Crazy Leveling System 247-253

 CLS ตอนที่ 247: ปฏิเสธ!


 


ความพิโรธของอาณาจักรใต้พิภพนั้นพวกเขาสัมผัสได้ แม้จะไม่กระจ่างนัก แต่อย่างน้อยความโกรธของหลินห้าวพวกเขานั้นรู้ดี เห็นได้ชัดว่าหลินห้าวโกรธกับเรื่องนี้มาก ต้าเฉินถูกสังหาร นั่นก็เท่ากับการตบหน้าอาณาจักรใต้พิภพ


 


ทั้งหลินห้าวยังมีความสัมพันธ์อันดีกับเฉิงเฟิงอีก เป็นธรรมดาที่เขาต้องโมโหขนาดนี้


 


หลังจากมองมายังพวกเขาอย่างเย็นชาคราหนึ่ง หลินห้าวก็ได้พูดอย่างจริงจังว่า “ข้าจะไม่ทำให้พวกเจ้าเสียเวลาเหมือนกับเฉิงต้าเหริน ข้าจะขอพูดตรงๆ เลยแล้วกัน ที่อาณาจักรใต้พิภพส่งเฉิงต้าเหรินมานั้น แน่นอนว่ามีเรื่องต้องประกาศ ซึ่งเรื่องนี้ก็คือการขอให้ทุกคนเข้าร่วมกับอาณาจักรใต้พิภพ!”


 


เพิ่งจะคุยเรื่องของเฉิงเฟิงจบ ตอนนี้ก็มาต่อด้วยเรื่องการเสนอให้เข้าร่วม การขอให้เข้าร่วมนี้ แน่นอนว่าย่อมไม่ใช่การเข้าร่วมตามปกติ


 


“ตราบเท่าที่เข้าร่วมกับอาณาจักรใต้พิภพเรา ก็สามารถเพลิดเพลินไปกับทรัพยากรมหาศาล รวมถึงการคุ้มครองจากพวกเรา ส่วนทรัพยากรที่ว่านั้นก็เป็นจำพวกวิชายุทธ์และอื่นๆ เชื่อว่าทุกคนคงจะรู้อยู่แล้วว่าอาณาจักรใต้พิภพของพวกเรานั้นแข็งแกร่งขนาดไหน ซึ่งแน่นอนว่าแข็งแกร่งกว่าทุกสำนักในที่แห่งนี้!”


 


คำพูดของหลินห้าวนี้ไม่มีใครแย้ง ถ้าไม่แข็งแกร่งจริง แล้วจะเรียกตัวเองว่าอาณาจักรได้ยังไง?


 


ทางด้านอาณาจักรนั้นต่างจากขุมอำนาจอย่างพวกเขามาก พวกเขาสามารถครอบครองทวีป รวมทั้งสั่งการสำนักเล็กและใหญ่ได้ทุกสำนัก ยังไงก็ตาม ทวีปเทียนจิ่งนั้นเป็นข้อยกเว้น ที่แห่งนี้เป็นอาณาเขตสุญญากาศ ซึ่งไม่มีอาณาจักรไหนเข้าครอบครอง


 


เนื่องเพราะทวีปแห่งนี้อยู่ห่างไกล ดังนั้นจึงไม่ง่ายที่จะควบคุม ทั้งยังมีแบ่งแยกเป็นอาณาเขตมากมาย ดังนั้นจึงมีสำนักก่อตั้งขึ้นเป็นจำนวนมาก ทำให้มีบางอาณาจักรอยากจะครอบครอง


 


ยังไงก็ตาม ทวีปตี้จิ่งนั้นอยู่ในการควบคุมของอาณาจักรเทียนหลง แต่โดยทั่วไปแล้ว พวกเขาไม่ได้เข้าไปยุ่งกับกิจการของสำนักที่อยู่ในทวีปนั้น


 


ความสัมพันธ์ระหว่างอาณาจักรเทียนหลงและอาณาจักรใต้พิภพนั้นอยู่ในสภาพคุมเชิงกันอยู่ ไม่ใช่เรื่องที่จะตกลงกันได้ง่ายๆ ทำให้อาจจะเกิดสงครามขึ้นได้ทุกเมื่อ


 


คำพูดของหลินห้าวนี้ไม่ได้ทำให้เหล่าประมุขประหลาดใจมากนัก พวกเขาคงไม่ได้เชิญพวกเขามากินอาหารเฉยๆ อย่างแน่นอน แต่เป็นการให้พวกเขาเข้าร่วมกับพวกเขา


 


“หากเลือกเข้าร่วมกับพวกเรา พวกเราก็จะมอบทรัพยากรจำนวนมากเป็นการตอบแทน แต่ยังไงก็ตาม พวกเจ้าก็ต้องทำตามคำสั่งของพวกเรา พวกเราให้เจ้าทำอะไรก็ทำอย่างนั้น ห้ามมีข้อโต้แย้ง! แน่นอนว่าพวกเจ้าไม่ต้องทำอะไรมาก เพียงแต่ทำตามคำสั่งของพวกเราเท่านั้นก็พอ”


 


“แต่ถ้าเลือกที่จะปฏิเสธ พวกเราก็จะไม่บังคับ พวกเจ้าสามารถตัดสินใจเองได้”


 


หลินห้าวมองไปที่พวกเขาพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก เชื่อว่าพวกเขาจะต้องเข้าใจ การมอบทรัพยากรให้ แน่นอนว่าต้องมีการเข้าไปจัดการภายในสำนัก ถ้าเกิดมอบทรัพยากรจำนวนมากให้ แต่ไม่สามารถเข้าไปจัดการอะไรได้ แล้วจะรับสมัครไปเพื่ออะไร


 


รับสมัครมาก็เพื่อใช้งาน แต่จะให้ทำอะไรนั้นก็สุดแล้วแต่จะรู้


 


กับเรื่องนี้ จำเป็นต้องคิดให้ถี่ถ้วน ว่าที่จริงแล้วเป็นความจริงหรือโกหก


 


หลายสำนักในตอนนี้พากันเงียบ ที่จำเป็นต้องมาก็มาแล้ว ยังไงก็ตาม ก็มีบางสำนักที่ไม่จำเป็นต้องคิด พร้อมกับตอบรับในทันที


 


“พวกเราเต็มใจเข้าร่วมกับอาณาจักรใต้พิภพ พวกเราเต็มใจเป็นพลังให้อาณาจักรใต้พิภพ!” คนที่พูดเป็นคนแรกคือหนานเฟิงหยุนจากวังเสินเหวิน ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและอาณาจักรใต้พิภพนั้นค่อนข้างดี การเข้าร่วมกับอาณาจักรใต้พิภพเป็นที่เข้าใจได้ ก่อนหน้านี้ก็เท่ากับเข้าร่วมอยู่แล้ว เพียงแต่ตอนนี้ทำให้เป็นทางการขึ้นเท่านั้น


 


หลินห้าวพยักหน้า การแสดงออกของหนานเฟิงหยุนทำให้เขารู้สึกพอใจ


 


“พวกเราเต็มใจที่จะเข้าร่วมกับอาณาจักรใต้พิภพเช่นกัน!”


 


“พวกเราด้วย!”


 


มีทั้งสำนักที่เลือกเข้าและไม่เข้าร่วมกับอาณาจักรใต้พิภพ อาจเพราะไม่อยากกังวลว่าจะถูกตอบโต้หรือเปล่า ดังนั้นจึงเลือกที่จะเข้าร่วมด้วยความจำใจ


 


“ต้องขอบคุณสำหรับคำเชิญของอาณาจักรใต้พิภพ แต่พวกเราวังไป๋เหลียนคงต้องขอปฏิเสธที่จะเข้าร่วม” ในตอนนี้เอง สาวงามในชุดสีขาวก็ได้เลือกที่จะปฏิเสธการเชื้อเชิญนี้


 


เธอคือประมุขของวังไป๋เหลียน เป็นตัวแทนของของวังไป๋เหลียนทุกคน ทั้งระดับของเธอยังไม่ต่ำทราม มีพลังถึงระดับผันแปรวิญญาณขั้นที่ 5 เมื่อดูจากหน้าตาแล้ว อายุยังดูท่าจะน้อยกว่าหลินห้าวอยู่หลายปี สามารถจินตนาการได้ว่าพรสวรรค์ของเธอนั้นสูงส่งขนาดไหน


 


ประกายตาที่อ่อนโยนของหลินห้าวพลันมีแสงเย็นชาวาบผ่าน จากนั้นก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่เป็นไร อาณาจักรใต้พิภพของเราเคารพในการตัดสินใจของทุกคนอยู่แล้ว จะไม่มีใช้กำลังบีบบังคับอย่างแน่นอน”


 


คำพูดนี้ใครจะรู้ว่าจริงหรือหลอก? วังไป๋เหลียนเป็นขุมอำนาจชั้น 3 แต่ก็เป็นขุมอำนาจชั้น 3 ระดับสูง มีพลังอำนาจเป็นของตัวเอง พูดได้ว่าถ้าไม่มีผู้เชี่ยวชาญระดับวิญญาณเที่ยงแท้ พวกเธอคงต้องคิดให้มากกว่านี้ คงไม่กล้าปฏิเสธออกมาตรงๆ เพราะสุดท้ายแล้ว แม้อาณาจักรใต้พิภพจะเป็นฝ่ายชนะ แต่ก็ต้องประสบกับความสูญเสียอย่างมากเช่นกัน


 


“พวกเราก็ขอไม่เข้าร่วมกับอาณาจักรใต้พิภพเช่นกัน ต้องขอบคุณสำหรับคำเชิญเป็นอย่างมาก…..” คราวนี้ได้มีประมุขอีกคนก้าวออกมา ทั้งยังพูดด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยความเสียใจ


 


สามารถออกมาพูดคำนี้ได้ แน่นอนว่าต้องมีพลังที่แข็งแกร่งหนุนหลัง อนาคตเป็นไปได้มากที่จะกลายเป็นขุมอำนาจระดับอาณาจักร


 


หลินห้าวก็ไม่พูดอะไร เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าอึดอัด พวกเขาทำได้แค่ดูเท่านั้น


 


อย่างรวดเร็ว ทั้ง 14 สำนัก เหลือเพียงสำนักเดียวที่ยังไม่ให้คำตอบ นั่นก็คือวังเทียนจี๋! ไม่มีใครคิดว่าวังเทียนจี๋จะปฏิเสธ พวกเขาคิดว่าวังเทียนจี๋จะต้องตอบรับอย่างแน่นอน ถึงยังไงการได้กอดขาอาณาจักรใต้พิภพ ไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีสำหรับพวกเขาหรอกเหรอ?


 


ขณะที่สายตาของแขกในงานมารวมอยู่ที่ร่างของอี้เทียนหยุนกับพวก ผู้อาวุโสใหญ่ก็กระซิบกับเขาว่า “ท่านประมุข พวกเราจะตอบรับหรือปฏิเสธ?”


 


ในใจพวกเขาแน่นอนว่าย่อมไม่ยินยอมอยู่แล้ว การเข้าร่วมก็เหมือนกับการสูญเสียอิสรภาพ กระทั่งหากมีคำขอให้ส่งมอบเคล็ดวิชาเซวียนเทียนออกไป พวกเขายังต้องส่งมอบให้อย่างจำยอม! ไม่อย่างนั้น การเข้าร่วมก็จะกลายเป็นไร้ความหมาย แต่หลังจากเข้าร่วม พวกเขายังจำต้องส่งมอบของล้ำค่าออกไป นี่เป็นเรื่องที่อาณาจักรใต้พิภพกระทำทั้งในที่ลับและที่แจ้ง ไม่อย่างนั้นชื่อเสียงความชั่วร้ายของอาณาจักรใต้พิภพคงไม่กระจายออกมาอย่างนี้


 


ก่อนหน้านี้พวกเขาก็ไม่พอใจอยู่แล้ว การเข้าร่วมนี้ก็ไม่ต่างจากการถูกกลืนกิน แต่ถ้าปฏิเสธ นี่ก็ไม่ต่างอะไรไปจากการหาที่ตาย


 


อี้เทียนหยุนไม่ตอบคำถามของผู้อาวุโสใหญ่ แต่ก้าวเดินออกไป มองไปยังหลินห้าวและพูดขึ้นว่า “ต้องขอบคุณต้าเหรินสำหรับคำเชิญ แต่วังเทียนจี๋ของเขาขอปฏิเสธที่จะเข้าร่วม พวกเราต้องการพัฒนาสำนักของพวกเราด้วยตัวพวกเราเอง”


 


อะไรนะ!


 


คำพูดนี้ราวกับฟ้าผ่ากลางแจ้ง ทำให้เสียงเซ็งแซ่ระเบิดออกมาในทันที พวกเขากล้าปฏิเสธอาณาจักรใต้พิภพจริงๆ นี่ศีรษะของเขาคงไม่ได้ถูกลาเตะมาใช่ไหม? มีขาใหญ่ไว้ให้กอด แต่กลับเลือกที่จะปฏิเสธอย่างคาดไม่ถึง!


 


เรื่องนี้ไม่มีใครคาดคิดจริงๆ พวกเขาต่างพากันคิดว่าวังเทียนจี๋จะต้องเข้าร่วมอย่างแน่นอน ใครจะคิดว่าพวกเขาจะปฏิเสธ? ถ้าไม่ใช่ว่าพวกเขามีปัญหากับอาณาจักรใต้พิภพล่ะก็ พวกเขาจะต้องเข้าร่วมอย่างแน่นอน


 


แท้จริงแล้ววังเทียนจี๋ที่กำลังตกต่ำนั้น การได้ใกล้ชิดกับขุมอำนาจใหญ่ถือว่าเป็นโอกาสชั้นยอดเลยทีเดียว แต่ตอนนี้มันต่างกัน คนของพวกเขาถูกสังหารไปมาก ทั้งยังมีหลายคนทรยศ ตัวประมุขยังถูกทำให้ไม่ต่างไปจากคนพิการ แล้วอย่างนี้พวกเขาจะเข้าร่วมได้เหรอ


 


ถูกฝ่ายตรงข้ามทำร้ายหลายร้อยครั้ง แล้วอย่างนี้จะให้ตัวเองยิ้มรับและทำเหมือนไม่มีอะไรอย่างงั้นเหรอ!


CLS ตอนที่ 248: ถูกบังคับให้อยู่


 


วังเทียนจี๋ในปัจจุบันมีปัญหาใหญ่มาก ถ้าเข้าร่วมก็ไม่ต่างไปจากทาส ทั้งยังจะถูกเอาวิชาเซวียนเทียนไปอีก เป็นการเสริมกำลังให้อีกฝ่าย โดยที่ตัวเองไม่ได้ต่างอะไรไปจากหุ่นเชิด


 


แต่ต่อให้พวกเขาจะไม่ทำ พวกเขาก็ไม่คิดจะเข้าร่วมอยู่แล้ว เพราะว่าพวกเขารู้ว่าอาณาจักรใต้พิภพคิดจะทำอะไรกับพวกเขา ก่อนหน้านี้อี้เทียนหยุนรู้จากปากเฉิงเฟิงแล้ว ถ้าอาณาจักรใต้พิภพได้วิชาเซวียนเทียนไปเมื่อไหร่ เมื่อนั้นก็คือจุดจบของวังเทียนจี๋


 


สามารถจินตนาการได้ว่าการเสนอให้เข้าร่วมนี้ ใจความสำคัญคือการชิงเคล็ดวิชาเซวียนเทียนไปจากพวกเขา ถ้าไม่ยอมก็เท่ากับตาย แต่ถ้ามอบให้ก็ต้องตายเช่นกัน เพราะหลังจากได้เคล็ดวิชาเซวียนเทียนไป พวกเขาก็ไม่มีค่าอะไรอีก เก็บเอาไว้ก็ไม่มีความหมาย


 


คำตอบของอี้เทียนหยุนทำให้สีหน้าของหลายคนแปลกไป ก่อนหน้านี้มีการโต้เถียงกับวังเสินเหวิน ตอนนี้ยังไม่ไว้หน้าอาณาจักรใต้พิภพอีก นี่ไม่เท่ากับรนหาที่ตายอย่างงั้นเหรอ?


 


“คำพูดของเจ้าเป็นตัวแทนของวังเทียนจี๋อย่างงั้นเหรอ?” สีหน้าหลินห้าวดำคล้ำ พร้อมกับปลดปล่อยกลิ่นอายเย็นเยียบออกมา


 


ขุมอำนาจชั้น 3 ระดับสูงไม่เข้าร่วมเขายังพอทน แต่กับวังเทียนจี๋ที่ตกต่ำนี้กลับกล้าปฏิเสธ นี่ไม่ต่างอะไรไปจากการตบหน้าเขา


 


“ใช่แล้ว เพราะข้าคือประมุข” อี้เทียนหยุนตอบกลับอย่างเฉยชา


 


“เด็กอย่างเจ้านี่นะประมุข?” หลินห้าวอ้าปากค้าง จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ได้ อาณาจักรใต้พิภพเราจะไม่บังคับ!”


 


คำพูดที่เขาพูดออกมานั้นหนักมาก แต่จะเป็นความจริงหรือไม่นั้น ไม่กระจ่างนัก ต่อหน้าสำนักทั้งหลาย เขาไม่มีทางเผยสิ่งที่คิดในใจออกมา ทำให้ไม่มีใครรู้ว่าในใจเขาคิดยังไง


 


อี้เทียนหยุนเดินกลับไปด้วยสีหน้าเฉยชา เขารู้ว่าต้องเผชิญหน้ากับอะไร แต่เขาก็เตรียมตัวไว้แล้ว ต่อต้านยังพอมีทางรอด แต่ถ้าเข้าร่วมกับอาณาจักรใต้พิภพแล้วล่ะก็ หนทางรอดนั้นก็จะไม่มี


 


เพราะถึงยังไงก็ต้องตายอยู่แล้ว ทำไมถึงไม่เลือกที่สู้จนตัวตายกันล่ะ?


 


“คนที่เลือกเข้าร่วมกับอาณาจักรใต้พิภพขอให้อยู่ต่อ ส่วนคนที่เลือกไม่เข้าร่วมขอให้จากไปได้” หลินห้าวยังคงเย็นชา ไม่หลงเหลือความสุภาพอีก แค่นี้ก็ถือว่าไว้หน้ามากแล้ว


 


เมื่อเข้าร่วมก็จะได้รับการให้เกียรติ แต่ถ้าไม่เข้าร่วมก็ขอให้ไสหัวไป แม้แต่น้ำแกงก็ไม่มีให้ดื่ม ตั้งแต่ที่เริ่มงานเลี้ยงในครั้งนี้ จนถึงปัจจุบันไม่มีความบันเทิงแม้แต่น้อย นอกจากเผชิญหน้ากับความอวดดีของพวกเขาแล้ว ก็ไม่สามารถสัมผัสถึงความอบอุ่นได้เลย


 


ทางวังไป๋เหลียนก็ไม่ได้พูดอะไร พวกเธอพากันจากไป อี้เทียนหยุนก็เลือกที่จะจากไปเช่นกัน ไม่คิดที่จะอยู่ที่นี่ต่อแม้แต่น้อย


 


แต่ในขณะที่อี้เทียนหยุนจะจากไป เสียงของหลินห้าวก็ดังมา “วังเทียนจี๋ ข้าบอกให้พวกเจ้าไปได้แล้วอย่างงั้นเหรอ?”


 


อี้เทียนหยุนขมวดคิ้ว ไม่ใช่บอกว่า ใครที่ไม่เข้าร่วมให้จากไปได้อย่างงั้นเหรอ?


 


ทางวังไป๋เหลียนพากันมองมายังที่นี่ จากนั้นก็ส่ายหัวแล้วจากไป ไม่ได้หยุดเดิน กระทั่งตำหนักซิงเฉินก็เช่นเดียวกัน ตำหนักซิงเฉินเลือกที่จะไม่เข้าร่วมกับอาณาจักรใต้พิภพ ฐานะของพวกเขาก็ไม่ต่ำเช่นกัน ดังนั้นจึงไม่ต้องการเข้าร่วมกับอาณาจักรใต้พิภพ


 


“น่าสงสารจริงๆ ที่สหายน้อยคนนี้ต้องรับตำแหน่งประมุข….” หลี่เทียนหงถอนหายใจ ยังหนุ่มแต่ก็เป็นถึงนักสลักอาคมชั้น 4 ซึ่งเขาก็เคยให้ความสนใจมาก่อน


 


ยังไงก็ตาม เรื่องนี้ต้องทำไปทีละขั้น ตอนแรกก็ชักชวนให้เข้าเป็นเข่อชิง จากนั้นค่อยรับเป็นศิษย์อีกที แต่ไม่คิดว่าจะกลายมาเป็นประมุขของวังเทียนจี๋ นี่ทำให้เขาคาดไม่ถึงจริงๆ ถ้าเขาแสดงตัวตอนนี้ ก็เท่ากับเป็นการหักหน้าอาณาจักรใต้พิภพ


 


“เฮ้อ น่าเสียดายจริงๆ ใครจะไปคิดกันล่ะ?” ผู้อาวุโสหยุนกับพวกพากันส่ายหัว พวกเขาชักชวนอี้เทียนหยุนด้วยความจริงใจ แต่ใครจะคิดว่าผลจะออกมาเป็นแบบนี้?


 


ในที่สุดอวี่ชีเชียนกับพวกก็จากไป แต่สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่มองกลับมา ไม่ใช่ว่าเธอชอบอี้เทียนหยุน แต่เธอคิดว่ารูปร่างของอี้เทียนหยุนดูคุ้นเคย กระทั่งน้ำเสียงยังคุ้นหู แต่ก็มีส่วนที่ไม่คล้ายอยู่นิดหน่อย


 


“บางทีข้าอาจจะจำผิด…..” อวี่ชีเชียนส่ายหัว คิดว่าวังเทียนจี๋ในคราวนี้คงต้องถูกลบออกไปจากทวีปเทียนจิ่งนี้แล้ว


 


อย่างรวดเร็ว สำนักอื่นๆ ก็ได้พากันจากไป ที่เหลืออยู่ก็แบ่งเป็นสองฝ่าย ฝ่ายแรกคือฝั่งที่เข้าร่วมกับอาณาจักรใต้พิภพ ขณะที่อีกฝั่งคือฝ่ายที่ไม่เข้าร่วม แต่ฝั่งที่ไม่เข้าร่วมกลับน่าสงสารนัก เพราะมีแค่วังเทียนจี๋แค่สำนักเดียวเท่านั้น ความต่างระหว่างทั้งสองฝ่ายช่างมหาศาล


 


“ท่านปู่….” มู่เซียนเอ๋อจับชายเสื้อผู้อาวุโสใหญ่แน่น นัยน์ตาที่งดงามเต็มไปด้วยความกังวล


 


เธอรู้ว่าเรื่องนี้ไม่จบง่ายๆ แน่ แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับขุมอำนาจพวกนี้ ก็อดสั่นสะท้านในใจไม่ได้ กระทั่งตัวผู้อาวุโสใหญ่เองก็ด้วย พวกเขาคิดไม่ถึงว่าจะต้องเผชิญหน้ากับขุมอำนาจใหญ่นี้จริงๆ


 


ในตอนแรกถ้าอี้เทียนหยุนไม่มา พวกเขาก็จะไม่ต้องเผชิญกับสถานการณ์นี้ และวังเทียนจี๋ก็จะตกเป็นหุ่นเชิดของอาณาจักรใต้พิภพ และไม่ต้องปรากฏตัวที่งานนี้ แต่ตอนนี้เปลี่ยนไปแล้ว พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับอาณาจักรใต้พิภพ ซึ่งเป็นเรื่องที่คิดไว้อยู่แล้ว


 


“ไม่เป็นไรหรอก มีข้าอยู่ทั้งคน” อี้เทียนหยุนหันไปยิ้มให้เธอ พร้อมกับพูดปลอบ น้ำเสียงของเขามั่นคง เต็มไปด้วยความมั่นใจ


 


ดวงตาที่งดงามของมู่เซียนเอ๋อมองไปยังอี้เทียนหยุน นี่เป็นครั้งแรกที่เธอคิดว่าอี้เทียนหยุนทำตัวสมกับเป็นประมุข เป็นประมุขที่แบกรับวังเทียนจี๋ไว้บนบ่า!


 


“วังเทียนจี๋ รู้ไหมว่าทำไมข้าถึงให้พวกเจ้าอยู่ที่นี่?” หลินห้าวพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา ขณะที่มองมายังพวกเขา


 


“ที่ให้พวกเราอยู่ที่นี่ ถ้าไม่ใช่บังคับให้พวกเราเข้าร่วม ก็ต้องเป็นการให้พวกเราส่งมอบเคล็ดวิชาเซวียนเทียนออกไป” อี้เทียนหยุนพูดออกไปเบาๆ


 


เรื่องนี้ไม่มีอะไรให้ต้องปิดบัง จะพูดไม่พูดก็ต้องถูกจัดการอยู่แล้ว สู้พูดออกไปตรงๆ ดีกว่า


 


“เคล็ดวิชาเซวียนเทียน!?”


 


สำนักอื่นพากันตกใจ เคล็ดวิชาเซวียนเทียนของวังเทียนจี๋ถือเป็นวิชาลับ ได้ยินว่าเป็นถึงเคล็ดวิชาระดับสวรรค์ แล้วอย่างนี้จะไม่ให้อาณาจักรใต้พิภพตื่นเต้นได้ยังไง?


 


“ไม่เสียทีที่เป็นถึงประมุขคนใหม่ อย่างน้อยสมองก็ยังใช้การได้ดีอยู่” หลินห้าวหัวเราะเยาะ “คำพูดไร้สาระไม่ต้องกล่าวแล้ว มอบเคล็ดวิชาเซวียนเทียนมาก แล้วข้าจะไว้ชีวิตวังเทียนจี๋ของพวกเขา รักษาสำนักของพวกเจ้าไว้!”


 


“เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่ออย่างงั้นเหรอ?” อี้เทียนหยุนหัวเราะเยาะ “เมื่อมอบเคล็ดวิชาเซวียนเทียนออกไป ข้ากลัวว่าพวกเราจะตายเร็วยิ่งกว่าเดิม?”


 


ตาของหลินห้าวเป็นประกาย “ถ้าเจ้าไม่ส่งมาตอนนี้ ก็จะตายมันตอนนี้เลย!”


 


ภายใต้คำสั่ง ทันใดนั้นก็มีร่างเงาหลายร่างปรากฏออกมา สามคนในนั้นสวมชุดสีดำปรากฏขึ้นข้างกายเขา ผู้คุ้มกันพวกนี้จะว่ามากก็ไม่มาก แต่ก็มีสิบคนได้ ซึ่งต้องใช้ทรัพยากรมหาศาลในการฝึกขึ้นมา


 


ผู้คุ้มกันเงาแต่ละคน สิ่งแรกที่ต้องมีความความซื่อสัตย์ พร้อมกับระดับที่ไม่ต่ำทราม แต่ละคนล้วนแต่มีพลังระดับก่อแกนวิญญาณขึ้นไป ดังนั้นทรัพยากรที่ใช้ไปจึงเป็นจำนวนที่มหาศาลสุดๆ แต่ก็ใช้ได้ดีในการลอบสังหาร ทำให้ขุมอำนาจนับไม่ถ้วนเป็นไปไม่ได้ที่จะป้องกัน


 


อี้เทียนหยุนมองไปยังผู้คุ้มกันเงารอบๆ ระดับสูงที่สุดอยู่ที่ระดับก่อแกนวิญญาณขั้นที่ 3 ซึ่งสำหรับเขาแล้วไม่ต่างอะไรไปจากขยะ


 


“แต่พวกเราไม่มีเคล็ดวิชาเซวียนเทียน แล้วจะให้มอบให้ยังไง?” อี้เทียนหยุนพูดอย่างไม่ใส่ใจ


 


“วางใจเถอะ หลังจากจับเจ้าแล้ว ข้าจะใช้วิชาครวญวิญญาณเอง!” ดวงตาของหลินห้าวเต็มไปด้วยจิตสังหาร!


CLS ตอนที่ 249: อวดดีแล้วทำไม


 


วิชาครวญวิญญาณถือเป็นวิชาที่อำมหิตอย่างมาก เป็นการฝืนบังคับเพื่อตรวจสอบความทรงของคนอื่น แต่จะค้นได้มากน้อยแค่ไหนนั้นสุดจะรู้ได้ แต่ก็มั่นใจได้เล็กน้อย ส่วนผู้ที่ถูกวิชาครวญวิญญาณเข้าไป สุดท้ายแล้วล้วนแต่กลายเป็นคนปัญญาอ่อนไปเสียฉิบ และต่อให้ไม่กลายเป็นคนปัญญาอ่อน ก็จะต้องประสบกับอาการบาดเจ็บทางวิญญาณ ซึ่งจะส่งผลต่อการฝึกตนในภายภาคหน้า


 


เมื่อจิตวิญญาณไม่สมบูรณ์ ความเร็วในการฝึกฝนย่อมตกลงเป็นธรรมดา รวมถึงความตระหนักรู้ด้วย สามารถพูดได้ว่าเป็นวิชามารแขนงหนึ่ง ส่วนที่อาณาจักรใต้พิภพรู้จักวิชาครวญวิญญาณนี้นั้นถือว่าไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะว่ามีหลักฐานปรากฏอยู่หลายครั้งแล้ว


 


พวกผู้อาวุโสใหญ่พากันหน้าเปลี่ยนสี ไม่ว่าเจ้าจะรู้หรือไม่ เมื่อถูกวิชาครวญวิญญาณเข้าไปเดี๋ยวก็รู้เอง


 


สีหน้าของอี้เทียนหยุนยังคงไม่เปลี่ยนแปลง การที่พวกเขาจะใช้วิธีที่ชั่วร้ายอย่างนี้ สำหรับเขาไม่ถือว่าผิดปกติ


 


“ข้าจะมอบให้!” อี้เทียนหยุนพลันเอ่ยขึ้นมา


 


คำพูดของอี้เทียนหยุนทำให้ทุกคนตกใจ กระทั่งพวกผู้อาวุโสเองก็ด้วย ไม่คิดว่าเขาเลือกที่จะมอบให้ในจังหวะนี้


 


“ฮ่าๆๆ…. ไม่ใช่ว่าเจ้ามันหัวดื้ออย่างงั้นเหรอ ก่อนหน้านี้ยังเลือกที่จะปฏิเสธอยู่เลย ทำไมตอนนี้ถึงได้ยอมง่ายๆ อย่างนี้ล่ะ?” หนานเฟิงหยุนหัวเราะ ในสายตาเต็มไปด้วยความดูถูก


 


“แต่ว่าตอนนี้มันสายไปแล้ว!” ประมุขคนอื่นก็พากันหัวเราะ หัวเราะจนน้ำตาเล็ดออกมา


 


พวกเขาเห็นคนโง่มามาก แต่ไม่เคยเห็นคนโง่อย่างนี้มาก่อน! ก่อนหน้านี้ยังมีคนอยู่ด้วยหลายคน แต่ตอนนี้ไม่มีพยานแล้ว ประมุขหนุ่มคนนี้ช่างไม่มีหลักการเลยจริงๆ ก่อนหน้านี้พูดอย่างหนึ่ง พอคราวนี้กลับพูดอีกอย่างหนึ่ง


 


“ไม่ นี่เรียกว่าผู้รู้สถานการณ์เป็นยอดคน ถ้าเจ้ายอมมอบให้จริงๆ ข้าก็จะปล่อยวังเทียนจี๋ของเจ้าไป!” หลินห้าวยิ้ม ในที่สุดก็มีเรื่องให้เขาพอใจเสียที แต่ในสายตายังคงมีประกายเย็นชาวาบผ่าน พร้อมกับจิตสังหาร เห็นได้ชัดว่าพูดไม่ตรงกับใจ


 


“นี่คือเคล็ดวิชาเซวียนเทียน อยากได้ก็เอาไป!” อี้เทียนหยุนพลันส่งคัมภีร์ยุทธ์ออกไป แต่ยังไม่ทันถึงตัวหลินห้าวก็ตกลงพื้นเสียก่อน “ขอโทษที มันหล่น”


 


“ไปหยิบมา!” หลินห้าวถูมืออย่างตื่นเต้น ไม่สนใจท่าทางของอี้เทียนหยุน แต่กับสั่งให้ผู้คุ้มกันที่อยู่ใกล้ๆ ไปหยิบมา


 


“หลินต้าเหริน ให้ข้าช่วยท่าน” หนานเฟิงหยุนยิ้ม จากนั้นก็เดินเข้าไปหยิบ จากนั้นก็ส่งคัมภีร์นี้ออกไป


 


เมื่อหลินห้าวได้คัมภีร์มา ก็ออกคำสั่งทันทีว่า “ฆ่าพวกมันซะ อย่าให้หนีรอดออกไปได้!” เขารับมาโดยที่ยังไม่ทันได้ดูว่าเป็นหนังสืออะไร ก็พลันแสดงสีหน้าชั่วร้ายออกมา พร้อมกับออกคำสั่งให้จัดการพวกอี้เทียนหยุนในทันที


 


“เจ้า ไม่ใช่ว่าเจ้าได้เคล็ดวิชาเซวียนเทียนของพวกเราไปแล้วเหรอ ทำไมถึงได้ลงมืออีก!” ผู้อาวุโสใหญ่ไม่รู้ว่าทำไมสุดท้ายแล้วอี้เทียนหยุนถึงได้เลือกยอมแพ้ แต่เขาก็เคารพในการตัดสินใจของอี้เทียนหยุน แต่ตอนนี้กลับต้องมาถูกฆ่า มันจะโหดร้ายเกินไปแล้ว


 


“ข้าบอกว่าจะไว้ชีวิตวังเทียนจี๋ แต่ไม่ได้บอกว่าจะไว้ชีวิตพวกเจ้า!” หลินห้าวหัวเราะ จากนั้นก็ออกคำสั่งให้ผู้คุ้มกันเงาออกโจมตี


 


ผู้คุ้มกันเงาทั้งสามพลันโถมเข้าไปอย่างไม่ลังเล พวกเขาเร็วมาก หายไปจากสายตาในทันที ยังไงก็ตาม ขณะที่พวกเขากระโจนมา ร่างของพวกเขาก็พลันถูกหวดเข้าพร้อมๆ กันอย่างโหดเหี้ยม


 


“ปัง ปัง ปัง!”


 


ผู้คุ้มกันเงาทั้งสามถูกถีบกระเด็นไป ก่อนที่จะกระแทกกับพื้นจนตัวอ่อนยวบ


 


“ติ๊ง ท่านสังหารผู้คุ้มกันเงาสำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 260,000, ค่าความคลั่ง 3,200, ค่าความชั่ว 50, ได้รับก้าวเท้าเงา, กริชเงา!”


 


“ติ๊ง ท่านสังหารผู้คุ้มกันเงาสำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 280,000, ค่าความคลั่ง 3,300, ค่าความชั่ว 60, ได้รับก้าวเท้าเงา, กริชเงา, ชุดคลุมหลบเร้น!”


 


“ติ๊ง ท่านสังหาร….”


 


ผู้คุ้มกันเงาทั้งสามถูกเท้าของอี้เทียนหยุนเตะกระเด็นจนตาย ไม่สามารถต่อต้านได้แม้แต่น้อย พวกเขาไม่สามารถสัมผัสได้ถึงลมหายใจของผู้คุ้มกันเงาพวกนี้ สีหน้าของประมุขทั้งหลาพากันเปลี่ยนสี นี่คือผู้ฝึกตนระดับก่อแกนวิญญาณเลยนะ ทำไมถึงได้ถูกเตะทีเดียวก็ตายแล้วล่ะ?


 


นี่ไม่ใช่หมายความว่าประมุขหนุ่มคนนี้มีพลังฝึกตนสูงกว่าระดับก่อแกนวิญญาณไปแล้วหรอกเหรอ ยิ่งกว่านั้นยังเป็นระดับก่อแกนวิญญาณช่วงท้ายอีกด้วย


 


“ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าจะต้องกลับคำ ทำไมไม่ลองดูของในมือล่ะ ว่าที่เจ้าได้ไปนั้นมันคืออะไร!” อี้เทียนหยุนพูดเยาะ


 


หลินห้าวพลันมองลงไปยังของที่อยู่ในมือ แต่หลังจากเห็นกระจ่างชัดแล้ว เขาก็พลันฉีกคัมภีร์ในมือทิ้งด้วยความโกรธ ก่อนจะโยนมันทิ้งลงพื้น บนนั้นยังเห็นตัวอักษรสลักไว้ว่า “วิชาหมัดพื้นฐาน!”


 


นี่เป็นขยะที่พบได้ทุกหัวถนน ซึ่งในช่องเก็บของของอี้เทียนหยุนนั้นไม่มี แต่เขาก็ซื้อมันมาเป็นพิเศษจากร้านค้า โดยจ่ายไปถึง 100 ค่าความคลั่ง


 


“เจ้ากล้าล้อเล่นกับข้าอย่างงั้นเหรอ!” หลินห้าวโมโห เขาคิดว่าฝั่งตรงข้ามมอบเคล็ดวิชาเซวียนเทียนให้กับเขาจริงๆ แต่ใครจะคิดว่าอี้เทียนหยุนจะไม่กลัว ทั้งยังกล้าล้อเล่นกับเขาอีก


 


หลังจากพวกผู้อาวุโสใหญ่เห็นอย่างนี้ก็พลันยิ้มออกมา ประมุขก็ยังคงเป็นประมุข ไม่ยอมก้มหัวให้ใครจริงๆ!


 


“ถ้าข้าไม่ล้อเจ้าเล่น แล้วจะเห็นการกระทำนี้ของเจ้าอย่างงั้นเหรอ?” อี้เทียนหยุนหัวเราะเยาะ “ยังไม่ทันเห็นชัดเลยว่าเป็นเคล็ดวิชาเซวียนเทียนจริงหรือเปล่าก็สั่งให้คนมาฆ่าพวกเราแล้ว….. ช่างเป็นแผนการที่ดีจริงๆ!”


 


“สามหาว!” หนานเฟิงหยุนหัวเราะเยาะ “แค่มีความสามารถนิดหน่อยก็คิดว่าต่อเองไร้เทียมทานแล้วหรือยังไง? หลินต้าเหริน ข้าขอช่วยท่านเป็นคนจัดการมันเอง!”


 


“ต้าเหริน ข้าด้วย!”


 


“หลินต้าเหริน ข้าอีกคน!”


 


เหล่าประมุขต่างพากันเสนอหน้า เพิ่งจะเข้าร่วมจำเป็นต้องสร้างผลงานกันหน่อย ทำให้พวกเขาพากันมองไปที่อี้เทียนหยุนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร เหมือนกับว่าใครฆ่าเขาได้จะได้ความชอบครั้งใหญ่!


 


สามารถสังหารผู้คุ้มกันเงาที่มีระดับก่อแกนวิญญาณได้ แสดงให้เห็นว่าระดับของอี้เทียนหยุนต้องเหนือกว่าระดับก่อแกนวิญญาณ ดังนั้น การส่งผู้เชี่ยวชาญระดับก่อแกนวิญญาณทั่วไปออกไป ก็เท่ากับส่งไปตาย ดังนั้น หนานเฟิงหยุนจึงอาสา ขอเป็นคนจับอี้เทียนหยุนคนนี้เอง


 


“ดี ไปจับมันให้ข้า ข้าอยากให้เจ้าหนูนี่มีชีวิตอยู่ไม่สู้ตาย หรือไม่ก็สังหารมันซะ!” ในสายตาของหลินห้าวเต็มไปด้วยความโกรธ ในเมื่อมีคนอาสาช่วยจัดการให้ งั้นก็ให้พวกเขาจัดการไป


 


หนานเฟิงหยุนเดินเข้ามา พลังระดับก่อแกนวิญญาณขั้นที่ 3 พลันระเบิดออก ส่งแรงกดดันอันหนักหน่วงเข้าใส่ร่างของอี้เทียนหยุนในพริบตา นอกจากเขาแล้ว ประมุขคนอื่นๆ อีกหลายคนก็ได้ปลดปล่อยพลังระดับก่อแกนวิญญาณออกมาเช่นกัน พลังที่อ่อนแอที่สุดยังอยู่ที่ระดับก่อแกนวิญญาณ ต่างพากันล้อมรอบเขาไว้ในทันที


 


“เจ้าหนู คราวนี้ดูสิว่าเจ้าจะยังไม่ตายอีกไหม กล้าฆ่าศิษย์รักของข้า ข้าจะสังหารคนของวังเทียนจี๋ของเจ้าทิ้งให้หมด!” หนานเฟิงหยุนหัวเราะเยาะ “ต่อหน้าข้า ให้ข้าดูหน่อยว่าเจ้าร้ายกาจแค่ไหน ทำไมถึงได้อวดดีขนาดนั้น!”


 


“ปัง!”


 


ทันใดนั้นอี้เทียนหยุนก็ระเบิดพลัง กลายเป็นแสงสีแดงพุ่งวาบเข้าใส่ หนานเฟิงหยุนไม่ทันได้ตอบสนองก็ถูกอี้เทียนหยุนเตะกระเด็นไป


 


“ปัง” หนานเฟิงหยุนราวกับลูกหนัง ถูกลูกเตะของอี้เทียนหยุนจนกระเด็นไปติดกำแพง กระทั่งกำแพงยังไม่สามารถทนต่อพลังที่กดขี่นี้ได้ ทำให้ร่างของเขาทะลุกำแพงออกไปจนไม่เห็นแม้แต่เงา


 


“อวดดีแล้วทำไม?” อี้เทียนหยุนชักเท้ากลับ พร้อมกับมองไปที่พวกเขาอย่างเย็นชา


CLS ตอนที่ 250: จิตสังหารสาดซัดทุกทิศทาง!


 


“ติ๊ง ท่านสังหารหนานเฟิงหยุนสำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 2.5 ล้าน, ค่าความคลั่ง 22,000, ค่าความชั่ว 200, ความชำนาญในการสลักอาคม 5,000! ได้รับท่าเท้าเงามายา, ดัชนีตัดชีพจร! ได้รับพู่กันวิญญาณจักรพรรดิ(ระดับจิตวิญญาณขั้นสูง), กระดาษยันต์ทรราช(หายาก), ค่ายกลเพิ่มพลังโจมตี(ค่ายกลชั้น 5)!”


 


ของดีพลันระเบิดออกมามากมาย รวมถึงค่าประสบการณ์ที่สูงถึง 2.5 ล้าน ค่าความคลั่งที่มากกว่า 20,000, กระทั่งค่าความชำนาญในการสลักอาคมอีก 5,000!


 


ซึ่งค่าประสบการณ์ นี้ไม่ได้คำนวณผิดพลาด แต่เป็นเพราะอี้เทียนหยุนเปิดใช้งานบัตรค่าประสบการณ์ 30 เท่า และบัตรค่าประสบการณ์ 20 เท่า รวมค่าประสบการณ์ที่ได้ทั้งหมดเพิ่มเป็น 58 เท่า! ซึ่งเป็นของที่อี้เทียนหยุนเปิดได้มาจากกล่องของขวัญ ยังมีบัตรค่าความชำนาญ 5 เท่าที่ได้มาอีก เขาไม่คิดว่าจะพบกับผู้เชี่ยวชาญในการสลักอาคมพวกนี้ แต่ก็ยังคงเปิดขึ้นมา รวมถึงค่าความชั่วที่ไม่ได้มากมาย เพราะเพิ่มขึ้นมาแค่ 2 เท่าเท่านั้น!


 


ค่าต่างๆ ที่ได้มามากจนผิดหูผิดตา ทั้งที่นี่ยังมีผู้เชี่ยวชาญอีกหลายคน แล้วเขาจะปล่อยอาหารจานโตพวกนี้ไปได้ยังไง? สำหรับเขาแล้ว พวกเขาทั้งหมดคือค่าประสบการณ์และค่าความคลั่งกองโต ซึ่งเขาไม่มีทางพลาดอย่างแน่นอน


 


ภายใต้พลังของโหมดคลั่งหมวดพลังโจมตี ทำให้ลูกเตะที่ระเบิดออกไปของเขาสังหารหนานเฟิงหยุนได้ในพริบตา! ประมุขแล้วยังไง ถึงยังไงก็ถูกเขาฆ่าตายอยู่ดี โดยเฉพาะตอนนี้ที่เขาอยู่ในระดับผันแปรวิญญาณด้วยแล้ว เมื่อรวมกับพลังโจมตีที่เพิ่มขึ้นอีก 8 เท่า ระดับก่อแกนวิญญาณขั้นที่ 3 ตัวจ้อยอย่างหนานเฟิงหยุน เมื่ออยู่ต่อหน้าเขาก็เป็นได้แค่ลูกกระจ๊อกเท่านั้น!


 


ถ้ากระบวนท่าเดียวยังสังหารเขาไม่ได้ล่ะก็ พลังของเขาคงจะห่วยเกินไปจริงๆ


 


ฉากนี้ทำให้เหล่าประมุขที่อยู่รอบๆ พากันหวาดกลัวอย่างมาก ความเร็วที่อี้เทียนหยุนปะทุขึ้นมาเมื่อกี้นี้ พวกเขามองไม่ชัดด้วยซ้ำ! นี่หมายความว่าอะไร หมายความว่าระดับของเขาเหนือกว่าพวกเขาไปมากยังไงล่ะ ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะมองไม่ชัดได้ยังไง


 


“นี่ นี่มันพลังอะไรกัน!?”


 


ในใจของพวกเขาต่างก็รู้สึกทุกข์ยากไปตามๆ กัน แค่ระดับก่อแกนวิญญาณช่วงท้ายพวกเขาก็คิดว่ามากเกินไปแล้ว ตอนนี้กลับดูแล้วมีพลังระดับผันแปรวิญญาณด้วยซ้ำ เด็กหนุ่มอายุ 17-18 ปี แต่กลับมีพลังระดับผันแปรวิญญาณ นี่มันอัจฉริยะปีศาจจากที่ไหนกัน? ต่อให้ฝึกจากท้องแม่ ก็ไม่มีทางที่จะมีพลังที่แข็งแกร่งขนาดนี้ได้?


 


พวกผู้อาวุโสใหญ่ก็พากันรู้สึกสั่นสะท้านเช่นเดียวกัน แม้ว่าจะเตรียมใจไว้อยู่แล้ว ตั้งแต่ที่อี้เทียนหยุนสังหารเฉิงเฟิงไป การจะสังหารหนานเฟิงหยุนย่อมไม่ใช่เรื่องยาก แต่เมื่อเห็นความจริงตรงหน้า ก็ยังทำให้พวกเขาตกใจมากอยู่ดี


 


“อวดดีแล้วยังไง…. ต่อไปตาเจ้า!”


 


อี้เทียนหยุนกระโจนเข้าไปโดยไร้ซึ่งอาวุธ ไม่ใช่แม้กระทั่งวิชายุทธ์ เพียงแค่ลูกเตะธรรมดาก็มีพลังรบ 6-7 ล้านแล้ว พลังระดับนี้ถือว่าน่าสะพรึงเป็นอย่างมาก


 


พลังของพวกเขาเมื่อปะทุออกมาอย่างมากก็อยู่ที่ 1-2 ล้านเท่านั้น ทำให้เขาสามารถจัดการพวกเขาได้อย่างอยู่หมัด!


 


“ปัง!”


 


“เปรี้ยง!”


 


อี้เทียนหยุนเตะออกไปสองเท้า ก็จัดการตัวตนระดับประมุขไปอีกสองคน ซึ่งสภาพของพวกเขาก็ไม่ต่างไปจากหนานเฟิงหยุน ถูกเตะติดกำแพง ก่อนที่จะทะลุออกไป พร้อมกับไร้ซึ่งสัญญาณแห่งชีวิต


 


“ติ๊ง ท่านสังหารประมุขหลิวเฟิงสำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 230,000, ค่าความคลั่ง 21,000, ค่าความชั่ว 200, ได้รับฝ่ามือป้าเทียน, กระบี่เงามายา…..”


 


“ติ๊ง ท่านสังหารประมุขยี่เฟิงสำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 240,000, ค่าความคลั่ง 22,000, ค่าความชั่ว 200…..”


 


……


 


ตัวตนระดับประมุขถูกเขาสังหารทิ้งอย่างง่ายดาย ที่เขาสังหารคือประมุขของขุมอำนาจชั้น 3 แต่เขากลับทำเหมือนเป็นผู้ฝึกตนทั่วไป ตอนนี้อี้เทียนหยุนเหมือนกับฆ่าไก่ฆ่าหมา เพียงวาดเท้าออกไปก็สังหารทิ้งได้แล้ว!


 


“นี่ พลังนี้น่ากลัวมาก นี่มันพลังระดับผันแปรวิญญาณชัดๆ…..”


 


พวกเขาพากันหวาดกลัว พวกที่ก้าวเท้าออกมาหาเรื่อง ตอนนี้ต่างพากันก้าวถอยหลังกันแล้ว พวกเขาจะไปกล้าเข้าไปต่อได้ยังไง ยังไงก็ตาม ต่อให้พวกเขาไม่เข้ามา แต่อี้เทียนหยุนจะไม่เข้าไปได้ยังไง เขากระโจนเข้าไปพร้อมกับดวงตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร


 


“ในเมื่อมาแล้วจะถอยทำไม?”


 


เขาหัวเราะเยาะ พร้อมกับขวางทางถอยของพวกประมุขพวกนั้น พร้อมกับเหวี่ยงกำปั้นออกไป ซัดจนร่างพวกเขาแหลก กลายมาเป็นค่าประสบการณ์ไหลเข้าสู่ตัวเขา!


 


“ไปจับตัวประกัน!”


 


การโจมตีนั้นทำให้พวกเขาหวาดกลัว ตัดสินใจจับพวกผู้อาวุโสใหญ่ที่อยู่ใกล้ๆ เป็นตัวประกัน เพื่อแลกกับการหลบหนี!


 


เผชิญหน้ากับตัวตนระดับประมุขที่พากันโถมเข้ามา สีหน้าของผู้อาวุโสใหญ่พลันจมลง แต่ก็ยังคงคำรามเสียงต่ำออกมา “มาหลบข้างหลังข้า ข้าจะไล่พวกเขาไป ไม่สามารถเป็นตัวถ่วงท่านประมุขได้!”


 


แต่พลังพวกเขาช่างอ่อนแอ ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่อยากช่วย แต่ด้วยระดับอย่างพวกเขาไม่สามารถช่วยอะไรได้ เพื่อไม่ใช่เป็นตัวถ่วงของอี้เทียนหยุน ผู้อาวุโสใหญ่เตรียมระเบิดแกนโลหิตของตนออกมา ยอมเสียสละเพื่อขับไล่พวกเขาออกไป!


 


“คิดจะจับพวกเขาเป็นตัวประกัน ได้ถามข้าก่อนหรือยัง!”


 


ในตอนนี้ อี้เทียนหยุนพลันหยิบเม็ดยาระเบิดออกมา ก่อนหน้านี้เขาได้รับยาเม็ดนี้มานานแล้ว เมื่อเห็นพวกเขาวิ่งไปทางผู้อาวุโสใหญ่ เขาจึงหยิบยาเม็ดนี้ออกมา แม้ว่าปีกฟีนิกซ์จะช่วยเพิ่มความเร็วได้ แต่ก็เป็นความเร็วในการบิน ซึ่งในห้องโถงอย่างนี้ กลัวว่าจะบินเร็วไปจนชนเข้ากับผนังซะก่อนน่ะสิ มันค่อนข้างควบคุมยาก


 


“ติ๊ง ท่านใช้เม็ดยาระเบิดสำเร็จ ความเร็วของท่านเพิ่มขึ้น 2 เท่า!”


 


“!”


 


ความเร็วของอี้เทียนหยุนพลันเพิ่มขึ้นสองเท่าในทันที ราวกับภาพติดตา ทันใดนั้นเขาก็มาโผล่ที่ด้านหน้าของพวกเขาแล้ว โดยไม่ต้องใช้กระบวนอะไร เขาซัดหมัดลุ่นๆ ออกไปในทันที


 


“ปัง” คนๆ นั้นถูกหมัดนี้ซัดปลิว จนไปชนเข้ากับกำแพง ถ้าไม่มีกำแพง กลัวว่าเขาคงบินไปไกลกว่านี้ แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น สุดท้ายเขาก็ตายอยู่ดี!


 


ไม่ว่าจะหมัดหรือเท้า ด้วยพลังที่ป่าเถื่อน มันมากพอที่จะทำให้เครื่องในของพวกเขาแหลกเหลวได้ แต่ต่อให้จะไม่ตายทันที แต่ก็ห่างจากความตายไม่ไกลอยู่ดี


 


“นี่ พลังนี้ เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้…..” หลินห้าวที่อยู่ข้างบนตกใจกับความเร็วที่น่าสะพรึงของอี้เทียนหยุน สีหน้าของเขาตอนนี้ไร้ซึ่งสีสัน จากนั้นสมองของเขาก็ผุดความคิดหนึ่งขึ้นมา “เจ้า เป็นเจ้าที่ฆ่าเฉิงต้าเหริน!”


 


เมื่อเห็นพลังที่น่าสะพรึงของอี้เทียนหยุน รวมกับเรื่องฆาตกรรมเฉิงเฟิงที่ยังสดๆ ร้อนๆ เห็นได้ชัดว่ามีเพียงอี้เทียนหยุนเท่านั้นที่สามารถทำเรื่องนี้ได้


 


“เจ้าคาดเดาได้ถูกแล้ว ข้านี่แหละที่ฆ่าเฉิงเฟิง แล้วมีปัญหาหรือไง? ไม่เพียงแต่คิดจะขโมยเคล็ดวิชาเซวียนเทียน แต่ยังต้องการทำลายวังเทียนจี๋ของข้าด้วย?” อี้เทียนหยุนหัวเราะเยาะ “ไม่เพียงแต่ฆ่าเฉิงเฟิงเท่านั้น วันนี้เจ้าก็ต้องตายเช่นกัน!”


 


อี้เทียนหยุนโบกมือ ทำให้มังกรดำตัวใหญ่หล่นลงมาจากชั้นเมฆ แรงกดดันขนาดใหญ่กดทับลงมา ขวางทางออกเอาไว้


 


“คำราม!” มังกรดำคำรามใส่พวกเขา พร้อมกับพ่นเปลวเพลิงออกมา ผู้อาวุโสบางสำนักหลบไม่ทัน ทำให้ถูกเปลวเพลิงนี้เผาจนเป็นตอตะโก


 


มังกรดำตนนี้มาถึงระดับก่อแกนวิญญาณขั้นที่ 8 แล้ว ดังนั้น ด้วยพลังของมัน กระทั่งตัวตนระดับประมุขยังไม่สามารถต้านทานได้!


 


“วันนี้เป็นวันตายของเจ้า!” สายตาของอี้เทียนหยุนเย็นชา จิตสังหารสาดซัดออกทุกทิศทาง!


CLS ตอนที่ 251: เตะจนร่างแหลก!


 


ด้วยมังกรดำตัวใหญ่ที่ขวางทางออกเอาไว้ ทำให้พวกเขาพากันหวาดกลัว เมื่อพวกผู้อาวุโสใหญ่ได้เห็นก็พากันตกใจ


 


“ได้ยินมาว่าผู้เชี่ยวชาญที่ช่วยหยางซีเสวี่ยเมื่อก่อนหน้านี้ก็มีมังกรดำเหมือนกันใช่ไหม!”


 


ในตอนนี้เอง มู่เซียนเอ๋อพลันนึกถึงเรื่องนี้ได้ ยามพวกหยางซีเสวี่ยกลับมาเล่าให้ฟัง ทำให้พวกเธอรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ คิดว่าทำไมวังเทียนจี๋ถึงได้มีผู้ช่วยที่ทรงพลังขนาดนั้นด้วย แต่พอมาตอนนี้แล้ว ผู้ช่วยคนนั้นคงไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นประมุขของพวกเธอนั่นเอง!


 


นี่เป็นการคาดเดาของพวกเธอ มังกรดำเป็นสัญลักษณ์ที่ใหญ่ที่สุด แต่ก็ไม่ใช่สัญลักษณ์ไปเสียทีเดียว พูดไม่ได้ว่าคนอื่นจะไม่มีมังกรดำเช่นกัน ทั้งหยางซีเสวี่ยยังจำเขาไม่ได้มาจนถึงตอนนี้ด้วย


 


พวกเธอพากันคิด คงไม่ใช่ว่าประมุขจะเป็นคนที่ถูกประกาศจับเมื่อเร็วๆ นี้หรอกใช่ไหม!


 


ชายหนุ่มที่ขี่มังกรดำ ทำการล้างบางตระกูลหวัง! ทันใดนั้นก็พลันเชื่อมโยงกับเด็กหนุ่มตรงหน้า ไม่ใช่ว่าทั้งสองคนคือคนเดียวกันหรอกนะ?


 


โดยไม่รอให้พวกเธอได้คิด มังกรดำก็กระโจนเข้ามา กีบเท้าขนาดใหญ่เหยียบลงมาอย่างแรง เหวี่ยงฟาดกรงเล็บที่แหลมคมตบออกอย่างร้ายกาจ ระดับผู้จัดการของสำนักอื่น ถ้าไม่ถูกกรงเล็บนี้จัดการ ก็ต้องถูกเปลวเพลิงที่พ่นจากปากเผาจนเป็นตอตะโก


 


“ติ๊ง ท่านสังหารผู้จัดการวังหลิวเฟิงสำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 690,000, ค่าความคลั่ง 1,400, ค่าความชั่ว 50, ได้รับ…..”


 


“ติ๊ง ท่านสังหาร…..”


 


……


 


ด้วยพลังที่ป่าเถื่อน ทำให้มังกรดำผ่านไปทุกที่ได้อย่างราบรื่น ไม่ว่าจะเหยียบเท้าลงที่ไหน ผู้ฝึกตนไม่ว่าระดับสูงหรือต่ำล้วนแต่ถูกบดขยี้ลงทันที ไม่ยอมปล่อยให้มีคนหนีไปจากที่นี่ได้เด็ดขาด! ถ้าปล่อยให้มีคนรอดไปได้ คงไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน


 


อี้เทียนหยุนก็ไม่ได้ยืนมองอยู่เฉยๆ เขาได้ทำการกระโจนเข้าใส่กลุ่มคนอย่างบ้าคลั่ง สำนักที่เข้าร่วมกับอาณาจักรใต้พิภพไม่ได้มากอะไร มีเพียงแค่ 5 สำนักเท่านั้น พวกเขายินดีทำทุกอย่างเพื่อให้ได้รับความโปรดปรานจากอาณาจักรใต้พิภพ ดังนั้น พวกเขาจึงต้องการช่วยกำจัดอี้เทียนหยุน


 


แต่ไม่ว่าในใจพวกเขาจะคิดยังไง อี้เทียนหยุนก็คิดเพียงแค่กำจัดพวกเขาเท่านั้น!


 


ในพริบตา ตัวตนระดับประมุขก็ได้ถูกเขาสังหารทิ้งอย่างง่ายดาย หมายความว่าเขาได้สังหารตัวตนระดับประมุขไปหมดสิ้นแล้ว ส่วนพวกระดับผู้อาวุโสนั้นเขาไม่สนใจที่จะลงมือด้วยตัวเอง เพราะถึงยังไงประมุขของพวกเขาก็ได้ถูกเขากำจัดทิ้งไปแล้ว!


 


“วันนี้ไม่ว่ายังไงเจ้าก็ต้องตาย!” หลินห้าวที่ยืนอยู่ใกล้ๆ คำรามออกมาด้วยความโกรธ จากนั้นก็พลันได้ยินเหมือนเสียงเขาบดขยี้บางอย่างดังมา จากนั้นร่างเงาจักรพรรดิใต้พิภพก็ได้ปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคน พร้อมกับปลดปล่อยพลังที่กดขี่ออกมาทุกทิศทาง


 


แรงกดดันที่หนักหน่วงทำให้หลายคนพากันหน้าเปลี่ยนสี ส่วนพวกผู้จัดการและพวกผู้อาวุโสที่ถูกมังกรดำไล่ล่าอยู่นั้น เมื่อเห็นร่างเงาของจักรพรรดิใต้พิภพปรากฏขึ้นก็พลันแสดงสีหน้ามีความสุขออกมา


 


“จักรพรรดิใต้พิภพมาถึงแล้ว จักรพรรดิใต้พิภพมาถึงแล้ว! เร็ว รีบฆ่าพวกมันเร็ว!”


 


“เร็ว ช่วยพวกเราเร็วเข้า!”


 


เมื่อพวกเขาได้เห็นจักรพรรดิใต้พิภพนี้ ก็พลันแสดงสีหน้ามีความสุขออกมา พวกเขารอดแน่แล้ว


 


เห็นจักรพรรดิใต้พิภพแสดงตัวออกมานี้ สายตาของอี้เทียนหยุนก็ได้เป็นประกาย นี่ไม่ได้เกินไปกว่าการคาดการของเขา หลินห้าวก็ถือว่าเป็นหนึ่งในต้าเฉินเช่นกัน การที่จะมีเครื่องรางคุ้มภัยร่างเงาจักรพรรดิใต้พิภพเป็นเรื่องที่ธรรมดาอย่างมาก ไม่ได้ผิดปกติแต่อย่างใด


 


“ฝ่ามือเทพใต้พิภพ!”


 


ร่างเงาจักรพรรดิใต้พิภพเพิ่งจะปรากฏตัวก็พลันใช้วิชาที่แข็งแกร่งที่สุดใส่อี้เทียนหยุนในทันที! ฝ่ามือนี้ฟาดลงมาจากฟ้า ปกคลุมทุกทิศทางของอี้เทียนหยุนไว้อย่างโหดเหี้ยม เมื่อเห็นฝ่ามือยักษ์ร่วงลงมาจากฟ้า สีหน้าของพวกผู้อาวุโสใหญ่ก็พากันเปลี่ยนสี รีบหลบหนีออกจากบริเวณนี้อย่างรวดเร็ว


 


แต่จะหนีไปจากพื้นที่ที่ฝ่ามือนี้ฟาดลงมาได้ยังไง กระทั่งเหล่าผู้อาวุโสและผู้จัดการของสำนักอื่นก็ยังติดอยู่ในระยะการโจมตีของฝ่ามือนี้


 


“หลินต้าเหริน ช่วยพวกเราด้วย!”


 


เมื่อพวกเขาเห็นฝ่ามือนี้ฟาดลงมา สีหน้าก็ได้กลายเป็นขาวซีด ไม่คิดว่ากระทั่งพวกเขายังอยู่ในระยะโจมตีด้วย ถ้าฝ่ามือยักษ์นี้ตบลงมา ถ้าพวกเขาไม่ตายก็ต้องกลายเป็นคนพิการไป แต่ฝ่ามือนี้กลับไม่ได้ชะงักลงแม้แต่น้อย ไม่ได้สนใจว่าพวกเขาจะเป็นหรือตาย


 


“ไอ้พวกขยะ แค่ขยะยังจัดการไม่ได้ ฉะนั้นพวกเจ้าก็ตายไปกับพวกมันซะ!” สีหน้าของหลินห้าวดุร้าย มองไปยังพวกเขาอย่างเย็นชา ราวกับมองไปยังขยะกองหนึ่ง


 


แท้จริงแล้ว ตัวตนระดับประมุขต่างหากที่เขาต้องการ ตอนนี้ตัวตนระดับประมุขตายหมดแล้ว แล้วเขาจะเก็บขยะกลุ่มนี้ไว้ทำไม เมื่อฝ่ามือเทพใต้พิภพตบฟาดลงมา ทุกที่ที่กระทบถูกต่างสลายกลายเป็นไอ!


 


หลินห้าวมองไปยังอี้เทียนหยุนด้วยสีหน้าดุร้าย ราวกับอี้เทียนหยุนได้กลายเป็นคนตายไปแล้ว เขารู้ว่าพลังของอี้เทียนหยุนนั้นน่าสะพรึงเพียงใด แต่ถึงอย่างนั้น เขายังจะต่อต้านร่างเงาจักรพรรดิใต้พิภพได้อย่างงั้นหรือ?


 


อี้เทียนหยุนยืนหยัด หรี่ตาจับจ้องไปยังฝ่ามือยักษ์ที่ฟาดลงมา เขากำหมัดแน่น พร้อมกับเปิดใช้งานสายเลือดเทพมังกร พริบตาก็มีเกล็ดมังกรขึ้นปกคลุมร่างของเขาหนึ่งชั้น นอกจากเกล็ดมังกรแล้ว ยังมีผลึกสีฟ้าคลุมทับอีกชั้นด้วย แต่ภายใต้ผลึกสีฟ้านี้ ยังมีแสงสีทองฉาบทับอีกหนึ่งชั้น!


 


วิชาป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดทั้งสามวิชาถูกเปิดใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นเคล็ดวิชาเซวียนเทียน หรือเคล็ดวิชากายทองคำ ล้วนแต่เป็นสุดยอดด้านการป้องกัน ทำให้พลังป้องของเขาในพริบตานี้พุ่งขึ้นถึงขีดสุด


 


“เปรี้ยง!”


 


เขาถีบเท้ากับพื้นอย่างแรง ทำให้พื้นแตกเป็นหลุม จากนั้นตัวคนก็ราวกับกลายเป็นดาวหางสีแดง พุ่งเข้าใส่ร่างเงาจักรพรรดิใต้พิภพที่อยู่ตรงหน้า และในตอนนี้เอง ฝ่ามือเทพใต้พิภพก็ได้ตกลงมา ขณะที่ผู้คนพากันหน้าเปลี่ยนสี อี้เทียนหยุนกลับถีบเท้ากับพื้นอย่างแรงอีกครั้ง ดีดตัวผึงจากพื้น พร้อมกับฟาดแข้งออกไปอย่างแรง!


 


“เปรี้ยง!”


 


ราวกับเสียงระเบิด ฝ่ามือเทพใต้พิภพได้ถูกแข้งของเขาหวดจนแหลกละเอียด! แรงระเบิดก่อให้เกิดลมพายุขนาดใหญ่ขึ้น ม้วนกวาดทุกอย่างที่อยู่ใกล้ๆ เข้าด้วยกัน ทำให้ข้าวของเครื่องใช้ที่อยู่ข้างในกระจัดกระจาย คนอื่นๆ ต่างพากันหาที่ยึดเกราะ กลัวว่าตัวเองจะถูกม้วนตลบเข้าไปในนั้น


 


จากนั้นก็มีร่างร่างหนึ่งหล่นลงมาจากอากาศ พร้อมกับกระทืบเท้าเข้าใส่ร่างเงาจักรพรรดิใต้พิภพ ด้วยประกายแสงที่แตกต่างกัน!


 


“อะไรกัน!!”


 


หลินห้าวหน้าซีดขาว ในใจสั่นสะท้านอย่างแรง อี้เทียนหยุนระเบิดฝ่ามือเทพใต้พิภพได้อย่างงั้นเหรอ ทั้งยังไม่บาดเจ็บแม้แต่น้อย ต้องแข็งแกร่งขนาดไหนกัน ถึงจะมีพลังที่น่าสะพรึงขนาดนี้


 


“ฝ่ามือเทพใต้พิภพ!”


 


ร่างเงาจักรพรรดิใต้พิภพยังคงเฉยชา มองขึ้นไปข้างบน ไม่ปรากฏความกลัวแม้แต่น้อย ร่างเงานี้ไม่แสดงสีหน้าหวาดกลัว แม้แต่สีหน้าอย่างอื่นก็ไม่แสดงออกมา ร่างเงานี้เป็นเพียงพลังงานที่ถูกเก็บไว้ในแผ่นหยกเท่านั้น


 


“แหลกไปซะ!”


 


อี้เทียนหยุนกระทืบลงอย่างแรง ปะทะกับฝ่ามือเทพใต้พิภพที่ร่างเงานี้ส่งออกมา จนทำให้ฝ่ามือเทพใต้พิภพแหลกคาเท้าเขาอีกครั้ง


 


พลังของร่างเงาจักรพรรดิใต้พิภพนั้นไม่ได้อ่อนแอ มันมีพลังรบมากถึง 7 ล้าน แต่หลังจากอี้เทียนหยุนระเบิดพลังทุกอย่างออกมา ทำให้พลังของเขาเหนือกว่าไปอีกครั้ง! ภายใต้พลังทั้ง 3 ที่ระเบิดออกมา ทำให้พลังรบของเขาสูงถึง 7.5 ล้าน!


 


เขาหมุนตัวกลางอากาศรอบหนึ่ง จากนั้นก็วาดแข้งเข้าใส่ร่างเงาจักรพรรดิ จนร่างเงานั้นระเบิดออก ไม่ทันถึง 10 วินาที ร่างเงานี้ก็ถูกเขากำจัดทิ้งไปเสียก่อนแล้ว คราวนี้ เขาไม่ต้องการเสียเวลาอีก


CLS ตอนที่ 252: พลังรบ 12 ล้าน!


 


เพียงแค่เตะ 2 ครั้งก็จัดการร่างเงาจักรพรรดิใต้พิภพได้แล้ว เทียบกันแล้วแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้ไม่รู้กี่เท่า ถึงกับจัดการร่างเงาจักรพรรดิได้อย่างอยู่หมัด


 


ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่ว่าเขาจะแข็งแกร่งกว่าผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณระดับสูงสุด มันยังมีอะไรหลายๆ อย่างอยู่ด้วย ไม่ว่าจะเป็นเพราะไม่มีเครื่องป้องกันและอาวุธ รวมถึงสติปัญญา รู้จักแต่ใช้กำลังโถมเข้าใส่อย่างเดียว รวมถึงสายเลือดและอะไรอื่นๆ อีกมากมาย ถ้าเอาจริงๆ แล้ว เขายังห่างจากผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณขั้นสูงสุดอยู่อีกไกลนัก


 


ฉากนี้ทำให้หลายคนพากันตกใจกลัว จัดการกับร่างเงาจักรพรรดิใต้พิภพได้อย่างอยู่หมัด? ยิ่งกว่านั้น พวกเขายังปลื้มปีติกับฝ่ามือนี้ที่เกือบจะเอาชีวิตของพวกเขาไป แต่ไม่คิดว่าพวกเขาจะถูกอี้เทียนหยุนช่วยไว้แทน


 


“ได้ยังไง?” หลินห้าวสีหน้าจมลง เขาไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ แม้ว่าร่างเงาจักรพรรดิใต้พิภพจะไม่ได้แข็งแกร่งผิดปกติ แต่จะดีจะร้ายก็เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณขั้นสูงสุด ไม่เพียงแต่จะทำลายวิชาที่แข็งแกร่งทรงพลังอย่างฝ่ามือเทพใต้พิภพไปได้ แต่ยังถึงกับทำลายร่างเงาจักรพรรดิใต้พิภพได้ด้วย


 


หลังจากลงมาถึงพื้น อี้เทียนหยุนก็ไม่หยุดนิ่ง ทะยานเข้าใส่หลินห้าวในทันที พร้อมกับฟาดแข้งที่เต็มไปด้วยพลังออกไปนับไม่ถ้วน!


 


หลินห้าวพลันมีสีหน้าแตกตื่น รีบหยิบสมบัติออกมา จากนั้นก็โยนเข้าใส่อี้เทียนหยุน สมบัติชิ้นนี้รูปร่างคล้ายกับคุก ดูแล้วระดับไม่ต่ำเลย ยังไงก็ตาม สำหรับเขาแล้ว มันไม่ได้มีความหมายแม้แต่น้อย


 


“แหลกไปซะ!”


 


ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่ในมือของเขาพลันปรากฏกระบี่ไร้สิ้นสุดขึ้น พร้อมกับฟันกระบี่ใส่ลูกรงนี้อย่างรุนแรง  พร้อมกับกระบี่ไร้สิ้นสุดที่ส่งเสียงคำรามออกมา สั่นไกเอฟเฟกเพิ่มพลังสองเท่าในพริบตา!


 


“เปรี้ยง!”


 


เกิดเป็นคลื่นรูปวงแหวน ผ่ากรงขังออกเป็นสองส่วน


 


“ศักดิ์ศรีของอาณาจักรไม่สามารถลบหลู่ได้!” หลินห้าวคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว พร้อมกับหยิบเม็ดยาออกมายัดใส่ปาก อึดใจต่อมา ร่างของเขาก็เปล่งพลังที่ป่าเถื่อนออกมา พริบตา พลังรบของเขาก็เพิ่มขึ้นราวกับพายุ!


 


ทั้งในมือของเขายังเพิ่มกระบี่อีกเล่ม เป็นศาสตราจิตวิญญาณชั้นยอด ที่มีค่ายกลชั้นยอดที่ถูกสร้างมาจากนักสลักอาคมระดับต้าซือ พลังของเขาสาดกระจายออกทุกทิศทาง ไม่รู้ว่าค่ายกลบนตัวกระบี่เพิ่มพลังให้กี่เขาอีกกี่เท่า แต่ภายใต้ความสามารถของนักสลักอาคมชั้นสูง เป็นที่แน่นอนแล้วว่าศาสตราจิตวิญญาณชิ้นนี้เป็นของชั้นยอดอย่างแน่นอน


 


อาวุธระดับสวรรค์ทั้งหายากและสูงค่า มีเพียงนักหลอมศาสตราระดับต้าซือเท่านั้นที่จะหลอมออกมาได้ เป็นอาวุธประเภทประเมินค่าไม่ได้ ฐานะของหลินห้าวไม่ต่ำ แต่ก็ยังไม่มีคุณสมบัติพอที่จะได้อาวุธระดับสวรรค์ไว้ในครอบครอง


 


แม้ว่าอาวุธชิ้นนี้จะไม่ใช่อาวุธระดับสวรรค์ แต่ก็เป็นศาสตราจิตวิญญาณชั้นยอด เมื่อรวมกับค่ายกลชั้นยอด ทำให้มันแสดงพลังที่น่าสะพรึงออกมา เทียบได้กับอาวุธระดับสวรรค์เลยทีเดียว!


 


ภายใต้ดวงตาประเมิน ทำให้เขารู้ได้ถึงความสามารถที่ท้าทายสวรรค์ของอาวุธชิ้นนี้ รวมถึงความน่าสะพรึงของเม็ดยาที่หลินห้าวกินเข้าไป


 


พลังรบของเขาได้เพิ่มขึ้นราวกับพายุ จาก 2.7-2.8 ล้าน พริบตาก็พุ่งขึ้นเป็น 6 ล้าน เหนือกว่าผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณขั้นที่ 7 ทั่วไปโดยสมบูรณ์ ยังไงก็ตาม นี่ก็เป็นผลลัพธ์ที่แสดงออกมาเมื่อเผาผลาญแกนโลหิตและการใช้ยา ทำให้แสดงพลังที่ป่าเถื่อนขนาดนี้ออกมาได้


 


ยังไงก็ตาม การทำอย่างนี้ก็มีผลข้างเคียงอย่างเห็นได้ชัด ไว้หลังจากสิ้นสุดการต่อสู้ เขาจะตกอยู่ในสภาพที่อ่อนแอที่สุด อาจจะเหมือนกับร่างที่ไร้การป้องกันเลยด้วยซ้ำ ทั้งการเผาผลาญแกนโลหิตยังจะทำให้ระดับของเขาตกลงอีกด้วย


 


และในจังหวะนี้เอง หลินห้าวก็ได้กระโกนเข้าสังหารอี้เทียนหยุน เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของอาณาจักร เขาในตอนนี้ได้ทุ่มทุกสิ่งที่มีแล้ว


 


ดวงตาทั้งสองข้างของหลินห้าวเต็มไปด้วยแสงสีเลือด คลื่นพลังปะทุออกรอบๆ ร่างของเขา ความแข็งแกร่งเทียบได้กับร่างเงาจักรพรรดิใต้พิภพเลยด้วยซ้ำ แต่ระหว่างทั้งสองยังมีความต่างอยู่ เพราะว่าตัวหลินห้าวต้องใช้อาวุธรวมถึงเม็ดยาถึงจะสามารถปะทุพลังที่แข็งแกร่งขนาดนี้ออกมาได้!


 


ถ้าเทียบกันด้านพลังแล้วล่ะก็ อี้เทียนหยุนก็ไม่ได้ด้อยกว่าแม้แต่น้อย โชคดีที่เขาทะลวงเข้าสู่ระดับผันแปรวิญญาณแล้ว ไม่อย่างนั้น การต่อสู้คราวนี้เขาจะต้องตายอย่างแน่นอน


 


“เจ้าจะต้องตาย!”


 


หลินห้าวไม่สนใจเคล็ดวิชาเซวียนเทียนอะไรนั่นแล้ว ในตอนนี้เขาต้องการเพียงแค่ชีวิตของอี้เทียนหยุนเท่านั้น ยิ่งกว่านั้นยังเป็นเพราะพวกเขาคิดผิดไป คิดว่าวังเทียนจี๋จะไม่สามารถสร้างคลื่นลมอะไรได้ แต่พวกเขากลับคิดผิด ไม่เพียงแต่สร้างคลื่นลมขึ้นเท่านั้น แต่ยังเป็นพายุลูกใหญ่อีกต่างหาก


 


อึดใจต่อมา ร่างของหลินห้าวก็มาโผล่ที่ตรงนี้ พร้อมกับปล่อยพลังในร่างออกมา ก่อตัวเป็นร่างเงามังกรคลั่ง ที่เลื้อยอยู่บนร่างของเขา ไม่คิดเลยว่าเขาจะมีสายเลือดมังกรคลั่ง ไม่รู้ว่าต้องดูดกลืนแกนโลหิตไปของมังกรคลั่งไปขนาดไหน ถึงได้ปลดปล่อยพลังขนาดนี้ออกมาได้


 


ร่างของหลินห้าวปกคลุมไว้ด้วยเกล็ดมังกรเช่นเดียวกัน เพียงแต่เกล็ดมังกรของเขาเป็นสีเขียวสว่าง ราวกับมรกต พร้อมกับจ้วงแทงกระบี่ที่มีค่ายกลที่นักสลักอาคมระดับต้าซือสลักเอาไว้มา พริบตา กระบี่ก็เปล่งแสงที่ยาวกว่าหนึ่งจ้าง ดูแหลมคมสุดจะเปรียบ


 


“สายเลือดมังกรคลั่งอย่างงั้นเหรอ…. แต่เมื่อต้องเจอกับข้าก็คงต้องขอแสดงความเสียใจด้วย!”


 


อี้เทียนหยุนไม่กลัว ถือกระบี่ไร้สิ้นสุดขวางอยู่หน้าร่าง พร้อมกับเปิดใช้งานโชคดี ทำให้ค่าโชคของเขาเพิ่มขึ้นพรวดพราด ก่อนจะแทงเข้าใส่กระบี่ที่หลินห้าวแทงเข้ามา เมื่อกระบี่ทั้งสองปะทะกัน แม้กระบี่ไร้สิ้นสุดอาจจะเสียเปรียบ แต่ถึงยังไงก็เป็นกระบี่ใหญ่ ทำให้การปะทะกลายเป็นสูสี!


 


“เคร้ง!”


 


แล้วคราวนี้เขาก็ไม่ผิดหวัง ด้วยค่าความดีที่เพิ่มขึ้น รวมกับโชคดี ทำให้ลั่นไกเอฟเฟกเพิ่มพลังโจมตีคริติคอลขึ้นสองเท่าในทันที!


 


กระบี่ไร้สิ้นสุดก็ถือว่าท้าทายสวรรค์พออยู่แล้ว เมื่อพลังทุกอย่างของเขาระเบิดขึ้นสองเท่า ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้น่าสะพรึงอย่างถึงที่สุด


 


ภายใต้การระเบิดนี้ จากพลังรบ 7.5 ล้าน พริบตาก็เพิ่มขึ้นเป็น 12 ล้าน! ตัวกระบี่ไร้สิ้นสุดพลันเปล่งพลังถึงขีดสุด เปล่งแสงเจิดจ้าออกมาจนตาแทบบอด!


 


“แกรก!”


 


พลังที่น่าสะพรึงของกระบี่ใหญ่หักกระบี่ของหลินห้าวจนแหลกเป็นชิ้นๆ พร้อมกันนั้นก็ส่งหลินห้าวกระเด็นไป แรงสั่นสะเทือนยังส่งผลให้แขนของเขาแหลกไปทันทีอีกด้วย


 


“แกรก….”


 


ในตอนนี้เอง กระบี่ไร้สิ้นสุดในมืออี้เทียนหยุนก็แหลกไปเช่นเดียวกัน เห็นได้ชัดว่าไม่สามารถทนต่อพลังมหาศาลของเขาได้ ทำให้กระบี่ไร้สิ้นสุดนี้ต้องพังไป กระบี่ไร้สิ้นสุดไม่สามารถเพิ่มระดับได้ ดังนั้นระดับจึงไม่สามารถเพิ่มขึ้นได้


 


เมื่อไม่สามารถเพิ่มระดับ ก็ไม่สามารถเพิ่มคุณภาพ ทำให้ความทนทานในการรับพลังจะไม่ได้มากมายอะไร เมื่อไม่สามารถทนต่อพลังของเขาได้ ก็ไม่สามารถทนต่อการปะทะกับอีกฝ่ายได้เช่นกัน ดังนั้นสุดท้ายแล้วจึงได้กลายเป็นเศษที่แหลกละเอียด


 


“น่าเสียดายจริง ดูเหมือนอาวุธระดับนี้จะไม่สามารถทนต่อพลังของข้าได้แล้ว” อี้เทียนหยุนส่ายหัว ก่อนหน้านี้ก็เหมือนกัน นอกจากชุดที่เอาไว้สวมแล้ว อาวุธกลับใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้


 


ภายใต้ความต่างของพลังที่มหาศาล มันไม่สามารถตามระดับของเขาได้ทัน ดังนั้นเขาจึงวางแผนที่จะทำความสะอาดครั้งใหญ่


CLS ตอนที่ 253: ทะลุร่าง


 


อาวุธทุกชิ้นของอี้เทียนหยุนล้วนแต่มีค่าความคงทนพอๆ กัน แต่ต่อให้ความคงทนจะไม่มีจนอาวุธเสียหาย เขาก็ยังสามารถซ่อมมันกลับคืนมาได้ด้วยความสามารถในการหลอมศาสตราของเขา  ทำให้มันไม่ใช่เรื่องใหญ่


 


แต่ด้วยพลังในปัจจุบันของเขา ต่อให้ค่าความคงทนจะเต็ม แต่ภายใต้พลังที่น่าสะพรึง อาวุธก็ยังจะเสียหายในทันที! นอกจากจะเพิ่มระดับของอาวุธ ตอนนี้ไม่มีศาสตราจิตวิญญาณชั้นสูง ก็ไม่มีทางที่จะทนต่อพลังที่ป่าเถื่อนของเขาได้


 


แต่ถ้าไม่ใช้โหมดคลั่ง การที่เขาจะใช้อาวุธพวกนี้ย่อมไม่มีปัญหา ด้วยพลังระดับนี้ อาวุธพวกนี้สามารถทนได้สบาย แต่เพราะพลังของเขามันป่าเถื่อนเกินไป ทำให้อาวุธทั่วไปไม่สามารถทนได้ ทั้งอาวุธพวกนี้ยังไม่สามารถยกระดับได้อีกด้วย


 


ค่าความชำนาญเขาเพิ่มขึ้น แต่ระดับของไม่เพิ่มตาม


 


จากนั้นสายตาของเลื่อนไปยังหลินห้าว ภายใต้กระบี่ที่บ้าคลั่ง หลินห้าวถูกซัดจนปลิวออกไปอีกครั้ง มือข้างที่ถือกระบี่อยู่นั้นสั่นไม่หยุด เนื่องเพราะกระดูกแขนถูกทำลาย ทำให้มีเลือดไหลอาบทั่วแขน ห้อยโตงเตง


 


กระดูกแขนของเขาแหลกละเอียด ไม่สามารถยกแขนได้แล้ว


 


ทั้งแรงสั่นสะเทือนยังทำให้เขาต้องกระอักเลือดออกมาไม่หยุด พลังของเขานั้นน่ากลัวพอแล้ว แต่ว่าน่าเสียดายที่กระบี่ไร้สิ้นสุดได้ระเบิดพลังสองเท่าออกมา ทำให้ไม่มีใครสามารถต้านทานมันได้! แม้จะแค่สองเท่า แต่ถ้านับพลังรบ ก็เพิ่มขึ้นหลายล้าน


 


ตามจริงควรจะเป็น 15 ล้าน แต่กระบี่ไร้สิ้นสุดในตอนนี้รองรับได้เพียง 12 ล้านเท่านั้น ไม่อย่างนั้น ถ้าระดับพลังของเขาแข็งแกร่งขึ้น พร้อมกับกระบี่ไร้สิ้นสุดลั่นไกเอฟเฟ็กออกมา เขาจะไม่ท้าทายสวรรค์เกินไปหรอกเหรอ?


 


แต่ว่าน่าเสียดายที่มันเป็นไปไม่ได้ กระบี่ไร้สิ้นสุดมีขีดจำกัด นอกเสียจากจะยกระดับให้สูงกว่านั้น ไม่อย่างนั้นไม่มีทางระเบิดพลังที่มากกว่าออกมาได้อย่างแน่นอน


 


“เจ้า เจ้าต้องตาย!” หลินห้าวขยี้หยกปลดปล่อยพลังออกมา


 


จากนั้น ร่างเงาจักรพรรดิก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง แต่ในขณะที่กำลังจะใช้ฝ่ามือเทพใต้พิภพออกมานั้น ร่างของอี้เทียนหยุนก็กระพริบวาบ พร้อมกับถีบเข้าใส่อย่างแรง “เปรี้ยง” ฝ่ามือเทพใต้พิภพยังไม่ทันถูกใช้ออก ร่างเงาจักรพรรดิก็ถูกอี้เทียนหยุนถีบจนร่างระเบิดออกมาเสียก่อน


 


เขาไม่จำเป็นต้องใช้กระบวนท่าหรือวิชาอะไรออกไปแม้แต่น้อย ด้วยพลังที่บ้าคลั่งของเขาในตอนนี้ เพียงแค่ลูกเตะธรรมดาก็สามารถจัดการกับอีกฝ่ายได้อย่างอยู่หมัดแล้ว


 


“นอกจากท่านี้แล้ว ไม่มีท่าอื่นบ้างหรือไง?” อี้เทียนหยุนมองเขาอย่างเย็นชา


 


“ข้า ข้าคือต้าเฉินของอาณาจักรใต้พิภพ ถ้าเจ้าฆ่าข้า อาณาจักรใต้พิภพจะต้องบดขยี้วังเทียนจี๋ของเจ้าอย่างแน่นอน!” หลินห้าวร้องคำรามออกมา ต่อให้ความตายจะกรายเข้ามาใกล้ เขาก็ยังไม่ลืมที่จะขู่ออกไป


 


“พวกเจ้าสองคนนี่ราวกับหลุดมาจากพิมพ์เดียวกันจริงๆ ความตายกรายมาถึงศีรษะยังไม่ลืมที่จะขู่ออกมาอีก!” อี้เทียนหยุนพูดอย่างเย็นชา “เจ้าลงมือกับข้าได้ แต่ห้ามข้าตอบโต้อย่างงั้นเหรอ….. ยิ่งกว่านั้น เฉิงเฟิงข้าก็ฆ่ามาแล้ว แล้วคิดว่าข้ายังจะปล่อยเจ้าไปอย่างงั้นเหรอ? แล้วถ้าข้าปล่อยเจ้าไป อาณาจักรใต้พิภพจะไม่ทำลายวังเทียนจี๋ของข้าหรือไง ย่อมไม่ ไม่ว่าจะยังไง ตั้งแต่เริ่มแล้ว พวกเจ้าล้วนวางแผนที่จะบดขยี้วังเทียนจี๋ของเรา แล้วทำไมต้องพูดให้มากความอีก?”


 


สีหน้าของหลินห้าวซีดขาว เหงื่อเย็นๆ ไหลออกมาไม่หยุด เขาเป็นถึงต้าเฉิน ยังมีอนาคตอีกไกล เขาต้องมาตายที่นี่จริงๆ เหรอ?


 


ทันใดนั้น แหวนของหลินห้าวก็เปล่งแสง พร้อมกับปรากฏยันต์ขึ้นบนมือเขา จากนั้น เขาก็ใส่พลังวิญญาณเข้าไปในยันต์แผ่นนั้น ตามมาด้วยแสงที่คลุมร่างเขา อึดใจต่อมา เขาก็กลายเป็นลำแสงบินออกไปด้านนอก ความเร็วที่ใช้ออกน่าตื่นตะลึก ไม่คิดว่าจะเป็นยันต์หลบหนีที่หาได้ยากนั้น ซึ่งช่วยเพิ่มความเร็วเป็นระยะเวลาสั้น ช่วยให้พวกเขาบินได้เร็วขึ้นกว่าเดิม


 


สิ่งนี้ให้ผลเฉกเช่นกับปีกฟีนิกซ์ แต่ผลลัพธ์ที่ได้ยังห่างจากปีกฟีนิกซ์อีกไกล อย่างดีก็ช่วยเพิ่มความเร็วได้แค่ 50% เท่านั้น


 


“คิดหนี? ข้าบอกแล้วว่าวันนี้คือวันตายของเจ้า!” ในสายตาของอี้เทียนหยุนมีประกายเย็นชาวาบผ่าน สีหน้าเย็นชาถึงที่สุด ทันใดนั้น ในมือของเขาก็ปรากฏคันศรน้ำค้างแข็งเทวะ พร้อมๆ กับที่คันศรปรากฏขึ้น เขาก็ทำการน้าวคันศรไปยังทิศทางที่หลินห้าวหลบหนีไป


 


หลังจากน้าวคันศร เขาก็ปล่อยออกไปอย่างรวดเร็ว “ฟิ้ว” ลำแสงสีฟ้าอ่อนๆ ถูกยิงออกไป ทันใดนั้น ก็บินทะลุร่างของหลินห้าวที่อยู่ไกลๆ ในทันที พร้อมกับพลังแช่แข็งที่อยู่ในลูกศร ได้ทำการแช่แข็งร่างของหลินห้าวกลางอากาศ ทำให้ร่างของเขาหล่นลงพื้นจากแรง


 


“ปัง” เสียงกระแทกพื้นดังมา จากนั้นก็ไม่มีเสียงอะไรดังขึ้นอีก


 


“ติ๊ง ท่านสังหารหลินห้าวสำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 2.8 ล้าน, ค่าความคลั่ง 16,000, ค่าความชั่ว 300, ความชำนาญในการสลักอาคม 5,000! ได้รับวิชาดัชนีตัดชีพจร, วิชาคลุมฟ้า, บัตรค่าประสบการณ์ 10 เท่า, ยันต์เทวะ(หายาก), กระบี่หนักฉิงเทียน(ระดับจิตวิญญาณขั้นสูง), เกราะฉิงเทียน(ระดับจิตวิญญาณขั้นสูง), เกราะแข้งฉิงเทียน(ระดับจิตวิญญาณขั้นสูง)!”


 


“ติ๊ง ท่านได้สังหารศัตรูข้ามระดับ ได้รับค่าประสบการณ์เพิ่มเติม 30 ล้าน, ค่าความคลั่ง 100,000, บัตรค่าประสบการณ์ 30 เท่า, สิทธิ์ในการสุ่มลอตเตอรี่รุ่นปรับปรุง 1 ครั้ง!”


 


เสียงรายงานดังขึ้นมา พร้อมกับเครื่องป้องกันหนึ่งชุด เหมาะที่จะเอามาแทนชุดเกราะหุ่นเทียนเสิ้งพอดี แต่รางวัลที่เพิ่มขึ้นมากลับน่าผิดหวังสุดๆ มันไม่ได้ช่วยเพิ่มเลเวลให้กับเขาแม้แต่เลเวลเดียว แต่กลับให้ค่าประสบการณ์มาแทน นี่ทำให้เขารู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างมาก


 


แต่ไม่ว่าจะยังไง อย่างน้อยของรางวัลที่ได้ก็ถือว่ามาก รวมกับก่อนหน้านี้ที่สังหารเหล่าประมุขพวกนั้น ทำให้ของที่เขาได้มาในคราวนี้มหาศาลจริงๆ ทั้งยังเป็นของระดับสูง มันมีของดีจำนวนมาก และน้อยมากที่จะเป็นของระดับต่ำ


 


ยังไงก็ตาม การต่อสู้ข้ามระดับนั้น เขาที่สู้กับเหล่าประมุขที่มีระดับมากกว่าเขา 3-4 ระดับ กลับไม่ได้ยินเสียงประกาศ ระดับห่างกับเขาตั้ง 3 ระดับ ยังไม่เรียกว่าการต่อสู้ข้ามระดับอีกเหรอ?


 


“ดูเหมือนว่าอย่างน้อยต้องเป็น 5-6 ระดับขึ้นไป ถึงจะเรียกว่าการต่อสู้ข้ามระดับ….” อี้เทียนหยุนส่ายหัว ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าการกำจัดประมุขพวกนั้นจะช่วยให้เขาได้รับรางวัลพิเศษ น่าเสียดายจริงๆ


 


ของรางวัลพิเศษแน่นอนว่าต้องเป็นของชั้นยอด ที่ดีที่สุดคือการเพิ่มเลเวลให้โดยตรง ค่าประสบการณ์ที่เขาต้องการในตอนนี้ระดับร้อยล้านขึ้น ถึงจะเพิ่มได้สัก 1 เลเวล ดังนั้นมันจะไม่ใช่ของดีได้ยังไง? แต่ใครจะรู้ว่าของรางวัลพิเศษที่ได้จะไม่ใช่อันนี้


 


อี้เทียนหยุนคิดมาถึงตรงนี้ก็ได้แต่เสียดาย แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้ ดังนั้นจึงได้หันไปมองผู้ฝึกตนที่เหลือด้วยสีหน้าเย็นชา เมื่อพวกเขาเห็นสีหน้าของอี้เทียนหยุน ในใจก็สั่นสะท้านโดยพลัน


 


ที่เหลืออยู่ตอนนี้ล้วนแต่เป็นพวกอ่อนแอ หากเทียบกับอี้เทียนหยุนแล้วก็มีแต่พวกอ่อนแอจริงๆ ก่อนหน้านี้พวกเขาพากันดูถูกว่าวังเทียนจี๋นั้นอ่อนแอ ตอนนี้ดูแล้ว พวกที่อ่อนแอจริงๆ แล้วเป็นพวกเขาเอง!


 


“ขอ ขอประมุขอี้โปรดปล่อยพวกเราไปเถอะ พวกเรา พวกเราจะไม่พูดอะไรออกไปอย่างแน่นอน!”


 


“เรื่อง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเรา พวกเราถูกอาณาจักรใต้พิภพบังคับให้เข้าร่วม!”


 


พวกเขาพากันกลัวจนคิดอะไรไม่ออก มีมังกรดำตัวเขื่องยืนอยู่ด้านหลัง ทั้งมีอี้เทียนหยุนขวางอยู่ด้านหน้า แล้วอย่างนี้พวกเขาจะหนีได้ยังไง?


 


“แล้วที่พวกเจ้าเข้ามาล้อมพวกเราในตอนแรกล่ะ ไม่ใช่ว่าในใจมีความสุขมากหรอกเหรอ?” อี้เทียนหยุนหัวเราะเยาะ

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม