Chaotic Lightning Cultivation โกลาหลแห่งอัสนีบาต 228-234

 บทที่ 228: ต่อสู้กับราชาฉลามดำอีกครั้ง


ในขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยและหัวเราะด้วยกัน ทั้งหมดบินออกจากเกาะและพบกับหมอกขาวขนาดใหญ่ ช่วงเวลาที่เคลื่อนผ่านหมอก ซ่งจงรู้สึกเย็นวาบขึ้นมานิดหน่อย ก่อนที่จะพบว่าเขายังไม่ได้สวมเสื้อผ้า เขารีบสวมใส่เสื้อคลุมของตนเองทันที สิ่งเหล่านี้ทำให้เหล่าแม่มดเทวะหัวเราะอย่างสนุกสนานเมื่อเห็นภาพเช่นนี้


ในเวลานี้ ซ่งจงนั้นได้รับพลังจากไฟต้นกำเนิดและลายเส้นสายธารโลหิต เขาผ่านเข้าสู่ระดับปฐมภูมิขั้นสุดท้ายทันที ที่จริงแล้วเขาเพิ่มระดับของตนเองขึ้นมาสองระดับอย่างรวดเร็ว! ถ้าหากเขาก้าวขึ้นไปอีกขั้นแน่นอนว่าเขาจะเข้าสู่ระดับจินตัน


เนื่องจากการเพิ่มระดับที่แข็งแกร่งของเขา ทำให้เหล่าแม่มดเทวะแข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน ในตอนนี้พวกนางได้เข้าสู่ระดับจินตันเป็นที่เรียบร้อย นอกจากนั้นยังมีการชำละล้างจากไฟต้นกำเนิด ในอดีตแม้ว่าพวกนางจะได้ครอบครองร่างกายของตนเองอย่างสมบูรณ์ แต่มันก็ยังไม่สมบูรณ์ทั้งหมดเพราะยังมีรอยต่อระหว่างแม่มดเทวะกับร่างกายทางกายภาพ ดังนั้นร่างกายทางกายภาพจึงยังไม่มีพลังมากเท่าเมื่ออยู่ในร่างของแม่มดเทวะ อีกทั้งเมื่ออยู่ในร่างของแม่มดเทวะพวกนางยังไม่สามารถฝึกฝนได้อย่างเต็มที่


อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปเพราะไฟต้นกำเนิด ในคราวแรกร่างกายของนางนั้นมีสองส่วนแต่ในตอนนี้ร่างกายของพวกนางไร้รอยต่อ พวกนางได้กลายเป็นแม่มดเทวะอย่างสมบูรณ์ ในตอนนี้พวกนางนั้นแข็งแกร่งอย่างมาก เมื่อซ่งจงไปถึงระดับเฟินเสินในอนาคต พวกนางจะเข้าสู่ระดับเลี่ยนจือทันที


ดังนั้นการบุกเข้าไปในทะเลแห่งความสับสนโดยไม่ได้ตั้งใจนั่นคือซ่งจงได้รับกำไรมากมายจากความโชคร้าย ไม่ว่าจะเป็นทั้งตัวเขาเองหรือเหล่าแม่มดของเขา โดยเฉพาะซ่งจงที่สามารถดูดซับเลือดของเต่าดำได้จนหมดสิ้น ความแข็งแกร่งของร่างกายเขานั้นอยู่ในระดับที่ยอดเยี่ยม เมื่อรวมกับผลของไฟต้นกำเนิด แน่นอนว่าเขานั้นอยู่ในขั้นที่แข็งแกร่งผิดปกติไปเสียแล้ว ในตอนนี้เขาไม่สามารถใช้อุปกรณ์วิเศษธรรมดาได้อีกต่อไป และถ้าหากเขาพบเจอกับราชาฉลามดำอีกครั้ง แน่นอนว่าเขาจะชนะได้อย่างสบาย!


ผลกำไรเช่นนี้ทำให้ซ่งจงมีความสุขอย่างมาก ในขณะกำลังเดินทางกลับ เขากอดคอเหล่าแม่มดและฮัมเพลงอย่างมีความสุข และเร่งรีบที่จะออกจากการก่อตั้งที่ทำให้สับสนเช่นนี้โดยเร็ว


ภายในพริบตาเดียว วันเวลาผ่านไปหนึ่งวัน


ซ่งจงก้าวออกจากทะเลสาบแห่งความสับสนด้วยการช่วยเหลือของระฆังทองแดง สุดท้ายเขาและหญิงสาวทั้งหมดก็กลับออกมาสู่โลกภายนอก มองเห็นมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ยาวสุดตา ทำให้ซ่งจงที่ติดอยู่ในหมอกเมื่อหลายวันที่ผ่านมา รู้สึกสดชื่นจนน้ำตาไหลอาบสองแก้ม ดังนั้นเขาดึงอดไม่ได้ที่จะปล่อยเสียงคำรามลากยาวออกมา!


ด้วยระดับปฐมภูมิขั้นสมบูรณ์ เสียงคำรามของเขาจะสั่นสะเทือนไปทั่วอย่างแน่นอน! น้ำทะเลกระเพื่อมอย่างรุนแรงและพวกมันเริ่มปั่นป่วนด้วยเสียงของเขา ราวกับกำลังจะมีพายุเกิดขึ้น


หลังจากที่เขาระบายอารมณ์ออกไปจนหมด ซ่งจงรู้สึกสบายใจขึ้นอย่างมาก ในขณะที่หยิบดาบบินเพื่อกำลังจะออกเดินทาง เขาสังเกตว่าตอนนี้เขาถูกล้อมรอบไปด้วยเหล่าฉลามดำ


ถ้าหากเป็นก่อนหน้าที่จะเข้าสู่ทะเลสาบแห่งความสับสน แน่นอนว่าเขาคงจะหนีอย่างไม่ต้องคิดอะไรต่อ อย่างไรก็ตามในตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว! พลังที่เขาเพิ่งได้รับมานั้นแข็งแกร่งอย่างยิ่ง และไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวราชาฉลามดำอีกต่อไป


เมื่อเห็นฉลามดำอยู่ตรงหน้า ไม่เพียงแต่เขาไม่วิ่งหนีหาย แต่ยังกล่าวออกมาว่า “บุรุษยังไงก็ยังเป็นบุรุษวันยังค่ำ ข้าไม่เคยเกรงกลัวสิ่งใด!” ซ่งจงเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่เกรงกลัวต่อสวรรค์และโลก ในก่อนหน้านี้ที่เขาพ่ายแพ้โดยราชาฉลามดำ เขาหลับไปสามวันสามคืนอีกทั้งยังหลุดเข้าไปอยู่ในทะเลแห่งความสับสนสถานที่ที่มีเพียงทางเข้าแต่ไร้ทางออก สำหรับความบาดหมางเช่นนี้ซ่งจงคิดว่าสักสองถึงสามปีจึงจะได้แก้แค้น เพราะท้ายที่สุดแล้วทะเลตะวันออกนั้นกว้างใหญ่ เขาคงไม่พบกับราชาฉลามดำได้โดยง่าย แต่โชคดีในตอนนี้เขาออกมาจากหมอก พวกมันกลับมาเคาะประตูบ้านของเขาเสียเอง!


สำหรับคนฉลาดอย่างเช่นซ่งจง เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าอีกฝ่ายไม่ได้รอเขาอยู่ตั้งแต่ต้น? พวกมันเหล่านี้ทำให้เขาต้องเจ็บปวดอย่างมากและยังเฝ้ารอซุ่มโจมตีที่ด้านนอกของทะเลแห่งความสับสน เห็นได้ชัดว่าราชาฉลามดำต้องการกำจัดเขาโดยไม่ต้องเปลืองแรง! สิ่งเหล่านี้ทำให้ไฟแห่งความโกรธภายในใจของเขาลุกโชนขึ้นมา


เมื่อความโกรธนี้มาถึงขีดสุด เขาโต้กลับอย่างเยือกเย็น ร่างกายของเขาพุ่งเข้าไปเหนือเหล่าฉลามเหล่านั้นพร้อมกับทุบระฆังลงอย่างรวดเร็ว


น้ำหนักของระฆังเมื่อรวมกับพลังแขนที่น่ากลัวของซ่งจง ในวินาทีที่มันกระแทกเข้ากับหัวของฉลามดำ พวกมันไม่มีโอกาสแม้แต่จะร้องออกมา คลื่นเสียงที่ดังออกมาทำให้เหล่าฉลามที่อยู่รอบ ๆ เจ็บปวดอย่างมากจนแทบจะหมดสติ


เมื่อเห็นว่าซ่งจงน่ากลัวเช่นนี้ เหล่าฉลามดำจะยืนอยู่ตรงนี้ต่อไปได้อย่างไร? พวกมันรีบหนีลงไปที่ก้นทะเลทันที ในเวลานั้นพวกมันไม่ลืมที่จะตะโกนออกไปอย่างโกรธแค้น “ไขมันบัดซบ อย่าได้หลงระเริงนัก พี่ใหญ่ของเรากำลังมา วันนี้จะเป็นวันตายของเจ้าอย่างแน่นอน!”


“เหอะ! เจ้าคิดว่าข้ากลัวมันอย่างงั้นหรือ?” เจ้าอ้วนยิ้มออกมาอย่างเย็นชา “ข้าจะรออยู่ที่นี่ เพื่อต้องการที่จะดูว่าใครกันที่จะต้องตายตกไปในวันนี้!”


หลังจากกล่าวจบ เขาไม่ได้พูดอะไรต่อพร้อมกับนั่งขัดสมาธิอยู่บนระฆังทองแดงเพื่อรอการมาถึงของราชาฉลามดำ


ราชาฉลามดำก็ไม่ได้ทำให้ซ่งจงรอนานเช่นกัน เวลาเพียงชั่วครู่เดียว ท้องฟ้ากลับไร้แสงแดดถูกบดบังไปด้วยเหล่าเมฆสีดำ หายนะได้มาถึงแล้ว


ในตอนนี้ซ่งจงแทบจะไม่ต้องใช้ทักษะใดเพื่อป้องกันฝนเลย ในขณะที่ค่ายกลนั้นถูกตั้งขึ้นมา ลำแสงศักดิ์สิทธิ์ปกป้องเขาจากฝนลมปราณทันที ซ่งจงรู้สึกสะดวกสบายอย่างมากกับทักษะนี้ ในตอนนี้เขารู้สึกราวกับว่าอยู่ในน้ำเพียงแค่อุ่นเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งทำให้ร่างกายของเขาผ่อนคลายอย่างมาก


ในตอนแรกซ่งจงคิดว่ามันคือเรื่องแปลกประหลาด แต่สุดท้ายเขาเข้าใจทุกอย่างโดยเร็ว เดิมทีพลังของเขาคือพลังจากเต่าดำ ถือได้ว่าเป็นบรรพบุรุษของอสูรกายสังกัดธาตุน้ำ เนื่องจากเขาดูดซับเลือดของมัน แน่นอนว่าในตอนนี้เขาจะรู้สึกคุ้นเคยกับน้ำ ในตอนนี้เขาอาจเปรียบได้ว่ามีความเหนือกว่าถ้าหากต้องต่อสู้บนพื้นผิวน้ำ!


ยิ่งคิดเรื่องราวเหล่านี้ทำให้เขายิ่งรู้สึกดีมากขึ้น จากนั้นเกิดเสียงคำรามอย่างบ้าคลั่งมาจากระยะไกล “ไอ้บัดซบซ่งจงมันอยู่ที่ไหน? รีบออกมารับความตายของเจ้าโดยเร็ว!”


เมื่อได้ยินเช่นนั้น ซ่งจงรู้ได้ทันทีว่าเป็นเสียงของราชาฉลามดำ เขาไม่ลังเลในความแข็งแกร่งของตนเองพร้อมตะโกนโต้ตอบทันที “ราชาฉลามดำที่โง่เขลา บิดาของเจ้ารออยู่ตรงนี้! เจ้าควรจะรีบมาหาข้าโดยเร็ว!”


“ไอ้เด็กสารเลว เช่นนั้นเจ้าจงอย่าวิ่งหนีไป บิดาผู้นี้กำลังไปหาเจ้า!” เมื่อเสียงใหญ่ได้สิ้นสุดลง ปรากฏเงาดำขนาดใหญ่ตรงหน้าของซ่งจง แน่นอนว่ามันเป็นเงาของราชาฉลามดำ


ทันทีที่เขาเห็นซ่งจงอยู่ในสภาพร่างกายที่ยอดเยี่ยม เขาตกใจอย่างมากพร้อมกับถามออกไปอย่างงุนงง “เจ้าเด็กสารเลว เจ้าบาดเจ็บหรือไม่ใช่? ทำไมเจ้าอยู่ในสภาพที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้? นอกจากนี้เจ้ายังเพิ่มระดับของตนเองไปอีกสองขั้นงั้นหรือ? สวรรค์ เจ้าพบอะไรในทะเลสาบที่ไร้ทางออกนั่น?”


“ฮ่าฮ่า!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น ซ่งจงตอบกลับอย่างสดใส “ราชาฉลามดำถือว่าเจ้ายังพอมีตาอยู่บ้าง แน่นอนว่าบิดาของเจ้าผู้นี้ยังได้รับกำไรจากโชคร้ายอยู่! ข้าต้องขอบคุณเจ้าจริง ๆ ถ้าไม่ใช่การติดตามอย่างต่อเนื่องของเจ้า ข้าคงไม่อาจพัฒนาได้รวดเร็วเช่นนี้!”


“ฮ่าฮ่าฮ่า!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น ราชาฉลามดำพุ่งเข้าหาซ่งจงทันทีด้วยความโกรธจัด มันตะโกนออกมา “แย่หน่อยที่สวรรค์หาได้มีตาอีกต่อไป! กลับปล่อยให้ไขมันบัดซบเช่นเจ้าออกมาเผชิญกับโชคชะตาที่โหดร้ายเช่นนี้ เจ้าคิดจะยั่วยุให้ข้าโกรธจัดจนตายเลยงั้นหรือ?”


“ฮ่าฮ่า!” ซ่งจงหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “จงรีบตายซะ! ข้าจะมีความสุขมากถ้าหากเจ้าตายไปสักที!”


“เหอะ อย่าได้คิดฝัน มันไม่ง่าย!” ฉลามดำรู้ได้ทันทีว่าซ่งจงหมายถึงอะไร “ไขมันบัดซบ อย่าได้คิดว่าเจ้าได้รับอะไรมาโดยบังเอิญแล้วเจ้าจะเป็นอมตะ มิตรสหายตัวน้อยของข้าอยู่ในระดับปฐมภูมิขั้นสมบูรณ์เท่านั้น ไม่ใช่ระดับจินตัน ไม่ว่าเจ้าจะดิ้นรนมากเพียงใด แต่เจ้าก็ยังไม่มีคุณสมบัติที่จะต่อกรกับข้า! ยังไงวันนี้ก็คือวันตายของเจ้า!”


“เช่นนั้นหรือ?” ซ่งจงยิ้มออกมาอย่างเย็นชา “ราชาฉลามดำเจ้ายังคงเป็นบุรุษอยู่หรือไม่ ถ้าหากเจ้าเป็น จงมาต่อสู้กับข้าตัวต่อตัว! เลิกพึ่งพาพี่น้องของเจ้าได้แล้ว และข้าก็จะไม่ให้พวกนางช่วยข้าเช่นกัน ตกลงไหม?” เมื่อซ่งจงกล่าวเช่นนั้น เขาชี้ไปที่เหล่าแม่มดเทวะที่ยืนอยู่ข้างเขา


เมื่อได้ยินเช่นนั้น ราชาฉลามดำขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้ พร้อมกับกล่าวออกมาอย่างรำคาญ “ไขมันบัดซบ เจ้ารู้ดีว่าตรีศูลของข้าได้ถูกทำลายไปแล้ว มันไม่ไร้ยางอายไปหน่อยงั้นหรือที่เจ้าจะใช้สายฟ้าศักดิ์สิทธิ์กับข้า?!”


“ฮ่าฮ่า!” ซ่งจงหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งพร้อมตอบกลับ “ราชาฉลามดำ เจ้าช่างดูถูกบิดาผู้นี้มากนัก! ในตอนนี้เราจะไม่ใช้สมบัติวิเศษใด หรือแม้แต่สายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ เราควรจะแลกหมัดกันอย่างลูกผู้ชาย เจ้าคิดว่าอย่างไร?”


ดวงตาของราชาฉลามดำเปล่งประกายออกมาพร้อมกับกล่าวว่า “เจ้าพูดจริงงั้นหรือ?”


“แน่นอนข้าพูดจริง!” ซ่งจงยิ้มอยากเยือกเย็น “เจ้าว่าอย่างไร? มันดีหรือไม่ ถ้าหากเจ้าคิดว่ามันดีไม่พอ ข้าคิดว่าเจ้าควรจะลืมทะเลตะวันออกไปเสียแล้วกลับบ้านไปกินนมมารดาเจ้าจะดีกว่า!”


“ฮ่าฮ่าฮ่า!” เมื่อซ่งจงกล่าวจบ เหล่าแม่มดเทวะต่างพากันหัวเราะออกมาอย่างขำขัน


ในฐานะของอสูรกายแห่งจักรวรรดิทะเลตะวันออก ราชาฉลามดำนั้นถือได้ว่ามีชื่อเสียงอย่างมาก เขาจะอดทนต่อวาจาที่ดูถูกเช่นนี้ได้อย่างไร? เขาตะโกนออกมาทันที “บัดซบ เจ้ากล้าดูถูกข้างั้นหรือ? ย่อมได้ ข้าจะใช้เพียงร่างกายเท่านั้นเพื่อต่อสู้ ถ้าหากเจ้ากล้าที่จะใช้สายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ คนที่ไร้ยางอายจะต้องเป็นเจ้า!”


“สบายมาก!” ซ่งจงตอบกลับพร้อมยิ้มกว้าง “ถ้าหากข้าต้องใช้สายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ ข้าขอยอมตายดีกว่าที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป!”


เมื่อเห็นว่าซ่งจงกล่าวคำสัตย์ออกมา แน่นอนว่าราชาฉลามดำเชื่อในคำพูดเขา จากนั้นเขาละทิ้งลูกน้องของตนพร้อมกับบินขึ้นท้องฟ้า “ยอดเยี่ยม ไขมันน้อย เข้ามาเถิด! มาให้บิดาผู้นี้สอนบทเรียนให้กับเจ้า!”


“เหอะ เหอะ ข้ากลัวว่าคนที่จะได้รับบทเรียนในครั้งนี้จะเป็นเจ้ามากกว่า!” เมื่อซ่งจงกล่าวเช่นนั้น เขากระโดดขึ้นฟ้าทันที พร้อมกับพุ่งเข้าหาราชาฉลามดำ


ทั้งสองคนปะทะกันรวดเร็วราวกับสายฟ้า จากประสบการณ์ของทั้งสองคน ราชาฉลามดำปล่อยหมัดออกมาก่อน เพื่อทดสอบความแข็งแกร่งของร่างกายซ่งจงจึงไม่คิดจะหลบ เขาใช้หน้าอกของตนเองรับหมัดนั้น


กำปั้นของราชาฉลามดำกลับได้พบกับลำแสงศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกปล่อยออกมาจากร่างกายของซ่งจง ในตอนแรกเขาคิดว่ามันเป็นทักษะในการป้องกันฝนลมปราณ และไม่มีอะไรต้องเกรงกลัว อีกทั้งยังคิดว่าหมัดของเขาสามารถผ่านมันไปได้อย่างแน่นอน จึงไม่ได้คิดสิ่งใดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทว่าในตอนนี้เขารู้สึกแล้วว่าที่หมัดของตนเองนั้นมีบางอย่างผิดปกติ!



บทที่ 229: หลบหนีความตาย


ในตอนนี้ฉลามดำรู้สึกว่ากำปั้นของเขาได้จมเข้าไปในแสงสีเขียว มันเหนียวมากแต่ก็ให้ความรู้สึกยืดหยุ่น ในตอนสุดท้ายพลังของราชาฉลามดำได้ถูกดูดซับไปจนหมดเหลือเพียงแรงกระแทกนิดหน่อยส่งไปถึงซ่งจงเท่านั้น สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกกังวลทันที


แต่ซ่งจงนั้นกลับแตกต่างออกไป เขารู้สึกสะดวกสบายอย่างมาก ลำแสงศักดิ์สิทธิ์นี้ทำให้เขาต่อสู้ได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังดูดซับพลังของราชาฉลามดำมาแปลงเป็นปราณจิตวิญญาณ ทำให้เขาสดชื่นอย่างมาก ราวกับว่าได้ดื่มน้ำเย็นในช่วงฤดูร้อน


สุดท้ายเมื่อกำปั้นหยุดลงที่หน้าอกของซ่งจง เขาไม่รู้สึกถึงพลังอะไรเลย ราวกับว่ามันเป็นเพียงขนนกที่วางลงบนหน้าอกของเขา


เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ เขาตกใจพร้อมกับโกรธจัดทันที “บัดซบ เจ้าโกงงั้นหรือ? เห็นได้ชัดว่ามันคือสมบัติวิเศษสำหรับป้องกัน!”


“ฮ่าฮ่า โง่เง่า! มันไม่ใช่สมบัติวิเศษ แต่มันคือสายเลือดในตัวของข้า!” ซ่งจงหัวเราะคิกคัก “แต่เจ้าคงไม่เข้าใจหรอกแม้ว่าข้าจะพยายามอธิบาย แค่ตายไปพร้อมกับความสงสัยเถิด!”


เมื่อซ่งจงกล่าวเช่นนั้น เขาใช้ประโยชน์จากราชาฉลามดำที่กำปั้นติดอยู่ในลำแสงศักดิ์สิทธิ์ หมัดของซ่งจงพุ่งปะทะเข้ากับหน้าท้องราชาฉลามดำทันที


ในตอนนี้ความแข็งแกร่งของร่างกายซ่งจงนั้นเทียบเท่ากับผู้ฝึกตนระดับหยวนหยิน การวาดวงแขนของเขา สามารถสร้างพละกำลังมากกว่าหนึ่งแสนจิน! กำปั้นนี้สามารถทำลายภูเขาลงได้อย่างง่ายดาย แม้ว่าร่างกายของราชาฉลามดำจะฝึกฝนมาอย่างดี แต่ก็ไม่อาจต้านทานได้ อีกทั้งอาการบาดเจ็บก่อนหน้านี้ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่


ขณะนี้ทุกคนได้เห็นภาพซ่งจงปล่อยหมัดไปที่ท้องของราชาฉลามดำ อวัยวะภายในของเขาแตกออกทั้งหมดโดยซ่งจง แม้แต่ผิวด้านนอกยังเผยให้เห็นรอยเลือดที่ไหลออกมา


ราชาฉลามดำปลดปล่อยเสียงกรีดร้องออกมาทันที ในขณะที่เขาต้องการจะตอบโต้ แต่กลับถูกขัดจังหวะโดยการโจมตีของซ่งจง เจ้าอ้วนยึดมือของราชาฉลามดำไว้ พร้อมกับปล่อยกำปั้นใส่ราชาฉลามดำอย่างต่อเนื่อง ทุกคนในที่นี้เห็นภาพราชาฉลามดำถูกต่อยและกรีดร้องอย่างน่าสมเพช


ร่างกายของราชาฉลามดำแทบไม่เหลือโครงเดิมหลังจากถูกโจมตีอย่างต่อเนื่อง กระดูกของเขาทั้งหมดถูกทำลายและผิวหนังของเขาแทบจะไม่มีอะไรยึดเหนี่ยว เลือดไหลออกมาจากทั่วร่างกายทำให้เขาดูเหมือนมนุษย์โลหิต


หลังจากที่กำปั้นสุดท้ายนั้นพุ่งเข้าสู่หัวของราชาฉลามดำ กะโหลกของราชาฉลามดำแตกออกและทำลายสมองของเขาอย่างสมบูรณ์ อีกฝ่ายเป็นเพียงมนุษย์ในทะเลตะวันออก อีกฝ่ายนั้นเป็นถึงจักรวรรดิแห่งทะเลตะวันออก ราชาฉลามดำได้ตายตกไปด้วยน้ำมือของซ่งจงในวันนี้!


ร่างกายของราชาฉลามดำถูกส่งขึ้นไปในอากาศทันทีหลังจากกำปั้นสุดท้ายถูกส่งออกไป เขาลอยขึ้นไปหนึ่งพันฟุตและค่อยๆล่วงลงมาอย่างช้าๆ เมื่ออยู่ในอากาศร่างกายของเขาค่อยๆใหญ่ขึ้นและกลับสู่สภาพเดิม


เขาเป็นถึงอสูรกายขั้นห้าที่เต็มไปด้วยทรัพย์สมบัติ แน่นอนว่าซ่งจงนั้นไม่ปล่อยเขาไปโดยง่าย ซ่งจงยกมือขึ้นอย่างใจเย็นและเก็บศพของราชาฉลามดำไว้ในมิติลึกลับของเขา


นับตั้งแต่ที่ราชาฉลามดำเริ่มต่อสู้จนกระทั่งเขาตายตกไป ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเกินไป เหล่าลูกน้องของราชาฉลามดำไม่อาจมีเวลาได้ช่วยเหลือ หลังจากที่ทั้งหมดเห็นร่างกายของราชาฉลามดำหายไป ทุกคนตกอยู่ในความมึนงงทันที จากนั้นทั้งหมดปล่อยเสียงร่ำไห้ออกมาและพุ่งเข้าโจมตีซ่งจงอย่างบ้าคลั่ง ทั้งหมดพ่นเสาน้ำออกมาราวกับว่ายอมที่จะตายในวันนี้


ซงจงตกใจทันทีเมื่อเห็นเช่นนั้น ในตอนแรกเขาคิดว่าการสังหารพวกเขาที่เร็วที่สุดคือฆ่าราชาฉลามดำ ตราบใดที่ราชาฉลามดำตายตกไป ทั้งหมดจะเลิกยุ่งกับเขาและหนีไปตามเส้นทางของตนเอง อย่างไรก็ตามเรื่องราวได้ผิดแปลกไปจากที่ซ่งจงได้คาดเดาไว้มาก ไม่เพียงแต่พวกเขาไม่เกรงกลัวซ่งจง แต่กลับปล่อยจิตสังหารออกมาเพื่อแสดงว่าพร้อมที่จะสู้เพื่อความตาย


พวกมันเพียงไม่กี่ร้อย แน่นอนว่าซ่งจงสามารถฆ่าได้อย่างไม่ลังเล แต่หากมีมากกว่าพันก็คงไม่ยากเย็นนักด้วยความช่วยเหลือจากหญิงงามทั้งเก้า แต่ปัญหาก็คือพวกมันมีมากกว่าหนึ่งหมื่น ถ้าซ่งจงต้องสังหารทั้งหมดนี้ จะต้องใช้เวลาเท่าไหร่กัน?


ในเวลานั้นซ่งจงรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกไป เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้เขาสังหารเหล่าฉลามดำไปแล้วกว่าครึ่ง แต่ทำไมจึงมีฉลามดำจำนวนมากโผล่มาเติมเต็ม? ปรากฏว่าความจริงคือราชาฉลามดำไม่ได้มีลูกน้องเพียงหมื่นตัวเท่านั้น แต่ทั้งหมดที่เขามีคือหนึ่งแสน!


อย่างไรก็ตาม มันเป็นไปไม่ได้ที่ราชาฉลามดำจะพาลูกน้องทั้งหมดออกไปลาดตระเวนด้วยกัน หนึ่งหมื่นตัวคือตัวเลขที่เพียงพอแล้ว แต่หลังจากที่เขาพ่ายแพ้และปล่อยให้ซ่งจงหนีเข้าไปในทะเลแห่งความสับสน ราชาฉลามดำไม่มีทางเลือกนอกจากจำกัดพื้นที่แห่งนี้เพื่อค้นหาศพของซ่งจง เขาจึงเรียกลูกน้องออกมาอีกห้าหมื่นตัวเพื่อปิดกั้นสถานที่แห่งนี้


ในตอนสุดท้ายลูกน้องของราชาฉลามดำโกรธจัดอย่างสมบูรณ์ ทั้งหมดพุ่งไปด้านหน้าอย่างไม่กลัวตาย เสาน้ำยิงออกมาอย่างทรงพลัง ครอบคลุมไปทั่วท้องฟ้าและไม่สามารถป้องกันได้ทัน


ซ่งจงทำได้เพียงเรียกระฆังทองแดงออกมาเพื่อป้องกัน ในเวลาเดียวกันเขาสั่งให้เหล่าแม่มดเทวะเข้ามาด้านใน ในเวลานี้แม้แต่มดก็สามารถฆ่าช้างได้ถ้ามีจำนวนมากพอ การเผชิญหน้ากับเหล่าอสูรกายขั้นสี่ที่บ้าคลั่ง แม้แต่ผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินยังต้องคิดหาทางหลบหนี แล้วนับประสาอะไรกับซ่งจง?


เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเสาน้ำที่มากมายเช่นนั้น แม้แต่ระฆังทองแดงของซ่งจงยังไม่สามารถป้องกันได้ พลังที่ปะทะลงมาทำให้มือของเขาชา เหล่าแม่มดเทวะยังไม่กล้าที่จะเปิดเผยร่างกายของตนเอง ถ้าหากพวกนางอยู่ในร่างกายภาพ แน่นอนว่าจะต้องถูกโจมตีจากเสาน้ำนับไม่ถ้วน


ซ่งจงคิดอย่างรวดเร็วว่าเขาไม่สามารถปล่อยให้สถานการณ์เช่นนี้ดำเนินต่อไปได้ สุดท้ายแล้วเสาน้ำเหล่านี้จะบดขยี้เขา ดังนั้นเขาจะต้องหาทางออกให้เร็วที่สุด


หลังจากที่ไตร่ตรองอยู่ชั่วครู่ ซ่งจงคิดได้อย่างรวดเร็วพร้อมกับโยนสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์แห่งปฐพีออกไปทันที เพื่อป้องกันเสาน้ำไว้สักพักหนึ่ง น่าเสียดายที่เวลามีน้อยเกินไป ถ้าไม่เช่นนั้นเขาคงได้ใช้สายฟ้าศักดิ์สิทธิ์หยินหยางแห่งธาตุทั้งห้าแน่นอน


อย่างไรก็ตามสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์แห่งปฐพีก็ยังสามารถป้องกันเสาน้ำไว้ได้เพราะการชนะกันของธาตุ เขาปิดกั้นการต่อสู้นั้นได้สั้นๆ ซ่งจงใส่ยันต์เครื่องรางลงในระฆังทันที เมื่อระฆังเปล่งเสียงออกมา เหล่าฉลามดำเข้าสู่สภาวะโศกเศร้าทันที และลืมที่จะโจมตีต่อ


เมื่อเห็นเช่นนี้ เหล่าแม่มดเทวะไม่อาจลังเลได้อีกต่อไป ทั้งหมดเข้าสู่ร่างกายที่แท้จริงพร้อมทั้งปลดปล่อยการโจมตีออกไปทันที ปราณดาบถูกปล่อยออกไปอย่างต่อเนื่อง สังหารฉลามดำไปมากกว่าร้อยตัว


หลังจากผ่านไปชั่วครู่ เหล่าฉลามฟื้นคืนสติและกลับมาโจมตีอีกครั้ง ซ่งจงส่งยันต์อื่นเข้าไปในระฆังทองแดง ทำให้เหล่าฉลามดำอยู่ในสภาวะตกใจ ฉลามบางตัวหยุดการโจมตี บางตัวนั้นโจมตีผิดทิศทาง จึงเป็นโอกาสของแม่มดเทวะอีกครั้ง


แน่นอนว่าเป้าหมายสุดท้ายของพวกเขาไม่ใช่การสังหารหมู่ฉลามดำ ในตอนนี้มีฉลามดำมากเกินไป แม่มดเทวะไม่สามารถฆ่าพวกมันทุกตัวได้ ไม่เช่นนั้นพวกนางจะเหนื่อยจนตายเสียก่อน ทั้งหมดคิดจะเปิดเส้นทางเพื่อหนีเท่านั้น


ในตอนนี้ทุกอย่างง่ายดายขึ้น ซ่งจงใช้ระฆังทองแดงเพื่อปรับเปลี่ยนอารมณ์ของเหล่าฉลามดำ ทำให้พวกมันโจมตีออกมามั่วๆเท่านั้น หลังจากนั้นแม่มดเทวะจะโจมตีเพื่อเปิดเส้นทางเพื่อให้ซ่งจงหลบหนี


แน่นอนแม้ว่าจะได้รับการช่วยเหลือจากสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์และระฆังทองแดง ยังไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหลบหนีจากอสูรกายขั้นสี่จำนวนห้าหมื่นตัว อีกทั้งในพวกมันยังมีอสูรกายขั้นห้ารวมอยู่ด้วยซึ่งพวกมันเทียบเท่ากับผู้ฝึกตนระดับจินตัน ดังนั้นการต่อสู้ในครั้งนี้จึงยากลำบากอย่างมาก


โชคช่วยที่ซ่งจงและแม่มดเทวะได้เพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นโดยความบังเอิญ หากสิ่งนี้เกิดขึ้นในช่วงก่อนหน้านี้แน่นอนว่าพวกเขาจะต้องตายตกไปอย่างไม่ต้องสงสัย ถ้าหากเป็นเช่นนั้นซ่งจงจะต้องพักฟื้นหลังจากการต่อสู้ที่ขมขื่นยาวนานร่วมเดือน และแม่มดเทวะไม่สามารถออกมาจากภาพวาดได้เป็นเวลาร่วมเดือน


แม้ว่าจะฟกช้ำไปทั่วร่างกายด้วยพลังของเสาน้ำ ซ่งจงยังคงอยู่ในอารมณ์ที่สบายๆ ล่าสุดเขาเพิ่งสังหารราชาฉลามดำและสามารถหลบหนีจากฉลามดำทั้งห้าหมื่นตัวได้ ความสำเร็จเช่นนี้จะทำให้ชื่อเสียงของเขายิ่งใหญ่ออกไปอีก


สองวันถัดมา ซ่งจงที่เหนื่อยล้าได้กลับถึงที่ราบสีเขียว บ้านของเขาในทะเลตะวันออก เมื่อเขามาถึงอาคารบนยอดเขา ได้พบว่ามีสองสามคนที่อยู่ในบ้าน ซ่งจงระมัดระวังตัวพร้อมกับหลบซ่อนตัวเองทันที


ในขณะนั้น ห้องโถงเต็มไปด้วยผู้คนในทีม รวมไปถึงแม่มดเปลือยกายที่หลบหนีไปคนแรก ซูหยู่ ซูหยุ่น หิน และตาเฒ่าพิษ


แม่มดเปลือยกายนั่งอยู่หัวโต๊ะอย่างเย่อหยิ่ง ราวกับว่าอำนาจได้กลับสู่มือนางแล้ว ด้านหน้าของนางคือตาเฒ่าพิษผู้คดโกง สำหรับหินเขายังคงทำตัวไม่แยแสสิ่งใดโดยสมบูรณ์ อย่างไรก็ตามซูหยู่และซูหยุนมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกลัว ราวกับว่าในตอนนี้มีเรื่องเลวร้ายกำลังจะเกิดขึ้นกับพวกเขา


“พวกเจ้าทั้งคู่จงฟัง ถ้าหากข้าสั่งให้เจ้าหลับนอนกับนักบวชดำ เจ้าควรจะไป และพวกเจ้าจะต้องบริการเขาให้ดี! ถ้าหากเจ้าไม่ทำ ข้าจะทำให้เจ้าได้รู้ว่าฉายาแม่มดเปลือยกายไม่ได้เป็นเพียงชื่อเล่น!” แม่มดเปลือยกายกล่าวออกมาอย่างเย็นชา


บทที่ 230: พบกับแม่มดอีกครั้ง


“ฮี่ฮี่!” ตาเฒ่าพิษที่ยืนอยู่ด้านข้างหัวเราะออกมาอย่างชั่วร้ายพร้อมกล่าวว่า “ที่จริงแล้วมันก็ไม่น่ากังวลมากนัก เพียงแค่อ้าขาของเจ้าก็สามารถแลกเปลี่ยนหินจิตวิญญาณได้มากมาย แน่นอนว่ามันจะทำกำไรมากมายให้กับเจ้า!”


“ไร้สาระ พวกเจ้ามองว่าเราสองคนเป็นแบบไหนกัน?” ซูหยู่และซูหย่นทั้งสองตอบกลับอย่างอึดอัดใจ


“ข้าปฏิบัติกับเจ้าในฐานะอีตัวคนหนึ่ง!” แม่มดเปลือยกายกล่าวออกมาอย่างเยือกเย็น “ข้าจะบอกอะไรให้เจ้านะ เมื่อข้ากล่าวออกไปแล้ว ข้าแนะนำให้พวกเจ้าทั้งสองทำตามจะดีกว่า ก่อนที่ข้าจะโกรธ!”


“เจ้า… ไม่เกรงกลัวว่าศิษย์น้องซ่งจะกลับมาและคุกคามเจ้างั้นหรือ?” ทั้งสองกล่าวออกไปพร้อมกับร่างกายที่เริ่มสั่น


“ฮ่าฮ่า!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น แม่มดเปลือยกายหัวเราะออกมาทันทีพร้อมกล่าวว่า “พวกเจ้าช่างไร้เดียงสา คิดว่าเจ้าไขมันบัดซบผู้นั้นมันเป็นอมตะงั้นหรือ? การที่มันหลบหนีจากอินทรีย์สายฟ้าได้นับว่าเป็นปาฏิหาริย์ แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับราชาฉลามดำด้วยตัวคนเดียวล่ะ? ถ้าหากมันสามารถมีชีวิตกลับมาได้ ข้าผู้นี้จะยอมคุกเข่าลงบนพื้นและเลียเท้าของมันดังเช่นสุนัขรับใช้!”


แม่มดเปลือยกายกล่าวออกมาเช่นนั้นพร้อมกับมองไปที่ประตูอย่างรวดเร็ว จากนั้นนางกรีดร้องออกมาอย่างเกรงกลัว


ผู้คนที่อยู่โดยรอบล้วนแต่ตื่นตระหนกพร้อมหันมองไป ทั้งหมดเข้าใจสถานการณ์ทันที ซ่งจงนั้นยืนอยู่ที่ประตูตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่มีใครรู้ได้ แม้ว่าเสื้อคลุมของเขาจะมีสภาพที่ย่ำแย่ และร่างกายของเขาเต็มไปด้วยร่องรอยฟกช้ำ อย่างไรก็ตามใบหน้าและดวงตาของเขายังแสดงออกถึงอารมณ์ที่สดใส ราวกับดวงดาวที่ระยิบระยับในฤดูหนาว ดวงตาของเขามองทะลุในหัวใจของทุกคนอย่างเยือกเย็น


เมื่อเห็นว่าซ่งจงปรากฏตัวขึ้น แฝดทั้งสองรู้สึกมีความสุขอย่างช่วยไม่ได้ ทั้งสองกระโดดเข้าไปกอดแขนเขาอย่างรวดเร็วและร้องไห้ออกมาอย่างมีความสุข


หลังจากที่กลับมา พวกนางเปิดเผยรูปลักษณ์ที่แท้จริงออก ผู้คนมากมายเริ่มต้องการร่างกายของพวกนาง โชคดีที่แม้ว่าซ่งจงจะไม่ได้อยู่ตรงนั้น แต่ศักดิ์ศรีของเขาที่สร้างไว้เพื่อให้ทุกคนหลบหนีจากอินทรีย์สายฟ้านั้นยังคงอยู่ พร้อมทั้งปลดปล่อยทุกคนออกมาจากการควบคุมของราชาฉลามดำ ทุกคนคิดว่าเขาจะกลับมาโดยเร็ว ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีใครกล้าคิดจะทำร้ายหญิงสาวทั้งสอง


อย่างไรก็ตามเมื่อเวลาผ่านไปและซ่งจงไม่กลับมา และความจริงที่ผู้ฝึกตนหลายต่อหลายคนได้เห็นว่าราชาฉลามดำนั้นวางแนวป้องกันอยู่รอบทะเลแห่งความสับสน ทุกคนจึงเชื่อว่าซ่งจงนั้นถูกบีบบังคับให้หนีเข้าไปในทะเลแห่งความสับสน


ด้วยความน่าเกรงขามของทะเลแห่งความสับสน ทุกคนเริ่มคิดว่าซ่งจงนั้นถูกขังอยู่ด้านใน ทั้งหมดคิดทันทีว่าเขาจะต้องตายตกไปอย่างแน่นอน รวมกับเหตุผลที่เวลาผ่านมาเนิ่นนานกว่าหนึ่งเดือน ทำให้ทุกคนลืมการมีตัวตนของเขาไปอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นเหล่าผู้ฝึกตนมากมายจึงต้องการตัวของซูหยู่และซูหยุนอย่างมาก


ผู้นำกลุ่มในตอนนี้คือแม่มดเปลือยกาย ไม่เพียงแต่นางไม่สามารถปกป้องหญิงสาวทั้งสองได้ เป็นนางเองที่ผลักหญิงสาวทั้งสองลงไปในกองไฟ และเปิดการประมูลสำหรับการมีคืนแรกกับฝาแฝดทั้งสองคนนี้ แน่นอนว่ารายได้ทั้งหมดจะต้องเป็นของแม่มดเปลือยกาย ส่วนแบ่งที่ซูหยู่และซูหยุนได้รับนั้นน้อยนิดอย่างมาก สิ่งนี้กล่าวได้ว่าเป็นการขายตัวภายในกลุ่ม!


ในวันนี้แม่มดเปลือยกายได้พบเจอกับผู้ซื้อที่มีกำลัง นั่นก็คือนักบวชดำจากทีมปฐมภูมิที่แข็งแกร่งที่สุดในทะเลตะวันออก ดังนั้นแม่มดเปลือยกายจึงเริ่มที่จะกดดันหญิงสาวทั้งสอง


แต่น่าเสียดายที่นางไม่ได้รับรู้ถึงการมาของซ่งจงแม้แต่น้อย และยิ่งกว่านั้นนางได้กล่าวประโยคสุดท้ายออกไปแล้ว แน่นอนว่าสิ่งนี้เปรียบเสมือนการฆ่าตัวตายอย่างแท้จริง


ในขณะที่แม่มดเปลือยกายได้สูญเสียคำพูดทั้งหมดไปอย่างสมบูรณ์ ซ่งจงกลับรู้สึกตรงข้าม เขายิ้มให้กับซูหยู่และซูหยุนอย่างอ่อนโยนเพื่อปลอบใจพวกนาง หลังจากนั้นเขาเดินไปหาแม่มดเปลือยกายพร้อมกับรอยยิ้มชั่วร้ายทันที เขาจ้องหน้านางอย่างเย็นชาและไม่กล่าวสิ่งใดออกมาแม้แต่คำเดียว แม่มดเปลือยกายหวาดกลัวและรีบลุกออกจากที่นั่งของตนอย่างรวดเร็ว


ซ่งจงนั่งลงที่หัวโต๊ะอย่างรวดเร็วด้วยความพอใจ พร้อมกับยกเท้าขึ้นมาวางบนโต๊ะตรงหน้าและกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “ข้ากลับมาแล้ว ดูเหมือนว่าข้าได้ยินว่ามีใครบางคนต้องการจะเลียเท้าของข้า อยากรู้เหลือเกินว่าผู้ใด?!”


เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนั้นต่างปิดปากของตนเองเพื่อไม่ให้เสียงหัวเราะหลุดออก ใบหน้าของแม่มดเปลือยกายเปลี่ยนไปทันทีก่อนที่จะกล่าวออกมาอย่างลำบากใจ “ข้า ข้าเพียงแค่ล้อเล่น!”


“แต่ข้าไม่ตลกด้วย!” ซ่งจงตอบกลับอย่างเยือกเย็น “ถ้าเจ้ารู้ว่าอะไรที่ทำแล้วเป็นเรื่องดี เจ้าจงรักษาสัญญาเสีย หรือว่าเจ้าอยากเห็นพลังของบิดาผู้นี้เสียก่อน!”


“ซ่งจง!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น แม่มดเปลือยกายได้แต่กรีดร้องออกมา “อย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่เกินไป!”


“เหอะ!” ซ่งจงยิ้มออกมา “ข้าเพียงแค่บอกให้เจ้ารักษาคำพูด ถ้าหากเจ้าสามารถบังคับให้ศิษย์พี่ทั้งสองไปขายตัวได้ แล้วทำไมข้าจะให้เจ้าเลียเท้าข้าไม่ได้ล่ะ?”


“เจ้า!” เมื่อได้ยินประโยคนี้ แม่มดเปลือยกายหมดคำพูดทันที


“เอาล่ะ ข้าไม่สามารถอดทนถกเถียงกับเจ้าได้อีกต่อไป วันที่ผ่านมาเจ้าหลบหนีไปผู้เดียวก่อนที่จะเริ่มต่อสู้ และในวันนี้เจ้าบังคับศิษย์พี่หญิงทั้งสองคน ถ้าหากข้าไม่สั่งสอนเจ้าในวันนี้ คงไม่มีผู้ใดคิดจะทำตามกฎของข้าอีกต่อไป!” ซ่งจงกล่าวออกมา “เช่นนี้แล้วกัน ถ้าหากเจ้าทำตามที่ได้พ่นวาจาไว้เมื่อครู่ ข้าจะยอมยกโทษให้และจบกันไป แต่ถ้าหากเจ้าต่อต้านข้าจะทุบกระดูกของเจ้าทีละชิ้น!”


“เหอะ!” แม่มดเปลือยกายโกรธจัดพร้อมกล่าวออกมา “ซ่งจง เจ้านั้นไม่รู้ว่าอะไรนั้นเหมาะสมกับเจ้า ข้าคือแม่มดเปลือยกายที่สามารถรอดพ้นจากภัยพิบัติมาได้ตั้งแต่เด็กยันแก่ เพียงความแข็งแกร่งที่เจ้ามีจะสามารถทำอะไรข้าได้?”


“เหอะ!” ซ่งจงโบกมือพร้อมกับเสียงหัวเราะที่เย็นชาของเขา จากนั้นเกิดเป็นอสูรกายขนาดมหึมาปรากฏขึ้นในห้องโถง มันคือซากของราชาฉลามดำนั่นเอง! แม้ว่าห้องโถงนี้จะกว้างใหญ่ แต่เมื่อสิ่งนี้ถูกนำออกมา มันเบียดเสียดแน่นเต็มห้องโถงทันที ทุกคนตกใจทันทีเมื่อเห็นซ่งจงทำเช่นนี้ ทั้งหมดจ้องมองไปที่ศพและรู้ได้ทันทีว่ามันคือสิ่งใด


“สวรรค์ นี่มันราชาฉลามดำไม่ใช่หรือ?” ซูหยู่และซูหยุ่นอุทานออกมาด้วยความตกใจ


“แน่นอนไม่ผิดอย่างแน่นอน มันเป็นเขา! ดูที่ศีรษะของเขาและออร่าที่พุ่งออกมา มันคือราชาฉลามดำอย่างแน่นอน!” ตาเฒ่าพิษอุทานออกมา


แม้ว่าแม่มดเปลือยกายจะตกใจมากเพียงใดแต่นางก็ไม่ลืมที่จะดูว่าราชาฉลามดำบาดเจ็บตรงไหน ช่วงเวลาที่นางกำลังตรวจสอบ นางตกใจทันที ราชาฉลามดำที่มีชื่อเสียงด้านการฝึกตนประเภทเพาะกาย ร่างกายของเขาแข็งแกร่งและฝึกฝนมานานนับพันปี แต่ในตอนนี้กระดูกทั้งหมดแตกหักและผิวหนังไม่สามารถยึดเกาะกับสิ่งใดได้อีกต่อไป เห็นได้ชัดว่าเขาตายตกไปอย่างโหดร้าย!


แม่มดเปลือยกายแทบที่จะไม่เชื่อสายตาของตนเอง อสูรกายระดับสูงสุดของขั้นที่ห้าซึ่งเทียบเท่ากับผู้ฝึกตนระดับจินตันขั้นสมบูรณ์! เขาแข็งแกร่งเกินกว่าที่จะกลายเป็นศพและอยู่ตรงหน้าของนาง ในตอนนี้จะไม่ให้นางหวั่นใจได้อย่างไร!


ซ่งจงหัวเราะออกมาอย่างเยือกเย็น “ไอ้บัดซบนี้ถูกทุบตีจนตายด้วยมือของข้า ถ้าหากเจ้าต้องการที่จะยั่วยุข้าต่อ ข้าก็จะยอมเคลื่อนไหวแขนขาอีกครั้ง!”


เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนั้น ทั้งหมดตื่นตัวทันที! แม้ทั้งหมดจะรู้ว่าราชาฉลามดำตายตกไปในมือของซ่งจง แต่ทุกสิ่งนั้นยังน่าตกใจอยู่ดีเพราะสาเหตุที่ราชาฉลามดำตายไม่ใช่เพราะสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ แต่ตายเพราะถูกประหารโดยหมัดของซ่งจงเท่านั้น! ซ่งจงนั้นไม่ได้เป็นผู้ฝึกตนสายฟ้างั้นหรือ?


แม่มดเปลือยกายหน้าซีดทันทีและความเย่อหยิ่งทั้งหมดของนางได้หมดไป นางรีบกล่าวอ้อนวอนอย่างรวดเร็ว “ศิษย์น้องซ่ง ทาสผู้นี้รู้ความผิดของตนเองแล้วได้โปรดเมตตาข้าด้วย!”


“เหอะ แล้วเจ้ามีความเมตตาต่อซูหยู่และซูหยุนหรือไม่?” ซ่งจงตอบกลับอย่างเยือกเย็น


“เรื่องนั้น… คือว่า…” สำหรับแม่มดเปลือยกายที่ได้ยินเช่นนั้น นางพูดอะไรไม่ออก แต่นางไม่ต้องการที่จะเลียนิ้วเท้าของซ่งจง มันจะกลายเป็นความอัปยศในชีวิตที่เหลือของนางและไม่สามารถทำให้นางเชิดหน้าของตนเองขึ้นมาพบผู้ใดได้อีก


อย่างไรก็ตามซูหยู่และซูหยุนนั้นเป็นคนใจอ่อน ช่วงเวลาที่นางเห็นว่าแม่มดเปลือยกายนั้นน่าสงสารเพียงใด พวกนางไม่สามารถอดทนต่อไปได้พร้อมกับขอร้องซ่งจงทันที “ศิษย์น้องซ่ง อา ไม่สิ! พวกเราควรจะเรียกเจ้าว่าศิษย์พี่ซ่ง!”


ทั้งคู่พบว่าซ่งจงนั้นเข้าสู่ระดับปฐมภูมิขั้นสมบูรณ์แล้วและอยู่สูงกว่าพวกนาง ดังนั้นจึงรีบเปลี่ยนสรรพนามทันที “ฮ่าฮ่า ไม่ต้องคิดมากหรอกว่าจะเรียกข้าอย่างไร!” เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาหัวเราะและตอบกลับด้วยรอยยิ้ม


“ไม่ได้ พวกเราไม่สามารถขัดขืนกฎได้!” ซูหยู่และซูหยุนกล่าวออกมา “ศิษย์พี่ซ่ง แม้ว่าหัวหน้าจะทำผิดแต่ดูเหมือนว่าการที่ท่านจะให้นางทำเช่นนั้นออกจะมากเกินไป! ท่านสามารถละเว้นได้หรือไม่?”


“เหอะ! เจ้าทั้งสองนั้นใจอ่อนเกินไปแล้ว!” เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “ลืมมันไป ถ้าหากเจ้าทั้งสองอ้อนวอนแทนนาง ข้าจะยอมปล่อยนางไปสักครั้ง แต่ว่าในการต่อสู้นางได้หลบหนีและทิ้งกลุ่มไป ข้าจะต้องสั่งสอนบทเรียนให้กับนางสักหน่อย ไม่เช่นนั้นกลุ่มคงไม่สามารถประสบความสำเร็จได้ในอนาคต!”


“เรื่องนั้นพวกเรารู้ดี แต่พวกเราต้องการให้ท่านเปลี่ยนวิธีลงโทษ! สิ่งใดก็ได้ที่ไม่สร้างความอัปยศให้แก่นาง!” ทั้งสองกล่าวออกมา


“ย่อมได้!” ซ่งจงพยักหน้า จากนั้นเขาหันหน้ามาหาแม่มดเปลือยกายพร้อมกล่าวว่า “นังสารเลว เป็นเพราะซูหยู่และซูหยุนที่ขอร้องแทนเจ้า ในครั้งนี้ข้าจะปล่อยเจ้าไป แต่เจ้าจะต้องถูกแขวนและโบยร้อยครั้งเพื่อสั่งสอนถึงการกระทำที่เจ้าหลบหนีการต่อสู้ ตกลงหรือไม่!”


“ตกลง ข้าตกลง!” แม่มดเปลือยกายกล่าวออกมาอย่างรวดเร็ว การถูกโบยนั้นดีกว่าการเลียนิ้วเท้าซ่งจงมากนัก


อย่างไรก็ตามเมื่อซ่งจงได้จบเรื่องนั้นไปแล้ว เขากล่าวต่อด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย “เจ้าไม่ควรจะมีความสุขเร็วเกินไป ข้านั้นจำคำพูดของเจ้าในวันนี้ได้ดี ถ้าหากเจ้ายังกล้าที่จะท้าทายข้าอีกครั้ง แน่นอนว่าเจ้าจะต้องเลียนิ้วเท้าของข้าอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง และไม่ว่าผู้ใดก็ไม่สามารถอ้อนวอนแทนเจ้าได้! เข้าใจไหม?”


“เข้าใจ ข้าเข้าใจแล้ว ทาสผู้นี้เข้าใจแล้ว! ข้าจะไม่ทำเช่นนั้นอย่างแน่นอน!” แม่มดเปลือยกายอ้อนวอนอย่างน่าสงสาร แม้ว่าสภาพของนางจะน่าสงสาร ซ่งจงนั้นรู้ดีว่านางไม่ได้เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย นางจะต้องสร้างเรื่องอีกแน่นอน จาดนั้นเขาเลิกคิดอะไรและโบกมืออย่างไม่สนใจ “หิน ดำเนินการลงโทษนางด้วยการโบยหนึ่งร้อยครั้ง ไม่ต้องแสดงความเมตตาแต่อย่างใด!”


“ตกลง!” หลังจากที่ซ่งจงนั้นได้ช่วยชีวิตเขาไว้ถึงสองครั้ง แน่นอนว่าหินนั้นยืนอยู่ข้างซ่งจงอย่างสมบูรณ์ ในขณะที่เขาได้ยินคำสั่งของซ่งจง เขาคว้าคอของแม่มดเปลือยกายพร้อมกับปิดผนึกวิชาของนางอย่างรวดเร็วและไม่ลังเลสิ่งใด จากนั้นเขาแขวนนางไว้และหยิบแส้ของตนเองออกมา เขาไม่แสดงความสงสารแม้แต่น้อยตั้งแต่ที่ซ่งจงอนุญาตให้เขาปลดปล่อยทุกอย่างได้ ซ่งจงนั้นสั่งให้เขาโบยนางหนึ่งร้อยครั้ง แน่นอนว่าถ้าหากไม่มีใครมองอยู่ เขาจะทำมากกว่านั้น!


ในตอนสุดท้าย ร่างกายของแม่มดเปลือยกายนั้นเต็มไปด้วยเลือดและกรีดร้องออกมาอย่างน่าเวทนา แต่เสียงร้องของนางนั้นหาได้นับเป็นสิ่งใด หลังจากที่หินโบยนางเสร็จแล้ว เขาปลดผนึกการฝึกฝนของนางและปล่อยนางทิ้งไว้เช่นนั้น แม่มดเปลือยกายปลดปล่อยตนเองพร้อมกับแบกรับความเจ็บปวดนั้นไว้


ในขณะที่แม่มดเปลือยกายกำลังถูกลงโทษ ซ่งจงนั้นถามหญิงสาวทั้งสองเกี่ยวกับเรื่องราวของมู่ซื่อหรง ไม่ต้องสงสัยเลยหลังจากที่มู่ซื่อหรงตื่นขึ้นมา ความคิดของนางเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคนและสาปแช่งซ่งจงอย่างรุนแรง นางหนีออกไปโดยไม่ปรึกษาใคร ในตอนนี้ไม่มีใครรู้ว่านางอยู่ที่ไหน อย่างไรก็ตามซ่งจงคาดเดาไว้แล้วว่านางน่าจะกลับบ้าน


สำหรับตอนจบของเรื่องนี้ ซ่งจงนั้นเตรียมใจมานานมากแล้วและไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นแต่อย่างใด เขาปลดปล่อยเรื่องนี้ไปอย่างไม่สนใจและเริ่มถามเกี่ยวกับข่าวคราวล่าสุดภายในทะเลตะวันออก


ตามที่คิดไว้ ซ่งจงได้รู้ตัวแล้วว่าเขาได้สร้างปัญหามากมายให้กับซูหยู่และซูหยุน อย่างแรกคืออินทรีย์สายฟ้าถูกปลดออกจากตำแหน่งในจักรวรรดิทะเลตะวันออกเนื่องจากนางได้สร้างความเสื่อมเสียชื่อเสียงให้กับพวกพ้อง


แม้ว่าเรื่องตำแหน่งจะไร้สาระสำหรับนาง แต่ใบหน้าของนางถูกฉีกอย่างไม่เหลือชิ้นดี เพื่อที่จะฟื้นคืนภาพลักษณ์ของตนเอง หญิงสาวผู้นี้กระทำตนราวกับคนบ้า นางออกสำรวจทะเลตะวันออกซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ว่าผู้ใดที่ได้พบกับนาง ไม่อาจหลบหนีความตายได้


ในเวลาหนึ่งเดือน มีผู้ฝึกตนราวห้าร้อยคนตายตกไปเพราะนาง เหล่ากลุ่มพันธมิตรทะเลตะวันออกไม่สามารถทำสิ่งใดได้ ทำได้เพียงการส่งจดหมายเตือนถ้าหากต้องออกเดินทางสู่ทะเลให้ระมัดระวังเป็นพิเศษ หลายทีมไม่มีกำลังใจที่จะออกไปทำภารกิจและเริ่มละทิ้งทุกอย่าง ทุกคนมุ่งเน้นไปที่การฝึกฝนอยู่ในบ้านเพียงอย่างเดียว


สำหรับภารกิจที่ยังไม่เสร็จสิ้น ทั้งหมดทำได้เพียงกัดฟันและทำมันต่อไปแม้ว่าจะมีความตายรออยู่เบื้องหน้า แน่นอนว่าในตอนนี้มีใครหลายคนกำลังสาปแช่งซ่งจงอยู่ในทุกลมหายใจของพวกเขา


อย่างไรก็ตามก็มีหลายคนที่ปฏิบัติตัวอย่างดีกับซ่งจง ไม่ใช่เพียงผู้ฝึกตนที่ได้ถูกช่วยเหลือไว้จากอินทรีย์สายฟ้า แต่เป็นเหล่าบุคคลที่ต้องสูญเสียทีมของตนเองไปเมื่อพบเจอกับอินทรีย์สายฟ้า และเหล่าผู้คนที่ชื่นชมในความสามารถของซ่งจงที่สามารถเผชิญหน้ากับอินทรีย์สายฟ้าได้อย่างเท่าเทียม


อีกทั้งซ่งจงยังช่วยเหลือผู้คนไว้มากมาย สิ่งนี้ทำให้กลุ่มพันธมิตรทะเลตะวันออกส่งจดหมายพิเศษมาเพื่อขอบคุณเขา และยกให้เขาเป็นต้นแบบในทะเลตะวันออก ดังนั้นทั้งหมดจึงคิดว่าถ้าหากซ่งจงกลับมา เขาจะต้องได้รับการยกย่อง!


แน่นอนว่าเหล่าผู้ฝึกตนปีศาจนั้นคิดว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องไร้สาระ โดยเฉพาะเรื่องที่ซ่งจงจะกลับมา ผู้คนส่วนมากคิดเพียงมันเป็นสิ่งที่กล่าวเพื่อปลอบใจคนตายเท่านั้น


อย่างไรก็ตามในตอนนี้ซ่งจงได้กลับมาแล้ว และได้ยินว่ากลุ่มพันธมิตรทะเลตะวันออกจะมอบรางวับให้กับเขา เขาอดรู้สึกสั่นไหวในใจไม่ได้พร้อมคิดกับตนเอง การที่กลุ่มพันธมิตรทะเลตะวันออกนั้นกล่าวยกย่องเขาเช่นนี้ ของรางวัลจะต้องไม่ใช่ขยะ เนื่องจากทั้งหมดที่กล่าวมาไม่ใช่เพียงซ่งจงช่วยเหลือผู้ฝึกตนทั้งห้าสิบคน แต่หนึ่งในนั้นคือนักรบที่อยู่ในระดับจินตัน


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ


Facebook Fanpage กดเลย


••••••••••••••••••••


นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล


สารบัญ ARK


สารบัญ อาณาจักรวิญญาณ


••••••••••••••••••••


บทที่ 230: พบกับแม่มดอีกครั้ง


“ฮี่ฮี่!” ตาเฒ่าพิษที่ยืนอยู่ด้านข้างหัวเราะออกมาอย่างชั่วร้ายพร้อมกล่าวว่า “ที่จริงแล้วมันก็ไม่น่ากังวลมากนัก เพียงแค่อ้าขาของเจ้าก็สามารถแลกเปลี่ยนหินจิตวิญญาณได้มากมาย แน่นอนว่ามันจะทำกำไรมากมายให้กับเจ้า!”


“ไร้สาระ พวกเจ้ามองว่าเราสองคนเป็นแบบไหนกัน?” ซูหยู่และซูหย่นทั้งสองตอบกลับอย่างอึดอัดใจ


“ข้าปฏิบัติกับเจ้าในฐานะอีตัวคนหนึ่ง!” แม่มดเปลือยกายกล่าวออกมาอย่างเยือกเย็น “ข้าจะบอกอะไรให้เจ้านะ เมื่อข้ากล่าวออกไปแล้ว ข้าแนะนำให้พวกเจ้าทั้งสองทำตามจะดีกว่า ก่อนที่ข้าจะโกรธ!”


“เจ้า… ไม่เกรงกลัวว่าศิษย์น้องซ่งจะกลับมาและคุกคามเจ้างั้นหรือ?” ทั้งสองกล่าวออกไปพร้อมกับร่างกายที่เริ่มสั่น


“ฮ่าฮ่า!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น แม่มดเปลือยกายหัวเราะออกมาทันทีพร้อมกล่าวว่า “พวกเจ้าช่างไร้เดียงสา คิดว่าเจ้าไขมันบัดซบผู้นั้นมันเป็นอมตะงั้นหรือ? การที่มันหลบหนีจากอินทรีย์สายฟ้าได้นับว่าเป็นปาฏิหาริย์ แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับราชาฉลามดำด้วยตัวคนเดียวล่ะ? ถ้าหากมันสามารถมีชีวิตกลับมาได้ ข้าผู้นี้จะยอมคุกเข่าลงบนพื้นและเลียเท้าของมันดังเช่นสุนัขรับใช้!”


แม่มดเปลือยกายกล่าวออกมาเช่นนั้นพร้อมกับมองไปที่ประตูอย่างรวดเร็ว จากนั้นนางกรีดร้องออกมาอย่างเกรงกลัว


ผู้คนที่อยู่โดยรอบล้วนแต่ตื่นตระหนกพร้อมหันมองไป ทั้งหมดเข้าใจสถานการณ์ทันที ซ่งจงนั้นยืนอยู่ที่ประตูตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่มีใครรู้ได้ แม้ว่าเสื้อคลุมของเขาจะมีสภาพที่ย่ำแย่ และร่างกายของเขาเต็มไปด้วยร่องรอยฟกช้ำ อย่างไรก็ตามใบหน้าและดวงตาของเขายังแสดงออกถึงอารมณ์ที่สดใส ราวกับดวงดาวที่ระยิบระยับในฤดูหนาว ดวงตาของเขามองทะลุในหัวใจของทุกคนอย่างเยือกเย็น


เมื่อเห็นว่าซ่งจงปรากฏตัวขึ้น แฝดทั้งสองรู้สึกมีความสุขอย่างช่วยไม่ได้ ทั้งสองกระโดดเข้าไปกอดแขนเขาอย่างรวดเร็วและร้องไห้ออกมาอย่างมีความสุข


หลังจากที่กลับมา พวกนางเปิดเผยรูปลักษณ์ที่แท้จริงออก ผู้คนมากมายเริ่มต้องการร่างกายของพวกนาง โชคดีที่แม้ว่าซ่งจงจะไม่ได้อยู่ตรงนั้น แต่ศักดิ์ศรีของเขาที่สร้างไว้เพื่อให้ทุกคนหลบหนีจากอินทรีย์สายฟ้านั้นยังคงอยู่ พร้อมทั้งปลดปล่อยทุกคนออกมาจากการควบคุมของราชาฉลามดำ ทุกคนคิดว่าเขาจะกลับมาโดยเร็ว ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีใครกล้าคิดจะทำร้ายหญิงสาวทั้งสอง


อย่างไรก็ตามเมื่อเวลาผ่านไปและซ่งจงไม่กลับมา และความจริงที่ผู้ฝึกตนหลายต่อหลายคนได้เห็นว่าราชาฉลามดำนั้นวางแนวป้องกันอยู่รอบทะเลแห่งความสับสน ทุกคนจึงเชื่อว่าซ่งจงนั้นถูกบีบบังคับให้หนีเข้าไปในทะเลแห่งความสับสน


ด้วยความน่าเกรงขามของทะเลแห่งความสับสน ทุกคนเริ่มคิดว่าซ่งจงนั้นถูกขังอยู่ด้านใน ทั้งหมดคิดทันทีว่าเขาจะต้องตายตกไปอย่างแน่นอน รวมกับเหตุผลที่เวลาผ่านมาเนิ่นนานกว่าหนึ่งเดือน ทำให้ทุกคนลืมการมีตัวตนของเขาไปอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นเหล่าผู้ฝึกตนมากมายจึงต้องการตัวของซูหยู่และซูหยุนอย่างมาก


ผู้นำกลุ่มในตอนนี้คือแม่มดเปลือยกาย ไม่เพียงแต่นางไม่สามารถปกป้องหญิงสาวทั้งสองได้ เป็นนางเองที่ผลักหญิงสาวทั้งสองลงไปในกองไฟ และเปิดการประมูลสำหรับการมีคืนแรกกับฝาแฝดทั้งสองคนนี้ แน่นอนว่ารายได้ทั้งหมดจะต้องเป็นของแม่มดเปลือยกาย ส่วนแบ่งที่ซูหยู่และซูหยุนได้รับนั้นน้อยนิดอย่างมาก สิ่งนี้กล่าวได้ว่าเป็นการขายตัวภายในกลุ่ม!


ในวันนี้แม่มดเปลือยกายได้พบเจอกับผู้ซื้อที่มีกำลัง นั่นก็คือนักบวชดำจากทีมปฐมภูมิที่แข็งแกร่งที่สุดในทะเลตะวันออก ดังนั้นแม่มดเปลือยกายจึงเริ่มที่จะกดดันหญิงสาวทั้งสอง


แต่น่าเสียดายที่นางไม่ได้รับรู้ถึงการมาของซ่งจงแม้แต่น้อย และยิ่งกว่านั้นนางได้กล่าวประโยคสุดท้ายออกไปแล้ว แน่นอนว่าสิ่งนี้เปรียบเสมือนการฆ่าตัวตายอย่างแท้จริง


ในขณะที่แม่มดเปลือยกายได้สูญเสียคำพูดทั้งหมดไปอย่างสมบูรณ์ ซ่งจงกลับรู้สึกตรงข้าม เขายิ้มให้กับซูหยู่และซูหยุนอย่างอ่อนโยนเพื่อปลอบใจพวกนาง หลังจากนั้นเขาเดินไปหาแม่มดเปลือยกายพร้อมกับรอยยิ้มชั่วร้ายทันที เขาจ้องหน้านางอย่างเย็นชาและไม่กล่าวสิ่งใดออกมาแม้แต่คำเดียว แม่มดเปลือยกายหวาดกลัวและรีบลุกออกจากที่นั่งของตนอย่างรวดเร็ว


ซ่งจงนั่งลงที่หัวโต๊ะอย่างรวดเร็วด้วยความพอใจ พร้อมกับยกเท้าขึ้นมาวางบนโต๊ะตรงหน้าและกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “ข้ากลับมาแล้ว ดูเหมือนว่าข้าได้ยินว่ามีใครบางคนต้องการจะเลียเท้าของข้า อยากรู้เหลือเกินว่าผู้ใด?!”


เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนั้นต่างปิดปากของตนเองเพื่อไม่ให้เสียงหัวเราะหลุดออก ใบหน้าของแม่มดเปลือยกายเปลี่ยนไปทันทีก่อนที่จะกล่าวออกมาอย่างลำบากใจ “ข้า ข้าเพียงแค่ล้อเล่น!”


“แต่ข้าไม่ตลกด้วย!” ซ่งจงตอบกลับอย่างเยือกเย็น “ถ้าเจ้ารู้ว่าอะไรที่ทำแล้วเป็นเรื่องดี เจ้าจงรักษาสัญญาเสีย หรือว่าเจ้าอยากเห็นพลังของบิดาผู้นี้เสียก่อน!”


“ซ่งจง!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น แม่มดเปลือยกายได้แต่กรีดร้องออกมา “อย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่เกินไป!”


“เหอะ!” ซ่งจงยิ้มออกมา “ข้าเพียงแค่บอกให้เจ้ารักษาคำพูด ถ้าหากเจ้าสามารถบังคับให้ศิษย์พี่ทั้งสองไปขายตัวได้ แล้วทำไมข้าจะให้เจ้าเลียเท้าข้าไม่ได้ล่ะ?”


“เจ้า!” เมื่อได้ยินประโยคนี้ แม่มดเปลือยกายหมดคำพูดทันที


“เอาล่ะ ข้าไม่สามารถอดทนถกเถียงกับเจ้าได้อีกต่อไป วันที่ผ่านมาเจ้าหลบหนีไปผู้เดียวก่อนที่จะเริ่มต่อสู้ และในวันนี้เจ้าบังคับศิษย์พี่หญิงทั้งสองคน ถ้าหากข้าไม่สั่งสอนเจ้าในวันนี้ คงไม่มีผู้ใดคิดจะทำตามกฎของข้าอีกต่อไป!” ซ่งจงกล่าวออกมา “เช่นนี้แล้วกัน ถ้าหากเจ้าทำตามที่ได้พ่นวาจาไว้เมื่อครู่ ข้าจะยอมยกโทษให้และจบกันไป แต่ถ้าหากเจ้าต่อต้านข้าจะทุบกระดูกของเจ้าทีละชิ้น!”


“เหอะ!” แม่มดเปลือยกายโกรธจัดพร้อมกล่าวออกมา “ซ่งจง เจ้านั้นไม่รู้ว่าอะไรนั้นเหมาะสมกับเจ้า ข้าคือแม่มดเปลือยกายที่สามารถรอดพ้นจากภัยพิบัติมาได้ตั้งแต่เด็กยันแก่ เพียงความแข็งแกร่งที่เจ้ามีจะสามารถทำอะไรข้าได้?”


“เหอะ!” ซ่งจงโบกมือพร้อมกับเสียงหัวเราะที่เย็นชาของเขา จากนั้นเกิดเป็นอสูรกายขนาดมหึมาปรากฏขึ้นในห้องโถง มันคือซากของราชาฉลามดำนั่นเอง! แม้ว่าห้องโถงนี้จะกว้างใหญ่ แต่เมื่อสิ่งนี้ถูกนำออกมา มันเบียดเสียดแน่นเต็มห้องโถงทันที ทุกคนตกใจทันทีเมื่อเห็นซ่งจงทำเช่นนี้ ทั้งหมดจ้องมองไปที่ศพและรู้ได้ทันทีว่ามันคือสิ่งใด


“สวรรค์ นี่มันราชาฉลามดำไม่ใช่หรือ?” ซูหยู่และซูหยุ่นอุทานออกมาด้วยความตกใจ


“แน่นอนไม่ผิดอย่างแน่นอน มันเป็นเขา! ดูที่ศีรษะของเขาและออร่าที่พุ่งออกมา มันคือราชาฉลามดำอย่างแน่นอน!” ตาเฒ่าพิษอุทานออกมา


แม้ว่าแม่มดเปลือยกายจะตกใจมากเพียงใดแต่นางก็ไม่ลืมที่จะดูว่าราชาฉลามดำบาดเจ็บตรงไหน ช่วงเวลาที่นางกำลังตรวจสอบ นางตกใจทันที ราชาฉลามดำที่มีชื่อเสียงด้านการฝึกตนประเภทเพาะกาย ร่างกายของเขาแข็งแกร่งและฝึกฝนมานานนับพันปี แต่ในตอนนี้กระดูกทั้งหมดแตกหักและผิวหนังไม่สามารถยึดเกาะกับสิ่งใดได้อีกต่อไป เห็นได้ชัดว่าเขาตายตกไปอย่างโหดร้าย!


แม่มดเปลือยกายแทบที่จะไม่เชื่อสายตาของตนเอง อสูรกายระดับสูงสุดของขั้นที่ห้าซึ่งเทียบเท่ากับผู้ฝึกตนระดับจินตันขั้นสมบูรณ์! เขาแข็งแกร่งเกินกว่าที่จะกลายเป็นศพและอยู่ตรงหน้าของนาง ในตอนนี้จะไม่ให้นางหวั่นใจได้อย่างไร!


ซ่งจงหัวเราะออกมาอย่างเยือกเย็น “ไอ้บัดซบนี้ถูกทุบตีจนตายด้วยมือของข้า ถ้าหากเจ้าต้องการที่จะยั่วยุข้าต่อ ข้าก็จะยอมเคลื่อนไหวแขนขาอีกครั้ง!”


เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนั้น ทั้งหมดตื่นตัวทันที! แม้ทั้งหมดจะรู้ว่าราชาฉลามดำตายตกไปในมือของซ่งจง แต่ทุกสิ่งนั้นยังน่าตกใจอยู่ดีเพราะสาเหตุที่ราชาฉลามดำตายไม่ใช่เพราะสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ แต่ตายเพราะถูกประหารโดยหมัดของซ่งจงเท่านั้น! ซ่งจงนั้นไม่ได้เป็นผู้ฝึกตนสายฟ้างั้นหรือ?


แม่มดเปลือยกายหน้าซีดทันทีและความเย่อหยิ่งทั้งหมดของนางได้หมดไป นางรีบกล่าวอ้อนวอนอย่างรวดเร็ว “ศิษย์น้องซ่ง ทาสผู้นี้รู้ความผิดของตนเองแล้วได้โปรดเมตตาข้าด้วย!”


“เหอะ แล้วเจ้ามีความเมตตาต่อซูหยู่และซูหยุนหรือไม่?” ซ่งจงตอบกลับอย่างเยือกเย็น


“เรื่องนั้น… คือว่า…” สำหรับแม่มดเปลือยกายที่ได้ยินเช่นนั้น นางพูดอะไรไม่ออก แต่นางไม่ต้องการที่จะเลียนิ้วเท้าของซ่งจง มันจะกลายเป็นความอัปยศในชีวิตที่เหลือของนางและไม่สามารถทำให้นางเชิดหน้าของตนเองขึ้นมาพบผู้ใดได้อีก


อย่างไรก็ตามซูหยู่และซูหยุนนั้นเป็นคนใจอ่อน ช่วงเวลาที่นางเห็นว่าแม่มดเปลือยกายนั้นน่าสงสารเพียงใด พวกนางไม่สามารถอดทนต่อไปได้พร้อมกับขอร้องซ่งจงทันที “ศิษย์น้องซ่ง อา ไม่สิ! พวกเราควรจะเรียกเจ้าว่าศิษย์พี่ซ่ง!”


ทั้งคู่พบว่าซ่งจงนั้นเข้าสู่ระดับปฐมภูมิขั้นสมบูรณ์แล้วและอยู่สูงกว่าพวกนาง ดังนั้นจึงรีบเปลี่ยนสรรพนามทันที “ฮ่าฮ่า ไม่ต้องคิดมากหรอกว่าจะเรียกข้าอย่างไร!” เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาหัวเราะและตอบกลับด้วยรอยยิ้ม


“ไม่ได้ พวกเราไม่สามารถขัดขืนกฎได้!” ซูหยู่และซูหยุนกล่าวออกมา “ศิษย์พี่ซ่ง แม้ว่าหัวหน้าจะทำผิดแต่ดูเหมือนว่าการที่ท่านจะให้นางทำเช่นนั้นออกจะมากเกินไป! ท่านสามารถละเว้นได้หรือไม่?”


“เหอะ! เจ้าทั้งสองนั้นใจอ่อนเกินไปแล้ว!” เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “ลืมมันไป ถ้าหากเจ้าทั้งสองอ้อนวอนแทนนาง ข้าจะยอมปล่อยนางไปสักครั้ง แต่ว่าในการต่อสู้นางได้หลบหนีและทิ้งกลุ่มไป ข้าจะต้องสั่งสอนบทเรียนให้กับนางสักหน่อย ไม่เช่นนั้นกลุ่มคงไม่สามารถประสบความสำเร็จได้ในอนาคต!”


“เรื่องนั้นพวกเรารู้ดี แต่พวกเราต้องการให้ท่านเปลี่ยนวิธีลงโทษ! สิ่งใดก็ได้ที่ไม่สร้างความอัปยศให้แก่นาง!” ทั้งสองกล่าวออกมา


“ย่อมได้!” ซ่งจงพยักหน้า จากนั้นเขาหันหน้ามาหาแม่มดเปลือยกายพร้อมกล่าวว่า “นังสารเลว เป็นเพราะซูหยู่และซูหยุนที่ขอร้องแทนเจ้า ในครั้งนี้ข้าจะปล่อยเจ้าไป แต่เจ้าจะต้องถูกแขวนและโบยร้อยครั้งเพื่อสั่งสอนถึงการกระทำที่เจ้าหลบหนีการต่อสู้ ตกลงหรือไม่!”


“ตกลง ข้าตกลง!” แม่มดเปลือยกายกล่าวออกมาอย่างรวดเร็ว การถูกโบยนั้นดีกว่าการเลียนิ้วเท้าซ่งจงมากนัก


อย่างไรก็ตามเมื่อซ่งจงได้จบเรื่องนั้นไปแล้ว เขากล่าวต่อด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย “เจ้าไม่ควรจะมีความสุขเร็วเกินไป ข้านั้นจำคำพูดของเจ้าในวันนี้ได้ดี ถ้าหากเจ้ายังกล้าที่จะท้าทายข้าอีกครั้ง แน่นอนว่าเจ้าจะต้องเลียนิ้วเท้าของข้าอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง และไม่ว่าผู้ใดก็ไม่สามารถอ้อนวอนแทนเจ้าได้! เข้าใจไหม?”


“เข้าใจ ข้าเข้าใจแล้ว ทาสผู้นี้เข้าใจแล้ว! ข้าจะไม่ทำเช่นนั้นอย่างแน่นอน!” แม่มดเปลือยกายอ้อนวอนอย่างน่าสงสาร แม้ว่าสภาพของนางจะน่าสงสาร ซ่งจงนั้นรู้ดีว่านางไม่ได้เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย นางจะต้องสร้างเรื่องอีกแน่นอน จาดนั้นเขาเลิกคิดอะไรและโบกมืออย่างไม่สนใจ “หิน ดำเนินการลงโทษนางด้วยการโบยหนึ่งร้อยครั้ง ไม่ต้องแสดงความเมตตาแต่อย่างใด!”


“ตกลง!” หลังจากที่ซ่งจงนั้นได้ช่วยชีวิตเขาไว้ถึงสองครั้ง แน่นอนว่าหินนั้นยืนอยู่ข้างซ่งจงอย่างสมบูรณ์ ในขณะที่เขาได้ยินคำสั่งของซ่งจง เขาคว้าคอของแม่มดเปลือยกายพร้อมกับปิดผนึกวิชาของนางอย่างรวดเร็วและไม่ลังเลสิ่งใด จากนั้นเขาแขวนนางไว้และหยิบแส้ของตนเองออกมา เขาไม่แสดงความสงสารแม้แต่น้อยตั้งแต่ที่ซ่งจงอนุญาตให้เขาปลดปล่อยทุกอย่างได้ ซ่งจงนั้นสั่งให้เขาโบยนางหนึ่งร้อยครั้ง แน่นอนว่าถ้าหากไม่มีใครมองอยู่ เขาจะทำมากกว่านั้น!


ในตอนสุดท้าย ร่างกายของแม่มดเปลือยกายนั้นเต็มไปด้วยเลือดและกรีดร้องออกมาอย่างน่าเวทนา แต่เสียงร้องของนางนั้นหาได้นับเป็นสิ่งใด หลังจากที่หินโบยนางเสร็จแล้ว เขาปลดผนึกการฝึกฝนของนางและปล่อยนางทิ้งไว้เช่นนั้น แม่มดเปลือยกายปลดปล่อยตนเองพร้อมกับแบกรับความเจ็บปวดนั้นไว้


ในขณะที่แม่มดเปลือยกายกำลังถูกลงโทษ ซ่งจงนั้นถามหญิงสาวทั้งสองเกี่ยวกับเรื่องราวของมู่ซื่อหรง ไม่ต้องสงสัยเลยหลังจากที่มู่ซื่อหรงตื่นขึ้นมา ความคิดของนางเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคนและสาปแช่งซ่งจงอย่างรุนแรง นางหนีออกไปโดยไม่ปรึกษาใคร ในตอนนี้ไม่มีใครรู้ว่านางอยู่ที่ไหน อย่างไรก็ตามซ่งจงคาดเดาไว้แล้วว่านางน่าจะกลับบ้าน


สำหรับตอนจบของเรื่องนี้ ซ่งจงนั้นเตรียมใจมานานมากแล้วและไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นแต่อย่างใด เขาปลดปล่อยเรื่องนี้ไปอย่างไม่สนใจและเริ่มถามเกี่ยวกับข่าวคราวล่าสุดภายในทะเลตะวันออก


ตามที่คิดไว้ ซ่งจงได้รู้ตัวแล้วว่าเขาได้สร้างปัญหามากมายให้กับซูหยู่และซูหยุน อย่างแรกคืออินทรีย์สายฟ้าถูกปลดออกจากตำแหน่งในจักรวรรดิทะเลตะวันออกเนื่องจากนางได้สร้างความเสื่อมเสียชื่อเสียงให้กับพวกพ้อง


แม้ว่าเรื่องตำแหน่งจะไร้สาระสำหรับนาง แต่ใบหน้าของนางถูกฉีกอย่างไม่เหลือชิ้นดี เพื่อที่จะฟื้นคืนภาพลักษณ์ของตนเอง หญิงสาวผู้นี้กระทำตนราวกับคนบ้า นางออกสำรวจทะเลตะวันออกซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ว่าผู้ใดที่ได้พบกับนาง ไม่อาจหลบหนีความตายได้


ในเวลาหนึ่งเดือน มีผู้ฝึกตนราวห้าร้อยคนตายตกไปเพราะนาง เหล่ากลุ่มพันธมิตรทะเลตะวันออกไม่สามารถทำสิ่งใดได้ ทำได้เพียงการส่งจดหมายเตือนถ้าหากต้องออกเดินทางสู่ทะเลให้ระมัดระวังเป็นพิเศษ หลายทีมไม่มีกำลังใจที่จะออกไปทำภารกิจและเริ่มละทิ้งทุกอย่าง ทุกคนมุ่งเน้นไปที่การฝึกฝนอยู่ในบ้านเพียงอย่างเดียว


สำหรับภารกิจที่ยังไม่เสร็จสิ้น ทั้งหมดทำได้เพียงกัดฟันและทำมันต่อไปแม้ว่าจะมีความตายรออยู่เบื้องหน้า แน่นอนว่าในตอนนี้มีใครหลายคนกำลังสาปแช่งซ่งจงอยู่ในทุกลมหายใจของพวกเขา


อย่างไรก็ตามก็มีหลายคนที่ปฏิบัติตัวอย่างดีกับซ่งจง ไม่ใช่เพียงผู้ฝึกตนที่ได้ถูกช่วยเหลือไว้จากอินทรีย์สายฟ้า แต่เป็นเหล่าบุคคลที่ต้องสูญเสียทีมของตนเองไปเมื่อพบเจอกับอินทรีย์สายฟ้า และเหล่าผู้คนที่ชื่นชมในความสามารถของซ่งจงที่สามารถเผชิญหน้ากับอินทรีย์สายฟ้าได้อย่างเท่าเทียม


อีกทั้งซ่งจงยังช่วยเหลือผู้คนไว้มากมาย สิ่งนี้ทำให้กลุ่มพันธมิตรทะเลตะวันออกส่งจดหมายพิเศษมาเพื่อขอบคุณเขา และยกให้เขาเป็นต้นแบบในทะเลตะวันออก ดังนั้นทั้งหมดจึงคิดว่าถ้าหากซ่งจงกลับมา เขาจะต้องได้รับการยกย่อง!


แน่นอนว่าเหล่าผู้ฝึกตนปีศาจนั้นคิดว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องไร้สาระ โดยเฉพาะเรื่องที่ซ่งจงจะกลับมา ผู้คนส่วนมากคิดเพียงมันเป็นสิ่งที่กล่าวเพื่อปลอบใจคนตายเท่านั้น


อย่างไรก็ตามในตอนนี้ซ่งจงได้กลับมาแล้ว และได้ยินว่ากลุ่มพันธมิตรทะเลตะวันออกจะมอบรางวับให้กับเขา เขาอดรู้สึกสั่นไหวในใจไม่ได้พร้อมคิดกับตนเอง การที่กลุ่มพันธมิตรทะเลตะวันออกนั้นกล่าวยกย่องเขาเช่นนี้ ของรางวัลจะต้องไม่ใช่ขยะ เนื่องจากทั้งหมดที่กล่าวมาไม่ใช่เพียงซ่งจงช่วยเหลือผู้ฝึกตนทั้งห้าสิบคน แต่หนึ่งในนั้นคือนักรบที่อยู่ในระดับจินตัน


บทที่ 231: พูดคุยเกี่ยวกับมู่ซื่อหรง


ซ่งจงนั้นกังวลถึงรางวัลที่จะได้จากกลุ่มพันธมิตรทะเลตะวันออกอย่างมาก ด้วยเพราะความเหนื่อยเขาจึงไม่สนใจรางวัลในตอนนี้แต่อย่างใด เพราะถึงอย่างไรรางวัลก็ไม่หายไปไหน ซ่งจงให้ทุกคนกลับออกไปหลังจากสอบถามสถานการณ์ปัจจุบันเสร็จสิ้น เนื่องจากเขาต้องการที่จะพักผ่อน


ซูหยุนและซูหยู่ต่างยืนอยู่ด้านหลังและก้มหน้าลง ใบหน้าของพวกนางแดงก่ำขณะที่กำลังเล่นกับชายเสื้อของตนเอง


ซ่งจงมองการกระทำของพวกนางจึงเข้าใจได้ถึงสัญญาที่พวกนางให้ไว้ว่าจะให้เขาเล่นกับร่างกายนั้น แม้ว่าเขาจะชื่นชอบทั้งสองมากแต่ก็ไม่เคยคิดใช้ประโยชน์จากร่างกายนั้นเลย เขาเพียงแค่ต้องการช่วยชีวิตทั้งสองจากสิ่งที่อันตรายเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามมันก็ไม่ดีนักถ้าหากเขาจะปฏิเสธทั้งสองที่ยื่นข้อเสนอให้กับเขาเช่นนี้ เพราะมันอาจจะทำลายความภูมิใจของนาง


จากนั้นเขามอบซากศพของราชาฉลามดำให้กับพวกนางและขอให้ดูแลมันให้เขา อสูรกายขั้นห้านั้นแข็งแกร่งอย่างมากและศพของมันถือได้ว่าเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยม อสูรกายขั้นห้านั้นไม่สามารถถูกสังหารได้โดยง่าย ศพของพวกมันจึงมีมูลค่าที่สูงมาก


ช่วงเวลาที่ซูหยู่และซูหยุนเห็นว่าซ่งจงมอบมันให้พวกนางดูแล ทั้งสองลืมเรื่องการเสนอร่างกายของตนไปจนหมดสิ้นพร้อมกับวิ่งออกไปพร้อมศพอย่างตื่นเต้น ซ่งจงรู้สึกหดหู่เล็กน้อยพร้อมกับคิดในใจ ‘อย่าบอกนะว่าข้านั้นน่าสนใจน้อยกว่าเจ้าฉลามที่ตายไปแล้ว?’


เมื่อคิดเช่นนั้น ซ่งจงทำได้แค่เยาะเย้ยตนเองในใจ จากนั้นเขาไม่สามารถอดทนต่อความเหนื่อยล้าที่ผ่านมาได้จึงทำให้เขาหลับลึกไปตลอดทั้งคืน


เมื่อซ่งจงตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ในเวลานี้บ่ายกว่าแล้วเขาลืมตาขึ้นมาอย่างช้า ๆ ชายคนหนึ่งกำลังมองรูปภาพบนผนังอย่างชื่นชม ราวกับว่าเห็นซ่งจงตื่น เขาหันกลับมาพร้อมกับยิ้ม “ทำไมหรือ? เจ้าตื่นแล้วงั้นหรือ?”


ซ่งจงลืมตาและลุกขึ้นมาทันที พร้อมกับเห็นว่าบุคคลที่รอเขาอยู่คือฮัวเฉียนหวู่


ฮัวเฉียนหวู่อาวุโสกว่าและเขาไม่กล้าที่จะหยาบคาย ดังนั้นเขารีบลุกขึ้นพร้อมคำนับทันที “ข้าต้องขอโทษด้วยที่ศิษย์น้องผู้นี้นอนหลับนานเกินไป จึงทำให้อาวุโสต้องรอนาน!”


“ฮ่าฮ่า ตราบใดที่เจ้าไม่รังเกียจที่ข้าเข้ามาโดยไม่ได้รับเชิญ ข้าก็ไม่มีปัญหาอะไร!” ฮัวเฉียนหวู่กล่าวออกมาอย่างอารมณ์ดี


“ข้าไม่กล้า!” ซ่งจงรีบกล่าว “อาวุโสได้โปรดนั่งลงก่อน ข้าจะไปเตรียมชามาให้!” เขาหยิบชุดชงชาออกมาและเริ่มทำมันอย่างใจเย็น แน่นอนว่าเขาจะไม่ใช้ชาวิถีเต๋า แต่ชาที่เขาใช้อีกชนิดก็ไม่ได้เลวร้ายนัก


เมื่อฮัวเฉียนหวู่เห็นเช่นนั้น เขายิ้มและนั่งลงพร้อมกับกล่าวว่า “ข้าได้เห็นเจ้ามีความสุขนั้นเป็นสิ่งที่ดีมาก นี่มันผ่านไปกี่วันกัน? เจ้าได้พัฒนาไปสองขั้น เข้าสู่ระดับปฐมภูมิขั้นสมบูรณ์ซะแล้ว! ถ้าหากเจ้าฝึกฝนเร็วเช่นนี้ สักวันข้าคงจะต้องได้เรียกเจ้าว่าศิษย์พี่อย่างแน่นอน!”


“อาวุโสนั้นช่างตลกยิ่งนัก ข้าเพียงแค่โชคดีเท่านั้น ข้าบังเอิญได้พบกับบางอย่างทำให้ข้าพัฒนาไปสองขั้น แม้ว่าข้าจะพัฒนาไปมากกว่านี้แต่ข้าก็ไม่อาจจะยั่วยุอาวุโสเช่นท่านได้ และการที่ข้าจะก้าวหน้าได้อีกครั้ง ก็ไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลานานเท่าไหร่!”


“ฮ่าฮ่า ยอดเยี่ยม เจ้าสามารถมองเห็นข้อเสียของการฝึกฝนของตนเองได้อย่างรวดเร็ว หมายความว่าความแข็งแกร่งที่เจ้ามีนั้นไม่ได้ทำให้เจ้าตาบอดและเจ้ายังเป็นผู้นำทีมได้อย่างขาวสะอาด! แต่ว่า….”


เมื่อฮัวเฉียนหวู่กล่าวถึงตรงนั้น เขาหยุดพูด


ซ่งจงถามออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “แต่อะไรหรือ?”


“แม้ว่าเจ้าจะเป็นคนฉลาด แต่เหตุใดจึงทำสิ่งที่โง่เขลาลงไป?” ฮัวเฉียนหวู่กล่าวออกมาอย่างเยือกเย็น


เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น หัวใจของเขาเต้นแรงทันทีและพบว่าฮัวเฉียนหวู่กำลังกล่าวถึงมู่ซื่อหรง เขาเข้าสู่ความสงบพร้อมถามกลับ “ข้าสงสัยว่าอาวุโสกล่าวถึงสิ่งใด?”


“แน่นอนว่าข้ากล่าวถึงมู่ซื่อหรง! อัญมณีล้ำค่าของตระกูลฮัว! เจ้าทำอะไรกับนาง? ทาสรับใช้ความต้องการของเจ้างั้นหรือ?”


เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาตกใจทันที จากนั้นเขาแสร้งทำเป็นสงสัยและถามออกไป “ทำไมอาวุโสจึงกล่าวเช่นนั้น? ข้าปฏิบัติกับมู่ซื่อหรงเช่นนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”


“เหอะ เจ้ายังแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องงั้นหรือ? มู่ซื่อหรงบอกข้าทุกสิ่งแล้ว รวมถึงวิธีที่เจ้าใช้ภาพวาดแห่งหญิงงามทั้งเก้าเพื่อควบคุมขืนใจนาง!”


เหตุผลเดียวที่ซ่งจงแกล้งทำเป็นไม่รู้ เพราะเขาต้องการรู้ว่ามู่ซื่อหรงกล่าวอะไรออกไปบ้าง เมื่อเขาได้ยินฮัวเฉียนหวู่กล่าวเช่นนั้น เขารู้ได้ทันทีว่ามู่ซื่อหรงนั้นกล่าวออกไปจนหมดสิ้น


ถ้าหากเป็นเช่นนั้น ไม่จำเป็นที่เขาจะต้องทำเป็นไม่รู้อีกต่อไป “ฮ่าฮ่า อาวุโสได้ยินทุกอย่างจากมู่ซื่อหรงงั้นหรือ?”


“แน่นอน อย่าบอกนะว่านางโกหกข้า!” ฮัวเฉียนหวู่กล่าวอย่างเขร่งขรึม


“ข้าไม่รู้ว่านางโกหกท่านหรือไม่ แต่ข้ามั่นใจว่านางไม่ได้บอกกล่าวกับท่านทุกอย่าง ตัวอย่างเช่น ทำไมข้าจึงปฏิบัติกับนางเช่นนี้!” ซ่งจงตอบอย่างใจเย็น


“ว่าอะไร?” เมื่อฮัวเฉียนหวู่ได้ยินเช่นนั้น เขาตกใจไปชั่วขณะพร้อมกับขมวดคิ้วและถามกลับ “นางบอกข้าว่าเจ้าเป็นโรคจิต แต่ข้าไม่คิดว่ามันจะร้ายแรงถึงเพียงนั้น ถ้าไม่เช่นนั้นฉุ่ยจิ้งจะไม่ถือว่าเจ้าเป็นคนสนิท อย่าบอกนะว่าพวกเจ้ามีปัญหากัน?”


“แน่นอน! มู่ซื่อหรงปิดบังบางสิ่งจากท่าน ตัวอย่างเช่นการฝึกฝนที่นางใช้ ถ้าหากไม่มีใครบอกกล่าวกับท่าน เกรงว่าท่านจะไม่สามารถคาดเดาได้ด้วยตนเอง!”


“งั้นหรือ? อย่าบอกนะว่านางไม่ได้ฝึกฝนธาตุไม้ตามที่ตระกูลมอบมันให้กับนาง?”


“แน่นอนว่านางฝึกฝนมัน แต่ไม่นานมานี้นางเริ่มการฝึกฝนแบบใหม่ มันเป็นสิ่งที่ท่านไม่คาดคิดแน่” ซ่งจงตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม


“มันคืออะไร?” ฮัวเฉียนหวู่กล่าวออกมาอย่างกังวล


“มันคือวิชาเบญจสตรีศักดิ์สิทธิ์สังหารจากสำนักพันปีศาจ” ซ่งจงตอบกลับ “เห็นได้ชัดว่าผู้หญิงคนนั้นต้องการดูดพลังข้าจนแห้ง!”


“สารเลว!” เมื่อฮัวเฉียนหวู่ได้ยินเช่นนั้น เขาโกรธจัดทันที “ทำไมหญิงสาวจากตระกูลฮัวจึงต้องฝึกฝนเคล็ดวิชาอันชั่วร้าย?”


“เรื่องนี้เป็นจริงแน่นอน! เหล่าแม่มดเทวะเป็นผู้ที่ตระหนักถึงมันได้และกล่าวกับข้า อีกทั้งนางยังยอมรับกับข้าเอง!”


“เรื่องนั้นเป็นไปได้อย่างไร? เจ้าทำอะไรผิดกับนางหรือไม่?” ฮัวเฉียนหวู่กล่าวอย่างตกใจ


“มันไม่มีประโยชน์ที่เราจะพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ ท่านสามารถไปตรวจสอบมันด้วยตัวของท่านเองได้ หลังจากนั้นความจริงจะปรากฏออกมา” ซ่งจงกล่าวอย่างสงบ


“ตามนั้น ข้าจะตรวจสอบดู แต่ในตอนนี้เจ้าต้องบอกมาก่อนว่านางได้กระทำสิ่งใดลงไป!” ฮัวเฉียนหวู่ถามอย่างสงสัย


“เหอะ นางตำหนิที่ข้านั้นทำให้นางเสียหน้าในการแข่งขันของสำนัก ดังนั้นนางจึงพยายามแก้แค้นข้าอยู่สองถึงสามครั้ง มีหนึ่งครั้งที่นางให้คนชื่อยินคุกคามผู้หญิงของข้า นั่นก็คือหานหลิงเฟิง สำหรับบุรุษอย่างข้าไม่อาจทนได้ ด้วยความโกรธข้าจึงสร้างความอัปยศให้กับนาง!” ซ่งจงตอบกลับด้วยสีหน้าลำบากใจไม่น้อยต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้ยน


ฮัวเฉียนหวู่นั้นอยู่ในทะเลตะวันออกมาโดยตลอดและไม่เคยรับรู้เรื่องราวของทั้งคู่เลย เมื่อเขาได้ฟังเช่นนั้นใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวทันที “เพียงแค่ความอัปยศเท่านั้น มันไม่ใช่เหตุผล ใช่หรือไม่?”


“ถ้าหากท่านกำลังคิดถึงการกระทำของอสูรกายที่ชั่วร้าย ท่านคิดถูก!” ซ่งจงยักไหล่พร้อมกล่าวออกมา


“สารเลว เจ้าไขมันบัดซบ เจ้ากล้าที่จะข่มขืนลูกหลานของตระกูลฮัว!?”


“จะอะไรก็ช่าง เรื่องมันก็เกิดไปแล้ว!” ซ่งจงตอบกลับอย่างไม่สนใจ


“สารเลว เหตุใดเจ้าจึงทำร้ายจิตใจบิดาของข้าเช่นนี้?”


“อาจจะเป็นเพราะข้าหล่อเหลาจนเกินไป! ในกรณีเช่นนี้มู่ซื่อหรงได้รายงานเรื่องนี้กับบิดาของท่าน แต่ไม่เพียงท่านจ้าวสำนักไม่ตำหนิข้า แต่เขายังให้ข้าแต่งงานกับนาง!”


ฮัวเฉียนหวู่ตกตะลึงไปก่อนที่จะตอบกลับ “ตาเฒ่านั่นเป็นคนจิตใจแข็งกระด้าง แต่เพื่อที่จะผูกมัดเจ้า เขาถึงกับยินยอมที่จะเสียสละหลานสาวของตนเองเลยงั้นหรือ!”


“ใช่ เป็นเช่นนั้น ข้ารู้สึกซาบซึ้งอย่างยิ่งที่จ้าวสำนักมอบสมบัติล้ำค่าให้ข้า! แต่มู่ซื่อหรงนั้นต่อต้านอย่างมาก ดังนั้นนางจึงคิดใช้เคล็ดวิชาของสำนักพันปีศาจเพื่อดูดข้าให้แห้ง ในตอนแรกข้าไม่รู้ จนกระทั่งข้าได้สังหารสามพี่น้องในหมู่สี่พี่น้องลงไปและต้องเดินทางมาที่ทะเลตะวันออก เมื่อมู่ซื่อหรงเห็นว่าหมดหนทางที่จะแก้แค้น นางจึงเข้ามาพบข้าและเปิดเผยแผนการทั้งหมดของนางให้ข้าฟัง นางบอกว่าจะนอกใจข้าเมื่อข้าจากไป ต้องการให้ข้าเป็นสามีที่น่าสมเพชที่สุดในโลก!” ซ่งจงกล่าวออกมาอย่างหดหู่ “อาวุโส ถ้าหากเป็นท่านจะสามารถอดทนได้หรือไม่?”


“เรื่องนั้น…. แน่นอนว่าไม่!” ฮัวเฉียนหวู่กล่าวออกมาอย่างไม่อาจช่วยได้ เขาหัวเราะอย่างขื่นขมพร้อมกล่าวต่อ “เด็กคนนี้ดื้อด้านมาตั้งแต่ยังเยาว์ ข้าไม่เคยจินตนาการเลยว่านางจะดื้อด้านได้มากถึงเพียงนี้!” เห็นได้ชัดว่าฮัวเฉียนหวู่นั้นเชื่อซ่งจงเพราะสิ่งที่มู่ซื่อหรงแสดงออกมานั้นตรงกัน


เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “นางยอมเสียสละพรหมจรรย์ของตนเองเพื่อแก้แค้นข้า มันไม่ใช่ความดื้อด้านธรรมดา แต่มันเป็นความบ้าคลั่ง นางบ้าตั้งแต่หัวจรดหาง! และข้าที่มีภรรยาเช่นนี้ หากไม่นำนางมาอยู่ข้างข้าจะสามารถลงโทษนางได้อย่างไรกัน?”


“เรื่องนั้น…” ฮัวเฉียนหวู่หมดคำพูดทันที ซ่งจงถามออกมา “จะว่าไป มู่ซื่อหรงอยู่ที่ไหน? อย่าบอกนะว่านางกลับไปแล้ว?”


“โอ้ เป็นเช่นนั้น!” ฮัวเฉียนหวู่กล่าวออกมาอย่างหมดหนทาง “เมื่อนางฟื้นคืนสติ นางมาพบข้าและเล่าเรื่องเลวร้ายเกี่ยวกับเจ้า ในเวลานั้นข้าใจอ่อนและส่งนางกลับไป!”


เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของเขากลายเป็นสีเขียวพร้อมกับสบถออกมาอย่างเกลียดชัง “ข้าจะบอกอะไรท่านหนึ่งอย่าง ข้าจะไม่อดทนแน่นอนถ้าหากว่านางนอกใจข้า ถ้าหากว่านางกล้าที่จะทำมัน ข้าไม่สนว่านางจะเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลฮัวหรือไม่! ข้าจะหย่าขาดกับนาง! และในเวลานั้นอย่าได้กล่าวโทษข้าที่ไม่เห็นแก่ใบหน้าของพวกท่าน!”


บทที่ 232: หัวหน้าทะเลตะวันออก


สำหรับฮัวเฉียนหวู่ที่ได้ยินเช่นนั้น เขาไม่สามารถนั่งอยู่เฉยได้อีกต่อไป แม้ว่าในโลกของผู้ฝึกตนจะเปิดกว้างมากสำหรับเรื่องคู่ครอง แต่กับตัวเขานั้นไม่สามารถละเลยได้เนื่องจากชื่อเสียงของตระกูล หญิงสาวสามารถหลับนอนกับคู่หมั้นของตนเองได้ก่อนการแต่งงาน แต่ว่าจะไม่สามารถนอกใจได้ สำหรับหญิงสาวที่มาจากตระกูลที่มีเกียรติ ยิ่งไม่สามารถกระทำตนเช่นนี้ได้


ถ้าหากซ่งจงต้องการหย่าร้างกับมู่ซื่อหรงด้วยเหตุผลที่นางนอกใจ แน่นอนว่าชื่อเสียงของตระกูลฮัวจะถูกทำลายจนย่อยยับ นั่นคือปัญหาใหญ่! แม้แต่นักบวชฮัวอวิ๋นที่อยู่ในตำแหน่งจ้าวสำนักก็ยังไม่สามารถควบคุมปัญหาเช่นนี้ได้ สิ่งนี้ทำให้ฮัวเฉียนหวู่กังวลอย่างมาก


เขารีบกล่าวให้ความมั่นใจกับซ่งจง “นางจะไม่ทำเช่นนั้นแน่นอน!”


“อย่ากล่าวเรื่องไร้สาระกับข้าเลย! นางนั้นฝึกฝนวิชาเบญจสตรีศักดิ์สิทธิ์สังหาร มีอะไรบ้างที่นางทำไม่ได้?” ซ่งจงตอบกลับอย่างหงุดหงิด


“ข้าจะส่งจดหมายกลับไปที่ครอบครัวและให้พวกเขาดูแลนางอย่างดี ถ้าหากนางกล้าที่จะทำเช่นนั้นจริง ไม่ต้องมีสักคำพูดจากเจ้า แต่ตระกูลของเราจะเก็บกวาดเรื่องทั้งหมดเอง!” การที่ฮัวเฉียนหวู่กล่าวเช่นนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าชีวิตของมู่ซื่อหรงนั้นไม่ได้สำคัญมากกว่าศักดิ์ศรีของตระกูลฮัวเลย!


เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของเขาสว่างขึ้นและเริ่มคิดถึงเรือนร่างของมู่ซื่อหรง เขาเปิดเผยเสียงหัวเราะที่ชั่วร้ายออกมา “ฮี่ฮี่ น่าเสียดายถ้าหากจะฆ่านาง ทำไมท่านจึงไม่ส่งนางให้ข้าดูแลเป็นการส่วนตัวล่ะ ข้าอาจจะรุนแรงกับนางมากขึ้นเล็กน้อย ฮ่าฮ่า หวังว่าท่านคงเข้าใจ!”


ฮัวเฉียนหวู่นั้นเป็นบุรุษเส้นทางนี้ แน่นอนว่าเขาเข้าใจสิ่งที่ซ่งจงจะกล่าว “เอาตามนี้ ถ้าหากสิ่งใดที่เจ้าพูดออกมาเป็นเรื่องจริง เจ้าสามารถจัดการได้ตามที่เห็นสมควร ครอบครัวของเราสามารถยอมรับได้ถ้าถึงวันนั้นว่านางจะไม่มีตัวตนอีกต่อไป!”


“ฮ่าฮ่า ยอดเยี่ยมมาก!” ซ่งจงพยักหน้าอย่างสบายใจ


“เฮ้อ ในตอนนี้เจ้าสบายใจแล้ว เจ้าก็ควรจะให้คำตอบกับทางเราด้วย!” ฮัวเฉียนหวู่ถามออกมา


“คำตอบอะไร?” ซ่งจงขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ


“ภาพวาดแห่งหญิงงามทั้งเก้า! อย่าแสร้งทำเป็นไม่รู้!” ฮัวเฉียนหวู่ตอบกลับ


“อา เรื่องนั้น!” เจ้าอ้วนแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องต่อไป “ฮี่ฮี่ ข้าเก็บมันได้โดยบังเอิญ!”


“ฮ่า! โชคลาภอย่างนั้นหรือ!” ฮัวเฉียนหวู่เม้มปากก่อนที่จะกล่าวต่อ “ถ้าหากเจ้าไม่เต็มใจที่จะกล่าว ก็จงลืมมันไป ข้าได้สั่งให้มู่ซื่อหรงเงียบปากในเรื่องนี้แล้ว และข้าเป็นคนเดียวที่รู้เรื่องนี้ภายในทะเลตะวันออก เมื่อเจ้าออกไปด้านนอกในอนาคต เจ้าจงระวังและไม่เปิดเผยมันอย่างง่ายดาย ไม่เช่นนั้นมันจะสร้างปัญหาให้กับเจ้า!”


“ศิษย์เข้าใจแล้ว!” ซ่งจงตอบกลับอย่างรวดเร็ว ในขณะที่เขากล่าวเช่นนั้น เขาหยิบถ้วยชาด้วยสองมือพร้อมยกให้กับฮัวเฉียนหวู่


ฮัวเฉียนหวู่ยกถ้วยชาและเริ่มดื่มมัน จากนั้นเขาอุทานออกมาว่า “เป็นชาที่ยอดเยี่ยม!”


“ถ้าหากว่าอาวุโสชอบมัน ข้าสามารถมอบมันให้ท่านได้”


“ฮ่าฮ่า ช่างเป็นเด็กดี!”


“มันเป็นสิ่งที่ศิษย์น้องควรกระทำ!”


ในฉากหน้าทั้งคู่นั้นแสดงความสุภาพต่อกันอย่างมาก แต่ความจริงแล้วมีความขุ่นเคืองเล็กน้อยกำลังก่อตัวอยู่ภายใน สำหรับซ่งจงที่พยายามปกปิดเรื่องภาพวาดหญิงงามทั้งเก้าและมู่ซื่อหรง มันไม่ใช่เรื่องดีแน่นอนถ้าหากตระกูลฮัวได้รู้เรื่องแล้ว ถ้าหากเป็นคนอื่นนอกจากเจ้าอ้วน แน่นอนว่าพวกเขาจะพยายามแสดงออกถึงการขโมยภาพวาดแห่งหญิงงามทั้งเก้า


แต่ปัญหาก็คือซ่งจงนั้นมีสถานะไม่ธรรมดา ประการแรกคือเขามีสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลฮัว ถัดมาเขายังเป็นลูกเขยที่จะต้องแต่งงานกับมู่ซื่อหรงในอนาคต ดังนั้นนี่เป็นปัญหาที่ขัดขวางไม่ให้ฮัวเฉียนหวู่จัดการเขาทิ้งได้


อย่างไรก็ตามเหตุผลหลักก็คือซ่งจงไม่ใช่มดปลวกที่เขาสามารถกำจัดทิ้งตอนไหนก็ได้ ในครั้งแรกเขาหลบหนีจากอินทรีย์สายฟ้าได้และยังสังหารราชาฉลามดำ อสูรกายทั้งสองตนนั้นไม่ใช่อสูรกายชั้นต่ำ แม้แต่ฮัวเฉียนหวู่ยังไม่สามารถเอาชนะได้ ดังนั้นไม่ว่าเขาจะต้องการแย่งชิงภาพวาดแห่งหญิงงามทั้งเก้ามากเพียงใด เขาทำได้เพียงเก็บความรู้สึกไว้เท่านั้น


อีกทั้งเขามีบางอย่างที่ต้องการร้องขอจากซ่งจงจึงไม่คิดที่จะนำเรื่องนี้มาทำลายบรรยากาศ


หลังจากที่ไตร่ตรองอยู่สักพัก ฮัวเฉียนหวู่กล่าวออกมาด้วยความเจ้าเล่ห์ เขาวางถ้วยชาลงเบา ๆ พร้อมลูบเคราของตนเอง “หลานชายซ่งจง!”


“ศิษย์อยู่นี่ อาวุโสมีอะไรจะแนะนำข้างั้นหรือ?” ซ่งจงตอบกลับอย่างรวดเร็ว


“ข้าไม่กล้าสอนเจ้าหรอก เรื่องมันเป็นแบบนี้ ข้ามาที่นี่ในวันนี้เกี่ยวกับรางวัลที่กลุ่มพันธมิตรจะมอบให้เจ้าในฐานะที่จัดการกับราชาฉลามดำและช่วยเหลือผู้คนไว้มากมาย! แน่นอนว่าเจ้าจะต้องประหลาดใจ!”


เมื่อได้ยินว่ามันเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยม ดวงตาของเขาสว่างขึ้นพร้อมกล่าวว่า “ศิษย์พร้อมเสมอ!”


“ฮ่าฮ่า! ยอดเยี่ยม! ประการแรกในส่วนที่เจ้าสามารถสังหารราชาฉลามดำได้ ทีมของเจ้าจะไม่ถูกนับคะแนนรวมทั้งหมดตลอดสามปีและถูกจัดไว้ในลำดับแรกแล้ว!”


ซ่งจงตกตะลึงไปทันทีและไม่เข้าใจเรื่องราวที่กำลังเกิดขึ้น อย่างไรก็ตามเขาจำได้ว่ากลุ่มพันธมิตรทะเลตะวันออกจะรวบรวมคะแนนของทุกกลุ่มในทุกสามปี สิบทีมที่ได้คะแนนมากที่สุดจะได้รับรางวัลที่ล้ำค่า โดยเฉพาะกลุ่มอันดับต้นจะได้รับสมบัติวิเศษ ยิ่งผลลัพธ์ดีมากเท่าไหร่ รางวัลยิ่งยอดเยี่ยมมากขึ้นเท่านั้น และในตอนนี้ซ่งจงได้สังหารราชาฉลามดำ จึงทำให้คะแนนของเขานำโด่งจากทุกทีม เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ทีมระดับปฐมภูมิทำมันได้อย่างไร? มีเพียงซ่งจงที่ครอบครองภาพวาดแห่งหญิงงามทั้งเก้าเท่านั้นที่ทำได้


ผลลัพธ์ที่ซ่งจงทำได้นั้น อาจจะเรียกได้ว่าเพราะความบังเอิญ ในอนาคตอาจจะมีคนที่ประสบความสำเร็จได้เช่นกัน แต่ในตอนนี้เขาเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์แน่นอน หลังจากที่กลุ่มพันธมิตรทะเลตะวันออกได้ก่อตั้งมานานหลายปี นี่เป็นครั้งแรกที่มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น รางวัลนั้นก็จะต้องดีที่สุดเช่นกัน


เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่ไม่คาดคิด ซ่งจงนั้นไม่เคยคาดคิดมาก่อน “ข้าสงสัยว่ารางวัลคืออะไร?”


“ข้าไม่รู้เช่นกัน เพราะบทสรุปของสามปีนี้ยังไม่เสร็จสิ้น โดยปกติแล้วรางวัลจะมอบให้ก็ต่อเมื่อครบเวลาสามปี ในเวลานี้ทีมของเจ้าได้อยู่ในอันดับแรก ดังนั้นเจ้าจึงต้องรอถึงปีหน้าเพื่อที่จะได้รับรางวัล! และแน่นอนว่าถ้าหากมีใครสังหารทูตของจักรวรรดิทะเลตะวันออกได้อีก ลำดับของเจ้าอาจจะถูกเบียดตกไป!”


“ฮี่ฮี่!” เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงสบายๆ “ถ้าหากมีผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิสามารถสังหารอสูรกายระดับจินตันขั้นสมบูรณ์ได้ ข้าก็ขอยอมแพ้และให้เขาอยู่ในลำดับแรก!”


“ฮ่าฮ่า เจ้าดูสบายมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่อาจเป็นเพราะว่าไม่มีผู้ใดที่มีความสามารถนอกเหนือจากเจ้า! ดังนั้นมั่นใจได้เลย ข้ารู้สึกว่าเจ้ามีอะไรที่พิเศษกว่าคนอื่น!”


ในขณะที่เขากล่าวเช่นนั้น ปรากฏเหรียญหยกสีเขียวขึ้นตรงหน้าของซ่งจง


ซ่งจงมองมันแล้วพบว่ามันเป็นเพียงหยกธรรมดาเท่านั้น นอกเหนือจากการออกแบบที่ซับซ้อนมันไม่มีอะไรพิเศษ แต่ทว่ามีห้าคำที่สลักอยู่บนนั้น “หัวหน้าทะเลตะวันออก”


ซ่งจงถามออกมาอย่างโง่เขลา “อาวุโส อะไรคือหัวหน้าทะเลตะวันออก?”


“ฮี่ฮี่ มันเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยม! เจ้ารู้จักหมู่เกาะตามแนวทะเลตะวันออกหรือไม่ ที่มันเต็มไปด้วยสมบัติล้ำค่าและเส้นสายโลหิตแห่งวิญญาณ?”


“ข้าไม่รู้!” ซ่งจงตอบกลับอย่างซื่อสัตย์


“มีผู้ฝึกตนหลายคนที่อยู่ในกลุ่มพันธมิตรทะเลตะวันออกอาศัยอยู่ที่นั่น และผู้ฝึกตนธรรมดาจะไม่สามารถแตะต้องพวกเขาได้! ถ้าหากเจ้าต้องการที่จะมีเกาะส่วนตัวเช่นนั้น เจ้าจะต้องมีหยกชิ้นนี้เสียก่อน! มีเพียงคนที่สร้างประโยชน์ยิ่งใหญ่ให้กับกลุ่มพันธมิตรเท่านั้นที่จะได้รับมัน! ด้วยสิ่งนี้เจ้าจะสามารถเป็นเจ้าของเกาะและขุมทรัพย์ภายในเกาะได้!”


เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของเขาเป็นประกาย เกาะในละแวกใกล้เคียงนั้นมีอยู่มากมายและมีอสูรกายที่ไม่ได้แข็งแกร่งมากนักอาศัยอยู่ อย่างไรก็ตามสมบัติที่หาได้ยากกำลังเติบโตอยู่บนเกาะเหล่านั้น และเกาะเหล่านี้เป็นของกลุ่มพันธมิตรทะเลตะวันออก ผู้ฝึกตนที่ไร้สถานะจะไม่สามารถแตะต้องมันได้ ซ่งจงไม่เคยคาดคิดว่าเขาจะได้รับสถานะเช่นนี้ในเวลาสั้น ๆ นับจากนี้เขาจะมีเกาะเป็นของตนเอง


ซ่งจงแสดงความประหลาดใจอย่างถึงที่สุดออกมา “เหตุใดกลุ่มพันธมิตรทะเลตะวันออกจึงใจดียิ่งนัก? อย่าบอกนะว่าพวกเขามีเหรียญหยกนี้มากเกินไป?”


“ฮ่า! เด็กน้อยเอ๋ย ในสมองของเจ้าเต็มไปด้วยเรื่องไร้สาระเสียจริง! ปัจจุบันนี้หัวหน้าทะเลตะวันออกมีเพียงสามคนเท่านั้น! และนี่คืออันดับที่สี่ และข้าไม่ได้ครอบครองมัน เจ้ายังคิดว่ามันมีเยอะอยู่ไหม? เจ้ายังมองว่ามันไร้ค่าอยู่หรือไม่?”


“โอ้!” ซ่งจงตกใจทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น “ถ้าหากท่านกล่าวเช่นนี้ แน่นอนว่ามันต้องเป็นสมบัติอย่างแน่นอน แต่ข้าเพียงแค่สังหารราชาฉลามดำ ข้าสมควรได้รับสิ่งนี้เลยงั้นหรือ?”


“แน่นอน! ความจริงแล้วสิ่งที่เป็นเงื่อนไขในการรับเหรียญหัวหน้าทะเลตะวันออกนั้นมีเพียงอย่างเดียวคือสังหารเหล่าทูตของจักรวรรดิทะเลตะวันออก! ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นใคร ถ้าหากสังหารได้ เขาจะได้รับตราเหรียญนี้!”


“อา! สำหรับทูตแห่งจักรวรรดิทะเลตะวันออกเพียงตนเดียวก็ได้งั้นหรือ? ข้าเห็นแล้วว่าพวกท่านเกลียดมันมากเพียงใด!”


“แน่นอน! เจ้ารู้หรือไม่ว่าคนของกลุ่มพันธมิตรทะเลตะวันออกนั้นตายตกไปมากเพียงใด ครึ่งหนึ่งของพวกเขาที่ตายตกไปล้วนแต่เป็นฝีมือของเหล่าทูตแห่งจักรวรรดิ แล้วจะไม่ให้พวกเราเกลียดชังพวกมันได้อย่างไร? น่าเสียดายที่ศัตรูของเรานั้นมีความแข็งแกร่งเกินกว่าจะคาดเดา พวกมันมีกองทัพจำนวนมากเดินตามหลังตลอดเวลา จึงทำให้ยากเกินไปที่จะสังหารพวกมันได้ นี่จึงเป็นเหตุผลที่เรายอมที่จะมอบตราเหรียญนี้ให้กับผู้ที่สามารถสังหารพวกมันได้!”


เมื่อซ่งจงได้ยินเชนนั้น เขาถามออกมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น “ดูเหมือนว่าบุคคลที่สามารถสังหารทูตแห่งจักรวรรดิทะเลตะวันออกได้จะมีความแข็งแกร่งอย่างมาก ข้าอยากรู้ว่าพวกเขาอีกสามคนคือใครกัน?”


บทที่ 233: พายุในลาน


“เหอะเหอะ!” ฮัวเฉียนหวู่ยิ้มออกมาพร้อมกับลูบเคราของตนเอง จากนั้นเขากล่าวออกมาอย่างอารมณ์ดี “สามปีศาจแห่งทะเลตะวันออก!”


เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาอดไม่ได้ที่จะตอบกลับอย่างขมขื่น “นั่นสินะ มันต้องเป็นพวกเขาทั้งสามอย่างแน่นอน!”


“ฮี่ฮี่ มันไม่ยากเลยที่จะคาดเดาใช่ไหมล่ะ?” ฮัวเฉียนหวู่ยิ้มออกมา “ความจริงแล้ว มีเหล่าผู้ที่มีความแข็งแกร่งอย่างผิดปกติมากมายในทะเลตะวันออกและแม้แต่แม่มดเปลือยกายที่อยู่ในทีมของเจ้าก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน แต่มีเพียงสามคนเท่านั้นที่ทำให้ทะเลตะวันออกสั่นสะเทือนเพราะพวกเขาได้สังหารเหล่าทูตจากจักรวรรดิทะเลตะวันออกได้! ฮี่ฮี่ แต่จากนี้ไปประวัติศาสตร์ได้ถูกเปลี่ยนแปลงแล้ว ไม่มีสามปีศาจแห่งทะเลตะวันออกอีกต่อไป จากนี้จะเป็นสี่ปีศาจแห่งทะเลตะวันออก และเจ้าคือคนที่สี่!”


เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของเขากลายเป็นสีเขียว เขาไม่คิดว่าเขาจะได้เข้าไปรวมอยู่กับในกลุ่มสามโรคจิตพวกนั้น ในความจริงแล้วมันน่าเบื่อมากสำหรับซ่งจงที่ต้องถูกจัดอยู่ในกลุ่มปีศาจที่ดูสติไม่สมประกอบทั้งสาม


ดังนั้น ซ่งจงปฏิเสธทันที “ไม่เลย ข้าเป็นเพียงคนธรรมดา ท่านจะเอาข้าไปเปรียบเทียบกับเหล่าปีศาจทั้งสามได้อย่างไร?”


“ฮี่ฮี่ นี่ไม่ใช่สิ่งที่ข้าจะสามารถควบคุมได้ มันคือธรรมเนียมของทะเลตะวันออก ไม่ว่าใครก็ตามที่สามารถสังหารทูตแห่งจักรวรรดิทะเลตะวันออกได้จะถูกเรียกว่าปีศาจแห่งทะเลตะวันออก!” ฮัวเฉียนหวู่หัวเราะออกมา “และเจ้าสมควรแล้วที่จะได้รับฉายานั้น เพราะเมื่อครั้งที่เหล่าสามปีศาจทำสำเร็จ พวกเขาอยู่ในระดับจินตันช่วงสุดท้ายแล้ว แต่เจ้ากลับสังหารราชาฉลามดำแม้ไม่ได้อยู่ในระดับจินตันด้วยซ้ำ! สำหรับเรื่องที่เจ้าทำลงไปนั้น ทำไมจะมองว่าเจ้าคือปีศาจอีกคนไม่ได้?”


เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาโกรธทันที เขาทำไปเพื่อปกป้องตนเองเท่านั้น เขาต้องการจะกล่าวอะไรสักอย่างออกมา แต่ฮัวเฉียนหวู่หยุดเขาไว้และกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “เอาล่ะ ไม่เป็นไร เราควรจบการสนทนาเรื่องนี้ได้แล้ว ข้าต้องรีบกลับไปเพื่อส่งจดหมายไปหาครอบครัว ข้าจะไม่อนุญาตให้มู่ซื่อหรงสร้างปัญหาใด! สำหรับเจ้าจงดูแลตัวเองให้ดี เครื่องหมายการเป็นหัวหน้าทะเลตะวันออกนั้นมีค่าอย่างยิ่งและจะมีหลายคนที่จับตามองเจ้าอย่างแน่นอน!”


“อะไรกัน?” เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาถามออกไปอย่างสับสน “อย่าบอกข้านะว่าจะมีผู้คนมากมายที่จ้องจะมาขโมยรางวัลไป?”


“เหอะเหอะ!” ฮัวเฉียนหวู่ไม่ได้ตอบกลับอะไร แต่เขาหัวเราะออกมา “ดูเหมือนว่าเจ้าจะลืมว่าในทะเลตะวันออกนั้นไร้กฎเกณฑ์! ไม่ว่าสิ่งใดที่สร้างประโยชน์ได้ พวกเขาจะไขว่คว้ามันโดยไม่เกรงกลัวสิ่งใด!”


“เหอะ!” ซ่งจงได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “ยอดเยี่ยม ข้าก็อยากรู้เหมือนกันว่าจะมีไอ้บัดซบคนไหนมันกล้าจะปล้นข้า!”


“ฮี่ฮี่ แน่นอนว่าผู้ฝึกตนธรรมดาคงจะไม่กล้า!” ฮัวเฉียนหวู่กล่าวเสริม “แต่เหล่าสามปีศาจแห่งทะเลตะวันออกนั้นเป็นข้อยกเว้น พวกเขาไม่เกรงกลัวเจ้า!”


“ว่าอะไร?” เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาตอบกลับด้วยความตกใจ “พวกเขานั้นมีเครื่องหมายอยู่แล้วไม่ใช่หรือ? แล้วทำไมต้องการที่จะปล้นมันจากข้าอีกล่ะ?”


“ฮี่ฮี่ ไม่มีใครสามารถต่อว่าอะไรได้ถ้าพวกเขาต้องการ และแน่นอนว่าพวกเขาคงจะไม่ยอมที่จะอยู่ในระดับเดียวกับเด็กใหม่อย่างเจ้า เหตุผลเท่านี้มากพอที่เขาจะหาเรื่องเจ้าได้!” ฮัวเฉียนหวู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ถัดไปอีกไม่กี่วัน พวกเขาจะต้องออกค้นหาเจ้าอย่างแน่นอน จงดูแลตัวเองให้ดี ข้าขอตัวก่อน!”


เมื่อกล่าวจบ ฮัวเฉียนหวู่ไม่กล่าวอะไรต่อและบินออกไปทันที


เมื่อเห็นว่าฮัวเฉียนหวู่ออกไปแล้ว ซ่งจงพึมพำออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “สวรรค์ เจ้าบ้านี่มาหาข้าเพื่อมอบรางวัลหรือสร้างปัญหาให้กับข้ากันแน่? ข้าไปยั่วยุใครมาหรือเปล่า? ทำไมเรื่องจึงกลายเป็นเช่นนี้ นี่ข้าไปสังหารทูตแห่งจักรวรรดิทะเลตะวันออกหรือว่าไปวุ่นวายกับเหล่าปีศาจแห่งทะเลตะวันออกกันแน่? บัดซบ จะให้ข้าได้อยู่อย่างสงบไม่ได้เลยงั้นสินะ!”


ในขณะที่ซ่งจงกำลังกังวลเกี่ยวกับปัญหาที่เขากำลังจะพบเจอจากเหล่าปีศาจทั้งสามแห่งทะเลตะวันออก มีอีกการแสดงหนึ่งที่กำลังเกิดขึ้นในลานของสำนักเสวียนเทียน


วันนี้ นักบวชฮัวอวิ๋นกำลังอยู่ในสมาธิและเขาได้รับจดหมายด่วนจากฮัวเฉียนหวู่ เขารีบเปิดมันขึ้นมาอย่างรวดเร็วและเมื่ออ่านจบความโกรธถาโถมเขาอย่างรวดเร็ว ในจดหมายเขียนไว้ว่าหลานสาวของเขาอาจจะฝึกฝนวิชาเบญจสตรีศักดิ์สิทธิ์สังหาร นอกจากนั้นนางยังมีความตั้งใจที่จะนอกใจซ่งจง


แล้วเขาจะอนุญาตให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? ถ้าหากข่าวนี้แพร่กระจ่ายออกไปว่าหลานสาวของจ้าวสำนักแห่งสำนักเสวียนเทียนนั้นฝึกฝนเคล็ดวิชาที่มาจากสำนักพันปีศาจเพื่อต้องการแก้แค้นสามีของตนเอง แน่นอนว่ามันจะเป็นข่าวใหญ่ที่สุดในเทือกเขาแห่งนี้ หากทุกสิ่งกลายเป็นเรื่องจริงขึ้นมา นักบวชฮัวอวิ๋นอาจจะต้องฆ่านางทิ้ง


ตอนนี้แม้เป็นกลางดึกเขาก็หาได้สนใจไม่ เขารีบออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว ขอบคุณสวรรค์ที่เขาขังมู่ซื่อหรงไว้ในบ้านเพราะรู้สึกผิดปกติที่นางกลับมาเร็วจนเกินไป ซึ่งในตอนนั้นเขาคิดเพียงไม่ให้ผู้ใดพบเห็นนางและกลายเป็นเรื่องตลกภายในสำนัก ดังนั้นจึงจัดเวรยามไว้อย่างหละหลวมเท่านั้น แม้ว่าในวันนั้นเขาจะปล่อยนางออกไปด้วยความอ่อนโยน แต่ในวันนี้ถ้าหากนางต้องการที่จะสร้างความเสื่อมเสียให้กับตระกูลฮัว แน่นอนว่าเขาจะต้องสังหารนางทั้งน้ำตา!


ในขณะที่นักบวชฮัวอวิ๋นพยายามบินไปอย่างเร่งรีบ ทันใดนั้นเขาเห็นร่างหนึ่งบินไปที่บ้านของมู่ซื่อหรง เป็นเพราะผู้นั้นอ่อนแอกว่านักบวชฮัวอวิ๋น เขาจึงไม่สามารถตรวจพบฮัวอวิ๋นได้


จากนั้นนักบวชฮัวอวิ๋นสังเกตการณ์อย่างเงียบงันและพบว่ามันผู้นั้นคือศิษย์ของคุณชายใหญ่ มันคือพี่ใหญ่จิน! มันเลือกใช้เส้นทางที่คนไม่พลุกพล่าน เห็นได้ชัดว่าเขากำลังทำอะไรสักอย่างที่อาจผิดศีลธรรม


สิ่งนี้ทำให้นักบวชฮัวอวิ๋นคิดขึ้นมาในใจทันที ‘อย่าบอกนะว่ามันกำลังคิดจะสร้างปัญหาอีกแล้ว?’ เมื่อคิดได้เช่นนั้น นักบวชฮัวอวิ๋นแอบตามเขาไปทันที


ในตอนสุดท้าย นักบวชฮัวอวิ๋นไม่เคยคาดคิดว่าพี่ใหญ่จินจะไปจุดหมายเดียวกับเขา มันมาหยุดที่บ้านของมู่ซื่อหรงและหลีกเลี่ยงยามที่อยู่ด้านหน้า ใช้ประตูด้านหลังแทน ซึ่งเดิมทีการป้องกันของประตูหลังก็แน่นหนาเช่นนั้น แต่ในตอนนี้มันถูกละเลย จึงทำให้พี่ใหญ่จินสามารถเดินไปถึงห้องนอนของมู่ซื่อหรงได้อย่างง่ายดาย


เมื่อนักบวชฮัวอวิ๋นได้เห็นเช่นนั้น ใบหน้าของเขากลายเป็นสีเขียวด้วยความโกรธจัด บวกกับความจริงในจดหมายที่เขาได้รับจากฮัวเฉียนหวู่ ทุกอย่างได้รับการยืนยันทันทีว่ามันคือความจริง นอกจากนี้นางยังทำมันกับศิษย์ของคุณชายใหญ่ซึ่งเป็นศัตรูกับเขา


ถ้าหากมู่ซื่อหรงมุ่งหน้าไปหาชายรูปงาม แม้ว่านักบวชฮัวอวิ๋นจะโกรธแต่ก็ยังสามารถเข้าใจการกระทำของนางได้ แม้ว่าซ่งจงจะแข็งแกร่งอย่างมาก แต่หน้าตาของเขาไม่ได้เป็นที่น่าพอใจนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโลกของผู้ฝึกตนนั้นเต็มไปด้วยบุรุษรูปงามมากมาย แต่หน้าตาของซ่งจงนั้นคล้ายกับนิ้วโป้งเท้าที่โผล่ออกมาจากร่างกายอสูรกายอย่างไรอย่างนั้น ดังนั้นถ้าหากมู่ซื่อหรงจะนอกใจซ่งจงด้วยเหตุผลนี้ ก็ยังถือว่าสามารถยอมรับได้


แต่พี่ใหญ่จินไม่ได้ดูดีไปกว่าซ่งจงแม้สักนิด อีกทั้งยังเป็นศิษย์ของคุณชายใหญ่ สิ่งนี้ทำให้นักบวชฮัวอวิ๋นโกรธจัดจนแทบจะตายอยู่ตรงนั้น


ในเวลานั้น นักบวชฮัวอวิ๋นมองเห็นว่ามู่ซื่อหรงต้อนรับพี่ใหญ่จินด้วยชุดนอนที่เกือบจะโปร่งใส ทั้งสองเริ่มพูดคุยกันทันที


“พี่ใหญ่จิน ท่านมาจริงด้วย น้องสาวผู้นี้คิดถึงท่านเหลือเกิน!” มู่ซื่อหรงอ้อนเขาอย่างเอาใจ


“ฮี่ฮี่ เจ้าคงไม่ได้คิดถึงข้าหรอก เจ้าเพียงแค่อยากจะนอกใจซ่งจงเท่านั้น ถูกไหม?” พี่ใหญ่จินยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย


“ฮ่าฮ่า ก็ไม่ผิด แต่ข้าสงสัยว่าพี่ใหญ่จินยอมที่จะร่วมมือกับข้าหรือไม่?” มู่ซื่อหรงตอบกลับอย่างยั่วยวน


เมื่อพี่ใหญ่จินได้ยินชื่อของซ่งจง ใบหน้าของเขาเปลี่ยนทันทีพร้อมกับกล่าวออกมาด้วยความโกรธแค้น “เหอะ ทำไมข้าจะไม่กล้าทำล่ะ! บิดาผู้นี้แหละจะเป็นคนที่ทำให้มันกลายเป็นไอ้โง่ในวันนี้!”


“แล้วท่านจะรออันใดอีก?” มู่ซื่อหรงกล่าวออกมา ในขณะนั้นนางกรอกตาไปมาเพื่อเชิญชวนเขา


ขณะที่พี่ใหญ่จินเห็นเช่นนั้น ความต้องการของเขาเพิ่มมากขึ้นพร้อมกับน้องชายที่ตั้งชูชันขึ้นมา เขายิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย “เด็กน้อย ข้ามาแล้ว!” ในขณะที่เขากล่าวเช่นนั้น เขาพุ่งเข้าไปหามู่ซื่อหรง เขาถอดเสื้อคลุมออกกลางอากาศเผยให้เห็นกล้ามเนื้อสีทองของเขาอย่างชัดเจน


ขณะที่พี่ใหญ่จินคิดว่าเขากำลังจะมีช่วงเวลาที่ดีกับหญิงสาวที่น่ารักคนนี้ มีร่างสีแดงปรากฏขึ้นตรงหน้าของมู่ซื่อหรงราวกับปีศาจ


ด้วยการมองเพียงครั้งเดียว ตรงหน้าของเขาในตอนนี้คืออาวุโสแห่งสำนักเสวียนเทียน ใบหน้าสีแดงก่ำเพราะเต็มไปด้วยความโกรธ เขาคือจ้าวสำนักแห่งสำนักเสวียนเทียน นักบวชฮัวอวิ๋น!


ในตอนนี้พี่ใหญ่จินกำลังเคว้งคว้างอย่างหนักหน่วง เขาได้ทำผิดอย่างรุนแรงที่แอบย่องมาหาหลานสาวของจ้าวสำนักและกำลังจะทำเรื่องเสื่อมเสีย! สิ่งนี้ทำให้เขาไม่รู้จะทำตัวอย่างไรในตอนนี้!


นอกจากนี้สิ่งที่ทำให้เขากลัวก็คือเขาอยู่ในอากาศและกำลังพุ่งไปหามู่ซื่อหรง แต่นักบวชฮัวอวิ๋นได้ขวางทางเขาไว้และพร้อมที่จะรับการพุ่งชนของเขาได้ตลอดเวลา แม้ว่าพี่ใหญ่จินจะมั่นใจในความแข็งแกร่งของร่างกายตนเอง แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะเผชิญหน้ากับผู้ฝึกตนระดับหยวนหยิน นั่นเทียบเท่ากับการแสวงหาความตายชัด ๆ!


เขากลัวจนต้องโบกมืออยู่กลางอากาศเพื่อเปลี่ยนทิศทางการพุ่งไป แต่การที่เขาอยู่ในอากาศนั้นทำให้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งใดได้อีก ดังนั้นผลลัพธ์ของมันก็คือเขาต้องพุ่งไปข้างหน้าอย่างช่วยไม่ได้


สำหรับนักบวชฮัวอวิ๋น เขาเห็นชายหนุ่มร่างใหญ่เปลือยกายกำลังพุ่งมาหาเขาและกำลังจะเกิดการปะทะ โดยเฉพาะเจ้าตัวด้านล่างที่แกว่งไปมาซึ่งน่ารังเกียจอย่างยิ่ง ทำให้นักบวชฮัวอวิ๋นยอมรับความจริงทุกอย่างโดยสมบูรณ์ทันที


ด้วยสถานะผู้ฝึกตนหยวนหยินและเป็นถึงจ้าวสำนักของสำนักเสวียนเทียน นักบวชฮัวอวิ๋นนั้นอยู่สูงกว่าศิษย์ที่อยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้อย่างแท้จริง แล้วเหตุใดพี่ใหญ่จินจึงแสดงความเคารพต่อเขาแบบนี้ หรือว่าเขาเบื่อที่จะต้องสุภาพแล้ว?


เช่นนี้ นักบวชฮัวอวิ๋นยิ่งโกรธจัดมากขึ้นไปอีกเมื่อเห็นสารรูปของพี่ใหญ่จินในขณะนี้


“เจ้ามันรนหาที่ตาย!” นักบวชฮัวอวิ๋นคำรามออกมา จากนั้นเขาโบกมือพร้อมกับส่งปราณจิตวิญญาณสีแดงออกไปปะทะกับพี่ใหญ่จินทันที


แล้วพี่ใหญ่จินจะสามารถรับมือได้อย่างไร เขาเพียงเพิ่งจะเข้าสู่ระดับจินตันเท่านั้น และนี่คือการโจมตีของผู้ฝึกตนระดับหยวนหยิน พี่ใหญ่จินส่งเสียงร้องออกมาทันที ร่างกายของเขากระเด็นออกไปไกลและพ่นเลือดออกมาคำใหญ่พร้อมกับล่วงหล่นสู่พื้นอย่างรวดเร็ว


ในขณะนั้น เหล่ายามที่รักษาการณ์อยู่ด้านนอกรีบวิ่งมาดูทันที นักบวชฮัวอวิ๋นโบกมืออีกครั้งเพื่อส่งให้มู่ซื่อหรงกลับไปที่บ้านอย่างรวดเร็ว เพื่อไม่ให้ผู้ใดเห็นว่านางแต่งกายยั่วยวนชายอื่น


หลังจากที่เหล่ายามมาถึงที่เกิดเหตุ นักบวชฮัวอวิ๋นชี้นิ้วไปที่พี่ใหญ่จินพร้อมกับตะโกนออกมา “พวกเจ้าทุกคนได้ตายไปแล้วหรืออย่างไร? เหตุใดจึงปล่อยให้ไอ้บัดซบตัวนี้เข้ามากระทำสิ่งที่ต่ำช้าโดยที่พวกเจ้าไม่รู้เห็น! พวกเจ้ามัวแต่ทำอะไรกันอยู่?!”


“ศิษย์สมควรตาย!” เมื่อเห็นร่างกายที่เปลือยเปล่าของพี่ใหญ่จินบวกกับความเกรี้ยวกราดของนักบวชฮัวอวิ๋น พวกเขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเกิดอะไรขึ้น? ทั้งหมดโค้งคำนับเพื่อรับความผิดทันที


แท้จริงแล้วนักบวชฮัวอวิ๋นนั้นรู้ดีว่าไม่อาจตำหนิพวกเขาได้ พวกเขาไม่สามารถป้องกันบุคคลที่ได้รับการช่วยเหลือจากมู่ซื่อหรงเพื่อให้เข้ามาในบ้านได้ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมพี่ใหญ่จินจึงสามารถเข้ามาในบ้านได้โดยไม่มีใครสังเกตุเห็น


แต่เนื่องจากสิ่งนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของตระกูลฮัว เขาจึงต้องตำหนิทุกคนไว้เพื่อปิดบังความจริง จากนั้นเขาสั่งการออกไปด้วยความโกรธ “จับมันขึ้นมา! และเพิ่มความเข้มงวดในพื้นที่นี้สิบเท่า ถ้าหากผู้ใดผ่าฝืนที่จะเข้ามาให้ฆ่าพวกมันให้หมด!”


“ขอรับ!” เมื่อทั้งหมดเห็นว่านักบวชฮัวอวิ๋นไม่ได้มีความตั้งใจที่จะลงโทษ ทุกคนถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก แล้วทั้งหมดก็ไม่กล้าที่จะชักช้าพวกเขาตอบกลับอย่างรวดเร็วและเพิ่มกำลังคุ้มกันทันทีในเวลากลางคืน


หลังจากที่ส่งทั้งหมดออกไปแล้ว นักบวชฮัวอวิ๋นเดินเข้ามาในห้องนอนด้วยความโกรธ ก่อนที่จะกล่าวอะไรสักอย่าง เขาตบมู่ซื่อหรงอย่างรุนแรงพร้อมตะคอกว่า “เด็กสารเลว พูดออกมา! ว่ามันเกิดอะไรขึ้น?”


การตบของนักบวชฮัวอวิ๋นทำให้มู่ซื่อหรงเลือดออกที่มุมปากและใบหน้าบวมแดงขึ้นมา แต่นางไม่ได้วิงวอนแต่อย่างใดพร้อมกับหัวเราะออกมา “เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ? อย่าบอกนะว่าท่านไม่สามารถรู้ได้? ข้าต้องการที่จะนอกใจซ่งจง!”


“เจ้า!” เมื่อนักบวชฮัวอวิ๋นได้ยินเช่นนั้น เขาโกรธจัดจนแทบจะตายอยู่ตรงนั้นพร้อมตอบกลับด้วยความหงุดหงิด “เจ้าเป็นบ้าไปแล้วงั้นหรือ? เขาเป็นสามีของเจ้า ไม่ใช่ศัตรู!”


“ทำไมเขาจะไม่ใช่ศัตรูของข้า?” เมื่อมู่ซื่อหรงได้ยินเช่นนั้น นางกรีดร้องออกมา “ไขมันบัดซบนั่นไม่เพียงแต่ทำให้ข้าต้องล้มป่วยไปหลายปี มันยังข่มขืนข้า แทนที่จะสอนบทเรียนให้กับมัน ท่านกลับให้ข้ายินยอม มันถูกต้องงั้นหรือ? ข้ายังเป็นหลานของท่านอยู่หรือไม่?”


“เหอะ!” เมื่อนักบวชฮัวอวิ๋นได้ยินเช่นนั้น เขาตอบกลับอย่างช่วยไม่ได้ “ถ้าหากเจ้าไม่ใช่หลานสาวของข้า แล้วเจ้าใช้สิทธิ์อะไรกันที่มาอยู่ในสำนักแห่งนี้? ถ้าหากไร้การปกป้องของข้า ในเวลาที่เจ้าไปโจมตีผู้อื่นมากมาย เจ้าจะต้องถูกลงโทษตามกฎของสำนัก แต่เป็นเพราะข้าปกป้องเจ้า! และในตอนนี้เจ้ากลับไม่ชอบใจที่ผู้อื่นได้รับความประณีประนอมจากข้าในเวลาที่เขารังแกเจ้างั้นหรือ?”


“เรื่องนั้น…” เมื่อมู่ซื่อหรงได้ยินเช่นนั้น นางเงียบไปทันที


เมื่อเห็นเช่นนั้น นักบวชฮัวอวิ๋นส่ายหัวอย่างหมดหนทางพร้อมกล่อมนาง “เด็กน้อย เจ้าคือหลานสาวของนักบวชฮัวอวิ๋น เจ้าได้รับสิทธิพิเศษมากกว่าผู้อื่น รวมไปถึงเคล็ดวิชาที่เจ้าใช้ฝึกฝน ยาอายุวัฒนะ หินจิตวิญญาณและอุปกรณ์วิเศษ เจ้าสามารถได้รับมันอย่างง่ายดาย แต่ศิษย์คนอื่นจะต้องจ่ายมันในราคาที่มากกว่าเจ้าด้วยซ้ำ แม้ว่าซ่งจงจะไม่ใช่คนดี แต่เขาเป็นอัจฉริยะในสำนักเสวียนเทียนและตระกูลฮัวของเราสามารถพึ่งพาเขาได้ในอนาคต! การที่เจ้าแต่งงานกับเขาแน่นอนว่ามันคือการช่วยเหลือตระกูลฮัว ทำไมเจ้าถึงไม่เข้าใจสักที?”


หลังจากที่มู่ซื่อหรงได้ยินเช่นนั้น นางกล่าวออกมาอย่างเหยียดหยาม “ฮ่า! ในที่สุดท่านก็พูดความจริงออกมา เหตุผลเดียวว่าทำไมท่านจึงขายข้า นี่คืองานเลี้ยงที่ท่านอยากจะเข้าร่วม จึงใช้ข้าเป็นทางผ่านถูกต้องหรือไม่?”


เมื่อนักบวชฮัวอวิ๋นได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของเขาเย็นเยือกพร้อมตั้งคำถามทันที “ถ้าหากเจ้าต้องการจะคิดแบบนั้น ข้าก็จะบอกว่าเจ้ากล่าวถูก! ในตอนนี้เจ้าเป็นภรรยาของซ่งจงแล้ว และถ้าหากเจ้ายังมีชีวิตอยู่ เจ้าจะต้องเป็นผู้หญิงของเขาและเป็นผีของเขาเมื่อเจ้าตาย!”


“แล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากข้าบอกว่าไม่?” มู่ซื่อหรงกล่าวออกมาอย่างเด็ดขาด


บทที่ 234: ฆ่านกสองตัวด้วยหินก้อนเดียว


นักบวชฮัวอวิ๋นอยู่ในความสงบและตอบกลับมู่ซื่อหรง “เจ้าไม่มีสิทธิ์อันใดสำหรับการตัดสินใจเรื่องนี้!”


“อย่างน้อยข้าก็มีสิทธิ์ที่จะตาย! ข้าต้องการที่จะตายมากกว่าที่จะยอมให้ซ่งจงใช้ชีวิตอย่างง่ายดาย!”


“แม้ว่าเจ้าต้องการจะตาย เจ้าก็จะต้องตายกับซ่งจง!”


“ฮ่าฮ่า ยอดเยี่ยม! ข้าจะต้องตายบนเตียงกับเขา หรือบางทีมันอาจจะต้องตายบนหน้าท้องของข้า!” มู่ซื่อหรงหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง


เมื่อนักบวชฮัวอวิ๋นได้ยินเช่นนั้น การแสดงออกของเขาเปลี่ยนไปทันทีเมื่อเขานึกบางอย่างขึ้นได้ เขาจับข้อมือของมู่ซื่อหรงอย่างรวดเร็วพร้อมปล่อยสัมผัสวิญญาณออกไปเพื่อตรวจสอบร่างกายของนาง จากนั้นใบหน้าของเขาเปลี่ยนสีทันทีและกล่าวออกมา “ปราณจิตวิญญาณของเจ้านั้นชั่วร้ายอย่างมากและร่างกายของเจ้าเต็มไปด้วยวิชาเบญจสตรีศักดิ์สิทธิ์สังหาร?”


“ฮ่าฮ่า ดูเหมือนว่าไขมันบัดซบนั่นได้บอกท่านทุกอย่างแล้ว! ถูกต้องแล้ว ข้าฝึกมันเพื่อที่จะดูดใครบางคนให้แห้งตาย และบุคคลผู้นั้นคือคนที่ข้ากำลังจะแต่งงานด้วย! ท่านยังต้องการให้ข้าแต่งงานกับมันอยู่หรือไม่?”


หลังจากที่นักบวชฮัวอวิ๋นได้ยินเช่นนั้น เขาตกใจไปชั่วขณะพร้อมกับหัวเราะออกมา “แน่นอน ทำไมข้าถึงจะไม่อยากให้เจ้าแต่งงานกับเขาล่ะ? ถ้าหากเจ้าดูดเขาจนตาย ความแข็งแกร่งของเจ้าจะก้าวกระโดดอย่างมาก ในเวลานั้น ตระกูลฮัวของเราก็จะแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก ข้าก็คงจะมีความสุขกว่านี้! แต่…”


“แต่อะไร?”


“เจ้าอ้วนนั้นรู้แล้วว่าเจ้าฝึกฝนวิชาเบญจสตรีศักดิ์สิทธิ์สังหารและยังกล้าที่จะพาเจ้าไปด้วย เห็นได้ชัดว่าวิชาของเจ้าไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลย! แต่เจ้ายังคิดจะใช้วิธีเล็กน้อยเช่นนี้เพื่อต่อรองกับเขางั้นหรือ? เจ้ามันรนหาที่ตายชัด ๆ!”


“เรื่องนั้น… เป็นไปไม่ได้! วิชาเบญจสตรีศักดิ์สิทธิ์สังหารเป็นสิ่งที่ลึกซึ้งอย่างมาก เป็นไปได้อย่างไรที่ไขมันนั่นจะไม่เกรงกลัว?”


“เหอะ เคล็ดวิชาที่เขาใช้ฝึกฝนนั้นทำให้ทัณฑ์เมฆาสนใจเขาทั้งที่เขาอยู่ในระดับปฐมภูมิขั้นต้น ความจริงก็คือมันแข็งแกร่งที่สุดและมากกว่าที่สำนักเสวียนเทียนมี! ทัณฑ์เมฆานั้นแข็งแกร่งอย่างมาก เป็นสิ่งที่ลึกลับที่สุดในโลกนี้ แต่เคล็ดวิชาที่ซ่งจงใช้ก็สามารถผ่านการทดสอบได้ นั่นนับว่าเคล็ดวิชาของเขานั้นแข็งแกร่งกว่ามาก ข้าเกรงว่าแม้ว่าเจ้าจะฝึกฝนเคล็ดวิชาของหญิงงามทั้งเก้า เจ้าก็ยังไม่สามารถเอาชนะเขาได้!”


“บัดซบ! ท่านปู่ที่รักของข้า เจ้าไขมันบัดซบนั้นมีเคล็ดวิชาการฝึกฝนที่ยอดเยี่ยมเช่นนั้น แล้วท่านไม่ต้องการมันบ้างงั้นหรือ?”


“เรื่องนั้นไม่จำเป็น! ซ่งจงนั้นเกิดมาพร้อมกับธาตุทั้งห้าที่อยู่รวมกันในร่างกายของเขา การที่ได้รับเคล็ดวิชาฝึกฝนเช่นนั้นนับว่าเป็นสิ่งที่เหมาะสมกับเขาแล้ว และมันเป็นสิ่งที่เขาสามารถมองเห็นได้เพียงผู้เดียว ไร้ประโยชน์ที่ข้าจะครอบครองมัน และที่สำคัญกว่า เขาก้าวหน้าไปมากจนข้าไม่สามารถรับมือกับเขาได้อีกแล้ว!”


ในขณะที่เขากล่าวเช่นนั้น นักบวชฮัวอวิ๋นถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “เจ้าอ้วนเพิ่งจะเข้าวงการฝึกฝนเพียงไม่กี่ปีเท่านั้น และในตอนนี้เขาน่ากลัวเกินไป ถ้าหากเขาอยู่ต่อไปอีกสักหนึ่งถึงสองทศวรรษ แน่นอนว่าข้าไม่อาจควบคุมเขาได้อีกต่อไป โชคยังดีที่ในตอนนี้เขาเป็นฝ่ายเดียวกับข้า มีเจ้าทำหน้าที่เป็นสะพาน ถ้าไม่เช่นนั้นข้าก็ไม่รู้ว่าข้าจะควบคุมเขาได้อย่างไร!”


แม้ว่ามู่ซื่อหรงไม่รู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น เมื่อนางได้ยินที่นักบวชฮัวอวิ๋นกล่าวเช่นนั้น นางอดไม่ได้ที่จะถามออกไปอย่างสับสน “ท่านปู่ ไขมันบัดซบนั่นอยู่เพียงระดับปฐมภูมิขั้นกลางเท่านั้นและเขาจะควบคุมท่านได้อย่างไร เหตุใดท่านจึงกดดันเขาไม่ได้?”


“เหอะ เจ้าไม่รู้อะไรเลยงั้นหรือ? ตอนนี้เขาอยู่ในระดับปฐมภูมิขั้นสมบูรณ์แล้ว และเขาสามารถสังหารราชาฉลามดำได้! ซึ่งมันเป็นอสูรกายขั้นห้ามีระดับเทียบเท่ากับผู้ฝึกตนระดับจินตันขั้นสมบูรณ์! เจ้าคิดว่าข้าจะสามารถจัดการกับคนเช่นนี้ได้อย่างง่ายดายงั้นหรือ?”


“ว่าอะไร? เป็นไปได้อย่างไร?” มู่ซื่อหรงอุทานออกมา “เมื่อตอนที่ข้าหนีมันมา มันอยู่ในระดับปฐมภูมิขั้นกลางเท่านั้นไม่ใช่หรือ? ในเวลาเพียงหนึ่งเดือนมันเข้าสู่ขั้นสมบูรณ์ได้อย่างไรกัน?”


“เจ้าอ้วนได้เผชิญหน้ากับความโชคดีในทะเลตะวันออกที่อันตรายอย่างยิ่ง เขาค้นพบกับสมบัติ และสถานที่พำนักของผู้ฝึกตนโบราณ มีหลายคนที่ค้นพบความโชคดีจากสถานที่แห่งนั้น ข้าคิดว่าเขาเป็นคนโชคดีจึงส่งเจ้าไปและหวังว่าเจ้าจะก้าวหน้าเช่นเดียวกับเขา ข้าไม่เคยคาดหวังว่าเขาจะโชคดีหลังจากแยกกับเจ้ามาเพียงหนึ่งเดือน สวรรค์ นี่คือชะตากรรมของเจ้างั้นหรือ?”


“เรื่องนั้น…” เมื่อมู่ซื่อหรงได้ยินเช่นนั้น นางอดไม่ได้ที่จะเสียใจ แม้ว่านางจะเกลียดซ่งจง แต่นางจะไม่ได้พบเจอความโชคดีแต่อย่างใดถ้าหากนางไม่ได้อยู่ข้างซ่งจง น่าเสียดายที่มันไม่มียาที่รักษาความเสียใจในโลกใบนี้ และนางไม่ได้สามารถหวนคืนกลับไปได้อีกแล้ว


เมื่อเห็นนางแสดงออกมาเช่นนั้น นักบวชฮัวอวิ๋นรู้สึกหดหู่ในใจ จากนั้นเขาเริ่มแนะนำ “เอาล่ะ อย่าเสียใจเลย ยังมีโอกาสอยู่ในอนาคต ตอนนี้ซ่งจงสังหารราชาฉลามดำได้ แน่นอนว่าเขาจะได้รับรางวัลเป็นหัวหน้าทะเลตะวันออก เช่นนี้เขาจะสามารถเลือกเกาะสมบัติเป็นของตนเองได้ ตราบใดที่เจ้ายังมีเขาอยู่ แน่นอนว่ามันจะมีประโยชน์กับเจ้าอย่างมาก!”


กับมู่ซื่อหรงที่ได้ยินเช่นนั้น นางรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก นางเป็นผู้ฝึกตนและไม่มีผู้ฝึกตนคนไหนที่จะไม่ถูกล่อลวงโดยสมบัติแห่งสวรรค์ แต่การต้องอยู่กับซ่งจงแน่นอนว่ามันกลายเป็นนรกสำหรับนาง ด้วยเหตุนี้นางจึงไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากถอนหายใจออกมา “แต่ซ่งจงนั้นเกลียดข้าเข้ากระดูกดำไปแล้วในตอนนี้ ถ้าหากข้าไปที่นั่น แน่นอนว่าเขาจะให้แม่มดเทวะควบคุมข้า ในเวลานั้นข้าจะกลายเป็นปีศาจเดินได้เท่านั้น ท่านปู่ ท่านทนที่จะเห็นข้าในสภาพเช่นนั้นงั้นหรือ?”


“เหอะ เจ้ายังมีหน้ามาพูดเช่นนี้อีกงั้นหรือ? ถ้าหากไม่ใช่เพราะเจ้าฝึกฝนวิชาเบญจสตรีศักดิ์สิทธิ์สังหารและต้องการที่จะนอกใจเขา แน่นอนว่าเขาจะไม่ทำเช่นนี้ ถ้าหากเป็นข้า แน่นอนว่าข้าจะสังหารเจ้า!”


มู่ซื่อหรงรับรู้ความผิดของตนเองและกล่าวออกมาว่า “เนื่องจากเรื่องราวได้ดำเนินมาเช่นนี้แล้ว ท่านช่วยข้าตัดสินใจได้หรือไม่ว่าควรทำเช่นไร!”


“เฮ้อ!” นักบวชฮัวอวิ๋นถอนหายใจยาว แม้ว่าเขาจะเกลียดที่มู่ซื่อหรงดื้อด้านกับเขา แต่ถึงอย่างไรนางก็เป็นหลานสาวของเขาอยู่ดี นอกจากนี้นางยังเป็นสะพานเชื่อมต่อไปหาซ่งจงอีกด้วยและเขาไม่สามารถปล่อยให้นางถูกควบคุมโดยแม่มดเทวะได้ ดังนั้นเขาจึงตอบกลับอย่างหมดหนทาง “ข้าจะลองคุยกับซ่งจงให้เขาปฏิบัติกับเจ้าอย่างดี เจ้าต้องขอโทษเขาและลืมเรื่องการนอกใจเขาให้หมดสิ้น! เพราะมันไม่เพียงแต่จะทำให้ใบหน้าของเจ้าหายไป แต่นี่มันรวมถึงศักดิ์ศรีของตระกูลฮัวอีกด้วย!”


“ข้าไม่สัญญา!” มู่ซื่อหรงตอบออกมาอย่างเกลียดชัง


“ถ้าหากเจ้าไม่รับปาก เจ้าก็จะต้องรับใช้เขาอย่างเต็มที่ และเจ้าจะต้องรู้จุดอ่อนของเขา หากเจ้าได้รับภาพวาดแห่งหญิงงามทั้งเก้าและรู้จุดอ่อนของเขาทั้งหมด เจ้าจะสามารถแข็งแกร่งกว่าเขาได้ ในเวลานั้นเจ้าจะสามารถขึ้นแทนที่เขาได้อย่างง่ายดาย นี่คือการแก้แค้น! แล้วอะไรคือการนอกใจ? เจ้าคิดออกมาอย่างไร ทำไมโง่ขนาดนี้?”


“ว่าอะไร? ท่านปู่ ท่านไม่รังเกียจงั้นหรือถ้าหากข้าจะแก้แค้นซ่งจง?”


“เหอะ เจ้าอ้วนไม่ใช่ลูกชายข้า ทำไมข้าจะต้องห่วงใยเขา? กุญแจสำคัญก็คือเจ้าไม่สร้างปัญหาใด เจ้านั้นรู้ดีว่าซ่งจงนั้นมีตระกูลหงคอยสนับสนุน แม้ว่าเราจะต่อต้านเขา เราจะต้องแน่ใจว่าแผนนั้นจะไม่ย้อนกลับมาหาเรา! นอกจากนั้นเจ้าจะต้องรู้ว่าประโยชน์ที่เจ้าจะได้รับคืออะไร ถ้าหากว่ามันมากพออย่างเช่นภาพวาดแห่งหญิงงามทั้งเก้า ในตอนสุดท้ายเราจะต้องกำจัดเขาให้ได้แม้ว่ามันจะกระตุ้นความสงสัยของตระกูลหง แต่ถ้าหากมันไม่ได้ประโยชน์อะไร เราจะไม่เคลื่อนไหวสิ่งใดให้ไร้ประโยชน์เด็ดขาด!” นักบวชฮัวอวิ๋นกล่าวออกมา “เจ้าเข้าใจในสิ่งที่ข้ากล่าวหรือไม่?”


“ข้าเข้าใจ!” มู่ซื่อหรงพยักหน้า


“ดีมากที่เข้าใจ!” นักบวชฮัวอวิ๋นถอนหายใจยาวพร้อมกับกล่าวต่อ “เรื่องในวันนี้จะทำให้ชื่อเสียงของเจ้าแย่ถ้าหากมันถูกแพร่กระจายออกไป เจ้าจะต้องยึดมั่นไว้เสมอว่าพี่ใหญ่จินนั้นบุกรุกเข้ามาและต้องการจะทำร้ายเจ้า เข้าใจหรือไม่?”


มู่ซื่อหรงยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย “ได้ ข้าเข้าใจแล้ว! แน่นอนว่าข้าจะให้พี่ใหญ่จินตายตกไปเพราะขุ่นเคืองข้า!”


“ฮ่าฮ่า ยอดเยี่ยม ในที่สุดเจ้าก็ใช้สมองของเจ้าสักที เอาล่ะดึกมากแล้ว ไปพักผ่อนได้!” หลังจากกล่าวจบนักบวชฮัวอวิ๋นได้จากไปทันที


มู่ซื่อหรงไม่หยาบคายและโค้งคำนับอย่างรวดเร็ว “ข้าส่งท่านปู่เท่านี้!”


ไม่สำคัญว่านางจะโค้งคำนับอย่างจริงใจหรือไม่ เมื่อนักบวชฮัวอวิ๋นออกไป นางมองขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมกล่าววาจาที่น่าสยดสยองออกมา “ไขมันบัดซบ แน่นอนว่าข้าจะอยู่เล่นกับเจ้าจนตาย! แต่สำหรับปู่ที่รักของข้า ในสักวันถ้าหากข้าแข็งแกร่ง ข้าจะกลับมาแก้แค้นท่านปู่อย่างสาสม!”


นักบวชฮัวอวิ๋นไม่รู้ว่ามู่ซื่อหรงที่อยู่ด้านหลังกำลังสาปแช่งเขาเข้ากระดูก ในเวลานั้นเขากำลังรู้สึกผ่อนคลายอย่างมาก ไม่เพียงแต่เขาสามารถคลี่คลายปัญหาของมู่ซื่อหรงกับซ่งจงได้ เขายังสามารถสั่งสอนบทเรียนให้กับพี่ใหญ่จินได้อีกด้วย นี่นับเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวอย่างแท้จริง


ในเช้าวันถัดมา ข่าวที่น่าตกใจแพร่กระจายไปทั่วสำนักเสวียนเทียน ศิษย์ที่คุณชายใหญ่ภาคภูมิใจนั่นก็คือพี่ใหญ่จิน บุกเข้าไปในห้องนอนของมู่ซื่อหรงด้วยความมักมากในกาม ในตอนสุดท้ายเขาถูกจับโดยนักบวชฮัวอวิ๋นและถูกขังไว้เพื่อรอการลงโทษ


สำหรับคุณชายใหญ่และคุณชายรองที่ได้รับข่าว ทั้งคู่ตกใจอย่างมาก ทั้งสองรีบไปที่คุกเพื่อสอบสวนพี่ใหญ่จินทันที พี่ใหญ่จินนั้นบาดเจ็บสาหัสและอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่อย่างมาก เขาเล่าให้ทั้งสองฟังทันทีว่ามู่ซื่อหรงกล่าวกับเขาอย่างไรและวิธีที่เขาพบกับนักบวชฮัวอวิ๋น เขาสาบานออกมาว่ามันเป็นแผนของนักบวชฮัวอวิ๋นที่ลอบทำร้ายเขา!

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม