Black Peach Z เดิมพันรักสาวแฮกเกอร์ 1732-1779

ตอนที่ 1732


ปกติแล้วคนที่เล่นเกมล้วนอยากได้คะแนนมากๆ ทุกคนต่างรู้ว่า การล่ามอสเตอร์ได้ยอดเยี่ยม จะสามารถนำฟอร์มการเล่น ซึ่งมันไม่ง่ายเลยนะที่จะได้เจอกับซุปเปอร์เทพ


ยังไม่ทันจะจบเลย ก็มีคนส่งข้อความหา “พี่ผู้ชายคนที่ตีมอนสเตอร์เก่งๆ ของฝ่ายโน้นอ่ะ เดี๋ยวแอดเฟรด์กันนะ? ดูดิ ฉันน่ารักออกจะตาย อย่าเอาแต่ฆ่าฉันเลย พาฉันเก็บแต้มดีกว่า?


ปกติแล้วป๋อจิ่วไม่ค่อยไปสนทนาในบอร์ดรวมหรอก แต่วันนี้ฉินมั่วอยู่ด้วย เขาอยากดู ซึ่งเมื่อเห็นประโยคที่ว่า ฉินมั่วก็หัวเราะด้วยยิ้มสวยๆ  แต่กลับปล่อยความเย็นชาออกมาจากช่องว่างระหว่างกลีบปาก “เขาประจบเธอนี่?”


“หือ?” ป๋อจิ่วถึงได้สังเกตเห็นข้อความด้านล่าง ก่อนจะละมือมาตอบ “ไม่ใช่พี่ผู้ชายสักหน่อย”


ฝ่ายนั้นจะอ้อร้อต่อ “ไม่ใช่พี่ก็เฮียเหรอ เฮียก็ดีนะ ออกจะมีเสน่ห์ จุ๊บๆ”


“เป็นพี่สาวคนสวยต่างหาก” ป๋อจิ่วพิมพ์เสร็จ ก็ถูกท่านเทพล่อลวงให้เผลอไผล โดยชายหนุ่มกอดเธอไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างก็กดลงบนมือถือเธอ ครั้งนี้เจตนาเขาชัดเจนด้วยการเอ่ยเสียงเรียบเรื่อยอย่างเย้าหยอก “แค่ฆ่าเธอ”


ป๋อจิ่ว…ทำแบบนี้กับเด็กผู้หญิงคงไม่ค่อยดีเท่าไรมั้ง? ท่านเทพไม่น่าจะรู้ว่า เธอจับคนได้โหดมาก


“ทำไม?” ฉินมั่วยิ้มบางๆ จ้องหน้าเธอ เคาะนิ้วบนนิ้วเธอ เล่นเอาวาบหวามไปหมด “เธอสงสารผู้หญิงล่ะสิ”


ชายหนุ่มพูดแล้วก็ผงะ ราวกับจับได้ว่าป๋อจิ่วชอบอะไร ก็เอ่ยปากต่อ “เธอส่งคนกลับเมืองก่อน แล้วจะมีรางวัลให้”


ต่อบอกว่า ประโยคท้ายของเขาช่างยั่วใจเหลือเกิน เธอจึงพาแม่สาวคนนั้นส่งกลับเมืองทันที!


ป๋อจิ่วถือดาบเหาะออกไป โดยฉวยจังหวะที่ผู้คนกำลังอึ้งกับ ‘พี่สาวคนสวย’ มุ่งตรงไปเจอกับนักเวทที่ยืนปิดหน้าบนเลนกลาง


นักเวทเห็นตัวเองตาย ก็พิมพ์แค่ “เฮ้ย” คนฝั่งนั้นหัวเราะตามมา “ฮ่าๆๆ ใครให้นายปลอมเป็นผู้หญิงล่ะ โดนแหกหน้าเลย”


พวกเพื่อนชาวเน็ตต่างรู้สักคำศัพท์ที่นิยมใช้ในโลกออนไลน์ หากคุณได้เจอกับฝ่ายตรงข้ามที่ตีมอนสเตอร์เก่งมาก เขาก็มักปลอมตัวเป็นผู้หญิงเข้าไปออดอ้อน รับรองว่ารอดชีวิตได้ถึงร้อยละเก้าสิบเลยล่ะ ซึ่งนักเวทเล่นมุกนี้มานานและได้ผลทุกครั้ง แต่วันนี้ซวยเป็นบ้า ทว่าเขารับรู้ถึงปัญหาหนึ่งได้อย่างรวดเร็วว่า สิ่งที่ซวยที่สุดก็ไม่ใช่เรื่องที่ตัวเองเพิ่งตาย แต่กลับเป็นเรื่องที่ไม่ว่าเขาอยู่ที่ไหน นักฆ่าของฝั่งนั้นก็ตามมาติดๆ ชนิดที่ไม่สนใจคนส่วนใหญ่ เพียงเพื่อจะมาฆ่าเขาเท่านั้น!


นักเวทชายงงหนัก เขาต้องไม่ออกจากบ้านตัวเอง เพราะพอออกไปก็ต้องตาย


“แค้นอะไรกันนักกันหนาอ่ะ” เขาพิมพ์บนบอร์ดสนทนารวม “พี่สาวสุดเท่ อย่าทำถึงขั้นนี้เลย แค่อ้อนนิดเดียวเอง ก็ไล่ฆ่าฉันชนิดเอาเป็นเอาตายเลยเหรอ”


ป๋อจิ่วมองดูสิ่งที่เขียนบนบอร์ดก็เลิกคิ้ว ท่านเทพไม่ให้เธอกลับ สั่งให้ฆ่าต่อ เธอไม่เห็นด้วยจึงหยุดเล่น พิมพ์ข้อความออกไป “เมื่อกี้ตอนที่นายอ้อนฉันอ่ะ แฟนฉันเห็น ตอนนี้เขาหึงอยู่ข้างๆ ฉัน เดี๋ยวฉันขอโอ๋เขาก่อนนะ”


 “…”


“…”


“…”


หน้าจอรวมมีข้อความจุดเพียบ เล่นเกมขนาดที่เจอป้อนอาหารหมาไม่ถือว่าแปลก แค่พวกเขาไม่เคยโดนเล่นงานขนาดนี้มาก่อน


ทว่าวันนี้กลับมีสาวน้อยคนหนึ่งเอาแต่ล่าชีวิตคนอื่นเพื่อเอาใจแฟนหนุ่ม พูดตรงๆ นะ ลูกผู้ชายอย่างพวกเขาไม่เคยโดนเล่นงานขนาดนี้มาก่อน สถานะที่ตั้งกันแบบนี้ไม่ได้มีปัญหาใช่ไหม?


……………………………….


ตอนที่ 1773


 เรื่องแบบนี้ต้องเป็นผู้ชายที่โอ๋ผู้หญิงไม่ใช่เหรอ นึกถึงตอนที่พวกเขาเล่นเกม แล้วแฟนเล่นเป็นตัวชน ส่วนพวกเขาล่ามอนสเตอร์สิ พวกเขาต้องกั้นอยู่หน้าผู้หญิงแล้วตายก่อน ทำไมพอกลายมาเป็นคนอื่น วิถีจึงเปลี่ยนไปพวกคุณลองคิดดูสิว่า มันไม่เท่ากับว่าเราโดนแกล้งเหรอ?


ไม่รู้จะเล่นเกมนี้ต่อไปยังไงแล้ว นักเวทชายถูกจับได้สี่ครั้งก็ไม่กล้าออกจากเมืองอีกต่อไป และทุกครั้งที่จับฝ่ายตรงข้ามได้ ป๋อจิ่วเป็นต้องมองหน้าท่านเทพก่อน


อ้อ ยิ้มอยู่ นัยน์ตาพอจะอบอุ่นอยู่บ้าง


เฮ้อ เจ้าหญิงน้อยน่ารักจังเลย แล้วเธอจะไปทำอะไรได้ นอกจากไล่จับต่อไป โดยที่ไม่มีใครทำอะไรป๋อจิ่วได้สักคน


ตอนนี้สถานการณ์เป็นเหมือนที่เธอคาดการณ์ไว้ เธอไม่ปล่อยโอกาสให้คนอื่นล่ามอนสเตอร์ได้เลยตลอดทั้งเกม ส่วนเจ้านั่นพูดอะไรไม่ออก คิดจะชนะสบายๆ


เกมนี้เล่นกันสิบนาที ป๋อจิ่วเล่นได้โดนเด่น  กระทั่งมีคนอัดคลิปไว้ แถมยังตั้งชื่ออย่างสมกับบรรยากาศการเล่น “พี่สาวคนสวยแสนเท่ ไล่ฆ่าเพื่อโอ๋แฟนหนุ่ม พวกคุณเคยเห็นไหม?”


เมื่อคลิปถูกเผยแพร่ออกไปตอนแรกๆ ยังไม่ค่อยมีคนมาดูสักเท่าไร แต่ต่อมาเริ่มมีคนคอมเมนต์มากขึ้น “คนที่ฆ่ามอนสเตอร์เป็นผู้หญิงจริงๆ เหรอ? การเดินตำแหน่ง วิธีเล่น แล้วก็ความเร็วยังเจ๋งมากจนไม่น่าเชื่อ ฝีมือแบบนี้เล่นลีกส์อาชีพได้เลยนะ?”


“ลีกส์อาชีพ? คอมเมนต์บนอย่าทำให้ฉันตกใจสิ”


“จะทำให้นายจะตกใจไปทำไม ดูดีๆ สิ พวกเน็ตไอดอลดังๆ บางคนยังเล่นแบบนำฟอร์มอย่างนี้ไม่ได้เลย แถมสำคัญที่คนตีมอนสเตอร์บอกว่าตัวเองเป็นผู้หญิงด้วย”


“ขอพูดแบบคนไม่ค่อยมีประสบการณ์นะว่า ฉันคุ้นตากับวิธีเล่นของเขามากเลย”


“ฉันก็เหมือนกัน”


“ขอไม่พูดชื่อนะ ฉันกลัวว่าเขาโดนแอนตี้อแฟนมารุมด่า แต่ก็ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะเขาหายตัวไปแล้ว ไม่น่าจะกลับมาอีก”


“เฮ้อ ฉันก็คิดเหมือนกัน ขอแอบพูดหน่อยนะ หวานน่าดูเลย ดูชื่อไอดีเขาดิ กิ๊กแซ่ฉิน กิ๊กอ่ะแซ่ฉิน”


“ไม่ไหว แฟนคลับคู่จิ้นเริ่มบ้าแล้ว”


 “ฉันทนไม่ไหวก็ตรงที่เขาบอกว่า แฟนฉันนั่งดูอยู่ข้างๆ หึงแล้ว ฉันต้องโอ๋เขาเสียหน่อย อ๊าๆๆๆ รุกมากๆ นั่นไง ต่อให้เป็นผู้หญิง พี่…ของฉันก็รุกสุดยอด”


“ฉันว่าเราอย่าเดามั่วเลย บางทีอาจจะบังเอิญใช้ชื่อตรงกันก็ได้ ตอนนี้การแข่งระดับเอเชียจะเริ่มแล้ว เทพฉินยังไม่กลับมา พวกนายก็สมองปรุกันหมด เป็นไปไม่ได้หรอก ยิ่งตอนนี้พิสูจน์แล้วว่าแบล็กพีช Z เป็นผู้หญิง ในฐานะที่เป็นคนนอก คงต้องบอกว่า เขาต้องเจียมตัวหน่อย ฉันไม่ใช่แฟนคลับแล้วก็ไม่ใช่พวกแอนตี้ด้วย ขอแค่พูดความรู้สึกตัวเองออกมา เพื่อทีมไดมอนด์แล้ว เขาไม่ควรจะโผล่หน้ามาอีก”


เมื่อเห็นประโยคที่ว่า หลินเฟิงที่เป็นห่วงสถานการณ์เจ้าแบล็กก็ทนไม่ได้ เปิดเผยตัวเองออกมา “ฉันเกลียดที่จะเห็นคอมเมนต์แบบนี้เป็นที่สุด ถ้าใครไม่ชอบก็ไม่ชอบไปสิ ไม่เห็นต้องมาอ้างเลยว่าตัวเองไม่ใช่แฟนคลับแล้วก็ไม่ใช่แอนตี้แฟน แค่แชร์ความเห็น เฮอะ ความเห็นที่แสดงออกมาก็บอกเจตนาชัดอยู่แล้ว ยังมีหน้ามาว่าไม่ใช่แฟนคลับแล้วก็ไม่ใช่แอนตี้แฟน? อีกอย่าง มีเรื่องหนึ่งที่ไม่เคยจำได้เลยว่า ถ้าไม่เป็นเพราะแบล็กพีช ทีมไดมอนด์คงมาไม่ถึงรอบแปดทีมสุดท้ายหรอก  นับประสาอะไรกับการแข่งชิงแชมป์เอเชีย? ช่วยมีสติหน่อยนะ ทีมไดมอนด์เป็นของพวกเรา ไม่ใช่พวกเธอ ทีมจะดีได้ยังไง มีแต่พวกเราที่รู้ดี โปรดอย่าบรรยายจากมุมมองตัวเอง พวกเรามาถึงเวลานี้ต้องขอบคุณแฟนคลับที่ให้การสนับสนุนทุกคน แต่ใครจะลงแข่งเป็นเรื่องที่ผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องตัดสินใจ อันดับแรกเลยพวกเธอไม่ใช่มืออาชีพ อันดับที่สอง ถ้าไม่อยากดูก็อย่าซื้อตั๋วสิ”


……………………………..


ตอนที่ 1774


 ตอนที่ประชุมกัน เฟิงอี้เคยบอกว่า อย่าไปโต้ตอบคอมเมนต์บนโลกออนไลน์ ไม่ว่าจะดีหรือเลวร้าย ถึงกับตั้งระเบียบการใช้อินเทอร์เน็ตกับพวกเขา ก็เพราะกลัวว่าจะมีผลกระทบต่อสภาพจิตใจลูกทีมอย่างไรล่ะ


ในวงการอีสปอร์ต ยังมีหลายๆ คนที่ไม่เข้าใจ เริ่มตั้งแต่การดูถูกในอดีต จนไม่มีใครกล้าด่าในปัจจุบันอีกว่าก็แค่การเล่นเกม


หลายๆ คนทุ่มเทมากมาย บ้างก็หาคนมาเล่นแทนเพื่อไลฟ์สด อันเป็นวิธีการหาเงินในรูปแบบหนึ่ง เพื่อจะได้เอาใจแฟนคลับที่กลายเป็นผู้มีบุญคุณประหนึ่งพ่อตัวเอง


นานวันเข้า หลายๆ คนต่างรู้สึกว่าตัวเองมีสิทธิ์ตัดสินว่าชะตาของทีมที่ตนชอบ แต่บางคนคงลืมไปว่านี่คืออีสปอร์ต ในสนามแข่ง ฝีมือการเล่นต่างหากที่ตัดสินทุกสิ่ง


สำหรับคนในวงการ เมื่อตอนเข้ามาใหม่ๆ ไม่ได้เห็นเส้นทางในอนาคตหรอก ทว่าพวกเขาเล่นด้วยเหตุผลง่ายๆ ก็คือพวกเขารักมัน


พวกผู้หญิงอาจไม่เข้าใจความรู้สึกที่ได้นั่งเล่นเกมในหอพัก ล้มเมืองคู่แข่ง เล่นกันจนถึงเที่ยงคืน เตะเก้าอี้ของเพื่อน หยิบมือถือมาสั่งอาหารเดลิเวอร์รี่ งับปีกไก่พลางเล่นอีกตาหนึ่ง วันเวลาเช่นนี้จะไม่มีอีกแล้วเมื่อเรียนจบ ดังนั้นพวกเขาถึงถนอมมันมาก


เช่นเดียวกัน พวกเขาก็หวังว่าทีมที่เกิดขึ้นในห้วงเวลาวัยรุ่นของพวกเขาจะไปได้ไกล พวกเขาเข้าใจว่าอะไรที่เรียกว่าสนับสนุน นั่นคือการซื้อตั๋วสักใบเพื่อมาดูพวกเขาแข่งอย่างสุดเหวี่ยงเหมือนเมื่อก่อน คว้าเอาชัยชนะ และสร้างชื่อเสียงให้ประเทศ


ไม่ใช่ตกอยู่ในความรุนแรงครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ละครั้งก็ล้วนแต่เป็นเหตุจากความชอบที่คนพวกนั้นพูด  หากถามว่ารู้สึกกดดันบ้างไหม?


การแข่งอีสปอร์ต ไม่เพียงแค่ต้องแบกรับความกดดัน หากแต่เวลาที่เขาฝึกซ้อมและต้องนั่งหน้าคอมพิวเตอร์ ยังมากกว่าพวกนั้นเยอะ ทั้งนี้พวกพนักงานบริษัทและนักเรียนที่อย่างมากก็โดนเจ้านายด่า แต่พวกเขาต้องเผชิญกับการก่นด่าทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งจะด่าคืนก็ไม่ได้ เพราะหากทำเช่นนั้นก็จะกลายเป็นว่าเรามารยาททราม


คงเพราะพวกเขาเหล่านั้นไม่เคยนึกถึงช่วงเวลาที่หมดอายุของวงการนี้ ขอยกตัวอย่างเช่นอินอู๋เย่า จึงไม่มีใครรู้ว่าทำไมเขาถึงชอบสูบบุหรี่ อาจเพราะเพื่อคลายเหนื่อย หรืออาจเป็นทำให้เขาลดการใช้งานต้นคออันหนักหน่วง ซึ่งเขาเจ็บต้นคอจริงๆ การฝึกหนัก ต้องนั่งหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลาแปดถึงเก้าชั่วโมงติดกัน ยังต้องกังวลว่าตัวเองจะเล่นได้ไม่ดีในตอนแข่ง ซึ่งเวลาที่กดดันมากๆ ก็มีผลต่อการนอนหลับด้วย จนทำให้ทุกวันนี้เขาสัปหงกตอนกลางวัน เหมือนคนสะลึมสะลือตลอดเวลา


หลายๆ คนบอกว่า นั่นแหละเป็นบุคลิกของท่านเทพทั้งหลาย ดูเรียบเรื่อยเหมือนอยู่เหนือโลก อันที่จริง พวกเขาง่วงมาก หากว่างสักนิดก็อยากจะนอน ต้องปรับสภาพอารมณ์ของตน


ตอนแรกหลินเฟิงคิดว่า พอเขาระเบิดอารมณ์ไป จะต้องโดนด่าแน่ ซึ่งเขาเองก็เตรียมใจไว้แล้ว  ด้วยเวลานี้เฟิงอี้โทรมา แต่ไม่รู้ว่าทำไมเสียงจากฝั่งนั้นถึงต่างจากยามปกติ “เจอประธานฉินบ้างไหม?”


“ก็นัดกันวันนี้นี่นา แต่เจ้าแบล็กบอกว่าให้ไปหาวันพรุ่งนี้แทน” ถึงจะบื้อแบ๊ว แต่เขาก็ยังน้ำเสียงออก “จิ้งจอกเฟิง ช่วงนี้มีอะไรปิดบังพวกเราหรือเปล่า?”


เฟิงอี้นั่งบนเก้าอี้ทำงาน เอนหลังพิงพนัก “มีเรื่องหนึ่งที่ก่อนหน้านี้ไม่มั่นใจสักเท่าไร แต่ตอนนี้น่าจะชัวร์แล้ว หลินเฟิง”


 “หืม?”


“ถ้าประธานฉินจะไม่เล่นเกมอีกต่อไป พวกนายจะทำยังไง?”


………………………………..


ตอนที่ 1775


 “หมายความว่าไง? จิ้งจอกเฟิงล้อเล่นหรือเปล่า? คนอย่างหัวหน้า ต่อให้ถอนตัวจากวงการไปแล้วก็ยังเก่งกว่าพวกเราอีก” หลินเฟิงพูดอย่างร้อนรน


ทั้งนี้เฟิงอี้เข้าใจสมาชิกทีมไดมอนด์ทุกคนในระดับหนึ่ง คนแบ๊วบื้ออย่างหลินเฟิง ยิ่งพูดอย่างใจร้อนแค่ไหน ก็ยิ่งแสดงให้เห็นว่าเจ้าตัวรู้สึกหวาดหวั่น


เฟิงอี้นวดหัวคิ้ว “มันก็ต้องมีกรณีพิเศษกันบ้างแหละ”


“หรือว่ามือของหัวหน้าใช้การไม่ได้แล้ว?” หลินเฟิงถือโทรศัพท์เดินออกไปสองก้าว “งั้นไม่เป็นไร ขอแค่มีหัวหน้าคอยดูตอนแข่งเป็นพอ อันที่จริงฉันเองก็ไม่เห็นด้วยหรอกที่หัวหน้าจะลงแข่งอีก เพราะคุณหมอเคยบอกว่า สุขภาพมือของเขาไม่เหมาะที่จะเล่นเกมอีกต่อไป ตอนนี้ถือเป็นโอกาสที่ดี”


หลินเฟิงพูดมากขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดก็ยกมือขยี้ผม เสียงหมองตามไปด้วย “จิ้งจอกเฟิง เกิดอะไรขึ้นกับหัวหน้ากันแน่?”


เฟิงอี้รู้ว่าเขาเตรียมใจไว้แล้ว “สูญเสียความทรงจำ ลืมทุกอย่าง รวมถึงการเล่นเกมกับ…” พูดจบ เฟิงอี้ก็ชะงัก ก่อนจะต่อให้จบ “พวกเรา”


คำว่า‘พวกเรา’ ฟาดหัวเขาอย่างจัง หลินเฟิงตะลึง หางตาเริ่มแดง “เจ้าแบล็กถึงได้พาหัวหน้ากลับมาใช่ไหม”


“ความลับ ฉันยังไม่รู้สถานการณ์ในตอนนี้สักเท่าไร” เฟิงอี้เอียงศีรษะจุดบุหรี่ เอ่ยช้าๆ “แต่โชคดีที่เขาไม่ได้อยู่คนเดียว” เขาพอจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นมาสามปีก่อน หลินเฟิงก็เหมือนพวกเขานั่นแหละ ตอนนั้นฉินมั่วเร่งในสภาพไข้ขึ้นสูงและมีอาการบาดเจ็บที่มือ เร่งมาก็เพื่อเข้าร่วมการแข่งนี่แหละ ทว่าบางอย่างเมื่อพลาดแล้วก็พลาดเลย และสิ่งที่ทำให้ทุกคนไม่อาจลืมคือ เมื่อเปลี่ยนผ้าพันแผลบนไหล่ชายหนุ่ม บาดแผลนั่นต่อให้คนที่ไม่รู้เรื่องได้เห็นก็รู้ว่าเป็นบาดแผลจากปืนแน่นอน


ทุกครั้งที่หายตัวไป ฉินมั่วไปทำอะไรบ้าง พวกเขาไม่รู้ แต่ทุกครั้งที่ชายหนุ่มกลับมา ก็จะมีข่าวประกาศภายในเวลาไม่กี่วันถัดมาว่าคดีไหนบ้างที่ถูกไขได้ คนจีนที่อยู่ต่างประเทศคนไหนบ้างที่ถูกส่งกลับบ้านเกิดเมืองนอนอย่างปลอดภัย


หนึ่งครั้ง สองครั้ง สามครั้ง และหลายๆ ครั้ง อาจจะดูเหมือนว่าบังเอิญ ทั้งนี้คนอื่นอาจไม่รู้ แต่เขา อวิ๋นหู และหลินเฟิง ล้วนมาจากครอบครับที่มีเส้นสาย เคยอยู่ในแดนทหาร ซึ่งสิ่งที่พัวพันเหล่านั้น ใช่ว่าจะไม่รู้


เฟิงอี้จะเปิดเผยทั้งหมด “บางหคนเมื่อสูญเสียความทรงจำไปแล้ว จะรับไม่ได้กับการใช้ชีวิตของตนเองในอดีต อันที่จริง ฉันไม่ใช่คนแรกที่รู้ว่าประธานฉินลืมวิธีเล่นเกมไปแล้ว แต่เป็นเจ้าแบล็ก เมื่อกี้เขาส่งเมสเสจหาฉันว่าให้เตรียมใจไว้ในวันพรุ่งนี้ที่จะได้เจอกัน”


“ไม่มีอะไรที่ต้องเตรียมใจเลย” หลินเฟิงลุกขึ้นยืน เอ่ยเสียงจริงจัง “หัวหน้าของทีมไดมอนด์คือฉินมั่วคนเดียวเท่านั้น แม้ว่าเขาจะเล่นเกมไม่ได้อีกต่อไป ก็ยังเป็นเทพในหัวใจพวกเราที่ไม่มีใครมาแทนที่ได้”


เฟิงอี้ถึงกับยิ้มในทันทีทีได้ยิน “งั้นก็เตรียมเจอเขาในวันพรุ่งนี้แล้วกัน แล้วหาโอกาสเหมาะๆ บอกพวกเขาด้วยว่า ก่อนแข่ง พวกนายควรจะต้องเจอหน้ากันจริงๆ จังๆ”


“แล้วเรื่องบนอินเทอร์เน็ต?” หลินเฟิงไอเล็กน้อย


แววตาอีกฝ่ายลุ่มลึก “ฉันจัดการเรื่องประชาสัมพันธ์เอง แล้วจะให้คำตอบที่พวกนายพอใจ”


เฟิงอี้ถือเป็นคนที่ปกป้องคนของตัวเอง แต่ ทุกคนต่างรู้ดี หลังจากที่รู้เรื่องนี้ ไม่มีใครรับได้


หลินเฟิงยังคงครุ่นคิดจนเมื่อเอนตัวนอนลงบนเตียง เจ้าแบล็กเป็นคนแรกที่รู้ ตอนนั้นเด็กนั่นรู้สึกยังไงนะ?


คงทรมานเสียยิ่งกว่าพวกเขา?


………………………………………..


ตอนที่ 1776


ทรมานไหม? ป๋อจิ่วไม่รู้เหมือนกันว่ารู้สึกอย่างไร มองดูเขาหยิบมือถือไปดูแผนที่อย่างไม่ค่อยคล่อง ราวกับเป็นมือใหม่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนที่เดินตำแหน่งเชื่องช้า ถึงขั้นที่ชนกำแพง


นานมากแค่ไหนกันนะที่เธอสาบานว่าจะไม่ยอมให้เขาตกจากแท่นเทพ เพราะเธอยังคงจำถึงร่างในชุดขาวที่ถือดาบยาว สะบัดแขนเสื้อที ต้องมีเลือดติดตัวมาด้วย จนมาถึงในตอนนี้ก็ยังมีคลิปของเขาอยู่ในแพลตฟอร์มใหญ่ๆ  ที่ไม่ว่าจะเป็นการเดินตำแหน่งหรือเทคนิคการเล่น ก็เหมือนเป็นหนังสือเรียนเลยทีเดียว  คลิปที่แสดงให้เห็นตัวเขาช่ำชองเรื่องแผนที่บนเกมเลเจนด์ เหาะละลอยได้สบายเหมือนสายลม แถมใช้สามพันดาบประหารครั้งแล้วครั้งเล่า ฆ่าได้ถึงห้าชีวิตติดๆ กัน ราวกับเป็นภาพสลักฝังลึก ป๋อจิ่วแค่หลับตาก็นึกถึงภาพออก ดังนั้นตอนที่นักฆ่าหัวเราะเยาะการเดินตำแหน่งของท่านเทพ เธอจึงได้เกิดปฏิกิริยาทันที


คนพวกนั้นไม่มีวันรู้ถึงคุณค่าของเขา เธอไม่ได้ทรมาน แต่เวทนา เจ็บปวดจนอยากจะโอ๋เจ้าหญิงน้อยให้มีความสุข ไม่ว่าจะต้องทำอะไรก็ตาม มันก็แค่ไล่จับคนในเกมไม่ใช่หรือ?


พอเห็นท่านเทพสนใจ เริ่มเล่นตาที่สอง ป๋อจิ่วเล่นต่อไปเรื่อยๆ ก็เข้าใจ ท่านเทพชอบกวนเธอ เช่น เธอกำลังฆ่าบลูอยู่ เขาจะเคลื่อนนิ้วบังคับตัวละครให้ถอยหลัง เท่ากับว่าเธอฆ่าฟรี ทำให้สร้างความแค้นได้ไม่พอ ต้องกลับมาฆ่ามอนสเตอร์ใหม่ แต่เวลาเธอฆ่าคน เขากลับไม่ห้าม แถมยังพูดกลั้วหัวเราะข้างหูเธอ “โหดขนาดนั้นเชียว?”


“ก็พี่มั่วสอนมาดี” ป๋อจิ่วชอบซ่อนในพุ่มหญ้า เพราะได้เรียนรู้จากท่านเทพอย่างเงียบๆ


ท่านเทพเกยคางไว้บนไหล่เธอ จับประเด็นสำคัญเก่ง “ฉันสอนเธอเล่นเกมเหรอ?”


“ส่วนหนึ่งก็ใช่” ป๋อจิ่วพูด ตาสว่างทันที “เอางี้ฉันจะเล่าเรื่องที่พี่ไล่จีบฉันให้ฟัง”


ฉินมั่วเลิกคิ้ว พูดเสียงเรียบเรื่อย “ฉันจีบเธอ?”


“แหงสิ จะให้ฉันไล่จีบพี่ได้ไง ฉันเป็นผู้หญิงนะ” ป๋อจิ่วพูดโดยไม่มองฉินมั่ว คนเจ้าชู้อย่างเธอก็มีพิรุธเหมือนกันนะ ฝ่ายฉินมั่วโฉบเข้ามางับใบหูเธออย่างขำขัน “โชคยังดีที่ป๋าสายเปย์ของฉันยังจำได้ว่าตัวเองเป็นผู้หญิง”


ป๋อจิ่ว “…”


“งั้น ฉันจีบเธอได้ยังไง?” อย่าทำลายความกระตือรือร้นของเหยื่อ โดยเฉพาะเหยื่อที่เลี้ยงไว้ในบ้านยิ่งเป็นเช่นนั้น ฉินมั่วยิ่งรับรู้ถึงอุณหภูมิในกายเธอ เรียวปากบิดโค้งนิดๆ


ป๋อจิ่วหัวเราะเจ้าเล่ห์ “พวกเรารู้จักกันตั้งแต่ตอนเป็นเด็ก ต่อมาครอบครัวฉันเกิดเรื่องขึ้นจนต้องย้ายไป ตอนนั้นไม่รู้ว่าพี่โกรธฉันหรือเปล่า ขนาดฉันส่งจดหมายให้พี่ พี่ยังไม่ตอบเลย พวกเราถึงได้ขาดการติดต่อกัน รอจนโตขึ้น ฉันอยากจะหาเงินผ่านอินเทอร์เน็ตเลยลงดันเจี้ยนหาเงิน ซึ่งพี่ก็ชอบฉันทันที บอกว่าฉันเล่นเกมเท่ดี จะต้องดึงตัวมาเข้าทีมพี่ให้ได้ พี่มาขอแอดฉันในเกมตั้งหลายครั้ง แต่โดนปฏิเสธหมด พี่ถึงขนาดพาพวกบุกโรงเรียนฉันเลยนะ พี่ก็รู้นี่นาว่าฉันมีมารยาทออกจะตาย พี่อุตส่าห์มาเชิญอย่างจริงใจขนาดนี้ แล้วจะปฏิเสธได้ไง พอคบกันไปคบกันมา พี่ก็ยิ่งหลงรักฉัน มาคิดดูดีๆ พี่มั่ว ตอนที่พี่ดึงฉันเข้าทีม ก็เพราะอยากอยู่ใกล้ประภาคาร จะได้ชมจันทร์ก่อนใช่ไหมล่ะ!”


……………………………


ตอนที่ 1777


“อยู่ใกล้ประภาคารจะได้ชมจันทร์ก่อนงั้นรึ?” ฉินมั่วย้ำ เหยียดมืออย่างคร้านๆ ดับมือถือเธอ “ฟังแล้วดูเหมือนเธอคิดของเธออยู่คนเดียวเลยนะ”


ป๋อจิ่วหันไปมอง “โอเค ไม่ว่าพี่จะรู้สึกหรือเปล่า ยังไงฉันก็รู้สึกอย่างนั้น อยู่ใกล้ประภาคารจะได้ชมจันทร์ก่อน”


“เธอก็เลยเข้าทีมเพราะเหตุนี้?” ฉินมั่วถามอย่างไม่ใส่ใจ


ป๋อจิ่วตอบขึงขัง “อื้ม หลงเสน่ห์พี่ไง เลยเผลอเซ็นสัญญาขายตัวให้เลย แถมเป็นสัญญาตั้งสามปีแหน่ะ พี่คือผู้กุมกฎของทีมเราเลยนะเนี่ย”


“ท่าทางฉันน่าจะเป็นป๋าสายเปย์เสียมากกว่า” ฉินมั่วยิ้ม ก้มมองคนในอ้อมกอด มุมปากเขาบิดเล็กน้อย


ป๋อจิ่วจึงได้เรียนรู้สึกทีว่าอะไรที่เรียกว่า พูดมากจะยากนาน เธอเริ่มดึงความสนใจกลับมาที่หัวข้อเดิม “ก็ไม่เชิง ฉันรวยกว่าพี่ ที่เข้าทีมก็เพราะอยากจะสร้างกฎกับพี่แบบรู้ๆ กัน”


“อ้อ? พนักงานจะสร้างกฎกับเจ้าของบริษัท? หรือว่าลูกทีมคิดจะสร้างกฎกับหัวหน้าทีม?” ฉินมั่วพูดพลางยิ้ม


ป๋อจิ่วรู้สึกว่าหากพูดต่อไป เธอคงไม่ได้ประโยชน์อะไร จึงหยิบมือถือมาเตรียมเล่นเกมอีกครั้งอย่างเงียบๆ


ชายหนุ่มมองดูด้านหลังเธอด้วยท่าทีไม่เปลี่ยนแปลงด้วยการโอบเธอไว้ในอ้อมกอด “ทำไมไม่ฆ่ามอนสเตอร์แล้วล่ะ”


“ตัวใหม่ยังไม่ออกมา ต้องรอหลายวินาที ลืมแล้วเหรอ”


“พอฆ่าเสร็จ ต้องรอ 120 วินาที ถึงจะมีตัวใหม่ ตอนนี้ออกมาแล้ว”


เมื่อได้ยิน มือที่เล่นเกมของป๋อจิ่วถึงกับชะงัก เงยหน้าขึ้น “พี่รู้ได้ไง?” จำได้แล้วใช่ไหม หรือว่าพอจะจำได้บ้าง?


“มันยากเหรอ?” ฉินมั่วจิ้มนิ้วบนหน้าจอ “ดูเธอเล่นก็พอจะคำนวณได้ เลยสรุปได้ง่ายๆ”


ป๋อจิ่วลืมไปแล้ว ต่อให้ท่านเทพจะสูญเสียความทรงจำไป แต่พรสวรรค์ของเขาไม่มีวันเปลี่ยน โดยเฉพาะความจำดีเยี่ยมสมกับเป็นนักจิตวิทยายอดฝีมือซึ่งไม่มีใครเทียบได้


“บลูจะอยู่กับฉันได้นานแค่ไหน?”


“90 วิฯ”


“เวลาที่บอสราชาจะเข้าที่มืดล่ะ?”


“หลังจากที่เริ่มเกมไปแล้วสิบนาที”


ป๋อจิ่วได้ยินแล้วนัยน์ตายิ่งสว่างขึ้น “แล้วนานเท่าไรฉันถึงจะฟื้นพลัง?”


“กำลังทดสอบฉันใช่ไหม? หรือว่าอยากให้ฉันคุ้นกับเกมมากขึ้น” ฉินมั่วมองดูคนในอ้อมแขน มุมปากหยัดยิ้ม แต่ความอบอุ่นในแววตาหายไปเยอะ “ฉันไม่ได้ชอบเล่นเกมสักหน่อย เมื่อก่อนฉันชอบก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าตอนนี้จะชอบด้วย”


ป๋อจิ่วเงยหน้า พอจะเห็นว่าเขาเริ่มทนไม่ไหวแล้ว จึงปิดมือถือ “ไม่ชอบก็ไม่ต้องเล่น ฉันเห็นที่พี่ก่อกวนฉันขนาดนั้น ก็เลยคิดว่าพี่ชอบ”


“ก็เพราะเธอเล่นอยู่” จู่ๆ ฉินมั่วก็โพล่งออกมา ทำให้ทั้งสองต่างอึ้ง โดยฉินมั่วที่ย่นหัวคิ้วนิดๆ ส่วนป๋อจิ่วกลับหัวเราะขึ้นอย่างกลั้นไม่อยู่


ฉินมั่วเอนตัว “สะใจมากเหรอ”


“ใช่” แววตาเธอเป็นประกาย “พี่มั่ว นี่แสดงว่าชอบฉันบ้างแล้วใช่ป่ะ?”


ฉินมั่วตอบกลั้วหัวเราะด้วยเสียงเรียบ “เธอเป็นสายเปย์ของฉัน จะไม่ชอบได้ไง” เขาแสร้งอ่อนโยนอีกแล้ว ป๋อจิ่วจึงได้แต่ “ชอบก็ดี”


ทว่านัยน์ตาชายหนุ่มขรึมลง ราวกับกำลังคิดว่าตัวเองหลุดปากออกไปเช่นนั้นได้อย่างไร แต่การได้เล่นกับเหยื่อ เขาคิดว่าจะเล่นยังไงก็ได้ เพราะเธอน่าเอ็นดูดี


แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไม่ได้เล่นเกมแล้ว เธอก็ไม่มีอะไรทำ พอเขาเดินไปไหนเธอเป็นต้องติดตามไปด้วย แม้จะเข้าห้องน้ำก็ตาม ทำเหมือนเป็นหางติดตัว ฉินมั่วหันไปหา “ว่ามา อยากจะทำอะไร?”


…………………………………………..


 ตอนที่ 1778


“เปล่า แค่อยากจะถามว่า รางวัลที่จะให้ฉันอยู่ที่ไหน?” ป๋อจิ่วไม่ลืมที่ท่านเทพเอ่ยว่า ขอแค่เธอจับนักเวทตัวร้ายได้ เขาจะมีรางวัลให้


คิ้วได้รูปของฉินมั่วเลิกขึ้น อุตส่าห์ตามเขามาตลอดทางเพื่อจะเอารางวัลนี่นะ เด็กไหมล่ะ?


ป๋อจิ่วเห็นเขานิ่ง ก็เบะปาก “หลอกฉันป่ะเนี่ย”


“หลับตาสิ” ฉินมั่วลูบคิ้วที่ขมวดขึ้นของเธอ ยัยเด็กนี่กำลังจะงอแงแล้ว? ป๋อจิ่วหัวเราะขึ้นมา แล้วหลับตาลงอย่างรู้งาน บ่นในใจว่ากว่าจะยอมจูบ มันไม่ง่ายเลยนะ และเพื่อจะให้สูงพอกับจูบของเขา เธอจึงเขย่งขาฉินมั่วเห็นการกระทำอีกฝ่ายแล้วอดยิ้มมุมปากไม่ได้ จากนั้นจึงยัดของในมือลงในกระเป๋ากางเกงเธอ เอ่ยอย่างเป็นปกติ “เรียบร้อย”


เรียบร้อย? ป๋อจิ่วลืมตา  ไม่ได้แตะเธอสักนิด ทำไมถึงเรียบร้อยแล้วล่ะ?


“ไม่จุ๊บเหรอ?” ป๋อจิ่วโอดครวญด้วยสีหน้าที่ผิดหวัง


ฉินมั่ว “เด็กผู้หญิงอย่างเธอนี่ ในสมองคิดอะไรบ้าง?”


“ก็ไหนบอกว่า…” ป๋อจิ่วทำหน้าใสซื่อ ส่งผลให้ชายหนุ่มนึกถึงคำตอบที่เธอเคยเอ่ยขึ้นในทันทีที่ได้ยิน สองพยางค์ ปล้ำเขา เขาปล้ำง่ายงั้นเชียว?


ฉินมั่วไม่มองหน้าเธอ แค่ทำท่าจะเอาของกลับคืนมา “ในเมื่อเป็นอย่างนี้ เธอคงไม่อยากได้ของรางวัลที่ฉันให้”


“ใครว่าฉันไม่อยากได้ พี่มั่ว ของรางวัลที่ให้แล้ว เอากลับคืนไปไม่ได้นะ” ป๋อจิ่วรั้งเขาไว้ มือหนึ่งปิดกระเป๋ากางเกงตัวเอง ถึงได้รู้ว่ามันคืออะไร ของกลมๆ ห่ออย่างดี น่าจะเป็นลูกอมรสช็อกโกแลต


ป๋อจิ่วชะงักครู่หนึ่ง เธอพลันคิดขึ้นมาได้ว่า เขาเคยทำแบบนี้เมื่อตอนอยู่ในค่ายทหาร จะมีขนมหวานติดกระเป๋ากางเกงทุกเวลาเพียงเพราะเพราะเธอชอบกิน


ฉินมั่วเห็นคนตรงหน้านิ่งจึงขมวดคิ้ว หมายความว่าไง? เธอไม่ชอบงั้นเหรอ? ไม่น่าจะใช่ เพราะจากสิ่งที่เขาสำรวจเจอ เด็กคนนี้ชอบกินขนมหวานมาก และในบรรดาอมยิ้มลูกกวาดทั้งหลาย เธอชอบกินรสนี้มากที่สุด แล้วทำไมถึงทำหน้าแบบนี้?


แม้จะไม่ได้เห็นอ้อมกอดและหน้ายิ้มๆ อย่างที่ตัวเองปรารถนา แต่ก็ไม่ทำให้ฉินมั่วผู้ซึ่งซุกมือลงในกระเป๋า สีหน้าเปลี่ยนแต่อย่างใด เพียงแต่เขาไม่ควรถามต่อว่า “ทำไม? ไม่ชอบเหรอ?”


หลังจากได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ป๋อจิ่วก็ดึงตัวเองออกจากภวังค์ กำลูกอมในมือแน่น ยิ้มกว้างราวกระจันทร์เสี้ยว “ฉันชอบมาก”


ฉินมั่วกวาดตามองเธอแวบหนึ่ง ชอบมากรึ? ทว่าเธอดูไม่เหมือนเซอร์ไพร์สเลย ราวกับกำลังระลึกความหลังบางอย่าง ชายหนุ่มหันหน้าไป เส้นผมสั้นแสดงคุณประโยชน์ของมันด้วยการปกคลุมนัยน์ตา “ชอบก็ดี”


สิ่งที่เขาพูดไม่เหมือนกับที่เธอคิด แต่ก็ปกติธรรมดาแล้ว เป็นใครก็ต้องคิดถึงตอนที่คนรักตัวเองในช่วงที่ยังไม่สูญเสียความทรงจำว่าจะเป็นอย่างไร


คิดมาได้เช่นนี้ ฉินมั่วก็แย้มมุมปากเล็กน้อย ทั้งๆ ที่ยิ้ม แต่กลับไม่ให้ความรู้สึกอบอุ่นแต่อย่างใด แน่ล่ะ เขาในสภาพนี้ย่อมไม่ให้ป๋อจิ่วจับได้ เขาจะทำก็แต่เกาะกุมเอวเธอ ทรมานเธอบนเตียงอย่างเร่าร้อน ให้เธอวอนขอ ถึงจะยอมจูบเธอโดยไม่ให้เกิดขั้นต่อไป


ก่อนนอน ป๋อจิ่วรู้สึกได้ถึงเสียงที่ดังข้างหูตนเอง เสียงนั่นเบามาก ทั้งยังเซ็กซี่ลุ่มลึกเหมือนสัมผัสความชื้นด้านนอก “ตอนนี้คนที่อยู่ข้างเธอ คือฉัน”


……………………………………….


ตอนที่ 1779


คงเพราะประโยคนี้ฝังลึกอยู่ในใจ เมื่อตื่นขึ้นในวันถัดมา ป๋อจิ่วจึงเอาแต่เฝ้าถามอยู่ข้างตัวเขา “พี่มั่ว เมื่อคืนพี่พูดอะไรกับฉันอ่ะ?”


“พูดเหรอ?” ฉินมั่วยืนสง่าอยู่ข้างเตียง กลัดกระดุมเสื้อเชิ้ตอย่างเป็นปกติ แต่นิ้วที่มีข้อกระดูกเด่นชัดกับกระตุกในทันทีที่ได้ยินเธอ ผิวของชายหนุ่มขาวจนแทบจะโปร่งแสง “พูดอะไร?”


ป๋อจิ่วมองดูใบหน้าเรียบเรื่อยของเขา พินิจถึงคำย้อนถามก็บิดหัวคิ้ว หรือว่าเธอหลับจนเลอะเลือน “ที่พูดว่าตอนนี้คนที่อยู่ข้างเธอคือฉัน ประมาณนี้อ่ะ”


ฉินมั่วเหมือนจะยิ้ม “ฉันพูดแบบนั้นเป็นด้วยเหรอ?”


“ก็ไม่เหมือนว่าจะพูดอย่างนั้นได้จริงๆ แหละ” นอกจากปากเป็นพิษแล้ว ท่านเทพไม่มีสกิลหยอดคำหวานอะไรเลย ป๋อจิ่วเหยียบเท้าเปลือยบนพื้น สงสัยว่าเธอหลับจนเลอะเลือน แต่ใครจะรู้ว่าเท้าของเธอเพิ่งจะสัมผัสพื้น ก็ถูกเขาดึงคอเสื้อด้านหลัง โยนกลับไปอยู่บนเตียง


“ใส่รองเท้า”  เขาจ้องเธอใส่รองเท้าเหมือนเมื่อตอนเป็นเด็กเลย


ป๋อจิ่วมองหน้าเขา ก่อนจะก้มตัวสวมรองเท้าแตะ โอเคแล้วละมั้ง ส่วนฉินมั่วคร้านจะจัดการเธอ จึงสาวเท้าเข้าไปล้างหน้าแปรงฟันในห้องน้ำ แต่ใครจะว่ายัยจอมเจ้าชู้จะเดินตามหลังติดๆ พอบีบยาสีฟันก็ไม่รู้จักม้วนแขนเสื้อขึ้น อุตส่าห์หน้าตาดี


ป๋อจิ่วเองก็สังเกตเห็นแววตาของชายหนุ่มที่มองมายังเธอ จึงเอ่ยตรงๆ “พี่มั่ว วันนี้คนในทีมที่จะมา เป็นเพื่อนซี้ของพี่หมดเลยนะ”


ฉินมั่วบีบยาสีฟันเนิบนาบ ส่งเสียงรับรู้


“ทุกคนจะมารวมตัวกัน” ป๋อจิ่วว่าพลางก็จะแตะอ่างล้างหน้า


ฉินมั่วกลับรั้งมือเธอไว้ก่อนก้าวหนึ่ง งับแปรงสีฟันไว้ในปากด้วยสีหน้าเฉยชา ก้มหน้านิดๆ พับแขนเสื้อให้เธอ


ป๋อจิ่วมองดูใบหน้าใต้เงาแสงที่ทั้งหล่อและคุ้นตา บางทีก็ไม่ต่างกันหรอก


“ถ้าเธอยังมองหน้าฉันแล้วคิดเรื่องเมื่อก่อนอีก ฉันจะโกรธแล้วนะ” ป๋อจิ่วแยกแยะไม่ออกว่าเขาพูดทีเล่นหรือทีจริง รู้แค่ว่าเขากดต้นคอเธอให้โน้มไปหา เอ่ยเสียงเนิบๆ “ล้างหน้าก็ไม่รู้สักม้วนแขนเสื้อ? โตขนาดไหนแล้วนะเธอ?”


ความสามารถในการดูแลตัวเองของเธอถือว่าปกติ เวลานี้อุตส่าห์มีคนล้างหน้าให้ เมื่อหันไปมองก็เห็นมุมปากที่ยกยิ้มขึ้นอย่างยั้งไม่อยู่


น้ำเสียงของท่านเทพพอจะฟังออกว่าไม่ได้ดั่งใจ ขาดแค่คำว่าป๋อเสี่ยวจิ่วเท่านั้น


ป๋อจิ่วดื่มนมแก้วหนึ่งทั้งยิ้มๆ นมนั่นท่านเทพเป็นคนรินให้เธอ แถมยังใช้มือเช็คอุณหภูมินมด้วยมือตัวเอง ก่อนจะเอาให้เธอด้วย ยิ่งเหมือนตอนเป็นเด็กเลย


ป๋อจิ่วมองดูด้วยความดีใจ อารมณ์ดีๆ เช่นนี้ยังอยู่ถึงตอนที่เธอส่งข่าวให้หลินเฟิง ชายหนุ่มผู้บื้อแบ๊วยังคงตื่นเต้น “นายว่าพวกเราต้องเอาอะไรไปไหม?”


ป๋อจิ่วไม่ชอบพิมพ์ จึงกดปุ่มอัดข้อความเสียง “ที่บ้านไม่ขาดอะไร คุณตาพ่อบ้านจะย่างแพะให้ทั้งตัว พวกเราแค่ล้อมวงกินกันก็พอ กินเสร็จพวกนายก็ฝึกซ้อม คอมพ์รุ่นเอเลี่ยนสิบสามเครื่องมันมากพอจะให้พวกเรารวมกลุ่มเล่นทีม”


พอฟังจบ หลินเฟิงเอียงศีรษะด้วยสีหน้าผิดปกติ


อวิ๋นหู่มองเขาแวบหนึ่ง “ทำไม? แบล็กไม่สะดวกเหรอ”


“สะดวกมาก” หลินเฟิงลุกขึ้นยืน “บอกว่าไปซ้อมที่นั่นได้เลย แต่ใครกันบ้างที่ย่างแพะทั้งตัวไว้ในบ้าน”


อวิ๋นหู่ “…”


…………………………………………..

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม