Black Tech Internet Cafe System 199-205

ตอนที่ 199

 

“วันนี้วันเสาร์”


 


เช้าวันนี้ซงฉิงเฟิงนั่งลงบนโซฟาพร้อมถ้วยบะหมี่ “อีกแค่วันเดียวกระบี่เทพสังหารตอนที่เก้าและสิบก็จะมาแล้ว”


 


เนื่องจากเรื่องขี่พายุทะลุฟ้าได้เปิดตัวไปแล้วสี่ตอนในวันอังคารก่อนเพรราะฉะนั้นอังคารหน้าก็จะมาเพิ่มอีกสี่ตอนเป็นแปดพอดี


 


“เจ้าของไปไหน” เขามองไปรอบๆ เห็นว่าฟางฉีนั้นกำลังทำอะไรบางอย่าง พวกเขาจึงเดินไปสำรวจใกล้ๆ เพื่อจะมีอะไรแปลกใหม่บ้าง


 


ก่อนหน้านี้ฟางฉีเองเล่นเกมด้วยความชำนาญ ในสายตาลูกค้าหรือคนอื่นๆ มองว่าเขานี่ละเซียนเกม ในตอนนี้เขาเองก็กำลังดูกระบี่เทพสังหารตอนที่เจ็ดและแปดอยู่


 


แน่นอนนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาแอบดูฟางฉีว่ากำลังทำอะไร .. หลายครั้งที่พวกเขาเฝ้ามอง


 


ขณะเดียวกันที่พวกเขากำลังยืนอยู่ข้างหลังฟางฉีี ฉากในละครก็ปรากฏขึ้นว่า จางเสี่ยวฟานกำลังยืนมองการดูดซับของลูกปัดวิญญาณที่กำลังรวมพลังเข้ากัน


 


ระหว่างที่ฟางฉีเฝ้ามองหน้าจออยู่นั้นความคิดก็ผุดขึ้นมา .. ทำไมเขาต้องเฝ้าดูละครแค่ในมุมของเสี่ยวฟานอย่างเดียว ทุกคนรู้ดีว่าพื้นฐานในการดูละครคือการหยุดชั่วคราวหรือเล่นไปข้างหน้าไม่ก็ย้อนกลับ


 


ตัวเลือกขั้นสูงรวมไปถึงการปรับแต่งคุณภาพและตัวเลือกอื่นๆ เนื่องจากระบบไม่ได้ให้หนังสือคำแนะนำแก่เขา เขาจึงไม่ทราบว่าจะมีตัวเลือกดังกล่าวหรือไม่


 


ด้วยความประหลาดใจเขาจึงตัดสินใจเปิดหัวข้อตัวเลือกมันปรากฏขึ้นทันที!


 


ฟางฉีีจ้องมองพบว่ามันมีตัวเลือกการตั้งค่าขั้นสูง .. เขาสามารถลบกล้องที่ถูกบล็อคได้ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือวิทัศน์ต่างๆ ไม่ได้ถูกจำกัดมุมกล้องเหมือนละครปกติ


 


หมายความว่าเขาสามารถที่จะโยกย้ายไปดูในมุมอื่นๆ ได้ ตัวอย่างเช่นเขาสามารถย้ายมุมกล้องไปที่ยอดเขาอื่นๆ ในขณะที่เสี่ยวฟานกำลังฝึกฝน


 


“บ้าเอ้ย!” ฟางฉีสบถไม่คิดมาก่อนเลยว่าเขาจะสามารถใช้ตัวเลือกในการดูละครได้


 


สถานที่แรงที่เขาเลือกจะไปคือถ้ำพระจันทร์ซึ่งอยู่ที่ภูเขาด้านหลังที่พักของกลุ่มเมฆเขียว .. แต่เมื่อกำหนดมุมกล้องให้ไปยังที่นั้นกลับดูระบบเด้งกลับมามุมเดิม


 


ฟางฉีรู้สึกหงุดหงิดที่เขาไม่สามารถเข้าถึงถ้ำพระจันทร์ได้ แม้จะมีอิสระสูงในการใช้รูปแบบการดูละคร แต่มันยังคงมีข้อจำกัดบางอย่าง


 


เขาเองไม่สามารถฝ่าฝืนข้อจำกัดเหล่านี้ได้


 


“ระบบไม่เห็นจะบอกอะไรข้าเกี่ยวกับเทคโนโลยีสีดำพวกนี้เลย ..” ฟางฉีพึมพำ


 


ตอนนี้เขากำลังพิจารณาว่าจะไปที่ไหนต่อดี


 


“หรือข้าจะไปที่ยอดเขาดี?” ด้วยความคิดนี้เขาเลือกที่จะกดปุ่มหยุดชั่วคราว .. และกดเริ่มเล่นอีกทีเมื่อเดินทางไปถึงยอดเขา


 


มองไปที่ป่าไผ่พบลำธารไหลผ่านสาวกหญิงเดินผ่านไปมาแยกเป็นสองถึงสามกลุ่ม “นี่มัน .. เป็นเทคโนโลยีสีดำที่เจ๋งจริงๆ”


 


แน่นอนเขาไม่ได้ต้องการให้ใครพบเขา เชามาที่นี่เพราะจำได้ว่าก่อนการแข่งของลูซัวฉีหนึ่งในตัวละคนหญิงหลักแทบจะไม่เคยเรียนรู้เทคนิคการควบคุมดาบสายฟ้าเลย


 


เพียงแต่ช่วงก่อนตอนที่เก้าและสิบมีหนังสั้นๆ เผยให้เห็นถึงการแข่งขัน .. เขาจึงมั่นใจว่าอาจารย์ของเธออาจสอนให้เธอได้รู้จักกับเทคนิคในช่วงเวลานี้ก็เป็นได้


 


หากเขาไม่คุ้นเคยกับเนื้อเรื่องเขาก็คงไม่รู้ว่าเมื่อใดหรือที่ใดเป็นแน่ .. ดังที่เคยได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ ระบบได้สร้างโลกใหม่ขึ้นในเกมแถมมันยังสร้างเวทย์มนตร์หรือสกิลคล้ายกับ Diablo


 


ดูเหมือนว่าระบบจะสร้างโลกใหม่ทั้งในเกมและละครคล้ายๆ กัน


 


ในไม่ช้าฟางฉีก็ได้มาถึงเป้าหมาย .. เขาแอบมองลูซัวฉีจากมุมกล้องในละคร


 


มันคงจะน่าเบื่อที่จะต้องอยู่ในที่เดียวที่เดิม ..


 


ตาของฟางฉีเบิกโพงด้วยความตกใจ .. สองร่างกำลังปรากฏตัว คนหนึ่งอยู่ในวัยสามสิบใบหน้ารูปไข่ของเธอดูสง่างสมในชุดคลุมสีขาว ข้างๆ เธอคือศิษย์หญิงในชุดขาวเช่นกัน


 


ฟางฉีใจเต้นรัว ..​เขารู้ทันทีว่าพวกเขาเป็ฦนใคร เหตุใดอาจารย์และศฺษย์ของเธอมาที่นี่ในเวลานี้ เป็นไปได้มั้ยว่าข้าคาดเดาไม่ผิด


 


เขารู้สึกอยากวิ่งเข้าไปหาพวกเขาเพื่อให้สอนเกี่ยวกับเทคนิคคาถาที่แท้จริงของเทคนิคการควบคุมดาบสายฟ้า .. แต่ถึงอย่างไรในความเป็นจริงเขาจำได้ว่าเขากำลังดูละครอยู่ เขาจึงต้องได้และอยู่นิ่งๆ เงียบๆ ต่อไป


 


“ฉี ข้าจะสอนเทคนิคหลายอย่างและเวทย์มนตร์คาถาให้แก่เจ้า เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้ามีเทคนิคขั้นสูงสุดที่สามารถควบคุมองค์ประกอบในธรรมชาติได้” แสงจันทร์ที่ส่องผ่านม่านกระทบเข้ากับใบหน้าของพวกเขา ฟางฉีรู้แล้วว่าในตอนนี้เองลูซัวฉีเองกำลังจะได้เรียนรู้คาถาเทคนิคการควบคุมดาบสายฟ้า


 


เห็นได้ชัดว่าอาจารย์ของเธอกำลังจะถ่ายทอดเทคนิคที่ดีที่สุดให้เธอก่อนการแข็งขันภูเขาเจ็ดลูก!


 


ฟางฉีพบว่ามันสุดยอดจริงๆ ที่เขาค้นพบความลับครั้งนี้! เขาเหลือบมองดูเวลาในทันทีพบว่ามันเป็นเวลา 30:28 นาทีของตอนที่เก้า


 


ตอนนี้ฟางฉีสามารถดูคำแนะนำที่สำคัญของเทคนิคสายฟ้า!


 



 


–  ณ ภูเขาเรือนจำ  –


 


สายฟ้าสีขาวพุ่งผ่านท้องฟ้าที่มืดครึ้ม เสียงฟ้าร้องดังกึกก้องไปทั่ว สีเมฆมืดหม่นราวกับพายุฝนกำลังเดินทางใกล้มาถึง


 


สองร่างที่กำลังเดินไปตามเส้นทางภูเขา คนที่อยู่เบื้องหน้ามีผมสีขาวและเครายาว ส่วนคนข้างหลังมีลักษณะคล้ายกับคนหน้าแต่ร่างกายใหญ่กว่านิดหน่อย


 


“ท่านอาจารย์” ผู้เฒ่าฟูเอื้อนเอ่ย “หลายปีแล้ว แม้จะยังคงมีร่องรอยที่ถูกทิ้งไว้ แต่ข้าคิดว่ามันคงถูกล้างออกไปบ้างแล้วละ ..”


 


นาหลันฮงวูส่ายหัว “มันจะคุ้มค่ากับความพยายามของเราหากเราหามันพบ แม้แต่ร่องรอยอันน้อยนิดก็เถอะ นอกจากนี้ข้าเองรู้สึกว่าข้าต้องมา ไม่งั้นข้าจะต้องตจายด้วยความค้างคาใจ ..”


 


“ท่านอาจารย์ได้ฝึกฝนจนพลังของท่านนั้นยอดเยี่ยมาก มันใช้เวลานานมากก่อนที่ท่าจะจากไป” ผู้เฒ่าฟูส่ายหัว


 


นาหลันฮงวูสูดหายใจเข้า “ข้าจำได้ว่าเขาถูกฝังอยู่ที่แห่งนี้”


 


“ที่นั่น ..” ผู้เฒ่าฟูชี้ไปข้างหน้า เมือมองไปทางที่ทอดยาวสามารถมองเห็นหลุมฝังศพที่เต็มไปด้วยวัชพืชรกร้าง


 


เสียงฟ้าร้องค่อยๆ ดังขึ้นเรื่อยๆ เม็ดฝนค่อยๆ โปรยลงมากช้าๆ จนเริ่มหนักขึ้น


 


ในขณะเดียวกันเสียงหวีดของลูกธนูที่พุ่งมา .. ลูกธนูสีดำช่างกลมกลืนกับสภาพแวดล้อมอันมืดมน


 


“ใครกันแอบซุ่มโจมตี!?” ผู้เฒ่าตะโกนขึ้นขณะที่เขาส่งกำลังภายในของเขาออกมาป้องกันตัวเอง


 


ลูกธนูหายไปเมื่อชนเข้ากับกำลังภายในที่ปกป้องรอบตัว .. ความเร็วของมันไวราวกับสายฟ้าแลบ

 

 

 


ตอนที่ 200

 

ลูกธนูลูกที่สองพุ่งเข้ามาในเวลาต่อเนื่อง .. นาหลันฮงวูยื่นมืออกไปจับลูกธนูอันคมกริบด้วยมือขวาของเขาคว้าลูกธนูไว้ได้


 


แกร่ก!


 


นาหลันฮงวูจับลูกธนูแน่นและหักมันทิ้ง .. อย่างไรก็ตามดาบสีดำเฉือนผ่านความมืดและเม็ดฝนแทงเข้าที่หลังของเขา


 


“เทคนิคค้อนบล็อค!” ความแข็งแกร่งในการฝึกฝนของนาหลันฮงวูนั้นสูงมากการสั่งสมประสบการณ์ของเขานั้นมากมายจนร่างกายเคลื่อนไหวโดยไม่ต้องคิดทันทีที่สัมผัสได้ถึงการจู่โจม


 


เทคนิคนี้ไม่ได้ซับซ้อนมาก มันถูกใช้ในช่วงเวลาที่พอดิบพอดีีมันจึงออกมาสมบูรณ์แบบอย่างไม่น่าเชื่อ เขาใช้แขนบล็อคดาบเหมือนกับโซ่เหล็กในขณะที่หมัดของเขากระแทกลงกลางร่างของคู่ต่อสู้!


 


ศัตรูไม่มีทางเลือกนอกจากถอนดาบและล่าถอย ไม่เช่นนั้นกำปั้นที่เต็มไปด้วยพลังภายใจจะบดขยี้หน้าอกเขาจนเป็นจุน


 


การโจมตีและการล่าถอยเกิดขึ้นภายในพริบตา


 


นาหลันฮงวูสังเกตได้ว่าศัตรูของเขาคนนี้สวมชุดทั้งตัวเป็นสีดำพร้อมหน้ากากผีที่ดูดุร้ายและถือดาบยาวสีดำแกะสลักลวดลายจนมีเอกลักษณ์เฉพาะ


 


“นี่มัน ..” เมื่อหันไปเห็นดาบเล่มนี้นาหลันฮงวูตัวสั่นไหวเล็กน้อย!


 


ในเวลาเดียวกันศัตรูของเขาโบกมือราวกับเรียกกำลังเสริม ไม่นานพื้นที่ตรงนั้นก็เต็มไปด้วยทหารในชุดเกราะรุมล้อมพวกเขา


 


ฉากนี้ดูเหมือนกับเมื่อสองร้อยปีที่แล้ว ..


 


ขณะเดียวกันจีวูยูที่กำลังนั่งอยู่ในร้านค้าเล็กๆ ห่างออกไปสองสามกิโลเพื่อดูภารกิจเนื่องจากนี่เป็นส่วนที่สำคัญที่สุดในแผนการของเขา


 


ร้านนี้ไม่มีใครอื่นนอกจาก เขาและพลทหาร


 


“ฝ่าบาท! เหยื่อของเราติดกับแล้ว!” ชายชุดดำคนหนึ่งรายงาน


 


“เยี่ยม!” จีวูยูพยักหน้า “ทำตามแผน”


 


“แผนนี้จะสร้างความเสียหายต่อนาหลันฮงวูมากหรือไม่?” ชายวัยกลางคนเอ่ยถาม “จะกำจัดเขานั้นไม่ง่ายเลย”


 


“ไม่ต้องกังวล!” จีวูยูตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “ข้าอ่านประวัติเกี่ยวกับเขาในวัยเด็กมามากมาย ข้าแน่ใจว่านาหลันฮงวูมีปัญหาด้านจิตใจ!”


 


“ข้าขอให้ชางกวนหยวนสวมหน้ากากและสร้างบรรยากาศเดียวกันเพื่อรบกวนจิตใจของนาหลัยฮงวู จะได้ง่ายต่อการกำจัดเขาในเวลาที่จิตใจอ่อนแอ!”


 


“ผู้ติดตามของนาหลันฮงวูแข็งแกร่งไม่เบา”


 


จีวูยูพูดด้วยเสียงมั่นใจ “คนที่ข้าส่งไปนั้นก็แข็งแกร่งเช่นกัน ข้าคิดว่าอย่างมากผู้ติดตามเขาก็คงจะจัดการได้แค่คนสองคน”


 


“ดี” ชายชุดดำกล่าว “นี่เป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของแผนการของเรามันจะล้มเหลวไม่ได้!”


 


–  ภูเขาเรือนจำ  –


 


“ท่านอาจารย์ .. มันมากันหลายคน” ผู้เฒ่าฟูขมวดคิ้ว “ข้านับและพบว่ามีอย่างน้อยเจ็ดคน สำหรับคนนั้นที่สวมหน้ากากข้าตรวจสอบแล้วไม่พบออร่าออกจากร่างกายแต่สัมผัสได้ว่าเขาแข็งแกร่งไม่แพ้กัน!”


 


ถ้าในอดีตนาหลันฮงวูคงจะมีข้อสงสัยในใจมากมายและมันจะรบกวนใจอย่างมากถือเป็นการเปิดโอกาสให้ศัตรูของเขาเอาชนะได้!


 


เมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้มีอำนาจทั้งเจ็ดเผลอๆ อาจเป็นถึงนักรบชั้นยอด .. พวกเขาอาจตายที่นี่


 


แต่ตอนนี้สิ่งรบกวนใจของพวกเขาส่วนใหญ่ .. ถูกจัดการลบออกไปเป็นที่เรียบร้อย


 


“เจ้าสามารถจัดการได้มากแค่ไหน?” นาหลันฮงวูถาม


 


ผู้เฒ่าฟูชูขึ้นมาสี่นิ้วและเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งรวมเป็นห้า


 


การแสดงของผู้คนรอบข้างเงียบเฉียบ .. อย่างไรก็ตามไม่ว่าพวกเขาจะเป็นใครนี่นาหลันฮงวูหัวหน้าครอบครัวเชียวนะ เขาเดินทางมาจนถึงปลายอาณาจขักรนักรบแล้วจะต้องเกรงกลัวอะไรอีก


 


ผู้เฒ่าฟูเอามือไขว้หลังพร้อมมุ่งหน้าไปหาศัตรู .. ข้างๆ เขาคือนาหลันฮงวูที่ยืนมือออกไปหาศัตรูพร้อมพูดว่า “ขอดาบให้ข้าหน่อย!”


 


ชางกวนหยวนหลุดปากเตือนเขาไปว่า “เข้าไม่ควรคิดว่าข้าจะเป็นพวกเดียวกับเจ้า ข้าคือฟูเป่ยไห่”


 


เขาไม่มีทางเลือกนอกจากยกดาบสีดำและทำท่าพร้อมต่อสู้ จู่ๆ ชางหยวนกวนเรื่องรู้สึกว่ามีบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง ..


 


ณ​ ร้านค้าเล็กๆ ที่ห่างออกไปไม่กี่กิโลเมตร


 


“มันถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องกำจัดหัวหน้าครอบครัวนาหลัน!” จีวูยูพูดพลางยกแก้วไวน์


 


“อย่าลืมเจ้าเด็กอัจฉริยะรุ่นเด็กของครอบครัวนาหลัน ถ้าเราปล่อยให้หล่อนหนีไปมันจะต้องสร้างปัญหาให้เราในอนาคตแน่!”


 


“ใช่!” ชายชุดดำเสริม


 


ณ คาเฟ่อินเตอร์เน็ต


 


นาหลันหมิงสื่อยืนถือหยกสื่อวานไว้ในมือ


 


[ใช่! ข้ารู้สึกว่ามีสถานะการแปลกๆ พวกเจ้าต้องกำชับยามให้ป้องกันอย่างดี]


 


[มีอะไรเกิดขึ้นในบ้านหรอ?]


 


[ข้าอยู่ที่คาเฟ่ หากพวกเขากล้ามาทีี่นี่ข้าจะบอกเจ้าของว่ามีีคนพยายามสร้างปัญหา]


 


[ไม่ต้องกลัว!]


 


“นาหลัน เกิดอะไรขึ้น!?” หลันยันถามอย่างกระวนกระวาย


 


“อย่างที่ข้าคาดไว้ ไปเล่น Diablo Act V กันเถอะ” นาหลันขมวดคิ้วตอบกลับ


 


ณ ภูเขาเรือนจำ


 


“เราทุกคนต่างคนต่างอยู่มาตลอด .. แต่ข้าอยากจัดการเจ้ามานานแล้ว”


 


พวกเขาทุกคนปลดปล่อยออร่ารอบตัวออกมาอย่างน่ากลัว


 


พลังภายในที่รุนแรงแผ่กระจายไปทั่วพื้นทีี่ .. เม็ดฝนที่ตกลงมาก็เช่นกันมันกระจายตัวออกเมื่อกระทบกำพลังภายใน


 


ธรรมชาติรอบๆ ตัวเริ่มผัดแรงขึ้นด้วยพลังจากร่างกายของนักรบหลายคนรวมตัวกัน .. สายฟ้ายังต้องสยบเมื่อเจอกันพลังเช่นนี้


 


พลังภายในถูกดูดเข้าไปในดาบ .. ดาบของพวกเขาแข็งแกร่งมากหากมันมีชีวิตโดยปราศจากการบังคับป่านนี้มันคงทำลายภูเขาลูกนี้ไปแล้ว


 


อย่างไรก็ตามพวกเขาเริ่มรวมพลังกัน .. ขณะเดีียวกันพวกเขาโจมตีโดยการปาอาวุธออกไปข้างหน้า


 


ขณะเดียวกันผู้เฒ่าฟูตอบโต้กลับด้วยการหยิบกิ่งไม้แล้วปาออกไป ..​กิ่งไม้พุ่งออกไปข้างหน้าราวกับว่ามันคือดาบ!


 


กองกำลังที่รวมตัวกันถูกกิ่งไม้กระแทกอย่างรุนแรง จนพวกเขาเซเข้าหากัน


 


ปัง! แผ่นดินสะเทือนสร้างรอยร้าวบนพื้น


 


แม้พวกเขาจะรวมพลังกัน แต่เมื่อถฦูกโจมตีีด้วยเทคนิคและความแข็งแกร่งอันรุนแรง .. ก็ทำให้พวกเขาเซอย่างไม่ทันตั้งตัว ภายใต้หน้ากากร่างกายของพวกเขาได้รับบาดเจ็บ


 


“เจ้า! เจ้าไม่ใช่ผู้นำของอาณาจักรนักรบ!” มีคนตะโกนออกมาด้วยเสียงแห่งความโกรธ

 

 

 


ตอนที่ 201

 

จีวูยูพูดขึ้นพลางถือหมากลุกในมือ “ถึงเวลาแล้วที่เราต้องจัดการเด็กสาวจากตระกูลนาหลัน”


 


“สำหรับเด็กคนนั้น ..” ชายชุดดำกล่าว “เราต้องระวังร้านเล็กๆ นั่นมันไม่ใช่ร้านธรรมดา”


 


“ข้าเป็นคนปั้นน่าฆ่ากับมือ” จีวูยูกล่าว “เป้าหมายของเราจะไม่มีแม้แต่เวลาที่จะตอบโต้!”


 


“ข้าบอกให้พวกเขาอำพรางตนเองในฐานะนักรบพลเรือนและแฝงตัวเข้าไปในร้านพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณ พวกเจ้าคิดว่าเด็กหญิงคนนั้นจะไหวตัวทันมั้ย?”


 


“ดี!” เสียงหัวเราะเยาะดังขึ้น “ที่ๆ คิดว่าปลอดภัยอาจจะเป็นที่ที่อันตรายที่สุด”


 



 


จีวูยูกลับมาที่ร้านอีีกครั้งพร้อมผู้รับใช้คนเดิม


 


“ท่าระวังด้วย” อึนหยูทัก “พวกนั้นดูแปลกๆ”


 


“พวกเขาอยู่ที่ไหน?” จีวูมีท่าทางยึกยักมองเข้าไปข้างในพบว่ามีนักรบสองคนยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์พวกเขากำลังพูดคุยพลางชี้นิ้วไปที่ลูกค้าในร้าน จากนั้นพวกเขาสองคนเดินมุ่งหน้าไปทางนั้น


 


จีวูเห็นว่าพวกเขากำลังเดินมุ่งหน้าไปทางนาหลันหมิงสื่อ หนึ่งในนั้นกำลังขยับมือของเขาด้วยความนุ่มนวลเพื่อสัมผัวกับคอของนาหลันหมิงสื่อ


 


จีวูยูยืนงง “นั่นเขากำลังทำอะไร?”


 


แสงเย็กยะเยือกแพร่ออร่าทั่วนิ้วของผู้ชายคนนั้น


 


“ระวัง!” จีวูตะโกน นาหลันหมิงสื่อที่ดูเหมือนจะรู้สึกตัวว่ากำลังได้รับอันตรายเธอออกจากโหมดเสมือนจริงโดยทันที .. แต่มันสายเกินไปที่จะหลบหลีก


 


“อ๊ะ!” เสียงดกใจดังขึ้น


 


ด้วยการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียวนักฆ่าสามารถตัดคอของเธอได้เพียงพริบตา!


 


ผู้ปลูกฝังและนักรบระดับสูงส่วนใหญ่นอกจากพวกเขาจะสนใจเกมแล้วยังให้ความสนใจกับสภาพแวดล้อมรอบข้างเหมือนเป็นการสังเกตการไปในตัวด้วย เมื่อผู้คนอย่างหลันโม, อันหูเว้ย, ซัวเต๋าและเหลียงเหอหูได้ยินต่างหันกลับมามอง


 


อย่างไรก็ตามการจู่โจมครั้งนี้กระทันหันมันสายเกินไปที่พวกเขาจะช่วย!


 


ฟางฉีเองที่ในตอนนี้อยู่ในห้องบ่มเพาะพร้อมดาบมากมายลอยอยู่กลางอากาศเบื้องหลังเขา!


 


จรงข้ามกับเขาคือหลี่เสี่ยวเหยาที่กำลังใช้เทคนิคควบคุมดาบจำนวนมากเพื่อจู่โจมเข้าหาฟางฉี


 


ตอนนี้เทคนิคดาบนับไม่ถ้วนของฟางฉีสามารถทำได้มากกว่าเก่าเขาสามารถสั่งดาบให้ตกลงจากท้องฟ้าหรือโจมตีจากทิศทางใดทางหนึ่งทางเดียว!


 


เมื่อดาบของหลี่เสี่ยวพุ่งหาฟางฉีจากทิศทางใดทางหนึ่ง ฟางฉีสามารถควบคุมดาบจำนวนมากเพื่อปกป้องตัวเองได้จากทุกทิศทาง


 


ขณะเดียวกันในชั้นหนึ่งฆาตรกรกำลังแสดงรอยยิ้มเยือกเย็นเมื่อรู้ว่าเขากำลังประสบความสำเร็จ!


 


ฟางฉีีกำลังอยู่ในช่วงเวลาสูงสุดของการต่อสู้กับหลี่เสี่ยวเหยา จู่ๆ เสียงสัญญารเตือนดังขึ้น “ความอันตรายระดับสูง เปิดใช้งานการลงโทษฟ้าผ่าฉุกเฉิน!”


 


ข้างหลังนาหลันหมิงสื่อ สายฟ้าสีแดงเข้มผ่าลงมาเกิดประกายไฟ! .. นักรบสองคนที่อยู่ข้างหลังเธอตัวแข็งทันที


 


ผู้ฝึกฝนและนักรบในร้านทุกคนต่างตกใจเมื่อเห็น


 


ในขณะเดีียวกันฟางฉีรีบกุลีกุจอวิ่งลงมาจากชั้นสอง “เกิดอะไรขึ้น!?


 


การมีีผู้บุกรุกนั้นไม่ใช่เรื่องดี!


 


ฟางฉีไม่เคยคิดเลยว่าจะมีคนพยายามจะฆ่าลูกค้าของเขาในขณะทีี่พวกเขากำลังสนุกกับเกม!


 


“เจ้าของ! ” เจียงเสี่ยวหยูทำหน้าสลด “มีมือสังหารสองคน! โชคดีีที่พวกเขาล้มลมเพราะสายฟ้า”


 


มีใครบางคนแฝงตัวเข้ามาในร้านและเกือบจะสังหารลูกข้าของเขา .. มันมากเกินไปแล้ว!


 


หากสถานการณ์แบบนี้ยังคงดำเนินต่อไป เขาจะทำธุรกิจของเขาต่อไปได้ยังไง!?  ด้วยความคิดนีี้ฟางฉีจึงรู้สึกโกรธจัด!


 


“พวกเขาต้องทำงานกันหลายคนแน่” จีวูพูดด้วยน้ำเสียงชวนสงสัย


 


ในฐานะจักรพรรดิแห่งตาจินเขาจะไม่ยอมให้ใครสังหารอัจฉริยะคนนี้ของเขาแน่! เมื่อเสียงตะโกนดังขึ้นพวกเขาอีกสามคนที่ยืนรออยู่หน้าประตูรีีบวิ่งหนีีออกไปทันที!


 


จีวูเป็นคนแรกที่รีบวิ่งตามพวกเขาไป .. นักฆ่าทั้งสามคนกระโดดขึ้นบนหลังคาและแยกกันวิ่งออกเป็นสามทิศทาง เห็นได้ชัดว่าพวกเขาน่าจะเป็นถึงนักรบระดับสูง พวกเขาสองคนอยู่ในระดับอาณาจักรบรรพยุรุษส่วนอีกคนน่าจะอยู่ในอาณาจักรนักรบโบราณ


 


ด้วยการแสดงออกที่ชวนน่าขนลุกของฟางฉีี เขายกมือขึ้นและแสดงเทคนิคพลังงานดาบสีเดินสว่างวาบพุ่งออกมา มันแบ่งออกทีีละสองเท่า สองเป็นสี่แยกตัวออกจากกันมองโดยรอบจะเห็นเป็นพลังงานสีขาวเงิน


 


“พวกเจ้าอยากวิ่งใช่มั้ย?” ฟางฉีพูดด้วยเสียงเยือกเย็น เขาไม่เคยรู้สึกโกรธมาก่อน “ข้าจะให้พวกเจ้าวิ่งไปสักสี่ร้อยเมตรดีมั้ย”


 


พลังงานดาบค่อยๆ แบ่งออกจนมีทั้งหมดสามทิศทาง! พลังงานดาบเปล่งแสงสีเงินขาวจากใบมีด ความเร็วของพวกมันรวดเร็วจนไม่อาจจินตนาการได้


 


ทันใดนั้นพลังแห่งดาบสองทิศทางก็สามารถสะกัดนักรบบรรพบุรุษทั้งสองไว้ได้ .. ดาบพุ่งเข้าหาพวกเขารวดเร็วและรุนแรงราวกับเจาะหีบสมบัติ!


 


นักรบโบราณคนสุดท้ายรู้ว่าเขาเองคงไม่สามารถเอาชนะพลังงานดาบได้ เขาจึงหยุดและหันหลังกลับมารับดาบ!


 


“ฉึก!”


 


ตอนนี้ผู้คนที่วิ่งตามออกมาดูเหตุการณ์ต่างเห็นว่าดาบมีพลังงานอย่างมาก แต่ละใบมีดปลดปล่อยพลังงานสีเงินขาวอย่างน่าตื่นเต้น


 


หลังจากถูกสะกัดพลังงานด้วยดาบประมาณสิบครั้ง การเคลื่อนไหวชองนักฆ่าช้าลงร่างของพวกเขาถูกปกคลุมไปด้วยเมฆและสายฟ้า


 


ในพริบตา .. ดาบส่งพวกเขาบินออกไปยังแสนไกล ฟิ้วววววววว!


 


“อย่าฆ่าเขา!” มีเสียงคนตะโกนขึ้น


 


“นี่คือ .. เทคนนิคการควบคุมดาบหรือ?”


 


“มันคือเทคนิคการควบคุมดาบนับไม่ถ้วน! แตาข้ายังไม่เข้าใจในการควบคุมสายฟ้าเท่าไรนัก”


 


“มันน่ากลัวมาก!”


 


“ไม่มีใครสามารถหนีจากมันพ้น!”


 


“ไม่มีใครขวางกั้นหรือหลบหนีจากมันได้!”


 


“มาดูกันว่าใครเป็นคนส่งพวกเขามา จากนั้นเราจะนำพวกเขาเข้าบัญชีดำ!”


 


“เจ้าของร้านดูโกรธมาก!” นาหลันหมิงสื่อวิ่งมาพร้อมหลันยันเธอตังใจจะมาขอโทษเขา แต่เมื่อเห็นสีหน้าของเขาพวกเธอกลับรู้สึกผิดกว่าเดิม


 


“ท่าน ..” หลันยันเอ่ยถามอย่างไม่สบายใจนัก “ที่นี่จะรับประกันความปลอดภัยของลูกค้าใช่มั้ย?”


 


ฟางฉีจ้องไปหาพวกเขาด้วยสายตาที่อ่านไม่ออกนัก “พวกเจ้าอีกแล้วหรอ? ถ้าลำบากขนาดนีี้ ไม่ต้องมาที่นี่อีกแล้วก็ได้นะ!”


 


ไม่เคยได้ยินหรือคาดคิดมาก่อนเลยว่าจะมีใครสักคนถูกฆ่าตายในขณะเล่นเกม


 


ด้วยความคิดนี้และเสียงตอบกลับ ทุกคนที่ได้ยินจึงรู้สึกตื่นตระหนก พวกเขาตัวสั่นเมื่อจินตนาการว่าอาจถูกฆ่าขณะที่กำลังเพลิดเพลินกับเกม


 


โชคดีแค่ไหน .. ที่ผู้อยู่เบื้องหลังมีพลัง พวกเขาคิด


 


พวกเขาเคยได้ยินแต่เรื่องเล่าของผู้อยู่เบื้องหลัง .. แต่วันนี้ได้เห็นและสัมผัสถึงของจริงสักที

 

 

 


ตอนที่ 202

 

“ไม่ใช่ผู้นำแห่งอาณาจักรนักรบ?” จากการแสดงออกของชางกวนหยวนที่รู้สึกถึงรัศมีของผู้เฒ่าดูเหมือนเขาจะโล่งใจ “จากออร่าที่เปล่งออกมาจากตัวเขา ข้าเดาว่าระดับของเขาคงยังไม่ได้อยู่ในระดับอาณาจักรนักรบจักรพรรดิ!”


 


ข้ารู้สึกประหลาดใจที่นาหลันฮงวูมีบริวารถึงระดับสูงเช่นนี้ ข้าว่านาหลันฮงวูนี่ต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ อย่างเขาก็คงเปรียบเป็นสุนัขจิ้งจกแก่เจ้าเล่ห์แน่นอน!


 


“อย่าตกใจไป!” ชางกวนหยวนตะโกนปลอบใจทุกคน “ข้าจะจัดการกับนาหลันฮงวูเอง และพวกเจ้าทุกคนไปจัดการกับผู้เฒ่าฟูซะ!”


 


“ท่าน!” คนอื่นทำหน้างงว่าทำไมชางกวนหยวนที่อยู่แค่เพียงต้นของอาณาจักรจักรพรรดิจะสามารถจัดการกับนาหลันฮงวูนักรบจักรพรรดิตัวจริงได้อย่างไร


 


“ชางกวนหยวน เจ้านั้นเอง!” ชางกวนหยวนถูกนาหลันฮงวูจับได้เพราะเสียงขชองเขา


 


“ใช่ข้าไง!” ชางกวนหยวนโยนดาบสีดำลงพื้นและพูดเย้ยหยัย “ดาบนี่มันไม่มีผลต่อเจ้าแล้วมันเลยไร้ประโยชน์สำหรับข้า แต่ ..”


 


ทันใดนั้นรัศมีีออร่าของเขาก็เปล่งออกมาอย่างรุนแรงจนคนรอบข้างตกใจ!


 


ความกดดันอันท่วมท้น ..


“นักรบ .. อาณาจักรนักรบของจักรพรรดิ!?”


 


ชางกวนหยวนพูดเย้ย “ข้ารู้ว่าจีวูนั้นอาจไม่น่าเชื่อถือเท่าไร เจ้าคิดว่ามีเพียงแต่เจ้าหรอที่จะปกปิดพลังของตัวเองได้!?”


 


เมื่อเห็นว่าชางกวนหยวนแสดงพลังที่แข็งแกร่งออกมาสหายของเขารู้สึกโล่งใจ “กำจัดหลินฟูก่อนแล้วค่อยกำจัดนาหลันฮงวู!”


 


นาหลันฮงวูเขยิบไปข้างหน้าเล็กน้อยราวกับว่าเขาต้องการดาบสีดำที่วางอยู่ข้างๆ ชางกวนหยวน


 


ชางกวนหยวนเหยียบเขาเตะดาบไปไว้ข้างหลัง “เจ้าต้องการมันหรือ?”


 


เขาควักมือเรีียกนาหลันฮงวูด้วยแววตาท้าทาย “เข้ามาสิ”


 


เขาพยายามที่จะยั่วโมโหนาหลันฮงวูเพื่อถ่วงเวลา .. ทันไหนดันนาหลันของวูก็ชี้นิ้ว


 


เมื่อเห็ท่าทางแบบนี้เขารู้สึกไม่ดีและตกใจอย่างมาก แต่ไม่รู้ว่าทำไม .. จู่ๆ ก็รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวที่อยู่ข้างหลังและเคลื่อนย้ายมาข้างๆ ดวงตาของเขาเบิกโพงเมื่อเห็นว่าดาบข้างหลังเขาลอยได้และมันกำลังลอยเข้าไปในฝ่ามือของนาหลันฮงวูราวกับว่ามันมีชีวิต!


 


ชางกวนหยวนตะลึง


 


เขาจ้องมองที่นาหลันฮงวูเหมือนกำลังเห็นผี


 


“นี่มันเทคนิคการต่อสู้แบไหนกัน!?”


 


“อาจารย์จากครอบครัวชางกวน ท่านควรออกไปข้างนอกเพื่อรับรู้ข่าวสารบางนะแทนที่จะอยู่บ้านมัวแต่วางแผน!” นาหลันฮงวูโบกดาบสีดำ


 


ดาบนี้ทำจากบล็อกเหล็กที่ฝึกลึกใต้หน้าผากิเลน ผู้คนในจระกูลฟูไม่ชอบแต่ฟู้ป่ยไห่เป็นผู้นำมันมาใช้ในการต่อสู้


 


หลังจากสองร้อยปี ตอนนี้ร่องรอยแห่งวิญญาณของดาบตื่นขึ้นอีกครั้ง! .. เสียงร้องของดาบดังขึ้นก้องกังวานไปทั่วพื้นที่ด้วยพลังทะลุทะลวง


 


มันฟังดูเหมือนเสือที่ดุร้ายได้ถูกปลดปล่อยออกจากกับดัก .. นอกจากนี้ยังเหมือนกับมังกรที่ถูกปลดปล่อยจากใต้น้ำ


 


ในที่สุดสัตว์ร้ายที่ถูกกักขังมาถึงสองร้อยปีก็ถูกปลดปล่อยอีกครั้ง!


 


ด้วยเหตุผลบางอย่างนาหลันฮงวูสัมผัสได้ถึงพลังอ่อนๆ จากดาบ แถมสัมผัสได้ถึงเทคนนิคการต่อสู้ที่ซ่อนอยู่ภายในดาบ


 


ความสังสัยที่ยุ่งเหยิงก่อนหน้าได้จางหายไปหมดเมื่อเขาได้สัมผัวเทคนิคการต่อสู้ทีี่ยังคงอยู่ในดาบ!


 


ไม่มีใครจะทิ้งเทคนนิคการต่อสู้ที่ดีที่ดีไว้ในดาบนอกซะจากว่าพวกเขาจะได้เจอศัตรูที่เกลียดชังในใจ!


 


“นี่คือเทคนิคการดาบทางทะเลเหนือของเบ่ยหมิงหรอ!?” นาหลันฮงวูพึมพำ เขาสัมผัสไดุ้ึงความสุขปนเศร้า


 


ในตอนนี้ตาจินเริ่มก่อตั้งใหม่ๆ ฟูเป่ยไห่ผู้นำของหุบเขากิเลนรู้ว่าเขาไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้มากนัก หลังจากได้สู้รบกับทหารของตาจินเขาเสียชีวิตลงโดยความสมัครใจที่จะร่วมต่อสู้ของตนเองที่ภูเขาเรือนจำและได้ทิ้งเทคนิคการต่อสู้ของเขาไว้


 


ทุกอย่างเริ่มชัดเจนขึ้น


 


“ข้ามันคนใจแคบ!” นาหลันฮงวูถอนหายใจด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อนภายในหัว แม้ว่าเจายังคงเสียใจแต่ด้วยภาระในใจที่หนักหน่วงของเขาเริ่มเลื่อนหายไปบ้าง


 


มือที่มีรอยย่นจับดาบสีดำ เขามองมันราวกับเพื่อนเก่า “เจ้าพักผ่อนอย่างสงบเถอะ”


 


นาหลันฮงวูมองดูพลังงานที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ รอบๆ ชางกวนหยวนที่กำลังตกใจตื่นตระหนกอีกครั้งได้สติว่าเขาไม่สามารถรอได้อีกต่อไป!


 


เขารวบรวมพลังภายในเข้าด้วยกันและทุบกำปั้นของเขาลงต่อหน้านาหลันฮงวูด้วยท่าทางดุร้าย


 


แต่ก่อนที่กำปั้นจะสัมผัสหน้าอกของนาหลันฮงวู .. มันถูกบล็อกอย่างรุนแรง กำปั้นของเขาถูกจับโดยมือขวาของนาหลันฮงวูและถูกผลักให้ลอยออกไปหลายสิบเมตร!


 


“ท่านอาจารย์ ข้าจะไม่ไหวแล้ว!” ผู้เฒ่าฟูที่กำลังต่อสู้กับเหล่าลูกสมุน


 


“ข้าจะอนุญาติให้เจ้าโจมตีอีกครั้งเดียว!”


 


“เจ้าคิดว่าจะสามารถฆ่าข้าได้ง่ายขนาดนั้นเชียวหรือ?” เสียงของชางกวนหยวนเอ่ยอย่างเย่อหยิ่ง


 


เขาเดินออกมาจากเงามืดเร็วขึ้น .. แล้วกระพือเสื้อผ้าเพื่อปัดฝุ่นออก เขายกหมัดขวาของเขาที่เต็มไปด้วยออร่าเปล่งประกายออกมา ในระยะสามสิบเมตร .. สายฟ้าส่องแสงออกมาราวกับเขาคือเทพเจ้าแห่งปีศาจ


 


หากมองในมุมนาหลันฮงวูที่มองเขา นาหลันฮงวูเหมือนกำลังมองใบไม้ที่ร่องลอยอยู่บนฟ้า เขาไม่ได้มีปฏิกิริยาหรือสีหน้าที่แสดงถึงความกดดันใดๆ


 


พลังชกของชางกวนหยวนนั้นรุนแรงและยอดเยี่ยมมากราวกับเขย่าท้องฟ้าและโลก!


 


ขณะเดียวกันดาบสีดำในมือของนาหลันฮงวูขยับเล็กน้อยดูเหมือนว่าดาบจะสัมผัสได้ถึงพลังความรุนแรงจากพลังภายในที่ชางกวนหยวนปล่อยออกมา .. มันเฉือดเฉือนสกัดหมัดอย่างต่อเนื่องเมื่อหมัดพุ่งเข้าหานาหลันฮงวู


 


สาระสำคัญ .. ดาบนี้ยังคงแผ่กระจายออร่าและมันคงกระพันมาก!


 


สายฟ้าและท้องฟ้าในเวลานี้ถูกปกคลุมไปด้วยบางสิ่งบางอย่าง .. ด้วยหมัดที่รัวใส่นาหลันฮงวูในเวลานี้เขาพลาดท่า เลือดกระเด็นออกมาพร้อมเขาที่หลังถูกตัดเป็นสองส่วน ตัวของชางกวนหยวนลอยออกห่างจากหน้าผ้าสูงถึงร้อยเมตร!


 


“เป็นไปได้อย่างไร!?” การแสดงออกของชางกวนหยวนเปลี่ยนไป เขารู้สึกตกใจและจิตจก


 


“แข็งแรงแต่ออนโยนเหมือนน้ำ ในที่สุดข้าก็เริ่มเข้า” นาหลันฮงวูลูบเคราแล้วเอ่ย


 


“เจ้ารู้มั้ยทำไมเจ้าถึงพ่ายแพ้” นาหลันฮงวูยินตามร่างของชางกวนหยวนออกไปเอ่ยถาม


 


ชางกวนหยวนที่ตกลงบนพื้นด้วยมองด้วยสายตาตกใจ “…”


 


ดูเหมือนว่าเขาจะได้ยินสิ่งที่คู่แข่งพูด .. “ข้าได้ยินไม่ผิดใช่มั้ย!?”


 



 


ลำแสงส่องประกายในความมืด .. บนสนามรบ


 


ผู้นำแห่งอาณาจักรนักรบจักรพรรดิบินกลับมาด้วยความเขร่งขรึม


 


“ชางกวนหยวนตายแล้วพวกเจ้าอยากตามมันไปหรือไม่? ฝากไปบอกผู้บงการเบื้องหลังพวกเจ้าด้วยละ !?” นาหลันฮงวูลูบเคราและพูดต่อว่า “ไม่รู้หรอว่าชางกวนหยวนไม่สามารถทำอะไรที่ใช้ฝีมือได้”


 


สายตาที่จับจ้องมาทางนาหลันฮงวู .. พวกเขามองนาหลันฮงวูเหมือนเทพผู้ยืนอยู่บนดาบสีดำ


 


.. ช่างน่ากลัวจนทนไม่ไหว!

 

 

 


ตอนที่ 203

 

“ไม่!” ชายชุดคลุมสีดำที่ที่นั่งสังเกตการณ์อยู่กับจีวูยูในร้านค้าเล็กๆ ตกตะลึง


 


“มีอะไรผิดปกติ?” จีวูยูถาม


 


“รัศมีรอบตัวนาหลันฮงวูเปล่งแสงอย่างแข็งแกร่งแทนที่จะอ่อนแอลง!” ชายชุมคลุมสีดำขมวดคิ้ว “ต้องมีบางอย่างผิดปกติ!”


 


“เป็นไปไม่ได้!” จีวูยูมีท่าทางสับสน


 


แน่นอนเขารู้ดีแก่ใจว่าคาเฟ่ของฟางฉีนั้นสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งในด้านการฝึกฝนของผู้คนได้ แต่มันคงไม่ส่งผลต่อนักรบระดับนาหลันฮงวูเท่าไรหรอก


 


มันจะเพิ่มความแข็งแกร่งของนักรบอย่างเขารวดเร็วป่านนี้ได้ยังไง!? เขาไม่รู้มาก่อนว่านาหลัยฮงวูได้รับการเยียวยาภาระทางจิตใจมาไม่น้อยและเขาเองก็ยังไม่รู้ว่าคาเฟ่ของฟางฉรสามารถแก้ไขปัญหาด้านจิตใจได้แถมยังเพิ่มความแข็งแกร่งอีกด้วย


 


ในขณะเดียวกันเสียงดังขึ้นจากระยะไม่ใกล้ไม่ใกล้พร้อมร่างๆ หนึ่งปรากฏขึ้นในความมืด


 


“ไปกันเถอะ!” ชายชุดดำคว้าตัวจีวูยูและตบสิ่งประดิษฐ์ที่เก็บจิตวิญญาณที่แขวนอยู่ตรงเข็มขัดของเขา วัตถุทางจิตวิญญาณรูปเรือขยายตัวในอากาศ ชั่วพริบตาเรือจิตวิญญาณปรากฏขึ้นตรงหน้า พวกเขาทั้งสองกระโดดขึ้นเรือและหนีไป


 


สำหรับเหล่าลูกสมุนถูกทิ้งไว้อย่างไม่ใยดี


 


นาหลันฮงวูไม่ได้ติดใจลูกสมุนตัวกระจ๊อกเขากระโดดตามขึ้นไปบนเรือจิตวิญญาณในทันที ..  นาหลันฮงวูไม่ได้แสดงเทคนิคการต่อสู้ๆ ใดๆ เพื่อให้คู่ต่อสู้แตกตื่นแต่ดูเหมือนว่าดาบสีดำที่เขาถือนั้นปลดปล่อยพลังออกมามากกว่าเทคนิคการต่อสู้ธรรมดาเมื่อมันได้เฉือดเฉือนศัตรู


 


แกร่ก!


 


พลังภายในที่ท้วมมท้นรอบตัวเขาทำลายโล่พลังงานของเรือทางจิตวิญญาณพังทันที


 


นาหลันฮงวูดูน่ากลัวราวกับเทพเจ้าปีศาจเขายืนเหยียบอยู่บนเรือพร้อมกับคว้ามือไปที่คอของจีวูยูราวกับว่าเขาคือลูกไก่ตัวเล็กๆ


 


“นาหลันฮงวูเจ้าอยากจะแสดงตัวเป็นศัตรูกับตระกูลจีแห่งทะเลตะวันออกใช่มั้ย?” จีวูยูตะโกนร้องด้วยความกลัว


 


เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมนาหลันฮงวูถึงตายยากแถมยังแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม


 


“ข้ากระเกษียณมาหลายปีแล้วและดูเหมือนว่าตระกูลจีของเจ้าคงจะประเมินความสามารถของข้าต่ำไป เจ้าส่งคนมาโจมตีครอบครัวนาหลันและเริ่มโจมตีข้า ถ้าความสามารถของข้าด้อยกว่านี้ข้าคงจะลงนรกไปนานแล้ว! ข้าคิดบัญชีให้หมด!”


 


“ฝ่าบาท! ข้าขอประทานอภัย!” ชายชุดดำสลายตัวกลายเป็นหมอกสีดำและบินหนีออกไปในทิศทางตรงข้าม


 


มวลของหมอกสีดำเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วจนกลายเป็นจุดดำในพริบตา!


 


ในขณะนี้ดาบสีดำพุ่งออกจากมือของนาหลันฮงวู ..​ ดาบลอยออกไปปล่อยสำแสงสีดำทะลุหมอกเมฆ!


 


“เป็นไปได้ยังไง!?”


 


ซากศพล่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า


 


เทคนิคการควบคุมดาบของภูเขาชู หากดาบมีวิญญาณร่วมกับพลังภายในที่แข็งแกร่งจะส่งผลให้เทคนิคนี้มีพลังเพิ่มเป็นสองเท่า!


 



 


“ท่าน …”


 


ฟางฉีจับฆาตกรด้วยเทคนิคการควบคุมดาบนับไม่ถ้วน แม้ว่านักรบระดับสูงจะใช้พลังป้องกันดาบ แต่จากพลังของดาบที่มีจำนวนมากและสายฟ้ารอบๆ พื้นที่นั่นจึงส่งผลให้พวกเขาตกใจและการป้องกันสลายไป


 


ซงฉิงเฟิงถูมือของตัวเองแล้วเอ่ยถามอย่างกระตือรือร้นว่า “นั่นคือเทคนิคที่แท้จริงหรอ? มันควบคุมสายฟ้าได้มั้ย?”


 


“เทคนิคที่แท้จริงสามารถควบคุมสายฟ้าได้ แถมยังสามมารถกระตุ้นพลังแห่งสวรรค์ด้วยพรของพระเจ้าได้อีกด้วย แต่เทคนิคที่เราเห็นไม่ได้เป็นดั่งเช่นที่เคยรู้มาก่อนเลย” หลินเซียวถามด้วยความประหลาดใจ “นี่ท่าน .. เทคนิคอันทรงพลังคืออะไรเราเคยเห็นมาก่อนมั้ย?”


 


ผู้ฝึกฝนและนักรบคนอื่นมองไปที่เขาและต่างอุทานว่า “ท่านทำลายเทคนิคการต่อสู้ของเขาได้อย่างไม่น่าเชื่อ”


 


“นั่นคือพลังของเทคนิคการควบคุมดาบใช่มั้ย?” หลันโมและซัวเจ๋ามองหน้ากันด้วยรวยยิ้มอันชมขื่นพลางคิดว่าพลังการฝึกฝนของเจ้าเด็กคนนี้ดูเหมือนจะเป็นเพียงแค่ในระดับอาณาจักรนักรบธรรมดา แต่ผิดคาดเขาสังหารนักรบระดับสูงถึงสองคนและสองคนนี้ยังอยู่ในระดับอาณาจักรบรรพบุรุษที่ยิ่งใหญ่อีกด้วย .. เจ้าเด็กคนนี้มีพลังที่น่ากลัวจริงๆ!


 


ถึงอย่างนั้นในอาณาจักรของนักรบเองไม่สามารถข้ามอาณาจักรกันได้


 


ทุกคนทีี่มองดูเหตุการณ์ต่างรอคอยคำตอบจากฟางฉี


 


ฟางฉีกล่าวว่า “คาเฟ่ของข้ามีหลายเกมและละครที่มีเทคนิคการต่อสู้มากมาย ไม่มีใครเคยบอกว่ามันไม่สามารถนำมาใช้ร่วมกันได้หรือไม่ได้”


 


“หืม?” ซงฉิงเฟิงขมวดคิ้ว “ท่านพาลาดินสามารถต่อสู้ในระยะใกล้ได้ใช่มั้ย? พวกเขาใช้ค้อนสายฟ้าจากระยะไกลได้มั้ย?”


 


“ใครบอกว่าค้อนสายฟ้าไม่สามารถใช้งานในระยะไกลได้ นี่เจ้าต้องใช้สมองในการเล่นเกมด้วยนะ!” ฟางฉีเงยหน้ามองพวกเขา


 


ทุกคนพูดไม่ออก ทุกคนคิดว่าพาลาดินมีความสามารถต่อสู้ได้แค่ในระยะใกล้เท่านั้น!


 


“เจ้าของร้าน ..” เจียงเสี่ยวหยูคว้าแขนของฟางฉี “ข้าต้องการ .. ข้าต้องการเรียนรู้เทคนิคการควบคุมดาบด้วย ..”


 


เธอเฝ้ามองคนอื่นฝึกฝนเทคนิคการควบคุมดาบ เธอรู้สึกอดทนรอไม่ได้อีกต่อไป


 


แม้ว่าจะมีการปราบปรามความชั่วร้ายให้หายไปแล้ว แต่เธอเองได้ตัดสินใจแล้วว่าเธอจะขอเรียนรู้เทคนิคการควบคุมดาบด้วย เพราะเธอเองก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ที่นี่อีกนานแค่ไหน!


 


“ได้” ฟางฉีนึกถึงการเพิ่มผลประโยชน์ของพนักงานของเขาแล้ว นับว่านี่คือหนึ่งผลประโยชน์ที่เธอควรได้รับ


 



 


หลังจากปัญหาผ่านพ้นไปฟางฉีกลับเข้าห้องบ่มเพาะอีกครั้ง .. และหลังจากปิดคาเฟ่เขาพาเจียงเสี่ยวหนูออกไปที่หน้าถนนด้านนอกแล้วขว้างดาบไม้ส่งให้เธอ


 


“นี่ท่าน! ทำไมข้าได้แค่ดาบไม้ละ!?” เจียงเสี่ยวหยูทำหน้ามุ่ย


 


“ทำไมละ?” ฟางฉีเอ่ย “อาจารย์ตัวจริงสามารถสร้างความเสียหายให้กับสิ่งต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย ข้าให้ดาบไม้แก่เจ้าเพราะข้ามองว่าเจ้ามีความสามารถจริงๆ!”


 


“โอ้ จริงหรอ!?” ดวงตาของเจียงเสี่ยวหยูส่องสว่างเธอพูดอย่างมีความสุข “ในที่สุดท่านก็รับรู้สักทีว่าข้ามีพรสวรรค์ ท่านจะสอนเทคนิคการควบคุมดาบให้ข้าใช่มั้ย!?”


 


“ทุกคืนหลังจากปิดร้าน ข้าจะใช้เวลาสองชั่วโมงในการฝึกฝนและสอนเทคนิคการควบคุมดาบให้เจ้า!” ฟางฉีกล่าวเสริม “นี่ถือเป็นผลพลอยได้ของพนักงาน!”


 


“จากนั้นข้าจะได้เรียนรู้การบินด้วยดาบแถมทักษะการใช้ค้อนสายฟ้า เทคนิคดาบนับไม่ถ้วน ..” เจียงเสี่ยวหยูแสดงรายการเกี่ยวกับเทคนิคในหัวที่เคยจินตนาการไว้ก่อนหน้านี้


 


ฟางฉีดีดหน้าผากเธอแล้วตอบว่า “เรียรู้เทคนิคการควบคุมดาบให้ได้ก่อน ..”


 


จากนั้นเขาเริ่มถ่ายทอดเทคนิครายละเอียดต่างๆ คำแนะนำที่สำคัญในการควบคุมดาบ


 


“หลักสำคัญของเทคนิคการควบคุมดาบของกลุ่มภูเขาชูคือ ..”


 


สองชั่วโมงต่อมาเจียงเสี่ยวหยูเริ่มขยับมือ ดาบไม้ที่เท้าของเธอสั่นเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆ ลอยขึ้น


 


“ดี!” ฟางฉีพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “เจ้ามีความสามารถพอๆ กับนาหลันหมิงสื่อ เจ้าต้องใช้เวลาฝึกฝนมันทุกวันเพื่อให้คุ้นเคยและเชี่ยวชาญ”


 


“เข้าใจแล้ว!” ใบหน้าเล็กๆ ของเจียงเสี่ยวหยูเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ


 


ตึก!


 


ทันใดนั้นดาบไม้ก็ล่วงหล่นลงพื้น

 

 

 


ตอนที่ 204

 

พรุ่งนี้เป็นวันอาทิตย์ ..


 


ทุกอย่างกลับมาสู่ปกติและดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรส่งผลกระทบต่อคาเฟ่ได้เลย ฟางฉีตื่นขึ้นในตอนเช้าเพื่อเปิดร้านและดูหน้าอินเทอร์เฟซเพื่อรับภารกิจใหม่


 


“เจ้าให้ข้าทำงานโดยไม่กลัวว่าข้าจะเหนื่อยตายเลยหรอ” ฟางฉีหาวไปบ่นไป


 


ระบบเงียบ


 


ฟางฉียังคงเปิดหน้าอินเทอร์เฟซและมองดูอย่างละเอียด


 


[การแข่งขันในคาเฟ่]


 


หืม? นี่คืออะไร? เขาขมวดคิ้ว


 


[ภารกิจใหม่ : การแข่งขันในคาเฟ่]


 


เกม Daiblo, CS


 


คำอธิบาย : จัดการแข่งขันภายในร้านรางวัลสำหรับกิจกรรมนี้อยู่ในตู้


 


รางวัลของ Diablo 1 ต่อ 1


อันดับหนึ่ง – ได้รับไอเทมที่ไม่ซ้ำกัน ระดับต่ำกว่า 20 ได้รับเวลาเล่นเพิ่มสองชั่วโมงเป็นเวลาหนึ่งเดือน


อันดับสอง – ได้รับไอเทมหายาก ระดับต่ำกว่า 15 ได้รับเวลาเล่นเพิ่มสองชั่วโมงเป็นเวลาสองอาทิตย์


อันดับสามถึงสิบ – ได้รับไอเทมเวทย์มนตร์ ระดับต่ำกว่า 10 ได้รับเวลาเล่นเพิ่มสองชั่วโมงเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์


 


กติกาของ CS 5 ต่อ 5


อันดับหนึ่ง – ได้รับปืนไรเฟิล AWP หนึ่งกระบอกพร้อมกระสุนปืนได้รับเวลาเล่นเพิ่มสองชั่วโมงเป็นเวลาหนึ่งเดือนสำหรับสมาชิกทุกคนในทีม


อันดับสอง – ได้รับปืนไรเฟิล AK47 หนึ่งกระบอกพร้อมกระสุนปืนได้รับเวลาเล่นเพิ่มสองชั่วโมงเป็นเวลาสองอาทิตย์สำหรับสมาชิกทุกคนในทีม


อันดับสามถึงสิบ – ได้รับปืนพก หนึ่งกระบอกพร้อมกระสุนปืนได้รับเวลาเล่นเพิ่มสองชั่วโมงเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์สำหรับสมาชิกทุกคนในทีม


 


ทั้งหมดรวมเป็น 16 รอบจะถูกถ่ายทอดสด


 


เวลาลงทะเบียน : 3 วัน


เวลาในการเตรียมตัว : 1 วัน


 


เมื่อมองหน้าระบบอินเทอร์เฟซแล้วเขาพบว่าเขาน่าจะยุ่งใช้ได้เลยละ


 


ฟางฉีนั่งลงข้างๆ เจียงเสี่ยวหยูที่อยู่หน้าเคาน์เตอร์ เขาทำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและใส่ไส้กรอกลงไปขณะที่เขากำลังปรุงอาหารอยู่นั้นเจียงเสี่ยวหยูเองก็กำลังกินขนมปังพลางมองเขาด้วยความอิจฉา


 


วันนี้ฟางฉีวางวางกระดานดำกับใหม่ข้างๆ อันเดิม เขาเขียนอธิบายเกี่ยวกับการแข่งขันที่กำลังจะเกิดขึ้นที่นี่ .. เขาขีดเส้นใต้ข้อความสำคัญด้วยชอล์กสีี


 


ดังนั้นมันจึงเป็นที่สะดุดตาสำหรับหลายคนที่เดินเข้ามาในร้าน


 


“หือ? การแข่งขันในคาเฟ่?” ซูฉีซินทีี่เพิ่งเดินเข้ามา “ท่านนี่มันอะไรน่ะ!?”


 


ฟางฉีเคาะบนกระดาน “ทุกอย่างอยู่ในนี้”


 


“อ้ะ ..” ซูฉีซินอ่านอย่างระมัดระวัง “รางวัล!? ของจริงหรอ!?”


 


“การแข่งขันอะไร? ของจริง?” ซูเทียนจิที่เดินเข้ามาพร้อมกับสาวกมองอย่างสับสน


 


“ดูนี่ ..” ซูฉ๊ซินชี้ไปที่กระดานดำ “เจ้าของร้านกำลังจะจัดการแข่งขันในคาเฟ่แถมได้รับของรางวัลด้วย!”


 


“Diablo หรอ!?” ซูเทียนจิทำหน้าเสียใจ “ข้ายังไม่ได้ลองเล่นเลย” เธอมองอย่างละเอีียดสายตาไปสะดุดที่เกม CS!


 


“รางวัลคือปืนไรเฟิล!?” ดวงตาของเธอดูเป็นประกาย “อันดับแรกใน CS ต้องเป็นของข้า!”


 


ฟางฉีหัวเราะหลังจากได้ยินคำพูดของเธอ “ท่านมั่นใจไปหรือเปล่า”


 


ซูเทียนจิมองค้อน “เจ้าร่วมการแข่งขันด้วยหรอ?”


 


“ไม่แน่” ฟางฉีชี้นิ้วไปที่กระดาน “ท่านไม่เห็นหรือว่าเป็นการแข่งขันแบบทีม”


 


“ได้อย่างไร!?” ซูเทียนจิถาม “ไม่มีการแข่งขันรายบุคคลหรือ?”


 


ฟางฉีหันมอง “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันในอนาคตไม่แน่ แต่ครั้งนี้ไม่มี!”


 


“ผู้เล่นแต่ละคนสามารถลงทะเบียนเพื่อการแข่งขันได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น” ฟางฉีเสริม “ท่านต้องพิจารณาว่าการแข่งขันไหนที่ท่านต้องการจะแข่งต้องเลือกอย่างไรอย่างหนึ่ง”


 


ซูเทียนจิมองดูด้วยความสับสน “ทำไม Diablo ถึงมีการแข่งเป็นแบบเฉพาะบุคคล”


 


“ข้าไม่ได้เป็นคนกำหนดกฏเกณฑ์” ฟางฉีตอบหน้าตาย


 


ซูเทียนจิจำต้องกลืนกินการเรียกร้องของเธอ เนื่องจากเธอไม่สามารถร้องถาม ‘ผู้อยู่เบื้องหลังได้’


 


ขณธเดียวกันซัวเต๋าและอันหูเว้ยก็เพิ่งมาถึง เขาเห็นกลุ่มคนยืนล้อมเคาน์เตอร์และพูดคุยเกี่ยวกับการแข่งขันกันอย่างสนุกสนาน


 


“การแข่งขัน!?”


 


พวกเขาเล่นเกมกันเพื่อความสนุกและเพิ่มความแข่งแกร่งในการฝึกฝน พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมีจะมีการแข่งขันเกิดขึ้น


 


มันน่าสนุก!


 


“ข้าจะลงทะเบียนการแข่งขันได้อย่างไร” ซัวเต๋าต้องการรางวัลเช่นปืนไรเฟิลหรือปืนพก ถ้าเขาได้รับปืนไรเฟิลแบบซุ่มยิงที่มีรูปแบบการสลักรอยของจิตวิญญาณมันจะต้องดีมากแน่นอน เครื่องสังหารชั้นดี!


 


แม้ว่ารางวันปืนอีกสองอย่างจะไม่ได้ทรงพลังเท่ากับไรเฟิลซุ่มยิงสักเท่าไร แต่มันก็ไม่ได้แย่แถมยังเป็นโอกาสที่ดีในการศึกษาหาความรู้จากอาวุธใหม่ๆ


 


“รางไอเทมที่ไม่เหมือนใคร ..” หลี่เฮารันอุทาน “นั่นหมายความว่าเราสามารถศึกษาหาความรู้เรื่องสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ จากของใน Diablo ได้งั้นสิ!?”


 


“ก็อาจจะใช่” ฟางฉีหยักหน้า “เขาเรียกว่าการประดิษฐ์” เขาแก้คำพูดให้เพราะหลี่เฮารันมักหาแนวคิดการประดิษฐ์สิ่งใหม่ๆ


 


รายการระดับสูงสุดในการแข่งขันผู้เล่นจะได้รับไอเทมที่ไม่เหมือนใคร .. อาจจะได้อักษรรูนก็เป็นได้ ฟางฉีเองต้องพึ่งพาภารกิจที่ได้รับเพื่อได้อักษรรูนเช่นกัน นั่นอาจเป็นรางวัลสำหรับเขาในฐานะผู้จัดการแข่งขันในครั้งนี้


 


“ข้าจะเข้าร่วมการแข่งขัน Diablo” อันเชงตัดสินใจเนื่องจากตัวละครนักเวทย์ของเขาจัดว่าอยู่ในระดับต้นๆ ของคาเฟ่


 


พวกเขาไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าจะได้รับของรางวัลจากการแข่งขัน


 


“ข้าจะเข้าร่วมด้วย!” ซูเทียนจิกล่าว “ข้าจะเข้าร่วมการแข๋งขันใน CS”


 


“ไหนทีมของท่าน!?” ฟางฉีกลอกตา


 


“เอ้ะ ..” ซูเทียนจิสตั้น “ข้าควรจะเปิดรับคนตอนนี้เลย!”


 


ซัวเต๋าที่ยืนข้างปลายตามอง “ข้ายังดีไม่พอหรอ!?”


 


ในขณะที่ฟางฉีที่กำลังยุ่งกับการจัดการแข่งขัน ผู้ปลูกฝังวัยกลางร่างผอมพร้อมชายคนหนึ่งสวมชุดคลุมสีขาวขลิบทองเปิดประตูคาเฟ่เข้ามา


 


ผู้ปลูกฝังวัยกลางคนแต่งตัวดีร่างผอมเขาคนนั้นคือ เฮาชง!


 


“หากข้อมูลของท่านถูกต้อง เพราะร้านนี้นี่ละได้วางยาคนทั่วมณฑลเจียงหนานไว้หมดแล้ว ในตอนนี้แม้แต่กลุ่มพันธมิตรต่างๆ เขาก็สามารถควบคุมได้!” เฮาชงกล่าว

 

 

 


ตอนที่ 205

 

คำว่านักบุญ เป็นชื่อเรียกที่ถูกตั้งขึ้นและเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปหมายถึงคนสามกลุ่มใหญ่ คือ กลุ่มไทฉี, กลุ่มซวนซงและกลุ่มภูเขาซูหยู พวกเขามีประวัติในดินแดงแห่งนี้มาอย่างยาวนาน พวกเขาทั้งสามไม่มีกองกำลังอื่นที่เข้าคู่หรือเป็นมิตรกัน


 


ทั้งสามกลุ่มอาศัยอยู่อย่างสันโดษ การประชุมเกี่ยวกับอาณาจักรฝึกฝนที่จัดขึ้นทุกๆ สามสิบปีจะเป็นงานเดียวที่จะแสดงให้เห็นถึงตัวตนของพวกเขา จุดแข็งของพวกเขานั้นต่างออกไปจากกลุ่มอื่นๆ


 


นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขาได้รับฉายา ‘นักบุญ’


 


เฟงฉีเป็นลูกศิษย์รุ่นแรกของกลุ่มไทฉี แม้ว่าเขาจะอยู่ในรุ่นเดียวกับหัวหน้ากลุ่ม แต่เขาก็เป็นเพียงแค่ศิษย์ธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น


 


อย่างไรก็ตามนี่ก็เพียงพอสำหรับเขาที่จะเดินทางไปทั่วโลกด้วยเกียรติยศ นอกจากนี้เขายังมีขุมทรัพย์อันล้ำค่าของตน ในฐานะลูกศิษย์ของกลุ่มไทฉีเขามั่นใจในตัวเองมาก!


 


“มีสถานที่เช่นนี้ด้วยหรือ!?” เฟงฉีเอ่ยถาม เขาโบกมือไล่ความคิดแล้วเปิดประตู!


 


เฮาชงตัวแข็งเมื่อเห็นเฟงฉี .. ต่างคนต่างมองหน้ากันด้วยความนิ่ง


 


เขาปลายตามองเห็นคนกลุ่มหนึ่งยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์ .. เขาจำได้ว่าเห็นพวกเขาบางคนเช่น ซัวเต๋าอาจารย์จากวังหลิวหยุนและเยซงเต๋าหัวหน้ากลุ่มโอเซียนครั้งสุดท้ายในการประชุมครั้งก่อน


 


“ท่าน! ข้าต้องการเข้าร่วมการแข่งขันเกม CS” เยซงเต๋าเดินเข้ามาลงทะเบียนพร้อมลูกสาวของเขาเยเสี่ยวเย้


 


ทุกคนมัวแต่ยุ่งอยู่กับการลงทะเบียน ยกเว้นเฮาชงและเฟงฉี นี่เป็นครั้งแรกที่นักบุญอย่างพวกเขาถูกเพิกเฉย ..


 


“เฟง!” เฮาชงเอ่ยเรียกเมื่อเห็นผู้คนยืนล้อมเคาน์เตอร์โดยไม่สนใจพวกเขา “คนพวกนี้ไม่สนใจเจ้า!” เขาพูดอย่างขุ่นเคือง


 


“มันไม่สำคัญหรอก!” เฟงฉีมอง “เดี๋ยวพวกเขาก็เปลี่ยนใจ”


 


สายลมพัดเข้าปะทะผ่านประตูร้านที่เปิดอยู่ ชายหนุ่มผู้สวมเสื้อสีขาวขอบสีทองเดินเขามา ร่างกายของเขาเปล่งประกายออร่ารอบตัว มันเป็นออร่าที่เปล่งประกายจนไม่อาจบรรยายได้ ดูเหมือนว่าแสงออร่าที่อยู่รอบตัวเขาทำให้เกิดภาพลองตาแก่ผู้มอง


 


“เอ่อ!?” ฟางฉีที่กำลังยืนอธิบายกฏการแข่งขันยืนงงเมื่อเห็นทุกคนหันเหความสนใจไปทางเขา


 


ฟางฉีมองไปที่ประตูเห็นชายหนุ่มรูปงามมีคิ้วโก้งแหลมดวงตาอันสดใสยืนอยู่หน้าประตู แสงแดดที่ส่องมาจากด้านหลังของเขายิ่งทำให้เขาดูมีออร่ารอบตัวมากขึ้นทำให้ดูเหมือนว่าเขามีชีวิตอมตะและเป็นผู้สืบเชื้อสายมาจากสวรรค์!


 


ใครก็ตามที่ได้เห็นจะต้องรู้สึกตะลึง!


 


“เขามีพลังมาก!” เจียงเสี่ยวหยูที่นั่งอยู่ข้างฟางฉีร้องขึ้นขณะที่สายตาของเธอจับจ้องไปที่ชายคนนั้นโดยไม่กระพริบ ก่อนที่จะได้พูดจบเธอโดนมือใครบางคนปิดตา


 


“นี่เป็นวิธีการเพาะปลูกของกลุ่มไทฉีที่ถูกรวมอยู่ในกลุ่มนักบวชผู้ยิ่งใหญ่” ซัวเต๋ากระซิบ “มันสามารถดูดซับพลังงานความคิดของผู้คน มันมีพลังมาก”


 


ในฐานะที่เป็นทั้งหัวหน้าและอาจารย์ของวังหลิวหยุน เขาไม่ได้สนใจอะไรเท่าไรนัก แต่การแสดงของเขาดูเปลี่ยนไปอย่างน่ากลัว “ไม่ใช่เรื่องดีเลยที่คนจากกลุ่มนักบวชหนึ่งในผู้เฝ้าสามประตูเดินทางมาที่นี่ด้วยตัวเอง ..”


 


“สามประตูคือไร?” ฟางฉีชี้ไปที่ชายหนุ่มออร่าแสบตา “ท่านหมายถึงท่านคนนี้ที่แย่งความสนใจทั้งหมดไปหรือ?”


 


เมื่อทุกคนได้ยินคำพูดของฟางฉี .. ทั้งร้านค้าเงียบกริบ เมื่อพูดจบเขาหยิบกล่องบุหรีี่ออกมาจากกระเป๋าและจุดมันขึ้นสูบ(บุหรี่จากระบบ)


 


เขาสูดมันเบาๆ และพ่นควันออกมา ผู้คนที่ยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์รู้สึกถึงกลิ่นหอมอ่อนๆ จากใบยาสูบ พวกเขาหลายคนที่จ้องมองชายหนุ่มชุดทองด้วยความงุนงงเริ่มได้สติอีกครั้ง


 


ด้านฟางฉีเองเขากำลังเพลิดเพลินกับควันของมัน “ทุกอย่างปกติ!” ฟางฉีีโบกมือ “มาพูดถึงกฏการแข่งขันกันเถอะ”


 


ผู้ที่เดินเข้ามาใหม่สองคนยืนงง


 


“เฟง!” เฮาชงเรียก “พวกเขายังคงเพิกเฉยต่อเรา ข้าว่า ..”


 


“ไม่!” ในฐานะลูกศิษย์ของกลุ่มไทฉีเฟงฉีรู้สึกละอายใจหากเขาขอความช่วยเหลือจากเฮาชง


 


ดวงตาที่หรี่ลงเบิกขึ้นช้าๆ แสงอันแรงกล้าพุ่งออกมาจากดวงตาของเขา!


 


ผู้คนไม่สามารถมองไปที่ดวงตาอันสดใสของเขาได้ต่อให้พวกเขาจะมีความต้องการมากเพียงใด ก็จำต้องยอมจำนนแก่หมอกควันที่หนาขึ้น!


 


“ข้าจะอธิบายเกี่ยวกับกฏสำหรับการแข็งขัน” ฟางฉีกล่าวต่อ


 


เฮาชงและเฟงฉีไอพร้อมกัน


 


เฟงฉีหลุดไอ เขารู้สึกว่าหน้าของเขากำลังกระตุก เจ้าของร้านนี้ไม่ธรรมดาดูเหมือนเขาจะกล้าท้าทายต่อนักบวชอย่างเรา


 


“เฟง!” เฮาชงเรียกอีก “ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังจะมีการแข่งขัน ข้าตรวจดูและพบว่ามีการจัดอันดับเกือบจะคล้ายกับการประชุมอาณาจักรนักรบของเรา มันเป็นความท้าทายสำหรับเจ้าและกลุ่มของเจ้า!”


 


“ข้ากำลังสงสัยว่าร้านเล็กๆ แบบนี้สามารถควบคุมผู้ฝึกฝนผู้ปลูกฝังและนักรบหลายคนของพันธมิตรวู่เว้ยได้อย่างไร” เฟงฉีกล่าว “ดูเหมือนว่ามันจะมีวิธีการ ด้วยการให้สัญญาว่าจะมอบรางวัลแก่พวกเขา ราวกับชักชวนให้พวกเขาเลิกสนใจในการเข้าร่วมการประชุมขชองอาณาจักร หึ! ฉลาดมาก!”


 


เขาเดินไปข้างหน้าฝ่าฝูงชนเข้าไปหน้าเคาน์เตอร์ “นี่เป็นร้านที่รั้งผู้ปลูกฝังของกลุ่มพันธมิตรวู่เว้ยหรือก่อปัญหาต่อการประชุมอาณาจักรผู้ฝึกฝนหรือเปล่า?”


 


“การประชุมอาณาจักรผู้ฝึกฝน!?” ฟางฉีมองไปรอบๆ ด้วยความสับสน  “มันคืออะไร?”


 


“อย่าทำเป็นไขสือหน่อยเลย” เฮาชงพูดขึ้น เขาร่วมจัดการกับร้านนี้ตั้งแต่การคว่ำบาตรครั้งก่อน แต่ก็ล้มเหลวไป “ร้านค้าของเจ้าคัดลอกรูปแบบของการประชุมอาณาจักรผู้ฝึกฝนของเราและได้มีการจัดการแข่งขันเหมือนกันอีก เจ้ายังจะอ้างว่าไม่รู้อะไรอีกหรอ? ในความคิดข้า เจ้าควรคิดไตร่ตรองบ้างนะ” เฮาชงร่ายยาว


 


เขาปลายตามองไปที่กระดานดำเล็กด้วยความเกลียดชัง “รางวัลเหล่านี้คืออะไร!? มันจะไปเทียบกับรางวัลที่มอบให้โดยเหล่านักบวชได้เยี่ยงไรกัน”


 


ฟางฉีรู้สึกพูดไม่ออก เขามองไปที่เหล่าผู้ฝึกฝนบางคน เขาตอบกลับด้วยความไม่เข้าใจ “คืออะไร? ท่านทั้งสองต้องการก่อปัญหาหรือ!?”


 


เฟงฉีทำหน้าเย็นชาเพราะไม่มีใครกล้าพูดกับเขาเช่นนี้มาก่อน .. เนื่องจากกลุ่มไทฉีมันคุ้มหัวเขาอยู่จึงไม่มีใครกล้าทำอะไรเขาเพราะเขาขึ้นชื่อว่าเป็นสมาชิกของกลุ่มนักบวช


 


“เจ้าเป็นเจ้าของร้านนี้หรือ?” เขากล่าว “แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าทำไมเจ้าถึงได้กล้าทำเช่นนี้ แต่ข้าขอแนะนำให้เจ้ายกเลิกการแข่งขันนี้ ข้าไม่อยากจะทำให้เป็นเรื่องยาก” เฟงฉีคิดว่ามันคงไม่ใช่เรื่องยากออะไรหากจัดการกับมดตัวเล็กๆ แค่ตัวเดียวที่กำลังสร้างปัญหาให้พวกเขา


 


พวกเขาจะพึงพอใจอย่างมากหากการประชุมอาณาจักรผู้ฝึกฝนยังคงดำเนินการต่อไปอย่างสำเร็จ

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม