Crazy Leveling System 261-267
CLS ตอนที่ 261: พลังที่เหนือกว่า
“โอหัง อวดดี และก็ชั่วร้ายอย่างงั้นเหรอ?”
บรรพชนเทียนเหลยกับพวกพากันตกใจ จากนั้นก็หัวเราะเยาะออกมา “ถ้าพูดถึงเรื่องโอหังแล้ว ใครจะไปเทียบกับอาณาจักรใต้พิภพได้? ข้าไม่รู้ว่าเจ้าเป็นคนของอาณาจักรใต้พิภพหรือเปล่า แต่ต่อให้เป็นคนของอาณาจักรใต้พิภพ เมื่อสังหารคนของพวกเราไปมากมายขนาดนี้ ก็จำเป็นต้องชดใช้เช่นกัน!”
พูดจบ บรรพชนเทียนเหลยก็ซัดฝ่ามือออกไป พร้อมกับค่ายกลที่สลักไว้บนร่างพากันเปล่งแสงออกมาอย่างบ้าคลั่ง บรรยากาศรอบๆ พลันเต็มไปด้วยพลังสายฟ้าอย่างรวดเร็ว พร้อมกันนั้น ร่างเงาที่เกิดจากการรวมตัวของสายฟ้าก็ปรากฏขึ้น ราวกับเทพสายฟ้าก็ไม่ปาน
ภายใต้พลังของสายฟ้า ทำให้พลังรบของเขาเพิ่มขึ้นเป็นเส้นตรงในทันที!
6 ล้าน!
7 ล้าน!
8 ล้าน!
8.6 ล้าน!
ในที่สุด พลังที่เพิ่มขึ้นของเขาก็เหนือกว่าอี้เทียนหยุนในทันใด ตัวตนระดับบรรพชนล้วนมีวิธีเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวเองที่แตกต่างกัน นี่เป็นพลังของเขาโดยที่ยังไม่มีเครื่องป้องกันและอาวุธอะไรเลยสักชิ้น
พวกต้าเฉินที่เขาเจอเมื่อก่อนหน้าก็เช่นกัน คิดว่าพลังของพวกนั้นแข็งแกร่งพอแล้ว แต่ระดับบรรพชนพวกนี้กลับแข็งแกร่งจนถึงระดับที่ไม่อยากจะเชื่อ
การที่พลังของพวกเขาจะเหนือกว่าอี้เทียนหยุนก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ แม้ว่าเขาจะมีโหมดคลั่งที่เพิ่มพลังให้ 8 เท่า ซึ่งสามารถเอาชนะพวกเขาได้อย่างง่ายดายก็ตาม แต่พลังที่แท้จริงของเขากลับต่ำเกินไป มีพลังเพียงระดับผันแปรวิญญาณขั้นที่ 1 เท่านั้น ซึ่งห่างจากระดับผันแปรวิญญาณขั้นสุดท้ายอยู่ 7-8 ขั้น ซึ่งไม่ใช่อะไรที่โหมดคลั่งจะไล่ตามได้ ขนาดฝ่ายตรงข้ามยังไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดออกมาก็ยังมีพลังเหนือกว่าเขาไปขั้นหนึ่งแล้ว
“ต่อให้เจ้าจะมีสัตว์เทวะก็ต้องตายอยู่ดี!”
บรรพชนเทียนเหลยยกมือขั้น พร้อมกับหอกยาวที่ปรากฏขึ้นในมือ จากนั้น สายฟ้าก็มารวมตัวเข้ากับตัวหอก ทำให้ในมือของเขาไม่เหมือนกับถือหอก แต่เป็นสายฟ้ามากกว่า!
“ประกายแสงสำเนียงอัสนี!”(ตอนที่แล้วแปลผิดนะครับ มันไม่ใช่วิชาตัวเบา)
อึดใจต่อมา ดวงตาของบรรพชนเทียนเหลยก็เหมือนกับมีสายฟ้ากระโดดออกมา จากนั้น ร่างของเขาก็กลายเป็นสายฟ้าอย่างรวดเร็ว ราวกับสายฟ้าที่ผ่าลงมาจากสวรรค์!
9 ล้าน!
9.5 ล้าน!
10 ล้าน!
11 ล้าน!
ด้วยวิชาประกายแสงสำเนียงอัสนี ทำให้พลังของเขาระเบิดออกมาอีกครั้ง เมื่อรวมกับอาวุธในมือ ทำให้พริบตา พลังรบของเขาก็เพิ่มขึ้นเป็น 11 ล้าน! ด้วยข้อมูลที่ปรากฏตรงหน้า ทำให้อี้เทียนหยุนรู้สึกตกตะลึงขึ้นมา
อี้เทียนหยุนยกคันศรน้ำค้างแข็งเทวะในมือขึ้น จากนั้นก็น้าวสายจนสุด ยิงศรน้ำแข็งซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าที่ผ่านมาออกไป นี่เป็นการใช้ท่าพิเศษของอาวุธ น้ำค้างแข็งพิโรธ ซึ่งเป็นการผลาญค่าความคลั่งออกไป!
ด้วยพลังที่เพิ่มขึ้นสองเท่า ทำให้มันเทียบได้กับกระบี่ไร้สิ้นสุด ต่อให้มันจะไม่ใช่กระบี่ แต่ก็แข็งแกร่งกว่า!
“ฟิ้ว!!”
เพราะใช้ออกด้วยพลังที่ถึงขีดสุดของคันศรน้ำค้างแข็งเทวะ ทำให้พลังของศรน้ำแข็งนี้เพิ่มขึ้นอย่างมาก พริบตาพลังรบก็กระโดดขึ้นไปมากกว่า 15 ล้าน!
บรรพชนเทียนเหลยคิดจะบดขยี้ศรน้ำแข็งนี้ แต่ก็ถูกศรน้ำแข็งนี้ชนเข้า!
“น้ำค้างแข็งพิโรธ!”
“!”
ขณะที่ศรน้ำแข็งพุ่งผ่านอากาศเข้าไป ก็ทำให้บรรยากาศรอบๆ จับตัวเป็นน้ำแข็งในพริบตา ทำให้อุณหภูมิตกลงไปหลายส่วน ทุกที่ในระยะสายตากลายเป็นทุ่งน้ำแข็ง ขณะที่พุ่งผ่านอากาศ มันก็ได้กลายร่างเป็นฟีนิกซ์ตัวมหึมา ก่อนจะพุ่งเข้าใส่บรรพชนเทียนเหลย
บรรพชนเทียนเหลยที่เห็นฟีนิกซ์น้ำแข็งพุ่งเข้ามาก็หน้าเปลี่ยนสี สัมผัสได้ถึงอันตราย เขาคิดจะหลบ แต่ก็พบว่าไม่สามารถหลบได้ ดังนั้นจึงปลดปล่อยค่ายกลสายฟ้าบนร่างออกมา ทำให้พลังเพิ่มขึ้นอีกครั้ง อี้เทียนหยุนตรวจสอบดู คิดไม่ถึงว่าจะมีพลังน่าสะพรึงขนาดนี้ เกินกว่าที่เขาจินตนาการเสียอีก
“เปรี้ยง!”
ทั้งสองฝ่ายปะทะกัน บรรพชนเทียนเหลยถูกซัดจนปลิว ขณะที่ร่างกลายเป็นก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่ พร้อมกับหลายที่ที่ถูกแช่แข็งไปโดยตรง พลังที่กดขี่ของน้ำค้างแข็งพิโรธ ได้สะกดบรรพชนเทียนเหลยคนนี้ได้อย่างชะงัดนัก
“สารเลวเอ๊ย!”
บรรพชนเทียนเหลยคำรามออกมาอย่างเดือดดาล พร้อมกับค่ายกลบนร่างที่เปล่งแสงขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับทำลายน้ำแข็งที่เกาะตามร่างออกไปในพริบตา ทำให้ร่างกายกลับมามีความรู้สึกอีกครั้ง แต่ศรน้ำแข็งนี้ก็ได้ทำให้ร่างกายของเขาบาดเจ็บ สามารถเห็นรอยน้ำแข็งกัดเป็นจุดดำๆ อยู่หลายจุดอย่างเห็นได้ชัด
“ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!”
พริบตานี้ก็มีศรน้ำแข็งถูกยิงออกไปสามดอกซ้อน แต่ว่าคราวนี้ไม่ใช่น้ำค้างแข็งพิโรธ เนื่องเพราะยังติดคูลดาวน์อยู่ เขาจึงต้องทำการถ่วงเวลา ซึ่งกระบวนการนี้ต้องใช้เวลาทั้งหมด 5 นาที ซึ่งถือเป็นเวลาที่นานมาก
ดังนั้น อี้เทียนหยุนจึงได้ทำการโจมตีธรรมดาเพื่อถ่วงเวลาบรรพชนเทียนเหลยเอาไว้ แต่แม้จะเป็นแค่การโจมตีธรรมดา แต่พลังของศรแต่ละดอกต่างก็น่าสะพรึงเหมือนกัน เพราะพวกมันต่างมีพลังรบถึง 7-8 ล้าน
“สลายไปซะ!”
บรรพชนเทียนเหลยคำรามออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว พร้อมกับซัดกวาดหอกในมือออกไป กระแทกใส่ศรน้ำแข็งจนแตกออกเป็นชิ้นๆ ไม่สามารถทำอะไรต่อเขาได้ เพราะพลังของศรทั้งสามอ่อนแอมาก เป็นธรรมดาที่เขาจะสามารถทำลายมันทิ้งได้อย่างง่ายดาย
“เทียนเหลย ปล่อยมันให้ข้าจัดการเอง!” บรรพชนป้าเหลยที่มีสายฟ้าแล่นแปลบอยู่ในดวงตาเตรียมที่จะลงมือ
“ป้าเหลยไม่ต้อง เจ้าหนูนี่ข้าจัดการเอง!” บรรพชนเทียนเหลยพูดอย่างเดือดดาล “ข้าไม่เชื่อว่าจะเทียบกับเจ้าเด็กขนอ่อนนี่ไม่ได้! ถ้าไม่ได้จัดการมันด้วยตัวเอง ข้าก็ไม่สามารถระงับความโกรธในใจได้ ข้าจะให้มันรู้ ว่าตอนนี้ยังไม่ใช่ยุคสมัยของมัน แต่เป็นยุคสมัยของพวกเรา!”
“ได้ งั้นเจ้าจัดการ” บรรพชนป้าเหลยอยากจะเข้ามาช่วย เมื่อเห็นว่าพลังของอีกฝ่ายแข็งแกร่งกว่า
แต่บรรพชนเทียนเหลยอยากจะรักษาหน้า เขาไม่เชื่อว่าจะไม่สามารถจัดการกับเด็กรุ่นหลังได้ นี่มันทำให้เขารู้สึกเสียหน้าจริงๆ
จากนั้น พลังของบรรพชนเทียนเหลยก็เพิ่มขึ้นอีกครั้ง ค่ายกลบนร่างพลันโชนแสงออกมาถึงขีดสุด
พลังรบของเขาก็เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน พริบตาก็เพิ่มขึ้นเป็น 13 ล้าน จากพลังรบตอนแรก 5 ล้าน ระเบิดขึ้นมาเป็น 13 ล้าน แม้จะรวมกับอาวุธ วิชาและค่ายกลที่สลักบนร่างก็เถอะ แต่จำนวนนี้ก็ถือว่ามากอยู่ดี
ซึ่งพลังระดับนี้แน่นอนว่าไม่เคยมีมาก่อน สามารถระเบิดพลังได้ถึงระดับนี้ นักสลักอาคมนี่ช่างแข็งแกร่งจริงๆ ใครจะไปคิดว่าพวกเขาจะสลักค่ายกลไว้บนร่าง คงจะไร้เดียงสาเกินไปที่คิดว่าการสลักค่ายกลลงบนร่างจะไม่มีผลข้างเคียง ซึ่งแน่นอนว่าการสลักค่ายกลลงบนร่างย่อมต้องใช้วิธีพิเศษ แต่แม้ว่านำผลข้างเคียงขนาดใหญ่มาให้ แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็น่าตื่นตะลึงเช่นกัน
วิชาลับของวังเสินเหวินแข็งแกร่งมาก แต่น่าเสียดายที่พวกเขาต้องมาเจอกับอี้เทียนหยุน
“ไม่เสียทีที่เป็นถึงระดับบรรพชนของวังเสินเหวิน นี่สินะพลังที่แท้จริงของผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณ…..”
ดวงตาทั้งสองข้างของอี้เทียนหยุนเผยประกายเย็นชาออกมา จากนั้นก็เรียกของในช่องเก็บของ พร้อมกับสวมใส่กระบี่หนักชิงเทียน, เกราะชิงเทียน, เกราะแข้งชิงเทียนทั้งสามชิ้น เปิดใช้งานเอฟเฟ็กชุดเซ็ตในทันที
“ติ๊ง ท่านสวมใส่เกราะชิงเทียนสำเร็จ ได้รับพลังป้องกันเพิ่มขึ้น 5 เท่า, ในช่วงวิกฤต สามารถสร้างโล่ป้องกันการโจมตีได้ 1 ชั้น!”
“ติ๊ง ท่านสวมใส่เกราะแข้งชิงเทียนสำเร็จ ได้รับความเร็วเพิ่มขึ้น 5 เท่า(เฉพาะภาคพื้นดิน) เมื่อโจมตี จะสามารถเพิ่มความเร็วขึ้นเป็น 10 เท่าได้ในพริบตา!”
“ติ๊ง ท่านสวมใส่กระบี่หนักชิงเทียนสำเร็จ ได้รับพลังโจมตีเพิ่มขึ้น 3 เท่า เมื่อโจมตีโดนศัตรู การโจมตีครั้งที่สองจะรุนแรงขึ้น เมื่อติดคริติคอล จะทำให้เกิดพลังโจมตีเพิ่มขึ้น 5 เท่า!”
“ติ๊ง ท่านสวมใส่ชุดเซ็ตชิงเทียนสำเร็จ ได้รับพลังเพิ่มขึ้น 5 เท่า, ความเร็วเพิ่มขึ้น 2 เท่า, พลังป้องกันเพิ่มขึ้น 2 เท่า, เมื่อเผาผลาญค่าความคลั่ง 5,000 จะสามารถปลดปล่อยท่าชิงเทียนพิโรธได้!”
เมื่อสวมใช่ชุดใหม่ ทำให้ทั้งร่างของเขาปรากฏลำแสงที่พิเศษเฉพาะออกมา พลังของเขาได้เข้าสู่ระดับใหม่ ในตอนนี้ พลังรบของเขาได้เพิ่มขึ้นเป็น 13 ล้านแล้ว!
มากกว่าก่อนหน้านี้ถึง 5 ล้าน นี่คือเสน่ห์ของเครื่องป้องกันและอาวุธ มันสามารถเพิ่มพลังทุกด้านให้กับเขาได้ในทันที
CLS ตอนที่ 262: ชิงเทียนพิโรธ!
หลังจากอี้เทียนหยุนสวมใส่ชุดเซ็ตเข้าไป พลังรบของเขาก็เพิ่มขึ้นเป็น 13 ล้าน นี่แทบจะเท่ากับพลังรบของบรรพชนเทียนเหลยเลย ซึ่งพลังรบนี้ยังไม่ได้รวมกับโหมดคลั่ง ซึ่งถ้ารวมโหมดคลั่งเข้าไป มันจะต้องน่าสะพรึงยิ่งกว่านี้อย่างแน่นอน
แน่นอนว่าพลังรบในตอนนี้ของเขาก็น่าตื่นตะลึงมากพอแล้ว พลังรบแข็งแกร่งขึ้น 5 ล้าน นี่ถือเป็นการท้าทายสวรรค์อย่างมาก
“เข้ามา!”
ลำแสงเย็นชาพุ่งผ่านแววตาของอี้เทียนหยุนไป ถือกระบี่หนักที่ยาว 2 จ้าง(6.66 เมตร)ไว้ในมือ ดูแล้วถือเป็นกระบี่ที่ใหญ่มาก น้ำหนักของมันไม่รู้ว่าหนักกี่สิบจิน เมื่อพวกเขาได้เห็นก็พากันตกใจ น้อยมากที่จะเห็นคนที่ใช้กระบี่ใหญ่กว่าตัว ซึ่งเหตุผลก็ง่ายมาก เพราะมันยากที่จะใช้ได้คล่อง ทั้งยังขาดความยืดหยุ่นอีก
อึดใจต่อมา เขาก็สวมปีกฟีนิกซ์เข้าไป พร้อมกับทะยานเข้าใส่บรรพชนเทียนเหลย ความเร็วของเขานั้นเร็วมาก พริบตาก็มาปรากฏตรงหน้าบรรพชนเทียนเหลยแล้ว ไม่ต้องให้บรรพชนเทียนเหลยเข้าไป อี้เทียนหยุนก็เข้ามาหาที่ตายตรงหน้าเขาแทนแล้ว!
“ตายซะ!”
อี้เทียนหยุนคำรามเสียงดัง พร้อมกับเหวี่ยงกระบี่หนักชิงเทียนในมือลงมืออย่างโหดเหี้ยม บรรพชนเทียนเหลยก็ไม่รอช้า สะบัดหอกยาวในมือขึ้นต้านรับทันที
“เคร้ง!”
เสียงปะทะกันของอาวุธทั้งสองชิ้นระเบิดขึ้นกลางอากาศ ก่อให้เกิดเป็นคลื่นอัดอากาศกระจายออกไป ซัดสิ่งของที่ไม่ยึดติด ไม่ว่าจะเป็นเศษหินดินทรายล้วนแต่ปลิวว่อน ภายใต้การปะทะกันครั้งนี้ ทั้งสองคนต่างเสมอกันอย่างไม่คาดคิด ไม่มีใครยอมถอยให้กันแม้แต่น้อย
“เป็นพลังที่แข็งแกร่งมาก ทำไมเจ้าหนูนี่ถึงได้ร้ายกาจขนาดนี้?” ในใจบรรพชนเทียนเหลยเต็มไปด้วยความแตกตื่น พลังนี้ร้ายกาจมากจริงๆ ไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาเลยสักนิด ร่างกายของเขานั้นแก่แล้ว แต่ก็ไม่ได้แย่อะไร รวมถึงมีค่ายกลช่วยเหลือ ถือว่าแข็งแกร่งกว่าผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณส่วนใหญ่ด้วยซ้ำ
แต่การปะทะกับอี้เทียนหยุนเมื่อกี้ ผลปรากฏออกมาว่าเสมอกัน! นี่ทำให้เขาเดาว่าอี้เทียนหยุนจะต้องอยู่ในระดับผันแปรวิญญาณช่วงท้ายแล้วแน่ๆ ไม่อย่างนั้นทำไมถึงได้แข็งแกร่งขนาดนี้?
ที่เขาคาดเดาออกมาอย่างนี้ก็เป็นเรื่องที่ง่ายมาก นั่นก็เพราะกลิ่นอายของพลังที่อี้เทียนหยุนปล่อยออกมานั่นแข็งแกร่งมากยังไงล่ะ ภายใต้โหมดคลั่ง ไม่ว่าจะพลังหรือกลิ่นอายที่อี้เทียนหยุนปล่อยออกมา ล้วนแต่อยู่ในระดับผันแปรวิญญาณช่วงท้ายแล้ว โดยเฉพาะพลังในปัจจุบันของเขา ทำให้เขาตัดสินว่าอี้เทียนหยุนจะต้องอยู่ในระดับผันแปรวิญญาณช่วงท้ายแล้วอย่างแน่นอน
ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ มันก็ท้าทายสวรรค์เกินไปแล้ว อาณาจักรใต้พิภพมีอัจฉริยะอย่างนี้ด้วยเหรอ? แน่นอนว่าอาณาจักรใต้พิภพมีอัจฉริยะอยู่มากมาย แต่เด็กหนุ่มตรงหน้านี้ออกจะท้าทายสวรรค์เกินไป
อี้เทียนหยุนไม่คิดมาก เขาทำการเหวี่ยงกระบี่หนักชิงเทียนในมืออย่างรุนแรง ฟันฉับลงไปอีกครั้ง ไม่ยอมหยุดเสียเวลาแม้แต่น้อย
“เคร้ง!”
เสียงปะทะดังมาอีกครั้ง คราวนี้ บรรพชนชิงเทียนต้องถูกส่งถอยไปเล็กน้อย พลังที่มากกว่าเดิมของอี้เทียนหยุนทำให้เขาถึงกับตัวสั่น นี่ยังสามารถเพิ่มพลังได้อีกอย่างงั้นเหรอ?
“เจ้าเด็กนี่ยังไม่ถึงขีดกำจัดอีกอย่างงั้นเหรอ?” ในใจบรรพชนเทียนเหลยอดไม่ได้ให้สั่นสะท้าน
ไม่รอให้เขาได้คิด อี้เทียนหยุนก็ฟันกระบี่ลงมาอีกครั้ง บรรพชนเทียนเหลยไม่มีทางให้หลบ ทำให้เพียงตวัดหอกขึ้นต้านรับอย่างต่อเนื่อง
“เคร้ง!”
คราวนี้ร่างของบรรพชนเทียนเหลยส่งให้ถอยออกไปไกลกว่าเดิม ทั้งง่ามมือของเขายังรู้สึกชาขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าพลังในคราวนี้มากกว่าคราวก่อนอีกหนึ่งขั้น
อี้เทียนหยุนไม่หยุดมือแม้แต่น้อย ยังคงฟันลงไปอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับพลังที่เพิ่มขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ พลังของเขาได้มากกว่าเดิมแล้ว จากพลังรบ 13 ล้าน ตอนนี้ได้กลายเป็น 13.8 ล้าน เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม 800,000!
เอฟเฟ็กยังคงแสดงผลอย่างต่อเนื่อง ยิ่งโจมตีมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งแสดงพลังที่ร้ายกาจมากขึ้นไปเท่านั้น
“เคร้ง!”
ภายใต้การฟันอีกครั้ง ร่างของบรรพชนเทียนเหลยก็ถูกส่งออกไปไกล หอกในมือของเขาแทบจะหลุดมือ
“พลังน่ากลัวมาก ต้องฆ่า ต้องฆ่ามันให้ได้!” ในใจบรรพชนเทียนเหลยสั่นสะท้าน ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปเขาจะต้องตายอย่างแน่นอน เขาไม่อยากตาย มีใครบ้างที่ไม่หวาดกลัวต่อความตาย ทันใดนั้นเขาก็ละทิ้งศักดิ์ศรีเมื่อก่อนหน้า พร้อมกับร้องขอความช่วยเหลือจากบรรพชนป้าเหลยในทันที
“เจ้าหนู เจ้าจบเพียงแค่นี้แหละ!” ในมือของบรรพชนป้าเหลยพลันปรากฏหอกยาวขึ้นหลายเล่ม พร้อมกับเล็งมาทางอี้เทียนหยุน เขาก็ไม่สามารถเอาแต่มองอยู่ด้านข้างต่อไปได้เช่นกัน ต่อให้บรรพชนเทียนเหลยจะไม่ร้องขอความช่วยเหลือ เขาก็คิดจะลงมือเองเช่นกัน
เขาเห็นถึงความร้ายกาจของอี้เทียนหยุนได้อย่างชัดเจน บรรพชนเทียนเหลยได้ถูกส่งออกไปไกลขึ้นทุกที ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป คู่หูของเขาจะต้องตกอยู่ในอันตรายอย่างแน่นอน
ภายใต้การล้อมโจมตีของทั้งสอง สีหน้าของอี้เทียนหยุนก็ได้จมลง พลังของบรรพชนป้าเหลยแข็งแกร่งกว่า ถ้าถูกรุมล่ะก็ เขาจะต้องลำบากอย่างแน่นอน เขาไม่สามารถปล่อยให้เป็นอย่างนี้ได้!
“ชิงเทียนพิโรธ!”
อึดใจต่อมา อี้เทียนหยุนได้ตวัดกระบี่หนักในมือออกไป ภายใต้การเผาผลาญค่าความคลั่ง 5,000 แต้ม ฟันลงไปทางบรรพชนเทียนเหลย กระบี่หนักชิงเทียนปล่อยคลื่นกระบี่ออกไป ก่อนที่คลื่นกระบี่จะก่อตัวเป็นกระบี่หนักชิงเทียนเล่มมหึมา พร้อมกับฟันฉับลงไป!
พลังรบ 18 ล้าน!
“เปรี้ยง!”
“ไม่!!”
บรรพชนเทียนเหลยร้องโหยหวนออกมา มองดูกระบี่หนักชิงเทียนที่ฟันลงมา เขาก็ทำได้เพียงกรีดร้อง ค่ายกลที่อยู่บนร่างของเขาเปล่งแสง พร้อมกับยกหอกในมือขึ้นต้าน แต่ก็ไม่สามารถต่อต้านกระบี่ที่น่าสะพรึงนี้ได้ ด้วยเพราะพลังของอี้เทียนหยุนในตอนนี้แข็งแกร่งกว่าเขามาก ทำให้เขาไม่สามารถต้านทานได้
“เทียนเหลย!” บรรพชนป้าเหลยร้องออกมา แต่ก็สายไปแล้ว
ลำแสงกระบี่ได้ตัดผ่านร่างบรรพชนเทียนเหลยออกเป็นสองส่วน ก่อนที่จะหายไป
“ติ๊ง ท่านสังหารบรรพชนเทียนเหลยสำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 3.1 ล้าน, ค่าความคลั่ง 50,000, ค่าความชั่ว 2,000, ความชำนาญในการสลักอาคม 10,000, ได้รับวิชาประกายแสงสำเนียงอัสนี, วิชาเทียนเหลย, ได้รับ หอกเทวะเทียนเหลย, ค่ายกลสังหารเทพ, มุกเทวะเทียนเหลย(หายาก)”
“ติ๊ง ท่านได้สังหารศัตรูข้ามระดับ ได้รับค่าประสบการณ์เพิ่มเติม 30 ล้าน, ค่าความคลั่ง 100,000, ค่าความชั่ว 1,000, สิทธิ์ในการสุ่มลอตเตอรี่รุ่นปรับปรุง 1 ครั้ง!”
หลังจากฟันกระบี่สังหารอีกฝ่ายไป เขาก็ได้ทำการบินถอยออกมาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะเปลี่ยนจากกระบี่หนักชิงเทียนเป็นคันศรน้ำค้างแข็งเทวะ พร้อมกับยิงไปยังบรรพชนป้าเหลยที่กำลังโกรธเกรี้ยว ปลดปล่อยท่าน้ำค้างแข็งพิโรธออกไป
พลังของมันแข็งแกร่งเหมือนกับครั้งก่อน เพียงแต่คราวนี้บรรพชนป้าเหลยนั้นแข็งแกร่งกว่าบรรพชนเทียนเหลย ทำให้เขาแทงหอกในมือขึ้นต้านรับโดยตรง
“เปรี้ยง!” น้ำค้างแข็งพิโรธถูกทำให้ระเบิดออก แต่พลังความเย็นสุดขั้วกลับไม่ส่งผลอะไรต่อเขา ด้วยมีค่ายกลคอยต้านทาน ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บจากอาการน้ำแข็งกัดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จนแทบจะไม่สนใจก็ยังได้
“บังอาจสังหารเทียนเหลย เจ้าต้องตาย!” บรรพชนป้าเหลยโมโห เขาโมโหสุดๆ
สายฟ้าที่อยู่บนฟ้ามารวมตัวกันไม่หยุด ผสานเข้าไปในร่างของเขา ทำให้พลังรบของเขาเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง โคจรเคล็ดวิชาเทียนเหลยไม่หยุด เมื่อเทียบกับบรรพชนเทียนเหลยแล้ว บรรพชนป้าเทียนแข็งแกร่งกว่ามาก!
แล้วความจริงก็อยู่ตรงหน้า พลังรบ 17 ล้าน นี่เป็นหลักฐานที่ใช้ยืนยันได้ดีที่สุด นี่หมายความว่าเขากำลังเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุด
CLS ตอนที่ 263: พลังรบ 20 ล้าน!
พลังรบของบรรพชนป้าเหลยพลันพุ่งทะยาน สูงกว่าพลังรบแรกเริ่มของตนถึง 3 เท่า ยิ่งกว่านั้น ตัวเลขนี้ยังไม่ใช่ขีดจำกัดของเขา ยังคงจะเพิ่มได้อีก! อย่างไรก็ตาม อย่างน้อยพลังของเขาในตอนนี้ก็ได้สร้างแรงกดดันให้กับอี้เทียนหยุนแล้ว
“ข้าไม่สนว่าเจ้าจะเป็นคนของอาณาจักรใต้พิภพหรือขุมอำนาจไหน แต่ในเมื่อเจ้ากล้าฆ่าเทียนเหลย เจ้าก็ต้องตาย!” บรรพชนป้าเหลยพูดออกมาอย่างโกรธแค้น น้ำเสียงราวกับสายฟ้าที่ผ่าลงมากลางแจ้ง
มีศิษย์หลายคนที่ยังคงอยู่ติดตามสถานการณ์ พวกเขาเห็นถึงพลังที่น่าหวาดกลัวของบรรพชนป้าเหลย แต่ก็ตกใจกับพลังของอี้เทียนหยุนเช่นกัน ในตอนที่บรรพชนเทียนเหลยถูกกระบี่เล่มนั้นผ่าครึ่ง เป็นภาพที่พวกเขาไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ!
นี่คือบรรพชนของพวกเขา บรรพชนที่ร้ายกาจไร้เทียมทาน แต่กลับมาถูกเด็กหนุ่มคนหนึ่งฆ่า นี่มันยากเกินกว่าที่พวกเขาจะเชื่อได้?
อี้เทียนหยุนมองไปยังเขาอย่างเย็นชา บรรพชนป้าเหลยคนนี้มีพลังมากพอแล้วจริงๆ แต่ก็แค่ตอนนี้เท่านั้น
“ใช่ สำหรับข้าแล้ว วังเสินเหวินก็ต้องถูกกำจัดทิ้งวันนี้เช่นกัน!” เขาถือกระบี่หนักชิงเทียนขึ้นขวาง พร้อมกับรวบรวมพลังเอาไว้
“งั้นมาดูกันว่าใครจะถูกฆ่าตายก่อน!” บรรพชนป้าเหลยรวบรวมพลังเสร็จแล้ว เขาทำการแทงหอกในมือเข้ามา ภายใต้พลังของสายฟ้าที่เขาถือครองอยู่ มันได้ช่วยเพิ่มพลังให้กับเขาอย่างมาก ราวกับกลายเป็นสายฟ้า พลังทุกอย่างของเขาถูกรวมอยู่ในหอกเล่มนี้ แทงทะลุมายังที่นี่
“ประกายแสงสำเนียงอัสนี!”
“เปรี้ยง!”
พร้อมๆ กับเสียงฟ้าผ่า เขาทะยานเข้ามาพร้อมกับหอกในมือ ตัวหอกพลันเปลี่ยนเป็นมังกรสายฟ้า พุ่งทะยานเข้าใส่เขา ราวกับต้องการฉีกกระชากเขาทั้งเป็น
อี้เทียนหยุนในตอนนี้ไม่ได้เลือกที่จะทำการป้องกัน แต่กลับตวัดกระบี่หนักชิงเทียนออกไป พุ่งเข้าใส่บรรพชนป้าเหลย พร้อมกับฟันฉับลงไปอย่างแรง!
“ชิงเทียนสะบั้น!”
สายฟ้าโจมตีมาถึงตรงหน้าอย่างรวดเร็ว พร้อมๆ กับกระบี่หนักในมือที่ฟันฉับออกไป ปะทะกับมังกรสายฟ้า ฟันลงบนร่างของบรรพชนป้าเหลย
“เคร้ง!”
เสียงปะทะกันดังมา อาวุธทั้งสองปะทะเข้าด้วยกัน ส่งเป็นเสียงดังลั่น ยังไงก็ตาม คราวนี้อี้เทียนหยุนเป็นฝ่ายที่ถูกทำให้ถอยออกมา พลังของบรรพชนป้าเหลยแข็งแกร่งมาก ยิ่งค่ายกลบนร่างยิ่งเปล่งแสงแสบตา ราวกับรวมเข้ากับความโกรธ ระเบิดเป็นพลังโจมตีที่ร้ายกาจเข้าใส่เขา
“ตายซะ!”
พริบตาที่การโจมตีถูกรับเอาไว้ได้ บรรพชนป้าเทียนก็พุ่งทะยานออกมาอีกครั้ง พริบตาก็มาปรากฏขึ้นใกล้ๆ ในจังหวะนี้ อี้เทียนหยุนยังคงไม่ยอมแพ้ หมุนตัวฟันกระบี่หนักชิงเทียนออกไป กะฟันร่างบรรพชนป้าเหลยออกเป็นสองส่วน!
“เคร้ง!”
แต่กระบวนท่านี้ยังคงถูกบรรพชนป้าเหลยป้องกันเอาไว้ได้ แต่คราวนี้อี้เทียนหยุนไม่ได้ถูกทำให้กระเด็นออกมาไกลนัก ภายใต้การโจมตีครั้งที่สอง ทำให้พลังของเขาเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย ยังไงก็ตาม การเพิ่มขึ้นของพลังในคราวนี้กลับไม่มีความหมายอะไรต่อบรรพชนป้าเหลยแม้แต่น้อย
หลังจากป้องกันได้อีกครั้ง บรรพชนป้าเหลยก็เข่นฆ่ามาถึงตรงหน้า แทงหอกในมือออกมา ปลดปล่อยหัวมังกรสายฟ้าออกมา ทำให้หัวมังกรพุ่งขย้ำเข้าใส่เขา แต่ในขณะที่กำลังจะลงมืออยู่นั้น เกราะชิงเทียนก็พลันเปล่งแสงออกมา พร้อมกับก่อตัวเป็นโล่หนา ต้านทานการโจมตีนี้เอาไว้ ทำให้คมหอกที่กลายเป็นหัวมังกรไม่สามารถขยับมาข้างหน้าได้อีกแม้แต่น้อย!
ในช่วงวิกฤตนี้ เกราะชิงเทียนก็ได้สร้างการป้องกันขึ้น ก่อตัวเป็นโล่หนา ป้องกันการโจมตีนี้ไว้
“นี่มันอะไรกัน?” บรรพชนป้าเหลยรู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถแทงต่อไปได้ ด้วยพลังที่แข็งแกร่งของตน กลับถูกป้องกันเอาไว้ได้อย่างไม่คาดคิด
โดยไม่รอให้เขาได้คิด อี้เทียนหยุนได้ฟันกระบี่ออกไปอีกครั้ง บรรพชนป้าเหลยก็ได้ทำการป้องกัน ก่อให้เกิดเสียงปะทะกันดังสนั่น “เคร้ง” คราวนี้บรรพชนป้าเหลยเป็นฝ่ายถูกทำให้ถอยกลับไปบ้างแล้ว
ภายใต้การปะทะพลังกันคราวนี้ พลังของอี้เทียนหยุนได้แข็งแกร่งกว่าอีกฝ่ายเล็กน้อย ภายใต้พลังที่เพิ่มขึ้น ทำให้เขาเหนือกว่าบรรพชนป้าเหลยนิดหน่อย!
“อีกครั้ง!”
อี้เทียนหยุนคำรามออกมา เหวี่ยงกระบี่หนักชิงเทียนในมือลงไปอีกครั้ง ขณะเดียวกัน บรรพชนป้าเหลยก็ได้โจมตีออกมาเช่นกัน แต่ก็ถูกโล่ของเกราะป้องกันไว้ ภายใต้เอฟเฟ็กของเกราะชิงเทียน ทำให้เขาไม่สามารถแทงเข้ามาได้
ภายใต้การปะทะกันอย่างบ้าคลั่ง พลังโจมตีของอี้เทียนหยุนก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้น จนต่อสู้ได้สูสีกับบรรพชนป้าเหลยอย่างไม่คาดคิด ในตอนนี้ สีหน้าของศิษย์ที่มองอยู่ได้พากันเปลี่ยนสี ทำไมอีกฝ่ายถึงได้ร้ายกาจถึงขนาดต่อสู้ได้สูสีกับบรรพชนที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขาได้?
บรรพชนของพวกเขามีพลังถึงระดับผันแปรวิญญาณขั้นสูงสุด ซึ่งอีกแค่ครึ่งก้าวก็จะเข้าสู่ระดับวิญญาณเที่ยงแท้แล้ว ทำไมถึงได้แพ้ต่อเด็กหนุ่มคนนี้?
“เคร้ง!”
หลังจากการโจมตีนี้ บรรพชนป้าเหลยก็ถูกส่งกระเด็นไป ในมือที่กำลังกุมด้ามหอกเริ่มสั่น การโจมตีของศัตรูเริ่มร้ายกาจขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่การโจมตีของเขากลับไม่สามารถสร้างความเสียหายให้อีกฝ่ายได้แม้แต่น้อย ด้วยมีโล่คอยป้องกัน ทำให้เขาไม่สามารถโจมตีอีกฝ่ายได้ง่ายนัก
นี่ทำให้เขาพลันรู้สึกหวาดกลัว ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป เขาต้องถูกลากถ่วงจนตายอย่างแน่นอน แต่ไม่มีใครรู้ว่าอี้เทียนหยุนไม่ต้องการลากถ่วงเช่นกัน โล่ป้องกันนี้มีเวลาจำกัด ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะทำการโจมตีอย่างบ้าคลั่ง เพื่อเพิ่มพลังให้กับตัวเอง
“เป็นแค่เด็กรุ่นหลังแท้ๆ ช่างสามหาวนัก!” บรรพชนป้าเหลยคำรามกร้าวออกมา พร้อมกับเกิดการระเบิดขึ้นบนร่าง ตามมาด้วยเลือดที่ไหลอาบร่างท่อนบน ย้อมให้ร่างท่อนบนกลายเป็นสีชมพูอ่อน พลังของเขาได้เพิ่มขึ้นอีกครั้ง ร่างกายขยายใหญ่ขึ้น ปลดปล่อยพลังสายฟ้าออกมาถึงขีดสุด
ถ้าก่อนหน้านี้ดูเหมือนกับเทพสายฟ้าแล้ว ตอนนี้ยิ่งดูเหมือนกับเทพสายฟ้ายิ่งกว่า
“ท่านบรรพชนเลือกที่ผลาญแกนโลหิตแล้ว ครั้งนี้เขาทุ่มสุดตัวจริงๆ……”
“หวังว่าท่านบรรพชนจะสังหารเจ้าสารเลวนี้ได้ ไม่อย่างนั้น วังเสินเหวินของเราคงต้องจบสิ้นแน่แล้ว!”
“บรรพชนปลดปล่อยพลังสมบูรณ์แบบแล้ว เขาจะต้องบดขยี้เจ้าเด็กนั่นได้อย่างแน่นอน!”
ผู้จัดการพวกนี้เชื่อมั่นในตัวบรรพชนของพวกเขาอย่างสุดใจ และความจริงก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ภายใต้การผลาญแกนโลหิตกับการปลดปล่อยพลังของค่ายกลบนร่าง พลังของเขาก็เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งขั้นใหญ่ นี่เหมือนกับผลของเม็ดยาคลุ้มคลั่ง แต่ผลของเม็ดยากลับมีขีดจำกัด นี่เป็นปัญหาของเม็ดยา ใช่ว่าจะแก้กันได้ง่ายๆ
ถ้าพลังฝึกตนต่ำ ผลลัพธ์ที่แสดงออกมาก็ต่ำ แต่ถ้าระดับฝึกตนสูง ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะสูงตาม
“ดีมาก เจ้าทำให้ข้าต้องใช้ทุกอย่างออกมา ข้าเข้าใจพลังอันเล็กจ้อยของเจ้าแล้ว ถึงเวลาต้องจบทุกอย่างเสียที!” บรรพชนป้าเหลยจับหอกในมือแน่น นัยน์ตามีสายฟ้าแล่นพล่าน พลังรบเพิ่มขึ้นช่วงใหญ่ จากพลังรบ 16 ล้าน เพิ่มขึ้นเป็น 20 ล้าน!
เพราะการผลาญแกนโลหิตและการปลดปล่อยค่ายกล ทำให้พลังรบของเขาพุ่งขึ้นถึง 20 ล้าน ราวกับเปิดใช้งานโหมดคลั่งก็ไม่ปาน
อี้เทียนหยุนสัมผัสได้ถึงแรงกดดัน ซึ่งแรงกดดันนี้มีขนาดใหญ่กว่าก่อนหน้านี้มาก นี่หมายความว่าความต่างระหว่างทั้งสองใหญ่ขนาดนี้เชียว? ซึ่งการจะเติมเต็มความต่างนี้ ตอนนี้เหมือนจะยากอยู่บ้าง
แต่ถึงจะกดดัน เขาก็ไม่ขลาดกลัว!
CLS ตอนที่ 264: ความโกรธ
“ชิงเทียนพิโรธ!”
เผชิญหน้ากับความโกรธของบรรพชนป้าเหลย เขาไม่คิดจะพูดมาก แต่ทำการฟันกระบี่ออกไป ด้วยพลังที่แข็งแกร่งที่สุดในตอนนี้ พร้อมกับช่วงคูลดาวน์ที่หมดพอดี ปล่อยการโจมตีนี้ออกไป!
กระบี่หนักชิงเทียนปล่อยคลื่นกระบี่ออกไป ก่อนที่จะก่อตัวเป็นกระบี่หนักชิงเทียนเล่มมหึมา ฟันฉับลงมายังร่างบรรพชนป้าเหลยที่กำลังมีสายฟ้าแล่นพล่าน ราวกับจะผ่าโลกทั้งใบ!
“เปรี้ยง!”
พลังโจมตีส่งผ่านลงมาจากชั้นเมฆ ก่อนที่จะกดทับลงที่พื้น ก่อให้เกิดเสียงดังสนั่น ราวกับโลกถูกผ่าเป็นสองซีก
ในตอนนี้ เกราะบนร่างอี้เทียนหยุนได้หายไปแล้ว พลังป้องกันของโล่สามารถต้านรับได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่สามารถต้านรับเป็นเวลานาน ยังไงก็ตาม สามารถต้านรับพลังโจมตีสูงสุดของผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณได้ แค่นี้ก็น่าตื่นตะลึงมากพอแล้ว
หลังจากเสียงดังลั่นหายไป ก็ได้มีสายฟ้าพุ่งผ่านลำแสงนี้ออกมาด้วยความเร็วที่เร็วมาก เร็วจนขนาดอี้เทียนหยุนไม่มีหนทางให้หลบ
“ตายซะ!”
ภายใต้เสียงคำรามของบรรพชนป้าเหลย หอกในมือของเขาก็เปล่งแสงออกมาถึงขีดสุด รวบรวมพลังทุกอย่างไว้ในนี้ อี้เทียนหยุนสัมผัสได้ถึงวิกฤตที่ร้ายแรง ราวกับได้รับการเตือนล่วงหน้า เขาทำการเรียกใช้งานเคล็ดเซวียนเทียนในทันที แต่ก็ยังถูกหอกเล่มนี้แทงทะลุร่างไปอยู่ดี!
ดวงตาของอี้เทียนหยุนหดลง อึดใจต่อมา ร่างกายของเขาก็พลันหายไป บรรพชนป้าเหลยพลันแทงหอกใส่ความว่างเปล่าอย่างบ้าคลั่ง พร้อมด้วยพลังสายฟ้าที่เพิ่มขึ้นขีดสุด ทำให้พลังโจมตีทะลุทะลวงลงไปถึงพื้นดิน ก่อให้เกิดหลุมขนาดใหญ่นับไม่ถ้วนขึ้นตามพื้น!
ความแข็งแกร่งที่น่าสะพรึงทำให้ผู้คนพากันตกตะลึง ยังไงก็ตาม หลุมขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้ๆ ยิ่งน่าตื่นตะลึงยิ่งกว่า นี่เป็นหลุมที่เกิดจากท่าชิงเทียนพิโรธที่อี้เทียนหยุนปล่อยออกมา พลังของมันไม่ได้มากไปกว่าความเสียหายที่บรรพชนป้าเหลยสร้างขึ้น แต่ก็ไม่ได้ด้อยกว่าเช่นกัน บนร่างของอีกฝ่ายมีบาดแผลมากมาย พร้อมกับเลือดที่ไหลออกมาไม่หยุด
ไม่รู้ว่านี่เป็นเพราะการระเบิดพลังของบรรพชนป้าเหลยเอง หรือเป็นเพราะการโจมตีของอี้เทียนหยุน
ด้วยที่อยู่ๆ อี้เทียนหยุนก็มาหายตัวไป ทำให้บรรพชนป้าเหลยประมาท ทำการโจมตีออกไปด้วยความโกรธ แต่ก็ถูกอีกฝ่ายหลบได้อย่างไม่คาดคิด!
แต่ในขณะที่เขากำลังตกใจอยู่นั้น ลำแสงเย็นเยียบก็ได้ปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของเขา ด้วยสัมผัสถึงอันตรายถึงชีวิต ทำให้เขารีบเบี่ยงตัวหลบตามสัญชาตญาณอย่างรวดเร็ว แต่ก็เหมือนจะช้าเกินไป เพราะได้มีกระบี่หนักตัดผ่านร่างของเขาจากด้านข้างไปกว่าครึ่ง ทำให้แขนของเขาหมุนควงอยู่บนฟ้าหลายตลบ ก่อนที่จะตกลงพื้น พร้อมกับเลือดที่ไหลนอง
เลือดไหลทะลักจากแขนที่ขาด แต่ก็ได้หยุดลงอย่างรวดเร็ว บรรพชนป้าเหลยรีบห้ามเลือด เสียแขนไปข้างรวมถึงเกือบจะตัวขาดครึ่ง ทำให้เขารู้สึกตกใจอย่างมาก
โชคดีที่เขาหลบไว ไม่อย่างนั้นเขาคงต้องจบลงตรงนี้แน่ๆ โดยที่ไม่รอให้เขาได้ทันหายใจหายคอ ลูกศรที่นำพาความเย็นถึงขีดสุดก็ได้พุ่งเข้ามา พร้อมๆ กับบรรยากาศที่ถูกแช่แข็ง!
“บัดซบ!” บรรพชนป้าเหลยหน้าขาวซีด เหวี่ยงหอกในมือออกไปต้านรับโชคดีที่แขนข้างที่ขาดไม่ใช่ข้างที่ถืออาวุธ ไม่อย่างนั้นเขาคงไร้ซึ่งอาวุธจะต่อต้านแล้ว
“เปรี้ยง!”
ศรน้ำแข็งปะทะเข้ากับหอกจนเกิดการะเบิดขึ้น แต่ความเย็นที่สามารถแช่แข็งบรรยากาศกลับมีระยะที่ 1 ลี้ แปรเปลี่ยนพื้นที่ในระยะ 1 ลี้ให้กลายเป็นโลกน้ำแข็งไป! บรรพชนป้าเหลยก็ได้รับพลังความเย็นสุดขั้นนี้เช่นกัน นี่เป็นท่าน้ำค้างแข็งพิโรธซึ่งต้องผลาญค่าความคลั่ง 5,000 แต้ม แล้วผลลัพธ์ของมันจะน่าผิดหวังได้ยังไง ในจังหวะที่คูลดาวน์เสร็จสิ้น เขาก็รีบใช้มันในทันที ไม่มีการรีรอแม้แต่น้อย
การใช้ก่อนหน้านี้ไม่มีผลอะไร แต่ตอนนี้เขาบาดเจ็บแล้ว ดังนั้นจึงต่างกัน
สีหน้าของอี้เทียนหยุนเย็นเยียบ น้าวศรน้ำค้างแข็งเทวะขึ้น พร้อมกับโจมตีออกไปไม่หยุด โชคดีที่เขามีเทเลพอร์ท ไม่อย่างนั้นเขาคงยากที่หลบการโจมตีนั้นไปได้ ภายใต้การกระหน่ำโจมตีของศรน้ำแข็ง จะต้องจัดการอีกฝ่ายได้แน่ๆ!
แม้ว่าการโจมตีประชิดจะไม่สามารถจัดการบรรพชนป้าเหลยได้ แต่การโจมตีระยะไกลนี้เขาสามารถค่อยๆ จัดการอีกฝ่ายอย่างช้าๆ ได้ แม้ว่าบรรพชนป้าเหลยจะบาดเจ็บ แต่เขาก็ไม่คิดว่าจะสามารถจัดการอีกฝ่ายในระยะประชิดได้
“ปัง ปัง ปัง!”
ศรน้ำแข็งสามดอกระเบิดอย่างต่อเนื่อง ก่อให้เกิดเป็นชั้นน้ำแข็งเกาะลงบนร่างของเขาขึ้น 1 ชั้น เพิ่งจะยิงออกไป เขาก็ไม่รอให้ฝ่ายตรงข้ามได้พักหายใจ อี้เทียนหยุนทำการน้าวศรยิงศรน้ำแข็งอีกสามดอกออกไปอีกครั้ง
ศรน้ำแข็งครั้งละ 3 ดอก ทำการโจมตีบรรพชนป้าเหลยอย่างบ้าคลั่ง ตั้งแต่เริ่มยังไม่มีหยุด ยิ่งจนบรรพชนป้าเหลยจะกลายเป็นมนุษย์น้ำแข็งอยู่แล้ว
“ถ้าเก่งจริงก็มาปะทะกับข้าซึ่งๆ หน้าสิ!” บรรพชนป้าเหลยคำรามออกมา ภายใต้การระเบิดของศรน้ำแข็ง แม้จะทำให้เขาบาดเจ็บ แต่ว่าเขาก็ยังสามารถป้องกันได้
“นี่ข้ายังไม่ได้ปะทะกับเจ้าซึ่งๆ หน้าอีกเหรอ?” อี้เทียนหยุนน้าวคันศรจนสุด พร้อมกับปล่อยลูกศรที่ราวกับพายุ พุ่งเข้าใส่อีกฝ่ายอีกครั้ง
“ไอ้ลูกสำส่อน ข้าหมายถึงต่อสู้ระยะประชิดโว้ย เอาแต่โจมตีระยะไกลนับว่ามีความสามารถอะไร!” บรรพชนป้าเหลยตวาดออกมาอย่างเดือดดาล
“ตัวเองไร้ความสามารถ แต่กลับโทษคนอื่น ไอ้เฒ่าน่าไม่อาย!” อี้เทียนหยุนหัวเราะเยาะ พร้อมกับน้าวคันศรอีกครั้ง จากนั้นก็โจมตีต่อ
ภายใต้การโจมตีอย่างบ้าคลั่ง ร่างกายของบรรพชนป้าเหลยยิ่งมายิ่งไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป แม้แต่จะบินอยู่บนฟ้ายังทำไม่ได้ ไม่นานเขาต้องตกลงไปตายอย่างแน่นอน
“ท่านบรรพชนท่าไม่ดีแล้ว เจ้าเด็กนั่นชั่วร้ายเกินไป เอาแต่โจมตีระยะไกล แบบนี้มีความสามารถอะไร!”
“นี่ ไอ้ลูกสำส่อน ถ้ามีความสามารถก็เข้าไปสู้ระยะประชิดสิ!”
พวกข้างล่างพากันประท้วง มีสีหน้าดูถูกการโจมตีของอี้เทียนหยุนอย่างมาก
“ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!”
ลูกศรสามดอกพลันยิงลงไปหาพวกเขา พวกเขาไม่ทันได้ตอบสนอง ก็พากันถูกศรทั้งสามดอกนี้ทะลุร่าง กลายเป็นประติมากรรมน้ำแข็งในทันใด
“ความสามารถไม่มี ดีแต่ปาก ทำไมพวกเจ้าไม่บอกให้บรรพชนของพวกเจ้าลดอายุหรือลดระดับการฝึกตนมาสู้กับข้าล่ะ? ไอ้พวกขยะเอ๊ย!” อี้เทียนหยุนมองไปยังผู้จัดการพวกนั้นอย่างเย็นชา เพียงแค่มองก็ทำให้พวกเขาหวาดกลัวจนรีบไปหาที่ซ่อนอย่างไว ไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีกแม้แต่ครึ่งคำ
ร้องหาความยุติธรรม เหลวไหลสิ้นดี! เขามีพลังแค่ระดับผันแปรวิญญาณขั้นที่ 1 แต่อีกฝ่ายมีพลังถึงระดับผันแปรวิญญาณขั้นสูงสุด แล้วยังมาว่าเขาโกงอีก? ถ้าอย่างงั้นทำไมไม่ให้อีกฝ่ายลดระดับมาเหลือเท่าเขาล่ะ ดูสิว่าเขาจะจัดการบรรพชนป้าเหลยจนตัวขาดครึ่งได้ยังไง
บรรพชนป้าเหลยถูกทำให้ถอยออกไปอย่างต่อเนื่อง สีหน้าของเขายิ่งมายิ่งซีด ยิ่งมายิ่งเต็มไปด้วยความอับอาย
“ดีมาก ดีมาก!” บรรพชนป้าเหลยคำรามออกมาอย่างเดือดดาล “ต่อให้วันนี้ข้าต้องตาย ข้าก็จะเอาเจ้าไปด้วย!”
พูดจบ ค่ายกลบนร่างของเขาก็ระเบิดออก ดูแล้วท่าทางเจ็บปวดมาก การระเบิดของค่ายกลบนร่างของเขานี้ ไม่เพียงแต่จะไม่ทำให้เขาอ่อนแอลง กลับจะทำให้อีกฝ่ายแข็งแกร่งขึ้น ร่างกายของเขาราวกับปกคลุมไว้ด้วยเลือดชั้นหนึ่ง
ระหว่างนั้น พลังรบของเขาก็เพิ่มขึ้นราวกับพายุ หลังจากบาดเจ็บ พลังรบของเขาก็ได้ตกลง แต่ตอนนี้กำลังเพิ่มขึ้นอย่างร้ายกาจ พริบตา พลังรบของเขาก็เพิ่มขึ้นเป็น 22 ล้าน ก้าวเข้าสู่ขีดขั้นใหม่ในทันที!
CLS ตอนที่ 265: พลังป้องกันที่น่าสะพรึง
ร่างของบรรพชนป้าเหลยยังคงขยายอย่างต่อเนื่อง ดูท่าคงจะเข้าตาจนแล้วจริงๆ ถึงได้คิดจะระเบิดร่างตัวเองอย่างนี้! แต่ถึงสุดท้ายแล้วบรรพชนป้าเหลยจะรอดชีวิตมาได้ แต่ก็คงจะไม่ต่างจากตายเท่าไหร่ หรือไม่งั้นระดับของเขาจะต้องถูกทำลายไป
ค่ายกลระเบิดเป็นการใช้ออกซึ่งพลังทุกสิ่ง เขาไม่รู้ข้อมูลของมัน แต่ดูจากพลังรบที่เพิ่มขึ้นไม่หยุดนี้ เขาก็รู้ว่าผลข้างเคียงของมันจะต้องน่าสะพรึงอย่างแน่นอน การระเบิดร่างอย่างนี้ ถ้าบอกว่าไม่มีผลข้างเคียง มันก็คงจะบัดซบเต็มที
เห็นได้ชัดว่าบรรพชนป้าเหลยได้ใช้ทุกอย่างที่มีเพื่อจัดการกับเขา แต่เขาให้เขาจะไม่ทุ่มทุกอย่าง สุดท้ายอีกไม่นานก็ต้องตายอยู่ดี แล้วทำไมจะต้องเก็บไม้ตายเอาไว้อีกเล่า?
“ชิงเทียนพิโรธ!”
อี้เทียนหยุนไม่ลังเลแม้แต่น้อย เมื่อระยะเวลาคูลดาวน์ของกระบี่หนักชิงเทียนสิ้นสุดลง เขาก็พลันใช้ออกด้วยกระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดของมันในทันที ลำแสงกระบี่เล่มมหึมาพลันหล่นลงมาจากชั้นเมฆ ตัดผ่านทุกอย่าง ลงมาหาร่างของบรรพชนป้าเหลย
“เปรี้ยง!”
ในตอนนี้เอง สายฟ้าก็ได้ผ่าลงมา ผ่าเปรี้ยงลงบนลำแสงกระบี่สีฟ้าจนสลายไป จากนั้น บรรพชนป้าเหลยก็ถือหอกบินเข้ามาอย่างรวดเร็ว ความเร็วของเขาเร็วกว่าก่อนหน้านี้มาก ราวกับไม่ได้รับบาดเจ็บ
หลังจากเสียงระเบิด พลังของเขาก็เพิ่มขึ้นอีกขั้นใหญ่ ราวกับการสังเวยได้เสร็จสิ้น อาการบาดเจ็บทุกอย่างราวกับไม่มีอยู่
“ตาย!”
หอกในมือบรรพชนป้าเหลยระเบิดแสงเจิดจ้าออกมา แทงกวาดเป็นแนวนอน เกิดเป็นเส้นสายปรากฏขึ้นต่อหน้าอี้เทียนหยุน พลังนี้ช่างแข็งแกร่งจริงๆ ถึงกับฝืนกฎได้อย่างไม่น่าเชื่อ
การโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาอย่างชิงเทียนพิโรธได้ถูกแทงทะลุผ่านไปอย่างง่ายดาย แล้วนี่เขาจะต้านรับการโจมตีนี้ของบรรพชนป้าเหลยได้ยังไง?
พริบตานี้ บรรพชนป้าเหลยก็ได้ทะยานมาถึงตรงหน้าอี้เทียนหยุน พร้อมกับแทงหอกในมือออกมาอย่างแรง ตอนนี้ระยะเวลาคูลดาวน์ของเทเลพอร์ทยังไม่แล้วเสร็จ รวมทั้งท่าพิเศษต่างๆ ก็พากันติดคูลดาวน์ด้วยเช่นกัน
เขาอยากจะหนี แต่ก็เหมือนกับถูกตรึงเอาไว้ ต่อให้ยังมีปีกฟีนิกซ์ที่ช่วยเพิ่มความเร็วให้ ก็รู้สึกว่าไม่มีทางหนีพ้น ความเร็วระหว่างทั้งคู่ต่างกันมาก ราวกับไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันด้วยซ้ำ
ในพริบตานี้เขาได้คิดสารตะ แต่ก็เหมือนจะไม่มีวิธีที่จะต้านทาน ต่อให้เขาจะใช้ค่าความคลั่งยกระดับสายเลือดเทพมังกร มันก็ยังช่วยเขาได้อย่างจำกัด เพราะระดับของเขาในปัจจุบันนั้นต่ำมาก ต่อให้ยกระดับวิชาพวกนี้ มันก็ไม่ได้ช่วยให้เขาเหนือไปกว่าบรรพชนป้าเหลยได้ในทันที
คงมีแต่ต้องถ่วงเวลาเอาไว้ก่อน บรรพชนป้าเหลยคนนี้จะต้องไม่สามารถคงสภาพนี้ไว้ได้นานอย่างแน่นอน
“เปิดใช้งานเคล็ดวิชาเซวียนเทียน!”
“เปิดใช้งานเคล็ดวิชากายทองคำ!”
“เปิดใช้งานสายเลือดเทพมังกร!”
เขาได้เปิดใช้งานการป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดสามชั้นซ้อน พร้อมกับเหวี่ยงกระบี่หนักชิงเทียนเข้าไปต้านรับเอาไว้ด้วย เผชิญหน้ากับการโจมตีที่น่าสะพรึงนี้ พลังของเขายังห่างจากอีกฝ่ายอยู่ไกล บรรพชนป้าเหลยแทงหอกในมือออกมาอย่างโหดเหี้ยม ก่อตัวเป็นมังกรสายฟ้าพุ่งเข้าใส่ เขาตวัดกระบี่หนักชิงเทียนขึ้นต้านรับ ตัดผ่านสายฟ้าที่พุ่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง
“มหาเวทดูดดาว!”
อี้เทียนหยุนดูดกลืนพลังงานอย่างบ้าคลั่ง แต่พลังดูดกลืนของเขาก็พลันพบกับขีดจำกัด การเผชิญหน้ากับบรรพชนป้าเหลยนี้ มีแรงกดดันที่ยิ่งใหญ่จริงๆ
“เปรี้ยง!”
สายฟ้าทะลุผ่านการดูดกลืนของเขาเข้ามา ทะลวงเข้าใส่ร่างกายของเขาอย่างแรง พริบตานี้ ร่างของเขาก็ถูกสายฟ้าเผาจนดำ แต่กลับไม่มีอาการบาดเจ็บแม้แต่น้อย
“ไม่เป็นอะไรเลยเหรอ?” อี้เทียนหยุนอ้าปากค้าง ไม่คิดว่าพลังป้องกันของตนจะแข็งแกร่งขนาดนี้ เมื่อรวมพลังป้องกันทุกอย่างซ้อนทับเข้าด้วยกัน เขาก็พบว่าพลังป้องกันของตนนั้น ได้ไต่มาถึงระดับท้าทายสวรรค์เรียบร้อยแล้ว
ปกติเขาไม่มีนิสัยชอบเล่นกับศัตรู ดังนั้นศัตรูของเขาจึงถูกฆ่าตายในพริบตา แต่ตอนนี้เขาพบว่าการโจมตีของตนมีจำกัด!
อย่าว่าแต่เขาเลย กระทั่งบรรพชนป้าเหลยก็ตกใจเช่นเดียวกัน พลังที่แข็งแกร่งของเขา กลับไร้ผลอย่างงั้นเหรอ?
“เป็นไปไม่ได้ ไปตายซะ!” บรรพชนป้าเหลยแทงหอกออกมาอีกครั้ง แต่คราวนี้อี้เทียนหยุนไม่สามารถยกกระบี่หนักชิงเทียนขึ้นมารับได้ เพราะบรรพชนป้าเหลยได้อยู่ใกล้เขาอย่างมาก ก่อนที่จะแทงหอกออกมา
“เคร้ง!”
เสียงเหมือนกับโลหะกระทบกัน หอกนี้ไม่ได้แทงทะลุอี้เทียนหยุน แต่ก็ส่งเขาให้บินไปไกลได้ ร่างกายของเขามีรอยเลือดเล็กๆ หลายจุด นั่นหมายความว่าการโจมตีที่น่าสะพรึงนี้ไม่ได้มีผลมากมายอะไรกับเขา ทำได้เพียงสร้างความเสียหายเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น
“นี่มันบ้าอะไรกัน!” บรรพชนป้าเหลยตกใจ มังกรสายฟ้าเมื่อก่อนหน้าไม่สามารถทำอะไรได้ แถมหอกเมื่อกี้ก็ยังไม่สามารถสร้างอาการบาดเจ็บให้อีกฝ่ายได้แม้แต่รูขุมขน!
“ก็ไม่อะไรหรอก ก็แค่การโจมตีของเจ้ามันอ่อนเกินไปก็เท่านั้นเอง!”
อี้เทียนหยุนหัวเราะ ดูเหมือนว่าเขาจะดูเบาพลังป้องกันของตนมากไป หลังจากผ่านการทดสอบคราวนี้แล้ว เขาก็พบว่าพลังป้องกันของตนนั้น เข้าขั้นท้าทายสวรรค์แล้วจริงๆ!
ภายใต้การปะทุของวิชาป้องกันสามชนิด รวมกับเกราะชิงเทียน ตบท้ายด้วยฉายาผู้พิทักษ์ ทำให้พลังป้องกันของเขาเข้าขั้นน่าสะพรึงโดยสมบูรณ์ แต่เขาไม่สามารถดูข้อมูลตรงนี้ได้ เพราะทุกอย่างได้เปลี่ยนเป็นพลังรบไปหมดแล้ว
ยังไงก็ตาม การเพิ่มขึ้นของพลังรบก็ไม่ได้มากเท่าไหร่ แต่ไม่คิดว่าผลลัพธ์ที่แท้จริงของมันจะน่าสะพรึงขนาดนี้
จากนั้น อี้เทียนหยุนก็ฟันกระบี่หนักชิงเทียนออกไป เขาไม่กลัวการโจมตีของบรรพชนป้าเหลยอีกต่อไปแล้ว แม้ว่าพลังโจมตีจะน่ากลัว รวมกับความเร็วที่เหนือกว่า แต่ว่าเขาไม่กลัวหมัด! ต่อให้บรรพชนป้าเหลยจะโจมตีมา มันก็ต้องถูกพลังป้องกันของเขาต้านรับไว้อยู่ดี
การต่อสู้ได้กลายมาเป็นบ้าคลั่ง บรรพชนป้าเหลยถูกซัดจนปลิว การโจมตีนี้มันบ้าเกินไปแล้ว เมื่อไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องการบาดเจ็บ ทำให้ผลลัพธ์ของการโจมตีต่างออกไป อย่างเช่นเมื่อถูกโจมตี อี้เทียนหยุนไม่เพียงไม่หลบ แต่ยังลงมือใส่เขาอย่างต่อเนื่องแทน
อี้เทียนหยุนถูกแทงก็ไม่เป็นไร แต่บรรพชนป้าเหลยกลับไม่ใช่ ในสถานการณ์ที่พลังรบของเขาเหนือกว่า แต่กลับถูกอีกฝ่ายทำให้ต้องถอยอย่างต่อเนื่องอย่างนี้ ทำให้บรรพชนป้าเหลยโกรธจนแทบจะหายใจไม่ออก “เจ้าหนู ทำไมเจ้าถึงได้แข็งขนาดนี้!”
“ผู้ชายถ้าไม่แข็งแล้วยังจะเป็นผู้ชายอยู่อย่างงั้นเหรอ โง่จริง!” อี้เทียนหยุนดูถูก จากนั้นก็โจมตีต่อไป สุดท้ายก็ซัดบรรพชนป้าเหลยจนปลิว พร้อมกับกระอักเลือดออกมากองใหญ่ ก่อนที่จะร่วงจากฟ้าลงสู่เบื้องล่าง
“ตูม!”
ร่างของเขากระแทกลงกับพื้น ภายใต้การกระแทกนี้ ทำให้เขาเหลือเพียงลมหายใจสุดท้าย เมื่อเขาใช้พลังทุกอย่างออกไป ตามปกติก็ไม่สามารถอยู่ได้นานอยู่แล้ว ตอนนี้ต้องมารับการโจมตีที่รุนแรงนี้เข้าไปอีก ทำให้บรรพชนป้าเหลยเหลือเพียงลมหายใจรวยริน
“ท่านบรรพชน!”
พวกเขาพากันร้องออกมา ขณะที่กำลังจะเข้าไปช่วยบรรพชนของพวกเขา อี้เทียนหยุนก็ได้ลงมาถึงตรงหน้าบรรพชนป้าเหลยแล้ว
“ในที่สุดก็จบสักที ถ้าไม่ได้พลังป้องกันช่วยไว้ล่ะก็ ข้าคงไม่มีวิธีจัดการกับเจ้า” อี้เทียนหยุนมองเขาอย่างดูถูก
“เจ้า เจ้า…..” บรรพชนป้าเหลยตาเบิกโพลง พูดออกมาได้เพียงครึ่งคำ เพราะใช้พลังออกไปจนหมด ทำให้เขาไม่มีแรงแม้แต่จะพูด
อี้เทียนหยุนเงื้อกระบี่หนักชิงเทียนขึ้น พร้อมกับฟันฉับลงมาอย่างไม่ลังเล เขาไม่คิดออมมือแม้แต่น้อย ตอนนี้เวลาใกล้เข้ามาแล้ว ถ้ายังเสียเวลาไปอีก บัตรค่าประสบการณ์ของเขาคงจะหมดเวลาลงเสียก่อน
CLS ตอนที่ 266: การเปลี่ยนแปลง
ขณะที่กระบี่ในมืออี้เทียนหยุนสับลงมา บรรพชนป้าเหลยไม่มีแรงแม้แต่จะต่อต้าน ขนาดจะลุกยังลุกไม่ขึ้น สุดท้ายก็ทำได้เพียงแค่มองกระบี่นี้สับลงมาเท่านั้น
เสียง “ฉวะ” ดังมา จากนั้น บรรพชนป้าเหลยก็ไร้ซึ่งลมหายใจ
“ติ๊ง ท่านสังหารบรรพชนป้าเหลยสำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 3 ล้าน, ค่าความคลั่ง 60,000, ค่าความชั่ว 1,000, ความชำนาญในการสลักอาคม 10,000, ได้รับวิชาประกายแสงสำเนียงอัสนี, วิชาเทียนเหลย, ได้รับหอกเทพสายฟ้า(ระดับจิตวิญญาณขั้นสูง), เกราะเทวะเทียนเหลย(ระดับจิตวิญญาณขั้นสูง), เกราะแข้งเทียนเหลย(ระดับจิตวิญญาณขั้นสูง), ค่ายกลกายทองคำ(หายาก)”
“ติ๊ง ท่านสังหารศัตรูข้ามระดับ ได้รับค่าประสบการณ์เพิ่มเติม 50 ล้าน, ค่าความคลั่ง 100,000, ค่าความชั่ว 1,000, ความชำนาญในการสลักอาคม 5,000!”
“ติ๊ง ยินดีด้วย ผู้เล่นอี้เทียนหยุนได้เข้าสู่ระดับผันแปรวิญญาณขั้นที่ 2!”
“ติ๊ง บัตรค่าประสบการณ์ 30 เท่าได้หมดเวลาลงแล้ว…..”
“ติ๊ง บัตรค่าประสบการณ์ 20 เท่าได้หมดเวลาลงแล้ว…..”
……
เสียงระบบดังขึ้นมาไม่หยุด สุดท้าย ด้วยค่าประสบการณ์จากการต่อสู้ข้ามระดับ ทำให้เขาเลื่อนระดับได้สักที ต้องรู้นะว่าค่าประสบการณ์ที่เขาต้องการในตอนนี้ยิ่งมายิ่งมาก ภายใต้ค่าประสบการณ์ 58 เท่า เขายังได้รับค่าประสบการณ์แค่ไม่กี่ล้านเท่านั้น
แต่ได้แค่นี้ก็ดีแล้ว ตราบเท่าที่เขาสังหารคนสัก 2-3 ร้อยคนก็สามารถเพิ่มระดับได้แล้ว ความเร็วนี้ไม่ได้ช้าเลย อย่างน้อยก็ดีกว่าผู้ฝึกตนทั่วไปที่ต้องใช้เวลาหลายปีถึงจะพอกล้อมแกล้มเลื่อนระดับได้สักขั้นหนึ่ง ซึ่งความเร็วระดับนี้ถือว่าดีแล้ว
แต่อี้เทียนหยุนก็ยังคิดว่ายังช้าไปอยู่ดี เขายังคงต้องการเลื่อนระดับให้เร็วกว่านี้อีก เพื่อที่จะได้แข็งแกร่งขึ้น เพราะศัตรูที่เขาต้องเผชิญในตอนนี้แข็งแกร่งมาก ทำให้เขาต้องรีบเลื่อนระดับ ไม่อย่างนั้น คงจะมีแค่เพียงความตายเท่านั้นที่รอเขาอยู่
“ทำลายต่อได้เลย!”
หลังจากอี้เทียนหยุนเก็บสมบัติพวกนั้นแล้ว เขาก็มองไปด้านหน้าอย่างเย็นชา มังกรดำก็เริ่มการทำลายล้างต่อ เขาสามารถให้มังกรดำทำการทำลายล้างต่อไปได้ แต่เขากลัวว่าบรรพชนพวกนั้นจะสังหารมังกรดำของเขา ถ้าเกิดว่าเข้าไปอยู่ในระยะโจมตีของสองคนนั้น หรือไม่ก็มีคนหนึ่งแยกตัวออกไปจัดการมังกรดำโดยเฉพาะ นั่นคงเป็นปัญหาอย่างแน่นอน
ยังไงก็ตาม เขาสามารถเรียกเก็บมังกรดำไว้ในช่องเก็บสัตว์เลี้ยงได้ ทำให้สามารถหลีกเลี่ยงปัญหานี้ออกไปได้ และในเมื่อปัญหานี้ถูกแก้ไขแล้ว เป็นธรรมดาที่เขาจะเรียกมังกรดำออกมาเหยียบที่นี่ให้จมตีนตามเดิม
“คำราม!”
หลังจากได้รับอนุญาต มังกรดำก็คำรามออกมา จากนั้นก็ออกเหยียบย่ำพื้นที่รอบๆ อย่างบ้าคลั่ง ทำลายล้างวังเสินเหวินอย่างต่อเนื่อง เพราะไม่มีตัวตนระดับบรรพชนเหลือแล้ว ทำให้การทำลายล้างเป็นไปอย่างผ่อนคลาย สร้างความหวาดกลัวให้กับผู้จัดการพวกนั้นจนรีบหนีไปอย่างขี้หดตดหาย
ยังไงก็ตาม ด้วยระดับอย่างพวกเขาจะไปหนีได้ยังไง อี้เทียนหยุนตรงเข้าไปเข่นฆ่าอย่างบ้าคลั่ง เจอใครเป็นต้องฆ่าไม่ให้เหลือ!
จากนั้นก็ทำการเก็บกวาดสมบัติทั้งหมดของวังเสินเหวินจนเกลี้ยง สุดท้าย ที่นี่ก็เหลือเพียงเศษซากเท่านั้น จากนี้ไป จะไม่มีขุมอำนาจที่ชื่อว่าวังเสินเหวินอีก หลังจากอี้เทียนหยุนจากไป ข่าวเรื่องวังเสินเหวินก็ได้กระจายออกไปทั่วทั้งทวีปเทียนจิ่ง
วังเสินเหวินไม่อาจพูดว่าเป็นสำนักที่แข็งแกร่งเท่าไหร่นัก แต่อย่างน้อยก็ถือว่ามีอำนาจ แต่เมื่อบอกว่าจะทำลายก็ทำลายจริงๆ
ยังไงก็ตาม ข่าวที่แพร่ออกไปก็มีมากมาย ตัวอย่างเช่น เด็กหนุ่มขี่มังกรดำได้ใช้ยันต์ป้องกันของจักรพรรดิใต้พิภพ ทันใดนั้น ข่าวนี้ก็ระเบิดออกไปทั่วทั้งทวีปตี้จิ่ง
ที่แรก ตำหนักซิงเฉิน เมื่อพวกเขาได้ยินข่าวนี้ สีหน้าก็พากันดิ่งลง ก่อนหน้านี้ตระกูลหวังก็ได้ถูกเด็กหนุ่มที่ขี่มังกรดำทำลาย ตอนนี้ไม่คิดว่าแม้แต่วังเสินเหวินก็ด้วย นี่มันจะไม่น่าสะพรึงเกินไปหน่อยหรือไง?
ทั้งยังมีแนวโน้มว่าจะมีความสัมพันธ์กับอาณาจักรใต้พิภพ หรือว่าจะเป็นคนของอาณาจักรใต้พิภพ?
“เจ้าตำหนักหลี่ ข่าวนี้มัน…..” ผู้อาวุโสหยุนของตำหนักซิงเฉินเมื่อรู้ข่าวนี้ก็ได้เอามารายงานให้หลี่เทียนหลงฟัง เมื่อหลี่เทียนหลงได้ฟังก็ได้เงียบไป
“เรื่องนี้พวกเราไม่ต้องไปสนใจ แล้วก็ให้เอาประกาศจับนั่นออกไปด้วย” หลี่เทียนหลงโบกมือ “ไม่ว่าจะเป็นคนของอาณาจักรใต้พิภพหรือไม่ แต่ถ้าสามารถทำลายวังเสินเหวินทิ้งได้ ย่อมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญธรรมดาอย่างแน่นอน แม้ว่าพวกเราจะไม่กลัวเขา แต่เรื่องของตระกูลหวังนั้น บางทีอาจเป็นตระกูลหวังที่ไปหาเรื่องอีกฝ่ายก็ได้ เรื่องนี้คงทำได้เพียงแค่โทษตัวเองเท่านั้น!”
ประกาศจับนั้นหลี่เทียนหลงไม่ได้เป็นคนออก แต่เป็นผู้อาวุโสคนอื่น ซึ่งเขาก็ไม่คิดที่จะไปยุ่ง เจ้าตำหนักถูกสังหาร ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่เช่นกัน
ขณะเดียวกัน ทางฝั่งอาณาจักรใต้พิภพก็ได้รับข่าวเช่นกัน ใจความสำคัญอยู่ที่ยันต์ป้องกันของจักรพรรดิใต้พิภพ!
“รายงานองค์จักรพรรดิ ตอนนี้วังเสินเหวินถูกทำลายสิ้นแล้ว กลัวว่าผู้เชี่ยวชาญลึกลับคนนั้นจะเป็นคนเดียวกับที่สังหารต้าเฉินของพวกเรา! การที่เขาใช้ยันต์ป้องกันของจักรพรรดิใต้พิภพนั้น คิดว่าคงจะเป็นการป้ายความผิดให้กับพวกเรา!” ต้าเฉินคนนั้นคุกเข่าลงข้างหนึ่งเพื่อรายงาน ใบหน้าที่ก้มมองพื้นเต็มไปด้วยความโกรธ คิดจะโยนความผิดให้กับพวกเขา แล้วอย่างนี้จะให้ทนได้ยังไง
“คิดจะโยนความผิดให้กับพวกเรา ดูท่าจะใจกล้าน่าดูทีเดียว!” จักรพรรดิใต้พิภพที่นั่งอยู่บนบัลลังก์หรี่ตามองมา ในสายตามีประกายที่ไม่ปกติวาบผ่าน ไม่รู้ในใจรู้สึกดีใจหรือโมโหกันแน่ จากนั้นก็พูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ไปตรวจสอบมาให้ข้า ข้าต้องการรู้ว่ามันมาจากขุมอำนาจไหน! กล้าใส่ความข้า ชะตากรรมของมันมีเพียงทางเดียวเท่านั้น…..”
เขาบีบพนักแน่นจนส่งเสียง “แกรก” ออกมา ทำให้พนักแตกเป็นเสี่ยงๆ วัสดุที่ใช้สร้างบัลลังก์นี้แข็งมาก แต่ก็ถูกบดขยี้ได้อย่างง่ายดาย
“ก่อนหน้านี้พวกเราก็ได้ยินข่าวมาเหมือนกัน เพียงแต่ว่าไม่ได้ให้ความสนใจ มีข่าวบอกว่าวังชิงเซวียนก็ได้ถูกผู้เชี่ยวชาญที่ขี่มังกรดำทำลายล้างเช่นกัน เพียงแต่ไม่รู้ว่าเป็นขุมอำนาจไหน เรื่องนี้คงต้องสืบดูให้แน่ใจ” ต้าเฉินคนนี้พูดออกมาอย่างจริงจัง
“ไปสืบมาให้ข้าให้ได้ ข้าให้เวลาเจ้า 1 เดือน ถ้าสืบไม่พบล่ะก็ เจ้าคงจะรู้ตัวดี!” จักรพรรดิใต้พิภพยืนขึ้น สีหน้าเย็นชาเป็นที่สุด
“ครับ!” ในใจต้าเฉินคนนี้สั่นสะท้าน แต่ก็ฝืนยิ้มออกไป
ข่าวก่อนหน้านี้เป็นข่าวของอี้เทียนหยุนอย่างไม่ต้องสงสัย ตอนที่เขาทำลายวังชิงเซวียนนั้น ได้มีคนกระจายข่าวออกไป แต่ก็แค่ข้อมูลทั่วไป ไม่รู้ว่าเป็นขุมอำนาจไหน ส่วนทางฝั่งทวีปตี้จิ่งนั้น คนที่รู้ว่าอี้เทียนหยุนมีมังกรดำนั้นน้อยมาก มีเพียงแค่คนในไม่กี่คนเท่านั้น
อี้เทียนหยุนไม่อยากให้เรื่องนี้แพร่ออกไป เพราะถึงยังไงเขาก็ขี่มังกรดำไปทำเรื่องใหญ่มากมาย
ส่วนทางฝั่งวังเทียนจี๋นั้นได้พากันตกใจกับข่าวนี้ไปเรียบร้อยแล้ว เด็กหนุ่มขี่มังกรดำได้ทำลายล้างวังเสินเหวิน คนๆ นี้แน่นอนว่าต้องเป็นอี้เทียนหยุนอย่างไม่ต้องสงสัย ตอนนี้มีแค่อี้เทียนหยุนคนเดียวเท่านั้นที่มีมังกรดำ นอกจากว่าจะมีคนอื่นที่มีมังกรดำเป็นสัตว์เลี้ยงอีก
แต่คนที่สามารถมีสัตว์เทวะเป็นสัตว์เลี้ยงได้ มีอยู่น้อยมาก
“ท่านประมุข….. แข็งแกร่งขนาดนี้เลยเหรอ?” ผู้อาวุโสใหญ่กับพวกพากันตกใจ วังเสินเหวินแข็งแกร่งแค่ไหนพวกเขารู้ดี แต่อี้เทียนหยุนกลับทำลายวังเสินเหวินลงได้จริงๆ
ข่าวนี้พวกเขาทำได้เพียงรับรู้อยู่ในใจเงียบๆ เท่านั้น ไม่กล้าเอาไปพูดข้างนอกเด็ดขาด ไม่อย่างนั้น วังเทียนจี๋ของพวกเขาจะต้องตกอยู่ในอันตรายอย่างใหญ่หลวงอย่างแน่นอน นอกเสียจากว่าจะแข็งแกร่งกว่าอาณาจักรใต้พิภพ ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงไม่กล้าเปิดศึกตามใจ ยิ่งเรื่องที่อี้เทียนหยุนสังหารต้าเฉินของอาณาจักรใต้พิภพด้วยแล้ว นี่จะให้พวกเขากล้าพูดได้ยังไง?
แน่นอนว่าอี้เทียนหยุนไม่มีความคิดนี้ เขาใช้ฐานะนี้เพื่อทำการเข่นฆ่าเป็นพิเศษ ตราบเท่าที่เขาเปลี่ยนแปลงฐานะเพียงเล็กน้อย เขาก็จะเป็นแค่ผู้อาวุโสของสำนักเล็กๆ ธรรมดาเท่านั้น
CLS ตอนที่ 267: ข้าเป็นคนของนิกายเทียนเฉวียน
อี้เทียนหยุนทำการเก็บมังกรดำอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เปลี่ยนไปใช้ปีกฟีนิกซ์พร้อมกับบินกลับไปยังนิกายเทียนเฉวียน เพราะตอนนี้เขาเป็นผู้ฝึกตนระดับผันแปรวิญญาณแล้ว ดังนั้นความเร็วของเขาจึงค่อนข้างน่าตกใจ
“ติ๊ง ท่านสำเร็จภารกิจ “ทำลายล้างวังเสินเหวิน” ได้รับค่าประสบการณ์ 10 ล้าน, ค่าความคลั่ง 100,000, กระดาษยันต์ทรราช, สิทธิ์ในการสุ่มลอตเตอรี่รุ่นปรับปรุง 1 ครั้ง, ค่าความดี 100, ค่าความชั่ว 1,000!”
ตอนนี้ รางวัลจากการทำภารกิจสำเร็จก็ดังขึ้น มอบเป็นรางวัลกองใหญ่ออกมาไม่หยุด โดยเฉพาะตัวเลขต่างๆ ยิ่งทำให้เขารู้สึกพอใจ ไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มค่าความดีให้เท่านั้น แต่ยังมีค่าความชั่วด้วยเช่นกัน
ภารกิจแบบนี้ยิ่งมากเท่าไหร่ยิ่งดี มีเยอะเท่าไหร่เขาก็จะทำมากเท่านั้น เพียงแต่จะมีแต่ช่วงที่ต้องเผชิญกับอันตรายเท่านั้นถึงจะมีภารกิจระดับนี้โผล่ขึ้นมา
“ดูเหมือนระบบก็จะไม่ได้ใจร้ายเกินไป ถึงได้มอบภารกิจในการกวาดล้างวังเสินเหวินนี้ออกมา” อี้เทียนหยุนพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
จากนั้น เขาก็เปิดลอตเตอรี่รุ่นปรับปรุงขึ้นมา พร้อมกับเลือกที่จะสุ่มในทันที เพราะถึงเก็บไว้ก็ไม่มีความหมายอะไร
“ไม่รู้ว่ารอบนี้จะได้เป็นอะไร?” อี้เทียนหยุนรู้สึกตื่นเต้น ก่อนหน้านี้ได้คันศรน้ำค้างแข็งเทวะออกมา ซึ่งถือว่าเป็นอาวุธระดับสุดยอดเลยทีเดียว ไม่รู้ว่าครั้งถัดไปจะได้เป็นอาวุธขั้นสูงสุดหรือไม่ก็ของล้ำค่าอื่นๆ ขั้นสูงสุดหรือเปล่า
เขาทำการเปิดโชคดีขึ้นมาก่อน จากนั้นค่อยเริ่มหมุนกรงล้อรุ่นปรับปรุง จากนั้นกรงล้อก็เริ่มหมุนอย่างบ้าคลั่ง
เขาคิดว่า ต่อให้ตกลงช่องไหนก็เป็นของที่เขาต้องการอยู่ดี เพราะของในกรงล้อรุ่นปรับปรุงนี้ล้วนแต่เป็นของดีทั้งนั้น
อย่างรวดเร็ว เข็มก็ได้หยุดลง หยุดลงตรงช่องวิชายุทธ์! นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเปิดได้ช่องนี้ในกรงล้อรุ่นปรับปรุง ไม่รู้ว่าจะได้วิชาอะไรมา
“ติ๊ง ตุบ…..”
เสียงกล่องตกลงมา อี้เทียนหยุนสูดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็เปิดกล่องออกช้าๆ จากนั้น ตำราวิชายุทธ์ก็ปรากฏตรงหน้าเขา “ร่างโคลนเงา!”
ร่างโคลนเงา : วิชายุทธ์ระดับปฐพีขั้นสูง(สามารถอัพเกรดได้), สามารถสร้างร่างโคลนของตนออกมาได้ 3 ร่าง, โดยแต่ละร่างจะมีพลังเป็น 1 ใน 3 ของร่างหลัก คงอยู่เป็นเวลา 10 นาที เวลาคูลดาวน์ 1 ชั่วยาม! ยิ่งระดับสูง ร่างโคลนยิ่งแข็งแกร่ง มีสิทธิ์แข็งแกร่งเทียบเท่ากับร่างหลัก 100%!
“ของดี!”
อี้เทียนหยุนร้องออกมาอย่างตื่นเต้น การมีอยู่ของร่างโคลนนี้ ก็หมายความว่าเขามีผู้ช่วยอีกหลายคน ทั้งยังทำให้ศัตรูสับสนได้ด้วย ตอนหนีก็ใช้ร่างโคลนไปถ่วงเวลาไว้ จากนั้นตัวเขาก็จะได้หนีอย่างสบาย ถือเป็นแผนการที่สมบูรณ์แบบ
โดยเฉพาะยิ่งระดับสูงขึ้น พลังของร่างโคลนก็จะยิ่งแข็งแกร่ง นี่แหละคือสิ่งที่เขาต้องการ แต่พลัง 1 ใน 3 ก็เหมือนว่าจะน้อยไปจริงๆ นี่เป็นเพียงแค่วิชายุทธ์ระดับปฐพีขั้นสูงเท่านั้น ถ้าอยากให้มีพลังเท่าร่างหลัก 100% ดูท่าคงต้องอัพเกรดให้เป็นระดับสวรรค์ขั้นสูงเป็นอย่างน้อย?
ซึ่งการยกระดับเหมือนจะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก แม้ตอนนี้เขาจะปล้นสมบัติได้มากมาย กระทั่งมีวิชายุทธ์ระดับปฐพีขั้นสูงอยู่หลายเล่ม แต่ถ้าจะให้เปลี่ยนเป็นค่าความชำนาญล่ะก็ คงพูดได้เพียงว่า…. โง่ เท่านั้น
ถ้าเปลี่ยนเป็นค่าความคลั่ง อย่างน้อยก็ต้องได้ค่าความคลั่งมากกว่าหมื่น แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นค่าความชำนาญ อย่างมากก็ได้แค่ไม่กี่ร้อยเท่านั้น ถือว่าน้อยอย่างมาก ถ้าจะทำอย่างนั้น สู้เก็บไว้ให้นิกายเทียนเฉวียน หรือว่าวังเทียนจี๋ใช้ ไม่ก็ขายเป็นค่าความคลั่ง แบบนั้นดูจะคุ้มค่ากว่า
แต่ถ้าเปลี่ยนจากหลายร้อยเป็นพันกว่า แบบนั้นเขาจึงจะรู้สึกคุ้มค่าที่ทุ่มลงไปหน่อย
ตัวอย่างเช่น ปัจจุบันระดับปฐพีขั้นสูง ถ้าอยากจะเลื่อนเข้าสู่ระดับสวรรค์ขั้นต่ำ จำเป็นต้องใช้ค่าความชำนาญ 1 ล้าน ถ้าวิชายุทธ์ระดับปฐพีขั้นสูงแต่ละเล่มให้ค่าความชำนาญ 500 นั่นก็หมายความว่าต้องใช้วิชายุทธ์ระดับปฐพีขั้นสูงถึง 200 เล่ม ถึงจะเติมเต็มจำนวนนี้ได้
วิชายุทธ์ระดับปฐพีขั้นสูง 200 เล่ม แต่ละเล่มแลกเป็นค่าความคลั่งได้ 100,000 นั่นก็คือค่าความคลั่ง 20 ล้าน! ใช้ค่าความคลั่ง 20 ล้านเพื่อเลื่อนระดับวิชายุทธ์ระดับปฐพีขั้นสูงเป็นระดับสวรรค์ขั้นต่ำ นอกเสียจากเขาจะมีตำรายุทธ์มากพอจริงๆ ไม่อย่างนั้นเขาไม่คิดจะทำอย่างแน่นอน
แล้วความจริงเขาก็ไม่ได้มีมากมายขนาดนั้น วิชายุทธ์ระดับปฐพีขั้นสูงในขุมอำนาจชั้น 3 ยังถือว่าเป็นของหายาก ขนาดระหว่างต่อสู้กับบรรพชนป้าเหลย เขาคาดว่าวิชาที่เขาใช้ออกยังเป็นแค่วิชายุทธ์ระดับปฐพีขั้นสูงแค่ 2-3 วิชาเท่านั้น นอกนั้นล้วนแต่เป็นวิชายุทธ์ระดับปฐพีขั้นกลางทั้งนั้น
ทั้งการเพิ่มค่าความชำนาญยังต้องใช้วิชายุทธ์ระดับเดียวกันด้วย ซึ่งการยกระดับวิชายุทธ์ด้วยวิธีนี้ถือเป็นเรื่องที่ยากอย่างมาก นอกเสียจากตัวเขาจะใช้วิชานี้ออกมาไม่หยุด แบบนั้นถึงจะเพิ่มค่าความชำนาญได้
ทั้งตอนนี้อี้เทียนหยุนยังไม่คิดที่จะจดจ่ออยู่กับเรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นเขาจะรู้สึกพ่ายแพ้ ไม่ว่าจะขายของที่ไม่ใช้ออกไป หรือว่าเปลี่ยนวิชาใหม่
นอกจากวิชายุทธ์แล้ว อาวุธเขาก็ได้เปลี่ยนไปเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาได้ทำความสะอาดครั้งใหญ่ เปลี่ยนทุกอย่างเป็นค่าความคลั่ง วิชายุทธ์ที่ได้มาจากการสังหารศัตรูก็ถูกขายไปเช่นกัน ไม่เก็บไว้แม้แต่น้อย
อยู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าช่องเก็บของนั้นโล่งขึ้นมาก ทั้งค่าความคลั่งของเขาก็มีมากกว่า 3 ล้านแล้ว!
“เอาล่ะ ค่าความคลั่งก็มีถึง 3 ล้านแล้ว ทั้งค่าความชั่งยังมากถึง 50,000….. ค่าความชำนาญในการสลักอาคมขาดอีกแค่ 5,000 อย่างงั้นเหรอ!?”
ขณะที่อี้เทียนหยุนตรวจดูข้อมูลของตน เขาก็พบว่าค่าความชำนาญในการสลักอาคมของเขานั้น ขาดอีกเพียงแค่ 5,000 แต้มเท่านั้นก็จะเลื่อนระดับได้ นี่ทำให้เขารู้สึกทั้งยินดีและประหลาดใจด้วยเช่นกัน ทั้งหมดนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับบัตรค่าความชำนาญ 5 เท่าเลย เมื่อใช้มันในการจัดการกับวังเสินเหวิน ทำให้ค่าความชำนาญของเขาเพิ่มขึ้นราวกับภูเขาไฟระเบิด
ถ้าเปลี่ยนเป็นการสร้างค่ายกลแล้วล่ะก็ กว่าจะได้ค่าความชำนาญมากขนาดนี้ ต้องใช้เวลานานมากอย่างแน่นอน
ขณะที่เขากำลังทำสิ่งนี้อยู่ เขาก็ได้กลับมาถึงนิกายเทียนเฉวียนอย่างรวดเร็ว เพิ่งมาถึง เขาก็เห็นด้านนอกของซากโบราณสถานเทียนเฉินถูกทำความสะอาดจนกลายเป็นพื้นที่โล่งขนาดใหญ่ ซึ่งแยกเป็นพื้นที่สำหรับฝึกวิชาสำหรับศิษย์ ซึ่งมีศิษย์หญิงจำนวนมากกำลังฝึกวิชากันอยู่
มีบางคนเป็นหน้าใหม่ และผู้ฝึกสอนศิษย์ใหม่เหล่านี้ก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นหลิวเมิ่งเหลียนนั่นเอง ตอนนี้ระดับของเธอไม่ต่ำแล้ว เธอได้มาถึงระดับก่อแกนวิญญาณแล้ว ซึ่งการจะรับหน้าที่สอนศิษย์ใหม่พวกนี้ ไม่มีปัญหาแม้แต่น้อย
“ดีมาก ดูเหมือนทุกสิ่งจะเข้าที่เข้าทางดี” อี้เทียนหยุนพยักหน้าอย่างพึงพอใจ ดูเหมือนที่นี่จะไม่มีอะไรให้ต้องกังวล ด้วยศิษย์ที่โดดเด่นมากมายในนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลถึงหนทางข้างหน้าของนิกายเทียนเฉวียนแล้ว
ในขณะที่บิน รอยยิ้มก็เผยออกมา แต่หลังจากลงมาเดินได้ไม่กี่ก้าว ก็ได้มีหญิงสาวนางหนึ่งถือกระบี่ชี้หน้าเขา พร้อมกับพูดขึ้นว่า “คนแปลกหน้า กล้าดียังไงถึงได้เข้ามาในที่ส่วนตัวของนิกายเทียนเฉวียนเรา!”
อี้เทียนหยุนตกใจ ดูท่าจะเป็นคนใหม่ คงจะไม่เคยเห็นเขาสินะ ไม่แปลกที่จะมีท่าทีแบบนี้ เสียงตะโกนของเธอทำให้ดึงดูดความสนใจของศิษย์คนอื่นที่อยู่รอบๆ ทำให้พวกเธอพากันวิ่งเข้ามา พร้อมกับยืนอยู่ข้างหลังหญิงสาวนากนั้น “ศิษย์พี่เสี่ยวอวี่ ขยับออกมาหน่อย อย่าได้ทำร้ายเขา!”
จากนั้นพวกเธอก็จ้องมาที่อี้เทียนหยุน แล้วพูดขึ้นว่า “กล้าเข้ามาในที่ส่วนตัวของนิกายเทียนเฉวียนเรา บอกชื่อสำนักมาซะ ไม่อย่างนั้นอย่ามาโทษถ้าพวกเราไม่เกรงใจ!”
ที่นี่เป็นลานฝึก แม้จะอยู่ด้านนอก แต่ก็มีรั้วไม้ขวางไว้ คนที่จะเข้ามานั้น อย่างแรกต้องผ่านผู้คุ้มกันที่ด้านนอกเสียก่อน ไม่ใช่อยู่ๆ ก็จะเข้ามาในนี้ได้
“นี่….. ข้าเป็นคนของนิกายเทียนเฉวียน” อี้เทียนหยุนมองไปยังศิษย์หน้าใหม่รุ่นหลังแล้วอดไม่ได้ให้ยิ้มออกมา พวกเธอนี่ช่างเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันจริงๆ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น