Chaotic Lightning Cultivation โกลาหลแห่งอัสนีบาต 221-227

 บทที่ 221: ราชันฉลามดำ


แม้ว่าการเดินทางจะยากลำบากมากเพียงใด พวกเขาทั้งหมดยังต้องกลับบ้าน การหยุดพักอยู่กับที่ภายในทะเลตะวันออกนั้นเท่ากับการแสวงหาความตาย ทั้งหมดได้ตั้งตัวกันอย่างรวดเร็วและช่วยเหลือกันราวกับผู้ลี้ภัยกลุ่มใหญ่ ทั้งหมดค่อย ๆ บินตรงไปที่แผ่นดินใหญ่


แน่นอนว่าในสองสามวันแรกทุกอย่างยังปลอดภัย ทันใดนั้นพวกเขาทั้งหมดรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ไม่มีเมฆลอยเหนือหัวของพวกเขา ทั้งนี้ยังมีการเปลี่ยนแปลงของทิศทางลม เมฆดำลอยมารวมกลุ่มกันทำให้ท้องฟ้ามืดสนิท จากนั้นเกิดพายุฝนโหมกระหน่ำทันที


ในตอนแรกทุกคนคิดว่านี่เป็นเหตุการณ์ตามธรรมชาติ ในไม่ช้าพวกเขาทั้งหมดก็ตระหนักได้ถึงความจริงว่ามีปราณจิตวิญญาณธาตุน้ำที่แข็งแกร่งอยู่ในสายฝน ชัดเจนว่ามันถูกสร้างขึ้นโดยใครบางคน ฝนเหล่านี้ไม่เพียงแต่ปิดกั้นแสง มันยังทำให้ทิศทางของพวกเขาแปรปรวณอีกด้วย


ทุกคนตกใจทันทีเมื่อรู้สึกได้ ผู้ฝึกตนระดับจินตัน ดันฉิงซีตะโกนออกมา “ไม่ดีแล้ว! ฉลามดำหวังว่านหลี่แห่งจักรวรรดิทะเลตะวันออก ข้าเกรงว่าพวกเรากำลังตกอยู่ในมือของเขา!”


“ฉลามดำหวังว่านหลี่แห่งจักรวรรดิทะเลตะวันออกงั้นหรือ?” เมื่อทุกคนได้ยินชื่อนั้น การแสดงออกของพวกเขาเปลี่ยนไปทันทีราวกับสิ่งที่ได้ยินมันน่ากลัวอย่างมาก


ซ่งจงสังเกตเห็นสีหน้าของทุกคนที่แสดงออกมา เขารีบถามทันที “อาวุโสลุงดันฉิงซีใครคือฉลามดำ?”


“เขาเป็นอสูรกายที่แข็งแกร่งอย่างมาก ว่ากันว่าเขาฝึกฝนมานานนับพันปี แต่ไม่เคยมีผู้ฝึกตนคนไหนที่ได้พบเขาและกลับมาเล่าเรื่องราวสักครั้ง! ทั้งหมดกลายเป็นอาหารให้กับลูกสมุนของเขา! เสียดายที่พวกเราโชคร้ายเกินไป อย่างแรกเราพบเจอกับเหลยซานเอ๋อ และในตอนนี้เราพบกับฉลามดำอีก เราจะรอดไปได้อย่างไร?”


“เหอะ แล้วยังไงถ้าเขาคือฉลามดำ? ข้าสามารถทำให้เหลยซานเอ๋อหลีกทางได้ ข้าก็ไม่เกรงกลัวฉลามดำเช่นกัน!” ซ่งจงตอบกลับ


ในขณะที่ทุกคนได้ยินเช่นนั้น  พวกเขาได้แต่ยิ้มออกมา มีเพียงดันฉิงซีที่ยังมองโลกในแง่ร้าย “ข้าหวังว่าจะเป็นเช่นนั้น!”


ซ่งจงคิดได้ว่าดันฉิงซีคงไม่ได้ประเมินเขาสูงมากนัก นั่นทำให้ซ่งจงมึนงงอย่างมาก ก่อนหน้านี้ดันฉิงซีก็เห็นว่าเขาสามารถขับไล่เหลยซานเอ๋อออกไปอย่างไร เหตุใดกันทำไมดันฉิงซีจึงยังไม่มั่นใจในตัวเขา?


ในขณะที่ซ่งจงกำลังคิดจะอธิบายบางอย่างกับดันฉิงซี มีเสียงคำรามของอสูรกายดังขึ้น


เสียงนี้ดึงดูดความสนใจของทุกคนทันที เสียงที่โหดเหี้ยมนั้นกล่าวว่า “ใครคือซ่งจง? จงก้าวออกมารับความตายของเจ้าซะ!”


มองตามเสียงไปเกิดเป็นเงาดำขนาดใหญ่ค่อยปรากฏขึ้นในสายฝน ภาพนั้นคือฉลามที่กำลังลอยอยู่ในอากาศ มันยาวไม่กี่ร้อยฟุต ขนาดของมันใกล้เคียงกับเรือของซ่งจง ร่างกายนั้นเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อและยืนอยู่บนศีรษะของฉลาม


เหตุผลที่เขาถูกเรียกว่าบุรุษแห่งกล้ามเนื้อเพราะร่างกายของเขาเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อที่สวยงาม เขาสูงยี่สิบฟุตและมีเกล็ดสีดำทั่วทั้งร่างกายของเขา แขนของเขาหนาเทียบเท่ากับเอวของคนธรรมดาทั่วไป ขาของเขาคล้ายกับเหยือกน้ำ ซ่งจงยกย่องให้เขาเป็นมนุษย์ที่มีรูปร่างยอดเยี่ยม เมื่อเทียบกับเขาแล้วซ่งจงกลายเป็นเด็กน้อยทันที


ลักษณะเช่นนี้แน่นอนว่าเขาไม่ใช่มนุษย์ เนื่องจากบนใบหน้าของเขายังมีเอกลักษณ์ของการเป็นฉลามอยู่ โดยเฉพาะกรามใหญ่และฟันที่เรียงกันอย่างสวยงาม มันทั้งแหลมคมทำให้เขาดูเหมือนนักฆ่าแห่งท้องทะเล


ความจริงแล้วเหตุผลที่ทำเขาไม่เหมือนมนุษย์นั้นเป็นเพราะความแปลกของเขา อาจเป็นเพราะเขายังไม่ผ่านขั้นตอนการเปลี่ยนเป็นมนุษย์อย่างสมบูรณ์ ในฐานะอสูรกายขั้นห้า แน่นอนราชันฉลามดำนั้นเปลี่ยนร่างกลายเป็นมนุษย์ได้ แต่ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ควรที่จะเปลี่ยนเป็นมนุษย์ แต่ด้วยความบังเอิญที่เขาพบสมุนไพรที่ใต้ทะเลและเมื่อกินมันเข้าไป มันทำให้ร่างกายของเขาพ้นขีดจำกัดอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเขาจึงถูกเปลี่ยนร่างกายก่อนที่จะพร้อมเสียอีก เพราะว่าการฝึกฝนของเขาถูกชะลอลง จึงไม่สามารถเปลี่ยนเป็นมนุษย์เต็มตัวอย่างเช่นเหลยซานเอ๋อได้ ดังนั้นนี่จึงเป็นที่มาของความแปลกประหลาดบนร่างกายของเขา


เมื่อเห็นว่าราชันฉลามดำในตำนานนั้นเป็นอย่างไร ทุกคนรวมถึงซ่งจงได้แต่ตกใจ จากนั้นดันฉิงซีกระซิบเสียงเบาไปที่ซ่งจง “ศิษย์น้องรัก อย่าเพิ่งสนใจเขา เจ้าต้องสนใจสิ่งรอบข้างด้วย ว่ากันว่าเคล็ดวิชาของเขาสามารถปกปิดลูกสมุนของเขาได้! นอกจากนี้พวกมันยังบินได้ ข้าคิดว่าตอนนี้เราถูกล้อมรอบและเจ้าต้องระวังการถูกซุ่มโจมตี!”


เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาตกใจทันที เขาขยายสัมผัสวิญญาณออกไปรอบและรู้สึกได้ถึงพลังที่อยู่รอบตัวเขาเต็มไปหมด ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเหล่าอสูรกายที่อยู่ในจักรวรรดิทะเลตะวันออกนั้นแข็งแกร่งอย่างมาก อีกทั้งการที่ราชันฉลามดำโผล่มาในตอนนี้เป็นเรื่องที่แปลกมาก! อีกทั้งเขายังสามารถปกปิดลูกน้องของตนเองได้ แต่ถ้าหากพวกมันบินได้อีก นี่มันคงแปลกเกินไปแล้ว!


ขอบคุณที่ในวันนี้มีอาวุโสอยู่ในที่แห่งนี้ด้วย ถ้าไม่เช่นนั้นเขาจะต้องพบกับความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่อย่างแน่นอน หลังจากที่เข้าใจสถานการณ์มากขึ้น ซ่งจงเช็ดเหงื่อที่ไหลอาบร่างกายของเขาพร้อมกล่าวกับดันฉิงซี “ขอบคุณอาวุโสลุงมากที่เตือนข้า หลานคนนี้เกือบหลงเข้าไปในกับดักแล้ว!”


ดันฉิงซียิ้มและต้องการจะตอบกลับ แต่ราชาฉลามดำเริ่มคำรามออกมาอีกครั้งอย่างหงุดหงิด “บัดซบ ข้ามองหาซ่งจงอยู่ มันอยู่ที่ไหน? บอกให้มันออกมารับความตายของมันไป!”


เมื่อเห็นความเกรี้ยวกราดของราชาฉลามดำ ดันฉิงซีปิดปากเงียบ เขาบาดเจ็บสาหัสและไม่มีปราณจิตวิญญาณเหลือสำหรับต่อสู้เลย ในตอนนี้เขาไม่ได้มีค่ามากไปกว่าภาระ


สำหรับซ่งจง เขาขมวดคิ้วพร้อมกับบินไปด้านหน้าอย่างหงุดหงิด “ข้าซ่งจง! ข้าสงสัยว่าราชาฉลามดำอย่างท่านต้องการอะไร?”


“ฮ่าฮ่า เจ้าน่ะหรือซ่งจง! ข้าตามหาเจ้ามาหลายวันแล้ว!”


“ว่าอะไร? เราไม่เคยพบเจอกันมาก่อน ข้าอยากรู้ว่าทำไมท่านจึงตามหาข้า?”


“ฮ่าฮ่า ข้ามาที่นี่เพื่อจะขอยืมบางสิ่งจากเจ้า! ถ้าหากเจ้ายินยอม ข้าอาจจะปล่อยพวกเจ้าทุกคนไป!”


“โอ้? ข้าอยากรู้ว่าราชาฉลามดำต้องการอะไร?”


“มันง่ายมาก ข้าต้องการหัวของเจ้า!” ราชาฉลามดำกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้ม


เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาโกรธจัดพร้อมกล่าวออกมาว่า “มันไม่ง่ายนักที่จะเอาหัวของข้า!”


“อย่างไรข้าก็ต้องการมันแม้ว่ามันจะไม่ง่าย ภรรยาของข้าต้องการมัน!” ราชาฉลามดำตอบกลับ


“ว่าอะไร? ภรรยาของท่านเป็นใคร?”


“นางมีชื่อว่าราชันเหยี่ยวฟ้าเหลยซานเอ๋อ!” ราชาฉลามดำตอบกลับมาอย่างร่าเริง


“ข้าว่าไม่ถูกต้อง ข้าจำได้ว่าเหลยซานเอ๋อไร้คู่ครอง ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนว่านางแต่งงานแล้ว” ในขณะที่เขากล่าวเช่นนั้น เขาหันไปหาดันฉิงซีอย่างไม่เชื่อ


ดันฉิงซีรีตอบกลับ “ข้าก็ไม่เคยได้ยินมาก่อนเช่นนั้น ถ้าหากมันเป็นเช่นนั้นจริงทุกคนจะต้องรู้อย่างแน่นอน!”


“ฮ่าฮ่า ความจริงก็คือนางยังไม่ได้เป็นภรรยาของข้า! แต่นางจะเป็นอย่างแน่นอนในอนาคต ตราบใดที่ข้าสามารถนำหัวของเจ้าไปให้นางได้ นางจะแต่งงานกับข้าอย่างแน่นอน ฮี่ฮี่!” ในขณะที่เขากล่าวเช่นนั้น เขาก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข


ในตอนนี้ซ่งจงรู้ตัวแล้วพร้อมกับเริ่มสาปแช่งทันที “บัดซบ ข้าตกหลุมพรางของเหลยซานเอ๋อ! เหตุผลที่นางยอมปล่อยเชลยจำนวนมากเช่นนั้นไม่ใช่เพราะมีความเมตตา นางต้องการให้เราล่าช้าและให้ราชาฉลามดำติดตามข้า!”


เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนั้น พวกเขาเข้าใจแผนการของนางทันที จากนั้นราชาฉลามดำก็ตะโกนออกมา “ฮ่าฮ่า ถูกต้อง ภรรยาของข้าคนนี้นั้นฉลาดเกินไป! ข้ามองเจ้าเพียงครั้งเดียวก็รู้แล้วว่าเจ้านั้นโง่เพียงใด เจ้าจะสามารถเอาชนะนางได้อย่างไรกัน?”


เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาโกรธจัดจนแทบจะตายอยู่ตรงนั้น นี่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่เขาฝึกฝนมา ที่เขาถูกหลอกโดยหญิงสาวที่แสร้งทำเป็นไร้เดียงสา การแลกเปลี่ยนของเขาในครั้งนี้นับว่าล้มเหลวและเขาพ่ายแพ้ให้กับนางอย่างสมบูรณ์


เมื่อเห็นว่าซ่งจงแทบจะสำรอกออกด้วยความโกรธ ราชาฉลามดำเผยรอยยิ้มออกมาพร้อมกล่าวว่า “ไขมันบัดซบเอ๋ย เนื่องจากวันนี้ข้าอารมณ์ดียิ่ง ข้ามีข้อเสนอพิเศษให้กับเจ้า ถ้าหากว่าเจ้ายอมแพ้ ข้ายินยอมที่จะปล่อยทุกคนไป อย่างนี้เป็นเช่นไร?”


“ฮ่าฮ่า ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่โง่ เมื่อเจ้ารู้ว่าเหลยซานเอ๋อยังไม่สามารถทำอะไรกับข้าได้ เช่นนั้นเจ้าคงรู้ว่าข้านั้นไม่ใช่คนที่เจ้าจะข่มเหงได้ง่าย ดังนั้นเจ้าจึงต้องการใช้วิธีการเช่นนี้เพื่อจับกุมข้าโดยไม่ต้องสูญเสียอะไร ถูกไหม?”


“ฮ่าฮ่า! เราทุกคนอาศัยอยู่ในทะเลตะวันออก แล้วพวกเราจะทำตัวโง่เง่าได้อย่างไร? นางต้องการจะฆ่าเจ้าโดยใช้มือของข้าและข้าต้องการจับกุมเจ้าโดยไม่ต้องใช้กำลัง!”


“ฮ่าฮ่า เยี่ยม! ข้อเสนอของท่านยอดเยี่ยมมาก แต่ข้าต้องคุยกับพวกเขาก่อน เจ้าติดอะไรหรือไม่?”


“ย่อมได้ เนื่องจากเจ้าติดอยู่ในเคล็ดวิชาของข้า ไม่ว่าเจ้าคิดจะหลบหนีได้แต่อย่างใด อีกทั้งยังไม่มีทางทำได้แม้ต้องการก็ตาม ข้าอนุญาตให้เจ้าคุยกับพวกเขา! อย่างไรก็ตามเจ้าควรใช้เวลาให้น้อยที่สุด ข้ามีความอดทนไม่มากนัก! ถ้าหากข้าไม่พอใจ ข้าจะสังหารพวกเจ้าทุกคน!”


“สบายใจได้ ข้าจะไม่ทำให้ท่านรอนาน!” ซ่งจงหันหลังกลับพร้อมตั้งคำถามทันที “พวกเจ้าคิดว่าเราควรทำอย่างไร?”


ทุกคนมองหน้ากันไปมาในความเงียบ แต่ภายในหัวของทุกคนเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ‘ถ้าหากความตายของเจ้ามันทำให้พวกเรารอด แล้วทำไมเจ้าไม่ไปตายล่ะ?’ แม้แต่ผู้ฝึกตนชอบธรรมยังนิ่งเงียบและไม่ได้กล่าวถึงการต่อสู้เลย เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้อยู่ในทะเลตะวันออกมานาน และพวกเขาไม่รู้จักคำว่าบุญคุณ


แม้ว่าซ่งจงจะคาดไว้แล้วว่าจะเป็นเช่นนั้น เขารู้สึกผิดหวังเล็กน้อยเมื่อต้องเผชิญหน้ากับความเป็นจริงเช่นนี้ ในตอนนี้จิตใต้สำนึกของคนเหล่านี้ได้ถูกสุนัขกินไปแล้ว ดันฉิงซีเป็นคนแรกที่ก้าวออกมา “ศิษน้องรัก อสูรกายนั้นไม่รักษาสัญญา! อย่าเชื่อเขา มากที่สุดในตอนนี้เราทำได้เพียงสู้กับพวกมันจนตาย!”


ซูหยุนและซูหยู่ก้าวออกมาเช่นกัน “ใช่ เราจะต่อสู้จนกว่าจะตาย!”


หินไม่ได้กล่าวอะไรออกมา เขาก้าวออกมายืนด้านหลังของซ่งจงอย่างแน่วแน่ แสดงออกผ่านการกระทำแทนคำพูด


เมื่อคนอื่นเห็นเช่นนั้น พวกเขาขมวดคิ้ว บางคนอึดอัดและรู้สึกสมเพช มีคนหนึ่งตะโกนออกมา “วีรบุรุษซ่งจง ท่านเป็นคนดีจนวันสุดท้าย! เนื่องจากท่านเคยได้ช่วยเราไว้ครั้งหนึ่งแล้ว ถ้าอย่างนั้นทำไมเจ้าจึงไม่ช่วยพวกเราอีกสักครั้งล่ะ? พวกเราจะไม่มีวันลืมบุญคุณ!”


ด้วยการนำเช่นนี้ เหล่าพวกคนที่จิตใจคับแคบได้เริ่มเปล่งเสียงออกมาทันที “ใช่ เราจะจดจำเจ้าไว้อย่างแน่นอน!”


“เราจะเผาเครื่องหอมไปให้เจ้า!”


“เราจะสร้างวิหารเพื่อเทิดทูนเจ้า!”


“เราจะเผาเงินไปให้เจ้าทุกปี!”


เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีเขียวด้วยความโกรธ ดันฉิงซีตะโกนออกมาอย่างโกรธจัด “หุบปาก พวกเจ้ารู้จักคำว่าละอายใจหรือไม่?”


ดันฉิงซีเป็นผู้ฝึกตนระดับจินตัน แม้ว่าเขาจะบาดเจ็บ เขายังเต็มไปด้วยเกียรติ เมื่อสิ้นสุดเสียงของเขาก็ไม่มีใครกล่าวอะไรออกมาอีก


จากนั้นดันฉิงซีมองไปที่ซ่งจงพร้อมกล่าวว่า “ศิษย์น้อง ไม่ต้องสนใจพวกมัน! ข้าคิดว่าเราควรจะสู้!”


“ใช่! เราจะต่อสู้จนกว่าจะตายตกไป!” ซูหยู่และซูหยุนก้าวออกมา


เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงขื่นขม “พวกเจ้าคิดอย่างไร พวกเขาสามารถทรยศข้าได้อย่างโจ่งแจ้ง แต่ถ้าหากการต่อสู้ดำเนินไปอย่างไม่เป็นตามที่หวัง พวกเขาจะหักหลังข้า?”


ในขณะที่ซ่งจงกล่าวเช่นนั้น ดันฉิงซีเปลี่ยนแปลงท่าที ความจริงแล้วสิ่งที่ซ่งจงกล่าวออกมานั้นถูกต้อง คนเหล่านี้ลืมไปแล้วว่าความละอายใจคืออะไรและต้องการที่จะมีชีวิตรอด ถ้าหากการต่อสู้ไม่เป็นไปอย่างที่พวกเขาต้องการ แม้ว่าอาจไม่มีการกระตุ้นของราชาฉลามดำ พวกเขาจะหักหลังซ่งจงอย่างแน่นอนเพื่อความอยู่รอด


ดันฉิงซีติดอยู่กับปัญหานี้พร้อมกล่าวว่า “แล้วคิดว่าควรจะทำอย่างไรกับพวกเขา?”


“ฆ่าให้หมด!” มู่ซื่อหรงที่ยืนอยู่ด้านข้างกล่าวออกมาอย่างไม่แยแส


“เรื่องนั้น…” เมื่อดันฉิงซีได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของเขาหดทันที ถ้าหากเป็นผู้ฝึกตนปีศาจกล่าวเช่นนี้ออกมาเขาคงไม่เสียใจ แต่นี่คือผู้ฝึกตนชอบธรรมกล่าวออกมา? อีกทั้งหลายสำนักภายในนี้ยังมีความสัมพันธ์ที่ดีร่วมกับสำนักเสวียนเทียน และบางคนก็ยังมีความผูกพันกับดันฉิงซีอีกด้วย แน่นอนว่าดันฉิงซีไม่สามารถสังหารพวกเขาทั้งหมดได้


ฆ่าหรือไม่ฆ่า เป็นสิ่งที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ดันฉิงซีไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากมองไปที่ซ่งจงเพื่อขอความเห็น


แน่นอนว่าซ่งจงรู้ทันทีว่าเขาต้องการอะไร แม้ว่าซ่งจงจะไม่พอใจกับความใจดีของดันฉิงซี แต่เขาก็ไม่อาจปฏิเสธได้ “ลืมมันไป ลืมไปเถอะ เนื่องจากเขาต้องการข้า ข้าจะอยู่ที่นี่เพียงคนเดียว พวกเจ้าจงออกไปให้หมด!”


บทที่ 222: หลอกลวง


“อะไร?” เมื่อซ่งจงกล่าวออกมาเช่นนั้น ซูหยู่และซูหยุนต่างก็ตกใจ “เราจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร? เจ้าจะต่อสู้กับราชันฉลามดำได้อย่างไรและต่อสู้เพียงคนเดียวน่ะหรือ?”


“ถูกต้อง อย่างมากที่สุดเราเพียงฆ่าตัวบัดซบนี้ทั้งหมด! อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องใช้ความพยายามมากเกินไป!” มู่ซื่อหรงกล่าวออกมาอย่างเร่งรีบ


“ไม่ ไม่ได้!” ซ่งจงรีบบอกมือพร้อมกล่าวว่า “เจ้าไม่ควรโจมตีพวกเขาในตอนนี้!”


เมื่อมู่ซื่อหรงได้ยินเช่นนั้น นางกล่าวออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “พี่ชายซ่ง เรื่องราวมันมาถึงขั้นนี้แล้วแต่ท่านยังต้องการดูแลไอ้พวกนี้อีกงั้นหรือ?”


“ไม่ใช่ว่าข้าดูแลพวกมัน เพียงแค่เวลานี้ยังไม่เหมาะสมที่จะทำเช่นนั้น!” ซ่งจงตอบกลับพร้อมกับหัวเราะออกมา “แม้ว่าพวกมันจะบาดเจ็บ แต่ก็ยังสามารถต่อสู้ได้ ไม่ว่ายังไงก็ตามการสังหารคนทั้งห้าสิบคนนั้นต้องใช้เวลาพอสมควร ราชันฉลามดำนั่นก็ไม่ใช่คนโง่ เมื่อเขาเห็นว่าเราต่อสู้กัน เป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะยืนดูเงียบๆ? เขาจะฉวยโอกาสนี้ทันทีในการลงมือและเราจะถูกรายล้อมไปด้วยศัตรูถ้าเป็นเช่นนั้น! แทนที่จะปล่อยให้เรื่องราวต่างๆเป็นไปเช่นนั้น ทำไมเราจึงไม่ปล่อยเหล่าเห็บหมัดเหล่านี้ออกไป เพื่อที่จะได้ไม่มีสิ่งผิดพลาดในการต่อสู้!”


“ถูกแล้ว!” ดันฉิงซีกล่าว “ถ้าหากเป็นเช่นนั้น เราจะส่งเขาออกไป! ข้าจะอยู่ตรงนี้กับเจ้า!”


สำหรับซูหยู่และซูหยุนได้ยินเช่นนั้น นางรีบกล่าวทันที “พวกเราก็จะอยู่ตรงนี้เช่นกัน!”


แม้ว่าหินจะไม่ได้กล่าวอะไร เขายืนชิดด้านหลังของซ่งจงเพื่อแสดงเจตนาที่ชัดเจน เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนที่ซาบซึ้งในบุญคุณคนเช่นกันและมีแผนที่จะตอบแทนซ่งจงหลังจากช่วยเขาออกมาจากมือของเหลยซานเอ๋อ สำหรับตาเฒ่าพิษเขาแกล้งทำเป็นไม่เห็นอะไรและไม่พูดอะไรสักคำ!


ซ่งจงรู้สึกซาบซึ้งอย่างมากและไม่มีพลังที่จะจัดการกับตาเฒ่าพิษในตอนนี้ ดังนั้นซ่งจงจึงไม่สนใจ เขาหันไปกล่าวกันดันฉิงซี ซูหยุน ซูหยู่และหิน “ข้าขอบคุณความตั้งใจของพวกท่าน แต่ข้าคงจะเปิดเผยอะไรมากไม่ได้ พวกท่านมีแต่จะสร้างปัญหาให้กับข้าถ้าหากยังอยู่ตรงนี้! ที่จริงแล้วการที่ข้าอยู่ตรงนี้เพียงผู้เดียวไม่ใช่การแสวงหาความตาย แต่มันเป็นเพราะข้ามั่นใจว่าข้าจะหลบหนีได้! ได้โปรดเชื่อใจข้าและฟังข้าได้หรือไม่?”


เมื่อทุกคนได้ยินเขากล่าวเช่นนั้น พวกเขารู้ทันทีว่าคงไม่ดีถ้าหากยังอยู่ตรงนี้ต่อไปและพยักหน้าเห็นด้วย เมื่อเห็นเช่นนั้นซ่งจงพยักหน้าจากนั้น เขายกมือขึ้นพร้อมกับฟาดลงที่หลังคอของมู่ซื่อหรงอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าทำให้นางหมดสติไปทันที


เมื่อทุกคนเห็นเช่นนั้น พวกเขาตกใจทันที ซูหยุนและซูหยูรีบถามทันที “ศิษย์น้องซ่งเจ้าทำอะไรน่ะ?”


“อ่า อย่างนี้แหละ!” ซ่งจงทำเป็นไม่สนใจอะไรพร้อมกับอธิบาย “พวกท่านก็รู้มู่ซื่อหรงนั้นดื้อด้านและไม่ยอมที่จะห่างจากข้า ถ้าหากข้ากล่าวว่าให้นางไปกับพวกท่าน แน่นอนว่านางคงไม่ฟังสิ่งใด ดังนั้นข้าจึงทำเช่นนี้ และข้าขอร้องให้พวกท่านดูแลนางแทนข้าด้วย ได้หรือไม่?”


ในขณะที่เขากล่าวเช่นนั้น ซ่งจงยกมู่ซื่อหรงที่หมดสติยื่นให้กับซูหยุ่นและซูหยู่ ทุกคนเข้าใจการกระทำของเขา ทำให้พวกเขาประทับใจอย่างมากเกี่ยวกับความห่วงใยที่ซ่งจงมีต่อนาง ซูหยู่และซูหยุนเปลี่ยนท่าทีอย่างรวดเร็วและตอบกลับ “ไม่ต้องห่วง เราจะปกป้องนางด้วยชีวิตของเรา!”


“ฮ่าฮ่า ไม่ต้องทำเช่นนั้นก็ได้!” ซ่งจงตอบกลับพร้อมกับคิดในใจ ‘แท้จริงแล้ว ข้าให้ความสำคัญกับเจ้าสองคนมากกว่านังสารเลวนี้ พวกเจ้าควรจะดูแลตัวเองให้ดีเสียมากกว่า!’


เหตุผลที่ซ่งจงทำมู่ซื่อหรงหมดสติไม่ใช่เพราะเขาต้องการปกป้องนาง เขาทำให้มู่เอ๋อเป็นอิสระเพื่อที่จะเข้าร่วมการต่อสู้ที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งเขาไม่อาจปล่อยให้มู่เอ๋อจากไปได้ ดังนั้นเขาจึงจัดการมู่ซื่อหรง ด้วยวิธีเช่นนี้ นางจะไม่สามารถกล่าวอะไรได้ เมื่อเขามีชีวิตรอดกลับไป แน่นอนว่าเขาจะปลุกนางเอง


อย่างไรก็ตาม ซูหยู่และซูหยุนเข้าใจผิดและคิดว่าเขากล่าวติดตลกไปเช่นนั้น ดังนั้นใบหน้าของพวกนางจึงเปลี่ยนเป็นสีแดง ทำให้ซ่งจงรู้สึกมึนงงทันที


อย่างไรก็ตาม เขาฟื้นคืนสติอย่างรวดเร็วและยิ้มออกมาอย่างไร้กังวล “เอาล่ะ นั่นคือทั้งหมดที่ข้าจะบอก ข้าจะอยู่ตรงนี้เอง!”


เมื่อเขากล่าวเช่นนั้น เขาเพิกเฉยต่อทุกคนและบินไปด้านหน้าทันที จากนั้นเขากล่าวกับราชาฉลามดำอย่างสุภาพ “ราชาฉลามดำ ถ้าหากเจ้าสามารถสัญญาว่าจะปล่อยพวกเขาไป ข้าจะอยู่ตรงนี้!”


“งั้นหรือ?” เมื่อราชาฉลามดำได้ยินเช่นนั้น เขาตอบออกมาอย่างร่าเริง “เรื่องจริงงั้นหรือ?”


“แน่นอน!” ซ่งจงกล่าวเสริม “อย่างไรก็ตาม เจ้าต้องปล่อยพวกเขาออกไปก่อน!”


“ว่าอะไร?” เมื่อราชาฉลามดำได้เยินเช่นนั้น เขาถามออกมาด้วยความระมัดระวัง “เด็กน้อย อย่าบอกนะว่าเจ้าวางแผนอะไรอยู่?”


“แผนอะไรที่ข้าจะทำได้?” ซ่งจงกล่าวออกมาอย่างหงุดหงิด “แม้ว่าพวกเขาจะจากไป ข้ายังยืนอยู่ตรงนี้ อย่าบอกนะว่าราชาฉลามดำที่มีลูกน้องมากมายเช่นนี้จะกลัวว่าข้าจะหลบหนี?”


เมื่อราชาฉลามดำได้ยินเช่นนั้น เขาไตร่ตรองดูพบว่ามันก็สมเหตุผล ดังนั้น เขาตะโกนออกมา “เรื่องตลกอะไรกัน ทำไมข้าต้องกลัวว่าเจ้าจะหนีด้วย? ลืมมันไป ข้าจะทำตามที่เจ้าต้องการ เด็ก ๆ ปล่อยพวกเขาออกไป!”


สิ้นสุดคำสั่งของฉลามดำ ทุกคนพบว่ามีรอยแยกเล็ก ๆ เพียงพอให้เรือของพวกเขาแล่นออกไป


เมื่อซ่งจงเห็นเช่นนั้น เขามั่นใจว่าราชาฉลามดำนั้นไม่มีกับดักอะไรอยู่ เพราะถ้าหากเขาทำเช่นนั้นจะทำให้เรื่องราวมันแย่ลงไปอีก ดังนั้นเขาคำนับและกล่าวว่า “ทุกคนได้โปรดออกไป!”


“ลาก่อน!” พวกเขาตอบกลับอย่างตื่นเต้น สำหรับดันฉิงซี ซูหยู่ ซูหยุน และหินมีใบหน้าที่แสดงออกถึงความเจ็บปวด


เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขายิ้มและกล่าวออกมาอย่างสบายใจ “ไป หลังจากที่พวกเจ้าออกไปแล้ว จงจัดการเห็บหมัดพวกนั้นทันทีและกลับไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้! บางทีข้าอาจจะไปรอพวกเจ้าอยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว!”


หลังจากที่ได้ยินเช่นนั้น ทุกคนรู้สึกมีพลังขึ้นมาทันที จากนั้นพวกเขาทั้งหมดออกไป


ก่อนที่จะจากไป ซูหยู่และซูหยุนกล่าวกับซ่งจงผ่านสัมผัสวิญญาณ “ศิษย์น้องซ่ง! เวลานี้พวกข้าขอให้คำสัญญา ถ้าหากเจ้ากลับมาได้โดยที่ยังมีชีวิตอยู่ เราทั้งสองจะยอมให้เจ้าเล่นกับร่างกายของเรา!” เมื่อนางกล่าวเช่นนั้น นางมองหน้าซ่งจงด้วยความรู้สึกที่ล้ำลึกพร้อมกับรีบออกไป


เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาอดไม่ได้ที่จะเผยยิ้มออกมาทันที


ราชาฉลามดำนั้นเมื่อเห็นซ่งจงยิ้มออกมา เขายิ้มตามพร้อมกับคิดในใจ ‘เหตุใดเจ้าไขมันบัดซบนี่จึงยิ้มออกมา ทั้งที่มันจะต้องตายอย่างแน่นอน?’ เขาจึงถามออกมาด้วยความอยากรู้ “ซ่งจง เจ้านั้นกำลังจะตายแล้วเหตุใดจึงยังมีความสุขอยู่?”


“ช่วยไม่ได้ ข้าเป็นคนที่มองโลกในแง่ดี!” ซ่งจงตอบกลับด้วยเสียงหัวเราะ


สำหรับราชาฉลามดำที่ได้ยินเช่นนั้น เขาตอบกลับอย่างงุนงง “มองโลกในแง่ดี? ข้าไม่คิดเช่นนั้น อย่าบอกนะว่าเจ้ามีแผนอะไรอยู่?”


“ข้านั้นอยู่ในพลังของท่านและเหล่าฉลามนับร้อยตน ท่านคิดว่าข้าจะมีแผนอะไรได้?”  ซ่งจงยิ้มเยาะ


“เรื่องนั้น…” เมื่อราชาฉลามดำได้ยินเช่นนั้น เขาหมดคำพูด เขาไม่รู้เลยว่าแผนของซ่งจงนั้นเป็นแบบไหน


เมื่อเห็นเช่นนั้น ซ่งจงไม่ได้รบกวนเขาและลอยขึ้นไปในอากาศด้วยรอยยิ้ม เพลิดเพลินกับเหล่าเม็ดฝนรอบตัวของเขาอย่างเงียบสงบ


หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ราชาฉลามดำหมดความอดทนและกล่าวออกมา “ซ่งจง ถึงเวลาแล้ว พวกเขาหายไปนานแล้วในตอนนี้ ถึงเวลาของเจ้าแล้ว!”


“ท่านจะรีบไปไหน?” ซ่งจงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ด้วยเคล็ดวิชาที่ท่านใช้ มันมีระยะถึงหนึ่งหมื่นลี้ แม้ว่าเราจะอยู่ตรงกลางของพายุ พวกเขาจะต้องบินด้วยความเร็วห้าพันลี้จึงจะสามารถหลบหนีพ้น และด้วยความเร็วเต่าของพวกเขาเพียงชั่วโมงเดียวนั้นไม่เพียงพออย่างแน่นอน น้อยที่สุดพวกเขาต้องการอย่างน้อยสองชั่วโมง! ไม่ว่าจะอย่างไรท่านคือราชาฉลามดำที่มีชื่อเสียงที่สุดในทะเลแห่งนี้ อย่าบอกข้านะว่าท่านไม่สามารถอดทนรอได้?”


“เหอะ!” วิธีที่ซ่งจงเถียงออกมาทำให้เขาหมดคำพูด เนื่องจากเขารอมาเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงแล้ว การรออีกหนึ่งชั่วโมงก็ไม่ได้ยากเย็นเกินไป เขาจึงทำได้เพียงถอนหายใจและไม่กล่าวอะไรต่อ


ผ่านไปอีกหนึ่งชั่วโมงอย่างรวดเร็ว ราชาฉลามดำตะโกนออกมา “ซ่งจง ตอนนี้ผ่านไปสองชั่วโมงแล้ว พวกเขาควรออกไปจากพายุนี้ได้แล้ว ถึงเวลาแล้วที่เจ้าจะต้องทำตามสัญญา!”


“ไม่ต้องรีบร้อน!” ซ่งจงส่ายหัวพร้อมกล่าวอีกครั้ง “พวกเขาช้ากว่านั้น และการติดกับพายุของท่านมันยิ่งทำให้พวกเขาช้าลงไปอีก ถ้าหากข้ายอมแพ้ ท่านจะกลับไปไล่ล่าพวกเขาทันที ถ้าหากเป็นเช่นนั้น ข้าจะยอมตายไปเพื่ออะไร?”


เมื่อราชาฉลามดำได้ยินเช่นนั้น เขาคำรามออกมา “ซ่งจง เจ้ากล้าที่จะดูถูกชื่อเสียงของข้างั้นหรือ?”


“โธ่พี่ใหญ่!” ซ่งจงตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ทะเลตะวันออกนั้นไร้กฏเกณฑ์ และท่านเป็นถึงราชาฉลามดำแห่งจักรวรรดิทะเลตะวันออก สามารถสร้างชื่อเสียงในทะเลตะวันออกไว้อย่างมากมาย ท่านยังมีหน้ามาพูดเรื่องชื่อเสียงของข้าอีกหรอ? เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการดูถูกสติปัญญาของข้า! ท่านช่วยฟังเสียงที่ไร้สาระของข้าบ้างได้หรือไม่?”


เมื่อราชาฉลามดำได้ยินเช่นนั้น เขาไม่เพียงแต่ไม่โกรธ แต่เขากลับหัวเราะออกมา “ยอดเยี่ยม เจ้าช่างพูดช่างจายิ่งนัก ด้วยความสัตย์จริงทั้งหมด ข้ามีความคิดว่าจะดูแลเจ้าก่อนและไล่ล่าพวกเขาในภายหลัง แต่เจ้านั้นฉลาดเกินไป ถ้าอย่างนั้นจงลืมมันไป ข้าจะปล่อยพวกเขาไป!”


“ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าขอขอบคุณ!” ซ่งจงตอบกลับ


“เจ้าไม่ต้องขอบคุณข้า ท้ายที่สุดมันเป็นการแลกเปลี่ยนระหว่างเรา! อย่างไรก็ตามตั้งแต่ที่ข้าปล่อยพวกเขาไป เจ้าจะได้ใช้เวลาเท่าที่ต้องการและสุดท้ายต้องยอมแพ้ต่อข้า ถูกต้องไหม?”


“แน่นอน เป็นเช่นนั้น ข้าคาดเดาว่าถ้าผ่านไปครึ่งวัน ท่านจะไม่สามารถไล่ล่าพวกเขาได้ ถ้าถึงเวลานั้นข้ายินดีที่จะยอมแพ้!” ซ่งจงกล่าวอย่างสงบ


“ครึ่งวัน? เจ้าล้อเล่นหรือไม่!?” ราชาฉลามดำกล่าวออกมาอย่างงุนงง


“แน่นอนว่าข้าพูดความจริง!” ซ่งจงตอบกลับ


“เอาล่ะ ข้าจะให้เวลาเจ้าครึ่งวัน!” ราชาฉลามดำตอบกลับพร้อมกับตบต้นขาของตนเอง


“ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าขอขอบคุณ!” ซ่งจงตอบกลับด้วยรอยยิ้ม


“ข้าไม่ต้องการคำขอบคุณ ข้าเพียงหวังว่าเจ้าจะไม่เล่นแง่อะไรกับข้าในครึ่งวันถัดไป!” ราชาฉลามดำตอบกลับ


“ข้าไม่มีทางทำเช่นนั้น!” ซ่งจงยิ้มออกมา


เขาตอบโดยไม่ลังเล อย่างไรก็ตามเมื่อครึ่งวันผ่านไป ราชาฉลามดำถามเขาอีกครั้ง ซ่งจงตอบกลับพร้อมกับยักไหล่ “ครึ่งวัน? ท่านต้องได้ยินผิดพลาดอย่างแน่นอน ข้ากล่าวว่าสามวัน!”


บทที่ 223: ต่อสู้กับฉลามดำ


หลังจากที่ราชาฉลามดำได้ยินที่ซ่งจงกล่าวเช่นนั้น เขาแทบจะกระอักเลือดออกมา ไม่ว่าเขาจะโง่แค่ไหนก็ตาม แต่ในตอนนี้เขาสามารถบอกกับตัวเองได้แล้วว่ากำลังถูกซ่งจงเล่นลูกไม้เข้าเสียแล้ว เขาพลันระเบิดความโกรธออกมาทันที “ไขมันบัดซบ เจ้าเล่นแง่กับข้างั้นหรือ?!”


“ฮ่าฮ่า!” เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “ถ้าหากข้าไม่เล่นกับคนโง่อย่างเจ้า แล้วใครกันจะเล่น?”


ราชาฉลามดำโกรธจัดทันทีพร้อมคำรามออกมา “บัดซบ เจ้ากำลังทำให้ข้าโกรธจนแทบจะตายอยู่ตรงนี้! ไขมันบัดซบ บิดาผู้นี้จะถลกหนังของเจ้าออกมาในขณะที่เจ้ายังมีลมหายใจ!”


เมื่อเขากล่าวจบ เขาไม่พูดอะไรต่อนอกจากโบกมือขึ้นเพื่อเรียกตรีศูลขนาดสามสิบฟุตออกมา ตรีศูลดำสนิทมีสีเงินกระพริบราวกับดวงดาว


ด้วยการมองเพียงครั้งเดียว ซ่งจงรู้ได้ทันทีว่ามันคือสมบัติวิเศษซึ่งทำมาจากโลหะละอองดาว  พวกมันสามารถพบได้ใต้ทะเลลึกหนึ่งแสนฟุต วัสดุเช่นนี้ในโลกของมนุษย์นั้นมีมูลค่าเทียบเท่าหินจิตวิญญาณมากกว่าล้านก้อน!


ความแข็งแกร่งของสมบัติวิเศษชิ้นนี้นับได้ว่ายอดเยี่ยม เพียงการเขย่ามือของราชาฉลามดำ มันขยายออกหนึ่งพันฟุตพร้อมที่จะให้ซ่งจงต้องชดใช้ ถ้าต้องปะทะกันโดยตรงแน่นอนว่ามันสามารถทำลายภูเขาได้เลย


อย่างไรก็ตามซ่งจงไม่ได้แปลกใจนักเมื่อเห็นมัน เขากล่าวออกมาอย่างเย็นชา “ความสามารถของเจ้ามีแค่นี้แต่กลับต้องการที่จะสังหารข้า? เรื่องตลกอะไรกัน?”


เมื่อเขากล่าวเช่นนั้น เขายื่นมือออกมาพร้อมกับเรียกสายฟ้าสิบลูกออกมาลอยอยู่บนฝ่ามือของเขา พร้อมกับรวมมันให้กลายเป็นสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์หยินหยางแห่งธาตุทั้งห้า จากนั้นเขาขว้างมันไปที่ตรีศูลสีดำ


เนื่องจากตรีศูลและสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ปะทะกันกลางอากาศ ทั้งสองระเบิดออกทันที เกิดเป็นลูกไฟสีสดใสยาวกว่าพันฟุต พลังของตรีศูลหายไปกว่าครึ่ง แต่อีกครึ่งของมันที่เหลือก็พุ่งเข้าหาซ่งจงอย่างไร้ความปราณี


เมื่อซ่งจงเห็นเช่นนั้น เขาอดตกใจพลังของตรีศูลไม่ได้ เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ของเขาที่สามารถต่อกรกับผู้ฝึกตนระดับจินตันได้จะไม่สามารถสู้กับพลังของตรีศูลที่ราชาฉลามดำปล่อยออกมาแบบลวก ๆ เช่นนี้ได้ เห็นได้ชัดว่าราชาฉลามดำไม่อาจดูถูก และตรีศูลอันนี้นับได้ว่าเป็นสมบัติที่ล้ำค่าอย่างยิ่ง เพียงแค่การมองก็บ่งบอกได้แล้วว่ามันแข็งแกร่งยิ่งกว่าราชันเหยี่ยวฟ้าเหลยซานเอ๋อ!


อย่างไรก็ตาม ซ่งจงมีทรัพย์สมบัติมากมายและไม่เกรงกลัวความแข็งแกร่งของราชาฉลามดำ เขาเพียงแค่เรียกระฆังทองแดงออกมาเพื่อป้องกันการโจมตีส่วนที่เหลือ มีเพียงเปลือกนอกเท่านั้นที่ถูกทำลายจนเป็นหลุมขนาดใหญ่ แต่พื้นผิวของระฆังยังคงสดใสเช่นเดิม


เมื่อเห็นว่าซ่งจงนั้นสามารถรับการโจมตีของตนเองอย่างง่ายดาย ราชาฉลามดำตกใจไปชั่วขณะหนึ่ง หลังจากนั้นเขาคร่ำครวญออกมา “เหอะ แน่นอนว่าเจ้าคงมีทักษะบางอย่าง เจ้านั้นรู้ทักษะที่จะปรับแต่งสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์หยินหยางแห่งธาตุทั้งห้าที่มีเพียงในตำนานเล่าขานเท่านั้น ทักษะเช่นนี้ช่างน่าอิจฉายิ่งนัก!”


“เยินยอข้ามากไปแล้ว มากไปจริง ๆ!” ซ่งจงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ดูสิ เราทั้งคู่ต่างแข็งแกร่ง ถ้าหากเราต้องต่อสู้กัน เราก็ต่างจะต้องบาดเจ็บสาหัสทั้งคู่ ทำไมเราจึงไม่แยกทางกันไปตามทางของตนเอง นั่นไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดงั้นหรือ?”


“ดีที่สุดคือหัวของเจ้า!” หลังจากราชาฉลามดำได้ยินเช่นนั้น เขาตอบออกมาอย่างโกรธเคือง “ไขมันบัดซบ เจ้าคิดว่ามันจะจบลงอย่างง่ายดายหลังจากที่เจ้าหลอกลวงข้างั้นหรือ? ให้ข้าบอกอะไรเจ้าหนึ่งอย่าง มันจะไม่มีอะไรเปลี่ยน! อย่าได้คิดว่าข้าจะเกรงกลัวเจ้าเพียงแค่เจ้าครอบครองสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์หยินหยางแห่งธาตุทั้งห้า! อย่าลืมว่าข้าไม่ได้มีเพียงตรีศูลละอองดาว ข้ามีพี่น้องนับหมื่นในที่แห่งนี้! เด็ก ๆ จงออกมาดูแลเจ้าไขมันตัวนี้!”


ตามเสียงของราชาฉลามดำ หลังจากนั้นเกิดเสียงคำรามของเหล่าอสูรกายรอบด้านในรัศมีสองสามพันลี้ทันที ในเวลานั้นซ่งจงรับรู้ถึงการมีอยู่ของเหล่าสมุนฉลามดำได้มากยิ่งขึ้น จากนั้นพวกมันพุ่งเข้าหาเขาจากทุกทิศทางทันที


เมื่อซ่งจงเห็นเช่นนั้น เขารู้สึกปวดหัวทันที นี่คืออสูรกายขั้นสี่นับหมื่นตัว และพวกมันไม่ใช่ปลาธรรมดา เมื่อต้องเผชิญหน้าครั้งยิ่งใหญ่เช่นนี้ เขารู้สึกปวดหัวอย่างมาก ในตอนนี้เขารู้สึกเสียใจไม่น้อยที่หลอกลวงราชาฉลามดำ ตอนนี้ราชาฉลามดำก็โกรธเสียแล้วและพร้อมยอมแลกทุกอย่างเพื่อที่จะคุกคามเขา


อย่างไรก็ตาม ไม่มียาใดที่สามารถเยียวยาความเสียใจได้บนโลกนี้ ในตอนนี้สถานการณ์ได้ดำเนินไปแล้ว ความเสียใจนั้นไร้ประโยชน์ ดังนั้นซ่งจงได้แต่ตอบกลับอย่างไม่เกรงกลัว “เหอะ ราชาฉลามดำ อย่าได้คิดว่าเจ้ามีลูกน้องเพียงผู้เดียว ข้าก็มีเช่นกัน!”


ในขณะที่เขากล่าวเช่นนั้น ซ่งจงยกมือทั้งสองข้างขึ้นพร้อมปรากฏหญิงงามทั้งเก้าออกมายืนอยู่ข้างกายเขา มีห้าคนเป็นผู้ฝึกตนประเภทดาบครบทั้งห้าธาตุ พวกนางเริ่มตั้งท่าเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้ทันทีเพื่อที่จะปกป้องเขาจากทุกทิศทาง สำหรับนักบวชทั้งสี่ พวกนางหยิบสมบัติวิเศษต่าง ๆ ออกมาพร้อมตั้งท่าปีศาจเทวะสี่ทิศทันที พวกนางปลดปล่อยลำแสงศักดิ์สิทธิ์ออกมาเพื่อปกป้องเขาจากทุกทิศทาง ในส่วนของด้านบนนั้นแน่นอนว่าต้องเป็นระฆังทองแดง ชัดเจนว่าตอนนี้ซ่งจงได้รับการคุ้มกันอันยอดเยี่ยมไว้


เมื่อราชาฉลามดำเห็นเช่นนั้น เขาตกใจทันที จากนั้นเขาระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันที “ฮ่าฮ่า ไขมันบัดซบ เจ้าคิดว่าหญิงงามทั้งเก้านี้จะช่วยเจ้าได้งั้นหรือ? เรื่องตลกชัด ๆ วันนี้บิดาผู้นี้ไม่เพียงแต่จะฆ่าเจ้าตรงนี้ แต่ข้าจะเล่นกับผู้หญิงของเจ้าต่อหน้าเจ้าด้วย!”


เมื่อเขากล่าวเช่นนั้น เขาโบกมือพร้อมกล่าวทันที “เด็ก ๆ โจมตี! จับเป็นพวกมัน!”


หลังจากที่ราชาฉลามดำออกคำสั่ง เหล่าลูกน้องของเขาปล่อยพลังออกมาจากทุกทิศ การโจมตีครั้งแรกเป็นฉลามสองถึงสามร้อยตัวที่อยู่ใกล้กับซ่งจงที่สุด กับพวกที่อยู่ไกลออกไป พวกมันเปิดปากของตนเองพร้อมพ่นลำแสงสีดำออกมา


นี่ไม่ใช่เสาน้ำธรรมดา มันเป็นเวทมนตร์ของเหล่าฉลาม ซึ่งยาวและหนากว่าสิบฟุต ความเร็วของมันราวกับสายฟ้า ด้วยพลังที่แข็งแกร่งเช่นนี้สามารถเจาะรูบนกำแพงได้อย่างง่ายดาย


ซ่งจงไม่สนใจเสาน้ำเหล่านั้น และปล่อยให้มันปะทะกับระฆังทองแดง ทำให้เกิดหลุมขนาดใหญ่บนระฆังมากมาย


สำหรับเสาน้ำที่พุ่งมาจากด้านล่าง มันถูกขวางไว้โดยเหล่านักบวชทั้งสี่ ชั่วขณะเดียวลำแสงศักดิ์สิทธิ์ก็ฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว นั่นคือความสามารถของพวกนาง


สำหรับเสาน้ำที่มาจากทิศทางอื่น ซ่งจงไม่ได้ให้ผู้ฝึกตนประเภทดาบลุยกับพวกมัน เพียงแค่ให้ใช้ความรวดเร็วในการหลบหลีกเท่านั้น เนื่องจากการเคลื่อนที่ที่ช้าลงของเสาน้ำรวมกับความคล่องแคล่วของซ่งจงจึงทำให้เขาสามารถจัดการกับพวกมันได้อย่างง่ายดาย แน่นอนว่าเสาจำนวนมากนั้นทำให้ดูน่าเกรงกลัว แต่พวกมันกลับไม่ได้แตะแม้แต่ปลายเสื้อของซ่งจง


แน่นอน ซ่งจงไม่ใช่คนที่จะตั้งรับอยู่เฉยโดยไม่โต้กลับ เมื่อเขาจัดการกับเสาน้ำทั้งหมดเสร็จสิ้น เขาให้ผู้ฝึกตนประเภทดาบตอบโต้ทันที เหล่าแม่มดเทวะตื่นเต้นอย่างมากที่จะได้ต่อสู้ พวกนางยิงปราณดาบออกไปนับร้อยด้วยการสะบัดมือเพียงครั้งเดียว


เมื่อราชาฉลามดำเห็นปราณดาบเหล่านั้น เขาไม่ได้สังเกตอะไรมากนัก แม้ว่าปราณดาบนั้นจะแหลมคบและทรงพลัง แต่ลูกน้องของเขาก็ไม่ได้อ่อนแอ ผิวหนังของฉลามดำนั้นหนามาก ร่างกายของพวกมันหนากว่าสองร้อยฟุต พลังชีวิตของมันก็แข็งแกร่งและมันคงจะไม่ส่งผลอะไรนักเพียงรอยแผลไม่กี่รู


อย่างไรก็ตาม ฉากที่เกิดขึ้นทำให้ราชาฉลามตกตะลึงและแทบจะสิ้นใจตาย ปรากฏว่าปราณดาบทั้งหมดทะลุผ่านดวงตาของลูกน้องของเขา สร้างความเสียดายให้กับสมอง ไม่ว่าพลังชีวิตของพวกเขาจะแข็งแกร่งมากเพียงใด พวกเขาจะไม่มีโอกาสรอดชีวิตเลย ทั้งหมดล่วงหล่นลงในทะเลอย่างน่าเวทนา ในพริบตาเดียวฉลามนับร้อยตัวถูกสังหารโดยเหล่าแม่มดเทวะ!


ฉลามนั้นอยู่ห่างออกไปราวหนึ่งพันฟุต ดวงตาของพวกมันเล็กมากและยังบินด้วยความเร็วสูง มันยากเกินไปที่จะถูกโจมตีได้โดยครั้งเดียว แม้แต่ในการโจมตีสักยี่สิบครั้ง ยังถือว่าทำได้ยากมาก


ทักษะดาบเช่นนี้แม้แต่ผู้ฝึกตนระดับจินตันยังไม่สามารถบรรลุได้ อาจเป็นผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินเท่านั้นที่สามารถทำเช่นนี้


นับว่านี่เป็นปาฏิหาริย์ที่ได้เกิดขึ้นแล้ว หากมีสองคนในนั้นยังคงพอรับได้ แต่นี่คือทั้งห้าคนสามารถบรรลุทักษะเช่นนี้ เรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?


ไม่ว่าฉลามดำจะโง่สักเพียงใด เขารู้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาอุทานออกมาอย่างไม่อาจยับยั้ง “พวกเจ้าเป็นใครกัน?”


เหล่าแม่มดเทวะหาได้สนใจเขาแต่อย่างใด พวกนางยังคงสนุกกับการโจมตีเป้าหมายต่อไปเรื่อย ด้วยการสะบัดมือของพวกนางเบา ๆ ปราณดาบที่รุนแรงพลันส่งออกไปอย่างนับไม่ถ้วน


ในตอนนี้ราชาฉลามดำเกิดกังวลแล้ว แม้ว่าลูกน้องของเขาจะมากมาย แต่พวกเขาไม่อาจอยู่รอดได้ถ้าหากโดนสังหารไปเช่นนี้ เขารีบเขย่าตรีศูลทันทีพร้อมกับส่งลำแสงสีดำออกมา


อย่างไรก็ตาม การกระทำเช่นนั้นของเขาดึงดูดความสนใจของซ่งจง แน่นอนว่าเขาไม่ยินยอมให้ราชาฉลามดำรังแกลูกน้องของเขาเด็ดขาด โดยไม่มีคำกล่าวอะไร เขาส่งสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์หยินหยางแห่งธาตุทั้งห้าออกไปทันที เกิดเสียงระเบิดดังขึ้น ปรากฏลูกไฟขนาดใหญ่สว่างเจิดจ้าทั่วท้องฟ้า แสงสีดำจากตรีศูลนั้นลดลงไปมากกว่าครึ่ง แสงสีดำชะลอความเร็วลง ในจังหวะนี้เหล่าแม่มดเทวะใช้โอกาสนี้เพื่อหลบทันที ในขณะเดียวกันพวกนางได้ส่งปราณดาบออกไปเล็กน้อยเพื่อสังหารฉลามดำต่อ นั่นแสดงให้เห็นถึงทักษะที่เป็นเลิศของพวกนาง


กับราชาฉลามดำเมื่อเห็นเรื่องราวที่เกิดขึ้น เขาร่ำไห้ออกมาทันที “ไขมันบัดซบ เจ้าคิดขัดขืนข้าจริงงั้นหรือ?”


“โอ้ แล้วจะเป็นเช่นไรถ้าหากข้าจะขัดขืนเจ้า?” ซ่งจงกล่าวพร้อมหัวเราะอย่างเยือกเย็น “บุรุษแห่งเต๋าผู้นี้หาได้เกรงกลัวเจ้าไม่!”


“บัดซบ!” ราชาฉลามดำตะโกนออกมาอย่างโกรธจัด “เด็ก ๆ โจมตี!”


บทที่ 224: ศึกเขย่าสวรรค์


เมื่อกล่าวเช่นนั้น ราชาฉลามดำสะบัดตรีศูลทันที มันปลดปล่อยคลื่นพลังสีดำที่รุนแรงออกมา ในส่วนลูกน้องของเขาพวกมันพุ่งไปด้านหน้าโจมตีด้วยเสาน้ำอย่างบ้าคลั่ง ในเวลาต่อมาเสาน้ำทั้งหมดพุ่งขึ้นฟ้าราวกับพวกมันกำลังสร้างกำแพง


เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ซ่งจงไม่มีอะไรต้องเก็บงำอีกต่อไป ในขณะที่เขาใช้สายฟ้าศักดิ์สิทธิ์หยินหยางแห่งธาตุทั้งห้าเพื่อป้องกันการโจมตีของตรีศูล เขาใส่ยันต์ลงไปในระฆังทองแดงเพื่อให้มันเปล่งเสียงออกมาดังสนั่น เกิดการสะท้อนกลับจากทุกทิศทาง เสาน้ำที่อยู่ใกล้เคียงถูกทำลายโดยคลื่นเสียงทันที ส่วนเสาน้ำที่อยู่ห่างออกไปพวกมันลดขนาดลงอย่างมาก


เหล่านักบวชทั้งสี่ปล่อยลำแสงศักดิ์สิทธิ์ออกมา ด้วยความแข็งแกร่งของมันสามารถป้องกันเสาน้ำที่พุ่งเข้ามาได้อย่างง่ายดาย


ในเวลาเดียวกัน เหล่าแม่มดเทวะทั้งห้าได้เปลี่ยนเข้าสู่ร่างกายที่ไร้รูปแบบ พวกนางเคลื่อนไหวผ่านเสาน้ำและพุ่งเข้าหาฝูงฉลาม จากนั้นเข้าสู่รูปร่างกายภาพอีกครั้งพร้อมกับส่งปราณดาบออกไปโจมตีอย่างแม่นยำ


เหล่าฉลามดำไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะพบกับการโจมตีเช่นนี้ พวกมันอีกสองถึงสามร้อยตัวตายลงไปอย่างรวดเร็ว


หญิงสาวเหล่านี้โหดร้ายเกินไป การโจมตีของพวกนางแม่นยำและแข็งแกร่งทำให้เหล่าฉลามหลายร้อยตัวถูกสังหารทันทีในการโจมตีเพียงหนึ่งครั้ง แน่นอนว่าในตอนนี้เหล่าฉลามเริ่มมีความหวาดกลัว เมื่อราชาฉลามดำเห็นเช่นนั้นเขาโกรธจัดจนใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีเขียวพร้อมกับคำรามออกมาทันที “พี่น้องข้า เปิดใช้งานวารีป้องกันศักดิ์สิทธิ์!”


เมื่อได้รับคำสั่งจากราชาฉลามดำ เหล่าฉลามระดับจินตันทั้งแปดตนเริ่มทำงานทันที พวกเขาปล่อยปลดจิตปราณวิญญาณจำนวนมากออกมา กลายเป็นลูกบอลน้ำขนาดใหญ่กว่าหมื่นฟุต เพื่อให้เหล่าฉลามดำซ่อนตัวอยู่ด้านใน


ลูกบอลน้ำเหล่านี้เกิดจากการรวมตัวของปราณจิตวิญญาณและเหล่าฉลามดำสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระ และความจริงคือเวทมนตร์ของพวกมันแข็งแกร่งขึ้นอีกด้วย ถ้าหากมีผู้อื่นเข้าไปด้านในแน่นอนว่าพวกเขาจะถูกข้อจำกัดหลายอย่างภายในเล่นงาน แม้แต่แม่มดเทวะก็เช่นกัน ถ้าหากพวกนางเข้ามาในร่างของมนุษย์แน่นอนว่านางจะไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เลย


แน่นอนว่าแม่มดเทวะไม่กล้าที่จะเข้าไปในลูกบอลน้ำและทำได้เพียงโจมตีจากภายนอกเท่านั้น อย่างไรก็ตามลูกบอลน้ำทำให้ปราณดาบอ่อนแอลงอย่างมาก หลังจากที่ปราณดาบเข้าไปในลูกบอลน้ำ ไม่เพียงแต่ความแข็งแกร่งของมันอ่อนลง ความเร็วของมันยังลดลงอีกด้วย ทำให้เหล่าฉลามดำหลบหลีกได้อย่างง่ายดาย


เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้ แม่มดเทวะรู้สึกไร้หนทางทันที เมื่อซ่งจงเห็นเช่นนั้นเขาหัวเราะออกมาอย่างเยือกเย็น พร้อมกับส่งสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ไปที่ลูกบอลน้ำ ด้วยพลังของสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์หยินหยางแห่งธาตุทั้งห้าอย่างน้อยลูกบอลน้ำจะต้องถูกทำลายลงไปครึ่งอย่างแน่นอน ไม่เพียงแต่เหล่าฉลามดำที่ซ่อนตัวอยู่จะถูกสังหาร แต่การป้องกันของพวกมันจะหายไปด้วย ให้แม่มดเทวะใช้โอกาสนี้เพื่อสังหารพวกมัน


เมื่อราชาฉลามดำเห็นเช่นนั้น เขาตกใจทันที เขาสะบัดตรีศูลของตนเองเพื่อขวางสายฟ้าที่ซ่งจงเพิ่งส่งออกมา เกิดเสียงปะทะอย่างรุนแรง สายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ระเบิดกลางทางและไม่มีฉลามตัวไหนได้รับบาดเจ็บ


เมื่อเห็นฉากเช่นนี้ เหล่าฉลามกลับมาฮึกเหิมทันที พวกมันส่งเสาน้ำออกมาเพื่อช่วยราชาฉลามโจมตี เมื่อเสาน้ำผ่านลูกบอลน้ำออกมามันกลายเป็นสีดำและเปล่งแสงสีทอง ถ้ามันปะทะเข้ากับโลหะแน่นอนว่าโลหะจะถูกทำลายทันที


สายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ของซ่งจงไม่อาจทำอะไรได้เลย ตอนนี้เสาน้ำนับร้อยกำลังพุ่งมาที่เขาทำให้เขาสูญเสียการควบคุมทันที แม้ว่าเขาจะได้รับการช่วยเหลือจากเหล่าแม่มดเทวะและระฆังทองแดง แต่ในการโจมตีครั้งนี้เขาก็ยังคงตึงเครียด


เมื่อสถานการณ์ได้ดำเนินมาถึงขั้นนี้ แน่นอนว่าทั้งคู่จะต้องต่อสู้กันจนตาย ซ่งจงจึงตัดสินใจที่จะไม่หยุดยั้งอะไรอีกต่อไป เขากัดฟันและเริ่มคิดจะทำสิ่งที่บ้าคลั่ง


เขาขึ้นไปอยู่บนระฆังทองแดงและพุ่งเข้าหาลูกบอลน้ำที่อยู่ใกล้ที่สุด เขาพุ่งไปด้านหน้าและโยนสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์พร้อมกับปลดปล่อยเสียงอมตะทำลายกระดูกอย่างต่อเนื่อง


แน่นอนว่าลูกบอลน้ำไม่อาจป้องกันการโจมตีนี้ได้และมันถูกทำลายทันที การสังหารหมู่ได้เริ่มต้นขึ้นทันที แม่มดเทวะที่เห็นเช่นนั้นปล่อยปราณดาบออกมาอย่างไม่หยุดพัก ภายในเวลาไม่กี่อึดใจฉลามดำนับร้อยถูกสังหารอย่างรวดเร็ว


แน่นอนว่าราชาฉลามดำไม่อาจอดทนเห็นพี่น้องตนเองถูกสังหารได้โดยอยู่เฉยได้ เมื่อเขาเห็นซ่งจงเริ่มเคลื่อนไหว เขาได้เขย่าตรีศูลของตนเองเพื่อขัดขวาง แต่น่าเสียดายที่ซ่งจงนั้นเรียนรู้จากความผิดพลาด เขามอบหน้าที่ป้องกันตรีศูลให้กับนักบวชทั้งสี่ แน่นอนว่าพวกนางสามารถทำได้อย่างดี แม้ว่าพวกนางจะอ่อนแอกว่าราชาฉลามดำ แต่พวกนางใช้ความรู้และประสบการณ์ทั้งหมดเพื่อรับมือกับราชาฉลามดำ ในตอนจบราชาฉลามดำทำได้เพียงยืนมองพี่น้องของเขาถูกสังหารอย่างทำอะไรไม่ได้


สายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ ระฆังทองแดงของซ่งจง พร้อมด้วยปราณดาบสังหารผู้ฝึกตนระดับจินตันขั้นกลางที่เป็นสายเลือดของราชาฉลามดำทันที!


เมื่อเห็นว่าน้องชายของเขาถูกสังหารโดยปราณดาบและกลายเป็นขี้เถ้าเพราะสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ ราชาฉลามดำเข้าสู่ความโกรธโดยสมบูรณ์ เขาคำรามออกมาอย่างโศกเศร้า ในครั้งนี้เขาสูญเสียมากเกินไปจริง ๆ


ปราณดาบห้าสีเต็มไปทั่วท้องฟ้า รวมไปถึงลูกไฟมากมาย อีกทั้งพลังของตรีศูลที่ราชาฉลามดำใช้กำลังปลดปล่อยคลื่นปราณจิตวิญญาณขนาดใหญ่ออกมา


พื้นที่ทั้งหมดเต็มไปด้วยเมฆสีดำพร้อมทั้งเม็ดฝน อย่างไรก็ตามการระเบิดของสายฟ้านั้นทำให้ทั่วทั้งพื้นที่สว่างไสวอย่างต่อเนื่อง รัศมีความดังของมันไกลขึ้นร้อยลี้ เสียงของระฆังทองแดงและเสียงร่ำไห้ของเหล่าฉลามดำ การต่อสู้ครั้งนี้กินเวลายาวนานถึงสามชั่วโมงก่อนที่กระแสน้ำจะเริ่มหยุดนิ่ง!


การที่น้ำหยุดนิ่งเช่นนี้ไม่ใช่เพราะทั้งสองหมดแรงที่จะต่อสู้ เพราะปราณจิตวิญญาณของราชาฉลามดำนั้นแทบจะไร้ขีดจำกัด ในส่วนของซ่งจงนั้นเขาสามารถเพิ่มปราณจิตวิญญาณให้ตนเองได้ ทั้งคู่อาจจะต่อสู้กันได้ยาวนานสองถึงสามปีจึงจะรู้สึกเหนื่อย ถ้าหากพวกเขาต่อสู้กันยาวนานหลายปี ตรีศูลของราชาฉลามดำคงไม่อาจต้านทานสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ของซ่งจงได้ไหว


หลังจากที่ต่อสู้มาอย่างยาวนาน ซ่งจงได้โยนสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์หยินหยางแห่งธาตุทั้งห้าออกไปแล้วนับพันลูก แปดในสิบของมันถูกป้องกันไว้ได้โดยตรีศูล แต่อย่างไรก็ตามตรีศูลก็ไม่อาจต้านทานมันไว้ได้นาน


ในความจริงนับว่ามันแข็งแกร่งมากแล้ว โดยปกติสมบัติวิเศษไม่อาจต้านทานสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์หยินหยางแห่งธาตุทั้งห้าได้เกินร้อยครั้ง ทว่าในตอนนี้แปดร้อยครั้งมันยังไม่แตกสลาย แต่มันเริ่มมีรอยแตกขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว


ราชาฉลามดำเริ่มสิ้นหวัง ถ้าหากไร้ตรีศูล เขาไม่สามารถใช้ร่างกายของตนเองเพื่อป้องกันสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ได้แม้ว่าร่างกายของเขาจะฝึกฝนมานานนับพันปี แต่มันยังห่างไกลกับพลังของสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์หยินหยางแห่งธาตุทั้งห้าอยู่มาก


ถ้าหากเป็นคนอื่น แน่นอนว่าจะต้องหลบหนีการต่อสู้อย่างแน่นอนเมื่อเกิดสถานการณ์เช่นนี้ แต่ราชาฉลามดำไม่อาจละทิ้งศักดิ์ศรีของตนเองได้! เขาเป็นคนดังในจักรวรรดิทะเลตะวันออกพร้อมด้วยลูกน้องระดับปฐมภูมินับหมื่นของเขา ในตอนนี้ลูกน้องของเขากว่าครึ่งได้ถูกสังหารและพ่ายแพ้ ถ้าหากข่าวเช่นนี้ถูกเผยแพร่ออกไป เขาจะไม่มีใบหน้าเพื่อพบกับใครในทะเลตะวันออกอีกต่อไป!


นอกจากนี้เขายังคิดว่าอีกไม่นานซ่งจงจะใช้สายฟ้าศักดิ์สิทธิ์จนหมด ซึ่งความเป็นจริงเขาไม่คิดว่าซ่งจงจะมีสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์มากมายขนาดนี้ ถ้าหากเขายังมีอีกมาก แน่นอนว่ามันคงเป็นเรื่องที่ไม่อาจรับได้


นอกจากนี้การแต่งงานกับเหลยซานเอ๋อทำให้เขาตกหลุมพรางในครั้งนี้ ถ้าหากเขายอมแพ้ แน่นอนว่าเขาจะต้องเจ็บปวดอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงคิดว่าในนาทีสุดท้าย เขาอาจจะได้ศีรษะของซ่งจง!


หลังจากที่เกิดรอยร้าวขึ้นบนตรีศูล เขาไม่ได้คิดที่จะหนี เขาโยนตรีศูลไปที่นักบวชทั้งสี่ที่ยืนอยู่เคียงข้างซ่งจง


ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ตรีศูลพุ่งมาอย่างรวดเร็วจนนักบวชทั้งสี่ไม่อาจตั้งรับได้ทัน พวกนางตะโกนออกมาอย่างรวดเร็ว “นายท่าน ระวัง! เขาจะทำให้ตรีศูลระเบิด!”


แม้ว่าจะรู้ถึงเจตนาของราชาฉลามดำ แต่มันก็สายเกินไป การรับมือสมบัติวิเศษที่กำลังจะระเบิดนั้นทำได้เพียงหลบหรือป้องกัน ทั้งสี่ทำได้เพียงเตือนซ่งจงเท่านั้นก่อนที่มันจะระเบิด


นักบวชทั้งสี่ไม่อาจป้องกันการระเบิดของสมบัติวิเศษได้ และคนที่โยนมันมาอยู่ในระดับจินตัน ลำแสงศักดิ์สิทธิ์ของนักบวชทั้งสี่แตกสลายออกทันที จากนั้นมันพุ่งเข้าหาซ่งจงอย่างรวดเร็ว


แน่นอนว่าซ่งจงมีเพียงระฆังทองแดงเท่านั้นที่สามารถป้องกันมันได้ แม้ว่ามันจะป้องกันการระเบิดได้ แต่แรงระเบิดส่งผลให้กระเด็นออกไป ดังนั้นในตอนนี้ซ่งจงจึงไร้การป้องกันโดยสมบูรณ์


ราชาฉลามดำนั้นได้เตรียมการทั้งหมดไว้แล้ว เขาคำรามพร้อมกับพุ่งไปหาซ่งจงทันที ตอนนี้เขาคิดว่าชัยชนะอยู่ในมือของเขาแล้ว รอยยิ้มที่ชั่วร้ายผุดขึ้นบนใบหน้าของเขา “ไขมันบัดซบ บิดาผู้นี้มารับความตายของเจ้าแล้ว!”


ในตอนนี้ราชาฉลามดำเห็นซ่งจงเป็นเพียงกองเนื้อกองหนึ่งเท่านั้น ในฐานะที่เขาเป็นผู้ฝึกตนสายฟ้าร่างกายของเขาไม่มีทางแข็งแกร่งอย่างแน่นอน อย่างน้อยร่างกายของซ่งจงก็ไม่อาจต้านทานกับร่างกายที่ฝึกฝนมานับพันปีไม่ได้ ในการต่อสู้ระยะประชิด เขาคิดว่าเขาจะสามารถบดขยี้ซ่งจงได้อย่างง่ายดาย


อย่างไรก็ตาม ราชาฉลามดำคิดผิด ช่วงเวลาที่ซ่งจงคิดว่าราชาฉลามดำต้องการใช้การต่อสู้ระยะประชิดเพื่อปิดฉาก เขาไม่ได้ตื่นเต้นอะไร แต่กลับโกรธอย่างถึงขีดสุด ด้วยเสียงคำรามจากนั้นตามด้วยการง้างแขนออกจนสุด เสื้อคลุมของเขาฉีกขาดพร้อมกับเผยให้เห็นกล้ามเนื้อภายในอย่างชัดเจน


“ไอ้สิวหัวดำ มาดูกันว่าใครที่จะต้องตาย!” เมื่อซ่งจงกล่าวเช่นนั้น เขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วทิ้งไว้เพียงลำแสงเจือจาง


ร่างกายของทั้งสองปะทะกันเกิดเสียงดังลั่นในอากาศ ซ่งจงต่อยเข้าที่หน้าอกของราชาฉลามดำและกำปั้นของฉลามดำก็ปะทะเข้ากับหน้าอกของซ่งจงเช่นกัน! การแลกเปลี่ยนเช่นนี้ทำให้ร่างกายของทั้งคู่แยกออกจากกันพร้อมกับบ้วนเลือดออกมาจากปาก


ในเวลานี้ราชาฉลามดำนั้นเสียเปรียบ สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ทุกอย่างช้าลงไปอย่างมาก ลูกน้องของเขามีการเคลื่อนไหวที่ช้า และตรีศูลได้ระเบิดไปแล้ว ทำให้การสั่งการของเขานั้นล่าช้าไปเสียหมด


แต่ซ่งจงนั้นแตกต่าง ด้วยพลังของหญิงงามทั้งเก้า เมื่อตรีศูลได้ระเบิดไปแล้ว แม่มดเทวะทั้งเก้าได้เข้าสู่สภาวะไร้รูปร่างทันที พวกนางเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเมื่อการระเบิดได้เกิดขึ้น หลังจากที่ซ่งจงได้ทุบกำปั้นลงที่หน้าอกของราชาฉลามดำ นักบวชทั้งสี่ที่อยู่ใกล้ที่สุดเริ่มการต่อสู้ต่อทันที หากไม่ใช้โอกาสนี้เพื่อตลบหลังราชาฉลามดำ แล้วจะใช้โอกาสไหนกัน?


โดยไม่ต้องกล่าวอะไร ทั้งหมดปลดปล่อยสมบัติวิเศษของตนเองและทุบตีเข้าที่ร่างกายของราชาฉลามดำ ในตอนนี้ราชาฉลามดำกระเด็นไปไกลและเขาบาดเจ็บสาหัส แน่นอนว่าเขาไม่อาจป้องกันการโจมตีของเหล่าแม่มดเทวะได้เลย


ด้วยการคุกคามของเหล่าแม่มดเทวะทำให้แขนและขาของราชาฉลามดำหัก พร้อมกับการระเบิดที่ทุบลงบนหน้าผากของเขานั้นแทบทำให้ราชาฉลามดำแทบจะหมดสติ หลังจากนี้ราชาฉลามดำถูกส่งให้กลับสู่ทะเลด้วยพลังอันรุนแรง เขาหายตัวไปในทะเลโดยไม่รู้ว่ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่


สำหรับผู้ฝึกตนประเภทดาบทั้งห้า พวกนางอยู่ไกลเกินไปและไม่อาจเข้าถึงราชาฉลามดำได้ทันท่วงที แต่พวกนางกำลังดูแลซ่งจงที่บาดเจ็บสาหัสอยู่ในตอนนี้


ในเวลานี้อาการบาดเจ็บของซ่งจงนั้นรุนแรงมาก สุดท้ายแล้วราชาฉลามดำที่อยู่ในระดับจินตันนั้นแข็งแกร่งกว่าเขามากบวกกับเขาที่ฝึกฝนร่างกายมายาวนานนับพันปี จึงกล่าวได้ว่าเขาคือของจริง มันสามารถทำลายภูเขาได้! นับว่าเป็นปาฏิหารย์อย่างมากที่ซ่งจงยังมีชีวิตอยู่หลังจากแลกหมัดกับราชาฉลามดำ!


แม้ว่าเขาจะยังไม่ตาย แต่เหมือนในตอนนี้เขากำลังอยู่กึ่งกลางระหว่างความเป็นความตาย กระดูกซี่โครงของเขาหักลงทั้งหมด ในตอนนี้เหล่าแม่มดต้องเจาะปอดของเขาเพื่อเอาเลือดที่คลั่งออกมา เขาไม่สามารถบินได้อีกต่อไป ถ้าไม่ใช่เพราะผู้ฝึกตนประเภทดาบทั้งห้าได้รับเขาไว้ แน่นอนว่าเขาคงตกทะเลตายไปแล้ว


“ไปจากที่นี่!” หลังจากที่ซ่งจงได้รับการช่วยเหลือแล้ว เขาไม่กล้าที่จะยืนอยู่ตรงนี้อีกต่อไป เขาชี้ไปอย่างสุ่มทิศทางจากนั้นจึงหมดสติไป


บทที่ 225: ไม่มีผู้ใดหลบหนีได้


เมื่อเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้ หญิงงามทั้งเก้าจะชักช้าอยู่ได้อย่างไร? ทุกคนหอบหิ้วซ่งจงพร้อมกับบินออกไปทันที สำหรับผู้ฝึกฝนดาบทั้งห้า พวกนางถือดาบแห่งธาตุทั้งห้าไว้และบินล้อมรอบซ่งจงเพื่อปกป้องเขา ทั้งหมดพุ่งเข้าใส่ฉลามดำและสังหารมันอย่างบ้าคลั่งเพื่อเปิดเส้นทางหลบหนี


สวรรค์ช่วย ในเวลาที่ราชาฉลามดำได้หมดสติไป เหล่าพายุที่ถูกสร้างขึ้นก็ได้หายตามไปด้วยเช่นกัน เมฆดำบนท้องฟ้าหายไป แน่นอนว่าเหล่าฉลามดำเหล่านี้จะสูญเสียทักษะที่ทำให้บินได้อีกด้วย พวกมันทำได้เพียงยิงเสาน้ำขึ้นมาจากทะเลเท่านั้น แม้ว่าฉลามดำระดับจินตันสามารถบินได้ แต่พวกมันก็มีเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้น ซึ่งไม่เพียงพอที่จะหยุดความสามารถของเหล่านักดาบทั้งห้าได้


แม้ว่าแท้จริงแล้วพวกเขาทั้งหมดจะอยู่ในระหว่างการหลบหนี ซ่งจงที่ไร้สติแต่มือของเขากลับซุกซนอยู่กับร่างกายของนักบวช


การต่อสู้ทั้งหมดสิ้นสุดลงหลังจากที่ซ่งจงออกมา อย่างไรก็ตามความเงียบสงบเช่นนี้คงอยู่ได้อีกไม่นานนัก ภายใต้การช่วยเหลือของเหล่าพี่น้องฉลามดำจะทำให้ราชาฉลามดำฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว แม้ว่าเขาจะยังบาดเจ็บอยู่แต่พลังของเขาได้รับการฟื้นฟูมากถึงเจ็ดในสิบ


นั่นก็คือว่ามีสมุนไพรน้ำนมขาวภายในพื้นที่ของราชาฉลามขาว สิ่งนี้สามารถทำให้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว ประสิทธิภาพของมันนั้นยอดเยี่ยมเสียยิ่งกว่ายาอายุวัฒนะของมนุษย์ แน่นอนว่าสมุนไพรนี้ไม่ได้มีอยู่มากนักแม้แต่ตัวของราชาฉลามดำเองก็ไม่ได้ครอบครองมันเยอะเท่าไหร่ แต่ในเวลานี้เขาจำเป็นต้องใช้มันเพื่อรักษาชีวิตของตนเอง


หนึ่งวันผ่านไป เขาได้สติคืนกลับมา เมื่อเขาลุกขึ้นมาคำแรกที่กล่าวคือ “ซ่งจงอยู่ไหน?”


เหล่าพี่น้องของราชาฉลามดำนั้นก็ไม่ได้โง่เขลา พวกมันอยู่ในระดับอสูรกายขั้นห้าและมีความคิดอ่านราวกับผู้ใหญ่เต็มตัว ดังนั้นเขาจึงคิดว่าราชาฉลามดำนั้นจะไม่ยอมปล่อยผ่านเรื่องนี้ผ่านไปอย่างแน่นอน พวกมันจึงส่งอสูรกายขั้นห้าให้แอบตามซ่งจงไปอย่างลับๆ


เมื่อเห็นราชาฉลามดำถามเช่นนั้น พวกมันตอบกลับทันที “พี่ใหญ่จงมั่นใจ พี่สามได้แอบติดตามพวกมันไปอย่างลับๆ! เขาจะมอบตำแหน่งของซ่งจงให้กับเรา เจ้าไขมันผู้นั้นสลบไปด้วยหมัดเดียวของท่าน อีกทั้งมันคงไม่มียาดีเช่นเรา ถ้าหากเราจะจับกุมมัน แน่นอนว่าชัยชนะจะต้องเป็นของพวกเราอย่างแน่นอนเพราะว่าในตอนนี้มันไม่มีความสามารถที่จะหยิบสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ออกมาได้อีกแล้ว!”


“ดีมาก!” ราชาฉลามดำตื่นเต้นทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น “ข้าขอขอบใจในน้ำใจของพวกเจ้ามาก! ในเวลานั้นข้าประเมินไขมันบัดซบนั่นต่ำไปหน่อยและทำให้มันได้รับประโยชน์มากเกินไป แต่เรื่องนี้ยังไม่จบ! ทุกคนพร้อมหรือยัง? ข้าต้องการที่จะไปแก้แค้นแล้ว!”


“พวกเราพร้อมแล้ว!”


“พวกเรากำลังรอคำสั่งจากนายท่านอยู่!” เหล่าอสูรกายที่ร่ำไห้เอ่ยออกมาอย่างน่าสงสาร


“ฮ่าฮ่า ยอดเยี่ยม! เปิดใช้งานร่างเงาหมื่นโลหิตเร้นกายและไล่ล่าได้!” ราชาฉลามดำออกคำสั่งอย่างโกรธแค้น


หลังจากที่ออกคำสั่ง เหล่าพี่น้องฉลามดำได้ช่วยกันสร้างการก่อตัวเพื่อให้ราชาฉลามดำเปิดใช้งานร่างเงาหมื่นโลหิตเร้นกาย ซึ่งต่อจากนี้เกิดเป็นเมฆดำที่ไร้ที่สิ้นสุดตามทิศทางที่ซ่งจงกำลังหนีไปและจิตสังหารขนาดใหญ่กำลังพุ่งตามมาด้วย


แม้ว่าราชาฉลามดำสาบานว่าจะแก้แค้น แต่เขาก็ยังไม่มีความมั่นใจว่าจะจัดการกับซ่งจงได้ด้วยเหตุที่ว่าหญิงงามทั้งเก้านั้นแข็งแกร่งเกินไปและพวกนางครอบครองสมบัติวิเศษขั้นสูงอีกด้วย แน่นอนว่าพวกเขาทั้งหมดจะบินได้อย่างรวดเร็ว! อย่างน้อยที่สุดพวกเขาคงไม่ช้าไปกว่าการก่อตัวของร่างเงาหมื่นโลหิตเร้นกาย


ถ้าหากไม่ใช่ว่าซ่งจงนั้นหมดสติและได้ชี้ไปยังสถานที่ที่ห่างไกลจากแผ่นดิน แน่นอนว่าราชาฉลามดำคงจะไม่ตามไล่ล่าเขาต่อ


อย่างไรก็ตามในตอนนี้เขามีความหวังน้อยๆขึ้นมา เพราะทิศทางที่ซ่งจงนั้นกำลังเดินทางไปมันคือเส้นทางที่ผิด เส้นทางนั้นแน่นอนว่าเขาจะต้องเดินทางถึงห้าแสนลี้กว่าที่จะถึงแผ่นดิน ดังนั้นราชาฉลามดำยังมีโอกาสที่จะจับกุมเขา


หลังจากเดินทางมาสี่วันสี่คืน ราชาฉลามดำได้พบกับพี่สามผู้ที่ไล่ตามซ่งจงมา


ในขณะที่ราชาฉลามดำเห็นภาพนั้น เขาตกใจในครั้งแรก จากนั้นเขาถามออกมาอย่างตื่นเต้น “พี่สาม เจ้าไม่ได้ติดตามซ่งจงงั้นหรือ? เขาอยู่ตรงหน้าของพวกเราหรือไม่?”


เมื่อพี่สามได้ยินเช่นนั้น เขาตอบกลับอย่างขื่นขม “คงเป็นเช่นนั้น!”


“เจ้าหมายความว่าอะไร?” ราชาฉลามดำคำรามออกมาอย่างโกรธจัด “หมายถึงอาจจะใช่ หรืออาจจะไม่ อย่าบอกข้านะว่าเจ้าคลาดสายตาจากพวกมัน?”


“ใช่ ข้าคลาดสายตาจากเขา!” พี่สามตอบกลับอย่างขมขื่น “ไม่มีทางเลยที่จะไล่ตามเขาได้!”


“บัดซบ!” ราชาฉลามดำคำรามออกมา “แล้วทำไมเจ้าจึงไม่ไล่ตามพวกมันไป?!”


“พี่ใหญ่ อย่าบอกข้านะว่าท่านไม่ทราบว่ามีสิ่งใดรอเราอยู่ด้านหน้า?” พี่สามตอบกลับอย่างขุ่นเคืองใจ “มันคือทะเลแห่งความสับสน!”


“ทะเลแห่งความสับสน?” ราชาฉลามดำสูดลมหายใจเข้าลึกๆพร้อมกับตบต้นขาตนเอง “ซ่งจงนี่มันโง่เง่าสิ้นดี เหล่าอาวุโสของมันไม่บอกกล่าวหรืออย่างไรว่าทะเลแห่งความสับสนนั้นอันตรายเพียงใด? ทำไมมันถึงวิ่งเข้าไปตรงนั้นอย่างไร้สมอง?”


เมื่อพี่สามได้ยินเช่นนั้น เขาถามออกมาอย่างสับสน “พี่ใหญ่ ไม่เคยมีผู้ใดเข้าไปในทะเลแห่งความสับสนและสามารถมีชีวิตรอดกลับมาได้ ถ้าเจ้าไขมันบัดซบเข้าไปแล้ว เขาคงจะต้องตายตกไปอย่างแน่นอนและมันก็จะไม่เปลืองแรงของพวกเราอีกด้วย ทำไมท่านจึงไม่มีความสุขล่ะ?”


“งี่เง่า! หัวของเจ้านั่นมันหมายถึงเงื่อนไขการแต่งงานกับเหลยซานเอ๋อ ถ้าหากข้าไม่มีศพของมันเป็นหลักฐาน คำพูดของข้ามันไม่เพียงพอให้นางเชื่อว่ามันตายแล้ว!” ราชาฉลามดำตะโกนออกมา “บัดซบ เวลาเช่นนี้ข้าสูญเสียพี่น้องไปมากมายแต่กลับไม่ได้สิ่งใดตอบแทน บัดซบจริงๆ นี่มันจะมากเกินไปแล้ว!”


เมื่อเขากล่าวเช่นนั้น ร่างกายของราชาฉลามดำสั่นสะท้านด้วยความโกรธราวกับว่ากำลังจะเป็นบ้า เมื่ออสูรกายตนอื่นเห็นเช่นนี้ พวกเขาเข้าใจได้ทันทีว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นและรีบก้มหัวของตนเองลงอย่างรวดเร็ว


ขณะนั้นพี่สามได้ถามออกมาอีกครั้ง “พี่ใหญ่ หรือท่านจะบอกว่าให้เราหยุดพักกับเรื่องนี้ก่อนอย่างนั้นหรือ?”


“แล้วเราจะทำอะไรได้?” ราชาฉลามดำกล่าวออกมาอย่างหมดหนทาง “นางคือเหลยซานเอ๋อที่ไม่สามารถจัดการได้โดยง่าย ถ้าหากเราไม่มีศพของเจ้าอ้วน นางจะไม่ยินยอมอย่างแน่นอน!”


“ถ้าเช่นนั้นทำไมเราไม่รออยู่รอบๆทะเลแห่งความสับสนล่ะ?” พี่สามกล่าวออกมา “ว่ากันว่าเมื่อเข้าไปด้านในแล้วจะหลงทางจนตายตกไปและสุดท้ายศพของพวกมันจะลอยออกมา บางทีเจ้าไขมันบัดซบก็อาจจะเป็นเช่นนั้นด้วย!”


“อืม เข้าท่า!” ราชาฉลามดำพยักหน้าพร้อมกับเห็นด้วย “ถ้าเช่นนั้นให้เหล่าพี่น้องกระจายตัวออกไปรอบๆทะเลแห่งความสับสนนี้ ไม่ว่าผู้ใดที่พบศพของไอ้บัดซบนั่น ข้าจะมอบรางวัลให้อย่างงาม!”


“รับทราบ!” เหล่าอสูรกายตะโกนออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน สำหรับราชาฉลามดำเขาได้ค้นพบถ้ำใกล้ๆเพื่อที่จะรักษาอาการบาดเจ็บของตนเองและมีเหล่าพี่น้องสองสามตนคอยดูแล


ซ่งจงตื่นขึ้นมาอีกสามวันถัดมา เมื่อเขาลืมตาขึ้นมาและพบว่าตนเองอยู่บนพื้นผิวของทะเลและมีหมอกขาวล้อมรอบอยู่ หมอกนี้ให้ความรู้สึกที่น่าขนลุกอย่างยิ่ง อีกทั้งซ่งจงสามารถมองเห็นได้ไกลเพียงหนึ่งพันฟุตเท่านั้นแม้ว่าสายตาเขาจะยอดเยี่ยมแค่ไหนก็ตาม สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือหมอกนี้มันจำกัดสัมผัสวิญญาณไว้อีกด้วย ในฐานะผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิขั้นกลางเขาสามารถใช้สัมผัสวิญญาณของตนเองตรวจสอบพื้นที่รัศมีหลายร้อยลี้ได้อย่างสบายๆ แต่ในตอนนี้ทำได้เพียงไม่กี่ลี้เท่านั้น ราวกับว่ามีพลังบางอย่างกำลังจำกัดมันไว้


“บัดซบ นี่มันสถานที่แบบไหนกัน?” ซ่งจงถามออกมาอย่างช่วยไม่ได้ แม้แต่ประโยคธรรมดาๆเช่นนี้ เมื่อกล่าวออกไปแล้วก็ทำให้รู้สึกอึดอัดใจอย่างยิ่ง เขาไอออกมาอย่างไม่หยุดหย่อนพร้อมกับเลือดที่ไหลออกมาจากมุมปาก


เมื่อดูอาการบาดเจ็บของตนเองว่ารุนแรงเพียงใด เขาไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี การต่อสู้เมื่อสามวันที่ผ่านมาเป็นการต่อสู้ที่โหดร้ายที่สุดนับตั้งแต่เขาฝึกฝนมา แต่อย่างไรก็ตามมันก็เป็นการต่อสู้ที่ดีที่สุดเช่นกัน ตอนนี้เขาคิดถึงความตื่นเต้นนั้นและอยากจะทำมันอีกรอบ


เมื่อเป็นเช่นนั้น เขาหยิบฟู๋หงจางออกมา พร้อมกับพึมพำคนเดียว “ฮี่ฮี่ ขอบคุณนักบวชฮัวอวิ๋นที่ให้ข้าใช้ตาเฒ่าเฟิงเพื่อแลกเปลี่ยนกับสมบัตินี้ ถ้าไม่เช่นนั้นข้าจะต้องพบกับปัญหาใหญ่อย่างแน่นอน!”


ในเวลานั้น หนึ่งในแม่มดเทวะกล่าวออกมาอย่างสับสน “รายงานนายท่าน พวกเราไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหน”


“อ้าว แล้วพวกเจ้ามาได้อย่างไร?” ซ่งจงถามอย่างช่วยไม่ได้


“พวกเราบินมาตามทิศทางที่นายท่านชี้!” แม่มดเทวะตอบกลับอย่างไร้หนทาง


“จริงหรือ?” ซ่งจงตกใจทันที จากนั้นเขากล่าวออกมาอย่างขื่นขม “ข้าแทบจะไม่มีสติและชี้ไปมั่วๆเท่านั้น! บัดซบ ถ้าหากข้ารู้เช่นนี้ แน่นอนว่าข้าจะขอให้พวกเข้าพาข้ากลับบ้าน ทำไมข้าต้องชี้อะไรมั่วๆอย่างนี้ด้วยนะ?”


แม้ว่าซ่งจงจะเสียใจอย่างมาก แต่ไม่มียาที่ใช้รักษาความเสียใจบนโลกใบนี้ เขาไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากมองโลกในแง่ดีเข้าไว้ เขาหยิบแผนที่ของฮัวจิงซือให้เขาไว้ออกมาเพื่อดูทิศทางทันที


ในการประมานตำแหน่งของตนเอง ซ่งจงตกใจจนขนลุกทันที สถานที่แห่งนี้มีวงกลมสีแดงพร้อมกับเครื่องหมายพิเศษ ‘ทะเลแห่งความสับสน ไร้หนทางหนี’ และห้ามเข้าไปด้านในเด็ดขาด!


“แย่แล้ว!” เมื่อซ่งจงเห็นแผนที่ เขาแทบจะร้องไห้ออกมา จากนั้นเขาคร่ำครวญ “สวรรค์ ข้าไปทำบาปอันใดไว้ในชีวิตก่อนหน้านี้? ทำไมข้าจึงโชคร้ายเช่นนี้? ครั้งแรกข้าพบกับเหลยซานเอ๋อ จากนั้นข้าพบกับราชาฉลามดำ หลังจากหนีพวกมันมา ข้าเข้ามาอยู่ในทะเลแห่งความสับสน? แล้วข้าจะมีชีวิตรอดต่อไปได้อย่างไร?”


เมื่อเห็นท่าทีของซ่งจงเช่นนั้น หญิงงามทั้งเก้าตกใจทันทีพร้อมกับรีบถามเขาว่า “นายท่าน นายท่าน มีอะไรผิดพลาดงั้นหรือ?”


“อะไรผิดพลาดน่ะหรือ? ข้ากำลังจะตายไง!” ซ่งจงตอบกลับมาอย่างเศร้าโศก “นี่คือทะเลแห่งความสับสน มันมีชื่อเสียงในเรื่องของ ‘ไม่มีผู้ใดหลบหนีได้’ เป็นสถานที่ที่อันตรายที่สุดในทะเลตะวันออก! ทำไมข้าจึงโชคร้ายนัก? ทิศทางที่ข้าชี้นั้นนำพาให้ข้ามายืนอยู่ตรงนี้ พวกเราจะสามารถหลบหนีความตายครั้งนี้ได้อย่างนั้นหรือ?”


บทที่ 226: เกาะประหลาด


“นายท่าน เหตุใดท่านจึงวิตกกังวลเช่นนี้? เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่แห่งนี้เป็นทะเลแห่งความสับสนจริงหรือไม่ แต่เรารู้ว่าที่นี่เป็นการก่อตั้งที่ยิ่งใหญ่อย่างมากและเราได้เข้ามายังสถานที่แห่งนี้แล้ว ถ้าหากเราสามารถทำลายการก่อตั้งพวกนี้ได้ เราก็จะสามารถออกไปได้!” แม่มดเทวะตนหนึ่งกล่าวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว


“การก่อตั้ง?” เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาสดใสขึ้นมาทันทีพร้อมถามกลับ “พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าการก่อตั้งนี้คืออะไร?”


“เรายังคลุมเครือเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่การก่อตั้งนี้ใหญ่มากจริงๆ อย่างน้อยสองถึงสามพันลี้ เรามองเห็นเพียงมุมเล็กๆของมัน พวกมันทั้งหมดถูกบังจนสิ้นโดยหมอกเหล่านี้ ดังนั้นมันจึงยากมากที่จะรับรู้ที่ตั้งของพวกมัน!” แม่มดเทวะอีกตนกล่าวออกมา


“เช่นนั้นเราควรทำอย่างไร?” ซ่งจงตอบกลับอย่างกังวล


“นายท่าน หมอกนี้ไม่ได้มาพร้อมกับการก่อตั้งเหล่านั้น ดูเหมือนว่ามันจะเป็นข้อจำกัดพิเศษของสถานที่แห่งนี้ ถ้าหากเรารู้ข้อจำกัดเหล่านั้น เราจะสามารถมองเห็นโครงสร้างของเกาะนี้ทั้งหมด ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมานับพันปีของพวกข้ามันไม่น่ายากที่จะค้นพบว่าการก่อตั้งเหล่านี้อยู่ที่ใด!” แม่มดเทวะอีกตนกล่าวออกมา


“ยอดเยี่ยม!” ในขณะที่ซ่งจงพบว่ามีหนทางที่จะหลบหนีออกไป เขากล่าวออกมาอย่างตื่นเต้น “แล้วเราจะทำลายหมอกเหล่านี้ได้อย่างไรกัน?”


“เรื่องนั้น….” แม่มดเทวะทั้งเก้าต่างมองหน้ากัน แต่ไม่มีใครกล่าวสิ่งใดออกมา


“พวกเจ้า จงกล่าวอะไรออกมาสักอย่าง!” ซ่งจงบ่นออกมาอย่างหงุดหงิด“นายท่าน ถ้าหากว่าพวกเราอยู่ในสถานะไร้รูปร่าง เราจะสามารถทำลายข้อจำกัดเหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย แต่ในตอนนี้เราอยู่ในระดับปฐมภูมิเท่านั้นและเราไม่สามารถทำลายกฎทั้งสามข้อได้ พวกเราจึงไม่รู้จะทำเช่นไรจริงๆในตอนนี้!” แม่มดเทวะกล่าวออกมา


“ไม่มีอะไรที่ดีกว่านี้แล้วงั้นหรือ?” ซ่งจงตอบกลับอย่างผิดหวัง


“ยกโทษให้พวกเราด้วยนายท่าน!” หญิงงามทั้งเก้ารีบกล่าวออกมา


“เอาล่ะ ลืมมันไป ข้าก็ไม่อาจตำหนิพวกเจ้าได้เช่นกัน!” ซ่งจงนั้นไม่ใช่พวกยอมแพ้สิ่งใดง่ายๆ แม้ว่าจะไร้หนทางแต่เขาจะไม่ตำหนิผู้อื่นโดยไร้เหตุผล


“ขอบคุณนายท่าน!” เมื่อเห็นว่าซ่งจงนั้นไม่ได้โกรธเคือง เหล่าแม่มดต่างโล่งอกทันที เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะพวกนาง ถ้าหากพวกนางรู้จักการยืดหยุ่นมากกว่านี้สักเล็กน้อย นางคงไม่พาซ่งจงมาติดอยู่ในทะเลแห่งความสับสนนี้


ในเวลานี้ซ่งจงยังไม่มีเวลามานั่งคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะฟู่หงจางได้เริ่มออกฤทธิ์แล้วและเขาจะต้องเข้าสู่สมาธิทันที ดังนั้นเขาออกคำสั่งทันที “ช่วยปกป้องข้าไว้สักครู่ ข้าต้องเข้าสู่สมาธิแล้ว!” จากที่เขากล่าวจบ เขาขึ้นไปนั่งบนระฆังทองแดงทันทีและเริ่มปรับลมปราณของตนเองอย่างรวดเร็ว เพื่อเปิดการใช้งานฟู่หงจางในการรักษาอาการบาดเจ็บ เหล่าแม่มดที่เห็นเช่นนั้น พวกนางล้อมรอบเขาทันทีเพื่อคุ้มกัน


ฟู่หงจางนั้นเป็นสมุนไพรที่มีอายุกว่าพันปี ความแข็งแกร่งของยานี้ทำให้มู่ซื่อหรงและดาบเทวะไร้ต้านฟื้นฟูการฝึกฝนกลับมาได้อย่างรวดเร็ว


สำหรับอาการบาดเจ็บของซ่งจง แม้บนผิวหนังของเขาจะดูน่ากลัว แต่ความจริงแล้วเขาได้รับบาดเจ็บเพียงผิวหนังบางส่วนเท่านั้นและมีกระดูกบางชิ้นที่หัก แต่พลังของเขาไม่ได้ถูกรบกวนแต่อย่างใด อาการบาดเจ็บภายในสามารถดูแลได้อย่างง่ายดาย


ความแข็งแกร่งของร่างกายซ่งจงนั้นน่ากลัวมาก อีกทั้งความสามารถในการฟื้นตัวของเขานั้นก็สูงมากเช่นกัน เมื่อรวมกับสมุนไพรที่ดีอย่างฟู่หงจาง อาการบาดเจ็บของเขาทั้งหมดหายไปจนสิ้น นอกจากนี้เขายังไม่ได้ยาจำนวนมากนัก ในขณะนี้ระดับการฝึกฝนของเขาค่อยๆเพิ่มขึ้นตามลำดับไปพร้อมๆกับการรักษาตนเอง


เวลานี้ราวกับว่าเขาได้เกิดความรู้สึกแปลกๆจากการต่อสู้ครั้งก่อนหน้า เขาเข้าใจกฏแห่งสวรรค์ในขณะทำสมาธิ ในเวลาเดียวกันยันต์เครื่องรางชิ้นใหม่ได้ปรากฏขึ้นในหัวของเขา


สองสามวันต่อมา ซ่งจงได้ยืนขึ้นและอาการบาดเจ็บของเขาได้หายไปหมดสิ้นแล้ว ในขณะที่เขายืนขึ้น ระฆังทองแดงได้ลอยไปอยู่ตรงหน้าของเขา ซ่งจงเคลื่อนไหวมือขวาอย่างช้าๆ พร้อมกับสร้างเครื่องรางแห่งความโกลาหลครั้งแรก นี่คือสิ่งที่เขาเพิ่งเรียนรู้มา จากนั้นเขาส่งมันไปที่ระฆังอย่างเบามือ


เมื่อยันต์เครื่องรางเข้าไปภายในระฆังทองแดง มันส่งเสียงดังราวกับระฆังในวัดตอนเช้า ต่อจากนั้นหมอกที่ล้อมรอบอยู่ราวกับถูกลมพัดหายไป พร้อมกันที่หมอกได้หายไป ปรากฏท้องฟ้าและทะเลสีฟ้าที่สดใสออกมา


เมื่อแม่มดเทวะได้เห็นเช่นนั้น พวกนางอุทานออกมาอย่างตื่นเต้น “นายท่าน นั่นอะไร เกิดอะไรขึ้น?”


“มันคือเสียงเซียนทะลวง สามารถทำลายสิ่งกีดขวางที่ทำให้สับสนได้!” ซ่งจงตอบกลับอย่างสดชื่น “ข้าเพิ่งจะเรียนรู้มัน! ฮี่ฮี่ นี่เป็นสิ่งที่ข้าสมควรจะได้รับ สวรรค์ช่างมีตา!”


“ประเสริฐยิ่งนัก!” เหล่าแม่มดเทวะตอบกลับอย่างตื่นเต้น “ด้วยเสียงเซียนทะลวงของนายท่านทำให้หมอกหายไปหมดสิ้น เราจะสามารถค้นหาการก่อตั้งและละทิ้งสถานที่แห่งนี้ได้อย่างรวดเร็ว!”


“แล้วพวกเจ้ารออะไรอยู่? รีบออกไปจากสถานที่บัดซบเช่นนี้กันเถิด! ข้าหงุดหงิดกับหมอกนี้เต็มทีแล้ว!” ซ่งจงกล่าวออกมาอย่างขุ่นเคืองใจ


ในความจริง เหตุผลที่เขาต้องการออกไปจากที่แห่งนี้ไม่ใช่เพราะหมอก แต่เป็นเพราะมู่ซื่อหรง การฟาดลงไปที่ต้นคอของนางในวันนั้นทำได้เพียงให้นางสลบไปเพียงสองถึงสามวันเท่านั้น ซึ่งในตอนนี้เหตุการณ์ผ่านไปมากกว่าสิบวัน นางคงจะตื่นขึ้นมาและถ้าหากนางพ่นขยะออกมาจากปากของนาง แน่นอนว่าความลับทั้งหมดของเขาจะถูกเปิดเผย! ถ้าหากเป็นเช่นนั้นเขาจะสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่! เห็นได้ชัดว่าในตอนนี้เขาเลือกเส้นทางที่ผิดเสียแล้ว


อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้เขาไม่มีทางเลือกมากนัก ในวันนั้นเรื่องที่เขาทิ้งมู่ซื่อหรงไว้นั้นถูกวิจารย์อย่างแน่นอน ในตอนนี้เขาอยู่ในทะเลแห่งความสับสน ความกังวลเหล่านี้จะไม่ส่งผลที่ดีกับเขานัก เนื่องจากในตอนนี้ต้องวางแผนเพื่อที่จะออกไปจากสถานที่แห่งนี้ให้ได้เสียก่อน


แต่ในขณะนั้น เหล่าแม่มดเทวะได้กล่าวขึ้นมา “นายท่าน การก่อตั้งนี้ลึกซึ้งอย่างมาก อีกทั้งภูมิประเทศยังเป็นอุปสรรค ข้าคิดว่ามันถูกก่อตั้งขึ้นโดยผู้ฝึกตนระดับเฟินเสินเป็นอย่างน้อย เหตุใดกันที่ผู้ฝึกตนระดับสูงเช่นนั้น ต้องทำเรื่องเช่นนี้ให้ยุ่งยากมากขึ้นไปอีกในทะเลแห่งนี้?”


“เอะ?” เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาตกใจทันที จากนั้นเขาถามออกมาอย่างสับสน “อืม ทำไมเขาจึงต้องทำเช่นนี้ล่ะ?”


“นายท่าน การก่อตั้งเช่นนี้จะมีประสิทธิภาพอย่างมากเมื่อมันปกป้องสมบัติ!” แม่มดเทวะตอบกลับ “ในตอนนั้นมันอาจเป็นสมบัติจากสวรรค์ที่ยังไม่ถึงเวลาที่พร้อมใช้งาน เพื่อปกป้องมันไม่ให้ผู้ใดขโมยมันออกไปได้ก่อน เขาจะต้องทำการก่อตั้ง หรือบางครั้งมันอาจจะเป็นหลุมศพของเขา ไม่ว่าจะเป็นกรณีใด การก่อตั้งเช่นนี้มันยอดเยี่ยมมากจนเกินไป ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่เสียเวลากับเรื่องนี้แน่นอน!”


“อืม ข้าคิดว่าจะเป็นการดีที่สุดถ้าหากเราไม่รีบร้อนเกินไป เนื่องจากตอนนี้เราได้อยู่ในสถานที่แห่งนี้แล้ว ทำไมเราไม่ลองเข้าไปดูก่อนล่ะ? บางทีเราอาจจะได้ค้นพบสาเหตุโดยบังเอิญก็ได้!” แม่มดเทวะอีกตนกล่าวเสริม


“อาจพบโดยบังเอิญ?” เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาหัวเราะอย่างขื่นขม “การพบโดยบังเอิญนั้นอาจจะดีหรือไม่ดีก็ได้ ตัวอย่างเช่นการที่เราได้พบกับเหลยซานเอ๋อและราชันฉลามดำเมื่อก่อนหน้านี้ สิ่งนี้ก็ถือเป็นการพบกันโดยบังเอิญเช่นกันถูกไหม? ไม่ว่าอย่างไรข้าคิดว่าในช่วงนี้พวกเราอับโชคอย่างยิ่ง จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากเราต้องพบเจอกับเหล่าอสูรกายที่แข็งแกร่งและถูกผนึกไว้? ถ้าเป็นเช่นนั้น พวกเราจะต้องตายตกไปอย่างแน่นอน!”


“มันจะไม่เกินเรื่องเช่นนั้น!” แม่มดเทวะได้แต่หัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “แม้ว่าทะเลแห่งความสับสนนี้จะดูอันตรายอย่างมาก แต่จุงประสงค์ของมันคือการปกปิด หากมีสิ่งที่เป็นอันตรายถูกซ่อนไว้ภายใน แน่นอนว่าเขาจะสร้างจุดเด่นให้มันสามารถมองเห็นได้จากระยะไกลเพื่อไม่ให้ใครย่างกรายเข้ามา และเขาจะไม่ทำมันอย่างลับๆล่อๆอย่างแน่นอน เพราะกลัวว่าสักวันจะมีผู้ใดมาพบมัน!”


“อา สิ่งที่เจ้าพูดก็มีเหตุผล!” จากนั้นซ่งจงก็ได้ตระหนักถึงความจริง พร้อมกันที่ดวงตาของเขาเปล่งประกายออกมาพร้อมกับหัวเราะ “อย่าบอกนะว่าจะมีสมบัติซ่อนอยู่ในทะเลแห่งความสับสนจริงๆ?”


“ไม่ว่ายังไงก็ตามมันจะต้องเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมแน่นอน!” แม่มดเทวะกล่าวพร้อมกับหัวเราะ “พวกเรามีชีวิตอยู่มาหลายพันปีแน่นอนว่าสิ่งนี้ต้องไม่ผิดแน่!”


“นับว่ายอดเยี่ยม! บางทีเราโชคร้ายมาหลายวันแล้ว คงถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนแปลงบ้าง!” ซ่งจงตอบกลับด้วยความตื่นเต้น “ถ้าเช่นนั้นเราจะอยู่ต่ออีกสองถึงสามวันเพื่อสำรวจเกาะแห่งนี้ก่อนที่จะกลับบ้าน!”


“ถ้าเป็นเช่นนั้น นายท่านได้โปรดจัดการกับหมอกเหล่านี้เพื่อให้พวกข้าได้ค้นหาแกนกลางของการก่อตั้งได้หรือไม่?” เหล่าแม่มดเทวะกล่าวออกมาพร้อมกัน


“อ่า แน่นอน!” ในขณะที่ซ่งจงรู้ตัวว่ากำลังจะค้นหาสมบัติ เขาตื่นเต้นอย่างมากพร้อมกับหยิบระฆังทองแดงออกมาและโยนยันต์เครื่องรางเข้าไปอย่างต่อเนื่อง


หลังจากนั้นเกิดเสียงระฆังดังสนั่นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด หมอกหนาถูกทำลายไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า เปิดเผยการก่อตั้งที่ซ่อนอยู่ภายใน ความจริงแล้วภาพลวงตาเหล่านี้ถูกทำลายลงไปโดยเสียงเซียนทะลวง เหล่าแม่มดเทวะจึงสามารถค้นหาการก่อตั้งได้อย่างง่ายดาย


อย่างไรก็ตามทะเลแห่งความสับสนนั้นกว้างใหญ่กว่าพันลี้ ซ่งจงทำลายหมอกที่อยู่รอบตัวเขาไปเพียงพันกว่าฟุตเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่ทั้งหมดจะค้นหาแกนกลางของการก่อตั้งได้โดยง่าย แม้ว่าเหล่าแม่มดเทวะจะมีประสบการณ์มากมาย แต่พวกนางทำได้เพียงเดินไปเดินมารอบๆและพบว่ามันคือการก่อตั้งที่ยอดเยี่ยมอย่างมาก


หลังจากที่รู้รูปแบบของการก่อตั้งแล้ว ทุกอย่างง่ายขึ้นอย่างมาก เหล่าแม่มดเทวะทำงานกันอย่างรวดเร็วพร้อมกับเดินออกจากรัศมีของการก่อตั้งพร้อมกับมาอยู่ในจุดกึ่งกลางของเกาะแห่งนี้ภายในครึ่งวัน


หลังจากที่จัดการกับหมอกแล้ว ซ่งจงเห็นเพียงทะเลสีแดงอยู่ตรงหน้าของเขา เขาพบว่ารัศมีของทะเลสีแดงที่สวยงามนี้กว้างไกลกว่าห้าร้อยลี้


เกาะนี้แปลกมาก มันกว้างกว่าห้าร้อยลี้แต่กลับแบนราบไม่มีรูปทรงใดๆ ไม่พบเห็นพืชหรืออสูรกายบนนี้ราวกับว่ามันคือดินแดนที่แห้งแล้ง!


บทที่ 227: ไฟต้นกำเนิด


เมื่อเห็นภาพเช่นนี้ ซ่งจงรู้สึกซึมเศร้าทันทีพร้อมกับพูดออกมา “นี่น่ะหรือคือสมบัติที่พวกเจ้ากล่าวถึง? เหตุใดข้าจึงมองไม่เห็นอะไรเลยล่ะ?”


“ฮ่าฮ่า อย่าเพิ่งกังวลไป นายท่านไม่ได้ตระหนักถึงสิ่งแปลกปลอมที่อยู่ใต้ดินงั้นหรือ?” แม่มดเทวะยิ้มออกมา


“อะไรกันที่แปลก?” ซ่งจงก้มหัวลงเล็กน้อยเพื่อสำรวจและหยิบดินขึ้นมาหนึ่งกำมือและใช้ความรู้สึกสำรวจมัน “อืม มันอุ่นกว่าดินทั่วไป แล้วยังไงต่อ?”


“ปราณจิตวิญญาณของดินในสถานที่แห่งนี้แปลกมาก มันโกลาหลอย่างมาก ดูเหมือนว่าจะมีองค์ประกอบธาตุทั้งห้าอีกด้วย!” แม่มดเทวะกล่าวออกมา “ในครั้งแรกที่เรามาพบสถานที่แห่งนี้ ข้าคิดว่าชื่อเรียกของสถานที่แห่งนี้คงจะเป็นพสุธาแห่งความโกลาหล!”


“พสุธาแห่งความโกลาหลงั้นเหรอ? สถานที่เช่นนี้มันคืออะไรกัน?”


“มันเป็นสถานที่ที่ไม่เหมือนใครและจะก่อตัวอยู่ในรอบ ๆ บริเวณของภูเขาไฟที่ครุกรุ่นเท่านั้น มันจะมีขนาดใหญ่และเต็มไปด้วยหินแห่งธาตุทั้งห้า ด้วยการปะทุของภูเขาไฟ หินจิตวิญญาณจะถูกทำลายและปราณจิตวิญญาณจะพวยพุ่งออกมาเพื่อหลอมรวมกันเป็นปราณชนิดพิเศษ ดังนั้นสถานที่แห่งนี้ควรจะถูกเรียกว่าพสุธาแห่งความโกลาหล” แม่มดเทวะอธิบาย


“มันซับซ้อนจริง ๆ แล้วมันมีประโยชน์อะไรกันล่ะ?” ซ่งจงถาม


“หลังจากที่พสุธาแห่งความโกลาหลได้ก่อตัวขึ้น ได้มีการเล่าต่อกันว่าปราณจิตวิญญาณแรกเริ่มจะสลายหายไปและกลายเป็นดินธรรมดาในที่สุด แต่ก่อนที่พวกมันจะกระจัดกระจายกันไป มีความเป็นไปได้สูงมากที่พวกมันจะรวมตัวกันแล้วกลายเป็นไฟต้นกำเนิด มันสามารถใช้ปรับแต่งร่างกาย และทำให้ร่างกายของบุคคลนั้นแข็งแกร่งขึ้นด้วยพลังของธาตุทั้งห้า นับได้ว่ามันคือความฝันของเหล่าผู้ฝึกตน!” แม่มดเทวะอธิบายอย่างตื่นเต้น


“มันเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ แต่ที่ราบสีแดงนี้ว่างเปล่าโดยสมบูรณ์และข้ามองไม่เห็นไฟต้นกำเนิดอะไรเลย” ซ่งจงกล่าวออกมาอย่างกังวล “มันอยู่ที่ไหนล่ะ?”


“โดยปกติแล้วไฟต้นกำเนิดมักจะเกิดขึ้นชั่วครู่เหนือพสุธาแห่งความโกลาหลก่อนจะหายไป ดังนั้นถ้าหากนายท่านต้องการปรับแต่งร่างกาย เป็นการดีที่สุดถ้าหากท่านจะค้นหามันด้วยตนเอง อา อาจจะมีไฟต้นกำเนิดมากขึ้นในช่วงกลางของสถานที่แห่งนี้” แม่มดเทวะตอบกลับ


“แล้วพวกเรารออะไรกันอยู่? ไปกันเถอะ!” ซ่งจงเสียเวลาไม่ได้อีกต่อไปแล้วพร้อมกับพุ่งไปที่ใจกลางของพสุธาแห่งความโกลาหลพร้อมกับเหล่าแม่มดเทวะทันที


สถานที่แห่งนี้มีรัศมีกว้างกว่าห้าร้อยลี้ และจุดกึ่งกลางห่างออกไปไม่กี่ร้อยลี้ ด้วยความเร็วของซ่งจง แน่นอนว่าทั้งหมดมาถึงสถานที่แห่งนี้ในเวลาไม่กี่นาที ในขณะที่ทุกคนมาถึง พวกเขาต้องตกใจกับสิ่งที่เห็นทันที


สถานที่แห่งนี้มีแท่นบูชาสูงกว่าพันฟุต มันสร้างจากหยกขาวอยู่ที่ใจกลางของพสุธาแห่งความโกลาหล บนแท่นนั้นมีเสาไฟสีเทาสูงกว่าร้อยฟุต


เมื่อเห็นว่าไฟต้นกำเนิดนั้นอยู่ตรงหน้าของตนเอง ทั้งซ่งจงและแม่มดเทวะต่างสูญเสียการควบคุมอย่างสมบูรณ์


ซ่งจงถามออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “นี่มันเรื่องอะไรกัน?”


“แน่นอนว่าถ้าหากไม่มีรูปแบบที่ยิ่งใหญ่ปกป้องมันไว้ จะต้องมีคนพบเจอมันแล้ว ผู้ฝึกตนผู้นั้นต้องการสร้างการก่อตั้งอย่างยอดเยี่ยมเพื่อปกป้องไฟต้นกำเนิด สวรรค์ เขาเป็นอัจฉริยะที่แท้จริง จากที่ข้ารู้ไฟต้นกำเนิดนั้นมีขนาดไม่ใหญ่นัก และสำหรับผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมินั้นต้องใช้ถึงร้อยลูก แต่ที่แห่งนี้กลับมีไฟต้นกำเนิดหลายพันลูก หมายความว่ามันเพียงพอที่จะปรับแต่งร่างกายของผู้ฝึกตนระดับต้าเฉิงด้วยซ้ำ!” แม่มดเทวะกล่าวออกมาอย่างตื่นเต้น


“แล้วข้าล่ะ?” ซ่งจงรีบถาม “ข้าต้องใช้เท่าไหร่?”


“อา ข้าขอคิดก่อนสักครู่ ร่างกายของนายท่านนั้นแข็งแกร่งอย่างมาก แม้แต่ราชาฉลามดำอสูรกายขั้นห้ายังไม่สามารถทะลวงผ่านร่างกายของท่านได้ ข้าคิดว่าร่างกายของท่านนั้นแข็งแกร่งเทียบกับผู้ฝึกตนระดับหยวนหยิน แน่นอนว่าถ้าหากเทียบกับผู้ฝึกตนประเภทเพาะกาย ท่านก็จะมีความแข็งแกร่งเทียบกับผู้ฝึกตนระดับจินตัน ถ้าหากจะให้เราประเมินว่าท่านจะใช้สักเท่าไหร่ ข้าคิดว่าจะต้องใช้สักสองถึงสามพันลูกเพื่อปรับแต่งร่างกายของนายท่าน ถ้าหากมากกว่านั้นก็คงสูญเปล่า!” แม่มดเทวะอีกคนตอบกลับ


“แล้วเราจะเอามันออกมายังไง?” ซ่งจงถามอย่างกังวล


“เราจะต้องมีสมบัติวิเศษ ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถนำมันออกมาได้ ถ้าหากเราสามารถนำมันออกมาได้อย่างง่ายดาย บุคคลนั้นคงไม่ทิ้งมันไว้ที่นี่อย่างแน่นอน!” แม่มดเทวะกล่าวตอบ


“แล้วข้าจะดูดซับไฟต้นกำเนิดได้อย่างไร? เจ้าคงไม่ให้ข้ากระโดดเข้าไปในเสาไฟหรอก ใช่ไหม? ข้าคงถูกเผาไหม้จนตายตกไป!”


“ฮ่าฮ่า นายท่าน ไฟต้นกำเนิดนั้นไม่ใช่ไฟที่แท้จริง แต่พวกมันอยู่ในรูปแบบของไฟเท่านั้น มันเป็นเพียงรูปแบบของปราณจิตวิญญาณชนิดนึงและไม่มีอุณหภูมิสูงแต่อย่างใด อย่างน้อยมันก็จะไม่เผาใครตาย แต่ถ้าหากผู้ใดดูดซับมันมากเกินไป เส้นลมปราณของพวกเขาจะต้านทานมันไว้ไม่ไหว แน่นอนว่าเราต้องระวังในสิ่งนี้ด้วย!” แม่มดเทวะกล่าวตอบ


“แล้วข้าควรทำเช่นไร?” ซ่งจงถูมือต้นเองพร้อมกล่าวออกมาอย่างกังวล “เราไม่สามารถกลับไปมือเปล่าได้”


“แน่นอน!” เหล่าแม่มดเทวะเห็นด้วย หนึ่งในนั้นกล่าวออกมา “นายท่าน ถ้าหากท่านไม่คิดมาก พวกเราเหล่าพี่น้องสามารถปรับแต่งร่างกายพร้อมกับท่านได้ เพราะพวกเรามีร่างกายที่อยู่ในระดับเฟินเสิน พวกเราสามารถดูดซับไฟต้นกำเนิดจำนวนมากได้ กล่าวก็คือสิ่งใดที่ล้นออกมาจากท่าน เราจะสามารถดูดซับมันได้ทั้งหมด!”


“หา? พวกเจ้าก็สามารถใช้มันได้อย่างงั้นหรือ?” ซ่งจงตอบกลับอย่างตกใจ


“แน่นอน พวกเรานั้นมีร่างกายและสามารถฝึกฝนได้ เราสามารถใช้ร่างกายของตนเองได้ตามใจชอบ!” แม่มดเทวะล่าวออกมา “ถ้าหากนายท่านอนุญาตให้พวกเราปรับแต่งร่างกาย ไม่เพียงแต่ร่างกายของพวกเราจะแข็งแกร่งขึ้น แต่พวกเราจะสามารถเข้าสู่ระดับเลี่ยนจือได้อีกด้วยในอนาคต! อย่าบอกนะว่าท่านไม่ต้องการที่จะมีลูกน้องในระดับเลี่ยนจือไว้เพื่อช่วยเหลือ?”


“ตั้งแต่พวกเจ้ากล่าวออกมาเช่นนั้น แล้วข้าจะปฏิเสธเจ้าได้อย่างไรกัน! ถ้าหากเป็นเช่นนี้ ก็จงปรับแต่งร่างกายด้วยกันเถิด!”


เนื่องจากเขาเป็นเจ้านายของภาพวาดแห่งหญิงงามทั้งเก้า แม่มดเทวะเหล่านี้จะไม่สามารถหลบหนีเขาได้แม้ว่าพวกนางจะแข็งแกร่งมากเพียงใด แน่นอนว่าเจ้าอ้วนไม่ได้กังวลอะไรเลย และมันจะมีประโยชน์กับเขาอย่างมากในอนาคต ดังนั้นเขาจึงตอบตกลงอย่างไร้ข้อสงสัย


เมื่อเหล่าแม่มดเทวะได้ยินเช่นนั้น พวกนางดีใจจนกระทั่งส่งเสียงร้องออกมา พวกนางเริ่มกอดรัดซ่งจงและเริ่มที่จะถอดเสื้อคลุมเขาออก


“หยุด! มาทำสิ่งที่สำคัญตรงหน้าก่อน เราสามารถทำเรื่องนี้ในภายหลังได้!”


“นายท่านกำลังคิดอะไรอยู่? เมื่อเราต้องปรับแต่งร่างกาย ไฟที่รุนแรงเหล่านั้นมันจะเผาเสื้อผ้าของเรา!” แม่มดเทวะกล่าวออกมาพร้อมกับหัวเราะคิกคัก


“อา เช่นนั้นหรือ! ข้านึกว่าเรากำลังหมายถึงเรื่อง….” ซ่งจงกล่าวต่ออย่างชั่วร้าย “ที่เราจะเปลื้องผ้าด้วยกัน?”


“แน่นอน!” เหล่าแม่มดเทวะตอบพร้อมกับและหัวเราะออกมา


“ฮี่ฮี่ ข้าไม่ต้องการให้หญิงสาวของข้าเหนื่อยล้ามากนัก ทำไมไม่ให้ข้าช่วยพวกเจ้าล่ะ!” ซ่งจงกล่าวออกไป มือของเขาพุ่งไปด้านหน้าอย่างรวดเร็วด้วยความซุกซนพร้อมกับเปิดเผยร่างกายของหญิงงามทั้งเก้าอย่างเท่าเทียมกัน


“มาเถิดสาวน้อยทั้งหลาย!” เจ้าอ้วนกล่าวพร้อมรอยยิ้มชั่วร้ายพร้อมกับกอดก่ายหญิงงามทั้งเก้าและเดินเข้าสู่ไฟต้นกำเนิด


ในขั้นตอนนี้ เหล่าแม่มดเทวะจับเขาไว้พร้อมกล่าวว่า “นายท่านรอก่อน!”


“ทำไม? เราต้องทำอะไรก่อนหน้าหรือไม่?” ซ่งจงถามออกมา


“ไม่ใช่สิ่งนั้น พวกเราต้องการบอกบางสิ่งที่สำคัญให้ท่านทราบ!” แม่มดเทวะตอบกลับอย่างอ่อนโยน


“อะไร?”


“เป็นเช่นนี้ นายท่านท่านได้รับสมบัติเมื่อสองสามปีก่อนเป็นลายเส้นสายธารโลหิตไม่ใช่หรือ?” แม่มดเทวะถาม


“ใช่ อาวุโสกล่าวไว้ว่าข้าจะสามารถใช้มันได้ก็ต่อเมื่อข้าเข้าสู่ระดับจินตันเท่านั้น! เหตุใดพวกเจ้าจึงกล่าวถึงมัน?”


“นายท่านแน่นอนว่าลายเส้นสายธารโลหิตมันสมบัติที่หายาก แต่มันก็มีข้อบกพร่อง มันถูกสร้างขึ้นมาจากเหล่าอสูรกาย ถ้าหากถูกผสานเข้ากับร่างกายมนุษย์ แน่นอนว่ามันจะต้องปฏิเสธ แม้ว่าอาจจะไม่ใช่เรื่องที่ชัดเจน แต่ในเวลาต่อมาเรื่อยๆ ทุกสิ่งจะยิ่งเลวร้ายมากขึ้น ในเวลานั้นมันจะสร้างความอึดอัดให้กับผู้ฝึกตนและเริ่มส่งผลไม่ดีกับการต่อสู้! แม้ว่ามันจะเป็นอุปกรณ์ที่ดี แต่มีไม่กี่คนที่จะใช้มัน!”


“เป็นเช่นนั้นหรือ ไม่แปลกใจเลยที่อาวุโสนั่นยอมมอบมันให้กับข้า!” ซ่งจงกล่าวออกมาราวกับตนเองถูกหลอก


เมื่อแม่มดเทวะเห็นเช่นนั้น พวกนางทั้งหมดยิ้มและกล่าวว่า “นายท่านข้อบกพร่องของมันไม่ได้ร้ายแรงนัก ยังมีอีกหลายคนที่ชอบใช้มันเช่นกัน แต่สำหรับท่าน พวกข้าคิดว่าท่านสามารถลบข้อบกพร่องตรงนี้ได้อย่างสมบูรณ์!”


“ว่าอะไร? ทำได้ยังไง?”


“โอกาสที่จะขัดเกลามันไปพร้อมกับร่างกายของท่านด้วยไฟต้นกำเนิด!” แม่มดเทวะตอบกลับ “ไฟต้นกำเนิดนั้นกล่าวได้กว่ามันสามารถปรับแต่งทุกสิ่งได้ หลอมรวมสิ่งต่าง ๆ ให้รวมกันได้อย่างสมบูรณ์ อีกทั้งยังสามารถปรับแต่งอาวุธ ถ้าหากท่านนำสมบัติชิ้นนี้เข้าสู่ไฟต้นกำเนิดด้วย แน่นอนว่ามันจะขัดเกลาจนข้อบกพร่องทั้งหมดหายไป ช่วยให้ท่านสามารถผสานกับมันได้อย่างสมบูรณ์!”


“แต่ในตอนนี้ข้าอยู่ในระดับปฐมภูมิขั้นกลางเท่านั้น ซึ่งห่างไกลจากระดับจินตันมาก!”


“ไม่ใช่เช่นนั้น ท่านคิดผิด ผู้ฝึกตนท่านนั้นเขาไม่รู้สถานการณ์ของท่าน ในตอนนี้ท่านสามารถต่อสู้กับราชาฉลามดำได้ด้วยร่างกายของตนเอง ความแข็งแกร่งของร่างกายที่ท่านมีนั้นเกินกว่าระดับจินตันเสียอีก ในตอนนี้ท่านสามารถใช้มันได้โดยไม่ต้องกังวลสิ่งใด!” แม่มดเทวะกล่าวอย่างรวดเร็ว


“งั้นหรือ? พวกเจ้าไม่ได้ล้อข้าเล่นใช่หรือไม่?” ซ่งจงตอบกลับอย่างสับสน


“เราไม่ทำเช่นนั้นอย่างแน่นอน นอกจากนี้เรายังอยู่ในระดับเฟินเสิน การฝึกฝนของเราและความรู้ที่มีนั้นมากกว่าอาวุโสของท่านมากนัก แล้วมันจะมีอะไรผิดพลาดได้?” แม่มดเทวะตอบกลับ


“ก็ได้ ถ้าหากเป็นเช่นนี้ ข้าจะนำมันออกมา!” ซ่งจงกัดฟันพร้อมกล่าวต่อ “แล้วยังไง ข้าควรทำเช่นไรบ้าง?” เมื่อเขากล่าวเช่นนั้น เขาหยิบเอาเส้นสายธารโลหิตออกมาจากมิติลึกลับ


แม่มดเทวะรีบตอบ “นายท่าน หลังจากที่ท่านเข้าสู่ไฟต้นกำเนิดแล้ว หยดเลือดของท่านลงที่ตัวมัน จากนั้นเชื่อมต่อจิตวิญญาณของท่านกับมันหลังจากนั้นทุกอย่างจะดำเนินการต่อไปเอง!”


“เอาล่ะ ให้ข้าลอง! มาเถิด พวกเจ้าก็ไปพร้อมข้าเลย!” ซ่งจงกล่าวเช่นนั้น เขาถือเส้นสายธารโลหิตไว้พร้อมกับเข้าสู่เปลวไฟต้นกำเนิดทันที


หลังจากที่เข้าสู่ไฟต้นกำเนิด ซ่งจงไม่ได้รู้สึกร้อนแต่อย่างใด แต่เขากลับรู้สึกสบายใจแทน ราวกับปลาที่ว่ายน้ำอยู่ในบ่อ ซ่งจงคิดว่ามันอาจจะเป็นเพราะปฐมกาลแห่งความโกลาหลที่เขาใช้ฝึกฝน


อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาไตร่ตรองเรื่องอื่น เขานั่งลงและกัดริมฝีปากตนเองพร้อมกับส่งเลือดไปที่เส้นสายธารโลหิตทันที หลังจากนั้นกระดองเต่าดำแตกสลายเกิดเป็นสายโลหิตมากมายล้อมรอบร่างกายของซ่งจง


ซ่งจงนั้นไม่รอช้า เขารีบจัดการปฐมกาลแห่งความโกลาหลทันที เส้นโลหิตที่อยู่ด้านนอกเริ่มวิ่งไปมาอย่างดุเดือดและแย่งชิงกันเข้าสู่ร่างกายของเขา


ในเวลานั้น ไฟต้นกำเนิดก็ได้เข้าสู่ร่างกายของเขาเช่นกันและมันเริ่มปรับแต่งทันที


เมื่อเห็นว่าซ่งจงกำลังปรับแต่งร่างกายกับไฟต้นกำเนิด เหล่าแม่มดเทวะก็ไม่รอช้าเช่นกัน พวกนางเข้าสู่ไฟต้นกำเนิดทันที


การปรับแต่งร่างกายด้วยไฟต้นกำเนิดนั้นยากลำบากมาก มันเหมือนกับการปรับแต่งโลหะ


ดังนั้น ซ่งจงใช้เวลาสองถึงสามวันที่จะดูดซับพลังของเส้นสายธารโลหิตเข้าไปได้จนหมดสิ้น หลังจากผ่านไปสามวันเสาไฟค่อย ๆ ลดขนาดลงตามเวลา จนท้ายที่สุดเสาไฟหายไปหลังจากเวลาผ่านไปหนึ่งเดือน


เมื่อเสาไฟต้นกำเนิดหายไปแล้ว ทั้งเกาะเริ่มสั่นไหวราวกับถูกยักษ์เขย่า


แผ่นดินไหวเช่นนี้ทำให้ทั้งหมดลืมตาขึ้นมา หลังจากที่ทั้งหมดได้เห็นภาพตรงหน้า ทุกคนตกใจทันที “สวรรค์ ไม่ดีแล้ว! เสาไฟต้นกำเนิดหายไป พสุธาแห่งความโกลาหลไม่สามารถอยู่ได้ด้วยตนเอง ไฟใต้ดินนั้นไร้การปราบปราม แน่นอนว่ามันจะปะทุขึ้นมาได้ทุกเมื่อ!”


“หมายความว่าอะไร?” ซ่งจงกล่าวออกมาอย่างสับสน


“หมายความว่าภูเขาไฟจะระเบิดในสถานที่ที่เรายืนอยู่!” แม่มดเทวะอีกตนตอบอย่างรวดเร็ว


“สวรรค์ รีบหนี!” เมื่อซ่งจงเข้าใจทุกอย่างแล้ว เขาไม่สามารถสนใจเสื้อผ้าของตนเองได้ เขารีบออกไปทันทีพร้อมกับเหล่าแม่มดเทวะ


ระหว่างทางออก พวกเขาทั้งหมดเห็นปากปล่องภูเขาไฟเปิดออกและมีลาวาไหลออกมา แรงระเบิดครั้งใหญ่ทำให้ลาวาพุ่งขึ้นมาสูงถึงสองพันฟุต


ซ่งจงนั้นโชคร้ายที่ลาวาปะทุขึ้นมาใต้เท้าของเขา เขาไม่มีเวลาแม้แต่จะป้องกันตนเองจึงถูกโจมตีโดยลาวาของภูเขาไฟอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง


ในตอนนี้ซ่งจงคิดว่าเขาพ่ายแพ้แล้ว มีกลับมีบางอย่างเกิดขึ้น แสงสีเขียวเปล่งประกายออกมาจากร่างกายของเขา กลายเป็นเกราะป้องกันไม่ให้ลาวาโดนร่างกายของเขา


ซ่งจงตกใจก่อนที่จะอุทานออกมา “ฮ่าฮ่า นี่คือลำแสงศักดิ์สิทธิ์ของเส้นสายธารโลหิต! ด้วยสิ่งนี้ข้าไม่จำเป็นที่จะต้องเกรงกลัวการซุ่มโจมตีในอนาคตอีกแล้ว!”


เมื่อเหล่าแม่มดเทวะเห็นเช่นนั้น ทุกคนร่ำร้องออกมาอย่างยินดี “ยินดีด้วยนายท่าน!”


“พวกเจ้าก็เช่นกัน!” ซ่งจงหัวเราะ “ผิวของพวกเจ้านั้นเรียบเนียนและเปล่งประกายไปด้วยออร่า แน่นอนว่าการฝึกฝนของพวกเจ้าจะต้องคืบหน้าไปอย่างมาก ใช่ไหม?”


“ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณนายท่าน!” เหล่าแม่มดเทวะตอบกลับด้วยรอยยิ้ม

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม