Black Tech Internet Cafe System 235-241

ตอนที่ 235

 

“เจ้าแน่ใจนะว่าเจ้าต้องการใช้ชื่อนี้?” ชายวัยกลางคนที่ทำหน้าที่รับผิดชอบเรื่องการลงทะเบียนมองหน้าฟางฉี หน้าของเขากระตุกเล็กน้อยจากความคิดและวาวตาเขาบ่งบอกว่าเหมือนฟางฉีไม่ค่อยเต็มเท่าไรนัก แต่ถึงอย่างไรเขาก็ต้องถามให้แน่ใจเพื่อไม่ให้เสียผลประโยชน์ในภายหลัง


 


‘สมาคมเกมเชื่อมต่อสวรรค์’ มันไม่ได้ยากที่จะเข้าใจเท่าไรแม้อ่านแล้วจะดูเหมือนเย่อหยิ่งไปหน่อย แต่ก็ไม่ได้ผิดปกติอะไร เนื่องจากในเมืองนี้มีคนที่หยิ่งผยองอยู่ไม่น้อย ทำนองเดียวกันคำว่าสมาคมฟังดูเหมือนกลุ่มและเข้าใจง่ายไม่ซับซ้อนเท่าไรนัก


 


อย่างไรก็ตาม เกมออนไลน์คืออะไร!? ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นเขารู้สึกสับสนกับคำโฆษณาที่อยู่ด้านล่างไม่น้อย [จะมอบดาบมังกรให้แก่ผู้ที่คลิ้กเข้ามา .. ]


 


นี่มันอะไรกัน!? อะไรประหลาดๆ เช่นนี้จะดึงดูดผู้คนมาสมัครได้ยัง?


 


“ข้าแน่ใจ” ฟางฉีกล่าวโดยไม่ลังเล


 


ชายวัยกลางคนมองฟางฉีอย่างเฉยชา เขาไม่เอ่ยอะไรอีกเพราะเขามีหน้าที่แค่เก็บเงินเท่านั้น เขารู้สึกว่าเด็กสองคนนี้ช่างเหยียดหยามหรือทำอะไรพาดพิงกับสวรรค์ พวกเจ้านี่ช่างไม่กลัวที่จะถูกตีเลยจริงๆ


 


หลังจากฟางฉีนำคริสตัลส่งให้เขา เขารับและนำเหรียญโทเค็นออกมาและกล่าวว่า “นี่เป็นโทเค็นชั่วคราว เจ้าสามารถเดินทางมารับโทเค็นอย่างเป็นทางการได้อีกเจ็ดวัน ขอแสงความยินดีด้วย การจัดตั้งสมาคมเกมเชื่อมต่อสวรรค์ได้รับการอนุมัติเป็นที่เรียร้อย!”


 


เสียงแสดงความยินดีของชายวัยกลางคนดึงดูดความสนใจของคนรอบข้าง


 


“เชื่อมต่อสวรรค์?”


 


“สมาคมออนไลน์?”


 


“มันคืออะไรวะ?”


 


สำคัญไปกว่าเสียงที่ได้ยินคือ เจ้าหนุ่มสองคนนี้สามารถเดินทางเข้ามาที่นี่แถมยังมีเงินสร้างกองกำลังสมาคมเป็นของตัวเอง!


 


“หัวหน้า! ดูนั่นสิ ผู้ชายคนนี้ต้องรวยแน่” ผู้ปลูกฝใังหัวล้านพูดกับผู้ปลูกฝังผิวคล้ำที่กำลังจะเดินออกจากประตู


 


“ไม่เคยเห็นพวกเขามาก่อน” ผู้ปลูกฝังผิวคล้ำเอ่ย “ไปกันเถอะ”


 



“ทุกคนดูรอบๆ สิ” ฟางฉีเอ่ยชวนขณะกำลังถ่ายทอดสด เขารู้สึกอารมณ์ดีหลังจากออกจากสำนักงานมังกรม้วน


 


บนหน้าจอยักษ์ในร้านค้าที่จิวหัว ปรากฏภาพอาคารที่ยิ่งใหญ่มีสัญลักษณ์มังกรม้วนอยู่ด้านหลังฟางฉี ส่วนข้างหน้าฟางฉีนั้นคือลานกว้างคล้ายสวนสุขภาพจัดแต่งไปด้วยต้นไม้ มันเป็นภาพที่งดงาม


 


“ว้าว! นี่เป็นเมืองใหม่ที่ตั้งของอีกสาขาใช่มั้ย?” เจียงเสี่ยวหยูตาลุกวาว “มันสวยมาก ข้าอยากไปที่นั่นด้วย!”


 


[ท้องฟ้าที่นั่นดูมืดมน] นาหลันหมิงสื่อถามในหัวข้อย่อย [ฝนตกบ่อยมั้ย?]


 


“ไม่เท่าไร” ฟางฉีกล่าว “อย่างน้อยก็ยังไม่ตกหลังจากที่ข้ามาถึง”


 


“โอ้ข้าจะแนะนำพนักงานใหม่ของสาขานี้ให้พวกเจ้ารู้จัก!” ฟางฉีกวักมือเรียกซูโม “ซูโมมานี่เร็ว”


 


เขาดึงซูโมเข้ามาและพูดต่อว่า “นี่คือซูโมน้อยพนักงานใหม่ของสาขานี้!”


 


“หัวหน้า .. ท่านกำลังพูดกับใครหรือ?” ซูโมเอ่ยถามเบาๆ


 


ฟางฉีได้อธิบายให้เขาฟังเกี่ยวกับการถ่ายทอดสดและการใช้อินเตอร์เน็ต เขารู้สึกประหลา่ดใจอย่างมาก “หัวหน้า ท่านหมายถึงว่าการสนทนาของเราที่นี่สามารถถ่ายทอดผ่านเวทย์มนตร์ทางจิตวิญญาณไปยังสถานที่ซึ่งอยู่ห่างออกไปนับหมื่นกิโลเมตรน่ะหรอ!?”


 


ซูโมรู้สึกประทับใจไม่น้อย “ร้านของเราสุดยอดมาก!”


 


ผู้คนมองดูชายคนนี้ที่ปรากฏตัวบนจอขนาดยักษ์ เขาดูอายุประมาณสิบห้าปี และกำลังอยู่ในช่วงเจริญเติบโต เขาสูงประมาณร้อยหกสิบเซน


 


“พนักงานใหม่ของเจ้าช่างตัวเล็กมาก!” ซงฉิงเฟิงมองชายหนุ่มที่กำลังโบกมือ


 


“เขากำลังเติบโต” ฟางฉีเดินไปพร้อมกับซูโม “ไปที่อื่นกันเถอะ”


 


“เอ่อ ท่าน .. เราลืมปิดร้าน” ซูโมเอ่ยเตือนเขาเบาๆ


 


“อ่า ชิบละ!!” ฟางฉีเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเขาลืมผิดร้าน เขาไม่ได้กังวลว่าจะมีใครเข้าไปยุ่งหยาม แต่เขากลัวว่าจะเจอศพที่กองเกลือนอยู่บนเพื่อนเมื่อกลับไปตั้งหาก!


 


“งั้นกลับกันเถอะ!” ฟางฉีโบกมือให้ทุกคนที่กำลังดูการถ่ายทอดสด “วันนี้ข้าจะให้พวกเจ้าได้ดูเมืองครึ่งคราวๆ”


 


“นี่คือเมืองชั้นในและที่นี่มีผู้ปลูกฝังไม่น้อย” ฟางฉีชี้ไปที่ถนนที่ปูด้วยหินสีขาว


 


“ที่นั่นดูเหมือนเมืองแห่งผู้ฝึกฝนมากกว่ายูจิงเสียอีก” ซัวเต๋าพึมพำแสดงความเห็น


 


“นั่นสัตว์ร้ายกำลังดึงรถม้า .. พวกมันดูเหมือน”


 


“พวกมันเหมือนมังกรปีศาจ!” ซูเทียนจิกล่าว “พวกมันคือมังกรปีศาจจากอาณาจักรแม่น้ำซื่อสัตย์”


 


“ช่างน่ารังเกียจ พวกเขาใช้ปีศาจดึงรถแทนม้า!”


 


“ข้าไม่รู้มาก่อนเลยว่าจะมีเมืองแบบนี้ด้วย” เยซงเต๋าพูดขึ้น “แต่ดูเหมือนที่นั่นจะห่างไกลจากเรามาก..”


 



 


ดวงตาของซูโมไม่เล็กไม่ใหญ่ แต่เขาชอบหรี่ตามันจึงทำให้เขาดูคล้ายว่าง่วงนอนตลอดเวลา .. เขาหรี่ตาเพราะรู้สึกไม่สบายตาเมืองเห็นแสงสว่างและความรู้สึกนี้เริ่มทวีความรุนแรงขึ้นหลังจากที่เขาได้รับสาระสำคัญทางจิตวิญญาณบางอย่างในร่างกาย


 


อย่างไรก็ตามสายตาของเขาดีมาก “เจ้านาย .. ข้ารู้สึกเหมือนเห็นบางอย่างอยู่หัวมุมที่เราเดินผ่านมา”


 


เขากระพริบตาเพื่อเรียกสติ


 


“คืออะไร?” ฟางฉีเดินต่อไป เขาจำได้ว่าเหมือนเคยมาที่นี่มาก่อนและมันค่อนข้างไกล มุมข้างหน้าของพวกเขาไกลออกไปจากเดิม มีเพียงไม่กี่คนที่ผ่านเส้นทางนี้


 


[ท่าน! มีคนอยู่ข้างหลัง ที่ท่านเพิ่งเดินผ่านมาเมื่อกี้] ขณะเดียวกันผู้ชมส่งความเห็นเพราะรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ


 


“อะไรกัน?” ฟางฉีมองไปรอบๆ “มีคนกำลังตามเรา?”


 


ขณะเดียวกันผู้ปลูกฝังหัวล้านเดินออกมาอย่างกล้าหารพร้อมผู้ปลูกฝังอีกคนที่หน้าเต็มไปด้วยกระ แต่ .. ที่ด้านหลังเองก็ยังคงมีผู้ปลูกฝังบางคนที่ยืนแอบมองพวกเขาอยู่


 


“เจ้าหนูน้อย เจ้าดูฃ่ำซ่ำนะ”


 


“สมาคมเกมเชื่อมต่อสวรรค์? พวกเจ้านี่ช่างจองหอง!”


 


“แทนที่จะเสียคริสตัลไปหลายพัน ส่งมาให้พวกเราซะดีกว่า!” ผู้ปลูกฝังพูดด้วยความเกลียดชังราวกับว่าฟางฉีไปแตต้องเงินของพวกเขา


 


“เจ้ามีเงินเยอะมากงั้นหรอ?” ผู้ปลูกฝังหัวร้านเดินพุ่งมาทางฟางฉีเขาชกหมัดกระแทกผนังข้างฟางฉีและยิ้มด้วยรอยยิ้มเย็นชา “รวยแบบนี้ ไม่มีให้พวกเรายืมบ้างหรอ?”


 


เวลาเดียวกันผู้ชมที่กำลังดูการถ่ายทอดสดต่างอ้าปากค้าง


 


“ชิบละ!” พวกเขากำลังท้าทายเจ้าของร้าน


 


“ไม่สิ นี่เป็นการปล้น!”


 


“พวกเขากล้าปล้นคนในเมืองหรอ!?”


 


“เจ้าของจะเอาชนะพวกเขาได้มั้ย?”


 


“โอ้ย! ต้องนะสิ” เสียงกรีดร้องดังขึ้น


“พวกเจ้าช่วยเขาได้มั้ย” เจียงเสี่ยวหยูถามด้วยน้ำเสียงอ่อนแอ


 


“เราจะทำอะไรได้” ซูเทียนจิมีสีหน้ากังวล “เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่นั่นไกลแค่ไหน!”


 


พวกเขาพูดถึงบางสิ่งอะไรสักอย่างเกี่ยวกับสมาคมเชื่อมต่อสวรรค์ มันคืออะไร? แล้วทำไมพวกเขาถึงโกรธ? ทุกคนในร้านมองหน้ากันอย่างสับสน

 

 

 


ตอนที่ 236

 

“หัวหน้า .. เดี๋ยวข้าจะไปตามหาหน่วยลาดตระเวน ซูโมดูตื่นตระหนกเมืองเจอคนเหล่านี้กำลังล้อมรอบพวกเขา “ข้าจำได้ว่าหน่วยลาดตระเวนเพิ่งผ่านไปเมื่อกี้!”


 


“ทุกคน! ช่วยพวกเราด้วย!” ซูโมตะโกนร้อง


 


คนสี่คนยืนล้อมรอบฟางฉีและซูโม พวกเขายืนหยุดดูพลางหัวเราะเยาะเย้ “พวกเจ้ามาใหม่รึ?”


 


หน่วยลาดตระเวนที่เดินกลับมาอีกครั้งกำลังมองสถานการณ์ตรงหน้า “เกิดอะไรขึ้น?”


 


“เหล่าปีศาจดำกำลังทำธุรกิจ!” ชายสวมผ้าคลุมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงลึกลับ


 


“โอ้!” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหรือหน่วยลาดตระเวนทำหน้าอ๋อแล้วกล่าวว่า “เอ่อ .. โปรดทำต่อไป”


 


จากนั้นพวกเขาเลือกที่จะเดินหันไปทางซ้าย


 


“เฮ้!” ซูโมเบิกตาโพลง “อย่าไป!”


 


“เกิดอะไรขึ้นกับเมืองนี้หรอ?” ผู้เฝ้าชมเกิดคำถาม รู้สึกเหมือนกับว่ากำลังจะเกิดเรื่องราวในเร็วๆ นี้


 


ผู้ปลูกฝังหัวโล้นยิ้มเยาะอย่างชั่วร้าย “ตะโกนต่อไปสิ ถ้าทำได้!”


 


ฟางฉีเหลือบมองไปที่ผู้ปลูกฝังชุดดำและถามว่า “แน่ใจนะว่าพวกเขาจะไม่กลับมา?”


 


“แล้วเจ้าคิดว่าไงละ?”


 


“จัดการ” ชายชุดคลุมสีดำที่ยืนอยู่ข้างหลังผู้ปลูกฝังหัวโล้นพูดขึ้น “พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องเมตตาพวกเขา!”


 


อีกด้านหนึ่ง ซูโมกำลังถูกล้อมรอบไปด้วยผู้ปลูกฝังอีกสองคน .. ข้าจะถูกฆ่าหรือไม่ ซูโมรู้สึกหมดหวัง ข้าไม่ควรอยู่ในเมืองนี้ ..


 


“เจ้าเด็กน้อยเข้าใจหรือยังละทีนี่?” ผู้ปลูกฝังหัวโล้นยกกำปั้นของเขาและพ่นคำพูดเย้ยหยัน “ไร้ประโยชน์ที่จะร้องขอ เพราะยังไงข้าก็จะจัดการกับพวกเจ้า! ..” เขาตั้งใจพุ่งหมัดของเขาที่เต็มไปด้วยสาระทางจิตวิญญาณ!


 


แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบประโยคและส่งหมัด เสียงโห่ร้องดังขึ้น! .. ดาบแทงเข้าที่มือของเขาแล้วตรึงเขาไว้กับผนัง


 


จากนั้นดาบสองสามสี่และเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ บินออกมาอย่างรวดเร็วและตรึงพวกมันไว้กับผนังกำแพงก่อนที่พวกเขาจะตอบโต้!


 


“เทคนิคดาบนับไม่ถ้วนของเจ้าของร้านมาถึงขั้นนี้แล้ว!”


 


“เขาสามารถควบคุมพลังดาบได้ตามต้องการและจัดการกับศัตรูทั้งสี่หน่อได้ทันที!”


 


“เจ้าเด็กคนนี้ยอดเยี่ยมมาก!” ผู้คนที่รับชมการถ่ายทอดสดชื่นชมด้วยความประหลาดใจ!


 


พลังดาบเล็กๆ ได้ขยายออกเป็นวงกว้าง มันลอยค้างอยู่บนอากาศ


 


“หะ หัวหน้า!” ซูโมเองก็ประหลาดใจไม่น้อยที่เห็นฉากนี้ หัวหน้าของเขาแข็งแกร่งมาก!


 


“ข้าคือหลี่หวงซวนจากกลุ่มปีศาจดำ ข้า .. ขอละ!” ชายชุดคลุมดำดูเหมือนจะร้องขอกับฟางฉี หลังจากที่เห็นว่าฟางฉีไม่ได้อ่อนแออย่างที่คิด


 


อย่างไรก็ตามไม่มีใครเห็นท่าทางของวิญญาณนักฆ่าในสายตาของเขาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว .. ขณะเดียวกันซูโมเองขยี้ตาและเห็นริ้วรอยของหมอกสีดำกำลังก่อตัวจากเท้าชายชุดดำ


 


“หัวหน้า! ระวังพื้น!”


 


“เอ่อ!” วงกลมสายฟ้าพุ่งขึ้นจากใต้เท้าฟางฉี!


 


สายฟ้าฟาด!


 


เมฆหมอกสีดำจางๆ ที่ลอยจากพื้นหดตัวลงเมื่อปะทะเข้ากับสายฟ้าของฟางฉี เขากระโดดขึ้นดาบเพื่อหลบ


 


“เอาละ นี่คือทั้งหมดของการถ่ายทอดสดในวันนี้!” ฟางฉีปิดการถ่ายทอดสดขณะที่อยู่บนดาบ


 


“เฮ้! เขาปิดการถ่ายทอดสด!?”


 


“การต่อสู้ยังไม่จบ!”


 


“ประท้วง!” ผู้คนที่ยืนอยู่ข้างหน้าหน้าจอยักษ์บ่นอุบ


 


“ซุ่มโจมตี?”


 


ฟางฉีหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบแล้วยกนิ้วให้พวกเขา “ข้าจะปล่อยให้พวกเจ้ารอดหนึ่งคนเพื่อนำสารกลับไปที่กลุ่มปีศาจดำ เพื่อบอกพวกเขาว่า หากพวกเขายินดีที่จะท้าทายและสร้างปัญหาให้กับสมาคมเกมเชื่อมต่อสวรรค์ก็เชิญมา!”


 


เขาเหลือบมองที่พวกมัน “มีใครอยากทำมั้ย?”


 


“หยิ่งผยอง!” ชายชุดคลุมสีดำเย้ยหยัน “เจ้าคิดหรอว่าจะหยุดข้าได้!” เขากำลังจะสร้างแสงสว่างเพื่อพาตัวเองหนีไป แต่กลับถูกม่านพลังงานดาบกั้นไว้เสียก่อน!


 


หากมองลงมาจากท้องฟ้าจะเห็นได้ว่าพลังงานดาบจำนวนมากได้สร้างลวดลายราวกับกลุ่มไทเก๊กที่ใหญ่มากพอจะควบคุมพื้นที่นี้


 


ฟางฉีที่คีบบุหรี่และพ่นคงันออกจากปากเขาเอ่ยว่า “เจ้าพูดอะไร?”


 


“ข้า .. ข้าจะย้อนกลับไปและนำข่าวไปบอก!” เหงื่อเย็นจัดไหลลงมาที่หน้าผากของเขา แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจสิ่งที่อยู่ข้างหน้าเขา แต่เขาสัมผัสได้ว่าไม่มีทางใดเลยที่จะหลบหนีไปได้ พลังของเขาถูกปิดกั้นด้วยพลังงานดาบ


 


ไม่มีทางหนีรอด .. มันอะไรกัน?


 


ชายผู้นี้เป็นใคร เขาดูจะอยู่ในวัยยี่สิบต้นๆ ทำไมถึงทรงพลังได้เพียงนี้!


 


น่ากลัวที่สุด!


 


“เจ้า!?” ฟางฉีทวนซ้ำ “ตกลง งั้นเจ้าละกัน!”


 


พลังงานดาบหลายเล่มบินแยกตัวจากกันและพุ่งเข้าหาเขา .. เสียงกรีดร้องโหยหวนพร้อมเลือดกระเซ็นออกมา


 


“ข้าจะฝากชายหัวโล้นไปบอกแทนละกัน” ฟางฉีเหลือบมองไปที่ชายผู้ถูกตรึงแขนอยู่ตรงผนัง


 


“หะ หัวหน้า ..” ระหว่างทางกลับร้าน ซูโมยังคงหวาดกลัวไม่น้อย “ท่าน .. ไม่ได้ปล่อยให้ชายชุดคลุมสีดำไปหรอกหรอ?”


 


ฟางฉีโยนก้นบุหรี่ทิ้งและขยี้ด้วยเท้าของเขา “เราไม่ควรปล่อยให้คนที่มีเล่ห์เหลี่ยมนั่นมีชีวิตอยู่!”


 


“แหม ..” ฟางฉีเคาะหัวซูโม “เจ้านี่ช่างตาดี!”


 



 


ณ หน้าร้านสาขาสอง รวนหนิงมองดูฟางฉีและซูโมเดินกลับมา “พวกเจ้ากลับมาแล้ว!”


 


เธอชี้ไปที่ร้านของเธอและพูดด้วยความไม่พอใจนัก “เจ้าลืมปิดประตูตอนออกไป โชคดีที่ข้าเฝ้าจับตามองให้ มิฉะนั้นนะ ป่านนี้พวกเจ้าสูญเสียทุกอย่างไปหมดละ! โอ้ ว่าแต่พวกเจ้าเข้าร่วมกับอะไรหรือ?”


 


ฟางฉีหยิบสัญลักษณ์รูปกระบี่สังหารมังกรออกมา “สมาคมเกมเชื่อมต่อสวรรค์!”


 


“สมาคมอะไร!?” รวนหนิงทำตาโต


 


ฟางฉีแขวนเหรียญโทเค็นไว้ที่ประตู “สมาคมเกมเชื่อมต่อสวรรค์!”


 


“ชื่อแปลกมาก! ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย!” รวนหนิงทำหน้าประหลาดใจ “เจ้าแน่ใจแล้วหรือว่าไม่ได้ถูกหลอก! เจ้าเข้าร่วมกองกำลังขนาดเล็กหรอ?”


 


ซูโมตอบงุ่มง่าม “ศิษย์พี่รวน .. มันเป็นสมาคมที่หัวหน้าสร้างขึ้นเอง ..”


 


“เขาสร้างเองหรอ!?” กรามรวนหนิงค้าง


 


ข้าบอกให้เจ้าเข้าร่วมกองกำลังหรือสมาคมเพื่อปกป้องตัวเอง แต่เจ้าดันสร้างมันขึ้นมาเองงั้นหรอ!?


 


นี่เจ้าโง่หรือโง่!


 


“ไม่ต้องแปลกใจหรอก!” ฟางฉีนั่งลงในร้าน “ข้าฆ่าบางคนในกลุ่มปีศาจดำเพื่อสร้างอำนาจ พวกเขาเลือกที่จะท้าทายและแอบปล้นข้า สงสัยจะเบื่อกับการมีชีวิตอยู่ละมั้ง!”


 


“อะไรนะ!?” รวนหนิงอึ้งแล้วอึ้งอีก “เจ้าเอาความกล้ามาจากไหน ถึงได้ฆ่าคนจากกลุ่มปีศาจดำ!?”


 


ซูโมรายงานเหตุการณ์ทั้งหมด “หัวหน้าปล่อยหนึ่งในนั้นให้นำสารไปบอกกลุ่มใหญ่ พวกเรายินดีต้อนรับหากพวกเขาคิดจะกลับมาท้าทายและสร้างปัญหาให้สมาคมของเรา!”


 


“เฮ้ .. ปีศาจดำนี่แข็งแกร่งมากหรอ?”


 


“พวกเจ้าเสร็จแน่!” รวนหนิงทำหน้าหมดหวัง “จากนี้ไปข้าจะไม่รู้จักพวกเจ้าอีก ลาละ!”


 


“ถึงเจ้าจะรู้จักหรือไม่รู้จักยังไงข้าก็ไม่ให้ส่วนลดหรอก!” ฟางฉีตะโกนขณะที่เธอเดินดุ่มออกจากร้านไป


 


รวนหนิงสะดุดจนเกือบลม “ใครจะไปกล้าเล่นร้านเกมเจ้า ไม่เห็นมีใครสักคน!”


 


“นี่ท่าน .. ร้านค้าของท่านทำอะไรหรือ?” ห่อนที่รวนหนิงจะเดินถึงร้านหรือบ่นอะไรมากไปกว่านี้ เธอเห็นผู้ฝึกฝนประมาณสี่คนเดินไปหน้าร้านและมองด้วยความอยากรู้อยากเห็น “เอ่อ .. มันดูแปลกๆ”


 


รวนหนิงปิดปากทันทีเธอไม่ต้องการจะพูดถึงร้านของฟางฉีเท่าไรนักในเวลานี้


 


เธอเดาว่าคงมีแต่คนโง่เท่านั้นแหละที่จะกล้าเข้าร้านนี้!

 

 

 


ตอนที่ 237

 

“ท่าน! ร้านค้าของท่านทำธุรกิจอะไรหรือ?” ผู้ปลูกฝังผู้มีนามว่าหวังชานเอ่ยถาม เขาเป็นนักธุรกิจใหญ่มีการติดต่อทั้งสิ่งที่ถูกกฏหมายและไม่ถูกกฏหมายตามแล้วแต่การติดต่อของในแต่ละงาน


 


แน่นอนว่าโลกนี้ไม่มีความแตกต่างกันเท่าไรระหว่างกองกำลัง สมาคมหรือองค์กรต่างๆ ส่วนมีทั้งดีและไม่ดีปนกันไป


 


หวังชายสวมชุดสีเทาลวดลายหินเหล็กเฉพาะตัว ส่วนชายวัยกลางคนข้างๆ เขาสวมเสื้อคลุมสีดำถักทอมือมีลวดลายเฉพาะของกลุ่มผู้พิทักษ์ตระกูลหวังชีมีนามว่าซากุรูปร่างหน้าตาเขามีความแปลกเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวเล็กน้อย


 


ในฐานะนักธุรกิจที่ชาญชลาดหวังชายมีความสนใจในสิ่งแปลกใหม่ตลอดเวลา เมื่อเขาเห็นสิ่งที่ดูผิดปกติในร้านของฟางฉีเขาเดินพุ่งเข้ามาด้วยความอยากรู้อยากเห็น


 


นอกจากนี้เขาเองไม่ใช่คนท้องถิ่นและไม่มีความคุ้นเคยกับกองกำลังหรือสมาคมที่ซับซ้อนมาก่อน ที่นี่เมืองครึ่งมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เนื่องจากสายตาของเขาได้สะดุดกับเหรียญโทเค็นจากสำนักงานมังกรม้วนเขาจึงมั่นใจและอยากจะลองมาที่นี่ดู


 


ฟางฉีชี้ไปที่ชื่อเกมเจ้ากระบี่ขั้นเทพที่ถูกเขียนไว้บนกระดานดำ “หากพวกท่านต้องการเล่นเกม กรุณาจ่ายเงินก่อนและข้าจะบอกคำแนะนำว่าต้องทำอย่างไรต่อไป”


 


ซากุทำหน้าเหนื่อยหน่ายเขาพูดด้วยเสียงแข็ง “อะไรกัน? ถ้าข้าจะทำอะไรสักอย่างข้าจะทำเมื่อมันคุ้มค่ากับเงินที่เสียไป!”


 


ฟางฉีเคาะตามคำบนกระดาน [ถ้าเล่นก็เล่นไม่เล่นก็ออกไป]


 


“เจ้า ..” เขาทำหน้าตกใจ


 


“ผู้พิทักษ์ซากุ!” หวังชานเอ่ยเรียก สำหรับนักธุรกิจอย่างเขาแล้วจะคริสตัลโหลหรือมากกว่านั้นก็ไม่ได้ทำให้ขนหน้าแข้งล่วงไปได้เลยเขาจะรู้สึกแย่กว่าหากทำมันหาย แต่นี่ได้ลองสิ่งแปกลๆ มากมายที่นี่เราจะไม่เข้าใจหากไม่ได้ลองด้วยตัวเอง!


 


ดังนั้นเขาจึงส่งคริสตัลให้กับฟางฉี “ข้าจะลอง!”


 


“มีคนยอมจ่าย ..” รวนหนิงเดินไปต่อเมื่อเธอเห็นว่าพวกเข้าเดินเข้าไปในร้านของฟางฉี เธอรู้สึกประหลาดใจและยินดีในเวลาเดียวกันที่มีคนลองเล่นเกม


 


ในความเป็นจริงเธอเองก็สงสัยเกี่ยวกับสิ่งของในร้านของฟางฉีเช่ยกัน .. เธอแอบคิดว่ามันน่าจะเป็นอะไรที่ราคาสูงและไม่ได้ดีอย่างที่โฆษณา!


 


เป็นไปได้มั้ยว่าของเขาดีมากจนไม่ได้กังวลเกี่ยวกับธุรกิจอย่างที่ท่าทางของเขาเป็น .. เธอเดินเข้ามาและจ้องมองจากด้านหลังโดยไม่รู้ตัว


 



 


ในเวลาเดียวกันฟางฉีก็ได้ยินเสียงข้อความใน QQ ดังขึ้น ปิ๊ปๆ


 


เนื่องจากคนที่จิวหัวไม่สามารถติดต่อเขาได้ทางปกติ QQ จึงเป็นสิ่งเดียวที่พวกเขาใช้ติดต่อกันระหว่างคนในร้านกับฟางฉี โชคดีที่ตอนนี้ฟางฉีเปิดมันพอดีเขาจึงมองไปที่ข้อความ


 


[ท่าน! เกมใหม่นั่นเกมอะไร? ทำไมไอคอนรู้มังกร! ทำไมเราไม่เห็นได้เล่นมันบ้าง] หลินเซียว


 


[หัวหน้า! พวกเขาต้องการเล่นเกมใหม่ที่มีชื่อว่าเจ้ากระบีี่ขั้นเทพ ข้าจะเปิดใช้งานมันให้พวกเขาได้อย่างไร?] เจียงเสี่ยวหยู


 


[ท่านเปิดใช้งานเกมเจ้ากระบี่ขั้นเทพมีราคาเท่าไร?]


 


[…]


 


ฟางฉีตอบกลับเสี่ยวหยู [เพิ่มข้อมูลบนกระดานดำ เดี๋ยวข้าส่งให้]


 


เจียงเสี่ยวหยูที่กำลังเพลินกับเซียนกระบี่พิชิตมาร ได้ยินเสียงปิ๊ปเตือน


 


“เสียงปิ๊ปๆ จากไหน QQ หรอ?” เธอเล่นเกมเพลินจนไม่รู้ตัว เธอพบว่า QQ สามารถใช้ได้แม่ว่าเธอจะเล่นเกมอยู่ก็ตาม


 


“สุดยอด! มันสะดวกมาก!”


 


เธอตอบกลับทันที [รับทราบ!] เธอรีบวิ่งกลับไปที่เคาน์เตอร์ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มพร้อมตะโกนว่า “ข่าวดี! วิธีเปิดใช้เกมใหม่อยู่ที่นี่แล้ว!”


 


“เกมใหม่?”


 


“เปิดใช้งาน!?”


 


ลูกค้าหลายคนที่กำลังเล่นเกมหันมองเธอ พวกเขาปิดการสื่อสารจากภายนอกจึงมีท่าทางงงๆ กับสิ่งที่เธอเอ่ยเล็กน้อย ..​ในไม่ช้าผู้คนกลุ่มเล็กๆ ในเมืองจิวหัวก็ได้เข้าสู่โลกของเกมใหม่


 



 


ขณะเดียวกัน ณ ร้านค้าในประเทศเมืองครึ่ง


 


เนื่องจากเทคโนโลยี VR ที่ระบบสามารถเชื่อมต่อกับเกมได้ นั่นจึงทำให้สิ่งต่างๆ สะดวกขึ้นสำหรับฟางฉี แตกต่างจากเวอร์ชั่นดั่งเดิม ที่มีแค่คีบอร์ดและเม้าส์ไว้สั่งการ


 


พล็อตเรื่องมีหิวกลมสามแห่ง ณ ที่มืด แต่ละแท่นเป็นรูปปั้นตัวละคร หากผู้เล่นคลิกเข้าไปที่รูป จะปรากฏตัวละครแต่ละตัวที่ถูกละลายเผยให้เห็นใบหน้า


 


อาชีพต่างๆ ดูจากลักษณ์แทบไม่ต้องอธิบายให้มากมาย ฟางฉีเพียงแค่ให้คำแนะนำเล็กน้อยส่งผลให้พงกเขาเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว


 


หวังชานเลือกอาชีพของเขาอย่างรวดเร็ว นักเวทย์ .. จากนั้นเขาเข้าสู่เกม


 


ทันทีที่เขาสวมชุดหูฟัง VR และเข้าเกมหวังชานรู้สึกประหลาดใจและพบว่าเขาได้เปลี่ยนเป็นบุคคลอื่น จากคนธรรมดาแต่อยู่ในชุดเสื้อผ้าที่ทำจากผ้าฝ้าย!


 


ด้วยความตกใจโดยไม่ทันตั้งตัวเขาออกจากเกมทันที .. หลังจากถอดหูฟังออกและมองไปรอบๆ พบว่าเขาก็ยังคงเป็นตัวเอง!


 


เขาเริ่มเข้าใจแล้วว่านี่เป็นเพียงแค่ภาพลวงตาที่ถูกสร้างขึ้นทั้งหมด!


 


“น่าทึ่ง!” หวังชานเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว .. ร้านนี้พิเศษมาก!


 



 


ขณะเดียวกัน ณ เมืองจิวหัวหลายคนเริ่มเล่นเกมใหม่ด้วยความตื่นเต้น


 


เกาซงที่ยืนอยู่หน้าหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง ตัวเขาได้เปลี่ยนเป็นนักรบหนุ่มที่ถือดาบไว้ในมือ เขากำลังมองหาสัตว์ประหลาดหน้าทางเข้าหมู่บ้าน


 


“ศิษย์พี่เกา นี่มันเกมอะไร?” ซีฉีและเพื่อนอีกคนที่เพิ่งเปิดใช้งานคอมพิวเตอร์มองอย่างสงสัย


 


“เกมใหม่ เจ้ากระบี่ขั้นเทพ” เกาซงตอบ


 


“ดีมั้ย?”


 


“ข้าเพิ่งเริ่ม” เกาซงกล่าว “ข้ารู้สึกว่าอาชีพคล้ายๆ Diablo แต่มีความเข้าใจง่ายกว่า นอกจากนี้ ..”


 


เขาไล่หุ่นไล่กาและเจาะมัน “มันง่ายกว่าเราสามารถฆ่าสัตว์ประหลาดได้ ไม่ต้องรอให้ถึงหรืออยู่ในระดับเดียวกับมันก็สามารถต่อสู้ได้”


 


“ฟังดูดี” ซีฉีและคนอื่นๆพยักหน้า “งั้นท่านลองก่อน ข้าขอคิดดูก่อนละกันว่ามันสมควรมั้ย”


 



 


ณ คาเฟ่ในประเทศเมืองครึ่ง


 


“ข้าสามารถเพิ่มพลังการโจมตีหลังจากการฝึกฝนโดยการฆ่าสัตว์ประหลาด! แม้แต่เป็ดไก่ธรรมดาก็นับว่าเป็นสัตว์ประหลาด!” หวังชานรู้สึกประหลาดใจ จากนั้นเขาก็ไล่กวาเพวกเหล่าสัตว์หรือหุ่นไล่กา


 


คาเฟ่แห่งนี้ทำให้เขาประหลาดใจอย่างมาก


 


สิ่งที่เขาได้เห็นและสัมผัสมันมีค่ายิ่งกว่าสิบครัสตัลที่เขาจ่ายไป .. ในฐานะนักธุรกิจที่ชาญฉลาดเขาเชื่อว่ามันเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น ความน่าประหลาดใจยังไม่สิ้นสุดแน่นอน


 


ระดับของเขาในตอนนี้ เขาเริ่มเรียนรู้เทคนิคแรกคือ ลูกบอลไฟ


 


ขณะนี้ผู้คนจำนวนมากเริ่มปรากฏตัวขึ้นนอกหมู่บ้าน


 


หวังชานกำลังต่อสู้กับปีศาจแมว เห็นได้ชัดว่าปีศาจแมวเหล่านี้มีพลังมากกว่าสัตว์ตัวอื่นๆ ทั้งความเร็วและการโจมตีที่ดุเดือด!


 


เขาเว้นระยะห่างเพื่อขว้างลูกบอลไฟโจมตีปีศาจแมวอย่างระมัดระวัง จากคาถาที่เขาเพิ่งได้เรียนรู้เขารู้สึกว่าเหมือนเพิ่งได้เริ่มต่อสู้กับศัตรูเป็นครั้งแรก!


 


เขาได้รับค่าประสบการณ์และกำจัดปีศาจแมวสำเร็จ “ข้าได้รับความแข็งแกร่งจากการฝึกฝนโดยฆ่ามัน!”


 


หลังจากการตายของปีศาจแมวเขาสัมผัสได้ว่ากำลังการพัฒนาของเขาเพิ่มขึ้น


 


“ข้าต้องารฆ่าปีศาจแมวจำนวนมาก!” เขารู้สึกตื่นเต้นกับการค้นพบในครั้งนี้ เมื่อเขาพบปีศาจแมวมันรีบวิ่งพุ่งเข้าหาเขาทันที


 


“มีคนกำลังพยายามแย่งมันไปจากข้า!” เขามองดูด้วยความโกรธเล็กน้อย แมวนั้นคือความแข็งแกร่งและค่าประสบการณ์ของข้านะ!


 


“มีคนกล้ามาแย่งแมวของข้า .. เจ้ากำลังมองหาความตาย!”


 


ด้วยความหัวร้อนเขาขว้างลูกไฟใส่คนๆ นั้นทันที!

 

 

 


ตอนที่ 238

 

เกมนี้สามารถฆ่ากันหรือป้องกันตัวจากการถูกโจมตีได้ มันมีทั้งสกิลป้องกันตัวเองและช่วยเหลือเพื่อนในทีม สำหรับผู้เล่นที่มีทักษะและการควบคุมที่ไม่เชี่ยวชาญ พวกเขาหวังเพียงว่าการเล่นเกมนี้จะไม่สร้างปัญหาเดือดร้อนให้ตัวเองเท่านั้น


 


เมื่อหวังชานเริ่มเรียนรู้คาถาจิตวิญญาณสกิลแรกที่เขาได้เรียนรู้เรียกว่าลูกบอลไฟหรือลูกไฟ


 


“ข้าพลาด!” เมื่อโจมตีพลาดเขาจึงใช้มันอีก


 


ตู้ม! ตู้ม!


 


ลูกไฟลูกสองระเบิดด้านหลังของนักรบที่อยู่ในเกมคนนั้น เห็นได้ว่าเขาสะดุดล้มเสื้อผ้าข้างหลังของเขาถูกไฟลุกไหม้!


 



 


ณ เมืองจิวหัว


 


เกาซงเองก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าเกมนี้มันสนุกกว่าเกมอื่นๆ ที่เขาเคยเล่นหรือไม่ แต่เขาเลือกที่จะจ่ายไปแล้สวดังนั้นเขาจึงต้องฝึกให้หนักที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อให้คุ้มค่าและเพิ่มความแข็งแกร่งในการฝึกฝน ท้ายที่สุดเขาเองไม่ใช่คนที่ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำยังพอเอาดีได้อยู่บ้าง


 


ข้าหวังว่าจะมีสิ่งแปลกใหม่ในเกม ขณะที่เขากำลังคิดอยู่นั้นเขาเห็นปีศาจแมวโผล่มาเขาจึงรีบโจมตีมันอย่างรวดเร็ว!


 


ก่อนที่จะจัดการเจ้าแมวจู่ๆ ลูกไฟสองลูกก็ระเบิดกลางหลังของเขา!


 


เมื่อเกาซงหันหลังกลับไปมองพบชายวัยกลางคนสวมใส่เสื้อผ้าที่ทำจากผ้าฝ้ายดิบ ชายคนนี้ถือไม้เท้าไว้ในมือข้างหนึ่งและชายคนนั้นยังคงยิงลูกไฟอย่างต่อเื่องและมันกำลังพุ่งตรงมาที่เขา!


 


“ชิบ!” ด้วยความเจ็บปวดจากลูกไฟ เกาซงจึงเอียงร่างกายเพื่อหลบลูกที่กำลังพุ่งมาทางเขา


 


“เอ่อ!” หวังชานรู้สึกหัวร้อนที่นับรบระดับต่ำหลบลูกไฟของเขาระดับผู้ฝึกฝนได้! แม้ว่าในเกมเขาจะยังอ่อนแอแต่เขาก็ไม่กลัวเพราะคู่ต่อสู้ของเขาเป็นเพียงแต่นักรบตัวเล็กๆ เขาจึงวิ่งออกไปข้างหน้าและขว้างลูกไฟออกไป


 



 


ณ คาเฟ่ในประเทศเมืองครึ่ง


 


พวกเขายืนเฝ้ามองดูการเล่นเกมอยู่ข้างหลังหวังชาน ขณะที่หวังชานค้นพบเอกลักษณ์และความสนุกของเกม แต่คนที่กำลังจับตามองกับรู้สึกงงงวยกับสิ่งที่ได้เห็น


 


ชายคนนี้เล่นเกมเป็นคนอื่นหรือ? รวนหนิงรู้สึกไม่เข้าใจเธอมองไปรอบๆ ร้านแต่ก็ไม่พบผู้เล่นคนอื่นนอกจากเขา หมอนี่มากจากไหน?


 


ฟางฉีจ้องหน้าจอและรู้สึกตลกเล็กน้อยเมื่อเห็นมือใหม่สองคนกำลังต่อสู้กันด้วยดาบไม้


 


“นั่นคือผู้เล่นจากร้านค้าอื่น” ฟางฉีอธิบาย


 


“ร้านอื่น?” ชายวัยกลางคนผู้สวมชุดสีเทาถามย้ำด้วยความประหลาดใจ “ดูเหมือนว่าเจ้าจะมีธุรกิจใหญ่!”


 


ขณะเดียวกันหลายคนก็กำลังพูดคุยกันว่าผู้เล่นเหล่านี้มาจากที่ใดในประเทศเมืองครึ่งหรือเปล่า ..


 


เกาซงรู้สึกไม่ดีนักตอนนี้เขากำลังอยู่ในสถานะการณ์ที่ดูเสียเปรียบ แมวปีศาจที่เขาไล่ตามในตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นตัวเลือกที่ไม่เหมาะสมในเวลานี้ ..


 


ปัง! ไอเทมต่างๆ เช่นเนื้อกวางที่เขาตามล่าและดาบไม้ของเขาตกลงจากตัว .. เมื่อเขาตาย


 


“ฮ่าๆๆ เจ้ากล้าที่จะต่อกรกับพ่อของพ่อเจ้าหรอ!“ หวังชานฆ่าปีศาจแมวตาย เขาเหยียบบยศพเกาซงและพูดเย้ยหยันว่า “นักรบที่อ่อนแออย่างเจ้ากล้าแย่งแมวของข้างั้นหรอ!? เจ้ากำลังมองหาความตาย!”


 


จากนั้นเขาหยิบสัมภาระที่ตกบนพื้นขึ้นมา แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าพวกมันเป็นเนื้ออะไรและสามารถนำไปทำอะไรได้ แต่เขาก็เก็บมาเพราะคิดว่ามันน่าจะสามารถนำไปขายเป็นเงินได้!


 



 


ณ เมืองจิวหัว


 


“บ้าเอ้ย!” เกาซงตะโกนและทุบโต๊ะ เขากำลังฆ่าสัตว์ประหลาดของเขาและเก็บค่าประสบการณ์ แต่ดันมีคนโจมตีเขาโดยการปาสกิลลูกไฟใส่และยืนบนร่างของเขาหลังจากเขาตาย


 


มันมากเกินจะทน!


 


ถัดไปจากเขาคือซีฉีที่ได้ยินเสียงสบถของเกาซง “ศิษย์พี่ซงเกิดอะไรขึ้นหรือ?”


 


“ข้าตายและของตกหมด” เกาซงตอบด้วยความโกรธ


 


“รีบกลับไปเก็บของสิ!” ผู้เล่นที่เล่น Diablo สามารถย้อนกลับมาเก็บของได้หลังจากถูกฆ่า


 


“ไม่! ข้าถูกฆ่า!” เกาซงพูดอย่างดุเดือด “ชายคนนั้นเก็บของข้าไปแล้ว เขากำลังเยาะเย้ยข้า!”


 


“ไม่! ข้าต้องกลับไปจัดการ!”


 


“นี่ ..” ซีฉีและคนอื่นๆ มองหน้าด้วยความงงงัน สงสัยว่าเขาจะถูกคนอื่นฆ่าได้อย่างไรในเมื่อเขาเล่นเกมอยู่คนเดียว


 


พวกเขาเริ่มสังเกตเกมของเกาซงอย่างระมัดระวัง


 


ในเกมเกาซงกำลังจะออกไปนอกเมืองเพื่อตามหาฆาตกรที่ทำร้ายเขา เขารู้ว่าเขาไม่มีอาวุธ เขาเลือกที่จะขายเนื้อไก่และกว้างในกล่องเก็บของและซื้อดาบไม้พร้อมยาสองขวดก่อนจะรีบออกไปอย่างรวดเร็ว


 



 


คาเฟ่ ณ ประเทศเมืองครึ่ง


 


“นั่น เขายังไม่ตายอีกหรือ!?” หวังชานรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย หลังจากคิดไปเขาก็เข้าใจว่ามันเป็นคุณสมบัติของสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณ เขาพูดด้วยน้ำเสียงชั่วร้าย “เจ้ากล้ากลับมา ข้าก็จะฆ่าเจ้า!”


 


คราวนี้เกาซงยืนสงบนิ่งอย่างเห็นได้ชัด ไม่มีสัตว์ประหลาดให้เขาไล่ตาม การเคลื่อนไหวของเขามั่นคงและรวดเร็วเขาก้าวไปข้างหน้าหลบลูกไฟของฝ่ายตรงข้ามและไล่ตามหวังชาน!


 


หวังชานสร้างลูกไฟขึ้นมา .. ตู้ม!


 


ลูกไฟระเบิดบนไหล่ของเกาซง เขาถูกบังคับให้ต้องสตั้นลง หวังชานยังคงวิ่งต่อไปในพร้อมกับยิงลูกไฟออกไป หวังชานผู้มีประสบการณ์มากยังคงร่ายเวทย์อย่างไม่หยุด การโจมตีในระยะห่างของเขายอดเยี่ยม


 


เกาซงที่กำลังวิ่งตามมาอย่างกระชั้นชิดดื่มยาหนึ่งขวด .. แต่ไม่ทันเลือดของเขากลับไปเป็นศูนย์อีกครั้ง


 


ตู้ม!


 


เขาตายลงและของยังคงตกเช่นเดิม


 


หวังชานพูดด้วยความเหยียดยามพร้อมเลือดน้อยๆ ของเขาว่า “ขยะ! เจ้าฆ่าพ่อของพ่อเจ้าไม่ได้หรอก!”


 


คาเฟ่ ณ จิวหัว


 


ซีฉีและคนอื่นๆ ที่กำลังรับชมจากด้านหลังอ้าปากค้างที่เห็นผู้เล่นสามารถเล่นได้แบบนี้


 


“แม่ง!” เกาซงโกรธแค้นทันที


 


“เจ้าต้องการความช่วยเหลือมั้ย? ศิษย์พี่เกา ..”


 


“มา! พวกเจ้ามาช่วยกัน!” เกาชงระเบิดความโกรธ


 


“ไป! เปิดเกมกันเถอะ” ซีฉีและน้องสาวของเขาซีเซียวหยุนเปิดใช้งานเกมทันที


 


… หนึ่งชั่วโมงต่อมา


 


“ชิบ!” ร่างกายของหวังชานตอนนี้เต็มไปด้วยบาดแผลและเลือดไหลซิบๆ พร้อมนักรบทั้งสามที่กำลังวิ่งไล่เขา


 


“เจ้าทั้งสองมาช่วยจ้าที!” เขาตะโกนเรียกผู้พิทักษ์ที่มากับเขา


 


ชายทั้งสองคนถูกล่อลวงเมื่อได้ยินว่าเกมสามารถเพิ่มจุดแข็งทางการฝึกฝนของเขาได้ หวังชานเรียกพวกเขาเพื่อขอความช่วยเหลือ “มา พวกเจ้ามาช่วยข้าที!”


 


“อ่าาาาา” ไม่ทันที่พวกเขาจะเข้าสู่เกม หวังชานถูกฆ่าตายเสียก่อน ของที่เขาหามาได้ตกลงบนเพื่อนและลดลงอย่างเห็นได้ชัด


 


“ขยะ! ทีนี้เจ้ายังกล้าจะฆ่าคนอีกหรือไม่!” เกาซงหอบเขาเหยีบบนร่างของหวังชาน


 


“ช่างมัน!” หวังชานรู้สึกโกรธทันที “ข้าถูกเจ้าสามคนฆ่า!”


 


เขาวางชุดหูฟัง VR ลงบนโต๊ะและเกือบเอามือทุบโต๊ะด้วยความโมโห .. เขามองไปรอบๆ “ใครมันกล้าฆ่าข้า ออกมาสิ!” แต่เขาก็ไม่เห็นใครนอกจากคนที่ยืนมองเขาเล่น


 


“เจ้าฆ่าเขาก่อนและตอนนี้ก็มาโกรธคนที่ฆ่าเจ้า!?” รวนหนิงพึมพำ “ข้าได้ยินเจ้าของร้านบอกว่าที่นี่เป็นร้านใหม่และผู้เล่นอื่นอยู่ที่ร้านอื่นไกลจากที่นี่มาก”


 


หวังชานกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจนัก “ผู้พิทักษ์ทั้งสอง! ข้าไม่เคยถูกหยามขนาดนี้มาก่อน! เขากล้าที่จะสบถใส่ข้าและเหยียบบนร่างของข้า พวกเจ้าต้องช่วยข้าฆ่าพวกเขา!”


 


ทั้งสองหัวเราะ “ไม่ต้องกังวลไป ข้าจะช่วยเจ้าอย่างดีที่สุด!”


 


หลังจากเข้าเกมข้างกายของหวังชานในตอนนี้มีนักรบและนักเวทย์ทั้งสองคนอยู่ในระดับหนึ่ง พวกเขาสวมเสื้อแจ็คเก็ตสั้นทำจากผ้าฝ้ายดิบและพูดด้วยน้ำเสียงชวนปลุกใจ “ไปกันเถอะ! เจ้านั่นที่ต้องการให้เราฆ่าอยู่ที่ไหน!?”


 


หวังชานเกือบสติแตกเนื่องจากความโกรธ เขาลูบหน้าผากและพูดว่า “พวกเขา .. ต้องเก็บค่าประสบการณ์ก่อน!”


(ผู้แปล : เพื่อให้เข้าใจยิ่งขึ้นขออนุญาตเปลี่ยนจากคำว่าค่าประสบการณ์เป็นเลเวล ปล.ที่ใช้ค่าประสบการณ์เพราะคิดว่าน่าจะเข้ากับยุคนั้น)

 

 

 


ตอนที่ 239

 

เวลาเดียวกันแทนที่ฟางฉีจะเสียเวลาเฝ้าดูการเล่นของมือใหม่ เขาหันกลับไปที่คอมพิวเตอร์ของเขาและเปิดเกมเจ้ากระบี่ขั้นเทพของตัวเอง


 


รวนหนิงเดินตามมาทางเขาและเอ่ยถาม “ท่าน! เกมนี้นี่มีพลังมากพอที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งในการฝึกฝนได้เลยหรอ?”


 


เธอได้เฝ้าดูและสังเกตเกมว่ามันสามารถฆ่าคนหรือสัตว์เพื่อรับไอเทมได้ แต่การเพิ่มความแข็งแกร่งตามที่หวังชานกล่าวนี่มันจริงหรือ? เธอคิดในหัว


 


สำหรับเธอแล้วการต่อสู้บางอย่างเป็นเพียงการสร้างสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมเท่านั้น


 


“ใช่!” ฟางฉีตอบรับ “เจ้าไม่ได้ยินหรอ?”


 


“แน่นอน ข้าได้ยินพวกเขา!” รวนหนิงพูดพลางเอามือเท้าเอวสวยๆ ของเธอ “และข้าก็ยังได้ยินอีกนะว่าพลังการฝึกฝนในเกมของพวกเขาโตขึ้นอย่างรวดเร็ว!”


 


“แม้ว่าข้าจะยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ข้ารู้สึกประหลาดใจที่เจ้าแสดงมันออกมาและให้ทุกคนได้สัมผัส เจ้ากล้าแบ่งปันความแข็งแกร่งแบบสบายๆ อย่างนี้ได้อย่างไร!?”


 


“ข้าเขาใจหลักการและสิ่งที่เจ้าพูดนะ” ฟางฉีกล่าว “ว่าแต่เจ้าต้องการเล่นเกมเจ้ากระบี่ขั้นเทพหรือไม่?”


 


รวนหนิงรู้สึกหัวของเธอกำลังจะระเบิด เพราะเมื่อเธอพูดอะไรกับผู้ชายคนนี้ไปเหมือนเขาไม่รับรู้อะไรราวกับว่าเธอกำลังสีซอให้หมาฟัง


 


“ไม่! ข้าไม่ต้องการ!” รวนหนิงพูด “ข้าจะไม่ช่วยหากมีคนมาปล้นเจ้า!”


 


อย่างไรก็ตาม … ความคิดในหัวของเธอก็ยังคงวกเวียนวนอยู่ดี เจ้าหนุ่มนี่สามารถฆ่าคนจากกลุ่มปีศาจดำได้ เขาจะต้องแข็งแกร่งมากแน่ ..


 


“ลืมมันซะ! มันไม่ใช่ธุรกงการอะไรของข้า ดังนั้นข้าไม่จำเป็นต้องไปกังวล!” เธอเดินกลับไปที่ร้านของเธอสายตาเหลือบไปเห็นร่าง


ที่ทำลับๆ ล่อๆ ในร้านของเธอ “เฮ้! เจ้ากล้ามาขโมยของจากร้านข้า ข้าจะฆ่าเจ้าซะ! หยุดนะ!”


 



 


เกมเจ้ากระบี่ขั้นเทพเวอร์ชั่นที่ระบบสร้างขึ้นไม่มีช่องทางการสื่อสาร แต่ QQ เป็นสิ่งเดียวในตอนนี้ที่จะสามารถใช้สื่อสารและพูดคุยกันได้ทุกที่ทั่วโลก


 


ในขณะนี้ฟางฉีเปิด QQ และเห็นว่างเจียงเสี่ยวหยูยังคงออนไลน์อยู่


 


[เสี่ยวหยู เล่นกับเกมกันมั้ย?]


 


[??…] เมื่อฟางฉีเห็นอิโมจิหน้ายิ้มเรียงกันเป็นแถว เขารู้สึกแปลกใจเล็กน้อย


 


“อะไรวะนั่น!?”


 


“ฮ่าๆๆๆ ..” อีกด้านหนึ่งเจียงเสี่ยวหยูนั่งหัวเราะอย่างหนักจนท้องแข็ง


 


[หัวหน้า ท่านไม่คิดว่าอิโมจิหน้านี้มันตลกหรอ? ข้ารู้สึกขำทุกครั้งที่เห็นมัน!]


 


[ดูนี่หน้าตาเหล่ยิ้มของฉัน] ฟางฉีส่งหน้าตลกๆ ถึงเธอ [เล่นมั้ย?]


 


[เกมไหน?] เจียงเสี่ยวหยูถาม [ท่านหมายถึงเกมใหม่ที่ชื่อว่าเจ้ากระบี่ขั้นเทพน่ะหรอ? ข้ารู้สึกมันก็ธรรมดาๆ เมื่อเทียบกับเกมอื่นๆ]


 


[เอาละ ข้าจะเล่น!] เธอยอมเล่นหากเป็นคำขอของฟางฉี


 


[ดีมากเสี่ยวหยูข้าจะเพิ่มโบนัสให้สิ้นเดือนนี้] ฟางฉียิ้มอย่างมีความสุข เขาเลือกโลลิน้อยมาไม่ผิดคนจริงๆ


 


“จริงหรอ!?” เจียงเสี่ยวหยูเกือบจะกระโดดด้วยความดีใจ เกมเจ้ากระบี่ขั้นเทพค่อนข้างต่างจาก Diablo สำหรับเธอเกมใหม่นี้ยังต้องใช้เวลาศึกษาอีกสักหน่อย


 


ส่วนด้านของฟางฉีนั้นเขาต้องการสร้างกิลด์การรวมคนและหาเพื่อนร่วมทีมจึงเป็นสิ่งสำคัญในเวลานี้


 


หลังจากเจ้าสู่เกมฟางฉีได้พิจารณามานานแล้วและสุดท้ายเขาก็เลือกอาชีพนักรบ แม้ว่าใจก่อนหน้าจะเขว่ไปทางอื่น แต่มันถือเป็นตัวเลือกที่ดีในก่อนต่อสู้แบบ PVP ในภายหลัง


 


แน่นอนเขาไม่รู้มาก่อนว่าระบบได้ทำการเปลี่ยนแปลงเวอร์ชั่นข้างในตัวเกมไปมากแค่ไหนและเขาเองเลือกตามความทรงจำครั้งเก่าที่เคยเล่นผ่านมา


 


[หัวหน้า! ข้าเลือกอาชีพไหนดี?] ฟางฉีที่เพิ่งสร้างตัวละครของเขาเสร็จได้รับข้อความจากเสี่ยวหยู


 


“เลือกลัทธิเต๋า!”


 


“ตกลง! ข้าก็คิดว่าลัทธิเต๋านั้นน่ารักดี” หน้าจอของเจียงเสี่ยวหยูตอนนี้ปรากฏร่างเด็กหญิงตัวน้อยในชุดของลัทธิเต๋าสีขาวพร้อมธนูบนหัวเธอ


 


[ข้าจะเอาอันนี้!]


 


ในไม่ช้าฟางฉีก็เห็นร่างเด็กสาวลัทธิเต๋าสวมชุดผ้าฝ้ายสีเทาอ่อน


 


“…” ฟางฉี


 


ขณะเดียวกันผู้คนจำนวนมากเริ่มเข้าสู่เกม ฟางฉีเองเห็นเต๋าหินเหล็กและซากุผู้พิทักษ์กำลังเดินทางออกจากหมู่บ้าน


 


“หวัง เจ้าอยู่ไหน?”


 


“ข้าไม่รู้!” หลังจากที่เขาตาย เขาได้เกิดใหม่ในเมืองเล็กๆ ที่แปลกตาไปจากเมืองเก่าหลังจากเดินทางออกจากเมืองทุกอย่างที่เขาเห็นในตอนนี้คือทะเลทราย


 


เขาไม่รู้ว่าหากฆ่าผู้เล่นคนอื่นตายตัวเองจะต้องไปเกิดใหม่ในเมืองชื่อแดง ซึ่งเมืองนี้ถูกสร้างขึ้นในรุ่นที่ระบบสร้างขึ้นเอง


(ผู้แปล : ในเกมเจ้ากระบี่ขั้นเทพนั้น หากใครฆ่าผู้เล่นอื่นหัวชื่อจะเป็นสีแดง สาเหตุที่เมืองเล็กๆ นี้ชื่อเมืองชื่อแดงเพราะผู้เกิดหัวแดง)


 


“รีบมา! เราอยู่ใกล้ระดับเจ็ดแล้ว!” เวลาเดียวกันเต๋าหินเหล็กและซากุกำลังเดินไปมาในหมู่บ้านและตะโกนคุยกัน


 


“ข้าเข้าใจแล้ว! แต่ข้าต้องหาข้อมูลเพิ่มก่อน” หวังชานเดินหายไป


 


“เจ้าจะมาหรือไม่?” ซากุใจร้อน


 


“ยามนั้นมีดาบด้วย ข้ายืมดาบเจ้าได้มั้ย?” ซากุถามยาม


 


ยาม NPC เมินเขา


 


“เฮ้! ทำไมเจ้าทำอะไรให้มันยาก!” คนจากหินเหล็กเต๋าบ่น


 


“ราคาเท่าไร? ข้าจะซื้อมัน!” เขาวางแผนที่จะนำมาฆ่าคนภายหลัง แต่ผู้คุมหรือยามก็ยังเมินและไม่สนใจในสิ่งที่มือใหม่พูดอยู่ดี


 


“ข้าต้องการมัน เจ้าทำให้มันเป็นเรื่องยากทำไม!” ซากุร่ายลูกไฟ


 


“อั๊ก!”


 


ฟางฉีที่เพิ่งถึงเพียงทางเข้าของหมู่บ้านพร้อมด้วยเจียงเสี่ยวหยูได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวน เขามองไปข้างหน้าพบว่ายามกำลังสับอย่างโหดร้าย .. ศพแยกเป็นสองส่วน


 


“บ้าเอ้ย! ข้าถูกฆ่า” ซากุโวยวาย


 


“เจ้ากำลังรนหาที่ตาย!” เต๋าหินเหล็กแสดงท่าทางโกรธแทน


 


“อ๊ากกก!” เสียงกรีดร้องเสียงที่สองตามมา พวกเขาต่างกลับไปเกิดใหม่ซ้ำแล้วซ้ำอีก


 


“อ๊ากกก!”


 


“อ๊ากกก!”


 


“หัวหน้ามีคนถูกฆ่าตรงนั้น ..​ เราจะไปช่วยพวกเขามั้ย?” เจียงเสี่ยวหยูชี้นิ้วพลางเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าสองคนกำลังพยายามโจมตียามเฝ้าหมู่บ้าน


 


“อย่าไปสนใจพวกคนปัญญาอ่อน!” ฟางฉีทำหน้าหน่าย


 


“เราทั้งคู่ถูกฆ่า! มันแข็งแกร่งจริงๆ” ซกุและเต๋าหินเหล็กร้องลั่นคาเฟ่


 


“ไปเรียกพวกมา!” หวังชานตะโกน “เมื่อข้าออกไปข้าจะไปจัดการกับคนที่ทำร้ายพวกเข้า”


 


“แต่ก่อนอื่นส่งข้อความและขอให้สมาชิกของตระกูลหวังมาที่นี่!” หวังชานเอ่ยชวน


 


“ใช่! พวกเรามีมากกว่าสิบคน ข้าเชื่อว่าพวกเราต้องเอาชนะได้!” พวกเขาเห็นด้วย


 


“ว่าแต่ พวกเจ้าทั้งสองตอนนี้อยู่ที่ไหน? เจ้าไม่ได้ตามข้ามาหรอกหรอ?” หวังชานรู้สึกงุนงงหลังจากเขาปรากฏตัวขึ้นในสถานที่ประหลาดๆ


 


“ปีศาจที่นี่มีจุดแข็งและการเพาะปลูกที่ดี” หวังชานหวังจะได้ฆ่าเหล่ามอนเตอร์เพื่อได้รับค่าประสบการณ์ที่เพิ่มขึ้น


 


“มันขึ้นเยอะกว่าปีศาจแมวเสียอีก” ในขณะนี้เขาพบภูเขาที่เต็มไปด้วยขุมทรัพย์ “ที่นี่เป้นของข้ามันลึกลับสุดยอดไปเลย!”


 


“พวกข้าจะไปยังที่ของท่านได้อย่างไร?”


 


“ข้าไม่รู้ .. ข้าตายแล้วก็ปรากฏตัวขึ้นที่นี่” หวังชานรู้สึกมีความสุขมากในตอนนี้เหมือนกับว่าสวรรค์ส่งที่นี่มาให้เขา


 


“เอางี้ พวกเจ้าทั้งสองไปตามสมาชิกของตระกูลหวังของเรามาเพื่อค้นหาเจ้าพวกฏง่ที่ฆ่าข้า ข้าจะฝึกซ้อมอยู่ที่นี่จนชำนาญ”


 


“ตกลง!”

 

 

 


ตอนที่ 240

 

ขณะที่พวกเขากำลังต่อสู้กับยามหน้าทางเข้าหมู่บ้านฟางฉีเองได้เดินผ่านและหยิบดาบเสื้อผ้าขึ้นมาและนำไปขายให้กับร้านค้า หลังจากซากศพจำนวนมากนอนกองกันกับเพื่อนซกุและเต๋าหินเหล็กพ่ายแพ้อย่างราบคาบเขาพึมพำ “ทำไมพวกเราไม่สามารถเอาชนะเจ้าบ้านี่ได้!”


 


“ลืมมันซะ! เขาเป็นเพียงยาวประจำหมู่บ้าน หากเราไม่ไปยุ่งกับเขาเขาจะไม่ฆ่าเรา!” เต๋าหินเหล็กกล่าว “อย่าไปเสียเวลากับเขาเลย”


 


เวลาผ่านไป ผู้เล่นพบว่าความแข็งแกร่งในร่างกายของเขาค่อยๆ เติมโตขึ้นเรื่อยๆ จากการฆ่ามอนเตอร์ มันช่างดีจริงๆ


 


การฆ่าสัตว์แค่ตัวหรือสองตัวยังไม่ทำให้รู้สึกเท่าไร แต่หลังจากการสะสมค่าประสบการณ์และเพิ่มระดับถึงสองสามครั้งนั่นทำให้ความแข็งแกร่งในการฝึกฝนของพวกเขาเพิ่มขึ้นรวดเร็วกว่าเกมอื่นมาก!


 


ณ​ คาเฟ่ในจิวหัว


 


“ช้าไม่มีเงินเอาไปซื้อยาเลย เจ้ามีมั้ย?” หลังจากเกาซงฆ่าสัตว์ประหลาดไปมากมาย เขาเพิ่งตระหนักได้ว่านอกจากยาจะหมดแล้วเงินก็ยังหมดอีกด้วย


 


หากเทียบกับเวอร์ชั่นดั่งเดิมแล้ว แม้ว่าผู้เล่นจะสามารถหลบหลีกการโจมตีด้วยความเทคนิคเฉพาะตัวของตนเองได้แล้วแถมยังใช้ยาน้อยกว่า แต่ในเวอร์ชั่นที่ระบบสร้างขึ้นทำการปรับให้ยาแม้จะขวดเล็กสุดก็ตามมีขนาดแพงขึ้นกว่ารุ่นดั่งเดิมอย่างมาก!


 


การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดส่งผลให้ในตอนนี้ .. เกาซงพบว่าเขาไม่มีปัญหาซื้อยา


 


“ไหนมาดูซิ!” ซีฉีและนักรบคนอื่นเริ่มรู้ตัวแล้วว่าพวกเขาเองก็ไม่มีเงินเช่นกัน


 


“เราต้องทำการตามล่าเนื้อสัตว์และขายมันเพื่อหาเงิน” พวกเขาเริ่มตั้งสติอย่างรวดเร็ว โดยไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องยาอีกต่อไป พวกเขาฆ่าไก่และกวางเพื่อเพิ่มเลเวลพร้อมหาเงินจากการขายเนื้อไปเวลาเดียวกัน


 


หากเลือกที่จะฆ่ามอนเตอร์เลเวลน้อย เวลก็จะขึ้นน้อยเงินก็จะน้อยตามซึ่งนี่เป็นส่วนหนึ่งสำหรับช่องทางการหาเงินและเวลขึ้นไว อย่างไรก็ตามแม้จะหาเงินได้มากเท่าใดก็ยังคงไม่พอเช่นเดิม


 


ขณะเดียวกันซากุและเต๋าหินเหล็กพวกเขากำลังพบปัญหาเดียวกันหลังจากที่เรียกรวมตัวคนในตระกูบหวังกว่าสิบคน


 


พวกเขาเองก็ไม่มีเงินที่จะซื้อยาและนั่นหมายความว่าพวกเขายังคงไม่สามารถฆ่าสัตว์ประหลาดที่ทรงพลังได้ ปัญหาที่ใหญ่กว่านั้นของซากุคือนักเวทย์ที่ไม่มีมานาจะตกอยู่ในอันตราย พวกเขาสามารถฟื้นฟูทั้งเลือดและมานาได้โดยการนั่งพักแต่นั่นใช่เวลานานพอควร!


 


“แล้วเราจะทำได้ไร?” ซกุถามด้วยความงงงวย “เราควรกลับไปล่าเนื้อกวางกันมั้ย?”


 


“ลำบากจริง ..” เต๋าหินเหล็กเดินทางมาถึงหมู่บ้าน เขาสังเกตเห็นหลายคนกำลังฆ่าสัตว์ป่า ดวงตาของเขาเปล่งประกาย


 


“เพื่อเงิน!!”


 


“ตกลง!” พวกเขารู้ว่าหากพวกเขาฆ่าคนของจะตกและเราก็สามารถที่จะสามารถเก็บของขึ้นมาได้ ชายสองคนมองหน้ากันอย่างร้ายกาจ


 


พวกเขาคิดว่าการฆ่าสัตว์ทีละตัวนั้นช้า! หากพวกเขาฆ่าผู้เล่นก็จะสามารถเก็บเนื้อที่ตกได้เสียเวลานั่งฆ่ากว่าจะได้ทีละชิ้น ทำแบบนี้พวกเขาก็จะรวยเร็วขึ้น!


 


ด้วยความคิดที่เปล่งประกาย พวกเขาจึงเริ่มฆ่าผู้เล่นที่กำลังฆ่าสัตว์อยู่ในตอนนี้ .. นั่นละพวกเขาได้รับของมากมาย!


 


ในฐานะผู้บัญชาการของเมืองจิวหัว ตอนนี้กงฮีก็กำลังเล่นเกมนี้เช่นกัน ตั้งแต่เขาเริ่มจนถึงตอนนี้ฝีมือเขาเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ เขากำลังไล่ล่ากวางป่าและเก็บเนื้อกวาง


 


ทันใดนั้นลูกไฟก็พุ่งออกมาจากด้านหลังต้นไม้​ .. เขาล้มลงจากนั้นนักรบเต๋าก็รีบวิ่งมาแทงเขาด้วยดาบไม้ทันที


 


“ใคร!? ใครมันกล้าแอบโจมตีข้า?” กงฮีกรีดร้อง แต่ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นมาสู้หัวเขาก็กระแทกเข้ากับลูกไฟอีกลูก เขารู้สึกงุนงงกับการโจมตีด้วยความแข็งแกร่งของลูกไฟส่งผลให้เขาล้มลงกับพื้นอีกครั้ง


 


“เนื้อมากมาย!” ผู้โจมตีทั้งสองรู้สึกตื่นเต้นเมื่อเห็นเนื้อสัตว์ทั่วพื้นหลังจากกงฮีตาย


 


“ผู้ชายคนนี้ต้องใช้เวลารวบรวมมานานแล้วเป็นแน่!”


 


“ฮ่าๆๆๆ ตอนนี้ทุกอย่างเป็นของเราแล้ว!”


 


“แม้ว่าเรายังไม่สามารถฆ่าพวกสัตว์ระดับสูงได้ แต่มันรู้สึกดีจริงๆ เมื่อได้ฆ่าพวกเขาแถมยังได้รับของขวัญอีก” พวกเขาหัวเราะ


 


“อ๊ากกก เนื้อของข้า!” กงฮีวางแผนที่จะสะสมเนื้อสัตว์จำนวนมากและขายทีเดียว อย่างไรก็ตามก่อนที่จะขายเนื้อดันกลับมาถูกฆ่าและต้องเสียเนื้อไปอีก


 


เขารู้สึกโมโหจนแทบกระอัก อยากจะบีบคอใครสักคนเพื่อระบายความในใจซะตอนนี้ ผู้เล่นที่อยู่ข้างๆ ได้ยินเสียงกรีดร้องอันน่าเศร้าของเขาถึงกับหันมาถามทันทีว่า “ศิษย์พี่กงเกิดอะไรขึ้น?”


 


“ข้าถูกสังหารโดยไอ้บ้าสองคน พวกมันเอาเนื้อกวางของข้าไป ของข้าที่สะสมมาแทบจะไม่เหลือ!” กงฮีทำหน้าเศร้าเล็กน้อย


 


“พวกเขาอยู่ที่ไหน!?” เพื่อนรวมทีมของเขาที่อยู่ในระดับเจ็ดรู้สึกอยากแก้แค้นแทนเขา


 


“เขากล้าฆ่าเจ้า พวกเขาสมควรตาย!”


 


กงฮีตอบกลับ “มาเลย ตามข้ามาออกไปฆ่าพวกมันเพื่อเอาของคืนกัน!”


 


ครั้งชั่วโมงต่อมาซากุและเต๋าหินเหล็กถูกห้อมล้อมไปด้วยกงฮีและเพื่อนร่วมทีมห้าคน แต่ใครจะรู้คนจากตระกูลหวังตามมาสบทบเกือบสิบคน!


 


“ลุย!” ซากุและคนอื่นๆ ตื่นเต้นที่ได้ฆ่า


 


“ชิบ!” หลังจากกงฮีและเพื่อนตาย พวกเขากลับไปเกิดใหม่ แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังคงสูยเสียของไปไม่น้อย พวกเขากรีดร้องด้วยความโกรธ “พี่น้องของเราในกองทัพจิวหัวอยู่ที่ไหน!? เรียกมารวมตัวที่นี่กันให้หมด พวกเราจะฆ่ามัน!”


 



 


อีกด้านหนึ่งเหล่านักฆ่าเดินวนไปที่หมู่บ้านพร้อมพูดว่า “พวกเราแต่ละคนมีเนื้อเต็มมือ คิดว่าเราจะได้เงินกันเท่าไร?”


 


“ฮ่าๆๆ พวกเราคงไม่ต้องกังวลเรื่องเงินสักพัก!” ซากุและเต๋าหิเหล็กเดินทางเเข้าไปในหมู่บ้าน ฟางฉีและโลลิน้อยก็กลับมาพร้อมพวกเขา


 


พวกเขาดูราวกับฆาตรกร .. ฟางฉีเลือกแสดงชื่อและพบว่าชื่อพวกเขาทั้งหมดเป็นสีแดง!


 


“หัวหน้า! เกมนี้ช่างลำบาก เราต้องฆ่าสัตว์เพื่อหาเงินและถึงจะซื้อยาได้” เจียงเสี่ยวหยูขมวดคิ้ว เงินในเกมแอบหายากเหมือนในชีวิตจริง


 


“อืม .. เราไม่ต้องฆ่าสัตว์ประหลาดเพื่อหารายได้” ฟางฉีอธิบาย


 


“เราทำอะไรได้อีก?”


 


ฟางฉีชี้นิ้วไปที่ซากุและเต๋าหินเหล็กเดินเข้ามาในหมู่บ้านพอดี “เสี่ยวหยู พวกเขากำลังจะส่งเงินให้เรา!”


 


เมื่อชายสองคนนี้เดินเข้ามาใกล้ทางเข้าหมู่บ้าน พวกเขาก็เห็นเงาดาบโค้ง ..​มันกระแทกใส่พวกเขา!


 


“อ๊ากกกกก!”


 


“อ๊ากกกกก!”


 


ด้วยเสียงกรีกร้องอันโหยหวนของรายอย่างล่วงสู่พื้น!


 


“ไปไปไป เงินอยู่ทนี่ ไปรับเงินเร็ว!” ฟางฉีถึงเจียงเสี่ยวหยูให้เธอรีบเดินไปหยิบสิ่งของที่อยู่บนพื้นทันที ยกเว้นสิ่งของชิ้นเล็กๆ ที่ไม่จำเป็น


 


หวังชานกำลังนั่งอยู่ในเมืองชื่อแดงเขาเองพยายามจะหาวิธีออกไปโดยไร้เงิน ทันใดนั้นเขาเห็นชายสองคนเดินออกมาตัวเปล่า แต่ยังคงเหลือชุดไว้ โชคดีที่ระบบยังคงเมตตามอบเสื้อผ้าให้ไม่งั้นคงจะเห็นอะไรเลยเถิดไปแล้ว


 


“ทำไมพวกเจ้าอยู่ที่นี่?”


 


“ข้าไม่รู้!” พวกเขาคร่ำครวญ


 


“เจ้ายามนั้นฆ่าเราและเอาของเราไป”


 


“เจ้ามีเงินบ้างมั้ย? ให้ข้ากู้เงินซื้อน้ำยาหน่อย!” หวังชานกล่าว


 


“เราไม่มีเงิน” พวกเขาเอ่ยเสียงโหยหวน


 


“เฮ้ .. แล้วพวกเจ้าเข้ามายังไง? บอกความจริงมา!” หวังชานทำหน้ามุ่ย


 


ณ เมืองจิวหัว


 


“รองผู้บัญชาการกง! พวกปัญหาอ่อนที่ฆ่าท่านอยู่ที่ไหน!?” คนประมาณสี่สิบคนตอนนี้พวกเขากำลังปิดกั้นทางเข้าออกหมู่บ้านด้วยท่าทางรุนแรงและแววตาที่คอยจับจ้อง

 

 

 


ตอนที่ 241

 

“เจ้าส่งแจ้งเตือนอะไรมาหรือเปล่า?” หลิวซานเดินโบกกระดาษในมือของเขา บนกระดาษปรากฏรูปดาบพร้อมด้วยสัญลักษณ์แปลกๆ สี่ตัว สัญลักษณ์ดั้งเดิมนั้นดูเบลอ


 


“ใช่แล้ว!” ผู้ปลูกฝังผ้าคลุมสีดำกล่าว “ซือซิเอ้อ ต้องการเงินและกำลังจากดูกั้น ข้าคิดว่าเจ้าหนุ่มนั้นจะต้องจ่ายให้เราหลังจากเหตุการณ์นี้”


 


“ตกลงพวกเราจะไปที่นั้นอีกครั้งในวันพรุ่งนี้!” หลิวซานมองภาพในมือ


 


“หัวหน้าหลิว ภาพนี้คือ ..”


 


“มันถูกส่งมาจากคนชั้นสูง” หลิวซานกล่าว “พวกเขาบอกว่าถ้าเราสามารถหาดาบในภาพหรือเพียงให้เบาะแส เราก็จะได้รับรางวัลมากมาย!”


 


“ดาบนี้คือสมบัติล้ำค่าหรือ!?”


 


“สมบัติอะไร?” หลิวซานตอกกลับเสียงดัง “เจ้าอยู่ห่างจากสิ่งนี้ซะ ถ้าเจ้าทำให้หัวหน้าโกรธเจ้าถูกโยนลงเตาหม้อน้ำอมฤตเพื่อเป็นส่วนผสมแน่!”


 



 


ขณะเดียวกันชายวัยกลางคนที่สวมเสื้อคลุมสีดำร่างใหญ่ลูบอกและเอ่ยถามว่า “หลี่หวงซวนอยู่ที่ไหน!?”


 


“เขา .. ตายแล้ว” ผู้ปลูกฝังหัวโล้นตอบด้วยน้ำเสียงสั่นคลอน


 


“อะไรนะ!?” ชายวัยกลางคนที่สวมผ้าคลุมสีดำจ้องไปที่ผู้ปลูกฝังหัวโล้นด้วยสายตาเยือกเย็น “เกิดอะไรขึ้น?”


 


.. ผู้ปลูกฝังหัวโล้นก็รายงานเหตุการณ์มั้งหมดให้เขาหังอย่างละเอียด


 


“ฮ่าๆ ฮ่าๆ” ชายวัยกลางคนหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “นานแค่ไหนแล้วที่ไม่เจอคนที่แสดงกิริยาเอาแต่ใจตัวเองต่อหน้าข้า ล่าสุดนั้นก็เจ้ามังกรเหล็ก! ตอนนี้ละข้าจะให้โอกาศเจ้าไถ่ถอนความผิดของตัวเอง พาข้าไปหากองกำลังของเจ้าเด็กนั่น!”


 



 


โชคดีที่หวังชานและชายอีกสองคนพบสัตว์ที่ง่ายต่อการจัดการ พวกเขาฆ่ามันและนำเนื้อมาขายเพื่อหาเงิน


 


แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถปล้นคนอื่นๆ ได้ โชคดีเช่นกันที่ป่าแถวนั้นที่พวกเขาเลือกไปไม่มีใครเข้ามาปล้นหรือป่วนพวกเขา หากพวกเขาอยู่ที่นี่อย่างสงบคาดการณ์ได้เลยว่าอีกไม่นานเลเวลของพวกเขาจะพัฒนาไปไกลกว่าคนอื่นๆ เป็นแน่ ด้วยวิธีนี้พวกเขาจึงเลือกที่จะอยู่แบบเงียบๆ ไม่ไปยุ่งกับใคร


 


ในตอนแรกการสะสมเลเวลมักจะพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามเมื่อเก็บเวลไปเรื่อยๆ ความเร็วเริ่มชะลอตัว ถึงกระนั้นการเติบโตของจุดแข็งในการเพาะปลูกก็ยังคงรวดเร็วสำหรับหวังชานและเพื่อนๆ ของเขาอยู่ดี


 


ขณะที่พวกเขากำลังเล่นเกมอย่างสงบและเพลิดเพลิน .. คนในตระกูลหวังตอนนี้กำลังเดือดร้อน! คนประมาณสี่สิบคนกำลังล้อมรอบสมาชิกของครอบครัวหวังด้านนอกทางเข้าหมู่บ้านจึงทำให้สมาชิกที่เหลือของครอบครัวไม่กล้าเปิดเผยตัว!


 


“ศิษย์พี่หวัง! คนของเรายังอยู่ข้างในหมู่บ้าน พวกเขาไม่สามารถออกไปเก็บเวลได้!” เต๋าหินเหล็กรายงานอย่างขมขื่น “พวกเขามาจากไหนเยอะแยะขนาดนี้?” หวังชานถาม


 


“พวกเขาบอกว่าพวกเขามาจากเมืองจิวหัว ..”


 


“เมืองจิวหัว .. ที่ไหน?” ชายทั้งสามมองหน้ากันด้วยความสับสน “ข้าไม่เห็นเคยได้ยินมาก่อน”


 


“ไม่มีสถานที่ดังกล่าวในดินแดนทะเลดวงดาว!” นึกย้อนกลับไปได้ว่าเขาเคยได้ยินว่าเจ้าของเคยพูดถึงร้านอื่น “อีกร้านตั้งอยู่ที่ไหน!?”


 


อีกฝั่งหนึ่งของคาเฟ่ ณ​ จิวหัว


 


“รองผู้บัญชาการกง พวกเขาบอกว่าพวกเขาเป็นคนตระกูลหวังมาจากดินแดนทะเลดวงดาว” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งเอนกายกระซิบ “เขายังบอกอีกว่าที่นั่นมีผู้ปลูกฝังยิ่งใหญ่จำนวนมาก การทำแบบนี้พวกเราจะเดือดร้อนหรือไม่?”


 


“พวกเราก่อปัญหาหรอ?” จำได้ว่าเขาสฦูญเสียกระเป๋าเป้ที่เต็มไปด้วยเนื้อไก่และเนื้อกวาง เมื่อนึกถึงวินาทีที่เขาถูกฆ่าแล้ว ตัวเขาสั่นคลอนด้วยความโกรธใบหน้าของเขายังคงเย็นชา “พวกเขาจากตระกูลหวังออกมาจากคอมไม่ได้หรอก สังหารพวกมันเพื่อข้า!”


 


“อ๊าาาาา!” เสียงกรีดร้องดังขึ้น!


 


“เราไปหาคนเพิ่มได้มั้ย!?” เต๋าหินเหล็กทำหน้ามืดมน “เมืองจิวหัวคืออะไร? ที่ไหน? มันเป็นสถานที่ห่างไกลที่เราไม่เคยได้ยินมาก่อน กล้ามายุ่งกับพวกเราได้อย่างไร? การที่พวกเขามายุ่งกับเราหมายความว่าพวกเขากำลังมองหาความตาย!”


 


“ทุกคนในครอบครัวหวังของข้า .. ” หวังชานกล่าวอย่างช่วยไม่ได้ “คนของเราก็ออกมาไม่ได้ งั้นเราก็ต้องหาคนมาเพิ่ม”


 


“เราจะทำอย่างไรดี!?” เต๋าหินเหล็กเอ่ย “พี่หวัง หรือเราจะไปหาพี่เถา?”


 


ซากุถาม “เขาไม่ใช่เพื่อนท่านหรอกหรือ?”


 


“เพื่อนอะไรกัน เขาเป็นเพียงแค่หุ้นส่วนทางธุรกิจ” หวังชานคอบ “ไม่น่าจะเป็นปัญหาหากขอกำลังเสริม แต่ ..”


 


เขาเหลือบมองไปรอบๆ ร้านและคิดว่าข้าจะเปฺดเผยสถานที่ดีๆ แบบนี้ให้กับคนอื่นได้อย่างไร?


 


“ลืมมันไปเถอะ! เดี๋ยวร้านเปิดก็คงมีลูกค้ามาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ” หวังชานใช้เวทมนตร์ลูกไฟโจมตีหมาป่าแล้วตอบกลับ “เราต้องได้รับประโยชน์มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในตอนนี้มีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้เกี่ยวกับที่นี่”


 


“เอ่อ .. หมดเวลาหรอ?” หวังชานได้ยินเสียงเตือนดังขึ้น เขาขมวดคิ้ว


 


ทันใดนั้นในหัวก็ผุดคำบนกระดานดำขึ้นมาทันที .. สามารถเล่นได้เพียงหกชั่วโมงต่อวัน


 


ตอนแรกเขาสงสัยว่าร้านนี้จะดำเนินต่อไปได้อย่างไรเพราะเขากล้าท ี่จะจำกัดเวลาการเล่นและด้วยทัศนคติการบริหารที่ไม่ดี แต่ตอนนี้ ..


 


หวังชานถาม “ท่านช่วยให้พวกข้าเล่นต่ออีกได้มั้ย?”


 


ฟางฉีหันมอง “ไม่!”


 


หวังชานตอบกลับ “เราจะจ่ายเพิ่มเป็นสองเท่า!”


 


“ไม่ว่าจะจ่ายกี่เท่าก็ไม่ได้” ฟางฉีกล่าว


 


หวังชานกล่าวเพิ่ม “ท่านข้าเป็นนักธุรกิจ เจ้ารู้หรือไม่ว่าหากเจ้าทำวิฦธีนี้เจ้าอาจสูญเสียลูกค้าไปได้”


 


“จะเล่นหรือจะออกไป?” ฟางฉีทำหน้านิ่ง


 


หวังชานพูดไม่ออก


 


“เราจะทำอย่างไรกันดี?” ชายทั้งสามปรึกษากัน


 


“ไปกันเถอะ! เราจะกลับมาพร้อมผู้คนภายหลัง!” หวังชานเอ่ย “เนื่องจากผู้เล่นแต่ละคนสามารถเล่นได้เพียงหกชั่วโมงต่อวัน พวกเขาไม่ได้อะไรจากเราอยู่แล้ว!”


 


เนื่องจากสมาชิกของครอบครัวหวังถูกปิดกั้นทางเข้าส่งผลให้ออกไปเก็บเลเวลไม่ได้ พวกเขาจึงบอกให้พวกเขาเลิกลาและออกจากเกม


 


ขณะเดียวกันผู้ปลูกฝังบางคนเดินเข้ามาในร้าน


 


หวังชานหยุดและหันมอง ผู้มาใหม่ก็หันมองเขาด้วยความระมัดระวังเช่นกัน


 


รุ่นน้องสองสามคนที่อยู่ในระดับต้นของอาณาจักรแม่น้ำจิตใจ? หวังชานขมวดคิ้ว หนึ่งในนั้นที่สวมเสื้อคลุมสีแดงหน้าของเขาดูซีด แต่ริมผีปากแดงก่ำราวกับเพิ่งกินเลือดมา


 


ส่วนชายอีกคนนั้นใส่ผ้าคลุมสีดำร่างใหญ่มือของเขาดูแห้งดำราวกับกิ่งไม้ที่ตายแล้ว ข้างหลังเขาเป็นผู้ฝึกฝนหลายคนสวมผ้าคลุมสีดำติดตามมา


 


หวังชายมองขึ้นลงและเอ่ย “คนนอก? ข้าแนะนำให้พวกเจ้าเลี่ยงการสร้างปัญหาที่ร้านนี้”


 


“หืม?”


 


หวังชานกอดอกและพูดเสริมว่า “เชิญเลย”


 


แน่นอนว่าเขาจะไม่เขาไปยุ่ง เขาหวังว่าพวกคนโง่จะทดสอบความแข็งแกร่งของร้านนี้เป็นแน่!


 


“ใครเป็นเจ้าของร้าน?” ชายผู้สวมชุดคลุมสีเลือดตะโกนถาม


 


“หะ หัวหน้า ..” ซูโมรีบตะโกนเรียกฟางฉีทันที เขารู้สึกมีบางอย่างผิดปกติ


 


ฟางฉีหันมองและเห็นความวุ่นวายที่หน้าประตู .. แต่ตอนนี้ยังไม่ว่างเนื่องจากกำลังฆ่าแมงมุมพิษอยู่กับเจี่ยงเสี่ยวหยู


 


“นี่เจ้าโมน้อย ถ้าพวกเขามาเล่นเกมก็ให้คำแนะนำที่อยู่บนกระดานดำไป ถ้าพวกเขามาสร้างปัญหา ..”


 


“สร้างปัญหา?” ชายชุดคลุมสีแดงเอ่ยเสียงเรียบ “เราแค่อยากจะยืมเงินจากเจ้าของร้าน”


 


“ซือซิเอ้อ ข้าขอเตือนว่าอย่างก่อปัญหาที่นี่!” รวนหนิงเดินออกจากร้านด้วยความโกรธ


 


“อ้อ รวนหนิงเจ้านี่เอง เจ้าควนอยู่นอกกฏของถนนสายนี้จะดีกว่า” ชายชุดคลุมสีแดงมองหน้าเธอด้วยสายไร้เหยียด


 


“เจ้า ..”


 


ฟางฉีถอนหายใจเล็กน้อย “เมืองนี้สมบูรณ์แบบไปด้วยคนร่ำรวยแต่โง่ ซูโมอ่านกฏจากกระดานดำให้พวกเขาฟัง”


 


รวนหนิงจ้องหน้าฟางฉีด้วยสายตาอยากกินเลือดกินเนื้อ เธอคิดในหัวว่ามันหมายความว่ายังไงกันนะ ‘รวยแต่โง่?’ เธอรู้สึกว่ากำลังโดนดูถูกจากความเห็นของเขา


 


“รับทราบ” ซูโมอ่านคำอธิบายบนกระดาน “ทำลายจุดแข็งด้านการเพาะปลูกและเตะพวกเขาออกไป”


 


ฟางฉีที่กำลังฆ่าสัตว์ประหลาดวางหูฟัง VR “ถึงยังไงข้าก็ไม่ชอบการฆ่าคนอยู่ดี”


 


หวังชานทำหน้าคิดไม่ตก การลงโทษแบบนี้มันแย่เสียกว่าการถูกฆ่าซะอีกหากผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นี่รู้ว่าศัตรูของพวกเขาเตะพวกเขาออกไปจะสร้างความอับอายอย่างแน่นอน ตายไปเลยซะยังดีกว่า


 


อย่างไรก็ตามคนอย่างซือซิเอ้อและดูกั้นยังคงมองด้วยสายตาเย้ยหยัน “แล้ว?”

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม