Black Tech Internet Cafe System 270-276
ตอนที่ 270
“ข้าได้ยินมาว่าเหล่าอาจารย์จากตาจินทุกคนเล่นเกมขโมยผัก .. พวกเขาสนุกกับมันมาก!”
“พวกเขาไม่ได้เล่นอย่างอื่นบางหรอ?” มีคนตะโกนแย้งด้วยความประหลาดใจ “ข้าเห็นคนพวกนี้วันนี้ เขามีระดับที่สูงกันมากพวกเขามีเวลาทำอย่างอื่นมากขนาดนี้ได้ยังไงกัน?”
อีกคนที่ยืนอยู่แถวนั้นตอบว่า “เกมอื่นไม่ได้มีผลต่อการเล่นเจ้ากระบี่ขั้นเทพ เจ้าเพียงแค่เสียเวลาไปตรวจสอบการปลูกผักแค่ชั่วครู่มันง่ายจะตาย!”
“ง่าย!?”
ร้านในเมืองครึ่งมีผู้เล่นเพียงไม่กี่คนที่เพิ่งมีโอกาสเล่นเกมและได้แลกเปลี่ยนพูดคุย เห็นได้จัดว่าความบัยเทิงรูปแบบใหม่จากจิวหัวได้แพร่กระจายไปทั่ว
“ขโมยผักหรือ?” หวังซานที่เพิ่งเข้ามาในร้านได้ยินการสนทนานี้ “มันคืออะไร?”
“เมื่อวานมีคนพูดคุยกันในกลุ่ม” เต๋าหินเล็กกล่าวต่อว่า “ดูเหมือนว่าสิ่งที่พูดถึงอยู่นี้จะอยู่ในคิวโซน พวกเราควรเข้าไปดูมันมั้ย?”
ด้วยกองกำลังใกล้เคียงและผู้เล่นอิจสระบางคนที่ได้ยินข่าวคราวอันหน้าสนุก คอมพิวเตอร์พันเครื่อง ณ คาเฟ่จิวหัวได้ถูกยึดครองอย่างสมบูรณ์
โชคดีที่เวลาเฉลี่ยของแต่ละคนไม่ได้นานนัก
ณ คาเฟ่เมืองครึ่ง หวังซานและเหล่าสมุนเดินเข้ามาในคาเฟ่เมื่อจับจองคอมแล้วโดยปกติสิ่งที่เข้าเป็นสิ่งแรกคือเกมเจ้ากระบี่ขั้นเทพ แต่วันนี้พวกเขาเปิดคิวโซนก่อน
“เลือกสถานที่เกิด?” พวกเขามองไปรอบๆ และพบว่ามันทำความเข้าใจง่ายกว่าเจ้ากระบี่ขั้นเทพเสียอีก กระการก็แค่เก็บผักซื้อเมล็ดพืชทำสวนปลูกผักมันง่ายมาก
เมื่อมองไปรอบๆ พบทุ่งหญ้าสีเขียวขจี หวังชานอุทานชื่นชมในขณะขุดดิน “ที่นี่ช่างเป้นสถานที่ที่ดีจริงๆ” หลังจากรวบรวมผักที่ได้เวลาเก็บเกี่ยวพวกเขาก็ซื้อเมล็ดพันธุ์ใหม่เพื่อเวียนปลูกในรอบต่อไป “แค่นี้หรอ” พวกเขาพบว่านี่คือทั้งหมดที่พวกเขาต้องทำ
“ผักเหล่านี้ทำอะไรและมีผลต่อเรายังไงบ้าง?” พวกเขาจำได้ว่ามีคนพูดถึงผักว่าสามารถขายเป็นเหรียญเพื่อนำมาซื้อสิ่งของอื่นๆ หรือสามารถกินเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งในการเพาะปลูกได้เล็กน้อย
ทันทีที่หวังซานเปิดร้านและเลื่อนดูของเขาตกตะลึงทันทีที่เห็นคู่มือการเลี้ยงหนอนไหมน้ำแข็งที่หายไปนานหลายปี
“ไหนข้าดูบ้าง” เต๋าหินเหล็กเปิดร้านค้าขึ้นมาและเลื่อนตามดูด้วยความตื่นเต้น “หืม .. คู่มือการปลูกดอกไม้เหล็ก? ดอกไม้เหล่านั้นเกือบจะสูญพันธุ์ไปแล้วนับตั้งแต่การปลูกแบบนั้นหายไปเมื่อสามพันปีก่อน”
“คู่มือเลี้ยงหนอนเลือด?” ซากุอ่านรายละเอียดด้วยความประหลาดใจ “คู่มือนี้มีเทคนิคพิเศษ มันน่าสนใจมากเทคนิคพิเศษนี้จะต้องพาข้าไปสู่ระดับที่สูงขึ้น!”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!” หลังจากที่หัวผักกาดเติบโตได้เวลาเก็บเกี่ยวอีกครั้ง พวกเขาก็นำมันไปแลกเป็นเหรียญและซื้อมันกลับมาปลูกอีกครั้ง
มันทำให้เขามีความสุขทุกครั้งที่ได้เก็บเกี่ยว
“ปี๊ป!” เสียงจากข้อความใน QQ ดังขึ้น
“ฮงจินจากจิวหัวต้องการเพิ่มท่านเป็นเพื่อน ท่านจะยอมรับหรือไม่?”
“เหลียงหัวจากจิวหัวต้องการเพิ่มท่านเป็นเพื่อน ท่านจะยอมรับหรือไม่?”
“เยน้อยจากจิวหัวต้องการเพิ่มท่านเป็นเพื่อน ท่านจะยอมรับหรือไม่?”
“…”
ผู้คนจำนวนมากต้องการเป็นเพื่อนกับข้า? เป็นเพื่อนกันทำไม? หวังซานค้างอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะไตร่ตรองหรือพวกเขาอาจรู้ว่าครอบครัวหวังของข้าประสบความสำเร็จและต้องการได้รับมิตรภาพกันนะ?
ไม่ .. พวกเขารู้ได้ยังไงกัน!? หวังซานส่ายหัวและผลักความคิดนี้ออกไปจากหัว แต่จะให้นึกถึงอย่างอื่นก็ไม่ได้เลย
ช่างมันเถอะ! เขากดยอมรับ!
หลังจากยอมรับเพื่อนหลายคนก็หันหน้ามองกันด้วยสายตาแปลกๆ โดยเฉพาะซากุและเต๋าหินเหล็ก
“เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าสองคน?”
ซากุขำและกล่าวว่า “ผู้คนจำนวนมากต้องการเพิ่มข้าเป็นเพื่อนหรือบางทีพวกเขาอาจจะรู้ว่าข้าเป็นคนที่ยอดเยี่ยมแน่ๆ”
เต๋าหินเล็กนั่งนิ่ง “แปลกมาก! ข้าก็ได้รับข้อความเหล่านั้นเช่นกัน!”
“พวกเจ้า! มีความสุขอะไรกัน!?” ขณะเดียวกันชายเสื้อคลุมสีดำที่ยืนอยู่เอ่ยถามข้างๆ เขามีชายผ้าคลุมสีเทา
“ปีศาจดำ!” หวังซานรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่เห็นการปรากฏตัวของปีศาจดำที่นี่
เขาป้องมือของเขาและตอบว่า “มันไม่ใช่ความลับอะไรหรอก” เขาชี้ไปที่หน้าจอแล้วพูดว่า “เรากำลังปลูกผักกันในคิวโซน มันสามารถนำประโยชน์มาให้เรามากมาย ผักที่ปลูกสามารถเอาไปแลกเป็นเหรียญทองเพื่อซื้อของหรือจะนำมันมากินเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งก็ได้ เอ้อลืมบอกไปว่าร้านค้าที่นี่มีสมบัติล้ำค่าหายากมากมาย!”
“จริงหรือ?” ชายสองคนจ้องมองในหน้าจอเขาพบว่ามีบ้านไร่ทุ่งหญ้า “อืม .. ขอบใจที่บอกพวกเรา”
จากนั้นเขาสองคนจับจองคอมพิวเตอร์และเข้าไปปลูกผักในทันที .. หลังจากปลูกได้ไม่ถึงชั่วโมงพวกเขาก็ได้รับข้อความากมาย
“ชิงลี่แสงจันทร์ จากจิวหัวต้องการเพิ่มท่านเป็นเพื่อนท่านจะยอมรับหรือไม่?”
“อาจารย์เยซง จากจิวหัวต้องการเพิ่มท่านเป็นเพื่อนท่านจะยอมรับหรือไม่?”
“…”
ผู้คนจำนวนมากต้องการเพิ่มข้าเป็นเพื่อน? ปีศาจดำทำหน้าสับสน เขากดยอมรับและส่งข้อความถึงพวกเขา
[เจ้ากำลังทำอะไรหรือ] หลังจากพิมพ์คำลงไปเขารู้สึกว่าคำถามมันไม่ค่อยเข้ากับตัวเขาเท่าไรเขาจึงเพิ่มเครื่องหมายคำถามลงไป
“อืม .. ค่อยดีขึ้นหน่อย”
ไม่มีใครตอบกลับเลยยกเว้นคนที่ชื่ออาจารย์เยซงคนเดียว [ไงลาวตี้จากทะเลดวงดาว!] เขาส่งข้อความพร้อมรูปเจ้าหมาอาคิตะทำหน้าโง่
(ผู้แปล : ลาวตี้ Laotie ใช้แทนคำว่าเพื่อนมักใช้กันในภาคเหนือของจีน)
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า” ปีศาจดำหัวเราะ เขามองว่าผู้ชายคนนี้ช่างตลกดี ข้าชอบเขา!
“ท่านหัวหน้า!” วังจินผู้เพาะปลูกสวมเสื้อคลุมสีเทาตะโกน “เข้าเกมเร็ว! เราพบที่ลับในเม้งชง ซอมบี้ที่นั่นให้ไอเทมใหม่และหนังสือทักษะมากมาย!”
“ทักษะใหม่?” หลังจากปีศาจได้ยินเช่นนั้นเขารีบเข้าเกมทันที “ทักษะอะไร?”
“มันเยอะมาก!” วังจินมองไปที่เทคนิคต่างๆ “ระเบิดไฟ, กำแพงไฟ หลายอย่างมันน่าสนใจมาก”
“ไป! แสงให้ข้าเห็นที”
ณ อีกด้านหนึ่งของกลุ่มหวังซาน
“นี่ศิษย์พี่หวัง! ในเมืองนี้ดูเหมือนจะมีหนังสือเกี่ยวกับสายฟ้าขาย”
“หนังสือทักษะ!?” เขาประหลาดใจเมือได้ยินเช่นนั้น
“มันราคาเท่าไร?” หวังชานถามทันที
“ห้าสิบคริสตัล!” เต๋าหินเหล็กมองที่หน้าจอแล้วพูดว่า “นอกจากนี้ยังมีหนังสือตัวอักษรรูนไฟ!”
“ไปดูกัน!”
“ว้าว!” สายฟ้านี่สุดยอดมา พวกเขาอุทาน
“ตัวอักษรรูนนี่ก็ไม่แพ้กัน!”
ขณะเดียวกันร่างพร้อมเพรียวกำลังบุกสวนของหวังซาน “หึ! ไอ้คนพวกนี้มันฆ่าข้าและทำของข้าหล่นหมด ข้าจะขโมยหัวผักกาดอันใหญ่ของมันซะ!”
เยเสี่ยวเย้ขุดหัวผักกาดขึ้นมาด้วยความแค้นใจ ในไม่ช้าหัวผักกาดที่ได้เวลาก็ถูกขุดออกมา เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่รอบๆ เธอจึงวิ่งไปพร้อมกับหัวผักกาดในอ้อมกอด
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา ..
“ก่อนหน้านี้พวกเจ้าปล้นเนื้อไก่จากข้า ข้าจะทวงหัวผักกาดจากเจ้าคืน!” ใบลังเดินเข้าไปในสอนพร้อมขุดหัวผักกาดขึ้นมา
ไม่นานหลังจากนั้นร่างดำอีกร่างก็แอบเข้ามา …
ตอนที่ 272
ณ พื้นที่นอกเขตเมืองครึ่งท้องทะเลที่สว่างเริ่มมืดลง ก้อนเมฆปรากฏรูปตามจินตนาการเป็นรูปคนเดินตามดวงดวงดาวเจ็ดดวงพร้อมดาบที่ถือในมือ
เมฆหมอกทยานขึ้นบนท้องฟ้าขณะเดียวกันสายฟ้าฟาดก็พุ่งกระหน่ำเหมือนมังกรและงู!
ฟางฉียังไม่สามารถใช้พลังดาบสายฟ้าได้เสถียรเท่าไรนัก ทุกครั้งเขาต้องใช้บุหรี่เพื่อเป็นตัวช่วยพลังแห่งสวรรค์และดาบเวทย์มนตร์นี้มีพลังมากมันอาจฆ่าเขาได้หากทำผิดพลาดไป
ฟางฉีไม่ค่อยกล้าใช้มันเท่าแต่นอกเสียจากกรณีฉุกเฉิน อย่างไรก็ตามเขาได้รับแรงบันดาลใจส่วนหนึ่งจากหนังสือสวรรค์ เขาทำความเข้าใจกับเวทย์มนตร์ในการควบคุมสายฟ้าซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงกล้าใช้มันในตอนนี้
“ดูเหมือนฝนจะตก” ในท้องฟ้าอันกว้างและห่างไกลมีเรือวิญญาณขนาดใหญ่อันงามงดกำลังบินในสายลมอย่างต่อเนือง ขณะเดียวกันเมฆที่เคยสดใสกลับมืดมัวจนแสดงให้เห็นถึงความผิดปกติเล็กน้อย
“ฝนตกหรือ?” ชายหนุ่มผิวขาวในวัยราวๆ ยี่สิบกำลังยืนมองวิวบนเรือพึมพำกับตัวเอง การแสดงท่าทางของเขาดูลึกลับและเยือกเย็น ข้างหลังเขาคือผู้เพาะปลูกหญิงในรุ่นราวคราวเดียวกัน สังเกตได้ว่าพวกเขามาจากที่เดียวกัน
เด็กหฯิงทั้งสองกระซิบกันว่า “โชคดีที่เราเดินทางด้วยเรือมังกรของศิษย์พี่ต้วน! ข้าว่าเรือนี้คงไม่กลัวพายุแลบะฟ้าผ่าเจ้าคิดงั้นมั้ย?”
“ได้ยินมาว่าเรือมังกรของพี่ต้วนเป็นของขวัญจากผู้อาวุโส มันเป็นทางจิตวิญญาณที่ผู้อาวุโสนำไม้มาจากปรักหังพังมาต่อเติมและสลักรอยจิตวิญญาณอันแข็งแกร่ง!”
“มันทรงพลังมากงั้นสิ! อืม .. งั้นเราก็ตัดสินใจถูกต้องแล้วที่ออกมากับพี่ต้วน!”
“ศิษย์พี่ต้วนเป็นตัวอย่างผู้ฝึกฝนที่ดีที่สุดในรุ่น!” ผู้เพาะปลูกร่างอ้วนอีกคนเดินเข้ามา “ข้าได้ยินมาว่าพี่น้องหลายคนชื่นชมเขามากแถมยังกล่าวว่าเรือนี่เป็นเรือจิตวิญญาณที่ยอดเยี่ยมที่สุด!”
“แน่นอน!” ชายหนุ่มชุดขาวยิ้มอวดดี “มันเป็นสมบัติที่ลุงของข้าได้รับมาจากซากปรักหักพัง ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องธรรมดา! อ้อ .. แล้วข้าจะบอกพวกเจ้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ มันมีสามคุณสมบัติอย่างแรกคือมันรวดเร็วมากจนไม่มีใครสามารถตามได้ทัน!”
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! ขณะที่พวกเขากำลังพูดคุย จู่ๆ เสียงเคาะก็ดังขึ้น เสียงเคาะช่างดึงดูดความสนใจของทุกคน
พวกเขาเงยหน้าขึ้นก็พบเข้ากับเด็กหนุ่มอายุราวๆ เกือบยี่สิบปียืนอยู่ด้านนอกเรือ “พวกท่านช่วยบอกวิธีเดินทางไปยังเมืองมังกรดำทีได้มั้ย?”
โดยที่ไม่รู้ตัวผู้ฝึกฝนร่างอ้วนก็ชี้ไปยังทิศทางของเมืองนั้น
“เดี๋ยวนะ! เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร?” ชายหนุ่มชุดขาวได้สติเขารีบเอ่ยถามทันทีเพราะนี่มันเรือจิตวิญญาณไม่ใช่ท้องถนนธรรมดา!
“ข้าบินขึ้นมา!” ฟางฉีหันมองดาบที่อยู่ใต้เท้าของเขา “ขอบคุณ” เขาเอ่ยก่อนจะบินไปข้างหน้า
หญิงสาวที่เพิ่งพูดชมเชยอ้าปางค้างเมื่อเห็น
“เมื่อกี้มันคืออะไร?”
“เจ้านั่นทรงพลังมาก ..”
“และเขาก็ดูเด็กกว่าศิษย์พี่ต้วนอีก ..”
หญิงอีกคนที่มีใบหน้าอันงดงามเธอสวมชุดสีน้ำเงินเขียวเดินออกจากห้องโดยสารและมองที่ข้างหน้าด้วยความอยากรู้อยากเห็น “ท่านทั้งสองกำลังพูดเรื่องอะไรกันหรอ?”
พวกเขาชี้ไปข้างหน้าทันที “น้องหลินดูนั่นมีคนบางคนกำลังบินผ่านเราไปด้วยดาบ”
พวกเขามองดูจนร่างนั้นค่อยๆ หายเข้าไปในกลีบเมฆ เด็กหญิงอีกคนปิดปากของเธอด้วยมือ “ไม่อยากจะเชื่อเลยถ้าข้าไม่เห็นด้วยตาตัวเอง!”
ผู้ฝึกฝนร่างอ้วนพูดว่า “ศิษย์พี่ต้วน เราอยู่ไหนกัน?”
ทันทีที่เอ่ยถามดูเหมือนว่าเขาจะรู้บางอย่างจึงรีบเงียบชะงักทันที
ต้วนหลันกัดฟัน “เจ้าเด็กนั่นมาจากไหน!?”
…
ณ เมืองมังกรดำเมืองแห่งการเพาะปลูกที่ใกล้เคียงกับเมืองครึ่งที่สุดในพื้นที่ทะเลดวงดาว
ที่นี่ทะเลดวงดาวแตกต่างจากจิวหัวมันประกอบไปด้วยกองกำลังเพาะปลูกที่มีความสัมพันธ์อันซับซ้อนซ่อนเงื่อน ทุกคนที่เป็นบุคคลยอดเยี่ยมสามารถสร้างเมืองในภูมิภาคนี้ได้
เมื่อนี้มีชื่อว่ามังกรดำเนื่องจากผู้นำหวังปู่เต๋าได้จัดการกับมังกรดำผู้ดุร้ายด้วยความแข็งแกร่งด้านการเพาะปลูกที่เขาใช้เวลาเป็นพันปีเพื่อฝึกฝนในที่แห่งนี้
เช่นเดียวกับเมืองอื่นๆ เมืองมังกรดำได้รับการปกป้องอย่างเข้มงวดและผู้คนต้องเดินทางเข้าเมืองก่อนเวลาหนึ่งทุ่มของทุกวัน ยกเว้นผู้ที่มีตัวตนหรือคำเชิญพิเศษที่สามารถผ่านประตูด้านในเวลากลางคืนได้ สำหรับคนอื่นๆ พวกเขาต้องรอจนถึงเวลาเปิดประตูอีกอีกครั้งในวันถัดไป
ขณะนี้เวลาทุ่มหนึ่งแล้ว ยามสองคนกำลังทำหน้าที่ของตนพวกเขากำลังปิดประตูเมืองด้วยความประนีประนอม ขณะเดียวกันร่างหนึ่งบินไปหาพวกเขาด้วยความรวดเร็ว
ประตูเมืองที่กำลังจะปิดลงมีช่องทางแคบๆ ที่กว้างพอสำหรับคนคนหนึ่งจะผ่านไปได้
ฟิ้ว! ร่างหนึ่งบินเข้ามาเพียงเสี่ยววิประตูได้ปิดลง .. ยามทั้งสองตะลึงงั้นและมองย้อนกลับทันที
“เจ้าหนุ่ม เจ้าคือใคร? เจ้าไม่รู้หรือว่ามันได้เวลาปิดพอดี ..”
“ข้ารู้”
“แต่เจ้าก็ยังเข้ามาในเมืองหรอ?” ยามทั้งสองหน้าเสีย
“ข้าไม่ควรเข้าหรอ?” ฟางฉีกล่าวเสียงเรียบ “งั้นท่านช่วยเปิดประตูให้ข้าออกไปข้างนอกได้มั้ย?”
ทหารยามพูดไม่ออก
อินเทอร์เฟซของระบบเขาตอนนี้แสดงให้เห้นว่าแร่หินอยู่ในเมืองมังกรดำแห่งนี้
ขณะเดียวกันหวังซานและปีศาจดำพร้อมด้วยคนอื่นๆ ก็กำลังเล่นเกมเจ้ากระบี่ขั้นเทพเพิ่งเสร็จและกำลังจะออกเกม แต่พวกเขาจำได้ว่ายังไม่ได้เก็บผักจึงรีบเข้าคิวโซนทันที
หวังซานเดินเข้าไปในสวนของเขาและกำลังจะเก็บหัวผักกาดอันอวบอิ่ม “ทำไมถึงมีสามรู!?”
“หัวผักกาดของข้าทำไมเหลือแค่ครึ่งเดียว!?”
ปีศาจดำและคนอื่นๆ ก็เข้าไปดูสวนของตัวเองเช่นกัน .. หัวผักกาดของหลายคนหายไปเกือบครึ่ง!
ปีศาจดำทำหน้าสับสนมันเกิดอะไรขึ้น? ของข้าอยู่ที่ไหน? วังจินเองก็สงสัยไม่แพ้กัน
“ใครเป็นคนทำ!?” พวกเขามองไปรอบๆ มีใครอีกบ้างที่จะมาเหยียบที่นี่
ในไม่ช้าพวกเขาก็พบว่าเพื่อนๆ สามารถเข้ามาเยี่ยมชมสวนได้ เมื่อเรียกดูแทบข้างๆ พวกเขาก็เห็นการขอเพิ่มเพื่อนที่เพิ่มขึ้นหลังจากปลูกผัก
“…”
“ชิบ!”
“พวกหัวขโมยจากจิวหัว ขโมยผักของข้า!” ปีศาจดำหัวร้อนเล็กน้อย เขาจำได้ว่าอาจารย์ซงได้ส่งรูปมาหน้าโง่มาให้เขา
“บ้าเอ้ย!” เขาส่งอิโมจิรูปมีดกลับไปทันที
[ท่านถูกขึ้นบัญชีดำโดยผู้ใช้รายนี้]
เขาส่งอิโมจิรูปมีดอีกอัน
[ท่านถูกขึ้นบัญชีดำโดยผู้ใช้รายนี้]
เขาเบิกตาโพลงจึงลองส่งให้อีกคนหนึ่ง
“…”
“แม่งเอ้ย!” เขาโกรธมากและรีบเปิด QQ ตามเหล่าผู้คุมให้มารวมตัวกันที่นี่ [ข้าต้องการฆ่าพวกมัน!]
[เวลาใช้งานประจำวันนี้ของท่านหมดลงแล้ว โปรดกลับมาใหม่ในวันพรุ่งนี้]
“…”
ตอนที่ 272
“เจ้าหมายถึง .. เจ้าของนั่นออกจากเมื่อไปแล้วใช่มั้ย?” ที่นี่ไม่มีแสงสว่างแม้แต่ชีวิตก็ยังอ่อนแอจนได้กลิ่นความตายลอยโชย
ความเงียบและความเยือกเย็นชวนขนลุกทำให้ที่แห่งนี้เปรียบเสมือนคฤหาสน์ในนรก! โดยสภาพแวดล้อมและเสียงที่ดังลึกฟังดูเหมือนว่าซากศพกำลังคืบคลานออกมาจากหลุมมันก้องอยู่ในห้องโถงหิน จู่ๆ แสงไฟก็เริ่มสว่างไสวขึ้นทีละดวง
ไฟแต่ละดวงค่อยๆ แสดงขึ้นจนสามารถเห็นร่างผู้ปลูกฝังสองคน ทั้งสองใส่ชุดที่คลุมไปด้วยสีดำดูลึกลับ เมื่อพิจารณาจากออร่าที่เปล่งออกมาจากตัวพวกเขาแล้วบอกเลยว่าพวกเขามีความเขามีความแข็งแกร่งสูงมาก
ชายชุดคลุมสีดำผู้นั่งอยู่กลางห้องโถงหินดูลึกลับเขาและความมืดดูกลมกลืนกันอย่างไม่น่าเชื่อสถานะการชวนน่ากลัวจนขนลุก ภายใต้แสงไฟสลัวหากมองดูจะพบว่าชายวัยกลางคนอื่นคนยืนอยู่ในห้องโถ่ง เขาตอบกลับคำถาม “ใช่!”
ลมเย็นๆ โชยพัดเข้ามาในห้องโถงทำให้แสงไฟพลิ้วตามสายลมราวกับว่ามันจะดับลง
ในเมืองครึ่งสมาคมแห่งสวรรค์ดูเหมือนจะได้รับความนิยมอย่างมากหลังจากที่หลายคนหลายกลุ่มได้พิสูจน์แล้วว่าที่นี่เพิ่มพลังด้านการเพาะปลูกได้จริง แม้ว่าหลายคนในตอนแรกจะไม่เชื่อ อย่างไรก็ตามตามคำพูดที่ชวนน่าลองได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งในเมืองและนอกเมืองจึงทำให้กองกำลังต่างๆ เริ่มวางแผนการ
ความแข็งแกร่งไม่สามารถหยุดยั้งผู้คนจากความโลภได้เพราะนั้นคือสิ่งที่พวกเขาต้องการ ยิ่งความโลภความต้องการมากแรงจูงใจก็มากตาม แม้แต่บุคคลมากอำนาจเองก็มีจุดอ่อน หากความอ่อนแอถูกค้นพบพวกเขาก็อาจพลาดได้ไม่ว่าจะแข็งแกร่งแค่ไหน
สำหรับกองกำลังที่หยั่งรากลึกในเมืองมันไม่ยากเลยที่จะได้รับข่าวสารข้อมูล หลังจากตรวจสอบในวันนี้พวกเขาพบว่าร้านค้าหลักดูเหมือนจะอยู่ในสถานที่ที่ห่างไกลมากซึ่งหมายความว่าพลังอันยิ่งใหญ่อยู่เบื้องหลังร้านค้าและมันไม่สามารถเข้าถึงได้โดยเวลาอันสั้น
แม้ว่าร้านนี้จะสามารถทำลายฉินฮงหลินได้ก็จริง แต่นั้นก็เพราะว่าอยู่ในร้าน หากอยู่นอกร้านก็คงจะอ่อนแอและคงต้องใช้เวลา
ฟางฉีได้กำจัดหลี่หวังกวนไปแล้วไม่ได้หมายความว่าเขาจะแข็งแกร่งพอจะฆ่าใครสักคนในอาณาจักรทะเลดวงดาวนี้อีก กล่างอีกนัยหนึ่งเจ้าของร้านอาจแข็งแกร่งจริงแต่ก็ไม่ได้จะเอาชนะทุกคนเสมอไป
มันเป็นแผนการที่ดีหากพวกเขาจะจับฟางฉีและรีดข้อมูลความลับของร้านค้าจากเขา!
“เขาอยู่ที่ไหน?”
“เมืองมังกรดำ ข้าได้ยินมาังใต้ดินที่นั้นมีความยอดเยี่ยมในการค้นหาเทคนิคจิตวิญญาณอันยอดเยี่ยม หากท่านมีข้อมูลข้าก็หวังว่า ..”
“วังใต้ดิน .. ข้าจะส่งสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณเหล่านั้นไปใช้!” สายลมยังคงพัดโชยแรงขึ้นจนแสงทั้งหมดดับลง ดูเหมือนว่าวิญญาณภูติผีหลายร้อยคนกำลังลอยวนเวียนรับรู้ถึงงานที่ได้รับในความมืด สัมผัสได้นัยย์ๆ ว่าพวกเขากำลังร้องโหยหวนชวนสยอง
…
ณ เมืองมังกรดำ
เมืองนี้มีประชากรน้อยกว่าจิวหัวมาก เนื่องด้วยไม่มีคนธรรมดาหรือสถานะต่ำกว่าเหล่าผู้ฝึกฝนอาศัยอยู่ที่นี่ มีเพียงผู้ฝึกฝนผู้ปลูกฝังหรือสูงกว่านั้นอาศัยอยู่
“ยกโทษให้ข้าด้วย ข้ารักอิสระและทำอะไรไม่คิด” ฟางฉีร้องขอขณะโดนคุมตัว เขาเองมองไปรอบๆ เมืองเพื่อค้นหาแร่หินด้วยความไม่สะท้านสักเท่าไร ผู้ปลูกฝังที่เดินผ่านต่างก็เขาด้วยสีหน้าที่พูดไม่ออก
เมืองนี้ดูดีกว่าเมืองครึ่งอย่างน้อยก็ไม่มีเรือจิตวิญญาณจอดอยู่บนอากาศเหนือเมือง หรือบางทีข้าควรใช้พวกสัตว์เป็นยานพาหนะ เนื่องจากเมืองใหญ่ทุกที่ห้ามบินในเมทองและกฎระเบียบที่นี่นั้นเข้มงอดกว่าเมืองครึ่งเสียอีก
“ไปทางตะวันตก ตรงไปยังใจกลางเมือง!” คนขับเป็นผู้ปลูกฝังระดับสามัญเขาใส่เสื้อผ้าสีเทา ฟางฉีเอ่ยถามเขาเกี่ยวกับข้อมูลทั่วไปของเมืองมังกรดำ
ครึ่งชั่วโมงต่อมา “ข้างหน้าเราคือคฤหาสน์ของผู้บังคับบัญชา!” คนขับเอ่ย
ฟางฉีเงยหน้าขึ้นมองเห็นคฤหาสน์ขนาดใหญ่ที่มีรถม้าหรูหราหลายคันจอดอยู่หน้าประตู สิ่งที่ดูสะดุดตามากที่สุดคือสิ่งโตสีขาวที่ดูงดงามมาก ฟางฉีสงสัยว่าใครกันเป็นเจ้านาย
คฤหาสน์ของผู้บังคับบัญชา? ฟางฉีมองไปยังกำแพงสูงชั้น โอ้ย! พวกเจ้าทำให้ทุกอย่างกลายเป็นเรื่องยากสำหรับข้า ข้าเป็นคนมีการศึกษาพวกเจ้าพาขามาที่นี่ให้มาขโมยของที่นี่หรอ? ฟางฉีคำนวณความสูงจากพื้นกับกำแพงอย่างช้าๆ หรือข้าควรจะไตร่กำแพงหนี เอ้ะ? ที่นี่มีหมาเฝ้ายามหรือเปล่า?
“ท่านผู้คุมถ้าท่านไม่ต้องการข้าแล้วข้าไปก่อนละ!” ผู้ฝึกฝนตะโกนบอก
“ลาก่อน!” ฟางฉีโบกมือลา
เมื่อรถม้าหายไปฟางฉีจึงเดินเข้าไปใกล้กับประตูคฤหาสน์ช้าๆ ไม่มีทหารยามเลย ข้าจะไปถามใครได้ละเนี่ย อย่างไรก็ตามเขาค่อยๆ ย่องไปข้างหน้าช้าๆ สิงโตขาวส่งเสียงคำรวมขึ้น! มันดูดุร้ายมากจะกระโจนหาเขาเวลาใดก็เดาไม่ถูก
ใช่! ที่นี่ไม่มีหมาเฝ้ายามอย่างที่คาดการณ์ไว้ แต่กลับมีสิงโตแทน! ฟางฉีขมวดคิ้วพลางคิดว่าสถานการณ์นี้ค่อนข้างลำบาก
โฮก! โฮก! มันยังคงคำรามดังขึ้นเรื่อยๆ
ฟางฉีหยิบอิฐจากพื้นขึ้นมาด้วยความหงุดหงิด “ข้าจะปาใส่เจ้า ได้ยินมั้ยถ้าไม่หยุด!”
โฮก! โฮก! โฮก!
“หืม หลบเก่งนี้” เจ้าสิงโตคำราม ฟางฉีเลิกสนใจและรีบไตร่กำแพง
ขณะเดียวกันคนกลุ่มหนึ่งเดินมาใกล้ประตูจากด้านใน ประตูเปิดออกช้าๆ ชายวัยกลางคนดูผมขาวท่าทางสง่างามจับเคราของเขา “ข้ารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับการมาเยือนจากนางฟ้าแห่งสำนักหนานหัว แต่ .. ทำไมท่านรีบเดินทางกลับ”
ชายวัยกลางคนเอ่ยถาม “ท่านมีข้อร้องเรียนใดๆ เกี่ยวกับการต้อนรับของข้ามั้ย?”
หญิงสาวชุดขาวเดินตามออกมา “ท่านผู้นำหวังปู่ข้ามีแผนธุรกิจที่สำคัญจะต้องรีบกลับไปสะสางจึงไม่ข้อรบกวนท่านไปมากกว่านี้”
เธอกวักมือเรียกรถม้า
“เจ้าน้อย ..” เป็นเวลาสั้นที่เธอเอ่ยเรียกพลางหันไปมองรอบๆ
“!!??”
สิงโตขาวที่เฝ้ายามอยู่ ข้างๆ ตัวมันมีอิฐ ..
“เกิดอะไรขึ้น?” เธอเอ่ยขึ้นดังชวนให้ทุกคนมองไปรอบๆ ขณะเดียวกันสายตาของพวกเขาก็ไปสะดุดเขากับร่างที่กำลังไตร่กำแพง จิตใจของพวกเขาตกลงไปที่ตาตุ่ม!
ตอนที่ 273
ฟางฉีปัดฝุ่นที่มือออกและมองไปยังด้านข้างเห็นกลุ่มคนกำลังยื่นคุยกันอยู่ ..
มีคนกล้าปืนเข้ามาในเขตพื้นที่คฤหาสน์ของท่านผู้บังคับบัญชาในเวลากลางคืนงั้นหรือ!? ดูเหมือนว่าชายคนนี้กล้าทำร้านสิงโตขาวแสนหายากด้วย .. พวกเขาทุกคนรู้สึกเหมือนมีอะไรผิดปกติไป
ฟางฉีเองก็มัวแต่สนใจกับหน้าอินเทอร์เฟซของระบบ ก็เนี่ยแหละนะไม่ต่างจากการจ้องโทรศัพท์มือถือไม่ดูตาม้าตาเรือสุดท้ายก็ต้องจบลงเช่นนี้ ฟางฉีตำหนิตัวเองและหวังว่าจะย้อนเวลากลับไปได้ แต่สายเกินไปแล้ว
ทุกคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าเขาดูอารมณ์ขุ่นเคือง “เจ้าเป็นใคร!?”
หญิงสาวชุดขาวผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มรีบเดินเข้าไปหาสิงโตสีขาวและเรียกพลังภายในเพื่อส่งต่อให้เจ้าสิงโต ตอนนี้มันค่อยๆ กลับมามีแรงอีกครั้ง
“เจ้าทำมันหรือ?” น้ำเสียงของเธอเย็นชา
“อย่าเข้าใจผิด” ฟางฉีพยายามอธิบาย “ข้าพยายามจะเข้าไปข้างในเพื่อหาห้องน้ำ”
บรรยากาศเงียบงันและดูจะเลวร้ายกว่าเดิม
“เจ้ากำลังมองหาความตาย!” เสียงคำพูดจากปากชายวัยกลางที่มีผมและหนวดเคราสีขาวดังขึ้น “จับเขา!” เขาตะโกน
ผู้ปลูกฝังที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาโบกมือ โซ่ในมือเขากลายเป็นลำแสงสีดำพุ่งเข้าหาฟางฉีเพื่อมัดเขาไว้
“นี่คืออะไร!?” ฟางฉีถอยหลังห่างออกไปเกือบสิบเมตรด้วยความรวดเร็ว แต่โซาลำแสงสีดำก็พุ่งตามเขารวดเร็วราวกับงู มันช่างน่าแปลกใจ!
“อย่าปล่อยให้เขาหลุดไปได้!” สาวกคนหนึ่งตะโกน “เจ้าเด็กคนนี้กล้าทำร้ายสัตว์หายากของกลุ่มหนานหัวของเรา! เราจะปล่อยให้เขาหลุดออกไปไม่ได้”
“ไม่ต้องกังวล!” ชายวัยกลางคนพูดขึ้น “นี่คือโซ่ล่ามมังกรที่มาจากสำนักมังกรดำของข้า แม้แต่มังกรจากมหาสมุทรก็ไม่สามารถหนีเงื้อมือข้าไปได้! เด็กคนนี้หนีไม่รอดแน่แม้จะไปยังจุดสิ้นสุดของโลกก็ตาม”
ในขณะที่เขากำลังพูดและกระชับโซ่สีดำ ชายชุดขาวคนหนึ่งเอ่ยขึ้น “ท่านผู้บังคับบัญชาโซ่มังกรของท่ายทรงพลังมาก ..”
แต่ก่อนอื่นใดที่จะพูดจบประโยคนั้น สายตาของพวกเขาสะดุดเข้ากับดาบที่ห้อยอยู่ที่เอวของฟางฉีในตอนนี้มันกำลังพุ่งมาทางพวกเขาราวกับงู มันค่อยๆ แบ่งออกเป็นสอง สี่ ก่อนจะเพิ่มขึ้นทีละเท่า ดาบโจมตีเข้าที่โซ่ดำราวกับสายฟ้าประกายไฟปรากฏขึ้น!
ดาบสายฟ้าหมุนและพุ่งเข้าตัดกับโซ่ราวกับพายุทอร์นาโด! โซ่สีดำถูกตัดขาดและแตกออกจากกันในทันที!
ด้วยดาบที่มากมายหลายเล่มล่องลอยอยู่ในอากาศ พร้อมทั้งดาบเล่มที่เขาเหยียบอยู่ เขาค่อยๆ ร่อนลงจากดาบช้าๆ ท้องฟ้าและสายลมในตอนนี้โหมกระหน่ำราวกับพายุ
ทุกคนยังคงตกตะลึงและพูดไม่ออกเมื่อได้เห็นฉากตรงหน้า!
“โลกนี้ยังมีเทคนิคเกี่ยวกับดาบอยู่อีกหรือ?” ศิษย์หลายคนจากสำนักหนานหัวอุทานออกมา
หวังปู่ชักสีหน้าเล็กน้อย ..
ฟางฉีมองไปรอบๆ พลางเหลือบมองไปที่หน้าอินเทอร์เฟซ ไม่นะ! แร่หินอยู่กับพวกเขา!
“อืม .. ข้าแค่ตกใจที่โดนแบบนี้” ใบหน้าของฟางฉีเรียบง่าย เขาดึงดาบออกจากโซ่ “โซ่มังกรของท่านยอดเยี่ยมมากไม่แปลกใจในชื่อเสียง ข้าเพิ่งจะจัดการกับมันด้วยเทคนิคดาบระดับยี่สิบสาม แน่นอนมันเป็นการใช้เทคนิคที่สุดยอดไปเลย”
หวังปู่เต๋านิ่งไปเล็กน้อย
“โฮก! โฮก!” สิงโตสีขาวที่อยู่ข้างเขาคำรามอย่างโหดเหี้ยมราวกับอยากจะฉีกฟางฉี
ฟางฉีเงียบไปชั่วครู่ “ข้าคิดว่าหมาของท่านต้องได้รับการอบรบบ้าง!”
“สร้างที่ล็อคมังกร!” หวังปู่เต๋าระเบิดอารมณ์อย่างดุเดือด “จับเจ้าเด็กนี่ให้ได้ อย่าทำให้สำนักมังกรดำของข้าต้องอับอาย!”
สิบนาทีต่อมา การต่อสู้ของเทคนิคดาบอันคมกริบของฟางฉียังคงดุเดือด โดยที่ตัวเขาเองยืนอยู่บนดาบอันพลิ้วไหว
“เจ้าหัวขโมยอย่าวิ่ง!”
“อย่าไล่ตามข้าเลย!”
เมื่อหันมองคนกลุ่มใหญ่ที่กำลังไล่ตามเขาพลางหยิบหยกสื่อวานออกมา “โมน้อย ถ้าคืนนี้ข้ากลับไม่ทันเที่ยงคืนเจ้าปิดประตูได้เลย!”
“อ้อ! แล้วถ้ามีใครบางคนสร้างปัญหาก็แค่ตะโกนขึ้นเลยว่ามีคนกำลังสร้างปัญหาและโยนพวกเขาออกไป” เขาบอกโมน้อย “ไม่ต้องกังวลมันจะไม่เป็นไร!”
ทีมผู้ฝึกฝนจากสำนักมังกรดำยังคงจ้องเขาไม่เลิก “ท่านผู้คุม ทำไมเจ้าเด็กคนนี้ยังมีเวลาแวะไปใช้งานหยกสื่อสารอีก!”
“เจ้าขาวน้อย เจ้าไวกว่านี้จะได้มั้ย?” สิงโตขาววิ่งด้วยความเร็วพร้อมเสียงคำรามอันเด่นดัง!
ฟางฉีเก็บหยกสื่อสารเข้ากระเป๋าและหันมองกลับไปหาพวกเขาอีกครั้ง หืม? พวกเขานี่ตามไม่เลิก!
เขาร่ายดาบด้วยมือของเขาพร้อมเพิ่มความเร็วไหนการหลีกหนี
… หนึ่งชั่วโมงต่อมา
“เจ้า ..เจ้าเด็ก หยุด!”
“โฮกกกกกกก!”
ฟางฉีกล่าวว่า “เรานั่งคุยกันแทนมั้ย? เราพูดคุยกันดีๆ ได้นะ”
“บ้าเอ้ย!” พวกเขาสบถ
“ขาวน้อย! เจ้าวิ่งไวกว่านี้อีกได้มั้ย?” หญิงสาวตบข้างขาสิงโตขาว
“โฮก!” มันวิ่งดุเดือดไม่เลิกราวกับไล่สัตว์ป่า
หนึ่งคืนผ่านไป ..
ฟางฉีจุดบุหรี่พลางนั่งลงบนดาบและสูบมัน
ผู้ปลูกฝังของสำนักมังกรดำยังคงวิ่งไปตวาดไป “เจ้า เจ้าเด็ก .. อย่า อย่าวิ่ง!”
ผู้ปลูกฝังของกลุ่มหนานหัวก็เช่นกัน “ข้า ข้า ..วิ่งต่อไป .. ไม่ไหวแล้ว”
หวังปู่เต๋าสบถ “ได้ไงกัน ทำไมเจ้าเด็กคนนี้ .. วิ่งเร็วขนาดนี้!”
“เจ้าขาวน้อย เจ้าช่วย ..” สิงโตขาวทรุดตัวลงโดยทันใด
“ขาวน้อย!” หญิงสาวผิดขาวซีดตะโกนด้วยความตื่นตระหนก เธอรีบอัดฉีดพลังภายในเข้าไปในตัวมันด้วยท่าทางเร่งรีบด้วยความโมโหเธอจึงชี้นิ้วไปทางฟางฉีโดยทันที “แน่จริงก็อย่างวิ่งสิ!”
หวังปู่เต๋าพูดเสริม “ถ้าเจ้า ..ไม่ .. วิ่ง เราจะได้คุยได้ ..”
ในตอนนี้ฟางฉีเองได้เข้ามาในคฤหาสน์ของพวกเขาโดยไร้การทำร้ายใดๆ แม้จะยังไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการพูดคุยก็ตาม แต่ตอนนี้พวกเขา ..หมดแรง!
“ฟู่ว!” เขาวางมือบนต้นขาและเหนื่อยหอบ
“เจ้าดูมีพลัง เจ้าต้องเป็นคนมีอิทธิพลแน่ .. แต่รู้มั้ยเจ้าไม่ทำอะไรเลยนอกจากหนีน่ะหรอ?” หญิงสาวผิวขาวกัดฟันพูด
“ถ้าเจ้าเป็นนักสู้จริงๆ เจ้ากล้าต่อสู้กับข้ามั้ยละ?” เธอพูดต่อด้วยน้ำเสียงเย็นชาปนเหนื่อย
ขณะหายใจหอบหวังปู่เต๋ากล่าวว่า “ข้าคิดว่าเจ้าคงไม่ใช่คนจากกลุ่มเล็กๆ ใช่มั้ย? แล้วอาจารย์ของเจ้าไม่ได้สอนอะไรให้บ้างหรอนอกจากการวิ่งหนีศัตรู?”
“ฟู่ว!” เขาแทบจะหายใจไม่ทันหลังจากพูดไปหลายคำ
“เจ้าต้องการต่อสู้กับข้าแบบตัวต่อตัวมั้ย?” ฟางฉีมองหน้าหวังปู่เต๋าผู้กระตือรือร้นที่อยากจะไฝว้กับเขาเต็มแก่ “เจ้าว่าเข้าจะสู้กับข้าไหวมั้ย?”
“ท่านผู้คุมหวังปู่!” หญิงสาวผิวขาวพูดด้วยความเย็นชา “เขาช่างดูถูกและทำร้ายเจ้าขาวน้อยของข้า ในฐานะหัวหน้าข้าจะต้องล้างแค้น!”
เธอกัดฟันแน่น “ถ้าข้าเอาชนะเจ้าไม่ได้ในครึ่งชั่วโมง ข้าจะปล่อยเจ้าไปตกลงมั้ย?”
เธอลังเลเมือหันไปเห็นใบหน้าของฟางฉี “เจ้ากลัวหรือ?” เธอถามเขา
“ครึ่งชั่วโมงเองหรือ?” สาวกของสำนักมังกรดำเปรย
“แสงแห่งสวรรค์หนานหัวของศิษย์พี่หลิว .. เธออาจจะเอาชนะเขาได้ก็ได้นะ” หลายคนมองหน้าและพูดคุยกัน
“เธอไม่ต้องใช้แสงสวรรค์แห่งหนานหัวหรอก! เธอสามารถใช้สมบัติทางจิตวิญญาณของท่านหัวหน้าคณะที่มองให้เธอเพื่อปราบเขาได้ เพราะพลังนี้เคยใช้ปราบเจ้าแห่งอาณาจักรเดียวกันมาแล้วได้อย่างง่ายดาย”
“ข้าว่า ..” ฟางฉีค่อยๆ พูดทีละประโยค “ข้าว่าเรามาต่อสู้เพื่อแลกของรางวัลกันมั้ย? เช่นข้าขอเปลี่ยนเป็นขอรางวัลจากท่านสักชิ้นได้มั้ย? หากท่านไม่รังเกียจหรืออยากจะเพิ่มความยากอะไร ก็สามารถกำหนดเกณฑ์มาได้เลย”
ตอนที่ 274
ช่างเป็นเมืองแห่งความรุ่งอรุณและแบจะไม่มีใครอาศัยอยู่ในใจกลางเมือง ..
“เจ้าเด็ก ..” สาวกจากกลุ่มหนานหัวกำลังพูดถึงแสงสวรรค์แห่งหนานหัวและสมบัติทางจิตวิญญาณแต่ดันถูกขัดจังหวะ “เจ้าอยากให้มันยากกว่านี้หรอ?”
หืม .. ช่างกล้าหาญเหลือเกิน
เจ้าคงจะโชคดีมากหากรอดพ้นครั้งนี้ไป กล้าที่จะเอ่ยปากขอ!
“ศิษย์พี่หลิว!” สาวกหญิงคนหนึ่งยืนขึ้นและพูดว่า “ถ้าท่านไม่สั่งสอนผู้ชายคนนี้ เขาจะต้องเข้าใจผิดเป็นแน่ว่าตัวเองคือผู้แข็งแกร่งที่สุดในโลก”
“เด็กคนนี้ช่างไม่ละอาย เราต้องสอนบทเรียนที่ยากให้แก่เขา!”
“เจ้าเด็กนี้ช่างโลภนัก แถมยังกล้าขอรางวัลโดยไร้ยางอายอีก!”
ขณะเดียวกันผู้ปลูกฝังของสำนักมังกรดำและกลุ่มหนานหัวต่างตะโกนด้วยความไม่พอใจ “เจ้ามันโลภ!”
“เจ้าจะบอกว่าข้าโลภได้อย่างไร” ฟางฉีกล่าว “ถือเป็นการดูถูกกันนี่ นี่เป็นการเดิมพันที่ยุติธรรม ถ้าข้าแพ้ข้าจะแบ่งเทคนิคการควบคุมดาบของข้าให้พวกท่านตกลงมั้ย?”
“อะไรนะ!?” หวังปู่เต๋าทำหน้างง แม้ว่าฟางฉีจะสามารถใช้เทคนิคการควบคุมดาบได้โดยที่เขายังไม่ถึงระดับผู้ปลูกฝังแต่หวังปู่เต๋ารู้สึกชอบที่เทคนิคดาบนี้หากมันสามารถทำให้เขาบินได้ เขาคิด
เขารู้สึกประหลาดใจไม่น้อยที่ฟางฉีใจกล้าวางเดิมพันด้วยเทคนิคนี้!
ไหล่ของหญิงสาวชุดขาวสั่นสะเทือนด้วยความโกรธ กลุ่มหนานหัวคือกลุ่มที่ใหญ่ที่สุดกลุ่มหนึ่งเลยก็ว่าได้ในทะเลดวงดาวแห่งนี้ เธอได้ศึกษาเวทย์ทนตร์ทางจิตวิญญาณที่เป็นความลับทุกอย่างของสำนักนับตั้งแต่เธอจำความได้และความแข็งแกร่งในการฝึกฝนของเธอเหนือกว่าคู่แข่งที่ผ่านมาเป็นไหนๆ เธอสมควรได้รับฉายาว่านางฟ้าแห่งหนานหัว!
ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเธอดูเหมือนว่าเขาจะเป็นแค่ผู้ฝึกฝนระดับเริ้มต้น แต่ดันเย่อหยิ่งเหลือเกิดแถมยังดูถูกพวกเธอด้วยเดิมพันแบบนี้!
“ตกลง!” เสียงของเธอสั่นด้วยความโกรธ “ขอมาก็จัดให้!”
นิ้วเรียวบางของเธอผายออกให้เกล็ดหิมะสีขาวหลายก้อนยิงพุ่งออกมาจากแขนเสื้อของเธอ เส้นไหมน้ำแข็งบางๆ เคลื่อนตัวขึ้นไปบนท้องฟ้าราวกับมังกรบินและขดตัวเข้าหากันช้าๆ พวกมันกลายเป็นกรงโปร่งแสงที่ทำจากน้ำแข็งและกักขังฟางฉีไว้ตรงกลาง!
ข้าใจดีขนาดนี้แถมยังให้การต่อสู้ที่ยุติธรรมแก่เจ้าทำไมเจ้าถึงได้โกรธเคืองนัก? ฟางฉีครุ่นคิดด้วยความไม่พอใจนัก
“สมบัตินี้คืออะไร? มันช่างทรงพลัง!” ผู้ปลูกฝังจากสำนักมังกรดำเอ่ยถาม “เราควรสร้างกรงล็อคมังกรเพื่อสนับสนุนสมบัติทางจิตวิญญาณนี้!”
“นี่เป็นสมบัติทางจิตวิญญาณชิ้นแรกที่ข้าได้รับจากหัวหน้าสำนักมันมีชื่อว่าใยไหมหิมะ มันได้รับการขัดเกลาด้วยไหมน้ำแข็งที่มีสะสารสะสมมากมายถึงสามพันปี สาระสำคัญของสมบัติชิ้นนี้หัวหน้าสำนักของเราใช้เวลาสามปีในการสร้างขุมทรัพย์นี้” ผู้ปลูกฝังคนหนึ่งของกลุ่มหนานหัวอธิบายด้วยความภาคภูมิใจ “ใบไหมไม่เพียงแต่จะทนไฟและกันน้ำเท่านั้น แต่มันยังสามารถตรึงจิตใจของผู้คนได้ หากใครถูกจับได้พวกเขาต้องยอมจำนวนจนเหลือเพียงทางเลือกเดียว!”
“สมบัติทางจิตวิญญาณของเจ้าอยู่ที่ไหน?” หญิงสาวผิวขาวเอ่ยถามพลางร่ายใยไหมจิตวิญญาณ
ฟางฉีชี้นิ้วไปที่ดาบข้างๆ เขาและพูดว่า “สำหรับข้าดาบเล่มเดียวก็เพียงพอแล้ว”
“อวดดี!” หญิงสาวปลดปล่อยพลังทางจิตวิญญาณไปรอบๆ ในตอนนี้ฟางฉีถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็ง
อากาศโดยรอบเริ่มเหน็บหนาวและแข็งตัว!
“ถอยออกมา!” เสียงอึกทึกครึกโครมดังขึ้น ผู้คนเริ่มถอยหลังกลับ
พื้นดินที่พวกเขากำลังยืนอยู่ในตอนนี้ถูกแช่แข็งไปด้วย หากพวกเขาถอยช้ากว่านี้อาจกลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็ง!
พลังงานอันเยือกแข็งที่ยิ่งใหญ่ควบแน่นไปทั่วเพื่อนที่รอบๆ ใยไหมที่เพรียวเรียวบางทำให้ความชื้นในอากาศค่อยๆ กลายเป็นน้ำค้าง ดูเหมือนมังกรหลายตัวที่ก่อตัวขึ้นจากน้ำแข็งกำลังบินวนอยู่เต็มท้องฟ้า!
กรงหิมะเริ่มหดตัวลง!
“เจ้าเด็กนั่นเสร็จเราแล้ว!” เหล่าสาวกของหนานหัวเอ่ยด้วยความร่าเริง หลังจากที่พวกเขาได้ใช้สมบัติขั้นสูงของกลุ่ม ไม่มีปฏิหาริย์ใดจะช่วยเขาได้!
“ยอใรับความพ่ายแพ้ซะ! เจ้าอยากตายในกรงหิมะของศิษย์พี่หลิวงั้นหรือ!?” ศิษย์ของหนานหัวตะโกนเย้ย
“ข้าคิดว่าเจ้าแข็งแกร่ง แต่ข้าคิดผิด .. ความจริงนั้นเจ้าอ่อนแอมาก!”
“เจ้าจะยอมรับความพ่ายแพ้ครั้งนี้หรือไม่?” หญิงสาวผิวขาวเดินเข้าไปกับกรงน้ำแข็งพร้อมย่อตัวเพื่อมองคนที่ถูกขังด้วยความไม่พอใจ
ขณะเดียวกันเหล่าศิษย์ของเธอก็ตัวแข็งในทันที
กรงน้ำแข็งแยกออกจากกันโดยสมบูรณ์พร้อมเสียงตะโกนที่ตามมา “ดาบ! ดาบ! ดาบมา!”
เธอไม่รู้ว่าสิ่งที่ได้ยินนั้นจริงหรือไม่ .. แต่แล้วเสียงอึกทึกก็ดังขึ้นจากท้องฟ้าเธอแอบประหลาดใจเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมอง ใช่! ท้องฟ้าในตอนนี้ถูกปกคลุมไปด้วยดาบ
ตู้ม! ตู้ม!
ดาบจำนวนมากถล่มลงคล้ายกับดาวตก แม้แต่กรงน้ำแข็งยังแตกเป็นเสี่ยงๆ ใยไหมที่อวดนักอวดหนาว่าแข็งแกร่งก็ถูกตรึงลงกับพื้น!
พวกเขาทั้งหมดอ้าปากค้างในที่เกิดเหตุ ใจกลางของดาบนับหมื่นชายหนุ่มนั้นคีบบุหรี่โดยไม่รู้ร้อยรู้หนาว .. ฝั่งผู้คนที่อยู่โดยรอบต้องรีบถอยกรูดไปตั้งหลังหลายสิบก้าว
หากถูกดาบแทงเข้าพวกเขาคงตายซ้ำตายซากเป็นแน่ ..
หญิงสาวพยายามที่จะดึงใยไหมที่ถูกดึงบนพื้น แต่มันล้มเหลว .. เธอยอมแพ้ในทันที
เมื่อเห็นว่าการแสดงของเธอเริ่มเย็นชา ฟางฉีกลัวว่าเธอจะโกรธเกินขีดจำกัด เขาจึงรีบพูดกับเธอว่า “เจ้าบังคับให้ข้าทำแบบนี้ ..”
ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเองชื่อสมบัติชิ้นนั้นของเธอไม่ได้ เขาได้แต่พูดว่า “ข้าว่านั่น .. มีพลังมากจริงๆ”
ด้วยความพ่ายแพ้และกลัวเสียหน้าเธอจึงควักเอาหยกสมบัติทางจิตวิญญาณสองชิ้นออกมา มันเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่มีไว้เก็บจิตวิญญาณ มีรูปร่างคล้ายกับรูปสัตว์
เมื่อโบกหยกสองครั้ง เสียงลมอันโหยหวนพร้อมกับสายฟ้าฟาดก็ผ่าลงทันที
“มีอะไรพิเศษเกี่ยวกับมันบ้าง?”
“ลม .. ลมคำราม!” สาวกของกลุ่มหนานหัวเหงื่อไหลอาบคอ “ใบมีดจากสายลมกำลังคำราม เด็กคนนี้ต้องเสร็จศิษย์พี่หลิวแน่!”
คลื่นลมแปรรูปเป็นพายุ พัดพาความสยองขวัญมาในทันตา
“ทำไมลมถึงไม่ส่งผลกระทบต่อเจ้าเลย!” หญิงผิวขาวส่งพลังภายในออกไป
“เจ้าหมายความว่าไง?” ฟางฉีส่ายหัวและทิ้งก้นบุหรี่ “ข้ารู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย แต่ดีขึ้นแล้วละหลังจากเลิกสูบ!”
เขามอบบุหรี่ที่เหลือให้เธอแล้วถามว่า “เจ้าอยากลองมั้ย? มันจะเพิ่มพลังงานให้กับร่างกายเจ้า!”
“!!??”
เจ้านี่มัน!
นางฟ้าจากหนานหัวร่ายคาถาจิตวิญญาณด้วยมือทั้งสองและสวดมนตร์อันยาวนาน จากนั้นร่างกายของเธอถูกยกขึ้นด้วยพลังอันลึกลับ สายลมแห่งสวรรค์และสภาพแวดล้อมโดยรอบกลายเป็ยความมืดขณะที่สายฟ้าและสายลมกำลังหมุนรอบตัวเธอราวกับงู!
สาวกของกลุ่มหนานหัวซุบซิบกัน “เข้าละตื่นเต้น ศิษย์พี่กำลังใช้แสงสวรรค์ของหนานหัว!”
“ข้าประหลาดใจที่ได้เห็นนางฟ้าคนปัจจุบันใช้เทคนิคแสง” แม้แต่หวังปู่เต๋าเองยังมองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยความชื่นชมปนแปลกใจ
ตอนที่ 275
ในตอนนี้ที่นี่เป็นเวลารุ่งสางหลายคนตื่นเช้าเพื่อออกมาเตรียมตัวทำงานหรือค้าขายตามปกติของทุกวัน .. แน่นอนพื้นที่โดยรอบได้รับผลกระทบและความปั่นป่วน เสียงฟ้าร้องดังสะเทือนไปทั่วส่งผลให้ความสนใจของผู้ปลูกฝังหลายคนเอะใจ
พวกเขาเงยหน้ามองขึ้นฟ้า จึงพบเข้ากับหมู่เมฆที่มืดมนพลุ่งพล่านไปทั่วราวกับพายุ พวกเขาสงสัยว่านี่ไม่ใช่เรื่องปกติและใครกันที่กล้าใช้คาถาทางจิตวิญญาณอันทรงพลังในเมืองมังกรดำแบบนี้!
ผู้ฝึกฝนที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงรีบเดินทางไปยังจตุรัสกลางเมืองเพื่อสังเกตการณ์ว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาสงสัยว่าปรมาจารย์คนใดกันที่กำลังโกรธและทะเลาะกันในเมือง
“กระจายคนออกไปรอบๆ” ผู้บังคับบัญชาหวังปู่เต๋าสั่งเหล่าสมุน
เขาคิดว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะต้องเสร็จสิ้นไปด้วยความง่ายดาย แต่ .. แม้แต่แสงสวรรค์จากหนานหัวเองก็ยังเอาไม่อยู่
ตอนนี้เขาไม่สามารถขัดขวางการใช้คาถาเวทย์มนตร์นี้ได้!
…
คาถาทางจิตวิญญาณที่ทรงพลังอย่างแท้จริงสามารถเปิดใช้งานได้ถึงสาระสำคัญในร่างกายใช้เรียกพลังงานจากโลกและสวรรค์เพื่อปกป้องผู้ใช้คาถา นี่คือสมบัติอย่างหนึ่งที่กลุ่มหนานหัวมี ท้องฟ้าในเมืองมังกรดำเวลานี้มีเมฆลอยละล่องพุ่งขึ้นรวมตัวกันเป็นก้อนยักษ์
“นั่นอะไร?” ผู้คนในสำนักมังกรดำและหนานหัวรู้สึกประหลาดใจ
ฝั่งหนานหัวเองในตอนนี้พวกเขาไม่ได้ร่ายคาถาแสงสวรรค์ แต่ .. นั่นมันเกิดอะไรขึ้น? แสงสวรรค์อีกอันหรือ? เป้นไปไม่ได้!
ทุกคนต่างมองด้วยความตะลึง
บนท้องฟ้าในตอนนี้ปรากฏรูปดวงดาวเจ็ดดวงพร้อมคนกำลังก้าวข้ามแต่ละดวง ด้วยมือและปากที่สวดมนตร์คาถา “พลังแห่งสวรรค์อันยิ่งใหญ่ ของจงกลายเป็นสายฟ้าของพระเจ้าและโปรดประทานตามคำขอของดาบข้า!”
เสียงของเขาดังก้องกังวานเหมือนระฆัมยักษ์ ตามด้วยเสียงฟ้าร้องกึกก้องตามคำพูดของเขา .. สถานนี้การณ์นี้ชวนให้จิตใจของหลายคนนั้นสั่นไหวด้วยความกลัว
หลายคนเดินมารวมกันพร้อมเงยมองขึ้นไปบนฟ้าที่มืดมนราวกับพายุจะโหมในอีกไม่ช้า .. เมฆบนท้องฟ้าแบ่งออกเป็นสองฝั่งหนึ่งคือหมู่มเฆอันมืดมนและสองคือรูปแบบกระแสน้ำวนที่เหมือนจะดูดกลืนทุกสิง สายฟ้าพุ่งออกมาจากใจกลางน้ำวนคล้ายกับตาสวรรค์ที่กำลังจะเปิดออก!
“คาถาทางจิตวิญญาณนี้คืออะไร?”
“แสงสวรรค์หนานหัว!” ผู้ฝึกฝนในเมืองมังกรดำเงยหน้าพลางชี้ไปที่มัน “ข้าจำได้ว่านั้นคือสมบัติที่สำคัญของกลุ่มหนานหัว!”
“แสงสวรรค์หนานหัว!?”
“ใครบังคับในนางฟ้าแห่งหนานหัวต้องใช้แสงสวรรค์ที่นี่!?”
ผู้ฝึกฝนหลายคนที่จับกลุ่มรวมตัวกันพูดคุยกันด้วยความตกใจ!
“แล้วอีกฝั่งมันคืออะไรกัน?”
“เหมือนมันเป็นสายฟ้าของพระเจ้า ที่กำลังทำตามคำขอของดาบ คาถาอะไรข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน!”
“ดูนั่น!”
ผู้ฝึกฝนคนหนึ่งชี้ไปที่ท้องฟ้า เขารู้สึกตกตะลึงจนสูญเสียคำพูด ลำแสงที่ทองพุ่งออกมาจากก้อนเมฆที่ดำสนิท ลำแสงที่ถูกยิงออกมาราวกับเป็นสัญญาณบอกว่าประตูสวรรค์กำลังจเปิดขึ้น
“ดูอีกด้านสิ!”
หลายคนกรีดร้องด้วยความตื่นตระหนก ลมแรงพัดผ่านท้องฟ้าอีกฝากหนึ่งที่มีรูปร่างคล้ายกระแสน้ำวน สายฟ้าที่วิบวาบส่องประกายคลายกับงู ลำแสงสายฟ้าอันใหญ่ที่อยู่ตรงกลางเกิดประกายสีน้ำเงินขึ้น มันลุกวาวสะท้อนตา
ร่างร่างหนึ่งปรากฎขึ้นโฉบเฉี่ยวในอากาศเหมือนเทพเจ้าและปีศาจร้ายในเวลาเดียวกัน!
“ข้าไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมีคนอายุน้อยเช่นนี้และสามารถควบคุมคาถาทางจิตวิญญาณที่น่ากลัวแบบนี้ได้!” นางฟ้าของหนานหัวมองหมู่เมฆใต้สายฟ้าด้วยความประหลาดใจ “เขาสามารถกระตุ้นพลังแห่งสวรรค์ได้!”
ลำแสงสายฟ้ายังคงโหมกระหน่ำลงมา
อีกฝั่งในความมืดมนยังคงมีแสงสายฟ้าที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่นั่นส่งผลกระทบต่อบ้านบางหลังและเปลี่ยนพื้นที่บางส่วนให้กลายเป็นหลุมอุกาบาตขนาดใหญ่นี่เป็นเพียงแค่ส่วนเสี่ยวของการปลดปล่อยพลัง หากถูกเป้าหมายโดยตั้งใจคงจะกลายเป็นเถ้าถ่านในทันที!
อีกฝั่งดาบพลังงานพุ่งตรงไปยังลำแสงสายฟ้า การไหลเวียนของลำแสงที่อยู่รอบดาบนั่นมีรูปร่างคล้ายกับมังกรโบราณในตำนวนอย่างมาก
เมฆอันมืดมิดที่ลำแสงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ยังคงยิงลำแสงด้วยความเสถียรอย่างต่อเนือง
กองกำลังทั้งสองกำลังปะทะกันบนท้องฟ้าอันมืดมิด! พลังอันน่าสะพึงกลัวที่พวกเขาปลดปล่อยกำลังจะเขย่าท้องฟ้าและโลก!
ภายใต้การจ้องมองของทุกคน ท้องฟ้าที่มืดมนพร้อมด้วยลำแสงสายฟ้ากำลังทำลายล้างและกลืนทุกสิ่ง เธอยืนอย่างภาคภูมิใจด้วยตำแหน่งนางฟ้าแห่งหนานหัว แสงสวรรค์ของเธอเป็นผล
ขณะนี้โลกรวมถึงทั่วพื้นที่ได้เงียบสนิท!
“เธอชนะหรือ!?”
ทุกคนมองหน้ากัน
ลำแสงสีทองได้กลืนสายฟ้าของเจ้าเด็กนั่นเป็นขี้เถ้าไปแล้วหรือ?
“เขาน่าจะ .. ตายแล้ว!” สาวกของกลุ่มหนานหัวพูดด้วยความลังเล
“เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ศิษย์พี่หลิวสามารถเรียกใช้แสงสวรรค์ของหนานหัวได้แต่ไม่สามารถควบคุมความเสียหายที่เกิดขึ้นได้ หากชายคนนี้จะรอดชีวิตแต่ข้าว่าเขาคงอยู่ในสภาพที่แย่!”
“นั่นสิ!” ผู้ปลูกฝังจากหนานหัวอีกคนหนึ่งเสริมว่า “ต่อสู้ไม่ไหวเขาก็ต้องยอมแพ้ไป!”
“ไม่!” ขณะเดียวกันหวังปู่เต๋าที่ยืนอยู่ใกล้ชิดมีท่าทีแสดงออกที่เปลี่ยนไป
ลำแสงที่พุ่งออกมาจากเมฆมืดมน ขณะนี้ได้เริ่มจางตามลำดับ .. แต่ถึงกระนั้น ดาบเล่มหนึ่งบินพร้อมกับสายฟ้า
ฉึก!
แสงสวรรค์จากหนานหัวที่ใช้ปกป้องตัวเธอแตกสลายทันที ทุ่งคนมองดาบอันแหลมคมที่พุ่งเข้าหาตัวเธอด้วยความสิ้นหวัง
นี่ข้ากำลังจะตายหรือ?
เนื่องจากเธอไม่สามารถควบคุมแสงสวรรค์ได้อย่างเต็มที่ เธอคิดว่าฝ่ายตรงข้ามของเธอก็คงมีปัญหาเดียวกันกับเธอแน่ แต่อย่างไรก็ตามแม้ดาบจะแท่งร่างของเธอแต่มันก็ไม่ได้ทะลุง่ายขนาดนั้น เธอลืมตาขึ้นพร้อมจับด้ามของมัน สายตาของเธอนั่นจับจ้องไปที่ฟางฉี เขากำลังดูดบุหรี่ด้วยความเฉยเมย
ทุกคนทั้งผู้เฝ้าดูและคนจากกลุ่มหนานหัวเอง จิตใจของพวกเขาในตอนนี้ว่างเปล่า พวกเขาพูดไม่ออกเมื่อเห็นฟางฉีผู้หนังเหนียว
ฟางฉีถอนหายใจ
“ในบรรดาผู้ฝึกหัดรุ่นเยาว์ที่ต่อสู้กับข้า ข้าสัมผัสได้ถึงพลังอันแข็งแกร่งของพวกเจ้า ข้าฟางฉีขอยอมรับพลังอันแข็งแกร่งในตัวพวกเจ้าในฐานะผู้ทรงอำนาจ!”
ทุกคนเงียบ .. ทุกคนยังคงนิ่งค้างไม่ไหวติ่งเมื่อได้ยินคำพูดจากปากฟางฉี “ข้าฟางฉีขอยอมรับพลังอันแข็งแกร่งในตัวพวกเจ้า!”
คำของฟางฉียังคงวนเวียนในหูซ้ำแล้วซ้ำเล่า
…
ดูเหมือนว่าจะผ่านไปแล้ว
เหล่าหมู่เมฆได้จางหายไปตามกาลเวลา แสงอาทิตย์ยังคงทำหน้าที่ส่องประกายในยามเช้า
ร่างสองร่างยืนอยู่บนท้องฟ้า แสงจากดวงอาทิตย์ที่ส่องเข้าหาพวกเขามองแล้วเหมือนภาพผู้เป็นอมตะกำลังประจันหน้ากัน
แต่ทันใดนั้น นางฟ้าแห่งหนานหัวก็ตกลงมาตัวของเธอสั่นเทาและใบหน้าซีดเซียว ชุดสีขาวของเธอสยายออกขณะที่กำลังตกลงจากท้องฟ้า!
หลายคนพยายามที่จะวิ่งเข้าไปเพื่อรองรับเธอ นางฟ้าตกสวรรค์!
อย่างไรก็ตามอีกร่างตามเธอลงมาพร้อมจับเขาที่คอของเธอและค่อยๆ ร่อนลงมาจากท้องฟ้า
“ปล่อยข้า!” นางฟ้าแห่งหนานหัวดิ้นด้วยความไม่พอใจพร้อมตะโกนโวยวาย
ทุกคนโดยรอบสูญเสียคำพูดอีกครั้ง
…
ตอนที่ 276
“เจ้าต้องการอะไร?” ผู้คนจากสำนักมังกรดำและคนในกลุ่มหนานหัวจ้องมองที่ฟางฉีด้วยท่าทางไม่พอใจ ในขณะที่เขากำลังช่วยนางฟ้าจากหนานหัวที่ตกลงมาจากท้องฟ้า
“เจ้าควรคิดไตร่ตรองให้ดีก่อนที่จะเรียกร้องสิ่งใด อย่าโลภให้มาก!” ผู้ปลูกฝังฝั่งมังกรดำเอ่ยด้วยความโกรธ “เจ้าคงไม่สบายใจเท่าไรนักหากผู้บังคับบัญชาของเราแสดงฝีมือของเขาให้ได้เห็น!”
“อืม ..” ฟางฉียืนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “เจ้าเคยเห็นแร่หินลักษณะที่เทาซีดๆ หรือไม่? พลังนั้นอาจจะเป็น ..” เขาเอ่ยในสิ่งที่เขาต้องการออกมา
“หินสีเทาซีด? มีพลัง?” สาวกของกลุ่มหนานหัวและสำนักมังกรดำมองหน้ากัน ในตอนแรกพวกเขาคิดว่าเจ้าเด็กคนนี้จะขอสมบัติทางจิตวิญญาณที่ทรงพลัง น่าแปลกใจเขาขอเพียงแร่หินที่ดูไร้ประโยชน์แค่นั้น
ถึงอย่างนั้นเมื่อหวังปู่เต๋าและนางฟ้าแห่งหนานหัวได้ยินเช่นนี้พวกเขาก็เริ่มมองฟางฉีด้วยสายตาแปลกๆ หวังปู่เต๋ามองตั้งแต่หัวจรดเท้าของฟางฉีพร้อมตามว่า “จริงๆ ข้ามีหินก้อนนี้ แต่ข้าสงสัยว่าเจ้ารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร? เจ้าตั้งใจมารับหินก้อนนี้หรือ?”
หวังปู่เต๋าได้รับหินก้อนนี้มาด้วยความไม่ตั้งใจและเขาเองก็ไม่รู้จะมีมันไว้ใช้ทำอะไร แรงบรรจุที่อยู่ในนั้นช่างแปลกและลึกลับมาก เขาเก็บมันเอาไว้โดยที่ไม่คาดคิดหรือรู้มาก่อนว่ามันมีประโยชน์อย่างไร
เมื่อไม่นานมานี้หนึ่งในเพื่อนของเขาผู้อาวุโสแห่งหนานหัวได้ยืมหินจากเขาเพื่อทำการศึกษาและหลิวนางฟ้าของกลุ่มเดินทางมาที่นี่เพื่อคืนมันแก่เขา
เห็นได้ชัดว่าแม้แต่กลุ่มหนานหัวเองก็ไม่สามารถเข้าใจในความลึกลับซับซ้อนในหินได้ ฟางฉีเตรียมพร้อมสำหรับคำถามของพวกเขาและตอบว่า “ถ้าข้าบอกว่าข้าสัมผัสได้ถึงพลังงานที่เปล่งประกายจากหินพวกเจ้าจะเชื่อมั้ย?”
หวังปู่เต๋าและหลิวหนิงหยุนมองหน้ากัน
นี่เป็นคำอธิบายที่ดูสมเหตุสมผลที่สุดเนื่องจากไม่มีใครรู้เรื่องข้อมูลเกี่ยวกับหินนี้มาก่อน ดังนั้นหวังปู่เต๋า .. เชื่อเขา!
“เนื่องจากข้าไม่ได้ชอบกินก้อนหิน งั้นฉันก็มอบให้เจ้าได้” หวังปู่เต๋าเอ่ยเสียงเรียบ
“ไม่!” หลิวหนิงหยุนยังคงจ้องมองพี่ฟางฉี “ข้าแพ้การต่อสู้ดังนั้นข้าต้องจัดเตรียมสมบัติ!”
“ดูเหมือนว่าเจ้าเด็กนี่จะมาเพื่อจุดประสงค์นี้ ข้าเกรงว่าเขาคงไม่เอาสิ่งอื่นไป” หวังปู่เต๋าส่ายหัว
“นี่ ..” หลิวหนิงหยุนจ้องฟางฉีด้วยความเกลียดชังแต่ฟางฉีเลือกในสิ่งที่เธอไม่มี
“หลายปีที่จ้าเองก็สงสัยเกี่ยวกับประโยชน์ของหินก้อนนี้ เมื่อเจ้าตามหามันและตั้งใจที่จะเรียนรู้ เจ้าช่วยบอกข้าให้เห็นประโยชน์ของมันทีได้หรือไม่” เขาเห็นความลังเลบนใบหน้าของฟางฉีเล็กน้อย “ถ้าเจ้าตกลงข้าจะมอบสมบัติอีกชิ้นให้ด้วย แต่หากไม่ข้าก็จะปล่อยมันทิ้งไป”
“สมบัติอีกอย่าง!” ฟางฉีเบิกตาโต “เจ้าสามารถมอบกระดูกมังกรให้ข้าอีกชิ้นได้มั้ย!?”
“เจ้านี่มันโลภ!”
“เห็นแก่ของ!” ผู้คนเอ่ยตำหนิเขาเบาๆ
ฟางฉีกล่าวว่า “ข้าบอกได้เลยว่ามันมีประโยชน์อย่างมาก หินก้อนนี้อาจดูไร้ประโยชน์สพหรับผู้อื่นแต่สำหรับข้าแล้วมันมีประโยชน์ในการสร้างเทเลพอร์ตการเคลื่อนย้ายอย่างมาก ข้าจึงต้องการมันเพื่อสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่!”
“เทเลพอร์ต?” หวังผู่เต๋าและหิลวหนิงหยุนมองหน้ากันซ้ำแล้วซ้ำอีก พวกเขาแปลกใจตั้งแต่วิธีการสร้างเทเลพอร์ต พวกเขาไม่เคยได้ยินมาก่อนแถมกองกำลังใดกันที่อยู่เบื้องหลังฟางฉี
“เจ้าบอกพวกข้าได้มั้ยว่าเจ้ามาจากกลุ่มใด?”
“ข้าคือฟางฉีเจ้าของร้านต้นกำเนิดอินเตอร์เน็ตคาเฟ่!” ฟางฉีใช้โอกาศนี้ในการโฆษณาร้านของเขาไปในตัว เขาชี้ไปทางหลิวหนิงหยุนและกล่าวว่า “เธอคนนี้มีพลังมาก หากเธอได้เรียนรู้เทคนิคการควบคุมดาบและควบคุมสายฟ้าด้วยดาบจากสวรรค์โดยการอ่านหนังสือสวรรค์ละก็ความแข็งแกร่งของเธอจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าแน่!”
“…”
“ฟางฉีร้านของเจ้าขายเวทย์มนตร์หรือ?” หวังปู่เต๋าพูดด้วยเสียงไม่พอใจ “เจ้าอย่าบอกนะว่าคาถาพวกนี้มีไว้ขาย?” เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะมีคนขายคาถาขั้นสุดท้ายของตัวเองกิน
ฟางฉีกล่าวต่อว่า “ข้ารับรองเลยว่าพวกท่านทุกคนสามารถใช้คาถาเหล่านี้ได้”
ผู้คนกลุ่มใหญ่ต่างงงวยกับสิ่งที่ได้ยิน
เธอได้ยินเขาพูดว่าทุกคนสามารถควบคุมคาถาทางจิตวิญญาณได้และมันสามารถเทียบเท่ากับสมบัติของกลุ่มหนานหัวของข้างั้นหรอ? เขากำลังหมายถึงคาถาที่มีค่าที่สุดของหนานหัวนั้นเมื่อเทียบแล้วเป็นเพียงแค่คาถาทั่วไปที่วางขายในร้านของเขางั้นสิ?
เธอรู้สึกหน้าเสียไม่สามารถทนกับความคิดได้ เธอจึงหัวเราะกลบเกลื่อนและพูดเย้ยว่า “นี่ฟางฉี สิ่งที่เจ้าพูดออกมางั้นก็หมายความว่าลูกค้าของเจ้าทุกคนเข้าถึงเทคนิคนี้งั้นสิ?”
“ก็ไม่เท่าไร”
เธอยังคงโกรธเคือง “ถ้าเช่นนั้นเจ้ามั่นใจได้อย่างไรว่าทุกคนสามารถฝึกฝนเทคนิคเช่นนี้ได้!”
อย่างไรก็ตาม เธอกำลังถูกล่อล่วงให้ไปเยี่ยมเยือนที่ร้าน
“ร้านของเจ้าอยู่ที่ไหน?” หวังปู่เต๋าค่อนข้างกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้เทคนิคการควบคุมดาบของฟางฉี “ข้าอยากไปตรวจสอบ”
“มันอยู่ในเมืองครึ่งแถวล็อคที่สามสิบหก!”
“เมืองครึ่งหรือ!?” สาวกของกลุ่มหนานหัวถอยห่างไปหลายก้าวราวกับเห็นผีกลางวันแสกๆ
“ไม่ต้องตกใจ” ในฐานะเพื่อนบ้านของเมืองครึ่ง หวังปู่เต๋าผู้รับรู้สถานการณ์ความเป็นไปของที่นั้น “ล็อคที่สามสิบหกนั้นเป็นอาณาเขตของฉินฮงหลินไม่ใช่หร ือ?” เขาถามอีก “แล้วท่านฉินนั้นดีหรือไม่?”
“ปีศาจเก่าฉินฮงหลินหรอ?” หลิวนางฟ้าหนานหัวเอ่ยถามด้วยสายตาสับสน
ฟางฉีหันไปมอง “ชายคนนั้นหรือ? ข้าจัดการเขาไปแล้วเนื่องจากเขาสร้างปัญหาให้แก่ร้านของข้า!”
หวังปู่เต๋าเงียบกริบ เขาเริ่มเชื่อว่าร้านค้าของฟางฉีนั้นค่อนข้างพิเศษและแตกต่างเพราะมีไม่กี่คนที่จะพูดเรื่องแบบนี้เพื่อความสนุกปาก
“นางฟ้าแหง่หนานหัว เจ้าสนใจที่จะไปเยี่ยมชมร้านนี้หรือไม่?” หวังปู่เต๋าเอ่ยชวนเพราะในเวลาแบบนี้เขาเองก็ไม่ได้มีธุระที่ไหน
“ศิษย์พี่หลิว!” สาวกคนหนึ่งเอ่ยเรียกเตือน “แต่พวกเรามีบางสิ่งที่ยังต้องทำ ..”
“เราล่าช้าแล้ว!” หลิวหนิงหยุนพูดเสียงเรียบ “ไม่เป็นไรคงต้องปล่อยให้ล่าช้าไปก่อน” เธอต้องการเห็นความจริงว่าเทคนิคของฟางฉีนั้นเป็นเช่นไร
ด้วยวิธีนี้ฟางฉีสามารถล่อลวงคนถึงสองกลุ่มให้กลับไปกับเขาได้อย่างง่ายดาย
.. ฟางฉีร่ายคาถาของเขาโดยการแบ่งเทคนิคดาบออกเป็นสิบๆ เล่มในทันที
“ขึ้นเลย!” ฟางฉีกล่าว “ข้าต้องรีบกลับไปเก็บผักแล้ว เร็วเข้า!”
“…” หวังปู่เต๋า
“…” หลิวหนิงหยุน
คนอื่นๆ “…”
ฟิ้วววววว! พวกเขาบินขึ้นท้องฟ้าในทันที
ขณะเดียวกันในบริเวณใกล้เคียงกับทะเลดาวรุ่งใกล้เมืองมังกรดำ เมฆหมอกสีดำทึบปกคลุมบนท้องฟ้าน่ากลัวชวนขนลุก
ในความเงียบราวกับป่าช้า “เขาจะมามั้ย?”
“ไม่ต้องกังวล นี่เป็นเส้นทางเดียวที่ไว้เดินทางกลับสู่เมืองครึ่ง!”
ณ ท้องฟ้าอันห่างไกลมีลำแสงดาบหลายสิบบินเข้าหาพวกเขาด้วยความรวดเร็ว!
“นั่น เขามาแล้ว!” เสียงตอบจากเมฆหมอก “มารายงานความคืบหน้าของเด็กนั้นให้แก่ท่านอาจารย์กันเถิด!”
จู่ๆ ฟางฉีและคนอื่นๆ ก็ตกลงไปในหมู่เมฆดำ พวกเขามองไม่เห็นอะไรเลยนอกจากความมืด!
มีเพียงไม่กี่คนที่ปรากฏตัวขึ้น ราวกับว่าพวกเขามาจากโลกใต้ทะเล
“โง่มาก!”
“พวกเขามอบตัวแล้ว!”
“เราควรนำของขวัญชิ้นนี้ ..”
“มันไม่ได้ออกจากที่นี่ง่ายอย่างที่คิดหรอก!”
หวังปู่เต๋าเหยีดแขนตะโกน “เส้นทางนี้ชักไม่สงบแล้ว ..”
ฟางฉีตอบกลับ “พวกโจรงี่เง่า!”
“ดูเหมือนว่าจะมีการต่อสู้” หลิวหนิงหยุนเอ่ย
ร่างหนึ่งลุกขึ้นยืนต่อหน้าและจ้องมองพวกเขา “ใครอ่อนแอก็ลาก่อน!”
ใบหน้าของหวังปู่เต๋ามืดลงเล็กน้อย เขากำลังวางแผนที่จะจัดการเขาโกรธมากที่ได้ยินพวกมันวางแผนจะฆ่าพวกเขา พลังแห่งจิตวิญญาณอันมหาศาลในฝ่ามือของเขากำลังเรียกหมู่เมฆเพื่อบดบังแสงอาทิตย์!
ตู้ม! เสียงดังขึ้นในหมู่ก้อนเมฆขนาดมหึมาบนท้องฟ้า ราวกับท้องฟ้าถูกทุบ เสียงกรีดร้องทลายลงราวกับถูกบดขยี้
เหล่าผีและวิญญาณมากมายหนีกันด้วยความหวาดกลัว พวกมันถูกระเบิดราวกับเกี๊ยว!
“บ้าเอ้ย พวกมันกล้ามายุ่งกับคนอย่างหวังปู่เต๋ารึ! นี่คือสิ่งที่พวกเจ้าต้องเจอ!”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น