเชื่องได้สำเร็จ อาร์ชบิชอป คุณที่เป็นนักพิธีการ อาจจะมันได้รับการยอมรับจากพวกม้านั้นก็เป็นได้”


 


“ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันจะลองทำมันที่หลัง ฉันไปก่อนนะ”


 


หลังจากที่ได้ยินสิ่งที่เรนัลด์พูด เสี่ยวเฟิงก็คิดว่ามันดีแล้วตราบใดที่มีสถานที่ให้เขาจับพวกมันเขาก็พอใจ เขากล่าวลากับ บิชอปเรนัลด์ และเดินทางไปยังบ่อน้ำสักดิ์ศักธิ์เป็นอันดับแรก


 


“บอ…บอส…”


 


เสี่ยวไป๋ ที่กำลังอาบตัวอยู่ในแสงศักดิ์สิทธิ์ รู้สึกได้ถึงเสี่ยวเฟิงที่ใกล้เข้ามาได้เป็นครั้งแรก ในดวงตาที่ดูแปลกใจของเสี่ยวเฟิง เสี่ยวไป๋สยายปีกสีขาวของเธอ กระพือมัน แล้วบินเข้าไปหาเสี่ยวเฟิงอย่างมีความสุข


 


เสี่ยวไป๋สามารถบินได้จริงๆ ด้วย!


 


สื่งนี้ทำให้เสี่ยวเฟิงประหลาดใจอย่างมาก เพราะว่าเขาคิดว่าปีกของเสี่ยวไป๋เป็นเพียงสิ่งที่มีไว้ประดับเท่านั้น แต่ เขาไม่คิดว่ามันจะมีความสามารถในการบินติดอยู่ด้วย


 


ปีกทั้งสองของเสี่ยวไป๋นั้นเนี่ยนและนุ่ม เสี่ยวเฟิงเริ่มให้อาหารสัตว์เลี้ยงของเขาระหว่างที่เล่นกับปีกทั้งสองข้างและตรวจดูค่าสถานะของเสี่ยวไป๋ไปพร้อมๆ กัน เขาไม่คิดว่าระดับของเสี่ยวไป๋นั้นจะเลื่อนขั้นเป็นเลเวล 14 เช่นเดียวกับตัวเขา


 


มันดูเหมือนกับว่าบ่อน้ำแห่งแสงนั้นเป็นสถานทีที่ดี ดังนั้นเสี่ยวไป๋จึงไม่ต้องแชร์ค่าประสบการณ์ของมัน และความเร็วในการเลื่อนขั้นก็พอที่จะไล่ตามเลเวลของเขาได้ทันพอดั เสี่ยวเฟิงคิดว่าตัวเขาเองนั้นแหละที่เป็นคนที่ทำให้ความรวดเร็วในการเลื่อนขั้นของเสี่ยงไป๋ลดลงซะด้วยซ้ำ ถ้าเกิดมันไม่ถูกจำกัดไว้ด้วยเลเวลของเขาเอง ระบบของเสี่ยยวไป๋ก็จะสูงกว่านี้มาก


 


เขาเล่นกับเสี่ยวไป๋อยู่ครู่หนึ่ง เว้นไว้แต่ ไก่อ้อแอ่ ที่ว่ายน้ำไปรอบๆ เท้าของเสี่ยวเฟิงอยู่เป็นครั้งคราวและโดนเสียวเฟิงเตะกระเด็นออกไป ทุกอยากเป็นก็ปกติ


 


ค่าความชอบของเสี่ยวไป๋ถูกเพิ่มขึ้น 5 แต้ม เพราะฉนั้นเธอจึงผูกพันธ์กับเสี่ยวเฟิงมากขึ้น เธอรู้สึกอิดออกเมื่อเสี่ยวเฟิงจากไป


 


แต่ว่า เสี่ยวเฟิงก็ไม่สามารถอยู่ที่นี้เป็นเวลานานได้ เมื่อเขาได้ลูบหัวของเสี่ยวไป๋ที่เป็นผมสั้นสีเงิน เขาก็เดินออกจากที่นั้นและเดินทางไปด้านหลังของเมือง


 


รูปแบบสถาปัตยกรรมของเมืองศักดิ์สิทธิ์ นั้นดูเหมือนกับป้อมปราการมากกว่าเมือง กำแพงสูงซ้อน กันไปทั้งด้านในและด้านนอกของเมือง


 


ด้านหลังของเมืองเป็นบริเวณที่ ทำกิจกรรมของ NPC ที่ถูกรอบล้อมไปด้วยเมืองชั้นนอก แต่อยู่ไม่ไกลจากบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์มากนัก เสี่ยวเฟิงค้นพบ น้ำพุแห่งชีวิตที่ บิชอปเรนัลด์ พูดถึงอย่างง่ายด่าย


 


เหมือนกับภูมิทัศน์น้ำพุทั่วไป น้ำพุแห่งชีวิตนั้นสวยงามมาก และกลิ่นที่รุนแรงของแสงก็ยังทำให้ผู้คนรู้สึกสบายที่จะใช้มันเป็นน้ำไว้อาบตัว


 


“อาร์ชบิชอป”


 


เสี่ยวเฟิงได้พบกับ NPC ที่ขายน้ำแร่ ชายที่ขายน้ำนั้นเป็นนักพิธีการวัยกลางคน แล้วเขาก็ปฏิบัติกับเสีย่ว เฟิงอย่างสุภาพชลน์


 


เสี่ยวเฟิงเปิดรายการร้านของชายคนนั้นขึ้น ภายหลังถึงได้รู้ว่าเขามีไอเทมไว้ขายเพียงแค่สองชิ้นเท่านั้น


 


น้ำแห่งชีวิต


 


ระดับ: หายาก


 


ผลพิเศษ: HP 50 แต้มจะฟื้นคืนทันทีหลังจากการใช้งาน และมีระยะเวลาคูลดาวน์ 30 วินาที


 


ราคา: เหรียญเงิน 10 เหรียญ ต่อ น้ำยาหนึ่งขวด


 


น้ำแห่งการชำระล้าง


 


ระดับ: หายาก


 


ผลพิเศษ: MP 50 แต้มจะฟื้นคืนทันทีหลังจากการใช้งาน และมีระยะเวลาคูลดาวน์ 30 วินาที


 


ราคา: เหรียญเงิน 10 เหรียญ ต่อ น้ำยาหนึ่งขวด


 


ดวงตาของเขาก็เปล่งประกายในทันทีที่เขาเห็นมัน สมควรที่เมืองศักดิ์นั้นได้เป็นแผนที่ระดับสูง! มันขายโพชั่นจำนวนมากกว่าสองเท่าของโพชั่นระดับกลางในเมืองหลักเสียอีก! ขนาดโพชั่นระดับสูงที่ผู้เล่นสร้างก็มิอาจเทียบเท่าได้!


 


แต่ราคาที่แพงกว่าเล็กน้อยที่เท่ากับราคาสิบหยวนต่อโพชั่นหนึ่งขวด ทำให้มันไม่เปิดสู่ตลาดของผู้เล่นส่วนมาก


 


แต่ว่า เสี่ยวเฟิงไม่สนใจเรื่องนั้น ดังนั้น เขาก็ส่งข้อมูลค่าสถานะของยาโพชั่นทั้งสองชนิดไปให้ เฉียนโตวโตว ในทันที


 


“ว้าว! พี่เสี่ยว! เจ๋งมาก! ซื้อมันเลย! ซื้อมากที่สุดเท่าที่พี่จะซื้อได้! ฉันจะส่งเงินไปให้เดียวนี้แหละ!” ความตื่นเต้นของ  เฉียนโตวโตว สามารถได้ยินผ่านไปถึงปลายสาย


 


“ฉันต้องการ น้ำแห่งชีวิตและน้ำแห่งการชำระล้าง ไปเตรียมมาเยอะๆ ฉันจะให้เงินนายทีหลัง” เสี่ยวเฟิงพูดกับ NPC นักพิธีการที่ขายน้ำแร่


 


“ถ้าท่านอาร์ชบิชอปต้องการน้ำแร่ก็มาเอาไปได้เลย ไม่จำเป็นต้องพูดถึงเรื่องเงิน” NPC นักพิธีการคนนี้สุภาพมาก


 


“ไม่ต้อง ฉันจะจ่ายให้นาย แล้วฉันก็ต้องการน้ำพวกนั้นจำนวนมาก” เสี่ยวเฟิงไม่อยากจะมีพิธีรีตองอะไรกับเขานัก เพราะเขาต้องการน้ำพวกนั้นจำนวนมากจริงๆ ดังนั้น มันจึงดูไม่เป็นธรรมหากเขาได้มันมาฟรีๆ


 


“ไม่ทราบว่า ท่านอาร์ชบิชอปต้องการกี่ขวดหรอ? ฉันจะได้ไปเตรียมมันให้ท่าน”  NPC นักพิธีการ ถาม


 


“นายไปเตรียมมาอย่างละหนึ่งล้านขวดก่อนแล้วกัน” เสี่ยวเฟิงบอกจำนวนหลังจากที่เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง


 


“พรุบ!”


 


NPC นักพิธีการเซและล้มลงไปกับพื้น หลังจากที่เขาลุกขึ้นมาด้วยความยากลำบาด เขาก็ถามด้วยความไม่มั่นใจ


 


“คุณบอกว่า…เท่าไรนะ?”


 


“หนึ่งล้านขวด นายจะเตรียมได้ไหม?” เสี่ยวเฟิงยินยันคำเดิม


 


“เป็นจำนวนที่เยอะมาก ฉันเพิ่งจะขายของหมดไป ดังนั้นฉันต้องใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงในการเตรียมตัว โปรดรอสักครู่ ท่านอาร์ชบิชอป” NPC นักพิธีการเช็ดเงื่อเย็นๆ บนหัวหน้าผากของเขา


 


“ไม่เป็นไร ฉันจะกลับมาภายในชั่วโมงหนึ่ง”


 


เสี่ยวเฟิงพยักหน้า แล้วเขาก็เดินทางไปยังด้านหลังของเมืองศักดิ์สิทธิ์ อย่างไรก็ตาม มันก็ใช้เวลาไม่นานที่ เฉียนโตวโตว จะหาเงินได้เป็นกอบเป็นกำ และเขายังก็ต้องเดินทางไปที่ภูเขาด้านหลังเพื่อดูว่าเขาจะสามารถเอาม้ายูนิคอร์นแห่งแสงมาเป็นสัตว์ขี่ของเขาได้หรือไม่ เขาต้องหาทางที่จะได้สัตว์ขี่ที่บินได้มาให้ได้ แม้ว่าเขาจะไม่สามารถได้มันมาก็ได้ ม้านั้นเป็นสิ่งที่ดีที่จะสามารถทำให้ม้าของ ซื๋ออี้ ดูกระจอกไปเลยอย่างแน่นอน


 


จนถึงตอนนี้ เสี่ยวเฟิงก็ยังมีความแค้นถึงตอนที่เขาโดน ซื๋ออี้ หลอกล่อ


 


ด้านหลังของเมืองนั้นการป้องกันไม่รัดกุมเหมือนกับเมืองชั้นนอก แต่เสี่ยวเฟิงก็ไม่ได้ถูกกันตัวไว้ เมื่อเขาเดินออกจากเมือง


 


“ฮึมมม!”


 


ทันทีที่เขาก้าวออกจากประตูเมืองขนาดใหญ่ ลมแรงก็พัดปะทะหัวของเสี่ยวเฟิง เขามองขึ้นไป และมองเห็นม้ายูนิคอร์นสีขาวศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลัง กระพืบปีกของมันไปบนท้องฟ้า


 


ม้าตัวนี้บินได้จริงๆ ด้วย


 


เสี่ยวเฟิงมองไปรอบ สิ่งที่เขามองเห็นคือโลกที่เต็มไปด้วยหิมะ เมืองศักดิ์สิทธิ์นั้นแต่เดิมก็ตั้งอยู่บน ภูเขาที่มีหิมะปกคลุม


 


และนี้ก็เป็นทุ่งหิมะด้านหลังเมืองศักดิ์สิทธิ ที่สามารถมองเห็นสิ่งที่ขาวกว่าหิมะได้ทุกที่ ทั้งในฝูงหรือเป็นคู่ ม้ายูนิคอร์นศักดิ์สิทธ์ตัวสูงก็บินไปมาอยู่บนทองฟ้า


 


ด้วยไฟในดวงตาของเขา เสี่ยวเฟิงก็มองไปรอบๆ และวิ่งเข้าไปหาม้ายูนิคอร์นที่โตเต็มวัยตัวหนึ่ง


 


หนทางการจับสัตว์ขี่นั้นเหมือนกันกับการจับสัตว์เลี้ยง แต่สิ่งที่แตกต่างคือถ้าคุณจับสัตว์เลี้ยงสำเร็จ คุณก็จะได้ไข่ของสัตว์เลี้ยงที่สามารถแปลกเปลี่ยนได้ ในขณะถ้าคุณจับสัตว์ขี่สำเร็จมันก็จะเข้าไปอยู่ในช่องสัตว์ขี่ทันที



111

“ฮี้!”


ยูนิคอร์นแสงนั้นตัวสูงและดูองอาจ แสดงออกได้ถึงพลังที่เข้มแข็ง


ถึงมันจะดูแฟนตาซีไปบ้างแต่เสี่ยวเฟิงก็ยอมรับได้


“ติ๊ง! จับกุมไม่สำเร็จ สกิลการจับกุมเพิ่มขึ้น”


ยูนิคอร์นตัวนี้เชิดหน้าขึ้นแล้วจึงบินหนีออกไปด้วยปีกของมัน


เสี่ยวเฟิงไม่ยอมแพ้และพยายามจะไปจับอีกตัวนึง ด้วยคำมั่นสัญญาที่ว่าจะไม่หยุดจนกว่าจะทำเป้าหมายของเขาสำเร็จ


ทว่า ความเป็นจริงมันก็ช่างต่างจากที่เขาคิดไว้เหลือเกิน


ชายหนุ่มเดินไปรอบๆภูเขาหิมะนี้มาครึ่งชั่วโมงแล้ว แต่ก็ไม่เจออะไรแม้แต่ขนของยูนิคอร์นตัวนี้


“ไม่ยอมหรอกน่า! วันนี้ต้องจับให้ได้เลยว้อย!”


เขาพับแขนเสื้อ เบิกตากว้างและมองไปยังยอดเขาหิมะอย่างไร้จุดหมาย


เป็นอย่างที่เรนัลด์ได้บอกไว้ มันไม่ง่ายเลยที่จะจับยูนิคอร์นแสงที่โตเต็มวัย และแนะนำว่าให้เสี่ยวเฟิงจับตัวเล็กเพื่อใช้มันไปก่อนและรอให้มันโตก็ได้


แน่นอนว่าชายหนุ่มเจอพวกยูนิคอร์นตัวเล็กๆทันที


พวกตัวใหญ่ล้วนแต่บินวนอยู่แถวนี้เพื่อคอยปกป้องพวกตัวเล็ก ตัวที่นำหน้าสุดมีมงกุฎอยู่ด้วย


แต่พวกตัวเล็กๆนั้นกำลังเดินเล่นกันอย่างมื่นชื่น


ยูนิคอร์นพวกนี้มีขนสีขาวส่องแสงออกมาจตั้งแต่ใบหน้าไปตลอดลำคอ พวกมันชูคอขึ้นมองไปยังตัวที่สวมมงกุฎที่บินอยู่บนฟากฟ้า


เสี่ยวเฟิงมองพวกมันอย่างตะลึง พร้อมๆกับพวกยูนิคอร์นตัวเต็มวัยบินผ่านเหนือหัวเขาจนต้องรีบก้มหัวหลบ


ม้าสีขาวพวกนั้นมีท่าทางเย่อหยิ่งและไม่คิดจะเล่นกับพวกยูนิคอร์นเด็กๆพวกนั้น และมันก็ไปเดินกินหญ้าอย่างโดดเดี่ยว


แต่นี่ก็ทำให้เสี่ยวเฟิงได้โอกาสอันดีเยี่ยม ในเมื่อมันอยู่ตัวเดียวแบบนี้เขาก็รีบใช้สกิลจับกับมันทันที


“ติ๊ง จับกุมไม่สำเร็จ สกิลการจับกุมเพิ่มขึ้น”


ระบบแจ้งเตือนว่าเขาทำไม่สำเร็จอีกครั้ง และเมื่อยูนิคอร์นตัวนี้ก็เงยหน้าขึ้นมาแล้วเห็นเสี่ยวเฟิงที่อยู่ห่างออกไป


จากนั้นมันก็ก้มหัวลงไปดมหิมะต่อ มันไม่ได้ใส่ใจในชายหนุ่มเลย


ด้วยการนั้น เสี่ยวเฟิงก็ไม่ได้ใจเสียแต่อย่างใด เขาค่อยๆเดินเข้าไปและเมื่อสกิลของเขาคูลดาวน์เสร็จแล้วก็ใช้มันจับยูนิคอร์นอีกครั้ง


“ติ๊ง จับกุมไม่สำเร็จ สกิลการจับกุมเพิ่มขึ้น”


เขายังทำจับไม่สำเร็จ ม้ายูนิคอร์นสีขาวนี้เองก็มองเขาด้วยสายตากวนตีน แต่มันก็ไม่ได้หนีไปไหนเช่นเคย


และเมื่อเสี่ยวเฟิงคูลดาวน์เสร็จแล้วก็เริ่มใช้สกิลต่อ


“ติ๊ง จับกุมไม่สำเร็จ สกิลการจับกุมเพิ่มขึ้น”


“ติ๊ง จับกุมไม่สำเร็จ สกิลการจับกุมเพิ่มขึ้น”


“ติ๊ง จับกุมไม่สำเร็จ สกิลการจับกุมเพิ่มขึ้น”



คูลดาวน์กว่า 1 นาทีของเสี่ยวเฟิงที่รวมๆกันตอนนี้ได้ประมาณ 10 นาทีแล้วสำหรับที่เขาเสียมันให้กับม้าตัวนี้แถมยังพลาดอีก


แล้วม้าเจ้ากรรมตัวนี้ดันไม่สนใจเขาเช่นเคย มันกินหิมะต่อไปอย่างไม่สนใจใยดีทำอย่างกับเสี่ยวเฟิงไม่มีตัวตน


ชายหนุ่มต้องข่มความโกรธไว้และพยายามจะจับมันให้ได้ แต่ดูเหมือนว่าเจ้าม้าตัวนี้มันกินหิมะเสร็จแล้วพยายามจะกางปีกหนี


“เดี๋ยว!”


เสี่ยวเฟิงไม่อยากจะให้มันหนีไปได้ไม่งั้นเขาจะต้องเสียเวลา 20 นาทีไปฟรีๆ เขาจึงกระโดดไป


“ฮี้!”


ยูนิคอร์นสีขาวกระพือปีกอย่างดุเดือดแล้วมองเสี่ยวเฟิงอย่างเหยียดหยาม


ชายหนุ่มมองมันด้วยสายตาเศร้าสร้อย เขาทำอะไรมันไม่ได้แล้ว แม้จะไม่อยากให้มันหนีไปแต่ก็ไม่อาจบุ่มบ่ามเข้าไปหามันได้เหมือนกัน


ชื่อของม้าพวกนี้เป็นสีเหลือง ถ้าเขาพุ่งเข้าไปทำร้ายมันจะกลายเป็นสีแดง แถมเขายังไม่สามารถเห็นเลเวลของพวกมันได้อีกด้วย ซึ่งถ้าเกิดว่าพวกมันเลเวลสูงมากเสี่ยวเฟิงจะลำบากเอา


ดังนั้นเสี่ยวเฟิงจึงเปิดกระเป๋าและหยิบวัตถุสีขาวออกมา


นั่นคือชิ้นเค้กที่เสี่ยวไป๋เหลือไว้ มันน่าจะใช้เป็นอาหารล่อพวกยูนิคอร์นได้ หลังจากคิดไปแบบนั้นชายหนุ่มก็หยิบมันออกมา


ด้วยสายตาที่งงงวย พวกม้ามองมาที่เสี่ยวเฟิงและเค้กในมือของเขา


ชายหนุ่มยื่นมือที่ถือเค้กเอาไว้ออกไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้าและระมัดระวัง และพวกมันก็ไม่ได้มีท่าทีจะถอยหลังเลยแม้แต่น้อย และไม่กลัวชายคนนี้เลย


จากนั้นเขาก็เริ่มยื่นเค้กเข้าไปใกล้จมูกพวกมัน และพวกม้าก็ค่อยๆยื่นจมูกเข้ามาดมฟุดฟิด


“อาหารไง”


เสี่ยวเฟิงบอก เขารู้ตัวแหละว่ามันไร้สาระ แต่เหมือนว่าเจ้าม้านี่จะเข้าใจซะงั้น


หลังจากที่มันดมนิหน่อยก็เริ่มกัดและกินเค้กนั่นไป


จากนั้นเขาก็เห็นว่าดวงตาของมันเปล่งประกายพร้อมกับเส้นขนที่สั่นไหวด้วยความรวดเร็ว


ถ้าเทียบกับหิมะแล้ว เค้กน่าจะอร่อยกว่าอยู่แล้วล่ะนะ


“ก๊า!”


หลังจากที่สั่นไปทั่วร่าง ยูนิคอร์นตัวนี้ก็จ้องไปยังเค้กของเสี่ยวเฟิงแล้วก็กัดกินมันจนหมด


ด้วยเสียงนั่นเสี่ยวเฟิงต้องถอยมือกลับออกมาด้วยความกลัวว่ามันจะกัดนิ้วของเขา


ยูนิคอร์นที่กัดไม่โดนอะไรจึงได้แต่ทำหน้ามึนงง มองเสี่ยวเฟิงด้วยดวงตาเป็นประกาย


“นี่แกจะกินมือฉันด้วยไหมเนี่ย?”


เสี่ยวเฟิงพูดอย่างหวาดกลัว และคิดว่าอย่างน้อยก็ดีแล้วที่มันไม่ฉกเค้กจากมือของเขาด้วยปากของมัน จากนั้นเขาก็ยื่นชิ้นเค้กให้มัน


ดวงตาของม้าตัวนี้มองไปยังเค้กและเมินเสี่ยวเฟิงไป แต่ตอนนี้มันกลับค่อยๆยื่นหน้าเข้าไปกัดเค้กอย่างเบาๆและนุ่มนวล แล้วก็มองมาที่เสี่ยวเฟิงราวกับว่าขออีกชิ้น


“กินไปให้หมดเลย”


ชายหนุ่มส่ายหัวด้วยรอยยิ้มแล้วยื่นเค้กชิ้นที่หลือให้กับมัน


ดวงตาของยูนิคอร์นเปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น ก่อนที่จะค่อยๆกินเค้กทั้งหมดที่เหลือแล้วเลียมือของเสี่ยวเฟิง


ชายหนุ่มอาศัยจังหวะเพื่อลูบหัวมัน แต่มันก็ไม่สนใจ เขาน่าจะเตะมันไปแล้วถ้ายังเป็นเมื่อกี้


หลังจากที่มันกินเสร็จ ยูนิคอร์นก็เลียมือของเขาต่อราวกับว่ากำลังขอเพิ่ม


เสี่ยวเฟิงมองไปในกระเป๋าแล้วก็หยิบเค้กนมสตอว์เบอร์รี่มายื่นให้มัน


เจ้าม้ากินเค้กไปอีกชิ้นแล้วก็มองเขาต่อ


เสี่ยวเฟิงสัมผัสได้ถึงความนุ่มของขนมันที่ประดุจดั่งผ้าไหม และเขาก็หยิบเค้กช็อกโกแลตมาให้กับมัน


ทว่า คราวนี้ยูนิคอร์นรู้สึกหยะแหยงกับเค้กช็อกโกแลต มันพยายามเพื่อที่จะกินแต่ก็ไม่สามารถทำได้ ราวกับว่ามันไม่อาจกินของที่มีสีดำได้


เสี่ยวเฟิงตะลึงก่อนที่จะไปหยิบเค้กครีมอันใหม่ ครั้งนี้เจ้าม้ากินด้วยความรวดเร็วเหมือนเดิม


เสี่ยวเฟิงใช้สกิลจับมันอีกครั้ง และตอนนี้มันก็สำเร็จ


“ติ๊ง จับกุมสำเร็จ! ยินดีด้วยสำหรับการได้รับสัตว์ขี่ – ยูนิคอร์นแสง โปรดตั้งชื่อมันด้วย!”


“ติ๊ง สัตว์เลี้ยงของคุณ เสี่ยวไป๋ คือสัตว์เลี้ยงตัวแรกในเขตฮัวเซีย คุณต้องการจะปกปิดชื่อตัวเองไหม?”


“ติ๊ง เพราะชื่อของคุณไม่ได้รับการยืนยัน เราจะปกปิดชื่อคุณให้โดยอัตโนมัติ”


“ติ๊ง เพราะคุณจับยูนิคอร์นแสงได้ ยูนิคอร์นแสงทุกตัวเพิ่มค่าดุร้ายต่อคุณ 10 รีบหนีออกจากที่นี่ทันที”



แสงสีขาวส่องสว่างเหนือหัวของเจ้าม้าตัวนี้ และมันก็ได้เข้าไปอยู่ในกระเป๋าของเสี่ยวเฟิง


ชายหนุ่มดีใจสุดๆ แต่ก่อนที่เขาจะได้ดูสเตตัสของม้าตัวนี้ ชื่อพวกยูนิคอร์นทั้งหลายก็เปลี่ยนเป็นสีแดงและบินเข้ามาหาเขาพร้อมกัน


หา? ไอ้ม้าเวรตัวนี้เป็นเจ้าหญิงของพวกมันรึไงวะ?


เมื่อเห็นฝูงพวกยูนิคอร์นกำลังพุ่งเข้ามาด้วยดวงตาสีแดง ด้วยเวลาอันกระชั้นชิด เสี่ยวเฟิงรีบใช้คัมภีร์วาร์ปกลับเมืองทันที ถ้าช้ากว่านี้เขาตายแน่ๆ


โชคยังดีที่เวลายังพอเหลือให้เขาทำแบบนั้นได้ เมื่อแสงส่องลงมาเสี่ยวเฟิงก็ไปอยุ่ที่จุดวาร์ปของเมืองเฉิงฉุย


ชายหนุ่มถอนหายใจพร้อกมับนั่งอ่านข้อความจากระบบ


ขั้นตอนแรกก็คือตั้งชื่อ เสี่ยวไป๋ตามสีขนของมันที่ขาวนวลแบบนี้ แต่เพราะว่าชื่อนี้ถูกใช้ไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเพราะเจ้าม้าตัวนี้คือเจ้าหญิงของฝูงยูนิคอร์นพวกนั้นด้วย


“งั้นเอาเป็น เสี่ยวสุย”


“ติ๊ง คุณตั้งชื่อสำหรับสัตว์เลี้ยงของคุณว่า เสี่ยวสุย”


จากนั้นเสี่ยวเฟิงก็เปิดดูค่าสเตตัสของเสี่ยวสุยขึ้นมา


112

เสี่ยวสุย (ยูนิคอร์นแสง)


เลเวล 1


ชนิด สัตว์ขี่


ระดับ ตำนาน


ธาตุ แสง


พลังชีวิต 500/500


มานา 500/500


พลังโจมตี 50


พลังเวทย์ 50


ป้องกัน 25


ป้องกันเวทย์ 25


สกิลพิเศษ ดวงจิตแสง,ดวงจิตลม


ดวงจิตแสง (1) ยูนิคอร์นอวยพรตัวเองและเพิ่มอัตราการหลบทั้งด้านกายภาพและเวทย์ 50% ป้องกันสกิลควบคุมทุกอย่างรวมไปถึงดีบัฟ


ดวงจิตลม (1) ยูนิคอร์นอวยพรตัวเองและเพิ่มความเร็วตัวเองตามเลเวลที่เพิ่มไป ตอนนี้อยู่ที่ 110%


สกิล ขับขี่ขั้นสูง,โชคดี,อวยพรดวงจิต,ดวงจิตลม,ดวงจิตนภา,พายุรุนแรง,สายลมฮีลลิ่ง,ดวงจิตแสงจดจ้อง,เชื้อพระวงศ์


ขับขี่ขั้นสูง (ใช้ได้เมื่อเลเวล 10) ผู้เล่นสามารถขี่ได้แม้จะอยู่ในสถานะโจมตี แต่จะใช้พลังชีวิตเดียวกับสัตว์เลี้ยง หลังจากได้รับความเสียหายที่ถึงตายจะเหลืออยู่ที่ 1 และจะไม่สามารถถูกฆ่าได้ความเสียหายทั้งหมดจะถูกโอนมายังเจ้าของ


โชคดี (1) เพิ่มค่าโชคให้กับเจ้าของ และจะเพิ่มขึ้นตามเลเวลของตัวเอง ในตอนนี้เพิ่มเพียง 1


อวยพรดวงจิต (1) เพิ่มค่าสเตตัสพื้นฐานให้กับเจ้าของ ด้วยเลเวลของสกิล *1


ดวงจิตลม (1) หลังจากใช้แล้วผู้เล่นจะได้รับความเร็วเพิ่มขึ้น 100% เป็นเวลา 30 วินาที คูลดาวน์ 1 ชั่วโมง


ดวงจิตนภา (ยังไม่เปิด) ???


พายุรุนแรง (ยังไม่เปิด) ???


สายลมฮีลลิ่ง (ยังไม่เปิด) ???


ดวงจิตแสงจดจ้อง (ยังไม่เปิด) ???


เชื้อพระวงศ์ (ยังไม่เปิด) ???


ค่าสเตตัสของเสี่ยวสุยนั้นมีแค่ครึ่งเดียวของเสี่ยวไป๋ แต่อย่างน้อยก็เก่งล่ะนะ!


ความเร็วในเลเวล 1 นั้นสูงกว่าของม้าเฟอฮาน่าที่แพงที่สุดในร้านค้า เพราะของเฟอฮาน่าเพิ่มได้แค่ 50% แถมยังแค่ 10 นาทีอีก ซึ่งมันเทียบเสี่ยวสุยไม่ติด


นอกจากความเร็วแล้ว เสี่ยวสุยเองก็มีค่าสเตตัสที่สูงมาก แถมยังเพิ่มค่าโชคให้กับเจ้าของได้อีก นั่นหมายความว่ามันสามารถเพิ่มค่าหลักทั้ง 5 ให้กับเสี่ยวเฟิงได้เป็นจำนวน 50 แต้มเมื่อเลเวล 50


ยิ่งไปกว่านั้นยังมีสกิลอีกมากมายที่ยังไม่ถูกใช้งาน เสี่ยวเฟิงเชื่อว่ามันจะต้องเป็นสกิลที่ทรงพลังแน่นอน


แค่สกิลขับขี่ขั้นสูงเองก็โดดเด่นกว่าสัตว์ขี่ทั่วไปแล้ว เพราะสัตว์ขี่ปกติมันจะหายไปทันทีที่มันถูกฆ่า นั่นหมายความว่าม้าตัวนี้สามารถใช้ได้ดีกับพวกคลาสอัศวิน


สกิลอื่นที่ยังไม่เปิดเองก็เป็นเป้าหมายหลักการเพิ่มเลเวลสกิลของเสี่ยวสุย เขาสามารถขี่มันได้จริงๆตอนที่เลเวล 10 แล้ว


เขาไม่กล้าเรียกเสี่ยวสุยออกมาในเมือง ไม่งั้นจะต้องเป็นที่สะดุดตาของผู้คนแน่ๆ จากนั้นเสี่ยวเฟิงก็กลับไปยังเมืองเตียนหลง


ตอนแรกเขาเจอเฉียนและเอาเงินมา 15000 นี่เป็นเงินทั้งหมดที่เธอมีแล้ว มันต้องใช้เงินเป็นอย่างมากในการจ้าง NPC และสร้างร้านค้า ดังนั้นเฉียนจึงไม่มีเงินติดตัวเลยแต่ก็ยังให้เงินของเธอกับเสี่ยวเฟิงอยุ่ดี


ชายหนุ่มกลับมาที่เมืองศักดิ์สิทธิ์อย่างระมัดระวัง โชคยังดีที่เมืองนี้ยังปกติและไม่มีอะไรเกิดขึ้น เสี่ยวเฟิงไปหา NPC วัยกลางคนและจ่ายเงินไป 15000 เพื่อซื้อน้ำแห่งชีวิต 100,000 ขวด และน้ำชำระล้าง 50,000 ขวด


จากนั้นเสี่ยวเฟิงก็พบว่าเขาไม่สามารถเก็บยาพวกนั้นไปพร้อมกันได้


มีพื้นที่ว่าง 100 ช่องในกระเป๋าของเขาและ 10 ช่องนั้นถูกวางไปแล้ว ซึ่งแม้ว่ามันจะใหญ่กว่าผู้เล่นทั่วไปก็จริง แต่เขาก็สามารถใส่ขวดยาลงไปได้แค่ 6 ขวด ต่อ 1 ช่องเท่านั้น เท่ากับว่าเขาสามารถใส่ไปได้แค่ 540 ขวดเท่านั้น และเขาไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร


เสี่ยวเฟิงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องขนส่งขวดพวกนี้ไปเรื่อยๆ เพราะไม่มีใครสามารถมาที่เมืองศักดิ์สิทธิ์ได้นอกจากตัวเขา


เขาอธิบายเรื่องนี้ให้กับเฉียน และเธอก็ได้แต่บอกเขาว่าให้นำขวดยาพวกนั้นมาส่งด้วยตัวเองหลายๆครั้ง เพราะเธอไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงเหมือนกัน


แต่เสี่ยวเฟิงก็ปฏิเสธความเห็นนี้เพราะมันเสียเวลาเกินไป เขาให้เงิน 10000 กับเฉียนก่อนที่จะจากไป


เขาเองก็ยังได้พบกับเรนัลด์ที่เมืองศักดิ์สิทธิ์ เรนัลด์อยากจะให้เควสกับเขาไปเช็คดูภูเขาด้านหลังที่มีพวกยูนิคอร์นชุกชุมอยู่


เสี่ยวเฟิงปฏิเสธทันทีหลังจากที่ได้ยินแบบนั้น เขารีบหมุนตัวเดินออกไปด้วยความรวดเร็ว


จริงๆแล้วนี่ก็คืออีกหนึ่งสาเหตุที่เขาไม่อยากจะมาขนยาพวกนี้


นี่ก็เกือบเที่ยงแล้วและเสี่ยวเฟิงก็ทำเควสทุกอย่างเสร็จสิ้น เขาออกจากเกมและมาเตรียมอาหารเย็นให้เสี่ยวหลิงและทิ้งโน้ตเอาไว้ว่าอาหารอยู่ในเตาไมโครเวฟ แล้วก็เข้าไปในเกมเพื่อเก็บเลเวลของม้าตัวนี้


มันก็เหมือนกับสัตว์เลี้ยง สัตว์ขี่เองก็แชร์เลเวลกับผู้เล่นเหมือนกัน ต่างกันแค่สามารถเลือกแบ่งเปอร์เซ็นต์ได้มากกว่า


เสี่ยวเฟิงเริ่มคิดไปไกลเกี่ยกวับเสี่ยวไป๋ แม้ว่าเธอจะต้องแช่น้ำศักดิ์สิทธิ์ตลอดเวลาแต่ก็สามารถเก็บเลเวลได้ด้วยตัวเอง แถมด้วยความเร้วเท่ากันอีก


ชายหนุ่มตั้งใจจะแบ่ง 50% ของค่าประสบการณ์ให้กับเสี่ยวสุย จากนั้นก็ออกเดินทางไปยังภูเขากระดูกกับเธอ เพราะมันคือสถานที่ที่เก็บเลเวลได้ดีที่สุดแล้วในตอนนี้


ทั้งสองมาถึงภูเขากระดูกและเสี่ยวเฟิงก็เรียกเสี่ยวสุยออกมาหลังจากที่ดูแล้วว่าไม่มีใครอยู่แถวนี้


เสี่ยวสุยที่เลเวล 1 นั่นดูตัวเล็กกว่าที่คิดไว้ เหมือนกับพวกสัตว์ขี่ที่เกิดใหม่และยังไม่สามารถแบกเสี่ยวเฟิงได้ด้วยตัวคนเดียวมากนัก


และเมื่อเสี่ยวเฟิงต้องจัดการกับมอนสเตอร์ก็ต้องคอยปกป้องมันด้วย


ทว่า เสี่ยวสุยเองก็เย่อหยิ่งเกินไปหลังจากที่กลายมาเป็นสัตว์ขี่ให้เขา มันไม่สนใจชายหนุ่มและดมดอกไม้ไปตามทาง


เสี่ยวเฟิงหยิบเค้กออกมาอีกครั้งและในที่สุดเสี่ยสุยก็ยอมเดินตามเขาไปจนถึงภูเขากระดูก


ฝูงทหารกระดูกมากมายปรากฎตัวออกมาบริเวณทางเข้า เสี่ยวเฟิงจัดการกับพวกมันได้ในเวลาไม่ถึง 3 นาที่ด้วยสกิลโฮลี่ไลท์เลเวล 2 และแสงแห่งการเลเวลอัพก็ปรากฎขึ้นเหนือเสี่ยวสุย


“เฮ้ สัตว์ขี่ของคุณ ยูนิคอร์นแห่งแสงเป็นเลเวล 2”


“เฮ้ สัตว์ขี่ของคุณ ยูนิคอร์นแห่งแสงเป็นเลเวล 3”


“เฮ้ สัตว์ขี่ของคุณ ยูนิคอร์นแห่งแสงเป็นเลเวล 4”


เสี่ยวสุยเริ่มตัวใหญ่ขึ้นหลังจากที่เลเวล 4 ดูเหมือนว่ามันจะตัวโตกว่าตอนที่เสี่ยวเฟิงเห็นมันที่ภูเขาหิมะซะอีก


เสี่ยวเฟิงเริ่มคิดว่ามันน่าจะอัพเลเวลได้เร็วขึ้นเมื่อครั้งที่มันยังเลเวลน้อยแบบนี้ เขาจึงเลือกที่จะแชร์ค่าประสบการณ์ไปเต็มที่ 100% เพราะเขาอยากจะรีบเก็บเลเวลให้มันเป็นเลเวล 10 แล้วจะได้ขี่มันอย่างสบายใจ แต่เขาก็ยังขาดค่าประสบการณ์มากกว่า 1000 แต้มเพื่อให้มันเป็นเลเวล 5 จาก 4


หลังจากจัดการพวกกระดูกไปได้มากพอสมควร เสี่ยวเฟิงก็เดินมาที่กระดูกมังกร เขาจัดการพวกมอนสเตอร์ที่อยู่ใกล้ๆ แต่ไม่กล้าเข้าไปโจมตีพวกระยะไกล เพราะเลเวลของเขายังต่ำอยู่และอาจจะมีปัญหาได้


สัตว์ขี่เองก็ไม่ต่างจากผู้เล่นเท่าไหร่ มันใช้ค่าประสบการณ์น้อยมากในการขึ้นไปเลเวล 10 เขาใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงในการเก็บเลเวลมันให้ถึง 10


“เฮ้ สัตว์ขี่ของคุณ ยูนิคอร์นแสงถึงเลเวล 10 แล้ว สกิลขับขี่ขั้นสูงถูกปลดล็อค”


เสี่ยวสุยที่เลเวล 10 แล้วในตอนนี้ดูสง่างามและองอาจ ขนสีขาวของมันรวมไปถึงปีกช่างเตะตาเสียเหลือเดิน แต่ก็ยังมีความยโสและทำตัวเย็นชากับเสี่ยวเฟิงตลอดเวลายกเว้นแค่ตอนที่อยากจะกินเค้ก แต่ก็ยังสนิทมากขึ้นล่ะนะ


ท้ายที่สุด เสี่ยวเฟิงก็ขี่มันได้ เพราะเขาใช้เค้กเป็นตัวล่อ


“สบายสุดๆ!”


เสี่ยวเฟิงถอนหายใจ เสี่ยวสุยนั้นสูงกว่า จูจูเบ ดังนั้นเขาจึงมองเห็นรอบข้างได้กว้างกว่า แถมเสี่ยวสุยยังแข็งแกรงกว่าด้วย มันกระพือปีกแล้วเสี่ยวเฟิงก็มีความสุขสุดๆ


“วิ่งไปเลยเสี่ยวสุย! ใช่สกิลดวงจิตลม!”


เสี่ยวเฟิงจับหัวมันไว้ ภาพรอบข้างของเขาเคลื่อนตัวไปอย่างรวดเร็ว ภายใต้แรงกดดันจากสายลมที่พัดมาอย่างรวดเร็วจนเกือบจะต้องตกจากหลังม้าตัวนี้ มันเร่งความเร็วสูงสุดได้ในเวลาไม่กี่วินาที! เสียงลมพาดผ่านหูของเขาอย่างน่ากลัว


“ฮ่าๆ โคตรเจ๋ง!”


เสี่ยวเฟิงหัวเราะออกมาอย่างตื่นเต้น ไม่มีชายคนไหนไม่ชอบความเร็วหรอก


สกิลนี้มีผล 30 วินาทีก่อนที่มันจะกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง แต่ก็ยังนานกว่าสัตว์ขี่ธรรมดาอยู่ดี ยิ่งไปกว่านั้นภูเขากระดูกก็อยู่ในระยะสายตาของเขาภายในเวลา 30 วินาทีนั่น


เขายังเสียใจที่เสี่ยวสุยยังไม่สามารถใช้สกิลดวงจิตนภาได้ ไม่งั้นจะต้องตกเป็นเป้าสายตาแน่ๆ


เสี่ยวเฟิงดูแผนที่แล้วพบว่าเขาอยู่ที่นอกเมืองเตียนหลง และกำลังอยู่ที่เมืองหลักที่ชื่อว่าหนานฮง ซึ่งใกล้กับเตียนหลงมากที่สุด ถ้าเขาใช้คัมภีร์วาร์ปจะต้องกลับไปที่หนานฮงแน่ๆ


เขาไม่คิดว่าตัวเองจะออกมาได้เร็วขนาดนี้ แต่ยังไงเสียภูเขากระดูกก็ไกลจากเมืองเตียนหลงมาก


เสี่ยวเฟิงครุ่นคิดอยู่ว่าจะเก็บเลเวลยังไงดี แต่เขาก็ได้ยินเสียงผู้เล่นจากป่าข้างหน้าเขาจนต้องรีบเก็บเสี่ยวสุยกลับเข้าไปในช่องสัตว์ขี่


113

“พวกแกต้องคอยจับตาดูไว้นะ แล้วอย่าให้ใครเข้ามาได้ ฉันจะผูกขาดวัตถุดิบพวกนี้”


“อย่าห่วงเลยลูกเพ่ ผลโลหิตคือวัตถุดิบหลักในการทำโพชั่นขั้นสูง ไม่มีใครหน้าไหนจะเอามันไปได้ ฉันส่งคนไปจัดการพวกที่รู้สูตรกันหมดแล้ว แถมไม่มีใครเข้าใกล้ที่นี่ได้เลย คนของฉันเก็บผลไม้นี่กันตลอดเวลาเลย”


ที่นี่คือป่าผลไม้ที่มีความใกล้เคียงกับผลตะวันแดงในป่ามูกวง แต่มันก็แตกต่างกันอยู่


เสี่ยวเฟิงได้ยินบทสนทนาพวกนั้นจากสองคนที่ยืนอยู่หน้าเขา


ชายหนุ่มมองอย่างสงสัยและเห็นผู้เล่นสองคน


คนแรกคือชายวัยกลางคนอ้วนๆที่มีชื่อว่า นักธุรกิจหิวเงิน และชายวัยกลางคนที่ยืนข้างเขาชื่อ เลโอพาร์ต


“ลูกพี่ ป่านี้มันติดกับกิลด์ใหญ่ด้วย ผมเกรงว่าพวกเขาจะต้องเจอที่นี่แน่ๆ กิลด์มันนี่ของพวกเราสู้มันไม่ได้หรอก”


เลโอพาร์ตพูดออกมา


“อย่าห่วงไปเลย มีน้อยคนนักที่เป็นผู้เล่นชีวิตแล้วมีเลเวลสูงๆน่ะ ไม่มีใครรู้หรอกว่าผลไม้โลหิตเนี่ยมันมีค่ามากแค่ไหนเพราะว่าไม่มีใครมีสกิลทำยามาก่อนน่ะสิ แถมของแบบนี้สำหรับพวกมันแล้วไม่มีค่าอะไรให้ถึงขั้นต้องฆ่าแกงกันพื่อแย่งชิงมันหรอก เชื่อฉันสิเพราะฉันคือหัวหน้าของแกไงล่ะ”


นักธุรกิจหิวเงินพูดด้วยความมั่นใจ เสี่ยวเฟิงเองก็สัมผัสได้ถึงความประหลาดจากชายคนนี้


“เข้าใจแล้วลูกพี่ ไม่มีใครหน้าไหนหรือกิลด์เก่งๆกล้าเผชิญหน้ากับยอดนักธุรกิจแห่งโลกมิทอย่างลูกพี่แน่ๆ แต่ถ้าเป็นแบบนี้จะมีคนรู้นะว่าลูกพี่มีความสัมพันธ์กับกิลด์มันนี่”


“คิดมากน่า ไม่สำคัญหรอก ฉันเชื่อว่าหัวหน้ากกิลด์เกง่ต่างก็รู้ดีอยู่แล้วแหละ เมื่อครั้งประมูลรอบที่แล้วตอนฉันยกมือขึ้นประมูลไปก็มีคนทำหน้าตาประหลาดแล้วก็ต้องน่าจะรู้ตั้งแต่ตอนนั้นแล้วล่ะ” ชายอ้วนโบกมือ


“ถ้าเป้นแบบนั้นกิลด์การค้าชื่อ ศาลาขุมทรัพย์ ที่เพิ่งจะก่อตั้งไปเนี่ย ชื่อของมันปรากฎขึ้นบนเขตฮัวเซียแถมมีคนพูดถึงบ่อยๆด้วย มันต้องเป็นองค์กรที่เก่งกาจมากแน่ๆ และผมสงสัยจริงๆว่าทำไมมันถึงโปรโมตตัวเองในเขตนี้” เลโอพาร์ตบอกกับเขา


“มันก็แค่สมาพันธ์การค้าธรรมดาๆแหละเดี๋ยวก็หายไปแล้ว หลังจากที่ระบบเปลี่ยนเงินเปิดในวันพรุ่งนี้ ฉันก็จะผูกขาดการค้าทุกอย่างที่เป็นโพชั่นขั้นสูง” ชายอ้วนพูดด้วยความหยามเหยียด


“แต่พวกเราได้ข้อมูลน่าสนใจจากที่นั่นด้วยนะ”


คำพูดพวกนั้นทำให้เสี่ยวเฟิงตั้งใจฟัง


“หมายความว่าไง?” นักธุรกิจหิวเงินเองก็ประหลาดใจในคำพูดนั่น


“เขาว่ากันว่าศาลาขุมทรัพย์นั่นตั้งโดยหญิงสาวที่ชื่อ เฉียนโตวโตว นั่นน่าจะไม่ใช่ชื่อตัวละครแต่น่าจะเป้นชื่อจริงเลย” เลโอพาร์ตพูดแล้วมองหน้าลูกพี่ของเขา


“อะไรนะ เฉียนโตวโตว? พูดจริงปะเนี่ย?” ชายอ้วนกระพริบตาปริบๆ


“ลูกพี่เชื่อในแหล่งข่าวเถอะ เขาเป็นลูกสาวพี่ใช่ไหมล่ะ?”


เสี่ยวเฟิงเองก็ตะลึงกับคำพูดนี่ เขาไม่คิดว่าเฉียนจะเป็นลูกสาวของชายอ้วนคนนี้


“นังเด็กเวรนี่! ฉันไม่เจอเธอมาหลายวันแล้ว ทำไมถึงมาตั้งกิลด์ในเกมออนไลน์ได้ล่ะ? อีกอย่างฉันไม่เชื่อหรอกว่าเธอทำแบบนั้นได้ด้วยตัวคนเดียว” ชายอ้วนสบถ


“เขาว่ากันว่าเธอมีพระขั้นเทพคอยหนุนเธออยู่ เขาเป็นผู้เล่นระดับท็อปของเขตฮัวเซียและน่าจะให้วัตถุดิบดีๆกับเธอแน่ๆ ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังได้รับการช่วยเหลือจากทางเมืองช่วยโปรโมตด้วยนะ ผมว่านี่แหละคือเหตุผลว่าทำไมสมาพันธ์นี้ถึงมีชื่อเสียง” เลโอพาร์ตบอก


“ผู้เล่นระดับท็อปงั้นเหรอ? หืม การที่สามารถจัดตั้งสมาพันธ์ด้วยตัวเองด้วยของที่ได้จากเขางั้นเหรอ? ฉันล่ะสงสัยจากในตัวตนของพระขั้นเทพคนนั้นจริงๆ ถ้าเป้นไปได้ก็อยากจะร่วมงานด้วยอยู่นะเนี่ย”


พวกเขาเดินไปด้วยกันเรื่อยๆจนเสี่ยวเฟิงไม่ได้ยินอะไรเพิ่มเติม ชายหนุ่มเองก็เดินไปตามทางของเขาและได้แต่สงสัยในสิ่งที่เขาพูด


เสี่ยวเฟิงกลับไปที่ภูเขากระดูกและเก็บเลเวลที่นั่นจนในที่สุดก็เลเวล 15 ในเช้านี้


“เฮ้ ยินดีด้วย คุณเลเวล 15 และได้รับแต้มสเตตัส 1 แต้ม”


ตอนนี้สกิลทั้งหมดของเขาเองก็เข้าสู่เลเวล 2 เช่นกัน แถมเสี่ยวสุยเองก็เลเวล 12 แล้วด้วย


“เฮ้ สัตว์ขี่ของคุณ ยูนิคอร์นแสงเลเวล 12 แล้ว”


“เฮ้ สกิลอวยพรอาวุธของคุณได้เข้าสู่ระดับกลางแล้ว”


“เฮ้ สกิลอวยพรกล้าหาญของคุณได้เข้าสู่ระดับกลางแล้ว”


“เฮ้ สกิลชำระล้างของคุณได้เข้าสู่ระดับกลางแล้ว”


“ติ๊ง สกิลค้อนยักษ์แห่งความยุติธรรมเข้าสู่เลเวล 2 แล้ว”


อวยพรอาวุธ (ระดับกลาง 0/500)


เพิ่มพลังโจมตีให้กับเพื่อน (15% ของพลังโจมตีเป้าหมาย + ค่าแข็งแกร่งผู้ร่าย) เป็นเวลา 60 วินาที


คูลดาวน์ 30 วินาที


ใช้มานา 15


อวยพรกล้าหาญ (ระดับกลาง 0/500)


เพิ่มพลังเวทย์มนต์ให้เพื่อน (15% ของพลังเวทย์เป้าหมาย + ค่าปัญญาผู้ร่าย) เป็นเวลา 60 วินาที


คูลดาวน์ 30 วินาที


ใช้มานา 15


ชำระล้าง (ระดับกลาง 0/500)


ล้างสถานะผิดปกติของเพื่อน โอกาสสำเร็จ (เลเวลเป้าหมาย + เลเวลสกิล – ค่าเลเวลของสถานะผิดปกติ) x 100%


คูลดาวน์ 15 วินาที


ใช้มานา 15


ค้อนยักษ์แห่งความยุติธรรม (เลเวล 2 0/500)


เปลี่ยนค้อนตัวเองให้กลายเป็นค้อนแห่งความยุติธรรมและโจมตีเป้าหมายด้านหน้า สร้างความเสียหายธาตุแสง (พลังโจมตี x 200%)


คูลดาวน์ 60 วินาที


ใช้มานา 20


เสี่ยวเฟิงใส่รองเท้าระดับตำนานที่เขาต้องการได้เสียที รองเท้าซาลาแมนเดอร์ และใส่เข็มขัดระดับเยี่ยมยอดที่เขาดรอปได้ในถ้ำซาลาแมนเดอร์ เขาสนใจสกิลหลบของมันเป็นอย่างยิ่ง


แต่อาวุธเลเวล 15 ทั้งสองเองก็ช่วยเพิ่มค่าสเตตัสของเขาเหมือนกัน ยิ่งไปกว่านั้นสกิลวัฎจักรชีวิตเองก็ให้ค่าสเตตัส 3 แต้ม เพราะเลเวลของเขาเพิ่มขึ้นบ้างแล้ว


ผู้เล่น แด็ด


เลเวล 15


อาชีพ ผู้ประกอบพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์


ชื่อเสียง 320


ธาตุ ศักดิ์สิทธิ์


พลีงชีวิต 333/333


มานา 321/321


พลังโจมตี 125-133


พลังเวทย์ 102-102


ป้อกงัน 92-97


ป้องกันเวทย์ 81-87


ค่าสเตตัส


แข็งแกร่ง 125


ทนทาน 114


ว่องไว 99


ปัญญา 102


จิตใจ 108


แต้มค่าสเตตัสที่เหลืออยู่ 0


ทาเลนต์อาชีพ – พลังเทพเจ้า (เลเวล 5),กายาศักดิ์สิทธิ์ (เลเวล 1)


สกิลอาชีพ


โฮลี่ไลท์(กลาง),ชำระล้าง(กลาง),อวยพรอาวุธ(กลาง),อวยพรกล้าหาญ(กลาง),ค้อนแห่งความยุติธรรม (2)


สกิลชีวิต


สอดแนมขั้นสูงและเก็บของ


เทียบกับผู้เล่นทั่วไปเสี่ยวเฟิงมีค่าสเตตัสที่น่ากลัวมาก ส่วนใหญ่แล้วพวกเขามีแค่ครึ่งเดียวของเสี่ยวเฟิงทั้งนั้น


แต่ชายหนุ่มก็ยังไม่พอใจ อุปกรณ์ของเขาเองก็ล้าหลังเกินไปแถมยังเป็นของเริ่มต้นอีก ดังนั้นค่าสเตตัสที่ได้จากมันย่อมไม่สูงอยู่แล้ว


แต่การที่จะได้อุปกรณ์ระดับสูงมันก็ยากเอาการอยู่ อันที่จริงแล้วแม้แต่อาวุธหายากเองก็สมชื่อของมันในตอนนี้มาก


ดังนั้นเสี่ยวเฟิงจึงเลือกที่จะปักหลักอยู่ที่โซนเลเวล 15 เพื่อหาอุปกรณ์ดีๆต่อไป


เขามองเวลาที่ตอนนี้เที่ยงคืนแล้ว นั่นหมายความว่ามอนสเตอร์พวกนี้จะกลับมาใหม่อีกครั้ง


แต่ก่อนที่เขาจะเข้าโซนเร่งรีบ เสี่ยวเฟิงต้องหาคนที่จะให้เขาเปลี่ยนอาชีพที่เมืองเตียนหลงก่อนเพื่อที่จะได้เรียนสกิลที่เลเวล 15


“ว้าว ของเขาแม่งโคตรเทพเลย!”


“ท่านอาจารย์ต้องการศิษย์ไหม?”


“พี่ชาย ช่วยพวกเราเก็บเวลหน่อได้ไหม? ช่วยพวกเราทีเถอะ!”


“ท่านเทพต้องการลูกน้องไหม? ฉันจะไม่ทำให้นายผิดหวังเลย”


“เฮ้พวก อยากขายของหน่อยไหม?”



เตียนหลงเต็มไปด้วยผู้คนมากมายในตอนเช้า พวกผู้เล่นเริ่มต้นยืนอยู่ที่ห้องเปลี่ยนอาชีพ ไม่มีใครจำเสี่ยวเฟิงที่สวมหน้ากากได้ แต่อย่างน้อยก็สะดุดตาด้วยอาวุธของเขา


ชายหนุ่มเมินพวกเขาและเดินต่อไปยังโถงเปลี่ยนอาชีพ


ไม่มีใครกล้าหยุดเขา หลายๆคนต่างก็หลักทางให้และเสี่ยวเฟิงก็เห็น NPC ที่ชื่อเตียนหลงพาลาดิน


และเสี่ยวเฟิงก็เดินลัดคิวไปยังด้านหน้าของผู้เล่นหญิงทั้งหมด เขาเห็น NPC สาวคนเดิมที่เคยเป้นคนเปลี่ยนอาชีพให้กับเขา


“อาร์คบิชอป! อะไรนำท่านกลับมาที่นี่กัน?”


เสี่ยวเฟิงปกปิดตัวตนของเขาด้วยฐานะอาร์คบิชอป แต่NPCสาวต่างก็ทักทายเขาอย่างดิบดีหลังจากเห็นตราบนหน้าอกเขา พวกผู้เล่นทั้งหลายต่างก็มองตาปริบๆ


เขาเป็นNPCด้วยเหรอ?


“ฉันมาเรียนสกิลน่ะ เธอคงจะสอนฉันได้สินะ?”


เสี่ยวเฟิงบอกเขาไปทันที เขาเปลี่ยนอาชีพเป็นผู้ประกอบพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์แล้ว ดังนั้นเขาไม่คิดว่าน่าจะเรียนสกิลได้จากNPCคนเดิม


“ท่านอยากจะเรียนสกิลงั้นหรือ? แต่ฉันสามารถสอนสกิลธรรมดาให้กับท่านได้เท่านั้น…” ไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่เธอจะพูดแบบนี้ออกมา


“ไม่เป็นไร ฉันแค่อยากจะเรียนสกิลธรรมดานี่แหละ”


เสี่ยวเฟิงไม่ได้อยากจะบังคับเธอเท่าไหร่ เขาเลือกที่จะเรียนสกิลเลเวล 15 ไว้ก่อนอย่างน้อยมันก็ยังช่วยเขาได้บ้าง


“ถ้างั้นท่านอาร์คบิชอป โปรดเลือกสกิลที่ท่านต้องการ แต่ทุกคนจะเลือกได้ตอนที่เลเวล 15 และท่านไม่ใช่ข้อยกเว้น”


หญิงสาวแสดงหน้าจอสกิลให้เสี่ยวเฟิงดู


ชายหนุ่มเลือกไว้นานแล้ว เขาเลือกสกิลอวยพรชีวิตทันที และเมื่อเขาเรียนสกิลนี้ก็จะไม่มีใครตั้งแง่ในตัวเขาในฐานะของฮีลเลอร์อีกแล้ว


“เฮ้ คุณได้เรียนสกิลอวยพรชีวิต”


อวยพรชีวิต (0/100)


เพิ่มขีดจำกัดพลังชีวิตของเป้าหมาย (คำนวนจากค่าแข็งแกร่งของผู้ร่ายทั้งหมด) เป็นเวลา 60 วินาที


คูลดาวน์ 30 วินาที


ใช้มานา 15


114

หลังจากเรียนสกิลไปแล้ว เสี่ยวเฟิงก็ออกจากเมืองมาทันที เขาเรียกเสี่ยวสุยออกมาในที่ที่มีคนน้อยแล้วก็รีบมุ่งหน้าไปยังทุ่งเทา


เขาไม่รู้ว่าโบลตันได้สร้างค่ายแนวหน้าเอาไว้หรือเปล่า เพราะถ้ามีก็น่าจะใช้คัมภีร์วาปได้


เสี่ยวเฟิงตั้งใจจะไปที่โซนเร่งรีบเลเวล 15 ที่ชื่อว่า เมืองร้าง เพื่อเก็บเลเวลที่นั่นด้วย


อันดับแรกคือพวกมอนสเตอร์ที่เมืองร้างนั้นเป้นธาตุมืดและเขาสามารถล้มมันได้ง่ายกว่าที่ต้องใช้ทีมทั้ง 19 คน


อันดับสอง เมืองร้างเองก็ให้อุปกรณ์เลเวล 15 กับเขาด้วย ถ้าเขาทำเควสที่นี่สำเร็จก็น่าจะได้รับอุปกรณ์ที่ดีกว่าถ้ำซาลาแมนเดอร์


ยิ่งไปกว่านั้น เขาน่าจะเก่งพอที่จะทำเควสได้ด้วยตัวเองเร็วกว่าทีมที่มี 20 คนแน่ๆ และถ้าไม่จำเป็นเขาจะไม่แสดงความสามารถที่แท้จริงต่อหน้าทุกคน


เหตุผลหลักๆของเขาในตอนนี้ก็คือ เสี่ยวเฟิงอยากเจอหน้าปีศาจแห่งความเกลียดชังอีกครั้ง เขาตะลึงกับมอนสเตอร์ตัวนี้มาก


สกิลฝันร้ายไม่สิ้นสุดของมันทำให้ผู้เล่นทุกคนแทบบ้า จนเสี่ยวเฟิงต้องห้ามพี่น้องนิโคลัสบอกตำแหน่งของที่นี่ให้กับคนอื่น


ตอนนี้เขาพบว่าโบลตันได้สร้างค่ายแนวหน้าเอาไว้แล้ว มันดูซ่อมซอแต่ก็พอใช้ได้ นี่คือเหตุผลว่าทำไมสิ่งปลูกสร้างในเกมนี้ถึงได้ปรากฎกันเร็วนัก


“อะไรนะ? ยูนิคอร์นแสง?”


โบลตันแปลกใจที่ได้เห้นเสี่ยวสุย


เสี่ยวเฟิงไม่คิดจะอยู่ที่นี่นานนัก เขาทักทายโบลตันและซื้อคัมภีร์วาร์ปจากNPCแถวนั้นก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังเมืองร้าง


ที่นั่นถูกล้อมไปด้วยเวทย์ที่ทำให้พื้นที่แถวนี้กลายเป็นเขตเร่งรีบไปแล้ว  NPCทหารมากมายยืนรอคอยให้เควสกับพวกเขาอยู่


“เฮ้ คุณกำลังเข้าสู่เขตเร่งรีบ เมืองร้าง!”


พวกชาวบ้านที่เกิดใหม่เดินกันเต็มไปหมดบนท้องถนนอันว่างเปล่า และกลายเป็นมอนสเตอร์ระดับอีลิตไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นมันยังมีจำนวนมากกว่าในถ้ำซาลาแมนเดอร์อีกด้วย แต่ที่เมืองร้างนี้สามารถตั้งทีม 20 คนและช่วยกันล้มบอสได้ เพราะฉะนั้นมันจึงไม่ยากไปกว่าถ้ำซาลาแมนเดอร์หรอก


เสี่ยวเฟิงเปิดแผนที่ในเขตนี้และพบว่ามีบอส 3 ตัวในเมืองร้างนี้ ตัวแรกคือกัปตันกองกำลังประชาชนผีดิบที่เดินอยู่กลางลานกว้าง ตัวที่สองเป็นผีดิบชนชั้นสูง และตัวสุดท้ายก็คือผีดิบหัวหน้าเมือง


ชายหนุ่มตะลึงหลังจากที่อ่านแผนที่ แล้วปีศาจแห่งความเกลียดอยู่ที่ไหนล่ะ?


เสี่ยวเฟิงตะลึงและเริ่มจัดการมอนสเตอร์


ค่าสเตตัสของเขายังได้รับการเพิ่มอยู่ดีแม้จะไม่ได้เรียกสัตว์เลี้ยงออกมา นี่คือเหตุผลว่าทำไมสัตว์ขี่ถึงดีกว่าสัตว์เลี้ยง


“-258”


“-258”


“-258”


“-258”



โฮลี่ไลท์ระดับกลางนั้นทำดาเมจแรงมากสำหรับพวกผีดิบ เสี่ยวเฟิงจัดการพวกมันอย่างง่ายดาย พวกชาวบ้านผีดิบถูกดึงดูดและถูกจัดการในทันที


นี่คือกลุ่มมอนสเตอร์โจมตีปกติ และเสี่ยวเฟิงไม่ต้องรีรอที่จะใช้โฮลี่ไลท์ใส่พวกมัน แถมยังใช้สกิลสิ่งไฟของรองเท้าซาลาแมนเดอร์พุ่งเข้าใส่มัน เขาใช่สกิลบัฟอาวุธตัวเองและโจมตีใส่มันด้วยเช่นกัน


เพียงพริบตาพลังโจมตีของเขาเพิ่มเป็น 422


ค้อนทอนปรากฎบนมือของเขา ซึ่งเป็นเลเวล 2 และมันเพิ่มศักยภาพของตัวเองได้มาก ความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นเท่ากับคูณสอง


“-844”


“-844”


“-844”



พวกชาวบ้านผีดิบทั้งหลายเสียเลือดไปครึ่งนึงต่างก็ถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยม


ตอนนี้เสี่ยวเฟิงเหมือนกับตัวเองเป็นหมาป่าในฝูงแกะ เขาใช้สกิลไฟเสริมอาวุธเขาและจัดการพวกชาวบ้านจนกลายเป็นผง


พวกมอนสเตอร์บนถนนทั้งหลายถูกจัดการจนหมดสิ้น และรีบหันไปโจมตีบอสทันที


เขาพบหัวหน้าทหารที่ลานกว้าง และมันเป็นอีลิตบอสเลเวล 15 สกิลของมันคือสกิลของพวกนักรบทั้งนั้น เสี่ยวเฟิงหาสกิลฝันร้ายไม่เจอเลย


ชายหนุ่มฆ่ามันเพียงชั่วพริบตาและมันดรอปดาบระดับหายากสุดๆ และอุปกรณ์หายากมากมาย เกราะไหล่เองก็น่าจะเหมาะกับเขาอยู่ เขาใส่มันเพื่อเพิ่มค่าสเตตัสทันที


จากนั้นเสี่ยวเฟิงก็เจอบอสตัวที่สองที่เป็นชนชั้นสูง มันกำลังยืนอยู่กลางสวนที่คุ้มกันโดยคนรับใช้ของมัน มันเก่งกว่าพวกชาวบ้านก็จริงแต่ก็เทียบกับเสี่ยวเฟิงไม่ได้ เขาจัดการพวกมันทั้งหลายภายใน 5 นาที


บอสตัวที่สองดรอปของมากมาย และมีโล่ระดับตำนานหล่นมาบ้าง มันมีค่าสเตตัสที่สูงและสกิลป้องกันสองสกิล ซึ่งเป็นของที่มีค่ามาก


ยิ่งไปกว่านั้นก็ยังมีของระดับหายากสุดหล่นมาสองชิ้น หนึ่งในนั้นเป็นถุงมือที่ใส่ได้ทุกคลาส มันช่วยเพิ่มค่าคริติคอลและอัตราการโจมตีเข้าเป้า ถึงจะไม่มีสกิลแต่เสี่ยวเฟิงก็ใส่มันเพื่อเพิ่มค่าสเตตัส


ชายหนุ่มเองก็สามารถใช้อุปกรณ์ระดับหายากได้เหมือนกัน เขาถอดของเก่าๆออกแล้วใส่ใหม่จนเกือบหมด


นี่คือข้อดีที่เขาลงผ่านเควสนี้คนเดียว เพราะของทุกอย่างจะตกเป็นของเขาคนเดียว


บอวตัวสุดท้ายคือหัวหน้าเมือง แต่ก่อนที่จะโจมตีมันเสี่ยวเฟิงก็เดินไปที่โบสถ์ร้างก่อน เขาต้องไปพบกับปีศาจตัวนั้นที่คุกใต้ดิน


แต่เขาก็ต้องประหลาดใจ เพราะที่โบสถ์นี้กลายเป็นสิ่งปลูกสร้างธรรมชาติ มีพวกสาวกไม่กี่คนเท่านั้นและเขาก็หาคุกใต้ดินไม่เจอ


เขาจึงต้องจำใจเดินกลับไปหาบอสตัวสุดท้ายเพื่อจบเควสนี้


เหมือนกับราชากิ้งก่า หัวหน้าเมืองนี้เองก็เป้นบอสแถมยังเก่งกว่าราชากิ้งก่าเสียอีก


บอสตัวนี้เป้นนักรบที่มีสกิลมากมาย ยิ่งไปกว่านั้นยังมีร่างที่เล็ดและรวดเร็วกว่าเยอะ ผู้เล่นที่ปวดหัวกับมันคือคนที่อยู่แนวหน้าซะมากกว่า


เสี่ยวเฟิงจัดการหัวหน้าเมืองทันทีที่อ่านสกิลมันจบ เมื่อมั่นใจแล้วว่ามันไม่มีฝันร้ายไม่สิ้นสุด ดูเหมือนว่าปีศาจแห่งความเกลียดจะเป็นบอสพิเศษที่ไม่โผล่มาในเขตเร่งรีบเท่านั้น


ของดรอปมากมายหล่นลงมาจากบอสตัวนี้ และนั่นก็มีไอเทมระดับตำนานที่ดูเหมือนจะเป็นธนูยาว แถมยังมีอาวุธระดับหายากและหายากสุดๆมากด้วย เสี่ยวเฟิงใส่ชุดทที่ดูปกติและใส่ชุดเริ่มต้นเพื่อปกปิดตัวเอง ส่วนพวกสร้อยคอ ต่างหู และแหวนเองก็ช่างมันไปเพราะปกปิดไม่ได้อยู่แล้ว


เสี่ยวเฟิงเป็นคนแรกที่จบเควสนี้ได้ ดังนั้นจึงได้ไอเทมอื่นเพิ่มเติม


มันมีหนังสือสกิลของคลาสนักรบอยู่ด้วย


“เฮ้ คุณได้จบเควสของเมืองร้างและได้รับค่าประสบการณ์ 200,000 แต้ม”


เสี่ยวเฟิงออกจากเมืองนี้และกลับไปที่สตูดิโอของเขาและอัพโหลดตำแหน่งของเมืองร้างนี้ไปในนั้น แต่ทว่าก็มีผู้เล่นบางคนที่อัดวิดิโอการไลฟ์ของเขาเอาไว้ 24 ชั่วโมงอยู่แล้ว ดังนั้นจึงมีบางคนที่รู้โซนนี้แล้ว


จากนั้นชายหนุ่มก็กลับมาที่เทียนหลงและเอาของเกือบทุกอย่างในนั้นไปให้เฉียน ซึ่งเธอเองก็ตื่นเต้นสุดๆและบอกเขาว่าการประมูลจะมีขึ้นในคืนนี้


“ข่าวใหญ่! ศาลาขุมทรัพย์จะจัดการประมูลขึ้นครั้งแรกในเกมมิทที่เมืองเตียนหลงเวลาบ่าย 3 วันนี้!”


“ศาลาขุมทรัพย์? ฉันจำชื่อนี้ได้!”


“ใช่แล้ว! นี่เป็นสมาพันธ์การค้าที่จะจัดการประมูลนี่นา! นี่พวกเขาซื้อที่ได้แล้วเหรอ?”


“ไม่คิดว่าจะมีคนจัดตั้งสมาพันธ์การค้าได้เร็วแบบนี้!”


“ใช่แล้ว ระบบการเงินจะเปิดให้แลกพรุ่งนี้ แล้วสมาพันธ์นี้กลับเปิดการประมูลคืนนี้เลย โคตรใจกล้า!”


“จริงๆแล้วน่าจะเป้นองค์กรที่สุดยอดเลยก็ได้! ที่ใครรู้บ้างว่าเขาจะเอาอะไรมาลงบ้าง?”


“อะไรนะ? พวกเขามีไอเทมระดับตำนานเลยเหรอ?”


“ฉันจะบอกอะไรให้ แต่ต้องใจเย็นก่อนนะ จริงๆแล้วมีไอเทมสิบชิ้นในการประมูลครั้งนี้ แต่ไอเทมระดับตำนานคือของที่ถูกที่สุดในนี้ แถมยังมีหนังสือสกิลกับไข่สัตว์เลี้ยงด้วย! แต่ของที่แพงที่สุดก็คือเหรียญกิลด์ล่ะ!”


“อะไรนะ? เหรียญกิลด์งั้นเหรอ?”


“ไม่น่าเชื่อเลยว่าพวกเขาจะมีมัน! ใครที่ได้ไปจะต้องเอาไปขายต่อแน่ๆเลย!”


“มีภาพของทั้งหมดมาแล้วล่ะ! ไปดูได้เลยถ้าไม่เชื่อฉัน!”



ในฟอรั่ม เฉียนได้โพสเรื่องการประมูลทั้งหมดด้วยชื่อของเธอ ซึ่งมีภาพของทุกอย่างอยู่ด้วย


โพสนี้ได้รับความสนใจกว่า 100 ล้านคนในเวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง


ทุกคนในเขตฮัวเซียต่างก็สนใจในเหรียญกิลด์


“เหรียญกิลด์โว้ย! ระดมทุนเร็วเข้ากลอรี่กิลด์ พวกเราต้องได้มัน!”


“เหรียญกิลด์เหรียญแรกงั้นเหรอ? ใครได้มันมาน่ะ? แถมยังเอามาขายอีก? ไปบอกทุกคนในกิลด์ให้ระดมเงินมาซะ พวกเราจะต้องได้มันมาให้ได้!”


“เหรียญกิลด์มาแล้วโว้ย มันต้องเป็นของไดนาสตี้กิลด์!”


“เร็วเข้าไปบอกหัวหน้ากิลด์ซะ เหรียญกลิด์มาแล้วโว้ย พวกเราต้องเอามันมาให้ได้!”



นี่เป้นช่วงเช้าตรู่แต่ก็มีคนมากมายตื่นเต้นกับงานประมูลนี้ ทุกคนทุกกิลด์ตะลึงกับข่าวนี้แล้วก็รีบระดมเงินกันมาจากทั่วทุกสารทิศ


ทุกสมาพันธ์และทุกคนรวมไปถึงนักธุรกิจหิวเงินเองก็ตะลึง เขารู้ดีเลยว่าการประมูลนี้มีความหมายว่ายังไง


นี่เป็นข่าวที่ช็อคโลกเกม และมันกระทบไปถึงผู้เล่นระดับสูงในเกมด้วย


ยิ่งไปกว่านั้นผู้เล่นบางคนก็ต่างก็รู้ว่า ศาลาขุมทรัพย์ ที่พัฒนาตัวเองอย่างรวดเร็วแบบนี้อีกไม่นานจะต้องเป้นรายใหญ่ที่สุดในเกมนี้แน่


และเหตุการณ์ที่ว่านั่นก็คือการประมูลนี้!


มันยังไม่เริ่มก็จริงแต่ทุกคนก็ต่างเฝ้ารอถึงมัน การประมูลครั้งนี้จะต้องเปลี่ยนโลกเกมทั้งใบแน่


115

เมืองเตียนหลงเต็มไปด้วยผู้คนรองจากเมืองเฉียงฉุย


เขตค้าขายมีแต่คนสัญจรไปมาและมองไปยังตึกสามชั้นที่มีตัวอักษรสีทองเขียนว่า ศาลาขุมทรัพย์


ผู้เล่นทุกคนตะลึงกับการที่เจ้าของที่นี่สามารถจัดตั้งสมาพันธ์การค้าก่อนที่ระบบแลกเงินจะมาเสียอีก นับว่าใจกล้ามาก


เธอจะต้องบ้าบอมากๆถึงขั้นเก็บค่าชื่อเสียงในระดับที่ซื้อที่ดินเขนี้ได้ มีบางคนใช้เวลาตอลดทั้งวันเพื่อให้ได้มันมาแต่ก็ไม่มีใครทำได้


ยิ่งไปกว่านั้นเขตการค้านี้ก็แพงมากๆ ราคาสูงสุดอยู่ที่ 100,00 ทอง ไม่มีใครในกิลด์มีเงินมากเท่านั้นแน่นอนในตอนนี้


แถมยังเป็นการตั้งก่อนที่จะมีระบบแลกเงินด้วยอีก บอกได้เลยว่าพื้นที่ตรงนี้คือสถานที่ที่มีคนจับจองมากที่สุดในเมืองเตียนหลง


เจ้าของที่สร้างตึกการค้านี้จะต้องร่ำรวยและทรงอำนาจมากแน่ๆ


นี่เป็นเวลาเที่ยงแล้ว ศาลาขุมทรัพย์ เองก็เปิดไปแล้วเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน ทั่วทั้งตึกมีแต่ผู้คนเต็มไปหมด


ตึกขนาดสามชั้นนี้ ชั้นแรกเป็นโซนจัดแสดง มีของที่ไม่ได้เอาไว้ขายมากมายและส่วนใหญ่เป็นอุปกรณ์ระดับตำนานทั้งนั้น


“ดูนี่สิ! หอกที่อยู่ในลิสต์ไอเทมอันดับสาม!”


“มาย ก้อด! เกราะทองที่อยู่ในอันดับ 8 นี่หว่า! คนที่จะใส่มันได้ต้องเลเวล 30 เท่านั้นด้วยนะ!”


“ว้าว! ไม่น่าเชื่อเลย นอกจากไอเทมอันดับแรกแล้ว ทุกอย่างแม่งอยู่ในรายชื่อ 10 อันดับทั้งนั้นเลยนี่หว่า!”


“ดูนั่นสิ ไอเทมตั้งแต่อันดับสองไปจนถึง 10 เป็นของเฉียนโตวโตวคนเดียวเลย!”


“เฉียนโตวโตว? เจ้าของสมาพันธ์นี่น่ะเหรอ! ของทุกอย่างเป็นของเธอหมดเลยนี่หว่า! แถมยังเอามาวางโชว์อีก โคตรเจ๋ง!”


“เทพฉิบหาย! ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงสร้างที่นี่ได้”


“สเตตัสของไอเทมพวกนี้โคตรน่ากลัวเลย! อยากได้โว้ย!”


“ฝันหวานน่า ของพวกนี้ไม่ได้เอาไว้ขายเว้ย เอาไว้ให้พวกนายได้ดูเล่นเพราะว่าเขายังใส่มันไม่ได้ต่างหาก!”


ที่ชั้นแรกของตึกนี้มีแต่คนจ้องไอเทมระดับตำนานที่ไม่ได้เอาไว้ขายทั้งนั้น


จริงๆแล้วเสี่ยวเฟิงเอาของที่ไม่ได้ใช้เพราะเลเวลไม่ถึงมาให้เฉียน


ต่างหูของเขาเป็นไอเทมระดับเทพที่อยู่ในรายชื่ออันดับแรก นอกจากนั้นก็เป็นไอเทมระดับตำนานทั้งหมดเลย ซึ่งมันทำให้ผู้เล่นทั้งหลายตะลึงกันไปหมด


นี่ก็เป็นหนึ่งในการโปรโมตเหมือนกัน


“เฮ้ หิวเงิน นายก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ? ลมอะไรหอบมาล่ะ?”


ชายอ้วนและชายที่ดูหลักแหลมเดินมายืนข้างกันที่หัวมุมของชั้นแรก พวกเขาทักทายกัน


“หัวเราะออกไหมล่ะ? สมาพันธ์นี้แข็งแกร่งเกินไปพวกเราอาจจะโดนล้มได้นะ” หิวเงินขมวดคิ้ว


“ฮ่าๆ ดูเศร้าๆนะเราอ่ะ หายากนะเนี่ย แต่นายก็พูดถูก ฉันไม่รู้จักเจ้าของที่นี่หรอก แต่น่าจะต้องมีความเกี่ยวข้องกับพระเทพคนนั้นแน่ ไอเทมพวกนั้นเป็นของพระเทพคนนั้นหมดเลย” ชายคนนั้นยิ้มและพูดอย่างจริงจัง


“นายพูดถูก สมาพันธ์นี้จะต้องได้รับการช่วยเหลือจากเขาแน่ๆ ยิ่งไปกว่านั้นที่นี่ยังปรากฎอยู่ในรายชื่อโปรโมตของเขตนี้อีก ไม่น่าเชื่อสุดๆ”


“อย่าห่วงเลย ฉันคิดว่าของทุกอย่างในเกมนี้ขายได้ และพระเทพคนนั้นก็น่าจะคิดเหมือนกัน”


“ฮ่า! ที่นี่มันก็แค่สมาพันธ์กระจอกๆ พวกเราไม่ยอมแพ้หรอก!”



ที่ชั้นสองของศาลาขุมทรัพย์คือจัดขายของที่ผู้เล่นซื้อขายกันได้ตลอดเวลา เพราะว่าระบบบางอย่างของเกมมิทจึงทำให้ผู้เล่นไม่สามารถค้าขายกันได้อย่างสะดวก และชั้นสองจึงเกิดมาเพื่อสิ่งนี้


ถ้าเกิดว่ามีคนที่ได้ไอเทมระดับสูงมาก่อนและไม่สามารถใช้ได้ เขาก็สามารถส่งของมาให้ที่นี่เพื่อขายแทนและรับเงินไปได้


ส่วนคนที่อยากจะซื้อไอเทมระดับสูงก็ต้องไปที่ชั้นสามซึ่งเป็นหัวใจหลักของสมาพันธ์นี้


ห้องประมูล!


การประมูลถูกจัดขึ้นตลอดเวลา และมีของดีๆมากมายถูกประมูลในราคาที่สูงมาก


และแน่นอนว่าเพราะมันเป็นการประมูลทางศาลาขุมทรัพย์เองก็จะได้กำไรเช่นกัน


ในตอนนี้ชั้นสองเต็มไปด้วยผู้คนมากมายทั้งๆที่เปิดมาแค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น และมีไอเทมราวๆ 10,000 ชิ้นเลยทีเดียว


“ตั๋วเข้าการประมูลจะเปิดขายแล้ว!”


มีคนตะโกนออกมาแล้วจากนั้นNPCสาวๆก็เดินมาที่ชั้นหนึ่ง พวกเธอคือระบบNPCที่เฉียนจ้างมาเพื่อขายตั๋วเข้างานประมูล


“อย่าผลักเซ่! ฉันจะต้องได้ตั๋วเป็นคนแรกเว้ย!”


“หลีกไปเว้ย! อย่าลัดคิว!”


ชั้นแรกชุลมุนวุ่นวายมาก แต่จากนั้นก็มีผู้เล่นหญิงคนนึงเข้ามาก็ทำให้ทุกคนกลับเข้าสู่ความสงบได้


“อะไรนะ! ราคา 10 เหรียญเลยเหรอ?”


ผู้เล่นมากมายตะลึงทันทีที่ได้ยินราคาของมัน


10 ทองนั้นเท่ากับ 1000 หยวน ถึงจะตั๋วเข้างานประมูลก็จริงแต่มันก็ราคาแพงมาก


“หลีกไปเว้ย! ถ้าซื้อไม่ได้ก็ถอยไป!”


“ใช่แล้ว! หลีกไปสิวะ! ไอ้พวกที่ไม่มีปัญญาซื้อก็หลีกไปเซ่”


“นี่ก็เป็นราคาที่สมเหตุสมผลดีนะ พวกที่เอาแต่ซื้อของออนไลน์น่ะไม่มีทางได้เข้ามาที่นี่หรอก”


“ราคาถูกอยู่นะ เขาน่าจะเพิ่มซักนิดนะเนี่ย พวกคนจนจะได้ไม่ต้องเข้ามาด้วย”


“หลีกสิโว้ย ตั๋วมันมีจำกัดนะ!”


ปรากฎว่าราคาแค่นี้มันไม่ใช่ราคาที่สูงมากซะงั้น คนเล่นธรรมดาต่างก็ไม่สามารถซื้อได้ก็จริง แต่พวกที่อยากประมูลน่ะมันมีกำลังซื้อกันพออยู่แล้ว


แน่นอนว่าในบรรดาผู้เล่นทั้งหมดในนี้ย่อมมีจำนวนเกินครึ่งอยู่แล้วที่จะซื้อมัน


ผลที่ได้คือ ตั๋วจำนวน 1000 ใบในห้องปกติและ 20 ใบสำหรับห้องพิเศษที่มีราคา 100 ทองนั้นถูกขายหมดในเวลาครึ่งชั่วโมง คนที่มาที่หลังก็ต้องไปหาเอาตามตลาดมืดแทน


ว่ากันว่าราคาตั๋วในตลาดมืดนั้นสูงถึง 100 ทองเลยทีเดียว


ศาลาขุมทรัพย์นั้นได้เงินถึง 12000 ในการขายตั๋วงานประมูล ซึ่งเทียบเท่า 1 ล้านหยวน


วันนี้เป็นวันที่ร้อนที่สุดในเมืองเตียนหลง และมีคนมากมายกว่าในเมืองเชียงชุยแน่ๆ


กิลด์มิดซัมเมอร์เลือกเมืองเตียนหลงมาเป็นสถานที่พักผ่อน เพราะพวกเขาสามารถหาชื่อเสียงในเมืองนี้ได้


แต่โรสเองก็ดูเหมือนจะไม่แฮปปี้เท่าที่ควร


ซึ่งเหตุผลก็คือมีสองงานใหญ่ที่นี่วันนี้


อันแรกเลยคือ เธอรู้ว่ามีกิลด์อย่างน้อย 4 กิลด์และหนึ่งในนั้นก็คือดูมส์เดย์ลีคที่อยากจะตั้งฐานใหญ่ในเมืองเตียนหลง


มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว สมาพันธ์ขุมทรัพย์เองก็ตั้งอยู่ที่เมืองหลักและกลายเป็นศูนย์กลางเมืองนี้อย่างง่ายดาย


นี่เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในเมืองแล้ว


ทุกคนรู้ดีว่ากิลด์ตัวเองจะพัฒนาได้เร็วในเมืองเตียนหลงมากกว่าเมืองอื่นๆ เพราะว่าบางกิลด์ก็ทนไม่ได้กับบรรยากาศแย่ๆของเมืองระดับต่ำเหมือนกัน พวกเขาจึงเลือกหาทำเลใหม่ที่เมืองเตียนหลง


และอาจจะมีการต่อสู้ขึ้นได้ทุกเมื่อ


ถึงโรสจะไม่พอใจแต่เธอก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเหตุผลที่สองถึงทำให้เธอเศร้ากันนะ


เมื่อตั๋วงานประมูลถูกขายออกมา เธอกำลังเดินอยู่ที่ชั้นแรกของศาลาขุมทรัพย์อยู่กับลิลลี่ ดังนั้นเธอจึงซื้อตั๋วไปในทันที


เธอไม่ชอบที่ที่มีคนมากก็จริง แต่เพราะว่าเกมนนี้มีระบบป้องกันการลวนลามผู้หญิง ทุกคนจึงเรียงกันเป็นระเบียบ


หญิงสาวรอมานานเพื่อที่จะซื้อตั๋ว แต่พอถึงคราวเธอพนักงานกลับไม่ขายให้ซะงั้น


ยิ่งไปกว่านั้นNPCยังบอกเธออีกว่าเจ้าของที่นี่ไม่อนุญาตให้ผู้ที่อยู่กิลด์มิดซัมเมอร์และดูมส์เดย์ลีคเข้ามาซื้อขายในงาน


การที่เธอรอมาตั้งนานแต่กลับถูกปฏิเสธเนี่ยนะ น่าหงุดหงิดชะมัดเลย!


“ชักจะเกินไปแล้วนะ! พวกเราต้องไปบ่นเรื่องของมันที่เว็บหลักได้แล้ว พวกมันกล้าดียังไงถึงได้แบล็คลิสต์กิลด์ของเราแบบนี้?” ลิลลี่พูดด้วยความโกรธ


“เฉียนโตวโตว ชื่อนั้นมีความหมายสำหรับเธอเหรอ?” โรสขมวดคิ้วและถามออกมา


“เฉียนโตวโตวคือเจ้าของสมาพันธ์นี้ใช่ไหม? ฉันว่าเคยเห็นเธอมาก่อนนะ…” ลิลลี่ตอบกลับมาเสียงสูง


“ไม่กี่วันก่อนที่พวกเราร่วมงานกับดูมส์เดย์ลีคที่รอจัดการคนที่หมู่บ้านเริ่มต้น จำได้ไหม? มีผู้เล่นหญิงคนนึงในทีมเขาด้วย!”


“อ้อ จำได้ล่ะ… เฉียนโตวโตวสินะ…” โรสเริ่มจะเงียบ


“นี่สินะคือเหตุผลหลักๆ ไม่คิดเลยว่ายัยนั่นจะเป้นเจ้าของที่นี่ ยัยนั่นจะต้องร่วมมือกับหมอนั่นแน่ๆ!” ลิลลี่กัดฟันกรอด


โรสหยุดพูดไปและปรากฎความกังวลในสายตาของเธอ


ศาลาขุมทรัพย์จะต้องกลายเป็นสถานที่ค้าขายสำคัญของเขตฮัวเซียแน่ๆ และแน่นอนว่ากิลด์ที่โดนแบล็คลิสต์ไปจะต้องเจ็บปวดอย่างยิ่ง


ชื่อของเธอคือเฉียนโตวโตว… “นายอยากจะล้างแค้นฉันผ่านเธอคนนี้งั้นเหรอ?”


ความสัมพันธ์ของเธอกับฆาตกรเป็นยังไงกันแน่?


116

การประมูลครั้งแรกของเกมมิทถือได้ว่าเป็นการเปิดตัวครั้งใหญ่ มีไอเทมมากมายในเขตฮัวเซียปรากฎอยู่ที่นี่ แถมการประมูลครั้งนี้ยังหรูหรามาก ผู้เล่นนับล้านจะต้องจดจำมันได้แน่ๆ


สำหรับผู้สนับสนุน ศาลาขุมทรัพย์และเฉียนก็พอจะมีชื่อเสียงเช่นกัน ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมการประมูลครั้งนี้ถึงได้ช็อคคนทั้งเขตฮัวเซียนัก การตลาดขั้นเล็กๆคือหนทางสู่เศรษฐกิจขนาดใหญ่


คนที่มองเกมนี้ออกและรู้ดีเลยว่าศาลาขุมทรัพย์นั้นหยุดไม่อยู่แล้ว และมันจะทรงพลังขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีใครรู้เลยว่าใครอยู่เบื้องหลังที่นี่


แม้แต่เว็บหลักของเกมก็โปรโมตการประมูลนี้เช่นกัน มีตั้งแต่ช่องไลฟ์ไปจนถึงโฆษณาในทีวีเลยทีเดียว


ตั๋วเข้างานขายหมดในเวลาครึ่งชั่วโมง และมีเพียงแค่ 1020 ใบเท่านั้น แน่นอนว่าทุกคนอยากได้ตั๋วนี้ จึงทำให้ราคาของมันในตลาดมืดเพิ่มสูงถึง 500 เหรียญเลยทีเดียว


การประมูลจะเริ่มขึ้นตอน 3 ทุ่ม และตอนนี้เป็ยเวลา 2 ทุ่มแล้วที่นั่งทั้งหลายถูกจับจองจนหมดสิ้น ทุกสายตาจ้องมองไปยังบูธตรงกลาง


“พี่เสี่ยว พวกเราอยุ่นี่!”


เสี่ยวเฟิงมาก่อนเวลาเริ่ม 10 นาที และเฉียนกำลังพาเขาไปยังห้องพิเศษชั้น 1 ที่เตรียมไว้ให้เขา พวกนิโคลัสกับพ่อหนุ่มน้อยฉางกวงเองก็มารอที่ห้องนี้เช่นกัน


“หมอนี่มันอยากจะอยู่ด้วยน่ะ ไล่ยังไงก็ไม่ไป”


เจาซือพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย เด็กหนุ่มไม่พยายามซื้อตั๋วเพราะจะใช้เส้นสายความเป้นเพื่อนในการเข้ามาที่นี่ และแน่นอนว่าเด็กนี่ตามพวกเขามาจนถึงห้องพิเศษเลยทีเดียว


จริงๆแล้วเพื่อหลีกเลี่ยงการเปิดเผยตัวตนของเสี่ยวเฟิง คู่นิโคลัสจึงไม่พาเพื่อนของพวกเขามาที่นี่


เสี่ยวเฟิงเองก็ใส่หน้ากากตลอดเวลา


ท้ายที่สุดเฉียนก็ให้เด็กคนนี้เข้ามาจนได้


“ฮ่าๆ ห้องพิเศษเลยเฟ้ย! ห้องที่แม้แต่กิลด์ไดนัสตี้ก็เข้าไม่ได้!”


“พี่เสี่ยว! ผมจะอุทิศตนเพื่อพี่เลย ขอแค่สั่งมาผมจะจัดการให้หมด!”


เด็กคนนี้ไม่ลืมที่จะประจบเสี่ยวเฟิง หลังจากที่เห็นชายหนุ่มเข้ามาที่นี่ เพราะเฉียนเดินนำเสี่ยวเฟิงเข้ามาด้วยความเคารพสุดๆ


เขารู้ว่าเฉียนอยุ่ในทีมเดียวกันในตอนที่ทำเควสทดสอบที่หมู่บ้าน ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่เจ้าของที่นี่จะเป้นหญิงสาวคนนี้


การประมูลจะเริ่มขึ้นในอีก 10 นาที แต่ในฐานะของสปอนเซอร์ เฉียนจึงเดินนำเสี่ยวเฟิงไปการประมูลนี้ ซึ่งทำให้เขาประหลาดใจมาก


และเมื่อเห็นแบบนั้นฉางกวงก็รู้ได้เลยว่าเสี่ยวเฟิงจะต้องเป็นคนระดับใหญ่โตที่อยู่เบื้องหลังงานนี้แน่นอน


“พี่เสี่ยว พี่กับเฉียนเป็นอะไรกันเหรอ? ให้ส่วนลดผมได้ไหม? ผมอยากได้ดาบสีทองนั่นแต่ไม่มีเงิน จ่ายทางอื่นได้ไหม?”


เสี่ยวเฟิงเมินเด็กเวรนี่อย่างสิ้นเชิง เขาให้เด็กคนนี้เข้ามาได้เพราะเห้นแก่ซือยีเท่านั้น ชายหนุ่มนั่งลงตรงโซฟาที่กลางห้องพิเศษและกินขนมรอการประมูลที่จะเกิดขึ้น


10 นาทีผ่านไปไวเหมือนโกหก และผู้เล่นทุกคนต่างก็เงียบลงทันทีที่ได้ยินเสียง ปิ๊บ ทุกสายตาจับจ้องไปยังผ้าม่านที่ค่อยๆเปิดขึ้น


“สวัสดีทุกท่าน ฉันคือเฉียนโตวโตว ขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่การประมูลครั้งแรกของศาลาขุมทรัพย์ค่ะ!”


ม่านสีแดงเปิดฉากขึ้น แล้วทุกคนก็ต้องตะลึงกับหญิงสาววัยรุ่นแสนสวยที่ยืนอยู่ตรงกลาง เธอดูสงบนิ่งดีไม่มีท่าทีตื่นตระหนกใดๆเลย น้ำเสียงของเธอหวานช้อยราวกับร่ายเวทย์มนต์ให้ผู้ฟังเคลิบเคลิ้มสะท้อนสั่นไหวไปทั่วชั้นสาม


“อะไรนะ? เจ้าของที่นี่เป็นหญิงอย่างนั้นเหรอ?”


“ไม่น่าเชื่อว่าเฉียนโตวโตวจะเป็นผู้หญิง”



ทุกคนในห้องประมูลต่างก็พูดคุยกันถึงตัวตนของหญิงสาวคนนี้ทันที และแน่นอนว่าชื่อของเธอก็แสดงความเป็นเจ้าของที่นี่อยู่แล้ว


“ฉันดีใจและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ทุกท่านให้ความสนใจในงานประมูลครั้งนี้!”


“ลูกพี่เฉียนพูดเกินไปแล้ว เป็นเกียรติของพวกเรามากกว่าที่ได้เข้ามาในงานนี้”


เฉียนพูดด้วยความสุภาพและบางคนก็ตอบกลับมาด้วยเช่นกัน แต่การที่หญิงสาวคนนี้ถูกเรียกว่าลูกพี่เฉียนเองก็ทำให้ทุกคนสับสนเช่นกัน


“ฮ่าๆ นี่เป็นการประมูลครั้งแรกของเกมมิท เป็นการเปิดตัวครั้งยิ่งใหญ่และฉันเชื่อว่าทุกท่านอยากจะเห็นของดีแน่ๆ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เช่นนั้นแล้วเรามาเริ่มกันเลยดีกว่า!”


ผู้เล่นในชั้นสาม,ผู้ชมไลฟ์สด และคนที่ดูทีวีอยู่เองก็รอคอยการประมูลนี้เช่นกัน พวกเขาตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้ยินคำพูดของเฉียน ทุกสายตาจดจ่ออยู่ที่บูธตรงกลาง


“อันดับแรกสุด มาดูที่ของเรียกน้ำย่อยทุกท่านกันเลยดีกว่า นี่ไม่ใช่ไอเทมที่ปรากฎอยู่ในรายชื่อก็จริง แต่ฉันว่าทุกคนจะต้องอยากได้มันแน่”


เฉียนปรบมือและผู้เล่นหญิงคนนึงก็เข้ามาพร้อมกับถาดที่มีผ้าสีแดงคลุมอยู่


ทุกคนเอียงคอสงสัยในถาดนี้ พวกเขารู้ดีว่าของที่อยู่ในงานนี้จะต้องดึงดูดผู้คนได้มากแน่ๆ และนั่นก็รวมไปถึงของเรียกน้ำย่อยชิ้นแรกนี้ด้วย


“นี่เป็นไอเทมที่สามารถรับประทานได้ที่พวกเราจะขาดมันไม่ได้เลยในโลกของเกมนี้ มันคือโพชั่นเลือดและโพชั่นมานา”


ทุกคนตะลึงในคำพูดนี้อีกครั้ง


“โพชั่นงั้นเหรอ?”


ไม่มีใครคาดคิดหรอกว่าจะมีการนำโพชั่นมาประมูลในครั้งนี้ด้วย หรือว่าจะเป็นโพชั่นขั้นสูง?


กิลด์ใหญ่ๆต่างก็ผิดหวัง เพราะโพชั่นขั้นสูงนั้นถึงจะมีแต่ผู้เล่นชีวิตระดับสูงที่ทำได้ก็จริง แต่พวกเขาก็มีบุคลากรเหล่านั้นในสังกัดตัวเองหมดแล้ว จึงไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่จะได้เห็นมัน


แต่ทว่า พวกเขาก็ต้องเปลี่ยนความคิดไป


“นี่ไม่ใช่แค่โพชั่นขั้นสูงธรรมดา แต่เป็น…”


เฉียนเปิดผ้าสีแดงออกและทุกคนก็เห็นขวดยาสว่างใส ที่ทำให้ทุกคนรวมไปถึงเธอต้องตะลึง


น้ำแห่งชีวิต


ระดับ หายาก


คุณสมบัติ ฟื้นฟูพลังชีวิต 50 แต้มทันที คูลดาวน์ 30 วินาที


น้ำแห่งการชำระล้าง


ระดับ หายาก


คุณวมบัติ ฟื้นฟูมานา 50 แต้มทันที คูลดาวน์ 30 วินาที


“โพชั่นที่สามารถฟื้นฟูเลือดได้ 50 งั้นเหรอ!”


ทุกคนโดยเฉพาะกิลด์เมมเบอร์ระดับสูงทั้งหลายต่างก็ตะลึง


มันคือโคตรแห่งโพชั่นเลยทีเดียว! ผู้เล่นมากประสบการณ์ทั้งหลายต่างก็อยากจะไขว้คว้ามันมาทั้งนั้น


ถ้าหากใช้ยานี้แล้วก็จะสามารถต้านทานความเสียหายจากบอสระดับสูงได้! แถมยามานานั่นก็ด้วยมันจะช่วยให้เราสามารถใช้สกิลได้อย่างไม่ขาดช่วง!


ตอนนี้ทุกคนกำลังตื่นเต้นถึงขีดสุด!


“โพชั่นแบบนี้กี่ขวดกัน? ไนฟ์กิลด์ขอเหมาหมด!”


“หลีกไป! เทาท์แมนอัลแลนซ์ขอเหมาหมดด้วยเงินที่มี!”


“อย่าโง่น่า! พวกเราต้องแบ่งกันสิวะ!”


“ถ้ามียาขวดนั้นใครๆก็จัดการบอสได้อย่างง่ายๆแน่!”



ผู้เล่นมากมายต่างก็พยายามจะแย่งประมูล มันยิ่งทำให้บรรยากาศตื่นเต้นเข้าไปอีก!


“เงียบก่อนค่ะ”


เฉียนพูดด้วยเสียงต่ำ แต่ก็ทำให้ทุกคนเงียบลงได้


พวกเขาไม่คิดว่าแค่ของเรียกน้ำย่อยจะทรงคุณค่าได้ขนาดนี้ และแน่นอนว่าของที่ตามมานั้นจะต้องยิ่งใหญ่มากแน่นอน


“โพชั่นสองขวดนี้มีจำกัด และสามารถขายได้ในปริมาณที่ถูกกำหนดไว้ แต่ฉันเชื่อว่าเราจะสามารถขายมันได้อย่างไม่จำกัดได้ในอนาคตอันใกล้นี้แน่ๆ”


หลายคนพยักหน้าเข้าใจในคำพูดนี้ มันเป้นเรื่องที่น่ายินดียิ่งหากยาพวกนี้สามารถขายได้ในปริมาณที่ไม่จำกัด แต่ตอนนี้มันจะถูกขายได้เฉพาะคนที่มีกำลังทรัพย์จะประมูลมันเท่านั้น


แต่หลายๆกิลด์ก็ดันหัวใสแล้วคิดได้ว่า ถ้าเกิดยาพวกนี้สามารถทำขายได้อย่างมากมายในอนาคต มันจะเป็นการดีมากถ้าหากว่าพวกเขารีบผูกขาดตลาดนี้ไว้ก่อน


“ปัง!”


ชายอ้วนนักธุรกิจมากมายที่นั่งอยู่ ณ หัวมุมห้องรวมไปถึงชายหิวเงินเองก็ทุบเก้าอี้ด้วยใบหน้าที่สิ้นหวัง


โพชั่นขั้นสูงคือไพ่ตายของพวกเขา แต่มันกลับเทียบกับโพชั่นสองขวดนี้ไม่ได้เลยซักนิด


“วิธีการประมูลของเรานั้นก็เป็นตามปกติ ยาสองขวดนี้จะถูกประมูลไปในสามชุดด้วยกัน แบ่งเป็นชุดละ 60 บวด และกิลด์หรือใครคนใดคนนึงจะสามารถซื้อได้เพียงชุดเดียวเท่านั้น”


เฉียนพูดต่อและทำให้ทุกคนที่ถกเถียงกันหันมามองหน้าเพื่อตกลงกันให้เรียบร้อย และด้วยวิธีการนี้มันทำให้ทุกคนสามารถประมูลโพชั่นได้อย่างทั่วถึง


นอกจากนี้เธอยังบอกด้วยว่า แม้โพชั่น 3 ชุดนี้จะถูกขายไปแล้วก็ตาม แต่นั่นก็ยังไม่ใช่ชุดสุดท้ายที่เธอมี


“ถ้างั้นการประมูลยาสองขวดนี้เริ่มต้นขึ้นค่ะ ราคาแรกเริ่มที่ 50 ทอง และราคาที่ประมูลจะต้องมากกว่า 1 ทอง”


“60 ทอง!”


“70 ทอง!”


“75!”


“100 ทอง! เดธกิลด์อยากได้มันจริงๆนะ! ให้โอกาสพวกเราเถอะ!”


“หลีกไป! เดธกิลด์อะไรไร้สาระ! ไปเลย 120 ทอง!”



การประมูลเริ่มดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ


117

เฉียนได้เงินหลังจากขายโพชั่น 3 ชุดนั่นไปถึง 480 ทอง นั่นเท่ากับ 40,000 หยวนเลยทีเดียว ราคามันสูงมากและสูงที่สุดเมื่อชุดสุดท้ายถูกนำมาประมูล


แค่เมนูเรียกน้ำย่อยยังแข่งขันกันได้ดุเดือดขนาดนี้ มันทำให้ทุกคนประหลาดใจมาก แต่เสี่ยวเฟิงกลับหน้ามืดมากกว่าเดิมเพราะว่าโพชั่นพวกนี้มันกลับได้รับความนิยมสุดๆ นั่นหมายความว่าเขาต้องขนส่งโพชั่นพวกนี้มาอีกด้วยความยากลำบากมากกว่าเดิม


“ในเมื่อเมนูเรียกน้ำย่อยของพวกเราจบลงไปแล้ว การประมูลจะเริ่มต้นขึ้นจริงๆแล้วล่ะค่ะ! ไอเทมชิ้นแรกของการประมูลในวันนี้! โล่เลเวล 15 ระดับตำนาน!”


โล่ทหารเกณฑ์


ระดับ ตำนาน


ชนิดของอุปกรณ์ โล่เดียว


เลเวล 15


ความต้องการ คลาสนักรบหรืออัศวิน และจะต้องมีค่าทนทานสูงกว่า 75


ค่าสเตตัส


พลังป้องกัน 15 -20


โอกาสบล็อค +5%


แข็งแกร่ง +18


ว่องไว +18


ทนทาน +23


จิตใจ +18


ปัญญา +18


สกิล


โล่แนวหน้า ความเสียหายที่มาจากด้านหน้าจะถูกหัก 10% เมื่อผู้เล่นใช่โล่ในการป้องกัน


โล่แข็งขัน ผู้เล่นจะเข้าสู่โหมดป้องกัน ได้รับพลังชีวิตสูงสุด,พลังป้องกันกายภาพ และพลังป้องกันเวทย์ เพิ่มขึ้น 10% เป็นเวลา 60 วินาที คูลดาวน์ 1 ชั่วโมง


ค่าสเตตัสของไอเทมเหล่านี้ได้ถูกเปิดเผยไปก่อนหน้านี้แล้ว แต่ทุกคนก็ยังตะลึงที่ได้เห็นของจริงอยู่ดี


ทุกสายตาจดจ้องไปที่โล่นั่นด้วยความกระหาย นี่เป็นไอเทมที่สามารถช่วยเพิ่มค่าป้องกันได้สูงถึง 30 แต้ม!


“ฉันเชื่อว่า ทุกท่านน่าจะเห็นคุณค่าของโล่นี้ นี่น่าจะเป็นไอเทมล้ำค่าที่สุดในบรรดาอุปกรณ์สวมใส่ของทุกคลาสอาชีพ ดังนั้นขอเริ่มการประมูลที่ 100 ทองค่ะ ราคาสามารถเพิ่มขึ้นได้มากกว่า 1 ทองเท่านั้น”


“110 ทองไปเลย! โล่นี้ต้องเป็นของฉัน!”


“120 ทอง! โล่นี้เป็นของฉันเว้ย!”



เฉียนหยุดพูดและเริ่มให้ทุกคนแข่งกันเสนอราคา ซึ่งมีแต่พวกผู้เล่นธรรมดาทั้งนั้น พวกกิลด์ใหญ่ๆล้วนเล็งแต่เหรียญกิลด์ในการประมูลครั้งนี้


ถ้าพวกเขาเสียเงินมากเกินไปในการประมูลไอเทมอื่น พวกเขาอาจจะพลาดเหรียญกิลด์ก็ได้


“300 ทอง! มันต้องเป็นของวอร์สปิริตฮอลล์!”


ท้ายที่สุดกิลด์ใหญ่ก็เริ่มเข้าการแข่งขันแล้ว เสียงนั่นดังมาจากห้องพิเศษ มันคือเสียงของไนฟ์ที่ส่งราคามาที่ 300 ทอง


“นั่นน้อยไปนะวอร์สปิริตฮอลล์ ดูมส์เดย์ลีคขอฟาดที่ 350 ทอง!”


ผู้เล่นทั่วไปเงียบกริบทันทีที่พวกกิลด์ใหญ่เริ่มเสนอราคากัน ทว่า กลับมีคนที่เสนอมาแรงกว่านั้น


“โฮ่ แกนี่เอง ก็อดออฟวอร์! นักรบป่าเถื่อนอย่างแกจะเอาโล่ไปทำซากอะไรวะ? ฉันให้ 400 ทองแล้วโล่นี้ต้องเป็นของฉัน!”


ไนฟืพูดต่อ ผู้เล่นในห้องดถงไม่อาจเห้นหน้าของคนในห้องพิเศษได้ก็จริง แต่ก็รู้อยู่ดีว่าเสียงนั่นเป็นของใคร ไนฟ์เสนอราคาที่แรงกว่าก็อดออฟวอร์ด้วยความโกรธ


“แปลกนะ ไอเทมนั่นก็มีข้อมูลอยู่แล้วนี่นา และนักรบทุกคนก็ใช้มันได้ มันต้องเป็นของฉัน! 450 ทอง!” ก็อดออฟวอร์เสนอราคาขึ้นอีก


การแข่งขันอันดุเดือดนี้ทำให้ทุกคนในห้องโถงเงียบลงและรอดูว่าราคามันจะไปจบลงที่ตรงไหน แน่นอนว่าราคาแบบนั้นผู้เล่นธรรมดาไม่อาจเอื้อมได้


“อยากมีเรื่องรึไงวะ? เจียมกะลาหัวตัวเองซะบ้าง แกนั่งอยู่ในห้องโถงนั่นแต่ฉันอยู่ในห้องพิเศษเว้ย 500 ทอง!”


ไนฟ์เสนอราคาอีกครั้งอย่างเหี้ยมโหด


เขาได้ตั๋วนี้มาจากเฉียน เป็นข้อยกเว้นที่ไนฟ์เคยช่วยชีวิตเธอเอาไว้


สกายและซืออี้ พร้อมกับสมาชิกกิลด์คนอื่นๆต่างก็ตะลึงที่ตั๋วห้องพิเศานั่น คนที่จะซื้อได้ต้องเป็นคนมีตำแหน่งในกิลด์วอร์สปิริตเท่านั้น


และตอนนี้ไนฟ์ก็ถือโอกาสโชว์พาวของตัวเอง ก็อดออฟวอร์ถึงกับหน้าซีด


เช่นเดียวกับโรส เขาไม่สามารถซื้อตั๋วได้เขาได้ตั๋วนี้มาจากตลาดมืดในราคาที่โหดมาก นั่นทำให้เขาโกรธมากเมื่อได้ยินคำพูดของไนฟ์


“หุบปากไป! 600 ทอง!”


แต่ไนฟ์ก็ยังไม่หยุด เขาเสนอราคาที่สูงขึ้นไปอีก ยังไงเสียเขาก็มีเงินทุนหนาอยู่แล้ว


“ไม่โว้ย! 650 ทอง!”


มีคนอื่นพูดแทรกขึ้นมาอีก พวกเขาคือนักรบโล่ของกิลด์อื่นที่มีทุนทรัพย์หนาเหมือนกัน


“6… 660 ทอง…”


ไนฟ์ปาดเหงื่อตัวเอง พร้อมกับเสียงที่อ่อนลง


ซืออี้และคนอื่นๆในกิลด์ต่างก็มองไปที่ห้องหมายเลข 1 เธอรู้ดีว่าเสี่ยวเฟิงอยู่ในนั้นแน่


“ฉันไม่คิดว่าเจ้าของจริงๆจะเป็นเฉียนโตวโตวหรอก ต้องเป็นพระเทพคนนั้นแน่” สกายพูดด้วยเสียงโทนต่ำ


“พวกเขาร่วมทีมกันมาก่อน ถึงจะไม่รู้ว่าเป็นยังไงแต่พระเทพคนนั้นก็ช่วยเธอผ่านเควสทดสอบมาด้วยกัน” ไนฟ์บอก


“คู่รักกันรึเปล่า? บางทีพระเทพอาจจะอยากกินสาวอ่อนๆก็ได้ เฉียนสวยก็จริงแต่ก็ยังวัยรุ่นอยู่เลยนะ”


สกายส่ายหัว ซืออี้หันมามองเฉียนที่ยืนอยู่ตรงกลาง


สุดท้ายแล้ว ไนฟ์ก็ได้โล่ทองนี้มาในราคา 900 ทอง อันที่จริงมีคนที่รวยกว่าเขาแน่ๆ แต่ส่วนใหญ่ก็เล็งเหรียญกิลด์กันทั้งนั้น


แต่การประมูลโล่นี้ก็ไม่มีใครอยากจะขัดหรือเสนอราคาไปมากกว่านี้แล้ว เพราะมันสูงถึง 90,000 หยวนหรือบางทีอาจจะสูงเกิน 100,000 หยวนด้วยซ้ำ


การประมูลดำเนินไปอย่างราบรื่น ไอเทมระดับตำนานเลเวล 15 ราคาสูงถึง 1000 ทอง ซึ่งเป็นราคาที่ยังพอรับได้อยู่


แต่ของชิ้นที่ 8 นั้นเป็นอะไรที่สะดุดสายตาทุกคนมาก มันคือหนังสือสกิลที่เสี่ยวเฟิงเก็บได้จากเมืองร้าง และมันขายได้ในราคา 1800 ทอง บ่งบอกได้เป็นอย่างดีเลยว่าหนังสือสกิลนั้นมีค่ามากขนาดไหน หากตีเป็นเงินก็ 180,000 หยวน


“ตอนนี้ไอเทมชิ้นที่ 9 เองก็เป็นชิ้นรองสุดท้ายของการประมูลนี้แล้ว มันคือไอทมระดับหายากแต่ก็มีคุณภาพมาก ตัดสินด้วยตาคุณเองได้เลยค่ะ!”


แหวนว่องไว


ระดับ หายาก


ชนิด ของสวมใส่ยิบย่อย


เลเวล 15


ความต้องการ ทุกคลาส


ค่าสเตตัส


เคลื่อนที่เร็ว +5%


โจมตีเร็ว +5%


ร่ายสกิลเร็ว +5%


“นี่เป็นแหวนค่ะ! ฉันเชื่อว่าทุกท่านน่าจะประเมินราคามันได้ดี เพราะฉะนั้นจะขอเริ่มที่ 100 ทองค่ะ!”


เสี่ยวเฟิงตะลึงเหมือนกัน เขาไม่ได้เก็บแหวนวงนี้มาแน่นอน แถมไม่ได้อ่านข้อมูลมันในฟอรั่มอีก และเขาไม่คิดว่าแหวนวงนี้จะถูกประมูลในวันนี้ด้วย


ด้วยค่าสเตตัสของมันทำให้เสี่ยวเฟิงอยากได้มันพอสมควร เครื่องประดับที่เป็นแหวนนั้นผู้เล่นสามารถสวมใส่ได้ 4 ชิ้น ซึ่งเสี่ยวเฟิงมีอยู่แล้ว 2 ชิ้น


มันหายากและมีค่ามากจนเสี่ยวเฟิงเสนอราคาไปโดยไม่รู้ตัว


“200 ทอง!”


ทุกสายตาจ้องมองไปยังห้องหมายเลข 1


มีห้องพิเศษทั้งหมด 20 ห้องในการประมูลนี้ และทุกคนมั่นใจเลยว่าคนในห้องแรกนั้นจะต้องมีชื่อเสียงสุดๆ บางคนเองก็เดาออกแล้วด้วย


เสียงของเขาที่เสนอราคามายังไอเทมที่เป็นอันดับรองสุดท้ายดึงดูดความสนใจของทุกคนได้เป็นอย่างดี


“เสียงนั่น คุ้นเคยชะมัด”


“ใครกันนะที่อยู่ในห้องหมายเลข 1 นั่น?”


ทุกคนตกตะลึง แม้เฉียนจะรู้อยู่แล้วว่าเขาคือเสี่ยวเฟิง แต่ก็ประหลาดใจที่เขาเสนอราคามาแบบนี้ ถ้าเธอรู้ว่าเสี่ยวเฟิงอยากได้มันมากขนาดนี้เธอคงไม่เอามันมาประมูลหรอก


“200 ทองครั้งที่หนึ่งค่ะ! มีใครอยากจะเสนอราคาที่สูงกว่านี้ไหม?”


แต่เฉียนก็ยังควบคุมตัวเองได้อยู่และดำเนินการประมูลต่อ


แต่ก็ไม่มีใครกล้าเสนอราคาขึ้นเลย ทุกคนเงียบกริบ ซึ่งมันแปลกมาก


“200 ทองครั้งที่สองค่ะ! ที่ใครให้ราคาสูงกว่านี้ไหมคะ? ถ้าไม่มีแหวนวงนี้จะตกเป้นของแขกหมายเลข 1 นะคะ”


สถานการณ์ประหลาดมาก เพราะไม่มีใครเสนอราคาขึ้นมาเลย เฉียนเองก็ตะลึงและสุดท้ายก็ทุบค้อนไม้หลังจากที่มั่นใจแล้วว่าไม่มีใครเสนอราคาขึ้นมาอีก


ทั้งๆที่เธอคิดว่าราคานี้มันต่ำเกินไปและไม่น่าจะมีใครซื้อได้เลยเหรอ?


“ยินดีด้วยกับแขกในห้องหมายเลข 1 ค่ะ แหวนว่องไว้เป็นของคุณแล้ว!”


พนักงานนำแหวนออกไปและเฉียนก็เดินขึ้นมาด้วยถาดสุดท้ายในมือของเธอ


ทันใดนั้นทุกคนในห้องรวมไปถึงคนที่ดูถ่ายทอดสดอยู่ก็จ้องถาดที่มีผ้าแดงคลุมอยู่นั้นด้วยตามันวาว


มันคือกล่องสี่เหลี่ยมที่มีขนาดไม่ใหญ้มาก และทุกคนรู้ดีว่ามันคืออะไร


“นี่คือไอเทมดาวเด่นประจำการประมูลในคืนนี้ เหรียญกิลด์ค่ะ!”


ผ้าแดงถูกเปิดออกและปรากฎเป็นป้ายสีดำที่เขียนไว้ด้วยตัวอักษรสีทอง – ออเดอร์!


118

“เหรียญกิลด์ถูกประมูลนับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปและไม่มีราคาแรกเริ่มค่า!”


เมื่อทุกคนได้ยินคำพูดแบบนั้นจากเฉียน ทุกสายตาต่างก็จดจ้องไปยังแผ่นไม้สีดำนี่โดยที่ยังไม่มีการประมูลใดๆ


“โอ้ ไม่มีใครจะเสนอราคาสินะคะ ดูเหมือนว่างานนี้เหรียญกิลด์คงจะหมดราศีแน่ๆเลย”


เฉียนไม่รอช้าและยิ้มออกมาอย่างเหยียดหยาม


“ไม่ เดี๋ยว! 1000 ทอง!”


ทันใดนั้นก็มีคนเสนอราคาออกมา ทั้งๆที่เฉยนไม่ได้กำหนดราคาตั้งต้นไว้แท้ๆ แต่เขากลับเสนอมาได้แพงขนาดนี้


นั่นหมายความว่าราคามันอาจจะพุ่งขึ้นสูงไปถึง 100,000 ทองได้ภายในเวลาเพียงพริบตาเดียว


“1200 ทอง!”


“1500!”


“ไนฟ์กิลด์เสนอ 2000!”



การประมูลเหรียญกิลด์ยังไม่ดุเดือดเท่าที่ควร


แต่ทุกคนในที่นี้ก็รู้ดีว่าเจ้าสิ่งนี้ดึงดูดผู้คนมากมายให้มาถึงจุดนี้


“หุบปากพวกแกซะ ดูมส์เดย์ลีคเสนอ 10,000 ทอง!”


ในที่สุดก็มีคนเสนอมาที่ 10,000 ทอง เขาคนนั้นคือดูมส์เดย์ก็อด


“ใช่แล้ว ถ้าไม่มีเงินก็กลับบ้านไปซะ วอร์สปิริตฮอลล์เสนอ 100,000 ทอง”


ผู้เล่นห้องข้างๆของดูมส์เดย์ลีคเสนอมาด้วยราคาสิบเท่า


ทุกคนในห้องนี้เงียบกริบไปในทันที และสีหน้าของดูมส์เดย์ก็อดเองก็ซีดลง ผู้เล่นคนอื่นๆรู้ตัวดีว่าสู้ราคาไม่ได้แน่ๆ


“เทาท์แมนอัลแลนซ์เสนอ 200,000 ทอง”


น่าแปลกที่ว่า 100,000 ทองนั้นไม่ใช่ราคาที่สูงที่สุด ยังมีคนเสนอราคาที่แรงกว่าขึ้นมาเรื่อยๆ


“300,000 ทอง”


“เดธกิลด์ 500,000 ทอง! ถ้ามีคนเสนอสูงกว่านี้เราจะถอนตัวไปเลย!”


หลายๆคนซุบซิบกันถึงราคาที่สูงลิ่วขนาดนี้ ทั้งๆที่เหรียญกิลด์เหรียญแรกมันไม่ควรจะสูงขนาดนี้ แต่ตอนนี้ราคามันสูงถึง 500,000 ทองแล้ว นั่นเท่ากับ 50 ล้านหยวนเลยทีเดียว


“มิดซัมเมอร์เสนอ 1 ล้านทอง”


น้ำเสียงเยือกเย็นและน่าหลงไหลของผู้เล่นสาวดังขึ้นมา และทุกคนก็จำได้ดีถึงเสียงนี้


ผู้เล่นมากมายต่างก็มองไปยังต้นเสียง เธอใส่หน้ากากสีขาวยืนอย่างงดงามท่ามกลางผู้เล่นคนอื่นที่ห้องโถง แม้จะไม่เห็นทั้งตัวเธอก็จริง แต่หลายๆคนก็พอจะเดาได้อยู่


แล้วชื่อมิดซัมเมอร์โรสก็ปรากฎอยู่บนหัวของเธอ


ผู้เล่นชายทั้งหลายตะลึงกับราคาที่ถูกเสนอมา นั่นเท่ากับ 1 ร้อยล้านหยวนเลยนะ!


ผู้คนมากมายตะลึงในความกล้าหาญของเธอ และรับรู้ได้เลยว่าราคาต้องแรงไปได้มากกว่านี้แน่


“กลอรี่เสนอ 2 ล้านทอง”


ท้ายที่สุดคนที่เงียบที่สุดในการประมูลก็เปิดปากพูดขึ้น


“นั่นไนน์นี่นา การแข่งขันที่แท้จริงเริ่มต้นขึ้นแล้วล่ะ”


ในห้องพิเศษ สกายนั่งลงและยอมแพ้การประมูลนี้เมื่อเฆ้นราคาจากกิลด์อื่น ทุนที่เตรียมมานั้นถึงขีดจำกัดแล้ว จึงต้องยอมปล่อยมันไป


“หืม? แล้วซืออี้ล่ะ?”


“ไม่รู้สิ เธอน่าจะไปแล้วมั้ง”


ไนฟ์มองไปรอบๆก็ไม่เจอซืออี้


“ไปตามเธอกลับมาเดี๋ยวนี้เลย ตั๋วที่เราได้จากเจ้าของที่นี่อยู่กับเธอนะ”


ในขณะเดียวกัน เสี่ยวเฟิงในห้องแรกก็เริ่มคอแห้งและเริ่มอยากจะหาน้ำเย็นๆ


สองล้านทอง!


นั่นเท่ากับ สองร้อยล้านหยวน เลยนะ!


เสี่ยวเฟิงรู้ดีอยู่แล้วว่าโลกของเกมนั้นมีการแข่งขันด้วยเงินตราที่รุนแรง แต่ก็ไม่คิดว่าจะแรงไปได้ถึง 2 ร้อยล้านหยวนแบบนี้


เขารู้สึกตะลึงและเริ่มหาทางใช้เงินพวกนี้ได้เลย และแน่นอนว่าไม่มีใครที่สติดีจะใช้เงินพวกนั้นหมดภายในชั่วข้ามคืนหรอก ยิ่งเป็นช่วงเศรษฐกิจย่ำแย่ด้วยยิ่งแล้วใหญ่


ก็อก ก็อก ก็อก


ทันใดนั้นมีคนเคาะห้องของเขา ชายหนุ่มเปิดประตูด้วยความประหลาดใจ


“แหวนว่องไว ไอเทมที่คุณซื้อมาถึงแล้วค่ะ”


ผู้เล่นสาวยืนอยู่หน้าห้องของเขา ชายหนุ่มจำได้ว่านี่คือพนักงานของสมาพันธ์นี้ที่เฉียนจ้างมา


“ลูกพี่เฉียนบอกว่าของชิ้นนี้ไม่เสียเงินค่ะ”


หญิงสาวมองเสี่ยวเฟิงด้วยความฉงน


ห้องหมายเลข 1 คือห้องลึกลับที่มีไว้สำหรับผู้เล่นสำคัญของสมาพันธ์นี้เท่านั้น ไม่มีใครรู้จักคนที่อยู่ในห้องนี้ เฉียนเองก็บอกให้เธอเอาของชิ้นนี้ไปให้ผู้เล่นชายและบอกว่าไม่เสียเงินก็พอ


นั่นหมายความว่าแม้แต่หัวหน้ากิลด์ไดนัสตี้เองก็ได้อยู่แต่ในห้องหมายเลข 2 เท่านั้น แล้วใครกันล่ะที่อยู่ในห้องแรก? เฉียนเองก็ไม่ได้บอกอะไรกับเธอมากนักนอกจากให้เขาไปฟรีๆ แสดงว่าต้องเป็นคนที่สำคัญมากๆแน่นอน


ทว่า เสี่ยวเฟิงที่สวมหน้ากากและปกปิดชื่อเอาไว้ ดังนั้นไม่มีใครรู้จักเขาแน่ๆแม้ว่าจะจ้องมองอยู่นานก็ตาม


ชายหนุ่มรับแหวนวงนั้นมาและใส่มันทันทีโดยไม่ได้พูดอะไร เขาคือคนเดียวที่เลเวล 15 ในเกมนี้ และไม่มีใครอื่นใส่มันได้อีก


“นายอยู่ที่นี่จริงๆด้วย”


เสี่ยวเฟิงที่กำลังจะกลับเข้าไปในห้องก็พบว่าซืออี้เดินเข้ามาหาเขา


พนักงานหญิงของที่นี่ไม่สามารถรู้จักชายคนนี้ได้ก็จริง แต่ซืออื้กลับรู้ได้ทันที เพราะอุปกรณ์ที่เขาใช้ยังคงเหมือนเดิม


“คุณคะ กรุณาอย่าเข้ามาห้องคนอื่นแบบนี้สิคะ”


ซืออี้กำลังจะเข้าไปในห้องแรกแล้ว แต่พนักงานสาวก็ห้ามเธอไว้ หน้าที่ของพวกเธอคือปกปิดข้อมูลของลูกค้ารายอื่นของที่นี่


“ไม่เป็นไรหรอก ไปเถอะ”


เสี่ยวเฟิงส่ายหัวและโบกมือให้กับพนักงานสาว ซืออี้นั้นดื้อด้านและจะพาปัญหามาให้เขาแน่นอน


“รับทราบค่ะ”


พนักงานคนนั้นมองเสี่ยวเฟิงและซืออี้ก่อนที่จะเดินออกมาด้วยความกังวล


“นายได้เหรียญกิลด์มาใช่ไหม? ไม่คิดเลยว่านายจะเอาของแบบนั้นมาจากบอสเลเวลเกิน 30 ได้!”


ซืออี้ถามเขาไปทันที พร้อมกับเอาเรือนร่างอันงดงามเข้าไปใกล้เสี่ยวเฟิงจนเขาได้กลิ่นตัวอ่อนๆจากเธอ


พนักงานคนเดิมที่เดินออกไปได้ยินบทสนทนานี้เข้า และได้รีบเดินออกไปทันทีด้วยความรวดเร็ว


“เฮ้ ซืออี้อยู่นี่”


คู่นิโคลัสเองก็สายตาดีเหลือเกินและพบกับซืออี้เข้าจนได้


“หวัดดีฮะ”


ฉางกวงทักทายเธอและรีบเดินเข้าไปทันทีโดยไม่สนใจ


“เฮ้ ไอ้เด็กเปรตนี่! ทำไมถึงอยู่ในห้องนี้ได้ฟะ?”


ซืออี้หลุดอารมณ์โกรธของเธอออกมาทันทีที่เห็นเขาแล้วจับหูเขาไว้


“หยุดแกล้งฉันซักที! เดี๋ยวพี่ใหญ่ฉันก็เอาเรื่องเธอหรอก!” ฉางกวงตะโกนออกมา


“ใครเป็นพี่ใหญ่แกกันห้ะ? ฉางกวงโอซิงอยู่ในเกมรึไง? ฉันจำได้ว่าเขาอยู่บ้านแกเว้ย!”


“ไม่! พระเทพคนนี้นี่แหละ ฉันทำงานให้เขาตั้งแต่วันนี้เป้นต้นไปแล้ว!” ฉางกวงตอบกลับอย่างเย่อหยิ่ง


“หา?”


ซืออี้ชี้ไปที่เขาและไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ทำไมนายน้อยของตระกูลฉางกวงถึงได้ไร้ยางอายเช่นนี้นะ?


“ไดนัสตี้เสนอ 3 ล้านทอง”


มีคนเสนอราคาเพิ่มอีกตัดการสนทนาของพวกเขา เสียงนั่นมาจากห้องข้างๆ ซืออี้และฉางกวงมองหน้ากันเองทันที


“นั่นมันคลาวด์ปริ้น!”


คนธรรมดาที่มีชื่อนี้คงจะถูกประณามว่าคนทรยศไปแล้ว แต่ไม่ใช่กับเจ้าของชื่อคนนี้ เพราะเขาคือผู้เล่นระดับตำนาน


เขาคือผู้ก่อตั้งกิลด์ไดนัสตี้ที่ใหญ่ที่สุดทางเหนือ และในเกมออนไลน์มานานนับปี


ไม่มีใครรู้ว่าพวกไดนัสตี้มีกำลังทุนและอำนาจเท่าไหร่ แต่ทุกคนมั่นใจเลยว่ากิลด์ทางเหนือทุกกิลด์ต่างก็ทำงานให้กับไดนัสตี้ด้วยความภักดี


ไดนัสตี้ใช้เวลาไม่กี่เดือนในการก้าวขึ้นเป้นกิลด์ที่ใหญ่ที่สุดในเขตฮัวเซีย แถมไม่มีอุปสรรคเลยด้วย นั่นก็เป็นเพราะว่าตอนที่ไดนัสตี้ปรากฎตัวขึ้นทุกกิลด์ก็ยอมศิโรราบต่อเขาทั้งหมด


บอกได้เลยว่าบุคลากรสำคัญของไดนัสตี้นั้นล้วนมีอำนาจในโลกธุรกิจ,การเมือง หรือแม้แต่ในค่ายทหารด้วยก็ตาม


และหัวหน้ากิลด์ก็คือคลาวด์ปริ้น


ซึ่งจริงๆแล้วคลาวด์ปริ้นก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในท็อป 10 อันดับผู้เล่นในหอเกียรติยศได้เพราะอำนาจมากกว่าพละกำลังซะอีก


ไดนัสตี้ครอบครองทางเหนือมานานนับปีแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาแข็งแกร่งแค่ไหน


119

“กิลด์อิมโมทอลเสนอ 3.2 ล้านทอง”


น่าประหลาดที่บางกิลด์ไม่หวั่นกลัวและสู้ราคาไดนัสตี้ด้วยเม็ดเงินที่สูงกว่า พวกเขาเหล่านั้นคือกิลด์ใหญ่ๆทั้งนั้น


“กิลด์เฟิงยุนเสนอ 3.3 ล้านทอง”


แต่เทียบกันแล้วการเพิ่มเงินรอบนี้ถือว่าช้ามาก แม้ว่ามันจะเข้า 3 ล้านไปแล้วก็ตาม


“กลอรี่เสนอ 3.5 ล้านทอง”


ไนน์เสนอราคาสูงกว่าอีกครั้ง เฟิงยุนจีฉาหัวหน้ากิลด์เฟิงยุนเองก็ขอยอมแพ้ไป


“มิดซัมเมอร์เสนอ 4 ล้านทอง”


น้ำเสียงเยือกเย็นของหญิงสาวพูดขึ้นอีกครั้งและทุกคนต่างก็ตะลึงและจ้องมองมายังเธอผู้ที่ใส่หน้ากากสีขาวอยู่


“ไดนัสตี้เสนอ 4.5 ล้านทอง”


คลาวด์ปริ้นเสนอราคาอีกครั้งอย่างไร้อารมณ์


“มิดซัมเมอร์เสนอ 5 ล้านทอง”


แต่โรสเองก็พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบเช่นกัน


ผู้เล่นมากมายต่างก็หวาดกลัวในการปะทะราคากันของสองกิลด์ใหญ่ครั้งนี้ พวกเขาคือกิลด์ใหญ่ๆในฮัวเซียกันทั้งนั้นแถมราคาก็ทะยานไปกว่า 5 ล้านแล้ว


แน่นอนว่ามิดซัมเมอร์จะต้องเป็นที่จดจำในสายตาทุกคนแน่ๆ


“กลอรี่เสนอ 6 ล้านทอง!”


เสียงของไนน์เริ่มหมดความอดทน เขาคิดว่าน่าจะต้องสู้กับไดนัสตี้ในตอนท้าย กลับกลายเป็นว่าดันมีมิดซัมเมอร์เข้ามาเอี่ยวด้วยซะงั้น ทั้งๆที่ไม่ควรจะมี


“มิดซัมเมอร์เสนอ 6.5 ล้านทอง”


โรสยังคงพูดด้วยน้ำเสียงปกติราวกับว่าเธอกำลังอ่านตัวเลขธรรมดาๆ


“ไดนัสตี้เสนอ 6.6 ล้าน”


คลาวด์ปริ้นเองก็เสนอราคาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงสั่น


“มิดซัมเมอร์เสนอ 7 ล้านทอง”


ผู้เล่นทุกคนในนี้ต่างก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นทุกชั่วขณะแล้วมองไปยังหญิงสาวรูปร่างงดงามและองอาจคนนี้ ไม่มีใครลืมวีรกรรมของมิดซัมเมอร์ในค่ำคืนนี้ได้แน่ๆ


“กลอรี่เสนอ 7.2 ล้านทอง! ถ้าใครให้มากกว่านี้เราจะถอนตัวจากการประมูลนี้เลย!”


ไนน์เริ่มมีน้ำโหและไม่คิดว่าจะต้องถูกผู้หญิงคนนี้กำราบ


“มิดซัมเมอร์เสนอ 8 ล้านทอง”


แต่เสียงของโรสก็ทำให้ไนน์สิ้นหวัง เธอไม่คิดจะหันไปไหนด้วยซ้ำ ด้วยความสูงจึงทำให้เป็นที่ดึงดูดสายตาของผู้เล่นในห้องนี้


ไนน์นั่งลงและยอมแพ้ให้กับราคาแบบนั้นเพราะมันเกินกว่าทุนที่เขาระดมมาแล้ว


เขามองไปยังห้องหมายเลข 2 นั่นคือคนสุดท้ายที่น่าจะยังต่อกรกับมิดซัมเมอร์ได้อยู่


นั่นก็คือไดนัสตี้ ศัตรูคู่อาฆาตของกลอรี่


และไม่ได้มีแค่เขาคนเดียวที่คิดแบบนั้น หลายๆคนต่างก็จดจ้องไปยังห้องของไดนัสตี้


หญิงสาวคนนี้ของมิดซัมเมอร์ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ เธอเสนอราคา 800 ล้านหยวนสำหรับเหรียญกลิด์เนี่ยนะ! หลายๆคนเริ่มคิดว่าไดนัสตี้น่าจะยอมแพ้ไปแล้ว


ถ้าไดนัสตี้ยอมแพ้ มิดซัมเมอร์จะต้องได้รับการบันทึกลงในโลกเกมออนไลน์แน่ๆ


“ไดนัสตี้ 8.2 ล้านทอง”


เป็นเวลากว่า 1 นาทีก่อนที่น้ำเสียงของคลาวด์ปริ้นจะถูกพูดออกมาด้วยความหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด


“มิดซัมเมอร์เสนอ 9 ล้านทอง”


โรสเสนอราคาที่สูงกว่าอย่างไม่ลังเล นั่นทำให้ทุกคนตะลึงไปตามๆกัน


และครั้งนี้ต้องใช้เวลากว่า 3 นาทีก่อนที่คลาวด์ปริ้นจะเปิดปากอีกครั้ง


“9.5 ล้านทอง”


“มิดซัมเมอร์ 10 ล้าน!”


ไม่แปลกใจเท่าไหร่กับการที่โรสจะสู้ราคาต่อ เธอต้องการเหรียญนี่จริงๆ


“ไดนัสตี้ขอยอมแพ้”


9.5 ล้านคือจำนวนเงินสูงสุดที่ไดนัสตี้จะหามาในวันนี้


ซึ่งจริงๆแล้วไดนัสตี้เองจะสู้ราคาต่อก็ได้ แต่คลาวด์ปริ้นคิดว่าเหรียญกิลด์มันไม่ได้มีค่ามากขนาดนั้น


1 พันล้านหยวนมันคือเงินที่มากเกินไป และมันสามารถนำไปใช้ปรับปรุงกิลด์ได้หลากหลายรูปแบบ พวกเขาจะซื้อมันในตอนนี้ก็ได้ แต่มันไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไหร่กับการที่ได้ซื้อของอันแสนภาคภูมิใจนี้ในราคา 1 พันล้าน


แต่ถ้าเกิดว่ากิลด์อื่นได้เหรียญกิลด์ไปแล้วก่อตั้งกิลด์ขึ้นมา นั่นจะทำให้ไดนัสตี้ไม่ใช่กิลด์แรกที่ถูกก่อตั้งขึ้นในฮัวเซีย และมันจะเป็นผลกระทบต่อไปในระยะยาว


นี่คือเหตุผลหลักๆว่าทำไมไดนัสตี้ถึงสู้ราคามาตลอดจนกระทั่งยอมแพ้ไป


ทันใดนั้นก็มีเสียงปรบมือดังขึ้นจากห้องหมายเลข 2 ประตูถูกเปิดออกและมีชายคนนึงอยู่ในนั้น


เขาคือชายหนุ่มรูปร่างหล่อเหลานั่งอยู่บนโซฟาด้วยรอยยิ้ม เขามองไปที่โรสเบื้องล่างด้วยความยินดี ผู้เล่นคนอื่นไม่อาจเดาอารมณ์เขาได้เลย ชื่อคลาวด์ปริ้นลอยอยู่บนหัวของเขา


นอกจากเขาแล้วชายคนอื่นต่างก็ยืนในห้องนั้นด้านหลังเขา


แต่โรสก็ไม่ได้สนใจเขาแต่อย่างใด


“ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครสู้ราคาแล้วนะคะ เพราะฉะนั้นยินดีด้วยกับกิลด์มิดซัมเมอร์ค่ะ! คุณได้ประมูลเหรียญกิลด์ไปในราคา 10 ล้านทอง!”


เฉียนทุบค้อนและเสียงของมันก็ดังกังวาลไปทั่วห้อง


ตึง!


ผู้เล่นทุกคนในฮัวเซียตะลึง


เหรียญกิลด์หนึ่งเหรียญต่อราคาหนึ่งพันล้านหยวน!


ไม่มีใครคิดว่ามันจะราคาสูงได้ขนาดนั้น


หลังจากที่ได้ยินราคาสุดท้ายมันก็ทำเอาผู้เล่นตะลึงกันไปหมด บางคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น


พวกคนใหญ่คนโตที่เป็นคนทำการถ่ายทอดสดเองก็ตะโกนด้วยความตื่นเต้น


“หนึ่งพันล้าน! เหรียญกิลด์ถูกขายไปในราคา 1 พันล้านหยวน! ราคามันสูงมาก…”


ในห้องประมูลนั้นทุกคนเริ่มค่อยๆทยอยกันกลับออกไป แถมยังร่วมแสดงความยินดีไปในตัว


“ยินดีด้วยหัวหน้ามิดซัมเมอร์ คุณเป็นคนแรกที่ได้รับเหรียญกิลด์ อันดับของกิลด์จะต้องเปลี่ยนแน่ๆ”


“ยินดีด้วย หัวหน้ากิลด์ คุณกล้าหาญมากและเป็นผู้หญิงตัวอย่างที่ดีจริงๆ”


“พวกเรายินดีที่จะร่วมงานกับมิดซัมเมอร์แน่ๆ หวังว่าจะก่อร่างสร้างตัวและได้ร่วมมือกันสร้างอนาคตใหม่นะ”



กิลด์ใหญ่ๆทั้งหลายต่างก็มาร่วมแสดงความยินดี บางคนก็มาด้วยความจริงใจ และบางส่วนก็แค่มาเอาหน้าไปงั้นๆ แต่ลึกๆแล้วพวกเขาตะลึงในความกล้าหาญของโรสที่เสนอเงินกว่า 1 พันล้านหยวนในการซื้อเหรียญกิลด์นี้


ตอนนี้โรสก็ไม่ได้มีท่าทีเย็นชาอีกแล้ว เธอพยักหน้าตอบรับกลับไป


เพราะในที่นี้บางคนอาจจะเป็นศัตรูกับเธอก็ได้


“ยินดีด้วย หัวหน้ามิดซัมเมอร์ ฉันเชื่อว่ากิลด์ของเธอจะต้องยิ่งใหญ่ติดอันดับในฮัวเซียแน่นอน กลอรี่ยินดีที่จะร่วมเป็นพันธมิตรกับเธออย่างยิ่ง ถ้ามีปัญหาก็มาหาพวกเราได้เลย”


พวกกลุ่มผู้เล่นเอลฟ์ที่มีหัวหน้าเป็นมนุษย์เดินเข้ามา เขาดูหล่อจนน่าหลงไหล ดวงตาของเขามองโรสตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยรอยยิ้ม


“ขอบคุณ หัวหน้ากิลด์กลอรี่ ฉันเองก็ยินดีที่จะมีมิตรที่แข็งแกร่งเช่นคุณ”


โรสขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่ก็ยังคงท่าทีเดิมเอาไว้ เธอเอื้อมมือออกไปและจับมือกับไนน์


“ฮ่าๆ ฉันจะรอข่าวดีจากเธอนะ พวกเรายินดีที่จะช่วยเหลือพวกเธอสร้างกิลด์แน่ๆ”


หลังจากจับมือกับโรสแล้ว ไนน์ก็หัวเราะและเดินออกไปจากห้องนี้ เพื่อกลับไปยังเมืองเอลฟ์ตามแท่นวาร์ป


“ไนน์ นายต้องการจะจับมือกับมิดซัมเมอร์จริงๆเหรอ?”


ชายวัยกลางคนด้านหลังไนน์ถามหลังจากที่มาถึงเมืองนี้แล้ว


“แน่นอนว่าไม่ ยัยนั่นน่ะบ้าเกินไป ส่วนฉันน่ะปกติดี มันก็แค่อยากจะตั้งกิลด์จนตัวสั่นเลยต้องทุ่มเงินไปมากขนาดนั้นเอง”


ไนน์พูดด้วยความหยามเหยียด


“ถ้างั้น นายจะทำยังไงต่อ…” ชายคนเดิมถาม


“ผู้หญิงคนนั้นก็สวยใช่ย่อยเลย อยากจะมีอะไรซักครั้งจริงๆ”


รอยยิ้มปรากฎบนใบหน้าของไนน์ เขายกมือข้างที่จับกับโรสขึ้นมาและระลึกถึงความรู้สึกแสนวิเศษนั่น



ผู้เล่นส่วนใหญ่กลับไปกันหมดแล้ว แต่โรสมองไปยังห้องหมายเลข 1 ก่อนที่จะเดินออกไป


“เธอบ้าไปแล้วรึไงโรส! ทำไมถึงเทเงิน 10 ล้านทองเพื่อซื้อเหรียญกิลด์กันล่ะ?”


ไนท์คูเออร์ที่ยืนรอเธออยู่ที่หน้าประตูก็รีบเข้ามาถามโรส


“การที่เธอทำแบบนั้นมันจะยิ่งเป็นการสร้างศัตรูให้กับมิดซัมเมอร์นะ!”


“แต่พวกเราก็แสดงอำนาจออกมาแล้วนี่? พลังที่แข็งแกร่งยอมดึงดูดคนที่แข็งแกร่งเช่นกัน” โรสบอก


“โรส เธอเดิมพันครั้งนี้สูงเกินไปนะ!” ไนท์คูเออร์เถียง


“ตั้งแต่ที่เราเข้ามาในโลกของเกม ถ้าเราไม่ยอมเสี่ยงก็ย่อมไม่ได้อะไรกลับมาหรอกนะ”


โรสพูดสั้นๆและไนท์คูเออร์ก็เงียบกริบทันที


เธอรู้ตัวดีว่าโรสนั้นมีชีวิตที่ย่ำแย่แค่ไหน


โรสเกิดในครอบครัวที่ร่ำรวยที่สุดในฮัวเซีย แต่ทว่าทั้งพ่อและแม่ของเธอก็ไม่ใช่คนที่ดีเท่าไหร่


เพราะเธอไม่สามารถสู้กับครอบครัวในโลกความจริงได้ แถมไนท์คูเออร์เองก็ไม่อาจเอื้อมมือเข้าไปช่วยเธอได้มากนัก ดังนั้นโรสจึงต้องพยายามดิ้นรนที่จะมีชีวิตอยู่ในโลกของเกมนี้ต่อให้ได้


120

“พี่เสี่ยว! นายรวยแล้ว! 1 พันล้าน! อ๊า ฉันไม่เคยเห็นเงินเยอะแบบนี้มาก่อนเลย! พวกนั้นเงินเยอะชะมัดเลย”


การประมูลมาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว และหลายๆคนก็เริ่มกลับออกไป คู่นิโคลัสและซืออี้เองก็กลับไปด้วย แต่เสี่ยวเฟิงก็ยังอยู่ที่ห้องของเขา


เฉียนเปิดประตูเดินเข้ามาด้วยความยินดี


ชายหนุ่มยังคงเงียบและพยายามคุมสติตัวเองเอาไว้ เขากำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่


“พี่เสี่ยว นายคิดอะไรอยู่น่ะ? แล้วนายจะใช้เงินพวกนี้ยังไงเหรอ?”


เฉียนเดินเข้ามาโบกมือตรงหน้าเสี่ยวเฟืงและจับแขนของเขาต่อ


“ไม่ใช่ ฉันกำลังคิดอยู่ว่ามิดซัมเมอร์ต้องสูญเสียเงินไปเท่าไหร่ถ้าหากว่าแพ้ในศึกป้องกันน่ะ”


เสี่ยวเฟิงพูดปัดมือเธอออกอย่างไม่ใยดี


ด้วยเหรียญกิลด์นั่น มิดซัมเมอร์จะสามารถตั้งกิลด์ได้และต้องเลือกทำเลที่ตั้ง


กิลด์เล็กๆที่ไม่มีชื่อเสียงจะต้องซื้อที่ดินในเมืองเพื่อทำที่มั่น และแน่นอนว่าเป็นเป้าโจมตีได้ง่ายมากด้วย นอกจากนี้ก็อาจจะใช้ในการหนีศึกป้องกันและหลบการโจมตีจากพวกมอนสเตอร์ได้


แต่นั่นก็เหมาะสำหรับพวกกิลด์ที่อ่อนแอ ในขณะที่พวกกิลด์ใหญ่ๆสามารถตั้งแคมป์ได้ในเมืองหลัก


ก่อนหน้านี้มิดซัมเมอร์มั่นใจว่าจะตั้งแคมป์นอกเมือง นั่นก็หมายความว่าพวกเขาตองการจะเข้าร่วมศึกป้องกัน ซึ่งถ้าเกิดว่าพวกเขาทำสำเร็จก็จะได้รับชื่อเสียงที่ดีในอนาคต และอาจจะดึงดูดผู้คนให้เข้ามาในนี้ได้


แต่ถ้าเกิดพลาดล่ะก็ กิลด์จะหายไปพร้อมๆกับชื่อเสียงที่สั่งสมมาทั้งหมด พวกเขาจะสูญเสียทุกอย่างที่เคยมีแม้แต่สมาชิกดั้งเดิม


นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเสี่ยวเฟิงถึงได้ดูดีใจนัก ถ้าเกิดว่ามิดซัมเมอร์ล่มสลายลงนั่นก็เท่ากับว่าพวกเขาเทเงิน 1 พันล้านหยวนทิ้งไปเปล่าๆ และนั่นจะทำให้ผู้ที่อยู่เบื้องหลังปรากฎตัวแน่ๆ


“พี่เสี่ยว นาย…จะอาฆาตเกินไปแล้วนะ โรสเองก็เป้นคนที่สวยดีออก จิตใจของนายทำด้วยอะไรเนี่ย?”


เฉียนตะลึงที่ได้ยินแบบนั้น


“หึ เธอก็แค่โชคร้ายไปหน่อยเท่านั้นเอง”


เสี่ยวเฟิงส่ายหัวด้วยความสมเพช อันที่จริงเขาก็ไม่อยากจะเป็นศัตรูกับโรสหรอก แค่บังเอิญว่าเธอดันอยู่ในมิดซัมเมอร์ก็เท่านั้นเอง


“ประกาศสำหรับทุกคนในเซิร์ฟเวอร์! เขตฮัวเซียเป็นผู้นำในการตั้งกิลด์และได้รับแต้มเกียรติยศ 50 แต้ม!”


“ประกาศสำหรับทุกคนในเซิร์ฟเวอร์! เขตฮัวเซียเป็นผู้นำในการตั้งกิลด์และได้รับแต้มเกียรติยศ 50 แต้ม!”


“ประกาศสำหรับทุกคนในเซิร์ฟเวอร์! เขตฮัวเซียเป็น…”


“ประกาศสำหรับทุกคนในเซิร์ฟเวอร์! เขตฮัวเซียเป็น…”


“ประกาศสำหรับทุกคนในเซิร์ฟเวอร์! เขตฮัวเซียเป็น…”


เสียงระบบดังขึ้นขัดการพูดคุยของทั้งสอง


“ดูเหมือนว่าโรสจะตั้งกิลด์แล้วสินะ”


“ประกาศสำหรับทุกคนในฮัวเซีย ผู้เล่น โรส ได้ตั้งกิลด์มิดซัมเมอร์ ในฐานะของกิลด์แรกแห่งฮัวเซียพวกเขาจะได้รับรางวัลเป็นยกระดับเลเวลให้ 1 ขั้น!”


“ประกาศสำหรับทุกคนในฮัวเซีย ผู้เล่น โรส ได้ตั้งกิลด์มิดซัมเมอร์ ในฐานะของกิลด์แรกแห่งฮัวเซียพวกเขาจะได้รับรางวัลเป็นยกระดับเลเวลให้ 1 ขั้น!”


“ประกาศสำหรับทุกคนในฮัวเซีย ผู้เล่น โรส ได้ตั้งกิลด์มิดซัมเมอร์…”


“ประกาศสำหรับทุกคนในฮัวเซีย ผู้เล่น โรส ได้ตั้งกิลด์มิดซัมเมอร์…”


“ประกาศสำหรับทุกคนในฮัวเซีย ผู้เล่น โรส ได้ตั้งกิลด์มิดซัมเมอร์…”


“ประกาศสำหรับทุกคนในฮัวเซีย ผู้เล่น โรส ได้ทำการจัดตั้งกิลด์แรกและได้เปิดรายชื่อกิลด์ในเขตฮัวเซีย ทุกคนสามารถเข้าไปดูรายชื่อกิลด์กันได้แล้ว”


“ประกาศสำหรับทุกคนในฮัวเซีย ผู้เล่น โรส ได้ทำการจัดตั้งกิลด์แรกและได้เปิดรายชื่อกิลด์ในเขต…”


“คำประกาศจากผู้เล่น ลิลลี่ มิดซัมเมอร์ประกาศรับสมาชิกใหม่! พวกเราอยู่ที่ลานเมืองเตียนหลง หากสนใจก็มาเข้าร่วมกันได้นะ!”


“คำประกาศจากผู้เล่น ลิลลี่ มิดซัมเมอร์ประกาศรับสมาชิกใหม่…”


“คำประกาศจากผู้เล่น ลิลลี่ มิดซัมเมอร์ประกาศรับสมาชิกใหม่…”



นี่เป้นวันที่ยิ่งใหญ่ของมิดซัมเมอร์ ทุกช่องสัญญาณถูกประกาศโดยพวกเธอ ยิ่งไปกว่านั้นเสียงประกาศข้อมูลตลอดเวลาไปทั่วฮัวเซีย จนถึงตอนเช้าแล้วเสี่ยวเฟิงก็ยังได้ยิน


ชายหนุ่มไมได้ไปที่ลานกว้างของเมืองเพราะว่ามีคนเยอะแยะแน่ๆ ถ้าเป็นแบบนี้มิดซัมเมอร์อาจจะเป็นกิลด์แรกที่ติดอันดับท็อป 10 แน่ๆ ถ้าหากว่าสามารถเอาชนะศึกป้องกันได้นะ


“มีอะไรอีกไหม? ฉันจะไปเก็บเวลต่อละ”


เสี่ยวเฟิงเริ่มหงุดหงิดกับคำประกาศนั่นและกำลังจะเดินออกไปจากห้อง


“พี่เสี่ยวรอก่อน ฉันยังไม่ได้เงินกับนายเลย หนึ่งล้านหยวนมันมากเกินไป อีกอย่างพวกเราสามารถใช้เงินนี้พัฒนาสมาพันธ์ของเราได้นะ ได้โปรดร่วมมือกับเราเถอะ!”


เฉียนบอกกับเขา และมอบทองให้กับเขาเป็นจำนวนมากกว่า 10 ล้าน รวมไปถึงเงินที่ได้จากการประมูลของอื่นๆโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม


“ฉันไม่ต้องการเงินเยอะแบบนั้นหรอก เธอเอาเงินไปทำอะไรก็ได้ตามที่ต้องการเลย”


แต่เสี่ยวเฟิงก็เอาไปแค่ 1 ล้านทองเท่านั้นและมองเงินที่เหลือให้กับเฉียน


หญิงสาวตะลึงกับเงินอีก 9 ล้านในกระเป๋า นั่นเกือบเทียบเท่า 9 พันล้านหยวนในโลกจริงเลยนะ!


เธอมองเสี่ยวเฟิงด้วยสายตาประหลาดใจพร้อมน้ำตาที่หลั่งออกมา


“ตอนนี่สมาพันธ์อื่นน่าจะแข่งขันในตลาดนี้แล้วล่ะ ฉันว่าเราน่าจะตั้งหอการค้าเพิ่มแล้วก็ศูนย์การค้าที่เมืองอื่น พวกเราต้องสร้างสายกำลังให้องค์กรของเรา แถมตอนนี้ระบบแลกเงินก็เปิดแล้ว ฉันว่าสมาพันธ์อื่นก็เล็งเรื่องพวกนี้เอาไว้เหมือนกัน ฉันคิดว่าไม่น่าจะเรื่องพวกนี้ได้ด้วยตัวคนเดียว เพราะฉะนั้นพี่เสี่ยวช่วยฉันทีเถอะ”


เฉียนอธิบายทั้งหมด


เสี่ยวเฟิงพยักหน้าเข้าใจ ในฐานะของอาร์คบิชอปเขาสามารถซื้อที่ดินได้จากเจ้าที่ในเมืองอยู่แล้ว ชายหนุ่มจึงพาเธอไปยังเมืองอื่น


พวกเขาไปยังเจ้าของที่ดินในเมืองเตียนหลงและจ่ายค่าเช่าที่ตรงนี้ จากนั้นก็ไปยังเมืองอื่น โดยมีเป้าหมายแรกคือเมืองเชียงชุย


ขั้นตอนนั้นดำเนินการไปอย่างรวดเร็วและเรียบง่าย นั่นก็คือพวกเขาต้องหาบ้านของเจ้าของที่ให้ได้ แล้วก็ซื้อที่ดินจากเจ้าของตามที่ได้เลือกไว้


ด้วยตำแหน่งอาร์คบิชอป เสี่ยวเฟิงสามารถเข้าบ้านของเจ้าของที่ได้อย่างง่ายดาย แล้วเลือกสถานที่ที่เหมาะสมที่สุดในเมือง แต่เขาก็นึกขึ้นมาได้ว่าต่างเมืองก็ย่อมต่างความคิดกัน และไม่ใช่ทุกเมืองที่จะเห็นดีเห็นงามด้วยกับวิหารแห่งแสง


แต่เฉียนก็บอกไว้ว่านี่คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการซื้อที่ดินแล้ว พวกเขาจะต้องนำที่อื่นก่อนก้าวหนึ่งเสมอเพื่อมำฝห้สมาพันธ์ของพวกเขาแข็งแกร่ง


ซึ่งถ้าพวกเขาทำสำเร็จก็จะสามารถผูกขาดตลาดได้ทั้งหมด


แน่นอนว่าทั้งสองปกปิดตัวตนเอาไว้ในระหว่างการดำเนินงานนี้ ไม่งั้นคงจะโดนคนอื่นสังเกตได้พอดี


“พี่เสี่ยว ทำไมถึงช่วยฉันมากขนาดนี้ล่ะ?”


เฉียนเริ่มเรียนรู้ถึงอำนาจที่แท้จริงของเสี่ยวเฟิงหลังจากที่เดินทางมากับเขา จนในที่สุดก็เริ่มเข้าใจในความทรงพลังของผู้เล่นที่เก่งที่สุดในฮัวเซีย เธอเริ่มรู้สึกโชคดีที่มีเขาคอยช่วยเหลือแบบนี้


หญิงสาวมองไปยังแผ่นหลังของเสี่ยวเฟิงและถามขึ้น


“ตอนแรกก็คิดว่านายจะหลงรักฉันแล้วซะอีก”


เฉียนถามเล่นๆเพราะไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่


ชายหนุ่มได้ตอบอะไรแล้วก็ก้าวขาออกมาพร้อมกับมองหน้าเธอด้วยสายตาที่ราวกับกำลังจ้องมองไอ้งี่เง่าอยู่


เฉียนหัวใจแตกสลายอีกครั้ง แล้วมองไปทางอื่นด้วยความเขินอาย แต่แล้วเธอก็จับแขนของเขาด้วยแรงเต็มกำลัง


“เฮ้! พี่เสี่ยว! ดูที่หน้าฟอรั่มสิ! เหล่าซูทำลิสต์รายชื่อหอเกียรติยศเสร็จแล้ว มีชื่อนายในนั้นด้วย แถมเขายังอัพเดทรายชื่อเทพธิดาอีกด้วย”


เฉียนเขย่าแขนของเขารัวๆ ระหว่างที่กำลังเดินทางไปยังเมืองหลักเธอก็เปิดหน้าเว็บหลักจนได้พบกับสิ่งนั้น


เสี่ยวเฟิงเองก็สนใจทันทีที่ได้ยินข่าวนี้ พวกเขามายังบ้านเจ้าของที่ในเมืองหลักที่เขามีชื่อว่า เมเปิ้ล


หลังจากที่เฉียนเข้าไปข้างในแล้วเขาก็นั่งอ่านข้อมูลในหน้าเว็บหลัก


ฟอรั่มตอนนี้มีแต่เรื่องที่โด่งดังมากๆ เพียงแค่ตอนเช้านี้ก็มีคนเข้ามาอ่านไปราวๆ 10 ล้านคนแล้ว ในตอนนี้เรื่องที่ผู้คนให้ความสนใจมากที่สุดก็คือการประมูลครั้งแรกที่จัดขึ้นและการก่อตั้งกิลด์แรกของเซิร์ฟเวอร์ นอกจากนี้ก็มีอีกสองเรื่องที่ติดอันดับเช่นกัน นั่นก็คือ รายชื่อเซเลบใน มิท –กำลังปรับปรุง และ รายชื่อเทพธิดาใน มิท –กำลังปรับปรุง


เสี่ยวเฟิงคลิกเข้าไปดูในรายชื่อเหล่าเซเลบทั้งหลาย


121

“เท่าที่พวกเรารู้ ยุคแห่งเกมออนไลน์ได้เปลี่ยนไปแล้ว ผู้เล่นมากมายหายตัวไป มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่ปรับตัวและอยู่รอดมาจนถึงตอนนี้ ก่อนหน้านี้เพราะด้วยเวลาที่จำกัดทำให้พวกเราไม่สามารถอัพเดทรายชื่อได้ครบถ้วน และในตอนนี้พวกเราจึงได้ทำการเพิ่มเติมรายชื่อของผู้เล่นที่แข็งแกร่งที่สุดทั้งหลายลงไปในนี้แล้ว รอการอัพเดทต่อไปด้วยล่ะ!”


“คนแรกในรายชื่อเซเลบคือ พระเทพ!”


“ไม่มีใครรู้ชื่อที่แท้จริงของเขาหรอก ก็เลยเรียกแบบนั้น ฉันคิดว่ายทุกคนในฮัวเซียต้องคุ้นเคยกับชื่อนี้อยู่แล้วล่ะ เขาเคยไลฟ์สดแล้วกลายเป็นที่รู้จักของเขตนี้ไปเลย เขาอยู่ในอันดับแรกของทุกรายการ ฉันว่าเขาน่าจะเป้นผู้เล่นที่เก่งที่สุดในฮัวเซียแล้วล่ะ”


“เพราะระบบปกปิดชื่อเขาไว้และเขาโด่งดังหลังจากที่ไลฟ์สดเกมไปได้ครึ่งชั่วโมง แถมสองกิลด์ใหญ่เองก็ยังออกคำสั่งให้กำจัดเขาอีก และเขายังเป้นคนแรกที่ทำเควสในเขตเร่งรีบเสร็จอีก คนแบบนี้จะต้องอยู่ในรายชื่อเซเลบคนแรกแน่ๆ”


“คนที่สองในรายชื่อเซเลบคือ ไนท์คูเออร์!”


“คนที่มีประสบการณ์ในเกมนี้ต้องเป้นไนท์คูเออร์สิ เขาคือหนึ่งในสิบอันดับผู้เล่นในหอเกียรติยศเลยนะ ถ้าเป็นในโลกของเกมใหม่นี้ล่ะก็เขาต้องเก่งกาจมากๆแน่ พวกเราเชื่อว่าไนท์คูเออร์จะต้องไปได้ไกลในโลกของมิท!”


“คนที่สามในรายชื่อเซเลบคือ ซีเหมินชุยสุย!”


“ซีเหมินถูกเรียกว่ายอดนักดาบ เขาคือหนึ่งในผู้เล่นท็อป 3 อันดับตลอดเวลา แม้ว่าเขาจะพยายามเก็บตัวแค่ไหนก้ตาม ฉันเชื่อว่าซีเหมินจะต้องปกปิดพลังที่แท้จริงของตัวเองเอาไว้แน่ๆ แต่ไนท์คูเออร์สามารถปราบเขาลงได้ในครั้งนี้และมันจะยิ่งแย่ลงไปอีกหากเขาไม่ยอมโผล่หัวออกมา”


“คนที่สี่ในรายชื่อเซเลบคือ ฉันคือพาลาดินแห่งการรักษา!”


“เช่นเดียวกันกับไนท์คูเออร์ พาลาดินแห่งการรักษาคนนี้เองก็เข้ามาปรับตัวในเกมใหม่อันนี้ได้เกือบเทียบเท่าผู้เล่นเก่งๆคนอื่น! พวกเราจึงคิดว่าเขาน่าจะอยู่ในรายชื่อเซเลบนี้!”


“คนที่ห้าในรายชื่อเซเลบของเราก็คือ นักธนูอายุ17ที่อยากจะนอนกับพระ!”


“นักธนู,ไนท์คูเออร์,พาลาดิน และยอดนักดาบก็คือคนที่เหลือจากหอเกียรติยศเก่าหลังจากช่วงเปลี่ยนยุคของเกม คนที่คุ้นเคยก่อนหน้านี้ได้ล้มหายตายจากกันไปหมดแล้ว”


“คนที่หกในรายชื่อเซเลบก็คือ…”


“คนที่เจ็ดในรายชื่อเซเลบก็คือ…”


“คนที่แปดในรายชื่อของเราก็คือ บราเธอร์ไนน์ออฟกลอรี่!”


“ฉันว่าทุกคนน่าจะรู้จักกันดีกับชื่อของไนน์ ในฐานะของหัวหน้ากิลด์กลอรี่ เขาคือผู้เล่นที่รวยที่สุดในโลกของเกมออนไลน์ เขาคือคนที่เคยใช้เงินกว่าหนึ่งพันทองเพื่อเปย์ให้กับสตรีมเมอร์หญิงคนนึง คนทั่วไปต้องอิจฉาในฐานะการเงินของเขา นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเขาถึงอยู่ในรายชื่อของเรา”


“คนที่เก้าในรายชื่อของเราก็คือ คลาวด์ปริ้น!”


“เขาคือหัวหน้ากิลด์ไดนัสตี้ และเป็นคนที่ทรงพลังที่สุดในโลกของเกมออนไลน์! อำนาจของเขาบางครั้งก็สามารถเปลี่ยนกฎของเกมได้เลย!”


“และคนที่สิบในรายชื่อของเราก็คือ ฮานเฟิง”


“นี่เป็นชื่อที่แปลกมาก แต่เขาก็ยังอยู่ในรายชื่อหลังจากที่ทำอะไรซักอย่างไปล่ะนะ”


“เขาคือยอดนักเกรียนหมายเลข 1 แห่งฮัวเซีย! เขามักจะไปขโมยบอสชาวบ้านตลอดเวลา แถมยังไปปล้นอุปกรณ์ของคนอื่นเขาอีก นอกจากนี้ก็ยังไปฆ่าคน,ลวนลามหญิงแถมดูถูกชาวบ้านออกสื่ออีกต่างหาก! มีคนไม่น้อยเลยที่เกลียดเขา มากกว่า 20 กิลด์ที่มีคำสั่งให้จัดการหมอนี่ เขาช่างโหดร้ายและเกรียนที่สุดในโลก!”


“อีกนัยนึง เขากำลังหลบหนีจากการตามล่าของอีก 20 กิลด์ใหญ่อยู่ในตอนนี้ แถมยังมีชีวิตรอดอยู่อีกด้วย ฉันเชื่อว่าความสามารถของเขาน่าจะเก่งกาจพอตัวเลยล่ะ”



มีรายชื่อทั้งหมด 10 คนในรายชื่อเซเลบของเหล่าซู เขาบอกว่ารายชื่อนี้จะมีการอัพเดทบ่อยครั้ง เสี่ยวเฟิงเห็นคนคุ้นหน้าคุ้นตาบ่อยมากในนั้น แต่บางคนเขาก็ไม่รู้จัก


ยังไงเสียหลังจากที่เสี่ยวเฟิงถอนตัวออกมาจากโลกของเกมออนไลน์เมื่อ 5 ปีก่อน เขาเองก็ไม่เคยได้ยินเรื่องพวกนี้อีกเลย เสี่ยวเฟิงรู้สึกประหลาดเกี่ยวกับเกมนี้มาก


“ฉันซื้อที่ได้แล้ว ไปกันเถอะ”


เฉียนเดินออกมาจากบ้านพร้อมได้ของที่ต้องการแล้ว


พวกเขาจึงเดินไปยังจุดวาร์ปที่ลานกว้างของเมืองนี้


ทั้งสองไม่เคยไม่เคยเห้นหรือได้ยินชื่อเมืองพวกนี้มาก่อน แต่อย่างน้อยก็น่าจะช่วยให้พวกเขาสามารถวาร์ปไปที่นั่นแล้วขยายตลาดของพวกเขาได้


“แต่ว่านะพี่เสี่ยว นายอ่านรายชื่อพวกเซเลบรึยัง? พอจะรู้ข้อมูลอะไรเกี่ยวกับฮานเฟิงไหม?”


เฉียนถามขึ้น และคิดว่าเสี่ยวเฟิงน่าจะต้องอ่านข้อมูลพวกนั้นมาแล้ว


“ไม่เลย ถึงหมอนั่นจะมีรายชื่ออยู่ในนี้ก็ตาม แต่ฉันไม่รู้จักเขาซักนิด แล้วมีอะไรเหรอ?”


เสี่ยวเฟิงถามหลังจากที่ครุ่นคิดอยู่นาน เขามั่นใจเลยว่าน่าจะไม่เคยเจอกันมาก่อน


“นายจำแหวนเลเวล 15 นั่นได้ไหม? เขาคือคนที่เอาแหวนนั่นมาขายให้กับฉันเองแหละ แถมเป็นลูกค้าที่ยุ่งยากเอาเรื่องเลย” เฉียนขมวดคิ้ว


“หมายความว่าไง?”


“เขามาหาฉันหลายครั้งแล้ว แถมยังบ่นว่าราคาแหวนนี่มันต่ำเกินไป มันคือไอเทมรองอันดับสุดท้ายในรายชื่อน่ะ และเขาไม่เชื่อว่ามันจะขายได้ในราคาที่ถูกแบบนั้น หมอนั่นก็เลยบอกให้ฉันจัดการประมูลใหม่อีกครั้ง แม่งโคตรจะน่ารำคาญเลย” เฉียนถอนหายใจ


“ฉันเดาได้เลยว่าทำไมหมอนี่ถึงได้เข้าลิสต์นี้” เสี่ยวเฟิงพยักหน้า “ถ้าเขามาอีกก็เอาแหวนคืนให้เขาไป แล้วก็เอาเงินกลับมาก็พอ”


“แต่พี่เสี่ยวไม่เอาแหวนนั่นเหรอ? ฉันว่าจะให้เงินหมอนั่นให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย”


“ไม่เป็นไร สเตตัสของแหวนมันธรรมดาเกินไปและเราก็ไม่ต้องไปรับมือกับหมอนั่นหรอก ฉันเองก็สามารถหาแหวนวงนั้นได้จากบอสเองด้วย เดี๋ยวก่อน… ตอนนี้เช้าแล้วนี่นา โซนเร่งรีบน่าจะอัพเดทแล้ว ไปกันเถอะ! กลับไปที่เตียนหลงแล้วทำเควสต่อให้จบ!”


เสี่ยวเฟิงดูนาฬิกาซึ่งเป็นตอนเช้าตรู่อย่างที่บอกจริงๆ


เขาไม่มีหน้าที่อะไรต้องทำในเมืองหลักอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงอาจจะฉวยโอกาสนี้แล้วหาความสนุกใส่ตัวซักหน่อย


“โอเค! เดี๋ยวนะ ทำไมเราต้องกลับไปที่เตียนหลงล่ะ? ไม่ใช่ว่าที่นั่นจะโดนคนอื่นแย่งไปแล้วเหรอ?” เฉียนรีบถามทันที


“น่าจะเกิดขึ้นไปแล้วเมื่อวาน และฉันก็พูดไปแล้วในไลฟ์เมื่อวาน” เสี่ยวเฟิงพยักหน้า


“ฉันเองก็กำลังวุ่นอยู่กับงานของสมาพันธ์เลยไม่ได้สังเกตเลย แต่ฉันได้ยินมาว่าจนถึงวินาทีสุดท้ายก็ยังมีคนรอคอยไลฟ์สดของนายอยู่เลย พวกเขามีคำถามอยากจะถามนายแต่ก็หาตัวนายไม่เจอ นายน่าจะมีความรับผิดชอบในฐานะของสตรีมเมอร์เกม มทิ หน่อยนะ” เฉียนยิ้มให้ “นายอยากจะเป็นสตรีมเมอร์ใช่ไหมล่ะ? นายสามารถทำเงินได้จากความมีชื่อเสียงของนายนะ”


“ไม่ล่ะ ปัญหามากเกินไปที่จะเป็นอาชีพนั้น”


เสี่ยวเฟิงส่ายหัวและพูดอย่างเป็นกังวล เขาถูกรบเร้าก็จริงแต่ว่าก็ต้องปกปิดตัวตนด้วย


เฉียนยิ้มและไม่พูดอะไรต่อ เสี่ยวเฟิงเชื่อว่าเธอน่าจะกำลังหัวเราะเขาอยู่แน่ๆ พวกเขาจึงกลับไปยังเมืองเตียนหลงและพบว่าที่ลานกว้างก็เต็มไปด้วยผู้คน


พวกเขาได้ยินเสียงประกาศของมิดซัมเมอร์ทั้งหลายอยู่ พวกเขารู้ได้ทันทีว่าคนเหล่านี้มากันทำไมที่ลานกว้าง


เมื่อมองไปรอบๆเสี่ยวเฟิงก็เห็นผู้คนเป็นล้านกำลังส่งเสียงคุยกันมากมายที่ลานกว้าง


แต่นี่ก็บ่งบอกได้เหมือนกันว่าโรสเองก็ทุ่มเทให้กับกิลด์อยู่


ทั้งสองรีบเดินออกมาจากลานกว้างทันที


พวกเขาหาตัวโบลตันไม่เจอ และที่ค่ายเองก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้ว แถมยังมีผู้เล่นมากมายด้วย นั่นหมายความว่าการโปรโมตของเสี่ยวเฟิงได้ผลดีทีเดียว


แต่ชายหนุ่มเองก็ไม่ได้มาเพื่อหาโบลตัน หลังจากนั้นเขาเรียกเสี่ยวสุยออกมาและรีบวิ่งไปที่ทางเข้าโซนเร่งรีบ


“ว้าว! ม้าสีขาว! โอ๊ะ มันมีปีกกับเขาด้วย? ยูนิคอร์นรึเปล่า?”


เฉียนถามอย่างตื่นเต้นพร้อมมองไปที่เสี่ยวสุยและพยายามจะจับมัน


“นี่คือยูนิคอร์นแสงที่อยู่ในรายชื่อสัตว์ขี่อันดับแรก เธอเองก็เรียกสัตว์ขี่ออกมาสิ”


เสี่ยวเฟิงยิ้มอย่างเยาะเย้ยและเปรมสุข เสี่ยวสุยที่รูปร่างสวยเท่แบบนี้มันทำให้เสี่ยวเฟิงภูมิใจสุดๆ


“ฉันไม่มีน่ะสิ พี่เสี่ยวขอขี่ไปด้วยคนสิ?”


เฉียนกระพริบตาปริบๆพร้อมส่งสายตาน่ารักๆไป


“เธอไม่มีสัตว์ขี่เหรอ?”


ชายหนุ่มขมวดคิ้วแต่ก็เข้าใจได้ทันที เพราะว่าเฉียนเป้นผู้เล่นแนวใช้ชีวิตดังนั้นสัตว์ขี่จึงไม่จำเป็น


เสี่ยวเฟิงอยากจะให้เฉียนขึ้นมาขี่อยู่ด้วยหรอก แต่เสี่ยวสุยนั้นเย่อหยิ่งเกินกว่าจะให้คนอื่นขึ้นมาขี่ได้ เขาต้องใช้เค้กล่ออยู่หลายครั้งกว่าจะพาตัวหญิงสาวขึ้นมาได้


“ว้าว! สูงจังเลย! แถมขี่ได้ไม่สะดุดด้วย นี่ต้องเป็นสัตว์ขี่สีทองแน่ๆ”


เฉียนรู้ได้ทันทีก่อนที่จะโอบลำตัวของเสี่ยวเฟิง


“ระวังด้วย”


ชายหนุ่มเตือนเพราะเขาสัมผัสได้ว่าเฉียนกำลังกอดเขาจากด้านหลัง ถึงมันจะดูประหลาดไปบ้างแต่ก็ยอมได้ไม่งั้นเธอน่าจะตกไปตายชัวร์ๆ


เสี่ยวสุยออกวิ่งไปยังเมืองร้าง เฉียนเองก็ทำตัวเงียบกริบตลอดการเดินทาง ส่วนเสี่ยวเฟิงเองก็ไม่รู้จะพูดอะไร แต่ทันใดนั้นเขาก็เห้นว่าเขายังไม่ได้อ่านโพสที่สองในฟอรั่มเลย ดังนั้นเขาจึงรีบไปดูในรายชื่อเทพธิดาทันที


122

“ตามชื่อของรายการนี้ เหล่าเทพธิดาทั้งหลายนั้นได้รวบรวมเหล่าหญิงงามในเกมมิทเอาไว้แล้ว ลิสต์นี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับฉันคนเดียว แต่จะเปิดให้ทุกคนได้โหวตกันตามรายชื่อที่เห็นนี้ และด้วยผลสรุปที่ทุกคนได้ร่วมเข้ามาโหวตกัน ฉันจึงได้ทำการจัดเรียงอันดับรายชื่อของหญิงสาวผู้มีความงดงามดั่งนางฟ้าหรือเทพธิดาจากสรวงสวรรค์แห่งเขตฮัวเซีย แต่ว่าอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงในภายหลังได้นะ”


“มิดซัมเมอร์โรส คือที่หนึ่งในรายชื่อนี้!”


“ในฐานะของหัวหน้ากิลด์มิดซัมเมอร์จึงไม่มีใครเห็นหน้าเธอเพราะว่าเธอนั้นสวมหน้ากากตลอดเวลา แต่ความงามของเธอนั้นหายากที่หาใครเปรียบได้ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเธอถึงได้รับความนิยมขนาดนี้”


“ในขณะเดียวกัน โรส เองก็เป็นหัวข้อในการพูดคุยของพวกเราชาวเกมเมอร์ในวันนี้เพราะการที่เธอทุ่มเงินกว่าหลายล้านเพื่อสร้างกิลด์มิดซัมเมอร์ขึ้นมา เรียกได้ว่าแทบจะเป็นศูนย์กลางแห่งความสนใจได้เลยทีเดียว”


มีรูปของโรสอยู่ในโพสด้วย เธอนั้นสวยงามและใสซื่อที่สุด แม้ว่าจะใส่หน้ากากสีขาวอยู่ก็จริงแจ่ก็ยังดูน่าหลงไหล


แน่นอนว่าเสี่ยวเฟิงรู้ดีว่าทำไมโรสถึงอยู่ในอันดับแรกของรายชื่อ ซึ่งน่าจะเป้นเพราะเรื่องในประมูลคืนนั้น มันทำให้กิลด์มิดซัมเมอร์เป็นที่รู้จักและสมาชิกในนั้นต่างก็โหวตให้กับเธอ ถ้าเกิดว่าหัวหน้าของพวกเขาเป็นอันดับหนึ่งในรายชื่อนี้ล่ะก็คงจะภูมิใจกันน่าดู


แต่ชายหนุ่มยอมรับเลยว่าโรสนั้นสวยจริงๆ และอาจเทียบเท่ากับNPCที่เกมนนี้สร้างมาเลยก็ได้


“เมงหยิง คือที่สองในลิสต์นี้!”


“ชูเมงหยิงคือนางฟ้าประจำชาติเลยก็ว่าได้! ฉันคิดว่าทุกคนน่าจะเคยได้ยินชื่อของ เมิงหยิง แน่ๆ”


มีรูปของชูเมงหยิงในโพสด้วยเช่นกัน เธอน่ารักและสดใสมาก แต่เมื่อเสี่ยวเฟิงเห็นเธอก็ได้แต่ทำสีหน้ามืดลง เขาจำเธอคนนี้ได้ทันที


ชายหนุ่มกัดฟันด้วยความโกรธ เป็นเธอแน่! เธอคนนี้แน่นอน!


เธอคือนังปีศาจที่กดขี่เขาเมื่อครั้งที่อยู่ในหนองน้ำนั่น!


“วอร์สปิริตซืออี้ ได้ที่สามในรายการของเรา!”


“หัวหน้าของทีมพระแห่งวอร์สปิริตฮอลล์ เธอทั้งสวยและรวยด้วยความสามารถมากมาย ฉันว่าเธอน่าจะเป็นหญิงสาสวที่น่าดึงดูดคนที่สุดในเขตฮัวเซียแล้วล่ะ น่าจะเป็นสาวในฝันของชายหลายๆคนเลย!”


มีรูปของซืออี้อยู่ในนั้น เธอมีรอยยิ้มอันน่าหลงไหลพร้อมด้วยใบหน้าและร่างกายที่ดึงดูด เป็นที่ต้องตาของชายหลายๆคน


เสี่ยวเฟิงนั่งอ่านคอมเม้นทั้งหมดและทุกอันล้วนแต่พูดถึงความสวยของรูปร่างเธอทั้งนั้น


“ฉันพิมพ์ด้วยมือทั้งสองข้างนะ! ไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น!”


“ขาเธอโคตรได้รูปเลย”



“อันดับสี่…”


“อันดับห้า…”


“อันดับหก…”


“อันดับเจ็ด…”


“อันดับแปด…”


“อันดับเก้า…”


“เฉียนโตวโตวอยู่ในอันดับสิบของเรา!”


“เธอคือเจ้าของสมาพันธ์การค้าศาลาขุมทรัพย์ที่เรากำลังรู้จักกันดีในขณะนี้ ฉันเชื่อว่าทุกคนจะต้องตะลึงในความน่ารักของหญิงสาวตัวน้อยคนนี้แน่ๆ ถ้าให้พูดตรงๆเลยล่ะก็ ฉันเองก็ประหลาดใจเหมือนกันว่าเจ้าของศาลาขุมทรัพย์ดันเป็นหญิงสาววัยรุ่นแบบนี้!”


มีรูปของเฉียนในนั้นอีกเช่นเคย เธอกำลังยืนและส่งรอยยิ้มในกับทุกคนในนั้น


“ทำไมเธอถึงไปอยู่ในนั้นได้ล่ะ? ยัดเงินเขาไปเท่าไหร่เนี่ย?”


เสี่ยวเฟิงพูดอย่างสงสัยกับเฉียนที่อยู่ด้านหลัง


“พี่เสี่ยว! พูดแบบนี้ได้ไง! ที่ไปอยู่ในนั้นได้ก็เพราะว่ฉันสวยไง เข้าใจ๋?”


เฉียนกำลังเขินและได้ยินแบบบนั้นเข้าก็หงุดหงิดนิดหน่อย


“แต่เธอผอมขนาดนี้ แถมหน้าอกก็ไม่ใหญ่อีก อะไรทำให้พวกนั้นโหวตให้เธอฟะ?”


เฉียนเป็นคนสวยก็จริงแต่ก็ยังวัยรุ่นอยู่เลย เธอแทบส่วนเว้าส่วนโค้งหรือแม้แต่ก้นงามๆด้วยซ้ำ เขาคิดว่าหลายๆคนที่โหวตให้น่าจะมาจากความน่ารักแน่ๆ


“หุบปากน่าพี่เสี่ยว!” เฉียนรีบเปลี่ยนหัวข้อคุยทันที


“พี่เสี่ยวชอบพวกผู้หญิงหุ่นนาฬิกาทรายเหรอ?”


“แน่นอน มีแค่พวกกระจอกเท่านั้นแหละที่ชอบสาวผอมๆแบบนี้”


“อ๊า! เงียบน่า! ฉันยังเด็กอยู่ยังพอมีเวลาให้โตได้อีกเยอะ!”



เฉียนเริ่มหงุดหงิดและไม่ยอมคุยกับเสี่ยวเฟิงต่อ


“โว้ว! ม้าโคตรเท่เลย ยูนิคอร์นปะเนี่ย?”


“เฮ้! ไอ้หนุ่ม นายไปเอาม้าตัวนั้นจากไหนน่ะ?”


“โอ้! อยากได้ม้าจังเว้ย!”


“เชี่ย! ม้าโคตรเจ๋งเลย! แม่นั่นโคตรโชคดีเลย ฉันยอมนอนกับเจ้าของม้าตัวนี้เลยก็ได้ เอ้า!”


“คุ้นๆนะ… นั่นมันยูนิคอร์นในลิสต์ปะเนี่ย? ถ้างั้นคนที่ขี่อยู่น่าจะเป็นพระเทพแล้วผู้หญิงคนนั้นล่ะ? แฟนเขาแหงๆ”



พวกเขาผ่านผู้เล่นมากมายและหลายๆคนก็พูดถึงเสี่ยวสุยกัน


เสี่ยวเฟิงเก็บม้าของเขาไปเมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่ในบริเวณนี้เพราะเกรงว่าอาจจะมีคนจำเขาได้


ทั้งสองอยู่ใกล้กับทางเข้าเมืองร้างแล้ว และก็เดินเข้าไป


“นักธนูเลเวล 13 ต้องการทีมเพื่อผ่านเควสที่นี่! ฉันมีความสามารถแล้วก็อุปกรณ์รวมไปถึงสัตว์เลี้ยงดีๆเลยนะ!”


“พวกเราต้องการพระสองคน,นักฆ่าหนึ่งคนหรือหนึ่งฮันเตอร์ก็ได้ พวกเราต้องการคนทำดาเมจ!”


“ออร์คชาแมนอยากได้ทีม! ฉันเป็นผู้เล่นมากความสามารถแถมยังร่ายดีบัฟใส่บอสได้ด้วยนะ!”


“กลุ่มเฟิงยุนที่สี่ต้องการนักรบโล่เก่งๆ! อุปกรณ์ที่ใส่อยู่ต้องมีระดับเกินกว่าของแรร์นะ!”


“ฉันเป็นนักเวทย์ที่มีพลังโจมตีแรงมาก! อยากจะได้ทีมเก่งๆมากกว่าทีมขี้เกียจ!”


“กลุ่มมิดซัมเมอร์ที่ 5 ต้องการพระที่มีค่าจิตใจมากกว่า 70”


“กลุ่มพัฒนาตัวเองต้องการเพื่อนร่วมทีม! พวกเราไม่ได้อยากจะผ่านเควสแต่อยากจะเอาของดรอปจากบอส!”


“ฉันต้องการเพื่อนมาช่วยกันผ่านเควสที่นี่! ฉันให้สิบทองเลยเอ้า! ส่วนของดรอปพวกนายเอาไปเลย!”



ทางเข้าโซนเร่งรีบนั้นมีแต่คนเต็มไปหมด แม้ว่าจะไม่วุ่นวายเท่าถ้ำซาลาแมนเดอร์แต่ก็เหมือนกับตลาดนัดเลย


เสี่ยวเฟิงตะลึง เพราะเขตเร่งรีบน่าจะรีเฟรชใหม่เมื่อวานและไม่คิดว่าคนจะเยอะแบบนี้


เขาเดินเข้าไปที่หน้าทางเข้าและส่งข้อความไปหาพี่น้องนิโคลัสและชวนให้มาทำเควสที่นี่


แต่สองคนนั้นก็บอกว่าพวกเขากำลังลงถ้ำซาลาแมนเดอร์อยู่กับเพื่อนของเขา ชายหนุ่มจึงวางสายไป


แต่ก่อนทั้งคู่จะเดินเข้าไปข้างในก็มีคนๆนึงทักพวกเขา


“เฮ้พวก นายเป็นพระใช่ไหม? อยากจะทำเควสที่นี่ใช่ไหมล่ะ?”


นักรบที่มีอุปกรณ์ดีๆโผล่ออกมาถามเสี่ยวเฟิง


เหตุผลหลักๆว่าทำไมเขาถึงเดินมาหาชายหนุ่มก็เพราะว่าเสี่ยวเฟิงนั้นมีไอเทมดีๆเต็มตัวไปหมด บ่งบอกได้เป้นอบ่างดีว่าชายคนนี้น่าจะเป็นคนที่มีเลเวลสูงๆแน่


“ใช่”


เสี่ยวเฟิงตอบกลับเรียบๆ เขามองไปด้านหลังก็เห็นผู้เล่นอีกนิดหน่อย หากตัดสินจากไอเทมที่ใส่อยู่น่าจะเป็นผู้เล่นที่มีฝีมือพอตัว แต่พวกเขาดันมีสีหน้าเศร้าหมองราวกับว่าเพิ่งถูกบอสฆ่ามา


“อยากจะร่วมทีมกับเราไหม? พวกเราต้องการพระน่ะ”


นักรบคนนั้นถามเสี่ยวเฟิง ซึ่งความจริงพวกเขาทั้งกลุ่มยกพวกเข้าไปให้บอสฆ่าเล่นในนั้นมาแล้วสองครั้ง พระในทีมของเขาไม่เก่งพอที่จะช่วยได้แล้วก็ออกจากกลุ่มไปทันทีที่โดนนักเวทย์ในทีมด่า


ในฐานะหัวหน้าทีม เขาต้องหาพระคนใหม่ให้ได้ และโชคดีที่เขาเจอเสี่ยวเฟิงก่อน


“ร่วมทีมงั้นเหรอ?”


ชายหนุ่มขมวดคิ้ว ที่จริงแล้วเขาไม่ต้องการเข้าทีมกับใครหรอกเพราะเขาอยากจะได้ไอเทมคนเดียว


“โอเค เอาเลย!”


แต่เฉียนกลับตอบรับอย่างทันควันโดยไม่ปรึกษาเขาซะงั้น


“โอ้ พวกนายมาด้วยกันเหรอ เยี่ยมเลย! ถ้ามีหญิงแบบนี้พวกเราพร้อมกันบวกได้แน่ๆ!”


นักรบคนนั้นดีใจทันทีที่ได้ยินคำตอบจากเฉียน


หญิงสาวเองก็ใส่หน้ากากเหมือนกัน แต่นักรบคนนี้สัมผัสได้เลยว่าผู้หญิงคนนี้แหละที่จะทำให้ทีมของเขามีชีวิตชีวาและผ่านด่านได้


ซึ่งแน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้ใส่ใจอะไรในตัวเฉียนเลยซักนิด พวกเขาต้องการพระมาคอยฮีลให้ตอนที่ฆ่าบอสกันมากกว่า


“ได้สิ แต่ฉันมีเงื่อนไข”


เสี่ยวเฟิงสิ้นหวังกับเฉียนที่ทำตามใจตัวเองไปแล้ว เขาเริ่มรู้สึกผิดที่หัวเราะเฉียนไปเมื่อกี้แต่ตอนนี้เขาต้องเล่นตามน้ำไปก่อน


“อะไรล่ะ?”


เพื่อนของนักรบคนนี้ถาม


“ฉันต้องเก็บไอเทมที่บอสดรอปมาได้แล้วถ้าอะไรที่ฉันใส่ได้ฉันจะเอาไป แล้วก็ยัยนี่เป็นคนร่วมทีมเฉยๆไม่มีพลัง


โจมตีหรอกนะ”


เสี่ยวเฟิงพูดออกมาชิลๆแต่สีหน้าของคนอื่นกลับมัวหมอง


“หมายความว่ายังไงน่ะ?”


123

“นายเป็นแค่พระ จะเอาของไปคนแรกทำไม?”


“กล้าดียังไง! คิดว่านายเป็นใครกัน? คิดว่าตัวเองเป็นพระที่มีค่าจิตใจสูงกว่า 80 รึไง?”


“นายก็เป็นแค่พระนี่นา ฆ่าบอสคนเดียวก็ไม่ได้แล้วจะเอาของไปทำไม?”


“อยากได้ของงั้นเหรอ? ก็เอาไปเลยสิถ้านายฆ่าบอสคนเดียวได้น่ะนะ”


เพื่อนร่วมทีมมากมายเริ่มบ่น


เสี่ยวเฟิงยิ้มให้แล้วไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่เพราะเขาใส่หน้ากากอยู่จึงไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไร


“พี่เสี่ยวทำเควสเองได้อยู่แล้วน่า! พวกนายน่ะกระจอกกว่าเขาเยอะ!” เฉียนเถียงกลับไปทันที


“พี่เสี่ยวเก็บของเลเวล 15 มาหมดรึยัง? มันยากกว่าหาของระดับเงินก็จริงแต่ฉันหาชุดดีๆให้นายได้นะ”


“โอ้ เธอพูดว่าไงนะ? หาของแรร์งั้นเหรอ?”


“พูดบ้าอะไรอยู่? คิดว่าพระจะทำเควสคนเดียวผ่านรึไง?”


“ฮ่าๆๆ ขำไม่ไหวแล้วโว้ย!”


“คิดว่าตัวเองเป็นหัวหน้ากิลด์ใหญ่รึไง? ไร้สาระน่า!”


พวกนักรบหัวเราะกันไม่หยุด


“ฉันเล่นเกมออนไลน์มามากแล้วและไม่คิดว่าจะเจอคนแปลกแบบนี้เลย! พวกเราจะกินขี้ออกสื่อเลยถ้าเกิดว่านายสามารถหาไอเทมแรร์ได้ภายในเวลา 1 ชั่วโมง!”


“ใช่แล้ว พวกเราจะไลฟ์สดให้ดูเลย!”


“ฉันจะกินขี้สองปอนด์ให้ดูเลย!”


พวกเขาเริ่มสบถด่ากันออกมาทันที


“พวกนายอยากแดกขี้กันขนาดนั้นเลยเหรอ?” เสี่ยวเฟิงรู้สึกว่าฉากนี้มันคุ้นเคยแปลกๆ


“อะไรนะ?”


พวกนักรบสับสนก่อนที่จะระเบิดความโกรธออกมา


“อย่าไปโกรธเขาเลย พวกเราจะกินขี้ให้ดูถ้านายทำเควสสำเร็จด้วยตัวเอง แต่ถ้ากลัวก็ยอมแพ้ได้นะ พวกเราจะได้ไม่เสียเวลาไปหาพระกันต่อ”


“ได้เลย แล้วพวกนายจะได้รู้ตัวว่าโชคดีแค่ไหน มาตั้งทีมกันเลย” เสี่ยวเฟิงรู้สึกตลกในใจแล้วก็เริ่มตั้งทีม


“ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะเจอผู้เล่นแบบนาย…”


บางคนก็ยังคงหัวเราะเยาะเสี่ยวเฟิงอยู แต่คนที่ยืนอยู่ข้างๆเขาจู่ๆก็เงียบลง


เขามองไปแล้วก็ว่าเพื่อนเขาทุกคนต่างก็ตกตะลึงอยู่ พวกเขาจ้องไปที่เสี่ยวเฟิงและเฉียนที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยสีหน้าประหลาดใจ


“เป็นอะไรกันวะ?” เขาถามขึ้น


“รีบดูในข้อมูลทีมเถอะ…” เพื่อนเขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง แล้วนักรบคนนี้ก็เบิกตากว้างด้วยข้อมูลที่เห็น


“เฮ้ แด็ดเข้าร่วมทีม”


“เฮ้ เฉียนโตวโตวเข้าร่วมทีม”


“หา? เฉียนโตวโตว? เจ้าของสมาพันธ์นั่นรึเปล่า?”


นักรบกลุ่มนี้มองเฉียนที่ใส่หน้ากากอยู่ด้วยสีหน้าไม่เชื่อสุดๆ


“ใช่…” ใบหน้าของเขาแข็งทื่อทันทีที่ได้ยินคำตอบ


“แล้ว…หมอนี่เป็นใคร?” เขากลืนน้ำลายและนึกขึ้นมาได้ว่าสองคนนี้จะต้องเป็นผู้เล่นเก่งๆแน่


“ดูเลเวลเขาก่อน…”


“15 ฉิบหายแล้ว พระเทพนี่หว่า!”


เขาพูดออกมาด้วยความตะลึงเมื่อเห้นว่าเสี่ยวเฟิงมีเลเวล 15


ในตอนนี้ที่ฮัวเซียนั้นมีเพียงแค่สองคนที่มีเลเวล 15 นั่นก็คือซีเหมินและพระเทพคนนี้ ในเมื่อพวกเขารู้จักซีเหมินกันเป้นอย่างดี ถ้างั้นคนตรงหน้านี้ก็คือพระเทพแล้วล่ะ!


ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพวกเขาถึงปกปิดตัวตนกันแบบนี้ ที่แท้ก็เพราะกลัวว่าทุกคนจะจำหน้าเขาได้นี่เอง


ทุกคนตะลึงและพูดไม่ออกกันหมด


ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมเจ้าของศาลาขุมทรัพย์ถึงหาของเลเวลสูงขนาดนั้นมากได้ง่ายๆ เพราะมีคนคอยช่วยเหลือเธออยู่นั่นเอง


พวกเขาไม่คิดว่าทั้งสองคนนี้จะยิ่งใหญ่ได้ขนาดนี้


“ไปกันเถอะ ฉันยังอยากดูพวกนายไลฟ์สดกันอยู่นะ”


เสี่ยวเฟิงเดินเข้าไปในเมืองร้างพร้อมกับเฉียน


“พระเทพ… พวกเราไมได้…”


บางคนพยายามจะขอโทษขอโพย แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ทันเสียแล้ว


ตอนนี้ไม่มีใครกล้ากังขาในความสามารถของเสี่ยวเฟิงอีกต่อไป และมั่นใจว่าชายคนนี้จะต้องทำเควสสำเร็จได้ด้วยตัวคนเดียวแน่นอน


“อย่าไปหวั่น เขาก็เป็นแค่พระน่า ไม่สามารถฆ่าบอสได้ด้วยตัวคนเดียวหรอก เชื่อฉันสิ แถมฉันยังไม่เชื่อหรอกว่าแม่นี่จะหาของเลเวล 15 ได้เร็วขนาดนั้น!”


แน่นอนว่าบางคนก็ ดื้อรั้นที่จะไม่ยอมรับความพ่ายแพ้


“ไปกันเถอะ พวกเราผ่านเควสได้แน่ๆ และถ้าเกิดว่าเราทำตัวดีๆหน่อยเขาอาจจะปล่อยเราไปตอนจบเควสก็ได้นะ”


บางคนเลือกที่จะตามเสี่ยวเฟิงไป ถ้ารู้ก่อนหน้านี้พวกเขาก็ไม่อยากจะหัวเราะเยาะคนแปลกหน้าแบบนี้หรอก ไม่งั้นอาจจะเกิดกรณีเดียวกันกับแบบนี้อีก


“ใช่แล้ว เขาก็เป็นแค่พระไม่น่าจะมีพลังโจมตีมากพอจะฆ่าบอสได้หรอก พวกเราน่าจะฉวยโอกาสนี้ทำเควสให้เสร็จไปเลยดีกว่า”


“ยิ่งไปกว่านั้นถ้าเราทำสำเร็จนี่เราอาจจะได้เฉียนโตวโตวมาเป็นแฟนก็ได้นะเว้ย! แถมยังอาจจะมีโอกาสได้เข้าสมาพันธ์ศาลาขุมทรัพย์อีกด้วย!”


บางคนก็เดินตามทั้งสองคนไปด้วยความคิดชั่วร้าย แต่บางคนก็ขอถอนตัวไปทันทีที่เห็นตัวตนของเสี่ยวเฟิง


ท้ายที่สุดแล้วก็มีแค่ 12 คนเท่านั้นที่เลือกจะเข้ามายังเมืองร้างนั่นรวมเสี่ยวเฟิงกับเฉียนแล้ว และอีก 10 คนที่เหลือก็คือนักรบคนนั้นและลูกทีม พวกเขามองเสี่ยวเฟิงด้วยสายตาตึงเครียด


ชายหนุ่มไม่สนใจพวกเขาและร่ายบัฟให้กับตัวเอง


“อวยพรอาวุธ!”


“เฮ้ คุณได้รับบัฟจากผู้เล่น แด็ด พลังโจมตีเพิ่มขึ้น 298 หน่วย เป็นเวลา 60 วินาที”


เพียงพริบตาพลังโจมตีของเสี่ยวเฟิงก็เพิ่มสูงมาก


“อวยพรชีวิต!”


“เฮ้ คุณได้รับบัฟจากผู้เล่น แด็ด พลังชีวิตเพิ่มขึ้น 122 หน่วย เป็นเวลา 60 วินาที”


เสี่ยวเฟิงเพิ่มบัฟให้กับตัวเองและพลีงชีวิตของเขาก็เพิ่มขึ้นมาก นี่เป็นครั้งแรกที่เขาใช้สกิลนี้และพบว่ามันได้ผลกว่าที่เขาคิดเอาไว้


ยิ่งไปกว่านั้นชายหนุ่มเองก็พบว่าอาชีพพระของเขานั้นแตกต่างกันออกไปตามค่าสเตตัสและสกิลที่เลือกเอาไว้


ตัวอย่างเช่น พระทั้งหลายในตอนนี้เป็นพวกที่คอยฮีลชาวบ้านเขาและจะเน้นไปที่การช่วยเหลือซะมากกว่า ดังนั้นค่าสเตตัสหลักๆที่จะอัพก็คือ จิตใจ และ ทนทาน เพื่อที่จะได้ร่ายสกิลเพื่อความอยู่รอดของเพื่อนในทีม


แต่บางคนก็เลือกเล่นพระสายโจมตีโดยที่เน้นไปยังค่า แข็งแกร่ง และ ปัญญา พวกเขาจะบัฟให้กับผู้เล่นแถวหลังด้วยสกิลอวยพรอาวุธและคอยบัฟทั้งทีมด้วยพลังโจมตีและค่าปัญญาที่เขามี แถมค่าสเตตัสเหล่านั้นยังส่งผลให้ตัวผู้เล่นพระสายนี้เองก็อึดถึกทนทายาทขึ้นอีกต่างหาก


ซึ่งสรุปแล้ว เขาพบว่าค่าว่องไวแทบไม่ส่งผลอะไรให้กับอาชีพของพระเลย


แต่ในตอนนี้เสี่ยวเฟิงกำลังยุ่งอยู่กับเรื่องตรงหน้ามากกว่าจะมานั่งคิดเรื่องการอัพสเตตัส ดังนั้นเขาจึงเก็บคทารักษาไปและหยิบโทเทมออกมา


ด้วยบัฟที่เขามีบวกกับโทเทมที่ถืออยู่ พลังโจมตีของเสี่ยวเฟิงนั้นทะลุไปถึง 449!


“ขับไล่…ขับไล…”


พวกชาวบ้านผีดิบรีบพุ่งเข้ามาหาเสี่ยวเฟิงทันที


ชายหนุ่มเหวี่ยงกระบองใส่หัวของมันอย่างจัง


“-578”


พวกผู้เล่นในทีมของเขาต่างก็ตะลึงที่เห็นตัวเลขความเสียหายรุนแรงแบบนั้น ทั้งๆที่มอนสเตอร์ตรงหน้านี้เป็นระดับอีลิตเลเวล 15


ถ้าในความเป็นจริงพวกเขาต้องใช้เวลากว่า 5 นาทีถึงจะล้มมันได้เลยทีเดียว


แต่เสี่ยวเฟิงไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก เขาเริ่มมองหาเป้าหมายอื่นแล้วก็จัดการมันด้วยกระบองที่ด้านหลังของหัวพวกมัน


“-1162 คริ!”


ตัวเลขมหาศาลปรากฎขึ้นมาและผีดิบพวกนั้นก็ตายในทันที


ร่างกายศักดิ์สิทธิ์ของเขาทำให้สกิลอวยพรอาวุธรุนแรงยิ่งขึ้นไปอีก นั่นหมายความว่าพลังโจมตีของเสี่ยวเฟิงเกือบจะคูณสอง!


ในตอนนี้พลังศักดิ์สิทธิ์เองก็เพิ่มความเสียหายที่กระทำต่อมอนสเตอร์ธาตุมืดได้อีก 50%


“-1174 คริ!”


“-1168 คริ!”


“-1172 คริ!”



นี่เป็นภาพที่โหดร้ายมากกับการที่เสี่ยวเฟิงพุ่งตัวไปมาและจัดการพวกมอนสเตอร์มากมาย และทุกท่วงท่าของเขานั้นงดงามเหลือเกิน…


124

ผัวะ!


เสี่ยวเฟิงทุบไปที่ด้านหลังหัวของผีดิบชาวบ้าน พร้อมกันนั้นตัวเลขความเสียหายก็ปรากฎขึ้นมา แล้วมันก็ตายไปทันที


“-1188 คริ!”


ปิ๊ง ปิ๊ง


เสี่ยวเฟิงบัฟใส่ตัวเองอีกมากมาย เขาจัดการพวกมอนสเตอร์อย่างง่ายดาย


พวกนักรบและคนอื่นๆที่อยู่ด้านหลังเขาต่างก็ยืนงงกันเป็นแทบๆ พวกเขาไม่เคยเห็นความเสียหายเยอะขนาดนี้มาก่อน พระคนนี้สามารถจัดการพวกมอนสเตอร์ได้โดยที่ไม่ต้องมีพวกเขาช่วย แถมยังมีบัฟที่สามารถเพิ่มพลังตัวเองได้เยอะสุดๆอีก นี่อาจจะเป็นพลังที่แท้จริงของผู้เล่นที่เก่งที่สุดในฮัวเซียแน่ๆ


ดวงตาของเฉียนเองก็มองเสี่ยวเฟิงอย่างปลาบปลื้ม เธอรู้อยู่แล้วว่าชายคนนี้เก่งกาจก็จริง แต่ก็เพิ่งจะเคยเห็นฝีมือที่แท้จริงของเขาในวันนี้


แม้เธอจะไม่ใช่ผู้เล่นสายบู๊แบบนี้แต่ก็รู้ดีว่าพลังโจมตีของผู้เล่นทั่วไปน่าจะมีราวๆ 120 แต่ของเสี่ยวเฟิงนั้นสูงถึง 1200 นี่เป็นระยะห่างที่ขาดช่วงสุดๆ


“เขาคือพระเทพจริงๆ… โคตรเก่ง…”


นักรบและคนอื่นๆต่างก็ช็อคและไม่รุ้จะพูดอะไรดี พวกเขารู้แค่ว่าหมอนี่คือพระเทพที่สามารถผ่านเควสทดสอบได้ด้วยตัวคนเดียวแน่ๆ


เสี่ยวเฟิงเมินพวกเขาอย่างสิ้นเชิงแล้วรีบมุ่งหน้าไปยังใจกลางเมือง เป้าหมายคือบอสตัวแรกของที่นี่นายทหารผีดิบ


เฉียนเองก็รีบวิ่งตามเขาไปในขณะที่คนอื่นๆได้แต่มองเสี่ยวเฟิงตาปริบๆ


“เอาไงกันต่อดี?”


เฉียนถามเสี่ยวเฟิง


“ไม่ต้องไปสนใจหรอก”


ชายหนุ่มส่ายหัว เขาไม่ได้อยากจะยุ่งหรือปะทะคารมอะไรกับผู้เล่นธรรมดาอยู่แล้ว


ตอนนี้มีเพียงแค่เฉียนเท่านั้นที่ตามเขามาในลานกว้างนี้ ดังนั้นชายหนุ่มจึงใช้สกิลได้อย่างเต็มที่ นั่นรวมถึงโฮลี่ไลท์เมื่อเลือดของเขาเหลือต่ำกว่า 15% ,และค้อนแห่งความยุติธรรมที่ตอนนี้ทำความเสียหายได้มากถึง 2000 หน่วย


เสี่ยวเฟิงจัดการบอสได้ในเวลาเพียงครึ่งชั่วโมง แถมในครั้งนี้เขาโชคดีที่ดรอปไอเทมระดับตำนานได้ด้วย


เข็มขัดผู้กล้า


ระดับ ตำนาน


ชนิด หมวก


เลเวล 15


ความต้องการ ว่องไวไม่ต่ำกว่า 75


ค่าสเตตัส


อัตราการหลบหลีก +15%


แข็งแกร่ง +18


ว่องไว +23


ทนทาน +18


จิตใจ +18


ปัญญา +18


พิเศษ


ประสาทสัมผัสเฉียบคม อัตราการหลบหลีกเพิ่มขึ้นอีก 10% เป็นเวลา 30 วินาที คูลดาวน์ 1 ชั่วโมง


เสี่ยวเฟิงใส่มันทันทีในช่องเข็มขัด และพบว่าค่าสเตตัสของเขาเพิ่มขึ้นพอสมควร แต่สกิลของไอเทมชิ้นนี้ไม่จำเป้นสำหรับเขาเท่าไหร่นัก


ไอเทมอื่นๆก็ไร้ค่าสำหรับเขาเพราะค่าสเตตัสที่ต่ำเกินไป เขาไม่อยากจะใส่ของที่มีคุณภาพต่ำกว่าสีเงินหรือระดับหายากสุดๆอีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงโยนของเหลือใข้ทั้งหมดให้กับเฉียน


หญิงสาวเองก็ได้ค่าประสบการณ์มากมายหลังจากที่ทำเควสนี้เสร็จ


“พี่เสี่ยวจะไปเมืองอื่นกับฉันอีกไหม?”


แต่เฉียนก็ระลึกได้ได้ว่าเธอต้องไปที่เมืองอื่นต่อ แล้วในตอนนี้ดูเหมือนว่าเสี่ยวเฟิงจะไม่ได้มีความคิดอยากจะไปเสียเท่าไหร่


“ฉันแก้ปัญหาได้แล้วล่ะ ฉันจะช่วยเธอผ่านเควสแล้วเอาตำแหน่งไปจากนั้นเธอก็ไปซื้อที่ดินตามที่ต้องการดด้วยตัวเองเลย”


ชายหนุ่มปรบมือเข้าหากันแล้วพูดออกมา เขาไม่ได้ต้องการจะไปทุกเมืองกับเฉียนแน่ๆ เพราะว่ามีเมืองอีกตั้ง 10,000 เมืองในเกมนี้ ดังนั้นเขาจึงคิดหาทางออกที่ดีที่สุด


“เห็นด้วยเลย!”


แต่เฉียนดูดีใจผิดจากที่คิดเอาไว้


เพราะเธอเสียเงินไปมากกว่า 9 ล้านทองในการตระเวนซื้อที่ดินในเมืองต่างๆไปแล้วมากมาย ซึ่งมันแพงมากๆและเธอกำลังคิดว่าจะยอมปล่อยที่เหลือไปแต่โดยดี ทว่าเธอไม่คิดว่าเสี่ยวเฟิงจะอาสาช่วยแบบนี้


“ไปกันเถอะ”


ชายหนุ่มเริ่มสัมผัสได้ถึงความคิดแปลกๆของเฉียนแต่ก็ยังตอบไม่ได้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ ก่อนที่จะส่ายหัวแล้วคิดจะพาเธอไปยังวิหารแห่งแสง


ชายหนุ่มคุ้นเคยกับที่นี่ดี และนั่นก็ทำให้เฉียนได้รับประโยชน์ไปด้วย ถ้าเป็นแบบนี้เธอจะต้องกว้านซื้อที่ดินได้มากมายแน่ๆ


แต่คู่นิโคลัสเองก็ทักพวกเขามาก่อน


“พี่เสี่ยวอยู่ไหนน่ะ? ว่างรึเปล่า?”


“ฉางกวงโดนรังแกน่ะ แล้วพวกเราก็สู้เขาไม่ได้ด้วย” เจาซือพูดด้วยความอับอาย


“เกิดอะไรขึ้น?”


เสี่ยวเฟิงรู้สึกประหลาดใจ เพราะฉางกวงเป็นเด็กฉลาดเกินวัยและไม่น่าจะมีใครที่รังแกเขาได้ขนาดนั้น


“มีไอ้สารเลวคนนึงก่อปัญหาที่สมาพันธ์แล้วพวกเราก็เลยตัดสินด้วยกำลังกันนอกเมือง แต่หมอนี่ดันเก่งเกินไปและจัดการพวกเราได้ ถึงฉางกวงจะยังไม่แพ้ก็จริงแต่ก็น่าจะอีกไม่นาน”


“ขอชื่อมันได้ไหม?”


เสี่ยวเฟิงขมวดคิ้วหลังจากได้ยินแบบนั้น เป็นที่รู้กันดีว่าเมื่อคุณโด่งดังก็ต้องมีคนมากมายคอยอิจฉาและขัดแข้งขัดขาคุณ แต่ถ้าอีกฝ่ายดันเป็นผู้เล่นเก่งๆก็จะรับมือยากหน่อย


“หมอนั่นชื่อฮานเฟิง ฉันคุ้นชื่อมันนะแต่ก็นึกไม่ออกอยู่ดี แถมยังปากดีโคตรๆเลยด้วย”


“ฮานเฟิง?”


เฉียนที่ยืนอยู่ใกล้ๆเสี่ยวเฟิงได้ยินบทคุยพวกนี้ ทั้งสองมองหน้ากันแล้วนึกออกทันที


“พวกนายอยู่ที่ไหน? เดี๋ยวฉันไปหา”


เสี่ยวเฟิงถาม และมั่นใจว่าหมอนี่อยู่ในรายชื่อเซเลบแน่ๆ แถมยังเล่นเก่งจนฉางกวงยังสู้ไม่ได้เลยด้วย


ชายหนุ่มเรียกเสี่ยวสุยออกมาที่ทางเข้าเขตนี้แล้วรีบวิ่งฝ่าฝูงชนออกไปหาพวกคู่นิโคลัส


“พี่เสี่ยว ไอ้สารเลวนั่นน่าจะคิดว่าแหวนของมันน่าจะขายได้ราคาสูงอยู่แน่ๆเลย!”


เฉียนตามเขาไปด้วยบนม้านั่น เธอกอดเสี่ยวเฟิงเหมือนเคย


ชายหนุ่มไม่ได้พูดอะไร เจาซือเองก็อยู่ที่นอกเมืองเตียนหลงซึ่งไม่ห่างจากเมืองร้างนี่เท่าไหร่นัก เสี่ยวสุยวิ่งด้วยความเร็วจัดๆจนถึงที่หมายภายใน 10 นาที


แต่เสี่ยวเฟิงก็ได้ยินเสียงดังมาก่อนที่เขาจะไปถึงซะอีก


“เฮ้! พ่อหนุ่ม! แดกข้าวมายัง? กูรอมึงอยู่เลย ทำไมช้าจังวะ?”


“เฮ้! เลิกเป็นนักดาบเหอะมึง เหวี่ยงดาบเหมือนกับเด็กผู้หญิงเลยมึงเนี่ย กระจอกฉิบหาย”


“เฮ้! ไอ้หนูทำการบ้านมายังวะ? แอบแม่มาเล่นเกมรึไง? แม่มึงตามมาตบกบาลแน่!”


“เฮ้ ไอ้หนูหยุดทำไมวะ! ตามกูมาเด้!”


“โอ้ ยอมแพ้เถอะ มึงจับกูไม่ได้หรอก! พอเหอะมึงกลับไปเรียนเดี๋ยวนี้เลยนะ ใกล้จะสอบแล้วนี่?”


“โง่จังวะ? กูบอกให้ไปเรียนไงเพื่อตัวมึงเลยนะ พ่อกับแม่อุตส่าห์ส่งมึงมาเรียนนะเว้ย แต่มึงดันมาเล่นเกมเนี่ยนะ!”



เสี่ยวเฟิงมองขึ้นไปก็พบกับนักธนูคนนึงที่กำลังวิ่งหนีแล้วพูดอะไรบางอย่างใส่คนที่วิ่งตามอยู่พร้อมกับยิงธนูไปด้วย


ชื่อบนหัวของเขาคือ ฮานเฟิง น่าจะเป็นคนเดียวกันกับที่ปากหมาแน่ๆ


ฉางกวงเองก็กำลังวิ่งตามเขาด้วยความโกรธสุดๆ และทุกครั้งที่ตามจับไม่ได้ก็ยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นไปอีก ฮานเฟิงเองก็ยังคงยั่วโมโหเขาไปเรื่อยๆ


บล็อก!


น่าแปลกที่แม้ว่าเด็กคนนี้จะโมโหแค่ไหนก็ตามแต่เขาก็ยังคงปัดป้องการโจมตีของฮานเฟิงได้


และที่ทำให้เด็กคนนี้โมโหก็คือหมอนี่มันไม่ยอมสู้กับเขาซึ่งๆหน้าต่างหาก


“พี่เสี่ยวมาแล้ว!”


คู่นิโคลัสที่ได้แต่มองเพราะช่วยอะไรเด็กคนนี้ไม่ได้ ถึงจะพยายามเข้าไปช่วยแต่ก็ถูกยิงตายกลับมาครั้งนึง


และเมื่อพวกเขาเห็นเสี่ยวเฟิงก็รีบตะโกนเรียกทันที


“เฮ้ หยุดทำไมวะ? ใจกล้าหน่อยก็วิ่งเข้ามาเลยเด้! ถ้าอ่อนแอแบบนี้ระวังจะหมดอนาคตนะ!”


ฮานเฟิงหัวเราะทันทีที่เห็นว่าฉางกวงหยุดวิ่ง และหมุนตัวเดินกลับไปโดยไม่ได้สนใจเขาเลย


“เฮ้ จะไปหาเพื่อนรึไง? เรียกแม่งมานี่ดิ๊กูจะฆ่าแม่งตรงนี้เลย!”


ทันใดนั้นฮานเฟิงก็สบตาเข้ากับเสี่ยวเฟิงและเฉียนที่เพิ่งลงมาจากม้า


“เฮ้ เฉียนโตวโตวนี่หว่า!”


เขาจำหญิงสาวคนนี้ได้ทันทีที่เห็นแม้ว่าจะปิดบังชื่อไว้ก็ตาม


จากนั้นฮานเฟิงก็โบกมือและตะโกนอย่างเดือดดาล


“เอาเงินกูคืนมาพร้อมกับแหวนเลยนะเว้ย! ไอ้พวกทุนนิยมโสโครกตายห่าไปซะ! เอากล่องกูคืนมาด้วย!”


เฉียนตะลึงพร้อมกับความรู้สึกอับอาย


125

“ไอ้พวกทุนนิยมโสโครกไปตายซะ! พวกเราต้องการความยุติธรรม!”


เฉียนมองไปยังฮานเฟิงที่โบกมืออยู่ด้วยความตะลึง แถมพวกนิโคลัสกับฉางกวงเองก็รู้สึกอับอายไม่ต่างกัน


“พี่เสี่ยว หมอนี่แม่งปากหมาฉิบหายเลย”


เจาซือพูดอย่างหมดความอดทน


“ใช่แล้วพี่เสี่ยว! ฆ่าแม่งเลยดีกว่า!”


เสี่ยวเฟิงที่อยู่บนเสี่ยวสุยไม่ได้พูดอะไร เขาแค่จ้องไปยังฮานเฟิงเท่านั้น แม้ว่าอีกฝ่ายจะอายุ 20 ต้นๆแต่ก็ดูฉลาดแกมโกงสุดๆ


“มึงเป็นหัวหน้ามันเรอะ?”


เขาจ้องมาที่เสี่ยวเฟิง ก่อนที่จะกลืนน้ำลายเมื่อเห็นเสี่ยวสุย


ชายหนุ่มคิดว่าปีกและเขาของม้าเขาน่าจะปกปิดได้อยู่ แต่ส่วนอื่นของมันน่าจะไม่อาจทำได้เพราะม้าตัวอื่นที่NPCขายนั้นมันไม่ตัวใหญ่แบบนี้


ฮานเฟิงมองเสี่ยวเฟิงตั้งแต่หัวจรดเท้าและพบว่าเขาสวมแหวนว่องไวอยู่ด้วย


“นั่นมันแหวนที่กูขายไปนี่? มึงใส่มันเหรอ? ไอ้ชั่วเอ้ย! เอาเงินกูคืนมานะ! ไม่งั้นกูจะประจานมึงในฟอรั่ม!”


เขาพูดออกมาอย่างมั่นใจพร้อมสายตาแห่งความยโส


“นายคือคนที่เกรียนที่สุดในโลกอินเตอร์เน็ตสินะ”


เสี่ยวเฟิงยิ้มและไม่ได้พูดอะไรต่อ ยังไงเสียหมอนั่นมันก็คงไม่ฟังเขาอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงชักโทเทมออกมาพร้อมขี่เสี่ยวสุยพุ่งเข้าไปหาฮานเฟิงทันที


“จะฆ่ากูปิดปากสินะ? เข้ามาเด้!”


ชายคนนั้นตะโกนด้วยความตื่นเต้น แต่ก็ยิงธนูใส่เสี่ยวเฟิงแล้วเริ่มวิ่งหนีอีกครั้ง


“พี่เสี่ยวระวังด้วย หมอนั่นมันมีอาชีพลับเป็นเรนเจอร์! แถมสกิลยังโหดมาด้วย”


เฉียนตะโกนบอกด้วยสกิลสอดแนมของเธอ ทำเอาฮานเฟิงต้องเบิกตากว้าง


เสี่ยวเฟิงเอียงหัวหลบลูกศรนั้นได้แถมม้าของเขาก็ยังไม่หายไปอีกด้วย


“นี่มันสัตว์ขี่ตัวเก่งนี่หว่า!”


ฮานเฟิงเพิ่งจะระลึกได้ เพราะถ้าเป็นสัตว์ธรรมดาน่าจะหายไปแล้ว


แต่เขาก็ไม่มีเวลามากพอจะสังเกตมันซักเท่าไหร่ ประสาทสัมผัสบอกเขาว่าชายขี่ม้าคนนี้อันตรายสุดๆ ยิ่งไปกว่านั้นเฉียนยังพบอาชีพลับของเขาอีก


“จีจี!”


เขาวิ่งแล้วยิงธนูกลับมาใส่เสี่ยวเฟิง


ศรสองดอกพุ่งผ่านอากาศและกำลังจะเสียบหัวของพระหนุ่มแล้ว


แต่เสี่ยวเฟิงก็เอียงหัวหลบมันอย่างง่ายดาย ศรพวกนั้นพุ่งผ่านเส้นผมของเขาไป


ทว่า ฮานเฟิงก็ไม่ได้ดูประหลาดใจมากเท่าไหร่ แถมยังดูพึงพอใจที่แผนสำเร็จแล้วยังไงยังงั้น


พระหนุ่มขมวดคิ้วและมองไปรอบๆก่อนที่จะพบว่ามีศรสองดอกกำลังพุ่งมาหาเขาจากด้านหลัง


เสี่ยวเฟิงพบว่าศรพวกนั้นเมื่อมันพุ่งพลาดเป้าไปแล้วมันก็ได้วนกลับมาหาเขาอีกครั้งราวกับจรวดติดตาม


ชายหนุ่มไม่คิดว่าธนูพวกมันจะมีความสามารถแบบบนี้ เขาจึงใช้โทเทมซัดมันออกไป


บล็อก!


บล็อก!


เสียงปัดป้องอาวุธดังขึ้น


ฮานเฟิงรู้แล้วว่าพระคนนี้ต้องเป็นผู้เล่นระดับสูงแน่ๆ เขาจึงรีบวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต


“เสี่ยวสุย ตามเขาไป”


พระหนุ่มพูดสั้นๆ ดูจากท่วงท่าแล้วเขาดูคล้ายกับทหารม้าที่ถือหอกเงินก็ไม่ปาน


“หึ!”


เสี่ยวสุยกัดฟันด้วยความหงุดหงิดและเร่งความเร็ว แต่พวกเขาทั้งสองก็ใกล้เข้ามากันทุกที


จริงๆแล้วนี่ยังไม่ใช่ความเร็วที่สุดของม้าตัวนี้ด้วยซ้ำ


“จีจี!”


ฮานเฟิงยิงศรสามดอกไปยังพระหนุ่มโดยไม่หันกลับไปมอง


เสี่ยวเฟิงปัดป้องมันได้เช่นเดิม


“ว้าว! พี่เสี่ยวโคตรเจ๋ง! ตามมันไปเลย!”


เพื่อนๆของเขารีบวิ่งตามไปด้วย


น่าประหลาดใจที่ว่าฮานเฟิงนั้นกำลังสติแตก เขาวิ่งด้วยความรวดเร็วแต่ก็ยังสลัดเสี่ยวเฟิงไม่หลุด เขาไม่อาจทำอะไรอื่นได้นอกจากใช้สกิลเดิมๆโจมตีซ้ำไปมา


แต่พระหนุ่มก็หลบได้โดยไร้รอยขีดข่วน ศรส่วนมากถูกเขาปัดไปได้และมีเพียงความเสียหายเล็กน้อยเท่านั้น แต่ก็ไม่อาจทำให้เขาระคายเคืองได้เพราะค่าสเตตัสที่สูงอยู่แล้ว แถมในฐานะของอาชีพพระแล้วเขาก็ไม่ต้องกังวลในเรื่องการลดของพลังชีวิต


แต่โทเทมมันก็มีระยะการใช้งานที่ไม่นานนักเขาจึงต้องใช้โล่มือเดียวในการป้องกัน แจ่ดูเหมือนว่าเขาจะใส่มันไม่ได้เพราะด้วยอาชีพที่เขาเป็นอยู่ตอนนี้


“หลีกไปโว้ย!”


ฮานเฟิงวิ่งอย่างบ้าคลั่งจนสุดท้ายก็ถูกเสี่ยวสุยเหยียบเข้าที่กลางหลังจนล้มลง


มันกัดฟันกรอดด้วยความหงุดหงิดและมองต่ำไปยังฮานเฟิง ก่อนที่จะยกขาหน้าขึ้นมาราวกับกำลังหัวเราะเยาะ


“เดี๋ยว! กูจำมึงได้แล้ว! มึงมันคนที่อยู่อันดับแรกนี่หว่า! พระเทพคนนั้น!” ฮานเฟิงกรีดร้องออกมาอย่างน่าสมเพช


เสี่ยวเฟิงไม่ได้พูดแล้วกำลังจะจัดการเขาด้วยโทเทมในมือแล้ว


“ช้าก่อน! กูมีข้อเสนอ อย่าทำกูเลย!”


“เฮ้ย หยุดทำไมวะ หัวเราะฉันต่อสิ!”


ตอนนี้พวกนิโคลัสและฉางกวงเองก็ตามมาถึงที่แล้ว ซึ่งจริงๆแล้วก็ไม่ได้ห่างกันไปไกลมากเท่าไหร่หรอก


“ไม่ยุติธรรมเลย! กูตัวคนเดียวแต่มึงมี 4 คนอ่ะ! แถมยังมีคนที่เก่งที่สุดด้วย!” ฮานเฟิงพยายามดิ้นรนอยู่ใต้กีบของเสี่ยวสุยแต่ก็ไม่สามารถออกมาได้


“เฮ้ย แกต้องการอะไรวะ? ดูเหมือนจะปากดีเหรอเกินนะ!”


ทั้งสามเข้ามาเตะฮานเฟิงพร้อมถามไปด้วย


“กูแค่สู้กับพวกมึงแต่ก็โดนมึงรังแกอ่ะ! ให้กูเรียกเพื่อนมาบวกกันปะล่ะจะได้เท่าเทียมกัน!” ฮานเฟิงถาม


“ก็เอาเด้! ไปเรียกเพื่อนแกมาให้หมดเลยนะ พี่เสี่ยววจะฆ่าแม่งให้เหี้ยนตรงนี้เลย” ฉางกวงตอบกลับมา


เสี่ยวสุยยกขาขึ้นจากฮานเฟิง และพระหนุ่มเองก็เห็นด้วยกับข้อเสนอนี้


“เอาเลย รอกูอยุ่ตรงนี้นะ เพื่อนกูตามมาฆ่าพวกมึงแน่!”


ฮานเฟิงลุกขึ้นปัดฝุ่นออกแล้วก็หยิบคัมภีร์วาร์ปออกมา


“ไปเรียกเพื่อนแกมาเลย! ไม่ครนามือพวกฉันหรอก!” เจาซือตะโกนและฮานเฟิงก็หายไป


พวกเขารอกันเป็นชั่วโมงแล้วมันก็ยังไม่กลับมา


สายลมพัดผ่านพวกเขาที่ยืนกันอย่างโดดเดี่ยว


“พี่เสี่ยว ฉันว่ามันไม่กลับมาแล้วล่ะ”


ฉางกวงพูดออกมา


“หมอนั่น! คราวหน้าจะฆ่าแม่งให้เหี้ยนเลยคอยดู!”


“ไปตามหามันกันดีกว่า”


พวกนิโคลัสเองก็พูดอย่างหงุดหงิดเพราะไม่คิดว่าจะโดนมันหลอกเข้าจนได้


เสี่ยวเฟิงยังคงสงบอยู่ แล้วก็พูดขึ้นเบาๆ


“ไปกันเถอะ”



เสี่ยวเฟิงออกมาจากเกมแล้วไปเตรียมอาหารเช้าให้กับเสี่ยวหลิงพร้อมทิ้งโน้ตไว้ก่อนที่จะกลับเข้ามาในเกมอีกครั้ง


ฮานเฟิงหายตัวไปเลย ไม่แม้แต่จะโผล่มาที่สมาพันธ์ด้วยซ้ำ เสี่ยวเฟิงจึงไปช่วยเฉียนทำเควสให้ผ่าน


เขาบอกบิชอปไคเซอร์ว่าเฉียนอยากจะเป็นผู้ศรัทธาในวิหารแห่งแสง ไคเซอร์จึงมองเควสให้กับเขาด้วยความเกรงใจในตัวอาร์คบิชอป


มีเควสยากมากมายแต่เฉียนก็ทำมันสำเร็จได้ด้วยความช่วยเหลือของเสี่ยวเฟิง จนเธอได้ตราผู้ประกอบพิธีแสงเป็นรางวัล


แต่เสี่ยวเฟิงเองก็รู้ดีว่าไคเซอร์ก็มอบเควสให้กับเขาเช่นกัน เขาได้เควสเนื้อเรื่องมาหลังจากที่ช่วยเฉียนจนหมดแล้ว


“ไม่นานมานี้ พวกทหารแห่งอาณาจักรพบว่ามีกองทหารมากมายในป่าโลหิต และไม่ใช่ทหารธรรมดาเสียด้วยเพราะพวกมันคือกองทหารปีศาจ! พวกเราต้องขอร้องไปทางวิหารแห่งแสงเพื่อหาคนมาช่วยเก็บข้อมูลพวกมัน”


“เฮ้ คุณจะรับเควสเนื้อเรื่อง ผู้ถือสาห์นแห่งความมืด หรือไม่?”


เสี่ยวเฟิงจำใจรับเควสนี้เพราะเกรงว่าหากปฏิเสธไปแล้วจะไม่ได้อะไรกลับคืนมาแน่ๆ และถ้าเป็นแบบนี้เขาก็ต้องล้มเลิกแผนเก็บเลเวลช่วงเที่ยงซะแล้ว

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม