Crazy Leveling System 275-281

 CLS ตอนที่ 275: เริ่มประมูล


 


หลังจากหลี่หย่าจากไป อี้เทียนหยุนก็นั่งดื่มชาในห้องรับรองพิเศษ เขาสามารถมองเห็นสถานการณ์โดยรอบจากที่นี่ได้อย่างชัดเจน ตอนนี้ลานประมูลกำลังเริ่มเตรียมการ ดังนั้น ข้างล่างจึงมีผู้คนนั่งอยู่มากมาย บ้างกระซิบกัน บางถกเถียงกัน ว่าจะมีของอะไรที่ถูกส่งเข้ามาประมูลบ้าง


 


ผู้ฝึกตนที่เข้าประมูลข้างล่าง แม้ไม่กล้าพูดว่าทั้งหมด แต่ส่วนใหญ่ล้วนแต่ยากจนกันทั้งนั้น ถ้าจะมีคนที่รวยหน่อย ก็ล้วนแต่อยู่ในห้องรับรองพิเศษของลานประมูลแห่งนี้แล้ว แม้จะยังสามารถเห็นหน้าคนที่อยู่ในห้องได้ แต่ที่นั่งก็สบายกว่าข้างล่างมาก


 


แน่นอนว่าไม่อาจลบผู้ฝึกตนบางคนที่ว่างจัด ที่ชอบเข้ามาดูงานประมูล แต่ไม่ว่าจะอย่างไหน อี้เทียนหยุนก็ไม่ใส่ใจทั้งนั้น!


 


ภายใต้เวลาที่ล่วงผ่าน ยิ่งมาผู้คนก็ยิ่งมารวมตัวกันมากขึ้น ข้างนอกตอนนี้เริ่มเย็นแล้ว ได้เวลาเริ่มงานประมูลกันสักที งานประมูลนี้มีขึ้นทุกวันอยู่แล้ว ส่วนที่ว่าจะมีของล้ำค่าออกมาไหม นั่นต้องดูตามสถานการณ์กันอีกที


 


ส่วนที่ว่าจะมีของชิ้นไหนเข้าประมูลบ้าง จะถูกแสดงให้ผู้ฝึกตนได้ดูอย่างละเอียด เพื่อไม่ให้ทุกคนต้องเสียเวลา ของสิ่งไหนที่ต้องขายก็ขาย ไม่มีการมาล้อพวกท่านเล่น นอกจากสมบัติล้ำค่าบางส่วนในช่วงท้ายที่ไม่ถูกระบุไว้ แต่จะบอกว่าเป็นของชนิดไหนแทน


 


“ในที่สุดก็จะเริ่มแล้ว……”


 


อี้เทียนหยุนเพ่งลงไปด้านล่าง คนส่วนใหญ่เข้ามากันจนเกือบเต็มแล้ว อย่างรวดเร็ว หลี่หย่าก็เดินขึ้นไปบนเวที พร้อมกับเริ่มพูดขึ้นมา


 


“ยินดีที่ได้พบกับทุกท่านอย่างมาก ตอนนี้งานประมูลได้เตรียมการเสร็จแล้ว หวังว่าทุกท่านจะสมหวังกับสมบัติที่ท่านหมายตา” หลี่หย่าเผยรอยยิ้มคลุมเครือออกมา พร้อมกับทำสัญลักษณ์ให้สหายที่อยู่ล่างเวทียกสมบัติชิ้นแรกขึ้นมา


 


หลังจากผู้ฝึกตนหลายคนเห็นหลี่หย่าก็พากันถกเถียงกัน ไม่สนดูกระทั่งสมบัติชิ้นแรกที่ถูกนำขึ้นประมูล


 


“เอ๋ นั่นไม่ใช่ลูกสาวคนสุดท้องของเจ้าตำหนักหลี่อย่างงั้นเหรอ ทำไมเธอถึงถูกส่งมาช่วยงานที่นี่ล่ะ?”


 


“ได้ยินมาว่าเธอถูกส่งให้มาช่วยที่นี่ เพราะว่าผู้ประกาศในที่นี่มีรูปร่างหน้าตาไม่ดีเท่าไหร่ ดังนั้นจึงได้แต่ส่งเธอมาช่วยแทน”


 


“อย่างงั้นหรอกเหรอ แต่ทำอย่างนี้ก็มีผลดีเหมือนกัน ทำให้มีโอกาสได้รู้จักกับผู้เชี่ยวชาญบางคน เจ้าตำหนักหลี่ดูท่าจะเอ็นดูบุตรสาวคนเล็กนี้จริงๆ”


 


“ไม่ว่าจะดีจะร้ายยังไงก็เป็นลูกสาวของตัวเอง แล้วจะไม่ส่งเสริมได้เหรอ?”


 


……


 


ผู้คนไม่ได้คุยกันถึงเรื่องสมบัติ แต่กลับคุยกันเรื่องหลี่หย่าแทน ดูท่าชื่อเสียงของหลี่หย่าจะโด่งดังมาก แต่ก็ทางด้านลบล่ะนะ


 


หลี่หย่าที่อยู่บนเวทีมีรอยยิ้มค้างบนใบหน้า นี่เป็นการเวทีเป็นผู้ประกาศวันแรกของเธอ ไม่คิดเลยว่าจะกลายเป็นหัวข้อในการพูดคุยแทนซะงั้น ยังไงก็ตาม เธอก็ได้แต่เก็บมันไว้ในใจ จากนั้นก็เริ่มแนะนำสมบัติชิ้นแรก


 


“สมบัติชิ้นแรกคือศาสตราจิตวิญญาณขั้นกลาง กระบี่หยกเย็น บนตัวกระบี่สลักค่ายกลเยือกแข็งชั้น 4 เอาไว้ สามารถโจมตีเป็นธาตุน้ำแข็งออกไป ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับพลังที่ส่งผลแต่การแช่แข็งศัตรู!” น้ำเสียงของหลี่หย่าสูงขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็พูดต่อว่า “เสนอราคาด้วยหินวิญญาณหยก เริ่มต้นที่หินวิญญาณหยก 1,000 ชิ้น แต่ละครั้งเพิ่มขึ้นหินวิญญาณหยกไม่ต่ำกว่า 100 ชิ้น!”


 


1,000 นี้นับหน่วยเป็นเหลียง คือไม่ได้ต้องการหินวิญญาณหยกที่สมบูรณ์มากนัก เพียงแค่เศษชิ้นส่วนก็พอ แต่ไม่ใช่ว่าเศษเล็กเศษน้อยแค่ไหนก็ได้ อย่างน้อยต้องสัก 2-3 เหลียง หรือประมาณ 1 จิน ซึ่งจำนวนนี้ถือว่าดีต่อการฝึกฝนอย่างมาก เทียบกับการดูดซับพลังวิญญาณจากภายนอกแล้วดีกว่ากันมากนัก


 


และตอนนี้ คนจำนวนมากต่างก็เบนความสนใจไปยังอาวุธชิ้นนี้ในทันที ซึ่งส่วนใหญ่ที่สนใจอาวุธชิ้นนี้ก็เป็นผู้ฝึกตนที่ฝึกฝนธาตุน้ำแข็ง


 


“ข้าจะเอา 1,500 หินวิญญาณหยก!”


 


“1,800 หินวิญญาณหยก


 


“1,900 หินวิญญาณหยก


 


ราคาประมูลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ละคนต่างก็พากันยื้อแย่งเสนอราคา ดูเหมือนศาสตราจิตวิญญาณขั้นกลางที่มีการสลักค่ายกลชั้น 4 เอาไว้จะราคาดีทีเดียว


 


อี้เทียนหยุนที่อยู่ในห้องรับรองพิเศษไม่ได้มีความสนใจอะไรกับอาวุธชิ้น แค่ศาสตราจิตวิญญาณขั้นกลาง สำหรับเขาแล้วเขาสามารถสร้างมันขึ้นมาได้อย่างสบาย ไม่จำเป็นต้องยื้อแย่งกับใครในงานประมูล สิ่งที่จะทำให้เขาสนใจได้ คงมีแต่สมบัติล้ำค่าเท่านั้น


 


ตอนนี้ก็ได้ประมูลผ่านไปแล้วมากกว่า 20 ชิ้น หินวิญญาณหยกสมบูรณ์ที่เขาต้องการนั้นจัดอยู่ใน 3 ชิ้นสุดท้าย ซึ่งสองชิ้นสุดท้ายนั้นถูกซ่อนไว้ หนึ่งนั้นเป็นเม็ดยา ส่วนอีกหนึ่งเป็นสมบัติ


 


ซึ่งถือว่าเป็นการแจ้งได้ชัดเจนมากทีเดียว การที่จะให้เม็ดยาจัดอยู่ในช่วงสุดท้าย แน่นอนว่าต้องเป็นเม็ดยาชั้นยอด ส่วนอีกชิ้นที่ถูกระบุว่าสมบัติ แท้จริงแล้วถ้าไม่ใช่ชุดเกราะก็ต้องเป็นอาวุธ ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องมีเอฟเฟ็กพิเศษอย่างแน่นอน ซึ่งนี่ทำให้ผู้คนพากันรู้สึกคาดหวัง


 


ส่วนของอย่างอื่นนั้น อี้เทียนหยุนไม่รู้สึกสนใจ แม้จะมีอาวุธและเม็ดยาบางชิ้นถูกนำขึ้นมาประมูล แต่ก็ด้วยระดับที่ต่ำเกินไป ซึ่งเขาก็สามารถทำมันออกมาเองได้ ดังนั้นแล้วจึงไม่ได้ดึงดูดความสนใจเขาแม้แต่น้อย


 


ในช่วงระหว่างรอแสนน่าเบื่อหน่ายนั้น เขาก็ได้หยิบวัตถุดิบออกมาพร้อมกับเริ่มหลอมศาสตราจิตวิญญาณขั้นต่ำ เขาในตอนนี้สามารถหลอมศาสตราจิตวิญญาณขั้นต่ำชั้นสูงได้แล้ว ถ้ายังทำต่อไป อีกไม่นานเขาก็จะสามารถหลอมศาสตราจิตวิญญาณขั้นกลางได้ กระทั่งศาสตราจิตวิญญาณขั้นสูงก็ไม่ใช่ปัญหา


 


จริงๆ แล้วถ้าเอาตามทฤษฎีล่ะก็ มันไม่ได้เร็วเท่ากับการสังหารสัตว์อสูร ทั้งการจะเกิดเป็นศาสตราจิตวิญญาณขั้นต่ำหรือสูงนั้นก็มีอัตราสำเร็จที่ต่ำมาก


 


ยังไงก็ตาม เขาก็ยังคิดที่จะเพิ่มระดับความชำนาญในอาชีพของเขาให้สูงขึ้น แม้ตอนนี้จะยังระดับต่ำอยู่ แต่สักวันก็ต้องเพิ่มขึ้น หลังจากนี้เขาจะสร้างอาวุธอะไรออกมาก็ได้ หรือถ้าสำนักต้องการศาสตราจิตวิญญาณจำนวนมาก เขาก็จะเล่นเป็นช่างหลอมศาสตราด้วยความเต็มใจ


 


ภายใต้สถานการณ์อย่างนี้ อย่างรวดเร็ว เขาก็ได้สร้างศาสตราจิตวิญญาณขั้นต่ำได้สำเร็จโดยที่ไม่มีความยากอะไร ส่วนสมบัตินั้นก็ใกล้เวลาที่จะถูกนำขึ้นมาให้ประมูลแล้ว เขาจึงเก็บอาวุธเอาไว้ จากนั้นก็มองดูสถานการณ์ที่เป็นไป


 


“ของที่จะนำขึ้นมาให้ประมูลต่อจากนี้ เชื่อว่าผู้เชี่ยวชาญในการสลักอาคมทุกท่านคงจะรู้จักกันดี เชิญทุกท่านพบกับ หินวิญญาณหยกที่สมบูรณ์มากชิ้นนี้กันเลย!” หลี่หย่ายังคงเป็นผู้ประกาศตั้งแต่ต้นจนจบพร้อมด้วยรอยยิ้มของเธอ “หินวิญญาณหยกเหล่านี้ แต่ละชิ้นต่างก็หนัก 200 จิน เชื่อว่าคงจะมีคุณค่าต่อผู้เชี่ยวชาญในการสลักอาคมอย่างที่หาอะไรมาแทนไม่ได้!”


 


พูดจบ ข้างล่างก็ได้มีคนยกหินวิญญาณหยกพวกนี้ขึ้นมาวางไว้บนเวที หินวิญญาณหยกแต่ละชิ้นดูแล้วคล้ายหัวขนาดใหญ่ หินวิญญาณหยกที่เล็กที่สุดยังมีน้ำหนักประมาณ 200 จิน! ต่อให้จะถูกทำไปทุบเป็นค่าเงิน เชื่อว่าคุณค่าของมันก็ต้องไม่น้อยอย่างแน่นอน


 


ผู้ฝึกตนทั้งหลายในตอนนี้ต่างตาเป็นประกาย แต่คนที่สนใจจะซื้อจริงๆ กลับมีน้อย เพราะส่วนใหญ่ไม่ใช่ผู้ที่ฝึกฝนการสลักอาคม ดังนั้นมันจึงไม่ได้มีความหมายอะไรต่อพวกเขาสักเท่าไหร่


 


“หินวิญญาณหยกพวกนี้มีอยู่ด้วยกัน 6 ชิ้น แต่ละชิ้นต่างก็หนักมากกว่า 200 จิน ชิ้นที่หนักที่สุดหนักมากถึง 300 จิน!” หลี่หย่ายังคงพูดต่อไป แต่ว่าน่าเสียดายอย่างมากที่ผู้ที่นำมันเข้ามาประมูลนั้นได้บอกกับพวกเราว่า เขาต้องการขายทั้งหมดนี้ในครั้งเดียว และไม่ต้องการขายแยกเป็นชิ้นๆ ดังนั้น ทุกท่านจึงจำเป็นต้องซื้อหินวิญญาณหยกทั้งหมดนี้ในคราวเดียว ไม่มีการขายแยกเด็ดขาด และแน่นอนว่าราคาของมันก็ต้องสูงเป็นธรรมดา ซึ่งผู้ที่นำมันเข้ามาประมูลนั้นไม่ได้ต้องการเม็ดยา หรือว่าตำรายุทธ์ แต่สิ่งที่เขาต้องการแลกเปลี่ยนก็คือศาสตราจิตวิญญาณ! ส่วนจะเป็นชนิดไหนนั้นไม่กำหนด แต่อย่างน้อยต้องเป็นระดับจิตวิญญาณขั้นต่ำขึ้นไปถึงจะซื้อได้”


 


“ถ้าจะซื้อด้วยศาสตราจิตวิญญาณขั้นกลาง ถ้าเปรียบตามการซื้อขายในปัจจุบัน ศาสตราจิตวิญญาณขั้นกลาง 1 ชิ้นจะเทียบเท่ากับ ศาสตราจิตวิญญาณขั้นต่ำ 30 ชิ้น และศาสตราจิตวิญญาณขั้นสูง 1 ชิ้น จะเท่ากับศาสตราจิตวิญญาณขั้นต่ำ 100 ชิ้น! เพื่อเป็นผลดีต่อการประมูล เราจะขอใช้จำนวนศาสตราจิตวิญญาณขั้นต่ำเป็นตัววัด หลังจากประมูลเสร็จแล้วค่อยคำนวนกลับอีกที”


„Then starts to auction now, starting bid price is ten Lower Grade Soul Tool, raises the price lowly cannot be lower than ten Lower Grade Soul Tool, now starts the selling quotation!”


“งั้นมาเริ่มประมูลกันเลย เริ่มต้นราคาที่ศาสตราจิตวิญญาณขั้นต่ำ 10 ชิ้น เพิ่มขึ้นแต่ละครั้งต้องไม่ต่ำกว่าศาสตราจิตวิญญาณ 10 ชิ้น


 


“ศาสตราจิตวิญญาณขั้นต่ำ 50 ชิ้น!”


 


“ศาสตราจิตวิญญาณขั้นต่ำ 50 ชิ้น แล้วอยากจะได้หินวิญญาณหยกนี้ไปอย่างงั้นเหรอ? คิดง่ายไปแล้ว! ข้าเสนอศาสตราจิตวิญญาณขั้นต่ำ 100 ชิ้น!”


 


“น่าขำ ศาสตราจิตวิญญาณขั้นต่ำ 100 ชิ้นก็ยังต่ำไปอยู่ดี ข้าเสนอ 200 ชิ้น!”


 


เพิ่งจะเริ่ม ราคาก็พุ่งขึ้นเป็นศาสตราจิตวิญญาณขั้นต่ำ 200 ชิ้นแล้ว! เป็นอย่างที่ได้ยินมาจริงๆ ผู้ที่จะเป็นนักสลักอาคมได้นั้น ย่อมไม่มีใครขาดเงินทอง ดังนั้น ผู้ที่นำหินวิญญาณหยกเข้าประมูลจึงได้ตัดสินใจทำอย่างนี้ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้น


CLS ตอนที่ 276: ราคาสูง!


 


200 ศาสตราจิตวิญญาณขั้นต่ำ! ทำให้ทั่วทั้งลานประมูลเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง ถ้าเปลี่ยนเป็นศาสตราจิตวิญญาณขั้นกลางล่ะก็ จะได้ถึง 6 ชิ้น ถือว่าแพงมาก แน่นอนว่าตัวเลขนี้ยังไปได้อีกไกล ที่นี่มีหินวิญญาณหยกสมบูรณ์อยู่ถึง 6 ชิ้น ถ้าเปลี่ยนเป็นหินวิญญาณหยกทั่วไป ราคานี้นับว่าสูงไปมาก


 


แต่นี่เพิ่งจะเริ่มเท่านั้น ยังอยู่ในช่วงอุ่นเครื่อง


 


อี้เทียนหยุนจ้องไปยังแท่นประมูล พูดไปแล้วศาสตราจิตวิญญาณขั้นต่ำถือว่าถูกมาก แค่ศาสตราจิตวิญญาณขั้นสูง 1 ชิ้นก็เทียบได้กับศาสตราจิตวิญญาณขั้นต่ำ 100 ชิ้น ซึ่งแน่นอนว่านี่เทียบกับอาวุธธรรมดาเท่านั้น ถ้าเกิดว่าอาวุธชิ้นนั้นมีการเสริมค่ายกลเข้าไป หรือว่ามีเอฟเฟ็กอื่น ราคาของมันจะต้องถูกนับให้สูงกว่านี้อีก


 


ศาสตราจิตวิญญาณขั้นต่ำก็เช่นกัน ถ้าอาวุธชิ้นนั้นถูกสลักไว้ด้วยค่ายกลชั้น 5 หรือค่ายกลระดับต้าซือ ราคาของมันอาจจะโดดขึ้นไปเทียบได้กับศาสตราจิตวิญญาณขั้นกลางชั้นยอดก็ได้ ดังนั้นหลี่หย่าจึงจำเป็นต้องบอกว่าให้ประมูลก่อน จากนั้นค่อยไปแยกมูลค่ากันทีละชิ้นทีหลัง


 


“300 ศาสตราจิตวิญญาณขั้นต่ำ!”


 


“300 ศาสตราจิตวิญญาณขั้นต่ำอย่างงั้นเหรอ? ข้าให้ 350!”


 


เสียงนี้ดังมาจากห้องรับรองพิเศษ คิดว่าคงจะเป็นนักสลักอาคมขั้นสูงสักคน หรือไม่ก็ต้องเป็นนักสลักอาคมชั้น 5 หรือไม่ก็ต้องเป็นนักสลักอาคมระดับต้าซือ ไม่อย่างนั้นคงไม่ร่ำรวยขนาดนี้


 


“ข้าให้ 500 ศาสตราจิตวิญญาณขั้นต่ำ!” และในตอนนี้ก็ได้มีเสียงประมูลสวนขึ้นมา ทำลายราคาจากห้องรับรองพิเศษในทันที


 


“500 ศาสตราจิตวิญญาณขั้นต่ำ!”


 


หลายคนต่างพากันหันไปมอง ไม่คิดว่าคนที่ให้ราคานี้จะเป็นผู้หญิง แม้จะมองไม่เห็นรูปร่างหน้าตา แต่ราคาที่ตะโกนออกมา 500 ศาสตราจิตวิญญาณขั้นต่ำนี้ก็เป็นราคาที่ค่อนข้างน่าตกใจ อยู่ๆ ก็เพิ่มขึ้นไป 150 ศาสตราจิตวิญญาณขั้นต่ำ ช่างร่ำรวยจนน่าอิจฉาจริงๆ


 


“อืม 800 ศาสตราจิตวิญญาณขั้นต่ำ” อี้เทียนหยุนขานราคาออกไป เขาต้องได้หินวิญญาณหยกพวกนี้ ส่วนเรื่องราคาว่าจะแพงไหมนั่นไม่ใช่ปัญหา ยิ่งกว่านั้น นี่ยังเป็นมูลค่าที่แท้จริงของมัน


 


น่าเสียดายที่ตอนแรกที่อยู่ในสระเทียนหลิงยี่ไม่ได้คิดเอาไว้ ไม่อย่างนั้นคงจะสามารถเก็บหินวิญญาณหยกได้หลายชิ้นอยู่ ยังไงก็ตาม หินวิญญาณหยกพวกนั้นก็ถูกใช้ไปแล้ว ไม่ได้บริสุทธิ์อีกต่อไป ทั้งยังถูกตำหนักซิงเฉินใช้งานมาอย่างยาวนานอีกต่างหาก


 


800 ศาสตราจิตวิญญาณขั้นต่ำทำให้ผู้ที่อยู่ในลานประมูลตกใจอีกครั้ง จากเดิมที่เพิ่มขึ้น 150 ศาสตราจิตวิญญาณขั้นต่ำ ก็ว่าน่าตกใจแล้ว ตอนนี้ยังเพิ่มขึ้นจากเดิมถึง 300 เทียบได้กับศาสตราจิตวิญญาณขั้นสูง 3 ชิ้น ราคานี้ช่างน่าตกตะลึงอย่างแท้จริง!


 


“ท่านย่ามันเถอะ ใครมันช่างร่ำรวยขนาดนี้? 800 ศาสตราจิตวิญญาณขั้นต่ำ ถ้าเอาไปมอบให้ศิษย์ในสำนัก มันจะทำให้มีศิษย์ถึง 800 คน ที่มีอาวุธที่ทรงพลังใช้เลยทีเดียว!


 


“ใช่แล้ว เพิ่มทีเดียว 300 ชิ้น ถ้าเป็นข้า ข้าคงไม่อาจตัดใจได้จริงๆ!”


 


“เจ้าต้องไม่สามารถตัดใจได้อยู่แล้ว ก็เจ้ามันไม่ใช่นักสลักอาคมนี่ เป็นธรรมดาที่จะตัดใจไม่ได้!”


 


……


 


ราคานี้พลันก่อให้เกิดเสียงอึกทึกขึ้นในทันที หลี่หย่าที่อยู่บนเวทีรู้เลยว่าเสียงนี้เป็นของอี้เทียนหยุน เธอรู้ว่าอี้เทียนหยุนร่ำรวยมาก แต่ไม่คิดว่าจะรวยขนาดนี้ นี่เทียบได้กับศาสตราจิตวิญญาณขั้นสูง 8 ชิ้นเชียวนะ


 


อย่าเห็นว่าอี้เทียนหยุนมีศาสตราจิตวิญญาณมากขนาดนี้แล้วจะคิดว่าศาสตราจิตวิญญาณมีมากเหมือนหัวผักกาด ของระดับนี้จำเป็นต้องให้นักหลอมศาสตราระดับต้าซือเป็นคนหลอมขึ้นมา ซึ่งมีเพียงผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณเท่านั้นที่จะเหมาะกับอาวุธระดับนี้ ดังนั้น จำนวนของมันจึงไม่ได้มากอย่างที่คิด


 


แต่คิดว่าอี้เทียนหยุนเป็นใครกัน? เขาสังหารผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณมาแล้วหลายคน ดังนั้นอาวุธระดับนี้จึงไม่ได้มีความหมายกับเขานัก ตอนนี้อาวุธที่เขาสนใจมีแต่อาวุธระดับสวรรค์ขึ้นไปเท่านั้น!


 


ขณะที่ด้านล่างกำลังถกเถียงถึงราคาที่สูงมากนี้ นักสลักอาคมที่อยู่ในห้องรับรองพิเศษอีก 2 ห้องก็พลันระเบิดออกมา ราคานี้มันสูงเกินไปแล้ว ทำให้พวกเขายากที่จะรับไหว หญิงสาวที่ขานราคาเมื่อก่อนหน้าก็ไม่พูดอะไรเหมือนกัน ราคานี้มันสูงเกินไปจริงๆ


 


“810 ศาสตราจิตวิญญาณขั้นต่ำ!”


 


ในตอนนี้เอง ในห้องรับรองพิเศษก็มีน้ำเสียงกดต่ำดังออกมา จากนั้นก็มีเสียงส่งผ่านลมปราณดังเข้าหูอี้เทียนหยุน


 


“สหายท่านนี้ ข้าเป็นหัวหน้านักสลักอาคมของอาณาจักรใต้พิภพ หินวิญญาณหยกพวกนี้สำคัญต่อพวกข้ามาก! ข้าหวังว่าเจ้าจะคิดให้ดี อย่าได้คิดสู้ราคากับข้าอีก ถ้าตอแยอาณาจักรใต้พิภพล่ะก็ อย่าหาว่าข้าไม่เตือน” น้ำเสียงเย็นชาของหลี่ห้าวดังออกมา กระทั่งคำว่า “อาณาจักรใต้พิภพ” สี่ตัวอักษรนี้ยังแฝงความรู้สึกข่มขู่


 


นี่เป็นคำขู่ที่ส่งถึงอี้เทียนหยุนอย่างเห็นได้ชัด บอกให้เขาอย่าได้คิดสู้ราคากับตนอีกต่อไป เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงหายนะที่จะเข้าสู่ตัว!


 


“850 ศาสตราจิตวิญญาณขั้นต่ำ” อี้เทียนหยุนทำเป็นหูทวนลม จากนั้นก็เพิ่มราคาขึ้นไปอีก ไม่สนใจหลี่ห้าวแม้แต่น้อย


 


“ไอ้ลูกสำส่อน กล้าไม่สนใจคำพูดของข้าอย่างงั้นเหรอ!” หลี่ห้าวทุบโต๊ะที่อยู่ใกล้ๆ ด้วยความโกรธ “แกรก” เสียงโต๊ะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ทำให้ผู้คุ้มกันที่อยู่ใกล้ๆ ตกใจจนสะดุ้งโหยง


 


ยังไงก็ตาม เขาก็ไม่ได้ประมูลสู้ราคาต่อ ราคาประมูลในตอนนี้มันสูงเกินไป ไม่คุ้มที่จะสู้ราคา


 


“ดีมาก ดีมากๆ! เจ้าช่วยข้าซื้อมัน เมื่อถึงเวลา ข้าจะให้เจ้าได้มาแต่ไม่อาจครอบครอง!” น้ำเสียงหลี่ห้าวเย็นชา สายตามีประกายเย็นชาพร้อมกับจิตสังหารวาบผ่าน


 


สายตาของอี้เทียนหยุนที่อยู่ในห้องรับรองพิเศษอีกห้องก็เย็นชาเช่นกัน ถ้าเป็นสำนักอื่นขอร้องเขาอาจจะปล่อยไป แต่กับคนของอาณาจักรใต้พิภพนั้น อย่าว่าแต่ขอร้องเลย ต่อให้คุกเข่าต่อหน้าเขา เขาก็จะไล่มันออกไป!


 


ราคาที่ขานขึ้นมานี้ทำให้ผู้คนพากันโห่ร้องขึ้นมาอีกครั้ง หญิงสาวที่ไม่สามารถเห็นหน้าตาได้แน่ชัดก็มองมาที่อี้เทียนหยุน ไม่สู้ราคาต่อ แต่มองมายังห้องรับรองพิเศษของอี้เทียนหยุน


 


“850 ศาสตราจิตวิญญาณขั้นต่ำ มีใครให้ราคาสูงกว่านี้ไหม?” หลี่หย่ายังคงตะโกนอย่างต่อเนื่อง ราคานี้เหนือไปกว่าที่เธอคาดไปไกล ทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก


 


หลังจากนั้นสักพัก เมื่อไม่มีใครขานราคาต่อ หลี่หย่าก็มองไปยังตำแหน่งของอี้เทียนหยุนแล้วพูดขึ้นว่า “งั้นหินวิญญาณหยกพวกนี้ก็จะเป็นของสหายท่านนี้ได้รับไป!”


 


หลังจากประกาศ คนทั้งหลายก็พากันมองมายังที่นี่ พวกเขาต้องการจะเห็นว่าใครเป็นผู้ประมูล ใครกันที่นั่งอยู่บนนั้น ทำไมถึงได้ให้ราคาสูงขนานนี้ เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญจากสำนักไหนกันแน่ ถ้าเป็นคนทั่วไป เป็นไม่ได้ที่จะให้ราคา 850 ศาสตราจิตวิญญาณขั้นต่ำนี้ได้


 


หลังจากอี้เทียนหยุนประมูลมาได้ เขาก็รู้สึกดีใจที่ราคาไม่ได้สูงเป็นพิเศษ ตราบเท่าที่เขาใช้ได้ ต่อให้จะแพงแค่ไหนเขาก็เต็มใจจ่าย แล้วจะทำยังไงถ้ามีศาสตราจิตวิญญาณไม่พอ? เรื่องนี้ไม่ต้องกังวล แค่สังหารคนของอาณาจักรใต้พิภพ ก็ไม่ใช่ว่าจะได้ศาสตราจิตวิญญาณมาแล้วหรอกเหรอ?


 


หลังจากการประมูลหินวิญญาณหยกจบ ทันใดนั้นสมบัติชิ้นต่อไปก็ถูกนำขึ้นมาประมูล ของชิ้นนี้ถูกผ้าคลุมสีแดงปิดเอาไว้ แม้แต่ส่งพลังวิญญาณเข้าไปตรวจสอบก็ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นอะไร


 


“นี่เป็นสมบัติก่อนที่จะถึงชิ้นสุดท้าย เป็นประเภทเม็ดยา!” หลี่หย่าดึงผ้าคลุมเปิดขึ้นเบาๆ จากนั้นขวดหยกชั้นเลิศก็ปรากฏต่อสายตาของทุกคน “นี่เรียกว่าเม็ดยาปรับแต่งวิญญาณ! ถ้าผู้ฝึกตนระดับปรับแต่งวิญญาณขั้นสูงสุดทานเข้าไป จะสามารถทะลวงเข้าสู่ระดับหลอมรวมได้อย่างแน่นอน! ถ้าระดับปรับแต่งวิญญาณขั้นที่ 9 ทานเข้าไป มีโอกาส 50% ที่จะทะลวงเข้าสู่ระดับหลอมรวม ในนี้มีอยู่ด้วยกัน 5 เม็ดเท่านั้น!”


 


ด้วยคุณสมบัติของเม็ดยา ทำให้คนทั้งหลายพากันโห่ร้องออกมา นี่หมายความว่าจะมีผู้ฝึกตนระดับหลอมรวม 5 คนปรากฏขึ้นในทันที เป็นของที่เหมาะกับการฝึกฝนศิษย์ยิ่งนัก


 


อี้เทียนหยุนตาเป็นประกาย เขาคิดว่าของชิ้นนี้ดีมาก เขายังไม่มีสูตรในการผลิตเม็ดยาปรับแต่งวิญญาณนี้ ถ้าเขาได้เม็ดยาปรับแต่งวิญญาณนี้มา เขาก็จะสามารถรู้ได้ว่ายาชนิดนี้ปรุงยังไง เมื่อถึงตอนนั้น เขาก็จะสามารถกลั่นเม็ดยาชนิดนี้ออกมาได้เป็นจำนวนมาก!


CLS ตอนที่ 277: ขยะในหมู่ขยะ


 


ต่อหน้าเม็ดยาปรับแต่งวิญญาณนี้ ถ้าเป็นสำนักอื่น ผู้เชี่ยวชาญระดับหลอมรวม 5 คนถือว่าธรรมดามาก แต่สำหรับอี้เทียนหยุนแล้ว เม็ดยาที่ช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญทะลวงเข้าสู่ระดับหลอมรวมนี้เป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่มาก! ตราบเท่าที่เขาใช้ดวงตาประเมินตรวจสอบ สูตรของเม็ดยาชนิดนี้ก็จะตกเป็นของเขา


 


แม้เขาจะมีความสามารถในการกลั่นโอสถ แต่เขาก็ไม่ได้รู้สูตรในการปรุงยาทุกสูตร อย่างเช่นเม็ดยาปรับแต่งวิญญาณนี้ ซึ่งเขาไม่รู้สูตรว่าต้องปรุงยังไง


 


“เม็ดยาปรับแต่งวิญญาณนี้…. ต้องเป็นของข้า!” ตาของอี้เทียนหยุนเป็นประกายด้วยความคาดหวัง สิ่งนี้สำหรับเขาแล้วไม่ต่างอะไรไปจากสมบัติเลยสักนิด


 


ตอนนี้มีหลายคนที่เตรียมตัวจะสร้างปัญหา เม็ดยาปรับแต่งวิญญาณสำหรับพวกเขานี้ เปรียบได้กับเชือกที่ฝึกม้า บางทีระดับหลอมรวมอาจจะไม่เท่าไหร่ แต่ก็สามารถใช้ฝึกศิษย์รุ่นเยาว์ได้ ยิ่งเข้าสู่ระดับหลอมรวมได้เร็วเท่าไหร่ ก็สามารถเข้าสู่ระดับที่สูงขึ้นไปได้เร็วเท่านั้น!


 


“เชื่อว่าทุกท่านคงจะสนใจเม็ดยาปรับแต่งวิญญาณนี้มาก เม็ดยาปรับแต่งวิญญาณนี้สามารถใช้ฝึกศิษย์ในการกลั่นโอสถได้ ถือได้ว่าเป็นเม็ดยาที่หายากอย่างแท้จริง” หลี่หย่าเห็นสีหน้าตื่นเต้นของพวกเขาก็พลันรู้สึกมีความสุขอย่างมาก จากนั้นก็พูดพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ ว่า “การประมูลเม็ดยาปรับแต่งวิญญาณนี้ง่ายมาก จำเป็นต้องใช้เพียงหินวิญญาณหยกธรรมดาเท่านั้น ถ้าถึงเวลาแล้วมีหินวิญญาณหยกไม่พอจ่าย สามารถใช้เม็ดยา หรืออาวุธแทนกันได้”


 


“ถ้างั้นก็มาเริ่มประมูลกันตอนนี้เลย เม็ดยาปรับแต่งวิญญาณนี้เริ่มต้นที่ราคา 5,000 หินวิญญาณหยก เพิ่มขึ้นครั้งละไม่ต่ำกว่า 500 หินวิญญาณหยก! เริ่มประมูลได้!”


 


“1 หมื่นหินวิญญาณหยก!”


 


เสียงของอี้เทียนหยุนดังขึ้นมา ทำให้คนทั้งหลายพากันตกใจอีกครั้ง แม้ว่าจะมองไม่เห็นหน้าเขา แต่ก็อดไม่ได้ที่จะมองไปทางนั้น เพียงแค่ขานราคาครั้งแรก ราคาก็พุ่งขึ้นไปถึง 1 หมื่นหินวิญญาณหยก แล้วอย่างนี้ยังจะให้คนอื่นเล่นด้วยได้ยังไง?


 


สายตาของหลี่หย่าพลันเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น เธอไม่คิดว่าอี้เทียนหยุนจะสนใจของชิ้นนี้ด้วย


 


“11,000 หินวิญญาณหยก!”


 


ทันใดนั้นก็มีคนอื่นขานราคาสู้ เสียงนี้ดังมาจากห้องรับรองพิเศษห้องอื่น ด้วยราคาที่สูงขนาดนี้ เป็นไปไม่ได้ที่ผู้ฝึกตนด้านหน้าจะจ่ายไหว มีแต่ผู้ที่อยู่ในห้องรับรองพิเศษเท่านั้นถึงจะมีคุณสมบัติจ่ายราคานี้


 


“15,000 หินวิญญาณหยก” อี้เทียนหยุนก็ไม่เอ่ยให้มากความ ตอนนี้เขาอาจจะขาดหลายสิ่ง แต่ไม่ใช่กับหินวิญญาณหยก


 


สังหารผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณไปหลายคน ความร่ำรวยของพวกเขาไม่จำเป็นต้องพูดถึง มันเพียงพอให้เขาใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยได้สักพัก แม้ไม่กล้าพูดว่ามีเงินเหลือกินเหลือใช้ แต่อย่างน้อยหินวิญญาณหยกแสนชิ้นนี้เขายังจ่ายไหว ดังนั้น เขาต้องได้เม็ดยาปรับแต่งวิญญาณนี้มา!


 


ราคาเพิ่มขึ้นเป็น 15,000 หินวิญญาณหยก ทำให้คนทั้งหลายพากันพูดไม่ออก ต่อให้จะรวยจะยังไง แต่อยู่ๆ ก็เพิ่มราคาขึ้นไปอีก 5,000 อย่างนี้ มันจะไม่รวยเกินหน้าเกินตาไปหน่อยเหรอ?


 


“16,000 หินวิญญาณหยก!”


 


ยิ่งกว่านั้น แขกในห้องรับรองพิเศษห้องนั้นยังสู่ราคาต่อ แต่ไม่ได้ขึ้นราคาทีละ 5,000 อย่างอี้เทียนหยุน เพราะราคานี้สำหรับพวกเขาถือว่าแพงเกินไป


 


“20,000 หินวิญญาณหยก!”


 


อี้เทียนหยุนพลันเพิ่มราคาอีก 5,000 ไม่คิดจะประหยัดเงินแม้แต่น้อย


 


“บัดซบ!”


 


ในห้องรับรองพิเศษห้องนั้นพลันมีเสียงสบถดังมา นี่จะให้คนอื่นสู้ราคาด้วยได้ยังไงไหว? ต่อให้เขาจะสามารถสู้ราคาได้สูงกว่านี้ แต่ถ้ายังเป็นอย่างนี้ต่อไป เขาจะต้องหมดตัวแน่ๆ เม็ดยาปรับแต่งวิญญาณ 5 เม็ดนี้ถือได้ว่าเป็นของดี แต่ถ้าราคายังสูงไปกว่านี้ล่ะก็ นั่นคงจะไม่คุ้มแล้ว


 


“20,000 หินวิญญาณหยก มีใครให้ราคาสูงกว่านี้ไหม?” หลี่หย่ามองไปรอบๆ ราคานี้ถูกตัดสินเร็วเกินไปแล้ว เธอคิดว่าน่าจะได้ราคาเพิ่มอีกหน่อย แต่หลายคนไม่ได้บ้าอย่างอี้เทียนหยุน ถ้ายังสู้ราคาต่อ มันจะไม่คุ้มแล้ว


 


อึดใจต่อมา เมื่อไม่มีคนสู้ราคาต่อ หลี่หย่าก็พูดขึ้นมาว่า “งั้นก็ขอแสดงความยินดีต่อสหายท่านนี้ด้วย เม็ดยาปรับแต่งวิญญาณ 5 เม็ดนี้เป็นของท่านแล้ว!”


 


หลังจากการประมูลรอบนี้จบลง หลายคนก็อดไม่ได้ให้มองขึ้นไป คราวนี้กลับปรากฏบุคคลที่ร่ำรวยขนาดนี้ขึ้นมาเสียได้ แม้ว่าเม็ดยาปรับแต่งวิญญาณจะเป็นของดี แต่ขอบเขตของมันก็มีจำกัด นอกเสียจากจะแถมสูตรปรุงโอสถชนิดนี้มาด้วย ไม่อย่างนั้น มันคงไม่คุ้มที่จะสู้ราคาต่อไป


 


ถ้าเกิดเป็นสูตรเม็ดยาปรับแต่งวิญญาณ ผู้คนคงจะบ้าคลั่งเข้าจริงๆ ทั้งราคาของมันยังจะเพิ่มขึ้นยิ่งกว่านี้อย่างแน่นอน! ขนาดเม็ดยาปรับแต่งวิญญาณแค่ 5 เม็ดยังขายได้ขนาดนี้ แล้วถ้าเป็นสูตรยาปรับแต่งวิญญาณล่ะ จะขายได้ขนาดไหน? แค่คิดก็น่าสะพรึงแล้ว แต่แน่นอนว่าคงไม่มีใครบ้าเอาสูตรยานี้มาขาย คนที่มีจะต้องเก็บไว้กับตัวอย่างแน่นอน


 


มีแต่ถือครองสูตรยาเอาไว้กับตัว จากนั้นก็ทำยาออกมา แค่นี้ก็สามารถหาเงินได้อย่างต่อเนื่องแล้ว แล้วยังจะมีใครบ้าขายสูตรยาให้กับคนที่จะมาเป็นคู่แข่งของตัวเองด้วย?


 


“งั้นเรามาพบกับสมบัติชิ้นสุดท้ายกันเลย!” หลี่หย่าพูดด้วยน้ำเสียงที่สูงขึ้น เพื่อดึงดูดความสนใจของทุกคน จากนั้นของที่ถูกคลุมไว้ด้วยผ้าสีแดงก็ถูกยกขึ้นมา พร้อมกับเปิดผ้าคลุมสีแดงออกอย่างรวดเร็ว ทำให้สมบัติที่คล้ายกับผลึกลูกกลมๆ ที่ค่อนข้าใหญ่ปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคน


 


“สมบัติชิ้นนี้เรียกว่าสมบัติเทียนหลิง เมื่อสวมใส่จะช่วยเพิ่มความเร็วในการฝึกฝนขึ้นประมาณ 30%! นี่หมายความว่า เมื่อท่านสวมใส่สมบัติเทียนหลิงนี้ ยามฝึกฝน ระดับของท่านจะเหนือกว่าผู้ฝึกตนคนอื่นๆ!” หลี่หย่ากวาดสายตาไปยังทุกคน จากนั้นก็พูดว่า “เชื่อว่าผู้ฝึกตนทุกคนคงจะรู้ว่านี่มันหมายความว่ายังไง? หมายความว่าท่านจะเร็วกว่า เมื่อเร็วกว่าก็จะแข็งแกร่ง วิ่งได้ไวกว่าคนอื่น! สมบัติเทียนหลิงนี้จะช่วยเพิ่มโอกาสให้กับท่าน กระทั่งผู้เชี่ยวชาญระดับก่อแกนวิญาณก็ยังสามารถใช้ได้!”


 


การประกาศนี้ทำให้หลายคนตกใจ พร้อมกับพากันจับจ้องไปที่สมบัติเทียนหลงนี้ นี่ถือเป็นของหายาก! ช่วยเพิ่มความเร็วในการฝึกฝน 30% แน่นอนว่าผลลัพธ์นี้นั้น ช่างท้าทายสวรรค์อย่างแท้จริง!


 


“ของดี ของชิ้นนี้ต้องเป็นของข้า!”


 


“ของข้า ของชิ้นนี้กระทั่งระดับก่อแกนวิญญาณยังใช้ได้ นี่จะต้องเป็นของระดับจิตวิญญาณขั้นสูงอย่างแน่นอน!”


 


“อย่ามาแย่งกับข้า ของชิ้นนี้ต้องเป็นของเหล่าฟู่!”


 


พวกเขาพากันสนใจสมบัติชิ้นนี้กันสุดๆ พากันออกตัวแรงตั้งแต่ต้น


 


หลี่หย่าก็มองดูพวกเขาด้วยท่าทางมีความสุขสุดๆ ที่เธอต้องการก็คือผลลัพธ์นี้ยังไงล่ะ เมื่อเป็นอย่างนี้ ราคาของมันจะต้องสูงขึ้นอย่างแน่นอน


 


“สมบัติเทียนหลิงนี้ไม่ใช่ระดับจิตวิญญาณขั้นสูง แต่เป็นระดับจิตวิญญาณขั้นสูงสุด! พูดได้ว่าเป็นของหายากอย่างแท้จริง และแน่นอนว่าราคาของมันย่อมต้องสูงมากด้วย ราคาเริ่มต้นอยู่ที่หินวิญญาณฟ้า 50,000 ชิ้น แต่ละครั้งเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 2,000 หินวิญญาณหยก เริ่มประมูลได้!”


 


ชิ้นสุดท้ายนี้ถือเป็นสมบัติที่แข็งแกร่งที่สุด สามารถทำให้ทุกคนเข้ามายื้อแย่งสมบัติชิ้นนี้ได้


 


“60,000 หินวิญญาณฟ้า!”


 


“ท่านย่ามันเถอะ ไม่ว่าใครก็อย่ามาแย่งกับข้า 65,000 หินวิญญาณฟ้า!”


 


“70,000 หินวิญญาณฟ้า มันต้องเป็นของข้า!”


 


พวกเขาพากันบ้าไปแล้ว ราคาเพิ่มขึ้นไม่หยุด เทียบกับอี้เทียนหยุนแล้วยังบ้ากว่ามาก ยังไงก็ตาม ราคาก็ยังคงเพิ่มต่อไป แต่อี้เทียนหยุนที่นั่งอยู่ในห้องรับรองพิเศษกลับไม่ได้ขานราคาสู้แต่อย่างใด


 


นี่ทำให้หลายคนพากันรู้สึกผิดหวัง แต่ก็ยิ่งทำให้การแข่งขันเข้มข้นขึ้นไปอีก ดีแล้วที่อี้เทียนหยุนไม่ร่วมประมูลด้วย


 


อี้เทียนหยุนที่อยู่ในห้องรับรองพิเศษกำลังนั่งดื่มชา พร้อมกับมองไปที่สมบัติเทียนหลิงนี้โดยที่ไม่มีความรู้สึกสนใจเลยสักนิด เพิ่มความเร็วในการฝึกฝนขึ้น 30% สำหรับเขาแล้วถือเป็นขยะ! ถ้าไม่ได้เพิ่มระดับฝึกฝนขึ้นหลายสิบเท่า มันก็ไม่ได้มีความหมายอะไรต่อเขานัก


 


บนตัวเขามีสมบิตถึง 3 ชิ้นที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการฝึกฝน แต่ว่าเขาไม่ใช้มัน กับอีแค่เพิ่มความเร็วในการฝึกฝนขึ้น 30% นี้ อย่างสมบัติเทียนหลิง ถือว่าเป็นขยะในหมู่ขยะ


CLS ตอนที่ 278: จ่ายค่าของ


 


อี้เทียนหยุนไม่เข้าร่วมการแย่งชิง เพียงมองพวกเขาทำการแข่งขันกันอย่างต่อเนื่อง เขารู้ว่าความสามารถในการเพิ่มความเร็วให้กับการฝึกฝน 30% นั้นค่อนข้างน่าสะพรึง แต่เพียงเพราะว่าเขามีของที่ดีกว่าอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่มีความสนใจแม้แต่น้อย


 


เมื่ออี้เทียนหยุนไม่เข้าร่วมการแย่งชิง ทำให้หลายคนพากันสนใจจนหยุนชะงัก ไม่คิดว่าคนที่ร่ำรวยที่สุดจะไม่เข้าร่วมทำการแย่งชิง เขาไม่มีเงิน หรือว่าไม่สนใจของสิ่งนี้กันแน่?


 


นี่ทำให้หลี่หย่ารู้สึกผิดหวังอย่างมาก เธออยากจะเห็นราคาที่พุ่งขึ้นสูงอีกครั้ง แต่ดูเหมือนว่าของชิ้นนี้จะไม่ดึงดูดพอที่จะให้อี้เทียนหยุนร่วมแย่งชิง ยังไงก็ตาม แม้จะไม่มีอี้เทียนหยุนเข้าร่วม แต่ราคาก็ยังคงพุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง


 


“90,000 หินวิญญาณหยก!” (ไม่รู้ตกลงจะเป็นหยก(玉) หรือ ฟ้า(天) เพราะเวลาอิ๊งงงๆ ผมจะเอาจีนไปแปลทีละตัวอีกที ดังนั้นผมไม่ได้แปลผิดนะ เพราะตอนก่อนจีนก็ใช้ฟ้าจริงๆ)


 


เสียงนี้ราวกับตะโกนมาจากปอด 90,000 หินวิญญาณหยกถือเป็นราคาที่สูง เหมือนว่าผู้ประมูลรายนี้จะพร้อมทุ่มทุกอย่างจริงๆ การประมูลรอบนี้ทำให้ผู้คนพากันสูญเสียเหตุผลไป แต่ก็เพราะด้วยความเร็วในการฝึกฝนนี่แหละที่เป็นจุดสำคัญ


 


หลังจากเสียงตะโกน 90,000 หินวิญญาณหยกดังออกมา สุดท้ายแล้วก็ไม่มีขานราคาต่อ ทำให้ทั้งลานประมูลตกลงสู่ความเงียบ 90,000 หินวิญญาณหยกสูงเกินไปจริงๆ ทำให้หลายคนรับไม่ได้กับราคานี้


 


“90,000 หินวิญญาณหยก มีใครให้ราคาสูงกว่านี้ไหม?” หลี่หย่าตะโกนถามอย่างต่อเนื่อง


 


หลังจากตะโกนถามสองสามครั้ง และไม่มีใครให้ราคาสูงขึ้นอีก หลี่หย่าก็ทำการผายมือไปยังห้องรับรองพิเศษห้องหนึ่ง จากนั้นก็พูดแสดงความยินดีออกมา “ยินดีกับสหายท่านนี้ด้วยที่ได้รับสมบัติเทียนหลิงเป็นผลสำเร็จ!”


 


“ตอนนี้สมบัติทุกชิ้นก็ได้ถูกขายออกไปหมดแล้ว หวังว่าทุกท่านจะมาใช้บริการใหม่ในครั้งหน้า” หลี่หย่ามองมาที่ทุกคนพร้อมรอยิ้ม การประมูลในคราวนี้ประสบความสำเร็จโดยสมบูรณ์ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เป็นผู้ประกาศ จึงอดไม่ได้ที่จะกังวล แต่โชคดีที่การประมูลผ่านพ้นไปด้วยดีโดยที่ไม่มีปัญหาอะไร


 


“สำหรับคนที่ประมูลสินค้าสำเร็จ เรียนเชิญที่หลังเวทีได้เลยค่ะ” หลี่หย่าพูดเสริมขึ้นมา


 


เมื่อการประมูลสิ้นสุด ขณะที่อี้เทียนหยุนเดินออกจากห้องมา ก็ได้มีบางคนร้องเรียกเขาเอาไว้ “เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้!”


 


อี้เทียนหยุนหันไปมอง เมื่อได้ยินเสียงนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะต้องเป็นหลี่ห้าว หัวหน้านักสลักอาคมของอาณาจักรใต้พิภพอย่างแน่นอน


 


“มีอะไร?” อี้เทียนหยุนสำรวจหลี่ห้าว ระดับของเขาไม่ต่ำจริงๆ มีพลังมาถึงระดับผันแปรวิญญาณขั้นที่ 3


 


ส่วนจะเป็นหัวหน้าจริงๆ ไหมนั้น เขาไม่แน่ใจ แต่ระดับของเขานั้นแข็งแกร่งจริงๆ เทียบได้กับระดับประมุขวังเลยทีเดียว


 


“เจ้ามาจากขุมอำนาจไหน?” หลี่ห้าวมองมาที่เขาอย่างเย็นชา ข้างหลังเขายังมีศิษย์อีกหลายคน ระดับแต่ละคนก็ไม่อ่อนแอ ต่างก็อยู่ในระดับหลอมรวมด้วยกันทั้งนั้น ไม่รู้ว่าจะเป็นนักสลักอาคมด้วยหรือเปล่า


 


“ไม่ได้มาจากขุมอำนาจไหนทั้งนั้นแหละ แล้วมีเรื่องอะไร?” อี้เทียนหยุนแน่นอนว่าไม่สามารถบอกได้ว่าตนมาจากสำนักไหน สำหรับพวกเขา เขาไม่มีอะไรจะพูด


 


“ไม่ได้มาจากขุมอำนาจไหนอย่างงั้นเหรอ เจ้ารู้จักอาณาจักรใต้พิภพของเราหรือเปล่า!” หลี่ห้าวพูดอย่างเย็นชา “ข้าจะให้โอกาสเจ้า ส่งหินวิญญาณหยกมาซะ แล้วข้าจะให้เจ้าออกไป! หินวิญญาณหยกนี้เป็นสิ่งที่อาณาจักรใต้พิภพเราต้องการ ตราบเท่าที่เจ้าส่งมันมา ข้าจะไม่เอาเรื่องกับเหตุการณ์เมื่อก่อนหน้านี้!”


 


“อาณาจักรใต้พิภพของเจ้าต้องการ แล้วข้าไม่ต้องการหรือไง?” อี้เทียนหยุนไม่กลัวที่จะก่อเรื่อง ยิ่งกับอาณาจักรใต้พิภพด้วยแล้ว มาเท่าไหร่เขาก็จะฆ่าเท่านั้น


 


“ดีมาก ดูท่าเจ้าจะใจกล้ามากเลยหนิ!” หลี่ห้าวหัวเราะเยาะออกมา “เจ้าได้หินวิญญาณหยกไป แต่ดูสิว่าเจ้าจะรักษามันไว้ได้ไหม!”


 


พูดจบ หลี่ห้าวก็นำคนของเขาจากไป ไม่คิดสร้างปัญหาให้กับอี้เทียนหยุนในตอนนี้ เนื่องเพราะตอนนี้ยังอยู่ในตำหนักซิงเฉินอยู่ เขาไม่สามารถลงมือที่นี่ได้ ไม่อย่างนั้นหลี่เทียนหลงจะต้องมาเอาเรื่องอย่างแน่นอน!


 


ของที่เพิ่งจะได้มาไม่สามารถขโมยที่หน้าประตูได้ ไม่อย่างนั้นตำหนักซิงเฉินจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน? ดังนั้น ภายใต้ตำหนักซิงเฉินนี้ย่อมมีการรับประกันว่าของจะไม่ถูกขโมยอย่างแน่นอน แต่ข้างนอกนั้นต่างออกไป เมื่อออกจากเมืองนี้ไปแล้ว มันก็ไม่เกี่ยวกับตำหนักซิงเฉินอีก ต่อให้อยากป้องกัน แต่ตำหนักซิงเฉินก็ไม่สามารถทำได้


 


ดังนั้น แม้ว่าหลี่ห้าวจะเป็นคนของอาณาจักรใต้พิภพก็จำเป็นต้องรักษากฎ ไม่สามารถสร้างปัญหาได้ตามใจ


 


อี้เทียนหยุนมองตามหลังหลี่ห้าวที่จากไป ในสายตาพลันปรากฏจิตสังหารวาบผ่าน จากนั้นก็หายไป พร้อมกับเดินตรงไปยังหลังเวที หลังจากเข้ามาที่หลังเวที หลายคนก็กำลังพากันจ่ายเงินกันที่นี่ เพื่อรับสมบัติของตนไป หลี่ห้าวก็อยู่ที่นี่เช่นกัน


 


เมื่อเห็นว่าอี้เทียนหยุนเข้ามา ในสายตาของเขาก็ปรากฏความเย็นชาขึ้น แต่ก็ไม่หาเรื่องทะเลาะกับเขาต่อ


 


“คุณชาย ท่านมาแล้ว” หลี่หย่าเดินเข้ามา ทั้งด้านข้างยังมีชายกลางคนคนหนึ่งด้วย พร้อมกับแนะนำว่า “นี่คือผู้นำหินวิญญาณหยกเข้าประมูล จากที่ท่านเสนอราคาเมื่อก่อนหน้า จำเป็นต้องจ่ายศาสตราจิตวิญญาณขั้นต่ำจำนวน 850 ชิ้น ตอนนี้ท่านจะจ่ายแบบไหน?”


 


“ข้าขอจ่ายเป็นศาสตราจิตวิญญาณขั้นสูงก็แล้ว ไม่ทราบว่ามีปัญหาอะไรไหม?” อี้เทียนหยุนมองไปที่ชายกลางคนคนนี้


 


ชายกลางคนคนนี้ก็มีระดับที่ไม่ธรรมดา เขามีพลังระดับก่อแกนวิญญาณขั้นที่ 7 คิดว่าคงจะเป็นผู้อาวุโสจากสำนักใหญ่สักแห่ง ไม่ก็เป็นประมุขวังก็เป็นได้


 


“ไม่มีปัญหา ขอแค่เป็นอาวุธเป็นใช้ได้” ชายวัยกลางคนคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง


 


“ดี งั้นเรามาคิดราคาด้วยศาสตราจิตวิญญาณขั้นสูงกัน” อี้เทียนหยุนหยิบเอาศาสตราจิตวิญญาณขั้นสูงชิ้นแรกออกมา จากนั้นก็ส่งให้กับเขาแล้วพูดว่า “นี่เป็นศาสตราจิตวิญญาณขั้นสูง ท่านเชิญชม”


 


ชายวัยกลางคนคนนั้นรับมา หลังจากตรวจสอบอย่างระวัง เขาก็พลันแสดงสีหน้าตกใจออกมา “เป็นดาบที่ดี ดูแล้วเหมือนจะมีเอฟเฟ็กที่ดีด้วย เพียงแต่ไม่มีการสลักค่ายกลไว้ข้างบน……”


 


“ที่ข้าไม่สลักค่ายกลไว้ข้างบนก็เพื่อให้ท่านได้สลักค่ายกลที่ต้องการเอง อย่างนี้ไม่ใช่ว่าดีกว่างั้นเหรอ?” อี้เทียนหยุนพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ


 


นี่เป็นของที่เขาได้มาจากการสังหารผู้เชี่ยวชาญ แน่นอนว่าย่อมไม่มีการสลักค่ายกลไว้ข้างบนอยู่แล้ว แต่ถึงจะไม่มีค่ายกลสลักไว้ มันก็ถือว่าเป็นของที่ค่อนข้างดี


 


“ดีมาก ข้าชอบ” ชายวัยกลางคนคนนั้นพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้าชอบดาบเล่มนี้อย่างมาก ข้าให้ราค่าเท่ากับศาสตราจิตวิญญาณขั้นต่ำ 160 ชิ้น เป็นยังไง?”


 


“ตกลง” อี้เทียนหยุนยอมรับข้อเสนอนี้ด้วยความยินดีอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าฝั่งตรงข้ามไม่ได้จงใจกดราคา


 


หลังจากนั้น เขาหยิบชิ้นอื่นๆ ออกมาให้ชายคนนั้นดูทีละชิ้น ทำให้เขาต้องแสดงสีหน้ามีความสุขออกมาไม่หยุด เพียงแค่หยิบศาสตราจิตวิญญาณขั้นสูงออกมาสี่ชิ้น ก็ทำให้ราคาของมันแตะไปถึงระดับ 850 ศาสตราจิตวิญญาณขั้นต่ำแล้ว


 


“ดี ดีมาก!” ชายวัยกลางคนคนนั้นพูดด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ “ทำการค้ากับท่านนี่ช่างมีความสุขจริงๆ ข้าเป็นผู้อาวุโสของวังฟ่านเทียน(นิพพาน,การหลุดพ้น) ชื่อว่าฟางจี๋ ถ้ามีโอกาส หวังว่าจะได้ร่วมมือกันอีก!”


 


“ที่แท้ก็ผู้อาวุโสฟางจากวังฟ่านเทียนนี่เอง ครั้งหน้าพวกเราจะต้องมีโอกาสร่วมมือกันอย่างแน่นอน” อี้เทียนหยุนยิ้ม ที่แท้ก็ผู้อาวุโสจากวังฟ่านเทียน ไม่แปลกที่ระดับของเขาจะไม่ธรรมดา แต่ไม่รู้ว่าพวกเขาไปหาหินวิญญาณหยกที่สมบูรณ์พวกนี้มาจากไหน แต่เรื่องนี้เขารู้ดีว่าไม่ควรถาม จึงไม่ได้ถามออกไป


 


หลังจากเสร็จสิ้น ก็ถึงเวลาจ่ายราคาของเม็ดยาปรับแต่งวิญญาณ ซึ่งรอบนี้จ่ายเป็นหินวิญญาณหยกโดยตรงเลย จึงไม่มีปัญหา ซึ่งคนที่เอาเม็ดยาวิญญาณหยกมาขายก็คือนักกลั่นโอสถ ซึ่งระดับของเขาก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน ยังไงก็ตาม อีกฝ่ายก็เหมือนจะไม่ได้มีเจตนาดี ทั้งยังไม่คิดจะแลกเปลี่ยนกับสิ่งอื่น ดังนั้นอี้เทียนหยุนจึงคร้านที่จะสนใจ


 


ซึ่งฉากนี้ตกอยู่ในสายตาของหลี่ห้าว ทำให้เขาเผยแววตาชั่วร้ายออกมาหลายส่วน “ดี ดีมาก…. ดูเหมือนว่าจะมาจากตระกูลร่ำรวย กระทั่งข้ายังไม่ร่ำรวยมากขนาดนี้”


CLS ตอนที่ 279: ปรากฏกาย


 


อี้เทียนหยุนทำการจ่ายค่าของเสร็จอย่างรวดเร็ว เม็ดยาปรับแต่งวิญญาณเขาก็ได้มาแล้วเช่นกัน ตอนนี้คงต้องรอให้ถึงที่พักเสียก่อนแล้วค่อยตรวจดูสูตรในการปรุงยาเม็ดนี้ เมื่อถึงตอนนั้น เขาก็จะทำยาชนิดนี้ออกมาจำนวนมาก เพื่อเพิ่มจำนวนศิษย์ระดับหลอมรวมให้กับทั้งนิกายเทียนเฉวียนและวังเทียนจี๋


 


โดยเฉพาะนิกายเทียนเฉวียนนั้น ศิษย์ที่อยู่ในระดับปรับแต่งวิญญาณมีอยู่มากมาย ดังนั้น หากปรุงยาเม็ดนี้ออกมาได้ เขาก็จะมีผู้ฝึกตนระดับหลอมรวมจำนวนมากในสำนัก หินวิญญาณหยกก็เช่นกัน สิ่งนี้จะช่วยให้ค่ายกลทำการขับเคลื่อนออกไปได้


 


ตอนนี้หนทางข้างหน้ามีทางให้ไปแล้ว ทำให้เขาค่อนข้างรู้สึกพอใจ


 


“คุณชาย สมบัติเทียนหลิงนั้น ท่านไม่สนใจอย่างงั้นเหรอ?” หลี่หย่าถามอย่างอยากรู้


 


“กับสมบัติชิ้นนี้นั้น ข้าไม่สนใจจริงๆ” อี้เทียนหยุนยิ้มออกมา แค่สังหารสัตว์อสูรให้เร็วขึ้นก็เลื่อนระดับได้แล้ว ตราบเท่าที่มีสัตว์อสูรมากพอ ทั้งยังไม่ใช่พวกระดับต่ำ เพียงไม่กี่วันเขาก็สามารถเลื่อนระดับได้แล้ว


 


“อืม จะยังไงก็ช่าง แต่การร่วมมือในคราวนี้ทำให้ข้ามีความสุขจริงๆ” หลี่หย่ายิ้มออกมาอีกครั้ง แล้วพูดขึ้นว่า “ข้าว่านะคุณชาย ทำไมท่านไม่พักในตำหนักซิงเฉินสักระยะก่อนล่ะ?”


 


พร้อมกันนั้นก็แอบส่งเสียงผ่านลมปราณกับเขาว่า “คุณชาย ก่อนหน้านี้ที่ท่านซื้อหินวิญญาณหยกชุดนั้นไป ได้ไปตอแยอาณาจักรใต้พิภพเข้า คนๆ นี้เป็นคนที่ชั่วร้ายมาก หลังจากท่านออกไป กลัวว่าคงจะต้องประสบกับความโชคร้ายมากกว่าดี….. ท่านพักอยู่ในห้องพิเศษในนี้ไปก่อนสักระยะ จะได้ไม่ต้องกลัวพวกเขาจะแอบมาทำร้ายลับหลัง”


 


อี้เทียนหยุนหรี่ตามองเธอ เขาไม่คิดว่าหลี่หย่าจะมาเตือนเขาด้วยใจจริง ในใจให้รู้สึกดีกับอีกฝ่ายขึ้นหลายส่วน


 


“คุณหนูหลี่ ทำไมท่านถึงได้เตือนข้าล่ะ?” อี้เทียนหยุนส่งเสียงผ่านลมปราณถามออกไป


 


“อาณาจักรใต้พิภพชื่อเสียงเลวร้ายแค่ไหนใครก็รู้ ทั้งยังมีท่าทางอวดดีอย่างมาก คุณชายท่านซื้อของจากตำหนักซิงเฉินเรา เราก็ต้องปกป้องท่านเป็นธรรมดา แต่ถ้าท่านออกไปจากที่นี่แล้ว พวกเราคงจะช่วยอะไรท่านไม่ได้” หลี่หย่าตอบออกไป


 


อี้เทียนหยุนพยักหน้า นี่เป็นการใส่ใจลูกค้าอย่างหนึ่ง แต่สิ่งสำคัญก็คือความชั่วร้ายที่น่าชิงชังของอาณาจักรใต้พิภพ


 


“ข้าต้องขอบคุณคุณหนูหลี่มาก แต่ว่าข้ายังมีเรื่องสำคัญที่ต้องไปจัดการ คงจะอยู่ที่นี่ต่อไม่ได้หรอก” คำพูดนี้ไม่ได้พูดผ่านลมปราณ แต่เป็นการพูดออกมาตรงๆ


 


หลี่ห้าวที่อยู่ใกล้ๆ ก็จับจ้องมาที่การกระทำและความเคลื่อนไหวทุกอย่างของที่นี่ด้วยความสนใจ เมื่อได้ยินว่าอี้เทียนหยุนปฏิเสธที่จะพักอยู่ที่นี่ เขาก็พลันแสดงรอยยิ้มชั่วร้ายออกมาบนใบหน้า นี่แหละคือผลลัพธ์ที่เขาต้องการ ถ้าเขาพักอยู่ที่นี่ เขาจะไม่สามารถลงมือได้ ทั้งยังต้องเสียเวลารอด้วย


 


“คุณชาย ทำไม….” หลี่หย่าเหมือนต้องการพูดอะไร แต่เขาก็ส่ายหัวให้ บอกว่าตนได้ตัดสินใจแล้ว ไม่จำเป็นต้องตื้ออีกต่อไป


 


หลังจากบอกลา อี้เทียนหยุนก็เดินออกมา ไม่หันไปมองหลี่ห้าวแม้แต่น้อย หลี่ห้าวก็มองตามหลังเขา จากนั้นก็เดินตามเขาออกมา


 


เมื่อหลี่หย่าเห็นภาพนี้ ก็ทำได้เพียงถอนหายใจ เธออยากจะช่วยจริงๆ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้


 


ไม่มีใครรู้ว่าอี้เทียนหยุนชอบที่จะให้เป็นแบบนี้ เขาอยากจะจัดการกับพวกนี้อยู่แล้ว เมื่อสามารถเปลี่ยนพวกมันเป็นค่าประสบการณ์และสมบัติได้ ทำไมเขาต้องปฏิเสธล่ะ?


 


และเมื่อเขาเพิ่งจะเดินออกมา ก็ได้มีคนมาขวางหน้าเขาไว้ทันที คนๆ นี้อี้เทียนหยุนเคยเจอมาก่อน เธอก็คือหญิงสาวที่เข้าร่วมการแย่งชิงหินวิญญาณหยกนั่นเอง ตอนนี้เธอได้มาขวางทางเขาไว้


 


“มีอะไร?” อี้เทียนหยุนมองสำรวจเธอด้วยดวงตาประเมิน ทำให้ข้อมูลของเธอเด้งขึ้นมา


 


หญิงสาวลึกลับ : ระดับหลอมรวมขั้นที่ 3, ใบหน้าปลอม สวมใส่ชุดระดับจิตวิญญาณขั้นต่ำ, วิชาที่ใช้ ดัชนีเทียนหลิง, ท่าเท้าเทียนหลิง เมื่อสังหารมีโอกาสได้รบ ยันต์เทวะเทียนหลิง, ดัชนีเทียนหลิง, ท่าเท้าเทียนหลิง, ค่ายกลชั้น 5(สุ่มตก 1 ชนิด)


 


ระดับหลอมรวมขั้นที่ 3 ก็ไม่ได้แย่ ส่วนคนนั้นกลับธรรมดาอย่างมาก ถ้าไปอยู่ท่ามกลางผู้คนล่ะก็ คงยากที่จะหาตัวเจอ เห็นได้ชัดว่ามีการปกปิดกลิ่นอายเอาไว้ ทำให้ในยามปกติไม่สามารถระบุระดับของเธอได้


 


เขาที่มีดวงตาประเมินอยู่ แน่นอนว่าต้องตรวจสอบได้อย่างง่ายดาย ในเมื่อสัมผัสไม่ได้ งั้นก็ตรวจสอบมันตรงๆ เลย


 


ทั้งข้อมูลของที่ตกยังเกี่ยวกับเทียนหลิงด้วย….. หรือว่าจะเป็นเผ่าภูต?


 


ดวงตาประเมินไม่มีวิธีที่จะหาว่าอีกฝ่ายมาจากเผ่าพันธุ์ไหน ยังมีข้อมูลอีกมากที่ระบุไม่ได้ ดังนั้นจึงไม่มั่นใจนัก แต่เชื่อได้ว่าหากเพิ่มระดับขึ้น จะต้องมีข้อมูลมากกว่านี้ ยังไงก็ตาม ถ้าตัดสินตามที่เห็นตอนนี้ หญิงสาวตรงหน้านี้คงจะเป็นคนของเผ่าภูตจริงๆ


 


ถ้าไม่ใช่คนของเผ่าภูต แล้วทำไมถึงต้องปลอมตัวด้วย


 


“ไม่ทราบว่าคุณชายพอจะขายหินวิญญาณหยกให้ข้าสักสองก้อนได้หรือไม่? ข้าสามารถแลกด้วยสิ่งอื่นได้” หญิงสาวคนนี้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่น่าฟัง ทำให้คนที่ได้ฟังต้องรู้สึกลุ่มหลงอยู่หลายส่วน


 


สีหน้าของเธอจริงใจมาก แต่ก็เต็มไปด้วยความรู้สึกกังวล


 


“เจ้าคิดจะแลกเปลี่ยนด้วยอะไร?” อี้เทียนหยุนสนใจอยู่หลายส่วน เหตุผลหลักเพราะอีกฝ่ายเป็นคนของเผ่าภูต ถ้าไม่ใช่เผ่าภูต เขาคงคร้านที่จะสนใจ


 


เมื่อคิดถึงเผ่าภูต ก็ทำให้เขานึกไปถึง เซียวชิงเสวียน ไม่รู้ว่าเซียวชิงเสวียนตอนนี้เป็นยังไงบ้าง


 


“ข้าสามารถสร้างค่ายกลชั้น 5 ให้กับท่านได้!” หญิงสาวคนนี้พูดด้วยท่าทางจริงจัง


 


“ค่ายกลชั้น 5?” อี้เทียนหยุนหรี่ตามองเธอ ฟังจากที่พูด เธอจะต้องเป็นนักสลักอาคมชั้น 5 อย่างแน่นอน ไม่เสียทีที่เป็นถึงเผ่าภูต ยังเด็กแต่ก็แข็งแกร่งพอที่จะเป็นนักสลักอาคมชั้น 5 ได้


 


“ใช่ ข้าไม่ต้องการมากนัก ต้องการเพียงแค่ 2 ก้อนเท่านั้น ถ้าท่านตกลง ข้าก็จะสร้างค่ายกลชั้น 5 ให้กับท่าน ท่านคิดว่ายังไง?” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงกังวล “หรือจะให้ข้าเพิ่มศาสตราจิตวิญญาณด้วยก็ได้ ตอนนี้ข้าต้องการใช้มันจริงๆ!”


 


“ได้….” อี้เทียนหยุนมองไปที่เธอ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ ว่า “ข้าไม่ต้องการของรางวัลอะไรจากเจ้า ขอแค่เจ้าบอกเรื่องบางอย่างกับข้าก็พอ หลังจากนั้น ข้าก็จะมอบหินวิญญาณหยกสองก้อนให้กับเจ้า!”


 


“เรื่องอะไร?” หญิงสาวมองไปที่เขาด้วยท่าทางสงสัย เธอไม่รู้ว่าตัวเองจะสามารถอะไรที่เขาต้องการรู้ได้


 


“สถานการณ์ของเผ่าภูตตอนนี้เป็นยังไง?” อี้เทียนหยุนถาม


 


คำพูดของเขาเพิ่งจบลง หญิงสาวก็พลันมีท่าทางตกใจ จากนั้นสายตาก็พลันมีความเย็นชาวาบผ่าน ทั้งยังมากไปด้วยความตกใจ แต่เธอก็รีบทำสีหน้าให้เป็นปกติอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งแสร้งทำเป็นไม่รู้ตอบออกมาว่า “ข้าไม่รู้ว่าสถานการณ์ของเผ่าภูตที่คุณชายอย่างรู้นั้นคืออะไร ข้าว่าเรามาเปลี่ยนเงื่อนไขดีกว่า ไม่ทราบว่าท่านต้องการอะไร?”


 


สีหน้าของเธอในตอนนี้กลายเป็นเย็นชา ทั้งยังมีความระแวงในตัวอี้เทียนหยุนอย่างใหญ่หลวง แต่ก็เพราะต้องการหินวิญญาณหยกอยู่ ดังนั้นจึงไม่สามารถจากไปได้ในทันที


 


“ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่เต็มใจบอกงั้นสินะ” อี้เทียนหยุนส่งยิ้มอย่างใจเย็นออกไป “ที่จริงแล้วข้ามีเพื่อนเป็นเผ่าภูตคนหนึ่ง ข้าก็แค่ต้องการทราบข่าวเท่านั้น เจ้าไม่จำเป็นต้องระวังตัวขนาดนั้น แต่ในเมื่อเจ้าไม่เต็มใจจะบอก ข้าก็จะไม่บังคับ ถ้างั้นก็ตามข้ามา”


 


หลังจากที่ทั้งสองเข้าไปในห้อง อี้เทียนหยุนก็เผชิญหน้ากับเธอ


 


จากนั้นเขาก็ยื่นมือออกมา พร้อมกับพูดว่า “เอาแหวนเก็บของมา ข้าจะใส่หินวิญญาณหยกให้”


 


หญิงสาวตาโต ท่าทางเหมือนไม่เชื่อ เธอยังไม่ตอบคำถามของเขา แต่เขากลับมอบหินวิญญาณหยกให้เธอแล้ว?


 


แต่หญิงสาวก็ไม่สนใจ พร้อมกับส่งแหวนเก็บของให้ทันที อี้เทียนหยุนทำการย้ายหินวิญญาณหยกเข้าไปในแหวน จากนั้นก็ส่งให้กับเธอ แล้วพูดว่า “เรียบร้อย เอาไป”


 


อี้เทียนหยุนคิดว่าหญิงสาวคนนี้เชื่อถือได้ แม้ว่าสถานการณ์ของเผ่าภูตตอนนี้จะค่อนข้างน่าเป็นห่วง ทั้งยังมีพวกกบฏอีก แต่เขาเชื่อว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่พวกกบฏ เหตุผลก็ง่ายมาก เพราะอย่างน้อยเธอก็ไม่บังคับให้เขาขายให้ ยิ่งกว่านั้น ราคาที่เธอเสนอมาก็ถือว่าเหมาะสม ทั้งยังให้เกียรติเขาด้วย ดังนั้น อี้เทียนหยุนจึงไม่คิดจะตระหนี่


 


“นี่……” เมื่อหญิงสาวเห็นหินวิญญาณหยกในแหวนก็พลันตกใจ เธอไม่คิดว่าอี้เทียนหยุนจะมอบให้เธอจริงๆ ยังไงก็ตาม เธอก็ไม่ได้คิดจะรับมาเปล่าๆ ดังนั้นจึงส่งแหวนเก็บของอีกวงให้กับอี้เทียนหยุน แล้วพูดว่า “นี่เป็นของตอบแทนของท่าน….. แม้ว่าของนี้จะไม่ได้มากมายอะไร แต่ข้าก็มีอยู่เท่านี้ หลังจากนี้ข้าจะตอบแทนท่านทีหลัง!”


 


พูดจบเธอก็หมุนตัวเดินจากไป ไม่คิดจะอยู่ต่อแม้แต่น้อย


 


อี้เทียนหยุนตรวจแหวนที่ได้รับมา ข้างในเต็มไปด้วยศาสตราจิตวิญญาณมากมาย ทั้งยังมีค่ายกลอยู่เล็กน้อย มูลค่าทั้งหมดพอกับหินวิญญาณหยกสองก้อนพอดี!


CLS ตอนที่ 280: เกะกะ!


 


“สาวน้อยนางนี้ช่างซื่อสัตย์จริงๆ ให้เปล่ายังจ่ายค่าของให้”


 


อี้เทียนหยุนตรวจสอบของที่อยู่ในแหวนวงนี้ เธอนี่ช่างซื่อสัตย์จริงๆ ให้ของเธอยังยอมจ่ายค่าของกลับมา ยิ่งกว่านั้น ราคายังเพียงพอที่จะซื้อหินวิญญาณหยกทั้งสองก้อนนั้นด้วย ของที่เธอเตรียมมานั้นไม่พอจริงๆ นั่นล่ะ ค่าของที่เธอเตรียมไว้ จำกัดแค่ 500 ศาสตราจิตวิญญาณขั้นต่ำ


 


แต่เมื่อมีเขาเข้าร่วม ทำให้ราคาทั้งหมดของหินวิญญาณหยกทั้ง 6 ก้อนพุ่งขึ้นเป็น 850 ศาสตราจิตวิญญาณขั้นต่ำ การที่เธอมอบ 500 ศาสตราจิตวิญญาณขั้นต่ำทั้งหมดให้ ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น คงจะคิดว่าเธอเป็นคนโง่อย่างแน่นอน


 


“ผู้หญิงคนนี้ยังอายุไม่เท่าไหร่ก็ออกมาหาตัวช่วยแล้ว….. ถ้าเกิดถูกคนจับไป ไม่รู้ว่าต่อไปจะเป็นยังไง” อี้เทียนหยุนส่ายหัว คิดเล็กน้อย แล้วเดินออกมา


 


แม้ว่าการปลอมตัวจะทำให้เธอดูเหมือนอายุมาก แต่จากการตัดสินของอี้เทียนหยุนแล้ว ผู้หญิงคนนี้อย่างมากก็อายุไม่เกิน 20 ปี ที่สำคัญเลยคือเหมือนกับยังไม่คุ้นเคยกับโลกภายนอก ไม่รู้จักต่อรอง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะนิสัยดี หรือเป็นเพราะใสซื่อเกินไปกันแน่


 


เพิ่งจะเดินออกมาก็เห็นว่าหลี่ห้าวกำลังมองไปที่ด้านนอก ไม่รู้ว่ากำลังมองอะไร


 


และเมื่อหลี่ห้าวเห็นอี้เทียนหยุนเดินออกมา เขาก็พลันแสยะยิ้มออกมา ไม่สนใจเขา แต่กลับเลือกที่จะเดินจากไป


 


“คงไม่ใช่ว่าส่งคนไล่ตามผู้หญิงคนนั้นไปหรอกนะ?”


 


อี้เทียนหยุนขมวดคิ้ว จากนั้นก็รีบตามไปอย่างรวดเร็ว คนพวกนี้จับตาดูเขาอย่างเข้มงวด ตราบเท่าที่มีใครติดต่อกับเขา พวกเขาจะต้องตามไปหาเรื่องอย่างแน่นอน การที่พวกเขาอยู่ในห้องส่วนตัวกันสองต่อสองเมื่อครู่นี้ หลี่ห้าวคงจะเดาว่าเขาต้องส่งของให้กับผู้หญิงคนนั้นแน่ๆ ดังนั้นจึงได้ส่งคนตามเธอไปทันที แต่เมื่อขณะที่เขาตามออกไป ที่ด้านนอกกลับไม่เห็นเงาคนสักคน


 


เห็นได้ชัดว่าหลี่ห้าวหนีไปเร็วมาก คงจะไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าตนไปทางไหน


 


อี้เทียนหยุนเผยรอยยิ้มแสยะออกมา “คิดจะเล่นเล่ห์กับข้าอย่างงั้นเหรอ ยังอ่อนนัก!”


 


เขาไม่สนใจหลี่ห้าว แต่ตัดสินใจตามไปทางที่ผู้หญิงคนนั้นไป ผู้หญิงคนนั้นตอนนี้เพิ่งจะได้หินวิญญาณหยกไป จึงได้รีบร้อนจากไป ไม่ได้คิดที่จะอยู่ต่อแม้แต่น้อย เห็นได้ชัดว่าเป็นสถานการณ์ที่เหมือนมีของสำคัญ จึงได้จากไปอย่างรวดเร็ว


 


“ไปทางไหนนะ…….”


 


อี้เทียนหยุนหรี่ตาม พร้อมกับใช้ดวงตาประเมินสำรวจรอบๆ ทันที เขาไม่คิดจะใช้ดวงตาในการค้นหาเธอ แต่จะค้นหาพลังวิญญาณ เมื่อใช้ร่วมกับดวงตาประเมิน ทำให้ผลลัพธ์ของมันยิ่งน่าตื่นตะลึงขึ้นไปอีก อย่างรวดเร็วเขาก็พบว่าผู้หญิงคนนั้นได้ออกนอกเมืองไปแล้ว พร้อมกับขึ้นขี่อินทรียักษ์ เตรียมจะบินไปจากที่นี่


 


แต่ก็ยังไม่เร็วพอ เพียงผู้หญิงคนนี้เพิ่งจะออกนอกประตูเมืองไป ก็พลันถูกจับตัวได้ในทันที


 


คนที่หลี่ห้าวส่งออกไปก็ไม่ได้ช้า ไล่ตามเธอได้อย่างรวดเร็ว พร้อมกับขวางผู้หญิงคนนั้นไว้


 


“นี่ ไม่ทราบว่าคุณหนูคนนี้กำลังจะไปที่ไหนอย่างงั้นเหรอ?” ขณะที่หญิงสาวเตรียมจะจากไป ลูกน้องของหลี่ห้าวก็พลันมาขวางหน้าเธอไว้ พร้อมกับจับอินทรียักษ์ของเธอไว้ ทำให้มันไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง


 


“หญิงสาวพลันหน้าเปลี่ยนสี พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “พวกเจ้าจะทำอะไร ข้าไม่รู้จักพวกเจ้า!”


 


“เจ้าย่อมไม่รู้จักเราอยู่แล้ว แต่เจ้าต้องรู้จักเจ้าหนูนั่นแน่ แค่นี้ก็พอแล้ว” สวี่เฟิงพูดขึ้น “ข้าว่าเจ้ารีบส่งของที่ได้จากเจ้าหนูนั่นมาแต่โดยดีดีกว่า ไม่ว่าเจ้าจะได้อะไรจากมัน ให้ส่งมาให้หมด! ไม่อย่างนั้น…… ฮี่ฮี่ อย่ามาโทษหากพวกเราไม่เกรงใจ!”


 


พวกเขาตอนนี้อยู่นอกเมือง ไม่อยู่ในพื้นที่ป้องกันของตำหนักซิงเฉิน ดังนั้นพวกเขาจะทำอะไร จึงไม่จำเป็นต้องสนใจตำหนักซิงเฉิน


 


“ข้าไม่รู้ว่าพวกเจ้าพูดถึงอะไร เขาไม่ได้ให้อะไรข้าทั้งนั้น!” หญิงสาวสีหน้าเหมือนซีดลงไป เห็นได้ชัดว่ากำลังร้อนใจ


 


“ไม่ได้ให้อย่างงั้นเหรอ ถ้างั้นก็ให้พวกเราค้นดู แค่นี้ก็รู้แล้ว” สวี่เฟิงยิ้มอย่างชั่วร้าย พร้อมกับเตรียมขยับเข้าไปหารถบิน พร้อมกับให้เพื่อนอีกสองคนคอยอยู่รอบๆ เทียบกับเธอแล้ว ระดับของพวกเขาแข็งแกร่งกว่า


 


หญิงสาวสีหน้าจมลง ในมือพลันปรากฏยันต์ขึ้นสองใบ พร้อมกับปาออกไปด้านข้าง โดยที่ไม่รอให้สวี่เฟิงเข้ามาใกล้ ทันใดนั้นเสียง “ตูม” ก็ดังขึ้น ยันต์ทั้งสองระเบิดออกกลางอากาศ ปล่อยคลื่นอัดอากาศที่น่าสะพรึงสองลูก ทำการระงับไม่ให้มีสิ่งไหนเข้ามาใกล้บริเวณรอบๆ


 


แรงระเบิดมีพลังพอๆ กับระดับหลอมรวมขั้นสูงสุด คนที่เข้ามาขวางเธอทั้งสามคนพลันถูกระเบิดจนปลิวออกไป พร้อมกับรับบาดเจ็บหนัก ไม่คิดเลยว่าหญิงสาวคนนี้เพียงแค่เริ่มลงมือก็เล่นของหนักซะแล้ว


 


“ไป!”


 


หญิงสาวรีบสั่งให้อินทรียักษ์ออกตัว หลังจากอินทรียักษ์ร้องออกมา มันก็มันพลันกระพือปีกบินขึ้นไป แต่เพิ่งจะบินมาได้ไม่ไกล ก็พลันมีฝ่ามือขนาดใหญ่ตบลงมา ฝ่ามือนับไม่ถ้วนฟาดลงมาบนร่างของอินทรียักษ์ตัวนี้ “ตูม” ทำให้อินทรียักษ์ตัวนี้ถูกตบจนกลายเป็นกองเลือดไปโดยตรง กระทั่งเสียงร้องก่อนตายยังไม่ทันได้เปล่งออกมา


 


“เสี่ยวอิง!” หญิงสาวร้องออกมาด้วยความตกใจ แต่เพราะด้วยอินทรียักษ์ได้ตายไปแล้ว ดังนั้นจึงไม่สามารถบินต่อไปได้อีก เธอจึงทำได้เพียงกระโดดลงมาจากรถบินโดยไว ก่อนที่จะลงถึงพื้นอย่างปลอดภัย


 


“นี่คือยันต์ระเบิดเทวะอย่างงั้นเหรอ!?” หลี่ห้าวที่บินอยู่มองมาที่เธออย่างเย็นชา “เจ้าเป็นคนของเผ่าภูต!”


 


หญิงสาวกัดริมฝีปากแน่น ไม่ยอมพูด เธอสัมผัสได้ถึงพลังที่น่าสะพรึงของหลี่ห้าว ทำให้เธอรู้สึกกลัวจนไม่สามารถขยับได้


 


“ต่อให้ไม่พูดก็เปล่าประโยชน์ ยันต์ระเบิดเทวะนี้เป็นยันต์ที่มีความพิเศษเฉพาะ ไม่มีใช้กันในโลกภายนอกทั่วไป ยิ่งกว่านั้น พลังของมันยังน่าสะพรึงกลัวอีกด้วย นอกจากเผ่าภูตแล้ว ก็ยากที่จะมีใครสร้างยันต์ชนิดนี้แล้วออกมาทรงพลังอย่างนี้ได้…..” หลี่ห้าวมองเธออย่างหยาบช้า จากนั้นก็พลันหัวเราะออกมา “ไม่คิดว่าจะมาเจอคนของเผ่าภูตอยู่ที่นี่ กลับไปกับข้า เพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ของเจ้ากำลังรอเจ้าอยู่มากมายในที่ของข้า!”


 


พูดจบ หลี่ห้าวก็พลันยื่นมือมา ส่งพลังระดับผันแปรวิญญาณออกมา พร้อมกับแรงกดดันมหาศาลเข้าใส่ผู้หญิงคนนี้ อึดใจต่อมา หญิงสาวคนนี้ก็พลันดึงยันต์ออกมา พร้อมกับแปะเข้าที่ร่างของตน ก่อนที่จะกลายเป็นสายลมหอมหนึ่งพุ่งเข้าไปทางประตูเมือง


 


เธอต้องการเข้าไปหลบในเมือง เพื่อจะให้ตำหนักซิงเฉินปกป้องเธอ


 


“อย่างโง่น่า ซ่อนไปก็เปล่าประโยชน์! ทุกคนรู้ว่าพวกเรามีสิทธิ์ทำยังไงกับเผ่าภูตก็ได้ เจ้าคิดว่าตำหนักซิงเฉินจะกล้าช่วยเจ้าอย่างงั้นเหรอ?” หลี่ห้าวหัวเราะ พร้อมกับร่างที่บินมา หวังจะจับผู้หญิงคนนี้ให้เร็วที่สุด พริบตา เขาก็โผล่ขึ้นขวางหน้าเธอ พร้อมกับยื่นมือไปทางเธอ ด้วยพลังที่ปล่อยออกมา ทำให้สะกดผู้หญิงคนนี้ ทำให้เธอไม่สามารถเคลื่อนไหวได้!


 


เพราะระดับที่ต่างกันมากเกินไป เพียงแค่แรงกดดันที่ปล่อยออกมาก็เหมือนกับถูกกดทับด้วยน้ำหนักมากกว่า 10,000 จิน ทำให้ไม่สามารถขยับได้


 


“คนของอาณาจักรใต้พิภพ…. เจ้าต้องตายเยี่ยงสุนัข!” หญิงสาวร้องออกมา พร้อมกับหยิบยันต์ขึ้นมา จากนั้นก็แปะเข้าที่หัวของตน เห็นได้ชัดว่าต้องการฆ่าตัวตาย


 


“คิดฆ่าตัวตาย อย่าได้หวัง!” หลี่ห้าวแค่นเสียงออกมา พร้อมกับยื่นมือเข้าไปอย่างรวดเร็ว หวังจะขโมยยันต์แผ่นนี้


 


ยังไงก็ตาม ยังไม่ทันที่มือของเขาจะไปถึง ก็พลันมีพลังมหาศาลส่งมาจากด้านหลังของเขา “ปัง” พร้อมกับถีบเขาจนกระเด็น กลิ้งหลุนๆ ไปหลายสิบตลบ ขณะที่ส่วนหลังยุบลงเป็นหลุมขนาดใหญ่ ไม่รู้ว่ากระดูกหักไปกี่มากน้อย


 


“เกะกะ” ในตอนนี้เอง ก็ได้มีเด็กหนุ่มเดินออกมาจากประตู ขณะที่ใบหน้าแสดงความดีใจออกมาอยู่หลายส่วน “สาวน้อย อย่าได้รีบร้อนอย่างนั้น อย่ามาตายเพราะไอ้ลูกสำส่อนนี่ มันไม่คุ้ม”


 


“เจ้า เป็นเจ้า!” เมื่อหญิงสาวเห็นอี้เทียนหยุนก็แสดงสีหน้าตกใจออกมา


CLS ตอนที่ 281: ไม่ พวกเจ้านั่นแหละที่ต้องตาย


 


คนที่เตะหลี่ห้าวกระเด็นไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นอี้เทียนหยุน เขาไล่ตามมาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับจัดการเตะหลี่ห้าวกระเด็นไป แรงที่ใช้เตะออกไปนั้นแรงมาก อย่างน้อยก็กลัวว่าเอวของหลี่ห้าวจะหักไปทั้งอย่างนั้นเลย


 


“แน่นอนว่าเป็นข้าอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นจะเป็นใครได้อีก?” อี้เทียนหยุนยิ้ม โชคดีที่มาทัน ไม่อย่างนั้น ผู้หญิงคนนี้คงต้องถูกหลี่ห้าวจับตัวไปจริงๆ แล้ว


 


“แต่ แต่เขาเป็นคนของอาณาจักรใต้พิภพ…..” ผู้หญิงคนนี้ตกใจ คงที่กล้าลงมือกับคนของอาณาจักรใต้พิภพอย่างนี้ นอกจากชายหนุ่มคนนี้แล้ว เธอก็ไม่เคยเห็นใครอีก!


 


เผ่าภูตก็เช่นกัน เพราะว่าถูกอาณาจักรใต้พิภพโจมตี ดังนั้นจึงได้ทำการต่อต้าน จะไปกล้าลงมือก่อนที่ไหน แต่ชายหนุ่มตรงหน้านี้กลับตรงกันข้าม เขาจัดการถีบผู้เชี่ยวชายระดับผันแปรวิญญาณซะกระเด็น พลังของเขาร้ายกาจมาก!


 


“ไอ้ลูกสำส่อน เจ้ากล้าเตะข้าอย่างงั้นเหรอ!” หลี่ห้าวเอามือยันพื้น เพราะกระดูกหักไปหลายท่อน ทำให้ยากที่จะฟื้นฟูได้ในทันที ทำให้เขาต้องสูดปาก พร้อมกับหยิบเม็ดยาใส่ปาก เพื่อช่วยฟื้นฟูอาการบาดเจ็บในร่างอย่างรวดเร็ว


 


“เตะเจ้าแล้วทำไม? ใครใช้ให้เจ้าขวางทางล่ะ ไม่รู้หรือไงว่าประตูมันเล็กน่ะ?”


 


อี้เทียนหยุนลืมตาพูดเหลวไหล ประตูออกจะใหญ่จนน่าตระหนก ต่อให้คนยืนเรียงแถวหน้ากระดานเดินพร้อมกันก็ไม่ใช่ปัญหา นี่เพราะเขาต้องการเตะหลี่ห้าวชัดๆ ยังจะหาข้ออ้างอีก


 


“เจ้าหนู ดูเหมือนว่าสุราคารวะจะไม่ชอบ ชอบสุราจับกรอก แค่แข็งแกร่งนิดหน่อยแล้วคิดจะทำตัวเป็นวีรบุรุษช่วยสาวงามอย่างงั้นเหรอ หัดดูความสามารถตัวเองซะบ้าง ลอบโจมตีอย่างนี้ นับว่ามีความสามารถอะไร!” หลี่ห้าวคำรามออกมาอย่างเดือดดาล ในมือพลันปรากฏยันต์ขึ้นหลายแผ่น เขาเป็นถึงระดับต้าซือ การที่จะมียันต์ติดตัวไม่ใช่เรื่องแปลก


 


เขาทำการแปะยันต์ลงบนร่าง พริบตา ร่างของเขาก็เปล่งแสง พร้อมกับเพิ่มพลังขึ้นในพริบตา ไม่ว่าจะความเร็ว หรือพลัง เพิ่มขึ้นไม่น้อยเลยทีเดียว!


 


“ปัง!” หลี่ห้าวกระทืบพื้น พร้อมกับกระโจนเข้ามา ดูแล้วเหมือนกับไม่เคยบาดเจ็บมาก่อน ภายใต้ผลการรักษาของเม็ดยากับยันต์ ทำให้อาการบาดเจ็บไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา


 


“หนีเร็ว!” หญิงสาวหน้าเปลี่ยนสี ลากอี้เทียนหยุนหลบไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว


 


เธอไม่คิดว่าอี้เทียนหยุนจะจัดการกับหลี่ห้าวได้ เธอคิดเหมือนกันกับหลี่ห้าวนั่นแหละ ถ้าลอบโจมตีอาจพอสู้ได้ แต่ถ้าให้จัดการกันซึ่งหน้า เขาไม่มีทางต้านรับได้อย่างแน่นอน


 


“คิดว่าจะหนีไปได้อย่างงั้นเหรอ!” หลี่ห้าวแค่นเสียงออกมา จากนั้นก็กระโจนตรงมาทางนี้ ด้วยความเร็วของเขา ทำให้ไล่มาทันอย่างรวดเร็ว พร้อมกับขวางอยู่ด้านหน้าของพวกเขา ขณะเดียวกันก็ยื่นมือเข้าใส่อี้เทียนหยุน ปลดปล่อยพลังระดับผันแปรวิญญาณออกมาจนหมด โดยไม่มีการออมแรงแม้แต่น้อย จนทำให้อากาศรอบๆ ถึงกับกระเพื่อมไหว ถ้าเปลี่ยนเป็นคนที่มีระดับต่ำกว่านี้ คงต้องถูกฝ่ามือนี้ตบจนร่างแหลกไปอย่างแน่นอน!


 


ฝ่ามือนี้ไม่ใช่เพื่อต้องการจับอี้เทียนหยุน แต่เป็นการสังหาร จะรอดก็มีแต่ผู้หญิงคนนี้เท่านั้น ถึงยังไงเธอก็เป็นคนของเผ่าภูต


 


สีหน้าของหญิงสาวซีดขาว ตอนนี้ต้องเธอคงต้องถึงจุดจบอย่างแน่นอน แต่เธอก็ไม่ได้รอความตายอยู่เฉยๆ เธอรีบหยิบยันต์ออกมา พร้อมกับปาใส่หลี่ห้าวอย่างไว แม้ว่าจะไม่มีความหมายอะไร แต่อย่างน้อยก็พอจะยับยั้งได้นิดๆ หน่อยๆ


 


ยังไงก็ตาม ก็ได้มีมือมาจับมือเธอไว้ ไม่ให้เธอปายันต์ออกมา และคนที่ทำก็คืออี้เทียนหยุนนั่นเอง เขาทำการก้าวออกไปหนึ่งก้าวด้วยความเร็วที่ราวกับสายฟ้า พร้อมกับเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วด้วยการเหวี่ยงหมัดออกไป ปะทะกับฝ่ามือของหลี่ห้าวที่ฟาดเข้ามา!


 


“เจ้าหนู หาที่ตาย!” สายตาของหลี่ห้าวเผยร่องรอยของความดูถูก คิดว่าอี้เทียนหยุนเป็นไอ้งั่ง แส่เข้าหาความตายด้วยตัวเอง!


 


“เปรี้ยง!”


 


เสียงพลังที่ป่าเถื่อนปะทะกัน ทำให้หลี่ห้าวกระเด็นไป หลังจากกลิ้งอยู่หลายตลบ เขาก็ชนเข้ากับกำแพงเมืองอย่างแรงถึงจะหยุดได้ ด้วยหมัดที่ต่อยออกไปของอี้เทียนหยุน ทำให้เขาถูกซัดปลิวไป!


 


“แขนของข้า แขนของข้า!” หลี่ห้าวนอนกองกับพื้น เอามือจับแขนข้างที่ปะทะไว้แน่น สีหน้ากลายเป็นขาวซีด แขนข้างนั้นห้อยต่องแต่ง พร้อมกับมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด ดูแล้วน่าสะพรึงอย่างมาก


 


“นี่ข้าใช้พลังเพียงเล็กน้อยเท่านั้นนะ ว่าไง จะเอาอีกไหม?” อี้เทียนหยุนเดินไปหาหลี่ห้าวทีละก้าว ขณะที่จ้องไปที่เขาอย่างเย็นชา


 


หญิงสาวคนนั้นที่อยู่ใกล้ๆ เอามือปิดปากด้วยความตกใจ หมัดของเขาซัดหลี่ห้าวจนกระเด็น ถ้าการโจมตีครั้งก่อนเป็นเพราะการลอบโจมตีล่ะก็ ครั้งนี้ก็คือการโจมตีซึ่งๆ หน้า แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น หลี่ห้าวกลับไม่สามารถต้านทานพลังของเขาเอาไว้ได้แม้แต่น้อย!


 


นี่หมายความว่าระดับของเด็กหนุ่มตรงหน้านี้ เหนือกว่าหลี่ห้าวอย่างแน่นอน นี่ไม่ใช่แค่พลังจะเหนือกว่าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่เป็นพลังที่บดขยี้อีกฝ่ายได้อย่างสมบูรณ์ ถ้านี่เป็นเพียงพลังเล็กน้อยอย่างที่เขาว่า งั้นก็หมายความว่าระดับของเขาจะต้องเหนือกว่าอีกฝ่ายมาก


 


“เจ้า เจ้าต้องตาย!” หลี่ห้าวคำรามออกมา พร้อมกับเอามือตบพื้นอย่างแรง กระโจนเข้ามาราวกับลูกหนัง พร้อมกับมียันต์บนมือถึงห้าแผ่น ก่อนที่จะปามาที่นี่อย่างรวดเร็ว


 


“ระวัง นี่เป็นยันต์ระเบิดเพลิง พลังของมันร้ายกาจมาก!” หญิงสาวรีบร้องเตือนอี้เทียนหยุน


 


เสียงของเธอเพิ่งจะจบ ยันต์ระเบิดเพลิงก็พลันระเบิดออกมา ราวกับมีมังกรเพลิงห้าตัว โอบล้อมอี้เทียนหยุนไม่หยุดยั้ง ยันต์ระเบิดเพลิงนี้มีพลังร้ายกาจมาก ยิ่งกว่านั้นยังเป็นยันต์ชั้น 5 สามารถจัดการได้แม้กระทั่งผู้ฝึกตนระดับผันแปรวิญญาณขั้นที่ 2! ยิ่งใช้พร้อมกันถึง 5 ชิ้นด้วยแล้ว พลังของมันยิ่งน่าสะพรึงขึ้นไปอีก


 


“ฮ่าๆๆ แข็งแกร่งแล้วยังไง สุดท้ายแล้วก็ตายในมือข้าอยู่ดี!” หลี่ห้าวหัวเราะออกมา ทั่วทั้งใบหน้าแสดงความดุร้ายออกมา มองดูเปลวเพลิงที่โอบล้อมร่างของอี้เทียนหยุนไว้


 


“ใครกันที่ตายในมือเจ้า?” เหมือนกับเสียงของภูตผีปีศาจดังขึ้นข้างหูหลี่ห้าว ทำให้หลี่ห้าวตกใจจนรีบหันไปดู แต่ที่คอยเขาอยู่กลับเป็นกำปั้นขนาดใหญ่!


 


“เปรี้ยง!”


 


หลี่ห้าวถูกหมัดซัดปลิวอีกครั้ง แต่หมัดในคราวนี้ซัดเข้าที่หัวของเขา ทำให้หัวของเขาหลุดกระเด็นไป ตายจนไม่สามารถตายได้อีก


 


“ติ๊ง ท่านสังหารหลี่ห้าวสำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 350,000, ค่าความคลั่ง 4,300, ความชำนาญในการสลักอาคม 500! ได้รับท่าเท้าหมีจง, ฝ่ามือเทียนฟง, ได้รับพู่กันฉานหยุน(ระดับจิตวิญญาณขั้นกลาง), ค่ายกลชั้น 5(สุ่ม), กระดาษยันต์ทรราช(หายาก)!”


 


เขาบดขยี้หลี่ห้าวลงอย่างง่ายดาย ไม่แม้จะต้องเปิดใช้งานโหมดคลั่งหมวดพลังโจมตี พึ่งพาเพียงแค่พลังของตนเองเท่านั้น ก็สามารถบดขยี้หลี่ห้าวได้ หลังจากจัดการอีกฝ่ายเรียบร้อยแล้ว เขาก็ทำการปล้นแหวนของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว ของที่เก็บในแหวนของนักสลักอาคม แน่นอนว่าย่อมมีมากมายมหาศาล


 


“ให้ค่าความชำนาญแค่ 500 แต่บอกข้าว่าเป็นนักสลักอาคมระดับต้าซือ คงมีแต่พลังเท่านั้นแหละที่เทียบได้กับนักสลักอาคมชั้น 5” อี้เทียนหยุนพูดอย่างดูถูก ประกาศว่าตัวเองเป็นนักสลักอาคมระดับต้าซือ แต่ที่แท้ก็เป็นแค่ต้าซือปลอมเท่านั้น


 


“เจ้า เจ้ากล้าสังหารเขาจริงๆ…..” ลูกน้องที่ถูกหญิงสาวปายันต์ระเบิดจนร่างกระเด็นไป เมื่อเห็นว่าอี้เทียนหยุนสังหารหลี่ห้าว ก็พลันเผยสีหน้าโกรธเคืองออกมา “เจ้า เจ้าตาย เจ้าต้องตาย……”


 


“เปรี้ยง!”


 


อี้เทียนหยุนวิ่งเข้าไป พร้อมกับหวดแข้งออกไป ซัดพวกเขาจนตายแบบไม่สามารถตายได้อีก โดยไม่ออมแรงแม้แต่น้อย


 


“ไม่ พวกเจ้านั่นแหละที่ต้องตาย” อี้เทียนหยุนพลันพูดขึ้นมา แต่พวกเขาคงไม่ได้ยินอีกแล้ว

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม