Black Peach Z เดิมพันรักสาวแฮกเกอร์ 1809.4-1812.4

 ตอนที่ 1809-4


ทั้งสองอยู่บริเวณศูนย์การค้าขนาดใหญ่แห่งเมืองเจียงเฉิง ศูนย์การค้าแห่งนี้ล้ำสมัยมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว บวกกับตำแหน่งที่ตั้ง ทำให้มาถึงตอนกลางคืนก็ยังมีคนอยู่ไม่น้อย


ที่นี่มีทั้งคนขายลูกโป่ง มีทั้งคนดีดกีตาร์ร้องเพลง รวมถึงเด็กวัยรุ่นที่มาเล่นโรลเลอร์เบลดก็ยังเล่นกันอยู่


คงเพราะส่วนสูงของอวิ๋นหู่โดดเด่นมาก แม้ทั้งสองจะสวมผ้าปิดปาก แต่รูปร่างที่สูงชะลูด ทำให้สาวๆ จับตามองกันไม่น้อย แต่หลินเฟิงไม่ได้สังเกตว่าสายตาของพวกเธอมองมาที่พวกตน จึงพาอวิ๋นหู่มานั่งลงตรงม้านั่งตัวยาวที่ทางศูนย์การค้าจัดไว้ให้ มองดูพวงลูกโป่งที่อยู่ไม่ไกล “มันกดดันยังไง? กลัวว่าพรุ่งนี้จะทำได้ไม่ดีงั้นเหรอ?”


อวิ๋นหู่ตอบรับเสียงเรียบ ยกขาไขว่ห้าง ท่าทางดังกล่าวไม่เหมือนว่าจะมีแรงกดดันสักเท่าไร ราวกับว่าแค่หาข้ออ้างมาอยู่กับคนบางคนเท่านั้น


บรรยากาศเฉลิมฉลองค่อนข้างครึกครื้น พอจะได้ยินเสียงเพลงลอยมาจากร้านกาแฟ เป็นเพลงคริสมาสต์ที่ร้องโดยนักร้องชื่อดัง เฉินอี้ซวิ่น


“ความรู้สึกนายในตอนนี้ ฉันพอจะเข้าใจ” หลินเฟิงทำเหมือนมีประสบการณ์มาก เขาถอนใจยาว เริ่มเลียนแบบอวิ๋นหู่ด้วยการนั่งไขว่ห้าง ซึ่งก็สบายจริงๆ แค่มือเย็นนิดหน่อย แต่มันไม่เป็นปัญหาอะไรต่อความปีติของหลินเฟิงที่ได้เป็นพี่ชายที่รู้ใจ “แค่นาย…”


“เดี๋ยว” อวิ๋นหู่เอ่ยขึ้นมาก่อน “ฉันไปซื้อกาแฟหน่อยนะ”


อันนี้หลินเฟิงก็เห็นด้วย จะเป็นคนรู้ใจกันก็ต้องดื่มกาแฟ ถึงจะได้รู้สึกถึงบรรยากาศที่เคร่งเครียด!


ด้วยเหตุที่ร้านกาแฟอยู่ข้างๆ จึงซื้อเสร็จเร็ว แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ มันสำคัญก็ตรงที่หลังจากที่อวิ่นหู่ถือแก้วกาแฟออกมาสองใบ หลินเฟิงรู้สึกว่าเพื่อนถือมาด้วยความร้อนมือมาก แต่พอยื่นมือไปรับก็ได้ยินเสียงพูดอยู่ข้างๆ ว่า “ดูสิ คนดีกับแฟนจะตาย ขนาดแฟนเขาก็เป็นผู้ชายด้วยกัน ยังรู้ว่าอากาศหนาวขนาดนี้ต้องซื้อกาแฟมากิน ทำเธอไม่รู้จักซื้อให้ฉันบ้าง”


หลินเฟิง “…”


แฟน…แฟนเขาก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน…ซื้อกาแฟมากิน


ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าสีหน้าเขาเป็นอย่างไร ทว่าอวิ๋นหู่กลับดูเป็นธรรมชาติ “ช่วยฉันหน่อย”


“อ้อ” หลินเฟิงบ่นในใจ ผู้หญิงเมื่อกี้ต้องเป็นสาวสายวายชัวร์ ผู้หญิงแบบนี้เห็นอะไรก็คิดว่าเป็นเรื่องวายเสียหมด ตัวเขาไม่ได้เป็นเหตุหรอก แต่ใครจะคิดล่ะว่า เขายังไม่ได้รับแก้วกาแฟมาเลย เสียงก็ดังขึ้นจากอีกฝั่งหนึ่ง “โคตรรังแกหมาโสดเลย ใส่ชุดคู่รักก็ว่าเถอะ นี่ยังมานั่งกินกาแฟด้วยกันข้างนอกอีก”


ใส่ชุดคู่รักงั้นเหรอ หลินเฟิงหันไปมอง ก็เห็นเสื้อขนเป็ดสีดำตัวยาวบนร่างอวิ๋นหู่


น้อง เสื้อขนเป็ดแบบผู้ชายมันก็เหมือนกันหมดแหละ ลองดูดีๆ สิ มันไม่เหมือนกันนะ จะเป็นเสื้อคู่รักกันได้ยังไง! อึดอัดจังโว้ย


ขนาดหลินเฟิงที่บื้อแบ๊วยังรู้สึกอึดอัด แสดงให้เห็นว่ามีคนมาล้อมดูไม่น้อย เขาดื่มกาแฟต่อไปไม่ไหวแล้ว ดื่มกาแฟก็ยังต้องสวมผ้าปิดปาก แต่หากเขากับหู่ถอดผ้าปิดปากออกก็ไม่แน่ว่าจะกลายเป็นข่าวหรือเปล่า ดังนั้นหลินเฟิงจึงไม่คิดอะไรมากอีก ลุกขึ้นมาโดยมีควันกาแฟลอยกั้นอยู่ “พวกเราไปกันเถอะ ค่อยกลับไปคุยกัน”


เดิมก็วางแผนกันไว้อย่างนี้ ใครจะรู้ว่าคงเพราะลุกขึ้นเร็วเกินไป จึงกระแทกเข้ากับแก้วในมือจนน้ำกระฉอกไปด้านข้าง สร้างความแสบร้อนจนเขาโยนทิ้ง


ฉากที่เกิดขึ้นไม่เพียงแต่หลินเฟิงที่คาดไม่ถึง กระทั่งอวิ๋นหู่ก็เช่นกัน กางเกงมีคราบกาแฟติดอยู่ ปกติแล้วเขาเป็นคนสะอาดเรี่ยม ดังนั้นจึงดูเละเทะนิดๆ


หากมองจากมุมนั้นจะดูเหมือนว่าหลินเฟิงระแวงความคิดของคนอื่น อยากปฏิเสธกาแฟของอวิ๋นหู่ แต่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ส่งผลให้เกิดความห่างเหินในห้วงเวลาดังกล่าว…


……………………………………………….


 ตอนที่ 1810-1


หลินเฟิงรู้สึกตัวเช่นกัน เขาอ้าปากอยากจะอธิบาย “เอ่อ ฉันไม่ได้…”


“อื้ม” อวิ๋นหู่กลับแทรกคำพูดเขา ราวกับไม่แคร์ “ฉันรู้”


หลินเฟิงดูแผ่นหลังของคนที่อยู่ด้านหน้าตน “จะเช็ดขากางเกงหน่อยไหม?”


“ค่อยกลับบ้านไปซัก” อวิ๋นหู่ถือแก้วกาแฟ หลุบตาเล็กน้อยอย่างไม่ใยดี


หลินเฟิงรู้สึกว่าตัวเองหัวทื่อจริงๆ กลับไปซักที่บ้านก็ได้นี่นา “เดี๋ยวฉันไปเรียกรถ” หลินเฟิงอยากชดเชยให้ แค่กลับไม่เป็นไปตามที่หวัง อาจเพราะวันนี้เป็นวันหยุด เรียกอยู่นานแต่กลับไม่มีรถ คิวแท็กซี่ที่อยู่หน้าศูนย์การค้าก็กำลังอยู่ในภาวะขาดรถ


อวิ๋นหู่ยืนที่เดิม เห็นไอร้อนที่ลอยออกจากแก้วกาแฟอย่างชัดแจ๋ว เขาหันไปมองคนข้างตัวที่กำลังกดดูมือถือ สเก็ดหิมะที่ตกอยู่ปลายนิ้วมือ ก่อนจะค่อยๆ ละลาย แต่ดูก็รู้ว่าหนาว เขาชะงักครู่หนึ่ง ก่อนจะก้าวไปข้างหน้า และยื่นแก้วกาแฟให้


“ไม่นานหรอก ฉันกำลัง…” หลินเฟิงถูกยัดแก้วกาแฟมาไว้ในมือ รู้สึกงงๆ อะไรเนี่ย? แต่ครั้งนี้เขากุมมันแน่น ไม่ปล่อยให้กระฉอกออกจากแก้ว


อวิ๋นหู่หยิบมือถือ “ฉันเรียกรถเอง นายถือแก้วไป จะได้อุ่นมือ”


หากเอ่ยคำขอบคุณก็จะดูเกรงใจเกินไป หลินเฟิงได้แต่กุมแก้ว แอบเลิกผ้าปิดปากมาจิบกาแฟ แต่ไม่คิดว่าจะมีเสียงลอยมาจากด้านหนึ่ง “สองคนนั้นกินกาแฟแก้วเดียวกันด้วยอะ เหมือนจูบกันทางอ้อมเลย ฝ่ายรับเหมือนจะไม่ยอม แต่ในใจลึกๆ ชอบมาก ปากไม่ตรงกับใจจริงๆ ฝ่ายรับที่น่ารัก!”


เล่นเอากาแฟในปากแทบพุ่ง


น่ารัก? ฝ่ายรับ? เขาเรอะ? เฮ้ย น้องสาว ดูหน้าฉันดีๆ นะ! ต่อให้เป็นเกย์ คนอย่างฉันก็ต้องเป็นฝ่ายรุกเท่านั้น ฝ่ายรุกอย่างเดียว โอเคนะ!


หลินเฟิงเตือนตัวเองให้ใจเย็น การดึงผ้าปิดปากออกก็เท่ากับเปิดเผยตัวเองว่าเป็นใคร ฝ่ายอวิ๋นหู่กวาดตามองเขา “ทำไมเหรอ?”


“เปล่า” บางครั้งหลินเฟิงก็อิจฉาพวกที่หูไม่ค่อยดีจริงๆ


อวิ๋นหู่เก็บมือถือ นิ้วเรียวขยับเล็กน้อย “ไม่มีรถ เดินวนอีกรอบเถอะ”


“ได้ งั้นเดินกันเถอะ” หลินเฟิงไม่รู้หรอก ใช่ว่าในแอพลิเคชั่นจะไม่มีรถ แต่อวิ๋นหู่ไม่เรียกต่างหาก เพราะเขาอยากอยู่อย่างนี้กันให้นานสักหน่อย ช่วงนี้เป็นงานฉลองเทศกาล คนที่มาฉลองมักจะเป็นคู่รักที่มาฉลองด้วยกัน


หลินเฟิงไม่รู้สึกอะไร เพราะไม่ได้นั่งที่ม้านั่ง จึงรู้สึกดีกว่า แถมหากกลับบ้านไปในเวลานี้ก็นอนไม่หลับอยู่ดี ครั้งนี้ หากเทียบกับครั้งที่แล้วดูจะปกติกว่ามาก


ศูนย์การค้ามักเปิดเพลง หลายคนไปถ่ายรูปที่โคมรูปหัวใจที่ส่องแสงสว่าง ศูนย์การค้ามักเป็นสร้างบรรยากาศเช่นนี้ในงานเทศกาล ด้วยการทำโคมไฟหลายรูปแบบที่แค่เห็นก็รู้สึกสดชื่น


แม้หลินเฟิงจะไม่ค่อยเข้าใจความคิดของแม่สาวน้อย แต่เห็นสาวๆ ทั้งหลายถ่ายรูปกันแล้ว ถือเป็นบรรยากาศที่สวยงามเลยทีเดียว หากไม่เพราะอวิ๋นหู่จู่ๆ ก็ถามขึ้นมาว่า “แคร์มากนักเหรอที่คนอื่นว่านายเป็นฝ่ายรับ?”


“บ้า ฉันออกจะ…” หลินเฟิงพูดได้แค่นี้ก็ชะงัก เจ้าหมอนี่นิ่งอยู่นาน ที่แท้ก็ได้ยิน


อวิ๋นหู่ยัดมือทั้งสองเข้ากระเป๋ากางเกง “ไม่ใช่ปัญหาของนายหรอก แต่ใครที่อยู่ใกล้ฉันก็ต้องถูกว่าเป็นคนที่อยู่ข้างล่างทั้งนั้นแหละ”


 ………………………………….


ตอนที่ 1810-2


หลินเฟิงกระแอมเล็กน้อย “เพื่อนเอ๊ย ฝีมือการยอตัวเองของนายก้าวหน้าขึ้นมาเลยว่ะ”


อวิ๋นหู่โน้มตัว “หรือไม่จริง?”


หลินเฟิงมองดูดวงตาที่พลันเข้ามาอยู่ใกล้ ไม่รู้ว่าทำไมหัวใจถึงสะดุด ก่อนจะเบือนหน้าออกไป “นายจะพูดก็พูด มาอยู่ใกล้กันแบบนี้ ฉันตกใจหมด”


“แค่นี้ก็ทำให้นายตกใจได้แล้ว” อวิ๋นหู่ยืดตัวตรง เอ่ยอย่างช้าๆ “นายขี้ตกใจตั้งแต่เมื่อไรกัน? หรือว่าแคร์ขี้ปากคนอื่น? งั้นต่อไปนายก็อยู่ให้ห่างกับฉันหน่อย ไปกันเถอะ รถมาแล้ว”


หลินเฟิงได้ยิน รู้สึกว่าตัวเองพูดคลุมเคลือ แต่ไม่นานอวิ๋นหู่ก็พาดแขนไว้ที่บ่าล็อคคอเขาเหมือนเป็นเพื่อนสนิท “ฉันล้อเล่นน่ะ ไปเถอะ รถมาแล้ว


ด้วยเหตุนี้ หลินเฟิงจึงปล่อยให้อวิ๋นหู่ล้อเล่นตามสบาย ไม่คิดเรื่องที่จะต้องแข่งกับทีมอาทิตย์อุทัยในวันพรุ่งนี้หรือจะทำอย่างไรให้ชนะสักนิด สมองของเขาเต็มไปด้วยข้อกังขาว่า สิ่งที่เขาทำไป มันไม่เหมาะสมหรือเปล่า ทำให้อวิ๋นหู่คิดว่าเขาแคร์เรื่องเพศสภาพหรือไม่ จนเมื่อถึงบ้านก็ยังคิดว่าจะทำยังไงให้ตัวเองดูสนิทสนมกันสักนิด


ดวงตาของอวิ๋นหู่เก็บทุกรายละเอียดไว้ได้ทั้งหมด การจะเอาเจ้านี่ให้อยู่หมัด ต้องใช้คำพูดแรงๆ ถึงจะได้ผล


เขาถอดกางเกงไปโยนไว้ในเครื่องซักผ้า หันมามองหน้าอีกฝ่าย อวิ๋นหู่คิดว่าเมื่อผ่านเหตุการณ์เมื่อครู่ไป เจ้านี่จะต้องแสดงความใกล้ชิดด้วยการค้างที่บ้านตนเองแน่


แต่ใครจะรู้ล่ะว่า เจ้านั่นกลับทำในสิ่งที่ต่างจากเดิม เมื่อเห็นเขาเดินออกมาก็วางแก้วกาแฟลง “ดึกมากแล้ว นายรีบนอนเถอะ อย่าเครียดให้มาก นายเป็นคนเล่นเก่ง คนที่ควรจะรู้สึกกดดันควรเป็นฉันมากกว่า เอาล่ะ ฉันจะกลับไปนอนเหมือนกัน”


หลินเฟิงพูดพลางบิดขี้เกียจ “เจอกันพรุ่งนี้”


“นาย…” อวิ๋นหู่เกือบหลุดปากแล้วเชียวว่า ‘จะนอนที่นี่ไหม’ ทว่าเมื่อเห็นอีกฝ่ายมองอย่างสงสัย ก็เปลี่ยนคำพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย “อย่าลืมเอาของที่ต้องใช้ไปให้หมด ห้ามลืมผ้ารัดข้อมือนะ”


“รู้แล้ว รู้แล้ว” หลินเฟิงเดินออกไปข้างนอก พลางโบกมือ


เมื่อเห็นประตูปิด อวิ๋นหู่พอจะได้ยินเสียงแม่อยู่ด้านนอก “อ้าว วันนี้เสี่ยวเฟิงไม่นอนที่นี่เหรอ?”


“ไม่ล่ะฮะ ไม่สะดวก พรุ่งนี้…” เสียงพูดที่เหลือเริ่มไม่ชัด คงเพราะคนที่เดินออกไปเดินไปถึงประตูบ้านแล้ว


อวิ๋นหู่มองดูเงาตัวเองที่สะท้อนบนหน้าต่างบานยาวจรดพื้น เสื้อขนเป็ดตัวดำในสไตล์เดียวกัน ขนาดคนทั่วไปยังฉุกคิดได้ แต่ในสายตาของอีกฝ่ายกลับคิดว่าแค่คล้ายกัน


เจ้านั่นเป็นคนมองอะไรผิวเผินเหมือนเดิม แต่ก็เปลี่ยนแปลงอยู่บ้าง การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวกลับเล็กน้อย เล็กน้อยมากจนเขาไม่อยากคิด กระทั่งจะนอนที่บ้านเขาก็ไม่ยอม นายคิดอะไรกันแน่


อวิ๋นหู่ชนศีรษะที่หน้าต่าง ภายนอกเป็นแสงจากหลอดไฟสว่างจ้าเรียงรายกันอร่ามตา ราวกับเมื่อคนคนนั้นอยู่ด้วย แรงกดดันพลอยลดลงไปเยอะ


ทีมอาทิตย์อุทัยแกร่งมาก แกร่งจนเขากังวลใจ เจ้านั่นมีสภาพเหมือนเมื่อการแข่งในปีนั้นอีกแล้ว มันไม่ใช่ความผิดของตัวเอง แต่ก็มักจะโทษตัวเองเสมอ เจ้าคนเห็นอะไรผิวเผินนั่น กลับไม่ซื่อบื้อในบางเรื่อง


 …………………………………..


ตอนที่ 1810-3


เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ท้องฟ้าเริ่มสว่างจากทิศตะวันออก เมื่อก้มมองจากสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่ที่สุดของเจียงเฉิง เจ้าหน้าที่ตกแต่งสถานที่ล้วนเริ่มเข้ามาแล้ว ความยุ่งวุ่นวายสูงมากพออย่างเห็นได้ชัด ทั้งนอกและในประเทศต่างให้ความสำคัญกับการแข่งนัดนี้มาก


หนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น นักข่าวต่างชาติและล่ามก็มาถึงสถานที่ สร้างบรรยากาศอลังการมาก เมื่อนั่งลงก็ดึงดูดสายตาจากหลายคนๆ


ฝ่ายในประเทศเอาแต่คาดเดาว่า ทำไมถึงได้มีนักข่าวต่างชาติจากหลากหลายแห่งมาที่งานมากขนาดนี้ จึงอยากขอสัมภาษณ์ ฝ่ายนักข่าวต่างชาติมีวาทศิลป์เป็นอย่างดี ไม่แสดงออกมาว่าตัวเองไม่แคร์ทีมไดมอนด์ นอกพูดระคนยิ้ม “ทุกคนต่างรู้ความสามารถของทีมอาทิตย์อุทัยเป็นอย่างดี การแข่งของพวกเขามีสีสันมาก เชื่อว่าคนอื่นก็คงมางานนี้ด้วยเหตุผลเดียวกัน” ฟังดูแล้วเหมือนอ้อมค้อม แต่หากพินิจให้ดี ก็เรียกได้ว่าพูดอย่างตรงไปตรงมามาก เพราะพวกเขาไม่ได้เอ่ยถึงทีมไดมอนด์เลย นอกจากฝ่ายในประเทศจะถามถึง พวกเขาถึงตอบ “โอ้ ทีมไดมอนด์ ยังไม่เคยดูการแข่งของทีมนี้เลย แต่ในเมื่อเป็นตัวแทนประเทศจีนมาแข่ง คงต้องเก่งมาก” คำพูดตามมารยาทของผู้ใหญ่แบบนี้ แค่เห็นสีหน้าก็รู้แล้วว่า พวกเขาไม่แม้แต่จะเคยได้ยินชื่อทีม


แน่ล่ะ ย่อมมีนักข่าวบางส่วนที่ศึกษามาบ้างก่อนหน้านี้ แต่แค่อ่านมา ไม่สนใจทีมไดมอนด์ เมื่อถามว่า “คุณคิดว่าทีมไหนจะชนะ?” พวกเขาก็หัวเราะ “ฉันรู้สึกว่าคำตอบค่อนข้างชัดมาก คนที่ได้แข่งกับโฮชิโนะและยูกิชิน จะได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างจากการแข่ง ถึงทีมไดมอนด์จะเก่งมาก แต่คงเอาชนะผู้เข้าแข่งขันระดับนานาชาติทั้งสองได้ยาก มีพวกเขาสองคนอยู่ในทีม รับรองว่าทางญี่ปุ่นต้องชนะแน่” คำพูดเหล่านี้ทำให้คนไม่สบายใจ แต่ไม่อาจปฏิเสธว่าพวกเขาพูดตามหลักความจริง


โฮชิโนะและยูกิชินเป็นต้นแบบต่อเหล่าแฟนคลับอีสปอร์ตจากหลากหลายพื้นที่ ทั้งยังเป็นไอดอลให้กับหลายคน ดังนั้นทีมไดมอนด์จึงชนะได้ยาก อีกทั้งการแข่งระหว่างทีมเซียงหนานและทีมอาทิตย์อุทัยในปีก่อนยังคงเป็นภาพเด่นชัด


การแข่งขันชิงแชมป์เอเชียในปีนั้น ยูกิชิไม่ได้ลงสนามด้วยซ้ำ แค่โฮชิโนะคนเดียวก็เอาชนะทีมเซียงหนานได้ทั้งทีมแล้ว แถมในการแข่งชิงแชมป์ประเทศ ฝีมือของทีมไดมอนด์ยังสูสีกันกับทีมเซียงหนาน กระทั่งเอาชนะได้ชนิดเลือดตาแทบกระเด็น เมื่อเทียบกันเช่นนี้ก็จะเข้าใจความแตกต่าง แถมทีมไดมอนด์ในเวลานี้ยังขาดตัวฉินมั่ว เหล่าเนติเซนต่างไว้อาลัย ดูเหมือนคนบางกลุ่มมักเป็นเช่นนี้ เวลาที่ทีมประเทศตัวเองแข่งกับต่างชาติ พวกเขามักคิดว่าทีมต่างชาติโดดเด่นกว่า แถมยังมีบางคนที่ไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง ก็เปิดฉากด่าทันทีเช่น ‘แน่จริงก็อย่ามาแข่งกับที่ถิ่นพวกเราสิ’ บางคนก็ว่าเอาตรงๆ ‘ถ้าทีมไดมอนด์เอาชนะไม่ได้ ก็ทำให้ประเทศเราเสียหน้าอย่างแรง’


พูดน่ะมันง่าย แต่คนเหล่านี้ดูเหมือนจะไม่เคยคิดว่าไม่มีใครมีหน้าที่ต้องคว้าแชมป์เพื่อใคร


ยังดีที่เหล่านักกีฬาต่างไม่ท่องโลกออนไลน์มาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว พอหยิบมือถือขึ้นก็ไม่กล้าดู เพราะดูแล้วจะเศร้าใจ อันที่จริงคนที่เชียร์ก็เยอะ คำพูดปลอบโยนก็มาก ทว่าการแข่งกระชั้นเข้ามา ความกดดันถาโถมอย่างไร้รูปไร้เสียง ดังนั้นแม้จะไข้ขึ้นทั้งคืน ป๋อจิ่วก็ยังกังวล จึงลืมตื่นตั้งแต่ไม่ถึง 8 โมงเช้า


เมื่อรู้สึกตัวว่าอยู่ที่ไหน เธอช้อนสายตามองใบหน้าหล่อเหลาที่อยู่ใกล้แค่คืบ


…………………………………………………..


 ตอนที่ 1811


คงเพราะแสงจ้า ทำให้ขนตาชายหนุ่มดำขยับ เหมือนเป็นปีกอีกาที่แผ่เงาอันอบอุ่นบนใบหน้าหล่อสง่า สะอาดสะอ้านเป็นพิเศษ


ป๋อจิ่วอยากจะลุกขึ้น ไม่คิดเลยว่าแค่ขยับนิดเดียว เขาก็ตื่นเสียแล้ว ชายหนุ่มนิ่วหน้านิดๆ ท่านเทพชอบหงุดหงิดเวลาตื่น แต่วันนี้เขาไม่ปล่อยให้ตัวเองอารมณ์เสียนาน กลับจับข้อมือแล้วลากเธอมาไว้ในอ้อมกอด แนบหน้าผากตัวเองเข้ากับหน้าผากเธอ


ขนตายาวเฟื้อยของเขาอยู่ตรงหน้า นี่เป็นวิธีการวัดอุณหภูมิแบบโบราณที่สุด คงเพราะพอใจแล้ว ใบหน้าก็เลยผ่อนคลาย เสียงยังคงเนือยเนิบเหมือนคนเพิ่งตื่นนอน “ฟื้นไข้ได้ดีเชียว”


ในระหว่างที่พูด ลมหายใจของเขาก็กระทบบนใบหน้าเธอ รวมถึงปลายจมูกโด่ง ส่งผลให้หัวใจเธอกระตุกผิดปกติ


ป๋อจิ่วหวานจนเข้าไปจุ๊บอีกฝ่าย แต่เขาไม่ยอมให้เธอสมหวัง เลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะหลบไป “คิดจะเจ้าชู้อะไร?”


“มอร์นิ่งคิสไง” ป๋อจิ่วทำหน้าน่าสงสาร ทว่าชายหนุ่มกลับหัวเราะ “ไม่จำเป็น”


ป๋อจิ่ว…โอ้ย คบท่านเทพเป็นแฟนเนี่ย ไม่โรแมนติกอย่างแรง?


ก็ไม่โรแมนติกจริงๆ นั่นแหละ พอลืมตาตื่นเขาก็ยกยามาให้เธอ ป๋อจิ่วไม่ชอบดื่มยา พอดื่มครึ่งหนึ่งก็ทิ้งอีกครึ่งหนึ่ง แต่ที่น่ากระอักกระอ่วนคือ ตอนที่เธอเททิ้งกลับถูกท่านเทพที่ล้างหน้าแปรงฟันเสร็จจับได้พอดี “ท่าทางเธอจะไม่ชอบยาที่ฉันชงให้นะ” ฉินมั่วพูดเรียบเรื่อย


ป๋อจิ่วพูดอย่างอาจหาญ “เดี๋ยวต้องแข่งแล้ว ถ้ากินยาเข้าไป เดี๋ยวจะง่วงนอนตอนแข่ง”


“ไข้ขึ้นต่างหากที่จะทำให้เธอง่วง” ฉินมั่วพูดจบก็เคาะแก้วที่เหลือยาที่ก้น ท่านเทพสง่าอย่างนี้แหละ เวลาเขาพูดที หากเราไม่ฟังก็เท่ากับเป็นคนไร้เหตุผล


ป๋อจิ่วกระดกศีรษะดื่มยาที่เหลือจนหมด จริงๆ แล้วป่านหลานเกินซึ่งเป็นสมุนไพรจีนที่ให้ฤทธิ์บรรเทาอาการร้อนใน ก็ไม่ได้ขมนักหรอก แต่ป๋อจิ่วไม่ชอบกลิ่นมันจริงๆ กะจะไปบ้วนปาก แต่เพิ่งจะวางแก้วเอง ก็เห็นเขาก้มตัวมาจุ๊บมุมปากเธอ


ด้วยเหตุที่ไม่คิดว่าจะโดนจูบมาก่อน ทำให้มือที่ถือแก้วยาของป๋อจิ่วถึงกับชะงัก ได้ยินเขาพูดกลั้วหัวเราะ “ไม่เลวนี่ เป็นเด็กดีมาก”


แหงสิ! หนูจิ่วที่ถูกชมถึงกับยิ้ม แฮปปี้ชนิดหยุดไม่อยู่ แต่ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกคุ้นเคยชนิดที่พูดไม่ออก กระทั่งแปรงฟันอยู่ ป๋อจิ่วก็ยังประหลาดใจ


ด้วยเหตุที่ไปแข่ง ชุดที่สวมต้องเรียบง่าย ชุดทีมขาวดำด้วยการออกแบบที่ไม่วุ่นวาย ทว่าเมื่อป๋อจิ่วสวม ก็ทำให้ดูทรงอำนาจอย่างบอกไม่ถูก


วันนี้เธอไม่ได้สวมกระโปรง เพราะสิ่งที่ควรพิสูจน์ก็ได้รับการพิสูจน์แล้ว เธอหล่อเหลือร้าย ราวกับเป็นหนุ่มน้อยที่เดินมาออกมาจากการ์ตูน ตุ้มหูพลอยสีดำบนหูซ้ายส่องประกาย


เมื่อเธอเดินออกมา ก็เห็นชายหนุ่มยืนสวมเสื้อตรงหน้ากระจก เอียงศีรษะจัดแขนเสื้อ นิ้วเรียวยาวสวยได้รูปจริงๆ ราวกับแค่เห็นท่าทางเขาในเวลานี้ ย่อมนึกถึงท่าทางที่เขาเล่นเกมออกได้ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างความมหัศจรรย์ครั้งแล้วครั้งเล่าหรือสถิติที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่ถูกบันทึกไว้เป็นสถิติไม่หยุด


ผิวของท่านเทพก็ดีจริงๆ ความขาวนวลนั่นเปล่งประกายความเย็นชาที่ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ กลิ่นอายสูงส่งต้องห้ามไม่ลดลงเลย นับจากที่เขาสวมชุดทีม ชื่อทีมไดมอนด์ผงาดกลางหลัง เขายังคงยืนอยู่ที่สูงโดดเด่นเหมือนเมื่อพบกันเป็นครั้งแรก


แบบนี้แหละที่ใช่ ป๋อจิ่วบอกตัวเอง ผู้ชายคนนี้ควรที่ยืนอยู่บนแท่นเทพแห่งเกียรติยศที่ไม่ควรร่วงหล่นลงมาตลอดกาล


……………………………………….


 ตอนที่ 1812-1


10:00 น. ยังไม่ทันได้เริ่มตรวจตั๋ว คลื่นมหาชนก็ทะลักมาที่สนามแข่งแล้ว


บรรยากาศที่สนามสด เรียกได้ว่าเสียงดังครึกครื้นกันเลยทีเดียว ไม่เพียงมีแค่แฟนคลับในประเทศ กระทั่งบางคนยังมาจากที่อื่นๆ เพื่อจะได้ชมการแข่งระดับเอเชียในครั้งนี้


เหล่านักข่าวพากันหาประเด็นข่าว ต่างตั้งกล้องถ่ายรูป พากันสัมภาษณ์กันทั่ว ความร้อนแรงที่สนามได้กระตุ้นเหล่ายามรักษาการณ์ให้รักษาการณ์แข็งขัน


สถานีรถไฟฟ้าของที่นั่นเรียกว่าแน่นมากจนไม่มีช่องว่าง สีหน้าแต่ละคนเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ทั้งนี้ฝ่ายผู้จัดยังได้ว่าจ้างคอสเพลย์และผู้พากย์เสียงที่ขึ้นชื่อมางานนี้โดยเฉพาะ


ปกติทุกคนจะเคยเห็นพวกคอสเพลย์ระดับเทพกัน แต่สำหรับผู้พากย์เสียงแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็น ถือเป็นกำไรจากการแข่งขันที่ทำให้คนรู้สึกยินดีจนแทบตัวลอย ไม่ว่าหญิงหรือชายล้วนแต่แปะสติกเกอร์ทีมที่ตัวเองเชียร์บนใบหน้า


อุณหภูมิของเจียงเฉิงถือว่าไม่หนาว แต่ก็ไม่กระทบต่อความตื่นเต้นของผู้คน เซวียเหยาเย่ามองดูภาพที่ฉายบนทีวี เอานมที่โคโค่เพิ่งให้มา ยัดลงกระเป๋าเป้ของตัวเอง นมนั่นอินอู๋เย่าเป็นคนเตรียมให้ เพราะในสายตาเขาทั้งสามยังเป็นเด็กอยู่ เมื่อวานเขาคุยกับเฟิงอี้ผ่านโทรศัพท์แล้ว รถรับทีมไดมอนด์จะมาถึงตอน 10:30 น. อย่างตรงต่อเวลา


เฟิงอี้นั่งบนที่นั่งข้างคนขับ เอ่ยถามก่อนว่า “กินข้าวหรือยัง?”


“กิน กินแล้ว แฟน แฟนของเฮียเย่าทำให้” เฟิงซ่างงับถุงนมด้วยสีหน้าสดใส ส่วนเฟิงอี้หันไปเลิกคิ้วให้เฮียเย่า ซึ่งฝ่ายหลังไม่สะทกสะท้านแต่อย่างใด “แฟนคลับน่ะ”


“เป็นแฟนคลับที่ตามมาถึงอินเทอร์เน็ตบาร์!” โคโคงับถุงนมเช่นกัน “น่ารักมาก ทำกับข้าวก็อร่อย แต่เหมือนจะชอบเฮียเย่าแค่คนเดียว ฉันหล่อขนาดนี้ เขายังไม่แลเลย”


เฟิงอี้หัวเราะ “ให้ตั๋วเขาหรือยัง?” อุตส่าห์ดูแลอาหารให้ลูกทีมตั้งมื้อหนึ่ง ยังไงก็ต้องให้ตั๋วเข้าชมกันบ้าง


อินอู๋เย่าว่า “เขาดูเกมไม่เป็น”


“เป็นแฟนคลับที่ดูเกมไม่เป็นเนี่ยนะ?” เฟิงอี้ไม่ได้อยากซักไซ้แต่อย่างใด แค่พยายามปรับบรรยากาศก่อนแข่งเท่านั้น


ด้านเซวียเหย่าเย่าออกปากบ้าง “เขาบอกว่าเป็นแฟนคลับเฮียเย่าเพราะหน้าตา”


“ใช่! นี่ไง ฉันถึงไม่ยอมอย่างแรง” โคโค่ชี้ตัวเอง “ดูหน้าฉันสิแล้วโปรดหันไปดูหน้าเฮีย ทำไมเขาไม่เลือกฉัน?”


เฟิงซ่างพูดติดๆ ขัดๆ “นะ นั่นเป็น เป็นเพราะ นายมัน หลง หลงตัวเองผิดๆ”


ฟังเสียงยั่วโมโหกันภายในรถ ก็ทำให้เฟิงอี้สบายใจขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยทุกคนอยู่ในภาพจิตใจที่ดี ซึ่งสำคัญกว่าทุกสิ่ง


12.30 น. ได้เวลาตรวจตั๋วเข้าสู่สนาม แถวที่ต่อยาวมากจนน่าตกใจ โดยมีจุดตั๋วถึงทั้งสองชั้น ทว่าแม้จะเป็นเช่นนี้ แต่พนักงานกลับยุ่งมากจนไม่มีเวลาดื่มน้ำสักอึก


หลังจากที่เข้าไปได้ ก็นั่งตามลำดับหมายเลขของตัวเอง จะได้ไม่เกิดความวุ่นวายในสนาม จึงจัดจุดตรวจให้ตรงส่วนกับหมายเลขที่นั่ง ทั้งนี้การที่มีคนเข้าชมเป็นหลักล้านในเวลาเดียวกันเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน


กล้องถ่ายยังไม่ได้ประจำตำแหน่ง แต่ไม่ส่งผลใดๆ ต่อแพลตฟอร์มการไลฟ์สด ทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นในสนามแข่ง ล้วนแต่เป็นหัวข้อข่าวที่เรียกยอดผู้ชมได้ไม่น้อย แพลตฟอร์มการไลฟ์สดของแอพลิเคชั่นบางแห่ง ถึงขั้นทำข่าวติดตามสถานการณ์สดกันเลยทีเดียว


 …………………………………………..


ตอนที่ 1812-2


พิธีกรเองก็เป็นผู้ที่มีแฟนคลับมากมายเช่นกัน “การแข่งใกล้จะเริ่มแล้ว ซึ่งการแข่งระดับเอเชียจะถูกจัดทุกปี แต่ปีนี้จะฮอตเป็นพิเศษ เทพซีพอจะเดาได้ไหมว่าเป็นเพราะอะไร?


“อันดับแรก การแข่งระดับเอเชียในปีนี้จัดที่บ้านเรา ซึ่งแฟนคลับเกมออนไลน์ในบ้านเราต่างรอคอยกันมาก เพราะเมื่อก่อนต้องไปดูที่ต่างประเทศ กระทั่งตารางการเดินทางก็ยังไม่สะดวกมาก แต่ตอนนี้มาจัดอยู่หน้าบ้านเรา ทำให้ความรู้สึกและยอดการเข้าชมต่างไปจากเดิม กระทั่งเพื่อนเก่าผมยังบอกว่าผมต้องหาบัตรให้พวกเขาให้ได้สองใบ กลุ่มคนที่เล่นเกมเลเจนด์ จะมากจะน้อยต้องอยากดูท่านเทพที่ตัวเองชื่นชอบกันบ้างล่ะ มันตัดกันไม่ขาดหรอกครับ แถมตัวแทนประเทศจีนในปีนี้ไม่ใช่ทีมเซียงหนาน แต่เป็นทีมไดมอนด์ ทีมนี้แกร่งถึงขั้นไหนต่างรู้ดีกัน ในฐานะที่เป็นคนเก่าคนแก่ที่ถอนตัวจากวงการกันแล้ว ถ้าไม่เพราะติดภารกิจ เพราะผมต้องไปนั่งจ้องดูที่สนามสดแน่นอน”


“เอ๊ะ” ดูเหมือนพิธีกรจะค้นพบอะไรบางอย่าง ชี้นิ้วไปที่หน้าจอ “พูดถึงทีมเซียงหนาน ดูเหมือนพวกเขาจะมาที่สนามสดเหมือนกัน”


“ปกติออก เพราะการแข่งสนามนี้น่าดูออก”


พิธีกรได้ยินแล้วถามขึ้น “ฟังจากเทพซีแล้ว ดูเหมือนจะรู้สึกดีต่อทีมไดมอนด์มาก ไม่ทราบว่าคุณได้ดูการสัมภาษณ์เมื่อเช้าไหม มีคนบอกว่า ทีมไดมอนด์น่าจะเอาชนะในนัดนี้ได้ลำบาก”


“ก็ยากจริงๆ ล่ะ ฉะนั้นทีมไดมอนด์จะต้องสู้สุดฝีมือ ไม่งั้นอาจจะโดนทีมอาทิตย์อุทัยกดดันแน่ๆ”


“เอ๋? ทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะ หรือว่าเพราะฉินมั่วไม่อยู่ด้วย?” พิธีกรเองอยากฟังคำวิเคราะห์ของคนในวงการอีสปอร์ตเช่นกัน


“เดี๋ยวคุณดูการแข่งขันแล้วก็จะรู้เอง  การจะสู้กับทีมอาทิตย์อุทัยถือเป็นเรื่องที่กดดันมาก ทีมนี้โดดเด่นตรงที่นักกีฬาของเขาเก่งมากทุกคน กระทั่งตัวเด็กฝึกก็ยังมีความสามารถเทียบเท่ากับนักกีฬาลีกส์อาชีพของเรา ที่พูดแบบนี้ไม่ใช่เพราะดูแคลนประเทศตัวเองนะครับ แต่ทุกคนต่างรู้สถานการณ์ในเวลานี้ดี พวกเขาได้เปรียบตรงที่มีพรสวรรค์ด้านอีสปอร์ตมาก แถมยังมีภูเขายักษ์อย่างยูกิชินและโฮชิโนะกันไว้อยู่ ทุกทีมที่ได้เจอเขา ยังต้องกลับไปคิดอย่างใจเย็นเลย เพราะไม่ว่าจะใช้เทคนิคการแข่งยังไงก็ทำอะไรพวกเขาไม่ได้ คนที่เล่นเกมออนไลน์ทุกคนรู้กันทั้งนั้นว่า โฮชิโนะประเมินเหตุการณ์แม่นยำแค่ไหน ถึงจะไม่ใช่หัวหน้าทีม แต่ก็ถูกขนานนามว่าเป็นเทพแห่งการประเมินเหตุการณ์ล่วงหน้า ยิ่งไม่ต้องพูดถึงยูกิชินเลย แค่เห็นเขาเล่นเกมเดียว ก็ทำคำนวนการเดินตำแหน่งกับความถนัดของเขาได้เลยล่ะ เมื่อเขาเข้าแข่งขัน เราจะยิ่งเห็นถึงความน่ากลัวของเขาว่ามีมากแค่ไหน”


พิธีกรได้ยินแล้วตกใจ “เทพซีหมายความว่า ต่อให้ฉินมั่วลงแข่ง แต่โอกาสแพ้ก็ยังเยอะอยู่”


“เปล่า ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ต้องดูว่าทีมไดมอนด์จะเตรียมพร้อมสภาพจิตใจยังไง ตอนนี้สิ่งที่ตรงหน้าของพวกเขาคือ สุดยอดเทพในหัวใจของทุกคนที่แข่งลีกส์อาชีพมาหลายสนาม จะมากจะน้อยย่อมมีบางคนที่เข้าสู่วงการนี้เพราะเคยดูคลิปการเล่นของเขา ไม่ว่าจะเป็นโฮชิโนะหรือยูกิชิน ถ้าได้เจอพวกเขาอย่างน้อยก็ต้องใจเสีย เราหันกลับมาพูดถึงเรื่องฉินมั่วก่อน เขาจะลงแข่งได้หรือเปล่าก็ยังไม่แน่ เพราะเราไม่เห็นเขาในการแข่งขันนัดที่ผ่านมา แถมจากข่าวในโลกออนไลน์ก่อนหน้านี้ แสดงว่าเขาน่าจะสูญเสียความทรงจำจริงๆ ซึ่งต่อให้เขาลงแข่ง แต่คงไม่เก่งเท่าเมื่อก่อน นี่แหละเป็นสิ่งที่ทุกคนกังวลใจมากที่สุด…”


“ได้ยินเทพซีวิเคราะห์ คิดว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น” พูดมาถึงตรงนี้ พิธีกรก็ชะงัก ก่อนจะร้องด้วยความตื่นเต้น “มาแล้ว ทีมไดมอนด์มาแล้ว!”


 ………………………………………..


ตอนที่ 1812-3


หลังจากที่ได้ยินเสียงของพิธีกรสาว ทุกคนต่างหันไปมองที่หน้าจอ รถ MPV ที่ราคาสูงลิบถูกขับเข้ามา ทุกคนต่างรู้ดีว่าทีมไดมอนด์ไม่เคยขาดเงิน ดังนั้นข้าวของเครื่องใช้ของลูกทีมถึงเป็นของดีที่สุด รวมถึงรถประจำทีม


เมื่อเห็นรถคันดังกล่าว พวกนักข่าวต่างกรูกันไปรุมล้อม โดยคนที่ลงมาเป็นคนแรกคือเฟิงอี้ เขายังคงสวมสูทเหมือนเดิม มุมปากยังประดับรอยยิ้ม ยกมือทั้งสองขึ้น เพื่อกันนักข่าวไว้


สมาชิกในทีมทยอยลงจากรถทีละคนๆ ก่อนจะถูกยามพาไปส่งที่ลิฟต์ ถึงจะดูผ่านหน้าจอ แต่ก็เหมือนรับรู้ได้ถึงบรรยากาศที่ร้อนแรงได้


พิธีกรมองดูเหตุการณ์ดังกล่าวจบ ก็ส่ายหน้าอย่างเสียดาย “ทุกคนคงเห็นแล้วว่า นี่เป็นรถของทีมไดมอนด์ และเทพฉินไม่ได้อยู่ในรถคันนี้ เกรงว่าจะเหมือนอย่างที่เทพซีพูด การแข่งในครั้งนี้คงถูกทีมอาทิตย์อุทัยกดไว้แน่นอน…”


การที่ฉินมั่วไม่ได้ปรากฎตัว ทำให้หัวใจของเหล่าแฟนคลับถึงกับสั่นคลอน อันที่จริงคนที่หมดอาลัยตายอยากที่สุดคือสมาชิกทีมต่างหาก หลินเฟิงที่พูดมากยังไม่พูดสักประโยคเลยในวันนี้ เขาสวมเสื้อขนเป็ดทับเสื้อทีม ทั้งยังคลุมศีรษะด้วยฮู้ด บอกตรงๆ ว่าไม่ได้เก็กขรึม แต่พราะคนเยอะมาก เมื่อทำแบบนี้แล้วจะสงบใจเสียหน่อย ส่วนคนอื่นๆ ก็แปลกไป ทว่าเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว เฟิงอี้ยังไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไร


ส่วนคุณชายโคโค่รู้ว่าแต่ละคนต่างมีคิดอะไรในใจ ดังนั้นต่อให้หดหู่มากแค่ไหน เขาก็ไม่แสดงออกมา


แต่ก็ไม่เหมือนกับเมื่อก่อน ด้วยไม่มีใครส่งเสียงเลยสักคน  ตลอดเส้นทางยาวจากประตูทางเข้าจนมาถึงห้องพัก


เฟิงอี้รู้ดีว่าหากเขาสร้างบรรยากาศให้ครึกครื้นขึ้นมาก็ทำได้ เพราะพวกนี้จะให้ความร่วมมือ แต่หัวใจพวกเขายังคงหดหู่ มันช่างเหมือนเมื่อปีที่พวกเขาแพ้ ต้องสูญเสียสิทธิ์รอบคัดเลือก ตอนนั้นไม่มีใครพูดอะไร เพราะรู้สึกเศร้าภายในใจ เศร้าซึม ไม่ยอมแพ้ โทษตัวเอง ต่างเงียบขรึมเพราะหลากหลายอารมณ์ที่รุมเร้า แต่คงเพราะรู้สึกว่าเงียบเกินไป หลินเฟิงจึงถามขึ้นว่า “ห้องพักของพวกเราอยู่ที่ไหน?”


“ด้านหน้า” เฟิงอี้พูดจบ หลินเฟิงก็ส่งเสียงรับรู้  เขาเป็นคนแรกที่มาถึง ตอนแรกเขาถอดเสื้อคลุมพลางผลักประตูออก ทว่าหลังจากที่เปิดประตู เขาก็ตะลึงงันไปทั้งตัว


ขะ เขา เขาไม่ได้ตาฝาดใช่ไหม?


หะ หัวหน้า! หลินเฟิงกำลังคิดว่าตัวเองเห็นภาพลวงตาหรือเปล่า แต่คนที่ยืนสง่าอยู่ตรงหน้า พับแขนเสื้อมาครึ่งหนึ่ง ทำให้คนรู้สึกถึงคำว่าสูงส่งต้องห้าม คนที่สวมเสื้อทีมได้เหมือนเป็นเครื่องแบบของเจ้าหน้าที่ คงมีแต่หัวหน้าคนเดียวเท่านั้น!


“ยืนขวางอยู่หน้าประตูทำไม?” โคโค่ว่าพลางก็ผลักอีกฝ่าย ไม่คิดว่าพอผลักอีกฝ่ายสำเร็จจะตะลึงงันเป็นคนที่สอง


ทว่าโคโค่ไม่ได้สมองฟ่อ คนที่เป็นลงมือทำจริงอย่างเขาร้องเรียกหัวหน้า พลางกระโจนเข้าไปหา ป๋อจิ่วที่ยืนอยู่ด้านข้างยื่นมือกันไว้ แย้มมุมปากยิ้ม “โคโค่ ต่อให้นายเป็นผู้ชาย ก็โปรดรักษาระยะห่างกับแฟนฉันด้วย อย่าคิดจะกระโดดใส่ก็กระโดดใส่เสียอย่างนั้น” เพราะเธอเป็นคนเดียวที่กระโดดใส่ท่านเทพได้


หลังจากที่โคโค่ถูกผลักออก ก็ไม่เสียใจแต่อย่างใด กลับดีใจมากจนยิ้มเห็นเขี้ยวเสน่ห์ “ฉันรู้แล้วว่าเจ้าแบล็กต้องหาวิธีจนได้ ทั้งหล่อทั้งเก่งแบบนี้ เรื่องเล็กๆ แบบเอาหัวหน้ากลับมา ต้องไม่ยากสำหรับนายอยู่แล้ว”


“อื้ม นายเข้าใจก็ดีแล้ว เรื่องแบบนี้จริงๆ แล้ว ไม่จำเป็นต้องพูดออกมาหรอก ถึงฉันจะชอบฟังก็เหอะ”


นี่เป็นคำตอบของคนที่ไม่เคยรู้จักคำว่าถ่อมตนเป็นอย่างไร ส่วนเซวียเหยาเย่าและอินอู๋เย่าที่อยู่หน้าประตูต่างยิ้มอย่างกลั้นไม่อยู่ เหราหรงเองก็ตาเป็นประกาย หันไปมองฉินมั่ว คิดว่าต่อให้เสียความทรงจำไป แต่ชายหนุ่มควรคนมาปิดการแข่งขันในสนามนี้อยู่ดี


 ……………………………………….


ตอนที่ 1812-4


หลินเฟิงอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหัวเราะเร่อร่าออกมา ลากคอของเจ้าแบล็ก กะจะขยี้ผมเจ้านั่นเสียหน่อย


แน่ล่ะ! เขาแค่คิดเท่านั้น! เพราะเมื่อเขายกมือขึ้น กะจะไปเกาะบ่าเข้าแบล็ก แววตาของหัวหน้าก็ไม่เหลือความอบอุ่นอีกเลย จ้องเขาเขม็งอย่างกดดัน! เล่นเอาหลินเฟิงแทบขนหัวลุก รีบดึงมือกลับทันที ถือว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็แล้วกัน!


“มาก็ดีแล้ว” เฟิงอี้เดินเข้ามา ยิ้มบนหน้าของเขาในเวลานี้ถือว่าเป็นของจริง เขาอุตส่าห์เตรียมใจแล้วว่าเจ้าแบล็กจะไม่มา คิดไม่ถึงว่าไม่ใช่แค่เจ้าแบล็ก กระทั่งคุณชายฉินก็กลับมาด้วย!


เวลานี้ ก้อนหินที่ถ่วงในหัวใจของเฟิงอี้ร่วงลงมาเสียที หลายปีที่ผ่านมา เขาติดค้างการแข่งสนามใหญ่เช่นนี้ต่อชายหนุ่ม แต่เพราะในทีมยังมีสมาชิกคนอื่นๆ อีก จึงไปแข่งในนัดที่ใหญ่กว่านี้ไม่ได้ เขาจำเป็นต้องพิจารณาให้รอบด้าน ทั้งๆ ที่สามารถสร้างชื่อได้ในงานแข่งระดับนานาชาติ แต่เพราะปัจจัยจากตัวทีมเอง ทำให้ไม่อาจไปแข่งในสนามที่ใหญ่กว่านี้


หากจะบอกว่ามีใครเป็นตัวถ่วง ก็ต้องบอกว่าทั้งทีมไดมอนด์ที่ถ่วงฉินมั่วเอาไว้ ไม่เหมือนกับทีมเซียงหนานที่มีตัวสำรองที่เยอะมากพอจะเอามาใช้ได้ ถือเป็นเงื่อนไขชั้นเยี่ยมเลยล่ะ


ตอนแรกหากเขาไปอยู่กับทีมเซียงหนาน ด้วยฝีมือเล่นขั้นเทพของชายหนุ่ม ชื่อเสียงจะต้องระบือลือไกลในระดับโลกตั้งนานแล้ว


ทีมไดมอนด์ถือว่าใหม่มาก หาผู้เล่นเก่งๆ ไม่ค่อยได้ ด้วยเหตุนี้จึงมีคนเล่นเข้าคู่กับฉินมั่วได้น้อยมาก


ทุกครั้งชายหนุ่มจะเป็นผู้เล่น MVP ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะที่เพลี่ยงพล้ำหรือนำฟอร์มการเล่น แต่จนท้ายที่สุด ทีมไดมอนด์กลับไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าแข่งขัน นี่คือคำบรรยายของทีมไดมอนด์ในอดีต


ทั้งๆ ที่มีคะแนนนำ แต่ไม่อาจเข้ารอบได้เพราะทีม ทำให้ทุกอย่างสูญเปล่า แม้จะเป็นเช่นนี้ แต่เวลาที่ทีมอื่นๆ มาชวนเขาไปเข้าทีม เขากลับไม่ไป จากนักฆ่าที่เก่งฉกาจชนิดที่มาไม่บอกไปไม่กล่าว ต้องกลายเป็นตัว CC ที่คุมเชิงอยู่ใต้ป้อม  ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เขาอุทิศให้กับทีมไดมอนด์


ยังดีที่ปีนี้ไม่เหมือนเดิม เฟิงอี้รู้สึกโชคดีที่มีเจ้าแบล็กอยู่ด้วย เธอไม่เพียงแต่พาตัวคุณชายฉินกลับมา กระทั่งเรื่องเกม…


บางทีหลายคนอาจมองไม่ออก แต่เขาเข้าใจดี สิ่งที่ฉินมั่วอุทิศให้ มันชัดเจนมาก และเมื่อเจ้าแบล็กปรากฎตัวออกมา ชายหนุ่มเล่นเกมได้อย่างมีความสุข เพราะไม่ต้องระวังอะไร สามารถลงแข่งด้วยเล่นบทบาทที่ถนัดที่สุด เหมือนที่เขาได้เห็นชายหนุ่มเป็นครั้งแรก


เฟิงอี้เชื่อว่าแม้จะเสียความทรงจำไปแล้ว แต่เขายังทำให้คนในสนามแข่งตกตะลึงได้


ฝ่ายหลินเฟิงไม่คิดมาก เขาถามเพียง “เจ้าแบล็ก สุขภาพนายไม่มีปัญหาใช่ไหม?” ก็เมื่อวานเล่นกลับไปในสภาพแบบนั้น แถมติดต่อใครก็ไม่ได้ เขาต้องเป็นห่วงสิ


ไม่คิดเลยว่า กลับถูกยัดอาหารหมาใส่โครมเบ้อเร่อ “สุขภาพเหรอ? ไม่มีปัญหานี่ เมื่อคืนแค่ไข้ขึ้น พี่มั่วดูแลฉันทั้งคืนเลยล่ะ เดี๋ยวๆ ก็เอาหน้าผากวัดอุณหภูมิให้ฉัน เดาว่าพี่หลินคงไม่เคยเจออะไรที่อ่อนโยนแบบนี้มาก่อนชัวร์”


หลินเฟิง “…”


……………………………………………

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม