Genius Doctor Black Belly Miss 1350-1354
ตอนที่ 1350 ทัวร์หนึ่งวันในสุสาน (4)
[จักรพรรดิแห่งความมืดยังไม่ตาย!] ตอนที่ความคิดนั้นผุดขึ้นในใจของจวินอู๋เสีย นางก็รู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว
แต่หลังจากนั้นครู่หนึ่ง นางก็สลัดความคิดนั้นทิ้งไปอย่างรวดเร็ว ด้วยพลังอันแข็งแกร่งเหนือใครของจักรพรรดิแห่งความมืดและความเย่อหยิ่งจองหองของเขา หากเขายังมีชีวิตอยู่จริงๆ เขาจะไม่มีวันยอมให้คนร้ายที่น่ารังเกียจจากสิบสองวิหารพวกนั้นเกิดความโลภอยากยึดครองสมบัติของเขาหรอก และเขาจะไม่มีวันปล่อยให้อาณาจักรกลางตกอยู่ในความสับสนวุ่นวายเช่นนี้
ในขณะที่จวินอู๋เสียจมอยู่กับความคิดของตัวเอง เด็กหญิงคนนั้นก็เริ่มคุยกับหนูนรกอีกครั้ง
นางชี้ไปที่ภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในห้องโถง และเริ่มอธิบายเรื่องราวเบื้องหลังภาพพวกนั้นเป็นเวลานาน
ภาพจิตรกรรมฝาผนังในห้องโถงมีความซับซ้อนและประณีตงดงาม เสียงของเด็กหญิงเต็มไปด้วยความเคารพบูชาที่ออกมาจากใจ นางคุกเข่าอยู่บนพื้นขณะถือหนูนรกเอาไว้บนฝ่ามือ สายตาของนางจ้องมองไปยังร่างสูงลึกลับที่ปรากฏอยู่บนภาพ
หนูนรกชินแล้วกับพฤติกรรมที่ผิดปกติของเด็กหญิงที่แทบจะเป็นการพูดกับตัวเอง มันนอนแผ่อยู่บนฝ่ามือของเด็กหญิงโดยไม่สนใจว่านางจะพูดอะไร
หลังจากพูดอยู่ยืดยาว ในที่สุดเด็กหญิงก็ระงับความเคารพบูชาในสายตาของนาง และหยิบผ้าเปียกขึ้นมาทำงานต่ออีกครั้ง หลังจากทำความสะอาดทุกจุดภายในห้องโถงเสร็จแล้ว นางก็ลุกขึ้นด้วยความพอใจ เด็กหญิงถือถังน้ำกลับไปที่ประตูบานที่นางเข้ามาและเช็ดเหงื่อที่หน้าผาก
ในขณะที่จวินอู๋เสียกำลังคิดว่าได้เวลาที่เด็กหญิงผู้ขยันขันแข็งจะไปหาที่พักผ่อนแล้ว เด็กหญิงคนนั้นก็พูดกับหนูนรกว่า
“ข้าทำความสะอาดเสร็จแล้ว รีบเอาของทุกอย่างกลับที่เดิมเร็วเข้า”
พูดจบ นางก็ก้มตัวลง และวางหนูนรกตัวจิ๋วลงบนพื้น
หนูนรกขยับอุ้งเท้าเล็กๆของมัน เดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆทีละก้าว
และสิ่งที่เกิดต่อมาก็ทำให้จวินอู๋เสียตกตะลึงอย่างมาก!
นางเห็นหนูนรกนั่งลงกับพื้น อุ้งเท้าหน้าเล็กๆของมันเริ่มดึงสิ่งของออกจากปากอย่างรวดเร็ว!
เสียงกระทบกันหลากหลายเสียงดังกึกก้องห้องโถงขนาดมหึมา!
สมบัติมากมายนับไม่ถ้วน ทองคำ เงิน อัญมณีล้ำค่า และไข่มุก ยังคงหลั่งไหลออกจากปากของหนูนรกไม่หยุด กองเต็มพื้นกระเบื้องตรงหน้าหนูนรกในชั่วพริบตา!
แต่ทั้งหมดนั่นก็ยังไม่จบ ปากของหนูนรกเป็นเหมือนหลุมที่ไร้ก้นบึ้ง สมบัติยังคงไหลออกมาจากปากของมันไม่หยุด แม้แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดว่าใหญ่กว่าหนูนรกหลายสิบหรือหลายร้อยเท่าก็ยังออกมาจากปากของมันได้อย่างง่ายดาย!
นับตั้งแต่ที่จวินอู๋เสียได้รับกระเป๋ามิติจากเยี่ยนปู้กุย จวินอู๋เสียก็ได้รู้ว่าในโลกนี้มีช่องว่างมิติพิเศษที่ผู้คนสามารถเก็บสิ่งของต่างๆได้ แต่นางไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าพื้นที่เก็บของพวกนี้จะมีอยู่ในรูปแบบของ……สิ่งมีชีวิตได้ด้วย!
และในชั่วพริบตา สมบัติที่หนูนรกพ่นออกมาก็เต็มเกือบครึ่งห้องโถงแล้ว!
ความจุในการเก็บของของมันเหนือกว่ากระเป๋ามิติของนางซะอีก!
ในตอนนั้นจวินอู๋เสียก็ได้รู้ว่า คำอธิบายของอิงซู่เกี่ยวกับหนูนรกนั้นถูกต้องแม่นยำมาก
หนูนรกขนาดครึ่งฝ่ามือสามารถกลืนภูเขาทองคำและเงินได้ทั้งภูเขา!
ห้องโถงที่ว่างเปล่าในตอนแรก ไม่นานก็เต็มไปด้วยสมบัติล้ำค่าทุกชนิด พื้นทั้งหมดเต็มไปด้วยทองและเงิน อัญมณีมีค่าและไข่มุก อัญมณีแต่ละเม็ดใหญ่เท่าไข่นกพิราบ กระจัดกระจายไปทั่ว รวมตัวกันหนาแน่นเหมือนเป็นก้อนหินปูถนน
หนูนรกยังคงคายสิ่งของต่างๆออกมา แล้วจู่ๆก็มีวัตถุสีขาวอย่างหนึ่งออกมาจากปากของมัน กลิ้งกุกกักมากระแทกเข้ากับบัลลังก์หยกที่จวินอู๋เสียซ่อนตัวอยู่
จวินอู๋เสียมองผ่านรอยแตกที่ด้านล่างของบัลลังก์ และเห็นวัตถุสีขาวที่กลิ้งมา หัวใจของนางเต้นรัวทันที!
สิ่งที่กลิ้งมาหานางไม่ใช่สมบัติล้ำค่า แต่เป็นกะโหลกศีรษะ!
ตอนที่ 1351 ทัวร์หนึ่งวันในสุสาน (5)
กะโหลกศีรษะนั่นเหลือแต่กระดูก เบ้าตาที่กลวงโบ๋ของมันหันมาทางจวินอู๋เสีย มองแวบแรกเหมือนมันกำลังจ้องจวินอู๋เสียอยู่เลย
ถ้านี่เป็นเจ้าแมวดำล่ะก็ เดาได้เลยว่ามันคงจะเป็นลมหมดสติไปทันที
แต่จวินอู๋เสียแค่เหลือบมองไปทางมันอย่างสงบนิ่ง
“เจ้าจี๊ด!” เสียงของเด็กหญิงแฝงความไม่พอใจ นางก้าวข้ามกองสมบัติมาที่หน้าบัลลังก์หยกและหยิบกะโหลกขึ้นมา
หนูนรกที่ยังคงคายสมบัติออกมาอย่างมีความสุข ตัวแข็งทื่อไปทันทีจากเสียงตะโกนของเด็กหญิง ไข่มุกเรืองแสงที่มีขนาดเท่าไข่ไก่เพิ่งออกมาได้แค่ครึ่งเดียว ยังคาอยู่ในปากของหนูนรกที่ยืดออกกว้าง มันยืนกระพริบตาปริบๆด้วยสีหน้าว่างเปล่าใส่เจ้านายของมัน
“ข้าบอกกี่ครั้งแล้ว? อย่าเก็บกระดูกคนเลวพวกนั้น!” เด็กหญิงพูดอย่างไม่พอใจพร้อมขมวดคิ้วจ้องกะโหลกศีรษะมนุษย์ในมือ สายตาเต็มไปด้วยความรังเกียจ
หนูนรกพ่นไข่มุกเรืองแสงออกมาอย่างรวดเร็ว และรีบวิ่งไปตรงหน้าเด็กหญิง จากนั้นมันก็ยืนด้วยขาหลังและยื่นอุ้งเท้าเล็กๆสองข้างของมันออก
เด็กหญิงยื่นกะโหลกมนุษย์ให้กับหนูนรก และพูดว่า “ของสกปรกแบบนี้ ย่อยมันไปซะ อย่าให้มันมาทำให้ที่ของท่านจักรพรรดิแห่งความมืดแปดเปื้อน”
ทันทีที่พูดจบ นางก็ใช้แขนเสื้อเช็ดตรงจุดที่กะโหลกศีรษะกลิ้งไปก่อนหน้านี้
หนูนรกไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากกลืนกะโหลกมนุษย์กลับเข้าปากของมันไป
“ถ้าเจ้าโยนของสกปรกแบบนี้ออกมาอีก ข้าจะลงโทษเจ้า” เด็กหญิงเตือนหนูนรกด้วยสีหน้าเข้มงวดหลังจากเช็ดทำความสะอาดพื้นแล้ว
หนูนรกพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง จากนั้นก็โอ้เอ้อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะคายสมบัติออกมา พอห้องโถงเต็มแล้ว หนูนรกถึงได้ปิดปากของมัน
เด็กหญิงเดินตรวจสถานที่รอบนึง หลังจากเห็นว่าไม่มีอะไรผิดปกติ นางก็เดินไปทางประตูที่อยู่ด้านใน ผลักประตูให้เปิดออกและนำหนูนรกไปกับนาง ขณะที่ขาของนางเพิ่งก้าวออกไป นางก็ทำท่าเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ นางโผล่หน้ากลับเข้าไปและพูดเข้าไปในห้องโถงที่เต็มไปด้วยสมบัติว่า
“เจ้าจะไม่ออกมาเหรอ? ข้าจะปิดประตูแล้วนะ ถ้ายังไม่ออกมา เดี๋ยวก็ติดอยู่ที่นี่หรอก เจ้าเปิดประตูนี้เองได้ไม่ได้หรอกนะ”
เสียงนั้นดังก้องอยู่ภายในห้องโถงขนาดใหญ่และกระทบใจของจวินอู๋เสีย
คำพูดพวกนั้น ดูเหมือนว่าจะพูดกับนาง
หรือว่าเด็กหญิงคนนั้นสังเกตเห็นนางแล้ว?!
“ไม่ต้องกังวล ข้าไม่ทำร้ายเจ้าหรอก ถ้าเจ้าไม่มีเรื่องอะไร ก็ไปเดินเล่นกับข้าซิ ถ้าถูกขังอยู่ที่นี่ เจ้าจะไม่สามารถออกไปได้นะ” เด็กหญิงพูดอย่างใจเย็น
จวินอู๋เสียลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เห็นได้ชัดว่าเด็กหญิงพบตัวนางแล้ว แต่นางไม่รู้สึกถึงความมุ่งร้ายใดๆจากน้ำเสียงของเด็กคนนั้น
ครู่ต่อมา จวินอู๋เสียก็เดินออกมาจากใต้บัลลังก์หยกอย่างช้าๆในร่างของแมวดำตัวน้อย
ทันทีที่เด็กหญิงเห็นจวินอู๋เสีย ใบหน้าของนางก็มีรอยยิ้มสดใสขึ้นมา
“ที่แท้ก็แค่แมวนี่เอง วิญญาณของเจ้าค่อนข้างสับสน ข้าสัมผัสถึงแกนกลางเจ้าไม่ได้ ไม่ต้องห่วงนะ ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นร่างวิญญาณ ข้าไม่ทำร้ายเจ้าหรอก มาซิ ตามข้ามา”
จวินอู๋เสียลังเลอีกครู่ ก่อนจะเดินเข้าไปนางอย่างช้าๆ ดวงตาของหนูนรกที่นอนพาดอยู่บนไหล่ของเด็กหญิงเบิกกว้างขึ้นทันทีเมื่อมันเห็นจวินอู๋เสีย สายตาของมันดูสับสนงุนงงเล็กน้อย
มันเคยเจอแมวดำตัวนี้มาก่อน แต่……ดูเหมือนจะแตกต่างไปเล็กน้อย วิญญาณของมันให้ความรู้สึกที่ต่างไปจากเดิม
จวินอู๋เสียเงยหน้าขึ้นมองเด็กหญิงตัวเล็กที่ยิ้มกว้าง ขณะยกอุ้งเท้าออกเดินไปข้างหน้า
นางเดินผ่านประตูหิน แล้วเด็กหญิงคนนั้นก็ปิดประตูพร้อมด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า
ตอนที่ 1352 ทัวร์หนึ่งวันในสุสาน (6)
หลังจากผ่านประตูหินไปก็มีทางเดินกว้าง เทียบกับทางเดินที่มีเสาหินที่นางเดินผ่านมาก่อนหน้านี้ ทางเดินนี้สว่างกว่าและสะอาดกว่ามาก จากผนังไปจนถึงพื้น ก่อด้วยอิฐสีขาวทั้งหมด จวินอู๋เสียไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่าวัสดุที่ใช้ทำอิฐคืออะไร แต่อย่างน้อยนางก็แยกความแตกต่างได้ว่า พวกมันไม่ใช่สิ่งที่มีอยู่ในอาณาจักรล่าง
เด็กหญิงคนนั้นดูเหมือนจะไม่คิดเป็นศัตรูกับเจ้าแมวดำที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกระทันหัน นางเดินไปข้างๆเจ้าแมวดำขณะที่ถือถังน้ำไว้ในมือ
“เจ้าแยกตัวออกมาจากเจ้านายเหรอ? รู้ไหมว่าพวกเจ้าไม่ควรมาที่นี่น่ะ? เอาเถอะ ข้าเห็นว่าวิญญาณของเจ้าไม่ได้อยู่ในสภาพที่มั่นคง ได้รับบาดเจ็บสาหัสมาเหรอ?” เด็กหญิงถามเจ้าแมวดำด้วยสีหน้าที่ค่อนข้างเป็นกังวล
จวินอู๋เสียหยุดเดินและมองไปที่เด็กหญิงอย่างระแวง
ตัวแมวดำนั้นเป็นร่างวิญญาณ เด็กหญิงคนนั้นจึงมองว่านางเป็นภูติประจำตัว
แต่……
เด็กคนนั้นเจอนางได้อย่างไร?
เด็กหญิงดูเหมือนจะเข้าใจคำถามที่ไม่ได้พูดออกมาของจวินอู๋เสีย นางลงนั่งยองๆมองจวินอู๋เสียอย่างยิ้มแย้ม
“อยากรู้เหรอว่าข้าเจอเจ้าได้ยังไง?”
จวินอู๋เสียพยักหน้า
เด็กหญิงหัวเราะเบาๆและชี้ไปที่จมูกของตัวเองพลางพูดว่า “เพราะข้าคือคนเผ่าวิญญาณไงล่ะ คนเผ่าวิญญาณจะมีประสาทสัมผัสที่ไวต่อวิญญาณมากที่สุด ข้ายังสัมผัสได้ด้วยนะว่าวิญญาณของเจ้าในตอนนี้ค่อนข้างสับสน ข้าเห็นว่าเจ้าไม่มีพลังที่แข็งแกร่ง ถึงได้ยอมให้เจ้าตามข้ามาได้ เจ้าก็เหมือนเจ้าจี๊ด ไม่มีพิษมีภัย ถ้าเจ้าเป็นพวกคนเลวที่เป็นอันตรายล่ะก็ ข้าก็คงไม่ดีกับเจ้าแบบนี้หรอก รู้ไหม?”
เด็กหญิงพูดช้ามาก สิ่งที่นางตั้งใจจะพูดออกมาก็ค่อนข้างสับสน
จวินอู๋เสียรู้สึกว่าเด็กหญิงคนนี้ต้องถูกตัดขาดจากโลกภายนอกมานานเกินไป ความสามารถในการแสดงออกของนางเกือบจะใกล้เคียงกับที่จวินอู๋เสียเป็นในตอนแรกๆ แต่ความแตกต่างระหว่างพวกเขาก็คือ เด็กหญิงคนนี้ไม่ได้ปิดปากเงียบหรือไม่เต็มใจพูด ตรงกันข้าม ดูเหมือนนางจะชอบพูดเอามากๆ
ขนาดแค่เรื่องที่ว่านางรู้เรื่องร่างวิญญาณได้ยังไง นางยังพูดได้มากมายขนาดนี้
นั่นเป็นจุดที่จวินอู๋เสียยอมรับว่าตัวเองด้อยกว่า……
แต่คำพูดของเด็กหญิงก็ดึงดูดความสนใจของจวินอู๋เสียเหมือนกัน
เผ่าวิญญาณ……
อิงซู่เคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่า หนูนรกจะมีแนวโน้มจับคู่กับคนของเผ่าวิญญาณมากกว่า และดูจากความสัมพันธ์ระหว่างเด็กหญิงคนนี้กับหนูนรกแล้ว ก็เดาตัวตนของนางได้ไม่ยาก
คนของเผ่าวิญญาณเกิดมาพร้อมความชอบวิญญาณ เนื่องจากจวินอู๋เสียและเจ้าแมวดำสลับวิญญาณกัน วิญญาณของพวกเขาจึงสับสนวุ่นวายโดยไม่ได้ตั้งใจ ทำให้เด็กหญิงคิดว่าจวินอู๋เสียเป็นภูติประจำตัวที่ได้รับบาดเจ็บ ไม่มีความสามารถในการโจมตี
นั่นทำให้เด็กหญิงวางใจและลดการระวังลง
แทนที่จะพูดว่าเด็กหญิงคนนี้ประมาท ควรจะพูดว่านางแค่มั่นใจเต็มที่มากกว่า
จวินอู๋เสียไม่คิดว่าเด็กหญิงที่สามารถเปิดประตูหินได้จะเป็นคนอ่อนแอปกป้องตัวเองไม่ได้ ยิ่งกว่านั้น การจะได้รับเลือกให้อยู่ที่สุสานจักรพรรดิแห่งความมืด นางต้องได้รับคัดเลือกมาอย่างดีจากคนของราชอาณาจักรแห่งความมืด นอกจากนั้น ถ้าเด็กหญิงมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่สร้างสุสานจักรพรรดิแห่งความมืด เช่นนั้น……นางก็มีอายุไม่ต่ำกว่าพันปีแล้ว!
“แต่ข้าเกรงว่าเจ้านายของเจ้าคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน แต่ก็ไม่เป็นไรเนอะ! ถึงเจ้านายเจ้าตายไป เจ้าก็สามารถกลับไปที่โลกวิญญาณและรอเจ้านายใหม่ก็ได้” เด็กหญิงพูดอย่างไร้เดียงสา นางพูดเรื่องความเป็นความตายเหมือนมันเป็นเรื่องง่ายๆสบายๆ
จากนั้นเด็กหญิงก็ลุกขึ้นยืนและเปิดประตูหินอีกบานตามทางเดินพร้อมกับถือถังน้ำไว้ในมือ ภาพที่เห็นด้านหลังประตูหินบานนั้นเหมือนกับที่จวินอู๋เสียเห็นในห้องโถงห้องที่แล้ว มีสมบัติมากมายนับไม่ถ้วนกองอยู่เต็มพื้น
ตอนที่ 1353 ทัวร์หนึ่งวันในสุสาน (7)
ครั้งนี้จวินอู๋เสียได้เห็นด้วยตาตัวเองว่าความสามารถในการเก็บของของหนูนรกนั้นยอดเยี่ยมขนาดไหน สมบัติทั้งห้องถูกหนูนรกกลืนเข้าไปจนหมดเกลี้ยงในเวลา 10 นาที
เมื่อห้องว่างแล้ว เด็กหญิงก็ถือถังน้ำเข้าไปทำความสะอาด ทำทุกอย่างซ้ำแบบที่นางทำในห้องก่อนหน้านี้
แต่ครั้งนี้เด็กหญิงมี “เจ้าแมวดำตัวน้อย” อยู่ข้างๆด้วย
จวินอู๋เสียแค่นั่งมองเด็กหญิงยุ่งกับงานอยู่เงียบๆ นางตั้งใจจะเข้าไปในสุสานจักรพรรดิแห่งความมืดให้ไกลขึ้นเพื่อทำความเข้าใจว่าสถานการณ์ข้างในเป็นอย่างไร แต่ตอนนี้นางโดนเด็กหญิงที่อ้างว่าเป็นคนของเผ่าวิญญาณเจอตัวเข้าแล้ว แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่คิดทำร้ายนาง แต่จวินอู๋เสียก็ไม่อยากไปคว่ำข้อสันนิษฐานของนาง จึงเล่นไปตามน้ำขณะที่คอยเฝ้าสังเกตความลับในสุสานจักรพรรดิแห่งความมืดอยู่ข้างๆเด็กหญิง
สุสานจักรพรรดิแห่งความมืดมีขนาดใหญ่มากจนน่าตกใจ ต่อจากทางเดินเสาหินก็คือห้องโถงใหญ่ห้องแล้วห้องเล่าที่เต็มไปด้วยสมบัติมากมายไม่รู้จบ หลังจากผ่านห้องโถงก็เป็นทางเดินยาวอีกทางหนึ่ง และตามทางเดินก็มีห้องโถงใหญ่อื่นๆอีกหลายสิบห้องที่เต็มไปด้วยสมบัติมากมาย
เด็กหญิงเดินไปทำความสะอาดทุกห้องอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ทำงานสุดน่าเบื่อเดิมๆซ้ำแล้วซ้ำเล่า
บางครั้งนางก็ฮัมเพลง บางครั้งก็พูดคุยกับหนูนรก และยังมีบางครั้งที่นางพยายามจะเล่าเรื่องต่างๆให้เจ้าแมวดำที่นางเพิ่ง “เก็บมา” ฟัง
น่าเสียดายที่ไม่นานเด็กหญิงก็พบว่า นิสัยของภูติแมวดำตัวนั้นเงียบซะยิ่งกว่าหนูนรกอีก ไม่ว่านางจะพูดอะไร เจ้าแมวดำก็นิ่งฟังเงียบๆ ไม่ตอบสนองอะไรเลย
หลังจากผ่านไปหลายชั่วโมง ในที่สุดเด็กหญิงก็ทำความสะอาดห้องโถงทั้งหมดที่เชื่อมกับทางเดินนี้เสร็จ นางถึงได้ยอมพักซะที เด็กหญิงนั่งลงบนภูเขาทองคำหน้าตาเฉย ราวกับสิ่งที่นางนั่งทับอยู่นั้นไม่ต่างจากก้อนกรวดธรรมดาทั่วไป
พอว่างแล้ว ความสนใจของเด็กหญิงก็ถูกดึงกลับมาที่จวินอู๋เสีย
“เจ้ามาจากข้างนอกนี่ งั้นตอนนี้ข้างนอกเป็นยังไงบ้าง? ดอกไม้ยังบานอยู่รึเปล่า? ข้าไม่ได้ออกจากที่นี่มานานมากแล้ว ไม่รู้แล้วว่าโลกภายนอกเป็นยังไง” เด็กหญิงพูดพึมพำกับตัวเอง แต่ดูเหมือนว่านางกำลังคุยกับจวินอู๋เสีย
“ข้าออกไปข้างนอกคราวที่แล้ว ก็เพราะพาคนออกไป แต่……ถ้าพี่ชายรู้เข้า เขาจะต้องโกรธอีกแน่” เด็กหญิงพูดพลางแลบลิ้นออกมา ดูเขินอายเล็กน้อย “แต่นั่นเป็นคนดีใช่ไหมล่ะ? เขาไม่มีกำลังต่อต้านแล้ว”
คำบ่นเรื่อยเปื่อยที่สับสนของนางทำให้คำพูดของนางฟังดูแปลกๆ
แต่จวินอู๋เสียก็เข้าใจ
ถ้านางเดาไม่ผิด “คนดี” ที่เด็กหญิงพูดถึงก็น่าจะเป็นเหวินหยู
ดูท่าทางแล้ว เหวินหยูคงถูกพาออกมาจากผาสุดสวรรค์โดยเด็กผู้หญิงที่ใสซื่อคนนี้ หยกกล่อมวิญญาณก็น่าจะเป็นสิ่งที่หนูนรกคายออกมาจากปากมัน
แต่……
ในฐานะผู้พิทักษ์สุสานจักรพรรดิแห่งความมืด การมีนิสัยที่อ่อนโยนและใสซื่อเช่นนี้เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมแล้วจริงๆหรือ?
จวินอู๋เสียมองเด็กหญิงผู้ใสซื่อบริสุทธิ์และเป็นธรรมชาติ นางไม่คิดว่านิสัยของเด็กหญิงคนนี้จะทำให้นางเป็นผู้พิทักษ์สุสานที่ดี แต่นางก็สังเกตเห็นว่าเด็กหญิงได้พูดถึง “พี่ชาย”
เป็นไปได้ไหมว่า ในสุสานจักรพรรดิแห่งความมืดนี้ เด็กหญิงไม่ได้อยู่ที่นี่คนเดียว
พี่ชายของนางก็อาจจะอยู่ที่นี่ด้วย!
พอคิดได้เช่นนั้น จวินอู๋เสียก็ยกอุ้งเท้าหน้าขึ้นมาแตะที่เข่าของเด็กหญิงเบาๆ
นี่เป็นครั้งแรกที่เด็กหญิงได้รับการตอบสนองจากเจ้าแมวดำ แม้ว่ามันจะเป็นแค่สัมผัสเบาๆ แต่มันก็เพียงพอจะทำให้นางยิ้มออกมาอย่างสดใส แต่หน้ากากโลหะครึ่งหน้าที่นางสวมอยู่นั้นปกปิดรอยยิ้มที่จริงใจและไร้เดียงสาของนางไปตั้งครึ่ง
ตอนที่ 1354 ทัวร์หนึ่งวันในสุสาน (8)
“เจ้าไม่ต้องกลัว พี่ชายข้าไม่ทำร้ายวิญญาณหรอก” เด็กหญิงคิดว่าเจ้าแมวดำกลัว จึงรีบปลอบมัน
จวินอู๋เสียหันไปมองรอบๆ เหมือนจะถามเด็กหญิงว่า พี่ชายของนางอยู่ที่ไหน
รอยยิ้มของเด็กหญิงชะงักไป มีความโดดเดี่ยวแฝงอยู่ในแววตาของนาง
“ข้ามองไม่เห็นเขาหรอก เขาเองก็มองไม่เห็นข้า แต่ข้ารู้ว่าเขาอยู่ที่นี่……พี่ชายอยู่กับข้าเสมอ แม้ว่าเราจะคุยกันไม่ได้ แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก”
จวินอู๋เสียไม่เข้าใจสิ่งนางได้ยินเลย
“ไม่เป็นไรจริงๆ ข้ามีเจ้าจี๊ดอยู่กับข้านี่ และยังมีวิญญาณอื่นๆมาบ่อยๆด้วย แต่เจ้านายของพวกมันถูกพี่ชายฆ่าหมด พวกมันเลยอยู่ที่นี่ได้ไม่นาน แม้ว่าข้าจะอยากให้พวกมันอยู่คุยด้วย” เด็กหญิงกัดริมฝีปาก ทันใดนั้นนางก็เงยหน้าขึ้นมองเจ้าแมวดำ
“ข้าหวังว่าเจ้านายของเจ้าจะไม่เข้ามาใกล้ที่นี่ ถ้าเขาบุกรุกเข้ามา เขาจะต้องตายแน่ๆ” ตอนที่พูด สายตาของนางดูจริงจังมาก
“แล้วพอเขาตาย เจ้าก็ต้องกลับไปที่โลกวิญญาณ……” คำพูดของเด็กหญิงเปลี่ยนไปทันที สายตาของนางดูโดดเดี่ยวอีกครั้ง
“…………” จวินอู๋เสียพบว่านางเริ่มเข้าใจแล้ว เด็กหญิงถูกปิดอยู่ในนี้มานานเกินไป เรื่องเล็กๆน้อยๆทุกอย่าง นางจึงสามารถพูดคุยเกี่ยวกับมันได้มากมาย
นี่อาจเป็นผลพวงจากการปิดปากมานานเกินไป และดูจากวิธีพูดที่ไม่ปะติดปะต่อของเด็กหญิง จวินอู๋เสียก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเห็นใจนางอย่างมาก
ไม่ใช่เรื่องยากที่จะอนุมานจากคำพูดของเด็กหญิงว่าพี่ชายของนางคือผู้พิทักษ์ที่แท้จริงของสุสานจักรพรรดิแห่งความมืด แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมนางถึงมาอยู่ที่นี่ด้วย
เพราะเป็นพี่น้องที่สนิทกันมากหรือ?
แต่ทำไมพี่น้องถึงเจอกันไม่ได้?
จวินอู๋เสียไม่สามารถหาข้อสรุปได้
ในขณะที่เด็กหญิง “บ่นไปเรื่อย” กับเจ้าแมวดำ ทันใดนั้นก็เกิดเสียงดังก้องสั่นสะเทือนไปทั้งห้องโถงที่พวกเขาอยู่!
สมบัติทั้งหมดที่กองอยู่ในห้องโถงสั่นสะเทือนด้วยเสียงกัมปนาทรุนแรง เกิดเสียงดังกรุ๊งกริ๊งไปทั่ว
ทันใดนั้น!
เสียงระเบิดดังก้องมาจากที่ไหนสักแห่งไม่ไกลจากพวกเขา
เด็กหญิงที่นั่งอยู่ลุกพรวดขึ้นทันที นางพยายามยืนให้มั่นคงบนพื้นที่สั่นสะเทือนอย่างหนัก!
“มีคนโจมตี……ศัตรู……พวกคนเลว……” เด็กหญิงมีสีหน้าตกใจ
ความประหลาดใจแวบผ่านดวงตาของจวินอู๋เสีย แต่นางไม่คิดว่าความโกลาหลวุ่นวายนี้จะมาจากศัตรู ถ้าสิ่งที่นางคิดถูกต้องล่ะก็ มีเพียงคนเดียวที่สามารถสร้างความปั่นป่วนครั้งใหญ่ในสุสานจักรพรรดิแห่งความมืดได้
ขณะที่จวินอู๋เสียกำลังคิดว่านางควรจะฉวยโอกาสนี้หนีไปดีรึเปล่านั้น ก็เกิดภาพที่น่าตกใจขึ้นตรงหน้านาง!
ร่างของเด็กหญิงตัวเล็กถูกห่อหุ้มด้วยหมอกสีดำทั้งตัว เสียงโลหะแตกดังขึ้นจากบริเวณใบหน้าของนาง หน้ากากโลหะที่ปิดใบหน้าด้านซ้ายของเด็กหญิงแตกเป็นเสี่ยงๆ ชิ้นส่วนที่แตกไม่ได้หล่นลงพื้น แต่กลับไปรวมตัวใหม่ด้วยความเร็วที่น่าทึ่งตรงใบหน้าด้านขวาของเด็กหญิง!
สิ่งที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่าก็คือ ใบหน้าครึ่งหนึ่งที่เผยให้เห็นนั้น ไม่ได้มีความอ่อนโยนนุ่มนวลของเด็กหญิงคนนั้นอีกต่อไป มันเป็นใบหน้าที่เหมือนกันทุกประการ แต่กลับรู้สึกแตกต่างอย่างสิ้นเชิง เป็นสีหน้าท่าทางที่คมกริบดุดันของชายหนุ่ม!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น