Black Tech Internet Cafe System 263-269

ตอนที่ 263

 

ณ อาณาจักรหยุนเตียนระดับสูง


 


“นี่มันกำลังเกิดอะไรขึ้นกับเมืองเพาะปลูกของเรา?” กงหยางจุนถาม “แล้วจุดพิเศษในคำสัญญาของเฟงที่มีกับเราละ ..”


 


“ผู้สมัครของเราทุกคนสามารถเข้าถึงอาณาจักรแห่งการเพาะปลูกได้นักบวชทั้งสามประตูจะเป็นผู้ดูแลให้เราแทนที่จะเป็นกลุ่มพันธมิตรวู่เว่ย” กงซูเคากล่าวต่อว่า “ได้ยินมาว่าพวกเขาทำงานกันหนักมา”


 


“ถ้าอย่างนั้นเราก็ต้องทำในส่วนของเราเช่นกัน” กงหยางจุนยิ้มเย่อหยิ่ง “มิฉะนั้นทางเราจะดูไม่ดี หากเราต้องการความช่วยเหลือ”


 


กงซูเคาพยักหน้าและคิดว่ามันเป็นทางที่ดีหากวันหนึ่งพวกเขาจะจัดการกับกลุ่มพันธมิตรวู่เว่ย “เจ้าพูดถูก!”


 



 


ขณะที่จีวูและกองกำลังของเขากำลังค้นหาทางเข้าสู่ห้องโถ่งแห่งซากศพ ฟางฉีเองกำลังหันไปตรวจสอบคิวโซนเช่นกัน


 


เจียงเสี่ยวหยูเริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายกับการฆ่าสัตว์ประหลาดเพียงอย่างเดียวในเกมเจ้ากระบี่ขั้นเทพ ตอนนี้เธออยู่ในระดับสูงไม่จำเป็นต้องรีบร้อนเท่าไรนัก เธอจึงเลือกที่จะกลับไปดูละครบางย้อนหลังแทน


 


ฟางฉีคลิกที่คิวโซนเพื่อเปิดดู เมื่อสังเกตในตัวคิวโซนรอบๆ เป็นเหมือนโลกกว้างใหญ่และที่ที่เขายืนอยู่นั้นมีภูเขาสีเขียวแม่น้ำใสและป่าที่ดูมีชีวิตชีวา มันดูเหมือนเป็นที่อยู่อาศัยที่มีธรรมชาติอันสมบูรณ์แบบคล้ายกับที่พักของฤๅษี


 


เขามองไปรอบๆ พบว่าดูเหมือนว่าจะมีตัวเลือกอื่นๆ อีกมากมายสำหรับที่วางป่าเช่น ป่าไผ่ ป่าสนหรือแม้แต่ตกแต่งหน้าผาเกาะที่รกร้างรวมไปถึงริมแม่น้ำ ..


 


ดูเหมือนว่าพื้นที่แห่งนี้เหมาะสำหรับการปลูกผักและทำฟาร์ม ..


 


ด้วยสถานที่มากมายให้เลือกฟางฉีจึงเกาหัวเล็กน้อยเนื่องจากตัดสินใจไม่ได้ว่าจะทำยังไงดี


 


“ข้าจะเลือกตรงนี้ละกัน!” ฟางฉีเลือกสถานที่ที่อยู่ข้างภูเขามีแม่น้ำอยู่ใกล้เคียงแถมยังมีสวนพีช “ข้าจะเรียกที่นี่ว่าเกาะดอกไม้พีช!”


(ผู้แปล : ผู้แปลอิ้งกล่าวว่าฤดูใบไม้ผลิของดอกพีชหรือดินแดนดอกพีชเป็นนิทานที่เขียนโดย เถาหยวนหมิง ซึ่งเกาะดอกไม้พีชเป็นชื่อที่ได้รับความนิยมอย่างมากในนิทาน)


 


เขาลืมไปว่า .. นี่เขาสามบทบาทเป็นแค่ชาวสวน หลังจากเขาเลือกพื้นแล้ว ข้างหน้าเขาปรากฏตัวบ้านพร้อมกับทุ่งหญ้าขึ้น ในขณะนี้มีผักอยู่ห้าชนิดปลูกอยู่ในท้องทุ่งและหนึ่งในนั้นครบกำหนดเก็บเกี่ยวแล้ว


 


พื้นที่นี้ตอนนี้มีคู่มือสำหรับผู้เริ่มต้นสอนวิธีเล่นตั้งแต่เริ่มต้นวิธีเก็บเกี่ยวผักที่ได้เวลาเก็บเกี่ยวยันไปถึงการขุดย้ายของสร้างบ้านเลี้ยงสัตว์ ..


 


ฟางฉีนับจอบออกมาจากบ้านและขุดหัวผักกาดขึ้นมา มันสามารถขายได้ในราคาสองร้อยเจ็ดสิบสองเหรียญหรือจะเก็บไว้กินเองเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งในการเพาะปลูกก็ได้


 


ฟางฉียังคงอุ้มหัวผักกาดไว้ในอ้อมแขนพลางคิดว่ามันทำอะไรได้? จะกินหรือชายไปดี? .. เขาเลือกที่จะขายมันและซื้อเมล็ดมันในราคา 125 สองเมล็ดและนำไปปลูกใหม่อีกครั้ง


 


บ้านที่ปรากฏขึ้นเป็นบ้านไม้ที่ดูสะอาดสะอ้านตาพร้อมห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่มีทั้งโต๊ะและเก้าอี้ไม้ เขาเปิดหน้าต่าง แสงแดดสาดส่องเขามาในห้องทำให้ดูอบอุ่นในขณะที่พักผ่อนนั่งเล่นอยู่ที่นี่


 


ฟางฉีมองดูรอบๆ และพบว่าร้านค้ามีเมล็ดพันธุ์มากมายยิ่งไปกว่านั้นมันสามารถเลี้ยงหมาแมวและปลาได้! มีแม้กระทั่งยาอายุวัฒนะและสูตรน้ำอมฤต! แถมผู้เล่นยังสามารถสร้างน้ำยาอมฤตด้วยตัวเองได้อีก!?


 


ฟางฉียังคงเลื่อนดูในร้านค้าต่อและพบรายการต่างๆ เขาอุทานขึ้น “ข้าสามารถซื้อคอมพิวเธอที่นี่ได้หรอ!?”


 


ฟางฉีรู้สึกสับสน เขาสามารถเพลิดเพลินกับเกมเจ้ากระบี่ขั้นเทพในโลกแห่งความจริงได้ แต่ที่นี่มีการใช้คอมพิวเตอร์ด้วยหรือ? เขาเกือบจะเซลมกับพื้นอีกครั้งเมื่อเห็นไพ่โป๊กเกอร์ในร้านค้า!?


 


เฮ้! นี่มันเกมปลูกผักจริงใช่มั้ย? ในหัวของฟางฉีตอนนี้สับสนไปหมด เขาเดินออกจากบ้านและพบว่าหัวผักกาดที่ปลูกไว้ตอนนี้ได้เวลาเก็บเกี่ยวอีกครั้ง


 


เขากระพริบตาเพราะคิดว่าตัวเองตาฟาด .. เจ้าผักกาดที่เขาเพิ่งปลูกไปทำไมสามารถเก็บเกี่ยวได้แล้วเพียงไม่กี่นาที เมื่อมองดูใกล้ๆ เขาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ดูเหมือนว่าจะมีคนปลุกไว้ก่อนหน้านี่ นี่ไม่ใช่แปลงที่เขาเพิ่งปลูกไว้


 


อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าผักกาดขาวที่เขาปลูกจะมีระยะการเติบโตไม่กี่ชั่วโมงมันสั้นกว่าที่เขาคาดการไว้ เขายังคงรู้สึกตื่นหนกอยู่ที่เพราะท้ายที่สุดแล้ว ตอนนี้ผักกาดขาวแปลงที่เขาปลูกสามารถเก็บเกี่ยวได้แล้ว แถมมันยังเป็นผักที่เพิ่มความแข็งแกร่งทางจิตวิญญาณอีกด้วย


 


แม้ว่าจะยังรู้สึกประหลาดใจไม่หาย แต่เมื่อมองไปรอบๆ พื้นที่เพราะปลูกที่สวยงามเขาจึงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ เขายังคงศึกษาหน้าอื่นๆ ของคิวโซนต่อไป


 


บนอินเทอร์เฟชไอคอนของคิวโซนมีคำว่า ชวนเพื่อนเข้าสู่คิวโซน, ป้อนเพื่อนในคิวโซน …


 


“เฮ้! เจ้าตรวจสอบเสร็จสิ้นหรือยัง?” ซูเทียนจิส่งข้อความถึงเขาใน QQ


 


“เสร็จแล้ว!” ฟางฉีตอบกลับ


 


[ฟางฉีเชิญให้เจ้าเข้าสู่คิวโซนของเขา เจ้าจะยอมรับหรือไม่?] ซูเทียนจิมองข้อความแจ้งเตือน


 


เธอคลิกทันที [ใช่]


 


บนหน้าจอของเธอปรากฏป่าพีชที่อุดมสมบูรณ์ทันทีพร้อมบ้านไร่อยู่ลึกเข้าไปด้านหลังแถมมีแม่น้ำที่คดเคี้ยวพร้อมทุ่งหญ้าและผักที่กำลังเติบโต


 


เมืองมองไปที่ฟางฉี เขาอยู่ในชุดผ้าฝ้ายเรียบง่ายซูเทียนจิเบิกตาโพลง “นี่เจ้ากำลังทำฟาร์มจริงๆหรือ!?”


 


จากนั้นเธอหันมองดูตัวเองและพบว่าเธอเองก็อยู่ในชุดผ้าฝ้ายที่ดูเรียบง่ายเหมือนช่วงแรกของเกมเจ้ากระบี่ขั้นเทพเช่นกัน


 


เธอคิดว่ามันดูแปลกตาไปหน่อย! ซูเทียนจิมักให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์ของตัวเองเป็นอย่างมาก!


 


ฟางฉีหยิบหัวผักกาดออกมาจากกระเป๋าแล้วพูดว่า “ท่านอยากกินมัยมั้ย? ได้ยินว่าการกินมันหนึ่งครั้งสามารถยืดอายุได้หนึ่งปี หากกินมันทั้งหมดจะมีชีวิตอยู่ตราบเท่าชั่วฟ้าดินสลาย!”


 


“ฟู่ว!” เธอพ่นลมออกมา ใครจะไปเชื่อเรื่องไร้สาระของเขา!


 


“ช่างมันเถอะ!” ฟางฉีเก็บมันคืนมันมีค่าตั้งสองร้อยเหรียญ เจ้าคิดว่าข้าจะให้ฟรีๆ หรอฝันไปเถอะ! เขาขายมันในร้านค้าทันทีและซื้อเมล็ดพืชเพิ่ม


 


เมื่อเห็นว่าฟางฉีนั้นกำลังขุดดินเพื่อทำการปลูก ซูเทียนจิก็รู้สึกพูดไม่ออก “ทำยังไงให้มันโต?”


 


“มันไม่มีอะไรมาก ท่านไปเถอะ!” ฟางฉีเอ่ย


 


“.. บอกข้าหน่อย!”


 


“ท่านลองมองไปรอบๆ มีของมากมายในร้านค้า” ฟางฉีบอกเธอ “อย่าถามข้าเลย ท่านต้องลองดูด้วยตัวเอง!”


 


“เจ้าเป็นเจ้าของร้านและมีเวลาเล่นตั้งมากมาย” เธอตอบด้วยความเย็นชา “เราสามารถเล่นได้แค่แปดชั่วโมงต่อวันเอง!”


 


“มีตั้งหลายอย่าง ทั้งเมล็ดพืชจิตวิญญาณ .. หรือต้นไม้ที่สามารถเติบโตในพื้นที่เสมือนจริง ..”


 


“ดูต่อไปอีก ..”


 


ซูเทียนจิอ่านทีละรายการและอุทานเสียงดัง “สูตรชามังกร? สูตรยาอายุวัฒนะ!?”


 


“อืม ..” เธอรู้สึกตัวแข็ง “รายการสุดท้ายนั้นมันอะไร? ทำไมมันเป็นอย่างนั้น?”

 

 

 


ตอนที่ 264

 

ซูเทียนจิที่เลื่อนดูร้ายการในร้านค้าพบว่าที่นี่ไม่ได้มีแค่ยาอายุวัฒนะเท่านั้น แต่ยังมีแผ่นเพลงต่างๆ ซึ่งเธอเองไม่เคยเห็นมาก่อน นอกจากนี้เธอยังประหลาดใจเข้าไปอีกว่าร้านค้านี้มีเสื้อผ้าขาย!


 


เมื่อมองไปที่ผ้าฝ้ายดิบที่เธอกำลังสวมใส่แล้ว ชุดในร้านค้าดูสวยหรูหราขึ้นมาทันตาเห็น แต่ด้วยราคาที่สูงมากแถมยังใช้เหรียญทองในการซื้อขายอีก


 


ด้วยศักดิ์ศรีของผู้ฝึกฝนที่ยิ่งใหญ่ เธอกล่าวขึ้นด้วยความภูมิใจว่า “นี่ท่านยาอายุวัฒนะอันนี้มีราคาห้าหมื่นเหรียญทองเองหรอเท่ากับว่าข้าสามารถใช้เงินเพียงห้าสิบคริสตัลเท่านั้นใช่มั้ย? ถูกดีจัง!”


 


เธอกำลังควักเงินและพร้อมที่จะจ่ายออกไป โดยคิดว่ามันช่างเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมอย่างมากที่จะซื้อสูตรอาหารอันโอชะในราคาเพียงห้าสิบคริสตัลเท่านั้น!


 


“ท่านเข้าใจผิดแล้ว” ฟางฉีกลอกตาหลังจอ “ท่านสามารถซื้อมันด้วยเงินของที่นี่เท่านั้น!”


 


“หะ?” ซูเทียนจิหันมองกระเป๋าที่ว่างเปล่าของเธอแล้วพูดอย่างเหนียมอาย “ข้าไม่มีเงิน!”


 


“ปลูกผัก! ขายเป็นเงิน!” ฟางฉีตอบพลางไถทุ่งหญ้า เขาพบเข้ากับเมล็ดพืชปริศนาทางจิตวิญญาณ [ท่านจะปลูกมันมั้ย?]


 


ฟางฉียืนอ่านคำสั่งก่อนจะ กดตกลง


 


“…”


 


สิบนาทีต่อมาเฟงหัวหันมองจอของอาจารย์เธอ ขณะกำลังต่อสู้กับสัตว์ประหลาดในเจ้ากระบี่ขั้นเทพ “ท่านอาจารย์ทำอะไร?”


 


ซูเทียนจิตอบกลับ “ข้ากำลังทำฟาร์ม!”


 


“ทำฟาร์ม!?” เฟงหัวกับยูซินได้ยินถึงกับผงะเล็กน้อยเมื่อเห็นซูเทียนจิอยู่ในชุดผ้าฝ้ายดิบ


 


เนื่องจากความแข็งแกร่งในการเพาะปลูกใดๆ ไม่มีผลต่อคิวโซนเหงือจึงเริ่มปรากฏขึ้นบนหน้าผากและหลังของเธอ


 


“ฟู่ว! ..” ซูเทียนจิหายใจออกและเช็ดเหงื่อขณะที่กำลังเฝ้าดูหัวผักกาดขาวของเธอพลางคำนวณในหัวว่า หนึ่งหัวขายได้สองร้อยเจ็ดสิบห้าเหรียญ ขายหนึ่งหัวซื้อเมล็ดกลับมาได้สองเมล็ด .. จากนั้นนำมาปลูกและขาย อีกไม่นานข้าก็จะได้ยาอายุวัฒนะ ชุดสวยๆ .. เธอวางแผนและคำนวณต่างๆ นาๆ


 


“ท่านอาจารย์ ท่านคิดอะไรอยู่!?” เฟงหัวและยูซินรู้สึกงุนงงเมื่อเห็นซุเทียนจินั่งพึมพำด้วยความโลภเล็กน้อยบนหน้าจอ


 



 


ด้านฟางฉีเองเขายังคงไม่พอใจกับสนามหน้าบ้านเท่าไนนักมีเพียงพื้นที่แค่ห้าแปลงเล็กๆ เท่านั้นสำหรับปลูกหัวผักกาด เขามองดูต้นไม้ทางจิตวิญญาณพลางคิดว่าพวกมันต้องไม่โตเป็นแน่จนกระทั่งสองสามชั่วโมงต่อมา .. เขาค้นพบว่าเขาสามารถกำจัดศัตรูพืชและวัชพืชออกเพื่อให้พืชโตได้ไวขึ้น ถ้าเขาไม่ทำแบบนี้มีหวังรออีกนาน


 


สำหรับต้นพีชที่อยู่มากมายรอบๆ ตัวบ้านพวกมันเป็นต้นไม้ตกแต่งธรรมดาไม่สามารถนำไปขายเพื่อแลกเป็นเงินได้ หลังจากทำงานบ้านทั้งหมดจนเสร็จแล้วฟางฉีเองนั้นกำลังรอเวลาให้พืชโตเต็มที่ ในช่วงเวลานั้นเขาจึงเลือกทำอย่างอื่นไปพลางๆ และแวะเวียนมาดูเป็นครั้งคราว


 


ขณะที่แวะเวียนดูเขาเองก็ต้องกำจัดศัตรูพืชที่โตไวราวสายฟ้าแลบ มันไม่ได้สำคัญหรือมีผลกระทบอะไรเท่าไรนัก แต่ส่วนหนึ่งมันดูรกหูรกตา


 


ซูเทียนจิพบว่าสภาพแวดล้อมที่นี้ค่อนข้างผ่อนคลาย เธอเลือกป่าสนและผ่าไผ่พร้อมสำธาร หากเทียบกับมุมมองที่ยิ่งใหญ่จากวังหลิวหยุนแล้ว สถานที่แห่งนี้ช่างเงียบสงบและเป็นส่วนตัว มันทำให้เธอสัมผัสได้ถึงความสวยงามและความสดชื่นที่ซ่อนเร้นในธรรมชาติ


 


เมื่ออยู่ที่นี่เธอพบว่าอารมณ์และจิตใจของเธอนั้นสดชื่นขึ้นอย่างมาก เธอไม่ต้องการออกจากที่นี่เลย เธอสามารถปลูกผักจิบชาหอมและฝึกฝนกู่เจิง เพื่อเล่นเพลงโปรดของเธอแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว


 


จากนั้นเมื่อถึงเวลาการเก็บเกี่ยวเธอก็เก็บผักและนำไปขายเพื่อแลกเหรีญ สะสมและซื้อของต่างๆ นี่คือชีวิตของการพักผ่อนที่แท้จริง ใจลึกเธอต้องการเพื่อนเธอจึงชวนสาวกทั้งสองทันที “เฟงหัว! ยูซิน! มาปลูกผักกับข้าสิ!”


 


“ท่านอาจารย์! ความสนุกในการทำความคืออะไร?” เฟงหัวและยูซินมองหน้ากันพวกเธอถามเพราะยังไม่ได้ลองสัมผัส


 


“ใช่! มันสนุกกว่าการตามหาไอเทมและเพิ่มความแข็งแกร่งในการฝึกฝนอีกหรอ? มันทำอะไรได้บ้าง?”


 


“มันไม่เสียเวลามาก!” ซูเทียนจิกล่าว “เจ้าเพียงต้องใช้เวลายี่สิบนาทีต่อวันในการเพาะเมล็ดและรดน้ำมัน เห็นมั้ยง่ายมาก!”


 


หากพวกเขาทำอย่างเดียวกันกับสิ่งที่ปลูกในชีวิตจริงป่านนี้สมุนไพรในฟาร์มแห่งนี้คงตายไปแล้วแหงๆ ซูเทียนจิรู้สึกประหลาใดจกับการเจริญเติบโตของหัวผักกาดที่นี่อย่างมาก เธอกล่าวเสริมว่า “หลังจากปลูกไปแล้วพวกเจ้าสามารถไปเล่นหรือทำอย่างอื่นเพื่อรอเวลากลับมาเก็บเกี่ยวมันได้”


 


“ง่ายจัง ..” เมื่อฟังกระบวนการที่เรียบง่ายเช่นนี้แล้วสองสาวรู้สึกอยากลองในทันที ไม่นานนักทั้งสองก็กลายมาเป็นเกษตรกรปลูกผักในคิวโซน


 


“ศิษย์พี่เฟง! ศิษย์น้องยูซิน! พวกเจ้ากำลังเล่นอะไรกัน?” สาวกของวังหลิวหยุนบางคนเดินผ่านมาเห็นสองสาวกำลังไถนาจึงเอ่ยถาม


 


“ปลูกผัก!” ไม่นานนักเมื่อสาวกรู้ว่าสวนผักนั้นทำให้พวกเขาได้ประโยชน์แม้จะแลกกับเวลาเพียงเล็กน้อยมันช่างคุ้มค่าและน่าสนุก!


 


ซงฉิงเฟิงที่กำลังเล่นเกมเจ้ากระบี่ขั้นเทพเมื่อได้ยินเรื่องการปลูกผักเขาจึงทักหาฟางฉีทันที [นี่ท่าน ผักเหล่านี้ทำอะไรได้บ้าง? ท่านปลูกมันบ้างหรือเปล่า?]


 


“ข้าหรอ?” ฟางฉีผู้กำลังเฝ้าร้านตอบทันที


 


“หืม? เจ้าของร้านกำลังปลูกผักเหมือนกันหรอ?” ซงฉิงเฟิงตะโกนอย่างสงสัย เขาเรียกเพื่อนๆ ของเขาทันที “หลินเซียว ซูเหลียว! มาลองเล่นคิวโศนกันเถอะ! ข้าได้ยินมาว่าเจ้าของร้านก็กำลังปลูกผักในนั้นเหมือนกัน”


 


“มันจะรบกวนเวลาเล่นเกมของเรามั้ย?” หลินเซียวที่อยู่ในระดับยี่สิบห้าเอ่ยถามเพราะกลัวว่าคนอื่นจะแซงหน้าเขา


 


“ไม่! มันไม่รบกวน!” ซงฉิงเฟิงกล่าวว่า “ข้าได้ยินมาว่าใช้เวลาปลูกแค่แปปเดียวและรอเวลาเพื่อกลับมาเก็บเกี่ยว ระหว่างรอเราก็ไปทำอย่างอื่นได้ค่อยกลับมาเก็บมัน”


 


“ไปกันเถอะ ไปปลูกผักกัน!” ในไม่ช้าฟางฉีก็เห็นรายชื่อพวกเขาในคิวโซน


 


ขณะเดียวกันซูเทียนจิเองก็กำลังเก็บหัวผักกาดชุดแรกและกำลังจะปลูกชุดที่สองตาม เนื่องจากเธอยังมีเหรียญไม่มานักแต่ด้วยความอยากได้กู่เจิง เธอจึงเลือกอันที่ถูกที่สุดและแผ่นเพลง Wind in Pine เธอบรรเลงเพลงไปพลางจิบชาไปหน้าบ้าน


 


“เฟงหัว ยูซิน!” มาลองฟังเพลงของข้าสิ เจ้าคิดว่าทักษะของข้าเป็นยังไงบ้าง? เธอลากสองสาวกออกจาเกมเจ้ากระบี่ขั้นเทพเพื่อไปยังสวนในคิวโซนของเธอ


 


“… ดิ่ง ดิ่ง ด๊อง ด๊อง ~”


 


ในขณะเดียวกันฟางฉีเองก็เลือกซื้อเพลง The Boundless Sea And Sky ด้วยเหรียญที่มีอยู่


 


“วันนี้ฉันดูเกล็ดหิมะ ที่ล่วงลงผ่าน ..” เขาเองก็สนุกกับการฮัมเพลงในขณะไถทุ่งนาเช่นกัน

 

 

 


ตอนที่ 265

 

“เจ้าได้ยินหรือไม่ว่าเราสามารถปลูกผักในคิวโซนใน QQ ได้ด้วยแถมพืชผักทางจิตวิญญาณในเกมยังสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งในด้านการเพาะปลูกของเราด้วยนะ! มันไม่ต้องการอะไรมากแค่ปลูกและรอเวลาเก็บเกี่ยว!” ผู้เล่นเจ้ากระบี่ขั้นเทพพูดคุยกัน


 


“มันวิเศษขนาดนั้นเลยหรือ?”


 


“เราควรจะลองมั้ย? มันฟรี! แถมเราปลูกเสร็จก็ทิ้งไปทำอย่างอื่นฆ่าเวลาได้!”


 


“ตกลง ไปลองกัน!”


 



 


แม้ว่ารายได้ส่วนใหญ่และผลกำไรจะเป็นของระบบทั้งหมด แต่ในเวลานี้ฟางฉีเริ่มทำรายได้ช้าลงหรือแทบพูดได้เลยว่ามันคงตัว อย่างไรก็ตามรายได้ส่วนหนึ่งจากเมืองครึ่งนั้นดูเหมือนจะไม่กระเตื้องเท่าไรนัก แต่โชคดีที่รัานค้าของเขาเต็มไปด้วยลูกค้า วันนี้เองก็เป็นอีกวันที่ได้เงินจำนวนมากคริสตัลทุกๆ ก้อนมีส่วนร่วมเติมเต็มกระเป๋าเงินของเขา


 


หลังอาหารเย็นฟางฉีนั่งผ่อนคลายด้วย่ทาไขว้ห้าง เมื่อนั่งดูจำนวนเงินเขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้น เขาคิดว่าหรือเขาควรหาเวลาไปซื้อของ ผ่อนคลายบ้างจะดีมั้ย?


 


แต่ให้ตายเหอะ! แต่เขาก็ยอมแพ้ให้กับความคิดของเขา รอก่อนดีกว่าข้ายังต้องการเงินมากกว่านี้ .. ด้วยความคิดนี้เขาจึงกลับไปนั่งเปิดคิวโซนเพื่อเชิญเพื่อทุกคนให้มาเป็นเพื่อนกับเขา


 


“มีคนส่งคำเขิญเพื่อนมาให้ข้าหรอ?” ตามคำแนะนำและโน้มน้าวของซูเทียนจิ ซัวเต๋าก็เล่นคิวโซนด้วยเช่นกัน เพราะเธอบอกเขาว่ามันใช้เวลาเพียงเล็กน้อย แต่ได้รับประโยชน์มาก ตอนนี้เขาเลยยุ่งอยู่กับการปลูกผัก!


 


เมื่อมองดูคำเชิญเพื่อนเขาเองลังเลใจที่จะกดเข้าไปดูแต่เมื่อกดเข้าไปแล้วพบว่าเป็นเจ้าของร้านเขาจึงรีบกดตกลงทันที!


 


ผู้เฒ่าฟูที่เพิ่งปลูกผักชุดแรกเสร็จเขาหันไปเล่น Diablo กับนาหลันฮงวูเพื่อฆ่าเวลา แต่สายตาดันไปเห็นว่ามีการแจ้งเตือนมีคำเชิญขอเป็นเพื่อน


 


ฟางฉี?


 


ฟางฉีมีนาหลันฮงวูเป็นเพื่อนอยู่แล้วเชื่อมต่อจาก QQ แล้วเขาขอเพื่อนข้ามาทำไม?


 


“นั่นคืออะไร?” นาหลันฮงวูถามด้วยความอยากรู้


 


“อ่อไม่มีอะไร เจ้าฟางฉีขอข้าเป็นเพื่อน” ผู้เฒ่ากล่าว


 


ตงชิงลี่และจางวันยูเองกำลังดูร้านค้าในคิวโซนกันด้วยความเพลิดเพลิน “ข้าต้องการสิ่งนี้!” ตงชิงลี่ชี้ไปที่ปิกกาจูที่ตัวอ้วนขนฟู “หนูตัวเหลืองนี้น่ารักราคาก็ไม่แพง!”


 


“บ้านหลังนี้ดูโบราณไปหน่อย” จางวันยูกล่าว “ข้าว่าข้าจะเก็บเงินและตกแต่งมันจะได้ดูดีเมื่อข้าชวนเพื่อนๆ มาเที่ยว”


 


“เป็นความคิดที่ดี!”


 


“หืม?” จางวันยูขมวดคิ้ว?


 


“มันคืออะไร?” ตงชิงลี่ถาม


 


“เจ้าของร้านต้องการเพิ่มเพื่อนข้า?” จางวันยูกล่าว “เขามีเจ้าเป็นเพื่อนแล้ว ทำไมต้องเพิ่มข้าด้วยละ?”


 


“เขาอาจจะต้องการรู้จักเจ้าก็ได้!” ตงชิงวลี่คาดเดาอย่างไร้เดียงสา


 


“ไร้สาระ!” เธอตอบส่งๆ


 


ใบลังเองที่กำลังเล่นเจ้ากระบี่ขั้นเทพหยุดมองเมื่อเห็นข้อความโผล่ขึ้นจาก QQ “เจ้าของร้าน เพิ่มข้าเป็นเพื่อน?”


 


“ข้าก็ได้รับข้อความ” ซูฮงยิงที่นั่งข้างๆ เขาอ้าปากค้าง


 


“ข้าก็เช่นกัน!” ซานยันก็ทำหน้างง


 



 


ถึงตอนนี้ร้านชื่อเพื่อนของฟางฉีเองก็เพิ่มขึ้นอย่างมากจากยี่สิบคนในตอนนี้มีเกือบร้อยคนและเขายังคงตามเพิ่มเพื่อนเรื่อยๆ


 


[บอกความจริงมาเดี๋ยวนี้ ทำไมเจ้าต้องการที่จะเพิ่มสาวกของข้าเป็นเพื่อน?] ซูเทียนจิรู้สึกระแวงเล็กน้อยจึงส่งข้อความถามเขา นี่เจ้าเด็กหนุ่มคนนี้ต้องการหลอกล่อสาวกของข้าใช่มั้ย? แถมยังล่อลวงทั้งสองคนในเวลาเดียวกัน ช่างน่ากลัวจริงๆ


 


ขณะที่ซูเทียนจิรู้สึกเพลิดเพลินและมีความสุขกับการเล่นกู่เจิงและเสียงเพลงที่เธอชอบอย่างมาก เมื่อลองฝึกไปได้สักพักรู้ตัวอีกทีก็จบเพลงเสียแล้ว


 


เธอเรียกสองสาวกมานั่งฟัง หลังจากที่รู้ว่าเธอทั้งสองรับเพื่อนฟางฉีแล้ว .. นี่เขากำลังทำอะไรอยู่กันแน่!? ซูเทียนจิสร้างลานแสดงกู่เจิงของเธอไว้ข้างบ้าน หลังจากวางกู่เจิงลงเธอก็บรรเลงเพลงระหว่างรอคำตอบจากฟางฉี


 


ตอนนี้เธอคุ้นเคยกับกู่เจิงอย่างมาก เธอเล่นมันด้วยความเชี่ยวชาญตัวโน๊ตที่คมชัดน้ำเสียงที่บรรเลงออกมามันช่างไพรเราะและคมชัด สาวกทั้งสองคนต่างฮัมเพลงไปตามจังหวะของเพลงพวกเขาปล่อยอารมณ์ไปตามสายลมและเสียงเพลง


 


แน่นอนถ้าพวกเขาไม่เห็นฉากต่อไปนี้ .. พวกเขายังคงเพลินเพลิดต่อไปแน่


 


“อาจารย์ .. นั้นคือ ..” จิตใจของเฟงหัวและยูซินในตอนนี้ว่างเปล่า


 


ซูเทียนจิผู้มีความตั้งใจทุ่งมั่นในการเล่นกู่เจิงหันไปเห็นร่างหนึ่งกำลังขุดหัวผักกาดขนาดใหญ่ของเธอ เธอรีบวิ่งตามไปดึงแขนเขาทันที!


 


“หยุดนะ!” เธอคำรามด้วยความโกรธ เธอวางกู่เจิงไว้ด้านหนึ่งและวิ่งไล่ตามร่างนั้นไปด้วยความเร็วเกียร์หมา!


 


เมื่อเธอวิ่งตามเข้าไปในสวนของเธอ จู่ๆ เจ้าหัวขโมยก็หายไป ดวงตาของเธอลุกเป็นไฟ


 


“ฟางฉี!!!!!!!” เธอกัดฟันกรอด เจ้ากล้าขโมยหัวผักกาดของข้า! ข้าปลุกมาตั้งหลายชั่วโมงแต่ถูกชุบมือเปิบไปเช่นนี้หรือ


 


“ท่านอาจารย์!” เฟงหัวและหยูซินตะโกนเรียกเธอ “ผักของเราก็ถูกขโมยเช่นกัน!”


 


“อะไรนะ!?” ซูเทียนจิที่กำลังโมโหหัวของเธอไฟลุกขึ้นเป็นสองเท่า!


 


ขณะเดียวกันฟางฉีที่เพิ่งถึงบ้านและกำลังนับผักจากการปล้น “ซูเทียนจิหนึ่ง, เฟงหัวหนึ่ง, ยูซินหนึ่ง, จางวันยูหนึ่ง ..”


 


เวลานี้ฟางฉีได้ขโมยผักจากฟาร์มของแต่ละคนมาอย่างละเล็กอย่างละน้อยทำให้เขามีเหรียญทองรวมแล้วเกือบพัน! เขารวย!


 


“ฉันควรซื้ออะไรดี?” ฟางฉีผู้มั่งมีในชั่วข้ามคืนดูรายการที่เพ่งเลงไว้


 


“เมล็ดพันธุ์ ข้าจะซื้อมาปลูกต่อ อืม .. เสื้อผ้าสักสองชุด อ่อเสื้อคลุมสีฟ้า” เขาเลือกด้วยความสนุก


 


“ข้าจะซื้อสุนัขด้วย!” ฟางฉีเชื่อว่าสุนัขเป็นสิ่งที่จำเป็นของบ้าน เขากดเข้ามาในโหมดสัตว์เสี้ยงทันที มีสุนัขสองชนิดคือหนึ่งเลี้ยงทั่วไปและสองไว้เฝ้าบ้านหลังฝึกอบรบ แต่อย่างที่สองมีราคาแพงกว่ามาก


 


ฟางฉีเรียกดูรายการ “อืม .. น่าสนใจ” ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจซื้อพันธุ์อาคิตะมา


 


“ฟางฉี!” จู่ๆ เสียงของซูเทียนจิก็ดังขึ้นจากความมืด ร่างของเธอค่อยๆ โผล่ออกมาจากความมืดในสวน “คืนหัวผักกาดข้ามาซะดีๆ!”


 


“ทำไม?” ฟางฉีพูดด้วยความไม่รู้ไม่ชี้ “ข้าขโมยมาด้วยความสามารถของข้า ทำไมข้าต้องคืนมันด้วย!”


 


ซูเทียนจิจิ้ปากของเธอ เธอยกมือขึ้นมาทำท่าจะตีเขา


 


เขายกมือมากันและรีบวิ่งหนีไปทันที!

 

 

 


ตอนที่ 266

 

“หยุดนะ! เจ้าต้องคืนมันมาให้ข้าเดี๋ยวนี้!” ซูเทียนจิทำหน้าดุร้ายราวกับว่ามันเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย


 


“ข้าแค่เอาหัวผักกาดมามันไม่ใช่เรื่องใหญ่ตรงไหน!”


 


“ข้าดูแลประคบประหงมอย่างดีเป็นเวลาสามชั่วโมง!” ซูเทียนจิจ้องตาเขม็ง “และเจ้าก็มาขโมยของจากลูกศิษย์ข้าอีก คืนพวกเขาเดี๋ยวนี้!”


 


“พวกมันหายไปหมดแล้ว!” ฟางฉีพูดด้วยเยาะแถมยังชี้ไปที่หมา “ข้าใช้เงินทั้งหมดเพื่อแลกมันมา ท่านมาเอาคืนตอนผักของข้าโตละกัน!”


 


เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนแบบนั้นหรอ .. อืม ใช่ แต่ข้าไม่ขโมยวันนี้หรอกข้าจะพูดให้เจ้ารู้สึกผิดแล้วค่อยมาขโมยวันหลัง ไม่สิ! ข้าไม่ได้ขโมยสักหน่อย ข้าแค่จะเอาสิ่งที่เป็นของข้าคืน! เธอวางแผนในใจ


 


หรือข้าจะมาพรุ่งนี้ดี .. ยิ่งคิดยิ่งแค้น!


 


จากนั้นเธอเปลี่ยนอารมณ์ในทันที “ทำไมเจ้าถึงซื้อหมามา?”


 


“ทำไม? ..” ฟางฉีเงียบไปครู่แล้วตอบว่า “มันดีสำหรับพื้นที่โดยรอบ”


 


“ปลูกผักเกี่ยวอะไรกับพื้นที่?” เธอทำหน้าสงสัย


 



 


ตงชิงลี่และจางวันยูหลังจากเล่นเกมเสร็จก็ย้อนกลับเข้ามาในคิวโซนเพื่อมาเก็บเกี่ยวผลผลิต


 


“ส้มข้าหายไป!” จางวันยูตะโกนด้วยความตกใจ


 


“หืม? หัวผักกาดของข้าก็หายไป!” ตงชิงลี่รู้สึกงุนงงเมื่อเห็นหลุมในสวนของเธอ “ก่อนหน้านี้หัวผักกาดของข้าอยู่ตรงนี่นี้”


 


ผู้เฒ่าฟูเองก็เพิ่งรู้สึกตัวเช่นกัน “ดูเหมือนว่าผักในสวนข้าหายไป ..”


 


“ข้าด้วย!” นาหลันฮงวูมองแปลงผักของเขาด้วยความสับสน


 


“ส้มจิตวิญญาณของข้าอยู่ที่ไหน? ใครเอามันไป?” ซัวเต๋าตะโกน


 


ซงฉิงเฟิง, ซูฉีซินและคนอื่นๆ เองก็รู้สึกงงงวยเช่นกันเมื่อพวกเขากลับเข้าไปดูในไร่ของตัวเองอีกครั้ง ผู้เล่นหลายสิบคนต่างสับสนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น


 


ผู้เล่นในจิวหัวที่ไม่ค่อยมีแชทร่วมกัน วันนี้พวกเขากลับมารวมตัวกันใน QQ อย่างมิได้นัดหมาย


 


หลันยัน [ผักของข้าหายไป แปลกจริงแล้วพวกเจ้าละ?]


 


[ข้าก็หายเหมือนกัน!]


 


[หัวผักกาดของข้าหายไป!]


 


[ธัญพืชทางจิตวิญญาณของข้าก็หายไป!]


 


[ส้มของข้าหาย!]


 


บางคนถึงกับส่งข้อความถึงฟางฉี


 


[เจ้าของร้านท่านรู้มั้ยว่าเกิดอะไรขึ้น?]


 


[ข้าจะไปหาต้นตอ!] นาหลันหมิงสื่อเอ่ยขึ้น


 


สามนาทีต่อมาหน้าหลันหมิงสือได้รายงานต่อทุกคนว่า [หึ! อย่าได้ไปถามฟางฉีเลย เขานั้นแหละเป็นคนขโมยไป เขาบอกว่าจะไม่คืนแถมยังบอกว่าถ้าอยากได้คืนก็ไปขโมยในสวนเขาเอง!]


 


ทุกคนเมื่อเห็นข้อความเริ่มขุ่นเคือง


 


ซูเทียนจิแสดงความเห็นของเธอในกลุ่ม QQ [เจ้าเด็กคนนี้ช่างอุกอาจจริงๆ พรุ่งนี้ไปบุกสวนของเขากันเถอะ!]


 


หลันยัน [ข้าเอาด้วย!]


 


ซงฉิงเฟิง [ข้าไปด้วย!]


 


ซูฉีซิน [ข้าด้วย!]


 


เจียงเสี่ยวหยู [นับข้าด้วย ผักข้าก็หาย หัวหน้านะหัวหน้า!]


 


“…”


 


ฟางฉีปรากฏตัวขึ้นในกลุ่ม [พวกเจ้าช่วยคุยเรื่องนี้แบบส่วนๆ หน่อยจะได้มั้ย ..]


 


ซูเทียนจิ [ใครดึงฟางฉีเข้ามา?]


 


นาหลันหมิงสือ, หลันยันและคนอื่นๆ ตกอยู่ในภวังค์พูดไม่ออก .. กลุ่มเงียบไปเพราะแผนแตก


 


ขณะเดียวกันฟางฉีก็เล่นกับเจ้ามาอาคิตะของเขา “มา! อาคิตะน้อย ยิ้ม!”


 


แชะ!


 


ฟางฉีถ่ายภาพด้วยกล้อง .. ฟางฉีช่างมีความสุขกับวันแสนสุขของเขาจริงๆ ในไม่ช้าก็ได้เวลาปิดร้านและเข้านอน


 



 


เช้าวันรุ่งขึ้นซุเทียนจิมาถึงร้านด้วยความเร็วแสงพร้อมกับสาวกของเธอ โดยปกติแล้วเธอจะต้องกินของว่างนั่งดูละครก่อนเล่นเกม แต่วันนี้ ไม่! เธอเปิดเกมส์ด้วยความหงุดหงิด


 


ฝั่งฟางฉีเองเขาเปิดร้านแต่เช้า เขานั่งลงหน้าคอมพิวเตอร์พร้อมถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ส่งกลิ่นอันหอมหวลชวนหิว!


 


ไม่มีใครที่เข้ามาเหยียบในพื้นที่คิวโซนของฟางฉีเลย หลังจากคืนหนึ่งผ่านไปผักในสวนของเขาได้เวลาเก็บเกี่ยวมันเต่งตรึงน่าดึงดูดจนน่าขโมย แสงแดดสอดส่องให้เห็นว่าพวกมันสุกงอมน่ากิน ไม่สิ! น่าเอาไปขายมากแค่ไหนทั้งหมดพืชผักผลไม้ ..


 


หมาน้อยของเขาเฝ้าอยู่ตรงหน้าบ้านอยู่ห้างๆ ด้วยพื้นดินและความซนของมันทำให้ตัวมันดูหมองคล้ำและเลอะเทอะ


 


ซูเทียนจิที่กำลังเลาะสวนของฟางฉีและย่องเข้าไป เธอพึมพำด้วยสีหน้าเย็นชา “ข้าจะเอาของที่ซื้อมาอย่างไม่ชอบธรรมคืน!”


 


หลังจากเดินเข้ามาถึงแปลงผักเธอก็ตั้งใจขุดหัวผักกาดด้วยความแค้น ดี! ฉันได้มันแล้ว จากนั้นเธอก็หันไปเก็บลูกพีชต่อ


 


ปี๊ป! เสียงเตืนอจากเกมดังขึ้น [อย่าโลภ]


 


ซูเทียนจิยืนแข็ง หืม .. ไม่แปลกใจทำไมเขาขโมยไปชิ้นเดียว ความจริงก็คือขโมยได้แค่ชิ้นเดียวเท่านั้น!


 


ช่างมัน! อย่างน้อยวันนี้ผู้คนจำนวนมากก็จะมาที่นี่เพื่อนำของของพวกเขาคืน เมื่อเธอถึงขีดจำกัดของการลักของแล้ว ซูเทียนจิก็พร้อมออกเดินทางทันที หึ! ในไม่ช้าสวนของเจ้าเด็กนี่ก็จะว่างเปล่า


 


เธอหันไปจ้องทางหนี ขณะเดียวกันที่กำลังย่องนั้นเจ้าหมาสีเหลืองดันมาขวางทางเข้าให้!


 


“โฮ่ง! โฮ่ง! โฮ่ง!”


 


“ทำไมเจ้าตัวนี้มันดุจัง?”


 


“อ๊าาาาา!”


 



 


ไม่กี่นาทีต่อมา ข้อความก็ปรากฏขึ้นบน QQ ของฟางฉี ในข้อความมาพร้อมรูปถ่ายของซูเทียนจิผู้เกรี้ยวกาด


 


[อะไรน่ะ?] ฟางฉีที่กำลังซูดบะหมี่เปิดดู


 


อีกฝั่งของซูเทียนจิกำลังเปิดดูรายการค่าใช้จ่ายของเธอด้วยความหัวร้อน


 


[วัคซีนพิษสุนัขบ้า 800 เหรียญ, ยา 100 เหรียญ]


 


แต่สิ่งที่เธอลักมาจากการขโมยมีมูลค่าเพียง 300 เหรียญเท่านั้น! อะไรก็ไม่รู้ที่ทำให้เธอโมโหจนลืมหัวผักกาดอีกหัวทิ้งไว้ในฟาร์มของเขา!


 


[อธิบายมาว่าเจ้าทำอะไรกับหมาของเจ้า? // อิโมจิรูปมีด] ซูเทียนจิส่งข้อความด้วยความเกรี้ยวโกรธ


 


[หมาอะไร?] ฟางฉีอ่านด้วยความงุนงง


 


[อย่ามาแกล้งโง่!]


 


[เจ้าจะกลับมาจิวหัวเมื่อไร? ข้าจะชวนเจ้าทานอาหารสักมือ!] ซูเทียนจิยังคงกัดไม่ปล่อย


 


“ข้ายังไม่กลับไปหรอก” เขาพึมพำกับตัวเองหน้าคอมพลางกดส่งรูปที่เธอโดนหมากัดกลับไป [อีกนาน เราไม่ควรมาต่อสู้กันในชีวิตจริง!]


 


[เจ้ารู้ได้ไงว่าข้าจะต่อสู้กับเจ้า??] เธอตอบกลับ [เจ้าเอารูปนั้นมาจากไหน?]


 


ขณะนี้รูปที่ซูเทียนจิโดนหมากัดในสวนของฟางฉีได้ขยายลงให้กลุ่ม QQ เป็นที่เรียบร้อย


 


หลันยัน [เจ้าของร้านมีหมาเฝ้าด้วยหรอ? งี้ใครจะกล้าไปขโมยละ!]


 


ซงฉิงเฟิง [ข้าว่าเขาต้องเห็นที่เราคุยกันเมื่อวานแน่! แล้วเจ้ายังจะไปมั้ย?]


 


หลันยัน [เจ้าไม่ไปหรอ?]


 


หลินเซียว [บ้าหรอ ใครจะไป .. ไปก็ถูกหมากัดกันพอดีสิ!]


 


[เจ้าของร้ายช่างร้ายกาจ!]


 


[ใช่ ข้าจะเชื่อเขาเลยจริงๆ]


 


จู่ๆ ระบบก็เด้งข้อความขึ้นในกล่องสนทนาของทุกคนว่า [ฟางฉีชวนท่านรวมดูละครกระบี่เทพสังหาร ท่านจะยอมรับหรือไม่?]

 

 

 


ตอนที่ 267

 

ชวนดูกระบี่เทพสังหาร? ทุกคนต่างนิ่งค้างเมื่อเห็นคำเชิญชวนจากฟางฉีอีกครั้ง ..


 


[พวกเจ้าอย่ายอมรับ!] ซูเทียนจิประกาศก้องในช่องพูดคุย [เจ้าเด็กคนนี้ทำตัวนิสัยไม่ดี เขาไม่เพียงขโมยผักของเราเท่านั้น แต่ยังสั่งให้หมามากัดเราอีก เขาต้องการไถ่โทษเราด้วยการชวนเราดูละครงั้นหรอ ไม่มีทางซะหรอก!]


 


[ใช่!]


 


[ข้าก็คิดเช่นนั้น!]


 


[พวกอย่ากดรับ!]


 


[ข้าไม่ได้ถูกหมากัด ข้ากดยอมรับไปดีมั้ย?] ซงฉิงเฟิงส่งอิโมจิน่ารักๆ ลงในกลุ่ม


 


หลายคนเงียบไป ..


 


ซูเทียนจิกล่าวว่า “เจ้าก็ไม่เห็นต้องกดรับนี่” เธอส่งหน้าหมาแยกเขี้ยว


 


หลันหยันแนะนำว่า [ตอนที่เจ้าของร้านกำลังดูละครพวกเราก็เข้าไปขโมยผักกันสิ ข้าไม่คิดว่าเจ้าหมามันจะกัดพวกเราทุกคนหรอก!]


 


[หืม? ทำไมท่านถึงมีรูนปนี้?] เจียงเสี่ยวหยูส่งอิโมจิสงสัยไป


 


ไม่กี่วิฟางฉีก็ตอบกลับด้วยการส่งภาพหมาโง่ของเขากำลังสวมผ้าพันคอ


 


“โอ้ย! งี่เง่ามาก” เจียงเสี่ยวหยูเอ่ยแซว


 


ตงชิงลี่รู้สึกสนใจในความโง่เง่าของมัน [เจ้าเอารูปแบบนี้มาจากไหน?]


 


ซูเทียนจิที่อยู่ในกลุ่มเริ่มหัวอุ่น [อย่าเปลี่ยนหัวข้อ!]


 


ฟางฉียังคงส่งรูปหมาอาคิตะของเขาไม่หยุด มันกำลังทำท่าทางเอียงหัวพิงข้างฝา


 


ซูเทียนจิกัดฟันกรอด


 


“…”


 


หลันยัน [เอ่อ นี่ไม่ใช่เจ้าหมาโง่ในสวนของเจ้าของร้านหรอกใช่มั้ย?]


 


ตงชิงลี่ [ทำไมหน้าตามันดูโง่จัง?]


 


หลินเซียว [ยิ่งมองมันยิ่งดูโง่]


 


ซูเหลียว [มันกินได้มั้ย?]


 


“นี่ถ้าลองกดขวาที่รูปพวกท่านสามารถเก็บและส่งต่อได้นะ!” มีคนค้นพบฟังก์ชั่นนี้


 


ในไม่ช้าแชทกลุ่มเริ่มเปลี่ยนหัวข้ออย่างไม่คาดคิด หัวข้อดั้งเดิมถูกลืมไปแล้วอย่างสมบูรณ์ ขณะเดียวกันเหล่านักพิมพ์ไม่พอใจและเริ่มตะหงิดใจพวกเขาแอบจัดตั้งกลุ่มใหม่อย่างเงียบๆ


 


นาหลันหมิงสือ [เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการเปลี่ยนเรื่องคุย อย่าหลงกลเขา! มีใครรู้ชื่อเขาในเกมเจ้ากระบี่ขั้นเทพบ้าง?]


 


ซูเทียนจิ [เจ้าจะทำอะไร?]


 


หลินเซียว [เจ้าจะแอบโจมตีเขาใช่มั้ย? ข้าเอาด้วย!]


 


เยเสี่ยวเย้ [น่าสนใจ!]


 


ซูเทียนจิ [ความคิดดี ข้าร่วมด้วย!]


 


นาหลันฮงวู [ข้าไปละ พวกเจ้าเชิญไปกันเถอะ] อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้โดนหมากัดและไม่ได้ตั้งใจจะร่วมขบวนการแก้แค้น


 


เซียวหยูที่มักยืนดูเจียงเสี่ยวหยูเล่นอยู่เป็นประจำยกมือขึ้นและตะโกนว่า “ข้ารู้ชื่อเขา ข้าสามารถบอกได้เพื่อค้นหาที่อยู่ของเขา!”


 


ซูเทียนจิเอ่ยอย่างพึงพอใจ “ในที่สุดเจ้าก็สามารถทำสิ่งที่มีประโยชน์ได้เสียที”


 


“…”


 


ในไม่ช้าสงครามประสาทของฟางฉีและพวกเขาก็เริ่มขึ้น


 



 


[ดูเหมือนว่าเจ้าจะประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนเรื่องได้ดีเชี่ยวนะ] นาหลันหมิงสือทักหาฟางฉีแบบส่วนตัว


 


[เปล่าเลย ข้าแค่ต้องการชวนพวกเขามาดูหนังด้วยความจริงใจ] ฟางฉีตอบกลับพร้อมส่งรูปหมายิ้ม [มาดูละครกัน!]


 


นาหลันหมิงสือ [หน้าของเจ้านี่หนากว่ากำแพงเมืองจีนอีกนะ!]


(ผู้แปล : ผู้แปลอิ้งกล่าวว่านี่เป็นคำพูดที่พบบ่อยในประเทศจีนเพื่อไว้อธิบายถึงบุคคลไร้ยางอาย)


 


[มาหรือไม่?]


 


[แน่นอน!] แน่นอนว่าเธอไปแน่ เธอจะต้องดึงดูดความสนใจของเขาก่อนจะเริ่มลงมือแก้แค้น!


 


ในไม่ช้าฟางฉีก็เห็นว่าพวกเขาส่วนใหญ่กดยอมรับคำเชิญของเขา


 



 


“นี่เจ้ากำลังทำอะไรอยู่?” รวนหนิงที่ยืนอยู่ข้างหลังฟางฉีเอ่ยถาม “เจ้าไม่เล่นเจ้ากระบี่ขั้นเทพหรอวันนี้?”


 


“ข้าจะดูละครก่อนแล้วค่อยเล่นเกม” เขาตอบ


 


“ละคร?” รวนหนิงขมวดคิ้ว “คืออะไร?”


 


ฟางฉีชี้นิ้วไปที่คำอธิบายบนกระดานดำ “กระบี่เทพสังหาร”


 


แม้ว่าผู้เล่นที่นี่จะยังไม่สามารถเล่นเกมอื่นๆ ได้ แต่พวกเขาสามารถดูละครได้ ลูกค้าหลายที่เมืองครึ่งพบว่าการเล่นเกมเจ้ากระบี่ขั้นเทพไม่ได้มีดีเพียงสนุกอย่างเดียวแต่มันยังมีสิ่งดีๆ ซ่อนอยู่ แถมบางคนก็ถูกดึงให้มาเล่นเกมเพราะถูกเพื่อนร่วมกลุ่มลากมา


 


หลายคนติดเกมเจ้ากระบี่ขั้นเทพและไม่อยากคิดอะไรอีกเลย แม้ว่าจะมีละครให้ดูแต่พวกเขาก็ไม่ได้สนใจเท่าเกมที่เล่นอยู่ นั้นเป็นเหตุผลที่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เลือกจะทำสิ่งใหม่อย่างการดูละคร


 


รวนหนิงและคนอื่นๆ เองก็ไม่ได้มีเวลาว่างพอที่จะเล่นแปปเดียวแล้วได้ระดับเพิ่ม แถมฟางฉีเองก็ยังคงทำอย่างอื่น


 


“ข้าแนะนำให้ดูหากมีเวลาพอ” ฟางฉีกล่าวเพราะสิ่งที่ลูกค้าทำไม่ว่าจะอะไรก็แล้วแต่เขาก็เป็นผู้ได้ผลประโยชน์ ดังนั้นเขาจึงพูดและให้คำปรึกษาพวกเธอในฐานะสมาชิกในสมาคม


 


นั่นอะไร? เหมือนเจ้ากำลังพูดคลุมเครือตกลงแล้วให้เราดูหรือเล่นเกมกันแน่? รวนหนิงคิดสับสน


 


คิวโซนเองมีโหมดเชิญชวนเพื่อนมาดูละครด้วยกัน แม้แต่ผู้คนจากทะเลดวงดาวเองก็สามารถชวนเพื่อนจากจิวหัวอันห่างไกลเพื่อเข้าร่วมการดูละครด้วยกันได้


 


ละครตำเนินต่อไป ฉากของวันนี้ที่พวกเขากำลังดูกันอยู่คือ …


 


ฟางฉีเอ่ยทักทายทุกคน “ยินดีต้อนรับสู่การท่องเที่ยวสู่ความตาย”


 


ฟางฉีพาทุกคนไปพบกับฉากที่ปรากฏถ้ำที่มีค้างคาวมากมายเป็นหมื่นตัว เมื่อเดินเข้าไปจะพบกับแสงสลัวๆ ส่องประกายอันเชิญวิญญาณที่ลอยอยู่จากใต้พิภพ .. ผู้ชมใจเสาะบางคนแอบเอามือบังตาไว้เล็กน้อย ฉากปรากฏความรักอันลึกซึ้งระหว่างจางเสี่ยวฟานและไป่เหยา


 


ผู้ชมได้รับประสบการณ์การผจญภัยที่อันตรายและการหนีรอดจากตัวละครในละครและถูกกระตุ้นจากการรับชมพวกเขาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่แท้จริงในการผจญภัย


 


ขณะนี้จางเสี่ยวฟานและไป่เหยาหลงอยู่ข้างในถ้ำเลือด


 


“ที่นี่อยู่ที่ไหน?” ในขณะที่พวกเขาเดินลึกเข้าไปในถ้ำ ฟางฉี,ตงชิงลี่และคนอื่นๆ ดูฉากนี้ด้วยความสงสัย


 


“สถานที่นี่ดูเหมือนจะเป็นใจหลักของการกลั่นเลือดของฝ่ายอาธรรม” นาหลันฮงสู, ซัเต๋าและคนอื่นๆ มองดูรอบๆ พวกเขาสังเกตเห็นห้องหินขนาดใหญ่ ทางด้านซ้ายเป็นห้องที่มีรูปปั้นที่มีใบหน้าอ่อนโย ส่วนรูปปั้นทางขวาเป็นรูปปั้นที่มีใบหน้าเหมือนปีศาจอันดุร้าย


 


“เจ้าคิดว่าพวกเขาจะเจอสมบัติที่นี่บ้างมั้ย?”


 


“พวกเขาเจอระฆัง!”


 


“ดูนี่!” มีคนตะโกนขึ้นด้วยความประหลาดใจ


 


ขณะเดียวกันไป่เหยาก็อุทานขึ้น “หนังสือสวรรค์?”


 


ผู้ชมต่างมองดูอย่างไม่คาดคิด พวกเขาต่างประหลาดใจอ้าปากค้างด้วยความตื่นเต้น – บทแรกของหนังสือสวรรค์


 


[กำเนิดโลกที่เต็มไปด้วยความโกลาหล .. โลกเต็มไปด้วยพื้นที่พร้อมด้วยดวงอาทิตย์อันส่องสว่าง พระจันทร์ผู้คอยปกคลุมแสง สวรรค์และโลกมีขอบเขตของพวกเขาอย่างชัดเจน เวลาค่อยๆ ทำให้ทุกอย่างเกิดเป็นรูปร่าง ความบริสุทธิ์และความขุ่นมัวก็เริ่มแยกตัว ..]


 


ตามตำนวนโบราณคาถาทางจิตวิญญาณและเทคนิคทั้งหมดของกลุ่มนักบุญและฝ่ายมืด นั้นล้วนมาจากหนังสือสวรรค์!


 


ในโลกนี้ผู้ปลูกฝังใช้พลังแห่งสวรรค์ในขณะที่นักรบพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเสริมกำลังร่างกายของพวกเขา อย่างไรก็ตามจากหนังสือแห่งสวรรค์ที่พวกเขาเห็นน่าจะเป็นสิ่งที่ครอบคลุมทุกสิ่งตามที่ คนดูกำลังจินตนาการ


 


ฟางฉีกล่าวว่า “กลุ่มผู้ชมที่ได้มาท่องเที่ยวสู่ความตายมีเวลาว่างโปรดอย่าลืมอ่านหนังสือ ..”


 


“…”


 


(เอาจริงตอนนี้ผู้แปลอิ้งแอบแปลคำพางงนิดหน่อยแต่จะพยายามแปลให้สมูทและเข้าใจง่ายมากที่สุด)

 

 

 


ตอนที่ 268

 

ทุกคนดูมีความสุขดีขณะชมละคร แม้ว่าจะไม่ได้รับสมบัติตามแบบตัวละครหลักแต่พวกเขาสามารถเรียนรู้เทคนิคและการผจญภัยไปพร้อมกับตัวละครได้!


 


ตอนนี้พวกเขาได้เรียนรู้เทคนิคไต้ชิจากหนังสือสวรรค์ สำหรับบทแรกของหนังสือมีความลึกซึ้งและลึกลับอย่างยิ่งเนื่องจากเป็นบทสำคัญที่สุดของหนังสือ!


 


ต้องใช้ความสามารถพิเศษและเวลาเพื่อทำความเข้าใจ


 


“มันช่างลึกซึ้งเหลือเกิน!” นาหลันฮงวูคร่ำควญด้วยความหงุดหงิดรู้สึกเวียนหัวต่อคำอธิบายความจริงขั้นสุดท้ายของโลก “เรายังมีคำถามมากมายเกี่ยวกับวิธีการเพาะปลูกและคาถาทางจิตวิญญาณในโลกนี้ ซึ่งนั่นถือเป็นการยากที่จะทำความเข้าใจ ..”


 


ส่วนชัวเต๋า, เยซงเต๋าและหลันโมเองนั่งไชว่ห้างและเริ่มศึกษาคำศัพท์อย่างเข้มข้นและพยายามที่จะเข้าใจในแบบของพวกเขา


 


“ข้าคิดว่าบางคำก็ไม่ได้บ่งบอกหรืออธิบายถึงเทคนิครัดับสูงหรือวิธีการปลูกฝัง” นาหลันหมิงสือได้ลองศึกษาแต่ละคำบนแผ่นศิลา “พวกเขาอธิบายถึงความเป็นจริงและกฏ”


 


“เด็กคนนี้พูดถูกต้อง!” หลันโมงพยัดหน้า “เอาสั้นๆ ได้ใจความ ในระยะแรกพวกเขาพูดถึงความจริงขั้นสุดของโลก!”


 


เมื่อทุกคนได้ยินคำพูดของหลันโมต่างประหลาดใจ “แล้วทำไมพวกเขาถึงแสงดสิ่งนี้ต่อเรา?”


 


.. ใช่ พวกเขายังคงสั้ตไปเล็กน้อย


 


“พวกเจ้าเสร็จกันหรือยัง?” ฟางฉีเอ่ยถาม “เรากำลังจะไปต่อ!”


 


“ขอเวลาอีกครึ่งชั่วโมง!” นาหลันฮงูสวนกลับ


 


“ครึ่งชั่วโมงไม่พอ” หลันโมเสริม “หนึ่งชั่วโมง! อย่างน้อยหนึ่งชั่วโมง!”


 


“หนึ่งชั่วโมงไม่พอ!” ซูเทียนจิแทรก


 


“ไปต่อเถอะ!” ฟางฉีตัดบท “ใครเขาจะหยุดดูกลางตอนเป็นชั่วโมงกัน?”


 


เขากดเริ่มต่อทันที


 


“อย่า!”


 


“เจ้านี่มันใจร้าย ทุกคนกำลังอ่านหนังสือสวรรค์!” เยซงเต๋ากล่าว “ขอสักเดี๋ยวสิ!”


 


“ข้าก็ต้องใช้เวลาเหมือนกัน!” นาหัลนฮงวูตะโกน “หยุดก่อนถ้าเจ้าไม่หยุดมันจะผ่านไปแล้ว!”


 


“ใช่! เราค่อยดูตอนต่อไปทีหลังก็ได้!” หลันโมกล่าว “แต่เราต้องศึกษาข้อมูลหนังสือสวรรค์อย่างรอบคอบ!”


 


งั้นเชิญพวกท่าน ข้าจะไปอ่านบทที่สองของหนังสือสวรรค์ก่อนละกัน!  ฟางฉีเอ่ยลอยลม


 


“มีบทสอง?” เหมือนกับว่าคำพูดของฟางฉีได้ทิ้งระเบิดลงกลางกลุ่ม ซึ่งใช่! มันทำให้ความสนใจของพวกเขาแตกกระเจิง


 


“ผู้อาวุโสเบื้องหลังเจ้าบอกส่วนสำคัญกับเจ้ามาหรือ?” หลันยันถามด้วยความสงสัย “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่ามีบทสองอยู่?”


 


ฟางฉีชี้ไปที่บบรทัดแรงของหนังสือโดยถามว่า “พวกเจ้าอ่านออกมั้ย?”


 


“บทแรก?”


 


ฟางฉีหยักไหล่ “เห้นมั้ย บทแรกอยู่ที่นี่งั้นก็จะต้องมีบทสองบทสามหรือสี่ เจ้าไม่ต้องการอ่านกันหรือ?”


 


“แน่สิ!” พวกเขาทั้งหมดดูสนใจ “ไปต่อเถอะ จะได้ดูว่าบทที่สองของหนังสือสวรรค์เป็นอย่างไร”


 


“อืม .. จางเสี่ยวฟารและไป่เหยาจะหนีจากถ้ำหนีได้หรือไม่” มีคนในกลุ่มเอ่ยถามหลังจากที่เส้นทางกลับในตอนนี้ถูกปิดกั้น


 


ทุกคนเริ่มมีสมาธิกับการดูมากขึ้น


 


“มาดูนี่สิ!” ไป่เหยาเดินออกมาจากห้องหิน มีคำเล็กๆ ซ่อนอยู่ภายใต้กระดูกสีขาว


 


[ระฆังร้องไห้และดอกไม้ทั้งหมดเหี่ยวแห้ง คนที่รักเปลี่ยนแปลง ความรักนั้นขมขื่นและทรมาณ อารมณ์อ่อนไหวมักถูกทำร้ายโดยคนใจร้าย]


 



 


ผู้ชมได้ชมเรื่องราวของทั้งคู่ที่ตอนนี้ไม่มีแม้แต่อาหารหรือทางออก


 


“จางเสี่ยวฟานและไป่เหยาน่าสงสารมาก” ตงชิงลี่พูดไปรู้สึกอยากร้องไห้ไปขณะดู “พวกเขาเพิ่งอ่านหนังสือสวรรค์ไป แต่ตอนนี้กำลังจะตายหรอเนี่ย?”


 


“ไร้สาระ!” ผู้อาวุโสกลุ่มโอเชียนกล่าว “ข้าว่าพวกเขากำลังคิดหาทางออก!”


 


ในช่วงเวลาแห่งความสิ้นหวังของทั้งสอง เขาพบว่ามีบางอย่างผิดปกติกับคำว่า ‘เจ็บ’ พร้อมคำพูดที่บอกว่า ‘อารมณ์อ่อนไหวมักถูกทำร้ายโดยคนใจร้าย’


 


“พวกเขาค้นพบแล้ว” เด็กหญิงหลายคนตื่นเต้น


 


คนอื่นๆ ก็รู้สึกไม่แพ้กัน


 


อย่างไรก็ตามตอนนี้พวกเขาก็ยังไม่พบทางออก แต่มีบางคำที่ดูเหมือนว่าพวกเขาเคยเห็นผ่านตาในหนังสือสวรรค์ในห้องศิลาก่อนหน้านี้


 


“มันเป็นตอนที่สองของหนังสือสวรรค์หรือไม่?” ทุกคนดูตื่นเต้นอย่างไม่รู้ตัว


 


[ด้วยวิญญาณอันมืดมนและปีศาจในนรก เทพเจ้าแห่งสวงสวรรค์ข้าจะเสียสละร่างกายของข้าเพื่อคุณแลตกสู่ห้วงนรกตลอดไปเพื่อความรักของฉันโดยปราศจากความเสียใจ]


 


“เปลี่ยนเลือดของหญิงสาวให้กลายเป็นคำสาป?” พวกเขาอ่านคำสาปแช่งพลางรู้สึกหวาดกลัว


 


หากใช้คำสาปนี้หญิงสาวจะต้องอยู่ในนรกตลอดไป ช่างชั่วร้ายจริงๆ


 


“คำสาบานแห่งรัก?” ทุกคนได้ยินคำอธิบายจากไป่เหยา “คำสาปนี้ชั่วร้ายจัง แล้วความรักของพวกเขาจะเป็นอย่างไร?”


 


“ใครจะใช้มัน?” พวกเขาดูสงสัย


 


ขณะเดียวกันฉากบนหน้าจอค่อยๆ จางลง


 


“มันจบแล้ว! อ้าว!”


 


“ตอนนี้ตอนสองแล้วหรือ? แล้วจางเสี่ยวฟายกับไป่เหยาจะออกมาได้มั้ย?”


 


ผู้ชมทำหน้าผิดหวัง


 


“นี่ท่าน! แล้วหนังสือบทที่สองอยู่ไหน?”


 


“มันอาจจะเป็นตอนต่อไป”


 


คนอื่นๆ ตะโกนด้วยความหัวร้อน “อย่าวิ่งหนีสิถ้ากล้าพอ!”


 


“ข้าจะยกโทษให้เจ้าหากเจ้าให้ข้าเอาชนะเจ้า”


 


.. ทุกคนในร้านกลับมาบ่น ส่วนคนที่ยังคงเครียดแค้นก็กลับมาจุดเดิมอีกครั้ง


 


“เจ้าปล่อยร้อยตอนไม่ได้หรอ?”


 


“เจ้าไม่สามารถใส่บทของหนังสือสวรรค์ในตอนเดียวได้ใช่มั้ย?”


 


“อืม .. ทำไมผักข้าหายไปอีกแล้ว?”


 


“ฟางฉีอยู่ไหน?”


 


พวกเขายืนนิ่ง “เขาไม่ได้เชื่อมต่อแล้ว!”


 


ขณะนี้ฟางฉีได้หยุดการเชื่อมต่อโดยไม่ลังเล อย่างไรก็ตามไม่มีใครสามารถผ่านอินเตอร์เน็ตเพื่อมาเอาชนะเขาได้ การหยุดเชื่อมต่อจบปัญหาทุกสิ่งลง!


 


ในเมืองครึ่งร้านเขาเป็นที่นิยมอย่างมากและที่นี่ไม่มีใครกล้ามายุ่งกับเขา เพราะนอกจากสมาคมที่มีชื่อแปลแล้วเขาเองยังได้ทำลายฉินฮงหลินที่เคยแข็งแกร่งที่นี้อย่างสิ้นคราบ


 


วันนี้ฟางฉีรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่มีผู้คนมาขอเข้าร่วมสมาคม


 


“นี่หัวหน้าสมาคมเจ้าคิดอย่างไร?” รวนหนิงกระซิบข้างหู “ข้าคัดเลือดผู้ฝึกฝนผู้ยิ่งใหญ่มาสามคน!”


 


ฟางฉีมองไปที่โมเทียนชิงชายชราล่ำซำ “ไง! เจ้าหนู .. หัวหน้าสมาคม!” ชายชราเอ่ยทัก “เจ้ายังต้องการคนเข้าร่วมสมาคมหรือไม่” ข้างๆ โมเทียนชิงอีกสองคนเป็นลัทธิเต๋ารุ่นราวคราวเดียวกัน


 


“เจ้าช่วยพาพวกเราไปเพื่อรับสิ่งดีๆ ด้วยได้มั้ย?”


 


“ช่วยแนะนำสถานที่หาของดีๆ ให้เราหน่อยสิ”


 


“เจ้าช่วยบอกเราเกี่ยวกับสถานที่ดีๆ เพื่อเก็บเกี่ยวค่าประสบการให้เราทีสิ .. เราถูกฆ่าขณะกำลังเก็บค่าประสบการณ์ ..”


 


ฟางฉีกลอกตาตามลำดับของคำถาม พวกท่านต้องการคำตอบของคำถามสุดท้ายใช่มั้ย?

 

 

 


ตอนที่ 269

 

ภารกิจใหม่ : สร้างเทเลพอร์ตส่วนบุคคล


 


คำอธิบายงาน : นี่คือเทเลพอร์ตส่วนบุคคล เปิดใช้งานโดยสารสกัดจากเลือดเทเลพอร์ตนี้เป็นทางเชื่อมต่อระหว่างจิวหัวและทะเลดวงดาว


 


วัสดุที่ต้องการ (หายากแต่สามารถพบได้ท้องถิ่น) : คริสตัลเลือดจิตวิญญาณ, แร่หิน และไขกระดูกทางจิตวิญญาณ


 


รางวัลภารกิจ : เทเลพอร์ตส่วนบุคคล ระหว่าวจิวและทะเลดวงดาว


 


คำแนะนำการใช้งาน : คริสตัลเลือดและแร่หินมีลักษณะเฉพาะในบริเวณนี้ที่ตั้งของพวกมันเด่นสามารถเห็นได้ชัด ส่วนไขกระดูกนั้นเจ้าต้องหาด้วยตัวเอง


 


ฟางฉีอ่านภารกิจที่ได้รับด้วยความประหลาดใจ “ข้าไม่เคยคิดว่าเลยว่าระบบจะเกิดปัญหาการขาดแคลนวัตถุ เจ้าสามารถสร้างขึ้นได้จาก Diablo!”


 


ระบบตอบกลับว่า [รายการความเสมือนจริงไม่ใช่ของจริง การชาดแคลนวัตถุมีผลต่อการบริโภคอย่างรุนแรง]


 


ฟางฉีตอบกลับ “นั่นสินะ!”


 


ท้ายที่สุดแล้วภารกิจที่ระบบให้ในตอนนี้ก็ยังไม่ใช่งานระดับสูงมากอยู่ดี


 


ภารกิจใหม่ : เตรียมพร้อม


 


คำอธิบายงาน : เตรียมวัสดุสำหรับกิจกรรมครั้งแรกของเมืองทราย


 


รางวัลระดับสูง : แตรวิลมะ, คฑาหยกและดาบมังกร


 


วัสดุที่ต้องการ : ต้องการกระดูกเพื่อทำคฑาหยกและกระดูกมังการเพื่อหลอมดาบมังกร


 


ฟางฉีอ่านไปสะดุด “บ้าไปแล้ว! ชื่อว่ายิ่งใหญ่แล้วข้ายังต้องไปตามหาของพวกนี้อีกหรือ?”


 


ระบบ [โฮสต์โปรดทำงานให้หนักขึ้น]


 


“อะไรนะ!?” ฟางฉีกลอกตา


 


รางวัลภารกิจ : ชิ้นส่วนอาวุธ, ห้องเพาะปลูกในการดูหนังหนึ่งวันเรื่องดาบพระเจ้า


 


ระดับงาน : งานนี้แบ่งออกเป็นสามระดับ หนึ่งหากทำงานสมบูรณ์จะได้รับวัสดุอย่างใด้อย่างหนึ่ง แต่หากที่เสร็จทั้งสามงานจะได้รับทั้งหมด


 


ฟางฉีตอบอย่างหมดแรง “ตามนั้นเจ้าชนะ! ข้าจะทำงานให้เสร็จเรียบร้อย ว่าแต่ ..​ห้องเพาะปลูกในการดูหนังคืออะไร?”


 


ระบบ [เจ้าสามารถเลือกตัวละครจากหนังและใช้เวลาฝึกฝนกับพวกเขาเหมือนที่เคยทำให้ห้องเพราะปลูก]


 


ฟางฉีกล่าวต่อ “นั่นก็หมายความว่าข้าจะถูกฆ่าโดยตัวละครนั้นนับครั้งไม่ถ้วนงั้นสิ?” แต่ถึงยังงั้นมันก็อาจจะไม่เลวร้ายอย่างที่คิดบางทีข้าอาจจะเชี่ยวชาญเทคนิคดาบพระเจ้าในระดับยี่สิบสามหลังจากตายไปหลายร้อยครั้งก็ได้ ..


 


หลังจากที่ฟางฉีได้อ่านหนังสือสวรรค์ เขาก็เริ่มมีความเข้าใจในแก่นของเทคนิคดาบและคาถาเวทย์มนตร์มากขึ้น เนื่องจากเขาเกือบจะเชี่ยวชาญในการใช้เวทย์มนตร์และควบคุมสายฟ้า แต่อีกใจเขาก็อยากที่จะเข้าถึงแก่นแท้ของหนังสือสวรรค์มากกว่าคนอื่นๆ


 


บางทีข้าควรใช้เวลาเพื่อฝึกเทคนิคดาบ .. อย่างไรก็ตามเขาต้องทำภารกิจให้เสร็จก่อน งานมันช่างล้นมือซะเหลือเกิน


 


ฟางฉีที่ยืนนิ่งไม่ไหวติ่งเขากลับมามีสติอีกครั้ง “ท่านสามารถเข้าร่วมสมาคมของข้าได้และข้าจะช่วยพวกท่านหาของพร้อมเก็บค่าประสบการณ์ให้สูงขึ้น”


 


“จริงหรือ?” ดวงตาของชายชราสว่างขึ้น เพื่อนทั้งสองข้างเขาดูดีใจไปตามกัน


 


ฟางฉีพยักหน้า “ข้าต้องการของบางอย่าง”


 


“บางอย่าง?” คนอื่นๆ ทำหน้าประหลาดใจ


 


ชายชราร่างสั้นพูดว่า “ไปต่อเถอะ!”


 


“คริสตัลจิตวิญญาณ, แร่หิน และไขกระดูกทางจิตวิญญาณ” ฟางฉีเอ่ย “พวกท่านเคยได้ยินมั้ย?”


 


ทั้งสามคนเงียบไป


 


ฟางฉีขมวดคิ้ว “สิ่งเหล่านี้คงหากยากมากสินะ พวกคนคงไม่เคยได้ยิน”


 


โมเทียนชิงเอ่ย “เราเคยได้ยินเรื่องไขกระดูกทางจิตวิญญาณซึ่งปรากฏอยู่ในแก่นแท้ของเหมืองคริสตัลแห่งจิตวิญญาณขนาดใหญ่ พวกเขาจะเปิดขายเป็นครั้งคราวในเมืองชั้นใน แต่มันมีมูลค่ามาก!”


 


“แล้วคนอื่นละ?” พวกเขาส่วยหน้า


 


ฟางฉีถามต่อว่า “ในทะเลสีดำกระดูกมังกรหายากมั้ย?”


 


ดวงตาชายชราทั้งสามเบิกโพลง “เราเคยได้ยินจากพวกเขา มันเป็นสมบัติแต่ไม่ล้ำค่าเท่าไขกระดูกจิติวิญญาณ”


 


“โอ้ ..” ฟางฉีหลับตาพลางคิด “ข้าจะหาซื้อมันจากในเมืองได้ใช่มั้ย?”


 


“อืม ..” ชายชราร่างสั้นและอวบอั้นส่ายหัว “มันพูดยาก แม้ว่าหลายคนจะบอกว่าเจ้าสามารถซื้ออะไรก็ได้ในเมืองครึ่งแห่งนี้หากมีเงินมากพอและก็ต้องโชคดีที่หามันพบด้วยนะ หรือไม่เจ้าก็ต้องไปตามล่าหามังกรด้วยตัวเอง”


 


“อืม ..” ฟางฉีแตะกระเป๋าตัวเองด้วยความไม่เต็มใจนัก เขาตั้งใจจะหาเงินที่ได้ไปซื้ออย่างอื่น


 


มันเป็นการดีกว่าหากจะไปตามล่า!


 


“รวนหนิง” ฟางฉีเรียกเธอที่ยืนอยู่ข้างๆ “เจ้าช่วยเหล่าสมาชิกใหม่เก็บค่าประสบการณ์แทนข้าได้มั้ย?”


 


“…”


 


“ตอนนี้ข้ามีเรื่องที่ต้องไปทำ ข้าต้องออกไปทดสอบทฤษฏีของข้าด้วย” เขาเดินออกจากร้าน “สำหรับสิทธิ์ของสมาชิกใหม่ เจ้าอธิบายให้พวกเขาฟังแทนช้าได้เลย”


 


“เดี๋ยว!” ก่อนรวนหนิงจะเอื้อนเอ่ยอะไรต่อ ฟางฉีก็บินขึ้นดาบจากไป


 


“เจ้าเป็นนายกสมาคมหรือเปล่า!” รวนหนิงโบกมือด้วยความโมโห ถึงอย่างนั้นเธอไม่มีทางเลือกนอกจากยิ้มด้วยความกระอักกระอ่วนเล็กน้อยและพูดว่า “เราควรจะไปเล่นกันเลยมั้ย?”


 



 


หลังจากอ่านหนังสือสวรรค์ ฟางฉีได้รับแรงบันดาลใจบางอย่าง ตอนนี้เขามีโอกาสได้ออกมานอกเมืองและฝึกฝนเทคนิคดาบจากนั้นเขาวางแผนที่จะตามหาคริสตัลเลือดจิตวิญญาฯและแร่หินที่ระบบพูดถึงหลังจากฝึก


 


เนื่องจากระบบได้กล่าวว่าสิ่งพวกนี้อยู่ในพื้นที่ดังนั้นเขาไม่ควรออกไปไกลมากนัก


 


ระบบช่วยเขาได้มาก! ฟางฉีประชดเงียบๆ เขาไม่ได้มอบห้องเพาะปลูกให้ข้าแถมข้ายังต้องเดินทางไกลเพื่อไปฝึกฝนเทคนิคดาบและยังต้องตามหาของสำหรับ ..


 


ตอนนี้ฟางฉีเองกำลังฝึกซ้อมการควบคุมดาบสายฟ้าเขาต้องออกมาข้างนอกเนื่องจากใช้งานในพื้นที่ใกล้เคียงไม่ได้ไม่งั้นบ้านใกล้เคียงจะโดนลูกหลง


 


เนื่องจากฟางฉีไม่ได้ออกไปไหนมาไหนนานหลังจากมาถึงที่นี่ นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่เขาเดินทาง นอกจากนี้เขายังได้ซ็อมเทคนิคการบินของเขาในขณะออกเดินทาง อยู่ในเมืองครึ่งมาสักระยะแล้วตอนนี้เขาเริ่มคุ้นชินกับกฎเกณฑ์ของที่นี่บ้างแล้ว


 


ช่วงช่วงบริเวณรอบนอกของเมืองครึ่งได้รับการปกป้องซึ่งเป็นการปกป้องที่ดูสับสนซับซ้อนอันเล็กน้อยผสมผสานไปด้วยธรรมชาติ อย่างไรก็ตามที่นี่ไม่ได้ใช้จ่ายเงินไปจำนวนมากกับการจัดตั้งกองกำลังสักเท่าไรนัก


 


ฟางฉีพบว่าการบินด้วยดาบในบริเวณรอบนอกนั้นบรรยากาศดูมืดมนราวกับว่าฝนจะตกตลอดเวลาแม้จะเป็นช่วงเวลากลางวันก็ตาม

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม