Black Peach Z เดิมพันรักสาวแฮกเกอร์ 1666.3-1695.4

 ตอนที่ 1666-3


ภายในห้องพยาบาล  คุณหมอเห็นสายโทรเข้าก็กดดับแล้วยัดเข้ากระเป๋า เมื่อเดินผ่านห้องหนึ่งไป มุมปากของเขาก็ยกยิ้ม มองดูสายตำรวจที่แฝงเข้ามาแล้วดันกรอบแว่นบนหน้า


ต่อให้รู้ว่าห้องนี้มีปัญหาแล้วจะยังไง คนบางกลุ่มก็เป็นแบบนี้แหละ ในฐานะที่เป็นผู้สร้าง เขาก็แค่ดึงความเป็นตัวตนที่แท้จริงของพวกนั้นออกมา รีบวางแผนเรื่องทางนี้ให้เรียบร้อยดีกว่า จะได้กลับไปเจอกับคนทางโน้น ดูว่าเป็นใครกันแน่


ส่วนเรื่องอื่นๆ ก็ปล่อยให้เด็กคนนั้นไปทำ จะว่าไป เด็กนั่นก็ไม่เคยทำให้เขาผิดหวังมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการแต่งเรื่องหรือการชักจูงทางความคิด เด็กนั่นล้วนแต่ทำได้ไม่เลว พวกโง่ๆ ก็คิดแค่ว่าช่วงนี้โรงเรียนแห่งนี้กำลังเกิดปัญหาขึ้น ตลกเป็นบ้า!


เขาเลือกที่นี่เพราะมันเกิดปัญหามาตั้งนานแล้ว


สำหรับการค้นหาเด็กที่มีสัตว์ร้ายซ่อนในหัวใจ เขารู้ดีว่าพวกมันจะเกิดขึ้นในสภาพแวดล้อมแบบไหน และยิ่งเข้าใจดีว่ามันติดต่อระหว่างกันได้


การฟูมฟักทางความคิดเป็นระยะเวลานาน แถมด้วยปัจจัยภายนอกในปัจจุบัน จะทำให้มันระเบิดออกมา


คิงมั่นใจว่าสภาพแวดล้อมแบบนี้ เด็กผู้หญิงจะให้คนที่อ่อนแอกว่าคอยรับใช้ซื้อของให้ ดูเหมือนว่าทุกคนกำลังหัวเราะเฮฮากัน แท้จริงแล้วพวกหล่อนหัวเราะเยาะเด็กสาวที่เป็นคนอ่อนแอเท่านั้น


เด็กสาวเหล่านั้นผิดหรือ?


ผิดสิ แต่การกลายเป็นแบบนี้ ไม่ได้มาจากสาเหตุด้านเดียว


หากเทียบกับคนที่ชอบรังแกคนอื่น คิงชอบคนที่โดนรังแกแล้วไม่สู้กลับมากกว่า


ไม่สิ ต้องบอกว่า เขาชอบคนที่อยากสู้ แต่กลับถูกคนนอกเอะอะโวยวายจนทำเสียงเดิมเงียบหาย


พวกคนที่ชอบพูดเสียดสี แยกแยะถูกผิดไม่เป็นนี่แหละ เหมาะที่จะเป็นวัตถุดิบของเขา เพราะมันช่วยส่งเสริมซึ่งกันและกันให้เกิดขึ้น


“คุณหมออู๋ พรุ่งนี้ทางโรงเรียนจะฉายหนัง เห็นว่าขอเป็นหนังดีๆ สักเรื่อง หนังเรื่องที่แล้ว พวกนักเรียนชอบกันมา คุณมีหนังอะไรดีๆ บ้างไหม”


คิงหันมามอง ตอบอย่างสุภาพ มีสิครับ”


“งั้นก็เยี่ยมไปเลย!” อาจารย์ที่รับผิดชอบด้านการฉายหนังยิ้มขึ้น


ใช่สิ เยี่ยมมากเลยล่ะ ไม่ว่าจะเป็นเวลา สถานที่ ทุกอย่างเป็นเลิศอย่างเหมาะเจาะ


คิงก้าวเท้าเดินออกไป อาจารย์เห็นแผ่นหลังเขาแล้ว อดย่นหัวคิ้วไม่ได้ คุณหมออู๋เป็นหวัดเหรอ ทำไมวันนี้เดินเป๋ๆ ชอบกล แต่ อาจารย์ท่านนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพียงแต่มองเข้าไปในห้องเรียน และเห็นว่าเด็กใหม่ไม่ได้มาเรียน


ป๋อจิ่วไม่ได้ไปโรงเรียนจริง แต่ไปยังสถานที่หนึ่ง โดยสวมชุดนักเรียน เหวี่ยงกระเป๋าเข้าไหล่ข้างหนึ่ง กดออดประตูบ้านอย่างเป็นปกติ


“มาแล้ว มาแล้ว” คุณน้าคนหนึ่งเปิดประตูมาเห็นชุดบนร่างหนุ่มน้อย จึงตะลึงนิดๆ “หนูคือ?”


ป๋อจิ่วยิ้มโชว์เขี้ยวเสน่ห์ สดใสมาก แม้จะมีหยาดฝนเกาะเส้นผมก็ตาม “สวัสดีฮะ คุณน้า ผมเป็นเพื่อนร่วมห้องของหลีจิ่น อาจารย์เห็นว่าผมอยู่ใกล้ๆ ก็เลยให้ผมมาบอกเขาว่า พรุ่งนี้มีหนังให้ดู แล้วนี่หนังสือของเขาครับ”


คุณน้ากำลังสงสัยว่า ลูกตัวเองมีเพื่อนเพิ่มมาคนหนึ่งตั้งแต่เมื่อไร แต่ลูกเธอไม่ชอบพูด กระทั่งช่วงนี้ยังไม่ค่อยไปโรงเรียนอีกต่างหาก เดิมทีเธอว่าจะถามทางโรงเรียนอยู่เลย เห็นทีคงไม่ต้องไปแล้วล่ะ


“เสียวจิ่นออกไปแล้วจ้ะ อีกสักพักถึงจะกลับมา…” คุณน้าเป็นคนอ่อนโยน เห็นว่าด้านนอกฝนยังตกอยู่ ก็เอ่ยขึ้น “อากาศเดี๋ยวนี้เป็นอะไรก็ไม่รู้ เดี๋ยวก็แดดออก เดี๋ยวก็ฝนตก บ้านหนูอยู่ไกลไหมจ๊ะ?


ป๋อจิ่วไม่ตอบ แต่จามแทน แล้วบี้จมูก


จะว่าไป เด็กคนนี้เปียกฝนเพราะเอาหนังสือมาให้ลูกเธอ คุณน้าจะปล่อยให้จากไปอย่างนี้ได้ยังไง “หนูเข้ามาหลบฝนก่อนลูก เดี๋ยวฝนซาแล้วค่อยไป”


“ขอบคุณฮะ คุณน้า” เวลาป๋อจิ่วเป็นเด็กดีขึ้นมา ใครๆ ก็ชอบ แต่ครั้งนี้เธอเป็นเด็กดีแบบไม่บริสุทธิ์นัก…


………………………………………..


ตอนที่ 1667-1


ในห้องมีเพียงหลีจิ่นคนเดียวที่ขาดเรียน ไม่ว่าป๋อจิ่วจะเดาถูกหรือไม่ ขอแค่ได้พูดคุยกันสักนิด ก็น่าจะค้นอะไรเจอแล้ว หากหลีจิ่นมีปัญหาจริงๆ แค่คลำรากไปหาผล ย่อมต้องตามหาคิงตัวจริงเจอแน่…


“มากินน้ำก่อนสิ” คำเชิญของน้าคนนั้น ฉุดป๋อจิ่วให้ออกจากภวังค์ “น้ามีเรื่องจะถามหนูพอดีเลย”


ป๋อจิ่วเอ่ยพลางยิ้ม “ว่ามาเลยฮะ”


“เสียวจิ่นโดนเพื่อนในห้องรังแกหรือเปล่า?” น้าคนนั้นถามเสร็จก็รู้สึกเหมาะสม “ดูสิ น้าพูดอะไรลงไปก็ไม่รู้ แต่เด็กคนนี้ไม่ยอมไปเรียนอยู่นั่นแหละ น้าร้อนใจเลยไปถามอาจารย์ อาจารย์ก็บอกไม่ถูก ในละครทีวีชอบเล่นกันนักไม่ใช่เหรอว่า เด็กไม่ชอบไปเรียนก็มักเป็นเพราะโดนบูลลี่ทางความรู้สึก น้ากับพ่อของเขายุ่งมาก ทำให้ดูแลเขาได้ไม่ดี เขาเติบโตช้ากว่าเด็กคนอื่น แถมสุขภาพยังไม่ดีอีกต่างหาก เวลาไปเรียนก็ต้องไปห้องพยาบาลอยู่บ่อยๆ  วิ่งออกกำลังกายตอนเช้าก็วิ่งแล้ว น้าล่ะกลัวว่าเขามีเรื่องในใจ เดี๋ยวจะคิดไม่ตกเอา”


ป๋อจิ่วช้อนสายตามอง “ขอโทษนะครับ คุณน้า ผมเพิ่งย้ายเข้ามา ไม่ค่อยรู้เรื่องในห้องสักเท่าไร”


“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ น้าแค่ถามไปอย่างนั้นเอง” คุณน้าพูดยิ้มๆ “เดี๋ยวเจอเสียวจิ่นแล้ว อย่าบอกเขาล่ะว่าน้าเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง เดี๋ยวเขาจะโมโหเอา”


ป๋อจิ่วรับคำ คุณน้าจึงลุกขึ้น มองดูนาฬิกาอัตโนมัติ ป๋อจิ่วรู้สึกว่านัยน์ตาของอีกฝ่ายเจือความกลัว นี่เป็นบ้านของคุณน้าแท้ๆ ทำไมต้องกลัว? และแล้วป๋อจิ่วก็รู้ถึงเหตุแห่งความกลัวในเวลาไม่นานต่อจากนี้


เพราะมีผู้ชายเมากลับมา


ป๋อจิ่วคิดว่าการที่คุณน้าให้เธอเข้ามา ไม่ได้เพียงแค่หลบฝน แต่การที่มีคนมาเพิ่มอีกคน ส่งผลให้คุณน้าไม่ต้องกลัวมากนัก


“ทำไมบ้านถึงหนาวอย่างนี้” ชายคนนั้นเข้ามาก็อาละวาดด้วยเสียงดังฟ้าผ่า “บอกมาสิว่า แกทำอะไรบ้าง แค่ดูแลบ้านให้ดียังทำไม่ได้เลย ทุเรศชิบหาย”


คุณน้ารับของมาจากผู้ชายคนนั้น “ก็เครื่องกำลังความร้อนอยู่นี่คะ เพื่อนของเสียวจิ่นมาน่ะ”


เมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย ชายคนนั้นพลันกลืนคำสบถกลับ ทว่าสีหน้ายังดูไม่ค่อยดีสักเท่าไร ราวกับว่าจะต้องซ้อมใครสักคนก่อนถึงจะหายโมโห


“ข้าวล่ะ? ดึกขนาดนี้แล้วยังไม่ทำกับข้าวอีก แกคิดจะทำให้คนหิวตายเหรอวะ?” ผู้ชายคนดังกล่าวกดเสียงพูดให้ต่ำลง แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น ป๋อจิ่วก็ยังได้ยินอยู่ดี


คุณน้าพูดเสียงเบา “ลูกยังไม่กลับมาเลย เดี๋ยวรอให้เขากลับมาก่อนแล้วค่อยกิน ดูสิ เรามีแขก…”


“นั่นมันลูกแก ไม่ใช่ลูกข้าเว้ย” ป๋อจิ่วได้ยินคำพูดสุดท้ายไม่ชัด คงเพราะทั้งสองต่างรู้ว่าไฟในอย่านำออก


ตอนที่ป๋อจิ่วมาที่นี่ก็เช็คประวัติของหลีจิ่นมาแล้ว จึงรู้ว่าแม่เขาแต่งงานใหม่ แต่ก่อนที่จะมาถึง เธอคิดไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ยิ่งคิดไม่ถึงว่า สภาพครอบครัวของเขาจะวุ่นวายกว่าที่เธอคาดเดาไว้เสียอีก


ท่านเทพเคยพูดไว้ว่า ทุกคดีที่เกิดขึ้น ล้วนแต่สะท้อนความต้องการทางจิตใจของผู้ร้าย


ป๋อจิ่วลองใช้วิธีของท่านเทพวิเคราะห์คนคนหนึ่งอย่างคร่าวๆ


แน่ล่ะ เธอย่อมไม่สามารถวิเคราะห์สภาพจิตใจคนผ่านพฤติกรรมพวกเขา จนเลยไปถึงการประเมินถึงอายุ อาชีพและความชอบส่วนบุคคลได้เหมือนท่านเทพ


แต่การพยายามพิสูจน์ว่าตัวเองเจ๋งแค่ไหนผ่านโลกออนไลน์ ก็ยิ่งแสดงว่าคนคนนั้นอ่อนแอมาก ด้วยเหตุผลง่ายๆ ยิ่งคุณครอบครองของไว้มากมายก็จะไม่อวดใคร ถือว่าเป็นงานทำเล่นๆ ในยามปกติ และคนที่ไม่มีจะยิ่งชอบอวดกลุ่มเพื่อน เพื่อให้คนอื่นเห็น มันถือเป็นเรื่องที่เห็นได้โดยทั่วไป การใช้มุมมองนี้วิเคราะห์เรื่องดังกล่าว ถือว่าเหมาะสมที่สุด


หากดูจากพฤติกรรมคิงหุ่นเชิดคนนี้ เขาชอบควบคุม ทั้งยังรู้ว่าจะต้องใช้วิธีใดทำให้เจ็บปวดโดยไม่ต้องถูกทำร้ายร่างกาย แสดงว่าเขาเคยมีประสบการณ์มาก่อน หลี่จิ่นน่าจะเป็นคนแรกในห้องที่โดนรังเกียจ แต่กลับมีคนกลบเสียงต่อสู้ของเขา ไม่เพียงแต่ในโรงเรียน ยังรวมถึงครอบครัว บวกกับการจำใจต้องยอมรับในเคราะห์กรรมที่ประสบ จนค่อยๆ กลายเป็นความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจและยโสในตัวเอง เขาสามารถออกคำสั่งบงการในโลกไซเบอร์ได้ แต่กลับไม่มีใครเห็นหัวเขาในชีวิตแห่งความเป็นจริง


…………………………………..


ตอนที่ 1667-2


หากจะบอกว่า ก่อนหน้านี้ป๋อจิ่วไม่ค่อยเชื่อในข้อสันนิษฐานของตัวเอง แต่เมื่อได้เห็นสภาพครอบครับของเขาในเวลานี้ เธอมั่นใจว่าต้องเป็นเขาแน่  ท่าทางพ่อเลี้ยงของเขาก็น่าจะชอบใช้ความรุนแรง


ป๋อจิ่ววิเคราะห์สถานการณ์ตรงหน้าอย่างสงบและแยบยล น่าจะเป็นเพราะอยู่กับใครคนหนึ่งมานานจนได้รับอิทธิพลจากเขา หากเป็นป๋อจิ่วในอดีตน่ะเหรอ ไม่น่าจะวิเคราะห์ได้มากขนาดนี้หรอก


ป๋อจิ่วเดาไม่ผิดหรอก คุณน้าไม่ไม่อยากให้เธอเดินจากไปจริงๆ  เพราะกว่าจะมีแขกเข้าบ้านได้ก็ไม่ง่ายแล้ว แถมสามีเธอยังสำรวมอาการได้อีกต่างหาก ด้วยเหตุนี้ เดี๋ยวเสียวจิ่นกลับมาก็จะไม่โดนด่าทออีก เพราะสามีเธอเป็นคนรักหน้า ดังนั้นป๋อจิ่วยังไม่ทันลุกขึ้นมากล่าวลา คุณน้าก็ชิงเอ่ยขึ้นเสียก่อน “เมื่อกี้คุณน้าผู้ชายบอกว่าข้างนอกฝนตกหนัก อีกห้านาทีเสียวจิ่นก็กลับมาแล้ว หนูไปนั่งรอเขาที่ห้องก่อนดีกว่า แล้วกินข้าวเย็นด้วยกัน จะได้ช่วยติวให้เสียวจิ่นด้วย”


“ไม่ต้องหรอกครับ คุณน้า” ป๋อจิ่วเพิ่งจะพูดออกมาเอง


สามีเธอก็เดินเข้ามาหาด้วยกลิ่นเหล้าคุ เอ่ยให้เธออยู่ต่อ เหมือนอย่างที่คุณน้าคิดนั่นแหละว่า เขารักหน้าตัวเอง แต่สายตาของเขาที่มองคุณน้ากลับดุร้ายมาก แม้ว่าจะยืนอยู่ตรงนี้ ป๋อจิ่วก็รู้สึกถึงความกลัวของผู้หญิงคนนี้ คุณน้าสั่นน้อยๆ แต่กลับยืนข้างสามีเหมือนเป็นเจ้าของบ้านฝ่ายหญิงที่รักความสงบ


ป๋อจิ่วจึงไม่ปฏิเสธ หากได้ไปอยู่ห้องเขาย่อมต้องหาอะไรเจอแน่ ทั้งนี้เธอเคยดูหนังที่เกี่ยวกับความรุนแรงในครอบครัวเรื่องหนึ่ง เข้าใจดีกว่าการที่ต้องดำรงชีวิตครอบครัวอย่างนี้ต่อไป ส่วนใหญ่เป็นเพราะฝ่ายหญิงไม่อยากเลิก


ในประเทศจีน การแต่งงานสำคัญสำหรับผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย พวกเธอล้วนแต่ใฝ่ฝันที่จะได้แต่งงานกับเจ้าชายขี่ม้าขาว แล้วใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ทว่าปัญหาบางอย่างค่อยๆ เผยออกมา พวกเธอค้นพบว่าผู้ชายที่ตนเองชอบ กลับไม่เหมือนอย่างที่คาดคิดไว้


เขาไปชอบคนอื่น บางครั้งก็เป็นเพราะสิ่งแวดล้อมภายนอกยั่วเย้า บางครั้งก็ต้องการหาอะไรตื่นเต้นเพราะรู้สึกเครียด บางครั้งก็เพราะสาวๆ ข้างนอกยังอ่อนเยาว์ พวกเขามักรู้สึกว่าผู้หญิงเหล่านั้นเป็นดอกไม้แสนสวย แต่พวกเธอเป็นแค่อีแก่หนังยาน ถึงขั้นทุบตีพวกเธอ เมาเหล้าก็ซ้อมพวกเธอ อารมณ์ไม่ดีก็หาเรื่องทำร้ายเธอระบายอารมณ์


ตอนแรกๆ พวกเธอจะรับไม่ได้ เพราะไม่ใช่ชีวิตที่พวกเธอปรารถนา จากนั้นก็จะมีหลายๆ คนออกมาเตือนว่า เธอต้องทนนะ ต้องอดทนให้มากๆ ต่อให้ไม่ได้ทำเพื่อตัวเองก็ต้องทำเพื่อลูก จะหย่าไม่ได้ เพราะพอเธอหย่า คนอื่นๆ ก็จะว่าเธอได้ แล้วลูกเธอจะทำยังไง? พวกเธอจึงต้องอดกลั้นไว้ และผู้ชายที่ขอให้เธออภัยให้ก็จะยิ่งไม่ถนอมค่าของเธออีกต่อไป


เมื่อเวลาล่วงเลยนานขึ้น คุณอาจจะคุ้นเคยต่อวิถีชีวิตแบบนี้ พอมีคนแนะให้คุณไม่ยอม บางครั้งคุณยังตำหนิว่าเขามายุ่งเรื่องคนอื่น เพราะคุณแค่อยากให้สามีดีต่อตัวเองบ้าง ไม่ได้อยากเลิกกับเขาเสียหน่อย


นี่แหละก็คือส่วนหนึ่งของครอบครัวที่ใช้ความรุนแรง เพราะไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คนที่โดนซ้อมจนบาดเจ็บมากแค่ไหนก็เป็นเมียตัวเองอยู่ดี แล้วจะทำไม? จะมายุ่งอะไรกับเมียชาวบ้านเหรอ? ก็เขายินดีให้ฉันซ้อมนี่!


ประโยคเหล่านี้ได้ยินกันบ่อยในศาล ผู้ชายแบบนี้ชั่วช้าสารเลวไหม แน่นอน แต่ที่น่าตลกก็คือ หากมีผู้หญิงคนไหนไม่ยินยอม ต่อสู้จนถึงชั้นศาล คนบางกลุ่มก็จะเสนอหน้ามาวิจารณ์อย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไรด้วย


…………………………………..


ตอนที่ 1667-3


“ฟ้องกระทั่งผัวแท้ๆ ของตัวเอง ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้คิดยังไง”


“ก็แค่ผัวไปหาความสุขเล็กๆ น้อยๆ ข้างนอกเอง เด็กมันยั่ว ไปเอาเรื่องกับมันก็พอ ชีวิตเรายังต้อดำเนินต่อไป จะมาทะเลาะกับผัวตัวเองทำไม เป็นผู้หญิงต้องหัดฉลาดเสียบ้าง”


“โดนตบเล็กๆ น้อยจะเป็นไรไป ก็ตัวเองขี้เกียจทำมาหากินเองนี่ เชื่อเขาเลย”


ปกติแล้ว ผู้หญิงด้วยกันนี่แหละที่พูดแบบนี้ แต่ที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือความรุนแรงในครอบครัวเป็นสิ่งที่เสพติดได้ เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า ผู้หญิงก็จะไม่อาจไปจากผู้ชายที่ทำร้ายเธอ นี่เป็นความรู้ทางด้านจิตวิทยา ภาพที่บรรยายออกมาดูจะน่ากลัว แต่มันก็เป็นเรื่องจริง


พวกชั่วๆ ชอบกระแทกแดกดันคนอื่น และกลับขาวให้เป็นดำนั่นแหละ ที่เป็นคนเพาะพันธุ์ชั่วตัวจริงเสียงจริง


ในบางด้าน โลกของเราก็ช่างยุติธรรม คุณเป็นคนอย่างไร ย่อมจะดึงดูดคนอย่างนั้นให้เข้ามาหา หากมีคนให้คุณอดทนต่อพวกที่ละเมิดหลักการพื้นฐาน ก็ให้พวกเขาไปอดทนเอาเอง  จริงอยู่ที่ความรักสวยงามมีอยู่จริง แต่คุณต้องคัดกรองออกมาให้ได้ก่อนว่า ผู้ชายคนนั้นเป็นคนดีของแท้


เมื่อเห็นสองคนนั้นปฏิบัติต่อกันแล้ว ป๋อจิ่วรู้ทันทีว่า คุณน้าไม่มีวันแยกทางกับสามีและไม่ยอมขอหย่าด้วย เพราะแววตาของคุณน้าที่มองสามี นอกจากจะแฝงความกลัวแล้ว ยังเจือปนความหวังอีกต่างหาก


ป๋อจิ่วคิดว่านี่แหละเป็นสาเหตุที่ทำให้สภาพจิตใจของหลีจิ่นมีปัญหา เพราะไม่มีลูกคนไหนอยากเห็นแม่ตัวเองโดนทำร้ายร่างกาย หากตอนเด็กๆ คุณอาจเจ็บใจโกรธแค้นตัวเองที่อ่อนแอ แต่ก็กลัว คุณกลัวจนไม่กล้าจะยื่นมือไปช่วยฉุดชะตาชีวิตแม่คุณให้ดีขึ้น คิดแต่จะถอยหนีอย่างเดียว รอจนเมื่อคุณโตขึ้น คุณก็จะระเบิดอารมณ์ต่ออดีตในวัยเด็กของตนว่า “ทำไมถึงไม่หย่า”


แต่กว่าจะถึงวันนั้น ทุกอย่างก็สายไปเสียแล้ว เด็กที่ถูกเลี้ยงดูในครอบครัวที่บิดเบี้ยว มักจะอ่อนไหวง่าย ซึ่งแม้ว่าเงื่อนไขทางบ้านจะดีแค่ไหนก็หนีไม่พ้น


ป๋อจิ่วไม่กลัวพวกใช้ความรุนแรง เพราะฝีมือการต่อสู้ของเธอไม่เคยแพ้ใคร กังวลก็แต่หลีจิ่นที่เก็บทุกอย่างไว้ในใจ จะล้างมือเปื้อนเลือดได้อย่างนิ่งเงียบ แล้วหาเป้าหมายรายใหม่


หากเป็นเช่นนั้นจริง การมาเยือนของเธอในวันนี้ อาจทำให้เขาจับพิรุธได้


ป๋อจิ่วชะงัก เดิมคิดจะวางตารางที่หยิบออกมาดูไว้ข้างๆ  เธอจำต้องระวังตัวสักหน่อย ผู้ชายคนนี้ศึกษาด้านการวางโปรแกรม แล้วก็…จิตวิทยาด้วย


สองแขนงวิชาที่ว่าล้วนแต่สุดยอด โดยเฉพาะอย่างหลัง


เวลานี้แค่คิดถึงคำว่าจิตวิทยา หัวใจของเธอก็เต้นช้าลง จะให้คนอื่นจับสังเกตไม่ได้ว่าหนังสือสองเล่มนี้มีร่องรอยคนเปิดมาก่อน


ป๋อจิ่วหยิบออกมายังไง ก็ใส่กลับคืนไปอย่างนั้นด้วยวิถีมืออาชีพ เธอแค่อยากดูว่าในคอมพิวเตอร์นั่นมีเบาะแสอะไรบ้าง จึงเปิดเครื่องซีพียู แล้วบังเอิญเห็นวันที่บนปฏิทินซึ่งแขวนบนกำแพงที่ถูกวงกลมด้วยปากกาสีแดง ถึงกับย่นหัวคิ้ว


วันที่ 26?


ก็พรุ่งนี้ไม่ใช่เหรอ?


………………………………………………


ตอนที่ 1668-1


ป๋อจิ่วขยับตัว กะเดินเข้าไปดูใกล้ๆ ทว่าเสียงบิดลูกบิดประตูพลันดังขึ้นแผ่วเบาจากด้านหลังของเธอ


ห้วงเวลานั้นป๋อจิ่วรีบปิดหน้าจอทันที จากนั้นละมือหนึ่งมาปิดเครื่องซีพียู ส่วนมืออีกข้างถือโทรศัพท์ไว้ แล้วพิงโต๊ะหนังสืออยู่อย่างนั้น


หลีจิ่นเข้ามาก็เห็นเธอในสภาพดังต่อไปนี้ ป๋อจิ่วก้มศีรษะเล็กน้อย ขยับนิ้วนิดๆ เส้นผมสีดำปรกลงมาปกคลุมนัยน์ตาเธอพอดี ทำให้ดูเท่เหลือเกิน ทั้งยังได้ยินเสียงเอฟเฟกต์เป็นระยะๆ


ที่แท้ก็เป็นเสียงเกมที่กำลังดังอยู่ในช่วงนี้


หลีจิ่นรู้ดีว่าคนรอบตัวเขาล้วนแต่เล่นเกมดังกล่าว เขาเงยหน้าขึ้นมองป๋อจิ่ว แล้วหันไปมองชั้นวางหนังสือตัวเอง ราวกับสำรวจว่ามีใครมารื้อค้นห้องตัวเองหรือเปล่า รวมถึงยังคอยดูว่าจะมีใครค้นพบตัวตนของเขาหรือไม่


หลีจิ่นมีหน้าตาสุภาพขาวสะอาดราวกับยังเติบโตไม่เต็มที่ เขาไม่สูงสักเท่าไร แต่คงเพราะพักผ่อนไม่เพียงพอ จึงเห็นรอยคล้ำรอบดวงตา


แววตาของเขาขรึม แต่ไร้ชีวิตชีวา เหมือนเป็นเพราะมักนอนดึกและอาหารการกินไม่เพียงพอ ทั้งยังเงียบขรึมมากจนทำให้คุณรู้ทันทีว่าเขามักโดนคนรังแก


ป๋อจิ่วเสมือนหาเวลาเงยหน้าขึ้น งับอมยิ้มไว้ในปาก พอเห็นคนเข้ามาก็ยืดตัวอย่างไม่เหมือนคนระมัดระวังตัว “หลีจิ่น? เอ่อ คือข้างนอกฝนตกอ่ะ คุณน้าเลยให้ฉันมารอในนี้”


หลีจิ่นเงียบ แต่สำรวจความไม่เป็นธรรมชาติของอีกฝ่าย จากนั้นขนตาก็ปรกลงมา ทำให้เห็นอารมณ์เขาไม่ชัด


ป๋อจิ่วมองดูนอกหน้าต่าง “ฝนยังตกอยู่ใช่ป่ะ? ถ้าไม่ตกแล้ว ฉันจะได้กลับบ้าน”


“ยังตกอยู่” หลีจิ่นตอบ


ป๋อจิ่วหัวเราะ “งั้นฉันคงต้องหลบฝนในห้องนายแล้วล่ะ”


ผู้ชายคนนี้กำลังโกหก ไม่มีเสียงฝนแล้ว จะบอกว่ายังตกอยู่ได้ไง


ป๋อจิ่วเอนตัวเหมือนเดิมอย่างไม่กระโตกกระตาก เธอจิ้มหน้าจอมือถือ บังคับตัวละครในเกมพลางเอียงคอถาม “นายเล่นป่ะ? เรามาเล่นเปิดไมค์กันไหม?”


“ไม่” หลีจิ่นนั่งหน้าคอมพิวเตอร์เหมือนไม่ใส่ใจ แต่จริงๆ แล้วกำลังตรวจสอบอยู่


ป๋อจิ่วเก็บทุกรายละเอียดไว้ในสายตา ทำตัวเหมือนพวกบ้าเกม ทั้งยังเปิดเสียงด้วย  “สู้ที่เลนบนแล้วถอยกลับ อย่าเดินอย่างนั้น อ้อมทาง…”


หลีจิ่นได้ยินเสียงที่ว่า ก็พับปิดปฏิทินที่แขวนบนกำแพง ก่อนจะหันไปหาป๋อจิ่ว ซึ่งเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังเล่นเกม จึงไม่พูดอะไร จนกระทั่งเสียงขว้างจานแตกดังขึ้นจากด้านล่าง


ป๋อจิ่วเงยหน้าพรวด ทำตัวเหมือนเป็นแขกธรรมดาๆ สาวเท้าไปยังหน้าประตู “เกิดอะไรขึ้นที่ห้องครัว”


หลีจิ่นยังคงเงียบดังเดิม ราวกับชินเสียแล้ว


ป๋อจิ่วยังสงสัยว่า เขาจะแสดงอารมณ์อื่นใดออกทางสีหน้าบ้างหรือเปล่า


ไม่มี  นอกจากยืนนิ่งๆ สีหน้าของเขาไม่บ่งบอกอารมณ์ใดใด แม้ว่าเสียงนั่นจะดังขึ้นเรื่อยๆ ก็ตาม


เสียงทะเลาะเบาะแว้งดังเข้าหูอย่างชัดเจน “แค่ถือจานกับข้าวก็ถือดีๆ ไม่เป็นหรือไง? แกทำอะไรเป็นบ้า สวะเอ๊ย ยังเอาของแถมเข้าบ้านอีกด้วย”


“อย่าพูดอย่างนั้น ในบ้านมีแขก…” คุณน้าพูดเสียงเบา


สามีเธอสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ หันหน้ามาเห็นป๋อจิ่วกับหลีจิ่นพอดี เขาจัดแจงคอเสื้อ คงเพราะไม่อยากขายหน้าต่อคนนอก จึงเดินขึ้นชั้นบนไปในสภาพกลิ่นเหล้าหึ่งเต็มตัว


ป๋อจิ่วคิดว่าตัวเองควรต้องกระอักกระอ่วน จึงยืนอึ้งอยู่กับที่ สมกับสถานะของแขก โดยเลิกเล่นเกมอีกด้วย


หลีจิ่นเดินตรงไปหาแม่ เอ่ยเสียงเรียบ “เขาตีแม่อีกแล้ว”


…………………………………..


ตอนที่ 1668-2


“เสียวจิ่นพูดเหลวไหลอะไรของลูก” คุณน้ามองลูกตัวเองแวบหนึ่ง ราวกับจะสื่อว่ามีแขกอยู่ด้วย “พ่อของลูกแค่อารมณ์ไม่ดี แถมไปดื่มมา ก็เลยเสียงดังไปหน่อย”


หลีจิ่นมองคนเป็นแม่ด้วยสีหน้ากระด้าง “เดือนหนึ่งต้องมียี่สิบสี่วันที่เขาเมาเหล้า หมายความว่าในยี่สิบสี่วันนี้ แม่ต้องโดนซ้อม”


คนเป็นแม่รีบพูด “เขาแค่ดื่มเหล้า แต่ถ้าไม่ดื่ม เขาก็…”


“เขาก็เป็นคนดีจริง ๆ” หลีจิ่นขัดจังหวะ “แค่ชอบด่าว่าแดกดันผมบนโต๊ะกินข้าว”


แม่รีบดึงแขนเสื้อลูก เพื่อห้ามไม่ให้พูด


ตอนที่


หลีจิ่นหลุบตาลงมองคนตรงหน้า “ขนาดนี้แล้วแม่ยังไม่หย่าอีกเหรอ?”


แม่ไม่พูด ใช่ว่าเธอไม่เคยคิดเรื่องหย่า แต่เพราะกังวลหลายเรื่อง ยิ่งเวลาที่เขาไม่ดื่มก็จะดีต่อตัวเองมาก


“ท่าทางแม่คงชอบโดนซ้อม” หลีจิ่นพูดขึ้นด้วยสภาพหลากหลายอารมณ์ปรากฏในแววตา ทั้งชิงชัง เวทนา หวาดกลัว รับทนไม่ไหว รวมถึงความโหดที่ยากจะเห็นชัด


เสียง ‘ปัง’ ดังขึ้น ประตูถูกปิด ในห้องรับแขกจึงเหลือเพียงป๋อจิ่วและคุณน้า บรรยากาศนิ่งสนิท เศษจานแตกกระจายยังคงเละอยู่บนพื้น


“น้ามันใช้ไม่ได้จริงไหม” คุณน้าปิดหน้า คงเพราะไม่มีใครอยากให้ลูกเกลียดตัวเอง แต่เธอมองเห็นความไร้ค่าของตนเองจากสายตาของคนเป็นลูกได้ชัดแจ้ง


ป๋อจิ่วอยากบอกเหลือเกินว่า ไม่ใช่ใช้ไม่ได้หรอก แค่เห็นแก่ตัวแล้วก็อ่อนแอเท่านั้นเอง เห็นแก่ตัวตรงที่ไม่คิดจะหย่า กลัวว่าจะสูญเสียความเป็นอยู่ในเวลานี้ เพราะต้องการให้ผู้ชายอยู่ด้วย แต่เอาลูกมาอ้าง พวกที่ทำแบบนี้มักจะอ้างว่าเห็นแก่ลูกหรือว่าอ้างว่าเป็นเพราะรัก ซึ่งเหตุผลแบบนี้นี่แหละที่ทำร้ายคนอย่างรุนแรง เพราะจริงๆ แล้วพวกเขาไม่ได้ทำเพื่อคนอื่น นอกจากตัวเอง


แต่ละคนต่างมีวิธีจัดการไม่เหมือนกัน หากเธอเป็นหลีจิ่น ขอแค่ไอ้บ้านั่นลงมือ เธอจะอัดมันให้น่วม


ตอนเรียนประถม เราอาจจะไม่มีแรงสู้ ทว่านี่เรียนถึงมัธยมปลายแล้ว แววตากลับแฝงความกลัว กะอีกแค่ก้าวไปสู้ยังไม่กล้า แต่พอมาอยู่ต่อหน้าแม่ตัวเองกลับทำเป็นก๋า


ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวของหลีจิ่นขัดกันมาก ทั้งๆ ที่ดูอันตราย แต่กลับอ่อนแอไร้ความสามารถ


คงเพราะสภาพแวดล้อมที่บ่มเพาะมาเป็นเวลานาน


แต่ป๋อจิ่วกลับรู้สึกว่าจะต้องมีเรื่องเกิดขึ้นแน่ คำพูดที่หลีจิ่นพูดออกมาเมื่อครู่ แสดงให้เห็นว่าคำตอบของคนเป็นแม่ส่งผลให้เขาตัดสินใจที่จะทำอะไรสักอย่าง


เขาจะทำอะไรกันนะ?


ป๋อจิ่วหลุบตาลง


คุณน้าเห็นเธอไม่พูดอะไร ก็เช็ดน้ำตาพลางว่า “เมื่อกี้น้าพูดอะไรกับหนูไปนะ ขอโทษด้วย อุตส่าห์เอาหนังสือมาให้เสียวจิ่น แต่กลับต้องมาเห็นอะไรก็ไม่รู้”


ป๋อจิ่วรีบส่ายหน้าพลางละล่ำละลักว่าไม่เป็นไร แล้วเอ่ยย้ำ “ฝนข้างนอกหยุดตกแล้ว คุณน้าครับ ผมกลับก่อนนะครับ คุณน้าอย่าคิดมากเลย…”


อีกห้องหนึ่งที่คั้นกลางด้วยประตู


หลีจิ่นฟังเสียงความเคลื่อนไหวด้านนอกด้วยแววตากระด้างขึ้นเรื่อยๆ ผมหน้าม้าดกหนาบดบังนัยน์ตาเขาไว้ ประกายแสงโผล่แวบๆ จากหางตาของเขา


วินาทีถัดมา เขาคว้ามือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง แล้วพิมพ์ออกไป “เด็กใหม่เป็นคนยังไง?”


…………………………………………………


ตอนที่ 1669


ไม่นาน มือถือของเขาก็ส่งเสียง “เด็กที่ย้ายเข้ามาใหม่? เก่งนี่ อยู่ในกลุ่มวีแชทแล้ว”


หลีจิ่นมองดูข้อความที่ตอบกลับ ก็พิมพ์คำสั้น ๆ “เหรอ?”


“คิงกลัวว่าเขาไม่ชอบมาพากลเหรอ?” พวกผู้หญิงในชั้นเรียนต่างนับถือหลีจิ่นเป็นคิง แค่พวกเธอไม่รู้ว่าคิงมีหน้าตาเป็นอย่างไร


หลีจิ่นมองดูคอมพิวเตอร์ของตัวเอง พิมพ์ช้าลง “ดูเหมือนเขาจะกระตือรือร้นอยู่นะ?”


“ก็ใช้ได้ เมื่อกี้อาจารย์ให้เอาข้อมูลไปให้หลีจิ่น เขาก็ไม่ว่าอะไร”


หลังจากที่เห็นชื่อตัวเองบนหน้าจอ มุมปากของหลีจิ่นแฝงความเย็นกระด้าง “ในเมื่อเป็นอย่างนี้ งั้นก็ให้เขากลายเป็นโจ๊กเกอร์ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นตันไปเถอะ”


เขาเกลียดที่คนอื่นเห็นเขาในสภาพทุเรศทุรังเป็นที่สุด เขาไม่ลืมหรอกตอนที่คนพวกนั้นมันแกล้งเขาหรอกว่า ความรู้สึกที่ถูกผลักศีรษะชนกำแพงมันเป็นอย่างไร


ต่อมา เขาจึงสังเกตเห็นว่าคนพวกนี้ชอบอยู่เป็นกลุ่ม ไม่เพียงแค่การเกาะติดกันเท่านั้น ยังจะหลับหูหลับตาทำตามคนอื่นอยู่ร่ำไป ขอแค่มีใครสักคนที่รังแกได้ พวกนั้นก็จะแห่แหนกันมาถล่ม


หลี่จิ่นจำได้ว่าตอนที่เขาบันทึกหลาย ๆ อย่างในมือถือแล้วมอบให้อาจารย์ อาจารยจึงเรียกผู้ปกครองของทั้งสองฝ่ายมาพบ


แต่เพราะพ่อของฝ่ายตรงข้ามเป็นข้าราชการตำแหน่งเล็ก ๆ ในตำบล พ่อเลี้ยงเขาจึงตบหน้าเข้าเปรี้ยง ส่วนแม่ก็เอาแต่พร่ำขอโทษอีกฝ่าย จากนั้นเขาก็ถูกพวกเพื่อน ๆ กระทืบหนักขึ้น พวกมันยังถอดกางเกงเขาจนเขาไม่ไปโรงเรียนอีก แต่ใช้อีกสถานะหนึ่งเข้าใกล้พวกมัน


พวกมันแต่ละคนอยากให้คนอื่นสนใจตัวเองทั้งนั้น งั้นเขาจะให้พวกมันสมใจอยาก


จากนั้นพวกมันแต่ละคนเริ่มชอบเปรียบเทียบ กลับขาวให้เป็นดำ โกหกตอแหลจนเป็นชีวิตประจำวัน ไม่ว่าฐานะครอบครัวเป็นอย่างไร ก็ใส่ชุดแบรนด์ดัง ขอแค่ชอบใคร คน ๆ นั้นต้องเป็นของตัวเอง คนอื่นมาเอาคืนก็หาว่าเขาใจแคบ ถือว่าการไม่มีศีลธรรมเป็นเกียรติยศที่น่าภูมิใจ


คนแบบนี้ หลอกใช้ง่ายจะตาย


จนถึงเวลานี้ หลีจิ่นกุมจิตใจของพวกมันไว้ในอุ้งมือได้แล้ว ถึงได้มีคำว่าโจ๊กเกอร์อย่างไรล่ะ


ใครที่กลายเป็นโจ๊กเกอร์ จะต้องถูกคนทั้งห้องรังเกียจ


คนที่หลีจิ่นเลือกในตอนแรก ๆ ล้วนแต่ถูกใจพวกนั้นกันหมด พวกมันเหม็นขี้หน้าคนคนนั้นจนอยากจัดการมาตั้งนานแล้ว แต่กลับติดที่สถานะของมัน เขาเลยส่งไพ่โจ๊กเกอร์ให้


แต่ละคนต่างหลีกเลี่ยงไม่ให้ตัวเองกลายเป็นโจ๊กเกอร์ แต่ไม่คิดจะออกจากกลุ่ม เพราะเสพติดกับความเป็นพรรคเป็นพวก


ครั้งนี้ที่เลือกเด็กใหม่ก็มาจากการตัดสินใจกะทันหัน


แม้ว่าตัวเขาจะไม่มีปัญหา ของในห้องของตนก็ไม่เคยมีใครมาแตะต้อง แต่เขาก็ยังเกลียดที่มีคนโผล่ออกมาทำลายสิ่งค้ำจุนที่มีมานาน


ป๋อจิ่วเดาออกว่าตัวเองโดนเล็งเข้าให้แล้ว จะว่าไป หลีจิ่นก็เยือกเย็นมาก เธอเดินหน้าต่ออย่างไม่ตื่นตูม แค่ถูกเล็ง ไม่ได้ถูกเปิดเผยสักหน่อย


ฝั่งของหลีจิ่นเองก็ไม่ได้สงสัยเธอสักหน่อย คนที่ทางตำรวจส่งมา ย่อมไม่คิดจะตรวจสอบเด็กมัธยมอยู่แล้ว ต่อให้ตรวจสอบ ก็คิดว่าเขาเป็นเพียงเหยื่อเท่านั้น ส่งผลให้หลีจิ่นมีเวลาพอที่จะทำอะไรบางอย่าง


ว่าแต่หลีจิ่นรู้จักคิงได้ยังไง? แล้วใช้วิธีไหนในการติดต่อสื่อสารกับฝ่ายนั้น


เรื่องนี้สำคัญมาก หากทั้งสองประเด็นถูกไขจนลุล่วง ก็จะสืบเจอว่าคิงเป็นใครกันแน่…


ป๋อจิ่วกำพวงมาลัยด้วยมือข้างหนึ่ง หน้าหล่อ ๆ ของเธอหันไปนิดหน่อย ไล้นิ้วหนัก ๆ บนเรียวปาก อันเป็นความเคยชินประจำตัวในทุกครั้งที่ใช้ความคิด


ทันใดนั้น เธอก็หยุดมือ นึกถึงคำพูดของคุณน้าคนนั้น


……………………………………………


ตอนที่ 1670-1


 ‘น้ากับพ่อเขายุ่งมาก เลยไม่ค่อยได้ดูแลเขา ทำให้เขาโตช้ากว่าเด็กคนอื่น สุขภาพก็ไม่ดี เวลาเรียนก็ต้องไปห้องพยาบาลบ่อยๆ  วิ่งตอนเช้าก็วิ่งไม่ไหว น้ากลัวว่าเขาเก็บปัญหาไว้ในใจ อาจคิดสั้น’


ห้องพยาบาล ป๋อจิ่วนั่งตัวตรง วางมือข้างหนึ่งไว้บนคีย์บอร์ด แล้วรัวพิมพ์อย่างสวยงาม


เธอรู้สักทีว่า ทำไมคุณหมอที่ห้องพยาบาลนั่นเข้าใกล้เธอทีไร เธอเป็นต้องได้กลิ่นคุ้นจมูกจากตัวเขาอยู่เรื่อย เพราะมันเป็นกลิ่นยาที่ใช้สำหรับดองศพไงล่ะ เขาต้องไม่ใช่หมอธรรมดาๆ! ทุกอย่างมีคำอธิบายชัดเจนว่า ทำไมตอนที่คุยกัน เธอถึงได้อยากนอน เพราะคิงเก่งถนัดด้านการสะกดจิตคน แต่เป็นเพราะตอนนั้นเขาใช้เวลาสะกดจิตเธอนานมาก แถมยังถูกมาขัดจังหวะด้วย จึงล้มเหลวกลางคัน


อุตส่าห์ปลอมตัวเป็นคุณหมอประจำโรงเรียน เปลือกนอกเหมือนทำการตรวจรักษาให้กับนักเรียน


อันที่จริงคนเราก็เหมือนกันหมด เวลาที่ป่วยก็จะไม่ระวังตัว


ด้วยฝีมือของคิง การจะชี้นำทางจิตให้กับพวกเด็กนักเรียนถือเป็นเรื่องง่ายยิ่งกว่าพลิกฝ่ามือ เขาน่าจะเป็นคนที่คุ้นเคยกับสภาพของเด็กนักเรียนมากที่สุด จึงเลือกคนที่ฉลาดที่สุดมาคนหนึ่ง แล้วให้สร้างกรุ๊ปแชท ต่อจากนั้นก็ไม่ต้องทำอะไร แค่รอดูอยู่เด็กพวกนั้นค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปอยู่ด้านข้าง ดังนั้นป๋อจิ่วถึงได้รำคาญต่อการรวมกลุ่มล้างสมองอย่างไรล่ะ


คุณแยกแยะไม่ไหวหรอกว่า คนไหนบ้างที่ไม่ได้รับผลกระทบ


เวลาเป็นตัวสำคัญ บางทีตอนนี้เขาเป็นแบบหนึ่ง แต่เมื่ออยู่ในกรุ๊ปนานเข้าก็จะกลายเป็นอีกแบบ แล้วค่อยๆ คุ้นกับการละเมิดสิทธิ์คนอื่น กลายเป็นเห่อกับของเปลือกนอก ใครก็ตามที่มากระทบต่อเปลือกนอกของพวกเขา ก็จะถูกกลับขาวให้เป็นดำ และหลังจากที่ทุกคนเปลี่ยนไปในทางที่เลวร้าย โรงเรียนนี้ก็หมดทางเยียวยา


คนที่ชั่วร้ายมาตั้งแต่รากฐาน เมื่อเข้าสู่สังคมแล้ว มันจะน่ากลัวขนาดไหน นี่แหละคือปริศนาที่ไขไม่ได้


ป๋อจิ่วขับรถเร็วมาก ผู้คนที่อยู่ริมถนน ต่างมองดูรถแลมโบกินี่ปราดเปรียวคันดำแล่นเป็นเส้นตรงเข้าสู่โรงเรียน


ยามถึงกับอึ้ง เพราะขับเร็วขนาดนี้ เขาห้ามไม่ทันหรอกนะ


ป๋อจิ่วเดินเข้ามาพลางกดปุ่มหูฟังบลูกทูธ “ฉันหาคิงเจอแล้ว”


“คิงเหรอ?” คุณชายถังที่อยู่ปลายสายถึงกับชะงักเท้า เขาฉลาดมาก “เขาอยู่ในโรงเรียนเหรอ?”


ป๋อจิ่วตอบรับ “คุณคิดไม่ถึงชัวร์ว่าเขาจะปลอมตัวเป็นหมอประจำโรงเรียน”


“คิดไม่ถึงจริงๆ ด้วยแหละ มิน่าล่ะ ผมอุตส่าห์ตรวจประวัติอาจารย์ทั้งหมดแล้วยังไม่เห็นสิ่งผิดปกติ” คุณชายถังพูดจบก็เอ่ยต่อ “คุณอย่าทำอะไรคนเดียวนะ รอให้หน่วยสนับสนุนเข้าไปก่อนค่อย…”


ตู๊ดๆๆ ป๋อจิ่วตัดสายเขาเรียบร้อยแล้ว


ชายหนุ่มนวดหน้าผาก รีบติดต่อสายที่ให้แฝงตัวอยู่แถวนั้นทันที


ในโรงเรียนมีคนเยอะมาก หากประกาศไปว่ามีบุคคลอันตรายอยู่ รับรองว่าต้องอลหม่านแน่ ถึงเวลานั้นควบคุมไว้ไม่อยู่ อาจเกิดปัญหาขึ้นได้


คิงอันตรายที่สุดก็ตรงที่ เขาถนัดด้านการฝังคำสั่งทางจิต


ระหว่างที่คุณยังไม่รู้ตัว เขาอาจวางแผนการไว้เรียบร้อยแล้ว ไม่รู้ว่ามีกี่คนในโรงเรียนที่ถูกเขาบงการ ซึ่งมันยากที่จะแยกแยะออกมา


หากทำอะไรเอิกเกริกไป อีกฝ่ายจะรู้ทันได้ง่าย ถึงเวลานั้นนักเรียนทั้งโรงเรียนจะกลายเป็นตัวประกันของเขา ดังนั้นจะต้องหาตัวคิงออกมาให้ได้ชนิดที่ไม่แหวกหญ้าให้งูตื่น!


……………………………………………


ตอนที่ 1670-2


ป๋อจิ่วเดินเร็วมาก ฝนยังคงตกเปาะแปะลงบนชุดนักเรียนของเธอ แต่เธอเหมือนจะไม่รู้สึกอะไร เส้นผมสั้นเซอร์เปื้อนหยดน้ำ ทำให้นักเรียนที่เดินแถวนั้นหันมามองอย่างอดไม่ได้ เพราะนักเรียนที่ย้ายมาใหม่ช่างหล่อเหลือเกิน ทั้งนี้พวกเธอรู้สึกคุ้นหน้ามาก แต่กลับคิดไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน


ป๋อจิ่วเองก็ไม่หยุดเดิน เธอพลิกมือสะบัดมีดทหารแล้วซ่อนในแขนเสื้อนักเรียน


เมื่อมาถึงด้านนอกห้องพยาบาล เธอจึงลดความเร็วลง


เธออยู่กับท่านเทพมานานจึงเข้าใจดีว่า นักจิตวิทยาหลายๆ คน ไม่เพียงแต่จะเดาสภาพจิตใจของเราผ่านสีหน้าท่าทาง ยังพวกเขายังวิเคราะห์เราได้จากลมหายใจเราด้วย


ป๋อจิ่วหยุดอยู่ข้างนอกถึงสามวินาที ก่อนจะเดินเข้าไป


เวลาอย่างนี้ ในห้องพยาบาลไม่ค่อยมีคน โดยเฉพาะเวลาฟ้าครึ้มฝนตกเช่นนี้ เว้นแต่หมอประจำโรงเรียนที่ต้องอยู่เวรแล้ว ก็ไม่มีเหลือใครอีก


ทว่าวันนี้ออกจะหนาวเป็นพิเศษ นอกจากจะมีเพียงเตียงผู้ป่วย ยังเหลือปากกาที่วางไว้บนโต๊ะอีกด้วย แต่เจ้าของมันไปไหนแล้วก็ไม่รู้


ป๋อจิ่วเดินเบาๆ เบี่ยงตัวแนบหลังให้ติดกำแพง ก่อนจะเอนไปเลิกม่านประตู จึงพบว่าไม่มีคนอยู่ในห้องพักผ่อน เธอเดินไปมาอยู่สองรอบ ก่อนจะกลับไปยืนที่เดิม กำลังจะหยิบตารางที่วางไว้บนโต๊ะมาดู


เสียงกลั้วยิ้มก็ดังขึ้นจากด้านหลัง “นักเรียนจากห้องไหนเนี่ย มาที่ทำไมในเวลาอย่างนี้? ไม่สบายที่ตรงไหนเหรอ?”


ป๋อจิ่วถึงกับชะงัก หันหลังตอบ “ปวดหัวฮะ น่าจะเป็นหวัด”


“เรานี่เอง?” ชายคนดังกล่าวพูดพลางนั่งบนเก้าอี้  หยิบปรอทวัดไข้ออกมา “ท่าทางเดือนโรงเรียนคนใหม่ของเราจะอ่อนแอไปหน่อย ไหน มาวัดอุณหภูมิหน่อยซิ”


ป๋อจิ่วมองดูใบหน้าสุภาพของอีกฝ่าย แล้วรับปรอทมาอมในปากอย่างเป็นธรรมชาติ เดี๋ยวนี่ปรอทวัดไข้พัฒนาไปถึงไหนต่อไหนแล้ว ไม่ต้องหนีบไว้ที่รักแร้หรอก ซึ่งมันก็เป็นการปกปิดสถานะของป๋อจิ่วไปในตัว


“ทำไมถึงเป็นหวัดได้ล่ะ? ไปตากลมหรือไง” ชายคนดังกล่าวเปิดมือถือ ซึ่งมีข้อมูลของเด็กคนนี้ปรากฏขึ้นมา


เด็กนี่เป็นสมาชิกทีมไดมอนด์?


เขาถึงกับนิ้วเกร็งทื่อ จากนั้นจึงยิ้มขึ้นมา เมื่อช้อนสายตามองขึ้น มุมปากที่แยกยิ้มก็เปลี่ยนไป


นี่หรือคือคนที่ฉินมั่วไม่ยอมปล่อยมือไปตามที่ฝานเจียพูดไว้? ต้องบอกว่าเจ้าเด็กนี่ซวยหรือว่าเขาโชคดีกันนะ ถึงสีผมจะไม่เหมือนกัน ใบหน้าต่างไปเล็กน้อย แต่คิงไม่ใช่คนดูอะไรผิวเผิน ดังนั้นจึงให้คนตรวจสอบ และคิดไม่ถึงว่าจะเจอเซอร์ไพรส์


ในเมื่อมาถึงที่นี่ ก็จงอย่าได้กลับไปเลย


คิงวางหูฟังในมือลง ก่อนจะยิ้มช้าๆ จากนั้นก็ยกนาฬิกาข้อมือมาดูเวลา “ได้เวลาแล้ว เอาปรอทคืนมาให้หมอเถอะ”


ป๋อจิ่วยื่นคืน เสี้ยวหน้าเธอดูใสเนียนเหลือเกิน ส่งผลให้คิงหัวเราะออกมา ปลอมตัวเก่งจริงๆ ถ้าไม่เพราะคุ้นหน้าคุ้นตามาบ้าง เล่นแต่งตัวแบบนี้อีก เขาย่อมต้องหลงเชื่อแน่ เป็นเด็กผู้หญิงที่ปลอมตัวเป็นผู้ชายได้เนียนมาก เก่งจริง ๆ


น่าเสียดาย ที่เจ้าหล่อนได้มาเจอกับเขา


…………………………………..


ตอนที่ 1670-3


คิงมองดูปรอทในมือแวบหนึ่ง เอายด้วยเสียงนุ่มอ่อนโยน ทำให้คนแทบไม่ระวังตัว “ไข้ขึ้นนิดหนึ่งนะ 37.9 กินยาก่อน เดี๋ยวจะไปปรุงยามาให้”


37.9 เหรอ? ป๋อจิ่วดึงมีดออกมาอย่างไม่กระโตกกระตาก โกหกร้ายจริง ๆ


“ขอบคุณฮะ อาจารย์” ป๋อจิ่วนั่งตรงนั้นเอาเสียเลย


คิงหัวเราะเบาๆ “ไม่เป็นไร” ยาแก้หวัดมีส่วนผสมของยานอนหลับด้วย เมื่อเธอกิน ก็จะง่ายต่อการฝังคำสั่งทางจิต


ในเมื่อเป็นถึงยอดดวงใจของฉินมั่ว ย่อมต้องปฏิบัติต่อเธอไม่เหมือนคนอื่น หากถูกคนรักหักหลัง ต้องทำให้เขาเจ็บปวดมากกว่าการที่จะทำร้ายตัวเขาตรงๆ เสียอีก


คิงเขย่าแก้วในมือ หลุบตาลงพลางยื่นให้อีกฝ่าย


กินเข้าไป กินเข้าไปสิ แล้วเธอจะได้กลายเป็นหุ่นเชิดให้กับฉันเต็มตัว เพราะฝานเจียยังไม่รู้สถานะที่แท้จริงของป๋อจิ่ว ดังนั้นในสายตาของคิง เธอจึงเป็นแค่เด็กน้อยที่ไม่เจียมกำลังตัวเอง ขอแค่ใช้แผนทั่วๆ ไปกับเธอก็พอ


ใครจะคิดล่ะว่า สิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปนี้จะอยู่นอกเหนือจากการคาดคะเนของเขา ระหว่างที่สาวน้อยรับแก้วยาจากเขาไป ก็พลิกมือสาดยาในดวงตาของเขา


แค่ชั่วพริบตาเดียว ป๋อจิ่วก็ถลันตัวจ่อมีดทหารประชิดที่คอหอยของคิง


พอรับรู้ถึงความเจ็บปวด คิงก็หรี่ตาลง แววตาเต็มไปด้วยความตกใจ แต่กลับคืนสู่ปกติได้อย่างรวดเร็ว หัวเราะเบาๆ “เก่งนี่ เร็วใช้ได้เลย น่าจะสงสัยฉันตั้งแต่แรกแล้วใช่ไหม เมื่อกี้เธอจะไม่ได้แสดงอาการระแวงฉันออกมาเลย ถึงฉินมั่วจะง่อยแล้ว แต่ท่าทางยังคงมีความรู้ทางจิตวิทยาติดตัวอยู่ ขนาดคนข้างตัวเขายังฉลาดกว่าคนทั่วไป แต่คิดเหรอว่าอาศัยแค่ฝีมือเธอแล้วจะจับฉันได้? ฮ่าๆ ท่าทางฉินมั่วไม่ได้บอกเธอล่ะสิว่า อย่าปล่อยให้เปิดช่องว่างไว้ที่ด้านหลัง…”


หลังจากที่ได้ยิน ป๋อจิ่วหันกลับไปมองทันที จึงได้เห็นเก้าอี้กำลังจะฟาดลงบนศีรษะตน เธอจึงหมุนตัวอย่างรวดเร็ว กำมีดทหารด้วยมือข้างหนึ่ง จากนั้นก็ตวัดขาเตะ


ผัวะ!


ฝ่ายคนถูกฟาดก็ล้มไปนอนกองบนพื้น เช่นเดียวกัน คิงใช้จังหวะนี้หนีออกห่างจากรัศมีป๋อจิ่ว


คนที่นอนกองบนพื้นเจ็บปวดจนตัวงอ แต่ยังคงร้องตะโกน “อาจารย์ รีบหนีเร็ว!” เด็กผู้หญิงที่เคยโดนรังแกนี่นา หลิวเจียหนิง


เธอคว้าข้อเท้าป๋อจิ่วเอาไว้ด้วยแววตาชิงชัง “พรุ่งนี้ฉันก็จะได้เป็นผู้นำแล้ว นายมันก็จะกลายเป็นโจ๊กเกอร์ รู้ไหมว่าการเป็นหัวหน้ามันสำคัญต่อฉันมากแค่ไหน ฉันเป็นคนที่คิงเลือกเอง กรุ๊ปนั่นฉันก็เป็นคนสร้งฃาง พวกที่เคยรังแกฉันจะต้องโดนเอาคืนอย่างสาสมตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป แต่ละคนต้องกลับมาศรัทธาฉัน สนใจฉัน! แต่แกกลับเป็นคนทำลายกฎนี้ แกมันสมควรตาย สมควรตาย!”


ป๋อจิ่วก้มหน้าสบตาอีกฝ่าย ยัยนี้ไม่เหลือความเป็นคนแล้ว มันเน่าเฟะเพราะความบ้าเปลือกนอก แล้วทำลายคนอื่นโดยอ้างความชอบของตัวเอง ซึ่งเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับอายุ ยัยบ้านี่เห็นแก่ตัวเหนือทุกสิ่ง


ป๋อจิ่วไม่พูดอะไร จิกอีกฝ่ายทันที ส่งยิ้มให้ด้วย “ฉันไม่เหมือนกับท่านเทพ เพราะฉันกล้าตบผู้หญิง”


เปรี้ยง! เสียงดังอีกฉาด


ป๋อจิ่วสลัดอีกฝ่าย แล้ววิ่งไปยังทางที่คิงหนีหายไปโดยไม่หันกลับมามอง แต่สายไปเสียแล้ว เมื่อเงยหน้ามอง รอบๆ ข้างก็ไม่เหลือแม้แต่เงา


คิงหายตัวไปแล้ว!


แต่คำสั่งที่แฝงไว้ทางจิตต่อพวกนักเรียนยังอยู่ นี่แหละคือสิ่งที่น่ากลัวที่สุด เพราะมันเป็นเสมือนระเบิดเวลาที่คุณไม่มีวันรู้ว่ามันจะระเบิดเมื่อไร…


…………………………………..


ตอนที่ 1671-1


ป๋อจิ่วพกหูฟังบลูทูธมาด้วย หยิบเอาอุปกรณ์ที่เตรียมไว้แต่แรกมาใช้ เธอค้นหาตำแหน่งของหลีจิ่นทันที  แต่พบว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลง แสดงว่าอีกฝ่ายยังคงอยู่ในบ้าน


เครื่องดักฟังที่เธอแอบติดตั้งไว้ที่คอมพิวเตอร์ของเขาก็ไม่ส่งสัญญาณใดใด แสดงว่าคิงยังไม่ติดต่อหุ่นเชิดของมัน? หรือข้อสันนิษฐานของเธอผิดพลาด?


ป๋อจิ่วหลับตาลง สมองของเธอคิดเพียงปฏิทินที่เห็นในบ้านของหลีจิ่น


วงกลมสีแดงบนนั้น


ไม่ เธอไม่ได้ตั้งข้อสันนิษฐานผิด จะต้องมีอะไรที่เธอหลุดไป มันคืออะไรกันนะ?


ป๋อจิ่วกำโทรศัพท์ในอุ้งมือแน่น เวลานี้สถานะของเธอถูกเปิดเผยแล้ว การจะแอบแฝงต่อไปย่อมไร้ประโยชน์ เธอเปิดข้อมูลในกรุ๊ปแชทออกดู นัยน์ตาเธอเป็นประกายแวบ


อาจารย์คนหนึ่งเดินเข้ามาถามว่าเธอเป็นนักเรียนห้องไหน ทำไมยังไม่เข้าไปศึกษาด้วยตัวเองในห้องเรียนอีก


ป๋อจิ่วยันมือข้างหนึ่งที่รั้ว กระโดดข้ามสนามกีฬาเอาดื้อๆ แสตนนั่นสูงถึงหนึ่งเมตร เธอกระโดดจนชายเสื้อลอยส่งเสียงสะบัดอย่างเท่


อาจารย์ “…”


ป๋อจิ่วไม่หันกลับไปมอง เธอวิ่งเข้าห้องเรียนด้วยความเร็วสูงสุด เวลานี้ ทุกคนต่างได้รับข้อความจากหลีจิ่นกันแล้ว เมื่อรู้ว่านักเรียนใหม่ถูกเลือกให้เป็นโจ๊กเกอร์คนใหม่  บ้างก็ประหลาดใจ บ้างก็หน้านิ่ว บ้างก็ไม่อยากจะเข้าร่วม บ้างก็ตื่นเต้นยินดี แต่ไม่ว่าจะคิดอย่างไร ก็ล้วนต้องทำตามกฎที่ตั้งไว้


ผู้ชายห่ามๆ ส่วนหนึ่งดีใจมากที่สุด เพราะไอ้หมอนี้มันหน้าตาหยิ่งแถมยังหล่ออีกด้วย เมื่อมีโอกาสทำให้มันทรมาน มีหรือที่จะไม่ดีใจจนเนื้อเต้น เจ้านั่นจะได้รู้ธรรมเนียมของโรงเรียนพวกเขาเสียที


ในขณะแต่ละคนกำลังคิดว่าจะรังแกป๋อจิ่วอย่างไร เมื่อป๋อจิ่วก็เดินเข้า พวกนั้นรุมจ้องเธอ หนึ่งในนั้นยื่นขาออกมาอย่างไม่ให้ซุ่มให้เสียง อยากจะให้ป๋อจิ่มล้มคะมำ


กลับต่างคาดไม่ถึงว่า ป๋อจิ่วแค่ยกขายันเก้าอี้ตัวที่มันนั่ง จนทำให้ทั้งคนและเก้าอี้ล้มไปกองกับพื้น จนเกิดเสียงดัง “โครม!” ทุกคนตาโตด้วยความตกตะลึง ผู้หญิงคนหนึ่งฉวยโอกาสสาดน้ำใส่ป๋อจิ่ว ก็ถูกฝ่ายหลังอัดร่างไว้บนโต๊ะ


ห้วงเวลานั้น เงียบกริบทั่วห้อง


ทุกคนมองดูภาพตรงหน้า น้ำเกาะบนผมสีดำของป๋อจิ่วที่ไหลเป็นหยดลงมาตามแนวคาง แต่ในตอนนี้เธอกลับหักข้อมือของไอ้คนที่ถือไม้เบสบอลที่ลอบกัดเธอไว้ แล้วถีบเปรี้ยงเข้าให้ จนมันกระเด็นไปนอนกองบนพื้น  และไม้เบสบอลนั่นก็มาอยู่ในมือเธอในที่สุด


ป๋อจิ่วเองไม่คิดจะเก็บอาการ เหวี่ยงไม้จนเกิดเสียงแล้วชี้ไปยังทุกคนที่มองเธอ เอ่ยเสียงปกติ “ยังมีใครอยากหาเรื่องอีกไหม?”


ไม่มีใครกล้าขยับ กระทั่งไอ้พวกที่เคยโดนฝังคำสั่งทางจิตเมื่อปีนั้นที่อยู่ในห้องนี้ถึงห้าคน ยังไม่กล้าปรี่ออกไป


คนหนึ่งถูกเล่นงานจนทำอะไรไม่ได้แล้ว ที่เหลืออีกสี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน เด็กหล่อคนนี้เป็นใครกันแน่ ทำไมถึงสู้เก่งจัง เพราะพวกเขาได้รับข้อมูลเพียงว่า เจ้านั่นเป็นแค่คนธรรมดาเท่านั้น


 “ไม่มีใครอยากหาเรื่องแล้วใช่ไหม” ป๋อจิ่วหิ้วไม้เบสบอลไว้ มุมปากแยกยิ้ม “ฉันเองก็ไม่ค่อยชอบมีเรื่องกับใครเหมือนกัน”


เล่นเอาสามคนที่โดนซัดจนหมอบกับพื้นถึงกับ “…”


………………………………………….


ตอนที่ 1671-2


“ในเมื่อไม่อยากมีเรื่องแล้ว งั้นมาคุยกันสักหน่อย” ป๋อจิ่วยืนบนแสตนที่ใช้ยืนสอนหนังสือ เพราะด้านหลังเป็นกำแพงย่อมปลอดภัยกว่าเป็นคน “ได้ยินว่าพวกเธอมีคนเป็นคิงเหรอ?”


ไม่มีใครตอบ


ป๋อจิ่วควงไม้เบสบอล “พวกเธอคงมีความสุขสินะที่ถูกคนรังแก ถูกคนบงการ ถูกคนหล่อหลอมความคิดน่ะ พวกเธอมันโง่เง่าเป็นบ้าเลยว่ะ ต่อไปพอเข้าสังคมแล้ว อีพวกขายตรงคงชอบ เพราะหลอกง่ายสุด ๆ”


“นายพูดอะไร!” ผู้หญิงบางคนรับไม่ได้ที่มีคนว่าตัวเองแบบนี้ จึงเถียงหน้าแดงหูแดงไปหมด “คิดว่าตัวเองเป็นใคร?”


ป๋อจิ่วตอบ “ไม่ได้เป็นใครอ่ะ ไม่ใช่พ่อแม่พวกเธอ แล้วก็ไม่ใช่อาจารย์พวกเธอด้วย ไม่ได้มีหน้าที่สั่งสอนให้พวกเธอเป็นคน ดีเหมือนกันนะ เวลาที่ฉันอยากอัดพวกเธอก็ทำได้เลย หึ เยี่ยม”


เด็กสาวคนนั้นถึงกับพูดไม่ออกอยู่นาน คนข้างๆ ยืนขึ้น เป็นหัวหน้าห้องนั่นเอง “เป็นถึงผู้ชายกลับมารังแกผู้หญิง”


ป๋อจิ่วหัวเราะเบาๆ “สำหรับฉันแล้ว ไอ้พวกรกโลกไม่เคยจำกัดเพศว่ะ”


“ในเมื่อไม่ชอบห้องพวกเรา ก็ใสหัวไปสิ” หัวหน้าห้องขยับแว่น หัวเราะหยัน


ป๋อจิ่วเงยหน้ามองดูนาฬิกาที่แขวนในห้อง “น่าจะเป็นนายมากกว่าที่ต้องไปก่อน”


“หมายความว่า…” ยังไง ไม่ทันพูดจบ ประตูหลังห้องก็ถูกถีบจนเปิดออก คนที่เข้ามาเป็นทหารพิเศษที่ปิดหน้าไว้


หัวหน้าห้องเห็นแล้ว กะจะคว้าใครสักคนมาเป็นตัวประกัน แต่ทหารพิเศษย่อมไม่ปล่อยโอกาสให้ รวมถึงเจ้าสี่คนนั่น ล้วนถูกป๋อจิ่วชี้ตัวพลางเอ่ยสั้นๆ “เอาตัวไป”


ไม่ผิดหรอก สิ่งที่ป๋อจิ่วกระทำลงไปเมื่อครู่เป็นแค่การถ่วงเวลา ทั้งยังเบี่ยงเบนความสนใจของเจ้าห้าคนนั่นไม่ให้ทำอะไร


ในเวลาเดียวกัน คนที่ถูกกุมตัวไว้ยังมีหลีจิ่นและหลิวเจียหนิงอีกด้วย ส่วนคนอื่นๆ แตะต้องยาก


แม้จะรู้ว่ามีคนในนี้ที่ทำการบูลลี่เพื่อนๆ ในโรงเรียน แต่หากไม่มีเหยื่อออกมาร้องเรียน เรื่องชาวบ้านแบบนี้ย่อมจัดการยาก


การจู่โจมครั้งนี้ทำได้อย่างรวดเร็ว  นักเรียนคนอื่นๆ ยังไม่ทันได้ไหวตัว ทุกอย่างก็จบลง


 “คิงของพวกเธอก็จะหายตัวไปเหมือนกัน” ป๋อจิ่วยังยืนที่แสตนไม่ไปไหน พิงไม้เบสบอลนิดๆ สองตาเป็นประกายแวบ “ฉันขอถามพวกเธออีกครั้งหนึ่ง พวกเธอชอบอยู่รวมกันให้คนอื่นหลอกใช้ใช่ไหม?”


ผู้หญิงด้านหลังคนหนึ่งกำมือแน่น “ถือดียังไงมาหาว่าคิงหลอกใช้พวกเรา!”


“เพราะทุกเรื่องที่พวกเธอทำลงไปมันทำร้ายคนอื่นทั้งสิ้น คนดีๆ ที่ไหนจะให้พวกเธอทำแบบนี้?” ป๋อจิ่วเงยหน้ามองด้วยแววตาบาดกล้า “คนเราย่อมเห็นแก่ตัว นี่เป็นเรื่องธรรมชาติ แต่โปรดอย่าโง่เง่าอย่างนี้ เธอเป็นนักเรียนนะ นักเรียนควรต้องทำอะไร ไม่เข้าใจหรือไง? อ่านหนังสือให้มันเยอะๆ อย่างน้อยก็ต้องฉลาดขี้นมาบ้าง พ่อแม่เธอจ่ายเงินให้เธอมาเรียนหนังสือนะ แล้วเธอเอามาอวดร่ำอวดรวยหรือรังแกคนอื่นเหรอ? แล้วเธอรู้ไหมว่า พ่อแม่เธอเป็นห่วงเรื่องอะไรมากที่สุด พวกเขากลัวว่าเธอมีเงินไม่พอใช้ในโรงเรียน เงยหน้าสู้เพื่อนไม่ได้ กลัวว่าเธอจะถูกเพื่อนรังแก กับอีแค่อยากได้รับความสนใจ ก็ทำตัวต่อหน้าอย่างลับหลังอย่างเนอะ มโนธรรมน่ะโยนให้หมากินหมดยังไม่เท่าไร นี่มีหน้าคิดว่าตัวเองฉลาดล้ำเลิศอีก ถ้าฉลาดจริงก็ตั้งใจเรียน ทำให้ตัวเองเก่งกว่านี้สิ คบหาเพื่อนที่จริงใจในโรงเรียน ว่างก็เล่นเกมเป็นเพื่อนพ่อแม่สิ มีเรื่องสนุกๆ ให้ทำตั้งหลายอย่างกลับไม่เอา ดันมาสุมหัวสร้างอากาศเป็นพิษ คิงของพวกเธอไม่ได้บอกรึไง มีแต่ไอ้หนูสกปรกที่ชอบซุกๆ ซ่อนๆ น่ะที่ชอบทำตัวแบบนี้?


 “แก แก๊!” นักเรียนหญิงคนนั้นถึงกับไหล่สั่นเทิ้ม


ป๋อจิ่วกลับขัดจังหวะเธอด้วยสีหน้าปกติ “เธอพูดสู้ฉันไม่ได้หรอก”


นักเรียนหญิง “…”


………………………………………….


ตอนที่ 1672-1


นักเรียนที่นั่งอยู่ด้านล่าง ได้ยินประโยคสุดท้ายของป๋อจิ่วแล้ว ไม่รู้ว่าทำไมถึงอยากขำ


เธอพูดสู้ฉันไม่ได้หรอก


คงไม่มีใครทำได้แบบนี้แล้ว


“ฮ่าๆๆๆ” สาวน้อยหน้ากลมหัวเราะออกมาด้วยที่เสียงดังขึ้นเรื่อยๆ จนหยุดเองในที่สุด เธอลุกขึ้นมา “ฉันไม่อยากหรอก แต่จะทำไงได้ ทุกครั้งที่เห็นคนถูกรังแก ฉันก็อยากไปห้าม แต่รู้ไหมว่าผลจะเป็นยังไง? เพราะฉันจะกลายเป็นคนที่โดนบูลลี่คนถัดไป ฉันกลัวมาก ฉันเชื่อว่าใครๆ ก็กลัว เพราะพวกเราไม่ได้เก่งเหมือนนาย”


เธอพูดจบก็คิดว่าอีกฝ่ายคงจะว่าเธอเหมือนเมื่อครู่


ไม่คิดว่าป๋อจิ่วกลับหัวเราะแทน “เธอคิดแบบนี้ก็ไม่ผิดหรอก ดังนั้นถึงเวลาที่ต้องแสดงพลังมวลชนไง อย่าลืมสิว่าพวกเธออยู่ห้องเดียวกัน ในความคิดของฉัน เวลาเรียนหนังสือก็ต้องทำแบบนี้แหละ ใครอย่าได้มารังแกเพื่อนฉัน ถ้าใครข้ามห้องมาหาเรื่อง ไม่ว่าจะอยู่ม.ไหน หรือแก่ว่าฉัน ก็ต้องสู้จนมันคุกเข่าให้ได้ ถ้าฉันสู้ไม่ได้ อย่างน้อยก็ยังพลังจากเพื่อนๆ ในห้อง พวกเราอยู่ด้วยกันไม่ใช่เพราะจะไปรังแกใคร แต่เพราะต้องการบอกให้ทุกคนรู้ว่า พวกเขาจะรังแกพวกเราไม่ได้ เราจะต้องเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ผู้ชายต้องปกป้องผู้หญิง เวลาที่ผู้ชายต้องออกหน้าก็อย่าหัวหด มารังแกคนๆ เดียวทั้งชั้นเรียน มันใช้ได้ที่ไหน ไม่แน่นะว่าพอนายออกหน้าช่วยคน อาจมีคนหลงรักก็ได้ เอ้อ นักเรียนอย่างพวกเธอชอบแบบฮีโร่ช่วยคนสวยไม่ใช่เหรอ ก็ลองเอามาใช้จริงสิ จะได้ไม่ต้องเป็นหมาโสดสักที”


“อะไรที่มาเรียกพวกเราว่าเป็นนักเรียน พูดอย่างกับนายไม่ได้เป็นนักเรียนงั้นแหละ” ผู้ชายคนหนึ่งลูกสันจมูกย้อนถาม “ใช้ได้จริงอ่ะ?”


ป๋อจิ่วตอบช้าๆ “นายลองถามผู้หญิงหน้าแดงที่นั่งข้างนายดิ ถ้าไม่เข้าใจ ก็อ่านนิยายรักเยอะๆ จะได้เข้าใจความหวานชื่นในใจของผู้หญิง เอ่อ พวกความหวานชื่นในใจของผู้หญิงอะไรเนี่ย ปกติดูที่หน้าตากัน”


เมื่อได้ยิน พวกนักเรียนต่างอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้


พวกทหารพิเศษที่อยู่นอกประตูมองหน้ากัน สุดท้ายหันไปมองร่างที่สวมชุดสูทภายใต้เงามืด “หัวหน้าครับ เจ้านั่น”


“เขาชี้นำทางความคิด เรากำลังแก้ปัญหาคดีทางจิตวิทยา เห็นได้ชัดว่าสภาพจิตใจเด็กพวกนี้มีปัญหา บางทีคนในห้องนี้อาจจะเยียวยาไม่ได้แล้ว แต่ยังมีคนที่ไม่อยากกลายเป็นแบบนั้น พวกนายไม่เห็นเหรอว่า บรรยากาศในห้องดีกว่าเมื่อกี้เยอะเลย?” เงานั่นเดินออกมา มุมปากแยกยิ้ม “แต่ มันก็น่าเหลือเชื่ออยู่นะ ไม่คิดว่าวันหนึ่งจะได้เห็น Z ที่เลือดเย็นกลับมาช่วยชี้นำทางความคิดให้กับพวกนักเรียน  คนอย่างเขา ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงทำอย่างเดียว ไม่พูดอะไรแน่ ฉินมั่วทำให้เขาอ่อนโยนขึ้นเยอะทีเดียว”


เหล่าทหารพิเศษเงิบเลย


เด็กนั่นซัดนักเรียนหมอบถึงสามคน แถมยังมาสอนให้พวกนักเรียนมีรักในวัยเรียนอีก


หัวหน้าฮะ แน่ใจเหรอฮะว่ามันคือความอ่อยโยน


หาเรื่องให้โรงเรียนชัดๆ


ขอกุมขมับ!


บางทีคงมีแค่ชายหนุ่มที่เข้าใจเจตนาของป๋อจิ่ว


การพูดคุยที่เกิดขึ้นสามารถขจัดอันตรายที่จะปะทุขึ้นได้ชั่วคราว ตามหลักจิตวิทยา นี่เป็นเวลาทองแห่งการรักษาทางจิต ชนิดเกิดปัญหาปุ๊บก็คุยกันปั๊บ


……………………………………………………..


ตอนที่ 1672-2


แน่ล่ะ ยังคงมีคนประเภทนั้นในกลุ่มนักเรียนพวกนี้ ทั้งๆ ที่รู้ว่าพฤติกรรมที่ว่าคือการทำร้ายคน แต่พวกเขาคิดว่าไม่เห็นเป็นอะไรเลยดูจากสีหน้าก็พอรู้


คิงสามารถหนีไปได้อย่างสบายใจก็เพราะได้เวลาที่เหมาะสม ขอแค่กระตุ้นเล็กน้อย บางสิ่งในจิตใจก็จะแตกหน่องอกราก แล้วใช้คำสั่งที่แฝงทางจิตก่อการยึดตัวประกันไว้


พวกเขาต้องรู้ให้ได้ว่า ตัวกระตุ้นคืออะไร


หากไม่แก้ไขตรงนี้ สิ่งที่ทำไปก่อนหน้านี้ก็เท่ากับเปล่าประโยชน์ ด้วยยังมีนักเรียนอีกหลายคนในโรงเรียน ต่อให้มีเพียงหนึ่งคนในสิบที่ถูกฝังคำสั่งทางจิต แต่ผลที่เกิดขึ้นย่อมน่ากลัวอย่างคาดไม่ถึง ยิ่งนักเรียนของที่นี่กว่า 70% เปลี่ยนไปเรียบร้อยแล้ว


ชายหนุ่มเดาไม่ผิด คิงวางแผนไว้เช่นนั้นจริงๆ


เพียงแต่ชายคนนั้นไม่คิดว่า สถานะที่แท้จริงของตนจะถูกเด็กม.ปลายคนหนึ่งเปิดโปงขึ้นมาก่อน ถ้าไม่ใช่ว่ามีคนไปทันเวลา เขาอาจจะตายด้วยเงื้อมมือของอีกฝ่าย เวลานี้คิงนั่งอยู่ในรถออฟโรด หรี่ตาลง สไลด์หน้าจอมือถือ ความเจ็บปวดบนขาทำให้เขาหัวเราะราวกับลิ้มรสกับความรู้สึกดังกล่าว “ถ้าเธอต้องตายในโรงเรียนนั่น ฉินมั่วก็คงไม่เป็นฉินมั่วในรูปแบบนี้ น่าเสียดายที่ฉลาดเหลือเกิน แต่ต้องทิ้งชีวิตไว้ตรงนั้น”


คิงคิดเช่นนั้นเพราะไม่รู้ว่าหลีจิ่นถูกจับแล้ว แต่ในสายตาของเขา หากหมากพวกนี้ต้องถูกจับ ก็ไม่เห็นเป็นไร เพราะกุญแจที่กระตุ้นคำสั่งทางจิต ไม่ได้อยู่ในมือพวกมัน


อะไรที่ควรเกิดก็ต้องเกิด ไม่มีใครรู้ทัน และไม่มีใครที่หยุดยั้งได้ นอกจากฉินมั่วจะลงมือเอง แต่ มันสายไปเสียแล้ว เขาชอบความรู้สึกนี้จริงๆ


ท้องฟ้ามืดมิด เพิ่งจะผ่านเวลารุ่งสางไป อีกไม่กี่ชั่วโมงท้องฟ้าก็จะสว่าง คิงเอนหลัง ใบหน้าสุภาพถูกความมืดทาบทับ


ในห้องสอบสวนพิเศษ ดวงไฟดวงโตเปิดสว่างจนแยงตา


หลีจิ่นมองดูป๋อจิ่วที่นั่งตรงข้ามกับตัวเองด้วยแววตาสั่นไหว ก่อนจะเอ่ยปาก “ทำได้ยังไง?”


ป๋อจิ่วเลิกคิ้วเล็กน้อย “อะไร?”


“นายน่าจะแตะต้องของที่อยู่ในบ้านฉัน แล้วทำยังไงถึงทำให้มันอยู่ในสภาพเดิมได้?” ใบหน้าของหลีจิ่นขาวเผือดแบบได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ “ไม่สิ ต้องบอกว่าแม่ฉันยอมให้นายเข้าไปบ้านได้ยังไง แถมให้อยู่ตั้งนานด้วย นายทำได้ยังไง?”


ป๋อจิ่ววางแฟ้มในมือลง เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว หลี่จิ่นกลับสนใจแค่ปัญหาพวกนี้ คิงเลือกคนเก่งจริงๆ แถมยังได้คนฉลาดอีกด้วย


“ง่ายๆ เพราะพอมีคนนอก พ่อเลี้ยงนายก็จะไม่ลงมือลงไม้กับแม่นายไง”


คำตอบของป๋อจิ่วทำให้สีหน้าของหลีจิ่นเปลี่ยนไป มือที่กำแก้วน้ำก็เพิ่งแรงบีบมากขึ้น คนที่เฝ้ามองอยู่นอกห้องสอบสวนเห็นแล้วถึงกับแปลกใจ


พวกเขาสอบสวนหลีจิ่นมาถึงเจ็ดชั่วโมง ถามทุกคำถามก็แล้ว ที่ต้องพูดก็พูดแล้ว แต่หลีจิ่นกลับอารมณ์นิ่งไม่เปลี่ยนสักนิด ถามอะไรก็ตอบว่าไม่รู้อย่างเดียว


เวลาสอบสวน พวกเขากลัวที่สุดก็คือการได้เจอผู้ร้ายแบบนี้ ถามอะไรที่มีค่าไม่ได้สักอย่าง แถมดันเป็นเด็กเสียด้วย แต่เด็กแบบนี้กลับทำให้คนหายใจแทบไม่คล่อง พวกเขาหมดปัญญาแล้ว ไม่คิดว่าพอเจ้าเด็กหล่อมาถึง แค่พูดแค่นิดเดียว เจ้านั่นก็เปลี่ยนสีหน้าทันที ซึ่งมันก็ดีต่อการสอบสวนแหละ อย่างน้อยการต่อต้านก็สามารถปล่อยข้อมูลออกมาได้เช่นกัน


หลีจิ่นจ้องป๋อจิ่ว จู่ๆ ก็หัวเราะออกมา เงยหน้าตะโกนขึ้น “ผมจะบอกเรื่องที่พวกคุณอยากรู้ก็ได้ แต่ต้องปล่อยผมก่อน ผมถึงจะพูด”


……………………………………………………..


ตอนที่ 1673-1


คนในสถานีตำรวจได้ยินแล้ว ต่างสบตากัน มันถือเป็นเงื่อนไขที่เสียเปรียบมาก แต่ถึงเสียเปรียบอย่างไร พวกเขาก็ปฏิเสธตรงๆ ไม่ได้เพราะเด็กนั่นกุมข้อมูลความเป็นความตายของทั้งโรงเรียนไว้ในมือ


เรื่องแบบนี้อย่าว่าแต่ในเมืองเล็กๆ ติดชายแดนแห่งนี้เลย หากว่ากันระดับประเทศก็ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่เสียยิ่งกว่าใหญ่ ซึ่งหากเกิดปัญหาอะไรขึ้นมา พวกเขาย่อมรับผิดชอบไม่ไหวกันทั้งนั้น


เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ตรงหน้า จึงทำได้แต่เปิดประชุมด่วน


“หน่วยสืบสวนอาชญากรรมหาหลักฐานมาได้จำนวนหนึ่ง หลีจิ่นอาจกุมข้อมูลที่สำคัญอยู่ ถ้าไม่รับปากเขา ก็ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า แล้วถ้าเกิดเหตุการณ์เมื่อสามปีที่แล้วซ้ำรอยอีก ความเสียหายก็ยากจะประเมินได้”


“แต่ถ้ารับปากเขาก็เท่ากลับปล่อยเสือเข้าป่านะครับ”


“หาคนติดตามเขาไปได้ไหม”


“ไม่ใช่ว่าฝ่ายสอบสวนไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้ แต่หลีจิ่นร้ายนะ กลัวว่าตอนนี้ก็ยังมีแผนซ่อนไว้อีก ที่เขาบอกว่าให้ปล่อยเขาไป ต้องไม่ธรรมดาแน่ เด็กคนนี้ฉลาดมาก เขาเรียกร้องให้เราส่งเขาออกชายแดนก่อน แล้วเขาจะส่งข้อความมาบอกพวกเราว่าคำสั่งทางจิตที่คิงแฝงไว้คืออะไร”


“หมายความว่าพอเขาไปแล้ว เราก็ยังไม่แน่ใจเลยว่าจะได้ข้อมูลจากเขาจริงๆ หรือเปล่า”


“ใช่”


คนที่นั่งตรงกลางนวดหัวคิ้ว “ยกมือโหวตละกัน ดูซิว่าเสียงที่อยากให้ปล่อยกับไม่อยากให้ปล่อย เสียงไหนจะเยอะกว่ากัน” แต่ไม่มีใครขยับ เพราะไม่มีใครกล้าตัดสินใจ ด้วยไม่ว่าจะเลือกทางไหนก็ดูจะไม่ถูกต้องทั้งนั้น


เวลาผ่านไปนานขึ้นเรื่อยๆ  หากเทียบกับตอนที่เพิ่งจับตัวมาได้ หลีจิ่นเพิ่งยิ้มออก ยิ้มที่อยู่บนใบหน้าไร้สีเลือด ทำให้คนเห็นแล้วไม่สบายใจ ยิ่งเป็นแบบนี้ ผู้คนยิ่งกังวลใจ เพราะพวกเขาไม่มั่นใจแล้วว่า ในโรงเรียนแห่งนั้นจะมีนักเรียนแบบหลีจิ่นอยู่กี่คน


พวกเขาค้นหาไม่เจอ ด้วยมีนักเรียนเยอะมาก อาจบอกได้ว่า… เด็กเหล่านั้นมีสีหน้าท่าทางปกติ แต่หัวใจกลับเป็นอีกแบบ


เป็นครั้งแรกที่พวกเขารู้สึกหมดแรง ความรู้สึกหมดแรงที่พูดไม่ออก


ตำรวจฝ่ายสืบสวนท่านหนึ่งพิงผนังด้วยความเหนื่อยล้ามาก เอียงศีรษะจุดบุหรี่ ถามคนข้างๆ “ทำไมเด็กพวกนั้นถึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้”


“คงเพราะสภาพแวดล้อมไม่เหมือนกัน รีบไปกินอะไรสักหน่อยเถอะ อีกไม่ถึงสองชั่วโมงก็จะสว่างแล้ว ฉันจะเฝ้าเอง” ตำรวจส่งคนเข้าไปตรวจสอบภายในโรงเรียนแล้ว เพื่อจะได้ป้องกันเหตุฉุกเฉิน


หลีจิ่นกลับไม่แคร์ต่อสิ่งใด ทั้งยังยิ้มออกมาได้อีก “อาจารย์บอกว่า เวลาพวกคุณสืบสวนคดี ชอบใช้วิธีป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาขึ้น แต่ไม่มีประโยชน์หรอก ไม่ว่าพวกคุณจะวางแผนยังไงก็เอาชนะอาจารย์ไม่ได้หรอก ถ้าไม่อยากเห็นการฆ่าตัวตายหมู่ก็ทำตามที่ผมบอกเถอะ แล้วจะปลอดภัย ปล่อยผมไป แล้วผมจะให้ข้อมูลพวกคุณ”


ถึงอยู่ในห้องประชุมก็ยังได้ยินเสียงของเขา ทุกคนต่างหน้าถอดสี ร้อนอกร้อนใจว่าควรจะทำอย่างไรดี สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ไม่รู้ว่าใครเอาข่าวไปปล่อยในโลกออนไลน์ ระบุว่าพวกเขากำลังหาทางช่วยเหลือนักเรียนที่มีปัญหาด้านจิตใจ ถึงกับยอมปล่อยคนร้ายออกมา


……………………………………………..


ตอนที่ 1673-2


พวกเน็ตติเซ่นแสดงความเห็นออกมาทันที


“เคยอ่านเจอเรื่องที่เกิดขึ้นในโรงเรียนนี้มาก่อน ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะมีโรงเรียนแบบนี้ด้วย พวกนักเรียนที่นี่ปกติหรือเปล่า นักเรียนแบบนี้ออกมาก็ทำร้ายคนอื่น ถึงกับต้องปล่อยคนร้ายออกมาเพื่อช่วยคนแบบนี้เนี่ยนะ มันไม่ค่อยถูกนะ”


“ฉันคิดว่า นักเรียนแบบนี้อย่ามีเสียเลยจะดีกว่า ไม่เข้าใจว่าจะช่วยไปทำไม”


“ใช่ คนแบบนี้ควรลงนรกไปซะ”


ความเห็นในอินเทอร์เน็ตทวีความรุนแรงขึ้นทุกทีๆ หลายๆ คนต่างประณาม โดยเฉพาะกลุ่มสืบสวนที่กำลังปวดหัวหนักอยู่แล้ว ยังต้องมาเผชิญกับเรื่องแบบนี้อีก คงเดาออกกันนะว่า ทั้งเบื้องบนและเจ้าหน้าที่ระดับล่างล้วนแต่กดดันมากแค่ไหน


ในที่สุดคนที่นั่งตรงกลางก็ตัดสินใจได้ “ประกาศออกไปว่า ปล่อย…”


ตัว…ยังไม่ทันได้พูดจนจบ พลันได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นในห้องสอบสวน เสียงนั่นไม่ดังและไม่เบาจนเกินไป แฝงความเป็นเอกลักษณ์ของป๋อจิ่ว “หลีจิ่น พอเถอะ คิงฝังคำสั่งอะไรทางจิตนั่นน่ะ จริงๆ แล้วนายไม่รู้หรอก”


“เอ่อ?” คนในห้องประชุมแทบทุรนทุราย


ชายหนุ่มในชุดสูทที่ไม่พูดอะไรมาตั้งแต่ต้นจนจบ กลับลุกขึ้นยืน “ลองฟังดูก่อนไหมครับ”


มีคนอยากจะพูดว่า จะมาพูดบ้าอะไรกันตอนนี้ แต่เมื่อเห็นใบหน้าของชายหนุ่ม ก็กลืนคำพูดตัวเองลงไป เอ่อ ทำไมคุณชายถังถึงมาอยู่ที่นี่เหรอครับ?


ภายในห้องสอบสวน หลีจิ่นคิดไม่ถึงว่าจะมีคนพูดแบบนี้ มือที่วางอยู่บนโต๊ะกำแน่น “ทำไมฉันจะไม่รู้ อาจารย์เชื่อใจฉันมากที่สุด ท่านมอบทุกอย่างให้กับฉัน ขนาดสายที่ท่านแฝงในห้องเรียน ท่านก็มอบอำนาจให้ฉันใช้พวกนั้นได้ ถ้าพวกนายไม่อยากปล่อยฉันไปก็พูดมาตรงๆ ยังไงฉันก็ก็ไม่แคร์หรอกว่าจะออกไปได้หรือเปล่า”


“หลีจิ่น จะหลอกตัวเองยังไงก็ต้องมีขอบเขต” ป๋อจิ่วเดินเข้าไปหา แววตาเปล่งประกาย “เมื่อกี้ฉันเพิ่งไปที่ห้องนายมา เรื่องคำสั่งที่แฝงทางจิตน่ะ ดูเหมือนนายจะไม่รู้เรื่องสักเท่าไรหอรก ไม่งั้นคงไม่มีหนังสือด้านพวกนี้ในระดับเริ่มต้นอยู่ในห้องนายหรอก นายรู้ดีพอๆ กับฉันว่า ถ้าอาจารย์ที่นายพูดถึงเขาแคร์นายล่ะก็ คงไม่หนีอย่างนั้นหรอก ในหัวใจของเขา นายมันก็แค่ใช้ง่ายกว่าคนอื่นเท่านั้น นายเป็นคนฉลาด รู้นี่ว่าไม่ว่าหมากจะใช้งานได้ดีหรือไม่ ยังไงก็เป็นแค่หมาก คนอย่างคิงต้องเก็บความลับไว้ในมือตัวเอง จะยอมให้หมากตัวหนึ่งรู้เรื่องได้ยังไง? เกรงว่านายคงเป็นคนเดียวที่รู้ว่าจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นในวันนี้ แต่เรื่องอื่นๆ นายกลับไม่รู้สักนิด ในเมื่อนายรู้จักอาจารย์ตัวเองดีขนาดนี้ นายรู้หรือเปล่าว่าเขาเป็นคนที่ไหน ผ่านอะไรมาบ้าง รวมถึงทำธุรกิจอะไร?


หลีจิ่วหัวเราะ สีหน้าเปลี่ยนเป็นฝืดเฝื่อน “ทำไมฉันต้องบอกนาย”


“นายไม่รู้” ป๋อจิ่วพูดอย่างเป็นปกติ “ถ้านายรู้จริงๆ ก็คงไม่แสดงออกแบบนี้ นายแค่อยากถ่วงเวลาให้ทุกคนทุ่มความสนใจในตัวนาย เพราะเราอาจจะละเลยข้อมูลอื่นๆ ได้  แล้วการปลุกคำสั่งที่แฝงทางจิตก็ยังไม่ถูกหยุดยั้ง แถมยังเกิดขึ้นได้สมบูรณ์แบบอีกต่างหาก แต่นายพูดความจริงมาอย่างหนึ่งว่า นายไม่แคร์อยู่แล้วว่าจะออกไปได้หรือเปล่า เพราะนายอยากเห็นคนที่มันรังแกนายลงนรกให้หมด นายแค้นกระทั่งแม่ตัวเอง นายรู้สึกว่าคุณน้าอ่อนแอทำอะไรไม่ได้สักอย่าง อยากจะสลัดอิทธิพลของแม่ที่มีต่อตัวนาย ก่อนหน้านี้นายอาจจะสะใจ เพราะได้กลายเป็นคนกุมชะตาของคนอื่น พวกเพื่อนนักเรียนที่มันดูถูกนาย ตอนนี้กลัวกันทุกคนแล้ว นายมีความสุขกับการมอบความกลัวให้พวกเขา นายต้องการแค่นี้”


……………………………………………..


ตอนที่ 1674


หลังจากที่ได้ยินป๋อจิ่วพูด ห้องประชุมตกอยู่ในความเงียบ พวกเขาคิดจะเคลื่อนไหว แต่กลับถูกเสียงหัวเราะของหลีจิ่นขัดจังหวะเสียก่อน เสียงหัวเราะนั่นใกล้จะไม่ปกติแล้ว เขาค้ำมือทั้งสองไว้บนโต๊ะ แววตาเขียวปัด “นายพูดไม่ผิดหรอก ฉันอยากให้พวกมันกลัว พวกมันจะมีประโยชน์อะไรที่จะมีชีวิตต่อไป คนอย่างนายจะรู้อะไร พวกมันทำลายฉันแทบจะหมดทุกสิ่ง พวกมันไม่ควรตายหรือไง? ฉันแค่อยากจะเรียนหนังสือดีๆ แต่พวกมันทำอะไร หาเรื่องเหยียดหยามรังแกฉันทั้งวัน เพราะมันคิดว่าฉันรังแกง่ายไม่ใช่เหรอ งั้นก็ตายกันให้หมดไปเลย แล้วนายด้วย จะว่าไป นายก็เหมือนกับฉัน อย่าปฏิเสธ นายมันเจ้าแผนการไม่แพ้ทุกคนหรอก ฉันไม่เห็นเลยว่านายมีใจอยากจะช่วยคนอื่นสักนิด? ได้ยินหลิวเจียหนิงบอกว่า นายอัดเขาเกือบตาย ดูจากนิสัยนาย พวกเราก็เหมือนกันนั้นแหละ คิดว่าคนพวกนี้ไม่สมควรจะถูกช่วย แล้วจะปกปิดความต้องการในใจทำไม”


พูดจบ ห้องประชุมตกอยู่ในความโกลาหล บ้างก็ยืนขึ้น


ป๋อจิ่วกลับเอ่ยขึ้นมาก่อน “บางคนก็ไม่น่าช่วยจริงๆ นั่นแหละ เช่น หลิวเจียหนิงไง ไม่ว่าเขาจะเป็นหรือตายก็ไม่เกี่ยวกับฉันสักนิด แต่ในโรงเรียนมีหลายๆ คนที่ไม่รู้จะทำยังไงเมื่อต้องเจอกับเรื่องแบบนี้ ถึงได้เงียบไม่ทำอะไร พวกเขาอยากช่วยนาย แต่กลับมีพลังไม่พอ นายต้องให้สิทธิ์พวกเขาในการปกป้องตัวเอง ซึ่งมันก็ไม่ได้ผิดนะ เนื้อแท้แล้วพวกเราคิดเหมือนกันจริง แต่หลักการไม่เหมือน  ฉันจะไม่มีวันลากคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่มาตายด้วย เพียงเพื่อจะฆ่าขยะไม่กี่ชิ้นหรอก”


หลีจิ่นมองดูป๋อจิ่วที่อยู่ตรงหน้า ก่อนจะค่อยๆ นั่งกลับที่เดิม พูดเสียงอ่อนลง “ไม่มีใครคิดจะช่วยฉัน กระทั่งแม่ฉันยังต้องเอาอกเอาใจพ่อเลี้ยง กลบเรื่องที่ฉันถูกทำร้ายไว้ คนที่มีทั้งพ่อและแม่แบบคุณชายอย่างพวกนายจะเข้าใจความรู้สึกของพวกเราได้ยังไง”


“ฉันเรียนมัธยมที่เมืองนอก” ป๋อจิ่วร่ายอดีตตัวเองด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ตอนนั้นพวกคนต่างชาติเหยียดจีนจะตาย แถมฉันเองก็ไม่มีพ่อมีแม่แล้ว หลายๆ คนมาหาเรื่องฉัน อยู่ในจีน อย่างน้อยนายก็สูงเท่าเทียมกับพวกเขา ต่อให้ต่อยกันก็ไม่เสียเปรียบสักเท่าไร ตอนนั้นฉันก็เหมือนกับนายในตอนนี้ที่ไม่มีเพื่อนสักคนออกมาช่วย แถมฉันยังเป็นคนเดียวที่เป็นคนเอเชียตาดำผมดำ แล้วจะยังไง? นายโดนต่อยตาเขียวหน้าบวมก็เข่าอ่อนเรียกเขาว่าพ่อแล้วเหรอ? หรือนายกลัวมากเสียจนเห็นคนที่เก่งกว่าตัวเองก็หดหัวอยู่ในกระดองเต่า ขนาดแม่นาย นายยังไม่กล้าปกป้องเลย? คนที่มันรังแกนายน่ะเหรอ ง่ายนิดเดียว พวกเขาไม่พูดกับนาย นายก็อย่าพูดกับพวกเขาสิ เทคโนโลยีก้าวหน้าตั้งมากมาย พวกมันเป็นแค่ตัวอะไร? ถ้านิสัยไปด้วยกันไม่ได้ ก็อย่าบีบตัวเองให้เข้ากับพวกมันให้ได้ การคุกเข่ายอมอ่อนข้อให้พวกมันก็รังแต่ทำให้มีคนดูถูกนายขึ้นทุกวันๆ ไม่มีใครเห็นค่าของนาย นายก็เลยไม่เห็นค่าของตัวเองงั้นสิ อายุเท่าไรแล้ว ยังคิดว่าชีวิตจริงจะเหมือนในนิทานหรือไง หลักการใช้ชีวิตมันก็ง่ายนิดเดียว ตรงนี้” ป๋อจิ่วพูดพลาง ยื่นมือไปจิ้มที่หลังของอีกฝ่าย “ต้องยืดให้ตรงทุกเวลา”


หลีจิ่นบรรยายความรู้สึกตัวเองไม่ถูก


ร่างของเขาเกร็งทื่อ ยกแขนกันบังนัยน์ตาตัวเอง ไหล่ทั้งสองสั่นไหว เสียงแหบเครือ “ฉันรู้ว่านายอยากได้ปากคำของฉันไปเป็นหลักฐาน นายพูดไม่ผิดหรอกว่าฉันเป็นหมากที่ไม่รู้อะไรสักเรื่อง แต่มันไม่ทันแล้ว”


…………………………………….


ตอนที่ 1675-1


ท้ายประโยค ‘ที่ว่าไม่ทันแล้ว’ ของหลีจิ่น ทำให้หัวใจของทุกคนร่วงลงเหว


ป๋อจิ่วคงเป็นคนเดียวที่เยือกเย็นที่สุดอเพราะหลีจิ่นพูดถูก เธอและเขามีเนื้อแท้ที่เหมือนกัน คนที่ไม่เคยเผชิญกับเรื่องพวกนี้มาก่อน ไม่มีวันเข้าใจหรอกว่าอะไรที่อ้างว้างไร้คนช่วย


เวลาที่เราต้องเผชิญกับความอยุติธรรม มักคิดกันว่า กฎหมายจะอยู่ไกล แต่กำปั้นอยู่ใกล้กว่า


ใช่ว่าจะไม่คิดสู้ แต่การลุกขึ้นสู้กลับถูกเสียงบางเสียงกลบให้หายไป พวกคนกระทำผิดมีเอกลักษณ์ที่เหมือนกัน นั่นคือความรักเปลือกนอกและกลับขาวให้เป็นดำ ซึ่งมันไม่เกี่ยวกับอายุสักนิด ไม่ใช่ว่าถูกทำให้เป็นคนคนชั่ว แต่พวกเขาเป็นอย่างนั้นมาตั้งนานแล้ว ส่วนพวกที่โหวกเหวกโวยวายว่า ฉันแค่เป็นคนแบบนั้นแบบนี้เท่านั้นเอง ก็ทำเพื่อให้ตัวเองหลุดจากโทษเท่านั้นแหละ การจะทำตัวอย่างไร เมื่อต้องเจอกับพวกหน้าด้านหน้าทน ถือประเด็นสำคัญที่สุด


ไม่ให้อภัย พวกคนเฮงซวยไม่มีค่าที่จะได้รับการให้อภัย


เช่นเดียวกัน จงอย่าปล่อยให้เราเต็มไปด้วยความแค้น


คุณต้องลองเปลี่ยนดู มองดูตัวเองในกระจกว่าควรจะต้องปรับตรงไหนให้ดีขึ้น นิสัย วิธีการพูด หรือบางครั้งอาจเป็นเพราะจิตใจคุณอ่อนแอเกินไป


เมื่อต้องเผชิญกับความยากลำบาก จะเอาแต่โทษสภาพแวดล้อมไม่ได้ คุณอยากใช้ชีวิตอย่างไร มันขึ้นอยู่กับว่าคุณพยายามจริงหรือเปล่า


ป๋อจิ่วรู้ว่า แม้กระทั่งในตอนนี้ ยังมีคนในโรงเรียนคิดว่า สิ่งที่พวกตนทำไม่เห็นจะเป็นอะไรมากมายเลย แต่ในทำนองเดียวกัน ป๋อจิ่วก็รู้อีกด้วยว่า นอกจากพวกเขา ยังมีคนไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรลงไปอยู่มากมาย


นานเท่านาน เธอก็ไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรลงไป ลืมคำพูดของพ่อจนเกือบหมด


เธอคิดว่า เมื่อคุณตกลงสู่ความมืดมิดไร้ขอบเขต โลกนี้จะต้องมีคนฉุดคุณออกมาสักคน ซึ่งถ้าไม่มีใครที่จะทำแบบนั้น ต่อไปจะกลายเป็นอย่างไร


ป๋อจิ่วเป็นคนที่โลดแล่นในความมืด ขอแค่มีร่างหนึ่งที่เมื่อปรากฏตัวชัดขึ้น คุณก็จะเข้าใจว่ามีบางเรื่องที่คุณจำเป็นต้องทำ


แม้ว่าความปรารถนาดีนี้ จะมีโอกาสตอบแทนสู่คุณเพียงเล็กน้อยก็ตาม


“ฉันไม่เชื่อหรอกว่าโลกเราจะใสสว่างสะอาดตา แต่ฉันเชื่อว่าฉันสร้างมันได้” สิ่งที่ป๋อจิ่วทิ้งไว้ให้อีกฝ่ายเป็นลำดับสุดท้าย “ทุกคนก็เหมือนกัน”


ทุกวินาทีที่เดินออกจากห้องประชุม กลายเป็นความบีบคั้นอันหนักหน่วง ไม่ได้ข้อมูลที่มีมูลค่าจากทางหลีจิ่นเลย


หนึ่งเดียวที่ป๋อจิ่วพอจะให้กับทางห้องประชุมได้ก็คือ เธอคิดว่าวันนี้คิงจะกระตุ้นคำสั่งที่แฝงทางจิตไว้แน่นอน แต่จะใช้วิธีไหน ก็ไม่มีหลักฐานที่ระบุไว้เช่นกัน


สิ่งที่ทำให้คนยากจะเชื่อก็คือ ความรู้สึกของหลีจิ่น ไม่มีใครเข้าใจว่าทำไมป๋อจิ่วถึงเชื่อความรู้สึกของนักโทษ


“เอาล่ะ ในเมื่อพวกเราเชื่อแล้ว ต่อไปจะทำยังไง? บอกให้พ่อแม่ดูแลลูกตัวเองดีๆ งั้นเหรอ” มีคนนวดหัวคิ้ว “มันเป็นไปไม่ได้หรอก นักเรียนในโรงเรียนมีตั้งมากมาย พ่อแม่บางคนก็ไม่ได้อยู่ในท้องที่นี่ แต่ต่อให้อยู่ในท้องที่ ก็ไม่รู้ว่าคิงจะใช้วิธีไหนมาปลุกคำสั่งที่แฝงทางจิตไว้ ถ้าข่าวนี้ถูกเผยแพร่ออกไป จะต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ พวกนักเรียนจะรู้สึกไม่ปลอดภัยมากขึ้น สภาพจิตใจจะไม่มั่นคง ถึงเวลานั้น จะทำให้เรื่องเลวร้ายขึ้นเรื่อยๆ แล้วถ้าเกิดอะไรขึ้นมา ใครจะเป็นคนรับผิดชอบ”


…………………………………………………………


ตอนที่ 1675-2


ป๋อจิ่วหัวเราะแฝงความเหยียดหยัน “พูดไปพูดมา คุณก็แค่กลัวความรับผิดชอบ?”


“นาย!” สีหน้าของเจ้าคนนั้นเพิ่งจะเปลี่ยนไป


“ผมเอง” คนที่นั่งตรงกลางเอ่ยขึ้น “ผมรับผิดชอบเรื่องทั้งหมดเอง ขอแค่ช่วยพวกเขาได้ แต่เวลาอย่างนี้จะให้พวกเขารับความกระทบกระเทือนไม่ได้ เด็กน้อย คงรู้ดีนะว่าการประกาศข่าวออกไม่ใช่วิธีที่ดีสักเท่าไร”


มันไม่ดีจริงๆ เพราะจะทำให้อันตรายจนควบคุมไม่ได้


ป๋อจิ่วลุกขึ้น “ผมจะไปหาข้อมูลอื่นๆ เพิ่มอีก”


เวลานี้ก็ทำได้แค่เท่านี้แหละ


นาฬิกาบนผนังบอกเวลาว่าถึงหกโมงแล้ว


วันนี้ไม่มีใครได้หลับได้นอน พนักงานที่ทำการสืบสวนหาพลิกหาข้อมูลครั้งแล้วครั้งเล่า กระทั่งมีคนเข้าไปตรวจสอบในโรงเรียนมากกว่าเวลาธรรมดา


ทุกอย่างปกติ กระทั่งจิตแพทย์ก็ยังหาความผิดปกติไม่เจอ


ตั้งแต่หกโมงเช้าจนถึงเจ็ดโมงครึ่ง นักเรียนในหอพักของโรงเรียนต่างทานอาหารเช้าเสร็จ ส่วนนักเรียนไปกลับก็มาถึงหน้าประตูโรงเรียนกันหมดแล้ว


แน่ล่ะย่อม มีนักเรียนมาสาย แต่จะดูอย่างไร บรรยากาศของโรงเรียนก็ให้ความรู้สึกแห่งเกียรติยศ จะเกิดเรื่องอะไรได้?


“หรือว่าเขาเข้าใจผิด อาจจะไม่ใช่วันนี้” เจ้าหน้าที่ที่ปลอมตัวนั่งอยู่ในรถตู้ กระแทกแขนเพื่อนร่วมงาน พูดเสียงแผ่วเบา พยักเพยิดไปยังป๋อจิ่วที่นั่งข้างคนขับ


ป๋อจิ่วถือไอแพดในมือ หน้าจอเผยภาพเคลื่อนไหวสดของหลีจิ่นที่รับการตอบคำถาม รวมถึงภาพในโรงเรียนที่จับได้เป็นระยะๆ


คิงเป็นคนแยบยล ซึ่งเห็นจุดเด่นอันนี้เห็นได้ชัดมาก เพราะภาพเขาปรากฏไม่เยอะ ที่มีก็เป็นภาพจากไกล ๆ


เสียงจอกแจกจอแจของนักเรียนดังจากนอกหน้าต่างลอยมาตามลม ซึ่งมันไม่มีอะไรผิดปกติจริงๆ นั่นแหละ หรือเธอคิดมากไปเอง?


ป๋อจิ่วหลับตาลง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอดหลับอดนอนกันมาสองคืนหรือเปล่า ถึงทำให้หายใจไม่คล่อง มึนศีรษะเล็กน้อย


เหนื่อยจัง สมองตื้อไปหมด


ห้วงเวลาดังกล่าว เธอเหมือนจะฝันถึงอดีต ตอนที่เขาหันหน้ามาอธิบายวิชาฟิสิกส์ให้เธอ “โจทย์ทุกข้อ ขอแค่เข้าใจก็สามารถใช้สูตรเข้าคำนวณได้”


“แบบนี้เนี่ยนะ” เธอตอบรับคร้านๆ เพราะเธอไม่ชอบวิชานี้จริงๆ นะ สนใจคนมากกว่า “โจทย์บรรยายเยอะขนาดนี้ แค่เห็นก็เวียนหัวแล้ว”


ชายหนุ่มเท้าคาง ตบหน้าผากเธอเบาๆ “ไม่ว่าโจทย์จะบรรยายซับซ้อนแค่ไหน จำไว้อย่างหนึ่งว่า แค่เดาใจคนตั้งโจทย์ได้ว่าเขาต้องการอะไร ต่อให้บรรยายข้อความมากแค่ไหน มันก็เป็นแค่คาถาบังตา โง่จริง”


ตื้ดๆๆๆ!  เสียงแตรรถดังเสียดหูจากด้านนอก


ทันใดนั้น ป๋อจิ่วลืมตาขึ้น


“ดูเหมือนว่ารถเรากำลังขวางทางรถคนอื่นอยู่”


“แปดโมงสิบนาที นักเรียนเข้าเรียนกันหมดแล้ว พวกเราย้ายรถไปที่อื่นเถอะ”


ป๋อจิ่วได้ยินเสียงข้างหู สมองยิ่งตื้อเข้าไปใหญ่ รู้สึกหายใจลำบากขึ้น จึงกระดกน้ำขึ้นดื่ม เธอเพิ่งระลึกขึ้นมาได้ว่า ร่างนี้ไม่ค่อยแข็งแรง ยังดีที่เธอสู้ไหว


เมื่อน้ำไหลลงลำคอ เธอจึงรู้สึกดีขึ้น ป๋อจิ่วมองดูนอกหน้าต่าง หน้าโรงเรียนที่ครึกครื้นเมื่อครู่ กลับไม่เหลือใครแล้ว และยามกำลังปิดประตู


ไม่รู้ว่าเป็นเพราะผลกระทบจากภวังค์ความฝันเมื่อครู่หรือเปล่า


ป๋อจิ่วดูคลิปของหลีจิ่นอีกครั้ง ประโยคของท่านเทพยังคงลอยอยู่ในสมองเธอ “แค่เดาใจคนตั้งโจทย์ได้ว่าเขาต้องการอะไร” ทันใดนั้น ป๋อจิ่วกดให้หยุดตอนที่หลีจิ่นพูดว่า “ฆ่าตัวตายขนานใหญ่”


ไม่ ไม่สิ นี่ไม่ใช่ความต้องการของคิงเสียหน่อย


คิงต้องการมุ่งไปที่ตัวประกัน เพราะเขาจะได้มีสิ่งต่อรองต่างหาก


ขนานใหญ่…


ขนานใหญ่!


…………………………………………………………


ตอนที่ 1676


เสียงฟุ่บดังขึ้น!


ป๋อจิ่วเปิดประตูรถ กระโดดลงมาพลางเอ่ยเพียง “ตามฉันมา”


สิ่งที่เกิดขึ้นกะทันหัน ทำให้โชเฟอร์ตกใจเหงื่อไหลท่วมศีรษะเลยทีเดียว เขากำลังจะสตาร์ทรถเองนะ ส่วนคนที่นั่งด้านหลังต่างสบตากัน พากันเปิดประตูรถ วิ่งพลางยิงฟันส่งเสียงจิ๊จ๊ะ


บรรยากาศในห้องประชุมเชื่อมโยงกับความเป็นไปทางนี้ มีคนได้ยินเสียงที่เกิดขึ้นก็ยืดตัวนั่งตรงทันที “เกิดอะไรขึ้น?”


“พวกเราก็ไม่รู้เหมือนกัน จู่ๆ เด็กนั่นก็กระโดดลงรถไป” เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เข้าใจว่าป๋อจิ่วคิดอะไรอยู่


เวลานี้ ด่านกั้นประตูโรงเรียนค่อยๆ ลดลงมา


ป๋อจิ่วไม่ยอมช้า ค้ำมือข้างหนึ่งบนด่านกั้น ส่งตัวกระโดดเข้าไป ซึ่งเธอยังอยู่ในชุดนักเรียน


ยามเฝ้าประตูเพิ่งจะร้องตะโกน ก็เห็นชายสองคนกระโดดตามหลังเด็กคนนี้เข้าไป สิ่งสำคัญอยู่ที่บัตรที่พวกเขายกให้ดู ทำให้ยามอึ้งหน่อยๆ เกิดอะไรขึ้นเนี่ย?


เสียงประกาศตามสายยังดังทั่วโรงเรียน ประมาณว่าให้นักเรียนเอาเก้าอี้มานั่งเรียงเป็นแถวยาวตามห้องเรียน แล้วนั่งลงบนที่ของตัวเอง


เสียงนั่นเบาลงเรื่อยๆ ฟังแล้วดูเหมือนจะเตรียมงานมาเรียบร้อยแล้ว


ป๋อจิ่วเร่งฝีเท้าให้เร็วอีกเท่าหนึ่ง เพราะคำว่า ‘ขนานใหญ่’ นั่นเอง แม้จะไม่รู้ว่าเมื่อไรคำสั่งที่แฝงทางจิตจะถูกกระตุ้น แต่คำว่า ‘ขนานใหญ่’ ก็เห็นจะมีแต่การฉายหนังในวันนี้เท่านั้นที่ทำให้คนทั้งโรงเรียนมารวมตัวกันดู


คิงไม่ได้แค่ต้องการกระตุ้นคำสั่งที่แฝงทางจิตให้กับพวกเด็กๆ  เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น จะทำเมื่อไรก็ได้ แต่หากไม่มีตัวประกัน ก็ย่อมไร้ค่าของมัน


ความวุ่นวายขนานใหญ่ ต้องเกิดเหตุการณ์เหยียบกันตาย แม้ว่าจะมีคนจากตำรวจอยู่ด้วย แต่อาจจะหยุดยั้งคนส่วนหนึ่งที่ได้รับการกระตุ้นคำสั่งทางจิต กระโดดขึ้นรถหนีไปไม่ได้


ปฏิกิริยาของพวกเขาเป็นวงกว้าง ถ้าทุกคนต่างวิ่งไปทางเดียวกัน ต่อให้พวกเขาวิ่งทางเดียวกับคนร้าย เราก็ยิงปืนไม่ได้ ซึ่งนี่แหละคือเป้าหมายของคิง


เขาต้องการให้ทุกคนรู้ว่า พวกเขามีตัวประกันกลุ่มใหญ่อยู่ในมือ หลังจากที่ผู้คนรู้กันทั่ว ไม่ว่าใครจะลงมือทำอะไร ก็ต้องช่วยคนพวกนี้ไว้ก่อน เพราะพวกนั้นยังเป็นเด็ก และการหยุดยั้งทุกสิ่งได้ ย่อมต้องห้ามฉายเนื้อหาในหนัง!


ป๋อจิ่ววิ่งไปตามเสียง ตอนนี้เสียงของหนังเริ่มดังขึ้น


ในบริเวณที่ไกลจากนั้น อาจารย์ที่เปิดหนังออกฉายมองดูนักเรียนคนหนึ่งที่วิ่งเข้ามาหาอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร ยังคิดว่านักเรียนจากห้องไหนสักห้องหนึ่งมาสาย จึงขมวดคิ้วมุ่น


ป๋อจิ่วเห็นแล้ว แม้ว่าเธอจะเร็วแค่ไหน การจะวิ่งไปถึงสถานที่ฉายหนังก็ต้องใช้เวลาหนึ่งนาที ซึ่งไม่ทันแน่ ถ้าวิ่งไป ย่อมไม่ทัน


แถมอาจารย์ที่รับผิดชอบระเบียบแถวนั้นยังเดินมาหาเธออีกต่างหาก เพราะเหตุนี้ ผู้คนจึงไม่ได้สังเกตเห็นปฏิกิริยาน้อยๆ ของนักเรียนที่กำลังดูภาพและฟังเสียงจากหนัง ในเมื่ออาการเหล่านั้นถือเป็นปกติมาก หนังก็ไม่มีอะไรไม่ดี ทว่าทั้งหมดนี้ทำให้ป๋อจิ่วนึกถึงคดีฝังคำสั่งทางจิตที่มีโด่งดัง


โดยเริ่มจากผู้ชมบางส่วนได้ยินเสียงรัวกลองน ก็จะรู้สึกฮึกเหิมกว่าปกติ แสดงอาการเล็กน้อยออกมาเป็นระยะๆ พอมาถึงตอนท้ายก็จะควบคุมไว้ไหว จนกระทั่งไม่มีใครรู้ว่าเหตุใดคนเหล่านั้นจึงเกิดความรู้สึกรุนแรงขึ้น ทั้งยังคิดจะหนีไปจากสถานที่เกิดเหตุ จนเกิดเหตุเหยียบกันตายเป็นหมู่ขึ้นมา


เหมือนกันเป๊ะ!


………………………………………


ตอนที่ 1677


 “นักเรียนคนนี้…” อาจารย์สอนพละเดินเข้ามาเท้าสะเอว คงอยากจะให้ป๋อจิ่วกลับไปนั่งที่ตนเอง


สถานที่ที่มีคนเยอะ ย่อมทำให้อากาศไหลเวียนไม่ดี ไม่มีใครคาดถึงว่าป๋อจิ่วกลับหยุดวิ่ง เจ้าตัวสวมผ้าปิดปากบนหน้า จากนั้นก็ช้อนสายตา หยิบมีดทหารออกจากฝักจนเกิดเสียงดัง แล้วขว้างออกไปยังต้นไม้ข้างหน้าจออันเป็นสวิตช์หลักของตัวควบคุมกระแสไฟฟ้า เสียงของหนังดังมาก ดังนั้นนอกจากอาจารย์จำนวนหนึ่งแล้ว ไม่มีนักเรียนคนไหนสนใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น


พวกเขารู้สึกเพียงอย่างเดียวคือ หลังจากที่เสียง ‘ตื้ด’ ดังขึ้น หน้าจอดับลง เสียงก็หายไป อารมณ์ของพวกเขาถูกดึงกลับมาจากที่ใดที่หนึ่ง นักเรียนทุกคนกระพริบตา ก่อนจะหันไปพูดกับคนข้างๆ


“เกิดอะไรขึ้น?”


“ไฟดับเหรอ?”


“ไม่รู้เหมือนกัน หรือว่าเบรคเกอร์โดนตัด?


ห้วงเวลานั้น เสียงดังวุ่นวายทั่วสนามกีฬา นักเรียนบางคนลุกขึ้นยืนมองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บ้างก็ก้มหน้าก้มตาเล่นเกมไป บ้างก็หันไปขอขนมจากเพื่อนรูมเมท แม้ว่าระเบียบจะไม่เคร่งครัดมากนัก แต่ยังดีที่ไม่เกิดเรื่องน่ากลัวขึ้น พวกเขานิ่งอยู่กับที่ บ้างก็สงสัยว่าทำไมเมื่อครู่ตัวเองถึงได้โกรธแค้นแสนสาหัส แต่ตอนนี้ความรู้สึกดังกล่าวหายไปแล้ว จึงลูบหน้าอกตัวเองอย่างไม่เข้าใจ


ฝ่ายอาจารย์พละก็แทบจะสติแตก ร้องตะโกนเสียงดัง “ไอ้เด็กบ้า รู้ตัวหรือเปล่าว่าทำอะไรลงไป แมร่งเอ๊ย” กว่าเขาจะได้รับผิดชอบให้ดูแลเรื่องการฉายหนัง แต่ดันเกิดปัญหาใหญ่หลวงขึ้น เห็นทีเขาคงต้องถูกยืดเวลาทดลองงานแน่


บ้าจริง! อาจารย์พละยกมือทึ้งผมตัวเอง


ป๋อจิ่วหัวเราะ อาจารย์แบบนี้น่ารักเสมอในสายตาของเธอ


อันที่จริงทุกวงการอาชีพย่อมมีทั้งคนดีและคนไม่ดี พวกที่อยู่ในวงการครู บ้างก็ทำทุกอย่างเพื่อให้เงินมา แต่เช่นเดียวกัน จะมีคนพวกหนึ่งที่ทำหน้าที่ครู เพราะอยากจะเป็นครูที่ดี ดังนั้นจึงคิดหาทางสื่อสารกับเด็กในรุ่นนี้อยู่เสมอ เพื่อจะได้พัฒนาพวกเขาในอนาคตต่อไปให้ดีขึ้น


ท่านเทพพูดไม่ผิดหรอก นัยน์ตาของคนเราเหมือนกันหมด อยู่ที่ว่าเราจะค้นหาอะไร


แต่ เมื่อทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรขึ้น ย่อมเป็นการท้าทายในระเบียบของทางโรงเรียน หัวหน้าอาจารย์เดินมาหา กำลังจะเอ่ยขึ้น


เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบทั้งสองที่วิ่งตามหลังป๋อจิ่วก็มาถึง ก้มตัวยันมือข้างหนึ่งค้ำเข่า อีกข้างก็ยื่นบัตรประจำตัวให้ดู เอ่ยเสียงหอบ “นี่ นี่เป็นเพื่อนร่วมงานของผมครับ”


หัวหน้าอาจารย์ตาโตเลยทีเดียว มองดูป๋อจิ่ว เด็กคนนี้สวมชุดนักเรียนของพวกเขาชัดๆ  แถมยังเยาว์อยู่มาก จะเป็นคนของทางการได้ไง?


“หนังที่ฉายมีปัญหา ไม่ทราบว่ามีหนังเรื่องนี้อีกมากเท่าไรในโรงเรียน ต้องเอามาทำลายให้หมด ต่อไปห้ามฉายหนังอีก ผมขอแผ่นหนังกลับไป” หมายความว่า ป๋อจิ่วไม่อยากยุ่งกับทางตำรวจอีก


ตลก คนในโลกมืดอย่างเธอ จะไปเป็นมิตรกับศัตรูได้ไง


“หนังเรื่องนี้มีปัญหาเหรอ” อาจารย์ที่รับผิดชอบเป็นงง ก็แค่หนัง จะมีปัญหาได้ด้วยเหรอ ปกติออก แถมไม่หนังติดเรท 18 สักหน่อย จะไปมีปัญหาได้ยังไง?”


ตำรวจสองนายอึดอัดนิดๆ เพราะหากดูจากเนื้อหาของหนังก็ปกติ


เจ้าเด็กนี่มันตื่นไปเองหรือเปล่า?


………………………………………………….


ตอนที่ 1678-1


เมื่อคิดเช่นนั้น ทางตำรวจก็กระตุกแขนเสื้อป๋อจิ่ว “แน่ใจนะว่าหนังมีปัญหา”


“แน่” ป๋อจิ่วตอบเสียงเรียบ “ให้นักเรียนสลายตัวแล้วกลับห้องเรียนก่อน แล้วแจ้งให้จิตแพทย์ที่มีชื่อเสียงมาทำการตรวจสอบด้วย”


ทางตำรวจไม่พูดอะไรอีก เพราะเบื้องบนสั่งมาว่าให้เชื่อฟังคำสั่งป๋อจิ่ว แม้มาถึงตอนนี้ พวกเขายังไม่รู้เลยว่าเด็กนี่โผล่มาจากไหน แต่สถานการณ์ตรงหน้าคงทำให้พวกเขาต้องปฏิบัติตาม


พออธิบายให้ทางโรงเรียนฟัง ก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี


อันที่จริง เด็กๆ ต่างซ่อนความในใจไว้ ใช่ว่าจะไม่เห็นข่าวบนโลกออนไลน์ แค่มีปฏิกิริยาต่างกันเท่านั้น บ้างก็หาว่าหลีจิ่นเป็นคางคก ที่สั่งสอนไปก็ถือว่าให้เกียรติแล้ว จะมาทำอะไรพวกเขาอีก บ้างก็กลัวตาย เพราะบางคนก็เป็นพวกขี้ขลาด แค่อยากผสมโรงเท่านั้น คิดว่าต่อไปต้องดีต่อคนอื่นให้มากสักหน่อย บ้างก็ยังคงสวมหูฟัง หลับตาบอกตัวเองว่า ต่อไปจะไม่รังเกียจหรือบูลลี่ใครเขาอีก เวลาที่ออกโรงช่วยคนอื่นได้ก็ควรต้องออกมา ทว่าพวกเขาไม่รู้ตัวเลยว่า อันตรายได้ถูกขจัดออกไปในภาวะที่เขาไม่รู้ตัว


แผ่นหนังมาถึงห้องประชุมแล้ว ป๋อจิ่วก็อยู่ในห้องดังกล่าวด้วย บวกกับนักจิตวิทยาที่มีชื่อเสียงอีกสามท่าน ในที่สุดก็ได้ข้อสรุปร่วมกันว่า หนังเรื่องดังกล่าวไม่ได้มีปัญหาหรอก แต่หากพวกนักเรียนที่ได้รับผลกระทบจากกลุ่มเพื่อนได้ดู ก็จะก่อให้เปิดปัญหาใหญ่ขึ้น เพราะพวกเขาได้รับอิทธิพลจากสภาพแวดล้อมในก่อนหน้านี้อยู่แล้ว


คนรังแกกับคนที่ถูกรังแก


โดนรังเกียจ บ้าของนอกกาย อยากให้คนสนใจ อันเป็นสิ่งที่พวกเขาปรารถนามาตั้งแต่แรก ดังนั้น สิ่งเหล่านี้แหละที่เป็นปัญหา


เริ่มอธิบายจากภาพในหนังเรื่องนี้ได้กระตุ้นสภาพจิตใจ ง่ายนิดเดียว เมื่อเรื่องหนึ่งปรากฏออกมา ทุกคนต่างมีความเห็นต่างกันไป ขึ้นอยู่กับว่าเราเป็นคนยังไง แล้วเชื่อมโยงความคิดไปที่ไหน


พวกเขาฉายหนังให้หลิวเจียหนิงดูไม่ถึงสามนาที เธอก็ระเบิดอารมณ์ขึ้นมา เพราะพวกเธอชอบเปรียบเทียบกัน อยากได้รับความสนใจมากๆ เมื่อเรากระตุ้นพวกเธอ พวกเธอก็จะอาละวาดอย่างรุนแรง


ไม่เพียงเท่านั้น เสียงในหนัง ฟังดูก็ไม่ได้มีอะไรหรอก แต่หากแยกให้เราฟัง ก็จะพบว่าเสียงของหนังกระแทกอารมณ์รุนแรง ทำให้อารมณ์ของเราเปลี่ยนแปลงไป หากหยุดไม่ทันเวลา ปล่อยให้ดูนานๆ เข้า ต้องเกิดผลที่ไม่อาจคาดคิดแน่


หลังจากที่สรุปได้เช่นนี้ นักจิตวิทยาทั้งสามท่านต่างช็อก คนที่เรียนด้านจิตวิทยาด้านอาชญากรรมมา ล้วนรู้จักคดีหนึ่งที่เกิดขึ้นที่ต่างประเทศ ทว่าคดีแบบนั้น เกิดขึ้นไม่มากนัก


เด็กคนนี้ยังอายุน้อยมาก รู้ได้อย่างไร?


ระหว่างที่นักจิตวิทยาทั้งสามท่านอยากจะถามเธอ ก็พบว่าเธอจากไปแล้ว ไม่เหลือแม้แต่เงา


ในที่สุดก็รักษาความปลอดภัยให้เด็กพวกนั้นได้ คำสั่งที่แฝงทางจิตถูกขจัดแล้ว องค์กรด้านสุขภาพจิตจะมาคุยกับนักเรียนส่วนหนึ่ง สำหรับพวกที่มีนิยมความรุนแรง ชอบรังแกคนอื่นแล้วคิดว่าตัวเองยังไม่ผิดอีก ก็ถูกดำเนินคดีทางกฎหมายต่อไป จนไปอยู่ในสถานพินิจในที่สุด บางคนหาว่ารุนแรงไป เรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว แถมอีกฝ่ายยังเด็กอยู่ จะไปรู้เรื่องอะไร


………………………………………………………………….


ตอนที่ 1678-2


ก่อนอื่น เด็กอายุเกินสิบขวบแล้ว แต่ยังไม่รู้จักแยกแยะถูกผิด ก็อย่าได้เรียกตัวเองว่าเด็กเลย เพราะน้องๆ ห้าขวบจะคงไม่ยอมแน่ ต่อมา ไม่ว่าจะอายุน้อยแค่ไหน ก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะรู้สึกว่า การรังแกคนอื่นไม่ใช่เรื่องแปลก ยิ่งไปกว่านั้น นี่ไม่ใช่พวกที่ไม่รู้จักคิดธรรมดาๆ  แต่ยังรวมตัวกันไปแย่งชิง ครอบครอง รังแกคนอื่น ย่อมถึงเวลาแล้วที่ต้องรับผลกรรมของการกระทำตัวเอง ไม่มีใครหรอกที่เป็นฆาตกรมาตั้งแต่กำเนิด เพียงแต่หากไม่จัดการสักที นานวันเข้า ก็จะกล้าทำอะไรโดยไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใด


พวกที่บอกว่าเรื่องมันผ่านไปแล้ว คงเพราะมีจิตใจดี แต่ บางครั้งความมีจิตใจดีอย่างโง่เขลา ก็เป็นการช่วยให้คนกลายเป็นคนร้ายอย่างเต็มรูปแบบ


การทำผิดแล้วโดนอบรมสั่งสอน ไม่กระไรหนักหนาหรอก ลองคิดถึงคนที่พวกเขารังแกสิ ทุกอย่างจะได้เป็นธรรม


ทว่าเมื่อไขคดีใหญ่อย่างนี้ได้ ย่อมต้องมีคนได้รับผลงาน แต่ใครจะคิดล่ะว่า เด็กคนนั้นหายไปตั้งแต่ตอนบ่ายในวันเดียวกันแล้ว


ซึ่งป๋อจิ่วในเวลานี้ กำลังก้มเอวถอดเสื้อนักเรียนออกมาโยนทิ้ง แล้วเปลี่ยนไปสวมสูทสีดำ ร่างสูงเด่นต่างไปจากสภาพในก่อนหน้านี้


เธอบิดเนคไทหน้ากระจกรถ เส้นผมสั้นเซอร์ปรกลงมา ขับจุดเด่นบนใบหน้าเธอ


เหตุที่เธอแต่งตัวแบบนี้ เป็นเพราะเธอได้รับข้อความเสียงจากคุณชายถัง โดยมีเนื้อหาว่า  “มีข่าวดีมาบอก ถือว่าเป็นรางวัลที่จัดการคดีนี้ได้ สายที่ชายแดนประเทศ M กับ T รายงานมาว่า ต่อให้คุณไม่โผล่หน้ามา เมื่อวานคิงก็จะกลับอยู่แล้ว เพราะบังเอิญเจอคนจีนที่รวยมากคนหนึ่งกะทันหัน ได้ยินมาว่าคนจีนคนนี้รวย แถมใจสปอร์ตมาก พอมาถึงประเทศ T ปุ๊บก็ซื้อเรือยอชปั๊บ แถมยังซื้ออาวุธสงครามเยอะมาก เอาไปป้องกันตัว เพื่อจะได้เอาไว้ซื้อสินค้าดีๆ มาเก็บไว้ แน่ล่ะ สถานะของคนจีนคนนี้ไม่ชัดเจน เท่าที่รู้ว่าคือเป็นลูกเศรษฐีตระกูลดี แถมยังมีที่ปรึกษาคนเก่งมากๆ อยู่ข้างตัว จากนั้นคำถามก็มาถึง คุณคิดว่าพวกเขาเป็นใครเหรอ?”


ไม่ต้องเดาก็รู้ว่า ลูกเศรษฐีต้องเป็นเจ้าชายน้อยแน่ เป็นคนอื่นไม่ได้หรอก ส่วนที่ปรึกษาที่เก่งมาก ย่อมต้องเป็นท่านเทพอยู่แล้ว เพราะเวลาท่านเทพแสดงมาดเก่งกล้าออกมา ย่อมไม่ขัดสายตา


ป๋อจิ่สวมนาฬิกาสมาร์ทวอทช์ นัยน์ตาเหมือนจะเรืองแสง เธอเข้าไปนั่งในรถแลมโบกินี่ จากนั้นก็ปิดประตู ป้อนตัวอักษรเข้าสู่ระบบจีพีเอส


เสียงเตือนดังขึ้น “เกาะตำแหน่งที่อยู่ชัดเจน ระยะทางทั้งหมดแปดร้อยลี้ น้ำมันเพียงพอ”


“ไป” ป๋อจิ่วกุมพวงมาลัยด้วยมือข้างหนึ่ง สะบัดท้ายรถอย่างสวย เวลานี้เธอไม่เหลือสภาพนักเรียนเหมือนเมื่อครู่ ดูเป็นหนุ่มน้อยจอมเฮี้ยว ทั้งนี้ด้วยเพราะสูทบนร่าง จึงเพิ่งความเป็นนักธุรกิจให้ด้วย


ระบบจีพีเอสอัจฉริยะ ยังตรวจสอบสภาพร่างกายของเธอด้วย “เจ้านายครับ อัตราการเต้นหัวใจของคุณเร็วเกินไปนะครับ คุณดีใจแบบนี้ คงเพราะได้ข่าวจอมมารล่ะสิ?”


“เสี่ยวเฮย ฉันรู้สึกว่า ถึงหลายๆ ครั้ง ความฉลาดของนายจะไม่พอใช้สักเท่าไร แต่ครั้งนี้นายฉลาดมาก” ป๋อจิ่วเปลี่ยนเกียร์เพิ่มความเร็ว มุมปากแฝงรอยยิ้มที่หุบไม่ลง “ถูกต้อง”


เสี่ยวเฮย…ทำไมมันถึงไม่รู้สึกว่าโดนชมเลยล่ะ เหมือนโดนยัดอาหารหมาเต็มเหนี่ยว!


เดี๋ยวนี้อยู่ยากจริง


นี่ถ้าได้เจอจอมมารเข้าให้ ทั้งสองคงไม่จะ จูบกันในรถหรอกนะ! แค่นึก ไฟรถก็ติดๆ ดับๆ แล้ว


ว้าย โลกช่างรังแกรถเหลือเกิน!


………………………………………………………………….


ตอนที่ 1679


ภายในเรือยอร์ช เสียงโทรศัพท์พลันดังขึ้น ทำให้คนที่กำลังออกกำลังกายกันอยู่ ต่างชะงัก


ฉินมั่วกวาดตามอง ‘นาย’ ในนาม สั่งสั้นๆ “รับสิ”


เจ้าชายน้อยมองดูตัวอักษรที่ปรากฏหน้าจอ รอจนทุกคนสวมหูฟัง ก่อนจะกดปุ่มรับ “ฮัลโหล”


“ฮัลโหล” ทั้งๆ ที่เป็นเบอร์ของแมงป่องพิษ แต่เวลานี้น้ำเสียงกลับต่างจากเดิม “ได้ยินว่าคุณอยากทำธุรกิจกับตัวผมเหรอ”


เจ้าชายน้อยยังคงสภาพหนุ่มเสเพล “ไอ้ผมนี่มันใครล่ะ?”


“คิง”


เมื่ออีกฝ่ายเอ่ยออกมา เจ้าชายน้อยถึงกับชะงัก สีหน้าเปลี่ยนไปทันที


“ทำไม? คุณไม่น่าจะไม่รู้จักผมนะครับ” ราวกับว่าคิงจะเดาใจเราได้ตลอดเวลา ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้คนรู้สึกกดดันมาก


เจ้าชายน้อยได้ยินเสียงข้างหู ไม่รู้ว่าทำไมต้นคอจึงเย็นเป็นระลอกๆ  หากไม่ใช่เพราะบอสนั่งตรงข้ามเขา เคาะนิ้วบนโต๊ะ เขาเองก็คงไม่รู้ว่าจะตอบกลับไปอย่างไร


“ผมต้องรู้จักอยู่แล้ว” เจ้าชายน้อยหัวเราะ “ในเขตชายแดนประเทศ M และT ผมก็ได้ยินเรื่องเล่าของชื่อคุณมาเยอะ แต่สิ่งที่ผมสนใจที่สุดก็คือ คุณมีของดีๆ อยู่ในมือเยอะแค่ไหน”


คิงได้ยินอีกฝ่ายพูด แต่ไม่ได้สรุป ก้มหน้ามองดูคนที่ถูกซ้อมจนหมอบ ก่อนจะรับผ้าเช็ดหน้าที่มีคนยื่นมาเช็ดคราบเลือดบนนิ้วมือ เขาไม่ได้พูดอะไร แค่หันไปสะบัดนิ้ว


ฝั่งทางนี้ก็ได้ยินเสียงแค่ “โอ้ย!” ดังขึ้น เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดนั่น ส่งผลให้เจ้าชายน้อยและพวกนักมายากลได้ยินแล้ว พลอยนิ้วแข็งทื่อไปด้วย


หนึ่งเดียวที่มั่นคงคือฉินมั่ว เขานั่งที่เดิม ใบหน้าสง่าสูงส่ง ราวกับไม่ว่าจะได้ยินเสียงอะไรก็ตาม เขาก็ไม่รู้สึกแปลกใจ


เวลานี้ คิงหัวเราะขึ้น “ต้องขอโทษด้วยนะครับ เมื่อกี้ผมกำลังจัดการเรื่องภายในนิดหน่อย เลยทำเสียงดังเอะอะ แต่ทำไงได้ ชอบมีคนแฝงเข้ามาอยู่เรื่อยเลย ครั้งนี้ทหารหน่วยพิเศษของจีนลอบเข้ามา คิดว่าผมจะหาตัวไม่เจอ ช่าง…”


คิงไม่พูดต่อให้จบ แต่เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดนั่น พอจะทำให้เจ้าชายน้อยนึกภาพออกว่ามันรุนแรงแค่ไหน จึงกำมือแน่นอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ ส่วนนักมายากลได้แต่บดกราม แต่ละคนต่างโกรธแค้น รวมถึงเขี้ยวเงินที่อารมณ์เย็นนิ่งเสมอมา


เจ้าชายน้อยรับไม่ได้ เบือนหน้าออกไป ลมหายใจระอุ


ฉินมั่วชิงเอามือบังโทรศัพท์เสียก่อน แววตาฉายความสุขุมราวหินผาแห่งกำลังใจ ทำให้เจ้าชายน้อยปรับอารมณ์ตัวเองได้ หัวเราะขึ้นมา “โง่ขนาดนั้นเชียว? พวกนี้ก็เงี้ย ทางฝั่งผมเองก็จับได้แล้วโยนไปเป็นอาหารปลากลางทะเลมาเยอะแล้ว”


คิงเอ่ยเสียงสุภาพ “ไม่คิดว่า เราจะเหมือนกันในด้านนี้ แต่วิธีจัดการของผมอาจจะต่างจากคุณ ผมไม่เอาไปทิ้งทะเลหรอกฮะ แต่เอาคนเจ็บมาเป็นตัวประกันจะมีประโยชน์กว่า คุณว่าพวกทหารหน่วยพิเศษจะมาช่วยเขาไหม?”


เจ้าชายน้อยกำหมัดแน่น แต่ต้องควบคุมเสียงให้สมเป็นลูกเศรษฐีจอมเสเพล “ใครจะไปสนว่าจะมีคนมาช่วยพวกมันไหม มันเป็นสิ่งที่พวกคุณต้องคิดเอง ผมแคร์แค่ว่าจะได้กำไรดีหรือเปล่า”


คิงได้ยินแล้ว ค่อยๆ ยิ้มออกมา “คุณพูดถูก ท่าทางงานนี้พวกเราคงร่วมมือกันได้อย่างแฮปปี้แน่นอน”


…………………………………………………….


ตอนที่ 1680-1


 “เดี๋ยวผมจะส่งที่อยู่ให้ทางมือถือของคุณ ถึงเวลาจะมีคนมาพาคุณไปตรวจสินค้า คุณต้องเตรียมเงินมัดจำสินค้าให้เรียบร้อยนะครับ” พูดจบ คิงก็ตัดสาย เขาในชุดกาวน์สีขาวตัวยาว กำลังมองดูหน้าจอคอมพิวเตอร์กับข่าวที่กำลังรายงานอยู่


เรื่องที่เขาวางแผนไว้กลับไม่เกิดขึ้น หมากเด็ดที่ควรจะโทรหาเขาในเวลานี้ก็เหมือนหายตัวไปเลย เขาอยากเห็นข่าวนักเรียนเหยียบกันตายหมู่ในโรงเรียนมากที่สุด แต่กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างกับเป็นหมอกบางสลาย ซึ่งมันหมายความว่าอย่างไร คิงย่อมเข้าใจดี ก็หมายความว่าตัวประกันที่เขาเตรียมไว้ กลับไม่โผล่หน้าสักนิด


นักเรียนเหล่านั้นไม่ได้มาที่เขตชายแดน รถออฟโรดที่เขาเตรียมไว้ให้ กลับไร้ประโยชน์


ตอนแรกเริ่ม คิงยังคิดว่าทางจีนจะเก็บข่าวเพื่อไม่ให้คนตกใจ จึงไม่แถลงออกมา จนเมื่อได้รับข่าว ถึงได้รู้ว่าที่แท้ก็มีคนทำลายแผนการของเขาทั้งหมด มันกล้าทำลายแผนการที่เขาเตรียมไว้อย่างดีมาตั้งนาน แววตาของคิงเย็นยะเยือก สองตาภายใต้แว่นตาประหนึ่งงูที่ให้ความรู้สึกอันตรายเงียบกริบ


พระอาทิตย์ในแถบชายแดนประเทศ M และ T โตมากเสมอมา ทว่าต่อให้แสงตะวันร้อนแรงแต่ไหน แมงป่องพิษก็ยังรู้สึกถึงความเดือดดาลที่แผ่จากร่างของคนตรงหน้า


ปัง!


คิงหยิบปืนออกมา หันไปยิงใส่สายคนหนึ่ง ก่อนมุมปากจะยกยิ้ม “ไม่คิดว่าคนที่ฉินมั่วชอบจะเก่งขนาดนี้ แต่ไม่เป็นไร ต้องขอบคุณฝ่ายโน้น พวกเราถึงได้ข้อมูลที่มีประโยชน์กับเรามาก”ว่าแล้ว เขาก็โยนอุปกรณ์สื่อสารในอุ้งมือเล่น


ที่นี่ ใครก็ตามที่ติดต่อกับคนข้างนอก ล้วนแต่มีการบันทึกไว้ เขาสั่งให้ฝานเจียลดระดับการจับผิดให้น้อยลง ไม่คิดเลยว่าจะจับ ‘หนู’ได้


ส่วนข่าวนั่นจะส่งให้ใคร เขาไม่รู้หรอก แต่เนื้อหานี่สิที่น่าสนใจ เพราะอ้างคำว่านักธุรกิจจีน ท่าทางฝ่ายโน้นจะสนใจสถานการณ์ธุรกิจของเขาในเวลานี้ อาจจะอธิบายในอีกทางหนึ่งได้ว่า เบื้องหลังของกลุ่มคนพวกนั้นมีปัญหาจริงๆ


คิงพินิจลึกซึ้ง สั่งให้คนลงมือไปจับตัวคนที่กระจายข่าวว่ามีนักธุรกิจจีนมาที่นี่ เมื่อเห็นเจ้านั่น เขาเองก็พอจะเข้าใจ ถึงมันจะปฏิเสธก่อนตายว่าไม่ได้วางแผนร่วมกับใคร แต่คิงก็ยังไม่เชื่อ แน่ล่ะ ไม่ปฏิเสธหรอกว่ากลุ่มนักธุรกิจที่ว่าอาจเป็นของจริงก็ได้ แต่หากฝ่ายนั้นเป็นของปลอมเมื่อไร แสดงว่าจะต้องมีฉินมั่วอยู่ในนั้นแน่


คิงหัวเราะขึ้น ปาดคราบเลือดออกไปจากมุมปาก ถ้ามีฉินมั่วอยู่ด้วยจริงๆ การแลกเปลี่ยนข่าวในครั้งนี้ก็คุ้มค่า


ไม่ผิดหรอก ถึงเขาจะสูญเสียตัวประกันอย่างพวกนักเรียนไป จะมีค่าเท่ากับสูญเสียอำนาจในการต่อรองไปครึ่งหนึ่ง แต่เขายังคงได้เปรียบอยู่ดี เพราะเขาระแคะระคายถึงสถานะของอีกฝ่ายได้แล้ว แต่พวกมันยังคงเริงร่า เพราะคิดว่าทุกอย่างราบรื่น


คิงเดินไปที่หน้าโต๊ะ มองดูภาพบนจอ จู่ๆ ก็หัวเราะขึ้นมา “เทียบกับนักเรียนพวกนั้นแล้ว เธอต่างหากที่เป็นตัวประกันที่มีค่าที่สุด น่าเสียดายที่จับตัวมาไม่ได้ แต่รอจนฉินมั่วมาเถอะ ข่าวของเธอจะทำให้เขากลายเป็นอีกคนได้เลยล่ะ จะว่าไปต้องขอบคุณจริงๆ นะที่ฉันได้เจอเธอที่โรงเรียน”


……………………………………………………………….


ตอนที่ 1680-2


ฝานเจียไม่ได้พูดอะไร เพราะร่างนั้นเธอคุ้นเคยมากที่สุด คนที่เธออุตส่าห์ตามหามานาน ไม่คิดเลยว่าอาจารย์จะได้พบก่อน เท่ากับตบหน้าเธอชัดๆ


“ไปทำคลิปมาคลิปหนึ่ง” เสียงของคิงราบเรียบมากเหมือนจะควบคุมอารมณ์ได้แล้ว เขาสวมชุดกาวน์ตัวขาว เดินเข้าไปใกล้หน้าจอ “ใช้ข้อมูลในนี้แหละ แต่เปลี่ยนเนื้อหาเสียหน่อย ถึงเวลาให้ฉินมั่วได้ลิ้มรสกับความสูญเสียครั้งที่สองแล้วว่ามันเป็นยังไง ถ้าครั้งนี้นักธุรกิจจีนเป็นเขาจริงๆ คลิปของเธอจะได้ประโยชน์มาก”


ไม่ต้องอธิบายให้ชัดเจนเกินไป ฝานเจียก็เข้าใจความหมายของอาจารย์ในวินาทีถัดมา


ปีนั้น เธอปลอมตัวเป็นเพื่อนเขาในวัยเด็ก เพื่อเข้าไปใกล้ชิดเขา คิดไม่ถึงว่าแค่ไม่ถึงสิบวัน เขาก็จับติด แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น พวกเธอก็จับจุดอ่อนเขาได้เหมือนกัน จากนั้นจึงหาเส้นปกป้องทางใจของเขา ก่อนจะทำลายแล้วแฝงคำสั่งทางจิตให้ชายหนุ่ม ตอนนี้อาจารย์คงจะกระตุ้นคำสั่งแฝงทางจิตในตอนนั้นอีกครั้ง


หากเป็นเช่นนั้น ถึงเวลาจิตใจของชายหนุ่มก็จะเปลี่ยนแปลงไป กลายเป็นคนของพวกตน คิดมาถึงตรงนี้ ฝานเจียก็กลั้นยิ้มมุมปากไม่ไหว แววตาเป็นประกาย “ฉันจะไปเตรียมเดี๋ยวนี้แหละค่ะ!”


ภายในเรือยอร์ช หลังจากที่วางสาย เจ้าชายน้อยก็ถีบเก้าอี้ตรงหน้า แววตาเคร่งเครียดหนัก ซึ่งคนที่อยู่ตรงนั้นต่างเข้าใจความรู้สึกที่ว่าดี เพื่อนร่วมปฏิบัติการณ์ถูกจับอีกคนแล้ว ไม่ต้องคิดก็เดาได้ว่า เขาคนนั้นจะต้องโดนคิงทรมานมากแค่ไหน จึงเป็นไปไม่ได้หากจะบอกว่าไม่โกรธ


เวลานี้ทุกคนต่างคิดกันว่า ขอเพียงจับไอ้ตัวก่อความรุนแรงอย่างคิงได้ ก็จะทำให้มันหมดอำนาจในโลกนี้อีก


มีเพียงหนึ่งเดียวที่นั่งบนเก้าอี้ เคาะนิ้วเรียวๆ บนโต๊ะ ฟังเสียงบันทึกนั่นครั้งแล้วครั้งเล่าจนครบครั้งที่สาม เขาก็ถอดหูฟังออก เหยียดตัวตรง หน้าตายังคงหล่อเหลาเหมือนเดิม “คิงแค่เล่นกลกับนาย ทุกประโยคเป็นแค่การลองใจ อธิบายได้ว่า เขากำลังสถานะของพวกเรา และนายก็เกือบจะหลุด”


เจ้าชายน้อยได้ยินแล้วถึงกับชะงัก ดวงตาเบิกโต ไม่คิดเลยว่าจะรุนแรงขนาดนี้ เขารู้ว่าคิงเหมือนจงใจยั่วโมโหเขา ที่เหลือ เขาก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ทว่าได้มายินคำพูดของฉินมั่วในตอนนี้ เจ้าชายได้แต่รู้สึกว่าเหงื่อไหลเต็มศีรษะแต่ชั่วเวลายกมือ คิงตัวจริงทำให้พวกเขาต้องระแวดระวังมากกว่าที่คิดไว้


“ถ้าคิงระแวงสถานะของพวกเรา งั้นเราจะไปคุยธุรกิจกับเขาไหม?” นักมายากลรู้สึกไม่สบายใจ


ฉินมั่วลุกขึ้นยืน “อย่าลืมสิว่าภารกิจของเราในครั้งนี้คืออะไร การที่พวกเขาสงสัยเราก็ถือว่าปกติ คิงเป็นคนขี้ระแวงอยู่แล้ว แถมไม่มีใครหรอกที่จะรีบเชื่อใจตัวนักธุรกิจจีนที่เพิ่งจะมาเจอกัน ต้องรายงานสถานการณ์ตอนนี้ให้เบื้องบนทราบก่อน เจ้าอ้วนตรวจสักหน่อยว่า ทหารหน่วยพิเศษที่ถูกจับมาจากกองทัพไหน แล้งยังมีนักท่องเที่ยวที่เป็นตัวประกันอีกไหม ลองดูว่าจะช่วยยังไง”


“ครับ” ต่างคนต่างแยกย้ายปฏิบัติงาน


ฝ่ายจีนได้รับข้อมูลจากฉินมั่ว ก็เปิดการประชุมใหญ่ทันทีด้วยบรรยากาศเคร่งเครียดกันมาก


จะลงมือต่อดีหรือไม่ เป็นตัวเลือกที่น่าลำบากใจ เพราะหลายครั้งที่เราต้องตัดสินใจ และจำเป็นต้องทำ หากจะบอกว่าก่อนหน้านี้ยังไม่รู้ข่าวอะไร อาจถือว่านักท่องเที่ยวชาวจีนที่ถูกฆ่าตายจนหมด


……………………………………………………………….


ตอนที่ 1680-3


เวลานี้ได้รู้ข่าวแล้ว ในมือของคิงยังมีนักท่องเที่ยวอีก 17  ชีวิต ญาติของนักท่องเที่ยวเหล่านั้น คงเฝ้าหวังว่าพวกเขาจะมีโอกาสกลับมาได้ ทางการจึงไม่อาจละเลยความคาดหวังที่ว่า เช่นเดียวกัน ทั้งๆ ที่รู้ว่าคิงสงสัยฉินมั่วและเพื่อนเข้าให้แล้ว ก็ยังปล่อยให้คนเหล่านั้นออกปฏิบัติการณ์ต่อไป อันที่จริงพวกเขาเองก็ไม่อยาก แต่นั่นเป็นทหารพิเศษนอกด่านที่เก่งที่สุดของจีน โดยมีอายุเฉลี่ยไม่เกิน 25 ปี


ใครๆ ต่างรู้กันว่านี่เป็นภารกิจที่อาจกลับมาไม่ได้อีก คนที่เข้าร่วมการประชุม ไม่ได้มีเพียงท่านเสธฉินและท่านบิ๊ก การจะให้พวกเขาตัดสินใจ จึงยากมาก แต่คนที่แอบแฝงเข้าไปล้วนแต่สละชีวินตนกันแล้วทั้งนั้น เหลือเพียงทีมนี้


พวกเขาอยู่ใกล้รังเก่าของคิงมากที่สุด ถ้าเตรียมพร้อมไว้ดี พอเข้าทะลวงก็จะเกาะตำแหน่งของคิงสำเร็จ ทั้งยังมีคลิปเป็นหลักฐานว่า นักท่องเที่ยวเหล่านั้นยังมีชีวิตอยู่ พวกเขาจึงจะมีสิทธิใช้อำนาจทางทหารนอกอาณาเขต แต่ทั้งหมดนี้ ต้องมีคนประจันหน้ากับคิง ไม่งั้นก็จะไม่มีใครรู้ว่า นักท่องเที่ยวทั้งสิบเจ็ดคนนี้ รวมถึงทหารพิเศษที่คิงกักตัวไว้ จะสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้หรือเปล่า


นี่เป็นสิ่งที่ทุกคนเข้าใจ


และในเวลาเดียวกัน ป๋อจิ่วก็ได้รับข้อความเสียงที่สองจากคุณชายถัง เธออยู่ห่างจากชายแดนเพียงห้าร้อยกิโลเมตร


เธอขับรถแลมโบกินี่ด้วยความเร็วแทบจะเหาะ ทั้งยังขับเร็วกว่ากำหนด แววตาดำทะมึนเสียยิ่งกว่าครั้งไหนๆ  เพราะเธอรู้ดีว่า แม้จะไม่มีการประชุมครั้งดังกล่าว ชายหนุ่มก็ตัดสินใจที่จะช่วยตัวประกัน เพราะยูนิฟอร์มที่อยู่บนตัวเขาและเพราะเขาเป็นทหารของประเทศจีนที่เกิดมาเพื่อช่วยผู้คน


“เสี่ยวเฮย” ป๋อจิ่วหักพวงมาลัยพลางออกคำสั่ง “ต่อสายหาโฮชิโนะให้ฉันที”


“ครับ เจ้านาย” ภาพบนจีพีเอสเปลี่ยนไปเป็นการเชื่อมสัญญาณอินเทอร์เน็ต หน้าจอจึงไม่โชว์แผนที่ แต่กลายเป็นฉายภาพคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง จากนั้น หน้าหล่อๆ ยิ้มนิดๆ ของโฮชิโนะก็ปรากฏสู่สายตาของป๋อจิ่ว เขาน่าจะเพิ่งซ้อมเสร็จ สวมชุดทีมไว้บนร่าง ยังคงสวมสายของหูฟังสีดำค้างไว้อยู่ ป๋อจิ่วเห็นเขาสวมสเวตเตอร์มาจนชินแล้ว พอมาเปลี่ยนก็ทำให้รู้สึกถึงแสงตะวันอ่อนๆ ที่สดใส “ยากนะเนี่ยที่คุณจะติดต่อผมผ่านวิดิโอคอล”


“โฮชิโนะ ฉันอยากให้คุณช่วยเช็คที่ที่หนึ่งให้หน่อย” ป๋อจิ่วหันไปมอง แววตาเป็นประกาย “ใช้อำนาจจากโลกแฮกเกอร์”


โฮชิโนะตะลึงทันทีที่ได้ยิน ก่อนจะหัวเราะ “ผมเข้าใจแล้ว ที่มีมีผมคนเดียว  แถมยังมีข้อจำกัดในการสืบค้นด้วย แต่จะติดต่อเครือข่ายในระดับเขต ผมต้องใช้แอคเคาน์คุณ คงไม่เป็นอะไรใช่ไหม?


“ไม่มีปัญหา” ป๋อจิ่วตอบเด็ดเดี่ยว ทำให้แววตาของโฮชิโนะอ่อนโยน


เมื่อยูกิชินผลักประตูเข้ามาก็เห็นพอดี ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าอีกฝ่ายคุยกับใคร แต่โฮชิโนะดันทำสัญญาณมือให้เขาออกไป ยูกิชินจึงรวบผม หล่อบาดตา แต่ทำให้เขาดูเย็นชา จากนั้นก็เหวี่ยงประตูปิด กระทั่งเค้กที่ซื้อมาให้ก็ไม่เอาแล้ว เหวี่ยงขาคร่อมมอเตอร์ไซด์รุ่น Dodge Tomahauk คันดำสนิท


……………………………………………………………….


ตอนที่ 1680-4


ผู้จัดการติดตามด้านหลังยูกิชินไปถึงกับระวัง “คุณชายเป็นอะไรไป? คุณชายโฮชิโนะไม่อยู่เหรอ?”


“ทำไมจะไม่อยู่? เขากำลังจู๋จี๋กับแฟนอยู่ เดาว่าเขาคงไม่สนนายหรอก ทำไม? อยากจะลองพิสูจน์ฝีมือการขี่มอเตอร์ไซด์ของฉันหรือไง?” ตอนที่ยูกิชินพูดประโยคดังกล่าว แววตาช่างเย็นชา


ผู้ชายแบบนี้ทำให้คนกลัวได้จริงๆ


ผู้จัดการนึกถึงคนที่กล้าแตะรถของเจ้านายเมื่อครั้งที่แล้วที่ถูกกระทืบจนซี่โครงหัก ก็รีบส่ายมือ “ไม่ ไม่ ไม่ล่ะครับ ผมแค่ แค่ถามเฉยๆ” เขาไปหาเรื่องใครที่ไหนกันล่ะ ซวยจริงๆ!


ยูกิชินไม่ได้พูดอะไร มองดูกล่องเค้กที่ถูกเขาโยนทิ้ง ก็รู้สึกว่ามันเสียดแทงตาขึ้นเรื่อยๆ จึงเหยียบคันเร่งจนสุด ดูรุนแรงอย่างกับเป็นกองเพลิง ไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปเผาใคร


คนที่ทำให้เจ้าชายรัชทายาทแห่งโลกมาเฟียแสดงอารมณ์ออกมาได้ ก็คงมีแต่คุณชายโฮชิโนะเท่านั้น ผู้จัดการได้แต่ถอนใจยาว แต่ไม่กล้าถามสาเหตุ


ชั้นบน โฮชิโนะเปิดคอมพิวเตอร์ออก ขอแค่มีคำสั่งจากนายน้อย การจะเช็คพื้นที่ไหนก็ย่อมทำได้ง่ายง่าย แต่สถานที่ที่ต้องหาในวันนี้ กลับยากมาก เพราะในเขตชายแดนประเทศ T และ M อันเป็นสามเหลี่ยมทองคำที่ไร้คนควบคุม ดังนั้นทุกอย่างจึงยุ่งยาก


อันดับแรก ที่นี่ไม่ได้เจริญมาก แถมยังมีป่าหนาแน่นล้อมรอบทุกด้าน หมายความว่าเทคโนโลยีไม่นำสมัย ในสถานที่ที่เทคโนโลยีด้อยพัฒนา อินเทอร์เน็ตย่อมไม่เป็นที่นิยม สำหรับแฮกเกอร์แล้ว หากจะเจาะระบบที่ไหน ย่อมต้องมีสัญญาณอินเทอร์เน็ตจึงจะทำงานง่ายขึ้น แต่ที่นี่ สัญญาณอินเทอร์เน็ตที่อ่อน การจะเจาะเข้าไปย่อมต้องหาช่องทางที่เหมาะสม ซึ่งหากเป็นแฮกเกอร์ฝีมือธรรมดาย่อมทำไม่ได้ แต่ป๋อจิ่วบอกแล้วว่า จะต้องรวมพลังของทั้งโลกแฮกเกอร์ หมายความว่าการเจาะระบบครั้งนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ประเภทเดียว ขอแค่มีสายอินเทอร์เน็ตก็จะเจาะได้ แต่ยังคงต้องใช้เวลา แถมยังนานด้วย


ไม่มีใครแน่ใจหรอกว่าจะหาเจอก่อนที่ป๋อจิ่วไปถึงหรือเปล่า


โฮชิโนะแจ้งปัญหานี้ให้ป๋อจิ่วทราบ ในวินาทีถัดมา ป๋อจิ่วก็หาวิธีได้ “ลองเจาะระบบพวกบริษัทที่ให้บริการอินเทอร์เน็ต” การเจาะระบบบริษัทดังกล่าวหมายความว่า ขอแค่มีสัญญาณ ไม่ว่าจะเป็นสัญญาณหลักหรือเปล่า ก็ย่อมต้องหาเจอ


หลายๆ คนบอกว่า แฮกเกอร์ดูแค่ความสามารถในการเขียนโค้ดและเทคนิคการแฮก ซึ่งก็ไม่ผิดหรอก แต่สิ่งที่ผู้คนมักลืมก็คือ ความคิดในการเจาะระบบ หากมีแนวความคิดในการเจาะระบบถูกต้อง ย่อมช่วยประหยัดเวลามาก และเวลาถือเป็นตัววัดผลงานของแฮกเกอร์


เมื่อได้รับคำแนะนำจากป๋อจิ่ว ไม่นานแฮกเกอร์ทั่วโลกก็รวบรวม คัดกรอง ขจัดข้อมูลทั้งหมด จนได้ข้อสรุปว่าเป็นที่ที่หนึ่ง ที่ดังกล่าวคือแถบตะวันตกของแม่น้ำโขง อันเป็นเขตป่าไม้ดั้งเดิมตามธรรมชาติ


สำหรับข้อมูลล่าสุดของคิงก็มาจากสถานที่แห่งนี้แหละ


โฮชิโนะมองดูภาพ แล้วส่งให้ป๋อจิ่ว เอ่ยด้วยเสียงที่หนักอึ้ง “ภาพนี้เหมือนกับในคลิปก่อนหน้านี้เลย แต่คุณต้องระวังว่า สัญญาณที่เราหาเจอจะติดๆ ดับๆ กระทั่งการสัญญาณสื่อสารเมื่อครู่ก็โดนบล็อก หมายความว่าฝ่ายโน้นอาจมีเครื่องมือรบกวนสัญญาณ พอเข้าไปในถิ่นเขาแล้ว อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จะรับสัญญาณไม่ได้  ในภาวะที่ไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต ความสามารถของคุณจะถูกจำกัด Z คุณต้องคิดให้ดีนะ การเข้าไปน่ะไม่ยาก แต่คุณจะออกมายังไง เฮลิคอปเตอร์ของจีนกวาดเรดาร์ไม่ถึงหรอก ถึงเวลานั้นต่อให้เป็นหน่วยสนับสนุน ก็ไม่น่าจะลงจอดอย่างแม่นยำ เว้นแต่…”


……………………………………………………………….


ตอนที่ 1681


 “นอกจากจะมีคนไปทำลายอุปกรณ์รบกวนคลื่น” ป๋อจิ่วขัดขึ้น มือหนึ่งหมุนพวงมาลัย แววตาดำทะมึนเหมือนยามค่ำคืน “โฮชิโนะ ขอบคุณมาก”


เมื่อได้ยินประโยคหลัง โฮชิโนะก็พอจะรู้ว่าป๋อจิ่วตัดสินใจอย่างไร เช่นเดียวกัน เขาก็รู้ว่าในฐานะผู้ช่วย คงทำได้เพียงตระเตรียมทุกอย่างให้เรียบร้อย


“ผมจะให้คนเตรียมของให้คุณก่อนที่จะเข้าป่าไป แต่ที่นั่นป้องกันกันหนักมาก สายของเราคงอยู่ได้ไม่นาน คุณคงต้องไปรับของในที่ที่นัดหมายเอง”


โฮชิโนะพูดพลาง สลับเข้าไปยังเครือข่ายของเขต


โลกแฮกเกอร์ ฟังดูเหมือนไม่มีอะไร อันที่จริง พอคุณเข้าใจอย่างถ่องแท้ก็จะรู้ว่าพวกเขาไม่เคยขาดคน เรื่องนี้ คุณตาพ่อบ้านเป็นคนวางแผน ขอเป็นที่ที่มีคน ก็จะมีที่ที่เตรียมข้าวของให้พวกเขา


นี่แหละคือกฎเกณฑ์ที่มีมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นขบวนการไหนก็ตาม ย่อมได้รับข้อมูลที่ต้องการจากโลกแฮกเกอร์ ในทำนองเดียวกัน พวกเขาต้องให้ความคุ้นครองต่อพวกตนด้วย


แน่ล่ะ พวกเขาไม่สนใจความเป็นความตาย แต่สิ่งที่พวกตนต้องการ พวกเขาจะรักษาไว้เป็นความลับชั้นยอดเสมอมา มันเป็นสัญญาที่ยึดถือกันมานาน แม้ไม่ได้ร่างเป็นตัวอักษร


ก่อนหน้านี้ ใช่ว่าจะไม่มีใครรู้สึกว่าโลกแฮกเกอร์ก็เก่งแค่ในอินเทอร์เน็ต แต่เกรงว่าจะทำใช้อะไรในชีวิตจริงไม่ได้ จึงอยากแหกกฎ ไม่มอบอุปกรณ์ที่ต้องการให้ เพราะต้องการทำให้โลกแฮกเกอร์สิ้นสุด ก็มีขบวนการนี้นี่แหละที่หายไปจากสายตาของผู้คนภายในหนึ่งอาทิตย์ โลกแฮกเกอร์แค่ทำการซื้อขายแลกเปลี่ยนข่าวสารก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะกระจอก นายน้อยของโลกแฮกเกอร์เป็นคนอย่างไร จนมาถึงเวลานี้ ทุกคนต่างรู้ดีอยู่แก่ใจ


หากไม่ถึงที่สุด พวกเขาจะไม่ล่วงเกิน Z เด็ดขาด เพราะต่างฝ่ายต่างช่วยกันและกัน อันเป็นผลที่ทุกคนต่างปรารถนา ซึ่งหลักการนี้ก็ยึดปฏิบัติกันที่เขตชายแดนประเทศ M และ T


ในระหว่างที่ป๋อจิ่วทะยานรถเข้าสู่พื้นที่ป่า การประชุมสูงสุดก็ตัดสินใจให้กลุ่มปฏิบัติการณ์ดำเนินการต่อไป อันเป็นสิ่งที่ฉินมั่วเสนอเอง เพราะรู้ดีว่าสถานการณ์ในเวลานี้อยู่ในรูปแบบใด


บางทีทหารหน่วยพิเศษแต่ละคนต่างทำใจไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ไม่ว่าสิ่งที่รอพวกเขาอยู่ข้างหน้าจะเป็นอย่างไร พวกเขาต้องเรียนรู้ที่จะเอาชนะมัน


หากจะบอกว่าระดับอันตรายของภารกิจนี้มันสูงมากนัก จึงไม่ไปช่วย ย่อมขัดต่อปณิธารของเครื่องแบบที่สวม


ฉินมั่วเงยหน้าขึ้นมองทหารในความรับผิดชอบของเขา คนเหล่านี้ ไม่มีใครปฏิเสธที่จะร่วมปฏิบัติการสักคน ตอนที่ได้ยินมาว่ามีเพื่อนร่วมชาติของพวกตนตกอยู่ในมือของคิง พวกเขาคิดทันทีว่าจะไปช่วยคนได้อย่างไร


ฉินมั่วหยิบปากกาวาดวงล้อมบนแผนที่ “ถ้าวิเคราะห์จากข้อมูลที่ได้รับ จากนิสัยของคิง เวลาที่จะคุยธุรกิจ เขามักจะเลือกคุยในรังของตัวเอง ตอนนี้ที่สำคัญที่สุดคือ ไม่มีใครรู้ว่ารังของมันอยู่ที่ไหนกันแน่ ดังนั้นเวลาที่เราคุยธุรกิจกับมัน จะต้องถ่วงเวลาให้นานที่สุด”


“แต่ถ้าเชื่อมสัญญาณไม่ได้นี่สิ?” เจ้าอ้วนขมวดคิ้ว “แล้วถึงเวลาถอย จะถอยยังไง?”


ฉินมั่ววางปากกาลง พูดเสียงเรียบ “นี่แหละคือสิ่งที่ฉันจะต้องพูดกับพวกนาย การปฏิบัติการในครั้งนี้ พวกเราจะไม่มีคนช่วยสนับสนุนอยู่กองหลัง จะต้องอาศัยไหวพริบของพวกนายกันเอง พอเข้าไปด้านใน หลายเรื่องราวที่คาดไม่ถึง จะต้องเกิดขึ้นแน่ คิงรู้จักฉัน ฉันเองก็ต้องรู้ปลอมตัวให้รอบคอบ นับแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าชายน้อย นายตามอยู่ข้างหลังฉัน จะต้องทำท่ากลัวฉันมาก พวกเด็กเหลือขอจะมีพี่ชายที่ดุๆ ย่อมไม่ใช่เรื่องแปลก”


………………………………………


ตอนที่ 1682


ให้เขาทำท่ากลัวจอมมารเหรอ? เจ้าชายน้อยพูดในใจว่า สบายมาก ก็แค่เขาไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะมีพี่ชายแบบนี้ เจ้าชายน้อยลองเอาตัวเองไปสวมตำแหน่งแทนดำน้อย ต้องรู้สึกขึ้นมาบ้างล่ะน่ะ บอสดุก็จริง แต่อย่างน้อยก็โอ๋น้องมาก หากเขาอยากทำอะไร ย่อมน่าจะได้


แต่โลกแห่งความเป็นจริงพิสูจน์ให้เห็นว่า เจ้าชายน้อยทั้งซื่อและบื้อ


ระหว่างที่เขาจะกอดจอมมาร แบบน้องชายดีใจที่ได้เจอพี่ชาย บอสก็ปรายตามอง ทำให้คนหนาวจับสั่นเลยทีเดียว “ไม่ต้องแตะต้องตัวกันหรอก”


เจ้าชายน้อยตาโต “แล้วจะแสดงให้คนอื่นรู้ว่าเป็นพี่น้องที่รักกันมากได้ไงอ่ะ”


“ฉันจะเล่นงานนายให้หนักๆ ซึ่งมันก็เป็นวิธีแสดงความเป็นพี่น้องในอีกรูปแบบหนึ่ง” ฉินมั่วตอบเฉย


เจ้าชายน้อย “…” ขอให้เขามโนสักนาทีกว่าๆ เถอะ


เวลาที่บอสอยู่กับเจ้าดำน้อย ไม่ได้เป็นแบบนี้นี่! ประเภทแบบเอาน้ำให้ ติดอมยิ้มไว้ในกระเป๋า พอพูดไม่เข้าหูก็หัวเราะลูบหัวประมาณนั้น


ทำไมกับเขา จึงกลายเป็นจงใจเล่นให้หนักนะ!


“เช็คของที่เอาติดตัวด้วย” ฉินมั่วหันไปมอง นิ้วเรียวเคาะลงบนโต๊ะ “จากนิสัยของคิง เขาไม่น่าจะให้เราไปจุดหมายตรงๆ หรอก ดูจากแผนที่แล้ว เราต้องนั่งเรือ แล้วก่อนจะนั่งเรือ พวกเราต้องลงจากรถตัวเองแล้วโดนคนปิดตา ถึงตอนนั้นก็อาจจะตรวจเจอของที่ติดตัวได้ ดังนั้นต้องระวังให้มาก การติดต่อสื่อสารภายในให้เปลี่ยนไปใช้นาฬิกาข้อมือแทน ต้องใส่เสื้อตัวนอก โดยเฉพาะของเจ้าชายน้อย นักมายากล ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นายต้องฝึกความเคยชินอย่างหนึ่งเอาไว้”


นักมายากลที่ถูกเรียกชื่อถึงกับงง


ฉินมั่วโยนไพ่ที่เตรียมไว้ให้อีกฝ่าย “เล่นตลอดเวลาและทุกสถานที่  สำหรับนายแล้ว การเล่นมายากล น่าจะง่ายมาก”


นักมายากลมองดูไพ่โพธิ์แดง เข้าใจความหมายของบอส เพราะหากเล่นไพ่นั่นจนคล่อง มันย่อมใช้เป็นอาวุธลับได้เช่นกัน


เอาอาวุธในสภาพสมบูรณ์ไปด้วยไม่ได้ นอกจากของที่คนนึกไม่ถึงและสามารถใช้ปกป้องตัวเองได้


“เจ้าอ้วนรับผิดชอบด้านการสะกดรอยเส้นทาง รอจนพวกเรากับคนของคิงมาเจอกัน นายจะตามไปไม่ได้ ถึงเวลานั้นนายก็เกาะตำแหน่งที่เราอยู่ แชร์เอาไว้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง แชร์ให้ถึงทางกองทัพด้วย”


“ครับ” เมื่อฉินมั่วพูดสิ่งเหล่านี้ออกมา คนในห้องประชุมต่างได้ยินทั้งหมด เหลืออีกสามชั่วโมงก็จะได้เจอกับคิงแล้ว พวกเขาต้องเตรียมพร้อมภายในเวลาที่กำหนด เพราะคิงสงสัยพวกเขาแล้ว หากเปลี่ยนเวลา มันจะทวีความสงสัยมากขึ้น ดังนั้นการลงมือในครั้งนี้ ยังต้องพึ่งดวงอีกด้วย


ส่วนการปลอมตัวนั้น ไม่น่าเป็นห่วง เพราะเทคนิคการปลอมตัวของนักมายากลเก่งไม่แพ้ป๋อจิ่ว แค่เวลาครึ่งชั่วโมง ก็ทำให้ใบหน้าของฉินมั่วเปลี่ยนไปอย่างพลิกฝ่ามือ


รูปลักษณ์ที่ต่างจากไปจากเดิมจนคล้ายเจ้าชายน้อยอยู่บ้าง ทว่าออร่าเจิดจ้ากว่า เติมหนวดนิดๆ ดูเป็นชายชาตรี เข้ากันกับรอยแผลจากมีดที่หางตา ราวกับว่าคราบคุณชายตระกูลฉินได้จางหายไป


แถมออร่าประจำตัวฉินมั่ว ยิ่งทำให้เจ้าชายน้อยรู้สึกว่าบอสของเขาทำงานผิดวงการ เพราะดูเหมือนมาเฟียมากกว่าตัวมาเฟียของแท้เสียอีก


เมื่อถึงเวลาออกเดินทาง เข็มนาฬิกาชี้ไปที่เลข 3


พวกเขากำลังจะออกเดินทาง แต่มือถือที่เจ้าชายน้อยกุมอยู่กลับดังขึ้นมาเสียก่อน แถมยังเป็นชื่อเดิมด้วย


…………………………………………


ตอนที่ 1683-1


เจ้าชายน้อยชะงัก ฉินมั่วช้อนสายตามอง ส่งสัญญาณมือให้เขารับ เจ้าชายน้อยจึงกดปุ่มรับสาย


เสียงหัวเราะของคิงดังผ่านหูโทรศัพท์ เสียงนั่นฟังดูแล้วสุภาพมาก “ขอโทษจริงๆ ผมได้รับข่าวมาว่ามีคนปล่อยข่าวสถานที่นัดพบของพวกเราออกไป ตอนนี้ผมกำลังตรวจสอบว่าเกิดปัญหาที่ตรงไหน”


ปล่อยข่าว? เป็นไปได้ยังไง? เจ้าชายน้อยจะปฏิเสธตามสัญชาตญาณ


ฉินมั่วกระดิกนิ้ว สื่อให้เขายกเลิกการนัดเจอกันในวันนี้


ยกเลิกงั้นเหรอ? เจ้าชายน้อยคิดว่าตัวเองอ่านสัญญาณผิด


ทว่าเมื่อเห็นสีหน้าของบอสอีกครั้ง ก็เข้าใจแล้วว่าต้องพูดอย่างไร “ในเมื่อเกิดปัญหาขึ้นก็อย่าเพิ่งเจอหน้ากันชั่วคราวละกัน ใครปล่อยข่าวออกไป คุณก็หาตัวให้เจอแล้วเอามันให้ตาย ส่วนผมติดต่อคนตั้งหลายคนอยู่ทางนี้ เกิดใครรู้เข้าว่าผมนัดกับคุณ ถึงเวลานั้นผมมีหวังซวยอยู่คนเดียว รับรองว่าพี่ผมต้องฆ่าผมทิ้งแน่ ตอนนี้เขาอยู่กับผม กำลังด่าเละเลย หาว่าผมทำอะไรไม่มีสมอง”


“คุณก็พูดเกินไป วางใจเถอะ เมื่อทำการค้ากับผมในเขตชายแดนนี้ ขอแค่ข่าวไม่ได้ถูกปล่อยจากทางคุณ ทุกอย่างย่อมปลอดภัย” คิงพูดแบบมีนัยยะซ่อนเร้น แล้วกลับหัวเราะขึ้น “แค่สถานที่ที่ผมส่งให้คุณก่อนหน้านี้คงไปไม่ได้แล้ว แล้วผมจะส่งที่อยู่ใหม่ให้ละกัน”


เจ้าชายน้อยไมได้รีบรับปาก แถมยังทำท่าไม่ไว้ใจอย่างแรง “แน่ใจนะว่าจะไม่มีปัญหาอีก”


“คุณลองเช็คดูได้ คนที่อยากค้าขายกับผมอย่างจริงใจ ย่อมไม่เกิดปัญหาชัวร์” คิงยิ้มหัวเราะนิดๆ เหมือนเดิม


เจ้าชายน้อยพูดเสียงแบบ ‘ฉันเชื่อนายก็ได้’ “โอเค ส่งที่อยู่มาเลย ผมกับพี่ผมจะไป”


“ได้” คิงวางสาย รอยยิ้มที่แฝงตรงมุมปากยังไม่คลาย


ซึ่งทำให้แมงป่องพิษโล่งอก เพราะกลัวว่าที่คิงลองใจไปแล้วเกิดปัญหาขึ้น เพราะอีกฝ่ายเป็นคู่ค้าที่เขาอยากร่วมค้าด้วยอย่างสุดแรง หากที่มาของพวกนั้นมีปัญหา เขาเองก็จะแย่ไปด้วย


แมงป่องพิษเข้าใจดีว่า ไม่มีใครปล่อยข่าวออกไปหรอก เป้าหมายที่คิงโทรไปหาก็ชัดเจนมาก แค่อยากเปลี่ยนสถานที่เท่านั้น การขัดจังหวะตารางของอีกฝ่าย จะทำให้รู้ว่าพวกนั้นมีปัญหาหรือไม่


“จนถึงตอนนี้ ปฏิกิริยาของฝ่ายนั้นเป็นปฏิกิริยาที่นักธุรกิจควรจะมี รวมถึงความกังวลแบบเมื่อกี้ด้วย” แววตาของคิงอ่อนลง “ไปรับมาก่อน ถ้าไม่ได้เห็นหน้ากัน ฉันก็ไม่มีวันเชื่อใจ”


“ครับ” แมงป่องพิษรับคำสั่ง เริ่มเตรียมตัว


ฝั่งทางนี้ เจ้าชายน้อยเหงื่อท่วมศีรษะอีกหน เพราะเขาเพิ่งจะรู้สึกว่า เมื่อกี้ที่คิงพูดเป็นเพราะต้องการหลอกพวกเขา ถ้าเขาเอ่ยไปว่า เป็นไปได้ยังไง รับรองว่ามันจะไม่เหมาะกับสถานะนักธุรกิจแน่ เพราะพวกนักธุรกิจจะต้องกังวลอย่างตรงๆ ว่าการค้าจะไม่ปลอดภัย สินค้าไม่พอเพียง ราคาและกำไร เป็นต้น


แต่ละคำถามของคิง ล้วนแต่ลองใจ เกรงว่าคงมีแต่บอสที่รู้เท่าทันตั้งแต่ตอนแรก เวลานี้เจ้าชายน้อยเข้าใจแล้วว่า ทำไมบอสต้องลงมือปฏิบัติภารกิจนี้เอง เพราะนอกจากบอสแล้ว หากเป็นคนอื่นมา รับรองว่าต้องแพ้ให้กับสงครามจิตวิทยาของคิงจนตายหมดยกทีมชัวร์


การเปลี่ยนจุดนัดพบกะทันหัน แสดงให้เห็นแล้วว่าคิงสงสัยพวกเขามากแค่ไหน


ฉินมั่วรู้ดีว่าอีกฝ่ายต้องการเปลี่ยนสถานที่ให้พวกตนรับมือไม่ทัน จึงเยือกเย็นมาก ชายหนุ่มปรับท่าที ไม่ทำให้ลูกน้องสับสนเพราะเหตุดังกล่าว


พวกเขาใช้รถสามคันเหมือนเดิม รถที่เจ้าอ้วนนั่งเป็นรถธรรมดาที่สุด และเมื่อรถสองคนแรกแล่นออกไป เขาก็ไม่ได้รีบตาม


…………………………………………….


ตอนที่ 1683-2


ในเมื่อเป็นชายแดนประเทศ M และ T ฉินมั่วย่อมคำนึงถึงเรื่องสายสืบ


“บอส ทิศ 9 นาฬิกา มีรถตามพวกเรามา” นายพรานหมุนพวงมาลัย หันหน้ามองเงาที่สะท้อนจากกระจกส่องหลัง คิ้วขมวดมุ่น


ดูเหมือนฉินมั่วกำลังหลับตาพักผ่อน “ปกติ ขับต่อไป เจ้าอ้วน รถของนายมีใครตามไหม”


“ไม่ครับ ผมออกรถตามหลังพวกคุณในสามนาทีให้หลัง สถานการณ์ปกติมาก ครับ” เจ้าอ้วนพูดพลางปรับกระจกส่องหลังให้กลับมาอยู่ในตำแหน่งเดิม มองดูลำดับรถบนสะพานแขวน


เริ่มจากรถของพวกฉินมั่วก่อน ตามมาด้วยสายสืบที่คิงส่งมาสอดส่องพวกเขา และคันสุดท้ายเป็นของเจ้าอ้วนเอง วิธีตั๊กแตนจับจักจั่น แต่นกขมิ้นรออยู่ด้านหลังอย่างนี้  ดูผิวเผินจะมหัศจรรย์ แต่ก็เปลืองสมองเช่นกัน


คนที่นั่งในรถ คงมีคุณหมอทหารเพียงคนเดียวที่เข้าใจว่า ที่บอสประเมินสถานการณ์ทุกย่างก้าวได้อย่างแม่นยำ เป็นเพราะนับตั้งแต่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เขาก็ทำการประเมินความคิดและพฤติกรรมของคิงไม่หยุดหย่อน แม้ทุกอย่างจะดูราบเรียบปกติ แต่อันที่จริง บอสลงสนามรบก่อนพวกเขาเสียด้วยซ้ำ ซึ่งทางคุณหมอไม่กลัวหรอกว่าบอสจะประเมินผิด กลับกังวลสภาวะทางจิตของชายหนุ่มมากกว่า…


ประตูรถถูกเปิดออก มีคนเดินมาต้อนรับ  เป็นแมงป่องพิษนั่นเอง


การให้แมงป่องพิษเป็นคนมารับ ย่อมแสดงให้เห็นถึงความจริงใจของคิง


แต่แมงป่องพิษคิดว่าคนที่นั่งตำแหน่งใหญ่ที่สุด จะเป็นเจ้าชายน้อยที่เขาคุ้นเคย ไม่คิดเลยว่าจะกลายเป็นอีกคน ส่งผลให้เขาเลิกคิ้ว “คุณคนนี้คือ?”


เข้าชายน้อยมองดูบอสอย่างหวาดกลัวแวบหนึ่ง หากเทียบกับในยามปกติ ให้ความรู้สึกเหมือนเจ้าตัวไม่กล้าทำอะไร “พี่ชายผมเอง”


แมงป่องพิษถึงบางอ้อทันที และเข้าใจในเวลาเดียวกันว่า คนใหญ่สุดตัวจริงมาแล้ว


“สวัสดีครับ ผมคือแมงป่องพิษ ได้ยินชื่อเสียงคุณมานาน” แมงป่องพิษยื่นมือออกไป


ฉินมั่วทำตัวปกติ บารมีของเขาแรงจัดอย่างไม่คิดจะปกปิด “ผมได้ยินที่ปรึกษาพูดถึงคุณ”


เมื่อเห็นเป็นเช่นนี้ แมงป่องพิษยิ่งยิ่งคิดว่า การค้าในครั้งนี้จะมีปัญหาหรือไม่


“ทำไมวันนี้ไม่เห็นที่ปรึกษาเลยล่ะครับ”


“เขาต้องเช็คบัญชี”


“อย่างนั้นเหรอครับ” แมงป่องพิษไม่ถามให้มากความ และยกผ้าดำในมือขึ้น “เกรงว่าจะต้องขอให้ทุกคนช่วยให้ความร่วมมือหน่อยนะครับ”


ฉินมั่วไม่รีบรับปาก แต่แสดงหน้ารำคาญเต็มทนออกมา ทั้งยังย่นหัวคิ้วมุ่น “หมายความว่าไง?”


บางครั้งการที่เราแข็งมาก อีกฝ่ายจะอ่อนลง


เวลานี้แมงป่องก็เป็นเช่นนั้น ในสายตาของเขา ตัวจริงคนนี้ต้องรวยแน่ๆ แถมทำการค้าเป็นด้วย ต่อไปทำการค้าร่วมกันจะต้องได้กำไรมากแน่นอน


จะทำให้ชายหนุ่มเคืองโกรธเพราะเรื่องนี้ไม่ได้


“ช่วงนี้เขาตรวจกันเข้มงวดน่ะครับ เป็นกฎในวงการเราด้วย ครั้งแรกที่ไป จะต้องปิดตาครับ เพราะข้างในปลูกของไว้เยอะมาก เกิดคนอื่นรู้ตำแหน่งของเรา มีหวังต้องจบเห่แน่ ขอให้ทางฝ่ายคุณเข้าใจด้วยนะครับ”


เวลาที่แมงป่องพิษร้ายขึ้นมาก็ไม่เบา แต่เวลาไม่ร้ายก็พูดเก่งเช่นกัน


คนแบบนี้แหละ ที่เราต้องระวังตัวให้มาก


การที่คิงส่งเขามา ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล


ฉินมั่วมองอีกฝ่าย เอ่ยช้าๆ “ผมให้เกียรติคนเวลาที่คุยธุรกิจ แต่การปิดตาไปที่นัดหมายแบบนี้ เป็นครั้งแรกเลยนะ และน่าจะเป็นครั้งสุดท้ายเหมือนกัน”


…………………………………………….


ตอนที่ 1684


แมงป่องพิษรู้ทันถึงคำเตือนที่แฝงมา จึงรีบแสดงท่าที “แน่นอนครับ ต่อไปพอทำเงินได้ก็ถือเป็นคนกันเอง หนนี้คงต้องให้คุณลำบากแล้วล่ะครับ”


ถึงจะพูดด้วยความเกรงใจก็จริง ทว่าเจ้าตัวร้ายกาจไม่เบา


เมื่อพันผ้าสีดำก็ต้องพันตั้งสามรอบ แต่ละคนเห็นแต่ความมืด ไม่เห็นอะไรสักอย่าง กระทั่งอีกฝ่ายยกไม้ดักโลหะก็ยังมองไม่เห็น แต่พอจะรู้สึกได้ โดยเฉพาะฉินมั่งที่ยืนขึ้นก็รู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น


คนที่มีหน้าที่กวาดไม้ดักโลหะ ส่ายหน้าต่อแมงป่องพิษ สื่อความว่าไม่มีปัญหา


แมงป่องพิษไม่ว่าอะไร แต่ยกมือจิ้มหูตัวเอง


คนรับผิดชอบตรวจเช็คเข้าใจ แกล้งทำเป็นเดินไปใกล้ข้างหูฉินมั่ว ซึ่งจริงๆ แล้วกำลังตรวจเช็คว่าชายหนุ่มมีหูฟังบลูทูธขนาดจิ๋วหรือไม่ ทว่าสัญญาณเตือนไม่ดัง หมายความว่าทุกอย่างปกติ


แมงป่องพิษหัวเราะขึ้นมาทีเดียว “มาเถอะ ผมขึ้นรถก่อน”


คนทั้งห้าถูกจัดให้นั่งรถ MPV คันเดียวกัน โดยเขี้ยวเงินเป็นคนถือเงินมัดจำสินค้า


แม้ว่าจะถูกปิดตา แต่เมื่อนั่งในรถ ออร่าของฉินมั่วก็แรงเกินกว่าใครจะมองข้าม แมงป่องดีใจจะแย่ จึงหันไปส่งสัญญาณมือให้โชเฟอร์ โดยไม่ได้สังเกตว่า ฉินมั่วที่หันหลังให้ เคาะนิ้วมือลงบนนาฬิกาข้อมือเบาๆ


สัญญาณเชื่อมติด


เจ้าอ้วนรีบเคาะคีย์บอร์ดจนเกิดเสียงดัง เพื่อจะได้จับตำแหน่งจุดแดง


ในที่สุด! เจ้าอ้วนโล่งอก เริ่มตามจุดแดงที่เคลื่อนที่ ตอนแรกเขาคิดว่าไม่มีอะไร แต่พอผ่านไปสองช่วงถนน ก็รู้สึกว่าเส้นทางอ้อมเป็นวงกลม เจ้าอ้วนร้อนใจกำลังหาทางแจ้งบอส


แต่จริงๆ แล้วไม่ต้องแจ้งก็ได้ เพราะฉินมั่วรู้ตัวแล้วว่า แมงป่องพาพวกเขาอ้อมไปอ้อมมา ทหารหน่วยพิเศษคนอื่นอาจเคยฝึกทักษะนี้ แต่ไม่ได้เน้นหนักจนเก่งสักเท่าไร ทว่าสำหรับฉินมั่วแล้ว การสำรวจสภาพแวดล้อมเป็นจุดเด่นของการเป็นนักจิตวิทยาด้านอาชญากรรมของเขา ไม่เพียงแต่อาศัยภาพ แต่ยังสามารถใช้เสียงและประสาทสัมผัสอื่นๆ ต่อการวิเคราะห์ได้อีกต่างหาก


เสียงร้องขายของดังเข้ามาซ้ำสามครั้ง ยิ่งไปกว่านั้น ไม่เพียงแต่เสียงร้องชายของ จำนวนที่หักเลี้ยวก็เช่นเดียวกัน


ฉินมั่วหันหน้าไป แม้จะถูกปิดตาแล้วจะดูไร้พิษสง แต่อันที่จริงไม่ว่าจะเป็นคุณหมอทหารหรือนักมายากลต่างรู้ดี หากเข้าสู่ช่วงปฏิบัติการณ์ บอสจะไม่หยุดวิเคราะห์เด็ขาด เพราะการแลกเปลี่ยนการค้ากัน เวลาเป็นสิ่งสำคัญ


แมงป่องพิษอ้อมอีกครั้ง แต่อ้อมเป็นวงกลมเล็กๆ  ซึ่งไม่นาน รถก็จอดลง


“รบกวนทุกท่านนะครับ พวกเราต้องเปลี่ยนพาหนะสักหน่อยน่ะครับ” แมงป่องพิษพูดอย่างรอบคอบ ไม่ปล่อยข้อมูลออกมาสักนิด แต่การจะแยกแยะให้ได้ว่าที่นี่คือที่ไหน ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะกลิ่นน้ำคุกรุ่นมาก แถมเมื่อเวลาที่พวกเขาก้าวขา ความโคลงเคลงที่เกิดขึ้นทำให้รู้ทันทีว่าเป็นเรือ


เสียงหึ่มๆๆๆ ดังขึ้น


ฉินมั่วฟังอยู่ครู่หนึ่งก็รู้ทันทีว่าเป็นเสียงสตาร์ทสปีดโบ้ทขนาดเล็ก ท่าทางพวกเขาอยู่ใกล้พื้นที่เป้าหมายแล้ว ชายหนุ่มขยับนิ้ว เมื่อเรือสตาร์ทเคลื่อนตัว ละอองน้ำก็สาดมาโดนเส้นผมเขา แม้จะถูกกางกั้นด้วยผ้าดำ เขายังคงเป็นปกติเหมือนมาเป็นแขกจริงๆ ทำให้แมงป่องพิษคลายความระแวงจนหมดสิ้น


แต่ในเวลานี้นี่เอง เจ้าอ้วนกลับเจอปัญหา สัญญาณอินเทอร์เน็ตผิดพลาดเตือนขึ้น!


วินาทีที่แล้ว เจ้าอ้วนยังไล่ตามสัญญาณผ่านอินเทอร์เน็ตอยู่เลย จุดแดงยังอยู่ในพื้นที่ที่เขาเกาะติดไว้ แต่วินาทีถัดมา จุดแดงนั่นกลับหายไป! ไม่ว่าเขาจะจับตำแหน่งใหม่อย่างไร ก็หาตำแหน่งเป้าหมายไม่ได้!


……………………………………………..


ตอนที่ 1685


สัญญาณ…ขาดเหรอ? ไม่เพียงแต่เจ้าอ้วนที่ถึงกับหน้าถอดสีเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกะทันหัน กระทั่งพวกที่นั่งในห้องประชุมยังกำมือแน่น


ครั้งนี้ กลุ่มปฏิบัติการณ์ไม่มีใครช่วยเหลือแล้วจริงๆ แม้ว่าจะออกคำสั่งระดับสูงไปแล้วว่าให้รวบรวมกำลังพลทั้งหมด กระทั่งบริเวณชายแดนเองก็ยังเข้าช่วย แต่ไม่อาจเชื่อมสัญญาณต่อได้ และกว่าฉินมั่วจะรู้ว่าสัญญาณหายไปก็เป็นเวลาหลังจากนั้นสิบนาที ด้วยเหตุที่เขาสวมผ้าปิดตาสีดำ แถมพูดกับคนอื่นก็ไม่ได้ จึงไม่ได้สังเกตถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับนาฬิกาข้อมือ


ก่อนหน้านี้ ทุกครั้งที่มีการส่งข่าว นาฬิกาจะกระตุกเล็กน้อย แต่ครั้งนี้กลับไม่มีอีกแล้ว แววตาของฉินมั่วหนักอึ้ง ฟังเสียงสปีดโบ้ทที่วิ่งผ่านน้ำ โดยไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์เลยสักนิด


คนที่รู้ว่าพวกเขานั่งเรือ ยังมีคุณหมออีกคน การตอบสนองต่อเสียงน้ำไหลเป็นสิ่งที่ทหารหน่วยพิเศษทุกคนต้องมี โดยเฉพาะกลุ่มพวกเขา แต่มีเพียงคุณหมอคนเดียวที่รู้ดีว่า เสียงน้ำทุกชนิดจะส่งผลต่อสภาพจิตใจของฉินมั่ว โดยเฉพาะสภาพแวดล้อมแบบนั้น ทุกครั้งที่ฝนตก อารมณ์บอสจะแย่มาก ซึ่งใช่ว่าจะไม่มีสาเหตุ ผลกระทบจากเหตุการณ์ในวันนั้นยังมีผลต่อบอสเสมอ คุณหมอกังวลว่ามันจะเกี่ยวพันกับคำสั่งแฝงทางจิต


เวลาผ่านไปเรื่อยๆ บรรยากาศในห้องประชุมยังไม่ดีขึ้น เจ้าอ้วนพยายามหาทางสุดความสามารถ แต่ยังเกาะเป้าหมายไม่ได้ จนในที่สุดข่าวก็ถูกส่งมาว่า ที่นั่นมีเครื่องรบกวนสัญญาณ โดยแผ่รังสีเป็นวงค่อนข้างกว้าง และเป็นเหตุให้เวลาที่เครื่องบินเข้าไปใกล้บริเวณนั้น จะหลงทางได้ง่ายๆ ซึ่งหากมองลงไปด้านล่าง ก็จะเห็นแค่แม่น้ำหลายสายตัดสลับกันวุ่นวายและป่าไม้ที่หนาแน่น เห็นสภาพภูมิประเทศไม่ชัดเจน จึงยากที่จะให้ความช่วยเหลือ


กลุ่มปฏิบัติการติดต่อไม่ได้ถึงครึ่งชั่วโมง ซึ่งครึ่งชั่วโมงดังกล่าวจะเกิดอะไรบ้าง ไม่มีใครคาดเดาได้


เวลาอย่างนี้การไม่มีข่าวอะไร ถือว่าเป็นเรื่องดี


ตำแหน่งของพระอาทิตย์คล้อยต่ำลงไม่เท่าไร บรรยากาศรอบด้านก็เปลี่ยนไป ต้องบอกว่า ที่นี่สวยมาก แต่ความสวยที่ว่า มีอันตรายซ่อนเร้น


ช่องแม่น้ำแคบลง มีทหารรับจ้างถือปืนอยู่ไม่ไกล บ้างก็นั่งเรือ บ้างก็นั่งบนฝั่ง ราวกับกำลังตรวจตรา และสิ่งที่ผู้คนคาดไม่ถึงก็คือ พวกเขาอายุไม่เท่าไร เรียกได้ว่าเด็กสุดก็แค่สิบกว่าปี


บางทีนี่แหละที่เรียกว่าสามเหลี่ยมทองคำของแท้ เพราะเป็นดินแดนที่ไร้คนควบคุม ด้วยเหตุที่ไม่สงบสุข ขนาดเด็กยังต้องถือปืน


พวกเขาไม่ได้ยากจน ต่อให้มีเงินเป็นปึกๆ ผ่านตรงหน้า บางทีก็ไม่แม้แต่จะกระพริบตา เพราะที่นี่ปลูกฝิ่นกันมากมาย ใครๆ ก็รู้ว่า ในโลกนี้ ธุรกิจที่ทำเงินเร็วที่สุดคงไม่พ้นธุรกิจที่ว่า


พวกเขาขาดความรัก ไร้พ่อแม่ แต่ถึงจะมี พ่อแม่พวกเขาก็เป็นแค่แรงงานทาสที่เก็บเกี่ยวพืชดังกล่าว พวกเขาถูกเลี้ยงไว้ข้างตัวคิงมาตั้งแต่ยังเด็ก ทำให้พวกเขาต่างจากเด็กทั่วไป  แววตาของพวกเขาเย็นกระด้างกว่าคนปกติ


เมื่อเจ้าชายน้อยปลดผ้าปิดตาออกมา ก็เห็นภาพดังกล่าว เจ้าตัวถึงกับตะลึง ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง


แมงป่องยืนอยู่ข้างๆ หัวเราะขึ้นมา “ยินดีต้อนรับทุกท่านสู่สวรรค์ของเรา นับจากเวลานี้เป็นต้นไป จะไม่มีใครมารบกวนความร่วมมือของพวกเราแล้วครับ”


ฉินมั่วย่อมเข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายพูด แต่เมื่อปลดผ้าปิดตาออกก็ยกมือบังแสงตรงหน้า ถามขึ้นทั้งๆ ที่รู้แก่ใจ “ทำไม”


…………………………………………………….


ตอนที่ 1686-1


แมงป่องพิษพยักเพยิดให้มองข้างในป่าลึก


ฉินมั่วเอียงศีรษะมอง สิ่งปลูกสร้างที่เหมือนปราการเหล็กสองแห่งปรากฏสู่นัยน์ตา ทหารหน่วยพิเศษทุกคนต่างได้รับการฝึกฝนในด้านนี้ บางคนอาจจะรับรู้ช้าไปหน่อย แต่บางคนก็ไว ฉินมั่วมองแวบเดียวก็รู้ว่ามันคืออะไร ป้อมรบกวนสัญญาณอย่างไรล่ะ


“ไม่เลวนี่” เขาซุกมือข้างหนึ่งลงในกระเป๋ากางเกง เอ่ยอย่างเป็นปกติ “แบบนี้ ความร่วมมือของเราจะได้ปลอดภัย”


แมงป่องพิษยิ้มขึ้น “ท่านประธานหรงตาแหลมมาก”


เจ้าชายน้อยจ้องเด็กเหล่านั้น ซึ่งแมงป่องพิษจับสังเกตได้ จึงหันไปถาม “ทำไม? คุณชายรองไม่เคยเห็นมาก่อนหรือครับ?”


เจ้าชายน้อยยอมรับอย่างเอื่อยเฉื่อย “เด็กขนาดนี้ ไม่เคยเห็นมาก่อน ยิงปืนเป็นแล้วเหรอ?”


“คุณชายรองอย่าดูถูกพวกเขาเชียว” มุมปากของแมงป่องพิษค่อยๆ ยกยิ้ม “บางครั้ง เวลาที่ต้องต่อกรกับพวกทหารหน่วยพิเศษที่ลักลอบเข้ามา พวกเขาจะมีประโยชน์มาก”


เจ้าชายพยายามทำให้ตัวเองดูเป็นธรรมชาติ “จริงป่ะเนี่ย?”


“จริงสิครับ” แมงป่องสำรวจอีกฝ่าย “คุณชายรองทำหน้าเหมือนพวกทหารหน่วยพิเศษที่มองพวกเขาเลยครับ แต่ต่างกันที่คุณชายรองไม่เหมือนทหารพิเศษเลยสักนิด”


เจ้าชายน้อยไม่ขยับ


ฉินมั่วเอ่ยขึ้น “ถึงได้ให้เขามาเห็นโลกภายนอกไง ปกติคนที่บ้านปกป้องกันดีนัก นี่แหละข้อเสียของน้องผม ใจไม่เหี้ยมพอ” พูดจบก็เหลือบมองเจ้าชายน้อยแวบหนึ่ง


แววตาของชายหนุ่มทำให้แมงป่องเลิกระแวง เพราะลูกคนรองของบางคอรบครัวก็อย่างนี้แหละ ยิ่งเด็กนี่มันรวยมากแถมโง่ดี เขาจึงหัวเราะ “ประธานหรง เชิญทางนี้ครับ”


ฉินมั่วไม่พูดอะไรอีก เขาซุกมือลงกระเป๋าข้างหนึ่ง เดินผ่านเด็กชายสองคนที่ถือปืนเล่นพนันอยู่ด้วยบารมีที่แก่กล้ากว่ายามปกติ


เจ้าชายน้อยหวั่นใจ จะมากจะน้อยก็รู้ดีว่าปฏิกิริยาของตัวเองทำให้อีกฝ่ายมองออก จึงรีบกลับสู่บทบาทเดิมของตัวเอง ด้วยการลูบสันจมูก ราวกับเป็นเด็กบ้านรวยที่ไม่เอาถ่าน เดินตามหลังฉินมั่วไป


ทุกสิ่งที่ได้เห็นในนี้ ล้วนแต่ทำให้ผู้คนตกใจจนถึงขั้นที่แอบรังเกียจในใจ


แมงป่องถือเรียกที่นี่ว่าเป็นสวรรค์ แต่ในสายตาของเจ้าชายน้อยกลับเห็นว่ามันไม่ต่างจากนรกสักนิด แม้ว่าแสงตะวันจะสาดส่องสดใส บรรยากาศสวยงาม แต่สิ่งที่เด็กพวกนี้ทำ กลับทำให้คนเสียวสันหลัง โดยนักมายากลที่ยืนข้างๆ ก็รู้สึกเช่นเดียวกัน


ไม่ใช่เพราะเด็กเหล่านี้หรอก แต่เพราะหลังจากที่เห็นสิ่งปลูกสร้างนั่นก็เข้าใจแล้วว่าทำไมบอสถึงได้ถามแมงป่องอย่างนั้น หนึ่ง เพื่อจะได้ลดความระแวงแมงป่องพิษ สองเพื่อจะได้บอกพวกเขาทางอ้อมว่าที่นี่ไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต


จากนี้เป็นต้นไป การติดต่อทั้งหมดของพวกเขา จะต้องใช้วิธีอื่น


และนับจากเวลานี้เป็นต้นไป จะไม่มีหน่วยสนับสนุนช่วยพวกเขา ฉะนั้นต้องมีชีวิตรอดให้ได้ ต้องไม่หลุดสถานะออกไป ซึ่งสำคัญกว่าสิ่งใด


ใครจะคิดได้บ้างว่า สถานที่ที่คิงซ่อนตัว จะมีกระทั่งด่านสกัดบนแม่น้ำ หากเดินไปทางทิศตะวันออกก็จะเป็นชายแดนของจีน นี่แหละคือสิ่งที่กลุ่มปฏิบัติการณ์ให้ความสำคัญที่สุด รวมถึงฉินมั่ว เพราะพวกเขาไม่มีวันยอมให้ใครหรือขบวนการใดทวีอำนาจอยู่ในสถานที่ที่ใกล้จีนแบบนี้ ทั้งยังจ้องตาเป็นมันอีกต่างหาก


…………………………………………………….


ตอนที่ 1686-2


บนถนนสายเล็กประมาณห้าสิบกิโลเมตรห่างไปจากริมแม่น้ำ รถแลมโบกินี่สีดำกำลังตะบึงผ่านมา


การที่มีรถหรูอยู่ในที่แห่งนี้ไม่แปลก แต่ส่วนใหญ่จะเป็นรถออฟโรด ไม่ใช่รถแบบนี้


ระบบจีพีเอสเตือนติดต่อกันเป็นครั้งที่สาม ระหว่างที่กำลังประเมินในระลอกต่อไป ก็เตือนคนขับอย่างจิรงใจ “เจ้านายครับ ช้าลงหน่อย จริงๆ นะ ผมออกจะเท่ เล่นใช้งานไม่บันยะบังยัง มนจะเหมือนรองเท้าหนังที่หน้าเท้าเปิดอ้า มันน่าเกลียดพิลึก”


ป๋อจิ่วเลิกคิ้ว ไม่คิดจะอ่อนโยนสักนิด


เสี่ยวเฮยได้แต่เปิดระบบปกป้องตัวเอง เมื่อท้องรถต้องกระแทกหลุมใหญ่อีกครั้ง จนท้ายที่สุดก็เกิดควันลอยขึ้น โชคดีนะที่ภายในรถไม่เสียหาย ในฐานะที่เป็นรถสปอร์ตที่ขายหน้าตา มันไม่ง่ายเลยนะ ไม่มีใครแคร์ความรู้สึกเวทนาตัวเองของเสี่ยวเฮยสักนิด


ป๋อจิ่วเปิดประตูรถแล้วเดินเข้าไปยังตลาดสดที่มีคนผ่านไปมา ไม่รู้ว่าเป็นเพราะใช้ชีวิตในสิ่งแวดล้อมขนาดใหญ่หรือไม่ หลายคนในที่แห่งนั้นอยู่ในสภาพแขนขาดขาขาด ซึ่งเธอจะรู้เหตุที่ทำให้พวกเขากลายเป็นแบบนั้น


ที่นี่ หากไม่ยินดีที่จะปลูกและขายยาเสพติด ไม่มือขาดก็ต้องขาขาด เวลานี้ ที่นี่ไม่มีดอกไม้ให้เห็นอีกแล้ว มันกลายเป็นหมู่บ้านและการเพาะปลูกผลผลิตทางการเกษตร ทั้งนี้ปริมาณการค้ายากลับไม่น้อยลงเลย คงเพราะมีความต้องการ จึงมีตลาด


พวกที่เสพยาไม่ว่าจะเป็นเพราะอยากลองหรือเหตุอื่นจะไม่มีวันรู้ว่า มีคนบางกลุ่มที่แม้จะใช้ชีวิตที่ริมเหวนรก แต่ก็ไม่ยอมสยบให้ใครเพื่อบางสิ่งในใจ


พวกเขารู้ดีกว่าใครว่า ของพวกนี้จะทำลายครอบครัวรุนแรงแค่ไหน ดังนั้นต่อให้มือและขาต้องขาดก็ไม่ยอมเข้าร่วม


ความรู้สึกแบบนี้ มีใครบ้างที่เข้าใจ?


พวกเขาไม่ใช่ทหารและไม่ใช่คนจีน เป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาทั่วไป ซึ่งแต่ละคนล้วนหวังว่าตัวเองจะไม่ทำลายใคร บางครั้งพระเจ้าก็ประทานสิ่งแวดล้อมดีๆ ให้แก่คนบางกลุ่ม แต่คนกลุ่มนั้นกลับไม่มีศีลธรรม


ในสายตาของพวกนั้น พวกที่มีชีวิตยากจนจะสร้างความร่ำรวยให้พวกเขาได้ และเพราะเหตุนี้จึงต้องทำลายนรกที่คิงสร้างขึ้นให้สิ้นซาก


ป๋อจิ่วยกมือเลิกผ้าม่านดำออก บางครั้งสิ่งที่ที่นี่ขาดมาที่สุดก็คือยารักษาโรค ด้านหลังม่านสีดำมักจะมีหมอเถื่อนคนหนึ่ง โดยคนที่มอบของให้กับป๋อจิ่ว ก็คือหมอคนนี้นี่แหละ ซึ่งเป็นที่น่าประหลาดมาก เพราะเจ้าตัวหน้าเด็กเชียว ซึ่งมองออกจากใบหูของเขา เมื่อเห็นป๋อจิ่วเข้ามาก็เดินไป-มา เอ่ยขึ้น “บอกตรงๆ นะ ผมไม่อยากเตรียมของพวกนี้ให้คุณเลย รู้ไหมว่า อยู่ที่นี่ ถ้าใครกล้าเป็นศัตรูกับคิง ก็กลายเป็นศพในวันพรุ่งนี้ได้เลย แต่ผมคิดดูแล้ว เป็นศัตรูกับแฮกเกอร์อย่างพวกคุณ ผมก็มีจุดจบไม่สวยเหมือนกัน จะว่าไป…”


พูดมาถึงตรงนี้ คุณหมอเถื่อนพลันชะงัก แววตาที่มองป๋อจิ่วถึงกับสว่างโรจน์ “ทะ ทำไมเป็นคุณไปได้?”


ป๋อจิ่วอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง “พวกเราไม่รู้จักกันสักหน่อย ใช่ไหม?” หน้าตาพิเศษขนาดนี้ หากเคยเห็น เธอต้องจำได้เลาๆ บ้างล่ะ “แล้วทำไมถึงเอายาแก้หวัดกับยาแก้ท้องเสียมาใส่ไว้ด้วยกันล่ะ”


“อ้อๆๆ ยามันก็มีฤทธิ์เหมือนกันหมดแหละ” คนพูดจริงจัง


ป๋อจิ่วหัวเราะ เพราะเธอมองไม่ออกว่ายาซานหวงเพี่ยน[1]กับป่านหลันเกิน[2] จะเหมือนกันที่ตรงไหน หมอเถื่อนคนนี้หลอกคนเก่งกว่าที่เธอคิดไว้อีกแฮะ


……………………………………………..


[1] ยาซานหวงเพี่ยน ช่วยบรรเทาอาการท้องเสีย


[2] ป่านหลันเกิน ช่วยลดความร้อน บรรเทาอาการเจ็บคอ


ตอนที่ 1687


 “ไม่สิ! นี่ไม่ใช่เวลามาพูดเรื่องนี้” หมอเถื่อนสวมหน้ากากอนามัย วางยาลงทันที “ผมเคยดูคุณเล่นเกมออนไลน์มาก่อน โคตรเท่เลย ทำไมคุณไม่ไปแข่งล่ะ มาที่นี่ทำไม? อย่าบอกนะว่าคุณไม่คิดจะแข่งแล้ว ผมอุตส่าห์ซื้อตั๋วแข่งระดับเอเชียไว้เรียบร้อยแล้วนะ ขอบอก ถ้าคุณไม่แข่ง ผมจะฉีกตั๋วทิ้ง!”


ป๋อจิ่ว “…”


หมอเถื่อนชะงัก ก่อนจะพูดต่ออย่างเขินอาย “ผมเป็นแฟนคลับคุณ”


ในขณะที่ป๋อจิ่วกำลังคิดว่าจะตอบอย่างไรดี คุณหมอเถื่อนก็แนะนำตัวเองอีกครั้ง “ทุกครั้งที่ชื่อคุณโผล่ออกมาบนแพลตฟอร์มไลฟ์สด ผมก็จะปรากฎตัวออกมา คนซื้อเหรียญให้คุณในเกมมากที่สุดก็คือผมเอง!”


ป๋อจิ่วพูดหน้าตาเฉย “คุณจำคนผิดแล้ว”


“ผมจำคนผิดเหรอ?” หมอเถื่อนดึงผ้าปิดปากออก “คุณอย่าดูถูกพลังของแฟนคลับอย่างพวกเรานะ เดี๋ยว คุณดำขึ้นนี่ แถมจมูกก็ไม่โด่งเหมือนเมื่อก่อน หรือว่านี่คือผลจากการหลุดออกจากจินตนาการ ไม่สิ ดำเกินไป ปลอมตัวเหรอ? โห สุดยอด ทำไมผมถึงโง่อย่างนี้ คุณต้องปลอมตัวแน่ๆ สีย้อมผิวที่ผมเตรียมให้ คุณน่าจะไม่ได้ใช้ มันช่วยลดต้นทุนได้เยอะเลยนะ”


ป๋อจิ่วหัวเราะ “ใช้ต้นทุนแค่นี้ ยังต้องลดอีกเหรอ?”


“ก็ลดต้นทุนมาซื้อเหรียญเชียร์คุณไง” หมอเถื่อนพูดอย่างสมเหตุสมผล


ป๋อจิ่วพูดในใจ…นายน่าจะให้อะไรที่มันใช้ได้ เยอะกว่านี้หน่อยนะ”


สุดท้ายก็เคาะโต๊ะ “เอาของมานี่”


คุณหมอเถื่อนพูดเรื่องจริงจังขึ้นมาที ก็น่าเชื่อถือมากเลยทีเดียว “อยู่ในนี้ทั้งหมด ผมขอให้ของอย่างอื่นกับคุณละกัน  สิ่งที่สำคัญที่สุดนะท่านเทพ เดี๋ยวคุณออกไปก็อ้อมสักสองรอบนะ คิงจะได้ไม่สงสัยผม แล้วผมจะได้ฉวยโอกาสหนีไปภายในสองวันนี้ ส่วนค่ายาพวกนี้ ผมให้คุณฟรี ในป่ามีงูเยอะนะ แถมมีพิษด้วย คุณเอาไปอย่างน้อยก็ไม่ต้องกลัว”


ป๋อจิ่วมองดูกล่องยาของเขาแล้ว ยิ้มขึ้น “ไม่ต้องเอากำมะถันมาหรอก มียาชาไหม? ขอเข็มฉีดยาให้ฉันสักสิบเล่มสิ”


หมอเถื่อนย่อมให้ความช่วยเหลือ แต่ต่อจะให้ความช่วยเหลืออย่างไร เขาก็คิดไม่ถึงว่าไอดอลของเขาจะเอาของไปจนหมด


หลังจากที่ตะลึงไปนาน เขาจึงตะโกนไล่หลังป๋อจิ่ว “พูดตรงๆ นะ คุณกลับทีมไดมอนด์เถอะ ถึงจะเป็นผู้หญิงแล้วจะเป็นไรไป เหมือนผมนี่ไง พอรู้ว่าคุณเป็นผู้หญิงก็อยากขอคุณแต่งงานทันที แต่ไม่รู้ว่าคุณมีแฟนหรือยัง”


“มีสิ” เป็นครั้งแรกที่ป๋อจิ่วตอบคุณหมอเถื่อนตรงๆ นับตั้งแต่ที่เข้ามายังที่แห่งนี้ ราวกับนึกถึงคนบางคนขึ้นมาได้ มุมปากยังติดรอยยิ้ม “เขาเป็นคนดี ฉันกำลังขอเขาแต่งงานอยู่”


หมอก็งงสิ อยู่ดีไม่ว่าดี อกหักเฉยเลย แถมยังโดนยัดอาหารหมาเข้าให้อีกต่างหาก


เป็นผู้หญิงแท้ๆ จะไปขอผู้ชายแต่งงานได้ไง!


ป๋อจิ่วไม่ฟังเสียงหมอที่โหยหวนอยู่ในใจหรอก หลังจากเธอเตรียมทุกอย่างพร้อมสรรพ ก็ขับรถออกไปด้วยความเร็วเหนือนรก


ไม่ว่าอย่างไร เธอต้องตามหาท่านเทพให้เจอ แล้วพาเขากลับเมืองเจียงเฉิง เหมือนอย่างที่คุณหมอเถื่อนพูดไว้นั่นแหละ ที่นั่นยังมีการแข่งขันระดับเอเชียที่รอให้พวกเขาไปแข่งอยู่


ไม่ใช่เพื่อคนอื่น  แต่เพื่อตัวเอง


มีเพียงสนามแข่งเท่านั้นที่เป็นความชอบของเขาอย่างแท้จริง


“เหลืออีกยี่สิบกิโลเมตรก็จะถึงที่หมาย ข้างหน้ามีแม่น้ำ จะเปลี่ยนร่างไหม” เสียงของเสี่ยวเฮยดังขึ้น


ป๋อจิ่ววสะบัดท้ายรถ “เปลี่ยน”


“การเปลี่ยนร่างจะต้องเปิดระบบด้วยแรงตัวเอง ตอนนี้เริ่มเข้ากระบวนการ ล้อหน้าเตรียมพร้อม เปลี่ยนกระจก นับเวลาถอยหลังเริ่มต้น 10 9 8…1!


…………………………………………


ตอนที่ 1688


เมื่อมาถึงหมายเลข 1  มือขวาของป๋อจิ่วก็ผลักเกียร์เพิ่มความเร็ว เธอกุมพวงมาลัย ขับรถลงน้ำ!


เป็นที่รู้ดีว่า เมื่อขับรถลงแม่น้ำ น้ำจะไหลเข้ามาทุกทิศทาง กระทั่งรอดเข้ารอยต่อกระจกอย่างรวดเร็ว ซึ่งภายในไม่กี่วินาที รถจะเต็มไปด้วยน้ำ แล้วมันจะจมดิ่งลงสู่ด้านล่างจนมิดหัว ซึ่งคนที่นั่งในรถย่อมหนีไม่รอด


แต่เมื่อรถคันนี้ขับตะลุยสู่ผืนน้ำ กระจกก็เปลี่ยนไป เสียงปุดๆ ดังขึ้นตามจังหวะที่รถจมน้ำ ประตูที่เหมือนปีกค้างคาวของรถแลมโบกินี่ มูร์เซียราโก้ก็ลู่ไปด้านหลัง ล้อเปลี่ยนทิศทางราวกับมีเครื่องช่วยเลื่อนไถล ซึ่งแม้ว่ารูปร่างจะไม่เปลี่ยน แต่คุณสมบัติของมันเปลี่ยนไปจนหมดสิ้น โดยไม่เพียงแต่กันน้ำได้ ยังมีใบพัดที่สร้างกระแสน้ำให้ผลักรถไปด้านหน้า ไฟหน้ารถยังสว่างมากกว่าปกติถึงห้าเท่า ด้วยเหตุนี้ แม้ว่าอยู่ในน้ำก็ยังมองเห็นทางข้างหน้าชัดเจน


“การเปลี่ยนสภาพเสร็จสมบูรณ์ โดยอยู่ในโหมดกลางน้ำด้วยระยะทางสี่สิบลี้ ปริมาณน้ำมันเพียงพอ ปัญหาที่เจอคือ ความดันน้ำไม่เสถียร ต้องใช้แรงผลัก”


ระบบจีพีเอสสะบัดคลื่นระลอกแล้วระลอกเล่า


ป๋อจิ่วเอนตัวไปด้านหลัง เงยหน้าขึ้น กดปุ่มหลังคากระจก เครื่องผลักที่ซ่อนไว้ก็โผล่ออกมา


“เพิ่มความเร็ว” เมื่อคำสั่งสั้นดังขึ้น


ระบบจีพีเอสตอบสนอง ใบพัดหมุนเร็วขึ้นเรื่อยๆ ความเร็วในการหมุนทวีสูงขึ้นกว่าเมื่อครู่เกือบเท่าหนึ่ง ฝูงปลาที่แหวกว่ายอยู่ในน้ำต่างหนีไป ราวกับไม่เข้าใจว่าทำไมถึงมีมนุษย์เข้ามาในถิ่นของมัน…


เวลาผ่านไปเรื่อยๆ สี่โมงเย็น ท้องฟ้าเริ่มพลบค่ำ แสงตะวันรอนรานไล่หมอกหนา จนเห็นพื้นที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา


ฉินมั่วและพวกมาถึงริมแม่น้ำก็ถูกแมงป่องพิษพาเข้าไปนั่งในรถออฟโรด สิ่งเดียวที่ต่างออกไปคือ คราวนี้พวกเขาไม่ได้ถูกปิดตา และด้วยเหตุนี้ เจ้าชายน้อยจึงรับรู้ได้มากกว่าเดิม


ที่นี่สวยมาก สวยจนยากจะบรรยาย มีดอกไม้สีสันสดใสมากมายราวท้องทะเล ปลายสุดคือกระท่อมไม้


เดิมสถานที่ที่ถูกขนานนามว่าแดนสวรรค์ กลับกลายทำให้คนต้องหนาวลึกถึงกระดูกเพราะประเภทของดอกไม้ดังกล่าว


ฝิ่น เป็นวัตถุดิบในการผลิตยาเสพติดทุกชนิด


เมื่อเดินเข้าไป แมงป่องพิษยังคงยิ้ม “อย่าดมเต็มแรงนะครับ เพราะกลิ่นดอกไม้ที่นี่ฉุนมาก ดมเข้าไปมากๆ เดี๋ยวจะติดเอา”


เจ้าชายน้อยที่เดิมมือเกร็งอยู่แล้ว กลิ่นที่โชยเข้าจมูกมันฉุนมาก มากขนาดที่เขารู้สึกไม่สบายใจ


ฉินมั่ววางมือไว้ที่ริมหน้าต่าง เส้นผมสั้นเซอร์ถูกลมพัด ดูเหมือนเขากำลังดื่มด่ำอยู่ “เหรอ? ถ้าได้นอนในที่แบบนี้ คงสบายไม่เบา”


“ประธานหรงคิดเหมือนคิงของพวกเราเลยครับ” ดูเหมือนแมงป่องจะตะลึงกับคำพูดของชายหนุ่ม เมื่อคิดอีกที คนที่กล้าทำเรื่องใหญ่ๆ ย่อมไม่สนทั้งนั้นแหละว่าสิ่งเหล่านี้จะทำร้ายคนอื่นหรือเปล่า เพราะในสายตาของพวกเขา ผลประโยชน์สำคัญที่สุด


แมงป่องคิดมาถึงตรงนี้ก็ยิ้ม นี่แหละคือคนที่พวกเขาควรจะร่วมค้าขายด้วย แต่กระนั้นมันกลับไม่รู้ว่านับตั้งแต่เข้าใกล้ดงดอกไม้นั่น ไม่ว่าจะเป็นเจ้าชายน้อยหรือนักมายากลต่างก็กลั้นหายใจอัตโนมัติในระดับหนึ่ง


การกลั้นลมหายใจอย่างไม่ให้ซุ่มให้เสียง ก็เพื่อจะไม่ติดยานรกนั่น


…………………………………………….


ตอนที่ 1689


แมงป่องขับรถไปยังลานกว้างที่อยู่ห่างจากทะเลดอกไม้ไม่ไกลนัก ก่อนจะจอดลง


อีกด้านหนึ่ง ทหารรับจ้างยืนเรียงเป็นแถว พวกเขาต่างสักหน้า ถือปืนไว้ในมือ สีหน้าดูเหี้ยม คงเป็นเพราะเอกลักษณ์ของที่นี่ พวกเขาจึงโดนแดดแผดเผาจนผิวดำคล้ำ อันเป็นการแสดงนัยยะของความเป็นพวกเดนตายอีกต่างหาก


มีเพียงคนที่ยืนตรงกลางต่างจากคนอื่น นั่นคือฝานเจีย แต่วันนี้เธอไม่ได้โผล่หน้าออกมา กลับยืนสวมหมวกคลุมหน้า ทำให้คนเห็นหน้าตาเธอไม่ชัดนัก ส่วนอีกคนกลับสวมชุดสูท อายุประมาณห้าสิบปี กำไม้เท้าไว้ในมือ เงยหน้ามองราวกับรอคอยพวกฉินมั่วเป็นพิเศษ


เจ้าชายน้อยเห็นคนพวกนี้แล้ว ถึงกับมือเกร็งทันที นักมายากลและเพื่อนๆ ก็เช่นเดียวกัน


ฉินมั่วเป็นคนเดียวที่มีแววตาเรียบเฉย ทั้งไม่ได้มองไปยังชายคนนั้น แต่กลับหยุดสายตาอยู่มองผู้ชายที่สวมเสื้อกาวน์อยู่ครู่หนึ่ง


“นี่คือคิงของพวกเรา” แมงป่องแนะนำ “คิงครับ นี่คือประธานหรง”


คนที่ถือไม้เท้ายื่นมือออกมา “สวัสดีครับ”


มุมปากของฉินมั่วยกยิ้ม ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ แววตาลุ่มลึกมาก “ได้ยินชื่อเสียงคุณมานานแล้ว”


“มา เชิญครับ” ชายคนนั้นผายมือเชื้อเชิญฉินมั่วให้เข้าไปในกระท่อม


ในเวลาที่เข้าไป ฉินมั่วแทบจะได้กลิ่นข้างในทันที มันเป็นกลิ่นหอมของดอกฝิ่น


“คุณอารมณ์สุนทรีจัง” ฉินมั่วเอ่ยขึ้นเมื่อนั่งลง


ทำให้ชายคนนั้นหัวเราะ “ประธานหรงตาสูงมากกว่า ผมชินกับกลิ่นนี้ ทำให้นอนหลับสบาย” ว่าแล้วก็ดึงซิการ์ยื่นให้ฉินมั่ว “ลองสูบสักอันไหม?”


ระหว่างที่อีกฝ่ายพูด เจ้าชายน้อยอยากจะกำมือขึ้นทันที เพราะใครก็รู้ว่าเมื่อมาถึงสถานที่แบบนี้ ไม่ควรรับของจำพวกบุหรี่ เพราะไม่รู้ว่ามันผสมอะไรบ้าง


แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร ฉินมั่วก็รับซิการ์มา แล้วยื่นให้เจ้าชายน้อยสูบ พูดเพียง “เช็คของดู”


เจ้าชายน้อยรับมา ทำให้ไม่ว่างพอจะแสดงสีหน้าแต่อย่างใด


ชายคนนั้นหรี่ตาลง “ประธานหรง หมายความว่าไง”


 “ถึงผมจะทำการธุรกิจด้านนี้ แต่ไม่เคยแตะพวกมัน” ฉินมั่วนั่งไขว่ห้าง บารมีแรงจัด “คุณสิครับ ให้ของแบบนั้นกับผม หมายความว่าไง? สงสัยสถานะของผมเหรอ? งั้นผมควรจะสงสัยสถานะของพวกคุณไหม? ตกลงแล้วคุณเป็นคิงตัวจริงหรือเปล่า?


ชายคนนั้นผงะ ราวกับไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเอ่ยตรงๆ


ทั้งนี้ ชายหนุ่มยังไม่เหมือนเป็นทหาร ยิ่งไม่น่าจะเป็นคนจากหน่วยไหน แถมบารมีมาเฟียยังคุอีกต่างหาก”


แล้วเขาควรจะพูดอย่างไรต่อ ชายคนนั้นไม่รู้ จึงหันไปมองอีกด้าน


เวลานี้ กระทั่งเจ้าชายน้อยยังมองออกว่า ‘คิง’ คนนี้ผิดปกติ เขาเอาแต่มองหมอประจำตระกูลอยู่นั่นแหละ


เจ้าชายน้อยเพิ่งจะสงสัย เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นข้างหู “ประธานหรงแววตาหลักแหลมจริงๆ”


คุณหมอเดินออกมาจากด้านใน เขาสวมชุดกาวน์ มีแว่นตากรอบทองบนหน้า รวมถึงหน้าตาที่สุภาพ กระทั่งพูดยังสง่าอย่างบอกไม่ถูก


เขามองกลุ่มคนตรงหน้า มุมปากแยกยิ้มที่ทำให้คนทั้งวางใจ และรู้สึกถึงอันตรายขึ้นมา


………………………………………………..


 ตอนที่ 1690


นี่แหละ คิง! เจ้าชายน้อยเข้าใจในทันใด เงยหน้ามองดู “คุณหมอประจำบ้าน”


เวลานี้ คิงนั่งเก้าอี้ประจำสถานะตัวเอง โดยอยู่ตรงข้ามกับฉินมั่ว และคนที่สวมรอยเป็นคิง กลับเดินไปยืนข้าง ๆ อย่างให้เกียรติ ส่งผลให้แพทย์ทหารและนักมายากลถึงกับหัวใจตกลงไปอยู่ตาตุ่ม เพราะแม้ว่าบอสจะแปลงโฉมขนาดที่ฝานเจียยังจำไม่ได้ แต่คิงไม่ใช่ฝานเจีย เขาไม่เพียงแต่จะเจ้าเล่ห์มากแผน แต่ยังเป็นนักจิตวิทยาด้านอาชญากรรมตัวฉกาจ เวลาสำรวจสถานะของใครก็ตาม ย่อมไม่ดูแค่หน้าตา ซึ่งฉินมั่วก็เช่นเดียวกัน คนอย่างพวกเขา มักจะสำรวจรายละเอียดปลีกย่อยของฝ่ายตรงข้ามอย่างเป็นเรื่องปกติ เช่นกิริยาอาการ วิธีพูด กระทั่งท่าทางการดื่มน้ำยังเป็นจุดสำคัญในการตรวจเช็ค


เหตุใดคิงถึงไม่แสดงตัวออกมาตรง ๆ  ก็เพราะเขามีแผนว่าจะลอบสำรวจคนเหล่านั้นมาตั้งแต่แรก


น่าเสียดายที่คนของเขาไม่อดทนเอาเสียเลย


คิงเงยหน้ากวาดตามองสีหน้าจริงจังของพวกคนที่อยู่ตรงหน้า ก่อนจะยิ้มขึ้น “แกะซิการ์ออกมาเช็คของก็สะดวกดีนะ”


“ครับ” แมงป่องพิษรับซิการ์มา แล้วใช้มีดแงะออก จึงเห็นว่าด้านในนอกจากจะบรรจุยาสูบแล้ว ยังมีผงสีขาวอีกด้วย


ฉินมั่วเห็นแล้วก็หัวเราะเย้าหยอก “มิน่าล่ะ เขาถึงว่ากันว่า ทำธุรกิจกับคุณ ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกตรวจสอบ เพราะบรรจุแบบนี้ดูเป็นธรรมชาติมาก”


“นี่เรียกว่าธรรมดาแล้วครับ” คิงหัวเราะ ยกกาน้ำชามารินให้ฉินมั่วถ้วยหนึ่ง “ผมชอบศิลปะพู่กันจีน แต่ความสามารถจำกัด เมื่อก่อนเคยมีนักเรียนอยู่คนหนึ่งมีเขียนพู่กันจีนสวยมาก น่าเสียดายที่เด็กคนนั้นไม่ยอมเป็นลูกศิษย์ในความดูแลของผม แต่ก็ทำให้ผมสนใจศิลปะวัฒนธรรมของจีนมาก ดังนั้น…” พูดมาถึงตรงนี้ คิงก็ชะงัก


ฝานเจียที่ยื่นปากกาลูกลื่นให้ คิงหักมันออก เทผงสีขาวชั้นเยี่ยมที่บรรจุอยู่ด้านในออกมา


เจ้าชายน้อยกัดกรามแน่นอยู่ด้านข้าง แต่กลับไม่ได้แสดงสีหน้าโกรธเกรี้ยว แต่คุณหมอทหารและนักมายากลกลับกลายเป็นอีกเรื่อง นักเรียนที่คิงพูดถึง คงไม่ใช่…


เวลานั้น คุณหมอทหารเริ่มเครียด คิงหมายความว่ายังไง หรือว่ามันเดาสถานะของบอสออกแล้ว? ไม่งั้น จะจงใจพูดถึงนักเรียนคนนั้นทำไม


เมื่อถูกยั่วยุอารมณ์ คุณหมอทหารก็ทราบดีว่า สถานการณ์เช่นนี้อันตรายมาก ไม่ควรปล่อยให้อีกฝ่ายชักนำทางอารมณ์ แต่คนที่ได้เรียนด้านจิตวิทยา ล้วนแต่อ่อนไหวกว่าคนปกติมากนัก


อารมณ์ของเขาก็เป็นเช่นนั้น บอสสิ ยิ่งซับซ้อนเข้าไปใหญ่ แต่ถ้าคิงไม่มั่นใจในสถานะของบอสแล้วแค่ลองใจล่ะ งั้นคำตอบของบอสจึงสำคัญมาก


“เป็นวิธีที่ไม่เลว” ฉินมั่ววางปากกาลง มองสำรวจทั่ว “เห็นเจ้านี่แล้ว ผมกลับคิดถึงวิธีที่ดีกว่า”


ห้วงเวลานั้น ความเหี้ยมในก้นบึ้งนัยน์ตาของคิงลดลงไปเยอะ เขาเลิกคิ้ว “โอ้ว? วิธีไหนเหรอ?”


“ก็ลิขวิดเปเปอร์ไง ปลอดภัยกว่าไอ้นี่อีก” ฉินมั่วโยนปากกาด้ามนั่นลงพื้น บารมีเจิดจ้ากว่าเดิม


คิงได้ยินแล้วถึงกับอึ้ง ก่อนจะหัวเราะขึ้น “ได้ร่วมธุรกิจกับประธานหรงถือเป็นเรื่องน่ายินดี พวกเราไปดื่มชากันในระหว่างที่ให้พวกเขาตรวจสอบสินค้ากันดีกว่า แล้วดูหนังสักเรื่อง ส่วนเรื่องช่องทางการค้า เราค่อยว่ากัน”


………………………………………


ตอนที่ 1690


นี่แหละ คิง! เจ้าชายน้อยเข้าใจในทันใด เงยหน้ามองดู “คุณหมอประจำบ้าน”


เวลานี้ คิงนั่งเก้าอี้ประจำสถานะตัวเอง โดยอยู่ตรงข้ามกับฉินมั่ว และคนที่สวมรอยเป็นคิง กลับเดินไปยืนข้าง ๆ อย่างให้เกียรติ ส่งผลให้แพทย์ทหารและนักมายากลถึงกับหัวใจตกลงไปอยู่ตาตุ่ม เพราะแม้ว่าบอสจะแปลงโฉมขนาดที่ฝานเจียยังจำไม่ได้ แต่คิงไม่ใช่ฝานเจีย เขาไม่เพียงแต่จะเจ้าเล่ห์มากแผน แต่ยังเป็นนักจิตวิทยาด้านอาชญากรรมตัวฉกาจ เวลาสำรวจสถานะของใครก็ตาม ย่อมไม่ดูแค่หน้าตา ซึ่งฉินมั่วก็เช่นเดียวกัน คนอย่างพวกเขา มักจะสำรวจรายละเอียดปลีกย่อยของฝ่ายตรงข้ามอย่างเป็นเรื่องปกติ เช่นกิริยาอาการ วิธีพูด กระทั่งท่าทางการดื่มน้ำยังเป็นจุดสำคัญในการตรวจเช็ค


เหตุใดคิงถึงไม่แสดงตัวออกมาตรง ๆ  ก็เพราะเขามีแผนว่าจะลอบสำรวจคนเหล่านั้นมาตั้งแต่แรก


น่าเสียดายที่คนของเขาไม่อดทนเอาเสียเลย


คิงเงยหน้ากวาดตามองสีหน้าจริงจังของพวกคนที่อยู่ตรงหน้า ก่อนจะยิ้มขึ้น “แกะซิการ์ออกมาเช็คของก็สะดวกดีนะ”


“ครับ” แมงป่องพิษรับซิการ์มา แล้วใช้มีดแงะออก จึงเห็นว่าด้านในนอกจากจะบรรจุยาสูบแล้ว ยังมีผงสีขาวอีกด้วย


ฉินมั่วเห็นแล้วก็หัวเราะเย้าหยอก “มิน่าล่ะ เขาถึงว่ากันว่า ทำธุรกิจกับคุณ ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกตรวจสอบ เพราะบรรจุแบบนี้ดูเป็นธรรมชาติมาก”


“นี่เรียกว่าธรรมดาแล้วครับ” คิงหัวเราะ ยกกาน้ำชามารินให้ฉินมั่วถ้วยหนึ่ง “ผมชอบศิลปะพู่กันจีน แต่ความสามารถจำกัด เมื่อก่อนเคยมีนักเรียนอยู่คนหนึ่งมีเขียนพู่กันจีนสวยมาก น่าเสียดายที่เด็กคนนั้นไม่ยอมเป็นลูกศิษย์ในความดูแลของผม แต่ก็ทำให้ผมสนใจศิลปะวัฒนธรรมของจีนมาก ดังนั้น…” พูดมาถึงตรงนี้ คิงก็ชะงัก


ฝานเจียที่ยื่นปากกาลูกลื่นให้ คิงหักมันออก เทผงสีขาวชั้นเยี่ยมที่บรรจุอยู่ด้านในออกมา


เจ้าชายน้อยกัดกรามแน่นอยู่ด้านข้าง แต่กลับไม่ได้แสดงสีหน้าโกรธเกรี้ยว แต่คุณหมอทหารและนักมายากลกลับกลายเป็นอีกเรื่อง นักเรียนที่คิงพูดถึง คงไม่ใช่…


เวลานั้น คุณหมอทหารเริ่มเครียด คิงหมายความว่ายังไง หรือว่ามันเดาสถานะของบอสออกแล้ว? ไม่งั้น จะจงใจพูดถึงนักเรียนคนนั้นทำไม


เมื่อถูกยั่วยุอารมณ์ คุณหมอทหารก็ทราบดีว่า สถานการณ์เช่นนี้อันตรายมาก ไม่ควรปล่อยให้อีกฝ่ายชักนำทางอารมณ์ แต่คนที่ได้เรียนด้านจิตวิทยา ล้วนแต่อ่อนไหวกว่าคนปกติมากนัก


อารมณ์ของเขาก็เป็นเช่นนั้น บอสสิ ยิ่งซับซ้อนเข้าไปใหญ่ แต่ถ้าคิงไม่มั่นใจในสถานะของบอสแล้วแค่ลองใจล่ะ งั้นคำตอบของบอสจึงสำคัญมาก


“เป็นวิธีที่ไม่เลว” ฉินมั่ววางปากกาลง มองสำรวจทั่ว “เห็นเจ้านี่แล้ว ผมกลับคิดถึงวิธีที่ดีกว่า”


ห้วงเวลานั้น ความเหี้ยมในก้นบึ้งนัยน์ตาของคิงลดลงไปเยอะ เขาเลิกคิ้ว “โอ้ว? วิธีไหนเหรอ?”


“ก็ลิขวิดเปเปอร์ไง ปลอดภัยกว่าไอ้นี่อีก” ฉินมั่วโยนปากกาด้ามนั่นลงพื้น บารมีเจิดจ้ากว่าเดิม


คิงได้ยินแล้วถึงกับอึ้ง ก่อนจะหัวเราะขึ้น “ได้ร่วมธุรกิจกับประธานหรงถือเป็นเรื่องน่ายินดี พวกเราไปดื่มชากันในระหว่างที่ให้พวกเขาตรวจสอบสินค้ากันดีกว่า แล้วดูหนังสักเรื่อง ส่วนเรื่องช่องทางการค้า เราค่อยว่ากัน”


………………………………………


ตอนที่ 1691


ดูหนัง? คิงจะอารมณ์สุนทรีได้ขนาดนี้เหรอ? คุณหมอทหารมองดูบอสอย่างเป็นกังวล


แต่กระนั้นเวลาคิงลงมือทำอะไรสักอย่าง ดูจะไม่รอความเห็นชอบจากใคร แค่ชูมือลูกน้องก็จัดการตกแต่งห้องรับแขกนั่นใหม่ทันที และตำแหน่งที่พวกเขานั่ง กำลังประจันหน้ากับหน้าจอ


หากลุกขึ้นมาในตอนนี้ สิ่งที่ทุ่มเทมาตั้งแต่แรกย่อมสูญเปล่า พวกเขาอุตส่าห์ได้ข้อมูลมาตั้งมากมาย ขอแค่ไปยังสถานที่ที่มีสัญญาณ ตำแหน่งของสถานที่แห่งนี้ก็จะถูกแชร์ออกไป แล้วทางกองทัพก็จะมาถึง และทำลายสถานที่ที่เหมือนนรกแห่งนี้จนราบคาบ


แต่คิงกลับเป็นคนที่ต่อกรด้วยยาก จึงไม่รู้ว่าฝ่ายนั้นคิดจะทำอะไรกันแน่ เพราะคุณหมอทหารคาดไม่ถึง เขาจึงไม่มั่นใจ


คิงกลับนั่งบนเก้าอี้ ชูแก้วไวน์ “ไม่ทราบว่าปกติแล้วประธานหรงชอบดูหนังแบบไหน ผมชอบประเภทที่ป้องกันการตรวจสอบสภาพจิตและสถานะตัวเอง ถึงได้เลือกเรื่องนี้โดยพละการ ประธานหรงอยาเพิ่งรีบร้อนกลับไปนะครับ รายการดี ๆ แบบนี้ หายาก”


“อ้อ? เหรอครับ?” ฉินมั่วเลิกคิ้วด้วยสีหน้าปกติ “ได้ยินคุณแนะนำแบบนี้ ก็น่าสนใจอยู่นะครับ”


คิงหัวเราะ “ไม่แน่นะ คุณอาจชอบมาก ๆ เพราะหาคนแสดงเป็นตัวเอกได้ดีมาก” ซึ่งยิ่งเป็นแบบนี้ คุณหมอทหารยิ่งระแวงว่ามันต้องมีแผนการซ่อนอยู่แน่นอน


บอสไม่มีวันที่จะไม่รู้ว่า คิงมีเจตนาร้ายแฝง มันลองใจใช่ไหม? เป็นการลองใจครั้งสุดท้ายใช่หรือเปล่า? คุณหมอทหารกำมือแน่น ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่


กระทั่งเจ้าชายน้อยที่คิดอะไรไม่ลึกซึ้งยังดูออกว่า การให้ดูหนังเรื่องนี้ไม่ธรรมดาแน่ เมื่อหันมาดูสถานการของทั้งสอง โดยเฉพาะคิงที่ยิ้มมุมปาก ดูอย่างไรก็ลึกลับอันตรายเหมือนงูพิษ ทั้งยังให้ความรู้สึกสุภาพ


ณ ริมฝั่งทางทิศตะวันตก เสียงสวบสาบลอยมา ส่งผลให้ทหารรับจ้างที่กำลังตรวจตราขมวดคิ้ว ก่อนจะถือปืนไรเฟิลเดินดุ่มเข้าไปยังพุ่มไม้ แต่เมื่อเขาก้าวเท้าเดินเข้าไป โดยยังไม่ทันได้เล็งปืนไปที่ใคร ร่างหนึ่งกลับสวนเข้ามาจากในป่าแล้วปักเข็มฉีดยาที่คอเจ้าทหารรับจ้างนั่นทันที


เข็มเดียวจอด! ทหารคนดังกล่าวได้แต่อ้าปากค้าง มองขาของป๋อจิ่วที่กระโดดลงแตะพื้น ก่อนพลันหยุดหายใจทันที ป๋อจิ่วลากร่างอีกฝ่ายเข้าไปยังริมฝั่งที่อยู่ด้านข้างทันที โดยภายใต้ใบตองที่ปกคลุมหลาย ๆ ชั้น คือประตูรถบานหนึ่ง


เธอลงมือด้วยความรวดเร็ว ปลดเสื้อผ้าอีกฝ่ายมาสวมไว้บนร่างชนิดที่ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งนาที


ระบบจีพีเอสสะบัดคลื่น “สัญญาณอินเทอร์เน็ตถูกรบกวนเต็มรูปแบบ ผมติดต่อกับโลกภายนอกไม่ได้ โลกภายนอกก็ติดต่อเราไม่ได้ ตำแหน่งที่เจ้านายยืนอยู่ ผมเองก็จับไม่ได้เหมือนกัน ดังนั้นเวลาเจ้านายลงมือทำอะไร จะต้องระวังด้วยนะครับ เสี่ยวเฮยจะรอคุณกลับมา”


ป๋อจิ่วไม่พูดมาก ยื่นมือตบประตูรถเบา ๆ จากนั้นก็ดึงใบต้นกล้วยมาคลุมรถไว้ ทว่าเมื่อหันมาอีกที เธอก็เปลี่ยนโฉมไปเสียแล้ว โดยอยู่ในชุดทหารรับจ้าง ซึ่งมีผ้าปิดหน้าที่ใช้เป็นประจำ และเพื่อจะให้เหมือนจริง เธอถึงกับแต่งหางตาตัวเองให้เป็นรอยสัก


นอกจากปืนในมือและเข็มฉีดยาทั้งสี่ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงแล้ว เธอไม่มีอาวุธอื่นอีกเลย เพราะต้องการลอบเข้าไปยังป้อมกวนสัญญาณ จำต้องพกของติดตัวไปให้น้อยที่สุด จึงจะแฝงเข้าไปได้อย่างเป็นปกติ…


…………………………………….


ตอนที่ 1692-1


ป๋อจิ่วรู้ดีว่าเวลานี้ตัวเองอยู่รัศมีนอกวง จะต้องเข้าไปข้างใน  เธอเงยหน้าขึ้นมองดูป้อมรบกวนสัญญาณซึ่งอยู่ห่างจากจุดที่ยืนสามกิโลเมตร แต่กลับต้องหยุดชะงักในวินาทีถัดมา เพราะทั้งหมดเป็นดอกฝิ่นที่โบกสะบัดไปตามแรงลม ทั้งๆ ที่มันสวยมาก แต่กลับทำให้คนรู้สึกได้ถึงอันตรายเป็นหนักหนา ด้วยหากดมกลิ่นมันมากๆ จะทำให้ยากแก่การรวมรวมสมาธิ


เมื่อใช้สัญญาณอินเทอร์เน็ตไม่ได้ หมายความว่าโน้ตบุ๊กย่อมไร้ค่า แต่มันก็ไม่แน่เสมอไป เพราะย่อมมีจุดโหว่ให้ป๋อจิ่วมุด เธอได้สายเชื่อมสัญญาณและหูฟังสีดำที่ได้มาจากทหารรับจ้างคนเมื่อครู่ แววตาเธอนิ่งอึ้ง ด้วยการอยู่ในจุดรบกวนสัญญาณ ย่อมทำให้การเจาะระบบอินเทอร์เน็ตถูกค้นพบได้ง่าย ของแบบนี้เธอเคย ‘เล่น’ มาก่อน ย่อมไม่ตกหลุมพราง เพราะเมื่อคำนวณเวลา ท่านเทพน่าจะเจอหน้ากับคิงแล้ว หากฝ่ายนั้นรู้ว่ามีการแฮกอินเทอร์เน็ตเกิดขึ้นในตอนนี้ สถานะที่แท้จริงของชายหนุ่มก็จะถูกเปิดเผย


ป๋อจิ่วเอียงศีรษะ มีวิธีมากมายที่จะทำให้เครื่องรบกวนสัญญาณหยุดทำงาน ชนิดที่ไม่จำเป็นต้องแฮก ระบบ โดยจะต้องปิดการทำงานของเครื่องนั่นอย่างเงียบๆ ด้วยเวลาที่พอจะให้คนของกองทัพตรวจสอบสถานที่ได้ ก่อนที่สถานะของท่านเทพก็จะไม่ถูกเปิดเผย เธอเชื่อว่าฉินมั่วสามารถดำเนินแผนอื่นๆ ได้เป็นอย่างดี ดังนั้นถึงได้รู้สึกว่าจะต้องมีทีมที่ทำการตรวจสอบอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ คนพวกนั้นน่าจะหยุดอยู่ในที่ที่สัญญานของท่านเทพเริ่มหายไป


แม้จะเป็นห่วงสุดหัวใจ แต่กลับไม่สามารถตรวจหาได้อย่างไร้ขอบเขต เพราะหากเธอตามหา ภารกิจทั้งหมดต้องล้มครืนแน่ แล้วคิงก็จะฉวยจังหวะหนีไปได้เหมือนเมื่อครั้งที่แล้ว ดังนั้นจะปล่อยโอกาสแบบนั้นให้คิงไม่ได้อีก จะต้องเข้าไปประชิด หลังจากที่มั่นใจในสถานการณ์ได้แล้ว ซึ่งจะทำให้คิงตั้งตัวไม่ทัน


พี่ก็คิดอย่างนี้ใช่ไหม พี่มั่ว


ป๋อจิ่วเงยหน้าขึ้น สวมหูฟัง ร่างสูงเพรียวกำลังจะขยับ แต่เสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง “เฮ้ย แก เฝ้าตรงไหนวะ? แล้วมาที่นี่ทำไม?”


ป๋อจิ่วถือปืนหันมาตอบด้วยภาษาถิ่น “มาฉี่ เฝ้าไร่ทั้งวัน ปวดหัวเป็นบ้า”


“อย่าเผลอไปล่ะ คิงสั่งไว้แล้วว่า วันนี้จะเกิดความผิดพลาดไม่ได้” เขาคนนั่นมองดูป๋อจิ่วแวบหนึ่ง ไม่ได้ว่าอะไร นอกจากถือปืนเดินไปที่อื่น พูดก็พูดเถอะ เจ้านั่นคิดไม่ถึงหรอกว่า จะมีคนปลอมตัวเป็นพวกเดียวกันมาแฝงเข้ามา แถมเมื่อวานคิงขังพวกสายของฝ่ายตรงข้ามและคนต้องสงสัยว่าเป็นสายไว้เรียบร้อยแล้ว หมายความว่าที่เหลือย่อมไม่เป็นภัย พวกเขาจึงไม่ระแวงนัก ยิ่งวางเครื่องตรวจสอบทางน้ำไว้ในรัศมีห้าสิบลี้ ในเมื่อเครื่องไม่ส่งสัญญาณเตือน ยิ่งแสดงว่าไม่มีใครแฝงตัวเข้ามา กระทั่งเรือสักลำก็ยังไม่เห็นเลย


แต่จะมีใครรู้ว่าป๋อจิ่วไม่ได้มาเหนือน้ำ แต่มาจากใต้น้ำต่างหาก เธอกระชับผ้าปิดหน้าด้วยแววตาขรึม เยื้องขาตามหลังเจ้าคนนั้น แต่ไม่ลงมือหรอก เพราะเสียงที่ดังขึ้นจากหู


………………………………………………


ตอนที่ 1692-2


“หมายเลข 7 หมายเลข 7 เกิดอะไรขึ้น? พูดหน่อยสิ”


ป๋อจิ่วว่า “ฉันเพิ่งไปฉี่เว้ย”


“ครั้งต่อไปถ้าเข้าห้องน้ำก็ต้องติดต่อสื่อสารกลับมา ว่าแต่สถานการณ์ของแกเป็นยังไงบ้าง?”


“ปกติดีนี่” ป๋อจิ่วพูดจบ ก็ยัดอุปกรณ์ฉีดยากลับเข้ากระเป๋ากางเกงตัวเอง


ที่นี่ ทหารรับจ้างทุกคนต่างสวมหูฟังบลูทูธ หากคนใดคนหนึ่งไม่ส่งเสียงตอบ ห้องควบคุมจะต้องจับได้ ฉะนั้น หากไม่คับขันจริงๆ เธอจะไม่ลงมือเชือดคนของพวกมันเด็ดขาด จึงส่งผลให้การลอบเข้ามายากยิ่งขึ้น เพราะในห้องควบคุมเครื่องรบกวนสัญญาณย่อมมีคนเฝ้า ท่าทางจะต้องฉวยเวลาสั้นๆ ลงมือ


เธอจะต้องรู้ให้ได้ว่า การสอบถามตรวจเช็คมีความถี่เป็นอย่างไร เพราะหากเข้าไปห้องนั้นได้ เธอย่อมต้องทำร้ายพวกมัน และขอเพียงควบคุมห้องนั่นให้ได้ จึงจะปิดสัญญาณเครื่องนั่น โดยที่ไม่มีใครจับได้อย่ารวดเร็ว ดังนั้นการลงมือเวลาไหน ถือเป็นกุญแจสำคัญ


ป๋อจิ่วหันหน้าไป แววตาดำขลับของเธอสวางโรจน์และมืดทะมึนสลับกัน


เธอเดาไม่ผิด เพราะรู้จักคนคนหนึ่งเป็นอย่างดี จึงเดาความคิดของอีกฝ่ายได้พอสมควร เหตุที่ฉินมั่วเลือกใช้วิธีดังกล่าวเพื่อเข้าใกล้ตัวคิง ก็เพื่อจะให้คิงเปิดเผยตัวออกมา โดยในวลาที่ทั้งสองคุยธุรกิจกัน จะนานพอที่คนจากกองทัพจับหาตำแหน่งของคิงและแหล่งผลิตยาได้อย่างแม่นยำ หากจะช่วยตัวประกันทั้งหมดให้รอด จำต้องเข้าใกล้ชนิดที่อีกฝ่ายไม่ทันรู้ตัว และถ้าปล่อยให้คิงเอะใจขึ้นมา พวกนักท่องเที่ยวเหล่านั้นต้องทิ้งชีวิตไว้ที่นี่แน่ แถมโรงเรียนที่ชายแดนนั่นอีก…


ฉินมั่วเองก็รู้ว่าหนังเรื่องที่จะดูถือเป็นการทดสอบที่ไม่เป็นผลดีต่อตัวเอง เขาจึงไม่ลุกขึ้นมา


ชายหนุ่มยังคงนั่งบนเก้าอี้ ตามองหน้าจอ มือถือถ้วยชา เพราะรอยแผลเป็นบนใบหน้า ส่งผลให้เขาดูเหี้ยมมาก ออร่าของความเป็นมาเฟียไม่เปลี่ยนแปลงสักนิด


ส่วนคิงถือรีโมท ดันแว่นตาบนหน้า แล้วกดปุ่มฉาย


มันไม่ใช่หนังภาพยนตร์ แต่เป็นคลิปจากกล้องวงจรปิดในโรงเรียน


ฉินมั่วเอนหลัง “ท่าทางผมกับคุณจะชอบไม่เหมือนกัน ผมไม่สนใจหนังเกี่ยวกับโรงเรียนสักเท่าไร” ว่าแล้ว เขาก็หันหน้าไป “ตรวจสอบสินค้าได้ผลเป็นยังไงบ้าง”


เจ้าชายน้อยรู้ดีว่าตัวเองต้องเล่นให้สมบทบาท “ก็โอเคอะ ของชั้นพรีเมี่ยม พี่ พวกเราต้องดูหนังด้วยเหรอ โคตรน่าเบื่อเลย”


“เบื่อก็หาอย่างอื่นทำ อย่ามารบกวนฉันกับคิง” ฉินมั่วพูดเป็นปกติ


ทว่าคิงกลับหัวเราะ “พาคุณชายรองไปผ่อนคลายสักหน่อย ฉันอยากให้ประธานหรงได้ดูหนังเรื่องนี้ อย่าเข้าใจผิดนะครับ มันไม่ใช่หนังบันเทิงอะไรหรอก คุณดูไปเรื่อง ๆ ก็จะรู้ว่า มันเป็นคลิปที่ผมเจอเรื่องสนุก ๆ อยู่ข้างนอก” พอพูดจบ คลิปก็ฉายภาพเด็กหญิงร่างกลมถูกผลักกระแทกกำแพง แม้จะไม่มีเสียง แต่ยังพอเห็นสีหน้าของคนอื่น ซึ่งพวกเธอเหล่านั้นกอดอก ราวกับกำลังถามอีกฝ่าย แต่วิธีถามกลับไม่ค่อยจะมีมิตรภาพเสียเท่าไร โดยหนึ่งในนั้นผลักไหล่เด็กสาวร่างกลม


เวลานั้น บรรยากาศในกระท่อมดังกล่าวเปลี่ยนไป การบูลลี่ในโรงเรียน? เจ้าชายน้อยพยายามเป็นอย่างยิ่งที่จะไม่ให้คนอื่นเห็นอารมณ์ตัวเอง คลิปนี่มันคืออะไร? คนพวกนี้สวมชุดนักเรียนของโรงเรียนมัธยมในจีนนี่?


เป็นโรงเรียนในจีน?


แล้วเป็นโรงเรียนไหน?


ใช่ว่าเจ้าชายน้อยจะไม่ได้เรียนในโรงเรียน ตอนที่เรียนเขายังพอจะได้เห็นเด็กผู้หญิงรวมกลุ่มกัน แล้วทอดทิ้งเด็กผู้หญิงอีกคนเพียงลำพัง


แต่มันไม่ใช่แบบนี้ นี่มัน…


เจ้าชายน้อยยังไม่ทันได้คิดอะไรออกมา เสียง ‘ผัวะ!’ ก็ดังขึ้น


………………………………………………


ตอนที่ 1693


เด็กสาวร่างกลมในคลิปวิ่งออกไป เดิมที่คิดว่าเรื่องจะจบลงเพียงเท่านั้น ไม่คิดว่าคลิปจากลากไปถึงฉากในห้องเรียน


ภายในคลิป อาจารย์พานักเรียนที่ย้ายเข้ามาเรียนคนหนึ่ง เด็กคนนั้น เด็กคนนั้นคือเจ้าดำน้อย! เจ้าชายน้อยพยายามควบคุมสีหน้าตัวเอง ทว่าในเวลาเดียวกัน มือกลับกำพนักเก้าอี้แน่น


เกิดอะไรขึ้น! หมายความว่าเจ้าดำน้อยถูกจับได้ในระหว่างที่ปลอมตัวปฏิบัติภารกิจงั้นเหรอ?


เจ้าชายน้อยกำแรงขึ้น อยากจะหันหน้าไปมองบอส แต่ในเวลาเดียวกัน คิงกลับทุ่มเทความสนใจต่อการดูสีหน้าบอส โดยไม่มองคนอื่นเลย ซึ่งฉินมั่วยังคงนั่งไขว่ห้างเหมือนเดิม มือเท้าคางราวกับไม่สนใจดูคลิปนั่นสักเท่าไร แค่เหลือบมองบ้างเป็นบางครั้ง ราวกับการปรากฏตัวของป๋อจิ่วไม่ได้ทำให้เขาสนใจนัก ทว่าไม่มีใครเห็นว่า แผ่นอกของเขาขยับขึ้นลง


คิงยกแก้วไวน์ขึ้น “ท่าทางประธานหรงจะเบื่อ”


“ก็ยังโอเคอยู่” ฉินมั่วยกแก้วชน “เพราะผมสนใจเรื่องธุรกิจมากกว่า”


คิงยิ้มทันที “ผมก็เหมือนกัน แต่ของดีกำลังจะเริ่มแล้ว เราดูต่อให้จบดีกว่า”


ฉินมั่วไม่ปฏิเสธ ราวกับจะยังไงก็ได้ ทว่าเมื่อเขากลับไปดูอีกครั้ง หัวใจก็ถูกบีบแน่น ทำไมเธอถึงไปอยู่ที่นั่น ไม่ใช่ที่ค่ายทหาร?


ฉินมั่วเขย่าแก้วไวน์ ราวกับทำแบบนี้แล้วจะข่มความตื่นตระหนกของตัวเองได้


คิงเอ่ยขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเสียดาย “ตอนแรกเด็กทั้งโรงเรียนจะกลายเป็นตัวประกันของผมได้แล้วเชียว แต่กลับโดนเจ้าเด็กนั่นทำลายแผนหมด ประธานหรงคงคิดไม่ถึงกว่า เด็กม. ปลายคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ แต่น่าเสียดายที่เขามาเจอผม”


ฉินมั่วกระดกแก้วด้วยท่าทีสมกับเป็นมาเฟีย “น่าสนใจดี”


“ใช่” คิงหันไปมองฝานเจีย คำถามที่อยู่ในแววตาชัดเจนมาก ซึ่งเธอพยักหน้า คิงก้มหน้าหัวเรา แววตาเต็มไปด้วยการลองใจอย่างชั่วร้าย จนมาถึงตอนนี้ อีกฝ่ายก็ยังไม่หลุดเลย


ตอนแรกเขาก็สงสัยว่า คนที่มีมาคุยธุรกิจกับเขาจะเป็นฉินมั่ว ท่าทางประธานหรงคนนี้จะเป็นคนในวงการสีเทาจริง ๆ ขนาดความเคยชินเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ยังไม่เหมือนฉินมั่วสักนิด


ในความทรงจำของเขา เด็กหนุ่มคนนั้นช่างไม่รู้จำฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ สายตาที่มองเขายังแฝงความเบื่อหน่าย นั่นเป็นประสบการณ์ของการเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยที่ไม่น่าประทับใจเอาเสียเลย เพราะนักศึกษาทั้งมหาวิทยาลัยล้วนแต่มองเขาด้วยความศรัทธา แต่คนที่อุตส่าห์เห็นค่าว่าจะเป็นทายาทของเขา กลับมองเขาด้วยสายตาแบบนั้น รวมถึงยังมีแนวคิดที่ขัดกับเขาอีก ทั้งที่เป็นคนที่เข้าใจความเป็นมนุษย์เหมือนกันกับเขาแท้ๆ ซึ่งไอ้ที่ไม่ยอมร่วมมือกับเขายังไม่เท่าไร แต่นี่ยังจะมาจับเขาเข้าคุกอีก


เฮอะ สำหรับพวกคนธรรมดาดาษดื่น ก็ต้องเอามาใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อเราสิ มันถึงเวลาที่จะทำให้ฉินมั่วเข้าใจหลักการนี้แล้ว


ใช่ คิงไม่ได้อยากให้ฉินมั่วตายหรอก หากเทียบกับความตาย เขาอยากให้อีกฝ่ายกลายเป็นลูกน้องของเขามากกว่า นี่แหละที่เขาปรารถนา ขอแค่กระตุ้นคำสั่งฝังทางจิต ฉินมั่วก็จะกลายเป็นอาวุธทรงประสิทธิภาพที่เอาไว้ใช้ต่อกรกับฝ่ายทหารได้สบาย ๆ ดังนั้นจะต้องแน่ใจว่า ประธานหรงคนนี้มาทำการค้ากับเขาจริง ๆ หรืออยู่ในอีกสถานะหนึ่ง…


……………………………………………………..


ตอนที่ 1694-1


ในเวลาเดียวกันที่นอกกระท่อมไม้ กลางทะเลดอกไม้


การจะปลูกต้นฝิ่นให้ได้ผลผลิตดีๆ ไม่ใช่เรื่องง่าย ทหารรับจ้างต้องเดินตรวจตราอยู่เรื่อย ป้องกันไม่ให้พวกคนปลูกกล้าคิดทำอะไรนอกคอก เช่นเดียวกัน มันจึงเป็นที่ที่ถูกป้องกันอย่างเข้มงวด


ป๋อจิ่วหิ้วปืนเดินผ่านคนปลูกคนหนึ่ง ด้วยท่าทีเหี้ยมโหด ทำให้เธอสามารถเดินเข้าไปยังห้องควบคุมได้โดยไม่มีใครสงสัย แต่หากจะเข้าไปในห้องควบคุมก็ต้องบอกรหัสได้


เธอเดินไปมาอยู่แถวนั้น ทำเหมือนกับกำลังตรวจตราวงนอก ทั้งๆ ที่กำลังฟังความเคลื่อนไหว


จากเมื่อครู่มาถึงตอนนี้ มีคนเข้าไปถึงสามกลุ่ม และคนทั้งสามกลุ่มกลับใช้รหัสต่างกัน ซึ่งระบบป้องกันแบบนี้ ต่อให้เธอความจำดีขนาดไหนก็ยากจะเข้าไปได้


ในขณะที่ป๋อจิ่วหรี่ตา กลุ่มที่สี่ก็เดินมาพอดี ป๋อจิ่วเลิกคิ้ว คาบบุหรี่ หิ้วปืนด้วยมือขวา พลางยื่นมือซ้ายไปเกาะบ่าหนึ่งในนั้น “เฮ้ย เพื่อน มีไฟแช็กป่ะ”


“แหงอยู่แล้ว” เจ้าคนนั้นกวาดตามองป๋อจิ่ว “แต่ทำไมถึงไม่คุ้นหน้าแกเลยวะ มาตั้งแต่เมื่อไร แล้วแกดูห้องควบคุมเหรอ?”


ป๋อจิ่วมองหน้าอีกฝ่าย รับรู้ความระแวงของอีกฝ่าย จึงยิ้มบาง ๆ ให้ “เพิ่งมาไม่นาน”


“ถึงว่า ฉันไม่เคยเห็นแกมาก่อน” เจ้านั่นพูดพลาง กดไฟแช็กให้ ให้ยื่นถึงตรงหน้าป๋อจิ่ว


ป๋อจิ่วจุดบุหรี่เสร็จ ก็ไม่ได้เดินตามต่อไป แค่โบกมือให้ “ขอบใจนะเว้ย”


“เออ ไม่เป็นไร” เจ้านั่นเห็นอีกฝ่ายไม่เดินหน้าต่อก็คลายความสงสัยลง ก่อนจะเดินหน้าไปยังห้องควบคุม


ป๋อจิ่วคาบบุหรี่ เดินตรวจตราอย่างเป็นธรรมชาติ ราวกับแค่มาขอยืมไฟแช็กเท่านั้น แต่เธอรู้ดีว่าเมื่อครู่หากเธอเดินต่อไป สถานะที่แท้จริงจะต้องถูกเปิดเผยแน่


การล่วงรู้รหัสลับที่จะเข้าห้องควบคุม มันยากที่กว่าคิดไว้เสียอีก เห็นทีเธอจะต้องตรวจเช็คด้วยความอดทนมากขึ้น เธอช้อนสายตาขึ้น พ่นควันออกมา มองดูพระอาทิตย์ที่กำลังลับฟ้า ฟังรหัสของคนในกลุ่มที่เจ็ด


มุมปากของเธอผุดรอยยิ้มขึ้น นั่นไง หลังจากที่ผ่านไปแล้วสามรหัส รหัสก็จะเริ่มวน จากนั้นเธอเดินไปยังห้องควบคุม แสร้งทำตัวเป็นคนในกลุ่มที่แปด และถูกคนที่เฝ้าห้องควบคุมรั้งตัวไว้ โดยคนพวกนั้นมองป๋อจิ่ว เอ่ยขึ้นว่า “รหัสล่ะ”


ป๋อจิ่วระลึกถึงความทรงจำเมื่อครู่ แล้วเอ่ยออกไปอย่างไม่ช้าหรือเร็วนัก คนที่เฝ้าห้องควบคุมมองตากัน ก่อนจะหลบไปยืนด้านข้าง ส่งผลให้เธอรู้ว่าตัวเองเอ่ยรหัสถูก จึงหิ้วปืนด้วยมือข้างหนึ่งเดินเข้าไป


ห้องควบคุมห้องนั้นใหญ่มาก พอเข้ามาก็เห็นกล้องวงจรปิดที่ระเบียง ซึ่งมีทั้งหมดหกตัว แต่ละตัวล้วนแต่เป็นอุปสรรคต่อการทำงานของเธอ ดังนั้น เธอจะต้องเปลี่ยนสถานะ พยายามเข้าใกล้เครื่องหลักอย่างไม่ดูจงใจ ภายใต้สภาวะที่ไม่ใช้กำลัง


ใช่ ป๋อจิ่วเปลี่ยนแผนกระทันหัน  หลังจากที่เห็นกล้องวงจรปิดจำนวนมากมาย ก็ไม่คิดจะทำลายป้อมรบกวนสัญญาณอีกต่อไป เพราะยังมีอีกวิธีที่ปลอดภัยกว่า ด้วยการใช้คอมพิวเตอร์มาแชร์ IP Address แค่นี้ก็ไม่โดนรบกวนสัญญาณแล้ว


อุปกรณ์รบกวนสัญญาณก็เหมือนเป็นฝาครอบป้องกัน โดยมันจะทำการครอบไว้อย่างสมบูรณ์ คนอื่นไม่อาจหาเจอได้อย่างรวดเร็ว แต่หากอุปกรณ์และระบบอินเทอร์เน็ต จะต้องไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่ถูกรบกวนสัญญาณแน่ ไม่งั้น พวกมันจะติดต่อกันได้อย่างไร


…………………………………………………..


ตอนที่ 1694-2


ป๋อจิ่วสังเกตเห็นว่าที่นี่ไม่มีใครมีมือถือ ขนาดทหารรับจ้างก็ยังไม่มีเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงแรงงานปลูกฝิ่น ฉะนั้นการจะเอาที่อยู่ที่นี่แชร์ออกไปอย่างไม่ให้ซุ่มให้เสียง ก็ต้องใช้คอมพิวเตอร์ห้าตัวที่อยู่ในนี้


ป๋อจิ่วหันไปมองพนักงงานฝ่ายเทคนิคที่กำลังทดลองในห้องกระจกกั้น รอจนเมื่อหนึ่งนั้นออกไปทำธุระอย่างอื่น เธอก็เดินตามไป ซึ่งต่อให้ภาพดังกล่าวจะปรากฏในกล้องวงจรปิด ก็ดูไม่ผิดปกติแต่อย่างใด เพราะท่าทางของเธอเหมือนกำลังเดินเวรยามอยู่ ทั้งนี้เธอไม่ได้ลงมือทันที แต่รอจนเมื่อคนคนนั้นเข้าห้องน้ำก่อน แล้วฉวยจังหวะที่คนไม่ได้ระวัง ยกมือขึ้นแทงเข็มฉีดยาอีกฝ่าย ก่อนจะลากไปไว้ที่ชั้นลอย


ป๋อจิ่งสังเกตอากัปกิริยาของคนๆ นั้น หันหน้าไปดึงคอเสื้อ เส้นผมสั้นเซอร์ปรกลงมา งอหลังก่อนจะสะบัดเสื้อตัวบนออกอย่างเท่จนเส้นผมยุ่งเหยิง ก่อนจะสวมเสื้อเชิ้ตของอีกฝ่ายไว้บนร่าง


เมื่อออกมาอีกครั้ง เธอก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย ชนิดที่สลัดคราบเดิมทิ้งจนสิ้น โดยมีแว่นตากรอบดำอยู่บนหน้า เส้นผมแตะน้ำหน่อยๆ ทำให้เหมือนว่าเธอลงน้ำมันที่ผม ทั้งยังสวมเสื้อตัวนอก เธอเดินด้วยกิริยาที่เปลี่ยนไปเหมือนโก่งหลังหน่อยๆ เหมือนพวกผู้ชายที่เอาแต่เล่นคอมพิวเตอร์อยู่กับบ้าน ดูทรงอ่อนแอ ซึ่งหมายความว่าหากมองจากด้านหลัง จะไม่มีใครรู้เลยว่าเจ้าหน้าที่ในนี้เปลี่ยนหน้าไปแล้ว ถือเป็นการปลอมตัวที่สมบูรณ์


แต่เมื่อป๋อจิ่วก้าวเท้าออกเดิน กลับเห็นเด็กชายคนหนึ่งกำลังล้างมือพลางจ้องหน้าเธอ เด็กนั้นอายุราวๆ สิบเอ็ดสิบสองปี ด้วยแสงอาทิตย์ที่แรงกล้าทำให้ผิวเขาดำคล้ำ และด้วยสิ่งแวดล้อมที่ขาดแคลน ทำให้เขาดูผอมมาก โดยเฉพาะท่อนแขนที่คนเห็นรู้สึกว่าเขาปวกเปียกเหลือเกิน เขายืนอยู่ตรงนั้นอย่างที่ไม่ทำให้คนรู้สึกกลัว เพราะแววตาของเขาดำขลับปราศจากทุกสิ่ง


ป๋อจิ่วเดินผ่านอีกฝ่ายไป กระจกสะท้อนภาพทเด็กคนนั้นคลำกระเป๋ากางเกงเหมือนจะควักปืน ทันใดนั้นมันก็ควักปืนออกมาจริงๆ ด้วย โดยเล็งปืนไปที่แผ่นหลังของเธอ


พลั่ก!


เด็กนั่นคงไม่คิดว่าฝ่ายตรงข้ามจะระวังตัวเองไว้อยู่ มันยังไม่ทันได้ยิง มีดทหารพลันแทงเข้าที่คอของมัน ไม่มีเสียงใดหลุดออกมาสักนิด นอกจากตาเบิกโพลง แล้วหงายหลังล้มลง


ป๋อจิ่วยื่นมือไปรับร่างอีกฝ่าย แล้วนำร่างที่เริ่มเย็นมาขังรวมกับเจ้าหน้าที่เทคนิคคนเมื่อกี้ แม้ว่าหากคำนวณจากเวลา เขาก็น่าจะได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวอยู่บ้าง แต่นั่นเป็นตอนที่เธอเข้าใกล้เด็กชาย พลันเกิดภาพคุ้นตาขึ้นในสมองของเธอ


ในคัมภีร์ศาสนาคริสต์เคยว่าไว้ เวลาที่วิญญาณลอยออกจากตัวคุณไป คุณจะนึกถึงหลายๆ เรื่องที่เคยเกิดขึ้น มันจะฉายอยู่ในสมองของเราเหมือนฉายภาพย้อนหลัง โดยจะฉายครั้งแล้วครั้งเล่าในสมองของคุณ  ซึ่งความทรงจำในบางตอน กลับหายไปจริง ๆ เช่น วิญญาณคุณออกจากร่างได้อย่างไร หรือ เช่น บางเรื่องที่คุณอยากลืม


ดังนั้นถึงได้พูดกันว่า ขจัดทุกสิ่งในชาตินี้ จึงจะตายตาหลับอย่างสบายใจ แต่ห้วงเวลานั้น ก็เหมือนภาพเหล่านั้นจะฉายย้อนกลับ


…………………………………………………..


ตอนที่ 1694-3


ทำไมตอนนั้นเธอถึงตายได้นะ? เพราะเธอใจอ่อนชั่วขณะไง


ตอนนั้นหลังจากที่เธอจัดการคดีหนึ่งได้สำเร็จ ก็ไปเดินถนนที่แสนจะครึกครื้นในโตเกียว ที่นั่นเต็มไปด้วยบรรยากาศการเฉลิมฉลองเทศกาลคริสมาสต์ ลูกโป่งของเด็กหญิงวัยสิบเอ็ดปีลอยไปติดบนต้นไม้ จึงดึงแขนเสื้อเธอ ถามว่าช่วยเอาลูกโป่งลงมาให้ได้ไหม เวลานั้นป๋อจิ่วไม่ได้ระวังว่าเมื่อเธอระหว่างที่หันหลังไปหยิบให้ จะมีปืนที่เด็กสาวควักออกมาจ่ออยู่ มันเหมือนกับสิ่งที่เกิดขึ้นในเวลานี้


คิงเก่งฉกาจด้านการเลี้ยงปีศาจ


ป๋อจิ่วย่อมไม่ปล่อยให้ตัวเองผิดพลาดซ้ำเป็นครั้งที่สอง เพราะเธอได้เรียนรู้หลายสิ่งจากท่านเทพ ทำให้สังเกตอันตรายจากเด็กชายคนดังกล่าวได้


อายุน้อย ๆ นี่แหละที่ทำร้ายคนได้น่ากลัว เด็กที่ใช้ชีวิตรอดในสถานที่แห่งนี้ย่อมไม่กระจอก ยิ่งที่นี่มีคิง อยู่ด้วย


ป๋อจิ่วปาดคราบเลือดบนหน้า เธอรู้ดีว่า หากคนอื่น ๆ เข้ามา เช่น เจ้าชายน้อย จะต้องไม่กล้าลงมือโหดเหี้ยมแน่ แต่เธอไม่เหมือนพวกเขา เพราะหัวใจของเธอมันดำมืดเสียแล้ว แค่บางครั้ง เธอกลับมาใสสะอาดได้เพราะใครคนหนึ่ง


ป๋อจิ่วจัดแจงเสื้อตัวนอกให้เรียบร้อย เมื่อเดินออกจากห้องน้ำ หลังก็โก่งลง ซึ่งเหมาะกับสถานะตัวเองในเวลานี้มาก


เนื่องจากในห้องน้ำไม่ได้ติดตั้งกล้องวงจรปิด ดังนั้นห้องควบคุมจึงไม่เห็นสิ่งผิดปกติ แม้ว่าในระหว่างนั้น ฝานเจียจะมาดูกล้องบ้าง ก็ยังไม่รู้ว่ามีป๋อจิ่วที่ปลอมตัวแฝงมาด้วย เพราะฝานเจียไม่ใช่คิง และยิ่งไม่ใช่ฉินมั่ว เมื่อภาพที่อยู่ต่างสถานที่ต่าง ๆ ปรากฎออกมา เจ้าหล่อนจะเห็นเพียงสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นอย่างเด่นชัด การปลอมตัวที่แอบเข้ามาเช่นนี้ หากไม่จงใจหา แค่มองผ่าน ๆ ก็ยากที่จะเดาปัญหาที่ซุกซ่อนออก


แถมป๋อจิ่วก็ไม่ได้ซี้ซั้วเลือกคน แต่สำรวจอยู่พอควร ก่อนจะเลือกลงมือกับคนที่มีรูปร่างใกล้เคียงกับตัวเอง


ด้วยเหตุที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคแต่ละคนต่างจับจ้องหน้าจอของตัวเอง ดังนั้นเมื่อป๋อจิ่วนั่งลง คนที่เหลือทั้งสี่ก็ไม่ได้ละจากงานตัวเองหันมาดูเธอ ทว่าเธอจะลงมืออย่างโจ่งแจ้งไม่ได้ เพราะที่นี่มีกล้องวงจรปิด…


เวลานี้ที่กระท่อมไม้ คลิปฉายภาพคนที่ตกน้ำแล้วพยายามดิ้นรน เหมือนเป็นเหตุการณ์ร้ายแรงที่เกิดขึ้นในโรงเรียน ซึ่งเจ้าชายน้อยยังคงเดาต่อไป ทว่าคุณหมอทหารรู้สึกผิดปกติ มันไม่น่าจะเป็นภาพในกล้องวงจรปิด แต่ทำไมคิงถึงยัดภาพนี้ไว้ในกล้องวงจรปิด


เดี๋ยวก่อน!


น้ำ!


ทุกครั้งที่บอสสะเทือนอารมณ์ มักจะมีเหตุจากน้ำ แม้พวกเขาจะไม่รู้ว่าวันนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่คนที่แฝงคำสั่งทางจิตย่อมรู้ดี!


ในขณะที่คุณหมอทหารที่กำลังตรวจสินค้าอย่างอื่นกำลังจะเอ่ยขึ้น ฉินมั่วก็ขัดจังหวะอย่างเร็ว “ระดับความบริสุทธิ์เป็นยังไงบ้าง?”


“มากครับ” คุณหมอทหารตอบสั้น ๆ


ฉินมั่วยิ้มราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก่อนจะชนแก้วไวน์กับคิง “ขอให้เราร่วมมือกันต่อไปได้อย่างแฮปปี้นะครับ”


“ขอให้ความร่วมมือของเราแฮปปี้” แววตาของคิงขรึมลง ราวกับสำรวจอีกฝ่าย


เวลานี้ ภาพในคลิปเปลี่ยนไป เป็นฉากที่ป๋อจิ่วไปหาคิงที่ปลอมตัวเป็นคุณหมอประจำโรงเรียนตามลำพัง โดยภาพนั่นปรากฏต่อหน้าทุกคนอย่างชัดแจ๋ว คิงในคลิปภาพดูสง่ามาก เขากำลังวัดอุณหภูมิให้เด็กคนนั้นอย่างสุภาพ ราวกับบอกอะไรบางอย่าง ซึ่งป๋อจิ่วไม่ได้ระแวงสักนิด จากนั้นคิงก็มองดูป๋อจิ่วที่ถูกเช็คอุณหภูมิเสร็จ ก็ลุกขึ้นเดินไปยังข้างตู้น้ำร้อน ไม่มีใครรู้ว่าเขาปรุงยาอะไร


แต่ตอนที่เขาลุกขึ้นมา คุณหมอทหารเองก็เดาได้ว่าหากป๋อจิ่วดื่มลงไปจะต้องมีอันตรายแน่ เพราะคิงในเวลานั้นรู้ตัวแล้วว่าอีกฝ่ายมีปัญหา ไม่งั้นคงจัดอุปกรณ์สะกดจิตไว้บนโต๊ะหรอก…


…………………………………………………..


ตอนที่ 1695-1


คุณหมอทหารเห็นฉากในคลิปนั้น ก็หันไปมองฉินมั่วทันที ทหารใหม่หมายเลข 10 สำคัญต่อบอสต่างจากคนอื่นจริงๆ


คุณหมอทหารจำได้ดีว่า ตอนอยู่ในกองทัพ บอสแหกกฎหลายข้อเลยทีเดียว เพื่อจะได้อยู่ใกล้ชิดกับเด็กนั่น เขายังคิดไม่ถึงเลยว่า จะได้เห็นรอยยิ้มเช่นนั้นบนใบหน้าของบอส ยิ้มที่บริสุทธิ์ไร้สิ่งเจือปน เพราะคิดถึงเด็กคนนั้น แต่เวลานี้เจ้าทหารใหม่กลับหนีไม่รอด


คลิปนั่นฉายภาพที่คิงหันมายื่นยาให้ป๋อจิ่ว แล้วฝ่ายหลังรับมา แต่จู่ๆ คลิปก็หยุดค้างที่ภาพนั่น


นัยน์ตาของเจ้าชายน้อยแดงก่ำ แต่กลับไม่อาจเงยหน้าให้คนอื่นเห็นความผิดปกติของตน ส่วนคิงกลับรินเหล้าให้ตัวเองอย่างอารมณ์ดี ถามขึ้นด้วยเจตนาไม่ชัด “ประธานหรงคิดว่าผมจะทำยังไงกับเด็กนั่น?”


ฉินมั่วนั่งอยู่กับที่ รู้สึกแค่หัวใจเย็นยะเยือก เวลาที่เราเจ็บปวดถึงขั้นหนึ่ง จะถึงกับไร้ความรู้สึกใช่หรือไม่ เขาเหมือนถูกสูบวิญญาณออกไปทีละนิดๆ แต่มุมปากยังคงยกยิ้ม “ผมเดาความโหดของคุณไม่ออกหรอกครับ เพราะถ้าเป็นพวกผมก็คงตัดแขนตัดขา”


“สำหรับหมอที่อ่อนแอขนาดที่จับไก่ก็ยังไม่ได้อย่างผม วิธีนั้นมันเหม็นคาวเกินไป ผมแค่ชอบอะไรๆ ที่มันสะอาด” คิงพูดมาถึงตรงนี้ ก็เขย่าเหล้าในแก้ว “เมื่อกี้ในคลิปมีสระน้ำอยู่ด้วยใช่ไหมล่ะครับ มันเป็นสนามกีฬาในร่มที่อยู่ใกล้ๆ โรงเรียน ผมก็แค่ผูกก้อนอิฐสองก้อนที่ขาเด็กนั่น แล้วโยนลงน้ำ พอโดนน้ำ เด็กนั่นก็ตื่นขึ้นมา ตะเกียกตะกายอยู่นานก็ลอยตัวไม่ขึ้น นอนจมที่ใต้น้ำเลย”


ฉินมั่วได้ยินเสียงข้างหู สิ่งที่ประเมินได้เตือนให้เขาอย่าเชื่อคำพูดของคิง แต่ตอนนี้สมองกลับทื่อ ร่างเหมือนจะอ่อนแรง เขาไม่กล้าคิดให้มาก เพราะหากคิด ภาพที่อีกฝ่ายบรรยายจะผุดขึ้นมาเต็มสมอง แม้จะเคยฝันซ้ำๆ หลายครั้ง แต่กลับไม่อยากจะเชื่อ


ร่างที่ลางเลือนผลุบขึ้นผลุบลงกลางสายน้ำ ไม่ว่าเขาจะยื่นมือยังไงก็จับตัวอีกฝ่ายไม่ได้ เพราะอยู่ห่างกันมาก เขายังไม่ทันได้เห็นหน้าเธอเป็นครั้งสุดท้าย


“บอส ตรวจสินค้าเสร็จแล้วครับ” คุณหมอทหารเดินมา พลันกระแทกถ้วยชาบนโต๊ะราวกับไม่ตั้งใจ


เขาทำท่าตกใจ ราวกับทำความผิดขึ้น “บอส ผมสมควรตายครับ” ส่วนฉินมั่วมือเย็น ขยับปลายนิ้ว แววตาเปลี่ยนไปเล็กน้อย “ถ้วยชาที่นายทำแตกเป็นของคิง ไม่ใช่ของฉัน” ซึ่งเมื่อคุณหมอทหารได้ยินแล้ว รีบหันไปขออภัยต่อคิง ซึ่งคิงเพียงแค่โบกมือ ยิ้มให้อย่างสุภาพ “ก็แค่ถ้วยชา ต่อไปประธานหรงยังต้องมาที่นี่อีกหลายครั้ง เรื่องเล็กน่ะ”


แมงป่องพิษได้ยินคำพูดของเจ้านาย ก็รู้ว่าธุรกิจนี้ไม่มีปัญหา สถานะของอีกฝ่ายผ่านการทดสอบจากคิงแล้ว


ซึ่งมันเป็นเช่นนั้นจริงๆ คิงมองดูประธานหรงที่สนใจแต่เรื่องการส่งมองสินค้า ถึงกับขจัดสิ่งที่ตัวเองคาดเดาไว้ในก่อนหน้านี้จนเกลี้ยง


การปลุกคำสั่งทางจิตเริ่มต้นแล้ว แต่ชายคนนี้กลับไม่แสดงอะไรออกมา แสดงว่าคนในคลิปไม่สำคัญสำหรับเขา หรือบางทีเขาอาจจะไม่ใช่ฉินมั่ว


คิงโน้มเอียงไปยังประเด็นหลัง เพราะเด็กนั่นถือเป็นอาวุธลับสำหรับจัดการฉินมั่ว ไม่มีวันที่จะไร้ความสำคัญอย่างแน่นอน แม้ว่าจะเสียดายที่ไม่ได้ฉากที่ตนเองต้องการ แต่ด้านอื่นกลับไม่เป็นประเด็น เช่นคนพวกนี้ไม่มีปัญหา สามารถร่วมค้าขายกันได้


คิงช้อนสายตามองฝานเจีย โดยฝานเจียเข้าใจความหมายอีกฝ่ายจึงออกมาพิสูจน์เงิน “คิง เขาเอาเงินมาแค่หนึ่งในสองของเงินมัดจำ”


…………………………………………………


ตอนที่ 1695-2


คิงส่งเสียงรับรู้ หันไปหาคนที่นั่งข้างตัว “ประธานหรง ทำอย่างนี้หมายความว่ายังไง”


“วิธีป้องกันของคุณ ทำให้ผมต้องเตรียมแผนสำรองไว้” ฉินมั่วช้อนสายตามอง “พวกคุณให้พวกเรามารับของในสถานที่แบบนี้ แต่กลับไม่ให้เรารับรู้ที่อยู่ คุณน่าจะรู้ดีนี่ว่า การค้าในวงการแบบนี้ สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือการฆ่ากันเอง ผมกลัวว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเอง แถมคนตระกูลผมนิยมวิธีแบบนี้ รอจนคุยกันลงตัวก่อน แล้วเราจะจ่ายเงินค่ามัดจำที่เหลือ”


ชายหนุ่มว่ามาก็มีเหตุผล คิงรู้ดีว่า คนที่อยู่ในวงการนนี้นานเข้าก็จะระมัดระวังมาก เพราะทุกคนต่างมีโอกาสพลิกเรือในลำน้ำมืดมิดให้คว่ำได้


ฉินมั่วลุกขึ้นยืน หยิบเสื้อตัวนอกขึ้นอย่างสบายๆ “ในเมื่อสินค้าของคุณไม่มีปัญหา งั้นตอนนี้ก็แจ้งที่ปรึกษาได้เลย ให้เขาเอาเงินที่เหลือโอนเข้าบัญชีคิง”


เจ้าชายน้อยแทรกเข้ามาอย่างเหมาะสม “พี่ อย่าลืมสิว่าเราโทรออกไม่ได้ เมื่อกี้ฉันลองแล้ว แต่ที่นี่ไม่มีสัญญาณสักนิด”


“ขอโทษด้วยครับ” คิงพูดกลั้วหัวเราะ “คุณชายรองคงไม่ชิน แต่จะทำยังไงได้ เพราะพื้นที่ของผมก็มีแค่นี้ เอาไว้ทำการค้าเลี้ยงตัวเอง แต่ทางจีนกลับไล่ล่าผมไม่เลิก ผมจำเป็นต้องใช้วิธีนี้เพื่อป้องกันไว้” พูดมาถึงตรงนี้ คิงก็หยุดนิดหนึ่ง “ฝานเจีย เอาโทรศัพท์ของเธอมาให้ประธานหรงหน่อยซิ”


“ค่ะ” ฝานเจียส่งมือถือให้ ในเมื่อชายหนุ่มคนนี้ไม่ใช่ฉินมั่ว จึงไม่น่าสนใจสำหรับเธออีกแล้ว ซึ่งฉินมั่วกลับไม่ขยับ เจ้าชายน้อยไม่รู้ว่าบอสเป็นอะไร แต่รู้ว่าหากไม่รับคงไม่ดีแน่ พวกเขาอุตส่าห์ทุ่มเทมาตั้งขนาดนี้ เพื่อมือถือนี้นี่แหละ หนุ่มน้อยจึงยื่นมือรับมือถือมาวางไว้ในอุ้งมือฉินมั่ว “พี่ ติดต่อทางบ้านเหอะ เพราะผมพูดอะไร ที่ปรึกษาไม่ยอมฟังหรอก”


แววตาของฉินมั่วลุ่มลึก เจ้าชายน้อยอ่านอารมณ์ไม่ออก รู้สึกเพียงว่ามันน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก


“อ้อ ติดต่อไปที่บ้าน” ฉินมั่วว่าพลางกดหมายเลขโทรศัพท์


ตื้ด หากว่ากันตามหลัก ในห้องประชุมใหญ่ขนาดนี้ ไม่มีวันที่จะไม่มีโทรศัพท์หรอก และมือถือเครื่องที่ดังขึ้น กลับเป็นสิ่งที่ทุกคนหวังให้หน้าจอสว่างสักทีเถอะ เพราะตามแผนเดิม ฉินมั่วติดต่อกับเบื้องบนที่เบอร์นี้ ทว่าหน้าจอไม่โชว์หมายเลข ท่านเสธฉินในชุดทหาร ยกมือกดปุ่มรับฟัง


“ฮัลโหล ที่ปรึกษาใช่ไหม?”


หลังจากที่เปิดลำโพง แต่ละคนในห้องประชุมต่างเงียบ เพื่อจะให้ท่านเสธได้คุยอย่างสะดวก เช่นเดียวกัน มีคนทำสัญญาณมือสื่อให้เสาะหาตำแหน่งของปลายสายว่าอยู่ที่ไหน!


ท่านเสธฉินตอบรับเสียงต่ำ “ผมเอง” ซึ่งเสียงนั่นทำให้ฉินมั่วได้สติ “สินค้าไม่มีปัญหา โอนเงินมาได้เลย”


“เบอร์บัญชีล่ะ?”


ใครๆ ก็รู้ว่าคำถามเหล่านี้ไม่สำคัญสักเท่าไร เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการหาตำแหน่งของกลุ่มปฏิบัติการณ์ให้เจอผ่านการพูดคุยกันในครั้งนี้ต่างหาก เพราะการจะอ่านตัวเลขบัญชี ย่อมต้องใช้เวลา ซึ่งอยู่ในแผนของฉินมั่วมาตั้งแต่แรก เพื่อจะได้ป้องกันฝ่ายตรงข้ามตัดสัญญาณ ส่งผลให้ติดตามตำแหน่งที่อยู่ไม่ได้


เวลานี้ พวกเขาได้เห็นแสงสว่างแล้ว แต่ใครๆ ต่างคิดไม่ถึงว่า แสงนั่นจะมาไวไปไว เพราะเสียงตัดสายดังขึ้น ตู้ดๆๆๆ


…………………………………………………


ตอนที่ 1695-3


“บ้าที่สุด!” ทหารฝ่ายเทคโนโลยีในห้องประชุมโยนหูฟังที่คาดทิ้งไป กำหมัดแน่น “อีกนิดเดียว อีกนิดเดียวเท่านั้นก็จะรู้ที่อยู่ของโทรศัพท์เครื่องโน้นแล้ว”


ประธานใหญ่ที่อยู่ในห้องประชุมมองมา ทุกคนล้วนกลัวว่าจะเป็นแบบนี้ “เป็นไงบ้าง?” ซึ่งทหารฝ่ายเทคโนโลยีส่ายหน้า


คนที่มีอำนาจสูงสุดจึงสั่ง “หาตำแหน่งต่อไป!”


ทหารคนนั้นพยายามหาตำแหน่ง แต่รู้ดีว่า เมื่อไม่มีสัญญาณแล้ว ย่อมเสาะหาตำแหน่งไม่ได้ เพราะฝ่ายนั้นไม่ได้แค่ตัดสายง่ายๆ แน่ ต้องโยนซิมการ์ดทิ้งชัวร์


ซึ่งมันเป็นเช่นนั้นจริงๆ ในระหว่างที่ฉินมั่วเอ่ยตัวเลขที่สองขึ้น คิงก็แย่งมือถือไป พูดยิ้มๆ ว่า “เดี๋ยวให้ฝานเจียส่งหมายเลขบัญชีให้ก็แล้วกัน” จากนั้นจึงโยนมือถือไปด้านหลัง โดยฝานเจียรับไว้ ก็แกะซิมการ์ดออกมา


นายพรานกับนักมายากลเห็นแล้ว นิ้วมือเกร็งขึ้นมาทันที พวกเขาไม่รู้ว่า ช่วงเวลาสั้นๆ นั้น จะเพียงพอต่อการให้คนของกองทัพหาตำแหน่งของที่นี่หรือไม่  แต่คุณหมอทหารกลับไม่กังวลปัญหาดังกล่าวสักนิด สำคัญที่สุดก็คือบอสต่างหาก


บอสอาจไม่รู้ตัวว่าแสงที่เปล่งประกายจากนัยน์ตาตัวเอง เริ่มจะเปลี่ยนไป บอส…กำลังคิดอะไรอยู่


ฉินมั่วไม่ได้คิดอะไร ฉากแต่ละฉากลอยในสมองเขา ทุกฉากล้วนแต่มีป๋อจิ่ว ภาพสุดท้ายคือภาพที่ป๋อจิ่วผลุบขึ้นผลุบลงอยู่ในน้ำ รวมถึงข้อมือของที่เขาคว้าไม่ทัน


เวลานี้ ทหารฝ่ายเทคโนโลยีที่อยู่นอกห้องประชุมกำลังหาวิธีอย่างสุดความสามารถ ในระหว่างที่เขากำลังรายงานต่อท่านเสธฉินอย่างหมดอาลัยว่า ไม่อาจเกาะตำแหน่งคุณชายได้


ทันใดนั้น! เครือข่ายอินเทอร์เน็ตของเขาก็ปรากฎจุดแดงขึ้น! อันเป็นที่อยู่ที่คุณชายโทรเข้ามาเมื่อครู่นี้


เดี๋ยว!


นี่มัน!


สัญญาเรดาร์!


มีคนเจาะระบบอินเทอร์เน็ตของฝ่ายนั้นได้ จะ จะเป็นไปได้ยังไง? แม้จะไม่กล้าเชื่อ แต่มันเป็นที่อยู่เมื่อครู่นี้จริงๆ ทหารฝ่ายเทคโนโลยีที่อยู่นอกห้องประชุมไม่ลังเล เมื่อเห็นจุดแดงชี้นำก็จับตำแหน่งได้โดยง่าย


ไม่ถึงหนึ่งนาที ทหารคนดังกล่าวร้องตะโกนขึ้น “ท่านครับ สะ…สำเร็จแล้วครับ ตำแหน่งละติจูดที่ 35 องศาเหนือ ละติจูดที่ 47 องศาใต้ครับ” โดยไม่รู้เลยว่า จุดแดงนั่นไม่เพียงแต่จะปรากฏในที่ของเขา คนที่ติดตามฉินมั่ว ล้วนแต่เห็นเช่นกัน เครื่องเจ้าอ้วนก็มี คุณชายถังก็ด้วย


แต่ในชั่วเวลานั้น ทหารสามเหล่าทัพอันได้แก่ ทัพเรือ ทัพบกและทัพอากาศ ล้วนแต่บุกไปยังที่แห่งนั้น


ภายในห้องควบคุมในเกาะดังกล่าว ป๋อจิ่วยังคงนั่งอยู่ที่เดิม แว่นตายังค้างบนใบหน้า หากดูจากหน้าจอของเธอ จะเห็นว่าเป็นภาพรวมของระบบกล้องวงจรปิดที่นั่น อันที่จริงเธอซ่อนกรอบคำสั่งเอาไว้ โดยพิมพ์โค้ดอย่างไม่หยุดหย่อน เธอไม่ได้ทำการแฮกคอมพิวเตอร์ แต่ปล่อย IP Address ของห้องควบคุมให้ขยายกว้างที่สุด ซึ่งเดิมทีคอมพิวเตอร์ทุกตัวในห้องนั้นก็ใช้ IP Address อันเดียว ทว่าแชร์ได้ในถิ่นนี้เท่านั้น


ตอนนี้เธอขยายขอบเขตการใช้งาน โดยแกะรหัสลับ แล้วสร้างวงคุ้มปลอมเพื่อทำให้ขอบเขตสัญญาณอินเทอร์เน็ตเป็นไปอย่างปกติ ทั้งยังส่ง IP Address ออกไปอย่างเงียบๆ ทั้งนี้ป้อมรบกวนสัญญาณยังคงอยู่ มือถือจากข้างนอกจะใช้งานในนี้ไม่ได้


แต่ พวกเขาคิดว่ามันปลอดภัยแล้ว ไม่รู้ตัวเลยว่าตำแหน่งของที่นี่ถูกปล่อยออกไปเรียบร้อย


…………………………………………………


ตอนที่ 1695-4


วันนี้เป็นเพียงวันเดียวที่คิงไม่ได้ไปที่ห้องควบคุม เพราะต้องคุยเรื่องธุรกิจ ไม่นานนัก เขาก็ส่งฝานเจียออกไปดู และในเวลานี้ ป๋อจิ่วเริ่มปรับสภาพและกลบร่องรอย โดยให้การแชร์ IP Address กลับไปอยู่สภาพเดิม จากนั้นก็ลุกขึ้น ดันกรอบแว่นบนหน้า แล้วเดินไปยังห้องน้ำอย่างเป็นปกติ


เมื่อออกมาอีกครั้ง ก็เปลี่ยนไปสวมชุดทหารรับข้าง หิ้วปืนด้วยมือข้างหนึ่ง ป๋อจิ่วคิดไม่ถึงว่าตัวเองจะได้ประจันหน้ากับฝานเจีย ยังดีที่หน้าเธอดำ แถมยังมีหนวดด้วย ซึ่งป๋อจิ่วไม่คิดจะหลบ แต่เดินหน้าไปหาอีกฝ่ายราวกับกำลังตรวจตรา


เมื่อทั้งสองเดินสวนกัน ฝานเจียพลันมองป๋อจิ่ว ก่อนจะหรี่ตาลง “เดี๋ยว” ส่งผลให้ป๋อจิ่วชะงักฝีเท้า หันกลับไปช้าๆ เธอกำลังคิดว่า แทงเข็มฉีดยาใส่อีกฝ่ายจะเร็วกว่าหรือยิงประชิดเจ้าหล่อนจะดีกว่า


ดูเหมือนเวลาจะถูกตรึงให้ช้าและนานขึ้น ฝานเจียมองหน้าป๋อจิ่ว ก่อนจะถาม “เห็นคนที่น่าสงสัยเดินมาทางนี้บ้างไหม?”


“ไม่มีครับ” ป๋อจิ่วพูด คลายเข็มฉีดยาในมือลง ทำให้เธอดูกลมกลืนมากขึ้น รอยสักบนหางตาก็เห็นชัดเช่นกัน และเนื่องด้วยฝานเจียมีเรื่องสำคัญกว่าต้องไปจัดการ จึงไม่เสียเวลากับทหารรับจ้างแค่คนเดียว เธอหมุนตัวผลักประตูกระจกให้เปิดออก ซึ่งแม้ป๋อจิ่วยืนข้างนอก แต่พอจะได้ยินเสียงของเจ้าหล่อนอยู่บ้าง


“มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นไหม”


“ไม่มีครับ”


“คนที่นั่งเครื่อง 2 ล่ะ หายไปไหน”


“เมื่อกี้ยังนั่งตรงนี้อยู่เลย สงสัยไปห้องน้ำครับ”


ฝานเจียได้ยินแล้ว เริ่มย่นหัวคิ้ว ก่อนจะเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์หมายเลข 2 ทันที เธอตรวจสอบว่าระบบอินเทอร์เน็ตถูกแฮกหรือไม่เป็นสิ่งแรก เช็คว่าระบบป้องกันการบุกรุกทางอินเทอร์เน็ตผิดปกติหรือเปล่า รวมถึงร่องรอยการทำงานของคอมพิวเตอร์ผิดปกติหรือไม่ เมื่อเห็นว่าไม่มีปัญหาก็ลุกขึ้นด้วยสีหน้าที่ไม่ถือว่าแฮบปี้สักเท่าไร “ต่อไปห้ามใครออกไปอีกนะ เข้าห้องน้ำก็ไม่ได้ เข้าใจไหม?”


“ครับ”


หลังจากที่ได้ยินคำตอบที่ตนต้องการ ฝานเจียก็ทดสอบระบบรบกวนสัญญาณ ซึ่งทุกอย่างอยู่ในภาวะปกติ เวลานั้นเธอยังไม่รู้ว่า ตัวเองพลาดอะไรไป


หากคิงเข้ามาเองอาจจะเห็นสิ่งปกติได้อย่างรวดเร็ว เพราะต่อให้ฝานเจียฉลาดแค่ไหนก็คิดไม่ถึงว่า ห้องควบคุมที่ดูปกติ กลับถูก ‘เล่น’ เรียบร้อย


และตัวการที่ก่อความอันตรายให้ เดินออกไปจากห้องดังกล่าวแล้ว ป๋อจิ่วดึงผ้าปิดหน้าให้กระชับ คงเพราะท่าเดินของพวกทหารรับจ้างดูดิบเถื่อน เดินหิ้วปืนด้วยแววตาอำมหิต ดังนั้นจึงไม่มีใครระแวงตัวเธอ


ป๋อจิ่วเดินต่อไปข้างหน้า ซุกมือข้างหนึ่งลงในกระเป๋ากางเกง เดินผ่านรั้วไปเรื่อยๆ เป้าหมายของเธออยู่ที่กระท่อมไม้ริมแม่น้ำ เธอหันหน้าเท่ๆ ของตัวเองไปอีกทาง ภายใต้ผ้าปิดหน้าคือรอยยิ้มที่ผุดขึ้นอย่างกลั้นไม่ได้


พี่มั่ว เดี๋ยวฉันจะได้เจอพี่แล้ว ถึงเวลานั้น พี่ต้องลูบหัวฉัน แล้วต้องชมฉันด้วยนะ


…………………………………………………

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม