Black Tech Internet Cafe System 249-262

ตอนที่ 249

 

“ข้ายังสูบบุหรี่ไม่เสร็จ ..” ฟางฉีดูดบุหรี่ด้วยความเสียดาย “มันช่างเป็นการต่อสู้ที่สั้นมาก!”


 


ในขณะที่เขาพ่นควันออกมา หญิงสาวและคนที่อยู่ในเหตุการณ์ยังคงรักษาระยะห่างด้วยความตะลึง


 


“เราต้องอยู่ห่างไว้ ข้าต้องทำให้แน่ใจว่าเจ้าไม่ใช่ปีศาจเก่าที่ใช้วิธีอันชั่วร้ายรื้อฟื้นความเยาว์วัยของตัวเอง” รวนหนิงพูดด้วยน้ำเสียงกังวล


 


เจ้าล้อเล่นกับข้าหรือเปล่า? แม้ว่าปีศาจเลือดนรกจะถูกจำคุกและไม่สามารถใช้กำลังได้เต็มที่แต่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนจะสามารถจัดการได้ คำอธิบายสิ่งที่เห็นในตอนนี้ก็คือประธานสมาคมที่ดูเหมือนจะอยู่ในวัยยี่สิบเท่านั้น หรือแท้จริงแล้วในร่างเขาคือปีศาจเก่าที่สิ่งอยู่หลายร้อยปี!


 


บางคนในเมืองนี้มีท่าทางแบบนี้ พวกเขามีอายุน้อยและนิสัยเสีย ด้วยความคิดนี้รวนหนิงจึงรู้สีกไม่สบายใจ!


 


ฟางฉีเตือนให้เธอนึกถึงความผิดเก่าๆ ข้างในเมืองครึ่งอันน่าอับอายไปทั่วสถานที่ ในตอนนี้พวกเธอถูกจัดประเภทเป็นคนกลุ่มเดียวกับฟางฉีไปโดยอัตโนมัติ!


 


“เอ่อ ..” ฟางฉีกล่าว “งั้นข้าจะไม่เข้าใกล้เจ้า”


 


“อ่า! ทำไมเราถึงใกล้ชิดกับผู้ชายคนนี้!?” สามสาวเกือบกอดคอกันและกรีดร้อง เมื่อมองลงไปที่เท้าพวกเธอพบว่าตัวเองในตอนนี้กำลังยืนอยู่บนดาบที่ลอยบนท้องฟ้า


 


ดาบนั้นบินตามฟางฉีด้วยตัวมันเอง!


 


“เจ้าต้องการอะไร!?” ทั้งสามสาวเกิดความกลัวขึ้นจับใจ กลัวว่าเขาเป็นสัตว์ประหลาดกินคน!


 


ฟางฉีเหวี่ยงนิ้วของเขาบนหน้าผากของพวกเธอ “เจ้าไม่รู้จักประธานสมาคมเจ้าหรือไง ปีศาจอะไรถ้ายังพูดอีกข้าจะปล่อยเจ้าทิ้งลงแน่ ข้าจะตั้งสมาคมได้อย่างไรหากไม่แข็งแกร่งพอ!?”


 


ทั้งสามคนเงียบไป


 


“ไม่ใช่จริงหรอ!?” ซูจิมองด้วยแววตาอันสดใส ขณะที่มองเขาไล่ตั้งแต่หัวจรดเท้า “หรือว่าเจ้าเป็นอัจฉริยะที่ยอดเยี่ยมหรือว่านักบุญผู้ทรงพลัง?”


 


“อ๊ะ! นี่ ..” เจ้าของร้านดูเขินอาย “เจ้าอ่านนิยายมากเกินไปหรือเปล่า”


 


รวนหนิงพูดเสียงต่ำ “เขาจะต้องเป็นปีศาจเก่าที่ฟื้นความเยาว์วัยแน่ ลองคิดดูนะใครจะบอกความจริงกับคนอื่น?”


 


ซูจิและซูเหยาพยักหน้าเห็นด้วย ความรู้สึกชื่นชมก่อนหน้านี้เริ่มหายไป ฟางฉีทำหน้างงเมื่อได้ยินเสียงกระซิบของพวกเธอ ทำไมเป็นเช่นนี้ไปได้!?


 


ข้ายังเด็ก อายุของข้าก็แค่ยี่สิบ อายุจิตของข้าน้อยกว่าสามสิบอีก แต่พวกเจ้าเรียกข้าว่าปีศาจเก่าได้อย่างไร? ทำไมพวกเจ้าจ้องมาที่ข้าราวกับข้าเป็นคนผิด!?


 


“ตกลง! งั้นเรากลับไปคุยเรื่องกฏของสมาคมกันเถอะ!” ฟางฉีพูดด้วยความโกรธเคือง


 



 


อย่างไรก็ตามการทำลายร้านขายยาของเขาถือเป็นเหตุการณ์สำคัญดังไปถึงนอกเมือง!


 


ในช่วงยามกลางคืนกองกำลังเกือบทั้งหมดถูกถามเป็นเสียเดียวกันว่ากองกำลังใดกันเป็นผู้ทำลายร้านยานี้ ชั่วข้ามคืน .. ชื่อของสมาคมเกมแห่งสวรรค์ได้แพร่กระจายไปทั่วเมือง ทุกคนทราบถึงพลังที่เพิ่งสร้างขึ้นด้วยชื่อแปลกๆ และมันกำลังเติบโต แม้ว่าจะเป็นของใหม่ แต่มันถือเป็นพลังที่ใครๆ ไม่สามารถจับต้องได้!


 


.. ด้านปีศาจดำ


 


ปีศาจหัวใจเหล็กนั่งอยู่บนเก้าอี้กล้างที่ปกคลุมด้วยผ้าขนสัตว์เขาจ้องมองผู้ปลูกฝังหัวล้าน “เจ้ากำลังจะบอกว่าเจ้าพบคนที่ฆ่าหลี่หวังกวนแล้ว?”


 


“ใช่ ..” ผู้ปลูกฝังหัวล้านกำลังจะอธิบายต่อ แต่ถูกขัดจังหวะโดยปีศาจหัวใจเหล็ก “นำไป!”


 


“แต่ .. แต่ ..” ผู้ปลูกฝังหัวร้านประหม่าอย่างมาก


 


“หยุดทำไม!” ปีศาจหัวใจเหล็กตะโกน “นำข้าไปสิ!”


 


“ได้ ..”


 


ก่อนที่พวกเขาจะเดินออกจากประตู ผู้ปลูกฝังในชุดผ้าฝ้ายสีเทาเดินสวนเข้ามา


 


“หวังจิน?” ปีศาจหัวใจเหล็กพูดด้วยน้ำเสียงเหยือกเย็น “ข้าไม่ได้อนุญาตให้เจ้าเข้ามา!”


 


“ข้ามาพร้อมกับข้อความจากนายใหญ่” เขากล่าวต่อ “ปีศาจหัวใจเหล็กต้องอยู่ในสภาพเพาะปลูกที่สงบเป็นเวลาหนึ่งเดือนและจะไม่สามารถแยกตัวหรือออกมาได้หากไม่ได้รับการอนุญาตจากนายใหญ่!”


 


จากนั้นเขาหันไปอีกทาง


 


“มันหมายความว่าอย่างไร!?” ปีศาจหัวใจเหล็กหัวร้อน “เจ้าอธิบายมาสิ้!”


 


“ถ้าท่านมีคำถามใดโปรดนำคำถามของท่านไปยังนายใหญ่” เขาเสริม “ข้าเป็นแค่ผู้ส่งสาร”


 


“”บัดซบ! ปีศาจหัวใจเหล็กทุบประตูด้วยกำปั้นของเขา


 


เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีผลต่อความสนใจของผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองครึ่งอย่างมาก


 


“ร้านขายยาถูกทำลายในคืนเดียวอย่างราบคาบ? ฉินฮงหลินถูกทำลายพลังการฝึกฝนและไม่มีใครรู้เลยว่าเขาตายหรือยังมีชีวิตอยู่กันแน่ ดูเหมือนว่าเขาถูกตัดเป็นชิ้นๆ? โดยศัตรูผู้อาฆาตรแค้น?” ชายวัยกลางคนอ่านรายงานข่าวกรองในมือของเขาด้วยสีหน้าจริงจัง “ถ้าข้าจำไม่ผิด ฉินฮงหลินนี่คือผู้ปลูกฝังของอาณาจักรมหาสมุทรใช่มั้ย?”


 


“ใช่แล้วท่านพ่อ!” ซียื่อที่สวมเสื้อเขียวกระโปรงผ้าไหมยาวสีขาวการแต่งตัวดูเป็นคนชนชั้นสูงตอบ


 


“ข้าได้รับคำเชิญจากเพื่อนและบังเอิญเห็นเหตุการณ์นั้นพ่อดี” ปัญหาคือแม้จะรู้ว่าฉินฮงหลินถูกทำลายโดยง่ายดาย แต่มันก็ยากที่จะเชื่อ!


 


“เจ้าหมายถึง ..” ชายวัยกลางคนถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ร้านนั้นมีปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่อยู่เบื้องหลังและชายคนนี้คือผู้ทำลายฉินฮงหลินงั้นหรือ?”


 


“เป็นไปได้มั้ยที่เขาอาจใช้กลไกหรือสมบัติทางจิตวิญญาณอันทรงพลัง?” พ่อของเธอเอ่ยถามอย่างสงสัย


 


“เป็นไปได้!” ซียื่อกล่าว​ “อย่างไรก็ตามร้านนี้เคยแสดงให้เห็นว่ามีผู้อยู่เบื้องหลังซึ่งเขาทรงพลังมาก ข้าไม่แน่ใจว่ามีสาขาเดียวหรือเปล่า?”


 


“มีอีกสาขาหรือ?” ซีเฉินโจทำหน้างง


 


“น่าจะ ..” ซียื่อพยักหน้า “ดูเหมือนว่าร้านหลักจะตั้งอยู่ในสถานที่ที่ชื่อว่าเมืองจิวหัวในตาจิน ..”


 


“อันที่จริงแล้วข้าก็ไม่เคยได้ยินชื่อเมืองนี้มาก่อนดูเหมือนที่นั้นไม่น่าใช่ประเทศเล็ก เนื่องจากร้านนี้มีลูกค้าเยอะใช่ย่อย”


 


“ร้านนี้ทำอะไร?” ซีเฉินโจในฐานะผู้บริหารสำนักงานมังกรม้วนต้องการรู้ทุกอย่างที่สำคัญ


 


“อืม ..” ไม่นานเธอก็เล่าเกี่ยวกับคาเฟ่ให้พ่อได้ฟัง


 


“ฆ่าไก่? ปล้นคน? ได้ความแข็งแกร่งในการเพาะปลูก?” ซีเฉินโจดูงุนงง


 


ซียื่ออธิบายต่อไปไม่ถูก


 


“การตามล่าหาสมบัติ? การผจญภัย? ของตก?”


 


มันคืออะไร!?


 


ซีเฉินโจไม่สามารถเข้าใจความเติมโตของการเพาะปลูกจากสิ่งที่ได้ยิน “เมื่อข้าทำธุระเสร็จแล้วพาข้าไปที่นั่นที!”


 


“รับทราบ” ซียื่อถามกลับ “ข้าขอเข้าร่วมสมาคมเกมแห่งสวรรค์ได้มั้ย?”


 


“เข้าอะไรนะ?” ซีเฉินโจคิดว่าหูของตัวเองฟาด


 


เจ้าไม่ต้องการจะอยู่ในสำนักงานมังกรม้วนที่ยิ่งใหญ่ แต่กลับอยากเข้าร่วมสมาคมเกมแห่งสวรรค์เนี่ยนะ!?


 


“ใช่! ..” ซียื่อรู้สึกไม่สบายใจนักที่ถามออกไป แต่เธอก็อยากมีส่วนร่วมกับผองเพื่อนของเธอ

 

 

 


ตอนที่ 250

 

หลังจากการปรับปรุงร้านเก่าและกำเนิดร้านใหม่ สถานะการณ์โดยรวมการเปิดร้านของเขาในตอนนี้ไม่ได้ยุ่งยากและใช้พนักงานมากนัก กฏของสมาคมก็ออกมาแล้วเช่นกัน


 


แน่นอนว่าหากลูกทำการฝากเงิน แปดร้อยคริสตัลจะกลายเป็นสมาชิกของสมาคมโดยทันที


 


เช้ารุ่งขึ้น … ฟางฉีที่กำลังเตรียมบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปพลางดูซูโมที่กำลังฝึกฝนเทคนิคควบคุมดาบ


 


“แปดร้อยคริสตัล!?” รวนหนิงอยากเล่นเกม แต่เมื่อเห็นราคาเธอรู้สึกหมดหวัง ทั้งราคาที่แพงและเวลาที่น้อยที่ต้องเฝ้าร้านก่อนค่อยเจียดเวลามา


 


ตอนนี้โทเค็นที่มีรูปดาบมังกรแบบคาเฟ่ก็ได้แขวนอยู่ที่ประตูร้านของเธอเช่นกัน ซึ่งมันถือเป็นสิ่งที่น่าเตะตา


 


ขณะเดียวกันในตอนที่เธอเห็นคุณสมบัติแลกเข้าของการเป็นสมาชิกเธอแทบตาแตก “แพงมาก! นี่ประธาน ไม่มีส่วนลดในฐานะสมาชิกสมาคมบ้างหรือ?”


 


ฟางฉีกล่าวด้วยความสงสาร “ขออภัยไม่มีส่วนลด!”


 


รวนหนิงทำหน้ามุ่ยการเข้าเป็นสมาชิกใช้คริสตัลถึงแปดร้อยก้อนแถมเธอยังไม่ได้รับส่วนลดในฐานะสมาชิกอีก!


 


ช่างไม่สมเหตุสมผล! เธอคิดในหัว


 


ณ คาเฟ่ ในจิวหัว


 


ซงฉิงเฟิงและคนอื่นๆ เดินเข้าไปในคาเฟ่และเห็นคำอธิบายบนกระดานดำเล็ก “ใครก็ตามที่ฝากคริสตัลถึงแปดร้อนก้อนหรือมากว่านั้นจะได้รับเข้าเป็นสมาชิกฟรี!”


 


ในการเป็นสมาชิกของร้านท่านจะมีเวลาเล่นเพิ่มได้สองชั่วโมง สมาชิกที่สนใจเข้ารุ่นทดลองในตอนนี้จะได้รับเวลาเล่นเพิ่มอีกสองชั่วโมงต่อวันในทันที .. รวมเป็นสิบ!


 


พวกเขามองหน้ากัน พวกเขาจะมีเวลาเล่นถึงสิบชั่วโมงและขั้นตอนการสมัครนั้นไม่ได้ซับซ้อนเพียงแค่ต้องเซ็นชื่อบนการ์ดที่ทำจากวัสดุพิเศษ


 


การใช้จ่ายของซงฉิงเฟิงนั้นเกินกว่าแปดร้อนคริสตัล ขณะนี้ในมือเขากำลังถือการ์ดสีดำหลังจากสมัครเสร็จสิ้น เขาสามารถเล่นได้ถึงสิบชั่วโมงต่อวัน เขาร่างเริงจนเก็บไม่อยู่!


 


ขณะเดียวกันเถากุนและหัวงชานเองก็เดินเข้ามาในร้านพร้อมกับคนกลุ่มใหญ่และเห็นป้ายประกาศบรกระดานดำเล็ก ในการได้ชั่วโมงเล่นเพิ่มอีกสองชั่วโมงพวกเขาต้องทำการฝากคริสตัลแปดร้อยก้อน ซึ่งมันดี แต่หากจ่ายคนละแปดร้อยในตอนนี้พร้อมกันกลุ่มใหญ่คงหมดนับหมื่น ..


 


แม้ว่าพวกเขาจะได้ชมพลังของร้านเมื่อวานไปแล้ว แต่มันก็ยังคงเป็ฦนเรื่องแปลกใหญ่ เขารู้สึกว่ารากฐานยังไม่มั่นคงสาแก่ใจพอ!


 


“เอ่อ .. ศิษย์พี่เถาท่านมีความเห้นว่าไง” หวังชานถาม


 


เถากุนมองไปที่ผู้ปลูกฝังวัยกลางคนที่สวมเสื้อคลุมสีน้ำเงินเข้ม


 


“ข้าจะลองก่อนถ้ามันยิ่งใหญ่อย่างที่เขาพูดกันจริงข้าก็คิดว่าสมาชิกระดับสูงของศาลาหยวนเฮงควรได้รับการเป็นสมาชิกนี้!” ตังหยวนอาขารย์คนแรกของศาลาหยวนเฮงกล่าว หลังจากที่เขาได้ยินเกี่ยวกับการถูกทำลายของร้านยา เขาจึงตัดสินใจมากับเถากุนและศิษย์เพื่อดูว่าที่นี่มีประสิทธิภาพเพียงใด


 


ใบหน้าของหวังชายกระตุกเขาจินตนาการว่าที่นี่ต้องร่ำรวยแน่ หากพวกเขาฝากคริสตัลรวมกัน มันคงนับได้เป็นหมื่น!


 


เถากุนเห็นศิษย์น้องที่ยืนอยู่ข้างหลังเฉย เขาจึงดุว่า “ยืนอยู่ทำไม ไปช่วยอาจารย์หาค่าประสบการณ์สิ!”


 


“โอ้ . ใช่ๆ” เหล่าศิษย์น้องที่มากับเขาดึงสติอีกครั้งจากความงุนงง


 


จากนั้นเถากุนเดินไปที่เคาน์เตอร์และจ่ายเงินในฟางฉี “นี่ท่าน หากพวกเราสนใจเป็นสมาชิกกันหลายคนมีส่วนลดบ้างมั้ย?”


 


“ขออภัยไม่มีส่วนลด!” ฟางฉีตอบแม้ว่าพวกเขาจะมากันเป็นกลุ่มใหญ่


 


เถากุนดูขุ่นเคืองเล็กน้อย “นี่มันไม่เหมาะสมจะทำธุรกิจเลย! ”


 


ฟางฉีชี้นิ้วไปที่กระดานดำ [ถ้าเล่นก็อยู่ ไม่เล่นก็ออกไป]


 


“…”


 


“ใช้เวลานานเท่าไรกว่าจะได้แปดร้อนคริสตัล!?” รวนหนิงบ่น “การเก็บเงินไว้กับตัวเองน่าจะดีกว่าเก็บไว้ในที่ของเจ้า ถ้าเจ้าใช้เงินหมดละ?”


 


ขณะเดียวกันบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของฟางฉีพร้อมรับประทานแล้ว เขาเปิดฝาขึ้นมากลิ่นฟุ้ง!


 


“นั่นอะไร? กลิ่นมันหอมมาก!” รวนหนิงสูดดม “เจ้ากินอะไร?”


 


“บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป” ฟางฉีตอบพลางแกะขนมแท่งรสเผ็ด กลิ่นของมันหอมไม่แพ้กันมันหอมจนลอยไปเตะจมูกของเธอ “ถ้าข้าเป็นสมาชิกของสมาคมแล้ว ท่านแบ่งอาหารให้ข้าบ้างได้มั้ย?”


 


“แค่แท่งเดียว!” ฟางฉีเอ่ย “ถ้าเจ้าต้องการมากกว่านี้เจ้าต้องซื้อ!”


 


“งก!” แม้ว่าจะตำหนิเขาแต่เธอก็รีบคว้าขนมแท่งเดียวมาอย่างรวดเร็ว!


 


ฟางฉีเรียกโมน้อยให้มาร่วมกิน เขาแบ่งแท่งเผ็ดให้ไปสองสามชิ้น


 


“มันจะอร่อยยังไง!?” รวนหนิงบ่นก่อนจะใส่ปาก มันเป็นรสเผ็ดที่อร่อยแบบไม่เคยกินมาก่อน มันพิเศษจนเธอเกือบกรีดร้อง


 


“กล่องเดียวเท่าไร!?”


 


“คริสตัลสิบห้าก้อน!” ฟางฉีตอบขณะเคี้ยงตุ้ย


 


“ข้าเอาหนึ่งกล่อง” เธอชั่งใจและตอบอีกครั้ง “และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปหนึ่งชาม!”


 


“เจ้าต้องการไส้กรอกด้วยมั้ย?” ฟางฉีหยิบไส้กรอกในชามของเขาแล้วคีบขึ้นมากัด


 


“มันเท่าไรหรอ?”


 


“ยี่สิบเอ็ดคริสตัล”


 


ทันใดนั้นเธอก็เริ่มรู้สึกว่าแปดร้อยคริสตัลคงจะหมดไปในไม่ช้า


 


“กลิ่นหอมนี่อะไร?” เวลานี่เถากุน, หวังชานและผู้คนที่มาด้วยได้กลิ่นพวกเขากำลังถูกล่อลวงเช่นกัน “ท่าน! เราทุกอยากได้คนละหนึ่งถ้วยและหนึ่งกล่อง!”


 


ในไม่ช้ากลิ่นของบะหมี่และขนมเป็ดได้อบอวลไปทั้งคาเฟ่


 


“อ่า กลิ่นมันหอมมาก!”


 


“อร่อยมาก!”


 



 


หลังจากฟางฉีซัดบะหมี่กึ่งสำเร็จรุปเสร็จ เขาก็กลับมาออนไลน์และเล่นเกมอีกครั้ง


 


ขณะนี้มีคนประมาณเจ็ดสิบคนยืนอยู่หน้าหมู่บ้านมือใหม่ด้วยความเรียบคนส่วนใหญ่อยู่ในชุดผ้าฝ้ายพร้อมในมือถือดาบไม้


 


“น้องหวัง!​” เถากุนดูจริงจัง “กองทับจิวหัวที่ฆ่าเจ้าเมื่อวานนี้อยู่ที่ไหน? พวกเขาอ้างว่าพวกเขาจะฆ่าใครก็ตามที่มาจากอาณาจักรดวงดาวของเรา! ข้าละอยากจะเห็นว่าพวกเขาจะทำอะไรได้แค่ไหน”


 


ตรงกลองของกลุ่มคือชายวัยกลางคนที่สวมชุดผ้าฝ้ายพร้อมดาบไม้เล็กๆ เขาคือหยวนเฮง “อย่างที่เจ้าพูดข้าสามารถเพิ่มพลังการฝึกฝนจากการฆ่าสัตว์ประหลาดที่นี่! ข้าลองแล้วพบว่ามันได้ผลดีมาก ไม่มีใครรู้ว่ามีขุมทรัพย์ซ่อนอยู่ในโลกนี้ หมายความว่าเราเองก็จะต้องสร้างกำลังของเราให้ดีที่สุดเช่นกัน”


 


“ด้วยวิธีนี้เราสามารถเพิ่มจุดแข็งของตัวเองได้ดียิ่งขึ้น!”


 


“เนื่องจากคนเหล่านั้นอ้างว่าพวกเจาจะฆ่าเราทุกคนจากอาณาจักรดวงดาวของเรา เราจะต้องให้พวกเขาได้ลิ้มรสความแข็งแกร่งของเรา!” เขายกดาบไม้เล็กๆ ของเขาและตะโกนขึ้น “ฆ่า! ทุกคนที่เป็นส่วนหนึ่งของกองทัพจิวหัว อย่าปล่อยให้ใครหลุดไป”


 


“อืม .. ท่านอาจารย์ตัง แล้วเราจะทำอะไรกันในตอนนี้?” เถากุนถาม


 


“ส่งพวกชั้นสูงมาสองสามคนแล้วพาข้าไปกวาดปีศาจแมวที!” ตังหยวนตะโกนเรียกพลัง

 

 

 


ตอนที่ 251

 

การขยายร้านถือเป็นภารกิจใหม่ในส่วนต่อประสานในระบบของฟางฉี


 


เป้าหมายงาน : เต็มร้าน


 


ฟางฉีมองดูข้อมูลและพบว่าอัตราการใช้คอมพิวเตอร์โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณร้อยละเจ็ดสิบยังไม่แตะช่วงคนเต็มร้านสักครั้งที่จิวหัวเองก็เช่นกัน ตอนนี้ที่คาเฟ่ในเมืองครึ่งมีคอมพิวเตอร์ประมาณร้อยกว่าเครื่อง ลูกค้าประมาณหกถึงเจ็ดสิบคนหากเทียบกันแล้วมีอัตราการประสบความสำเร็จกว่าที่จิวหัวเล็กน้อย


 


ดูเหมือนว่าข้ายังคงไม่ต้องกังวลกับปัญหาในการขยายร้านค้าในช่วงเวลานี้ ฟางฉีคิด แน่นอนเขาไม่รู้เลยว่าความคิดเช่นนี้ช่างไร้เดียงสา


 



 


จำนวนผู้เล่นเกมเจ้ากระบี่ขั้นเทพในตอนนี้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่นตอนนี้สาวกของสำนักเฉิงจิ้งและซียี่ ได้พักเกมเก่าไว้ช่วงขณะ คนจากสำนักหลิงหยวนก็เช่นกันพวกเขามองว่าการเล่นเกมใหม่น่าจะเปิดโอกาสให้พวกเขาได้รับความแข็งแกร่งเพิ่ม


 


ในเกมใหม่ตอนนี้ทุกคนอยู่ในจุดเริ่มต้นเดียวกันมันทำให้พวกเขาไม่ต้องกังวลเลยว่าจะเสียเปรียบต่อกัน!


 


เกมใหม่ในเวลานี้ได้รับความสนใจมากในหมู่ผู้เล่น จากวันแรงจนวันนี้กงฮีรู้สึกว่าเขาโชคดีที่ได้เริ่มเล่นก่อน แถมตอนนี้ระดับของเขายังสามารถกำจัดพวกที่อยู่ในระดับต่ำอย่างโหดเหี้ยม!


 


อีกทั้งพวกเขายังได้ค้นพบรูปแบบและเอกลักษณ์ของเกมนี้ ทั้งการเล่นและความเร็วที่เพิ่มขึ้นด้านความแข็งแกร่ง เมื่อเทียบกันแล้วเกมนี้พวกเขาสามารถเล่นคนเดียวหรือเล่นเป็นกลุ่มก็ได้ตามความต้องการ


 


“องค์หญิง ..” องค์ชายสองตอนนี้อยู่ในชุดเกราะนักรบสีฟ้า สมาชิกทีมราชวงค์นั้นอยู่ในกลุ่มผู้เล่นแรกสุด พวกเขาทั้งหมดอยู่เหนือเวลสิบกันเกือบทั้งหมด เนื่องจากเขาไม่ได้พบกับผู้เล่นที่สร้างอันตรายหรือโจรปล้นกลางทาง


 


จีวูเลือกอาชีพนักรบและตอนนี้พวกเขากำลังต่อสู้กับสัตว์ประหลาดและเก็บค่าประสบการอยู่ในหุบเขาไวเปอร์ ระดับของจีวูในตอนนี้ใกล้เวลสิบเข้าไปทุกที


 


ในช่วงแรกของเกม ใครก็ตามที่เป็นนักรบธรรมดาพวกเขาได้เปรียบในการเรียนรู้เทคนิคการต่อสู้ ส่วนผู้เล่นที่มีทักษะการต่อสู้ระยะใกล้จะสามารถนำทักษะนั้นมาใช้ได้ในเกม แม้พวกเขาจะได้รับการเรียนรู้หรือมีทักษะติดตัว แต่ก็ยังพบว่าเขายังมีเงินทุนไม่พอ ..


 


เหตุผลเดียวที่พวกเขาที่พวกยังพอมีเงินซื้อน้ำยาอยู่ก็เพราะพวกเขาใช้เวลาต่อสู้กับสัตว์ประหลาดที่มีเวลเยอะกว่า หรือบางคนเลือกที่จะไปล่าสัตว์เพื่อให้ได้เนื้อจำนวนมาก เห็นได้ชัดว่าเงินเป็นสิ่งที่พวกเขาหรือทุกคนต้องการอย่างยิ่ง


 


แม้ตอนนี้พวกเขาจะมีระดับสูงกว่าสัตว์ การล่าสัตว์ระดับต่ำกว่าจะได้ค่าประสบการณ์น้อยมากหรืออาจไม่ได้เลยก็มี แต่พวกเขายังคงได้ของจากสัตว์อยู่บ้าง


 


ปล้นคนอื่น!? หึ .. ในฐานะราชวงศ์อันยิ่งใหญ่แห่งตาจิน พวกเขาไม่สามารถลดตัวลงไปเป็นโจรได้


 


“บางที .. เราน่าจะซื้อเหรียญด้วยคริสตัลได้บ้าง” องค์หยิงจียูเท้าค้างพร้อมกับไตร่ตรอง และความคิดริเริ่มนี้ก็เกิดขึ้นจากเธอ


 


“ปัญญหาคือทุกคนต้องการเงินเพื่อซื้อน้ำยาและฆ่าเหล่าสัตว์ประหลาดที่แข็งแกร่งเพื่อเก็ค่าประสบการ ใครจะเป็นคนขายเหรียญให้เรา!?” องค์ชายสองคิดว่าวิธีนี้คงเป็นไปไม่ได้เพราะมีแต่ผู้เล่นเกมใหม่ที่น่าสงสาร


 


คนที่ขาดเงินส่วนมากเลือกจะเล่นเกมเก่าและคอยสังเกตว่าเกมใหม่นั้นคุ้มค่าเงินหรือไม่


 


จึวูได้ค้นพบความแตกต่างของเกมใหม่และเกมเก่า ในเกมอื่นมีเพียงผู้เล่นเก่าเท่านั้นที่สามารถช่วยผู้เล่นใหม่ให้มีระดับสูงได้อย่างรวดเร็ว แต่ในเกมนี้ผู้เล่นใหม่สามารถช่วยผู้เล่นเก่าได้


 


เนื่องจากทุกคนได้พยามอย่างดีที่สุดเพื่อยกระดับความแข็งแกร่งจึงไม่ได้มองเห็นเรื่องการหาเหรียญเพื่อนำมาขาย หากมีกลุ่มคนหารายได้พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะไม่มีเงินในเกมอีกต่อไป!


 


ตอนนี้ความคิดของจีวูนั้นช่างแต่งต่างไปจากคนอื่น ตราบใดที่พวกเขามีเงินในเกมค่าประสบการณ์และเลเวลของพวกเขาจะเติบโตมากขึ้นกว่าคนอื่นๆ การเพิ่มความแข็งแกร่งของพวกเขาในโลกนี้ไม่ได้เป็นแค่ผลกำไรระยะสั้นเท่านั้น


 


ตัวอย่างเขาไม่มีความสนใจเรื่องขี่พายุทะลุฟ้าเนื่องจากตัวละคนในหนังมีเฉพาะคนในอาณาจักรนักรบเท่านั้น แต่เขาก็เลือกที่จะดูเพราะหากหยุดดูไปตอนนั้นก็คงจะไม่รู้เลยว่ามีเทคนิคดาบยี่สิบสามเล่มซ่อนอยู่!


 


เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาได้เปรียบมากกว่าผู้อื่นพวกเขาจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมเสมอ


 


“แต่ .. พ่อไม่ได้จะเรียกทีมป้องกันของเรามาเพื่อหาเหรียญในเกมใช่มั้ย?” องค์ชายสองกล่าว “พวกเขาเป็นทักรบที่ยอดเยี่ยมที่สุดของตาจิน!”


 


“ข้าได้ขอให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของเราทำแล้ว” องค์หญิงจีกล่าว “ยามของพ่อเป็นชนชั้นสูง จะดีกว่ามั้ยถ้าใช้พวกเขาสำรวจแผนที่ระดับสูง?”


 


“เป็นความคิดที่ดี!”


 



 


หลายสิบนาทีแล้วทีมล่าสัตว์ของกลุ่มราชวงศ์ก็ยังไม่มาสักที


 


ขณะเดียวกันกองทัพของศาลาหยวนเฮงและตระกูลหวังซึ่งมีผู้เล่นโดยรวมหกสิบถึงเจ็ดสิบคนเริ่มค้นหารายละเอียดที่หลากหลายนอกหมูบ้าน พวกเขาฆ่าสัตว์และสะสมค่าประสบการณ์อย่างตั้งใจ


 


เพื่อการสื่อสานที่ดีและชัดเจนตังหยวน, เถากุน และหวังชานได้จัดห้องสำหรับพูดคุยของกองทัพหยวนใน QQ โดยใช้ชื่อห้องพูดคุยว่า ‘กำจัดกองทัพจิวหัว’ ในช่องมีผู้เล่นสิบคนที่มีคำนำหน้าว่า หวัง อยู่ในรายชื่อส่วนอีกห้าสิบคนเริ่มต้นคำหน้าชื่อด้วยคำว่า หยวนเฮง ชื่อของพวกเขาถูกจัดวางเป็นระเยียบตามตัวอักษร


 


ณ เมืองจิวหัว


 


กงฉีเขามีความภูมิใจในชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ที่สามารถต่อต้านผู้คนจากดินแดนทะเลดวงดาวในเมื่อวาน อย่างไรก็ตามวังเกวียงเองอยู่ในสถานการณ์ที่แตกต่างกัน เขาถูกซุ่มตีโดยเด็กสาวสี่คนและสิ่งของมากมายที่สะสมก็ตกลงมา


 


ในห้องสนทนาของกองทัพจิวหัว วังเกวียงพูดคุยกับเพื่อนของเขาที่มีชื่อว่า ‘จิวหัวผู้มั่งคั่ง’ เขาบอกเหล่าสมุนว่า “คอยจับตามองหญิงสาวทั้งสี่ที่กล้ามาโจมตีฉัน!”


 


“เข้าใจแล้ว! ที่นี่เรามีกันแปดคน เราจะจัดการพวกเขาเองถ้าพวกเขากล้าโผล่มา!”


 


ในขณะเดียวกันเหล่าศิษย์จากตระกูลหวังเองก็กำลังฆ่าปีศาจแมงมุมที่อันคุ้นเคย ..


 


“พวกเขาเป็นคนที่โจมตีเราเมื่อวานนี้หรอ?”


 


ในช่องกำจัดกองทัพจิวหัวในตอนนี้มีคนตะโกนว่า “ข้าพบเหล่าทหารของจิวหัว พวกเขาอยู่ที่นี่!”


 


“ที่ไหน!?”


 


“กี่คน!?”


 


“เจ็ดถึงแปด!”


 


“อย่าทำพวกเขาแตกตื่น!” เถากุนกล่าว “ข้าจะนำคนไปล้อมพวกมัน!”


 


สิบนาทีต่อมาสมาชิกของกองทัพจิวหัวแปดคนได้ถูกล้อมด้วยผู้เล่นจากศาลาหยวนเฮงประมาณสามสิบคน


 


สมาชิกครอบครัวหวังสองคนเดินไปข้างหน้าพร้อมถ่มน้ำลาย “แหยะ! พวกเจ้าช่างอ่อนแอมาก! พวกเจ้ากล้ามากที่บอกว่าสามารถฆ่าพวกเราเมื่อใดก็ตามที่เห็น!”


 


“เอาสิ แน่จริงก็อย่างวิ่ง!”


 


“วิ่งหรอ?” เถากุนพูดเยาะ “ปู่ของเจ้าจะรอเจ้าอยู่ที่นี่ เรียกคนมาเพิ่มสิถ้ากล้า!”


 


“พวกเราอยู่ที่นี่กันกี่คน? มารวมตัวกันที่หุบเขาเร็ว พวกเราถูกสังหารโดยคนจากดินแดนทะเลาดวงดาว!” มีคนตะโกนในกลุ่ม จิวหัวผู้มั่งคั่ง


 


“พวกเขามีกี่คน!?”


 


“ประมาณยี่สิบถึงสามสิบคน พวกเขาอ้างว่าให้เรียกคนมาพวกเขาจะรอที่นี่!”


 


“กล้าจริงๆ” กงฮีได้ยินบทสนทนาเช่นนั้น เขาคำรามด้วยความโกรธ “รวบรวมทุกคนที่ทางเข้าหมู่บ้านและส่งข้อความถึงพี่น้องของเราที่ไม่ได้เล่นเรียกพวกเขามาสมทบ!”


 


พวกเขามีเพียงสามสิบคนแถมยังกล้าที่จะเยาะเย้ยเราถึงที่ หากเราไม่ฆ่าและฝังพวกเขาวันนี้ ข้ากงฮีจะลาออกจากงานและกลับบ้านไปเป็นชาวนา!”

 

 

 


ตอนที่ 252

 

เมื่อวานเถากุนและเหล่าชนชั้นสูงของศาลาหยวนเฮงได้ทำการฝึกฝนการมาอย่างยาวนานเพื่อเตรียมความพร้อมในการต่อสู้ในช่วงเวลาแบบนี้!


 


วิธีที่ดีที่สุดในการปูรากฐานให้มั่นคงในสถานที่ใหม่คือการสยบผู้มีอำนาจให้สงบลง! การฝึกฝนนั้นยากเสมอแต่หากเรามีเป้าหมายไว้แม้จะยากยังไงเราก็จะไปให้ถึง ในตอนนี้มีใครบางคนได้เข้ามาเหยีบจมูกพวกเขาและคนพวกนั้นเองสาบานว่าจะฆ่าทุกคนที่มาจากอาณาจักรดวงดาว!


 


แม้จะเป็นกองทัพจากจิวหัวที่เรียกว่าเป็นการร่วมพลังของเหล่านักรบ แต่สำหรับสายตาพวกเขาคนจากจิวหัวก็ยังดูอ่อนแอใหนสายตาอยู่ดี .. ในทางตรงกันข้ามทหารชั้นยอดในเมืองครึ่งนั้นล้วนเป็นถึงผู้ปลูกฝัง!


 


นั่นเป็นเหตุผลที่เขามั่นใจในการเลือกที่จะสยบกองทัพจิวหัวเพื่อเป็นก้าวย่างในการสร้างชื่อเสียงของเขา!


 


ท้ายที่สุดในสายตาของเหล่าผู้ฝึกฝนทั้งหลาย พวกเขาเชื่อว่าพวกเขาเหนือกว่าเหล่านักรบเสมอ!


 


“ผู้ฝึกฝนจากศาลาหยวนเฮงและหวังชานได้เดินเข้าไปในพื้นที่ว่างเปล่าระแวกใกล้หุบเขา” หยวนเฮงตะโกนในห้องพูดคุยในกลุ่ม “วันนี้เราต้องเอาชนะพวกเขาและแสดงพลังของอาณาจักรทะเลดวงดาวของเราให้พวกเขาได้ประจักษ์!”


 


ขณะเดียวกันจิวหัวเองยกผู้คนประมาณห้าถึงหกสิบคนมารวมตัวกันที่หน้าทางเข้าหมู่บ้าน!


 


กงฉีตะโกน “พวก! เหล่าบรรดาผู้คนจากอาณาจักรทะเลดวงดาวกำลังก้าวข้ามเส้น! พวกเขาปล้นทรัพยากรของเราและฆ่าพวกผองพี่น้องแปดคนที่เล็ดลอดออกมาจะให้เรายืนอยู่เฉยได้อย่างไร!”


 


“ใช่!”


 


“ลุย!”


 


“คำขวัญของกองทัพเราคืออะไร?”


 


“กองทัพจิวหัวรวมกันเป็นหนึ่ง!”


 


“ฆ่ามัน!” กงฮีชี้ดาบเหล็กของเขาไปทางทิศของหุปเขา “วันนี้เราต้องสังหารพวกเขาทั้งหมดและทำให้พวกเขาสยบตรงหน้าเรา!” ภายใต้คำสั่งของกงฮีพวกเขาพุ่งหน้าไปทางทิศของหุปเขาทันที


 



 


ใกล้กับหุปเขางูพิษกองทัพหยวนเฮงเองก็กำลังกำจัดเหล่าสัตว์ประหลาดกันอย่างเพลิดเพลิน


 


หยวนเฮงกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ศิษย์น้องหวังเราต้องควบคุมและรวมพลังกัน ข้าหวังว่าผู้คนจากตระกูลหวังและพวกข้าเราจะเข้ากันได้ดี!


 


“แน่นอน!” หวังชานตะโกนในช่องพูดคุยทันที “สมาชิกของเราทั้งหมดที่อยู่ใกล้หุบเขางูพิษ โปรดรับฟังคำขอของคนจากศาลาหยวนเฮง!”


 


เถากุนผงกหัวพอใจ “ผู้คนจากตระกูลหวังเราขอให้พวกท่านไปทางซ้ายและจัดแถว!”


 


“พวกเขามากันแล้ว!” เหล่าสมุนจากศาลาหยวนเฮงตะโกนคุยกันในช่องพูดคุยของ QQ


 


“พวกมันอยู่ห่างจากลูกไฟเราไปร้อยก้าว!”


 


“ห้าสิบก้าว!” เถากุนตะโกน “นักเวทย์ทุกคนเตรียมพร้อม ลัทธิเต๋าถอย!”


 



 


อีกฝั่งด้านกงฮีรองผู้บังคับบัญชาของจิวหัวตะโกนว่า “อีกไม่นานพวกเราจะเข้าสู่ห้วงของลูกไฟ! ลัทธิเต๋าเตรียมเทคนิคการฮีลเลือดให้พร้อม นักรบเราจะเก็บพวกมันทั้งหมด ส่วนนักเวทย์เราต้องสกัดกั้นสกิลของพวกมันด้วยลูกไฟ!”


 


นักรบประมาณยี่สิบคนแยกออกไปด้านข้างขณะที่ทั้งสองฝ่ายต่างขว้างลูกไฟเข้าหากัน จุดไฟจำนวนมากกระจัดกระจายอยู่บนพื้น ส่วนลูกไฟที่ถูกเสกบนอากาศที่กำลังล่วงหล่นนั้นมองดูคล้ายกับดาวตก!


 


“สัทธิเต๋า! ฮีล!” ผู้บัญชาการของทั้งสองฝ่ายตะโกน


 


เกมได้แตกต่างไปจากครั้งเดิมก่อนหน้านี้ระหว่างการต่อสู้พวกเขาต้องใช้การดื่มยาเพื่อเพิ่มเลือดซึ่งนั้นทำให้เสียสมาธิในการต่อสู้ ดังนั้นเทคนิคการรักษาของลัทธิเต๋าในตอนนี้เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด!


 


นักรบและนักเวทย์ที่ได้รับบาดเจ็บจำนวนมากเมื่อได้รับการฮีลจะมีแสงออกมา


 



 


“ส่งนักรบออกมาแล้วฆ่าสองคนกลางกลุ่ม ลงมือเดี๋ยวนี้!” คำสั่งจากผู้บังคับบัญชาจากจิวหัว


 



 


“พวกนักเวทย์เข้ามาใกล้แล้ส ตั้งสมาธิเพื่อโจมตีพวกคนกลางกลุ่ม!” นี่คือคำบัญชาจากผู้บังคับฝั่งหยวนเฮง


 



 


ทันทีที่สองฝ่ายเริ่มต่อสู้กันในระยะใกล้!


 


“ลัทธิเต๋าเดินหน้าเข้าไปเพื่อช่วยนักเวทย์!”


 


“นักรบเข้าไปฆ่าพวกนักเวทย์!”


 


“ทุกคน! โจมตี!”


 


“บ้าเอ้ย! มาดูกันใครจะแน่กว่านั้น!”


 


ในความโกลาหลนี้ หยวนเฮงถูกแทง! “ใครมันแทงข้า!”


 


กงฮีเอง “แม่งเอ้ย ใครมันขว้างลูกไฟใส่ข้า!”


 


มันเป็นความวุ่นวายไปหมด!


 


… สามนาทีต่อมา


 


“พี่น้องที่เกิดในหมู่บ้านรีบออกมาช่วยพวกเราด่วน ช่วยด้วย!


 


… ห้านาทีต่อมา


 


“คนที่เพิ่งเกิดอยู่ไหน!?”


 


พวกชนชั้นสูงรายงานว่า “เรามีการต่อสู้ระหว่างทาง”


 


ผู้บัญชาของกองทัพทั้งสองเกาหัว เนื่องจากมันไม่เคยมีกรณีดังกล่าวเกิดขึ้นเลยในชีวิตจริง พวกเขาตะโกนว่า “ดึงการต่อสู้มาที่เกิด มาที่นี่ให้หมด!”


 


คนที่ถูกฆ่าตายตอบโต้อย่างรวดเร็วว่า “ระวังผู้รักษาประตูเมืองด้วย!”


 



 


ระหว่างทางไปหุบเขางูพิษ เยเสี่ยวเย้และเหล่าสาวกจากกลุ่มโอเชียนที่เพิ่งออกมาจากหมู่บ้านมือใหม่ก็พบกับสถานการณ์อันเร่าร้อน


 


“พวกเขาไม่ได้เป็นผู้ปลูกฝังจากอาณาจักรทะเลดวงดาว ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเป็นนักเวทย์ที่อ่อนแอ!” นักรบบางคนจากจิวหัวชี้ไปที่เหล่าสาวกจากโอเชียนที่เพิ่งออกจากหมู่บ้าน


 


“เจ้าทำอะไร? ทำไมถึงมาฆ่าพวกเรา?” คนจากกลุ่มโอเชียนล้มลงกับพื้นทันที


 


หลังจากเกิด พวกเขารู้สึกสับสนใจหัวและออกมาจากหมู่บ้านอีกครั้ง


 


“พวกเขาสามคนเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังจิวหัวหรือไม่? ข้าไม่เคยเห็นพวกเขามาก่อน” ผู้ฝึกฝนบางคนจากอาณาจักรทะเลดวงดาวขว้างลูกไฟใส่พวกเขา


 


ทั้งสามคนล้มลงอีกครั้ง!


 


“แม่งเอ้ย! พวกเจ้าเป็นบ้าหรอ?” หยุนเหลียนระเบิดความโกรธ “กำจัดพวกมัน!”


 


ในเวลาเดียวกันผู้พิทักษ์ที่มาถึงที่นี่เพื่อเอาของมาขายก็กำลังเดินออกจากหมู่บ้าน


 


“มีคนอีกหรอ?”


 


กองทัพทั้งสองเข้าสู่สงครามอย่างจริงจังมากเกินไป ในหัวพวกเขาตอนนี้มีแต่การล้างแค้น “ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นใครฆ่าพวกเขาให้หมด!”


 



 


ขณะนี้จีวูและคนอื่นๆ กำลังฆ่าเหล่างูพิษในหุบเขางูพิษ


 


“พวกเขาควรจะถึงที่นี่แล้วนี่?” จียูมองเวลา


 


“ไหนให้ข้าดูหน่อย” จีวูวางหูฟัง VR ลงและดูหยกสื่อสารของเขา “พวกเขาอยู่ที่นี่ สงสัยกำลังเตรียมของละมัง”


 


อย่างไรก็ตาม หลายคนเองยังคงไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นรอบๆ หมู่บ้านมือใหม่ …


 


… นอกหมู่บ้านมือใหม่


 


“เจ้าเป้นใคร? เจ้ากล้าฆ่าทหารองครักษ์ใช่มั้ย?”


 


“ปู่ของเจ้าไง!” นักรบจากหยวนเฮงตอบกวนโอ้ยพลางขว้างลูกไฟใส่นักรบครักษ์


 


“เจ้ากำลังมองหาความตาย!” ทหารองครักษ์ที่เพิ่งเดินออกมาจากหมู่บ้านโกรธจัด “ตาย!”


 



 


ณ หมู่บ้านชื่อแดง


 


ร่างที่ชั่วร้ายที่สุดและดุร้ายที่สุดของทั้งสองกองทัพจะถูกส่งตัวมาที่นี่


 


“สถานการณ์ในหมู่บ้านมือใหม่คืออะไร? รายงายให้ข้า ข้าอยู่ในหมู่บ้านชื่อแดง!” หยวนเฮงตะโกนในช่องพูดคุย


 


ทำนองเดียวกันผู้บัญชาการจากฝั่งจิวหัวกงฮีก็ตะโกนเช่นกัน “ข้ากำลังจัดการและสั่งสอนคนในหมู่บ้าน ส่งคนที่เหลือมาที่นี่! ”


 


ขณธเดียวกัน ณ​หมู่บ้านมือใหม่


 


ผู้เล่นจากสำนักซียี่ตะโกนขึ้น “บ้าเอ้ย ใครมันฆ่าข้า เจ้าหรือเปล่า!?”


 


เกิดคลื่นลูกใหม่ของการทำลายขึ้น!


 


ทหารองครักษ์ตะโกนว่า “ใครฆ่าเรา? พวกเจ้ากำลังมองหาความตาย บ้าจริง! ทำไมไม่หยุดสักที!”


 


พวกเขาถูกฆ่าสิ่งของกระจัดกระจาย .. พวกเขาฟาดฟันกันอย่างดุเดือด


 


“โอ้ย .. ของของข้าถูกพวกมันเอาไปหมดเลย!” เยเสี่ยวเย้ที่เพิ่งได้ไอเทม ทำหน้าเศร้าตอนนี้เธอเหลือแค่ชุดผ้าฝ้ายเท่านั้น ดาบไม้ของเธอก็หลุดมือทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากนั่งเศร้าวนไป


 


“แม่ง!” หยุนเหลียนและคนอื่นๆ จากกลุ่มโอเชียนหัวร้อน “พี่น้องแห่งโอเชียนเรามาแก้แค้นเพื่อน้องสาวของเรา!”


 


“วังหลิวหยุนมาช่วยพวกเราด้วย” มีคนตะโกน


 



 


ในหมู่บ้านชื่อแดงเวลานี้ คนจากหยวนเฮงเองเริ่มสงสัยว่าทำไมมีคนเกิดมากมายที่นี่


 


“เยอะมาก!?”


 


ใบหน้าของหยวนเฮงเปลี่ยนไปทันที “ส่งคนมาที่นี่เพิ่ม!”


 


“อ่า!”


 


เสียงกรีดร้องดังขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมีคนถูกฆ่า


 


“บ้าเอ้ย! ไปรับทีมรักษาความปลอดภัยมาให้ข้าอีกร้อยคน!” หยวนเฮงตะโกนขึ้นด้วยอารมณ์โกรธจัด


 


แย่จริง! เขาไม่เคยถูกประณามขนาดนี้มาก่อนในชีวิต!

 

 

 


ตอนที่ 253

 

“ต้องการคนเพิ่มหรือไม่?” รวนหนิงที่ยืนมองพวกบ้าคลั่งตะโกนขึ้นมาด้วยความสงสัย ในความคิดเธอเข้าใจว่าพวกเขารู้สึกอย่างไร มันทนไม่ได้จริงๆ ที่เห็นพวกผองของตัวเองถูกโจมตีและเต็มไปด้วยคราบเลือดนองหน้า


 


หากสถานการณ์ยังคงดำเนินต่อไปจะมีที่นั่งเหลือพอหรือไม่ คิดไปมาหรือว่าข้าต้องเรียกพวกน้องให้มาซะเลยตอนนี้ ..


 


เธอรีบส่งข้อความถึงซีบื่อ, ซูจิและซูเหยาทันที “มาเลยตอนนี้ หัวหน้าใหญ่ของศาลาหยวนเฮงกำลังจะพาคนมาเล่นเกมเพิ่มอีกร้อยคนถ้าพวกเจ้ามาช้าจะไม่มีที่นั่ง!”


 


ณ สำนักมองกรม้วนซียื่อพูดอย่างกระวนกระวาย “ท่านพ่อ! ข้าต้องไปที่ร้านตอนนี้ ..”


 


“ตอนนี้?” ซีเฉินโจดูงุนงง


 


“หนิงหนิงบอกว่าหัวหน้าใหญ่ของศาลาหยวนเฮงกำลังเรียกคนมาเพิ่มอีกร้อยคนและถ้าเราไปช้าที่นั่งจะไม่เหลือ ..” เธอตอบพ่ออย่างไม่เข้าใจเช่นกัน เธอเองก็สงสัยว่าทำไมหยวนเฮงถึงต้องเรียกคนมาที่ร้านมากมายขนาดนั้นทั้งๆ ที่เกมก็ไม่ได้มีราคาถูกเลย


 



 


ในไม่ช้าการต่อสู้ในหมู่บ้านมือใหม่ก็ได้ย้ายไปยังหมู่บ้านชื่อแดง นอกจากคนทั้งสองกลุ่มที่ย้ายไปแล้วยังรวมไปถึงผู้บริสุทธิ์บางคนที่ผ่านไปมาด้วย หากนับเหล่าผู้พิทักษ์และเหล่าสาวกจากกลุ่มต่างๆ ในหมู่บ้านชื่อแดงรวมแล้วได้ประมาณกว่าสองร้อยคน


 


ผู้เล่นส่วนใหญ่รวมไปถีงผู้เล่นใหม่ที่โดนลูกหลงต่างลงมากองรวมอยู่กันที่นี่ .. สงครามอันวุ่นวายในหมู่บ้านมือใหม่เริ่มน้อยลงในขณะที่ผู้เล่นที่บ้าสงครามถูกส่งไปยังหมู่บ้านชื่อแดงทีละคนสองคน!


 


หมู่บ้านชื่อแดงแดงตอนนี้ได้คล้ายกับเมืองเล็กๆ เข้าไปทุกที ที่นี่ไม่มีมาตรการด้านความปลอดภัยใดๆ ไม่มีทั้งการป้องกันและทหารรักษาประตู นี่เป็นการเพิ่มความวุ่นวายของสถานการณ์ยิ่งกว่าเดิม!


 


“ฆ่ามัน! ฆ่ามัน! คนที่ถูกฆ่าจะต้องเกิดใหม่และสู้ต่อทันที” หยวนเฮงตะโกนอย่างดุเดือดในช่องพูดคุย “จัดการข้าต้องการร้อยคนที่นี่!”


 


ในช่องพูดคุยของกองทัพจิวหัวกงฮีเองก็ตะโกนอย่างบ้าคลั่ง “จัดการ ที่นี่เปิดรับคนเพิ่ม แล้วนั้นทำไมคนเยอะกว่าเดิม?”


 


ปู้เล่นอิสระที่ไม่ได้เปิดใช้ QQ ตะโกนในช่องคุยในเกม “จัดการ พวกมันต้องตกนรก!”


 


“เจ้ากล้าฆ่าข้าก็เข้ามาเลย!”


 


“ข้ากลับมาแล้ว มาสู้กันเถอะ!”


 


“…”


 


วุ่นวายเหลือเกิน


 



 


จีวูทำหน้าผิดหวัง “หัวหน้ายูของข้าอยู่ไหน? ทำไมเราถึงขาดการติดต่อกับเขา?”


 


องค์หญิงจียูก็ผิดหวังไม่แพ้กัน “นี่ข้าขาดการติดต่อกับคนของข้าเช่นกัน ..”


 


“เกิดอะไรขึ้น? คนข้าของอยู่ที่ไหน?” องค์ชายสองทำหน้าเศร้า “ข้ากำลังรอเงิน!”


 



 


ณ หมู่บ้านชื่อแดง


 


“ทหารองครักษ์มารวมตัวกันที่นี่ มาที่นี่!”


 


“อ๊ะ!” คนที่ตะโกนถูกฆ่าตายทันที


 


“เจ้าต้องการรวมตัวหรือไม่!?” สมาชิกจากสองกลุ่มจะโกนถามตาขว้าง “ยังงี้พวกเ้จาก็ฆ่าเราได้นะสิ!”


 


หลังจากวางชุดหูฟัง VR ลงหัวหน้ายูก็หยิบหยกสื่อวสารขึ้นมา ใบหน้าของเขาซีดเผือดมีข้อความมากมาย!


 


เขารีบตอบกลับหน้าของเขาเวลานี้เต็มไปด้วยเหงื่อที่ค่อยๆ ผุดขึ้นทีละเม็ด “ท่านจักรพรรดิ ข้าและเหล่าองครักษ์ถูกกักขังอยู่ในจุดเกิดเหตุที่หมู่บ้านชื่อแดง .. ที่นี่มีคนมากมาย”


 


“อะไรนะ?” ใบหน้าของจีวูดูสับสน “กี่คน!?”


 


“ประมานสองร้อยคน โดยคนร้อยกว่าคนที่อ้างตัวว่ามาจากอาณาจักรดวงดาวโจมตีพวกเราทุกครั้งที่เห็น!”


 


“…”


 


“ท่านพ่อ ..​เราจะทำอย่างไรดี!?” องค์ชายสองกล่าวอย่างหงุดหงิด พวกเขากำลังรอเงินเพื่อนำมาซื้อยาและเก็บค่าประสบการณ์เพื่อเพิ่มเวลต่อ เขาเองก็ยังไม่รู้เลยว่าตอนนี้ทีมที่รับผิดชอบในการแลกเปลี่ยนเหรียญนั้นถูกกักขังในหมู่บ้านชื่อแดงหรือไม่ ..


 


“เราควร .. หาคนมาที่นี่เพิ่มมั้ย?” องค์ชายห้าจี๋หยางแนะนำ


 


จียูส่ายหัว “พวกเขาอยู่ไกลเกินไปและคงไม่สามารถช่วยแก้ไขปัญหาที่เร่งด่วนในเวลานี้ได้”


 


“บอกอันหูเว้ยให้รับยามสองร้อยคนมาเล่นเกม” จีวูตะโกน “ข้าอยากจะเห็นว่าคนจากอาณาจักรดวงดาวจะแข็งแกร่งขนาดไหน!”


 



 


“หนิงหนิง!” ซียื่อ, ซูจิและซูเหยาเดินเข้ามาในร้าน


 


“มาๆ เล่นกัน” รวนหนิงเอ่ยชวนเพื่อนและหันไปถามฟางฉีขณะที่กำลังเปิดเกม “นี่เจ้าจะบอกเราว่าไปยังสถานที่หาสมบัติวันนี้ใช่มั้ย?”


 


“หนิงหนิงวันนี้เจ้าไม่เฝ้าร้านหรอ?” ซียื่อถาม


 


“ข้าปิดร้าน! พรุ่งนี้ข้าจะจ้างคนมาดูร้านให้ข้า!” รวนหนิงตอบ


 


“…”


 


ณ เมืองครึ่ง


 


ชายวัยกลางคนสวมเสื้อคลุมสีฟ้าและหมวกทรงสีเหลือเดินเข้ามาในร้านพร้อมคนร้อยคน “อาจารย์!”


 


เถากุนวางหูฟัง VR และกล่าวว่า “ท่านอาจารย์เป็นผู้บังคับบัญชาการต่อสู้ในเวลานี้ ทุกคนตอนนี้มีชื่อเป็นสีแดงพวกเขากำลังรวมตัวกันอยู่ในหมู่บ้านชื่อแดง”


 


จากนั้นเขาอธิบายวิธีการเล่นให้สมุนทุกคนฟัง .. สิบนาทีต่อมาคนร้อยคนได้ลงมายังหมู่บ้านชื่อแดง


 


ระดับของพวกเขาต่ำ แต่ไม่ใช่ปัญหาเพราะใครก็ตามที่ติดอยู่ที่นี่จะถูกลดระดับให้อยู่ในสภาวะเดียวกัน .. คนสองร้อยคนเริ่มต่อสู้ ส่วนอีกสองร้อยคนเก็บกวาดการต่อสู้


 


ในบรรดาเหล่าคนสองร้อยคนในกลุ่ม มีเพียงสิบคนเท่านั้นที่เป็นองครักษของจิวหัวที่สามารถจัดระเีบยบกันผ่านห้องพูดคุยใน QQ ส่วนคนอื่นๆ นั้นพวกเขาไม่สามารถสั่งทหารองครักษ์หรือผู้เล่นอิสระได้เลย เนื่องจากวิญญาณความบ้าสงครามเข้าสิ่ง!


 


“จงยึดมั่นอดทน!” ในช่องพูดคุยของกองทัพจิวหัวกงฮีตะโกนอย่างบ้าคลั่งเพราะนี่เป็นสงครามที่เกี่ยวข้องกับเกียรติยศของกองทัพจิวหัว!


 


“กำลังเสริมกำลังมา!” อันหูเว้ยมาพร้อมกับทหารอีกสองร้อยคน!


 



 


ณ คาเฟ่ที่เมืองครึ่ง


 


“พวกเขายังต่อต้านอยู่” เถากุนกล่าว “เวลาเล่นของเราใกล้จะหมดแล้ว!”


 


“พายามจากหยวนเฮงมาร้อยห้าสิบคนที่นี่เพื่อนมาแทนที่เรา!” หยวนเฮงพูดด้วยเสียงเยาะเย้ยเมืองเห็นว่าชัยชนะเริ่มเข้ามาใกล้แล้ว “ข้าจะให้พวกเราได้เห็นว่าเราต้านทานได้มากแค่ไหน!”


 



 


ณ คาเฟ่ในจิวหัว


 


อันหูเว้ยเดินเข้ามาในร้านพร้อมกับทหารอีกสองร้อยคน “เสี่ยวหยู เปิดคอมพิวเตอร์ให้เราด้วย!”


 


“เอ่อ .. ท่านอันหูเว้ย” เจียงเสี่ยวหยูยืนนิ่ง “เหลือที่นั่งเพียงไม่กี่ที่เท่านั้น”


 


“อ๋อ!” หันหูเว้ยสงสัยว่าคอมพิวเตอร์เกือบหกร้อยเครื่องเต็มได้ยังไงกัน


 


“เหลือเท่าไร!?”


 


“ประมาณสิบสองเครื่อง ..”


 


ที่นี่คาเฟ่หลักที่จิวหัวมีเกมมากขึ้นแถมผู้เล่นก็มากขึ้นตามเวลา นับตั้งแต่มีการแข่งขัน Diablo และ CS ตอนนี้เกมเจ้ากระบี่ขั้นเทพเองก็ได้รับความนิยมจำนวนมากแม้จะมีที่มากแค่ไหนในตอนนี้ก็แทบจะถูกจับจองหมด


 



 


ในช่องพูดคุยของกองทัพจิวหัวกงฮีตะโกนอย่างหนักหน่วง “กำลังเสริม! กำลังเสริมอยู่ไหน? เราจะต้านไม่ได้นาน!”


 


“มีสิบสองคนมาถึงแล้ว!” กำลังเสริมตอบ


 


“สิบสองคน? มันเกิดอะไรขึ้น!?”


 


“ไม่มีคอมพิวเตอร์เหลือแล้ว!”


 


“บ้าชิบ!” กงฮีสบถ “มีคอมพิวเตอร์หกร้อยเครื่องทำไมมันเต็มทั้งหมด? บอกให้คนอื่นออกแล้วทิ้งคอมไว้ให้พวกเรา!”


 


“รองผู้บังคับบัญชากง! เราจะไม่ไหวแล้ว พี่น้องของเราเริ่มถดถอย!”


 


“มีคนจากวังหลิวหยุน, กลุ่มโอเชียนและคนจากสามสำนัก” กองกำลังรายงานในช่องพูดคุย “บางคนดูเหมือจะเป็นผู้พิทักษ์”


 


“…”


 


“ร่วมมือกัน เรายังสามารถต่อสู้กับพวกเขาได้!” กงฮีตะโกนด้วยสายตาอาฆาต “เราจะต้องทนได้ เราจะรวมตัวกัน!”


 


“จัดการพวกมัน!”


 


“ท่านอาจารย์ตัง!” หวังชานอุทาน “พวกเขากำลังสบประมาทเราในช่อง QQ”


 


สงครามยังไม่จบอย่างเพิ่งนับศพทหาร!

 

 

 


ตอนที่ 254

 

ในสำนักมังกรม้วนซีเฉินโจกำลังฟังรายงานจากสายลับของเขา “ศาลาหยวนเฮงได้รวบรวมคนถึงสามร้อยคนเพียงเพราะแค่เล่นเกมที่มีชื่อว่าเจ้ากระบี่ขั้นเทพมันมีอะไรพิเศษ”


 


การเคลื่อนไหวของกองกำลังขนาดใหญ่อย่างกลุ่มศาลาหยวนเฮงนั้นได้ดึงดูดความสนใจจากกองกำลังอื่นๆ มากมายนอกเหนือจากสำนักมังกรม้วน


 


ปีศาจดำเองคือหนึ่งในนั้น!


 


“หวังเจ้ากำลังทำอะไร ..” ชายผิวคล้ำวัยกลางคนไว้ผมยาวปลายไหล่นั่งลงในห้องโถ่งใหญ่พลางเอ่ยถาม “เจ้าคิดยังไงกับคนจากศาลาหยวนเฮงถึงสามร้อยคนเดินทางไปที่ร้านแห่งนั้น?”


 


“ท่านหัวหน้า” ผู้ปลูกฝังผ้าคลุมสีเทาตอบด้วยรอยยิ้ม “เราได้ตรวจสอบปัญหานี้แล้ว มีการกล่าวว่าที่นั้นสามารถพาเราก้าวเข้าสู่อีกโลกหนึ่งที่ให้ความรู้สึกราวกับชีวิตจริงโดยร้านนั้นเป็นประตูและผู้คนที่นั่นยังค้นพบสมบัติอันล้ำค่าแถมยังเพิ่มความแข็งแกร่งในการเพาะปลูก ผลที่ออกมานั้นยอดเยี่ยมเกินคาดเดา!”


 


“เจ้าหมายความว่าพวกเขาได้พบบางอย่างที่ควรค่าต่อกำลังคนมากมายงั้นหรือ?” หัวห้นาปีศาจดำถามด้วยน้ำเสียงสงสัย


 


“มีความเป็นไปได้อย่างมาก” ผู้ปลูกฝังชุดคลุมสีเทาพยักหน้า


 


“ร้านเล็กๆ แห่งนั้นมีชื่อว่า ‘ต้นกำเนิดอินเตอร์เน็ตคาเฟ่’ ช่างชื่อแปลกมาก” หัวห้นาปีศาจดำหัวเราะ “เราควรพาคนไปที่นั้นบ้างมั้ย?”


 


นอกเหนือจากคนในสำนักมังกรม้วนและกลุ่มปีศาจดำแล้ว กองกำลังอื่นๆ ในเมืองครึ่งก็สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติของกลุ่มศาลาหยวนเฮงเช่นกัน พวกเขาต่างส่งสายลับไปลาดตระเวนยังสถานที่ใกล้เคียงกับร้านค้าของฟางฉีเพื่อสืบข้อมูล


 


ในขณะเดียวกันตอนนี้พื้นที่เต็มไปด้วยศพที่นอนเกลื่อนกาดทั้งคนที่กำลังเล่นเกมและคนที่เพิ่งออกจากเกม ทุกคนล้วนตายและวนกลับไปเกิดใหม่ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด! หากเปิดเข้าเกมไปในตอนนี้จะพบว่ามีคนจากกองทัพจิวหัวอยู่ในนั้นมากกว่าสองร้อยคน!


 


ผู้เล่นเกมอื่นนอกเหนือจากเจ้ากระบี่ขั้นเทพก็เข้าร่วมช่องพูดคุยนี้เพื่อรับชมและฟังการพูดคุยอันดุเดือดที่มีผู้ต่อสู้อยู่ในสงครามเกมถึงสองร้อยคน


 


คนจากสองฝั่งทั้งฝั่งหยวนเฮงเองและจิวหัวเองรวมกันในเกมเหยียบสี่ร้อยคน ต่างฝ่ายต่างเปลี่ยนผลัดกันตาย


 


ขณะเดียวกันผู้คนกลุ่มหนึ่งได้เดินทางเข้ามาในคาเฟ่ที่เมืองครึ่ง คนจำนวนหนึ่งนั้นรวมไปถึงสายลับจากกองทัพอื่นๆ ซีเฉินโจวพร้อมด้วยยามจากสำนักงานมังกรม้วนและกลุ่มปีศาจดำเองได้เดินเข้ามาดูเหตุการณ์


 


เมื่อพวกเขาก้าวเข้ามาต่างได้ยินเสียงตะโกน “ตอบกลับเมื่อนับสาม!”


 


“สาม! สอง! หนึ่ง!”


 


“เหล่านักเวทยท์อย่ากลัวความตาย! จัดการ!”


 


“โจมตี!”


 


“โจมตีพวกเขาเหมือนที่พวกเจาโจมดีพวกเรา!”


 


“ไปข้างหน้า!”


 


“…”


 


เสียงตะโกนดังลั่นร้าน ..​ ทำให้คนที่เฝ้าดูจากด้านหลังนั้นงงงวย


 


ซีเฉินโจมองชายผิวคล้ำวัยกลางคนผมปะบ่า “ปีศาจดำ?”


 


“ท่านซี? ข้าช่างดีใจที่ได้พบท่าน!” ปีศาจดำจับมือเขาแล้วชี้ไปที่ผู้คนที่กำลังโวยวาย “พวกเขากำลังทำอะไร?”


 


ซีเฉินโจพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ ข้าเดาว่าพวกเขาน่าจะกำลังต่อสู้เพื่อสมบัติบางอย่าง”


 


พวกเขามองดูกลุ่มคนที่กำลังโหวกเหวกกันอย่างดุเดือดหลังหน้าจอ .. ใบหน้าของพวกเขากระตุกขณะดู


 


“เราจะลองเล่นมั้ย?” หัวหน้าปีศาจดำถาม “เจ้าของอยู่ไหน?”


 


ซูโมรู้สึกไม่สบายใจ เขามองดูผู้คนเหล่านี้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขารู้สึกว่าพวกเขาช่างล้วนมีอิทธิผลและงดงามแต่เขาเองก็ไม่รู้ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเป็นใครกัน


 


เขาบังคับให้ตัวเองตอบลูกค้า “ขอโทษ แต่ตอนนี้คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องเต็มหมดแล้ว หากท่านต้องการเล่นโปรดรอก่อน”


 


“…”


 


“เจ้ารู้มั้ยว่าเจ้ากำลังพูดอยุ่กับใคร!?” ลูกสมุนคนหนึ่งที่ยืนข้างหลังเขาเดินออกมาและเอ่ยถาม


 


“เอ่อ .. ใครหรอ?” โมน้อยเหงื่อกแตกซิก


 


“นี่โมน้อย!” ฟางฉีตะโกนขึ้นระหว่างจับตามองสิ่งที่เกิดขึ้น “ครั้งหน้าถ้าเจ้าเจอคนแบบนี้อีกก็ตอบพวกเขาไปว่า ถ้าเล่นก็อยู่รอเล่น ถ้าไม่ก็ออกไป!”


 


“เจ้า!” ชายคนนั้นโกรธแค้นทันที แต่เขาก็ถอยหลังกลับไปเมื่อมองหน้าหัวหน้าตัวเอง


 


“เจ้าเป็นหัวหน้าสมาคมหรือ?” หัวหน้ากลุ่มปีศาจดำจ้องมองฟางฉีที่กำลังเล่นเกม เขารู้ว่าฉินฮงหลินถูกทำลายร้างโดยร้านนี้อย่างลึกลับ เขาจึงเอ่ยถามโดยแกล้งทำเป็นไม่รู้


 


“เจ้าอยากเข้าร่วมหรือ?”


 


โดยไม่มีคำตอบใดเขารู้สึกพูดไม่ออก เขาจึงตัดสินใจที่จะหันกลับไปยืนดูผู้คนจากหยวนเฮงที่กำลังเมามัน


 


สงครามระหว่างผู้คนของศาลาหยวนเฮงกับจิวหัวนั้นดูบ้าคลั่ง พวกเขาสลับกันเป็นกลุ่มๆ และใช้คอมพวิเตอร์สลับกันอย่างนั้นจนถึงเที่ยงคืน ในตอนแรกกลุ่มศาลาหยวนเฮงคิดว่าการทำแบบนี้จะทำให้พวกเขาเสียเปรียบในการต่อสู้ แต่พวกเขาก็ยังคงดำเนินการต่อไป เพราะพวกเขาตระหนักได้ว่าพวกเขาสามารถเกิดได้โดยไม่จำกัดครั้ง


 


เมื่อเวลาผ่านไปจำนวนของกองทัพจิวหัวก็เพิ่มขึ้นและพวกเขาก็ถูกแทนที่ด้วยทหารชั้นยอดที่มีทักษะการต่อสู้ที่ดุเดือดมากขึ้น แต่้ทายที่สุดเมื่อถึงเวลาเที่ยงคืนคาเฟ่ที่จิวหัวได้เวลาปิด กองทัพฝั่งหยวนเฮงจึงถูกฝังอยู่ที่นั้น


 


จากชัยชนะไปสู่การถูกฝังในจุดเกิดใหม่หยวนเฮงไม่เต็มใจที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ แต่เมืองเห็นว่ากลุ่มปีศาจดำและคนอื่นๆ นั้นอยู่ในร้านเขาจึงดึงคนพวกนั้นมาเข้าร่วมกลุ่มของเขา


 


ขณะเดียวกันร้านใหม่ของฟางฉีได้บรรลุเป้าหมายของการขยายร้านในวันที่สองเป็นที่เรียบร้อย ตอนนี้ที่นี่มีคิวยาวเหยียด!


 


สองวันที่ผ่านมาสงครามเกิดขึ้นโดยที่ศาลาหยวนเฮงได้เป็นผู้เริ่มต้นด้วยความตั้งใจว่าจะพาชัยชนะกลับคืน ด้วยการใช้คอมพิวเตอร์ที่ระบบเพิ่มขึ้นให้ถึงห้าร้อยเครื่องในชั่วข้ามคืน พวกเขารวบร่วมกองกำลังกับผู้คนอย่างปีศาจดำเพื่อจะกลับไปคว้าชัยชนะ!


 


ด้วยร้านค้าทั้งสองที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย ร้านค้าเก่าในเวลานี้ใครที่เล่นเกมอื่นอยู่จะถูกรวบและดึงเข้ามาเล่นเกมเจ้ากระบี่ขั้นเทพทุกคน


 


หลังจากใช้เวลาต่อสู้เป็นเวลาสองวันทั้งสองฝ่ายพบว่าไม่มีใครสามารถได้รับตำแหน่งสูงได้เลยเพราะนี่ไม่ใช่โลกแห่งความจริง มันสามารถเกิดใหม่ได้ทุกครั้งหลังจากถูกฆ่า!


 


พวกเขาไม่สามารถนับแต้มกันได้อย่างตรงไปตรงมา เมื่อพวกเขาต่างฝ่ายต่างฆ่ากันหลังจากนั้นต่างคนก็ต่างเกิดใหม่ทุกรอบ หลังจากต่อสู้เป็นเวลาสองวันและเมื่อพิจารณาสถานการณ์ในช่วงกลางคืนที่ผ่านมาแล้ว พวกเขาก็เริ่มเข้าใจมากขึ้น


 


เฉพาะคนที่มีจุดแข็งเท่ากันเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์พอๆ กัน ในสงครมของทั้งสองฝ่ายพวกเขาต่างได้เห็นจุดแข็งของกันและกัน ในไม่ช้าช่องทางการประชุมกันระหว่างอาณาจักรทะเลดวงดาวและตาจินได้ถูกก่อตั้งขึ้น


 


ไม่มีใครรู้เกี่ยวกับการเจรจาของพวกเขา แต่ในที่สุดพวกเขาก็บรรลุในข้อตกลงสัติภาพชั่วคราวและเริ่มสำรวจในโลกเพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้ง


 


ท้ายที่สุดแล้วไม่มีฝ่ายใดได้รับประโยชน์ในสงครามครั้งนี้ แถมพวกเขายังใช้กำลังคนและทรัพยากรมากเกินไปโดยไม่ได้ตั้งใจ การมีผู้เล่นจำนวนมากส่งผลให้ทรัพยากรในเกมไม่พอเช่นกัน


 


ขณะเดียวกันหลังจากเหตุการณ์สงครามในเกมก่อให้เกิดกองกำลังขนาดใหญ่เริ่มสร้างตัวขึ้นสองกลุ่มในนั้นคือหวังหลิวหยุนและกลุ่มโอเชียน ในตอนแรกพวกเขาก็เฉยๆ แต่ตอนนี้รวมไปถึงกองกำลังของกลุ่มราชวงศ์, กลุ่มปีศาจดำและสำนักมังกรม้วน และอีกมากมาย ก็ได้ให้ความสนใจไม่แพ้กัน

 

 

 


ตอนที่ 255

 

เนื่องจากสงครามข้ามภูมิภาคในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาทำให้เกมเจ้ากระบี่ขั้นเทพได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก


 


เช้าวันรุ่งขึ้นหลังสงคราม ..


 


“อืม!” หลังจากเปิดร้านของตัวเองในตอนเช้ารวนหนิงก็รีบเดินออกจากร้านไปคาเฟ่ที่อยู่ถัดไปทันที เธอถึงกับตะลึง!


 


พื้นที่ภายในร้านเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า เธอสงสัยว่ามันใช้เวลาขยายตัวเพียงแค่คืนเดียว? ที่สำคัญกว่านั้นคือจำนวนคอมพิวเตอร์ในร้านเพิ่มขึ้นเป็นพันเครื่อง!


 


“หัวหน้าสมาคม .. นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” รวนหนิงถามด้วยความกังวลราวกับเห็นผี


 


“ข้าเข้าผิดร้านหรือเปล่า?”


 


“มันไม่เหมือนเมื่อวานใช่มั้ย?”


 


“ใช่ๆ” โมน้อยพยักหน้าซ้ำๆ


 


“ท่าน .. นี่เป็นร้านเดียวกันกับร้านเมื่อวานหรือเปล่า?”


 


“โมน้อย” ฟางฉีตบหัวโมน้อยเบาๆ “ในฐานะพนักงานของที่นี่เจ้าต้องทำความคุ้นเคยกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้”


 


ขณธเดียวกันร้านค้าในเมืองจิวหัวได้ขยายเพื่อรบรองคอมพิวเตอร์ถึงพันสี่ร้อยเครื่องเช่นกันพื้นที่ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนได้แก่โซนของสมาชิกในสมาคมและโซนผู้เล่นปกติ


 


โซนแรกมีคอมพิวเตอร์พันเครื่องและโซนที่สองมีสี่ร้อยเครื่องดังนั้นสถานการณ์เช่นผู้เล่นคนอื่นๆ ที่ไม่ได้เล่นแบบเมื่อวานจะไม่เกิดขึ้นอีก


 


แน่นอนหลังจากร้านขยายแล้วมันไม่แออัดเหมือนเดิมอีก ..


 


หลังจากสงครามในสองสามวันที่ผ่านมาผู้เล่นระดับสูงส่วนหนึ่งอยู่ในจังหวัดเม้งชงซึ่งเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านชื่อแดง เพื่อไม่เป็นปัญหาในเก็บค่าประสบการณ์อีกครั้งระบบจึงไม่ส่งพวกเขากลับไปอยู่ในระดับหนึ่ง แต่บางคนเลือกที่จะลบบัญชีออกและเริ่มต้นใหม่


 


ด้วยตอนนี้ผู้เล่นในระดับเริ่มต้นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทรัพยากรจึงเกิดการขาดแคลนแม้จะมีการขยายแผนที่แล้วก็ตาม แน่นอนว่าทีมล่าทองของราชวงศ์กลับไปทำงานกันต่อเนื่อง


 


“ท่านที่นี่เคลื่อนไหวด้วยการเทเลพอร์ตมันยอดมาก!” หญิงสาวพูดขณะที่กำลังติดตามฟางฉีไปยังขุมทรัพย์ “แต่ .. มันแพงมาก!” การเทเลพอร์ตใช้เวลาเพียงไม่กี่วิในการเดินทางแต่แลกกับเหรียญทองจำนวนมาก


 


“หัวหน้าสมาคม!” จากการเคลื่อนไหวโดยเทเลพอร์ตนั้นทำให้ซียื่อสงสัย “เราสามารถสร้างใบเทเลพอร์ตในโลกแบบความจริงได้มั้ย?”


 


“อ่อและใบเทเลพอร์ตหนีออกจากถ้ำด้วย!” สาวๆ ต่างอยากเห็นสิ่งเหล่านี้ท้ายที่สุดแม้ว่ามันน่าจะมีประโยชน์ในเวลาที่อยากหลบหนีเมื่อตกอยู่ในอันตราย


 


พวกเขาไม่ใช่กลุ่มคนแรกที่เกิดคำถามนี้ ในขณะเดียวกันหยวนเฮงเองก็คิดเช่นกัน


 


“อาจารย์!” เถากุนชี้ไปที่ม้วนใบเทเลพอร์ต “ดูเหมือนว่ามันน่าสนใจมาก”


 


“การใช้ตาประทับเพื่อเก็บคาถาทางวิญญาณม้วนนี้โดยการฉีกผนึก ..” หยวนเฮงผงกหัว “อืม น่าสนใจ!”


 


ใน Diablo มีประตูเมืองที่มีพลังรูน อย่างไรก็ตามมันเป็นสิ่งที่แตกต่างจากโลกนี้ ที่นี่แทบไม่มีความคิดเรื่องเวทย์มนตร์


 


รูปแบบของเกมเจ้ากระบี่ขั้นเทพนั้นใกล้เคียงกับระบบการเพาะปลูกที่พวกเขาได้ทำการศึกษามาหลายปีแล้ว ใบเทเลพอร์ตจึงเป็นเครื่องดึงดูดความสนใจของพวกเขาอย่างมากในเวลานี้


 



 


อีกด้านหนังฝั่งกลุ่มเต๋าวู่เว้ยเองในที่สุดพวกเขาก็บรรลุผลหลังจากการใช้ทรัพยากรคนและสิ่งของจำนวนมากกับการสร้างพลังงานของสิ่งประดิษฐ์ทางจิติวญญาณระดับสูงสุด


 


หลี่เฮารันมองไปรอบๆ ผู้ฝึกฝนชั้นยอดและสมาชิกของทีมที่เข้าร่วมการวิจัย “เราได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับคุณสมบัติของเวทย์มนตร์ขั้นพื้นฐานแล้วพบว่าวิธีการปลูกถ่ายด้วยเวทย์มนต์เป็นสิ่งที่ต้องระวังอย่างมาก ตอนนี้ข้าจะสอนเทคนิคการปลูกฝังให้กับทุกคนที่นี่ ข้าบอกได้เลยว่าเวทย์มนตร์พื้นฐานเช่นความแข็งแกร่งและความคล่องตัวนั้นสำคัญกว่าทฤฏีที่เคยรับรู้”


 


“เนื่องจากวิธีการทำสิ่งประดิษฐ์ดั้งเดิมของเราในตอนนี้เริ่มว่างเปล่า” หลี่เฮารันกล่าว “นั่นหมายความว่าวิธีการทางการประดิษฐ์ของเรากำลังจะก้าวสู่ยุคใหม่!”


 


“ตอนนี้ข้าจะสอนการปลูกฝังโดยใช้เวทย์มนตร์ให้พวกท่านสองประเภท หนึ่งในนั้นคือการปลูกฝังเวทย์มนตร์ขั้นพื้นฐานที่เราสามารถนำไปขายได้” หลี่เฮารันพูดเสียงดังขึ้น “เราจะใช้เทคนิคที่ไม่เคยมีมาก่อนเพื่อการลงโทษที่อาณาจักรหยุนเตียนนทำไว้กับเรา!”


 


“การปลูกฝังเวทย์มนตร์ขั้ยพื้นฐานมีความต้องการพิเศษสำหรับวัสดุหรือไม่?” เยซงเต๋าถามคำถามมันเป็นความกังวลเล็กน้อย ท้ายสุดอาณาจักหยุนเตียนในเวลาไม่ใช่แค่ปิดผนึกอย่างเดียวแต่ช่องทางการค้าขายของวู่เว้ยยังได้รับผลกระทบอีกด้วย!


 


“ท่านไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับสิ่งนั้น” หลี่เฮารันพูด “ข้าจะบอกข่าวดี ตาจินของเรามีวัสดุที่จำเป็นมากพอสำหรับการปลูกฝังเวทย์มนตร์ขั้นพื้นฐาน” เขาหันไปขอให้สักสักคนนำสมุนไพรทางจิตวิญญาณแร่และเลือดสัตว์ร้ายออกมา


 


“สมุนไพร? แร่?” พวกเขามองด้วยความประหลาดใจ “เลือดสัตว์ร้ายนี้คือ ..”


 


“เลือดงู ซึ่งถือเป็นสัตว์ร้ายระดับต่ำ” หลี่เฮารันกล่าวด้วยรอยยิ้ม “การใช้วัสดุเหล่านี้อาจจะธรรมดา แต่พวกมันล้วนเป็นสิ่งหาง่ายในท้องถิ่น”


 


“ฮ่าๆ ดี!”


 


“ยอดเยี่ยม! แม้ว่ากองกำลังจากภายนอกจะปิดผนึกเรา แต่หากพบว่าเราประสบผลสำเร็จ เขาก็จะมองว่าเรามีแหล่งทรัพยากรสำคัญอย่างมากเพราะมีวัสดุหลักที่จำเป็นอยู่ที่นี่ในตาจิน ฮ่าๆ ช่างยอดเยี่ยมมาก!” ทุกคนดูมีความสุข


 


ผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งประดิษฐ์ชั้นยอดจากกลุ่มใหญ่ มารวมตัวกันเพื่อศึกษากระสุนสีทองด้านหน้าพวกเขา


 


“ตอนนี้ทุกคนมีความเชี่ยวชาญในการยิงกระสุน” จุนหยางชีหิยบกระสุนขึ้นมา “แต่เราจะต้องศึกษาวิธีเพิ่มพลังของมันด้วย”


 


“ก่อนอื่นเราต้องเพิ่มความดันภายในกระสุนเมื่อมันติดไฟโดยไม่เปลี่ยนสูตจรหรือส่วนผม แรงกดดันที่สูงขึ้นจะสร้างแรงผลักดันที่มาขึ้นและเพิ่มพลังพื้นฐาน” จุนหยางชีกล่าว


 


“สองเราต้องเลือกวัสดุที่เหมาะสมในการสร้างกระสุนดังนั้นเราจึงสามารถลงอักขรบนพื้นผิวได้”


 


“สามปลูกฝังเวทย์มนตร์บนกระสุนปืน”


 


“ในที่สุดและส่วนสำคัญที่สุดเราต้องทำให้มันมีพลังมากยิ่งขึ้นด้วยจากสิ่งของธรรมดาอย่างผงส่วนผสม สมุนไพรและน้ำอมฤต”

 

 

 


ตอนที่ 256

 

สงครามเมื่อสองวันที่ผ่านได้ก่อให้เกิดความอลหม่านวุ่นวายอย่างมาก และไม่มีทางเลยที่โมเทียนชิงอดีตเจ้าของร้านจะไม่รับรู้ ในความเป็นจริงเมื่อวานนี้เขาเองได้แอบดูร้านเกมเกือบครึ่งวันใจก็อยากจะเล่นแต่ไม่มีเครื่องใดที่ว่างพอที่จะแทรกเลย


 


วันนี้เขาจึงเดินเข้ามาในร้านก่อนเวลาแปดโมง พบว่าร้านมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด เขาเดินเข้ามาด้วยความประหลาดใจ “การทำลายฉินฮงหลินและจัดร้านเป็นระเบียบเรียบร้อยของเด็กคนนี้ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ” เขาพึมพำและมองไปรอบๆ


 


ดูเหมือนว่าข้าประเมินเขาต่ำไปเขาลูบเคราพลางคิด เอ้ะ? หรือว่าข้าควรลองเกมเจ้ากระบี่ขั้นเทพดีมั้ยนะ?


 


“นี่โมเกมเจ้ากระบี่ขั้นเทพนั้นดีอย่างที่เจ้าว่าหรือไม่? แม้แต่ปีศาจดำและกลุ่มมังกรม้วนยังส่งคนมาเยี่ยมเยียนที่นี่เลยหรือ?” เสียงคนข้างๆ เอ่ยถาม


 


“เจ้าก็ดูและตัดสินด้วยตัวเองสิ!” โมเทียนชิงพูดเหยียด “เจ้าทั้งสองร้องตามข้ามา แต่ไม่เชื่อข้าพวกเจ้าจะเอายังไงกันแน่!?”


 


เมื่อพวกเขาเดินเขามาในร้านได้บินเสียงคนจะโกนโวยวาย “ของชิ้นนี้ดีมาก แหวนนี้บวกการต่อสู้ถึงสามคะแนน!”


 


พวกเขายืนมองคนพลุกพล่านเดินไปมา


 


“อาจารย์ตังได้หรือ?”


 


“แล้วท่านเถาละ?”


 


“เจ้าเห็นชายวัยกลางคนที่แต่งตัวผ้าคลุมชุดดำมั้ย? เขาใช่คนจากปีศาจดำหรือเปล่า?”


 


“ที่มาพร้อมกับผู้ปลูกฝังชุดคลุมสีเทาที่ชื่อหวังจินหรือไม่!?”


 


พวกเขาเอ่ยถามขณะยืนอยู่ข้างหลังผู้ปลูกฝังผ้าคลุมสีดำ


 


“เขาดูเหมือยจะเป้นหนึ่งในสมาชิกจากกลุ่มปีศาจดำ”


 


“ฮ่าๆๆๆ” ขณะที่พวกเขาเกิดข้อสงสัยกันอย่างสับสน ปีศาจดำหัวเราะร่า “แหวนหกเหลี่ยมเพิ่มคุณสมบัติด้านเวทย์มนตร์! ดีเอามาขายให้ข้าในเมือง ข้าจะตบรางวัลให้อย่างงาม!”


 


“ขอบคุณท่านหัวหน้า!” สมุนปีศาจตอบกลับ


 


“นี่ ..” ผู้คนจากกลุ่มศาลาหยวนเฮงทำหน้าหมอง “ทำไมพวกเราไม่เห็นโชคดีบ้าง”


 


“ทุกคนฟังทางนี้!” ตังหยันตะโกนด้วยความอิจฉา “ใครก็ตามที่ได้ไอเทมที่ดีที่สุดจะได้รับรางวัล!”


 


“เยี่ยม!” ผู้ปลูกฝังของศาลาหยวนเฮงดูท่าทางเข้มข้นมากขึ้น พวกเขารีบมุ่งหน้าค้นหาสัตว์ร้ายเพื่อมุ่งหวังจะได้ไอเทมดีๆ จากพวกมัน


 


ในขณะเดียวกันมีคนจะโกนขึ้น “ดูเหมือนว่าข้าจะได้พบสถานที่ใหม่!”


 


“สถานที่ใหม่!?”


 


“มันอยู่ที่ไหน?”


 


“ไปกันเถอะ!”


 


“โครงกระดูกเยอะมากมาย!”


 


ขณะที่พวกเขากำลังอึ้งทุกคนต่างวิ่งตามไปยังจุดหมาย


 


โมเทียนชิงและสหายทั้งสองของเขาอ้าปากค้างเมื่อได้ยินเสียงตะโกน


 


“ไปกันเถอะ! ท่านผู้เฒ่าโมอย่าขวางทางเรา! เราต้องเดินทางเข้าสู่เกมเจ้ากระบี่ขั้นเทพแล้วตอนนี้!” ชายทั้งสองพูดอย่างกระวนกระวาย “พวกเราไม่ควรพลาดขุมทรัพย์!”


 


พวกเขารีบจับจองเครื่องและเข้าเกมอย่างรวดเร็ว


 


นอกจากโมเทียนชิงแล้วผู้ปลูกฝังคนอื่นๆ ในบริเวณใกล้เคียงก็มาสังเกตการดูเช่นกันว่าที่นี่มีอะไรพิเศษใยถึงดึงดูดกองกำลังใหญ่ขนาดนี้ ขณะเดียวกันผู้เล่นในจิวหัวก็กำลังยืนต่อคิวเพื่อเล่นคอมพิวเตอร์ เนื่องจากสงครามเมื่อสองวันก่อนนั้นใหญ่จนทำให้หลายคนสงสัยว่ามีอะไรพิเศษนักเกี่ยวกับเกม? ทำไมพวกเขาถึงเสพติดกันขนาดนี้


 


ด้วยความคิดเช่นนี้ผู้เล่นอิสระบางคนเริ่มเข้าสู่เกมเช่นกัน


 


ในขณะนี้ฟางฉีเองได้แนะนำสมาชิกสมาคมของเขาให้เข้าไปเที่ยวในเมืองทะเลทราย


 


เมืองนี้ใหญ่มากจนฟางฉีเองยังไม่แน่ใจว่านี้เป็นเมืองหรือโลกใหม่กันแน่ เพราะเขาเองก็เพิ่งมาเมืองซาร์บาร์กเมื่อวานครั้งแรก


 


กำแพงเมืองนั้นสูงมากจนมองแทบไม่เห็น ราวกับเหมือนมีเมฆสีดำกดทับพวกเขาอยู่ซึ่งเครื่องจักรสงครามทุกชิดไม่สามารถจะทำลายการป้องกันของกำแพงได้เลย


 


ผู้เล่นสามารถซื้อแผนที่จากคนในท้องถิ่นได้ แต่แผนที่นุ่นคลุมเครือและสถานที่บางแห่งก็มีข้อมูลไม่ชัดเจนเท่าที่ควร ซึ่งฟางฉีเองมาถึงที่นี่เมื่อวาน วันนี้เขาจึงได้เตรียมแผนที่ไว้แล้ว


 


“หัวหน้าสมาคม! วันนี้เราจะเก็บค่าประสบการณ์เพื่อเพิ่มระดับกันหรือไม่า?” หลังจากสองวันที่ผ่านมาเหล่าสาวๆ ได้เพิ่มระดับกันอย่างรวดเร็วนี่จึงส่งผลให้พวกเธอมีความกระตือรือร้นกับโอกาสนี้อย่างมาก


 


ขณะนี้เด็กสาวสี่คนจากเมืองครึ่งได้เดินทางมาถึงระดับสิบหกและสิบเจ็ดพวกเธอสามคนเล่นเป็นนักเวทย์ส่วนซูเหยาเล่นเป็นลัทธิเต๋า


 


สำหรับฟางฉีและเจียงเสี่ยวหยูพวกเขาอยู่ในระดับยี่สิบสี่และยี่สิบเอ็ดตามลำดับ พวกเขาใช้เวลาหมดไปกับการช่วยเหลือเพื่อนร่วมทีมของพวกเขาเพื่อให้มีระดับสูงขึ้นไล่ตามกัน ถ้าเล่นกันสองคนป่านนี้ระดับของพวกเขาคงจะแซงหน้าไปไกล


 


ตอนนี้สมาชิกทั้งหกของทีมอยู่ในระดับประมาณยี่สิบฟางฉีเองคิดว่าพวกเขาสามารถต่อสู้กับบอสตัวเล็กๆ ในช่วงแรกได้แล้ว


 


อย่างไรก็ตามการฆ่าบอสบางครั้งไม่ใช่เพื่อสิ่งของอย่างเดียวแต่เพื่อหนังสือทักษะและเควส .. ใช่! หนังสือทักษะ!


 


แม้ว่าในโลกที่ฟางฉีจากมาจะมีเกมนี้อยู่ แต่การตามล่าหนังสือทักษะที่นั้นนั้นง่ายเหลือเกินช่างต่างกับโลกนี้ระบบปรับให้หนังสือทักษะที่นี่มีราคาแพงมาก! หนังสื่อทักษะใหม่ๆ จะช่วยให้พวกเขาเพิ่มพลังการต่อสู้ให้สูงขุ้นได้หลายระดับ


 


ที่สำคัญพวกเขาสามารถเรียนรู้ทักษะเหล่านี้ได้ในชีวิตจริง!


 


แน่นอนฟางฉีไม่ต้องการเรียนรู้ทักษะเหล่านี้ในชีวิตจริง แต่ในฐานะเจ้าของร้านเขาใช้เกมนี้เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งในการเพาะปลูก สำหรับเทคนิคและทักษะของเขาตอนนี้ได้เต็มเปี่ยมไปด้วยเทคนิคการควบคุมดาบนับไม่ถ้วน, การควบคุมสายฟ้าหรือจะเป็นการใช้ดาบเทียนแก๊ง ซึ่งตอนนี้เขาไม่จำเป็นต้องเรียนรู้เพิ่มเติม


 


ฟางฉีอาจจะไม่ต้องการทักษะเหล่านี้แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นๆ ไม่ได้ต้องการเช่นเขา


 


จากประสบการณ์ที่เขาได้รับก่อนเดินทางมาเมืองนี้และเขาเองก็เลือกที่จะมายังที่นี่


 


ฟางฉีและเจียงเสี่ยวหยูเคยมาที่นี่เมื่อวานและเริ่มคุ้นเคยกับที่นี่ค่อนข้างมาก ฟางฉีเดินไปที่มุมด้านนอกกำแพงเมืองแล้วดึงอิฐออกมา ทันใดนั้นพื้นดินที่อยู่ใต้กำแพงก็ทรุดตัวลงและเผยให้เห็นอุโมงค์กว้างพอที่คนคนหนึ่งจะเดินผ่านไปได้


 


ตามเนื้อเกมที่ฟางฉีได้ผ่านมา ที่นี่มีโอกาสสูงขึ้นที่จะได้รับไอเทมและหนังสือทักษะในสถานที่แห่งนี้เป็นที่ซ่อนอยู่จากสายตาของผู้เล่นเริ่มต้น ดังนั้นฟางฉีและจางเสี่ยวหยูเองใช้เวลาตลอดทั้งคืนในการฆ่าซอมบี้และเรียนรู้เทคนิคดาบสังหาร อักษรรูนไฟ ต่างๆ


 


เห็นได้ชักว่าฟางฉีเองต้องการค้นหาต่อไป “ไปกันเถอะ ข้าจะพาพวกเจ้าไปหาหนังสือทักษะหมา!”


 


“หนังสืออะไร? ทักษะหมา?” เด็กสาวทั้งสี่ทำหน้างง


(ผู้แปล : ผู้แปลอิ้งกล่าวว่า Dog Book เป็นชื่อเล่นที่ชาวจีนมอบให้ชื่อหนังสือทักษะ Summom Godly Beasts สำหรับลัทธิเต๋า)


 


“หัวหน้าหมายถึงชื่อหนังสือที่แปลว่า ‘หนังสืออัญเชิญเทพแห่งสัตว์ร้าย’” เจียงเสี่ยวหยูตอบแก้ข้อสงสัย “หัวหน้าบอกข้าเมื่อคืนหลังจากต่อสู้กับสัตว์ประหลาด แต่หลังจากต่อสู้ก็ยังไม่เจอสักที”


 


เจียงเสี่ยวหยูในระดับยี่สิบเอ็ดใช้อักษรรูนไฟได้นำหน้าฟางฉี ซึ่งเขาเองรู้สึกเขินอายแม้ว่าจะอยู่ในระดับยี่สิบสี่ที่มากกว่าเธอ แต่เทคนนิคการสังหารของเขานั้นยังอยู่ในระดับหนึ่ง ซึ่งเขาเองเพิ่มเรียนรู้มาไม่นาน


 


ฟางฉีเกาหัวเล็กน้อย “พวกเจ้าต้องเชื่อใจข้า ข้ามีวิธีกำราบพวกสัตว์ประหลาด!”


 


“เชื่อข้า! ไปกันเถอะ!” จากนั้นเขาเดินนำเขาไปในอุโมงค์ลับ

 

 

 


ตอนที่ 257

 

ความจริงในขณะนี้คือเจียงเสี่ยวหยูรู้สึกไม่อยากเข้าไปในอุโมงค์ใต้ดินที่ทั้งชื้นทั้งอับและเต็มไปด้วยซอมบี้ แต่เมื่อเห็นฟางฉีวิ่งเข้าไปเธอจึงได้แต่ข่มใจกระทืบเท้าปึงปังเล็กน้อยและเดินตามไปอย่างไม่เต็มใจนัก


 


รวนหนิง, ซียื่อและฝาแฝดมองหน้ากันด้วยความเชื่อมั่นในตัวฟางฉี แต่หลังจากเดินเข้ามาและมองไปรอบๆ พวกเขาก็อดสงสัยไม่ได้ว่านี่พวกเขาคิดถูกหรือผิดกันแน่ที่เชื่อใจเขา …


 


อย่างไรก็ตามพวกเขาหมดเงินไปกับใบเทเลพอร์ตจำนวนไม่น้อยเพื่อมาที่นี่ดังนั้นพวกเขาไม่สามารถยอมแพ้ได้ในตอนนี้!


 


มันเป็นอุโมงค์ใต้ดินที่สร้างด้วยอิฐและเต็มไปด้วยซอมบี้ ฟางฉีเดินเหวี่ยงดาบของเขาและเดินนำทางต่อไป ขณะเดียวกันนักเวทย์หญิงอย่างพวกเธอเรียนรู้เพียงแค่คาถาเสกลูกไฟเท่านั้นในตอนนี้ ซูเหยาเองที่เลือกอาชีพลัทธิเต๋า เธอเองยังไม่ได้เรียนรู้สกิลอื่นเท่าไรนักไม่สามารถทำอะไรได้มากนอกซะจากรักษาเพื่อนในทีมเพียงเล็กน้อย


 


เวลาใกล้กัน จีวูและผู้เล่นคนอื่นๆ ที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับสงครามตอนนี้พวกเขาเข้าใกล้ระดับยี่สิบเข้าไปทุกที พวกเขาเริ่มสำรวจหลุมต่างๆ ในเมืองเบจีพร้อมกับทหารองครักษ์กลุ่มใหญ่ ขณธเดียวกันผู้เล่นจากตาจินเองก็กำลังฆ่าสัตว์ประหลาดในถ้ำที่มีซอมบี้เช่นกัน ผู้คนจากอาณาจักรทะเลดวงดาวเองก็กำลังล่าโครงกระดูก


 


“ท่านพ่อ!” องค์หญิงจียูโบกอาวุธของเธอและฆ่าซอมบี้ที่วิ่งเข้าหาเธอก่อนจะเอ่ยว่า “ในเกมนี้ไม่ได้มีอะไรมากเลยแต่มันพิเศษกว่าเกมอื่นเนื่องจากการเจริญเติบโตในการเพาะปลูกของเราเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว”


 


“ประโยชน์อื่นๆ ก็มีเทคนิคการใช้ดาบพื้นฐานที่ทำให้เทคนิคดาบที่ได้เรียนรู้แน่นขึ้น” องค์ชายสองกล่าว “นี่ก็หลายวันแล้ว”


 


อันหูเว้ยและคนอื่นๆ ก็เล่นเกมเช่นกัน ซงฉิงเฟิงเองก็อยู่ในระดับสิบเจ็ดแล้ว อย่างไรก็ตามหากไม่ได้รับการสนับสนุนจากทีมล่าทองของราชวงศ์ละก็ ป่านนี้นั่งเล่นคนเดียวคงจะไม่ระดับเพิ่มอย่างรวดเร็วเช่นนี้


 


สงครามครั้งใหญ่ทำให้ผู้เล่นหลายคนลองเล่นเกม แต่บางคนก็พบว่าผลตอบรับในเกมไม่ได้ตรงกับสิ่งที่เขาคาดหวังไว้ แม้ว่าจะมีข้อสงสัยเล็กๆ น้อยๆ แต่นั่นก็ถือเป็นเรื่องธรรมดา


 


สำหรับผู้เล่นที่ไม่ได้เล่นเกมอย่างนาหลันฮงวูและหลันโมพวกเขายังคงเล่นเกมเซียนกระบี่พิชิตรมาร, Diablo และดูละครวนไป


 



 


ใน .. อุโมงค์ลับใต้ดิน


 


ปัญหาในการอยู่ใต้ดินก็คือไม่มีแสง! โชคดีที่พวกเขาสามารถใช้คบเพลิงได้แม้ว่าระยะความสว่างนั้นจะจำกัดก็ตาม


 


สถานที่ที่สะดวกสำหรับพวกเขาในการเก็บค่าประสบการณ์ในตอนนี้คือเมืองซาร์บาร์ก ที่นี่มีร้านขายยาเพื่อเติมสต็อก หลังจากเดินทางหลายครั้งพวกเขาก็พบว่าที่นี่มีสัตว์ประหลาดเพียงพอในการล่า


 


หลายชั่วโมงผ่านไปพวกเขาได้รับหนังสือทักษะการใช้สกิลสายฟ้า, คาถาเรียกโครงกระดูและหนังสือเรียกวิญญาณ ฟางฉียังคงเดินทางต่อไป


 


หลังจากเดินลงบันไดที่มีรูปคล้ายสี่เหลี่ยมคางหมูพวกเขาเริ่มเข้าสู่สุสานหิน เนื่องจากไม่เคยมีใครมาที่นี่มาก่อนสถานที่นี่จึงเต็มไปด้วยสัตว์ประหลาดนี่จึงเป็นสาเหตุส่วนหนึ่งที่ฟางฉีไม่กล้าพาเจียงเสี่ยวหยูลงมาที่นี่เมื่อวาน


 


ฟางฉีจำได้ว่ามีตัวช่วยในการกำจัดซอมบี้โดยใช้พลังสายฟ้าซึ่งเป็นเทคนิคการโจมตีที่ทรงพลังของนักเวทย์ซึ่งสามารถเรียนรู้เองได้เมื่ออยู่ในระดับยี่สิบหก หากพวกมันโจมตีเราก่อนแถมถูกล้อมด้วยสัตว์ประหลาด ถูกทิ้งให้ตายอยู่ที่นี่ก็เลิกคิดถึงการกลับมาได้เลย


 


อย่างไรก็ตามนักเวทย์สามคน ลัทธิเต๋าสองคน ฟางฉีตัดสินใจว่าเขาจะลองสามวันที่ผ่านมาสมาชิกทุกคนในทีมได้รับเทคนิคพื้นฐานอย่างรูนอักษรไฟ, คาถาเรียกโครงกระดูกและสกิลสายฟ้า แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังหาหนังสืออันเชิญปีศาจไม่เจอ


 


ตอนนี้ความเร็วให้การเพิ่มค่าประสบการณ์นั้นช้าลงเนื่องด้วยระดับที่เริ่มสูงขึ้น แต่โชคดีที่การเติบโตของการเพาะปลูกยังคงเพิ่มขึ้นโดยปกติ ไม่งั้นหากอาศัยการฆ่ามอนเตอร์อย่างเดียวพวกเขาคงยอมแพ้เป็นแน่


 


สามวันที่ผ่านมาระดับที่ต่ำที่สุดของสมาชิกคือยี่สิบสามและฟางฉีสูงสุดคือยี่สิบเจ็ด มันไม่ได้กระเตื้องไปไหนเท่าไรนัก แต่ดูผลโดยรวมแล้วก็ไม่ได้แย่


 


ดูเหมือนตอนนี้พวกเขาจะได้ยินเสียงโซ่เหล็กที่ลากขูดกับพื้นดินไปมาในความมืด เสียงนั้นคมชัดจนสามารถได้ยินว่ามันมาจากทิศไหน นอกจากนั้นเสียงคำรามจากปีศาจใต้ดินยังดังปนอีกด้วย!


 


เมื่อได้ยินเสียงเหล่านี้ลึกเข้าไปในห้องใต้ดิน มันชวนให้สาวๆ ทั้งสีขนหัวลุกอย่างบอกไม่ถูก “นั้นเสียงอะไร?”


 


แม้แสงไฟจะไม่ได้มีระยะใกล้และสว่างมากนัก แต่มันก็เผยให้เห็นถึงสัตว์ประหลาดตัวยักษ์ที่มีผิวหนังเปรอะเปื้อนและโซ่ล่ามตวนอยู่ตรงข้อเท้า!


 


ดูเหมือนว่าคบเพลิงนั้นจะเป็นที่ดึงดูดความสนใจของเจ้าสัตว์ยักษ์ มันเคลื่อนตัวไปมา แขนใหญ่ๆ ของมันฟาดมาทางข้างหน้า ใบหน้าของมันบิดเบี้ยวส่งผลให้ผู้เห็นสั่นสะท้ายด้วยความกลัว


 


“เสี่ยวหยู! ใช้พิษ! ใช้โครงกระดูกเพื่อเข้าไปรับหน้าก่อน!”


 


“สกิลสายฟ้า! รูนอักษรไฟ!”


 


เห็นได้ชัดว่าการเคลื่อนไหวของมันคล่องตัวกว่าสัตว์ประหลาดตัวอื่นๆ มันเหวี่ยงโซ่เหล็กออกมาเพื่อบล็อกเหล่าโครงกระดูก!


 


“อ่า! มันกำลังมุ่งหน้ามาทางเรา” นักเวทย์ทั้งสามตื่นตระหนก โดยปกติแล้วสกิลสายฟ้าและรูนำฟจะทำให้สัตว์ประหลาดตกใจหรือล้มลง ส่งผลให้เป็นการถ่วงเวลาให้ยืดออกไป อย่างไรก็ตามสำหรับเจ้ายักษ์ตัวนี้มันไม่ส่งผลกระทบใดเลยเมื่อมันถูกโจมตี!


 


ฟางฉีเองเรียกพลังของเขา


 


“อ่า!” เสียงตะโกนดังสนั่นของเขาทำให้ดาบไฟสว่างขึ้นในความมือ ฟางฉีโจมตีมันด้วยเทคนิคดาบแล้วพุ่งออกไปตรงคอของเจ้ายักษ์!


 


อย่างไรก็ตามดาบที่หนักหน่วงของฟางฉีตอนนี้ดูเหมือนจะสร้างบาดแผลบนผิวหนังของมันเพียงเล็กน้อย .. ในททางกลับกันยิ่งออกแรงเสียบดาบลึกลงไปเท่าไร ฟางฉียิ่งถูกดันออกมามากเท่านั้น


 


เจ้าราชายักษ์หมุนโซ๋ของมัน ฟางฉียังคงตะเกียกตะกายเพื่อที่จะดันดาบของเขา .. แต่ไม่ เขาถูกส่งตัวโดยการบิน


 


“บ้าเอ้ย!” หลังจากล้มลงกับพื้นฟางฉีสบถ เขารู้สึกผิดหวังเมื่อแทบเลือดของเขาลดลง “มันแข็งแกร่งมากถ้าสู้ไม่ได้เช่นนี้จะทำยังไง” เขาพึมพำ


 


แต่ถึงอย่างนั้นฟางฉีได้ดึงดูดความสนใจจากมันสำเร็จ เขาจึงรีบตะโกนบอกสมาชิก “โจมตี!” สกิลสายฟ้าและรูนอักษรไฟพุ่งเข้าหามันอย่างดุเดือด!


 


ราชายักษ์หยุดชั่วคราวและกำลังจะเปลี่ยนความสนใจจากฟางฉี ฟางฉีจึงยืนขึ้นและพุ่งเข้าหามันทันที ก่อนที่มันจะวิ่งไปหาเจียงเสี่ยวหยูพร้อมคำรามด้วยความโมโห แต่ในไม่ช้าเสี่ยวหยูก็ถูกห่วงโซ่ของมันกระแทกจนเสียง HP ไปครึ่งหลอด แม้ว่าเธอจะหลบมันได้ก็ตาม


 


“เสี่ยวหยูหยุดฌจมตีก่อน!” ฟางฉีตะโกน เขาเริ่มรู้ว่าเจ้าราชายักษ์มันไม่ได้ฉลาดนักหลังจากที่เขาเรียกความสนใจของมันกลับมาอีกครั้ง


 


โชคดีที่พวกเขาได้จัดการพื้นที่ไว้พอสำหรับให้มันวิ่งไล่ตามเขา “แยกกัน กระจายกัน! หากมันหันไปหาเจ้าจงหยุดการโจมตี!” ฟางฉีตะโกน เห็นได้ชัดว่าเขามีประสบการณ์ในการเผชิญหน้ากับเหล่าสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำ หลังจากไล่ล่าหลายรอบและรอบทิศในที่สุดราชายักษ์ก็ล้มลงกับพื้น


 


ขณะนี้พวกเขาทั้งหมดได้รับบาดเจ็บ แต่หากว่าพวกเขาไม่ใช่ผู้ปลูกฝังที่มีการตอบสนองอันรวดเร็วและสายตาอันแหลมคมปานนี้คงตายไปแล้ว .. ตอนนี้พวกเขาเห็นว่าราชายักษ์ได้ทิ้งของหลายอย่างเช่นน้ำยาและเหรียญทองไว้มากมาย


 


หลังจากฆ่ากำจัดราชายักษ์โดยไม่ได้ตั้งใจแล้วมีไอเทมมากมาย ฟางฉีหยิบหนังสือทักษะจากพื้นออกมาทั้ง คาถาเกาะศักดิ์สิทธิ์, การฮีลแบบกลุ่มและแสงมนตร์เสน่ห์


 


ฟางฉีสูญเสียคำพูด ..

 

 

 


ตอนที่ 258

 

ฟางฉีก้มลงหยิบไอเทมต่างๆ ที่กระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น เขาส่งหนังสือทักษะให้เสี่ยวหยูและซูเหยา “ของพวกเจ้า!”


 


“ข้าต้องการหนังสื่อคาถาสะกดเกราะศักดิ์สิทธิ์!” เจียงเสี่ยวหยูรับหนังสือจากมือเขา แค่ฟังชื่อก็ดูยิ่งใหญ่แล้ว!


 


ซูเหยาเป็นคนขี้อาย เธอรับหนังสือทักษะการรักษาแบบกลุ่มด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณ” เธอตอบเหนียมอาย


 


“ใครต้องการแสงมนตร์เสน่ห์?”


 


“มอบให้ซียื่อสิ” รวนหนิงกล่าว ตั้งแต่เธอกับซูจิมีกำแพงไฟและเปลวไฟระเบิดตามเลเวล มีแต่ซียื่อในตอนนี้ที่ใช้สองสกิลนั้นไม่ถนัดเท่าพวกเธอ


 


หลังจากเจียงเสี่ยวหยูได้เรียนรู้คาถาสะกดเกราะศักดิ์สิทธิ์แล้ว เธอลองยิงอักษรรูนออกมาพร้อมเปลวไฟ เธอดึงตัวอักษรในบันทึกรูนโบราณขึ้นมาแสงไฟปรากฏขึ้นบนอากาศราวกับงูเต้นระบำ


 


ทุกคนรู้ว่าบันทึกรูนโบราณนั้นมีพลังลึกลับ เมื่อตัวอักษรโบราณปรากฏขึ้นในอากาศ ดูเหมือนพวกเขาในเวลานี้ถูกปกคลุมไปด้วยชั้นของเปลวไฟสีส้มจางๆ แถมพวกเขายังสัมผัสได้ถึงพลังพิเศษที่แนบชิดมากับร่างกายของพวกเขา!


 


ด้วยพลังนี้พวกเขารู้สึกเหมือนว่าร่างกายอยู่ยังคงกระพันไม่ว่าสัตว์ร้ายจะโจมตีเข้าใส่ก็ไม่เกิดผล!


 


“ทรงพลังมาก!” พวกเขาอุทานเมื่อรู้สึกถึงพลังพิเศษ


 


“เอ่อ ..” ฟางฉีมองดูตัวอักษรที่สง่างาม “นั่นคืออักษรจีนที่เขียนว่าคุ้มกันใช่มั้ย?”


 


เห็นได้ชัดว่ามันเป็นตัวอักษรคาถาที่แสดงถึงจิตวิญญาณ ไม่นานนักซูเหยาลองใช้คาถารักษาแบบกลุ่มโดยสาระสำคัญทางจิตวิญญาณของเธอเริ่มเปลี่ยนเป็นคลื่นแสงกระจัดกระจาย มันค่อยๆ รักษาบาดแผลของทุกคนที่พวกเขาได้รับจากการฆ่าเจ้าราชายักษ์


 


“นี่มันยอดมาก!” สาวๆ ร้องอุทานอีกครั้ง ท้ายที่สุดพวกเขาไม่เคยเห็นคาถาจิตวิญญาณที่สามารถรักษาคนกลุ่มใหญ่มาก่อน!


 


“ว่าแต่ .. แสงมนตร์เสน่ห์คืออะไร?” หนังจากอ่านหนังสือทักษะจบ ซียื่อก็ยิงแสงมนตร์เสน่ห์เข้าหาสัตว์ประหลาดที่อยู่ห่างออกไป คลื่นของพลังงานแตกออกกลายเป็นสายฟ้ารูปร่างประหลาดร่อยลงกลางหัวสัตว์ประหลาด แต่ .. มันไม่มีผลกระทบใดๆ แถมพวกสัตว์ประหลาดนั้นยังเพิกเฉย


 


ซียื่อรู้สึกท้อแท้และสงสัยว่าคาถาของเธอคงไร้ประโยชน์ ขณะที่คาถาของคนอื่นๆ นั้นทรงพลัง


 


เธอยิงแสงทนตร์เสน่ห์อีกครั้ง .. สัตว์ประหลาดก็ยังคงนิ่งไม่ตอบสนองด้วยความโมโห เธอกระทืบเท้าปึงปังไปพร้อมยิงแสงไปเกือบสิบครั้งแต่ผลลัพท์ก็ออกมาเช่นเดิม


 


จนในที่สุดเธอรู้สึกยอมแพ้ เธอกัดฟันและโยนอาวุธลงพื้นด้วยความโกรธ “ทักษะขยะ!”


 


“คาถานี้มีคำอธิบายหรือไม่?” เจียงเสี่ยวหยูถามด้วยความสงสัย “มันต้องใช้ได้สิถึงพลังจะยังอ่อน!”


 


“มันบอกว่าสามารถใช้เรียกสัตว์ประหลาดที่ทรงพลังราวกับเรียกคนรับใช้!” ซียื่อบ่น “มันฟังดูมีพลัง แต่ไม่เห็นว่าข้าจะใช้เรียกสัตว์ประหลาดที่อ่อนแอได้สักนิด!”


 



 


ขณะที่ทีมของฟางฉีได้กำจัดราชายักษ์เสร็จสิ้น ฝั่งทหารสำรวจของทีมราชวงศ์ก็ทำงานอย่างหนักเพื่อนตรวจสอบหลุมร้างในเมืองบีจี้


 


หลังจากฆ่าสัตว์ประหลาดไปสามวันพวกเชาทั้งหมดอยู่ในระดับยี่สิบโดยคนที่สูงสุดอยู่ในระดับยี่สิบห้า แม้แต่สมาชิกทีมล่าทองเองก็ใกล้ระดับยี่สิบเข้าไปทุกที


 


“กัปตันยู เจ้ามีข่าวจากผู้คนในอาณาจักรทะเลดวงดาวบ้างมั้ย?” จีวูถามนักรบผู้รับใช้ของเขา


 


“ท่านจักรพรรดิ” ยูกล่าวเสียงเรียบ “คนเหล่านั้นกำลังยุ่งอยู่กับการฆ่าสัตว์ประหลาดในถ้ำโครงกระดูกและป่าวิลมะ ข้าได้ยินมาว่าเกมนี้เป็นเกมเดียวที่มีที่นั้น!”


 


“บ้านนอกจริง” จีวูตะโกน “แล้วพวกเขาเจออะไรบ้างหรือยังไ?”


 


“ยังขอรับ”


 


จีวูขมวดคิ้วครุ่นคิด


 


ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาพวกเขาฆ่าซอมบี้จำนวนมากและได้รับหนังสือทักษะจำนวนมาก ทั้งหนังสือสายฟ้า, ตัวอักษรรูนไฟและเทคนิคดาบสังหาร อย่างไรก็ตามทักษะอย่างกำแพงไฟและเปลวไฟระเบิดที่สูงกว่าระดับยี่สิบนั้นหายากยิ่งนัก!


 


สำหรับตอนนี้พวกเขายังไม่เห็นอะไรเลยที่ทำรู้สึกว่าการเล่นเกมนี้มันคุ้มค่า!


 


แน่นอนในตอนนี้สำหรับองค์หญิงจียูและคนอื่นๆ มันถือเป็นประสบการณ์ที่ดีเนื่องจากความแข็งแกร่งในการเพาะปลูกของพวกเขาที่ไม่สูงในตอนนี้พวกเขาได้รับการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและรวดเร็วกว่าการฝึกฝนในหอศิลป์


 


แต่สำหรับจีวูแล้วไม่ว่าเขาจะเพิ่มความแข็งแกร่งด้านการเพาะปลูกได้เร็วแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถพัฒนาโดยใช้เวลาอันรวดเร็วได้แบบวัยรุ่น นอกจากนี้แม้ว่าความแข็งแกร่งด้านการเพาะปลูกของเขาจะเพิ่มขึ้นแต่โดยใจหลักตัวเขาแล้วเขาต้องการความก้าวหน้าในการเข้าถึงอาณาจักรที่สูงขึ้นมากกว่า


 


ตัวอย่างเช่ความแข็งแกร่งในการฝึกฝนของผู้เฒ่าฟูนั้นสูงพอแต่เนื่องจากความเป็นธรรมชาติของร่างกายในตอนนี้เขาจึงไปถึงแค่อาณาจักรนักรบเท่านั้น


 


“ไม่!” จีวูส่ายหัว “เกมนี้ไม่ดีเท่าที่ควร”


 


ขณะที่อันหูเว้ยเองได้แตะถึงระดับยี่สิบ ในสุสานออคทอมพร้อมกลุ่มผู้พิทักษ์ของจิวหัว ตอนนี้พวกเขากำลังเดินทางไปยังถ้ำตะขาบในหุบเขามรณะเม้งชง


 


หุบเขามรณะเม้งชงมีขนาดใหญ่มาก สาวกระดับสูงของกองกำลังขนาดใหญ่อย่างหลิวหยุนและกลุ่มโอเชียนรวมตัวกันอยู่ที่นี่ในตอนนี้


 


ขณะที่อันหูเว้ยสั่งให้กองกำลังของจิวหัวนั้นกำจัดอสูรอยู่ เขาก็ซื้อกล่องขนมแท่งรสเผ็ดกินฆ่าเวลาไปพลางๆ อันหูเว้ยที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตะโกนขึ้น “มากินกันก่อน เล่นมากก็เริ่มเบื่อ!” เขากล่าวขณะหยิบเข้าปาก


 


“ขนมรสเผ็ด!” ผู้นำจากกลุ่มอื่นๆ โน้มตัวลงมาหยิบ “นี่อันหูเว้ยเจ้าได้ไอเทมเด็ดๆ บ้างหรือยัง?” เย้ซงเต๋าหัวหน้ากลุ่มโอเชียนถาม


 


“ลืมมันไปก่อน” เขาตอบขณะหยิบขนม อันหูเว้ยเฝ้าดูเหล่ากองทัพของเขาที่กำลังกำจัดอสูรบนหน้าจอ “เกมนี้เป็นเกมที่ดีสำหรับการฝึกฝนทหาร แต่ข้าว่ามันค่อนข้างน่าเบื่อ!”


 


“ข้าก็รู้สึกเหมือนกัน!” ผู้อาวุโสจากวังหลิวหยุนตอบพลางเอื้อมมือมาหยิบขนม เขาเองหยุดพักจากการต่อสู้ แม้ว่าพวกเขาจะได้รับความแข็งแกร่งแต่เมื่อเข้าสู่โหมดความเป้นจริงแล้วความแข็งแกร่งที่สะสมเข้าสู่ร่างกายพวกเขามันก็ไม่ได้มากเท่ากับคนอื่นๆ ในตอนนี้


 


อันหูเว้ยยังคงนั่งบนเก้าอี้และจับจ้องไปทางคนของเขาที่กำลังฆ่าอสูรอย่างเมามัน เขาแสดงความเห็นต่อ “เกมนี้ไม่ค่อยเป็นที่นิยมเท่าเซียนกระบี่พิชิตมารเท่าไร แถมการใช้ลูกไฟนั้นคืออะไร? แหวนต้านไฟ?”


 


“ใช่ ข้ามีสมบัติทางจิตวิญญาณที่ป้องกันอยู่เช่นกัน แต่ข้าไม่ได้สนใจมันเท่าไรนัก” ผู้อาวุโสพูดต่อ “ข้าไม่ได้เรียนรู้คาถาเวทย์มนตร์จากเกมนี้เท่าไร แต่เกมให้ข้าใช้คาถาลูกไฟ ข้าต้องเรียนรู้มั้ย?”


 


“ข้าว่าคาถาอะไรก็ดูไร้ประโยชน์สำหัรบเรา” อันหูเว้ยส่ายหัว


 


พวกเขานั่งเล่นบนเก้าอี้และพูดคุยพลางเคี้ยวตุ้ยวนไป

 

 

 


ตอนที่ 259

 

.. ตำนานของทวีปวิลมะ


 


“ในตำนานกล่าวว่าแสงมนตร์เสน่ห์ไม่ใช่ทักษะของสามอาชีพที่ยิ่งใหญ่ นักเวทย์คนหนึ่งเคยถูกมนตร์สะอดโดยหัวหน้าปีศาจของวิลมะ ขณะที่เขาได้รับมนตร์สะกดในเวลานั้นเขาก็ได้เรียนรู้มนตร์สะกดนี้ไปในตัว ในเวลาเดียวกันหัวหน้าปีศาจของวิลมะในตอนนั้นได้สร้างสาวกผู้ภักดีนับหมื่นคนเพื่อใช้ในการต่อสู้ เขาใช้เพียงเวลาไม่นานในการรวบรวมทั้งครึ่งคนครึ่งสัตว์โดยแสงแห่งมนตร์เสน่ห์ ..”  ฟางฉีเล่าประวัติความเป็นมาของแสงมนตร์เสน่ห์


 


“มันทรงพลังหรือ?”


 


“ดูมันไม่จริงเลย!”


 


“ถ้าเป็นความจริงไหงแสงมนตร์เสน่ห์ของข้าไม่มีผลบกับสัตว์!?” ซียื่อเถียงข้อสงสัยในใจ “นี่มันทักษะขยะ!”


 


ใบหน้าของฟางฉีดูจริงจัง “ในฐานะผู้เริ่มต้นเจ้าสามารถสร้างกองทัพได้แต่ต้องเริ่มจากสัตว์เล็กๆ ก่อนเป็นไปไม่ได้ที่จะให้สัตว์ประหลาดตัวใหญ่ๆ หลงไหลในแสงนี้ง่ายดาย เจ้ายังพลังอ่อน” เขาไล่เธอให้ไปลองสะกดไก่หรือแมวที่มีพลังและระดับที่น้อย


 


ขณะเดียวกันเขาเองก็บอกเจียงเสี่ยวหยูและซูเหยาให้ฝึกใช้คาถารวบรวมโครงกระดูกมันมีคุณสมบัติพิเศษอย่างมาก สามารถเรียกมารวมตัวและเป็นแท้งค์หรือตัวถ่วงเวลาได้ชั่วขณะ


 


เนื่องจากไม่มีสัตว์ประหลาดที่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในเมืองหากมันโผล่เข้าไปจะถูกยามรักษาการณ์เด็ดหัวโดยทันทีที่เห็น คาถารวมรวบโครงกระดูกก็เช่นกันหากยามรักษาการณ์เห็นเขาจะถือว่าเป็นการดูถูกและรวบรวมพลเพื่อเข้ามาฆ่าผู้เล่นเช่นกัน!


 


ดังนั้นฟางฉีจึงพาพวกเขาไปที่ลานประลองเขี้ยวเสือ เพื่อฝึกฝนฝนทักษะในการเรียก ขณะเดียวกันผู้เล่นคนอื่นเองยังคงสำรวจป่าวิลมะไม่เสร็จสิ้น เนื่องจากมีสัตว์ประหลาดจำนวนมากในป่านั้นจึงทำให้พวกเขายังขยายพื้นที่ในแผนที่กันไปไม่ถึงไหนเสียที


 


เมื่อฟางฉีพบที่นี่เขาเลือกที่จะฆ่าสัตว์ประหลาดอย่างต่อเนื่องจนได้พบเข้ากับอุโมงค์ลับ เขาตัดสินใจเดินทางต่อไปโดยไม่ลังเล


 


บรรพบุรุษของเขี้ยวเสือเคยช่วยฮีโร่สามคนในการต่อสู้กับปีศาจดวงจันทร์สีแดงและเขาถูกสาปโดยปีศาจให้กลายเป็นผู้พิทักษ์ เขาจึงมีหน้าที่ปกปักรักษาที่นี่ตลอดมา และเมื่อเห็นใครนำสัตว์ร้ายหรือโครงกระดูกออกมาจากลานประลองพวกมันจะถูกเขาจัดการในทันที


 



 


ขณะเดียวกันกลุ่มพัทธมิตรเต๋าของวู่เว่ยได้พบวัตถุโบราณที่ถูกฝังด้วยเวทย์มนตร์มันมีขนาดใหญ่ กองกำลังคิดว่าพวกเขาจะขายให้กับกองกำลังภายในลับๆ ซึ่งมันแน่นอนว่าถึงยังไงพวกเขาก็จะขายต่อไปยังกองกำลังใหญ่ในตาจิน


 


ในทางกลับกันกองกำลังขนาดใหญ่มักจะขายสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณต่างๆ ให้กับคนนอกประเทศ ในตอนนี้ของที่ถูกปลูกฝังโดยเวทย์มนตร์ถือเป็นสิ่งใหม่ที่ดึงดูดความสนใจจากกองกำลังขนาดใหญ่จำนวนมากทั้งในตาจินเองและประเทศเล็กๆ โดยรอบ


 


วันนี้มีผู้ปลูกฝังจำนวนมากเดินทางเข้ามาในเมืองจิวหัว พวกเขาสวมชุดเสือคลุมสีเขียวพร้อมรูปภูเขาหยกปักอยู่บนทรวงอกหน้าเสื่อของพวกเขา พวกเขาเป็นศิษย์จากภูเขาหยกซึ่งอยู่เหนือมหาสมุทรตะวันออก


 


นอกจากนี้ยังมีชาวลัทธิเต๋าบางคนสวมเสื้อคลุมสีขาวดำ เข้ามาปะปนเช่นกัน พวกเขาเป็นผู้ปลูกฝังจากวังมังกรเต๋า สำหรับผู้ฝึกฝนนั้นจะใส่เสื้อผ้าแฟนซีพร้อมเข็มขัดดูแปลกตาคนพวกนั้นมาจากครอบครัวใหญ่บนภูเขาลิงลัง


 


ย้อนไปในอดีตผู้ปลูกฝังอิสระและผู้ฝึกฝนรายย่อยส่วนใหญ่มักจะอาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ๆ อย่างตาจิน แต่ปัจจุบันชนชั้นสูงต่างๆ หรือกองกำลังต่างเข้ามาอยู่อาศัยแทน


 


การปลูกฝังเวทย์มนตร์พื้นฐานนั้นไม่ได้มีประโยชน์แค่สำหรับผู้ฝึกฝนเท่านั้น แต่มันยังเป็นประโยชน์ต่อกองกำลังหลักที่มีสาวกนับหมื่น ในแง่ของทรัพยากรและประสบการณ์ทางโลกของกองกำลังเหล่านี้ไม่ไม่ได้มีความขัดแย้ง แต่หากพวกเขาแพ้คู่แข่งโดยมากเกิดจากความผิดพลาดและความด้อยค่าของสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณแทนที่จะเป็นจุดแข็งในการฝึกฝนต่ำ ..


 


แค่จินตนาการถึงสถานการณ์ที่มีผู้ฝึกฝนพร้อมสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณที่คล้ายกันแล้วก็คงใช้งานได้ไม่แพ้กัน แต่บางคนมีสิ่งประดิษฐ์ที่บวกคุณสมบัติเช่นพลังงานบวกสิบ ความชำนาญบวกสิ่ง ซึ่งรูปร่างที่คล้ายกันของสิ่งประดิษฐ์ไม่ได้บ่งบอกคุณสมบัติภายใน


 


เหตุการณ์หนึ่งศิษย์ของวังหลิวหยุนที่มีความสามารถในการฝึกฝนต่ำและมีผู้สามารถใช้คาถาทางจิตวิญญาณได้ไม่กี่คน แต่พวกเขามีสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณที่อยู่ในระดับกลางและยังสามารถใช้งานได้อย่างมีประสทิธิภาพ


 


อีกเหตุการณ์หนึ่งผู้ฝึกฝนบางคนพบทีมสาวกจากวังหลิวหยุนซึ่งงเป็นเพียงแค่นักรบธรรมดาที่อยู่ต่ำกว่าอาณาจักรนักรบบรรพบุรุษ หากเทียบแล้วผู้ฝึกฝนเอาชนะนักรบได้อย่างง่ายดาย แต่ถึงอย่างไรในเวลานั้นผู้ฝึกฝนกลับถูกกระแทกด้วยบางสิ่งที่เรียกว่าปืน!


 


โชคดีที่นักรบไม่ต้องการฆ่าจึงปล่อยพวกเขาไป มิฉะนั้นคงไม่เหลือและคงไม่มีใครเชื่อว่าผู้ฝึกฝนเหล่านี้จะถูกฆ่าตายโดยนักรบธรรมดา!


 


เนื่องจากผู้มีอำนาจตัดสินใจในกลุ่มต่างๆ กลัวเกิดการรุกรานที่อาณาจักหยุนเตียน พวกเขาไม่กล้าที่จะเข้าไปซื้อสิ่งประดิษฐ์เองจึงส่งเหล่าสาวกไปแทน


 


ในโลกแห่งความจริงพวกเขามองว่าไม่สามารถอยู่ได้โดยปราศจากสิ่งของเหล่านี้ นี่จึงเป็นสาเหตุให้กองกำลังต่างๆ รวมไปถึงเมืองใหญ่อย่างจิวหัวและหยันไห่ถูกครอบ


 


เมื่อก่อนกลุ่มพันธมิตรเต๋าวู่เว่ยได้ส่งเสริมและค้าขายทรัพยากรและสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณให้กับกองกำลังโดยรอบโดยการนำเสนอ แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปมากสาวกกลุ่มใหญ่นอกประเทศต้องเดินทางเข้ามาในตาจินเพื่อซื้อสินค้าจากพันธมิตรงูเว่ยแทน


 


พวกเขาเป็นมาเป็นกลุ่มใหญ่และต้องการสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณในปริมาณมาก!


 


ชายหนุ่มผู้ฝึกฝนการแต่งตัวหนูหรากำลังมองหาสิ่งประดิษฐ์เขาดูท่าทางอยู่ในวัยยี่สิบต้นๆ เดินเข้าไปในศาลาบลูเฟรม เขามองไปรอบๆ พลางเห็นสัญญาลักษณ์ขนาดใหญ่ (เทศกาลซีซี่ลดแลกแจกแถม ส่วนลดสามสิบเปอร์เซ็นทุกรายการในร้าย)


(ผู้แปล : Qixi (七夕节 – Qīxì jié -ชีซี่เจี๋ย) หรือ ทานาบาตะของญี่ปุ่น ซึ่งตรงกับคืน7ค่ำเดือน7ตามปฎิทินของจีน ซึ่งถือเป็นวันวาเลนไทน์ของคนจีน)


 


ชายหนุ่มดูงุนงง


 


ฝั่งพนักงานมองหลี่เฮารันด้วยความสับสน “ท่านอาจารย์หลี่ มันจะดีหรอ?”


 


“ข้าก็ไม่รู้ ..” หลี่เฮารันทำหน้านิ่ง “เป็นคำแนะนำจากฟางฉี”


 


“เราไม่มีเทศการซีซี่ไม่ใช่หรอ?”


 


หลี่เฮารันตอบกลับขณะที่เขาเองก็สมองโล่ง “นี่ถือเป็นส่วนเสริมใหม่ในร้านของเราละกัน ข้าก็คิดว่าผู้คนจากประเทศเพื่อนบ้านคงไม่รู้เหมือนกัน”


 


ผู้ปลูกฝังถามพนักงานด้วยความตื่นเต้น “เทศการซีซี่คืออะไร?”


 


“สวัสดีกงซี นี่คือการขายรูปแบบใหม่ของร้านเรามีส่วนลดให้สำหรับของทุกชิ้นเป็นเวลาเจ็ดวัน” หญิงสาวอธิบายด้วยรอยยิ้ม


 


“แต่ในสามวันแรกนี้ของทุกชิ้นลดราคาถึงห้าสิบเปอร์เซ็น! สิ่งเหล่านี้ที่ท่านเห็นคือสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณที่ดีที่สุดในร้านของเราแถมยังมีการปลูกฝังด้านเวทย์มนตร์อย่างมีประสิทธิภาพชั้นสูง!”


 


“สินค้าทุกชิ้นลดห้าสิบเปอร์เซ็น!?”


 


เธอพนักหน้ารับ “ใช่ แต่แค่สามวันเท่านั้น”


 


“เยี่ยม” ชายหนุ่มวางแผนว่าจะซื้อวัตถุโบราณกว่าร้อยชิ้นตอบกลับทันที “ข้าสนใจของห้าร้อยชิ้นในการเพิ่มพลังงานและอีกสามร้อยชิ้นเพื่อเพื่อมความชำนาญ”


 



 


ในเมืองครึ่งซียื่อหาวและเอ่ยถามหัวหน้าสมาคมด้วยความง่วงนอน “หัวหน้าการปฏิบัตินี้มีประโยชน์หรือไม่?”


 


“แน่สิ เจ้าอยู่ในระดับไหน?”


 


“ข้าอยู่ในระดับสาม ..” ซียื่อตอบเชื่องช้า


 


“มาที่ทางเข้าพระอาทิตย์!”


 


เจียงเสี่ยวหยูและซูเหยาในตอนนี้ทั้งสองกำลังยุ่งอยู่กับการฝึกคาถาเรียกโครงกระดูก ซียื่อมองไปที่ฟางฉีพร้อมทำหน้าตาหน้าเบื่อ “หัวหน้าให้ข้ามาทำอะไรที่นี่? ข้าไม่ได้จะเรียกโครงกระดูก!”


 


ฟางฉีชี้ไปที่ผู้พิทักษ์เขี้ยวเสือที่เพิ่งฆ่าโครงกระดูกที่สองสาวปลุก เขาพูด “ใช้แสงมนตร์เสน่ห์!”


 


“หืม?” หญิงสาวทุกคนหันไปจับจ้องทีฟางฉีด้วยความประหลาดใจ


 


“หัวหน้าสมาคมให้ข้าใช้แสงมนตร์เสน่ห์?” พวกเขาเห็นพลังที่น่ากลัวของผู้พิทักษ์แล้วต่างวิ่งหนีไปหลบด้วยความรวดเร็ว สาเหตุที่พวกเขามาฝึกซ้อมเรียกโครงกระดูกที่นี่ก็เพื่อให้ผู้พิทักษ์กำจัดพวกมันจะได้ไม่เยอะเกินไปและเรียกใช้ใหม่ได้ทุกเมื่อ


 


ซียื่อทำตามคำบอกของหัวหน้า เธอเรียกแสงมนตร์เสน่ห์ออกมาอย่างไม่มั่นใจนัก .. ใช่ ผู้พิทักษ์หลงในแสงมนตร์เสน่ห์ ซียื่อยิ้มออกมาทันที “ข้าทำได้!”


 


“เอาล่ะ ข้าจะพาเจ้าไปเรียกผู้พิทักษ์นกเหยี่ยว” ฟางฉีเอ่ย “วันนี้ข้าเห็นผู้พิทักษ์นกเหยี่ยวขณะที่เดินทาง”


 


นกเหยี่ยวผู้พิทักษ์เป็นนักธนูผู้ภักดี แต่เขาพ่ายแพ้หลังจากหลงเสน่ห์ปีศาจตัวใหม่ เขามักจะเดินไปในป่าและเขาวงกตเขาใช้การโจมตีในระยะไกลได้ทรงพลังแถมสร้างความหวาดกลัวให้กับศัตรูผู้พบเห็นอย่างมาก!

 

 

 


ตอนที่ 260

 

ครึ่งชั่วโมงต่อมาซียื่อถูกขนาบข้างด้วยผู้พิทักษ์เขี้ยวเสือ, ผู้พิทักษ์นกเหยี่ยวและปีศาจนอนดำอีกห้าตัว หากศัตรูเห็นคงขนหัวลุกกับคู่ต่อสู้ทั้งทีมเป็นแน่!


 


“ทำไมข้าถึงเรียกได้เพียงโครงกระดูกไม่กี่โครงในขณะที่เธอเป็นนักเวทย์และสามารถเรียกสัตว์ประหลาดได้จำนวนมาก!” เจียงเสี่ยวหยูมองไปที่ทีมของซียื่อด้วยความอิจฉา


 


ฟางฉีพาพวกเขาไปที่สุสานหินอีกครั้งและฆ่าสัตว์ประหลาดเกือบทั้งบางยกเว้ยกลุ่มแมลงวัน ข้อดีของแสงมนตร์เสน่ห์คือสัตว์ประหลาดผู้ภักดีสามารถช่วยนักเวทย์ให้มีความแข็งแกร่งในการฆ่าสัตว์มากขึ้น


 


ซึ่งกลุ่มแมลงวันนี้เป็นผู้ช่วยที่ดีที่สุดรวดเร็วแถมยังความเสี่ยงน้อยที่สุด .. การลงมาสุสานรอบนี้พวกเขาทั้งกลุ่มตัดสินใจจะไปกำจัดราชายักษ์อีกครั้งแต่เปลี่ยนเทคนิคการต่อสู้เป็นการลอบสังหารและใช้คาถาป้องกันผี


 


แต่ละหว่างการเดินทางไปในเกือบสองชั่วโมงพวกเขาก็ฆ่าเหล่าสัตว์ประหลาดไปพลางๆ เพื่อเก็บค่าประสบการณ์ “หัวหน้าเราจะไปไหนต่อกันดี?” เด็กหญิงในกลุ่มเอ่ยถาม


 


“เราจะไปจัดการราชายักษ์!”


 


.. ขณะเดียวกันหลุมร้างในเมืองบีจี้


 


“ท่านจักรพรรดิ!” กัปตันหยูเอ่ย “พวกซอมบี้มีระดับต่ำเดินไปสำหรับเรา เราควรจะไปที่อื่นเพื่อเก็บค่าประสบการณ์ไม่ดีกว่าหรือ?”


 


“เก็บค่าประสบการ? เพื่อ?” องค์ชายสองพูดด้วยความไม่พอใจ “เกมนี้เห็นได้ชัดเลยว่ามันไม่เหมาะกับเราเท่าเซียนกระบี่พิชิตมาร ข้าว่าวันนี้เราเสียเวลากับเกมนี้มากไปแล้ว!”


 


“มันไม่ได้แย่ซะหน่อย” องค์หญิงจียูเอ่ยแทรก “อย่างน้อยความแข็งแกร่งในการฝึกฝนของเราก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว!”


 


“เราควร ..​ เปลี่ยนเกมหรือไม่?” องค์ชายห้าจี๋หยางเอ่ยถาม “เกมนี้ดีสำหรับการฝึกฝนเป็นครั้งคราว แต่มันคงไม่คุ้มค่ากับกำลังคนเพื่อตามหาทรัพยากรมากมาย”


 



 


“หัวหน้าเรามาทำอะไรกันที่นี่? ผู้พิทักษ์ของซียื่อฆ่าสัตว์ประหลาดระดับต่ำพวกนี้อย่างง่ายดายโดยที่เราไม่ต้องออกแรงเลย!”


 


“มีคนอยู่ที่นี่!” จี๋หยางและคนอื่นๆ ที่อยู่ลึกลงไปในเหมืองของบีจี้ได้ยินเสียงแว่วๆ ที่อยู่ห่างออกไป


 


จีวูโบกมือของเขา “ไปดูสิ!”


 


นักรบหลายคนยึดถือคำสั่งของจีวูและเดินไปข้างหน้าพร้อมกับคบเพลิงในมือ ก่อนที่เขาจะเดินไปใกล้มากกว่านี้เหล่าหนอนตัวใหญ่หลายตัวก็เคลื่อนหาพวกเขาด้วยความรวดเร็ว!


 


“สัตว์ประหลาด!” นับรบคนหนึ่งกรีดร้องและโจมตีพวกมันโดยไม่ได้ตั้งสติ ราวกับว่าการโจมตีของพวกเขารบกวนรังของพวกมัน หนอนตัวใหญ่สีดำห้าตัวกระโดดเข้าหาอย่างดุเดือด


 


ขณะเดียวกันลูกศรกระซิบพุ่งเข้าหาพวกเขาเบาราวกับเสียงกระซิบ!


 


“อ๊ะ!” เสียงร้องของนักรบดังขึ้นก่อนเขาจะล้มลงกับพื้นและขาดใจในทันที


 


“นั่นอะไร?” นักรบที่เหลือวิ่งเขามาและเห็นหนอนดำตัวใหญ่ ขากนั้นพวกเขาดึงดาบโค้งออกมาและทิ่มเข้าที่พวกมัน!


 


เพียงเสี้ยววิเสียงกรีดร้องดังขึ้นอีกครั้ง พวกเขาทั้งหมดผวา!


 


“เกิดอะไรขึ้นน่ะ!?” จีวูทำขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเสียงร้องโหยหวน “ผู้คนจากอาณาจักรดวงดาวเข้ามาที่นี่เพื่อโจมตีเราหรือเปล่า?”


 


“เข้าแถว!” กัปตันหยูตะโกน “นักรบยืนอยู่ข้างหน้านักเวทย์ ร่ายคาถาโครงกระดูกให้นำหน้าและสร้างกำแพงไฟ!” กำแพงไฟลุกโชนขึ้นแสงของมันทำให้พื้นที่โดยรอบสว่างขึ้น


 


ทันใดนั้นหนอนห้าตัวก็พุ่งมาข้างหน้าพร้อมเสียงฟู่!


 


“รวดเร็วมาก! ”


 


“สกิลสายฟ้า! ใช้กำแพงไฟ!” หยูจีออกคำสั่ง ระหว่างที่เขาออกคำสั่งเองลูกศรกระซิบก็พุ่งมาจากความมืด!


 


โดยสัญชาตญาณเขาขยับร่างกายของเขาในทันทีเพื่อหลบลูกศร ใช่! มันพุ่งเข้ามาตรงกลางหัวใจโชคดีที่เขาหลบได้ทันมันจึงเฉียดเข้าที่ไหล่ของเขา!


 


พลังอันยิ่งใหญ่ในระดับเจ็ดของผู้พิทักษ์นกเหยี่ยวเกือบทำเขาล้ม!


 


หยูจีหันไปเห็นนักรบสวมหมวกทหารสีเหลืองพร้อมชุดเกราะในมือถือดาบใหญ่!


 


“กันเขา! ระวังเขา!​” หยูจีตะโกนดิ้นอยู่ที่พื้น เขาพบว่าเลือดของเขาหายไปครึ่งหลอด! เขาอ้าปากค้างทันที!


 


“เราไม่สามารถบล็อกเขาได้!” ทหารผู้พิทักษ์ตะโกนด้วยความกลัวหลังจากถูกผู้พิทักษ์เขี้ยวเสือบุก “นี่อะไร? เขาเกือบฆ่าข้าเพียงแค่การโจมตีครั้งเดียว!”


 


ผู้พิทักษ์เขี้ยวเสือมีความเร็วที่ยอดเยี่ยมขณะนี้มีคนกำลังควบคุมเขาไม่ให้มีการเคลื่อนไหวที่บ้าคลั่งและไร้ระเบียบ เขาจึงเคลื่อนไหวอย่างมีกลยุทธ์ แต่เมื่อรวมพลังกับเหล่านอนดำทั้งห้าแล้วพวกเขาสามารถทำลายแนวป้องกันในทันทีแม้จะใช้นักรบป้องกันถึงสิบคนก็ตาม!


 


พวกเขารีบวิ่งเข้าไปหานักเวทย์เพื่อเสริมทัพทันที!


 


“ดูเหมือนคาถาของเราจะไร้ประโยชน์สำหรับพวกเขา!” นักเวทย์ตะโกนด้วยความหวาดกลัวสายฟ้าหลายสายสามารถทำให้สัตว์ประหลาดยังคงชะลอตัวลงบ้าง แต่กับพวกเขาไม่เลยแถมยังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นกว่าเดิม


 


“รั้งพวกเขาไว้!” หยูจีคำราม


 


“ข้าไม่เชื่อว่าเราจะไม่สามารถกำจัดพวกมันได้ สักตัวก็ยังดี!” ทันทีที่กัปตันพูดจบ คาถาสายฟ้าก็พุ่งลงกลางหัวเจ้าหนอน มันได้รับบาดเจ็บ!


 


แต่เนื่องจากกลุ่มของฟางฉีมีคาถารักษาแบบกลุ่มมันมีผลต่อสัตว์ประหลาดผู้อยู่ใต้ปกครอง แต่ก็ไม่ใช่ทุกตัวที่มีผลกับสกิล! หนอนที่ได้รับบาดเจ็บเลือดของมันค่อยๆ เด้งขึ้น


 


เหล่านักรบอีกฝั่งเองเกิดความสับสนว่าตกลงแล้วสายฟ้านั่นสร้างความเสียหายจริงหรือไม่? และที่สำคัญกว่านั้นดูเหมือนว่าเมื่อเจ้าหนอนถูกโจมตีแล้วเลือดยังคงเด้ง แต่การโจมตีกลับทางกายภาพของมันลดลง!?


 


นักรบยังคงสับสนแต่พวกเขาก็ปลอดภัยดีและสามารถจัดการกับมันได้ หากมีหนอนแค่ตัวเดียวคงจัดการไปอย่างสบายใจ แต่นี่มีถึงห้า! ด้วยร่างกายที่แข็งแกร่งและรวดเร็วในการหลบหลีกของมันจึงทำให้ตัวที่เหลือยังคงโจมตีต่อไป


 


ขณะเดียวกันพวกเขาเห็นว่าโครงกระดูกของพวกเขากำลังถูกโจมตีให้แตกเป็นชิ้นๆ โครงกระดูกของทั้งสองฝั่งพุ่งเข้าปะทะกันอย่างดุเดือด นักเวทย์บางคนที่ถูกโจมตีได้เสียเลือดไปเกือบครึ่งหยูจีเกรงว่าอีกไม่นานนักเวทย์จะต้องตายอย่างแน่นอน!


 


โครงกระดูกที่พวกเขาร่ายออกมาอยู่ในระดับศูนย์ถึงหนึ่งส่วนระดับสูงสุดอยู่ที่ระดับสามเท่านั้น แต่โครงกระดูกจากอีกฝั่งไม่ใช่แค่ระดับสามเผลอๆ อาจสูงถึงระดับเจ็ด!


 


“สิ่งมีชีวิตเหล่านี้คืออะไร?” ทุกคนยืนมองเหตุการณ์ด้วยความสยอง จากนั้นนักรบชุดเกราะสีเขียวและเสื้อคลุมสีดำพุ่งโจมตีนักเวทย์ทันที .. ในไม่ช้าพวกเขาค่อยๆ ล้มลง


 


ในตอนนี้ฟางฉีเองยังไม่ได้มีไอเทมที่ดีที่สุด แต่สิ่งของส่วนใหญ่ของเขานั้นถือเป็นเอกลักษณ์ในอาชีพของเขาอย่างมากรวมถึงชุดเกราะหนาหมวกกันน็อคหรือรวมไปถึงเครื่องตกแต่งอย่างแหวนโครงกระดูกที่บวกค่าสกิล เขาดูเหมือนจ่าฝูง!


 


แน่นอนสิ่งที่น่ากลัวที่สุดของนักรบในตอนนี้คือ เขาสามารถฆ่านักเวทย์คนหนึ่งด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว! ทหารองค์รักษ์รู้สึกว่าเขาน่ากลัวยิ่งกว่าทหารรักษาการณ์เสียอีก ตอนนี้ครึ่งหนึ่งของทหารผู้พิทักษ์หายไป!


 


อีกครึ่งหนึ่งพวกเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส จีวูที่ยืนมองความน่ากลัวขณะที่เขากำลังจัดการกับเหล่าตั๊กแตนฝูงใหญ่ กับทหารเพียงสิบคนสุดท้ายที่เหลืออยู่!


 


ฟางฉีตรวจสอบเวลาพบว่าวันนี้ซียื่อนั้นเหลือเวลาเล่นอีกแค่สองชั่วโมงเท่านั้น


 


“เร็วเข้า! รีบมา!” ฟางฉีเอ่ย


 


“คนพวกนี้ .. เป็นผู้เล่นด้วยหรอ?” จีวูมองไปที่ผู้เล่นที่มีเหล่าสัตว์ประหลาดติดตาม เขาอ้าปากค้างด้วยความตะลึง!

 

 

 


ตอนที่ 261

 

ณ อาณาจักรหยุนเตียนระดับสูง


 


อาณาจักรหยุนเตียนระดับสูง ที่มีคำว่าระดับสูงตามหลังชื่อเนื่องจากกองกำลังที่นั้นมีแต่คนระดับสูงและใหญ่โต!


 


หากพูดถึงอาณาจักรหยุนเตียน คนส่วนมากมักจะเล่าต่อกันมาว่าที่นั้นเป็นดินแดนตอนบนมีชื่อเสียงมาช้านาน เช่นเมื่อไม่นานมากนี้ กองกำลังส่วนใหญ่ได้รับคำสั่งให้ตัดยอดขายและช่องทางทรัพยากรของพันธมิตรวู่เว่ย ซึ่งกองกำลังทั้งหมดเองรับฟังคำสั่งของที่นั่นโดยไม่ลังเล


 


อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ได้มีความสุขกับการกระทำเช่นนั้นเท่าไรนัก เพราะในสายตาพวกเขาพันธมิตรวู่เว่ยก็เปรียบเสมือนแมงตัวเล็กๆ


 


กงชูเคาดมกลิ่นชาที่ลอยขึ้นมาจากถ้วยน้ำชาในมือของเขาและเอ่ยเบาๆ ว่า “ดูเหมือนว่าพันธมิตรวู่เว่ยจะไม่ได้เป็นไปตามแผนที่เราคิด”


 


กงหยางจุนดูโกรธเกรี้ยว “พวกนั้นกำลังคิดทำอะไรอยู่!? พวกเขาทำงานเพื่อผลประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ!?”


 


กงชูเคาจิบชา “ข้าละกลัวว่าความสในนั้นจะไม่เล็กเท่าไร”


 


“ถ้างั้นอะไรกันละ!?” กงหยางจุนยิ้มเยาะ “การปลูกฝังเวทย์มนตร์น่ะหรือ? พวกเขาก็แค่สร้างความแปลกใหม่ขึ้นมาเล็กน้อย ผู้ปลูกฝังระดับต่ำส่วนมากละมั้งละที่จะใช้สิ่งเหล่านั้น!”


 


“ไม่เพียงแค่นั้น!” กงซูเคาพูดอย่างใจเย็น “มีคนกล่าวว่าผู้คนส่วนมากได้รับสิ่งดีๆ จากที่อื่นอีกเนื่องจากพวกเขาไม่ได้รับประโยชน์จากการเพาะปลูกพวกเขาจึงหันไปพึ่งสิ่งอื่นที่น่าสนใจกว่า”


 


กงหยางจุนเริ่มโมโหเขากระแทกมือลงบนโต๊ะและพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ได้สนใจอาณาจักรหยุนเตียนระดับสูงของเราสักนิด หากเราไม่แก้ไขปัญหานี้คนอื่นจะต้องพูดถึงเราในทางที่แย่เป็นแน่”


 


“เราจะทำอย่างไรกันดี!?”


 


“เนื่องจากพวกเขาไม่ฟังการโน้มน้าวในของเรา” กงชูเคาพูดด้วยเสียงอ่อน “เราต้องทำงานให้หนักขึ้น!”


 



 


ณ เหมืองในเมืองบีจี้


 


ทุกคนนิ่งราวกับถูกแช่แข็งเมื่อเห็นฉากที่ปรากฏต่อหน้า


 


หากพวกเขาเป็นผู้เล่นเหมือนกันใบเหล่าสัตว์ประหลาดถึงเชื่อฟังพวกเขา!? เป็นไปได้มั้ยที่ผู้เล่นเหล่านั้นมีทักษะให้การปราบสัตว์ประหลาด และนั้นยามสองคนใส่เสื้อเกราะสีเหลืองคืออะไร!?


 


คาถาร่ายเวทย์เพิ่มขึ้นสองเท่าในความมืดทำให้สัตว์ประหลาดแข็งแรงมากกว่าเดิม ทั้งคาถาลดการโจมตีทางกายภาพถูกล้างหมดแล้ว สภาพที่น่ากลัวในตอนนี้ได้รับแรงเสริมจากคาถาอีกด้วย


 


ทหารองครักษ์อาจสามารถจัดการกับหนึ่งในสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวเหล่านี้ได้ แต่เมื่อมันพุ่งเข้ามาพร้อมๆ กันหลายตัวแล้วเหล่าทหารเองก็เกรงว่าจะจัดการไม่ไหวเช่นกัน!


 


ผู้เล่นเหล่านี้มีพลังอะไรกัน? พลังพิเศษแบบนั้น เกิดขึ้นได้อย่างไร?


 


ขณะเดียวกันระหว่างการต่อสู้ของพวกเขาที่ฆ่าทหารไปหลายศพ ราชายักษ์ก็ได้เกิดอีกครั้ง!


 


.. ในความมืดมน


 


“นักรบโจมตีไปข้างหน้า!”


 


“นักเวทย์ใช้สกิลสายฟ้า! ลัทธิเต๋าปล่อยรูนอักษรไฟและรักษา!”


 


จีวูคำรามอย่างดุเดือดใขณะที่ราชายักษ์กำลังไล่ล่ากลุ่มทหารมาจากด้านหลัง ..​ เสียงกรีดร้องดังขึ้นเมื่อมีคนตาย!


 


“อย่าวิตก! คนที่ตายเมื่อเกิดให้รีบกลับมาทันที!” จีวูมีลูกสมุนรวมสิบคนแม้จะตายแค่หนึ่งถึงสองคนก็ไม่ได้มีผลกระทบอะไรเท่าไรนัก ด้วยนักรบกว่าสิบคนพุ่งไปข้างหน้า นักเวทย์และลัทธิเต๋าเองก็ร่ายคาถาจากด้านหลังอย่างต่อเนื่อง


 


สกิลเกราะป้องกัน, รักษาแบบกลุ่ม, เทคนิคดาบและเกราะเวทย์มนตร์


 


จีวูหยิบหนังสือทักษะโบราณขึ้นมา


 


“ท่านจักรพรรดิ .. พวกนี้คือ ..” จีวูมองด้วยความสับสน


 


เขาโยนหนังสือบางเล่มให้กับหยูจิ “ลองสิ้!”


 


ตัวอักษรรูนไฟได้เปลี่ยนเป็นเกราะตัวอักษรขนาดใหญ่ขึ้น พลางทำให้ทุกคนรอบข้างรู้สึกถึงคลื่นแปลกๆ รอบตัว


 


“เจ้าคิดว่าไง?” จีวูถาม


 


“อีกที!” จีวูตะโกนและโจมตีด้วยดาบของเขา หยูจีบล็อกการโจมตีด้วยอาวุธทันที


 


ตึง!


 


หยูจิถอยหลังเล็กน้อย “พลังลดลงแต่ไม่มาก”


 


ผลลัพท์คืออะไรกันแน่? จีวูดูงงงวย ที่นี่มีเทคนิคดาบอันทรงพลังจากเกมเซียนกระบี่พิชิตมารอยู่แล้วและเกมนี้ควรจะมีคาถาเวทย์มนตร์ที่น่าจะทรงพลังกว่านี้สิ!


 


“แต่ถึงอย่างนั้น .. ข้าสัมผัสได้ว่าคาถานี้มีพลังมาก!” หยูจิกล่าวว่า “หากพวกเราใช้คาถานี้อาจได้รับการคุ้มครองที่แข็งแกร่งขึ้น”


 


เกราะป้องกันนี้มันสามารถใช้ในเกมได้ แต่ถ้าหากนำมาใช้ในโลกแห่งความจริงละ? จะมีผลกระทบอะไรมั้ย?


 


จีวูส่ายหัวเล็กน้อย เขาได้ยินหยูจิพูดว่า “ตัวอักษรรูนไฟนี้ดูเรียบง่ายและมีประสิทธิภาพ แต่ต้องมีระดับทักษะที่เพียงพอ หากเราใช้มันเพื่อป้องกันกองทัพน่าจะใช้ได้ดี”


 


ท้ายที่สุเแล้วหยูจิยังไม่เคยเล่นเกมทำนองนี้มาก่อนดังนั้นเขาจึงไม่ได้พิ๔ีพิถันเหมือนผู้เล่นคนอื่นๆ เมื่อจีวูได้ยินคำพูดจากหยูจิเขาก็คิดขึ้นในหัวทันที! ใช่มันก็น่าสนใจ ในฐานะจักรพรรดิแห่งตาจิน พลังอันแข็งแกร่งของเขาละคืออะไร? มันเป็นความแข็งแกร่งในการฝึกฝนหรือเปล่า? ก็ไม่นะ!


 


ในฐานะจักรพรรดิของประเทศพลังที่ทรงพลังที่สุดของเขาคือ กองทัพ!


 


ทหารของเขาประกอบไปด้วยนักรบ ผู้ฝึกฝนสามัญ กองทัพชั้นยอดซึ่งรวมไปถึงนักรบผู้ยิ่งใหญ่ ทีมองครักษ์ ผู้ฝึกฝนระดับสูงรวมแล้วหลายพันคน!


 


ถึงอย่างนั้นทหารของเขาในตอนนี้ไม่ได้ยอดเยี่ยมดั่งใจเท่าไรนัก นักรบสามัญครึ่งแสนคนอาจตายเพราะเวทย์มนตร์ทางจิตวิญญาณก่อนที่พวกเขาจะเข้าใกล้ศัตรู หากพวกเขาต่อสู้กับกองทัพของอาณาจักรหยุนเตียนระดับสูงซึ่งประกอบไปด้วยผู้ฝึกฝนอย่างน้อยนับหมื่นคน นักรบของเขาคงน็อคเป็นแน่


 


กองทัพชั้นยอดที่แม้จะมีนักรบเยอะคงจะเทียบกับผู้ฝึกฝนที่มีพลังไม่ได้ แม้ว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากพันธมิตรวู่เว้ยก็เถอะ แต่ถ้ามองภาพรวมแล้วจีวูเองคงไม่สามารถเอาชนะกองกำลังขนาดใหญ่จากอาณาจักรหยุนเตียนได้เป็นแน่ และนั่นคือสามารถสำคัญที่ตาจินต้องหยุดการขยายตัวทางตะวันออกในเวลานี้!


 


อย่างไรก็ถามกองทัพของตาจินในอนาคตจะต้องกลายเป็นกองทัพเหล็กที่แข็งแกร่งแน่นอน!


 


กองทัพคนเหล็ก!


 


เมื่อมองดูการรักษาแบบกลุ่ม ความคิดในหัวเขาก็เริ่มวิ่งทันที บางทีสิ่งต่างๆ ในเกมอาจไม่ใช่ของคนระดับเขา แต่มันเหมาะสำหรับฝึกทหารและเหล่าสมาชิกระดับล่างของกองกำลัง


 


อันที่จริงจีวูอาจคิดถูก เพราะจากประวัติศาสตร์ของเกมนี้ จักรดิวรรดิแห่งเมืองมังกรที่ทรงพลังที่สุดเคยส่งผู้บังคับบัญชามาสามคนพร้อมทหารจำนวนมากเพื่อเดินทางข้ามภูเขาหิมะระหว่างทางพวกเขาได้ต่อสู้กับกองทัพผีร้ายที่แข็งแกร่งนักรบสิบคนกับผีร้ายหนึ่งตน


 


แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังได้ชัยชนะ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะโชคดีทุกครั้งระหว่างทางกลับพวกเขาถูกพายุหิมะถล่ม ทางเดินในทิศเหนือถูกปิดกั้นและกองทัพไม่สามารถเดินทางกลับบ้านเกิดได้เนื่องด้วยเสียกำลังคนไปมากมาย พวกเขาจึงต้องตั้งถิ่นฐานในแดินแดนแห่งนั้น


 


พวกเขาทิ้งอาชีพทั้งสามไว้ข้างหลัง แม้ว่าเขาจะเป็นกำลังหลักของจักรพรรดิแห่งมังกรก็ตาม ..


 


เวลาผ่านไปผู้บังคับทั้งสามได้จัดตั้งทีมขึ้นสามทีม ซึ่งมีลัทธิเต๋า, นักเวทย์และนักรบผู้ทรงอำนาจ ผู้คนพูดถึงพวกเขาในฐานะวีรบุรุษผู้ต่อต้านปีศานดวงจันทร์สีแดง


 


ต่อมาไม่นานพวกเขาก็ได้สร้างครอบครัวมีลูกหลานทำการส่งต่อพลังอันแข็งแกร่งโดยรุ่นสู่รุ่นและเริ่มสำรวจขยายพื้นที่ค้นหาทางกลับบ้านเกิด


 


นี่คือภูมหลังส่วนหนึ่งทางประวัติศาสตร์ของเกม


 


คาถาและเทคนิคทางจิตวิญญาณในเกมเจ้ากระบี่ขั้นเทพอาจไม่ได้เป็นเกมที่ทรงพลังที่สุด แต่เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการเรียนรู้ ซึ่งมันเหมาะมากสำหรับการสร้างกองทัพ!


 


ใครจะไปคิดว่าทหารธรรมดาจะได้เรียนรู้เทคนิคต่างๆ เช่นเทคนิคดาบหรือจะเป็นสายฟ้า พวกเขาคงจะจินตนาการไม่ถึงว่าทหารนับแสนนายสามารถควบคุมสัตว์ร้าแถมยังใช้เกราะป้องกันและปล่อยลูกไฟได้อีก


 


นี่ถือเป็นข้อได้เปรียบเมื่อได้เล่นเกมเจ้ากระบี่ขั้นเทพแท้จริง!


 


ด้วยความคิดเช่นนี้จีวูจึงโบกมือและกล่าวว่า “ไปลองทดสอบดาบลอบสังหารกันเถอะ!”


 


จากคำอธิบายของหนังสือทักษะเทคนิคดาบลอบสังหารดูเหมือนจะเป็นเนื้อหาที่น่าสนใจไม่น้อย ซึ่งใช้พลังภายในต่างจากเดิม พลังงานดับนี้สร้างพลังพิเศษสามารถเจาะร่างสัตว์ประหลาดโดยไร้เสียง นอกจากนี้ยังสามารถเจาะเกราะของนักเวทย์และสร้างความเสียหายแก่ร่างกายศัตรูอีกด้วย


 


มันถือเป็นกุญแจสำคัญในการลอบสังหาร!


 


หยูจิพยายามป้องกันตัวเอง แต่ ..​ เขาถูกแทงด้วยความเงียบงัน สีหน้าของหยูจิเปลี่ยนไปทันที


 


นัยน์ตาของจีวูแวววับ “ไปเกิดและพาคนมาเพิ่ม! ข้าจะใช้พื้นที่ที่นี้เพื่อศึกษาหนังสือทักษะ!”

 

 

 


ตอนที่ 262

 

“คนพวกนั้นไปไหนแล้ว?” หยูจิส่งคนไปสอดส่องหลังจากฟางฉีและทีมของเขาหายไปสักพัก พวกเขาไม่รู้เลยว่าอุโมงค์ลับนี้นำไปสู่ห้องโถ่งแห่งศพที่ถูกขุดพบโดยพ่อมดผีดิบ


 


“ค้นหาให้ทั่ว!” จีวูออกคำสั่งเขาคิดว่าผู้เล่นเหล่านั้นต้องมีสิ่งมีค่าเป็นแน่เพราะพวกเขาสามารถนำเหล่าสัตว์ประหลาดที่ทรงพลังมาเป็นพรรคพวก


 


เขาจึงให้เหล่าทหารออกค้นหาในทันที!


 



 


“หนึ่งในพวกมันกำลังขัดขืน” ซีบื่อตะโกนเตือนหลังจากเดินเข้ามาสู่ห้องโถ่งซากศพ


 


“อันเชิญพวกมันแล้วใช้แสงแห่งมนตร์เสน่ห์ต่อไป” ฟางฉีเอ่ยเสียงเรียบ


 


หลังจากร่ายคาถาแสงมนตร์เสน่ห์เรียบร้อยแล้ว เมื่อใช้งานไปสักพักเธอสัมผัสได้ถึงอารมณ์ของพวกมันและรู้สึกได้ว่าบางตัวกำลังขัดขืนและอาจหลุดจากคาถา


 


ณ​ ห้องโถ่งซากศพ คบเพลิงได้ทำหน้าให้แสงได้ส่องสว่างแก่ความมืด พวกเขาพบว่าที่แห่งนี้แต็มไปด้วยซากราชาศพ ดูเหมือนว่ามีบางคนสังเกตเห็นพวกเขาและวิ่งพุ่งเข้าหาพวกเขาอย่างรวดเร็ว!


 


ไอเทมของฟางฉีในตอนนี้ช่างแตกต่างจากตอนที่พวกเขาต่อสู้กับราชายักษ์ เป็นครั้งแรกที่เขาสามารถจัดการกับราชายักษ์โดยมีผู้ช่วยแค่ผู้พิทักษ์เขี้ยวเสือและผู้พิทักษ์นกเหยี่ยว เพียงแค่สามคนก็สามารถควบคุมสถานการณ์ได้อย่างสบาย


 


“อะไรน่ะ? เกิดอะไรขึ้น?” หนึ่งชั่วโมงต่อมาให้ห้องโถ่งซากศพ เมื่อจัดการกับเหล่าซากศพเสร็จสิน ไอเทมก็ตกลงเต็มพื้น


 


แสงนรก, เกราะเวทย์มนตร์, ดาบพระจันทร์เสี้ยว ..


 


ฟางฉีมองดูหนังสือทักษะ ไม่พบสิ่งใดที่ต้องการเลย “บ้าเอ้ย!” ฟางฉีหยิบขึ้นมาแล้วส่งหนังสื อให้พวกสาวๆ “รับไว้ ไม่เห็นมีอะไรที่ตรงใจสักอย่าง!”


 


[เกราะเหล็ก


 


เกราะป้องกัน : 4-7


 


ป้องกันเวทย์ : 2-3


 


ความเสียหาย : 0-5]


 


“หืม! ความเสียหายบวกห้า!”


 


“สูงมาก!” หญิงสาวสองคนเดินเข้ามาทันทีเมื่อพบว่ามันสร้างความเสียหายได้ถึงห้าแต้ม! นอกจากชุดเกราะเหล็กแล้วยังมีสร้อบคอกันเวทย์ และของดีอีกสองสามชิ้นที่น่าสนใจ


 


หลังจากจัดสรรแบ่งสมบัติกันเรียบร้อยแล้ว ฟางฉีและลูกน้องของซีบื่อ ก็ช่วยพวกเขาฆ่าเหล่าสัตว์ประหลาดกันอย่างต่อเนื่อง มีลูกสมุนก็ดีแบบนี้เวลาเล่นเกมเพิ่มขึ้นประหยัดแรงไปอีก


 


“ข้ายังไม่อยากกลับบ้าน ..” เมื่อเห็นว่าฟางฉีและเจียงเสี่ยวหยูยังคงฆ่าสัตว์ประหลาดกันอย่างเมามัน รวนหนิงและสามสาวรู้สึกลังเลใจที่จะออกเกม


 


“แสงมนตร์เสน่ห์ของข้าสามารถหลอกล่อสัตว์ประลหาดได้หลายตัว ข้ายังไม่อยากให้เวลาหมดเลย!” ซียื่อทำหน้ามุ่ย


 


“นี่ศิษย์พี่หยู” ซูจิเอ่ยเรียก “แสงมนตร์เสน่ห์ของเจ้าทรงพลังมาก เจ้าสามารถนำมาใช้ในโลกแห่งความจริงได้หรือไม่? หากเจ้าทำได้สัตว์ในโลกแห่งความจริงคงจะหลงไหลในเจ้าเป็นแน่ ..”


 


“น่าสนใจ!” ซียื่อดวงตาเปล่งประกาย “ข้าจะลอง!”


 


“ข้าควรจะเริ่มจากใครดี .. ที่นี่ไม่มีสัตว์ประหลาดซะด้วยสิ” ซียื่อมองไปรอบๆ


 


รู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกไป ซูโมรีบซ่อนตัวหลังเคาน์เตอร์ในทันที ซียื่อยังคงกวาดสายตาต่อไปไม่เห็นใครอีกแล้วในตอนนี้นอกเสียจาก .. ฟางฉี!


 


“อย่าแม้แต่จะคิด!” ฟางฉีทำหน้าเซง


 


“อย่าไปยุ่งกับปีศาจเก่าฟางฉี!” รวนหนิงเกลี้ยกล่ิมเธอ “ไปตามหาสัตว์ร้ายกัน!”


 


เด็กสาวสามคนขนหัวลุกทันทีเมื่อได้ยินคำว่า ปีศาจเก่าฟางฉี พวกเธอมองหน้ากันพลางนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา “หะ หัวหน้า ถ้าท่านไม่มีอะไรให้เราทำแล้วเราไปก่อนนะ” พวกเธอรีบชิงหนีออกมาทันที!


 


“บ้าเอ้ย ใครคือปีศาจเก่ากัน!” ฟางฉีสวน


 


“วิ่ง!”


 


“เจอกันพรุ่งนี้นะท่านหัวหน้าสมาคม!” ทั้งสามวิ่งหนีไปอย่างไม่คิด


 


“พวกเจ้านี่ ..” ฟางฉีทำหน้าเพลียเล็กน้อย


 



 


แม้ว่าเกมเจ้ากระบี่ขั้นเทพจะได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง แต่ก็มีผู้เล่นบางกลุ่มเมื่อได้ลองแล้วกลับรู้สึกไม่ถูกใจการต่อสู้ในเกมเท่าไรนัก


 


ตัวอย่างเช่นซูเทียนจิ เธอเลิกเล่นเกมเมื่อได้ลองเล่นไปสองสามครั้งกับผู้อาวุโสและเหล่าสาวกจากหวังหลิวหยุน


 


สำหรับเธอแล้วหนึ่งเลยเธอรู้สึกไม่ชอบการต่อสู้กับผู้เล่นคนอื่นทุกวัน นอกจากนี้ทุกคนมีกิจกรรมสุดโปรดเป็นของตัวเองแถมยังมีของเล่นมากมายในคาเฟ่ของฟางฉี


 


ขณะเดียวกันเธอออกจากเกมด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย เนื่องจากผู้เล่นบางคนเดินทางเข้าสู่การเก็บค่าประสบการณ์ที่ขึ้นช้าแถมมีบทบาทน้อย ใน Diablo เธอสามารถลุยเดี่ยวได้โดยไม่ต้องรอใคร ส่วน CS เธอก็เพียงเล่นจบไป ละครตอนใหม่ก็ยังไม่มาสักที เธอเลยรู้สึกเบื่ออย่างบอกไม่ถูก


 


ส่วน QQ นั้นเธอได้ยินมาว่าคนจากอาณาจักรทะเลดวงดาวนั้นมีความก้าวร้าวและหัวรุนแรงเธอจึงไม่ได้เพิ่มเพื่อนพวกเขา เพื่อนจากเมื่อนั้นคนเดียวคือฟางฉีส่วนที่เหลือคือคนจากที่นี่


 


เธอจึงเลือกที่จะซื้อกล่องขนมแท่งรสเผ็ดแล้วนั่งเฉยๆ คิดไรไปเรื่อยๆ


 


“ท่านอาจารย์! ไม่เก็บค่าประสบการณ์หรอ!?” เฟงหัวที่นั่งข้างๆ เธอเอ่ยเรียกขณะกำลังไล่ล่าตะขาบด้วยลูกไฟ


 


ซูเทียนจิตอบกลับด้วยเสียงเหนื่อย “อาจารย์ของเจ้าแก่และเริ่มหมดแรง!” ด้วยความเกียจคร้านเธอวางหัวบนคีบอร์ด จู่ๆ หัวก็ไปโดนปุ่มสุ่มบน QQ เธอพบไอคอนแปลกๆ


 


“Qzone?” เธอมองด้วยความสงสัย “นี่อะไร?”


 


เธอเหลือบมองหน้าจอคิวโซนและพบว่าเธอสามารถเลือกบ้านเกิด, ที่อยู่ และสวนผัก ..


 


“แปลกจัง ..” ซูเทียนจิรู้สึกงงงวยกับหัวข้อที่ต้องเลือก สวนผักอะไร? เธอคือผู้เพาะปลูกที่ยิ่งใหญ่แห่งนี้ทำไมเธอต้องไปปลูกผักแบบคนธรรมดาๆ


 


เธอเปิด QQ ขึ้นมาและทักฟาฟางฉีเพื่อหาคำตอบ


 


“นี่เจ้าหนุ่ม! คิวโซนมีไว้ทำอะไร?” ในร้านมีเพียงฟางฉีเท่านั้นที่ใช้การป้อนข้อมูลแบบแป้นพิมพ์เป็นส่วนคนอื่นๆ นั้นใช้การคุยโดยเสียง


 


ฟางฉีที่กำลังยุ่งอยู่กับการล่าสัตว์ประหลาดเห็นข้อความจาก QQ จึงตอบกลับ “มันคือใคร?” เขาเปิดอ่านข้อความของซูเทียนจิพลางคิดว่าเธอต้องการอะไร?


 


“คิวโซน?” ฟางฉีนิ่ง


 


“…” ฟางฉีเงียบ เขาเกาหัวเล็กน้อยเพราะมัวแต่สนใจเกมเจ้ากระบี่ขั้นเทพ


 


“ข้าจะรู้ได้อย่างไง” เขาตอบกลับด้วยความใจร้อนเพราะถูกขัดจังหวะ


 


ซูเทียนจิขมวดคิ้ว “เจ้าไม่ใช่เจ้าของร้านใช่มั้ย?”


 


“มีอะไรสำคัญมั้ย?” ฟางฉีถามกลับ


(ผู้แปล : ผู้แปลอิ้งกล่าวว่าใน QQ มีมินิเกมที่ชื่อมีชื่อ แฮปปี้ฟาร์ม เป็นเกมเครื่อข่ายสังคมออนไลน์ เป็นการจำลองการจัดการฟาร์ม)

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม