Black Tech Internet Cafe System 270-276

ตอนที่ 270

 

“ข้าได้ยินมาว่าเหล่าอาจารย์จากตาจินทุกคนเล่นเกมขโมยผัก .. พวกเขาสนุกกับมันมาก!”


 


“พวกเขาไม่ได้เล่นอย่างอื่นบางหรอ?” มีคนตะโกนแย้งด้วยความประหลาดใจ “ข้าเห็นคนพวกนี้วันนี้ เขามีระดับที่สูงกันมากพวกเขามีเวลาทำอย่างอื่นมากขนาดนี้ได้ยังไงกัน?”


 


อีกคนที่ยืนอยู่แถวนั้นตอบว่า “เกมอื่นไม่ได้มีผลต่อการเล่นเจ้ากระบี่ขั้นเทพ เจ้าเพียงแค่เสียเวลาไปตรวจสอบการปลูกผักแค่ชั่วครู่มันง่ายจะตาย!”


 


“ง่าย!?”


 


ร้านในเมืองครึ่งมีผู้เล่นเพียงไม่กี่คนที่เพิ่งมีโอกาสเล่นเกมและได้แลกเปลี่ยนพูดคุย เห็นได้จัดว่าความบัยเทิงรูปแบบใหม่จากจิวหัวได้แพร่กระจายไปทั่ว


 


“ขโมยผักหรือ?” หวังซานที่เพิ่งเข้ามาในร้านได้ยินการสนทนานี้ “มันคืออะไร?”


 


“เมื่อวานมีคนพูดคุยกันในกลุ่ม” เต๋าหินเล็กกล่าวต่อว่า “ดูเหมือนว่าสิ่งที่พูดถึงอยู่นี้จะอยู่ในคิวโซน พวกเราควรเข้าไปดูมันมั้ย?”


 


ด้วยกองกำลังใกล้เคียงและผู้เล่นอิจสระบางคนที่ได้ยินข่าวคราวอันหน้าสนุก คอมพิวเตอร์พันเครื่อง ณ คาเฟ่จิวหัวได้ถูกยึดครองอย่างสมบูรณ์


 


โชคดีที่เวลาเฉลี่ยของแต่ละคนไม่ได้นานนัก


 


ณ คาเฟ่เมืองครึ่ง หวังซานและเหล่าสมุนเดินเข้ามาในคาเฟ่เมื่อจับจองคอมแล้วโดยปกติสิ่งที่เข้าเป็นสิ่งแรกคือเกมเจ้ากระบี่ขั้นเทพ แต่วันนี้พวกเขาเปิดคิวโซนก่อน


 


“เลือกสถานที่เกิด?” พวกเขามองไปรอบๆ และพบว่ามันทำความเข้าใจง่ายกว่าเจ้ากระบี่ขั้นเทพเสียอีก กระการก็แค่เก็บผักซื้อเมล็ดพืชทำสวนปลูกผักมันง่ายมาก


 


เมื่อมองไปรอบๆ พบทุ่งหญ้าสีเขียวขจี หวังชานอุทานชื่นชมในขณะขุดดิน “ที่นี่ช่างเป้นสถานที่ที่ดีจริงๆ” หลังจากรวบรวมผักที่ได้เวลาเก็บเกี่ยวพวกเขาก็ซื้อเมล็ดพันธุ์ใหม่เพื่อเวียนปลูกในรอบต่อไป “แค่นี้หรอ” พวกเขาพบว่านี่คือทั้งหมดที่พวกเขาต้องทำ


 


“ผักเหล่านี้ทำอะไรและมีผลต่อเรายังไงบ้าง?” พวกเขาจำได้ว่ามีคนพูดถึงผักว่าสามารถขายเป็นเหรียญเพื่อนำมาซื้อสิ่งของอื่นๆ หรือสามารถกินเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งในการเพาะปลูกได้เล็กน้อย


 


ทันทีที่หวังซานเปิดร้านและเลื่อนดูของเขาตกตะลึงทันทีที่เห็นคู่มือการเลี้ยงหนอนไหมน้ำแข็งที่หายไปนานหลายปี


 


“ไหนข้าดูบ้าง” เต๋าหินเหล็กเปิดร้านค้าขึ้นมาและเลื่อนตามดูด้วยความตื่นเต้น “หืม .. คู่มือการปลูกดอกไม้เหล็ก? ดอกไม้เหล่านั้นเกือบจะสูญพันธุ์ไปแล้วนับตั้งแต่การปลูกแบบนั้นหายไปเมื่อสามพันปีก่อน”


 


“คู่มือเลี้ยงหนอนเลือด?” ซากุอ่านรายละเอียดด้วยความประหลาดใจ “คู่มือนี้มีเทคนิคพิเศษ มันน่าสนใจมากเทคนิคพิเศษนี้จะต้องพาข้าไปสู่ระดับที่สูงขึ้น!”


 


“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!” หลังจากที่หัวผักกาดเติบโตได้เวลาเก็บเกี่ยวอีกครั้ง พวกเขาก็นำมันไปแลกเป็นเหรียญและซื้อมันกลับมาปลูกอีกครั้ง


 


มันทำให้เขามีความสุขทุกครั้งที่ได้เก็บเกี่ยว


 


“ปี๊ป!” เสียงจากข้อความใน QQ ดังขึ้น


 


“ฮงจินจากจิวหัวต้องการเพิ่มท่านเป็นเพื่อน ท่านจะยอมรับหรือไม่?”


 


“เหลียงหัวจากจิวหัวต้องการเพิ่มท่านเป็นเพื่อน ท่านจะยอมรับหรือไม่?”


 


“เยน้อยจากจิวหัวต้องการเพิ่มท่านเป็นเพื่อน ท่านจะยอมรับหรือไม่?”


 


“…”


 


ผู้คนจำนวนมากต้องการเป็นเพื่อนกับข้า? เป็นเพื่อนกันทำไม? หวังซานค้างอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะไตร่ตรองหรือพวกเขาอาจรู้ว่าครอบครัวหวังของข้าประสบความสำเร็จและต้องการได้รับมิตรภาพกันนะ?


ไม่ .. พวกเขารู้ได้ยังไงกัน!? หวังซานส่ายหัวและผลักความคิดนี้ออกไปจากหัว แต่จะให้นึกถึงอย่างอื่นก็ไม่ได้เลย


 


ช่างมันเถอะ! เขากดยอมรับ!


 


หลังจากยอมรับเพื่อนหลายคนก็หันหน้ามองกันด้วยสายตาแปลกๆ โดยเฉพาะซากุและเต๋าหินเหล็ก


 


“เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าสองคน?”


 


ซากุขำและกล่าวว่า “ผู้คนจำนวนมากต้องการเพิ่มข้าเป็นเพื่อนหรือบางทีพวกเขาอาจจะรู้ว่าข้าเป็นคนที่ยอดเยี่ยมแน่ๆ”


 


เต๋าหินเล็กนั่งนิ่ง “แปลกมาก! ข้าก็ได้รับข้อความเหล่านั้นเช่นกัน!”


 


“พวกเจ้า! มีความสุขอะไรกัน!?” ขณะเดียวกันชายเสื้อคลุมสีดำที่ยืนอยู่เอ่ยถามข้างๆ เขามีชายผ้าคลุมสีเทา


 


“ปีศาจดำ!” หวังซานรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่เห็นการปรากฏตัวของปีศาจดำที่นี่


 


เขาป้องมือของเขาและตอบว่า “มันไม่ใช่ความลับอะไรหรอก” เขาชี้ไปที่หน้าจอแล้วพูดว่า “เรากำลังปลูกผักกันในคิวโซน มันสามารถนำประโยชน์มาให้เรามากมาย ผักที่ปลูกสามารถเอาไปแลกเป็นเหรียญทองเพื่อซื้อของหรือจะนำมันมากินเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งก็ได้ เอ้อลืมบอกไปว่าร้านค้าที่นี่มีสมบัติล้ำค่าหายากมากมาย!”


 


“จริงหรือ?” ชายสองคนจ้องมองในหน้าจอเขาพบว่ามีบ้านไร่ทุ่งหญ้า “อืม .. ขอบใจที่บอกพวกเรา”


 


จากนั้นเขาสองคนจับจองคอมพิวเตอร์และเข้าไปปลูกผักในทันที .. หลังจากปลูกได้ไม่ถึงชั่วโมงพวกเขาก็ได้รับข้อความากมาย


 


“ชิงลี่แสงจันทร์ จากจิวหัวต้องการเพิ่มท่านเป็นเพื่อนท่านจะยอมรับหรือไม่?”


 


“อาจารย์เยซง จากจิวหัวต้องการเพิ่มท่านเป็นเพื่อนท่านจะยอมรับหรือไม่?”


 


“…”


 


ผู้คนจำนวนมากต้องการเพิ่มข้าเป็นเพื่อน? ปีศาจดำทำหน้าสับสน เขากดยอมรับและส่งข้อความถึงพวกเขา


 


[เจ้ากำลังทำอะไรหรือ] หลังจากพิมพ์คำลงไปเขารู้สึกว่าคำถามมันไม่ค่อยเข้ากับตัวเขาเท่าไรเขาจึงเพิ่มเครื่องหมายคำถามลงไป


 


“อืม .. ค่อยดีขึ้นหน่อย”


 


ไม่มีใครตอบกลับเลยยกเว้นคนที่ชื่ออาจารย์เยซงคนเดียว [ไงลาวตี้จากทะเลดวงดาว!] เขาส่งข้อความพร้อมรูปเจ้าหมาอาคิตะทำหน้าโง่


(ผู้แปล : ลาวตี้ Laotie ใช้แทนคำว่าเพื่อนมักใช้กันในภาคเหนือของจีน)


 


“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า” ปีศาจดำหัวเราะ เขามองว่าผู้ชายคนนี้ช่างตลกดี ข้าชอบเขา!


 


“ท่านหัวหน้า!” วังจินผู้เพาะปลูกสวมเสื้อคลุมสีเทาตะโกน “เข้าเกมเร็ว! เราพบที่ลับในเม้งชง ซอมบี้ที่นั่นให้ไอเทมใหม่และหนังสือทักษะมากมาย!”


 


“ทักษะใหม่?” หลังจากปีศาจได้ยินเช่นนั้นเขารีบเข้าเกมทันที “ทักษะอะไร?”


 


“มันเยอะมาก!” วังจินมองไปที่เทคนิคต่างๆ “ระเบิดไฟ, กำแพงไฟ หลายอย่างมันน่าสนใจมาก”


 


“ไป! แสงให้ข้าเห็นที”


 


ณ อีกด้านหนึ่งของกลุ่มหวังซาน


 


“นี่ศิษย์พี่หวัง! ในเมืองนี้ดูเหมือนจะมีหนังสือเกี่ยวกับสายฟ้าขาย”


 


“หนังสือทักษะ!?” เขาประหลาดใจเมือได้ยินเช่นนั้น


 


“มันราคาเท่าไร?” หวังชานถามทันที


 


“ห้าสิบคริสตัล!” เต๋าหินเหล็กมองที่หน้าจอแล้วพูดว่า “นอกจากนี้ยังมีหนังสือตัวอักษรรูนไฟ!”


 


“ไปดูกัน!”


 


“ว้าว!” สายฟ้านี่สุดยอดมา พวกเขาอุทาน


 


“ตัวอักษรรูนนี่ก็ไม่แพ้กัน!”


 


ขณะเดียวกันร่างพร้อมเพรียวกำลังบุกสวนของหวังซาน “หึ! ไอ้คนพวกนี้มันฆ่าข้าและทำของข้าหล่นหมด ข้าจะขโมยหัวผักกาดอันใหญ่ของมันซะ!”


 


เยเสี่ยวเย้ขุดหัวผักกาดขึ้นมาด้วยความแค้นใจ ในไม่ช้าหัวผักกาดที่ได้เวลาก็ถูกขุดออกมา เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่รอบๆ เธอจึงวิ่งไปพร้อมกับหัวผักกาดในอ้อมกอด


 


ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา ..


 


“ก่อนหน้านี้พวกเจ้าปล้นเนื้อไก่จากข้า ข้าจะทวงหัวผักกาดจากเจ้าคืน!” ใบลังเดินเข้าไปในสอนพร้อมขุดหัวผักกาดขึ้นมา


 


ไม่นานหลังจากนั้นร่างดำอีกร่างก็แอบเข้ามา …

 

 

 


ตอนที่ 272

 

ณ พื้นที่นอกเขตเมืองครึ่งท้องทะเลที่สว่างเริ่มมืดลง ก้อนเมฆปรากฏรูปตามจินตนาการเป็นรูปคนเดินตามดวงดวงดาวเจ็ดดวงพร้อมดาบที่ถือในมือ


 


เมฆหมอกทยานขึ้นบนท้องฟ้าขณะเดียวกันสายฟ้าฟาดก็พุ่งกระหน่ำเหมือนมังกรและงู!


 


ฟางฉียังไม่สามารถใช้พลังดาบสายฟ้าได้เสถียรเท่าไรนัก ทุกครั้งเขาต้องใช้บุหรี่เพื่อเป็นตัวช่วยพลังแห่งสวรรค์และดาบเวทย์มนตร์นี้มีพลังมากมันอาจฆ่าเขาได้หากทำผิดพลาดไป


 


ฟางฉีไม่ค่อยกล้าใช้มันเท่าแต่นอกเสียจากกรณีฉุกเฉิน อย่างไรก็ตามเขาได้รับแรงบันดาลใจส่วนหนึ่งจากหนังสือสวรรค์ เขาทำความเข้าใจกับเวทย์มนตร์ในการควบคุมสายฟ้าซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงกล้าใช้มันในตอนนี้


 


“ดูเหมือนฝนจะตก” ในท้องฟ้าอันกว้างและห่างไกลมีเรือวิญญาณขนาดใหญ่อันงามงดกำลังบินในสายลมอย่างต่อเนือง ขณะเดียวกันเมฆที่เคยสดใสกลับมืดมัวจนแสดงให้เห็นถึงความผิดปกติเล็กน้อย


 


“ฝนตกหรือ?” ชายหนุ่มผิวขาวในวัยราวๆ ยี่สิบกำลังยืนมองวิวบนเรือพึมพำกับตัวเอง การแสดงท่าทางของเขาดูลึกลับและเยือกเย็น ข้างหลังเขาคือผู้เพาะปลูกหญิงในรุ่นราวคราวเดียวกัน สังเกตได้ว่าพวกเขามาจากที่เดียวกัน


 


เด็กหฯิงทั้งสองกระซิบกันว่า “โชคดีที่เราเดินทางด้วยเรือมังกรของศิษย์พี่ต้วน! ข้าว่าเรือนี้คงไม่กลัวพายุแลบะฟ้าผ่าเจ้าคิดงั้นมั้ย?”


 


“ได้ยินมาว่าเรือมังกรของพี่ต้วนเป็นของขวัญจากผู้อาวุโส มันเป็นทางจิตวิญญาณที่ผู้อาวุโสนำไม้มาจากปรักหังพังมาต่อเติมและสลักรอยจิตวิญญาณอันแข็งแกร่ง!”


 


“มันทรงพลังมากงั้นสิ! อืม .. งั้นเราก็ตัดสินใจถูกต้องแล้วที่ออกมากับพี่ต้วน!”


 


“ศิษย์พี่ต้วนเป็นตัวอย่างผู้ฝึกฝนที่ดีที่สุดในรุ่น!” ผู้เพาะปลูกร่างอ้วนอีกคนเดินเข้ามา “ข้าได้ยินมาว่าพี่น้องหลายคนชื่นชมเขามากแถมยังกล่าวว่าเรือนี่เป็นเรือจิตวิญญาณที่ยอดเยี่ยมที่สุด!”


 


“แน่นอน!” ชายหนุ่มชุดขาวยิ้มอวดดี “มันเป็นสมบัติที่ลุงของข้าได้รับมาจากซากปรักหักพัง ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องธรรมดา! อ้อ .. แล้วข้าจะบอกพวกเจ้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ มันมีสามคุณสมบัติอย่างแรกคือมันรวดเร็วมากจนไม่มีใครสามารถตามได้ทัน!”


 


ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! ขณะที่พวกเขากำลังพูดคุย จู่ๆ เสียงเคาะก็ดังขึ้น เสียงเคาะช่างดึงดูดความสนใจของทุกคน


 


พวกเขาเงยหน้าขึ้นก็พบเข้ากับเด็กหนุ่มอายุราวๆ เกือบยี่สิบปียืนอยู่ด้านนอกเรือ “พวกท่านช่วยบอกวิธีเดินทางไปยังเมืองมังกรดำทีได้มั้ย?”


 


โดยที่ไม่รู้ตัวผู้ฝึกฝนร่างอ้วนก็ชี้ไปยังทิศทางของเมืองนั้น


 


“เดี๋ยวนะ! เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร?” ชายหนุ่มชุดขาวได้สติเขารีบเอ่ยถามทันทีเพราะนี่มันเรือจิตวิญญาณไม่ใช่ท้องถนนธรรมดา!


 


“ข้าบินขึ้นมา!” ฟางฉีหันมองดาบที่อยู่ใต้เท้าของเขา “ขอบคุณ” เขาเอ่ยก่อนจะบินไปข้างหน้า


 


หญิงสาวที่เพิ่งพูดชมเชยอ้าปางค้างเมื่อเห็น


 


“เมื่อกี้มันคืออะไร?”


 


“เจ้านั่นทรงพลังมาก ..”


 


“และเขาก็ดูเด็กกว่าศิษย์พี่ต้วนอีก ..”


 


หญิงอีกคนที่มีใบหน้าอันงดงามเธอสวมชุดสีน้ำเงินเขียวเดินออกจากห้องโดยสารและมองที่ข้างหน้าด้วยความอยากรู้อยากเห็น “ท่านทั้งสองกำลังพูดเรื่องอะไรกันหรอ?”


 


พวกเขาชี้ไปข้างหน้าทันที “น้องหลินดูนั่นมีคนบางคนกำลังบินผ่านเราไปด้วยดาบ”


 


พวกเขามองดูจนร่างนั้นค่อยๆ หายเข้าไปในกลีบเมฆ เด็กหญิงอีกคนปิดปากของเธอด้วยมือ “ไม่อยากจะเชื่อเลยถ้าข้าไม่เห็นด้วยตาตัวเอง!”


 


ผู้ฝึกฝนร่างอ้วนพูดว่า “ศิษย์พี่ต้วน เราอยู่ไหนกัน?”


 


ทันทีที่เอ่ยถามดูเหมือนว่าเขาจะรู้บางอย่างจึงรีบเงียบชะงักทันที


 


ต้วนหลันกัดฟัน “เจ้าเด็กนั่นมาจากไหน!?”


 



 


ณ เมืองมังกรดำเมืองแห่งการเพาะปลูกที่ใกล้เคียงกับเมืองครึ่งที่สุดในพื้นที่ทะเลดวงดาว


 


ที่นี่ทะเลดวงดาวแตกต่างจากจิวหัวมันประกอบไปด้วยกองกำลังเพาะปลูกที่มีความสัมพันธ์อันซับซ้อนซ่อนเงื่อน ทุกคนที่เป็นบุคคลยอดเยี่ยมสามารถสร้างเมืองในภูมิภาคนี้ได้


 


เมื่อนี้มีชื่อว่ามังกรดำเนื่องจากผู้นำหวังปู่เต๋าได้จัดการกับมังกรดำผู้ดุร้ายด้วยความแข็งแกร่งด้านการเพาะปลูกที่เขาใช้เวลาเป็นพันปีเพื่อฝึกฝนในที่แห่งนี้


 


เช่นเดียวกับเมืองอื่นๆ เมืองมังกรดำได้รับการปกป้องอย่างเข้มงวดและผู้คนต้องเดินทางเข้าเมืองก่อนเวลาหนึ่งทุ่มของทุกวัน ยกเว้นผู้ที่มีตัวตนหรือคำเชิญพิเศษที่สามารถผ่านประตูด้านในเวลากลางคืนได้ สำหรับคนอื่นๆ พวกเขาต้องรอจนถึงเวลาเปิดประตูอีกอีกครั้งในวันถัดไป


 


ขณะนี้เวลาทุ่มหนึ่งแล้ว ยามสองคนกำลังทำหน้าที่ของตนพวกเขากำลังปิดประตูเมืองด้วยความประนีประนอม ขณะเดียวกันร่างหนึ่งบินไปหาพวกเขาด้วยความรวดเร็ว


 


ประตูเมืองที่กำลังจะปิดลงมีช่องทางแคบๆ ที่กว้างพอสำหรับคนคนหนึ่งจะผ่านไปได้


 


ฟิ้ว! ร่างหนึ่งบินเข้ามาเพียงเสี่ยววิประตูได้ปิดลง .. ยามทั้งสองตะลึงงั้นและมองย้อนกลับทันที


 


“เจ้าหนุ่ม เจ้าคือใคร? เจ้าไม่รู้หรือว่ามันได้เวลาปิดพอดี ..”


 


“ข้ารู้”


 


“แต่เจ้าก็ยังเข้ามาในเมืองหรอ?” ยามทั้งสองหน้าเสีย


 


“ข้าไม่ควรเข้าหรอ?” ฟางฉีกล่าวเสียงเรียบ “งั้นท่านช่วยเปิดประตูให้ข้าออกไปข้างนอกได้มั้ย?”


 


ทหารยามพูดไม่ออก


 


อินเทอร์เฟซของระบบเขาตอนนี้แสดงให้เห้นว่าแร่หินอยู่ในเมืองมังกรดำแห่งนี้


 


ขณะเดียวกันหวังซานและปีศาจดำพร้อมด้วยคนอื่นๆ ก็กำลังเล่นเกมเจ้ากระบี่ขั้นเทพเพิ่งเสร็จและกำลังจะออกเกม แต่พวกเขาจำได้ว่ายังไม่ได้เก็บผักจึงรีบเข้าคิวโซนทันที


 


หวังซานเดินเข้าไปในสวนของเขาและกำลังจะเก็บหัวผักกาดอันอวบอิ่ม “ทำไมถึงมีสามรู!?”


 


“หัวผักกาดของข้าทำไมเหลือแค่ครึ่งเดียว!?”


 


ปีศาจดำและคนอื่นๆ ก็เข้าไปดูสวนของตัวเองเช่นกัน ..​ หัวผักกาดของหลายคนหายไปเกือบครึ่ง!


 


ปีศาจดำทำหน้าสับสนมันเกิดอะไรขึ้น? ของข้าอยู่ที่ไหน? วังจินเองก็สงสัยไม่แพ้กัน


 


“ใครเป็นคนทำ!?” พวกเขามองไปรอบๆ มีใครอีกบ้างที่จะมาเหยียบที่นี่


 


ในไม่ช้าพวกเขาก็พบว่าเพื่อนๆ สามารถเข้ามาเยี่ยมชมสวนได้ เมื่อเรียกดูแทบข้างๆ พวกเขาก็เห็นการขอเพิ่มเพื่อนที่เพิ่มขึ้นหลังจากปลูกผัก


 


“…”


 


“ชิบ!”


 


“พวกหัวขโมยจากจิวหัว ขโมยผักของข้า!” ปีศาจดำหัวร้อนเล็กน้อย เขาจำได้ว่าอาจารย์ซงได้ส่งรูปมาหน้าโง่มาให้เขา


 


“บ้าเอ้ย!” เขาส่งอิโมจิรูปมีดกลับไปทันที


 


[ท่านถูกขึ้นบัญชีดำโดยผู้ใช้รายนี้]


 


เขาส่งอิโมจิรูปมีดอีกอัน


 


[ท่านถูกขึ้นบัญชีดำโดยผู้ใช้รายนี้]


 


เขาเบิกตาโพลงจึงลองส่งให้อีกคนหนึ่ง


 


“…”


 


“แม่งเอ้ย!” เขาโกรธมากและรีบเปิด QQ ตามเหล่าผู้คุมให้มารวมตัวกันที่นี่ [ข้าต้องการฆ่าพวกมัน!]


 


[เวลาใช้งานประจำวันนี้ของท่านหมดลงแล้ว โปรดกลับมาใหม่ในวันพรุ่งนี้]


 


“…”

 

 

 


ตอนที่ 272

 

“เจ้าหมายถึง .. เจ้าของนั่นออกจากเมื่อไปแล้วใช่มั้ย?” ที่นี่ไม่มีแสงสว่างแม้แต่ชีวิตก็ยังอ่อนแอจนได้กลิ่นความตายลอยโชย


 


ความเงียบและความเยือกเย็นชวนขนลุกทำให้ที่แห่งนี้เปรียบเสมือนคฤหาสน์ในนรก! โดยสภาพแวดล้อมและเสียงที่ดังลึกฟังดูเหมือนว่าซากศพกำลังคืบคลานออกมาจากหลุมมันก้องอยู่ในห้องโถงหิน จู่ๆ แสงไฟก็เริ่มสว่างไสวขึ้นทีละดวง


 


ไฟแต่ละดวงค่อยๆ แสดงขึ้นจนสามารถเห็นร่างผู้ปลูกฝังสองคน ทั้งสองใส่ชุดที่คลุมไปด้วยสีดำดูลึกลับ เมื่อพิจารณาจากออร่าที่เปล่งออกมาจากตัวพวกเขาแล้วบอกเลยว่าพวกเขามีความเขามีความแข็งแกร่งสูงมาก


 


ชายชุดคลุมสีดำผู้นั่งอยู่กลางห้องโถงหินดูลึกลับเขาและความมืดดูกลมกลืนกันอย่างไม่น่าเชื่อสถานะการชวนน่ากลัวจนขนลุก ภายใต้แสงไฟสลัวหากมองดูจะพบว่าชายวัยกลางคนอื่นคนยืนอยู่ในห้องโถ่ง เขาตอบกลับคำถาม “ใช่!”


 


ลมเย็นๆ โชยพัดเข้ามาในห้องโถงทำให้แสงไฟพลิ้วตามสายลมราวกับว่ามันจะดับลง


 


ในเมืองครึ่งสมาคมแห่งสวรรค์ดูเหมือนจะได้รับความนิยมอย่างมากหลังจากที่หลายคนหลายกลุ่มได้พิสูจน์แล้วว่าที่นี่เพิ่มพลังด้านการเพาะปลูกได้จริง แม้ว่าหลายคนในตอนแรกจะไม่เชื่อ อย่างไรก็ตามตามคำพูดที่ชวนน่าลองได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งในเมืองและนอกเมืองจึงทำให้กองกำลังต่างๆ เริ่มวางแผนการ


 


ความแข็งแกร่งไม่สามารถหยุดยั้งผู้คนจากความโลภได้เพราะนั้นคือสิ่งที่พวกเขาต้องการ ยิ่งความโลภความต้องการมากแรงจูงใจก็มากตาม แม้แต่บุคคลมากอำนาจเองก็มีจุดอ่อน หากความอ่อนแอถูกค้นพบพวกเขาก็อาจพลาดได้ไม่ว่าจะแข็งแกร่งแค่ไหน


 


สำหรับกองกำลังที่หยั่งรากลึกในเมืองมันไม่ยากเลยที่จะได้รับข่าวสารข้อมูล หลังจากตรวจสอบในวันนี้พวกเขาพบว่าร้านค้าหลักดูเหมือนจะอยู่ในสถานที่ที่ห่างไกลมากซึ่งหมายความว่าพลังอันยิ่งใหญ่อยู่เบื้องหลังร้านค้าและมันไม่สามารถเข้าถึงได้โดยเวลาอันสั้น


 


แม้ว่าร้านนี้จะสามารถทำลายฉินฮงหลินได้ก็จริง แต่นั้นก็เพราะว่าอยู่ในร้าน หากอยู่นอกร้านก็คงจะอ่อนแอและคงต้องใช้เวลา


 


ฟางฉีได้กำจัดหลี่หวังกวนไปแล้วไม่ได้หมายความว่าเขาจะแข็งแกร่งพอจะฆ่าใครสักคนในอาณาจักรทะเลดวงดาวนี้อีก กล่างอีกนัยหนึ่งเจ้าของร้านอาจแข็งแกร่งจริงแต่ก็ไม่ได้จะเอาชนะทุกคนเสมอไป


 


มันเป็นแผนการที่ดีหากพวกเขาจะจับฟางฉีและรีดข้อมูลความลับของร้านค้าจากเขา!


 


“เขาอยู่ที่ไหน?”


 


“เมืองมังกรดำ ข้าได้ยินมาังใต้ดินที่นั้นมีความยอดเยี่ยมในการค้นหาเทคนิคจิตวิญญาณอันยอดเยี่ยม หากท่านมีข้อมูลข้าก็หวังว่า ..”


 


“วังใต้ดิน .. ข้าจะส่งสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณเหล่านั้นไปใช้!” สายลมยังคงพัดโชยแรงขึ้นจนแสงทั้งหมดดับลง ดูเหมือนว่าวิญญาณภูติผีหลายร้อยคนกำลังลอยวนเวียนรับรู้ถึงงานที่ได้รับในความมืด สัมผัสได้นัยย์ๆ ว่าพวกเขากำลังร้องโหยหวนชวนสยอง


 



 


ณ เมืองมังกรดำ


 


เมืองนี้มีประชากรน้อยกว่าจิวหัวมาก เนื่องด้วยไม่มีคนธรรมดาหรือสถานะต่ำกว่าเหล่าผู้ฝึกฝนอาศัยอยู่ที่นี่ มีเพียงผู้ฝึกฝนผู้ปลูกฝังหรือสูงกว่านั้นอาศัยอยู่


 


“ยกโทษให้ข้าด้วย ข้ารักอิสระและทำอะไรไม่คิด” ฟางฉีร้องขอขณะโดนคุมตัว เขาเองมองไปรอบๆ เมืองเพื่อค้นหาแร่หินด้วยความไม่สะท้านสักเท่าไร ผู้ปลูกฝังที่เดินผ่านต่างก็เขาด้วยสีหน้าที่พูดไม่ออก


 


เมืองนี้ดูดีกว่าเมืองครึ่งอย่างน้อยก็ไม่มีเรือจิตวิญญาณจอดอยู่บนอากาศเหนือเมือง หรือบางทีข้าควรใช้พวกสัตว์เป็นยานพาหนะ เนื่องจากเมืองใหญ่ทุกที่ห้ามบินในเมทองและกฎระเบียบที่นี่นั้นเข้มงอดกว่าเมืองครึ่งเสียอีก


 


“ไปทางตะวันตก ตรงไปยังใจกลางเมือง!” คนขับเป็นผู้ปลูกฝังระดับสามัญเขาใส่เสื้อผ้าสีเทา ฟางฉีเอ่ยถามเขาเกี่ยวกับข้อมูลทั่วไปของเมืองมังกรดำ


 


ครึ่งชั่วโมงต่อมา “ข้างหน้าเราคือคฤหาสน์ของผู้บังคับบัญชา!” คนขับเอ่ย


 


ฟางฉีเงยหน้าขึ้นมองเห็นคฤหาสน์ขนาดใหญ่ที่มีรถม้าหรูหราหลายคันจอดอยู่หน้าประตู สิ่งที่ดูสะดุดตามากที่สุดคือสิ่งโตสีขาวที่ดูงดงามมาก ฟางฉีสงสัยว่าใครกันเป็นเจ้านาย


 


คฤหาสน์ของผู้บังคับบัญชา? ฟางฉีมองไปยังกำแพงสูงชั้น โอ้ย! พวกเจ้าทำให้ทุกอย่างกลายเป็นเรื่องยากสำหรับข้า ข้าเป็นคนมีการศึกษาพวกเจ้าพาขามาที่นี่ให้มาขโมยของที่นี่หรอ? ฟางฉีคำนวณความสูงจากพื้นกับกำแพงอย่างช้าๆ หรือข้าควรจะไตร่กำแพงหนี เอ้ะ? ที่นี่มีหมาเฝ้ายามหรือเปล่า?


 


“ท่านผู้คุมถ้าท่านไม่ต้องการข้าแล้วข้าไปก่อนละ!” ผู้ฝึกฝนตะโกนบอก


 


“ลาก่อน!” ฟางฉีโบกมือลา


 


เมื่อรถม้าหายไปฟางฉีจึงเดินเข้าไปใกล้กับประตูคฤหาสน์ช้าๆ ไม่มีทหารยามเลย ข้าจะไปถามใครได้ละเนี่ย อย่างไรก็ตามเขาค่อยๆ ย่องไปข้างหน้าช้าๆ สิงโตขาวส่งเสียงคำรวมขึ้น! มันดูดุร้ายมากจะกระโจนหาเขาเวลาใดก็เดาไม่ถูก


 


ใช่! ที่นี่ไม่มีหมาเฝ้ายามอย่างที่คาดการณ์ไว้ แต่กลับมีสิงโตแทน! ฟางฉีขมวดคิ้วพลางคิดว่าสถานการณ์นี้ค่อนข้างลำบาก


 


โฮก! โฮก! มันยังคงคำรามดังขึ้นเรื่อยๆ


 


ฟางฉีหยิบอิฐจากพื้นขึ้นมาด้วยความหงุดหงิด “ข้าจะปาใส่เจ้า ได้ยินมั้ยถ้าไม่หยุด!”


 


โฮก! โฮก! โฮก!


 


“หืม หลบเก่งนี้” เจ้าสิงโตคำราม ฟางฉีเลิกสนใจและรีบไตร่กำแพง


 


ขณะเดียวกันคนกลุ่มหนึ่งเดินมาใกล้ประตูจากด้านใน ประตูเปิดออกช้าๆ ชายวัยกลางคนดูผมขาวท่าทางสง่างามจับเคราของเขา “ข้ารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับการมาเยือนจากนางฟ้าแห่งสำนักหนานหัว แต่​ .. ทำไมท่านรีบเดินทางกลับ”


 


ชายวัยกลางคนเอ่ยถาม “ท่านมีข้อร้องเรียนใดๆ เกี่ยวกับการต้อนรับของข้ามั้ย?”


 


หญิงสาวชุดขาวเดินตามออกมา “ท่านผู้นำหวังปู่ข้ามีแผนธุรกิจที่สำคัญจะต้องรีบกลับไปสะสางจึงไม่ข้อรบกวนท่านไปมากกว่านี้”


 


เธอกวักมือเรียกรถม้า


 


“เจ้าน้อย ..” เป็นเวลาสั้นที่เธอเอ่ยเรียกพลางหันไปมองรอบๆ


 


“!!??”


 


สิงโตขาวที่เฝ้ายามอยู่ ข้างๆ ตัวมันมีอิฐ ..


 


“เกิดอะไรขึ้น?” เธอเอ่ยขึ้นดังชวนให้ทุกคนมองไปรอบๆ ขณะเดียวกันสายตาของพวกเขาก็ไปสะดุดเขากับร่างที่กำลังไตร่กำแพง จิตใจของพวกเขาตกลงไปที่ตาตุ่ม!

 

 

 


ตอนที่ 273

 

ฟางฉีปัดฝุ่นที่มือออกและมองไปยังด้านข้างเห็นกลุ่มคนกำลังยื่นคุยกันอยู่ ..


 


มีคนกล้าปืนเข้ามาในเขตพื้นที่คฤหาสน์ของท่านผู้บังคับบัญชาในเวลากลางคืนงั้นหรือ!? ดูเหมือนว่าชายคนนี้กล้าทำร้านสิงโตขาวแสนหายากด้วย .. พวกเขาทุกคนรู้สึกเหมือนมีอะไรผิดปกติไป


 


ฟางฉีเองก็มัวแต่สนใจกับหน้าอินเทอร์เฟซของระบบ ก็เนี่ยแหละนะไม่ต่างจากการจ้องโทรศัพท์มือถือไม่ดูตาม้าตาเรือสุดท้ายก็ต้องจบลงเช่นนี้ ฟางฉีตำหนิตัวเองและหวังว่าจะย้อนเวลากลับไปได้ แต่สายเกินไปแล้ว


 


ทุกคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าเขาดูอารมณ์ขุ่นเคือง “เจ้าเป็นใคร!?”


 


หญิงสาวชุดขาวผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มรีบเดินเข้าไปหาสิงโตสีขาวและเรียกพลังภายในเพื่อส่งต่อให้เจ้าสิงโต ตอนนี้มันค่อยๆ กลับมามีแรงอีกครั้ง


 


“เจ้าทำมันหรือ?” น้ำเสียงของเธอเย็นชา


 


“อย่าเข้าใจผิด” ฟางฉีพยายามอธิบาย “ข้าพยายามจะเข้าไปข้างในเพื่อหาห้องน้ำ”


 


บรรยากาศเงียบงันและดูจะเลวร้ายกว่าเดิม


 


“เจ้ากำลังมองหาความตาย!” เสียงคำพูดจากปากชายวัยกลางที่มีผมและหนวดเคราสีขาวดังขึ้น “จับเขา!” เขาตะโกน


 


ผู้ปลูกฝังที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาโบกมือ โซ่ในมือเขากลายเป็นลำแสงสีดำพุ่งเข้าหาฟางฉีเพื่อมัดเขาไว้


 


“นี่คืออะไร!?” ฟางฉีถอยหลังห่างออกไปเกือบสิบเมตรด้วยความรวดเร็ว แต่โซาลำแสงสีดำก็พุ่งตามเขารวดเร็วราวกับงู มันช่างน่าแปลกใจ!


 


“อย่าปล่อยให้เขาหลุดไปได้!” สาวกคนหนึ่งตะโกน “เจ้าเด็กคนนี้กล้าทำร้ายสัตว์หายากของกลุ่มหนานหัวของเรา! เราจะปล่อยให้เขาหลุดออกไปไม่ได้”


 


“ไม่ต้องกังวล!” ชายวัยกลางคนพูดขึ้น “นี่คือโซ่ล่ามมังกรที่มาจากสำนักมังกรดำของข้า แม้แต่มังกรจากมหาสมุทรก็ไม่สามารถหนีเงื้อมือข้าไปได้! เด็กคนนี้หนีไม่รอดแน่แม้จะไปยังจุดสิ้นสุดของโลกก็ตาม”


 


ในขณะที่เขากำลังพูดและกระชับโซ่สีดำ ชายชุดขาวคนหนึ่งเอ่ยขึ้น “ท่านผู้บังคับบัญชาโซ่มังกรของท่ายทรงพลังมาก ..”


 


แต่ก่อนอื่นใดที่จะพูดจบประโยคนั้น สายตาของพวกเขาสะดุดเข้ากับดาบที่ห้อยอยู่ที่เอวของฟางฉีในตอนนี้มันกำลังพุ่งมาทางพวกเขาราวกับงู มันค่อยๆ แบ่งออกเป็นสอง สี่ ก่อนจะเพิ่มขึ้นทีละเท่า ดาบโจมตีเข้าที่โซ่ดำราวกับสายฟ้าประกายไฟปรากฏขึ้น!


 


ดาบสายฟ้าหมุนและพุ่งเข้าตัดกับโซ่ราวกับพายุทอร์นาโด! โซ่สีดำถูกตัดขาดและแตกออกจากกันในทันที!


 


ด้วยดาบที่มากมายหลายเล่มล่องลอยอยู่ในอากาศ พร้อมทั้งดาบเล่มที่เขาเหยียบอยู่ เขาค่อยๆ ร่อนลงจากดาบช้าๆ ท้องฟ้าและสายลมในตอนนี้โหมกระหน่ำราวกับพายุ


 


ทุกคนยังคงตกตะลึงและพูดไม่ออกเมื่อได้เห็นฉากตรงหน้า!


 


“โลกนี้ยังมีเทคนิคเกี่ยวกับดาบอยู่อีกหรือ?” ศิษย์หลายคนจากสำนักหนานหัวอุทานออกมา


 


หวังปู่ชักสีหน้าเล็กน้อย ..


 


ฟางฉีมองไปรอบๆ พลางเหลือบมองไปที่หน้าอินเทอร์เฟซ ไม่นะ! แร่หินอยู่กับพวกเขา!


 


“อืม .. ข้าแค่ตกใจที่โดนแบบนี้” ใบหน้าของฟางฉีเรียบง่าย เขาดึงดาบออกจากโซ่ “โซ่มังกรของท่านยอดเยี่ยมมากไม่แปลกใจในชื่อเสียง ข้าเพิ่งจะจัดการกับมันด้วยเทคนิคดาบระดับยี่สิบสาม แน่นอนมันเป็นการใช้เทคนิคที่สุดยอดไปเลย”


 


หวังปู่เต๋านิ่งไปเล็กน้อย


 


“โฮก! โฮก!” สิงโตสีขาวที่อยู่ข้างเขาคำรามอย่างโหดเหี้ยมราวกับอยากจะฉีกฟางฉี


 


ฟางฉีเงียบไปชั่วครู่ “ข้าคิดว่าหมาของท่านต้องได้รับการอบรบบ้าง!”


 


“สร้างที่ล็อคมังกร!” หวังปู่เต๋าระเบิดอารมณ์อย่างดุเดือด “จับเจ้าเด็กนี่ให้ได้ อย่าทำให้สำนักมังกรดำของข้าต้องอับอาย!”


 


สิบนาทีต่อมา การต่อสู้ของเทคนิคดาบอันคมกริบของฟางฉียังคงดุเดือด โดยที่ตัวเขาเองยืนอยู่บนดาบอันพลิ้วไหว


 


“เจ้าหัวขโมยอย่าวิ่ง!”


 


“อย่าไล่ตามข้าเลย!”


 


เมื่อหันมองคนกลุ่มใหญ่ที่กำลังไล่ตามเขาพลางหยิบหยกสื่อวานออกมา “โมน้อย ถ้าคืนนี้ข้ากลับไม่ทันเที่ยงคืนเจ้าปิดประตูได้เลย!”


 


“อ้อ! แล้วถ้ามีใครบางคนสร้างปัญหาก็แค่ตะโกนขึ้นเลยว่ามีคนกำลังสร้างปัญหาและโยนพวกเขาออกไป” เขาบอกโมน้อย “ไม่ต้องกังวลมันจะไม่เป็นไร!”


 


ทีมผู้ฝึกฝนจากสำนักมังกรดำยังคงจ้องเขาไม่เลิก “ท่านผู้คุม ทำไมเจ้าเด็กคนนี้ยังมีเวลาแวะไปใช้งานหยกสื่อสารอีก!”


 


“เจ้าขาวน้อย เจ้าไวกว่านี้จะได้มั้ย?” สิงโตขาววิ่งด้วยความเร็วพร้อมเสียงคำรามอันเด่นดัง!


 


ฟางฉีเก็บหยกสื่อสารเข้ากระเป๋าและหันมองกลับไปหาพวกเขาอีกครั้ง หืม? พวกเขานี่ตามไม่เลิก!


 


เขาร่ายดาบด้วยมือของเขาพร้อมเพิ่มความเร็วไหนการหลีกหนี


 


… หนึ่งชั่วโมงต่อมา


 


“เจ้า ..​เจ้าเด็ก หยุด!”


 


“โฮกกกกกกก!”


 


ฟางฉีกล่าวว่า “เรานั่งคุยกันแทนมั้ย? เราพูดคุยกันดีๆ ได้นะ”


 


“บ้าเอ้ย!” พวกเขาสบถ


 


“ขาวน้อย! เจ้าวิ่งไวกว่านี้อีกได้มั้ย?” หญิงสาวตบข้างขาสิงโตขาว


 


“โฮก!” มันวิ่งดุเดือดไม่เลิกราวกับไล่สัตว์ป่า


 


หนึ่งคืนผ่านไป ..


 


ฟางฉีจุดบุหรี่พลางนั่งลงบนดาบและสูบมัน


 


ผู้ปลูกฝังของสำนักมังกรดำยังคงวิ่งไปตวาดไป “เจ้า เจ้าเด็ก .. อย่า อย่าวิ่ง!”


 


ผู้ปลูกฝังของกลุ่มหนานหัวก็เช่นกัน “ข้า ข้า ..​วิ่งต่อไป .. ไม่ไหวแล้ว”


 


หวังปู่เต๋าสบถ “ได้ไงกัน ทำไมเจ้าเด็กคนนี้ .. วิ่งเร็วขนาดนี้!”


 


“เจ้าขาวน้อย เจ้าช่วย ..” สิงโตขาวทรุดตัวลงโดยทันใด


 


“ขาวน้อย!” หญิงสาวผิดขาวซีดตะโกนด้วยความตื่นตระหนก เธอรีบอัดฉีดพลังภายในเข้าไปในตัวมันด้วยท่าทางเร่งรีบด้วยความโมโหเธอจึงชี้นิ้วไปทางฟางฉีโดยทันที “แน่จริงก็อย่างวิ่งสิ!”


 


หวังปู่เต๋าพูดเสริม “ถ้าเจ้า ..​ไม่ .. วิ่ง เราจะได้คุยได้ ..”


 


ในตอนนี้ฟางฉีเองได้เข้ามาในคฤหาสน์ของพวกเขาโดยไร้การทำร้ายใดๆ แม้จะยังไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการพูดคุยก็ตาม แต่ตอนนี้พวกเขา ..​หมดแรง!


 


“ฟู่ว!” เขาวางมือบนต้นขาและเหนื่อยหอบ


 


“เจ้าดูมีพลัง เจ้าต้องเป็นคนมีอิทธิพลแน่ .. แต่รู้มั้ยเจ้าไม่ทำอะไรเลยนอกจากหนีน่ะหรอ?” หญิงสาวผิวขาวกัดฟันพูด


 


“ถ้าเจ้าเป็นนักสู้จริงๆ เจ้ากล้าต่อสู้กับข้ามั้ยละ?” เธอพูดต่อด้วยน้ำเสียงเย็นชาปนเหนื่อย


 


ขณะหายใจหอบหวังปู่เต๋ากล่าวว่า “ข้าคิดว่าเจ้าคงไม่ใช่คนจากกลุ่มเล็กๆ ใช่มั้ย? แล้วอาจารย์ของเจ้าไม่ได้สอนอะไรให้บ้างหรอนอกจากการวิ่งหนีศัตรู?”


 


“ฟู่ว!” เขาแทบจะหายใจไม่ทันหลังจากพูดไปหลายคำ


 


“เจ้าต้องการต่อสู้กับข้าแบบตัวต่อตัวมั้ย?” ฟางฉีมองหน้าหวังปู่เต๋าผู้กระตือรือร้นที่อยากจะไฝว้กับเขาเต็มแก่ “เจ้าว่าเข้าจะสู้กับข้าไหวมั้ย?”


 


“ท่านผู้คุมหวังปู่!” หญิงสาวผิวขาวพูดด้วยความเย็นชา “เขาช่างดูถูกและทำร้ายเจ้าขาวน้อยของข้า ในฐานะหัวหน้าข้าจะต้องล้างแค้น!”


 


เธอกัดฟันแน่น “ถ้าข้าเอาชนะเจ้าไม่ได้ในครึ่งชั่วโมง ข้าจะปล่อยเจ้าไปตกลงมั้ย?”


 


เธอลังเลเมือหันไปเห็นใบหน้าของฟางฉี “เจ้ากลัวหรือ?” เธอถามเขา


 


“ครึ่งชั่วโมงเองหรือ?” สาวกของสำนักมังกรดำเปรย


 


“แสงแห่งสวรรค์หนานหัวของศิษย์พี่หลิว .. เธออาจจะเอาชนะเขาได้ก็ได้นะ” หลายคนมองหน้าและพูดคุยกัน


 


“เธอไม่ต้องใช้แสงสวรรค์แห่งหนานหัวหรอก! เธอสามารถใช้สมบัติทางจิตวิญญาณของท่านหัวหน้าคณะที่มองให้เธอเพื่อปราบเขาได้ เพราะพลังนี้เคยใช้ปราบเจ้าแห่งอาณาจักรเดียวกันมาแล้วได้อย่างง่ายดาย”


 


“ข้าว่า ..” ฟางฉีค่อยๆ พูดทีละประโยค “ข้าว่าเรามาต่อสู้เพื่อแลกของรางวัลกันมั้ย? เช่นข้าขอเปลี่ยนเป็นขอรางวัลจากท่านสักชิ้นได้มั้ย? หากท่านไม่รังเกียจหรืออยากจะเพิ่มความยากอะไร ก็สามารถกำหนดเกณฑ์มาได้เลย”

 

 

 


ตอนที่ 274

 

ช่างเป็นเมืองแห่งความรุ่งอรุณและแบจะไม่มีใครอาศัยอยู่ในใจกลางเมือง ..


 


“เจ้าเด็ก ​..” สาวกจากกลุ่มหนานหัวกำลังพูดถึงแสงสวรรค์แห่งหนานหัวและสมบัติทางจิตวิญญาณแต่ดันถูกขัดจังหวะ “เจ้าอยากให้มันยากกว่านี้หรอ?”


 


หืม .. ช่างกล้าหาญเหลือเกิน


 


เจ้าคงจะโชคดีมากหากรอดพ้นครั้งนี้ไป กล้าที่จะเอ่ยปากขอ!


 


“ศิษย์พี่หลิว!” สาวกหญิงคนหนึ่งยืนขึ้นและพูดว่า “ถ้าท่านไม่สั่งสอนผู้ชายคนนี้ เขาจะต้องเข้าใจผิดเป็นแน่ว่าตัวเองคือผู้แข็งแกร่งที่สุดในโลก”


 


“เด็กคนนี้ช่างไม่ละอาย เราต้องสอนบทเรียนที่ยากให้แก่เขา!”


 


“เจ้าเด็กนี้ช่างโลภนัก แถมยังกล้าขอรางวัลโดยไร้ยางอายอีก!”


 


ขณะเดียวกันผู้ปลูกฝังของสำนักมังกรดำและกลุ่มหนานหัวต่างตะโกนด้วยความไม่พอใจ “เจ้ามันโลภ!”


 


“เจ้าจะบอกว่าข้าโลภได้อย่างไร” ฟางฉีกล่าว “ถือเป็นการดูถูกกันนี่ นี่เป็นการเดิมพันที่ยุติธรรม ถ้าข้าแพ้ข้าจะแบ่งเทคนิคการควบคุมดาบของข้าให้พวกท่านตกลงมั้ย?”


 


“อะไรนะ!?” หวังปู่เต๋าทำหน้างง แม้ว่าฟางฉีจะสามารถใช้เทคนิคการควบคุมดาบได้โดยที่เขายังไม่ถึงระดับผู้ปลูกฝังแต่หวังปู่เต๋ารู้สึกชอบที่เทคนิคดาบนี้หากมันสามารถทำให้เขาบินได้ เขาคิด


 


เขารู้สึกประหลาดใจไม่น้อยที่ฟางฉีใจกล้าวางเดิมพันด้วยเทคนิคนี้!


 


ไหล่ของหญิงสาวชุดขาวสั่นสะเทือนด้วยความโกรธ กลุ่มหนานหัวคือกลุ่มที่ใหญ่ที่สุดกลุ่มหนึ่งเลยก็ว่าได้ในทะเลดวงดาวแห่งนี้ เธอได้ศึกษาเวทย์ทนตร์ทางจิตวิญญาณที่เป็นความลับทุกอย่างของสำนักนับตั้งแต่เธอจำความได้และความแข็งแกร่งในการฝึกฝนของเธอเหนือกว่าคู่แข่งที่ผ่านมาเป็นไหนๆ เธอสมควรได้รับฉายาว่านางฟ้าแห่งหนานหัว!


 


ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเธอดูเหมือนว่าเขาจะเป็นแค่ผู้ฝึกฝนระดับเริ้มต้น แต่ดันเย่อหยิ่งเหลือเกิดแถมยังดูถูกพวกเธอด้วยเดิมพันแบบนี้!


 


“ตกลง!” เสียงของเธอสั่นด้วยความโกรธ “ขอมาก็จัดให้!”


 


นิ้วเรียวบางของเธอผายออกให้เกล็ดหิมะสีขาวหลายก้อนยิงพุ่งออกมาจากแขนเสื้อของเธอ เส้นไหมน้ำแข็งบางๆ เคลื่อนตัวขึ้นไปบนท้องฟ้าราวกับมังกรบินและขดตัวเข้าหากันช้าๆ พวกมันกลายเป็นกรงโปร่งแสงที่ทำจากน้ำแข็งและกักขังฟางฉีไว้ตรงกลาง!


 


ข้าใจดีขนาดนี้แถมยังให้การต่อสู้ที่ยุติธรรมแก่เจ้าทำไมเจ้าถึงได้โกรธเคืองนัก? ฟางฉีครุ่นคิดด้วยความไม่พอใจนัก


 


“สมบัตินี้คืออะไร? มันช่างทรงพลัง!” ผู้ปลูกฝังจากสำนักมังกรดำเอ่ยถาม “เราควรสร้างกรงล็อคมังกรเพื่อสนับสนุนสมบัติทางจิตวิญญาณนี้!”


 


“นี่เป็นสมบัติทางจิตวิญญาณชิ้นแรกที่ข้าได้รับจากหัวหน้าสำนักมันมีชื่อว่าใยไหมหิมะ มันได้รับการขัดเกลาด้วยไหมน้ำแข็งที่มีสะสารสะสมมากมายถึงสามพันปี สาระสำคัญของสมบัติชิ้นนี้หัวหน้าสำนักของเราใช้เวลาสามปีในการสร้างขุมทรัพย์นี้” ผู้ปลูกฝังคนหนึ่งของกลุ่มหนานหัวอธิบายด้วยความภาคภูมิใจ “ใบไหมไม่เพียงแต่จะทนไฟและกันน้ำเท่านั้น แต่มันยังสามารถตรึงจิตใจของผู้คนได้ หากใครถูกจับได้พวกเขาต้องยอมจำนวนจนเหลือเพียงทางเลือกเดียว!”


 


“สมบัติทางจิตวิญญาณของเจ้าอยู่ที่ไหน?” หญิงสาวผิวขาวเอ่ยถามพลางร่ายใยไหมจิตวิญญาณ


 


ฟางฉีชี้นิ้วไปที่ดาบข้างๆ เขาและพูดว่า “สำหรับข้าดาบเล่มเดียวก็เพียงพอแล้ว”


 


“อวดดี!” หญิงสาวปลดปล่อยพลังทางจิตวิญญาณไปรอบๆ ในตอนนี้ฟางฉีถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็ง


 


อากาศโดยรอบเริ่มเหน็บหนาวและแข็งตัว!


 


“ถอยออกมา!” เสียงอึกทึกครึกโครมดังขึ้น ผู้คนเริ่มถอยหลังกลับ


 


พื้นดินที่พวกเขากำลังยืนอยู่ในตอนนี้ถูกแช่แข็งไปด้วย หากพวกเขาถอยช้ากว่านี้อาจกลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็ง!


 


พลังงานอันเยือกแข็งที่ยิ่งใหญ่ควบแน่นไปทั่วเพื่อนที่รอบๆ ใยไหมที่เพรียวเรียวบางทำให้ความชื้นในอากาศค่อยๆ กลายเป็นน้ำค้าง ดูเหมือนมังกรหลายตัวที่ก่อตัวขึ้นจากน้ำแข็งกำลังบินวนอยู่เต็มท้องฟ้า!


 


กรงหิมะเริ่มหดตัวลง!


 


“เจ้าเด็กนั่นเสร็จเราแล้ว!” เหล่าสาวกของหนานหัวเอ่ยด้วยความร่าเริง หลังจากที่พวกเขาได้ใช้สมบัติขั้นสูงของกลุ่ม ไม่มีปฏิหาริย์ใดจะช่วยเขาได้!


 


“ยอใรับความพ่ายแพ้ซะ! เจ้าอยากตายในกรงหิมะของศิษย์พี่หลิวงั้นหรือ!?” ศิษย์ของหนานหัวตะโกนเย้ย


 


“ข้าคิดว่าเจ้าแข็งแกร่ง แต่ข้าคิดผิด .. ความจริงนั้นเจ้าอ่อนแอมาก!”


 


“เจ้าจะยอมรับความพ่ายแพ้ครั้งนี้หรือไม่?” หญิงสาวผิวขาวเดินเข้าไปกับกรงน้ำแข็งพร้อมย่อตัวเพื่อมองคนที่ถูกขังด้วยความไม่พอใจ


 


ขณะเดียวกันเหล่าศิษย์ของเธอก็ตัวแข็งในทันที


 


กรงน้ำแข็งแยกออกจากกันโดยสมบูรณ์พร้อมเสียงตะโกนที่ตามมา “ดาบ! ดาบ! ดาบมา!”


 


เธอไม่รู้ว่าสิ่งที่ได้ยินนั้นจริงหรือไม่ .. แต่แล้วเสียงอึกทึกก็ดังขึ้นจากท้องฟ้าเธอแอบประหลาดใจเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมอง ใช่! ท้องฟ้าในตอนนี้ถูกปกคลุมไปด้วยดาบ


 


ตู้ม! ตู้ม!


 


ดาบจำนวนมากถล่มลงคล้ายกับดาวตก แม้แต่กรงน้ำแข็งยังแตกเป็นเสี่ยงๆ ใยไหมที่อวดนักอวดหนาว่าแข็งแกร่งก็ถูกตรึงลงกับพื้น!


 


พวกเขาทั้งหมดอ้าปากค้างในที่เกิดเหตุ ใจกลางของดาบนับหมื่นชายหนุ่มนั้นคีบบุหรี่โดยไม่รู้ร้อยรู้หนาว .. ฝั่งผู้คนที่อยู่โดยรอบต้องรีบถอยกรูดไปตั้งหลังหลายสิบก้าว


 


หากถูกดาบแทงเข้าพวกเขาคงตายซ้ำตายซากเป็นแน่ ..


 


หญิงสาวพยายามที่จะดึงใยไหมที่ถูกดึงบนพื้น แต่มันล้มเหลว .. เธอยอมแพ้ในทันที


 


เมื่อเห็นว่าการแสดงของเธอเริ่มเย็นชา ฟางฉีกลัวว่าเธอจะโกรธเกินขีดจำกัด เขาจึงรีบพูดกับเธอว่า “เจ้าบังคับให้ข้าทำแบบนี้ ..”


 


ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเองชื่อสมบัติชิ้นนั้นของเธอไม่ได้ เขาได้แต่พูดว่า “ข้าว่านั่น .. มีพลังมากจริงๆ”


 


ด้วยความพ่ายแพ้และกลัวเสียหน้าเธอจึงควักเอาหยกสมบัติทางจิตวิญญาณสองชิ้นออกมา มันเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่มีไว้เก็บจิตวิญญาณ มีรูปร่างคล้ายกับรูปสัตว์


 


เมื่อโบกหยกสองครั้ง เสียงลมอันโหยหวนพร้อมกับสายฟ้าฟาดก็ผ่าลงทันที


 


“มีอะไรพิเศษเกี่ยวกับมันบ้าง?”


 


“ลม .. ลมคำราม!” สาวกของกลุ่มหนานหัวเหงื่อไหลอาบคอ “ใบมีดจากสายลมกำลังคำราม เด็กคนนี้ต้องเสร็จศิษย์พี่หลิวแน่!”


 


คลื่นลมแปรรูปเป็นพายุ พัดพาความสยองขวัญมาในทันตา


 


“ทำไมลมถึงไม่ส่งผลกระทบต่อเจ้าเลย!” หญิงผิวขาวส่งพลังภายในออกไป


 


“เจ้าหมายความว่าไง?” ฟางฉีส่ายหัวและทิ้งก้นบุหรี่ “ข้ารู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย แต่ดีขึ้นแล้วละหลังจากเลิกสูบ!”


 


เขามอบบุหรี่ที่เหลือให้เธอแล้วถามว่า “เจ้าอยากลองมั้ย? มันจะเพิ่มพลังงานให้กับร่างกายเจ้า!”


 


“!!??”


 


เจ้านี่มัน!


 


นางฟ้าจากหนานหัวร่ายคาถาจิตวิญญาณด้วยมือทั้งสองและสวดมนตร์อันยาวนาน จากนั้นร่างกายของเธอถูกยกขึ้นด้วยพลังอันลึกลับ สายลมแห่งสวรรค์และสภาพแวดล้อมโดยรอบกลายเป็ยความมืดขณะที่สายฟ้าและสายลมกำลังหมุนรอบตัวเธอราวกับงู!


 


สาวกของกลุ่มหนานหัวซุบซิบกัน “เข้าละตื่นเต้น ศิษย์พี่กำลังใช้แสงสวรรค์ของหนานหัว!”


 


“ข้าประหลาดใจที่ได้เห็นนางฟ้าคนปัจจุบันใช้เทคนิคแสง” แม้แต่หวังปู่เต๋าเองยังมองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยความชื่นชมปนแปลกใจ

 

 

 


ตอนที่ 275

 

ในตอนนี้ที่นี่เป็นเวลารุ่งสางหลายคนตื่นเช้าเพื่อออกมาเตรียมตัวทำงานหรือค้าขายตามปกติของทุกวัน .. แน่นอนพื้นที่โดยรอบได้รับผลกระทบและความปั่นป่วน เสียงฟ้าร้องดังสะเทือนไปทั่วส่งผลให้ความสนใจของผู้ปลูกฝังหลายคนเอะใจ


 


พวกเขาเงยหน้ามองขึ้นฟ้า จึงพบเข้ากับหมู่เมฆที่มืดมนพลุ่งพล่านไปทั่วราวกับพายุ พวกเขาสงสัยว่านี่ไม่ใช่เรื่องปกติและใครกันที่กล้าใช้คาถาทางจิตวิญญาณอันทรงพลังในเมืองมังกรดำแบบนี้!


 


ผู้ฝึกฝนที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงรีบเดินทางไปยังจตุรัสกลางเมืองเพื่อสังเกตการณ์ว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาสงสัยว่าปรมาจารย์คนใดกันที่กำลังโกรธและทะเลาะกันในเมือง


 


“กระจายคนออกไปรอบๆ” ผู้บังคับบัญชาหวังปู่เต๋าสั่งเหล่าสมุน


 


เขาคิดว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะต้องเสร็จสิ้นไปด้วยความง่ายดาย แต่ .. แม้แต่แสงสวรรค์จากหนานหัวเองก็ยังเอาไม่อยู่


 


ตอนนี้เขาไม่สามารถขัดขวางการใช้คาถาเวทย์มนตร์นี้ได้!


 



 


คาถาทางจิตวิญญาณที่ทรงพลังอย่างแท้จริงสามารถเปิดใช้งานได้ถึงสาระสำคัญในร่างกายใช้เรียกพลังงานจากโลกและสวรรค์เพื่อปกป้องผู้ใช้คาถา นี่คือสมบัติอย่างหนึ่งที่กลุ่มหนานหัวมี ท้องฟ้าในเมืองมังกรดำเวลานี้มีเมฆลอยละล่องพุ่งขึ้นรวมตัวกันเป็นก้อนยักษ์


 


“นั่นอะไร?” ผู้คนในสำนักมังกรดำและหนานหัวรู้สึกประหลาดใจ


 


ฝั่งหนานหัวเองในตอนนี้พวกเขาไม่ได้ร่ายคาถาแสงสวรรค์ แต่ .. นั่นมันเกิดอะไรขึ้น? แสงสวรรค์อีกอันหรือ? เป้นไปไม่ได้!


 


ทุกคนต่างมองด้วยความตะลึง


 


บนท้องฟ้าในตอนนี้ปรากฏรูปดวงดาวเจ็ดดวงพร้อมคนกำลังก้าวข้ามแต่ละดวง ด้วยมือและปากที่สวดมนตร์คาถา “พลังแห่งสวรรค์อันยิ่งใหญ่ ของจงกลายเป็นสายฟ้าของพระเจ้าและโปรดประทานตามคำขอของดาบข้า!”


 


เสียงของเขาดังก้องกังวานเหมือนระฆัมยักษ์ ตามด้วยเสียงฟ้าร้องกึกก้องตามคำพูดของเขา .. สถานนี้การณ์นี้ชวนให้จิตใจของหลายคนนั้นสั่นไหวด้วยความกลัว


 


หลายคนเดินมารวมกันพร้อมเงยมองขึ้นไปบนฟ้าที่มืดมนราวกับพายุจะโหมในอีกไม่ช้า ..​ เมฆบนท้องฟ้าแบ่งออกเป็นสองฝั่งหนึ่งคือหมู่มเฆอันมืดมนและสองคือรูปแบบกระแสน้ำวนที่เหมือนจะดูดกลืนทุกสิง สายฟ้าพุ่งออกมาจากใจกลางน้ำวนคล้ายกับตาสวรรค์ที่กำลังจะเปิดออก!


 


“คาถาทางจิตวิญญาณนี้คืออะไร?”


 


“แสงสวรรค์หนานหัว!” ผู้ฝึกฝนในเมืองมังกรดำเงยหน้าพลางชี้ไปที่มัน “ข้าจำได้ว่านั้นคือสมบัติที่สำคัญของกลุ่มหนานหัว!”


 


“แสงสวรรค์หนานหัว!?”


 


“ใครบังคับในนางฟ้าแห่งหนานหัวต้องใช้แสงสวรรค์ที่นี่!?”


 


ผู้ฝึกฝนหลายคนที่จับกลุ่มรวมตัวกันพูดคุยกันด้วยความตกใจ!


 


“แล้วอีกฝั่งมันคืออะไรกัน?”


 


“เหมือนมันเป็นสายฟ้าของพระเจ้า ที่กำลังทำตามคำขอของดาบ คาถาอะไรข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน!”


 


“ดูนั่น!”


 


ผู้ฝึกฝนคนหนึ่งชี้ไปที่ท้องฟ้า เขารู้สึกตกตะลึงจนสูญเสียคำพูด ลำแสงที่ทองพุ่งออกมาจากก้อนเมฆที่ดำสนิท ลำแสงที่ถูกยิงออกมาราวกับเป็นสัญญาณบอกว่าประตูสวรรค์กำลังจเปิดขึ้น


 


“ดูอีกด้านสิ!”


 


หลายคนกรีดร้องด้วยความตื่นตระหนก ลมแรงพัดผ่านท้องฟ้าอีกฝากหนึ่งที่มีรูปร่างคล้ายกระแสน้ำวน สายฟ้าที่วิบวาบส่องประกายคลายกับงู ลำแสงสายฟ้าอันใหญ่ที่อยู่ตรงกลางเกิดประกายสีน้ำเงินขึ้น มันลุกวาวสะท้อนตา


 


ร่างร่างหนึ่งปรากฎขึ้นโฉบเฉี่ยวในอากาศเหมือนเทพเจ้าและปีศาจร้ายในเวลาเดียวกัน!


 


“ข้าไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมีคนอายุน้อยเช่นนี้และสามารถควบคุมคาถาทางจิตวิญญาณที่น่ากลัวแบบนี้ได้!” นางฟ้าของหนานหัวมองหมู่เมฆใต้สายฟ้าด้วยความประหลาดใจ “เขาสามารถกระตุ้นพลังแห่งสวรรค์ได้!”


 


ลำแสงสายฟ้ายังคงโหมกระหน่ำลงมา


 


อีกฝั่งในความมืดมนยังคงมีแสงสายฟ้าที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่นั่นส่งผลกระทบต่อบ้านบางหลังและเปลี่ยนพื้นที่บางส่วนให้กลายเป็นหลุมอุกาบาตขนาดใหญ่นี่เป็นเพียงแค่ส่วนเสี่ยวของการปลดปล่อยพลัง หากถูกเป้าหมายโดยตั้งใจคงจะกลายเป็นเถ้าถ่านในทันที!


 


อีกฝั่งดาบพลังงานพุ่งตรงไปยังลำแสงสายฟ้า การไหลเวียนของลำแสงที่อยู่รอบดาบนั่นมีรูปร่างคล้ายกับมังกรโบราณในตำนวนอย่างมาก


 


เมฆอันมืดมิดที่ลำแสงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ยังคงยิงลำแสงด้วยความเสถียรอย่างต่อเนือง


 


กองกำลังทั้งสองกำลังปะทะกันบนท้องฟ้าอันมืดมิด! พลังอันน่าสะพึงกลัวที่พวกเขาปลดปล่อยกำลังจะเขย่าท้องฟ้าและโลก!


 


ภายใต้การจ้องมองของทุกคน ท้องฟ้าที่มืดมนพร้อมด้วยลำแสงสายฟ้ากำลังทำลายล้างและกลืนทุกสิ่ง เธอยืนอย่างภาคภูมิใจด้วยตำแหน่งนางฟ้าแห่งหนานหัว แสงสวรรค์ของเธอเป็นผล


 


ขณะนี้โลกรวมถึงทั่วพื้นที่ได้เงียบสนิท!


 


“เธอชนะหรือ!?”


 


ทุกคนมองหน้ากัน


 


ลำแสงสีทองได้กลืนสายฟ้าของเจ้าเด็กนั่นเป็นขี้เถ้าไปแล้วหรือ?


 


“เขาน่าจะ .. ตายแล้ว!” สาวกของกลุ่มหนานหัวพูดด้วยความลังเล


 


“เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ศิษย์พี่หลิวสามารถเรียกใช้แสงสวรรค์ของหนานหัวได้แต่ไม่สามารถควบคุมความเสียหายที่เกิดขึ้นได้ หากชายคนนี้จะรอดชีวิตแต่ข้าว่าเขาคงอยู่ในสภาพที่แย่!”


 


“นั่นสิ!” ผู้ปลูกฝังจากหนานหัวอีกคนหนึ่งเสริมว่า “ต่อสู้ไม่ไหวเขาก็ต้องยอมแพ้ไป!”


 


“ไม่!” ขณะเดียวกันหวังปู่เต๋าที่ยืนอยู่ใกล้ชิดมีท่าทีแสดงออกที่เปลี่ยนไป


 


ลำแสงที่พุ่งออกมาจากเมฆมืดมน ขณะนี้ได้เริ่มจางตามลำดับ ..​ แต่ถึงกระนั้น ดาบเล่มหนึ่งบินพร้อมกับสายฟ้า


 


ฉึก!


 


แสงสวรรค์จากหนานหัวที่ใช้ปกป้องตัวเธอแตกสลายทันที ทุ่งคนมองดาบอันแหลมคมที่พุ่งเข้าหาตัวเธอด้วยความสิ้นหวัง


 


นี่ข้ากำลังจะตายหรือ?


เนื่องจากเธอไม่สามารถควบคุมแสงสวรรค์ได้อย่างเต็มที่ เธอคิดว่าฝ่ายตรงข้ามของเธอก็คงมีปัญหาเดียวกันกับเธอแน่ แต่อย่างไรก็ตามแม้ดาบจะแท่งร่างของเธอแต่มันก็ไม่ได้ทะลุง่ายขนาดนั้น เธอลืมตาขึ้นพร้อมจับด้ามของมัน สายตาของเธอนั่นจับจ้องไปที่ฟางฉี เขากำลังดูดบุหรี่ด้วยความเฉยเมย


 


ทุกคนทั้งผู้เฝ้าดูและคนจากกลุ่มหนานหัวเอง จิตใจของพวกเขาในตอนนี้ว่างเปล่า พวกเขาพูดไม่ออกเมื่อเห็นฟางฉีผู้หนังเหนียว


 


ฟางฉีถอนหายใจ


 


“ในบรรดาผู้ฝึกหัดรุ่นเยาว์ที่ต่อสู้กับข้า ข้าสัมผัสได้ถึงพลังอันแข็งแกร่งของพวกเจ้า ข้าฟางฉีขอยอมรับพลังอันแข็งแกร่งในตัวพวกเจ้าในฐานะผู้ทรงอำนาจ!”


 


ทุกคนเงียบ .. ทุกคนยังคงนิ่งค้างไม่ไหวติ่งเมื่อได้ยินคำพูดจากปากฟางฉี “ข้าฟางฉีขอยอมรับพลังอันแข็งแกร่งในตัวพวกเจ้า!”


 


คำของฟางฉียังคงวนเวียนในหูซ้ำแล้วซ้ำเล่า


 



 


ดูเหมือนว่าจะผ่านไปแล้ว


 


เหล่าหมู่เมฆได้จางหายไปตามกาลเวลา แสงอาทิตย์ยังคงทำหน้าที่ส่องประกายในยามเช้า


 


ร่างสองร่างยืนอยู่บนท้องฟ้า แสงจากดวงอาทิตย์ที่ส่องเข้าหาพวกเขามองแล้วเหมือนภาพผู้เป็นอมตะกำลังประจันหน้ากัน


 


แต่ทันใดนั้น นางฟ้าแห่งหนานหัวก็ตกลงมาตัวของเธอสั่นเทาและใบหน้าซีดเซียว ชุดสีขาวของเธอสยายออกขณะที่กำลังตกลงจากท้องฟ้า!


 


หลายคนพยายามที่จะวิ่งเข้าไปเพื่อรองรับเธอ นางฟ้าตกสวรรค์!


 


อย่างไรก็ตามอีกร่างตามเธอลงมาพร้อมจับเขาที่คอของเธอและค่อยๆ ร่อนลงมาจากท้องฟ้า


 


“ปล่อยข้า!” นางฟ้าแห่งหนานหัวดิ้นด้วยความไม่พอใจพร้อมตะโกนโวยวาย


 


ทุกคนโดยรอบสูญเสียคำพูดอีกครั้ง


 


 

 

 


ตอนที่ 276

 

“เจ้าต้องการอะไร?” ผู้คนจากสำนักมังกรดำและคนในกลุ่มหนานหัวจ้องมองที่ฟางฉีด้วยท่าทางไม่พอใจ ในขณะที่เขากำลังช่วยนางฟ้าจากหนานหัวที่ตกลงมาจากท้องฟ้า


 


“เจ้าควรคิดไตร่ตรองให้ดีก่อนที่จะเรียกร้องสิ่งใด อย่าโลภให้มาก!” ผู้ปลูกฝังฝั่งมังกรดำเอ่ยด้วยความโกรธ “เจ้าคงไม่สบายใจเท่าไรนักหากผู้บังคับบัญชาของเราแสดงฝีมือของเขาให้ได้เห็น!”


 


“อืม ..” ฟางฉียืนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “เจ้าเคยเห็นแร่หินลักษณะที่เทาซีดๆ หรือไม่? พลังนั้นอาจจะเป็น ..” เขาเอ่ยในสิ่งที่เขาต้องการออกมา


 


“หินสีเทาซีด? มีพลัง?” สาวกของกลุ่มหนานหัวและสำนักมังกรดำมองหน้ากัน ในตอนแรกพวกเขาคิดว่าเจ้าเด็กคนนี้จะขอสมบัติทางจิตวิญญาณที่ทรงพลัง น่าแปลกใจเขาขอเพียงแร่หินที่ดูไร้ประโยชน์แค่นั้น


 


ถึงอย่างนั้นเมื่อหวังปู่เต๋าและนางฟ้าแห่งหนานหัวได้ยินเช่นนี้พวกเขาก็เริ่มมองฟางฉีด้วยสายตาแปลกๆ หวังปู่เต๋ามองตั้งแต่หัวจรดเท้าของฟางฉีพร้อมตามว่า “จริงๆ ข้ามีหินก้อนนี้ แต่ข้าสงสัยว่าเจ้ารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร? เจ้าตั้งใจมารับหินก้อนนี้หรือ?”


 


หวังปู่เต๋าได้รับหินก้อนนี้มาด้วยความไม่ตั้งใจและเขาเองก็ไม่รู้จะมีมันไว้ใช้ทำอะไร แรงบรรจุที่อยู่ในนั้นช่างแปลกและลึกลับมาก เขาเก็บมันเอาไว้โดยที่ไม่คาดคิดหรือรู้มาก่อนว่ามันมีประโยชน์อย่างไร


 


เมื่อไม่นานมานี้หนึ่งในเพื่อนของเขาผู้อาวุโสแห่งหนานหัวได้ยืมหินจากเขาเพื่อทำการศึกษาและหลิวนางฟ้าของกลุ่มเดินทางมาที่นี่เพื่อคืนมันแก่เขา


 


เห็นได้ชัดว่าแม้แต่กลุ่มหนานหัวเองก็ไม่สามารถเข้าใจในความลึกลับซับซ้อนในหินได้ ฟางฉีเตรียมพร้อมสำหรับคำถามของพวกเขาและตอบว่า “ถ้าข้าบอกว่าข้าสัมผัสได้ถึงพลังงานที่เปล่งประกายจากหินพวกเจ้าจะเชื่อมั้ย?”


 


หวังปู่เต๋าและหลิวหนิงหยุนมองหน้ากัน


 


นี่เป็นคำอธิบายที่ดูสมเหตุสมผลที่สุดเนื่องจากไม่มีใครรู้เรื่องข้อมูลเกี่ยวกับหินนี้มาก่อน ดังนั้นหวังปู่เต๋า .. เชื่อเขา!


 


“เนื่องจากข้าไม่ได้ชอบกินก้อนหิน งั้นฉันก็มอบให้เจ้าได้” หวังปู่เต๋าเอ่ยเสียงเรียบ


 


“ไม่!​” หลิวหนิงหยุนยังคงจ้องมองพี่ฟางฉี “ข้าแพ้การต่อสู้ดังนั้นข้าต้องจัดเตรียมสมบัติ!”


 


“ดูเหมือนว่าเจ้าเด็กนี่จะมาเพื่อจุดประสงค์นี้ ข้าเกรงว่าเขาคงไม่เอาสิ่งอื่นไป” หวังปู่เต๋าส่ายหัว


 


“นี่ ..” หลิวหนิงหยุนจ้องฟางฉีด้วยความเกลียดชังแต่ฟางฉีเลือกในสิ่งที่เธอไม่มี


 


“หลายปีที่จ้าเองก็สงสัยเกี่ยวกับประโยชน์ของหินก้อนนี้ เมื่อเจ้าตามหามันและตั้งใจที่จะเรียนรู้ เจ้าช่วยบอกข้าให้เห็นประโยชน์ของมันทีได้หรือไม่” เขาเห็นความลังเลบนใบหน้าของฟางฉีเล็กน้อย “ถ้าเจ้าตกลงข้าจะมอบสมบัติอีกชิ้นให้ด้วย แต่หากไม่ข้าก็จะปล่อยมันทิ้งไป”


 


“สมบัติอีกอย่าง!” ฟางฉีเบิกตาโต “เจ้าสามารถมอบกระดูกมังกรให้ข้าอีกชิ้นได้มั้ย!?”


 


“เจ้านี่มันโลภ!”


 


“เห็นแก่ของ!​” ผู้คนเอ่ยตำหนิเขาเบาๆ


 


ฟางฉีกล่าวว่า “ข้าบอกได้เลยว่ามันมีประโยชน์อย่างมาก หินก้อนนี้อาจดูไร้ประโยชน์สพหรับผู้อื่นแต่สำหรับข้าแล้วมันมีประโยชน์ในการสร้างเทเลพอร์ตการเคลื่อนย้ายอย่างมาก ข้าจึงต้องการมันเพื่อสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่!”


 


“เทเลพอร์ต?” หวังผู่เต๋าและหิลวหนิงหยุนมองหน้ากันซ้ำแล้วซ้ำอีก พวกเขาแปลกใจตั้งแต่วิธีการสร้างเทเลพอร์ต พวกเขาไม่เคยได้ยินมาก่อนแถมกองกำลังใดกันที่อยู่เบื้องหลังฟางฉี


 


“เจ้าบอกพวกข้าได้มั้ยว่าเจ้ามาจากกลุ่มใด?”


 


“ข้าคือฟางฉีเจ้าของร้านต้นกำเนิดอินเตอร์เน็ตคาเฟ่!” ฟางฉีใช้โอกาศนี้ในการโฆษณาร้านของเขาไปในตัว เขาชี้ไปทางหลิวหนิงหยุนและกล่าวว่า “เธอคนนี้มีพลังมาก หากเธอได้เรียนรู้เทคนิคการควบคุมดาบและควบคุมสายฟ้าด้วยดาบจากสวรรค์โดยการอ่านหนังสือสวรรค์ละก็ความแข็งแกร่งของเธอจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าแน่!”


 


“…”


 


“ฟางฉีร้านของเจ้าขายเวทย์มนตร์หรือ?” หวังปู่เต๋าพูดด้วยเสียงไม่พอใจ “เจ้าอย่าบอกนะว่าคาถาพวกนี้มีไว้ขาย?” เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะมีคนขายคาถาขั้นสุดท้ายของตัวเองกิน


 


ฟางฉีกล่าวต่อว่า “ข้ารับรองเลยว่าพวกท่านทุกคนสามารถใช้คาถาเหล่านี้ได้”


 


ผู้คนกลุ่มใหญ่ต่างงงวยกับสิ่งที่ได้ยิน


 


เธอได้ยินเขาพูดว่าทุกคนสามารถควบคุมคาถาทางจิตวิญญาณได้และมันสามารถเทียบเท่ากับสมบัติของกลุ่มหนานหัวของข้างั้นหรอ? เขากำลังหมายถึงคาถาที่มีค่าที่สุดของหนานหัวนั้นเมื่อเทียบแล้วเป็นเพียงแค่คาถาทั่วไปที่วางขายในร้านของเขางั้นสิ?


 


เธอรู้สึกหน้าเสียไม่สามารถทนกับความคิดได้ เธอจึงหัวเราะกลบเกลื่อนและพูดเย้ยว่า “นี่ฟางฉี สิ่งที่เจ้าพูดออกมางั้นก็หมายความว่าลูกค้าของเจ้าทุกคนเข้าถึงเทคนิคนี้งั้นสิ?”


 


“ก็ไม่เท่าไร”


 


เธอยังคงโกรธเคือง “ถ้าเช่นนั้นเจ้ามั่นใจได้อย่างไรว่าทุกคนสามารถฝึกฝนเทคนิคเช่นนี้ได้!”


 


อย่างไรก็ตาม เธอกำลังถูกล่อล่วงให้ไปเยี่ยมเยือนที่ร้าน


 


“ร้านของเจ้าอยู่ที่ไหน?” หวังปู่เต๋าค่อนข้างกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้เทคนิคการควบคุมดาบของฟางฉี “ข้าอยากไปตรวจสอบ”


 


“มันอยู่ในเมืองครึ่งแถวล็อคที่สามสิบหก!”


 


“เมืองครึ่งหรือ!?” สาวกของกลุ่มหนานหัวถอยห่างไปหลายก้าวราวกับเห็นผีกลางวันแสกๆ


 


“ไม่ต้องตกใจ” ในฐานะเพื่อนบ้านของเมืองครึ่ง หวังปู่เต๋าผู้รับรู้สถานการณ์ความเป็นไปของที่นั้น “ล็อคที่สามสิบหกนั้นเป็นอาณาเขตของฉินฮงหลินไม่ใช่หร ือ?” เขาถามอีก “แล้วท่านฉินนั้นดีหรือไม่?”


 


“ปีศาจเก่าฉินฮงหลินหรอ?” หลิวนางฟ้าหนานหัวเอ่ยถามด้วยสายตาสับสน


 


ฟางฉีหันไปมอง “ชายคนนั้นหรือ? ข้าจัดการเขาไปแล้วเนื่องจากเขาสร้างปัญหาให้แก่ร้านของข้า!”


 


หวังปู่เต๋าเงียบกริบ เขาเริ่มเชื่อว่าร้านค้าของฟางฉีนั้นค่อนข้างพิเศษและแตกต่างเพราะมีไม่กี่คนที่จะพูดเรื่องแบบนี้เพื่อความสนุกปาก


 


“นางฟ้าแหง่หนานหัว เจ้าสนใจที่จะไปเยี่ยมชมร้านนี้หรือไม่?” หวังปู่เต๋าเอ่ยชวนเพราะในเวลาแบบนี้เขาเองก็ไม่ได้มีธุระที่ไหน


 


“ศิษย์พี่หลิว!” สาวกคนหนึ่งเอ่ยเรียกเตือน “แต่พวกเรามีบางสิ่งที่ยังต้องทำ ..”


 


“เราล่าช้าแล้ว!” หลิวหนิงหยุนพูดเสียงเรียบ “ไม่เป็นไรคงต้องปล่อยให้ล่าช้าไปก่อน” เธอต้องการเห็นความจริงว่าเทคนิคของฟางฉีนั้นเป็นเช่นไร


 


ด้วยวิธีนี้ฟางฉีสามารถล่อลวงคนถึงสองกลุ่มให้กลับไปกับเขาได้อย่างง่ายดาย


 


.. ฟางฉีร่ายคาถาของเขาโดยการแบ่งเทคนิคดาบออกเป็นสิบๆ เล่มในทันที


 


“ขึ้นเลย!” ฟางฉีกล่าว “ข้าต้องรีบกลับไปเก็บผักแล้ว เร็วเข้า!”


 


“…” หวังปู่เต๋า


 


“…” หลิวหนิงหยุน


 


คนอื่นๆ “…”


 


ฟิ้วววววว! พวกเขาบินขึ้นท้องฟ้าในทันที


 


ขณะเดียวกันในบริเวณใกล้เคียงกับทะเลดาวรุ่งใกล้เมืองมังกรดำ เมฆหมอกสีดำทึบปกคลุมบนท้องฟ้าน่ากลัวชวนขนลุก


 


ในความเงียบราวกับป่าช้า “เขาจะมามั้ย?”


 


“ไม่ต้องกังวล นี่เป็นเส้นทางเดียวที่ไว้เดินทางกลับสู่เมืองครึ่ง!”


 


ณ ท้องฟ้าอันห่างไกลมีลำแสงดาบหลายสิบบินเข้าหาพวกเขาด้วยความรวดเร็ว!


 


“นั่น เขามาแล้ว!” เสียงตอบจากเมฆหมอก “มารายงานความคืบหน้าของเด็กนั้นให้แก่ท่านอาจารย์กันเถิด!”


 


จู่ๆ ฟางฉีและคนอื่นๆ ก็ตกลงไปในหมู่เมฆดำ พวกเขามองไม่เห็นอะไรเลยนอกจากความมืด!


 


มีเพียงไม่กี่คนที่ปรากฏตัวขึ้น ราวกับว่าพวกเขามาจากโลกใต้ทะเล


 


“โง่มาก!”


 


“พวกเขามอบตัวแล้ว!”


 


“เราควรนำของขวัญชิ้นนี้ ..”


 


“มันไม่ได้ออกจากที่นี่ง่ายอย่างที่คิดหรอก!”


 


หวังปู่เต๋าเหยีดแขนตะโกน “เส้นทางนี้ชักไม่สงบแล้ว ..”


 


ฟางฉีตอบกลับ “พวกโจรงี่เง่า!”


 


“ดูเหมือนว่าจะมีการต่อสู้” หลิวหนิงหยุนเอ่ย


 


ร่างหนึ่งลุกขึ้นยืนต่อหน้าและจ้องมองพวกเขา “ใครอ่อนแอก็ลาก่อน!”


 


ใบหน้าของหวังปู่เต๋ามืดลงเล็กน้อย เขากำลังวางแผนที่จะจัดการเขาโกรธมากที่ได้ยินพวกมันวางแผนจะฆ่าพวกเขา พลังแห่งจิตวิญญาณอันมหาศาลในฝ่ามือของเขากำลังเรียกหมู่เมฆเพื่อบดบังแสงอาทิตย์!


 


ตู้ม! เสียงดังขึ้นในหมู่ก้อนเมฆขนาดมหึมาบนท้องฟ้า ราวกับท้องฟ้าถูกทุบ เสียงกรีดร้องทลายลงราวกับถูกบดขยี้


 


เหล่าผีและวิญญาณมากมายหนีกันด้วยความหวาดกลัว พวกมันถูกระเบิดราวกับเกี๊ยว!


 


“บ้าเอ้ย พวกมันกล้ามายุ่งกับคนอย่างหวังปู่เต๋ารึ! นี่คือสิ่งที่พวกเจ้าต้องเจอ!”

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม