Black Peach Z เดิมพันรักสาวแฮกเกอร์ 1801.4-1809.3

ตอนที่ 1801-4


ผู้เข้าแข่งขันประเภทคู่ของทีมธีโอเห็นแล้ว เลิกคิ้วเล็กน้อย “ไม่คิดเลยว่าเขาจะคุมสติได้ดีขนาดนี้ ท่าทางเราจะเชื่อข้อมูลทั้งหมดไม่ได้”


“บอสราชาถูกพวกเราฆ่าแล้ว สภาพจิตใจเขายังหนักแน่นอยู่เลย ทีมไดมอนด์ไม่เบาจริงๆ”


ทั้งสองที่สวมหูฟังอยู่ต่างสบตากัน มือขวาวาดออกอย่างพร้อมกัน ร่างบนหน้าจอหายไปจากแผนที่เล็กในเกมอีกครั้ง


ถึงผู้ชมทั่วไปมองไม่เห็นถึงแผนเด็ดในเกม แต่ทีมหนึ่งที่ปรากฏตัวในที่นั่งผู้ชมต่างรู้ดี “ทีมไดมอนด์น่าจะแพ้ในประเภทคู่แล้ว”


มีคนได้ยินในประโยคดังกล่าว หันมาจะเถียง แต่เมื่อหันกลับไปจริงๆ แล้วพบว่าใครเป็นคนพูดกันแน่ ก็เหมือนถูกอะไรอุดอยู่ในลำคอ


โฮชิโนะ! โฮชิโนะจริงๆ ด้วย! ทุกคนรู้กันทั้งนั้นว่า โฮชิโนะประเมินเรื่องแบบนี้เฉียบแค่ไหน เขาเหมือนไม่อยากพูดออกมาหรอก นัยน์ตาจับจ้องที่หน้าจอ แววตาปรากฏแววทะมึน และเหล่าแฟนคลับที่นั่งอยู่ต่างร้องกรี๊ดออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่


“ทีมอาทิตย์อุทัย! ทีมอาทิตย์อุทัยจริงๆ ด้วย หล่อมากเลยอ่ะ!”


“แปลกจัง ทีมนี้ก็กำลังแข่งอยู่ไม่ใช่เหรอ? ทำไมมาดูได้ล่ะ?”


“เดี๋ยว ดูเหมือนผู้ชมกับพวกนักข่าวที่สนามนั้นย้ายมาที่นี่กันแล้ว”


“หมายความว่าไง? เฮ้ย อย่าบอกนะว่าทีมอาทิตย์อุทัยแข่งเสร็จแล้ว?”


คนที่หยิบมือถือมาดูการไลฟ์สด ถึงกับสายตาหวั่นไหว “หนึ่งชั่วโมง การแข่งเดี่ยว พวกเขาใช้เวลาแค่ยี่สิบนาทีก็เอาชนะได้ พอแข่งประเภทคู่ โมโม่ออกตัวตามสบายไปหน่อย เลยใช้เวลาสี่สิบนาที เอาชนะได้สองในสาม พอมาประเภทสุดท้าย ฝ่ายคู่แข่งเลยไม่แข่งแล้ว”


คนที่ได้ยินต่างอ้าปากกว้าง ลังเลอยู่นานกว่าจะพูดออกมา “สมกับที่เป็นทีมอาทิตย์อุทัย”


หากเทียบกับทีมอาทิตย์อุทัยที่แข่งสบายๆ ฝ่ายทีมไดมอนด์ก็ยากลำบากเสียเหลือเกิน ไม่ว่าหลินเฟิงหรืออินอู๋เย่าจะทำอะไรก็ไร้ประโยชน์ทั้งสิ้น แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเทคนิคการเล่นของฝ่ายตรงข้ามหรือเปล่า ทำให้ผู้คนรู้สึกว่าทีมไดมอนด์ถูกคู่แข่งไล่บี้


 “เหมือนหลินเฟิงจะรู้อะไรบางอย่าง” ประโยคนี้เป็นคนจากทีมอาทิตย์อุทัยพูด


โฮชิโนะได้แต่ตอบสั้นๆ “สายไปแล้ว”


ใช่ สายไปแล้ว เป็นครั้งแรกที่อินอู๋เย่าค้นพบว่ามือตัวเองช้ากว่าสมอง แม้ว่าตัวสนับสนุนของฝ่ายตรงข้ามจะตายไปแล้วสองครั้ง แต่มันกลับเป็นการตายครั้งที่สามของอินอู๋เย่า เหลือเพียงหลินเฟิงที่สู้ 1:2 ซึ่งไม่น่าจะเอาชนะได้


นั่นไงล่ะ การแข่งประเภทคู่ ทีมไดมอนด์แพ้แล้ว


แม้จะได้รับคำชมจากคู่แข่ง แต่บรรยากาศของทีมไดมอนด์กลับไม่กระเตื้องขึ้น พวกเขารู้ดีว่าการแข่งประเภทคู่ พวกเขาเป็นฝ่ายรับมากแค่ไหน…


หลินเฟิงคอตก พูดออกมา “ขอโทษด้วย”


อวิ๋นหู่กดบ่าอีกฝ่าย “ไม่มีอะไรที่ต้องขอโทษหรอก ได้เวลาที่ฉันจะลงสนามแล้ว นายจะไม่ยิ้มให้ฉันหน่อยเหรอ?”


อันที่จริงเมื่อมาถึงจุดนี้ ทุกคนดูจะเข้าใจ การแข่งในประเภทถัดไป ไม่ง่ายสำหรับทีมไดมอนด์เลย เราได้เห็นศักยภาพของทีมธีโอจากการแข่งประเภทคู่แล้วว่าแกร่งแค่ไหน


คำพูดของโฮชิโนะที่บอกว่า ‘สายไปแล้ว’ นั่น ไม่เพียงแต่จะบอกว่าการแข่งประเภทคู่สายไป แต่นับจากตอนเริ่มต้น ทีมไดมอนด์ยังไม่ได้บีบให้ทีมธีโอแสดงฝีมือที่แท้จริงออกมา ดังนั้นเมื่อแข่งต่อมาถึงได้สายไป ยิ่งไปกว่านั้น การแข่งในประเภททีมยังไม่ใช่ฟอร์มที่แข็งแกร่งที่สุดของทีมไดมอนด์อีกต่างหาก


หลินเฉินทาวเป็นประเภทตีมอนสเตอร์ระยะประชิด จะนำจังหวะการเล่นได้หรือไม่ ถือเป็นเรื่องที่ทุกคนกังวล


หัวหน้าทีมธีโอยิ้ม “เอาล่ะ ในเมื่อไม่มีฉินมั่วก็ทำตามแผนเดิม เล่นตัวตีมอนสเตอร์ของฝ่ายตรงข้ามก่อน แล้วพวกเขาจะโจมตีกลับไม่ได้ พอถึงเวลานั้น บางครั้งพวกเราต้องขอบคุณพวกผู้ชมเหมือนกัน”


ใช่ ต้องขอบคุณ


คนเหล่านั้นไม่มีวันเข้าใจว่าทีมต้องการอะไร พวกเขาอ้างแต่ปากว่าชอบ แต่กลับบีบให้เสาหลักของทีมกับตัวล่ามอนสเตอร์ผู้เป็นจิตวิญญาณออกไป…


………………………………………………………….


 ตอนที่ 1802-1


ผู้บรรยายต่างรู้ถึงสถานการณ์ในเวลานี้เป็นอย่างนี้ แต่ต่อให้พวกเขารู้ว่าสภาวะของทีมไดมอนด์กำลังย่ำแย่แค่ไหนก็ไม่พูดออกมา


เจ้าหน้าที่ในการแข่งระดับนานาชาติ ย่อมไม่ใช่หน้าใหม่  พวกเขารู้ถึงความเปลี่ยนแปลงของทีมไดมอนด์ในหลายปีที่ผ่านมาดีว่าใคร คงเพราะบางทีมถูกสวรรค์กำหนดให้ไม่มีวันเป็นแชมป์ ผู้เชี่ยวชาญจึงได้แต่พลิกดูข้อมูลอย่างรู้ดีแก่ใจ รอให้รายชื่อผู้เล่นปรากฎออกมา พวกเขาใช้เวลาวิเคราะห์ 3 นาที ทั้งนี้การเล่นประเภททีมจะเป็นการตัดสินว่าทีมไหมคือผู้ชนะ


ดูเหมือนเวลาจะผ่านไปช้ามาก หลินเฟิงพอจะเห็นเฟิงอี้ที่ยืนที่มุม ดูเหมือนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี คงได้แต่ยิ้มให้พวกเขา มุมปากยกยิ้ม


ไม่รู้หิมะเริ่มตกอยู่ด้านนอกตั้งแต่เมื่อไร ดูเหมือนมันจะเป็นหิมะแรกของเมืองเจียงเฉิง ทว่ากลับตกนิดเดียว จนแทบจะละลายหมดเมื่อต้องบ่า เด็กน้อยสวมเสื้อขนเป็ดสีดำคนหนึ่งอยู่ที่ด้านนอก มองดูตั๋วในมือ ไม่เดินหน้าและไม่พูดอะไร ทำให้พนักงานตรวจตั๋วจนปัญญา “น้องยืนอยู่อย่างนี้ไม่หนาวเหรอ? รีบกลับบ้านเถอะแล้วค่อยมาดูการแข่งในปีหน้า มันไม่ต่างกันหรอก”


“ต่างกันสิ” เด็กน้อยเงยหน้าขึ้น นัยน์ตาสวยเหมือนดวงตาแมวน้อย


พนักงานตั๋วตะลึง ก่อนจะยิ้มออกมา “น้องอายุเท่าไรเอง ทำไมถึงอยากจะเล่นเกมล่ะ แต่ไม่ว่าน้องจะอายุเท่าไร ถ้ายังไม่โตเป็นผู้ใหญ่ ก็ต้องมีผู้ปกครองมาดูด้วย รู้ไหม?”


“มีผู้ปกครองมาด้วยก็ดูได้เหรอ?” หนูน้อยถาม หันไปมองชายกระโปรงที่สะบัดผ่านมา จากนั้นจึงเดินไปอยู่ข้างตัวหญิงสาวคนหนึ่ง “เขาไง พวกเราเดินเข้าไปด้วยกันนะ”


พนักงานหัวเราะ “น้อง พี่ยังมีสมองอยู่ อยากไปลากคนอื่นมาอ้างเป็นผู้ปกครองสิ”


“คนอื่น?” หนูน้อยขมวดคิ้วย่างน่าเอ็นดู “เขาไม่ใช่คนอื่น”


เธอคนนั้นยังไม่ทันได้เอ่ยออกมา พนักงานก็พูดต่อ “ต่อให้ไม่ได้เป็นคนอื่น แต่ตั๋วมีแค่ใบเดียวก็เข้าไปดูได้แค่คนเดียว ผู้ปกครองไปนั่งรอที่จุดนั่งพักได้”


ผู้มาเยือนได้ยินแล้ว ย่นหัวคิ้ว ไม่กล้าบุกเข้าไป เพราะหากทำอย่างนั้นจะถูกตัดสิทธิ์การแข่ง ได้แต่เงยหน้าขึ้นมองเวลาที่นับย้อนหลังบนหน้าจอที่แสดงพร้อมๆ กับที่ฉายในการถ่ายทอดสด” แต่จะให้เฟิงอี้ออกมารับก็ไม่ทันแล้ว แถมทางเข้าตรงนี้ยังใกล้สนามมากที่สุดด้วย


“พี่คนตรวจ ให้เขาเข้าไปเถอะ” หนูน้อยสะพายเป้หนังสือหันมา ท่าทางทางบ้านจะสอนมาดี “หนูจะไปรอที่ห้องพักผ่อน”


พนักงานอึ้งเข้าไปใหญ่ “ไม่เข้าไปเหรอ? เมื่อกี้ดูเหมือนอยากจะเข้าไปดูอยู่เลยนะ?”


ผู้มาเยือนขมวดคิ้วอีกครั้ง สองตามองดูหนูน้อยที่ยืนข้างตัว “ไม่เสียดายเหรอ?”


“อื้ม หนูเข้าไปได้หรือไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แต่พี่ต้องเข้าไป” หนูน้อยพูดจบ คิดว่าตัวเองยังมีน้ำใจไม่มากพอ ว่าแล้วก็ชูกำปั้นขึ้นมา “สู้ๆ!”


แสดงว่าจำเธอได้?


“ขอบคุณ” คนมาก็ไม่ได้รีรอ ลูบหัวหนูน้อยแล้วมองไปที่พนักงานตรวจตั๋ว


พนักงานปล่อยตัวคนเข้ามา ยังคงอึ้งอยู่ เพราะเขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่า ทำให้หนูน้อยมองดูเธอคนนั้นสาวเท้าเดินเข้าไปแล้วยังยิ้มหวานได้อีก เมื่อกี้เขาเห็นอยู่ว่า หนูน้อยยืนอยู่นานเป็นครึ่งชั่วโมงด้วยสีหน้าบึ้งตึง แต่ตอนนี้เอาตั๋วให้คนอื่นเฉยเลย แถมยิ้มหวานด้วย? มันเป็นแผนอะไรกันนี่?


……………………………………


ตอนที่ 1802-2


และในเวลาเดียวกันนี่เอง เด็กน้อยอีกคนวิ่งมาจากด้านอื่น หน้าตาเหมือนกับหนูน้อยที่สวมเสื้อขนเป็ดตัวดำเลยทีเดียว แถมยังทำท่าลึกลับ “ทำไมถึงยังไม่เข้าไปอีก? พี่อุตส่าห์ใส่กระโปรงเพื่อเธอเลยเชียวนะ ไม่รู้เหรอว่าเมื่อกี้พ่อมองพี่นะ ใจพี่สั่นเลยล่ะ มั่วเป่ย เฮ้ย เจ้าเด็กหน้าแข็ง ยิ้มอะไรน่ะ”


 “พี่จ๋า”


“ทะ ทำไม?” วันนี้น้องเขาเป็นอะไร


“น้องเอาตั๋วให้คนอื่นแล้วล่ะ”


“เรื่องนี้มันน่าดีใจนักเหรอ!”


“เบาหน่อยสิ พ่อกับแม่อยู่ใกล้ๆ นี้”


“โอ้ย ทำไมเธอถึงเอาตั๋วให้คนอื่นล่ะ”


“เพราะ” พนักงานตรวจตั๋วกางหูฟังประโยคนั้น แต่ยังได้ยินไม่ชัด เสียงกระหึ่มก็ดังขึ้นจากด้านหลัง!…ได้เวลาลงสนามแล้ว!


พิธีกรหัวเราะดึงไมโครโฟนมา “เอาล่ะ เวลานี้ทั้งสองทีมได้เตรียมส่งผู้เข้าแข่งขันประเภททีมแล้วล่ะครับ ทีมไดมอนด์มีอวิ๋นหู่ โคโค่ เซวียเหยาเย่าและ…”


ในระหว่างที่ผู้บรรยายกำลังจะพูดชื่อหลินเฉินทาวออกมา ก็ได้ยินเสียง “สวบ!” ซึ่งไม่เพียงแต่พิธีกร กระทั่งผู้บรรยายยังหันไปดู “เกิดอะไรขึ้น?”


ผู้ควบคุมสนามแข่งกำลังจะแสดงสัญญาณมือ กลับถูกผู้กำกับรั้งข้อมือไว้ เขาสื่อให้พนักงานหันกล้องไปหา


มีคนเดินเข้ามาช้าๆ ที่ประตูใหญ่ ทุกคนเห็นชายกระโปรงสีดำก่อนเป็นสิ่งแรก จากนั้นจึงเห็นเสื้อทีมที่เธอคลุมไว้บนบ่าตามมา ลมที่พัดเข้ามาทำให้ตัวอักษรสองตัวพองตัวขึ้น


เธอถือบัตรด้วยมือข้างหนึ่ง ปล่อยให้เส้นผมบนศีรษะยุ่งขึ้น โดยที่ไม่กระทบความงามที่เปล่งประกายจากร่าง เธอเงยหน้าขึ้นมองดูพิธีกร แล้วเอ่ยขึ้นเบาๆ “และแบล็กพีช Z”


ห้วงเวลาดังกล่าว สนามกีฬารังนกเงียบกริบไปหมด! เสียงนั่นเหมือนจะหยุดทุกสิ่ง ทุกคนเหมือนถูกสะกดจุด นิ่งตะลึงอยู่กับที่!


ไม่เพียงแค่โผล่หน้าออกมา แต่ยังรวมถึงการที่เธอสวม…ชุดผู้หญิง! แต่กระนั้นคนที่อยู่ภายใต้แสงไฟที่ส่องมาจากทุกจุด กลับเหมือนไม่เห็นความผิดปกติของทุกคน ยิ้มเอ่ยขึ้น “วันนี้หัวหน้าของพวกเราไม่อยู่ ฉันจะเป็นคนนำทีมเอง”


 “เทพ Z พวกเราเชียร์คุณนะ!”


“ใส่ชุดผู้หญิงมา หมายความว่าไง รู้สึกผิดเรอะ?”


“อย่าไปสนที่พวกนั้นพูด สู้เต็มที่!”


เสียงอื้ออึงดังขึ้นจนควบคุมสถานการณ์ไม่ได้! ไม่เหลือความเงียบที่ผ่านมา เสียงดังจนแทบจะเกิดคลื่นพลิกตลบ! เสียงดังจากหลายคน จนแยกแยะไม่ออก ยอดคลิกสูงขึ้นแล้ว ยังสูงขึ้นได้อีก!


ทว่าไม่เห็นอะไรจากในสนามสดหรอก ด้วยคอมเมนต์บนแพลตฟอร์มไลฟ์สดกระจายเต็มหน้าจอคอมพิวเตอร์ทะลุหลักพัน


“อุว้าว ฉันเห็นอะไรเนี่ย? เทพชายของฉันใส่ชุดผู้หญิง!”


“เทพ Z สวยจนฉันอยากจะร้องไห้!”


“ปีศาจสาวจอมรุก! พี่แบล็กของฉัน!”


“รู้สึกว่าฉันจะเปลี่ยนไปรักคนอื่นแล้ว ทำยังไงดี?”


“วันนี้หลัวฉันเท่มากเลยเหรอ? ใส่ชุดผู้หญิง โอะ น้ำลายฉัน”


“ขอแอร์ไทมให้หลัวฉันมากหน่อย ใส่ชุดผู้หญิงด้วยอ่ะ แคปหน้าจอ ฉันจะแคบหน้าจอ!”


“ดราม่าเยอะไป๊” ใช่ว่าจะไม่มีเสียงที่เลวร้าย ทว่าเธอยังคงอยู่ตรงนั้นราวกับไม่ได้ยินเสียงใด กระโปรงยาวเข้ากันกับเสื้อทีม หน้าตากระจ่างใส เสี้ยวหน้าสวยหมดจด มุมปากหยักยิ้ม ทำให้เหล่าแฟนคลับเห็นแล้วคุ้นตา แต่ก็เหมือนต่างไปจากเดิม


………………………………………


ตอนที่ 1802-3


เมื่อก่อนเธอคือเด็กวัยรุ่นที่เจ้าเล่ห์ ยิ้มทีอ่อยคนได้มากมาย ทว่าตอนนี้ ทุกคนไม่รู้จะบรรยายความรู้สึกที่เกิดขึ้นอย่างไร เมื่อแฟนคลับของแท้ของแบล็กพีชได้เห็นเธอเดินมายังเขตแข่งขัน ก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้กำมือเพื่อนสนิทแน่น อยากร้องไห้อย่างน่าประหลาด ทว่าไม่ใช่ด้วยความเสียใจ แต่เพราะซาบซึ้งต่างหาก พวกเขารู้ดีว่าทำไมเธอถึงจงใจสวมกระโปรงเข้ามา เพื่อจะให้การแข่งในครั้งนี้ไม่เกิดจุดอ่อนที่คนเอาไปวิพากษ์วิจารณ์ภายหลัง ก็เหมือนอย่างที่เธอพูดนั่นแหละ เธอยืนอยู่ตรงนั้นอย่างสะอาดและบริสุทธิ์


หลินเฟิงจะเข้าไปกอดเธอ แต่ต้องฝืนดึงมือกลับมา เสียงเขาเอ่ยชัดเจน “อุว้าว เปลี่ยนมาใส่กระโปรงแล้ว กอดไม่ลงเลยอ่ะ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นผู้ชายป่าเถื่อนเลย”


แต่ป๋อจิ่วเป็นฝ่ายดึงมือเขากลับแล้ว โอบหลังตบเบาๆ  “นายมันฝ่ายรับแท้ๆ อย่าคิดมาอย่างนั้นสิ เพื่อนสาวจ๋า เดี๋ยวน้องสาวคนนี้จะเอาชนะกลับมาให้นะ”


“เพื่อนสาว ? ฉันเนี่ยนะ? เพื่อนสาวเรอะ?” หลินเฟิงชี้เธอ แล้วหันมาชี้ตัวเอง หันหน้าไปเรียกร้องความเป็นธรรมจากเฟิงอี้!


ทว่าเฟิงอี้กลับหัวเราะอย่างสบายใจ กระทั่งนัยน์ตายังเป็นประกาย “ท่าทางคนคุมทีมชั่วคราวอย่างฉันคงต้องเกษียณแล้ว” ว่าพลางเดินไปหาคณะกรรมการ กระซิบอะไรเล็กน้อย” คณะกรรมการทั้งสามต่างพยักหน้า ก่อนจะแสดงสัญญาณมือให้พิธีกร


“โอเค” พิธีกรรับสัญญาณแล้ว หันไปพูดกับหน้ากล้อง “ด้วยเวลาสำคัญ นักล่ามอนสเตอร์ที่เป็นจิตวิญญาณของทีมไดมอนด์กลับมาแล้ว ฉะนั้นพวกเขาเลยปรับทีมเล็กน้อย โดยผู้เข้าแข่งขันประเภททีมได้แก่ แบล็กพีช Z อวิ๋นหู่ หลินเฉินทาว โคโค่ เซียวเหยาเย่า ส่วนผู้เข้าแข่งขันทีมธีโอได้แก่…”


ไม่มีใครฟังพิธีกรพูดอีกแล้ว ทุกคนต่างจ้องไปยังคนที่กำลังเข้าสนามแข่ง ยอดเข้าชมแพลตฟอร์มทวีขึ้นเป็นหลักร้อยล้าน ผู้กำกับรู้ดีว่า ผู้คนที่นั่งหน้าคอมพิวเตอร์อยากเห็นอะไรมากที่สุด กล้องจึงจับที่ใบหน้าของป๋อจิ่วชนิดที่เคลื่อนคลา


“ถึงกับใส่ชุดผู้หญิงมาแข่ง” คนฝั่งทีมอาทิตย์อุทัยต่างมีปฏิกิริยาแบบเดียวกัน วาตานาเบะทึ้งผมตัวเองอย่างเซ็งๆ “นี่ฉันแพ้ผู้หญิงเรอะ? ทำไมตอนที่ใส่ชุดผู้ชายแล้วดูกวนตีนเป็นบ้า พอเปลี่ยนมาใส่ชุดผุ้หญิงแล้ว… อ๊าก! แล้วต่อไปฉันจะแข่งยังไง ฉันยิ่งเป็นพวกถนอมทะนุ…รองหัวหน้า คำนี้เขาเรียกว่าอะไรนะ?”


โฮชิโนะไม่มองอีกฝ่าย หลังจากที่เธอคนนั้นปรากฏตัว เขาก็มองที่นั่นด้วยมุมปากหยักยิ้มที่อ่อนโยนกว่าเมื่อครู่หลายเท่าตัว จนวาตานาเบะเห็นแล้วถึงกับตะลึง แล้วทึ้งผมตัวเองอีกครั้ง “ฉันเหมือนจะรู้ความลับบางอย่างแบบไม่ตั้งใจอ่ะ”


“หือ?” ยูกิชินเลิกคิ้วอยู่ด้านข้าง ยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ “นายไปรู้ความลับอะไรเข้า?”


วาตานาเบะตอบทันที “หัวหน้า ในฐานะที่มีประสบการณ์ หัวหน้าดูหน้ารองหัวหน้าตอนมองแบล็กพีช Z สิ แบบอยากพูดแต่ไม่กล้าอ่ะ แถมเมื่อก่อนเข้าไม่เคยสนใจทีมอื่น แต่กลับเอาใจใส่ทีมไดมอนด์ เมื่อก่อนฉันล่ะคิดว่าเพราะทีมไดมอนด์เล่นเก่ง แต่เห็นสภาพในตอนนี้ เขาน่าจะรู้แต่แรกแล้วว่าแบล็กพีช Z เป็นผู้หญิง หัวหน้าว่าถ้าทีมไดมอนด์ชนะแล้ว วันพรุ่งนี้รองหัวหน้าต้องสู้กับแบล็กพีช Z เขาจะยอมออมมือไหมอ่ะ แต่ผู้หญิงสวยๆ แบบนั้น ผมสู้ไม่ลงอ่ะ”


………………………………………………


ตอนที่ 1802-4


“สู้ไม่ลง?” ยูกิชินยิ้ม ดุร้ายเหมือนดอกฝิ่น “งั้นนายก็รอให้ฝ่ายนั้นจับฆ่าเถอะ”


วาตานาเบะถึงกับตัวสั่น ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้รู้สึกว่ายิ้มของหัวหน้าเมื่อกี้ดูจะหนาวเยือกสุดๆ!


 “การแข่งขันเริ่มขึ้นแล้ว ไม่รู้ว่าแบล็กพีช Z จะเล่นยังไง?” นั่นเป็นเสียงที่มาจากท่านผู้ชม


“รอดูละกัน” ส่วนอันนี้เป็นความรู้สึกของทีมธีโอ พวกเขาเคยศึกษาข้อมูลแบล็กพีช Z มาก่อน เพราะเธอถือเป็นม้ามืดที่ทะลุเข้ามาในการแข่งอีสปอร์ตของปีนี้ พวกเขาศึกษาคลิปการเล่นของเธออย่างมากมายและละเอียด ทั้งนี้วิธีการเล่นของเธอก็ดูไม่เหมือนว่าเป็นผู้หญิงเลย


ตอนที่ความลับของเธอถูกเปิดเผย พวกเขาตกใจมาก เวลานี้ได้มาเห็นตัวจริงก็มองดูตัวเอง


ทีมไดมอนด์เลือกสมาชิกเข้าทีมที คงไม่ได้ดูจากหน้าตาหรอกนะ? แต่ทำไมทุกคนถึงหน้าตาดีจัง?


ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร กลยุทธ์ของพวกเขาก็ไม่เปลี่ยนแน่ จะต้องฆ่าตัวล่ามอนสเตอร์ของทีมตรงข้ามให้ได้ และหากว่ากันตามปกติ แบล็กพีช Z จะต้องเลือกเป็นนักฆ่าที่หายตัวได้!  มันเป็นข้อสรุปที่พวกเขาได้มาจากการศึกษาข้อมูลทั้งหมด ซึ่งไม่เพียงแต่ทีมธีโอเท่านั้น กระทั่งพวกแฟนคลับที่คุ้นเคยกับวิธีเล่นของเธอ ยังรอคอยนักฆ่าที่หายตัวได้ ทั้งยังคว้าเฟิร์สคิลนับไม่ถ้วนปรากฎตัวออกมา แต่กระนั้น ทุกคนต่างคิดไม่ถึงว่า เธอจะเลือกอีกบทบาทหนึ่ง


“นั่นมัน…”


“ฮีโร่ตัวโปรดของฉินมั่ว!”


เสียงผัวะดังขึ้น ป๋อจิ่วควบคุมเมาส์ กดยืนยัน ยกมือขึ้นเอาหูฟังมาสวม  ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสวมกระโปรงหรือเปล่า วันนี้เธอจึงดูขาวเป็นพิเศษ เรียวนิ้วดูโปร่งแสงภายใต้แสงไฟ


ในระหว่างที่นับเวลาถอยหลังเข้าสู่เกม  เพื่อไม่ให้การแข่งน่าเบื่อ ทางผู้บรรยายจึงต้องรับผิดชอบในการอธิบาย “บอกตามตรง ผมคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าแบล็กพีชจะเลือกตัวละครตัวนี้”


“ทำไมล่ะ? คุณคิดว่าเขาเล่นได้ไม่ดีเหรอ?”


“ไม่ใช่ว่าไม่ดี แต่ทุกคนต่างรู้ว่าเขาเป็นผู้เล่นที่ถนัดทุกบทบาท แต่ถ้าพูดถึงความชำนาญแล้ว ดูเหมือนเขาจะไม่ค่อยเล่นในบทบาทนี้สักเท่าไร”


“จริงด้วย เพราะปกติแล้วฉินมั่วจะเป็นคนเล่นบทบาทนี้”


“เอาล่ะ เราคงไม่พูดกันแล้ว พวกเราคงเห็นจากหน้าจอแล้วว่า ทั้งสองทีมออกจากบ่อน้ำพุแล้ว”


“เดี๋ยว”


“หือ?”


“ดูเหมือนทางธีโอจะมีแผน” เสียงจากเกมดังขึ้น ทุกคนจึงเห็นว่า มีสองร่างจากทีมธีโอกำลังเหาะไปยังโซนป่าและแม่น้ำ และผู้ที่เฝ้าเล่นกลางและเลนบนกำลังโน้มเอียงไปทางโซนป่า


“พวกเขากะจะซุ่มโจมตี!”


ใช่ ท่าทีดังกล่าวคงไม่ได้มาแย่งเอาบลูบัฟของทีมไดมอนด์เสียแล้ว แต่กะจะฆ่าตรงๆ เพื่อทำลายผู้ล่ามอนสเตอร์ของทีมไดมอนด์ ซึ่งก็คือแบล็กพีช Z นั่นเอง!


เหราหรงที่ดูอยู่นอกสนาม ถึงกับหรี่ตาลง อย่าว่าแต่พวกนักกีฬาที่เพิ่งลงสนามเลย กระทั่งตัวเขาที่เพิ่งเล่นกับทีมธีโอมายังไม่คิดว่าพวกนั้นจะเล่นกันแบบนี้ มันต่างกับการเล่นแบบดั้งเดิมที่พวกเขาเคยแข่งกันอย่างเห็นได้ชัด!


“เฮ้ย อย่านะ? แค่เริ่มก็แรงเลยเหรอ?” ผู้ชมต่างพูดกันแบบนั้น แต่ต้องยอมรับว่า ยิ่งเปิดเกมแบบนี้ ก็ยิ่งทำให้อยากดูต่อไป!


เพราะคนของทีมไดมอนด์ไม่รู้สึกตัวจริงๆ ต่างคนต่างล่าทีมมินเนี่ยนเพิ่มฐานะ เพราะตามปกติแล้ว ในเกมแบบนี้ ใครมีคะเงินเยอะ แรงโจมตีก็จะยิ่งสูง หากมองจากมุมพวกเขาก็จะไม่เห็นถึงสิ่งผิดปกติ และยิ่งเป็นเช่นนี้ก็ยิ่งหมายถึงว่า  แบล็กพีช Z ที่ล่าบลูมอนสเตอร์ กำลังตกอยู่ในอันตราย!


…………………………………………………….


 ตอนที่ 1803-1


ในระหว่างที่ความคิดเช่นนี้หลุดออกมา ก็ได้ยินเสียงดังจากหน้าจอ! ตัวแทงค์ที่มีสกิลสตันของทีมธีโอ ฟาดค้อนลงมา ทำให้ป๋อจิ่วนิ่งอยู่กับที่!


คนที่เล่นเกมล้วนแต่รู้ทั้งนั้นว่า สิ่งที่น่ากลัวที่สุดสำหรับนักฆ่าคือการถูกควบคุม! เพราะหากถูกควบคุมไว้ ก็ยากจะเดินต่อ แถมไม่เพียงแต่จะมีตัวแทงค์ ยังมีตัวยิงไกลทำดาเมจด้วย ทั้งนี้หลังจากส่งสัญญาณโจมตี ก็ลากเอานักเวทที่อยู่เล่นกลางมาด้วย


แค่ชั่วเวลาอึดใจ เลือดของป๋อจิ่วก็ลดลงถึงครึ่งหนึ่ง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องจะล่ามอนสเตอร์ต่อไป ซึ่งนักฆ่าจากทีมธีโอรอเวลานี้นี่แหละ เขากระโดดตวัดทวน กะจะสร้างความเสียหายทั้งหมดต่อตัวป๋อจิ่ว!


แต่กระนั่นในเวลาเดียวกัน ป๋อจิ่วที่นั่งอยู่หน้าจอก็ขยับมือขวา เกิดแสงขึ้นที่เมาส์ ผู้คนเห็นเส้นที่เธอลากยาวอย่างชัดเจน รวมถึงการเดินตำแหน่งอย่างหลักแหลมที่หลบพลังชุดใหญ่นั่นสำเร็จ! ทำให้นักฆ่าของทีมธีโอเสียพลังไปเปล่าๆ


ทว่าต่อให้เป็นเช่นนั้น สถานการณ์ของแบล็กพีชก็ยังอันตรายสุดๆ ซึ่งโดยปกติแล้ว เวลาเล่นเกมชั้นสูง ในฐานะที่เป็นนักฆ่า จะต้องป้องกันตัวล่วงหน้า โดยประเมินว่าฝ่ายตรงข้ามจะมาแย่งมอนสเตอร์ตัวเองไไหม แต่นอกจากจะโดนแย่งไป ยังโดนทีมธีโอบีบจนมาถึงขั้นนี้ ซึ่งบางคนเริ่มจะสงสัยว่าฝีมือของแบล็กพีช Z ถอยหลังหรือเปล่า  “ถูกแย่งบลูไปแล้ว แค่เริ่มเกมก็เสียเปรียบแบบนี้ การเล่นของแบล็กพีช Z เมื่อครู่นี้ออกจะธรรมดาไปหน่อย”


พวกผู้ชมที่เดิมคิดว่าป๋อจิ่วดราม่าเยอะเกิน รีบจับประเด็นนี้มาเยอะเย้ยกันเลยทีเดียว


“ฝีมือแบบนี้เนี่ยนะ นำทีมไม่ได้หรอก ในเมื่อจากไปตั้งแต่แรกแล้วก็อย่ากลับมาสิ บ้าชะมัด รู้สึกว่าเปลืองเงินซื้อตั๋วขึ้นมาทันที เกมน่าเบื่อแบบนี้ ไม่เห็นน่าดูเลย”


แฟนคลับต่างลุกลี้ลุกลน ชะโงกไปข้างหน้า เพราะกำลังเครียดแทนป๋อจิ่ว! ต่างจากความกระตือรือร้นที่อยากเห็นเธอเพลี่ยงพล้ำของฝ่ายแอนตี้ ด้วยบนหน้าจอโชว์ให้เห็นว่า เลือดของเธอน้อยลงขึ้นเรื่อยๆ


“คงไม่หรอกนะ”


หรือว่าแชมป์เฟิร์สคิลอย่างแบล็กพีชจะเสียเฟิร์สบลัดในการแข่งแบบทีม?


“งานนี้พวกแฟนคลับแบล็กพีชโดนตบหน้าแน่”


เพราะสายตาของทุกคนจับจ้องอยู่ที่หน้าจอ และผู้กำกับสั่งให้ถ่ายทอดจากจุดนี้ เพราะแบล็กพีช Z เป็นเซนเตอร์ของทั้งการแข่ง ดังนั้นหากถ่อยทอดจากจุดของเธอ ย่อมทำให้คนรู้สึกตื่นเต้น ดังนั้นเสียงวิจารณ์จึงกระหึ่มกันขึ้นมา! กระทั่งคอมเมนต์บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ยังหลุดออกมาอย่างบ้าคลั่ง! เพราะภาพที่ถ่ายทอดออกมาเมื่อครู่ก็คือฉากดังกล่าว แต่ไม่นาน แฟนคลับกีฬาอีสปอร์ตที่มีประสบการณ์สูงต่างค้นพบประเด็นบางอย่างว่า ทำไมถึงไม่มีใครเข้าไปช่วยแบล็กพีช Z ? มาตรฐานการเล่นของทีมไดมอนด์ไม่น่าจะเป็นแบบนี้ ต่อให้เซวียเหยาเย่าเป็นมือใหม่จนไม่รู้จักเข้าไปช่วยก็เถอะ แต่คนอื่นล่ะ? หรือว่านี่เป็นฝีมือการคุมเกมของแบล็กพีช Z? ประเภทเจอปัญหาแล้วไม่รู้จักส่งสัญญาณ? เธอมั่นใจในตัวเองสูงเกินไปหรือเปล่า? ท่าทางแบล็กพีชจะเหมาะกับการเล่นเดี่ยวมากกว่า ไม่เหมาะที่จะเป็นตัววางแผนในการเล่นประเภททีมสักนิด


น่าเสียดายจริงๆ ตอนเล่นเดี่ยวเหราหรงก็เป็นตัวแทนของทีมลงเล่นไปแล้ว หากเอาเขามาเล่นในประเภทนี้ แล้วเป็นฝ่ายวางแผนแทนล่ะก็ ผลที่ออกมาจะต้องไม่เหมือนกันชัวร์


ในระหว่างที่ทุกคนเพิ่งจะคิดกันเช่นนี้ และรู้สึกว่าจุดจบของตัวล่ามอนสเตอร์ของทีมไดมอนด์มาถึงแล้ว


ทันใดนั้น! เสียงเอฟเฟกต์ก็ดังขึ้นบนหน้าจอ


……………………………………


ตอนที่ 1803-2


KO!


เฟิร์สบลัด!


แปลกมาก! แบล็กพีช Z ที่อยู่ในจอกลับไม่ตาย แล้วทำไมถึงมีเสียงเอฟเฟกต์ดังขึ้นมาล่ะ  ผู้คนต่างสงสัยระคนงุนงง ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่นานก็ได้รับคำตอบว่า เฟิร์สบลัดนั้นได้มาจากการตายของตัวสนับสนุนของทีมธีโอที่เอาแต่ล่ามีนเนี่ยมซึ่งอยู่อีกด้านหนึ่ง


พระเจ้า! ไม่เพียงผู้ชมที่รู้สึกว่าเหลือเชื่อ กระทั่งหัวหน้าทีมธีโอยังช็อกไปด้วย! “เป็นอย่างนั้นไปได้ยังไง?” ห้วงเวลาดังกล่าว สนามแข่งเต็มไปด้วยความอลหม่าน ส่วนป๋อจิ่วที่นั่งหน้าคอมพิวเตอร์ ก็แค่ลากมือขวาเดินตำแหน่งอย่างเด็ดดวง กลับสู่ใต้ป้อมในสภาพเลือดเกือบหมด และได้ดื่มถุงเลือดอย่างทันเวลา ก่อนจะล่าเงินมาได้ระลอกหนึ่ง


ทว่านี่ยังไม่สำคัญ จุดใหญ่ใจความอยู่ที่ ทุกคนต่างได้ยินคำพูดที่หลุดออกจากเรียวปากบางว่า “โอเค ถอยได้”


วินาทีถัดมา จลาจลเกิดขึ้นบนหน้าจอ


“อุว้าว นี่มันอะไรกันเนี่ย?”


“ขอคำอธิบาย!”


“ฉันไม่อยากเชื่อหูของตัวเองเลย เมื่อกี้พี่แบล็กของฉันออกคำสั่งใช่ไหม?”


ไม่เพียงแต่เพื่อนๆ โลกออนไลน์ที่สงสัย กระทั่งท่านผู้ชมในสนามสดก็ยังงงไปด้วย รอจนภาพย้อนหลังถูกปล่อยออกมา ทุกคนถึงได้รู้ว่า แบล็กพีช Z ไม่ได้โดนแย่งมอนสเตอร์ไป แต่ก่อนหน้านั้นเธอยังรู้ถึงแผนการณ์ของฝ่ายตรงข้าม จึงส่งสัญญาณให้ทุกคนโจมตีทีมธีโอ ดังนั้นเมื่อฝ่ายตรงข้ามมาแย่งมอนสเตอร์ไป เธอจงใจไม่โต้ตอบ เพื่อล่อทีมธีโอตกหลุมพราง คิดว่าเธอถูกควบคุมไว้ได้จริงๆ  ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงมุ่งแต่จะฆ่าเธอ รวมถึงป้องกันไม่ให้ใครมาช่วยเธอ


แต่กลับคิดไม่ถึงว่า คนของฝ่ายทีมไดมอนด์ได้ซุ่มอยู่ที่พุ่มไม้ ลอบโจมตีตัวสนับสนุนของทีมธีโอแล้ว!


“สุดยอด มุขล่อเสือออกจากถ้ำนี่เยี่ยมเป็นบ้า!”


“ไม่ได้แค่คว้าเฟิร์สบลัดไว้ได้ โซนป่าด้านขวาของทีมธีโอยังเกลี้ยงด้วย”


“เทพ Z ของฉันจะบอกคู่แข่งว่า นายกล้าแย่งบลูจากฉันไป ฉันก็จะให้เพื่อนฆ่าเอาเฟิร์สบลัดของนายมา เล่นให้โซนป่าของนายเกลี้ยงเลยล่ะ การสู้ในครั้งนี้เจ๋งสุดๆ!”


เหนือความคาดหมายเอามาก ทุกคนต่างคาดไม่ถึงกับผลที่ว่า แต่เมื่อคิดให้ดีก็จะรู้ว่า การล่อเสือออกจากถ้ำ ใช่ว่าใครๆ จะทำได้


อันดับแรก เราต้องรู้ถึงความต้องการของฝ่ายตรงข้ามก่อน แล้วทำการประเมินที่แม่นยำในระดับหนึ่ง


ต่อมา เราต้องเดินตำแหน่งอย่างแม่นยำเพื่อรับประกันว่าตัวเองสามารถดึงเวลาให้เพื่อนร่วมทีมได้อย่างเพียงพอ โดยที่ตัวเองไม่ตาย


เทคนิคการเล่นที่สูงส่งแบบนี้ น้อยคนจะทำได้


“เท่มาก”


เท่จริงๆ ด้วยล่ะ พวกคนที่เย้ยหยันมาตั้งแต่ต้น ต่างหุบปากทันควันเมื่อเห็นฉากดังกล่าว! พวกเขาเข้าใจแล้วในจุดนี้ ไม่ใช่แฟนคลับแบล็กพีชหรอกที่โดนตบหน้า แต่เป็นพวกเขาที่ดูผิวเผินต่างหาก


“เหมือนจะเป็นครั้งแรกที่แบล็กพีช Z เล่นด้วยวิธีนี้” ผู้บรรยายสมกับที่เป็นผู้เชี่ยวชาญ “ดูใหม่ แล้วก็เก่งมากด้วย”


ผู้บรรยายพูดพลางยิ้ม “จริงๆ ด้วย ไม่ทราบว่าคุณสังเกตเห็นไหมว่า เขาทำหน้าที่นำทีมได้อย่างสมตำแหน่งจริงๆ เหมือนจะเล่นแบบคำนึงตัวเองคนเดียว อันที่จริง เขาคำนึงถึงสถานการณ์ของทั้งเกม เขาในตอนนี้เป็นทั้งนักฆ่า แล้วก็ตัว CC ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงเห็นเงาของฉินมั่วจากตัวเขา สำหรับสองคนนี้ บอกตามตรงนะ ถ้าผมยังเล่นเกมอยู่ล่ะก็ พวกเขาจะเป็นคู่แข่งที่ผมไม่อยากเจอด้วยมากที่สุด เพราะเก่งมากทั้งการต่อสู้คนเดียวหรือสนับสนุนทั้งทีม ก่อนหน้านี้ความสามารถอย่างหลังของแบล็กพีช Z ยังเห็นไม่ค่อยชัด เดาว่าทีมธีโอเองคิดไม่ถึงเหมือนกันว่าคู่แข่งจะเล่นวิธีใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อ ให้เพื่อนในทีมมาคว้าเฟิร์สบลัดไป มันต่างจากเมื่อก่อนที่เขาเล่นคนเดียวแล้วกวาดเอาโซนป่าของคู่แข่งจนเกลี้ยงจริงๆ”


…………………………………………..


ตอนที่ 1803-3


ไม่เพียงแต่ต่างจากเมื่อก่อน ทว่าเป็นการเล่นงานทีมธีโอเสียอยู่หมัด


ทว่าหากอาศัยแค่ตรงนี้ จะเอาชนะเกมได้งั้นรึ เพราะความสามารถของทีมธีโอก็เป็นที่ประจักษ์ แต่ต้องบอกว่าเพราะความผิดพลาดด้านแผนการเล่น ทำให้พวกเขาเจ็บมาก


พวกเขาจึงอยู่ในโซนป่าของทีมไดมอนด์ต่อไม่ได้ ป้อมที่เลนล่างถูกทำลายไปอันหนึ่ง พวกเขาต้องกลับให้เร็วที่สุด อีกอย่างไม่ว่าเซวียเหยาเย่าที่อยู่เลนกลางหรืออวิ๋นหู่ที่มากประสบการณ์ก็รวมตัวกันแล้ว ดังนั้นพวกเขาต้องรีบสลายตัว!


แต่ในเวลานี้ เดิมร่างที่ควรอยู่ใต้ป้อม กลับเหาะมาโจมตีนักเวทย์ที่กำลังจะหนีของพวกเขา!


KO!


งง! ปฏิกิริยาจากทุกคนคือ งง! พวกเขาไม่คิดเลยว่าแบล็กพีชที่เหลือเลือดแค่ครึ่งหลอดจะพุ่งออกมา!


หาที่ตายชัดๆ ? ต่อให้เธอฆ่าคู่แข่งได้แล้ว แต่ย่อมหนีไม่รอดอยู่ดี


ปฏิกิริยาของทีมธีโอเร็วมาก เพิ่งจะระเบิดพลังต่ออีกฝ่าย แต่กลับเห็นร่างนั่นห้อยขวดเหล้าไว้ จากนั้นแสงดาบก็สว่าง กลับมาอยู่ใต้ป้อมในที่สุด!


“ใช้สกิลหลักเคลื่อนตำแหน่ง”


“สุดยอด เทคนิคการเล่นระลอกนี้ เจ๋งเป็นบ้าเลย”


“นั่นแหละที่เรียกว่าเฟิร์สบลัดของแท้! พี่แบล็กของฉันกำลังเลียนแบบเทพฉินใช่ไหม? ฆ่าเสร็จก็กลับป้อมทันที”


สถานการณ์ในสนามสดเริ่มจะคุมไม่อยู่ เพราะพวกเขาไม่เคยเห็นจริงๆ ว่าในสนามแข่งระดับเอเชีย ทางจีนจะเล่นมันส์หยดถึงเพียงนี้!


ครั้งนี้ กระทั่งพวกแอนตี้แฟนยังเงียบไปด้วย เพราะไม่มีปัญญาจะว่าร้าย ด้วยฝีมืออีกฝ่ายเลิศเหนือมนุษย์จริงๆ!


บรรยากาศของทีมธีโอเริ่มเปลี่ยนไป พวกเขาคิดว่าแค่มีข้อมูลในมือก็สามารถเอาชนะทีมไดมอนด์ได้แล้ว ต่อให้เป็นแบล็กพีช Z  ก็เถอะ ทว่าเวลานี้พวกเขารู้แล้วว่า ข้อมูลเหล่านั้นก็เป็นเพียงแค่ข้อมูล เพราะเวลาที่แข่งกับทีมนี้จริงๆ เราจะรู้ว่าพวกเขาเติบโตเร็วมากแค่ไหน! บวกกับตัวแบล็กพีช Z ที่เราไม่มีวันรู้เลยว่านักฆ่าอย่างเธอจะโจมตีกะทันหันในเวลาใด แล้วใช้วิธีไหน


วินาทีที่แล้ว ในระหว่างที่เราคิดว่าเธอโต้ตอบช้ามาก กลับเพิ่งจะเข้าใจว่าเธอแค่ล่อเหยื่อ ไม่ได้เดินตำแหน่งมั่วๆ


วินาทีถัดมา เธอกล้าโจมตีทั้งๆ ที่เหลือเลือดเพียงครึ่งหลอด โดยใช้สกิลฟื้นตัว ล่ามาได้หนึ่งชีวิต


ทีมธีโอเริ่มรู้สึกกดดันอย่างแท้จริง หัวหน้าทีมคิดจะเปลี่ยนสไตล์การเล่น จึงหันไปออกคำสั่งกับลูกทีม พวกเขาเปลี่ยนวิธีการเล่นอย่างเห็นได้ชัด โดยเล่นแบบเน้นความชัวร์ อันดับแรกให้รักษาทรัพยากรในโซนป่าตัวเองก่อน ไม่ปล่อยให้แบล็กพีชมาแย่งเอาไป จากนั้นค่อยล่าชีวิตคู่แข่งที่เลนกลาง ดึงคะแนนจาก 2:0 ให้เป็น 2:1


ผู้คนเริ่มดื่มด่ำกับเกมการเล่น  ทั้งสองฝ่ายสูสีกันมาก นี่คือความคิดของผู้ชม


“มาถึงตอนนี้ก็ต้องดูกันแล้วล่ะว่า สกิลใครจะสูงกว่า” ยูกิชินเอามือไพล่หลัง ผิวปากอย่างร้ายกาจ จากนั้นเสียงก็หนักอึ้ง “แต่ฉันล่ะสงสัยว่าการแข่งแบบนี้ ทำไมฉินมั่วถึงไม่มา ต่อให้เสียความทรงจำไปแล้วก็เถอะ แต่เจ้านั่นไม่น่าถึงกับไม่ปรากฏตัวออกมาเลยนี่นา”


โฮชิโนะเอียงศีรษะ “นายคิดจะพูดอะไร?”


“ไม่มีอะไร แค่รู้สึกว่าถึงทีมไดมอนด์จะไม่เลว แต่วันพรุ่งนี้คนที่ชนะต้องเป็นพวกเรา เพราะถ้าเล่นกันได้แค่เลเวลนี้ การแข่งประเภททีมเห็นจะไม่ไหว จริงไหม?” ยูกิชินหัวเราะอีก ทั้งยังเดินซุกมือในกระเป๋าเดินออกไป เหมือนจะเดาผลการแข่งออก จึงไม่จำเป็นต้องดูต่อ


………………………………………………………


ตอนที่ 1804-1


หัวหน้าเดินไปแล้ว คนอื่นๆ ในทีมอาทิตย์อุทัยย่อมเดินตาม วาตานาเบะมองดูแผ่นหลังยูกิชินแล้วหันมาดูทางนี้ “รองหัวหน้า…”


“พวกนายไปกันก่อน ฉันขอดูต่อ” เรียวปากบางของโฮชิโนะแยกยิ้ม ยิ้มที่ทำให้คนยากจะปฏิเสธ


วาตานาเบะรู้สึกว่า รองหัวหน้าตัวเองสนใจแบล็กพีช Z มากเกินไปแล้ว! มันมากเกินไปจริงๆ ว่ากันว่ากีฬาอีสปอร์ตไม่มีความรัก แต่ดูจากท่าทางของรองหัวหน้าแล้ว… วาตานาเบะได้แต่ส่ายหน้าด้วยความพิศวงนิด ๆ


โฮชิโนะเหมือนจะไม่สนใจว่าเพื่อนร่วมทีมจะเข้าใจผิด สายตาจับจ้องที่เธอคนนั้นตลอดเวลา


การสู้กันบนหน้าจอเริ่มรุนแรงขึ้น ทว่าเมื่อภาพตัดมาฉายตัวป๋อจิ่ว ผู้คนก็เห็นการโต้ตอบที่หลักแหลม การวางแผนสู้หลายครั้ง รวมถึงการประเมินเส้นทางการสู้ของทีมธีโอ ทั้งยังให้ความช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว ไม่เพียงแต่จะชี้นำการสู้ ทั้งยังตัดทัพหลังของฝ่ายตรงข้าม แถมยังเอาชีวิตคู่แข่งมาได้ด้วย


แต่ทีมธีโอก็ไม่อ่อน การรวมทีมสู้ทุกครั้ง ไม่เคยเสียเปรียบ เมื่อฝั่งแบล็กพีช Z เอาชีวิตหนึ่งจากพวกเขาไปได้ พวกเขาก็จะเอาชีวิตหนึ่งของฝั่งนั้นมาเหมือนกัน การสู้กันในประเภททีมดำเนินมาถึง 50 กว่านาที จนมาถึงการรวมทีมสู้ในครั้งสุดท้าย ทีมธีโอกำลังคิดว่าจะทำอย่างไรกับความสามารถในการประเมินสถานการณ์ของป๋อจิ่วดี


แต่พวกเขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่า ครั้งนี้ป๋อจิ่วจะไม่ประเมินอะไรทั้งสิ้น แต่เล่นด้วยความชำนาญของตัวเอง ด้วยการมุดเข้าไปล่าตัวทำดาเมจของฝ่ายตรงข้ามทั้งหมด แลกหนึ่งชีวิตของตัวเองกับฝ่ายตรงข้ามอีกสาม


หลังจากที่ทำความเสียหายอย่างร้ายแรง ทีมธีโอก็หมดตัว ACD นักเวทและตัวละครที่เจริญเติบโตที่เลนบนทันที แล้วพวกเขาจะเล่นต่อไปอย่างไร?


ทีมไดมอนด์ผลักมาทางด้านบน ทำลายป้อมคริสตัลของทีมธีโอแล้ว!


ภาพถูกดึงกลับมา ทุกคนที่เธอคนนั้นดึงหูฟังออก เธอในชุดกระโปรง และถือขวดน้ำ


ชนะแล้ว! ไม่เพียงแต่อยู่ในฐานะนักฆ่าที่ลอบสังหาร แต่ยังเป็นผู้นำทีมไดมอนด์อีกด้วย ทุกคนต่างรู้ดีว่า การต่อสู้ในครั้งสุดท้ายที่แลกหนึ่งชีวิตต่อสาม เป็นการแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่ามาก อันเป็นวิธีคิดของเทพฉินเลยทีเดียว!


ไม่นานหน้าจอก็โชว์คะแนนของแต่ละคนออกมา โดยผู้เล่น MVP คือ แบล็กพีช Z นั่นเอง!


พวกแอนตี้แฟนเงียบทันตาเห็น ด้วยเหตุที่ว่า นอกจากฉินมั่วแล้ว ยังไม่มีผู้เล่นคนไหนในประเทศจีนที่ทำคะแนนได้ดีขนาดนี้ ซึ่งแบล็กพีช Z ถือเป็นคนแรก!


ไม่ว่าจะเป็นข้างในหรือข้างนอกสนาม ล้วนแต่เกิดเสียงกรีดร้องโหมกระหน่ำ


 3 ปีที่ผ่านมา นี่เป็นครั้งแรกที่ประเทศจีนได้อยู่ใกล้กับคำว่าแชมป์ เหล่านักข่าวต่างทนไม่ไหว อยากจะสัมภาษณ์ป๋อจิ่วทันที เหล่าผู้ชมก็ร้องตะโกน โดยนอกจากเซวียเหยาเย่าที่อยู่ข้างตัวป๋อจิ่วแล้ว ไม่มีใครรู้เลยว่าสีหน้าของเธอซีดเซียวแค่ไหน


เมื่อครู่ตอนที่ป๋อจิ่วกำกับการเล่นอยู่ เซวียเหยาเย่าบังเอิญสัมผัสโดนมืออีกฝ่ายเข้า ถึงกับตะลึงเลยทีเดียว เพราะความร้อนที่สัมผัสได้มันระอุจนทำให้แววตาของเธอสับสน


ฝ่าบาทจิ่วกำลังไข้ขึ้น นี่คือสิ่งที่เธอรับรู้เป็นสิ่งแรก ทว่ายังไม่ทำอะไร เสียงจากก็ดังขึ้น ‘อย่าไปจากเลนกลาง เหยาเย่า อย่าใจลอย’


เซวียเหยาเย่าได้แต่รวมรวมสมาธิ เพราะเธอเข้าใจดีว่ายิ่งจบการเล่นได้เร็วเท่าไร เธอคนนั้นก็จะได้พักเสียที


บางทีนอกจากเพื่อนร่วมทีมด้วยกันแล้ว อาจจะไม่มีใครรู้ว่าการเดินเกมครั้งนี้อยู่ภายใต้สถานการณ์ใด


…………………………………………..


ตอนที่ 1804-2


เซวียเหยาเย่ามองดูคนที่มากขึ้นเรื่อยๆ สลับกับที่เธอคนนั้นผงกศีรษะดื่มน้ำ และมือที่ห้อยลงมา จึงเบี่ยงตัวกันตัวเพื่อนไว้ ส่วนป๋อจิ่วรู้ตัวเช่นกันว่าตัวเองมีไข้ เพราะลมหายใจที่พ่นออกมาอุ่นร้อน ดังนั้นเธอถึงได้เอาแต่ดื่มน้ำ เมื่อเห็นกิริยาของเซวียเหยาเย่าแล้ว มุมปากก็เหยียดยิ้ม “ไม่เป็นไร ฉันยังไหว”


“เรื่องนักข่าวให้ผู้จัดการเฟิงจัดการเถอะ” เซวียเหยาเย่าคิดแล้วเติมอีกประโยค “เธอเดินไปทางด้านหลัง โคโค่จะเดินตามไป”


โคโค่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อชนะแล้วก็ดีใจเหลือหลาย หน้ายิ้มออกมาเชียว ฝ่ายเซวียเหยาเย่าส่งข่าวให้เฟิงอี้ ซึ่งเมื่อฝ่ายหลังได้มาเห็น รีบส่งสัญญาณมือให้ผู้ช่วยทันที ก่อนจะรั้งกระแสผู้คนที่ทะลักเข้ามา “เพื่อนๆ นักข่าวทุกท่านครับ ผมรู้ว่าทุกท่านอยากสัมภาษณ์ อย่าเพิ่งใจร้อนครับ มีโอกาสแน่ แต่ขอให้มาทีละคนนะครับ” ว่าแล้วก็ส่งสัญญาณมือให้ด้านหลังว่า พาตัวเธอไปได้แล้ว


เซวียเหยาเย่าไม่ปล่อยให้เสียเวลา เธอกับโคโค่ช่วยกันขนาบซ้ายขวา ฉวยจังหวะพาป๋อจิ่วเดินมาหลังเวทีซึ่งเป็นห้องพักของทีมไดมอนด์


“ไข้ขึ้นเหรอ?” สีหน้าหล่อเหลาของโคโค่เปลี่ยนไป “ทำไมถึงไข้ขึ้นได้ล่ะ?”


ป๋อจิ่วไม่ได้บอกสาเหตุ นอกจากยิ้มให้ เธอเปิดตู้เสื้อผ้า ถอดชุดทีมออก ราวกับจะเอาเสื้อขนเป็ดตัวดำของหลินเฟิงไป


“เฮ้ย แบล็กตัวร้อนขนาดนี้ จะไปไหน?” โคโค่รั้งร่างเธอไว้ด้วยสีหน้าดุดัน “ห้ามไปไหนเด็ดขาด รอให้จิ้งจอกเฟิงจัดการเสร็จ แล้วพานายไปฉีดยาที่โรงพยาบาล”


ป๋อจิ่วปลดมืออีกฝ่ายออก “แค่หวัดนิดหน่อย ฉันยังมีธุระที่ต้องจัดการ”


“นายจะไปมีธุระอะไร?” สีหน้าของโคโค่บ่งบอกว่าจะไม่ปล่อยให้เธอไปไหน พูดเป็นเล่น ขนาดมีเสื้อผ้ากันเอาไว้ เขายังรู้สึกถึงความร้อนจากตัวเธอเลย “เมื่อคืนนายไปไหนมา ทำไมปล่อยให้ตัวเองเป็นแบบนี้?”


ป๋อจิ่วจิบน้ำ เพื่อให้ตัวเองตื่นตัว “ไม่ได้ไปไหนทั้งนั้นแหละ”


อันที่จริงโคโค่รู้ดีว่าเมื่อวานเกิดอะไรขึ้น เริ่มจากหัวหน้าบอกว่าจะไปซื้อลูกอมให้เจ้าแบล็ก จากนั้นหัวหน้าก็หายตัวไป ไม่กลับมาทั้งคืน พอมาปรากฏตัวอีกทีก็เหลือเพียงเจ้าแบล็กเท่านั้น โคโค่ไม่ได้ถามว่า ‘แล้วหัวหน้าล่ะ?’ เพราะกลัวว่าหากเอ่ยออกไป เธอจะเสียใจ แต่ทำไมเธอถึงกลายเป็นแบบนี้? หรือว่า?


“นายไม่ได้นอนทั้งคืนเลยใช่ไหม” แววตาของโคโค่เบิกกว้าง


ป๋อจิ่วอึ้งเล็กน้อย ไม่ตอบ เกี่ยวผ้าปิดปากสีดำเตรียมจะสวมบนหน้า หากเดินออกไปเช่นนี้ ย่อมไม่มีใครจำได้


โคโค่มองเธอ รู้ดีว่าตัวเองเดาถูก ตาเบิกกว้างขึ้นเรื่อยๆ แต่กระนั้นเขาไม่รู้ว่าตัวเองเดาถูกเพียงครึ่งเดียว ป๋อจิ่วไม่เพียงไม่ได้นอนทั้งคืน เธอยืนอยู่ใต้ตึกถึงชั่วโมงหนึ่ง เพื่อให้ฉินมั่วเห็นตัวเอง ทั้งนี้เธอถึงกับสวมกระโปรงยาวที่ไม่ให้ความอบอุ่นสักนิด เพื่อไม่ให้การแข่งเกิดข้อครหา


…………………………………………


ตอนที่ 1804-3


บางที ความทุ่มเทของเรา คนอื่นไม่มีวันเห็น เหลือเพียงเพื่อนเท่านั้นที่รู้สึกเหมือนประสบกับตัว


เซวียเหยาเย่ายืนอยู่ที่เดิม เงยหน้าขึ้น เธอกลัวว่าตัวเองจะร้องให้ด้วยเวทนาเหลือเกิน ส่วนโคโค่ที่คิดจะโทรเรียกเฟิงอี้ให้มาหา เพราะคิดว่าเวลานี้คงมีเพียงเฟิงอี้เท่านั้นที่กล่อมเจ้าแบล็กให้ไปฉีดยาได้ ทว่าเมื่อเธอคนนั้นยื่นมือมาจับข้อมือเขาก็เอ่ยแค่ “โคโค่ ฉันต้องไปตอนนี้ ไปหาพี่มั่ว ไม่งั้นฉันจะต้องทำเขาหายอีกแน่” เขาจึงโทรต่อไปไม่ได้ เพราะรู้ดีว่า ตัวเองไม่ควรห้ามเธอ ส่วนป๋อจิ่วยิ้ม เธอที่สวมผ้าปิดปาก โผล่เพียงดวงตาดำสนิทออกมา เสื้อขนเป็ดตัวดำยาว ปกปิดรูปร่างเธอได้พอดิบพอดี


ป๋อจิ่วไม่ต้องการดราม่า เธอรู้เช่นกันว่า ต้องทำให้ร่างกายดีขึ้น แต่แค่เดินออกไป ลมหายใจก็หนัก หนักจนกระทั่งเธอหยุดเดิน ถึงได้รู้ตัวว่าร่างกายตัวเองทนอาการไข้ขึ้นสูงขนาดนี้ไม่ไหว


เสียงริมหูเริ่มจะอึงอล ได้ยินเสียงเอะอะมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับมีนักข่าวบุกมา…


เวลานี้ ป๋อจิ่วได้ยินเสียงจากด้านหนึ่ง “โฮชิโนะนี่! โฮชิโนะมาทำอะไรที่นี่?”


โฮชิโนะมองคนเหล่านั้น ไพล่มือข้างหนึ่งไว้ด้านหลัง โยนยาให้อย่างไร้เสียง ซึ่งป๋อจิ่วรับทัน มองดูเขายืนอยู่ตรงนั้น รู้ว่าต้องการกันผู้คนให้ เธอจึงเบี่ยงตัวเดินไปทางหนีไฟ


เหล่านักข่าวไม่รู้ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้น เพราะโฮชิโนะมีมูลค่าทางข่าวสูงมาก จึงทุ่มความสนใจไปที่ชายหนุ่ม ฝ่ายโฮชิโนะยิ้มบางๆ ตอบคำถามนักข่าวทุกคน จนกระทั่งผู้จัดการเฟิงเดินมา เขาถึงพยักหน้า ซุกมือข้างหนึ่งไว้ในกระเป๋า เดินสวนทางออกไป


เฟิงอี้ฉลาดแค่ไหน แวบเดียวก็มองออกว่าเมื่อครู่โฮชิโนะทำหน้าที่แทนตัวเอง ทั้งสองเดินไปยังห้องพักผ่อน รอจนไม่มีใครอยู่ด้วย เฟิงอี้จึงออกปาก “ขอบคุณมาก” โดยโฮชิโนะหยุดเดิน ยิ้มให้ “เรื่องเล็กน้อยน่ะ”


“ข้อมูลที่ผมได้มา คุณไม่ใช่คนที่ช่วยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ” เฟิงอี้สมกับเป็นคุณชายหน้ายิ้ม


โฮชิโนะยังคงสดใสเหมือนเดิม “ท่าทางข้อมูลที่ผู้จัดการเฟิงได้มา คงมีข้อผิดพลาด ผมเป็นคนมีน้ำใจจะตาย ยิ่งผมหวังการแข่งขันในวันพรุ่งนี้มาก ย่อมไม่อยากให้คู่แข่งสะดุดเพราะเรื่องกระจุกกระจิก”


“แค่คู่แข่งเหรอ?” เฟิงอี้ไม่อ้อมค้อม ถามตรงๆ เลยทีเดียว


โฮชิโนะยิ้ม “ท่าทางทุกคนคงจะรู้เรื่องที่ผมชอบ Z แล้ว ไม่ผิดหรอกครับ ไม่ใช่แค่คู่แข่ง แต่เขายังเหมือนคนในครอบครัวผมด้วย”


คนในครอบครัวเหรอ? เฟิงอี้เริ่มไม่เข้าใจ เขาคิดว่าทุกอย่างที่โฮชิโนะทำ ก็เพื่อความรักฉันท์ชู้สาว ทว่าเมื่อเอ่ยคำว่าคนในครอบครัวออกมา เขาก็ไม่แน่ใจเสียแล้ว


ในเวลาเดียวกัน ภายในตึกแห่งหนึ่งที่อยู่ทิศตะวันตกของเมือง ฝานเจียเริ่มนับเวลาย้อนหลัง  เหลืออีก 4 ชั่วโมง คนตรงหน้าก็จะเป็นของเธอ แต่มีบางอย่างที่ทำให้เธอขมวดคิ้ว เพราะเขาเอาแต่ยืนริมหน้าต่าง ไม่พูดอะไรมาตั้งแต่เช้าแล้ว ไม่ว่าเธอจะกล่าวอะไร เขาตอบกลับเพียงนิดเดียว บางครั้งก็ไม่ตอบเอาดื้อๆ


ฝานเจียขัดใจกับเหตุกาณ์นี้มาก เพราะยิ่งคิดให้ลึกซึ้งยิ่งพบว่าทำไมเขายืนอยู่ตรงนั้น ก็เพราะไม่เจอคนที่อยากเจอไงล่ะ เธอกำมือแน่น เริ่มทดสอบปฏิกิริยาของชายหนุ่ม แต่พอจะดูออกว่า เขาทำตามคำพูดของเธอทุกประโยค ส่งผลให้เธอดีใจมาก แต่พอจะเดินไป กลับเห็นเขามองที่ริมหน้าต่างอีกแล้ว


ที่นั่นมีรถแท็กซี่จอดอยู่ คนที่ลงมาจากรถคันนั้น สวมเสื้อขนเป็ดตัวดำยาว เงยหน้ามองมาพอดี ก่อนจะเดินไปยังรถแลมโบกินี่ที่ไม่ถูกขับเคลื่อนไปเสียที


…………………………………………..


ตอนที่ 1804-4


ตอนแรกฝานเจียไม่รู้ว่าเป็นป๋อจิ่ว แต่เธอรู้สึกได้ว่าพอนังนั่นปรากฏตัวขั้น แววตาของฉินมั่วก็สว่างแวบ


ฝานเจียริษยาหนัก เธอยืนอยู่ตรงหน้าเขาแท้ๆ  แต่เขากลับไม่มองเธอสักนิด เธอนึกว่านิสัยเขาเป็นแบบนี้แหละ แต่เห็นที มันคงยังไม่พอใช่ไหม? งั้นเธอจะทำให้ทุกอย่างจบลงล่วงหน้า! เธอมองตรงไปที่ร่างนอกหน้าต่างด้วยแววตาชั่วร้าย


ป๋อจิ่วไม่รู้เรื่องสถานการณ์ข้างบน เธอคิดว่าไม่ควรเอาแต่รออยู่ข้างนอก  เพราะต้องระวังเรื่องสุขภาพตัวเอง ดังนั้นเมื่อมาถึงที่นี่ก็ขึ้นรถตัวเองทันที


เสี่ยวเฮยได้ยินเสียงเธอแล้วรีบเอ่ยขึ้นทันที “เจ้านาย นังปีศาจของคุณยังอยู่ด้านบน ไม่ได้ไปไหน คุณสบายใจได้ครับ”


เมื่อมาถึงที่นี่ ป๋อจิ่วก็สบายใจขึ้นมาก ทว่าตอนนี้เธอไม่ได้กังวลว่าท่านเทพจะจากไปไหนหรือเปล่า แต่เป็นเรื่องเวลาต่างหาก  เวลากระชั้นที่เข้ามาเรื่อยๆ ทำให้เธอยังหาวิธีดีๆ ที่จะฟื้นความทรงจำให้ท่านเทพไม่ได้


ถ้า… ป๋อจิ่วกระชากคอเสื้อตัวเอง ก้มหน้าซบพวงมาลัย กินยาลดไข้ แต่แม้จะเป็นเช่นนั้น ระบบจีพีเอส ภายในรถยังตรวจสอบอุณหภูมิของร่างกายเธอได้  เสียงของเสี่ยวเฮยจึงดังขึ้นอีก “เจ้านาย จากรายงานพบว่าร่างกายของคุณทนมาถึงขีดสุดแล้ว ในฐานะที่เป็นสุดยอดรถแห่ง The Fifth Avenue ผมจำเป็นต้องใช้ความรู้ที่ชำนาญของผมแจ้งให้คุณทราบว่า คุณต้องได้รับการรักษา อ้าว ทำไมคุณตาถึงไม่อยู่? ถ้าเขาอยู่ รับรองว่าไม่ยอมให้คุณผลีผลามมาแบบนี้หรอก”


แต่ป๋อจิ่วไม่ตอบ ยังคงค้างอยู่ในอาการเดิม เสี่ยวเฮยร้อนรน เริ่มกระพริบไฟอัตโนมัติอย่างไม่ยอมหยุด เพื่อจะให้คนเห็นว่ามันกำลังส่งสัญญาณ


ชั้นบน ฉินมั่วยืนที่ริมหน้าต่าง เดิมเขาคิดว่าเมื่อยัยนั่นปรากฏตัว เขาจะได้เห็นใบหน้าที่ไม่รู้ทำไมถึงทำให้เขาสงบจิตสงบใจได้ในชั่วพริบตา ทว่า 5 นาทีผ่านไป ฝ่ายนั้นยังคงอยู่ในรถ ฉินมั่วเคาะนิ้วเรียวบนต้นขาตนเอง ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้ไม่สบายใจ กำลังจะสาวเท้าลงตึก


ฝานเจียย่อมเห็นอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของเขา  จึงหัวเราะแผ่วเบา “พี่มั่ว พี่จะไปไหน ถ้าพี่ไปแล้วใครจะปกป้องฉัน พวกเขาจ้องฉันอยู่ด้านนอกนะ ถ้าพี่หายไป ไม่รู้ว่าจะมีพลยิงไกลซุ่มยิงฉันหรือเปล่า” ประโยคนี้ย่อมได้ผล เพราะฉินมั่วที่ซุกมือข้างหนึ่งไว้ในกระเป๋าถึงกับหยุดชะงัก แต่หัวใจกับการกระทำขัดแย้งกัน ย่อมทำให้เจ็บปวดแน่นอน


ห้วงเวลาที่ฉินมั่วหยุด ทรวงอกก็เหมือนถูกฉีกทึ้ง เขาพิงผนัง กำฮู้ป้องกันตนไว้ในมือ ราวกับจะบรรเทาความเจ็บปวดในเวลานั้นได้


ฝานเจียเห็นแล้ว อยากจะฉวยโอกาสแย้งฮู้นั่นมา ต้องรู้นะว่าเธอแค้นเจ้าฮู้นั่นมากแค่ไหน! อีกทั้งเวลานี้ฉินมั่วยังอยู่ในภาวะที่อ่อนแอสุดๆ


หากสิ่งที่เขายึดเหนี่ยวสูญสลาย จะต้องไม่เอาแต่พะวงกับ Z เหมือนเมื่อครู่นี้แน่! ฝานเจียคิดได้ดังนี้ก็ยื่นมือออกไป ทั้งยังเอ่ยกระตุ้นคำสั่งที่ฝังทางจิต “พี่มั่ว ตอนนี้พี่ทรมานมากใช่ไหม ฉันรู้ดีว่านี่เป็นของที่ฉันให้พี่ มันสำคัญมาก ฉันจะดูแลแทนพี่ก่อน ไม่งั้นพี่คงทำมันพังแน่”


เวลานี้แววตาของฉินมั่วแดงก่ำ เขาอยากจะขยับมือหลายครั้ง แต่มักจะมีเสียงหนึ่งบอกว่าอย่าทำร้ายเธอคนนี้ จะต้องปกป้องเธอเอาไว้ให้ได้ เสียงนั่นเหมือนเป็นเสียงปีศาจที่ประทับในหัวของเขา


ฝานเจียเห็นสภาพชายหนุ่ม ก็รู้ดีว่ากุญแจได้กระตุ้นคำสั่งที่ฝังทางจิตออกมาถึงขั้นสุดท้ายแล้ว เธอหยักยิ้มมุมปาก แล้วแย่งเอาฮู้มา แต่ระหว่างที่เธอทำให้ฮู้นั่นห่างจากมือเขา! ก็ไม่รู้ว่าเขายกมือขึ้นทำไม ได้ยินเพียงเสียง “แคว่ก!” ฮู้นั่นถูกแกะออก มีแผ่นอะไรบางอย่างหลุดออกมาร่วงสู่พื้น…


…………………………………………..


ตอนที่ 1805-1


 เมื่อได้ยินเสียงฉีกขาด ฝานเจียแอบยินดีว่าในที่สุดก็ทำลายของสิ่งนั้นได้สักที แต่เมื่อได้เห็นของที่ร่วงลงบนพื้น ก็ถึงกับหน้าทอดสี! เพราะนั่นเป็นรูปถ่าย รูปนั้นน่าจะถ่ายโดยกล้องโพราลอยด์ สีสันสดใสมาก แสงแดดในภาพเจิดจ้ากำลังดี เด็กหญิงตัวน้อยคนหนึ่งสวมชุดเสือน้อยกำลังกระโจนเข้าไปหาเด็กผู้ชายอีกคน เจ้าหล่อนยิ้มน่าเอ็นดู แถมยังเปื้อนลูกอมอีกด้วย ฝ่ายเด็กชายคนนั้นหยิ่งมาก บรรยายไม่ถูกว่าสีหน้าเป็นอย่างไร แต่ก็ยื่นมือไปประคองเอวเด็กหญิงราวกับกลัวว่าจะทำให้ตัวเองเปื้อน ทั้งยังกลัวว่าเธอจะล้ม มุมปากเม้มนิดๆ ทว่าก็ไม่ได้รังเกียจ แค่ระอาใจหน่อยๆ ก้นบึ้งนัยน์ตาอ่อนโยน ชวนให้นึกถึงกลอนจีนโบราณที่ว่า ‘เส้นผมน้องน้อยเพิ่งจะคลุมหน้าผาก กำลังเด็ดดอกไม้เพื่อการละเล่น พี่ท่านขี่ม้าไม้ผ่านมาเยือน เราสองถือเหมยเขียววิ่งวนล้อมตั่งกัน’[1]


อันที่จริงหลักใหญ่ใจความของภาพที่ว่า ไม่ได้แสดงความหมายตามบทกลอนดังกล่าว ประโยคที่เขียนบนภาพนั่นต่างหากที่เขียนด้วยตัวอักษรขายถี่[2]ว่า ‘ถ้าเทพเจ้ามีจริง ฉันหวังว่ายัยโง่ที่ใส่ชุดเสือน้อยคนนี้มีความสุขตลอดไป’


ที่แท้ฮู้ป้องกันตัวที่ได้มาในวันนั้นไม่ใช่เพื่อขอพรให้ตัวเอง หลายปีที่ผ่านมาเขาถนอมมันไว้อย่างดี ไม่ยอมให้ห่างตัว เพียงเพราะต้องการอธิษฐานให้อีกคน


ชั่วอึดใจนั่น ฝานเจียโกรธแค้นแสนสาหัส! เธอคิดจะทำลายรูปนั่นให้สิ้นซาก! ทว่านิ้วยาวขาวสะอาดกดรูปนั้นไว้เร็วกว่าเธอก้าวหนึ่ง เท้าของเธอเหยียบนิ้วโป้งของเขาเข้าอย่างจัง


ฝานเจียขยี้ด้วยแรงหนัก ซึ่งเมื่อโดนเหยียบเช่นนั้น ต้องเจ็บแน่นอน ทว่าฉินมั่วกลับไม่แม้แต่จะกระพริบตา เสี้ยวหน้าคมสันจมอยู่ในวงแสงที่ส่องเข้ามา แววตาของเขาเหลือเพียงเด็กหญิงตัวน้อยในรูป นิ้วของเขาลากผ่านฮู้ดเสือน้อยบนศีรษะเจ้าหล่อน หัวใจเหมือนถูกละลายในทันใด ราวกับได้ยินเสียงปลดล็อคดังขึ้น


เขากลัวการสูญเสียยัยหนูนี่มากที่สุด รูปนั่นเสมือนอยู่ในหน้าจอกล้องที่แต่ละฉากผ่านไปเรื่อยๆ ในสมองของเขา เจ้าหล่อนโผเข้ามากอดเขา ‘มั่วมั่ว เธอกิโลละเท่าไร ฉันจะซื้อ’


เธอไม่ยอมกลับไปนอนที่บ้าน กอดคีย์บอร์ดตัวเอง ‘อันนี้เป็นของเล่นที่ฉันชอบมากที่สุด ฉันให้เธอนะ แล้วเธอต้องให้ฉันนอนด้วยคืนนึง คืนเดียวเอง’


เธอนอนบนเตียงเขาแต่โดยดี ยากที่จะนึกภาพออกว่า เธอชอบทำให้คนอื่นปวดหัว ทั้งยังว่านอนสอนง่าย แล้วจะเข้าประชิดในตอนท้าย ‘ฉันจะกอดเธอไว้ เธอจะได้ไม่อยากกลับจีน เอ่อ ฉันหมายความว่าเธอจะได้ไม่ต้องคิดถึงบ้าน”


ตอนที่เขาป่วย กระทั่งคุณตายังไม่รู้ มีเพียงเธอที่กอดเขาไว้ด้วยนัยน์ตาแดงเรื่อ แต่ไม่ร้องออกมา กลับไปหาคุณหมอประจำครอบครัว


หลังจากที่เป็นหวัด เขากลัวว่าจะแพร่เชื้อทำให้เธอติด จึงตั้งกระถางดอกไม้เยอะแยะไว้ที่หน้าต่างเพื่อกันไม่ให้เธอเข้ามา แต่ไม่ว่าจะเป็นมหาเทพหรือสุดยอดเซียนที่ไหนก็ห้ามยัยเสือน้อยไม่ได้ เจ้าหล่อนหน้าปีนเข้ามา หน้าตามอมแมม แถมยังสอนเขาเป็นจริงเป็นจัง ‘อย่าทำแบบนี้กับเพื่อนตัวเองสิ’


 ……………………………………….


ตอนที่ 1805-2


เธออุตส่าห์หาเหตุผลร้อยประการเพื่อจะนอนกับเขา เวลากินข้าว เธอก็คีบอาหารที่เขาชอบให้ ไม่ว่าเขาชอบอะไร เธอก็จะเอามาให้ในวันต่อมา ขนาดคุณตายังไม่รู้ว่าเขาชอบอะไร แต่เธอรู้


ท่าทางเธอตอนยิ้ม ตาแดง แถมหลังจากโตขึ้นก็กดเขาติดกำแพงแล้วยิ้มมุมปาก เธอไม่เคยเป็นคนอื่น แต่เป็นยัยโง่ที่ชอบคิดว่าเขาเป็นผู้หญิงเมื่อครั้งยังเด็ก


ฝานเจียเห็นความผิดปกติของชายหนุ่ม กำลังจะพูดขึ้นเพื่อจะกระตุ้นคำสั่งที่ฝังทางจิต ทว่ากลับคิดไม่ถึงว่า เธอจะไม่ได้อ้าปาก


ไพ่ใบหนึ่งก็ลอยมากรีดหน้าเธออย่างจัง ฝานเจียหน้าซีด มองดูชายหนุ่มหยิบรูปถ่ายแล้วค่อยๆ ลุกขึ้น  สายตาเธอตื่นตะลึง ไม่อยากจะเชื่อเลย ไม่มีใครปลดล็อคคำสั่งที่ฝังทางจิตได้ เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด! แต่รังสีเย็นยะเยือกที่กระจายออกจากร่างชายหนุ่ม กลับทำให้ฝานเจียรู้ซึ้งถึงกับว่าความหวาดผวา


ไพ่ที่เขาใช้ปลายนิ้วขว้างใส่ มันปักเข้าที่ข้อมือเธอ ฝานเจียไม่เคยรู้สึกอยู่ใกล้ความตายมากเท่าในเวลานี้ เธอมองออกว่า เขาคิดฆ่าจริงๆ เมื่อชายหนุ่มเดินออกจากเงาแสง ฝานเจียก็รู้ว่ามันจบลงแล้ว เพราะแววตานั่นไม่ใช่แววตาที่ถูกคำสั่งที่ฝังทางจิตควบคุมไว้ แต่เป็นเขาในอดีต ผู้ชายที่ยโส สูงส่งต้องห้าม อยู่เหนือคนทั้งปวง


ฝานเจียก้าวถอยหลัง สำหรับเธอแล้ว เขาในเวลานี้ไม่ใช่เทพแต่เป็นจอมมาร แววตาที่เขามองเธอ ไม่เหลือความอุ่นสักนิด มันเย็นชาเหมือนเมื่อครั้งที่เขาจับติดเธอได้ แล้วเอ่ยอย่างไม่ร้อนใจ ‘อย่างเธอน่ะเหรอ คิดจะเลียนแบบเขา?’


ครั้งนั้นฝานเจียเกือบไม่รอด ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เธอเกลียด Z และพยายามหาทางฆ่าฝ่ายตรงข้าม แต่ก็มักจะเป็นเช่นนี้ ไม่มีวันมลายหายไปสักที ฝานเจียกัดฟัน สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ “ฉันทำอะไรมากมายขนาดนี้ก็เพราะชอบพี่ ทำไมพี่ถึงไม่สงสารฉันบ้าง”


ฉินมั่วเอ่ยเสียงกระด้าง “ฆ่าคน แถมขโมยของคนอื่นด้วย ยังมาบอกว่าตัวเองน่าสงสาร เฮอะ ทำไมฉันต้องเอาความสงสารของตัวเองไปให้คนที่ไม่ต่างอะไรจากปรสิตด้วย?”


ฝานเจียงยกมืออุดหูตัวเอง “ฉันแค่รักพี่ ฉันแค่รักพี่ ทำไมพี่ต้องว่าฉันอย่างนี้ด้วย!”


“เธอจะบอกว่าตัวเองน่าสงสารใช่ไหม?” ฉินมั่วหมุนไพ่ในมืออย่างไม่เร่งร้อน


ฝานเจียกำมือแน่น “หรือไม่จริง?”


“เธอลองไปถามคนที่เธอทำให้เขาตายในนรกดูสิ เพราะเธอถึงทำให้พวกเขาเรียกร้องความเป็นธรรมไม่ได้ พวกเขาคนไหนบ้างที่ไม่น่าสงสาร” ฉินมั่วขยับ


เสียงของไพ่ที่ถูกขว้างก็ดังขึ้น ข้อมืออีกข้างของฝานเจียก็ถูกปาดอีก เธอรู้ทันทีว่า มือทั้งสองข้างจะใช้การไม่ได้อีกตลอดชีวิต “ทำไมพี่ถึงโหดกับฉันได้ขนาดนี้?” เธอหน้าตาบิดเบี้ยว “ทำไมไม่ฆ่าให้ตายไปเสียเลย”


ฉินมั่วเลิกตาขึ้น “มือของฉันฆ่าได้แต่คน ส่วนเธอ ไม่คู่ควร”


ฝานเจียได้ยินประโยคท้าย ก็ราวกับบ้าคลั่งไปแล้ว


แต่ในเวลาเดียวกัน ไม่รู้ว่าฉินมั่วทำสัญญาณอะไรให้กับคนที่อยู่ด้านนอก ตำรวจนอกเครื่องแบบฝูงหนึ่งจึงกรูกันเข้ามาจับตัวเธอไว้! ฝานเจียพยายามดิ้นรนสุดชีวิต “แน่จริงก็ฆ่าฉัน ฆ่าฉันสิ!”


“ชีวิตในคุกเหมาะกับเธอยิ่งกว่าให้ฉันฆ่า” ฉินมั่วหันมามอง เอ่ยเสียงเย็น “วางใจเถอะ เธอไม่ตายหรอก แล้วจะออกมาไม่ได้อีกด้วย พวกเธอชอบเล่นเกมจมน้ำตายไม่ใช่เหรอ งั้นลองไปใช้ชีวิตในคุกดูสิ”


  ……………………………………….


ตอนที่ 1805-3


ฝานเจียได้ยินแล้วหน้าเปลี่ยนสี เธอเข้าใจความหมายของฉินมั่ว เขาต้องการให้เธอลิ้มรสกับชีวิตใกล้ตาย เขาทำลายมือของเธอก็เพราะอยากให้เธอขัดขืนอะไรไม่ได้เวลาที่อยู่ในคุก


คุกคืออะไร การอยู่ในนั้นน่ะ เรียกว่าทรมานชนิดที่กินคนแบบไม่เหลือกระดูก!


คงเพราะฝานเจียร้องไห้อย่างหนัก ตำรวจนอกเครื่องแบบนายหนึ่งจึงส่ายหน้า “น่าสงสารเหมือนกันนะ”


ฉินมั่วหันไปกวาดตามอง “รู้สึกว่าเขาน่าสงสารเหรอ?”


“ผมแค่…”


เสียงหนึ่งพลันดังขึ้นจากด้านหลัง “รู้สึกว่าคนร้ายน่าสงสาร แถมคนก็ตายไปแล้ว ทำไมต้องให้เขาชดใช้ชีวิตด้วย คิดว่าการทำร้ายคนอื่นไม่เห็นเป็นปะไร อ้อ รู้ไหมว่าคนกับปรสิตต่างกันที่ตรงไหน ตรงที่คนมีหัวใจ รู้ว่าวิญญาณที่ล่วงลับอาจไม่สงบสุข แล้วเข้าใจดีว่าอะไรคือเลือดล้างด้วยเลือด ถ้าคนที่นายรู้สึกว่าน่าสงสาร งั้นฉันขออวยพรให้คนที่สนิทกับนายที่สุดถูกถ่วงทะเลตาย แล้วไม่มีใครช่วยเรียกร้องความเป็นธรรมให้นาย”


ตำรวจนายนั้นถึงกับตาลุกวาว หันไปอยากจะเถียง แต่พบว่าผู้มาเยือนสวมชุดทหารก็คือคุณชายถังนั่นเอง เขายังคงยิ้มแจ่มใสเหมือนเมื่อก่อน “ฉันไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้คนจากทางการจะพูดแทนคนตายว่าฆาตกรน่าสงสาร ฝานเจียทำร้ายคนมาไม่น้อย หนึ่งในนั้นยังเป็นเพื่อนพวกเรา ถ้านายกังวลใจต่อชีวิตในคุกของเขา ก็ได้ วันนี้เก็บข้าวของไปอยู่ในคุกสิ จะได้ดูแลเขา ดีออกจะตาย”


ตำรวจนายนั้นถึงกับชะงัก รอจนเสี้ยวหน้านั่นไม่ยิ้มแย้มแล้ว เหยื่อเย็นก็ไหลกลางหลัง


คุณชายฉินยืนอยู่ตรงข้ามกับคุณชายถัง ทั้งสองยืนประจันหน้ากันอย่างสง่า เพียงแต่คนหนึ่งสวมชุดทหาร อีกคนสวมเสื้อกันลม อันให้ความรู้สึกคนละสไตล์ เมื่ออยู่ต่อหน้าพวกเขา ความเจ้าเล่ห์ของฝานเจียจึงไร้ประโยชน์


“ฉันยังมีธุระ” ฉินมั่วช้อนสายตา พูดกับคุณชายถัง “ไม่กลับไปกับนายนะ”


ก็รู้แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ คุณชายถังยื่นมือนวดหัวคิ้ว “กี่วัน?”


“หลังการแข่งระดับเอเชีย” น้ำเสียงของฉินมั่วไม่เปลี่ยนแปลง


คุณชายถังเลิกคิ้ว “นายรู้ว่าฉันรับผิดชอบคดีนี้” ถ้าเป็นคนอื่น เขาอาจไม่เป็นอย่างนี้ก็ได้


“เรื่องจับฉัน นอกจากนายแล้ว ยังจะมีใครกล้ารับ” ฉินมั่วพูดธรรมดาเหมือนกำลังคุยเรื่องดินฟ้าอากาศ


คุณชายถังหัวเราะ “คุณชายฉินก็ชมเกินไป ฉันเหมือนคนที่ชอบซ้ำเติมใครหรือไง?”


ฉินมั่วเรียบเฉย แต่อันที่จริงสายตามองด้านล่างตลอดเวลา “ดูเหมือนคุณชายถังจะเข้าใจตัวเองผิดอยู่นะ” แต่แววตาอย่างว่าไม่อาจหลบสายตาคุณชายถัง แถมฉินมั่วก็ไม่คิดจะปิดบัง


“ช่างเหอะ ถือว่าฉันให้สินส่วนตัวเจ้าสาวกับ Z แล้วกัน” คุณชายถังหันไปทางซ้ายเพื่อปล่อยทางให้ พวกนอกเครื่องแบบก็เก็บปืนทั้งหมดเช่นกัน


ฝานเจียไม่คิดจะถูกขังคุกด้วยสภาพแบบนี้ เธอยอมตายเสียดีกว่า แต่กรรมตามทัน ก็เหมือนที่คุณชายถังว่าไว้ จะต้องมีใครสักคนที่คืนความเป็นธรรมให้กับวิญญาณที่ตายไปอย่างไร้ความยุติธรรม และคนที่ถูกขโมยของไปแต่ไม่ได้รับความเป็นธรรมแถมยังถูกรังแก


แน่ละ คนเห็นแก่ตัวมักหาข้ออ้างให้ตัวเองเสมอ พวกกลับขาวเป็นดำ เก่งฉกาจด้านการโกหก ตอนเด็กๆ ก็แย่งของคนอื่นมายึดเป็นของตัวเอง เพราะอยากเป็นที่สนใจ พอโตมาก็ฆ่าคน แถมยังใช้ชีวิตได้อย่างสบายใจเฉิบ


เพราะคิดว่ายังไงเสีย เวลาผ่านไปนานเข้า ย่อมได้รับการให้อภัย


เพราะคิดว่ายังมีคนที่ช่วยปัดความผิดให้ตนอยู่มากมาย


  ……………………………………….


[1] บทกวีดังกล่าวประพันธ์โดยกวีหลี่ไป๋ ผู้เลื่องชื่อในราชวงศ์ถัง


[2] ขายถี่ คือตัวอักษรภาษาจีนแบบบรรจง


ตอนที่ 1805-4


แต่เช่นเดียวกัน โลกนี้มักจะมีคนกลุ่มหนึ่งที่รู้จักเคารพและหวั่นเกรงอยู่ในใจ เหมือนอย่างที่เนลสัน แมนเดลล่าว่าไว้ หากท้องฟ้ามืดมิด ก็จงใช้ชีวิตกับมันให้ได้ ถ้าหมดแรงจุดไฟสว่าง ก็จงมุดตัวอยู่ที่กำแพง อย่าปกป้องความมืดมิดเพราะตัวเองชินแล้ว อย่ายินดีที่ตัวเองเอาชีวิตรอดอย่างน่าละอาย อย่าเหยียดหยามคนที่กล้าหาญมีน้ำใจสูงกว่าตัวเอง พวกเราสามารถเจียมตัวเหมือนเป็นผงธุลี แต่อย่าทำตัวบิดเบือนเหมือนหนอนแมลง ท้องฟ้าย่อมสว่างเสมอ ไม่ว่ามันจะเคยดำมืดแค่ไหน


เมื่อก่อนป๋อจิ่วก็ไม่เคยเชื่อคำพูดดังกล่าว เพราะเวลาอยู่ตัวคนเดียว มันทรมานใจมาก ไม่มีใครเข้าใจว่าเราพูดอะไรอยู่ และไม่รู้ว่าเราหดหู่เรื่องอะไร ต่อมาเวลาที่เศร้าใจ มักจะมีคนกอดเราไว้ในอ้อมแขน แล้วถามขึ้นด้วยเสียงเบาว่า ‘เธอโง่หรือเปล่า?’


ป๋อจิ่วรู้สึกว่าเธอไม่มีวันเจอกับคนแบบนี้อีกแล้ว คนที่ทั้งปากเป็นพิษและอ่อนโยนในคราวเดียวกัน เธอเคยคิดอยู่หลายครั้งว่า คนที่ขาวสะอาดจะทำตัวเป็นแสงจากโคมไฟไม่ได้ เพราะอ่อนแอเกินไป ทนคลื่นลมไม่ไหว ไม่เหมือนเขาคนนั้น คนที่มุ่งมั่นแข็งแกร่งเสมือนเทือกเขาคุนหลุน ไม่เพียงแต่จะจุดไฟให้สว่าง แต่ยังทำตัวเป็นเงาจันทร์และดวงตะวันได้ทุกเวลา ดังนั้นเธอถึงได้รักมากๆ


ป๋อจิ่วรู้ว่าตัวเองเริ่มจะหมดสติ เธอซบศีรษะที่พวงมาลัย ไม่รู้ว่าทำไมถึงโกรธหน่อยๆ พอจะขยับก็พบว่าประตูรถถูกเปิดออก จากนั้นอ้อมแขนที่เย็นนิดๆ ก็เข้ามาโอบล้อม ป๋อจิ่วลืมตาไม่ขึ้น แต่จมูกทำงานดีมาก สัมผัสได้ถึงรสมินต์ของบุหรี่ที่เคยคุ้น ทำให้เธอคิดว่าตัวเองไข้ขึ้นเลอะเลือน จึงรู้สึกว่ามีคนมากอด บางทีอาจเป็นเพราะเธอคิดถึงใครบางคนมากไป


เธอบอกตัวเองเช่นนี้ เหมือนมีอะไรเย็นๆ มาแนบบนหน้าผาก จากนั้นแรงกอดก็หนักขึ้น เธอยังไม่ทันรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้นด้วยตกอยู่ในอาการมึนงง เสียงที่คุ้นเคยก็ลอยเข้าหู “ป๋อเสียวจิ่ว”


เอ๋? เรียกชื่อเธอเหรอ


“เธอโง่หรือเปล่า?” ฉินมั่วกำลังโกรธตัวเอง ในเมื่อฟื้นความทรงจำได้แล้ว ย่อมต้องรู้ว่าทำไมเธอถึงไข้ขึ้นสูง เขาโน้มตัวเข้าไปวัดไข้ที่หน้าผากเธอ ทรวงอกเหมือนเปี่ยมไปด้วยความอบอุ่น


ป๋อจิ่วขมวดคิ้วมุ่น เธอไม่อยากโดนด่าว่าโง่ในขณะที่ป่วย แล้วอีกฝ่ายเป็นท่านเทพจริงๆ เหรอ ไม่น่าเป็นไปได้เลยนะ พอคิดแบบนี้ก็อยากขยับ ทว่ากลับมีคนรั้งมือเธอไว้ก่อน แล้วกักเธอไว้ในอ้อมกอดที่อบอุ่น ราวกับกลัวว่าเธอจะหนาว ก่อนจะดึงมือเธอมาซุกไว้ในเสื้อตัวเอง เมื่อฝ่ามือเธอแนบกับผิวหนังเขา นิ้วมือจึงไม่เย็นอีกต่อไป


ป๋อจิ่วไม่ได้เห็นหน้าฉินมั่วในเวลานี้ ยิ่งไม่รู้ว่าคุณชายใหญ่แห่งตระกูลฉินกำลังใช้วิธีนี้ให้ความอบอุ่นแก่เธอ


ทว่าคนที่รู้ทั้งหมดก็คือเสี่ยวเฮย แม้จะมันไม่มีดวงตาก็ตาม มันคิดไม่ถึงว่าจอมมารที่เย็นชาเหมือนไม่ใช่มนุษย์ จะใช้วิธีนี้ให้ความอบอุ่นต่อเจ้านาย ตอนนี้ข้างนอกคงหนาวมากสินะ ถึงได้ดึงมือเจ้านายเข้าไปซุกในเสื้อตัวเอง เพื่อจะให้เจ้านายของมันสบายขึ้น


บ้าจริง กระทั่งมันเองยังเชื่อว่าจอมมารรักเจ้านายอย่างสุดหัวใจ เพราะเหมือนจะได้ยินเสียงแผ่วเบาราบเรียบดังขึ้นว่า “ขอโทษนะ”


………………………………………………….


ตอนที่ 1806-1


ยากที่จะได้เห็นภาพจอมมารขอโทษ เสี่ยวเฮยรู้สึกว่าตัวเองตกใจแทบแย่ ระบบจีพีเอสสะบัดคลื่นโคลงเคลงหน่อยๆ


“เสี่ยวเฮย” จู่ๆ ก็โดนเรียกชื่อ รถอย่างมันจึงผงะ แต่แสร้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น


ฉินมั่วเอียงมือส่งป๋อจิ่วไปนั่งที่นั่งข้างคนขับ ก่อนจะกุมพวงมาลัยด้วยมือข้างหนึ่งพลางเลิกคิ้ว “อยากจะให้ฉันสาดน้ำใส่นายใช่ไหม”


เสี่ยวเฮยจึงไม่เสแสร้งอีกต่อไป รีบเปิดไฟรถทันที ฉินมั่วจึงเอ่ยเสียงเรียบ “หาโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้แถวนี้ที่สุด”


“ตอนนี้เริ่มจับตำแหน่งโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้…” เสียงของเสี่ยวเฮยยังไม่จบ รถแลมโบกินีก็แล่นบนถนนลาดยางราวกับสายลม


อาการไข้ขึ้นช่างทรมาน โดยเฉพาะข้อเข่าที่ปวดเมื่อยเป็นที่สุด เธอทั้งหนาวและร้อนระอุจากภายในไปถึงภายนอกจนทำให้สติของเธอไม่ชัดเจน


จุดที่รถแลมโบกินี่จอไม่ใช่โรงพยาบาลขนาดใหญ่สักเท่าไร หากไปโรงพยาบาลในเวลาที่ไม่ใช่ช่วงกลางคืน คนไข้ย่อมเยอะมาก จุดที่ไปเป็นคลินิกขนาดใหญ่ที่สะอาดมากแห่งหนึ่งแถวบริเวณเขตที่พักอาศัย ดูเหมือนจะมีคุณภาพสูง อุปกรณ์ครบครัน แต่คนที่มาหาหมอในเวลานี้ส่วนใหญ่เป็นเด็กกับคนแก่ น้อยครั้งที่จะเห็นคนไข้ถูกอุ้มเข้ามา ทว่าคงเพราะความสูงของฉินมั่ว ทำให้คนที่อยู่ในอ้อมกอดดูไม่เหมือนคนป่วย แต่กำลังหลับอยู่ มีเสื้อตัวนอกของเขาคลุมไว้ทั้งตัว


เจ้าหน้าที่อดมองมาไม่ได้ เพราะจะได้เห็นคนหล่อบ้างเป็นบางครั้ง แต่หนุ่มหล่อสง่าเช่นนี้ เรียกได้ว่าเห็นเป็นครั้งแรกเลยทีเดียว ชายหนุ่มดูหยิ่งและสูงส่งชนิดไม่มีใครกล้าอาจเอื้อม แต่กลับมีมารยาท


ทว่าสิ่งที่ทำให้ทุกคนจ้องมองก็คือ หลังจากที่เขาเข้ามาก็ไม่เคยปล่อยร่างในอ้อมแขน กระทั่งวัดไข้เขาก็ยังรับปรอทจากมือพยาบาลมาวัดให้ป๋อจิ่วด้วยตัวเอง


“39  องศา ไข้ขึ้นสูงมาก” พยาบาลเอ่ยขึ้นหลังจากที่เห็นปรอท “ต้องตรวจเลือดนะคะ ดูว่ามีอาการอักเสบหรือเปล่า”


ฉินมั่วรับคำ อุ้มป๋อจิ่วเดินไปยังหน้าต่างชั้นสอง ทว่าเมื่อตรวจเลือดก็ต้องใช้เข็มเจาะ แต่ป๋อจิ่วไม่ยอมยื่นแขนออกไปสักที ฉินมั่วเห็นเธอขมวดคิ้ว จึงจุ๊บที่ฝ่ามือ ปลอบเพียงว่า “เป็นเด็กดี”


คงเพราะเป็นเสียงที่คุ้นเคยจึงได้ผล ป๋อจิ่วคลายแรง ทำให้เอาเลือดไปตรวจได้สำเร็จ


พยาบาลดูแล้ว “ต้องให้น้ำเกลือนะคะ คนไข้มีประวัติเป็นหอบหืด ไม่ทราบว่าแพ้ยาอะไรหรือเปล่าคะ”


“ไม่มีครับ” ฉินมั่วพูดพลางไม่ลืมแนบฝ่ามือไว้ที่หน้าผากคนป่วยราวกับทำแบบนี้จะส่งผลให้เธอดีขึ้น


พยาบาลเห็นแล้วอยากถ่ายรูปส่งให้แฟนเธอดูจริงๆ เมื่อต้องคุยกับหนุ่มหล่อ น้ำเสียงจึงดีมาก “เตียงของผู้ป่วยหมายเลข 0271 นะคะ นี่คือใบสั่งยา เดี๋ยวฉันเตรียมยาเสร็จแล้วจะไปหานะคะ”


ฉินมั่วเอ่ยขอบคุณ ทิ้งแผ่นหลังที่ทำให้ใครๆ ต่างอดมองดูไม่ได้ เจ้าหน้าที่ในสถานพยาบาลต่างสุมหัวกัน “ใครอะ? ไม่ได้อยู่ในเขตนี้แน่ ทำไมไม่เคยเห็นมาก่อน?”


“ไม่รู้เหมือนกัน หล่อกว่าดาราอีกแฮะ หล่อมากจริงๆ น่าเสียดายที่มีเจ้าของแล้ว”


พอจะรับรู้ถึงความเสียดายที่ผสานอยู่ในเสียงนั่นออก ถึงที่นี่จะเป็นคลินิกชั้นเยี่ยม แต่ก็ไม่มีห้องเดี่ยวห้องหนึ่งจะมีเตียงผู้ป่วยสองเตียง เตียงข้างในถูกจับจองไว้แล้ว เป็นเด็กชายตัวน้อยที่กำลังดื่มนมเปรี้ยว เอนตัวนอนรับน้ำเกลือ ไม่รู้ว่าแม่เด็กไปที่ไหน


 ………………………………………………….


ตอนที่ 1806-2


ฉินมั่ววางร่างป๋อจิ่วลงบนเตียงอีกเตียงหนึ่ง  พวกเจ้าหน้าที่จึงได้เห็นคนที่เขาอุ้มมาอย่างชัดเจน ถึงกับตะลึงสติหลุด ใบหน้าดูดีนั่นแยกไม่ออกว่าเป็นหญิงหรือชายกันแน่ ตอนนี้น่าจะไข้ขึ้นสูง แก้มทั้งสองข้างแดงนิดๆ น้อยครั้งจะได้เห็นผู้ป่วยที่ป่วยได้สวยอย่างนี้ แต่พอจะเห็นได้ว่าผู้ป่วยไม่สบายตัวมาก เรียวปากแห้งกรัง เส้นผมแนบหน้าผาก คิ้วขมวดมุ่น


พยาบาลเอาอุปกรณ์มาเพื่อจะให้น้ำเกลือ เธอไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมคนที่หน้าตาดีเลิศขนาดนี้ พอเห็นเข็มปุ๊บก็ไม่ยอมให้ความร่วมมือเอาเสียเลย


ฉินมั่วเห็นทุกอย่าง จึงหันไปรั้งตัวป๋อจิ่วให้เอนตัวในอ้อมแขนตัวเอง ก่อนจะยกมือขวาของเธอขึ้น “เป็นเด็กดีหน่อย เดี๋ยวก็หาย”


พยาบาลยืนประหลาดใจอยู่ด้านข้าง เธอคิดไปเองรึเปล่าว่า ผู้ป่วยคนนี้จะไว้วางใจก็พอเมื่ออยู่กับแฟนตัวเอง แต่เธอเองอยู่ในคลินิกแห่งนี้มานาน น้อยครั้งที่จะได้พบกับผู้ชายคนไหนมีความอดทนสูง พูดตรงๆ  คือ เธอเพิ่งจะเห็นเป็นครั้งแรก เช่นเดียวกันกับเด็กน้อยที่ให้น้ำเกลือด้วยป่วยเป็นไข้หวัด ซึ่งมองดูอยู่ข้างๆ บังเอิญแม่เด็กกลับมาพอดี เขาก็นั่งตัวตรง “คุณแม่ คุณแม่ พี่คนนั้นโอ๋แฟนแบบคุณแม่เลย”


แม่เด็กรู้สึกว่าลูกเองยากจะเยียวยา รู้ด้วยว่าชายหนุ่มด้านข้างต้องได้ยินแน่ จึงหันไปยิ้มขออภัย ก็ได้เห็นคนที่อ้อมแขนเขาเหมือนไม่สบายมาก อยากจะขยับมือข้างที่ให้น้ำเกลืออยู่ ทว่ากลับโดนเขาห้ามไว้ เอ่ยปลอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่พอจะรับรู้ได้ถึงความอ่อนโยนในเสียงนั่น “ทรมานเหรอ? อดทนอีกนิดนะ เดี๋ยวน้ำเกลือก็หมดแล้ว”


เด็กชายเห็นแล้ว ก็ส่ายหน้าเป็นจริงเป็นจัง “ไม่ ไม่เหมือน แค่หนูกระดุกกระดิกนิดเดียว แม่ก็ดุหนูแล้ว”


ในฐานะที่เป็นแม่ ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี ได้แต่กระแอมกระไอเบาๆ “กินนมเปรี้ยวของลูกซะ”


เด็กน้อยทอดถอนหายใจ เขาก็มีไข้เหมือนกัน แต่ทำไมต่างกันอย่างนี้ เขาล่ะคิดว่าแค่นี้ก็เจ็บปวดพอแล้ว ไม่คิดว่าพี่รูปหล่อจะแกะลูกอมแล้วหันมาป้อนให้คนป่วยในอ้อมแขนตัวเอง


เด็กน้อยเงยหน้ามอง “คุณแม่ หนูอยากกินลูกอมบ้าง”


คุณแม่จนปัญญาชั่วขณะ หนุ่มสาวสมัยนี้ปฏิบัติต่อกันอย่างนี้เลยเหรอ? ใส่ใจเสียยิ่งกว่าเธอเลี้ยงลูกอีก


ทำไมเธอถึงไม่หาสามีแบบนี้บ้างนะ! ยังดีที่น้ำเกลือของเด็กน้อยใกล้หมดแล้ว แต่ด้วยเวลาเพียงครึ่งชั่วโมง แม่ลูกคู่นี้ต้องตกตะลึงชนิดที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิต


เด็กน้อยหันมามอง “คุณแม่ หนูก็ไม่ใช่คนเรื่องมากนะ แต่ตอนที่คุณแม่เป็นไข้ ก็ไม่เห็นคุณพ่อจะทำแบบนี้บ้างเลย”


“พ่อแกมันแล้งน้ำใจ…” คุณแม่ชะงัก ก่อนจะยิ้มแทน “ต่อไปในอนาคต ลูกก็ต้องดีกับแฟนหน่อยนะ ทำเหมือนพี่เขา เข้าใจไหม?”


เด็กน้อยพยักหน้าเหมือนจะเข้าใจ แต่ก็เหมือนจะไม่เข้าใจ เขาไม่เข้าใจจริงๆ นี่ พี่ผู้หญิงที่อ้อมแขนของพี่ผู้ชายเป็นคนป่วยแท้ๆ แต่ทำไมพี่ผู้ชายเหมือนจะเจ็บปวดเสียเอง


หลังจากที่สองแม่ลูกออกไป ก็เหลือเพียงฉินมั่วและป๋อจิ่วอยู่ในห้อง คนในอ้อมแขนยังไม่ฟื้น ฉินมั่วก็ไม่เปลี่ยนกิริยาท่าที เขาถือแก้วกระดาษด้วยมือข้างเดียวแล้วจรดลงที่เรียวปากเธอ


 …………………………………………………


ตอนที่ 1806-3


ก่อนหน้านี้ผู้ช่วยพิเศษของฉินมั่วที่บริษัทก็หอบข้าวของมาเจอเหตุการณ์ตรงหน้าพอดี ตอนที่รับสายโทรศัพท์ เขาเองไม่อยากเชื่อว่าท่านประธานจะโทรหาด้วยตัวเอง เพราะเขาได้ข่าวมาว่าช่วงนี้ท่านประธานฉินเงียบหายไป น่าจะเกิดเรื่องขึ้น พอรับสายเสร็จเขารีบโทรหาคุณผู้หญิงกับคุณผู้ชายทันที หลังจากนั้นก็หอบเอาถุงลูกอมไปให้ท่านประธานฉินตามที่อยู่ที่ได้รับ


นี่หรือคือสาเหตุที่ท่านประธานโทรหาเขา เขาพอจะรู้เหมือนกันว่าคุณชายจิ่วชอบ เอ้อ ตอนนี้ไม่ใช่คุณชายจิ่วแล้วสิ ต้องเป็นคุณหนูจิ่วชอบกินขนมหวาน ไม่ต้องคิดมากก็รู้ว่าท่านประธานให้เอาขนมหวานนี่มาให้คุณหนู


แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้ เมื่อได้เห็นภาพตรงหน้า เขาก็อดชะงักไม่ได้ เพราะท่านประธานไม่เคยปฏิบัติต่อใครแบบนี้มาก่อน ท่าทางที่กลิ่นไอเย็นชนกระจายทั่วตัว แววตาที่มองคนในอ้อมแขนกลับเต็มไปด้วยความรักและเอ็นดู


“ท่านประธานครับ ผมมาแล้วครับ” ในฐานะที่เป็นผู้ช่วยพิเศษ ย่อมต้องตาไวมือเร็ว ไม่คิดว่าเขายังไม่ได้ไปรับแก้วกระดาษนั่น ชาหนุ่มตรงหน้าก็ดื่มน้ำที่เหลือ ก่อนจะก้มหน้าป้อนคนในอ้อมแขนราวกับเขาไม่ได้อยู่ในห้องด้วย


พูดตรงๆ นะ เขาเหมือนพนักงานส่งขนมหวานนักเหรอ?


เมื่อรู้สึกถึงความเป็นก้างขวางคอของตนเอง ผู้ช่วยพิเศษที่แสนจะชาญฉลาดวางถุงลูกอมลงปุ๊บก็ไม่พูดมาก รีบไปยืนรอที่หน้าประตู รอให้ท่านประธานเรียกให้ไปซื้อของแล้วเขาค่อยเข้าไปดีกว่า ในฐานะที่เป็นหนุ่มวัยรุ่นตอนปลายที่โสดอยู่ เขาไม่อยากกินอาหารหมาที่ท่านประธานสาดใส่


ท้องฟ้าด้านนอกเริ่มมืด เมื่อมีของเหลวไหลเวียนในร่างกาย สองชั่วโมงหลังจากนั้น ป๋อจิ่วก็รู้สึกร้อนจนอยากจะดึงผ้าห่มออก แต่กลับถูกมือหนึ่งที่เย็นนิดๆ รั้งไว้ “ยังเหลืออีกครึ่งขวด ใกล้จะหมดแล้ว”


เสียงนั่นทำให้ป๋อจิ่วรู้ตัวว่าเธอไม่ได้ฝันไป ความรู้สึกเมื่อตอนอยู่ในรถล้วนแต่เป็นจริง รวมถึงเสียงขอโทษที่อยู่ริมหูเธอ เขากลับมาแล้วจริงๆ


ป๋อจิ่วลืมตาขึ้น มองเห็นชายหนุ่มที่หันหน้ามาพอดี เขาสวมสเวตเตอร์สีเข้ม ลูกกระเดือกบนลำคอขยับเล็กน้อย รวมถึงคางที่แผ่รัศมีที่คุ้นเคย เธอยื่นมือจับแขนเสื้อเขาอัตโนมัติ อันเป็นกิริยาที่เธอมักทำเมื่อตอนเป็นเด็ก


ฉินมั่วผงะ หลุบตามองเธอ ขนตายางเฟื้อยปรกลงมา แววตาลุ่มลึกเหลือเกิน ถึงเธอฟื้นแล้ว เขาก็ยังไม่หยุดมือ โดยประคองหน้าเธอ ก้มหน้าลงป้อนน้ำให้


ป๋อจิ่วคอแห้งจริงๆ ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรก็โดนจูบเสียแล้ว น้ำอุ่นหอมหวานค่อยๆ ผ่านจากริมฝีปากเข้าไปทีละนิดๆ รวมถึงกลิ่นหอมอันหยิ่งยโสด้วย ความนุ่มเย็นนิดๆ ราวกับสัมผัสไอศกรีมที่เมื่อละลายในปากแล้วให้ความหวาน นี่เป็นความรู้สึกที่เธอได้จากท่านเทพทุกครั้งที่จูบกัน ทำให้ติดใจได้ง่าย แต่น่าเสียดายที่เขาไม่ได้จูบเธอ แต่ป้อนน้ำให้เธอที่สัมผัสนิดเดียวก็จากไป


ป๋อจิ่วออกจะผิดหวัง กำลังจะสำแดงความสามารถด้านการอ่อยก็เห็นเขาแบมือ มีลูกอมมากมายอยู่ด้านใน “เลือกเอาอันหนึ่ง”


“รสส้มละกัน” ป๋อจิ่วจิ้มเอาอันหนึ่งในนั้น


เธอมองดูมันถูกนิ้วเรียวของขายหนุ่มแกะออกแล้วป้อนให้เธอได้ลิ้มรส จากนั้นเธอก็ช้อนสายตามอง แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยปาก


“หิวแล้วเหรอ?” เขาหันมาพูดตรงใจเธอ เดิมก็หน้าตาดีอยู่แล้ว ตอนนี้มาเอาใจเธอด้วยวิธีนี้อีก รับมือไม่ไหวจริงๆ


…………………………………………..


ตอนที่ 1807


 ป๋อจิ่วส่งเสียงยอมรับ ไม่แคร์ที่จะเปิดเผยความคิดของตัวเอง “อยากกินเนื้อ”


“กินเนื้อ?” ฉินมั่วยิ้ม แววตาใสกระจ่าง เหมือนเหล้าที่มักมานาน “รอให้เธอดีขึ้นก่อนค่อยว่ากัน”


ป๋อจิ่วอยากจะขยับตัว แต่ฉินมั่วกดร่างเธอไว้ แล้วหันไปโทรศัพท์


ไม่นานผู้ช่วยพิเศษก็เดินเข้ามา มือถือกล่องอาหารที่สวยประณีต แต่น่าผิดหวังด้วยมันล้วนแต่เป็นโจ๊ก ป๋อจิ่วเป็นสิ่งมีชีวิตที่กินเนื้อมาตั้งแต่เด็ก การกินโจ๊กย่อมไร้รสชาติสิ้นดี แต่เธอหิวจริงๆ ไม่ต้องสนใจเรื่องรสชาติอะไรแล้ว


เดิมป๋อจิ่วคิดจะกินเอง ทว่าผู้ช่วยพิเศษเห็นกับตาว่าท่านประธานเปิดกล่องอาหารเร็วกว่าเธอก้าวหนึ่ง


ท่านถือช้อนไว้ในมือ ยักคิ้วให้คุณหนูจิ่ว “อ้าปาก”


ป๋อจิ่วค้นพบว่าการที่คนหน้าตาหล่อเหลามาป้อนอาหารให้ ย่อมทำให้เจริญอาหารขึ้นหลายเท่า ถึงโจ๊กยังร้อนอยู่ เมื่อเข้าสู่ปาก ด้วยรสชาติจืดปนเค็มที่ผสานกัน รสชาติจึงออกมาดี


ป๋อจิ่วเอียงศีรษะกินโจ๊ก พอกินเสร็จน้ำเกลือก็หมดขวดพอดี แต่ยังไม่ทันจะลุกขึ้นมา ชายหนุ่มก็ก้มตัวอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขน “ข้างนอกมันหนาว” เขาพูดสั้นๆ ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ


ป๋อจิ่วได้กลิ่นหอมสะอาดจากร่างเขา ไม่มีอารมณ์สนใจอย่างอื่นอีก หัวใจเธอเต้นแรงจนชัดเกินไป เธอออกแรงที่นิ้วมือ มุมปากแย้มออก ทว่าฉินมั่วหลุบตามองคนในอ้อมแขน “ซุกหน้าลงไปเดี๋ยวนี้”


“หืม?” ป๋อจิ่วไม่เข้าใจ


เสียงยังเรียบเหมือนเดิม “หน้าตาดีเกินไป มันสะดุดตา” ฉินมั่วพูดเช่นนี้ออกมา เป็นเวลาที่พอดีกันกับที่ผู้ช่วยพิเศษหลี่เอียงตัวเปิดประตู ฝ่ายหลังกระแอมเล็กน้อย ระงับยิ้มทัน ท่านประธานมีความรักทั้งที แหม อธิบายลำบาก


ท้องฟ้าด้านนอกมืดมิดแล้ว เจียงเฉิงที่เข้าสู่หน้าหนาวมานานแล้ว อุณหภูมิตกลงมาอยู่ที่ 0 องศา เมื่อลมพัดมา จึงหนาวเป็นพิเศษ


ทว่าป๋อจิ่วกลับไม่รู้สึกเช่นนั้น เธอรู้เช่นกันว่าเขาช่วยกันลมทั้งหมดให้เธอ เพราะเมื่อตอนจะขับรถ เธอได้ยินเขาพูดว่า “ทำไมตัวยังร้อนอยู่”


เมื่อไข้ขึ้นย่อมลดลงไม่เร็วปานนั้น ต่อให้ได้น้ำเกลือ ก็ยังต้องใช้เวลาถึงคืนหนึ่งกว่าจะฟื้นสภาพ ฉินมั่วเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยา รู้ดีถึงความรู้ทางการแพทย์ขั้นพื้นฐาน แต่ไม่รู้ว่าทำไม เมื่อได้สัมผัสเธอที่ร้อนกรุ่น เขาจึงอยากให้อุณหภูมิลดลงเร็วๆ


ป๋อจิ่วกลับคิดว่าเป็นอย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน เมื่อก่อนใช่ว่าเธอจะไม่เคยป่วยหรือได้รับบาดเจ็บ เมื่อคิดดูแล้ว แค่เธอได้รับการดูแลจากเขาเมื่อตอนที่เป็นเด็ก จากนั้นเธอก็กลายเป็นนายน้อยของโลกแฮกเกอร์ ต้องเผชิญหลายต่อหลายเรื่องด้วยตัวเอง แค่ไข้ขึ้นนอนสักนิดก็หายแล้ว ไม่เคยโดนโอ๋เหมือนวันนี้หรอก


ป๋อจิ่วเอียงคอ จึงได้เห็นลำคอยาวขาวนวลของชายหนุ่ม อันให้ความรู้สึกสูงส่งต้องห้าม


“หนาวเหรอ?” คงเพราะสังเกตเห็นสายตาของเธอ เขาหลุบตาจุ๊บที่ดวงตาเธอ “เดี๋ยวก็ถึงแล้ว”


ป๋อจิ่วรู้สึกหวาน เธอยังคงปวดหัวเพราะไข้ขึ้น ทั้งยังไม่รู้ว่าความทรงจำของฉินมั่วกลับมาแล้ว รวมถึงความทรงจำในวัยเด็กด้วย เธอแค่รู้สึกแค่สนิทสนมขึ้นอย่างน่าประหลาด ทว่ากลับบอกไม่ถูกว่าสนิทขึ้นที่ตรงไหน คงเพราะถูกดูแลเป็นอย่างดี


แถมท่านเทพไม่ได้รื้อเรื่องน่าอับอายเมื่อตอนที่เขาเสียความทรงจำไป ซึ่งหากมองจากจุดนี้การเป็นไข้ย่อมดีกว่าสุดๆ  มันช่างสมบูรณ์แบบ


แต่ความเป็นจริงได้พิสูจน์แล้วว่าเธอช่างซื่อบื้อและบริสุทธิ์มาก เพราะประโยคต่อมาของท่านเทพคือ “เดี๋ยวพอถึงแล้ว ฉันยังอยากฟังเรื่องที่ว่าฉันหลงรักเธอตั้งแต่แรกเห็นยังไง แล้วจีบเธออีท่าไหน”


ป๋อจิ่ว “…”


…………………………………………..


ตอนที่ 1808-1


ประโยคเดียวของท่านเทพ  ทำให้ป๋อจิ่วรู้สึกว่าเธอหลงกลเขาแล้ว ขอจำพวกประวัติอันดำมืดเนี่ย ไม่ควรมีจริงๆ โดยเฉพาะเวลาอยู่ตรงหน้าท่านเทพ สำคัญที่สุดก็ตรงที่ท่านเทพยังจำได้ว่าเป็นแฟนเธอ


เมื่อกำลังจะลงจากรถ ฉินมั่วยื่นมือจับหน้าเธอ ท่ายักคิ้วของเขาทำให้รู้สึกเหมือนอ่อนโยน “คิดว่าแกล้งหลับแล้วจะหนีพ้นเหรอ?”


ป๋อจิ่วลืมตา ไม่อ้าปากก็ถูกเขาเอาเสื้อคลุมมาพันรอบร่าง หากจะจัดให้ท่านเทพอยู่ในโหมดผู้ชายอ่อนโยน จะต้องลบส่วนที่รื้อประวัติน่าอับอายของเธอทิ้งก่อน มันจะเพอร์เฟกต์


ทั้งสองไม่ได้กลับบ้านตระกูลฉิน แต่เป็นที่อะพาร์ตเมนต์ของป๋อจิ่ว สีหน้าของคุณตาพ่อบ้านก็ไม่ค่อยจะดีเท่าไร เมื่อเห็นนายน้อยถูกอุ้มเข้ามา แต่คนสุภาพอย่างคุณตาย่อมต้องรินชาสไตล์อังกฤษให้กับผู้ช่วยพิเศษ ส่งผลให้ผู้ช่วยพิเศษมองดูคนชราที่อยู่ตรงหน้าด้วยความตะลึง บ้านตระกูลฟู่ไปจ้างพ่อบ้านอย่างนี้มาตั้งแต่เมื่อไร?


เขามั่นใจว่าตัวเองมีบุคลิกที่ไม่เลว สวมชุดสูทอยู่ทุกวัน เรียกได้ว่าสามารถจัดการธุระเล็กใหญ่ให้แก่ประธานฉินได้สบาย หากผู้ช่วยอย่างเขาถูกจัดว่าเป็นที่สอง ย่อมไม่มีใครได้ที่หนึ่งแน่นอน


ทว่าคุณตาคนนี้ไม่เพียงแต่สวมสูทเนี้ยบไปหมด ยังดูดีมีระดับชนิดไม่มีฝุ่นไรเกาะตัว ท่าถือร็อกเก็ตนาฬิกาก็ไม่มีที่ติ นับตั้งแต่เครื่องชาจนไปถึงขนมหวาน ล้วนแค่ประณีตจนน่าตะลึง


แต่ของที่หน้าตาสวยๆ ย่อมไม่อร่อย ผู้ช่วยคิดเช่นนี้จึงตักเค้กชิ้นหนึ่งเข้าปากไปงั้นๆ วัยรุ่นตอนปลายอย่างเขากินอาหารหมามาวันหนึ่งเต็มๆ แล้ว ขอกินอะไรรองท้องก็คงไม่… เฮ้ย ทำไมอร่อยอย่างนี้!


นัยน์ตาของผู้ช่วยถึงกับเบิกกว้าง แล้วหันมามองคุณตาพ่อบ้านที่สง่างามตั้งแต่หัวจรดเท้า ด้วยความรู้สึกที่แพ้ราบคาบ มิน่าล่ะ ท่านประธานถึงไม่พาคุณหนูจิ่วกลับบ้านตระกูลฉิน


ผู้ช่วยไม่รู้ว่านอกจากเหตุผลดังกล่าวแล้ว ยังเป็นเพราะฉินมั่วรู้ดีถึงฝีมือการรักษาของคุณตาว่าจะเป็นประโยชน์ต่อป๋อจิ่วมากกว่า ทว่าน้องจิ่วที่เอนตัวนอนบนเตียงรับน้ำที่ชายหนุ่มป้อนให้ กำลังคิดว่าจะหาทางดึงความสนใจของท่านเทพไปสู่เรื่องอื่น อย่าเพิ่งพูดถึงว่า ‘เขาไล่จีบเธออย่างไร’ เลยจะดีกว่า คงเพราะแบกประวัติน่าอายเอาไว้ หรืออาจเป็นเพราะไข้ต่ำๆ ที่มี ทำให้ป๋อจิ่วหน้าแดงหน่อยๆ


เพื่อแสดงให้เห็นว่าเธอเป็นเด็กดี จึงนั่งตรงๆ เพื่อสร้างผลงานกลบความผิด ดังนั้นฉินมั่วป้อนอะไรให้ เธอก็ดื่มหมด แม้ว่าปกติแล้วเธอไม่ค่อยดื่มน้ำเปล่า ตอนนี้เธอดื่มไปครึ่งค่อนแก้วรวดเดียว ก่อนจะมองเทพฉินอย่างแสดงผลงาน ทว่าชายหนุ่มกลับไม่มีปฏิกิริยาแต่อย่างใด


ป๋อจิ่วจึงดื่มอีกครึ่งค่อนแก้ว แล้วเงยหน้ามอง แต่ได้ผลเช่นเดียวกัน ท่าทางจะหนีไม่รอดแฮะ เธอคิดแล้วคิดอีกว่า จะจุ๊บเอาใจเขาดีไหม จะได้กลบเรื่องได้


ไม่คิดว่า ยังไม่ทันเอ่ยก็เห็นเขายื่นมือไปหยิบรูปถ่ายข้างเตียงมาก้มดู ไม่เห็นอารมณ์เขาจากเสี้ยวหน้าเลย เพราะรูปนั่น ตอนนั้นร่างของท่านเทพถึงกับแพร่ความเย็นยะเยือกออกมาประจักษ์ตา


ก่อนหน้านี้รูปนั่นเคยตั้งอยู่ในปราสาท ป๋อจิ่วรีบดึงรูปนั่นมาทันที ทำเหมือนกับพึมพำแต่ก็เหมือนอธิบาย “ทำไมถึงมีรูปมาวางไว้ตรงนี้เนี่ย? คุณตาต้องเอามาวางไว้ชัวร์เลย” พูดจบก็เอี้ยวตัวไปดึงลิ้นชักออก ก่อนจะวางรูปลงไปด้านใน ตอนนี้ท่านเทพเพิ่งจะหลุดจากภาวะฝังคำสั่งทางจิต น่าจะอ่อนแออยู่ เรื่องรูปนี่ ไว้สภาวะเขานิ่งแล้วเธอค่อยบอกเขาแล้วกัน คนเป็นประธานสุดโหดอย่างเธอ ก็ต้องเข้าอกเข้าใจคนรักอย่างนี้นี่แหละ!


 ………………………………………..


ตอนที่ 1808-2


พอป๋อจิ่ววางรูปเสร็จ ก็หันไปยิ้มให้ฉินมั่วอย่างเท่ ฉินมั่วหลุบตามองเธอราวกับไม่แยแส ทั้งยังป้อนน้ำให้เธออีก “ต่อให้เธอเป็นคนวางเองก็ไม่แปลก นั่นเป็นเพื่อนรักของเธอเมื่อตอนเป็นเด็กไม่ใช่เหรอ”


ป๋อจิ่วดื่มน้ำขลุกขลัก เมื่อกลืนน้ำลงก็ไอนิดหน่อย “ฉันไม่ได้เป็นคนวางจริงๆ นะ” หนนี้ท่านเทพกล่าวหาเธอของแท้ เธอไม่ว่างมาจัดวางรูปถ่าย หลังจากที่ท่านเทพถูกกระตุ้นฝังคำสั่งทางจิต ป๋อจิ่วก็เอาแต่หาทางให้ตัวเขาอยู่กับเธอ แม้ก่อนหน้านี้ท่านเทพจะชอบเรียกเธอว่าป๋าสายเปย์ แต่เธอรู้ดีถึงความเย้าหยอกที่แฝงในนั้น ราวกับพอเขาไม่สนุกอีกก็จะจากไปเลย


แน่ล่ะ นั่นเป็นสิ่งที่ป๋อจิ่วคิดไปเอง และความคิดไปเองนั้นทำให้ป๋อจิ่วโอ๋ชายหนุ่มสุดวิธี แล้วจะเอารูปมาวางได้อย่างไร แต่คุณตากลับคิดต่าง เพราะหากพิจารณาจากมุมการแพทย์ ไม่ว่าจะโดนฝังคำสั่งทางจิตอย่างไร ในยามปกติก็จะไม่อยากผจญต่ออดีต เพราะไม่อยากเจออดีต จึงก่อให้เกิดความจุดอ่อนทางจิต ทำให้ปิดตายบางส่วนในใจ


ดังนั้นคุณตาจึงลองทุกวิธีที่จะปลุกความทรงจำของเขา


เหตุผลที่ว่า ป๋อจิ่วเข้าใจดี แต่เพราะชายหนุ่มต่อต้าน ‘เหมยเขียวและม้าไม้’ ของเธอมาก เธอที่แบกประวัติดำมืดในเวลานี้ จึงต้องการหลีกเลี่ยงหัวข้อที่ไปแตะเขตฟ้าผ่า


ฉินมั่วย่อมเดาความคิดของคนบางคนออก เรียวปากบางจึงแย้มขึ้น ก่อนจะดึงลิ้นชักออกมา “ทำไม? คิดว่าฉันจะหึงงั้นเหรอ”


“ใครเขาจะคิดอย่างนั้น” ป๋อจิ่วหัวเราะ ก่อนเอ่ยถาม “พี่ไม่หึงเหรอ?”


ฉินมั่วตอบธรรมดามาก “มีอะไรน่าหึง” ซึ่งป๋อจิ่ว…ทำไมฟังแล้วเหมือนปากไม่ตรงกับใจ


นี่ต้องเป็นแผนการเขาอีกแน่นอน เธอไม่หลงกลหรอก อยากจะหาเรื่องคุย พอถึงเวลาที่เหมาะสมจะได้เอามาหยอกเขาบ้าง จึงดันลิ้นชักปิด “พี่มั่ว หลังจากที่พี่พูดในตอนนั้น ฉันมานั่งคิดดู รู้สึกว่าเพื่อนฉันเมื่อตอนเป็นเด็กก็ร้ายลึกเหมือนกันนะ เช่น เขาชอบไม่ให้ฉันไปเล่นกับคนอื่น มาคิดได้ในตอนนี้ เขาน่าจะหึงฉัน แต่ตอนนั้นฉันเด็กไงเลยไม่เข้าใจ”


หลังจากที่พูดจบ ป๋อจิ่วก็รอคอยที่จะเห็นท่านเทพชอบใจในความคิดของตนเอง เพราะในสภาพแบบนี้ หากว่ากันตามนิสัยของเขา นอกจากจะเห็นด้วย ยังสั่งเธอให้ต่อไปอยู่ห่างคนแบบนี้ให้ไกลๆ อีกต่างหาก


แต่? ทำไมถึงเงียบ?


ป๋อจิ่วมองดูนิ้วที่จับลูกอมที่ถูกแกะออกจากห่อเพื่อป้อนเธอ กำลังเกร็งทื่ออยู่ เขาเลิกคิ้วเล็กน้อย เธออุตส่าห์เตรียมกินแล้วนะ อยู่ๆ ท่านเทพก็หยุดไป อะไรกันเนี่ย?


ไม่รอให้ป๋อจิ่วเข้าใจหรอก ฝ่ายฉินมั่วก็นั่งลง แย้มเรียวปากบางนิดๆ ถามเธอ “อยากกินเหรอ?”


“อื้ม” ท่านเทพเริ่มใช้เสน่ห์ยั่วใจเธอแล้ว ป๋อจิ่วคิดอย่างนี้แหละ จึงรอรับการป้อน แต่ที่ไหนได้ ชายหนุ่มแค่ยิ้ม ยกมือขึ้นมานิดๆ แล้วเอาลูกอมที่จะป้อมให้เธอ โยนทิ้งถังขยะเสียอย่างนั้น


ป๋อจิ่ว “…”


“ในเมื่อมีไข้ ก็กินของหวานเลี่ยนให้น้อยลงหน่อย” ฉินมั่วเลิกหางตาเล็กน้อย ให้ความรู้สึกสูงส่งต้องห้าม


จะว่าไปเขาก็มีเหตุผลแฮะ แต่ก่อนหน้านี้เขาป้อนลูกอมให้เธอตั้งเยอะ ป๋อจิ่วไม่เข้าใจว่าเธอไปยั่วโมโหเขาที่ตรงไหน จึงนั่งอยู่ที่เดิมอย่างไม่เข้าใจ มองดูเขาหันมาจัดผ้าห่มให้เธอ แล้วเอ่ยเสียงเรียบ “ว่ากันว่าความรู้สึกที่บริสุทธิ์ที่สุดจะเกิดขึ้นในวัยเด็ก”


ป๋อจิ่วเอ่ยในใจ นั่นไงกำลังแซะเธอเข้าให้แล้ว ต้องเป็นเพราะรูปนั่น เขาถึงอารมณ์ไม่ดี เธอจึงรีบเอ่ยทันที “เด็กจะไปเข้าใจอะไร?”


ฉินมั่วได้ยินแล้ว เคาะข้อมือเธอ “ไม่อยากพูดถึงตอนเป็นเด็ก?”


ก็เพราะพี่ชอบอาแต่หึงไง ป๋อจิ่วพยักหน้า


 ………………………………………..


ตอนที่ 1808-3


ฉินมั่วหัวเราะ นิ้วเรียวขาวผ่องยังคงเคาะลงบนข้อมือเธอราวกับเคารพความเห็นของเธอ เขากำลังคิดพิจารณา แสงจากหลอดไฟฟ้าส่องลงปลายคาง “งั้นพวกเราก็มาคุยกันดีกว่าว่าเธอเคยจีบคนมามากเท่าไร แล้วค่อยคุยเรื่องฉันหลงรักเธอครั้งแรกที่เห็นในความทรงจำของเธอ?”


ป๋อจิ่ว “…” เราพูดเรื่องอื่นบ้างดีกว่า! เธออึ้งไปเลย ก่อนจะทิ้งศีรษะไว้บนอกชายหนุ่ม แววตาไหวระริก “พี่มั่ว ฉันปวดหัว”


“คิดว่าฉันจะเชื่องั้นเหรอ?” ฉินมั่วหัวเราะ ป๋อจิ่วได้แต่เงียบ เพราะแม้ชายหนุ่มจะพูดเช่นนั้น แต่ยังยื่นมือมาลูบศีรษะเธอด้วยความนุ่มนวล ทำให้คนรู้สึกผ่อนคลาย หากไม่เป็นเพราะเสียงที่ลอยเข้าหูว่า “ไม่เอารูปมาโชว์แล้วเหรอ?”


ป๋อจิ่วกะจะซบอกชายหนุ่มชนิดที่ไม่ขยับ “ไม่แล้ว”


“น่ารักดีออก ทำไมไม่เอามาวางแล้วล่ะ” ฉินมั่วพูดธรรมดาจะตายไป เมื่อรับรู้ถึงอุณหภูมิบนร่างเธอ ก็แกะลูกอมให้เม็ดหนึ่ง “คนเราจะระลึกถึงอดีตในเวลาที่เหมาะสมบ้าง ก็ถือเป็นเรื่องดีนะ”


ป๋อจิ่วไม่เขยื้อน…แหม ใจกว้างจัง ฉันเกือบเชื่อแล้วเชียว!


“วางในลิ้นชักก็พอ” ป๋อจิ่วรู้สึกว่าเธอต้องประลองปัญญาอย่างหนักหน่วง จะวางตัวตามสบายไม่ได้แม้แต่นิดเดียว เขาน่าจะให้ลูกอมเธอได้แล้วนะ


ไม่คิดเลยว่าชายหนุ่มจะหัวเราะอีกครั้ง ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีกแล้ว แค่ครั้งนี้เขาไม่ได้โยนลูกอมลงถังขยะ แต่กินเอง


ป๋อจิ่ว “…” เดี๋ยวนี้จะกินลูกอมสักเม็ด ก็ยากเย็นแสนเข็ญแล้วรึ? แต่ท่าของเขาเมื่อกี้ เหมือนจะป้อนเธอเลยนะ


ชายหนุ่มกวาดตามองคนบางคน เอ่ยเสียงเรียบ “อยากกินมากเลยเหรอ?” ป๋อจิ่วส่งเสียงยอมรับ เผื่อแกล้งทำตัวน่าสงสารจะมีประโยชน์บ้าง แต่ความเป็นจริงก็พิสูจน์ได้ว่าการแสร้งทำตัวน่าสงสารต่อหน้าท่านเทพไม่มีผลเลยสักนิด


ชายหนุ่มจับหน้าเธอพลางหัวเราะ “งั้นก็ทนหน่อยนะ”


ป๋อจิ่ว “…” โอ้ย น่าอายจัง ต้องเพราะเพราะรูปนั่นแน่เลย ป๋อจิ่วที่มีอาการไข้จนแทบไร้สติ ไม่ได้คิดเลยว่าชายหนุ่มจำได้แล้ว ซึ่งฉินมั่วเองก็ไม่คิดจะบอกต่อเธอ เพราะอยากให้เธอรู้ด้วยตัวเอง แถมพอเขารู้ว่าเจ้าเด็กที่มีแผนมาจีบเธอเป็นตัวเขาเอง ความรู้สึกที่ได้ก็คือ…มันช่าง…


ฉินมั่วหลุงตาลง จับหน้าใครบางคน รอว่าเมื่อไรเธอจะรู้ตัวสักที


ป๋อจิ่วจู่ๆ ก็โดนจับหน้า แต่ความอบอุ่นในก้นบึ้งนัยน์ตาของชายหนุ่มมันท่วมท้น เขาปฏิบัติต่อเธอเหมือนเป็นของล้ำค่า แถมสองตาที่หลุบมอง ทั้งสูงส่งต้องห้ามและยั่วใจคน จู่โจมหัวใจเธอตรงๆ เธอจึงสู้กับกลหนุ่มงามไม่ไหว แถวแววตาดำของเขาช่างน่าหลงใหลและยังจู่โจมหัวใจเธอ


หลังจากที่เห็นสภาพอีกฝ่าย ฉินมั่วก็ชะงัก แววตามองต่ำลง พร้อมก้มตัวหมายจะจูบที่มุมปาก ใครจะรู้ล่ะว่าเขากลับควบคุมตัวเองไม่ไหว ไล้นิ้วยังไปความนุ่มหยุ่นของเธอ แทบจะทำให้คนในอ้อมกอดละลายกลายเป็นน้ำ


ป๋อจิ่วถูกจูบจนมึนศีรษะยิ่งขึ้น อาการไข้กลับไม่สูงเท่าความร้อนที่ท่านเทพมอบให้


แม้จะเป็นเช่นนั้น ฉินมั่วก็ยังรับรู้ถึงความร้อนในกายอีกฝ่ายที่ทวีขึ้นอีกครั้ง จึงชนหน้าผากกับหน้าเธอ เพราะเธอเองก็หมดแรงแล้ว หัวใจเหมือนถูกบีบรัด กระแสเลือดก็ไหลเวียนไม่คล่องตัว เขาจึงอุ้มเธอ และป้อนลูกอมให้ในที่สุด ก่อนจะก้มลงจุ๊บเส้นผมเธอ “ถ้าหิวน้ำก็บอกฉันละกัน”


 ………………………………………


ตอนที่ 1808-4


เมื่อก่อนป๋อจิ่วก็ไม่คิดว่าท่านเทพจะดูแลใครเป็น แต่ครั้งนี้ต่างออกไป


อันที่จริงอย่านึกว่าแค่ไข้ขึ้นธรรมดานะ เพราะมันน่ารำคาญมากเลยล่ะ ปากเธอไม่รับรสเลย ทั้งอยากดื่มน้ำและของเปรี้ยวๆ หวานๆ หากเอาแต่กินลูกอมคงไม่ดีแน่ คอจะรับไม่ไหว


การจะทำให้คนมีไข้รู้สึกสบาย ย่อมไม่ง่าย เขาไม่ละสายตาไปจากเธอเลย พอเธอขยับเขาก็รู้ทันทีว่าเธอต้องการทำอะไร ผลไม้ถูกนำมาเปลี่ยนแทนลูกอม และเขายังเป็นคนป้อนเธอเหมือนเดิม


ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องเข้าห้องน้ำ มือของป๋อจิ่วไม่มีแรงแล้ว แต่เมื่อไม่ต้องให้น้ำเกลือก็ย่อมสบาย แต่ชายหนุ่มไม่ฟังเธอ ก้มตัวช้อนร่างเธอพาเข้าห้องน้ำ แถมยังช่วยปลดขอบกางเกงนอนให้เธออีกด้วย


หลังมือของท่านเทพช่างขาวนวล ขนาดที่เล็กเปล่งประกายได้ ออร่าจัดจริงๆ เมื่อนิ้วมือลากผ่านอย่างไม่ง่ายนัก ทำให้ป๋อจิ่วรู้สึกว่า มือที่ปลดกางเกงให้เธออยู่ ช่างขัดแย้งกันจริงๆ แต่หากมองจากมุมนี้ เขากลับไม่ใส่ใจ “เสร็จแล้วก็เรียกฉันละกัน”


คงเพราะเขาดูแลดีทุกขณะจิต แถมท่านเทพยังเฝ้าดูให้เธอดื่มน้ำติดๆ กันได้หลายแก้ว จนถึงตอนสี่ทุ่มทอุณหภูมิของป๋อจิ่วก็กลับมาเป็นปกติ โดยเจ้าตัวนอนหลับซบอกชายหนุ่ม


ท่านเทพต่างจากเธอตรงที่เขาไม่ได้หลับ ชายหนุ่มโอบเธอด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างก็เอาแต่เช็กอุณหภูมิบนหน้าผากเธอเป็นระยะๆ


ความน่ากลัวอยู่ตรงที่ อาการไข้มักกลับมาในช่วงดึก  อันเป็นเรื่องที่ทุกคนรู้กันดี เพราะเหตุนี้ ฉินมั่วจึงไม่รีบหลับ ชายหนุ่มเกลี่ยเส้นผมออกจากแก้มเธอ ความอบอุ่นบนนัยน์ตาเข้มข้นมากแทบจะล้นออกมา แต่ป๋อจิ่วไม่ได้เห็นภาพดังกล่าว ไม่งั้น เธอจะต้องรู้สึกว่าแววตาแบบนี้มันคุ้นมาก


คุณตายืนอยู่นอกประตู เดิมเตรียมจะยกซุปเข้ามาให้ แต่พอเห็นเหตุการณ์ดังกล่าว จึงปิดประตูเงียบๆ ก่อนจะมองดูร็อกเก็ตนาฬิกาเนื้อเงินอีกครั้ง ด้วยรู้ดีว่า วันนี้แม้ว่าเขาจะไม่อยู่ด้วย นายน้อยก็ยังหายดีได้ เพราะยาที่ดีที่สุดคือการดูแลปรนนิบัติอย่างเอาใจใส่ ซึ่งเรื่องนี้ไม่มีใครสู้คุณชายตระกูลฉินได้


ป๋อจิ่วนอนหลับสบาย เธอซุกหน้าไปยังผ้าห่มอันอบอุ่น โดยที่ไม่รู้ว่านั่นไม่ใช่หมอน แต่เป็นเสื้อนอนของชายหนุ่มต่างหาก


ขอแค่เธอขยับ ฉินมั่วจะต้องลืมตาขึ้นมามองเธอ แล้ววัดอุณหภูมิให้ จนในที่สุด คงเพราะทนไม่ไหว เขาก็จับหน้าเธอ “อุตส่าห์แอบบอกใบ้ให้ตั้งเยอะ แต่ยังเดาคำตอบไม่ออกอีก จะว่าเธอโง่ ก็ไม่ถือว่าใส่ร้ายเธอหรอกนะ ป๋อเสียวจิ่ว”


ส่วนป๋อจิ่วเองคงฝันดี เพราะมุมปากยังคงหยักยิ้มทั้งยังเผยอนิดๆ จนดูปริ่มชื้น ฝ่ายฉินมั่วเห็นทุกอย่าง นัยน์ตาเข้มขึ้น ก่อนจะหันตัวไปวางรูปไว้ที่เดิม


ท้องฟ้าข้างนอกมืดครึ้มขึ้น ฝ่ายเน็ตติเซ่นทั้งหลายที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ยังคงใจจดใจจ่อต่อการแข่งขัน


เพราะวันนี้หลังจากที่ทีมไดมอนด์ได้แข่งกับทีมธีโอ พวกเขาก็ได้เห็นความหวังพร้อมๆ กับรู้ตัวว่ามาตรฐานของทีมไดมอนด์ยังสู้ฝ่ายญี่ปุ่นไม่ได้


โพสต์วิเคราะห์มากมายถูกลงในโลกออนไลน์ ประมาณว่าทีมไดมอนด์มีโอกาสแพ้สูง เพราะภายในทีมไม่มีใครที่จะสู้โฮชิโนะและยูกิชินได้สักคน


…………………………………..


ตอนที่ 1809-1


เพราะวันนี้หลังจากที่ทีมไดมอนด์ได้แข่งกับทีมธีโอ พวกเขาก็ได้เห็นความหวังพร้อมๆ กับรู้ตัวว่ามาตรฐานของทีมไดมอนด์ยังสู้ฝ่ายญี่ปุ่นไม่ได้


โพสต์วิเคราะห์หลายๆ โพสต์โผล่ออกมาในโลกออนไลน์ ต่างคาดการณ์ประมาณทีมไดมอนด์มีโอกาสแพ้สูง ไม่ใช่เพราะทีมไดมอนด์ไม่เก่ง แต่ทีมญี่ปุ่นเก่งมากต่างหาก!


ยังไม่ต้องพูดถึงยูกิชินก่อนนะ แค่ฝีมือของโฮชิโนะคนเดียว ก็ถือว่าอยู่ในระดับโลกแล้ว คนพวกนี้ไม่เพียงแต่เป็นสมาชิกในทีมญี่ปุ่น แต่ยังถูกคัดเลือกให้เป็นตัวแทนประเทศไปแข่งระดับโลกมาทุกปี


อีกทั้งความแกร่งของทีมไดมอนด์อยู่บนความสามารถเฉพาะส่วนบุคคล ยังรวมถึงจำนวนแฟนคลับอันเป็นสิ่งสำคัญยิ่งกว่า แค่เลือกมาสักคนก็เป็นข่าวดังแล้ว


ไม่เพียงจำกัดแค่ในประเทศ ขนาดเมื่อก่อนหน้านี้ หลินเฉินทาวยังเคยพูดว่าโฮชิโนะเป็นไอดอลของตนเอง ขนาดนักเล่นลีกส์อาชีพด้วยกันยังนับถือเป็นไอดอลขนาดนี้ คงจะเห็นอิทธิพลของเขากันล่ะ


ทีมไดมอนด์ VS ทีมอาทิตย์อุทัย


ในเขตประเทศจีนอาจจะไม่เห็นความแตกต่างมากมาย แต่ในระดับโลก ชื่อของทีมไดมอนด์ไม่เคยปรากฏในสายตาผู้ชมเลยในช่วงสามปีที่ผ่านมา ใช่ว่าพวกนักข่าวต่างชาติจะไม่ควานหาประวัติการแข่งของทีมไดมอนด์ แต่ทีมแบบนี้ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักสักเท่าไร รู้กันแค่ว่ามีเกมเมอร์ MVP มือโปรของวงการเท่านั้น แต่ฉินมั่วเองก็เงียบไปสามปีแล้ว


หากมองจากมุมต่างประเทศ เพราะทีมไดมอนด์ไม่โดดเด่นเลยในสามปีที่ผ่านมา จึงเป็นที่สงสัยว่าฟอร์มการเล่นของเขาลดน้อยถอยลงไปตั้งนานแล้ว เพราะในประเทศจีน หลายๆ คนที่เป็นนักเล่นลีกส์อาชีพจนจบ ก็หันไปไลฟ์สดในโลกออนไลน์ จำนวนแฟนคลับที่ทะลักทะลาย ทำให้พวกเขาลืมความตั้งใจดั้งเดิม จนคิดว่าไลฟ์สดก็พอ เพราะลงแข่งลีกส์ไม่ไหวแล้ว


ด้วยเหตุผลที่แสนง่ายคือ การเป็นแชมป์ในลีกส์อาชีพทำเงินไม่เร็วเท่ากับไลฟ์สด แถมบางครั้งพวกแฟนคลับก็มโนถึงพวกเขามากมาย ถึงขั้นเสนอตัวให้ก็มีไม่น้อย ดังนั้นในสายตาของสื่อต่างชาติ จึงคิดว่าทีมไดมอนด์ก็เป็นเช่นนั้นใช่หรือไม่ จะว่าไปหน้าตาของสมาชิกในทีมนั้น ก็ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า พวกเขาน่าจะไปเป็นดาราเสียมากกว่า โดยเฉพาะฉินมั่ว


หลายๆ คนบอกว่าผู้คนมักจะตราหน้าคนหน้าตาขี้ริ้วไว้ เช่นเดียวกันกับคนหน้าตาดีที่โดนเหมือนกัน เพียงแต่ตราหน้าในอีกแบบหนึ่ง


ยิ่งวิจารณ์กันไว้เยอะ แรงกดดันในทีมไดมอนด์ก็ยิ่งทวี มันย่อมเป็นเช่นนั้น ในเมื่อพวกเขาเป็นนักเล่นมืออาชีพ ก็ยิ่งต้องแบกรับความกดดันดังกล่าว


หลอดไฟในอินเทอร์เน็ตบาร์ยังคงสว่าง แม้จะไม่ได้เปิดให้บริการ อินอู๋เย่างับบุหรี่ กำลังจะเข้านอน ก็ได้ยินเสียงเหมือนเคาะประตู เขาจึงเลิกประตูเหล็กขึ้นข้างบนนิดหนึ่ง เห็นข้างนอกมีคนสามคนยืนเรียงกันเป็นแถว


เซวียเหยาเย่า โคโค่ และเฟิงซ่าง


คงเพราะใกล้ฉลองเทศกาลกันแล้ว บรรยากาศข้างนอกจึงครึกครื้น กลิ่นอายเทศกาลคริสมาสต์เต็มไปหมด แถมหิมะยังตกอีกด้วย ทั้งสามต่างสวมชุดทีมโดยมีเสื้อกันหนาวคลุมไว้ ทำให้ดูอ่อนเยาว์กันมาก แต่เมื่อคิดอีกทีสามคนนี้ยังอายุไม่มาก โตสุดก็แค่ 19 ปี


 ……………………………………


ตอนที่ 1809-2


“เข้ามาสิ” อินอู๋เย่ายังคงถือถ้วยบะหมี่สำเร็จรูปไว้ในมือ แต่เมื่อมีคนมาหา ก็ต้องหันไปถาม “กินไหม?”


อีกฝ่ายพยักหน้ากันหมด เดินตามหลังเจ้าบ้านเหมือนเด็กน้อยเดินตามหลังผู้ปกครอง ส่วนอินอู๋เย่าคาบบุหรี่พลางต้มบะหมี่ พลอยคิดไปว่า เขานับว่าเป็นแม่ล่วงหน้าแล้วใช่ไหม


ข้อดีของอินเทอร์เน็ตบาร์ก็คือ ขนมเยอะ


วันนี้ทั้งสามคนไม่ได้ฝึกซ้อม นอกจากโคโค่แล้ว เวลานี้ผู้คนข้างนอกพอจะจำหน้าคนที่เหลือได้ จะไปไหนก็ต้องสวมผ้าปิดปาก ตอนนี้พวกเขานั่งในห้องพิเศษ ห้องนั้นใหญ่มาก เมื่อสามคนนี้นั่งด้วยกัน ต่างหอบขนมไว้เป็นกองดูการ์ตูนสแลมดังก์กัน


บรรยากาศแตกต่างไปจากก่อนแข่งระดับประเทศ เวลานี้พวกเขาไม่ได้เล่นกันสุดชีวิตอีกแล้ว ทั้งไม่ได้ดูคลิปของทีมญี่ปุ่นอีกด้วย


สำหรับทีมญี่ปุ่นถือเป็นภาพที่เห็นกันเป็นประจำ หลับตาก็นึกภาพออก หากจะบอกว่าทุกวงการทุกขอบเขตย่อมมีท่านเทพ เช่นนั้นทีมญี่ปุ่นก็ถือเป็นทีมสุดยอดเทพของวงการ


สติบอกพวกเขาว่าควรจะต้องปล่อยใจให้ผ่อนคลายเพื่อต่อสู้ในวันพรุ่งนี้ แต่กลับกระสับกระส่ายนอนไม่หลับ ราวกับมีความรู้สึกบางอย่างติดค้าง


เวลาที่เป็นคนธรรมดา เราย่อมอยากใช้ชีวิตให้มีสนุก แต่เวลาที่ไม่ได้เป็นคนธรรมดา เมื่อเดินตามถนนหนทาง ได้เห็นคนอื่นพูดคุยฉลองเทศกาลตามสบาย ทว่าเรากลับต้องสวมผ้าปิดปาก เดินผ่านร้านรวงต่างๆ นานา ย่อมเกิดความอิจฉาอยู่แล้ว ความเหงาหงอยในหัวใจไม่มีวันได้รับการปลอบโยน กระทั่งยังรู้สึกไม่เป็นสุข และไม่มีใครเข้าใจ เพราะรู้ว่าความสามารถตัวเองถดถอย ดังนั้นจึงเดินมาที่ตรงนี้อย่างไม่รู้ตัว


เดิมโคโค่ก็เป็นคนอย่างนั้น ไม่คิดว่าแค่เลี้ยงตรงหัวมุมก็เห็นคนติดอ่างกำลังผูกเชือกรองเท้า แถมยังมีเหยาเย่าที่โบกไม้โบกมืออยู่ไม่ไกล ทั้งๆ ที่ไม่ได้นัดกันมาก่อน แต่กลับได้มาเจอกันโดยบังเอิญ เหมือนกับทุกคนมาที่นี่แล้วสบายใจ


พวกเขารู้จักกันและกันเป็นอย่างดีว่ากำลังกลัวอะไร


กลัวว่าหากหัวหน้าไม่อยู่ด้วย พวกเขาจะแพ้


กลัวว่าถึงเวลานั้น พวกเขาเดินตำแหน่งไม่เหมาะสมแล้วจะถ่วงทีมทำให้แพ้


ปัญหาที่ว่าไม่จำเป็นต้องให้ใครบอก พวกเขากลัวสิ่งเหล่านี้ ทั้งยังเป็นห่วงพวกเขา เพราะพอการแข่งในวันนี้จบ สภาพของแบล็กพีชก็ย่ำแย่มาก แถมเธอยังไม่เปิดมือถือจนถึงตอนนี้


คำวิจารณ์ในโลกออนไลน์ยังดำเนินต่อไป พวกเขาทำให้ทุกคนพอใจกันหมดไม่ได้ แม้ว่าจะต้องแข่งทั้งๆ ที่ป่วย แต่ยังมีคนหาข้อตำหนิ


อินอู๋เย่าอยู่ในวงการนี้มานาน แค่เห็นหน้าก็รู้ว่าพวกเขาคิดอะไร จึงเคาะตะเกียบข้างๆ “เอาถ้วยมา”


“บะหมี่นี้ทำไมมันแข็งจัง” โคโค่ว่าเมื่อกินเข้าไปคำแรก


ส่วนเฟิงซ่างดื่มซุปไปคำหนึ่งว่า “มะ มีให้กิน ก็ ก็ดีแล้ว”


“อื้ม” โคโค่ยอมรับคำอธิบายนั่น


อินอู๋เย่าเป็นผู้ชายดิบห่าม ปกติเวลากินบะหมี่ก็จะแค่เติมน้ำร้อนลงไป แต่พอเด็กสามคนนี้มาหาก็ต้องต้มกิน ทว่าตัวเองนิ่วหน้ากินเข้าไปคำหนึ่ง รู้สึกว่าสู้แบบเติมน้ำร้อนไม่ได้ จึงไม่กินต่อ เขางับบุหรี่ก่อนจะยิ้มนิดๆ เอ่ยขึ้นมาว่า “ฉันจะบอกให้นะ ฉันน่ะแก่แล้ว ยังไม่กลัวอะไรมากมาย พวกนายยังเด็กอยู่แท้ๆ จะคิดมากไปทำไม? ต่อให้แพ้แล้วไง พวกนายยังมีโอกาสในอนาคตอยู่”


โคโค่อึ้ง ไม่พูดอะไร


 ……………………………………….


ตอนที่ 1809-3


อินอู๋เย่าตบบ่าอีกฝ่าย “อย่ากดดันตัวเองให้มากนัก พรุ่งนี้ตอนแข่งค่อยว่ากัน อย่ากลัวว่าจะประเมินผิด ของแบบนี้เป็นเรื่องธรรมดาจะตายในการแข่ง…”


ไม่รู้ว่าเป็นเพราะโอวาทของอินอู๋เย่าให้ผลหรือเป็นเพราะท้องอิ่มแล้ว จึงทำให้คนมีกำลังสู้ หลังจากที่กินเสร็จ ทั้งสามต่างหาเตียงและโซฟานอน พอเอนตัวก็หลับทันที


อินอู๋เย่ามองดูแวบหนึ่ง ไปหยิบผ้าห่มมาสองผืนอย่างเงียบๆ ผืนหนึ่งนำมาคลุมร่างโคโค่และเฟิงซ่าง ส่วนอีกผืนก็เอามาคลุมร่างเซวียเหยาเย่า แล้วหันไปดับไฟ


ท่ามกลางความมืด เขาไม่ได้ไปนอน แต่เอียงคอจุดบุหรี่มวนหนึ่ง จากนั้นหยิบมือถือขึ้นมาส่งข้อความให้เฟิงอี้ “หลับกันหมดแล้ว คงคิดได้กันแล้ว ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะเป็นยังไง?”


หลังจากที่อ่านข้อความ เฟิงอี้ก็ดึงคอเสื้อให้หลวม ก่อนจะเงยหน้าองดูแสงไฟในเมืองซึ่งอยู่นอกหน้าต่าง


ใช่ พรุ่งนี้จะทำยังไง? ไม่เพียงแค่เขาที่คิดถึงปัญหานี้ กระทั่งหลินเฟิงที่สวมเสื้อขนเป็ดตัวยาวมีขนสัตว์ประดับ แถมยังเดินยัดมือทั้งสองข้างในกางเกงผ่านถนนมาตั้งสามสาย ก็คำนึงถึงปัญหาดังกล่าวด้วย


คงเพราะเขาเอาแต่หมกมุ่นในปัญหาดังกล่าว จนไม่สังเกตเห็นประตูกระจกข้างหน้า จึงชนเปรี้ยงเข้าให้ หลินเฟิงสบถด้วยความเจ็บ “แมร่งเอ๊ย”


ทว่าที่หน้าแตกที่สุด กลับไม่ใช่เป็นเพราะคนแปลกหน้าเห็นเราเสียลุค แต่เป็นคนที่สนิทต่างหากที่เห็นเข้า แถมยังมีสาวๆ หัวเราะแผ่วเบาอีกต่างหาก


หลินเฟิงจะทำอย่างไรได้ นอกจากทำหน้าว่า ‘ฉันรู้นะว่าพวกเธอหัวเราะฉัน’ น่าเสียดายที่เขาสวมผ้าปิดปาก สีหน้าจึงไม่เป็นที่ถูกถ่ายทอดออกไป ทว่าเมื่อหันหน้าไปอีกทางก็ประสานสายตาเข้ากับนัยน์ตาคู่หนึ่ง ฝ่ายนั้นไม่ถามเขาว่าเจ็บหรือไม่ แต่เอื้อมมือมาเลิกผมตรงหน้าผากให้เขา นวดบริเวณแดงๆ ให้ ไม่ต้องคิดก็รู้ว่า ฝ่ายนั้นเห็นเหตุการณ์เมื่อครู่ชัวร์


“ไม่ดูตาม้าตาเรือเลย กำลังคิดอะไรอยู่?” อวิ๋นหู่ถามเสียงปกติ


หลินเฟิงไอเล็กน้อย หนีคำถามที่ว่า ทั้งยังหลบมืออีกฝ่ายด้วย “นายมาที่นี่ได้ไง?”


อวิ๋นหู่ไม่คิดจะปิดบังเส้นทางตัวเอง “ฉันตามนายมาตลอดทาง”


หลินเฟิงได้ยินแล้วก็รู้สึกอึดอัด แล้วก็ได้ยินเสียงของอวิ๋นหู่อีก “เห็นเรื่องโง่ๆ มาเยอะละ”


หลินเฟิงอ้าปาก คิดจะเปิดฉากสงคราม


“หาที่นั่งคุยกันเถอะ” อวิ๋นหู่ท่าทางจริงจัง “ฉันรู้สึกกดดัน”


หลินเฟิงฟังแล้ว ก็เปลี่ยนท่าทีโดยไว เกาะบ่าอวิ๋นหู่ทันที “ไป มีเรื่องกลุ้มใจอะไรก็พูดกับเฮียได้” ต้องรู้กันว่าตั้งแต่เล็กจนโตเขาเรื่องมากที่สุด ส่วนอวิ๋นหู่มักเป็นลูกข้างบ้านที่ได้รับการนำมาเปรียบเทียบว่าดีกว่าลูกตัวเองเสมอ ความกดดันงั้นเหรอ? ตลกร้ายเลยล่ะ ไม่เคยมีหรอก เพราะเขาไม่เคยเจออุปสรรคมากมายอะไร นอกจากสิ่งที่ทั้งสองต้องเผชิญร่วมกัน แต่เขาแสดงออกชัดมากว่าอ่านความในใจของอวิ๋นหู่ไม่ออก


หลินเฟิงอยากทำตัวเป็นพี่ชายที่รู้ใจเพื่อนมาตั้งแต่เด็กแล้ว แต่ไม่มีโอกาสสักที เพราะเจ้าอวิ๋นหู่ชนะเลิศในทุกด้าน ย่อมไม่เคยมีความกดดัน กระทั่งก่อนสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่กี่วัน เจ้านั่นยังวิ่งออกกำลังตามปกติอยู่เลย ราวกับไม่มีเรื่องได้จะส่งผลต่อเขาได้ ตอนนี้อุตส่าห์ได้โอกาสชี้แนะให้อวิ๋นหู่ ความฝันกลายเป็นจริงแล้ว หลินเฟิงพาอวิ๋นหู่เดินไปด้านข้างอย่างสมหวัง


อวิ๋นหู่กลับเหล่มองมือของอีกฝ่ายที่พาดบ่าตัวเอง มุมปากหยักยิ้ม เจ้าหมอนี่คงไม่รู้ถึงความแตกต่างของการเป็นเกย์และชายแท้


………………………………………………

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม