Crazy Leveling System 254-260

 CLS ตอนที่ 254: ความเปลี่ยนแปลง


 


คำพูดของอี้เทียนหยุนกระชากหน้ากากของพวกเขาซะกระจุย ก่อนหน้านี้ที่พวกเขาเป็นฝ่ายล้อม ไม่ได้รู้สึกผิดแม้แต่น้อย กลับกัน สีหน้าล้วนเต็มไปด้วยความกระเหี้ยนกระหือรือ! ด้วยท่าทางแบบนั้น ยังจะเรียกว่าถูกบังคับได้อีกเหรอ?


 


เขาจำได้ว่าหลินห้าวไม่ได้สั่งให้พวกเขาทำแม้แต่น้อย แต่พวกเขาที่เสนอตัวออกมาแทน หวังจะเหยียบให้พวกเขาจมดิน อย่างนี้น่ะเหรอที่เรียกว่าถูกบังคับ?


 


สีหน้าของพวกเขาพากันเปลี่ยนไป รู้ว่าหลักฐานนี้ไม่มีทางให้หนี ดังนั้นสีหน้าจึงได้เปลี่ยนเป็นเดือดดาล “งั้นก็ฆ่าพวกเราซะ อาณาจักรใต้พิภพจะต้องขยี้วังเทียนจี๋ของพวกเจ้าอย่างแน่นอน!”


 


“วางใจได้ ข้านี่แหละที่จะเป็นคนบดขยี้อาณาจักรใต้พิภพ ส่วนพวกเจ้าก็ลงไปรอพวกมันข้างล่างซะ!” อี้เทียนหยุนโบกมือเบาๆ มังกรดำก็ลงมือ ทำให้มีเสียงโหยหวนดังออกมาไม่หยุด


 


อย่างรวดเร็ว ผู้ฝึกตนทั้งหมดก็ถูกบดขยี้ไม่มีเหลือ กระทั่งผู้คุ้มกันยังถูกกำจัดจนหมด เปลี่ยนเป็นค่าประสบการณ์มหาศาลเข้าสู่ร่างของเขา ทั้งยังมีค่าความชั่วกับค่าความชำนาญกองใหญ่ ผู้อาวุโสทุกคนของวังเสินเหวินล้วนแต่ให้ค่าความชำนาญ ส่วนประมุขบางคนก็ฝึกฝนด้านการหลอมศาสตรา ไม่ก็การกลั่นโอสถ พูดได้ว่าการเปิดใช้งานบัตรค่าความชำนาญถือว่าเหมาะสมอย่างมาก!


 


เขารู้ว่าประมุขล้วนนี้ล้วนแต่ไม่ใช่ตะเกียงขาดน้ำมัน แต่ละคนล้วนแต่มีความชำนาญเล็กๆ น้อยๆ ติดตัว แล้วก็ไม่ผิดหวัง หลังจากสังหารพวกเขา ทำให้เขาได้รับค่าความชำนาญประมาณ 5,000 กันทุกคน ภายใต้ค่าความชำนาญที่เพิ่มพูนอย่างกะทันหัน ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป การจะเลื่อนระดับถัดไปไม่ใช่เรื่องยาก


 


“ติ๊ง บัตรค่าประสบการณ์ 30 เท่าได้หมดเวลาลงแล้ว……”


 


“ติ๊ง บัตรค่าประสบการณ์ 20 เท่าได้หมดเวลาลงแล้ว……”


 


ในตอนนี้ บัตรค่าประสบการณ์ที่ใช้งานก็ได้หมดเวลา ถือได้ว่าที่คำนวณมาไม่เสียเปล่า เพราะจำนวนที่มหาศาล ดังนั้น การที่ไม่ใช่สามารถใช้วิชาเวทดูดดาวดูดค่าประสบการณ์จากอีกฝ่ายได้ ถือว่าน่าเสียดายอยู่บ้าง


 


“ทำความสะอาดเรียบร้อย พวกเราไปเก็บสมบัติของพวกเขากันเถอะ” อี้เทียนหยุนเห็นสมบัติที่เปล่งแสงแวววาว ดังนั้นจึงได้หันไปทางพวกผู้อาวุโสใหญ่ พวกให้พวกเขาไปเก็บมา


 


ของที่อยู่ในแหวนเก็บของของพวกเขา แน่นอนว่าต้องเป็นของที่ประเมินค่าไม่ได้ แล้วอย่างนี้จะปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือได้ยังไง


 


“อืม….” พวกผู้อาวุโสใหญ่พากันได้สติจากความตกใจ ก่อนหน้านี้มีตัวตนระดับประมุขอยู่หลายคน ตอนนี้ได้พากันกลายเป็นศพกองหนึ่ง คิดแล้วก็น่าตกใจจริงๆ


 


อย่างรวดเร็ว พวกเขาก็เก็บแหวนเก็บของ และทุกอย่างจนสะอาดเอี่ยม หลังจากนั้นก็นำมามอบให้กับอี้เทียนหยุน


 


อี้เทียนหยุนส่ายหัว “ของพวกนี้ท่านเก็บเอาไว้เถอะ จากนั้นก็มอบมันให้กับผู้จัดการหรือศิษย์ที่ซื่อสัตย์ ในตอนนี้วังเทียนจี๋ของพวกเรายังต้องการทรัพยากรอีกมาก”


 


“นี่…..” ผู้อาวุโสใหญ่ลังเล จากนั้นก็กำแหวนเก็บของในมือแน่น พร้อมกับพยักหน้ารัวๆ แล้วพูดว่า “ข้าจะทำตามที่ท่านประมุขแนะนำ!”


 


ในสายตาของพวกเขา ราวกับมองเห็นถึงอนาคตของวังเทียนจี๋ มีประมุขที่แข็งแกร่งอย่างนี้ พวกเขายังต้องกลัวอะไรอีก? ส่วนทางฝั่งนิกายเทียนเฉวียน อี้เทียนหยุนก็ไม่ได้ละเลย แค่แหวนเก็บของของหลินห้าวก็เพียงพอแล้ว


 


แค่แหวนเก็บของของหลินห้าวและเฉิงเฟิงทั้งสองก็ถือว่าเพียงพอแล้ว ในนั้นมีสมบัติทุกชนิด เทียบกับสมบัติของประมุขคนอื่นๆ แล้ว ของพวกนั้นดูด้อยค่าไปเลบ


 


“พวกเราไปจากที่นี่กันเถอะ ขึ้นหลังมังกรดำบินกลับกันเลย”


 


อี้เทียนหยุนพาพวกเขาเดินทะลุไปอีกตำหนักหนึ่ง ถ้าออกไปข้างนอกโดยตรง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะต้องเจอเข้ากับผู้คุ้มกันคนอื่นๆ ยังไงก็ตาม เขาได้ฆ่ามามากพอแล้ว ตามทฤษฎีแล้ว พวกที่เหลือมีแต่ตัวลูกกระจ๊อก ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจ


 


หลังจากพาพวกเขามาถึงที่ตำหนักอื่น พวกเขาก็ขึ้นหลังมังกรดำบินจากไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะจาก เขายังไม่ลืมที่จะโยนเปลวเพลิงนิรันดร์ลงไป พร้อมทำการเผาทำลายทุกอย่าง ทำให้ตำหนักกลางถูกเผาในทันที


 


จากนั้นพวกเขาก็ได้บินไปจากที่นี่อย่างรวดเร็ว ขณะที่บิน อี้เทียนหยุนก็สังเกตสถานการณ์รอบๆ และเมื่อเห็นว่ายังมีผู้คุ้มกันอยู่ ทันใดนั้นก็เรียกคันศรน้ำค้างแข็งเทวะออกมา พร้อมกับยิงสังหารพวกเขาทิ้งทันที!


 


เขาต้องการจะปกปิดเรื่องนี้ไว้ ถ้าอาณาจักรใต้พิภพรู้เข้า พวกเขาจะต้องลงมือกับวังเทียนจี๋อย่างแน่นอน แม้ว่าหลังจากนี้พวกเขาจะรู้ก็ตาม แต่อย่างน้อยก็ช่วยยืดเวลาออกไปได้


 


เขาทำการกำจัดทุกคนที่มีสิทธิ์จะส่งข่าว พร้อมกับเผาทำลายทุกอย่างซ้ำด้วยเพลิงนิรันดร์ เมื่อเป็นอย่างนี้ ใครจะรู้ว่าเขาเป็นคนทำ? และพวกเขาจะไม่เผยโฉมอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นมันจะเป็นปัญหา ตำหนักกลางถูกเผา หลินห้าวตาย แต่พวกอี้เทียนหยุนกลับยังอยู่ นี่จะต้องเป็นปัญหาใหญ่อย่างแน่นอน


 


หลังจากตำหนักกลายตกอยู่ในทะเลเพลิง ผู้คุ้มกันข้างนอกก็สังเกตเห็น จากนั้นก็พากันเข้ามาตรวจสอบในทันที การต่อสู้ก่อนหน้านี้ไม่ได้ดังมาก ดังนั้นจึงไม่ได้ดึงดูดความสนใจของพวกเขา แม้ว่าฝ่ามือเทพใต้พิภพจะแข็งแกร่ง ก็ได้ถูกอี้เทียนหยุนทำลายทิ้งไปซะก่อน ทำให้พลังทำลายสลายไป ดังนั้น จึงไม่เกิดแรงสั่นสะเทือนที่รุนแรงจนเป็นที่สังเกตของคนนอก


 


“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” เมื่อพวกเขาเห็นข้างในเต็มไปเปลวเพลิงก็พากันตกตะลึง อยากจะเข้าไปดูสถานการณ์ข้างใน แต่ด้วยทะเลเพลิงที่ขวางหน้า ทำให้พวกเขาเข้าไปไม่ได้


 


ภายใต้เวลาที่ผ่านไป อย่างรวดเร็ว เพลิงนิรันดร์ก็เผาตำหนักกลางทั่วทั้งตำหนัก ราวกับภูเขาไฟ ยิงเปลวไฟขึ้นฟ้าไม่หยุด! ในตอนนี้ สำนักที่เลือกที่จะไม่เข้าร่วมที่ข้างนอกก็ได้สังเกตเห็น ควรพูดว่าผู้คนทั่วทั้งเมืองจู้หลงล้วนแต่สังเกตเห็นสิ่งนี้


 


ไฟที่ลุกท่วมฟ้า ไม่มีใครที่มองไม่เห็น นอกจากจะเป็นคนตาบอด ไม่อย่างนั้นจะต้องเห็นเปลวเพลิงที่พุ่งขึ้นฟ้านี้อย่างแน่นอน นี่ช่างเป็นภาพที่น่ากลัวจริงๆ


 


อย่างรวดเร็ว ประมุขวังไป๋เหลียนกับพวกก็ได้เข้ามาตรวจสอบ กระทั่งคนของตำหนักซิงเฉินก็ด้วย เวลายังไม่ถึง 1 ชั่วยาม ดังนั้นพวกเขาจึงยังไม่ได้ไปจากเมืองนี้ แต่ใครจะรู้ว่าเพิ่งจะผ่านมาได้ไม่นาน ที่นี่ก็ถูกทะเลเพลิงกลืนเข้าซะแล้ว ทั้งเปลวเพลิงนี้ยังมีอุณหภูมิสูงมาก ทำให้พวกเขาพากันตกตะลึง


 


“นี่ไม่ใช่เปลวเพลิงธรรมดา อาจจะเป็นเพลิงชั้นสูง…..” หลี่เทียนหงมองทะเลเพลิงนี้ด้วยสีหน้าน่าเกลียด “กล้าเผาตำหนักกลางนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นการประกาศสงครามกับอาณาจักรใต้พิภพ…..”


 


“อืม ไม่รู้ว่าเป็นขุมอำนาจไหนถึงได้โหดเหี้ยมขนาดนี้ เพิ่งจะมีการเข้าร่วมได้เพียงไม่นานก็ถูกคนทำลายแล้ว ถ้าเดาไม่ผิด ทุกคนจะต้องหนีไปทัน พร้อมกับตายอยู่ข้างในหมดแล้ว….” ประมุขวังไป๋เหลียน ฉินหย่า ใช้ดวงตาที่งดงามจ้องไปที่เปลวเพลิงที่กำลังลุกไหม้พร้อมกับส่ายหัว


 


หลี่เทียนหงถอนหายใจ “น่าเสียดายเด็กหนุ่มนักสลักอาคมชั้น 4 จริงๆ กลัวว่านานขนาดนี้ยังไม่มีใครออกมา คงไม่มีใครรอดแล้ว”


 


พวกเขาพากันมองไปยังที่แห่งนี้สักพัก จากนั้นก็หมุนตัวจากไป ไม่คิดจะอยู่ในเมืองนี้ต่อ บางคนก็รู้สึกพอใจกับโชคร้ายของคนอื่น ขณะที่บางคนไม่รู้สึกอะไร และก็มีบางคนที่รู้สึกหนักอึ้ง กลัวว่านี่จะเป็นชนวนให้เกิดความปั่นป่วนขึ้นกับโลก


 


ผู้เชี่ยวชาญหลายคนตายอยู่ข้างใน แน่นอนว่ามีสำนักใหญ่รวมอยู่ในนั้นด้วย พวกเขากลัวว่าพวกเขาจะถูกลากเข้าไปรวมกับสำนักพวกนั้น ภายใต้ความพิโรธของอาณาจักรใต้พิภพ กลัวว่าทวีปเทียนจิ่งแห่งนี้จะต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงไม่มากก็น้อย


 


ทุกคนต่างก็มีความคิดของตนเอง แต่ไม่มีใครรู้ว่าอี้เทียนหยุนเป็นคนทำ ทั้งยังเป็นคนทำทั้งหมดนี้คนเดียวด้วย


CLS ตอนที่ 255: ดอกเบี้ย


 


ขณะที่พวกอี้เทียนหยุนเดินทางกลับ ข่าวของเมืองจู้หลงก็ได้ถูกส่งไปถึงอาณาจักรใต้พิภพอย่างรวดเร็ว ชายหน้าดำคล้ำกำลังเดินไปมาอยู่ในโถงหลัก พร้อมกับคนอีกสองสามคมที่กำลังก้มหัวไม่กล้าเงยหน้าขึ้นสบตาชายคนนั้น พร้อมกับบนหน้าผากที่มีเหงื่อผุดขึ้นมา


 


“ต้าเฉินทั้งสองคนตาย ทั้งตำหนักกลางในเมืองจู้หลงยังถูกเผา….. แต่กลับไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำ?” ชายคนนั้นหยุดเดิน พร้อมกับหันมามองพวกเขาด้วยสายตาเย็นชา


 


“รายงานเยว่ต้าเหริน เรื่องนี้ เรื่องนี้หาไม่เจอจริงๆ ครับ ตำหนักกลางถูกเผาจนหมด ไม่สามารถสืบหาอะไรได้” ต้าเฉินคนนั้นปาดเหงื่อ “พวกเราจะพยายามตรวจสอบให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้!”


 


“เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้อย่างงั้นเหรอ?” เยว่ต้าเหรินมองมาที่เขาอย่างเย็นชา “ข้าไม่ต้องการเร็วที่สุด แต่ต้องคำตอบในวันพรุ่งนี้!”


 


เขาปลดปล่อยพลังที่น่าสะพรึงกดทับลงมายังที่นี่อย่างโหดเหี้ยม พลังที่ปลดปล่อยออกมานี้ เป็นพลังระดับวิญญาณเที่ยงแท้ ทำให้ขาทั้งสองข้างของพวกเขาต้องทรุดลงกับพื้นโดยตรง


 


“พวกเรา พวกเราเดาว่ามีสิทธิ์ที่จะเป็นพวกชั่วจากอาณาจักรเทียนหลงเป็นคนทำ….. มีเพียงพวกมันเท่านั้นถึงจะกล้าทำอย่างนี้ ทั้งยังมีผู้เชี่ยวชาญมากพอด้วย” ต้าเฉินคนนั้นรีบดึงเอาศัตรูตลอดกาลอย่างอาณาจักรต้าหลงออกมา หลังจากคิดสักครู่ก็พูดเสริมขึ้นมาว่า “แต่ก็อาจจะเป็นศัตรูตัวฉกาจในปัจจุบันอย่างเผ่าภูตก็เป็นได้ อาจจะเห็นพวกเรารับสมัครขุมอำนาจจำนวนมาก ดังนั้นจึงได้ลงมือทำลายทิ้งโดยสมบูรณ์”


 


เขาคิดต้องเป็นศัตรูคนอื่น จึงคาดเดาออกมาอย่างรวดเร็ว แต่ไม่ได้มีความคิดว่าจะเป็นทางฝั่งของวังเทียนจี๋เลยสักนิด


 


อี้เทียนหยุนเห็นผู้คุ้มกันที่ไหนเป็นต้องฆ่า ทำให้ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาหลบหนีไปทางไหน ดังนั้นจึงไม่มีใครนึกถึงพวกเขา เมื่อต้าเฉินคนนี้ไม่อาจสืบหาตัวการได้ ดังนั้นจึงได้โยนเผือกร้อนนี้ไปให้กับอาณาจักรเทียนหลง ไม่ก็เผ่าภูต


 


“อืม อาจจะเป็นพวกเขาก็ได้ ข้ารู้สึกว่าความเป็นไปได้ที่จะเป็นเผ่าภูตมีมากกว่า!” ในสายตาเยว่ต้าเหรินเต็มไปด้วยจิตสังหาร “ไปเตรียมตัวให้พร้อม อย่าใช้เวลานานนัก อย่าว่าแต่เผ่าภูต ต่อให้เป็นอาณาจักรเทียนหลงที่ตกต่ำนั่นก็ด้วย พวกมันทั้งหมดจะต้องถูกบดขยี้ด้วยน้ำมืออาณาจักรใต้พิภพของพวกเรา!”


 


ท่าทางอหังการของเขาถูกปลดปล่อยออกมา กวาดผ่านทั่วทั้งห้องโถงนี้ กวาดพัดหลายสิ่งให้ปลิวว่อนด้วยท่วงท่าของเขา มีเพียงแต่ความอหังการเช่นนี้ถึงจะแสดงผลลัพธ์ที่น่าสะพรึงออกมาได้ ไม่เสียทีที่เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญระดับวิญญาณเที่ยงแท้


 


……


 


อี้เทียนหยุนพาพวกเขาบินกลับมาถึงวังเทียนจี๋อย่างรวดเร็ว ทั้งยังเงียบเชียบอีกด้วย กระทั่งศิษย์ส่วนใหญ่ยังไม่สังเกตเห็น เก็บเป็นความลับไว้ได้ช่วงระยะเวลาหนึ่ง ยิ่งอี้เทียนหยุนถ่วงเวลาได้นานเท่าไหร่ เขาก็จะยิ่งมีเวลาให้เพิ่มระดับได้นานเท่านั้น ถ้าเขาเพิ่มระดับได้อย่างต่อเนื่องแล้วล่ะก็ อาณาจักรอะไรนั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องเป็นกังวลอีกต่อไป!


 


“ถ้าผู้ฝึกตนที่มาแข็งแกร่งกว่านี้ กลัวว่าจะไม่สามารถจัดการได้ง่ายๆ น่ะสิ” อี้เทียนหยุนขมวดคิ้ว หลินห้าวนั้นแข็งแกร่งมาก ยิ่งตอนที่ทุ่มสุดตัวแล้ว พลังเทียบกับเขาได้เลยด้วยซ้ำ ถ้าเกิดว่าฝั่งตรงข้ามแข็งแกร่งกว่านี้อีก 1-2 ขั้น เขาก็ไม่รู้ว่าจะยังทำอะไรได้ไหม


 


ยิ่งถ้าเป็นระดับวิญญาณเที่ยงแท้มาด้วยตัวเอง เขาก็ไม่กล้าจินตนาการเลยว่าพลังรบของอีกฝ่ายจะน่าสะพรึงขนาดไหน บางทีแค่พลังตอนที่ยังไม่ปลดปล่อยอาจจะมีพลังรบมากถึง 5-6 ล้าน หรืออาจจะน่าสะพรึงยิ่งกว่านั้นก็เป็นได้


 


หลังจากกลับมา วังเทียนจี๋ก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ก่อนหน้านี้ผู้คุ้มกันเงาพวกนั้นคิดจะลงมือ แต่ตอนนี้ผู้คุ้มกันพวกนั้นถูกเขาสังหารทิ้งหมดแล้ว เป็นธรรมดาที่วังเทียนจี๋จะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น


 


ขณะที่พวกเขาเล่าเรื่องต่างๆ พวกเขาก็ได้ตกใจกับเรื่องที่อี้เทียนหยุนเรียกมังกรดำออกมาอย่างมาก ยิ่งตอนที่สังหารกลุ่มผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณกลุ่มนั้นยิ่งทำให้พวกเขาตกใจขึ้นไปอีก


 


“ถ้างั้น ท่านประมุขก็เป็นคนช่วยพวกหยางซีเสวี่ยอย่างงั้นเหรอ?” ผู้อาวุโสใหญ่กับพวกถามขึ้น


 


“ใช้แล้ว ข้าเป็นคนช่วยเอง” อี้เทียนหยุนไม่อยากจะตอบเท่าไหร่ เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร


 


“แต่ แล้วทำไมหยางซีเสวี่ยถึงจำท่านไม่ได้?” เหอเชียนหานคิดว่าแปลกมาก อี้เทียนหยุนก็อยู่ในตำหนักเทียนเหวินตั้งหลายวัน ทำไมถึงจำไม่ได้ แปลกจริงๆ


 


“เพราะว่าเธอไม่รู้จักใบหน้านี้ของข้ายังไงล่ะ” อี้เทียนหยุนยกมือขึ้นลูบหน้า จากนั้นใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นหน้าคนอื่น ทำให้คนที่เห็นพากันตกใจ นี่ช่างมีแต่เรื่องให้ตกใจจริงๆ


 


“เพราะหน้ากากนี้ ทำให้เวลาออกไปไหนจึงไม่มีใครจำได้!” พวกเขาตกใจ แต่ก็เข้าใจความจริงในที่สุด


 


“ตอนแรกข้าก็แปลกใจ ทำไมวังเทียนจี๋ของเราถึงได้มีผู้เชี่ยวชาญเป็นสหายอยู่ด้วย?” ประมุขที่ยังนั่งในตำแหน่งเป็นคนพูดขึ้น “ที่แท้ก็เป็นผู้สืบทอดของราชาวิญญาณเซวียนเทียนนี่เอง นี่จึงจะเป็นสหายที่แท้จริงของพวกเรา การมอบตำแหน่งประมุขให้กับเจ้า ถือว่าเป็นเรื่องที่สมควรแล้ว”


 


“สถานการณ์ตอนนี้ค่อนข้างร้ายแรง แต่พวกเขาก็คงยังไม่พบอะไรในเร็วๆ นี้ แต่ว่าหลังจากนี้ก็ไม่แน่ ดังนั้น กลุ่มของพวกเราจึงไม่สามารถเผยตัวได้” อี้เทียนหยุนพูดอย่างจริงจัง “ขอให้ทุกคนอยู่แต่ในตำหนัก เรื่องทุกอย่างให้ประมุขหลี่เป็นคนจัดการ จะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรในตอนนี้”


 


“ข้าไม่ใช่ประมุขอีกต่อไปแล้ว พลังของข้าถูกทำลายสิ้น กระทั่งผู้อาวุโสยังเป็นไม่ได้ “หลี่ซินเหลียงพูดด้วยรอยยิ้ม “จากนี้เรียกข้าว่าผู้จัดการหลี่ก็พอ ข้าสามารถช่วยจัดการเรื่องราวที่นี่ แค่นี้ก็พอใจได้”


 


ในสายตาของเขาไม่มีร่องรอยแห่งความสิ้นหวัง แม้พลังจะถูกทำลาย แต่อย่างน้อยก็ยังมีชีวิต ยิ่งกว่านั้น ตอนนี้เขายังสามารถเดินได้แล้ว


 


“ได้ ข้าก็วางแผนว่าจะปล่อยที่นี่ให้ท่านจัดการอยู่แล้ว” อี้เทียนหยุนพยักหน้าแล้วพูดขึ้น


 


ขณะที่พวกเขากำลังคุยกันนั้น ทันใดนั้นก็ได้มีผู้จัดการเดินเข้ามาด้วยท่าทางรีบร้อย พร้อมกับพูดออกมาอย่างร้อนใจว่า “คนของวังเสินเหวินมาหาเรื่อง ยิ่งกว่านั้นยังนำคนกลุ่มหนึ่งมาด้วย!”


 


“วังเสินเหวิน?” อี้เทียนหยุนขมวดคิ้ว เขาเพิ่งจะสังหารพวกหนานเฟิงหยุนไป แต่ไม่คิดว่าประมุขของพวกเขาเพิ่งจะถูกฆ่า ขยะกลุ่มนี้ยังมีหน้ามาหาเรื่องเขาด้วยตัวเอง


 


เขาคิดสักพักจากนั้นก็พูดขึ้น “ดี พาข้าไปหาพวกมัน!”


 


ผู้จัดการมองเขาด้วยความตกใจ เพราะว่าเขาไม่รู้จักอี้เทียนหยุน เพราะว่าอี้เทียนหยุนใส่หน้ากากร้อยแปลงอยู่ เป็นธรรมดาอยู่แล้วที่เขาจะไม่รู้จัก


 


“พาเขาไป การตัดสินใจของเขาคือการตัดสินใจของข้า” หลี่ซินเหลียงยกมือขึ้น พูดโดยที่ไม่อธิบายอะไร


 


ผู้จัดการคนนั้นพยักหน้า จากนั้นก็พาอี้เทียนหยุนเดินไปข้างนอก เขายังไม่ทันจะเดินออกไปก็พลันได้ยินเสียงจากข้างนอกดังเข้ามา “ขยะวังเทียนจี๋ กล้าสังหารนายน้อยของพวกเรา ถ้าพวกเจ้าไม่ให้คำอธิบายกับพวกเราล่ะก็ ระวังวังเสินเหวินของพวกเราจะบดขยี้พวกเจ้า!”


 


“วังเสินเหวินจะบดขยี้วังเทียนจี๋ของพวกเราอย่างงั้นเหรอ?” หยางอวี่ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ อยู่ๆ ก็ออกมาข้างหน้า มองไปยังพวกเขาพร้อมกับพูดอย่างหาเรื่องว่า “ถ้าจะฆ่าก็มาเลย ใครกลัวกัน! คนทรยศอย่างพวกเจ้า กระทั่งสำนักตัวเองยังหักหลัง แถมตอนนี้ยังไปยืนอยู่ทางฝั่งวังเสินเหวินอีก!”


 


“หยางอวี่ ข้าขอให้เจ้าเชื่อฟังแต่โดยดี ไม่อย่างนั้นจะตายโดยไม่รู้ตัว!” กลุ่มคนทรยศพูดเยาะเย้ยออกมา ขณะที่ยืนอยู่ทางฝั่งวังเสินเหวินด้วยท่าทางอวดดี


 


“เจ้า!” ขณะที่สีหน้าของหยางอวี่เต็มไปด้วยความโมโห พร้อมกับทำท่าจะพูดอะไรนั้น ก็ได้มีฝ่ามือตบลงบนไหล่ของเขาเบาๆ ทำให้เขาหยุดลง


 


“เอ๋ พี่ชายคนนี้เป็นใคร ทำไมถึงได้ดูไม่คุ้นเลย?” เมื่อหยางอวี่เห็นอี้เทียนหยุน ก็มองมาที่เขาด้วยสีหน้าประหลาดใจ


 


“ไม่เป็นไร ให้ข้าจัดการเอง” อี้เทียนหยุนมองไปยังอีกฝั่ง แล้วก็พบว่าอีกฝ่ายไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นหลี่ห้วนนั่นเอง! ก่อนหน้านี้ถูกเขาทำให้บาดเจ็บหนัก ตอนนี้จึงยังนั่งบนเปลให้คนหาม เห็นได้ชัดว่ามาให้เขาเก็บดอกเบี้ยด้วยตัวเอง


 


ยิ่งกว่านั้น ตรงหน้ายังมีคนทรยศจากตำหนักเทียนเหวินคนอื่นอีก อย่างเช่น เฟิงยู่หลงก็อยู่ในนั้นด้วย!


CLS ตอนที่ 256: บาปที่ไม่ควรอภัย!


 


“ผู้มีพระคุณ!” ในตอนนี้เอง หยางซีเสวี่ยก็มองมาที่อี้เทียนหยุนด้วยความตกใจ ใบหน้าที่อี้เทียนหยุนใช้ในตอนนี้คือใบหน้าที่ใช้ช่วยเหลือพวกเธอเมื่อก่อนหน้า แน่นอนว่าเธอจะต้องจำได้ในทันที


 


“อะไรนะ เขาเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยพี่อย่างงั้นเหรอ?” หยางอวี่มองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า จากนั้นก็คว้ามือเขามาจับ แล้วพูดขึ้นว่า “ขอบคุณท่านมากที่ช่วยพี่สาวข้าไว้! ไม่แปลกที่พี่สาวของข้าจะใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ที่แท้สหายท่านนี้ก็ยังหนุ่มนี่เอง ทั้งยังหน้าตาดีอีกด้วย เพียงแค่ดูก็รู้แล้วว่าเหมาะที่จะมาเป็นพี่เขยของข้า!”


 


“หยางอวี่!” หยางซีเสวี่ยตีน้องชายของเธอ ทำให้เขาหยุดพูดอย่างรวดเร็ว


 


“พี่ ไม่ใช่ว่าท่านเอาแต่ใจลอยมองออกนอกหน้าต่างประจำหรอกเหรอ ไม่ใช่ว่ากำลังคิดเรื่องนี้หรือยังไง…..”


 


“ยังจะพูดอีก!” หยางซีเสวี่ยจ้องไปที่เขาด้วยความโกรธ ใบหน้าที่งดงามของเธอแดงก่ำ ก่อนหน้านี้เธอตกหลุมรักอี้เทียนหยุนจริงๆ จากสถานการณ์นั้น การที่มีหนุ่มหล่อเข้ามาช่วยตนเอง แล้วอย่างนี้ผู้หญิงจะไม่ตื่นเต้นได้อย่างงั้นเหรอ?


 


“พอได้แล้ว!” ในตอนนี้เอง เฟิงยู่หลงที่อยู่ใกล้ๆ ก็ได้มองมาที่พวกเขาด้วยความโมโห ภายใต้เม็ดยาฟื้นฟู ทำให้เขาในตอนนี้กลับมาเดินได้แล้ว แต่บนหน้ายังมีรอยฝ่ามือประทับอยู่ ทำให้ใบหน้าที่หล่อเหลาเมื่อก่อนหน้ากลายเป็นมีตำหนิไป “เจ้าเป็นคู่หมั้นของพวกเราตระกูลเฟิง ยังกล้าไปตกหลุมรักผู้ชายคนอื่นอีก! ซีเสวี่ย ข้าจะให้โอกาสสุดท้ายกับเจ้า เลือกมาอยู่ข้างข้าซะ ไม่อย่างนั้น ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้น อย่ามาโทษข้าก็แล้วกัน!”


 


“อยู่ข้างเจ้าอย่างงั้นเหรอ?” หยางซีเสวี่ยพูดอย่างดูถูก “เป็นไปไม่ได้ ยิ่งกว่านั้น ข้ายังไม่ใช่คนทรยศสำนักอย่างเจ้าด้วย!”


 


“ทรยศสำนักอย่างงั้นเหรอ?” เฟิงยู่หลงหัวเราะเยาะ “นี่เรียกว่ารู้จักเลือก วังเทียนจี๋ที่ตกต่ำนี้มีอะไรดี? การเลือกมาอยู่กับวังเสินเหวินต่างหากถึงจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด!”


 


“ข้ารู้ว่าวังเทียนจี๋ตกต่ำ แต่ใช่ว่าคิดจะทรยศสำนักได้ตามใจ? ถ้าอยากจะออกไปจากที่นี่ ก็จำเป็นต้องทำตามกฎ การที่เจ้าทรยศสำนักอย่างนี้ ก็เหมือนกับการกบฏนั้นแหละ!” หยางซีเสวี่ยพูดอย่างเย็นชา


 


“ทำตามกฎอย่างงั้นเหรอ?” เฟิงยู่หลงหัวเราะ “มันไม่ต่างอะไรไปจากจ่ายเงิน เจ้าคิดว่าตำหนักเทียนเหวินให้อะไรกับพวกเราบ้าง? ก็แค่เม็ดยาถูกๆ ไม่ก็วิชาห่วยๆ ของอย่างนี้ใครจะไปทนได้!”


 


เขาพูดออกมาตรงๆ เพื่อที่จะออกจากสำนัก จำเป็นจ่ายทรัพยากรออกไปจำนวนหนึ่ง ตัวอย่างเช่นเม็ดยาชั้น 3 ชั้น 4 อย่างนั้นถึงจะออกจากสำนักได้


 


เขาฝึกที่นี่มานาน พร้อมทั้งใช้ทรัพยากรไปจำนวนมาก การจากไปอย่างนี้ เห็นได้ชัดว่าผิดกฎ


 


เมื่อพูดถึงเรื่องนี้เฟิงยู่หลงก็พลันระเบิดออกมา สายตาของเขาเต็มไปด้วยความเยาะเย้ยและดูถูก เขารู้สึกว่าการดูแลของวังเทียนจี๋นี้ไม่ต่างอะไรไปจากเลี้ยงสุนัข


 


ทั้งศัตรูตรงหน้ายังเอาแต่พูดคุยแต่เรื่องรักใคร่ระหว่างชายหญิง แล้วอย่างนี้จะไม่ให้เขาโกรธได้ยังไง เขามองไปที่พวกเขาด้วยความโกรธ ที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มพวกเขาก็คือผู้อาวุโสสองคน ซึ่งทั้งสองเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับก่อแกนวิญญาณ ทั้งยังมีระดับผู้จัดการอีกหลายคน กำลังมองมาที่นี้ด้วยสายตาเย็นชา


 


พวกเขาไม่รีบที่จะลงมือ แต่ปล่อยให้หนุ่มสาวพวกนี้ส่งเสียงดังตามต้องการ นี่ถือเป็นการเหยียบหน้าวังเทียนจี๋ทางหนึ่ง ไม่มีใครรู้ว่าประมุขของพวกเขาตายแล้ว เพราะว่าข่าวไม่ได้ส่งมาเร็วขนาดนั้น ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงไม่กล้าอวดดีอย่างนี้ ทั้งยังกล้ามาเรื่องอย่างรวดเร็ว


 


“แม้ว่าวังเทียนจี๋จะมีทรัพยากรย่ำแย่ แต่ก็ยังมอบให้พวกเจ้าอย่างเต็มที่ เอาใจใส่ในการฝึกฝนพวกเจ้า! ในเมื่อพวกเจ้าคิดว่าวังเทียนจี๋น่าผิดหวัง งั้นทำไมถึงเลือกเข้าร่วมตั้งแต่แรก!” อี้เทียนหยุนออกหน้า มองมาที่พวกเขาอย่างเย็นชา “ถ้าไม่ใช่เพราะได้รับการฝึกจากวังเทียนจี๋ ข้าคิดว่าแม้แต่ประตูหน้าของวังเสินเหวินพวกเจ้าก็ไม่สามารถเข้าไปได้!”


 


นี่เป็นเรื่องจริง แม้ว่าตระกูลของพวกเขาจะไม่เล็ก แต่ก็ขาดทรัพยากร อย่างเช่นความรู้ในการสลักค่ายกลต่างๆ ซึ่งตระกูลเล็กๆ พวกนี้ไม่มีทางมีอย่างแน่นอน ถ้าไม่ใช่เพราะวังเทียนจี๋ต้องการประโยชน์จากพวกเขา แม้แต่ประตูสำนักพวกเขาก็ไม่สามารถเข้ามาได้!


 


แต่พวกเขากลับเอาแต่ตำหนิ ขณะที่ฉวยทรัพยากรส่วนใหญ่ไป แล้วอย่างนี้จะไม่ให้โมโหได้ยังไง! เขาเกลียดการทรยศที่สุด ทั้งยังเป็นการทรยศสำนักที่เลี้ยงดูมาอีก สำนักมอบพลังให้กับพวกเขา แต่พวกเขากลับไม่พอใจ ทั้งยังโลภไม่รู้จักพอ ทั้งยังช่วยวังเสินเหวินมาสร้างความวุ่นวายอีก


 


“เจ้าหนู เจ้าพูดว่าไงนะ!” เฟิงยู่หลงโมโห ชี้ใส่หน้าอี้เทียนหยุนแล้วพูดอย่างเย็นชา “เจ้านั่นแหละที่แม้แต่ประตูหน้าก็เข้าไม่ได้ ผู้มีพระคุณบ้าบออะไร เจ้าหลอกได้ก็แต่คนตาบอดนั่นแหละ! ข้าจะให้โอกาสสุดท้ายกับเจ้า มาติดตามข้าซะ! ถ้าไม่อย่างนั้น ข้าจะทำให้เจ้าต้องพบกับความเสียใจอย่างแน่นอน!”


 


“เฟิงยู่หลง ข้าบอกไปแล้วว่าจะไม่มีทางไปกับเจ้าอย่างแน่นอน!” หยางซีเสวี่ยพูดอย่างเย็นชา “เจ้าคนทรยศ!”


 


“ดี ดี ดี!” เฟิงยู่หลงใช้สายตาเย็นชากวาดมองทุกคน พร้อมกับหัวเราะเยาะออกมา “ดีมาก! ข้าจะบอกอะไรให้ ก่อนหน้านี้เจ้าเด็กอวดดีนั่นได้สังหารศิษย์ของท่านประมุขไป ก่อเรื่องใหญ่ขึ้นมา คราวนี้วังเทียนจี๋ของพวกเจ้าจะต้องจบสิ้นอย่างแน่นอน!”


 


“อะไรนะ สังหารศิษย์ของประมุขวังเสินเหวินอย่างงั้นเหรอ?”


 


พวกเขาพากันตกใจ พวกเขาไม่คิดว่าอี้เทียนหยุนจะสร้างเรื่องใหญ่อย่างนี้ออกมา ตอนนี้มันกลายเป็นเรื่องใหญ่แล้ว


 


“ผู้อาวุโสของพวกเจ้าล่ะ!” ผู้อาวุโสเซียวเจี๋ยเดินออกมา กวาดตามองพวกเขาคราหนึ่ง แต่นอกจากอี้เทียนหยุนและผู้จัดการคนนั้นแล้ว ก็ไม่มีใครอื่น


 


“เรื่องที่นี่ข้าเป็นคนจัดการเอง มีเรื่องอะไร?” อี้เทียนหยุนเปิดปากพูดออกมา


 


“เจ้ารับผิดชอบได้อย่างงั้นเหรอ?” ผู้อาวุโสเซียวเจี๋ยมองมาที่เขาอย่างเย็นชา “ก็ได้ ศิษย์ของประมุขของพวกเราถูกสังหาร ตอนนี้ส่งตัวฆาตกรมาให้พวกเราจับตัวไปให้ท่านประมุขลงโทษด้วยตัวเอง แต่เรื่องยังไม่จบง่ายๆ อย่างนี้ เจ้าต้องชดใช้โดยการมอบเม็ดยาและอาวุธให้กับพวกเราได้ ถ้าพวกเจ้าไม่มอบให้ พวกเราจะเข้าไปหยิบด้วยตัวเอง”


 


เมื่อพูดประโยคนี้ออกมา ท่าทางของเขาอวดดีถึงที่สุด ทั้งยังปลดปล่อยพลังออกมาด้วย แถมยังไม่ใช่การปลดปล่อยเพียงเล็กน้อย แต่เป็นการปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา


 


การกระทำของเขาทำให้สีหน้าของทุกคนที่อยู่ที่นี่เปลี่ยนไป เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ ไม่แปลกที่พวกเขาจะพาคนมากขนาดนี้มาที่วังเทียนจี๋


 


“ชดใช้อย่างงั้นเหรอ!” หยางอวี่พูดอย่างโมโห “นั่นต้องเป็นเพราะคนของพวกเจ้าไปหาเรื่องพี่ใหญ่แน่ๆ ไม่อย่างงั้นพี่ใหญ่คงไม่ลงมือหรอก! ถ้าจะต้องชดใช้ล่ะก็ พวกเจ้าก็ควรจะชดใช้ให้พวกเราเช่นกัน! ทรยศสำนัก พวกเจ้าจะต้องทำการการฝึกตนของตัวเองซะ!”


 


“ผู้อาวุโสเซียว เหมือนพวกมันจะหัวแข็งจนไม่เข้าใจอะไร……” เฟิงยู่หลงหัวเราะเยาะ แล้วพูดขึ้นว่า “ข้าว่าพวกเราสังหารมันทิ้งดีกว่า ให้พวกมันรู้ว่าอะไรควรไม่ควร ไม่อย่างนั้นพวกมันจะคิดว่าวังเสินเหวินของพวกเรารังแกได้ง่ายๆ! สังหารนายน้อยของพวกเรา แถมตอนนี้ยังคิดต่อต้านอีก ถือเป็นความผิดที่ไม่ควรได้รับการอภัย!”


 


ในใจเฟิงยู่หลงตอนนี้โมโหอย่างมาก ตอนนี้เขาไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ต้องการเพียงจับพวกหยางอวี่มาลงโทษ เพื่อดับความโกรธของเขาลง!


 


ผู้อาวุโสเซียวเจี๋ยมองไปยังผู้คนแบบผ่านๆ จากนั้นก็พูดอย่างเย็นชา “ดูเหมือนพวกเจ้าอยากจะให้พวกเราไปเอามาด้วยตัวเอง ดี ไปเก็บมาให้ข้าให้หมด ไม่วาจะเป็นอะไรก็ตาม! ใครที่เก็บมาได้มากยิ่งได้ความดีมาก! ไว้ท่านประมุขหนานกลับมา ข้าจะเป็นคนรายงานท่านด้วยตัวเอง!”


 


“ดี!” เสียงโห่ร้องดังมา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาตื่นเต้นกันขนาดไหน!


 


อึดใจต่อมา พวกเขาก็พากันโถมเข้ามา เฟิงยู่หลงเป็นคนนำหน้าขบวน หยางอวี่กับพวกก็เตรียมตัวต้านรับเช่นเดียวกัน


 


แต่กลับมีร่างหนึ่งพุ่งเข้าใส่พวกเขา พร้อมกับยกเท้าถีบใส่หน้าเฟิงยู่หลงจนปลิวไป เฟิงยู่หลงม้วนตลบกลางอากาศ ใบหน้ามีเลือดไหลออกมาไม่หยุด ก่อนที่จะกระตุกหลังจากลงสู่พื้น จากนั้นก็ตายไป


 


“ทรยศสำนักต้องทำลายพื้นฐานฝึกตน แต่พาคนอื่นมาทำลายสำนัก ถือเป็นบาปที่ไม่ควรอภัย!” คำพูดของอี้เทียนหยุนนี้มาพร้อมกับโทษตายของเฟิงยู่หลง ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใคร แต่เห็นได้ชัดว่าเขานั้นโหดเหี้ยมแค่ไหน ส่วนเรื่องบาปที่ไม่ควรอภัยนั้น ยังจำเป็นต้องพูดอยู่เหรอ!


CLS ตอนที่ 257: เก็บกวาด


 


“ติ๊ง ท่านสังหารเฟิงยู่หลงสำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 7,800, ค่าความคลั่ง 1,800, ค่าความชั่ว 50, ความชำนาญในการสลักอาคม 100, ได้รับวิชากระบี่เหินเมฆา, ท่าเท้าย่ำเมฆ”


 


แค่ลูกเตะเดียวก็สังหารเฟิงยู่หลงคนนี้ไปได้อย่างไม่ยากเย็น ระดับของเขาไม่ใช่อ่อนๆ การสังหารเขาก็เหมือนกับการบี้มดตัวหนึ่งเท่านั้น ถือเป็นการมอบโทษสูงสุดให้แก่เขา!


 


“เจ้า เจ้าสังหารพี่เฟิง!” เลี่ยวเหวินก็ทรยศสำนักเหมือนกัน เขามองมาที่อี้เทียนหยุนอย่างกรุ่นโกรธ “เจ้า เจ้าคิดจะก่อกบฏหรือไง!”


 


อึดใจต่อมา ร่างของอี้เทียนหยุนก็ไปปรากฏขึ้นตรงหน้าของเขา พร้อมกับหวดแข้งออกไป ฟาดเลี่ยวเหวินจนปลิว สังหารเขาโดยไม่ปรานี


 


“ติ๊ง ท่านสังหารเลี่ยวเหวินสำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 6,500, ค่าความคลั่ง 1,500, ค่าความชั่ว 20, ค่าความชำนาญในการสลักอาคม 100…..”


 


“บาปที่ไม่ควรอภัย!”


 


เขาลงมือโดยไม่ปรานี บอกฆ่าเป็นฆ่า ไร้ซึ่งความเมตตา!


 


ความเร็วที่น่าสะพรึงนี้ทำให้ทุกคนไม่รู้ว่าเขาลงมือยังไง กระทั่งพวกผู้อาวุโสก็ยังมองไม่ออก ความเร็วนี้เร็วเกินไป เร็วจนพวกเขาไม่เชื่อว่าจะมีความเร็วขนาดนี้อยู่ หยางซีเสวี่ยมองดูสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยสองตาเป็นประกาย เธอรู้ว่าอี้เทียนหยุนแข็งแกร่งมาก ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่จัดการโจรสลัดพวกนั้นได้ตั้งแต่ตอนแรกหรอก


 


“บาปที่ไม่ควรอภัย!”


 


อี้เทียนหยุนไม่หยุดมือ ยังคงไล่หวดศิษย์ที่ทรยศสำนักอย่างต่อเนื่อง จนสุดท้ายก็ตายสิ้นไม่เหลือหลอ! เขาไม่คิดจะสังหารคนเหมือนผักปลา แต่เมื่อได้เริ่ม เขาก็ไม่สามารถหยุดได้


 


“บาปที่ไม่ควรอภัย!”


 


“บาปที่ไม่ควรอภัย!”


 


“บาปที่ไม่ควรอภัย!”


 


เพียงแค่ทีเดียวก็มากพอที่จะจัดการพวกศิษย์ที่ทรยศสำนักพวกนี้ได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องลงมือซ้ำสอง


 


“หยุดให้ข้า!” ผู้อาวุโสเซียวเจี๋ยคำรามอย่างโกรธแค้น ระเบิดพลังระดับก่อแกนวิญญาณออกมา สังหารศิษย์พวกนี้ต่อหน้าเขา เท่ากับเป็นการตบหน้าเขาอย่างแรง แล้วอย่างนี้เขาจะไปทนได้ยังไง!


 


เขาไม่ทันจะลงมือ อี้เทียนหยุนก็มาปรากฏตรงหน้าเขาแล้ว พร้อมกับหวดแข้งออกมา “เปรี้ยง” ผู้อาวุโสเซียวเจี๋ยก็กระเด็นไปเช่นเดียวกัน เครื่องในที่อยู่ในร่างถูกเตะจนแตก กระแทกพื้นพร้อมกับร่างที่อ่อนยวบ ตายไปในทันที!


 


“คิดรังแกวังเทียนจี๋ของพวกเขา เท่ากับเป็นบาปที่ไม่อาจอภัย!” อี้เทียนหยุนมองไปยังคนที่เหลืออย่างเย็นชา “ยืนฟังพวกเจ้าพูดไร้สาระมาครึ่งค่อนวันแล้ว ตอนนี้ได้เวลาปัดกวาดสำนัก กำจัดขยะบางชิ้นทิ้งไป ไม่อย่างนั้น พวกเจ้าคิดจริงๆ หรือว่าวังเทียนจี๋ของเรารังแกได้ง่ายๆ? วังเทียนจี๋ของพวกเราก็มีศักดิ์ศรี ที่ไม่อาจก้าวล่วงเช่นกัน!”


 


“พูดได้ดี! แม้ว่าวังเทียนจี๋ของพวกเราจะตกต่ำ แต่พวกเขาก็ภูมิใจที่ได้เป็นศิษย์ของวังเทียนจี๋ พวกเราต้องปกป้องศักดิ์ศรีของสำนัก!” หยางอวี่พูดอย่างเดือดดาล “ทุกคน มาไล่พวกมันออกไปจากสำนักพวกเรากัน!”


 


ภายใต้การนำของหยางอวี่ พวกเขาก็ราวกับได้รับการฉีดเลือดไก่เข้าไป รวมตัวกันโถมเข้าใส่อีกฝั่ง รวมใจกันจัดการพวกนั้น


 


แม้ระดับของพวกเขาจะไม่สูง แต่ก็ใช่ว่าจะสู้ไม่เป็น!


 


อี้เทียนหยุนพลันตาเป็นประกาย มีศิษย์พวกนี้อยู่ สำนักก็มีหวังที่จะอยู่รอดแล้ว ถ้ามีคนทรยศสำนัก หรือเต็มไปด้วยพวกที่เห็นแก่ตัว สำนักก็ไม่อาจที่จะอยู่ได้นาน สุดท้ายก็ต้องพบกับจุดจบ


 


“ดี จัดการพวกมันด้วยกัน!” อี้เทียนหยุนพลันเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว พร้อมกับเข้าจัดการกับผู้อาวุโสอีกคน ผู้อาวุโสคนนี้คือคนที่มีพลังสูงที่สุด หลังจากจัดการเขา เรื่องก็เป็นอันจบ


 


“เจ้าอยากจะเป็นศัตรูกับวังเสินเหวินอย่างงั้นเหรอ พวกเจ้า พวกเจ้าเบื่อที่จะมีชีวิตแล้วหรือไง!” ผู้อาวุโสคนนั้นเห็นอี้เทียนหยุนพุ่งเข้ามาก็หน้าซีดเซียว ผู้อาวุโสสหายของตนถูกอี้เทียนหยุนเตะครั้งเดียวจนตาย ทำให้เขารู้ว่าพลังของเด็กหนุ่มคนนี้ร้ายกาจแค่ไหน


 


“ไม่ เป็นพวกเจ้าต่างหากที่เบื่อที่จะมีชีวิตน่ะ!” อี้เทียนหยุนหวดแข้งออกไป กวาดผู้อาวุโสคนนี้กระเด็น ตายไปเช่นเดียวกับคนก่อนหน้า


 


“ท่านสังหารผู้อาวุโสวังเสินเหวินสำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 240,000, ค่าความคลั่ง 3,200, ค่าความชั่ว 50, ค่าความชำนาญในการสลักอาคม 500…..”


 


ยามสังหารระดับผู้อาวุโส แน่นอนว่าเขาต้องเปิดใช้งานโหมดคลั่งหมวดค่าประสบการณ์ ไม่อย่างนั้นมันจะเป็นการเสียของไปเปล่าๆ


 


คนอื่นๆ ก็ไม่ยอมน้อยหน้า ต่างคนต่างพากันชักอาวุธของตนออกมา พร้อมกับพุ่งเข้าใส่ศิษย์ของวังเสินเหวิน บนอาวุธของแต่ละคนต่างสลักไว้ด้วยค่ายกลที่ตนเป็นคนสร้าง ทำให้ช่วยเพิ่มพลังรบให้พวกเขาอย่างมาก ยังไงก็ตาม ศิษย์ของวังเสินเหวินก็ไม่ได้แย่ เพียงแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสของพวกเขาตายหมดแล้ว ทำให้พวกเขาหมดกำลังใจ หมุนตัววิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว พวกเขาจะไปกล้าต่อต้านได้ยังไง


 


ส่วนหลี่ห้วนที่บาดเจ็บหนักนั้นไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ตอนนี้เขาเต็มไปด้วยความกลัว เขาให้คนหามมาชมเรื่องสนุก แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถวิ่งหรือว่าหนีไปได้แล้ว


 


“ใครก็ได้ ใครก็ได้ช่วยข้าด้วย……” หลี่ห้วนพยายามคลาน ขณะที่ร้องออกมา แต่เพราะอาการบาดเจ็บหนัก ทำให้การเคลื่อนไหวของเขาเต็มไปด้วยการติดขัด


 


“อยากให้ข้าช่วยเจ้าไหม?” ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่อี้เทียนหยุนมาปรากฏตรงหน้าของเขา พร้อมกับมองเขาด้วยใบหน้าที่ชั่วร้าย


 


“เจ้า ถ้าเจ้าฆ่าข้า ท่านประมุขจะต้องมาล้างแค้นให้พวกเขาแน่ๆ….. วังเทียนจี๋ของพวกเจ้าจะต้องถูกทำลาย! ไม่เพียงแต่สังหารนายน้อยของพวกเราเท่านั้น แต่ยังสังหารคนของพวกเราไปมากมาย….. การตายของข้า จะทำให้วังเทียนจี๋ของพวกเจ้าถูกฝังทั้งเป็น!” หลี่ห้วนสิ้นหวัง รู้ว่าตัวเองจบสิ้นแล้ว ต่อให้ขอร้องไปก็เปล่าประโยชน์ ดังนั้นจึงได้สาปแช่งออกมาแทน


 


“ใช่แล้ว แต่ว่าเสียใจด้วย คนที่จะฝังตามเจ้าไปไม่ใช่วังเทียนจี๋ของพวกเรา แต่เป็นประมุขของเจ้า ประมุขวังเสินเหวิน!” อี้เทียนหยุนยิ้มให้เขาอย่างเย็นชา จากนั้นก็ถอดหน้ากากร้อยแปลงออก เผยใบหน้าที่คุ้นเคยนั้นออกมา


 


หลังจากหลี่ห้วนเห็นใบหน้านั้น สีหน้าของเขาก็กลายเป็นซีดขาว พร้อมกับพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเทา “เป็นเจ้า เป็นเจ้าได้ยังไง?”


 


อี้เทียนหยุนสวมหน้ากากกลับเข้าไปอีกครั้ง พร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้ม “ก็ต้องเป็นข้าอยู่แล้ว….. วางใจเถอะ ประมุขของเจ้าตายไปแล้ว เจ้าตายอย่างวางใจได้”


 


เสียงของเขาเพิ่งจะจบ เขาก็ถีบหลี่ห้วนจนกระเด็น


 


“ติ๊ง ท่านสังหารหลี่ห้วนสำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์…..”


 


อย่างรวดเร็ว ที่นี่ก็เก็บกวาดแล้วเสร็จ ไม่เหลือศัตรูอยู่แม้แต่คนเดียว ตอนแรกทำตัวอวดดีเต็มที่ แต่ตอนนี้ล้วนถูกกำจัดสิ้น ศิษย์คนอื่นๆ หลังจากกำจัดพวกเขาก็มีสีหน้าไม่ค่อยน่าดูเท่าไหร่ บางคนไม่เคยฆ่าใครมาก่อน นี่เป็นการสังหารคนครั้งแรก


 


แต่พวกเขาจะไม่ทำก็ไม่ได้ เพราะถ้าไม่ทำ พวกเขาก็จะถูกฝ่ายตรงข้ามสังหาร พวกเขาไม่มีทางเลือก!


 


“ที่นี่พวกเจ้าจัดการไปแล้วกัน ข้าคงต้องขอตัวก่อน” อี้เทียนหยุนตาเป็นประกายวาวโรจน์


 


“ผู้มีพระคุณจะไปไหนเหรอคะ?” หยางซีเสวี่ยรีบตะโกนถาม


 


“ไปจัดการบางสิ่ง เรื่องนี้จะปล่อยไว้นานไม่ได้ ไม่งั้นจะเป็นปัญหา” สถานที่ที่อี้เทียนจะไปนั้นง่ายมาก นั่นก็คือวังเสินเหวิน!


 


เมื่อคิดถึงเรื่องการเพิ่มระดับ ตอนนี้คงมีแต่ต้องกำจัดวังเสินเหวินเท่านั้น ไม่เพียงแต่จะขจัดเรื่องยุ่งยากไปได้แล้ว แต่ยังช่วยเพิ่มระดับให้กับเขาด้วย


 


หลังจากเขาจากไป หยางอวี่ก็ตบไหล่พี่สาวของตน แล้วพูดขึ้นว่า “พี่ ผู้อื่นไปแล้ว ท่านยังจะมองอะไรอีก? ไม่แปลกที่ท่านจะไม่สนใจผู้ชายคนอื่น หรือว่าท่านจะชอบเขา? น่าเสียดาย…. ข้าคิดว่าพี่ใหญ่ออกจะเหมาะแท้ๆ”


 


“ไสหัวไปเลย!” หยางซีเสวี่ยแค่นเสียงออกมา “ถ้าเจ้าคิดว่าพี่ใหญ่ของเจ้าดีนัก งั้นเจ้าก็ไปแต่งกับเขาเองเลยสิ!”


 


“ข้าก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน แต่ว่าข้าไม่ใช่ผู้หญิงนี่สิ!” หยางอวี่ก็ยอมรับเหมือนกัน!


CLS ตอนที่ 258: ขอบคุณสำหรับอาหาร


 


อี้เทียนหยุนขี่มังกรดำตรงไปยังวังเสินเหวินอย่างรวดเร็ว ความเร็วที่ใช้พุ่งไปถึงขีดสุด เขาไม่ได้กลัวว่าตัวตนของเขาจะถูกเปิดเผย เพราะว่าเขาได้เปิดเผยตัวตนไปแล้ว ถึงยังไงก็ไม่มีใครรู้ว่าตัวจริงของเขาเป็นใครอยู่ดี ขอแค่ไม่เกี่ยวข้องกับวังเทียนจี๋ แค่นี้ก็ไม่มีปัญหาแล้ว


 


“ติ๊ง ท่านได้รับภารกิจ “กวาดล้างวังเสินเหวิน” เมื่อสำเร็จได้รับค่าประสบการณ์ 10 ล้าน, ค่าความคลั่ง 100,000, กระดาษยันต์ทรราช, สิทธิ์ในการสุ่มลอตเตอรี่รุ่นปรับปรุง 1 ครั้ง, ค่าความดี 100, ค่าความชั่ว 1,000!”


 


“ดูเหมือนว่าระบบก็ไม่ได้ใจร้ายเกินไปนัก!” สายตาของอี้เทียนหยุนเป็นประกาย เขาไม่ได้เห็นระบบให้ภารกิจมานานแล้ว ดูท่าการจะลั่นไกภารกิจได้นั้นจะต้องเป็นระดับสำนัก ถ้าเป็นพวกหมาแมว เป็นไปไม่ได้ที่จะได้ภารกิจ


 


ขณะเดียวกัน ทางฝั่งวังเสินเหวินก็กำลังพูดคุยกันอยู่


 


“ไม่รู้ว่าผู้อาวุโสพวกนั้นกลับมาจะได้ทรัพยากรกลับมาด้วยมากน้อยแค่ไหน? ไม่รู้ว่าจะได้เม็ดยาและอาวุธมาจำนวนเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าเราจะมีส่วนร่วมในครั้งนี้ด้วยไหม!”


 


“ผายลม! เจ้าไม่ได้ไปด้วย แล้วยังหวังว่าผู้อาวุโสพวกนั้นจะมอบเม็ดยาให้เจ้าอีก? ถ้าพวกเราได้ไปด้วยก็ดีสิ จะได้หยิบฉวยของของวังเทียนจี๋มาเป็นของตัวเอง….. ถ้าได้ศิษย์สาวที่น่ารักด้วยล่ะก็ ข้าคงจะมีความสุขน่าดู”


 


“แต่ยังไงก็ช่าง พวกมันฆ่านายน้อยของพวกเรา วังเทียนจี๋นั้นต้องถึงจุดจบแน่แล้ว! แค่สำนักขยะ กล้ามาทำอวดดีต่อหน้าเรา สังหารพวกมันทิ้งให้หมดได้ยิ่งดี จะได้เอาวังเทียนจี๋มาเป็นของพวกเรา!”


 


“เรื่องนี้ยังต้องให้พูดอีกเหรอ ถ้าข้าไปนะ ข้าจะจัดการถล่มวังเทียนจี๋ให้ราบคาบไปเลย! แต่ว่าน่าเสียดายที่ไม่ได้ไป จึงได้แต่ทำงานเล็กๆ น้อยๆ นี้”


 


พวกเขาพากันถอนหายใจ พวกเขารอคอยให้ผู้อาวุโสพวกนั้นกลับมา หวังว่าจะได้เนื้อหรือน้ำซุปบ้างก็ยังดี


 


ทั่วทั้งวังเสินเหวินล้วนแต่รอคอให้ผู้อาวุโสพวกนั้นกลับมา แต่พวกเขาก็ไม่กลับมา ขณะที่รออยู่นั้น พวกเขาก็ได้เห็นมังกรดำพุ่งมายังที่นี่! เมื่อเห็นมังกรดำตัวเขื่องบินลงมาจากฟ้า ศิษย์จำนวนมากก็พากันตกใจ


 


“มะ มังกรดำ!!”


 


“นี่ นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมสัตว์เทวะถึงมาที่นี่?”


 


“เร็ว รีบมองดูข้างบนนั่น มีคนกำลังขี่มังกรดำอยู่!?”


 


พวกเขาพากันตกใจ แต่อย่างรวดเร็วก็เปลี่ยนเป็นความหวาดกลัว สัตว์เทวะตัวนี้เพิ่งจะบินมาก็พ่นเปลวเพลิงกวาดออกรอบๆ แล้ว เปลวเพลิงนี้ลุกไหม้อย่างรวดเร็ว พร้อมกับกระจายออกทุกทิศทาง พร้อมกับร่างขนาดใหญ่ที่พุ่งเข้าใส่ตัวอาคารไม่หยุด ทำให้ตัวอาคารพังเสียหาย อี้เทียนหยุนยืนมองลงมาจากบนนั้น “ทำลายที่นี่ทิ้งซะ กำจัดวังเสินเหวินนี้ให้ข้า! ตั้งแต่วันนี้ไป จะไม่มีขุมอำนาจที่ชื่อว่าวังเสินเหวินอีก!”


 


“เปรี้ยง!”


 


มังกรดำเหยียบย่ำตัวอาคารอย่างบ้าคลั่ง พร้อมกับพ่นเปลวเพลิงออกไปไม่หยุด ศิษย์บางคนที่หนีไม่ทันก็ถูกเปลวเพลิงนี้แผดเผา หลังจากนั้นก็กลายเป็นค่าประสบการณ์ไหลเข้าสู่ตัวเขา


 


อี้เทียนหยุนไม่ได้เล็งไปที่การจัดการศิษย์พวกนี้เป็นพิเศษ เขากลับมุ่งทำลายวังเสินเหวินแห่งนี้ให้สิ้นซากแทน ถ้าศิษย์พวกนั้นอยากจะหนีก็ให้หนี แต่ถ้าไม่ ถ้างั้นก็ตายซะ!


 


“เจ้าคนนอก กล้าดียังไงมาทำลายวังเสินเหวินของพวกเรา!” ผู้อาวุโสสองสามคนกระโดดออกมาจากข้างใน แม้ว่าหนานเฟิงหยุนจะพาผู้อาวุโสไปด้วยจำนวนมาก แต่ก็ยังเหลือผู้อาวุโสไว้ที่สำนักอยู่หลายคน แต่ผู้อาวุโสที่อยู่ที่นี่ส่วนใหญ่ล้วนแต่มีระดับก่อแกนวิญญาณ เมื่อเห็นท่าทางเขย่าขวัญที่มังกรดำปล่อยออกมา ในใจก็ให้เกิดอาการสั่นสะท้านขึ้นหลายส่วน


 


ท่วงท่าของมังกรดำนี้ทรงอำนาจมาก เมื่อเทียบกับพวกเขาแล้วแข็งแกร่งกว่า ระดับของพวกเขาอยู่ประมาณระดับก่อแกนวิญญาณขั้นที่ 4 สูงหน่อยก็ขั้นที่ 5 ที่ 6 แต่เมื่อเทียบกับมังกรดำนี้แล้ว เห็นได้ชัดว่าพวกเขาด้อยกว่า


 


“ข้าพวกมันซะ!”


 


อี้เทียนหยุนสีหน้าเย็นชา พร้อมกับออกคำสั่งให้มังกรดำเข้าจัดการ มังกรดำอ้าปากพร้อมกับพ่นไฟออกมา ความเร็วในการพ่นไฟของมันเมื่อเทียบกับเมื่อก่อนแล้วเร็วกว่ามาก ยิ่งกว่านั้น ลูกบอลไฟที่ปล่อยออกมายังลูกใหญ่กว่าเดิมด้วย


 


ทำให้ผู้อาวุโสพวกนี้หวาดกลัวจนรีบหลบไปคนละทิศละทาง แต่พวกเขาก็เคลื่อนไหวช้าไป ภายใต้เสียงระเบิดที่ดังสนั่น พื้นที่ที่ผู้อาวุโสพวกนั้นยืนอยู่พลันกลายเป็นหลุม พร้อมกับลุกท่วมไปด้วยทะเลเพลิง


 


เพลิงมังกรดำนี้ทรงพลังอย่างมาก มันไม่ใช่วิชายุทธ์ แต่เป็นแค่พลังกายมหาศาล ก็สามารถพ่นเปลวเพลิงที่น่ากลัวจนบดขยี้ทุกสิ่งออกมาได้แล้ว!


 


“ติ๊ง ท่านสังหารผู้อาวุโสวังเสินเหวินสำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 270,000, ค่าความคลั่ง 3,300, ค่าความชั่ว 100, ค่าความชำนาญในการสลักอาคม 500, ได้รับวิชาฝ่ามือจันทราร่วงหล่น, ได้รับกระดาษวาดยันต์, พู่กันเทียนหยู(ระดับจิตวิญญาณขั้นกลาง)”


 


“ติ๊ง ท่านสังหารผู้อาวุโสวังเสินเหวินสำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 260,000, ค่าความคลั่ง…..”


 


“ค่าความชั่วสูงมาก? ดูเหมือนพวกเจ้าจะทำชั่วมามาก ไม่อย่างนั้นคงไม่มีค่าความชั่วสูงขนาดนี้” อี้เทียนหยุนหัวเราะเยาะ “แบบนี้พลาดไม่ได้แล้ว ยังมีค่าความชำนาญในการสลักอาคมนั่นอีก!”


 


จากนั้น เขาก็เปิดร้านค้าขึ้นมา พร้อมกับซื้อบัตรค่าความชำนาญ 5 เท่า, บัตรค่าความชั่ว 2 เท่า เขากระทั่งใช้บัตรค่าประสบการณ์ที่มีอยู่ ทำให้ค่าประสบการณ์ของทุกอย่างเพิ่มขึ้นในทันใด แม้ว่าเขาจะต้องเสียค่าความคลั่งไปหลายแสนเพื่อซื้อพวกมัน แต่ว่าเขาก็ไม่ใส่ใจ


 


มีเพียงเพิ่มระดับเท่านั้นจึงจะเป็นเรื่องสำคัญ ค่าความคลั่งที่มีไว้ก็เพื่อเหตุนี้


 


“จัดการซะ!”


 


เมื่ออี้เทียนหยุนเห็นว่ายังมีผู้อาวุโสรอดอยู่ เขาก็ไม่รีรอ ออกคำสั่งให้มังกรดำพุ่งเข้าไปจัดการในทันที เพราะบาดเจ็บหนักจากเปลวเพลิงมาก่อนแล้ว เมื่อต้องมาถึงมังกรดำกระทืบซ้ำ ทำให้พวกเขาตายในทันที


 


“ติ๊ง ท่านสังหารผู้อาวุโสวังเสินเหวินสำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 1.2 ล้าน, ค่าความคลั่ง 16,500, ค่าความชั่ว 200, ค่าความชำนาญในการสลักอาคม 2,500! ได้รับวิชา…..”


 


หลังจากใช้บัตรต่างๆ ค่าประสบการณ์ที่ได้ก็เพิ่มขึ้นพรวดพราด นี่แหละคือความรู้สึกที่เขาต้องการ ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป ความชำนาญในการสลักอาคมขั้นสูงของเขาจะก้าวขึ้นสู่ขั้นชำนาญก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป


 


เขาทำลายกวาดล้างต่อไปไม่หยุด โดยที่ไม่มีใครต้านทานได้ พวกเขาพากันถูกฆ่าจนพากันกรีดร้องโหยหวน วิ่งหนีกระจัดกระจายออกทุกทิศทาง ศิษย์ธรรมดาเขานั้นไม่สนใจ ถึงยังไงคนที่เป็นพลังให้กับวังเสินเหวินก็ไม่ใช่พวกเขา แต่กลับผู้อาวุโสนั้นไม่ใช่


 


ไม่ว่าจะเป็นระดับผู้อาวุโสหรือระดับผู้จัดการ เห็นเมื่อไหร่เป็นฆ่า ไม่มีการปรานี


 


“คิดหนี?” ในมือของอี้เทียนหยุนพลันปรากฏคันศรน้ำค้างแข็งเทวะ พร้อมกับเล็งไปยังผู้อาวุโสที่คิดหลบหนี “ฟิ้ว” ลูกศรยิงทะลุร่างของผู้อาวุโสคนนั้นไปอย่างง่ายดาย


 


ผู้อาวุโสคนนั้นกรีดร้องออกมา จากนั้นก็กลายเป็นประติมากรรมน้ำแข็ง ดูราวกับเป็นน้ำแข็งจากธรรมชาติ จากนั้นก็ถูกมังกรดำย่ำเข้าให้ ก่อนที่จะกลายเป็นเศษน้ำแข็งกองหนึ่ง!


 


ขณะที่เขากำลังทำการฆ่าล้างอยู่นั้น ทันใดนั้นท้องฟ้ารอบๆ ก็เปลี่ยนสี ปรากฏเมฆดำขึ้นปกคลุมชั้นหนึ่ง พร้อมกับสายฟ้าที่แล่นแปลบปลาบอยู่บนนั้น สร้างเป็นแรงกดดันให้กับทุกคน พร้อมกับนั้น บนพื้นก็ปรากฏแสงค่ายกลขนาดใหญ่ เห็นได้ชัดว่าอี้เทียนหยุนได้เหยียบย่างเข้าสู่ด้านในของค่ายกลแล้ว


 


“เปรี้ยง!”


 


ในตอนนี้เอง สายฟ้าก็ได้ผ่าเปรี้ยงลงมา ตกลงบนร่างของอี้เทียนหยุน


 


“ฮ่าๆๆ มาดูสิว่าเจ้ายังจะรอดอยู่ไหม! คิดจะจัดการวังเสินเหวินของเรา มันไม่ง่ายอย่างนั้น!” สีหน้าของผู้อาวุโสคนนั้นดุร้าย ขณะที่พวกเขาหลบหนีมาที่นี่ พวกเขาก็ได้เปิดใช้งานค่ายกลสายฟ้าสวรรค์ออกมาด้วย ทำให้เมฆสายฟ้าปรากฏขึ้น พร้อมกับทำลายล้างผู้บุกรุก


 


จากสายตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง อยู่ๆ ก็เปลี่ยนมาเป็นความตื่นตกใจ! เขาเห็นอี้เทียนหยุนที่ถูกสายฟ้าฟาดใส่ กลับอยู่รอดปลอดภัยโดยที่ไม่เป็นอะไรเลย


 


“ต้องขอบคุณสำหรับอาหาร พลังงานของสายฟ้าช่างยอดเยี่ยมจริงๆ ทำให้ข้าได้รับค่าประสบการณ์เป็นจำนวนมาก” อี้เทียนหยุนมองไปที่พวกเขาอย่างเย็นชา ค่ายกลสายฟ้าสวรรค์นี้ทรงพลังมาก ถ้าระดับของเขาต่ำกว่านี้ล่ะก็ จะต้องได้รับบาดเจ็บไปแล้ว


 


แต่ตอนนี้ระดับของเขาได้เพิ่มขึ้นขั้นใหญ่ ทำให้สามารถดูดซับพลังจากสายฟ้าได้อย่างง่ายดาย


CLS ตอนที่ 259: ค่ายกลสังหารเทพ


 


ด้วยเป็นสำนักที่เชี่ยวชาญด้านค่ายกลเป็นเฉพาะ การที่จะมีค่ายกลใหญ่สักสองสามชนิดเป็นเรื่องที่ธรรมดาอย่างมาก ค่ายกลสายฟ้าสวรรค์นี้มีพลังที่แข็งแกร่งมาก สายฟ้าที่ฟาดลงมานี้ สามารถโจมตีได้ถึงระดับผันแปรวิญญาณขั้นที่ 5 ที่ 6 แต่กับเขากลับไม่มีแรงกดดันแม้แต่น้อย เหมือนกับแค่ชาๆ นิดหน่อยเท่านั้น


 


เขาทำการดูดกลืนสายฟ้าเข้าไปในร่างในทันใด เปลี่ยนให้เป็นค่าประสบการณ์กองใหญ่ แน่นอนว่าสิ่งที่เขาต้องการในตอนนี้ก็คือค่าประสบการณ์สำหรับเลื่อนระดับ แล้วอย่างนี้เขาจะพลาดได้ยังไง


 


“ไม่ เป็นไปไม่ได้! เจ้าต้องตาย เจ้าต้องตาย!” ผู้อาวุโสคนนี้สั่งการค่ายกลอย่างบ้าคลั่ง ทำให้ค่ายกลปล่อยสายฟ้าออกมาไม่หยุด ฟาดเปรี้ยงลงบนร่างของเขา


 


“เปรี้ยง เปรี้ยง!”


 


“จงกลายมาเป็นค่าประสบการณ์ของข้าซะ!”


 


อี้เทียนหยุนยื่นมือออกไป ดูดกลืนสายฟ้าเข้ามาในร่าง เปลี่ยนเป็นค่าประสบการณ์ให้กับตน


 


“ท่านได้รับค่าประสบการณ์ 580,000, 590,000, 570,000…..”


 


ค่าประสบการณ์ของเขาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภายใต้ค่าประสบการณ์ 58 เท่า จากการใช้งานบัตรค่าประสบการณ์ต่างๆ รวมกับบัตรค่าความชำนาญอีก 5 เท่า พร้อมกับโหมดคลั่งที่เพิ่มค่าความชำนาญให้อีก 2 เท่า รวมเป็นค่าความชำนาญ 7 เท่า!


 


ยังไงก็ตาม ถ้าต้องการเพิ่มค่าความชำนาญในการสลักอาคมนั้น จำเป็นต้องใช้บัตรค่าความชำนาญเท่านั้นถึงจะได้ผล ส่วนโหมดคลั่งหมวดค่าความชำนาญนั้นไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่ เพราะมันเพิ่มความชำนาญให้แค่กับวิชายุทธ์และอาวุธเท่านั้น


 


“ติ๊ง วิชามหาเวทดูดดาวของท่านได้เลื่อนเป็นระดับปฐพีขั้นสูง!”


 


ในตอนนี้เอง วิชามหาเวทดูดดาวของเขาก็ได้เลื่อนเข้าสู่ระดับปฐพีขั้นสูง ทำให้พลังในการดูดกลืนพลังจากภายนอกเพิ่มขึ้นในทันที จากแต่เดิม 6 เท่า เพิ่มขึ้นเป็น 8 เท่า!


 


“ครืน ครืน!”


 


ราวกับพายุยักษ์ ทำการดูดกลืนสายฟ้ารอบๆ จนม้วนเป็นวง กระทั่งเมฆดำบนฟ้ายังถูกเขาดูดกลืนเข้ามา ยังไงก็ตาม มันก็ยังมีขีดจำกัดของเคล็ดวิชาเทพอุดรทมิฬอยู่ ดังนั้นค่าประสบการณ์ที่ได้จึงมีขีดจำกำ ถึงยังไงค่าประสบการณ์ที่ได้ก็มาจากเคล็ดวิชาเทพอุดรทมิฬ ไม่ใช่มหาเวทดูดดาว


 


วิชามหาเวทดูดดาวนั้นเป็นวิชาที่ใช้ในการดูดกลืนพลังจากภายนอก ไม่ว่าเจ้าจะย่อยสลายได้หรือไม่ก็ยังต้องดูดเข้ามาอยู่ดี


 


หลังจากนั้น ค่ายกลสายฟ้าสวรรค์นี้ก็ไม่สามารถปลดปล่อยสายฟ้าออกมาได้อีก เพราะหินพลังวิญญาณได้หมดพลังลงแล้ว ดังนั้น หลังจากดูดกลืนได้สักพัก ก็ไม่มีสายฟ้าเหลืออยู่อีก


 


“อะไรกัน ไม่มีแล้ว?”


 


อี้เทียนหยุนมองไปยังผู้อาวุโสที่อยู่ห่างออกไป ทำให้พวกเขาตกใจจนขี้ขึ้นสมอง กระทั่งค่ายกลสายฟ้าสวรรค์ที่แข็งแกร่งก็ยังทำอะไรเขาไม่ได้อย่างงั้นเหรอ?


 


“มันไม่ใช่คน กระทั่งค่ายกลยังไม่ส่งผล นี่มันพลังอะไรกันแน่!?”


 


พวกเขาพากันตกใจ นี่เป็นค่ายกลสายฟ้าสวรรค์ที่พวกเขาภาคภูมิใจ ขอแค่ไม่ใช่สุดยอดผู้เชี่ยวชาญมาเอง ค่ายกลสายฟ้าสวรรค์ก็สามารถจัดการได้ แต่กับเด็กหนุ่มคนนี้กลับคาดไม่ถึงว่าจะไม่ได้ผล


 


“ตาย!”


 


อี้เทียนหยุนยกคันศรน้ำค้างแข็งเทวะขึ้นน้าวสาย พร้อมกับปล่อยออกไปอย่างรวดเร็ว “ฟิ้ว” ศรน้ำแข็งสามสายถูกยิงออกไป ฝ่ายตรงข้ามอยากหลบก็หลบไม่พ้น พลันถูกศรน้ำแข็งพวกนี้ทะลุร่าง กลายเป็นประติมากรรมน้ำแข็งไป!


 


“ติ๊ง ท่านสังหารผู้อาวุโสวังเสินเหวิน ได้รับค่าประสบการณ์ 1.1 ล้าน, ค่าความคลั่ง 15,000, ค่าความชั่ว 200, ค่าความชำนาญในการสลักอาคม 2,500! ได้รับวิชาดัชนีตัดชีพจร, เทพวิชาเฉวียนเยว่, ได้รับสมบัติ กระดาษยันต์เทวะ, พู่กันอวี้หลิง!”


 


“ติ๊ง ท่านสังหารผู้จัดการวังเสินเหวินสำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 560,000, ค่าความคลั่ง 11,000, ค่าความชั่ว 150, ค่าความชำนาญในการสลักอาคม 1,000! ได้รับวิชาดัชนีตัดชีพจร, เทพวิชาเพลิงพิโรธ, ได้รับสมบัติ กระดาษยันต์เทวะ, พู่กันอวี้หลิง!”


 


“ติ๊ง ท่านสังหาร….”


 


ศรสามดอกจัดการผู้อาวุโสและผู้จัดการที่ควบคุมค่ายกลทั้งสามทิ้งโดยที่พวกเขาไม่มีแรงแม้แต่จะต้าน ค่ายกลสายฟ้าสวรรค์นี้ยังสามารถใช้งานได้อยู่ แต่ก็ต้องใช้เวลาในการรวบรวมพลังงานสักพัก หลังจากนั้นถึงจะใช้ออกมาได้


 


“แหลกไปซะ!”


 


อี้เทียนหยุนควบคุมมังกรดำกระทืบลงไปยังพื้นอย่างแรงจนพื้นแตกเป็นหลุมขนาดใหญ่หลายหลุม เขาสั่งให้มังกรดำกระทืบพื้นอย่างต่อเนื่อง จนทั่วทั้งบริเวณกลายเป็นโพลง เมฆดำที่อยู่บนฟ้าก็สลายหายไปจนหมด นั่นหมายความว่าค่ายกลสายฟ้าสวรรค์นี้ได้ถูกทำลายแล้ว


 


ในเมื่อต้องทำลายวังเสินเหวินทิ้งอยู่แล้ว งั้นก็ทำลายสิ่งก่อสร้างทุกอย่างของที่นี่ทิ้งไปด้วยเลยดีกว่า หลังจากเขาทำลายค่ายกลสายฟ้าสวรรค์ทิ้งแล้ว เขาก็ทำการเข่นฆ่าต่อไป ไม่เพียงแต่ไล่สังหารเหล่าผู้อาวุโสพวกนี้เท่านั้น เขายังทำการเก็บกวาดสมบัติที่เห็นทั้งหมดไม่ปล่อยทิ้งไว้


 


ทำยังไงถึงจะหาเงินและทรัพยากรได้เร็วที่สุด? แน่นอนว่าย่อมต้องปล้นฝ่ายตรงข้าม ข้าวของของอาณาจักรใต้พิภพและวังเสินเหวินมีนั้นมหาศาล ถ้าขุมอำนาจอื่นได้เห็นล่ะก็ พวกเขาจะต้องตาวาวอย่างแน่นอน


 


ขณะที่เขาทำลายล้างนั้น ศิษย์ที่อยู่ที่นี่ก็พากันวิ่งหนีเช่นกัน ปกติศิษย์วังเสินเหวินก็ไม่ได้มากมายเท่าไหร่อยู่แล้ว เพราะถึงยังไงคนที่ฝึกสลักอาคมก็มีจำนวนน้อย ดังนั้นการกวาดล้างจึงไปอย่างง่ายดาย ส่วนมากล้วนแต่หนีไป การสังหารศิษย์พวกนี้ไม่ได้ให้ค่าประสบการณ์กับเขาเท่าไหร่อยู่แล้ว ทั้งศิษย์บางคนของวังเสินเหวินยังไม่รู้เรื่อง จึงถือเป็นผู้บริสุทธิ์


 


มีเพียงแต่พวกชั้นสูงขึ้นไปเท่านั้น พวกนี้จึงจะเป็นคนบาปที่แท้จริง!


 


“หืม ทำไมถึงมีกลิ่นอายที่ผิดปกติล่ะ?”


 


อี้เทียนหยุนรู้สึกไม่ถูกต้อง ความรู้สึกถึงวิกฤตกระเพื่อมขึ้นในใจเขา แม้ว่าระดับของเขาจะไม่อ่อนแอ แต่ก็ไม่ได้ไร้เทียมทาน ดังนั้นจึงต้องจัดการเรื่องราวด้วยความระมัดระวัง


 


ในตอนนี้เอง เขาพลันเปิดใช้งานเนตรสวรรค์ พร้อมกับมองไปยังบริเวณรอบๆ ทันใดนั้นก็พบเห็นค่ายกลที่ซ่อนอยู่ อาคารบ้านเรือนที่อยู่รอบๆ ถูกสร้างเป็นค่ายกลเชื่อมต่อกัน เป็นค่ายกลที่พิเศษอย่างมาก


 


“นี่คือค่ายกลสังหารเทพอย่างงั้นเหรอ?”


 


ค่ายกลสังหารเทพนี้ไม่ได้มีความสามารถในการสังหารเทพได้ดังชื่อของมัน แล้วค่ายกลสังหารเทพนี้คืออะไร? ค่ายกลสังหารเทพเปรียบได้กับวิชาระดับปฐพี ซึ่งผู้สร้างหวังที่จะให้สร้างมันให้กลายเป็นวิชาเทพ แล้ววิชาเทพคืออะไร วิชาเทพก็คือวิชาที่เหล่าผู้อาวุโสใช้ เป็นวิชาระดับปฐพีขั้นกลางขึ้นไปจนถึงสูง นี่จึงเรียกว่าวิชาเทพ


 


ยังไงก็ตาม ค่ายกลสังหารเทพนี้ทรงพลังมาก ดูจากพลังงานที่ส่งออกมาจากค่ายกลผ่านเนตรสวรรค์ เขาก็พลันเปิดใช้ดวงตาประเมินเรียกข้อมูลของมันขึ้นมาดูทันที


 


ค่ายกลสังหารเทพ: เป็นค่ายกลที่รวมพลังทุกอย่างแล้วยิงออกมาเพื่อทำลายล้างศัตรูทิ้งอย่างง่ายดาย หนึ่งอาทิตย์ใช้งานได้แค่หนึ่งครั้งเท่านั้น มีพลังเทียบเท่ากับระดับผันแปรวิญญาณขั้นสูงสุด!


 


ค่ายกลสังหารเทพนี้มีพลังแข็งแกร่งยิ่งกว่าค่ายกลสายฟ้าสวรรค์เสียอีก มันสามารถรวบรวมพลังทุกอย่างไว้ด้วยกันแล้วยิงออกมา ซึ่งมีอำนาจในการทำลายล้างมหาศาล ถ้าเดินเข้าไปแบบไม่ดูตาม้าตาเรือ มีสิทธิ์ที่จะร่างแหลกเหลวลงกับที่ได้ในพริบตา


 


“น่าสนใจนี่ คิดจะล่อข้าเข้าไปในนั้นสินะ?” อี้เทียนหยุนมองไปข้างหน้า เขาสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่ไม่ชัดเจนอยู่ด้านหน้า แต่ก็แสร้งทำเป็นไม่รู้ตัว พร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมา “แต่ว่าน่าเสียดายที่พวกเจ้าต้องมาเจอกับข้า สำหรับข้าแล้ว ค่ายกลสังหารเทพนี้ ไม่ได้มีความหมายอะไรแม้แต่น้อย”


 


จากนั้น อี้เทียนหยุนก็ขี่มังกรดำพุ่งเข้าไปทั้งอย่างนั้นเลย ผู้อาวุโสและผู้จัดการที่ซ่อนอยู่ในใจก็พลันตื่นเต้นขึ้นมา


 


“เยี่ยม มันเข้ามาแล้ว!” ในใจพวกเขาอดไม่ได้ที่จะตื่นเต้น ตราบเท่าที่อี้เทียนหยุนเหยียบเท้าเข้ามาในนี้ เขาจะต้องถูกค่ายกลสังหารเทพนี้ฆ่าตายอย่างไม่ต้องสงสัย!


CLS ตอนที่ 260: บรรพชนทั้งสอง


 


“ดูนั่นเร็ว มันกล้าเข้ามาจริงๆ ดูท่าจะคิดว่าตัวเองแข็งแกร่งมาก จึงไม่กลัวอะไรเลยงั้นสิ?”


 


“ค่ายกลสังหารเทพของพวกเรา กระทั่งผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณขั้นสุดท้ายเข้ามายังต้องตาย!”


 


สีหน้าของพวกเขาดุร้าย ขณะที่หัวใจกำลังเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาเตรียมตัวเป็นพยานต่อการตายของผู้เชี่ยวชาญคนนั้นกับมังกรดำภายใต้ค่ายกลสังหารเทพนี้!


 


อี้เทียนหยุนไม่คิดจะป้องกันแม้แต่น้อย ยังคงทำการทำลายล้างอย่างต่อเนื่อง และในพริบตาที่เหยียบย่างเข้าไปในค่ายกลสังหารเทพ ทั่วทั้งค่ายกลสังหารเทพพลันเปล่งแสงขึ้นมา และเกือบจะพริบตานี้เอง บนท้องฟ้าก็ปรากฏดวงตาขนาดยักษ์ ที่กำลังลืมขึ้นอย่างช้าๆ พร้อมกับลำแสงสีเทาที่ยิงมายังเขาด้วยความเร็วที่น่าตระหนก!


 


“!”


 


ลำแสงแห่งความตายถูกยิงออกมา ราวกับเป็นวันสิ้นโลก ทุกสิ่งที่สัมผัสกับลำแสงนี้ต่างก็กลายเป็นละออง ไม่ก็เริ่มเสื่อมสลายลงอย่างรวดเร็ว พลังกัดกร่อนที่น่าสะพรึงขนาดนี้ อี้เทียนหยุนเพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรก!


 


พลังนี้เทียบได้กับพลังของระดับผันแปรวิญญาณขั้นสุดท้าย ทั้งข้อมูลที่ปรากฏขึ้นมาจากดวงตาประเมินก็บอกเขาว่า การโจมตีนี้มีพลังรบมากถึง 7.3 ล้าน


 


“มหาเวทดูดดาวเต็มพิกัด!”


 


ดวงตาทั้งสองข้างของอี้เทียนหยุนเป็นประกายเย็นเยียบ ยกฝ่ามือที่เต็มไปด้วยพลังดึงดูดที่น่าสะพรึงออกไป ดูดกลืนลำแสงสังหารเทพนี้ในพริบตา มาเท่าไหร่ดูดเท่านั้น! โดยที่ไม่คำนึงถึงอะไร เขาทำการใช้งานวิชามหาเวทดูดดาวออกเต็มพิกัด ทำให้สามารถดูดกลืนลำแสงของฝ่ายตรงข้ามได้ แต่แม้ว่าร่างกายจะรองรับพลังมหาศาลที่ดูดเข้ามาได้ แต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนให้เป็นค่าประสบการณ์ได้ทั้งหมด


 


ภายใต้การดูดกลืนที่บ้าคลั่ง ช่างเป็นการต่อต้านที่ดื้อด้านจริงๆ ลำแสงสังหารเทพนี้เหมือนกับว่ากำลังถูกเขาดูดกลืน ถ้าเทียบกับสายฟ้าเมื่อก่อนหน้านี้ ยากกว่ากันแค่นิดหน่อยเท่านั้น ด้วยพลังในปัจจุบันของเขา มันไม่ได้ยากเท่าไหร่


 


อย่างรวดเร็ว การปะทะกันก็ได้สิ้นสุดลงในเวลาไม่ถึง 10 วินาที ดวงตาขนาดยักษ์เต็มไปด้วยความไม่ยินยอม ก่อนที่จะปิดตาลงช้าๆ จากนั้นก็หายไปจากในอากาศ ส่วนอี้เทียนหยุนกลับยังคงสภาพเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแม้แต่น้อย


 


ด้วยความช่วยเหลือของเคล็ดวิชาเซวียนเทียน ทำให้เขายากที่จะได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น นอกนั้นล้วนแต่ถูกเขาดูดกลืนจนหมด


 


“เขา เขาดูดกลืนพลังงานอย่างงั้นเหรอ?”


 


พวกที่ดูอยู่ต่างเต็มไปด้วยความตกใจ ลำแสงสังหารเทพสุดร้ายกาจของพวกเขาถูกดูดกลืนไปทั้งอย่างนี้จริงๆ ทำให้พวกเขาไม่อยากจะเชื่อ คนอื่นถ้าต้องเผชิญหน้ากับค่ายกลสังหารเทพเข้า เป็นต้องสลายกลายเป็นขี้เถ้ากันทุกคน จะมีใครที่ยืนรับลำแสงสังหารเทพตรงๆ อย่างเขาแล้วยังสามารถดูดกลืนได้อีก นี่ช่างน่ากลัวจริงๆ!


 


ตามมาด้วยศรน้ำแข็งที่ใช้จังหวะนี้ยิงทะลุกำแพงหนา เสียบทะลุร่างของคนที่แอบอยู่ข้างในไป


 


“นี่ นี่…..”


 


พวกเขาพากันเบิกตากว้าง สัมผัสถึงศรน้ำแข็งที่ทะลุร่างของตนไป จากนั้นก็ไร้ซึ่งลมหายใจ


 


อี้เทียนหยุนหลังจากเก็บคันศรน้ำค้างแข็งเทวะแล้ว ก็พูดด้วยสีหน้าเย็นชาว่า “ทำลายที่นี่ซะ!”


 


มังกรดำพลันส่งเสียงคำรามออกมา จากนั้นก็บุกตะลุยเข้าไป พร้อมกับพ่นเพลิงออกไปไม่หยุด เผาที่นี่จนวอดวาย อย่างรวดเร็ว ค่ายกลสังหารเทพก็ถูกเขาทำลายสิ้น ทุกที่ที่เขาเหยียบย่างเข้าไป ไม่มีที่ไหนไม่ถูกทำลาย


 


และเมื่อเขาบุกตะลุยเข้าไปเรื่อยๆ บนท้องฟ้าก็พลันปรากฏเมฆดำขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับสายฟ้าที่แล่นแปลบปลายอยู่บนเมฆไม่หยุด ทำการเคลื่อนตัวตรงมาที่นี่ และบนเมฆดำนี้ ก็มีชายชราสองคนเหาะมายังที่นี่ พร้อมกับประกายแสงของค่ายกลที่เปล่งขึ้นจากร่างของทั้งคู่


 


พวกเขาทำการสลักค่ายกลไว้บนร่าง ดูแล้วราวกับเทพสายฟ้าลงมาจุติ มีสายฟ้าแล่นแปลบปลาบตามร่างของพวกเขาไม่หยุด ทั้งพลังที่ปลดปล่อยออกมาจากร่างของพวกเขายังเป็นถึงระดับผันแปรวิญญาณ ทำการกดทับลงมายังที่แห่งนี้


 


“ท่านบรรพชนออกมาแล้ว ท่านบรรพชนออกมาแล้ว!”


 


เหล่าผู้จัดการที่ซ่อนอยู่ตามมุมพากันตะโกนออกมาเสียงดัง เมื่อเห็นบรรพชนพวกนั้นออกมา ในใจพวกเขาก็ราวกับได้รับการปลดปล่อย นี่คือบรรพชน 2 คน ที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขา


 


“ข้าไม่รู้ว่าเจ้ามาจากขุมอำนาจไหน แต่กล้ามาก่อกวนพวกเราทั้งสอง ทั้งยังทำลายวังเสินเหวินของพวกเราอีก ถือเป็นความผิดที่ไม่อาจอภัย!”


 


น้ำเสียงของบรรพชนเทียนเหลยราวกับฟ้าผ่า เพียงแค่พูดออกมาก็ราวกับมีฟ้าผ่าอยู่ข้างหู แทบทำให้หูดับ


 


บรรพชนเทียนเหลย: ระดับผันแปรวิญญาณขั้นที่ 8, ร่างกายสลักไว้ด้วยค่ายกลธาตุสายฟ้า สามารถปลดปล่อยพลังสายฟ้าออกมาได้ พลังรบปัจจุบัน 5,150,000! จุดอ่อน แพ้ทางการโจมตีธาตุดิน วิชาที่ใช้ ท่าเท้าประกายแสงสำเนียงอัสนี, วิชาเทียนเหลย! เมื่อสังหารมีโอกาสได้รับ ท่าเท้าประกายแสงสำเนียงอัสนี, วิชาเทียนเหลย, ยันต์เทวะสายฟ้า, แกนพลังธาตุสายฟ้า, อื่นๆ……


 


บรรพชนป้าเหลย: ระดับผันแปรวิญญาณขั้นสูงสุด, ร่างกายสลักไว้ด้วยค่ายกลธาตุสายฟ้า สามารถปลดปล่อยพลังสายฟ้าออกมาได้ พลังรบปัจจุบัน 6.5 ล้าน! จุดอ่อน แพ้การโจมตีธาตุดิน วิชาที่ใช้……


 


ทั้งสองล้วนแต่ใช้วิชาเหมือนกัน ต่างกันก็แค่ระดับเท่านั้น สามารถใช้พลังสายฟ้า โจมตีออกมาเป็นธาตุสายฟ้า ช่างเป็นพลังที่หาได้ยากจริงๆ


 


ส่วนทางด้านพลังรบก็ร้ายกาจเหมือนกัน บรรพชนป้าเหลยถึงกับมีพลังรบมากถึง 6.5 ล้าน นี่ยังไม่ทันได้ระเบิดพลังออกมาก็มีพลังรบที่น่าตระหนกขนาดนี้แล้ว ก่อนหน้านี้ร่างเงาของจักรพรรดิใต้พิภพได้ปลดปล่อยพลังที่ดีที่สุดของระดับผันแปรวิญญาณขั้นสูงสุดออกมาแล้ว แต่เขาไม่คิดว่านั่นจะใช่พลังที่แท้จริงของระดับผันแปรวิญญาณขั้นสูงสุด


 


เรื่องนี้ก็ไม่ผิดไปจากที่คาด ดังนั้นอี้เทียนหยุนจึงไม่ได้แปลกใจอะไร


 


“นี่คือพลังของผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณขั้นสูงสุดที่แท้จริง……”


 


ในใจของอี้เทียนหยุนมากไปด้วยความตื่นเต้น ไม่ได้มีความรู้สึกหวาดกลัวแม้แต่น้อย ระดับผันแปรวิญญาณขั้นสูงสุดแล้วยังไง สุดท้ายแล้วก็ยังต้องถูกเขาฆ่าทิ้งอยู่ดี!


 


“ความผิดที่ไม่อาจอภัยอย่างงั้นเหรอ?”


 


อี้เทียนหยุนหัวเราะเยาะ พร้อมกับหยิบยันต์ป้องกันออกมาทำลายทิ้งทันที ทำให้ปรากฏร่างเงาจักรพรรดิใต้พิภพขึ้นกลางอากาศ พร้อมกับท่าทางไม่สนโลก มองเมินแม้กระทั่งผู้เชี่ยวชาญทั้งสอง


 


“จักรพรรดิใต้พิภพ!!”


 


เมื่อพวกเขาได้เห็นก็พากันตกใจ ศิษย์ของวังเสินเหวินก็พากันสะท้านเช่นเดียวกัน ทำไมจักรพรรดิใต้พิภพถึงมาปรากฏตัวที่นี่กัน?


 


“ทำไมยันต์ป้องกันของจักรพรรดิใต้พิภพถึงมาอยู่ในมือของเข้าได้!?” บรรพชนเทียนเหลยพูดออกมาด้วยความตกใจ “เจ้าเป็นของอาณาจักรใต้พิภพอย่างงั้นเหรอ?”


 


“แล้วเจ้าคิดว่าไง?” อี้เทียนหยุนต้องการผลลัพธ์นี้นี่แหละ เขาต้องการทำให้พวกเขาคิดว่าตัวเองเป็นคนของอาณาจักรใต้พิภพ ต้องการให้ศิษย์ที่พากันหนีออกไปได้กระจายข่าวลือออกไป บอกว่าจักรพรรดิใต้พิภพได้ส่งเขามาทำลายวังเสินเหวินทิ้ง นี่เป็นการโยนเผือกร้อนให้กับพวกเขา


 


อึดใจต่อมา ร่างเงาจักรพรรดิก็ได้ฟาดฝ่ามือเทพใต้พิภพเข้าใส่บรรพชนทั้งสอง


 


สุดท้ายก็ยังมีเพียงแค่รูปแบบเดียว บรรพชนเทียนเหลยพลันชี้นิ้วออกไป ปลดปล่อยสายฟ้าออกไปทำลายฝ่ามือเทพใต้พิภพจนสลายกลายเป็นเถ้าถ่าน! นี่เป็นความแตกต่างระหว่างทั้งสอง แม้บรรพชนเทียนเหลยจะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณขั้นสูงสุด แต่การจะทำลายร่างเงาจักรพรรดิก็ไม่ใช่เรื่องยากแม้แต่น้อย


 


“ถ้าเจ้าเป็นคนของอาณาจักรใต้พิภพจริง งั้นก็ต้องเป็นเพราะวังเสินเหวินเราทำอะไรผิดสักอย่าง จึงทำให้เจ้าต้องมาทำลายวังเสินเหวินของพวกเรา!” พวกเขามองมายังอี้เทียนหยุนอย่างเย็นชา แต่ก็ยังไม่รีบร้อนลงมือ


 


“ผิดที่โอหัง ผิดที่อวดดี ผิดที่ชั่วร้าย!” อี้เทียนหยุนตอบกลับพวกเขาด้วยสีหน้าเย็นชายิ่งกว่า

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม