Black Tech Internet Cafe System 213-219

ตอนที่ 213

 

วันนี้การลงทะเบียนได้สิ้นสุดลง แต่ถึงอย่างนั้นที่นี่ก็ยังคงคึกครึ้นเป็นพิเศษ เนื่องจากผู้ปลูกฝังหลายคนได้เห็นเทคนิคดาบระดับยี่สิบสามพวกเขาจึงพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นกันอย่างสนุกสนาน


 


พรุ่งนี้เป็นวันสุดท้ายของการเตรียมตัวและการแข่งขันจะเริ่มขึ้นในวันมะรืน ตอนนี้ตารางการแข่งขันเกือบจะเสร็จแล้ว มีผู้ร่วมลงทะเบียนที่แน่นอนในเกม Diablo ประมาณ 80 คน หากรวมลงทะเบียนล่าช้ารวมแล้วก็เกือบๆ 100 คน


 


ส่วน CS มีประมาณ 40 ทีม ถือว่าค่อนข้างน้อยแถมเฉลี่ยนโดยรวมรายก็มีเพียงแค่ 200 คน แถมผู้เล่นบางทีมเช่นทีมราชวงศ์พวกเขาส่วนมากไม่เคยสัมผัสการต่อสู้ด้วยปืนมาก่อนหลังจากพวกเขาลงทะเบียนพวกเขาจึงต้องรีบฝึกซ้อมให้ซึมซับโดยเร็วที่สุด


 


ผู้เข้าร่วมแต่ละคนจะต้องทำการสุ่มใน Daiblo เราไม่สามารถเลือกได้ว่าจะต่อหรือหรือโจมตีใคร CS ก็เช่นกันแต่ละทีมจะทำการสุ่มไม่สามารถนัดเพื่อลงแข่งขันกันได้ และใครที่มีคะแนนเท่ากันหรือสูงกว่าจะถูกจัดอันดับตามประสิทธิภาพโดยรวม


 


จากนั้น .. รอบต่อไปก็จะเริ่มขึ้น


 


วันสุดท้ายของการเตรียมตัวพวกเขาหลายคนรวมทั้งเหล่าอาจารย์ทั้งหลายมารวมตัวกันที่นี่ คนอย่างนาหลันฮงวูและอันหูเว้ยผู้ที่ลงทะเบียนแข่งขันเกม Diablo เขาสองคนมาถึงร้านด้วยความรวดเร็ว


 


ตอนนี้รายชื่อผู้เข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมดขึ้นโชว์อบู่บนหน้าจอขนาดใหญ่


 


“ทำไมมีผู้เล่นนักเวทย์เยอะมากมาย” ซงฉิงเฟิงที่ถือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในมือจ้องมองหน้าจอและพบว่าในจำนวนผู้เข้าร่วมร้อยกว่าคนมากกว่านั้นเกือบครึ่งเป็นคนที่เล่นอาชีพนักเวทย์


 


เป็นที่รู้กันดีว่านักเวทย์มีทักษะที่ขี้โกงเช่นการเทเลพอร์ต ทักษะระยะไกลที่บ้างครั้งยากจะจัดการ


 


หน้าของซงฉิงเฟิงดูเจื่อนลง .. ภายใต้การนำทับของฟางฉี พาลลาดินเป็นอาชีพอันดับสองรองจากนักเวทย์


 


ใยขณะเดียวกันนาหลันหมิงสื่อก็มองดูทีมและรายชื่อต่างๆ บนหน้าจอด้วยแววตาที่อ่านไม่ออกในหัวของเธอตอนนี้เต็มไปด้วยแผน


 


เธอยังคงมีเวลาเพราะการแข่งขัน CS นั้นจะเริ่มในวันถัดไป ซูเทียนจิเองก็กำลังเฝ้ามองหน้าจอใหญ่พร้อมด้วยเฟงหัวและยูซินพ่วงท้ายด้วยผู้เชี่ยวชาญจากวังหิลวหยุนอีกสองคน


 


อย่างไรก็ตามพวกเขาถูกเชิญชวนโดยซูเทียนจิ “พวกเจ้ากำลังมองหาที่ฝึกอยู่หรือเปล่า? มาฝึกกับข้าสิ!” ดูเหมือนว่านีี่จะเป็นคำเชิญชวนที่มีน้ำเสียงน่ากลัวนิดหน่อย ซึ่งพรุ่งนี้เป็นวันที่ยิ่งใหญ่ หากทีมจากวังหลิวหยุนของเธอพ่ายแพ้และไม่สามารถเข้าสู่หนึ่งในสิบหกได้มันจะน่าขายหน้าอย่างมาก!


 


เวลาเดียวกันนาหลันฮงวูและอันหูเว้ยเดินไปที่เคาน์เตอร์อย่างร้อนใจ “นี่เจ้าหนุ่ม มันเริ่มต้นเมื่อไร?”


 


ฟางฉีมองดูเวลาและเงยหน้าขึ้นตอบ “เริ่มตอนเก้าโมงเช้า ยังคงพอมีเวลาอยู่ประมาณชั่วโมงหนึ่ง”


 


เมื่อทุกคนรับประมานอาหารเช้าเสร็จจากนั้นผู้เข้าร่วมการแข่งขันในเกม Diablo จะถูกพาไปที่ชั้นสองซึ่งห้องถูกจัดกั้นไว้เพื่อทำการแข่งขัน


 


ฟางฉีในฐานะผู้ตัดสินจะอยู่ในห้องทำการแข่งขันและเจียงเสี่ยวหยูก็จะนั่งอยู่บนโซฟาเพื่อเฝ้าหน้าจอใหญ่ .. ในการแข่งขันครั้งนี้แม้มูตงไหล่จะดูงานยุ่งแต่เขาก็เลือกที่จะเดินทางมาดูด้วย


 


องค์หญิงจียูและทีมของเธอวางแผนที่จะทำการฝึกฝน “กงชีเชียวเจ้ามาที่นี่เพื่อดูการแข่งขันหรือ?”


(ผู้แปล : Gongzi กงซี เป็นชื่อใช้เรียกคนที่เป็นชายหนุ่มดูมีภูมิหลังหรือฐานะดี)


 


“แน่สิ” เซียวหยูกล่าวด้วยความภูมิใจ “จากการสังเกตการมานานและได้วิเคราะห์ข้อมูลอย่างละเอียดข้าได้เล็งเห็นผู้ที่มีแนวโน้มมากที่สุดในการแข่งแต่ละรอบแล้ว ท่านต้องการทราบบ้างมั้ยละ!?”


 


องค์หญิงทำหน้ามุ่ย “ข้าไม่เห็นรู้มาก่อน นี่มันธุระของเจ้าหรอ?”


 


“งานอดิเรก! แค่งานอดิเรก” เซียวหยูรู้สึกเสียเซล์ฟ “ข้ารับรองได้ เจ้าของร้านไม่รู้จักพวกเขาเหมือนข้าหรอก”


 


“ไหนลองบอกมาซิ!” นาหลันหมิงสื่อถามด้วยความสนใจพลางจิบโค้ก “ไหนการวิเคราะห์ของเจ้า”


 


“สำหรับผู้สมัครที่มีแนวโน้มมากที่สุดในการแข่งขัน Diablo ข้าแน่ใจว่าทุกคนต้องรู้จักผู้อาวุโสนาหลันที่กำลังมาเป็นอันดับหนึ่งอย่างแน่ แต่ถึงอย่างไรข้าสังเกตเห็นผู้เล่นคนหนึ่งมีศักยภาพที่ต่ำแต่แน่นอนเขาคนนี้ก็เป็นตัวเกร็ง”


 


เซียวหยูหัวเราะเบาๆ “หากท่านอันหูเว้ยหรือผู้อาวุโสนาหลันประมาทหรือไม่ระวังอาจจะแพ้เขาก็เป็นได้”


 


“พวกเขาแข็งแกร่งขนาดนั้นเลยรึ?” องค์ชายสองถาม


 


“อืม​ .. ยกตัวอย่างเช่นนักเวทย์ของใบลังบนหน้าจอ” เขาชี้ไปที่รายชื่อของใบลังที่มีระดับใกล้กับเวลสี่สิบ


 


“ชายคนนี้เป็นผู้เล่นเก่าและบางทีพวกท่านอาจเคยเจอเขามาก่อน” เซียวหยูกล่าว “พวกที่เล่นนักเวทย์หรือพ่อมดแม่มดนั้นแข็งแกร่งมาก!”


 


พวกเขามองรายชื่อคู่ต่อสู้ของใบลังคือพาลาดินระดับสามสิบ .. นักเวทย์สามารถโจมตีด้วยการเสกพายุหิมะเพื่อปะทะและเทเลพอร์ตย้ายที่ได้


 


เซียวหยูยังคงอธิบายต่อ “เห็นมั้ยนี่คือความแข็งแกร่งของนักเวทย์ เขาสามารถตรึงคู่ต่อสู้และรักษาระยะห่าง ..”


 


“อืม ..” นาหลันหมิงสื่อชี้ไปที่จอ “แต่ดูนั้น พาลาดินคนนั้นเหมือจจะชนะ ..”


 


“ใบลังกำลังจะชนะหรอ!?” เซียวหยูพูดอย่างมั่นใจ “มัน .. อะไรนะ!? เจ้าพูดว่าใครจะชนะนะ!?”


 


เซียวหยูหันไปที่หน้าจอยักษ์และเห็นว่าใบลังจะทำผิดพลาด ในขณะที่เขาซดมานาในช่วงเวลาเดียวกันพาลาดินนั้นมีโอกาสที่จะทำให้เขาหลุดออกมาพร้อมกับใส่โล่เพิ่ม HP ให้แก่ตัวเอง


 


พาลาดินทำเช่นนี้ได้ด้วยหรือ!? เขาคิดในใจด้วยความสับสน พายุหิมะแทบไม่สามารถสร้างความเสียหายต่อพาลาดินได้เลย


 


ในทางตรงข้ามกันพาลาดินสามารถฟาด HP ของใบลังไปเกือบครึ่งหลอดด้วยสกิลแช่แข็ง


 


“เขาสลับเทคนิคการตรึงและสกัดกั้นความเย็นไว้ได้ทันเวลา นอกจากนี้เขายังโจมตีได้ถูกเวลา เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญจริงๆ” นาหลันหมิงสื่อจิบโค้กพลางเอื้อนเอ่ยด้วยความใจเย็น “ข้าต้องทำเครื่องหมายให้ฟูเจียงเหให้พาลาดินผู้นี้แล้วละ เพื่อบอกให้คนอื่นๆ ได้ระวัง ..”


 


เซียวหยู “…”

 

 

 


ตอนที่ 214

 

“วันนี้ศิษย์พี่หลันยันไปไหนหรือ?” เจียงเสี่ยวหยูที่นั่งอยู่ข้างๆ นาหลันหมิงสื่อเอ่ยถาม


 


“เธอไปดูการแข่งแบบชิดติดขอบ” นาหลันหมงิสื่อตอบกลับขณะที่เธอนั่งดูการแข่งอยู่บนโซฟา


 


ผู้เกือบครึ่งร้านได้เข้าร่วมการแข่งและอีกส่วนหนึ่งกำลังนั่งอยู่ข้างล่างเพื่อดูการแข่งที่ถ่ายทอดบนหน้าจอยักษ์


 


ผู้อาวุโสหยินหลงผู้มีจุดมุ่งหมายอันแน่วแน่เขาพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่เกมเซียนกระบี่พิชิตมารพอหมดเวลาเขาก็ไปนั่งที่โซฟาต่อเพื่อดูการแข่งขัน แลปล่อยให้หลันโมและจุนหยางชีได้ทำการแข่ง Diablo กันต่อไป


 


มีเพีียงหลี่เฮารันเพียงคนเดียวจากคนในกลุ่มบลูเฟรมทั้งหมดที่เข้าร่วมการแข่งขัน Diablo แม้ว่าคนอื่นๆ จะลงแข่ง CS แต่พวกเขาก็ไม่ได้ตั้งความหวังเท่าไรนัก สิ่งที่พวกเขาคาดหวังไว้ในตอนนี้ก็ได้ตกลงไปอยู่ที่ตัวละครนักเวทย์ของหลี่เฮารันโดยทันที


 


จากความคืบหน้าในการแข่งขันคะแนนของผู้เข้าร่วมหลายคนเริ่มเปลี่ยนไปอย่างช้าๆ ทางด้ายซ้ายมือของหน้าจอ


 


“รายชื่ออันดับสูงสุดสิบหกคนแรก!”


 


พวกเขามองดูหน้าจอพบว่านาหลันฮงวูไม่ได้อยู่ในหน้าแรก แต่กลับกลายเป็นอันเชงแทนแม้พวกเขาจะชนะเท่ากันห้าครั้งแต่รวมเวลาในการต่อสู้ของอันเชงนั้นน้อยกว่านาหลันฮงวูมาก


 


อันเชงนั่งเงียบพลางหันมองผู้หญิงคนหนึ่งที่ชนะเขาและอยู่ในอันดับที่เก้า เธอสวมเสื้อเกาะและรองเท้าธรรมดาที่ดูเปรอะเปื้อน


 


นี่เป็นครึ่งที่สองที่เขาพบกับคู่ต่อสู้ทำนองนี้


 


“หือ? นี่ใช่หลิวหยุนจากสำนักซียี่หรือเปล่า?” องค์ชายสองชี้นิ้วไปทางหญิงคนนั้นที่อยู่ในระดับที่เก้าพร้อมเอ่ยถาม


 


“ดูเหมือนว่าจะเป็นเธอ ..” นาหลันหมิงสื่อมองไปทางจอ


 


อันเชงพยายามใช้สกิลไฮดรา


(ผู้แปล : Hydra เป็นสกิลธาตุไฟรูปร่างคล้ายมังกร)


 


เซียวหยูอธิบายออกมาด้วยความคุ้นเคย “นักเวทย์ผู้ใช้คาถาทางจิตวิญญาณสามารถใช้เทคนิคเปลวไฟที่มีท่าทางเหมือนงูเก้าหัวได้ มันเป็นธาตุไฟที่แข็งแกร่งมาก แค่สกิลนี้ก็เกือบจัดการศัตรูได้เป็นกอง”


 


ขณะที่มองดูสกิลไฮดราที่กำลังพ่นไฟอันร้อนแรงออกมา เขาพูดต่ออีกว่า “หากผู้อาวุโสนาหลันใช้สกิลไฮดราการจัดอันดับของผู้อาวุโสก็จะต้องเหนือกว่าแน่นอน”


 


“กงซีเซียว” จียูเรียกเขาพลางชี้ไปที่หน้าจอ “นายน้อยอันเชงยอมจำนน”


 


เซียวหยูมองหน้าจอด้วยความตกใจ


 


“ตระกูลอันและตระกูลหลิวของเมืองจิวหัวเป็นมิตรต่อกัน” ท่านมูอธิบาย “ตอนนี้สำหรับเจ้าหนุ่มอันเชงที่มีคะแนนสูงกว่ามันก็ถือว่าไม่เป็นไรที่จะยอมให้เธอชนะในการแข่งครั้งนี้”


 


เซียวหยูปิดปากแลละพูดอย่างตะกุกตะกัก “ทุก .. คนนี่เป็นข้อยกเว้น”


 


หลังจากที่เซียวหยูทำนายผลลัพท์ล้มเหลวเขาจึงระมัดระวังมากขึ้นในความคิดและคำพูดของตัว ไม่ใช่ว่าจะเลิกทำหรือยังไงนะแต่ครั้งต่อไปเขาจะพลาดไม่ได้อีก


 


เวลาผ่านไปการแข่งขันในวันแรกยังคงไม่คืบหน้าเท่าไนนัก ผู้เล่นระดับสูงหลายคนระมัดระวสังตัวมากเพื่อจะรักษาให้ตัวเองติดหนึ่งในสิบหกของหน้าแรกบนหน้าจอ


 


ในเวลาเดียวกันม้ามืดก็ตีตัวปรากฏขึ้นบนรายชื่อ ตัวอย่างเช่น ฟูเจียงเหและใบลัง ทั้งสองพยายามจะขึ้นมาเพื่อมีชื่อติดในสิบหกอันดับแรก


 


ด้วยความประหลาดใจและไม่ทันสังเกตมาก่อน .. วังใต้


 


“นั้นเพื่อนอ้วนของเจ้าของร้านหรือเปล่า?” นาหลันหมิงสื่อขมวดคิ้ว


 


“เจ้ารู้จักเขาหรือ?” จียูหันไปถาม


 


“ข้าเคยดูการเล่นของชายอ้วนคนนี้” เซียวหยูมองรายชื่อของเขาที่ติดอยู่หนึ่งในสิบหกและวิเคราะห์ต่อ “เขาเล่นอาชีพหมอผีมีคาถาเวทย์มนตร์ทางจิตใจพอๆ กับซงฉิงเฟิงและคนอื่นๆ แต่เขาขี้ขลาด! เขาอาจเข้าสู่หนึ่งในสิบหกด้วยความโชคดี”


 


“คนเล่นอาชีพนี้ต้องพึ่งคนอื่นเขายืนทั้งเกมไม่ได้ เขาต้องอาศัยคนอื่นยืนและตัวเองโจมตีซึ่งเป็นการเสียเปรียบ” เซียวหยูยังคงวิเคราะห์ไปเรื่อย


 


“ผู้อาวุโสนาหลันกำลังเจอกับใลลัง!”


 


หลายคนที่ได้ยินรีีบหันกลับมามองที่หน้าจอ


 


“นี่เป็นตาสุดท้ายหรือเปล่า!?” นาหลันหมิงสื่อถาม


 


จียูพยักหน้า “ใช่ หากเขาชนะครั้งนี้ เขาจะมีชัยชนะติดต่อกันถึงยี่สิบครั้ง!”


 


เซียวหยูเริ่มระมัดระวังการพูดในครั้งนี้ “ตัวละครพาลาดินของผู้อาวุโสนาหลันนั้นทรงพลังมาก ส่วนการต่อสู้ของเขากับอันเชงหรือคนอื่นๆ ดูอ่านยาก ข้าว่าท่านอาวุโสต้องระมัดระวังตัวในการต่อสู้กับใบลัง”


 


มูตงไหล่เอ่ย “ข้าว่าการแข่งขันในครั้งนี้ผู้อาวุโสจะได้อันดับที่หนึ่ง”


 


ทุกคนเหลือบมองหน้าเขาโดยที่ไม่พูดอะไรแล้วหันกลับไปจ้องหน้าจออีกครั้ง


 


“ในการแข่งขันครั้งนี้ใบลังเคลื่อนไหวด้วยความระมัดระวังอย่างมาก” เซียวหยูยังคงพูดเจื่อยแจ้ว “เขากำลังสร้างระยะห่างกับคู่ต่อสู้”


 


แม้ว่านาหลันฮงวูจะชนะมาแล้วสิบเก้าครั้งติด แต่เขาก็รู้ถึงข้อเสียของพาลาดินเมื่อเผชิญหน้ากับนักเวทย์ พาลาดินแทบไม่สามารถบุกถึงตัวพวกเขาได้เลย


 


เขาเรียนรู้เทคนิคค้อนศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นการโจมตีระยะไกล ถึงอย่างนั้นตามวิถีของค้อนนั้นเป็นสกิลการโจมตีรูปร่างโค้งแทนที่จะเป็นการพุ่งตรงดังนั้นมันจึงจำเป็นต้องมีทักษะการคำนวนหาจุดลงจอด


 


ขณะเดียวกันนักเวทย์นั้นสามารถเทเลพอร์ตย้ายตัวและสร้างระยะห่างได้และถ้าหากนาหลันฮงวูถูกโจมตีขึ้นมาร่างกายเขาจะช้าลงอย่างมาก!


 


ใบลังถือเป็นผู้เล่นเก่าที่คุ้นเคยกับทักษะของพาลาดินและเขาเองจะต้องไม่ทำให้ผิดพลาดอย่างแน่นอน!


 


เวลาเดียวกันนาหลันฮงวูวิ่งไล่ใบลัง .. ทุกคนจับตามองอย่างตั้งใจ มูตงไหล่เองก็เช่นกันเขาจ้องมองโดยไร้คำพูดใดๆ “…”


 


สุดท้ายพาลาดินของนาหลันฮงวูก็แสดงให้เห็นว่าเขาสามารถเข้าสู่อันดับหนึ่งในสามได้ และอีกสองคนคืออาชีพนักเวทย์


 


ตัวอย่างอันหูเว้ยแพ้การแข่งขันหนึ่งครั้ง แต่นาหลันฮงวูใช้เวลาการแข่งขันนัดสุดท้ายด้วยเวลาอันยาวนานนั้นจึงทำให้อันหูเว้ยเข้ามาในจุดเกิดอีกครั้ง


 


ในขณะเดียวกันนาหลันฮงวูเริ่มเข้าใจในเกมมากขึ้น เขาถอดหูฟัง VR ออกและตะโกน “ใครมีไอเทมที่เทเลพอร์ตได้บ้าง ข้าจะซื้อมันพวกมันจะได้แช่แข็งตรึงข้าไม่ได้!”


 


ผู้เข้าร่วมไม่สามารถยิ่มของจากผู้เล่นคนอื่นได้ .. ในกฏได้เขียนไว้ แต่ .. มันไม่ได้บอกว่าห้ามซื้อ!


 


วันแรกจบลง .. ชั้นสองเงียบกริบไม่มีคำตอบ


 


ซงฉิงเฟิงตะโกนถามย้ำ “ใครมีบ้าง ข้าจะซื้อข้าให้คริสตัลห้าสิบก้อน!”


 


“ข้าให้ร้อยก้อน!” นาหลันฮงวูตะโกนด้วยความหัวร้อน

 

 

 


ตอนที่ 215

 

ฟางฉีีกลอกตาเมื่อได้ยินคำพูดของนาหลันฮงวู แหม .. รวยจริงๆ


 


“ร้อยคริสตัลนี่สำหรับหนึ่งชิ้น!” ทุกคนหันมามองเขาช้าๆ เมื่อได้ชินข้อเสนออีกครั้ง แต่ถึงอย่างนั้น .. มันก็เป็นแค่เกมไม่ใช่ของจริง!


 


แต่ล่าสุดนั้นอันเชงเองก็ซื้อักษรด้วยการใช้คริสตัลเช่นกันซึ่งนี่ถือเป็นเงินไม่เท่าไรเมื่อเทียบกับตอนนี้ .. ของในเกมถูกเสนอให้มีราคาถึงร้อยคริสตัล!


 


สำหรับคนบางคนร้อยคริสตัลเป็นอะไรที่มีค่าเยอะมาก!


 


แน่นอนใครก็ตามที่รู้จักนาหลันฮงวูมั่นใจได้เลยว่าร้อนคริสตัลสำหรับเขานั้นขนหน้าแข็งไม่กระดิกเลย แต่ที่น่าตกใจก็คือสิ้นค้าในเกมสามารถมีราคาได้สูงถึงร้อยคริสตัล!?


 


แม้ว่าหลายคนจะรู้ว่าการเป็นผู้เล่นอในลำดับต้นๆ จะได้รับของรางวัลแน่นอนแต่ถึงอย่างนั้นสำหรับคนเล่นเกมแล้วมันไม่พอต่อความสะดวกและความบันเทิง ซึ่งบางเหตุการณ์เมื่อขาดตอนมันส่งผลให้หงุดหงิดใจอย่างมาก!


 


“ใครมีไอเทมที่มีคุณสมบัติเลี่ยงการถูกตรึงบ้าง!?” หลายคนหันหน้าไปถามกันเป็นทอดๆ


 


“อย่าเก็บไว้ มันมีค่าถึงร้อยคริสตัล!”


 


ขณะเดียวกันคนของกลุ่มของใบลังเอ่ยขึ้น “ศิษย์พี่ใบข้ามีของที่มีคุณสมบัติเช่นนั้น .. มันเป็นของที่ไม่เหมือนใคร ..”


 


“อย่าขายมัน!” ใบลังมีสีหน้าเปลี่ยนเมื่อรู้ว่าคาถาของเขาจะไร้ประโยชน์หากใช้กับของป้องกันนี้


 


“ข้าต้องการไม้เวทย์เทเลพอร์ต!”


 


ฟางฉียังคงแปลกใจเมื่อได้ยินนาหลันฮงวูตะโกนถามอย่างร้อนใจ “นี่เจ้าหนุ่ม! เจ้ามีขายให้ข้าหรือเปล่า!?”


 


“ข้าจะจ่ายให้เจ้าเพิ่มเป็นสองร้อยคริสตัล!” นาหลันบอกด้วยสายตาดุดัน


 


ทันทีที่เขาพูดจบ .. ทุกคนในร้านหันไปซุบซิบกันอีกครั้ง! สองร้อยคริสตัล! มันเป็นของวิเศษขนาดนั้นเลยหรือ .. อย่างไรก็ตามนาหลันฮงวูให้ข้อเสนอสูงถึงสองร้อยคริสตัล!


 


ฟางฉีหยักไหล่ “ข้าเป็นผู้ตัดสิน ข้าไม่มีอะไรขาย”


 


“…” นาหลันฮงวู


 


“ข้ามีถุงมีวิเศษที่มีคุณสมบัติแบบที่ท่านต้องการ!” อาจารย์จากสำนักหลิงหยวนตะโกนขึ้น


 


“ข้ามีชุดเกราะมันมีคุณสมบัติแบบที่ท่านต้องการ!”


 


ฟางฉีมองตามเสีียงตะโกนพบว่านั้นมันตงชิงลี่ แม้ว่าเธอไม่ได้ต้องการเงินแต่เธอกระตื้อรือร้นที่จะมีีส่วนรวมในการขายครั้งนี้


 


“ไหนไอเทม?” นาหลันฮงวูมองไป “ไหนข้าขอดูหน่อย!”


 


ทันทีที่ตงชิงลี่เปิดเกม .. ข้างหลังที่นั่งเธอเต็มไปด้วยผู้คนที่ลุมล้อมเพื่อรอชมไอเทม


 


“ทำไมพวกเขาอยู่ตรงนั้นกัน!?” การแข็งขันในหน้าจอยักษ์จบลงแล้ว แต่ยังไม่มีใครลงมาข้างล่าง เจียงเสี่ยวหยูมองไปที่บันได


 


“เร็วเข้า! พวกเขากำลังขายของ” มีคนตะโกนลงมาจากข้างบน “คนซื้อเสนอราคาไอเทมเลี่ยงการถูกตรึงถึงร้อยคริสตัล!”


 


“ร้อยคริสตัล!?” ผู้เล่นในชั้นล่างเมื่อได้ยินถึงกับรีบออกเกมแล้ววิ่งขึ้นไปชั้นสองทันที


 


“ร้อยคริสตัลสำหรับไอเทมเพียงชิ้นเดียว!?” องค์หญิงจียูพร้อมองค์ชายสอง, มูตงไหล่, หลันโมและจุนหยางชีมองหน้ากันด้วยความงุนงง


 


พวกเขากำลังสงสัยว่าหูของพวกเขากำลังฝาดไปหรือเปล่า .. แต่จะฝาดพร้อมกันเนี่ยนะ!?


 


หากพูดถึงสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณที่สร้างขึ้นโดยกลุ่มบลูเฟรมที่มีชื่อเสียงเรื่องการประดิษฐ์เป็นอันดับหนึ่งของตาจินเทือบจะทุกชิ้นในร้านแม้จะมีคุณภาพสูงมากแค่ไหนแต่ในราคาร้อยคริสตัลมันก็ขายไม่ออก .. แต่ดูนี่สิไอเทมหนึ่งชิ้นกับร้อยคริสตัล!?


 


“ไปกันเถอะ” พวกเขาลุกขึ้นจากที่นั่งก่อยจะเดินขึ้นไปชั้นสอง ในเวลาเดียวกันตงชิงลี่ก็กำลังเปิดเกมของเธอ


 


เกราะป้องกัน


 


การป้องกัน : 119


 


ระดับที่ต้องการ : 15


 


เดินเร็ว : 10%


 


การป้องกันขั้นสูง +96%


 


ด้านความเย็น +15


 


ด้านความหนาว +15


(ไม่สามารถถูกแช่หรือตรึงได้)


 


ผู้ชมที่ยืนอยู่ข้างหลังอ้าปากค้างเมมื่อได้เห็นคุณสมบัติเหล่านี้ เขาสงสัยว่าหากเป็นเช่นนี้คาถาการแช่แข็งหรือตรึงจะสร้างความเสียหายอย่างไรต่อพาลาดิน


 


“อห! เขาจ่ายถึงร้อยคริสตัล”


 


“ข้าหวังจะมีของดีๆ แบบนี้บ้าง!”


 


คนดูหลายคนอิจฉา!


 


“ใครมีไอเทมกันการแช่แข็งหรือถูกตรึงอีกมั้ย?” อันเชงตตะโกร “ข้าใครร้อยคริสตัลกับอันที่บวกเยอะและจะให้ห้าสิบครัสตัลรองจากอันที่ดีที่สุด”


 


“เราจะทำอย่างไรดี!?” ใบลังเอ่ยถามหลังจากรู้ว่าพวกเขาได้รับของป้องกันตัว


 


“หากเราเผชิญกับพวกเขาอีกครั้งเราต้องใช้สกิลอื่น!” ใบลังกล่าวพร้อมกับอารมณ์ที่เข้มขรึม “ข้าจะต้องเพิ่มคะแนนให้กับต้นไม้ทักษะเฉพาะเพื่อการแข่งขันในครั้งนี้”


 


หลังจากที่ได้เการะใหม่นาหลันฮงวูรู้สึกพึงพอใจมากเขาสวมชุดเกราะพลางมองดูตัวละครพาลาดินอย่างมีความสุข เขารู้สึกหมดหนทางอย่างมากทุกครั้งที่พ่ายแพ้ต่อการแช่แข็งหรือถูกตรึง แต่ตอนนี้เขากลับมามั่นใจอีกครั้งเมื่อได้รับของดี “มีใครที่ยังมีเทเลพอร์ตหรือไอเทมช่วยเหลืออีกมั้ย? ข้าจะข่ายให้เป็นสองเท่า!”


 


อาชีพปกติที่สามารถใช้เทเลพอร์ตส่วนมากจะเป็นนักเวทย์ แต่มีข้อจำกัดอยู่สำหรับการใช้เทเลพอร์ตหากใครได้เรียนรู้ก็จะสามารถใช้ได้ นาหลันฮงวูได้เห็นวิธีใช้งานจากฟางฉี!


 


แม้ว่าอาชีพจะมีข้อจำกัด .. แต่นี่ถือเป็นวิธีที่คุกคามชั้นยอดที่ส่งผลต่อนักเวทย์อย่างมาก


 


“อ่ะ!” ยูเหลียงพูดด้วยเสียงเศร้า “ข้าเห็นมันอยู่ น่าเศร้าที่ข้ามีเงินไม่พอ!”


 


ไอเทมพวกนี้มีประโยชน์มากแต่ใช้ได้เพียงไม่กี่ครั้งแถมหายากและยังมีราคาแพง!


 


“ถ้ามีอีกอันข้าจะเอา!” ผู้เฒ่าฟูเอ่ย “ข้าจะให้สองเท่าเท่าท่านผู้อาวุโสนาหลันและร้อยคริสตัลสำหรับไอเทมที่รองลงมา!”


 


“ข้าซื้อด้วย!” อันหูเว้ยเสริม


 


“สองร้อยคริสตัลสำหรับเทเลพอร์ต และร้อยคริสตัลสำหรับไอเทมป้องกันสกิลแช่แข็ง!” ซงฉิงเฟิงรู้สึกยอมไม่ได้ แม้ว่าเขาจะไม่ได้ร่ำราวยเท่านาหลันฮงวูและอันหูเว้ย แต่ครอบครัวของเขาก็มีกำลังมากพอทีี่จะส่งเสริมยิ่งตอนนี้การพัฒนาของเขาเพิ่มขึ้นนั้นยิ่งทำให้เขาได้รับการสนับสนุนมาขึ้น


 


ทุกคนเบิกตาโพง!


 


ข้อตกลงเหล่านี้รวมๆ กันมากกว่าพันคริสตัล!


 


มันไม่น่าแปลกใจถ้ามูลค่าหนึ่งพันคริสตัลนี้มีไว้ซื้อสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณ หลายคนตะลึงเพราะพวกเขาไม่คาดคิดว่าจะมีคนกล้าแลกเปลี่ยนคริสตัลกับสิ่งเสมือนจริงแบบนี้!


 


ในที่สุดทุกคนก็ได้ของป้องกันการแช่แข็งหรือถูกตรึงต้องการสมใจ .. มีีเพียงนาหลันฮงวูคนเดียวทีี่ได้ครอบครองเทเลพอร์ต


 


เนื่องจากยังพอมีเวลาเหลือก่อนการรแข่งขันรอบต่อไป จึงมีเวลาทีี่จะยื่นข้อเสนอหรือซื้อขายสินค้ายอดนิยมต่างๆ นอกจากนั้นการพูดคุยกันอย่างคึกคักยังเป็นที่สนใจและดึงดูดผู้เล่นกลุ่มใหม่จำนวนมาก


 


“มันเป็นอะไรที่ไม่คาดฝันมาก่อน ..” นาหลันหมิงสื่อพูดขณะจิบโค้ก


 


“ช่างเหลือเชื่อ!” หลันยันเห็นด้วย


 


“ข้าต้องการเล่นเพื่อเสาะหาไอเทมและนำมาแลกกับเงินบ้าง ..” เจียงเสี่ยวหยูพูดอย่างขมขื่น

 

 

 


ตอนที่ 216

 

“โชคดีที่เราเข้าร่วมการแข่งขันของ CS” เหลลียงชีและคนอื่นๆ พึมพำเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างการแข่งขัน Diablo


 


พวกเขาไม่สามารถที่จะจ่ายกับของที่มีราคาสูงถึงร้อยหรือสองร้อยคริสตัลได้


 


เขาเล่นแต่ Resident Evil เกมแรกและเกมเดียวในคาเฟ่ แม้ว่าเขาจะเป็นลูกค้าเก่าแก่และเขาเองก็เพิ่งจะเปิดใจเล่น CS เมื่อไม่นานเพราะทุกเกมมีราคาเฉพาะของมัน


 


ผู้เล่นไม่มีกำลังมากพอที่จะจ่ายค่าเล่น แม้เกมมันจะแลกมาด้วยความแข็งแกร่งทักษะที่เพิ่มขึ้นหรือความสนุกก็ตาม ผู้คนที่นี้ส่วนใหญ่เป็นคนธรรมดาทั่วไปแต่เมื่อได้สัมผัสกับคาเฟ่แห่งนี้เขาเองรู้สึกว่าการมีชีวิตอยู่ต่อไม่ได้ดูจืดชืดหรือธรรมดาอีกต่อไป ช่วงเวลาที่ได้พัฒนาตัวเองกับการเล่นเกมมันได้ดูดความเป็นทัศนคติสมัยก่อนให้หายไป


 


แต่ก็ .. ไม่ใช่ทุกคนจะเล่นเกมเพื่อผลประโยชน์


 


จากมือใหม่ที่ไม่สามารถใช้ปืนพกได้ตอนนี้พวกเขาฝึกฝนพัฒนาจนเชี่ยวชาญในการใช้ปืนและทักษะการต่อสู้ระยะประชิด .. พวกเขาใช้เวลาและพลังงานในการฝึกฝนจนตอนนี้มีความสามารถมากพอๆ กับขุนนางบางคนด้วยซ้ำ


 


วันนี้เป็นวันสุดท้ายและก่อนการแข่งขันเขามองดูเหล่าสหายของเขาทั้งในชีวิตจริงและในเกม การแข่งขันในครั้งนี้อาจเป็นโอกาสที่ดีที่สุด เขาจินตนาการว่าเขาอาจมีโอกาสยืนบนยอดเขาสูงและมองทิวทัศน์แสงแดดท่อส่อง


 


เมื่อจินตนาการถึงฉากนี้แล้วเขาจึงรีบเตรียมตัวอย่างกระตือรือร้น!


 


การแข่งขันครั้งนี้มันเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น .. จุดเริ่มต้นแห่งความรุ่งโรจน์ที่เขาคาดหวังไว้


 


เขาจับปืนด้วยความมั่นใจและมองหาศัตรูอย่างตั้งใจขณะเดียวกันความคิดที่จินตนาการก็พุ่งพล่านในสมองชวนสับสน


 



 


วันนี้เป็นการแข่งขันสำหรับ CS รอบแรกได้เริ่มขึ้นแล้ว


 


ตงชิงลี่ที่กำลังอารมณ์ดี แม้ว่าเธอจะไม่ได้ติดหนึ่งในสิบหกคนเมื่อวานแต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกผิดหวังหรือเสียใจเพราะเธอเข้าร่วมการแข่งขันเพื่อความสนุกและเปิดประสบการณ์ใหม่


 


เธออารมณ์ดีเนื่องจากเมื่อวานเธอชนะถึงสองสามครั้งในเกม คู่แข่งของเธอถูกสุ่มเข้ามานั่นจึงทำให้ยิ่งตื่นเต้นเมื่อได้ต่อสู้กับคนแทนที่จะเป็นสัตว์ประหลาดปกติ


 


หลังจากได้กินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแล้ว เธอกำลังจะนั่งพักบนโซฟาเพื่อรอดูการถ่ายทอดสด เธอหันไปเห็นฟางฉีที่กำลังทำข้อตกลงเกี่ยวกับการแข่งขัยนโดยการเขียนลงบนกระดานดำ


 


“เจ้าของ! เจ้ามีราบการใหม่อีกหรือไม่!?” ตงชิงลี่มุ่งหน้าไปทางเขาทันที อะไรใหม่ๆ คือสิ่งที่เธอสนใจมากที่สุด


 


แม้แต่ .. ของว่างในร้านก็ไม่เพียงพอสำหรับท้องและความต้องการของเธอ!


 


เมื่อฟางฉีเขียนเสร็จเธอมองด้วยความงุนงง “ขนมแท่งรสเผ็ด!?”


 


ฟางฉีพยักหน้าและชี้ไปที่กระดานดำ “นี่เป็นขนมที่มีชื่อเสียงที่สุดมันมีราคาถึง 15 คริสตัลหนึ่งกลล่องมีสิบแท่ง มันเป็นของว่างเพียงอย่างเดียวที่เจ้าจะสามารถแบ่งให้ผู้อื่นชิมได้”


 


“แต่ .. ท่านไม่สามารถแบ่งให้ผู้ที่อยู่ในบัญชีดำได้ หากเจ้าแบ่งเจ้าเองก็จะอยู่ในบัญชีดำเช่นกัน!” ฟางฉีกล่าวอย่างแผ่วเบา “เจ้าต้องการสักกล่องมั้ย!?”


 


“แน่นอน!” เธอตะโกนตอบ “ข้ากลัวว่าขนมจะไม่พอกินระหว่างที่ข้ากำลังดูการแข่งขัน!”


 


“มีของว่างหรือขนมอะไรใหม่ๆ หรือ!?” หลันยันนั่งพักผ่อนอยู่บนโซฟาเพื่อรอดูการเล่นเกมของนาหลันหมิงสื่อได้ยินว่าพวกเขากำลังพูดถึงของว่างชนิดใหม่ เธอจึงปรี่เข้ามาทันที


 


เธอมองดูพลางพูดว่า “หืม .. ขนมนี่แพงกว่าฮาเก้นดาสตั้งสามเท่า!”


 


“มันดีมั้ย!?” เธอเอ่ยถามทันที


 


“…”


 


“ข้ายังไม่ได้ลองเลย” ฟางฉีตอบหน้าตาย จากนั้นเขาหยิบมันขึ้นมาสองกล่อง


 


ขนมนี้ผลิตขึ้นโดยระบบ มันมีรูปร่างเป็นแท่งจัดอยู่ในกล่องสีเหลี่ยมรองด้วยถาดพลาสติกใสและมีตะเกียบให้สองสามคู่


 


เมื่อเขาเปิดกล่อง .. กลิ่นหอมเผ็ดๆ ฟุ้งขึ้นมามันเป็นกลิ่นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ แท่งรสเผ็ดสีส้มดูโรยด้วยงาขาว


 


“รูปร่างมันเป็นแบบนี้เองหรอ!?” ฟางฉีพยักพึมพำ


 


“ข้าได้กลิ่นความอร่อย!” ตงชิงลี่สูดความหอม


 


แม้แต่จางวันหยูที่ยืนดูเธออยู่ข้างๆ หันมาสกิดให้เธอจ่ายตังโดยทันที “ลองเลยสิ!”


 


ฟางฉีเปิดกล่องเจียงเสี่ยวหยูหันมองเขาตาค้าง เขาวางขนมไว้ข้างหน้าเธอพร้อมยื่นมือไปหยิบตะเกือบ


 


“อ่ะ!” เจียงเสี่ยวหยูกำลังอ้าปากพูดและ ..


 


ฟางฉียัดขนมแท่งเข้าปากของเขา .. อือหื้อกลิ่นหอมอร่อยแพร่กระจายไปทั่วปาก รสชาติของมันให้ความเผ็ดและหวานผสมผสานกันอย่างลงตัวแถมยังเหนียวนุ่มอีกด้วย “ว้าว! มันอร่อยมาก!”


 


เจียงเสี่ยวหยูยิ้มแหยๆ “หยิบไปสิ” ฟางฉีบอกเธอพลางเลพลิดเพลินกับขนมตรงหน้า


 


“ตก .. ลง” เจียงเสี่ยวหยูมองเขาด้วยสายตาขุ่นเคือง แม้จะรู้ตัวว่าเธอควรทำหน้าตาเพิกเฉยต่อหน้าเจ้านายของเธอก็ตาม แต่เธอก็อดในไม่ไหวจนต้องยื่นมือออกไปคว้ามันเข้าปาก


 


“มันมากกว่าความอร่อย” ตงชิงลี่กล่าวเกินจริง “มันทำจากข้าวสาลีหรอ อืม .. ดีๆ แล้วรสเผ็ดนี่คืออะไร!?”


 


“เวลาที่ข้ากลืนมันลงไปรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่เริ่มใหม่ในร่างกายของข้า!” จางวันหยูเองก็ไม่ต่าง “ข้ารู้สึกถึงพลังภายในร่างกายของข้าวิ่งผล่านด้วยความแข็งแกร่ง!”


 


เจียงเสี่ยวหยูจับที่ขนมของเธอแน่น ราวกับกลัวว่ามันจะหายไปหากรีบกิน หลังจากที่ได้กัดหนึ่งคำ


 


“นี่มันกลิ่นอะไร!?” หลันโมและคนอื่นๆ มองไปรอบๆร้าน


 



 


ในเวลาเดียวกันเซียวหยูนั้นเดินเข้ามาด้วยความอารมณ์ดีพร้อมตะกร้าของหว่างในมือ


 


“วันนี้ข้าเตรียมของว่างมามากมายเพื่อรอดูการแข่งขัน!”


 


“ฮึ!? กลิ่นอะไร!?” ทันทีที่ตูดวางลงที่โซฟาเขาหันไปเห็นตงชิงลี่, หลันยันและแม้แต่หลันโมเองกำลังถือกล่องสี่เหลี่ยมพลางทำหน้าเคลิ้บเคลิ้ม


 


“ข้าไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าร้านนี้จะมีของว่างอร่อยแบบนี้!” หลันโมคีบตะเกียบไปพูดและหัวเราะไป “ท่านพี่อาวุโส ข้าว่ามันมีรสชาติดีมาก แถมยังทำให้พลังภายในวิ่งผล่านอีกด้วย!”


 


ทันใดนั้นจุนหยางชีก็หยิบมันออกมาชิมเช่นกัน “ว้าว! มันเหนียวนุ่มละเอียดอ่อนโดยแท้จริง!”


 


เซียวหยูเองมองหน้าเจียงเสี่ยวหยูเพื่อนร่วมกินของเขา ในขณะที่หันมองคคนอื่นกำลังกินของว่างอย่างเอร็ดอร่อย


 


“มาดูการแข่งขันกันเถอะ มาดูกันเถอะ!”


 


เซียวหยู “…”

 

 

 


ตอนที่ 217

 

“กงชีเซียว!” มูตงไหล่เรียกเขาเนื่องจากเห็นว่าเขาได้ทำการวิเคราะห์การแข่งขันในเมื่อวานเขานั่งข้างๆ เซียวหยูและเอ่ยถามว่า “วันนี้เจ้ามีความเห็นเกี่ยวกับการแข่งขันอย่างไรบ้าง!?”


 


เมื่อได้ยินคำถามของมูตงไหล่ หลันโม, จุนหยางชี,หลี่เฮารันและซงฉิงเฟิงหันกลับมามอง


 


แม้แต่มูฮงจูพร้อมอาจารย์คนอื่นๆ จากสำนักหลิงหยวนตามด้วยสาวกอีกสองสำนักยังหันมามองดูด้วยความประหลาดใจ แม้พวกเขาเองจะไม่ได้ร่วมแข่งขันก็ตาม


 


ตอนนี้เซียวหยูได้เรียนรู้บทเรียนของเขาอย่างชัดเจน เมื่อวานเขาตั้งใจทำนายผลลัพท์อย่างมากแต่ผลของมันก็ไม่ได้หมายความว่าจะออกมาตามที่คาดคิดไว้ วันนี้หลังจากที่นั่งกินผลไม้พลางมองคนอื่นกินขนมรสเผ็ด “จากที่ข้าศึกษากฏของเจ้าของร้าน ข้ามองว่าไม่มีทีมไหนที่จะแข็งแกร่งไปกว่ากัน ทุกทีมมีผู้เล่นที่ดี”


 


“ทีมที่แข็งแกร่งมีประมาณสองทีมจากสำนักหลิงหยวน ทีมหนึ่งนำทีมโดยนาหลันหมิงสื่อและอีกทีมนำทีมโดยซีเพื่อร่วมชั้นเรียนของเธอพร้อมด้วยเหล่าเพื่อนอีกหลายคนเช่น เกาซงที่ได้อันดับหนึ่งจากการสอบระดับชาติ .. พวกเขาเป็นผู้เล่นเก่าแถมยังเชี่ยวชาญในการใช้ปืนอีกด้วย”


 


“มีทีมนักรบอิสระ พวกเขาก็ดูแข็งแกร่งนะ แต่ข้าไม่เคยพูดคุยกับพวกเขา”


 


“แน่นอนว่าทีมจากวังหลิวหยุนของเราก็เด็ดไม่แพ้กัน!” เซียวหยูกล่าวสริม


 


“แล้วท่านมีความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับทีมราชวงศ์” มูตงไหล่เอ่ยถาม แม้ตัวเขาจะเดินทางมาจากจิงฉี


 


“ทีมราชวงศ์ ..” เซียวหยูกล่าวว่า “จากที่ข้าสังเกตดูเมื่อสองสามวันที่ผ่านมา ทีมนี้ถือยังใหม่มากสำหรับการใช้ปืน แต่ในการฝึกฝนของพวกเขาที่ผ่านมามีประสิทธิภาพไม่น้อย ..”


 


“แต่ถึงอย่างไร” เขาพูดต่อ “ดูเหมือนวันนี้พวกเขาจะเล่นเป็นตัวสำรอง”


 


“ผู้เล่นคนหนึ่งหายไป” มูตงไหล่พยักหน้าและตรวจสอบเวลาโดยตระหนักว่าตอนนี้การประชุมในตอนเช้าน่าจะเพิ่งจบลง


 


เซียวหยูส่ายหัว “หากพวกเขาถูกจัดอยู่ในทีมสำรอง ข้าเกรงว่าโอกาสที่จะติดหนึ่งในสิบหกจะยากขึ้น”


 


“แล้วทีม .. บลูเฟรมของข้าละเป็นอย่างไรบ้าง!?” หลันโมถาม


 


ใบหน้าอันหล่อเหลาของเซียวหยูกระตุกเขารู้สึกตะกุกตะกัก “ข้า .. ยังไม่ได้วิเคราะห์เลย”


 



 


เวลายังคงดำเนินต่อไปการจัดอันดับเริ่มแสดงขึ้นบนหน้าจอขนาดยักษ์และตามที่คาดคิดไว้ ทั้งสองทีมจากสำนักหลิงหยวนได้รับสองอันดับแรก ตามด้วยทีมเมฆหมอกที่พุ่งขึ้นมาอยู่ในอันดับที่สี่อย่างน่าอัศจรรย์!


 


“ทีมราชวงศ์อยู่ที่ไหน!?” มูตงไหล่มองไปรอบๆ พร้อมอ่านรายชื่อบนหน้าจอซ้ำแล้วซ้ำอีกก็ยังคงไม่เห้นรายชื่อ


 


หลังจากนั้นไม่นาน .. ชื่อที่สิบหกอันดับสุดท้ายตอนนี้ถูกแทนที่ด้วยทีมบลูเฟรม


 



 


มูตงไหลและหลันโมมองหน้ากัน .. ดูเหมือนบรรยากาศเริ่มเปลี่ยนไปเล็กน้อย ใบหน้าของพวกเขาต่างเย็นชาชวนสภาพแวดล้อมเย็นยะเยือกไปด้วย


 


“ดูเหมือนว่าทีมบลูเฟรมของเรายังพอมีความหวัง!” หลันโมกล่าวเสียงเรียบ


 


ทีมราชวงศ์ของตาจินไม่สามารถทำได้ .. สีหน้าของมูตงไหล่เปลี่ยนไปอย่างน่ากลัว หลายคนยังคงจ้องที่หน้าจอยักษ์อย่างมีความหวัง


 


“สู้ๆ! ทีมราชวงศ์!”


 


“สู้ๆ! ทีมบลูเฟรม!”


 


“สู้ๆ! ทีมราชวงศ์!”


 


“สู้ๆ! ทีมบลูเฟรม!”


 


ผู้คนรอบข้างเริ่มเงียบ ..


 


“เสี่ยวหยูทีมไหนที่เจ้ากำลังหยั่งรู้ได้ ทีมราชวงศ์หรือบลูเฟรม!?” ตงชิงลี่เอ่ยถามขณะที่สายตายังคงเฝ้ามองอยู่บนจอยักษ์


 


“ไม่ต่างกัน” เจียงเสี่ยวหยูพูดหน้ามุ่ย “หัวหน้าทั้งสองทีมต่างสูสี”


 


จากนั้นเธอกัดขนมแท่งเผ็ด .. เสียงเชียร์ยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่องอยู่ด้านหลัง


 


“ทีมราชวงศ์ต้องมา พวกเขาต้องติดหนึ่งในสิบหก!!”


 


“ทีมบลูเฟรมต้องมา พวกเขาต้องติดหนึ่งในสิบหก!”


 


“ฮึ .. ทำไมต้องหนึ่งในสิบหก!?”


 


พวกเขาจ้องมองหน้าจอยักษ์และเห็นว่าพวกเขาสองทีมกำลังบีบทีมที่สิบห้าออก


 



 


เวลาเดียวกัน ณ เมืองหยุนเตียน ซึ่งอยู่ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ของตาจิน


 


หยุนเตียนเป็นเมืองที่มีความงดงามพื้นที่สูงตระหง่าน เมืองของเขาสร้างอยู่บนยอดของภูเขาสูงสุดที่นี่แม้แต่นกหรือลิงเองก็ไม่สามารถจะเดินทางไปถึงได้ มีเพียงผู้ฝึกฝนที่ทรงพลังเท่านั้นที่จะสามารถบินไปยังที่นั้นได้


 


สำหรับคนธรรมดาที่นี่เป็นสถานที่ที่พวกเขาไม่สามารถเดินทาางไปได้ แต่สำหรับผู้ปลูกฝังแล้วมันเป็นเรื่องง่ายมาก หยุนเตียนเป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองมากที่สุด


 


หากมองลลงมาจากจุดสูงสุดของหยุนเตียนเราจะสามารถเห็นภูเขาลูกที่อยู่ต่ำลงไป ที่นั้นมีเรือจิตวิญญาณบินไปมา นอกจากนี้ยังมีแม่น้ำที่คาดเคี้ยว ชานเมืองที่ตั้งอยู่รอบล้อมไปด้วยภูเขา


 


ที่แห่งนี้ไม่มีคนธรรมดาอาศัยอยู่ เพราะที่นี่เป็นเมืองของกองกำลังแห่งการเพาะปลูกขนาดใหญ่ ผู้ฝึกฝนอิสระอาศัยอยู่ที่นี่เพื่อเพาะปลูก ผู้ที่อาศัยอยู่ส่วนใหญ่เป็นผู้ปลูกฝังและผู้ฝังฝนโดยเฉพาะ พวกเขาถ่ายทอดวิชากันรุ่นสู่รุ่น


 


นอกจากนี่ที่นี้ยังมีทรัพยากรการเพาะปลูกมากมายเช่นผลึกแห่งจิตวิญญาณ หยกแห่งท้องฟ้าและเหมืองแร่ เป็นที่รู้จักกันดีว่าที่นี่เพียบพร้อมไปด้วยทรัพยากร หากนำตาจินมาเปรีบกับที่นี่ ตาจินจะกลายเป็นประเทศยากจนในทันที


 


แม้แต่จีซวนตงจักรพรรดิองค์แรกของตาจินยังต้องเดินทางมาเมืองนี้เพื่อตกลงเกี่ยวกับทรัพยากร


 


ในดินแดนของหยุนเตียนครอบครัวตระกูลอี้นั้นเป็นผู้ที่ได้รับประโยชน์สูงสุดจากกระพัฒนาอาณาจักร พวกเขาเข้าร่วมการประชุมที่มีการจัดขึ้นในทุกๆ สามสิบปีตลอดมา


 


มากกว่านั้นที่นี่มีการปกป้องเมืองที่ไม่เหมือนใคร ที่นี่วางกับดักแสงป้องกันไว้รอบเมือง ไม่มีใครสามารถแอบเข้ามาได้!


 


ดินแดนหยุนเตียนในเวลานี้ หัวหน้าตระกูลกงชูครอบครัวหมายเลขสามและหัวหน้าครอบครัวของตระกูลกงหยางครอบครัวหมายเลขสี่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่พอใจเมมื่อได้ยินรายงานจากผู้ใต้บังคับบัญชา


 


“กลุ่มพันธมิตรวู่เว้ยนั้นช่างดื้อรั้น แทนที่จะแยกตัวออกจากร้านเล็กๆ แห่งนั้นและส่งคนเพื่อมาเข้าร่วมการประชุมอาณาจักร แต่ดันเลือกที่จะร่วมการแข่งขันในร้านแห่งนั้นแทน”


 


“ท่านพี่ชู!” กงหยางจุนผู้นำครอบครัวตระกูลหยางเอ่ยเรียก “ในความคิดข้าเนื่องจากพันธมิตรวู่เว้ยไม่ต้องการเข้าร่วมประชุม พวกเขาเลือกแลล้วงั้นเราก็ไม่จำเป็นต้อง ..”


 


“ท่านพี่กงหยาง! นี่ท่านยังไมม่เข้าในสถานการณ์อีกหรือ?” กงชูเกาเอ่ย “การเดินทางเข้าสู่ดินแดนแห่งการเพาะปลูกครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงการจัดอันดับ”


 


“หากว่ากลุ่มพันธมิตรวู่เว้ยไม่ประสงค์จะเข้าร่วมด้วยตัวเองก็คงไม่เป็นไร แต่นี่ไม่ใช่อย่างนั้น”


 


“หรือว่ากำลังมีคนตั้งใจทำอะไรบางอย่าง ท่านคิดอย่างไร!?”


 


กงชูเกาจิบชาล้างคอ “ถ้ากลุ่มพันธมิตรวู่เว้ยไม่ส่งรายงานต่อเรา เราจะทำการกดดันต่อไป”


 


“นี่มันขึ้นกับธุรกิจของพวกเขาด้วย ทำไมเรา ..”


 


กงชูเกามมองหน้ากงหนางจุน “ตราบใดที่ครอบครัวของเรายังต้องเข้าร่วมการประชุมอาณาจักรเพาะปลูก .. มันจะดีกว่าถ้าเราทำตามระเบียบแบบแผน”

 

 

 


ตอนที่ 218

 

การแข่งขันรอบแรกใช้เวลาดำเนินมาถึงหนึ่งอาทิตย์ได้จบลง จนในเวลานี้การแข่งขันรอบที่สองกำลังเริ่มขึ้น


 


ในตอนนี้ผู้เล่นที่ติดอันดับหนึ่งในสิบหกทั้งทีมและเดียวกำลังยุ่งอยู่กับการเตรียมตัว ขณะเดียวกันฟางฉีเองก็ได้กำลังเตรียมตัวเขาเช่นกัน


 


ระบบได้ให้เวลาเขาสามวันในการฝึกฝนในห้องบ่มเพาะเกมเพื่อให้เขาสามารถปกป้องตัวเองจากสิ่งอันตรายต่างๆ จากโลกภายนอกอย่างจิวหัวได้


 


ฟางฉีได้ใช้ช่วงเวลานี้เพื่อฝึกฝนในห้องบ่มเพาะ


 


ความแข็งแกร่งในการฝึกฝนที่เขาได้รับในห้องบ่มเพาะเกม มันไม่เพียงแต่จะเพิ่มเทคนิคการต่อสู้อย่างรวดเร็ว แต่ยังเพิ่มความแข็งแกร่งในการฝึกฝนอันเป็นองค์ประกอบหลักอีกด้วย หลังจากผ่านไปสองสามวันการพัฒนาของร่างกายเขาได้เดินทางเข้าสู่ในอาณาจักรของนักรบบรรพบุรุษเป็นที่เรียบร้อยแล้ว


 


สถานะของฟางฉี


 


กำลังการฝึกฝน : อาณาจักนักรบบรรพบุรุษระดับสอง


 


เทคนิคการต่อสู้ : เทคนิคการควบคุมดาบ (ความเชี่ยวชาญ 36.5%)


เทคนิคการควบคุมดาบนับไม่ถ้วน (ความเชี่ยวชาญ 88.3%)


เทคนิคการใช้ดาบ (ความเชี่ยวชาญ 36.56%)


เทคนิคการใช้ค้อนสายฟ้า (ความเชี่ยวชาญ 78.6% เทียบเท่าระดับ 7)


การต้านทนทานต่อสายฟ้า (ความเชี่ยวชาญ 80% เทียบเท่ากับระดับ 4)


ทักษะการต่อสู้ระยะประชิด (ระดับปรมาจารย์)


 


ตัวช่วย : T-Virus วัคซีนเพิ่มความแข็งแกร่งทางกายภาพความรวดเร็วต่อการตอบสนองและความแข็งแรงทางจิตใจ ฯลฯ


 


เมื่อตรวจสอบทักษะโดยรวมที่เขาฝึกฝนแล้วนี่คือระบบการต่อสู้ของฟางฉีในปัจจุบัน เขาได้รับความคืบหน้าอย่างมากเมื่อได้รับการฝึกฝนจากห้องบ่มเพาะ ทุกครั้งที่เขาบ่มเพาะและถูกฆ่าตายเขาจะรู้สึกแค้นใจจนมันกลายเป็นแรงพลักดันจนเอาชนะคู่ต่อสู้ได้!


 


สำหรับไซเลนต์ฮิลล์ เป็นเกมที่เพิ่มความแข้งแกร่งทางจิตใจมันช่วยให้เขาสามารถกำจัดความชั่วร้ายภายในจิตใจของฟางฉีที่เคยผิดเพี้ยนให้กลับมาดีกว่าเก่า


 


เขาฝึกฝนเทคนิคดาบนับไม่ถ้วนของหลี่เสี่ยวเหยาให้อยู่ในระดับเชี่ยวชสญและตอนนี้เขากำลังเก็บรายละเอียดเทคนิคให้เข้าสู่ในระดับปรมาจารย์!


 


ข้างหน้าเขาหลี่เสี่ยวเหยากระโดดขึ้นไปบนท้องฟ้า พร้อมดาบจำนวนมากที่ขยายตัวออกทีละสองเท่า! ฟางฉีเองกำลังวางแผนที่จะรับมือเขาต้องเปลี่ยนตำแหน่งการควบคุมดาบของเขาและจัดการมันด้วยความปราณีต


 


ในไม่ช้าดาบของเขารวมตัวกันเป็นวงกลมขยายตัวกว้างขึ้นบานท้องฟ้า! .. นอกจากดาบจะสร้างความเสียหายแล้วมันยังสามารถสร้างรวดลายได้ตามใจสั่งอีกด้วย ฟางฉีได้ซึมซับและจดจำในสิ่งที่เขาได้รับหลังจบเกม


 


เนื่องด้วยระบบของเกมในห้องมีความแตกต่างจากเวอร์ชั่นดั้งเดิมในคาเฟ่ เช่นฟางฉีสามารถทำภารกิจโดยการตามหาหัวหน้ากลุ่มภูเขาชูในฐานะหลี่เสี่ยวเหยาเขาสามารถอยู่ในภูเขาชูเพื่อศึกษาชุดดาบของกลุ่มได้


 


ลวดลายของดาบเทียนจาง!? ใบหน้าของฟางฉีดูสับสนเมื่อเห็นว่านี่คือสิ่งที่เขาเพิ่งได้เรียนรู้ การจัดดาบให้เป็นแถว!? นี่ถือเป็นการใช้ดาบในชั้นสูงหรือไม่?


 


เมื่อใส่รวดลายของดาบลงไปแล้วมันยิ่งทำให้ดาบนั้นดูน่าใช้และลึกลับลึงซึ้งและน่าค้นหามากขึ้น ฟางฉีรู้สึกว่าเขาค้นพบการสลักลวดลายได้อย่างน่าทึ้ง


 


ฟางฉีได้ใช้พลังภายในร่างกายของเขาอย่างไม่จำกัดในห้องบ่มเพาะ นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้เขามีความสามารถก้าวหน้าอย่างรวดเร็วเมื่อใช้เวลาที่นี่เขาสามารถแสดงพลังจากทุกส่วนของร่างกายได้อย่างไม่ต้องกังวล เมื่อใช้ออกไปก็จะถูกเติมเต็มด้วยประสบการณ์และพลังภายในอันบริสุทธิ์


 


ในทางตรงกันข้ามผู้คนที่บ่มเพาะในโลกภายนอกจะต้องใช้เวลาหรือต้องพักผ่อนเพื่อกู้พลังภายในที่เสียไปกับการฝึกฝน


 


ขณะนี่ฟางฉีใช้ความแข่งแกร่งของเขาไปเกือบหมดร่างกายในการฝึกเทคนิคการควบคุมดาบนับไม่ถ้วนเพื่อสร้างเมฆขนาดยักษ์บนท้องฟ้า!


 


สายฟ้าส่องประกายเหนือเมฆเมื่อมองขึ้นไปช่างให้ความสง่างามทั้งจากลวดลายของดาบเองและสายฟ้าที่แว้บประกายออกมา มันสวยและน่ากลัวในเวลาเดียวกัน


 


ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!


 


พลังงานสายฟ้าที่เปล่งประกายเพิ่มขึ้นรอบๆ วงล้อมของดาบแห่งจิตวิญญาณที่ฟางฉีสร้างขึ้น ในตอนนี้ยิ่งเข้าสร้างวงล้อมเมฆให้ใกล้ขึ้นกันมากเท่าไรมันยิ่งสั่นค่อน เมื่อมาถึงชุดสุดท้ายของใจกลางดาบ .. วงล้อมแตกสลายในทันที!


 


เขายังคงใช้เวลาฝึกฝนอย่างต่อเนื่องในการบังคับทิศทางและรูปทรง .. ครึ่งชั่วโมงมาการต่อสู้เริ่มขึ้นอย่างดุเดือดเลือดสาด


 


ในจุดเกิดใหม่ ฟางฉีในครั้งนี่ดูท่าทางซีดเซียว เขาเห็นชุดดาบจิจวิญญาณของไทฉีบินมาทางนี่อย่างรวดเร็วจากท้องฟ้าที่ห่างไกล


 


ชิบแล้ว! ฟางฉีเช็ดเหงื่อจากหน้าผาก เขาละลึกได้และรู้สึกโชดีที่ลวดลายของดาบเทียนจางของหลี่เสี่ยวเหยาเป็นเพียงแค่ขั้นเริ่มต้นเท่านั้น มิฉะนั้นเขางจะต้องถูกโจมตีโดยดาบที่มีลวดลายอันแข็งแกร่งซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากผู้ฝึกคนอื่นในเกมนี้


 



 


“ฟู่ว! ..” ฟางฉีที่เพิ่งออกจากห้องบ่มเพาะเขารู้สึกว่ากำลังได้รับบาดแผลใหม่ทางจิตวิทยาจากการฝึกฝนอย่างเข้มข้นในครั้งนี้


 


โชคดีที่ก่อนหน้านี้เขาพอจะมีเวลาพักผ่อนสักสองสามวันก่อนทำหน้าที่เป็นผู้ตัดสินการแข่งขันในวันนี้ผู้คนจำนวนมากมารวมตัวในที่คาเฟ่ พวกเขาตื่นเต้นเกี่ยวกับการจับคู่ระหว่างคนต่อคนทีมต่อทีมอย่างมาก วันนี้ไม่ได้มีแต่เด็กร้านเกมเท่านั้น แต่ยังมีผู้ชมจำนวนมากที่เฝ้าจับตามองการแข่งขัน


 


อย่างไรก็ตามเจ้าของร้านไม่ได้ตั้งกฏว่าห้ามคนนอกหรือคนไม่มีเงินไม่ให้ย่างก้าวเข้ามาในร้าน .. แน่นอนไม่เหมือนร้านดังๆ ในสมัยก่อนที่กีดกั้นและจงใจให้เฉพาะผู้คนระดับสูงเข้าเท่านั้น


 


หวังใต้เป็นคนหนึ่งในเมืองที่ร่ำรวยและเกาซงเองเป็นนักรบธรรมดาคนหนึ่งที่วันนี้เขาประสบความสำเร็จ มันเป็นเพียงแค่เรื่องของเวลาและทางเลือกของแต่ละคนสำหรับเขาในตอนนี้ระดับของเขาสามารถเทียบเท่ากับขุนนาง


 


สำหรับการแข่งขันในวันนี้คือการต่อสู้ระหว่างหนึ่งในสิบหกคนของเกม Diablo


 


ครั้งนี้กำหนดการไม่ได้จัดเรียงแบบสุ่มแต่จัดให้ลำดับที่ 1 ต่อสู้กับ 16 ลำดับที่ 2 ต่อสู้กับ 15 ไล่ไปเรื่อยๆ


 


 


ขณะเดียวกันเซียวหยูที่กำลังบ้าน้ำลายอยู่บนโซฟา “ตามตารางนี้ข้าว่ามีความน่าแปลกใจเล็กน้อย ผลลัพท์ของการแข่งขันก่อนหน้านี้แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของผู้เล่นแต่ละคนพวกเขาทุกคนคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมและกฏของการแข่งขัน .. ท่านอันหูเว้ย ตามมาด้วยผู้อาวุโสนาหลัน และจากนั้น ..”


 


นาหลันหมิงสื่อจองมองหลันยันที่กำลังอยู่ในการแข่งขันอย่างเงีนบๆ


 


ในการแข่งขันคู่ต่อสู้ของหลันยันคืออันเชงซึ่งเป็นนักเวทย์อันดับต้นๆ โอกาสในการเอาชนะของเธอนั้นแอบริบหรี่มาก


 


ฟังอย่างระมัดระวังนี่เป้นวิธีเดียวที่จะจัดการกับนักเวทย์เช่นอันเชง หลันยันนั่งสงบสติในขณะที่เธอกำลังละลึกถึงกลยุทธ์ที่นาหลันหมิงสื่อได้ติวให้ก่อนการแข่งขัน


 


จู่ๆ .. หน้าจอและพื้นที่โดยรอบมืดสนิท


 


“เกิดอะไรขึ้น!?” เซียวหยูยืนขึ้นจากโซฟา


 


“เกิดอะไรขึ้น!?” มูตงไหล่เอ่ยถาม เขารู้สึกมีอะไรแปลกๆ


 


“นี่เป็นทักษะของนักฆ่า!”

 

 

 


ตอนที่ 219

 

“มันคือคลื่นแห่งเงามืดใช่มั้ย​?” เซียวหยูมองดูทักษะ


 


“คลื่นแห่งเงามืด!?” ผู้ชมมองไปที่ทักษะพวกเขารู้สึกไม่คุ้นเคยสักเท่าไร


 


“ในโลกของ Diablo ผู้ลอบสังหารจะได้เรียนรู้คาถาทางจิตวิญญาณอย่างเช่นคลื่นแห่งเงามืด สกิลนี้ใช้มานาอย่างมากเพื่อสร้างเงาขนาดใหญ่ในการจำกัดประสาทสัมผัสของศัตรู ยิ่งมีคะแนนทักษะสูงก็จะสามารถขยายพื้นที่ได้มาก สกิลนี้จะยิ่งพิเศษหากใช้ในความมืด!” เซียวหยูพูดอย่างมีภูมิ


 


ในพื้นที่แห่งความมืดการที่จะใช้สกิลคลื่นแห่งเงามืดนั้นนักเวทย์ต้องมีทักษะเหนือระดับสิบขึ้นไป!


 


การแข่งขันก่อนหน้านี้แสดงให้เห็นถึงข้อดีของนักเวทย์ในเรื่องของการเคลื่อนย้ายไปในระยะทางใกล้ๆ ได้อย่างรวดเร็วแถมยังโจมตีได้ในระยะไกลอีกด้วย


 


ข้อดีเหล่านี้ทำให้ผู้เล่นที่เลือกเล่นนักเวทย์ส่วนมากสามารถจัดการกับคู่ต่อสู้ที่ต่อสู้ในระยะใกล้ได้อย่างง่ายดาย อย่างไรก็ตามเหล่านักเวทย์เองก็จะต้องระมัดระวังอย่างมากเช่นกันในเวลาที่ใช้เทเลพอร์ทในความมืด เพราะพวกเขาเองก็คคาดเดาไม่ได้เช่นกันว่าศัตรูอยู่ส่วนไหน


 


“รูนนาเดอร์ รูนนี้มีคุณสมบัติธรรมดา แต่รูนนี่อยู่ถึงระดับสิบสามซึ่งมันส่งผลต่อสกิลคลื่นแห่งเงามืด!” นาหลันหมิงสื่อจิ้บโค้กพลางอธิบายเบาๆ


 


ช่วงเวลาเดียวกันในเกมอันเชงเคลื่อนย้ายไปยังสนามรบ เขากำลังถูกความมืดกลืนความมืดเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เขารู้สึกไม่มั่นคง


 


ความมืดอันไร้ขอบเขตทำให้ผู้เล่นนักเวทย์นั้นรู้สึกเสียเปรียบ จู่ๆ อันเชงก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างกำลังพุ่งโจมตีเขาในความมืด


 


เขาหลบ .. เขาสัมผัสได้ถึงค้อนที่หมุนผ่านตัวเขาด้วยเสียงผิวปาก! อย่างไรก็เขาถูกทุบเข้าทีไหล่หนึ่งครั้ง!


 


วาป!


 


หลังจากผ่านการวาปย้ายเพื่อนที่โดยเทเลพอร์ตแล้ว ในไม่ช้าอันเชงก็ได้ออกจากความมืด สายตาของเขาสะดุดเขากับพาลาดินในระยะไม่ใกล้ไม่ไกลมากนัก ด้วยความร้อนรนเขาใช้เทเลพอร์ทอีกครั้งโดยที่ไม่รู้ตัว!


 


ความมืดยังคงวิ่งตามหาเขาอีกครั้ง ..ทันใดนั้นอันเชงก็รู้สึกว่าตัวเขากระแทกเข้ากับกำแพงทึบ กลับเข้าสู่ความมืดเขาได้ยินเสียงผิวปากอีกครั้ง


 


แน่นอนต้องมีอะไรพุ่งมาโจมตีอย่างแน่นอน เขาเปิดใช้เทเลพอร์ตอีกครั้งโดยไม่ต้องคิด!


 


“นักเวทย์คนนี้กำลังตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้าย!” มูตงไหล่มองหน้าจอ


 


“ข้าไม่แน่ใจเช่นกัน” เซียวหยูโบกมือ “ตอนนี้เขากำลังถูกจับได้ ข้าไม่สามารถพูดได้ว่าเขากำลังเสียเปรียบ!”


 


บนหน้าจอของอันเชงตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาเองไม่สามารถจะออกจากความมืดได้เลยแม้เขาจะใช้เทเลพอร์ทแล้วก็ตาม เขาเลือกที่จะเปลี่ยนแผนโดยการตะโกนออกไป จากนั้น .. คลื่นเพลิงเปลวไฟที่น่ากลัวรูปงูสามหัวก็โผล่ขึ้นต่อหน้าเขา


 


หลันยันหลบเปลวไฟจากไอดราที่ทะลึกออกมา เธอหายตัวและหลบซ่อนเข้าไปในความมืดอีกครั้ง


 


“หากพวกเขายังคงต่อสู้กันในลักษณะนี้ต่อไป” มูตงไหล่เอ่ย “พวกเขาจะต้องหยุดชะงักลงเป็นแน่ใช่มั้ย? เพราะท้ายที่สุดไม่มีใครจะสามารถหยุดนักเวทย์และหลบหนีไปได้”


 


“นั่นน่ะสิ!” นาหลันหมิงสื่อเอ่ย “เขายังไม่ได้เริ่มไล่ตามบ้างเลย”


 


หลันยันหยุดไล่ตามเขาแล้วในตอนนี้


 


อันเชงใช้เวลานี้เพื่อพักฟื้นลมหายใจของเขา


 


เขาเรียกไฮดราออกมา หากคู่ต่อสู้ของเขาโผล่มา สัตว์ประหลาดจากเปลวไฟนรกนี้จะโจมตีอย่างดุเดือดโดยที่เขาจะไม่เป็นกังวล


 


.. เวลาไล่เลี่ยกันอันเชงเองรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ .. ทำไมคู่ต่อสู้ของเขายังไม่ปรากฏตัวขึ้น!?


 


“ทำไมอันเชงยังวิ่งกลับมา” ทุกคนดูสับสน


 


“เขาคงจะเล่นเรื่อยๆ ดูเหมือนว่าเขายังคงเฉยเมยเกินไป” นาหลันอธิบาย “หากไม่มีคฆาหรือเทเลพอร์ต พาลาดินก็ไม่สามารถทำอะไรนักเวทย์ได้หรอก ดังนั้นกลยุทธ์ที่ดีในการเล่นคือบังคับให้พวกเขาหลบหนีและเล่นอย่างอดทน หลังจากได้รับคำเตือนจากนักเวทย์ พวกเขาจะกลับมาแน่นอน”


 


“เนื่องจากนักเวทย์เริ่มเล่นเชิงรับ พวกเขาขจึงต้องเริ่มการต่อสู้ เราต้องทำการข่มขวัญคู่ต่อสู้และในที่สุดเมื่อพวกเขาร้อนรนจนถูกโจมตีก็จะพ่ายแพ้ไป”


 


ผู้ชมต่างเฝ้ามองอย่างตื่นเต้น เนื่องจากพวกเขาคาดเดาไม่ถูกถึงตำแหน่งของฝ่ายตรงข้าม เนื่องจากคู่ต่อสู้เว้นระยะห่างมากเกินไป หากเขาไม่กลับมาสู้ นักเวทย์จะต้องเล่นอย่างอดทน


 


ช่างเป็นข้อเสียอย่างยิ่งสำหรับนักเวทย์ที่จะมองหาพาลาดินในความมืด!


 


อันเชงมองหาหลันยันเมื่อรู้สึกว่าร่างของเขากำลังถูกวิ่งเข้าหาจากอีกด้านหนึ่ง!


 


วาป!


 


เห็นได้ชัดว่าพวกเขาใกล้กันมากหลันยันก็พุ่งมาต่อหน้าต่อตาเขา!


 


เขาถูกโล่พุ่งชนเข้าอย่างจัง ..


 


เธอรีบพุ่งหาและขัดจังหวะการเคลื่อนย้ายของอันเชงก่อนมันจะถูกเรียกใช้! การแข่งขันเริ่มดุเดือดและชวนเวียนหัวอันเชงเองโจมตีกลับด้วยโล่อย่างดุเดือด


 


ขณะนี้ใจของอันเชงเริ่มทดถอยลงเพราะนักเวทย์จะมีช่องโหว่เล็กๆ เห็นได้ชัดว่าตอนนี้อันเชงเองก็แอบตื่นตระหนกเมื่อเขายกคฆาของเขาขึ้นมาเพื่อเคลื่อนย้าย แต่ขณะเดียวกันโล่ของเขาก็กำลังจะพลังทลายลง


 


มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเคลื่อนย้ายอีกครั้ง!


 


หลันยันชนะแล้ว


 


“…” เซียวหยู


 


ทุกคนอ้าปากค้างเมื่อเห็น “อะไรกัน!?”


 


“จุดแข็งและทักษะไม่ใช่ปัจจัยาสำคัญ สิ่งสำคัญคือผลลัพท์ของการแข่งขัน” นาหลันหมิงสื่อกล่าว “เราก็สามารถได้รับชัยชนะได้เช่นกัน


 


[พวกเจ้าใช้กลยุทธ์แบบนี้ พวกเจ้าเล่นสกปก!] ข้อความความเห็นลอยขึ้นบนหน้าจอ


 


“ต้องเป็นเจ้าของแน่ที่ส่งข้อความนี้ ..”


 


นาหลันหมิงสื่อ “…”


 


นัดต่อไปคือการแข่งขันระหว่างหลี่เฮารันที่อยู่ในระดับสี่และโจวฮงยิงที่อยู่ในอันดับสิบสาม


 


“ผู้หญิงคนนี้มักชอบเล่นกับใบลังและเธอเป็นพี่สาวของเสี่ยวเย้จากกลุ่มโอเซียน” เซียวหยูกล่าว “เธอเป็นคนดี แต่ข้าขอเอียงไปทางท่านพี่หลี่”


 


“เฮารันซื้อของที่มีคุณสมบัติดีมาเมื่อวาน มันป้องกันสกิลแช่แข็งหรือตรึงได้” มูตงไหล่เอ่ย “เขามีโอกาสมากกว่า”


 


“เงียบไปเลยเจ้าทั้งสอง!” หลันโมเกือบกระโดดขึ้นจากโซฟา ใครก็ตามที่สองคนนี้บอกจะชนะมักแพ้ตลอด!


 


“หลี่เฮารันชนะแล้ว” ขณะเดียวกันไฮดราของหลี่เฮารันและคาถาทางจิตวิญญาณของเขาพุ่งพล่านต่อหน้าคู่ต่อสู้ ในไม่ช้าฝั่งตรงข้ามจะต้องล้มลงกับพื้น


 


“เขาชนะ!?”


 


หลันโมและจุนหยางชีจ้องมองบนหน้าจอและหันไปมองเซียวหยูและมูตงไหล่ด้วยความไม่วางใจ “เขาชนะ!?”


 


“ไม่ใช่คนที่เป็นเพื่อนกับเจ้าของร้ายใช่มั้ย”  ขณะนี้ผู้คนกำลังสังเกตผู้เล่นนัดต่อไปที่กำลังจะเริ่มขึ้น


 


“คู่ต่อสู้ของเขาคือ .. ผู้เฒ่าฟู” แม้แต่หลินเซียวและซูเหลียวยังต้องหันมอง


 


“เขาจะใช้เวลาถึงนาทีมั้ย!?” เซียวหยูส่ายหัวและพูดว่า “เจ้าอ้วนอาจจะมีโอกาสชนะหากเขาเจอคู่ต่อสู้คนอื่น .. แต่นี่เขาคงราบคาบ”


 


“…”


 


หลายคนส่งความเห็นขึ้นไปบนหน้าจอ


 


[ขอแสดงความเสียใจกับเจ้าอ้วน]


 


[ไว้อาลัย .. ให้เจ้าอ้วนเช่นกัน]

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม