Dawn of a new era รุ่งอรุณแห่งยุคใหม่ 85-98
ตอนที่ 85 ยักษ์
สำนักงานรับรองเอกสารและกำกับดูแลชาวยุทธ
สำนักงานนี้แค่ดูก็รู้แล้วว่าเป็นหน่วยงานที่มีอำนาจทรงพลังเป็นอย่างมาก
หากชาวยุทะทั่วไปเห็นเข้าคาดว่าคงพากันหวาดกลัว
แต่เฉินโจวอี้ยังคงมีความลังเลอยู่บ้าง
พระเจ้าอวยพร เขาพึ่งจะอายุแค่สิบเจ็ดปีเอง ก่อนหน้านี้เขายังเรียนอยู่มัธยมปลายอยู่เลย อยู่มาวันหนึ่งจู่ๆ เขาก็มีทางเลือกชีวิตของเขาในต่อจากนี้
ต่อให้เขาดูเป็นผู้ใหญ่แค่ไหน แต่ในช่วงเวลานี้ยังไม่ค่อยเหมาะสมอยู่ดี
เขาคิดว่าควรจะพิจารณาดูอย่างละเอียดเสียหน่อย
“ผมจะตัดสินใจเรื่องนี้เองไม่ได้ ยังต้องถามความเห็นของพ่อกับแม่ก่อน!”
ผู้อำนวยการชะงักไปพักหนึ่งแล้วมองไปยังใบหน้าที่อ่อนเยาว์ของเฉินโจวอี้
ยังเป็นแค่เด็กคนหนึ่งอยู่เลย!
เขาจึงพูดด้วยรอยยิ้ม “แน่นอน ยังไม่รีบร้อนในตอนนี้ เธอกลับไปพิจารณาแล้วปรึกษาพ่อกับแม่ก่อนก็ได้!”
….
เฉินโจวอี้มองออกไปนอกหน้าต่าง
มองไปยังปล่องควันที่โดดเด่นเรียงรายอยู่ที่ไกลๆ ควันสีขาวพวยพุ่งออกมาจากปล่องควัน กลุ่มเมฆหนาสีขาวลอยปกคลุมทั่วทั้งเขตอุตสาหกรรม
โรงงานของที่นี่ส่วนใหญ่ดูเหมือนจะถูกดัดแปลงเป็นโรงงานเครื่องจักรไอน้ำ
ในใจของเขารู้สึกสับสนไปหมด
สำหรับเรื่องทางเลือกในอนาคตนั้น
ก่อนที่เขาจะมาที่นี่ เขาคิดอะไรอย่างง่ายดาย เขาแค่ต้องการได้รับใบรับรองชาวยุทธเพื่อเพิ่มระดับทางสังคมให้แก่ตนเอง เปลี่ยนแปลงสถานการณ์ในครอบครัวของเธอ นอกจากนี้แล้ว เขากลับไม่ได้คิดอะไรมากมาย สำหรับเรื่องที่ว่าในอนาคตจะไปไหนต่อ? ต่อไปจะทำอาชีพอะไร? เรื่องเหล่านี้เขายังไม่เคยคิดถึงมันมาก่อน
จากก้นบึ้งของหัวใจเขา มันอยากกลับไปบ้านเกิดของเขาที่เมืองตงหนิงมากกว่า
เพราะสุดท้ายแล้วที่แห่งนั้นก็ยังคงเป็นสถานที่ที่เขาอยู่มาตั้งแต่เด็ก
ที่นั่นมีความทรงจำของเขาอยู่มากมาย และรักมีรักแรกที่เขาขาดการติดต่อไป
อีกอย่างหลังจากที่เขากลับเมืองตงหนิงแล้ว เขายังคงสามารถใช้ประโยชน์จากอุโมงค์มิติในลานจอดรถของตึกร้างได้อีกครั้ง
เมื่อมีสถานะของชาวยุทธแล้ว ขอแค่จัดการออกเอกสารประจำตัวนักสำรวจสักใบ เขาก็สามารถเข้าออกอุโมงค์มิติได้อย่างอิสระเสรีแล้ว
แต่เมื่อเทียบกับเมืองเหอตง สถานการณ์ในเมืองตงหนิงยังถือว่ายากลำบากกว่ามาก ไม่เพียงแต่ไม่รู้ว่าไฟฟ้าจะดับถึงเมื่อไร ขนาดมาตรการรักษาความปลอดภัยยังอยู่ในขั้นวิกฤต กิจกรรมของพวกลัทธินอกรีตก็ยังไม่ถูกกำจัดจนสิ้นซาก
แน่นอนว่าเมื่อพูดถึงความสามารถในตอนนี้ของเขา เขาไม่จำเป็นต้องสนใจปัญหาเรื่องการรักษาความปลอดภัยเลย
แต่พ่อกับแม่ของเขาเป็นคนธรรมดา ส่วนน้องสาวถึงแม้ว่าจะมีความสามารถเช่นกัน แต่เมื่อเผชิญหน้ากับอันตรายของจริง เธอยังคงไม่มีความสามารถในการต้านทานเท่าไหร่
เมื่อเทียบกับการกลับไปเมืองตงหนิง การรับพ่อแม่และน้องสาวมาอยู่ด้วยกันที่เมืองเหอตง ถือว่ามีความปลอดภัยกว่ามาก
ในใจของเขาเกิดความรู้สึกหดหู่หลังจากคิดอยู่นาน สุดท้ายเขาก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้
….
รถบัสค่อยๆ ขับมาถึงเขตชนบท สองข้างทางเริ่มปรากฏวิวทุ่งนา หลังจากขับต่อไปประมาณสิบนาที รถก็มาจอดที่ปากทางเข้าหมู่บ้านแห่งหนึ่ง
ทุกคนถืออาวุธของตัวเองแล้วรีบลงรถอย่างรวดเร็ว
เฉินโจวอี้รู้สึกว่าบ้านในหมู่บ้านนี้ค่อนข้างแปลก แต่เขาไม่สามารถบอกได้ว่ามันแปลกตรงไหนมันให้ความรู้สึกเหมือนไม่มีใครอยู่มาเป็นเวลานาน
ขณะที่กำลังสงสัยอยู่นั้น ผู้รับรองเอกสารคนหนึ่งที่มีแผลเป็นน่ากลัวบนใบหน้าของเขาได้พูดขึ้น
“ก่อนเข้าไป ผมจะขอแนะนำอุโมงค์มิติหมายเลข 48233 อย่างง่ายๆ ก่อนแล้วกัน มันถูกค้นพบเมื่อครึ่งเดือนก่อน แต่ในเวลานั้นมันเป็นช่วงหลังจากเกิดโศกนาฏกรรมแล้ว”
ในเวลานี้มีชายวัยกลางคนคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้น “ใช่ครั้งที่คนในหมู่บ้านหายตัวไปในหนึ่งคืนไหม?”
“ไม่ผิด มันคืออุโมงค์มิติแห่งนี้แหละ! จากการตรวจสอบในช่วงนี้ พวกเราพบว่ามีชนเผ่าคนเถื่อนชนเผ่าเล็กๆ ที่มีประชากรประมาณหนึ่งร้อยคนอาศัยอยู่ใกล้กับอุโมงค์มิติแห่งนี้ แต่ที่สำคัญที่สุดคือชนเผ่านี้เป็นทาสของพวกยักษ์”
“อาหารส่วนใหญ่ที่พวกชนเผ่าคนเถื่อนหามาได้จะต้องนำไปมอบให้กับยักษ์ ถ้าหากจำนวนอาหารไม่มากพอหรือพวกมันไม่พอใจ มันก็จะกลืนกินพวกคนเถื่อนเป็นการลงโทษ จนกระทั่งพวกคนเถื่อนมาพบกับอุโมงค์มิติแห่งนี้เข้า…..”
สีหน้าของทุกคนดูเคร่งเครียดขึ้น พวกเขาคาดเดาเรื่องต่อไปนี้ออกแล้ว
คนเถื่อนพบว่าการล่ามนุษย์นั้นง่ายกว่าการล่าสัตว์อยู่มาก และยังช่วยเติมเต็มปัญหาการขาดแคลนเหยื่อได้อีกด้วย พวกมันตื่นเต้นดีใจอย่างไม่ต้องสงสัย ราวกับพายที่ตกลงมาจากท้องฟ้า ดังนั้นเรื่องน่าเศร้าจึงเกิดขึ้น ภายในเวลาชั่วข้ามคืน ชาวบ้านในหมู่บ้านหลายร้อยคน ไม่ว่าจะเป็นผู้ชาย ผู้หญิง คนแก่หรือเด็กต่างถูกต้อนเข้าไปในอุโมงค์มิติราวกับพวกวัวพวกควาย
ภายใต้แรงโน้มถ่วงที่มากกว่าสามเท่า พวกเขาจึงมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน
“ชาวยุทธฝึกหัดไม่ใช่คนธรรมดา เรียกได้ว่าเป็นพวกเตรียมทหารหรือทหารอาสาสมัครอยู่แล้ว ภารกิจในครั้งนี้ของพวกเราคือการสังหารเผ่านี้ และสังหารเจ้ายักษ์ตัวนั้น แต่ทุกคนวางใจได้ ยักษ์ตนนี้สูงประมาณหกเมตรเท่านั้น จากมุมมองของพัฒนาการ มันยังเป็นยักษ์เด็กอยู่! ผลการปฏิบัติงานทั้งหมดของพวกคุณจะเป็นคะแนนของการประเมินครั้งนี้”
“การทดสอบในครั้งนี้จะต้องมีอันตรายอย่างแน่นอน มีคนที่อยากจะถอนตัวไหม?” ผู้รับรองเอกสารถามขึ้นเป็นครั้งสุดท้าย
ทุกคนมองหน้ากัน
เฉินโจวอี้เกิดความรู้สึกแน่วแน่ในใจ
การทดสอบชาวยุทธฝึกหัดในครั้งที่แล้วมีความพิเศษมาก หลายคนได้รับบาดเจ็บกระดูกหัก มีแม้กระทั่งเกิดเหตุการณ์เสียชีวิตขณะทำการทดสอบ และการทดสอบการรบจริงของชาวยุทธในครั้งนี้กลับโหดร้ายนองเลือดยิ่งกว่า
มนุษย์กำลังเตรียมความพร้อมใช่ไหม?
….
ทุกคนต่างก็รักษาความเงียบที่ตนอดกลั้นไว้ ในเมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว แต่ละคนต่างก็เตรียมใจไว้ตั้งนานแล้ว เป็นเรื่องปกติที่จะไม่มีใครถอนตัว
“งั้นเข้าไปกันเถอะ!”
ทุกคนเดินไปตามทางดินของหมู่บ้าน หลังจากเดินไปไม่กี่นาที ก็พบว่าบ้านหลังด้านหน้าถูกพังลงให้ราบแล้วแทนที่ด้วยกองกำลังทหาร ป้อมปืนไฟ และรถถังหุ้มเกราะที่กระจายตัวอยู่บริเวณพื้นที่โดยรอบ
นอกจากเห็นพวกทหารจำนวนไม่น้อยแล้ว
นอกจากนี้ยังมีคนงานก่อสร้างและยานพาหนะวิศวกรรมจำนวนมาก ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง
ทหารยศพันตรีนายหนึ่งรีบเดินเข้ามาจับมือทักทายกับผู้อำนวยการสำนักงานรับรองเอกสาร “สวัสดีครับผู้อำนวยการฟาง ในที่สุดผมก็เห็นพวกคุณมาที่นี่”
“พันตรีเหลียง ผมฟังคำพูดนี้ไม่ได้จริงๆ พวกคุณแจ้งฝั่งทางการนี่นา พวกเราก็เลยไม่มา! อีกอย่างชาวยุทธในกองทัพทหารของพวกคุณก็มีตั้งมากมาย”
“เห้อ มันไม่พอน่ะสิ! พวกเขาล้อมอยู่ตรงหน้าอุโมงค์มิติอย่างแน่นหนา….ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว นี่คือผู้เข้ารับการทดสอบในรอบนี้ใช่ไหม? ฉันจะเรียกคนมาสองคนให้พาพวกเธอเข้าไป”
“จางโย่วเหวย เซี่ยเสี่ยวจื้อ!”
นายทหารสองนายรีบวิ่งเข้ามา
“ครับ!”
“พาแขกเหล่านี้เข้าไปในอุโมงค์มิติ”
“ครับ!”
….
ตำแหน่งที่ตั้งของอุโมงค์มิติอยู่ห่างจากพื้นดินสองเมตรและยังคงอยู่ในที่โล่ง รอบด้านถูกล้อมพื้นที่ คาดว่าในอนาคตจะถูกปิดผนึกไว้
“เข้าไปเถอะ!” ผู้อำนวยการฟางพูดขึ้น
ทุกคนเริ่มทยอยเข้าไป
เฉินโจวอี้รู้สึกภาพเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขารู้สึกเหมือนตัวเขากำลังจมดิ่ง เขากระแทกลงไป แต่โชคดีที่เขาพยุงตัวลุกขึ้นมายืนบนพื้นได้อีกครั้ง
ภาพที่เห็นคือทุ่งหญ้าที่ไกลสุดลูกหูลูกตา
เมื่อมองจากที่ไกลๆ สามารถมองเห็นสัตว์ประหลาดรูปร่างแปลกกำลังก้มกินหญ้าอยู่
ดูเหมือนพวกมันจะรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวตรงด้านนี้ สัตว์ประหลาดฝูงนี้มองมาที่พวกเขาในทันที พวกมันสำรวจกลุ่มคนด้านนี้ไม่หยุด เหมือนกำลังลังเลว่าจะวิ่งหนีดีหรือไม่
“รู้สึกประหม่าไหม?” ลู่เหว่ยเฟิงเดินมายืนอยู่ข้างเฉินโจวอี้พลางพูดกระซิบ
เฉินโจวอี้ตรวจสอบอาวุธของตัวเองพลางพยักหน้าพูด “ก็มีบ้าง!”
เขาประหม่าอยู่แล้ว นี่มันคือการเผชิญหน้ากับยักษ์เชียวนะ
สิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวเช่นนี้ เขายังไม่เคยพบเจอมาก่อน พวกมันทุกตัวมีพลังมหาศาลอย่างไม่มีข้อยกเว้น เคยมีคนเล่ามาว่ามียักษ์บางส่วนสกว่าภูเขา กำปั้นของมันสามารถทุบภูเขาให้แตกออกเป็นเสี่ยงๆ ได้
“ไปเถอะ ข้ามทางลาดนั่นไปก็เป็นชนเผ่าของพวกคนเถื่อนนั่นแล้ว อีกอย่างฉันจะขอเตือนสักนิด หากเริ่มเดินจากตรงนี้ไป การทดสอบการรบจริงของชาวยุทธได้เริ่มขึ้นแล้ว ทุกอย่างอยู่ที่พวกคุณตัดสินใจ พวกเราจะไม่ยื่นมือเข้าไปยุ่ง นอกเสียจากพวกคุณจะตกอยู่ในอันตราย” ผู้อำนวยการฟางพูดเสียงเข้ม
หลายคนรอบหอบหายใจแรง สีหน้าเต็มไปด้วยความประหม่า
คนส่วนใหญ่ในนี้ไม่เคยฆ่าคนเถื่อนมาก่อน ทั้งยังไม่เคยแม้แต่จะเห็นว่าก่อนว่ารูปร่างเป็นแบบไหน เหมือนกับทหารใหม่ที่พึ่งเข้าสู่สนามรบ ไม่ว่าตอนปกติจะฝึกฝนมามากแค่ไหน แต่เมื่อเข้าสู่สนามรบแล้ว ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะมือไม้อ่อน
ทางลาดด้านหน้าอยู่ไม่ไกล หลังจากเดินอยู่ไม่กี่นาที ทุกคนก็มาถึงยอดทางลาด จากนั้นพวกเขาหมอบตัวลงกับพื้นอย่างรวดเร็ว
นี่คือชนเผ่าดึกดำบรรพ์ที่ตั้งรกรากอยู่ตรงลำห้วยแห่งหนึ่ง
ดูเหมือนจะล้าหลังกว่าเผ่าคนเถื่อนที่เฉินโจวอี้เคยเจอในตอนแรก อย่างน้อยชนเผ่านั้นก็สร้างเรือไม้แคนูได้ แต่เขากลับมองไม่เห็นร่องรอยอารยธรรมของชนเผ่านี้เลยสักนิด
พวกเขาอาศัยอยู่ในที่โล่งโดยไม่มีสิ่งปลูกสร้าง
เวลานี้เกือบจะเป็นเวลาพลบค่ำแล้ว ชายที่ออกไปล่าสัตว์เริ่มกลับมาแล้ว
หากใครสามารถล่าสัตว์กลับมาได้ บรรดาพวกผู้หญิงก็จะตาเป็นประกาย แต่หากในมือของใครว่างเปล่า ล่ากลับมาไม่ได้สักตัว พวกเขาก็จะดูหดหู่และไม่มีใครสนใจ
คนเหล่านี้มีบางคนที่สวมหนังสัตว์ บางคนเปลือยเปล่าไม่สวมอะไร รูปร่างผอมซูบ เหมือนพวกขาดสารอาหาร
เฉินโจวอี้มองดูอยู่พักหนึ่งแล้วเบนสายตาไปมองร่างสูงใหญ่ที่อยู่ไกลออกไปอย่างรวดเร็ว
ยักษ์ผิวดำร่างกายเปลือยเปล่าตัวหนึ่งนอนอยู่บนพื้นหญ้าห่างจากดผ่าคนเถื่อนไปหลายร้อยเมตร รอบตัวมันเต็มไปด้วยกระดูกสีขาวกองเป็นพะเนิน
ในเวลานี้มันกำลังนอนหลับ มันนอนกรนเสียงดังราวกับฟ้าร้อง ขนาดพวกเขาอยู่ตรงนี้ยังได้ยินเบาๆ
จบตอน
ตอนที่ 86 ยักษ์ที่น่ากลัว
บรรยากาศที่ทั้งเงียบสงบและอึดอัด ผู้คนทั้งหมดที่หมอบอยู่ที่พื้น หายใจถี่ๆอย่างรวดเร็ว
ผ่านไปไม่นานเท่าไหร่ ก็มีชายหน้าใหญ่วัยกลางคนได้ทำลายบรรยากาศเงียบสงบนี้ลง เขาเปล่งเสียงถาม “ไปฆ่ายักษ์หรือชนเผ่าก่อน หรือกระจายกำลังทหารออกไป “
“ฆ่ายักษ์ก่อน มันมีอำนาจที่ยิ่งใหญ่ อีกทั้งยังตอนนี้มันยังหลับอยู่ เพียงแค่ต้องระมัดระวังตัวก็ไม่มีอะไรที่เสี่ยง ถ้าหากฆ่าคนเถื่อนก็จะทำให้ยักษ์ตื่น จะยิ่งทำให้อันตรายเพิ่มขึ้นอีก ” ชายหนุ่มร่างผอมเตี้ยพูดขึ้นมาอย่างมีความรู้และหลักการ
“ฉันเห็นด้วย”
“ฉันก็เห็นด้วย”
….
ทุกคนทยอยกันเห็นด้วยกับความคิดนี้
ในส่วนของการกระจายกำลังก็ไม่มีใครพูดถึงเลย
รวมกันเป็นกลุ่มยังทำให้มีความกล้าขึ้นอีกทั้งยังมีผู้รับรองอีกสามคน แน่นอนว่าต้องมีความปลอดภัยมากขึ้น แต่ถ้ากระจายกำลังออกไป ไม่ว่าอะไรก็ตามล้วนเพิ่มความเสี่ยงเป็นทวีคูณไปอีก
ภูมิประเทศที่กว้างภายใต้ความลาดชัน มองออกไปก็มองเห็นชัดเจนอีกทั้งยังเป็นเวลากลางวัน ไม่ว่าจะกลยุทธ์ตำราพิชัยสงครามก็เป็นไปไม่ได้
โชคดีที่ที่นี้วัชพืชเจริญเติบโตที่นี้ดี เกือบจะสูงถึงครึ่งเมตร เพียงพอที่จะอำพรางตัวเอง
กลุ่มคนโค้งตัวหมอบลงไปกับหญ้า เอาหญ้ามาอำพรางร่างกายและก็ค่อยค่อยขยับไปทางยักษ์
อีกด้านไม่มีคน คนหนึ่งพูดออกมา หลังจากนั้นก็ได้ยินแค่เสียงลมหายใจอย่างหนักหน่วง
บางครั้งก็มีสัตว์เล็กๆบินออกมาจากหญ้าอย่างรวดเร็ว ทำให้กองกำลังขวัญหนีดีฝ่ออยู่พักหนึ่ง
ความผิดปกติของโลกทั้งหมดนี้ ทำให้ผู้คนระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ แม้จะเป็นเพียงแค่แมลงปีกแข็งที่มีสีสันสวยงามแปลก ประหลาด ก็ทำให้คนหลีกเลี่ยงที่จะเข้าใกล้
ผู้รับรองเอกสารทั้งสามเดินตามอยู่ท้ายสุด ตั้งแต่ก้าวเข้าไปในอุโมงค์มิติมา ทั้งสามคนก็ไม่พูดอะไรออกมา
การเข้าร่วมทดสอบชาวยุทธฝึกหัดครั้งนี้รวมๆแล้ว แปดสิบคน หญิงสามสิบคน ชายห้าสิบคน
ช่วงอายุราวๆ ยี่สิบถึงสามสิบ อายุที่มากที่สุดคือสี่สิบแล้ว ส่วนคนที่อายุน้อยที่สุดคือเฉินโจวอี้ ซึ่งอายุเพียงแค่สิบเจ็ด
แต่ถ้าเปรียบเทียบกันแล้วประสบการณ์และความสงบเยือกเย็น คนที่ได้เปรียบมากกว่ากลับเป็นเฉินโจวอี้
อย่างน้อยที่สุด เขาก็ฆ่าคนเถื่อนมาแล้วมากกว่าสามสิบกว่าคน
ค่อยๆเดินช้าๆมาประมานสิบกว่านาที เสียงกรนของยักษ์ก็ยิ่งชัดเจนขึ้น ราวกับแก้วหูสั่นสะเทือน ในเวลาเดียวกันกลิ่นของศพเน่าส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งไปทั่วโชยมามากยิ่งขึ้นๆ
ในเวลานั้นผู้หญิงคนหนึ่งก็ตะโกนออกมาด้วยความตกใจ ทันใดนั้นเธอก็ปิดปากของเธอทันที หันหน้าหนีทนมองไม่ได้
กองกำลังจากที่ตื่นตระหนกเป็นทุนเดิมอยู่แล้วยิ่งมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ยิ่งตื่นกลัวเข้าไปอีก เมื่อถูกร่างนี้หายใจรด พวกเขาตกใจกลัวจนต้องหยุดเดินทันทีทันใด
ส่วนหัวถูกตีด้วยของแข็งจนแตกละเอียด มันสมองข้างในไหลออกมาหมดแล้วกลายเป็นพื้นที่ว่างๆ เกือบจะทั้งหมดของใบหน้ามีแต่ผิวหนังที่เน่าเปื่อย ดวงตาทั้งสองข้างเต็มไปด้วยน้ำหนองขุ่นๆ มือและเท้าบวมๆนั้นกำลังถูกหนอนแมลงวันเจาะเข้าเจาะออก
ถึงแม้ว่าหัวจะเน่าเปื่อยเสียหายไปเยอะ แต่เฉินโจวอี้ก็ยังคงมองออกว่า นี่มันคือหัวของมนุษย์
นอกจากโครงหน้าแล้ว ฟันหน้าที่เปิดโล่งของเขา ร่องรอยของข้อบกพร่องนี้ก็ปรากฏออกมาอย่างชัดเจน
“ทุกคน ไม่ว่าจะเห็นอะไรก็ตามจงปิดปากเอาไว้ ถ้าหากทำไม่ได้ ก็ขอให้หยุดอยู่ตรงที่เดิมและอย่าทำร้ายพวกเรา ” คนหนึ่งพูดขึ้นมาด้วยเสียงต่ำและหนักแน่นพร้อมกับในหน้าที่ดูเคร่งขรึม
“ไม่เลวนี่ ถ้าไม่ได้ตั้งใจจริงที่จะมา ก็ไม่ต้องมาเข้าร่วมการทดสอบชาวยุทธฝึกหัดสิ ” มีคนคล้อยตามพูดเบาๆออกมาทันที
เสียงตะโกนของผู้หญิงทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยกลัว
ผู้หญิงบางคนรับไม่ได้ ใบหน้าพะอืดพะอม ทำท่าเปิดปากดูเหมือนอยากจะพูดอะไร แต่สุดก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
กองกำลังหยุดพักสักครู่หนึ่งก่อนที่จะไปต่อ ข้างหน้ายิ่งไปต่อกระดูกสีขาวยิ่งขึ้นเรื่อยๆ บางส่วนก็ยังเป็นศพที่เน่าเปื่อยอยู่
ทั้งหมดนี่คือมนุษย์
คำว่า”อาหาร” เห็นได้ชัดว่ามากเกินไปสำหรับยักษ์ ถ้าตายเร็วเกินไปมากกว่าจำเป็นก็ต้องปล่อยทิ้งให้เน่าเปื่อยไป
โดยเฉพาะอย่างยิ่งนอกจากกระดูกสีขาวของศพแล้ว ที่นี่ยังเต็มไปด้วยอุจจาระ
อุจจาระทุกๆกองมีความสูงมากกว่าครึ่งเมตร ดึงดูดพวกแมลงมานับไม่ถ้วนอย่างเช่นแมลงวัน
กลุ่มคนที่หลบซ่อนอยู่ในพงหญ้า เกือบจะถูกพวกแมลงพวกนี้ทับหัวทับหน้าปกคลุมไปทั่ว
เฉิยโจวอี้ที่กำลังตึงเครียดก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกใจกับยักษ์ที่สกปรกและเกียจคร้านนี่ มันใช้ชีวิตอยู่ในกองอุจจาระและเศษซากอาหารที่เน่าเปื่อยนี่
แต่ทันใด จิตใจเขาก็ไม่คิดถึงเรื่องนี้แล้ว
ได้ยินเสียงกรนดังสนั่นคล้ายฟ้าร้อง บรรยากาศลมหายใจที่กดดันตลบไปทั่วทุกสารทิศ ทำให้ผู้คนรู้สึกหายใจได้ไม่ทั่วท้อง
มีคนหนึ่งยืนขึ้นอย่างรวดเร็วและมองไปที่มันด้วยความกล้าหาญและนั่งนองๆข้างร่างนั้นและพูดเสียงต่ำออกมา
“ทุกคนปรึกษาหารือสักนิด ระยะทางเพียงแค่หกสิบเจ็ดสิบเมตร ตอนนี้จะอยากหรือไม่อยากก็ต้องโจมตี”
“ไกลเกินไป ยากที่จะโจมตี ถ้าก้าวไปใกล้อีกหน่อยละก็อย่างน้อยที่สุดก็ต้องเข้าใกล้ห้าสิบเมตร “นี่เป็นครั้งแรกที่เฉินโจวอี้พูดออกมาตั้งแต่เขาเข้ามาในโลกประหลาดนี่
ทุกคนมองไปทางเฉินโจวอี้และมองดูธนูอันใหญ่ยักษ์ในมือของเขา นี่คือธนูต่อสู้หกร้อยปอนด์และเป็นธนูที่หนักที่สุดยกเว้นธนูต่อสู้ในมือของผู้อำนวยการ
เฉินโจวอี้เด็กที่สุดในกลุ่มของผู้เข้าร่วมทดสอบจอมยุทธฝึกหัด แต่พละกำลังของเขากลับมากที่สุด
“คำพูดของหนุ่มน้อยคนนี้พูดถูก ถ้าเข้าใกล้กว่านี้อีกหน่อย จะสามารถโจมตีมันได้ถึงตายเลย”
“ไม่ต้องห่วง ยักษ์ยังหลับอยู่”
การปรึกษาหารือแบบเรียบง่ายผ่านไปครู่เดียวทุกคนก็ได้ข้อตกลง
กลุ่มคนที่เดินอย่างระมัดระวังอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดก็หยุดฝีเท้าลง
ทุกคนลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ
ยักษ์ที่อยู่ไกลออกไปนอนแผ่อยู่บนพื้นหญ้า รูปร่างที่ใหญ่โตทำให้คนมองเห็นมันได้อย่างชัดเจน
มองดูจากระยะหกเจ็บสิบเมตรดูเหมือนไม่ใหญ่ ถ้าหากคนตัวยักษ์ลุกขึ้นยืนแล้วละก็ หัวของมันจะสูงถึงชั้นสามของตึก ถ้าเอื้อมมือออกไปแตะได้ถึงชั้นสี่ของตึกเลย
สมองที่ว่างเปล่าของมันก็เหมือนตะกร้าใบใหญ่
เขามีหน้าตาไม่เรียบร้อยผมเพ้ากระเซอะกระเซิง เนื้อตัวสกปรกจนดูไม่ออกว่าผิวสีอะไร เล็บเท้าบนเท้าทั้งคู่ของเขายาวจนเล็บม้วนเข้าไปซึ่งเห็นได้ชันเลยว่าเขาไม่มีความคิดที่จะตัดมันเลย
รอบด้านสงบมากๆ จนอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายลงไป เหงื่อที่หน้าผากพากันไหลออกมา
เฉินโจวอี้กำลังเฝ้าดูด้วยใจเต้นตึกตัก เขารีบดึงลูกธนูออกมา ดึงธนูเล็งไปที่หัวของยักษ์ หางตาของเขาเห็นการเคลื่อนไหวของผู้คนที่อยู่ใกล้เคียงและหันหัวของเขาแล้วกระซิบเบาๆ : “แบบนี้ไม่ได้การละ ใครจะเป็นผู้ออกคำสั่ง?”
“ให้ฉันเอง!” ชายหน้าใหญ่วัยกลางคนในตอนแรกลุกขึ้นยืนออกมา
“ทุกคนดูสัญญาณมือของฉัน นี่คือสาม นี่คือสอง นี่คือหนึ่ง นี่คือบุกโจมตี เมื่อถึงเวลาจะให้จังหวะ”
สัญญาณมือของเขาคือสัญญาณมือที่ใช้กันโดยทั่วไป กระชับเข้าใจง่าย เมื่อทุกคนเห็นก็เข้าใจแล้ว เขาลดธนูลงและเดินไปอีกด้าน
เฉินโจวอี้สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วดึงลูกธนูอีกครั้ง ธนูที่หนักหกร้อยปอนด์ถูกเข้าออกแรงดึงสายธนูให้เปิดออก เล็งไปที่ขมับของยักษ์
“3”
“2”
“1”
ในช่วงเวลานั้นไม่มีใครโจมตีล่วงหน้าเพราะมันตึงเครียดเกินไป โดยเนื้อแท้แล้วในฐานะนักรบ คุณสมบัติพื้นฐานทางจิตใจนั้นแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไปมาก
ในขณะที่ฝ่ายตรงกันข้ามโบกมือ เฉินโจวอี้ก็ปล่อยสายของธนูในชั่วพริบตาเดียว
ลูกธนูพุ่งไปอย่างรวดเร็ว เสียงแผดคำรามก็ดังตามมา
ระยะที่ห่างห้าหกสิบเมตร สำหรับลูกศรแบบที่มีความเร็วเหนือเสียงซึ่งถูกยิงด้วยธนูขนาดใหญ่ ทั้งหมดเกิดขึ้นในชั่วพริบตาเดียว
น่าเสียดายที่การเล็งเป้าของเขาเอียงไปนิดหน่อย เขายิงไปโดนกระดูกโหนกแก้มยักษ์แทน
การยิงธนูเป็นคุณสมบัติพื้นฐานของจอมยุทธฝึกหัดทุกคน ถึงแม้ว่าหลาย ๆ คนจะเต็มไปด้วยความตึงเครียด แต่ไม่มีใครที่ไม่เคยพลาด
ผ่านไปครู่เดียวหัวของยักษ์ก็มีแต่ลูกธนูปักอยู่เต็มไปหมด
น่าเสียดายที่ลูกธนูเหล่านี้ตื้นเกินไปและส่วนใหญ่พวกมันถูกยิงเข้าไปแค่ชั้นผิวหนังของใบหน้าของยักษ์เท่านั้น ในจำนวนนั้นมีลูกธนูอยู่ไม่กี่ดอกของผู้ที่มีฝีมือสูงที่แม่นยำ ถึงแม้จะยิงโดนไปที่ขมับแต่ก็ปักเข้าไปแค่ไม่กี่นิ้วดูเหมือนแค่ไปติดอยู่เฉยๆ
เฉินโจวอี้รู้สึกแย่อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
ในเวลาต่อมา คนตัวยักษ์ก็คำรามเสียงอันน่าเวทนาออกมา เขายืนขึ้นอย่างรวดเร็ว ในเวลาเดียวกันก็มีแสงสว่างสีเหลืองโผล่ขึ้นมาจากผิวของร่างกาย
เจ้ายักษ์โมโหเดือดดาลและดุร้าย แสดงให้เห็นเขี้ยวสีเหลืองอันแหลมคมราวกับกริช มืออันใหญ่โตของมันปัดที่หน้าและร่างกาย ลูกธนูส่วนใหญ่บนร่างกายและหัวถูกมือใหญ่ๆนั่นปัดออกและหล่นลงมา
ลูกธนูที่เหลือถูกดึงออกมาจากมันจนหมด เลือดที่รินไหลออกมาจากบาดแผลก็หยุดไหลในไม่ช้า
ในช่วงเวลานั้นมีลูกธนูหลายลูกที่ยิงมาที่ศีรษะและหน้าอกของยักษ์ แต่ก็ถูกดึงออกเบาๆได้ด้วยมืออันใหญ่ของมันและถูกขัดวางโดยแสงที่ส่องสว่างออกมาจากร่างกาย
ความหวาดกลัวที่รุนแรงนี้เข้าจู่โจมหัวใจ บางคนเริ่มที่จะถอยหลังอย่างช้าๆ ถ้าไม่ใช่เพราะผู้รับรองเอกสารสามคนที่ยังคงนั่งอยู่ข้างหลัง หลายคนอาจหันหลังหนีไปด้วยความหวาดกลัวแล้ว
ยักษ์ตนนี้มีพลังมากกว่าที่คิดเอาไว้และแสงสีเหลืองลึกลับบนร่างกายมันแสดงให้เห็นชันเจนแล้วว่ามันเป็นสิ่งเหนือธรรมชาติ
“ปุถุชนผู้โง่เขลา มาทำหยาบคาบไม่ให้เกียรติกับยักษ์ผู้ยิ่งใหญ่ ข้าจะกินพวกแกเพื่อถือซะว่าเป็นการชดเชย “เสียงคำรามของความโกรธขอมันเหมือนเสียงฟ้าร้องที่ดังไม่หยุด
เมื่อเสียงคำรามลดลง ลูกธนูที่เล็งมาเป็นเวลานาน ก็ถูกปล่อยผ่านฝ่ามือของเขาอย่างรวดเร็วทะลุแสงสลัวของผิวภายนอกไป แต่หลังจากทะลุแสงนั่นเข้าไปมันก็แข็งแกร่งและในที่สุดมันก็ปักเข้าไปที่แก้มยักษ์
ในใจของเฉินโจวอี้ตกตะลึงและในขณะที่เขาถอยห่างออกไปอย่างช้า ๆ เขาก็ดึงลูกธนูออกมาอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่คนตัวยักษ์ดึงลูกธนูออกแล้วก็มองไปทางเฉินโจวอี้อย่างรวดเร็ว ในดวงตาของยักษ์กำลังเผาไหม้ด้วยความโกรธ มันก้มตัวลงไปและหยิบไม้ขนาดใหญ่ใต้ฝ่าเท้าของมันขึ้นมาแล้วสาวเท้าเข้าไปหาเฉินโจวอี้ ทำให้พื้นดินก็สั่นสะเทือนเบาๆ
มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่คนตัวยักษ์จะวิ่งได้เร็ว มันเหมือนรถบรรทุกหนักที่บินได้สี่สิบห้าเมตร ยักษ์ยังไม่ทันมาถึงลมก็พัดไปแล้ว
บางคนกลัวจนหน้าซีดและหันหลังหนีไป
บางคนก็ตัวแข็งทื่อและยืนใจลอยคาที่อยู่ตรงจุดนั้น ราวกับว่าจิตวิญญาณนั้นตกใจกลัว
เฉินโจวอี้ยังไม่ทันปล่อยลูกธนูออกไป เขาทิ้งธนูอันนั้นทันทีทันใดและดึงดาบยาวออกมาอย่างรวดเร็ว
เมื่อมองดูยักษ์ที่กำลังเข้ามาใกล้เรื่อยๆหัวใจของเขาจะเต้นเหมือนจังหวะกลอง จู่ๆศีรษะเข้าก็เกิดอาการชา!
เวรเอ้ย มาเป็นอะไรตอนนี้?
ไม่ใช่แค่ฉันที่ยิงแก
เขารู้สึกชัดเจนว่ายักษ์ตนนี้กำลังพุ่งมาหาเขา
ในเวลานี้ถ้าคิดจะหนีอีกละก็มันคงสายเกินไปแล้ว ถึงจะพยายามวิ่งจนสุดชีวิต ก็วิ่งหนีไม่พ้นยักษ์ที่น่ากลัวนี่ได้
ขณะที่เขากำลังจะปล่อยลูกธนู ลูกธนูดอกนั้นเหมือนแสงฟ้าแลบผ่านแสงไฟฟ้าไป ทะลุผ่านอากาศไปในชั่วพริบตาเดียว และพุ่งเข้าไปในดวงตาของยักษ์
เวลาต่อมา ร่างกายของคนตัวยักษ์สั่นสะเทือน เดินได้แค่ไม่กี่ก้าวก็ค่อยๆล้มลงไป แรงกระแทกที่หล่นไปที่พื้นดินทำให้พื้นดินถึงกับสั่นสะเทือน
เฉินโจวอี้หันหลังกลับและมองดูก็เห็นผู้อำนวยการที่อยู่ไม่ไกลเท่าไหร่นักถือคันธนูขนาดยักษ์เพื่อรักษาตำแหน่งยิงธนูและสายธนูข้างบนก็ยังคงสั่นไหวอย่างดุรุนแรง
ตอนที่ 87 แบบทดสอบอันยิ่งใหญ่
เป็นวิถีของธนูที่แม่นยำมาก!
ลูกธนูที่สมบูรณ์แบบนี้ยิงเข้าไปในดวงตาของยักษ์เป็นการโจมตีที่รุนแรงมาก
และเมื่อเปรียบเทียบกับนักรบผู้ยิ่งใหญ่ วิถีของลูกธนูที่แสนธรรมาดาของเขาก็เหมือนกับนักเรียนประถมที่เผชิญหน้ากับนักศึกษา ไม่ถือว่ามีฝีมือเลยสักนิด
ในใจของเฉินโจวอี้อุทานอย่างตกตะลึง ในขณะเดียวกันก็อ้าปากเปล่งเสียงออกมา
ความประหม่าและใจจดใจจ่อกับการต่อสู้ครั้งก่อน ทำให้เขาเกือบลืมไปเลยว่ามีผู้รับรองเอกสารสามคนอยู่ด้านหลัง
ก็แน่หล่ะ ถึงอย่างไรก็ตามครั้งนี่ไม่ใช่การต่อสู้ที่แท้จริงระหว่างความเป็นความตาย
แต่เป็นการประเมินครั้งแรกต่างหาก ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่จะปล่อยให้ผู้รับการประเมินนี่ตายโดยเสียแรงเปล่า
ถ้าหากปล่อยให้ยักษ์นั่นปะทะเข้ามา เมื่อถึงเวลานั้นจำนวนคนที่จะตายก็ไม่ใช่แค่หนึ่งหรือสองคน มันสามารถทำลายได้ทั้งกองทัพเลย
สำหรับคนกลุ่มของพวกเขา จริงๆแล้วยักษ์ก็ยังไม่มีวิธีที่จะต่อสู้ได้
การป้องกันที่แข็งแกร่งจนเกือบจะเป็นภูมิคุ้มกันของการโจมตีทั้งหมด ลูกธนูของนักรบธรรมดาไม่อาจสร้างความเสียหายได้ อย่างมากก็แค่สร้างความเสียหายได้แค่เล็กๆน้อยๆเท่านั้น
และพละกำลังที่น่ากลังของยักษ์ เพียงแค่โจมตีเบาๆ นักรบที่ร่างการอ่อนแอ เกรงว่าจะสามารถโจมตีจนถึงเลือดถึงเนื้อ
เมื่อเห็นว่ายักษ์ล้มลง ทุกคนก็โล่งใจและถอนหายใจดังเสียงเฮ้อๆ
บางคนก็ทิ้งตัวลงบนพื้นโดยไม่คำนึงถึงตูดของพวกเขาไม่ว่าจะนั่งลงไปที่อะไร สีหน้าซีดเผือด คล้ายกับทั้งร่างกายเหมือนกับหลุดพ้นแล้วยังไงยังงั้น
ฉากแบบนี้ สำหรับนักรบที่ยังขาดประสบการณ์เหล่านี้ มันน่าตื่นเต้นเร้าใจเกินไป
จริงๆแล้วก็เหมือนกับการเดินไปที่ประตูนรกซึ่งห่างจากความตายเพียงแค่นิดเดียว
เฉินโจวอี้สังเกตว่ามีผู้รับรองเอกสารถือแฟ้มเอกสารตั้งแต่ต้นจนจบและจดบันทึกบางสิ่งบางอย่างลงไปและเห็นได้ชัดว่าเขาจดบันทึกความสามารถที่แสดงออกมาให้เห็นของทุกคน
….
ในเวลานี้ก็มีคนร้องตะโกนออกมาด้วยความตกใจ
“ยักษ์นั่นยังไม่ตาย”
ทุกคนเตรียมป้องกันทันที ไม่เว้นแม้กระทั่งคนที่นั่งอยู่ที่พื้นก็ลุกขึ้นยืนทันทีทันใด
แค่เห็นร่างของยักษ์ที่มีแสงสีเหลืองสลัวๆส่องสว่างอยู่ทั้งตัวและกล้ามเนื้อทั่วทั้งตัวก็ปูดขึ้นมา กลิ่นอายของความอึดอัดที่คลุมเครือ บรรยากาศหมอกควันตลบอบอวลไปทั่วทุกสารทิศ
แขนของมันยันไปกับพื้นค่อยๆลุกขึ้นยืนจากนั้นมันก็ลุกขึ้นยืนมาด้วยความเซ ร่างกายของมันแกว่งไปแกว่งมาคล้ายกับคนเมาเหล้า
มันจ้องมองกองกำลังด้วยความโกรธและทำเสียงคำรามคลุมเครือในปากดูเหมือนมันพร้อมที่จะวิ่งไปโจมตีกองกำลัง
แต่ทว่าพอมันเดินโซซัดโซเซได้เพียงไม่กี่ก้าวก็ล้มลงไปที่พื้นอีกครั้ง
ดวงตาของมันถูกปักลงไปลึกด้วยลูกธนู ไม่เว้นแม้กระทั่งขนนกที่อยู่ท้ายลูกธนูก็เกือบจะปักลงไปมิด ลูกธนูนั้นพุ่งตรงเข้าไปในสมองอย่างชัดเจนแต่ถึงโดนแบบนั้นมันก็ยังไม่ตาย
เฉินโจวอี้หันหลังกลับไปและพบว่าผู้อำนวยการได้วางคันธนูแล้วดูเหมือนว่ายักษ์นี่จะไม่มีแรงคุกคามแล้วและเขาก็ไม่ได้เตรียมตัวจะลงมืออีกครั้ง
ดูเหมือนว่าพวกเขาจะต้องลงมือด้วยตัวเอง!
เฉินโจวอี้หยิบลูกธนูออกมาและง้างคันธนูของเขา
เมื่อมองไปที่ตาข้างหนึ่งของมันที่ยังดีอยู่ เขาเล็งเป้าอยู่นานพอสมควร
และก็ปล่อยสายของธนูที่เขาเล็งเป้าอยู่นาน
ลูกธนูวิ่งผ่านอากาศไปอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าแลบ
ในตอนนี้เฉินโจวอี้อยู่ห่างจากยักษ์เพียงแค่ยี่สิบสามสิบเมตร ความห่างแค่นี้ ไม่ว่าจะเป็นจอมยุทธฝึกหัดคนใดก็ตาม ยิงเข้าตรงเป้าได้อย่างง่ายดายด้วยลูกธนูดอกเดียวและโดยธรรมชาติแล้วไม่มีทางที่จะพลาดเป้าได้
ในเวลาต่อมาลูกธนูก็วิ่งทะลุผ่านแสงสีเหลือง ปักเข้าไปที่ใจกลางของลูกตา ของเหลวที่ข้นหนืดในลูกตาก็ระเบิดออกมาด้วยความรุนแรง
ยักษ์คำรามอีกครั้งและมันพยายามที่จะลุกขึ้นยืนอีกครั้ง หลังจากที่สมองถูกทำลายไปดูเหมือนมันจะสับสนมึนงง ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรกำบังลูกตาของมันได้และมันพยายามที่จะยืนขึ้นอีกครั้งและอีกครั้ง
เฉินโจวอี้ใช้โอกาสนี้ในการดึงลูกธนู ดึงสายธนูและยิงออกไป การเคลื่อนไหวทั้งหมดนี้เขาใช้เวลาน้อยกว่า 0.3 วินาทีในการยิงอีกลูกธนูพุ่งเข้าตาของยักษ์อีกครั้งและเกือบทะลุเข้าเนื้อ
“เร็วเข้า โจมตีอีก!”
ในเวลานี้คนอื่นๆก็เข้ามาโต้ตอบ พากันยิงธนูในทันทีทันใด
ครึ่งนาทีผ่านไป เฉินโจวอี้และคนไม่กี่คนที่กล้าจะเดินไปที่ด้านหน้าของยักษ์ ตอนนี้ยักษ์ไร้เสียงหายใจไปแล้ว แสงสีเหลืองบนร่างกายก็จืดจางหายไปแล้ว ในที่สุดมันก็ตาย
ร่างอันใหญ่โตของมันนอนคว่ำลงบนพื้น ผิวหนังบนร่างกายของมันหยาบเหมือนกระดาษทรายและร่างทั้งร่างนั้นมีกลิ่นเหม็นที่แปลกประหลาดและน่ารังเกียจทำให้รู้สึกคลื่นไส้อาเจียน
สิ่งมีชีวิตนี้ดูเหมือนจะทำให้ผู้คนหวาดกลัว
ถึงแม้ว่ามันจะตายไปแล้ว การที่ยืนอยู่ข้างหน้าศพของยักษ์นี่ ทำให้เฉินโจวอี้รู้สึกถึงแรงกดดันอย่างรุนแรง การหายใจได้เปลี่ยนไปไม่ราบรื่นเหมือนอย่างเคย
ทันใดนั้นเขาก็ดึงดาบออกมา เขาสะบัดดาบออกไปอีกที่อย่างรุนแรงและรวดเร็ว
ดาบที่เพิ่งแทงเข้าไปในเนื้อของมัน ก็รู้สึกถึงแรงต้านทานขนาดใหญ่ ซึ่งค่อนข้างเข้าใจยาก หลังจากที่แทงไปเจอกระดูกก็ไม่สามารถแทงลงไปได้อีก
เขาหยิบดาบที่ติดอยู่แล้วดึงมันกลับมาอีกครั้ง คราวนี้เขาเล็งไปที่ช่องว่างระหว่างกระดูกสันหลังส่วนคอและออกแรงแทงดาบไปอีกครั้ง
คราวนี้แทงลงไปได้ลึกมากกว่า 20 เซนติเมตรและกระดูกสันหลังส่วนคอถูกแทงลงไปได้
เขาฟันดาบลงไปมากกว่าสิบครั้งติดต่อกันจนหายใจหอบแฮกๆ และในที่สุดตัดหัวทั้งหมดของก็ถูกตัด เลือดสีแดงฉานที่มีแรงดันสูงจากแผลสาดกระเซ็นไปทั่วทุกสารทิศ เฉินโจวอี้หลบไม่พ้น ถูกเลือดกระเด็นใส่เลอะเปรอะเปื้อนอยู่ไม่น้อย
ลู่เหว่ยเฟิงดูเหมือนอยากจะอาเจียนบางสิ่งออกมา เมื่อเดินไปที่ด้านข้างร่างนั้น เขาปิดจมูกของเขาและพูดว่า: “เหม็นคาวชิบหาย”
เลือดของยักษ์นั้นเต็มไปด้วยกลิ่นคาวที่รุนแรงและเฉินโชวอี้รู้สึกว่ากลิ่นนั่นแทงเขามาที่จมูกยากที่จะหายใจได้ แต่กลับมีคนพูดว่า: “เหม็นคาวมั้ย ทำไมฉันไม่คิดอย่างนั้นนะ?”
คนที่ท้องเสียก็ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองขี้เหม็นอยู่แล้ว
” รีบแล้วเช็ดเลือดของยักษ์นั่นออกซะ เลือดของสิ่งมีชีวิตบางอย่างมีฤทธิ์กัดกร่อนที่รุนแรงและมันอันตรายมาก อย่าไปโดนมันง่ายๆแบบนั้นถ้าไม่จำเป็น” ผู้อำนวยการรีบส่งเสียงบอกในทันที
เฉินโจวอี้ได้ยินเสียงเตือนนั้นก็ตกใจกลัวสะดุ้งโหยง เขารีบถอดเสื้อที่เลอะเลือดนั่นออกทันที และรีบเช็ดเลือดออกจากร่างกาย สุดท้ายเขาก็พบว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นที่ผิวของเขาเลย แม้กระทั่งรอยแดงก็ไม่มี
อันที่จริงแล้วเขาก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่เหนือธรรมชาติอยู่แล้วในระดับนึงแล้ว
ความสามารถในการควบคุมอากาศที่อ่อนแอชั่วคราวนั้นไม่ได้ถูกเอ่ยถึง ต้นไม้ในโลกแห่งแสงทำให้เขาได้รับการเยียวยามากยิ่งขึ้น ก็เพื่อให้เขาสามารถต้านทานความเสียหายส่วนใหญ่ได้ ถ้าหากความสามารถนี้ไม่ได้ใช้ในการต่อสู้กับความแข็งแรงทนทานของความสามารถแสงเขาอาจจะแพ้ยักษ์นี่…
….
“มีคนเถื่อนกำลังมาทางนี้สามคน”
มีคนร้องเตือนออกมา
ตั้งแต่การต่อสู้เริ่มจนถึงตอนนี้ เวลาก็ล่วงเลยไปกว่าสามนาที
จนถึงเวลานี้ก็พบว่ามีคนเถื่อนที่กล้าหาญสองสามคนมาตรวจลาดเลาสถานการณ์
ฉันต้องพูดเลยว่าคนเถื่อนกลัวพวกยักษ์ขนาดไหน ความกลัวมันฝังลึกลงไปถึงกระดูกสันหลังเลยทีเดียว
แต่สำหรับพวกเขา ไม่ต้องสงสัยเลยมันคือเรื่องที่ดี
การต่อสู้จะเริ่มต้นขึ้นเร็ว ๆ นี้
เมื่อเปรียบเทียบยักษ์แล้ว กับพวกคนเถื่อนจะต้องรับมือมากขึ้น ความคิดก็ผ่อนคลายมากขึ้นไม่ได้รอให้คนเถื่อนมาใกล้มากกว่านี้ ง้างลูกธนูเจ็ดแปดดอกขึ้นมา อดใจรอไม่ไหวที่จะยิงพวกคนเถื่อนทั้งสาม
การต่อสู้ครั้งต่อไปคือการสังหารหมู่
คนป่าเถื่อนมีวิธีการโจมตีที่จำกัด อาวุธที่ใช้สู้ในระยะยาวมีเพียงหอกไว้ใช้ขว้างปาที่ได้ระยะไม่ไกลมาก ความแม่นยำก็แทบจะไม่มี ทั้งหมดนี้เทียบไม่ได้กับคนที่ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการฝึกต่อสู้อยู่ทุกวัน
นอกจากนี้ในชนเผ่าทั้งหมดนั้นก็ไม่มีนักรบที่แข็งแกร่งอะไร
ในฐานะที่เป็นทาสรับใช้เลี้ยงดูอาหารการกินของยักษ์ ชนเผ่านี้เห็นได้ชัดว่ามีการขาดแคลนอาหารแม้แต่นักรบบางคนผอมและดูอ่อนแอขาดสารอาหารอย่างชัดเจน ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้นักรบไม่สามารถสร้างความแข็งแกร่งขึ้นมาได้
ในตอนท้ายของการต่อสู้ ลูกธนูของเฉินโจวอี้ถูกยิงไปแล้ว เขาต่อสู้อย่างเด็ดขาด ดึงดาบออกมาแล้ววิ่งเขาไปในชนเผ่า คนเถื่อนบางคนที่พยายามหลบหนีถูกจับและไม่สนใจคำอ้อนวอนขอความเมตตา ไม่หยุดการฆ่าเลยแม้แต่น้อย
….
ระหว่างทางกลับบนถนน บรรยากาศเงียบสงบไม่มีใครพูดจาอะไร
บางคนมีสีหน้าไร้ความรู้สึก บางคนแสดงสีหน้าที่เจ็บปวด บางคนก็ใจลอย
ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บสาหัสในการต่อสู้ครั้งนี้ ผู้บาดเจ็บเพียงคนเดียว ล้มลงและเป็นแผลถลอกโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่การสังหารหมู่นี้มีการฆ่าทั้งผู้หญิง คนแก่และเด็ก รวมไปถึงเด็กทารกก็ไม่เว้น
สำหรับความคิดมนุษยธรรมของคนทั่วไป ไม่ต้องสงสัยเลยว่าก่อให้เกิดความขัดแย้งครั้งใหญ่ของยักษ์ การขัดแย้งที่รุนแรงในจิตใจแบบนี้ไม่ใช่จะใช้เวลาสั้นๆเยียวยามันได้
“ระหว่างเผ่าพันธุ์ไม่มีความปราณีมีแต่ความอยู่รอดเท่านั้น ฉันหวังว่าพวกนายจะจำและเตือนสติตัวเองได้! ผู้อำนวยการฟางกล่าวว่า: หลังจากการตรวจสอบการประเมินแล้ว ผู้ที่ผ่านการประเมินมีดังนี้ : เฉินโจวอี้ ว่านเชาชุน … ลู่เหว่ยเฟิง ฉิ้นกั๋วข่าย รวมทั้งหมดสิบสองคน เมื่อถึงเวลาจะประกาศรายชื่อในเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ ขอแสดงความยินดีกับผู้ที่ผ่านการประเมินเพื่อเป็นจอมยุทธ “
ตอนที่ 88 กลับบ้าน
ในรถก็เกิดความอลหม่านขึ้น พอประกาศชื่อตนเองออกมาก็ดีใจ พอไม่มีชื่อตนเองประกาศออกมาก็แสดงความเสียใจออกมาทางสีหน้า
ผู้ทดสอบสิบเจ็ดคนมีคนผ่านการทดสอบสิบสองคน สองในสามของคนที่ผ่านการทดสอบ
เมื่อเทียบกับการทดสอบจอมยุทธฝึกหัดกับการประเมินจอมยุทธแล้ว อัตราส่วนนี่สูงอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
การประเมินที่แท้จริงของจอมยุทธ การสอนจะยิ่งเพิ่มทัศนคติของการต่อสู้และจิตใจแน่วแน่ในการต่อสู้ ฝีมือและทักษะอื่นๆรองลงมา ตราบใดที่พวกเขาไม่หวาดกลัวในการต่อสู้รวมถึงต่อสู้ได้ไม่แย่จนเกินไป โดยทั่วไปแล้วก็สามารถผ่านการประเมินได้
เฉินโจวอี้คิดมาเสมอว่าเขานิ่งสงบมาก
แต่เมื่อเขาได้ยินชื่อของตัวเองในเวลานั้น เขาเองก็ยังรู้สึกถึงความดีใจที่เหมือนคลื่นลูกใหญ่ภายในใจ จนปรากฏความตื่นเต้นดีใจออกมา
จอมยุทธ!
ฉันกลายเป็นจอมยุทธจริงๆ
….
กลับไปที่ศูนย์ทดสอบศิลปะการต่อสู้
คนที่ไม่ผ่านก็เดินหน้าเศร้าออกไป
ส่วนที่เหลืออีกสิบสองคนรอกล่าวคำปฏิญาณและใบรับรอง
แต่ว่ามันยังไม่จบแค่นั้น
อีกเจ็ดวันให้หลัง จะมีการประชุมของจอมยุทธ เมื่อถึงเวลานั้นความตั้งใจของจอมยุทธก็จะได้รับการยืนยัน
….
เฉินโจวอี้เดินกลับไปที่โรงแรมพร้อมกับใบรับรองและลู่เหว่ยเฟิง
” ฉันเตรียมตัวที่จะกลับบ้าน” เฉินโจวอี้พูดขึ้นมา
” ฉันก็ด้วย! จากบ้านมาจนสามารถเป็นจอมยุทธได้ยังไม่เคยได้กลับบ้านสักที เหมือนได้เอาเกียรติเอายศกลับไปบ้านด้วย อย่างนั้นก็ต้องต้อนรับกันอย่างรื่นเริงแล้ว” ลู่เหว่ยเฟิง กล่าวพูดอย่างตื่นเต้น
เฉินโจวอี้ยิ้มและไม่พูดอะไร นี่เป็นธรรมชาติของมนุษย์ ไม่ใช่เขาไม่เคยเป็น
เขาเปิดประตูห้องและเปิดกระเป๋าเอกสารเพื่อดูเด็กหญิงเปลือกหอย หยิบกระเป๋าเป้สะพายหลังแล้วคืนห้องที่โรงแรมแล้วรีบตรงไปที่สถานีรถไฟความเร็วสูง
….
เมืองฉางเหมิน เขตผิงชิว
“พี่ชายของแกยังงี้แหละ นี่ก็เจ็ดวันเข้าไปแล้ว ข่าวคราวอะไรก็ไม่มี ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นยังไงบ้างเมื่อก่อนไม่มีโทรศัพท์ยังแอบส่งข่าวได้ เดี๋ยวนี้มีโทรศัพท์ยังไม่อยากจะโทร” แม่ของเฉินโจวอี้ลากไม้ถูพื้นไปด้วย ตะโกนบ่นไปด้วย
เฉินซิงเย่วกำลังเก็บเสื้อผ้าที่ด้านข้างระเบียงก็ได้ยินเข้า “แม่ ไม่ต้องห่วงพี่เขาเถอะ พี่หน่ะแข็งแกร่งและผ่านไปได้อย่างแน่นอน”
“ฉันไม่ได้กังวลกับการประเมินของเขา แต่ตอนนี้ความสงบเรียบร้อยของสังคมไม่ดีมากนักนี่เขาก็ไปนานแล้วด้วย … “
” คุณก็หลับหูหลับตาเป็นห่วง!” เฉินตาเหว่ยจับหนังสือพิมพ์และเงยหน้าขึ้นมอง เขาบอกด้วยเสียงเรียบๆ ” ลูกชายของคุณมีพลังของจอมยุทธยังจะต้องกังวลอะไรอีก “
เธอไม่เคยเห็นลูกชายที่ตอนนี้ฆ่าคนได้เหมือนฆ่าไก่ ไม่ว่าจะใครต่อใครก็ไม่กล้าที่จะยั่วยุเขา เธอนี่ช่างผู้หญิงซะเหลือเกิน
แน่นอนว่าประโยคนี้ได้แค่ตำหนิอยู่เพียงในใจ
“ฉันพูดสองสามคำแล้วยังไง ? อ๋า ! ฉันว่าคุณมีอารมณ์โกรธมากเกินไป นี่ใช่ประโยคสุดท้ายที่ฉันควรจะพูดมั้ย ” แม่ของเฉินโจวอี้ปล่อยไม้ถูพื้นแล้วพูดด้วยโกรธ: ” ดู๊ว ดู ดูคุณซิ อ่านหนังสือพิมพ์ทุกวันมันทำให้มีดอกไม้ออกมามั้ย มาเอาไม้ไปถูพื้น! “
ไขมันหน้าท้องที่ตุ้ยนุ้ยของเฉินต้าเหว่ยสั่นกระเพือมตามแรง เขาวางหนังสือพิมพ์ลงและยืนขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
” ฉันพูดอะไร? ถูพื้นก็ถูพื้น ดูเหมือนจะเก่งเกินไปแล้วยังไงกับข้าวก็ยังเป็นฉันที่ทำทุกวันอยู่ดี “
“แล้วผักฉันไม่ได้เป็นคนซื้อเหรอไง?”
ในเวลานี้เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
แม่ของเฉินโจวอี้รีบไปเปิดประตู
คนที่มาเป็นภรรยาของเจ้าของบ้าน เธอถือกระถางต้นมัลเบอร์รี่อยู่ในมือแล้วใบหน้าแต้มไปด้วยรอยยิ้ม “แหม่ ครอบครัวสนุกครึกครื้นกันจริงๆ”
” เห๊อะ ครอบครัวของเรายิ่งอยู่ยิ่งขี้เกียจงานการก็ไม่ไปหาทำ อยู่บ้านได้ทั้งวัน ที่คุณพูดมาฉันไม่โกรธคุณหรอก ดูเขาสิ เดี๋ยวนี้อ้วนเอาอ้วนเอาจนกลมเป็นลูกบอลแล้ว” แม่ของเฉินโจวอี้พูดเล่นผสมความโกรธปนกันไป
เฉินต้าเหว่ยยิ้มด้วยขณะที่ถูพื้น “อย่าเพิ่งหัวเราะเยอะผม รีบเข้ามานั่งในบ้านก่อนครับ”
เป็นเหมือนพี่เฉินที่ดูแลบ้านแบบนี้ก็ดีแล้ว ตอนนี้หางานดีๆทำก็หายาก ไม่ต้องรีบ วันนี้ซื้อต้นมัลเบอร์รี่เหล่านี้ไว้มากๆ คุณก็จะได้ลิ้มรสมันด้วย
” เกรงใจคุณมากๆเลย!”
“ครั้งที่แล้วที่ลูกสาวผ่านการทดสอบจอมยุทธฝึกหัด ก็เป็นเพราะความช่วยเหลือของลูกชายคุณ นี่ลูกชายคุณที่ไปเมืองเหอตงยังไม่กลับมาเหรอ”
” เฮ้อ เพิ่งจะพูดถึงไปเอง ไอ้หนูตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าทำอะไรอยู่? นี่มันก็ผ่านมาตั้งหลายวันแล้ว”
“จริงสิ ฉันยังไม่ได้ถาม ลูกชายของคุณไปทำอะไรที่เมืองเหอตง “
แม่ของเฉินโจวอี้กำลังที่จะตอบ
ตอนนี้แหละ!
“พ่อ แม่ ผมกลับมาแล้ว!”
มีเสียงที่ตื่นเต้นดีใจแทรกเข้ามา จากนั้นก็มีร่างหนึ่งเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น “คุณน้า คุณก็อยู่นี้เหมือนกันเหรอ?”
เมื่อเฉินซิงเยว่เห็นเฉินโจวอี้ก็อดไม่ได้ที่จะถาม
“พี่! กลับมาแล้ว ผ่านมั้ย?”
“แน่นอนฉันต้องผ่านสิ” เฉินโจวอี้ยิ้มตอบ พูดจบเขาก็หยิบใบรับรองออกมา
เฉินต้าเหว่ยหันไปมอง ทิ้งไม้กวาดลงอย่างรวดเร็วและเดินเข้าไปหาอย่างเร็ว
แต่มือแม่ของเฉินโจวอี้เร็วกว่าและเธอก็คว้ามันไว้ ” ให้แม่ดูสิ!”
ใบรับรองจะทำขึ้นอย่างพิถีพิถัน ตั้งแต่แรกเห็น ด้านบนเป็นตราประทับสัญลักษณ์ขององค์กรจอมยุทธแห่งเมืองเจียงหนาน
ภาพถ่ายและชื่อทั้งหมดถูกต้องไม่มีผิดพลาดและนี่ก็คือใบรับรองของลูกชายเขาแน่นอน
“มันคือของจริง แกทำได้จริง ๆ” เสียงที่ตื่นเต้นของแม่เฉินโจวอี้สั่นเล็ก ดวงตาของเธอชื้นไปด้วยน้ำตา!
ทุกวันนี้เธอไม่รู้ว่าทนรับแรงกดดันมาไม่รู่เท่าไหร่ ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งที่นอนไม่หลับพลิกไปพลิกมาตอนกลางดึกและเดินออกไปดูข้างนอกจนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวซ้ำๆ กลัวมากที่จะถูกคนเห็น แต่วันนี้ความกลัวที่เหมือนเมฆดำนั่นก็หายไปและแสงสว่างก็กลับมาส่องสว่างชัดเจน
“เร็วสิ เอามาให้ฉันดูบ้าง!” เฉินต้าเหว่ยพูดอย่างเร่งรีบ
“จะรีบไปทำไม ? ก็ฉันยังดูไม่เสร็จ ” แม่ของเฉินโจวอี้หมุนตัวของเธอกลับเพื่อปิดบังที่เธอกำลังเช็ตน้ำตาอยู่แล้วมองออกไปครู่นึงก่อนที่จะหันไปหาเฉินต้าเหว่ยในที่สุด
เฉินต้าหยิบใบรับรองมาดูเขายิ้มแล้วพูดว่า “ดีๆ วิเศษไปเลย ช่างเป็นอนาคตที่สดใสจริงๆ!”
“พ่อ พ่อดูมันมานานพอแล้ว ถึงตาฉันแล้ว!” เฉินซิงเยว่อดทนรนใจรอไม่ไหวแล้ว
ภรรยาเจ้าของบ้านมองไปที่ภาพที่เศร้าของครอบครัวนี้ หลังจากนั้นไม่นานในที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “ใบรับรองนี้คืออะไรเหรอ?”
“ใบรับรองของจอมยุทธ ตอนนี้พี่ชายของฉันเป็นจอมยุทธแล้ว!” เฉินซิงเยว่พูดอย่างภูมิใจ
ตั้งแต่เกิดเรื่องนั้น บุคลิกของเธอก็เงียบมากและเธอก็ไม่ค่อยยิ้มและหัวเราะ แต่ตอนนี้ในที่สุดเธอก็ยิ้มและหัวเราะออกมาจนได้
ดวงตาของภรรยาเจ้าของบ้านเบิกกว้าง เธอเงยหน้าขึ้นมามองขึ้นๆลงๆกับเฉินโจวอี้ ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ” จริงๆเหรอ … จริงๆเหรอ … เธอเป็นจอมยุทธจริงๆเหรอ?”
….
ภรรยาเจ้าของบ้านเดินจากไปอย่างรวดเร็วและเธอก็ยังดูสับสนในตอนที่เธอเดินจากไป
หลังจากเวลานานมาก ความตื่นเต้นของทุกคนก็ค่อยๆสงบลง
” ใช่แล้ว ลูกกินอะไรมาหรือยัง?” แม่ของเฉินโจวอี้นึกขึ้นได้และถามทันที
“แม่ ไม่ต้องทำแล้ว ผมกินมาแล้วที่สถานีรถไฟ!” เฉินโจวอี้รีบตอบทันที รู้สึกถึงรอยยิ้มที่มีความสุขบนใบหน้าของพ่อแม่และเขาก็รู้สึกพึงพอใจที่ออกมาจากใจจริง
” พ่อแม่ ผมมีอะไรที่อยากจะปรึกษานิดหน่อย ก็เรื่องของการย้ายที่อยู่พ่อกับแม่จะมีปัญหามั้ย”
” เรื่องนี้พวกพ่อกับแม่ก็ไม่เข้าใจหรอก ให้ตัวลูกเป็นคนตัดสินเองดีกว่า” แม่ของเฉินโจวอี้กล่าว
เฉินต้าเหว่ยพยักหน้าและพูดว่า: “ลูกคิดอย่างไรหล่ะ?”
“ตอนนี้เมืองผิงชิงและเมืองตงหนิง ยังคงอยู่หยุดปล่อยกระแสไฟฟ้า ความสงบเรียบร้อยของสังคมก็ยังไม่ดี ที่ผมคิดคืออยากจะย้ายไปที่เมืองเหอตงหรือหนิงโจวด้วยกัน เมื่อถึงตอนนั้นชีวิตความเป็นอยู่และความปลอดภัยจะมั่นคง”
“ถ้าอย่างนั้นก็ไปที่เมืองเหอตง” เฉินต้าเหว่ยพูดออกมาว่องไวอย่างตรงไปตรงมา ต่อไปถ้ากลับไปเมืองตงหนิง ก็จะทำให้รู้สึกหดหู่ ที่ยิ่งไปกว่านั้น ที่นั่นมีพวกคนไม่ดียังไม่ถูกจำกัดออกไป ในเมื่อออกจากเมืองตงหนิง งั้นก็หาที่ที่ไกลๆไปเลย
จากประสบการณ์เรื่องราวที่มากมายหลายสิ่งหลายอย่าง ครอบครัวก็ไม่เคยคิดจะย้ายบ้านแต่ความปลอดภัยมันเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
มีเพียงแม่ของเฉินโจวอี้ที่ค่อนข้างเป็นกังวล
“ราคาที่อยู่อาศัยของเมืองเหอตงสูงมาก ได้ยินมาว่ามีราคามากกว่า 30,000 หยวนและอีกหนึ่งและก็ไม่รู้ว่าจะกู้เงินจากสินเชื่อบ้านได้เท่าไร ตอนนี้ฉันมีเงินฝากประมาณ 20,000หยวน เมื่อถึงเวลานั้นและบ้านหล่ะจะทำยังไง”
“ใช่ ถ้าบ้านเก่าสามารถขายมันทิ้งได้ แต่เงินจะพอหรือเปล่า?”
ราคาเดิมก็ 30,000หยวนแล้ว ตอนนี้มันคงมากกว่า 50,000 หยวนแล้วแหละ เฉินโจวอี้คิดในใจอย่างเงียบๆ
“พ่อ แม่ ไม่ต้องกังวล เมื่อถึงเวลานั้นจะมีเงินช่วยเหลือครอบครัว น่าจะได้ไม่น้อยเลยทีเดียว”
ตอนที่ 89 หนู
เจ้าของบ้านวางกับข้าวที่ทำเสร็จแล้วบนโต๊ะ พลางแกะผ้ากันเปื้อนพลางพูดว่า
” ช่างนึกไม่ถึงจริงๆว่าเด็กหนุ่มที่ดูเรียบร้อยและละเอียดละอ่อน ไม่คิดว่าจะกลายเป็นจอมยุทธได้”
“แม่พูดหลายรอบแล้วนะ” โจวเสวี่ยตักอาหารให้แม่ของเธอและอดไม่ได้ที่จะได้ยินและพูดออกไป
” นี่คือผู้หญิงที่เป็นจอมยุทธ ฉันเคยเห็นในทีวีมาก่อน”
” แล้วยังไง นี้เกี่ยงข้องยังไงกับพวกเราเหรอ? ” โจวเสวี่ยพูด
เจ้าของบ้านหยิบตะเกียบขึ้นมาแล้วพูดว่า ” ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันมันไม่สำคัญถ้าจะให้พูดก็คือเป็นเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงกัน มีความเกี่ยวข้องกันตั้งเยอะยังไงก็ต้องดูแลและให้เกียรติกันกัน หลังจากนี้ถ้าหนูมีมารยาทสักนิดนึง เวลาเห็นเฉินโจวอี้ให้เรียกเขาว่าพี่ด้วย เข้าใจแล้วใช่มั้ย”
โจวเสวี่ยเบะปากแสดงอาการดูถูก “ยังไงหนูก็ไม่เรียน พึ่งคนอื่นยังไงก็ไม่ดีเท่าพึ่งตัวเอง แม่วางใจเถอะ หลังจากนี้ฉันก็จะสามารถเป็นจอมยุทธให้ได้”
” เด็กคนนี้นี้ นิสัยเย็นชาแล้วยังก้างร้าวอีก ต่อำแจะแต่งงานออกเรือนได้ยังไงกัน”
“หนูไม่อยากแต่งงาน หลังจากนี้ก็จะใส่ชีวิตอยู่กับแม่ด้วยกัน ” โจวเสวี่ยพูดเสียงต่ำออกมา
เจ้าของบ้านได้ยินก็รู้สึกปลื้มอกปลื้มใจและตื้นตัน เธอยิ้มแล้วพูดว่า: ตอนนี้หนูยังเด็กอยู่ เลยคิดแบบนี้อยู่ ลองหนูโตเป็นสาวกว่านี้ หนูจะไม่รีบหาแฟนเหรอ?
….
กินข้าวเสร็จ เฉินโจวอี้ก็ขึ้นห้องนอนเปลวไฟจากเทียนไม่หยุดที่จะส่องไสวเหมือนดาวอังคารระเบิดออกมาทำให้ห้องสว่างบ้างสลัวบ้าง
จากเหอตงจนมาถึงที่นี่อีกครั้ง คล้ายว่ามีความรู้สึกจากที่ที่มีอารยธรรมมาสู่ดินแดนที่ไกลและไร้ความเจริญ
เขาหยิบดาบชายในคืนเดือนมืดออกมาและเช็ดเบา ๆ ด้วยผ้าไหม จากนั้นเขาก็รวบรวมสมาธิของเขาและตวัดดาบออกไป เทียนถูกตัดออกทันทีด้วยแรงที่มองตามแทบไม่ทัน ยังไม่ทันที่เทียนครึ่งหนึ่งจะหล่นลงเขารีบก้าวเข้าไปและจับมัน จากนั้นใช้เทียนล่นไฟแล้วเทขี้ผึ้งร้อนๆเพื่อละลายเทียนแล้วติดมันเข้าด้วยกัน
ทำไมฉันอดไม่ได้ที่จะต้องทำลายมัน?
นิสัยแบบนี้มันชักจะไม่ค่อยดีซะแล้วซิ
ในใจของเฉินโจวอี้เต็มไปด้วยความคิด
เมื่อเขายุ่งกับทุกสิ่ง เขาเพิ่งระลึกถึงดาบที่เขามีอยู่ในตอนนี้และทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าดาบของเขาดูเหมือนจะแตกต่างจากเดิมออกไปเล็กน้อย
เขาพบสิ่งบางอย่างทันทีและลองตวัดดาบออกไปหลาย ๆ ครั้งและพบการเปลี่ยนแปลงในทันที
“พละกำลังของดาบ” พัฒนาขึ้นจากความยาวประมาณหนึ่งเซนติเมตรและตอนนี้ก็ใกล้เคียงกับสองเซนติเมตร
และมันก็ยิ่งคมยิ่งขึ้น
ช้อนเหล็กของการทดลองครั้งสุดท้ายเขายังไม่ได้ทิ้งมันไป
เมื่อพิจารณาจากรอยฟันที่เหลืออยู่ของการฟันของวันนี้ลึกเกือบเป็นสองเท่าของตอนนั้น หรือว่าเราไม่ได้ใช้มันมานาน หลังจากพิจารณาผ่านไปครู่นึงเขาจึงเอาช้อนโลหะพวกนั้นทิ้ง
ในใจเขาเริ่มไม่แน่ใจ
ในช่วงเวลาสั้นๆที่เหอตง เขาไม่ได้ทดสอบ “พละกำลังของดาบเลย” เมื่อคืนก่อนเขาก็เลยลองมาใช้สองสามครั้ง แต่พลังและความยาวของดาบกับครั้งแรกนั้นไม่แตกต่างกันมากนัก
ในสามวันนี้ ถ้าหากบอกว่าคุณสมบัติพิเศษเกิดการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรุนแรง ถ้าอย่างนั้นมันคือความตั้งใจ
หลังจากการประเมินการต่อสู้จริงในตอนเช้าจบลง ความตั้งใจของเขาก็เพิ่งจะเพิ่มขึ้น 0.3 คะแนน ทำให้มีคะแนน12.5 คะแนน
” หรือว่า พละกำลังของดาบ จะ เกี่ยวข้องกับความตั้งใจ”
ในใจเขาคิดอย่างไตร่ตรอง
ที่ผ่านมา เขาไม่ได้คิดหรือสนใจเกี่ยวกับความตั้งใจ แน่นอนว่าความตั้งใจนั่นสำคัญ แต่เมื่อมาเปรียบเทียบกับคุณสมบัติพิเศษที่เขามี ความตั้งใจก็เพียงพอแล้วสำหรับเขา
ด้วยความมุ่งมั่นที่สิบเอ็ดคุณสามารถรับมือกับฉากส่วนใหญ่และคุณจะไม่สูญเสียการปฏิสัมพันธ์ทางสังคมของคุณ
ความตั้งใจ12คะแนน ก็เพียงพอแล้วที่จะฆ่าคนโดยเจตนาได้ เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่อันตราย ความหวาดกลัวก็ไม่สามารถมาครอบงำได้และมีสติตลอดเวลา ความแข็งแกร่งของความตั้งใจนี้เป็นคุณสมบัติที่เหมาะสมของจอมยุทธ
และมันไม่มีวิธีที่จะฝึกฝนเพื่อที่จะพัฒนาเพิ่มขึ้น ทำได้แค่เพียงต้องใช้ประสบการณ์ครั้งแล้วครั้งเล่า มันไม่ใช่ความสุขที่จะพัฒนาไปอย่างสมบูรณ์และไม่มีสิ่งใดที่เป็นสติปัญญา
แต่อย่างไรก็ตามฉันไม่ได้คิดว่าความตั้งใจมันจะมีความแข็งแกร่ง
คล้ายกับความแข็งแกร่งของจิตใจ
แต่น่าเสียดายที่ความยาวสองเซนติเมตรนั้นยังสั้นไปหน่อย ถ้าหากมันสามารถยาวได้ถึงสองเมตรแล้วละก็
คือความแข็งแกร่งที่แท้จริง!
เฉินโจวอี้จินตนาการถึงฉากที่ตัวเองกำลังดึงดาบออกมา ฟาดดาบลงไป วัตถุภายในสี่หน้าเมตรถูกแบ่งแยกออกเป็นสองส่วน
เขาเก็บความดีอกดีใจไว้ภายในจิตใจ ในมือถือดาบรวบรวมสมาธิอีกครั้ง ภายใต้แสงเทียนสลัวๆ อากาศที่ปลายดาบดูเหมือนจะเลือนราง นิ้วมือของเขาที่แยกออกจากกันค่อยๆเคลื่อนเข้าหากันจนชิดติดสนิทเหมือนเดิม
“ห้ะ? ไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่”
สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกแปลก ๆ คือ ไม่ต้องบอกว่านิ้วของเขาแยกออกจากกัน แม้แต่การสัมผัสก็ไม่มี ราวกับว่าที่ปลายดาบไม่มีอะไรเลย
“พละกำลังของดาบ” ชนิดนี้สามารถตัดเทียนให้แยกออกจากกันได้ สามารถทิ้งรอยขีดข่วนบนช้อนโลหะแต่ไม่สามารถตัดผิวของเขา?
เขาไม่คิดว่าผิวหนังของเขาจะแข็งแกร่งกว่าช้อนเหล็กนี่
ความแข็งแกร่งนี้ไม่สามารถทำร้ายเขาได้!
ไม่สามารถทำร้ายสิ่งมีชีวิตได้!
เฉินโชวอี้มองดูเด็กหญิงเปลือกที่กำลังเล่นลูกบอลคริสตัลอยู่บนเตียง คิดไปคิดมาก็ละทิ้งความคิดที่จะเอาเธอไปทดสอบ
มันดูโหดร้ายเกินไปที่จะตัดนิ้วเล็กของเธอ
เด็กหญิงเปลือกหอยหลบซ่อนจากการโดนบังคับ และมีความสุขอยู่กับตัวเองได้แปปเดียวโดยไม่รู้สึกอะไร เธอถามด้วยสีหน้าที่อ่อนแรง “คนตัวยักษ์ทำไมเราต้องอยู่ที่นี่? “
วันนี้เธอนอนในกระเป๋าเอกสารนั่นหนึ่งวันพอตื่นขึ้นมาและพบว่าเธอกลับมาที่สถานที่ก่อนหน้านี้ที่เธอเกลียดมัน
” ที่นี่มันไม่ดีเหรอ?” เฉินโชวอี้ถาม ดวงตาพลางกวาดมองไปรอบ ๆ และพยายามหาสัตว์หรือแมลงที่สามารถใช้ในการทดสอบ
“ที่นี่ไม่มีเป๊ปป้า!” เด็กหญิงเปลือกหอยเงยหน้าขึ้นมาและพูด
” เธอไม่ได้ดูมันมานานแล้วใช่มั้ย?” เฉินโจวอี้พูดหลอก” เป๊ปป้าเหนื่อยแล้วและมันกำลังพักผ่อน”
“คุณโกหก ฉันรู้แล้วว่านี่เป็นของไม่จริง พวกเขาไม่เหนื่อย คุณแค่ต้องกดเปิด พวกเขาถึงจะออกมา” เด็กหญิงเปลือกหอยลุกขึ้นยืนอย่างตื่นเต้นและทำท่าทางเขี้ยวลากดิน
เฉินโจวอี้ไม่ได้ประหลาดใจอะไรมากมาย เขาดูการ์ตูนมาเมื่อนานมากแล้วแต่เขาก็ไม่เข้าใจมันก็เป็นแค่เรื่องโง่
ในที่สุดเขาก็พบกับหนูตัวเล็ก ๆ ที่มุมห้อง เขาหยิบทิชชู่เปียกออกมาแล้วเดินอย่างรวดเร็วและอย่างระมัดระวัง แต่น่าเสียดายที่ก่อนเขาจะได้เข้าไปใกล้มัน เจ้าหนูนั่นก็รีบมุดเข้าไปในตู้แล้ว
เจ้าหนู ฉันไม่เชื่อว่าฉันจะจับแกไม่ได้?
เขารีบย้ายตู้ออกทันที แต่ก่อนที่เขาจะได้ลงมือ เจ้าหนูนั่นก็ได้วิ่งหนีเข้าไปที่ใต้เตียงอีก
เฉินโจวอี้รู้สึกหงุดหงิดจนโกรธเลือดขึ้นหน้า เขาเหลือบมองไปที่ธนูที่แขวนไว้บนกำแพง เขาอยากจะง้างคันธนูนั่นแล้วยิงเจ้าหนูให้ตาย
คนตัวยักษ์คุณกำลังทำอะไรอยู่? สาวเปลือกหอยถามด้วยความสงสัย
จับหนู!
ในภาษาของอีกโลกไม่มีคำศัพท์ของคำว่าหนู เฉินโจวอี้เลยใช้ภาษาจีนพูดออกไป
” หนู ที่เป็นหนูที่อยู่ในเป๊ปป้าใช่มั้ย” เด็กหญิงเปลือกหอยมีสีหน้าที่สงสัยและถามอย่างรวดเร็ว
ในการ์ตูนมีหนูมั้ย?
ในใจของเฉินโจวอี้เริ่มไม่แน่ใจ เขาทิ้งทิชชู่เปียกนั่นลงถังขยะไป และล้มเลิกที่จะจับหนู เขาเดินเข้าไปในครัวเพื่อดูว่าจะหาแมลงหรือตัวอะไรได้บ้าง
” ให้ฉันดู!” ดวงตาของเด็กหญิงเปลือกหอยเป็นประกายตอนที่พูดออกมา แล้วเธอก็วิ่งไปที่ขอบเตียงแล้วกระโดดลงมาจากเตียงใหญ่นั่น
“เดี๋ยวก่อน อย่า!” ก่อนที่เฉินโจวอี้จะพูดจบเด็กหญิงเปลือกหอยก็วิ่งด้วยน่องเล็กๆของเอไปที่ใต้เตียง
ตอนที่ 90 ทางแห่งการต้อนรับขับสู้
เฉินโจวอี้ตกใจจนกระโดดตัวลอย
หนูก็ไม่ใช่สัตว์ที่เชื่องอะไร เวลาที่มันตกอยู่ในอันตรายมันค่อนข้างดุร้ายและอาจจะกัดเอาได้ อีกทั้งมันยังมีเชื้อโรคหลากหลายชนิดอีก
เขาก้มลงไปดูที่ด้านล่างของเตียงอย่างรวดเร็ว แต่กลับพบว่าเขานั้นคิดมากไปเอง
เขาประเมินความกล้าหาญของเด็กหญิงเปลือกหอย
ก็เห็นเธอจับตาดูหนูอย่างระมัดระวังและค่อยๆก้าวเข้าไปอย่างระมัดระวังทีละขั้นตอน
หลังจากสังเกตเห็นเท้าของเฉินโจวอี้ เธอก็มองเห็นสิ่งที่จะช่วยชีวิตเธอได้ เธอรีบถอยออกมาสองสามก้าว พร้อมกับดึงขากางเกงของเฉินโจวอี้อย่างรวดเร็ว ร่างกายของเธอสั่นเทาไปด้วยความกลัว
เฉินโจวอี้จับเด็กหญิงเปลือกหอยขึ้นมาแล้วนำกลับมาวางบนเตียง เขาหัวเราะแล้วพูดว่า ” เธอไม่อยากเห็นหนูแล้วเหรอ?”
” คุณโกหก นี่ไม่ใช่หนู?” เธอดูตกใจและและน้ำตาก็ซึมออกมา
หนูไม่ใช่แบบนี้นี่!
เฉินโชวอี้นั่งยองๆลง
พร้อมกับแสดงอาการหัวเราะออกมา
หนูในการ์ตูนน่ารักและไม่เป็นอันตรายแต่หนูในชีวิตจริงๆหมือนกันไหม?
….
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้นครอบครัวของเฉินโจวอี้ก็เก็บข้าวของของพวกเขาและพร้อมที่จะเดินทางไปยังตงหนิง
อย่างแรกเลยคือต้องกลับไปเรื่องกู้ยืมเงินที่ธนาคาร อย่างที่สองคือไปดูว่าสามารถขายบ้านเก่าที่นั่นได้มั้ย
ในตอนแรกเฉินโจวอี้ไม่เห็นด้วย แต่พ่อแม่ของเขาพิจารณาแล้วว่าเมืองตงหนิงอยู่ในพื้นที่กฎอัยการศึกกฎหมายและระเบียบสังคมเสื่อมโทรมดังนั้นพวกเขาจึงคิดว่าที่ที่สุดคือไปอยู่เมืองอื่น
เมื่อเขาไปถึงหน้าประตูเขาก็เห็นโจวเสวี่ยอีกครั้ง
เธอกำลังฝึกดาบอยู่ในสนาม
คุณลุง คุณป้า จะออกไปข้างนอกเหรอ! โจวเสวี่ยหยุดและร้องเรียกแล้วมองไปที่เฉินโจวอี้
เฉินโชวอี้ยิ้มและทำท่าทางบอกใบ้
ใช่แล้วโจวเสวี่ย พวกเราต้องกลับบ้านก่อน ฝากบอกแม่ของเธอด้วยนะ บางทีพวกเราอาจจะไม่อยู่ที่นี่สักสองสามวัน เฉินพูดพร้อมกับยิ้ม
“อ่อ” โจวเสวี่ยตอบรับ
เขาเดินผ่านเธอไปอย่างรวดเร็วและเธอยังคงฝึกฝนดาบด้วยการสูญเสียสติเล็กน้อย
เธอหยุดอีกครั้งและหันกลับมามอง แต่เธอก็เห็นว่าผู้ชายคนนั้นเดินออกจากประตูไปแล้วและไม่มีร่องรอยของเขาปรากฏอยู่
….
คนในรถน้อยมาก
มีเพียงแค่สิบกว่าคน
เฉินโจวอี้นั่งอยู่ข้างหลังพ่อแม่ของเขาและวางกล่องดาบและกระเป๋าเอกสารไว้บนตักของเขา
และยังมีกระเป๋าเป้สะพายหลังที่สะพายติดตัวเอาไว้ภายในคือชิ้นส่วนของธนูและลูกธนู ก็เพื่อป้องกันการเกิดสถานการณ์แบบครั้งที่แล้ว
รถกำลังจะออกในไม่ช้านี้
ตลอดทางเต็มไปด้วยความไม่สดใส
ในพื้นที่อุตสาหกรรมทั้งสองด้านนอกเหนือจากการโรงงานที่พ่นควันสีขาวออกมาเป็นครั้งคราวแล้วส่วนใหญ่ก็ยังคงปิดอยู่
พี่ชายเมืองเหอตงเป็นยังไงเหรอ? เฉินซินหยูถามที่เบาะหลัง
” มันก็เหมือนเมื่อก่อน บรรยากาศคล้ายเมืองหลวง มีการจัดหาทรัพยากรให้ ความสงบเรียบร้อยของสังคมก็ไม่เลว เมื่อถึงเวลานั้นบ้านเราไปเปิดร้านอาหารที่นั้นก็เหมือนกับเมื่อก่อนนั่นแหละ” เฉินโจวอี้คิดได้จึงพูดมันออกมา
แม้ว่าเขาต้องการกลับไปอยู่ยังตงหนิง แต่เขาก็ไม่ได้อยู่เพื่อตัวเองและไม่สามารถเห็นแก่ตัวได้
….
การพูดคุยผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ในเวลาไม่นานนักรถก็ใกล้จะถึงเมืองตงหนิงแล้ว
ในเวลานี้เขาสังเกตเห็นว่าด้านหน้าดูเหมือนจะมีด่านตรวจสอบ มีทหารติดมากกว่าสิบคนถืออาวุธอย่างจัดเต็มยืนอยู่ด้านข้างของถนนและมีตะปูวางในเลนย้อนกลับ
ยานพาหนะทุกคันที่ออกจากเมืองตงหนิงทั้งหมดต้องได้รับการตรวจสอบก่อน แต่โชคดีที่ยานพาหนะมีน้อย ก็เลยไม่ก่อให้เกิดความล่าช้าหรือแออัด
“เมืองตงหนิงตอนนี้ทำไมเปลี่ยนไปเข้มงวดขนาดนี้?” ผู้โดยสารคนหนึ่งกล่าว
ไม่มีทาง ฉันได้ยินว่าจับปลาตัวใหญ่ได้แล้ว คาดว่าเพื่อหยุดยั้งลัทธิปีศาจหนีไปได้! คนขับกล่าว
คนเหล่านี้ควรถูกประหารด้วยการยิงเป้า
ใครบอกว่าทุกวันไม่รู้สึกกลัว ทุกๆวันมานี้รู้สึกออกสั่นขวัญแขวนไปหมด
….
ในเวลานี้เฉินโจวอี้ก็รู้สึกหดหู่ใจ ในเลนถนนสวนทางกันมีรถสองคันที่อยู่ติดกันและดูเหมือนจะมีปัญหา หน้าต่างของรถเปิดลงอย่างช้าๆ ในวินาทีต่อมา ม่านตาของเขาก็หดกลับไป
“เวร!”
ปืนใหญ่สองสามกระบอกยื่นออกมาอย่างรวดเร็ว
“ปังปังปังปังปัง……..!”
ในทันทีทันใดนั้นก็มีเสียงการยิงปืนออกมา
มีเสียงระเบิดจากในระยะไกล
ทหารหลายคนล้มลงไปกับพื้น
ในไม่ช้าทหารที่เหลืออยู่ก็เริ่มปะทะกับรถสองคันนั้น
เสียงระเบิดดังขึ้น ในรถทั้งคนขับรถทั้งผู้โดยสารก็กลัวกับเหตุการณ์นี้ คนขับจึงเหยียบเบรกอย่างกะทันหัน
ร่างของเฉินโจวอี้เซเล็กน้อย เมื่อร่างกายของเขามั่นคงแล้ว เขาก็รีบหันไปทางพ่อกับแม่ทันที
“พ่อ! แม่!โอเคไหม”
“ไม่เป็นไร!”
“ซิงเยว่หล่ะ” เฉินโจวอี้ถาม
“ฉันก็ไม่เป็นไร”
….
เฉินโจวอี้มองออกไปนอกหน้าต่าง โชคดีที่สถานที่ที่เปิดฉากยิงกัน อยู่ห่างจากรถบัสไปห้าหกสิบเมตร แต่ยังไงก็ยังคงไม่ปลอดภัยอยู่ดี
เสียงปืนดังขึ้นเป็นเวลายี่สิบวินาทีและหยุดลง
มีทหารเสียชีวิตแปดคน
ทันใดนั้นทหารที่เหลืออยู่ก็ถือปืนและเดินวนรอบรถสองคันอย่างช้าๆ
ไม่ต้องรอให้เข้าใกล้รถถึงสามเมตร ทันใดนั้น ที่ประตูรถก็มีเสียงโป้งระเบิดออกมา มีมีดดาบลอยออกมาอย่างรวดเร็ว ร่างกายของเขาเปื้อนไปด้วยสีแดง ไม่รู้ว่าเลือดของตัวเองหรือว่าเลือดของคนอื่น
ทหารก็เพิ่งยกปืนขึ้น
เงาของคนก็เพิ่งจะเฉียดร่างของเขาไป
การเคลื่อนไหวของเขาก็หยุดชะงักภายในชั่วพริบตาเดียว
ปืนหล่นลง!
มือหลุดลงมา!
ในขณะเดียวกันก็ยังมีไหล่ครึ่งหนึ่งที่หล่นลงมา
การเคลื่อนไหวของเขาเหมือนหมอกและการลงมือของเขาช่างโหดเหี้ยม ทันทีที่เขาเข้ามาเผชิญหน้าทหารก็ถูกฆ่าตาย ผ่านไปยังไม่ทันไรทหารก็ถูกฆ่าตายสามคนแล้ว ทหารที่เหลืออยู่ก็ถอยทัพกลับและยิงสวนอย่างบ้าคลั่งทันที
แต่มันไม่ได้ผลเลยสักนิด เขาสะบัดไปทางซ้ายและสะบัดไปทางขวา จนไม่มีใครยิงโดน
แต่กลับถูกดึงเข้ามาใกล้และทหารก็ถูกฆ่าอีกสองคน
เฉินโจวอี้เข้าใจว่านี่ไม่ใช่ว่าความเร็วของเขาเร็วกว่ากระสุน แต่ปฏิกิริยาของเขาเร็วกว่าความเร็วที่ทหารดึงไกปืนเสียอีก
พ่อแม่ รออยู่ที่นี่นะ! เฉินโชวอี้ใบหน้าเย็นชาและดึงดาบออกจากกล่องใส่ดาบอย่างรวดเร็วโดยไม่รอให้พ่อแม่ของเขาตอบ ร่างกายของเขาก็พุ่งออกไปนอกหน้าต่างอย่างรวดเร็วเหมือนปลาว่ายน้ำ
ในฐานะที่เป็นจอมยุทธมีความแข็งแกร่งและอำนาจสูงเพราะเหตุนี้เขามี่หน้าที่ที่จะต้องรักษากฎหมายและความสงบเรียบร้อย เขาไม่สามารถปล่อยให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นอีก
ยิ่งไปกว่านั้นเขาต้องย้ายถิ่นฐานเพราะเรื่องลัทธิที่เชื่อในเรื่องปีศาจที่เกิดขึ้น เขายิ่งมีความคั่งแค้น
ถ้าไม่ใช่เพราะความแข็งแกร่งยังคงเข้มแข็งและยิ่งใหญ่ ครอบครัวของเขาจะต้องถูกาตรกรรมหมู่แน่
กลับมา! แม่ของเฉินโจวอี้ตะโกนขึ้นอย่างกังวลใจ
วางใจเถอะ มันจะไม่เป็นไร! เฉินโชวอี้โบกมือและเริ่มวิ่งทันที เท้าของเขาไวเหมือนลมกรด การขยับเท้าของเขาเหมือนภาพที่ค้างกันทำให้เกิดโมเมนตัมอย่างแรงสี่หรือห้า ฝุ่นและควันก่อตัวอยู่ด้านหลังของเขา
ในเวลานี้ ชายที่ตัวเปื้อนเลือดฆ่าทหารไปอีกหนึ่งคน จนตอนนี้เหลือเพียงแค่สองคน
ความผิดพลาดของทหาร คือ ก่อนหน้านี้พวกเขาอยู่ใกล้เกินไป ถ้าหากว่าอยู่ในระยะที่ห่างกว่านี้ ก็จะไม่ตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ปืนเจ็ดแปดกระบอกนั่นตราบใดที่พวกเขาได้รับการฝึกฝนมาแล้ว มันสามารถฆ่าจอมยุทธได้เลย
หยุด! เฉินโจวอี้ตะโกนแล้วเขาก็ดึงดาบออกมา
มีอีกคนอยากตาย! ร่างของชายผู้มีคราบเลือดติดพูดออกมา กระโดดมาจากจากทางที่อยู่ห่างออกไปสี่ห้าสิบเมตร ฟันดาบหนึ่งเล่มไปตัดคอของทหารอีกคนหนึ่งทันทีและเลือดกระเด็นซ่านเหมือนน้ำพุ
ไอ้เลว! เฉินโจวอี้กระทืบเท้าด้วยความโกรธ เขาออกแรงแทงดาบอย่างรุนแรงและดาบแทงลงไปที่ชายผู้เปื้อนเลือด
ร่างของชายเปื้อนเลือดถอยหลังไปหนึ่งก้าวและใช้ดาบสกัดกั้นไว้
“สกัดกั้น!” เสียงหนึ่งตะโกนออกมา
ถ้าแกอยากตายจริงๆละก็ ชายผู้มีรอยเปื้อนเลือดคำรามออกมา กล้ามเนื้อร่างกายทั้งหมดของเขาบวมขึ้นทำให้ดาบถูกสกัดห้ามได้ ชายเปื้อนเลือดคนนี้แข็งแกร่งกว่าเฉินโจวอี้และสามารถสกัดดาบของเขาได้อย่างง่ายดาย หันดาบมาทางคอเฉินโจวอี้อย่างรวดเร็วและรุนแรง
เฉินโจวอี้หมุนไปทางขวาเบา ๆ และดาบกระแทกคอของเขา คิดจะฆ่าฉันแกยังอยู่อีกไกล!
ในเวลานั้นทหารเพียงคนเดียวที่เหลือก็ยกปืนขึ้นในมือแล้วรีบล่าถอยออกไปอย่างรวดเร็ว
เขาหายใจหอบอย่างรวดเร็ว เล็งปืนอยู่นานสองนานแต่แล้วก็ปลอยปืนลงอย่างไร้ประโยชน์
คนสองคนข้างหน้าเหมือนกับภาพลวงตา การเคลื่อนไหวที่ยุ่งเหยิงและเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูงเขาไม่สามารถเล็งไปให้ถูกตำแหน่งได้
ชายที่เปื้อนเลือดดูๆแล้วน่าจะอายุประมาณยี่สิบกว่าๆ ใบหน้าของเขาดูไม่สบอารมณ์ และก้าวหลบวิถีดาบของเฉินโจวอี้ แต่เสื้อผ้าของเขาฉีกขาดและมีรอยเลือด
ดาบของเฉินโจวอี้นั้นมีความยาวเพียงสองเมตรดูเหมือนว่าจะมีผลกระทบไม่มาก อย่างไรก็ตามสำหรับนิสัยที่ไม่คุ้นเคยกับการหลบหลีกแบบนี้ กลับดูเหมือนจะฝากรอยแผลเอาไว้และได้รับบาดเจ็บแล้ว
แค่การต่อสู้ไม่กี่วินาที ชายที่เปื้อนเลือดก็เต็มไปด้วยรอยเลือดจากแผล สีหน้าของเขาก็ยิ่งผิดไปจากปกติ ไม่มีฝีมือเสียแรงเปล่าน่า มันจบแล้ว
“การต่อสู้ที่บ้าคลั่ง!”
เขาพูดเสียงต่ำออกมา
ความสามารถพระเจ้า? เฉินโจวอี้รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
วินาทีต่อมาเขาก็รู้ว่าความเร็วของอีกฝ่ายเร็วขึ้นเล็กน้อยและพลังก็ดูจะแข็งแกร่งขึ้น
โชคดีที่มีการพัฒนาไม่มากนักและดูจากค่าตัวเลขมันเพิ่มขึ้นแค่ 0.1 คะแนน
อย่างไรก็ตามนี่ก็คือโลกและความสามารถของเทพเจ้าที่ส่งมาที่นี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพละกำลังหลายพันเท่าที่ค่อยๆใช้หมดไป และผลลัพธ์ก็น้อยจนแทบจะมองข้ามไม่ได้
เป็นแบบนี้หรือเปล่า? เฉินโจวอี้ยิ้มอย่างเย็นชาบนใบหน้าของเขา
เขาไม่ได้ระมัดระวังลองทดสอบหยั่งเชิงของการหลบอีกต่อไป และความเร็วของดาบก็เพิ่มสูงขึ้น
ความว่องไวซึ่งสูงกว่าจอมยุทธเล็กน้อย เขาเหวี่ยงดาบอย่างรวดเร็ว ก้าวไปข้างหน้า ร่างของเขาที่มีท่วงท่าเหมือนชะมด ในขณะเดียวกันดาบยาวในมือของเขาก็พุ่งผ่านเหนือฟ้าไป ชั่วพริบตาเดียวก็แทงเขาไปที่หน้าผากทะลุออกไปทางข้างหลังศีรษะ
เขาดึงดาบออกมาและดาบของเขาก็ยังสะอาดเหมือนใหม่โดยไม่มีเลือดอยู่บนดาบเลยแม้แต่น้อยนิด
เขาหมุนตัวและใส่ดาบเข้าไปในฝัก!
ข้างหลังเขามีศพกองทับถมกันเป็นชั้นอยู่บนพื้น
ตอนที่ 91 สิ่งต่างๆยังคงเหมือนเดิม
ในเวลานี้จากสถานที่ที่อยู่ไกลสุดลูกหูลูกตามีรถทหารขับมาด้วยความเร็วสูง
เมื่อรถหยุดทำให้ยางรถถูเสียดสีไปกับพื้นและทำให้เกิดเสียงที่แสบหู
ทหารยี่สิบสามสิบคนกระโดดลงจากรถอย่างรวดเร็ว บางคนก็ยิงเตือนให้ระวัง บางคนก็มองไปที่ทหารที่ถูกฆาตกรรมหมู่และอีกหลายคนที่มีปืนก็เล็งไปที่เฉินโจวอี้ที่ยืนถือดาบอยู่
โชคดีที่ความเข้าใจผิดนี้จะถูกยกเลิกในไม่ช้า
ผู้นำของกองทหารตรวจสอบศพที่มากมายเหล่านี้ด้วยในหน้าที่ห่อเหี่ยว แต่ก็ยังปลุกใจให้ฮึกเฮิมจับมือกับเฉินโจวอี้ ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของคุณ
พบเจอเหตุการณ์แบบนี้ ฉันไม่คิดว่าทุกคนที่ดูอยู่ข้างๆช่วยเหลือตัวเองได้เพียงแต่ว่าคราวนี้ฉันจะไปเมืองตงหนิงกับครอบครัวของฉัน ฉันหวังว่าคุณจะเก็บมันไว้เป็นความลับ เฉินโจวอี้พูดออกมา ถึงอย่างไรก็ตามลัทธินอกรีตก็ยังไม่ได้หายไปในที่สุด ถ้าหากมันแสดงตัวตนออกมาก็มีแนวโน้มมากที่จะเกิดการปะทะตอบโตกัน
“แน่นอน”
….
เฉินโจวอี้กลับไปที่รถบัส
ภายในรถเงียบมากและทุกคนจ้องมองมาที่เฉินโจวอี้ด้วยความเคารพยำเกรง
จอมยุทธอยู่ไกลจากคนธรรมดาและไม่คุ้นเคยกัน คล้ายกับว่าคนจากบนฟ้า
เมื่อเผชิญหน้ากับคนที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ไม่มีใครสามารถที่จะรู้สึกผ่อนคลาย ยิ่งกว่านั้นคือเมื่อมานานก่อนหน้านี้พวกเขายังเห็นเหตุการณ์การสังหารนองเลือดด้วยตาของของพวกเขาเอง
เฉินโจวอี้นั่งอยู่ในตำแหน่งเดิมและแม่ของเฉินโจวอี้หันหลังกลับมาถลึงตาใส่ไปหนึ่งที
เธอไม่ได้รับอันตรายอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะนั่นคือลูกชายของเธอที่มีพลังที่แข็งแกร่ง
โชคดีที่ดูเหมือนว่าจะได้รับผลกระทบจากบรรยากาศที่เงียบสงบภายในรถ สุดท้ายแล้วเธอก็ไม่พูดอะไรเลยเหรอ?
อย่างไรก็ตามช่วงเวลาที่ดีมักจะไม่นาน หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง รถก็มาถึงสถานี
….
“เพี๊ยะ!”
ตอนนี้แกยิ่งต่อต้านมากขึ้นเรื่อยๆหล่ะ?
หลังจากที่ท้ายทอยของเฉินโจวอี้รู้สึกเจ็บ เขาก็มักจะหดคอของเขาเป็นประจำ
แม่ของเฉินโจวอี้พูดด้วยความโกรธจนตีไม่ลง สถานการณ์ที่อันตรายขนาดนั้น ยังพรวดพราดพุ่งเข้าใส่ ไม่รักชีวิตแล้วหรือไง?
เธอเป็นคนที่ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก แต่สำหรับเธอความปลอดภัยของลูกชายของเธอเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
” ที่จริงแล้วมันไม่ได้เป็นอันตรายเลย” เฉินโจวอี้พยายามที่จะพูดโต้แย้งออกมาประโยคหนึ่งผลลัพธ์ก็คือท้ายทอยเค้าโดนฝ่ามือนั้นตีมาอีกที
เฉินซิงเยว่ที่อยู่ข้างๆกำลังมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น
เอาหล่ะ เอาหล่ะ เขาเป็นจอมยุทธอยู่แล้วไม่ใช่เด็กหรือคนธรรมดา ฉันเชื่อว่าใจของเขาก็เหมาะสมที่จะทำมัน เฉินต้าเหว่ยพูดโน้มน้าวใจออกมาหนึ่งประโยค
” เหมาะสมกับผีนะสิ ฉันดูๆแล้วมันคือความโง่ชัดๆ ทำไมฉันถึงมีลูกชายที่โง่ขนาดนี้ได้”
ก่อนอื่นอย่าพูดแบบนี้ หลายคนกำลังมองอยู่!
….
เมืองตงหนิงเต็มไปด้วยตำรวจและทหาร การรักษาความปลอดภัยเข้มงวดมาก จิตใจของผู้คนค่อนข้างมั่นคง ร้านค้าส่วนใหญ่ทั้งสองฝั่งเปิดและมีคนเดินอยู่ไม่น้อยเลยที่เดียว
คนจำนวนมากที่ไม่กลับบ้าน แต่กลับเลือกโรงแรมที่อยู่ห่างจากบ้านแทน
มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้น สภาพจิตใจของคนส่วนใหญ่ก็ถูกบ่มเลี้ยงให้เปลี่ยนเป็นความระมัดระวังมากขึ้นภายในจิตใจ ถึงอย่างไรก็ตามตอนนี้ลัทธินอกรีตก็ยังไม่ได้ถูกกำจัดออกไป ไม่มีใครสามารถรับประกันได้และยังไม่มีใครใส่ใจกับเรื่องนี้หลังจากเช็คอินที่โรงแรมแล้ว เฉินโจวอี้ก็กลับไปที่ห้องของเขาและวางกระเป๋าลง
เขาเปิดหน้าต่างและตรวจสอบสภาพแวดล้อมรอบๆ ที่ตรงนี้อยู่ในพื้นที่แหล่งค้าขายที่เจริญคึกคัก ด้านหน้าของถนนมีเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจหลายคนลาดตระเวนไปมา
น่าจะปลอดภัยกว่า
เขาดูเวลาดูเวลาอีก ก็ยังคงเป็นเวลาเก้าโมงเช้าอยู่ อีกนานกว่าจะถึงเวลาของมื้อเที่ยง
เขาเคาะประตูห้องของพ่อและแม่เพราะว่าเขามีข้อแก้ตัวที่จะหยิบกระเป๋าเอกสารออกจากโรงแรมได้
….
เดินไปบนถนนผ่านโรงเรียนประถมแห่งหนึ่ง
มองไปเห็นนักเรียนประถมกำลังเรียนวิชาพละศึกษาอยู่ในสนามกีฬา
ทันใดนั้นเฉินโจวอี้ก็คิดได้ทันทีว่าที่เมืองตงหนิงกำลังจะเปิดสอนอีกครั้งหลังจากหยุดเรียนไป
ในใจเขาอดไม่ได้แปรเปลี่ยนเป็นความดีใจ เขาโบกรถแท็กซี่อย่างรวดเร็ว
จะไปไหนครับ” คนขับถาม
“มัธยมอู่จง!”
คนขับชำเลืองมองเฉินโจวอี้ผ่านกระจกมองหลังแล้วพูดว่า มันสายแล้วนะ?
เร็วเข้า! เฉินโจวอี้พูดด้วยความกระวนกระวายใจ
จะไปเดี๋ยวนี้แหละ! คนขับยิ้มและออกตัวอย่างรวดเร็ว
ทิวทัศน์ที่มองออกไปทางนอกหน้าต่างก็จางหายไปอย่างรวดเร็วทำให้ใจของเขาเต้นรัวตุ๊บๆ
สิบนาทีต่อมาเฉินโจวอี้ก็แบงค์หนึ่งร้อยหยวนให้คนขับและเปิดประตูรถ
ยังไม่ได้ทอนเงินคุณเลย!
“ไม่ต้องแล้ว!”
เฉินโจวอี้เดินไปทางประตูโรงเรียนอย่างรวดเร็ว
ประตูไฟฟ้าดั้งเดิมของประตูโรงเรียนถูกรื้อถอนออกและถูกแทนที่ด้วยประตูเหล็กขนาดใหญ่ที่มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสี่คนยืนอยู่ทั้งสองฝั่ง
ในช่วงเวลานี้โรงเรียนมีความมั่นคงทางด้านความปลอดภัยอย่างชัดเจน
แน่นอนว่าประตูเหล็กขนาดใหญ่นั้นใช้สำหรับการเข้าออกยานพาหนะของเจ้าหน้าที่ในโรงเรียนและสำหรับนักเรียนเวลาเดินเข้เดินออกก็ประตูเหล็กเล็ก ๆนั่น
คุณลุง เปิดประตูให้หน่อยครับ! เฉินโจวอี้เคาะที่ห้องรักษาความปลอดภัย
ยามของห้องรักษาความปลอดภัยมองไปที่เฉินโจวอี้อย่างระมัดระวังและถามด้วยความไม่แน่ใจว่า ไอ้หนุ่มนายมาหาใคร?
เด็กหนุ่มที่ดูวัยรุ่นนี้แต่ออร่าที่ออกมาจากเด็กหนุ่มนั้นดูเข้มแข็งและยิ่งใหญ่ ความคลุมเครือที่รู้สึกกดดันนี้ทำให้เขาไม่สามารถตัดสินได้ว่านี่เป็นนักเรียนหรือคนนอก
ฉันคือเฉินโจวอี้ มัธยมหกห้องเจ็ด
ยามที่ป้อมยามจ้องมองเขาด้วยสายที่น่าสงสัยภายใต้แว่นสายตายาวนั้นพลางหยิบบัญชีรายชื่อมาค้นหาชื่อ แต่ก็พบว่ามีชื่อของเขาอยู่ในชั้นมัธยมหกห้องเจ็ดจริงๆ
เฉินโจวอี้ก็โล่งอกและถอนหายใจออกมาด้วยเหมือนกัน ดูเหมือนว่าบัญชีรายชื่อของนักเรียนจะไม่เปลี่ยนแปลงไปเลยไม่เช่นนั้นเขาต้องปีนกำแพงด้านนอกเพื่อข้ามเข้าไป
หลังจากเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นนักเรียนทัศนคติของยามก็เปลี่ยนไปพลังและความกระฉับกระเฉงก็ตามมาเช่นกัน
นายดูเวลา นายมาสายตั้งชั่วโมงกว่าๆ มา นายต้องมาลงชื่อก่อน
เฉินโจวอี้ ไม่มีทางเลือกนอกจากลงชื่อของเขา
….
กลับเข้ามาในโรงเรียนอีกครั้ง เขาเลยมีความรู้สึกแบบเมื่อก่อน
โรงเรียนก็ยังคงเป็นโรงเรียนแต่เขาไม่เหมือนเขาในตอนเมื่อก่อน
เขาเดินไปที่ระเบียงทางเดินของห้องเจ็ดอย่างรวดเร็ว มองทะลุผ่านหน้าต่างเข้าไปข้างใน แต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงาของจางเซียวเยว่ เขาคิดว่าเขามองพลาดและมองเข้าไปอีกที…
ในเวลานี้ยังเป็นเวลาเรียนอยู่ ครูประจำชั้นเฉาลี่ลี่กำลังพูดอยู่หน้าห้องและพูดจนปากเปียกปากแฉะ
การสอบประจำเดือนของเดือนนี้ ความสำเร็จของเธอในการสอบครั้งนี้คืออะไร?
ห้อเจ็ดของเราเกือบจะอยู่ที่อันดับสุดท้าย!
ฉันได้สอนหนังสือเป็นเวลาหกปีและสอนจบมาแล้วสามรุ่น
แต่พวกเธอเป็นรุ่นแรกที่แย่ที่สุดเท่าที่ฉันเคยสอนมา
ในเวลานี้เห็นบางคนเสมองออกไปนอกหน้าต่าง บางคนก็เล่นหูเล่นตา ครูเฉาลี่ลี่ถึงกับควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่
ซุนซิน นอกหน้าต่างนั่นมีอะไรน่าดูเหรอ เธอยืนขึ้นและบอกพวกเราทีสิ … การสอบประจำเดือนครั้งที่แล้วของเธอได้คะแนนน้อยที่สุด การสอบครั้งนี้ไม่สามารถสอบซ่อมได้ ถ้าคะแนนยังเป็นเหมือนเดิม….
ซุนซินตอบพูดเสียงดังเหมือนหมูไม่กลัวน้ำร้อน “เป็นเพราะว่าเฉินโจวอี้ส่งผลกระทบต่อหนูคะ!
ครูเฉาลี่ลี่งงนิดหน่อยและประตูก็เปิดออก เธอประหลาดใจที่เห็นวัยรุ่นคนนี้เปลี่ยนไปเหมือนคนไม่รู้จักกัน
“เฉินโจวอี้!”
ถึงแม้ว่าจะยังไม่เห็นจางเซียวเยว่ ในใจก็เกิดอาการว้าวุ่น แต่เฉินโจวอี้ยังคงส่งรอยยิ้มแล้วพูดทักทาย” สวัสดีครับครูเฉา!”
เฉาลี่ลี่ถามด้วยความแปลกใจ นายจริงๆด้วย วันนี้นายกลับมาแล้วเหรอ ? ทำเรื่องกลับมาเรียนต่อแล้วใช่มั้ย
ไม่ใช่ครับ ผมแค่มาหาเพื่อนของผม! เฉินโจวอี้กล่าว
จากนั้นเขาก็พูดว่า อีกอย่างนึง ตอนนี้ผมผ่านการฝึกหัดจนได้เป็นจอมยุทธแล้วครับ
เขาไม่ได้พูดใบรับรองการเป็นจอมยุทธ อย่างไรก็ตามก็ยังคงน่าตกใจเกินไปอยู่ดี
แต่ถึงอย่างนั้น เฉาลี่ลี่ก็ยังแปลกใจจนอ้าปากค้างอยู่ดี ทั้งห้องเรียนส่งเสียงเจี๊ยวจาว โรงเรียนมัธยมอู่จงเป็นโรงเรียนมัธยมธรรมดา ในทุกปีจำนวนคนที่ได้รับใบรับรองการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้นั้นน้อยกว่าโรงเรียนที่มีชื่อเสียง
ครูเฉา ผมไม่รบกวนเวลาเรียนดีกว่า รอเลิกเรียนแล้วผมค่อยมาอีกที!
เฉินโจวอี้เดินลงบันไดด้วยจิตใจที่ซึมเศร้าและนั่งลงข้างส่วนหย่อมดอกไม้ด้วยความใจลอยอย่างเงียบๆ
ไม่ได้เกิดเรื่องไม่ดีกับจางเซียวเยว่ใช่มั้ย?
ยิ่งเขาคิดมากเท่าไรจิตใจเขาก็ยิ่งไม่สงบ
ความยุ่งเหยิงภายในใจนี้!
ไม่ง่ายเลยที่จะรอจนกว่าเสียงระฆังจะดังขึ้นในที่สุด
เฉินโจวอี้ลุกขึ้นแล้วเดินกลับไปที่ชั้นเรียนและทันใดนั้นก็ถูกรายล้อมไปด้วยคนกลุ่มใหญ่
นายเปลี่ยนใหญ่มาก ฉันจำนายแทบไม่ได้แหน่ะ
เฉินโจวอี้นายผ่านการทดสอบจอมยุทธจริง ๆ หรือเปล่า?
น่าอิจฉาจริงๆ ในที่สุดนายก็เป็นอิสระ
“น่าสงสารที่พวกเรายังต้องทนทุกข์อยู่!
เขาต้องรับมือกับเพื่อนร่วมชั้นที่กระตือรือร้นและมีความอยากรู้อยากเห็น เฉินโจวอี้จึงดึงซุนซินและไปที่ระเบียงทางเดินแล้วถามว่า ทำไมถึงไม่เห็นหัวหน้าห้องเลยหล่ะ
“แหม่ เปิดปากคำแรกก็ถามถึงหัวหน้าห้องเลยนะ นายนี่เลยจริงๆเลย มีเพื่อนต่างเพศนี่มันเป็นอย่างนี้นี่เอง
อย่ามาพูดไร้สาระ บอกมาเร็ว!
เมื่อเห็นว่าเฉินโจวอี้เป็นคนใจร้อน ซุนซินก็รู้สึกกดดันอย่างมากในการอธิบายและตอบออกไปอย่างรวดเร็วว่า
เธอย้ายโรงเรียนไปแล้ว ฉันได้ยินมาว่าพ่อของเธอย้ายไปทำงานที่อื่นและเธอต้องย้ายโรงเรียนไปด้วย
” เธอบอกหรือเปล่าว่าไปที่ไหน?” เฉินโจวอี้ถามอย่างรวดเร็ว
” เธอไม่มีเรียน ฉันจะไปรู้ได้ยังไง ไปถามครูประจำชั้นเองสิ !”
ตอนที่ 92 ต้องการเงิน
เฉินโจวอี้เดินเข้าไปในห้องทำงานของครูเฉาลี่ลี่
เฉาลี่ลี่ดูสภาพมาก เธอดูตั้งใจชงชาเป็นพิเศษแล้วถามถึงเรื่องราวของเฉินโจวอี้อยู่ไม่น้อย
เวลาที่เฉินโจวอี้พูดถึงเรื่องราวของจางเซียวเยว่ สีหน้าของเธอก็ดูแปลกๆไป แต่ในไม่ช้าเธอก็รู้ตัวแล้วกลับมายิ้มเหมือนเดิม การพูดถึงความรักและความงดงามในวัยมัธยมก็ไม่ใช่เรื่องเรื่องที่ใหม่อะไรสำหรับเธอ
เธอพูดทุกสิ่งที่เธอรู้ แต่เธอก็ไม่ค่อยรู้สถานการณ์ของจางเซียวเยว่เท่าไหร่ เรื่องการย้ายโรงเรียนพ่อของจางเซียงเยว่เป็นคนจัดการและเธอก็ไม่ได้พูดถึงว่าเธอจะย้ายไปเรียนที่ไหน
เฉินโจวอี้อยู่ในห้องทำงานของครูเฉาได้ไม่นาน ก็รีบออกจากโรงเรียนไป
เขาเดินไปบนถนนด้วยจิตใจที่หมดอาลัยตายอยาก
ดูเหมือนว่าพระเจ้าจะเล่นตลกกับเขา ให้ความหวังแก่เขาแต่กลับก็ทำให้เขาผิดหวัง
….
เขาเดินอย่างไร้จุดหมายอย่างไม่รู้ตัวจนเข้ามาที่บริเวณอาคารที่ยังสร้างไม่เสร็จ
เขาพบว่าอาคารและอาคารโดยรอบพังยับเยินและมีการสร้างกำแพงซีเมนต์สูงรอบๆ เมื่อเดินผ่านประตู ก็เห็นทหารหลายคนคอยป้องกันลาดตระเวนอยู่ ด้านในดูเหมือนจะถูดจัดให้กลายเป็นค่ายทหาร
เฉินโจวอี้ มองดูสองสามครั้งแล้วออกรีบออกจากที่นี่
….
ตอนกลางวันเฉินโจวอี้มากินข้าวกลางวันข้างนอกกับแม่ของเขาเพราะว่ามาเป็นเพื่อนแม่ที่บริษัทสิ่งก่อสร้าง
ที่นี้มีเครื่องกำเนิดไฟฟ้าอยู่และไม่มีปัญหาการขาดแคลนไฟฟ้า
ทั้งสองคนขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นเจ็ด
เมื่อเห็นว่าประตูของบริษัทยังเปิดอยู่ แม่ของเฉินโจวอี้ก็ตรงไปด้วยความตั้งใจ
เฉินโจวอี้มองไปที่ชื่อบริษัท การลงทุนหยวนหลงเชิ่ง
ดูเหมือนว่าเงินส่วนใหญ่ของครอบครัวของฉันจะลงทุนที่นี่สินะ
เมืองเจียงหนานเป็นเมืองธุรกิจสำคัญมาตั้งแต่สมัยโบราณและที่นี่มีบริษัทวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหลายแห่ง บริษัทวิสาหกิจเหล่านี้มีสินเชื่อที่ค่อนข้างยากกว่าธนาคาร มีขั้นตอนการดำเนินการที่ใช้เวาลานาน การอนุมัติช้าและไม่ยืดหยุ่นเท่าไหร่ เพราะเหตุผลนี้ทำให้เกิดการเร่งรัดเงินจากเงินใต้ดิน
….
คุณลูกค้าคะ ขออภัยคะ ตอนนี้เถ้าแก่กำลังยุ่งอยู่ กรุณารอซักครู่! หลังที่พูดจบ พนักงานที่แต่งตัวเรียบร้อยก็พาทั้งสองคนไปที่ห้องรับแขก
ในนานนักชาสองถ้วยก็ถูกนำมาเสริฟ
เฉินโจวอี้เล่นกับถ้วยน้ำชาไปด้วย มองผ่านหน้าต่างไปยังนอกบริษัทไปด้วย
บริษัทนี้มีขนาดเล็กมากและมีคนทั้งหมดก็สิบกว่าคน ในจำนวนนั้นมีคนที่กล้ามเนื้อ รูปร่างสูงใหญ่ แค่มองในตอนแรกก็รู้ว่าพวกเขาได้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มา
หลังจากนั่งรอประมาณห้าหกนาทีเถ้าแก่ก็เดินเข้ามา
เขามองชายวัยกลางคนหัวโล้นที่ดูแล้วอายุประมาณสี่ห้าสิบปี ลักษณะดูไม่มีพิษมีภัย เมื่อเขาเข้ามาก็ยิ้มและพูดว่า
พี่เจียง ฉันอภัยที่ผมมาช้าไปสองสามนาที วันนี้มันยุ่งซะเหลือเกิน!
นี่คือลูกชายของคุณหรือเปล่า เขาดูโตมาก เมื่อตอนเป็นเด็กฉัยยังเคยกอดเขาเลย
ชื่อของแม่เฉินโจวอี้คือเจียงเฟิน เธอยิ้มและพูดว่า ใช่แล้ว เขาคือลุงหวาง เมื่อก่อนนี้มันคือหมู่บ้านของเขาทั้งหมด ลูกอาจจะไม่รู้จักเขา
สวัสดีครับลุงหวาง! เฉินโจวอี้ไม่มีทางเลือกเลยต้องเรียกเขาแบบนั้น
จากนั้นแม่ของเฉินโจวอี้ก็บ่นว่า ฉันต้องการถอนลงทุนเงิน ครอบครัวของเราต้องย้ายบ้าน ฉันมาที่นี่วันนี้ก็เพราะอยากถอนเงินออก
เถ้าแก่หวางถอนหายใจทันทีที่เขาได้ยิน เขาตอบกลับด้วยสีหน้าที่ยากจะคาดเดา เป็นคนบ้านเดียวกันเหมือนคนในครอบครัว ผมไม่ปิดปังหลอกลวงคุณหรอก การเงินในช่วงเวลานี้มีความยุ่งยากจริงๆ คุณรู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้เศรษฐกิจซบเซาแค่ไหน ธุรกิจต่างไก็พากันปิดตัวลง พวกเราก็ได้เงินไม่ถึงยอด ต้องรอเวลาอีกสักพัก รอให้ผมจัดการหลักประกันได้และจะถอนเงินให้คุณทันที
ตอนแรกไม่ได้พูดแบบนี้นี่ ดอกเบี้ยพวกเราไม่ต้องการแล้ว แต่เงินทุนยังไงก็ต้องถอนกลับมา แม่ของเฉินโจวอี้กล่าว
เถ้าแก่ได้ยินก็ขมวดคิ้วขึ้น ไอหยา พี่เจียงกับฉันยังเชื่อใจกันอยู่หรือเปล่า? ให้เวลาฉันอีกสักกน่อย รอฉันได้เงินมาก่อนจะรีบนำเงินไปคืนทันที ถึงตอนนั้นจ่ายดอกเบี้ยให้สองเท่ายังได้ ตอนนี้ยังถอนเงินไม่ได้
แม่ของเฉินโจวอี้ที่ภายนอกมีความดื้อรั้นแต่ก็หูเบาเช่นกัน พอถูกพูดแบบนี้ก็ลังเลใจ คิดๆดูแล้วถึงอย่างไรก็รู้จักกันมาหลายปี คำพูดของอีกฝ่ายก็มีความน่าเชื่อถือ จิตใจก็เกิดความลังเลขึ้น เธอจึงตอบกลับไปว่า
ต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ ฉันรีบใช้เงิน!
เถ้าแก่หวางก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกแล้วพูดว่า รอผมหนึ่งเดือน มากสุดหนึ่งเดือน ผมจะรีบนำเงินไปคืนคุณทันที ผมพูดคำไหนคำนั้น”
มองดูเถ้าแก่หวางที่กล่าวสาบานที่เต็มไปด้วยน้ำใสใจจริงน่าเชื่อถือ แต่เฉินโจวอี้กลับมีความสงสัยมากขึ้นเรื่อย ๆ
อันที่จริง ตอนนี้เถ้าแก่ของบริษัทยังไม่ล้มละลาย เขาก็รู้สึกแปลกใจแล้ว
โดยทั่วไปสินเชื่อธุรกิจดังกล่าวจะต้องมีหลักค้ำประกัน แต่ส่วนใหญ่พวกเขาจะถูกจำนองโดยอสังหาริมทรัพย์ร้านค้าและรถยนต์หรูหรา ถึงแม้ว่าของค้ำประกันพวกนี้เขาจะได้รับมาอย่างราบรื่น
อย่างไรก็ตามเมืองตงหนิงไม่เหมือนเมืองเหอตง ยังคงไฟดับอย่างต่อเนื่องและเหตุการณ์จากลัทธินอกรีต ทำให้การทำธุรกิจได้รับผลกระทบอย่างมาก หลายคนที่มีเงินก็คาดการณ์ได้และย้ายออกจากเมืองตงหนิงตั้งแต่เนิ่นๆแล้ว
ทรัพย์สินประเภทนี้พูดได้ว่ามันมีมูลค่ามากไปแล้ว แต่มันจะเป็นปัญหาของการขายทิ้งต่อหรือไม่ แม้ว่าตอนนี้ที่เมืองตงหนิงจะกลับคืนสู่การมีไฟฟ้าใช้และยกเลิกการบังคับใช้เคอร์ฟิวส์ สถานการณ์แบบนี้ทำให้คิดไปถึงตอนคืนสู่สภาพที่เจริญรุ่งเรืองแบบเมื่อก่อน แต่มันก็ยังเป็นอนาคตที่มองไม่เห็น
บริษัทการลงทุนส่วนใหญ่ไม่ใช้เงินของตัวเอง แต่ต้องผ่านกฎหมายเพื่อใช้เงินฝากส่วนตัวด้วยวิธีการปล่อยสินเชื่อของภาคเอกชน
เรียกอีกอย่างว่าบุคคลล้มละลาย
ด้วยวิธีนี้ บริษัทยังคงดำเนินงานตามปกติ ก็ดูเหมือนว่าที่อะไรให้น่าคิด
เมื่อเห็นว่าแม่ของเขาเตรียมตัวที่จะกลับ เฉินโจวอี้ก็รีบพูดอย่างรวดเร็ว แม่ ไม่ต้องรีบไป ครอบครัวของเราลงทุนเงินไปเท่าไหร่
3.8 ล้านกว่าบาท!
เฉินโจวอี้เกือบจะไม่รีบร้อนแล้ว เขาเดามานานแล้วว่าเงินนี่ต้องจำนวนไม่น้อยแน่ แต่เขาก็ไม่ได้คิดว่ามันจะมากขนาดนี้
แต่ลองคิดดูสิ รานอาหารของที่บ้านเปิดมาหลายปีแล้วทุกปีก็ไม่ต้องจ่ายค่าเช่า
พ่อแม่ทั้งสองเป็นคนประหยัด เมื่อไม่กี่ปีมานี้ก็เพิ่งจะขยายร้าน นอกจากส่งเสียค่าเรียนของเขาและน้องสาว ค่าเรียนพิเศษ แล้วก็ซื้อรถยนต์ที่เพิ่งจะถูกเผาไป ก็ใช้เงินไปแค่ไม่กี่แสน
เงินที่พวกเขาใช้กินอยู่อย่างประหยัดรวมกับเงินลงทุนมานี่จากการทำงานด้วยหยาดเหงื่อของพวกเขา
….
เฉินโจวอี้วางถ้วยน้ำชาทำให้เกิดเสียง ”ปัง” ออกมาเบาๆ เอาตามที่ผมพูดละกัน เถ้าแก่หวาง ผมไม่สนใจว่าคุณต้องการจะทำอะไร แต่เงินของครอบครัวเราจะต้องได้คืนภายในวันนี้!
ใบหน้าของเถ้าแก่หวางเปล่งประกายความโกรธออกมา แต่มันก็หายวับไปและในไม่ช้าเขาก็ยิ้มออกมา ลูกชายของคุณดูรีบร้อน เงินของพวกคุณวางใจได้ว่าหลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน ผมจะคุณจ่ายเงินและดอกเบี้ยให้กับพวกคุณแน่นอน พี่เจียง ต้องขออภัยจริงๆ ผมยังมีเอกสารที่ต้องจัดการ วันนี้คุยแค่นี้ก่อนนะครับ
เขายืนขึ้นและดูเหมือนกำลังจะออกไป
เฉินโจวอี้ยิ้ม ดูเหมือนจะไม่ได้ยินสิ่งที่ผมบอกไปสินะ ผมพูดว่าจะต้องคืนเงินให้เราในวันนี้ เมื่อถึงเวลาที่คุณล้มละลายแล้ว พวกเราจะไปหาใครเมื่อต้องการเงินคืน
เถ้าแก่หวางได้ยินสีหน้าก็เปลี่ยนไป กล้ามเนื้อใบหน้าของเขากระตุกนิดหน่อย แต่เขามีความสุขุมมากและในไม่ช้าเขาก็ยิ้มออกมา
” นายอาจไม่รู้จักฉันตอนที่นายยังเป็นเด็ก ฉันก็ไม่คิดเล็กคิดน้อยหรอก ฉันสนิทสนมกับคุณพ่อกับคุณแม่ของนายมาหลายปีแล้ว ครอบครัวของนายก็เอาเงินมาลงทุนที่นี่ทุกปี เมื่อปีนั้นฉันก็จ่ายดอกเบี้ยไปไม่น้อยเลยทีเดียว ทั้งหมดก็ทำตามความมีมาตรฐานสูงสุด”
ทันทีหลังจากนั้นก็มองไปที่แม่ของเฉินโจวอี้ พี่เจียง ลูกชายของคุณต้องโทษให้ผมทั้งๆที่ไม่ได้ทำผิด คุณต้องช่วยพูดให้บริษัทของผมได้รับความยุติธรรม!
แม่ของเฉินโจวอี้ก็รู้สึกว่ามันผิด โดยเฉพาะคำว่าล้มละลาย จริงๆก็รู้สึกว่ามันไวเกินไปแต่เธอยิ่งคิดแล้วก็ดูเหมือนว่ามันเป็นไปได้มากขึ้น เธอก้มใบหน้าของเธอ ฉันเชื่อลูกชายของฉัน!
” เถ้าแก่หวางสายหัวไปมา งั้นก็แกล้งไม่รู้ไม่ชี้ไปเลยละกัน เขาหยิบบุหรี่ออกมาสูบแล้วเอนตัวพิงเก้าอี้แล้วพ่นควันหนา ๆ ออกมา” คุณยังดึงดันที่จะถอนเงินออกและผมก็ไม่มีทางเลือกเลย ตอนนี้ก็ไม่มีเงิยเลยจริงๆ
เขาพูดไปด้วยเคาะโต๊ะไปด้วย
ชายร่างใหญ่สองคนเดินมาที่ประตู ดวงตากวาดมองไปทางสองคนแล้วถามว่า เถ้าแก่มีเรื่องอะไร
โปรดให้พาพวกเขาทั้งสองออกไปข้างนอก!
ฮ่าฮ่า! ฉันชอบแบบแบบตรงไปตรงมา อ้อมไปอ้อมมาจะมีประโยชน์อะไร เฉินโชวอี้หัวเราะออกมา
พูดจบเขาก็คว้าโต๊ะสีแดงที่อยู่ด้านหน้าของเขาขึ้นมา น้ำหนักทั้งหมดของโต๊ะไม้สีแดงนี่มากกว่าหนึ่งร้อยกิโลกรัม สำหรับพละพลังของเขาในตอนนี้มันง่ายเหมือนการยกฟางอย่างไรอย่างนั้น ในเวลาต่อมาเขาก็โยนมันไปที่ประตูอย่างรุนแรงและรวดเร็ว
เขาไม่กล้าใช้กำลังมากเกินไป เขาไม่ได้จะให้สองคนนั้นหลบไม่ทัน ถ้าถูกฆ่าตายจะสร้างความลำบากให้คนอื่นได้
วินาทีต่อมา เสียงดัง”ตู้ม” ก็ได้ดังขึ้น ทั้งชั้นสะเทือนไปด้วยแรงกระแทกนี่ ผนังกั้นห้องสำนักงานพังลงทันทีประตูก็ถูกเปิดออกและกลุ่มควันสีเทาก็ปลิวฟุ้งไปทั่ว
สำหรับชายร่างใหญ่สองคนนี้ พวกเขาวิ่งหนีออกไปแล้ว
เฉินโจวอี้ก้าวเข้ามาและจับตัวเถ้าแก่หวางที่ยังคงตกใจอยู่ คนที่เกะกะได้ออกไปหมดแล้ว ตอนนี้พวกเราจะมาคุยกันดีๆอีกครั้งดีกว่า
เถ้าแก่หวางดึงสติกลับมา หน้าผากของเขาเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ พยายามสงบสติอารมณ์พูดออกไปว่า นี่พ่อหนุ่ม ไม่ต้องใจร้อนหุนหันพลันแล่นหรอก สังคมมีความซับซ้อนมากกว่าที่นายคิดและใช้ความรุนแรงก็ไม่นิยมด้วยอีกทั้งไม่ใช่ทุกคนนายมาสามารถกวนโมโหได้
มันจะซับซ้อนแค่ไหน จะใช้ความรุนแรงก็ไม่แน่ว่าจะจัดการได้ นั่นยืนยันได้ว่าการใช้ความรุนแรงนั้นอ่อนแอเกินไป เฉินโจวอี้หยิบเอกสารขึ้นมาแล้วกางไปที่หน้าของเถ้าแก่หวาง
นี่คือเอกสารการเป็นจอมยุทธของฉัน บอกฉันสิว่าคุณต้องทำอะไร?
ตอนที่ 93 คำขู่
พนักงานสองสามคนที่เตรียมจะเข้า พอได้ยินคำพูดนั้นกลัวและรีบกลับอย่างรวดเร็วหลังจากนั้นบรรยากาศในห้องก็สงบลง
ใบหน้าของเถ้าแก่หวางซีดเผือดจนเป็นสีขาว
จอมยุทธไม่ใช่คนธรรมดา ยิ่งคุณรู้มากเท่าไหร่คุณก็ยิ่งรู้จักน่ากลัวของคนเหล่านั้นมากขึ้นเท่านั้น
ตำแหน่งของพวกเขาอาจจะไม่สูงนัก อำนาจส่วนตัวของพวกเขาอาจจะไม่ได้ใหญ่โตอะไร แต่ฐานะของพวกเขานั้นสูงและพวกเขาก็เสพสุขกับการปฏิบัติที่ได้รับสิทธิพิเศษของรัฐ ไม่มีใครจะลงโทษจอมยุทธโดยไม่มีเหตุผลแม้แต่จอมยุทธที่ทำผิดกฎหมาย ในหลายๆครั้งทำได้เพียงแค่ปิดตาปิดปาก ไม่สามารถสอบสวนหารายละเอียดได้
เถ้าแก่หวางรีบเผยรอยยิ้มที่ดูน่าเกลียดยิ่งกว่าร้องไห้อย่างรวดเร็ว เขาพูดต่อว่า น้องชาย เข้าใจผิด เข้าใจผิดไปแล้ว คนอย่างฉันนี่ตาไม่ดี มีตาหามีแววไม่!
แล้วเงินล่ะ?
ฉันจะคืนให้ทันทีอย่างแน่นอน หน้าผากของเถ้าแก่กลังจนขี้ขึ้นสมองและชุ่มไปด้วยเหงื่อ เขาพูดด้วยคำพูดที่ชัดเจน ใครจะกล้าโกงเงินของจอมยุทธ ไม่งั้นชีวิตคงไม่ยืนยาวแน่ๆ
งั้นไปที่ห้องทำงานของคุณ?
“ได้ๆๆๆ”
เฉินโจวอี้พาเถ้าแก่หวางและเดินออกจากห้องรับแขก เขากวาดมองด้วยสายตาที่เยือกเย็นชาไปที่พนักงานทุกคนพวกเขาแสร้งทำเป็นสบายๆเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เขาพูดเสียงต่ำและเดินเข้าไปในห้องทำงานของผู้จัดการทั่วไป แล้วโยนเถ้าแก่หวางลง
แม่ของเฉินโจวอี้ที่เดินตามอยู่ข้างหลังไม่พูดอะไรเลย ใบหน้าไม่แสดงอารมณ์ใดๆออกมาและเดินตามเข้าไปใยห้องด้วย
เถ้าแก่หวางลุกขึ้นมาจากพื้นและนั่งตรงตำแหน่งที่ทำงาน มือสั่นของเขาเอื้อมไปเปิดสมุดบัญชีในคอมพิวเตอร์ เขาฉีกยิ้มแล้วพูดว่า จำนวนเงินทั้งหมด 3.83 ล้าน พี่เจียงยืนยันอีกทีว่าใช่จำนวนเลขนี้ถูกต้องมั้ย?”
แม่ของเฉินโจวอี้กะจำนวนดูแล้วก็พูดออกมา ถูกต้อง!
งั้นก็ดี งั้นก็ดีแล้ว ฉันจะรีบโอนให้คุณเลย
เดี๋ยวก่อน! เฉินโจวอี้พูดขัดจังหวะขึ้น ไม่ได้มีเงินดอกเบี้ยด้วยเหรอ?
ใช่ใช่ ฉันลืมไปได้ยังไง ดอกเบี้ย ! เภ้าแก่หวางยิ้มและเช็ดเหงื่อเย็น ๆ บนหน้าผากของเขา เขาหยิบเครื่องคิดเลขออกมาแล้วกดมันอย่างรวดเร็ว งั้นก็จะเป็น 4.11 ล้าน ปัดให้เป็นเลขกลมๆ ผมจะโอนให้คุณ 4.20 ล้าน พวกคุณลองคิดดูว่าถูกต้องมั้ย?”
สำหรับ 4.11 ล้านเมื่อถูกปัดเศษมันจะกลายเป็น 4.20 ล้านและเฉินโจวอี้ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรแล้ว
….
การโอนเงินไม่สามารถโอนได้ทันที เฉินโจวอี้ยังคงไม่วางใจและยังคงนั่งอยู่ในห้องทำงานของเถ้าแก่หวางต่อ
เถ้าแก่หวางนั่งด้วยความกระสับกระส่าย บรรยากาศที่ดูกดดันจนไม่กล้าหายใจ แม้แต่บริษัทก็เงียบกริบทั้งหมด
หนึ่งชั่วโมงต่อมา ก็ได้รับการตรวจสอบหมายเลขบัญชีจากธนาคาร เฉินโจวอี้และแม่ของเขาถึงจะออกจากบริษัท
….
ในระหว่างทาง
” รู้หน้าไม่รู้ใจและคิดไม่ถึงว่าจิตใจคนนี้จะมืดมนได้ขนาดนี้ เห็นอยู่ชัดๆว่ามีเงินแต่ไม่ยอมคืน เงินนี้อีกนิดเดียวก็เกือบจะสูญเปล่าไปแล้ว” แม่ของเฉินโจวอี้ถอนหายใจ
” โชคดีที่ฉันฉลากปราดเปรื่องมองออกว่าเถ้ากาหวางมีแผนอะไร” เฉินโจวอี้กล่าวด้วยใบหน้าที่ภูมิใจ
ฉลาดปราดเปรื่องเป็นที่หนึ่ง! ตอนนี้แม่ว่าแกมีความรุนแรงมากขึ้นนะ ตอนแรกไม่ยอมพูดดีๆกัน ต้องทำเหมือนจะฆ่าจะแกงกัน แม่ของเฉินโจวอี้ถลึงตาใส่ เมื่อนึกถึงเสียงที่ดังจนทำให้เธอตกใจจนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว จนถึงตอนนี้เมื่อเธอยิ่งคิดยังรู้สึกตกใจจนใจเต้นตุ้บๆ
เมื่อก่อนลูกชายของเธอว่านอนสอนง่าย ช่วงนี้มันกลายเป็นความกังวลแทน
….
ที่ถัดไปคือบริษัทตัวแทนอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายบ้านเก่า
ตอนนี้ราคาที่อยู่อาศัยในเมืองตงหนิงได้ลดลงอย่างสิ้นเชิง เมื่อก่อนราคาเช่าทั่วไปก็ 8-9 พันถึง 1หมื่น แต่ราคาปัจจุบันนี้ลดลงเหลือ 3-4 พัน อีกทั้งยังราคาตกลงอย่างต่อเนื่อง
บ้านของเฉินโจวอี้นั้นทำเลดีและเป็นบ้านที่มีหน้าร้านที่หันหน้าไปทางถนน มีพื้นที่สองร้อยสามสิบตารางเมตร รวมถึงลานบ้านเล็ก ๆ ห้าหกสิบตารางเมตร ถ้าหากเป็นเมื่อก่อนก็คงขายได้อย่างน้อยก็ 4ล้าน อีกทั้งยังคงรีบแย่งกันซื้ออีก
แต่ตอนนี้เพื่อที่จะขายโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ คงได้ราคาต่ำๆเพียงแค่ 1.2 ล้านเท่านั้น
เมื่อเธอกลับมาถึงบ้าน แม่ของเฉินโจวอี้ก็ถอนหายใจไม่หยุด
บางทีนอกจากความเจ็บปวดจากราคาอาจแล้วก็คือความรู้สึกที่ไม่สามารถตัดใจได้ได้
….
เมื่อถึงเวลาเย็น พวกเขาก็ออกไปกินข้าวข้างนอกที่ร้านอาหารเล็กๆร้านหนึ่ง
เฉินต้าเหว่ยพูดขึ้นว่า ถ้างั้นพรุ่งนี้เราชวนพี่ชายคนโตและพี่สะใภ้ออกมากินข้าวด้วยกันนะ
พ่อเขากำลังพูดถึงครอบครัวลุง
” อย่าเพิ่งเลย รอจนกว่าเมืองตงหนิงกลับมามั่นคงแล้วค่อยชวนดีกว่า อีกทั้งยู่ถิงก็กำลังจะไปเรียนที่วิมหาทยาลัยที่เมืองเหอตง ตอนนั้นคงติดต่อกันได้สะดวกกว่า” แม่ของเฉินโจวอี้พูดอย่างระมัดระวัง
เฉินต้าเหว่ยถอนหายใจและสุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร
….
ในพื้นที่ของความทรงจำ
สภาพจิตใจของเฉินโจวอี้หมกหมุ่นไปที่ผู้อำนวยการฟาง เขาเข้าใจทุกการเคลื่อนไหวในร่างกายของเขาอย่างละเอียด
การเต้นของหัวใจที่มีพลังและพลังการกล้ามเนื้อที่แฝงไปด้วยพลัง
ร่างกายที่แข็งแกร่งจริงๆ!
กล้ามเนื้อที่มีประสิทธิภาพสูงถูกรวมเข้าด้วยกันเหมือนกับเครื่องจักรที่มีจิตวิญญาณและลับเฉพาะ ไม่มีความเสียหายภายในแต่น้อย ทุกๆคำสั่งปฏิบัติจนสำเร็จจนถึงที่สุด ทุกๆการเคลื่อนไหวให้ความรู้สึกแห่งสุทรียภาพที่เข้ากันได้อย่างกระชับ
นี่คือมนุษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา
ในความคิดของเขา เขาคาดว่าความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายจะอยู่ที่ประมาณ 1.5 ถึง 1.6 เท่า ความแข็งแกร่งเกือบจะห้าหกร้อยกิโลกรัมเปลี่ยนเป็นคุณลักษณะพิเศษได้ประมาณ 14.5
แต่น่าเสียดายที่เขาไม่มีความทรงจำของอีกฝ่ายในการต่อสู้และความสามารถในการตอบโต้นั้นก็เลยยากที่จะคาดเดา
ถึงอย่างไรก็ตามนี่ก็เป็นแค่ความทรงจำและจิตใจของเขาไม่มีวิธีควบคุมร่างกายนี้
แต่ความแข็งแกร่งอันน่ากลัวนี้ก็เพียงพอที่จะเอาชนะจอมยุทธทั้งหมด
นี่คือจอมยุทธที่ยิ่งใหญ่ใช่มั้ย?
ในการเผชิญกับการมีอยู่นี้ เฉินโจวอี้รู้สึกว่าเขาไม่สามารถขัดขวางได้เลย
….
เขาออกจากพื้นที่ของความจำ เมื่อลืมตาขึ้นก็เห็นร่างเล็กๆลอยตัวกลางอากาศผ่านหน้าเขาไป เขาจึงเอื้อมมือออกไปและจับไว้
วินาทีต่อมาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องแหลมๆออกมา
ปล่อยฉันไป @ # ¥的巨人คุณทำให้ฉันเจ็บ
เมื่อเฉินโจวอี้จ้องมองดูก็พบว่าเธอคือเด็กหญิงเปลือกหอย เขาก็รีบปล่อยเธอทันที เขาสำรวจเธอออย่างละเอียด โชคดีที่เธอไม่ถูกเขาบีบตาย
เธอกระโดดไปกระโดดมาทำไม ? เฉินโจวอี้ถามด้วยอารมณ์ที่ไม่ได้ดีนัก
เมื่อสักครู่ถ้าหากว่าเขาออกแรงมากกว่านี้อีกนิด เกรงว่าเด็กหญิงเปลือกหอยจะถูกเขาบีบจนตายไปแล้ว
เด็กหญิงเปลือกหอยพูดขึ้นด้วยความเจ็บปวดและมีน้ำตา” ฉันแค่อยากลองดูว่าฉันจะบินได้มั้ย?”
แล้วบินได้ไหม?
ไม่ได้! เด็กหญิงเปลือกหอยส่ายหัวของเธอและเธอดูเหมือนจะมีอารมณ์อ่อนไหวพร้อมกับร้องไห้ออกมา ฉันลืมวิธีบินไปแล้ว
” เธอจะต้องบินได้เหมือนดิม แต่คเธอมาที่นี่เลยไม่สามารถบินได้” เฉินโจวอี้ปลอบใจเธอ
” ฉันต้องกลับไปที่เดิมของฉัน ที่นี่อะไรก็ไท่ดีสักอย่าง!” เด็กหญิงเปลือกหอยพูดอย่างยอมจำนนและหลังจากนั้นน้ำตาของเธอก็ไหลออกมา
หลายวันมานี้เธอไม่เคยได้ดูทีวีเลย ยำซ้ำยังต้องอยู่ในกระเป๋าเอกสารทุกวัน เห็นได้ชัดเจนว่าทำให้เธอต้องทรมาน
ที่เดิมของเธอไม่มีเป๊ปป้าพิคนะ เธอไม่อยากดูมันแล้วเหรอ เฉินโจวอี้พูดหลอกล่อเธอ
“ก็คุณไม่ให้ฉันดูมันอีก! เด็กหญิงเปลือกหอยตัวสั่นและเช็ดน้ำตาของเธออย่างรวดเร็ว ใบหน้าเล็ก ๆ นั่นก็ฮึกเหิมขึ้นมา ถ้าให้ฉันดูตอนนี้ ฉันก็ไม่กลับไปแล้ว
ต้องรออีกสองสามวัน!
” พระอาทิตย์ขึ้นพระอาทิตย์ตกยังคงเป็นพระอาทิตย์ขึ้นพระอาทิตย์ตกเหมือนเดิมทุกวัน”
นานที่สุดก็หกวัน! เฉินโจวอี้คิดแล้วคิดอีกจึงพูดออกมา
หกวันต่อมาจะมีการประชุมของจอมยุทธเล็กๆที่จัดขึ้นโดยรัฐบาลของเมือง เมื่อใดก็ตามที่บ้านสามารถขายออกไปได้อย่างราบรื่น เขาจะต้องรีบไปที่เมืองเหอตง
เด็กหญิงเปลือกหอยเริ่มนับนิ้วของเธอและส่ายหัวอย่างสุดกำลัง ไม่! ไม่! ไม่!
มากพอแล้ว … ทันใดนั้นเธอก็หยุดส่ายหัว แต่ถ้าคุณให้อัญมณีชิ้นใหญ่อีกชิ้น ฉันก็จะรับปาก ไม่งั้นฉันจะกลับไป
เธอโบกไม้โบกมือของเธอใหญ่
แย่หล่ะ นี่เป็นการขู่หรือเปล่า?
ตอนที่ 94 พูดซี้ซั้ว
เฉินโจวอี้ฟังคำขู่ที่อ่อนแอและไม่มีพลังของเด็กหญิงเปลือกหอยอย่างเงียบๆ
เธอบอกว่าเธอสามารถกลับไปได้ทุกเมื่อที่เธอจะกลับ?
หน่อมแน้ม!
เขาไม่สนใจคำขู่นี้และปฏิเสธอย่างโหดร้าย ไม่!
เมื่อความเจ็บปวดของหญิงสาวร้องกรีดร้องเธอก็จะร้องออกมา
อันใหญ่ฉันมีเพียงแค่อันเดียวแล้วฉันก็ให้เธอไปแล้ว มีแต่อันเล็กจะเอาหรือไม่เอา?
เด็กหญิงเปลือกหอยเปลี่ยนหน้าของเธอและรอยยิ้มก็ปรากฏออกมา เธอรีบร้องออกมาทันที เอา!
เฉินโขวอี้หยิบกระเป๋าเป้สะพายหลังขึ้นมาเปิดช่องกระเป๋าเล็กๆนั่น แล้วหยิบลูกปัดคริสตัลที่เล็กที่สุดออกมา
เด็กหญิงเปลือกหอยรีบแบมือของเธอออก เร็วสิ เร็วสิ!
รีบทำไม ยังไงก็ให้เธออยู่ดี! เฉินโจวอี้วางลูกปัดลงบนกลางมือของเธอทันที
เด็กหญิงเปลือกหอยดูอัญมณีเล็กๆบนมือของเธอ ไม่กล้าที่จะเชื่อสายตาตัวเองว่าคนตัวยักษ์จะให้แล้วอัญมณีแค่เม็ดเดียว คิดไม่ถึงเลยว่าจะขี้เหนียวขนาดนี้ ทุดท้ายก็ให้เม็ดที่เล็กที่สุด
เธอยืนเท้าเอวและตะโกนขู่ # @ ¥巨人ฉันจะกลับไป!
เนื่องจากเธอมีลูกบอลคริสตัลอยู่แล้ว ในสายตาเธอจึงไม่เห็นอัญมณีขนาดเล็กเช่นนี้
คำพูดของเด็กหญิงเปลือกหอยเต็มไปด้วยความอัดอั้นตันใจมองดูก็รู้ว่าเธอโกรธจัด เฉินโจวอี้ไม่มีทางเลือก นอกจากต้องเปลี่ยนเป็นเม็ดใหญ่ให้เธอ
เขารู้สึกเสียใจในภายหลัง ถ้าเขารู้ให้เร็วกว่านี้จะมาให้ลูกบอลคริสตัลกับเธอ ตอนนี้เธอต้องการเขาก็ใช้วิธีเจ้าเลห์กับเธอไปหมดแล้ว แต่หลังจากนี้เขาไม่รู้ว่าจะใช้อะไรเพื่อหลอกล่อเธอ
….
เวลาผ่านไปสี่วันแล้ว เหลือเวลาในการขายบ้านไม่เท่าไหร่แล้ว
อย่างไรก็ตามเช่นเดียวกับหุ้นที่ขึ้นๆลงๆ ราคาบ้านยิ่งต่ำลงก็จะมีคนมาดู แม้ว่าราคานี้จะต่ำมากแล้วก็ตาม แต่ก็มีคนไม่น้อยที่มีความตั้งใจที่จะซื้อบ้าน แต่กลับไม่มีใครตัดสินใจได้สักที
ในตอนบ่ายเฉินโจวอี้มาจัดการบ้านให้กับผู้ที่มีตั้งใจจะซื้อบ้านที่แสนจะเรื่องมากพร้อมกับพ่อแม่ของเขา ระหว่างทางเขาก็ได้ยินเสียงที่เหมือนเสียงปืนอย่างไม่คาดคิด
ไปหลบที่ร้านค้า! เฉินต้าเหว่ยลุกลี้ลุกลน
หลายคนซ่อนตัวในร้านเสื้อผ้าอย่างรวดเร็วเพื่อหลบชั่วคราง เถ้าแก่ตอบสนองอย่างรวดเร็ว เขาดึงประตูม้วนลงมาอย่างไว
โชคดีที่เสียงปืนอยู่ไกลมาก ผ่านครึ่งนาทีก็เงียบสงบลง
มีไม่กี่คนที่ยังคงหลบอยู่ ผ่านไปไม่กี่นาทีเมื่อไม่ได้ยืนเสียงปืนถึงจะออกมาจากร้านขายผ้า
รถของทหารผ่านไปอย่างรวดเร็วบนรถเต็มไปด้วยทหารติดอาวุธที่ทุกคนดูน่าสงสัย
เห็นได้ชัดว่ามีเรื่องเกี่ยวกับลัทธินอกรีตเกิดขึ้น การบุกโจมตีได้เกิดขึ้นแล้วและถึงเวลาที่ทหารจะต้องตอบโต้บ้างแล้ว
อย่าไปมอง รีบกลับกันเถอะ! แม่ของเฉินโจวอี้พูดด้วยความลุกลี้ลุกลน
เฉินโจวอี้พยักหน้าและทั้งสามคนกลับก็มาที่โรงแรมอย่างรวดเร็ว
” เมืองตงหนิงวุ่นวายเกินไป พรุ่งนี้พวกเราไปกันเถอะ บ้านค่อยขายทีหลังไม่ต้องรีบร้อน ตอนนี้เงินที่มีอยู่ในมือก็เพียงพอที่จะซื้อบ้านใหม่แล้ว” เฉินต้าเหว่ยกล่าว
” พ่อกับแม่ยังไม่ได้นับเงินช่วยเหลือของผม เงินนั่นได้มาไม่น้อยเลยทีเดียว” เฉินโจวอี้พูด
เงินของแกก็คือเงินของแก ตอนนี้แกเป็นจอมยุทธก็นับว่ามันมันเป็นอาชีพแล้ว เรื่องนี้ต้องแยกกัน เรื่องซื้อบ้านใหม่ไม่ต้องให้แกควักเงินตัวเองออกมาหรอก !” เฉินต้าเหว่ยกล่าว
ใช่แล้ว พี่ชาย! เฉินซิงเยว่ก็พูดเช่นกัน
เฉินโจวอี้ไม่สนใจและพูดว่า แต่ว่า เงินสี่ล้านกว่าไม่สามารถซื้อบ้านหลังใหญ่ๆได้ ผมไม่อยากถึงถึงตอนที่ผมต้องนอนที่ห้องรับแขก
เงินสามหมื่นต่อหนึ่งห้อง ยังก็ซื้อได้เป็นร้อยห้อง เฉินต้าเหว่ยกล่าวด้วยความไม่แน่ใจ เขาไม่ทราบว่าราคาบ้านในตอนนี้ของเมืองเหอตงเพิ่มสูงขึ้นเท่าไหร่และคิดว่ามันแค่ประมาณสามหมื่น
นี่เป็นราคาที่เก่าแล้ว ตอนนี้ขั้นต่ำก็ห้าหมื่นขึ้นไปแล้ว?
แพงขนาดนี้เลยเหรอ แม่ของเฉินโจวอี้ตกใจ
เฉินต้าเหว่ยเงียบไปแปปนึงและพูดต่อว่า: เงินไม่ได้มีมาก เมื่อถึงเวลานั้นก็ค่อยกู้เอา!
พ่อ ครอบครัวของเรามีความชัดเจนที่จะทำสิ่งต่างๆ พ่อเองก็ยังคงอยากจะเปิดร้านอาหาร ในตอนแรกจะต้องลงทุนจำนวนมากและเงินนี้เป็นเงินใช่จ่ายในบ้าน หลังจากนี้ทุกๆเดือนผมก็ยังได้เงินเบี้ยเลี้ยงจอมยุทธจากประเทศ จากเมืองและจากรัฐบาลไม่น้อย หลังจากนี้ก็จะไม่ขาดแคลนเงิน เฉินโจวอี้พูดอย่างจนปัญญา
อย่างน้อยจะไม่มีปัญหาการขาดแคลนเงินเล็กๆน้อยๆ
เฉินต้าเหว่ยมองไปที่เฉินโจวอี้และเห็นว่าสีหน้าท่าท่าการแสดงออกของเขาไม่เหมือนลังเลใจเลยและเขาถอนหายใจ อื้ม ก็เป็นแบบนั้นแหละ แกเป็นคนที่รู้จักคิดจริงๆ
……..
เช้าตรู่ในวันรุ่งขึ้น ครอบครัวออกเดินจางเมืองตงหนิงด้วยรถยนต์
ระหว่างทางรถบัสถูกเรียกให้หยุดเพื่อตรวจสอบอยู่หลายครั้ง จนกระทั่งใกล้กับเมืองผิงชิวและการตรวจสอบก็หายไปในที่สุด
กลับไปที่เมืองฉางเหมิน
เธอต้องไปจริงๆเหรอ? เจ้าของบ้านพูดแบบม่ายอมตัดใจข้างๆโจวเสวี่ย
ใช่ วันนี้ฉันต้องย้ายไปที่เมืองเหอตง ที่นั่นอาจจะมีเงื่อนไขอะไรดีๆ แม่ของเฉินโจวอี้กล่าว
นั่นสินะ เมืองเหอตงยังไงก็เป็นเมืองหลวงนี่นา
….
ไม่นานนักที่ครอบครัวของเฉินโจวอี้ก็เก็บกระเป๋าและจากไป
เจ้าของบ้านและโจวเสวี่ย พวกเขามองดูครอบครัวนั้นออกจากลานหน้าบ้านไป
ทันใดนั้นเจ้าของบ้านก็ถอนหายใจ ไม่คิดว่าจะจากไปเร็วขนาดนี้ ไม่รู้ว่าในอนาคตจะพบเจอกันอีกมั้ย?
โจวเสวี่ยไม่มีคำพูดใด มองดูเงาของพวกเขาหายไปในที่สุด ที่หัวใจของเธอก็ค่อยๆข้างว่างเปล่าขึ้นมา
หัวใจของเธออดไม่ได้ที่จะหยุดคิด ก่อนที่เขาจะจากไปเขาควรจะบอกลากันสักหน่อย ไม่ควรเป็นคนเย็นชาแบบนี้สิ
โจวเสวี่ย โจวเสวี่ย!
ห้ะ แม่ เรียนฉันเหรอ โจวเสวี่ยดึงสติกลับมาและตอบกลับอย่างรวดเร็ว
ฉันเพิ่งเรียกแกแค่สองครั้งเอง เจ้าของบ้านพูดแล้วก็สงสัยว่: แกไม่ได้แอบชอบเฉินโจวอี้ใช่มั้ย?
ใบหน้าของโจวเสวี่ยกลายเป็นสีแดงและกระทืบเท้าด้วยความโกรธ แม่กำลังพูดซี้ซั้วอะไร ฉันไม่ได้แอบชอบ!
แล้วทำไมแกถึงหน้าแดง? จริงๆแล้วถ้าแกชอบมันก็เป็นเรื่องปกติ เด็กหนุ่มนั่นหล่อเหลาเอาการ อีกทั้งยังได้เป็นจอมยุทธตั้งแต่อายุยังน้อย มันน่าเสียดายที่เขาย้ายไปเมืองเหอตง ไม่เช่นนั้นก็จะได้เจอเป้าหมาย ฉันฝันกลางวันอยู่รีบตื่นซะทีเถอะ! เจ้าของบ้านหัวเราะ
ลูกสาวของเธอเป็นคนรู้จักคิด แต่อารมณ์เย็นช้าเกินไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องเกี่ยวกับเพศตรงข้ามดังนั้นเธอจึงไม่อดไม่ได้ที่จะเป็นกังวลแต่วันนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นสถานการณ์ที่ดี
แม่ แม่พูดเรื่องไร้สาระอีกแล้ว หนูจะไม่สนใจแม่แล้วนะ! เธอเขินอายราวกับว่าเธอกำลังโกรธ
ได้ได้ได้! ฉันจะทำอาหารแล้ว เธอยิ้มอย่างอารมณ์ดี
โจวเสวี่ยกลับไปที่ห้องด้วยใบหน้าที่ยังร้อนผ่าวอยู่ เธอพูดอย่างไม่เข้าใจว่า “จอมยุทธมันมีอะไรดี สักวันฉันจะกลายเป็นจอมยุทธให้ได้!”
ตอนที่ 95 การทำธุรกิจภายในโลกออนไลน์
โรงแรมในเมืองเหอตง
เฉินโจวอี้เคาะไปบนคีย์บอร์ดอย่างรวดเร็วและกดเอ็นเตอร์เพื่อเข้าไปดู
คอมพิวเตอร์พาไปหน้าที่เข้าสู่ระบบบัญชีอย่างง่ายดาย
ข้างหน้าไม่มีตัวเลือกการลงทะเบียน
เฉินโจวอี้หยิบเอกสารจอมยุทธออกมาเปิดแล้วจ้องมองไปที่ช่องใส่หมายเลขจอมยุทธของเขาเองและเริ่มต้นด้วยการตั้งรหัสผ่านหลังจากนั้นไม่ถึงหนึ่งวินาทีหน้าเว็บที่ไม่แตกต่างจากเว็บไซต์ทั่วไปก็โผล่ออกมาทันที
นี่คือเครือข่ายการค้าภายในโลกออนไลน์ของจอมยุทธ
เมื่อเขาลงทะเบียนจอมยุทธแล้วในขณะเดียวกันเขาก็ได้ลงทะเบียนเลขที่บัญชีที่เว็บไซต์นี้แล้วด้วย ตอนนี้เขากระตือรือร้นที่จะกลับบ้านและเข้าสู่ระบบเว็บไซต์
หน้าเว็บมีเพียงสองส่วนคือธุรกรรมอีคอมเมิร์ซและอีกหนึ่งส่วนคือฟอรัมไว้ใช้พูดคุยของจอมยุทธ
เขาเปิดส่วนอีคอมเมิร์ซก่อนและพบว่ามีอีกสามหมวดภายใน
ยาเสริมและรักษาโรค อาวุธและชุดเกราะ
เฉินโจวอี้เปิดหมวดหมู่ของยาเสริมและรักษาโรค
ภายในหมวดนี้มีไม่กี่อย่างรวมๆแล้วก็ประมาณสอบอสงชนิด
ผู้ขายส่วนใหญ่จะบอกต่อท้ายด้วยห้องทดลองบาง ตัวอย่างเช่นราคาสูงสุดของ ไขสันหลังเทพ และ เลือดเทพ มาจากสถาบันชีววิทยาพิเศษแห่งปักกิ่งและ แถวต่อมา ของเหลวจิตวิญญาณ มาจากห้องปฏิบัติการแพทย์พิเศษของทะเลจีนใต้
เฉินโจวอี้คิดว่าสิ่งเหล่านี้จะมีราคาแพงมาก แต่ผลลัพธ์นั้นถูกกว่าที่เขาคิดไว้มาก
ในหมวดหมู่ ไขสันหลังเทพ ราคาสูงสุดเพียงหนึ่งล้านและน้ำหนักประมาณยี่สิบมิลลิลิตร
หนึ่งล้านดูเหมือนว่าจะราคาสูงมาก แต่ไม่ว่าจอมยุทธคนใดที่ได้รับเงินเบี้ยเลี้ยงก็สามารถซื้อมันได้อย่างสบายๆ
หมวดหมู่ที่สอง เลือดเทพ ที่ได้ยินมานานแล้ว ราคาคือแปดแสนและมีน้ำหนักประมาณร้อยมิลลิลิตร
สำหรับ ของเหลวจิตวิญญาณ ที่อยู่อันดับสามมีราคาเพียงหกแสน
แต่ในไม่ช้าเฉินดจวอี้ก็พบว่ามีข้อจำกัดในการซื้อยาเหล่านี้ เช่นยาในหมวดหมู่ที่สาม จอมยุทธทุกคนจะซื้อได้แค่สามอย่างเท่านั้น ต่อมาต้องได้รับค่าคุณงามความดีถึงจะซ้อำด้
เมื่อเฉินโจวอี้คิดถึงตรงนี้ ถ้าหากจอมยุทธคนนี้เป็นคนร่ำรวยและมีอิทธิพลหรือให้คนอื่นซื้อให้แทน จะซื้อเป็นสิบๆรายการหรือร้อยรายการก็ซื้อได้อย่างสบายเลยสิ
เห็นได้ชัดว่าสิ่งของเหล่านี้ในการผลิตของประเทศฤดูร้อนขนาดใหญ่นี้มีไม่มาก เพราะพวกเขาขาดแคลนทรัพยากรอย่างสมบูรณ์ในการผลิต หากพวกเขาซื้อมาขายต่อราคาจะเพิ่มขึ้นหลายเท่าหรือมากกว่า เห็นได้ชัดว่านี่จะกลายเป็นช่องโหว่
ต่อจากนั้น เขาเปิดดูขวดที่บรรจุไขสันหลังเทพที่แพงที่ลิ่ว ของเหลวใสๆกำลังเปล่งแสงอ่อนภายในขวดแก้วเล็กๆนั่น
ดูที่การแนะนำผลิตภัณฑ์ เฉินโจวอี้พบว่านี่ไม่ใช่ไขกระดูกสันหลังที่แท้จริงของเทพแต่เป็นของเหลวกระดูกสันหลัง ผลลัพธ์ของการใช้ สามารถเพิ่มการตอบสนองเส้นประสาทของร่างกายจอมยุทธ สติปัญญาแข็งแกร่งขึ้นและสามารถปรบปรุงสมถรรภาพร่างกายให้ดีขึ้นได้ในระดับหนึ่ง
เฉินโจวอี้ดูและอ่านคำอธิบายผลผัพธ์อีกครั้ง
ผลลัพธ์อื่น ๆ เขาไม่ได้สนใจนัก การฝึกเพิ่มประสิทธิภาพร่างกายครั้งที่สองของเขาสามสิบหกรูปแบบ เขาสามารถอัพเกรดได้สติปัญญาเท่านั้น เป็นอย่างเดียวที่เขาฝึกสามสิบหกรูแบบแล้วแต่ก็ยังไม่บรรลุถึง
ถ้าไม่ใช่เพราะหนังสือแห่งความรู้ที่ทำให้ร่างกายของเขาเปลี่ยนไปหนึ่งครั้ง สติปัญญาของเขาก็คงแค่ประมาณ 10
เขาดูตื่นเต้นมาก
แต่ที่น่าเสียดายคือตอนนี้เงินทั้งหมดของเขามีแค่ห้าแสนเท่านั้นที่ หากเขาต้องการที่จะซื้อจะต้องรอเงินเบี้ยเลี้ยงในครั้งหน้า
นอกจากนี้เขายังเปิดไปดูหมวด เลือดเทพ อีกด้วย
นี่คือของเหลวที่โปร่งใสและมีสีเหลืองทองอ่อน ๆ และดูเปล่งปลั่ง วัตถุดิบมาจากของเหลวที่เป็นเซลล์จากสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ผลลัพธ์ของการใช้ คือ การเสริมสร้างความแข็งแกร่งของร่างกายมนุษย์และเพิ่มความสามารถในการรักษาตัวเองของร่างกาย มีความเป็นไปได้ที่อาจจะเกิดพลังจากสิ่งเหนือธรรมชาติ
สำหรับ ของเหลวจิตวิญญาณ มันเป็นของธรรมดาไปเลยเมื่อเทียบกับสองชนิดแรกที่ดูยอดเยี่ยมนั่น คือของเหลวลักษณะหนืดใสและไม่มีสี ซึ่งมันอธิบายไว้ว่าเป็นสารสกัดจากสมองของสิ่งมีชีวิตพิเศษ สามารถเพิ่มความสามารถในการรับรู้ที่แข็งแกร่งได้
นอกเหนือจากทั้งสามชนิดนี้ราคาของยาที่เหลืออยู่นั้นต่ำกว่าเพียงแค่ไม่กี่ร้อยและสูงสุดคือไม่กี่หมื่น
ตัวอย่างเช่นของเหลวเสริมความแข็งแกร่งที่เสริมสร้างกล้ามเนื้อภายในร่างกาย และก็มีนำมันซ่อมแซ่มส่วนที่สึกหรอของร่างกาย
ยาหลักๆส่วนใหญ่ทำจากสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังและไม่ธรรมดาจากโลกที่แตกต่างและยาล้ำค่าหลากหลายชนิดมีขวดขนาดใหญ่อยู่แค่ประมาณสามหมื่นขวดเท่านั้น
สินค้าในเว็บไซต์นี้เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ขายเพื่อหวังผลกำไร แต่ก็เพื่อเสริมสร้างพลังของกลุ่มจอมยุทธให้แข็งแกร่งขึ้น
ในตอนท้ายของหน้าเว็บไซต์ เฉินโจวอี้ก็เห็นสารกระตุ้นที่ทรงพลังหลายชนิด ห็นได้ชัดว่าสารเหล่านี้มีไว้ใช้ในสนามรบ
….
ถัดจากหน้านั้น เฉินโจวอี้ก็มีความอยากรู้อยากเห็น เขาจึงเลื่อนไปเปิดหมวดยาพิษ
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกถึงการได้เปิดโลกทัศน์ของเขา มีพิษของงู และสารพิษอย่างอื่น เช่นไซยาไนด์และแม้กระทั่งสารพิษกัมมันตภาพรังสีที่ผนึกอยู่ในกล่องตะกั่ว ส่วนใหญ่ขายเป็นกรัม แม้กระทั่งขายเป็นมิลลิกรัม ถ้าหากนำไปทากับดาบหรือลูกธนู ก็สามารถตายในทันทีได้เลย
เพียงแต่ว่าเฉินโจวอี้สังเกตเห็นว่าเป็นเพราะยาพิษเหล่านี้ค่อนข้างอันตรายและบางส่วนสามารถระเหยได้และมีสารกัมมันตภาพรังสีดังนั้นการซื้อขายก็มีข้อจำกัด ไม่เพียงแต่จะมีความเข็มงวดแล้วแต่ผู้ซื้อจะต้องมีตัวตนและสามารถตรวจสอบได้อีกด้วย
อาวุธและพวกของกระจุกกระจิกก็ไม่มีอะไรดีๆให้ดู ส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์ของบริษัทอาวุธโลหะที่มีชื่อเสียง แน่นอนว่าส่วนลดที่นี่สูงมาก ซึ่งโดยทั่วไปแล้วอาวุธโลหะของเว็บไซต์อื่นๆจะลดราคาแค่ 50% หรือ 60%
….
เฉินโจวอี้ปิดเว็บไวต์โดยที่ไม่ได้ซื้ออะไรเลย
ตอนนี้เขายังคงอาศัยอยู่ในโรงแรมเพราะไม่มีที่อยู่อาศัยที่แน่นอน เมื่อผู้จัดส่งจะส่งของมาแล้วเขาเปลี่ยนที่อยู่มันอาจจะมีปัญหาตามมา
เขาเปิดกระเป๋าเอกสารและเอาเด็กหญิงเปลือกหอยออกมา
ทันทีเขาก็รู้สึกว่าตัวของเธอเปียกและเขาเลยใช้จมูกดมกลิ่น เมื่อได้กลิ่นเฉินโจวอี้ย่นคิ้วของเขาและถามว่า:
เธอฉี่รดที่นอนเหรอ?
เด็กหญิงเปลือกหอยโกรธมากและเธอใช้แรงของเธอหมุนตัวของเธอ เฉินโจวอี้รีบใช้กรรไกรตัดเชือกที่ผู้มือกับขาของเธอและฉีกเทปที่ปิดปากของเธอออก
คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะมีนิสัยที่รุนแรงกับเฉินโจวอี้ เธอลุกขึ้นยืนแล้วตะโกนออกมา
ใครให้นายขังฉันไว้ในนี้หล่ะ ถ้าไม่ให้ฉี่ในนี้จะให้ฉันไปฉี่ที่ไหน?
“เธอทนไม่ไหวเลยเหรอ?
ฉันทนไม่ไหวแล้ว นายขังฉันมาตั้งนาน ฉันก็อยากจะฉี่ อยากจะขี้ นายมันน่ารังเกียจจริงๆ เด็กหญิงเปลือกหอยตะโกนไปด้วยความโกรธ ในช่วงหลายวันมานี้อารมณ์ของเธอนับวันจะยิ่งระเบิด วันนี้ต้องระบายออกมาสักยกหนึ่ง
นิ้วของเฉินโจวอี้สั่นและชี้ไปที่เด็กหญิงเปลือกหอยที่ยังโกรธจัดอยู่ เขาที่สั่นจนแทบจะหายใจไม่ออกและพูดว่า
นี่ ตอนแรกฉันจะให้เธอดูเป๊ปป้าพิคแต่ตอนนี้ฉันว่าไม่ต้องให้เธอดูแล้วละ
เมื่อได้ยินอย่างนั้น เด็กหญิงเปลือกหอยที่กำลังมีอารมณ์โกรธอยู่ ตาเธอก็โตทันทีและรีบเปลี่ยนอารมณ์
เธอมองไปที่สภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย แล้วมองอีกครั้งไปที่คอมพิวเตอร์ที่กำลังส่องแสงออกมา ภายในใจรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไปจนใบหน้าซ่อนไว้ไม่มิด
หลังจากนั้นไม่นานเธอก็บิดไปด้วยความเขินอายและพูดว่า
นี่ … นี่ ฉันก็แค่ทนไม่ไหวก็เท่านั้นเอง
เธอเพิ่งจะพูดว่าเธอจะขี้?
เด็กหญิงเปลือกหอยส่ายหัวอย่างรุนแรงและส่งเสียงดังออกมา ไม่แล้ว!
ยังใช้อารมณ์อยู่เหรอ?
ไม่ใช้อารมณ์แล้ว! เด็กหญิงเปลือกหอยยังคงส่ายหัว จากนั้นเธอก็กระพริบตาที่ดูเหมือนไข่มุกของเธแและพูดว่า ตราบใดที่นายให้ฉันดูเป็ปป้าพิค ฉันจะไม่ใช้อารมณ์อีก
เฉินโจวอี้ชี้ไปที่เด็กหญิงเปลือกหอยหลังจากนั้นเด็กหญิงเปลือกหอยก็แล้วคว้ามือใหญ่ของเฉินโจวอี้ไว้
เด็กหญิงเปลือกหอยร้องออกมาทันที: # @ # 的巨人เปิดให้ฉันไป ฉันอยากดูเป๊ปป้าพิค!
ไปอาบน้ำ เธอตัวเหม็นจะตายชัก
ไม่อาบน้ำ ฉันเกลียดการอาบน้ำ!
ตอนที่ 96 การพบปะของจอมยุทธ
ในห้องน้ำไม่มีอ่างอาบน้ำ เฉินโจวอี้สามารถใช้น้ำอุ่นได้แค่ที่อ่างล้างหน้าเท่านั้น
เขาถอดชุดของเด็กหญิงเปลือกหอยออกแล้วโยนเสื้อผ้าเหล่านั้นลงถังขยะ
” เสื้อผ้าของฉัน!” เด็กหญิงเปลือกหอยพูดใบหน้าที่เศร้าสลด
ครั้งหน้าฉันค่อยซื้อให้เธอใหม่ เฉินโจวอี้กล่าว
” ถ้างั้นฉันก็อยากจะสวยแบบคนนี้!” เด็กหญิงเปลือกเอ่ยปากบอกความต้องการ
“ได้สิ!”
เมื่อเห็นเฉินโจวอี้รับปากสัญญา เธอก็ไม่รอให้เฉินโจวอี้เร่งเธอ เธอไปที่ขอบอ่างล้างหน้าและนั่งลง ทันทีที่เธอนั่งลงเธอก็ไถลไปตามอ่างล้างหน้าเซรามิค จนน้ำพุ่งขึ้นมาเป็นละอองน้ำ
เธอกระโดดลงไปในน้ำ ดำน้ำไปสิบกว่าวินาทีก็โผล่ขึ้นมาและพ่นน้ำไปทางเฉินโจวอี้
เธอว่ายน้ำไปรอบ ๆ อ่างล้างหน้าและไม่หยุดตีน้ำ บางครั้งเธอก็ว่ายน้ำท่าสุนัขด้วย
อย่างไรก็ตามเธอเป็นสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่บนชายหาดและเธอจะกลัวน้ำได้อย่างไรกัน
เมื่อมองดูรูปร่างที่เล็กที่ดูมีทรวดทรงนั่น แต่ไม่ได้ทำให้ใจของเฉินโจวอี้พองโตเลยสักนิด
จุดเด่นของสิ่งเหล่านี้ใช้ทำอะไรได้หล่ะ?
” ฉันต้องการฟองสบู่หอมๆ!” ผ่านไปครู่หนึ่งเธอก็ร้องออกมา
เขาก็เลยต้องเอาเจลอาบน้ำมาซองหนึ่ง เขาฉีกซองแล้วเทลงในอ่างล้างหน้า อย่าเล่นมากนักเลย รีบอาบเร็วเข้า!
….
สิบนาทีต่อมาเฉินโจวอี้เช็ดตัวให้เด็กหญิงเปลือกหอยและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เธอ
จากนั้นเปิดการ์ตูนและไม่ได้รบกวนเธอต่อ
และเขาก็เหมือนถูกบังคับให้เริ่มทำความสะอาดกระเป๋าเอกสารด้วยความระมัดระวัง
เขารู้สึกเหมือนเด็กหญิงเปลือกหอยนี่เป็นเหมือนลูกสาว
….
โรงแรมเหอตง
เป็นโรงแรมห้าดาวที่มีชื่อเสียงในเมืองเหอตง
วันนี้การประชุมของจอมยุทธจะจัดขึ้นที่นี่
ยินดีต้อนรับ! พนักงานยินดีต้อนรับผู้หญิงสองคนสวมชุดกี่เพ้า พูดด้วยน้ำเสียงที่มีเสน่ห์ชวนฟัง
เฉินโจวอี้เดินเข้าประตูเข้ามาโดยที่ไม่ได้เหบ่มองไปทางอื่น อาจจะเป็นเพราะว่าเขาแต่งตัวอย่างเป็นทางการ เขาตั้งใจซื้อชุดสูท ซึ่งพอใส่แล้วทำให้เขาดูเป็นผู้ใหญ่อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
เขากดลิฟต์และมาถึงล็อบบี้บนชั้นห้า ภายในงานค่อนข้างสนุกครึกครื้น
ตัวแทนของเมืองในมณฑลเจียงหนานได้วางป้ายชื่อไว้ข้างๆ
นอกจากนี้ยังจำนวนผู้สัมภาษณ์จอมยุทธอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว ในนี้ก็เลยเหมือนกลายเป็นตลาดประกาศรับสมัครงานเลย
เฉินโจวอี้เห็นกลุ่มตัวแทนของเมืองตงหนิง
“มาแล้วเหรอ!”
“ใช่ครับ!”
ทักทายจอมยุทธที่มาจากเมืองเดียวกัน ทั้งสองพูดคุยกันหนึ่งประโยคแล้วก็จากกันไป และตามหาเป้าหมายใหม่
เฉินโจวอี้สังเกตเห็นว่า การประชุมครั้งนี้มันไม่ได้มีแค่กลุ่มของพวกเขา นอกจากนี้ยังมีกลุ่มอื่นๆอีกที่จะเข้าร่วมการประชุมประมาณ 20 ถึง 30 คน แต่เมื่อเปรียบเทียบกับตัวแทนของแต่ละมณฑลและเมืองนี่มีเกือบห้าสิบถึงหกสิบคน เห็นได้ชัดว่านี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ
หนึ่งในหมู่ตัวแทนของเมืองระดับเขตเห็นว่าไม่มีใครสนใจมานานแล้ว เขาจึงยืนขึ้นและตะโกน
” ทุกคนเลือกเมืองลั่วฮว่าของพวกเราซึ่งเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ถึงแม้ว่าในเมืองลั่วฮว่าจะไม่ได้พัฒนาเหมือนเมืองเหอตงและหนิงโจว แต่จอมยุทธของเราก็มีคุณภาพไม่ต่างกันเลย ถ้าหากมาร่วมกับเมืองลั่วฮว่า จะได้รับเงินเงินช่วยเหลือครอบครัวห้าล้านและบ้านพักตากอากาศให้….
เมื่อเห็นเมืองลั่วฮว่าใจกล้าหน้าด้านขนาดนี้ ตัวแทนของแต่ละเขตเมืองถัดไปก็เริ่มที่จะตะโกนออกมาอย่างเสียงดัง พวกเราเมื่องลั่วซาน พวกเราเอาข้อเสนอดีๆมาฝาก ทุกข้อเสนอดีจนตัดทิ้งไม่ลงเลย หากมาเข้าร่วมเป็นจอมยุทธกับเมืองเรา ลืมห้าล้านนั่นไปได้เลย เราให้หกล้านและมีบ้านพักตากอากาศให้เช่นกัน ถ้าหากต้องการที่จะมาเป็นส่วนหนึ่งของเมืองลั่วซาน ข้อเสนอทั้งหมดสามารถมาคุยกันได้”
พวกเราอยู่ในเมืองผิงชิว และเราก็ให้หกล้านและข้อเสนออื่นๆก็เหมือนกัน …
เมื่อเฉินโจวอี้ได้ยินก็เกิดสงสัยในใจของเขา
ผู้อำนวยการไม่ได้บอกเหรอว่าเงินช่วยเหลือครอบครัวของเมืองเหอตงสูงที่สุด ยังไงก็ไม่เกินสามล้าน แต่ทำไมผู้นำแต่ละเขตถึงบอกว่าจะได้เงินช่วยเหลือครอบครัวหกล้านหล่ะ แม้กระทั่งถ้าหากสมัครใจก็สามารถคุยกันได้อีก เงินช่วยเหลือครอบครัวนี้สามารถเปลี่ยนไปสูงได้ขนาดนี้เลยเหรอ
อย่างไรก็ตามเมื่อคิดถึงความวุ่นวายในเมืองตงหนิง ความสงสัยในหัวใจของเฉินโจวอี้ก็หายไปทันที
การบุกรุกของกองกำลังลึกลับของโลกที่แตกต่างกันทำให้ดาวเทียมสูญเสียการติดต่อ สัญญาณโทรศัพท์มือถือถูกตัดออกและการสื่อสารเกือบจะถูกตัดออกหมด ยกเว้นโทรศัพท์ที่ติดตั้งไว้ เกือบจะทุกมณฑลและเมืองส่วนใหญ่ยังอยู่ในภาวะไฟฟ้าดับและการตรวจสอบของแต่ละพื้นที่ก็ยังไม่ได้ประสิทธิภาพ
ความสามารถในการป้องกันของมณฑลและเมืองต่าง ๆ ในโลกลดลงและการบุกรุกของคนเถื่อนหลายคนก็เพียงพอที่จะทำให้เกิดการสูญเสียอย่างรุนแรง
เมื่อเกิดการโกลาหลอลหม่าน
บทบาทของจอมยุทธจะชัดเจนออกมาทันที
….
นิทรรศการสองอันสุดท้ายเป็นของจอมยุทธสองแห่ง
หนึ่งคือสำนักงานสืบสวนประเภทที่สาม แผนกนี้เคยปรากฏในเหตุการณ์แรกของพิธีกรรมลัทธินอกรีต
หนึ่งคือทนายความศิลปะการต่อสู้และสำนักงานตรวจสอบวินัยที่เฉินโจวอี้รู้จักเป็นอย่างดี
เฮ้ เฉินโจวอี้ นายมาแล้ว! เมื่อสายตาของผู้อำนวยการเห็นเฉินโจวอี้ เขาก็ทักทายเฉินโจวอี้อย่างรวดเร็ว
เฉินโจวอี้ไม่มีทางเลือก จึงต้องเดินเข้าไปหา
” การพิจารณาเป็นยังไงบ้าง?” ผู้อำนวยการถาม
สาวสวยที่นั่งถัดจากเขาไปมองเฉินโจวอี้ด้วยความอยากรู้อยากเห็น
เฉินโชวอี้พูดอย่างสุภาพว่า ผมยังไม่ได้ตัดสินใจเลย ฉันอยากคิดดูก่อน
” นายบอกคิดดูก่อน อะไรทำให้นายลังเลใจ? บอกให้ฉันฟังสิ” ผู้อำนวยการพูดด้วยรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์เหมือนสุนัขจิ้งจอก
เฉินโจวอี้กำลังเตรียมตัวที่จะตอบในแต่เขาก็ได้ยินเสียงของสำนักงานสืบสวนประเภทที่สามดังขึ้น ไอหยา ผู้อำนวยการ มาแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวในที่สาธารณะแบบนี้มันไม่ถูกต้องนะครับ
ในไม่ช้าชายวัยกลางคนที่มีใบหน้าแบบคนจีนก็ยิ้มแย้มและเดินเข้ามา
หนุ่มน้อย สำนักงานตรวจสอบหลักทรัพย์และอนาคตมีดีอะไร ทุกวันยุ่งจะตาย ดีกว่าถ้านายมาสำนักสืบสวนประเภทที่สามของเรา ตราบใดที่ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นก็ไม่ต้องทำอะไร
ผู้ที่สามารถอยู่ในสำนักงานตรวจสอบหลักทรัพย์และอนาคต ไม่จำเป็นต้องพูดเยอะ ต้องคนที่มีพรสวรรค์ดีที่สุด แน่นอนนอกจากนี้ชายหนุ่มคนนี้ยังเด็ก คนหนุ่มสาวยังไงก็เป็นตัวแทนของศักยภาพอยู่แล้ว
” ว่าไปเรื่อย ทุกๆครั้งก็เป็นแบบนี้ เวลาแผนกคุณมีเรื่องใหญ่ๆเกิดขึ้นอัตราการตายก็สูงมากด้วยเช่นกัน” ผู้อำนวยการพูดไปยิ้มไป
นายจะไปที่นั่นมั้ย เมื่อปีที่แล้วก็มีคนพลีชีพไปสองคนแล้ว! ชายที่มีใบหน้าจีนคนนั้นหันหน้ามาและพูดทันที และสวัสดิการของเราดีที่สุด เงินเบี้ยเลี้ยงก็สูงที่สุด นอกจากเงินช่วยเหลือครอบครัวแล้ว แผนกของเราจะช่วยแก้ปัญหาเรื่องบ้านด้วย
” สามารถแก้ปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัยได้มั้ย?” เฉินโจวอี้อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา ตอนนี้เรื่องที่เป็นเรื่องใหญ่สำหรับเขาคือครอบครัว
ใบหน้าของชายหน้าจีนก็เผยให้เห็นถึงชัยชนะและก็รอยยิ้มอันสดใส ใช่แล้วแผนกของเรามีหมู่บ้านที่สร้างขึ้นเอง ซึ่งเป็นบ้านพักตากอากาศด้วย
” คุณอยู่ในชนบท แล้วจะมีอะไรให้อยากได้บ้านตากอากาศ อีกทั้งคุณอาจถูกส่งไปยังอำเภออื่น เมื่อถึงเวลานั้นมันอาจจะกลับมายาก” ผู้อำนวยการกล่าวด้วยใบหน้าเย็นชา แต่พวกเราไม่เหมือนกัน นอกจากระยะเวลาที่เดินทางไปทำงานที่เหอตงแล้ว ส่วนปัญหาเรื่องที่พักนอกจากเงินช่วยเหลือ แผนกของเราจะมอบเงินให้อีก 10 ล้าน
“นี่คุณกำลังเถียงใช่มั้ย ชายหน้าจีนพูดด้วยความยั่วโทสะ
” คนที่เถียงคือคุณต่างหาก!” ผู้อำนวยการตบโต๊ะและยืนขึ้น
ทั้งสองเริ่มกดดันจนสถานการณ์ตึงเครียดและบรรยากาศก็มาคุขึ้นมาทันที
เมื่อเฉินโจวอี้เห็นสถานการณ์นี้ เขารีบพูดอย่างรวดเร็ว: ขอบคุณสำหรับคำแนะนำของผู้นำทั้งสองคนมากนะครับ ผมได้ฟังแล้ว ผมยังไม่มีแผนที่จะทำงานมนตอนนี้ ดังนั้นทั้งสองแผนกจึงไม่เหมาะสมกับผม ผมขอตัวไปดูที่อื่นก่อนนะครับคุณ!
เขายืนขึ้นและเดินออกมาอย่างรวดเร็ว เขาไม่ต้องการมีส่วนร่วมการโต้เถียงระหว่างชายร่างใหญ่สองคน ไม่ว่าเขาจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ตาม ก็เป็นความผิดทั้งนั้น ถึงแม้ว่าข้อเสนอจะดึงดูดใจขนาดไหนแต่นั่นก็อาจจะไม่ใช่เรื่องดี
เมื่อเห็นเฉินโจวอี้เดินจากไป
ผู้อำนวยการก็พ่นคำพูดออกมาด้วยความโกรธจนหน้าดำหน้าแดง แล้วถลึงตาใส่ชายหน้าจีนที่นั่งถัดไปจากเขา
แย่จริงๆ สุดท้ายแล้วเขาก็จากไป
….
เฉินชูว่ยถอนหายใจด้วยความโล่งอก ในไม่ช้าเขาก็มาที่บูธของตัวแทนของเมืองเหอตง แต่ก็พบว่าไม่มีใครอยู่ที่บูธนี่ มีแต่จอมยุทธที่อยู่รอบๆตัวเขา
เกิดอะไรขึ้นที่นี่? ทำไมถึงไม่มีใคร!
” ตัวแทนของเมืองเหอตงกำลังคุยโทรศัพท์เพื่อเรียกร้องให้ขอเงินช่วยเหลือครอบครัวสูงขึ้น” จอมยุทธคนหนึ่งที่รู้สถานการณ์บอก
เป็นอย่างนี้นี่เอง!
ก่อนหน้านี้เงินช่วยเหลือครอบครัวของตัวแทนของเมืองเหอตงนั้นสูงที่สุด แต่คิดไม่ถึงว่าการประชุมของจอมยุทธในวันนี้จะร้อนแรงมากจนตัวแทนของเมืองและมณฑลต่างๆ ขึ้นราคาเงินเลี้ยงดูครอบครัวและทำลายมาตรฐานเดิมของการรับคนซึ่งทำให้เงินช่วยเหลือครอบครัวสามล้านนั่นไม่เพียงพอ ถ้าหากคุณปฏิบัติตามเกณฑ์ก่อนหน้านี้ ตอนนี้เมืองเหอตงคงไม่สามารถรับสมัครคนเพิ่มได้แล้ว
หลังจากรอไม่กี่นาทีตัวแทนของเมืองเหอตงก็รีบเดินกลับมา
ยังไม่ทันได้พักหายใจ เขาก็หยิบเอาน้ำยาลบคำผิดและปากกาไวท์บอร์ดออกแล้วทำการแก้ไขอย่างรวดเร็วบนกระดาน
แปดล้าน!!! เงินช่วยเหลือครอบครัวของเมืองเหอตงเปลี่ยนเป็นแปดล้าน
ตอนที่ 97 พบกันโดยบังเอิญ
เงินเดือนสวัสดิการชวยเหลือครอบครัวแปดล้าน แน่นอนว่าจะต้องไม่ใช้จำนวนเงินที่สูงที่สุด
แต่เนื่องจากเฉินโจวอี้ไม่ได้วางแผนที่จะไปเมืองอื่นนอกจากเมืองเหอตงอยู่แบ้ว
และเมื่อเปรียบเทียบเงินเดือนและสวัสดิการแล้ว เขาซึ่งให้ความสำคัญไปกับความปลอดภัยของเองเมืองเหอตงมากกว่า ถึงอย่างไรก็ตามก็ยังเป็นเมืองหลวงของจังหวัดอยู่ดี ทรัพยากรก็เพียงพอ การปกครองทางการทหารก็มั่นคงกว่าเมืองอื่นๆ ที่นี่ปลอดภัยแน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง รองผู้บังคับการหนุ่มส่งแผนพับใบใหม่ไป ก่อนจะวิ่งแจกไปตลอดทาง และแจกจ่ายให้กับจอมยุทธที่อยู่ใกล้เคียง ดูสิสวัสดิการของเมืองเหอตงเปลี่ยนไป!
เฉินโจวอี้รับแผ่นพับจากเมืองเหอตงมาและรู้สึกว่ามันยังอุ่นๆอยู่เหมือนเพิ่งจะพิมพ์ออกมาเมื่อกี้นี้
เขาอ่านมันคร่าวๆก็พบว่าสวัสดิการของเมืองเหอตงนั้นดีจริงๆ
ตัวอย่างเช่นห้องฝึกซ้อมแบบโลกที่แตกต่างที่จัดทำโดยรัฐบาลของเมืองเหอตงc]tสามารถใช้งานได้ฟรี
อีกตัวอย่างหนึ่งคือการลดหย่อนภาษี
นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีเบี้ยเลี้ยงให้สูงถึงสองหมื่น และยังมีเงินเบี้ยเลี้ยงจากประเทศเพิ่มให้อีกหนึ่งหมื่น เงินเบี้ยเลี้ยงสนับสนุนจากจังหวัดอีกสองหมื่น รายได้ต่อเดือนจะสามารถมีเงินถึงห้าหมื่นเลย แค่นี้ก็เพียงพอที่จะใช้ชีวิติยู่ในเมืองเหอตงแล้ว
นี่ก็ยังกล่าวถึงเงินเดือนของแต่ละคน
ในความเป็นจริง นี่คือเพื่อตอบสนองความต้องการพื้นฐานของจอมยุทธ
เนื่องจากไม่อนุญาตให้จอมยุทธใช้พลังในการกระทำที่ไม่ยุติธรรมเพราะบุคคลเหล่านั้นแข็งแกร่งเกินไป สามารถวิ่งได้รวดเร็วเหมือนม้า แม้กระทั่งก็สามารถวิ่งไปต่อต้านกับอาวุธปืนได้ แค่จอมยุทธเดียวคนเดียวก็เอาอยู่ ถ้าหากไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ตัวเองแล้วจะเอาชีวิตไปเสี่ยงอันตรายเพื่ออะไร ใครจะไม่อยากทำ?”
เฉินโจวอี้รออยู่ด้านหลังของคนที่เพิ่งลุกออกไปหลังจากนั้นเขาก็ไปนั่งแทนตำแหน่งเขา
สวัสดี ยินดีต้อนรับผู้เลือกสู่เมืองเหอตง สามารถถามอะไรก็ได้ที่คุณอยากจะรู้ เราจะตอบอย่างสุดความสามารถ ตัวแทนของเมืองเหอตงกล่าวอย่างสุภาพและมีทัศนคติที่ดีมาก
ฉันแค่อยากถามถ้าฉันเข้าร่วมกับเมืองเหอตง ฉันจะไปอยู่ที่หน่วยไหน? เฉินโจวอี้คิดแล้วถามออกมา
ผู้ช่วยที่อยู่ถัดจากเขาส่งข้อมูลมาให้อย่างรวดเร็ว
ตัวแทนของเมืองเหอตงเหลือบตามองไปที่เอกสารนั่น
” ชื่อ : เฉินโจวอี้
อายุ : 17 ปี
….
การประเมินสมรรถภาพทางกาย: ยอดเยี่ยม
การประเมินทางการปฏิบัติ: ยอดเยี่ยม
เขาอดไม่ได้ที่จะแปลกใจ แต่ภายในจิตใจก็เข้าใจชัดเจนแจ่มแจ้งมาเรื่อย สวัสดีคุณเฉินโจวอี้ สำหรับจอมยุทธที่เข้าร่วมใหม่ ตามความตั้งใจของทางเรา โดยทั่วไปจะมีสามจุดหมาย
ที่แรก ที่สำนักงานรักษาความปลอดภัยสาธารณะของเขต ปกติที่นั่นจะค่อนข้างสบายและบางครั้งก็พบกับสถานการณ์ที่รุนแรงและคุณต้องทำงานรวมกับทหาร
ที่ที่สองเป็นองค์กรในระดับรัฐบาลอำเภอต่างๆและทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ว่างานทั่วไป
ที่ที่สาม หากคุณมีใจที่รักการเมือง คุณสามารถรับตำแหน่งนี้ได้ ตามกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง การเริ่มต้นทั่วไปเป็นระดับการทำงานปกติ
สำหรับเรื่องอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ข้อแรกคือ เงินเดือนสูงสุดประมาณสามหมื่นขึ้นไปและมีโบนัสและคุณงามความดีของจอมยุทธ และข้อที่สองและสามจะขึ้นอยู่กับเงินเดือนของข้าราชการพลเรือนในตำแหน่งนั้น
ใจของเฉินโชวอี้นั้นได้รับการชี้แจงแล้วและตัวเลือกสุดท้ายก็ถูกเขาตัดทิ้ง
เขาไม่สนใจการเมือง เขาจะไปทำงานที่ทำเก้าโมงถึงห้าโมงเย็นทุกวันได้ไง แค่คิดถึงวันนั้นเขารู้สึกร้อนๆหนาวๆแล้ว
ในทางตรงกันข้ามทุกวันเขาชอบฝึกศิลปะการต่อสู้ ความแข็งแกร่งประเภทนี้มาพร้อมกับความรู้สึกที่มีพลัง ทำให้เขาเต็มไปด้วยแรงแรงขับเคลื่อนและแรงบันดาลใจ
สำหรับตัวเลือกที่สองการ ว่างงานก็คือว่างงาน แต่คุณไม่สามารถได้รับประโยชน์จากคุณงามความดีของจอมยุทธเลย เขายังมีความคิดที่จะต้องการซื้อ ไขสันหลังเทพและเลือดเทพ แต่สำหรับเขาเองครอบครัวก็ยังสำคัญกว่าอยู่ดี
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับพ่อแม่ที่อายุมากแล้วและสิ่งของแบบนี้เห็นได้ชัดว่ามีผลต่อการยืดอายุและเจ็บป่วย
….
หลังจากนั้นก็ตัดสินใจทันที เฉินโจวอี้ไม่ลังเลอีกต่อไป เขาหยิบปากกาเพื่อกรอกหนังสือแสดงเจตจำนงในการเข้ารว่มเป็นตัวแทนของเมืองเหอตงเป็นอันเสร็จพิธี
การเข้าร่วมงานอย่างเป็นทางการจะถูกพูดในวันจันทร์ในอีกสามวันหลังจากนี้
สำหรับเงินช่วยเหลือครอบครัวแปดล้านจะถูกฝากลงในบัตรของเขาในตอนบ่าย
เขาเดินออกจากโรงแรมเหอตง ถอดชุดสูทออกแล้ววางลงบนแขน
สำนักความมั่นคงสาธารณะเขตเมือง
เขาคิดในใจและก็อดไม่ได้ที่จะพูดมันออกมาจากใจเบาๆ
ไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ ใครจะไปคิดว่าสุดท้ายแล้ววันหนึ่งเขาจะได้เป็นตำรวจ แม้ว่าจะเป็นแค่มือสมัครเล่นก็เหอะ
ความฝันก่อนหน้านี้ของเขาคืออะไร?
ดูเหมือนว่าจะเป็นนักวิทยาศาสตร์ …
….
เฉินโจวอี้!? มีคนเรียกชื่อเขาขณะเดินไปบนถนน
เขาได้ยินใครบางคนเรียกเขา แต่ว่าเสียงที่ได้ยินนั้นคุ้นเคยมากและเขาก็หันกลับไปมอง
ครูหวาง ทำไมครูมาที่นี่ได้ เฉินโจวอี้รู้สึกประหลาดใจ
ที่เขาเห็นก็คือหวางหรูเหยว่ เธอคืออดีตครูสอนพิเศษของเขา
ข้างๆเธอมีหญิงสาววัยรุ่นคนหนึ่งใบหน้ารูปไข่และหน้าขาวนวลผ่อง มองไปที่มือของเธอถือกระเป๋าใบใหญ่อยู่ เห็นได้ชัดว่าไปช็อปปิ้งมา
ในที่สุดก็ย้ายมาเมืองเหอตงแล้ววินะ นายสวมสูทไปทำอะไรที่ไหนมา นายเปลี่ยนไปมาเลยเลยนะจนฉันเกือบจะจำนายไม่ได้ หวางหรูเยว่ยิ้มให้ เธอใส่เสื้อเชิ้ตสีเขียวอ่อนและกางเกงยีนส์ ทำให้เห็นเอวของเธอมีส่วนโค้งที่สมบูรณ์แบบ
“ผมเพิ่งจะไปงานประชุมของจอมยุทธมา พอสวมสูทแล้วก็เลยจะดูโตขึ้นมาอีกหน่อยนะครับ” เฉินโจวอี้อธิบาย
หวางหรูเยว่ก็ยังไม่หยุดถาม จริงๆก็ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นไม่น้อยเลยนะ ช่วงนี้นายเรียนการใช้ดาบเป็นยังไงบ้าง ครั้งสุดท้ายที่ฉันสอนไปนายทำได้หรือยัง?”
” อ๋อ!” เฉินโจวอี้คิดว่าหวางหรูเยว่จะถามคำถามนี้ เขาทำสีหน้างงแล้วรีบตอบ ผมทำได้แล้ว
หวางหรูเยว่พูดต่อด้วยความรู้สุกผิด งั้นก็ดีเลย ยังดีที่วันนี้ได้บังเอิญมาเจอนาย ไม่งั้นก็ยังเหลืออีกสองบทเรียน ฉันพูดแล้วไม่คืนคำ
นายได้มาหาฉันที่บ้านหรือเปล่า จริงๆหลังจากเมืองตงหนิงหยุดปล่อยไฟฟ้าได้ไม่นานเท่าไหร่ ครอบครัวของฉันก็ย้ายมาที่เมืองเหอตง
เฉินโจวอี้ตอบ จริงๆ ผมไม่อยากรบกวนไปมากกว่านี้แล้วครับ ที่ครูสอนผมมาก็มากพอแล้ว
” ฉันสัญญาไว้ยังไงก็ต้องทำตามสัญญา เพราะยังไงฉันก็รับเงินค่าเรียนมาแล้ว” หวางหรูเยว่พูดอย่างจริงจัง
แต่ว่า… เฉินโจวอี้หยุดพูดไป เขาไม่รู้ว่าควรจะพูดดีมั้ยว่าเขาได้เรียนรู้ทักษะพื้นฐานของการใช้ดาบไปหมดแล้วและตอนนี้เขาก็ได้เป็นจอมยุทธเรียบร้อยแล้ว
” ช่วงนี้นายยุ่งมั้ย?”
ก็มีบางครับ! เฉินโจวอี้พูดอย่างคลุมเครือ
ถ้าอย่างนั้นนายก็มีเวลามานะสิ ฉันอยู่ที่เขตเซี่ยเฉิงชุมชนหลานชาน อาคาร 15 บ้านเลขที่ 602 ก่อนจะมาให้โทรหาฉันก่อน หมายเลขโทรศัพท์ของฉันคือ…*
เมื่อมีพลังลึกลับของโลกที่แตกต่างบุกรุก โทรศัพท์มือถือก็ใช้งานไม่ได้และค่อยๆหายจากชีวิตประจำวันไป ตอนนี้เห็นได้ชัดว่ามีการนำกลับมาใช้กันแล้ว
เฉินโจวอี้ทวนเบอร์โทรศัพท์อีกครั้งและเสแสร้งทำเป็นจำเบอร์นั่น ขอบคุณครูหวางมากจริงๆครับ!
งั้นฉันไปก่อนนะ!
เมื่อมองไปที่ด้านหลังของหวางหรูเยว่ที่เดินจากไป เฉินโจวอี้ก็ถอนหายใจออกมา
เรื่องนี้มันช่างวุ่นวาย!
ไปเยี่ยมที่บ้านคงไม่ถึงกับเสียหน้าหรอกมั้ง?
….
” หนุ่มน้อยนั่นหล่อเหลาเอาการเลยทีเดียว ถึงกับอยากลองเปลี่ยนรสชาติเหมือนวัวแก่อยากกินหญ้าอ่อนเลยเหรอ?” เมื่อเดินออกมาไกลแล้ว เพื่อนของหวางหรูเยว่ก็หัวเราะเยาะออกมา
” หยุดความคิดสกปรกของเธอซะ เด็กน้อยแบบนี้ไม่ได้อยู่ในสายตาของฉันหรอก” หวางหรูเยว่กล่าวอย่างเยือกเย็นแล้วพูดต่อว่า” เพียงแต่ว่าเขามีพลังที่แข็งแกร่งและร้ายกาจทั้งๆแค่ฝึกจอมยุทธฝึกหัดเอง ถ้าเอาจริงคงไม้ต้องพูดถึง เด็กนั่นสามารถรับมือกับฉันได้ในตอนฝึก
” งั้นเธอก็ยังฝึกฝนอยู่เหรอ” ใบหน้ารูปไข่นั้นแสดงความสงสัยออกมา
” ทุกคนมีพรสวรรค์เพียงแค่ต้องการการฝึกฝนก็เหมือนกับร่างกายที่กินเนื้อสัตว์เพื่อเพิ่มพลัง ก็เหมือนกับพรสวรรค์นั่นแหละ!” หวางหรูเยว่ตะโกนออกมา ภายในใจเต็มไปด้วยความอิจฉา ถ้าหากเธอมีพรสวรรค์ได้ครึ่งหนึ่งของเขา ป่านนี้ได้เป็นจอมยุทธไปนานแล้ว
“ช่างมันเถอะ ไม่พูดถึงเขาดีกว่า แล้วันนี้ทำไมถึงมีเวลาว่างออกมาได้หล่ะ”?
โอ้ย ฉันละกลุ้มใจจริงๆ คิดดูสิ ตอนนี้ฉันยังไม่มีโทรศัพท์มือถือใช้เลย ไม่อย่างนั้นถ้าฉันมีภารกิจอย่างกะทันหัน เพียงแค่โทรหาก็เรียกฉันได้แล้วไง
ขอบคุณสำหรับรางวัลที่มากับสายสมและในที่สุดก็มีผู้นำสหพันธ์สักที
ตอนที่ 98 เพิ่มประสิทธิภาพอีกครั้ง
เฉินโจวอี้กลับไปที่โรงแรม
เขาถูกพ่อแม่และน้องสาวถามอยู่ครู่หนึ่ง
เมื่อฟังจบเขาก็พูดขึ้นมา ตอนนี้เขาเป็นที่ปรึกษาด้านความปลอดภัของสำนักความมั่นคงสาธารณะของเขตเซี่ยเฉิงแล้ว ได้อยู่แผนกและเงินเดือนกับสวัสดิการที่สูง เงินช่วยเหลือครอบครัวก็ได้แปดล้าน ช่วยไม่ได้ที่เขาจะเบิกบานใจ
เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้พ่อแม่ของเขาเป็นกังวล เขาก็แอบอ้างตำแหน่งงานของเขา เปลี่ยนจากที่ปรึกษาด้านความปลอดภัยมาเป็นตำแหน่งงานที่ไม่ต้องทำอะไรมาก ไม่จำเป็นต้องออกรบและออกแรง ไม่มีความเสี่ยงอะไร เงินเดือนและสวัสดิการก็สูง มีแต่ได้ประโยชน์ได้กำไร
….
หลังจากกินอาหารเสร็จก่อนเวลา พ่อและแม่ของเฉินโจวอี้อดไม่ได้ที่จะบังคับให้สองพี่น้องออกไปดูบ้าน พวกเขาติดนิสัยประหยัดจนเคยชิน สองวันมานี้ที่อยู่โรงแรมทุกๆวันต้องจ่ายวันละห้าหกร้อย ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันทำให้พ่อแม่ทั้งสองคนไม่มีความสุข
หลังจากนั้น ผลลัพธ์ที่วิ่งไปวิ่งมาเกือบครึ่งวัน ดูบ้านไปก็หลายหลังแต่ก็ไม่รู้สึกว่าตำแหน่งที่ตั้งของบ้านนั้นดีและราคาก็ค่อนข้างแพงด้วย
เขตเซี่ยเฉิงได้รับแต่งตั้งให้เป็นศูนย์กลางของเมืองและราคาบ้านโดยทั่วไปมีราคามากกว่าสี่ห้าหมื่นต่อตารางเมตร
ลำพังแค่เงินออมของพ่อแม่เฉินโจวอี้ ก็ซื้อบ้านที่ใหญ่กว่านี้ไม่ไหวและพวกเขาก็ไม่ได้อยากจะใช้เงินช่วยเหลือครอบครัวของเฉินโจวอี้ด้วย
แม่ ช่างมันเถอะ ไม่ต้องดูแล้ว ผมดูหลังนี้ก็ไม่เลวนะ มองดูท่าทางของพ่อแม่ คาดว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะตัดสินใจในวันนี้ ดังนั้นเฉินโจวอี้จึงตัดสินใจอย่างเด็ดขาดเอง
ตัวแทนอสังหาริมทรัพย์ที่มามีท่าทางเหมือนทำแบบขอไปทีเหมือนไม่มีชีวิตชีวา เขารีบพูดอย่างรวดเร็ว
” คุณเฉินนี่ตาถึงจริงๆนะครับ เจ้าของบ้านซื้อของนี่มาแค่เพียงหนึ่งปี หลังจากทำการปรับปรุงแล้วก็ยังไม่เคยเข้าอยู่ ตอนแรกใช้แค่จัดงานแต่งเฉยๆ แต่สุดท้ายพอเกิดเหตุการณ์เปลี่ยน เจ้าของบ้านเลยเตรียมตัวไปอยู่ต่างประเทศ ก็เลยต้องขายน้านนี้ออกครับ
เฉินโจวอี้ที่ยังสวมสูทอยู่ มันจึงยากที่จะคาดเดาอายุเขาได้
มันแพงเกินไป ถูกกว่านี่อีกหน่อยได้ไหม แม่เฉินโจวอี้พูดด้วยความเศร้า
บ้านหลังนี้ตั้งอยู่บนชั้นห้าและมีลิฟต์เป็นของห้องเอง มี 3 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่น 1 ห้องครัวและ 1 ห้องน้ำ เนื้อที่ทั้งหมด 130 ตารางเมตร นอกจากนี้ยังมีระเบียงด้านนอกและสภาพแวดล้อมภายในชุมชนรอบๆก็ไม่เลวเลยทีเดียว
และได้รับการตกแต่งและปรับปรุงใหม่ พร้อมย้ายเขาอยู่ได้เลย แม่ของเฉินโจวอี้มองแล้วก็แสดงความพึงพอใจออกมา เพียงแต่ว่าราคานั้นแพงเกินไป
คุณพี่สาวเจียง บ้านราคาห้าหมื่นห้าเป็นราคาที่ถูกที่สุดในบริเวณชุมชนนี้แล้วครับ นอกจากบ้านหลังนี้ในตึกนี้ ชั้นเดียวกันมีบ้านที่ขายเมื่อสัปดาห์ที่แล้วและราคาสูงถึงห้าหมื่นแปดต่อตารางเมตร ถ้าเจ้าของบ้านนี้ไม่ได้รีบร้อนที่จะไปต่างประเทศราคาก็จะไม่ต่ำแบบนี้แน่นอน ตัวแทนอสังหาริมทรัพย์พูดชักชวน
เฉินโจวอี้ส่ายหัวและพูดขัดจังหวะขึ้นกับตัวแทนอสังหาริมทรัพย์เขายังไม่ได้คุยกับเจ้าของบ้านโดยตรงเลย เจ้าของบ้านยังไม่ได้เดินทางไปต่างประเทศเหรอครับ? คุณเรียกเขามาคุยกับเราเพื่อที่จะจ่ายเงินได้มั้ย!
ตัวแทนอสังหาริมทรัพย์รู้ว่าเขาพูดผิดไป ซึ่งทำให้ลูกค้าไม่ไว้วางใจ โชคดีที่เขายังสามารถพลิกสถานการณ์ได้ เขาพูดกลับอย่างรวดเร็ว ได้ครับ เมื่อลงไปที่ใต้ตึกแล้ว ผมจะไปใช้โทรศัพท์สาธารณะโทรครับ!
….
เห็นได้ชัดว่าเจ้าของบ้านรีบไปต่างประเทศจริงๆและในที่สุดบ้านก็ได้บ้านในราคาห้าหมื่นสองต่อตารางเมตร
ในตอนเช้าของวันถัดไปทั้งสองฝ่ายไปที่สำนักงานจัดการอาคารบ้านและที่อยู่อาศัยเพื่อจัดการขั้นตอนการโอนกรรมสิทธิ์และปัดเศษส่วนของค่าใช้จ่าย ทั้งหมดรวมเป็นเงินหกล้านเจ็ดแสนห้าหมื่น
เฉินโจวอี้ยืนยันว่าเขาไม่ปล่อยให้พ่อแม่จ่ายเงินคนเดียว เขาใช้เงินช่วยเหลือครอบครัวที่เขาได้จากเมื่อวานี้มาจ่ายด้วย
ขณะที่ใช้เงินไปหกล้านเจ็ดแสนห้าหมื่น เงินฝากของเขาลดลงอย่างรวดเร็วจากเดิมที่มีอยู่แปดล้านสองแสนหกหมื่น เหลือเพียงหนึ่งล้านห้าแสนหนึ่งหมื่นเท่านั้น
….
ในที่สุดก็เสร็จซะที!
เฉินโจวอี้เดินเข้าไปในห้องนอนใหม่ของเขา
ตลอดทั้งวันเขากับพ่อและแม่ไปที่สำนักงานจัดการอาคารบ้านและที่อยู่อาศัยและในช่วงบ่ายก็ไปที่ห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ เพื่อซื้อพวกเฟอร์นิเจอร์เครื่องใช้ในบ้านผ้าปูที่นอนและของใช้ประจำวันที่ที่ต้องใช้
ร่างกายและใจไม่รู้สึกถึงความเหนื่อยล้า
อย่างไรก็ตามเมื่อมองดูบ้านที่ซื้อด้วยเงินช่วยเหลือครอบครัวของเขา เขาก็ยิ่งรู้สึกถึงความพอใจ
เฉินโจวอี้เอาเด็กหญิงเปลือกหอยออกมา
คนตัวยักษ์ทำไมคุณถึงเปลี่ยนที่อยู่หล่ะ? เธอพูดด้วยท่าทางที่เศร้าซึม
บางทีสำหรับเธอแล้วโรงแรมเป็นสถานที่ที่ดีที่สุด
ดูสิว่านี่คืออะไร เฉินโจวอี้พึมพำออกมา เขาวางโน๊ตบุ๊คบนโต๊ะคอมพิวเตอร์และกดเปิดสวิตซ์ไฟ
โน๊ตบุ๊คเครื่องนี้ถูกซื้อมาเมื่อตอนบ่ายพร้อมกับของใช้ในบ้าน เขาซื้อมาสองเครื่อง มีเขากับของเฉินซิงเยว่และเชื่อต่อกับเครือข่ายอินเตอเน็ตเรียบร้อยแล้วด้วย
เด็กหญิงเปลือกหอยมองด้วยความสงสัยก่อนเลย เพราะที่โรงแรมเป็นคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะและเธอไม่เคยเห็นโน๊ตบุ๊คแบบนี้มาก่อนเลย แต่ก็มีรูปหน้าจอที่คุ้นเคยอยู่
ใบหน้าของเธอแสดงความตื่นเต้นออกมา เธอใช่ตัวของเธอถูไปที่หลังมือของเฉินโจวอี้ ยกยอปอปั้นพูดว่า คนตัวยักษ์ที่ยิ่งใหญ่ สิ่งนี้มีแสงส่องสว่าง ต้องดูเป๊ปป้าพิคได้ใช่มั้ย?
เฉินโจวอี้มองแวบหนึ่งไปที่เด็กหญิงเปลือกหอย
สำหรับเธอเพื่อดูการ์ตูน ศักดิ์ศรีมันไม่จำเป็นเลยจริงๆ
เขาตั้งใจไม่สนใจเด็กหญิงเปลือกหอย เขาเปิดเว็บเพจและเริ่มค้นหาข่าว
ทันทีที่เขาเปิดไป เขาก็ถูกดึงความสนใจโดยข่าวที่น่าตื่นเต้นนั่น
อุโมงค์มิติขนาดยักษ์ที่ประเทศตงหนีถูกบุกรุกและเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศคือเมืองอู๋ชุ่ยได้ถูกบุกรุก รัฐบาลของตงหนีได้ออกคำร้องขอความช่วยเหลือทางทหารระหว่างประเทศอย่างเป็นทางการ”
เกิดเรื่องอะไรขึ้น?
กองทำลังทหารที่รักษาความปลอดภัยอุโมงค์มิตินั่นมีการป้องกันอย่างแน่นหนาจะหายไปได้อย่างไร
กำลังทหารของประเทศตงหนีนั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่าพลังของทหารต้าฟู่ที่ว่าแข็งแกร่งนักแข็งแกร่งหนา อย่างไรก็ตามความแข็งแกร่งก็เทียบกันไม่ได้อยู่แล้ว แต่ความสามารถปกป้องรักษาทางสัญจรช่องทางป้องกันนั้น ไม่มีข้อสงสัยแม้แต่น้อย มันชัดเจนอยู่แล้วว่าไม่มีปัญหา
ในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมาก้อนเมฆแห่งสงครามปกคลุมไปทั่วโลก แม้ว่ามันจะเป็นประเทศเล็ก ๆ ที่อ่อนแอที่ไม่มรอำรที่สามารถทำได้ แต่ก็นำต้องเงินเหรียญสุดท้ายในคลังทรัพย์สินของประเทศออกมาเพื่อเพิ่มจำนวนทหารให้ได้มากที่สุด
ยกตัวอย่างประเทศต้าฟู่ ทุกๆปีสัดส่วนการลงทุนทางทหารมี GDP สูงถึง 7% ต่อปีซึ่งยังคงลดลงในปีนี้และถูกแทนที่ด้วยเมื่อสิบห้าปีก่อนที่เพิ่มสูงถึง15%
เฉินโจวอี้เปิดหัวข้อข่าวแล้วอ่านอย่างรวดเร็ว หลังจากอ่านแล้วเขาพบว่าข้อมูลที่เปิดเผยในข่าวไม่มากเท่าไหร่ เพิ่งจะประกาศว่าประเทศต้าฟู่ตอบรับคำขอร้องขอความช่วยเหลือทางทหารจากประเทศตงหนีและส่งกองเรือรบทางทะเลจีนใต้ไป
สำหรับสาเหตุของการถูกบุกรุกและจำนวนผู้เสียชีวิตก็ยังคงไม่มีรายงานออกมา คาดว่ายังไม่มีใครรู้เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด
เฉินโจวอี้ไม่สนใจอะไรมาก อย่างไรก็ตามเรื่องที่เกิดขึ้นก็เกิดในประเทศเล็กๆที่ไม่รู้จักและไกลจากที่ที่เขาอยู่
นี่ไม่เห็นจะน่าดู ในเวลานี้เด็กสาวกระโดดขึ้นไปบนแป้นพิมพ์และตะโกนออกมา คนตัวยักษ์มาดูเป๊ปป้าพิคกันเถอะ!
เฉินโจวอี้ดึงสติกลับมา เขาจับเด็กหญิงเปลือกหอยมาไว้ข้างๆและพูดอย่างช่วยไม่ได้ ฉันจะเปิดให้เธอดูเดี๋ยวนี้แหละ
เขาเปิดการ์ตูนอย่างรวดเร็วจากนั้นก็วางเด็กหญิงเปลือกหอยหญิงไว้บนเตียงห่างจากโน๊ตบุ๊ค
….
หลังจากการวางเด็กหญิงเปลือกหอยแล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะเปิดเปิดแผงคุณสมบัติขึ้นมา
เกือบหนึ่งเดือนแล้วนับตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่เขาฝึกสามสิบหกกระบวนท่าเพิ่มสมรรถภาพทางกาย เขารู้ว่าหนังสือแห่งความรู้ได้สะสมพลังงานไว้ วันนี้ตอนบ่ายก็บรรลุถึงสามจุด ถ้าไม่ใช่เพราะวันนี้เขาออกไปข้างนอกมาเขาก็คงจะทนไม่ไหวแล้ว
จากนั้นเขาก็ไม่ลังเลที่จะเลือกเข้าสู่สมาธิเพื่อฝึกตนเพิ่มประสิทธิภาพครั้งที่สอง
ความฝันก็กลับมาอีกครั้ง
ในความฝันของเขานั่งขัดสมาธิ ยิ่งนั่งยิ่งทำให้ความคิดของเขาสงบลงมากขึ้นและการทำสมาธิของเขาลึกซึ้งยิ่งขึ้น
เขารู้สึกถึงบรรยากาศที่เงียบสงบอย่างค่อยเป็นค่อยไป
เงียบและสงบมาก
ดูเหมือนว่าเขาจะตกอยู่ภายใต้ความสงบในส่วนที่ลึกที่สุด ในเวลานี้เครือข่ายร่างกายของคนจะอยู่ที่”ปัจจุบัน”และค่อยๆพัฒนาไปอย่างช้าๆ
เริ่มต้นจากเส้นกล้ามเนื้อเล็กน้อยจะมีการเติมและจะค่อยๆเต็มรายละเอียดให้มีมากขึ้นเรื่อย ๆ จากนั้นค่อย ๆ แพร่กระจายไปยังอวัยวะภายในอื่นๆ …
ถ้าคุณบอกว่าภาพก่อนหน้าและการเพิ่มประสิทธิภาพเข้าสู่สมาธิเพื่อฝึกตนแตกต่างกันไม่เท่าไหร่ แต่รายละเอียดนั้นมีมากขึ้น แต่เมื่อเข้าสู่สมาธิเพื่อฝึกตนก็จะเริ่มต้นพัฒนาไปในทิศทางที่ละเอียดอ่อน
ดูเหมือนว่าร่างกายของเขาจะขยายใหญ่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง ราวกับเขากลายเป็นยักษ์ที่มีจิตใจเด็ดเดี่ยว แต่ว่าทัศนคติการมองยังคงเป็น 365 องศาและจิตใจยังไม่ชัดเจน เขาดูเหมือนจะมองเห็นเซลล์ที่ประกอบขึ้นเป็นร่างก่าย….
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น