Crazy Leveling System 240-246
CLS ตอนที่ 240: ลอบสังหาร
อี้เทียนหยุนที่อยู่นอกห้องตาเป็นประกาย สุดท้ายแล้วก็เป็นอย่างที่เขาคิด พวกเขาต้องการให้เขาเข้าเป็นพวก ไม่อย่างนั้นคงจะนำกองกำลังบุกเข้ามาแล้ว ที่เชิญพวกเขามาในงานเลี้ยงนี้ก็เพื่อต้องการดูว่าผู้เชี่ยวชาญลึกลับคนนั้นเป็นใคร แต่ไม่มีใครคิดว่าผู้เชี่ยวชาญคนนั้น แท้จริงแล้วคืออี้เทียนหยุน?
แม้ว่าผู้คุ้มกันเงาจะมีพลังไม่ได้สูงนัก แต่จะดีจะร้ายก็เป็นถึงระดับก่อแกนวิญญาณ ซึ่งนี่จำเป็นต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมากสร้างขึ้นมา ตอนนี้กลับถูกฆ่าตายไปหลายคน แล้วอย่างนี้จะไม่ให้เฉิงเฟิงอารมณ์เสียได้ยังไง ยังไงก็ตาม เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าผู้คุ้มกันเงานี้จะมีเฉิงเฟิงเป็นคนฝึก เหนือจากความคาดการณ์ของเขาไปจริงๆ
“ท่านครับ ทำไมพวกเราไม่ทำลายพวกมันทิ้งไปเลยล่ะครับ?” ผู้คุ้มกันเงาพูดอย่างจริงจัง “พวกเขามีค่าแค่นิดเดียว ถ้าพวกเราใช้ไม่ได้ก็ไม่มีความหมาย….. สู้กำจัดพวกเขาทิ้งไปดีกว่า เมื่อเป็นอย่างนี้ วังเทียนจี๋ก็จะตกเป็นของพวกเรา”
“แล้วเจ้าคิดว่าข้าไม่อยากทำอย่างนั้นหรือไง!” เฉิงเฟิงตะโกนออกมา “ตอนนี้สำนักของเรากำลังตกอยู่ในวิกฤต ทางอาณาจักรเทียนหลงก็กดดันเข้ามา ทั้งเผ่าภูตที่ไม่ยอมสยบอีก สามารถให้อภัยได้ก็อภัย! เบื้องบนหวังกับวังเทียนจี๋นี้ไว้มาก จึงได้แทรกแซงเข้าไป วังเทียนจี๋กำลังตกต่ำ ตราบเท่าที่มีโอกาส มันจะต้องตกเป็นของพวกเราอย่างแน่นอน….. พวกมันสังหารผู้คุ้มกันเงาของข้าไปหลายคน เจ้าคิดว่าข้าจะทนได้อย่างงั้นเหรอ ถ้าไม่แสดงพลังให้พวกมันเห็นสักหน่อย พวกมันคงจะคิดว่าอาณาจักรใต้พิภพของเรากลัวพวกมัน!”
พูดจบเขาก็หยิบเก้าอี้ขึ้นมาฟาดอีกตัว ตอนนี้เขาทำได้แค่เพียงทำลายข้าวของเพื่อระบายความโกรธ
“แล้วถ้าพวกมันต่อต้านล่ะ?” ผู้คุ้มกันเงาถามขึ้น
“ถ้าอย่างนั้นก็สังหารทิ้งอย่าให้เหลือ! เมื่อถึงตอนนั้นข้าจะไปคุยกับเบื้องบนเอง วังเทียนจี๋ก็เหมือนวังหยุนเทียนนั่นล่ะ ถ้าต่อต้านก็จัดการซะ!” เฉิงเฟิงพูดอย่างเย็นชา “ต่อต้านอาณาจักรใต้พิภพเรา มีเพียงแต่ตายสถานเดียว! เป็นแค่ขยะกลุ่มหนึ่ง อยากให้เข้าร่วมแต่กลับไม่ยินยอม ถ้าอย่างนั้นก็อย่ามาโทษว่าข้าโหดเหี้ยมไร้เมตตาก็แล้วกัน!”
“ครับ!” ผู้คุ้มกันเงาขานรับพร้อมพยักหน้า จากนั้นร่างก็เริ่มจางลง แล้วหายไปจากห้อง เตรียมไปจับคนที่วังเทียนจี๋
พวกเขาต้องการกดดันให้ผู้เชี่ยวชาญที่ปกป้องวังเทียนจี๋ออกมา นี่เป็นโอกาสสุดท้ายแล้วที่พวกเขาจะมอบให้!
เมื่อผู้คุ้มกันเงาออกจากห้องมา ทันใดนั้นก็มีร่างหนึ่งปรากฏขึ้นที่ด้านหลังเขาอย่างเงียบเชียบ พร้อมกับแทงกริชในมือทะลุหัวใจผู้คุ้มกันเงาคนนั้น พร้อมกับเอาอีกมือปิดปากเขาเอาไว้ ไม่ให้เขาส่งเสียงออกมาได้
ตาของผู้คุ้มกันเงาเหลือกโพลง ร่างกายดิ้นน้อยๆ แต่ก็ไม่คณามืออี้เทียนหยุน สุดท้ายร่างกายก็อ่อนยวบ ไร้ซึ่งลมหายใจ
“ติ๊ง ท่านสังหารผู้คุ้มกันเงาสำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 250,000, ค่าความคลั่ง 3,200, ค่าความชั่ว 50! ได้รับวิชาก้าวเท้าเงา”
ค่าความชั่วไม่ต่ำเลย มีถึง 50 แต้ม เห็นได้ชัดว่าผู้คุ้มกันเงาคนนี้ฆ่าคนมามากแค่ไหน พูดได้ว่าคนของอาณาจักรใต้พิภพล้วนแต่ไม่มีใครมีไม่เปื้อนเลือด ไม่รู้ว่าสังหารคนบริสุทธิ์ไปกี่คนแล้ว
หลังจากอี้เทียนหยุนจัดการผู้คุ้มกันเงาคนนี้เสร็จ เขาก็นำร่างของอีกฝ่ายไปทิ้งไปอีกฝั่ง จากนั้นก็สายตาก็เป็นประกาย พร้อมกับถอดชุดของผู้คุ้มกันเงาคนนั้น แล้วเอามาสวมลงบนร่าง จากนั้นก็สวมผ้าคลุมหน้าลงไป ดูแล้วคล้ายกับผู้คุ้มกันเงาอย่างมาก ไม่มีอะไรต่างเลยสักนิด
“ก้าวเท้าเงา!”
อี้เทียนหยุนใช้ก้าวเท้าเงาออกมา นี่เป็นวิชาเฉพาะของผู้คุ้มกันเงา ทำให้เขาหายไปจากจุดนี้อย่างรวดเร็ว และเมื่อเขาเพิ่งจะเหยียบย่างผ่านประตูเข้าไป เฉิงเฟิงที่นั่งจิบชาอยู่ก็พลันเงยหน้ามองมาที่อี้เทียนหยุน แล้วถามขึ้นว่า “มีอะไร?”
พลังต่าง สถานการณ์ก็ต่างไปด้วย ทำให้สัมผัสถึงตัวเขาได้อย่างง่ายดาย ด้วยพลังวิญญาณที่แหลมคม ทำให้พวกเขาพบตำแหน่งอี้เทียนหยุนได้ง่าย เฉิงเฟิงก็ไม่ใช่บุคคลทั่วไป ไม่อย่างนั้นคงไม่ได้เป็นถึงต้าเฉิน
แต่ฐานะก็ไม่ได้เกี่ยวอะไร แต่เป็นเพราะพลังในระดับผันแปรวิญญาณของเขาต่างหาก ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่หน้าด้านจัดงานวันเกิดของตัวเองขึ้น อี้เทียนหยุนเงยหน้าขึ้นไป จากนั้นข้อมูลก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของเขา
เฉิงเฟิง : ระดับผันแปรวิญญาณขั้นที่ 5, บนร่างไม่มีเครื่องป้องกันอะไร, พลังรบ 1.9 ล้าน, จุดอ่อนอยู่ที่แขนซ้าย เนื่องจากมีแผล ทำให้ไม่อาจเคลื่อนไหวได้ตามใจ ฝึกวิชาฝ่ามือสะท้านฟ้า, เคล็ดวิชากายทองคำ, เมื่อสังหารมีโอกาสได้รับวิชาฝ่ามือสะท้านฟ้า(ระดับปฐพีขั้นสูง), เคล็ดวิชากายทองคำ(ระดับปฐพีขั้นสูง, ระดับหายาก), บัตรค่าประสบการณ์ 20 เท่า(ระดับหายาก), กุญแจคุกเผ่าภูต….
หลังจากอี้เทียนหยุนตรวจสอบ ก็ถูกข้อมูลนี้ทำให้สั่นสะท้านไป ไม่เสียทีที่เป็นถึงปรมาจารย์ระดับผันแปรวิญญาณ ต่อให้ไม่สวมเครื่องป้องกันหรืออาวุธก็มีพลังรบเกือบจะ 2 ล้านแล้ว!
ตอนที่บรรพชนอสูรโลหิตระเบิดพลังออกมาก็มีพลังรบ 2 ล้าน แต่นี่ขนาดยังไม่ได้ระเบิดพลังยังมีพลังรบพอๆ กันแล้ว ถ้าเกิดระเบิดพลังออกมา ไม่รู้ว่าจะมีพลังรบน่าสะพรึงขนาดไหน และยิ่งเขาเห็นเคล็ดวิชากายทองคำนั่นอีก ที่ไม่สวมเครื่องป้องกันคงเป็นเพราะเคล็ดวิชากายทองคำนี้แน่ๆ เพราะเคล็ดวิชากายทองคำนี้ จึงไม่จำเป็นต้องสวมเครื่องป้องกันอะไร
ส่วนจุดอ่อนนั้นเขาเป็นคนสร้างมันขึ้นมาเอง เห็นได้ว่าบาดแผลยังไม่สมานตัวดี ทำให้กลายมาเป็นจุดอ่อน ถ้าเกิดว่าเขาเปิดใช้งานเคล็ดวิชากายทองคำขึ้นมาล่ะก็ เขาคงจะไม่บาดเจ็บอย่างแน่นอน แต่เพราะไม่ได้เปิดใช้งาน ทำให้ถูกศาสตราจิตวิญญาณขั้นสูงทำร้ายเอาได้
ขนาดไม่เปิดใช้งานเคล็ดวิชากายทองคำยังสามารถทนรับการโจมตีจากอาวุธนี้ได้ ต้องมีพลังกายแข็งแกร่งแค่ไหนกัน ยังไงก็ตาม กุญแจคุกเผ่าภูตก็ทำให้เขาต้องตาโตเล็กน้อย นี่ถือว่าเป็นของดี…..
“แล้วมีเรื่องอะไร?” เฉิงเฟิงขมวดคิ้วมองเขา คิดว่าแปลก อี้เทียนหยุนเข้ามาแล้วทำไมไม่พูด
“ข้ามีเรื่องสำคัญมารายงานครับ” อี้เทียนหยุนกดเสียงต่ำ ให้เหมือนกับเสียงผู้คุ้มกันเงาเมื่อก่อนหน้า เขาไม่กล้าบอกว่าเหมือนโดยสมบูรณ์ แต่อย่างน้อยก็ใกล้เคียงสุดๆ
“มีเรื่องอะไรก็พูดมา” เฉิงเฟิงราวกับไม่ได้ฟัง เหตุผลเพราะเมื่อกี้อี้เทียนหยุนใช้ก้าวเท้าเงา มีเพียงผู้คุ้มกันเงาเท่านั้นที่จะใช้วิชานี้ได้ คนอื่นไม่สามารถเลียนแบบได้
“ครับ ท่าน!” อี้เทียนหยุนหยิบกระดาษออกมาจากอกเสื้อ นี่เป็นของที่ผู้คุ้มกันคนนั้นมีอยู่ก่อนแล้ว บนนั้นเขียนไว้ด้วยภารกิจลับต่างๆ ที่ต้องทำ ตัวอย่างเช่นภารกิจสังหารล้างตระกูล
เขาหยิบกระดาษเดินเข้าไป แต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกเฉิงเฟิงยกมือหยุดไว้ “ข้าบอกแล้วไงว่าอย่าเข้ามาใกล้ข้าเกิน 1 จ้าง! แค่ส่งกระดาษมาให้ข้าก็พอ”
อี้เทียนหยุนหยุดเท้า ถ้าอยู่ไกลเกินไป ความยากก็จะเพิ่มเป็นสองเท่า ไม่มีทางลอบโจมตีได้เลย ไม่คิดว่าผลข้างเคียงของเม็ดยาโชคร้ายจะส่งผลแต่แผนการลอบสังหารของเขา…..
แต่อี้เทียนหยุนก็ทำได้เพียงโยนกระดาษออกไป ทำให้กระดาษลอยตกลงไปในมือเฉิงเฟิง
และในพริบตานี้เอง สายตาของอี้เทียนหยุนก็ได้จับจ้องไปยังเฉิงเฟิงอย่างดื้อรั้น คอยดูโอกาสลงมือ จากนั้นเขาจะได้ลอบโจมตีออกไปด้วยพลังสูงสุด!
CLS ตอนที่ 241: เงาร่างจักรพรรดิใต้พิภพ
ขณะที่เฉิงเฟิงรับกระดาษนี้ เขาก็ได้ก้มหัวลงอ่านหัวข้อบนกระดาษ นี่เป็นช่วงเวลาที่เขาขาดการตื่นตัวที่สุด เพราะความสนใจของเขากำลังรวมอยู่ที่กระดาษ ไม่ได้สังเกตอยู่ที่ตัวเขา
ในช่วงเตรียมตัวนี้ อี้เทียนหยุนก็ได้เปิดพลังทุกอย่างออกในพริบตา!
“เปิดใช้งานโหมดคลั่ง หมวดพลังโจมตี!”
ทำให้พลังรบของเขาเพิ่มขึ้นอีก 8 เท่าในทันที
1.5 ล้าน!
1.8 ล้าน!
2 ล้าน!
……
3 ล้าน!
3.5 ล้าน!
3.9 ล้าน!
ในที่สุด พลังรบของเขาก็หยุดลง และพริบตานี้เอง ร่างของเขาก็กระโจนเข้าไป เฉิงเฟิงที่รู้สึกผิดปกติก็ได้รีบเงยหน้ามองมาที่นี่
ในตอนนี้ มือทั้งสองข้างของอี้เทียนหยุนก็เปล่งแสง พลังของหมัดเยือกแข็งได้ปะทุออก ปล่อยความเย็นขีดสุดออกไป พริบตาก็แช่แข็งร่างของเฉิงเฟิงเอาไว้ แม้ว่าเวลาแช่แข็งจะไม่นานมาก แต่สำหรับเขาแล้ว ตราบเท่าที่สามารถแช่แข็งได้สองสามวิก็พอที่จะทำให้เขาเป็นผู้ชนะได้แล้ว!
“ตาย!”
ทันใดนั้น อี้เทียนหยุนที่กระโจนไปถึงด้านหน้าของเฉิงเฟิงก็ได้เรียกกริชกระดูกมังกรโลหิตออกมา พร้อมกับแทงใส่ตำแหน่งหัวใจของเขาอย่างโหดเหี้ยม จนก่อให้เกิดคลื่นแหวกอากาศตามหลัง เทียบกับบรรพชนอสูรโลหิตใช้เมื่อก่อนหน้าแล้วแข็งแกร่งกว่าไม่รู้กี่เท่า กระทั่งภาพเงามังกรโลหิตขนาดยักษ์ยังปรากฏขึ้น พร้อมกับพุ่งผ่านร่างของเฉิงเฟิงตรงตำแหน่งหน้าอก!
“บังอาจ!”
เฉิงเฟิงคำรามออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว พยายามต่อต้านพลังแช่แข็งของอี้เทียนหยุนพร้อมกับทำลายมันออกมา อึดใจต่อมา เขาก็ปะทุออกมาเต็มพิกัด ร่างทั้งร่างเปล่งแสงสีทองออกมา พูดได้ว่าในพริบตานี้ ร่างของเขาได้ถูกปกคลุมไว้ด้วยทองคำหนึ่งชั้น ทำให้คลื่นพลังวิญญาณธาตุทองก่อตัวขึ้น สร้างเป็นเขตสุญญากาศรอบๆ ร่างของเขา
ด้วยเวลาที่กระชั้นชิด ทำให้เขาต้องรับมือกับอาวุธนี้ด้วยมือเปล่า อี้เทียนหยุนไม่ได้ประหลาดใจ ไม่สนใจว่าเขาจะต้านรับได้หรือไม่ ยังคงเสือกแทงกริชในมือออกไปอยู่ดี
“เคร้ง…..”
เมื่อกริชกระดูกมังกรโลหิตแทงเข้าไป ก็พบกับโล่พลังวิญญาณธาตุทองที่ต้านรับอยู่ผิวหน้า ขณะเดียวกัน เสียงบาดหูที่เหมือนกับโลหะปะทะกันก็ดังออกมา อี้เทียนหยุนพลังรู้สึกถึงแรงต้าน แต่ภายใต้พลังที่กดขี่ของเขา ก็ยังคงแทงเข้าไปได้อยู่ดี
หลังจากแทงทะลุโล่ป้องกันเข้าไปในรวดเดียว เฉิงเฟิงก็รีบหลบไปยังด้านหลังอย่างรวดเร็ว พร้อมๆ กับยื่นมือออกมารับการโจมตีนี้เอาไว้ ยังไงก็ตาม ภายใต้พลังที่กำลังปะทุ ทำให้ความเร็วของอี้เทียนหยุนเหนือกว่าของเขามาก ทำให้กริชยังคงไล่ตามเขาต่อไป
เฉิงเฟิงคำรามออกมา ไม่คิดเลยว่ากริชกระดูกมังกรโลหิตนี้จะแทงเปิดฝ่ามือที่ยื่นออกไปต้านรับของเขาจนเปิดออก พร้อมกับแหวกฝ่าช่องว่างนั้น จนแทงเข้าใส่หน้าอกของเขา เฉิงเฟิงไม่คิดกริชเล่มนี้จะแทงเขาเข้า แต่ภายใต้พลังที่บ้าคลั่งของอี้เทียนหยุน ทำให้กริชแทงทะลุร่างของเขาไปอย่างง่ายดาย!
“ฉึก…..”
กริชกระดูกมังกรโลหิตกลายร่างเป็นมังกรโลหิต พร้อมกับพุ่งเสียบร่างของเขาราวกับมีดผ่าเนย ถึงยังไงกริชกระดูกมังกรโลหิตก็เป็นถึงศาสตราจิตวิญญาณขั้นสูง เมื่อรวมกับพลังที่น่าสะพรึงของเขา ทำให้พบเทพสังหารเทพ พบพุทธะสังหารพุทธะ!
“สารเลว!” เฉิงเฟิงกัดลิ้นตัวเอง ทำให้ร่างที่เป็นสีทองเริ่มมีแสงสีแดงเปล่งออกมา เขาทำการเผาไหม้แกนโลหิตในร่าง เพื่อระเบิดพลังทั้งหมดออกมา! ทำให้ไม่ว่าจะเป็นในด้านความเร็ว หรือว่าพลังของเขาเพิ่มขึ้นอีกขั้นใหญ่
ยังไงก็ตาม เขาก็ไม่ได้โจมตีสวนกลับ แต่เลือกที่จะหลบไปยังด้านข้างอย่างรวดเร็ว ในสถานการณ์ที่ไร้อาวุธ หรือเสียเปรียบนั้น เขาทำได้เพียงหลบไปก่อน จากนั้นค่อยว่ากันทีหลัง
หลังจากระเบิดพลังออกมา อี้เทียนหยุนก็ได้ใช้ดวงตาประเมินตรวจสอบพลังรบของเฉิงเฟิง ทำให้พบว่าในตอนนี้ เฉิงเฟิงได้มีพลังรบอยู่ที่ 3,450,000 ทั้งยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยพลังที่เพิ่มขึ้นในพริบตานี้ ทำให้ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นด้วย ด้วยความเร็วของเขาในตอนนี้ ทำให้เร็วกว่าอี้เทียนหยุนแล้ว
ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป เขาจะต้องหนีออกไปจากระยะโจมตีของเขาได้อย่างแน่นอน และในพริบตานี้ อี้เทียนหยุนก็ได้เปลี่ยนแผนการอย่างรวดเร็ว ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด ราวกับสายฟ้า ซัดกริชออกไปราวกับลูกศรโลหิต ตัดเอาแขนสีทองสว่างออกไป หลังจากหมุนอยู่หลายรอบก็ได้หล่นลงพื้น จากนั้นแสงสีทองก็ได้หม่นแสงลงอย่างรวดเร็ว
ในตอนนี้ เฉิงเฟิงได้หนีออกมาแล้ว เพียงแต่ก็ได้เสียแขนไป โชคดีที่เขาหลบมาเร็ว ไม่อย่างนั้นคงไม่เพียงแค่เสียแขนไปเท่านั้น แต่กระทั่งร่างก็ยังต้องถูกผ่าครึ่ง! ทำไมขนาดใช้เคล็ดวิชากายทองคำแล้วยังจะถูกคนหั่นเป็นสองซีกได้อีก
ถ้าไม่ใช่เพราะเฉิงเฟิงมั่นใจเกินไป และใส่ชุดเกราะล้ำค่าเอาไว้ ผลลัพธ์ที่ออกมาคงไม่น่าสมเพชขนาดนี้
“อ๊ากกก!” เฉิงเฟิงร้องออกมา ตอนนี้เสียแขนไปข้างแล้ว แล้วอย่างนี้จะไม่ให้เขาเจ็บปวดได้ยังไง ยังไงก็ตาม เขาก็ได้ห้ามเลือดอย่างรวดเร็ว หลังจากยืนได้มั่นคงแล้ว เขาก็ได้หยิบยามายัดเข้าปาก คราวนี้ไม่ได้หยิบยาผิด ถึงยังไงก็ไม่มีผลของเม็ดยาโชคร้ายแล้ว
หลังจากกินยาเข้าไป เลือดก็หยุดไหลอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่าเป็นเม็ดยาช่วยชีวิต
แต่อี้เทียนหยุนก็ไม่ได้หยุดโจมตี เขาได้ทำการถีบเท้า ก่อเกิดเป็นปราณสีโลหิต พุ่งออกไปอีกครั้ง พร้อมๆ กับมังกรโลหิตที่ทะยานออกไป ปกคลุมทั่วทั้งห้องโถงแห่งนี้!
“หาที่ตาย!” ในสายตาของเฉิงเฟิงเต็มไปด้วยจิตสังหาร ไม่มีความกลัวแม้แต่น้อย ทันใดนั้นในมือของเขาก็ปรากฏแผ่นหยกขึ้น ดูแล้วพิเศษอย่างมาก จากนั้นเขาก็ได้ทำการขยี้แผ่นหยกนั้นอย่างแรง
อึดใจต่อมา ร่าง เงาก็ได้ปรากฏขึ้นตรงหน้าของเขา นี่คือร่างเงาของราชา เป็นร่างเงาของจักรพรรดิ! ทำให้อี้เทียนหยุนรู้สึกราวกับเผชิญหน้ากับจักรพรรดิโดยตรง ความรู้สึกนี้ เขารู้สึกว่าแข็งแกร่งกว่าราชาวิญญาณเซวียนเทียนเสียอีก
เขาใช้ดวงตาประเมินตรวจสอบอย่างรวดเร็ว ทำให้ข้อมูลปรากฏขึ้นตรงหน้า
ร่างเงาของจักรพรรดิใต้พิภพ : ระดับผันแปรวิญญาณขั้นสูงสุด, คงอยู่ 10 วินาที, พลังรบ 6.5 ล้าน!
พลังรบ 6 ล้านนี้เป็นเพียงแค่ค่าเริ่มต้นเท่านั้น ยามต่อสู้ พลังรบจะต้องแข็งแกร่งกว่านี้อย่างแน่นอน นี่ไม่ใช่จักรพรรดิแห่งอาณาจักรใต้พิภพตัวจริง แต่เป็นพลังที่ใส่เอาไว้ในหยก ก่อเกิดเป็นเครื่องรางคุ้มภัย ตราบเท่าที่บดขยี้แผ่นหยก ก็สามารถปลดปล่อยพลังที่ผนึกเอาไว้ออกมา
นี่เป็นแค่การปรากฏตัวชั่วคราวเท่านั้น ทั้งเวลายังไม่นานมาก แค่ 10 วินาทีเท่านั้น แต่ต่อหน้าผู้เชี่ยวชาญระดับนี้ เพียง 10 วินาทีก็เพียงพอให้หลบหนี หรือต้านรับการโจมตีได้อย่างเหลือเฟือแล้ว
“จักรพรรดิใต้พิภพ…..” สีหน้าของอี้เทียนหยุนจมลง นี่เป็นราวกับกำแพงหนาที่ยากจะก้าวข้าม ทำให้เขาไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ กระทั่งหายใจยังลำบาก พลังนี้เมื่อเทียบกับพลังที่ที่ระเบิดออกมาจนขีดสุดของตนแล้ว ยังเหนือกว่าตั้ง 2 ล้าน
ในสายตาของร่างเงาจักรพรรดิ เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งราชา พร้อมกับฟาดฝ่ามือขนาดใหญ่เข้าใส่เขา
“ฝ่ามือเทพใต้พิภพ!”
ฝ่ามือขนาดยักษ์ตบลงมายังเขาอย่างโหดเหี้ยม จากความว่างเปล่าเปลี่ยนเป็นฝ่ามือยักษ์ในพริบตา ปกคลุมทั่งทั้งตำหนักขนาดใหญ่นี้เอาไว้ ทำให้อี้เทียนหยุนไม่มีทางที่จะหลบไปไหนได้ นอกเสียงจากจะหนีออกไปจากตำหนักนี้ แต่จากสถานการณ์ในตอนนี้ เขาไม่มีเวลาพอที่จะหนีออกไป ทำได้เพียงต้านรับเอาไว้เพียงเท่านั้น
ส่วนจะให้โจมตีนั้น เป็นไปไม่ได้ เงาร่างจักรพรรดิก็เหมือนกับกำแพงหนาที่ขวางอยู่ตรงหน้าเฉิงเฟิง ทำให้ไม่มีทางโจมตีได้ เขาในตอนนี้มีเพียงแต่ต้านรับเอาไว้ให้ได้สิบวินาที จากนั้นค่อยโจมตีได้อีกครั้ง!
CLS ตอนที่ 242: ต้านทานสุดชีวิต
ฝ่ามือเทพใต้พิภพสุดสะพรึงกดทับลงมาจากอากาศ ทุกที่ล้วนถูกแรงกดดันที่น่าสะพรึงนี้ทำให้หวาดกลัว รอบๆ ตำหนักล้วนแต่ถูกฝ่ามือนี้ทำลายไปส่วนมาก กระทั่งโลกยังถึงกับสั่นสะเทือนด้วยเหตุนี้
อี้เทียนหยุนเงยหน้ามองขึ้นไปยังฝ่ามือนี้ พลังรบของมันมีถึง 7 ล้าน นับว่าน่าสะพรึงเป็นที่สุด หลังจากใช้วิชาออกมา ทำให้พลังรบเพิ่มขึ้น 1 ล้านในพริบตา! นี่คือพลังของระดับผันแปรวิญญาณขั้นสูงสุด ยังไงก็ตาม นี่ก็เป็นเพียงแค่ร่างเงาเท่านั้น ถ้าเกิดว่าเป็นปรมาจารย์ระดับผันแปรวิญญาณขั้นสูงสุดตัวจริงปรากฏขึ้นล่ะก็ พลังที่แสดงออกมาจะต้องน่าสะพรึงยิ่งกว่านี้อย่างแน่นอน
“เจ้าหนู ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร แต่กล้าปลอมเป็นผู้คุ้มกันเงาของข้า ผลลัพธ์ที่ได้คือตายเท่านั้น!” เฉิงเฟิงคำรามออกมาอย่างเดือดดาล พร้อมกับเอามือกุมแขนอีกข้างด้วยใบหน้าซีดขาว เพียงแต่ความโกรธที่อยู่ในสายตาของเขาไม่มีที่จะดับลงง่ายๆ อย่างแน่นอน
ถูกตัดแขนออกไปอย่างนี้ เขาไม่เคยเจอมาก่อน แม้ว่าจะมีเม็ดยาเทวะที่สามารถรักษาได้ แต่ราคาของมันนั้นสูงเสียฟ้า แล้วอย่างนี้จะไม่ให้เขาโกรธได้ยังไง
เขาแน่ใจแล้วว่าคนตรงหน้าไม่ใช่ผู้คุ้มกันเงาของเขา เพราะผู้คุ้มเงาจะไม่ทรยศเขาอย่างแน่นอน เมื่อไม่มีอาวุธ ไม่มีเคล็ดวิชา ก็จะไม่มีพลังที่แข็งแกร่ง
อี้เทียนหยุนมองไปยังฝ่ามือที่คลุมฟ้าข้างนี้ นัยน์ตาก็เป็นประกาย ร่างของเขาก็หายไปจากตรงหน้าเฉิงเฟิงในพริบตา เพราะกะทันหันเกินไป ทำให้เฉิงเฟิงตกใจ ทำไมอยู่ๆ ก็มาหายไปล่ะ? ซ่อนตัวอย่างงั้นเหรอ? เป็นไปไม่ได้ เพราะว่าเขาไม่เห็นร่างของอี้เทียนหยุนเลยด้วยซ้ำ ด้วยระดับของเขา ทำไมถึงจะไม่เห็น ถ้าอี้เทียนหยุนคิดจะซ่อนตัว เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะมองไม่เห็น นี่มันเหมือนกับการหายตัวมากกว่า
“เปรี้ยง!”
ฝ่ามือเทพใต้พิภพใกล้เข้ามาเรื่อยๆ กดทับลงมาอย่างหนักหน่วง จนฟาดเปรี้ยงลงกับพื้น ก่อให้เกิดแรงระเบิดมหาศาล ทั่วทั้งตำหนักถึงกลับยกขึ้น นอกจากห้องที่เฉิงเฟิงอยู่ นอกนั้นระเบิดออก กลายเป็นซากไปในทันที!
เสียงสนั่นดังลั่น ก่อให้เกิดเสียงกึกก้องไปทั่วทั้งตำหนัก ทำให้ผู้คุ้มกันทั้งหลายต่างพากันมารวมตัวที่นี่
“ฟู่…. ไอ้ลูกสำส่อน คราวนี้ดูสิว่าเจ้าจะยังไม่ตายอีกไหม แม้ว่าข้าจะมองไม่เห็นเจ้า แต่ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะรอดไปจากฝ่ามือนี้ได้!” ปากของเฉิงเฟิงได้เป่าลมออกมา ความเจ็บปวดที่แผลได้ดีขึ้น ความเจ็บปวดจากแขนที่ขาดไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะบรรเทา
ร่างเงาจักรพรรดิใต้พิภพตรวจดูสถานการณ์รอบๆ อีกครั้ง เมื่อไม่เห็นร่องรอยของศัตรูอีก เวลาสิบวินาทีก็ได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับค่อยๆ หายไปอย่างช้าๆ พร้อมกับเครื่องรางป้องกันที่หายไป
เฉิงเฟิงโมโหอย่างมาก มองไปยังตำหนักที่พักที่เต็มไปด้วยฝุ่น ราวกับกำลังจ้องมองไปยังร่างของอี้เทียนหยุนที่นอนตายอยู่บนพื้น!
เมื่อฝุ่นเริ่มกระจายตัว ลำแสงสีแดงก็ได้เปล่งออกมาจากข้างหลังเขา “ฉึก” เสียงบางอย่างทะลุร่างเฉิงเฟิง ดูแล้วคล้ายกับคมมีดของกริชกระดูกมังกรโลหิต มันได้แทงทะลุหน้าอกของเขา จนปรากฏขึ้นต่อสายตาของเฉิงเฟิง
“เจ้า เจ้ามาซ่อนอยู่ข้างหลังข้าตั้งแต่เมื่อไหร่…..” ในสายตาของเฉิงเฟิงเต็มไปด้วยความแตกตื่น การโจมตีของร่างเงาจักรพรรดิใต้พิภพนั้นไม่มีที่ให้หลบ กระทั่งซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเขายังเป็นไปไม่ได้ ถึงยังไงร่างเงาของจักรพรรดิใต้พิภพก็ขวางอยู่ตรงหน้า ถ้าอยากจะผ่านมาที่นี่ ยังไงก็ต้องอยู่ในสายตาของร่างเงาจักรพรรดิใต้พิภพ
ตราบเท่าที่ปรากฏอยู่ในสายตาของร่างเงาจักรพรรดิใต้พิภพ ก็จะต้องถูกโจมตีอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้น เครื่องรางป้องกันนี้คงจะไม่มีความหมายแล้ว
“เรื่องนี้เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้ ตายไปได้แล้ว!” อี้เทียนหยุนตวัดกริชกระดูกมังกรอย่างโหดเหี้ยม ตัดร่างของอีกฝ่ายออกเป็นสองส่วน เขาไม่เลือกโจมตีที่หัว แต่เลือกโจมตีที่หน้าอกก็เพราะด้วยเหตุนี้เอง
ระดับของเฉิงเฟิงไม่อ่อนแอ ยามวิกฤตยิ่งระเบิดพลังมหาศาลออกมา พื้นที่ตรงคอน้อยเกินไป ถ้าโจมตีที่นั่น การลอบโจมตีของเขาอาจจะล้มเหลว แต่ลำตัวกลับเป็นจุดที่โจมตีง่ายที่สุด ทั้งผลลัพธ์ก็ดีเยี่ยม ทำให้เขาตัดร่างท่อนบนของอีกฝ่ายออกเป็นสองเสี่ยง
“ต่อให้ข้าตาย ก็ต้องเอาเจ้าไปด้วย….” เฉิงเฟิงเผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา ในช่วงจังหวะที่กำลังตกลงไปนั้น ในมือของเขาไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่มีแผ่นหยกปรากฏขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับบดขยี้มันอย่างแรง
ร่างเงาจักรพรรดิใต้พิภพพลันปรากฏขึ้นอีกครั้ง สายตาที่ไม่สนโลกปรากฏขึ้นอีกครา พร้อมกับจ้องมองมายังอี้เทียนหยุนอย่างเย็นชา พริบตาที่ปรากฏ ร่างเงาก็ฟาดฝ่ามือมายังเขา ฝ่ามือเทพใต้พิภพพลันปรากฏขึ้นอีกครั้ง บดขยี้ความว่างเปล่าตรงเข้ามายังเขา!
สีหน้าอี้เทียนหยุนพลันเปลี่ยนไป คราวนี้เขาไม่มีวิธีที่จะใช้หลบได้ง่ายๆ แล้ว ก่อนหน้านี้เขาได้พึ่งพาความสามารถเทเลพอร์ท! ซึ่งเป็นไพ่เด็ดสำหรับหลบหนี หนีไปซ่อนยังข้างหลังเฉิงเฟิงในพริบตา แต่ถ้าระยะห่างไกลเกินไป เขาก็จะไม่มีวิธีหลบแม้แต่น้อย
ตอนนี้เทเลพอร์ทอยู่ในช่วงนับถอยหลัง จำเป็นต้องใช้เวลาถึง 10 นาที แต่ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องรอถึง 10 นาที เพียงแค่ 10 วินาที ร่างเงาจักรพรรดิใต้พิภพก็สามารถบดขยี้เขาได้แล้ว
“บัดซบ!”
อี้เทียนหยุนไม่คิดว่าเฉิงเฟิงจะยังมีแผ่นหยกอีกอัน นับว่าจักรพรรดิใต้พิภพได้ให้ความสำคัญกับเขานัก ถึงกลับมอบให้เขามากกว่าหนึ่งชิ้น ของสิ่งนี้เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ระดับต่ำๆ จำเป็นต้องให้ระดับต้าซือของนักสลักอาคมหรือเหนือกว่าเป็นผู้สร้างออกมา(เปลี่ยนมาใช้ภาษาจีนนะครับ เดี๋ยวผู้เชี่ยวชาญ อาจารย์ ปรมาจารย์ คำไหนที่แปลแยกออกมาไม่ได้เอาเป็นภาษาจีนทับไปเลยดีกว่า)
ตำแหน่งของเฉิงเฟิงนับว่าน้ำหนักสูงมาก มีหลายคนที่ต้องการลอบสังหารเขา คนๆ นี้ไม่ว่าไปที่ไหน จำเป็นต้องมีเครื่องรางป้องกันชิ้นนี้ติดตัวมาด้วยเสมอ
“ฝ่ามือเทพใต้พิภพ!”
การโจมตีที่ทำให้บรรยากาศเกิดการสั่นสะเทือนฟาดลงมา ส่วนเฉิงเฟิงที่กำลังจะเสียชีวิตนั้น สายตาก็ได้มองมายังอี้เทียนหยุนด้วยความยิ้มเยาะ ราวกับเห็นจุดจบของคนที่ลอบสังหารตนเอง
“เปรี้ยง!”
ยามเมื่อฝ่ามือฟาดลงมา ตัวตำหนักก็พังทลายลง ทั่วทั้งตำหนักเกิดการสั่นสะเทือน ยังไงก็ตาม เมื่อแรงระเบิดได้ผ่านไป ร่างของอี้เทียนหยุนกลับไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย ร่างเฉิงเฟิงที่อยู่บนพื้นนั้น เห็นเพียงชุดคลุมสีดำที่สวมอยู่บนร่างของอี้เทียนหยุน พร้อมกับกำลังปลิวสะบัดน้อยๆ
ผ้าคลุมเงา มีผลต้านทานทุกการโจมตี 5 วินาที!
แม้ระดับจะไม่สูง แต่ผลลัพธ์กับเทียบได้กับของระดับเทพ กระทั่งฝ่ามือเทพใต้พิภพยังป้องกันได้ ไม่เกิดผลแม้แต่น้อย
เฉิงเฟิงเบิกตาโต ในสายตาเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ! ไม่คิดว่าการลงมือของร่างเงาจักรพรรดิใต้พิภพจะไม่สามารถสร้างรอยขีดข่วนให้กับฝั่งตรงข้ามได้
ยังไงก็ตาม เมื่อป้องกันฝ่ามือนี้ได้ ร่างเงาของจักรพรรดิใต้พิภพก็ได้ฟาดฝ่ามือลงมาอีกครั้ง ซึ่งมีอยู่แค่กระบวนท่าเดียว นั่นก็คือฝ่ามือเทพใต้พิภพ แต่การโจมตีของเขาก็ไม่ได้ผล ทำให้ต้องโจมตีออกมาอีกครั้ง ในช่วงเวลาสั้นๆ เพียง 5 วินาที ถึงกับต้องรับฝ่ามือนี้ถึง 3 ฝ่ามือ โชคดีที่มีผ้าคลุมเงานี้ ไม่อย่างนั้นเขาคงถูกซัดปลิวไปแล้ว
“ติ๊ง ผลลัพธ์อมตะได้หมดลงแล้ว!”
ในตอนนี้เอง เวลาก็ได้หมดลง แต่ก็สามารถต้านทานฝั่งตรงข้ามได้ถึง 5 วินาที! ในช่วงเวลา 5 วินาทีสั้นๆ นี้ สำหรับผู้เชี่ยวชาญแล้วสามารถทำอะไรได้ตั้งหลายอย่าง ยิ่งร่างเงาจักรพรรดินี้ฟาดฝ่ามือลงมามากเท่าไหร่ ร่างเงานั้นก็ยิ่งหม่นแสงลงเท่านั้น แต่ก็ยังคงฟาดฝ่ามือเข้าใส่อี้เทียนหยุนอีกครั้ง!
“บัดซบ ยังเป็นฝ่ามือนี้อีกแล้ว!”
อี้เทียนหยุนรู้สึกว่านี่เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว ถ้าสามารถรับฝ่ามือนี้ก็ได้ปลอดภัยแล้ว
“เปิดใช้งานสายเลือดเทพมังกร!”
“เปิดใช้งานเคล็ดวิชาเซวียนเทียน!”
ร่างของเขาพลันขยายขนาดในพริบตา พร้อมกับมีเกล็ดมังกรขึ้นคลุมร่าง รวมกับผลึกหนาที่คอยปกคลุมร่างอีกชั้น คอยต้านรับการโจมตีที่น่าสะพรึงนี้
CLS ตอนที่ 243: หลบหนี
เขาเปิดใช้งานพลังป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุด การที่จะโจมตีสวนกลับฝั่งตรงข้ามนั้นเป็นไปไม่ได้ มีเพียงแต่เพิ่มพลังป้องกันให้กับตนเองเท่านั้น
หลังจากที่เพิ่งจะเปิดใช้งานสายเลือดเทพมังกรและเคล็ดวิชาเซวียนเทียน ฝ่ามือนี้ก็ได้มาถึง ซัดลงบนร่างของเขา
“ปัง” อี้เทียนหยุนรู้สึกเหมือนกับร่างแทบจะฉีกขาด ถูกซัดปลิวไป ก่อนที่จะกระเด็นไปติดกำแพงที่ด้านหลัง เมื่อร่างที่แข็งแกร่งของเขาชนเข้ากับกำแพง ทำให้กำแพงปรากฏรอยแตกร้าวนับไม่ถ้วนออกมา แทบจะทะลุกำแพงไป
“ฮึ่ม…..”
อี้เทียนหยุนแค่นเสียงออกมา ก่อนที่จะหลุดออกจากกำแพง พร้อมกับนั่งชันเข่ากับพื้น “แค่ก….” เขาไอออกมาอย่างน่ากลัว ได้รับบาดเจ็บเล็กๆ น้อยๆ แต่เห็นแผลไม่ชัดนัก ยังไงก็ตาม อี้เทียนหยุนรู้สึกเหมือนกับอวัยวะภายในของเขาถูกเคลื่อน แสดงให้เห็นว่าฝ่ามือนี้น่าสะพรึงขนาดไหน
โชคดีที่พลังป้องกันของเขาร้ายกาจพอ ภายใต้สายเลือดเทพมังกรกับเคล็ดวิชาเซวียนเทียน ทำให้พลังป้องกันของเขาก้าวเข้าสู่จุดสูงสุดอีกขีดขั้น เมื่อรวมกับฉายาผู้พิทักษ์ที่มีอยู่ ทำให้พลังป้องกันของเขาเข้าสู่ระดับน่าสะพรึง แม้ว่าจะไม่ใช่การป้องกันสมบูรณ์แบบ แต่อย่างน้อยก็ป้องกันพลังโจมตีส่วนใหญ่เอาไว้ได้
หลังจากฟาดฝ่ามือนี้ออกมา ร่างเงาจักรพรรดิใต้พิภพก็ค่อยๆ หายไป ไม่สามารถคงสภาพร่างได้ต่อ ก่อนหน้านี้ได้ใช้พลังที่น่าสะพรึงมากออกมา ทำให้เครื่องรางป้องกันนี้ใช้พลังออกมาจนหมด ไม่สามารถคงสภาพได้จนถึงขีดจำกัด
หลังจากเงาร่างนั้นหายไป อี้เทียนหยุนก็ได้ลุกขึ้น ไอออกมาอีกสองสามครั้ง เห็นได้ชัดว่าได้รับบาดเจ็บ แม้จะสามารถป้องกันเอาไว้ได้ แต่ก็ยังได้รับบาดเจ็บจากพลังส่วนที่เหลือ ฝ่ามือเทพใต้พิภพมีพลังอย่างน้อย 6-7 ล้าน ถ้ารับเข้าไปตรงๆ ไม่ตายก็กลายเป็นคนพิการ
อี้เทียนหยุนเดินเข้ามา หยุดลงตรงหน้าเฉิงเฟิง เฉิงเฟิงในตอนนี้เหลือเพียงแค่ครึ่งร่างเท่านั้น ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่นคงตายไปแล้ว แต่เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณ ทำให้มีพลังชีวิตที่แข็งแกร่ง ดังนั้นจึงทนมาได้ถึงตอนนี้
“นี่ นี่คือเคล็ดวิชาเซวียนเทียน เจ้า เจ้าคือคนของวังเทียนจี๋…..” เฉิงเฟิงเบิกตาโต เต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
เมื่อเขาเห็นเคล็ดวิชาเซวียนเทียน ทันใดนั้นเขาก็คาดเดาได้ นี่เป็นวิชาที่เป็นเหตุผลให้พวกเราต้องเสนออภัยโทษ เพื่อเคล็ดวิชาเซวียนเทียนนี้ พวกเขาจึงเสนออภัยโทษให้กับวังเทียนจี๋ จากนั้นก็ค่อยๆ หาทางครอบครองวิชานี้อย่างช้าๆ
แม้ว่าอาณาจักรใต้พิภพจะมีวิชายุทธ์ที่ทรงพลังมากมาย แต่ใครที่จะรังเกียจว่ามีวิชายุทธ์มากเกินไป? ทั้งเคล็ดวิชาเซวียนเทียนยังมีความพิเศษเฉพาะ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องการเคล็ดวิชาเซวียนเทียนนี้
ถ้าไม่ใช่เพราะเคล็ดวิชาเซวียนเทียนนี้ วังเทียนจี๋คงถูกบดขยี้ไปแล้ว ที่พวกเขาเสนอให้มีการอภัยโทษ ใจความหลักอยู่ที่เคล็ดวิชาเซวียนเทียนนี้! หากไม่มีเคล็ดวิชาเซวียนเทียน วังเทียนจี๋ก็ไม่มีอะไรเลย
การบดขยี้นั้นเป็นเรื่องง่าย แต่เพื่อให้ได้เคล็ดวิชาเซวียนเทียนนี้มา พวกเขาจึงจำเป็นต้องใช้วิธีที่อ่อนโยน
“เจ้าเดาถูกแล้ว ข้าคือคนของวังเทียนจี๋” อี้เทียนหยุนดึงผ้าคลุมหน้าลง รวมถึงหน้ากากร้อยแปลงด้วย พร้อมกับมองมาที่เขาอย่างเย็นชาแล้วพูดขึ้นว่า “คิดจะจับคนของวังเทียนจี๋เรา ทั้งยังคิดจะบดขยี้วังเทียนจี๋ของข้าอีก?”
“เจ้า เป็นเจ้า!!” เฉิงเฟิงมองมาที่เขาด้วยความตกใจ
เผชิญหน้ากับความตาย ใครบ้างจะไม่กลัว เขาจะไปคิดได้ยังไงว่าคนที่ลอบสังหารตนเองจะเป็นอี้เทียนหยุน ยังหนุ่มแต่ก็มีพลังที่น่าสะพรึง ตอนนี้เขาพลันเข้าใจแล้วว่า ผู้เชี่ยวชาญลึกลับคนนั้นของวังเทียนจี๋เป็นใคร
ยังไงก็ตาม ตอนนี้ได้สายไปแล้ว เฉิงเฟิงได้ตายลง ตายลงไปด้วยความไม่ยินยอม
“ติ๊ง ท่านสังหารเฉิงเฟิงสำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 460,000, ค่าความคลั่ง 4,500, ค่าความชั่ว 200, ได้รับเคล็ดวิชากายทองคำ(หายาก), ได้รับยันต์อัญเชิญใต้พิภพ(ใช้อัญเชิญร่างเงาจักรพรรดิใต้พิภพระดับผันแปรวิญญาณขั้นสูงสุด), บัตรค่าประสบการณ์ 20 เท่า(หายาก), กุญแจคุกเผ่าภูต(หายาก)!”
“ติ๊ง ยินดีด้วย ผู้เล่นอี้เทียนหยุนได้สังหารข้ามระดับ ได้รับโอกาสในการหมุนลอตเตอรี่รุ่นปรับปรุง 1 ครั้ง, เลื่อนระดับขึ้น 1 ขั้น!”
“ติ๊ง ผู้เล่นอี้เทียนหยุนได้เข้าสู่ระดับก่อแกนวิญญาณขั้นสูงสุด!”
“อะไรกัน!”
อี้เทียนหยุนตกใจ ครั้งนี้ไม่ได้รับบัตรเลื่อนระดับ แต่ได้รับการเลื่อนระดับแทน เมื่อมองไปที่ค่าประสบการณ์ตรงหน้าต่างสถานะ เขาก็พลันอยากจะร้องไห้ขึ้นมา เหลืออีกแค่ไม่กี่ล้านก็จะเลื่อนระดับได้แล้ว มาเลื่อนระดับให้ตอนนี้ช่างเสียเปล่าจริงๆ
นี่หมายความว่าค่าประสบการณ์สิบกว่าล้านเมื่อก่อนหน้ากลายเป็นเสียเปล่าไป! นี่ทำให้เขาไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ทำไมไม่ให้บัตรเลื่อนระดับ แต่กลับเลื่อนระดับให้แทนกัน?
“ดูเหมือนว่าจะแล้วแต่สถานการณ์ ให้บัตรเลื่อนระดับยังจะดีซะกว่า” อี้เทียนหยุนมองไปยังร่างเฉิงเฟิง “พูดไปแล้วเจ้านี่ก็ช่างยากจนเสียจริง กระทั่งอาวุธยังไม่ตกให้ข้า แต่ตกไอเทมหายากออกมาก็นับว่าคุ้มค่าแล้ว”
อี้เทียนหยุนหยิบแหวนของเฉิงเฟิงขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แม้ว่าของที่ตกจะไม่เยอะ แต่ของในแหวนนี้มีมากพอ ในนี้มีของขวัญที่เหล่าประมุขมอบให้กับเฉิงเฟิง แต่ตอนนี้ได้กลายเป็นของเขาแล้ว นี่แน่นอนว่าล้ำค่าอย่างมาก
“นายท่าน เกิดอะไรขึ้น!”
ในตอนนี้เอง ผู้คุ้มกันก็ได้มาที่นี่อย่างรวดเร็ว อี้เทียนหยุนรีบสวมหน้ากาก จากนั้นก็ซ่อนตัว หายไปจากที่นี่อย่างรวดเร็ว ผู้คุ้มกันพุ่งเข้ามาอย่างไว แต่เพราะว่าข้างนอกได้ถล่มลงมาแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้แค่ปีนขึ้นมา ทำให้ไม่สามารถมาเร็วได้เท่าที่ควร
ฝ่ามือเทพใต้พิภพนั้นแข็งแกร่งมาก ทำให้ตำหนักนี้ถึงกับพังทลาย แน่นอนว่าทำให้พวกเขาเข้ามาที่นี่ได้ไม่เร็วนัก
แต่เมื่อพวกเขาเข้ามา พวกเขาก็พลันพบกับศพของเฉิงเฟิงอย่างรวดเร็ว ทำให้พวกเขาต้องการกันตกใจ
“เฉิง เฉิงต้าเหริน…..” พวกเขาพุ่งเข้ามาตรงนี้ เมื่อตรวจสอบลมหายใจก็พากันหน้าซีดอย่างรวดเร็ว ไม่คิดว่าเฉิงต้าเหรินจะตายไปทั้งอย่างนี้!
ดูจากสภาพศพที่น่าขยะแขยง ทำให้พวกเขาไม่กล้ามองตรงๆ เฉิงเฟิงออกจะแข็งแกร่ง ทำไมถึงได้ตายอยู่ที่นี่ ไม่รู้ว่าเป็นการลงมือของผู้เชี่ยวชาญคนไหน
“เร็ว รีบไปค้นหาเร็วเข้า!” ตัวหัวหน้ามีท่าทางใจเย็น พร้อมกับออกคำสั่งให้ค้นหา
เฉิงเฟิงตายไปแล้ว แต่ยังมีผู้จัดการอีกหลายคน ทันใดนั้นก็ได้มีคำสั่งลงมา ให้ออกค้นหาทุกซอกทุกมุม จากนั้นก็ได้มีผู้คุ้มกันคนหนึ่งหยิบพลุขึ้นมา พร้อมกับยิงออกไปอย่างรวดเร็ว ทำให้พลุพุ่งขึ้นไปบนฟ้า พร้อมกับระเบิดออก
กองกำลังทั้งหมดในตำหนักต่างก็มองเห็น ท่าทางของพวกเขาพลันเปลี่ยนไป จากนั้นก็เริ่มค้นหาที่ที่น่าสงสัยในทันที
อี้เทียนหยุนที่ได้หนีออกมานั้น รู้สึกเหมือนร่างกายบาดเจ็บหนัก พลังของฝ่ามือเมื่อกี้แข็งแกร่งมาก แม้จะต้านรับเอาไว้ได้ แต่ก็ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ ไม่สามารถคงอยู่ในสภาพซ่อนตัวเอง ทำให้ร่างของเขาค่อยๆ เผยออกมาอย่างช้าๆ
“อาการบาดเจ็บค่อยๆ หนักขึ้นเรื่อยๆ แล้ว…..” อี้เทียนหยุนรู้สึกเวียนหัว ฝ่ามือเทพใต้พิภพนี้ไม่สามารถดูถูกได้จริงๆ แม้จะสามารถต้านรับพลังภายนอกเอาไว้ได้ แต่ก็ยังมีผลข้างเคียง ทำให้ไม่นานก็เกิดเวียนหัว ทำให้สายตาพร่าเบลอ ส่งผลต่อการต่อสู้
“ไปตรวจสอบทางนี้ดู!” ในตอนนี้เอง ได้มีผู้คุ้มกันค้นหามาถึงที่นี่
อี้เทียนหยุนรีบเงยหน้าขึ้น จากนั้น ร่างก็กระพริบวาบ ไปปรากฏตรงด้านหน้าบ้านหลังหนึ่ง พร้อมกับกระโดดขึ้นไปบนหลังคา แต่เพิ่งจะเหยียบลงบนนั้น ก็ได้มีลำแสงเย็นเยียบเล็งมาที่เขา
“ใครกัน!” เสียงใสใสดังมา
อี้เทียนหยุนฉวยโอกาสที่มีแสงจันทร์มองไปที่ด้านข้าง และก็พบว่าคนที่ชี้กระบี่ใส่ตนนั้นไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นอวี่ชีเชียนนั่นเอง! ไม่คิดว่าห้องที่เขาเข้ามาซ่อนจะเป็นห้องของอวี่ชีเชียน
CLS ตอนที่ 244: หลบหลีก
“คุณหนูอวี่ อย่าเพิ่งใจร้อน ข้ากำลังจะไปแล้ว” เมื่ออี้เทียนหยุนเห็นอวี่ชีเชียน ก็ได้แต่เผยรอยยิ้มขมขื่นออกมา ใครจะคิดเล่าว่าเป็นห้องของอวี่ชีเชียน? ตอนนี้กำลังมีการตรวจค้นกันอยู่ ดังนั้นให้ซ่อนอยู่บนหลังคาจึงไร้ประโยชน์ มีเพียงแต่ซ่อนในห้องเท่านั้นถึงจะได้ผล
เพราะพลังของฝ่ามือเทพใต้พิภพ ทำให้เขาไม่สามารถซ่อนตัวได้ จึงทำได้เพียงหลบหลีกไม่ให้คนเห็น ส่วนไอ้เรื่องให้สู้นั้น คงจะเป็นเรื่องยาก เพราะต่อให้เร็วยังไง ถ้าถูกพบเข้า มันง่ายที่จะเกิดปัญหา
เขาไม่ต้องการลากผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณคนอื่นเข้ามา ดังนั้นจึงต้องระวังเรื่องหลักฐานให้ดี
“กำลังจะไปแล้วอย่างงั้นเหรอ แท้จริงแล้วเจ้าเป็นใครกันแน่!” สายตาของอวี่ชีเชียนเย็นชา กระบี่ในมือยังชี้มาที่เขา ไม่ได้ผ่อนคลายลงแม้แต่น้อย
กลางค่ำกลางคืนอย่างนี้ยังออกมาส่งเสียงดังข้างนอก แน่นอนว่าต้องไม่ใช่คนดี แล้วอย่างนี้อวี่ชีเชียนจะกล้าวางใจได้ยังไง ดังนั้นจึงได้ชี้ไปที่เขา
“ข้า…..” ร่างของอี้เทียนหยุนกระพริบวาบ จากนั้นก็มาโผล่ที่ด้านหลังของอวี่ชีเชียน จับมือทั้งสองข้างของเธอไว้ ทำให้หลังของเธอแนบเข้ากับตัวเขา “คุณหนูอวี่ อย่าขยับ”
อวี่ชีเชียนตกใจ เธอไม่ทันรู้ตัว อี้เทียนหยุนก็มาโผล่ที่ข้างหลังของเธอแล้ว ทั้งยังควบคุมเธอไว้อย่างสมบูรณ์แบบ! ไม่ว่าเธอจะขัดขืนยังไงก็ไม่เป็นผล ไม่สามารถหลุดไปจากเงื้อมมือของอี้เทียนหยุนได้ ถูกจับกุมไว้อย่างแน่นหนา
อี้เทียนหยุนถูกฝ่ามือเทพใต้พิภพเข้าไป ทำให้เลือดลมเดินไม่สะดวก ไม่สามารถใช้ความสามารถออกมาได้ ทำให้ไม่สามารถใช่ความสามารถซ่อนตัวได้ มีเพียงแต่รอให้ผลข้างเคียงของพลังนี้หายไปเสียก่อน
พลังของฝ่ามือเทพใต้พิภพยังส่งผลต่อเขาอยู่ แล้วอย่างนี้จะให้เขาซ่อนตัวได้ยังไง? นอกเสียจากจะรอให้ผลลัพธ์ของมันหายไปก่อน เขาถึงจะกลับมาซ่อนตัวใหม่ได้
“เจ้า เจ้าจะทำอะไร!” อวี่ชีเชียนรู้สึกว่าข้างหลังร้อนราวกับไฟ กลิ่นของชายหนุ่มโชยเข้าจมูกของเธอ ทำให้เธอทั้งโกรธและอับอาย แต่ไม่ว่าจะสะบัดยังไงก็สะบัดไม่หลุด ถูกฝั่งตรงข้ามจับกุมโดยสมบูรณ์
และที่น่ารังเกียจที่สุดคือร่างของเธอต้องแนบชิดกับอีกฝ่าย ทำให้เธอไม่สามารถเคลื่อนไหวได้
อี้เทียนหยุนกลัวว่าอวี่ชีเชียนจะลงมือโดยไร้เหตุผล ดังนั้นจึงตัดสินใจทำอย่างนี้ ถ้าไม่ทำให้ตัวติดกัน เขาก็กลัวว่าอวี่ชีเชียนจะเตะสวนใส่เขา ถ้าอย่างนั้นคงเป็นการเอาชีวิตของเขาไปแล้ว
ระดับของอวี่ชีเชียนไม่สูงนัก แต่จะดีจะชั่วยังไงก็มีระดับหลอมรวม ถ้าถูกเตะหลายเท้าเขา นั่นไม่ใช่เรื่องสนุกอย่างแน่นอน
“คุณหนูอวี่ ข้าจะไม่พูดมาก ขอแค่ท่านยอมอยู่นิ่งๆ ไม่ลงมือก็พอ ข้าแค่อยากจะขอซ่อนตัวอยู่ในนี้จริงๆ” อี้เทียนหยุนไม่ได้มีความคิดอื่น ที่เขาเข้ามาในห้องนี้เพราะว่าเป็นห้องที่ใกล้ที่สุด เขาจึงเข้ามาซ่อนตัวในนี้ ไม่ได้คิดจะทำเรื่องลามกอย่างแน่นอน
“งั้น เจ้าก็ยังไม่คิดจะออกไปอย่างงั้นเหรอ!” อวี่ชีเชียนหน้าแดง ทั้งโกรธทั้งอาย ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เธอได้ใกล้กับผู้ชายขนาดนี้ ยิ่งกว่านั้น ตำแหน่งที่ยืนยังเหมือนกับกำลังโอบกอดกันอีก
ถ้ามีคนอื่นมาเห็น แล้วเธอจะแก้ต่างได้ยังไง
“ถ้าเจ้าไม่ตะโกนให้คนช่วย ข้าก็จะไม่ลงมือ” อี้เทียนหยุนพูด
“ก็ได้!” อวี่ชีเชียนมองไปที่เขาอย่างโมโห พร้อมกับกัดริมฝีปากแน่น
อี้เทียนหยุนก็ปล่อยเธออย่างรวดเร็ว พร้อมกับหลบไปด้านข้าง แต่เพิ่งจะหลบออกมา อวี่ชีเชียนก็ได้แทงกระบี่เข้ามา พร้อมกับร้องออกมาด้วยความโมโห “เจ้าคนลามก!”
อี้เทียนหยุนยื่นมือออกไปรับ พร้อมกับจับคมกระบี่เอาไว้ เขาในตอนนี้อยู่ในระดับก่อแกนวิญญาณขั้นสูงสุด แข็งแกร่งกว่าอีกฝ่าย 1 ระดับ แต่ก็ถือว่าต่างกันคนละโลก ตราบเท่าที่ไม่จงใจให้คนอื่นฆ่า หรือไม่ได้ตั้งตัว อีกฝ่ายก็ไม่มีทางสังหารเขาได้อย่างแน่นอน
“คุณหนูอวี่ ข้าก็บอกแล้วว่าจะไม่ลงมือ เจ้ายังคิดจะทำอะไรอีก” อี้เทียนหยุนพูดอย่างหมดหนทาง “เจ้าอยู่นิ่งๆ เถอะ ข้าไม่ทำอะไรเจ้าอย่างแน่นอน!”
อวี่ชีเชียนแค่นเสียงออกมา จากนั้นก็ปล่อยกระบี่ที่ถูกจับไว้ พร้อมกับหลบไปอีกฝั่ง ดวงตาที่งดงามจับจ้องมาที่เขาด้วยความโกรธ เมื่อกี้นี้ถูกเขาเอาเปรียบไป แล้วจะให้เธอหายโกรธง่ายๆ ได้ยังไง เมื่อเห็นว่าระดับของอี้เทียนหยุนแข็งแกร่งเกินไป เธอก็ไม่คิดจะลงมืออีก
“เจ้าเป็นใครกันแน่ แล้วออกมาทำอะไรข้างนอก?” อวี่ชีเชียนคิดแล้วถามขึ้น
“เรื่องนี้เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้ พูดอีกอย่างคือ พรุ่งนี้เจ้าจะรู้อย่างแน่นอน ไม่จำเป็นต้องกังวล” อี้เทียนหยุนส่งยิ้มให้กับเธอ เขาไม่ได้เผยใบหน้าที่แท้จริงออกไป ถึงยังไงเขาก็ไม่ได้สนิทกับอวี่ชีเชียน ดังนั้นจึงไม่ต้องให้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขา
เขาสร้างเรื่องเอาไว้ขนาดนั้น แล้วเขาจะกล้าแสดงใบหน้าที่แท้จริงของตนออกมาได้ยังไง
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก…..” เสียงเคาะประตูดังมา “มีใครอยู่ข้างในไหม ขอเข้าไปตรวจหน่อย!”
เสียงผู้คุ้มกันดังมาจากข้างนอก ดูเหมือนจะมีการตรวจตราเกิดขึ้น ถ้ามีคนหายตัวไป งั้นคงจะเป็นเรื่องใหญ่
อวี่ชีเชียนตกใจ จากนั้นก็มองไปยังอี้เทียนหยุน อี้เทียนหยุนพยักหน้าให้เธอ เป็นสัญญาณว่าให้เธอไปเปิดประตู
อวี่ชีเชียนลังเล แต่ก็ลุกไปเปิดประตู ถ้าเธอไม่เปิดประตูให้เข้ามาตรวจ อีกฝ่ายจะต้องไม่ยอมแพ้อย่างแน่นอน
เมื่อเธอเปิดประตูออกไป ผู้คุ้มกันก็ได้พูดกับเธอด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ตอนนี้เกิดเรื่องขึ้น เราจำเป็นต้องเข้าไปตรวจสอบข้างใน ขอรบกวนด้วย!”
“ดึกขนาดนี้ พวกเจ้ายังจะตรวจอะไรอีก?” อวี่ชีเชียนขมวดคิ้ว เธอไม่ได้บอกไปว่าอี้เทียนหยุนอยู่ข้างใน
ที่จริงแล้วเธอก็ไม่พอใจอาณาจักรใต้พิภพเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งกว่านั้น ดึกขนาดนี้แล้วยังจะเข้ามาตรวจอีก นี่มันการดูแลแบบไหนกัน
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า ถ้าเจ้าไม่ยอมให้เข้าไปตรวจ งั้นก็อย่ามาโทษหากพวกเราไม่เกรงใจ!” ผู้คุ้มกันคนนั้นระดับไม่ต่ำเลย แต่ถึงจะระดับต่ำก็ยังคงจะแสดงท่าทางโอหังแบบนี้อยู่ดี
อาณาจักรใต้พิภพมีชื่อเสียงเพียงพอ การขัดขืนการตรวจสอบก็เท่ากับต่อต้านอาณาจักรใต้พิภพ!
“ไม่ได้ นี่มันห้องของข้า พวกเจ้าจะตรวจสอบอะไร…..” อวี่ชีเชียนต่อต้าน
“ค้น!” ผู้คุ้มกันพุ่งเข้ามาในทันที ผ่านประตูเข้ามาโดยไม่สนใจอวี่ชีเชียน
“เจ้า…..”
อวี่ชีเชียนตกใจ จากนั้นก็รีบหันกลับไปอย่างไว แต่ก็พบว่าข้างหลังไม่มีใครอยู่ จึงได้โล่งอก เธอไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงได้โล่งใจ เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ได้มีความสัมพันธ์กับเจ้าคนลากมกนั่นเลยแท้ๆ
หลังจากพวกเขาตรวจค้นสักพัก เมื่อไม่พบว่ามีใครอยู่ ก็พากันจากไปด้วยสีหน้าเย็นชา ทั้งยังสบถออกมาราวกับไม่พอใจอะไรบางอย่าง
ขณะเดียวกัน พวกเขาก็ไปตรวจยังห้องผู้อาวุโสใหญ่ที่อีกฝั่งเช่นกัน พวกเขาทำการเคาะประตูแล้วพูดขึ้นว่า “เปิดประตูเร็วเข้า นี่คือการตรวจสอบ!”
“เราจะทำยังไงดีท่านปู่ ทำไมอยู่ๆ พวกเขาถึงได้มาตรวจกะทันหันอย่างนี้ ถ้าพบว่าท่านประมุขไม่อยู่ล่ะก็ มันจะต้องเกิดปัญหาอย่างแน่นอน!” สีหน้ามู่เซียนเอ๋อกังวล อี้เทียนหยุนออกไปนานแล้ว ยังไม่กลับมาเลย
“คงต้องถ่วงเวลาไว้ก่อน ไม่รู้ว่าท่านประมุขจะกลับมาเมื่อไหร่…..” พวกเขาไม่รู้ว่าทำไมถึงได้มีการตรวจสอบเกิดขึ้น แต่ก็รู้ว่าต้องไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน
“ปัง!”
โดยไม่รอให้พวกเขาได้คิดอะไรต่อ ประตูก็ถูกโจมตีให้เปิดออกอย่างโหดร้าย ผู้คุ้มกันเข้ามาพบพวกเขาด้วยสีหน้าเย็นชา “ทำไมถึงไม่เปิดประตู…. แล้วประมุขของพวกเจ้าล่ะ!”
“ท่านประมุขของพวกเรา…..” สีหน้าของผู้อาวุโสใหญ่จมลง ไม่รู้ว่าจะอธิบายเรื่องนี้ยังไงดี
“มีเรื่องอะไร? กำลังหลับสบายอยู่เชียว มีแต่ปัญหาจริงๆ” ไม่รู้ว่าอี้เทียนหยุนมาตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาเดินหาวออกมา เผชิญหน้ากับพวกเขาอย่างช่วยไม่ได้
หลังจากผู้คุ้มกันเห็นเขา ก็แค่นเสียงออกมา “ถือว่าดีไป ถ้าไม่อยู่ล่ะก็ เจ้ามีปัญหาใหญ่แน่!”
จากนั้นผู้คุ้มกันก็หมุนตัวเดินจากไปโดยไม่คิดที่จะอยู่ให้นานกว่านี้ ตราบเท่าที่คนยังอยู่ การตรวจสอบของพวกเขาก็ถือว่าเสร็จสิ้น
หลังจากพวกเขาจากไป อี้เทียนหยุนก็ตาเป็นประกาย แน่นอนว่าเขาใช้เทเลพอร์ทเพื่อเข้ามายังที่นี่ โชคดีที่อยู่ไม่ไกล ทำให้เทเลพอร์ทกลับมาได้ง่าย ที่เขาซ่อนอยู่ในห้องอวี่ชีเชียน เหตุผลใหญ่ก็เพื่อใช้รอเวลาให้เทเลพอร์ทนับถอยหลังเสร็จ จากนั้นก็จะได้หลบเข้ามาที่นี่ได้อย่างปลอดภัย!
CLS ตอนที่ 245: ของดี!
“ท่านประมุข ท่านกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่?” เมื่อพวกผู้อาวุโสใหญ่เห็นอี้เทียนหยุนกลับมาก็พากันคลายใจลงทันที
โชคดีที่อี้เทียนหยุนกลับมาทันเวลา ไม่อย่างนั้นคงต้องเกิดปัญหาขึ้นแน่ๆ การหายตัวไป แม้ว่าจะไม่ได้ทำอะไร แต่ก็มีสิทธิ์ที่จะทำให้ชื่อเสียงเสียหายอยู่ดี
“เพิ่งจะกลับมาเมื่อกี้นี้แหละ ดีที่กลับมาทัน ไม่อย่างนั้นคงเกิดปัญหาใหญ่”
อี้เทียนหยุนรู้สึกเย็นสันหลังวาบ ถ้ามาแล้วไม่เจอเขา มันจะต้องเป็นปัญหาอย่างแน่นอน นอกจากนี้ ถ้ามีคนจับได้ว่าเขาออกไปข้างนอก มันก็จะเป็นปัญหาเช่นเดียวกัน ที่นี่มีคนจับตามากมาย ถ้าไม่เจอเขา นั่นก็หมายความว่าเขามีความสามารถในการหลบหลีกที่ดีเยี่ยม
ส่วนเรื่องที่ว่าเขาจะก่อเรื่องอะไรไหมนั้น อาณาจักรใต้พิภพคงจะไม่สนใจ ทั้งยังจะทำการสอบสวนพร้อมกับทรมานเขาอย่างหนักแน่นอน ยิ่งตอนนี้เฉิงเฟิงมาตายไปด้วยแล้ว ปัญหาจะต้องมากขึ้นอย่างแน่นอน
“แล้วท่านประมุขออกไปทำอะไรมาอย่างงั้นเหรอ?” ผู้อาวุโสใหญ่แอบถามขึ้น
“เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็รู้” อี้เทียนหยุนยิ้ม จากนั้นก็เดินเข้าไปยังห้องนอน “ข้าจะพักผ่อนแล้ว ถ้ามีเรื่องอะไรค่อยเรียกข้าแล้วกัน”
พวกเขาพากันมองหน้ากันด้วยสีหน้าว่างเปล่า ไม่รู้ว่าอี้เทียนหยุนจะทำให้ลึกลับไปทำไม แต่เมื่อเขาไม่อยากบอก พวกเขาก็ลำบากใจที่จะถามเช่นกัน
เมื่ออี้เทียนหยุนเข้ามาในห้องก็หามุมนั่งสมาธิ แน่นอนว่าเขาไม่คิดจะนอน แต่เลือกที่จะฝึก หลังจากนั่งสมาธิ เขาก็เปิดใช้งานบัตรเลื่อนระดับก่อแกนวิญญาณขึ้นมา ถ้าไม่มีระดับมาถึงขั้นนี้ มันก็ไม่มีความหมายที่จะใช้
“ใช้บัตรเลื่อนระดับ!”
“ติ๊ง ท่านใช้บัตรเลื่อนระดับสำเร็จ!”
“ติ๊ง ยินดีด้วย ผู้เล่นอี้เทียนหยุนได้เข้าสู่ระดับผันแปรวิญญาณขั้นที่ 1!”
ในพริบตานี้ อี้เทียนหยุนก็สัมผัสได้ถึงพลังที่เหยียบย่างเข้าสู่โลกใหม่ และเมื่อเขาลองควบคุมพลังวิญญาณดู เขาก็พบว่าเขาในตอนนี้สามารถบินได้แล้ว
และตอนนี้ ถ้าเขาใช้ปีกฟินิกซ์ มันก็จะเป็นการแสดงพลังที่แข็งแกร่งที่สุดออกมา ทำให้ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า!
“มาลองดูพลังรบกันดีกว่า ว่าจะอยู่ที่เท่าไหร่…..”
อี้เทียนหยุนตรวจดูพลังรบของตนเอง ตอนอยู่ในระดับก่อแกนวิญญาณขั้นที่ 9 พลังรบของเขาอยู่ที่ประมาณ 500,000 ตัวเลขนี้ถือว่าค่อนข้างต่ำ แต่ยังไงก็ตาม ยามต่อสู้ แน่นอนว่าพลังรบต้องเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะมาจากอาวุธ เครื่องป้องกัน รวมถึงวิชายุทธ์ด้วย
เมื่อรวมพลังทุกอย่างเข้าด้วยกัน ตัวเลขที่แสดงออกมาย่อมน่าสะพรึง ยังไงก็ตาม โหมดคลั่งย่อมเป็นรากฐานที่สำคัญที่สุดพลังรบ ดังนั้น ถึงต่อให้อาวุธจะท้าทายสวรรค์ขนาดไหน แต่ถ้าระดับพลังไม่มากพอ ก็ไม่สามารถระเบิดพลังทั้งหมดออกมาได้
ระดับก่อแกนวิญญาณขั้นที่ 9 มีพลังรบประมาณ 500,000 ส่วนระดับก่อแกนวิญญาณขั้นสูงสุด เหมือนว่าจะอยู่ประมาณ 550,000 เพิ่มขึ้นประมาณ 1 แสน สามารถจินตนาการได้เลยว่าพลังรบหลายแสนนี้ เมื่อเพิ่มขึ้นอีก 8 เท่า มันจะน่าสะพรึงขนาดไหน
ส่วนระดับผันแปรวิญญาณขั้นที่ 1 ยิ่งน่าสะพรึงขึ้นไปอีก เพราะตัวเลขพลังรบของเขามีถึง 800,000!
อยู่ๆ ก็เพิ่มขึ้นมา 250,000 นี่เหมือนกับการก้าวกระโดดชัดๆ นี่ทำให้เขาต้องสูดลมหายใจเฮือก ไม่แปลกที่เฉิงเฟิงที่ไม่สวมเครื่องป้องกันอะไรเลยนั้นจะมีพลังรบมากถึง 2 ล้าน ถ้าดูจากระดับผันแปรวิญญาณที่แต่ละขั้นจะเพิ่มพลังรบให้มากถึงขั้นละ 2-3 แสนเป็นอย่างน้อย เมื่อมาถึงระดับผันแปรวิญญาณขั้นที่ 5 พลังรบที่มีย่อมมากกว่า 2 ล้านเป็นธรรมดา
ไม่แปลกที่บอกว่ายิ่งระดับสูง การต่อสู้ข้ามระดับยิ่งเป็นเรื่องยาก ที่แท้ความต่างของพลังรบแต่ละขั้นก็น่าสะพรึงขนาดนี้นี่เอง ยิ่งระดับต่าง ยิ่งมีช่องว่าง เป็นช่องว่างที่ไม่สามารถข้ามไปได้ นอกเสียจากจะเติมเต็มด้านอาวุธ ติดอาวุธที่แข็งแกร่งพร้อมกับค่ายกล ถึงจะมีสิทธิ์เพิ่มพลังรบขึ้นหลายแสนได้ในพริบตา ดังนั้น นี่จึงเป็นแกนหลักในการต่อสู้ข้ามระดับ
ทั้งยังมีเม็ดยาต่างๆ ที่ช่วยทำให้ความต่างของพลังรบของทั้งสองฝ่ายกระเถิบใกล้เข้ามาได้อย่างรวดเร็ว
“พลังรบ 800,000 ถ้าใช้โหมดคลั่งก็จะเป็น…..” อี้เทียนหยุนตาเป็นประกาย ตอนนี้พลังของเขาสามารถสะกดข่มเฉิงเฟิงได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่พลังเดิมๆ ของเขาก็ปะทุขึ้นเป็น 6,400,000 แล้ว นี่ถึงจะเรียกว่าน่าสะพรึงของจริง!
เพราะอย่างนี้ระดับจึงสำคัญมาก ยิ่งระดับสูง พลังที่ระเบิดออกมายิ่งแข็งแกร่ง
“เรื่องนี้เอาไว้ก่อน ตอนนี้มาเปิดกล่องของขวัญเลเวล 41 ดูดีกว่าว่ามีอะไรอยู่ข้างใน!”
ที่อี้เทียนหยุนสนใจในตอนนี้ก็คือกล่องของขวัญเลเวล 41 ของสิ่งนี้แต่ละครั้งล้วนให้แต่ของดี ซึ่งครั้งนี้ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
“ติ๊ง ท่านเปิดกล่องของขวัญเลเวล 41 สำเร็จ ได้รับบัตรค่าประสบการณ์ 30 เท่า, บัตรค่าความชำนาญ 5 เท่า, บัตรค่าความคลั่ง 5 เท่า, บัตรค่าความชั่ว 2 เท่า, กล่องของขวัญเลเวล 51, ได้เรียนรู้ความชำนาญในการจับสัตว์ขั้นพื้นฐาน!”
บัตรค่าประสบการณ์กองใหญ่ระเบิดออกมา ยิ่งกว่านั้นยังมีความชำนาญในการจับสัตว์อีก!
ความชำนาญในการจับสัตว์ขั้นพื้นฐาน: นอกจากคนแล้ว สามารถจับสิ่งมีชีวิตอะไรก็ได้มาเป็นสัตว์เลี้ยง ยิ่งเลเวลสูง โอกาสในการจับได้ยิ่งสูง โอกาสในการจับสัตว์ระดับสูงยิ่งสูงตาม
“ที่ควรจะมาก็ต้องมา…..”
สัตว์เลี้ยงของเขามีน้อยมาก ซึ่งตอนนี้ก็มีอยู่แค่ 2 ตัว หนึ่งคือหมาป่าหิมะ และอีกหนึ่งคือมังกรดำ ซึ่งทั้งสองตัวต่างก็แข็งแกร่งมาก แต่ถึงยังไงก็น้อยไปอยู่ดี ซึ่งตอนนี้เขาได้ความสามารถในการจับสัตว์มาแล้ว ทำให้เขาสามารถไปไล่จับสัตว์อสูรมาเป็นสัตว์เลี้ยงได้ตามใจ
นี่ก็เหมือนกับนักฝึกสัตว์ แต่พวกเขาจำเป็นต้องฝึกสัตว์อสูรตั้งแต่ยังเด็ก จากนั้นถึงจะสามารถเอามาเป็นคู่หูของตนได้ พร้อมทั้งเติบโตไปด้วยด้วยกัน แต่นี่มีความยากสูงมาก ทำให้คนที่ประสบความสำเร็จมีแค่บางคนเท่านั้น
ซึ่งทั้งหมดนี้ ส่วนใหญ่จำเป็นต้องเลี้ยงตั้งแต่สัตว์อสูรยังเด็ก ทำให้จำนวนยิ่งน้อยลงไปอีก เป็นไปไม่ได้ที่จะสามารถควบคุมได้หลายๆ ตัว
แต่กับอี้เทียนหยุนที่มีความสามารถจับสัตว์นั้นต่างกัน เมื่อจับมาได้เขาสามารถเอามาใช้ได้เลย! นี่หมายความว่า ขอแค่สัตว์อสูรตัวไหนเข้าตา เขาก็สามารถเข้าไปจับมัน จากนั้นก็ใช้ให้มันเป็นยามเฝ้าประตูได้!
“ไม่ทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ กล่องของขวัญเลเวล 41 นี้ช่างมีแต่ของดีจริงๆ…. ไม่รู้ว่ากล่องของขวัญระดับถัดไปจะให้อะไรออกมา?” อี้เทียนหยุนเต็มไปด้วยความคาดหวัง
จากนั้นเขาก็เปิดลอตเตอรี่แบบปรับปรุงขึ้นมา ก่อนหน้านี้เขาได้สิทธิ์ในการสุ่มลอตเตอรี่แบบปรังปรุงมาครั้งหนึ่ง เพื่อไม่ให้เสียเปล่า หลังจากเปิดโชคดีขึ้นมา เขาก็รีบหมุนลอตเตอรี่อย่างรวดเร็ว
“ครั้งนี้จะเป็นอะไรก็ได้ เพราะข้าได้ของที่ข้าต้องการมาหมดแล้ว!”
อี้เทียนหยุนคิดได้อะไรมาก็ไม่สำคัญ ถึงยังไงก็เป็นของดีอยู่แล้ว
อย่างรวดเร็ว ลอตเตอรี่แบบปรับปรุงก็ได้หยุดลง หยุดลงตรงหมวดอาวุธ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาสุ่มได้อาวุธออกมา จากนั้นเสียง “ติ๊ง” ก็ดังออกมา พร้อมกับกล่องหยกหล่นลงมา หลังจากเปิดออก เขาก็พบกับอาวุธที่สุ่มได้มา
คันศรน้ำค้างแข็งเทวะ : ศาสตราจิตวิญญาณขั้นสูง(สามารถอัพเกรดได้) สามารถปล่อยศรน้ำค้างแข็งออกไปแช่แข็งศัตรูได้ ระยะทางขึ้นอยู่กับระดับ, ท่าพิเศษ : เผาผลาญค่าความคลั่ง 5,000 แต้ม, ทำให้พลังเพิ่มขึ้นสองเท่า, ความเร็วเพิ่มขึ้นสองเท่า, เพิ่มระยะสูงสุดของศรน้ำค้างแข็งขึ้นสองเท่า, ครอบคลุมทุกสิ่งในระยะ 1 ลี้!
“ของดี!”
อี้เทียนหยุนตาเป็นประกาย จากนั้นก็ลุกขึ้นพร้อมกับลองน้าวศรดู จากจุดที่เขาอยู่ ทำให้เขาสามารถเด็ดหัวศัตรูที่อยู่ข้างนอกในระยะ 1,000 ลี้ได้ นี่มันวิถีราชันชัดๆ!
มู่เซียนเอ๋อกับพวกพากันมองมาที่นี่ เมื่อเห็นอี้เทียนหยุนกำลังหัวเราะก็พากันเผยสีหน้าแปลกๆ ออกมา นี่คือประมุขของพวกเธอจริงๆ อย่างงั้นเหรอ?
CLS ตอนที่ 246: ต้าเฉินคนใหม่
ในขณะที่อี้เทียนหยุนกำลังหัวเราะ คนที่เหลือต่างก็พากันมองหน้ากัน สงสัยว่าเขาคงถูกธาตุไฟเข้าแทรก
“ท่านปู่ พวกเราจะปล่อยไปอย่างนี้เหรอ?” มู่เซียนเอ๋อถามอย่างกังวล
“นี่…. ไม่เป็นไรหรอก คงจะเพราะตื่นเต้นกับการฝึกฝนน่ะ สถานการณ์ของประมุขไม่ใช่สิ่งที่พวกเราจะจินตนาการได้ สามารถฝึกมาจนถึงขั้นนี้ได้ทั้งที่ยังเยาว์ คิดว่าคงจะต้องมีดีอยู่บ้างล่ะ” ผู้อาวุโสใหญ่แสร้งเป็นออกความเห็น แต่ก็ยังมองดูอยู่ห่างๆ
อี้เทียนหยุนไม่ได้สนใจสายตาของพวกเขา แต่กลับมุ่งความสนใจอยู่กับคันศรน้ำค้างแข็งเทวะ นี่ถือว่าเป็นอาวุธชั้นดี สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้จับของไร้ประโยชน์ออกมา
หลังจากจับรางวัลแล้วเสร็จ อี้เทียนหยุนก็เปิดหน้าต่างสถานะขึ้นดู ตรวจดูข้อมูลทุกอย่างของตัวเอง
ผู้เล่น: อี้เทียนหยุน
เลเวล: เลเวล 41 (ระดับผันแปรวิญญาณขั้นที่ 1)
ค่าประสบการณ์: 0/ 100,000,000
ค่าความคลั่ง: 1,893,689
ค่าความดี: 630
ค่าความชั่ว: 3,556
วิชาบ่มเพาะ: เทพอุดรทมิฬ, วิชาลับเทพมังกร, เคล็ดวิชาเซวียนเทียน, เคล็ดวิชากลืนสวรรค์, เคล็ดวิชากายทองคำ
วิชายุทธ์: มหาเวทดูดดาว, ปีศาจโลหิตทะยานสวรรค์, วิชากระบี่ชิงหยุน, วิชาตัวเบาชิงเซวียน
อาวุธ: หมัดเยือกแข็ง, หอกปีศาจโลหิต, กระบี่ไร้สิ้นสุด, ขวานหุ่นเทียนเสิ้ง, กริชกระดูกมังกรโลหิต, คันศรน้ำค้างแข็งเทวะ
เครื่องสวมใส่: ชุดเกราะเทียนเสิ้ง, ผ้าคลุมเงา, ชุดเกราะหุ่นเทียนเสิ้ง(ระดับจิตวิญญาณขั้นต่ำ), รองเท้าศึกหุ่นเทียนเสิ้ง(ระดับจิตวิญญาณขั้นต่ำ),เกราะอสูรโลหิต
ความสามารถศักดิ์สิทธิ์: โหมดคลั่ง, โชคดี, เทเลพอร์ท
สายเลือด: สายเลือดเทพมังกร
พรสวรรค์: เนตรสวรรค์
เครื่องประดับ: ค้อนหลอมเทวะ, กำไลพลัง, แหวนพลัง, เข็มขัดพลัง, กำไลปีศาจโลหิต
ความชำนาญ: สลักอาคมขั้นพื้นฐาน, หลอมศาสตราขั้นกลาง, กลั่นโอสถขั้นกลาง, ค่ายกลขั้นพื้นฐาน
จิปาถะ: เม็ดยาฟื้นฟู 8, กล่องของขวัญเลเวล 51, ชีวิต 1, เม็ดยาระเบิด, บัตรค่าประสบการณ์ 20 เท่า x2, ยันต์ป้องกันใต้พิภพ, บัตรค่าประสบการณ์ 30 เท่า, บัตรค่าความชำนาญ 5 เท่า, บัตรค่าความคลั่ง 5 เท่า, บัตรค่าความชั่ว 2 เท่า
สมบัติ: เตาหลอมเพลิงม่วงศักดิ์สิทธิ์, หยกโลหิต, แผนที่สมบัติมังกร, มุกหยก, หนังสือบัญชาการ, ปีกฟีนิกซ์, กุญแจคุกเผ่าภูต
ฉายา: ผู้พิทักษ์, ผู้กอบกู้
เปลวเพลิง: เปลวเพลิงนิรันดร์
“อะไรนะ ค่าประสบการณ์ 100 ล้าน?!”
เมื่ออี้เทียนหยุนเห็นหน้าต่างค่าสถานะ ก็พลันตกใจ โดยเฉพาะค่าประสบการณ์ที่ต้องการ 100 ล้านนั่นยิ่งเจิดจ้าเป็นที่สุด ก่อนหน้านี้ที่อยู่ในระดับก่อแกนวิญญาณต้องการค่าประสบการณ์แค่ 60 ล้าน พอตอนนี้อยู่ในระดับผันแปรวิญญาณกลับพุ่งพรวดเป็น 100 ล้าน!
ก่อนหน้านี้ 50 ล้านก็ว่ายากมากแล้ว ตอนนี้กลับต้องการค่าประสบการณ์ถึง 100 ล้าน ต่อให้ฆ่าคนแต่ละครั้งจะได้ค่าประสบการณ์ 1 ล้านก็จำเป็นต้องสังหารคนเป็นร้อยกว่าจะเลื่อนระดับได้ สามารถจินตนาการได้ถึงความน่าสะพรึงของมันได้เป็นอย่างดี โชคดีที่มีเขามีบัตรค่าประสบการณ์อยู่หลายใบ ถ้าเจอสัตว์อสูรจำนวนมากพอล่ะก็ เขาจะต้องสามารถเพิ่ม 1 เลเวลได้อย่างแน่นอน
เขารู้สึกหมดหนทางอยู่บ้าง ดูท่าคงต้องเดินไปทีละก้าวเท่านั้น ยิ่งตอนนี้ไม่มีภารกิจอะไรให้ทำอีก แต่ก็เพราะสถานการณ์ในตอนนี้ไม่เหมาะที่จะทำภารกิจ ดังนั้นจึงไม่มีภารกิจเด้งขึ้นมา
หลังจากจับรางวัล เขาก็ไม่มีอะไรให้ทำอีก ดังนั้นวันนี้ก็ได้ล่วงเลยไป
พริบตาก็มาถึงวันถัดไป ตอนกลางคืนไม่ต้องพูดถึง ถึงยังไงพวกเขาก็ไม่สามารถออกไปไหนได้ เพราะว่าถูกบังคับให้อยู่แต่ในห้อง ภายใต้สภาพนี้ พวกเขาจึงต้องอยู่อย่างนี้ไปสองวันเต็มๆ หลายคนก็กำลังคิดว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมถึงไม่ให้พวกเขาออกไปกันสักที หรือว่าเฉิงเฟิงยังพักผ่อนไม่เพียงพอ?
การพักรักษาตัวเป็นเรื่องดี แต่การที่ขังพวกเขาไว้แต่ในห้องไม่แม้แต่ให้เดินออกไปข้างนอกอย่างนี้ ทำให้พวกเขาได้กลิ่นไม่ถูกต้อง คิดว่าต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
ในที่สุดก็ล่วงผ่านมาจนถึงวันที่สาม อย่างรวดเร็วพวกเขาก็ได้มารวมตัวกันในตำหนัก ผู้คุ้มกันแต่ละคนต่างก็มีสีหน้าจริงจัง พร้อมกับมองมาที่พวกเขาอย่างเย็นชา ในการพบปะ คนที่มาพบกับพวกเขาไม่ใช่เฉิงเฟิง แต่เป็นต้าเฉินคนใหม่ ดูแล้วคงเพิ่งจะมาถึงเมื่อเร็วๆ นี้เอง
“ต้องให้ทุกคนอุดอู้อยู่แต่ในห้องหลายวัน เป็นความผิดพลาดของอาณาจักรใต้พิภพของพวกเราเอง แต่ตอนนี้มีเรื่องจริงจังที่ต้องประกาศ!” อยู่ๆ หลินห้าวก็พลันระเบิดพลังระดับผันแปรวิญญาณขั้นที่ 7 ออกมา ซึ่งมากกว่าเฉิงเฟิงถึง 2 ขั้น กระจายมันออกทั่วทั้งตำหนักแห่งนี้
แม้ว่าประมุขหลายคนจะมีพลังระดับผันแปรวิญญาณ แต่ภายใต้สภาวะนี้ พวกเขาก็ยังสัมผัสได้ถึงแรงกดดันเล็กน้อย เป็นถึงต้าเฉินของอาณาจักร แน่นอนว่าระดับจะต้องไม่ต่ำอย่างแน่นอน แต่ต่อให้จะมีระดับเท่ากัน แต่วิชาที่ฝึกย่อมต่างกัน ยามปลดปล่อยออกมาจึงเห็นได้ถึงความต่างอย่างชัดเจน
คำพูดของหลินห้าวทำให้ดวงตาของหลายคนเป็นประกาย ในที่สุดก็มีเรื่องประกาศสักที ก่อนหน้านี้พวกเขาก็รู้สึกว่ามีอะไรไม่ถูกต้องอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่ให้พวกเขาอยู่แต่ในห้องตั้งหลายวัน ทั้งยังดูแลพวกเขาราวกับเป็นนักโทษในคุก ซึ่งนี้ออกจะเป็นเรื่องที่ทำเกินไป
“เชื่อว่าทุกคนคงสังเกตเห็นอะไรบางอย่างได้ ข้าจะไขความกระจ่างให้กับทุกคนเอง ต้าเฉินของพวกเรา เฉิงเฟิง ไม่รู้ว่าถูกใครลอบสังหารไป!” น้ำเสียงของหลินห้าวเย็นชาถึงที่สุด ทำให้อุณหภูมิในตำหนักลดลงไปหลายระดับในทันที
ซึ่งความจริงก็คือความเย็นนี้ถูกปล่อยออกมาจากร่างของเขา ซึ่งมีผลทำให้อุณหภูมิในตำหนักแห่งนี้ลดลง เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญธาตุน้ำแข็ง ที่สามารถแช่แข็งได้ทุกสิ่ง!
ข่าวนี้ราวกับระเบิดที่ทุ่มลงมายังที่แห่งนี้ หลายคนพลันแสดงสีหน้าตื่นตระหนก นี่คือเฉิงเฟิงนะ ผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณ จะบอกว่าตอนนี้ตายไปแล้วอย่างงั้นเหรอ? ที่สำคัญเลยก็คือ เขาเป็นถึงต้าเฉินของอาณาจักรใต้พิภพ ใครกันที่กล้าลอบสังหารเขา?
“นี่ นี่…..” พวกผู้อาวุโสใหญ่พากันเผยสีหน้าตกใจ พร้อมกับเหลือบไปยังอี้เทียนหยุน ในใจพลันคาดเดาถึงสาเหตุที่อี้เทียนหยุนออกไปเมื่อหลายวันก่อน ที่แท้ก็ไปลอบสังหารเฉิงเฟิงนี่เอง!
แต่เฉิงเฟิงมีระดับผันแปรวิญญาณเลยนะ เขาทำได้ยังไง? นี่ไม่ได้หมายความว่าระดับของอี้เทียนหยุนเหนือกว่าเฉิงเฟิงอย่างงั้นเหรอ?
ยังไงก็ตาม สีหน้าของพวกเขาก็กลับเป็นปกติอย่างรวดเร็ว ทั้งยังไม่หันไปมองอี้เทียนหยุอีก ความลับนี้ไม่สามารถเปิดเผยออกมาได้ ถ้าคนอื่นรู้เข้า วังเทียนจี๋ของพวกเขาจะต้องถึงจุดจบอย่างแน่นอน สังหารต้าเฉินของอาณาจักรใต้พิภพ ไม่ว่าสำนักไหน ก็ต้องพบกับความพิโรธของอาณาจักรใต้พิภพ!
พร้อมกันนั้น อวี่ชีเชียนก็ได้หน้าเปลี่ยนสี พร้อมกับนึกไปถึงชายชุดดำเมื่อค่ำวันนั้น “เป็นเขา…..”
“ศิษย์พี่ ท่านเป็นอะไร?” จ้าวอวี่เห็นสีหน้าเธอไม่ค่อยดีจึงได้ถามขึ้น
“ไม่มีอะไร ก็แค่คิดอะไรบางอย่างเท่านั้น ใครกันนะที่ร้ายกาจขนาดนั้น กล้าสังหารกระทั่งเฉิงต้าเหริน…..” อวี่ชีเชียนไม่ได้เอ่ยถึงเจ้าคนลามกนั่น ยิ่งกว่านั้น เรื่องนี้มันใหญ่เกินไป เธอจึงไม่กล้าพูดออกมา
หนานเฟิงหยุนก็หน้าเปลี่ยนสีเช่นกัน ความสัมพันธ์ของเขาและเฉิงเฟิงนั้นเป็นไปด้วยดี จะบอกว่าตายแล้ว? เขาได้ส่งของกำนัลไปมากมายเพื่อสร้างความสัมพันธ์กับเฉิงเฟิง แต่ไม่คิดว่าจะมาตายไปอย่างกะทันหันอย่างนี้ แล้วอย่างนี้ใครจะช่วยหนุนหลังวังเสินเหวินของพวกเขากัน?
แล้วยังเรื่องผู้เชี่ยวชาญเผ่าภูตอีก? ตอนนี้กลัวว่าจะกลายเป็นเมฆที่ลอยล่องไปซะแล้ว
หลินห้าวสังเกตสีหน้าของพวกเขา จากนั้นก็พูดอย่างเย็นชาว่า “ข้าไม่รู้ว่าเฉิงต้าเหรินนั้นตายได้ยังไง ทั้งยังไม่รู้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับพวกเจ้าหรือเปล่า ระหว่างการตรวจสอบ พวกเจ้าจึงไม่สามารถไปจากที่นี่ได้ แม้เรื่องนี้จะไม่เกี่ยวกับพวกเจ้า แต่ระดับของพวกเจ้าก็ไม่ได้ต่ำ มีความสามารถพอที่จะแอบซ่อนคนร้ายไว้ได้อย่างไม่ยากเย็น!”
สีหน้าของประมุขนับไม่ถ้วนพากันเปลี่ยนสี ต้าเฉินที่มาใหม่นี้ คงไม่ใช่ว่าคิดจะลงทัณฑ์เพื่อบีบบังคับให้สารภาพหรอกใช่ไหม?
“วางใจได้ นี่เป็นแค่การคาดเดาของข้า ไม่ได้มีความหมายอื่น” หลินห้าวพูดอย่างจริงจัง “เรื่องนี้ข้าจะต้องสืบสวนให้กระจ่าง แต่ถ้ามีใครกล้าปิดบังข้าล่ะก็ ผลลัพธ์สุดท้ายจะต้องประสบกับความพิโรธของอาณาจักรใต้พิภพเราอย่างแน่นอน!”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น