Crazy Leveling System 303-309

 CLS ตอนที่ 303: ข้าว่าข้ามีอยู่นะ


 


ตลอดทางที่พาตัวเหลยหยุนไปยังสถูปวิญญาณ ล้วนแต่เต็มไปด้วยเสียงสาปแช่งด้วยความโกรธของผู้คนในเผ่า พวกเขาพากันตะโกนด่าเขาอย่างไม่ปรานี ด่าว่าเขาชั่วช้าบ้าง เห็นแก่ตัวบ้าง แม้ว่าเย่ชิงเสวียนจะไม่ลงมือ แต่พวกเขาก็พร้อมที่จะลงมือกับเหลยหยุนได้ทุกเมื่อ!


 


แม้จะเป็นเผ่าเดียวกัน แต่การที่ทำให้คนในเผ่าต้องพบกับหายนะ เป็นเรื่องที่พวกเขารับไม่ได้อย่างแรง


 


แม้ว่าทั้งหมดจะเกิดจากอาณาจักรใต้พิภพ แต่หากไม่เป็นเพราะเหลยหยุน เผ่าภูตคงไม่ตกอยู่ในสภาพที่น่าอนาถขนาดนี้ ถ้าพวกเขารวมกำลังกันต่อต้านคนนอกเผ่า ต่อให้เป็นอาณาจักรใต้พิภพเองก็ไม่ลงมือกับพวกเขาโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง เพราะพลังของเผ่าภูตเองก็ไม่ได้อ่อนแอ ทั้งยังมีความสัมพันธ์จากขุมอำนาจอื่นอีก


 


แต่คราวนี้เพราะความสุดยอดของอาณาจักรใต้พิภพทำให้แม้แต่ขุมอำนาจที่มีความสัมพันธ์อันดีกับเผ่าภูตก็ไม่กล้ายื่นมือเข้าช่วย ตอนนี้เผ่าภูตอยู่ในสภาพอเนจอนาถอย่างมาก นอกเสียจากคิดจะทุ่มสุดตัวเข้าช่วยจริงๆ ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีความหมาย ที่อี้เทียนหยุนเห็นเมื่อกี้นี้ ถ้าไม่มีเขาช่วย ต่อให้เป็นการลอบโจมตี คิดที่จะขับไล่ผู้รุกรานออกไปให้หมดสิ้น นั่นคงเป็นไปไม่ได้


 


นอกจากนี้ เหลยหยุนคนนี้ยังถือว่าเป็นดาวข่มของพวกเขา ถ้าเป็นไปตามท้องเรื่อง พวกเขาคงต้องถูกจับไปหมด


 


ถ้าอี้เทียนหยุนไม่มา ที่นี่คงจะพอต้านรับได้สักครั้ง แต่ไม่มีทางที่จะต้านรับได้นาน


 


เย่ชิงเสวียนเหวี่ยงแขนสะบัดแส้สีเงินอย่างแรง เหวี่ยงเหลยหยุนจนปลิว ก่อนที่จะตกลงที่โถงหลัก ตอนนี้ผู้อาวุโสเยี่ยนได้ลงมาแล้ว และเมื่อเธอเห็นเหลยหยุน สายตาของเธอก็ปะทุไปด้วยความโกรธ อยากจะฆ่าอีกฝ่ายซะเดี๋ยวนั้นเลย


 


“เหลยหยุน บอกข้ามา! กุญแจคุกอยู่ที่ไหน ท่านบรรพชนกับพวกผู้อาวุโสด้วย รวมถึงแผนการทั้งหมดของอาณาจักรใต้พิภพ บอกข้ามาให้หมด!” จิตสังหารของผู้อาวุโสเยี่ยนทะลักออก กดลงบนร่างของอีกฝ่ายอย่างไม่ปรานี


 


เพราะพลังฝึกตนของเหลยหยุนถูกทำลาย ดังนั้น ภายใต้พลังกดทันที่ส่งออกมา จึงทำให้เหลยหยุนต้องคุกเข่าลงกับพื้น ไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะต้าน แรงกดทับที่ส่งออกมานี้ทำให้เขาถึงกับต้องกระอักเลือดออกมา แต่ว่าเขายังคงไม่ยอมแพ้ ครั้งหนึ่งเขาก็เป็นผู้อาวุโสเหมือนกัน ถือเป็นบุคคลที่มากพรสวรรค์คนหนึ่ง แล้วจะให้เขาต้องยอมแพ้แต่แรงกดดันนี้ได้ยังไง


 


“ฮ่าๆๆ…. จะให้ข้าบอกอย่างงั้นเหรอ อย่าได้หวัง! แต่ถ้าเรื่องกุญแจล่ะก็ ข้าสามารถบอกเจ้าได้ กุญแจคุกอยู่กับขุนพลมังกร ถ้ามีปัญญาก็ไปแย่งมาสิ!” เหลยหยุนหัวเราะ แม้ว่าพลังของเขาจะถูกทำลาย แต่เขาก็ยังแสดงสายตาเกลียดชังออกมาเหมือนเดิม มองไปที่พวกเธออย่างดูถูก


 


“ขุนพลมังกร…..”


 


เย่ชิงเสวียนขมวดคิ้ว พวกเธอเป็นศัตรูกับอาณาจักรใต้พิภพ เป็นธรรมดาที่จะรู้อยู่แล้วว่าขุนพลมังกรเป็นตัวตนเช่นไร แน่นอนว่าต้องเป็นตัวตนระดับผู้คุมกองทัพ ซึ่งตัวตนของคนที่ตำแหน่งระดับนั้น แน่นอนว่าย่อมต้องไม่ธรรมดา พวกเขาต่างก็มีพลังระดับผันแปรวิญญาณขั้นที่ 9 ขึ้นไป กระทั่งบางคนยังไต่ระดับขึ้นไปถึงระดับวิญญาณเที่ยงแท้


 


ถ้าไม่มีระดับพลังที่แข็งแกร่งพอ ต่อให้มีความสามารถด้านบัญชาการเก่งแค่ไหนก็ไม่สามารถสั่งการผู้คนได้ เพราะต่อให้ความสามารถด้านบัญชาการของเจ้าจะโดดเด่น แต่ถ้าฝ่ายตรงข้ามส่งผู้เชี่ยวชาญมาเด็ดหัวของเขา ความสามารถด้านบัญชาการของเจ้าก็จะเปล่าประโยชน์ไปอยู่ดี! ดังนั้น บางครั้งจึงจำเป็นต้องส่งขุนศึกออกไปเพื่อสังหารผู้รุกรานทั้งหมดด้วยตัวเอง


 


“ใช่ ขุนพลมังกร ถ้าเจ้ามีความสามารถ งั้นก็ไปแย่งมาเลยสิ จากนั้นก็บุกเข้าไปในคุกเลย!” เหลยหยุนพูดอย่างดูถูก “แต่พวกเจ้าวางใจเถอะ อีกไม่นานพวกเจ้าก็จะถูกโจมตีและถูกยึดครองอยู่ดี เมื่อได้รับการติดต่อกลับจากพวกข้าเป็นเวลานาน พวกเขาก็จะส่งคนมาโจมตีที่นี่ต่ออย่างรวดเร็ว! ข้าจะให้โอกาสเจ้าครั้งสุดท้าย ยอมจำนนซะ จากนั้นก็เข้าร่วมกับอาณาจักรใต้พิภพ นี่จะเป็นโอกาสครั้งสุดท้ายของเจ้า!”


 


เหลยหยุนรู้ว่าพวกเธอไม่มีทางขโมยกุญแจจากเงื้อมมือคนที่น่าสะพรึงระดับนั้นได้อย่างแน่นอน ดังนั้นจึงได้ทำการข่มขู่พวกเธอ


 


“แล้วก็เจ้า เจ้าคิดว่าตัวเองแข็งแกร่งมากสินะ? แต่ไว้เมื่อไหร่ที่ตัวตนระดับขุนพลมังกรนำทัพผู้เชี่ยวชาญมาด้วยตัวเองเมื่อไหร่ ต่อให้เจ้าจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ไร้ประโยชน์!” เหลยหยุนหัวเราะเยาะ “ช่วยเหลือเผ่าภูต นี่ถือเป็นการกระทำผิดครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเจ้า!”


 


ผู้คนพากันหน้าเปลี่ยนสี ถ้าขุนพลมังกรมาด้วยตัวเอง น่ากลัวว่าเผ่าภูตของพวกเธอจะต้องตกไปอยู่ในเงื้อมมือของศัตรูแน่นอนแล้ว


 


“เพี๊ยะ!”


 


เสียงตบอยู่ๆ ก็ดังขึ้นมา พร้อมกับเหลยหยุนที่ถูกตบปากจนลงไปนอนกับพื้น เมื่อผู้คนได้สติ ก็พบว่าคนที่ตบปากเหลยหยุนไม่ใช่ใครอื่น แต่ว่าคืออี้เทียนหยุน


 


พวกเขาไม่คิดว่าคนที่ลงมือจะเป็นอี้เทียนหยุน ไม่ใช่เย่ชิงเสวียน


 


“ข้าว่าการไว้ชีวิตของเจ้าต่างหากถึงจะเป็นการกระทำผิดที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตของข้า” อี้เทียนหยุนพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ถ้าเจ้าหมดเรื่องจะถามแล้ว ให้ข้าจัดการมันแทนไหม ข้าช่วยจัดการมันให้ได้”


 


ดูๆ แล้ว เขาคิดว่าคนอื่นคงไม่กล้าลงมือ ดังนั้นเขาจะเป็นคนลงมือด้วยตัวเอง เพราะสำหรับเขาแล้ว เหลยหยุนถือได้ว่าเป็นค่าประสบการณ์ก้อนโต ไหนจะค่าความชำนาญในการสลักอาคมอีก แล้วเขาจะปล่อยมันไปได้ยังไง?


 


“ไม่ต้องหรอก พวกเราจะขังมันไว้ในดินแดนภูตเยือกแข็ง ให้มันต้องทนต่อความเจ็บปวดจากการต้องถูกแช่แข็งจนตาย!” สายตาของเย่ชิงเสวียนเปลี่ยนเป็นเย็นชา ต้องการให้อีกฝ่ายได้รับความทรมานถึงขีดสุด


 


“ดินแดนภูตเยือกแข็ง…..” สีหน้าเหลยหยุนเปลี่ยนไป เขาจะไม่รู้ได้ยังไงว่าดินแดนภูตเยือกแข็งคืออะไร อยู่ในนั้นต้องทรมานมาก ร่างกายจะถูกทำให้แข็งทีละน้อย พร้อมกับความรู้สึกที่ราวกับถูกทิ่มแทง ถ้าต้องอยู่ในนั้นเป็นเวลานาน ตัวมันจะต้องถูกแช่แข็งจนตายอย่างแน่นอน


 


และในระหว่างที่ร่างกายกำลังถูกทำให้แข็งทีละน้อยนั้น ตัวเขาจะยังรู้สึกถึงความเจ็บปวดอยู่ตลอด ทำให้เขามีชีวิตอยู่ไม่สู้ตาย! แม้ว่าสุดท้ายแล้วจะตาย แต่เขาก็ต้องเผชิญกับความเจ็บปวดเป็นเวลานาน ถ้าเป็นไปได้ เขาอยากตายมันซะตอนนี้เลย


 


“ได้” อี้เทียนหยุนรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย กับนักสลักอาคมระดับต้าซือนี้ ค่าความชำนาญที่จะได้จากอีกฝ่ายคงไม่ใช่น้อยๆ ถ้าได้มา มันคงทำให้เขาเข้าใกล้ขั้นต่อไปได้ง่ายขึ้น


 


“เอามันไปขังไว้ในดินแดนภูตเยืองแข็ง!” เย่ชิงเสวียนโบกมือ สั่งให้คนมาลากเหลยหยุนออกไป


 


“ครับ เสิ้งหนี่ต้าเหริน!” พวกเขาพยักหน้า จากนั้นก็คุมตัวเหลยหยุนที่ถูกมัดอย่างแน่นหนาออกไป เหลยหยุนที่ถูกทำลายพลังก็ไม่ต่างอะไรไปจากเด็ก ไม่มีทางดิ้นหลุดไปได้


 


“เจ้า เจ้าจะต้องตาย….. เผ่าภูตจะถูกทำลายในเงื้อมมือเจ้า มีแต่ข้าเท่านั้นถึงจะนำเผ่าภูตไปสู่ความรุ่งโรจน์!” เหลยหยุนยังคงดิ้นไม่หยุด ขณะที่บนใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธและความไม่ยินยอม “ถ้าไม่ปล่อยข้า พวกบรรพชนจะต้องตาย พวกเจ้าก็จะตายด้วย…..”


 


เย่ชิงเสวียนกับพวกทำเป็นหูทวนลม ไม่สนใจคำขู่ของเหลยหยุน ขอแค่ไม่ใช่คนโง่ก็ต้องรู้อยู่แล้ว ต่อให้ปล่อยเหลยหยุนไป พวกเธอก็ไม่มีทางช่วยพวกบรรพชนออกมาได้อยู่ดี เมื่อเผ่าภูตตกไปอยู่ในเงื้อมมือของอาณาจักรใต้พิภพ เมื่อนั้นก็จะถูกอาณาจักรใต้พิภพจัดการ ต้องถูกเหลยหยุนเล่นงานอยู่ดี


 


ให้ปล่อยเหลยหยุนออกไปอย่างงั้นเหรอ มันจะไม่กลายเป็นการปล่อยเสือเข้าป่าแทนหรือไง?


 


“เสิ้งหนี่ต้าเหริน ตอนนี้พวกเราจะทำยังไงกันดี ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป เมื่ออาณาจักรใต้พิภพไม่ได้รับข่าวของพวกเขา พวกมันจะต้องส่งผู้เชี่ยวชาญคนอื่นมาจัดการต่ออย่างแน่นอน!” ผู้อาวุโสเยี่ยนมองมา พร้อมกับเอ่ยถามเย่ชิงเสวียน


 


เย่ชิงเสวียนยังคงเงียบ เธอไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อ การต้องเผชิญหน้ากับอาณาจักรใต้พิภพที่แข็งแกร่งนี้ ทำให้เธอรู้สึกไร้เรี่ยวแรงเหลือเกิน


 


“ไม่ต้องกังวลไป ระหว่างที่พวกเขายังไม่รู้ข่าว ไม่ใช่ว่าเป็นเวลาที่ดีที่พวกเราจะไปช่วยพวกบรรพชนออกมาหรือไง” ในตอนนี้เอง อี้เทียนหยุนที่เป็นคนนอกกลับสอดปากขึ้นมา


 


ผู้คนพากันตกใจ จากนั้นก็พากันมองไปที่เขาด้วยสีหน้าแปลกๆ ใครบ้างจะไม่อยากไปช่วยพวกบรรพชนออกมา แต่ถ้าไม่มีกุญแจ แล้วแบบนี้จะไปทำอะไรได้?


 


“เรื่องนี้มันแน่นอนอยู่แล้ว แต่ว่าพวกเราไม่มีกุญแจ ต่อให้ลอบเข้าไปได้ ก็ไม่มีทางเปิดประตูคุกได้อยู่ดี” เย่ชิงเสวียนถอนหายใจ


 


“กุญแจนั่น….. ข้าคิดว่าข้ามีอยู่นะ” อี้เทียนหยุนเอามือเกาท้ายทอยแล้วพูดอย่างอายๆ


CLS ตอนที่ 304: ค่าบัญชาการ


 


คำพูดของอี้เทียนหยุนไม่ได้ทำให้พวกเขาตกใจ กลับกัน เขากลับได้รับการส่ายหัวกลับมาแทน


 


“ใช่ หากไม่มีกุญแจก็ไม่มีทางช่วย…. อะไรนะ?! เจ้ามีกุญแจอย่างงั้นเหรอ!”


 


ผู้อาวุโสเยี่ยนกับพวกสงสัยว่าพวกตนเข้าใจผิด คำพูดเมื่อกี้จึงพูดตอบไปโดยไม่คิด แต่เมื่อพวกเธอรู้สึกตัว ก็กลับได้ยินอี้เทียนหยุนบอกว่าเขามีกุญแจอยู่จริงๆ!


 


“เจ้า เจ้ามีกุญแจจริงๆ เหรอ?” เย่ชิงเสวียนทำสีหน้าแปลกๆ อี้เทียนหยุนคนนี้ราวกับเป็นผู้ปลดปล่อยที่สวรรค์ส่งมา ไม่เพียงแต่จะช่วยกำจัดผู้รุกรานเท่านั้น แต่กระทั่งกุญแจคุกเขาก็ยังมี ช่างเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อจริงๆ!


 


“ข้ามีจริงๆ ก่อนหน้านี้ที่เมืองจู้หลง ข้าได้สังหารเฉิงเฟิงไป ก็เลยได้รับกุญแจนี้มา” อี้เทียนหยุนไม่ได้บอกความจริงทั้งหมดออกไป จริงอยู่ที่ได้กุญแจนี้มาเพราะฆ่าเฉิงเฟิง แต่นี่เป็นกุญแจที่ได้รับมาจากระบบ ไม่ใช่ว่าค้นได้จากร่างของเขา


 


“เจ้าสังหารเฉิงเฟิง?” เย่ชิงเสวียนคิด จากนั้นก็พลันร้องออกมาด้วยความตกใจ “เรื่องที่เกิดขึ้นที่เมืองจู้หลงเมื่อเร็วๆ นี้ ทั้งหมดเป็นเจ้าที่ก่อเรื่องขึ้นอย่างงั้นเหรอ?”


 


“จะเรียกว่าก่อเรื่องได้ยังไง? ข้าก็แค่ช่วยกำจัดคนชั่วก็เท่านั้นเอง” อี้เทียนหยุนยักไหล่


 


“นี่สหายน้อย ในนั้นมีทั้งสำนักมากมาย รวมถึงต้าเฉินทั้งสอง กระทั่งตำหนักกลางที่ถูกเผาเมื่อก่อนหน้า ทั้งหมดก็เป็นฝีมือเจ้า?” ผู้อาวุโสเยี่ยนถาม


 


“ใช่แล้ว เป็นฝีมือข้าเอง”


 


อี้เทียนหยุนไม่มีอะไรให้ปกปิด ที่นี่เหลือแต่คนที่เป็นแกนหลัก เป็นไปไม่ได้ที่จะมีคนทรยศ แต่ต่อให้มีคนทรยศก็ไม่จำเป็นต้องกังวล เพราะตอนนี้เขาปลอมแปลงใบหน้าอยู่ ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องอะไรทั้งนั้น


 


สีหน้าผู้อาวุโสเยี่ยนกลายเป็นแปลกไป แม้ว่าจะรู้ว่าอี้เทียนหยุนนั้นร้ายกาจมาก แต่เมื่อได้ยินว่าเรื่องใหญ่เมื่อก่อนหน้านั้นเป็นฝีมือของเด็กหนุ่มตรงหน้า ก็อดรู้สึกตกใจขึ้นไปไม่ได้


 


ถ้ามีใครกล้าบอกว่าเขาเป็นผู้ทรยศอีก ผู้อาวุโสเยี่ยนจะเป็นคนแรกที่จัดการมัน! เผาตำหนักกลางเมืองจู้หลง ทั้งยังกำจัดขุมอำนาจมากมายที่เข้าร่วม ถ้าเกิดว่ายังต้องการแทรกซึมเข้ามาในเผ่าภูตอีก นี่จะเป็นการลงทุนที่ใหญ่เกินไปแล้ว


 


สีหน้าคนอื่นๆ ที่เหลือก็แปลกไปอย่างมาก นี่ตกลงว่าอาณาจักรใต้พิภพไปหาเรื่องอะไรเขากันแน่ ทำไมถึงได้ทำให้เขาต้องตอบโต้คืนแบบนี้


 


“แล้วมีเรื่องอะไรอย่างงั้นเหรอ?” อี้เทียนหยุนถาม


 


“ไม่มี….. ก็แค่สงสัยเท่านั้น” พวกเธอไม่กล้าถามว่าทำไมอี้เทียนหยุนถึงต้องทำเรื่องแบบนี้ แต่แค่ได้รู้แค่นี้ก็พอแล้ว รู้ว่าเขาเป็นศัตรูตัวฉกาจของอาณาจักรใต้พิภพอย่างแน่นอน!


 


“เอาล่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว งั้นก็มาวางแผนกัน ยิ่งลงมือเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี ระหว่างที่พวกเขายังไม่รู้เรื่อง เราต้องรีบลงมือ” อี้เทียนหยุนพูดอย่างจริงจัง


 


พวกเธอพากันพยักหน้า ก่อนหน้านี้ยังกังวลเรื่องกุญแจอยู่ แต่ตอนนี้เมื่อมีกุญแจแล้ว ฉะนั้นพวกเธอก็สามารถลงมือได้แล้ว


 


“ใช่แล้ว คุณชายอี้รับประกันได้ไหมว่ากุญแจนี้เป็นกุญแจที่สามารถเปิดคุกได้จริงๆ?” ผู้อาวุโสเยี่ยนถามอย่างสงสัย


 


“เรื่องนี้ข้าก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน แต่รู้ว่านี่เป็นกุญแจคุกอย่างแน่นอน” อี้เทียนหยุนคิดแล้วพูดขึ้น “และเพราะความไม่แน่นอนนี้ ข้าจึงอยากให้คนที่ไปด้วยมีน้อยเท่าไหร่ยิ่งดี ถ้าเป็นไปได้ ให้ข้ากับชิงเสวียนไปด้วยกันสองคนก็พอ แบบนี้ได้ไหม?”


 


“นี่….” ผู้อาวุโสเยี่ยนขมวดคิ้ว ถ้าเกิดว่ากุญแจนี้เป็นของปลอมขึ้นมา พวกเธอคงต้องอันตรายแน่ โดยเฉพาะเย่ชิงเสวียน เพราะเธอเป็นดั่งความหวังในอนาคตของเผ่าภูต


 


“ไม่มีปัญหา ข้าจะไปกับเจ้าเอง” เย่ชิงเสวียนตอบรับอย่างรวดเร็ว การลอบเข้าไปนี่ยิ่งมีคนน้อยเท่าไหร่ยิ่งดี ถ้าไปกันเยอะ มันง่ายที่จะถูกพบตัว


 


ที่จริงอี้เทียนหยุนอยากจะบอกว่าให้เขาไปคนเดียวเลยด้วยซ้ำ ไม่เพียงแต่เขาจะมีพลังเทเลพอร์ทเท่านั้น แต่เขายังเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดอีกด้วย ตราบเท่าที่ไม่ใช่คนระดับวิญญาณเที่ยงแท้มาเอง เขาก็สามารถจัดการได้ ทั้งความสามารถในการปกปิดตัวเองของเขายังเป็นระดับชั้นยอด น้อยคนนักที่จะสัมผัสเขาได้


 


ยังไงก็ตาม นี่เป็นเรื่องสำคัญของเผ่าภูต จะปล่อยให้เขาไปคนเดียวไม่ได้ ยิ่งกว่านั้น เขายังต้องการคนนำทางอีก เมื่อเป็นอย่างนี้ ขอแค่เขาคอยป้องกันอยู่ด้านหน้า แค่นี้ก็น่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด


 


“แต่ว่าเสิ้งหนี่ต้าเหริน…..” ผู้อาวุโสเยี่ยนต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เย่ชิงเสวียนส่ายหัว ปฏิเสธคำพูดของผู้อาวุโสเยี่ยน


 


“ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีกแล้ว ถ้าไม่ทำกันตอนนี้ ต่อไปเราจะไม่มีโอกาสอีก” เย่ชิงเสวียนรู้ว่าสถานการณ์ในตอนนี้เร่งรีบ ยิ่งลากเวลาออกไป พวกเธอจะเสียโอกาสนี้ไปแทน


 


“ก็ได้ งั้นข้าจะปกป้องที่นี่เอง!” ผู้อาวุโสเยี่ยนกัดฟันพูดขึ้นว่า “ต่อให้ต้องตาย ข้าก็จะปกป้องที่นี่ไว้จนนาทีสุดท้าย!”


 


“พวกเราก็เช่นกัน ต่อให้ต้องตาย ก็จะปกป้องเผ่าภูตไว้ให้ได้!” เผ่าภูตคนอื่นๆ ก็พูดยืนยันอย่างหนักแน่น


 


“ดี!” เย่ชิงเสวียนพูด “งั้นก็เตรียมตัว พวกเราจะไปกันเดี๋ยวนี้!”


 


ผู้คนพากันพยักหน้า จากนั้นก็แยกกันไปเตรียมตัว เย่ชิงเสวียนและอี้เทียนหยุนเป็นตัวแทนในการลงมือครั้งนี้ เย่ชิงเสวียนนั้นไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมาก เธอแค่เตรียมยาและก็อุปกรณ์นิดหน่อย นอกนั้นก็ไม่ได้เตรียมอะไรอีก


 


“ครั้งนี้ข้าดีใจมากที่เจ้ามาช่วย ก่อนหน้านี้ก็ช่วยข้ามาทีแล้ว ตอนนี้ยังมาช่วยข้าอีก ยิ่งกว่านั้น คราวนี้ยังเป็นการช่วยเหลือเผ่าภูตทั้งเผ่าอีก ข้าไม่รู้ว่าจะตอบแทนเจ้ายังไงดี” เย่ชิงเสวียนหลังจากเตรียมตัวเสร็จ นัยน์ตาสีเงินของเธอก็เงาของอี้เทียนหยุนขึ้น


 


อี้เทียนหยุนเห็นถึงความรู้สึกตื้นตันไม่สิ้นสุดจากนัยน์ตาของเธอ จากที่เขาดู เผ่าภูตดูแล้วไม่มีวิธีที่จะต้านทานจริงๆ นั่นแหละ


 


อี้เทียนหยุนส่งยิ้มให้เธอ จากนั้นก็เอามือแตะที่หน้าอก แล้วก็ชี้เข้าที่หัวของตัว แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้าไม่จำเป็นต้องตอบแทนอะไรทั้งนั้น ไม่เพียงแต่มอบเนตรสวรรค์ให้กับข้าเท่านั้น แต่เจ้ายังมอบความรู้เรื่องค่ายกลให้ข้าอีก กระทั่งค่ายกลที่เหลยหยุนต้องการอย่างมากก็ยังมอบให้ นี่ยังไม่นับเป็นรางวัลอีกอย่างงั้นเหรอ?”


 


“นั่นเป็นรางวัลครั้งก่อน แต่ครั้งนี้มันต่างกัน” เย่ชิงเสวียนส่ายหัวแล้วพูดขึ้น “ข้าคิดว่า ของรางวัลที่เหมาะสำหรับเจ้าคงมีแต่ตำแหน่งราชาภูตเท่านั้น”


 


“ตำแหน่งราชาภูต…..” อี้เทียนหยุนตกใจ ไม่คิดว่านี่จะเป็นคำพูดที่มาจากปากของเธอ


 


“ใช่แล้ว เจ้ามีพรสวรรค์ของข้า ทำให้มีความสามารถด้านค่ายกลที่สุดยอด นอกจากนั้นยังมีความแข็งแกร่งที่ทรงพลังอีก….. ดังนั้น ข้าจึงอยากให้เข้าเป็นราชาภูตของพวกเรา!” เย่ชิงเสวียนพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ตราบเท่าที่เจ้าช่วยเผ่าภูตทุกคนเอาไว้ได้ ต่อให้เจ้าจะเป็นคนนอก แต่เจ้าก็ยังสามารถเป็นราชาภูตของพวกเราได้อยู่ดี!”


 


“ทำไมถึงเลือกข้า แล้วเรื่องตำหนักจักรพรรดิล่ะ? ไม่ใช่เพราะว่าเหลยหยุนในตอนแรกชั่วร้ายเกินไป ทำให้ไม่ได้เป็นราชาภูต แล้วข้าที่เป็นคนนอกจะเป็นได้อย่างงั้นเหรอ?” อี้เทียนหยุนรู้ว่าตัวเขาต้องการตำแหน่งนี้ แต่เขายังอยากจะได้ยินเหตุผลของเย่ชิงเสวียนอยู่ดี


 


“ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แต่ข้ารู้สึกว่าเจ้าสามารถปกครองเผ่าภูตของพวกเราได้ ทำให้เผ่าภูตของพวกเรามุ่งไปสู่ความรุ่งโรจน์!” เย่ชิงเสวียนพูดอย่างจริงจัง “แน่นอนว่าการจะเป็นราชาภูตนั้นไม่ง่าย จะต้องมีคนในเผ่ามากมายต่อต้านอย่างแน่นอน แต่ว่าข้าก็อยากจะช่วยสนับสนุนให้เจ้าได้เป็นราชาของพวกเรา!”


 


“เพราะค่าบัญชาการอย่างงั้นเหรอ……”


 


อี้เทียนหยุนนึกได้ว่าตัวเขามีหนังสือบัญชาการอยู่ กระทั่งยังมีภารกิจที่มอบค่าบัญชาการให้ ทำให้คำพูดของเขามีแรงดึงดูดใจที่แข็งแกร่ง


 


“ค่าบัญชาการอะไร?” เย่ชิงเสวียนสงสัยกับคำพูดของอี้เทียนหยุน


 


“ไม่มีอะไร ตอนนี้พวกเราต้องรีบไปช่วยคนของเผ่าภูตกลับมาก่อน ส่วนเรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง” อี้เทียนหยุนพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ “แต่ก่อนหน้านั้น ข้าก็ต้องการรางวัลอย่างอื่นเหมือนกัน ไม่รู้ว่าพอจะเป็นไปได้ไหม?”


 


“ถ้าเจ้าสามารถช่วยเหลือคนของเผ่าออกมาได้ ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ให้เจ้าได้ทั้งนั้น” เย่ชิงเสวียนพูดอย่างสงสัย “ว่าแต่เจ้าอยากได้อะไรอย่างงั้นเหรอ?”


 


“หญ้าเพิ่มพูนจิตวิญญาณ!” อี้เทียนหยุนบอกสิ่งที่ต้องการออกไป!


CLS ตอนที่ 305: ค่าประสบการณ์มหาศาล!


 


“หญ้าเพิ่มพูนจิตวิญญาณ?” เย่ชิงเสวียนตกใจ จากนั้นก็พูดอย่างไม่ลังเลว่า “ไม่มีปัญหา เผ่าของเราได้เก็บไว้หลายต้น แต่ว่าของสิ่งนี้หายากมาก มันจะขึ้นเฉพาะที่ในบ่อน้ำวิญญาณหยกเท่านั้น พูดได้ว่านอกจากบ่อวิญญาณหยกแล้ว ทั่วทั้งทวีปเทียนจิ่งนี้มีอยู่น้อยมาก ถ้าไม่ถึงหลายสิบปี หญ้าเพิ่มพูนจิตวิญญาณนี้จะไม่มีทางโตเต็มที่อย่างแน่นอน”


 


“หายากขนาดนั้นเชียว…..” อี้เทียนหยุนตกใจ ไม่คิดว่าของสิ่งนี้จะหายากขนาดนี้ ดวงตาประเมินไม่ได้บอกว่าของสิ่งนี้เป็นของหายาก มันบอกแค่เพียงข้อมูลสั้นๆ เท่านั้น


 


“ใช่ ถ้าเกิดเอาไปขายข้างนอก จะต้องถูกแย่งกันซื้ออย่างบ้าคลั่งแน่นอน ทั้งราคายังประเมินค่าไม่ได้ ส่วนใหญ่แล้วจะใช้กลั่นเป็นโอสถเพิ่มพูนจิตวิญญาณที่ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับจิตวิญญาณ ซึ่งเป็นสิ่งที่นักสลักอาคมชอบที่สุด ยังไงก็ตาม ราคาของมันก็สูงมาก ทั้งยังหายากมาก แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็อย่างที่พูดไป ดังนั้นจึงมีเพียงนักสลักอาคมไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้กินมัน” เย่ชิงเสวียนพูดด้วยรอยยิ้ม “และหญ้าเพิ่มพูนจิตวิญญาณนี้ก็ถูกใช้เป็นของรางวัลอยู่บ่อยๆ ใครที่ทำความดีความชอบมากที่สุดก็จะได้มันไป ในเมื่อตอนนี้เจ้าได้ช่วยเผ่าภูตเอาไว้มาก แม้ไม่อาจมอบทั้งหมดให้ได้ แต่ก็พอจะมอบให้ต้นสองต้น แต่ว่าหลังจากนี้จะไม่ใช่ข้าเป็นคนตัดสินอีก ไว้เมื่อเจ้าช่วยพวกบรรพชนออกมาได้เมื่อไหร่ อย่าว่าแต่หญ้าเพิ่มพูนจิตวิญญาณเลย กระทั่งตำแหน่งราชาภูตอาจมีทางเป็นไปได้!”


 


“เรื่องหลังจากนี้ไว้ค่อยว่ากันทีหลัง ข้าต้องการหญ้าเพิ่มพูนจิตวิญญาณเดี๋ยวนี้เลย” ที่อี้เทียนหยุนต้องการในตอนนี้ก็คือค่าประสบการณ์ ยิ่งเป็นค่าประสบการณ์ที่มากเท่าไหร่ยิ่งดี


 


เพื่อที่จะบุกเข้าไปในคุกนี้ ไม่รู้ต้องมีพลังระดับไหนถึงจะพอ ดังนั้น ถ้าสามารถทะลวงเข้าสู่ระดับผันแปรวิญญาณขั้นที่ 4 หรือว่าสูงกว่านี้ได้ยิ่งดี


 


“ไม่มีปัญหา งั้นก็ไปกันเลย” เย่ชิงเสวียนนำเขาไป


 


“ใช่แล้ว ตอนนี้เผ่าภูตถูกล้อมเอาไว้ เจ้าได้คิดวิธีหนีออกไปจากที่นี่หรือยัง?” อี้เทียนหยุนรู้สึกสงสัยกับเรื่องนี้มาก ถ้าเลือกที่จะหลบหนีไปจากทวีปเทียนจิ่งแล้วไปซ่อนยังทวีปอื่น การที่อาณาจักรใต้พิภพจะหาเจอ นับเป็นเรื่องที่ยากมาก


 


“โอ้ เรื่องนี้พวกเราได้คิดไว้แล้ว แต่ถ้าจะให้ทิ้งที่นี่ไปก็เหมือนกับทิ้งรากฐานทั้งหมด พูดจริงๆ แล้ว ถ้าเลือกจะทิ้งที่นี่ไป พวกเราก็จะได้รับคำสาป ไม่สามารถให้กำเนิดคนในเผ่าได้อีก” เย่ชิงเสวียนพูดอย่างจริงจัง “ดังนั้น ถ้าไม่หมดหนทางจริงๆ พวกเราจะไม่เลือกวิธีที่จะทิ้งที่นี่ไปอย่างแน่นอน”


 


“อะไรนะ?” อี้เทียนหยุนตกใจ ไม่คิดว่าเรื่องราวจะหนาหนักขนาดนี้


 


 


ตอนแรกเขาคิดว่าเพราะพวกเขาหัวดื้อกันเกินไป ที่แท้เรื่องราวก็ราวกับอยู่คนละโลก ถ้าพวกเขาทิ้งที่นี่ไป พวกเขาก็จะไม่สามารถให้กำเนิดคนในเผ่าได้อีก แน่นอนว่านี่เป็นเรื่องที่ร้ายแรงอย่างมาก ไม่เพียงเท่านั้น ต่อให้พวกเขาถูกบังคับให้หนีไปจากที่นี่ แต่ถ้าสุดท้ายแล้วไม่ยอมกลับมา ท้ายที่สุดพวกเขาก็จะจบสิ้นอยู่ดี


 


“นี่มันคำสาปอะไรกัน ต่อให้แต่งงานกับคนนอกเผ่าก็ไม่ได้อย่างงั้นเหรอ?” อี้เทียนหยุนถามอย่างสงสัย


 


“ใช่แล้ว ตราบเท่าที่ละทิ้งที่นี่ไป พวกเราก็จะไม่สามารถให้กำเนิดได้อีก” เย่ชิงเสวียนพูด “ที่จริงพวกเราก็รู้ว่าต้นตอมันเกิดจากอะไร มันมีพลังงานพิเศษที่อยู่ข้างใต้นี้ มันสามารถมอบความชุ่มชื้นให้กับพวกเรา แต่จะเป็นพลังอะไรนั้นพวกเราไม่ทราบแน่ชัด เพราะที่นี่ก็มีอยู่ตั้งแต่ยุคพวกบรรพชนมาแล้ว ถ้าจะไปจากที่นี่ จำเป็นต้องรู้วิธีทำลายคำสาปนี้ก่อน ไม่อย่างนั้นก็ไม่สามารถจากไปได้ การถูกบังคับให้ออกไปจากที่นี่ ก็ไม่ต่างจากแส่หาหนหางแตกดับ!”


 


“ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง ดูเหมือนว่าข้าจะเข้าใจเจ้าผิดไป…..” อี้เทียนหยุนส่ายหัว เรื่องจริงนี่ช่างน่ากลัวนัก ที่แท้ก็เพราะว่าเผ่าภูตถูกสาปตั้งแต่ต้น แล้วอย่างนี้พวกเขาจะกล้าย้ายถิ่นได้ยังไง?


 


“ไม่ต้องใส่ใจหรอก พวกเราชินแล้ว” เย่ชิงเสวียนนำเขาไปยังห้องเก็บสมบัติ หลังจากบอกให้ผู้คุ้มกันเปิดประตู เธอก็นำเขาไปยังที่ที่เก็บหญ้าเพิ่มพูนจิตวิญญาณ นอกจากหญ้าเพิ่มพูนจิตวิญญาณแล้ว ที่นี่ยังมีหญ้าอยู่มากมาย รวมถึงอาวุธยุทโธปกรณ์ก็เช่นกัน


 


ถึงยังไงเผ่าภูตก็เทียบได้กับขุมอำนาจชั้น 3 ขั้นสูง ดังนั้นทรัพย์สินในครอบครองย่อมต้องร่ำรวยเป็นธรรมดา ทั้งพวกเขายังเป็นเผ่าที่เชี่ยวชาญในด้านค่ายกล ทำให้บางครั้งต้องไปช่วยขุมอำนาจอื่นสร้างค่ายกล ดังนั้นจึงได้รับของตอบแทนที่ล้ำค่ากลับมา ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเผ่าภูตมีอัตราการถือกำเนิดที่ต่ำแล้วล่ะก็ ป่านนี้พวกเขาคงขึ้นเป็นขุมอำนาจชั้น 4 ไปนานแล้ว


 


“นี่คือหญ้าเพิ่มพูนจิตวิญญาณ ยังมีอะไรที่เจ้าต้องการอีกไหม?” เย่ชิงเสวียนถาม “ต่อให้จะถูกเอาไปมาก แต่ที่เหลืออยู่ก็ยังมากอยู่ดี”


 


“ไม่ต้องหรอก ที่ข้าต้องการตอนนี้ก็คือหญ้าเพิ่มพูนจิตวิญญาณนี้เท่านั้น” อี้เทียนหยุนยิ้ม


 


“เจ้าต้องการกลั่นเม็ดยาเพิ่มพูนจิตวิญญาณเพื่อเพิ่มพลังจิตวิญญาณใช่ไหม?” เย่ชิงเสวียนถาม


 


“อืม จะว่าอย่างนั้นก็ได้” อี้เทียนหยุนตอบปัดๆ ไป จะให้เขาพูดได้ยังไงว่าที่เขาต้องการคือค่าประสบการณ์?


 


“งั้นเจ้าก็ไปทำยาของเจ้าเถอะ ข้าจะไปจัดการเรื่องที่นี่รอ” เย่ชิงเสวียนไม่ถามมาก จากนั้นก็พาเขาไปยังห้องกลั่นโอสถ หลังจากทิ้งเขาไว้ เธอก็ไปจัดการเรื่องของเธอ


 


ทั่วทั้งห้องกลั่นโอสถนี้มีเพียงอี้เทียนหยุนคนเดียวเท่านั้น เขารีบหยิบเอาหญ้าเพิ่มพูนจิตวิญญาณขึ้นมา จากนั้นก็ใส่ลงไปยังเตาหลอมเพลิงม่วงศักดิ์สิทธิ์อย่างไม่ลังเล หลังจากเปิดโหมดคลั่งหมวดกลั่นโอสถแล้ว เขาก็ทำการกลั่นโอสถอย่างรวดเร็ว เขาไม่ต้องการเสียเวลา ยิ่งลอบเข้าไปในคุกเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี


 


“ฟรึบ!”


 


เปลวเพลิงลุกโชนอย่างต่อเนื่อง กำลังควบกลั่นหญ้าเพิ่มพูนจิตวิญญาณนี้ เพราะระดับกลั่นโอสถของเขาได้เลื่อนขึ้นไปถึงขั้นสูงแล้ว รวมทั้งค่าความดีที่ไม่ธรรมดา ทำให้อัตราสำเร็จของเขานั้นค่อนข้างสูง มันมีอัตราสำเร็จที่สูงถึง 80% ถ้าเกิดว่าล้มเหลวล่ะก็ เขาคงไม่มีหน้าจะไปพบผู้คนแล้ว


 


“ท่านได้รับค่าประสบการณ์ 1,000, 3,000, 2,000…..”


 


ในตอนนี้ กลิ่นหอมก็ได้โชยออกมา เพียงแค่ดมกลิ่นที่โชยออกมา ก็ทำให้เขาได้รับค่าประสบการณ์ไม่น้อยแล้ว แน่นอนว่าแค่นี้ไม่มีทางทำให้เขาเลื่อนระดับได้ แต่เพราะว่าครั้งนี้เขาทำมันมาเพื่อใช้เองในทันที ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องคิดเรื่องขวดหยกอะไร


 


“ช่างเป็นกลิ่นที่หอมจริงๆ เพียงแค่กลิ่นก็สามารถเพิ่มค่าประสบการณ์ได้แล้ว หญ้าเพิ่มพูนจิตวิญญาณนี้ สำหรับข้าแล้วก็เปรียบได้กับหญ้าเพิ่มค่าประสบการณ์ดีๆ นี่เอง” อี้เทียนหยุนพยักหน้า จากนั้นก็ทำการกลั่นโอสถต่อไป


 


ภายใต้โหมดคลั่งหมวดกลั่นโอสถ ทำให้เขาไม่ต้องใช้เวลานาน เขาก็สามารถกลั่นเม็ดยาเพิ่มพูนจิตวิญญาณออกมาได้สำเร็จ!


 


“ติ๊ง ท่านกลั่นเม็ดยาเพิ่มพูนจิตวิญญาณชั้น 5 สำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 500,000, ค่าความชำนาญในการกลั่นโอสถ 500!”


 


เพียงแค่กลั่นออกมาได้สำเร็จก็มอบค่าประสบการณ์จำนวนมากให้กับเขาแล้ว ยิ่งเป็นเม็ดยาระดับสูงเท่าไหร่ ก็ยิ่งมอบค่าประสบการณ์ให้มากเท่านั้น นี่ทำให้เขารู้สึกดีสุดๆ ไปเลย


 


จากนั้น เขาก็ทำการเทเม็ดยาเพิ่มพูนจิตวิญญาณออกมา จำนวนของมันไม่ได้เยอะมาก มีเพียงแค่ 3 เม็ดเท่านั้น หญ้าเพิ่มพูนจิตวิญญาณ 1 ต้น อย่างมากก็กลั่นออกมาได้ 3 เม็ด ยิ่งกว่านั้น เขายังทำให้มันบริสุทธิ์ได้แค่จำนวน 3 กลั่น! ไม่อย่างนั้น อัตราความสำเร็จมันจะต่ำเกินไป


 


เขาอยากจะทำให้มันบริสุทธิ์ระดับ 5 กลั่น แต่อัตราความสำเร็จก็จะลดลงอีกขั้น นั่นทำให้เขารู้สึกกลัว ดังนั้น ระดับ 3 กลั่นจึงเป็นระดับที่เขายอมรับได้ที่สุดแล้ว


 


“ตอนนี้มาดูผลลัพธ์กันดีกว่า” อี้เทียนหยุนทำการกลืนเม็ดยาเพิ่มพูนจิตวิญญาณเข้าปาก เขาเคี้ยวนิดหน่อย จากนั้นก็ทำการกลืนมันลงไป


 


“ติ๊ง ท่านกลืนเม็ดยาเพิ่มพูนจิตวิญญาณ ได้รับค่าประสบการณ์ 10 ล้าน!”


 


ค่าประสบการณ์มหาศาล ค่าประสบการณ์มหาศาลจริงๆ!


 


ค่าประสบการณ์ที่มากมายขนาดนี้ ทำให้ในใจอี้เทียนหยุนถึงกับสั่นสะท้าน เขาคิดว่าแค่ 2-3 ล้านก็ดีมากแล้ว แต่ไม่คิดว่าจะได้มากถึง 10 ล้าน นี่มันช่างมหาศาลจริงๆ!


 


ถ้าเกิดเป็นความบริสุทธิ์ระดับ 4 กลั่น หรือ 5 กลั่นล่ะ? ค่าประสบการณ์ที่ได้จะมากยิ่งกว่านี้หรือเปล่า?


CLS ตอนที่ 306: ลงมือ


 


“ค่าประสบการณ์ 10 ล้าน นี่เป็นค่าประสบการณ์ที่มหาศาลจริงๆ ถ้าได้กินอีกสักสองสามเม็ดล่ะก็ ข้าจะต้องเลื่อนระดับได้อย่างแน่นอน…..”


 


อี้เทียนหยุนไม่เคยตกใจแบบนี้มานานแล้ว ตอนนี้ในที่สุดเขาก็ได้เห็นสิ่งที่เรียกว่าค่าประสบการณ์เสียที แม้ว่าจะมีบางอย่างที่ให้ค่าประสบการณ์จำนวนมากเช่นกัน แต่นี่ก็เป็นของที่ให้ค่าประสบการณ์อย่างหนักเพียงชิ้นเดียว อย่างสัตว์อสูร หลังจากสังหาร ไม่เพียงแต่จะได้ค่าประสบการณ์ แต่ยังมีอาวุธยุทโธปกรณ์ออกมาด้วย ทำให้ค่าประสบการณ์ที่ได้ด้อยกว่าของที่ให้แต่ค่าประสบการณ์เพียงอย่างเดียว


 


เม็ดยาเพิ่มพูนจิตวิญญาณนี้นับว่าใช้ประโยชน์ได้ขีดสุด เพียงเม็ดเดียวก็มอบค่าประสบการณ์ให้ถึง 10 ล้าน ตอนนี้หากเขาต้องการที่จะเลื่อนระดับ เขายังขาดค่าประสบการณ์อีก 140 ล้าน นั่นก็คือ เขาต้องการเม็ดยาเพิ่มพูนจิตวิญญาณนี้อีกแค่ 14 เม็ด ยังไงก็ตาม หญ้าเพิ่มพูนจิตวิญญาณนับเป็นของหายาก ก่อนหน้านี้เย่ชิงเสวียนก็บอกแล้วว่าหญ้านี้เป็นของหายากมาก ทั่วทั้งทวีปเทียนจิ่งมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทั้งราคายังสูงเสียดฟ้าอีกด้วย


 


“ใช่แล้ว เกือบลืมไปเลย มาดูกันว่าในร้านค้าขายอยู่เท่าไหร่!”


 


อี้เทียนหยุนเปิดร้านค้าขึ้นมาอย่างตื่นเต้น แต่เมื่อสายตากวาดไปเห็นตัวเลข 1 ล้านค่าความคลั่ง ทำให้เขารีบปิดร้านค้าลงทันที ร้านค้าบัดซบเอ๊ย มันต้องโกงแน่ๆ ไม่งั้น ทำไมถึงไม่มีของราคาถูกเลยสักชิ้น


 


การที่จะหวังให้ของคุณภาพระดับนี้มีราคาที่น้อย ถือว่าเป็นแค่ฝันโง่ๆ เท่านั้น!


 


“หลังจากนี้คงต้องให้ตำหนักซิงเฉินช่วยเก็บไว้ให้หน่อยแล้ว” อี้เทียนหยุนส่ายหัวอย่างจนปัญญา คิดไปแล้วก็น่าเสียดายนัก แต่เขายังไม่ตัดใจกับเม็ดยาเพิ่มพูนจิตวิญญาณนี้หรอก


 


ค่าประสบการณ์ 10 ล้านนี้จำเป็นต้องสังหารสัตว์อสูรจำนวนมาก หรือไม่ก็ต้องสังหารผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณถึงจะได้มา ดังนั้น ต่อให้ราคาจะสูงเขาก็ต้องซื้อ!


 


จากนั้น เขาก็ทำการกินเม็ดยาอีกสองเม็ดที่เหลือทันที ทำให้เขาได้รับค่าประสบการณ์เพิ่มขึ้นอีก 20 ล้าน นี่ทำให้เขารู้สึกสบายตัวอย่างมาก แต่ต่อให้มันจะให้ค่าประสบการณ์เขาแค่ไม่กี่ล้าน มันก็ยังถือว่ามากอยู่ดี


 


หลังจากนั้น เขาก็มองไปที่หญ้าเพิ่มพูนจิตวิญญาณในมือ แล้วพูดขึ้นว่า “ไม่รู้ว่าถ้าทำการให้ความบริสุทธิ์เพิ่มขึ้นเป็น 4 กลั่นจะให้ผลลัพธ์ยังไง?”


 


การจะกลั่นออกมาให้มีความบริสุทธิ์ถึง 4 กลั่นนั้นถือเป็นเรื่องที่ยาก เพราะจะทำให้อัตราสำเร็จลดลงอย่างมาก เมื่อตอนที่เขาเลือกที่จะทำให้มันบริสุทธิ์ถึง 4 กลั่น เขาก็พบว่าอัตราสำเร็จของมันลดลงจาก 80% เป็น 40%!


 


ซึ่งอัตราความสำเร็จนี้ถือว่าต่ำมาก นี่ขนาดรวมเตาหลอมเพลิงม่วงศักดิ์สิทธิ์ ค่าความดี และเปลวเพลิงนิรันดร์เข้าไปแล้ว แต่อัตราสำเร็จก็ยังมีแค่ 40% ซึ่งถือได้ว่าเป็นอัตราสำเร็จที่ต่ำมาก


 


ไม่อย่างนั้นเม็ดยาที่บริสุทธิ์ถึง 9 กลั่นคงไม่กลายเป็นตำนานหรอก


 


“มีแต่ต้องพึ่งโชคดีแล้วคราวนี้…..”


 


อี้เทียนหยุนเปิดใช้งานโชคดีในทันที ทันใดนั้น อัตราสำเร็จก็เพิ่มขึ้นเป็น 70% ในพริบตา เพิ่มขึ้น 30% เกือบจะเท่าหนึ่งเลยทีเดียว


 


“อัตราสำเร็จ 70% ได้การล่ะ!”


 


อี้เทียนหยุนคิดว่าอัตราสำเร็จนี้ยอมรับได้ จากนั้นเขาก็ปิดโชคดีลง จากนั้นก็เริ่มการกลั่นอย่างรวดเร็ว โชคดีจำเป็นต้องเปิดแค่ตอนสุดท้ายก็พอ เพราะถ้าเปิดทิ้งไว้ มันจะทำให้ค่าความคลั่งของเขาเสียไปเปล่าๆ


 


จากนั้น เขาก็เริ่มการกลั่นอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเปิดใช้งานโหมดคลั่งหมวดกลั่นโอสถอย่างต่อเนื่อง และในขณะที่เตรียมจะหลอมหลวมนั้น เขาก็เปิดใช้งานโชคดีเพื่อเพิ่มอัตราความสำเร็จ!


 


“ติ๊ง ท่านกลั่นเม็ดยาเพิ่มพูนจิตวิญญาณสำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 600,000, ค่าความชำนาญในการกลั่นโอสถ 600!”


 


“เยี่ยม การกลั่นโอสถ 4 กลั่นช่วยเพิ่มค่าประสบการณ์และค่าความชำนาญให้ด้วย…..” อี้เทียนหยุนคิดอย่างพึงพอใจ ถ้าเขาสามารถกลั่นโอสถ 9 กลั่นออกมาได้ ค่าประสบการณ์ที่ได้คงมากมายมหาศาล เพียงแต่ว่าความยากของมันออกจะน่าสะพรึงเกินไป


 


เม็ดยาเพิ่มพูนจิตวิญญาณในคราวนี้มีความเงางามยิ่งกว่ารอบก่อนอยู่หนึ่งขึ้น เขาทำการเอามันเข้าปากอย่างไม่ลังเล พริบตานั้น ค่าประสบการณ์ก็พลันระเบิดขึ้นในปากของเขาทันที!


 


“ติ๊ง ท่านกลืนเม็ดยาเพิ่มพูนจิตวิญญาณ ได้รับค่าประสบการณ์ 15 ล้าน!”


 


“เพียงแค่เพิ่มการกลั่นขึ้นอีกขั้นก็ได้ค่าประสบการณ์เพิ่มมาอีก 5 ล้านโดยไม่คาดคิด……”


 


อี้เทียนหยุนรู้สึกเหมือนตัวเองกินระเบิดเข้าไปอย่างไงอย่างงั้น ค่าประสบการณ์จำนวน 15 ล้านระเบิดขึ้นในปากของเขา ถ้าเกิดว่าเขาทำการกลั่นโอสถ 5 กลั่น หรือกระทั่ง 9 กลั่นล่ะ? เขาไม่กล้าคิดเลยว่าค่าประสบการณ์ที่ได้จะมากขนาดไหน แต่แน่นอนว่าต้องไม่น้อยไปกว่า 5 ล้านอย่างแน่นอน ไม่งั้นมันคงจะไม่มีความหมาย


 


เขาค่อยๆ ทำใจให้สงบ จากนั้นก็กินเม็ดยาที่เหลือเข้าไป จากนั้นเสียงที่เขารอคอยก็ดังขึ้น


 


“ติ๊ง ยินดีด้วย ผู้เล่นอี้เทียนหยุนได้เข้าสู่ระดับผันแปรวิญญาณขั้นที่ 4 สำเร็จ!”


 


ในที่สุดก็เลื่อนระดับสักที ความเร็วนี้นับว่าเร็วอย่างมาก ถ้าไม่ใช่เพราะเม็ดยาเพิ่มพูนจิตวิญญาณ เขาคงไม่สามารถเลื่อนระดับได้เร็วขนาดนี้


 


“น่าเสียดายที่ไม่มีอีกแล้ว ไม่อย่างนั้นข้าจะเลื่อนระดับให้สะใจไปเลย” อี้เทียนหยุนพยักหน้า ค่าประสบการณ์ที่ได้มาจนถึงตอนนี้ล้วนแต่ได้มาจากการสังหารเท่านั้น แต่เมื่อเทียบกับเม็ดยาเพิ่มพูนจิตวิญญาณแล้ว นับว่าต่างกันมาก


 


นี่ถือเป็นหนึ่งในเม็ดยาค่าประสบการณ์ที่เขาค้นพบ ยิ่งกว่านั้น ยังเป็นเม็ดยาที่ให้ค่าประสบการณ์มหาศาล!


 


ขณะที่เขาค่อยๆ สงบใจลงทีละน้อย ก็ได้มีร่างปรากฏขึ้นที่ทางเข้า เย่ชิงเสวียนที่จัดการเรื่องราวของตัวเองเสร็จก็ได้มาหาเขา


 


“เจ้ากลั่นโอสถเสร็จแล้ว?” เย่ชิงเสวียนเห็นเขานั่งโดยไม่มีเสียงอะไรจากที่นี่ก็ได้ถามขึ้น


 


“อืม เสร็จแล้ว แล้วก็กินไปแล้วด้วย” อี้เทียนหยุนพูดด้วยรอยยิ้ม” ไปกันเถอะ พวกเราไปกันตอนนี้เลย เจ้าเตรียมตัวเสร็จหรือยัง?”


 


“เรียบร้อยแล้ว จะไปตอนไหนก็ได้ทั้งนั้น” เย่ชิงเสวียนมีสีหน้าภาคภูมิ สถานที่พวกเธอกำลังจะไปนั้นค่อนข้างอันตราย จำเป็นต้องเตรียมทางหนีทีไล่ไว้ให้ดี


 


ถ้าเกิดเจอกับขุนพลมังกรเข้าล่ะก็ พวกเขาจะหนียังไง? คนอื่นจะหนียังไงไม่รู้ แต่อี้เทียนหยุนรู้ว่าตัวเองจะหนียังไง มีเทเลพอร์ทอยู่ ดังนั้นการหนีจึงเป็นเรื่องง่ายๆ สำหรับเขา แต่ยังไงก็ตาม เทเลพอร์ทก็มีเงื่อนไขที่ใช้งานยุ่งยาก ถ้าไม่รู้สถานที่จะไป ก็ไม่สามารถเทเลพอร์ทได้ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องรู้เส้นทาง


 


ยังไงก็ตาม ถ้าเกิดไม่รู้ว่าทางข้างหน้าเป็นยังไง เขาก็คงไม่กล้าเทเลพอร์ทตามใจ ถ้าในนั้นเป็นกับดัก งั้นก็คงเป็นการหาที่ตายแล้ว


 


“ดี งั้นไปกันเลย!”


 


อี้เทียนหยุนพยักหน้า จากนั้นก็เดินตามเย่ชิงเสวียนไป แต่ในขณะที่พวกเขากำลังจะออกจากป่านั้น เย่หว่านเอ๋อที่ได้มาดักรอพวกเขาอยู่ก่อนแล้วก็ได้เอ่ยขึ้น


 


“พี่สาว พี่ใหญ่อี้….. พวกท่านต้องกลับมาอย่างปลอดภัยนะ!” เย่หว่านเอ๋อสวมกอดพี่สาวของเธอ ตั้งแต่ที่มีเรื่องเกิดขึ้น พวกเธอพี่น้องก็ได้เจอกันน้อยลง


 


“วางใจเถอะ พวกเราจะกลับมาโดยไว” อี้เทียนหยุนยิ้ม เรื่องนี้สำหรับเขาแล้วไม่มีปัญหา แต่กับพวกเธอกลับอันตรายมาก


 


“ใช่ หว่านเอ๋อ คราวนี้พวกเราจะต้องทำงานได้สำเร็จลุล่วงอย่างแน่นอน แล้วพวกเราจะกลับมา” เย่ชิงเสวียนกอดปลอบน้องสาวของตน


 


“อืม…..”


 


หลังจากบอกลา พวกเขาก็ออกจากที่นี่ พวกเขาไม่ขี่อินทรียักษ์หรือว่าอะไร แต่เป็นอี้เทียนหยุนที่พาเย่ชิงเสวียนบินไปเอง ระดับเย่ชิงเสวียนยังไม่ผ่านมาถึงระดับผันแปรวิญญาณ ดังนั้นจึงต้องให้อี้เทียนหยุนพาบิน


 


“คราวนี้จะต้องสำเร็จ!” นัยน์ตาสีเงินของเย่ชิงเสวียนเต็มไปด้วยความมั่นใจ


 


“ข้าบอกไปแล้วว่ามีข้าอยู่จะต้องไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน” อี้เทียนหยุนยิ้มอย่างมั่นใจ ถ้าแค่ความมั่นใจยังไม่มี แล้วจะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญได้ยังไง!”


 


เย่ชิงเสวียนกลอกตาใส่เขา แล้วก็เผยรอยยิ้มออกมา แต่ก็ไม่พูดอะไร


CLS ตอนที่ 307: คุกใต้พิภพ


 


ภายใต้การนำของอี้เทียนหยุน พวกเขาก็มาถึงอาณาเขตของทวีปใต้พิภพซึ่งเป็นที่ตั้งของอาณาจักรใต้พิภพ!


 


ทวีปใต้พิภพตั้งอยู่ค่อนข้างใกล้กับทวีปเทียนจิ่ง ตามจริงที่นี่ไม่ได้ถูกเรียกว่าทวีปใต้พิภพ แต่ในเมื่อที่นี่ถูกอาณาจักรใต้พิภพปกครอง ดังนั้นสิทธิ์ในการตั้งชื่อจึงเป็นของพวกเขา อาณาจักรใต้พิภพคือผู้ปกครองทวีปแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นขุมอำนาจไหนในทวีปแห่งนี้ก็ไม่สามารถต่อต้านพวกเขาได้


 


ซึ่งก็เท่ากับว่าทวีปใต้พิภพแห่งนี้คืออาณาเขตของพวกเขา ไม่อย่างนั้นที่นี่คงไม่ถูกเรียกว่าทวีปใต้พิภพ พวกเขามีความทะเยอทะยานที่จะครองครองทวีปเทียนจิ่ง เพียงแต่เหมือนว่าจะมีหลายขุมอำนาจที่ไม่ยอมเข้าร่วมกับพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าลงมือรุนแรงนัก


 


คุกที่คุมขังเผ่าภูตไว้ไม่ได้อยู่ไกลนัก นับได้ว่าอยู่ตรงชายแดนของทวีปใต้พิภพ ยิ่งกว่านั้น มันยังเป็นที่ที่มีชื่อเสียงในทวีปใต้พิภพแห่งนี้ ซึ่งเรียกกันว่า “คุกใต้พิภพ” มันเป็นที่ที่ไว้สำหรับคุมขังนักโทษ แต่ว่าใช้สำหรับคุมขังใครนั้น คนนอกไม่มีทางรู้ จะมีก็แต่ส่วนน้อยเท่านั้นที่รู้ว่าใครถูกขังอยู่ข้างใน และเมื่อถูกขังอยู่ในนั้น นักโทษพวกนั้นก็จะไม่มีวันได้กลับออกมาอีก


 


ถ้าพูดถึงที่ที่มีการคุ้มกันแน่นหนาที่สุด อันดับแรกก็ต้องเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรใต้พิภพอย่างแน่นอน เพราะที่นั่นเป็นที่ที่จักรพรรดิใต้พิภพอาศัยอยู่ เป็นธรรมดาที่การคุ้มกันต้องหนาแน่นที่สุด ส่วนอันดับที่สองก็คือคุกใต้พิภพ ที่นี่ก็มีการคุ้มกันที่แน่นหนาไม่ต่างกันเท่าไหร่ กระทั่งยุงสักตัวยังไม่สามารถบินผ่านได้


 


การจะเข้าไปข้างในนั้น นอกเสียจากจะมีความสามารถในการลอบเร้นที่น่าสะพรึงอย่างมากแล้ว จำเป็นต้องมีพลังที่แข็งแกร่งด้วย ไม่อย่างนั้นจะต้องถูกผู้คุ้มกันที่อยู่ข้างในสังหารเอาได้


 


“ข้างหน้าคือคุกใต้พิภพ เราต้องลงไปเดินข้างล่าง เพราะยิ่งบินเข้าไปใกล้เท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งง่ายที่จะถูกพบตัวได้เท่านั้น” เย่ชิงเสวียนบอกทางอี้เทียนหยุนที่พาเธอบิน


 


อี้เทียนหยุนพยักหน้า ต่อให้เย่ชิงเสวียนไม่บอก เขาก็เห็นว่าข้างหน้าคือคุกใต้พิภพ เขาสามารถเห็นกำแพงอากาศที่อยู่ไม่ไกล ที่ทำการปิดผนึกดินแดนแห่งนี้ไว้ ดูคล้ายกับมือของยักษ์ที่กำลังปกคลุมที่แห่งนี้ นอกจากทางเข้าตรงกำแพงเมืองแล้ว ไม่มีทางเข้าอื่นนอกจากนี้


 


บนกำแพงเมืองนี้สลักไว้ด้วยค่ายกล ซึ่งค่ายกลนี้อี้เทียนหยุนรู้จักดี นี่คือค่ายกลเสริมกำลังระดับต้าซือ ซึ่งมีผลช่วยเพิ่มพลังป้องกันให้กับกำแพงขั้นใหญ่ อย่าว่าแต่ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อแกนวิญญาณเลย ต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณก็อยากที่จะทำลายมันได้ง่ายๆ บางทีอาจจะระเบิดกำแพงเป็นรูได้ แต่ในระหว่างนั้น จะต้องเผชิญกับกองทหารขนาดใหญ่ที่ล้อมเข้ามา


 


“ช่างเป็นการป้องกันที่ดีเยี่ยมจริงๆ เป็นค่ายกลเสริมกำลังที่สมบูรณ์แบบ ไม่ต้องเอ่ยถึงคุกที่ไว้ใช้คุมขัง ต่อให้เป็นเมืองเอง หากได้ค่ายกลชุดนี้คอยป้องกัน ก็ต้องเป็นเมืองที่ยากที่จะทำลายอย่างแน่นอน” อี้เทียนหยุนมองไปที่คุกใต้พิภพด้วยความรู้สึกตกใจ


 


“ค่ายกลทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นท่านบรรพชนเป็นคนสร้าง รวมถึงค่ายกลข้างในนั้นด้วย ล้วนแต่เป็นเผ่าภูตของพวกเราช่วยกันสร้างทั้งหมด พูดได้ว่าคุกใต้พิภพแห่งนี้ เป็นที่ที่พวกเราเผ่าภูตสร้างขึ้นมากับมือ!” เย่ชิงเสวียนกัดฟันพูด “แต่ไม่คิดว่าที่ของที่สร้างจะกลายมาเป็นที่คุมขังพวกเราเอง เป็นที่ที่ใช้สำหรับคุมขังเผ่าพันธุ์ภูตของพวกเรา!”


 


“ที่พวกเขาสร้างใหญ่ขนาดนี้ แท้จริงแล้วคุกนี้มีไว้ขังใครกันแน่?” อี้เทียนหยุนขมวดคิ้ว หรือว่าคุกนี้เอาไว้ขังคนจำนวนมากอย่างงั้นเหรอ?


 


“หลังจากพวกเราสร้างเสร็จก็ไม่ได้สนใจ ไม่รู้ว่ามีไว้สำหรับคุมขังใคร แต่ตอนนี้พวกเรารู้แค่เพียงว่ามันใช้สำหรับคุมขังเผ่าภูตของพวกเรา” เย่ชิงเสวียนพูดอย่างเจ็บปวด


 


“อืม ตอนนี้พวกเราก็ใกล้ถึงแล้ว ไว้ค่อยไปดูก็ได้”


 


อี้เทียนหยุนเดินนำเข้าไป ยิ่งเข้าใกล้เท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งเห็นได้ชัดถึงความยิ่งใหญ่ของคุกใต้พิภพแห่งนี้ ขนาดของมันเทียบได้กับเมืองเล็กๆ เลยทีเดียว คุกใต้พิภพนี้เหมือนกับไม่มีอะไร ราวกับว่าสามารถขุดดินมุดเข้าไปได้ แต่ถ้ามีคนเข้าไปใกล้เมื่อไหร่ ก็จะสามารถถูกพบก่อนตั้งแต่ที่ยังเข้าไปไม่ถึง


 


ขณะที่จะเข้าไปใกล้กว่านี้ เย่ชิงเสวียนก็ส่งสัญญาณให้เขาหยุด


 


“พวกเราไปใกล้กว่านี้ไม่ได้แล้ว ทั่วทั้งคุกใต้พิภพแห่งนี้ นอกจากประตูหน้าแล้ว ก็ไม่มีทางเข้าอื่นอีก” เย่ชิงเสวียนพูด


 


“ดูเผินๆ แล้ว พวกเราคงได้แต่บุกเข้าไปตรงๆ สินะ” อี้เทียนหยุนมองดูรอบๆ คุกใต้พิภพนี้ นอกจากทางเข้าหลักแล้ว ก็ไม่มีทางอื่นที่จะให้เข้าไปได้ ประตูเมืองขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ตรงหน้า ดูแล้วช่างยิ่งใหญ่จริงๆ


 


ยังไงก็ตาม ตอนนี้มันได้ปิดแน่นหนา เมื่อประตูปิดอย่างนี้ ก็ไม่มีทางเข้าไปได้ นอกเสียจากจะใช้กำลังบุกเข้าไป ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีหนทางอื่นแล้ว


 


“ตรงประตูก็มีค่ายกลเสริมกำลังติดตั้งอยู่เหมือนกัน ทำให้ยากที่จะบุกเข้าไป!” เย่ชิงเสวียนส่ายหัว “แต่ว่าพวกเราสามารถลอบเข้าไปจากอาณาเขตอื่นได้ อย่าลืมว่าค่ายกลของที่นี่ เผ่าภูตของข้าเป็นคนสร้าง ดังนั้นจุดบอดอยู่ตรงไหนพวกข้าย่อมรู้ดี ก่อนหน้านี้ก็ได้มีการลอบส่งศิษย์เข้าไปข้างใน แต่พวกเขาก็ไม่เคยกลับออกมาอีก น่ากลัวว่าคงถูกจับตัวไปแล้ว….. พวกเขาจะต้องส่งกองกำลังกองใหม่มาแน่ ดังนั้นนี่จึงโอกาสเดียวที่จะช่วยพวกบรรพชนออกมา พวกเราต้องรีบแล้ว ไม่อย่างนั้นกลัวว่าจะไม่ทันการณ์”


 


อี้เทียนหยุนพยักหน้า ที่เย่ชิงเสวียนมากับเขาคราวนี้ไม่ได้มาโดยหุนหัน แต่ว่ามีการเตรียมการมาก่อนแล้ว ถ้าไม่สามารถผ่านประตูหน้าไปได้ ต่อให้กุญแจอยู่ในมือ แล้วจะมีประโยชน์อะไร?


 


จากนั้น เย่ชิงเสวียนก็พอเขาค่อยๆ เข้าไปใกล้คุกทีละน้อย จากนั้นก็ชี้ไปที่พื้นด้านล่างแล้วพูดว่า “พวกเราขุดดินตรงนี้ จากนั้นก็ทำลายค่ายกลที่อยู่ข้างล่าง พร้อมกับทำลายหินแล้วค่อยลอบเข้าไป”


 


“ไม่ ไม่ต้องยุ่งยากอย่างนั้น เจ้ารอข้าสักเดี๋ยว” อี้เทียนหยุนส่ายหัว เขาไม่อยากทำเรื่องยุ่งยากพรรค์นั้น จากนั้น ภายใต้สายตาสงสัยของเย่ชิงเสวียน เขาก็ได้ทำการส่งสัมผัสวิญญาณที่ทรงพลังออกไปตรวจสอบหลังกำแพง


 


พลังในปัจจุบันของเขาอยู่ในระดับผันแปรวิญญาณขั้นที่ 4 ถือเป็นระดับที่ไม่ต่ำเลย ดังนั้น สัมผัสวิญญาณของเขาจึงมีระยะประมาณ 10 ลี้ ซึ่งถือเป็นระยะที่ไกลมาก แต่เขาในตอนนี้ต้องการตรวจสอบสถานการณ์ข้างในเท่านั้น ไม่ได้ต้องการตรวจสอบไกลขนาดนั้น จำเป็นต้องส่งสัมผัสวิญญาณออกไปตรงหน้าแค่ไม่กี่เมตรเท่านั้นเอง


 


จากนั้น ภายใต้การแทรกซึมของเขา เขาก็พบว่ากำแพงแห่งนี้ได้มีค่ายกลคอยป้องกันอยู่ ทำหน้าที่ป้องกันสัมผัสวิญญาณที่ลอบแทรกซึมเข้าไป ทำให้ไม่ง่ายที่จะรู้สถานการณ์ข้างใน


 


อย่าว่าแต่ทะลุผ่านเลย แค่สักนิ้วยังเข้าไปไม่ได้!


 


“ข้าไม่เชื่อว่าจะผ่านไปไม่ได้!”


 


อี้เทียนหยุนลืมตาขึ้น พร้อมกับลำแสงสีฟ้าที่สว่างวาบ เปิดใช้งานเนตรสวรรค์ออกมา ทำให้พริบตานี้ สัมผัสวิญญาณของเขากลายเป็นกล้าแข็งขึ้น เย่ชิงเสวียนที่มองอยู่ใกล้ๆ ก็พลันสงสัยขึ้นมา ไม่รู้ว่าอยู่ๆ อี้เทียนหยุนเปิดใช้งานเนตรสวรรค์ออกมาทำไม


 


หลังจากเปิดใช้งานเนตรสวรรค์ พลังวิญญาณของเขาแข็งแกร่งขึ้น ค่ายกลที่สลักไว้บนกำแพง ตรงไหนที่เป็นจุดอ่อน เขาสามารถมองเห็นได้


 


“ตรงนี้แหละ!”


 


อย่างรวดเร็ว เขาก็เห็นว่ามีค่ายกลหนึ่งที่อ่อนแอกว่าที่อื่น เขาก็รีบส่งพลังวิญญาณโจมตีไปตรงที่แห่งนั้นในทันที เมื่อรวมกับความสามารถของเนตรสวรรค์ที่ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับพลังวิญญาณหลายเท่า ทำให้การโจมตีนี้ทรงพลังอย่างมาก!


 


“ปัง!”


 


พริบตา สัมผัสวิญญาณของเขาก็ทะลุผ่านกำแพงไปได้ ทำให้เขาสามารถสำรวจพื้นที่หลังกำแพงได้อย่างชัดเจน จากนั้นเขาก็หยุดมืออย่างรวดเร็ว พร้อมกับหันไปมองเย่ชิงเสวียนแล้วพูดว่า “เรียบร้อย เตรียมตัวนะ พวกเรากำลังจะไปกันแล้ว”


 


เมื่อเตรียมการแล้วเสร็จ ด้วยความสามารถเทเลพอร์ทที่มี ทำให้เขาสามารถลอบเข้าไปในคุกใต้พิภพแห่งนี้ได้แล้ว!


CLS ตอนที่ 308: ลอบเข้าไป


 


เย่ชิงเสวียนพยักหน้า เธอไม่รู้ว่าอี้เทียนหยุนกำลังทำอะไร แต่ในเมื่อเขาบอกให้เตรียมตัว งั้นเธอก็จะไม่ถามให้เสียเวลา


 


“เอาล่ะ พวกเรามาเริ่มขุดรูเข้าไปข้างในกันเถอะ” เย่ชิงเสวียนเรียกจอบออกมาสองอัน จอบนี้ไม่ใช่จอบธรรมดา แต่เป็นอุปกรณ์ระดับจิตวิญญาณ ก่อนหน้านี้เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต้องขุดรู ดังนั้นจึงทำการหลอมจอบระดับจิตวิญญาณเตรียมเอาไว้เป็นพิเศษ


 


แม้ว่าจอบนี้จะเป็นเพียงอุปกรณ์ระดับจิตวิญญาณขั้นต่ำ แต่จะดีจะร้ายก็เป็นถึงอุปกรณ์ระดับจิตวิญญาณ เมื่อใช้จอบระดับจิตวิญญาณในการขุด แน่นอนว่าจะทำให้การขุดเป็นเรื่องง่ายและรวดเร็วขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย อย่างน้อยมันก็ต้องดีกว่าต้องใช้กระบี่เป็นไหนๆ


 


“นี่…..” เมื่ออี้เทียนหยุนเห็นจอบสองเล่มนี้ก็รู้สึกพูดไม่ออก “เราไม่ต้องใช้จอบขุดหรอก”


 


“ไม่ใช้จอบขุด หรือเจ้าจะใช้กระบี่ หรือว่ามือขุดล่ะ?” เย่ชิงเสวียนส่งจอบให้เขา แล้วพูดขึ้นว่า “อย่าดูถูกข้าเชียว ข้าต้องคอยปลูกสมุนไพรในเผ่าเป็นประจำทุกวัน ดังนั้นเชื่อใจในความสามารถด้านการขุดของข้าได้เลย รับรองว่าจะใช้เวลาไม่นานอย่างที่เจ้าคิด”


 


“ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น…..” อี้เทียนหยุนส่ายหัว แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้าเชื่อไหมว่าข้าสามารถพาเจ้าเข้าไปข้างในนั้นได้ทันที? ไม่จำเป็นต้องขุดรู และก็ไม่จำเป็นต้องทำลายค่ายกลนี้ด้วย”


 


“ไม่เชื่อ!” เย่ชิงเสวียนส่ายหัว ในสายตาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อถือ “กำแพงนี้หนามาก ทั้งยังสลักค่ายกลเอาไว้อีก เจ้าจะเข้าไปข้างในภายในพริบตาได้ยังไง? ถ้าคิดจะบิน ข้าว่าบุกเข้าทางประตูยังง่ายกว่า!”


 


“แล้วถ้าข้าเข้าไปได้ล่ะ?” อี้เทียนหยุนพูดด้วยรอยยิ้ม


 


“ถ้าเจ้าพาข้าเข้าไปได้อย่างเจ้าว่า เจ้าอยากจะให้ข้าทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น!” เย่ชิงเสวียนแค่นเสียงออกมา เธอไม่เชื่อโดยเด็ดขาด


 


“ตกลง นี่เป็นเจ้าพูดเองนะ!” อี้เทียนหยุนพูดด้วยรอยยิ้ม “งั้นเจ้าก็หลับตาลงซะ จากนั้นไว้รอข้าบอกแล้วค่อยลืมตาอีกครั้ง”


 


“เจ้าคิดจะทำอะไร?” เย่ชิงเสวียนมองเขาด้วยความสงสัย “ข้าไม่รู้หรอกนะว่าเจ้าจะเล่นอะไร แต่ก็ได้ ข้าจะหลับตา! ถ้าเจ้าหลอกข้า คอยดูเถอะว่าข้าจะจัดการเจ้ายังไง!”


 


จากนั้นเธอก็หลับตาลง อึดใจต่อมา อี้เทียนหยุนก็จับไหล่เธอไว้ ทำให้เธอตัวสั่น ทำไมอยู่ๆ ถึงได้มาแตะตัวเธอกัน…..


 


สายตาอี้เทียนหยุนเป็นประกายวาบ พร้อมกับพาร่างเย่ชิงเสวียนหายไปจากจุดที่ยืนอยู่ อึดใจต่อมา พวกเขาก็ปรากฏขึ้นขึ้นข้างหลังกำแพง อี้เทียนหยุนเทเลพอร์ทเข้ามายังห้องเล็กๆ ห้องหนึ่ง เหมือนจะเป็นห้องที่ไว้ให้ผู้คุ้มกันเอาไว้พัก เพราะว่าอยู่ใกล้ๆ กำแพง ดังนั้นจึงถือว่าเป็นที่ซ่อนที่ปลอดภัยที่สุด


 


“ลืมตาได้” อี้เทียนหยุนพูด


 


จากนั้นเย่ชิงเสวียนก็ลืมตาขึ้น ที่ปรากฏในสายตาเธอคือห้องๆ หนึ่ง เหมือนกับว่าจะเป็นห้องพักที่ทรุดโทรม แม้จะไม่รู้ว่าเป็นห้องพักของใคร แต่ก็รู้ว่านี่ต้องเป็นห้องพักในกำแพงแน่ๆ ทำให้เธอพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแตกตื่น “นี่พวกเราเข้ามาแล้วอย่างงั้นเหรอ?”


 


เธอเคยติดต่อกับอาณาจักรใต้พิภพมาก่อน ช่วงที่ที่นี่ใกล้จะสร้างเสร็จ เธอก็เคยมา ดังนั้น เธอจึงค่อนข้างเข้าใจในสิ่งปลูกสร้างที่อยู่ด้านใน รู้ว่าที่ไหนเป็นห้องพัก ที่ไหนเป็นคุก เธอล้วนรู้สึกเป็นอย่างดี ดังนั้นการที่อยู่ๆ ก็มาปรากฏขึ้นในห้องนี้ จึงทำให้เธอรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก


 


“ใช่ ข้าเคยบอกไปแล้ว ว่าการจะพาเจ้าเข้ามาเป็นเรื่องง่ายๆ” อี้เทียนหยุนยิ้ม เทเลพอร์ทคือไพ่เด็ดของเขา เพราะมันสามารถใช้ได้กับทั้งมิตรและไม่ศัตรู ไม่ว่าจะตอนแทรกซึมหรือว่าตอนหลบหนี


 


อะไรที่เปิดได้ก็ต้องเปิด เขาไม่อยากเสียเวลาใช้จอบขุดรูลอบเข้ามา มันทั้งเสียเวลาและอาจจะเกิดปัญหาขึ้นมาได้


 


“เจ้าทำได้ยังไง?” เย่ชิงเสวียนตกใจ เธอตกใจจนตอนนี้ก็ยังไม่หาย นี่มันเหนือไปกว่าสิ่งความเข้าใจของเธอ


 


“นี่ ข้าไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไงดีเหมือนกัน มันเป็นวิชาลับที่เอาไว้ใช้ตอนจวนตัว ไม่ใช่สิ่งที่จะเอามาใช้ได้บ่อยๆ” อี้เทียนหยุนไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไงดี ความสามารถเทเลพอร์ทนี้ บางทีที่โลกนี้คงไม่มี


 


“หระ…. หรือว่าจะเป็นการเคลื่อนย้ายในพริบตา!?” เย่ชิงเสวียนพลันคิดถึงความสามารถหนึ่ง


 


“การเคลื่อนย้ายในพริบตาอย่างงั้นเหรอ?” อี้เทียนหยุนคิดแล้วพูดขึ้น “น่าจะประมาณนั้น จะเรียกว่าอย่างนั้นก็ได้”


 


การเคลื่อนย้ายในพริบตานี้ หลักใหญ่ใจความก็ขึ้นอยู่พลังธาตุมิติ มันสามารถทำให้เคลื่อนย้ายไปยังระยะทางสั้นๆ ได้ในพริบตา ถ้าสัมผัสวิญญาณไม่ดีล่ะก็ ไม่มีทางที่จะสำรวจเส้นทางที่จะไปได้ อาจจะไปโผล่ในที่ที่ไม่ต้องการได้


 


ดังนั้น ธาตุมิติจึงเป็นธาตุที่หายาก ทั้งยังมีพลังไม่สูงนัก มันสามารถใช้ในการเคลื่อนย้ายในพริบตา แต่สำหรับคนที่ไม่มีธาตุมิติก็สามารถใช้การเคลื่อนย้ายในพริบตาได้เช่นกัน เพียงแต่จะไม่ทรงพลังเท่ากับคนที่มีมันก็เท่านั้น


 


ไม่ต้องพูดถึงสิ่งอื่น อย่างแหวนเก็บของนี่ก็ถือว่าเป็นธาตุมิติอย่างหนึ่ง ต้องให้คนที่มีธาตุมิติเป็นคนสร้างมันออกมา ยิ่งมีขนาดใหญ่เท่าไหร่ ก็จะยิ่งสุดยอดมากเท่านั้น


 


“หรือว่าเจ้าจะฝึกร่างกายเพื่อใช้วิชาเกี่ยวกับมิติเป็นพิเศษ?” เย่ชิงเสวียนมองเขาขึ้นๆ ลงๆ “แต่การเคลื่อนย้ายในพริบตาทำให้เคลื่อนย้ายได้ไกลขนาดนี้เลยเหรอ?”


 


“นี่สำคัญด้วยเหรอ?” อี้เทียนหยุนยักไหล่


 


“ก็ใช่ ยังไงเจ้าก็ไม่ใช่ศัตรู แต่การที่เจ้าสามารถเคลื่อนย้ายในพริบตาก็ถือเป็นเรื่องที่น่าตกใจจริงๆ แต่จะยังไงก็ทำให้เราลดความยุ่งยากลงไปได้มาก” เย่ชิงเสวียนพยักหน้า พร้อมกับหยิบยันต์ออกมาสองใบออกมาจากแหวนเก็บของ “นี่คือยันต์ปกปิดตัวตนระดับต้าซือ”


 


เธอส่งยันต์ใบหนึ่งให้กับอี้เทียนหยุน แล้วพูดว่า “แปะนี่ไว้ มันจะช่วยปกปิดตัวตนของเจ้า ตราบเท่าที่ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณ ก็ไม่ง่ายที่หาพวกเราพบ”


 


“ได้ ไม่มีปัญหา” อี้เทียนหยุนรับยันต์ปกปิดตัวตนมาแปะเข้าที่ตัว หลังจากที่แปะลงไป เขาก็พลันรู้สึกว่าตัวเองกำลังหายตัวอยู่


 


ร่างของเขากลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อมรอบๆ ถ้ามองจากไกลๆ น้อยคนที่จะพบว่ามีคนยืนอยู่ที่นี่


 


“ไปกันเถอะ ตามข้ามา ข้าคุ้นกับทางที่นี่ พอจะรู้ว่าที่ไหนที่ใช้เป็นที่คุมขัง ข้าคิดว่าพวกบรรพชนจะต้องถูกขังไว้ในส่วนลึกที่เขตกักกันวิญญาณ” เย่ชิงเสวียนอธิบาย “เขตกักกันวิญญาณสามารถลบล้างพลังวิญญาณ ทำให้ไม่มีทางฟื้นตัว การกักกันพลังวิญญาณนี้ ไม่เพียงแต่สามารถทำลายตันเถียนได้เท่านั้น แต่ยังสามารถสะกดพลังได้อีกด้วย”


 


เย่ชิงเสวียนกลัวว่าอี้เทียนหยุนจะไม่รู้ ดังนั้นจึงได้อธิบายให้ฟัง


 


“ในเมื่อเจ้าคุ้นเคยกับที่นี่ แล้วทำไมถึงไม่มีกุญแจล่ะ?” อี้เทียนหยุนถาม


 


“พวกเราคุ้นเคยก็จริงอยู่ แต่ก็แค่กับค่ายกลที่พวกเราสร้างเท่านั้น ส่วนตรวนนั้นพวกเราไม่ได้เป็นคนสร้าง ดังนั้นจึงไม่รู้ว่ากุญแจเป็นแบบไหน” เย่ชิงเสวียนรู้สึกช่วยไม่ได้ “เพราะงั้น กุญแจที่เจ้ามีจะเป็นของจริงหรือของปลอมนั้น พวกเราก็ไม่รู้เช่นกัน แต่ในเมื่อได้มาจากเฉิงเฟิง งั้นความเป็นไปได้ที่จะเป็นของจริงก็มีค่อนข้างสูง”


 


มีแต่อี้เทียนหยุนที่รู้ว่านี่เป็นกุญแจของจริง เพราะนี่เป็นของที่ระบบให้มาหลังจากสังหารเฉินเฟิงได้ เพราะงั้นมันจึงเป็นของจริงอย่างแน่นอน


 


“เรื่องพวกเราช้าไม่ได้ ไปกันเถอะ” อี้เทียนหยุนพยักหน้าแล้วพูดขึ้น


 


เย่ชิงเสวียนก็พยักหน้า จากนั้นก็เปิดประตูออกช้าๆ พร้อมกับใช้สัมผัสวิญญาณตรวจสอบดูข้างนอก เมื่อพบว่าไม่มีใคร เธอก็ส่งสัญญาณทางสายตาให้กับอี้เทียนหยุน พร้อมกับทำการเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว อี้เทียนหยุนก็เคลื่อนร่างตามเธอไป แอบย่องเข้าไปยังเส้นทางนี้


CLS ตอนที่ 309: ข่มขู่


 


หลังจากนั้น พวกเขาก็ลอบเข้ามาในเส้นทางนี้สำเร็จ เพราะผู้คุ้มกันรอบๆ ที่นี่ไม่ได้แน่นหนามาก แต่ก็ไม่จำเป็นต้องคุ้มกันแน่นหนาอะไรอยู่แล้ว เพราะทางเข้าที่นี่มีแค่ทางเดียว ทำให้ผู้คุ้มกันที่อื่นๆ มีอยู่เพียงเล็กน้อย เพราะส่วนใหญ่ล้วนแต่ไปคอยคุ้มกันตามพื้นที่ที่สำคัญๆ ส่วนพื้นที่อื่นนั้น ไม่จำเป็นต้องเคร่งครัดสักเท่าไหร่


 


และเพราะที่นี่ไม่ได้เป็นที่ที่สำคัญอะไร ดังนั้นผู้คุ้มกันจึงมีน้อย หลังจากพวกเขาลอบเข้ามาได้สักระยะ อย่างรวดเร็วพวกเขาก็มองเห็นผู้คุ้มกันห้าคนเดินมา


 


เย่ชิงเสวียนทำสัญญาณมือบอกให้อี้เทียนหยุนรีบหยุด พร้อมกับนั่งยองๆ ลงอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้น พวกเขาก็กลมกลืนไปกับผนังเป็นหนึ่งเดียวกัน ถ้าไม่ใช้อาวุธฟันดู ก็ไม่มีทางรู้ว่าเย่ชิงเสวียนซ่อนอยู่ที่นี่


 


อี้เทียนหยุนก็นั่งยองๆลงเช่นกัน พร้อมกับทำตัวให้ชิดผนังที่สุด ทำให้ร่างของเขาหายไปจากสายตา ไม่ใช่ว่าแปะยันต์ปกปิดนี้แล้วจะเดินไปไหนมาไหนได้ตามใจ ถ้าแปะยันต์แล้วเดินเตร่ไปเรื่อย นอกเสียจากว่าฝ่ายตรงข้ามจะระดับต่ำมากจริงๆ ไม่อย่างนั้นต้องถูกมองเห็นอย่างแน่นอน


 


ยังไงก็ตาม หากแปะยันต์แล้วหยุดอยู่นิ่งๆ หากไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญระดับผันแประที่ทรงพลังอย่างมากแล้วล่ะก็ จะไม่มีทางสังเกตเห็นพวกเขาได้อย่างแน่นอน


 


ผู้คุ้มกันที่เดินผ่านไป 5 คนนั้นมีระดับไม่ต่ำเลย ตัวหัวหน้านั้นมีพลังระดับก่อแกนวิญญาณ ส่วนคนอื่นๆ มีพลังอยู่ระดับหลอมรวม ที่ให้ผู้ฝึกตนระดับหลอมรวมเป็นผู้คุ้มกันที่นี่ได้ เพราะว่าที่นี่ไม่ได้สำคัญอะไร ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องใช้ผู้ฝึกตนที่มีพลังระดับสูงนัก


 


ผู้คุ้มกันทำการมองสำรวจรอบๆ รอบหนึ่ง เมื่อไม่พบว่ามีอะไรแปลกไปก็ทำการเดินตรวจต่อ


 


หลังจากพวกเขาจากไป เย่ชิงเสวียนก็ได้ยืนขึ้น พร้อมกับพาอี้เทียนหยุนรุดไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว หลังจากเดินมาได้สักพัก พวกเธอก็มาถึงเขตอื่น ที่นี่สามารถเห็นถึงห้องขังหลายห้องซึ่งสร้างมาจากวัตถุดิบคุณภาพดี การจะทำลายมันเป็นเรื่องที่ยากมาก


 


ห้องขังที่นี่ถูกเรียงเป็นตับ ในนั้นมีผู้ฝึกตนหลายคนที่ถูกขังอยู่ข้างนั้น ทั้งมือและเท้าต่างก็ถูกตรวนล่ามไว้ และตรวนนี้ก็ไม่ใช่ตรวนธรรมดา เพราะตรวนพวกนี้สามารถจำกัดพลังของพวกเขาได้ ต่อให้ผู้ฝึกตนที่มีพลังสูงก็ไม่สามารถทำลายตรวนนี้ได้ และเมื่อพลังถูกลดลง ย่อมแน่นอนว่าพวกเขาจะไม่แรงเหลือเพื่อใช้ขัดขืน


 


“เจ้าพวกสุนัขอาณาจักรใต้พิภพ รีบปล่อยพวกข้าออกไป!”


 


“ปล่อยพวกเราออกไป อาณาจักรใต้พิภพของพวกเจ้า อีกไม่นานก็จะต้องถึงวันแตกดับ!”


 


“ขอร้องล่ะ ปล่อยข้าออกไปที ข้ายอมแล้ว จะให้ทำอะไรก็ยอมทั้งนั้น…..”


 


ผู้ฝึกตนที่ถูกขังอยู่ในคุกแห่งนี้ถ้าไม่ยอมตายแทนที่จะยอมจำนน ไม่ก็ร้องขอความเมตตาไม่หยุด ดูแล้วสภาพน่าสมเพชนัก


 


“เงียบให้ข้าเดี๋ยวนี้ พวกเจ้าอยากตายเหรอ!” ผู้คุ้มกันถีบคุกอย่างแรงด้วยความโกรธ จนทำให้เกิดเสียงเคร้งคร้างดังสะท้อนไปทั่วเขตนี้


 


“ปล่อยพวกเราออกไป ไอ้พวกสุนัขของอาณาจักรใต้พิภพ!” มีผู้ฝึกตนคนหนึ่งพุ่งเข้า พร้อมกับเกาะหน้ากรงขังพร้อมกับพูดด้วยความโกรธ “เจ้าจะต้องตายเหมือนหมา ต่อให้ตายไปก็จะไม่มีวันได้ผุดได้เกิด!”


 


“แม่งเอ๊ย ข้าจะให้เจ้าตายก่อน!”


 


ผู้คุ้มกันคนนั้นแทงหอกในมือเข้าไปอย่างไม่ลังเล ผู้ฝึกตนคนนั้นถูกหอกแทงทะลุจนต้องร้องโหยหวนออกมา ผู้ฝึกตนคนนั้นถลึงตาจนปูดโปน ก่อนจะแน่นิ่งไปกลับพื้น เห็นได้ชัดว่าต่อให้ตายก็ไม่ยอมสยบ


 


“ใครยังมีปัญหาอีก พูดมา ข้าสัญญาว่าชั่วชีวิตของพวกเจ้าจะไม่มีวันได้พูดอีก!” ผู้คุ้มกันคนนั้นมองไปยังพวกเขาด้วยความโกรธ ไม่สนใจชีวิตของพวกเขาแม้แต่น้อย


 


และในพริบตานี้เอง เสียงของคนจำนวนมากก็ได้เบาลง ไม่มีใครกล้าต่อต้านอีก ฝ่ายตรงข้ามคิดจะฆ่าก็ฆ่า ไม่มีความปรานีแม้แต่น้อย


 


“ข้า ข้ายอมเข้าร่วมกับอาณาจักรใต้พิภพ จะให้ทำอะไรก็ยอมทั้งนั้น…..” ผู้ฝึกตนระดับหลอมรวมคนหนึ่งกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นๆ


 


“ได้ เจ้าออกมา กินยานี่ซะ!” ผู้คุ้มกันคนนั้นเปิดกรงขังพร้อมให้เขาออกมา จากนั้นก็ส่งยาเม็ดหนึ่งให้กับเขาแล้วพูดอย่างเย็นชา


 


“ได้ ข้าจะกิน ข้ากิน…..” ผู้ฝึกตนระดับหลอมรวมคนนั้นรีบรับยาเม็ดนั้นอย่างรวดเร็ว แต่หลังจากกินเข้าไปร่างกายก็กระตุก ก่อนจะร้องโหยหวนออกมา พร้อมกับมีเส้นเลือดดำผุดขึ้นตามร่างจำนวนมาก เห็นได้ชัดว่าถูกพิษเข้าไป


 


หลังจากนั้นสักครู่ ผู้คุ้มกันคนนั้นก็หยิบยาอีกเม็ดออกมา ก่อนที่จะยัดเข้าปากเขา อย่างรวดเร็ว ผู้ฝึกตนคนนั้นก็หายเจ็บปวด ขณะที่ในตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว


 


“ที่ให้เจ้ากินไปเมื่อกี้คือยาแก้พิษ ถ้าเจ้าไม่เชื่อฟัง เจ้าจะได้รับความเจ็บปวดที่เหมือนกับหนอนนับหมื่นชอนไชร่าง กัดกินร่างกายเจ้าจากภายใน! หลังจากผ่านไปสักระยะจะมีการมอบยาถอนพิษให้ ไม่อย่างนั้น หากไม่มียาถอนพิษ เจ้าก็ตาย! และอย่าได้คิดว่าจะหาถอนพิษแบบหายขาดเจอ ยาถอนพิษนี้มีเพียงแค่อาณาจักรใต้พิภพของพวกเราเท่านั้นที่ปรุงออกมาได้!” ผู้คุ้มกันคนนั้นยกร่างของผู้ฝึกตนคนนั้นขึ้น ก่อนจะโยนไปให้ลูกน้องที่อยู่ใกล้ๆ “เอามันไป มันยังแข็งแรงดีอยู่ เอามันไปทำงานในเหมือง! และถ้าเกิดว่ายาถอนพิษสร้างไม่ทัน ความตายของมันคงจะอยู่อีกไม่ไกล!”


 


จากนั้น ผู้คุ้มกันคนนั้นก็มองเข้าไปยังกลุ่มผู้ฝึกตนที่อยู่ในห้องขังอย่างเย็นชา แล้วพูดว่า “พวกเจ้ายังมีใครยอมจำนนอีกไหม วางใจเถอะ ไม่มีใครมาช่วยพวกเจ้าได้หรอก ถ้าไม่ฟังคำสั่งของพวกเรา งั้นพวกเจ้าก็รอความตายอยู่ที่นี่เถอะ!”


 


“ข้า ข้ายอมจำนน!” จากนั้นก็พลันมีผู้ฝึกตนระดับหลอมรวมรีบเดินออกมาอย่างไว พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆ ว่า “ข้า ข้าสามารถสร้างอาวุธได้ ข้าจะได้รับการดูแลที่ดีหรือเปล่า?”


 


“แน่นอน เรื่องนี้ไม่มีปัญหา การดูแลของนักหลอมศาสตราย่อมดีกว่าอยู่แล้ว เมื่อเทียบคนงานเหมือง” พูดจบ ผู้คุ้มกันคนนั้นก็ส่งยาพิษให้กับเขา พร้อมกับบอกให้เขากินมันเข้าไป


 


นักหลอมศาสตราคนนี้ลังเล แต่ก็ยังกลืนยาพิษลงไป จากนั้นก็ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ไม่ต่างไปจากคนก่อนหน้าแม้แต่น้อย หลังจากเห็นอีกฝ่ายกินยาพิษเข้าไปแล้ว ผู้คุ้มกันคนนั้นก็มอบยาถอนพิษให้กับเขา ที่ต้องให้พิษออกฤทธิ์ก่อน ก็เพื่อให้พวกเขาได้จดจำถึงความเจ็บปวดจากพิษพวกนี้ ให้พวกเขารู้ว่าพิษนี้ร้ายแรงขนาดไหน พวกเขาจะได้ไม่มีความคิดทรยศอีก


 


“เจ้าพามันไปยังห้องหลอมศาสตรา ให้มันสร้างอาวุธดีๆ ออกมา!” ผู้คุ้มกันคนนั้นโบกมือ พร้อมกับบอกลูกน้องให้พาคนออกไป


 


“ยังมีใครอีกไหม ถ้ามีก็มารับยาพิษนี้ไป ถ้าไม่กินยาพิษ ก็ไม่มีทางออกไปจากที่นี่ได้!” ผู้คุ้มกันคนนั้นจ้องมายังพวกเขาอย่างเย็นชาพร้อมกับพูดขึ้น


 


อี้เทียนหยุนกับพวกที่ซ่อนอยู่ใกล้ๆ ก็ได้เห็นภาพนี้ นี่เป็นการข่มขู่ผู้ฝึกตนให้เข้าร่วมกับอาณาจักรใต้พิภพชัดๆ ผู้ฝึกตนพวกนี้มีระดับไม่ต่ำเลย พวกเขาล้วนแต่มีระดับหลอมรวมด้วยกันทั้งนั้น กระทั่งบางคนยังมีความเชี่ยวชาญในด้านอื่นอีก


 


อี้เทียนหยุนรู้คร่าวๆ ว่าอาณาจักรใต้พิภพนี้ต้องการคนแปลกหน้ามาทำงานให้กับตน ดังนั้นจึงควบคุมพวกเขาด้วยพิษอย่างโหดเหี้ยม การกระทำนี้เทียบกับที่ต้องคอยฝึกศิษย์อย่างช้าๆ แล้วถือว่าเร็วกว่า ยิ่งกว่านั้น ทันทีที่ถูกพิษเข้าไป พวกเขาก็ไม่สามารถทรยศได้


 


เพราะหากคิดทรยศแล้วล่ะก็ มันผู้นั้นจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย ได้กำลังคนมาโดยที่ไม่ต้องเปลืองทรัพยากรเพื่อฝึกฝน เรื่องนี้สำหรับอาณาจักรใต้พิภพแล้วมีแต่ข้อดีไม่มีข้อเสีย หากมันผู้ใดไม่ยอมฟังคำสั่งเขาแล้วล่ะก็ มันผู้นั้นต้องตาย!


 


“อาณาจักรใต้พิภพจะต้องถูกกำจัด!” เย่ชิงเสวียนพูดด้วยสีหน้าเย็นชา


 


“ใช่! ตอนนี้ข้ามีวิธีดีๆ ที่จะทำให้พวกเราหนีไปจากที่นี่ได้เร็วๆ แล้ว” อี้เทียนหยุนพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ


 


“วิธีอะไร?” เย่ชิงเสวียนถาม


 


“ง่ายมาก ก็คือการปล่อยทุกคนออกมายังไงล่ะ นี่ต้องทำให้คุกใต้พิภพปั่นป่วนอย่างมากแน่นอน!” อี้เทียนหยุนพูดด้วยดวงตาที่เป็นประกาย

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม