Black Peach Z เดิมพันรักสาวแฮกเกอร์ 1696.1-1723.1

 ตอนที่ 1696-1


แต่ป๋อจิ่วในเวลานี้กลับไม่รู้ว่าฉินมั่วกำลังผจญกับอะไรอยู่ เพราะกว่าหน่วยสนับสนุนจะเข้าไปถึง ยังต้องใช้เวลาอีกสิบนาที โดยสิบนาทีที่ว่านี้ ฉินมั่วพยายามข่มภาพดังกล่าว แต่กลับรู้สึกวูบโหวงในอกอย่างรุนแรง ไม่มีใครสังเกตเห็นแววตาที่มืดมนลงของเขา กระทั่งคิงยังแค่ทุ่มเทความเป็นไปของฝั่งฝานเจีย “เป็นยังไงบ้าง?”


“อาจารย์สบายใจได้ค่ะ ห้องควบคุมทำงานเป็นปกติ”


“งั้นก็ดี” คิงหัวเราะ ก่อนจะพาพวกฉินมั่วไปยังริมทะเลสาบ ดอกฝิ่นบานสะพรั่งมากที่สุดในบริเวณดังกล่าว ซึ่งกำลังให้ผลผลิตใหม่ล่าสุดที่สามารถทำให้มันส์ยิ่งกว่าพัดลมหมุนเสียอีก นั่นก็คือลูกอมชนิดหนึ่งนั่นเอง หรืออาจเรียกได้ว่า เป็นการแปลงโฉมให้เป็นลูกอม ซึ่งเจ้าชายน้อยเห็นแล้ว หนังตากระตุกเลยทีเดียว


ดูเหมือนคิงจะสาสมแก่ใจที่เห็นอีกฝ่ายตกตะลึง ก่อนจะอรรถาธิบาย “นี่เป็นการแปลงโฉมที่สมบูรณ์ที่สุด พอจะเอาเข้าแผ่นดินจีนก็ง่าย พวกเครื่องเขียนยังเสี่ยงที่จะถูกตรวจสอบ แต่ลูกอมปลอมนี่ไม่เหมือนกัน แถมตอนนี้ตลาดในจีนเอง พวกสถานบันเทิงดังๆ ก็กำลังนิยมลูกอมนี่ แต่ทางโน้นตรวจตราเข้มงวดไปหน่อย บางคนบอกว่าขายยาก ถ้าตระกูลหรงมีช่องทางก็เยี่ยมเลย”


เวลานี้ เจ้าชายน้อยดีใจสุดๆ เพราะพวกเขาสามารถติดต่อคิงได้ก่อนที่มันจะถูกขายออกไป


ไอ้บ้านี่มันเลวบัดซบ มันคงไม่มีมโนธรรมกระทั่งไม่รู้ว่าอะไรควรขาย อะไรไม่ควรขาย


ของพวกนี้ ถ้าหากหลงเข้าไปในซุปเปอร์มาเก็ตเข้าล่ะ? พวกเด็กน้อยคงพลาดกินด้วยความไร้เดียงสา เจ้าชายน้อยนึกภาพนั่นแทบไม่ออกเลย นี่ คิงคิดจะใช้ยาเสพติดมาควบคุมชีวิตคนทั้งหมดเหรอ


“ทำไม? คุณชายรองไม่ชอบการปลอมแปลงแบบนี้เหรอฮะ?” คิงยังคงสำรวจต่อ มองดูสีหน้าอีกฝ่ายด้วยความเคร่งขรึม


ห้วงเวลานั้น ทุกคนต่างได้กลิ่นบางอย่าง พวกเขาเผลอให้เกิดช่องโหว่ขึ้น ส่งผลให้คิงระแวงทันที!


ในเวลาเดียวกัน ฝานเจียที่วางสาย ก็มองดูคอมพิวเตอร์หมายเลข 2 ถึงสามนาทีเต็ม ออกปากขึ้นมาทันที “เขาไปเข้าห้องน้ำตั้งแต่เมื่อไร”


 “ประมาณสิบห้านาทีแล้วครับ” เจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคอีกคนขมวดคิ้วเช่นกัน “เกิดอะไรขึ้น ทำไมไปนานจัง?”


เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฝานเจียไม่โง่ สัญชาตญาณบอกเธอว่า เกิดเรื่องขึ้นแล้ว! เธอรีบหันหลังก้าวเท้ายาวๆ ไปยังห้องน้ำ โดยมีกลุ่มทหารรับจ้างเดินนำไปก่อน เมื่อตรวจสอบชั้นลอยอันเป็นห้องสุดท้าย ก็หันหน้ามารายงาน ข้างในมีคนครับ”


ฝานเจียหรี่ตา “ถีบประตู”


“ครับ” ทหารรับจ้างมีพลังทำลายร้างสูง ถีบครั้งเดียวก็ได้ยินเสียงดัง ประตูไม้ถูกเปิดออกในที่สุด


ในนั้นมีคนจริงๆ อันได้แก่ เจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคที่ถูกทำร้ายจนหมดสติกับเด็กชายที่ถูกเข็มฉีดยาปักเข้ากลางศีรษะ มันแสดงถึงอะไร ต่างรู้กันทั่วหน้า ฝานเจียรีบโทรหาคิงทันทีโดยไม่ลังเล


“ฮัลโหล” สายตาของคิงยังจับจ้องใบหน้าเจ้าชายน้อย มันซ่อนเร้นจนคนมองไม่เห็นร่องรอย


เธอเอ่ยเสียงร้อนรน “อาจารย์คะ มีคนเข้าไปในห้องควบคุม พวกที่เข้ามาคุยธุรกิจมีปัญหาแน่นอน”


………………………………………………


ตอนที่ 1696-2


คิงได้ยินแล้ว ถึงกับกำมือแน่น แต่ไม่มีใครเห็น เขาหันไปยิ้มอย่างสุภาพยิ่งขึ้น ร่างในชุดกาวน์ไม่ปรากฏความอำมหิตสักนิด “ฉันรู้แล้ว ไม่ใช่ปัญหาใหญ่หรอก เตรียมทางนั้นให้เรียบร้อยแล้วก็มาที่นี่ ฉันยังต้องคุยเรื่องสินค้าตัวใหม่กับประธานหรงอีก”


ฝานเจียติดตามคิงมานาน ย่อมเข้าใจทันทีที่ได้ยิน คนของฝ่ายโน้นยังอยู่ ทั้งๆ ที่รู้แต่อาจารย์ก็ทำราวกับว่าไม่รู้เรื่องอะไรทั้งสิ้น เพราะคิดต้อนอีกฝ่ายเข้าสู่มุมอับ แล้วบีบพวกมันให้แหลกเป็นผุยผง!


พวกมันไม่กลัวตายหรือไง มากันระลอกแล้วระลอกเล่า แค่ฉลาดกว่าเดิมหน่อย แล้วจะยังไง เพราะต้องตายทั้งหมดอยู่ดี! ฝานเจียแค้นที่สุดที่จับตัวไอ้เด็กที่อยู่ในคลิปนั่นไม่ได้ ไม่งั้นเธอคงทำให้มันติดยาจนไม่เหลือสภาพคนอีกต่อไป ดียิ่งกว่าที่จะให้มันลาโลกสบายๆ เป็นไหนๆ


อีกด้านหนึ่ง คิงวางสายแล้ว เงยหน้ามองกลุ่มแขก “ดูกันมาตั้งนาน ทุกคนคงจะหิวแล้ว เราไปทานข้าวพลางดูสินค้าใหม่พลางกันเถอะ แมงป่องพิษ”


“ครับ” คนถูกเรียกชื่อยังไม่รู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้น


คิงยิ้มมุมปาก “ไปยกอาหารชั้นดีที่เราชอบเตรียมรับแขกมา ประธานหรงกับคนอื่นๆ จะได้ลองชิม”


แมงป่องพิษผงะ เพราะเข้าใจนัยะซ่อนเร้นทันที แววตาของเขาเริ่มเหี้ยมโหด กวาดตามองพวกเจ้าชายน้อยทีละคนๆ ก่อนจะก้มหน้ารับคำ ‘ครับ’ ทว่าเมื่อหันมาอีกที สีหน้าพลันเปลี่ยนไป เขาหันไปมองหน้าทหารรับจ้างที่มองตนเอง แล้วทำมือปาดที่คอ


คิงเดินนำทุกคน ในระหว่างที่เจ้าชายน้อยก้าวเท้าเดินก็เห็นบอสปล่อยมือข้างที่คีบบุหรี่ลง เคาะเบาๆ ที่ต้นขา


ครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 ครั้งที่ 3 เคาะอย่างเร็วและเป็นจังหวะ มันเป็นรหัสที่ใช้บ่อยในสงครามโลกครั้งที่สอง แปลความได้ว่า ‘คิงจะลงมือแล้ว’ ซึ่งไม่ว่านายพรานหรือเขี้ยวเงิน ต่างหาอาวุธทันที


คิงเอ่ยขึ้นอีก “ผมชอบเสน่ห์ของประธานหรงจริงๆ แต่น่าเสียดาย น่าเสียดาย…” ว่าแล้วหันหน้ามา กะจะยกปืนยิง กลับคิดไม่ถึงว่า คนที่เดิมอยู่ข้างตัวเขา กลับหลบได้อย่างรวดเร็ว หันข้างเตะจนปืนในมือเขาร่วงหล่น!


แววตาของคิงเคร่งเครียดทันที ส่วนทหารรับจ้างลกุ่มนั้นสาดกระสุนปืนใส่ ทว่าคนของฉินมั่วต่างเตรียมตัวไว้ก่อนหน้านี้แล้ว โดยสไลด์ตัวเองไปยังสวนดอกไม้ อาศัยเครื่องเก็บเกี่ยวเป็นตัวกำบังกระสุน


เจ้าชายน้อยเกาะหลบที่ล้อเครื่อง ยังไม่ทันจะได้หายใจ ก็ได้ยินบอสร้องขึ้นว่า “เสื้อนอก” เจ้าชายน้อยรู้ตัว รีบถอดเสื้อตัวนอกออกแล้วโยนออกไป


ฉินมั่วและเขี้ยวเงินอยู่ในตำแหน่งเดียวกัน โดยรับเครื่องประดับที่ร่วงลงมา แยกกันจัดการทางฝั่งซ้ายและขวา โดยไม่ถึงยี่สิบวินาที ปืนขนาดเล็กสองด้ามก็ประกอบเสร็จ!


ส่วนข้อมือของเจ้าชายน้อยคือกระสุน ซึ่งมีไม่เยอะ กระสุนสิบนัดก็ถูกแบ่งบรรจุในปืนทั้งสอง


เมื่อเข้ามา พวกนั้นทำการคนตรวจสอบอย่างเข้มงวด ทั้งนี้แมงป่องพิษตรวจละเอียดขนาดที่ดูที่หูพวกเขาด้วย คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าอีกฝ่ายจะมีปืน


“ยิงพวกมันเลย พวกมันไม่มีอาวุธ” แมงป่องพิษว่าพลาง ก็ยกปืนของตัวเอง ทว่าเมื่อเขาพูดจบ


เปรี้ยง! ทหารรับจากที่อยู่ใกล้เครื่องเก็บเกี่ยวก็ลงไปนอนกองลงบนพื้น เพราะถูกยิงเข้าที่ศีรษะ


“พวกมันมีพลยิงไกลด้วย” ทหารรับจ้างต่างสบตากัน ก่อนจะกระจายตัวออกไป ทว่ากลับได้ยินเสียงปืนนัดที่สองลอยมา โดยกระสุนนัดหนึ่งทะลุอกพวกมัน


แมงป่องไม่รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามเอาปืนมาจากไหน จนกระทั่งเห็นเสื้อหนังสีดำก็ใช้ขาตวัดมันลงถังไม้ด้านข้างอย่างรุนแรง ซึ่งถังนั่นบรรจุดอกฝิ่นเต็มไปหมด!


………………………………………………


ตอนที่ 1696-3


พวกมันหลอกเขาอย่างไม่กลัวต่อสิ่งใด! ไอ้คุณชายรองมันไม่ใช้ลูกเศรษฐีที่ชอบอวดรวยด้วยการประดับทองหยองทั่วตัวสักหน่อย มันแค่สวมส่วนประกอบอาวุธไว้ต่างหาก เพราะเอามาประกอบเป็นปืนได้!


แมงป่องคิดไม่ถึง เพราะบุคลิกภายนอกของเจ้าคุณชายรองมันตรึงตาตรึงใจมาก อีกทั้งแผนการของฉินมั่วลึกซึ้งจนคนรอบด้านยากที่จะเดาออก มันกลายเป็นความผิดพลาดของแมงป่องพิษอย่างมหันต์ และยิ่งสะท้อนให้เห็นว่า ฝ่ายนั้นวางแผนมาเป็นอย่างดี ราวถึงการปลอมตัวในแต่ละบทบาท ล้วนแต่ตีบทแตก


แมงป่องพิษรู้ได้โดยใช้เวลาไม่นานว่า คนพวกนี้ต่างจากพวกกลุ่มคนที่เข้ามาก่อนหน้านั้น!


“อ๊าก!”  แมงป่องพิษร้องตะโกนออกไป เล็งปืนไปที่จุดหนึ่ง “พวกแกเป็นใครกันแน่”


แววตาฉินมั่วถมึงทึงขึ้นเรื่อยๆ กระสุนที่วิ่งผ่านริมหู เหมือนทำให้เขาได้สติขึ้น ก่อนจะเงยหน้า เอ่ยแค่ “ทหารจีน”


คำตอบสั้นๆ แต่กลับไหลเวียนทั่วกระแสเลือด ส่งผลให้เจ้าชายน้อยยืนพรวด รับปืนที่เขี้ยวเงินส่งมาให้ ยิงใส่ทหารรับจ้างที่เข้ามาทางฝั่งขวา


ฝ่ายศัตรูล้มลงไปสามคนแล้ว แต่ฝั่งฉินมั่วกลับปลอดภัย


คิงมองดูภาพเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเหี้ยม “ปืนยิงระเบิด”


“ครับ” แมงป่องพิษตาเป็นประกาย ก่อนจะผลักคนข้างๆ แล้วหยิบปืนยิงระเบิดที่เหมือนท่อยาวๆ มาวางไว้ที่บ่า และยิงออกไป ซึ่งโดนเครื่องเก็บเกี่ยว  ส่งผลให้เครื่องนั่นแตกออก คนที่หลบอยู่ด้านหลังพลอยโดนแรงระเบิดกระเด็นออกไป


แต่ในเวลานี้นี่เอง ทุกคนที่อยู่ที่นั่นต่างมองขึ้นฟ้า


1 2 3 4… เครื่องบินรบทั้งหมด 18 ลำซึ่งปักธงชาติจีนไว้ ทะยานแหวกกลุ่มเมฆ แสดงแสนยานุภาพด้วยการพุ่งมาอยู่ตรงหน้า


ครั้งนี้ไม่มีการเตือนอีกต่อไป เมื่อมีหลักฐานที่ฉินมั่วรวมรวมมาได้ ก็พอที่จะทำให้พวกเขาข้ามแดนรบ


แต่ความเป็นความตายของคิง จะต้องให้ฝ่ายจีนพาตัวไปจัดการที่ประเทศตัวเอง เพราะหากคนคนนี้ตกอยู่ในมือคนอื่น ย่อมไม่มีใครรู้ว่า ครั้งนี้จะเหมือนครั้งที่แล้วหรือไม่ ที่มีคนใช้ติดต่อแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กับบุคคลชั้นนำ ปล่อยตัวคิงกลับมาอีก


หากพิจารณาจากคดีที่แล้วๆ มา รัฐบาลภายในประเทศ M และ T ต่างมีปัญหาภายใน นี่แหละเป็นเหตุที่คิงกล้าเหิมเกริม


เมื่อเครื่องบินรบชี้ตำแหน่ง พลังอำนาจย่อมมหาศาล ทว่าคิงกลับไม่ได้มีสีหน้าร้อนรน “พวกเขาไม่กล้าทำอะไรหรอก เพราะเราฝังระเบิดไว้ด้านล่าง เกิดทิ้งระเบิดลงมาสักลูก คนที่ตายจะไม่ใช่แค่พวกเรา”


ซึ่งเป็นเช่นนั้นจริงๆ เครื่องบินรบไม่กล้าส่องเรดาร์


นั่นเพียงพอต่อการที่แมงป่องพิษจะยิ้ม มันยกปืนกลยิ่งไปที่ปีกเครื่องบิน


บึ้ม! ปีกหลังของเครื่องบินลำหนึ่งได้รับความเสียหาย จนเสียสมดุล


ท่ามกลางควันปืนที่กระจายเต็มไปหมด คิงเช็ดแว่นตาตัวเอง แล้วสวมกลับเข้าไปใหม่ นัยน์ตาเขาจ้องยังแววตาอีกคู่ที่อยู่หลังเครื่องเก็บเกี่ยว มุมปากแฝงรอยยิ้ม “ประธานหรง อ้อ ไม่ใช่สิ ต้องบอกว่านักเรียนฉิน คุณคงรู้ล่ะสิว่าผมเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยมานานแล้ว คุณเป็นนักเรียนที่ผมชอบที่สุด น่าเสียดายที่เราเจอหน้ากันทีต้องเลือดล้างตากันแบบนี้ เมื่อกี้ตอนที่ดูคลิปอยู่ คุณไม่แสดงอาการอะไรเลยนะ หลอกผมเสียหมดจดเลย แต่ฉินมั่ว…ลองถามใจตัวเองดูสิว่า มันไม่ส่งผลกับคุณเลยเหรอ?”


………………………………………………


ตอนที่ 1697


คำพูดของคิงทำให้คุณหมอทหารใจเต้นแรง หันกลับมาทันที เพราะท่าท่างของบอส ทำให้เขามองไม่เห็นว่าชายหนุ่มมีสีหน้าอย่างไร ทว่าใจกลับไม่สงบขึ้นมาอย่างประหลาดชนิดที่อธิบายไม่ถูก เพราะท่ายืนของอีกฝ่ายทำให้เขาหนาวขึ้นมาทันที แม้ว่าฉินมั่วยืนที่เดิม ทั้งยังถือปืนไว้ในมือ ราวกับไม่ว่ารอบข้างจะเปลี่ยนมากแค่ไหนก็ไม่ส่งผลอะไรต่อเขา


ทว่าคุณหมอทราบดูว่ามันผิดปกติอย่างรุนแรง! บอสไม่น่าจะเป็นแบบนี้ ซึ่งคิงน่าจะจับปัญหานี้ได้ก่อนหน้าเขา


และเป็นเช่นนั้นจริงๆ ยิ่งดูฉินมั่ว มุมปากที่กดยิ้มของคิงก็ลึกขึ้นเรื่อยๆ “กว่าจะได้เจอหน้ากันก็ไม่ง่ายเลยนะ แต่จะต้องจากกันเสียแล้ว อันที่จริงผมยังอยากนั่งคุยกับคุณเกี่ยวกับเรื่องหัวข้อที่ผมเคยบรรยายอยู่เลย เชื่อว่าหลังจากวันนี้ คุณคงคิดไม่เหมือนเดิมแน่” คิงยกข้อมือดูเวลาบนนาฬิกาข้อมือ “แต่มันก็สมควรแก่เวลาแล้ว แมงป่องจะอยู่สนุกกับพวกคุณที่นี่ แล้วเราค่อยเจอกันในครั้งหน้านะ” พูดจบก็ส่งสัญญาณมือให้ทหารรับจ้าง โดยมีคนสตาร์ทสปีดโบ้ทที่ริมทะเลสาบทันที


คนที่ปฏิบัติภารกิจต่างรู้ดีว่าจะปล่อยให้คิงหนีไปไม่ได้ เพราะหากมันหนีเข้าเขตประเทศ T แล้วถูกตำรวจฝ่ายนั้นจับได้ ย่อมหลุดจากขอบเขตการบังคับทางกฎหมายของจีน แต่ควันปืนบนพื้นราบรุนแรงมาก ทั้งเครื่องบินรบเองยังต้องคำนึงถึงระเบิดที่ฝังอยู่ จึงไม่กล้ายิง และหากเข้าใกล้ก็อาจโดนยิงที่ปีกเครื่องได้ เรื่องนี้ทำให้ทุกคนไม่กล้าลงมือเต็มกำลัง


ฉินมั่วยังคงยืนที่เดิม แววตาสะท้อนภาพแผ่นหลังของคิง เสื้อกาวน์บนตัวมันสะบัด และความทรงจำที่ย้อนกลับมาทำให้แววตาของเขาขรึมหนัก


เขี้ยวเงินเห็นบอสก้าวออกไป ก็หันหลังทำการป้องกันให้เขา


ฉินมั่วลงมือว่องไว แต่ร่างกลับเย็นยะเยือก


ในระหว่างที่ทหารรับจ้างจะยิงเขา ไพ่แข็งพลันบินออกไปด้วยความเร็วเหนือกระสุนปืน ปักเข้าที่ศีรษะอีกฝ่าย โดยไพ่นั่นเป็นของฉินมั่ว ทว่าวิธีฆ่าคนแบบนี้ เหมือนเล่นมายากล


ในระหว่างที่ทุกคนไม่ได้สังเกต ผิวที่ถูกไพ่ปักก็เกิดเลือดไหล


เวลานี้ คิงเตรียมจะขึ้นเรือแล้ว แต่เมื่อหันไปมองคนที่ติดตามตัวเองมา ท่าทางนั่นดูเร่งรีบ แต่กลับไม่สั่งให้ยั้งตัวฉินมั่วไว้อย่างคาดไม่ถึง เหมือนจงใจให้ชายหนุ่มติดตามตัวเองไป


 เมื่อได้ยินเสียงคนเรียกฉินมั่วว่า “บอส” คิงก็หรี่ตาลง “ให้แมงป่องระเบิดเครื่องเก็บเกี่ยวนั่นซะ คนข้างหลังได้ยินแล้วรำคาญหูชะมัด”


มาสิ ฉินมั่ว! รออีกนิด! เดี๋ยวนายก็จะเป็นงานชั้นยอดที่ฉันรังสรรค์ขึ้น เชื่อว่าถึงเวลานั้น นายจะต้องเรียกฉันว่าอาจารย์อย่างเต็มใจแน่


คิงหัวเราะ พลางก้าวขาขึ้นเรือ


ฝ่ายทหารรับจ้างยืนที่ริมน้ำ รูปร่างของมันแข็งแรง จับหูฟังแล้วพูดขึ้นว่า “คิงสั่งให้คุณเก็บทหารหน่วยพิเศษพวกนั้น”


แมงป่องพิษหัวเราะ ปรับตำแหน่งปืนยิงระเบิดอีกครั้ง “ฉันจะจัดการเดี๋ยวนี้แหละ” ฝ่ายเจ้าชายน้อยหันไปมองก็รู้เจตนาของฝ่ายตรงข้าม กำลังจะผลักเขี้ยวเงินที่อยู่ใกล้ตัวเองออกไป


มุมปากของแมงป่องพิษกดลึกขึ้นเรื่อยๆ รังสีอำมหิตเต็มเปี่ยม “ไปตายซะ”


ทว่าระหว่างที่กำลังจะลั่นไก


“ปัง!” ไม่รู้ว่าเสียงปืนโหดนั่นดังมาจากไหน กระสุนก็วิ่งแหวกกระแสลมตรงเข้าหน้าผากแมงป่องเข้าอย่างจัง นัดเดียวจอด!


…………………………………………….


ตอนที่ 1698-1


 “แม่งเอ๊ย มีมือยิงไกลด้วย!” แค่ชั่วอึดใจ ทหารรับจ้างก็ระส่ำไม่เป็นท่า ลองนึกภาพเลือดกระจายไปทั่ว สิ ขนาดแมงป่องพิษเองยังไม่รู้ว่าตัวเองตายได้อย่างไร อยู่ๆ ก็หงายหลังทั้งที่ยังแบกปืนยิงระเบิดไว้บนบ่า


แต่มันก็ยังไม่จบ บริเวณจุดสูงสุดของทุ่งดอกไม้ ร่างหนึ่งหมอบคลานอยู่โดยแบกปืนไรเฟิลไว้บนบ่า เส้นผมปรกลงบนหน้าผาก เหลือเพียงดวงตา เธอหายใจช้าๆ แต่กลับยิงปืนได้เร็ว


เธอเล็งอย่างแม่นยำ ยิงได้เด็ดขาด


ปัง! เสียงปืนดังขึ้นอีกนัด ทหารรับจ้างที่ถือปืนกลยังไม่ทันได้ทำอะไร เครื่องบินรบก็เตรียมลงสู่พื้น!


เจ้าชายน้อยที่คิดว่าตัวเองต้องตายแน่ๆ เบิกตากว้าง เริ่มดูด้านหลังตัวเอง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองอย่างเหลือเชื่อ “มีคนช่วยพวกเรา? หรือว่าเป็นพวกเดียวกับเราที่คิงยังไม่ทันกำจัดทิ้ง?”


“ไม่น่าจะใช่” คุณหมอทหารได้รับข้อมูลมาก่อน เท่าที่เขารู้ สายลับที่ถูกส่งมาล้วนถูกคิงขังเรียบร้อยแล้ว ถ้าเช่นนั้น เสียงปืนสองนัดนั่นมาจากไหน?


ส่วนเจ้าอ้วนที่มาพร้อมกับเครื่องบินรบ เริ่มสงสัยตั้งแต่ที่เห็นจุดแดงแล้ว พอได้ยินเสียงปืนดังสองนัด ก็เชื่ออย่างที่ใจคิดว่านอกจากบอสแล้วยังมีทีมอื่นอยู่ด้วย แล้วคนคนนั้นเป็นใครกัน?


โปรดให้อภัยในความไม่ค่อยชาญฉลาดของเจ้าอ้วนที่คิดอะไรไม่ออก แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าความอับจนหนทางในตอนแรก เริ่มจะเปลี่ยนไปในแนวทางที่ดี


เมื่อเครื่องบินลำแรกลงจอดได้ ลำที่สองก็ตามมา พวกทหารรับจ้างที่สาดกระสุนอย่างไร้ทิศทางเมื่อครู่นี้ เริ่มจะเปลี่ยนวิธีการรบ เพราะรู้ดีว่าหากปล่อยให้เครื่องบินรบลงจอด ทหารจีนจะต้องเอาคืนพวกตนแน่


ช่องโหว่ที่เกิดขึ้นมาจากกระสุนสองนัดนั่น ทหารชุดเขียวมากมายทำการยึดครองพื้นที่การรบอย่างรวดเร็ว ฝ่ายเจ้าชายน้อยแย่งปืนของตนเองกลับมาได้ ก็เคลื่อนตัวเข้าไปราวกับเป็นมังกร ฝีมือการต่อสู้แบบผสมผสานได้ถูกนำมาใช้งานอย่างสมบูรณ์


รอจนเมื่อเงยหน้ามองทุ่งดอกไม้ ก็ไม่เห็นร่างที่ว่านั่นแล้ว


ไปไหนเนี่ย? เจ้าชายน้อยสงสัยนักว่าใครเป็นคนมาช่วยพวกตน


ส่วนอีกด้านหนึ่ง คิงรับรู้ว่าสถานการณ์เปลี่ยนไป แววตาถึงกับเคร่งเครียด กำมือแน่น ดูไม่สบายเรื่อยเอื่อยเหมือนเมื่อครู่ ออกจะเดือดดาลมากกว่า “ออกเรือ!”


“ครับ” คนที่รับผิดชอบเรื่องหางเสือก็ออกแรงสตาร์ทเครื่องยนต์ ทหารรับจ้างสามคนที่นั่งตรงหัวเรือ กำลังออกแรงผลัก


เมื่อมองดูผิวน้ำที่สปีดโบ้ทแหวกผ่านไป คิงก็คลายมือลง แต่ไม่ทันได้ยิ้ม ไพ่สองใบก็คร่าชีวิตลูกน้องของเขาถึงสองคน


ฝีมือฉินมั่วนั่นเอง!


เวลานี้ การตกแต่งเปลี่ยนโฉมของเขาลบเลือนออกไปแล้ว เขาในชุดกันลมดูเหมือนปีศาจที่ผุดมาจากนรก แถมควันไฟที่อยู่ด้านหลัง รวมถึงไพ่ในมือ ทำให้รู้สึกได้ถึงอันตรายชนิดทำลายร้างชีวิต ส่งผลให้เจ้าทหารรับจ้างร่างใหญ่ถอยหลังอัตโนมัติ


………………………………


 ตอนที่ 1698-2


ในขณะที่เรือสปีดโบ้ทเพิ่มความเร็วขึ้น ชายหนุ่มก็เหยียบซากศพบนริมน้ำ ส่งตัวเองขึ้นหัวเรือ ส่วนคิงนั่งอยู่ท้องเรือ มองดูเส้นผมที่ปรกลงมาของฉินมั่ว ก่อนจะหัวเราะเสียงหนัก “เจ็บปวดมากใช่ไหม? ฉินมั่ว คุณเป็นนักเรียนของผม เรื่องการวิจัยทางจิตวิทยา ผมไม่เคยแพ้คุณ ฉะนั้นอย่าดิ้นรนต่อสู้ไปเลย มองดูทะเลสาบนี่สิ เหมือนกับที่คุณเคยเจอมาก่อนใช่ไหม จะว่าไปคุณไม่เคยปกป้องคนที่ตัวเองชอบได้เลยสักครั้ง เหมือนเป็นเพราะความรับผิดชอบที่คุณต้องแบกรับนั่นแหละ ยังจำได้ถึงบทเรียนที่พวกเราเคยเรียนไหม คนก็ย่อมเห็นแก่ตัว ถ้าคุณไม่เห็นแก่ตัวก็ปกป้องคนที่ตัวเองรักไม่ได้  เพราะโลกนี้มักจะมีกลุ่มหนึ่งที่ไม่ทำตัวให้อยู่ในทำนองคลองธรรม อยากรู้ไหมว่าทำไมผมถึงรู้เรื่องคนรักของคุณ? เพราะหล่อนได้รับอิทธิพลจากคุณมาไง คิดจะช่วยสาวกของผม แต่น่าเสียดายที่สาวกของผมคนนั้นไม่สนใจอะไร หวังจะให้ตัวเองได้เป็นที่สนใจจากคนอื่น กว่าจะเลือกเขาได้มันไม่ง่ายเลยนะ


คนจีนชอบพูดกันนักไม่ใช่เหรอ ให้มองดูตัวตนของคนผ่านการกระทำเล็กๆ น้อยๆ ของเขา พอรู้ว่าเขาอยู่ฝ่ายพวกลอกผลงาน ไม่สนว่าใครเป็นเจ้าของตัวจริง แถมยังโพสต์ในอินเทอร์เน็ตว่าตัวเองฉลาดมากมายขนาดไหน ผมก็เล็งให้เขามาเป็นสาวก และมันก็เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ ด้วย คนแบบนั้นขอให้คุณให้โอกาสเขายืนต่อหน้าทุกคน เขาย่อมทำได้ทุกอย่าง รวมถึงขายคนที่อยากปกป้องตัวเขาเพราะความสงสาร ก็เจ้าเด็กของคุณที่พยายามแฝงตัวเข้ามาสู้กับผมในโรงเรียนนั่นแหละ แต่น่าเสียดาย ในบางเรื่อง ผมก็ชื่นชมเขานะ เช่น การที่เขาพยายามเอาชีวิตรอดในสระน้ำนั่น…”


มันเป็นการใบ้กลายๆ ซึ่งหากฉินมั่วอยู่ในภาวะที่มีสติก็คงไม่เชื่อ แต่เวลานี้เขาไม่ค่อยมีสติ อันที่จริง ตอนที่เห็นป๋อจิ่วแตะแก้วน้ำนั่น ปราการป้องกันในหัวใจของเขาเริ่มพังทลาย แต่ตอนนั้น ความศรัทธายังรั้งเขาไว้ ความศรัทธาที่ว่าก็คือการปฏิบัติภารกิจให้สำเร็จ


คนอย่างคิงคงไม่มีวันเข้าใจ สำหรับทหารจีน โดยเฉพาะฉินมั่วด้วยแล้ว ความศรัทธาหมายถึงอะไร? มันหมายถึงแม้คำสั่งที่ฝังทางจิตจะถูกปลุกขึ้นมา แต่ไม่มีวันละทิ้งไป


คิงเห็นอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงของฉินมั่ว บวกกับมือที่ชายหนุ่มปล่อยให้ตกข้างตัวกำแน่นขึ้น คิงก็ยิ่งดีใจหนัก


เวลานี้เรือออกห่างจากฝั่งได้ระยะหนึ่งแล้ว เขาเชื่อว่าไม่มีใครตามพวกเขาทัน


เช่นเดียวกัน เขายังเชื่อว่าฉินมั่วไม่มีวันลงมือกับเขาแน่นอน ขอแค่เขาพยายามชักจูงจิตใจคนที่ใกล้จะสิ้นสติ ความแหลมคมของชายหนุ่มจะถูกเขาใช้เป็นเครื่องมือ!


คิงรอวันนี้มานานมากแล้ว วันที่ฉินมั่วถูกเขาใช้ แค่คิดก็ระงับความตื่นเต้นไว้แทบไม่ไหว


สภาวะของคิงเห็นได้เด่นชัด เขาพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเอง คิดจะพูดให้ช้าลงเพื่อจะชักจูงให้ได้ผลดี “คุณลองคิดดูสิว่า คนพวกนั้นมีค่าให้คุณช่วยเหรอ? นอกจากจะทำให้คุณต้องเสียคนที่สำคัญที่สุดแล้ว ยังให้อะไรคุณบ้าง? ฉินมั่ว คุณสามารถเปลี่ยนวิถีชีวิตตัวเองได้ คุณเป็นคุณชายสูงศักดิ์มาตั้งแต่เกิด ทำไมจะต้องเลือกเดินเส้นทางที่ยากลำบากด้วย ขอแค่คุณโยนสิ่งที่ไม่จำเป็นต้องยึดถือทิ้ง คนรักของคุณก็จะไม่จากไป ผมรู้ว่าตอนนี้คุณอยากแก้แค้นหนัก พวกคนที่ทำให้คุณต้องเสียเขาไป แต่ละคนมันเป็นแค่ก้อนขยะ ถ้าจะกำจัดพวกมันทิ้ง ก็ไม่เห็นว่าจะผิดตรงไหน คนพวกนั้นสมควรตายให้หมด จริงไหม?”


………………………………


ตอนที่ 1699-1


เสียงล่องลอยนั่น เหมือนน้ำในทะเลสาบที่ท่วมประสาทสัมผัสทั้งหมดของฉินมั่ว ความเร็วในการพูด น้ำเสียง และเนื้อหาที่กรอกเข้าสมอง


คิงกำลังสะกดจิต มองดูร่างสูงตระหง่านตรงหน้าที่หยุดการกระทำ ยกมือลูบศีรษะตัวเอง


อีกด้านหนึ่ง หลังจากที่ยิงไปสองนัด ป๋อจิ่วก็กระโดดออกมาจากทุ่งดอกไม้ เพราะเธอเห็นฉินมั่วบนสปีดโบ้ท วิธีเดียวที่เธอจะไล่ทันคือรถแลมโบกินีที่เธอซ่อนไว้ในที่ที่ห่างจากนี้ไปถึงหกร้อยเมตร ซึ่งไม่มีวันที่จะไม่มีใครเห็นเธอ


เมื่อเธอวิ่งผ่านไป เจ้าชายน้อยเห็นตัวแล้วผงะขึ้นมาทันที “เจ้าดำน้อย! เจ้าดำน้อยจริงๆ ด้วย” จากนั้นเขาจึงได้เห็นชุดและปืนไรเฟิลในมือของป๋อจิ่ว และนึกถึงตำแหน่งของอีกฝ่ายเมื่อครู่นี้ แววตาตะลึงโดยพลัน “เป็นเจ้าดำน้อย คนที่ช่วยเราไว้คือเจ้าดำน้อย”


ส่วนคุณหมอทหารเห็นหน้าของป๋อจิ่วเช่นกัน คงเพราะเจ้าหล่อนกลิ้งเกลือกบนพุ่มหญ้า ทำให้สภาพการแปลงโฉมถูกลบเลือน ใบหน้าใสนั่น เห็นแล้วทำให้คนดีใจเป็นพิเศษ คนเหล่านั้นคิดไม่ถึงเช่นกันว่าคนที่ช่วยพวกตนไว้จะเป็นป๋อจิ่ว!


โดยท่ามกลางคนเหล่านั้น เจ้าอ้วนถือว่าช็อกมากที่สุด เขาอ้าปากร้องตะโกน “แบล็กพีช! มิน่าล่ะ เขาถึงได้เห็นจุดแดงเมื่อครู่นี้ เพราะเธออยู่ที่นี่นั่นเอง!


เจ้าอ้วนบอกไม่ถูกว่าตัวเองรู้สึกอย่างไร เพราะไม่มีใครหรอกที่จะกล้าเข้าถ้ำเสือเพื่อช่วยบอส ทั้งยังพลิกกระดานรบด้วยฝีมือตัวเองเพียงคนเดียว มันทำให้เขานึกถึงวันเวลาที่อยู่ในทีมไดมอนด์ เขาเคยมองดูเด็กคนนี้ที่แบกรับความกดดันทั้งปวง พาทีมไดมอนด์แหวกวงล้อมแห่งอุปสรรค แต่…คนแบบนี้อาจกลับเข้าสู่สนามแข่งต่อไม่ได้อีกต่อไป แม้จะเป็นเช่นนั้น แต่เธอยังปรากฏตัวอยู่ที่นี่ ทั้งที่สามารถอยู่คนเดียวได้สบายๆ กลับยังอุตส่าห์มาช่วยบอสในที่ที่อันตรายแบบนี้ เพราะพวกเขายังต้องช่วยเหลือคนอื่นๆ ออกไป


เจ้าอ้วนไม่กลัวอะไรสักอย่าง กลัวแต่จะไม่ทันการณ์ คุณหมอก็เช่นกัน หลังจากที่เห็นหน้าเธอ เขารีบตะโกนไปยังทะเลสาบ “บอส คนที่สำคัญที่สุดของคุณยังมีชีวิตอยู่!” แต่ไร้ประโยชน์ เพราะสปีดโบ้ทลอยออกไปไกลแล้ว ตอนนี้เห็นแค่พวกเขาหยุดอยู่กับที่อย่างลางเลือน ส่วนจะเกิดเรื่องอะไรก็ไม่มีใครรู้


เสียง ‘สวบ!’ ดังขึ้น ป๋อจิ่วรื้อใบตองที่คลุมรถของเธออยู่ “รหัสเสียงเปิดล็อก”


เมื่อประตูเปิดออก ระบบจีพีเอสเริ่มทำงาน เดิมทีเสี่ยวเฮยคิดจะเหน็บแนมเจ้านายตัวเองสักหน่อย แต่เมื่อได้ยินเสียงป๋อจิ่วดังขั้น “เปลี่ยนไปใช้ระบบดำน้ำ เดี๋ยวนี้”


“เริ่มเปลี่ยนไปใช้ระบบดำน้ำ” ระบบจีพีเอสสะบัดคลื่น “แต่ปริมาณน้ำมันไม่น่าจะพอ เจ้านายต้องระวังว่าพวกเราอาจกลับมาไม่ได้”


ป๋อจิ่วสวมแว่นตากันน้ำ “ช่างมัน”


“ได้ครับ” เสี่ยวเฮยได้ยินแล้ว รู้ทันทีว่าเจ้านายสูญเสียความเยือกเย็นในยามปกติ ไม่งั้นคงไม่ตัดสินใจออกรถ โดยไม่เป็นห่วงเรื่องน้ำมันหรอก


ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีสีหน้าของเจ้าหล่อนที่ผุดขึ้นมาระหว่างที่กำพวงมาลัยพาตัวรถดำลงไปในน้ำ


มันไม่เหมือนตัวเธอในยามปกติ ทั้งยังทำให้คนสงสาร


เสี่ยวเฮยได้ยินเสียงเธอ ดูเหมือนจะร้อนใจมาก เธอกำลังพูดว่า “พี่มั่ว รอเดี๋ยวนะ เดี๋ยว เดี๋ยวฉันจะไปถึงแล้ว”


………………………………


ตอนที่ 1699-2


เสี่ยวเฮยไม่เข้าใจความรู้สึกของมนุษย์ มันได้แค่มอง


หากคนคนหนึ่งชอบคนอีกคนมาก คนคนนั้นย่อมต้องกลัวความสูญเสียเป็นที่สุด


บนสปีดโบ้ทเหนือผืนน้ำ คิงก้าวไปข้างหน้า สองตาจ้องแววตาที่ไร้แสงของฉินมั่ว “ผมมีรีโมทเครื่องหนึ่ง แค่กดปุ่มแดง ก็ทำลายพวกคนที่ฆ่าคนรักของคุณได้ส่วนหนึ่งทันที สำหรับคนที่เหลือ คุณลองค่อยๆ หาละกัน”


ฉินมั่วในเวลานี้ เหมือนต้องมนต์สะกด แววตาไร้อารมณ์มองดูสีสันที่สดใสที่สุด


“เอาสิ คุณต่างหากที่มีสิทธิ์พิพากษาชีวิตคนพวกนั้น” คิงยังคงสุภาพ ด้วยฉากสำคัญกำลังจะเกิดขึ้น เพราะหากกดปุ่มนั่น กระท่อมไม้ที่อยู่ไม่ไกลจากสปีดโบ้ทก็ระเบิด เพราะมีระเบิดฝังไว้มากมาย พวกทหารจีนที่ทำลายแผนเขา รวมถึงพวกที่ไม่ยอมตกเป็นเชลย จะต้องถูกฝังไปพร้อมๆ กับทุ่งดอกไม้นั่น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ฉินมั่วเป็นคนลงมือด้วยตัวเอง แค่อย่างหลังนี้เขาก็ถือว่าชนะแล้ว


ใช่ ตั้งแต่แรกเริ่ม คิงวางแผนจะให้เป็นแบบนี้ เขาไม่สนใจลูกน้องพวกนั้นหรอก แม้การหาลูกน้องที่ใช้ได้คล่องมือ ย่อมยากลำบาก แต่ขอแค่ได้ฉินมั่วมาทดแทนเป็นพอ


เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ คิงก็ยิ้มหนักขึ้น ฉินมั่วยื่นมือออกมาราวกับได้รับคำสั่ง ในขณะที่คิงคิดว่าอีกฝ่ายจะกดปุ่ม กลับได้ยินเสียง ‘จ๋อม’


รีโมทถูกโยนทิ้งลงน้ำ โดยฉินมั่วยังคงยืนที่เดิม สายลมจากผืนน้ำพัดเสื้อกันลมตัวดำ ทำให้เขาดูเหมือนแวมไพร์ที่จะออกอาละวาด มุมปากของเขาผุดยิ้มชั่วร้าย ราวกับเย้ยหยันโลก ทั้งเฉยชาและเหี้ยมเกรียม


คิงหน้าถอดสีทันที! เพราะเห็นฉินมั่วในตอนนี้แล้ว ทำให้เขานึกถึงบทความด้านจิตวิทยาบทความหนึ่ง ว่าด้วย คนที่ได้รับการกระตุ้นคำสั่งที่ฝังทางจิต ส่วนใหญ่จะเกิดความเคารพนบนอบในตัวอาจารย์ที่ชี้นำอย่างเป็นธรรมชาติ แต่จะมี 1% ที่เมื่อความศรัทธาของเขาสูงในระดับหนึ่ง เจ้าตัวจะไม่ศรัทธาต่อตัวอาจารย์ แล้วยิ่งจะ…


คิงไม่อยากจะคิดต่อไป จึงยกมือคิดจะยิงอีกฝ่าย ในเมื่อทำให้เชื่องไม่ได้ ก็ต้องกำจัดมันทิ้งไว้ที่นี่


ฉินมั่วจะให้โอกาสฝ่ายนั้นได้อย่างไร ไพ่ในมือเขาบินออกไปอย่างเร็วและรุนแรงกว่าครั้งที่แล้วอีก


เมื่อโดนไพ่กรีดข้อมือ คิงก็เจ็บปวดจนโซเซ ลูกกระสุนวิ่งมาจากด้านข้าง พุ่งตรงเข้าที่ทหารรับจ้างที่คิดตัวจะสกัดฉินมั่วไว้อย่างเหมาะเหม็ง


สองตาของคิงเบิกกว้าง เขารู้ดีถึงความร้ายกาจของชายหนุ่ม แต่ไม่รู้ว่าความอดทนเส้นสุดท้ายของชายหนุ่มอยู่ที่ตรงไหน ซึ่งเขาได้เห็นแล้วในครั้งนี้ อันเป็นครั้งเดียวกันกับที่เขาได้เห็นนรกของแท้


ฉินมั่วในเวลานี้ ไม่มีห่วงอะไรอีกแล้ว เพราะไม่มีห่วงนี้แหละ เขาจึงคิดเพียงแค่


ฆ่า!


ฆ่า!


ฆ่าพวกมันให้ตาย!


โดยเฉพาะมัน!


หลายคนเคยบอกว่ามือคู่นี้ของฉินมั่วเล่นเกมได้เก่ง จะต้องบรรเลงเปียโนได้ไพเราะแน่ กลับไม่รู้ว่ามือคู่นี้ของฉินมั่วที่เย็นยะเยือกราวเครื่องกระเบื้องเคลือบคู่นี้ เวลาหยิบไพ่ฆ่าคนทีไร เรียกได้ว่าน่าตะลึงเลยทีเดียว


ในฐานะที่กลายเป็นเหยื่อ คิงหัวใจเต้นเร็วอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เวลานี้แววตาของเขาร้อนรน ความสุภาพในยามปกติหายไปจากสีหน้า เขากดมือตัวเอง คิดจะรีบเก็บปืนขึ้นมา แต่ฉินมั่วเดินมาตรงหน้าเขาแล้ว แววตาลุ่มลึกเหมือนที่ได้พบกันเป็นครั้งแรกก็จริง ทว่าความระยิบระยับที่แฝงในแววตาดังกล่าว ออกจะเหี้ยมหน่อยๆ


 ………………………………


ตอนที่ 1699-3


“อาจารย์พูดไม่ผิด พวกมันสมควรตาย แต่คนที่สมควรตายมากที่สุดก็คือตัวอาจารย์เองนั่นแหละ” ฉินมั่วหัวเราะอย่างสบายอารมณ์ เวลาที่หัวเราะ รอยเลือดยังคงทิ้งคราบบริเวณใต้ดวงตา ดูสวยอย่างไม่มีสิ่งใดมาเทียบเทียม “ดูเหมือนแกคิดจะควบคุมฉันมาโดยตลอดเลยสินะ บทความวิชาที่ที่เรียนมาไม่ได้สอนให้แกรู้เหรอว่า เมื่อสิ่งมีชีวิตถูกต้อนจนถึงที่สุด ผลจะเป็นในทางตรงกันข้าม”


ขณะพูด ไพ่ของฉินมั่วก็ปักเข้าที่ลำคอ


“ฉันเสียใจจริงๆ” คิงพูด มีดโผล่มากลางอุ้งมือ ไม่รอให้ฉินมั่วระวังตัวก็พุ่งเข้าไปหมายจะแทงอีกฝ่าย


ฉินมั่วหลบทัน หันสีข้างเตะจนอีกฝ่ายล้มนอนบนเรือ แววตาของคิงสั่นไหว เพราะรู้ตัวถึงวาระสุดท้าย ซึ่งหากเป็นฉินมั่วในอดีต อย่างน้อยก็ไม่เป็นถึงขั้นนี้


แต่คิงหัวเราะเสียงต่ำ แววตาเหมือนจะเปล่งแสงแห่งความชั่วออกมา “ฉินมั่ว แกกลายเป็นฉันอีกคนไปแล้ว คิดว่าตัวแกจะรอดจากการต่อสู้กันในครั้งนี้เหรอ? ต่อให้ฉันตาย แกก็แพ้อยู่ดี”


“แกยังเวิ่นเว้อเหมือนเมื่อตอนเป็นอาจารย์เลยนะ” ฉินมั่วกระชากอีกฝ่าย แววตาเริ่มแดงจัด “ในเมื่อแกชอบน้ำมากอย่างนี้ ก็ใช้วิธีที่แกถนัดละกัน ฉันจะถ่วงแกให้จมน้ำ สบายใจได้ ฉันจะไม่ทำให้แกสลบหรอก ฉันควรจะค่อยๆ ดูแกค่อยๆ จมน้ำตาย สนุกดีออก”


สีหน้าของคิงแสดงความหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด ปล่อยให้ฉินมั่วยิงเสียยังจะดีกว่า ไม่คิดเลยว่ามันจะใช้วิธีนี้  ทำให้เขาช่วยตัวเองไม่ได้ทั้งที่มีสติอยู่ครบถ้วน       มันอยากให้เขาลิ้มรสความทรมานที่คนคนนั้นเคยประสบใช่ไหม


คิงจะสู้ หากแต่เมื่อแพ้สงครามประสาทแล้ว เขาก็ไม่มีข้อได้เปรียบอะไรที่จะเอาชนะฉินมั่วได้อีก ด้วยเวลาเพียงสองวินาที คิงก็รับรู้ว่ามีอะไรบางอย่างปาดเข้าที่ข้อมือ คนที่เคยมีประสบการณ์ ย่อมรู้ดีว่า เมื่อข้อมือถูกปาดแล้วถูกโยนลงน้ำจะเป็นอย่างไร ยิ่งพยายามดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอด เลือดก็ยิ่งไหลเร็วมากขึ้น แถมขาทั้งสองก็ถูกถ่วงด้วยของหนักๆ


เสียงของหนักตกน้ำที่น่าหดหู่ ส่งผลคิงไม่มีโอกาสได้โผล่ขึ้นเหนือน้ำ นอกจากจะก้มตัวแกะของที่ถ่วงขาออก แต่เหมือนที่บอกไปนั่นแหละว่าการขยับปัดป่ายมือกลางน้ำในเวลาอย่างนี้จะทำให้เลือดไหลเร็วขึ้น แถมความเจ็บปวดที่เกิดจากการเสียเลือดทำให้เขาไม่มีแรงแกะเงื่อนที่มัดตาย


พวกนักจิตวิทยาชั้นสูงล้วนเคยเรียนวิชาแก้เงื่อน แต่ครั้งนี้คิงทำไม่ไหว ตอนแรกๆ เขาพยายามดิ้นรน จนเมื่อหายใจไม่ได้ เลือดก็ลอยกระจายบนผืนน้ำทะเลสาบ จนนิ้วของเขาหยุดนิ่ง ร่างถึงค่อยๆ  ดิ่งลงใต้น้ำในที่สุด


สปีดโบ้ทหยุดแล่นแล้ว ฉินมั่วยืนที่เดิมด้วยอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรงจนต้องทรุดตัวนั่ง นัยน์ตาชายหนุ่มเริ่มแดงจัด


เคยได้ยินเรื่องเล่าเรื่องหนึ่งไหม ว่ากันว่าทูตสวรรค์มิคาเอลในพระคัมภีร์ที่ดูแลโลกสวรรค์ ท่านสูงส่งดั่งหิมะ เป็นเจ้าของความงดงามที่เหนือใคร เป็นเกียรติยศแห่งสรวงสวรรค์ แต่ไม่มีใครรู้ว่าในขณะที่ท่านจัดระเบียบโลกมนุษย์อยู่นั้นได้สูญเสียความรู้สึกไป


มีครั้งหนึ่งที่ท่านยอมสละเลือดเนื้อเพื่อช่วยคน แต่กลับโดนแว้งกัด ท่านจึงเข้าใจแล้วว่า มนุษย์ก็เป็นเสียอย่างนี้  เพราะท่านเคยประจักษ์ถึงความชั่วร้ายทั้งปวง


ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพไหน ต่อให้ต้องไปบรรยายธรรมในโลกหลังความตาย ชุดนักรบบนร่างของท่านก็ไม่เคยแปดเปื้อนความโสโครก


จนเมื่อได้เจอคนคนหนึ่ง คนคนนั้นก็คือลูซิเฟอร์ผู้เป็นเทพสวรรค์ที่แหกกฎสวรรค์และแสนจะตกต่ำ  มิคาเอลก็กลับมามีความรู้สึก


เริ่มจากรำคาญ ต่อมาก็อยากเจอ เพราะลูซิเฟอร์ตามรังควาญท่านก่อน ตอนนั้นลูซิเฟอร์ยังไม่มีความคิดชั่วร้าย นอนอยู่ในอ้อมกอดของท่านราวกับเป็นมารน้อยที่ว่านอนสอนง่าย


……………………………….


ตอนที่ 1699-4


มิคาเอลคิดว่าทั้งสองจะอยู่ด้วยกันแบบนี้ตลอดกาล จนเมื่อโลกสวรรค์ได้รับสารจากโลกมนุษย์ เกิดสงครามครั้งใหญ่ที่สุด ลูซิเฟอร์ที่ท่านรักที่สุดก็ทำการโหมเพลิงสงครามจนกลายเป็นคนละคน


ตั้งแต่นั่นเป็นต้นมา เวลาที่มิคาเอลจับอาวุธเข้าสู้ จึงเหลือเพียงความเย็นชา แม้จะอยู่ในสถานะสูงส่ง แต่ก็ฆ่าคนได้อย่างง่ายดาย ซึ่งฉินมั่วในเวลานี้ ก็คล้ายกับมิคาเอลนั่นแหละ


ภายใต้แสงตะวันรอน ฉินมั่วนั่งกลางเรืออย่างไม่สนใจว่ามือตัวเองเปื้อนเลือดมากแค่ไหน แสงตะวันที่หลงเหลือบนฟากฟ้าได้ย้อมนัยน์ตาเขาให้แดงจัด


คำว่าสง่า ลึกลับ สูงส่ง ยังคงเหมาะที่จะบรรยายตัวเขาเหมือนเดิม ทว่า ใครก็ตามที่ได้เห็นเขาในเวลานี้ก็จะรู้ว่า นี่ไม่ใช่ฉินมั่วที่พวกเขาเคยรู้จัก


ชายหนุ่มหันหน้ามาราวกับดื่มด่ำความมืดที่กำลังเข้ามาเยือน ทำให้สปีดโบ้ทลำอื่นที่เข้ามาช่วยเหลือถึงกับลังเล


และในเวลาเดียวกัน คลื่นก็ซัดเข้ามา


รถแลมโบกินี่ มูร์เซียราโก้คันดำผงาดขึ้นเหนือน้ำ


ผู้คนล้วนเห็นจากที่ไกลๆ ว่า เด็กนั่นถอดแว่นตากันน้ำออก เส้นผมสั้นเซอร์ที่ยังมีน้ำเกาะอยู่ กำลังถูกฉินมั่วที่นั่งบนเรือยื่นมือบีบคอ


ห้วงเวลาดังกล่าว ทุกๆ คนต่างสะดุดลมหายใจ คุณชายถังที่อยู่ด้านหน้าสุด รู้ถึงปัญหาทันที “คำสั่งที่ฝังทางจิตของฉินมั่วถูกปลุกออกมาใช้อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว”


ทางเบื้องบนออกคำสั่งมาแล้วว่า หากฉินมั่วตกอยู่ในสภาพที่ควบคุมไม่ได้ พวกเขาจะต้องพาตัวกลับไปแล้วให้ทางเบื้องบนตัดสินใจเอง


แต่จะจัดการได้อย่างไร เพราะตอนนี้พวกเขาไม่มีใครกล้าเข้าใกล้สักคน และชายหนุ่มดูน่ากลัวมาก!


ฉินมั่วมองดูป๋อจิ่วที่อยู่ใกล้ แล้วค่อยๆ ยิ้มออกมา ยิ้มที่เหี้ยมเกรียมและร้ายกาจ “เป็นเหยื่อที่เสนอหน้ามาตายเหรอ?”


ป๋อจิ่วเริ่มหายใจไม่ออก สายตาเธอตกอยู่ที่แววตาที่เหมือนไม่เคยรู้จักมาก่อน รู้สึกเหมือนถูกมีดกรีดหัวใจ แต่มุมปากยังคงหยัดยิ้ม พูดออกมาอย่างลำบาก “พี่มั่ว ถึงพี่จะลืมฉันตอนเด็กก็แล้วไปเถอะ ทำไมยังลืมฉันในตอนโตด้วยล่ะ”


“พี่มั่ว?” ฉินมั่วเข้าไปใกล้ป๋อจิ่วอีก “ฉันจะมีน้องชายที่เตี้ยขนาดนี้ได้ไง แค่โกหกยังทำไม่ได้เลย?”


อันที่จริง ชายหนุ่มไม่เข้าใจตัวเองว่า แค่เห็นอีกฝ่ายทรมาน เขาก็รีบปล่อยมือทันทีราวกับต้องมนต์


ช่างเถอะ เด็กคนนี้จะทำอะไรเขาได้ เพราะหากลองตุกติกสิ เขาจะปาดคอมันด้วยไพ่นี่แหละ ทว่าฉินมั่วกลับคิดไม่ถึงว่า เขาเพิ่งจะปล่อยเจ้าเด็กนี่ แต่อีกฝ่ายกลับกอดเขาไว้แน่น เอ่ยเสียงต่ำที่แหบพร่า “พี่มั่ว ครั้งนี้ฉันจะเป็นฝ่ายพาพี่กลับบ้านเอง”


………………………………………………


ตอนที่ 1700-1 หวาน เราเป็นแฟนกัน


กลับบ้านเหรอ? ฉินมั่วกวาดตามองคนที่กอดตัวเองอยู่ ก่อนจะยื่นมือเชยคางอีกฝ่าย


เด็กนี่น่าสนใจดีแฮะ ไม่เห็นหรือว่ามือเขาเปื้อนเลือด? ไม่เห็นเหรอว่าตรงนั้นมีคนนอนตายอยู่ ที่มีเลือดมากมาย แค่ดูก็รู้ว่า มันมาจากพวกคนที่ถูกเขาฆ่า กระทั่งสปีดโบ้ทลำอื่นบนทะเลสาบ ยังไม่กล้าเข้าใกล้เขาเลย เด็กนี่กลับวิ่งเข้ามาอย่างไม่กลัวตาย มันคิดอะไรกันแน่?


ฉินมั่วมองหน้าป๋อจิ่วอย่างพินิจ ก่อนจะเอ่ยช้าๆ “พวกที่อยู่ข้างหลังนาย ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ฉันเลยสักคน”


เวลานี้ ป๋อจิ่วยืนกราน “ฉันไม่ใช่พวกเดียวกับพวกเขา เพราะฉันไม่ใช่คนดี”


เสี้ยวหน้าของฉินมั่วไม่บ่งบอกอารมณ์ใดใด โดยเฉพาะในเวลานี้ มุมปากของเขายกยิ้ม ไพ่ยังไม่หลุดจากนิ้วมือ เขาไม่เชื่อคำพูดของป๋อจิ่วอย่างเห็นได้ชัด


“เมื่อกี้เรียกฉันว่าพี่ เป็นน้องชายฉันเหรอ?”


“เปล่า”


เดิมที่คิดว่าเจ้าเด็กนี่จะยอมรับ เพราะจะได้ลดความระแวงของเขาได้ แต่ฉินมั่วไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะปฏิเสธ คิ้วเรียวได้รูปกำลังเลิกขึ้น ก็เห็นป๋อจิ่วโน้มตัวมาหา ริมปากสีอ่อนแตะบนเรียวปากของเขา


ฉินมั่วผงะ รับรู้ได้ถึงลมหายใจของตัวอีกฝ่าย รวมถึงความนุ่มเย็นนิดๆ แฝงมาด้วยกลิ่นอมยิ้มที่โชยเข้าเรียวปากของเขา มันช่างอบอุ่นจนทำให้เขาไม่ผลักไสอีกฝ่าย


จากนั้น เขาจึงได้ยินเสียงเด็กนี่พูด “ก็ฉันเป็นป๋าของพี่ เราเป็นคนรักกัน”


ฉินมั่วได้ยินแล้วผงะอีกหน หลุบมองมุมปากที่ยกยิ้มของอีกฝ่าย ก่อนจะกดศีรษะอีกฝ่าย ก้มตัวนิดๆ ลมหายใจของเขาไล้ผ่านริมหูเธอ “หมายความว่าฉันไม่แค่ชอบผู้ชาย แต่ยังโดนผู้ชายเหมาเลี้ยงด้วย”


“พี่มั่วอ่ะ” ป๋อจิ่วหัวเราะ ไม่ปฏิเสธอีกฝ่าย แต่จับมือเขามาแปะหน้าอกตัวเอง ความนุ่มหยุ่นใต้ฝ่ามือทำให้ฉินมั่วถึงกับนิ้วเกร็ง ขมวดคิ้วหน่อยๆ เป็นเด็กผู้หญิงหรือนี่ ทำไมถึงใจกล้าหน้าไม่อายขนาดนี้? แต่อีกฝ่ายทำตัวราวเป็นสาวน้อยก๋ากั่น ไม่คิดว่าตัวเองหน้าไม่อาย โฉบเข้าใกล้ปลายจมูกเขา “พี่ชอบที่สุดนี่”


น่าสนใจแฮะ ฉินมั่วรู้สึกว่าอีกฝ่ายน่าสนใจขึ้นเรื่อยๆ จึงค่อยๆ ยักคิ้ว “อันที่จริง ฉันไม่ชอบแบบใหญ่ๆ นักหรอก ว่าแต่ความน้อยนิดที่เธอมีแล้ว ท่าจะไม่มีอะไรเด่นเลย”


ป๋อจิ่ว… ทำไมพอท่านเทพกลายเป็นมารแล้ว ยังไม่ลืมความปากเป็นพิษอีกนะ?


“แต่ เรื่องการพิสูจน์สินค้านี่ คงต้องทำแบบนี้ถึงจะรู้ว่าเราชอบหรือเปล่า” ฉินมั่วกระชากอีกฝ่ายให้มาอยู่ในอ้อมกอด ภายใต้เสื้อกันลมตัวดำที่กางกั้น เขาล้วงเข้าไปในเสื้อเธอ ลูบเอวบางที่น้อยคนจะไม่ชอบ เอวของเธอนุ่มลื่นขาวเนียนราวกับหยกชั้นเยี่ยม


วินาทีที่ได้สัมผัส ฉินมั่วก็หลงใหลทันที แววตาเขาขรึมลง ราวกับรังเกียจอิทธิพลของอีกฝ่ายที่ส่งผลต่อเขา แล้วดึงตัวป๋อจิ่วไปยังตำแหน่งที่ปลอดภัย


“ทำไมเหรอ?” เธอหน้าแดงหน่อยๆ เพราะสิ่งที่อีกฝ่ายกระทำเมื่อครู่ ทำให้หูเธอร้อนรุ่มเลยทีเดียว


ฉินมั่วเห็นภาพตรงหน้า ยิ้มขึ้น ก้นบึ้งนัยน์ตาเต็มได้ด้วยรังสีอันตราย “ในเมื่อเธอเป็นป๋าสายเปย์ของฉัน สปีดโบ้ทพวกนั้นก็ควรจะให้เธอเป็นคนไล่ออกไป จริงไหม?”


ป๋อจิ่วสังเกตเห็นว่าเขาระแวงชุดทหาร แถมแววตาลุ่มลึกของชายหนุ่ม ยังฉายแววความโหดเป็นระยะๆ  อันเป็นความรู้สึกที่แตกต่างไปจากปกติ แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น เขาก็ยังคงเป็นเขา


“ทำไม?” ฉินทั่วทัดผมให้เธอ หัวเราะเบาๆ “ไม่อยากทำงั้นเหรอ? ไหนบอกว่าเป็นคนรักกันไง แค่เรื่องนี้ก็ทำไม่ได้”


 ………………………………


ตอนที่ 1700-2 หวาน เราเป็นแฟนกัน


ป๋อจิ่วจ้องเขา ด้วยแววตาใสแจ๋ว แฝงด้วยความฉลาดล้นเหลือ “ถ้าพี่ต้องการ ย่อมได้” ว่าแล้ว เธอก็หันไปสบตาคนที่อยู่หัวเรืออีกลำ แววตาของชายผู้นั้นไม่แฝงแววออกคำสั่งเลยตั้งแต่แรกจนถึงบัดนี้


ทว่าป๋อจิ่วยังไม่ทันเอ่ย เสียงอีกฝ่ายก็ดังขึ้น “ฉินมั่วจะต้องตามพวกเรากลับไป ส่วนเรื่องที่เหลือจะมีคนจัดการเอง” อันเป็นการปฏิเสธสิ่งที่ป๋อจิ่วปรารถนา


ในเมื่อเป็นเช่นนี้ “คุณชายถัง คุณน่าจะเข้าใจว่าฉันคงจะมอบเขาในสภาพแบบนี้ให้คุณไม่ได้หรอก” ป๋อจิ่วรู้ดีว่า หากชายหนุ่มกลับไปกับพวกทหาร ก็จะได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม แต่เรื่องสภาพจิตใจล่ะ อาจจะเกิดผลเหมือนเมื่อตอนนั้น ฉินมั่วในเวลานี้ไม่เหมาะที่จะมีตำแหน่งทางทหารต่อไป เมื่อพิจารณาด้านความปลอดภัยต่อทุกคน พวกเขาจะให้ชายหนุ่มกลับเมืองเจียงเฉิงอีกครั้ง หลายสิ่งหลายอย่างที่ฉินมั่วทุ่มเทลงไป ยอมกระทั่งทิ้งอีสปอร์ตที่รักอย่างไม่เสียดาย ปล่อยให้ตัวเองตกอยู่ในสภาพทแบบนี้อีกครั้ง แต่ท้ายที่สุดกลับถูกกระทำเช่นนี้ ด้วยเหตุผลที่ว่าเขาไม่ใช่ฉินมั่วที่เป็นปกติ


ทางทหารไม่ผิดหรอก เพราะเขาในเวลานี้น่ากลัวเกินไป หากบอกว่าคิงใช้เวลาสั้นๆ ในการสะกดจิตแต่เขาในเวลานี้ กลับความสามารถทุกชนิดต่อการควบคุมจิตใจของคน


การป้องกันการตรวจสอบ ความสามารถในการสู้รบ การยิงไกล กระทั่งปฏิกิริยาทั้งหมดทางด้านร่างกาย ล้วนแสดงให้เห็นว่าชายหนุ่มคุ้นเคยต่อการสู้รบของทหารอย่างยิ่งยวด


คนเก่งเช่นเขา ในทันทีที่กลายสภาพเป็นคนร้าย ย่อมทำให้ฝ่ายทหารระแวง


ป๋อจิ่วไม่เชื่อใคร นอกจากตัวเองเท่านั้น เธอกลัว กลัวพวกเขาจะหาว่า ชายหนุ่มกลายเป็นคนโรคจิตเหมือนคิง แล้วเอาเขาไปดูแลในที่ที่ปลอดภัย ให้ความเป็นอยู่อย่างดี แต่ออกไปไหนไม่ได้


นั่นไม่ใช่สัตว์เลี้ยงตัวน้อยของเธอ สัตว์เลี้ยงตัวน้อยของเธอเป็นดั่งเจ้าชายน้อยมาตั้งแต่ยังเด็ก ทั้งหยิ่ง ไม่แคร์ใคร แถมยังเป็นคนยุติธรรม เขาเหมาะที่จะอยู่บนแท่นท่านเทพเป็นที่สุด เขาไม่ควรจะแปดเปื้อนต่อสิ่งใดมาตั้งแต่แรก แล้วเธอจะอนุญาตให้คนอื่นทำเหมือนเขาเป็นตัวเชื้อโรคที่ต้องโดนกักกันได้ย่างไร ไม่ว่าจะเป็นวิธีไหนก็เถอะ


“ฉันจะพาตัวเขาไป” ป๋อจิ่วมองร่างนั้น ค่อยๆ ยิ้ม “ถ้าวิธีนิ่มนวลใช้ไม่ได้ผล ฉันยังพอจะมีวิธีอื่น เชื่อว่าคุณชายถังคงไม่อยากเป็นศัตรูกับฉัน”


ชายหนุ่มไม่ขยับ เอ่ยเสียงเรียบ “Z คุณเคยคิดบ้างไหมว่า ถ้าคุณพาตัวเขาไป จะเกิดอะไรขึ้น ทางทหารจะประกาศจับคุณ ซึ่งมันก็ไม่สำคัญหรอก สิ่งสำคัญคือ คุณมั่นใจเหรอว่าเขาไม่ได้มีอะไรแอบแฝง คุณน่าจะรู้ดีว่าเขาในเวลานี้น่ากลัวแค่ไหน ไม่แน่ว่าพอคุณพาตัวเขาไป เขาก็จะควบคุมคุณให้ทำในสิ่งที่เขาต้องการนะ”


ฉินมั่วหัวเราะ ไม่คิดเลยว่าฝั่งนั้นจะมีคนฉลาดมากอย่างนี้ ท่าทางแผนการของเขาคงไม่สำเร็จ…


“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันก็รับผิดชอบได้ทั้งนั้น ฉันเคยบอกแล้วว่า ครั้งนี้ฉันจะขอพาเขากลับบ้านเอง”


ฉินมั่วได้ยินแล้วถึงกับตะลึงทั้งร่าง ค่อยๆ หันไปมองป๋อจิ่ว แววตาลุ่มลึกของเขาแฝงไปด้วยอารมณ์อื่นๆ  หมายความว่าเจ้าเด็กนี่รู้แผนการของเขาแล้ว มิน่าล่ะ ถึงได้พูดว่า “ถ้าพี่ต้องการ ก็ได้” ยังจะตอบรับในสิ่งที่เขาต้องการอีก


โง่หรือเปล่า?


………………………………


ตอนที่ 1701-1 ป๋าสายเปย์


ป๋อจิ่วไม่ได้สังเกตถึงแววตาที่เปลี่ยนไปของคนข้างตัว ฉินมั่วเองยังไม่รู้ตัวเช่นกันว่าแววตาสีเข้มของเขา นอกจากจะเย็นชา ยังผสมปนเปไปด้วยความสนุกและความอ่อนโยน


แสงตะวันยามพลบค่ำสาดส่อง ดูลุ่มลึกเหมือนน้ำในทะเลสาบที่กระเพื่อมชนิดที่ไม่เห็นก้นบึ้ง นอกจากคุณชายถัง ยังมีผู้รับผิดชอบอีกคนหนึ่ง เขายืนกรานหนักแน่น “ฉินมั่วต้องตามพวกเรากลับไป”


คุณชายถังนิ่งเงียบ ทว่าป๋อจิ่วกลับเป็นฝ่ายหัวเราะขึ้นเสียงเอง เป่าผมสั้นเซอร์อย่างร้ายกาจหน่อยๆ “งั้นคงไม่ต้องไว้หน้ากันแล้ว”


“เขาเป็นใคร? ทำไมถึงกล้าพูดแบบนี้กับผม”


คุณชายถังเหลือบมองคนข้างๆ ก่อนจะยิ้ม ถอยหลังหนึ่งก้าว หมายความว่าในเมื่อคุณอยากยุ่งใช่ไหม งั้นเชิญรับผิดชอบตามสบายเลย


ป๋อจิ่วย่อมเห็นกิริยาอีกฝ่าย ขอแค่เขาคนนั้นไม่ห้ามที่เธอจะพาตัวฉินมั่วไป ก็ยังพอจะมีหวัง


แน่ล่ะ ทหารระดับหัวหน้าที่ยืนข้างคุณชายถังไม่รู้หรอกว่า ตัวเองกำลังเผชิญหน้ากับใครอยู่ เมื่อกำลังจะเอ่ยเตือนอีกครั้ง แต่กลับได้ยินเสียงเด็กคนนั้นที่ยืนกลางเรือร้องตะโกนขึ้น “เสี่ยวเฮย”


‘สวบ!’ วงน้ำกระเพื่อมขึ้น ทำให้คนไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นตรงหน้า


ฉินมั่วเลิกคิ้ว ยังไม่ปล่อยโอกาสให้เขาแสดงความสามารถเลย เจ้าหนูนี่ก็คว้าข้อมือเขา กดไฟแช็กสีเงินด้วยสภาพมุมปากที่หยักยิ้ม แล้วโยนไปที่ถังน้ำมันบนเรือ จากนั้นก็ลากเขากระโดดไปอีกด้าน


เสียง ‘ตู้ม!’ ดังขึ้น


ท้ายเรือเกิดไฟไหม้ ควันไฟกระจายไปทั่วห้วงเวลาดังกล่าว สปีดโบ้ทแถวนั้นยิ่งเข้าใกล้ได้ยากขึ้น ฉากนั้นสวยงามเหลือเกิน ดวงตะวันในยามสายัณต์เป็นสีแดง


สมกับที่เป็น Z จริงๆ หลบหนีได้อย่างสวยงาม


หากได้อยู่ข้างเธอ บางทีฉินมั่วอาจจะยับยั้งใจไม่ฆ่าคนอื่นก็เป็นได้ คุณชายถังดันแว่นบนจมูก ก่อนจะหันไปมองผู้บัญชาการที่มีสีหน้างงงวย เอ่ยขึ้นอย่างไม่ร้อนใจ “ท่าทางเราจะเอาตัวฉินมั่วกลับไปไม่ได้แล้วล่ะ”


“เด็กนั่นมันบ้าหรือเปล่า” ท่านผู้บัญชาการทึ้งผมตัวเอง “เขาดันมาใช้วิธีแบบนี้ แล้วคุณก็ยังใจเย็นอยู่ได้ พวกเรายังต้องรายงานเบื้องบนนะ!”


คุณชายถังหัวเราะ “ผมไม่สนเรื่องรายงานหรอก อุตส่าห์ช่วยคนมาได้แล้วนี่ แล้วคิงก็ไม่ได้ตกไปอยู่ในมือใคร ส่วนที่เหลือ ก็รบกวนท่านผู้บัญชาการทำรายงานเสนอเบื้องบนเองละกัน”


ท่านผู้บัญชาการตะลึง “เดี๋ยว ทำไมผมต้องเป็นคนเขียนรายงานด้วยล่ะ?”


“ปัญหานี้” คุณชายถังตบบ่าอีกฝ่าย “ท่านคงต้องคิดดีๆ นะครับ”


ท่านผู้บัญชาการหมดอาลัยขึ้นเรื่อยๆ “ต้องโทษเจ้าเด็กนั่น มันรู้ตัวหรือเปล่าว่า คนที่พาหนีไปอันตรายมากแค่ไหน?”


“น่าเสียดาย ถ้าไม่ใช่เจ้าเด็กนั่น พวกเราก็อาจหาที่อยู่ของที่นี่ไม่ได้” คุณชายถังหันมามองด้วยแววตากระด้าง เห็นได้ชัดว่าแฝงความเย็นชาด้วย ส่งผลให้ท่านผู้บัญชาการอ้าปากค้าง แต่พูดอะไรไม่ออก


หนึ่ง เพราะแววตานั่นโหด


สอง เขาคิดไม่ถึงว่าเด็กนั่นคือผู้ช่วยคนสำคัญทำให้พวกเขาทำลายรังของคิงได้


………………………………


ตอนที่ 1701-2 ป๋าสายเปย์


ไฟกลางทะเลสาบลอยเข้ากลมกลืนกับดวงตะวันในยามสายัณต์ น้ำถือเป็นศัตรูตัวฉกาจของป๋อจิ่ว


เธอว่ายน้ำไม่เก่งอย่างแรง แถมหายใจไม่ออก


ยังไม่ทันว่ายน้ำไปถึงตัวรถ มือของเธอก็หมดแรงแล้ว แต่ก่อนที่จะจมดิ่งลงไป มือซ้ายของเธอก็ถูกอีกคนคว้าไว้ ก่อนจะส่งร่างเธอให้ขึ้นเหนือน้ำ จากนั้นเรียวปากบางกับกลิ่นบุหรี่ก็โชยเข้ามา


แววตาของป๋อจิ่วหวั่นไหว เพิ่งจะรู้ตัวเขาทำอะไรกับเธอ ทว่าฉินมั่วก็ปล่อยมือเสียแล้ว


เสี่ยวเฮยเข้าสู่ระบบการใช้แบบดำน้ำ ทั้งยังถอนหายใจยาวอย่างจริงจัง “เจ้านายครับ น่ากลัวจริงๆ เลย ผมล่ะคิดว่าคุณจะจมน้ำตายเสียแล้ว สัมผัสอุณหภูมิของคุณไม่ได้เลยครับ”


ป๋อจิ่วหอบหายใจหนัก หันไปมองฉินมั่วที่เปียกทั่วตัวเหมือนกับตัวเอง เรียวปากบางที่เปียกชื้น ดูหล่อเหลือล้น แถมมุมปากของเขายังยิ้มที่ดูไม่เหมือนยิ้มอีก ทำให้ป๋อจิ่วคลำจมูก จริงๆ แล้วเขาจะช่วยเพิ่มออกซิเจนให้เธออีกก็ได้ เธอไม่รังเกียจหรอก


ฉินมั่วยื่นหน้าหล่อๆ เข้ามาใกล้ ราวกับรู้ทันความคิดของเธอ ยิ้มให้ราวกับมารร้าย “ดูเหมือนเธอยังจะโหยหาอยู่นะ?”


ป๋อจิ่วไม่พูด เสี่ยวเฮยที่จับคลื่นเสียงของฉินมั่วได้ถึงกับร้องออกมา “จอมมาร”


“จอมมารเหรอ?” ฉินมั่วเลิกคิ้วใส่กระจกส่องหลัง “นายเรียกฉันใช่ไหม?”


เสี่ยวเฮยมองดูตัวรถที่สั่นหน่อยๆ จอมมารไม่ระงับตัวตนของตัวเองเลย ทั้งๆ ที่อยู่ต่อหน้าเจ้านายแท้ๆ น่ากลัว น่ากลัวที่สุด!


ไม่ตอบ เข้าสู่ระบบไร้เสียงแล้ว!


“รถที่เปลี่ยนรูปทรงได้แบบนี้ ยังพูดได้อีก” ฉินมั่วกลับหัวเราะ เอื้อมนิ้วไปแตะป๋อจิ่ว “ท่าทางป๋าของฉันจะไม่ธรรมดา”


ป๋อจิ่วหันหน้ามองนิ้วมือเขา คงเพราะเหตุที่ขว้างไพ่ฆ่าคนมา ทำให้ปลายนิ้วเขามีบาดแผลเล็กๆเช่นเดียวกัน ป๋อจิ่วเองก็รู้ว่าเขายังมีไพ่ในมืออีกครึ่งสำรับ หมายความว่าเขาไม่เชื่อใจเธอ แต่เวลานี้มันไม่สำคัญอีกแล้ว


ป๋อจิ่วดึงฝาของช่องเก็บของออกมา ด้านในมียาทุกชนิดที่เธอเอามาหมอเถื่อน นอกจากพลาสเตอร์ยาแล้ว อย่างอื่นดูจะไม่เหมาะ เธอกัดถุงให้เปิดออก ก่อนจะคว้ามือฉินมั่ว แล้วก้มหน้าก้มตาแปะบนบาดแผลให้เขาอย่างระมัดระวัง ราวกับกำลังถนอมล้ำค่าอยู่


“มือสำคัญสำหรับพี่มาก จะได้รับบาดเจ็บไม่ได้” ป๋อจิ่วพูดพลางก็แกะพลาสเตอร์อีกอัน


ดูท่า คงจะแปะทุกบาดแผลเขาจนแน่


ฉินมั่วไม่ขยับต่อต้านสักนิด ทว่ามองดูศีรษะอีกฝ่าย เดิมมืออีกข้างที่กำลังยกขึ้น ก็ปล่อยลง เขาบอกตัวเองว่า เขาจะไม่ฆ่าเด็กนี่หรอก ก็แค่ไม่จำเป็น ยิ่งไปกว่านั้น คนโง่แบบนี้หายากจะตา เขาล่ะสงสัยว่าเธอจะทำดีต่อเขาได้ถึงไหน?


คนรักเหรอ? ฉินมั่วหัวเราะออกมา แววตาไร้ความอ่อนโยน ความรักมันไม่มีประโยชน์ต่อเขาสักนิด


“ป๋า เธอจะพาฉันไปไหน?” ฉินมั่วไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองจะถูกเหมาเลี้ยง เด็กนี่โกหกไม่เก่งเอาเสียเลย มีชีวิตรอดจนมาถึงตอนนี้ได้ยังไงเนี่ย


ป๋อจิ่วชะงัก เงยหน้ายิ้มให้ “เจียงเฉิง”


ไม่ผิดหรอก ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องกลับไป การแข่งระดับเอเชียยังรอเขาอยู่ ยิ่งกว่านั้น การได้อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่คุ้นเคย จะง่ายต่อการฟื้นความทรงจำ


ไม่ว่าจะไปที่ไหน ฉินมั่วก็ไม่สน แต่เขาไม่แน่ใจว่า ระหว่างทางนี้จะเบื่อคนตรงหน้าจนทิ้งเลยหรือเปล่า


ทว่า ที่แน่ใจได้ก็คือ ตอนนี้เขารู้สึกสนุกกับทุกอากัปกิริยาของเธอมาก “งั้นก็แล้วแต่เธอเลย ไปเจียงเฉิงก็ไป ฉินมั่วยกมือเธอมาจูบ


จูบเบาๆ  แต่กลับไม่ความอบอุ่น และอาจเป็นเพราะน้ำจึงทำให้รู้สึกเย็น


นี่แหละคือฉินมั่วในเวลานี้…


………………………………………………….


ตอนที่ 1702-1


แต่ละคนในกลุ่มปฏิบัติการต่างรับไม่ได้ที่บอสหายตัวไป


ไฟบนทะเลสาบมอดลงแล้ว เหลือเพียงซากวอดวายของสปีดโบ้ท ไม่มีใครรู้ว่าป๋อจิ่วและฉินมั่วไปที่ไหน ตอนนั้นทุกคนเห็นแค่ทะเลเพลิงเป็นแถบ ท่านผบ.สั่งให้คนงมลงไปหา แต่กลับไม่พบอะไร ทั้งสองต่างหายตัวจากน่านน้ำไปเฉยเลย


เมื่อทุกคนอยู่บนเครื่องบิน ท่านผู้บัญชาการแจ้งต่อพวกเขี้ยวเงินว่า “เวลานี้ฉินมั่วมีสภาพจิตที่น่ากลัวมาก เมื่อพิจารณาถึงส่วนรวมแล้ว นับจากวันนี้ไป ฉินมั่วจะไม่ได้มียศในกองทัพอีก แล้วจะไม่มีเข้าร่วมปฏิบัติการณ์อื่นๆ ด้วย ถ้าเขาติดต่อพวกนาย จำไว้ว่าห้ามบอกข้อมูลภายในต่อเขาเด็ดขาด แล้วรีบแจ้งเบื้องบนทันที”


เจ้าชายน้อยนั่งซึม ทำไมถึงเป็นแบบนี้ หากไม่มีบอส ภารกิจในครั้งนี้ไม่มีวันสำเร็จแน่ แต่ผลสุดท้ายก็คือ บอสถูกปลด ไม่เพียงแค่โดนไล่ออก ยังถูกตั้งเป้าว่าเป็นตัวอันตรายด้วย


“ทำไม?” เป็นครั้งแรกที่เจ้าชายน้อยที่อยู่ในตำแหน่งทหารไม่ตอบรับคำสั่ง


ท่านผู้บัญชาการนั่งที่เดิม รับไม่ได้เหมือนกัน แต่ต้องแจกแจงสาเหตุ “เขาได้รับการฝังคำสั่งทางจิตอย่างรุนแรง เขาในตอนนี้ต่างไปจากเมื่อก่อนมาก พฤติกรรมอันตรายสูง ถ้าพวกนายได้ข่าวอะไรมา เราก็จะได้พาเขาไปรักษาตัวในที่ที่จัดให้เป็นพิเศษ สร้างสภาวะทางจิตให้เขาใหม่”


“เขาเป็นนักจิตวิทยาที่ดีที่สุดในประเทศนะครับ” คุณหมอเอ่ยขึ้น “แล้วท่านจะให้ใครเป็นคนสร้างสภาวะทางจิตใหม่ให้บอสครับ”


ท่านผู้บัญชาการอึ้ง “ในบ้านเราคงไม่มี ต้องไปเมืองนอกเท่านั้น”


“ผมเข้าใจแล้ว” คุณหมอยิ้ม แต่สีหน้าไร้ความอบอุ่น


ท่านผู้บัญชาการรับรู้ถึงอาการต่อต้านของทหารเหล่านี้ แต่เพราะไม่ใช่ทหารที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของตน แถมเพิ่งจะสร้างความดีความชอบได้ เขาจะไปสั่งการอะไรย่อมไม่ดี ถึงเวลาก็โอนกลับไปให้ท่านเสธฉินละกัน


อันที่จริง ท่านผู้บัญชาการไม่เข้าใจ การจะยกให้ใครดูแลย่อมไม่มีประโยชน์ ทั้งคุณหมอทหาร นายพราน เขี้ยวเงิน นักมายากล เจ้าอ้วน ล้วนแต่ผ่านประสบการณ์เมื่อครั้งนั้นมาแล้ว และครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง


ครั้งที่แล้วโชคยังดีที่พอบอสฟื้นขึ้น ก็แค่เสียความทรงจำแค่บางส่วน ถึงสภาพจิตใจจะไม่มั่นคง แต่ก็ไม่เหมือนครั้งนี้ที่กลายเป็นคนละคน


“หนีไปได้ก็ดี” คุณหมอนิ่งเงียบอยู่นาน จู่ๆ ก็เอ่ยขึ้น “ถ้าบอสอยู่กับคนนั้น มันย่อมดีกว่าถูกขังเพื่อเข้ารับการรักษาเยอะ”


คนอย่างบอสจะยอมให้คนที่อยู่ในเขตรักษาคุมตัวไว้ แล้วลดความทระนงของตัวเองได้อย่างไร ปล่อยให้เป็นแบบนี้แหละ ถึงจะดีต่อเขา


เจ้าชายน้อยรู้ดีว่าต้องคำนึงถึงส่วนรวม เห็นว่าทางกองทัพจัดการเช่นนี้ถือว่าดีแล้ว แต่ยังควบคุมจิตใจตัวเองไม่ได้ ทุกข์ทรมานจนนวดศีรษะตัวเอง ก่อนจะฝังใบหน้าไว้บนฝ่ามือตน เขาคิดว่าตัวเองเข้าใจได้สักทีว่าทำไมคนพวกนี้ถึงชอบจอมมารมาก


หลายต่อหลายครั้ง หากไม่เป็นเพราะบอสอยู่ด้วย พวกเขาต้องถูกจับได้ตั้งนานแล้ว


ไม่ว่าชายหนุ่มต้องประสบกับอะไร ล้วนแต่คำนึงที่จะปฏิบัติภารกิจให้สำเร็จ ทว่า เขาช่วยเหลือคนมามากมาย กลับไม่มีใครรู้สักคน ถึงขั้นที่ลงเอยด้วยการถูกทอดทิ้ง คิดได้เพียงเท่านี้ เจ้าชายน้อยก็ทึ้งศีรษะตัวเอง


“ถึงบอสจะติดต่อมา ฉันก็จะไม่บอกใครว่าเขาอยู่ที่ไหน” เจ้าอ้วนเอ่ยปากด้วยเสียงอันดัง “ขอแค่เขาไม่ฆ่าใคร ไม่ว่าจะเปลี่ยนไปยังไง เขาจะเป็นหัวหน้าของฉัน และเป็นตลอดไปด้วย”


…………………………………………….


ตอนที่ 1702-2


ท่านผู้บัญชาการย่อมได้ยิน จึงขมวดคิ้วขึ้น หันกลับไปหมายจะปรามอีกฝ่ายให้ระวังคำพูด กลับเห็นพวกเขาเหล่านั้นจ้องตน แววตาเต็มไปด้วยความเข้มแข็งและมุ่งมั่น ท่านผู้บัญชาการจนปัญญา ได้แต่ทำรายงานเพื่อส่งให้เบื้องบน


เครื่องบินบินสูงขึ้นเรื่อยๆ คนที่ถูกช่วยออกมาล้วนถูกนำไปพักบนตัวเครื่องอย่างเหมาะสม เครื่องรบกวนสัญญาณถูกทำลาย กระทั่งทุ่งดอกไม้นั่นยังถูกเผาจนวายวอด อำนาจของคิงหมดสิ้นแล้ว ขนาดตัวมันยังจมอยู่ใต้น้ำ


พวกคนที่เพาะปลูกได้ยินข่าวที่ว่าก็เกิดความยินดีท่วมท้นหัวใจ ไม่มีใครอยากปลูกของพวกนี้ ไม่มีใครอยากให้ลูกตัวเองกลายเป็นภูตผี


ยากที่จะประเมินค่าของภารกิจในครั้งนี้ เพราะมันสำคัญมากทำให้ชายแดนจีนลดการค้ายาได้ถึง 80% ไม่มีใครกล้าทำผิดอีกเลยในสามปีถัดไป ซึ่งไม่เพียงแต่ได้ช่วยคน แต่ยังแสดงแสนยานุภาพของประเทศอีกด้วย


ทว่าการปฏิบัติการณ์ในครั้งนี้ยังคงปรากฎความผิดพลาดเล็กน้อยขึ้น


ระหว่างที่สู้กัน ฝานเจียไม่ได้ปรากฏตัว เพราะเธออยู่ในห้องควบคุม รอจนเห็นเครื่องบินรบบนท้องฟ้า จึงรู้ว่าเกิดอันตรายใหญ่หลวง ดังนั้นเธอจึงไม่ได้โผล่หน้าออกมา แต่เปลี่ยนไปสวมเสื้อชาวไร่กลับไปยังหมู่บ้านพร้อมพวกเขา จนเมื่อฝูงเครื่องบินจากไป แววตาที่ก้มลงจึงฉายแววเหี้ยม เด็กบ้านั่นทำลายแผนเธออีกแล้ว ฝานเจียคิดไม่ถึงเลยว่า เจ้านั่นจะเป็น Z!


ตอนนี้ทุกอย่างชัดแจ้ง ตามติดไม่ปล่อยจริงๆ ไม่ว่าพวกเขาไปที่ไหนเธอย่อมตามหาเจอ อีกนิดเดียวเท่านั้น อีกนิดเดียวก็จะทำให้ฉินมั่วกลายเป็นพวกเธอได้แล้วเชียว หากถ่วงเวลาได้อีกสิบนาที ฉินมั่วก็จะกลายเป็นสาวกของอาจารย์ ถึงเวลานั้นเธอกับเขาก็จะได้อยู่ด้วยกัน


อาจารย์จะต้องให้เธอปลอมตัวเป็นแฟนเขาเหมือนเมื่อครั้งที่แล้วแน่ จะได้รั้งตัวฉินมั่วเอาไว้ แต่ทุกอย่างกลับโดนทำลาย


ทว่าไม่เป็นไรหรอก ก่อนหน้านี้วันหนึ่ง อาจารย์วางแผนนี้เอาไว้และบอกรหัสลับแก่เธอแล้ว ขอแค่ตามหาพวกเขาเจอ เธอย่อมแย่งฉินมั่วกลับมาได้ เมื่อคำสั่งที่ฝังทางจิตถูกปลุกขึ้นมาแล้ว Z จะคิดอีกหรือเปล่า เขายังคงเหมือนเดิมอีก? โลกนี้มีแค่ฝานเจียคนเดียวที่รู้ว่าตอนนี้ชายหนุ่มต้องการอะไรมากที่สุด!


“รายงานครับ”


“ว่ามา”


“หาตัวคนชื่อฝานเจียไม่เจอครับ”


คุณชายที่กำลังนั่งจัดแขนเสื้ออยู่ในรถจิ๊บ  ถึงกับชะงัก แววตาเคร่งเครียดหน่อยๆ “ส่งข่าวนี้ไปให้ Z บอกว่าคนที่สวมรอยเป็นเขาหนีไปแล้ว”


“ครับ”


ลมพัดมาผ่านมา ท้องฟ้ามืดสนิท ทางฝั่งนี้พยายามส่งข่าว แต่สัญญาณถูกตัด เมื่อจับฝานเจียไม่ได้ หมายความว่าภารกิจนี้เกิดความผิดพลาด แม้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะเทียบกับคิงไม่ได้ แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ก็ยิ่งต้องระวัง เพราะเธอเป็นนักเรียนของคิง อย่างน้อยต้องมีความรู้ด้านจิตวิทยา แม้จะไม่เก่งฉกาจ แต่หลายครั้งแค่อาศัยเล่ห์กลเล็กๆ น้อยๆ  ก็ยิ่งทำให้รับมือยาก


พวกคนคิดชั่วหรือทำตัวเป็นโจรตามโลกออนไลน์ มักอ้างความชอบทำร้ายคนอื่น จำนวนคนเหล่านี้มีมากมาย พอจะทำให้เจ้าหล่อนหลอกใช้


 …………………………………………….


ตอนที่ 1702-3


เมื่อติดต่อ Z ไม่ได้ มันย่อมยุ่งยาก สิ่งที่เขาเห็นเมื่อครู่ มันก็แค่การลอกคราบหนีไป


และเป็นเช่นนี้จริงๆ  แต่ป๋อจิ่วก็ยังประสบปัญหานิดหน่อย


“ถึงตอนที่พวกคุณจะหวานกันจนน่าเอ็นดู แต่ผมยังต้องขอเตือน ปริมาณน้ำมันในขณะนี้เหลือแค่ 5% เท่านั้น” เสี่ยวเฮยรู้สึกว่ารถอย่างมันช่างลำบากเหลือเกิน แต่พอพูดออกไป จอมมารก็หันมามอง สื่อนัยยะทางแววตาว่า มันเป็นส่วนเกิน


เสี่ยวเฮยสั่นกระจกส่องหลัง หรือว่าเจ้านายจะไม่สังเกตว่า ออร่าของจอมมารเข้มข้นกว่าเมื่อก่อนอีก โดยเฉพาะความโหด


หลังจากที่จัดการแผลให้ท่านเทพแล้ว ป๋อจิ่วก็วางแขนไว้ริมเก้าอี้ เปลี่ยนไปนั่งข้างหน้า สัญญาณเตือนระดับน้ำมันกำลังกะพริบ รวมถึงคลื่นจีพีเอสที่ส่ายอย่างไม่มั่นคง เธอจิ้มนิ้วบนหน้าจอ “ยังขับได้นานอีกเท่าไร”


“แค่ยี่สิบนาที หลังจากนั้นผมจะกลายเป็นเศษเหล็ก” เสี่ยวเฮยหมดอาลัยกับชีวิต กลัวว่ามันคงจะกลายเป็นรถสปอร์ตที่จมน้ำตายเป็นคันแรก


เวลาสั้นๆ แค่นั้น คงไปไม่ถึงสถานที่ที่ต้องการ ในเมื่อไปไม่ได้ก็หาที่ใกล้ๆ พักผ่อนดีกว่า


ป๋อจิ่วเปลี่ยนใจ เปลี่ยนจากระบบอัตโนมัติให้ขับเคลื่อนด้วยแรงมือ จากนั้นจึงวิ่งไปยังฝั่งน้ำ “เตรียมเปลี่ยนรูปร่าง”


“ระบบเดินทางบนบกเตรียมพร้อม”


สวบ!


นกกาแถวนั้นบินแตกตื่น น้ำไหลผ่านกระจกจนเกิดเสียง ทำให้บรรยากาศแถวนั้นมีชีวิตชีวา แต่ป๋อจิ่ว กลับไม่หยุด แถวนั้นเป็นที่รกร้าง หากเธอจำไม่ผิด แถวนั้นมีจุดพักอยู่ไม่ไกลจากนี้ โดยเมื่อก่อนเป็นของกองทัพ แต่เดี๋ยวนี้ถูกปล่อยให้รกร้าง เธอไปหาน้ำมันจากที่นั่นได้


“เปิดใช้ระบบจีพีเอส” ป๋อจิ่วว่าพลางสะบัดท้ายรถอย่างเท่ รถเคลื่อนที่ไวมาก ทั้งยังมั่นคง แถมอุณหภูมิภายในรถก็อบอุ่น


ฉินมั่วนั่งด้านหลัง ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ แต่แววตาของเขาดำทะมึนตามท้องฟ้าที่มืดครึ้มเรื่อยๆ ตัวเขายังไม่แห้ง ริมฝีปากเริ่มร้อนผ่าว


ชายหนุ่มนิ่วหน้า คงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง อันที่จริง อุณหภูมิของเขาก็เริ่มสูงขึ้นตั้งแต่เมื่อกี้ แต่เพราะตอนนั้นเขาอยู่ในน้ำ แถมเขาจะปล่อยให้ตัวเองเผยความอ่อนแอออกมาในตอนนี้ได้อย่างไร ต่อให้เจ้าเด็กนี่มันโง่ แต่ใครจะไปรู้ว่าเจ้าหล่อนคิดอะไรอยู่


ฉินมั่วหลับตาลงกะจะพักผ่อนสักหน่อย แต่ไม่คิดว่าคนที่กำลังขับรถอยู่กลับจอดรถ แล้วเอี้ยวตัวละมือมาทาบบนหน้าผากเขา


“ฉันไม่ได้คิดไปเองจริงๆ ด้วย พี่ตัวร้อนนี่” สัมผัสเย็นๆ บนหน้าผาก ทำให้ฉินมั่วรู้สึกดีขึ้น แต่เขาไม่ยอมรับ กลับแค่นยิ้มออกมา “ก็แค่ตัวร้อนนิดหน่อยน่ะ”


ป๋อจิ่วมองดูดวงตาของเขา ก่อนจะหันไปดึงเสื้อผ้าออกจากตัวอีกฝ่าย ฝ่ายฉินมั่วยักคิ้วสวยๆ ขึ้น “ไม่คิดว่าป๋าจะรุกขนาดนี้”


ป๋อจิ่วไม่ต่อปากต่อคำด้วย พอดึงเสื้อออกจากร่างเขาได้ ก็โยนไปด้านนอกหน้าต่าง เพราะยังไงแถวนั้นก็ไม่มีคนอยู่แล้ว


เมื่อไม่มีเสื้อมาปกคลุมท่อนบน ยิ่งทำให้รังสีอันตรายของชายหนุ่มกระจายทั่วร่าง


“อยากให้ฉันให้ความร่วมมือไหม?” ฉินมั่วกำมือเธอ


ป๋อจิ่วหลุบตาลง “ไม่จำเป็น แค่ถอดเสื้อเท่านั้นเอง เสร็จแล้วด้วย”


“น่าเสียดายจัง ฉันยังคิดว่าเธอจะทำอะไรซะอีก” ฉินมั่วรับรู้ได้ว่า เจ้าเด็กนี่ซึมหน่อยๆ ซึ่งส่งผลให้เขาทรมานในช่องอกอย่างน่าประหลาด ต้องเป็นไข้ที่ขึ้นสูงที่ส่งผลกระทบต่อความสามารถของเขา


…………………………………………….


ตอนที่ 1702-4


ในระหว่างที่คิดเช่นนี้ ป๋อจิ่วก็โน้มตัวจูบที่หางตาเขา พลันหัวเราะขึ้น “รอให้พี่หายก่อน แล้วฉันค่อยรังแกพี่”


ฉินมั่วผงะ เด็กนี่มันโง่จริงๆ แฮะ เขาเริ่มเลื้อยนิ้วเข้าไปเกาะเอวที่ขยับเข้ามา ก่อนจะฝังใบหน้าเข้าไปซอกคออีกฝ่าย เอ่ยเสียงแผ่ว “ฉันปวดหัวจริงๆ คงต้องรบกวนป๋าแล้วล่ะ”


“ได้” ป๋อจิ่วโอบกลับ


เวลานั้น ฉินมั่วรู้สึกเหมือนด้านหลังของเจ้านี่มีหางส่ายสะบัด แถมมีหูตั้งบนศีรษะด้วย ทำให้อยากขำขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ คงเพราะกลิ่นไอจากตัวเด็กคนนี้หอมหวาน ส่งผลให้หนังตาของฉินมั่วค่อยๆ หย่อนคล้อย เข้าสู่ความมืดมิดในที่สุด แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น เขาก็ยังไม่ปล่อยไพ่ในมืออยู่ดี


ป๋อจิ่วมองที่นั่งตอนหลัง เร่งความเร็วขึ้นอีกเท่าตัว เขาไม่เชื่อใจเธอ ย่อมถือเป็นเรื่องปกติ หลังจากสูญเสียความทรงจำไป ใครจะรีบเชื่อใจคนอื่นในทันที ยิ่งเป็นท่านเทพแล้วด้วย แต่ไม่มีอะไรที่สำคัญไปกว่าการที่เขาอยู่ข้างกายเธอหรอก


ป๋อจิ่วกวาดตามองสิ่งปลูกสร้างด้านนอก


สถานที่แห่งนั้นลึกลับ หากไม่เป็นเพราะเสี่ยวเฮยมีระบบจีพีเอสที่แสนยอดเยี่ยม รับรองหาสถานที่แบบนี้ไม่เจอ เพราะถึงจะเป็นสถานที่ของทหาร และถูกทิ้งมานานแล้ว แต่ยังคงอันตรายอยู่ดี บริเวณที่กฎหมายเอื้อมมือไม่ถึง น่ากลัวก็ตรงที่มีพวกนักเลงนี่แหละ


ป๋อจิ่วเป็นคนทำอะไรระมัดระวังตัว หากมีแค่เธอคนเดียวยังไม่เท่าไร แต่ตอนนี้เธอมีท่านเทพอยู่ด้วย เธอจะต้องนำรถไปจอดยังที่ที่มีที่พัก


“เจ้านายครับ ผมคงมาถึงได้เพียงเท่านี้” เสียงของเสี่ยวเฮยไม่เคยหนักอึ้งเท่าเวลานี้มาก่อน เห็นได้ชัดว่ามันเริ่มจะหมดแรงแล้ว


ป๋อจิ่วตบพวงมาลัย เปิดประตูออก แล้วเดินเจ้าไปในความมืดด้วยฝีเท้าแผ่วเบา กำไพ่ที่เอามาจากฉินมั่วไว้ในอุ้งมือ


เธอจะบุ่มบ่ามไม่ได้ เพราะเกรงว่าจะถูกคนหาตัวเจอ ซึ่งปัญหานี้อาจเกิดขึ้นได้ เนื่องจากพวกนักเลงชอบสิงอยู่เขตทหารที่รกร้าง


ยังดีที่ที่นี่ไม่มีคน คงเพราะอุณหภูมิต่ำลง ด้วยเวลาแค่ห้านาที ป๋อจิ่วก็หนาวจนแทบจะไม่มีความรู้สึก


รอจนมั่นใจในความปลอดภัยของที่นี่ เธอก็คว้ากิ่งแล้วกระโดดลงไป เพราะเป็นแหล่งทหารมาก่อนนี้แหละ ทำให้หาน้ำมันได้ง่าย เนื่องจากมีรถที่ถูกทิ้งไว้ที่นี่มีมากมาย


ป๋อจิ่วไถลตัวตรวจถังน้ำมัน ก่อนจะหยิบอะไรบางอย่างออกมาเพื่อให้รองรับน้ำมัน จากนั้นก็หาทางเจาะถัง


ไม่มีอะไรที่น่ากลัวหรอก นอกเสียจากที่นี่หนาวมาก


เมื่อได้น้ำมันมาแล้ว  ป๋อจิ่วก็เริ่มสั่นเทา รอจนมาถึงตัวรถ เรียวปากของเธอก็ขาวซีด แต่ดีที่ภายในรถมีเครื่องทำความร้อน


พอน้ำมันเต็มถัง ระบบจีพีเอสก็สั่งการให้เครื่องทำความร้อนปรับให้สูงสุด นิ้วมือของเธอถึงได้กลับมามีความรู้สึก ออกจะหนึบชาอยู่บ้าง แต่เมื่อสะบัดสักหน่อยก็ดีขึ้น


เธออยากจะเช็คอุณหภูมิของชายหนุ่ม แต่เมื่อยื่นมือออกไป ก็พบว่ามือของเธอเย็นจัด จึงต้องพับความคิดดังกล่าวเอาไว้ แล้วดึงมือกลับมาวางไว้ที่พวงมาลัย แล้วขับรถมุ่งตรงไปที่ตำบลเล็กๆ ซึ่งอยู่ห่างจากนี้ไปประมาณสามสิบกิโลเมตร…


………………………………………………….


ตอนที่ 1703-1


ระหว่างนี้ ป๋อจิ่วเชื่อมสัญญาณอินเทอร์เน็ต จากนั้นก็ใช้ระบบจีพีเอสค้นหาข่าวในประเทศ


โชคยังดีที่ภารกิจครั้งนี้เป็นความลับ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับท่านเทพจึงไม่กลายเป็นข่าว รวมถึงรายละเอียดของการปฏิบัติการณ์ในครั้งนี้ที่ยังคงเป็นความลับระดับ S จึงไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ป๋อจิ่วรู้ดีแก่ใจว่าเว้นแต่ทางบ้านท่านเทพ


สภาพเขาในเวลานี้ ครอบครับของเขาต้องได้ข่าว หลายๆ คนต่างคิดว่า คนในกลุ่มปฏิบัติการณ์จะต้องได้รู้ข่าวของฉินมั่วเป็นลำดับแรก แต่พวกเขากลับคิดไม่ถึงว่า คนแรกที่รู้ข่าวชายหนุ่มจะเป็นราชินีจอเงินคนสวย


เมื่อป๋อจิ่วโทรไปแจ้ง เมืองนอกในเวลานั้นหิมะกำลังตกหนัก คนสวยรับสายในระหว่างที่เดินทางไปยังสนามบิน โดยผู้ช่วยข้างตัวกลัวว่าเธอจะหนาว จึงรีบนำเสื้อโค้ทขนแกะมาคลุมร่างเธอ


ทุกคนรู้ว่าวันนี้คนสวยไม่เป็นปกติ จึงไม่ถ่ายหนัง และรู้เช่นกันว่าเธอจองตั๋วเครื่องบินเตรียมกลับประเทศจีน ราวกับที่บ้านเกิดเรื่องขึ้น หน้าสวยแอร่มเผือดซีดเป็นคำบรรยายราชินีจอเงินที่เหมาะที่สุดในเวลานี้ ผู้ช่วยไม่เคยเห็นสาวสวยมีชาติตระกูลจะเศร้าสรดมาก่อน ถึงขั้นที่ขอบตาแดงก่ำ


“ฮัลโหล”


เสียงที่ลอยเข้าหู ให้ป๋อจิ่วได้ยินก็รู้ว่าคนพูดร้องไห้ เธอนิ่งชั่วครู่ก่อนจะเอ่ย “คุณน้า จิ่วเองนะครับ ตอนนี้พี่มั่วอยู่กับผม”


คนสวยได้ยินแล้ว หยุดนิ่งทันที แววตาเปล่งประกายความยินดี จนยกมืออุดปาก “ดีแล้ว ดีจริงๆ “ เธอพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เส้นผมยาวสีดำราวสวยราวใยไหมไล้เคลียแก้ม บดบังน้ำตาเธอจนหมด


ทว่าเวลาเจอผู้ใหญ่ทีไร ป๋อจิ่วเป็นต้องพูดอะไรอึกๆ อักๆ “คุณน้าสบายใจได้นะฮะ ผมจะดูแลพี่มั่วเอง”


“น้ารู้จ้ะ น้องจิ่ว ขอบคุณมากนะลูก” ราชินีควบคุมอารมณ์ตนเอง ทั้งยังสูดจมูกเหมือนเป็นสาวน้อย “น้าสบายใจแล้วล่ะ ถ้าลูกชายน้ำแข็งของน้าได้อยู่กับน้องจิ่ว แต่น้องจิ่วต้องบอกน้ามาตรงๆ นะ พี่เขา เขา…ย่ำแย่มากใช่ไหม”


“นิดหน่อย” ป๋อจิ่วครุ่นคิดก่อนจะตัดสินใจพูดความจริงออกไป “พี่แค่สูญเสียคามทรงจำ” คำพูดดังกล่าวทำให้ราชินีจอเงินได้ยินแล้วถึงกับสะเทือนใจ แต่เธอรู้ดีตั้งแต่ตอนที่ลูกตัดสินใจรับภารกิจนี้ว่าผลจะเป็นเช่นไร?


เธออุตส่าห์ไม่รับสายสามีมานานหลายวันเพราะเหตุนี้ แม้จะรู้ดีว่าตระกูลฉินต้องรับภาระกิจอะไรบ้าง แต่เธอยังรู้สึกผิดต่อลูก ลูกรักฉลาดกว่าเธอมาตั้งแต่เป็นเด็ก จนเธอยังรู้สึกเลยว่า เขาไม่ต้องให้เธอไม่จำเป็นอยู่เป็นเพื่อน อาจเป็นเพราะนี่คือวิธีอบรมเลี้ยงดูของตระกูลฉิน ซึ่งลูกเธอกลับรู้คิดเหลือเกิน ต่อให้นิสัยเย็นชาอย่างไรก็ยังปกป้องเธออย่างเข้มแข็ง


จำได้ว่าตอนที่เขาห้าขวบ เธอไปร่วมงานเลี้ยงแห่งหนึ่ง และถูกบังคับให้ดื่มเหล้ากลายๆ  ตอนนั้นสามีเธอไม่ได้อยู่ในงานเลี้ยง ลูกตัวน้อยของเธอก็มากันข้างหน้า สง่าราวกับเป็นเจ้าชายน้อย “คุณครับ แม่ผมไม่ดื่มเหล้าครับ อีกอย่าง ไม่เคยมีคนสอนหรือครับว่าจะต้องปฏิบัติยังไงกับสุภาพสตรี”


เขาพูดด้วยภาษาอังกฤษอย่างมีมารยาท ไม่เอะอะอาละวาด แค่แววตาก็ทำให้คนต่างชาติหน้าม่อยได้แล้ว


…………………………………………….


ตอนที่ 1703-2


ทว่าเธอเองก็อยู่ดูแลลูกน้อยไปจริงๆ ฉินมั่วต้องเล่าเรียนตามตารางที่คนเป็นพ่อจัดให้อย่างมากมาย เขาเฉยชาขึ้นทุกวัน จนถึงขั้นที่ไม่ชอบพูด กว่าเธอจะรู้สึกตัวแล้วอยากจะชดเชยให้ก็ไม่ทันเสียแล้ว


เหมือนเมื่อสามปีก่อน หลังจากที่ปฏิบัติภารกิจนั่น เธอต้องมองดูลูกนอนไม่หลับ ราวกับว่าส่วนหนึ่งของหัวใจเขาได้ตายตามภารกิจนั่นไปแล้ว จนน้องจิ่วปรากฏตัวขึ้น


ต่อให้ราชินีจอเงินจะไม่ยุ่งเรื่องกิจการบ้านเมือง แต่ย่อมรู้ดีว่าลูกต้องออกจากกองทัพเพราะเหตุใด เพราะสภาพจิตใจของเขาไม่เหมาะที่จะอยู่ในกองทัพต่อไป เธอได้ยินทุกอย่างที่สามีพูดในห้องหนังสือว่าลูกเธอถูกฝังคำสั่งทางจิต ซึ่งหากมันถูกแตะต้อง เขาก็จะกลายเป็นคนละคน แล้วเขาในสภาพนั้นจะร้ายกาจมาก กลายเป็นอาชญากรที่ยากต่อการต่อกรมากที่สุด เขาจึงไม่เหมาะที่จะอยู่ในตำแหน่งต่อไป


ตอนนั้นราชินีจอเงินเจ็บปวดมากกว่าใคร ในฐานะที่เป็นแม่ ลูกเธอกลายเป็นอะไรไป เขาสู้อุตส่าห์ฝ่าฟันจะชีวิตแทบมอดไหม้ แต่นี่หรือคือสิ่งตอบแทนที่ได้มา การออกไปปฏิบัติภารกิจนอกแดนในครั้งนี้ เธอเองเดาได้ว่ามันต้องเลยเอยเช่นนี้ เธอกลัวว่าจะไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เขา โชคดี โชคดีที่จิ่วอยู่ด้วย


คนสวยกุมราวบันได สูดหายใจเข้าไปลึกๆ อย่างไม่ส่งเสียงออกมา จนควบคุมได้ในที่สุด “ต่อให้น้องจิ่วเป็นผู้ชาย น้าก็ขอให้อยู่ข้างพี่เค้าตลอดไป เพราะเขาเหลือแค่จิ่วคนเดียว”


นั่นเป็นคำขอร้องจากใจจริงของแม่คนหนึ่ง แต่…ป๋อจิ่วถึงกับชะงักมือ เธอคิดว่าราชินีจอเงินคงรู้เรื่องสถานะของเธอแล้ว มาคิดดูในตอนนี้ น่าจะมาจากตอนที่ถ่ายหนัง เธอเคยเห็นคนสวยตอนถ่ายหนังว่ามีสภาพเป็นอย่างไร คนสวยไม่ยอมรับสายโทรศัพท์เลย ทั้งยังกลับบ้านตระกูลอานเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ซึ่งก็ไปเพื่อไปเอาเสื้อผ้า


ข่าวที่เกิดในประเทศ คนที่อยู่ต่างประเทศไม่น่าจะรับรู้ได้อย่างทันท่วงที ยิ่งเธอเองก็ไม่ได้เด่นดังขนาดนั้น


เมื่อคิดได้เช่นนี้ ป๋อจิ่วตอบอีกฝ่ายอย่างส่อพิรุธหน่อยๆ “อันที่จริงมีเรื่องหนึ่งที่ผมอยากบอกคุณน้ามานานแล้ว”


“จิ่วไม่ต้องพูดหรอก น้าเข้าใจดี” คนสวยหัวเราะ เช็ดน้ำตา “น้ารู้ว่าจิ่วกับพี่เค้ารักกัน น้าเองก็ปรึกษากับคุณพี่เฮ่อแล้วว่า รอให้น้องจิ่วเข้ามหาวิทยาลัยก่อน แล้วค่อยไปจดทะเบียนแต่งงานที่สวิตเซอร์แลนด์ ส่วนเรื่องลูกก็หาแม่อุ้มบุญแทน แต่ถ้าไม่อยากได้แม่อุ้มบุญก็ไปขอเด็กกำพร้ามาเลี้ยง แต่ตอนนี้มั่วเอ๋อร์กำลังสูญเสียความทรงจำอยู่นี่สิ…” ว่าแล้วคนสวยก็สลดใจ


ป๋อจิ่วเลิกคิ้ว “น้าปรึกษากับแม่เหรอ? แล้วแม่เห็นด้วย?”


“ตอนแรกคุณพี่เฮ่อก็ไม่เห็นด้วย” เวลานี้คนสวยอวดผลงานเหมือนเด็กน้อยเลยเชียว “ตอนหลังน้าแนะนำหนังกับนิยายวายให้ แล้วพาแม่ของจิ่วไปแนะนำให้รู้จักคนเก่งๆ ที่เป็นแบบนี้ เลยเริ่มจะเข้าใจและยอมรับได้ จริงๆ แล้วตอนแรกน้าเองก็รับไม่ได้เหมือนกัน ไม่ใช่ว่าจิ่วไม่ดีนะ แต่ลูกสองคนเดินต่อบนถนนเส้นนี้ลำบาก แต่ตอนหลังน้าก็คิดว่าจะมีอะไรยาก เพราะคนเก่งๆ ที่อยู่ต่างประเทศก็เป็นเหมือนอย่างพวกลูกนี่แหละ ลูกของน้าถึงท่าทางก็เย็นชา แต่น้ารู้ดีว่ามีแต่น้องจิ่วที่ทำให้เขายิ้มขึ้นได้ ซึ่งไม่มีใครเคยทำได้มาก่อน จิ่วไม่ต้องเป็นห่วงปัญหาที่เกิดขึ้นในอนาคตนะลูก ยังไงมั่วเอ๋อร์ก็ไม่เล่นการเมืองอยู่แล้ว น้าไม่อยากให้อยู่ในบ้านตระกูลฉินมาแต่แรก ถึงเวลานั้นก็ให้ใช้นามสกุลน้าก็แล้วกัน ส่วนพ่อของพี่เค้า จิ่วไม่ต้องสน ถ้าเขากล้าเอาเรื่องขึ้นมา น้าจะเตรียมเรื่องหย่าทันที!”


ผู้ช่วยจางได้ยินอยู่ด้านข้าง หันไปพูดอีกทางอย่างเงียบๆ “ท่านเสธคงไม่ยอมหรอก”


“ฉันไม่แคร์” ต่อให้โกรธจัด คนสวยก็ยังสง่างาม


 …………………………………………….


ตอนที่ 1703-3


ป๋อจิ่วได้ยินก็รู้ว่าคนสวยกำลังงอน จะทำให้พ่อกับแม่ท่านเทพหย่ากันไม่ได้ “คุณน้าอานฟังก่อนนะฮะ” ป๋อจิ่วไอเบาๆ ออกมา “ตอนเด็กๆ แม่ต้องการให้ผมอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีเลิศ จะได้ไม่โดนนังเมียน้อยรังแก แม่เลยเลี้ยงลูกให้เป็นผู้ชาย ไม่ว่าจะเป็นท่าทางหรือการแต่งตัวก็ต้องให้เป็นแบบผู้ชาย ซึ่งจริงๆ แล้วผมเป็นผู้หญิงฮะ”


คนสวยอึ้งทันที นัยน์ตาคู่งามเบิกกว้าง ราวกับเหลือเชื่อ “เป็นผะ ผู้หญิงเหรอ?”


ป๋อจิ่วฝืนใจแข็งยืนยัน “ค่ะ”


“ละ แล้ว” คนสวยไปไม่เป็นเลยทีเดียว “ลูกชายน้ำแข็งของน้า”


ป๋อจิ่วไออีกครั้ง “พี่มั่วรู้มานานแล้วค่ะ”


“จิ่วบอกว่าเขารู้ตั้งนานแล้วเหรอ?” คนสวยตาเบิกกว้างกว่าเดิม “ลูกคนนี้ไม่เคยบอกน้าเลย แถมยังชอบพูดอำๆ ว่า เส้นทางความรักของพวกหนูเป็นไปได้ยาก ถ้าน้าชอบหนูก็รีบจองหนูไว้ซะ เดี๋ยวหนูมีแฟนไปเสียก่อน น้าถึงได้ไปคุยกับคุณพี่เฮ่อ เด็ก เด็กคนนี้…” ขนาดเป็นลูกแท้ๆ นะ ยังเล่นเกมลึก จนคนเป็นแม่ไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดี


ทว่าคนที่ทำให้ลูกเธอกล้าล้อเล่น แถมยังวางแผนแบบนี้ออกมาออกมาได้ คงมีจิ่งคนเดียวเท่านั้น


“ไม่ได้ ตอนแรกน้าคิดว่าพวกหนูจะสวมสูทแต่งงานกัน น้าเลยส่งขนาดตัวไปแล้ว แต่นี่ต้องมาเปลี่ยนเป็นชุดเจ้าสาวแล้ว เดี๋ยวต้องติดต่อโรเบิร์ตก่อน จิ่ว หนูชอบชุดแต่งงานแบบไหน? ชอบแบบจีนหรือฝรั่ง?”


ป๋อจิ่วไม่คิดเลยว่า เรื่องจะกลายเป็นแบบนี้ แต่เธอไม่ใช่คนขี้อาย “ได้หมดค่ะ รอหนูกับพี่มั่วแข่งระดับเอเชียก่อน แล้วพวกเราค่อยแต่งงานกัน”


คนสวยหัวเราะ แววตาเต็มไปด้วยความซึ้งใจ “ได้จ้ะ” เธอรู้ดีว่าไม่มีใครหรอกที่จะแต่งงานกับคนที่สูญเสียความทรงจำโดยไม่ลังเล นอกจากน้องจิ่ว บางทีเธอเข้าใจแล้วว่า ทำไมลูกของเธอถึงปักใจรักจิ่วเพียงคนเดียว


หากใครที่โดนรักมากขนาดนี้ ย่อมต้องใจอ่อนจนไม่มีวันรับคนที่สองไว้ในใจได้หรอก แต่เรื่องที่จิ่วเป็นผู้หญิงนี่สิ มันทำให้คนสวยแฮปปี้สุดๆ สีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น จึงตัดสินใจไม่กลับจีนแล้ว โดยหันไปติดต่อดีไซด์เนอร์ทันที ซึ่งผู้ช่วยจางเองก็คิดอยู่ว่าจะรายงานกับท่านอย่างไร


ส่วนอีกด้าน การจะหาโรงแรมพักในเขตชายแดนประเทศ M และ T ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเป็นที่แบบนั้น


โชคของป๋อจิ่วยังดี ด้วยพูดภาษาท้องถิ่นได้ เธอจึงหาที่พักเล็กๆ เป็นผลสำเร็จ


แต่ที่นี่ก็ใช่ว่าจะดีนัก ทว่าจะให้ดีเลิศทุกอย่างย่อมเป็นไปไม่ได้ น้ำก็ไม่ร้อนมาก เตียงก็คับแคบ แล้วยังต้องนอนด้วยกันสองคน ภายในห้องนั้น นอกจากเก้าอี้ตัวเดียว ก็ไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวกอื่นใดอีกเลย


เมื่อฉินมั่วตื่นขึ้นกลางคัน ชายหนุ่มหันกอดไหล่ของคนบางคน ซึ่งฝ่ายหลังยังพูดว่า “พี่คงไม่เคยอยู่ในห้องแบบนี้ แต่เตียงแคบมันก็ดีอย่าง จะได้นอนกอดกันได้”


เจตนาชัดจริงๆ เด็กอย่างนี้จะทำตัวเป็นป๋า โลกเรามีป๋าแบบนี้ด้วยเรอะ…ฉินมั่วยิ้มขึ้นโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะหลับตา ร่างเขาเย็นหน่อยๆ แต่คงเพราะได้นอนในรถมาก่อน จึงทำให้ร่างกายกำลังเริ่มจะฟื้นสภาพ


ป๋อจิ่วมองดูคนที่นั่งบนเก้าอี้ ก่อนจะไปต้มน้ำร้อนแล้วเทลงในแก้ว จากนั้นจึงเอาคัตเติ้ลบัดมาแตะบนริมฝีปากให้ฉินมั่วเพื่อให้ความชุ่มชื้น


ฉินมั่วรู้ว่าเธอกำลังทำอะไร แต่ไม่รู้ว่าจะทำถึงขั้นไหน


…………………………………………….


ตอนที่ 1703-4


เพียงแตะไปได้นิดหน่อย เสียงเธอก็ดังเข้าหู “ยุ่งยาก ยังไงก็จูบกันมาตั้งหลายหนแล้ว”


ฉินมั่วฟังนิ่งๆ ไม่แสดงอะไรออกมา ความนุ่มพลันประทับบนริมฝีปาก ลมหายใจยังคงหอมหวานเหมือนเดิม กระทั่งน้ำที่ได้จากการจูบก็ยังหวานหน่อยๆ ชายหนุ่มเพียงขมวดคิ้ว แต่ไม่ได้ผลักคนที่กำลังแต๊ะอั๋งตัวเองออกไป


“ป้อนแค่นี้ น้อยไปไหม?” ป๋อจิ่วโน้มตัวมาหาด้วยสีหน้าจริงจัง แล้วตัดสินใจก้มศีรษะเอาดื้อๆ


ด้วยเหตุนี้ ฉินมั่วจึงโดนจูบถึงสามครั้ง และเมื่อมาถึงครั้งที่สี่ ป๋อจิ่วก็รู้ถึงปัญหาหนึ่ง จึงถอดกางเกงชายหนุ่ม ไม่งั้นคงพาตัวไปนอนบนเตียงไม่ได้


แต่พอเธอก้มตัวจะดึงเข็มขัด นัยน์ตาที่ปิดอยู่ก็ค่อยๆ ลืมขึ้น แววตานั่นลุ่มลึกเหลือเกิน กระทั่งเสียงก็ยังแหบต่ำน่าฟัง “คิดจะทำอะไรฉัน?”


ไม่รอให้ป๋อจิ่วพูดอะไร ฉินมั่วพลิกมือ กดตัวอีกฝ่ายไว้ใต้ร่างบนพื้น ในสภาพเปลือยท่อนบน ลมหายใจที่ตกกระทบร้อนหน่อยๆ “เสื้อผ้าของเธอชื้นกว่าของฉันอีก จะให้ฉันช่วยถอดให้เธอไหม”


ฉินมั่วพูดพลางแล้วล้วงมือซ้ายเข้าไปในเสื้อเธอ ก่อนจะลูบเนื้อนุ่มละมุนมือแก่เขา เรียวปากบางแย้มออก “ลองบอกฉันก็ได้นะว่า เมื่อก่อนเราสนิทกันแบบไหน”


ไม่รู้ว่าเป็นเพราะลมหายใจร้อนจัดหรือเพราะกิริยาของฉินมั่ว ทำให้ร่างของเธอพลอยร้อนลุ่มไปด้วย เรียวปากของเธอเริ่มมีสีเลือดขึ้นมาบ้าง


ป๋อจิ่วคิดเช่นกันว่านี่ถือเป็นโอกาสดี จึงช้อนตามอง “เมื่อก่อนพี่เชื่อฟังฉันทุกคำ”


“เหรอ?” ฉินมั่วไม่หยุดกิจกรรมที่ทำอยู่ เลิกคิ้วเล็กน้อย


ป๋อจิ่วพูดเหมือนเป็นเรื่องจริง “ฉันให้พี่ไปทางทิศตะวันออก พี่จะไม่มีวันไปทิศตะวันตก พี่รักฉันมาก จนหาทางสารภาพกับฉันตั้งหลายวิธี”


“เรอะ?” ฉินมั่วหยุดมือ ราวกับกำลังครุ่นคิดในคำพูดของเธอ


ป๋อจิ่วจึงโอบรัดลำคอของเขาด้วยสีหน้ายิ้มๆ “มองหน้าฉันสิ พี่มั่วน่าจะรู้ว่ามีคนจีบฉันเยอะจะตาย พี่ถึงชอบกลัวบ่อยๆ แถมยังชอบหึงด้วย”


“เธอคิดว่าพอฉันสูญเสียความทรงจำแล้วจะสติสตังไม่ดีด้วยใช่ไหม หรือคิดว่าฉันไข้ขึ้นจนสมองพัง?” ฉินมั่วเชยคางอีกฝ่ายขึ้นอย่างใจเย็น “คนอย่างฉันเนี่ยนะ จะทำอย่างที่เธอพูด”


ป๋อจิ่วไม่แสดงอาการละอายจากการที่ถูกรู้เท่าทัน “ใช่”


ฉินมั่วมองใบหน้าที่อยู่ใกล้แค่คืบ อยู่ๆ ก็ดึงติ่งหูที่แดงเรื่อของเธอเข้ามาประชิดริมฝีปากตัวเอง เอ่ยเสียงร้ายกาจว่า “ถ้าเป็นอย่างที่เธอว่า งั้นฉันคงเป็นฝ่ายรุกมากสินะ เวลาอยู่บนเตียง”


ป๋อจิ่วจึงรู้ตัวว่ามือของเขาวางไว้ที่ตรงไหน รู้สึกทันทีว่าตัวเธอร้อนฉ่า ท่านเทพในเวลานี้ทำให้เธอรับมือไม่ไหวในบางด้าน ในระหว่างที่คิดเช่นนี้ ต้นคอของเธอก็ถูกกัด


“ดังนั้น ป๋า เธอชอบให้ฉันปรนนิบัติเธอยังไง” ฉินมั่วหัวเราะ แล้วก้มลงไปจูบบริเวณที่เขาเพิ่งกัดเธอ แววตาฉายความอันตราย


เพราะสิ่งที่เขาทำลงไป ไหล่ของจิ่วสั่นไหว เอวก็โก่งขึ้น ร้อนรุ่มไปทั้งร่าง ชนิดที่หลีกเลี่ยงไม่ได้


……………………………………………


ตอนที่ 1704


เธอปวดหัวหน่อยๆ กระทั่งลมหายใจยังร้อนผ่าว


ไม่รู้เพราะคำสั่งทางจิตถูกปลุกหรือเปล่า ท่านเทพถึงได้กระทำการรุกรานอย่างไร้ความกังวลใดใด กระทั่งจูบก็ยังเปลี่ยนไป แฝงความร้ายกาจและเย็นยะเยือก ซึ่งเธอหมดทางรับมือจริงๆ


ความวาบหวามที่ส่งทอดมาจากต้นคอ ทำให้ป๋อจิ่วไม่มีสติคิดใคร่ครวญ ความจั๊กกะจี้นิดๆ ที่เกิดขึ้น ยังแทรกมาด้วยความเจ็บหน่อยๆ ความรู้สึกเช่นนั้นราวกับเป็นสัมผัสแรกของเหยื่อที่โดนแวมไพร์กัด


หนังสือเล่มหนึ่งเคยบรรยายไว้ว่า เวลาที่เขาจูบเราบนต้นคอ เราจะสูญเสียความรู้สึกทุกอย่าง เหลือเพียงความสุขสบายแสนมหัศจรรย์ที่ทำให้เราดื่มด่ำ เราจะได้สัมผัสกับกลิ่นของเขาที่หวานฉ่ำจนคุณลุ่มหลงไปเรื่อยๆ คุณจะไม่มีวันลืมทิวทัศน์ที่เห็นในเวลานั้น มันเหมือบกับดาวตก ซึ่งคุณวาดหวังให้เขาคืบหน้าไปอีกขั้นหนึ่ง


ป๋อจิ่วโอบรัดชายหนุ่ม ลำคองามระหงส์ของเธอแหงนหงาย ราวกับสาวน้อยพรหมจรรย์ที่ถูกบูชายันต์ต่อจอมมาร


แววตาของฉินมั่วมืดมน เรียปากบางเข้าไปใกล้ หมายจะล่วงเลยต่อไป แต่กลับพบว่าใบหน้าของเธอแดงจนผิดปกติ ตัวร้อนกว่าเขาเสียอีก แล้วทำไมมือของเธอจึงมีบาดแผลได้? แผลนั่นเหมือนถูกลวดหนามเกี่ยว แถมยังมีรอยเลือดหลงเหลือ หรือว่ามันเกิดขึ้นในตอนที่เธอลงรถไปหาน้ำมัน?


ยัยนี่โง่เป็นบ้า! บาดเจ็บถึงขั้นนี้แล้ว ยังจะขับรถมาตลอดทางอีก


ฉินมั่วบอกไม่ถูกว่าเวลานั้นเขารู้สึกอย่างไร แววตาค่อยๆ คลายลง มีอะไรบางอย่างเอ่อล้นท่วมทรวงอก


ทั้งยังดูสลด แต่ไม่ถึงขั้นท้วมท้นหัวใจ


ทว่าร้อนเหลือเกิน ราวกับความร้อนถูกส่งผ่านมาจากร่างของเธอ โดยเฉพาะลมหายใจที่อยู่ใกล้เขามากนัก รวมถึงหัวใจที่เต้นรุนแรง


สิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้ผสมปนเปไป จนทำให้เขาไม่กล้าเดินหน้าต่อ เขาอยากจะร่วมรักกับเธออย่างรุนแรง แล้วทิ้งเจ้าหล่อนไป เพราะสิ่งที่ยัยนี่พูดเขาไม่เชื่อสักนิด เช่นเป็นป๋าเลี้ยงดูเขาทำนองนี้


ฉินมั่วเกลี่ยหน้าเธอด้วยนิ้วมือ เอ่ยเสียงเบา “ลุกขึ้น”


“หืม?” ป๋อจิ่วยังรู้สึกหนักหัว ฟังไม่ออกว่าเขากำลังพูดอะไร หรือเขาโกรธงั้นเหรอ? ทำไมถึงยังยิ้มมุมปาก แต่แววตาไร้ความอบอุ่น


ฉินมั่วมองเธอ ก้มลงช้อนตัวอุ้มขึ้นแล้วตรงไปยังห้องน้ำ จากนั้นจึงถอดเสื้อให้ ซึ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้ป๋อจิ่วต่อต้านไม่ทัน


ภายใต้แสงไฟ ร่างขาวโพลนของเธอดูยั่วยวน       ไม่ว่าจะเป็นแอ่งชีพจร หรือจะเป็นไหล่ทั้งสอง รวมถึงสิ่งที่แสดงถึงความเป็นสาวน้อย ล้วนแต่สวยงามจนยากจะละสายตา


แววตาของฉินมั่วหนักอึ้งทันทีที่เห็น กระทั่งนิ้วมือยังชะงักไปด้วย ราวกับกำลังกลั้นอะไรเอาไว้


พรึบ! เขาดึงผ้าขนหนูมาห่อตัวเธอไว้ แต่ยัยนี้กลับส่งยิ้ม “พี่มั่วเป็นอะไรอ่ะ?”


ฉินมั่วหันไปบีบคางเจ้าหล่อน “เธอไข้ขึ้น ไม่รู้ตัวหรือไง?”


สีหน้าที่ชะงักของเธอดูเหมือนจะตะลึง เพราะไม่ได้ระวังว่าตัวเองกำลังตัวร้อนอยู่ จึงพึมพำขึ้น “มิน่าล่ะ ถึงได้มึนหัวมาตั้งแต่นาน”


ฉินมั่วได้ยินคำพูดของเธอแล้ว ไม่รู้ว่าทำไมถึงยังควบคุมสีหน้าให้เหมือนเดิมไม่ได้ ตอนแรกที่จะใช้วิธีนี้ในการใกล้ชิดเธอ เพื่อจะบรรลุเป้าหมายตัวเอง แต่ชายหนุ่มกลับแบกเธอไปโยนลงบนเตียงไม้ แล้วก้มตัวตามมา ใบหน้าหล่อๆ อยู่ใกล้เธอเหลือเกิน เขาคุกเข่าอยู่ระหว่างขาของเธอ ดวงตาดำขลับไม่ปรากฏระลอกความเปลี่ยนแปลง “เธอโง่หรือเปล่า?”


……………………………………..


ตอนที่ 1705 เปลี่ยนวิธีหายใจ


เอาแต่เป็นห่วงคนอื่น แต่กลับไม่สนใจตัวเอง ฉินมั่วไม่ชอบพฤติกรรมแบบนี้ของเธอ รวมถึงไม่ชอบอารมณ์ของตัวเองที่เกิดขึ้นอันมาจากอิทธิพลจากตัวเธอ


ป๋อจิ่วมองเขา ราวกับพลันเข้าใจว่าทำไมเขาจึงเป็นเช่นนี้ จึงยื่นมือไปโอบเอวอีกฝ่าย ยิ้มให้นิดๆ “พี่มั่วเป็นห่วงฉันเหรอ”


แววตาของฉินมั่วตะลึง แต่ไม่หันไป นอกจากหัวเราะเล็กน้อย ก่อนจะจับผมเธอ อ่อยหน่อยๆ “เธอเป็นป๋าของฉันไม่ใช่เหรอ ก็ต้องเป็นห่วงสิ ไม่งั้นใครจะให้เงินฉันใช้”


“พี่คุ้นกับสถานะตัวเองจัง” ป๋อจิ่วไอพลางพูด ยิ้มที่มุมปากยังไม่คลายหายไป


ฉินมั่วกลับขมวดคิ้วขึ้น “เธอเป็นอะไร?” ถ้าแค่มีไข้ ก็ไม่น่าเป็นถึงขนาดนี้


“หืดหอบ” ป๋อจิ่วรู้สึกหายใจลำบากจริง ๆ


ฉินมั่วเห็นสภาพเธอเป็นเช่นนี้ ทรวงอกพลันทรมานขึ้นมาอย่างประหลาด ไม่ว่าตอนนี้เขาจะอยู่กับเธอด้วยวัตถุประสงค์อะไร แต่ก็ไม่ชอบเห็นของเล่นของตัวเองอยู่ในสภาพน่าสังเวชแบบนี้เช่นกัน “หายใจไม่ออกเหรอ”


“นิดหน่อย” ไม่ถึงขั้นรุนแรงหรอก ป๋อจิ่วย่อมรู้จักร่างกายตัวเองดี


ฉินมั่วรัดเอวเธอแล้วยกขึ้นมา “งั้นก็เปลี่ยนวิธีหายใจ”


“อะ…” ยังไม่ทันพูดออกมาหมด ชายหนุ่มก็ก้มลงจูบเธอ ราวกับกลิ่นมินต์ของบุหรี่จะลดอุณหภูมิให้เธอได้ แถมอากาศที่เข้าสู่ทรวงอกเธอ ยังสดชื่นจนทำให้โหยหา


จูบ ถือเป็นเรื่องที่ทำให้คนติดใจ โดยเฉพาะได้จูบกับท่านเทพ


เธอหายใจไม่ทรมานแล้ว โดยที่เขาผละออกมาเล็กน้อยก่อนจะจูบอีกครั้ง พลางลูบนิ้วบนใบหูของเธอ แรงของเขาช่างเบาบาง ราวกับปฏิบัติต่อสัตว์เลี้ยงตัวโปรด แต่ส่งผลให้หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ เหมือนอยู่ในจุดที่มหัศจรรย์ที่สุด


เมื่อทุกอย่างสิ้นสุดลง เขาก็ชนหน้าผากเธอ ลมหายใจไม่เป็นปกติเล็กน้อย แววตาลุ่มลึก “หวานและก็สะใจมาก”


อะไรที่เรียกว่าหวานและสะใจมาก เมื่อก่อนท่านเทพไม่เคยพูดแบบนี้นี่นา ใบหน้าของป๋อจิ่วร้อนหน่อยๆ ความทรมานจากอาการป่วยถูกคลายลงไปเยอะ รู้สึกเพียงว่าตอนนี้เธอโป๊อยู่ แม้ว่าจะถูกห่อหุ้มด้วยผ้าขนหนูตัวขาว แต่มันก็บางเบาเหลือเกิน ไม่มีประโยชน์อะไรเลย


แผ่นอกของชายหนุ่มอยู่ชิดหน้าของเธอ ลายเส้นกล้ามเนื้อของเขาชัดมาก ราวกับเป็นรูปสลัก เมื่อเขาลุกขึ้น ร่องกล้ามเนื้อยิ่งเด่นชัดเข้าไปใหญ่ แต่มือของเขาที่ยังเกาะกุมเธออยู่นี่สิ ยังไล้อยู่บนทรวงอกของเธอ แววตาฉายความร้ายกาจเหมือนแวมไพร์ “อืม นุ่มดีจัง”


ความเสียวซ่านที่เกิดขึ้นจากความใกล้ชิด ทำให้เรียวขาของเธอไร้เรี่ยวแรง เมื่อก่อนป๋อจิ่วไม่รู้เลยว่า การได้อยู่ใกล้ชิดกับคนคนหนึ่งจะทำให้เธอรับมือไม่ไหวเช่นนี้


แต่เวลานี้ เมื่อถูกเขากอดไว้ในอ้อมแขน หัวใจของเธอก็เต้นรัวเร็ว ทุกการกระทำล้วนแต่สร้างความเสียวซ่านให้เป็นระลอกๆ คงเพราะนี่ไม่ใช่คนอื่น แต่เป็นสัตว์เลี้ยงตัวน้อยของเธอ


ป๋อจิ่วเอ่ยขึ้น “เมื่อตอนเด็กๆ พี่ก็ชอบว่าฉันว่าโง่”


คิ้วได้รูปของฉินมั่วเลิกขึ้น “หืม?”


ป๋อจิ่วเอ่ยต่อ “ตอนนั้นฉันอยากซื้อพี่มาก อุตส่าห์เอากระปุกเงินที่สะสมแทบตายมาทุบ ก็เพราะอยากได้พี่ แถมยังเคยถามด้วยว่า พี่กิโลละเท่าไร”


ฉินมั่วหัวเราะ “โง่ป่ะ ชั่งกิโลขายคนเนี่ยนะ?”


ป๋อจิ่วได้ยินแล้ว ชะงักไปทั้งร่าง ก่อนจะหัวเราะ


ในความทรงจำของเธอ เด็กน้อยที่หน้าตาหล่อเหลาเหมือนเจ้าชายน้อยกำลังหน้านิ่ว ‘ป๋อเสียวจิ่ว เธอมันโง่หรือเปล่า ชั่งกิโลขายคนได้หรือไง?’


ยังเหมือนเดิม ต่อให้เสียความทรงจำไปแล้ว เขาก็ยังเหมือนเดิม


“ดูเหมือนป๋าของฉันจะใจลอย” ฉินมั่วโน้มตัวไปหา มุมปากยกยิ้ม “ท่าทางฉันจะเสน่ห์ไม่แรงพอ?”


…………………………………………..


ตอนที่ 1706-1 เทพฉินดูแลน้องจิ่ว หวานจัง


ฉินมั่วแนบรอยจูบบนต้นคอของเธอในทันทีที่พูดจบ แต่ละครั้งจูบที่ว่าก็ให้ความรู้เย็นนิดๆ กระทั่งหลังจากที่อุณหภูมิของเขากลับมาเป็นปกติ ผิวก็ขาวเนียนเหมือนเนื้อหยก ทั้งยังแนบชิดเธอชนิดไม่เหลือช่องว่าง แต่ไม่ได้ลุกหน้าไปมากกว่านี้


ความมืดจากก้นบึ้งนัยน์ตาทำให้เขาดูร้ายกาจมาก “พวกเรามาเปลี่ยนวิธีทำให้เหงื่อออกกันไหม”


ป๋อจิ่วมองเขาด้วยสติที่หลุดลอย ขนตาสั่นเล็กน้อย ลมหายใจร้อนลุ่มขึ้นเรื่อยๆ


ฉินมั่วอุ้มอีกฝ่ายขึ้นด้วยแววตาหนักอึ้ง ทุกจุดที่นิ้วของเขาพาดผ่าน ล้วนแต่ทำให้ป๋อจิ่วต้องแอ่นตัวชนิดที่ข่มไม่อยู่


เพียงเพื่อให้เหงื่อออกดั่งที่ชายหนุ่มพูดไว้นั่นแหละ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้รุกคืบ เมื่อทำจนเจ้าหล่อนแดงเถือกไปทั้งใบหน้าและใบหู เขาก็หัวเราะเบาๆ ข้างหูเธอ ก่อนจะละเลียดกลีบปากของเธออย่างแผ่วเบา  จนกระทั่งความง่วงเริ่มมาเยือน ป๋อจิ่วเบือนหน้าไปก่อนจะหลับตาลงช้าๆ ส่วนฉินมั่วมองดูคนที่หลับในอ้อมกอดตัวเอง นัยน์ตาคู่ดำที่เคร่งเครียดขึ้น


ช่างเถอะ! ใช่ว่าจะรีบหนีไป เพราะจะไปที่ไหนก็เหมือนกันอยู่ดี รอจนเบื่อแล้วค่อยไปก็ได้


“ป๋าของฉัน เธอจะทำให้ฉันสนุกได้นานสักเท่าไรกันนะ?” ฉินมั่วหัวเราะ จับเส้นนผมของเธอ มุมปากแยกยิ้มเป็นวงกว้าง


ใช่ว่าจะไม่มีอะไรน่าสน อย่างน้อยยัยเด็กนี่ก็หอมดี แถมเวลาอุ้มก็ให้ความสัมผัสที่นุ่มละมุน ทำให้คนอุ่นไปทั้งตัว ต่างไปจากกลิ่นไอเย็นยะเยือกบนตัวเขา


ฉินมั่วเลิกคิ้ว ก่อนจะกดคางลงบนศีรษะอีกฝ่าย แล้วกอดเธอด้วยมือข้างเดียว พลางสำรวจคนในอ้อมกอด


ป่วยขนาดนี้ น่าจะสู้ไม่ไหว


แต่ฉินมั่วรู้ดีว่านี่ไม่ใช่สภาพที่แท้จริงของเธอ เพราะไม่มีใครหรอกที่กล้าสู้กับสปีดโบ้ทกว่าสิบลำ ทั้งยังกดไฟแช็กระเบิดตามคำพูดที่ลั่นไว้ ด้วยท่าทีที่เท่อีกต่างหาก


คนแบบนี้จะว่าง่ายแบบนี้ น่าจะหาได้น้อยมาก


ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริง เวลานี้ป๋อจิ่วเป็นเด็กดีจะตาย เวลาสงบเสงี่ยมก็ทำตัวเหมือนเป็นเจ้าชายน้อย กระทั่งเส้นผมสีดำยังปรกลงมาปิดหูและตา เหลือเพียงคางได้รูปที่ขาวเนียน


ฉินมั่วจ้องอยู่นาน ก่อนจะหันไปจูบศีรษะเธอ จากนั้นพลันชะงักขึ้น คิ้วของชายหนุ่มขมวดมุ่น ความเย็นชาค่อยๆ กระจายออกมา


ไม่มีใครรู้ว่าฉินมั่วคิดอะไรอยู่


ความมืดนอกหน้าต่างค่อยๆ คืบคลาน ด้วยเหตุที่ยังไม่มาเยือนเต็มที่ ทำให้ดวงดาวสวยเหลือเกิน ส่งผลให้คนง่วงนอนได้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะเมื่อได้กอดใครบางคน ยิ่งทำให้ไม่รู้สึกหนาว


ทว่าอุณหภูมิของคนในอ้อมกอดกลับทวีขึ้นเมื่อมาถึงตอนเที่ยงคืน ตัวเธอร้อนจัดจนทำให้ฉินมั่วที่หลับไปแล้วถึงกับสะดุ้งตื่น


ฉินมั่วทาบมือบนหน้าผากป๋อจิ่วทันที หลังจากที่สัมผัสได้ถึงความร้อนสูงที่เกิดขึ้นนัยน์ตาเขาก็เคร่งเครียด จึงลุกขึ้นจากเตียง แล้วเดินออกไปทั้งๆ ที่เปลือยท่อนบน และไม่ได้สวมเสื้อคลุม


เวลานั้นท้องฟ้ามืดมิด เจ้าของโรงแรมเป็นคนท้องถิ่น กำลังดื่มเหล้ากับเพื่อนๆ อยู่ข้างล่าง จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่แยกย้ายไปไหน


ฉินมั่วไม่หยุดพัก เดินไปหา “คุณมีแอลกอฮอล์ไหม?”


เจ้าของโรงแรมมองหน้าฉินมั่ว ดื่มเหล้าโดยไม่ยอมตอบ พูดเล่นกับเพื่อนต่อไป และในขณะที่กำลังเอื้อมมือไปหยิบถั่วลิสงเข้าปาก ก็ได้ยินเสียง ‘ปั๊ก!’


…………………………………………….


ตอนที่ 1706-2 เทพฉินดูแลน้องจิ่ว หวานจัง


ไพ่ใบหนึ่งปักเข้าที่หลังมือเฮียอย่างจัง เลือดไหลออกมา แม้จะไม่มาก แต่เจ็บพอจะทำให้เฮียหน้าถอดสี ซึ่งคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามลุกพรวดขึ้น กะจะทุบหัวฉินมั่วให้หมอบ แต่แค่เงื้อง่าขวดเหล้าขึ้น ก็ถูกชายหนุ่มคว้าข้อมือไว้ เพียงออกแรงบิดนิดเดียว “เพล้ง!” ขวดเหล้าร่วงลงพื้น เล่นเอาคนทั้งสามถึงกับหน้าถอดสี โดยเฉพาะเฮียเจ้าของโรงแรมที่มองดูมือตัวเองด้วยแววตาหวั่นไหว


ฉินมั่วค้ำมือที่พนักเก้าอี้ ยิ้มเล็กน้อย เสียงดังขึ้นข้างหูอีกฝ่ายราวกับเป็นจอมมารแสนสง่า “มีแอลกอฮอล์ไหม?”


“มี มีจ้า” เฮียกุมมือตัวเอง “เดี๋ยวไปเอามาให้นะจ๊ะ”


ฉินมั่วยิ้มอย่างยินดี “ขอบคุณ” ทำให้เฮียได้ยินแล้วถึงกับสั่นเทาไปทั้งตัว ผู้ชายคนนี้น่ากลัวจริงๆ ตอนแรกเห็นว่าไม่ใช่ชายหนุ่มคนพื้นที่ เฮียจึงไม่ใส่ใจ ตอนนี้เฮียไม่กล้าละเลยอีกต่อไป


ผู้ชายที่เหมือนจอมมารคนนี้ ไม่ได้อ่อนแอเหมือนเมื่อตอนที่เด็กคนนั้นพยุงขึ้นห้องเลยนี่นา ทั้งๆ ที่ยิ้มอยู่แท้ๆ แต่กลับทำให้คนหนาวจับสั่น ยอมฟังคำสั่งแต่โดยดี


ทั้งนี้นอกจากแอลกอฮอล์แล้ว ฉินมั่วยังยกน้ำร้อนขึ้นชั้นบนอีกด้วย ก่อนจะจากไป เขาทิ้งคำพูดเพียง “ข้างบนมีคนป่วย ต้องการพักผ่อนเงียบๆ ฉะนั้นอะไรที่ไม่จำเป็นก็อย่าทำเลย”


เฮียตกตะลึง รับคำลนลาน “ครับ” ความเจ็บบนหลังมือไม่ทำให้เขาโกรธเกรี้ยวแต่อย่างใด ส่วนคนเดียวที่เหลือซึ่งไม่บาดเจ็บรีบเข้ามาหา “ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร ท่าทางก็สุภาพดีหรอก แต่ทำไมใช้ไพ่ทำร้ายคนเป็น?”


“จะไปรู้ได้ไงวะ” ถ้ารู้จะหาเรื่องเสี่ยงตายเรอะ?


ทางด้านฉินมั่วยกน้ำร้อนเข้าไปในห้อง ใช้ขายาวเกี่ยวประตูให้เปิดออก อันที่จริงต่อให้เปลือยท่อนบน ชายหนุ่มก็ยังดูไม่เหมือนคนอื่น เพราะบารมีประจำตัวไม่เคยจางหาย แต่เพราะแววตาที่ไม่เหมือนใคร อันกลมกลืนไปกับบรรยากาศอันมืดมิด


ชายหนุ่มมองดูป๋อจิ่วที่นอนบนเตียงแวบหนึ่ง แล้วหยิบผ้าขนหนูมาชุบน้ำร้อน วางบนหน้าผากขาวสะอาดของเธอ


ปรอทวัดไข้ที่นี่ไม่สะอาด แม้ว่าเฮียเจ้าของโรงแรมจะมี แต่ฉินมั่วก็ไม่เอา ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้ซื้ออมยิ้มที่ชั้นวางขนมขบเคี้ยวตรงเคาเตอร์มาด้วย อาจเป็นเพราะตอนนั้นเขารอน้ำร้อน รู้สึกเบื่อเลยซื้อมาถือเล่นๆ ตอนนี้เขาแกะถุงห่อของมันออก แล้วแตะอมยิ้มลงบนเรียวปากเธอ


ฉินมั่วเห็นป๋อจิ่วไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ก็ก้มลงไปแยกเรียวปากเธอด้วยปากตัวเอง ก่อนจะถอนตัวออกมา ให้เธองับอมยิ้มในมือเขาแทน


คงเพราะเธอได้รับรสหวานในปาก จึงเห็นริมฝีปากบางๆ ของเธอขยับ ไม่ขมวดคิ้วด้วยความทรมานเหมือนเมื่อครู่อีก


ฉินมั่วรู้สึกว่าตนเองไม่ชอบเห็นเวลาที่เจ้าเด็กคนนี้ไม่มีความสุข ในเมื่อได้ของเล่นมาแล้ว ก็ต้องทำให้มันดูสวย


ฉินมั่วดึงมือป๋อจิ่วออกมา แล้วใช้คอตตอนบัดแตะแอลกอฮอล์มาถูตามข้อต่อให้เธอ ไม่เพียงแค่ที่มือ ยังรวมถึง เข่า แอ่งชีพจร ท้องน้อย…


ป๋อจิ่วนอนไม่สงบนักด้วยภาวะทรมานจากอาการไข้ขึ้น เมื่อได้รับสัมผัสที่เย็นสบาย ก็อดลืมตาขึ้นมาไม่ได้


 …………………………………………….


ตอนที่ 1706-3 เทพฉินดูแลน้องจิ่ว หวานจัง


เสี้ยวหน้าขาวหล่อภายใต้แสงไฟปรากฏอยู่ในดวงตาเป็นสิ่งแรก ชายหนุ่มกำลังก้มศีรษะ แววตาเขาเหมือนจะมีเพียงแค่เธอ


ในขณะที่กำลังเช็ดไปถึงเรียวขา ซึ่งหากเธอไม่ตื่นยังพอว่า แต่เมื่อตื่น ประสาทสัมผัสก็กลับมา ความวาบหวามเข้ามาเยือนเป็นระลอกๆ รวมถึงนัยน์ตาลุ่มลึกคู่นั้น ร่างของเธออ่อนปวกเปียกเหมือนน้ำในสระ ความอ่อนนุ่มกระจายไปทั่ว ลามไปถึงดวงตาอีกต่างหาก


ฉินมั่วมองดูหน้าแดงเรื่อและแววตาหยาดเยิ้มของป๋อจิ่ว ถึงกับชะงักมือ ก่อนจะบุกจู่โจมด้วยการจูบลงบนแอ่งชีพจรของเธอ อันต่างไปจากเมื่อก่อน นิ้วของเขายังคงเกาะอยู่ที่เดิม แล้วเลื่อนลงไป ความนุ่มหยุ่นที่สัมผัสได้ รวมถึงความอวบที่แนบเนื้อ ทำให้ลมหายใจของเขาเริ่มไม่ปกติ ทว่าเขาเก็บกลั้นไว้ได้ แม้ว่าการอดทนเช่นนี้จะทำให้เขาดูแปลกไป แต่ในฐานะที่เป็นนักจิตวิทยาด้านอาชญากรรม เขาจะลงมือกับของเล่นตัวเองได้ไง


ในเมื่อเป็นของเล่นที่ใช้เล่นสนุกได้ ทิ้งได้ ดังนั้นจะเดินหน้าให้ถึงที่สุดไม่ได้หรอก


ฉินมั่วหยุดทันทีที่มาถึงจุดสำคัญ มองดูใฝเสน่ห์ใต้ตาเธอที่เปล่งประกาย จากนั้นก็หัวเราะเบาๆ “ป๋าเนี่ย ชอบทำให้คนหลงเสน่ห์แบบไม่ตั้งตัวอยู่เรื่อยเลย”


ป๋อจิ่วรู้ตัวเช่นกันว่าชายหนุ่มไม่อยากแตะต้องเธอ แต่ร่างกายหนาวเย็นมาก สติก็เช่นกัน เธอหลับลงท่ามกลางความหนักอึ้ง


ไม่รู้ว่านานเท่าไร ดูเหมือนเธอจะถูกกอดอีกแล้ว ทั้งยังได้ยินเสียงลอยมาในบางครั้ง เสียงที่ดูเหมือนจะแฝงความยโส “เป็นถึงขั้นนี้แล้ว อุณหภูมิยังไม่ลดลงเลย ป๋าเอ๊ย เธอดีขึ้นสักทีเถอะ เป็นครั้งแรกเลยนะที่ฉันต้องปรนนิบัติคนอื่นแบบนี้”


ป๋อจิ่วได้ยินแล้วแอบขำ มีใครบ้างที่บีบบังคับให้คนป่วยหายไข้ อีกอย่าง ท่านเทพ อันที่จริงพี่ต้องพูดว่า คุณชายอย่างฉัน ไม่ใช่เหรอ?


ไม่รู้ว่าทำไม ป๋อจิ่วถึงรู้สึกว่าน้ำเสียงของเขาเหมือนเมื่อตอนเป็นเด็กเลยทีเดียว คงเพราะอ้อมกอดของชายหนุ่มให้ความสบายเหลือเกิน


เมื่อมาถึงตีสาม ด้านหลังของเธอจึงชุ่มไปด้วยเหงื่อ เรียวขาเริ่มกระดิก ไม่ขยับเขยื้อนมากไปกว่านี้ ชายหนุ่มจึงจับร่างเธอไว้ “เป็นอะไรไป?”


“ร้อน” ป๋อจิ่วเอ่ย พลางจะเลิกผ้าห่มออก แต่ฉินมั่วกลับเอามาพันร่างเธอไว้ไม่ให้ขยับ เอ่ยเพียงว่า “นอนซะ” ทว่ายังคงร้อนอยู่ดี มีเพียงวิธีเดียวที่เธอคิดออก นั่นคือดึงความเย็นจากร่างเขา


ฉินมั่วมองดูใบหน้าที่แนบแผ่นอกตัวเองด้วยแววตาหนักอึ้ง กำมือแน่นอีกครั้ง


คืนนั้นผ่านไปด้วยประการฉะนี้ รอจนยัยเด็กนี่นิ่ง เส้นผมบนหน้าผากก็เปียกชื้นจนแนบหน้า ฝ่ายฉินมั่วเลิกคิ้ว เช็คอุณหภูมิบนหน้าผากเธอก็พบว่า ไม่ถึงขั้นร้อนฉ่าแล้ว เยี่ยมมาก! เพราะเขาไม่อยากให้ของเล่นของเขาอยู่ในสภาพป่วยอ่อนแอ


จนเกือบตีสี่ครึ่งเห็นจะได้ ป๋อจิ่วถึงได้หลับสนิท


เมื่อตื่นขึ้นมา ท้องฟ้าด้านนอกก็สว่างโล่ แสงอาทิตย์ส่องผ่านหน้าต่างมาโดนหน้าเธอ พอหันศีรษะไปก็ได้เห็นใบหน้าหลับที่ทำให้คนหลงใหล


ทุกครั้งที่ท่านเทพนอนหลับสนิท ล้วนแต่ทำให้คนนึกถึงคำว่าสะอาดล้ำ ไม่ว่าจะเป็นตอนเด็กหรือตอนโต ป๋อจิ่วมองเรื่อยลงไปจนเห็นมือของเขาที่พาดเอวตน


เตียงตัวนี้แคบจริงๆ ทั้งสองจำเป็นต้องตะแคงตัวนอน และด้วยเหตุนี้เธอและเขาจึงอยู่ใกล้ชิดกันมาก ลมหายใจของเขาจึงตกกระทบใบหูเธอ จากนั้นบางสิ่งก็ดึงความสนใจจากเธอไป สิ่งที่แขวนบนคอเขา เหมือนของที่ตอนนั้น…


ป๋อจิ่วกำลังจะยื่นมือไปจับ แต่ถูกเขารั้งไว้เสียก่อน แล้วพลิกตัว ปล่อยลมหายใจออกมาด้วยแววตาถมึงทึง เอ่ยด้วยเสียงแหบพร่าที่ตรึงใจคน “ท่าทางป๋าจะไม่รู้ล่ะสิว่า ห้ามล้อเล่นกับผู้ชายในช่วงเช้า”


…………………………………………….


ตอนที่ 1706-4 เทพฉินดูแลน้องจิ่ว หวานจัง


ป๋อจิ่วจึงได้รับรู้ถึงจุมพิตที่ประทับบนหัวไหล่ตน จนเกิดความรู้สึกชาทั่วตัว ตามมาด้วยกัดเบาๆ ส่งผลให้หัวใจเต้นรัว สมองพลอยว่างโพลน


อุณหภูมิในห้องทวีขึ้นเรื่อย จนเมื่อเปียกน้ำไปทั้งตัว ป๋อจิ่วถึงได้รู้ว่าเขาอุ้มเธอเข้าไปในห้องน้ำ เขายังจูบเธออยู่ ชายหนุ่มแย้มเรียวปากราวกับพึงพอใจต่อปฏิกิริยาของเธอ จนเมื่อเธอหมดแรง ต้องอิงร่างเขา ซึ่งนอกจากจูบแล้ว ชายหนุ่มไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่านี้


ทว่าความวาบหวามที่นิ้วของชายหนุ่มสรรสร้าง ทำให้ป๋อจิ่วตัวสั่นหน่อยๆ


แต่เธอไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเขาหยุดทำไม โดยเฉพาะตอนที่เขาคว้าเอวเธอหมับ แต่กลับกัดที่ไหล่เธอเท่านั้น จากนั้นลมหายใจของเขาก็จางลง รวมถึงผ้าขนหนูที่เขาดึงมา “เมื่อก่อนเราก็ทำแบบนี้กันหรือ?”


หยดน้ำยังคงไหลจากเส้นผมสีดำของเขา ลงมาสู่แอ่งชีพจรของเธอ จนเมื่อป๋อจิ่วที่ถูกผ้าเช็ดตัวพันตอบรับ ความร้อนฉ่าบนร่างคลายลง


ฉินมั่วยิ้ม แต่ไม่เลยไปถึงสีหน้า “ใช่ไหม?”


ป๋อจิ่วคิดว่าเขาไม่น่าจะแสดงปฏิกิริยาดังกล่าวออกมา กำลังจะเอ่ย ทว่าชายหนุ่มกลับช้อนสายตาขึ้นมาก่อน ความร้ายกาจล้นออกมาทางหางตา “ตอนแรกก็คิดว่าป๋าชอบแบบนี้ แต่น่าเสียดายที่ร่างกายของเธอไม่อยู่ในสภาพที่พร้อม ไม่งั้น…”


ฉินมั่วก้มตัวลง ฟันขาวๆ งับบนใบหูเธอ ลมหายใจร้อนระอุ ทว่านัยน์ตากลับไม่เหลือความอบอุ่น “จะทำอะไรยังไงก็ได้”


ป๋อจิ่วไม่ตอบ เพราะเสียงเคาะประตูดังขึ้น สถานที่แบบนี้ ระบบกันเสียงย่อมไม่ดี แม้เสียงดังกล่าวจะถูกประตูกันไว้ถึงสองชั้น ก็ยังได้ยินอยู่ดี ซึ่งเป็นเสียงจากเฮียเจ้าของโรงแรมนั่นเอง “อาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว ถ้าคุณลูกค้าตื่นแล้ว รบกวนมารับที่หน้าประตูด้วยนะครับ”


ป๋อจิ่วได้ยินแล้วถึงกับเลิกคิ้ว “ที่แบบนี้มีอาหารเช้าให้ด้วย?” ใช่ว่าเธอจะไม่เคยพักในโรงแรมเล็กๆ แบบนี้ อุตส่าห์มีน้ำร้อนให้ก็เลิศแล้ว แต่นี่ยังมีอาหารเช้า แถมเจ้าของโรงแรมยังมาเสิร์ฟเองอีกต่างหาก


น้องจิ่วที่แสนจะใสซื่อ จะไปรู้ได้อย่างไรว่า เมื่อคืนเฮียเขาโดนท่านเทพเขย่าขวัญเข้าให้ อย่าว่าแต่อาหารเช้า กระทั่งอาหารชาวฮั่นและแมนจูที่จัดวางในงานเลี้ยงอย่างมากมายขนาดที่กินกันสามวัน ก็ยังทำให้ได้


“ฉันไปเอาเอง”


ผัวะ! ฉินมั่วเปิดประตูห้องน้ำ ก่อนจะโยนเสื้อผ้าเข้ามาให้สองตัว จากนั้นจึงสวมกางเกงสีดำ ทุกกิริยาของเขาล้วนแต่เท่มาก ทั้งฉับไวและแสนสง่า ซึ่งหากเทียบกับฉินมั่วในยามปกติ เรียกว่าต่างกันเลยทีเดียว


ในระหว่างที่เปิดประตู เฮียที่อยู่นอกประตูก็ถึงกับตัวแข็งทื่อ มือที่แบกถาดอาหารที่ทำจากเนื้อไม้ถึงกับสั่นเทา


เฮียขอยอมรับว่า ตนเองไม่เคยเห็นหนุ่มหล่อลากดินเช่นนี้มาก่อน โดยเฉพาะตอนที่หยดน้ำไหลจากเส้นผมของชายหนุ่มด้วย สภาพเช่นนี้แหละ ถึงได้เหมือนกับพวกจอมมารในการ์ตูนอย่างไรล่ะ แววตาของชายหนุ่มที่เย็นจนแทบจะจับเป็นน้ำแข็ง และดูเหมือนเจ้าตัวจะอารมณ์ไม่ดี


น่าไม่หรอกมั้ง


เขาคงไม่โดนไพ่ปักมือเหมือนเมื่อวานหรอกนะ?


 “ไปได้แล้ว” เวลาที่ของเล่นไม่ได้อยู่ด้วย ฉินมั่วก็ไม่แคร์ที่จะปล่อยความเหี้ยมออกมาทางสีหน้า     ส่งผลให้เฮียตัวสั่นเทา รีบส่งถาดอาหารให้อีกฝ่ายโดยไม่พูดพล่ำทำเพลง แล้วเดินจากไปทันที


เวลานี้เขาอดนับถือเด็กคนที่พยุงชายหนุ่มเข้ามาในโรงแรมไม่ได้ จะว่าไป ตอนนั้นเด็กคนนั้นทำท่าเหมือนกับว่า เพื่อนที่พามาอ่อนแอหนักหนาสาหัสสากรรจ์ ชนิดที่หากมีอะไรมาชน ชายหนุ่มก็จะเจ็บปวดมหันต์ เล่นเอาเฮียเข้าใจว่าอีกฝ่ายบอบบางราวกับแจกันดอกไม้ที่แพงระยับ แต่หมอนี้เหมือนแจกันดอกไม้ที่ตรงไหนไม่ทราบ เป็นจอมมารชัดๆ!


แต่เจ้าเด็กนี้กลับทำอย่างกับว่า หมอนี่เป็นเจ้าชายที่เปราะบาง เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าวะ…


……………………………………………..


ตอนที่ 1707


อาหารเช้ามื้อนี้มากมายเป็นพิเศษ ทั้งขนมปัง ผลไม้ และนม ล้วนแต่สดใหม่


ป๋อจิ่วถือแก้วนม มองดูท่านเทพที่นั่งตรงข้าม ที่นี่ไม่น่าจะอำนวยความสะดวกให้ถึงขนาดมีอาหารแบบฝรั่งให้


แสงอาทิตย์กำลังดี แม้ว่าคนหนึ่งจะนั่งอยู่ ส่วนอีกคนหนึ่งกำลังยืน ต่างกินอาหารของตัวเองไป มุมปากก็ยังฉายแววหวาน ช่างเป็นชีวิตที่เรียบง่าย คงเพราะที่นี่ไม่มีใครรู้จักพวกเธอ ดังนั้นจึงไม่ต้องปลอมตัว แถมยังเป็นธรรมชาติได้สบาย ๆ


ฉินมั่วเปลือยท่อนบน ยืนอิงตรงนั้น ทว่าขาทั้งสองกลับยาวมาก จึงดูหล่อเป็นพิศษ แถมความสง่าจากเจ้าตัว


แค่เห็นก็เป็นสุขแล้ว เขาฉีกขนมปังแต้มแยมแล้วป้อนให้อีกคน คนบางคนก็รู้สึกว่าอร่อยมาก เขาถึงได้ลองบ้าง


ป๋อจิ่วไม่คิดเลยว่า ตัวเองจะกลายเป็นหนูทดลองอาหารให้ท่านเทพ เธอกินคำโตจนแก้มพอง


กิน เป็นเรื่องที่ทำให้คนมีความสุขที่สุด


แล้วฉินมั่วได้พบว่า ไม่ว่าจะป้อนอะไรให้เธอ เธอก็รู้สึกอร่อยไปหมด กระทั่งชายหนุ่มยังไม่รู้สึกตัวว่า มุมปากของตนกำลังแยกยิ้ม


ฉินมั่วที่ไม่ได้อยากอาหารสักเท่าไร กลับกินเข้าไปไม่น้อย เขาหาข้อดีอีกข้อของของเล่นชิ้นนี้เจอแล้ว มองแล้วเจริญอาหารดี


วิธีการกินแบบนี้ ทั้งสองใช้เวลาไม่นานก็สิ้นสุด ป๋อจิ่วดื่มนมจนหมด จึงคว้าไดร์เป่าผมแล้วกดร่างฉินมั่วที่จะลุกขึ้น


ฉินมั่วเลิกคิ้วเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไร ก็รู้สึกถึงลมร้อนบนศีรษะ แถมด้วยนิ้วมือของยัยคนนี้ที่กำลังแหวกเส้นผมเขา ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าเธอจะทำอะไร ชายหนุ่มนั่งพิงเช่นนั้น สายตาปะทะกับเสื้อสเวตเตอร์ที่หลวมๆ บนร่างเธอ กลิ่นสะอาดสดชื่นจากการอาบน้ำ ลอยมาตามลมจากไดร์เป่าผมอย่างชัดเจน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะแสงอาทิตย์กำลังดี หรือว่าแรงของเธอกำลังเหมาะ ทำเธอขยับข้อมือไปเรื่อยๆ ฉินมั่วจึงไม่อยากผลักอีกฝ่ายออก ประกายแสงพาดผ่านนัยน์ตา


สีหน้าของป๋อจิ่วเจ้าเล่ห์ เมื่อเห็นท่านเทพว่าง่ายเช่นนี้ มันไม่ง่ายเลยนะ


ฉินมั่วไม่คุ้นต่อการที่ถูกคนอื่นยุงกับผมตัวเอง จึงขมวดคิ้ว เบือนหน้าหล่อๆ ออกไป


“อย่าหลบสิ” ป๋อจิ่วกดร่างเขาอีกครั้ง ยิ้มขึ้น “เมื่อก่อนพี่ออกจะชอบให้ฉันเป่าผมให้นี่ สระผมทีไรต้องเข้ามาอ้อนให้ฉันเป่าผมให้ทุกที”


ฉินมั่วได้ยินแล้ว แววตาขรึมทันที ไม่แฮปปี้หรอก แต่ไม่มีท่าทางโกรธอะไร แค่เขาไม่ชอบให้เธอพูดเรื่องอดีต เพราะมันรู้สึกว่าเขาในตอนนี้ไม่มีตัวตน จากนั้น ฉินมั่วก็คว้าข้อมือเธอ ก้มจูบปลายนิ้วด้วยสัมผัสที่แผ่วเบา ทั้งยังดูเจ้าเล่ไปทั้งร่าง “ป๋าของฉันนี่เก่งจริง ๆ” ชายหนุ่มพูดจบก็ลุกขึ้น แล้วยื้อเอาไดร์มาไว้ในมือ ก่อนจะโยนเข้าไปในห้องน้ำ ไม่แคร์ว่ามันจะพังหรือไม่


ป๋อจิ่วเองสังเกตเห็นความอ่อนโยนที่หายไปจากแววตาที่เย็นชาขึ้นของเขา ทว่าสีหน้าเขากลับไม่แสดงปัญหาใดใด ทั้งยังโอบให้เธอเข้าหา “ได้เวลาแล้ว อย่าเสียเวลาไปกับเรื่องเล็กๆ อย่างนี้เลย ฉันสงสัยว่าเมื่อก่อนฉันเป็นคนยังไงกันแน่ พาฉันไปที่ที่คุ้นเคย ก็น่าจะช่วยฟื้นความทรงจำได้ ฉันรู้สึกสนใจเมืองเจียงเฉิงที่เธอพูดขึ้นมาแล้วล่ะ”


ควรจะต้องบอกว่า เขาอยากรู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอในอดีตมากกว่า แววตาฉินมั่วแดงขึ้น แฝงแววอันตราย โดยความอันตรายที่ว่านี้ ไม่ชัดแจ้งนักหรอก มันซ่อนอยู่ในก้นบึ้งนัยน์ตา


…………………………………


ตอนที่ 1708-1 รอวันกลับคืนสู่ทีมไดมอนด์


ท่าทีที่เปลี่ยนแปลงไปของท่านเทพ ล้วนแต่อยู่ในสายตาของป๋อจิ่ว ตั้งแต่ที่ต่อต้านในตอนแรกจนมาถึงการเอ่ยถึงในตอนนี้ แววตานั่นไม่เหลือความอุณหภูมิใดเลย เธอแค่ไม่เปิดเผยออกมาเท่านั้น ขอเพียงท่านเทพอยากกลับเมืองเจียงเฉิง ไม่ว่าจะด้วยวัตถุประสงค์ใดย่อมไม่เป็นไร


เหลืออีกไม่ถึงสามวันก็จะได้เวลาแข่งระดับเอเชียแล้ว เธอเคยเช็คกฎการแข่ง รวมถึงคู่แข่งที่ต้องเจอ


ทีมไดมอนด์ต้องการท่านเทพมาก กว่าจะมาถึงตรงนี้ไม่ง่ายเลยนะ เมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว หากพลาดโอกาสที่จะได้ชัยชนะอีกครั้ง เพราะไม่อาจเข้าแข่งขันตามเวลาที่กำหนดได้ ทุกคนจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิตแน่


หากเทียบกับทีมที่เพิ่งเปิดตัว ทีมไดมอนด์ไม่อยู่ในวัยสดใสอีกแล้ว แถมในสนามแข่งขันยังไม่เคยขาดผู้เล่นที่ทั้งเยาว์วัยและเก่งฉกาจ


คนส่วนใหญ่ไม่ได้ชอบทีมหนึ่งๆ ตามที่ปากว่าจริงๆ หรอก การแข่งขันเพื่อคัดเลือกอย่างหฤโหด ถือเป็นหลักการพื้นฐานของวงการนี้ ไม่เพียงแต่ป๋อจิ่วที่เข้าใจ กระทั่งอวิ๋นหู หลินเฟิง เหราหรง หรือพวกนักกีฬาที่เล่นกันมานานล้วนแต่รู้ซึ้งเป็นอย่างดี โดยเฉพาะอินอู๋เย่า ถึงปากจะบอกว่า อายุไม่ได้เป็นตัวรับประกันความเก่ง แต่ยังเข้าใจดีว่า นี่ไม่ใช่ยุครุ่งเรืองของตน


หลังจากที่แข่งในครั้งนี้เสร็จจะแข่งต่ออีกปีไหวไหม การเดินบนเส้นทางนี้ต่อไปหรือเปล่า ล้วนแต่เป็นชะตาที่ไม่มีใครคาดการณ์ได้ พวกเขาสู้ทีมที่เพิ่งเกิดใหม่ไม่ได้ คนพวกนั้นทั้งอายุยังน้อย ทั้งยังมีความสามารถชนิดไร้ขีดจำกัด ดังนั้นป๋อจิ่วถึงต้องพยายามทุกวิถีทางที่จะพาท่านเทพกลับมาให้ได้ เธอรู้ดีว่านี่คือสิ่งที่เขาต้องการ แม้ว่าเขาในตอนนี้จะลืมไปแล้ว ก็ไม่เป็นไร เธอจะช่วยให้เขาจำได้เอง


หากเทียบกับบริเวณชายแดนที่ไร้กฎหมายควบคุมอันล้าหลังแล้ว เมืองเจียงเฉิงที่เจริญรุ่งเรืองได้ทำประกาศการแข่งขันระดับเอเชียไปทั่ว ไม่ว่าจะในโลกออนไลน์หรือออฟไลน์ ขอเพียงแค่เป็นเกมเมอร์ก็ล้วนแต่รู้ว่า การแข่งขันระดับเอเชียที่น่าตื่นตาตื่นใจ จะถูกจัดในเมืองเจียงเฉิง


ไฟในคลับตระกูลฉินสว่างทั้งคืน เหยาเย่าเองก็ทำราวกับอาศัยในอินเทอร์เน็ตบาร์ไปเสียแล้ว พนักงานส่งอาหารเดลิเวอร์ลี่ส่งอาหารที่อินเทอร์เน็ตบาร์ตลอด  อาหารชุดราดข้าวราคาเพียงสิบหยวน แต่มีกับข้าวหลายประเภทเช่น เนื้อผัดพริกไทยดำ หมูผัดพริกหยวก ผัดสามสหาย[1]เป็นต้น ลูกค้าในช่วงกลางวันมีไม่ค่อยเยอะ จนเมื่อถึงตอนกลางคืนที่ล้วนแต่มาเล่นแบบไม่หลับไม่นอน ก็จะสั่งมาทานกันตอนเที่ยงคืน


เมื่อก่อนเหยาเย่าลดความอ้วน จึงไม่กินอาหารมื้อเย็น แต่ตอนนี้เพื่อให้ตัวเองคุ้นเคยกับสนามแข่ง เธอฝึกเล่นมากกว่าเดิมเป็นสองเท่า เวลาหิวก็สั่งมากินชุดหนึ่งเหมือนคนอื่นๆ ในร้าน ตอนนี้เธอพอจะมีชื่อเสียงอยู่บ้าง ทั้งยังมีแฟนคลับในโลกออนไลน์ด้วยเช่นกัน อินอู๋เย่าจึงเตรียมหมวกให้เธอใบหนึ่งเป็นพิเศษ เฟิงซ่างที่นั่งอยู่ข้างเธอก็พลอยสวมหมวกไว้เช่นกัน


ตอนแรกโคโค่กะจะมาขอข้าวกิน จึงแปลงโฉมตัวเองตรงหน้ากระจกเต็มที่ หลังจากเสร็จสิ้น หนุ่มน้อยน่ารักสายแมวเหมียวก็ค่อยๆ เดินผ่านเหล่าแฟนคลับสาวๆ ที่รอตนเองใต้ตึกถึงสิบกว่าคนออกมาจนสำเร็จ แววตาเจ้าตัวก็ถึงกับยิ้มแย้ม หยิบมือถือมาส่งข้อความเสียงให้อินอู๋เย่า “เฮีย ฉันอยากเล่ามาก ฉันโคตรจะเก่งเลย ไม่มีใครจำได้สักคน เดี๋ยวจะถึงแล้วนะ!”


ส่วนเฮียคาบบุหรี่ไว้ในปาก กดข้อความเสียงฟังก็เงยหน้าเล็กน้อย แต่ไม่ว่าอะไร คนอย่างโคโค่ ต่อให้แปลงโฉมอย่างไร คนเขาย่อมจำได้อยู่ดี แต่ก็จนใจ เพราะโคโค่ไม่เคยรู้ถึงปัญหาที่ว่า เอาแต่ดีอกดีใจแสดงท่าทีน่ารักออกมา เขาปิดกระทั่งดวงตาตัวเอง แต่ดันลืมถอดหูกระต่ายขนนุ่ม


ก็ใกล้จะถึงวันคริสมาตร์แล้วนี่นะ ในฐานะที่เป็นผู้ชายติดบ้าน เขาย่อมอยากรู้อยากเห็นต่อทุกเรื่อง


…………………………………………….


[1] ผัดสามสหายประกอบไปด้วยพริก มันฝรั่ง และมะเขือยาว


ตอนที่ 1708-2 รอวันกลับคืนสู่ทีมไดมอนด์


เมื่อสลัดผู้ช่วยจนหลุด ซึ่งเขาใช้เวลาถึงยี่สิบนาที ถึงขั้นที่หลอกอีกฝ่ายว่าตัวเองเป็นหวัดจะไปซื้อยา เพื่อจะแอบไปอินเทอร์เน็ตบาร์ตอนกลางคืน


โคโค่ออกไปข้างนอกคนเดียวไม่บ่อยนัก เพราะเป็นทั้งคุณชายบ้านรวยที่มาจากต่างประเทศ และเป็นดาวรุ่งเล่นไลฟ์สดที่ทางฉินกรุ๊ปปั้นเอาไว้ ดังนั้นเมื่อออกมาข้างนอก เขาจึงต่างจากคนอื่นที่จะต้องมีรถตู้คอยติดตามทุกครั้ง โดยไม่ถือว่าโอเวอร์แต่อย่างใด


แฟนคลับของเขายังเด็กกันอยู่มาก จึงตามติดไม่ลดละ ไม่ว่าจะรอคอยอยู่ใต้ตึก หรือบ้างก็ไปรับถึงสนามบิน แม้ว่าจะไม่ได้ทำอะไรใหญ่โตก็ตาม แต่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า โคโค่ออกไปข้างนอกสักครั้งย่อมไม่ง่ายเลย


ครั้งนี้อุตส่าห์สลัดพวกแฟนคลับได้ ก็อยากจะลองนั่งรถไฟฟ้าคนเดียวดูบ้าง แต่กลับไม่รู้ว่าท่าทางลับๆ ล่อๆ ของตนเองถูกคนถ่ายด้านหลังเอาไว้เรียบร้อยแล้ว สาวๆ สามคนถึงกับยกมือปิดปาก เอ่ยเสียงเบาว่า “โคโค่แบ๊วจัง”


“นึกว่าพวกเราจำไม่ได้ล่ะสิ น่ารักที่สุดเลย”


ในเมื่อมีคนถ่ายภาพได้ ก็ย่อมถูกโพสต์ลงในโลกออนไลน์ เมื่อโคโค่สวมผ้าปิดปากไปซื้อบัตรรถไฟฟ้า ก็เอ่ยถามพนักงานขายอย่างจริงจัง “รู้จักผมไหม?” จากนั้นก็ได้รับสายตาที่พนักงานขายตั๋วมองว่าเป็นบ้าหรือเปล่าสมใจหมาย


ทั้งนี้เขาไม่โกรธหรอก ดีใจมากต่างหาก ดูสิ ไม่มีปัญหาเลย เขาออกไปข้างนอกคนเดียวได้อยู่แล้ว


ทว่าในวินาทีถัดมา มือถือเขาก็ส่งเสียงดัง โดยเฟิงอี้เป็นฝ่ายโทรมา โคโค่ตกใจอย่างมีพิรุธ มองดูซ้ายขวาหน้าหลัง ก่อนจะรับสายอย่างเก็กขรึม “ฮัลโหล มีอะไรหรือเปล่า? ฉันกำลังเล่นเกมฝึกความเร็วมืออยู่ ถ้าไม่มีเรื่องอะไร ก็ขอวางสายก่อนนะ”


“เฮอะ เล่นเกมเหรอ? ฝึกความเร็วมือด้วย?” เฟิงอี้หัวเราะ “อธิบายให้ฉันฟังเดี๋ยวนี้เลยว่า นายไปเล่นเกมฝึกความเร็วมือที่รถไฟฟ้าได้ยังไง?”


โคโค่ตะลึง บอกตัวเองว่าจิ้งจอกเฟิงไม่น่าจะรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน ต้องหลอกเขาชัวร์ “เฮ้ย พูดอะไรน่ะ ฉันได้ยินไม่ชัด เกมก็เร็วจะตายอยู่แล้ว”


เฟิงอี้ได้ยินแล้ว วางปากกาลงอย่างไม่แคร์สิ่งใด มองดูผู้ช่วยที่ถือแท็บเล็ตเข้ามา หน้าจอโชว์ภาพอย่างแจ่มแจ๋ว “นายใส่หูกระต่ายนี่”


“เฮ้ย” โคโค่ถอดผ้าปิดปากออก โมโหขึ้นมา “รู้ได้ไง?”


เฟิงอี้ส่งสัญญาณมือให้ผู้ช่วย เอ่ยต่อ “ต้องขอบคุณแฟนคลับของนายที่มีมากมาย ตอนนี้มีคนเดินตามหลังนายเป็นกลุ่มเลย เดี๋ยวจะเยอะขึ้นเรื่อยๆ นายรีบออกจากที่นั่นเสียก่อนที่ทุกคนจะรู้ ส่วนอินเทอร์เน็ตบาร์ที่นายจะไป นายอยากจะทำให้คนเขาตกใจจนปิดกิจการหรือไง? นายอยู่ที่นั่นหละ อีกหนึ่งนาที ผู้ช่วยจะไปรับ”


โคโค่ไม่เข้าใจจริงๆ “จิ้งจอกเฟิง บอกมาตรงๆ นะ นายมีเรื่องปิดพวกเราไว้ใช่ไหม?”


ไม่งั้นหากเป็นแต่ก่อน เขาอาจจะออกมาเดินเล่นบ้าง ก็ไม่กระทบต่อคนส่วนใหญ่แต่อย่างใด


เฟิงอี้ชะงัก “เปล่า”


โคโค่สวมผ้าปิดปากอีกครั้ง “หลอกใคร ฉันเล่นเน็ตเหมือนกันนะ เพราะพวกที่ด่าเจ้าแบล็กใช่ไหม นายก็เลยกลัวว่าคนอื่นจะเกิดความผิดพลาดขึ้น”


เฟิงอี้หัวเราะ “ในเมื่อรู้แล้ว ก็กลับมาซะดีๆ”


“รู้แล้ว” โคโค่หันหน้าไป แววตาหมอง “แต่จะต้องเป็นอย่างนี้ตลอดไปเหรอ?”


 …………………………………………….


ตอนที่ 1708-3 รอวันกลับคืนสู่ทีมไดมอนด์


บางครั้งเขาก็ไม่เข้าใจถึงคำวิจารณ์ที่พวกเพื่อนชาวเน็ตมีต่อเธอคนนั้น เพียงเพราะอีกฝ่ายเป็นผู้หญิง ดังนั้นความพยายามทุ่มเทที่มีในก่อนหน้านั้นก็ถูกต่อต้านไปด้วยงั้นหรือ


หากไม่เป็นเพราะเจ้าแบล็ก พวกเขาก็ไม่มีวันได้เงยหน้าขึ้นหรอก ต้องแพ้ตั้งแต่การแข่งรอบมณฑลแล้ว ไม่ต้องเอ่ยถึงอนาคตเลย


แบล็กพีชไม่เคยทำอะไรเกินเหตุ ถ้าเขาหาคนมาเล่นแทนหรือทำเรื่องผิดศีลธรรม โคโค่ย่อมไม่ไห้อภัย


เพราะมันเป็นจริยธรรมในอาชีพ


แต่นี่มันแค่อะไร? โคโค่เชื่อเสมอว่า แฟนคลับไม่ควรเป็นเช่นนั้น ทว่าเขารู้ดี คนบางคนแค่อาศัยความชอบเป็นข้ออ้าง ส่งผลให้เฟิงอี้จำต้องสละเวลางานส่วนหนึ่งมาจัดการ ความชอบของคนบางกลุ่มช่างน่ากลัวเสียยิ่งว่าความเกลียดชังเสียอีก


พวกเขาใช้คำๆ นั่นมาข่มขู่ให้เราต้องขอบคุณพวกเขา ซึ่งหากเราไม่ขอบคุณ พวกเขาก็จะหาว่าเราไม่ถนอมน้ำใจแฟนคลับ จากนั้นคำวิจารณ์ในโลกออนไลน์จะปรากฎชนิดที่ไม่หยุดสิ้น


บางครั้งโคโค่เองก็เศร้าใจ เขาเคยถามตัวเองว่าทำไมถึงเล่นเกมออนไลน์ มีเหตุผลนานัปการที่บอกให้เขารีบทิ้งมันไป ทว่ามีเพียงหนึ่งเดียวที่เขาทิ้งไม่ได้ นั่นคือที่นี่มีเพื่อนของเขา รวมถึงคนที่ถือป้ายเชียร์เขามากมาย


มันน่าจะเป็นปัญหาที่ลูกทีมไดมอนด์ทุกคนต่างคิดถึงในยามดึก แต่พวกเขากลับไม่รู้ว่าเรื่องในอินเทอร์เน็ตเป็นด้านหนึ่ง สิ่งที่ทำให้เฟิงอี้เริ่มเก็บเนื้อเก็บตัวพวกเขาก็คือ ข่าวจากแดนทหารที่รู้มาโดยอาศัยความสัมพันธ์ทางครอบครัว ว่าด้วยการหายตัวไปของฉินมั่ว  ซึ่งคนจากเบื้องบนพยายามควานหาชายหนุ่ม ทว่าไม่มีข้อมูลอื่นๆ อีก กระทั่งคนที่เล่าข่าวนี้เองก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะเรื่องของฉินมั่วถูกเก็บเป็นความลับระดับสูง


เฟิงอี้วางโทรศัพท์ในมือลง เขาจะบอกพวกสมาชิกในทีมที่รอคอยการกลับมาของฉินมั่วได้อย่างไรว่า หัวหน้าของพวกเขากลับมาไม่ได้อีกแล้ว…


“ผู้จัดการคะ” ผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ รู้สึกเป็นกังวลต่อสีหน้าเฟิงอี้ เธออยู่ในคลับแห่งนี้มานาน แต่ไม่เคยเห็นผู้เป็นรองประธานในสภาพนี้มาก่อน


ไม่ว่าจะเป็นเวลาไหน เขาไม่เคยให้คนอื่นรู้สึกถึงภาวะอันตรายของทีม แม้การแข่งขันจะสิ้นสุดลงแล้ว เขายังคงรักษารอยยิ้มจิ้งจอกไว้บนหน้าพูดคุยธุรกิจได้ดังเดิม แต่หนนี้เขากลับถอดแว่นตาออก คงเพราะอ่อนล้าเหลือเกิน เสียงยังพลอยแหบแห้งไปด้วย “ไปเตรียมสคริปต์เถอะ”


“ต้องทำอย่างนี้จริงๆ เหรอคะ?” ผู้ช่วยเอ่ยขึ้นอย่างอดไม่ได้ “ไม่มีโอกาสแก้ไขหรือ”


เฟิงอี้หันมามอง นวดบริเวณหัวคิ้ว แต่ไม่ตอบอะไร


ผู้ช่วยพูดต่อ “อันที่จริงฉันก็เคยโกรธแบล็กพีชนะคะ เพราะไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมเขาถึงไม่กลัวอะไรเอาเสียเลย ไม่กลัวกระทั่งแฟนคลับ เขาถือสิทธิ์ทำอะไรถึงทำแบบนั้น ต่อมาฉันก็เข้าใจ เขาไม่ได้ทำผิดอะไร อีสปอร์ตก็คืออีสปอร์ต ถ้าไม่ใช่ว่าเขาแข่งแบบไม่กลัวต่อสิ่งใด ทีมไดมอนด์คงหยุดอยู่แค่การแข่งระดับมณฑลเท่านั้น เหตุเกิดเพราะคนนอกวงการหวังมากเกินไป ถือว่าการชอบไอดอลสักคน ก็ต้องทำตัวเหมือนอย่างที่เราคิด นั่นต่างหากที่เป็นปัญหา”


เฟิงอี้หันหน้ามาจุดบุหรี่ “สายไปแล้ว” หลังจากที่เกิดเรื่องนั้นขึ้น ไม่มีใครกลับมาได้อีก หลายๆ คนบอกว่าแฟนคลับเสียใจ พวกเขาอาจไม่รู้ว่าในฐานะที่เป็นไอดอล เจ้าตัวเสียใจยิ่งกว่า


ทว่าในเวลานี้ กลับมีคลิปหนึ่งปรากฏในเวยป๋อ เหล่านักข่าวต่างตะลึงต่อยอดแชร์ที่สูงมากอลังการ จนใกล้จะเป็นกระแสร้อนแรง


เฟิงอี้ยังคิดว่าจะทำอย่างไรให้โคโค่หลุดพ้นจากวังวนคำวิจารณ์ แล้วไม่โดนคนอื่นมาแอบแฝงขอเกาะกระแส จึงไม่ได้สังเกตเห็นความเคลื่อนไหวในโลกออนไลน์


ทว่าฝ่ายโฆษณากลับผลักประตูห้องประชุมเข้ามา มองดูเฟิงอี้ด้วยอาการหอบหายใจ “ผู้จัดการเฟิง ในเวยป๋อ เวยป๋อ…”


สีหน้าของเฟิงอี้ถึงกับเปลี่ยนไปในทันทีที่ได้ยิน นึกว่าเกิดอะไรขึ้นในเวยป๋อ


ใครๆ ก็รู้ว่า เวลานี้ทีมไดมอนด์อยู่ในสถานการณ์อ่อนไหว นับตั้งแต่เรื่องที่แบล็กพีชเป็นผู้หญิงถูกแฉออกมา กระแสในโลกออนไลน์ก็ไม่เคยสงบ


หากมี…กระทั่งเฟิงอี้ยังไม่มั่นใจเลยว่า การแข่งระดับเอเชียในครั้งนี้ อาจจะแพ้ตั้งแต่ยังไม่แข่งก็เป็นได้


…………………………………………….


ตอนที่ 1708-4 รอวันกลับคืนสู่ทีมไดมอนด์


“ผู้จัดการเฟิง ตรงนี้!” คนที่รับผิดชอบฝ่ายปฏิบัติการหยิบโน้ตบุ๊คมากดลิงค์เวยป๋อ


โดยโพสในเวยป๋อเขียนไว้ว่า “คุณยังจำเพื่อนๆ ในตอนที่เล่นกันแบบอยู่คนละที่ได้ไหม? ยังจำตอนที่พวกเราล้มป้อมคริสตัลด้วยกันได้หรือเปล่า ยังจำตอนที่หันไปไฮไฟว์กับคนคนนั้นแล้วตะโกนว่า ดับเบิ้ลคิล จนบะหมี่กระจายจนทั่วได้อยู่ใช่ไหม? คุณยังจำทีมที่คุณรักที่สุดได้ใช่หรือไม่ ก็ทีมไดมอนด์ไงล่ะ?”


หลังจากมาเจอคำว่าทีมไดมอนด์ ก็เป็นคลิปหนึ่ง คลิปนั่นเหมือนภาพยนตร์สั้น แต่ราวกับเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นใกล้ตัวเรา


ฉากแรกของคลิปคืออาจารย์ท่านหนึ่งที่สอนตัวอักษรภาษาอังกฤษอยู่ตรงจุดที่สอนหนังสือ


ฉากที่สองคือโปรแกรมเมอร์ แล้วกล้องแพนไปยังหน้าจอที่ฉายแผนที่ระบุพิกัดของเกมเลเจนด์ กลับเห็นว่าเขากำลังทำงานโอที มองดูแผนที่ดังกล่าวอยู่นานแต่ไม่กดลิงค์เปิด


ฉากที่สามเป็นโชเฟอร์คนหนึ่งที่กำลังเอนพิงพนักที่นั่ง รอสัญญาณไฟจราจร แล้วได้ยินเสียงเด็กมัธยมพูดกันว่า “รู้ไหมว่าปีนี้การแข่งระดับเอเชียจัดขึ้นในเมืองเจียงเฉิง แล้วทีมไดมอนด์ก็ได้ลงแข่งด้วยล่ะ” ส่งผลให้โชเฟอร์ถึงกับชะงักมือ รอจนผ่านไปสามวินาทีถึงได้เคลื่อนรถออกไป


ฉากที่สี่คือคนๆ หนึ่งกำลังทำคลิป แต่ทำยังไงก็ไม่ดีสักที จนโดนด่าแล้วหันไปสูบบุหรี่


“พี่ลี่ไปซื้อน้ำให้ฉันสักขวดซิ” มีคนใช้เขา แต่เขาไม่ขยับ คนคนนั้นเห็นเขาจ้องดูคอมพิวเตอร์ของตัวเอง จึงเลิกคิ้วถาม “ทำไม พี่ลี่ก็เล่นเกมเป็นเหรอ?”


“ไม่เป็นหรอก”  แต่กระนั่นก็ยังเงยหน้ามองดูคลิปหนึ่ง และในเวลาเดียวกัน คนอื่นๆ อีกสามคนจากคนละที่ก็ดูคลิปเดียวกัน


คลิปนั่นเป็นภาพของทีมไดมอนด์ที่เคยลงแข่งระดับประเทศ คนทั้งสิบเอ็ดยืนเรียงแถวเป็นหน้ากระดาน ต่างสวมชุดทีมอย่างเท่


หวนนึกถึงความหลังที่ตราตรึง คุณยังจำเส้นทางในวัยแรกรุ่นได้ไหม เคยได้รักใคร เคยเล่นเกมกับเพื่อนในต่างสถานที่กันหรือเปล่า


ปี 2018 พวกเราจะรอคุณ ทีมไดมอนด์


ห้วงเวลาดังกล่าว แววตาของคนทั้งสี่เปลี่ยนไป ภาพย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งปีก่อน ตอนที่พวกเขานั่งในหอพัก ต่างสวมหูฟัง โยนถั่วลิสงให้ฝ่ายตรงข้าม


รถบัส รถไฟฟ้า รถไฟ รถแท็กซี่


เสียงเพลงประกอบดังขึ้น เป็นเพลงที่แบล็กพีชเคยฮัมไว้เมื่อตอนถ่ายทำรายการบันเทิง “เธอและฉันมาจากตำบลเล็กๆ ในหูเป่ย ซื่อชวน กว่างซี หนิงเซี่ย เหอหนาน ซานตง กุ้ยโจว อวิ๋นหนาน เคยสาบานว่าจะเป็นคนเก่ง แต่กลับตื่นขึ้นมาในคืนหนึ่งที่ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กว่างโจว เซินเจิ้น ราวกับถูกชะตาปลุก มันบอกว่าคุณจะทำแบบนี้ไปตลอดชีวิตไม่ได้…”


มันบอกว่าคุณจะทำแบบนี้ไปตลอดชีวิตไม่ได้


สวบ! ภาพเปลี่ยนไป เป็นภาพของคนทั้งสี่มาเจอกันในเจียงเฉิง หลังจากที่กอดกัน ก็นั่งในอินเทอร์เน็ตบาร์เหมือนเมื่อครั้งที่เรียนด้วยกัน ต่างสวมหูฟัง เสียงเอฟเฟกต์ที่ปลุกให้คนฮึกเหิมดังขึ้น


“พวกเรามาแล้ว ทีมไดมอนด์ของแท้ พวกคุณอยู่ที่ไหน?


ทีมไดมอนด์ของแท้?


อย่าว่าแต่เฟิงอี้ที่อึ้ง กระทั่งแผนกประชาสัมพันธ์ที่ดูด้านหลัง นัยน์ตายังเปียกชื้นไปด้วย ทีมไดมอนด์ที่ไม่มีแบล็กพีช Z จะเป็นทีมไดมอนด์ของแท้ได้อย่างไร


แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาตื่นตะลึงคือ คลิปนั่นยังไม่จบ มันฉายตอนสัมภาษณ์หลายๆ คน ด้วยเวลาคนละห้าวินาที


 …………………………………………….


ตอนที่ 1708-5 รอวันกลับคืนสู่ทีมไดมอนด์


“ฉันมาจากเจียงซี แบล็กพีชอยู่ที่ไหน?”


“คนซานตงรายงานตัว มาดูการแข่ง ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง ขอแค่มีเทพ Z ทีมไดมอนด์ถึงจะสมบูรณ์


“ฉันอยู่หางโจว ตอนที่รู้จักแบล็กพีชเป็นครั้งแรก ก็รู้สึกว่าเขาหล่อสุดยอด เป็นตั้งแต่แชมป์โซน C เล่นเกมเงียบๆ เขาโคตรเท่เลย ขอแค่พวกเราตามหลังเขา ต้องชนะแน่ เอ๋? หมดเวลาแล้วเหรอ เสียดายจัง ขอพูดอีกนิดหนึ่ง เทพ Z คิดถึงจัง”


เทพ Z คิดถึงจัง ประโยคสั้นๆ กลับสะท้อนให้เห็นเสียงจากทั่วโลก


ใช่ ไม่เพียงแค่ในจีน ยังมีคนหลายสีผิวอีกต่างหาก เมื่อชื่อเมืองแต่ละแห่งปรากฏในคลิป ทุกคนต่างตะลึง จนประโยคสุดท้าย “ทีมไดมอนด์ พวกเรารอให้พวกคุณกลับมา”


เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการเป็นผู้หญิง เริ่มจะร้องไห้อย่างกลั้นไม่อยู่ ส่วนเฟิงอี้ลุกขึ้นยืน เขาในชุดสูทเต็มยศ หันไปมองเห็นรายชื่อที่พวกสมาชิกถูกเสนอขึ้นมา ซึ่งเต็มทุกตำแหน่ง เว้นแต่นักฆ่า


เฟิงอี้ถอนใจยาว “ติดต่อคณะกรรมการ เสนอชื่อแบล็กพีช Z ขึ้นไป”


แต่ถ้าเขากลับมาไม่ทันล่ะ” ฝ่ายปฏิบัติการสูดจมูก


เฟิงอี้ไม่เบือนสายตาไปทางอื่น “อย่างน้อยก็ให้เขาอยู่ในรายชื่อของทีมไดมอนด์”


“ค่ะ” ฝ่ายปฏิบัติการเข้าใจดี จึงเสนอรายชื่อขึ้นไป ทีมไดมอนด์จะต้องแบกรับความกดดันมากแค่ไหน เรื่องที่แบล็กพีช Z เป็นหญิงที่แสดงตัวเป็นผู้ชาย ไม่มีวันจบวันสิ้นในโลกออนไลน์ และหากว่าแพ้ ทีมไดมอนด์จะไม่มีวันลุกขึ้นมาได้อีก


แต่จะทำอย่างไรได้ ใครบ้างที่ไม่เคยทำอะไรบ้าๆ ในวัยเด็ก


สายเข้าเบอร์ของคลับทีมไดมอนด์จนแทบไหม้ หลายๆ คนสงสัยในแผนการของเฟิงอี้ เพราะชายหนุ่มเก่งเรื่องการสร้างสถานการณ์ ทว่าต่อมาพวกเขาจึงรู้ว่า มันไม่ใช่เล่ห์กลแต่อย่างใด


นับตั้งแต่การแชร์ไปเรื่อยๆ  คำพูดที่ฝากให้ รวมถึงเสียงจากแพลตฟอร์มออฟฟิเชียล ซึ่งหากมีหัวใจ โปรดพินิจดู แฟนคลับที่แท้จริง จะคาดหวังอะไร


คนที่ชอบเขาอย่างแท้จริง จะไม่ทำในสิ่งที่เขาไม่ชอบ การชอบใครสักคนอย่างแท้จริง ก็อยู่ใกล้เขาสักนิดในการแข่งขัน แต่อยู่ห่างจากชีวิตส่วนตัวเขาให้ไกลสักหน่อย คนที่ชอบทีมนี้อย่างแท้จริง ก็หวังแค่ได้เห็นคนเหล่านั้นอยู่ด้วยกัน แม้จะเป็นการแข่งก็ตาม


พวกเขารู้ดีว่า ไม่ถึงหนึ่งปีหรอก เหล่าสมาชิกก็ทยอยเลิกเล่นแล้ว หรือหลายปีผ่านไป พวกเขาอาจจะกลายเป็นคนที่ตัวเองยังไม่รู้จัก


ไม่ว่าจะเป็นเหตุจากงาน ธุรกิจ และการสังสรรค์ ล้วนแต่ทำให้พวกเขายุ่ง


ทว่าวันหนึ่งพวกเขาจะระลึกห้วงเวลาดังกล่าวขึ้นมาได้ ก็พอแล้ว


พวกแอนตี้แฟนคงลืมไปว่า อีสปอร์ตไม่ใช่วงการบันเทิง พวกนั้นอาจดูนักกีฬาเพราะมีหน้าตาหล่อเหลา แต่จะมีคนกลุ่มหนึ่งที่รักมันอย่างแท้จริง และใจจดใจจ่อกับมันมากแค่ไหน


ในที่สุดก็เจอคนที่ทำคลิปนี้ขึ้น ซึ่งก็เป็นแฟนคลับนั่นเอง


ไม่ผิดหรอก เป็นแฟนคลับ มีตัวตนจริงๆ และเป็นหนึ่งในสี่คนที่อยู่ในคลิป


พวกสาวๆ ที่ชอบบิดเบือนความเป็นจริง อาจจะไม่มีวันเข้าใจว่า ทีมไดมอนด์ทำให้ผู้คนกล้าหาญแค่ไหน และความกล้าหาญที่ว่า ต้องอธิบายบนจุดยืนของผู้ชายจึงจะเหมาะสมที่สุด


หลายคนที่เห็นคลิปนี้ ต่างจอดริมถนนไปตามๆ กัน…


…………………………………………….


ตอนที่ 1709


คุณเคยเกิดความรู้สึกเช่นนี้บ้างไหม ลำคอตีบตันที่ไม่ได้มาจากความเสียใจ แต่เพราะซาบซึ้งต่างหาก


ไม่ว่าจะเป็นคนทั่วไปหรือกระทั่งสมาชิกทีมที่อยู่บนสนามแข่ง ล้วนแต่เกิดปฏิกิริยาเดียวกันเมื่อเห็นคลิปที่ว่า


หลินเฟิงสวมเสื้อสเวตเตอร์ยืนดูคลิปบนหน้าจอยักษ์อยู่หน้าร้านขายสินค้าเฉพาะทาง มือถือถ้วยกาแฟที่ดื่มหมดแล้วจนแน่น “ถ้าเจ้าแบล็กรู้ว่ามีคนรอเขามากมายขนาดนี้ ไม่รู้ว่าจะกลับมาไหม”


อวิ๋นหู่ยืนด้านหลังเพื่อน สองมือซุกในกระเป๋าเสื้อกันลม มองไปยังจุดเดียวกัน


หลินเฟิงขมวดคิ้วพลางพึมพำ “ไม่รู้ว่าเจ้าเด็กนี่ไปที่ไหน ติดต่อไม่ได้เลย”


หากเทียบกับหลินเฟิงแล้ว อวิ๋นหู่คิดลึกกว่านั้น ในหัวใจของเขา เด็กนั่นไม่ธรรมดา ถ้าหากติดต่อไม่ได้ก็แสดงว่าน่าจะมีปัญหา


“ห้าโมงแล้ว ถ้าไม่ไปอีก คนที่มาซูเปอร์มาร์เก็ตจะเยอะขึ้น” ไม่ผิดหรอก ทั้งสองออกมาเดินซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ต หลินเฟิงไม่รู้จริงๆ ว่า ใครกันที่เป็นลูกแท้ๆ ของแม่เขา เพราะนับตั้งแต่อวิ๋นหู่กลับมา ก็ถูกเลี้ยงดูอุ้มชูด้วยอาหารสารพัดอย่าง แถมยังบอกว่า เดี๋ยวพวกเขาต้องแข่งอีก ต้องบำรุงเสียหน่อย อุตส่าห์เลี้ยงดูกันสามวันติดๆ แล้วนะ ถึงกับไล่หลินเฟิงออกไปซื้อกระดูกหมูมาต้มซุปทุกวี่ทุกวัน ท่านเทพแห่งวงการอีสปอร์ตอย่างเขาต้องมาแย่งซื้อกระดูกกับพวกแม่บ้านเหมือนเป็นมืออาชีพ


วันนี้แม่เขาไม่ทำอะไรที่เว่อร์เกินไป บอกเพียงว่าอวิ๋นหู่ขับรถมา ให้ไปซื้อหม้อใบใหม่กับเขา ซึ่งตอนแรกหลินเฟิงก็ดีอกดีใจ แต่พอออกมาจริง กลับไม่ใช่อย่างที่คิด เพราะมาซูเปอร์มาเก็ตกันสองคน…มันพิลึกแฮะ แถมพวกเขายังมาซื้ออาหารสดอีกต่างหาก มันเป็นเขตที่พวกผู้ชายไม่ค่อยมากันหรอก


ทว่าอวิ๋นหู่กลับทีท่าทีเป็นธรรมชาติ เขาผลักรถเข็นเดินอยู่ด้านหน้า โดยเจ้าตัวในชุดเสื้อกันลมที่มีกระดุมเรียวแถวสองข้าง ทำให้ดูอ่อนโยนกว่ายามปกติ


หลินเฟิงกลัวว่าคนจะจำได้ แล้วอาจจะไปโพสรูปไปลงในเพจคู่จิ้นอะไรทำนองนี้ จึงสวมผ้าปิดปากสีดำ ซึ่งผ้าปิดปากที่ว่าแม้จะใหญ่มาก แต่กลับใช้ไม่ได้ผลตามที่ควรจะเป็น เพราะทั้งรูปร่างและออร่าของทั้งสองที่แม้จะไม่เผยโฉมหน้าออกมา แต่ก็เด่นเหลือเกิน เมื่อมาเดินยังเขตอาหารสด ย่อมเป็นที่จับตามอง


ก็หล่อลากดินจะตาย แต่กลับมาเดินในเขตนี้?


สาวๆ หลายคนเผลอมองมายังพวกเขา ส่งผลให้หลินเฟิงที่แบกรับความเป็นไอดอล รีบสาวเท้ายาวไปเร่งอวิ๋นหู่ “รีบหน่อย”


“โอเค” อวิ๋นเฟิงรับปาก แต่กลับเดินอย่างเรื่อยเฉื่อย แต่พอเดินมาอยู่ข้างหลินเฟิงก็หันตัวเล็กน้อย “เอามันฝรั่งไหม?”


หลินเฟิงพยักหน้าไปงั้นๆ แหละ หันกลับมามองแบบ อย่าสนฉันเลย รีบซื้อให้เสร็จแล้วเผ่นดีกว่า


อวิ๋นหู่เหลือบมองเพื่อนแวบหนึ่ง แล้วหันไปดูสาวๆ ที่อยู่ไม่ไกล จากนั้นก็หันมายกถุงมันฝรั่งมาดันหน้าหลินเฟิง “เอาไปชั่งสิ”


“หา? อ้อ ชั่งน้ำหนัก ชั่งน้ำหนัก” หลินเฟิงไม่เคยเสียวสันหลังมาก่อน หากมีพาดหัวข้อว่าด้วยการที่เขาสองคนมาช้อปปิ้งที่ซูเปอร์มาร์เก็ตแบบนี้ มันอ่อนไหวอยู่นา


อวิ่นหู่มองท่าทีเพื่อนด้วยแววตาขรึม รอจนหลินเฟิงเดินกลับมา ก็ก้มศีรษะถาม “จะกินส้มไหม?”


หลินเฟิงรู้สึกว่าท่ากระซิบแบบนี้ดูจะสนิทสนมมากเกินไป รู้สึกหวั่นไหวต่อการที่ลมหายใจของอีกฝ่ายรดหน้าตัวเอง จึงหันไปทางซ้ายเล็กน้อย “นายก็เลือกซื้อเอาเหอะ”


“งั้นเอาซักนิดหนึ่งแล้วกัน” อวิ๋นหู่ทำเหมือนไม่เห็นอาการหลบของเพื่อน รู้สึกธรรมดาจะตาย


กระทั่งหลินเฟิงยังประหลาดใจ เพราะจำได้ว่าอวิ๋นหู่ไม่เหมือนคนที่ซื้อกับข้าวเป็นสักนิด ทำไมไปเมืองนอกแล้วเปลี่ยนไปมาก


………………………………………


ตอนที่ 1710


อวิ๋นหู่ไม่เหมือนเดิมจริงๆ  หากบอกว่าเมื่อก่อนเขายังลังเลว่าจะทำให้หลินเฟิงเป็นเกย์ดีไหม แต่หลังจากที่เพื่อนร้องไห้ที่เขาไปเมืองนอก เขาก็ไม่ลังเลอีกต่อไป ถ้าจะมาคิดว่าทำให้เพื่อนเป็นเกย์ดีไหม ไม่สู้จะหาทางทำให้เพื่อนเป็นเกย์ไปเสียเลยจะดีกว่า


อวิ๋นหู่หันเหสายตา มองดูเจ้าคนที่มีผ้าปิดปากติดหน้าเดินตามข้างตัว มาถึงขั้นนี้แล้ว จะย้อนกลับไปเป็นเพื่อนซี้ได้อย่างไร รุกเลยดีกว่า ซึ่งหลินเฟิงไม่รู้ว่าเพื่อนคิดอะไรอยู่ มองดูของที่วางในรถเข็น “เยอะพอสมควรแล้ว กลับกันเลยไหม?”


“ไปเดินตรงขนมกันหน่อย” อวิ๋นหู่เป็นคนเข็นรถ เส้นทางที่เดินไปล้วนแต่ถูกควบคุมโดยตัวเขา


หลินเฟิงมองดูสาวๆ อีกหน “นายไม่กินขนมจุบจิบนี่หว่า”


“ช่วงนี้รสนิยมเปลี่ยนน่ะ” อวิ๋นหู่พูดไปเรื่อย “มันฝรั่งทอดที่นายชอบที่สุดเป็นยี่ห้อนี้ใช่ไหม? รสอะไรอร่อย”


หลินเฟิงหันไปก็เห็นขนมที่เขาชอบกินเป็นประจำอยู่ในมืออวิ๋นหู่ “บาบีคิว” ในเมื่อหยิบมาอันหนึ่งแล้ว ก็เอามาเพิ่มสักนิด


ในขณะที่คิดเช่นนี้ เมื่อกำลังจะเอื้อมมือไปหยิบ กลับได้ยินเสียงถ่ายรูปผ่านมือถือขึ้น เป็นแม่สาวสองคนเมื่อครู่นั่นเอง!


ชายหนุ่มถึงกับผงะ ท่าทางของเขาน่าชม เพราะอวิ๋นหู่ยืนที่หน้าชั้นขนมไม่ขยับ แต่ยื่นมือก็พยุงหลังอีกฝ่ายด้วยท่าทีที่เหมือนจะกักร่างไว้ที่กำแพง


เข้าใจผิดไปกันใหญ่แน่!


หลินเฟิงหันร่างไป กะจะวิ่งไปหาสาวๆ ให้พวกเธอลบรูป ทว่าอวิ๋นหู่กลับรั้งข้อมือเขาไว้ เอ่ยเสียงปกติ นายอยากให้ทุกคนที่นี่รู้เหรอว่าตัวเองเป็นหลินเฟิง พวกนั้นแค่ถ่ายรูปไปงั้นๆ แหละ ไม่รู้หรอกว่านายกับฉันเป็นใคร”


หลินเฟิงหันไปมองฝั่งนั้นอีกครั้ง สาวๆ สองคนไม่ได้มาขอลายเซ็น แล้วก็ไม่ได้ไล่ถ่ายต่อ ราวกับว่าแค่เห็นผู้ชายสองคนมาซื้อของด้วยกัน จึงถ่ายเก็บไว้ พวกเธอรู้เช่นกันว่า ที่ทำไปเสียมารยาทมาก พอเห็นหนุ่มหล่อที่สวมผ้าปิดปากหันมามองตัวเอง  จึงตัดสินใจเดินเข้าไปเพื่อขอโทษ “ขอโทษนะคะ ฉันแค่เห็นว่าพวกคุณรักกันมาก เลยถ่ายภาพไว้” ผู้หญิงคนหนึ่งเอ่ยขึ้น ยื่นมือถือออกมา “ฉันจะลบนะคะ”


หลินเฟิง…รักกันมาก รักกันมาก?


อวิ๋นหู่เข็นรถพลางจำมือคนบางคน แถมยังยิ้มมุมปาก “ไม่เป็นไรฮะ”


 “เห็นไหม ฉันเดาไม่พลาด ไม่ค่อยเห็นผู้ชายสองคนมาซื้อของกลับไปทำกับข้าวเลยนะเนี่ย เห็นไหม มีแต่แฟนเท่านั้นแหละที่ทำได้” หญิงสาวดีใจจนยิ้มขึ้น


หลินเฟิง…เขาเถียงไม่ออกเลย


ไม่รู้ว่าอวิ๋นหู่พูดอะไรอีก สาวสองคนนั่นถึงหันมามองเขา เมื่อเห็นเขามีผ้าปิดปากติดหน้าก็ไม่คิดจะมาคุยด้วย พูดยิ้มๆ “ฝ่ายรับขี้อายจัง”


หลินเฟิงอยากถอดผ้าปิดปากออก ฝ่ายรับขี้อาย? เขาเนี่ยนะ? ทว่าดูเหมือนอวิ๋นหู่จะเดาความคิดเขาออก จึงเอ่ยเสียงต่ำ “ระวังนะ มีพวกแฟนคลับด้วย”


หลินเฟิงขลุกขลักกับคำว่า “ฉัน” จนอีกฝ่ายเดินจากไป อันที่จริงเขารู้ว่า โทษแม่สองคนนั้นไม่ได้หรอก คุณหญิงแม่เขานี่แหละตัวดี ทำไมไม่คิดบ้างว่า การให้ผู้ชายสองคนมาซื้อกับข้าวด้วยกันมันพิลึกกึกกือขนาดไหน แถมยังซื้อตั้งเยอะตั้งแยะอีกต่างหาก


ทว่าอวิ๋นหู่ยังไม่คิดจะกลับ


เดี๋ยว นี่มัน “เอ่อ…”


……………………………………………….


ตอนที่ 1711


 “ลองกินบะหมี่นี้ ดีไหม?” อวิ๋นหู่พูดราวกับเป็นเรื่องธรรมดา ฝ่ายหลินเฟิงกลับเป็นงง เจ้าบ้านี่ดึงดึงผ้าปิดปากของเขาลง เพื่อจะได้ลองชิมบะหมี่ในซุปเปอร์ เกิดคนอื่นมาเห็นเข้าแล้วจะทำไง? แถมพนักงานที่ยืนโปรโมทสินค้ายังยิ้มอย่างเอ็นดูให้อีกด้วย เดาว่าคงไม่เคยเห็นผู้ชายคู่ไหนที่สนิทชิดเชื้อเช่นนี้


หลินเฟิงรีบกลืนบะหมี่เข้าไป ก่อนจะตอบไปงั้นๆ “อร่อยดี”


“ซื้อหลายห่อหน่อยละกัน จะได้เอาไว้กินตอนกลางคืนที่คลับ” อวิ๋นหู่ปฏิบัติอย่างเป็นธรรมชาติ จับผิดไม่ได้สักนิด


หลินเฟิงกลับร้อนที่หน้า ความร้อนที่ว่าทำให้เขาอยากกลับไปให้เร็ว “ซื้อเสร็จแล้วก็กลับกันเถอะ” เพราะขืนอยู่ต่อไป เดาว่าพวกเขาคงกลายเป็นคู่รักในสายตาคนอื่น


เจ้าหู่มีแฟนแล้ว แม้ว่าสองวันนี้จะไม่เห็นมือถือของอวิ๋นหู่ดัง น่าจะเพราะซ้อมหนักเลยทำให้ไม่มีเวลาติดต่อ แต่ถ้าพวกเขาถูกจำได้ขึ้นมา แล้วมีคนแต่งเติมนั่นนี่เข้าไปอีก แฟนของเจ้าหู่อาจเข้าใจผิดได้ หลินเฟิงคิดไปคิดมาก็รู้สึกว่าการอยู่ที่นี่ต่อไปคงไม่เหมาะแน่ ทว่าอวิ๋นหู่กลับคิดว่าอุตส่าห์ได้อยู่ตามลำพังแล้ว ยิ่งทอดเวลาให้นานขึ้นได้ก็ยิ่งดี แต่เขารู้ซึ้งว่า ไม่ควรเร่งรัดอีกฝ่ายจนเกินไป “ยังไม่ได้ซื้อไอติมเลย เมื่อกี้นายบอกว่าอยากกินไม่ใช่เหรอ”


อวิ๋นหู่ว่ามามีเหตุผล หลินเฟิงพินิจครู่หนึ่ง เขาทำท่าน่าเกลียดเกินไป แค่ซื้อไอติมแล้วค่อยกลับก็ได้


ทว่าพอเขาเปิดตู้เย็นเลือกไอติม เจ้านั่นกลับย่อตัวลงเลือกไอติมมาแท่งหนึ่งทั้งๆ ที่เขายืนกั้นไว้อยู่ “สินค้าใหม่ของในประเทศ?”


หลินเฟิงอือๆ อาๆ ตอบรับอย่างมาใส่ใจ พยายามเลี่ยงที่จะสัมผัสอีกฝ่าย เขาเป็นถึงลูกผู้ชายตัวจริง ทำไมช่วงนี้ถึงถูกรุกเสียอย่างนี้ล่ะ


“มีรสอะไรบ้าง?” อวิ๋นหู่ถามต่อ


หลินเฟิงพยายามเข้มแข็ง “สตรอเบอร์รี่กับลูกพีช”


“อ้อ น่าจะใช้ได้” อวิ๋นหู่เลือกๆ อีก ก่อนจะหยิบรสลูกพีชออกมาวางในรถเข็น ระหว่างที่หลุบตาลง ก็ได้เห็นสีชมพูบริเวณต้นคอขาวผ่องของเพื่อน


ล่อใจจริง ๆ


อวิ๋นหู่ชะงัก แววตาหนักอึ้งขึ้น


ส่วนอีกด้นหนึ่ง หลินเฟิงที่บื้อแบ๊วรู้สึกอยู่นั่นแหละว่า เพื่อนรักจงใจถ่วงเวลา หากคิดให้ดี กับอีแค่เลือกไอติม ไม่เห็นจำเป็นต้องใช้เวลานานเลย


หลินเฟิงปฏิเสธความคิดของตัวเอง มองดูอวิ๋นหู่ที่ไปเลือกนมเปรี้ยวจากตู้เย็นอีกตู้ อดถอนหายใจไม่ได้ ว่าแล้วก็ชะโงกเข้าไปเลือกไอติมรสที่ตัวเองชอบ แล้ววางไว้ในรถเข็น


“เรียบร้อยแล้วใช่ไหม?” อวิ๋นหู่เดินกลับมามองเพื่อนแวบหนึ่ง เห็นไหมล่ะว่าจะรุกอีกฝ่ายมากนักไม่ได้


หลินเฟิงพยักหน้า


อวิ๋นหู่เอ่ย “งั้นฉันไปต่อแถวนะ”


“โอเค”


ในที่สุดก็ไปได้สักที ต่อไปเขาจะมาซื้อคนเดียวดีกว่า หลินเฟิงคิดพลางจะไปรออวิ๋นหู่จ่ายเงินที่จุดที่ไม่ไกลจากเคาเตอร์จ่ายเงิน แต่ตำแหน่งที่ยืนอยู่มันชอบกลแฮะ


คนที่มาซื้อของในซุปเปอร์มาร์เก็ตต่างเข้าใจการแปลนสินค้าดี


พวกถุงยางอนามัยมักถูกนำมาวางไว้ใกล้ๆ เคาน์เตอร์ ทั้งยังเรียงอย่างสวยงาม มีบรรจุภัณฑ์ทุกสีให้เลือกสรร แถมยังเหมือนลูกอมกับช็อกโกแลตอีก


ตอนแรกหลินเฟิงไม่ได้สังเกต แต่พอมายืนรอและเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจ้องอะไร จึงถึงบางอ้อในที่สุด


…………………………………………………..


ตอนที่ 1712


เดิมหลินเฟิงกะจะเดินจากไปอย่างเด็ดเดี่ยว เพราะของจำพวกถุงยางอนามัย ถ้าหากเราไม่ใส่ใจก็ไม่เท่าไร แค่มองผ่านๆ เหมือนเป็นลูกกวาดอมยิ้มก็เท่านั้น


แต่ใครจะรู้ว่าเขายังไม่ถอนสายตาจากสินค้าพวกนั้น ก็มีท่อนแขนคนอื่นมาวางไหล่ เป็นของอวิ๋นหู่ที่บอกว่าจะไปจ่ายเงินเมื่อกี้นี่เอง ผู้ชายจะเกาะบ่าชนไหล่กันเป็นเรื่องปกติจะตาย


“ฉันไม่ได้เอากระเป๋าเงินมา” อวิ๋นหู่พูดเช่นนี้ ก่อนจะต่อด้วยสายตาที่เลื่อนไปจับจ้องสิ่งนั้น ทำให้หลิงเฟิงรู้ตัวว่าตัวเองเสียหน้าอย่างแรง “ที่แท้นายก็ดูไอ้นี่”


หลินเฟิงกำลังจะบอกว่ามันแค่บังเอิญน่ะ แต่ไม่ทันจะได้พูด เสียงของอวิ๋นหู่พลันลอยผ่านหู ลมหายใจพาดผ่านริมหู “คิดหรือยังว่าจะซื้อยี่ห้ออะไร?”


“ยี่ ยี่ห้อ อะ อะไร ยังไงวะ” เขาไม่มีประสบการณ์ จะไปรู้ได้ไง


อวิ๋นหู่เลิกคิ้ว “ก็ยี่ห้อของถุงยางไง นายชอบอันไหน?”


หลินเฟิงถึงกับไอ จะปล่อยให้อีกฝ่ายคิดว่าเขากระจอกไม่ได้ ต้องรู้นะว่าลูกผู้ชายเรากลัวเรื่องนี้ที่สุด ต้องแสดงรักษาหน้าไว้ให้ได้ จึงเอ่ยอย่างเป็นเรื่องธรรมดา “ยี่ห้ออะไรก็ได้ ขอแค่คุณภาพดี เพราะฉันใช้นาน”


ในระหว่างที่พูด อวิ๋นหู่ก็มองเขาแวบหนึ่งด้วยแววตาลึกซึ้ง จนเขาโมโห “มองฉันอย่างนี้หมายความว่าไงวะ?”


“เปล่า” อวิ๋นหู่หัวเราะ เบือนสายตาเล็กน้อย “เป็นครั้งแรกที่ฉันรู้ว่านายใช้เวลา ‘นาน’ ”


หลินเฟิงมองใบหน้าอีกฝ่ายที่อยู่ใกล้แค่คืบ สบถด้วยใบหน้าที่ร้อนฉ่า “ไปตายซะไป๊” เป็นเพื่อนซี้กันก็ไม่ดีตรงนี้แหละ เพราะรู้หมดว่าใส้มีกี่ขด


“ซื้ออันนี้เหอะ” อวิ๋นหู่กลับมาเรื่องเดิม “ยี่ห้อนี้ดี แถมยังมีให้เลือกหลายกลิ่น นายชอบสตรอเบอร์รี่ไม่ใช่เหรอ ตรงนี้มีพอดีเลย”


อวิ๋นหู่พูดพลาง ยื่นมือแตะกล่องบรรจุภัณฑ์สวยๆ แล้วหยิบมาโยนเข้าไปในรถเข็นสองสามอัน


เดี๋ยว! เขาบอกตอนไหนว่าจะซื้อไอ้นี่ แล้วทำไมต้องซื้อหลายอันด้วย หลินเฟิงถึงกับตาเบิกโพลง แต่น้ำเสียงแบบให้ปรึกษาของอวิ๋นหู่ทำให้เขาพูดไม่ออก เพราะเขาเป็นฝ่ายยืนตรงนี้ก่อน


ทว่าเขาก็รู้สึกว่ามันมีบางอย่างผิดปกติ จนกระทั่งเขาเงยหน้าขึ้นมาเห็นสาวๆ แอบมองอยู่ พวกเธอปิดปากอย่างขวยเขิน แถมตื่นเต้นอีกต่างหาก ถึงขั้นที่พอจะได้ยินว่า “ไม่ได้แค่ซื้อกับข้าวด้วยกันนะ ยังซื้อถุงยางอนามัยด้วย ท่าทางคงอยู่ด้วยกันแล้วล่ะสิ พวกเธอได้ยินไหม เมื่อกี้ฝ่ายรุกยังบอกว่าฝ่ายรับชอบรสสตรอเบอร์รี่อ่ะ สตรอเบอร์รี่นะ รสสตรอเบอร์รี่อ่า ท่าทางภูมิใจมาก”


หลินเฟิง “…” เขารู้แล้วล่ะว่าผิดปกติที่ตรงไหน ทำไมเขาต้องยืนตรงนี้กับเจ้าหู่นานๆ ด้วย แถมยังคุยกันถึง ‘กลิ่น’ ที่ชอบอีกต่างหาก อย่าว่าแต่พวกสาวๆ เลย หากเป็นเขาเองที่เห็นผู้ชายสองคนไปซื้อถุงยางอนามัยด้วยกัน ย่อมคิดเช่นเดียวกับพวกเธอ


ต่อให้กระโดดแม่น้ำฮวงโห ก็คงล้างมลทินนี้ไม่หมด


แต่ในเมื่อหยิบมาแล้ว จะวางกลับไปคงไม่ได้ ช่างเหอะ รีบจ่ายเงินดีกว่า จ่ายแล้วจะได้รีบไป


โชคดีที่พวกเขาสวมผ้าปิดปาก ไม่งั้นหากภาพหน้าของพวกเขาถูกโพสต์ลงในอินเทอร์เน็ตอย่างหมดจดล่ะก็ ไม่แน่ล่ะว่าจะกลายเป็นข่าว ‘คาว’ อะไรอีก


หลังจากที่รู้ว่าอวิ๋นหู่ไม่ได้พกกระเป๋าเงินมา หลินเฟิงก็ไปเข้าแถว พอถึงตาเขาก็เห็นแคชเชียร์กวาดตามองสิ่งนั้น แววตาของเขาถึงกับเดือด


อวิ๋นหู่ยืนข้างๆ เก็บรายละเอียดสีหน้าของเขาไว้ในก้นบึ้งนัยน์ตาจนหมดด้วยแววตาขรึมลง…


………………………………………….


 ตอนที่ 1713-1


สีหน้าที่แสดงออกมาไม่เหมือนกับคนที่มีประสบการณ์ อวิ๋นหู่ยังจำได้ดีจนถึงตอนนี้ถึงสีหน้าของเพื่อนเขาในวันถัดมา หลังจากที่นัดกับสาวน้อยที่มอบจดหมายรักเมื่อในอดีต ตอนนั้นเขายังไม่มีใบขับขี่ ขับรถของที่บ้านไม่ได้ จึงต้องให้โชเฟอร์ขับรถพาเขาตระเวนหาหลินเฟิงจนทั่ว ทว่ากลับหาไม่เจอ


วันนั้นเป็นวันที่เขาเสียใจมากที่สุด ไม่มีใครเข้าใจความเจ็บปวดของหัวใจที่ถูกกรีด เขาไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้ร้อนรนและทุกข์ทรมาน ได้แต่ลืมตาโพลงจนฟ้าสว่าง แล้วหยิบกระเป๋าไปโรงเรียน เห็นเจ้านั่นคุยสนุกสนานอยู่ในห้องเรียน มีคนถามเจ้านั่นว่า เมื่อวานไปทำอะไรกับดาวคนสวยห้องข้างๆ มา หลินเฟิงกลับโยนหนังสือใส่ ด่ากลั้วยิ้ม “อย่าถามดิ ฉันโกรธนะเว้ย” ทว่าเขามองออกว่า หลินเฟิงหน้าแดงแค่ไหน


วันนั้น เขาไม่คุยกับอีกฝ่าย เพราะกลัวว่า หากพูดออกไปจะระเบิดอารมณ์ออกมาแน่ แต่เจ้านั่นกลับพูดต่อหน้าเขาว่า ผู้หญิงไม่เหมือนกับผู้ชาย เธอนุ่มเหมือนดอกฝ้ายเลยทีเดียว


เขาทำสงครามเย็นกับเพื่อนรักอย่างที่น้อยครั้งจะทำ เขาไม่อยากได้ยิน ไม่อยากฟังเจ้านั่นบรรยายเรื่องในคืนนั้น  เขาไม่คุยกับอีกฝ่ายเป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็ม ทั้งยังเข้าใจในเวลาเดียวกันว่า ความริษยาเป็นอย่างไร เพราะริษยามากจึงอยากเห็นหน้าเธอ


จนกระทั่งคุณเธอชวนเขาไปทำการบ้านที่ร้านกาแฟด้วยใบหน้าแดงก่ำ อวิ๋นหู่จึงยิ้มรับ


ใช่ เขาอยากให้เจ้านั่นรู้ว่า บางคนก็ไม่มีค่าพอที่จะให้อาวรณ์


หลังจากนั้นไม่นาน หลินเฟิงก็ต่อยเขาด้วยแรงหนักหน่วง จนนึกได้ในตอนนี้แล้วถามตัวเองว่าตอนนั้นเขาคิดจะทำอะไรกันแน่


คงเพราะริษยามาก ริษยาที่เธอคนนั้นได้ครอบครองเพื่อนรักทั้งคืน แต่เขากลับไม่มีวันได้ ทั้งๆ ที่อยู่ใกล้มากที่สุด


เมื่อพินิจในเวลานี้ จากนิสัยของเพื่อน บางทีวันนั้นอาจไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะหากเป็นอย่างที่หลินเฟิงพูดจริงๆ ว่า ตัวเองผ่านประสบการณ์มามากมาย แล้วจะอธิบายสีหน้าในเวลานี้ว่าอย่างไรล่ะ?


อวิ๋นหู่กวาดตามองหน้าเพื่อน จึงได้เห็นอีกฝ่ายกวาดสามกล่องนั่นเข้าไปในถุงพลาสติกอย่างไม่ปกติ หลินเฟิงสวมสเวตเตอร์ตัวดำที่หนาเป็นพิเศษ แต่กลับหล่อกว่าใครเพื่อน แถมยังดูเป็นชายเจ้าชู้ ทว่าเพื่อนรักเป็นคนอย่างไร เขารู้ดีที่สุด


ไม่มีประสบการณ์สักนิด


อวิ๋นหู่นึกถึงสิ่งที่สรุปได้ มุมปากก็ค่อยๆ หยัดยิ้ม ฝ่ายหลินเฟิงยังเอาแต่บ่นว่า ต่อไปจะไม่มาซุปเปอร์กันสองคนอีกแล้ว ซวยจริงๆ


คนที่บื้อแบ๊วกลับไม่ระวังว่า คำพูดของตัวเองทำให้คนอื่นรู้เท่าทันหมด


รถถูกจอดอยู่ชั้นใต้ดิน ตัวรถเป็นสีดำทึบ จึงไม่สะดุดตาเมื่อจอดที่ตรงนั้น ทว่าคนที่เชี่ยวชาญเรื่องรถล้วนแต่รู้หมดว่า มันเป็นรถปอร์เช่ไม่ใช่รถที่ครอบครัวคนทั่วไปจะซื้อไหว ซึ่งหลินเฟิงชินมานานแล้ว เพราะตระกูลอวิ๋นมรสถานะเป็นอย่างไร เขารู้ดีแก่ใจ


ฝ่ายอวิ๋นหู่กำลังหันไปอัดข้อความเสียง ไม่ได้ส่งให้คนอื่นหรอก แต่เป็นคุณแม่หลินอย่างไรล่ะ “ฮะ ผมกับหลินเฟิงซื้อเสร็จแล้ว กำลังจะกลับ แต่เวลาอย่างนี้รถน่าจะติดน่ะฮะ”


หลังจากที่รายงานจบสิ้น อวิ๋นหู่ก็วางมือถือไว้ข้างๆ มองหลินเฟิงครู่หนึ่ง ก่อนจะโน้มตัวเข้าหา โดยหลินเฟิงยังถือของในมือ “จะทำอะไรวะ?”


“รัดเข็มขัดนิรภัย” ท่าทีอวิ๋นหู่เป็นธรรมชาติจะตาย


หลินเฟิงกลับอึดอัด เพราะอยู่ใกล้กันมากเกิน “ฉันรัดเอง”


อวิ๋นหู่ก็ไม่ได้บังคับเพื่อน หลังจากที่ถอนตัวออกมา ก็ถามอย่างเป็นเรื่องปกติ “ของที่นายซื้อมา กะจะใช้กับใคร ยังไม่มีแฟนไม่ใช่เหรอ?”


หลินเฟิงสะอึก เสหัวเราะแทน “ใครว่าฉันไม่มี”


“ทำไม? จะทำเหมือนว่ามีงั้นสิ?” อวิ๋นหู่บังคับพวงมาลัยด้วยมือข้างเดียว มุมปากหยัดยิ้ม “ตอนที่ออกมา ยังบอกคุณน้าว่าจะตั้งใจเตรียมแข่ง ไม่สนใจเรื่องส่วนตัวนี่นา ทำไมลืมเร็วจัง?”


หลินเฟิงได้ยินก็รู้ว่าตัวเองโม้ต่อไปไม่ไหว จึงเอียงศีรษะจุดบุหรี่ พูดออกไปดื้อๆ “ฉันซื้อเก็บไว้ไม่ได้เรอะ?”


“ได้ดิ” อวิ๋นหู่ฉวยจังหวะที่หยุดรอสัญญาณไฟแดงงับบุหรี่มวนหนึ่ง แววตาลุ่มลึกขึ้นมาทันที “จะได้สะดวก”


…………………………………………….


ตอนที่ 1713-2


สะดวก?


สะดวกอะไรวะ?


หลินเฟิงฟังด้วยความงุนงง เขารู้สึกว่าคำพูดของอวิ๋นหู่มีนัยยะซ้อนเร้น


“ฉันจะได้ไม่ต้องซื้อไง” อวิ๋นหู่พ่นควันบุหรี่ออกมาเป็นวงอยู่ใกล้ตัว


หลินเฟิงเข้าใจความหมายของอวิ๋นหู่ผิด นึกไปถึงแฟนของอวิ๋นหู่ “ถ้าจะใช้นายก็เอาไปได้นะ”


อวิ๋นหู่เหลือบมองอีกฝ่าย “นายจะใช้ตอนนี้ไหม?”


“ไม่” หลินเฟิงปัดเถ้าบุหรี่ เขาไม่คิดว่าจะได้ประสบกับเหตุการณ์ที่เพื่อนรักจะหยิบของแบบนี้จากเขา


อวิ๋นหู่ก็ตอบเรียบเรื่อย “งั้นตอนนี้ฉันก็ยังไม่ใช้เหมือนกัน”


“อ้อ” หลินเฟิงไม่รู้จะพูดอะไรดี ถ้าเจ้าเพื่อนรักจะไปมีอะไรกับแฟนตัวเองก็ขออย่าได้บอกเขาเลย เพราะรู้สึกทรมานในอก


ถ้าได้สูบบุหรี่สักมวนคงดีขึ้น หลินเฟิงคิดเช่นนี้แหละ


อวิ๋นหู่รู้ตัวเช่นกันว่าเจ้านี่ไม่เข้าใจความหมายของเขา แต่ ช่างเถอะ รอให้แข่งเสร็จก่อนเถอะ เขาจะคุยกับหลินเฟิงอย่างจริงจัง


รถติดมากจริงๆ รอจนมาถึงบ้าน หลินเฟิงกลับคืนสู่ท่าทีคุณชาย เขาวางถุงพลาสติกไว้บนโซฟา “เหนื่อยจะตาย คุณหญิงแม่ครับ ต่อไปขอเชิญคุณหญิงไปซื้อกับข้าวเองได้ไหมครับ?”


“ไม่ได้” คุณแม่หลินสวยเสมอ “ลูกเคยเห็นผู้หญิงสวยๆ ที่ไหนไปซื้อของที่ตลาดบ้าง แม่เพิ่งทำเล็บเอง เกิดพังขึ้นมาจะทำไง ลูกดูหู่เสียบ้าง แล้วหันมาตัวเองนะ ก็ไปซื้อของเหมือนกับลูกไม่ใช่เหรอ”


หลินเฟิง…จริงๆ นะ เขาไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของคุณหญิงแม่แน่นอน


“ไหน ขอดูหน่อยซิว่า ลูกๆ ซื้ออะไรมาบ้าง?” คุณแม่พูดพลางรื้อของดู


หลินเฟิงกระโดดพรวดในทันใด ก่อนจะกระชากถุงหนึ่งไปอีกทาง เล่นเอาคุณแม่หลินสงสัย “เอ๊ ลูกคนนี้?”


“อะแฮ่ม” หลินเฟิงกระแอมกระไป “เมื่อกี้อวิ๋นหู่บอกว่าเขาเจ็บคอ แม่ไปทำน้ำลูกพีชให้เขาก่อนเถอะ เดี๋ยวค่อยมาดูกับข้าวนะ”


ถ้าแม่รื้อมาเห็นสิ่งนั้นล่ะก็ เขาตายแน่!


“เจ้าลูกคนนี้รู้จักเป็นห่วงคนอื่นด้วย” คุณแม่จิ้มนิ้วบนตัวเขา ก่อนจะเข้าไปต้มน้ำลูกพีชอย่างสวยๆ


หลินเฟิงตกใจมาก รีบหยิบเจ้าสามกล่องนั่นมายัดลงในกระเป๋ากางเกงตัวเอง ถึงได้โล่งใจ ทว่าอวิ๋นหู่ที่นั่งข้างๆ กลับยิ้มมองเขา ราวกับไม่เห็นเป็นอะไรเลย เขาแค่ตกใจไปเอง


ก็จริง เขาไม่มีประสบการณ์ ส่วนเพื่อนรักมีแฟนแล้ว ย่อมเทียบกันไม่ได้ หลินเฟิงรู้สึกว่า กำของในกระเป๋ากางเกงอย่างทรมาน จึงหาที่ที่เหมาะสมแล้วทิ้งไป แต่พอเดินเจ้าห้องตัวเอง ก็มีคนเดินตามหลังติด ๆ


ประตูถูกผลักออก เขาไม่คิดจะยั้งกิริยาตัวเอง คงเพราะเห็นหมดแล้ว จึงไม่มีอะไรต้องปิดบัง


หลินเฟิงซุกมือลงในกระเป๋ากางเกง สบตาอวิ๋นหู่ด้วยความเฉยชาเย็นยะเยือก ทั้งยังมีแสงพาดผ่านนัยน์ตา ราวกับถูกทำบางสิ่งบาด


“โยนทิ้งทำไม?”


………………………………………………….


ตอนที่ 1714


 “เอ๋?” หลินเฟิงเกาศีรษะตัวเอง “คิดดูแล้ว ยังไงก็ไม่ได้ใช้ เดี๋ยวแม่ฉันเห็นเข้าจะกระอักกระอ่วนเลยทิ้งไปเหอะ”


อวิ๋นหู่มองหน้าอีกฝ่าย “ฉันให้นายเก็บไว้ไม่ใช่เหรอ”


หลินเฟิงเก็บกลั้นมานานจนทนไม่ไหว “ถึงเวลานั้นนายกับแฟนก็ไปซื้อใหม่เอาก็ได้ จะให้ฉันเก็บของพรรค์นี้ให้นายทำไม?”


อวิ๋นหู่จ้องเพื่อน เอ่ยช้าๆ “แฟนที่ไหน?”


“อ้าว นายกับผู้ชายคนนั้นเป็นแฟนกันไม่ใช่เหรอ?” หลินเฟิงยื่นมือไปดึงคอเสื้อเพื่อน “นายยังจะมาว่าแฟนที่ไหนอีก? อย่าบอกนะว่านายกับคนที่รู้จักผ่านแอพพลิเคชั่น แค่เล่นๆ กันเท่านั้น”


อวิ๋นหู่เลิกคิ้ว กักร่างเพื่อนไว้ที่กำแพง กำข้อมือของหลินเฟิง “ถ้าฉันแค่อยากเล่นๆ จะรอนายมาตั้งนมนานกันไปทำไม”


คำพูดประหลาดๆ ที่ได้ยิน ส่งผลให้หลินเฟิงหน้าร้อนฉ่า “จะพูดก็พูดดีๆ อย่ามาอยู่ใกล้ฉันขนาดนี้”


เฮ้ย! หลินเฟิงไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี ฝ่ายอวิ๋นหู่แนบหน้าเข้าประชิดเสี้ยวหน้าอีกฝ่าย “นายกำลังเขิน”


“เขินบ้าอะไรวะ” หลินเฟิงสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ “ปล่อยมือก่อน”


อวิ๋นหู่ก้มตัว “ไม่ปล่อย”


“เฮ้ย” หลินเฟิงแทบบ้า


อวิ๋นหู่กลับรู้สึกว่าไม่เลว โดยเฉพาะได้มองเห็นความเขินอายที่พุ่งขึ้นมาบนใบหน้าของอีกฝ่าย รู้สึกคันหัวใจเหลือเกิน เหมือนมีแมวกำลังตะกุยหัวใจ “นาย…”


ในระหว่างที่เขากำลังจะอธิบายเรื่อง “แฟน”  หลินเฟิงก็เหมือนหาเทพแห่งความช่วยเหลือเจอ สะบัดมืออีกฝ่ายแบบโกรธๆ “หลีกไป มีสายโทรเข้า”


มีสายเรียกเข้าจริงๆ จากท่าทีที่เป็นอยู่ ทำให้อวิ๋นหู่รู้สึกถึงมือถือที่สั่นอยู่ในกระเป๋าเพื่อนเช่นกัน แต่จะทำไงได้ ก็ต้องปล่อยเหยื่อไป


หลินเฟิงเหมือนโดนปลดปล่อย อดถอนใจไม่ได้ สายที่โทรเข้ามาช่างเหมาะเหม็งกับเวลาจริงๆ ทว่าพอเห็นเบอร์บนหน้าจอ เขาก็เปลี่ยนไปทันที รีบกดปุ่มรับสาย “เฮ้ย เจ้าแบล็ก  นายต้องบอกมาเสียดีๆ ว่า ตอนนี้นายอยู่ไหน ขอบอกนะ อย่าหาข้ออ้างมาวางสาย!”


ป๋อจิ่วที่อยู่ไกลถึงดินแดนที่กฎหมายเอื้อมไม่ถึง ได้ยินเสียงดุดันราวมังกรกลืนเสือ ถึงกับยิ้มขึ้น “พี่หลิน พี่พลังเยอะขนาดนี้ ฉันก็ไม่วางสายแล้วล่ะ ที่โทรมาก็แค่จะบอกว่า ฉันกับพี่มั่วจะบินกลับวันพรุ่งนี้ บินไปที่เจียงเฉิง ก็เลยอยากหาคนดึงความสนใจ”


“หัวหน้ากับนายเนี่ยนะ” เสียงของหลินเฟิงแทรกไปด้วยความตื่นตะลึง ซึ่งป๋อจิ่วก็ฟังออก เธอคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจไม่บอกเรื่องที่ท่านเทพสูญเสียความทรงจำกับอีกฝ่าย เพราะทางโน้นคงมีคนตรวจเช็คอยู่ “ค่อยคุยตอนเจอกันนะ ฉันมีรถมาด้วยคันหนึ่ง ต้องให้คนในประเทศช่วยดูแลให้ พี่ช่วยเป็นคนรับประกันให้ฉันที ส่วนเรื่องที่เหลือค่อยว่ากัน”


“รถเหรอ? เออ ได้” คนบื้อแบ๊วก็มีข้อดีตรงที่ไม่ถามให้มากความ


หลังจากวางสาย ป๋อจิ่วก็เงยหน้าขึ้นมาสบตาท่านเทพพอดี เมื่อชายหนุ่มล้างหน้าล้างเสร็จ ร่างก็หอมกรุ่นไปด้วยกลิ่นมินต์ เขากำลังพิงกรอบประตูห้องน้ำจ้องเธอ เดาว่าน่าจะได้ยินในสิ่งที่พูดทั้งหมด นัยน์ตารูปดอกท้อลุ่มลึกเหลือเกิน


ป๋อจิ่วลุกขึ้นยืน สาวเท้าเข้าไปหา “เมื่อกี้โทรไปหาเพื่อนของเราสองคน”


“อ้อ” ฉินมั่วหัวเราะชนิดที่ไม่มีใครรู้อารมณ์ที่แท้จริงของชายหนุ่ม


ประหลาดจริง ป๋อจิ่วรู้สึกว่าเขาไม่เชื่อใจเธออย่างมาก หรืออาจบอกได้ว่าเขาไม่ค่อยสนใจสักเท่าไร…


……………………………………………..


 ตอนที่ 1715 พี่มั่ว น้องจิ่ว


ป๋อจิ่วคิดไม่ผิดหรอก เพราะตอนนี้นอกจากเหยื่ออย่างเธอแล้ว ฉินมั่วไม่สนใจใครอีก โดยเฉพาะเมื่อรู้ว่าเธอยังมีเพื่อนอีก เพราะในหัวใจเขา เหยื่อจะต้องมีเขาเพียงคนเพียง จะไปมีเพื่อนอีกได้ยังไง


ฉินมั่วหัวเราะ แต่นัยน์ตาไร้แววรื่นเริง ทว่าเวลานี้เขาย่อมไม่แสดงอาการอะไรออกมา เขาไม่ลืมบทบาทของตนเองว่าจะต้องอ่อนโยนเสมอ


“พวกเราลงไปข้างล่างกันใช่ไหม?” ฉินมั่วหยิบเสื้อกันลม


ป๋อจิ่วมองดูแผ่นหลังตระหง่าน รู้สึกว่าตัวเองมองท่านเทพไม่ออก แต่เข้าใจดีว่าคนที่สูญเสียความทรงจำ จะห่างเหินกับคนอื่นๆ  ทว่าท่านเทพกลับต่างไปจากนั้น ทุกอย่างที่เธอพูด ดูเหมือนเขาจะเชื่ออย่างสนิทใจ…


ด้วยเหตุที่ทั้งสองไม่ได้มีสัมภาระติดตัว บริเวณเขตที่ไร้กฎหมายควบคุทม จึงไม่จำเป็นต้องมีบัตรประชาชนก็เข้าพักได้แล้ว การคืนห้องก็ทำได้อย่างง่ายดายเช่นกัน


เมื่อตื่นขึ้น อาการป่วยของท่านเทพก็หายดี ดูไม่ออกเลยว่าเมื่อคืนเขาไข้ขึ้น ซึ่งป๋อจิ่วก็เช่นกัน แต่ไม่ใช่เพราะร่างกายเธอฟื้นฟูเองหรอก หวนคิดดูอีกที สิ่งที่ท่านเทพทำลงไปเมื่อวาน มันพอจะทำให้เหงื่อออกจนไข้ลดได้เลยล่ะ


“เฮียมีน้ำมันรถไหม?” ป๋อจิ่วตัดสินใจที่จะเติมน้ำมันให้เสี่ยวเฮยก่อนออกเดินทาง


ใครจะรู้ว่า พอเฮียเจ้าของโรงแรมเห็นพวกเธอเดินลงมา ท่าทีก็เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนรับใช้ที่ต้องต้อนรับเจ้านาย “น้ำมันรถเหรอ? ผมมีรถคันหนึ่งเติมน้ำมันเต็มถังเลย ถ้าคุณลูกค้าอยากได้ ผมจะไปเอามาให้”


เฮียแกรับปาก แต่พอเดินผ่านท่านเทพ กลับหลุดยิ้มที่ไม่เหมือนยิ้มออกมา ทำให้ป๋อจิ่วเห็นแล้วเลิกคิ้วขึ้น ตอนเข้าพักเมื่อคืน เฮียไม่ได้เป็นแบบนี้นี่ ทำไมเช้าวันนี้ถึงเปลี่ยนไป เห็นท่านเทพที เหมือนหนูเห็นแมว ไม่สิ ดูหวาดกลัวว่าเห็นแมวอีก


“พี่มั่ว เมื่อคืนลงมาที่นี่ใช่ไหม?” ป๋อจิ่วถามขึ้นทันที


ฝ่ายถูกถามก็ไม่ปฏิเสธ มุมปากยังยิ้มสว่างไสว “ก็คุยกับเฮียนิดหน่อย ตอนมาเอาแอลกอฮอล์”


ป๋อจิ่วสงสัยหนัก แค่ทักทายงั้นเหรอ?


“ท่าทางป๋าจะไม่เชื่อฉันแฮะ” ฉินมั่วดูสบายๆ “ฉันล่ะคิดว่าเธอจะเชื่อฉันทุกอย่าง ไหนว่าเธอเป็นคนรักของฉันไม่ใช่เหรอ”


ป๋อจิ่วทนได้ที่ไหนล่ะกับการที่ท่านเทพพูดกับเธอเช่นนี้ แม้ท่าทีจะดูเรื่อยเฉื่อย แต่เริ่มรู้สึกผิด “ฉันต้องเชื่อพี่อยู่แล้ว”


“อื้ม” ฉินมั่วหลุบตาลง


ป๋อจิ่วได้เห็นสภาพอีกฝ่าย ก็เข้าไปจุ๊บอย่างอดไม่ได้ “ไม่ว่าพี่พูดอะไร ฉันก็เชื่อหมด”


ฉินมั่วหัวเราะ “เมื่อวานเฮียพูดจาไม่ดี ฉันก็เลยสั่งสอนเขานิดหน่อย”


“ทำได้ดีมาก”


เฮียที่ไปเอาน้ำมันมาให้ ได้ยินคำพูดของป๋อจิ่วเข้าพอดี ก็อยากจะส่งพ่อคุณแม่คุณทั้งสองอออกไปเร็วๆ ไม่รู้หรือไงว่าผู้ชายของตัวเองโหดเหี้ยมขนาดไหน ยังมาโอ๋เอาใจอย่างกับเป็นตุ๊กตากระเบื้อง! แต่ถึงจะโมโหยังไง เฮียย่อมไม่กล้าแสดงออก เพราะเมื่อชายหนุ่มกวาดตามองอย่างไร้อารมณ์แวบเดียว เขาก็รู้สึกหนาวสะท้านไปทั้งตัว


ไม่รู้ว่าเด็กคนนี้มันโง่จริงหรือแกล้งงั่ง ถึงขั้นเอาผู้ชายอย่างนี้มาอยู่ข้างตัว เขารู้ทันคนแบบนี้ที่สุด พวกท่าทางสุภาพอ่อนโยน ราวกับคุณพ่อบ้านที่แสนจะภักดีต่อคุณภรรยา แต่อันที่จริง พอเราไม่ระวังก็จะแว้งกัดเราทันที เหมือนกับปีศาจล่อเหยื่อเพื่อเอามาสูบเลือดจนหมด กิริยาการกินอาหารที่แสนสง่า ซึ่งก็ขึ้นอยู่ว่าชายหนุ่มจะยังสนใจอีกฝ่ายได้นานเท่าไร…


…………………………………………


ตอนที่ 1716


คิดมาถึงตรงนี้ เถ้าแก่ก็อดนับถือความใจกว้างของป๋อจิ่วไม่ได้ เพราะชายหนุ่มคนนี้ร้ายแค่ไหน เขาประจักษ์ดี ทว่าต่อให้ผู้ชายคนนี้ร้ายจริงๆ แหละ เวลาอยู่ต่อหน้าป๋อจิ่ว เขาจะกลายเป็นคนละคน ไร้แววเหี้ยมที่ปรากฏเมื่อคืน เสแสร้งว่าตัวเองโดนใส่ร้ายได้อย่างแนบเนียน


ฉินมั่วพอใจกับผลสำเร็จที่ได้จากแววตาตนเอง เขาจะปล่อยให้คนอื่นพูดมากต่อหน้าเหยื่อไม่ได้ ไม่อยากให้บทบาทที่ตัวเองแสดงอยู่ต้องถูกฉีกออก เพราะปฏิกิริยาของเจ้าเด็กคนนี้น่าสนใจดี แค่เขาทำท่าว่าอ่อนแอนิดหน่อย เจ้าหล่อนก็ประคับประคองเขา แถมยังจุ๊บเขาอีกด้วย


ความรู้สึกที่ได้ทำให้ฉินมั่วกระชุ่มกระชวย และเหยื่อของเขาเองก็ไม่โง่ หากเธอเชื่ออย่างสนิทใจว่าเขาเป็นคนดี มันก็ไม่น่าสนุก ซึ่งสีหน้าของเธอเมื่อครู่นี้ แสดงให้เห็นว่าเธอเดาออกว่าเขาทำอะไรลงไปบ้าง แต่กลับเอาใจด้วยการบอกว่า ‘ทำได้ดี’ ส่งผลให้มุมปากของฉินมั่วยกยิ้มหนักขึ้น จนเมื่อขึ้นรถ ฉินมั่วก็ยังยิ้มได้อยู่ จนทำให้เสี่ยวเฮยถึงกับสะเทือนไปทั้งคันในทันทีที่เปิดใช้ระบบจีพีเอส


จอมมารเป็นอะไรไป? ยิ้มเสีย…หวานจ๋อย


ดูเหมือนชายหนุ่มจะจับอาการของรถได้ จึงหันมาเอ่ย “รถคันนี้ไม่เลวเลยนี่ นอกจากเปลี่ยนรูปร่างตอนแล่นทางบกกับดำในน้ำแล้ว มันยังทำอะไรได้อีก?”


“อย่างอื่นก็ไม่มีอะไรแล้ว แค่เป็นจุดเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้” ป๋อจิ่วอารมณ์แจ่มใส การที่ทำให้ท่านเทพอารมณ์ดีอยู่ข้างตัวเธออย่างว่าง่ายเช่นนี้ ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี


แต่เสี่ยวเฮยกลับไม่ได้อารมณ์ดี มันรู้สึกว่าจอมมารชมมันอย่างมีนัยยะ ในฐานที่เป็นรถอัจฉริยะ ข้อมูลทั้งหมดที่หามาสามารถสังเคราะห์ได้ว่า ปกติแล้วคนอย่างจอมมารไม่มีวันชมใคร นอกจากจะมีวัตถุประสงค์อื่น ทว่าเจ้านายของมันนี่สิ…เฮ้อ เสี่ยวเฮยไม่อยากพูดต่อไปแล้ว ตั้งแต่จอมมารปรากฏตัวออกมา ตำแหน่งรถคันโปรดของมันก็ไม่หลงเหลืออีกต่อไป


ฉินมั่วมีวัตถุประสงค์อื่นจริง แต่มันไม่หนักหนานักหรอก สำหรับเขาแล้ว สิ่งที่เขาสนใจมากที่สุดคือการที่เหยื่อเห็นเขาในสายตาเพียงคนเดียว ชายหนุ่มจึงพูดอีกนิดหน่อยก็เงียบลง ทว่าป๋อจิ่วรออยู่นานก่อนจะเลี้ยวรถด้วยฝีมือเยี่ยม นัยน์ตาและคิ้วพลอยยิ้มไปด้วย “ อ้อ รหัสใช้งานของรถคือ พี่มั่ว ฉันรักพี่”


ก่อนหน้านี้ ชายหนุ่มได้รู้ชื่อของตัวเองแล้ว เวลานี้มาได้ยินเจ้าหล่อนพูดอีกที มือที่หมุนไพ่ในพลันชะงัก “ฟังดูแล้วเหมาะกับนิสัยของป๋ามากๆ เลย”


“ฉันก็ว่างั้น” ป๋อจิ่วหมุนพวงมาลัย “ชอบก็ต้องพูดออกมาสิ”


ฉินมั่วไม่ตอบ  ยิ้มหนักขึ้นราวกับเป็นจอมมาร หางตาหรี่เล็กน้อย หึ! โง่เป็นบ้า ยอมบอกเขาทุกอย่าง ไม่กลัวหรือไงว่าเขาจะขับรถหนีไป? ฉินมั่วคิดเช่นนี้พลางหันไปมองใบหน้าอีกฝ่าย


แสงตะวันที่สาดเข้ามากลายเป็นวงแสง ทำให้ผิวของเธอผ่องมากทั้งขาวและสะอาด เห็นกระทั่งไรขนอ่อนๆ ซึ่งเขารู้ซึ้งถึงรสสัมผัสจากใบหน้าเจ้าหล่อน ไม่เพียงแต่ใบหน้า กระทั่งเอวบางที่หลุดออกมาตอนเอี้ยวตัว มันนุ่มละมุนเหมือนหยก ยากนะที่คนจะไม่ชอบ


ฉินมั่วคิดว่า ขอเพียงเหยื่อเป็นแบบบนี้ตลอดไป สองตามองแค่เขาคนเดียว ซึ่งเขาคงไม่หมดความสนใจต่ออีกฝ่ายในเวลาสั้นๆ หรอก แต่การต้องกดตัวตนที่แท้จริงไว้อย่างนี้ บางครั้งก็ทำให้อดคันไม้คันมือขึ้นมาไม่ได้…


…………………………………………………….


ตอนที่ 1717


แต่ไม่เป็นไร  ขอแค่เหยื่อน่าสนุกยังอยู่ เขาก็จะพักเรื่องฆ่าคนไว้ก่อน รอจนทนไม่ไหวค่อยว่ากัน ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร เขาจะต้องสะอาดหมดจด เวลาอยู่ต่อหน้าเหยื่อ เขาจะต้องดูไร้พิษสงเป็นลำดับแรก


ฉินมั่วหันหน้าออกไป ร่างในชุดกันลมดูดึงดูดสายตามาก ราวกับไม้แขวนเสื้อที่เดินได้ บวกกับหน้าตาของเขาที่หากไม่แปลงโฉมเสียบ้าง ก็เข้าเขตภายในประเทศไม่ได้ ยังดีที่ครั้งนี้ป๋อจิ่วเตรียมบัตรประชาชนไว้เยอะมาก จึงหาบัตรที่ระบุอายุใกล้เคียงกับชายหนุ่ม แล้วแปลงโฉมเล็กน้อย ถึงได้ลดทอดความโดดเด่นของชายหนุ่มลงได้บ้าง


ป๋อจิ่วรู้ดีว่ายิ่งภารกิจลับมากแค่ไหน ยิ่งไม่ตรวจสอบมากมาย ขอแค่ประวัติขาวสะอาด สอดคล้องกับตัวตนของเขา เพียงแค่นี้ก็เข้าประเทศได้แล้ว จึงเป็นเหตุให้เธอต้องอ้อมเส้นทาง โดยบินกลับจากประเทศ T แทน เพราะประเทศดังกล่าวเป็นเมืองท่องเที่ยว ยกเว้นวีซ่าให้คนจีน


ป๋อจิ่วฉลาดที่จุดนี้นี่แหละ เธอไม่ได้บินตรง แต่เมื่อไปถึงสนามบิน MG ก็เลือกทัวร์ล่วงหน้า แล้วกลับเมืองเจียงเฉิงในฐานะเป็นลูกทัวร์ ทั้งนี้ทัวร์กรุ๊ปดังกล่าวเป็นทัวร์ราคาถูก พวกสาวๆ ที่มาทัวร์นี้ นอกจากช้อปปิ้งแล้ว ก็ไม่ได้ต้องการอย่างอื่นอีก เมื่อมาถึงสนามบิน ก็พลันได้เห็นชายหนุ่มรูปหล่อต่างสไตล์ถึงสองคน อารมร์ย่อมต้องดีมาก “ดูตรงนั้นสิ!”


 “หล่ออะ ทัวร์เราไฮโซขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไร”


“เพิ่งมามั้ง ไม่แน่เดี๋ยวเราอาจได้นั่งกับพวกเขาก็ได้”


การมาถึงที่นี่ของป๋อจิ่วและฉินมั่ว ได้สร้างความมีชีวิตชีวาให้กับทัวร์กรุ๊ปนี้จริงๆ หลายๆ คนหันมามองพวกเธอ เหล่าสาวๆ ก็เดาถึงความสัมพันธ์ของทั้งสอง คิดกันอยู่ว่าจะแบ่งทีละคนได้ไหม


เมื่อฉินมั่วได้ยิน มุมปากก็ยกยิ้ม แต่ไม่ได้พูดอะไร เดิมเขาที่ไม่สนใจต่อคนอื่น ยิ่งมายืนข้างกายป๋อจิ่ว สีหน้ายิ่งดูเหมือนคนไร้พิษสง แต่กลับดึงดูดสายตามาก


ป๋อจิ่วเตรียมเรื่องเอารถกลับ จึงไม่ได้ใส่ใจทางนี้ โดยเดินไปยื่นเอกสารที่ชั้นหนึ่ง


ปกติแล้วการนำรถเข้ามานอกประเทศ คุณตาพ่อบ้านจะเป็นคนจัดการให้ หลายคนคิดว่าคุณตาเป็นเพียงคุณหมอประจำตระกูล อันที่จริงก็ไม่เชิงหรอก พวกพ่อบ้านในตระกูลสูงแห่งวงการมาเฟียไม่เคยธรรมดา คุณตามีเส้นสายอยู่ในมือ ไม่ว่าจะเป็นเส้นสายใด ก็ล้วนแต่สำคัญมากจนยากจะประเมินมูลค่าได้


แน่ล่ะ จะว่าไป สมญานาม Z มักทำให้คนอื่นหวั่นเกรง ไม่มีใครกล้ามีเรื่องกับนายน้อยแห่งวงการแฮกเกอร์ หากใครอำนวยความสะดวกให้ได้ ก็ทำเถอะ เพราะพวกอยู่ในวงการ มักจะต้องการได้ข้อมูลในวันใดวันหนึ่ง


ฉินมั่วมองดูสิ่งเที่เกิดขึ้น แววตาขรึมลง เขารู้สึกว่า สถานะของเหยื่อออกจะซับซ้อนและน่าหลอกใช้ขึ้น ๆ


“พี่มั่ว จะกินน้ำไหม?” หลังจากที่เสร็จธุระ เธอก็หิวน้ำ แต่ตอนนี้อยากดื่มอะไรสักอย่าง


ฉินมั่วเห็นเธอเลียปาก แววตาก็จริงจัง “หิวเหมือนกัน”


“งั้นฉันไปซื้อนะ” ป๋อจิ่วว่าพลางเดินซุกมือข้างหนึ่งลงในกระเป๋า ตรงไปยังเครื่องขายเครื่องดื่มอัตโนมัติ ท่าเดินที่ดูสบายๆ แต่ด้วยเรียวขาที่ยาว ทำให้เธอดูเท่


สาวๆ ที่รอขึ้นเครื่องเช่นเดียวกัน ได้ยินคำสนทนาของคนทั้งสอง ต่างอยากฉวยโอกาสเข้าไปทำความรู้จัก “คุณคะ ฉันมีน้ำที่ยังไม่เปิดฝาเลย ถ้าคุณหิวก็ดื่มก่อนได้นะคะ”


ฉินมั่วหันไปมองหญิงสาวที่ยื่นขวดน้ำแร่มาให้ หมายมาดจะทำให้อีกฝ่ายกลายเป็นสาวกตัวเอง อย่างที่เคยไงว่า บางครั้งเขาก็คันไม้คันมือขึ้นมา…


……………………………………………..


 ตอนที่ 1718-1 เขาเป็นผู้ชายของฉัน


การจะฝังคำสั่งทางจิตให้กับใคร ถือว่าง่ายมาก ขอแค่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไร ก็สำเร็จได้อย่างสบาย


ทว่า ฉินมั่วไม่คิดจะรับขวดน้ำนั่น เพราะหากเทียบกับเหยื่อของเขาแล้ว คนพวกนี้ดูสกปรกมาก นี่คงเป็นรสนิยมที่คุ้นเคย?


ฉินมั่วจึงแค่ยักคิ้วให้ กำลังจะยื่นมือไปรับ กลับมีคนปรากฏตัวอยู่ข้างไหล่ โดยกลิ่นอายหอมกรุ่นของป๋อจิ่วถูกถ่ายทอดออกมาพร้อมด้วยรอยยิ้ม น้ำเสียงของเจ้าหล่อนกระทบบนหูซ้ายของเขา “ขอโทษด้วย แฟนผมไม่ชอบดื่มน้ำของคนอื่น”


ไม่จำเป็นต้องหันไปมอง ฉินมั่วก็รู้ว่าคนพูดจะเป็นใครไม่ได้ นอกเสียจากเหยื่อที่เขาสนใจมากที่สุด ป๋าของเขานั่นเอง ไม่มีวันเป็นใครอื่น


ฉินมั่วหันไปก็เห็นเสี้ยวหน้าหล่อเหลากำลังเบ้ปาก สื่อให้รู้ว่าก่อเรื่องอีกแล้วสิ


หึงใช่ไหม? ชายหนุ่มรู้สึกแปลก จึงเชยคางอีกฝ่ายมาจูบ คนบางคนเพิ่งจะดื่มน้ำ รสหวานยังคงตกค้างอยู่ในปาก


“แอบกินอมยิ้มใช่ไหม?” ฉินมั่วถามอย่างเป็นปกติ แต่ไม่คิดจะผลักเธอให้พ้นจากตัว ทั้งยังยิ้มร้ายให้ “ป๋าเนี่ยซนจริง ๆ”


ป๋อจิ่วโดนจูบชนิดที่รับมือไม่ทัน แถมด้วยคำเรียกขานของท่านเทพที่แม่สองสาวน่าจะได้ยินชัด เธอจึงคร้านจะทำอะไร การประกาศความเป็นเจ้าของจะต้องทำตรงๆ


พวกสาวๆ ที่เข้ามาตีสนิทเชื่อว่าตัวเองหน้าตาดี จึงกล้าเสนอตัว ไม่คิดว่ามันจะกระอักกระอ่วนขนาดนี้ เธอได้ยินสองคนนี้คุยกัน ก็นึกว่าเป็นพี่ชายกับน้องชาย ไม่คิดไปในทางอื่นหรอก ทว่าตอนนี้ชายหนุ่มสองคนมาเที่ยวด้วยกัน หากไม่ใด้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งแล้วจะเป็นอะไรไปได้ เธอคนนั้นหดมือที่ขวดน้ำกลับไปด้วยหน้าแดงเรื่อ


ป๋อจิ่วหันไปยิ้มให้ ใบหน้าของหญิงสาวแดงขึ้นมาอีก รู้สึกว่าหนุ่มน้อยคนนี้อ่อนโยนกว่าผู้ชายเข้าถึงได้ยากคนนั้นเสียอีก ฉินมั่วเองจับปฏิกิริยาของอีกฝ่ายได้เช่นกัน แววตาบึ้งทันที เมื่อหันไปมองหญิงสาวอีกครั้ง ก็เปลี่ยนไปเป็นมืดทะมึนที่ไม่สิ้นสุด ทำให้เธอคนนั้นถึงกับตัวหนาวสั่น รู้สึกเหมือนชายหนุ่มจะฆ่าเธออย่างไรอย่างนั้นเชียว ทั้งๆ ที่มุมปากของเขายังแยกยิ้มอยู่แท้ๆ แต่ทำให้ถึงให้ความรู้สึกดังกล่าวเช่นนี้


ฉินมั่วไม่มองคนอื่นอีก แต่พลิกมือคว้าป๋อจิ่วมากอดแล้วรั้งให้นั่งระหว่างเรียวขาตัวเอง


ทั้งนี้คนอื่นๆ ที่นั่งรอขึ้นเครื่องเหมือนกัน แต่ไม่มีใครนั่งแบบนี้ และยิ่งไม่มีใครนั่งกอดกันด้วย


ทว่าฉินมั่วนั่งบนเก้าอี้ ทำเหมือนป๋อจิ่วเป็นตุ๊กตาตัวยักษ์ที่นั่งซ้อน แม้จะนั่งท่าเดียวกัน ทว่าจุดโฟกัสอยู่ที่ร่างท่อนบน ด้วยเหตุที่ฉินมั่วขายาว คนทั่วไปนั่งแบบนี้ไม่ได้หรอก


คนข้างเคียงต่างกันตาโต เพราะเมื่ออยู่ต่างประเทศ คนอื่นยังคงใจกว้างกันได้ แต่หากอยู่ในประเทศ จะทำได้อย่างนี้ได้หรือ


ป๋อจิ่วคิดว่าพวกเธอกำลังเรียกสายตาจากผู้คน แต่ท่านเทพไม่คิดจะเปลี่ยนท่านั่ง ทั้งยังโอบมือรัดเอวเธอ วางคางไว้บนไหล่เธอด้วย ชายหนุ่มหลับตาลง ขนตายาวเฟื้อยราวกับพัด “เหนื่อยจัง”


คำพูดสั้นๆ ทำให้ป๋อจิ่วไม่กล้าดิ้น หันหน้าไปลูบศีรษะชายหนุ่มด้วยมือข้างหนึ่ง เส้นผมสีดำของเขาไล้ไปปลายนิ้วของเธอ เหมือนเป็นเจ้าหญิงน้อยเมื่อครั้งเป็นเด็กเลยทีเดียว


เธอยิ้ม ใจอ่อนปวกเปียก ปากก็โอ๋ชายหนุ่ม “เดี๋ยวก็ขึ้นเครื่องแล้ว ทนอีกนิดนะ ไหวไหม?”


“ได้” ฉินมั่วยังไม่คลายมือ ซุกหน้าหล่อๆ ไว้ที่ซอกคอเธอ โผล่ให้เห็นเพียงเสี้ยวหน้าลูกครึ่งที่ทำให้คนอยากเห็น เพราะตรึงตาตรึงใจ


หญิงสาวที่นั่งข้างๆ ไม่เคยเห็นคนหน้าตาแบบนี้มาก่อน ทว่าชายหนุ่มมองเธอด้วยสายตาร้ายกาจที่ใครเห็นต่างก็ต้องกลัว แต่วินาทีถัดมา เมื่อเขาหันไปมองหนุ่มน้อยอีกคน ก็สามารถเสแสร้งทำเป็นอ่อนโยนจนทำให้แทบละลายได้เลยทีเดียว


…………………………………………….


ตอนที่ 1718-2 เขาเป็นผู้ชายของฉัน


ทว่าคนที่อ่อนวัยกว่ากลับโอ๋ชายหนุ่มเจ้าของแววตาเหี้ยมโหดราวกับเอาใจเด็ก หญิงสาวรู้สึกว่าจังหวะการเต้นของหัวใจเธอพุ่งสูงเลยทีเดียว แต่ไม่กล้าพูดอะไรมาก ได้แต่จูงมือเพื่อนเดินไปห่างๆ ส่วนคนที่เหลือต่างมองด้วยแววตาประหลาดใจ เพราะผู้ชายตัวโตเบ้อเร้อกลับเป็นฝ่ายถูกโอ๋ ฉินมั่วไม่แคร์สักนิด ขอเพียงเหยื่ออยู่ภายใต้ความควบคุมของเขาเป็นพอ แต่เขารู้ดีว่า ตนเองยังครอบงำอีกฝ่ายไม่ได้ทั้งหมด


เมื่อไปถึงสถานที่ที่คุ้นเคยแล้วจะเป็นอย่างไร เขาก็ไม่รู้ รวมถึงสายที่เธอโทรออกไปเมื่อครู่


เพื่อนของพวกเขา? หางตาของฉินมั่วเลิกขึ้นเล็กน้อย แววตาลุ่มลึก


ไม่นาน เครื่องบินจะตระเตรียมการขึ้นเครื่อง ซึ่งเมื่อมากับคณะทัวร์ จึงไม่ค่อยมีใครมาตรวจสอบ ทั้งนี้ภายในเครื่องเองไม่ได้เกิดเหตุฉุกเฉิน แต่ถึงกระนั้นก็ไม่มีใครสังเกตเห็นสายตาคู่หนึ่งที่เต็มไปด้วยเลศนัยและความไม่ยอมแพ้อยู่ท่ามกลางฝูงชน


ฝานเจียนั่นเอง หลังจากที่หลุดรอดออกมาได้ เธอพยายามสร้างสถานะใหม่หลายวิธี จนเมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อย ก็ค่อยออกตามหาชายหนุ่ม ทว่ากลับไม่ได้ข่าวแต่อย่างใด กระทั่งเมื่อเห็นคลิปในโลกออนไลน์ เธอพลันนึกขึ้นมาได้ว่าชายหนุ่มน่าจะกลับไปที่เมืองเจียงเฉิง เพราะจิตใต้สำนึกของเขาบ่งบอกให้เขาต้องกลับไปยังสถานที่ที่คุ้นเคย แล้วเหยียบคนที่เขาคิดว่าสมควรตายให้ราบเป็นหน้ากอง นี่แหละคือฉินมั่วตัวจริง


ฝานเจียมองดูแผ่นหลังของสองคนนั้น ค่อยๆ ยิ้มขึ้น การฝังคำสั่งทางจิตไม่มีวันผิดพลาด เวลานี้เขาอยู่ข้างตัวไปเด็กนั่นก็จริง แต่ไม่น่าจะจริงใจ อย่างมากก็ถือว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงเหยื่อตัวเองเท่านั้น อาจารย์เคยบอกว่าพวกนักจิตวิทยาอย่างพวกเขาเก่งด้านการเสแสร้งที่สุด โดยเฉพาะเวลาที่มีเป้าหมายแอบแฝง


เวลานี้ เธอจะต้องกลับเมือเจียงเฉิง หาทางเข้าใกล้ตัวฉินมั่วให้ได้ จากนั้นค่อยชักจูงชายหนุ่ม แล้วเขาจะกลายเป็นของเธอเต็มตัว เพราะความทรงจำจะเปลี่ยนไปตามสภาพจิตใจ


ฝานเจียไม่รู้สึกผิดต่อการสวมรอยแทนที่คนอื่น เธอหันตัวไปหลบซ่อน เวลานี้ภาพของเธอถูกปิดประกาศไปทั่ว เธอไม่อาจพบหน้าใครด้วยสภาพหน้าที่แท้จริงของตน จำต้องสร้างรอยแผลขึ้น และซื้อตั๋วเครื่องบินไฟล์ทดึก


เวลานี้ เครื่องบินลอยฟ้ามาสองชั่วโมงกว่าแล้ว ป๋อจิ่วนั่งแถวเคียงกันกับฉินมั่ว ด้วยการเหมาชั้นเฟิร์สคลาสทั้งหมด เพื่อที่จะไม่ให้ใครคอยสอดรู้สอดเห็นเรื่องของพวกเธอ บวกกับที่ชายหนุ่มบ่นเหนื่อยก่อนขึ้นเครื่อง


ในฐานะที่เป็นท่านประธานจอมโหด หากไม่อวดความรวยในเวลานี้ แล้วจะไปอวดตอนไหน อีกอย่างหากป๋อจิ่วไม่ใช้เงินเสียบ้าง มันอาจจะขึ้นราได้ เธอจึงตัดสินใจสำแดงความเป็นคนรวยออกมา ดำรงตนเป็นลูกเศรษฐีสักครั้ง


ในที่สุดคนที่บ่นว่าเหนื่อยกลับไม่นอน นั่งไขว่ห้างอ่านหนังสือพิมพ์ ออร่าสูงส่งต้องห้ามกระจายเต็มร่าง แต่เวลานี้ดูจะเจือความโหดเหี้ยมด้วย ทางด้านของป๋อจิ่วที่หันหน้าไปอีกทาง เส้นผมปรกลงลงมา ทำให้เห็นสีที่แท้จริงของผม


น้ำเงินเทางั้นเหรอ? ท่าทางยัยป๋าของเขาจะมีเรื่องปิดบังเขาไว้ ฉินมั่วเลิกคิ้ว ยื่นมือขวาไปดึงตัวเธอให้มาพิงเขาไว้ เพราะชอบอุณหภูมิบนร่างเธอที่ทั้งอบอุ่นแต่ไม่ร้อนลวกตัว


แอร์โฮสเตสเข็นรถอาหารผ่านมาเห็นฉากที่ว่า จึงถามขึ้นอย่างแผ่วเบาและอ่อนโยน “คุณจะรับเครื่องดื่มอะไรดีคะ”


“ไม่ ขอผ้าห่มก็พอ ขอบคุณ” ฉินมั่วเอ่ยขึ้น แววตาไม่เหลือความอบอุ่น คงเพราะเห็นป๋อจิ่วขมวดคิ้ว


แอร์โฮสเตสรับคำ เมื่อหันกลับไป ก็เห็นชายหนุ่มใช้มือตบเบาๆ บนร่างคนในอ้อมกอด พูดเสียงไพเราะเบาๆ ราวกับกล่อมคนนอน ทำให้แอร์โฮสเตสได้ยินแล้ว ตาลอย เธอสะบัดศีรษะตัวเอง เกือบลืมว่าตัวเองทำอะไรอยู่


…………………………..


ตอนที่ 1718-3 เขาเป็นผู้ชายของฉัน


ทว่า ฉินมั่วกลับมองป๋อจิ่ว ยื่นมือไปจับหน้าเธอ ก้มตัวลง “เธออย่ามองใครนะ แม่เหยื่อเปย์ง่ายของฉัน”


ป๋อจิ่วหลับลึก คงเพราะจับเสื้อชายหนุ่มไว้ในมือ รวมกลิ่นไอคุ้นเคยจากร่างเขาที่โชยเข้าโพรงจมูก ทำให้เธอรู้สึกสบายไปทั้งตัว


และเมื่อเครื่องบินกำลังลงจอด เธอจึงได้ตื่นขึ้นมาและได้เห็นมือซ้ายของเขาที่ข้อกระดูกสวยเหลือเกิน ซึ่งกำลังจับไพ่ในมือเล่น ส่วนมืออีกข้างลูบศีรษะเธออยู่


ฉินมั่วยิ้มขึ้นหลังจากที่เห็นเธอลืมตา ก่อนจะจุ๊บหน้าผากเธอ แต่กลับดูอันตรายอย่างบอกไม่ถูก “นี่เหรอ เจียงเฉิง?”


ป๋อจิ่วมองตามสายตาชายหนุ่มไป ก่อนจะจับมือเขามาวางในมือตัวเองเล่นๆ “ใช่ นี่แหละเจียงเฉิง พี่ไม่ชอบเหรอ?”


“ไม่ใช่ไม่ชอบ” ความคมกริบในแววตาหายไป ด้วยเหตุที่นิ้วมือสัมผัสความอบอุ่นได้ ความคมกริบในแววตาลดลง “แค่นึกไม่ออกว่าเมื่อก่อนฉันใช้ชีวิตยังไง”


ป๋อจิ่วได้ยินแล้ว ยิ้มออกมา “พี่ดังจะตาย มีคนตั้งหลายคนมาชอบ พี่ยังมีเพื่อนซี้ที่รักพี่มากด้วยนะ แต่พี่ก็ยังชอบฉันที่สุด”


ฉินมั่วเลิกคิ้ว ในบางมุม เหยื่อที่เขาเล็งออกจะหน้าหนาเหมือนกัน “อ้อ? ยังมีอีกไหม”


ยังมีอีกไหม? ป๋อจิ่วคิดแล้วเอ่ยขึ้น “พี่แอบรักฉันแต่ไม่กล้าพูด พี่เลยให้หนังสือฉันมาเยอะแยะเลย ทำให้ฉันรู้ตัวทีหลัง”


 “ฉันให้หนังสืออะไรเธอบ้างเหรอ?” เขาถามอย่างเป็นปกติ


ป๋อจิ่วนั่งตัวตรงอย่างหล่อ “แล้วก็มีหนังสือแบบท่านประธานจอมโหดหลงรักฉัน รักจอมยุ่ง แล้วยังมีหนังสืออีกหลายเรื่องที่ฉันจำชื่อไม่ได้”


ฉินมั่วฟังจนตบก็เคาะนิ้วบนหางตาเธอ


“อะไร?” ป๋อจิ่วเลิกคิ้ว


ฉินมั่วเอนตัวเข้าไปจุ๊บที่ปากเธออย่างเบาและเฉยเมย ลมหายใจถูกถ่ายทอดออกมา “เปื้อนน้ำ นี่แหละเห็นไหม ตอนป้อนเธอก็ไม่กินน้ำให้มันดีๆ แต่ฉันล่ะสงสัยว่า เธอได้อะไรบ้างจากหนังสือพวกนั้น?”


“ก็รักแรกของพี่ไง” ป๋อจิ่วโอบคออีกฝ่าย ยิ้มทีไฝเสน่ห์ใต้ตาถึงกับเป็นประกาย


ฉินมั่วถึงกับท้องน้อยเกร็งตัว แววตาพลอยขรึมลง ชายหนุ่มจึงล้วงมือเข้าไปในเสื้อสเวตเตอร์ของเธอผ่านผ้าห่ม แล้วยิ้มขึ้น ไม่รู้ว่าทำไมถึงอุณหภูมิจึงพลอยสูงขึ้นไปด้วย


ป๋อจิ่วรับรู้ถึงแรงนิ้วของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน ถึงกับตัวสั่น แววตาปริ่มน้ำ


ฉินมั่วเอ่ยเสียงต่ำเซ็กซี่ ลมหายใจตกกระทบริมหูเธอ จนทำให้เธอต้องโก่งตัว


“น่าเสียดายที่เครื่องบินกำลังลงจอด ไม่งั้นฉันจะบอกป๋าว่าหนังสือพวกนั้นคงไม่บรรยายแค่เรื่องรักแรกพบหรอก ยังมี…”


…………………………..


ตอนที่ 1719 ความเป็นเจ้าของ


 “เรื่องที่จะทำให้เราร่างกายของเรามีความสุขได้ยังไง” ป๋อจิ่วรู้สึกถึงใบหูตัวเองที่กัดเบาๆ เสียงเซ็กซี่และลมร้อนๆ ตกกระทบข้างหูจนก่อเกิดความหวามไหว


ป๋อจิ่วรู้ดีว่าชายหนุ่มไม่มีทำอะไรเธอหรอก เพราะใกล้จะลงเครื่องอยู่แล้ว แต่การอ่อยที่เหมือนไม่ได้อ่อยเช่นนี้ออกจะทำให้เธอทานทนไม่ไหว หางตาเริ่มแดงเรื่อ


ดูเหมือนเขาจะชอบเธอในสภาพแบบนี้ จึงหัวเราะเสียงเบาอยู่ข้างหู “ได้ผลไม่เลวแฮะ” เดิมแค่คิดจะเล่นๆ เหมือนของเล่นนั่นแหละ ทว่าเขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไม เมื่อได้ยินลมหายใจที่สะดุดของเธอกลับเกิดปฏิกิริยาขึ้นมาจนต้องคลายมือ


หากแต่เธอยังคงยิ้ม มุมปากยกโค้งขึ้น จุ๊บเขาเหมือนเป็นปีศาจเย้ายวนแห่งท้องทะเล “ได้ผลไม่เลวเหมือนกัน”


เล่นเอาชายหนุ่มแววตาหนักอึ้ง หากไม่เป็นเพราะเสียงประกาศขัดจังหวะ เขาอาจจะระเบิดตัวตนที่แท้จริงออกมา เช่น ลากเธอไปทันที เพราะเหยื่อที่สวยขนาดนี้ ก็ควรจะถูกเขาอุ้มไว้ในอ้อมกอดและเลี้ยงดูอย่างทะนุถนอม


ส่วนเรื่องอื่นน่ะหรือ ไม่ว่าเป็นจูบหรือการกระทำที่ลึกล้ำว่าจูบ เขาจะต้องเป็นคนสอนให้เธอเท่านั้น บางทีอาจต้องวางแผนให้ดีสักหน่อย เขาออกจะชอบตอนที่เธอมองเขาด้วยรอยยิ้ม แววตาของเธอเหมือนถูกแสงจันทร์ทาบทา แต่เขาเองก็ไม่ชอบความอบอุ่นนั่น เพราะรู้ดีว่าเธอมองดูเขาที่เป็นอดีต


เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ความเย็นชาปะทุขึ้นมาในดวงตาเขา ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ “ถ้าไม่อยู่ในเครื่องบิน ก็จะได้ผลดียิ่งกว่านี้” ว่าแล้วเขาก็จ้องมองต้นคอเธอ ก่อนจะหลุบตาก้มลงจูบพลางขบกัดเบาๆ ส่งผลให้ป๋อจิ่วไม่อาจรับสายมือถือที่สั่นสะเทือนได้ ด้วยเหตุที่ร่างอ่อนระทวยแทบจะกลายเป็นน้ำ


เธอสงสัยเหลือเกินว่าท่านเทพจงใจหรือไม่ เพราะทุกครั้งที่เธอรับสาย ดูเหมือนเขาจะไม่พอใจ แม้ว่ามุมปากของเขายังแยกยิ้มเหมือนคุณชายสูงศักดิ์ แต่พฤติกรรมที่ส่งให้เห็นกลับเหมือนว่าเขาพยายามทำให้ตัวเองดูอ่อนโยน


จะว่าไป ตอนเด็กๆ เขาก็เป็นแบบนี้ เวลาที่เธอไปเล่นกับเด็กคนอื่นทีไร เขามักจะยืนยิ้มเหมือนเจ้าชายอยู่ข้างๆ ทว่าพอลับหลังคนก็เปลี่ยนไป ล้างมือให้เธอด้วยหน้าเย็นชา แล้วก็กัดนิ้วเธอเข้าให้ แถมไม่บอกด้วยว่าเพราะอะไร


ท่านเทพแปลกๆ แบบนี้แหละ


ป๋อจิ่วชินเสียแล้ว จึงจับไหล่ของชายหนุ่มแน่น บอกไม่ถูกว่าคันหรือเจ็บ เธอย่นหัวคิ้วเล็กน้อย ปลายเสียงสั่นหน่อยๆ “เบาๆ”


ฉินมั่วได้ยินแล้วดวงตากระตุก ทว่ากลับเย็นชายิ่งขึ้น เล่นเอารอยกัดแดงหนักเลย


“ให้ฉันรับสายก่อน” ลมหายใจของป๋อจิ่วไม่ค่อยปกตินัก เส้นผมของเธอแนบบนแก้มเพราะเปียกเหงื่อ “ต่อให้ฉันไม่รับสาย เราก็ต้องลงเครื่องอยู่ดี”


ฉินมั่วกัดเสร็จแล้วก็เกลี่ยผมให้อีกฝ่าย ยิ้มมุมปากอย่างอ่อนโยน “เราต้องลงเครื่องแน่นอนอยู่แล้ว ไม่งั้นป๋าคิดว่าฉันจะทำอะไรล่ะ”


ป๋อจิ่วไม่พูด รอให้ความร้อนที่เกิดในกายจางหาย แต่สัมผัสในบางจุดยังไม่คลาย มือของเขาก็เลื่อนไปหยุดที่เอวเธอ เคล้าคลึงด้วยปลายนิ้ว ยิ้มต่ออย่างไม่ลดละ “รอให้ไม่มีคนอื่นอยู่ด้วยก่อนเถอะ จะได้เอาหนังสือที่ฉันเคยให้ป๋ามาศึกษาดู”


………………………………………


ตอนที่ 1720


ฉินมั่วลากเรียวปากผ่านริมหูป๋อจิ่ว แม้จะไม่ได้จูบจริงจัง แต่ก็หวานกว่าจูบจริงๆ เสียอีก เขาจ้องตาเธอ หัวเราะเบาๆ ด้วยเสียงที่แผ่วต่ำน่าลุ่มหลง


แค่ประโยคเดียวก็ทำให้ร้อนไปทั้งตัว ยังดีที่ทั้งสองรู้จักยับยั้งชั่งใจ ป๋อจิ่วรีบผลักชายหนุ่มออกไป แล้วหยิบมือถือออกมา


เสียงรองเท้าส้นสูงที่สัมผัสกับพื้นของแอร์โฮสเตสดังเข้าหู ตามมาด้วยผ้าม่านที่ถูกเลิกออก


“ท่านผู้มีเกียรติทั้งสองคะ เครื่องบินของเราลงจอดอย่างปลอดภัยแล้ว โปรดนำสัมภาระที่ท่านติดตัวลงจากเครื่องด้วยนะคะ ขอให้ท่านมีความสุขกับการเดินทางในครั้งต่อไป”


นี่แหละคือผลดีของการจ่ายเงินเยอะ แม้จะอยู่บนเครื่องบินก็ยังมีที่ส่วนตัว ป๋อจิ่วคลำคอตัวเอง ยิ้มให้อย่างหล่อ “ขอบคุณ” ส่งผลให้แอร์โฮสเตสถึงกับแววตาตะลึงกับยิ้มนั่น พลอยพยักหน้าให้ด้วย


ป๋อจิ่วจึงแนบมือถือไว้ข้างหู เอ่ยรับด้วยเสียงเบา เธอกับท่านเทพไม่มีกระเป๋าเดินทางใดใดทั้งสิ้น เธอก้าวไปข้างหน้า เมื่อรู้ตัวว่าท่านเทพไม่ได้ติดตามมาด้วย จึงหันไปมอง จากนั้นก็เห็นแววตาของชายหนุ่มที่มองดูแอร์โฮสเตส แล้วขยับริมฝีปากบาง ไม่รู้ว่าพูดอะไร ทว่าแอร์คนนั้นหรี่ตาลง เหมือนถูกสะกดจิต โค้งร่างให้


ป๋อจิ่วไม่เห็นภาพดังกล่าว เพราะตำแหน่งยืนไม่อำนวย ด้วยแอร์สาวหันหลังให้เธอ แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ มุมปากของท่านเทพก็ยังติดรอยยิ้มอยู่ ทำให้มือของเธอถึงกับเกร็ง


เธอไม่โง่แบ๊ว รู้ดีว่ายิ้มของชายหนุ่มแสดงให้เห็นว่าเจ้าตัวทำอะไร แต่จะทำอย่างไรได้ เขาคือฉินมั่วของเธอ ไม่ว่าจะเปลี่ยนไปอย่างไร เขายังเป็นเจ้าหญิงน้อยของเธออยู่ดี


ป๋อจิ่วดึงข้อมือชายหนุ่ม หันร่างนิดๆ บังสายตาที่เขาใช้มองแอร์สาว พลางยิ้มบางๆ ให้ “พี่มั่ว อย่าอ่อยคนอื่นสิ ฉันหึงนะ”


ฉินมั่วคิดไม่ถึงว่าเธอจะย้อนกลับมา เมื่อโดนคว้าข้อมือ เดิมที่การสะกดจิตกำลังจะสำเร็จ ก็คร้านที่จะดำเนินต่อ เพราะจะปล่อยให้เหยื่อเห็นความไม่ดีของเขาไม่ได้ จึงย้ายสายตาไปทางอื่น เอ่ยเสียงเรียบ “เมื่อกี้เธอยิ้มให้คนอื่น ฉันก็หึงเหมือนกัน”


เมื่อโดนย้อนเข้าให้ ป๋อจิ่วก็ตะลึง ทว่าจังหวะเวลาดังกล่าว ดูเหมือนแอร์สาวจะได้สติ ก็เห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งคว้าข้อมือผู้ชายคนนี้ไว้ด้วยความใกล้ชิดและสนิทสนมมากมาย


ป๋อจิ่วกระแอมกระไอออกมาเบาๆ จนเมื่อลากท่านเทพออกไป แอร์สาวก็ถึงกับช็อกโลก


แต่แม้จะแค่เดา ป๋อจิ่วก็พอจะรู้เรื่องหนึ่งว่า การจะให้ท่านเทพกลับเข้าสู่สนามแข่งอีสปอร์ตอีกดูท่าจะลำบากแล้ว


ก่อนหน้านี้ เธอคิดเพียงว่าจะต้องพาท่านเทพกลับมาให้เร็วที่สุด แต่กลับลืมคิดไปว่า ตอนนี้เขาจะเล่นร่วมกับเพื่อนร่วมทีมในการแข่งได้หรือไม่ มันอยากที่จะประเมินได้


เธอต้องหาวิธีไม่ให้เขาควบคุมคนอื่นตามใจชอบ


ชายหนุ่มรูปหล่อ ดูไร้พิษสง ทั้งยังดึงอารมณ์ของคนอื่นได้โดยอีกฝ่ายไม่รู้ตัว ท่านเทพที่อันตรายเช่นนี้ ควรจะต้องอยู่ข้างตัวเธอเท่านั้น


เธอหันไปมอง “พี่มั่ว ต่อไปฉันต้องคุมพี่ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงแล้วล่ะ” เหมือนกับที่พี่เคยคุมฉันไว้ไง ตอนนั้นเธอคิดแค่ว่า เขาไม่เชื่อใจเธอ รอจนเมื่อสลับตำแหน่งกัน ป๋อจิ่วถึงได้เข้าใจ เขาจับตามองเธอเพราะไม่อยากให้เธอเข้าไปข้องเกี่ยวกับเรื่องเลวร้าย


เวลานี้ เธอก็คิดเช่นเดียวกัน เธอกลัวที่สุดว่าหากวันหนึ่งเขาฟื้นความทรงจำขึ้นมาจะเสียใจต่อเรื่องที่เคยกระทำลงไป ซึ่งเขาน่าจะเสียใจมาก…


……………………………………………..


ตอนที่ 1721-1


 “เฝ้าฉันยี่สิบสี่ชั่วโมงรึ? แน่ใจนะ?” ฉินมั่วที่ไม่เข้าใจความคิดของป๋อจิ่ว กลับหัวเราะขึ้นด้วยเสียงเบาเรียบ ทว่าแววตากลับลึกซึ้งเหมือนดวงดาว “แต่ฉันเก่งเรื่องทรมานคนตอนกลางคืนนะ ดีเหมือนกัน จะได้เอาพวกที่ศึกษามาปฏิบัติจริงๆ จังๆ สักหน่อย”


ระหว่างที่พูดเช่นนี้ ลมหายใจของชายหนุ่มรดอยู่ข้างหูเธอ ให้ความรู้สึกทั้งร้อนและเชื่องช้าราวกับจงใจ


ความไม่สบายใจของป๋อจิ่วถูกขจัดไป ได้แต่จูงมือชายหนุ่มเดินต่อไปข้างหน้าไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ขอให้เขาอยู่กับเธอก็พอ  แถมปล่อยให้เธอจูงอย่างว่าง่ายด้วย ยังไงเธอก็รู้สึกได้เปรียบอยู่ดี เพราะเขาเคยให้เธอจูงเมื่อตอนเป็นเด็ก แต่ก่อนหน้านี้เขากลับเหลือบมองเธอเท่านั้น  ตอนนี้ก็ดีเหมือนกัน เพราะเธอได้จูงมือเขาเดิน แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด เธอยังรู้สึกเป็นสุขเหมือนเดิม


ฉินมั่วย่อมไม่สะบัดออกไป คงเพราะเขาเองก็แปลกใจ หรือบางทีอาจเป็นเพราะเหยื่อที่รักของเขาเอาใจเขามาก ถึงได้ยอมทำตัวเป็นอีหนูที่ว่าง่าย ยังไงเธอก็เรียกตัวเองว่าเป็นป๋าสายเปย์อยู่แล้วนี่


เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ความสนุกก็พาดผ่านนัยน์ตาเขา ไม่เคยเห็นพวกสายเปย์ที่ไหนที่บริสุทธิ์แบบนี้มาก่อนเลย


ของที่ได้ชิม ย่อมหวานเสมอ เริ่มสนใจหนังสือพวกนั้นเสียแล้วสิ วันนี้อาจจะได้ศึกษาสักหน่อย


ป๋อจิ่วไม่รู้หรอกว่าคนข้างหลังคิดอะไรอยู่ แต่เข้าใจดี แม้ว่าจะตกแต่งใบหน้าอย่างไร ออร่าของท่านเทพก็ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง จึงหยิบเอาผ้าปิดปากสีดำขึ้นมา แล้วสื่อให้ท่านเทพก้มศีรษะลงหลังจากที่เดินออกจากทางเดินเชื่อมเครื่องบิน


ฉินมั่วกวาดตามองของในมือเธอแวบหนึ่ง ก่อนเลิกคิ้วขึ้น “เวลาอยู่ในเจียงเฉิง ดูเหมือนฉันจะมองหน้าสู้คนไม่ได้”


“ไม่ใช่มองหน้าสู้คนไม่ได้ แต่พี่ดังมาก แฟนคลับเพียบ” ป๋อจิ่วน่าจะเข้าใจอารมณ์ของชายหนุ่มในเวลานี้ พูดจบก็เติมต่อ “ฉันไม่อยากให้คนอื่นเห็นพี่ ก็พี่เป็นของฉันนี่นา”


พูดเสียเปิดเผยขนาดนี้ ย่อมได้ผลแน่นอน เพราะเห็นมุมปากของชายหนุ่มที่หยักยิ้มภายใต้แสงไฟ


ฉินมั่วไม่ขยับมือ แต่ก้มตัวลงอย่างสื่อให้รู้ว่าเขาเข้าใจ


ด้วยตำแหน่งที่ว่า ป๋อจิ่วจึงไม่จำเป็นต้องเขย่งขา แค่เกี่ยวนิ้วพาดห่วงของผ้าปิดปากไว้กับหูของเขา มันก็คลี่กระจายบดบังใบหน้าลูกครึ่งอันหล่อเหลาของชายหนุ่มได้ทันที


“เป็นไง?” ฉินมั่วถามเรียบเรื่อย


ป๋อจิ่วก็สวมเช่นกัน เสียงที่ดังผ่านผ้าปิดปากสีดำ แฝงด้วยเสียงหัวเราะ “หล่อมาก” หยิ่งกว่าเมื่อก่อนอีกแฮะ ต้องให้คนเด้วย


ท่านเทพในรูปแบบนี้ แม้จะอันตราย แต่แล้วจะยังไง? อันที่จริง หากว่ากันในบางมุม เขาในเวลานี้ก็แค่ปลดปล่อยทุกสิ่ง รวมถึงความเคยชินบางอย่างในวัยเด็ก


ป๋อจิ่วรู้ดีว่า ท่านเทพที่ไม่ควบคุมความร้ายกาจของตัวเองน่ากลัวขนาดไหน เขาไม่มีวันเป็นหนูสกปรกที่แอบเล่นกลที่มุมอับอย่างฝานเจีย และไม่มีวันเหมือนคิงที่ชอบสร้างฆาตกรชั่วร้าย แต่เขาจะทำอย่างที่ตัวเองต้องการ ไม่ยอมให้กฎศีลธรรมใดใดผูกมัด ชนิดที่อยากลงมือเมื่อไรก็ทำ เหมือนที่อยู่บนเครื่องบินเมื่อครู่อย่างไรล่ะ เขาเจ้าเล่ห์ยิ่งกว่าผู้ร้ายด้านจิตวิทยา เหมือนจอมมารที่แม้จะฆ่าคนก็ยังงามสง่า อันเป็นเหตุผลที่ใครต่อใครต่างก็กลัวว่าเขาจะเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ หลังจากที่โดนฝังคำสั่งทางจิต


ป๋อจิ่วรู้ซึ้งทุกอย่าง ดังนั้นเธอจะต้องจับเขาไว้ ไม่ปล่อยมือเด็ดขาด ไม่ใช่เพื่อไม่ให้คนอื่นโดนทำร้าย แต่เป็นเพราะเธอรู้ดีว่า ข้างตัวเขาเหลือแค่เธอเท่านั้น


คงเพราะชายหนุ่มแกร่งกล้ามาก มากจนกระทั่งคนอื่นต่างรู้สึกถึงความน่ากลัวของชายหนุ่มในทันทีที่เห็น


ทว่าไม่มีใครนึกถึงความรู้สึกไม่ปลอดภัยและความระแวงของเขาว่า เขาเป็นใครกันแน่ ทำไมมาอยู่ตรงนี้ แล้วเขาจะต้องเชื่อใครดี แล้วเขาคิดอย่างไรเมื่อต้องเผชิญกับสปีดโบ้ทและกระบอกปืนมากมาย


 …………………………………


ตอนที่ 1721-2


แค่คิดมาถึงตรงนี้ หัวใจของป๋อจิ่วก็อ่อนยวบตาม เมื่อหันไปอีกทีก็เห็นท่าทางหยิ่งและเฉยชาของเขาที่ยังแฝงไปด้วยความไม่ได้ดั่งใจเหมือนเด็กน้อย


ทำไมถึงน่ารักอย่างนี้ “อยากให้พี่กลับไปเป็นเด็กอีกครั้งจัง”


“หืม?” ฉินมั่วคิดว่าตัวเองฟังผิด จึงโน้มตัวลง ถึงได้รู้ว่าคนบางคนพูดออกมา แม้เสียงจะเบาก็ตาม


ป๋อจิ่วงึมงำต่อไป “ฉันจะได้กอดพี่ไว้ ไม่ปล่อยให้ใครมารังแกพี่”


รังแกฉันรึ? ฉินมั่วเลิกคิ้วได้รูปขึ้น แต่กลับเห็นท่าทีตั้งอกตั้งใจและจริงจังของเธอ  และสายตาของเจ้าหล่อนที่ทำให้เขาทำตามแผนไม่ได้สักที


มีใครในโลกที่รังแกเขาได้


โง่จริงๆ แต่ทำไม เขาถึงไม่อยากหนีไปสักที โดยคำตอบหนึ่งเดียวที่ฉินมั่วหาได้ นั่นคือความสนใจของเขาที่มีต่อเธอไม่ลดทอนลงเลยก็แค่นั้น


ทั้งสองเดินตามกันออกมายังห้องพักผู้โดยสาร เนื่องจากไม่ต้องรอสัมภาระใดใด จึงเร็วกว่าคนอื่น ทว่าการจูงมือกันอย่างไม่กลัวข้อครหา ทำให้หลายคนหันหลังมอง ด้วยเหตุที่ทั้งสองมีรูปร่างหน้าตาดี แม้จะสวมผ้าปิดปากก็ไม่ทำให้จุดเด่นลดต่ำลง แถมยังดูนำสมัยอีกด้วย


สาวน้อยบางคนถอนหายใจ “เป็นคู่ที่เหมาะสมกันที่สุดเลยล่ะ แต่สนามบินก็เป็นสนามบิน ได้เห็นพี่รูปหล่อสองคนเป็นกำไรสายตาสักแป๊บก็ยังดี สมกันจริง ๆ”


ฉินมั่วได้ยินแล้ว ถึงกับหยัดยิ้มที่มุมปาก สมกันจริงๆ เหรอ? เขารู้สึกคุ้นหูอย่างประหลาด  แต่ลืมแล้วว่าเคยได้ยินจากที่ไหน


แน่ล่ะ เขาย่อมไม่เสียเวลากับเรื่องแบบนี้ เพราะเขายังต้องเผชิญหน้ากับเพื่อนของเขาและเธอตามที่เธอว่ามา


นอกสนามบิน รถโรสลอยยาวเป็นพิเศษจอดอยู่ตรงกลางของแถวรถทั้งหลาย ตัวรถเป็นสีดำอย่างเก็บงำความหรู แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น ก็ยังเรียกสายตาจากคนอื่นๆ ได้ เพราะในประเทศมีรถแบบนี้ไม่กี่คันหรอก


คุณชายตระกูลไหนกลับมาล่ะ? ผู้คนต่างเดากันไปว่าเป็นพวกไฮโซในเจียงเฉิงหรือไม่ ทว่าคิดหาคำตอบกันไปต่างๆ นานา ก็ยังจำไม่ได้ว่าเป็นรถของใคร ทว่าคนที่ยืนอยู่หน้ารถดูจะแปลกหน้ามาก


คุณตาลูกครึ่งจีน-อังกฤษวัยล่วงเลยหกสิบ ทว่าร่างจะสูงตรงสวมชุดสูทเต็มยศที่น้อยคนจะสวม แต่เขาทำได้ ทั้งยังถือร็อกเก็ตนาฬิกาไว้ในมือ โดยชำเลืองดูเป็นระยะ ราวกับคุณพ่อบ้านที่ฉลาดปราดเปรื่องจากตระกูลสูงที่อยู่ในการ์ตูน


หรือว่ากำลังถ่ายทำละครกันอยู่?


หรือว่าใกล้จะถึงเทศกาลคริสมาตร์แล้ว ก็เลยมาถ่ายโฆษณา?


แต่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้สักอย่าง


ทว่าในวินาทีถัดมา ผู้ชราก็ยิ้มพลางมองดูประตูทางออกของผู้โดยสารระหว่างประเทศ แล้วผลักประตูหลังให้เปิดออกจากสุภาพ ผายมือเหมือนเชิญให้ขึ้นรถ


ผู้คนต่างสังเหตเห็นว่ามีคนเดินออกมาถึงสองคนที่แม้จะสวมปิดปากไว้ แต่ออร่าไม่ธรรมดาจึงอยากจะถ่ายรูปไว้เสียหน่อย


ป๋อจิ่วเห็นแล้วรู้สึกตะลึงในใจ เพราะคิดไม่ถึงว่าคุณตาจะขับรถแบบนี้มารับ เพราะหากเป็นที่ The Fifth Avenue ก็ยังพอว่า แต่นี่อยู่ในจีนนะ มันดึงดูดสายตาเกินไป


เธอมีลางสังหรณ์เลยล่ะว่า พรุ่งนี้พวกเธอจะต้องปรากฏเป็นข่าวในโลกออนไลน์แน่ โชคดีนะที่…สวมผ้าปิดปากเอาไว้


…………………………………


ตอนที่ 1722-1


เพื่อไม่ให้ใครจำได้ ป๋อจิ่วจึงดึงข้อมือชายหนุ่มพาเข้าไปในตัวรถ รอจนประตูถูกปิด เธอเงยหน้าขึ้น ยิ้มบางๆ พลางว่า “นี่คือคุณตาพ่อบ้าน เป็นญาติคนเดียวที่ดูแลฉันมาตั้งแต่เล็กจนโต”


ฉินมั่วเลิกหางตาขึ้น สบตากับแววตาที่สะท้อนจากกระจกส่องหลัง แววตาคู่นั้นทำให้เขายิ้ม “คุณตา”


ผู้ชราจะแยกแยะความไม่ใส่ใจจากน้ำเสียงชายหนุ่มได้อย่างไร ผู้ชายคนนี้ไม่ได้มีนิสัยว่าง่าย ทว่าอยู่ๆ กลายเป็นคนโอนอ่อนผ่อนตามคนอื่นแบบนี้เนี่ยนะ เล่นเอาคุณตาถึงกับขมวดคิ้ว แต่ท่าทางนายน้อยจะเบิกบานเอามากๆ


คุณตาถอนสายตา แสดงความเป็นพ่อบ้านมืออาชีพออกมา “คุณตาเป็นคำเรียกของนายน้อยเท่านั้น คุณชายฉินเป็นแขกของเรา โปรดอย่าเกรงใจเลยครับ”


ฉินมั่วฟังเจตนาจากประโยคนั่นออก ชายหนุ่มเอาลิ้นดันฟัน ยิ้มอย่างไร้พิษสง ในที่สุดก็มีคนระแวงเขา ไม่เคยมีใครระแวงเขามาก่อน น่ากลัวว่าตาแก่นี่จะเป็นคนแรก


ฉินมั่วหันไปมองใบหน้าของป๋อจิ่วอีกครั้ง หากเขาจะพาตัวยัยนี่ไป คงต้องผ่านด่านชายชราคนนี้เป็นด่านแรก ต้องยอมรับว่าสัญชาตญาณของชายหนุ่มแม่นยำมาก เพราะคุณตาพ่อบ้านก็เป็นคุณหมอ เขารู้ซึ้งถึงผลจากคำสั่งที่แฝงทางจิต และเช่นเดียวกัน เขาก็เข้าใจดีว่า จะเข้าไปยุ่มย่ามต่อเรื่องที่นายน้อยตัดสินใจแล้วไม่ได้ ทว่าเขาเองก็อยากจะลองว่า ตนเองจะทำให้ชายหนุ่มฟื้นความทรงจำได้หรือไม่


“พวกคุณน่าจะยังไม่ได้ทานอะไร ที่บ้านมีของสด คุณชายฉินอยากทานอะไรครับ?”


เมื่ออีกฝ่ายเต็มไปด้วยมารยาท ชายหนุ่มย่อมไม่โชว์ด้านที่เลวร้ายออกมา มุมปากยังคงติดยิ้มเช่นเดิม “ได้หมดครับ อยู่ที่ป๋าของผมชอบกินอะไร”


ป๋าเหรอ? คุณตาหันไปมองนายน้อยของตัวเองด้วยอาการปวดศีรษะหน่อยๆ คำเรียกบ้าบออะไรเนี่ย เขาเคยเตือนนายน้อยหลายครั้งแล้วใช่ไหมว่า เป็นผู้หญิงต้องเรียบร้อย


ทว่าป๋อจิ่วกลับยิ้มร่า พอใจกับคำเรียกที่ว่า “หม้อร้อนก็แล้วกัน เสร็จเร็วดี” ว่าแล้วเจ้าหล่อนก็หันไปคว้ามือฉินมั่วมาวางไว้ในอุ้งมือ “พี่มั่ว พี่ต้องจำเรื่องหนึ่งไว้ให้ดีนะ”


“หือ?” ฉินมั่วเลิกคิ้ว


ป๋อจิ่วหยัดยิ้มอย่างหล่อ “ฉันชอบเล่นคีย์บอร์ดมากที่สุด ชอบกินหม้อร้อนมากที่สุด แล้วก็ชอบพี่มากที่สุด”


ฉินมั่วถึงกับชะงัก บางอย่างเอ่อล้นจากก้นบึ้งนัยน์ตา แล้วค่อยๆ ขรึมลง “ฉันชอบเล่นอะไร กินอะไร ก็ยังไม่รู้เลย แต่มั่นใจได้ว่าคนที่ฉันชอบมากที่สุด นอกจากเธอแล้วไม่มีคนอื่นชัวร์”


จริงๆ นะ เธอเป็นเหยื่อที่เพอร์เฟกต์มาก โดยเฉพาะนัยน์ตาที่มองมาที่เขาทีไร จะยิ่งสวยจนไม่มีอะไรมาเทียบได้ แต่ตั้งอยู่บนเงื่อนไขที่ว่า เธอต้องดีกับเขาเพียงคนเดียว


ฉินมั่วคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนหน้านี้เขาไม่ค่อยสนใจต่อเรื่องที่เธอพูดสักเท่าไร ตอนนี้น่าจะลองดูได้ ในเมื่ออยากให้เหยื่อไปกับเขาอย่างเต็มใจ ก็ต้องเสแสร้งให้แนบเนียน


ฉินมั่วพลิกมือมาเป็นฝ่ายกุมเธอแทน แววตาที่จับจ้องฉายแววความโหดที่ทำให้คนเห็นแล้วไม่สบายใจ


อย่างน้อย คุณตาเห็นแล้วก็รู้สึกสับสน ว่ากันตามสิ่งที่คุณตาวิเคราะห์ได้จากตัวฉินมั่ว ทันทีที่คำสั่งที่แฝงทางจิตของชายหนุ่มระเบิดขึ้น ในสายตาของเขา คนอื่นๆ จะมีหรือไม่มีก็ได้ ซึ่งเป็นผลมาจากชีวิตในวัยเด็ก


ชายหนุ่มเป็นคนเฉยชามาตั้งแต่ยังเล็ก แต่ก่อนเป็นเพราะมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ ทว่าเวลานี้ไม่มีสิ่งใดรั้งเขาได้ เขาย่อมต้องไม่หวั่นเกรงอะไร


…………………………………..


ตอนที่ 1722-2


โลกของเรามีนักจิตวิทยาอาชญากรรมมากมายที่ โดยปกติแล้วจะมีเป้าหมายของตัวเอง ความน่ากลัวของฉินมั่วอยู่ที่ เขาไม่มีเป้าหมาย แม้ว่าวันหนึ่งเขาจะก่ออาชญากรรมขึ้นมา ก็อาจมาจากการที่เขาหงุดหงิด คันไม้คันมือ แต่คนแบบนี้นี่แหละที่ตามนายน้อยกลับมายังเจียงเฉิง ทั้งยังแสดงความเป็นเจ้าของอย่างโจ่งแจ้ง


คุณตาพ่อบ้านไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือกังวลใจมากขึ้นแทนนายน้อยดี เพราะฉินมั่วในเวลานี้ หากอยากทำอะไร กระทั่งเขาก็ยังห้ามไม่ได้


ระยะทางจากสนามบินมายังที่พักถือว่าไม่ไกล อพาร์เมนต์สไตล์พาณิชย์แห่งนี้ ป๋อจิ่วเลือกด้วยตัวเองเป็นพิเศษ เพราะที่นี่อยู่ไม่ไกลจากคลับตระกูลฉิน บวกกับในช่วงสามวันข้างหน้า เหล่าเพื่อนร่วมทีมจะได้ซ้อมรวมกันสะดวกหน่อย


ทางฝั่งนั้นน่าจะมีคนจับตามองอยู่ ป๋อจิ่วคุ้นเคยกับวิธีปฏิบัติงานของคนบางกลุ่ม เห็นทีให้พวกหลินเฟิงมาที่นี่เห็นจะปลอดภัยกว่า แถมยังมีคุณตาพ่อบ้านอยู่ด้วย จะได้ป้องกันเรื่องอื่นๆ


ป๋อจิ่วคิดว่าท่านเทพรักอีสปอร์ตมาก บางทีถ้าเขาได้พบสมาชิกคนอื่นๆ ในทีม อาจจะนึกอะไรออกบ้าง ซึ่งเธอได้แจ้งให้คนสวยทราบแล้ว โดยคนสวยเองก็คิดว่านี่เป็นวิธีที่ดีที่สุด เธอรู้ดีว่าส่วนใหญ่ของชีวิตลูกเธอที่นอกเหนือจากอีสปอร์ตก็คือเพื่อนกลุ่มนี้ ลูกเธอไม่ค่อยอยู่บ้านนักหรอก


ป๋อจิ่วยิ่งรู้สึกว่า หากมองในบางด้าน สวรรค์ไม่เคยอ่อนโยนต่อชายหนุ่มเลย ขนาดเธอ ยังมีคุณตาพ่อบ้านอยู่ด้วย  ตอนเด็กๆ เธอคิดถึงเขา ก็ยังพูดกับคนอื่นได้  แต่จากนิสัยของเขา แม้จะคิดถึงเธอ ก็คงไม่มีใครให้พูดด้วย


ป๋อจิ่วหันมองมือที่มีข้อกระดูกชัด ไพ่ปรากฎในมือเขาอีกแล้ว เธอรู้ดีว่านี่คือการระวังตัว เป็นการระวังตัวจากสถานที่แปลกใหม่


จากนั้นมือถือดังขึ้นอีกครั้ง อันเป็นสายจากหลินเฟิง เธอจึงกดปุ่มรับสายแบบเปิดลำโพง “ฮัลโหล”


“ฮัลโหล แบล็ก กลับมาแล้วใช่ไหม?” เสียงของหลินเฟิงฉายความตื่นเต้น “อุว้าว เร็วกว่าที่ฉันคิดไว้อีกแฮะ หัวหน้าล่ะ?”


ป๋อจิ่วมองฉินมั่วแวบหนึ่ง เหมือนจะบอกว่า เขาถามถึงพี่ ก่อนจะยิ้มตอบ “พี่มั่วจะไปอยู่ที่ไหนได้ ต้องอยู่ข้างฉันสิ นายรู้ได้ไงว่าพวกเขากลับมาแล้ว?”


“ข่าวในอินเทอร์เน็ตไง พวกนายนี่รวยจริงวะ เล่นโรสลอยเลยเหรอวะ คนอื่นเขาก็ฮือฮากนทั้งนั้นแหละ มีแต่พวกเราที่ดู‘ของจริง’” หลินเฟิงหัวเราะเร่อร่า แสดงให้เห็นว่าเจ้าตัวกำลังดีใจ “ฉันเห็นแค่ด้านหลังของนายกับหัวหน้าก็รู้แล้วเว้ย”


ป๋อจิ่วได้ยินแล้วได้แต่กุมขมับ กระทั่งคนซื่อบื้ออย่าหลินเฟิงยังมองออก แล้วพวกแฟนคลับฉินมั่วจะต้องจำแผ่นหลังตระหง่านได้แน่ ยังดีที่คุณตาเก็บกวาดงานไว้เรียบร้อย ไม่ว่าใครก็ตามมาถึงที่นี่ไม่ได้


“ฉันจะบอกให้ทุกคนไปหาพวกนาย” หลินเฟิงพูดปุ๊บก็จะลงมือปั๊บ


ป๋อจ่อวมองดูฉินมั่วที่หันมามองแวบหนึ่งก็ตอบ “ไว้พรุ่งนี้เถอะ”


“พรุ่งนี้เหรอ?” หลินเฟิงขมวดคิ้ว ก็กลับมาแล้ว รีบเจอหน้ากันก็ยิ่งดีไม่ใช่เหรอ งานแข่งระดับเอเชียเริ่มนับเวลาถอยหลังแล้วนะ แล้วพวกเขาจะแข่งกันอย่างไร ต้องให้หัวหน้าเป็นคนวางแผนสิ


ป๋อจิ่วส่งเสียงรับรู้ พลางย้ำ “พรุ่งนี้” เธอเห็นอาการระแวงภัยของชายหนุ่ม อาการดังกล่าวบ่งชี้ว่าชายหนุ่มไม่ชอบ สำหรับคนที่สูญเสียความทรงจำ การจะให้เขายอมรับการตำแหน่งแห่งหนที่คนอื่นจัดวางให้ภายในวันเดียว ในบางแง่มุม มันถือเป็นเรื่องยาก


ป๋อจิ่วเองก็อยากให้ทุกคนได้เจอกันไวๆ แต่ดูเหมือนเธอจะละเลยไปว่า ท่านเทพต้องใช้เวลาในการยอมรับ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมทีมหรือกระทั่ง…เธอ


………………………………………..


ตอนที่ 1723-1 พี่มั่วอาบน้ำกับน้องจิ่ว


หลินเฟิงมองดูสายที่ถูกตัด รู้สึกหวั่นไหวในใจ ความหวั่นไหวที่ว่า เริ่มออกอาการพร้อมกับข่าวลือในอินเทอร์เน็ต


เหมือนอย่างที่ป๋อจิ่วว่านั่นแหละ แค่เห็นแผ่นหลังของทั้งสองก็มองออกแล้ว ซึ่งพวกแฟนคลับยิ่งรู้ดีกว่าแน่


ตอนแรกแค่ซุบซิบกัน แต่ไม่รู้ว่าทำไม จู่ๆ ก็ดังขึ้นมา ฝ่ายประชาสัมพันธ์ตามล่าหาตัวเฟิงอี้เพื่อคุยกันเรื่องนี้ว่า น่าจะมีคนควบคุมอยู่เบื้องหลัง ทว่าไม่หาตัวบริษัทดังกล่าวนั่นไม่เจอ ซึ่งมันน่าแปลก


โดยครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่เฟิงอี้ไม่สนใจ เขามองดูภาพในโลกออนไลน์ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาหัวเราะ “ผู้ช่วยสวี”


“ผอ.เฟิง” คุณผู้ช่วยคิดไม่ถึงว่าเฟิงอี้จะมองคนอื่นด้วยสายตาเช่นนี้


เฟิงอี้จุดบุหรี่ คีบไว้ในมือ “บางเรื่องเราจะเล่าให้แค่คนมีเหตุผลฟังเท่านั้น หลายๆ คนไม่เข้าใจว่าเขาต้องพยายามมากแค่ไหน กว่าจะเอาตัวฉินมั่วกลับมาได้ ฉะนั้นก็ช่างเถอะ ยังไงก็เอาคนกลับมาได้แล้ว”


ผู้ช่วยรู้สึกว่าท่านผอ.เฟิงแปลกไป เฟิงซ่างก็รู้สึกเช่นเดียวกัน พี่ชายของเขาต่างไปจากเดิมจริงๆ จิ้งจอกเฟิงที่ยิ้มต่อหน้าผู้คน แต่ไม่ยอมให้ใครเอาเปรียบทีมไดมอนด์ ทว่าเวลาลับหลังกลับสูบบุหรี่อย่างดุดัน ราวกับรู้ดีในบางเรื่อง แต่ไม่อาจแก้ไขได้


เฟิงซ่างถามคนอื่นๆ ด้วยน้ำเสียงติดๆ ขัดๆ แต่ก็ไม่ได้คำตอบกลับมา ทว่าเขากลับยินดีมากที่ได้เห็นภาพในโลกออนไลน์นั่น เขาและโคโค่ รวมถึงสมาชิกคนอื่นๆ ต่างรวมตัวแสดงความเริงร่าในแอคเคาท์เวยป๋อออฟฟิเชียล โดยแอดถึง แบล็กพีช Z กันยกใหญ่


บนโต๊ะอาหาร ป๋อจิ่วคิดหาวิธีที่จะให้ท่านเทพลองยอมรับคนภายนอก คิดไปคิดมา ก็ต้องหาหลักฐานที่เขาเชื่อ ถึงจะได้ผล คนอย่างท่านเทพเดิมก็ระแวงมากอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งหนักเข้าไปใหญ่


ด้วยเหตุที่กินหม้อร้อนต้องใช้เวลา ท่านเทพมองดูยัยเด็กที่ก้มหน้าก้มตาช้อนเนื้อแกะที่ลวกในน้ำซุปให้เขา ไม่รู้ว่าทำไมอาหารในปากถึงได้รสชาติดีเหลือเกิน


คุณตาพ่อบ้านเห็นแล้ว ได้แต่ร้องในใจว่า นายน้อยจูงเจ้าหญิงน้อยมาเอาอกเอาใจที่บ้านเรอะ? คุณชายฉินโตเสียขนาดนั้น ไม่รู้จักใช้ตะเกียบคีบมากินเองหรือไง?


คุณตาทำได้แค่ถอนใจยาว แต่รู้ดีว่า ความเป็นกุลสตรีที่ตัวเองเคยสอนสั่งนายน้อย น่ากลัวว่าจะถูกทิ้งเป็นขยะไปเสียแล้ว


“หม้อร้อนค่อนข้างมัน ในกามีน้ำชาอูหลงของจีนอยู่ นายน้อยจะดื่มที่นี่หรือไปดื่มที่โซฟา?” คุณตาคว้าร็อกเก็ตนาฬิกามาดู แม้จะอยู่ในเจียงเฉิง แต่บุคลิกความเป็นผู้ดีอังกฤษของคุณตาไม่เคยหลุดแม้แต่น้อย


 “ไม่เอาทั้งสองที่ หนูกับพี่มั่วจะกลับห้อง” ป๋อจิ่วหันไปกะจะดึงกระดาษทิชชูมาเช็ดมุมปาก กลับคาดไม่ถึงว่าเพียงแค่ขยับ ก็มีอะไรบางอย่างแปะที่หน้า ที่แท้เป็นนิ้วมือของท่านเทพที่ค่อยๆ ปาดมุมปากเธอด้วยท่าทีปกตินั่นเอง


เพื่อให้ท่านเทพเช็ดสะดวก ป๋อจิ่วจึงเงยหน้าหล่อๆ ของเธอขึ้น แถมยังไม่ลืมหยักยิ้มที่มุมปาก


ฉินมั่วเห็นเธอยิ้มแล้ว คิดอะไรขึ้นมาได้ เหยื่อคนนี้ทำไมถึงน่าเอ็นดูจัง…


…………………………………..

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม