Crazy Leveling System 310-316

 CLS ตอนที่ 310: ชั่วช้า


 


“ปล่อยตัวทุกคนอย่างงั้นเหรอ?” เย่ชิงเสวียนตกใจ


 


“ใช่แล้ว ปล่อยทุกคน เมื่อเป็นอย่างนี้ ทุกคนก็จะเอาแต่หาทางหนีกันให้วุ่น เมื่อถึงตอนนั้น ความวุ่นวายก็จะบังเกิด เป็นโอกาสดีที่พวกเราจะได้ทำลายคุกใต้พิภพนี้ทิ้งเสีย ดูสิว่าคราวนี้พวกมันจะยังทำชั่วได้อีกไหม!” สายตาของอี้เทียนหยุนเป็นประกายชั่วร้าย “กุญแจในคุกนี้พวกเราไม่มี แต่พวกผู้คุ้มกันย่อมต้องมีอย่างแน่นอน”


 


เนื่องจากผู้ฝึกตนที่ถูกขังในกรงนี้มีพลังค่อนข้างต่ำ ดังนั้นพวกผู้คุ้มกันที่รับหน้าที่ดูแลคุกส่วนนี้ย่อมต้องมีกุญแจอยู่กับตัวอย่างแน่นอน


 


“วิธีนี้ดีมาก แต่การปล่อยให้พวกเขาวิ่งมั่วๆ อย่างนั้น อาจจะทำให้พวกเขาถูกฆ่าเอาได้…..” เย่ชิงเสวียนคิดว่าวิธีนี้ออกจะโหดร้ายอยู่บ้าง จริงอยู่ว่าวิธีนี้อาจจะสร้างความวุ่นวายได้ แต่พวกเขาก็ต้องพบกับหายนะอยู่ดี


 


เนื่องเพราะพลังไม่สูงพอ เพียงแค่ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อแกนวิญญาณก็พร้อมที่จะจัดการพวกเขาได้อย่างไม่หนักแรงแล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่โหดเหี้ยมอย่างมาก


 


“ข้าพูดตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าจะใช้วิธีการโหดร้ายอย่างนั้นกับพวกเขา” อี้เทียนหยุนส่ายหัว “ก่อนจะปล่อยทุกคนออกมา แน่นอนว่าย่อมช่วยเหลือเผ่าภูตออกมาก่อน เพราะถ้าปล่อยทุกคนออกมาก่อน มันจะเป็นการแจ้งเตือนแก่ฝ่ายศัตรู หลังจากจัดการปัญหาของเราแล้ว ถึงตอนนั้นค่อยปล่อยผู้ฝึกตนที่เหลือออกมา ซึ่งผู้ฝึกตนพวกนี้ แน่นอนว่าย่อมเป็นศัตรูกับอาณาจักรใต้พิภพ เมื่อนั้น จำนวนของฝ่ายเราก็จะมีมากกว่าอีกฝ่าย!”


 


อี้เทียนหยุนยิ้มอย่างเย็นชา ที่นี่ขังผู้ฝึกตนไว้มากมายนัก สามารถจินตนาการได้เลยว่าหากผู้ฝึกตนทุกคนถูกปล่อยออกมา เมื่อนั้น ความขุ่นเคืองใจที่ได้รับจากอาณาจักรใต้พิภพจะต้องระเบิดออกมาอย่างแน่นอน


 


เขาทำได้เพียงปล่อยพวกเขาออกมาเท่านั้น ส่วนหลังจากนี้พวกเขาจะเป็นยังไงนั้น เขาไม่มีสิทธิ์ไปจัดการ


 


“นี่…. ถ้าอย่างนั้น พวกเรารีบไปจากที่นี่กันเลยแล้วกัน เขตกักกันวิญญาณอยู่ไม่ไกลจากนี้แล้ว” เย่ชิงเสวียนพาอี้เทียนหยุนเดินชิดกำแพงไปตามทาง รอบๆ มีหัวหน้าผู้คุ้มกันระดับก่อแกนวิญญาณอยู่ ดังนั้น การลอบเข้าไปนี้จึงไม่มีทางที่จะถูกอีกฝ่ายพบได้


 


อย่างราบรื่น โดยไร้ซึ่งอุปสรรค ในที่สุดพวกเขาก็ลอบผ่านออกมาได้อย่างง่ายดาย พร้อมกับเข้าใกล้เขตใหม่ ที่นี่ก็เป็นเหมือนกับเขตก่อนหน้า ในนี้มีห้องขังอยู่มากมาย เพียงแต่ผู้ฝึกตนที่ถูกขังอยู่ในนี้ต้องได้รับการคุ้มกันเป็นพิเศษ


 


พวกเขาไม่สามารถออกไปจากที่นี่ได้ ดังนั้นจึงทำได้เพียงใช้ชีวิตอยู่ในนี้เท่านั้น


 


ในขณะที่พวกเขากำลังเตรียมจะผ่านเขตนี้ไป ทันใดนั้น ประตูด้านหน้าก็เปิดออก พร้อมกับมีผู้ฝึกตนระดับก่อแกนวิญญาณเดินออกมา ยังไงก็ตาม เพิ่งจะเดินออกมาได้แค่ไม่กี่ก้าว ลำแสงสีแดงก็ปรากฏวาบขึ้นใกล้ๆ พร้อมกับแทงทะลุเข้าไปในหน้าอกของเขา


 


“ฉึก!”


 


ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อแกนวิญญาณคนนั้นดิ้นสักพัก จากนั้นก็ไร้ซึ่งลมหายใจ


 


“ติ๊ง ท่านสังหารผู้คุ้มกันคุกใต้พิภพสำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 270,000, ค่าความคลั่ง 3,400, ค่าความชั่ว 200, ได้รับวิชากรงเล็บคุกปีศาจ, สับให้แหลก, ได้รับไอเทม กระบี่เป้าลี่, เม็ดยาฟื้นฟู”


 


นอกจากผู้คุ้มกันคนนี้ก็ไม่มีใครอีก เขาทำการลากร่างอีกฝ่ายเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว พร้อมกับรีบปิดประตูลง หลังจากปิดประตูเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็ทำการเดินแนบชิดกำแพงเพื่อไปยังเขตต่อไปอย่างรวดเร็ว


 


“ความสามารถของเจ้าช่างเชี่ยวชาญนัก…..” เย่ชิงเสวียนรู้สึกพูดไม่ออก ความสามารถในการลอบสังหารนี้ถือเป็นระดับชั้นหนึ่งเลยทีเดียว ขณะที่เธอเพิ่งจะรู้ตัว อี้เทียนหยุนก็ทำการจัดการอีกฝ่ายเรียบร้อยแล้ว


 


“ก็แค่งั้นๆ ….. แต่ถ้ามีคนเกิน 3-4 คน อย่างนั้นพวกเขาคงทำได้แค่หลบไปก่อน!” ก่อนหน้านี้อี้เทียนหยุนก็อยากจัดการกับผู้คุ้มกัน 5 คนนั้นเหมือนกัน ที่นี่มีห้องอยู่มากมาย หลังจากสังหารพวกนั้นแล้ว เขาสามารถลากอีกฝ่ายเอาไปซ่อนไว้ข้างในได้ ทำให้ยากที่จะหาเจอ


 


แต่เนื่องจากพวกเขามีคนมาก เขาจึงไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะสามารถจัดการพวกเขาทั้งห้าได้ในทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องฆ่าโดยที่ไม่เกิดเสียงด้วย ถ้าเกิดพวกเขาสังเกตเห็นล่ะก็ ผู้คุ้มกันพวกนั้นจะต้องทำการแจ้งออกไปอย่างแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้น แผนการของพวกเขาก็จะยากลำบากขึ้น เพราะงั้น ถ้ามีกันแค่คนสองคนแบบนั้นจะจัดการง่ายกว่า เพราะเขามั่นใจว่าจะสามารถจัดการอีกฝ่ายได้โดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว ไม่ให้อีกฝ่ายได้มีโอกาสแจ้งไปให้ผู้คุ้มกันคนอื่นๆ รู้


 


“ไม่มีปัญหา!” เย่ชิงเสวียนพยักหน้า เธอก็มีความตั้งใจแบบนี้เช่นกัน


 


ถ้าอี้เทียนหยุนไม่จัดการผู้คุ้มกันคนนั้นก่อน เย่ชิงเสวียนก็จะเป็นคนลงมือเอง ผู้คุ้มกันพวกนี้ล้วนแต่เป็นสวะมาเกิด แต่ละคนล้วนแต่เป็นพวกที่ใจคอโหดเหี้ยม เห็นได้ชัดจากค่าความชั่วที่ได้มาหลังจากสังหาร มีผู้ฝึกตนมากมายต้องรับเคราะห์จากฝีมือพวกมัน ดังนั้นค่าความชั่วที่ได้จึงมากเป็นธรรมดา


 


หลังจากวางแผน พวกเขาก็เริ่มการกำจัดในทันที หลังจากส่งสัมผัสวิญญาณออกไป เมื่อพบว่าห้องไหนมีผู้คุ้มกันอยู่ พวกเขาก็จะเปิดประตูเข้าไปจัดการอีกฝ่ายในทันที มีแต่ทำอย่างนี้ การหลบหนีของพวกเขาจึงจะปลอดภัยขึ้น ทั้งยังช่วยให้ผู้ฝึกตนที่พวกเขาจะปล่อยหลังจากนี้มีโอกาสรอดมากขึ้นด้วย


 


หลังจากเดินมาได้สักพัก พวกเขาก็มาเจอกับเส้นทางที่มีการขวางกั้นไม่ให้เข้าไป


 


“เตรียมตัวไว้ เขตถัดไปนี้ไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่…..” เย่ชิงเสวียนเคยมาที่นี่มาก่อน แต่ว่าหลังจากนั้นมีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง เธอไม่แน่ใจ


 


หลังจากนั้น ขณะที่พวกเขาทำการเดินเข้าไปยังเส้นทางที่นำไปยังเขตถัดไป กลิ่นของเลือดที่เข้มข้นก็โชยออกมา พร้อมกับเสียงร้องโหยหวนที่ดังออกมาอย่างต่อเนื่อง


 


พวกเขาพากันยื่นหัวออกไปดู ที่ปรากฏต่อสายตาของพวกเขาคือกรงขังแต่ละกรง ในนั้นมีผู้ฝึกตนที่ต้องประสบกับเรื่องราวที่บ้าคลั่ง บ้างก็ถูกทรมานด้วยเครื่องมือต่างๆ ไม่ก็ต้องถูกเล่นงานด้วยพิษร้ายนานาชนิด ที่กำลังกัดกร่อนร่างกายของพวกเขาไม่หยุด


 


อี้เทียนหยุนกวาดตามองพวกเขา ผู้ฝึกตนพวกนี้ล้วนแต่มีระดับที่ไม่ต่ำเลย แต่ละคนล้วนมีพลังไม่ต่ำกว่าระดับก่อแกนวิญญาณ ส่วนพวกที่มีพลังสูง มีพลังถึงระดับผันแปรวิญญาณเลยด้วยซ้ำ!


 


“ที่นี่เป็นที่คุมขังไว้เพื่อทรมาน ไม่รู้ว่าท่านบรรพชนอยู่ในนี้ด้วยหรือเปล่า!?” ในใจเย่ชิงเสวียนรู้สึกเครียด สายตาเธอมองกวาดไปด้านหน้า แต่ก็ไม่เห็นว่ามีห้องขังไหนที่มีร่างท่านบรรพชนอยู่ แต่ก็ไม่ได้ทำให้เธอวางใจ คงต้องไปดูที่เขตอื่น


 


ยังไงก็ตาม การที่ต้องมาเห็นคนจำนวนมากถูกทรมานอย่างนี้ก็ทำให้ในใจของเธอบีบรัด คนของอาณาจักรใต้พิภพรพวกนี้จะโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว ทรมานพวกเขาเพื่อเค้นความลับจากปากของอีกฝ่าย หลังจากที่อีกฝ่ายอ่อนกำลัง ก็จะใช้วิชาครวญวิญญาณเข้าไปซ้ำ


 


วิชาครวญวิญญาณนี้ไม่ได้ใช้งานง่ายขนาดนั้น ถ้าหากใช้ตอนที่พลังวิญญาณของอีกฝ่ายยังแข็งแกร่งอยู่ ก็ยากที่จะได้ความลับอะไรมาก


 


“เจ้าพวกสารเลวนี่! นั่นมันผู้อาวุโสใหญ่ของวังเฉาเทียน(พลิกสวรรค์)….. นั่นก็ผู้อาวุโสของวังฟ่านเทียน(นิพพาน), นั่นก็ผู้อาวุโสวังเลี่ยนตาน(กลั่นโอสถ)…. แล้วยังมีบางคนที่เป็นผู้อาวุโสจากตระกูลใหญ่ ที่แท้พวกเขาก็ถูกจับตัวมาเพื่อเค้นความลับนี่เอง!” เย่ชิงเสวียนกัดริมฝีปากแน่น หวังว่าตัวเองจะสามารถเข้าไปสังหารพวกมันได้


 


มีบางขุมอำนาจที่มีความสัมพันธ์อันดีกับเผ่าภูต นี่ทำให้เธอโกรธเป็นอย่างมาก


 


ในตอนี้เอง อี้เทียนหยุนก็ได้ยื่นมือเข้ามาปลอบเธอ ขณะที่สายตาเต็มไปด้วยจิตสังหารไม่ต่างกัน “หลังจากช่วยพวกบรรพชนได้ พวกเราจะสังหารพวกมันทิ้งให้หมด ทำลายคุกใต้พิภพแห่งนี้ทิ้งซะ!”


 


“อืม!” เย่ชิงเสวียนพยักหน้ารับแรงๆ แล้วพูดว่า “ด้านหน้าเป็นเขตกักกันวิญญาณแล้ว เผ่าภูตของพวกเราจะต้องถูกขังอยู่ในนั้น ไม่มีทางเป็นที่อื่นอย่างแน่นอน!”


 


“ที่นี่คงต้องปล่อยไปก่อน เมื่อถึงเวลา พวกเราจะทำลายคุกใต้พิภพนี้ทิ้งอย่างแน่นอน!” อี้เทียนหยุนได้เห็นถึงความโหดเหี้ยมของอีกฝ่ายมาตลอดทาง แต่กลัวว่านี่จะเป็นเพียงยอดของภูเขาน้ำแข็งเพียงเท่านั้น


CLS ตอนที่ 311: สายตาแห่งความหวัง


 


“ติ๊ง ท่านยินดีจะรับภารกิจรอง “ทำลายคุกใต้พิภพ ช่วยเหลือนักโทษทุกคน” หรือไม่?”


 


ขณะที่พวกเขากำลังจะเดินหน้าต่อ ก็พลันมีเสียงระบบดังขึ้นมาจนเขาตกใจ


 


“มีภารกิจรองด้วยอย่างงั้นเหรอ? รับ!” อี้เทียนหยุนไม่คิดอะไรมาก เลือกรับภารกิจนี้ในทันที


 


นี่เป็นสิ่งที่เขาอยากจะทำอยู่แล้ว ยิ่งมีภารกิจขึ้นมายิ่งต้องทำให้ได้ แต่ทำไมถึงปล่อยภารกิจนี้ออกมากัน? โดยเฉพาะอย่างยิ่งภารกิจในปัจจุบัน รางวัลที่ได้ล้วนแต่มากมายมหาศาล เมื่อเป็นอย่างนี้ เขาก็ยิ่งต้องทำให้สำเร็จ


 


แต่ว่าถ้าไม่สำเร็จล่ะ จะมีบทลงโทษอะไรไหม แล้วถ้าสำเร็จ รางวัลที่ได้จะเป็นอะไร?


 


“ติ๊ง ท่านรับภารกิจ “ทำลายคุกใต้พิภพ ช่วยเหลือนักโทษทุกคน” สำเร็จ เมื่อสำเร็จจะได้รับค่าประสบการณ์ 50 ล้าน, ค่าความคลั่ง 100,000, ค่าความชั่ว 10,000, ค่าความดี 200, ค่าบัญชาการ 100!”


 


เป็นรางวัลที่ไม่ได้ไอเทมเป็นของรางวัล แต่แค่ค่าต่างๆ ที่ได้ก็เพียงพอแล้ว นับได้ว่าใจกว้างสุดๆ ไม่เพียงแต่ค่าประสบการณ์จะมากมาย กระทั่งค่าต่างๆ ก็มากด้วย พูดตรงๆ แล้วก็ทำให้เขาค่อนข้างพอใจเช่นกัน เพราะถึงยังไงนี่ก็เป็นสิ่งที่เขาอยากจะทำอยู่แล้ว เมื่อมีของรางวัลให้ด้วย เขาก็ไม่มีอะไรต้องบ่น


 


“ดีล่ะ ดูเหมือนว่ากระทั่งสวรรค์ยังอยากให้ข้าจัดการพวกเจ้า!” อี้เทียนหยุนยิ้มอย่างเย็นชา


 


อย่างรวดเร็ว ภายใต้การนำของเย่ชิงเสวียน พวกเขาก็เดินทางเดินยาวอีกครั้ง พร้อมทั้งทำการเก็บกวาดผู้คุ้มกันไปตลอดทาง ทำให้ตลอดเส้นทางกลายเป็นว่างเปล่า โชคดีที่ระหว่างทางไม่เจอระดับขุนพล ไม่อย่างนั้นคงเป็นปัญหาแล้ว


 


แน่นอนว่าขุนพลมังกรย่อมไม่อยู่ที่นี่ ใครมันจะบ้าส่งตัวตนระดับนั้นมาเดินตรวจตราคุกแห่งนี้กัน?


 


“ตรงหน้านี้ก็เป็นเขตกักกันวิญญาณแล้ว” น้ำเสียงของเย่ชิงเสวียนกลายเป็นแผ่วเบาและลึกล้ำ


 


“แล้วเขตกักกันวิญญาณนี้จะไม่ส่งผลต่อพวกเราอย่างงั้นเหรอ?” อี้เทียนหยุนถาม


 


“ไม่ มีแต่คนที่ถูกโซ่ล่ามไว้เท่านั้นถึงจะได้รับผลจากเขตกักกันวิญญาณ คนนอกจะไม่ได้รับผลกระทบอะไร ยิ่งกว่านั้นต้องใช้ร่วมกับโซ่ด้วยถึงจะได้ผล เพราะงั้นจึงไม่ส่งผลอะไรกับพวกเรา” เย่ชิงเสวียนตอบ


 


อี้เทียนหยุนพยักหน้า จากนั้นก็ตามเธอไป


 


เมื่อพวกเขาเดินมาถึงที่มุม อี้เทียนหยุนก็ชะโงกหน้ามองดูเขตกักกันวิญญาณแห่งนี้ ที่นี่ไม่ได้ต่างอะไรไปจากเขตอื่นเลย ทั้งสี่ทิศแปดทางล้วนแต่เต็มไปด้วยกรงขัง เพียงแต่ที่นี่ล้วนแต่เต็มไปด้วยค่ายกล ที่ทำการจำกัดพลังวิญญาณอยู่ตลอดเวลา


 


เมื่อไม่มีพลังวิญญาณก็ไม่ต้องไปพูดถึงการฟื้นฟูพลังวิญญาณเลย แล้วยิ่งไม่ได้รับยาฟื้นฟูด้วยแล้ว จึงไม่มีทางที่จะฟื้นคืนพลังกลับมาได้ ในคุกแห่งนี้เป็นที่ที่ใช้สำหรับกักขังคนของเผ่าภูต พวกเขาล้วนแต่ถูกขังอยู่ข้างใน ใบหน้าของพวกเขาดูซูบตอบและซีดเซียว แต่ก็ดูเหมือนไม่ได้รับการทรมานอะไร แต่เพราะที่นี่ไม่มีพลังวิญญาณเหลืออยู่ ดังนั้นสำหรับพวกเขาแล้ว นี่จึงเหมือนกับการทรมานที่ไม่ต่างจากตายทั้งเป็น


 


เพราะการมีอยู่ของพลังวิญญาณทำให้พวกเขาไม่จำเป็นต้องกินต้องดื่มก็สามารถมีชีวิตอยู่ได้เวลานาน แต่ในเมื่อตอนนี้ไม่มีพลังวิญญาณแล้ว จึงทำให้พวกเขามีสภาพอดอยาก ใบหน้าซูบตอบและซีดเซียว ราวกับไม่ได้กินหรือดื่มอะไรมาหลายวัน


 


อี้เทียนหยุนกวาดตาดูรอบๆ แล้วก็พบว่าเผ่าภูตที่ถูกขังอยู่ที่นี่มีอยู่มากมายนัก คร่าวๆ มีไม่ต่ำกว่าร้อยคน แต่เดิมแล้วเผ่าภูตก็มีประชากรไม่มากอยู่แล้ว จำนวนร้อยกว่าคนนี้แทบจะนับได้เป็นประชากรส่วนหนึ่งของเผ่าภูตแล้ว ดังนั้นจำนวนนี้จึงไม่ใช่น้อยๆ เลย


 


ยิ่งกว่านั้น ไม่ว่าจะเด็กหรือคนแก่ล้วนแต่ถูกขังอยู่ในนี้ แต่ทางด้านของเด็กดูเหมือนจะร้ายแรงกว่า พวกเขาเหมือนกับเป็นแขนขาของเผ่า แต่ตอนนี้สภาพของพวกเขากลับเหมือนกับเป็นอัมพาต ไม่สามารถพูดได้แม้แต่ครึ่งคำ ไม่เหมือนเด็กทั่วไปต้องกระโดดโลดเต้น เต็มไปด้วยความสุข


 


เผ่าภูตที่อยู่ในนี้ดูท่าทางราวกับคนที่หมดหวัง ไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ซึ่งนี่เป็นผลมาจากการขาดแคลนพลังวิญญาณอย่างสาหัส


 


“ขอร้องล่ะ ให้เด็กๆ ได้กินอะไรบ้าง พวกเขาจะทนไม่ไหวแล้ว…..” มีคนของเผ่าภูตเริ่มอ้อนวอน พวกเขาไม่ได้ร้องขออาหารเพื่อตัวเอง แต่ร้องขออาหารเพื่อเด็กๆ


 


พวกเขายังพอที่จะสามารถทนต่อไปได้ แต่กับเด็กๆ พวกเขาไม่สามารถทนต่อไปได้แล้ว ระดับของพวกเขายังต่ำ ทำให้ไม่สามารถทนได้นานเหมือนกับพวกผู้ใหญ่


 


“ฮ่าๆ อยากจะกินอย่างงั้นเหรอ?” ผู้คุ้มกันเดินเข้ามาพร้อมกับของกิน ขณะที่ส่ายของพวกนั้นต่อหน้าพวกเขา การกระทำนี้ทำให้เด็กๆ ที่อยู่ในอ้อมกอดของพ่อแม่พวกเขาตาเป็นประกาย แต่พวกเขาก็ไม่ได้ขยับ ยังคงนั่งอยู่ในอ้อมกอดของพ่อแม่พวกเขาต่อไป


 


หลังจากนั้น ผู้คุ้มกันที่อยู่หน้าห้องขังก็ทำการกินอาหารพวกนั้น พร้อมกับพูดอย่างเยาะเย้ยว่า “ถ้าอยากจะกินก็เข้าร่วมกับอาณาจักรใต้พิภพของพวกเราพร้อมกับยอมทำงานให้พวกข้าสิ!”


 


เผ่าภูตที่อยู่ในกรงขังต่างก็มองดูลูกของพวกเขา แต่ในขณะที่กำลังจะเอ่ยปากพูดอะไรนั้น ลูกของพวกเขาก็ได้ดึงพวกเขาไว้ แล้วพูดว่า “ท่านพ่อ ท่านแม่…. อย่าได้รับปากพวกมัน พวกเราต้องทนไว้ พวกเราเชื่อว่าเสิ้งหนี่ต้าเหรินจะต้องกลับมาช่วยพวกเราอย่างแน่นอน….”


 


“ลูกเอ๊ย….”


 


พวกเขาพากันน้ำตาไหลออกมาเงียบๆ พวกเขาก็ไม่อยากจะทำตามคำสั่งของอาณาจักรใต้พิภพเช่นกัน แต่ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป เด็กๆ พวกนี้ก็จะต้องตาย เมื่อถึงตอนนั้น ต่อให้เสิ้งหนี่ต้าเหรินจะมาช่วย ก็คงไม่มีความหมาย


 


เมื่อผู้คุ้มกันเห็นพวกเขาไม่ยินยอมก็พลันขู่คำรามด้วยความโกรธ “ช่างมีจิตใจที่แข็งแกร่งจริงๆ เลยนะ!”


 


เขาคำรามออกมาเสียงดัง จากนั้นก็โยนอาหารในมือทิ้ง ขณะที่สีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ


 


“ต้าเหริน ได้โปรดใจเย็นก่อน พวกมันจะต้องยอมจำนนในเร็วๆ นี้อย่างแน่นอน!” ผู้คุ้มกันที่อยู่ใกล้ๆ พูดปลอบ


 


“ก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น!” ต้าเหรินแค่นเสียงออกมา “พวกมันไม่ยอมจำนน ทั้งยังไม่ยอมกินยาพิษนี้อีก เสียดายที่ข้าไม่มีกุญแจ ไม่อย่างนั้นข้าคงต้องเขาไปอัดพวกมันสักตุ้บ! ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป แล้วเมื่อไหร่พวกมันถึงจะยอมจำนนสักที?”


 


ใบหน้าของสวี่ชางเต็มไปด้วยความกังวล เขามาที่นี่เพื่อขู่ขวัญพวกมันไม่หยุด แต่ก็ไม่สามารถเข้าไปจัดการกับพวกมันได้ ไม่มีกุญแจในมือ แล้วจะให้เขาเปิดประตูได้ยังไง?


 


“ไม่ต้องกลัว เมื่อขุนพลมังกรมาถึง พวกเราก็แค่รายงานเรื่องนี้ตามจริง เมื่อถึงตอนนั้น…. ข้าจะจัดการลากตัวลูกของพวกมันออกมา ข้าไม่เชื่อว่าพวกมันจะไม่ยอมจำนน!” บนใบหน้าของพวกเขาล้วนแต่เต็มไปด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย ตราบเท่าที่ควบคุมลูกของพวกมันได้ พวกเขาก็ไม่กลัวว่าพวกมันจะไม่ยอมจำนน!


 


“เรื่องนี้เป็นไปได้ พวกมันถูกขังอยู่ในนี้มานานแล้ว ไม่รู้ว่าทางฝั่งพวกใช้พิษได้ข่าวว่ายังไงบ้าง….” สวี่ชางส่ายหัว “ข้าจะไปดูสักหน่อย พวกเจ้าเฝ้าตรงนี้ไว้ให้ดี”


 


“ครับ ต้าเหริน!”


 


ขณะที่เขาหมุนตัวเตรียมจากไป ลำแสงเย็นเยียบก็ปรากฏขึ้นข้างหลังพวกเขา พร้อมกับประกายแสงสีแดงและเงินตกลงบนร่างของสวี่ชางและผู้คุ้มกัน ผู้คุ้มกันที่อยู่ใกล้ๆ เบิกตาโพลง ไม่รู้ว่ามีคนสองคนปรากฏตัวขึ้นมาข้างๆ พวกเขาตั้งแต่เมื่อไหร่!


 


“เจ้าเป็น…..”


 


“ฉวะ!”


 


พูดไม่ทันจบประโยค ประกายแสงสีแดงก็วูบผ่านร่างของพวกเขา ทำให้พวกเขาต้องตาเบิกโพลง ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น จากนั้นก็สติดับวูบไปในทันที


 


ในตอนนี้เอง คนที่ปรากฏตัวขึ้นก็คือเย่ชิงเสวียนและอี้เทียนหยุนนั่นเอง ในสายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความโกรธ! ในขณะที่พวกเขาไม่ได้สนใจ ทั้งสองก็ได้ทำการลอบเข้ามาโจมตีในทันใด พร้อมกับจัดการสังหารพวกมันทั้งสองอย่างสมบูรณ์แบบ


 


“สะ เสิ้งหนี่ต้าเหริน….” เผ่าภูตที่อยู่ในห้องขังสายตาพลันเป็นประกายขึ้นมา เป็นสายตาที่เต็มไปด้วยประกายแห่งความหวัง!


CLS ตอนที่ 312: ช่วยชีวิต


 


ในจังหวะที่พวกเขากำลังสิ้นหวัง ทันใดนั้นก็ปรากฏร่างที่คุ้นเคยขึ้นตรงหน้าพวกเขาพร้อมกับอีกร่างหนึ่ง ในสายตาของพวกเขาตอนนี้ ผู้มาใหม่ทั้งสองคนนี้ มีร่างกายที่ดูยิ่งใหญ่มาก!


 


“เสิ้งหนี่ต้าเหริน…. เสิ้งหนี่ต้าเหรินมาช่วยพวกเรา……”


 


“เป็นเสิ้งหนี่ต้าเหรินจริงๆ….. มนุษย์? มนุษย์คนนี้แท้จริงแล้วเป็นใครกัน…..”


 


“ดี ในที่สุดเสิ้งหนี่ต้าเหรินก็มาช่วยพวกเรา…..”


 


พวกเขาในที่สุดก็มีแรงฟื้นคืนมา เมื่อมองเข้าไปในตาของพวกเขา ทุกคนต่างก็เต็มไปด้วยความหวัง


 


“อย่าเสียงดังไป เดี๋ยวจะทำให้พวกผู้คุมคนอื่นรู้ตัว” เย่ชิงเสวียนบอกให้พวกเขาอย่าพูดเสียงดัง ที่จริงแล้วพวกเขาก็ไม่มีทางที่จะพูดเสียงดังได้ เอาแค่สามารถลุกขึ้นก็ดีแค่ไหนแล้ว จะไปเอาแรงที่ไหนมาพูดเสียงดังกัน


 


พวกเขาพยักหน้า ยอมรับคำกล่าวของเธอ พวกเขาพากันลดเสียงลง ไม่กล้าพูดอะไรอีก


 


เย่ชิงเสวียนพยักหน้าให้อี้เทียนหยุน บอกให้เขาเปิดประตูนี้ออก ไม่อย่างนั้นคงไม่สามารถช่วยพวกเขาออกมาได้


 


“ต้องสำเร็จ ต้องเปิดประตูนี้ให้ได้นะ…..” เย่ชิงเสวียนภาวนา ปากของเธอพึมพำเบาๆ เธอไม่อยากให้ความหวังของทุกคนกลายเป็นแค่ภาพลวงตา


 


พวกเขาสิ้นหวังกันมาพอแล้ว นี่เป็นความหวังสุดท้าย เธอไม่อยากให้พวกเขาผิดหวังอีก กว่าจะเข้ามาถึงนี่ได้นับว่าเหนื่อยยากมาก ถ้ามาล้มเหลวเอาตอนสุดท้าย เธอก็ไม่รู้ว่าจะรับมือกับความผิดหวังนี้ยังไง


 


“ไม่ต้องกังวล มันจะต้องสำเร็จอย่างแน่นอน” อี้เทียนหยุนตบไหล่เธอ จากนั้นก็เสียบกุญแจเข้าไป


 


กุญแจคุกนี้เหมือนไม่ได้ซับซ้อนอะไร เพียงแค่เสียบลูกกุญแจเข้าไปแล้วไข ก็สามารถเปิดมันออกมาได้ง่ายๆ หลังจากเขาบิดลูกกุญแจ เสียง “แกรก” ก็ดังออกมา พร้อมๆ กับประตูที่เปิดออก


 


ประตูที่ปิดสนิทค่อยๆ เปิดออกอย่างช้าๆ จนปรากฏเป็นช่องว่างขนาดใหญ่


 


เมื่อเย่ชิงเสวียนเห็นภาพนี้ หัวใจของเธอก็ราวกับจะโบยบิน สามารถเปิดประตูนี้ได้จริงๆ!


 


“เปิดแล้ว ประตูเปิดแล้ว…..” หินขนาดใหญ่ที่กดทับในใจเย่ชิงเสวียนพลันเบาลงครึ่งหนึ่ง


 


นี่เป็นแค่เพียงขั้นแรกเท่านั้น การช่วยเหลือคน ต้องพาพวกเขาออกไปจากที่นี่ได้อย่างปลอดภัยเสียก่อนถึงจะถือว่าแล้วเสร็จ จะให้อี้เทียนหยุนนำพวกเขาเข่นฆ่าออกไป หรือว่าพาพวกเขาเคลื่อนย้ายในพริบตาก็คงจะเป็นไปไม่ได้ ถ้าแค่คนสองคนก็ยังดี แต่ถ้าคนเป็นร้อยแล้วล่ะก็ ไม่มีทางที่เขาจะมาถึงตรงนี้ได้อย่างแน่นอน


 


“ข้าก็บอกแล้วว่าเปิดได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นห่วง” อี้เทียนหยุนไม่ได้กังวลตั้งแต่แรกแล้ว เขารีบเปิดประตูห้องขังทุกห้อง ปล่อยคนของเผ่าภูตออกมาอย่างรวดเร็ว


 


พวกเขาต่างก็พากันมองมาที่เขาด้วยสายตาเป็นประกาย จากสายตาของอี้เทียนหยุนที่มองไปยังพวกเขา ทำให้เห็นว่าค่าความชอบของพวกเขาที่มีต่อเขาพลันเพิ่มขึ้นในพริบตา เขาช่วยคนที่กำลังหมดหวัง การเปิดประตูของอี้เทียนหยุนทำให้ค่าความชอบของพวกเขาเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ


 


เมื่อพวกเขาออกมาแล้ว อี้เทียนหยุนก็หยิบเม็ดยาจำนวนมากออกมาให้พวกเขา แล้วพูดว่า “กินยานี่ซะ มันจะช่วยเพิ่มพลังวิญญาณให้กับพวกเจ้าได้อย่างรวดเร็ว”


 


เขามียาอยู่มากมายที่ได้มาจากการแย่งชิงจากคนอื่น ทำให้เขามียาดีๆ เก็บไว้มากมาย แต่ว่าน่าเสียดายที่ยาพวกนี้ไม่สามารถเพิ่มค่าประสบการณ์ให้กับเขาได้ ดังนั้นมันจึงยังค้างอยู่ในช่องเก็บของของเขา ไม่คิดว่าของเหลือของเขาจะกลายเป็นของช่วยชีวิตของทุกคนในนี้


 


“ขอบคุณ ขอบคุณมาก…..”


 


พวกเขารู้สึกตื้นตัน รีบกลืนยาเข้าไปอย่างไว พวกเขามอบยาให้กับพวกเด็กๆ ก่อน จากนั้นพวกเขาจึงค่อยกินตามหลัง พริบตา อาการของพวกเขาก็ดีขึ้นมาก แม้ว่าจะไม่ได้หายขาดในทันที แต่อย่างน้อยพอจะมีแรงขึ้น เริ่มมีแรงพูดจาแล้ว


 


พลังวิญญาณเป็นพื้นฐานฝึกตนของพวกเขา ดังนั้น หลังจากฟื้นฟูพลังวิญญาณกลับมา ก็ดูเหมือนพวกเขาจะสดชื่นขึ้นมาก


 


หลังจากการกระทำนี้ ทำให้ค่าความชอบของพวกเขาที่มีต่ออี้เทียนหยุนเพิ่มขึ้นอีกจนเขาตกใจ เพียงแค่การกระทำง่ายๆ ก็ทำให้ค่าความชอบที่มีต่อเขาเพิ่มมากขึ้นเกินร้อยแล้ว การช่วยคนในยามสิ้นหวังนี้ เป็นวิธีเพิ่มค่าความชอบที่ง่ายดายอย่างยิ่ง


 


“เจ้าหนู เจ้านี่ช่างฉลาดจริงๆ เมื่อเป็นอย่างนี้ พวกเขาจะต้องสนับสนุนเจ้าขึ้นเป็นราชาภูตอย่างแน่นอน” เย่ชิงเสวียนส่งเสียงผ่านลมปราณพูดกับอี้เทียนหยุน


 


อี้เทียนหยุนยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้ ตอนเขาทำเขาไม่ได้คิดถึงผลลัพธ์แบบนี้ด้วยซ้ำ เขาแค่คิดว่าพวกเขากำลังต้องการยา โดยเฉพาะพวกเด็กๆ ที่ยิ่งได้รับการรักษาเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี แต่ไม่คิดว่าการกระทำนี้ของเขาจะสามารถเพิ่มค่าความชอบให้กับตนเองได้มากมายขนาดนี้


 


เรื่องนี้แม้จะเกิดคาดอยู่บ้าง แต่เมื่อคิดดูดีๆ แล้ว นี่ก็เป็นเรื่องที่ธรรมดามากเช่นกัน


 


จากนั้นเขาก็ช่วยถอดโซ่ตรวนให้กับพวกเขา การจะถอดโซ่ตรวนนี้ไม่ต้องทำอะไรมาก เพียงแค่สัมผัสที่ค่ายกลที่สลักไว้บนนั้นเบาๆ ก็ทำให้โซ่นี้ถอดออกได้อย่างง่ายดายแล้ว


 


“เสิ้งหนี่ต้าเหริน ท่านบรรพชนเขาถูกพาไปทางด้านนั้น ไม่รู้ว่าเป็นยังไงบ้างแล้ว ท่านรีบไปช่วยท่านบรรพชนเร็วเข้าเถิด!” จากนั้นก็มีเผ่าภูตคนหนึ่งพูดออกมาอย่างรีบร้อน


 


“ได้ พวกข้าจะไปดู พวกเจ้ารออยู่ที่นี่ดีๆ รักษาร่างกายไว้ รอพวกข้ามาพาพวกเจ้าออกไปจากที่นี่พร้อมกัน!” เย่ชิงเสวียนบอก


 


พวกเขาพยักหน้า จากนั้นก็นั่งพักผ่อน หลังจากดูสถานการณ์รอบๆ แล้ว ตราบเท่าที่ไม่ใช่ผู้คุมที่แข็งแกร่งมาก พวกเขาในตอนนี้สามารถจัดการได้อย่างง่ายดาย


 


พวกเขาพากันมองหน้ากัน จากนั้นก็พุ่งทะยานไปทางที่เผ่าภูตคนนั้นบอก หลังจากผ่านมาหลายเลี้ยว พวกเขาก็ได้ยินสบถด้วยความโกรธดังมา “เจ้าแก่ ไม่คิดว่าเจ้าจะดื้อขนาดนี้ ขนาดให้พิษที่ทำลายสติอย่างแรงเข้าไปยังทนได้อีก ไม่เสียทีที่เป็นถึงบรรพชนของเผ่าภูต แต่ต่อให้ระดับของเจ้าจะสูงแค่ไหน เมื่ออยู่ต่อหน้าข้าก็ไม่ต่างไปจากสัตว์ที่รอวันจะถูกเชือด”


 


พวกเขาพากันมองไปทางด้านนั้น ทันใดนั้นก็เห็นชายชราถึงตรึงอยู่บนกำแพง ท่ามกลางความมืด มองเห็นร่างกายที่กำลังสั่นไม่หยุด แต่ว่าในสายตากลับไม่ปรากฏถึงความเจ็บปวดอะไร มันยังคงสงบ


 


“เฟิงอู๋หยุน หัวใจเจ้าคงตายไปแล้วสินะ ไม่มีทางที่เจ้าจะได้ความลับของเผ่าภูตไปจากตัวข้า คิดจะใช้ยาพิษเพื่อกัดกร่อนสติสัมปชัญญะของข้า จากนั้นก็ใช้วิชาครวญวิญญาณ? คิดง่ายไปแล้ว!” บรรพชนเผ่าภูตแค่นเสียงออกมา สีหน้าของเขาดูแล้วไม่ค่อยมั่นคง แต่ยังสามารถประคองสติเอาไว้ได้


 


ตัวเขามีพลังถึงระดับวิญญาณเที่ยงแท้ พูดได้ว่ามีโอกาสที่จะขึ้นสู่ระดับราชาวิญญาณ แต่เพราะว่าชราเกินไป ความตายกลายใกล้เข้ามา ทำให้ระดับพลังของเขาตกลง แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น พลังของเขาก็ยังน่าสะพรึงอยู่ดี ถ้าไม่ใช่เพราะตกลงสู่กับดักของอีกฝ่าย เขาคงไม่ต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์นี้


 


ธนูเปิดเผยง่ายที่จะหลบ ธนูลับยากหลีกเลี่ยง นี่ก็คือความจริง ต่อให้จะมีพลังระดับสูงแค่ไหน แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับแผนการที่วางมาอย่างดี แข็งแกร่งไปก็ไร้ความหมาย


 


“น่าขำ ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะทนต่อไปได้นานนักหรอก!” เฟิงอู๋หยุนหัวเราะเยาะออกมา จากนั้นก็หยิบขวดยาพิษขึ้นมา เตรียมจะยัดใส่ปากบรรพชนเผ่าภูต


 


“เฟิงอู๋หยุน เจ้ากล้า!”


 


ในตอนนี้เอง เย่ชิงเสวียนพลันพุ่งเข้าไปด้วยความรวดเร็ว ยืนอยู่นอกกรงขัง พร้อมกับมองไปยังเฟิงอู๋หยุนที่อยู่ข้างในอย่างเย็นชา


 


เฟิงอู๋หยุนและบรรพชนเผ่าภูตถูกขังอยู่ในห้องขัง อย่าว่าแต่บรรพชนเผ่าภูตเลย กระทั่งเฟิงอู๋หยุนก็ไม่สามารถออกมาได้ตามใจ นอกจากขุนพลมังกรจะเป็นคนมาเปิดด้วยตัวเอง


 


ดังนั้น เมื่อเห็นเรื่องนี้ เย่ชิงเสวียนจึงปรากฏตัวออกมาให้เฟิงอู๋หยุนเห็นก่อน ไม่อย่างนั้น ถ้าปล่อยให้อีกฝ่ายยัดยาพิษเข้าปากบรรพชนเผ่าภูตต่อไปล่ะก็ นั่นจะเป็นเรื่องที่เธอไม่อยากจะเห็น


CLS ตอนที่ 313: ใครว่าข้าเข้ามาไม่ได้กัน


 


ถ้าจะช่วยคนก็ต้องเปิดประตูคุกให้ได้เสียก่อน แต่ต่อจะเปิดได้เร็วแค่ไหนก็ต้องถูกพบเห็นอยู่ดี แต่ยังไงก็ตาม บริเวณรอบๆ นี้กลับไม่มีคน ดังนั้นต่อให้พวกเขาจะเผยตัวออกไปก็ไม่กลัวว่าอีกฝ่ายจะส่งสัญญาณให้ส่งคนมาที่นี่


 


เมื่อเฟิงอู๋หยุนเห็นเย่ชิงเสวียน ตอนแรกก็ตกใจ แต่หลังจากนั้นก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “โอ้โห ข้าก็คิดว่าใคร ที่แท้ก็เสิ้งหนี่ต้าเหรินนี่เอง ไม่คิดว่าเจ้าจะลอบเข้ามาในนี้จริงๆ นับว่ามีความสามารถอยู่บ้าง เผ่ามนุษย์ที่อยู่ข้างๆ เจ้า คงจะเป็นผู้ช่วยที่เจ้าพามาอย่างงั้นสินะ?”


 


“เสิ้งหนี่…..” เมื่อบรรพชนเผ่าภูตเห็นเย่ชิงเสวียนก็รีบพูดออกมา “รีบหนีไปเร็ว…. ที่นี่ไม่มีทางเปิดได้หรอก รีบหนีไปซะ ไม่งั้นมันจะรายงานให้ขุนพลมังกรมา…..”


 


“กังวลอะไรกัน ข้าไม่รายงานขุนพลมังกรหรอก” เฟิงอู๋หยุนหยิบแผ่นหยกขึ้นมา พร้อมกับพูดเยาะว่า “แค่ข้าบดขยี้แผ่นหยกนี้เบาๆ ผู้คุมทั้งหมดในคุกใต้พิภพแห่งนี้ก็พากันบุกเข้ามา ต่อให้เจ้ามีปีกงอกออกมาก็ยากที่จะบินหนีไปได้!”


 


“แต่ว่าเจ้าไม่ต้องกังวล ตอนนี้ข้าจะยังเล่นเป็นเพื่อนเจ้าก่อน ให้เจ้าดูว่าตาแก่นี้จะแสดงสีหน้าเจ็บปวดออกมายังไง นี่ช่างน่าสนุกนัก…..” เฟิงอู๋หยุนหัวเราะออกมา พร้อมกับเตรียมยัดยาพิษเข้าปากบรรพชนเผ่าภูต


 


“หยุดเดี๋ยวนี้นะเจ้าคนทรยศ!” เย่ชิงเสวียนรีบตะโกนออกไป


 


เฟิงอู๋หยุนคนนี้เป็นผู้อาวุโสของเผ่าภูตกลุ่มเดียวกันกับเหลยหยุนที่ทรยศ เขาเป็นคนรับหน้าที่ค้นความทรงจำของบรรพชนเผ่าภูตที่นี่ แต่เมื่อทำไม่สำเร็จ เขาจึงเลือกที่จะใช้พิษกับบรรพชนเผ่าภูต ทำให้พลังวิญญาณของอีกฝ่ายอ่อนแอลง


 


ยังไงก็ตาม พลังของบรรพชนเผ่าภูตก็แข็งแกร่งมาก ทำให้ยาพิษต้องใช้เวลานานกว่าจะทำให้อีกฝ่ายอ่อนแอลง ภายใต้สภาพพลังวิญญาณที่แข็งแกร่ง หากใช้วิชาครวญวิญญาณออกไป มันจะเป็นผลร้ายต่อผู้ใช้มากกว่า


 


“หยุด? ให้ข้าหยุดอย่างงั้นเหรอ หากมีความสามารถก็เข้ามาหยุดข้าในนี้สิ!” เฟิงอู๋หยุนพูดด้วยรอยยิ้มดูถูก “แต่ว่าเจ้าเข้ามาไม่ได้ใช่ไหมล่ะ? ก็แน่อยู่แล้วล่ะ หากไม่มีกุญแจ การจะเข้ามาในนี้ย่อมเป็นไปไม่ได้ แต่ต่อให้มีกุญแจแล้วยังไง ตราบเท่าที่ข้าบดขยี้แผ่นหยกนี้เบาๆ ต่อให้เจ้าจะช่วยคนอื่นได้ แต่ก็ยากที่จะหนีไปอยู่ดี! ฮ่าๆๆๆ…..”


 


เขาหัวเราะออกมา คิดว่าทุกสิ่งช่างน่าขัน คิดว่าการกระทำทุกอย่างของพวกเขาเป็นเรื่องไร้ประโยชน์ ทำได้เพียงมองดูเขาทรมานบรรพชนเผ่าภูตอย่างช่วยไม่ได้ คนอยู่ตรงหน้าแต่กลับช่วยไม่ได้ แค่คิดก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายต้องสิ้นหวังแค่ไหน ช่างเป็นการกระทำที่น่ารังเกียจจริงๆ


 


“ใครบอกว่าข้าเข้าไปไม่ได้กัน?” อยู่ๆ ก็มีร่างปรากฏขึ้นที่ข้างหลังเขา พร้อมกับหักแขนข้างที่ถือแผ่นหยกของเขาอย่างแรง จนเสียงกระดูกหักดังออกมา แขนข้างนั้นถูกกระชากจนหลุดจากไหล่ ก่อนที่จะหลุดร่วงจากมือของเขา พร้อมกับถูกอี้เทียนหยุนคว้าเอาไว้


 


จากนั้น อี้เทียนหยุนก็ทำการถีบอีกฝ่ายอย่างแรง “ปัง” ร่างของเฟิงอู๋หยุนถูกถีบกระเด็นจนลอยไปติดกำแพง พร้อมกับร่างที่ปรากฏรอยยุบขนาดใหญ่ ถูกลูกถีบนี้เข้าไปจนเกือบตาย


 


เฟิงอู๋หยุนคนนี้มีพลังที่ค่อนข้างสูง แต่ก็ยังถูกเขาถีบจนเกือบตาย นี่ทำให้คนอื่นมีท่าทางไม่อยากจะเชื่อ แต่ก็เป็นความจริงที่ลูกถีบนี้ของอี้เทียนหยุนสามารถทำให้อีกฝ่ายตายได้


 


“แค่ก….” ใบหน้าเฟิงอู๋หยุนขาวซีด มองมาที่อี้เทียนหยุนด้วยแววตาแตกตื่น “เจ้า เจ้าเข้ามาในนี้ไดยังไง!?”


 


เย่ชิงเสวียนกับบรรพชนเผ่าภูตก็ตกใจเช่นกัน พวกเขาไม่ทันรู้ตัวเลยว่าอี้เทียนหยุนนั้นเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่


 


เย่ชิงเสวียนรู้ว่าอี้เทียนหยุนมีความสามารถใช้การเคลื่อนย้ายในพริบตาได้ แต่ไม่คิดว่าจะเคลื่อนย้ายเข้าไปในห้องขังที่ถูกสลักค่ายกลไว้อย่างแน่นหนานี้ได้ด้วย? ห้องขังนี้มีค่ายกลจำกัดไว้ ทำให้ไม่สามารถใช้การเคลื่อนย้ายในพริบตาเข้าไปได้ แต่อี้เทียนหยุนกลับทำสำเร็จ เข้าไปข้างในได้อย่างง่ายดาย ทั้งยังจัดการถีบเฟิงอู๋หยุนจนเจ็บหนักปางตายอีกด้วย


 


พลังวิญญาณของอี้เทียนหยุนนั้นแข็งแกร่งมาก ตราบเท่าที่ตาเปล่าสามารถมองเห็น หรือรู้ถึงสภาพแวดล้อมข้างใน เขาก็สามารถเคลื่อนย้ายเข้าไปได้ โดยไม่สนใจข้อจำกัดของค่ายกล! แต่ถ้าหากว่าเขาไม่รู้โครงสร้างภายในของที่ที่จะเข้าไป เขาก็ไม่สามารถเคลื่อนย้ายเข้าไปได้ แต่ตราบเท่าที่มองเห็น ไม่ว่าในนั้นจะอยู่ในสภาพไหน เขาก็สามารถเข้าไปได้


 


เอาตรงๆ แล้ว ขอแค่เขาสามารถกำหนดจุดที่จะไปได้ เขาก็สามารถเคลื่อนย้ายเข้าไป ณ ตำแหน่งนั้นได้ในพริบตา!


„How can come, such walks……” Yi Tianyun looks at his vision ice-cold, at once puts out that badge toward outside ball, then fell into Ye Qingxuan.


“เข้ามาได้ยังไงน่ะเหรอ ก็เดินเข้ามาไงล่ะ….” อี้เทียนหยุนมองไปที่เขาอย่างเย็นชา จากนั้นก็หยิบลูกกุญแจออกมาพร้อมกับโยนออกไปให้เย่ชิงเสวียน


 


หลังจากเย่ชิงเสวียนรับเอาไว้ เธอก็ทำการไขกุญแจอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เปิดประตูห้องขังได้สำเร็จ ลูกกุญแจนี้ไม่ใช่ธรรมดา ขอแค่เป็นห้องขังที่อยู่ในเขตกักกันวิญญาณแห่งนี้ ไม่มีห้องไหนที่ไม่สามารถเปิดได้


 


“เจ้ามีกุญแจ ถ้างั้นขุนพลมังกร…..”


 


เฟิงอู๋หยุนมองไปยังลูกกุญแจที่อยู่ในมือเย่ชิงเสวียนด้วยสายตาแตกตื่น ราวกับไม่เชื่อว่ากุญแจจะปรากฏอยู่ในมือของพวกเขา ลูกกุญแจนี้มีเพียงแค่สองดอกเท่านั้น หนึ่งนั้นอยู่ในมือของจักรพรรดิใต้พิภพ ส่วนอีกหนึ่งนั้นอยู่ในมือขุนพลมังกร


 


เรื่องที่จักรพรรดิใต้พิภพจะถูกฆ่านั้นเป็นไม่ได้ ตอนนี้ดูเหมือนว่าที่เป็นไปได้จะเป็นขุนพลมังกรนั้นถูกฆ่าไปแล้ว!


 


แต่นี่เป็นแค่ในความคิดของเขาฝ่ายเดียวเท่านั้น ลูกกุญแจดอกนี้เป็นของที่ระบบให้มา ก็เท่ากับว่านี่เป็นกุญแจดอกที่สาม ถ้าเป็นไปตามปกติ มันจะลูกกุญแจเพียงแค่สองดอกเท่านั้น ไม่มีมากกว่านี้


 


อึดใจต่อมา เฟิงอู๋หยุนก็ตบพื้นด้วยมือข้างที่เหลือ ก่อนที่ร่างของเขาจะกระโจนเข้ามา ตรงไปที่ทางออก


 


แต่ความเร็วของอี้เทียนหยุนนั้นเร็วกว่า เขาพุ่งไปขวางอีกฝ่ายเอาไว้ ก่อนที่จะถีบเฟิงอู๋หยุนกระเด็นออกไปราวกับลูกหนัง


 


เฟิงอู๋หยุนนั้นมีพลังไม่ใช่ต่ำๆ เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณขั้นที่ 5 แต่เมื่อมาอยู่ต่อหน้าอี้เทียนหยุนแล้ว ตัวเขากลับอ่อนแอมาก ราวกับลูกหนังที่พร้อมจะถูกบีบได้ถูกเมื่อ


 


“เจ้าคิดจะไปไหนกัน?” อี้เทียนหยุนหยิบยาพิษที่ตกพื้นขึ้นมา จากนั้นก็ทำการเทกรอกปากอีกฝ่าย “เจ้าชอบใช้พิษนักใช่ไหม งั้นก็ลองเจอเองหน่อยเป็นไง จะได้รู้ว่าตอนถูกพิษมันรู้สึกยังไง!”


 


เมื่อพิษตกลงไปที่กระเพาะของเขา เฟิงอู๋หยุนก็พลันร้องโหยหวนออกมา เอามือข้างที่เหลือกุมหัวพร้อมกับดิ้นพล่านไม่หยุด ราวกับมีอะไรบางอย่างกำลังชอนไชที่หัวของเขา ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก


 


ที่บรรพชนเผ่าภูตสามารถพูดได้ตามปกติ ดูแล้วพลังใจของอีกฝ่ายคงจะแข็งแกร่งมากเกินจินตนาการ ในฐานะที่เป็นถึงบรรพชน ประสบการณ์ที่เขาต้องเผชิญนับว่ามากมายมหาศาล แค่ความเจ็บปวดนี้ สำหรับเขาแล้วสามารถทนได้ และที่สำคัญคือเขารู้ว่าตัวเขาไม่สามารถล้มลงได้ ไม่อย่างนั้นความลับที่มีอยู่จะต้องถูกคว้านออกไป และเมื่อนั้น ก็เท่ากับว่าเผ่าภูตได้ถูกทำลายไปครึ่งหนึ่งแล้ว


 


“ชิงเสวียน เจ้าจะจัดการมันยังไง?” อี้เทียนหยุนถาม


 


เย่ชิงเสวียนตอบกลับด้วยการกระทำ เธอหยิบแส้ออกมา พร้อมกับฟาดใส่ร่างเฟิงอู๋หยุนอย่างแรง “เพี๊ยะ!” พลังของแส้ได้ทำการแช่แข็งร่างของเฟิงอู๋หยุนไว้ในพริบตา ยิ่งกว่านั้น เธอยังฟาดแส้ต่ออีกหลายแส้ จนทำให้อีกฝ่ายเนื้อแตก แต่ก็ไม่คิดจะปล่อยอีกฝ่ายไป เธอทำการรัดร่างอีกฝ่ายไว้ด้วยแส้สีเงินของเธอ ไม่ปล่อยให้เขาเคลื่อนไหวอะไรได้อีก


 


ภายใต้การลงมือแค่สองครั้งของอี้เทียนหยุน เฟิงอู๋หยุนก็บาดเจ็บหนักปางตายแล้ว ความสามารถของอี้เทียนหยุนยิ่งมายิ่งแข็งแกร่ง เพียงสองกระบวนท่าก็ทำให้อีกฝ่ายอ่อนแอไร้ซึ่งหนทางตอบโต้ กระทั่งกระดูกในร่างยังแตกหัก เมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว อีกฝ่ายจะเคลื่อนไหวตามใจได้ยังไง แล้วยิ่งต้องมาเจอการลงมือของเย่ชิงเสวียนซ้ำเข้าไปอีก อีกฝ่ายคงแทบกลั้นใจตายแล้ว


 


หลังจากจัดการระบายความโกรธออกไป เย่ชิงเสวียนก็ช่วยบรรพชนเผ่าภูตลงมาจากกำแพง กลิ่นอายของบรรพชนเผ่าภูตอ่อนแอมาก สามารถทนมาได้นานขนาดนี้ นับเป็นเรื่องที่แปลกมากแล้ว


CLS ตอนที่ 314: วิเคราะห์อย่างรวดเร็ว


 


“ท่านบรรพชน ตอนนี้ท่านรู้สึกเป็นยังไงบ้าง….”


 


หลังจากบรรพชนถูกช่วยลงมา เขาก็มองมายังพวกเขาด้วยสายตาอ่อนโยน แค่ดูก็รู้แล้วว่ามันไม่ง่ายนัก


 


“ไม่เป็นไร เจ้ารีบหนีไปจากที่นี่เถอะ ถ้ายังอยู่ที่นี่ต่อ เดี๋ยวจะมีปัญหาเอาได้…..” บรรพชนที่ถูกถอดโซ่ตรวนออกตอนนี้ดูดีกว่าเมื่อกี้มาก


 


ถ้าเปลี่ยนเป็นผู้ฝึกตนคนอื่น ป่านนี้คงตายไปแล้ว ที่บรรพชนเผ่าภูตสามารถทนได้เป็นเวลานาน เนื่องเพราะพลังวิญญาณที่มีพร้อมกับระดับพลังที่สูง ไม่อย่างนั้นเขาก็คงตายไปแล้วเหมือนกัน


 


“แต่ท่านบรรพชน ร่างกายของท่าน…..” เย่ชิงเสวียนไม่รู้ว่าจะพาท่านบรรพชนออกไปยังไง


 


“ร่างกายข้าคงไม่ดีขึ้นในเร็วๆ นี้หรอก ช่วยข้าออกไปมีแต่เปล่าประโยชน์ แค่นี้ข้าก็มีความสุขมากแล้ว อย่างน้อยก็ยังเหลือศักดิ์ศรีสุดท้ายก่อนที่จะตาย” บรรพชนแสดงรอยยิ้มอ่อนโยนออกมา


 


เขารู้ว่าตัวเองคงไม่ดีขึ้นในเร็ววัน ตัวเขาถูกพิษกัดกร่อนทรมานมาเป็นเวลานาน ต่อให้ออกไปได้ ก็มีชีวิตต่อได้เพียงไม่นาน


 


“จะเป็นไปได้ยังไง ขอแค่พวกเราหานักกลั่นโอสถเจอ พิษร้ายนี้จะต้องถูกถอนออกได้อย่างแน่นอน!” เย่ชิงเสวียนส่ายหัว เธอไม่อยากให้ตัวตนที่สูงศักดิ์และมากด้วยบารมีอย่างท่านบรรพชนต้องมาตายอย่างนี้


 


“นี่เป็นพิษที่อาณาจักรใต้พิภพสร้างขึ้นเป็นพิเศษ ยาแก้พิษธรรมดาทำอะไรไม่ได้หรอก อยากมากก็แค่ทุเลาอาการได้สักพัก ไม่มีทางกำจัดพิษออกไปได้หมดหรอก…..” บรรพชนส่ายหัว วัตถุดิบในการปรุงพิษนี้ขึ้นมาย่อมต้องอยู่ในมือตัวตนที่แข็งแกร่ง คิดจะได้สูตรยาพิษมา ถือเป็นเรื่องที่ยากมาก


 


“นี่….” เย่ชิงเสวียนเบ้าตาแดงก่ำ บรรพชนท่านนี้เป็นผู้ดูแลเธอมา เปรียบได้ดั่งสมาชิกในครอบครัวของเธอ แล้วจะให้ยอมแพ้ไปทั้งอย่างนี้อย่างงั้นเหรอ?


 


“ใช่ ใช่แล้ว! บนตัวเฟิงอู๋หยุนจะต้องมียาถอนพิษแน่ๆ!” เธอรีบไปค้นตัวเฟิงอู๋หยุนอย่างรวดเร็ว ริบเอาแหวนเก็บของของเขาออกมา จากนั้นก็ทำการตรวจสอบข้างในอย่างรวดเร็ว เพื่อค้นหายาถอนพิษ


 


อย่างรวดเร็ว เธอก็พบยาถอนพิษ แต่ว่านี้ไม่ใช่ยากำจัดพิษโดยสมบูรณ์ เป็นเพียงแค่ยาบรรเทาอาการเท่านั้น


 


“ฮ่าๆๆ…. อยากจะกำจัดพิษออกไปอย่างนั้นเหรอ อย่าได้หวัง! เจ้าคิดว่าข้าจะมียาถอนพิษหรือไง? นั่นเป็นยาถอนพิษของข้า เจ้าแก่นั่นจะต้องตายอย่างแน่นอน…..” เฟิงอู๋หยุนที่บาดเจ็บปางตายยิ้มออกมาอย่างสะใจ เขารู้ว่าตัวเองไม่รอดแน่แล้ว แล้วทำไมถึงไม่ทำให้พวกมันรู้สึกสิ้นหวังเหมือนกันล่ะ


 


ยาถอนพิษที่พกติดตัวนี้ แต่แรกก็เป็นยาถอนพิษสำหรับเฟิงอู๋หยุนเองอยู่แล้ว ก่อนที่เขาจะถูกใช้งาน เขาก็จำเป็นต้องกินยาพิษเข้าไปเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายก็ไม่ได้เชื่อใจในตัวเขาสักเท่าไหร่


 


“บอกมา! ยาถอนพิษที่แท้จริงอยู่ที่ไหน!” เย่ชิงเสวียนกระชากร่างเฟิงอู๋หยุนขึ้นมา ทำให้เขาบอกว่ายาถอนพิษอยู่ที่ไหน


 


“แค่ก…. ยาถอนพิษที่แท้จริงอยู่กับตัวราชครู ถ้ามีปัญญาก็ไปแย่งมาเลยสิ ฮ่าๆๆ….. ไม่อย่างนั้น เจ้าแก่นี่จะต้องตายอย่างแน่นอน” เฟิงอู๋หยุนไม่คิดจะเก็บเป็นความลับ แถมยังอยากจะให้พวกเขารีบๆ ไปหาที่ตายเร็วๆ ด้วยซ้ำ!


 


ระดับราชครูสามารถจินตนาการได้เลยว่าเก่งกาจแค่ไหน แน่นอนว่าเมื่อเทียบกับขุนพลมังกรแล้วย่อมแข็งแกร่งกว่ามาก ถ้าคิดจะไปแย่งสูตรยามาตรงๆ นั่นก็ไม่ต่างอะไรไปจากการรนหาที่ตาย ยิ่งกว่านั้น ตัวราชครูเองย่อมต้องอยู่ที่ราชวังใต้พิภพที่มีการคุ้มกันหนาแน่น ทั้งตัวราชครูเองยังเป็นผู้ที่แข็งแกร่งมาก การบุกเข้าไปนั้นถือว่าอันตรายสุดๆ เลยทีเดียว


 


“ไม่ต้องกังวล ขอข้าดูยาพิษนี่หน่อย” อี้เทียนหยุนรับหยุดเลือดจากบาดแผลบรรพชนมา จากนั้นก็เริ่มทำการวิเคราะห์พิษด้วยดวงตาประเมิน อย่างรวดเร็ว ผลการวิเคราะห์ก็ออกมาว่าในพิษนี้มีส่วนประกอบอะไรบ้าง


 


สถานการณ์นี้เป็นเหมือนกันกับประมุขหลี่ ที่ในร่างถูกพิษร้าย ดังนั้นเขาจึงใช้ดวงตาประเมินเพื่อตรวจสอบ มันสามารถวิเคราะห์ยาถอนพิษออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ


 


หลังจากการวิเคราะห์ช่วงสั้นๆ ผ่านไป ข้อมูลก็พลันปรากฏขึ้น


 


“ติ๊ง ไม่สามารถวิเคราะห์พิษนี้ได้……”


 


“นี่…..” อี้เทียนหยุนรู้ได้ทันทีว่าพิษนี้ร้ายกาจแค่ไหน การที่ไม่สามารถวิเคราะห์ออกมาได้ กลัวว่าจะเป็นยาพิษระดับสูง ทำให้ดวงตาประเมินระดับนี้ไม่สามารถวิเคราะห์ออกมาได้


 


“เลื่อนระดับดวงตาประเมิน!”


 


เขาทำการเลื่อนระดับดวงตาประเมินอย่างไม่ลังเล ตอนนี้ดวงตาประเมินอยู่เลเวล 2 จำเป็นต้องเลื่อนระดับ


 


“ติ๊ง สูญเสียค่าความคลั่ง 500,000 ท่านเลื่อนระดับดวงตาประเมินเป็นเลเวล 3 สำเร็จ ระดับถัดไปต้องการค่าความคลั่ง 10 ล้าน!”


 


“ติ๊ง ดวงตาประเมินได้เข้าสู่เลเวล 3 มีความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลเพิ่มขึ้น สามารถวิเคราะห์วิชายุทธ์, ค่ายกล, อาคม และเม็ดยาระดับที่สูงขึ้น ความสามารถในการตรวจสอบเพิ่มขึ้น 100%!”


 


หลังจากเลื่อนระดับดวงตาประเมินสำเร็จ ความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลก็เพิ่มขึ้นในทันที


 


“ติ๊ง ท่านทำการวิเคราะห์ยาพิษสำเร็จ พิษนี้มีชื่อว่า “เม็ดยากลืนจิตวิญญาณ” วัตถุดิบประกอบด้วย : ดอกฉิงหยวน 12, หญ้าเหรินเมี่ยน 22, หญ้าสือซิน 12…..”


 


มันทำการวิเคราะห์ทุกอย่างออกมา การวิเคราะห์นี้ช่างน่าตกใจนัก ยิ่งมาข้อมูลที่ปรากฏขึ้นมายิ่งมาก ทำให้เขารู้แม้กระทั่งอัตราส่วน


 


“ดีมาก ข้าพอเข้าใจแล้ว” อี้เทียนหยุนพยักหน้า จากนั้นก็เรียกเตาหลอมเพลิงม่วงศักดิ์สิทธิ์ออกมา พร้อมกับเริ่มการกลั่นโอสถในทันที


 


แม้ว่าสถานการณ์ตอนนี้จะเร่งด่วน แต่ว่าพิษในร่างของบรรพชนนั้นเร่งด่วนกว่า ถ้ายังถ่วงเวลาออกไป แถมยังต้องหนีอย่างเร่งรีบด้วย ไม่มีทางที่เขาจะทนไปได้นานอย่างแน่นอน


 


เขาทำการหยิบเอาสมุนไพรออกมาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเริ่มเตรียมตัวกลั่นโอสถ สมุนไพรที่เขาเอาออกมานี้ เขาไม่กล้าพูดว่าจะสามารถรักษาพิษได้ทั้งหมด แต่อย่างน้อยก็ช่วยกำจัดพิษออกไปได้บางส่วน


 


“แม้จะเป็นแค่เพียงส่วนน้อย แต่อย่างน้อยก็ต้องเอาไว้ก่อน อย่างน้อยก็ทำให้บรรพชนรู้สึกดีขึ้นสักหน่อยก็ยังดี” อี้เทียนหยุนใส่สมุนไพรลงในเตาหลอม พร้อมกับเปิดใช้งานโหมดคลั่งหมวดกลั่นโอสถ พร้อมกับเริ่มกลั่นโอสถอย่างรวดเร็ว


 


หลังจากนั้นสักพัก โดยที่เวลาผ่านไปไม่นานนัก เม็ดยาก็กลั่นตัวสำเร็จ


 


“เรียบร้อย” อี้เทียนหยุนหยิบยาถอนพิษออกมาจากเตาหลอมเพลิงม่วงศักดิ์สิทธิ์ พร้อมกับส่งให้กับเย่ชิงเสวียนแล้วพูดว่า “เอาให้ท่านบรรพชนกิน มันจะช่วยกำจัดพิษได้บางส่วน หากอยากจะกำจัดพิษทั้งหมดทิ้ง จำเป็นต้องมีสมุนไพรมากกว่านี้ หลังจากออกไปจากที่นี่ ไว้ข้าจะทำยาที่สามารถถอนพิษทั้งหมดออกไปจากร่างท่านบรรพชนให้!”


 


“เป็นไปไม่ได้ เจ้าจะไปรู้สูตรได้ยังไง….. เจ้าคงกลั่นออกมามั่วๆ ล่ะสิ? ฮ่าๆๆ ถ้าทำการถอนพิษแบบมั่วๆ ไม่เพียงแต่จะช่วยเจ้าแก่นี่ไม่ได้ แต่ยังเป็นการฆ่ามันแทน” เฟิงอู๋หยุนที่บาดเจ็บหนักจนไม่สามารถขยับได้ ยังไม่ลืมที่จะพูดดูถูกออกมา


 


เย่ชิงเสวียนไม่ลังเล เธอทำการส่งเม็ดยาให้กับท่านบรรพชนในทันที


 


ท่านบรรพชนก็ไม่พูดมาก ในเมื่อจะตายอยู่แล้ว ทำไมยังต้องปฏิเสธความหวังน้อยๆ นี่ด้วยล่ะ?


 


หลังจากบรรพชนกินยานี้เข้าไป สีหน้าของเขาก็กลายเป็นดีขึ้นอย่างรวดเร็ว พิษในร่างเริ่มถูกสะกดเอาไว้อย่างรวดเร็ว ร่างกายที่สั่นเทาในตอนนี้ไม่สั่นอีกต่อไปแล้ว


 


“ข้ารู้สึกดีขึ้นแล้ว ความรู้สึกที่ราวกับวิญญาณกำลังถูกฉีก…. ตอนนี้ทุเลาลงไปมากแล้ว” สีหน้าของเขาในตอนนี้กลายเป็นมั่นคงอย่างมาก


 


เฟิงอู๋หยุนที่มองอยู่พลันมีสีหน้าตกใจ ไม่คิดว่ายาที่อี้เทียนหยุนสร้างจะได้ผลจริงๆ!


 


“ไม่มีปัญหาก็ดีแล้ว ชิงเสวียน เจ้าประคองท่านบรรพชนตามข้ามา ข้าจะรับหน้าที่เปิดทางเอง!” อี้เทียนหยุนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง


 


จากนี้ไปนี่แหละ ถึงจะเป็นของจริง ถ้าเจอกับขุนพลมังกรเข้าล่ะก็ พวกเขาคงยากที่จะรอดไปได้ แต่สำหรับตัวเขานั่นไม่มีปัญหา กลัวว่าแต่เผ่าภูตคนอื่นๆ นั้นจะหนีได้ไม่เร็วพอก็เท่านั้น


CLS ตอนที่ 315: ข้าเปิดทางเอง!


 


หลังจากที่ท่านบรรพชนกินยาถอนพิษนี้เข้าไป อาการก็ดีขึ้นมาก อาการบาดเจ็บหนักก็ได้ทุเลาลง พอจะสามารถลงมือได้


 


ส่วนเฟิงอู๋หยุนนั้น ก่อนที่พวกเขาจะจากมา เย่ชิงเสวียนก็ได้ลงมือสังหารอีกฝ่ายด้วยมือตัวเอง ก่อนหน้านี้ที่ไว้ชีวิตอีกฝ่ายก็เพราะต้องการอยากจะถามอะไรบางอย่าง แต่เมื่อตอนนี้ไม่มีอะไรต้องถามแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องไว้ชีวิตเจ้าคนทรยศนี้อีก


 


“ติ๊ง ท่านสังหารเฟิงอู๋หยุนสำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 370,000, ค่าความคลั่ง 4,500, ค่าความชั่ว 250, ค่าความชำนาญในการสลักอาคม 1,500, ได้รับวิชายุทธ์ ท่าเท้าเทียนหลิง, ดัชนีตัดวิญญาณ, ได้รับไอเทม พู่กันตัดวิญญาณ(ระดับจิตวิญญาณขั้นสูง), กระดาษยันต์ทรราช(หายาก)”


 


โดยไม่ต้องลงมือสังหารเฟิงอู๋หยุนคนนี้ด้วยตัวเอง อี้เทียนหยุนก็ได้รับค่าประสบการณ์จากการสังหารอีกฝ่าย นี่เป็นสิ่งที่เขาวางแผนมาแล้ว ในขณะที่เย่ชิงเสวียนลงมือสังหารคนทรยศคนนี้ เขาก็ได้เปิดโหมดคลั่งหมวดค่าประสบการณ์ขึ้นมา เพื่อไม่ให้ค่าประสบการณ์ที่ได้ต้องเสียเปล่า ไม่อย่างนั้นมันจะเป็นการสูญเสียที่ใหญ่มาก


 


“กระดาษยันต์ทรราชนี้ก็ให้มาเยอะจริงๆ ไม่รู้ว่ามีไว้ใช้ทำอะไร….” อี้เทียนหยุนในตอนนี้รู้สึกสงสัย ตัวเขาได้รับกระดาษยันต์ทรราชนี้มาหลายชิ้นแล้ว แต่ว่ายังไม่เคยได้ใช้สักที


 


นี่เป็นของหายากที่เขาไม่เคยให้ความสนใจมาก่อน แต่ว่าตอนนี้เมื่อทำการตรวจสอบดูก็ทำให้เขาต้องแสดงสีหน้าตกใจออกมา


 


กระดาษยันต์ทรราช : ช่วยเพิ่มอัตราสำเร็จให้กับการสลักอาคมขั้นใหญ่ และทำให้ความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น 3 เท่า!


 


ผลลัพธ์ของมันทั้งง่ายและร้ายกาจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้น 3 เท่า ถ้าเปลี่ยนเป็นค่ายกลนี่ไม่ต้องคิดเลย แม้ว่ามันจะสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งได้มาก แต่ไม่มีทางเพิ่มความแข็งแกร่งได้หลายเท่าแน่นอน การเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นหลายเท่านั้นลืมมันไปได้เลย เพราะจำเป็นต้องสร้างค่ายกลหลายชั้นซ้อนถึงจะเพิ่มความแข็งแกร่งได้อีก


 


ด้วยความยากที่น่าสะพรึงนี้ อย่างค่ายกลสี่ชั้นซ้อนที่อี้เทียนหยุนสร้างเมื่อก่อน แน่นอนว่ามันย่อมแข็งแกร่ง แต่ว่ามันต้องการความชำนาญอย่างมาก ถึงจะสร้างออกมาได้ ไม่อย่างนั้นไม่มีทางสร้างขึ้นมาได้เลย


 


แต่ตอนนี้กระดาษยันต์ทรราชกลับแก้ปัญหาได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นค่ายกลแบบไหน ก็สามารถเพิ่มผลลัพธ์ขึ้น 3 เท่า นี่เป็นพลังที่เข้าใจง่ายและป่าเถื่อน ไม่แปลกที่เป็นถึงไอเทมหาแยก กระดาษยันต์ทรราชนี้ นับว่าเป็นสิ่งที่ช่วยยกระดับค่ายกลได้อย่างน่าสะพรึงเลยทีเดียว


 


จากนั้นเขาก็หยิบกระดาษยันต์ทรราชออกมา จากนั้นก็ทำการวาดอาคมเพิ่มพลังโจมตีลงไป ความยากของมันไม่สูง เป็นเพียงอาคมชั้น 3 เท่านั้น แต่เขาก็ไม่ได้วาดมันแค่ชั้นเดียว เขาทำการสร้างมันหลายชั้นซ้อนด้วยกัน


 


และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เขาก็ได้ทำการเดินไปด้วยวาดไปด้วย


 


“นี่เจ้ากำลังวาดอาคมอย่างงั้นเหรอ?” เมื่อเย่ชิงเสวียนเห็นก็พลันตกใจใจทันที นี่เขามาวาดอาคมเพิ่มพลังในตอนนี้เนี่ยนะ?


 


บรรพชนเผ่าภูตก็ถูกพยุงเดินอยู่ข้างๆ แม้ว่าเขาจะไม่สามารถวิ่งเร็วๆ ได้ แต่แค่เดินล่ะก็ไม่มีปัญหา และเมื่อเขาเห็นอี้เทียนหยุนกำลังวาดอาคมอยู่ เขาก็แค่ชำเลืองมองน้อยๆ เท่านั้น


 


“ใช่แล้ว อาวุธของข้ายังไม่มีค่ายกลสลักเลยสักอัน ดังนั้นข้าจึงอยากจะสร้างอาคมเพิ่มพลังโจมตีติดไปพลางๆ ก่อน” อี้เทียนหยุนอยากจะติดอาคมเพิ่มพลังโจมตีนี้ลงบนคันศรน้ำค้างแข็งเทวะ สิ่งนี้จะช่วยเพิ่มพลังให้กับมันได้อย่างมาก


 


เพราะการโจมตีระยะไกล ย่อมรู้สึกดีกว่าการโจมตีระยะใกล้เป็นธรรมดา ตราบเท่าที่สามารถสังหารศัตรูได้ในระยะไกล ก็ไม่จำเป็นต้องสู้ระยะประชิดให้เสี่ยงอีก!


 


“หรือว่าจะให้เรารอเจ้าก่อน?” เย่ชิงเสวียนถาม


 


“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวข้าจะทำให้เสร็จเดี๋ยวนี้แหละ”


 


อึดใจต่อมา อี้เทียนหยุนก็ได้เปิดใช้งานโหมดคลั่งหมวดสลักอาคม ทำให้ความเร็วในการวาดอาคมของเขาเพิ่มขึ้น 8 เท่าในทันที! โหมดคลั่งนี้แทบจะสามารถเพิ่มพลังให้กับทุกสถานการณ์ มีบ้างเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ไม่ดีเท่าไหร่ แต่ส่วนมากล้วนเป็นไปได้ ไม่ว่าจะเป็นการสลักอาคม, หลอมศาสตรา หรือแม้แต่กลั่นโอสถ มันก็สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นได้ 8 เท่าในพริบตา


 


“!”


 


ในตอนนี้เอง พู่กันตัดวิญญาณในมือเขาก็พลันเร่งความเร็วขึ้น มันทำการวาดอาคมด้วยความเร็วสุดขีด ทำให้พวกเขาพากันจ้องมองด้วยสายตาตกตะลึง นี่มันเร็วมากจริงๆ เพียงพริบตา อาคมชั้น 3 ก็ถูกสร้างเสร็จ แต่ว่าเขายังไม่หยุด เขายังคงทำการวาดอาคมต่อ


 


ทันใดนั้น อาคมชั้น 3 นี้ก็ได้การซ้อนทับขึ้นอีกชั้น กลายเป็นอาคมสองชั้นซ้อน! จากนั้นก็มีการซ้อนทับขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งมายิ่งเร็ว ยิ่งกว่านั้น อัตราสำเร็จยังไม่มีปัญหา เพียงแค่เวลาไม่นาน เขาก็สร้างอาคมห้าชั้นซ้อนได้สำเร็จ แถมยังเตรียมจะวาดอาคมชั้นที่หกขึ้นอีกด้วย!


 


หลังพวกเขาได้เห็น ก็พากันอดไม่ได้ต้องสูดหายใจเฮือก ทั้งความเร็วและอัตราสำเร็จนี่มันอะไรกัน?


 


คำตอบที่มันสำเร็จได้ง่ายๆ นั้น คำตอบก็เพราะผลลัพธ์ที่ท้าทายสวรรค์ของกระดาษยันต์ทรราชยังไงก็ล่ะ เพราะมันช่วยเพิ่มอัตราสำเร็จที่น่าสะพรึงให้ กระทั่งอาคมชั้นที่หกยังมีอัตราสำเร็จอยู่ที่ 80% ท้าทายสวรรค์มากเลยใช่ไหมล่ะ ก่อนหน้านี้อัตราสำเร็จมันอยู่ที่ 100% เพิ่งจะมาตกลงก็ตอนนี้นี่ล่ะ


 


“เพียงพริบตาก็วาดอาคมมาถึงชั้นที่หกแล้ว นี่ไม่ใช่ว่ามันเก่งกว่านักสลักอาคมระดับต้าซือแล้วหรอกหรือ?” เย่ชิงเสวียนรู้สึกพูดไม่ออก


 


“ใช่แล้ว นี่เจ้าไปหาสหายน้อยนี้มาจากไหน ยังหนุ่มแต่ก็มาถึงระดับนี้แล้ว เผ่าภูตของเรามีผู้ช่วยที่น่ากลัวขนาดนี้ด้วยเหรอ…..” ดวงตาของบรรพชนเผ่าภูตเป็นประกายไม่ธรรมดา ทั้งยังมากไปด้วยความชื่นชม


 


“นี่….. เรื่องมันยาวน่ะ” เย่ชิงเสวียนไม่รู้ว่าจะบอกยังไงดี ถ้าได้ท่านบรรพชนช่วยสนับสนุนอีกแรง ตำแหน่งราชาภูตนี้ยิ่งได้มาครองง่ายขึ้นอีก


 


“อืม สหายน้อยคนนี้ยอดเยี่ยมมาก ถ้าเผ่าภูตของเรามีคนแบบนี้บ้างก็ดีสิ” บรรพชนเผ่าภูตส่ายหัว แต่ในขณะที่เขากำลังจะพูดอะไรอยู่นั้น อี้เทียนหยุนก็พลันสร้างอาคมชั้นที่หกเสร็จ ทั้งยังเตรียมจะวาดอาคมชั้นที่เจ็ดต่ออีกต่างหาก!


 


ไม่ว่าจะเป็นอาคมหรือว่าค่ายกลไหนล้วนแต่มีอยู่ด้วยกันเก้าชั้น นี่ก็ใช้ได้กับการกลั่นโอสถและหลอมศาสตราเช่นกัน ยิ่งมากชั้นเท่าไหร่ก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น


 


ตอนนี้ได้มาถึงชั้นที่เจ็ดแล้ว อัตราสำเร็จในตอนนี้ได้ตกลงมาถึง 50% แล้ว เขาที่คิดอยากจะใช้เนตรสวรรค์เพิ่มอัตราสำเร็จก็ได้แต่คิดแล้วยอมแพ้ไป


 


“หกชั้นซ้อน แค่นี่ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว” อี้เทียนหยุนหยุดมือ ทำให้พวกเขาพากันถอนหายใจ ถ้าเขายังวาดต่ออีกล่ะก็ มันคงจะน่ากลัวเกินไปจริงๆ อาคมชั้น 3 เจ็ดชั้นซ้อน ขนาดระดับบรรพชนเผ่าภูตยังยากที่จะทำสำเร็จเลย


 


“แค่อาคมชั้น 3 หกชั้นซ้อนก็ท้าทายสวรรค์มากพอแล้ว มันสามารถเพิ่มพลังโจมตีได้ถึง 70%……” เย่ชิงเสวียนอุทานออกมา


 


บรรพชนเผ่าภูตที่อยู่ใกล้ๆ ก็แทบจะร้องออกมาเป็นเสียงเดียวกัน คิดว่าแค่นี้ก็ท้าทายสวรรค์มากเกินไปแล้ว


 


อี้เทียนหยุนยิ้มแต่ก็ไม่พูดอะไร ถ้าเป็นธรรมดาล่ะก็ใช่ มันสามารถเพิ่มพลังโจมตีได้ 70% แต่กระดาษยันต์ทรราชแผ่นนี้ไม่ใช่ เพราะมันสามารถเพิ่มพลังโจมตีให้ถึง 2.1 เท่า


 


เขาทำการเรียกคันศรน้ำค้างแข็งเทวะออกมา พร้อมกับแปะกระดาษยันต์ทรราชแผ่นนี้ลงไป ตัวอาคมทำการผสานเข้ากับคันศรนี้อย่างรวดเร็ว ทำให้ผลลัพธ์เพิ่มพลังโจมตีที่ก่อนหน้านี้อยู่ 2 เท่า กลายเป็น 4 เท่าในพริบตา!


 


“ไปกันเถอะ ข้าเปิดทางเอง!”


 


อี้เทียนหยุนพยักหน้า จากนั้นก็เดินนำพวกเขาไปข้างหน้า เพิ่มจะเลี้ยวพ้นมุมมาก เขาก็พลันได้ยินเสียงต่อสู้ดังมาจากข้างหน้า เสียงที่ได้ยินนั้นมีทั้งเสียงตกใจและเสียงวิ่งหนีวุ่นวาย จากนั้น เขาก็เห็นผู้คุมคนหนึ่งกำลังต่อสู้กับคนของเผ่าภูตด้วยกำลังทั้งหมดที่มี ส่วนเผ่าภูตนั้นก็ต้านรับได้อย่างเต็มฝืน พร้อมทั้งถูกทำให้ถอยร่นออกไป


 


ในตอนนี้เอง อี้เทียนหยุนพลันมีสีหน้าเย็นชา เขาทำการยกคันศรน้ำค้างแข็งเทวะในมือขึ้น พร้อมกับยิงลูกศรแหวกอากาศออกไปสามดอกซ้อน พร้อมกับแทงทะลุร่างผู้คุมสามคนตรงหน้า ก่อนที่จะปักเข้ากับกำแพง ในขณะที่ตัวคนนั้นถูกทำให้กลายเป็นประติมากรรมน้ำแข็งอย่างรวดเร็ว ตายจนไม่สามารถตายได้อีก


 


ด้วยพลังที่เพิ่มขึ้นนี้ ทำให้คันศรนี้เปรียบได้ดั่งคันศรของพระเจ้า สามารถสังหารศัตรูได้ง่ายดายนัก!


CLS ตอนที่ 316: ฆ่า!


 


ศรสามดอกสังหารสามผู้คุมในพริบตา ความเร็วของคันศรน้ำค้างแข็งเทวะนี้ถูกดึงออกมาใช้อย่างเต็มที่ จากนั้น ศรสามดอกก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่จะยิงทะลุผู้คุมอีกสามคนจนปักเข้ากับกำแพง


 


พริบตาก็สังหารผู้คุมไปหกคน แถมสองคนในนั้นยังเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญระดับก่อแกนวิญญาณ แต่กลับถูกลูกศรของคันศรนี้ยิงทะลุ


 


อย่างรวดเร็ว ผู้คุมทั้งหมดก็ถูกสังหารสิ้น จากนั้น สายตาของเผ่าภูตทุกคนก็หันมามองที่นี่ เมื่อเห็นว่าผู้ที่มาช่วยเป็นพวกอี้เทียนหยุน ในสายตาพวกเขาก็พลันเผยความประหลาดใจและดีใจออกมา ทั้งยังมากไปด้วยความตื้นตัน


 


“ท่านบรรพชน!”


 


เมื่อพวกเขาได้เห็นบรรพชนเผ่าภูต ก็พากันแสดงสีหน้าดีใจออกมา หลังจากได้เห็นท่านบรรพชนของตนไม่เป็นอะไร ยังสามารถเดินเหินได้ ก็ทำให้หินที่ถ่วงในใจของพวกเขาเบาลงมาก อย่างน้อยก็ไม่เห็นศพ เห็นเพียงแค่อาการบาดเจ็บ พวกเขากลัวว่าจะไม่ได้เจอคนอีก


 


พวกเขาพากันล้อมเข้ามา พร้อมกับถามถึงสถานการณ์ของบรรพชนของตน สามารถจินตนาการได้ว่าบรรพชนเผ่าภูตท่านนี้มีชื่อเสียงที่สูงส่งแค่ไหนในเผ่า


 


“ทุกคนโปรดเตรียมตัว ให้ตามหลังข้ามา ข้าจะพาทุกคนเปิดเส้นทางโลหิตออกไปด้วยกัน!” อี้เทียนหยุนชูคันศรน้ำค้างแข็งเทวะในมือขึ้น พร้อมกับกวาดสายตามองพวกเขา บอกพวกเขาว่าให้ฟังคำสั่งของตน


 


“ดี พวกเราจะเปิดเส้นทางโลหิตไปด้วยกัน!”


 


พวกเขาพากันกู่ร้องด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยพลัง การกระทำของอี้เทียนหยุนเมื่อครู่นี้ทำให้พวกเขารู้สึกตื้นตันอย่างมาก ทำให้พวกเขามีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง


 


ค่าบัญชาการของอี้เทียนหยุนไม่ธรรมดา พริบตาก็สามารถเป็นผู้นำของพวกเขาได้ ส่วนอย่างอื่นไม่ต้องพูดอีก เขาพยักหน้าให้กับเย่ชิงเสวียน จากนั้นก็นำพวกเขาพุ่งไปข้างหน้า ตรงไปยังทางออก เผ่าภูตก็ตามหลังเขาไปติดๆ ส่วนเย่ชิงเสวียนเลือกที่จะคุ้มกันข้างหลัง คอยปกป้องสิ่งที่จะตามมา


 


ภายใต้การนำของอี้เทียนหยุน พริบตาพวกเขาก็ออกมาถึงข้างนอก หลังจากปรับตัวสักพัก สถานการณ์ของพวกเขาก็เปลี่ยนเป็นดีขึ้นมาก ถ้าเป็นการต่อสู้ปกติย่อมไม่มีปัญหา


 


“เจ้า พวกเจ้าออกมาได้ยังไง!?”


 


จากนั้น ผู้คุมที่อยู่ไกลพลันสังเกตเห็นพวกเขา เขาเห็นคนของเผ่าภูตโหมออกมาถึงที่นี่ ก็พลันทำให้พวกเขาพากันตกใจ เผ่าภูตถูกใส่โซ่ตรวนขังเอาไว้ กระทั่งพวกเขายังไม่มีกุญแจ แต่ตอนนี้พวกมันกลับออกมาได้ แล้วจะไม่ให้พวกเขาตกใจได้ยังไง


 


แต่ในขณะที่พวกเขากำลังจะตะโกนขอกำลังเสริมอยู่นั้น ลูกธนูเย็นเยียบก็ทะลุร่างของพวกเขาไป ก่อนที่ร่างของพวกเขาจะกลายเป็นประติมากรรมน้ำแข็งไปอีกกลุ่ม ตามจริง ศรน้ำแข็งที่ทะลุร่างพวกเขาไปนั้นไม่ได้ฆ่าพวกเขา แต่เป็นความเย็นที่น่าสะพรึงนี่ต่างหาก มันทำการแช่แข็งพวกเขาจนตาย


 


“ติ๊ง ท่านสังหารผู้คุมสำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 250,000, ค่าความคลั่ง 3,400, ค่าความชั่ว 150, ได้รับวิชายุทธ์ ตัดวิญญาณมังกร, เพลงหมัดพยัคฆ์, ได้รับไอเทม ดาบเทียนหุน, เกราะอวี้หุน”


 


“ติ๊ง ท่านสังหารผู้คุมสำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 160,000…..”


 


เหล่าผู้คุมที่อยู่ห่างออกไปถูกเขาสังหารทิ้งในทันที ไม่มีความยากแม้แต่น้อย โดยไม่จำเป็นต้องเข้าไปใกล้ คันศรน้ำค้างแข็งเทวะก็ทำการจัดการพวกเขาจนกลายเป็นประติมากรรมน้ำแข็งไป เป็นพลังที่ไม่มีใครสามารถป้องกันได้!


 


“ไปกันเถอะ!”


 


อี้เทียนหยุนไม่หยุดเท้า ทำการพาพวกเขาพุ่งออกไปอย่างต่อเนื่อง และในขณะที่พวกเขามาถึงอีกเขต เขาก็พบกับผู้คุมตรงหน้าหลายคน ขณะที่เหล่าผู้คุมพากันตกใจอยู่นั้น พวกเขาก็พลันได้รับลูกศรเย็นเยียบทะลุร่างพวกเขาไป


 


“เร็ว รีบหนีเร็ว…..!!”


 


“เร็ว ไปเรียกกำลังเสริมเร็วเข้า…..!!”


 


พวกเขาทั้งวิ่งหนีทั้งต้านรับกันให้วุ่น แต่ก็ไม่มีความหมาย พริบตาผู้คุมที่อยู่ตรงนี้ก็ถูกสังหารจนหมด ด้วยสัมผัสวิญญาณที่แข็งแกร่งไม่ธรรมดา ทำให้ไม่มีใครสามารถหนีไปจากการโจมตีของเขาได้ และไม่ศรดอกไหนที่พลาดเป้า


 


หลังจากสังหารพวกเขา อี้เทียนหยุนก็เข้าไปค้นตัวพวกเขาอย่างรวดเร็ว เมื่อพบกุญแจที่อยู่ในร่างพวกเขา เขาก็ได้ทำการให้เผ่าภูตช่วยเหลือผู้ฝึกตนที่ถูกขังอยู่ในคุก เมื่อผู้ฝึกตนที่นี่ถูกช่วยออกมา เขาก็ทำการมอบอาหารและยาเพื่อฟื้นฟูร่างกายให้กับพวกเขา


 


“ขอบคุณ ขอบคุณมาก……”


 


พวกเขาพากันขอบคุณจนเกือบจะร้องไห้ พวกเขาถูกทรมานอยู่ที่นี่มานาน ในที่สุดก็มีคนมาช่วย


 


“ไม่ต้องขอบคุณ พวกเราล้วนมีชะตาเดียวกัน ตอนนี้เรายังไม่ได้หนีออกไปจากที่นี่ได้อย่างแท้จริง ดังนั้นตอนนี้ก็ยังคงอันตรายอยู่!” อี้เทียนหยุนพูดกับพวกเขาอย่างจริงจัง


 


หลังจากพวกเขาพอขยับตัวได้ เพราะถูกทรมานมานาน ทำให้การเคลื่อนไหวไม่คล่องแคล่วเหมือนแต่ก่อน ก็พร้อมที่จะวิ่งตามหลังพวกเขาออกไปข้างนอก


 


“พวกเรารู้ แต่อย่างน้อยก็มีความหวังไม่ใช่เหรอ? ขอแค่หนีไปได้ บิดาขอสาบานว่า ชาตินี้จะขอเป็นศัตรูกับอาณาจักรใต้พิภพไปชั่วชีวิต!”


 


“ใช่! หากชีวิตนี้ยังไม่ตาย ก็จะขอเป็นศัตรูกับอาณาจักรใต้พิภพไปตลอดชีวิต!”


 


“ก่อนหน้านี้ถูกจับมาทรมานอยู่ที่นี่ ข้าก็คิดแล้วว่า ขอแค่ออกไปได้ ชั่วชีวิตนี้ของบิดา จะขอเป็นศัตรูกับอาณาจักรใต้พิภพ!”


 


พวกเขาล้วนแต่เต็มไปด้วยความเดือดดาล ตัดสินใจว่าชั่วชีวิตนี้จะขอเป็นศัตรูกับอาณาจักรใต้พิภพ ถ้าก่อนหน้าไปตอแยอาณาจักรใต้พิภพแล้วถูกจับตัวก็ว่าไปอย่าง แต่นี้ยังไม่ทันได้ทำอะไรเลย ก็มาถูกจับตัวซะงั้น แล้วอย่างนี้จะไม่ให้พวกเขาโกรธได้ยังไง


 


“ดี งั้นพวกเรามาเปิดเส้นทางโลหิตนี้ด้วยกัน พร้อมทั้งช่วยเหลือคนที่ถูกขังอยู่ที่นี่ทุกคน!”


 


อี้เทียนหยุนออกคำสั่ง พวกเขาพากันพยักหน้า ตอบรับคำสั่งของเขาอย่างดี ผู้ฝึกตนหลายคนในนี้ไม่ได้อ่อนแอ มีบางคนมีพลังถึงระดับผันแปรวิญญาณ แต่เพราะถูกทรมานในคุกเป็นเวลานาน ทั้งยังถูกพิษอีก ดังนั้นพลังของพวกเขาจึงตกลงไปกว่าครึ่ง


 


ยังไงก็ตาม ตั้งแต่เริ่มแล้ว อี้เทียนหยุนก็ไม่ได้คิดจะพึ่งพาอะไรพวกเขา เขาคิดจะพึ่งตัวเองเพื่อเปิดทางสายโลหิตออกไปอยู่แล้ว


 


จากนั้น เขาก็นำคนทั้งกลุ่มพุ่งออกไปด้านนอกด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยพลัง ขอแค่เห็นผู้คุมที่ไหน ล้วนแต่ต้องตกตายภายใต้ศรน้ำแข็งของอี้เทียนหยุนโดยไม่การชะงัก ผู้คุมกันที่ถูกพบเห็นล้วนแต่ถูกกำจัด อย่างรวดเร็ว พวกเขาก็มาถึงพื้นที่ส่วนหน้าของคุกแห่งนี้แล้ว และเมื่อพวกเขามาถึง ก็พลันได้ยินเสียงคำรามด้วยความโกรธดังมา


 


“เจ้าพวกสุนัขอาณาจักรใต้พิภพ ถ้าบิดาไม่ตายล่ะก็ ชั่วชีวิตนี้จะต้องสังหารพวกเจ้าให้หมด!”


 


“ฮ่าๆๆ เจ้าไม่มีโอกาสแล้ว ใครหน้าไหนจะเข้ามาช่วยเจ้า? ยังไงก็ตาม เจ้าไม่จำเป็นต้องรอแล้ว ข้าจะสังหารเจ้าเดี๋ยวนี้ ดูสิว่าเจ้าจะแก้แค้นข้าได้ยังไง!”


 


ในตอนนี้เอง ก็พลันมีบางอย่างปรากฏขึ้นจากเส้นทางสายหนึ่ง ศรน้ำแข็งที่เย็นเยียบแหวกทะลุอากาศออกมา ปักลงยังร่างพวกเขาไม่ก็บนกำแพง


 


“นี่ นี่มันเรื่องอะไรกัน?!”


 


พวกเขาพากันเห็นคนกลุ่มหนึ่งโหมออกมา ทันใดนั้นก็พากันตกใจ ทำไมถึงมีคนหลุดออกมามากขนาดนี้ล่ะ?


 


แต่ในขณะที่พวกเขาจะตอบโต้ ทุกอย่างก็ได้สายเกินไป พวกเขาต่างก็พากันลาจากโลกนี้ไปแล้ว


 


“รีบไปเปิดกรงขังออกมาเร็ว ช่วยทุกคนออกมา!” อี้เทียนหยุนบอกให้ไปช่วยคนที่ถูกขังออกมา


 


ที่นี่ขังผู้คนไปจำนวนมาก ความเร็วในการเปิดของเขาช้ามาก ดังนั้นจึงต้องให้ทุกคนช่วย หลังจากพวกเขารู้สึกตัว ก็พลันรีบเข้าไปค้นศพของพวกผู้คุม พร้อมกับเปิดประตูกรงขังอย่างรวดเร็ว หลังจากประตูถูกเปิดออก คนที่ถูกขังอยู่ข้างในก็มองมาที่อี้เทียนหยุนด้วยสายตาที่เต็มตื้น!


 


“ผู้ข้า ขอบคุณมากที่ช่วยพวกเรา! ข้าชื่อหวังหู่ ชั่วชีวิตนี้ขอเป็นบ่าวของท่าน หลังจากนี้จะเชื่อฟังท่าน!”


 


“ข้าก็ด้วย หลังจากนี้ ชีวิตข้าเป็นของท่าน ท่านให้ทำอะไร ข้าจะทำโดยไม่ขมวดคิ้ว!”


 


“ขอบคุณผู้มีพระคุณ ขอบคุณผู้มีพระคุณ…..”


 


หลายคนพากันขอบคุณเขา ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี


 


“ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ ตอนนี้พวกเรายังไม่ได้หนีไปจากที่นี่ พวกเรามาเปิดเส้นทางโลหิตด้วยกันเถอะ!” อี้เทียนหยุนตะโกนเสียงดัง


 


“ฆ่า!”


 


ผู้คนพากันกู่ร้องออกมา ท่าทางแข็งกร้าว เชื่อฟังคำพูดของอี้เทียนหยุนโดยสมบูรณ์ เชื่อเขาจนหมดหัวใจ

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม