Black Tech Internet Cafe System 228-234

ตอนที่ 228

 

“เสียงนกนางนวลครวญคร่ำพร้อมเสียงพายุที่คร่ำครวญมันมาพร้อมความน่ากลัวแฝงซ่อนอยู่ เปลวไฟสีฟ้าราวกับหมู่เมฆลุกโชนอยู่เหนือเหวแห่งท้องทะเล”


(ผู้แปล : ผู้แปลอิ้งได้กล่าวว่าบทความนี่นำมาจาก The Song of the Stormy Petrel เป็นวรรณกรรมสั้นๆ เกี่ยวกับการปฏิวัติเขียนโดยนักเขียนชาวรีสเซีย)


 


บทความเหล่านี้ใช้เพื่ออธิบายภาพที่กำลังปรากฏอยู่ต่อหน้าพวกเขา


 


“สภาพอากาศอันแปรปวน วันนี้ช่างไม่ใช่วันที่ดีสำหรับการเดินทาง ..” ชายหนุ่มร่างเล็กยืนบนขอบของเรือจิตวิญญาณพร้อมผมที่ยุ่งเหยิงเขามองทอดยาวออกไปข้างหน้า


 


ทุกคนสามารถสังเกตได้ถึงความเศร้าหมองบนใบหน้าของเขา


 


“ชัดเจนว่าเมื่อวานและวันนี้เป็นสองวันที่น่ากลัว” ชายหนุ่มเสื้อสีเทาร่างสูงกล้ามเนื้อแน่นยืนอยู่ข้างๆ เขา


 


“เอ่อ ..” ชายหนุ่มร่างเล็กเอ่ยถามอย่างสงสัย “นี่ฟางสภาพอากาศของเมื่อวานคล้ายกับวันนี้ใช่มั้ย!?”


 


“ใช่ แต่เจ้าของเรือใจดีจึงขายตั๋วให้ถูก ..” ชายหนุ่มพึมพำ


 


ฟางเป็นคนเดียวบนเรือที่เขารู้จักทั้งคู่เป็นคนธรรมดาเดินทางมาจากที่ไกลแสนไกลคล้ายกัน พวกเขาจึงพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวของกันและกัน


 


แน่นอนว่าคนทั่วไปที่สามารถเดินทางโดยเรือจิตวิญญาณได้ต้องมีความแข็งแกร่งในการเพาะปลูกอยู่ไม่น้อย ตัวอย่างเช่นซูโมชายหนุ่มผู้นี้ เขาถูกพบว่ามีความสามารถที่จะผ่านการทดสอบในการบ่มเพาะและลุงของเขามีเงินพอที่จะส่งเขาขึ้นเรือเพื่อเดินทางไปศึกษาในดินแดนดาวรุ่งที่อยู่ในที่แสนไกล


 


“ใช่ ..” ฟางฉีมองออกไปยังท้องฟ้าที่มืด แน่นอนสภาพอากาศของเมื่อวานและวันนี้ช่างแตกต่างกัน


 


เมื่อวานนี้เขายังคงเล่นเกมแข่งกับเพื่อนๆ ดูว่าใครบินได้เก่งกว่ากัน แสงสาดส่องสว่างอากาศปลอดโปร่งทุกคนตั้งใจบินอย่างสนุกสนาน .. ก่อนที่เขาจะกล่าวคำลากับเพื่อนๆ และถูกส่งมายังสภาพแวดล้อมที่น่ากลัวเช่นนี้


 


“ได้ยินว่ามีผู้ปลูกฝังอาศัยอยู่ในดินแดนทะเลดวงดาวเพียงไม่กี่พันคนที่นั้นรุ่งเรือจริงๆ หรอ!?” หลังจากที่ออกมาจากคาเฟ่เขาบินไปยังประเทศเล็กๆ แต่ที่นั้นมีเพียงผู้ฝึกฝนและนักรบเพียงน้อยกว่าตาจินอย่างมาหากเทียบกันเปรียบได้เหมือนกับหนึ่งชุมชนเท่านั้น


 


หากเขาเปิดร้านที่นั้นคงมีเพียงไม่กี่คนที่อยู่ในระดับสูงที่จะสามารถมาใช้บริการในคาเฟ่ของเขาได้ เขาจึงเลือกที่จะเดินออกมาและขึ้นเรือจิตวิญญาณเพื่อออกจากประเทศเล็กๆ


 


เรือลำนี้ราคาถูกและสะดวกสบายมาก


 


“ชู่ว!” ซูโมทำนิ้วจุ๊ปากไม่ให้เขาพูดดัง ท่าทางของเขาดูหวาดกลัวเมื่อได้ยินคำถามจากฟางฉี “เราจะถูกสังหารเอาได้หากผู้ฝึกฝนทรงพลังได้ยินสิ่งที่เจ้าพูด!”


 


“ชั่งมันเถอะ” ฟางฉีทำหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาว “เมื่อที่เราจะไป ไปทางตะวันออกใช่มั้ย? นี่เราไม่ได้ไปผิดทางใช่มั้ย!?”


 


“อ้าวหรอ!?” ซูโมมองไปข้างหน้าและเกาหัว “เจ้าไม่รู้ทางหรอกหรือ”


 


“นั่นน่ะสิ” ฟางฉีเดินไปที่ห้องโดยสาร “ข้าไปพักก่อน”


 


“พูห์!” ขณะเดียวกันชายร่างใหญ่สวมโค้ตสั้นเดินออกมาจากห้องโดนสาร เขามองหน้าฟางฉีด้วยความงุนงงตาของเขามีรอยแผลเป็นเล็กน้อย “เจ้ามัวแต่ทำอะไรอยู่! ถ้าเจ้าทำพลาดอีกข้าจะจัดการเจ้าเอง!”


 


ฟางฉีขมวดคิ้วและนึกขึ้นได้ว่าชายคนนี้อยู่ห้องถัดไปจากเขา


 



 


ณ​ ห้องสร้างสิ่งประดิษฐ์ของกลุ่มพันธมิตรวู่เว้ย


 


“ดูนี่สิ!” จุนหยางชีกำลังอธิบายถึงผลวิจัยของหมวกกันน็อคหมาป่าสีขาวที่อยู่ในมือเขา “ข้าสงสัยว่าพวกเจ้าคิดอย่างไรเมื่อเห็นสิ่งนี้ ด้วยทักษะการคิดวิเคราะห์ ข้ามองว่ามันน่าจะเป็นรูนส่วนใหญ่ที่พวกเจ้าเคยได้ยิน รูนหยก!”


 


“ตามลักษณะชื่อชนิดของมันสามารถมีไว้สะกดคาถาฝ่ายจิตวิญญาณได้เพียงหนึ่งครั้งเท่านั้นจากนั้นมันก็จะหายไปเอง” จุนหยางชีกล่าวว่า “อย่างไรก็ตามรูนหยกสามารถเก็บคาถาทางจิตวิญญาณได้หลายอย่าง แต่ .. มันจะสามารถใช้กับสิ่งของได้หรือไม่!?”


 


เขาชี้ไปที่หมวกหมาป่าในมือและพูดว่า “นี่ละคือสิ่งที่เราต้องเรียนรู้จากมัน เทคนิคนี้มีอยู่ที่นี่แล้วตอนนี้เทคนิคต่างๆ เริ่มสูงขึ้นหลังจากที่เราได้รับสิ่งของทางจิตวิญญาณ เราจะต้องทำความเข้าใจสัญลักษณ์ของรูนต่างๆ ทั้งในอาวุธ เสื้อคลุมเพื่อปรับเปลี่ยนให้พวกมันใช้งานและพกพาได้ง่ายสะดวกมากขึ้น”


 


“สิ่งเดียวที่ยากในตอนนี้คือการแกะสลัก .. เราจะแกะสลักยังไงเมื่อเพิ่มระดับทักษะ” จุนหยางชีกล่าว “เช่นตอนนี้หมวกกันน็อคหมาป่ามีคำต่อท้าย ‘ธรรมชาติ’ เพื่อเพิ่มระดับให้กับองค์ประกอบของทักษะ แต่เราพันธมิตรวู่เว้ยยังหาวัสดุที่จำเป็นสำหรับการแกะสลักนี้ไม่ได้เลย”


 


“แต่ข้ามั่นใจว่าข้าสามารถลอกเลียนแบบได้หากเราพบวัสดุที่สามารถทดแทนได้ แต่คงต้องใช้เวลานานอยู่กว่าเราจะสามารถขยายเทคนิคนี้และเปลี่ยนแปลงคาถาทางจิตวิญญาณของกลุ่ม”


 


“ศิษย์พี่จุนหยางชี” ตวนบูยี่จากวังหลิวหยุนกล่าว “ตอนนี้ก็น่าจะเพียงพอแล้ว จากความคิดข้า ก่อนอื่นเราต้องแก้ปัญหาความไม่ลงรอยกันระหว่างเทยท์มนตร์ที่ติดอยู่กับสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณก่อน หากเราแก้ปัญหานี้ได้ เราก็จะสามารถเพิ่มคุณสมบัติทางเวทย์มนตร์พร้อมคำต่อท้ายลงไปอีกได้ นี่คือจุดสำคัญในเวลานี้!”


 


ตามตำนานเมื่อใดก็ตามที่ค่ำคืนนี้มาถึงดินแดนทะเลดวงดาวจะได้พบกับลมทะเลพัดพาหม่านหมอกที่ปกคลุมเมืองให้เกิดความวุ่นวายและไร้ระเบียบ .. มีหลายสิ่งที่ไม่อาจคาดคิดถูกซ่อนอยู่ในโลกใบนี้


 


ฟางฉีที่นอนอยุ่บนเตียงเขาเล่นกับหยกสื่อสารด้วยความเบื่อหน่าย เขาพบว่าที่นี่ไม่มีสัญญาณเลยสักนิด


 


“ที่นี่ที่ไหน? ระบบนี่ข้ากำลังเคลื่อนย้ายไปทางไหน!?” ฟางฉีมองออกไปนอกหน้าต่าง


 


“หมอกหรือ?” ฟางฉีลุกขึ้นจากเตียง


 


“เรือลำนี้ไม่ได้กำลังไปที่เมืองมังกรดำ ข้าต้องลงจากเรือ!” ฟางฉีได้ยินเสียงโห่ร้องจากห้องถัดไปจากนั้นก็มีเสียงกระแทกอย่างรุนแรง


 


“นั่นอะไรน่ะ!?” เขารีบสวมรองเท้าบู๊ตแล้วลุกจากเตียงก่อนที่จะเดินออกไปข้างนอก เขาเห็นเลือดไหลออกมาจากใต้ประตู


 


เขาเปิดประตูเข้าไปและพบว่าชายร่างใหญ่ที่สวมเสื้อโค๊ตสั้นกำลังถูกลากออกไป ผู้ฝึกฝนมีหน้าซีดเหมือนคนตายมองไปที่ฟางฉี “หากเจ้าไม่อยากเป็นแบบเขา ข้าแนะนำให้เจ้ากลับไปที่ห้องของเจ้า”


 


บรรยากาศแปลกชวนขนลุก .. ฟางฉีสูญเสียคำพูด


 


“เจ้าต้องการอะไร!?” ผู้ฝึกฝนมองหน้าฟางฉีเมื่อเห็นว่าเขายืนนิ่งไม่เคลื่อนไหว


 


ฟางฉีเอ่ยถาม “ข้าแค่อยากถามว่าจุดหมายปลายทางคือที่ใด?”


 


“ครึ่งเมือง!” ผู้ปลูกฝังคนหนึ่งตอบแทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด


 


“เมืองอะไร?” ฟางฉีไม่สนใจชื่อ “มีคนมากมายในเมืองหรือไม่? มาตรฐานในการดำรงชีวิตสูงหรือต่ำ?”


 


ผู้ปลูกฝังหน้าขาวสตั้นกับคำถามของเขา

 

 

 


ตอนที่ 229

 

“ฟาง! นั่นหมอกช่างแปลกจริงๆ” ซูโมเดินเข้ามาในห้องโดยสารเห็นฟางฉีและศพที่ถูกผู้โดยสารหน้าขาวอีกคนลากอยู่


 


เขาตัวสั่นเล็กน้อย


 


“เขา .. เขาตายหรอ!?”


 


ผู้ปลูกฝังหน้าขาวมองพวกเขาด้วยความระมัดระวังก่อนจะจากไปพร้อมซากศพ


 


“ฟะ ฟาง ..” ซูโมเขย่าตัวเขาพลางมองดูเลือดบนพื้น “เกิด .. ​เกิดอะไรขึ้น!?”


 


“ข้าไม่รู้” ฟางฉีกล่าว “ข้าได้ยินเสียงใครบางคนอยู่ในห้องถัดไปจากข้า ‘เรือลำนี้ไม่ได้ไปเมืองมังกรดำ ข้าต้องการลง!’ จากนั้นข้าจึงเปิดประตูออกมาก็เจอภาพเหมือนที่เจ้าเห็น”


 


“อะไรนะ!?” ซูโมมองฟางฉีด้วยความสับสน


 


ฟางฉีหัวเราะเบาๆ “ข้าพูดเล่นน่ะ ว่าแต่เจ้ารู้จักสถานที่ที่ชื่อครึ่งเมืองหรือเปล่า!?”


 


“ครึ่งเมืองหรือ” ซูโมมองหน้าฟางฉีด้วยความงุนงงเขาส่งเสียงเตือนด้วยความตื่นตระหนก “ทำไมเจ้าถึงถามเกี่ยวกับสถานที่นั้น”


 


จู่ๆ เขาก็เขาใจขึ้นมาทันที “เจ้า .. เจ้าหมายถึงจุดหมาปลายทางของเรือจิตวิญญาณนี้ใช่หรือไม่!?”


 


“ฟะ ฟาง .. ” เราเริ่มตะกุกตะกักด้วยความกลัว “เราต้องวิ่ง ..”


 


“คนนั้นบอก ..” ฟางฉีชี้ไปตามลรอยเลือด “แต่ตอนนี้เขาพาร่างอันแข็งถือจากไปแล้ว”


 


ซูโม “…”


 


ฟางฉีถามย้ำ “บอกข้าเกี่ยวกับครึ่งเมืองที”


 


“ครึ่งเมือง ..” ซูโมพยายามอธิบายด้วยศัพท์จำกัดความของเขา “แท้จริงแล้วข้าก็ไม่รู้เกี่ยวกับที่นั่นมากนัก ข้าเคยได้ยินเพียงว่ามันเป็นสถานที่ลึกลับและน่ากลัวซึ่งที่นั่นมีแต่ผู้ทำลายล้างและเหล่าโจรผู้ร้ายหลายคนซ่อนตัวอยู่ มันเป็นแหล่งกำเนิดของความชั่วร้ายและอาชญากรรม!”


 


“มีคนกล่าวว่าพวกเขาสามารถประมูลราชาจักรพรรดิและเหล่าขุนนางที่นั้นด้วยเหตุผลบางอย่างและที่นั่นสัตว์ประหลาดที่กินเลือดเนื้อสามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ”


 


“ดูเหมือนนิทานที่ใช้หลอกเด็ก ..” ฟางฉีถูคาง “แต่ดูเหมือนว่ามีคนรวยมากมายอยู่ที่นั่น มันจะต้องดีกว่าเมืองมังกรดำที่พูดว่ามีผู้ฝึกฝนหลายคนใช่มั้ย!?”


 


ซูโมไม่รู้จะตอบยังไง


 


“งั้นเราจะไปครึ่งเมืองกัน!”


 


ซูโมเหงื่อออกท่วมตัว “มีคนกล่าวว่าที่นั่นเต็มไปด้วยสัตว์ร้าย ไม่แปลกใจเลยที่ชายคนนั้นจะฆ่าเขาอย่างกับเชือดไก่ .. เขาน่าจะมาจากที่นั่น”


 


“ผู้ปลูกฝังฆ่ากันเองเป็นเรื่องธรรมดา” ฟางฉีโบกมือ


 


ขาของซูโมสั่นกลายเป็นเยลลี่ “เจ้าไม่กลัวหรือ?” เขาถาม


 


“กลัว?” ฟางฉีมองหน้าชายหนุ่มร่างเล็กและพูดว่า “ข้ากลัวแค่ว่าพวกเขาจะยากจน”


 


“เอาละ กลับไปห้องและพักผ่อนนอนหลับให้สนิท พรุ่งนี้เราจะไปที่เมืองใหม่กัน!” ฟางฉีสูดหายใจเข้า อืม ..​ เมืองนี้ฟังดูร่ำรวยมาก! นั่นแอบทำให้อารมณ์ของเขาเย็นลงเล็กน้อย


 


“ฮึ ..”


 



 


ตอนนี้เจ้าของร้านอยู่ไหนแล้วนะ วันนี้เขาไม่ได้ทำการถ่ายทอดสดเลย .. เจียงเสี่ยวหยูที่กำลังเคี้ยวบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปคิดในใจว่าเขาต้องออกไปสนุกแน่!


 


เซียวหยูเดินเข้ามาในคาเฟ่พลางมองรอบๆ “เจ้าของร้านอยู่ไหน? วันนี้ไม่มีถ่ายทอดสดหรอ? เขาไม่เล่น Diablo ให้ดูหรอ”


 


“เจ้าของออกเดินทางไกล” เจียงเสี่ยวหยูมองหน้าเขา “นี่เจ้าไม่รู้หรอ!?”


 


“เดินทางไกล! เขาจะกลับมาเมื่อไร!?” เซียวหยูเปล่งเสียงดัง ..​ กิจกรรมที่เขาโปรดปรานทุกวันคือการดูเจ้าของร้านเล่นเกมเพราะเขาไม่สามารถเล่นได้เหมือนคนอื่นๆ และก็ดูคนอื่นไม่สนุกเท่าฟางฉีแม้แต่พวกองค์ชายเองก็เล่นสู้ไม่ได้สักนิดรวมๆ แล้วคนที่เล่นเกมที่นี่มีฟางฉีคนเดียวที่เขาดูแล้วรู้สึกสนุกที่สุด!


 


“ข้าไม่รู้” เจียงเสี่ยวหยูเหลือบตามอง “ดูเจ้าจะกระตือรือร้นให้เขากลับมามากกว่าข้าเสียอีก”


 


“อืม ..” เซียวหยูทำหน้าเซ็ง “ข้าไม่ได้กระตือรือร้น ข้าไม่ได้อยากให้เขากลับมาซะหน่อย!”


 


เจียงเสี่ยวหยูที่เพลิดเพลินกับบะหมี่เสร็จตบหน้าท้องของเธอ “โอ้ย มันอร่อยมาก!”


 


เธอมองไปรอบๆ และพบว่าเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ทุกคนต่างกินบะหมี่อย่างเอร็ดอร่อย บางคนก็กำลังเล่นเกมอย่างสนุกสนาน เธอเองเดินออกจากเคาน์เตอร์ทันทีและเดินมุ่งหน้าไปยุ่งคอมพิวเตอร์เพื่อเปิดเกมเซียนกระบี่พิชิตรมาร


 


“เฮ้! ทำไมเจ้าถึงเล่นเกมได้” เซียวหยูถามด้วยความสับสน


 


จากนั้นเขาพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “ดี! ข้ารู้เนื้อเรื่องทุกอย่างในเกมนี้ แม้แต่ขุมทรัพย์ที่ถูกซ่อน เจ้าไม่สามารถจะจินตนาการในสิ่งที่อยู่ในหัวข้าได้หรอก! ข้าจะบอกวิธีเล่นให้และทำให้เยลู่ยังมีชีวิตอยู่!”


 


เซียวหยูยืนดูเธอเล่นอย่างตื่นเต้น


 



 


“ออกมา!”


 


“ข้าตาย ข้าตายแน่” ซูโมตะโกนสติแตก เขาตัวสั่น “ข้าไม่ควรนั่งเรือจิตวิญญาณนี้เพียงเพราะค่าตั๋วมันถูก … ข้าตายแน่!”


 


ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!


 


“เจ้าจะไปหรือไม่?”


 


“ไป!?” ซูโมนั่งกอดเข่าด้วยความกลัวอยู่ในห้อง “เราจะไปที่ไหน? เราจะถูกพวกเขาฆ่ามั้ย!?”


 


“ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร? เรือเทียบท่าแล้วเจ้าจะไปมั้ย? ถ้าเจ้าไม่ไปข้าไปละ!” ฟางฉีเปิดประตูเข้าไปพลางมองซูโมแต่นั่งกอดเข่าอยู่มุมห้อง


 


“เทียบท่า ..” ซูโมยืนขึ้นช้าๆ “ข้ากลัว! แต่ที่แย่กว่าข้าต้องตายแน่!”


 


เกือบทุกเมืองห้ามไม่ให้เรือจิตวิญญาณบินข้ามและตอนนี้เรือจิตวิญญาณนี้ได้จอดเทียบท่าอยู่ภายนอกเมืองตามปกติ


 


อย่างไรก็ตามเมืองฟางฉีเงยหน้าเห็นเรือจิตวิญญาณขนาดใหญ่ลอยอยู่เหนือท้องฟ้าของเมือง เขารู้ว่าเมืองนี้คงไม่ได้มีการห้ามบิน เมืองนี้เป็นเมืองใหญ่ แต่เกือบครึ่งเมืองเต็มไปด้วยซากปรักหักพัง มันค่อนข้างแปลกตา


 


อีกครึ่งหนึ่งเต็มไปด้วยอาคารสูงหากหลายรูปแบบ บางตึกมีความสูงถึงร้อยชั้น ในขณะที่ตึกเตี้ยๆ มีแค่ชั้นสองชั้นคล้ายกับบ้านที่อยู่อาศัยในเมืองจิวหัว


 


มองดูครั้งแรกฟางฉีรู้สึกไม่เคยเห็นเมืองที่แปลกๆ แบบนี้มาก่อน ผู้คนเดินถนนเป็นผู้ฝึกฝนที่นี่แทบจะไม่มีนักรบเลย


 


คนสิบกว่าคนเดินลงจากเรือพวกเขาเดินตามผู้ปลูกฝังหน้าขาว พร้อมเจ้าของเรือจิตวิญญาณผู้มีหนวดคร่ำครวญคล้ายเมา


 


ฟางฉีเองเดินตามพวกเขาเข้าไปในเมือง เขามองไปรอบๆ พบว่าถนนที่นี่สะอาดและเป็นระเบียบ


 


แน่นอนถ้าหากเขาไม่เห็นผู้ปลูกฝังหรือผู้ฝึกฝนปนใครในตรอกมืด ความประทับใจและความตั้งใจของเขาคงไม่เปลี่ยนไป


 


“ขายพวกเด็กหนุ่มที่มีความสามารถทางการแพทย์และคนที่ความสามารถในการสร้างน้ำอมฤตมา!”


 


“ข้าสามารถทำกำไรครั้งใหญ่ได้ ..​คนที่สวมเสื้อคลุมสีน้ำเงินอมเทาดูเหมือนจะไม่มีความแข็งแกร่งในการเพาะปลูก และคนนั้น ..”


 


ใบหน้าของฟางฉีเปลี่ยนเป็นสีเข้มในขณะที่ฟังพวกเขาวิจารย์และซื้อขายกันราวกับว่าพวกเขาเป็นหมู ข้าไม่สามารถรับมันได้อีกต่อไป ..


 


ด้วยความคิดที่ไม่พอใจนักฟางฉีเดินเข้าไปหาพวกเขา “นี่พวกนาย ..”


 


พวกเขาทั้งหมดมองไปที่ฟางฉี ทันใดนั้นพวกเขาก็เดินพุ่งไปหาฟางฉีทันที


 


“ข้าทราบซึ้งที่พวกเจ้าพาข้ามาที่นี่ แต่ข้าต้องขอพูดก่อนว่า ข้าไม่ได้เจาะจงจะว่าพวกเจ้าทั้งหมดนะ แต่พวกเจ้าดูราวกับขยะ!” ฟางฉีกล่าวอย่างสุภาพ


 


ทุกคนมองฟางฉีด้วยความประหลาดใจ


 


พวกเขาตัวแข็งไปเสี้ยววิก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงดัง .. พวกเขามองฟางฉีราวกับเป็นคนปัญญาอ่อนที่ไม่มีประสบการณ์ในการใช้ชีวิตนอกบ้าน

 

 

 


ตอนที่ 230

 

“เฮ้! นี่เจ้าหนูเจ้าไม่เข้าใจสถานการณ์ตอนนี้หรือ?” ผู้ปลูกฝังตัวอยู่ใหญ่ที่ยืนอยู่เบื้องหลังผู้ปลูกฝังหน้าขาวเดินเข้ามาแล้วจับแขนซูโมด้วยมือข้างเดียว


 


จากนั้นเขาโยนซูโมออกข้างหน้าเหมือนกับถุงขยะ ส่งผลให้ร่างกายของซูโมกระแทกเข้ากับกำแพงอย่างรุนแรงจนเลือดกบปาก


 


ผู้ปลูกฝันตัวใหญ่เดินมองรอบเขาขณะที่แสดงรอยยิ้มอันชั่วร้ายออกทางใบหน้า “นี่เจ้าอย่าคิดว่าเพียงแค่เจ้ามีพลังในประเทศเล็กๆ ของเจ้าแล้วจะหลายความว่าเจ้าสามารถทำตัวเป็นฮีโร่ต่อหน้าพวกข้าได้! ข้าบอกได้เลยนะว่าระดับนักรบบรรพบุรุษหรือปรมาจารย์ก็ทำอะไรเราไม่ได้!”


 


“เจ้าพูดว่าอะไรนะ!?” ผู้ปลูกฝังตัวใหญ่จับหูของเขาแล้วถามซ้ำ “ไหนพูดอีกทีซิ้!”


 


“ฮ่าๆๆๆ เอาละๆ อย่าทำให้เขากลัวสิ!” ผู้ปลูกฝังอีกคนที่มีหนวดคล้ายหนวดแมวหน้าตาขี้เมา “ให้บทเรียนที่พอประมาณแก่เขาก็พอ อย่าทำร้ายเขาหนักเดี๋ยวเราจะไม่ได้ราคา!”


 


ผู้ปลูกฝังตัวใหญ่พยักหน้าเล็กน้อย “เข้าใจละ!”


 


ขณะเดียวกันพวกเขาเช็คสถานของฟางฉี ที่เริ่มจากระดับนักรบผู้ฝึกฝน, นักรบผู้ปลูกฝังจนเข้าถึงในระดับสูงและยังไม่หยุดจนกว่าเขาจะไปถึงในระดับบรรพบุรุษ!


 


“นักรบแห่งบรรพบุรุษ! เจ้าเด็กนี่เป็นถึงนักรบบรรพบุรุษ ..” พวกเขาตาโตรู้สึกได้ถึงแววตาอันส่องสว่าง


 


จากนั้นพวกเขาหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง!


 


“เราจะรวยกันแล้ว! เด็กนี่จะขายได้ในราคาสุดคุ้ม!” ผู้ปลูกฝังผอมเพรียวขี้เมามองด้วยสายตาดีใจ “นี่เจ้าต้องเป็นอัจฉริยะที่พลาดท่ามาในรอบพันปี! กระดูกของเขาจะต้องขายได้ในราคาสูงแน่!”


 


นัยน์ตาของผู้ปลูกฝังสว่างขึ้นเขาพูดอย่างชั่วร้าย “แต่ถึงอย่างไรข้าก็ต้องใช้เวลาจัดการกับนักรบบรรพบุรุษนี่ก่อน” จากนั้นน้ำเสียงของเขาเปลี่ยนไป ร่างกายของเขาขยายตัวผิวหนังของเขากลายเป็นเกล็ดหยาบๆ เกล็กเล็กๆ งอกขึ้นจากผิวหนัง เขี้ยวงอกออกจากปากดูน่ากลัว


 


เขาดูเหมือนสัตว์ประหลาดยักษ์!


 


มีคนเคยบอกเล่ากันว่าผู้ฝึกฝนบางคนที่มีพรสวรรค์ไม่ดีพวกเขาจะใช้วิธีการที่ชั่วร้ายในการกลืนกินเนื้อและเลือดของสัตว์ประหลาดเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งในการฝึกฝน มันเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพแถมผลข้างเคียงที่ยอดเยี่ยม


 


ตัวอย่างเช่นเมื่อพวกเขาปลดปล่อยพลังอย่างเต็มที่พวกเขาไม่สามารถรักษารูปร่างความเป็นมนุษย์ของพวกเขาได้ ร่างกายของเขาจะเปลี่ยนรูปร่างเป็นครึ่งคนครึ่งสัตว์!


 


“เจ้าคิดว่าเจ้าจะหนีเงื้อมือของพวกเราได้หรอ!?”


 


“ขออภัยข้าคงไม่เสียเวลากับเจ้า!” ฟางฉีตอบพลังดาบจำนวนมากปรากฏขึ้นทันที


 


ดาบพลังงานขยายครอบคลุมเกือบครึ่งท้องฟ้า .. ทุกคนป้าปากค้างเมื่อเห็นภาพที่น่ากลัวแบบนี้ กลุ่มดาบขนาดใหญ่ปิดกั้นแสงแดดราวกับเมฆหมอก!


 


ในหัวของพวกเขาตอนนี้ว่างเปล่า


 


“คนที่นี่อาจมีความคิดผิดๆ กับเหล่านักรบ ..” ฟางฉีกล่าว “แต่ในที่ของข้า นักรบสามารถเอาชนะผู้ฝึกฝนได้ง่ายดายแม้ว่าจะระดับสูงกว่าก็ตาม!”


 


“เทคนิคดาบนับไม่ถ้วน ลุย!”


 


คมมีดสีเงินนับไม่ถ้วนพุ่งชนพวกเขาราวกับพายุ!


 


ผู้ปลูกฝังที่อ้างตัวว่าอยู่ในระดับสูงครึ่งคนครึ่งสัตว์หันกลับมาและวิ่งด้วยความสยองขวัญ!


 


ตู้ม!  ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!


 


เพีียงพริบตาเดียวเท่านั้น พลังงานดาบหลายร้อยเล่มเฉือนเนื้อของเขาเปิดบาดแผลมามาย .. ผู้ปลูกฝังตัวใหญ่พยามที่จะลุกขึ้นอีกครั้ง แต่แล้วพลังดาบก็พุ่งโจมตีเข้าซ้ำ ทันใดนั้นผู้นำผู้ปลูกฝังสองคนวิ่งถอยหนีออกไปหลายสิบก้าวในขณะที่พวกเขายังคงติดอยู่ท่ามกลางกลุ่มดาบอันสยดสยอง


 


“เจ้ามีคำพูดสุดท้ายที่จะพูดหรือไม่!?” ดูเหมือนพลังดาบของฟางฉียังคงเพิ่มขึ้นอย่างไม่เลิกรา


 


“หยิ่ง!” ผู้ปลูกฝังหน้าขาวพูดขึ้น “เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครเจ้าทำให้มันสูญเปล่าไม่ได้หรอก!”


 


เขาหยิบกระเป๋าหนังขึ้นมาจากเข็มขัดและตัดปลายนิ้วของเขา เลือดหยดลงบนกระเป๋าหนัง .. ใบหน้าของเหล่ามนุษย์ลอยขึ้นนับไม่ถ้วน


 


ท้องฟ้าเปลี่ยนสีมืดมนราวกับว่ามีบางสิ่งกำลังลากที่นี่จมสู่เหวนรก .. ในไม่ช้าใบหน้ามนุษย์นับไม่ถ้วนที่ดูชั่วร้ายจางหายไป!


 


ผู้ปลูกฝังหน้าขาวเย้ยหยัน “นี่คือวิญญาณแห่งนรก พวกเขาเกิดขึ้นจากผีที่แค้นใจพวกเขาไร้รูปร่างและไม่สามารถได้รับบาดเจ็บจากอาวุธได้ ข้าจะดูสิว่าเจ้าจะจัดการกับพวกมันอย่างไร!”


 


ในขณะเดียวกันฟ้ารอบตัวเขาเริ่มแรงขึ้นทุกครา สายฟ้าผ่าลงมารอบๆ ฟางฉี!


 


จากนั้นเสียงกรีดร้องโหยหวนก็ดังขึ้น


 


สายฟ้าศักดิ์สิทธิ์!


 


สายฟ้าที่อยู่รอบๆ พยายามโจมตีและเข้าใกล้เพื่อปกป้องเขา .. วินาทีนี่วิญญาณที่ไม่สามารถมองเห็นเริ่มปรากฏตามรูปแบบของพวกเขา


 


บริเวณรอบตัวเขาตอนนี้กลายเป็นศูนย์รวมของสายฟ้า ..


 


“ข้ามาจากที่ที่นักรบฆ่าผีและจัดการกับเหล่ากลุ่มวิญญาณ” ฟางฉีกล่าวว่า “เมื่อเทียบกับที่นั้นแล้วผีของเจ้านี่อ่อนแอจริงๆ เพราะกลัวสายฟ้า!”


 


ผู้ปลูกฝังหน้าขาว “…”


 


ผู้ปลูกฝังยขี้เมา “…”


 


ผู้ปลูกฝังทั้งสองเริ่มรู้สึกไม่สบายใจ


 


“เจ้าเด็กนี่มันแปลก ..”


 


ผู้ปลูกฝังหน้าขาวทำหน้าหมอง “ไปกันเถอะ เรายอมแพ้กันเถอะ!”


 


เวลาเดียวกันเทคนิคควบคุมดาบนับไม่ถ้วนรวมตัวกันราวกับแม่น้ำขนาดใหญ่พุ่งชนเขาหาพวกเขา!


 


ทันใดนั้นพวกเขาตั้งตัวขึ้นและกัดปลายสิ้นตัวเองให้เลือดใหล้เพื่อร่ายคาถาหลบหนีด้วยความเร็วลูงสุด .. คนที่อยู่ข้างๆ พวกเขาหนีไม่ทันพวกเขาถูกเจาะด้วยพลังดาบทันที!


 


“เร็ว!”


 


การนำทางของการสะกดดับนับไม่ถ้วนรวมตัวกันอีกครั้ง ออร่าของมันส่องสว่างและแข็งแกร่งกว่าเดิม เทคนิคดาบเร่งความเร็วและไล่ตามผู้ฝึกฝนทั้งสองที่ร่ายคาถาที่หนีไป


 


คนในเมืองครึ่งเมืองที่ยืนอยู่บนถนนมองเห็นร่างสองร่างที่กำลังหลบหนี ร่างของพวกเขาโชกไปด้วยเลือดตอนนี้พวกเขากำลังหลบหนีด้วยความเร็วจี๋ ขณะที่พลังงานดาบเองก็พุ่งเข้าหาพวกเขาราวกับเงา


 


ผู้ปลูกฝังทั้งสองพุ่งตัวหนีเข้าไปหลบในร้านยา พวกเขามองรอบๆร้านก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอก “เจ้านายของเราอยู่ที่นี่ พวกเราปลอดภัย!”


 


“ฟิ้ว!” เสียงลมดัง พลังงานดาบตกลงใส่หัวพวกเขา เลือดสาดกระจายไปทั่วร้าน


 


ลูกค้าในร้านจ้องมองด้วยความตะลึง!


 


“มีคนกล่าวว่าเมื่อออกไปเที่ยวข้างนอกต้องมีความปราณีเป็นพื้นฐาน สงสัยว่าข้าผิดไปจากพื้นฐานหรือเปล่านะ!?” ฟางฉีถูหน้าแข้งของเขา “ลืมมันซะเถอะ ข้ายังมือใหม่ เดี๋ยวมันก็ดีเอง”


 


จากนั้นเขาเดินกลับไปหาร่างซูโมที่นอนหมดสติ

 

 

 


ตอนที่ 231

 

ร้านขายยาร้านนี้เป็นร้ายขายน้ำอมฤตร้านใหญ่ ลูกค้าจากต่างที่แม้แต่ลูกค้าจากแม่น้ำหยวนยังเดินทางมา พวกเขาเห็นฉากหนองเลือดอันน่าสยดสยองเลือดของพวกมันเกือบกระเด็นไปโดนรองเท้าของพวกเขา ส่งผลให้พวกเขาถอยหลังโดยไม่ทันตั้งตัว


 


แม้แต่ผู้ขายหรือผู้เพิ่งเดินเข้ามาในร้านเองก็ถอยหลังด้วยความตกใจ


 


พลังงานของเทคนิคการควบคุมดาบนับไม่ถ้วนระเหยกลายเป็นสะสารทางจิตวิญญาณทันทีหลังจากที่ทำภารกิจสำเร็จลุล่วง


 


“ใคร! ใครทำอย่างนั้น!?” ฉินฮงหลินชายชราหลังค่อมสวมเสื้อคลุมสีขาวบริสุทธิ์ในมือของเขาถือไม้เท้าที่มีหัวงูอยู่บนยอดไม้


 


แน่นอนท่าทางเขาดูบอบบางและใจดี .. เขาเองที่เพิ่งเดินออกมาจากข้างหลังร้านตกตะลึงเมื่อเห็นเหตุการณ์ที่ปรากฏด้านหน้า ใบหน้าของเขาเปล่งประกาย


 


เป็นเวลาเกือบร้อยปีแล้วที่เขาสร้างร้านยาแห่งนี้ในเมืองครึ่งเมือง แม้จะมีเหตุการณ์เล็กๆ น้อยๆ เกิดขึ้นในร้านบ้างบางครั้ง แต่ไม่มีใครเลยที่กล้าสังหารคนในร้านเขา!


 


พวกเขาถูกฆ่าตายต่อหน้าต่อตาเขา!


 


ผู้ปลูกฝังหัวล้านที่มีท่าทางดุดันและหญิงสาวหุ่นเซ็กซี่เดินตามเขาออกมาจากด้านหลัง “เกิดอะไรขึ้นหรือท่านหัวหน้า!?”


 


จากนั้นพวกเขามองออกไปพบศพคนสองคนถูกชำแหละอยู่กลางร้านพวกเขาตะลึงงัน!


 


“ใคร!? ไม่อยากจะเชื่อว่าจะมีใครกล้ามาหยามเราถึงที่นี่ด้วยวิธีนี้!” ใบหน้าของเขาเกรี้ยวกาดทันที


 


“ซือเหนียน! ซือเปา!”


 


ผู้ปลูกฝังทั้งสองที่สวมชุดแดงก้มหน้าด้วยความเคารพ


 


“ไปตรวจสอบปัญหานี้!”


 


หญิงสาวหุ่นเซ็กซี่จับแขนของฉินฮงหลินและกล่าวว่า “ท่านหัวหน้าดูเหมือนว่าท่านต้องการส่วนผสมหลักในการสร้างน้ำอมฤตกระดูกแดง ข้าว่าคงจะมีใครบางคนส่งส่วนผสมนี้มาให้ท่าน!”


 


“ข้าหวังว่าพลังการฝึกฝนของเขาจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง!”


 



 


ซูโมลืมตาขึ้ช้าๆ เขารู้สึกเหมือนว่าอวัยวะภายในของเขาที่ได้รับบาดเจ็บเริ่มบรรเทาลง เขามองไปที่ชายหนุ่มที่ปรากฏตัวต่อหน้าเขา “ฟะ ฟาง?”


 


“นี่ ทางนี้!” เสียงฝีเท้าค่อยๆ ดังขึ้นและดูเหมือนว่าคนกลุ่มนึงกำลังทุ่งหน้ามาทางนี้


 


“เกิดอะไรขึ้น!?”


 


นอกจากซูโมที่หมดสติไปก็ไม่มีใครรับรู้เหตุการณ์ระหว่างการต่อสู้ของฟางฉีกับกลุ่มผู้ปลูกฝัง ซึ่งสำหรับใครที่ไม่สังเกตให้ดีก็คงจะไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น ไร้ผู้คนไร้สักขีพยาน


 


ฟางฉียืนมองกลุ่มผู้ปลูกฝังในชุดยูนิฟอร์มสีดพบนหน้าอกของเขาเต็มไปด้วยเข็มกลัดพร้อมใบหน้าอันโหดเหี้ยม


 


“เราเป็นทีมลาดตระเวนของทางตอนเหนือ!” ชายร่างใหญ่ที่มีรอยแผลเป็นบนใบหน้าตะโกนด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เกิดอะไรขึ้น!?”


 


“ข้าไม่รู้” ฟางฉีตอบอย่างไร้เดียงสา “ข้าเดินผ่านมาเห็นร่างเล็กและคนเหล่านี้ล้มลงกับพื้น”


 


“เจ้าไม่รู้อะไรเลยหรือ?” ชายร่างใหญ่มองดูฟางฉีด้วยสายตาเย็นชา


 


“ฮึ! เก็บสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณ!” ผู้ปลูกฝังรุ่นเยาว์ดูเหมือนจะพบของเล่นใหม่พวกเขาตะโกนขึ้นด้วยความประหลาดใจ


 


“มันอยู่ที่ไหน!?”


 


“พวกเราจะรวยกันแล้ว ตรงนี้มีอีก พวกเขานี่มีความแข็งแกร่งในการเพาะปลูกจริงๆ”


 


“ไหนให้ข้าดูหน่อย มีคริสตัลกี่อัน!?”


 


ขณะเดียวกันพวกเขากำลังแย่งชิงของจากซากศพพลางหันมาจ้องหน้าฟางฉีตาเขม็ง “เจ้ามองอะไร? เจ้าควรออกไปจากที่นี่ตอนนี้!”


 


ฟางฉี “…”


 


หืม .. มีกองกำลังรักษาความปลอดภัยอยู่ที่นี่ด้วยหรือ!? บ้าจริงๆ ฟางฉีไม่ได้อยากจะต่อสู้กับกองกำลังหรือใครก็ตาม เขามาที่นี่เพียงเพราะอยากจะทำธุรกิจของเขา เขาไม่ต้องการมีส่วนร่วมในความขัดแย้งที่ไม่จำเป็น


 


“ฟะ ฟาง ..” ซูโมที่เริ่มรู้สึกดีขึ้นสามารถลุกขึ้นยืนได้ราวกับมีคนช่วยรักษาร่างกายเขาไว้


 


“เกิดอะไรขึ้น!? เจ้าเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นใช่มั้ยฟาง!?” ซูโมกล่าวขอโทษ “พวกเขาทำอะไรกับเจ้าหรือเปล่า?”


 


“ข้าไม่รู้” ฟางฉีตอบ “ข้าเพิ่งเห็นคลื่นใหญ่ของดาบ บางคนถูกฆ่าตายและบางคนก็หนีไป”


 


“เมืองนี้ช่างเป็นอันตรายอย่างแท้จริง!” ซูโมไอมีเสมหะปนเลือดออกมา เห็นได้ชัดว่าร่างกายของเขายังไม่หายดี “เราควรหาวิธีออกไปจากที่นี่!”


 


“เจ้ากลัวอะไร?” ฟางฉีถาม “เจ้าก็เห็นหน่วยรักษาความปลอดภัยนี่ เหตุการณ์เมืองกี้อาจเป็นแค่อุบัติเหตุเฉยๆ ก็ได้”


 


ซูโมเหงื่อออกจากหน้าผากเป็นเม็ดๆ เขาจำได้ว่าเมื่อกี้ทีมลาดตระเวนมัวแต่ยุ่งอยู่กับการปล้นทรัพย์สินของศพ เขาเองสงสัยในใจว่าพวกเขาจะปกป้องเราได้อย่างไร!?


 


“เจ้าจะเปิดร้านที่นี่จริงๆ หรือ?”


 


“ใช่” ฟางฉีเอามือไขว้หลังแล้วพูดด้วยน้ำเสียงพอใจ “ดูในเมือนั้นสิ มีผู้ปลูกฝังและตึกที่สูงชัน ถนนที่ปูด้วยหินต้นไม้ที่ถูกจัดระเบียบดูมีชีวิตชีวา!”


 


“ครึ่งเมืองเป็นตึกรามบ้านช่อง ส่วนอีกครั้งมีทั้งต้นไม้และดอกไม้อยู่เต็มไปหมด” ฟางฉีกล่าวต่อว่า “เจ้าไม่คิดว่าที่นี่ดีกว่าเมืองมังกรดำหรอกหรือ!?”


 


ฟางฉีมองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่มืดมนพร้อมเสริมว่า “ทุกอย่างดูสมบูรณ์แบบยกเว้นสภาพอาากาศที่เปียกชื้น”


 


ขณะที่ฟางฉีเองกำลังพูดคุยกับซูโมอยู่นั้น ฝูงนอกก็กำลังบินผ่านต้นไม้เพื่อจะกลับรังด้วยความเหนื่อยร้า ทันใดนั้นกิ่งไม้บิดตัวเข้าหากันจนกลายเป็นกรง มันค่อยๆ บิดรัดนกจนตายในที่สุด เลือดของนกนั้นไหลไปตามกิ่งก้านจนรามไปใต้ราก ส่งผลให้สีของดอกไม้ดูสดใส่ยิ่งกว่าเดิม


 


ซูโมที่เพิ่งเดินไปชมดอกไม้ เห็นเช่นนี้แล้วทำให้เขารู้สึกกลัวจนขนหัวลุก ..​ เขารีบถอยหลังห่างทันที!


 


ฟางฉีพูดขึ้นว่า “ข้าคิดว่าที่นี่ไม่เหมาะสำหรับคนธรรมดา!”


 


“ตกลงว่าแต่แผนของเจ้าคืออะไรละซูโม? เจ้าจะใช้เรือจิตวิญญาณเพื่อนำเจ้าไปยังเมืองมังกรดำหรือไม่?”


 


“ข้า ..” ซูโมต้องการออกจากเมืองอย่างสิ้นหวังแต่ .. เขามีคริสตัลไม่เพียงพอ


 


เขาก้มหัวลงแล้วพูดอย่างสลดใจ “ข้าจะอยู่”


 


“ฟางร้านอะไรที่เจ้าจะเปิด?” ซูโมพูดอย่างเหนียมอาย “ข้าจะทำงานหนัก สิ่งที่ข้าต้องการคืออาหารและที่ซุกหัวนอน!”


 


เมื่อเห็นว่าฟางฉียังคงนิ่งเงียบ “ถ้าเจ้าคิดว่าข้าขอมากไปงั้นข้าไม่ขออาหารก็ได้”


 


“ถึงแม้ว่าข้าจะยังไม่มีร้านที่นี่ แต่ไม่ช้าก็เร็วข้าคงต้องจ้างใครสักคน” ฟางฉีถูคางของเขา “ตกลงข้าจะให้อาหารและที่นอน แต่อาจไม่มีเงินเดือนในช่วงแรก”


 


“ขอบคุณนะฟาง ไม่สิ! หัวหน้า!” ซูโมคำนับเขาด้วยความขอบคุณจากใจ “ขอบคุณมาก!”


 


ฟางฉีเอ่ยอย่างใจเย็น “ทีนี้เราไปดูกันว่าที่ไหนจะเหมาะสมสำหรับร้านของข้า!”

 

 

 


ตอนที่ 232

 

เหมือนว่ามันจะเป็นความคิดที่ผิดพลาดครั้งใหญ่หากใครหลายคนได้มาเยือนที่นี่ส่วนมากก็จะอยู่นอกเมือง หลายคนจึงมองเหมารวมว่าที่นี่น่ากลัวอย่างที่เห็น แต่ ..


 


ฟางฉีมองดูสัตว์ร้ายที่อยู่ตรงหน้าเขามันดูเหมือนสุนัขสีดำตัวใหญ่มันอ้าปากของมัน ในเวลาเดียวกันรถม้าก็เลื่อนผ่านมาชายคนหนึ่งตะโกนถาม “เฮ้! เพื่อน พวกเจ้าจะไปไหน!?” ชายคนนั้นสวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นเขากำลังบังคับรถม้าเอ่ยถามพลางหัวเราะ


 


ฟางฉีและซูโมรีบจ้ำอ้าวเพื่อขึ้นสู่รถม้าทันที “บอกพวกข้าทีว่าที่นี่มีย่านใจกลางเมืองหรือไม่ หากมีพาพวกข้าไปที”


 


“ครั้งแรกที่ครึ่งเมืองหรือ!?” ชายคนนั้นหัวและพูดว่า “พวกเจ้าเจอคนที่จะตอบทุกคำถาม!”


 


“ผู้คนที่อยู่นอกเมืองอาจมีความเข้าใจผิดกับเมืองนี้” ชายคนนั้นกล่าว “ในความเห็นข้า ข้าคิดว่าเมืองนี้ดี มีกองกำลังขนาดใหญ่และจักรพรรดิที่นี่ค่อยข้างปลอดภัย!”


 


“จริงจัง!?” ฟางฉีเอ่ยย้ำ มันเป็นสิ่งที่ฟางแล้วดูตรงข้ามกับสิ่งที่เขาเจอ


 


“ฮ่าๆ .. บางครั้ง บางที” ชายคนนั้นยิ้ม “แต่ส่วนมากมันก็ปลอดภัยน่ะแหละ”


 


“เมื่องนี้มีหลายพื้นที่ที่ผู้คนอยู่กันคึกคักแต่ที่คึกคักที่สุดก็จะเป็นเขตภาคเหนือ! ส่วนเขตใต้ในถนนเหลียนเจียงที่นั่นเจ้าจะสามารถพบกับทุกสิ่งรวมไปถึงยาอายุวัฒนะ สิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณแถมวัตถุโบราณที่ขุดเจอให้ซากปรักหักพัง!” คนขับรถเลื่อนกล่าว “พื้นที่เขตเหนือใกล้กับเขตตะวันออก ตะวันออกก็ดีไม่แพ้กัน”


 


“แต่ถึงอย่างนั้น .. ศูนย์กลางก็ยังเป็นที่ดีที่สุดอยู่ดี มีการกล่าวว่าที่นั่นเป็นสถานที่ที่บุคคลสำคัญตัวจริงอาศัยอยู่! พวกเขาเป็นคนธรรมดาแต่อยู่ในกลุ่มที่เป็นกลุ่มผู้ปลูกฝังที่ถูกขนานนามว่ากลุ่มแม่น้ำซื่อสัตย์”


 


“อย่างนั้นหรอ?” ฟางฉีมองเขาด้วยสายตาประหลาดใจ “เจ้าเคยไปที่นั่นมาก่อนหรือ?”


 


“จะไปยังไงละ” คนขับหัวเราะ “คนธรรมดายังต้องจ่ายถึงหนึ่งพันคริสตัลเพื่อเข้าเมือง คนธรรมดาอย่างข้าไม่มีปัญญาจ่ายหรอก”


 


“พันคริสตัล!?” ซูโมย้ำคำพูดเขา “ยังกับการปล้น!”


 


“นั่นคือกฏของที่นี่” คนขับอธิบายด้วยรอยยิ้ม “แต่ละชั้นของที่นี่ถือเป็นใจกลางหลักของเมืองอย่างแท้จริง มีการกล่าวว่าสามารถซื่ออะไรก็ได้หากมีเงินมากพอแม้แต่หัวหน้าประมุขจักรพรรดิหรือเทคนิคที่เคยสาบสูญไปนับพันปี”


 


“โอ้!” ซูโมร้องขึ้นและชี้นิ้วไปที่ริมถนน “ต้นไม้ที่เมืองนี้เป็นแบบนี้หรอ?”


 


“ต้นไม้?”คนขับหันมองไปที่ต้นไม้ทันที “เจ้าหมายถึงสิ่งเหล่านี้หรือ? ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับพวกเขา ตราบใดที่เจ้าไม่ได้ไปสัมผัสเหยื่อของพวกเขามักจะเป็นสัตว์เล็กๆ ไม่โจมตีผู้คน นี่ถือเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการรักษาความปลอดภัยของเขตภาคเหนือ”


 


“หือ? พวกเขาไม่ทำร้ายผู้คนหรือ?” ซูโมพึมพำหันไปมองด้วยความประหลาดใจ


 


“แน่นอน” คนขับเสิรม “ต้นไม้กรงเลือดของที่นี่จะไม่ทำร้ายคนอื่น”


 


จากนั้นเขาหยุดรถลงข้างขอบถนนมีต้นไม้ เขาเอื้อมมือไปสัมผัสพร้อมพูดว่า “ดูสิ มันไม่ทำร้ายผู้คน!” เพียงเสี้ยววิเถาวัลย์คล้ายต้นองุ่นที่เขาสัมผัสก็รัดแขนเขาอย่างรวดเร็ว แขนเขาถูกห่อโดยทันที


 


“ชิบ! ปล่อยข้า บ้าแล้ว ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!” เขาออกแรงต่อสู้


 


“อ๊าก!”


 


“แอ้ก!”


 


เขาพยายามที่จะฉีกเถาวัลย์อย่างหมดหวัง


 


ฟางฉี “…”


 


ซูโม “…”


 


ด้วยความที่รถเลื่อนของเขาใช้สัตว์ร้ายแทนม้า มันทนไม่ไหวที่เห็นเจ้าน้ายถูกทำร้าย มันจึงหันไปกัดเถาวัลย์ด้วยความรำคาญ ในที่สุดคนขับก็ถูกปลดปล่อย


 


“หู้วว .. ข้าเกือบลืมบอกไปว่ามันจะดูดเลือกของพวกเจ้าหากมันหิว .. แต่ถึงงั้นมันก็ไม่ฆ่าพวกเจ้าตายหรอก!”


 


ฟางฉี “…”


 


ซูโม “…”


 


ชายผู้นี้มีนามว่าวังเซียนเขาหันกลับมาตั้งสติอีกครั้ง “เฮ้อ! มันเกือบทำข้าเจ็บ!”


 


“ขอบคุณมาก” วังเซียนตบหัวขอบคุณสัตว์ร้ายของเขา


 


เขาจับรถพาฟางฉีและซูโมวนไปรอบๆ บริเวณใกล้กับชั้นใจกลางเมืองและในที่สุดก็ถึงจุดหมาย


 


ฟางฉีลงจากรถม้าเป็นที่เรียบร้อย .. มันเป็นมุมถนนพร้อมกำแพงหินสีขาวเรียบถูกกล่าวต่อกันว่ามันสร้างด้วยหินเกล็ดหิมะที่มีลักษณะเฉพาะในครึ่งเมือง ผนังหิมะสีขาวหนาดูกลมกลืนกัน


 


สถานที่นี้ไม่ใกล้และไม่ไกลเกินไป แต่ไม่มีการสัญจรมากนัก ฟางฉีเหลือจะหยุดที่นี่เพราะเขาเห็นว่าหนึ่งในร้านค้าทำการประกาศว่าจะขาย


 


เหตุผลที่เขาไม่ได้เข้าไปใจกลางเมืองก็เพราะต้องใช้เงินถึงพันคริสตันเพื่อเข้าไป และหากเขามีลูกค้าลูกค้าก็จำต้องจ่ายหนึ่งพันคริสตัลให้ผู้คุมเมืองก่อนจะเข้าไปยังร้านเขาได้


 


ฟางฉีไม่ได้โง่!


 


เจ้าของร้านที่กำลังจะขายเป็นชายชราไว้ผมขาวเขาสวมเสื้อคลุมผ้าไหมที่ขอบตรงปก เขาดูค่อนข้างขี้เหนียว


 


“ท่านอยากขายที่นี่ไหม?” ฟางฉีถาม


 


ชายชราเหลือบมองเหมือนกับไม่สนใจนักเนื่องเพราะท่าทางของฟางฉีอาจดูเด็ก “เจ้าจ่ายได้หรือ?”


 


ฟางฉีหัวเราะ “ถ้าไม่ไหวข้าก็จะไม่ถาม คริสตัลสามหมื่นก้อน?”


 


“คริสตัลสามหมื่นก้อน!?” ซูโมสะดุ้ง


 


ชายชราเบิกตาโพงและหันไปมองฟางฉีอีกครั้ง “สามหมื่นคริสตัล? เจ้ารวยมากจากไหนมากมาย เด็กหนุ่มอย่างเจ้าดูหาเงินมาจากที่ไม่ปลอดภัย”


 


“มีอีกสักหมื่นก้อนมั้ยละ? ข้ามีความสัมพันธ์กับกองกำลังในท้องถิ่นแถวนี้ ข้าจะบอกให้พวกเขาดูแลเจ้าอย่างดี” ชายชราหัวเราะเบาๆ


 


ฟางฉีหยักไหล่ “การดูแลแบบไหนมีค่าถึงหมื่นคริสตัลกัน ข้าต้องการร้านเท่านั้น!”


 


“ที่นี่ไม่ปลอดภัยเท่าไรนัก” ชายชรากล่าวด้วยเสียงเรียบ


 


ฟางฉีขมวดคิ้ว “ท่านผู้อาวุโสท่านไม่ต้องกังวลกับเรื่องนี้!”


 


“ดี ก็แล้วแต่เจ้า!” ชายชราเดินออกมาเพื่อทำวัญญา “ข้าจะขายให้เจ้าด้วยราคาสองหมื่นแปดพันคริสตัล จ่ายเงินและลงนามในสัญญาร้านเป็นของเจ้าทันที”


 


ฟางฉีรีบสัญญาและถามว่า “ร้านนี้ตกแต่งอย่างสวยงาม ทำไมท่านถึงขายมันละ!?”


 


“ข้าแก่แล้วและแรงมากที่จะจัดการกับร้าน ข้าจึงต้องการขายมันและไปใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ให้สนุก” ชายชราจ้องมองที่ฟางฉี การจะหาคริสตัลได้เยอะขนาดนี้นี่ต้องไม่ธรรมดาจริงๆ


 


เมื่อมองดูชายหนุ่มที่หยิบคริสตัลประมาณสามหมื่นก้อนออกมา ชายชรารู้สึกประหลาดใจไม่น้อย แต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยปากถามคำถามใดๆ “ข้าจะให้คนมาขนของที่นี่อีกนิดหน่อย ส่วนที่เหลือยกให้เจ้าทั้งหมด”


 


“เอ่อ .. ข้าไม่ต้องการอะไรเลยท่านนำไปทั้งหมดเลยเถอะ” ฟางฉีเหลือบมองไปรอบๆ ร้านพบว่ามันเป็นรายที่ขายของทางจิตวิญญาณ


 


“ตกลง!” ชายชรามองเขา “ร้านนี้เป็นของเจ้า” เขาค่อยๆ เดินออกจากร้านช้าๆ


 


“ท่านผู้อาวุโสโม วันนี้ท่านเลิกงานเร็วจัง” เสียงหญิงสาวอันไพเราะทักขึ้น ฟางฉีมองไปทางต้นเสียงพบว่าเป็นหญิงสาวคนหนึ่งที่มีอายุราวๆ ยี่สิบอยู่ในชุดสีแดง


 


“ข้าขายร้านไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องดูแลมันอีกแล้ว” ผู้อาวุโสเดินจากไป


 


ผู้หญิงคนนั้นขมวดคิ้วเธอดูประหลาดใจไม่น้อย


 


“เจ้าเป็นเพื่อนของผู้อาวุโสใช่มั้ย?” ฟางฉีถามอย่างสงสัย


 


“เจ้ามาใหม่หรือ? ผู้อาวุโสเย็นช้าแต่ก็ดีมากไม่น้อย”


 


ดี? ฟางฉีดูสับสน ที่นี่พูดอะไรกันวกวน ..


 


“เจ้ามาจากนอกเมืองใช่มั้ย? ดังนั้นเจ้าต้องเคยได้ยินชื่อโมเทียนซิงสิ” เธอกล่าว


 


ซูโมดูไม่ตื่นตะหนก “ผู้ปลูกฝังที่ชั่วร้ายผู้ที่ฆ่าปีศาจและผู้ฝึกฝนถึงพันคนเมืองสองร้อยปีก่อน!?”


 


“เจ้าหมายถึงอะไร ผู้ปลูกฝังที่ชั่วร้าย?” ฟางฉีขมวดคิ้ว


 


สาวชุดแดงทำให้ฟางฉีหันไปจ้องมองอย่างตั้งใจ “เนื่องจากผู้อาวุโสไม่มีความลับในครึ่งเมืองข้าก็จะบอกเจ้าเกี่ยวกับเรื่องนี้”


 


“สองร้อยปีที่ผ่านมาตระกูลเฟิงแห่งทะเลดวงดาว พวกเขาได้รวบรวมผู้ฝึกฝนมากกว่าพันคนและวางแผนที่จะอัญเชิญพญามารยักษ์เพื่อให้เข้าร่วมกับพวกเขา แต่ผู้อาวุโวพบความลับและได้ทำลายสถานที่ลับของตระกูลเฟิง แต่ภายหลังตระกูลผู้มีอิทธิพลอันยิ่งใหญ่ได้ใช้อำนาจในการเปลี่ยนแปลงความจริงจากความช่วยเหลือของกองกำลังอื่นและได้ผลักดันให้ผู้อาวุโสจนมุม เขาไม่มีทางเหลือนอกจากหนีมาซ่อนตัวที่ครึ่งเมือง!”


 


“จากรูปลักษณ์ของเจ้า ข้าไม่คิดว่าแบบเจ้าถูกบังคับให้มาที่นี่” เธอมองหน้าพวกเขา “ข้าไม่คิดว่าคนนอกเมืองส่วนมากจะเป็นคนดีเท่าไรนัก”


 


ฟางฉี “…”

 

 

 


ตอนที่ 233

 

“นี่เจ้า .. กำลังจะบอกว่าผู้คนข้างนอกไม่ได้ดีทั้งหมด? แล้วคนที่นี่ดีหรือไม่?” ฟางฉีถามพลางมองเธอ เธอดูมีท่าทางกล้าหาญแต่แต่งตัวสุภาพอยู่ในชุดสีแดงและสวมรองเท้าบู๊ตสีดำ


 


“ผู้หญิงคนนี้ ..​ ดูท่าทางเป็นคนดี” ซูโมพึมพำอย่างเขินอาย


 


“คนดี!” หญิงสาวตะโกนทวนคำพูด “ฟังนะ! ข้าฆ่าคนมากเกินกว่าที่จะนับได้และกระดูกพวกเขามากพอที่จะสามารถแต่งบ้านได้เกือบหลัง มีคนเคยทำให้ข้าขุ่นเคืองข้าจึงจัดการพวกเขาโดยการตัดหัวแล้วเตะมันเหมือนลูกบอล! พวกเจ้า อืม .. ควรจะทำตัวให้มันสุภาพต่อหน้าข้า!”


 


“เจ้า .. เจ้า” ซูโมหน้าซีด


 


“ดีใจที่ได้พบเจ้า” ฟางฉียืนมือไปทำความรู้จัก


 


“ชื่อเล่นของข้าคือหนิงนักฆ่ามือเปลื้อนเลือด ..” หญิงสาวตอบเธอมีนามว่ารวนหนิงและตอนนี้ฟางฉีเองกำลังจะกลายเป็นเพื่อนบ้านคนใหม่ของเธอ เธอเป็นเจ้าของร้านขายวัสดุสำหรับประกอบสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณ


 


ได้ยินมาว่าชาวเมืองครึ่งเมืองส่วนใหญ่นั้นเกิดที่นี่และรวนหนิงเองก็เป็นหนึ่งในนั้น


 


ร้านที่ฟางฉีได้ซื้อต่อมีสองชั้นเมื่อนับรวมกับคลังสินค้าที่ผู้อาวุโสโมเคยใช้จัดเก็บสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณ สถานที่นี่สามารถรองรับคอมพิวเตอร์ได้ถึงร้อยเครื่องแถมพื้นที่เพิ่มเติมอีกนิดหน่อย


 


เช้าวันต่อมา .. ซูโมงัวเงียเดินออกจากห้องนอนเขาขยี้ตาอย่างแทบไม่เชื่อสายตา “หัวหน้า .. สิ่งเหล่านี้”


 


“วันนี้เป็นวันแรกของเราในการเริ่มต้นธุรกิจและข้าจะเขียนกฏไว้บนกระดานดำเล็กๆ ที่เคาน์เตอร์” ฟางฉีตบไหล่เขา


 



 


ฝั่งร้านค้าหลักในเวลาเดียวกัน ซูเทียนจิ, นาหลันฮงวู, ซงฉิงเฟิง, เจียงเสี่ยวหยูและคนอื่นๆ พวกเขากำลังนั่งเล่นอยู่บนโซฟา นาหลันฮงวูกำลังถือถ้วยบะหมี่ด้วยความสงสัย “เจ้าเด็กนั่นกำลังทำอะไรอยู่? เขาออกไปหลายวันแล้วไม่เห็นส่งข้อความอะไรกลับมาบ้าง”


 


“เสี่ยวหยูมานี่ มานั่งข้างๆ ข้า” หลันยันเอ่ยชวนโลลิตัวน้อยพลางกินบะหมี่ด้วยกันอย่างอร่อย “นี่เจ้านายของเจ้าหายตัวไปไหน? ทำไมเขาไม่ส่งข้อความกลับมาบ้าง!?”


 


ก่อนหน้านี้เจียงเสี่ยวหยูรู้สึกมีความสุขมากตั้งแต่ฟางฉีออกไป เธอรู้สึกสนุกและเพลิดเพลินกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอย่างมาก


 


“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน” เจียงเสี่ยวหยูตอบพลางซดน้ำซุป “ข้าไม่สามารถติดต่อกับเขาด้วยหนกสื่อสารได้เลยและข้าเองก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน!”


 


“เขาบอกว่าเขาจะค้นหาสถานที่สำหรับการขยายสาขาและเขาเองก็ไม่ได้เล่นเกมเลย” ซูเทียนจิบ่น “ข้าลองหาเขาในเกม CS แล้วทุกห้องหรือทุกด่านไม่เจอเขาเลย”


 


“เขาไม่ได้เล่น Diablo ด้วย” นาหลันฮงวูเสริม “เขาบอกข้าว่าข้าต้องผ่านด่านยากๆ ไปให้ได้ ตอนนี้ข้าได้เข้าสู่ความยากแล้ว!”


 



 


เวลาเดียวกันใน ณ คาเฟ่ในประเทศเมืองครึ่ง


 


ซูโมอ่านกฏที่ฟางฉีเขียนบนกระดานดำอย่างละเอียด


 


“ต้องการเล่นก็เล่น ถ้าไม่เล่นก็ออกไป” ฟางฉีใช้คำพูดต่างกับที่จิวหัวมาก ในเมืองจิวหัวเขาใช้คำพูดที่เรียบง่ายและอ่อนโยนกว่า


 


ที่นี่เขาตรงและแข็งทื่อ


 


“เจ้านาย ท่านไม่กลัวว่าจะมีคนมาทุบร้านของท่านหรือเมื่อพวกเขาได้อ่านข้อความนี้” ซูโมเอ่ยถาม แม้เขาจะรู้ว่าฟางฉีผู้มาที่นี่กับเขาไม่ใช่คนธรรมดา


 


“ตะโกนเสียงดังๆ ถ้ามีคนพยายามสร้างปัญหาหรือจะทุบร้าน”


 


“ตะโกนว่า?”


 


“แค่ตะโกนดังๆ ว่ามีใครบางคนกำลังสร้างปัญหา!” ฟางฉีกล่าวและมองไปที่คอมพิวเตอร์ร้อยเครื่องที่ตั้งอยู่ในร้าน “ตอนนี้ข้าจะเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตก่อน ข้าไม่ได้เชื่อมต่อมาหลายวันแล้ว” ฟางฉีชี้นิ้วไปที่กระดานดำ


 


กฏบนกระดานดำ .. (2 คริสตัล/ชั่วโมง/คน)


 


เกมเจ้ากระบี่ขั้นเทพ 38 คริสตัล/เดือน, 10 คริสตัล/สัปดาห์


 


“โปรดจำไว้ว่าพวกเขาต้องจ่ายเต็มจำนวนก่อนเพื่อเล่น หากพวกเขาไม่ต้องการจ่ายเงินบอกมห้พวกเขาออกไปข้างนอก อย่าเสียเวลาพูดต่อ!”


 



 


ณ เมืองจิวหัว


 


“อ๊าก! ร้านค้ามีรายการใหม่!” หลินเซียวดวงตาเปล่งประกายทันทีเมืองเห็นโลโก้รูปเพนกวินบนหน้าจอ “QQ ฟรี!”


 


“ฟรี!?” หลายคนที่กำลังเคี้ยวบะหมี่หันไปทางหลินเซียวพร้อมกัน


หลินเซียวเปิด QQ ขึ้นมาและมองดูบนหน้าจอเหมือนว่ามันกำลังแสนค้นหาอะไรบางอย่าง


 


“กำลังโหลดข้อมูล ..”


 


“กำลังลงชื่อเข้าใช้ ..”


 


จากนั้นคู่มือการใช้งานเริ่มต้นปรากฏขึ้นบนหน้าจอ ผู้คนต่างจ้องมองหน้าจอแล้วถามเป็นเสียงเดียวกันว่า “นกเพนกวินตัวนี้คืออะไร? พวกเราสามารถค้นหาและเพิ่มเพื่อนจากเมืองอื่นได้หรือไม่?”


 


“เมืองอื่น?” พวกเขามองหน้ากันและหยิบหยกสื่อสารออกมาจากกระเป๋า “เราสามารใช้หยกสื่อสารของเราได้ แล้วนี่มันมีประโยชน์ยังไง?” พวกเขามองหน้ากัน


 


“ลองดูกัน!” ซงฉิงเฟิง, ซูเทียนจิและคนอื่นๆ ที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาพยักหน้าให้กันหลังจากที่มองดู


 


หลินเซียวคลิกที่ตัวเลือกของเมือง มันปรากฏชื่อ จิวหัวและทะเลดวงดาว


 


มีเพียงสองตัวเลือก


 


“ทะเลดวงดาว ..” หลินเซียวหันไปมองคนอื่นด้วยความสับสน “ที่นั่นคือที่ไหน?”


 


ซูเทียนจิก็มีสีหน้าที่งงไม่ต่างกัน “ชื่อนี้ฟังดูแปลกๆ”


 


เยซงเต๋ากล่าวว่า “ข้าไม่เคยได้ยินชื่อนีเช่นกัน หรือว่ามันจะอยู่ทางทะเลเหนือ? เอ้ะหรือตะวันออกกันนะ?”


 


นาหลันฮงวูก็เช่นกัน “ข้าก็ไม่เคยได้ยินเหมือนกัน”


 


ทันทีที่หลินเซียวคลิกเลือกเมืองนั้น ที่นั่นมีรายชื่อฟางฉีเพียงคนเดียว


 


หลินเซียวปฏิบัติตามข้อแนะนำและเพิ่มเพื่อนเขาทันที


 


ขณะเดียวกันฟางฉีเองก็ยังคงสำรวจตรวจสอบ QQ ใหม่และพยายามดูว่ามีความแตกต่างจากเวอร์ชั่นที่เขาเคยใช้มาก่อนหรือไม่ จากนั้นเขาได้ยินเสียงคำขอเพิ่มเพื่อน


 


เขามองดูแล้วเห็นว่าเป็นหลินเซียว .. เขาคลิกตอบรับทันที


 


“สุดยอด! มันเชื่อมกันได้” ผู้ชมต่างประหลาดใจ


 


QQ เวอร์ชั่นใหม่นั้นมีสองวิธีในการป้อนข้อมูลหนึ่งคือป้อนด้วยคีบอร์ดและอีกวิธีคือป้อนด้วยเสียง สามารถป้อนผ่านชุดหูฟัง VR  เท่านั้น


 


ตอนนี้หลินเซียวพูดถามเขาว่า “”ท่านอยู่ที่ไหน!?


 


ในไม่ช้าประโยคคำถามก็ปรากฏขึ้นในช่องแชท


 


“ทะเลดวงดาว :)” ฟางฉีใส่อิโมจิ


 


“ทะเลดวงดาว :)”


 


“เฮ้! ใบหน้ากลมๆ นี่มันคืออะไร?”


 


“มันดูโง่จัง” เจียงเสี่ยวหยูชี้นิ้วไปที่หน้าจอพลางหัวเราะคิกคัก


 


“ถามเขาว่าทะเลอะไรนั่นอยู่ไหน!” ซูเทียนจิตะโกนมาจากด้านหลัง


 


“อาณาจักรทะเลดวงดาวนั่นอยู่ที่ไหน?” หลินเซียวพูดขณะมองคำบนหน้าจอ


 


“เจ้าไม่รู้หรือ?” ฟางฉีพิมพ์ตอบกลับมา “ผู้อาวุโสนาหลันและคนอื่นๆ น่าจะรู้จักนะ”


 


“หัวหน้าส่งหน้ามาอีกรอบสิ” เจียงเสี่ยวหยูกล่าว “เจ้าทำได้มั้ย” เธอหันไปถามหลินเซียว


 


“เดี๋ยวข้าดูก่อน ..” หลินเซียวมองหารอบๆ และในไม่ช้าเขาก็พบกับกล่องอิโมจิ


 


“เฮ้! นี่ไง!” เมื่อเห็นใบหน้ายิ้มแช้งเจียงเสี่ยวหยูตบมือรัวและตะโกนว่า “เอาอันนี้ หน้ามันดูโง่ดี!”


 


หลินเซียวสัมผัสได้ถึงเหงื่อที่ผุดออกจากหน้าผากเขาเบาๆ


 


จากนั้นเขาส่งข้อความกลับไปหาฟางฉี “พวกเขาไม่รู้จักที่นั่น”


 


“ท่านอาจารย์!” เฟงหัวและยูซินเรียกซูเทียนจิสายตาของพวกเธอมองดูหน้าจอด้วยความอยากรู้


 


“เราจะลองเล่นเจ้านี่ทีหลัง” ตงชิงลี่เอ่ย


 


“ท่านอยู่ที่ไหนบนโลก? แม้แต่หยกสื่อสารขั้นสูงของท่านาหลันฮงวูก็ไม่สามารถติดต่อได้”


 


“ข้าไม่รู้” ฟางฉีตอบ “ข้ารู้เพียงว่าสถานที่นี้เรียกว่าเมืองครึ่งและอยู่ในบริเวณเขตอาณาจักรทะเลดวงดาว มีผู้ฝึกฝนหลายคนอาศัยอยู่ที่นี่”


 


ทุกคนต่างทำหน้าสงสัย ..

 

 

 


ตอนที่ 234

 

“ตามที่เจ้าเด็กนั่นบอก ..” นาหลันฮงวูลลูบเคราของเขาแล้วคิดรวบรวมสรุปข้อมูลที่พวกเขาได้รับ “เขาถูกส่งตัวไปยังสถานที่มีชื่อว่าเมืองครึ่งเพื่อสร้างอีกสาขาที่นั่นเต็มไปด้วยผู้ปลูกฝังเต็ม ทำนองนี้ใช่มั้ย?”


 


“แต่ ..” ซูเทียนจิเอ่ยถามอย่างสงสัย “ทำไมเราไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนเลย”


 


“อาจจะ” ซัวเต๋าพูดขึ้น “เจ้าฟางฉีอาจจะไปในที่แสนไกลเกินกว่าเราจะรับรู้หรือเคยได้ยิน” สิ่งที่ซัวเต๋าพูดทำให้หลายคนประหลาดใจ


 


“แสนไกล!?” เยเสี่ยวเย้พยักหน้ารับรู้ “แล้วเจ้าของติดต่อเราได้อย่างไร?” เธอถามต่อ


 


“มันจะต้องเป็นวิธีที่ทรงพลังที่สุดของผู้อาวุโสที่อยู่เบื้องหลังแน่นอน!” เยซงเต๋ากล่าวว่า “ดูเหมือนว่าวิธีการสื่อสารของผู้อาวุโสนั้นจะก้าวหน้าเหนือกว่าการสื่อสารในปัจจุบัน!”


 


“ท่าน! ที่นั่นเป็นอย่างไรบ้าง สนุกมั้ย!?” เจียงเสี่ยวหยูถามด้วยความอยากรู้


 


“ไม่มีอะไร แต่มันค่อนข้างไม่ปกติเท่าไร!”


 


“นี่เจ้าสามารถถ่ายทอดสดให้พวกเราดูได้มั้ย?” ตงชิงลี่ถาม


 


“ข้าเห็นจากคู่มือว่ามีตัวเลือกคุยแบบเห็นภาพเราสามารถเห็นกันและกันได้!” หลินเซียวไม่รอช้าเขามองไปรอบๆ และพบว่ามีปุ่มตัวเลือกคุยแบบเห็นภาพอยู่


 


QQ เวอร์ชั่นที่ระบบสร้างมีสองตัวเลือกคือคุยแบบเห็นภาพส่วนอีกแบบคือคุยแบบเห็นภาพโดยใช้หูฟัง VR ไม่นานฟางฉีก็ได้รับข้อความแจ้งเตือน หลินเซียวต้องการเริ่มต้นการคุยแบบเห็นภาพ ท่านจะยอมรับมันหรือไม่?


 


พวกเขาเริ่มเข้าใจวิธีใช้งานกันอย่างรวดเร็ว ฟางฉีกดยอมรับเขารู้สึกแปลกใจอย่างมากเห็นคนจำนวนมากรวมถึงเจียงเสี่ยวหยู, ซงฉิงเฟิง, นาหลันหมิงสื่อและซูเทียนจิยืนกองกันอยู่ด้านหลังหลินเซียว


 


“นั่นท่านหัวหน้า!” เจียงเสี่ยวหยูอุทานพลางเอามือป้องปาก


 


“พวกเราทำได้!” หลันยันชี้นิ้วไปที่หน้าจอเห็นฟางฉีปรากฏขึ้น “ดูสิ! นั่นร้านใหม่ใช่มั้ย!?


 


“ทำไมร้านที่นั่นว่างเปล่า!” ซูเทียนจิชี้ไปที่ข้างหลัง


 


“ตายละ!” มีคนมากมายกำลังดูหน้าจอ เขารู้สึกเขินเล็กน้อยจึงเปลี่ยนเรื่องคุย “ที่นั่นคนเยอะเลยหรอ?”


 


“เราแค่อยากรู้ว่าเจ้าโดนลักพาตัวไปหรือเปล่าเห็นหายไปซะนาน” นาหลันหมิงสื่อกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน


 


“ข้าเกือบถูกลักพาตัวและถูกขาย!” ฟางฉีพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “พวกเจ้าไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าข้าตกอยู่ในอันตรายตอนที่ข้ามาถึงที่นี่ครั้งแรก ข้าขึ้นเรือมาแล้วจะลงกลางคันก็ไม่ได้ แต่.. โชคดีนะที่ข้าฉลาด!”


 


ทุกคนในร้านกำลังพูดคุยอย่างคึกคักในขณะที่ฟางฉีพูดไปพลางนึกถึงเหตุการณ์ที่เขาเจอ


 


“ฮ่าๆๆ” เจียงเสี่ยวหยูหัวเราะอย่างหนักจนเกือบล้มเธอทุบโต๊ะด้วยมือเล็กๆ “ใครมันจะไปโง่ขายคนแบบท่าน!”


 


“ผู้คนที่นั่นน่าสนใจขนาดนี้เลยหรือ?” ตงชิงลี่รู้สึกตลกในหัว


 


ขณะเดียวกันฟางฉีได้ยินเสียงซูโมตะโกน “หัวหน้า! มีคนมาที่นี่เขามาเก็บค่าธรรมเนียมรายเดือน!”


 


“ค่าธรรมเนียมรายเดือน?” ฟางฉีขมวดคิ้ว “คืออะไร?”


 


“พวกเจ้าสนุกกับเกมกันไปก่อน ข้าจะกลับมาคุยด้วยทีหลัง!” ฟางฉีกล่าวขณะส่งอิโมจิโบกมือ


 


“ท่าน! อย่าลืมคิดถึงพวกเรานะ!” ตงชิงลี่เอ่ยแซว


 


“ใช่ๆๆ ข้าอยากเห็นเมืองใหม่!” เจียงเสี่ยวหยูตะโกน


 



 


หลิวซานเป็นผู้ปลูกฝังที่มีอำนาจบนถนนสายนี้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกร้านที่เขาจะกล้าเข้าไป แต่ .. ฟางฉีคือหนึ่งในนั้นที่เขามาเยือน


 


เขาได้ยินว่าโมเทียนซิงขายร้านนี้ไปแล้ว


 


“ศิษย์พี่หลิว! ชื่อร้านนี้ฟังดูยิ่งใหญ่!” ผู้ที่ยืนอยู่ข้างหลิวซานพูดขึ้น เขาเป็นผู้ปลูกฝังวัยเยาว์เขาสวมเสื้อโค้ทสั้นใบหน้าเขาเต็มไปด้วยกระ


 


“ราคาไม่ใช่น้อย ดูเหมือนว่าร้านนี้จะมีของดี!” หลิวซานหัวเราะและเดินเข้ามา “ใครเป้นเจ้าของที่นี่!?”


 


“ข้า!” ฟางฉีลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้


 


หลิวซานเหลือบมองราคาบนกระดานดำ “นี่เจ้าเด็กน้อย เจ้าเพิ่งมาอยุ่ใหม่ใช่มั้ย?”


 


“คืออะไร?”


 


“เจ้ารู้จักผู้ขายยาที่ร้านป่าสีแดงหรือไม่?” หลิวซานพูดอย่างภูมิใจ “ข้าเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของซูเปียว ดูจากรายได้ของร้านข้าเจ้าแล้ว ข้าจะรับรองความปลอดภัยของที่นี่โดยมีค่าใช้จ่ายสามพันคริสตัลต่อเดือน!”


 


ฟางฉีและซูโมทำหน้างุนงง .. ดูเหมือนว่พวกเขาจะทำธุรกิจรูดไถ่เงิน


 


ฟางฉีหัวเราะเบาๆ “ขออภัย แต่เราไม่ต้องการการป้องกันความปลอดภัย”


 


หลิวซานยิ้มเยะาอย่างชั่วร้ายและพูดว่า “ที่เมืองนี้มันไม่ปลอดภัย เจ้าแน่ใจนะว่าไม่ต้องการความคุมครองจากพวกเรา!?”


 


“ไม่ปลอดภัย!?” ฟางฉีขมวดคิ้ว นี่เป็นครั้งที่สองที่เขาได้ยินคำเตือนจากคนที่นี่ คนแรกคือโมเทียนซิงและนี้เจ้านี่ก็อีกคน


 


เขายักไหล่ “ข้ารู้สึกปลอดภันมาก!”


 


“ศิษย์พี่หลิว เจ้าเด็กนี่มันผยอง ให้ข้า ..” ชายหนุ่มหน้ากระเอ่ย แต่เขาก็ต้องหยุดชะงักลงเมื่อหลิวซานห้าม “เงินนำความสงบมา เจ้าไม่รู้หรือ?”


 


หลิวซานกล่าวด้วยร้อยยิ้มปลอม “หากเจ้ามาร้องขอให้เราคุ้มครองในภายหลัง ราคาจะสูงขึ้นอีก!”


 


“โอ้ะ .. จริงหรอ?”


 


“ข้าจะรอดู” หลิวซานหัวเราะและเดินออกไป


 


ขณะเดียวกันรวนหนิงหญิงสาวร้านข้างๆ เดินเข้ามาและมองรอบๆ “ทำไมพวกเขาถึงออกไปเร็วนัก?”


 


“พวกเขามาเพื่อเก็บค่าธรรมเนียมรายเดือนและบอสไม่ได้ตกลง พวกเขาจึง ..” ซูโมพูดด้วยความไม่สบายใจนัก


 


“พวกเจ้าไล่พวกเขาออกไปหรอ?” รวนหนิงมองด้วยสายตาสับสน “พวกเจ้าเพิ่งมาอยู่ที่นี่ไม่รู้หรอว่าหากสร้างปัญหาอาจทำให้พวกเขาขุ่นเคือง!”


 


“ไม่มีปัญหาอะไรหรอก พวกเขาต้องการแค่ต้องการมาข่มขู่เท่านั้นแหละ” ฟางฉีกล่าว แต่นอกเหนือจากนี้เขาเองก็ยังมีเงินไม่มากพอ เขาถามหวังเซียนคนขับรถม้าเกี่ยวกับราคาของร้านค้าในบริเวณนี้แหละพบว่ามันก็มีความคล้ายคลึงกันหมด


 


“ทำไมข้าต้องมอบเงินที่หายากแสนยากให้แก่ผู้อื่น”


 


รวนหนิงตอบ “เจ้าช่างดื้อและมึนจริงๆ”


 


“หากเจ้าไม่ต้องการให้เงินกับพวกเขา เจ้าสามารถขัดขืนได้ถ้าเจ้าสองคนมีทักษะที่ไม่เหมือนใคร” รวนหนิงเอ่ยเตือน “ในเมืองนี้พวกเจ้าไม่สามารถอยู่ด้วยตัวเองได้ ท้านสุดแล้วเราไม่ได้เป็นผู้อยู่ยงคงกระพัน”


 


“แต่นี่ที่เจ้าพูดมา” ฟางฉีลูบคางพลางคิด “ข้ารู้สึกเหมือนข้าต้องการพลัง”


 


รวนหนิงมีความยินดีที่จะแนะนำ เธอพยักหน้า “แต่อย่าคิดว่าเจ้าจะปลอดภัยด้วยวิธีนี้จากการประหยัดเงิน หากเจ้าอยากจะจัดตั้งกองกำลังเองเจ้าสามารถค้นหาสำนักงานใหญ่ของกองกำลังเหล่านี้ได้โดยตรง แต่เจ้าต้องลงทะเบียนที่สำนักงานมังกรม้วนอยู่ในเมืองชั้นใน ..”


 


“โอ้ ..” ฟางฉีพึมพำกับตัวเองเขากำลังคิดว่าอยากจะได้กองกำลังที่จัดตั้งใหม่ของตัวเอง ดั้งนั้นเขาจึงต้องไปลงทะเบียนในสำนักงานมังกรม้วน


 


“โม! มากับข้า เราจะไปสำนักงานมังกรม้วนกัน” ฟางฉีตะโกน


 


“โอ้! ต้องลง!” โมที่กำลังงวนงงตอบรับทันที


 


“ในที่สุดเจ้าก็เข้าใจสถานการณ์!” รวนหนิงดูพวกเขาที่กำลังเดินออกไป เธอถอนหายใจด้วยความโล่งอก


 


เมืองมองย้อนกลับไปที่ร้าน “เฮ้! เจ้าไม่ได้ปิดประตูร้าน เจ้าจะให้ข้าดูร้านให้เจ้าน่ะหรอ!?”


 


อย่างก็ตามเขาไปไกลขึ้นเรื่อยๆ และลับสายตาไปในที่สุด


 


ขณะที่พวกเขากำลังเดินทางซูโมเอ่ยถามด้วยท่าทางแอบเบื่อ “ท่านกำลังวางแผนจะเข้าร่วมอะไร?”


 


“เข้าร่วม?” ฟางฉีโบกมือ “ทำไมเราต้องเข้าร่วมกับคนอื่นๆ เราสามารถสร้างกองกำลังของเราเองได้!”


 


“กองกำลัง?” ซูโมยิ่งงงตาแตกเข้าไปอีก


 


“ใช่ ..”


 


ณ สำนักงานมังกรม้วนชายวัยกลางคนสวมเสื้อคลุมสุดหรูหราอ่านชื่อในใบสมัครของฟางฉี “สมาคมเกมเชื่อต่อสวรรค์”


 


ทุกคนหันมองตามต้นเสียงราวกับเห็นผี


 


แน่นอนว่าพวกเขาไม่รู้ว่าฟางฉีได้เตรียมโฆษณาสำหรับการรับสมัครไว้เรียบร้อยแล้ว


 


[จะมอบดาบมังกรให้กับทุกคนที่คลิ้ก ..]


 


(ผู้แปล : จากผู้แปลอิ้งได้กล่าวว่ามีหลายเกมมากในเมืองจีนที่ใช้คำพูดเกินจริงเพื่อสร้างรายได้โดยการแนบเนื้อหาวิดีโอเกม พูดง่ายๆ คือคล้ายๆ กับการแปะโฆษณาบนเว็บเหมือนบ้านเรา)

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม