Crazy Leveling System 296-302

 CLS ตอนที่ 296: เก็บกวาด


 


อี้เทียนหยุนที่อยู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นทำให้พวกเขาตกใจกลัว ไม่รู้ว่าอี้เทียนหยุนปรากฏตัวตั้งแต่เมื่อไหร่


 


“ใครกัน…. หืม? ไม่ใช่เผ่าภูตนี่?” เมื่ออู๋เผิงเห็นอี้เทียนหยุนก็ทำการมองสำรวจเขาตั้งแต่บนลงล่าง จากนั้นก็ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “เจ้ามาจากไหน หรือว่าจะหลงเหมือนกับพวกเรา แต่บังอาจทำให้ข้าตกใจ…. พวกเจ้าจัดการมันซะ”


 


อยู่ๆ ก็มาทำให้พวกเขาตกใจ ดังนั้นอู๋เผิงจึงไม่พอใจอย่างมาก แค่หลงทางก็ไม่พอใจอยู่แล้ว แต่ไม่คิดว่าจะมีไอ้งั่งโผล่มาอีก ทั้งยังหลงทางเหมือนกันด้วย แต่การที่มาทำให้เขาตกใจ โทษของมันคือตาย!


 


“ครับ ท่านอู๋!” ผู้ทรยศแห่งเผ่าภูตรีบตอบรับทันที พร้อมกับหันมาอย่างโกรธเกรี้ยว “ข้าไม่รู้ว่าเจ้าเป็นใครมาจากไหน แต่จงเสียใจซะเถอะ วันนี้เจ้าจะ….”


 


“ปัง!”


 


ผู้ทรยศแห่งเผ่าภูตคนนี้พลันปลิวกระเด็นไป หลังจากกระตุกอยู่ไม่กี่ทีก็ไร้ซึ่งลมหายใจ


 


“ติ๊ง ท่านสังหารผู้ทรยศแห่งเผ่าภูตสำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 350,000, ค่าความคลั่ง 3,600, ค่าความชั่ว 200, ค่าความชำนาญในการสลักอาคม 800! ได้รับท่าเท้าเทียนหลิง, เพลงหมัดเทียนหลิง, ได้รับพู่กันเทียนหลิง(ระดับจิตวิญญาณขั้นกลาง), กระดาษยันต์ทรราช(หายาก)”


 


สังหารทิ้งในพริบตา ไม่มีการอ่อนข้อแม้แต่น้อย


 


“อืม เมื่อกี้เจ้าพูดอะไรนะ?” อี้เทียนหยุนมองไปยังศพที่กองกับพื้น แล้วพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “โทษที เผอิญข้าได้ยินพวกเจ้าพูดตั้งแต่ต้น ได้ยินว่าพวกเจ้ากำลังหลงทางอยู่ ไอ้ข้าก็คิดจะช่วยนำทางพวกเจ้าออกไปจากที่นี่ แต่ใครจะคิดว่าพวกเจ้ากลับคิดจะฆ่าข้า….. เมื่อเป็นอย่างนี้ ข้าคงต้องฆ่าพวกเจ้าทิ้งแล้วล่ะ!”


 


อึดใจต่อมา เขาก็พุ่งเข้าใส่ในทันที พร้อมกับยกเท้าถีบใส่ผู้ทรยศแห่งเผ่าภูต กระทั่งทหารของอาณาจักรใต้พิภพก็ถูกถีบกระเด็นไปเช่นกัน หลังจากถูกลูกถีบของจนหน้าวัดพื้นไปครั้งหนึ่ง ก็ไม่มีใครที่สามารถลุกขึ้นมาได้อีก


 


“หยุดมือซะ!”


 


หลังจากอู๋เผิงเห็นฉากนี้ เขาก็ทะยานเข้ามาด้วยความโกรธ พร้อมกับชักดาบอสูรโลหิตฟันลงมาที่นี้ ลำแสงสีโลหิตถูกยิงขึ้นไปบนฟ้า พร้อมกันนั้นก็ปรากฏภาพโครงกระดูกนับไม่ถ้วนที่ถือดาบอสูรปรี่เข้ามา จนป่าแห่งนี้กลายเป็นแน่นขนัด ไม่รู้ว่าดาบอสูรโลหิตนี้ควบแน่นแกนโลหิตไว้มากมายแค่ไหน ถึงได้แสดงพลังออกมาได้ถึงขนาดนี้


 


การโจมตีนี้ถือได้ว่ารุนแรงอย่างมาก นอกจากลำแสงสีโลหิตนี้จะโจมตีอี้เทียนหยุนแล้ว ลำแสงสีโลหิตนี้ยังสาดซัดไปยังต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ใกล้ๆ แต่ก็ไม่สามารถทำให้ต้นไม้ต้นนั้นเกิดรอยขีดข่วนได้แม้แต่น้อย ต้นไม้ใหญ่ต้นนี้เปลือกแข็งมาก คิดจะตัดมันจำเป็นต้องใช้แรงไม่ใช่น้อยๆ ถ้าคิดจะตัดจริงๆ ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานเท่าไหร่


 


“มหาเวทดูดดาว!”


 


อี้เทียนหยุนยื่นมือออกไป ทำการดูดกลืนลำแสงโลหิตที่มีภาพกองทัพโครงกระดูกอยู่ข้างในเข้ามา เปลี่ยนให้เป็นค่าประสบการณ์เข้าไปในร่างของเขา การโจมตีนี้สำหรับเขาแล้ว ไม่ได้มีความท้าทายแม้แต่น้อย


 


“ถ้าไม่หยุดแล้วจะทำไม?”


 


อี้เทียนหยุนหัวเราะ จากนั้นร่างของเขาก็เข่นฆ่าไปจนถึงด้านหน้าของอีกฝ่าย ความเร็วของเขาหากเทียบกับอู๋เผิงคนนี้แล้วเหนือกว่ามาก ด้วยมือเปล่าๆ แต่ไม่ใช่หมัดที่ไร้พลังอย่างแน่นอน เขาทำการปลดปล่อยพลังของสายเลือดเทพมังกรออกมา ในช่วงพริบตาที่ต่อยหมัดนี้ออกไป!


 


“เปรี้ยง!”


 


อู๋เผิงถูกซัดจนปลิว ก่อนที่จะกระแทกใส่ต้นไม้ใหญ่ ภายใต้แรงกระแทกที่รุนแรงนี้ ทำให้เปลือกของต้นไม้มีรอยแตกเล็กน้อย ส่วนที่หน้าอกของอู๋เผิงในตอนนี้ ได้ปรากฏเป็นหลุมยุบลงไป ภายใต้พลังหมัดที่ป่าเถื่อน มีน้อยคนนักที่ต้านทานได้


 


“แค่ก…..”


 


อู๋เผิงตกลงมาที่พื้น พร้อมกับนั้นก็กระอักเลือดออกมา ขณะที่สติของเขาก็เริ่มพร่าเลือน


 


“ถึงว่าทำไมถึงแข็งนัก ที่แท้ก็สวมชุดเกราะดีๆ ไว้นี่เอง” อี้เทียนหยุนรู้สึกเจ็บมือเล็กน้อย แต่หมัดนี้ของเขาก็น่าสะพรึงจริงๆ ขนาดยังไม่เปิดใช้งานโหมดคลั่ง ก็เล่นเอาอู๋เผิงอยู่ในสภาพครึ่งตายแล้ว


 


แต่ต่อให้สวมชุดเกราะระดับจิตวิญญาณขั้นสูงไปก็เปล่าประโยชน์ เพราะด้วยหมัดที่มีพลังจนทำให้เขาอยู่ในสภาพครึ่งตาย ต่อให้เป็นของระดับจิตวิญญาณขั้นสูง พลังที่แข็งแกร่งของเขาก็สามารถเจาะทะลุเข้าไปได้อยู่ดี


 


“ทะ ท่านอู๋…..” ผู้คุ้มกันและผู้ทรยศเผ่าภูตที่เหลืออยู่ต่างก็พากันตัวสั่น มองมาที่อี้เทียนหยุนด้วยท่าทางตื่นตระหนก “เจ้า เจ้ารู้ไหมว่าเจ้ากำลังสังหารใคร เขา เขาเป็นถึงท่านอู๋แห่งอาณาจักรใต้พิภพ เจ้าได้ตอแยอาณาจักรใต้พิภพเข้าให้แล้ว!”


 


“ต่อให้เจ้าพูดอะไรมาก็เปล่าประโยชน์ คิดจะใช้อาณาจักรใต้พิภพมาขู่ข้า คิดว่าข้าตาบอดหรือไงถึงได้ไม่รู้ว่าเครื่องแบบที่พวกเจ้าใส่อยู่เป็นของขุมอำนาจไหน?” อี้เทียนหยุนยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ “ท่านนักบุญหญิงของข้า ทำไมเจ้าถึงไม่ลงมืออีก?”


 


น้ำเสียงของเขาเพิ่งจบลง แสงสีเงินก็เปล่งประกายออกมา ผู้คุ้มกันทั้งหลายต่างก็ถูกแช่แข็งกลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งในพริบตา พร้อมกันนั้นก็มีแส้สีเงินถูกเหวี่ยงออกมา “เปรี้ยง” ทำลายรูปปั้นน้ำแข็งพวกนั้น! แค่ลงมือก็โหดเหี้ยมกันสุดๆ ไม่มีใครคิดว่านี้จะเกิดจากน้ำมือของผู้หญิง ช่างสังหารได้เลือดเย็นนัก!


 


ส่วนผู้ทรยศของเผ่าภูตนั้นยังไม่ได้ตายไป พวกเขาถูกแช่แข็งครึ่งร่าง ทำให้ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ด้วยพลังที่ความเย็นที่แข็งแกร่ง ทำให้สามารถแช่แข็งพวกเขาได้ในพริบตา!


 


“ท่าน ท่านนักบุญหญิง….” เมื่อผู้ทรยศเผ่าภูตเห็นเย่ชิงเสวียนปรากฏตัว พวกเขาก็พลันหวาดกลัวจนวิญญาณแทบหลุดจากร่าง


 


“ยังมีหน้ามาเรียกข้าว่านักบุญหญิงอีกเหรอ? พวกเจ้าคิดว่าตัวเองยังมีสิทธิ์ที่จะเรียกข้าแบบนี้อีกอย่างงั้นหรือไง?” เย่ชิงเสวียนมองไปที่พวกเขาพร้อมกับพูดอย่างดูถูกว่า “วางใจเถอะ คนทรยศอย่างพวกเจ้า ข้าจะกำจัดทิ้งให้หมด ถือเป็นการชำระล้างครั้งใหญ่ให้กับเผ่าภูต!”


 


“ทะ ท่านนักบุญหญิง นี่ นี่จะโทษพวกเราไม่ได้! เป็นผู้อาวุโสเหลยหยุนที่ปลุกปั่นพวกเรา ยิ่งกว่านั้น ถ้าหากพวกเราไม่ติดตามเขา พวกเราก็จะต้องตาย…..” ผู้ทรยศเผ่าภูตคนนี้ส่งเสียงอ้อนวอนออกมาไม่หยุด เขายังไม่อยากตาย


 


“เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่ออย่างงั้นเหรอ?” เย่ชิงเสวียนสะบัดแส้สีเงินในมืออย่างแรง ฟาดใส่ร่างผู้ทรยศเผ่าภูตคนนั้นจนปลิวกระเด็นไป พร้อมกับท่อนล่างที่แตกเป็นเสี่ยงๆ


 


หลังจากถูกแช่แข็ง ทำให้ร่างกายกลายเป็นเปราะบางมาก เพียงแค่ถูกแส้สีเงินฟาดลงไป ก็ทำให้ร่างกายแตกเป็นเสี่ยงๆ แล้ว


 


ผู้ทรยศเผ่าภูตคนนั้นร้องโหยหวนออกมา พร้อมกับเลือดที่สาดกระจายออกมาไม่หยุด ก่อนที่จะตกลงพื้นพร้อมกับดิ้นทุรนทุราย


 


“ชิหยุนอัน มีความสัมพันธ์อันดีกับเหลยหยุน ช่วยจัดการเรื่องราวให้กับเหลยหยุนอยู่หลายครั้ง กระทั่งช่วยเหลยหยุนทำเรื่องชั่วร้าย ลงโทษคนในเผ่าเดียวกัน แม้แต่ตอนที่เหลยหยุนเข้าร่วมกับอาณาจักรใต้พิภพ ก็ติดตามเหลยหยุนไปโดยไม่ลังเล แถมยังช่วยจับกุมผู้ที่มีพรสวรรค์โดดเด่นของเผ่าไปอีกด้วย” เย่ชิงเสวียนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ในเมื่อข้าคือนักบุญหญิงของเผ่าภูต แน่นอนว่าข้าจะต้องไม่ทำเรื่องที่ผิดต่อคนในเผ่า และจะไม่ปล่อยผู้ทรยศไปอย่างเด็ดขาด!”


 


หลังจากชิหยุนอันได้ฟัง หน้าก็กลายเป็นซีดขาว ความผิดของเขาถูกสาธยายออกมา ต่อให้อยากจะปฏิเสธ ก็ไม่มีทางปฏิเสธได้


 


“อ๊ากกก!”


 


เย่ชิงเสวียนฟาดแส้ลงไปครั้งแล้วครั้งเล่า มอบความสุขให้ชิหยุนอันอย่างสาสม มอบความตายที่ทรมารให้กับเขา


 


หลังจากที่สังหารชิหยุนอันแล้ว นัยน์ตาคู่งามของเย่ชิงเสวียนก็ไม่ได้มีร่องรอยแห่งความสุข มีแต่ความเจ็บปวดที่คงอยู่ จริงอยู่ที่ชิหยุนอันเป็นคนทรยศ แต่ไม่มีใครอยากจะฆ่าเผ่าเดียวกันหรอก โดยเฉพาะเผ่าภูตที่มีประชากรไม่มากด้วยแล้ว ไม่มีใครหวังให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น


 


อี้เทียนหยุนยืนมองอยู่ข้างหลังโดยไม่พูดอะไร เขารู้ว่าในใจของเย่ชิงเสวียนต้องรู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก แต่สุดท้ายแล้วก็ทำได้เพียงแค่เผชิญหน้ากับมันเท่านั้น


CLS ตอนที่ 297: เพราะว่ามันตายแล้วยังไงล่ะ


 


การเสนอให้เข้าร่วมของอาณาจักรใต้พิภพ เผินๆ เหมือนเป็นการให้โอกาส มอบอำนาจให้ แต่แล้วก็จะค่อยๆ ทำการสลายกลุ่ม จากนั้นก็ทำการหลอมรวมเข้ากับอาณาจักรใต้พิภพ ดูแล้วเหมือนจะดี ก็อย่างเช่นการสืบทอดของเผ่าภูตที่ทำกันมาหลายปี สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือความลับทั้งหมดของเผ่าภูต


 


เมื่อความลับทั้งหมดของเผ่าภูตถูกเอาไปหมดเมื่อไหร่ เมื่อนั้นพวกเขาก็จะหมดค่าในทันที ไม่มีอะไรที่พวกเขาจะทำได้อีก


 


ที่จริงแล้วการเข้าร่วมไม่ใช่เรื่องน่ากลัว สำหรับขุมอำนาจอย่างอาณาจักรแล้ว การได้เข้าร่วมถือเป็นโอกาส สิ่งที่น่ากลัวคือการไม่เข้าร่วมต่างหาก เพราะแบบนั้น เจ้าจึงถูกจัดการด้วยวิธีที่โหดร้ายและเลือดเย็นที่สุด เมื่อถึงตอนนั้น เจ้าก็จะหมดสิ้นทุกสิ่ง


Even makes influence that joins work oneself to death to oneself unceasingly unceasingly, disintegrates to behind own influence, finally withers away thoroughly. What are more is lies in substitutes for a influence high level, when the time comes they do not spend the strength of destroying, can control not weak influence to work oneself to death for oneself, became oneself is respective.


แม้ว่าการเข้าร่วมสุดท้ายแล้วจะกลายเป็นการขุดหลุมฝังตัวเอง ขุมอำนาจที่สั่งสมมาของตนต้องสลายไป แต่อย่างน้อยก็ไม่ต้องถูกทำลายล้าง ทั้งยังอาจมีโอกาสได้ปกครองขุมอำนาจที่อ่อนแอกว่าเพื่อทำงานเสี่ยงตายแทนตน ทำให้ตนกลายเป็นมีอำนาจอีกครั้งหนึ่ง


 


วังเทียนจี๋ถือเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด มีคนระดับสูงเป็นตัวแทน จากนั้นก็ทำการควบคุมสำนักให้กลายเป็นหุ่นเชิด


 


ถ้าเผ่าภูตยอมเข้าร่วม ในไม่ช้าก็กลายเป็นเช่นนี้เหมือนกัน อย่างผู้อาวุโสสูงสุดที่ถูกอาณาจักรใต้พิภพจับกุมตัวไว้ แล้วอย่างนี้ใครจะไปอยากเข้าร่วมด้วยกัน?


 


ต่อให้พวกเขาต้องตาย ก็ไม่ยอมกลายเป็นทาสของอาณาจักรใต้พิภพเด็ดขาด!


 


แต่มีเผ่าภูตบางคนที่เห็นต่าง ต้องการเข้าร่วมกับขุมอำนาจใหญ่นี้ เลือกชื่อเสียงและอำนาจ จนทำให้สถานการณ์พัฒนามาถึงจุดนี้


 


ในใจเย่ชิงเสวียนรู้สึกเจ็บปวด เธอไม่อยากฆ่าพวกเขา แต่ก็ไม่อาจดับความโกรธในใจ ทั้งยังเป็นการไม่ยุติธรรมต่อคนในเผ่าที่ตายไปด้วย! เพียงเพราะปฏิเสธทำให้ต้องประสบกับความลำบาก ทุกข์ทรมาน อยู่ไม่สู้ตาย


 


เมื่อเป็นอย่างนี้ ในใจของเธอก็พลันรู้สึกเดือดพล่านอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน คนทรยศต้องตาย! อาณาจักรใต้พิภพต้องตาย!


 


“เจ้าอย่าโทษตัวเองเลย…..” อี้เทียนหยุนเดินเข้าไป พร้อมกับยื่นมือออกไปตบไหล่เธอเบาๆ ปลอบเธอว่าอย่าเศร้าใจไปเลย


 


“อืม ข้าไม่ได้โทษตัวเอง ก็แค่เป็นราคาที่พวกมันต้องจ่าย!” เย่ชิงเสวียนหันกลับไปมองอู๋เผิงที่นอนอยู่ใกล้ๆ อีกฝ่ายตอนนี้กำลังบาดเจ็บหนัก ไม่สามารถลุกขึ้นมาได้


 


อู๋เผิงส่งเสียงครางออกมาเบาๆ พร้อมกับจ้องมาที่พวกเขาอย่างดื้อด้าน พร้อมกับพูดออกมาอย่างไม่ยอมอ่อนข้า “จะฆ่าก็ฆ่า อย่ามาทำเล่นตัวเหมือนผู้หญิง อีกไม่นาน อาณาจักรใต้พิภพจะต้องลบเผ่าภูตของพวกเจ้าทิ้งอย่างแน่นอน!”


 


ขณะที่พูด เขาก็เอามือทุบพื้นอย่างแรง พร้อมกับกระโจนเข้าใส่พวกเขา แต่ยังไงก็ตาม ก็ได้มีหน้าแข้งสวนกลับไป “ปัง” กระแทกอู๋เผิงจนชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่ จนตัวคนแทบจะฝังเข้าไปในต้นไม้อย่างไงอย่างงั้น


 


ด้วยแข้งนี้ ทำให้อาการบาดเจ็บของอู๋เผิงหนักขึ้นไปอีก แทบจะตายคาฝ่าเท้า


 


“แค่จะลุกขึ้นยืนยังยาก ยังจะมีหน้ามาโจมตีอีก” อี้เทียนหยุนมองไปที่เขาอย่างเย็นชา แล้วพูดขึ้นว่า “วางใจเถอะ ฝ่ายที่จะถูกลบทิ้งไม่ใช่เผ่าภูตหรอก แต่เป็นอาณาจักรใต้พิภพของพวกเจ้าต่างหาก!”


 


ขณะเดียวกัน เขาก็เดินเข้าไปยันร่างของอีกฝ่ายไว้ พร้อมกับโคจรวิชามหาเวทดูดดาวอย่างบ้าคลั่ง ดูดกลืนพลังวิญญาณในร่างของอู๋เผิงมา วิชามหาเวทดูดดาวนี้ไม่จำเป็นต้องใช้มือเพียงอย่างเดียวเท่านั้นถึงจะสามารถดูดพลังวิญญาณของอีกฝ่ายได้ แต่ขอแค่เป็นส่วนใดส่วนใดของร่างกายก็สามารถดึงเอาพลังวิญญาณจากอีกฝ่ายมาได้แล้ว


 


เมื่อเทียบกับเท้าแล้ว แน่นอนว่ามือต้องดูดกลืนได้ดีกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย ทั้งยังสามารถสะกดฝ่ายตรงข้ามไว้ได้ด้วย


 


“เจ้า เจ้า…..” อู๋เผิงสัมผัสได้ถึงแรงดูดที่น่าสะพรึงนี้ ทำให้พลังวิญญาณในร่างของเขาอ่อนแอลงเรื่อยๆ สายตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ แต่ก็มากไปด้วยความหวาดกลัว


 


“ท่านนักบุญหญิง เจ้าจะจัดการยังไงกับมัน?” อี้เทียนหยุนหันไปพูดกับเย่ชิงเสวียน


 


“ฆ่ามันซะ!” เย่ชิงเสวียนตอบโดยไม่เสียเวลาคิด


 


“ไม่มีปัญหา” อี้เทียนหยุนยกเท้าออกพร้อมกับถีบกลับไปอย่างแรง จนร่างของอู๋เผิงกระแทกต้นไม้เข้าไปจนทะลุเปลือก


 


อู๋เผิงตาเบิกโพลง จากนั้นก็ไร้ซึ่งลมหายใจ ด้วยลูกถีบนี้ ทำให้อวัยวะภายในทั้งห้าของเขาถูกจัดการจนแหลก ตายจนไม่สามารถตายได้อีก


 


“ติ๊ง ท่านสังหารอู๋เผิงสำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 380,000, ค่าความคลั่ง 4,300, ค่าความชั่ว 300, ได้รับวิชาสับกระหายเลือด, อสูรโลหิตคำราม, ได้รับไอเทม ดาบอสูรโลหิต(ระดับจิตวิญญาณขั้นสูง), เกราะฟ่านเทียน, เม็ดยาค่าประสบการณ์ 500,000”


 


จากนั้นอี้เทียนหยุนก็ทำการถอดแหวนเก็บของของอีกฝ่าย ของดีอย่างนี้เขาจะพลาดได้ยังไง


 


“ดูเจ้าสิ เรื่องเก็บของนี่ชำนาญนัก” เย่ชิงเสวียนกลอกตาอยู่ด้านข้าง


 


“แน่นอนอยู่แล้ว ของดีอย่างนี้จะปล่อยไปได้ยังไง?” อี้เทียนหยุนเก็บแหวนเอาไว้ เขาไม่จำเป็นต้องมองก็รู้ว่าในนั้นมีสมบัติมากมาย ของที่สามารถช่วยสำนักได้ เขาจะปล่อยให้เสียเปล่าได้ยังไง


 


“แล้วก็อีกอย่าง นี่เจ้ามาถึงระดับผันแปรวิญญาณแล้วอย่างงั้นเหรอ?” เย่ชิงเสวียนเหมือนนึกบางอย่างขึ้นได้ จึงได้ถามออกมา


 


“ใช้แล้ว มีอะไรเหรอ?” อี้เทียนหยุนหันไปมองเธอ


 


“ไม่มีอะไร ก็แค่เจ้าเลื่อนระดับเร็วมาก ก่อนหน้านี้ที่เจอเจ้า ระดับของเจ้ายังต่ำมาก ตกลงแล้วเจ้าฝึกยังไงของเจ้ากันแน่?” ในใจเย่ชิงเสวียนรู้สึกตกใจอย่างมาก เทียบกันแล้วยังแข็งแกร่งกว่าเธอด้วยซ้ำ


 


“ก็ไม่มีอะไรพิเศษ ก็แค่ค่อยๆ ฝึกไปมันก็เลื่อนขั้นของมันเอง” อี้เทียนหยุนยักไหล่


 


“ช่างเถอะ” เย่ชิงเสวียนไม่ถามต่อ แต่พูดขึ้นว่า “ไป พวกเราไปทางนั้นกัน ไปกำจัดพวกมันให้หมด!”


 


เวลาของพวกเขามีไม่มาก ดังนั้นจึงต้องไปยังที่ถัดไปให้เร็วขึ้น เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น


 


จากนั้นพวกเขาก็หายไปจากจุดนี้ พร้อมกับเดินทะลุเข้าไปในป่า


 


“นี่มันที่บัดซบอะไรกันวะ จะหาจุดทำลายยังไม่มี แล้วอย่างนี้จะทำลายค่ายกลนี้ได้ยังไง!” เลี่ยวเฉิงมองไปรอบๆ อย่างร้อนรน เขากลัวว่าจะมีใครลอบโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัว


 


“ท่านเลี่ยว พวกเขาคงไม่มีทางทำลายค่ายกลนี้ได้แน่ๆ คงจะมีคนซ่อมแซมค่ายกลใหญ่แล้ว คิดจะให้ผู้ทรยศเผ่าภูตเป็นคนทำลาย คงจะเป็นเรื่องยาก…..” พวกที่ตามมาต่างก็พากันมีสีหน้าไม่สู้ดี


 


“เจ้าไม่ใช่คนของเผ่าภูตหรือไง ทำไมถึงได้ไม่มีวิธีทำลายมัน!” เลี่ยวเฉิงโมโหอย่างหนัก “อุตส่าห์ให้เจ้านำคนมาทำลายค่ายกลนี้ แต่ตั้งแต่เริ่มจนถึงบัดนี้กลับไม่ได้เรื่องอะไรสักอย่าง!”


 


พวกเผ่าภูตที่ถูกว่าต่างก็พากันรู้สึกโกรธอยู่ข้างใน แต่ใบหน้ายังคงประดับด้วยรอยยิ้ม ไม่กล้าแสดงสีหน้าโกรธเคืองออกมา


 


“พวกเราคุ้นเคยกับที่นี่แค่เล็กน้อย แต่เมื่อไหร่ที่ค่ายกลถูกเปิดใช้งาน ต่อให้เป็นพวกเราก็ไม่มีทางทำลายมันได้ง่ายๆ ยิ่งกว่านั้น มันยังมีการปรับเปลี่ยนบ่อยมาก อย่าว่าแต่พวกเราเลย ต่อให้เป็นผู้อาวุโสก็ต้องถูกขังอยู่ข้างใน”


 


ค่ายกลสัมผัสพิศวงนี้ไม่จำแนกมิตรและศัตรู ตราบใดที่ไม่เข้าใจการเปลี่ยนแปลง ต่อให้เป็นผู้อาวุโสก็ต้องหลงเมื่อเข้ามาอยู่ในนี้


 


“บัดซบ ถ้าเกิดพวกอู๋เผิงแย่งความดีความชอบไป แล้วข้าจะเหลืออะไร?” เลี่ยวเฉิงกระทืบเท้าใส่ท่อนไม้ข้างล่าง พร้อมกับมองขึ้นไปบนฟ้า “ถ้าเกิดมองเห็นสถานการณ์จากบนฟ้าได้ก็ดีสิ!”


 


เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณ แน่นอนว่าต้องบินได้ แต่ต่อให้บินได้ก็ไม่มีความหมายอะไรกับที่แห่งนี้ เพราะไม่สามารถเห็นอะไรจากข้างบน พวกเขาสามารถบินหนีออกไปจากที่นี่ได้ แต่เป้าหมายของพวกเขาคือการจับกุมเผ่าภูต การหนีจึงไม่ใช่เป้าหมายของพวกเขา


 


“ไม่ต้องกังวลไปหรอก อู๋เผิงไม่แย่งความดีความชอบของเจ้าไปแน่นอน” อยู่ๆ ก็พลันปรากฏเด็กหนุ่มคนหนึ่งตรงหน้าพวกเขา ทำให้พวกเขาพากันตกใจ


 


“ทำไม?” เลี่ยวเฉิงไม่ได้ถามว่าผู้มาใหม่คือใคร แต่ถามออกไปตามสัญชาตญาณ


 


“ก็เพราะว่ามันตายแล้วยังไงล่ะ” มุมปากของอี้เทียนหยุนหยักขึ้นเป็นรอยยิ้มชั่วร้าย


 


เย่ชิงเสวียนทำการซ่อนตัวเพื่อซุ่มโจมตี ขณะหน้าที่ในการเผชิญหน้าตกเป็นของอี้เทียนหยุน ทีแรกเธอตั้งใจจะเป็นคนคอยดึงดูดความสนใจ แต่อี้เทียนหยุนไม่ยอม เหตุผลก็ง่ายมาก เพราะมันเสี่ยงเกินไปน่ะสิ!


 


ถ้าเกิดถูกฝ่ายตรงข้ามจับตัวไป นั่นคงเป็นปัญหาแล้ว


CLS ตอนที่ 298: เหลยหยุน


 


คำตอบของอี้เทียนหยุนทำให้เลี่ยวเฉิงตกใจ จากนั้นก็คำรามด้วยความโกรธว่า “เจ้าเป็นใครกัน!”


 


หลังจากพูดจบก็หยิบอาวุธออกมาโดยพลัน พร้อมกับจับจ้องไปที่อี้เทียนหยุนเขม็ง แม้ว่าจะไม่รู้ว่าฝั่งตรงข้ามเป็นใคร แต่เขาก็ต้องระวังไว้ พร้อมกับเตรียมตัวที่ปลดปล่อยพลังได้ทุกเมื่อ!


 


“นี่ยังต้องถามอีกเหรอ? ข้าก็คือคนที่จะสังหารพวกเจ้ายังไงล่ะ!”


 


อี้เทียนหยุนมีสีหน้าเย็นชา จากนั้นก็พุ่งเข้าไป ก่อให้เกิดเป็นภาพเงาขึ้นบนฟ้า พริบตาก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเลี่ยวเฉิง พร้อมกับส่งลูกเตะที่ร้ายกาจออกไป


 


“ลูกเตะมังกรเหิน!”


 


เขาระเบิดสายเลือดเทพมังกรออกมา พร้อมกับโคจรใช้เคล็ดวิชาเทพมังกร เพื่อใช้งานพลังของสายเลือดเทพมังกรให้เต็มที่ ก่อให้เกิดเป็นภาพเงาเทพมังกรขึ้นข้างหลัง เหมือนกับเทพมังกรที่กำลังสะบัดหางอย่างรุนแรง


 


ด้วยพลังอันแข็งแกร่งที่ระเบิดออกมา รวมถึงความเร็วที่น่าตระหนก ก่อให้เกิดเป็นเสียงมังกรคำรามออกมา!


 


“เปรี้ยง!”


 


เลี่ยวเฉิงถูกลูกเตะนี้เข้าอย่างจัง ต่อให้เขาจะระวังก็ไร้ประโยชน์ เพราะความต่างของทั้งสองนั้นมากเกินไป ทำให้ไม่ทันตอบสนองต่อลูกเตะที่ส่งเข้ามา ขณะที่ด้านหน้าพบกับฉากที่น่าหวาดกลัวจนขวัญหาย ที่ด้านหลังของพวกเขาก็ปรากฏแสงสีเงินขึ้น พร้อมกับอากาศที่เย็นลงจนคล้ายกับอยู่ท่ามกลางกองน้ำแข็ง เหล่าผู้คุ้มกันรวมถึงคนทรยศที่อยู่ข้างหลังพลันถูกความเย็นนี้แช่แข็งเอาไว้ ก่อนที่จะถูกแส้สีเงินหวดเข้าจนบาดเจ็บหนัก!


 


ด้วยการลงมือที่เหี้ยมโหดของทั้งคู่ ทำให้กำลังคนกลุ่มนี้ไปได้อย่างรวดเร็ว โดยที่พวกเขาไม่มีเวลาแม้แต่จะต่อต้าน


 


“ทำไมข้ารู้สึกว่าเจ้าแข็งแกร่งกว่าผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณมากนัก แม้ว่าระดับของเลี่ยวเฉิงจะไม่สูงมาก แต่จะดีจะร้ายก็เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณขั้น 4 แต่สุดท้ายกลับถูกเจ้าเตะจนตายโดยที่เจ้าไม่ได้ใช้อาวุธเลยด้วยซ้ำ” ยิ่งเย่ชิงเสวียนเห็นการต่อสู้ของอี้เทียนหยุนมากเท่าไหร่ เธอก็พบว่าเขานั้นแข็งแกร่งมากเท่านั้น เหมือนกับว่าจะไม่มีขีดจำกัด


 


“ก็ไม่มีอะไรมาก ก็แค่ร่างกายของอีกฝ่ายอ่อนแอเกินไป ทำให้ไม่สามารถทนต่อลูกเตะของข้าได้ นี่ข้ายังไม่ได้ใช้พลังเต็มที่เลยด้วยซ้ำ พวกมันก็พากันตายจนหมดแล้ว” อี้เทียนหยุนยักไหล่


 


“เอาเถอะ โชคดีที่มีเจ้าช่วย ไม่งั้นคงไม่รู้ว่าจะจัดการผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณพวกนี้ยังไง”


 


ที่ผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณพวกนี้เหมือนจะถูกสังหารในพริบตา เป็นเพราะว่าอี้เทียนหยุนนั้นแข็งแกร่งเกินไป โดยที่ไม่ได้เปิดใช้งานโหมดคลั่งเลยด้วยซ้ำ เขาก็สามารถสังหารผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในระดับเดียวกันได้ ไม่ใช่เพราะพวกเขาอ่อนแอ แต่เป็นเพราะว่าอี้เทียนหยุนนั้นแข็งแกร่งจริงๆ!


 


โดยแค่พลังรบยามที่ยังไม่ได้ระเบิดพลังรวมถึงสวมใส่ชุดเซ็ตชิงเทียน อี้เทียนหยุนก็มีพลังรบประมาณ 2 ล้านแล้ว แต่เมื่อดูที่เลี่ยวเฉิง พลังรบของเขาในระดับผันแปรวิญญาณขั้นที่ 4 จะอยู่ที่ประมาณ 1.5-1.6 ล้าน


 


แค่ปกติเขาก็สามารถบดขยี้อีกฝ่ายได้แล้ว อย่าว่าแต่การใช้งานสายเลือดเทพมังกรที่จะเพิ่มพลังให้อีกเท่าตัวเลย เมื่อรวมกับเคล็ดวิชาเซวียนเทียน ทำให้หมัดของเขาแข็งขึ้นถึงขีดสุด ยามที่ต้องปะทะกัน ต่อให้เป็นดาบเขาก็ไม่กลัว


 


“ไม่ใช่ว่าข้าเคยบอกไปแล้วหรอกเหรอ ว่ามีข้าอยู่ไม่จำเป็นต้องกังวลอีก” อี้เทียนหยุนเผยรอยยิ้มออกมา ช่วยทำให้เธอรู้สึกวางใจ


 


“อืม งั้นพวกเราก็ไปที่ต่อไปกันเลย!” นัยน์ตาคู่งามของเย่ชิงเสวียนพลันฉายประกายออกมา มีอี้เทียนหยุนคอยช่วย คราวนี้พวกเธอจะต้องบดขยี้ผู้รุกรานทั้งหมดได้อย่างแน่นอน!


 


จากนั้น ภายใต้การนำของเย่ชิงเสวียน พวกเขาก็เข้าไปทำลายผู้รุกรานอีกกลุ่มอย่างรวดเร็ว เมื่อพวกเขาไปถึง ก็ได้เห็นว่าคนของเผ่าภูตกำลังต่อสู้อยู่ แต่เพราะอยู่ภายใต้ค่ายกลสัมผัสพิศวง ทำให้พวกเขาใช้วิธีเข้าไปโจมตีและหนีออกมา ทั้งยังทำได้อย่างคล่องแคล่วอย่างมาก


 


เพราะว่าฝั่งตรงข้ามมีผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณอยู่ ทำให้พวกเขาต้องโจมตีอย่างระวัง เพราะแม้จะมีค่ายกลสัมผัสพิศวง แต่ฤทธิ์ของค่ายกลก็เพียงแค่รบกวนการมองเห็นและประสาทสัมผัสบางส่วนเท่านั้น ไม่ได้มีความหมายอะไรนัก ดังนั้นจึงต้องระมัดระวังให้ดี


 


“มาแล้วยังคิดจะหนีอีก!”


 


ในตอนนี้เอง ผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณก็ได้กระโจนเข้ามา ขณะที่กำลังจะคว้าตัวผู้จัดการของเผ่าภูตที่หลบเข้าไปในป่านั้น ก็ได้มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งมาขวางทางเขา เพราะว่ากะทันหันเกินไป ทำให้เขาไม่ทันตั้งตัว ก็เลยถูกลูกถีบของอีกฝ่ายเข้าอย่างจัง


 


“ปัง!”


 


ผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณคนนี้ถูกถีบกระเด็น อวัยวะภายในทั้งห้าดูเหมือนกับจะหลุดออกมา ตกอยู่ในสภาพปางตาย


 


“วางใจได้ ข้าไม่หนีอย่างแน่นอน จะอยู่เล่นกับพวกเจ้าจนจบเลยล่ะ!” มุมปากของอี้เทียนหยุนหยักขึ้นรอยยิ้มดูถูก มองไปจนพวกเขารู้สึกสั่นกลัว ราวกับกำลังเผชิญหน้ากับปีศาจ……


 


อย่างรวดเร็ว ผู้รุกรานกลุ่มนี้ก็ถูกเขากำจัดไปอย่างง่ายดาย ดีที่จับพวกเขาแยกกันได้ ไม่อย่างนั้นคงเป็นปัญหาแล้ว ถ้าก่อนหน้านี้ไม่ได้ซ่อมแซมค่ายกล และถูกพวกเขาทำลายได้ ไม่รู้ว่าการป้องกันจะกลายเป็นยากขนาดไหน


 


“ผู้รุกรานเกือบจะถูกกำจัดหมดแล้ว เหลือก็แต่พวกเหลยหยุน ผู้เชี่ยวชาญเกือบทั้งหมดล้วนแต่อยู่ในกลุ่มเหลยหยุน” นัยน์ตาคู่งามของเย่ชิงเสวียนเป็นประกายเย็นชา จับแส้สีเงินในมือแน่น แม้แต่อี้เทียนหยุนยังสัมผัสได้ถึงความโกรธที่อยู่ในใจเธอ


 


เมื่อใกล้จะได้เผชิญหน้ากับเหลยหยุน เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รู้สึกตึงเครียด หรือรู้สึกโกรธ


 


แม้ว่าอาณาจักรใต้พิภพจะเป็นต้นตอ แต่เหลยหยุนกลับเป็นผู้ส่งเสริมให้เกิดการทรยศ เป็นธรรมดาที่บัญชีนี้ต้องคิดกับเขา


 


“ไม่ต้องกังวลหรอก ต่อให้พวกมันจะมีสักกี่คน ข้าก็จะฆ่าให้หมด” สายตาของอี้เทียนหยุนเป็นประกาย เตรียมที่จะต่อสู้เต็มที่


 


Was cleaned up on the whole, the remaining main forces have destroyed this Divine Rune Great Array Lei Yun they.


ในตอนนี้เอง ผู้จัดการเผ่าภูตคนอื่นๆ ก็ได้มารวมตัว ด้วยการรวมตัวของพวกเขา หมายความว่าผู้รุกรานคนอื่นได้ถูกกำจัดแล้ว โดยเฉพาะพวกแนวหลัง การกำจัดพวกมันเป็นเรื่องง่ายมากสำหรับพวกเขา


 


“นั่น ข้างหน้านั่น ข้าสัมผัสได้ว่าพวกมันอยู่ตรงนั้น” เย่ชิงเสวียนสีหน้าเย็นชา พร้อมกับสั่งให้ทุกคนหยุด ไม่อย่างนั้นมันจะใกล้เกินไปจนอีกฝ่ายรู้สึกตัว


 


ก่อนหน้านี้เพราะอีกฝ่ายมีระดับต่ำ ทำให้พวกเขาสามารถเข้าไปใกล้ได้ แต่เพราะมีเหลยหยุนอยู่ ทำให้เรื่องมันต่างออกไป


 


แต่ในขณะที่พวกเธอหยุดเท้านั้น ก็ได้มีเสียงที่ทุ้มต่ำและน่าดึงดูส่งมาจากข้างหน้า


 


“ชิงเสวียน ไม่ต้องซ่อนแล้ว อาณาเขตที่นี่ถูกข้าทำลายแล้ว ข้าเห็นเจ้าแล้ว!”


 


สีหน้าเย่ชิงเสวียนจมลง ส่งสัญญาณให้พวกเขาอย่าขยับ เสียงนี้อาจจะเป็นการหลอกก็ได้ พวกเธอจะต้องไม่หลงกลไปกับแผนของอีกฝ่าย


 


อี้เทียนหยุนมองทะลุต้นไม้ออกไป ทำให้เห็นว่าด้านหน้ามีคนกลุ่มหนึ่งอย่างชัดเจน ทั่วร่างของชายคนนั้นเต็มไปด้วยอาคมที่สลักลงบนกล้าม สวมชุดเปลือยแขน ทำให้เห็นอาคมอาคมนับไม่ถ้วนที่สลักอยู่บนร่างของเขา


 


น้ำเสียงที่เปล่งออกมาจากปากของเขา ภายใต้ดวงตาประเมิน ทำให้ข้อมูลของอีกฝ่ายปรากฏขึ้นในทันที


 


เหลยหยุน : ระดับผันแปรวิญญาณขั้นที่ 7, ทั่วร่างสลักไว้ด้วยอาคมสายฟ้า, มีพลังสายฟ้าที่รุนแรง, สวมใส่อุปกรณ์ระดับจิตวิญญาณขั้นสูง, โจมตีธาตุสายฟ้า, พลังรบ 3.8 ล้าน! จุดอ่อน : แพ้ทางการโจมตีธาตุดิน, ใช้วิชาประกายมังกรอสนี, เคล็ดวิชามังกรอสนี, เทพอสนีบาต, เมื่อสังหารมีโอกาสได้รับวิชาประกายมังกรอสนี, เคล็ดวิชามังกรอสนี, เทพอสนีบาต, ชุดเทพอสนี!


 


ระดับผันแปรวิญญาณขั้นที่ 7, พลังรบ 3.8 ล้าน, นี่ช่างแข็งแกร่งจริงๆ ทั้งยังมีแฝงการโจมตีธาตุสายฟ้าอีก เหลยหยุนคนนี้ไม่อ่อนแอเลย ด้วยระดับสลักอาคมของเขา การจะสลักอาคมลงบนร่างตนเอง ถือเป็นเรื่องที่ธรรมดามาก


 


“นี่ก็คือเหลยหยุนอย่างงั้นเหรอ…..” อี้เทียนหยุนตาเป็นประกาย อีกฝ่ายมีพลังที่ไม่ธรรมดาเลย


CLS ตอนที่ 299: ข้าต้องการ 2 ชีวิต!


 


พลังของเหลยหยุนไม่ได้ผิดไปจากที่อี้เทียนหยุนคาด ถ้าเหลยหยุนไม่แข็งแกร่ง คงเป็นไปไม่ได้ที่จะปลุกปั่นเผ่าภูต และได้รับการยอมรับจากอาณาจักรใต้พิภพ


 


ที่สำคัญเหลยหยุนยังถือว่าอยู่ในช่วยวัยฉกรรจ์ การที่มีพลังถึงระดับนี้ถือว่าไม่ธรรมดา เหลยหยุนในวัย 30 ปี ก็เป็นถึงนักสลักอาคมระดับต้าซือ ยิ่งกว่านั้นยังมีพลังถึงระดับผันแปรวิญญาณขั้นที่ 7 เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าอีกฝ่ายนับว่าเป็นอัจฉริยะคนหนึ่ง


 


แต่ว่าอัจฉริยะคนนี้กลับกลายเป็นคนทรยศ ถือเป็นความโชคร้ายของเผ่าภูตจริงๆ


 


นอกจากเหลยหยุนแล้ว ยังมีผู้เชี่ยวชาญอีกคน ซึ่งคนผู้นี้ก็มีพลังระดับผันแปรวิญญาณขั้นที่ 6 ถือว่าอยู่ในระดับเดียวกับเหลยหยุน โดยที่เขาก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นต้าเฉินของอาณาจักรใต้พิภพที่ติดตามมาเพื่อช่วยเหลยหยุนทำลายค่ายกล ทั้งยังคอยควบคุมเหลยหยุนอีกทางหนึ่ง แม้ว่าเหลยหยุนจะเข้าร่วมกับอาณาจักรใต้พิภพแล้ว แต่พวกเขาก็ยังไม่เชื่อใจเต็มที่ ดังนั้นจึงได้ส่งคนของตัวเองมาเข้าร่วมการทำลายเผ่าภูตนี้ด้วย


 


สามารถพูดได้ว่าคนสำคัญของกลุ่มนี้มีอยู่ด้วยกันสองคน หนึ่งคือเหลยหยุน และอีกคนก็คือต้าเฉิน แต่เรื่องนี้สำหรับเขาแล้วไม่ใช่เรื่องสำคัญ ต่อให้เหลยหยุนจะแข็งแกร่งมาก แต่เขาจะแข็งแกร่งได้เท่ากับบรรพชนของวังเสินเหวินยังงั้นเหรอ?


 


“ไม่ยอมออกมาอย่างงั้นเหรอ? คิดว่าค่ายกลสัมผัสพิศวงจะกักขังข้าได้หรือไง?” เหลยหยุนหัวเราะเยาะ ทันใดนั้นก็ทำการกระทืบเท้าอย่างแรง ขณะที่ในมือมีสายฟ้าวิ่งพล่าน กระโจนเข้ามายังที่นี่อย่างรวดเร็ว


 


“เปรี้ยง!”


 


สายฟ้าในมือเขาระเบิดออกมา วิ่งทะลุผ่านต้นไม้ทั้งหลายตรงเข้ามาที่นี่ด้วยความเร็วสูง ก่อนที่จะระเบิดออกโดยที่ไม่ให้พวกเขาได้ทันตั้งตัว


 


สีหน้าเย่ชิงเสวียนพลันเปลี่ยนไป แต่ในขณะที่จะสะบัดแส้เพื่อทำลายสายฟ้านี้ ก็ได้มีมือใหญ่ห้ามเธอไว้เสียก่อน พร้อมกันนั้นก็ยื่นมือออกไป ปะทะกับสายฟ้าที่พุ่งเข้ามา!


 


“ดูเหมือนว่าค่ายกลสัมผัสพิศวงจะใช้กับเขาไม่ได้ผลนะ” อี้เทียนหยุนเหวี่ยงแขนออกไปเบาๆ ราวกับไม่ใช่เรื่องใหญ่


 


พวกเขาเห็นฝ่ามือของอี้เทียนหยุนปะทะกับสายฟ้าที่พุ่งเข้ามาโดยที่ไม่เป็นอะไร กระทั่งขนสักเส้นยังไม่บาดเจ็บ แม้ว่าพลังของสายฟ้าจะไม่รุนแรงมาก แต่ก็ไม่ได้อ่อนแอเช่นกัน แต่เมื่อปะทะกับฝ่ามือของอี้เทียนหยุนกลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริงๆ


 


“มีผู้ช่วยจริงๆ สินะ ทั้งดูเหมือนจะไม่อ่อนแอเท่าไหร่?” เสียงของเหลยหยุนลอยมา พร้อมกับนำผู้คนเดินตรงมาที่นี่


 


เห็นได้ชัดว่าเขาสามารถเห็นพวกเขาจริงๆ ไม่อย่างงั้นคงไม่มีทางโจมตีมาได้ถูก หรือไม่งั้นก็เพราะว่าอาณาเขตแห่งนี้ถูกพวกเขาทำลายแล้ว ดังนั้นลืมเรื่องการลอบสังหารไปได้เลย


 


“เหลยหยุนคุ้นเคยกับที่นี่ ดังนั้นค่ายกลสัมผัสพิศวงจึงไม่ได้ผลกับเขา แต่ก็แค่กับอาณาเขตเล็กๆ เท่านั้น ก่อนหน้านี้ที่ค่ายกลสัมผัสพิศวงเสียหาย เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะเขา แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า ต่อให้ค่ายกลจะถูกซ่อมแซมแล้ว แต่เขาก็ยังสามารถสัมผัสถึงสิ่งต่างๆ รอบๆ ได้อยู่ ดังนั้นการจะลอบสังหารเขาคงจะเป็นไปไม่ได้” สีหน้าของเย่ชิงเสวียนดำคล้ำลง ผลลัพธ์นี้เป็นสิ่งที่เธอคาดไม่ถึง การเผชิญหน้าตรงๆ กับเหลยหยุนถือเป็นเรื่องที่อันตรายอย่างมาก


 


เหลยหยุนมีพรสวรรค์ที่แข็งแกร่งมาก ทั้งยังเป็นถึงนักสลักอาคมระดับต้าซือ แม้ว่าค่ายกลจะไม่ถูกทำลาย แต่ก็ไม่ส่งผลอะไรกับอีกฝ่าย


 


“ใจเย็น ตั้งแต่แรกแล้ว ข้าไม่เคยคิดที่จะลอบโจมตีสักหน่อย” อี้เทียนหยุนส่งยิ้มสบายๆ ออกมา ขณะที่ในมือปรากฏคันศรน้ำค้างแข็งเทวะขึ้น พร้อมกับปลดปล่อยความเย็นสุดขั้วออกมา ทำให้เย่ชิงเสวียนที่อยู่ใกล้ๆ พลันตาเป็นประกาย เธอก็เป็นผู้ฝึกตนธาตุน้ำแข็งเช่นกัน ดังนั้นจึงสัมผัสถึงมันได้อย่างดี


 


หลังจากคันศรน้ำค้างแข็งเทวะปรากฏ เขาก็พลันยกคันศรขึ้นน้าวสายอย่างรวดเร็ว พร้อมกับปรากฏศรน้ำค้างแข็งเทวะขึ้นในมือของเขา เขาทำการจ่าย 5,000 ค่าความคลั่งเพื่อใช้งานน้ำค้างแข็งพิโรธในทันที!


 


“ไป!”


 


นัยน์ตาทั้งสองข้างของอี้เทียนหยุนปรากฏแสงเย็นชา ก่อนที่จะปล่อยศรน้ำค้างแข็งเทวะออกไป ทุกที่ที่ศรผ่าน ล้วนแต่กลายเป็นน้ำแข็ง ก่อนที่จะเข้าใกล้เหลยหยุนด้วยความเร็วขีดสุด!


 


เหลยหยุนหน้าเปลี่ยนสี พร้อมกับตะโกนออกมาเสียงดัง “หลบเร็ว!”


 


เหลยหยุนหลบออกด้านข้างเป็นคนแรก แต่ต้าเฉินที่อยู่ใกล้ๆ กลับหลบได้ไม่เร็วเท่า เพราะทันทีที่เสียงของเหลยหยุนดังออกมา ก็ปรากฏว่าศรน้ำค้างแข็งเทวะได้ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาแล้ว ขณะที่พวกเขากำลังจะหลบนั้น น้ำค้างแข็งพิโรธก็ได้ทะลุผ่านร่างของพวกเขา ก่อนที่จะระเบิดร่างพวกเขาออกเป็นชิ้นๆ!


 


“ปัง!”


 


พายุหิมะที่น่าสะพรึงพลันถูกยิงขึ้นฟ้าไปพร้อมๆ กัน ก่อให้เกิดเป็นพายุหิมะขึ้นรอบๆ หลังจากที่พายุสงบลง ที่อาณาเขตไกลออกไปกลับปรากฏเป็นดินแดนน้ำแข็งขนาดใหญ่ เหมือนกับว่าพายุหิมะเมื่อกี้นี้ได้ทำการแช่แข็งที่แห่งนี้ไว้


 


“ติ๊ง ท่านสังหารต้าเฉินของอาณาจักรใต้พิภพ มู่หยุน สำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 390,000, ค่าความคลั่ง 4,600, ค่าความชั่ว 200, ได้รับวิชา เคล็ดวิชาใต้พิภพ, ฝ่ามือพลิกสวรรค์, ได้รับไอเทม กระบี่เยว่เทียน, รองเท้าศึกเทียนอวี่, เม็ดยาค่าประสบการณ์ 100,000”


 


“ติ๊ง ท่านสังหารผู้ทรยศเผ่าภูตสำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 240,000, ค่าความคลั่ง 3,100, ค่าความชั่ว 100, ค่าความชำนาญในการสลักอาคม 400, ได้รับ……”


 


“ติ๊ง ท่านสังหาร…..”


 


เพียงแค่ดอกเดียว เขาก็สังหารคนส่วนใหญ่รวมไปถึงต้าเฉินจนร่างระเบิดไป นี่เป็นเรื่องที่ธรรมดาอยู่แล้ว ศรดอกนี้อี้เทียนหยุนได้ใช้โหมดคลั่งหมวดพลังโจมตียิงออกไป เมื่อระเบิดออก จึงทำให้พวกเขาพากันร่างแหลกกระจัดกระจาย ต่อให้ไม่ตายก็ต้องถูกทำให้เป็นประติมากรรมน้ำแข็ง


 


“นี่ นี่มันร้ายกาจขนาดนี้เชียว!?”


 


ผู้เชี่ยวชาญของเผ่าภูตที่ติดตามอยู่ข้างหลังพลันได้สติ ไม่คิดว่าศรดอกนี้จะก่อให้เกิดดินแดนน้ำแข็งขึ้น แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้สัมผัสด้วยตัวเอง แต่จากความเย็นที่ยังสัมผัสได้ ก็ทำให้พวกเขารู้แล้วว่าศรดอกนี้นั้นน่าสะพรึงขนาดไหน ถ้าพวกเขาโดนเข้าไป จะต้องตายโดยไม่ต้องสงสัย!


 


เย่ชิงเสวียนตกใจจนตาโต ก่อนหน้านี้เธอรู้อยู่แล้วว่าอี้เทียนหยุนต้องร้ายกาจมาก แต่ไม่คิดว่าจะร้ายกาจขนาดนี้


 


อึดใจต่อมา อี้เทียนหยุนที่สีหน้าเย็นชาก็ได้ยกคันศรน้ำค้างแข็งเทวะขึ้น ก่อนจะยิงศรเบี่ยงออกไปอีกด้าน ก่อให้เกิดลำแสงสีฟ้าตัดทะลุผ่านไป


 


“เคร้ง!”


 


ศรถูกเบี่ยงออกไป ในขณะเดียวกันก็ปรากฏร่างของคนที่มีสายฟ้าวิ่งพล่านปรากฏขึ้น ไม่รู้ว่าเหลยหยุนเข้ามาถึงตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ถึงจะลอบเข้ามาได้ แต่ก็ถูกอี้เทียนหยุนมองเห็น ทั้งยังโจมตีสวนกลับไป!


 


“เปรี๊ยะ เพล้ง…..” บนร่างเหลยหยุนปรากฏชั้นน้ำแข็งเกาะ แต่ก็ถูกสายฟ้าที่วิ่งพล่านอยู่ทั่วร่างทำลายไป โชคดีที่เขารับเอาไว้ทัน ไม่อย่างนั้นศรน้ำแข็งคงจะทะลุร่างของเขาไป!


 


“เจ้าเป็นใครกัน เป็นคนของสำนักไหน!?” หลังจากเหลยหยุนสูดหายใจหนักๆ เขาก็จ้องมาที่อี้เทียนหยุนเขม็ง ไม่กล้าผ่อนคลาย ถ้าต้องเจอกับศรแบบเมื่อกี้อีกล่ะก็ นั่นคงเป็นปัญหาแล้ว


 


“ก็ต้องเป็นคนของเผ่าภูตอยู่แล้วสิ มีอะไร?” อี้เทียนหยุนส่งยิ้มสบายๆ ออกไป


 


“เป็นไปไม่ได้! เจ้าไม่ใช่คนของเผ่าภูต!” เหลยหยุนถลึงตาใส่เขา “เผ่าภูตให้เจ้าเท่าไหร่ถึงทำให้เจ้ายอมช่วย! ข้าจะให้เจ้าสองเท่า ไม่สิ สามเท่าก็ได้ มากกว่าที่เผ่าภูตจ่ายให้เจ้าเสียอีก!”


 


“เจ้ามีปัญญาจ่ายอย่างงั้นเหรอ?” อี้เทียนหยุนแสร้งเป็นสนใจกับข้อเสนอของเขา


 


“แน่นอน เบื้องหลังข้ามีอาณาจักรใต้พิภพอยู่ เจ้าต้องการอะไร ข้ามีให้เจ้าทุกอย่าง!” เมื่อเหลยหยุนเห็นอี้เทียนหยุนมีท่าทางตื่นเต้นก็พลันแสดงสีหน้าดีใจออกมา


 


เผ่าภูตคนอื่นต่างพากันหน้าเปลี่ยนสี มนุษย์คนนี้คิดจะเปลี่ยนข้างอย่างงั้นเหรอ? พวกเขารีบพากันหันไปมองเย่ชิงเสวียน แต่ปรากฏว่าเย่ชิงเสวียนยังคงมีสีหน้าไม่ใส่ใจ เหมือนกับไม่กังวลเลยสักนิด


 


“ตกลง ข้าต้องการ 2 ชีวิต หนึ่งคือชีวิตของเจ้า อีกหนึ่งคือชีวิตของจักรพรรดิใต้พิภพ ถ้าเจ้าให้สองสิ่งนี้กับข้า ข้าจะทำตามคำสั่งของเจ้าในทันที!” อี้เทียนหยุนพูดด้วยรอยยิ้มไม่แยแส


CLS ตอนที่ 300: ถึงกับทำให้ข้ารู้สึกคันได้


 


“เจ้ากล้าล้อข้าเล่นอย่างงั้นเหรอ!” เหลยหยุนตกใจ หลังจากนั้นก็พลันเดือดดาลขึ้นมาทันที “ข้างหลังข้ามีอาณาจักรใต้พิภพอยู่ เจ้ากล้ามีเรื่องกับอาณาจักรใต้พิภพอย่างงั้นเหรอ เจ้ารู้ไหมว่ากำลังทำเรื่องโง่ๆ อยู่!”


 


ผู้จัดการเผ่าภูตที่อยู่ใกล้ๆ พลันโล่งใจ พวกเขาก็คิดว่าอี้เทียนหยุนจะถูกของรางวัลล่อลวงซะแล้ว แต่ทีแท้ก็แค่หยอกล้อพวกเขาเล่นเท่านั้น


 


ส่วนเย่ชิงเสวียนนั้นรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าอี้เทียนหยุนจงใจล้ออีกฝ่ายเล่น ถ้ามาช่วยพวกเธอเพราะของรางวัล ป่านนี้คงหนีไปแล้ว ไม่มาสร้างปัญหาอย่างนี้หรอก


 


“ข้าไม่รู้ว่ากำลังเรื่องโง่ๆ อยู่หรือเปล่า ไม่มีใครอยากจะปะทะกับขุมอำนาจระดับอาณาจักรหรอก ใครมันจะบ้าไปหาเรื่องขุมอำนาจระดับนั้น คิดว่าข้ากินข้าวอิ่มแล้วไม่มีอะไรทำหรือยังไง?” อี้เทียนหยุนพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ “เป็นอาณาจักรใต้พิภพของเจ้าต่างหากที่หาเรื่องข้า ต้องการกำจัดข้า ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ทำไมไม่สู้จนแตกดับทั้งสองฝ่ายไปเลยล่ะ?”


 


“อาณาจักรใต้พิภพหาเรื่องเจ้า?” เหลยหยุนสับสน ไม่รู้ว่าเรื่องเป็นมายังไง แต่เขาก็พอจะเข้าใจว่าอีกฝ่ายมีความแค้นกับอาณาจักรใต้พิภพอยู่


 


“เหลยหยุน!” เย่ชิงเสวียนมีสีหน้าถมึงทึง ในตาเต็มไปด้วยความโกรธ “ทำร้ายเผ่าภูตของเราซ้ำแล้วซ้ำเล่า แท้จริงแล้วเจ้าต้องการทำอะไรกันแน่! เพียงเพื่อต้องการความรุ่งโรจน์ที่เป็นดั่งภาพลวงตา ดังนั้นจึงเลือกที่จะทรยศเผ่าภูตอย่างงั้นเหรอ!”


 


“ทรยศเผ่าภูตอย่างงั้นเหรอ?” เหลยหยุนมองมาที่เธอด้วยสีหน้าดูถูก “ข้าไม่ได้ทรยศเผ่าภูต แต่กำลังนำเผ่าภูตมุ่งสู่ความยิ่งใหญ่ต่างหาก! อาศัยอยู่ในป่าเขาโคลนเลนแบบนี้มีความหมายอะไร ต้องปกครองแผ่นดินทั้งหมด ครอบครองทรัพยากรมหาศาล กลายเป็นผู้แข็งแกร่ง นี่ต่างหากถึงจะเป็นอนาคตที่แท้จริง!”


 


“ก็ยังคงเหมือนเดิม หัวใจของเจ้าหยาบช้าดั่งที่ท่านบรรพชนกล่าวไว้จริงๆ เพราะงั้นจึงไม่เหมาะที่จะสืบทอดตำแหน่งราชาของเผ่าภูต” เย่ชิงเสวียนพูดอย่างดูถูก “กลายเป็นผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงโดยการทรยศเผ่าพันธุ์ ทั้งหมดก็เพื่อตัวเจ้าเอง! เจ้าได้รับทรัพยากรจำนวนมากโดยการขายเผ่าพันธุ์ตัวเอง แล้วยังมีหน้ามาบอกว่านี่คืออนาคตที่แท้จริงอีกอย่างงั้นเหรอ?”


 


“หุบปาก!” เหลยหยุนเดือดดาล “อย่ามาอ้างเจ้าแก่นั่นกับข้า เจ้าเฒ่าหัวแข็งนั่น มีหน้าอะไรมาว่าข้าหยาบช้า ทั้งหมดเป็นเพราะพวกเจ้าต่างหากที่พากันหัวแข็ง! ทำไมต้องผ่านตำหนักจักรพรรดิก่อนถึงจะนั่งตำแหน่งราชาภูตได้ มันมีสิทธิ์อะไร!”


 


“ต้องผ่านตำหนักจักรพรรดิถึงจะนั่งตำแหน่งราชาภูตได้ น่าขำ?” เย่ชิงเสวียนพูดอย่างเย็นชา “คนที่จะนั่งบัลลังก์ได้คือคนที่ถูกเลือกเท่านั้น ตำหนักจักรพรรดิไม่ได้เป็นคนเลือก เพราะหัวใจเจ้าหยาบช้า จึงทำแต่เรื่องหุนหัน! เจ้าคิดว่าตำแหน่งราชาภูตต้องผ่านตำหนักจักรพรรดิจริงๆ อย่างงั้นเหรอ? ดูเหมือนว่าการที่เจ้าไม่ได้นั่งบัลลังก์เลยทำให้เจ้าเลือกที่ทรยศ! โชคดีจริงๆ ที่เจ้าไม่ได้นั่งบัลลังก์ ไม่อย่างนั้นไม่นาน เผ่าภูตคงถูกเจ้านำพาไปสู่หนทางแห่งการแตกดับ!”


 


เย่ชิงเสวียนยิ้มอย่างเย็นชาแทนที่จะโกรธ


 


“เจ้าหยุดพูดได้แล้ว!” เหลยหยุนถอยหลังไปสองสามก้าว ขณะที่สีหน้าดำคล้ำ คำพูดของเย่ชิงเสวียนจี้ใจดำเขามาก แต่เขาก็ทำหน้าเคร่ง แล้วพูดขึ้นว่า “ถ้าเผ่าภูตอยู่ในมือข้า มันจะไม่มีทางถูกทำลายอย่างแน่นอน มีแต่จะรุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆ! แต่ตอนนี้ข้าเป็นหัวหน้านักสลักอาคมที่แข็งแกร่งที่สุดของอาณาจักรใต้พิภพ เตรียมจะนั่งตำแหน่งต้าเฉิน เมื่อถึงตอนนั้น ข้าก็จะมีตำแหน่งในอาณาจักรใต้พิภพ ด้วยพลังที่เป็นที่สุดของอาณาจักรใต้พิภพ ข้าก็จะสามารถทำให้เผ่าภูตเจริญรุ่งเรืองขึ้นได้!”


 


“น่าขำ เจ้านี่มันน่าขำจริงๆ! เหลยหยุน เจ้ามัวเมาในอำนาจจนกลายเป็นเลอะเลือนไปแล้ว ที่อาณาจักรใต้พิภพลงมือก็เพราะต้องการสืบทอดค่ายกลของเผ่าภูตเรา เมื่อพวกมันได้สิ่งที่ต้องการ พวกมันก็จะกำจัดพวกเราทิ้ง!” เย่ชิงเสวียนพูดอย่างเย็นชา “ข้าจะให้โอกาสเจ้าได้ทำการไถ่โทษครั้งสุดท้าย ช่วยพวกท่านบรรพชนออกมา นี่จะสามารถช่วยลดความผิดของเจ้าลงได้!”


 


“ฮ่าๆๆ…..”


 


เหลยหยุนหัวเราะจนน้ำตาแทบไหลออกมา ทำให้เย่ชิงเสวียนต้องขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่าเหลยหยุนมันไปโดนยาตัวไหนมา


 


อี้เทียนหยุนมองอย่างเย็นชาอยู่ด้านข้าง ขณะที่เย่ชิงเสวียนตั้งคำถาม เขาก็เตรียมจะจัดการกับเหลยหยุนทุกเมื่อ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร คนทรยศก็ไม่สามารถยกโทษให้ได้


 


“ปล่อยพวกบรรพชนอย่างงั้นเหรอ?” เหลยหยุนค่อยๆ หยุดหัวเราะ จากนั้นก็มองมาที่พวกเขาอย่างเย็นชา “พูดโง่ๆ บรรพชนถูกวางยาพิษไว้แล้ว ปล่อยไปอย่างนี้เรื่อยๆ สุดท้ายก็ต้องถูกวิชาครวญวิญญาณเข้าไป เมื่อนั้นไม่ว่าจะค่ายกลหรือว่าความลับอะไรของเผ่าภูตก็จะถูกค้นออกมาจนหมด จากนั้นยังจะมีอะไรเป็นของพวกเราอีก? ถ้าเจ้าอยากจะช่วย เจ้าก็ต้องหาทางแก้พิษให้ได้เสียก่อน ไม่อย่างนั้นก็อย่าหวังว่าจะทำอะไรได้…..”


 


“เจ้ามันวิปริต เจ้าเดรัจฉาน เจ้าทำอะไรท่านบรรพชน!” สีหน้าของเย่ชิงเสวียนเปลี่ยนไป สถานการณ์ที่แย่ที่สุดปรากฏขึ้นมาแล้ว ท่านบรรพชนถูกวางยา หลังจากถูกวิชาครวญวิญญาณเข้าไป เขาจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย


 


“ไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น ก็แค่ทำการสืบทอดค่ายกลของเผ่า ในเมื่อเจ้าไม่ยอมบอก ก็มีแต่ต้องใช้วิชาครวญวิญญาณเท่านั้น” เหลยหยุนเดินถอยหลังอีกสองสาวก้าว พร้อมกับพูดด้วยความดูถูก “ตอนนี้ได้เวลาตายของเจ้าแล้ว!”


 


อึดใจต่อมา เหลยหยุนพลันกระทืบเท้าอย่างแรง ทันใดนั้น เบื้องหน้าพวกเขาพลันปรากฏลำแสงเจิดจ้าขึ้นมา ก่อตัวเป็นค่ายกลสายฟ้า ไม่รู้ว่าเขาเตรียมค่ายกลนี้ไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่!


 


เหลยหยุนเป็นอัจฉริยะด้านค่ายกล ไม่เสียทีที่เป็นถึงนักสลักอาคมระดับต้าซือตั้งแต่อายุยังน้อย เพียงแค่เดินไปมาไม่กี่ก้าวก็แอบสร้างค่ายกลขึ้นมาได้แล้ว ขณะที่ทำทีเป็นคุย แต่ในใจก็แอบคำนวณทุกอย่างเอาไว้ เตรียมที่จะลอบโจมตีพวกเขา


 


“เปรี้ยง!”


 


ในตอนนี้เอง สายฟ้าที่น่ากลัวก็พลันระเบิดออกมา ด้วยสร้างมาจากพลังของเหลยหยุน ทำให้การโจมตีนี้เปรียบได้กับการโจมตีของระดับผันแปรวิญญาณ เหตุการณ์นี้ทำให้คนของเผ่าภูตหวาดกลัวรีบทำการตั้งรับ ความจริงก็อยากจะหนีแต่ก็ไม่มีเวลา ต่อให้พวกเขาจะหนีได้เร็วแค่ไหน ก็ไม่มีทางเร็วไปกว่าสายฟ้านี้ไปได้


 


สีหน้าของอี้เทียนหยุนยังคงไม่เปลี่ยนแปลง เขาทำการกระทืบเท้าอย่างแรง “ปัง” แรงสั่นสะเทือนทำให้ค่ายกลที่วางไว้กลายเป็นแหลกเหลว สลายไปในทันที


 


“นี่ นี่มันอะไรกัน?!” เหลยหยุนใส่พลังที่มีทั้งหมดเข้าไปในการโจมตีนี้ แต่ใครจะคิดว่าอยู่ๆ ค่ายกลก็มาพลันสลายไป


 


“มีพลังแค่นี้แต่คิดที่จะวางแผนเล่นงานข้าอย่างงั้นเหรอ?” อี้เทียนหยุนส่ายหัวแล้วพูดว่า “ตั้งแต่ที่เจ้าเริ่มก้าวเท้าครั้งแรก ข้าก็รู้แล้วว่าเจ้ากำลังสร้างค่ายกลอยู่ ถ้าไม่ใช่เพราะชิงเสวียนต้องการถามคำถามกับเจ้า ข้าคงตบเจ้าให้ตายคามือไปนานแล้ว”


 


จากนั้น เขาก็หันไปมองเย่ชิงเสวียนที่ยังมีท่าทางตกตะลึงอยู่ พร้อมกับพูดต่อว่า “เจ้ายังมีเรื่องจะถามมันอีกใช่ไหม ให้ข้าจับมันไว้แล้วเจ้าค่อยถามมันอีกทีดีไหม?”


 


“นี่ นี่…. ต้องรบกวนเจ้าแล้ว” เย่ชิงเสวียนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ขณะที่เตรียมรับมือการโจมตีนี้ อยู่ๆ อี้เทียนหยุนก็ทำลายมันทิ้งเสียอย่างงั้น


 


อึดใจต่อมา อี้เทียนหยุนก็ยกคันศรน้ำค้างแข็งเทวะขึ้น พร้อมกับเล็งไปที่เขา ก่อนจะยิงศรออกไปสามดอก พุ่งเข้าใส่อีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว เหลยหยุนรีบหลบไปด้านข้าง อาคมสายฟ้าที่อยู่บนร่าง ช่วยเพิ่มความเร็วสูงสุดให้กับเขา เมื่อเทียบกับคนระดับเดียวกันแล้ว ทำให้เขาเร็วกว่าอีกฝ่ายอยู่ขั้นใหญ่


 


แต่ยังไงก็ตาม ความเร็วของอี้เทียนหยุนก็เร็วอย่างมาก เขาทำการถีบพื้นอย่างแรง จนพื้นยุบเป็นหลุม ก่อนที่ร่างจะกลายเป็นเหมือนมังกรร้าย กระโจนเข้าใส่อีกฝ่าย พริบตาที่ระยะห่างของทั้งสองร่นเข้ามาจนถึงระดับเอื้อมมือถึง เขาก็ทำการเอื้อมมือคว้าจับอีกฝ่ายในทันที


 


“อย่าได้หวัง!” ในตาเหลยหยุนเต็มไปด้วยความเย็นชา พร้อมกับสายฟ้าที่วิ่งพล่าน พร้อมกันนั้น เขาก็ทำการรวบรวมสายฟ้าไว้บนมือ ก่อนที่จะปล่อยออกไปปะทะกับอีกฝ่าย


 


“เปรี้ยง!” สายฟ้าแตกออกจากมือฟาดลงสู่พื้นหลายสาย ก่อนที่จะตัดเข้ามาอย่างโหดเหี้ยม อี้เทียนหยุนรวบมือเป็นหมัดต่อยออกไปโดยไม่สนใจ


 


“เปรี้ยง!”


 


พริบตาที่สายฟ้าปะทะกับหมัดของอี้เทียนหยุน มันก็ทำการเลื้อยตามหมัด พุ่งเข้าใส่ร่างของเขา


 


“เจ้าโง่ ดูสิว่าคราวนี้เจ้าจะยังรอดไปได้อีกไหม!” ในใจเหลยหยุนมีความสุขสุดๆ เขาไม่คิดว่าอี้เทียนหยุนจะสามารถทนต่อการโจมตีของเขาได้


 


แต่ใครจะรู้ อี้เทียนหยุนกลับไม่แยแสต่อสายฟ้านี้ ทั้งยังทำการโจมตีต่อ ต่อยหมัดออกไปตามเดิม!


 


“ปึก” เหลยหยุนถูกชกกระเด็น จนกระแทกใส่ต้นไม้ใหญ่ข้างหลัง หน้าอกของเขายุบลงเล็กน้อย เพราะอี้เทียนหยุนออมมือไว้ ถึงยังไงเป้าหมายก็คือการจับตัวอีกฝ่าย


 


“พลังของสายฟ้านี้ใช้ได้ทีเดียว ถึงกับทำให้ข้ารู้สึกคันได้” อี้เทียนหยุนสะบัดแขน ราวกับไม่มีอะไร


CLS ตอนที่ 301: ไข่มุกเทียนเหลย!


 


พลังของอาคมสายฟ้านับว่าดีจริงๆ แต่สำหรับอี้เทียนหยุนที่มีพลังป้องกันที่ท้าทายสวรรค์แล้ว ผลลัพธ์ของมันกลับส่งผลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แทบจะไม่ได้ผลเลยด้วยซ้ำ


 


เหลยหยุนที่ถูกชกกระเด็นไปรีบลุกขึ้นพร้อมกับเอามือกุมหน้าอกเอาไว้ ภายใต้หมัดนี้ของอี้เทียนหยุน ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บหนัก และที่สำคัญก็คือพลังของเขากลับไม่ส่งผลอะไรต่ออี้เทียนหยุนเลยแม้แต่น้อย ด้วยพลังที่ท้าทายสวรรค์ ทำให้เขารู้สึกเหมือนหมดเรี่ยวแรง


 


“ข้ายังไม่ทันพูดถึงว่าถ้ายอมจำนนแต่โดยดีก็จะไม่ต้องต่อสู้ แต่ในเมื่อเจ้าต่อต้าน งั้นข้าก็จะสนองให้เจ้าเอง” อี้เทียนหยุนก้าวออกไปทีละก้าว ก่อนหน้านี้เขาคิดจะลอบโจมตีเหลยหยุนโดยการใช้เทเลพอร์ท แต่เมื่อคิดว่ามีคนที่นี่หลายคนกำลังดูอยู่ เขาก็ยอมแพ้ที่จะใช้มัน


 


“ไม่มีทางที่ข้าจะแพ้!”


 


เหลยหยุนพยายามขับไล่ความกลัวที่กดทับตัวเองออกไป ร้องคำรามด้วยความโกรธ อาคมสายฟ้าที่อยู่บนร่างถูกปล่อยออกมาอย่างบ้าคลั่ง จนทั่วทั้งร่างของเขาอาบไว้ด้วยสายฟ้าแน่นขนัด กระทั่งมีสายฟ้าบางเส้นหลุดออกมาจากร่างของเขา ฟาดเข้าที่พื้น หรือกระทั่งต้นไม้ที่อยู่ใกล้ๆ ก่อนที่จะลุกไหม้จนเหลือแต่ตอตะโก


 


ด้วยอาคมสายฟ้าที่ระเบิดออกมา ทำให้พลังรบของเขาเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง แต่สำหรับอี้เทียนหยุนแล้ว มันไม่ได้มีความหมายอะไรเลย


 


“จุติเทพอสนีบาต!”


 


เลยหยุนกำหมัดแน่น แล้วก็ “เปรี้ยง” สายฟ้าผ่าลงมาจากท้องฟ้าที่ว่างเปล่า ผ่าลงบนร่างของเขา และในพริบตานี้เอง พลังรบของเขาก็พุ่งขึ้นไปเกินสิบล้าน ด้วยกลิ่นอายที่แข็งแกร่งที่เปล่งออกมา ทำให้เผ่าภูตรอบๆ ต้องสั่นสะท้าน การปลดปล่อยอาคมให้พลังที่น่าสะพรึงขนาดนี้เชียว หลังจากแสดงวิชาออกมา ภายใต้พลังของสวรรค์และปฐพี ทำให้พลังรบของเขาเพิ่มขึ้นขั้นใหญ่!


 


อึดใจต่อมา ในมือของเขาก็มีหอกยาวหลายอันปรากฏขึ้น ก่อนที่จะโจมตีเข้าใส่อี้เทียนหยุนในทันที


 


“ประกายแสงมังกรอสนี!”


 


“คำราม!”


 


เงาร่างมังกรสายฟ้าปรากฏขึ้นจากการควบแน่นพลังของเขา ร่างของเหลยหยุนตอนนี้กลายเป็นมังกรอสนีตัวใหญ่ยักษ์ ทะยานเข้าใส่ที่นี่ ส่วนหอกสายฟ้าในมือของเขาก็ราวกับเป็นปากของมังกรยักษ์ที่กำลังอ้ากว้างเตรียมกลืนกินเขาเข้าไป!


 


และในพริบตานี้เอง ด้วยพลังของสายฟ้า ทำให้ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้น โดยที่มองได้ไม่ชัด พริบตา เหลยหยุนก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าอี้เทียนหยุน


 


“ตาย!”


 


ในสายตาของอี้เทียนหยุนเต็มไปด้วยพลังของสายฟ้า เขาจับหอกแน่น พร้อมกับแทงเข้าใส่ตำแหน่งหน้าอกของอี้เทียนหยุนอย่างแรง ที่คมหอกล้วนอัดแน่นไปด้วยจิตสังหาร ราวกับเป็นสายฟ้าจากสวรรค์!


 


อี้เทียนหยุนยังคงเฉยชา เขายืนนิ่ง พร้อมกับมองดูการโจมตีที่พุ่งเข้าใส่ตน และในพริบตาที่หอกแทงออกมานี้เอง เขาก็ได้ยื่นมือออกไปคว้าหอกนี้ไว้ พร้อมกับสลายสายฟ้าที่ตัวหอก ทำให้มันกลายเป็นเพียงอาวุธระดับจิตวิญญาณขั้นสูงธรรมดา แม้ว่าเหลยหยุนจะอัดพลังสายฟ้าเข้าไปอย่างต่อเนื่อง แต่พลังนั้นก็ถูกดูดเข้าไปในร่างของอี้เทียนหยุนจนหมด


 


“นี่ เป็นแบบนี้ได้ยังไง…..” เหลยหยุนตกตะลึง ทำไมการโจมตีของตนถึงไร้ผล ขนาดพลังสายฟ้าที่เพิ่มเข้าไปยังหายไปอย่างไม่คาดคิด!


 


ไม่ใช่หายไปสิ แต่ถูกทำให้หายไปต่างหาก สายฟ้าของเขาถูกอี้เทียนหยุนดูดเข้าไปในร่าง เขาเห็นมันได้อย่างชัดเจน ตอนที่อี้เทียนหยุนคว้าเข้าที่หอกของเขา พลังสายฟ้าที่เคลือบเอาไว้ก็ราวกับเจอกับทางออก ทำการพุ่งเข้าไปในนั้นชั่วพริบตา โดยที่ไม่สร้างบาดแผลให้อี้เทียนหยุนแม้แต่น้อย!


 


“เข้ามานี่!”


 


อี้เทียนหยุนกระชากหอกเข้ามาอย่างแรง จากนั้นก็ฟาดลงกับพื้น “เปรี้ยง” หลายครั้ง เหลยหยุนถูกฟาดลงกับพื้นจนเกิดเป็นหลุมขาดใหญ่หลายหลุม จากนั้นเขาดึงหอกขึ้นมา  ก่อนที่จะขว้างไปยังต้นไม้ที่อยู่ใกล้ๆ จนมันปักเข้าไปเกือบครึ่งด้าม เห็นได้ชัดว่าหอกเล่มนี้คมขนาดไหน


 


“เอาล่ะ ตอนนี้ก็อยู่นิ่งๆ ซะ!” อี้เทียนหยุนยื่นมือออกไปจับเขา หวังจะควบคุมอีกฝ่าย


 


“ไสหัวไป!”


 


เหลยหยุนคำรามอย่างเดือดดาล พร้อมกับระเบิดอาคมสายฟ้าบนร่างอีกครั้ง ก่อให้เกิดกระแสไฟฟ้าแล่นพล่านไปทั่ว พร้อมกับสายฟ้าจากเบื้องบนที่ผ่าเปรี้ยงลงมาอีกครั้ง แต่ว่าคราวนี้พลังของมันกลับแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้หลายส่วน


 


“หลบเร็ว เขากำลังปลดปล่อยสายฟ้าที่กักเก็บไว้ออกมา!” เย่ชิงเสวียนรีบเตือน


 


อาคมสายฟ้าของเหลยหยุนนั้น นอกจากจะช่วยเพิ่มพลังให้กับเขาแล้ว เขายังมักจะกักตุนพลังสายฟ้าจากธรรมชาติเอาไว้ด้วย ด้วยพลังกายที่น่าตื่นตระหนก ทำให้เขาสามารถปลดปล่อยสายฟ้าที่ทรงพลังออกมาได้บ่อยครั้ง


 


เมื่อใดที่เผชิญกับอันตรายอย่างในคราวนี้ เขาก็จะปลดปล่อยสายฟ้าที่กักเก็บไว้ออกมา เพื่อใช้เป็นการโจมตีที่ดีที่สุดของเขา และตอนนี้ พลังรบของเขาก็เพิ่มขึ้นเป็น 16 ล้าน ไม่รู้ว่าเขากักเก็บพลังทั้งหมดนี้ไว้นานขนาดไหนแล้ว ถึงได้ระเบิดเป็นพลังที่น่าสะพรึงขนาดนี้


 


สายฟ้าพาดผ่านอากาศ ผ่าเปรี้ยงลงบนร่างของอี้เทียนหยุน ทำให้สายฟ้าปกคลุมร่างของเขาไว้ จนไม่มีใครสามารถมองตรงๆ ได้ เพราะแสงของสายฟ้าสว่างจ้าจนเกินไป หลายคนต่างก็มีท่าทางตกใจ ส่วนใบหน้าของเหลยหยุนนั้นกลับเต็มไปด้วยความดุร้าย คิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายชนะอี้เทียนหยุนที่กำลังถูกฆ่าด้วยสายฟ้า


 


“เทียนหยุน!” เย่ชิงเสวียนกัดริมฝีปากแน่น พร้อมกับพุ่งเข้าไปหาอี้เทียนหยุนอย่างไม่ลังเล โดยไม่สนใจว่าสายฟ้านี้นั้นน่ากลัวขนาดไหน


 


“เสิ้งหนี่ต้าเหริน อย่าไป!” พวกเขารีบเข้าไปห้ามเย่ชิงเสวียนไว้อย่างไว แต่ความเร็วของเย่ชิงเสวียนนั้นเร็วมาก ทำให้พวกเขาเข้าไปขวางไม่ทัน(เปลี่ยนจากนักบุญหญิงเป็นเสิ้งหนี่นะครับ ส่วนคำว่าต้าเหรินก็คือท่าน)


 


แต่ในขณะที่เย่ชิงเสวียนกระโจนเข้าไปนั้น สายฟ้าก็พลันสลายไป กลายเป็นเธอโถมเข้าใส่อ้อมกอดของอี้เทียนหยุนแทน


 


“ใจเย็น คิดว่าสายฟ้าห่วยๆ นี่จะทำอะไรข้าได้อย่างงั้นเหรอ?” อี้เทียนหยุนกอดเย่ชิงเสวียนไว้ในอ้อมแขน ขณะที่บนหน้าประดับด้วยรอยยิ้มบางๆ ในมือของเขาตอนนี้ปรากฏไข่มุกเม็ดหนึ่งที่กำลังปล่อยพลังสายฟ้าออกมา


 


พริบตาที่สายฟ้าผ่าลงมาบนร่างของเขา เขาก็ทำการเรียกไข่มุกเม็ดนี้ออกมา ไข่มุกเม็ดนี้คือไข่มุกเทียนเหลยที่ได้มาจากบรรพชนของวังเสินเหวิน ไข่มุกเม็ดนี้มีความสามารถในการดูดซับสายฟ้าเอาไว้ได้! ตราบเท่าที่เป็นสายฟ้าที่ไม่แข็งแกร่งมาก ต่อให้จะมีมากขนาดไหนมันก็สามารถดูดซับเอาไว้ได้ โดยไม่ส่งผลต่อคนถือแม้แต่น้อย!


 


สายฟ้าที่ถูกกักเก็บไว้ในไข่มุกเทียนเหลยนี้ ไม่เพียงแต่จะสามารถใช้ในการฝึกฝนได้เท่านั้น แต่ยังสามารถใช้โจมตีศัตรูได้อีกด้วย ดังนั้นในจังหวะที่เหลยหยุนโจมตีเข้ามา เขาก็ได้รีบเรียกไข่มุกเทียนเหลยนี้ออกมาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับทำการดูดซับสายฟ้าทั้งเอาไว้ โดยไม่ปล่อยให้เล็ดรอดไปได้แม้แต่ฝุ่นละออง


 


ดังนั้น สายฟ้าที่เหมือนจะทรงพลังเมื่อกี้นี้นั้น ไม่เพียงแต่ไม่สามารถทำอะไรเขาได้เท่านั้น แต่ยังถูกไข่มุกเทียนเหลยดูดซับเอาไว้ทั้งหมดอีกต่างหาก


 


“นี่ นี่มันของอะไรกัน!?” เมื่อเหลยหยุนเห็นไข่มุกเทียนเหลยในมืออี้เทียนหยุน ในใจก็พลันรู้สึกแตกตื่น ตัวเขาปลดปล่อยสายฟ้าที่แข็งแกร่งขนาดนั้นออกมา แต่กลับถูกดูดซับเอาไว้ได้โดยไม่คาดคิด


 


“อะไรงั้นเหรอ ก็แค่ของที่สามารถป้องกันพลังของเจ้าได้ และแน่นอนว่าต่อให้ไม่มีมัน สายฟ้าห่วยๆ ของเจ้าก็ทำอะไรข้าไม่ได้อยู่ดี” อี้เทียนหยุนไม่ได้กลัวสายฟ้าจากธรรมชาตินี้ แต่เขาไม่อยากจะเสียพลังไปกับสายฟ้าที่ทรงพลังขนาดนี้ สู้เก็บไว้ก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที!


CLS ตอนที่ 302: จับกุมตัว


 


“เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้!”


 


เหลยหยุนคำรามอย่างเดือดดาล พร้อมกับทุบพื้นอย่างแรง จากนั้นก็ปล่อยการโจมตีตรงมาที่นี่ อาคมสายฟ้าบนร่างปะทุออกมาจนหมด ต่างพากันปลดพันธนาการในพริบตา ก่อให้เกิดเป็นสายฟ้าเส้นเขื่อง แล่นตรงมาที่แห่งนี้


 


มังกรอัสนีตัวใหญ่ยักษ์อ้าปากขนาดมหึมาของมัน กลืนอี้เทียนหยุนรวมถึงเย่ชิงเสวียนเข้าไป สายฟ้าเส้นนี้มีพลังน่าสะพรึงนัก ผู้จัดการเผ่าภูตที่อยู่ห่างออกไปต่างพากันสัมผัสได้ถึงความน่าสะพรึงของมัน พร้อมกับเสียงระเบิดที่ดังตามมา


 


“เสิ้งหนี่ต้าเหริน!”


 


พวกเขาพากันร้องออกมา แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่อยากช่วย แต่เพราะว่าด้วยพลังระดับพวกเขา ถ้าหากเข้าไปใกล้เมื่อไหร่ก็ตายเมื่อนั้น แล้วอย่างนี้จะให้เข้าไปช่วยยังไง?


 


“ตายไปซะ!” ใบหน้าของเหลยหยุนกลายเป็นดุร้ายโดยสมบูรณ์ มองมาทางพวกอี้เทียนหยุนที่ถูกสายฟ้าปกคลุมพร้อมรอยยิ้มดูถูก แม้ว่าเย่ชิงเสวียนจะถูกจัดการไปด้วย เขาก็ไม่รู้สึกสงสารเลยสักนิด


 


เพราะสำหรับเขาแล้ว สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่ไม่สำคัญ ไม่ว่าใครที่ต่อต้านเขา มันผู้นั้นต้องตาย!


 


และอึดใจต่อมา สายฟ้าเส้นนี้ก็ได้สลายไปอย่างรวดเร็ว ถูกกักเก็บไว้ในไข่มุกเทียนเหลยทั้งหมด พร้อมกับปรากฏร่างของอี้เทียนหยุนที่มองมาด้วยสีหน้าดูถูก “ข้าเคยบอกไปแล้วว่าเปล่าประโยชน์ ถ้าเจ้ามีสายฟ้าที่แข็งแกร่งกว่านี้สัก 10 เท่า ข้าคงจะไม่มีทางป้องกันได้ แต่น่าเสียดายที่สายฟ้าของเจ้านั้นห่วยเกินไป”


 


พวกเขาไม่เป็นอะไรแม้แต่น้อย สายฟ้าจากธรรมชาติต่างถูกดูดเอาไปจนหมดไม่มีเหลือ! นี่คือผลลัพธ์ที่น่าสะพรึงของไข่มุกเทียนเหลย ทำให้พวกเขาต้องพากันมองมาด้วยตาที่เบิกโพลง ของที่ให้ผลลัพธ์น่าสะพรึงขนาดนี้ คงไม่ใช่ว่าเป็นระดับศักดิ์สิทธิ์หรอกใช่ไหม?


 


“นี่ นี่….” เหลยหยุนกลายเป็นตกตะลึง เขาคิดว่าคราวนี้จะได้เห็นศพที่ไหม้เกรียมสองศพ แต่ไม่คิดภาพที่เห็นจะเป็นคนสองคนที่ไม่เป็นอะไรเลย ทั้งสายฟ้าที่เขาปลดปล่อยด้วยพลังทั้งหมดกลับถูกดูดเอาไปจนหมด


 


สายฟ้าที่กักเก็บเอาไว้ในอาคมสายฟ้าบนร่างได้ถูกเขาปล่อยออกไปจนหมดแล้วในตอนนี้ ไม่มีการระเบิดพลังโจมตีออกมาอีก อย่างมากก็เหลือแค่การโจมตีธรรมดาที่แฝงธาตุสายฟ้าเท่านั้น แต่สายฟ้าที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาได้ปลดปล่อยออกไปแล้ว แล้วการโจมตีธรรมดาของเขาจะไปทำอะไรอี้เทียนหยุนได้กัน?


 


“เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้!”


 


เหลยหยุนคำรามออกมาอย่างคลุ้มคลั่ง พร้อมกับกระโจนเข้าใส่อี้เทียนหยุนด้วยมือเปล่า ทั่วทั้งร่างของเขาโป่งพองขึ้น ปล่อยหมัดที่ล้อมรอบไปด้วยสายฟ้าออกไป


 


“สู้มือเปล่าอย่างงั้นเหรอ ข้าชอบ!”


 


อี้เทียนหยุนผลักเย่ชิงเสวียนออกไปเบาๆ จากนั้นก็ต่อหมัดออกไปปะทะกับหมัดของเหลยหยุน คนอื่นๆ พากันหน้าเปลี่ยนสี ผู้จัดการเผ่าภูตพวกนี้พากันรีบตะโกนออกมา


 


“ระวังด้วย พลังหมัดอีกฝ่ายไม่ธรรมดา!”


 


พูดไม่ทันขาดปาก หมัดของพวกเขาก็ปะทะกัน “ปัง” ร่างของเหลยหยุนถูกซัดจนกระเด็น ก่อนที่จะกระแทกเข้ากับต้นไม้ที่อยู่ข้างหลัง แขนของเขาบิดงอผิดรูป คิดจะสู้ด้วยหมัด พลังของเหลยหยุนยังห่างชั้นกับอี้เทียนหยุนอยู่ช่วงใหญ่ ทำให้ถูกจัดการในพริบตา


 


ผู้คนพากันเงียบในทันที พวกเขาร้องเตือนด้วยความหวังดี แต่ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องเตือนแล้ว แค่พลังของอี้เทียนหยุนก็เหนือกว่าอีกฝ่ายมาก โดยที่ไม่ต้องใช้ไข่มุกเทียนเหลย เขาก็ยังสามารถจัดการเหลยหยุนได้อยู่ดี!


 


อึดใจต่อมา อี้เทียนหยุนก็พุ่งตามเขาไป โดยไม่ทันที่เหลยหยุนจะได้ลุกขึ้น ฝ่าเท้าก็ลอยเข้าใส่ตันเถียนของเขาแล้ว พร้อมกับพลังที่ป่าเถื่อน ระเบิดตันเถียนของเขาทิ้งในทันที!


„Bang!”


 


เหลยหยุนกระแทกเข้ากับต้นไม้อีกครั้ง ใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ขณะที่ร้องโหยหวนออกมา “เจ้าทำลายตันเถียนของข้า! แค่ก…..” พูดไม่ทันจบก็กระอักเลือดออกมาด้วยความเจ็บปวด


 


อี้เทียนหยุนทำลายตันเถียนอีกฝ่าย นี่ทำให้เขาไม่ต่างอะไรไปจากคนพิการ หากคิดจะรักษาตันเถียนนี้ให้ฝึกฝนได้ตามเดิม จำเป็นต้องใช้ยาชั้น 5 เป็นอย่างน้อย ถึงจะรักษาให้กลับมาฝึกฝนได้ แต่แน่นอนว่าราคาของมันนั้นไม่น้อยอย่างแน่นอน ยิ่งกว่านั้น การจะรักษาให้กลับมามีระดับเหมือนก่อนหน้าก็ยากไม่ใช่น้อย


 


หลังจากถูกทำลายตันเถียน เหลยหยุนก็สงบและนิ่งขึ้น เมื่อไม่มีพลังก็เท่ากับไม่มีแรง ทำให้สามารถควบคุมได้ง่ายกว่าเดิม


 


“ถ้าไม่ใช่ทำลายตันเถียนของเจ้า แล้วคิดว่าข้าทำอะไร? เจ้าโง่!” อี้เทียนหยุนหัวเราะเยาะ จากนั้นก็หันไปทางเย่ชิงเสวียนแล้วพูดว่า “ที่เหลือยกให้เจ้า จะจัดการยังไงก็แล้วแต่เจ้าเลย”


 


“อืม!” เย่ชิงเสวียนพยักหน้า สายตาของเธอค่อยๆ เบนไปที่ร่างเหลยหยุน นัยน์ตาคู่งามมากไปด้วยความเย็นชา “เหลยหยุน ในที่สุดก็ได้เวลาชำระบัญชีกันสักที!”


 


พูดจบ เธอก็สะบัดแส้สีเงินในมือรัดร่างเหลยหยุนเอาไว้ ทำการจับกุมอีกฝ่าย


 


“ชิงเสวียน ถ้าเจ้าไม่ปล่อยข้า ข้าไม่รับประกันชีวิตของพวกบรรพชน!” เหลยหยุนยังไม่ลืมที่จะขู่ออกมา


 


เสียง “เพี๊ยะ” ดังสนั่น เย่ชิงเสวียนทำการตบหน้าเหลยหยุนจนเลือดกบปาก


 


“เจ้ากล้าตบข้าอย่างงั้นเหรอ!”


 


“เพี๊ยะ!”


 


เย่ชิงเสวียนตบลงไปอีกครั้งโดยไม่ออมแรง จนทำให้ฟันของเขาหลุดออกมาหลายซี่


 


“ตบเจ้าแล้วทำไม แค่ไม่ฆ่าเจ้าตอนนี้ก็ถือว่าอภัยให้เจ้ามากแล้ว!” เย่ชิงเสวียนมองไปที่เขาด้วยสีหน้าเย็นชา จากนั้นก็หมุนตัวพร้อมกับลากเขาเดินมา แล้วพูดขึ้นว่า “พวกเรากลับกันก่อนเถอะ!”


 


“อืม!”


 


พวกเขาต่างก็พากันเดินทางกลับ ตอนนี้ก้อนหินที่ทับในอกพวกเขาเบาลงเล็กน้อย ผู้รุกรานกลุ่มนี้ถูกพวกเขากำจัดจนหมด ที่เหลือก็คือวางแผนเพื่อช่วยเหลือพวกบรรพชนที่ถูกจับ


 


“ติ๊ง ท่านทำภารกิจ “ช่วยเหลือเผ่าภูต” ภารกิจที่ 3 “ขับไล่ผู้รุกรานจากอาณาจักรใต้พิภพ” สำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 30 ล้าน, ค่าความคลั่ง 100,000, ค่าความชั่ว 5,000, ค่าความชอบของเผ่าภูตเพิ่มขึ้น 50!”


 


“ติ๊ง ท่านรับภารกิจ “ช่วยเหลือเผ่าภูต” ภารกิจที่ 4 “ช่วยเหลือเผ่าภูตที่ถูกจับไว้ในคุกอาณาจักรใต้พิภพ” สำเร็จ เมื่อสำเร็จจะได้รับค่าประสบการณ์ 50 ล้าน, ค่าความคลั่ง 200,000, ค่าความชั่ว 5,000, ค่าความชอบของเผ่าภูตเพิ่มขึ้น 50!”


 


หลังจากสำเร็จภารกิจที่ 3 ภารกิจที่ 4 ก็ตามมาติดๆ นี่ไม่ผิดไปจากที่อี้เทียนหยุนคาด เพราะเรื่องราวในเผ่าภูตยังไม่จบ การจะขึ้นเป็นราชาภูตได้ จำเป็นต้องประสบความสำเร็จระดับผู้กอบกู้เสียก่อน จำเป็นต้องช่วยเหลือเผ่าภูตที่ถูกจับออกมา นี่จึงจะทำให้พวกเขาเชื่อมั่นในตัวเขาอย่างจริงใจ แล้วเลือกเขาให้ขึ้นเป็นราชา!


 


ยังไงก็ตาม นี่ก็แค่ความคิดเห็นของเขา ส่วนจะสำเร็จไหมก็ขึ้นอยู่กับว่าจะช่วยชีวิตคนที่ถูกจับออกมาได้หรือเปล่า ซึ่งความยากนี้ไม่ใช่น้อยๆ เลย


 


พวกเขากลับมาถึงเผ่าภูตอย่างรวดเร็ว เผ่าภูตหลายคนต่างก็พากันล้อมเข้ามา เมื่อเห็นว่าพวกเขาจับเหลยหยุนกลับมาด้วย สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนเป็นโกรธเกรี้ยว ที่เผ่าภูตต้องตกอยู่ในสถานการณ์นี้ ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะมัน!


 


เมื่อพวกเขารู้ว่านี่เป็นผลงานของอี้เทียนหยุน ก็พากันเผยสีหน้าตกใจออกมา พร้อมกับค่าความชอบที่เพิ่มพรวด ทำให้ชื่อเสียงของอี้เทียนหยุนกลายเป็นที่รู้จักของทุกคนในเผ่า


 


นี่ทำให้อี้เทียนหยุนถอนหายใจ ไม่มีอะไรได้มาโดยไม่ลงแรง

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม