Black Tech Internet Cafe System 277-283

ตอนที่ 277

 

“หืม? แม้แต่พวกโจรก็ยังสร้างเงาแห่งจิตวิญญาณ” ฟางฉีอุทานขณะบิน “พวกเขานี่ช่างเป็นโจรระดับสูงจริงๆ”


 


“พวกเขามาที่นี่เพิ่งปล้นเจ้า!” หลิวหนิงหยุนจ้องหน้าฟางฉี “เจ้าพาท่านผู้บังคัยมาด้วย และท่ายทำให้พวกมันตกใจ!”


 


ยิ่งพูดก็ยิ่งอายเธอพบว่าฟางฉีมีความแข็งแกร่งห่างกับเธออยู่มาก เธอแอบลังเลที่จะคุยกับเขาเล็กน้อย


 


ฟางฉีหยักไหล่ “เจ้าต่อว่าข้าได้ตรงไปตรงมามาก เอาจริงข้าจะทิ้งเจ้าไว้ที่นี้แหละหนีไปคนเดียว!”


 


“ได้ไง!”


 


“ร้ายกาจ!” สาวกของกลุ่มหนานหัวสบถทันที


 


“ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาสามารถพูดคุยเกี่ยวกับการหลบหนีได้หน้าตาเฉยเช่นนี้!”


 


ฟางฉีกลอกตา “ทำไมคนในกลุ่มเจ้าช่างบ่นเป็นคนแก่ชวนน่าเบื่อ!”


 


“เจ้าพูดอะไร!?”


 


“เจ้าต้องการกระตุ้นเราหรือ?”


 


“…”


 


พวกเขาพ้นออกจากกองโจรได้ ขณะเดินทางมายังร้านพวกเขาแอบทะเลาะกันไปมา ฟางฉีไม่ได้สนใจมันเท่าไรนัก เขาเลือกที่จะเมินและพาพวกเขาไปถึงร้านไวๆ


 


ถนนดูสะอาดสะอ้านทางเดินปูด้วยหินสีขาวตัดกับการตกแต่งร้านที่ดูประณีตมีการออกแบบที่ดูแตกต่างซึ่งสร้างความประทับใจแก่ผู้พบเห็รและเหล่าสาวกจากสองกลุ่มที่ไม่เคยมาเยื่อนที่นี่มาก่อน


 


“ผู้คนไม่ได้รับอนุญาตให้บินเหนือท้องฟ้าใช่มั้ย?” สาสกคนหนึ่งเอ่ยถามอย่างสงสัย


 


“ข้าไม่รู้” ฟางฉีตอบ “ข้าพร้อมจะสู้กับใครก็ตามที่พยายามหยุดข้า!”


 


สาวกหลายคนสะอึกเล็กน้อย


 


หวังปู่เต๋าที่ยืนอยู่ข้างหลังทำหน้านิ่ง เขาคิดในใจว่าคงไม่มีใครกล้าจะหยุดเขาแน่นอนหลังจากที่ได้รู้ข่าวว่าเจ้าเด็กคนนี้ทำลายคนจากตระกูลฉินฮงหลินอย่างราบคาบ


 


“ไงท่าน!”


 


“สวัสดีท่านหัวหน้าสมาคม!”


 


เมื่อเดินเข้ามาในร้านเหล่าสมาิกก็เอ่ยทักทายทำให้บรรกาศเป็นมิตรและดูไม่เกร็ง


 


สาวกจากกลุ่มหนานหัวรู้สึกประหลาดใจ เนื่องด้วยพวกเขาไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน “ศิษย์พี่ลี่ในนี้มันใหญ่มาก!”


 


“หืม .. ข้อตกลงของที่นี่แปลกมา!”


 


“มันเป็นเหมือนอีกโลก!” มีคนกำลังตะลึงงัน


 


ซูโมที่ยืนอยู่ลังเคาน์เตอร์ประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นกลุ่มคนข้างหลังฟางฉี “หัวหน้า ..”


 


“โอ้!” ฟางฉีแตะที่หัวโมน้อย “ข้าลืมแนะนำพวกเขา พวกเขาเป็นเพื่อนใหม่ ข้าเจอพวกเขาตอนที่เดินทางออกจากเมือง!”


 


ซูจิพึมพำ “ไม่อยากจะเชื่อ!”


 


“แม้แต่ปีศาจเก่ายังมีเพื่อน ..” รวนหนิงพูดเบาๆ


 


“ช่างเป็นมิตรภาพที่ดี .. อย่างไม่น่าเชื่อ”


 


พวกเธอลุกขึ้นจากที่นั่งทันทีโดยเฉพาะรวนหนิงที่รีบลุกอย่างไวพร้อมเดินไปหยิบถ้วยบะหมี่พลางพูดว่า “หญิงสาวคนที่อยู่ข้างหน้านั้นสวยมาก ..”


 


ซูเหยาพูดว่า “นั่นสิ เธอดูดี ..”


 


ซียื้อหันมอง “เขาหลอกล่อเธอจากที่ไหนสักแห่งแน่ .. ข้ารู้สึกเหมือนเคยเห็นนางมาก่อนที่ไหนสักแห่ง”


 


ดวงตาที่สวยงามคู่หนึ่งกำลังจ้องมองฟางฉีด้วยสายตาอันเยือกเย็น “ใครเพื่อนเจ้า .. หลงตัวเอง!”


 


ฟางฉีหันไปจองเธอและพูดใหม่อีกครั้ง “ขออภัย ข้าจะแนะนำใหม่อีกครั้ง เธอคนนี้ไม่ใช่เพื่อนข้าเธอมากับข้าด้วยเหตุผลที่ว่าเธอพ่ายแพ้การประลอง!”


 


หลิวหนิงหยุนทำหน้านิ่ง เธอเกือบจะสติแตกด้วยความโกรธ!


 


“…”


 


คนอื่นมองโลกในแง่ดี .. มาเป็นเพื่อนกันเถอะ


 


ขณะเดียวกันหวังปู่เต๋าผู้มีท่าทางมีน้ำใจ ประสบการณ์สอนให้เขาทำสิ่งต่างๆ ได้ง่ายและราบรื่นมากขึ้น “เราจะไม่รู้จักกันเลยหากไม่มีการต่อสู้ในครั้งนั้นฟางฉีมีทักษะที่ดี โอ้! ร้านเจ้าคนเยอะเหลือเกิน ..”


 


เขารีบเปลี่ยนตัวข้อทันที


 


รวนหนิงรู้สึกไม่พอใจนักที่เธอต้องมาคอยจัดการร้านแทนฟางฉีจนทำให้เธอแทบไม่มีเวลาไปจัดการกับร้านของตัวเอง เธอเดินไปหาหลิวหนิงหยุนและแอบกระซิบว่า “อย่าโกรธเลย ปีศาจเก่าก็นิสัยแย่แบบนี้แหละ ..”


 


เธอพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ฟางฉีถูกคนอื่นๆ มองในแง่ลบ!


 


“เอ่อ ..” ก่อนที่เธอจะพูดอะไรไปมากกว่านี้เธอหันไปเจอสายตาาพิฆาต


 


“ฉันพูดผิด เขาช่างหล่อและรวยมาก!” เธอกลับคำพูดทันที


 


หลิวหนิงหยุนสูดดมและได้กลิ่นหอมหวล หลังจากไล่ล่ามาทั้งวันและต่อสู้อันหนักหน่วงกับฟางฉีตอนนี้เธอรู้สึกเหนื่อยล้าและหิวอย่างมาก กลิ่นอาหารชวนให้ท้องร้อง


 


เธอมองไปที่หญิงสาวที่แต่งตัวด้วยชุดสีแดงพลางเอ่ยถาม “มีอะไรอยู่ในถ้วยนั่นน่ะ? กลิ่นหอมมาก!”


 


สาวกคนอื่นของกลถ่มหนานหัวต่างหันไปจ้องมองถ้วยบะหมี่เช่นกัน


 


“นี่เป็นร้านของข้าซึ่งมีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปสูตรพิเศษขาย” ฟางฉีเชิญชวน “เจ้าต้องการสักชามมั้ยละนางฟ้าแห่งหนานหัว?”


 


“นางฟ้าแห่งหนานหัว?” ปผู้คนในร้านเอียงคอมองเธอด้วยความประหลาดใจในฉายา


 


“เธอเป็นอัจฉริยะที่ยอดเยี่ยมแห่งหนานหัวใช่มั้ย?”


 


“ได้ยินมาว่าเธอสามารถทำความเข้าใจในแสงสวรรค์ของหนานหัวตั้งแต่วัยเยาว์และไม่มีใครเทียบเทียมได้! ”


 


“ตัวจริงเธอช่างสวยและสง่างามจริงๆ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอจะมาเยือนยังเมืองครึ่งของเรา!”


 


พวกเขาต่างรุมมองเธอราวกับว่าเธอเป็นของหายาก!


 


หลิวหนิงหยุนนั่งอยู่บนโซฟาพึมพำ “เพียงแค่ได้ยินชื่อก็คิดตามสิ่งที่ได้ยินแล้วหรอ ..”


 


แต่ก่อนอื่นใดฝั่งหวังปู่เต๋านั้นเดินกลับมาพร้อมกับถ้วยบะหมี่ “ข้าไม่เคยลองชิมอะไรที่อร่อยแบบนี้มาก่อนเลย ช่างเป็นอาหารจานเด็ดจริงๆ”


 


ทันใดนั้นความประหลาดใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหวังปู่เต๋า “หืม .. บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป!”


 


“อะไรหรอ? ท่านผู้บังคับบัญชา” หลิวหนิงหยุนขมวดคิ้วเมืองเห็นหน้าเขา “มันไม่ดีหรือ?”


 


“ไม่!” หวังปู่เต๋าอุทาน “ไม่น่าเชื่อบะหมี่ถ้วยนี้ช่วยชำระพลังงานทางจิตวิญญาณของข้า เหลือเชื่อจริงๆ”


 


“อะไรนะ!?” สาวกจากหนานหัวลุกขึ้นจากที่นั่งทันที


 


“ข้าจะกินบะหมี่!” นางฟ้าหนานหัวตะโกนขึ้น


 


“ซู้ดดดดด! หืมมันอร่อยมาก!”


 


สิบนาทีต่อมาเธอเดินมาพร้อมถ้วยในมือ “นี่ท่าน! ข้าขออีกชาม!”


 


ฟางฉีมองหน้าเธอ เธอเขินหน้าแดง


 


“ลูกค้าแต่ละคนสามารถกินได้เพียงวันละถ้วยเท่านั้น” ฟางฉีตอบกลับ


 


ขณะเดียวกันชายชราผมขาวคนหนึ่งนั่งลงพร้อมถ้วยบะหมี่


 


หวังปู่เต๋ามองเขาขึ้นๆ ลงๆ “นั่นท่านคือศิษย์พี่โม!”


 


โมเทียนชิงเงยหน้า “อ้าว! ผู้บังคับบัญชาหวังปู่!”


 


“ดีใจที่ได้พบเจ้าที่นี่!”


 


“ศิษย์พี่โมท่านเป็นลูกค้าประจำที่นี่หรือ?” หวังปู่เต๋าเอ่ยถามไถ่


 


โมเทียนชิงทำหน้าเขิยอาย “พี่อาวุโสยูคังชานลากข้ามาที่นี่เพื่อเล่นเกมเจ้ากระบี่ขั้นเทพ เขาเพิ่งหัดเล่นและพวกเราเพิ่งเข้าร่วมสมาคม .. แล้วเจ้าละมาที่นี่เพื่อเล่นเกมเจ้ากระบี่ขั้นเทพหรือ!?”

 

 

 


ตอนที่ 278

 

“เจ้ากระบี่ขั้นเทพ?” ผู้มาเยี่ยมเยือนร้านทำหน้าสับสน “ไม่!”


 


ท้องของหวังปู่เต๋ายังคงไม่พอใจเขาจึงเลือกที่จะซื้อขนมเผ็ดและโค้กขวดหนึ่งต่อจากอาหารหลัก เขาพูดพลางยื่นมือไปรับของว่าง “ข้ามาที่นี่เพราะข้าได้ยินว่าร้านของฟางฉีมีเทคนิคการควบคุมดาบ!”


 


“เทคนิคการควบคุมดาย?” โมเทียนซิงกล่าวซ้ำขณะซู้ดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป “สาวน้อยรวนหนิงเล่าให้ข้าฟังเมื่อวันก่อน แต่ข้ากำลังยุ่งอยู่กับการเก็บเกี่ยวค่าประสบการณ์ในเกมเลยไม่ได้สนใจมันอย่างลึกซึ้ง ทำไมหรือ? มันมีพลังมากหรือเปล่า?”


 


“แน่นอน!” หวังปู่เต๋ายังคงเขินเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนวานที่ผ่านมา เขาเป็นถึงปรมาจารย์ผู้ปลูกฝังมาหลายร้อนปี แต่กลับไล่ตามเจ้าของร้านไม่ทันจนเสียเวลาและกำลังแรงร่วมหนึ่งคืน หากเล่าให้ใครฟังแล้วต้องไม่มีใครเชื่อแน่ๆ


 


เขาต้องได้เรียนรู้เทคนิคการควบคุมดาบซึ่งมันจะมีประโยชน์ต่อเขามาก ไม่ว่าจะถูกตามล่าหรือไล่ล่าหากได้เทคนิคแบบนี้มาแล้วมันต้องรู้สึกภูมิใจมากแน่!


 


สำหรับเวทย์มนตร์ที่มีพลังควบคุมสายฟ้าจากดาบของพระเจ้าได้ยินมาว่ามันสามารถเรียนรู้ได้จากที่นี่เช่นกันและแน่นอนเขาก็อยากได้เทคนิคนี้ด้วย


 


“เล่นเกมเจ้ากระบี่ขั้นเทพหรือไม่?” หวังปู่เต๋าถาม “เทคนิคในเจ้ากระบี่ขั้นเทพนั้นดีกว่าเทคนนิคการควบคุมดาบหรือ?”


 


“ข้าก็ไม่แน่ใจ เจ้าต้องถามสาวน้อยรวนหนิงคนนั้น” โมเทียนชิงส่ายตัวของเขาและโยนคำถามให้แก่รวนหนิง


 


หวังปู่เต๋าและคนอื่นๆ หันมองรวนหนิงด้วยความสงสัย


 


“ก็ไม่ทั้งหมด!” รวนหนิงกล่าว “ตอนข้าดูเรื่องกระบี่เทพสังหารไปสองสามตอนข้าก็พบว่าคาถาทางจิตวิญญาณนั้นมีพลังมากแต่ปัญหาคือ ..”


 


เธอทำคิ้วขมวด “ข้าไม่สามารถเรียนรู้ได้ในเวลาอันสั้น! เทคนิคการควบคุมดาบนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเรียนรู้เช่นกัน! ข้าคิดเรื่องนี่มาเป็นเวลาหนึ่งคืนแต่ก็ยังไม่เข้าใจ มันมีวิธีการเรียนรู้ที่แตกต่างจากการควบคุมสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณซึ่งข้าคิดว่าคงต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งในการศึกษา!”


 


โมเทียนซิงพยักหน้าและพูดว่า “นั่นเป็นเรื่องจริง ข้าสามารถเรียนรู้คาถาจิตวิญญาณในเจ้ากระบี่ขั้นเทพได้อย่างรวดเร็วและทรงพลัง เพราะข้าใช้เวลากับมันซึ่งมันก็ดีสำหรับการต่อสู้”


 


“ดังนั้นความแตกต่างคือ ..” คนอื่นๆ เริ่มมีความคิดเห็นกับที่นี่มากขึ้น


 


“ข้าต้องไปแล้ว!” โมเทียนซิงปรุงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเสร็จพอดี “ข้าต้องรีบไปเก็บไอเทมและประสบการณ์ต่อก่อน”


 


“…”


 


ในไม่ช้าหวังปู่เต๋ากับผู้ฝึกฝนกลุ่มมังกรดำของเขาและหลิวหนิงหยุนพร้อมด้วยผู้ฝึกฝนจากหนานหัวก็ได้เริ่มแตะคอมพิวเตอร์เพื่อค้นหาประสบการณ์ตามคำแนะนำของฟางฉี


 


“เอาละ! อย่าหาว่าข้าไม่ดูและพวกท่าน ทำตามคำแนะนำของข้าปลูกผักก่อนหลังจากนั้นพวกท่านจะดูหนังหรือเล่นเกมก็ตามใจ แต่อย่าลืมกลับมาเก็บผักด้วยละ ..”


 


ภายใต้การแนะนำของฟางฉีพวกเขาเริ่มทำตามคำแนะนำตั้งแต่ปลูกผักตามขั้นตอนยาวไปถึงดูหนัง .. จากนั้นพวกเขาพบว่าเจ้าของร้านพูดคุยเกี่ยวกับเนื้อเรื่องทั้งในละครและเกมกับพวกเขา


 


อ่อที่ขาดไม่ได้เลย .. แน่นอนว่าฟางฉียังคงขโมยผักของพวกเขาเหมือนกับที่เขาทำกับคนอื่น


 



 


ขณะเดียวกัน​ ณ หุบเขามรณะในเม้งชงของเกมเจ้ากระบี่ขั้นเทพ หุบเขาแห่งนี้เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่ผู้เล่น


 


ตามตำนานกล่าวว่านี่คืออุโมงค์ใต้ดินที่นำไปสู่หุบเขาไวเปอร์ที่นี่เต็มไปด้วยสัตว์เลื้อยคลานเช่นหนาน ตะขาบ ผู้คนที่เข้ามามักตกเป็นเหยื่อโดยไม่ตั้งใจ


 


วังจินเข้าถ้ำมาพร้อมกับคนกลุ่มใหญ่ “ท่านหัวหน้า! ข้าเคยเห็นชายคนนี้หลายครั้งแล้ว เขาน่าจะมีนามว่าซงซึ่งชายคนนี้น่าจะเป็นหัวขโมยที่ขโมยผักของท่าน!”


 


พวกเขาเห็นนักรบบางคนกำลังจัดการกับตะขาบอยู่ตรงหน้า พวกเขาจึงลองคลิ้กที่ตัวละครจึงพบว่าหนึ่งในนักรบนั้นมีนามว่า ‘อาจารย์น้อยซง’


 



 


ช่องพูดคุยของสำนักหลิงหยวนใน QQ


 


หลายคนร่วมตัวกันในห้องย่อยเล็กที่มีหัวชื่อว่า ลงโทษเจ้าของร้าน!


 


ซงฉิงเฟิงที่กำลังฆ่าตะขาบด้วยความเบื่อหันไปถาม “ศิษย์พี่ซูท่านเห็นเขาบางมั้ย?”


 


เขาควรจะเรียกเธอป้า แต่ทุกคนที่เรียกเธอว่าป้าจะถูกทุบตีอย่างไม่คณามือ


 


ซูเทียนจิตอบกลับว่า “ข้าจะส่งข้อความไปถามเจ้าเซียวก่อน!”


 


นาหลันหมิงสือกล่าวว่า “มีคนบอกว่าเจ้าของร้านได้ออกไปข้างนอกเมื่อวานก่อนและคาดว่าวันนี้เขาน่าจะกลับมาเล่น”


 


ใบลังเสริมว่า “ข้าค้นหาเขาในเมืองแต่ก็ยังไม่พบ”


 


ขณะเดียวกันซงฉิงเฟิงเห็นสายฟ้าสีน้ำเงินพุ่งเข้ามาทางเขา1 ก่อนที่เขาจะตอบสนองกลับด้วยสายฟ้า


 


ซงฉิงเฟิงที่โดนสายฟ้าถึงสองครึ่งนั่นส่งผลให้เลือดของเขาลดลงในทันตา เขาล้มลงเนื่องจากถูกตะขาบกัดอีกครั้ง!


 


“บ้าเอ้ย! ข้าถูกโจมตี” ซงฉิงเฟิงโวยวายใส่ QQ พลางเติมเลือด


 


“ตรงไหน!?” ผู้เล่นรวมตัวกันใน QQ  ทุกคนดูกระตือรือร้นที่จะเอาชนะเจ้าของร้านอย่างเต็มที่


 


“พวกเราหลายคนอยู่ด้วยกันไหนดูสิ ใครจะกล้ายุ่งกับพวกเรา?”


 


“เราอยุ่ในหุบเขามรณะ!” หลินเซียวตะโกน


 


ซูเทียนจิถามว่า “มีกี่คน? ข้าอยู่ไม่ไกลจากพวกเจ้า!”


 


นาหลันหมิงสื่อเสริมทัพ “เราจะบินไปทันที”


 


ซีฉีกล่าวว่า “พี่ซงรอสักครู่นะ!”


 


“บ้าเอ้ย! พวกเขามีมากกว่าสิบคน” ซงฉิงเฟิงตะโกน


 


“ไปกันเถอะ!” พวกเขาบางคนเริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายเพราะในแต่ละวันมีแต่เล่นเพื่อเก็บค่าประสบการณ์


 


นาหลันหมิงสือตะโกน “มีหลายคนรึ!? งั้นพวกเรามารวมตัวกันที่ทางเข้าหุบเขา!”


 



 


อีกฝั่งหนึ่งช่องพูดคุยของกลุ่มปีศาจดำใน QQ


 


วังจินตะโกน “ท่านหัวหน้า เจ้าคนที่ชื่อซงกำลังหนี!”


 


“ถ่วงเวลามัน!” ปีศาจดำตะโกนกลับ


 


“อ่า!” วังจินตะโกน “พวกเขาหนีไปได้”


 


หลินเซียวนำสกิลเทเลพอร์ตพร้อมสายฟ้าออกมา .. แสงสายฟ้าปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว


 


“มารวมตัวกันที่ทางเข้าของหุบเขามรณะ!” นาหลันหมิงสือตะโกน


 


ในไม่ช้าผู้คนต่างไปรวมตัวกัน “ไปที่ตรงทางแคบๆ ข้างหุบเขา”


 


ไม่กี่นาทีต่อมานักรบประมาณสิบคน นักเวทย์และลัทธิเต๋าต่างจับกลุ่มกันเพื่อรวมตัวกันจัดการกับปีศาจดำ


 


“นั่นพวกเขาอยู่ตรงนั้น ไม่กี่คน!” ซงฉิงเฟิงรีบเขามาสมทบ


 


“ฆ่าชายคนนั้นที่มีชื่อว่า ‘ปู่จิน’” หลินเซียวตะโกน “เขาคนนั้นก็จะฆ่าข้าเหมือนกัน!”


 


“กำแพงไฟ! ใช้กำแพงไฟและยิงลูกไฟออกไป” ซูเทียนจิออกคำสั่ง


 


“นักรบมากับข้า!” นาหลันหมิงสือเอ่ย


 


ทันใดนั้นหุบเขามรณะที่มีบรรยากาศสลัวกลับสว่างไสวไปด้วยเปลวไฟและสายฟ้า!


 


เหล่านักเวทย์เปิดฉากด้วยการโจมตีครั้งแรกและตามด้วยนักรบ!


 



 


อีกฝั่งหนึ่งของปีศาจดำที่ไม่ทันตั้งตัว เขาตะโกนโวยวายในช่องพูดคุย “กลุ่มปีศาจดำของเรา มาที่หุบเขามรณะเดียวนี้ มาฆ่าพวกมันเร็วเข้า! ข้าต้องการกำลังเสริมด่วน!”

 

 

 


ตอนที่ 279

 

ฝั่งปีศาจดำในตอนนี้พวกเขามีลูกสมุนเพียงไม่กี่สิบคนขณะที่ฝั่งคู่ต่อสู้ของเขามีเกือบสามสิบคนโดยวัดจากสายตา พวกเขารีบหยิบเทเลพอร์ตออกมาทันที


 


“อ่า!”


 


เสียงตะโกนดังขึ้นจากการโจมตีดาบแทงเข้าที่แขนทำให้ใบเทเลพอร์ตตกลงพื้นทันที


 


“บ้าเอ้ย!” ปีศาจดำก้มลงกำลังจะเก็บแต่เขาเห็นนักรบหญิงคนหนึ่งปรากฏตัวต่อหน้าเขาใบหน้าของเธอยิ้มเยาะ “เจ้าต้องการเรียกใช้มันหรือ?”


 


แหวนต้านไฟ .. ปีศาจดำใช้แหวนต้านไฟเพื่อป้องกันตัว แต่กลับพบว่ามันไร้ประโยชน์


 


นาหลันหมิงสือจับเขา หลังจากนั้นสายฟ้าก็ผ่าลง!


 


นาหลันหมิงสือตะโกนกลับ “ท่านพี่ซู! ท่านควรจะระวังหน่อยมันเกือบโดนข้าแหน่ะ!”


 


“ข้าดูอยู่น่า!” ซูเทียนจิเปิดฉากด้วยระเบิดลูกไฟ ส่วนลูกสมุนจากกลุ่มปีศาจดำคนหนึ่งที่เหลือเลือดน้อยได้รับลูกหลงเข้าเขาจึงจากไปอย่างสงบด้วยเสียงกรีดร้องอันโหยหวน “อ๊ากกกก!”


 


“นั่นของตกหรือเปล่า?” ซูเทียนจิถาม


 


นาหลันหมิงสือหันมองพบเข้ากับคฆา “ไม้เท้าปีศาจลดระยะร่ายเวทย์ 2-5 อัตราการดรอปของบวก 1”


 


“ข้าไม่เคยเห็นไม้เท้าที่มาก่อนเลย!”


 


“มันมีคุณสมบัติสูงแถมยังเพิ่มอัตราการตกของไอเทม!”


 


อีกด้านหนึ่งซงฉิงเฟิงเองก็ได้กวาดล้างเหล่ากลุ่มปีศาจดำจนหมดสนามรบอย่างรวดเร็ว “เจ้าคิดอย่างไง? เราควรจะอยู่รอพวกเขาให้มาเพิ่มหรือไง?”


 


“กลับเมืองก่อนและตรวจสอบว่าทุกคนกลับไปครบ!” นาหลันหมิงสือเอ่ยห่วงทุกคน “นักเวทย์ที่เคยฆ่าพี่ซูของเราเขาคือหัวหน้ากลุ่มปีศาจดำจากทะเลดวงดาว ข้าเดาว่าถ้ามัวแต่รอพวกเขาต้องมาเพิ่มอีกหลายร้อยคนแน่!”


 



 


เวลาเดียวกันฟางฉีเองก็วิ่งไปหาเหล่าสมาชิกที่อยู่ในระดับต่ำเพื่อสบทบกับกลุ่ม เนื่องจากพวกเขาเพิ่งได้รับสกิลต่างๆ ซึ่งในตอนนี้ฟางฉีไม่ได้รับอีกเนื่องจากระดับของเขาเลยช่วงไปแล้ว


 


ดังนั้นเชาจึงย้อนกลับมาเพื่อช่วยสอนสกิลต่างๆ


 


“หัวหน้าสมาคม .. แสงแห่งมนตร์เสน่ห์สามารถสังหารผู้คุมเสือได้หรือ?” ซียือเอ่ยถามเพราะตอนที่เธอออกไปเก็บค่าประสบการณ์กับผู้คุมเสือเธอบังเอิญใช้แสงมนตร์เสน่ห์แต่นั้นกลับกลายเป็นการฆ่าผู้คุมแทน


 


“ใช่แล้ว ..” ในความเป็นจริงการใช้สกิลแสงมนตร์เสน่ห์มีผลข้างเคียงต่อผู้คุมเสือมากกว่าสัตว์ตัวอื่น ซึ่งมันเป็นเหตุผลว่าทำไมการใช้แสงมนตร์เสน่ห์ถึงทำให้ทีมนั้นอยู่แค่ระดับต่ำ


 


“หัวหน้าสมาคมเราจะอยู่ที่นี่เพื่อเก็บค่าประสบการณ์ต่อหรือไม่?” ตอนนี้ระดับของพวกเขาเพิ่มขึ้นถึงสองระดับแล้ว


 


“เรามาที่นี่เพื่อมาตามหาแตร” ฟางฉีตอบเขากำลังวางแผนจะยกระดับสมาคมในเกมและแตรคือไอเทมสำคัญ


 


แตรเป็นไอเทมหากยากซึ่งหากได้จากปีศาจวิลมะทรงพลังหลายคนมองเขาว่าเป็นเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งทำให้ผู้คนในเนื้อเรื่องเกมพยายามที่จะคืนชีพให้กับสมาคมของวิลมะอีกครั้งโดยการสละชีวิตคนถึงหมื่นคน


 


แม้ว่าหัวหน้าสมาคมวิลมะจะไม่สามารถเดินออกจากวัดหรือสถานที่ของเขาได้ แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นผลต่อการทำลายล้างโลกมนุษย์ได้และยิ่งหากเขาได้รับความแข็งแกร่งกับคืนมาละก็ .. อย่าแม้แต่จะคิดสายฟ้าที่ถูกปล่อยออกมานั้นสามารถสังหารคนได้ง่ายดายราวกับบี้มด


 


มีเรื่องเล่ามากมายเกี่ยวกับหัวหน้าสมาคมวิลมะ หากเปรียบเทียบราชายักษ์กับหัวหน้าสมาคมวิลมะแล้วราชาศพนั่นง่ายราวกับปลอกกล้วยเลยก็ว่าได้


 


ฟางฉีที่นั่งอยู่ในร้านพร้อมด้วยลูกสมาคม “มาทางนี่สิ! นี่เป็นทางเขาชั้นที่สาม” เขาพูดในช่องพูดคุย


 


“หืม? ทำไมคนอื่นมาที่นี่เพื่อฆ่ากับเหล่าสัตว์ประหลาด?” ฟางฉีรู้สึกประหลาดใจเขารู้สึกเหมือนมีคนมาถึงที่แห่งนี้ก่อนเขา


 


ณ ใจกลางห้องโถงชั้นสามมีปีศาจขนาดใหญ่สองตัวมันมีปีกและเท้าของมันดูคล้ายกับกีบเท้าวัวมันกำลังพุ่งเข้ามาหาเขา


 


“ท่านเราควนทำไงกันดี!?” ซียื่อขมวดคิ้วขณะที่พวกมันกำลังพุ่งมา


 


“บ้าเอ้ย!” ฟางฉีสบถ เขากำลังจะเป็นแผนเพื่อมาในวันพรุ่งนี้


 


ก่อนที่เขาจะพูดอะไรจบร่างหนึ่งปรากฏขึ้น เหมือนกับว่าร่างนั้นเป็นผู้ควบคุมปีศาจใหญ่ทั้งสอง เขาตะโกนขึ้น “ออกไปจากที่นี่ซะ ที่นี่เป็นที่ของสำนักมังกรเผือก!”


 


รวนหนิง “…”


 


ซียื่อ “…”


 


ฟางฉีก้าวหลบการโจมตีของเป้าหมาย ด้วยแรงการชนที่ดุเดือดทำให้นักเวทย์ผู้ที่มาถึงก่อนล้มลง


 


“อ่า!” เมื่อมองไปยังข้างหลัง ใช่! หัวหน้าสมาคมวิลมะปรากฏตัวขึ้น


 


ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องอันดังก้อง!


 


ฟางฉีที่อยู่ข้างหลังมองดูเหตุการปัดฝุ่นออกจากมือเขาก้มลงหยิบของที่ตกพื้นพบว่ามันเป็นของนักเวทย์คนหนึ่งที่มีชื่อว่าจือใบ


 


ณ หัวมุมร้านอินเตอร์คาเฟ่


 


“แม้งเอ้ย!” ผู้ฝึกฝนในชุดคลุมสีขาวระเบิดความโกรธ “ข้าถูกซุ่มโจมตีโดยนักรบฝาแฝด”


 


นักรบประมาณสิบคนกำลังเผชิญหน้ากับหัวหน้าสมาคมวิลมะที่เผยตัวออกมา


 


ไม่นานพื้นที่ข้างหน้าฟางฉีก็ปรากฏแสงสายฟ้าผ่าลงมาราวกับพายุ


 


“มาเลย! ข้าจะจัดการกับลัทธิเต๋าที่ชื่อว่าซือซุยหลงเอง!”


 


“คาถาสายฟ้า รักษาข้าที!”


 


“ทำได้ดีมากเรากำลังจัดการมัน!”


 


“…”


 


ในโลกแห่งความจริงกลุ่มผู้คนจากหนานหัวและมังกรดำที่กำลังดูหนังรู้สึกไม่สามารถอดกลั้นได้ต่อไป “ความวุ่นวายในนั้นคืออะไร?”


 


พวกเขามองเห็นว่าในหน้าจอมีแต่สายฟ้าและการต่อสู้เต็มไปหมด


 


“นั่นอะไร​?”


 



 


ในช่องพูดคุยของกลุ่มปีศาจดำ


 


“บัดซบ! พวกมันหายไปแล้ว!” ปีศาจดำโวยวาย เขานำคนเกือบร้อยคนมายังหุบเขาแต่ศัตรูของเขาหายไปอย่างไร้ร่องรอย


 


ปรศาจดำคำรามด้วยความโมโห “โถ่เว้ย! ไม้เท้าของข้าตกไป!”


 


“เราใช้เวลาตั้งนานในการตามหามันและตอนนี้มันตกหายไป” วังจินกล่าวด้วยสีหน้าเซง “เราจะไปหามันเจออีกที่ไหน!?”


 


“แล้ว ..” สมุนคนหนึ่งเอ่ย “เราไม่ตั้งหาของในโลกแห่งความจริงละ”


 


“อืม .. เป็นความคิดที่ดี” ปีศาจดำตะโกนทันที “ประกาศให้ทราบข้าต้องการไม้เท้า และให้จัดการคนที่ชื่อซงฉิงเฟิง หากใครทำได้ข้าจะมอบรางวัลให้สี่แสนเหรียญ!”


ไม่นานนักช่อง QQ ที่เป็นช่องสาธารณะที่สามารถเห็นได้ทุกคนก็เต็มไปด้วยการแจ้งเตือน


 


การแจ้งเตือนเกี่ยวกับการล่าหัวและตามหาไม้เท้านั้นท่วมท้นจอจนดึงดูดความสนใจของผู้เล่นทุกคน ซงฉิงเฟิงที่มัวแต่ยกระดับ เพิ่งรู้ตัวไม่นานหลังถูกโจมตีโดยคนแปลกหน้า เขาดูการแจ้งเดือนพร้อมสบถด้วยความโมโห


 


ในช่อง QQ ของซงฉิงเฟิงในตอนนี้ เขาโวยวายอย่างหัวร้อน “ข้ามีราคาค่าหัว ข้าถูกล่า!”


 


นาหลันหมิงสือพูดว่า “ข้าด้วย!”


 


“…” ซูเทียนจิ


 


ในไม่ช้าพวกเขาก็ได้รับข้อความแสงความยินดีจากคนที่โกรธที่สุด “พวกท่าน ข้าต้องการเงินออกมาช่วยข้าหน่อยสิ!” ฟางฉีส่งรูปมาอาคิตะที่กำลังยิ้มเยาะ


 


พวกเขาทั้งสามพูดพร้อมกัน “เจ้าของร้านออกไปเดี๋ยวนี้!”


 


ขณะที่นาหลันหมิงสือเห็นชื่อของคนแปลกหน้าที่เพิ่งเพิ่มเข้ามาในรายชื่อเพื่อนของเธอ


 


องค์หญิงก็ทักถามเธอว่า “เจ้าต้องการความช่วยเหลือหรือไม่?”


 


“ฮึ!?”


 


ณ ห้องโถงราชายักษ์พื้นทหารองครักษ์ส่วนใหญ่หลายคนได้รับคะแนนทักษะไม่ต่ำกว่าร้อยละเจ็ดสิบของการสังหารในครั้งนี้


 


ยูจิถามพวกเขาว่า “พวกเจ้าต้องการจัดการพวกขณะจากทะเลดวงดาวมั้ย?”


 


“ใช่!”


 


“ข้าได้วางแผนที่จะกำจัดเหล่าขยะจากทะเลดวงดาว”


 


“ข้าเริ่มเบื่อที่จะเก็บค่าประสบการณ์เดิมๆ ทุกวัน”


 


หลังจากนาหลันหมิงสือได้รับข้อความจากจียูแล้วเธอก็ถามกลับว่า “เจ้ามีกันกี่คน?”


 


“สามร้อย” จียูส่งอิโมจีกดไลค์มาให้ “แต่ถ้าเจ้าต้องการอีกข้าสามารถเรียกมาเพิ่มได้อีกเกือบสองพันคน”


 


นาหลันหมิงสือนิ่งไปรู้สึกว่าแทนที่จะเอาเวลาไปฝึกทหารกลับเอาเวลามารับมือกับความขุ่นเคืองในเกม


 


“ตกลง!” เธอตกลงทันที


 


ขณะเดียวกันจีวูก็กำลังรับฟังข่าวกรองลึกลับในมือเขา “ข้าจะไปดูท่านอาจารย์หลัน”


 


ด้านฝั่งของรายงายข่าวกรองลับมีข้อความว่า [หยุนเตียนระดับสูงได้ส่งกองทหารมายี่สิบหองพร้อมด้วยเรือรบและเรือขนส่งทางจิตวิญญาณอีกร้อยลำ!]

 

 

 


ตอนที่ 280

 

“เจ้าสามารถต่อสู้กับคนอื่นๆ ในเกมได้หรือไม่?” หลิวหนิงหยุนเกิดความประหลาดใจเมื่อฟางคำอธิบายจากเกมที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ


 


ละครเรื่องกระบี่เทพสังหารนั้นยอดเยี่ยม แต่พวกเขาไม่สามารถเข้าร่วมการต่อสู้ได้ทำได้เพียงแค่ดูและเรียนรู้ก็เท่านั้น อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าการเล่นเกมก็สามารถเล่นไปและเรียนรู้ได้เช่นกัน


 


นอกจากนี้เธอยังมองเห็นว่าคาถาทางจิตวิญญาณที่ผู้เล่นใช้นั้นดูมีพลังมาก ที่สำคัญกว่านั้นอย่างที่ท่านโมเทียนซิงได้กล่าวไว้มันสามารถจับต้องและเรียนรู้ได้ง่าย


 


ท้ายสุดหากพวกเขาต่อสู้กับผู้คนหรือได้ลองใช้คาถาทางจิตวิญญาณถึงแม้ตายไปก็สามารถกลับมาเกิดใหม่ได้ แต่ความรู้ที่ได้ไม่ได้สลายหายไป นี่คือเหตุผลที่กลายเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ในการใช้ฝึกฝน


 


“เจ้าสามารถลองด้วยตัวเอง!​” แม้ว่าทีมของซียือจะมีลูกสมุนที่เป็นสัตว์ประหลาดถึงเจ็ดตัว แต่หากเทียบกับการต่อสู้กับหัวหน้าวิลมะแล้วถือว่าหนักเอาการเพราะครั้งนี้ไม่มีผู้คุมเสือและผู้คุมนกเหยี่ยวในกลุ่ม


 


ซูจิตอบคำถามของพวกเขาด้วยประโยคสั้นๆ กระชับเข้าใจง่ายเพื่อให้เสียพลังงานน้อยที่สุดเนื่องจากเธอกำลังใช้พลังงานให้การต่อสู้


 


“พรุ่งนี้” หลิวหนิงหยุนคิดอยู่ครู่หนึ่ง “เราจะลองเล่นเกมนี้หลังจากดูละครจบ!”


 


“เจ้าสามารถใช้คาถาจิตวิญญาณกำจัดสัตว์ประหลาดตัวนี้ได้หรือไม่?” สาวกหญิงของกลุ่มหนานหัวไปมองไปที่ปีศาจตัวใหญ่ที่ยิงสายฟ้าด้วยฝ่ามือการโจมตีของมันแต่ละครั้งดูเหมือนบีบบังคับให้เหลือหนทางน้อยลง “ไม่อันตรายหรือ?”


 


“เรามีทักษะและเคล็ดลับในการต่อสู้!” หลิวหนิงหยุนทราบดีว่าผู้ฝึกฝนส่วนใหญ่ใช้คาถาทางจิตวิญญาณเหล่านี้ในการต่อสู้ทั่วไป แต่เมื่อเธอได้พบฟางฉี ใช่! เขาคือข้อยกเว้นที่แปลกไปจากเดิม เพราะโดยปกติแล้วเธอเองก็ใช้แสงแห่งสวรรค์ของหนานหัวมาเป็นเวลาหลายปี การฝึกฝนจะทำให้เราแข็งแกร่งและมีเคล็ดลับเป็นของตัวเอง


 


เธอยังคงมองหน้าจอด้วยความตั้งใจ จากนั้นไม่นานแมลงขนาดใหญ่วองตัวมีเขาพร้อมด้วยตัวหนอนสีดำห้าตัวกำลังช่วยกลุ่มต่อสู้ “เจ้าพวกนี้คืออะไร?”


 


“พวกเขาเป็นสัตว์เลี้ยงของพี่ซี” ซูจิตอบ “แสงมนตร์เสน่ห์ทำให้เหล่าสัตว์ประหลาดหลงเสน่ห์เมื่อพวกเขาถูกเรียกใช้พวกเขาจะมีพลังเท่ากับผู้เรียก สัตว์ประหลาดทั้งเจ็ดตัวนี้สามารถเพิ่มระดับได้ตามที่เราต่อสู้”


 


“น่าเสียดายที่เราไม่ได้รับหนังสือทักษะแบบนี้อีก!” ซูจิทำหน้าเศร้า “ดูเหมือนว่าเทคนิคนี้หายากพอตัว ..”


 


“สัตว์ประหลาดเจ็ดตัวมีพลังในระดับเดียวกับเจ้าของ?” หลิวหนิงหยุนนั่งนิ่ง มันหมายความว่ายังไง? หากเธอสามารถเรียนรู้คาถาทางจิตวิญญาณนี้นั่นหมายความว่าเธอสามารถควบคุมทั้งเจ็ดตัวได้งั้นหรอ?


 


นอกจากนี้ทั้งเจ็ดตัวยังสามารถเพิ่มระดับความแข็งแกร่งได้ขณะต่อสู้ร่วมไปกับเราอีก!? เธอททำหน้าพริ้มพลางจินตนาการถึงสถานการณ์ที่เหล่าสัตว์ประหลาดเจ็ดตัวล้อมรอบศัครูของเธอ


 


แต่ละเทคนิคในร้านนี้มีพลังที่น่ากลัวในขณะเดียวกันก็น่าค้นหาไม่แพ้กัน!


 


“เสี่ยวหยู! หัวหน้าสมาคมกำลังไปทางเจ้าระวัง!”


 


หัวหน้าสมาคมวิลมะนั้นไม่ได้โง่เหมือนราชายักษ์มันมีไอคิวเยอะกว่านิดหน่อยเนื่องจากระดับสูงกว่า แม้ว่าฟางฉีจะพยายามถ่วงเวลาสกัดกั้น แต่มันก็พยายามตามที่โจมตีจนสร้างความเสียหายไม่น้อย ไม่มีสมาชิกสาวๆ คนใดที่เหลือรอดหลังจากถูกโจมตี


 


ภายใต้คาถาสายฟ้าอันทรงพลังของวิลมะ เจ้าหนอนดำทั้งห้าได้รับบาดเจ็บในขณะเดียวกันแมลงยักษ์ทั้งสองดูเหนื่อยล้าแทบตัวแตก


 


หลายครั้งที่ฟางฉีก็เกือบจะถูกสังหารจากการโจมตีด้วยสายฟ้า ขณะนี้เลือดของหัวหน้าสมาคมวิลมะลดลงเกือบก้นหลอด!


 


ทันใดนั้น! แสงสว่างวาบขึ้น แกร๊ง! สายฟ้าถูกยิงออกจากฝ่ามือมันพุ่งเข้าซูจิ .. เธอล้มลงตรงที่เกิดเหตุคนอื่นๆ ที่ยืนอยู่เบื้องหลังฟางฉีนั้นหายใจไม่ทัน


 


“บ้าเอ้ย! วิ่งมาหาข้า ปล่อยให้โครงกระดูกถ่วงเวลาไปก่อน ไม่ต้องห่วางเลือดของมันใกล้จะหมดแล้ว!”


 


“เลื่อนแผนเราออกไปก่อน ไปที่ปลอดภัยก่อนจะมันจะโจมตีเราอีกครั้ง!”


 


หัวหน้าสมาคมวิลมะที่แข็งแกร่งตอนนี้มันอ่อนแอลงและในที่สุดมันก็ล้มลงกับพื้นพร้อมเสียงกรีดร้องอันดังก้องภายใต้การโจมตีของพวกเขา หลังจากที่มันล้มลง พลังงานอันแข็งแกร่งหลังไหลสู่ร่างกายของพวกเขาทันที!


 


เหล่าสาวกจากกลุ่มหนานหัวมองดูสิ่งที่เิกดขึ้นด้วยความประหลาดใจ “เกิดอะไรขึ้น!?”


 


“ทำไมข้าถึงรู้สึกเหมือนกลุ่มของพวกท่านนั้นประสบความสำเร็จและได้รับพลังมากมายในการสู้กับสัตว์ประหลาดตัวนี้?”


 


“ข้าเกือบบรรลุ!” ซียือร้องอุทาน “ข้าได้รับค่าประสบการณ์มากมาย!”


 


“ข้าก็เช่นกัน!” รวนหนิงตะกน


 


“ข้าตาย ..” ซูจิเช็ดน้ำตา


 


ผู้คนจากหนานหัวและมังกรดำรู้สึกแปลกใจ “ผู้คนสามารถได้รับความแข็งแกร่งด้วยวิธีแบบนี้ด้วย!”


 


“แหวนมังกร”


 


“แตรวิลมะ”


 


มีไอเทมอื่นๆอีก เช่นอาวุธ แหวน ยา พวกเขาคัดเลือกมันหลังจากที่ฟางฉีได้สิ่งที่ต้องการ สิ่งที่สะดุดตาคือสมุดเล่มสีเหลืองเล็กๆ ที่อยู่บนพื้น


 


“อัญเชิญเจ้าแห่งอสูร?”


 


เรียกเหล่าอสูรร้าย? “อัญเชิญเจ้าแห่งอสูร?”


 


ฟางฉีขมวดคิ้วที่หนังสือทักษะนี้ตกลงมากจากเจ้าหัวหน้าวิลมะ


 


“เป็นเรื่องน่าเสียดายที่มันไม่ใช่เทคนิคดาบไฟ!” ฟางฉีโยนหนังสือใส่เสี่ยวหยูด้วยความผิดหวังเล็กน้อย เขาตั้งใจว่าจะได้รับหนังสือเทคนิคดาบไฟเพื่อเพิ่มความเจ๋ง


 


“ไว้เราค่อยลองใช้หนังสือทักษะเล่มนี้กันดูนะซูเหยา ตอนนี้เราไปเพิ่มระดับสมาคมกันดีกว่า!”


 



 


แตรวิลมะของเจ้าหัวหน้าสมาคมปีมะปีศาจรูปร่างมันดูคล้ายกับเขาของวัวกระทิงยักษ์


 


ตามตำนานหากผู้ใดหยดเลือดลงบนมันและเอ่ยคำสาบานพวกเขาจะรวมกันเป็นหนึ่งเดียว สมาชิกทุกคนต้องอุทิศตนเพื่อช่วยเหลือกัน กล่าวโดยย่อคือสิ่งพิเศษจากแตรของปีศาจนี้สามารถปกป้องรักษาสมาชิก หากผู้ใดได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีของคนในกลุ่มเดียวกันก็จะไม่เกิดการเจ็บใด บางครั้งความเจ็บปวดอาจเกิดจากลูกหลงที่ได้รับจากกลุ่มเดียวกันเอง พลังนี้จึงเป็นตัวช่วยปกป้องรักษา


 


มีประกาศในเกมเจ้ากระบี่ขั้นเทพปรากฏขึ้นใน QQ [กำเนิดสมาคมเกมจากสวรรค์ขึ้นในเกมเจ้ากระบี่ขั้นเทพ ซึ่งเป็นสมาคมใหม่]


 


ข้อความช่องทางสาธารณะเผยขึ้นต่อผู้เล่นทุกคน


 


“สุดยอด! ”


 


“สมาคมคืออะไร? เราจะสร้างบ้างได้มั้ย?”


 


ในเมืองเม้งชงที่นั้นมีระบบสร้างสมาคมหรือกิลด์ซึ่งสมาคมของฟางฉีในตอนนี้มีรูปดาบมังกรอยู่ที่หน้าอก พร้อมแทรกอยู่หลังชื่อของพวกเขา


 


“ว้าวสุดยอด!“


 


“สมาคมแรก?”


 


“เร็วมาก!”


 


“เราสามารถเล่นเกมแบบนี้บางได้มั้ย?” ผู้เล่นหลายคนไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน


 


“พวกเจ้าต้องการคนเพิ่มมั้ย? ข้าเข้าร่วมด้วยได้หรือไม่?”


 


ซียือ, ซูจิและสมาชิกคนอื่นๆ รู้สึกภาคภูมิใจและเป็นเกียรติอย่างมากที่ผู้คนรวมไปถึงผู้ปลูกใังถึงกับเอ่ยปากถามและมองพวกเขาด้วยความอิจฉา


 


แม้แต่รวนหนิงที่บ่นเรื่องฟางฉีตลอดก็ดูโล่งใจ เจียงเสี่ยวหยูเองก็ภูมิใจในตัวหัวหน้าของเธอมากเช่นกัน


 


ขณะเดียวกันกลุ่มปีศาจอสูรร้อยกว่าตนร่วมตัวกันอยู่นอกเมืองซาร์บาร์ก


 


ผู้คนตะโกนในกลุ่มปีศาจดำ “เจ้าเด็กนั่นอยู่ที่ไหน?”


 


ช่องสำนักหลิงหยวนนาหลันหมิงสือและคนอื่นๆ ไม่สามารถหยุดยิ้มได้เลย “มาปล้นกันเถอะ!” ซงฉิงเฟิงกล่าว


 


ในมุมหนึ่งของเมืองซาร์บาร์กในตอนนี้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรวมตัวกันเพื่อปกป้องเมือง


 


“จัดการ!” ยูจิคำราม ลูกไฟพุ่งตรงมาแถวแรง ท้องฟ้าในเวลานี้มีแต่ประกายสีส้ม ดูเหมือนว่าทหารยามหลายร้อยคนกำลังถูกล้อมไปด้วยแสงไฟยามค่ำคืน


 


“ปีศาจ!”


 


ตัวอักษรรูนไฟลอยขึ้นบนท้องฟ้าขณะที่เปลวไฟสีฟ้าปรากฏขึ้น แสงที่ส่องเข้ามาเริ่มเปลี่ยนเป็นเปลวไฟสีฟ้า กองทหานรักษาพระองค์เองก็ก่อตัวเป็นกองทัพสี่เหลี่ยมจตุรัสและพุ่งเข้าชนกับเหล่าทหารของกลุ่มปีศาจดำ

 

 

 


ตอนที่ 281

 

“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมมีผู้คนมากมายขนาดนี้!?”


 


เสียงตะโกนดังขึ้นในช่องพูดคุยของกลุ่มปีศาจดำ


 


“โครงกระดูกอยู่ไหน? ให้พวกมันออกมาสกัดกั้นและดันพวกเขาออกไป!”


 


กลุ่มปีศาจดำค้นหาผู้คนเพื่อจะเสริมทัพการตอบโต้ของพวกเขาไม่มีแบบแผน แต่ถึงอย่างงั้นเขาก็ต้องป้องกันตัวเองซึ่งการโต้ตอบไม่ได้มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร ส่วนฝั่งตรงข้ามนั้นทหารองครักษ์พร้อมไปด้วยเกราะกันเวทย์และอาวุธครบมือ


 


ในช่องของกลุ่มราชวงศ์หยูจิตะโกน “นักรบทั้งหลายล้อมพวกเขา! นักเวทย์โจมตีกลางวง!” ทหารหลายคนมีทักษะที่ครบถ้วน พวกเขาเปิดตัวด้วยสกิลอย่างกำแพงไฟและระเบิดเปลวไฟกลางผู้คนนั้นทำให้กลุ่มของปีศาจดำนั้นได้รับผลกระทบและกระจายตัวออกในทันที


 


ปีศาจดำหน้ามืด “ดูเหมือนพวกเขาจะเป็นคนจากราชวงศ์ในจิวหัว! ผู้คุมนักรบคนนั้นมีชื่อว่ากัปตันหยู!”


 


“พวกเขาเป็นทหารจากตาจิน!”


 


“พวกเจ้าที่เหลืออยู่แบ่งกลุ่มกันออกไป” ปีศาจดำคำราม


 


“แยกย้าย ถอยก่อน!”


 


“บ้าเอ้ย! เริ่มจากแค่กลุ่มก่อนเล็กๆ ตอนนี้ลากไปยังกับสงครามเล็กๆ” ปีศาจดำสบถ “นี่มันหมาหมู่ชัดๆ”


 


“หัวหน้าเราจะทำอย่างไรกันดี?” ลูกสมุนของปีศาจดำเอ่ยถาม


 


“เรียกคนมาเพิ่ม ขอกองกำลังเสริม!” หัวหน้าปีศาจดำคำรามด้วยความโกรธแค้น “เรียกคนจากสำนักหยวนเฮง, สำนักงานมังกรม้วนรวมถึงกองกำลังอื่นๆ พาพวกเขามาเข้าร่วมที่นี่ให้หมด!”


 


“ในเมื่อพวกเจ้าต้องการจะต่อสู้ ได้! มาสร้างสงครามกัน!”


 


ช่องพูดคุยฝั่งตาจิน กงฉีผู้อาวุโสแห่งวังหลิวหยุนและกลุ่มโอเชียนได้ถูกเรียกรวมตัว แม้แต่ซูเทียนจิเองก็ถูกเรียกให้เข้าสู่ช่องบัญชาการจากจักรพรรดิตาจิน


 


ไม่นานนักผู้คนเกือบพันคนรวมตัวกันที่ด้านนอกเมืองซาร์บาร์ก ทั้งนี้รวมไปด้วยทหารองครักษ์ของกองทัพจิวหัว, ผู้คนจากกองกำลังขนาดใหญ่อย่างวังหลิวหยุนและสาวกจากกลุ่มโอเชียน ในด้านของทะเลดวงดาวที่นั้นรวมกองกำลังได้อย่างสู้สี ไม่มีใครยอมใคร


 



 


ณ กลุ่มไทชิ


 


ณ ขณะนี้ได้เริ่มเข้าสู่ช่วงฤดูใบไม้ร่วง พืชส่วนใหญ่ที่นี่ได้แห้งเหี่ยวจากลมหนาวด้วยอุณหภูมิที่หนาวเย็นสงผลให้พืชสีเขียวที่เคยมีชีวิตชีวาได้ค่อยๆ ตายลง


 


ห่างไกลออกไปพืชและดอกไม้ทางจิตวิญญาณกลับมีสีสันที่สดสวยแถมดอกไม้ที่บานสะพรั่งพวกมันเติบโตอยู่รอบๆ ทะเลสาบที่มีน้ำสดไหลลึก ณ เชิงเขา


 


ชายชราสวมเสื้อคลุมสีขาวพร้อมด้วยลวดลายทองบนเสื้อคลุมเขายืนอยู่หน้าทะเลสาบพร้อมด้วยเด็กชายและเด็กหญิงตัวเล็กข้างหลัง


 


ชายชราม้องจ้องไปที่ปลาหลากหลายตัวที่กำลังว่ายวนในน้ำ เขาโยนเหยื่อปลาในกำมือลงไปเพียงเสี่ยววิเหล่าฝูงปลาและกุ้งก็แหวกว่ายเข้ามา เขานั่งอยู่ข้างริมทะเลสาบตั้งใจมองเหล่ากุ้งปลาที่ต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงอาหารในน้ำ ใบหน้าของเขาเกิดความผันผวนเล็กน้อยด้วยความสนใจ


 


“ท่านอาจารย์เราได้ทำการสอบสวนศิษย์น้องเฟงฉี ..” สาวกคนหนึ่งเดินเข้ามา


 


“เขาอยู่ในขั้นตอนการฝึกฝนและเสียหม้อปีศาจไปใช่มั้ย?” ชายชรามองไปยังทะเลสายด้วยรอยยิ้มราวกับเขารับรู้ทุกอย่าง


 


“ท่าน .. รู้อยู่แล้วหรอ” สาวกทำหน้าประหลาดใจ “ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมท่านยังอนุญาตให้ศิษย์น้องทำแบบนั้นทั้งๆ ที่เขา ..”


 


ขณะที่สาวกกำลังพูด จู่ๆ ปลาคาร์ฟสีทองก็กระโดดขึ้นจากน้ำ


 


อาจารย์ของเขาชี้ไปที่ปลาตัวนั้นและพูดว่า “ดูนั่น! เจ้าปลากระโดดขึ้นจากน้ำเพื่อมาพบกับโลกภายนอกแต่มันก็ยังต้องกลับไปอยู่ในทะเลสาบเช่นเดิม” เขาพูดพลางโยนตะกร้าไม้ไผ่ข้างๆ ไปช้อนเจ้าปลาคาร์ฟก่อนที่มันจะตกลงไปในทะเลสาบอีกครั้ง ตะกร้านั้นลอยไปกลางทะเลสาบ


 


“เจ้าเห็นอะไร?”


 


“เอ่อ ..” สาวกตอบเขา “เห็นปลาคาร์ฟถูกจับด้วยตะกร้าไม้ไผ่และไม่สามารถกลับลงไปในทะเลสาบได้”


 


“ใช่ .. มันถูกกักขังและกลับไปไม่ได้” เขาตอบและโยนมันลงกลางทะเลสาบ


 


ขณะที่ตะกร้าไม้ไผ่ลอยผ่านจุดกลางทะเลสาบ จู่ๆ น้ำวนใจกลางทะเลสาบก็พุ่งขึ้น ปลาประหลาดขนาดยักษ์มีเขากระโดดขึ้นอ้าปากงับเหยื่อทันที


 


เขาหันไปตอบกับสาวกของเขาว่า “การเลี้ยงปลาในทะเลสายมันไม่ใช่เรื่องง่ายหรอกนะ!”


 



 


เวลาเดียวกันจีวูนั่งรวมตัวอยู่กับเหล่าผู้นำของกองกำลังใหญ่ๆ อย่างกลุ่มพันธมิตรวู่เว้ยพร้อมด้วยอันหูเว้ยผู้บังคับบัญชาพวกเขาพูดถึงสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในเวลานี้


 


“ข้าคิดว่าพวกท่านทุกคนทราบเกี่ยวกับสถานการณ์ในช่วงเวลานี้” จีวูพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ตามรายงานข่าวกรองลับของทหารหยุนเตียน พวกเขาจะมาถึงชายแดนของประเทศเราในไม่ช้า ข้าคิดว่าทุกคนคงรู้จุดประสงค์ของพวกเขา!”


 


“ท่านหมายถึง ..” หลันโมทำหน้าคิดไม่ตก


 


“น่าขัน! ดินแดนหยุนเตียนขั้นสูงนั้นได้รับประโยชน์มากมายจากตาจินแต่เรากลับไม่เห็นได้อะไรเท่าที่ควร” จีวูพูดจาโผงผางอย่างไม่พอใจนัก “ตอนนี้เราได้พบวิธีใหม่ในการเสริมสร้างประเทศของเราแล้ว เราจะไม่ยอมแพ้พวกเขาแน่!”


 


“จากความคิดข้าข้ามองว่าพวกเขาอิจฉาเรา” จุนหยางชีเย้ยหยัน “ถ้าพวกเขาต้องการการต่อสู้ เราก็จะสนอง!”


 



 


ฝั่งรวนหนิงและกลุ่มเพื่อนของเธอนั้นกำลังสืบเสาะเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองเม้งชง “อืม .. ดูเหมือนว่าจักรพรรดิแห่งตาจินมีส่วนเอี่ยวกับสงครามในครั้งนี้!”


 


“พวกเขาเพิ่งต่อสู้กันไม่นานมานี้หรือ? พวกเขาก่อสงครามอีกละหรือ? หัวหน้าสมาคมพวกเราควรไปที่นั่นไหม?”


 


“ไปสิทำไมละ?” ฟางฉีจิบโค้กพลางตอบ “แต่รอข้าก่อน เราจะไปดูสงครามหลังจากที่ข้าขโมยผักเสร็จ!”


 


ไม่กี่นาทีต่อมาเขาก็แอบย่องเข้าไปในสวนของซูเทียนจิ ซึ่งมันว่างเปล่าตั้งแต่เธอเข้าร่วมสนามรบ .. เขาขุดหัวผักกาดอันใหญ่ออกมา


 


จากนั้นเขาไปต่ที่สวนของซงฉิงเฟิง ใช่! มันว่างเปล่าไม่แพ้กัน .. เขาจึงเลือกขุดมันหวานที่มีอยู่ออกมา และต่อด้วยสวนของนาหลันหมิงสือ


 


“โฮ่ง! โฮ่ง!” ลูกหมาตัวสีดำและสีขาวเห่าเขาแถมกระดิกหางให้ มันคือเจ้าฮัสกี้ผู้น่ารัก


 


“นางมีหมาด้วยหรือ?” ฟางฉีขมวดคิ้ว จากนั้นเขาก็เข้าไปในสวนผัก “หึ! ข้าจะเอาพีชของเจ้าไปกินซะ”


 


“โฮ่ง!” มันเห่าทักเขา ฟางฉีดึงพีชเสร็จจากนั้นเขาก็ขุดหัวผักกาดขึ้นมาโอบในอ้อมแขน “เจ้าหมาน้อยครั้งหน้าข้าจะเอาขนมมาฝากนะ”


 


เจ้าฮัสกี้กระดิกหางให้หัวขโมยอย่างตื่นเต้น เขามองย้อนกลับไปในส่วนพบว่ามันถูกทำลายไม่น้อย


 


“อืม .. ใครคือคนต่อไป” ฟางฉีคิดก่อนที่จะย้ายไปยังสวนต่อไป


 


เด็กสาวในชุดแดงจ้องหน้าฟางฉีด้วยความแค้นเคือง “นี่หัวหน้าสมาคมท่านกำลังทำอะไร? จะขโมยผักของข้าต่อหน้าข้าหรอ?”


 


“ขอโทษ ข้าหลงมา ..” ฟางฉีพึมพำ “ข้าควรบอกให้พวกเขาไปดูการต่อสู้ก่อนแล้วค่อยตามไป โอ้ย! ทำไมไม่คิดให้รอบคอบ”


 


จากนั้นเขาหันไปต้องมองสาวกจากกลุ่มหนานหัวและมังกรดำที่กำลังนั่งดูละครด้วยความตั้งใจ เขาจึงเลือกที่จะเข้าไปในสวนของพวกเขาเนื่องจากทุกคนกำลังสนใจกับละครอย่างใจจดจ่อ


 


“.. พวกเขายังไม่ได้เก็บผักกันอีกหรอ?” ฟางฉีถอดชุดหูฟังออกและเดินไปหาพวกเขา “พวกเจ้าเก็บผักได้แล้ว”


 


“โอ้ ..​ได้แล้วหรอ?”


 


“เมื่อกี้หรอ?”


 


“ข้าลืมไปเลยดูละครเพลิน”


 


พวกเขาอุทานและรีบเข้าไปเก็บผักตามคำเตือนทันที


 


“อ้อ .. เก็บแล้วอย่าลืมปลูกใหม่ละ!” ฟางฉีเตือนพวกเขาอีกครั้ง


 


สาวกจากหนานหัวกล่าวว่า “ขอบคุณอีกครั้งที่เตือนเรา!”


 


หลิวหนิงหยุนขมวดคิ้วเล็กน้อย “ทำไมเขาถึงได้ดูอบอุ่นและช่วยเหลือพวกเรา?”


 


หวังปู่เต๋าเอ่ย “ขอบคุณ!”


 


ดี ..​ ฟางฉีคิดในใจเขาจะได้มีผักให้ขโมยใหม่ในครั้งต่อไป

 

 

 


ตอนที่ 282

 

“เฮ้! ไม่สนุกเลย!” ในคาเฟ่ที่จิวหัวตอนนี้ ซงฉิงเฟิงถอดหูฟังออกและถอนหายใจด้วยความเบื่อ “ทำไมคนจากทะเลดวงดาวถึงหยุดต่อสู้ง่ายขนาดนี้ ข้าคิดว่ามันจะยืดยาวสักอีกหน่อย!”


 


“พวกเขาต้องล่าถอยก่อน” หลินเซียวกล่าวอย่างมีเหตุผล “สิ่งของของพวกเขาตกอยู่แทบทุกที่ หลายคนไม่มีทักฝาะที่พร้อมดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถดำเนินการต่อสู้ต่อไปได้”


 


“กลับไปเก็บผักกันมั้ย?”


 


ข้างๆเขาคือนาหลันหมิงสือและหลันยันพวกเธอทั้งสองตะโกนย้ำ “ไปเก็บผักกันเถอะ!”


 


เฉินชิงชิงสีหน้าดูกังวลเล็กน้อย “เจ้าของร้านจะมาขโมยผักจากพวกเราอีกมั้ย?”


 


นาหลันหมิงสือพูดเบาๆ “ข้าละกลัวว่าเขาคงจะไม่กล้ามาอีกแล้ว!”


 


“อ๊ะ?” เฉินชิงชิงและคนอื่นๆ มองเธอด้วยความประหลาดใจ


 


“ข้าซื้อหมามาเมื่อวานนี้” เธอตอบพร้อมอธิบาย


 


“เจ้ามีเงินมากพอขนาดนั้นเลยหรอ?” เฉินชิงชิงถามเนื่องจากมันใช้เงินไม่น้อย


 


“เธอซื้อตัวเล็ก” หลันยันอธิบาย “ข้าลองดูแล้วเหมือนกันมันบอกว่าเจ้าหมาตัวนนี้จะดุร้ายเหมือนหมาป่าเมื่อมันโตขึ้น มันน่าจะเพียงพอในการใช้เฝ้าสวน”


 


“จริงหรอ?” เฉินชิงชิงพูดด้วยความขุ่นเคืองใจ “ข้าละหวังว่ามันจะกัดเขา อยากจะรู้จริงๆ ว่าเขาจะกล้ามาขโมยผักของเราอีกมั้ย!?”


 


“เจ้าซื้อหมาด้วยมั้ย?” ดงชิงลี่ที่ยืนอยู่แถวนั้นได้ยินพวกเขากำลังคุยกันถามขึ้น “มันน่ารักมั้ย? หรือหน้าตาดูโง่เหมือนกับหมาของเจ้าของ?”


 


“อืม ..” นาหลันหมิงสือตอบว่า “มันก็ดีนะ”


 


“มันน่ารักมากๆ” หลันยันเสริม “มันยังเด็กและขี้เล่น เจ้าอยากมาดูมั้ย?”


 


“ความคิดดี!”


 


สาวๆ หลายคนนั้นกดยอมรับคำเชิญในคิวโซนของนาหลันหมิงสือ


 


“หมาของนาหลันหมิงสือนั้นเชื่อฟังดีนะเว้นแต่ว่ามันชอบกัดแทะไปหน่อย ..” หลันยันบอกพวกเขาด้วยความตื่นเต้น “อ้อพวกมันอ้วนและน่ารักมากๆ”


 


ขณะที่พวกเธอกำลังเดินเข้าไปในสวนของนาหลันหมิงสือ “หยวนหยวน!”


 


พวกเธอเห็นนาหลันหมิงสือทำท่าสงสัย


 


ผักทั้งสอนของเธอในตอนนี้ถูกทำลายราวกับว่ามันโดนพายุพัดถล่ม ..​ เกิดอะไรขึ้น!?


 


“เจ้าหมาอยู่ไหน? คนร้ายนั้นเจ้าของร้ายใช่มั้ย?” หลันยันมีทีท่าเป็นห่วง


 


เจ้าหมาหน้าเซ่อซ่าสีดำและขาวนั่งอยู่กับพื้น มันกระดิกห่างและวิ่งพุ่งเข้าหาเจ้าของทันทีเมื่อเห็น “หืม?” ผักห้อยลงมาจากปากของมัน นาหลันหมิงสือมองด้วยความประหลาดใจ เธอจะตีมัน!


 


เมื่อมองหน้าเจ้าหมาก็ทำท่าไร้เดียงสาราวกับว่าจะขอคมจากเธอว่า ‘หนูละเลงบ้านแม่จนยุ่งเหยิงไปหมดแล้วนะฮะ’


 


ขณะเดียวกันเสียงปี๊ปเตือนใน QQ ก็ดังขึ้น ซึ่งข้อความนั้นมาจากฟางฉี [นี่เจ้าซื้อฮัสกี้น้อยมาตั้งแต่เมื่อไรน่ะ? มันน่ารักสุดๆ]


 


จากนั้นเขาส่งรูปภาพที่เขากำลังโอบหัวผักกาดและเจ้าฮัสกี้ไปพร้อมกัน [มันน่ารักมากแถมช่วยข้าดึงหัวผักกาดอีก]


 


นาหลันหมิงสือผู้เยือกเย็นเริ่มจะถึงจุดเยือกแข็ง!


 


“ฮ่าๆๆๆๆ” ฟางฉียังคงส่งเจ้าหมาอาคิตะหน้ายิ้มเยาะของเขากลับมา “โชคดีนะ!”


 


[อ้อข้าจะบอกเจ้าให้อย่างนึง เจ้าฮัสกี้ของเจ้าน่ะมันเล่นกับข้าด้วย] .. เธอกล้าดียังไงใช้ฮัสกี้เฝ้าบ้าน เขาคิดในใจ


 


.. ในเขตคิวโซนของนาหลันหมิงสือ


 


“เจ้าหมาน่ารักมากๆ” ดงชิงลี่เอ่ยชมพลางอุ้มมันขึ้นมากอด


 


“ดูหน้ามันสิ น่ารักจัง”


 


“มันน่าตาน่ารักกว่าหมาของเจ้าของอีก!”


 


“หมาของฟางฉี?” หลันยันทำหน้างง


 


“ก็ภาพที่เขาใช้ส่งทุกวันไง”


 


หลันยันสูญเสียคำพูด ในใจของเธอคิดไม่ตกทุกครั้งที่เจ้าของส่งรูปหมาไม่เขาขโมยผักก็ต้องทำอะไรที่ไม่ดีแน่ๆ


 


“ฮ่าๆๆๆ” เธอหัวเราะอย่างหนักกับสิ่งที่คิดในหัว


 



 


ไม่แปลกที่เหล่าสาวๆ จะคิดเรื่องร้ายๆ เกี่ยวกับเขาในหัวเพราะมันคือเรื่องจริง! แต่เจ้าตัวก็ยังคงไม่รู้ตัวและนั่งดูรายการในร้านค้าด้วยความเพลิดเพลิน


 


เขาจำได้ว่ามีคนสามารถซื้อคอมพิวเจอร์และเกมอย่างสตีทไฟเตอร์ในนี้ได้ มองดูจากราคาเหรียญแล้วเขาพบว่าคอมพิวเตอร์มีราคาแพง แต่เขาก็พอมีเงินจากการปลูกผักและขโมยคนอื่น แต่เมื่อซื้อคอมพิวเตอร์มาแล้วในตอนนี้เขากลับพบว่าเขาไม่มีเงินเหลือพอที่จะซื้อเกม!


 


วัตถุเพื่อความบันเทิงล้วนมีราคาค่อนข้างถูก เว้นแต่เกมสตีทไฟเตอร์มันมีราคาค่อนข้างแพงพอตัวเนื่องจากสามารถปลดล็อกคุณสมบัติใหม่หลังจากทำตามเงื่อนไขบางประการ


 


ในตอนนี้ฟางฉีเองจึงเลือกที่จะเล่นเกมเล็กๆ ราคาถูกๆ แก้ขัดไปก่อนอย่างไพ่โป๊กเกอร์ และคนล่าสุดที่ฟางฉีคุยคือนาหลันหมิงสือ เขาจึงส่งข้อความไปชวนเธอ [มาเล่นไพ่กันมั้ย?]


(ผู้แปล : Dou Dizhu โต้วตี้จู่ เป็นไพ่ที่นิยมเล่นกันในจีนจากที่แอดหาข้อมูลคิดว่าน่าจะเป็นเกมคล้าย สลาฟ)


 


“คืออะไร?”


 


[มันเป็นเกมเล็กๆ ทดสอบไหวพริบของผู้เล่น]


 


[ทดสอบไหวพริบ? เห็นได้ชัดว่าเจ้าต้องการกระตุ้นอารมณ์ข้า!]


 


[บ้าน่า!]


 



 


อีกฝั่งหนึ่ง ซูเทียนจิที่นั่งหน้าจอคอมกำลังมองเวลาที่เหลือเพียงสิบนาทีเธอจึงเลือกที่จะเข้าไปนั่งผ่อนคลายในคิวโซน เธอนอนเหยียดยาวอยู่บนเตียง


 


“เกิดอะไรขึ้นกับข้า? ข้าไม่ต้องการฝึกฝนหรือต่อสู้ ..”


 


เธอกลิ้งไปมาและลุกขึ้น อยู่ๆ เวลาการเล่นก็ใกล้จะหมดลงและเธอเองก็รู้สึกเบื่อกับชีวิตในตอนนี้ เธอรู้สึกว่าเหมือนกับต้องไปออกรบในไม่กี่วัน “บ้าเอ้ย!” เธอสบถ พักนี้คงมีเรื่องให้เธอวิตกกังวลคิดเยอะ ตอนนี้เธออยากแค่หลับหนีเรื่องราวไป


 


แต่จู่ๆ ฟางฉีก็ส่งข้อความมาหา [เล่นไพ่ด้วยกันมั้ย?]


 


[มันคืออะไร?] ซูเทียนจิถามกลับ


 


[มันเป็นเกมเล็กๆ เพื่อทดสอบไหวพริบผู้เล่น] ฟางฉีตอบอย่างตรงไปตรงมา [มาเลยข้าจะเรียกซงฉิงเฟิงและคนอื่นๆ ด้วย!]


 


[อีกสิบนาทีจะหมดเวลาข้าเล่นอะไรได้บ้าง?] ซูเทียนจิรู้สึกไม่สนใจเท่าไรนัก


 


[ไม่ต้องกังวล เราสามารถเล่นได้หลายรอบภายในสิบนาที!]


 


[หืม? จริงเรอะ?]


 


[มามามามามา!]


 


หลังจากนั้นฟางฉีอธิบายกฎเกณฑ์การเล่นให้พวกเขาฟัง พวกเขาเรียนรู้เกมอย่างรวดเร็วในไม่ช้าเสียงก็ดังขึ้นในห้องพูดคุยของฟางฉี


 


“ข้าเป็นคิง!”


 


“หึ โดนแน่!”


 


“สามใบหรอ?”


 


“ผ่าน!”


 


“…”


 



 


“เกมนี้มันสนุกยังไง?” เซียวหยูยืนพึมพำขณะที่ดูพวกเขาเล่น “มันดูซับซ้อนไป ..”


 


วันรุ่งขึ้นเซียวหยูที่มาคาเฟ่แต่หัววันนั่งลงบนโซฟาพร้อมกับชุดการ์ดเดียวกันกับที่เจ้าของร้านเล่นเมื่อวานนี้


 


“มาเลย! มาเล่นกันเถอะ ใครก็ได้ที่กำลังรอคอมพิวเตอร์หรือหมดเวลาเล่นแล้วมาเล่นกับข้าได้!”


 


ขณะเดียวกันฝั่งฟางฉีนั่นเขากำลังนับเหรียญรางวัลของเขา “ถ้าข้าเล่นชนะอีกสองวัน ข้าก็จะสามารถมีเงินพอจะซื้อเกมสตีทไฟเตอร์ ..”


 


ตอนนี้ QQ ของเขาเต็มไปด้วยข้อความ [เจ้าของร้ายนิสัยไม่ดี คืนเงินที่หายากของเรามาเดี๋ยวนี้!]

 

 

 


ตอนที่ 283

 

หลังจากที่ตาจินได้รับชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่โดยการไล่แก้แค้นผู้คนจากทะเลดวงดาวเนื่องจากฝั่งนู้นเริ่มก่อน ตอนนี้ต่างคนก็ต่างพักศึกชั่วคราว


 


ขณะเดียวกันก็เป็นเวลาที่พันธมิตรของดินแดนดวงดาวได้เวลาพักผ่อน พวกเขามีความแตกต่างจากผู้เล่นในตาจิน พวกเขามีโอกาสสูงที่จะสูญเสียความเข้มแข็งในการเพาะปลูกหลังจากแพ้การต่อสู้เพราะทักษะของพวกเขายังไม่สมบูรณ์เท่ากับผู้เล่นที่ตาจิน


 


เวลาเดียวกันที่หลายคนได้รับการฝึกฝนอย่างขยันขันแข็งจนมีลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้คอมพิวเตอร์ของเมืองครึ่งนั้นเพิ่มขึ้นจากพันเครื่องเป็นสองพันเครื่องเพียงชั่วข้ามคืน


 


โชคดีที่ร้านค้ามีการจัดการดีภายใต้การดูแลของระบบและผู้ช่วยที่น่ารักอย่างซูโม


 


ขณะเดียวกันร้านที่จิวหัวนั้นมีกองกำลังขนาดใหญ่รวมไปถึงเหล่าทหารองครักษ์และกลุ่มโอเซียนที่เตรียมตัวเพื่อยกระดับความแข็งแกร่งด้วยความกระตือรือร้น พวกเขายุ่งอยู่กับการฝึกเวทย์มนตร์และเทคนิคการต่อสู้


 


ทั้งเมืองครึ่งและจิวหัวนั้นค่อนข้างอยู่ในความสงบ


 



 


ความสงสุขในโลกใบนี้ไม่สามารถดำรงด้วยตัวเองตลอด หลายครั้งที่ความสุขมักเกิดขึ้นหลังสงครามหากได้รับชัยชนะ


 


เรือขนส่งทางจิตวิญญาณร้อยลำและเรือรบอีกยี่สิบลำ ..


 


หากผู้คนนั้นเห็นกลุ่มเรือจิตวิญญาณขนาดใหญ่ของประเทศหยุนเตียนกำลังเดินทางข้ามพริมแดนพวกเขาจะรู้ทันทีว่าข่าวกรองนั้นผิดเพียนไปมากเพียงใด! ด้วยความสามารถระดับสูงของคนจากหยุนเตียนแน่นอนพวกเขาสามารถซ่อนข้อมูลจากตาจินได้โดยไรข้อสงสัย


 


บนหัวเรือรบขนาดใหญ่ ผู้นำลัทธิเต๋าในชุดขาวยืนอยู่ข้างหน้าเขาดูราวๆ อายุประมาณห้าสิบ เขามีนามว่ากงหยางจุน “ชายคนนั้นที่ชื่อว่าจีวู ได้ข่าวว่าเขารับรู้เกี่ยวกับข้อมูลการเคลื่อนไหวของเรา”


 


ชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้างๆ หน้าตาของเขากลมและหน้าผากกว้างสวมเสื้อคลุมสีดำขาวดัดกันเขาคือกงซูเกา “ในตอนที่จีซวนตงยังมีชีวิตอยู่เขาเคารพพวกเรามาก แต่เจ้าเด็กคนนั้นกล้าหารมากที่ทำให้กลุ่มพันธมิตรวู่เว้ยร่วมคือกับเขาและต่อต้านพวกเรา!”


 


“เขาคิดว่าเราจะโจมตีป้อมปราการพระจันทร์ทางทิศตะวันตกโดยมีทหารเพียงแสนนายน่ะหรอ? ตลก!” กงหยางจุนหัวเราะและมองดูเรือขนส่งทางจิตวิญญาณที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ข้างหลังพวกเขาด้วยความเร็ว “การต่อรองของที่นี่จะแตกต่างจากการต่อรองในทางตะวันออกและทางตะวันตกหรือไม่?”


 


กงซูเกาตอบกลับด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง “เราจะยืดเมืองสิบเมืองของเขาดูสิว่าพวกเขาจะตอบโต้อย่างไร!”


 


หน้าป้อมประตูทางทิศใต้ของตาจินทหารลาดตะเวนเงยหน้าขึ้นมอง


 


“นั่นมันคืออะไร?”


 


จากรูปร่างลางๆ ทันใดนั้นเรือจิตวิญญาณหลายลำก็ปรากฎขึ้นบนน่านฟ้าผู้ฝึกฝนหลายคนลอยตัวลงจากเรือมันเยอะมากจนนับไม่ถ้วนราวกับพายุตั๊กแตนที่ล่วงลงมาจากท้องฟ้า!


 


มันเยอะมากจนแทบมองไม่เห็นก้อนเมฆ ในช่วงเวลานี้ทหารลาดตะเวนและผู้คนที่อาศัยอยู่ใกล้กับป้อมประตูทางทิศใต้รู้สึกราวกับว่าจุดจบของโลกใกล้มาถึงแล้ว!


 


“ทหารผู้ฝึกฝน พวกเขาเป็นกองกำลังผู้ปลูกฝัง!”


 


“พวกเขาเป็นกองกำลังผู้ปลูกฝังจากดินแดนหยุนเตียนระดับสูง พวกเขามาที่นี่ทำไมกัน!?”


 


“รีบส่งรายงานด่วน!”


 


“อ่ะ!”


 


การเผชิญหน้าระหว่างทหารผู้ปกป้องชายแดนกับผู้ฝึกฝนของกองทัพที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีเริ่มขึ้นในไม่ช้าความโกลาหลก็เกิดขึ้นพร้อมด้วยเสียงกรีดร้อง ณ ป้อมประตูทางทิศใต้ของตาจิน


 



 


ณ ตาจิน


 


“รายงาน! กองกำลังผู้ปลูกฝังแห่งดินแดนหยุนเตียนระดับสูงได้โจมตีป้อมปราการทางทิศใต้ของเมือง ขณะนี้ทหารของเราทั้งห้าหมื่นนายไม่สามารถรั้งพวกเขาไว้ได้ ขอกำลังเสริมด่วน!”


 


“รายงานจากป้อมปราการทางใต้ ขณะนี้ทหารสำรองของเราไม่สามารถรั้งไว้ได้แล้ว ถอยทัพกลับไปยังเมืองซ่อนดาบ!”


 


“รายงานจากเมืองซ่อนดาบ ขณะนี่ที่นี่ถูกโจมตี”


 


“รายงาน! กองกำลังผู้ปลูกฝังจากดินแดนหยุนเตียนตีเมืองเราอย่างต่อเนื่องตอนนี้พวกเขากำลังตีป้อมหมาป่า!”


 


“…”


 


จีวูที่ได้ยินรายงานด่วนเริ่มหัวร้อน “บ้าเอ้ย! จักรพรรดิองค์ก่อนหน้าได้ลงนามในสนธิสัญญาสันติภสพกับดินแดนหยุนเตียนระดับสูง แต่พวกเขากลับไม่สนใจมันและตีเมืองของข้างั้นหรอ?”


 


แม้ว่าเขาจะได้เตรียมการบางอย่างไว้และเพิ่มความปลอดภัยไว้บางส่วนแล้ว แต่ก็ไม่คิดเลยว่าหยุนเตียนจะเตรียมการมาดีมากจนกระทั่งโดนโจมตีสามถึงสี่เมืองแล้วในตอนนี้


 


“ท่านจักรพรรดิ ท่านไม่ได้สั่งการทางเรือจิตวิญญาณหรือ” นายพลคนหนึ่งกล่าวว่า “ข้ามีความเห็นว่าเราสามารถดึงเรือจิตวิญญาณได้ เราสามารถใช้ทหารสามหมื่นนายเพื่อถ่วงเวลาและป้องกันป้อมหมาป่า”


 


“ทหารสามหมื่นนายคงไม่พอ!” จีวูพูดพร้อมกัดฟันกรอด “ตามรายงานสงครามของหยุนเตียนได้ส่งกองทัพผู้ฝึกฝนลงมาอย่างน้อยก็สามหมื่นนายแล้ว!”


 


แม้ว่าตาจินจะมีผู้ฝึกฝนที่ยอดเยี่ยมมากกว่าสามหมื่นคนแต่ก็คงเทียบไม่ได้กับกองกำลังผู้ปลูกฝังสามหมื่นคนของหยุนเตียน นับตั้งแต่ได้ยินที่รายงานว่าการเพาะปลูกของพวกเขาแข็งแกร่งมาก ตอนนี้กองทัพของตาจินส่วนมากเป็นผู้ฝึกฝนและนักรบ พวกเขาจะเอาชนะได้อย่างไร!?


 


ท้ายที่สุดแล้วพลังของผู้ฝึกฝนแข็งแกร่งกว่านักรบเป็นหลายเท่า!


 


“นั่นเป็นตัวเลือกเดียวที่เรามีนะท่านจักรพรรดิ!” นายพลพูดด้วยเสียงสั่น “พวกเขาตั้งใจที่จะโจมตีกองกำลังหลักของเรา หากพวกเขาสามารถเข้าสู่ศูนย์กลางของดินแดงเราได้แล้วพวกเขาสามารถโจมตีพระราชวังหรือสำนักงานใหญ่ของกลุ่มพันธมิตรได้อย่างง่ายดาย”


 


กาเคลื่อนย้ายของกองทัพหยุนเตียนนั้นทรงพลัง ชัดเจนแจ่มแจ้งว่ากองกำลังของตาจินนั้นแทบจะเทียบไม่ได้เลยในตอนนี้


 


ด้วยเรือขนส่งทางจิตวิญญาณจำนวนมากพร้อมไปด้วยผู้ฝึกฝนและผู้ปลูกฝังนับหมื่นของหยุนเตียน พวกเขาสามารถไล่ล่านักรบและผู้ฝึกฝนของตาจินได้อย่างง่ายดาย ตัวเลือกเดียวในการถ่วงเวลาตอนนี้คือการไล่ล่าพวกเขาด้วยเรือขนส่งทางจิตวิญญาณ แต่ปัญหาคือเรือทางจิตวิญญาณของตาจินนั้นสามารถบรรจุคนได้เพียงหมื่นคนเท่านั้น


 


“ข้ายินดีที่จะปิดกั้นศัตร๔ด้วยกองทัพนักฆ่าผู้แข็งแกร่งทั้งสามหมื่นนาย!”


 


“ข้ายินดีที่จะเป็นผู้นับทัพหน้า!” นายพลวัยกลางไว้หนอดเคราคนตะโกน


 


พวกเขาเป็นนายพลระดับสูงครั้งหนึ่งพวกเขาเคยมีโอกาสหารือเกี่ยวกับคาถาที่แท้จริงที่สามารถควบคุมสายฟ้ากับนายกจาง นายพลผมขาวคือหวังตงส่วนนายพลผู้มีหนวดเคราชื่อว่าหลี่ไคฉาน พวกเขาเป็นผู้มีมากประสบการณ์ของตาจิน


 


“ทุกคนโปรดมองหาเหล่าผู้คนจากหยุนเตียนระดับสูง” หวังตงชี้นิ้วไปที่ภูเขาสีเขียวที่อยู่ห่างออกไป “มันสวยงามและเต็มไปด้วยทรัพยากร แต่ที่ดินของเราค่อยข้างยากจนและอยู่ในที่ชนบท”


 


“พวกเขามองว่าตัวเองเป็นผู้ปลูกฝังระดับสูงจากอาณาจักรชั้นสูงพวกเราต้องเคารพพวกเขา อย่างไรก็ตามพวกเขาทำให้เรากลายเป็นมดต้อยต่ำที่สามารถจะบดขยี้เมื่อใดก็ได้ .. แต่วันนี้สิบเมืองของพวกเราได้รับความเสียหายอย่างต่อเนื่อง พี่น้องหลายคนของเราต้องเดือดร้านพวกท่านจะยอมรับความอัปยศอดสูครั้งนี้ได้หรือ!?”


 


“วันนี้ข้าจะออกไปต่อสู้เพื่อพวกเราแม้จะแลกด้วยความตายก็ตาม ใครจะเอากับข้าบ้าง!”


 


“เรายินดี” เสียงคำรามดึงกึกก้องปลุกพลังความกล้า ความรักชาติ!


 


ด้วยการแสดงออกที่น่ากลัวจีวูตัดสินใจ “ด้วยความเต็มใจในการทำสงครามเพื่อแผ่นดิน ชีวิตของเราทุกคนมีความเสี่ยงในฐานะจักรพรรดิข้ามีิอาจยืนนิ่งและเฝ้าดูได้!”


 


“ทหารองครักษ์ของข้าอยู่ที่ไหน?”


 


“กองทัพจิวหัวอยู่ที่ไหน!?”


 


“กองทัพพันธมิตรวู่เว้ยอยู่ที่ไหน?”


 


“พวกเราอยู่นี่!” ผู้คนกว่าสองพันคนตะโกนและโบกธงไปมาในสายลม


 


“วันนี้ข้าจะนำยอดทหารสามหื่นนายของกองทัพเกราะเหล็กและเหล่าผู้ฝึกฝนจากพันธมิตรวู่เว้ยพร้อมด้วยกองกำลังทัพร่วมของตาจิน(กองกำลังจากคาเฟ่) เข้าร่วมการต่อสู้ จะสู้แม้ตัวตายก็ยอม!”


 


“ไม่นะท่านจักรพรรดิ!”


 


“ท่านต้องอยู่เพื่อประชาชน”


 


“ได้ยังไง? จะหยุดพวกเขายังไง?” จีวูพูดด้วยรอยยิ้มเย็นชา “พวกเขาจะกำจัดทหารของเราทีละคน!”


 


“อย่างน้อย เราก็สามารถถ่วงเวลาพวกมันด้วยการเจรจาจนกว่ากองกำลังหลักของเราจะมา!”


 


“กองกำลังของเราจะหยุดเขาได้อย่างไรเพียงแค่นั้น ทุกคนต้องแลกชีวิตไปหรอ ไม่เราจะต้องถ่วงเวลา” จีวูทุบกำปั้นของเขา “ตอนนี้ข้าเข้าใจสถานการณ์อย่างชัดเจน แม้เราจะมีทหารและนายผลจำนวนมาก แต่ศักยภาพในการปิดกั้นพวกเขาด้วยหารนับหมื่นในตอนนี้ก็คงไม่พอ”


 


หากปราศจากทหารและกองกำลังสำคัญไป ตาจินก็ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจาปกป้องเมืองหลวง


 


จีวูไม่ใช่จักรพรรดิที่ไม่ได้อะไรหรือเลือกจะปกป้องสิ่งที่เขามีเท่านั้น ในฐานะจักรพรรดิที่สองแห่งตาจินแม้เขาจะรักที่นี่มาก แต่เขาก็ไม่สามารถละทิ้งบ้านเมืองประชาชนและทหารของเขาได้ แม้ใจลึกเขาเองจะปรารถนาอย่างยิ่งที่จะได้รับพลังที่ยิ่งใหญ่กว่าเมืองเทียบกับจักรพรรดิองค์เก่าอย่างจีซวนจงก็ตาม


 


“ข้าตัดสินใจแล้ว!” จีวูพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจเสื้อคลุมสีทองของเขากระพือตามสายลมด้วยศรัทธาอันแรงกล้า

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม