Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย 450-456

ตอนที่ 450

 

“ฟิ้ว—–” เลือดสีดำข้นเหนียวพุ่งกระจายจากร่างของซอมบี้ทั้งสองส่วนที่ขาดแยก และยังเผยให้เห็นชิ้นส่วนอวัยวะภายในร่างของมันพร้อมกับกลิ่นเหม็นเน่าที่คละคลุ้งอยู่ในอากาศ อีกทั้งยังมีชิ้นส่วนและเศษกระดูกของมนุษย์ที่มันกินเข้าไปก่อนหน้านี้ที่ยังไม่ทันย่อยเสร็จดีอีก จนเกิดเป็นภาพที่น่าขยะแขยงต่อสายตาทุกคน


 


ร่างที่ถูกแยกออกเป็นสองส่วนล้มกระแทกลงกับพื้น


 


หวังไคกลั้นหายใจต่อกลิ่นเหม็นเน่าในอากาศและรีบไปเก็บคริสตัลที่อยู่ในกระโหลกของซอมบี้ระยะ 4 มาไว้ มันไม่กล้าจะมองภาพตรงหน้าด้วยซ้ำ


 


กลุ่มคนที่ยืนอยู่ห่างออกไปต่างกลัวกับภาพที่ได้เห็น พวกเขาทั้งหมดรวมถึงหลิวยู่ติงต่างคิดว่าชูฮันจะต้องใช้เวลารับมือกับซอมบี้ระยะ 4 นานกว่านี้ ความจริงแล้วก่อนหน้านี้พวกเขาคิดด้วยซ้ำว่าชูฮันจะต้องได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงเป็นแน่ ทว่าสุดท้ายแล้วไม่มีใครอยากจะเชื่อกับสิ่งที่เห็น


 


ไม่ต้องพูดถึงการบาดเจ็บเลย ชูฮันไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนเลยด้วยซ้ำ ซอมบี้ไม่ได้แตะต้องชูฮันแม้แต่ปลายเล็บและซอมบี้ก็ถูกฆ่าตายทันทีภายในการโจมตีครั้งเดียว!


 


การโจมตีครั้งเดียวใส่ซอมบี้ระยะ 4 และสามารถผ่าซอมบี้แยกออกเป็นสองท่อนจากหัวลงมาถึงเท้า นี่เป็นเรื่องที่ถ้ามีคนมาเล่าให้พวกเขาฟังก่อนหน้านี้คงไม่มีใครเชื่ออย่างแน่นอน แต่มันกำลังเกิดขึ้นต่อหน้าพวกเขาอย่างจริงๆในตอนนี้


 


ชูฮันตระหนักดีว่ามีกลุ่มคนกำลังมองมาอย่างหวาดกลัวจากทางด้านหลังหากเขาไม่สนใจ ชูฮันหันกลับไปไล่ล่าซอมบี้ที่ถอยหนีตัวแรกอย่างสิ้นหวังที่ด้านหลังต่อ ความเร็วเหนือชั้นที่เพียงพริบตาเดียวร่างของชูฮันก็มาปรากฏตัวต่อหน้าซอมบี้บี้ที่บาดเจ็บแล้วพร้อมกับขวานซิ่วโหลในมือที่เปล่งลำแสงประกายอย่างเฉิดฉาย!


 


ซอมบี้ตรงหน้าชูฮันเคลื่อนไหวได้เชื่องช้าลงอย่างมาก ผลลัพธ์มาจากขวานซิ่วโหลของชูฮัน เลือดสีดำที่เป็ยรอยลากทางยาวตามร่างของซอมบี้ที่พยายามหนั ไม่มีใครคิดเลยว่าชูฮันจะจัดการซอมบี้ระยะ 4 ได้ เจ้าซอมบี้ที่กำลังวิ่งหนีอยู่ไม่ความคิดอะไรในหัวแล้วทั้งนั้นนอกจากวิ่งหนีไปเรื่อยๆอย่างสุดกำลังเพราะมันสัมผัสได้ถึงจิตสังหารอันรุนแรงและอันตรายที่มาจากทางด้านหลังของมัน


 


ไม่รอให้มันได้มีปฏิกิริยาตอบโต้หรือแม้แต่จะทันได้หันมามอง ชูฮันที่ตามมาอยู่ด้านหลังก็เข้ามาประชิดตัวซอมบี้แล้ว ความเร็วของชูฮันนั้นรวดเร็วมากกว่าซอมบี้ระยะ 4 เพราะมันมีแผลที่ขา ราวกับเกิดลมกรดดำที่พุ่งตัวเพียงพริบตาเดียวก็มาถึงข้างหลังของเจ้าซอมบี้แล้ว


 


ในสายตาของคนทั่วไปมันยังเป็นภาพค้างในอากาศอยู่ที่จุดเดิมอยู่เนื่องจากทุกอย่างมันรวดเร็วเกินกว่าที่ใครจะมองตามทัน และทันทีที่เจ้าซอมบี้ระยะ 4 หันมาขวานซิ่วโหลก็กระแทกเข้าที่กระโหลกของมันจนเปิดอ้าออก


 


“ฟิ้ว——-” ราวกับถุงที่เต็มไปด้วยน้ำแตกออก และน้ำก็พุ่งกระฉูดออกมาจากรู กระเซ็นกระจายไปทั่วในอากาศ


 


มันแค่การโจมตีครั้งเดียว!


 


เหล่าคนที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ต่างตะลึงค้างจนคิดอะไรไม่ออก ชูฮันเพียงแค่วาดขวานในอากาศทั้งหมดสามครั้งเท่านั้น ครั้งแรกทำให้ขาของซอมบี้ตัวแรกบาดเจ็บจนส่งผลต่อความเร็วในการเคลื่อนที่ของมัน และครั้งที่สองก็สามารถฆ่าซอมบี้ระยะ 4 ตัวที่สองตายคาที่ได้ทันที ส่วนครั้งที่สามนั้นชูฮันก็ฟันเข้าหัวซอมบี้ระยะที่ 4 ที่พยายามวิ่งหนีหากหนีไม่พ้นและตายคาที่ทันที


 


ความแม่นยำที่ร้ายกาจและการต่อสู้ที่ดูเรียบง่ายและเป็นระเบียบทำให้ทุกคนมีแววตาเลื่อนลอย มันไม่มีการวิ่งไล่ต่อสู้อย่างสุดกำลัง การเคลื่อนไหวที่สวยงามหรือรุนแรงอะไร มีเพียงแค่การกวาดขวานอย่างง่ายๆทั้งหมดสามครั้งเท่านั้น


 


เหล่าทหารที่มองมาต่างรู้สึกว่าเมื่อเทียบกับชูฮันแล้ว ความรู้ที่พวกเขาร่ำเรียนมาในสนามฝึกซ้อมและท่าทางการเคลื่อนไหวต่างๆเพื่อต่อสู้กับซอมบี้นั่นใช้การไม่ได้เลยในสนามรบจริงๆ


 


การวาดขวานทั้งสามครั้งนี้อาจดูธรรมดาไม่มีอะไร แต่มีเพียงหลิวยู่ติงและเฉินช่าวเย่เท่านั้นที่รู้ธรรมชาติของชูฮัน รู้ดีว่าตั้งแต่การวาดขวานในครั้งแรกชูฮันคิดในหัวมาแล้วจนถึงกระบวนการสุดท้ายอย่างเรียบร้อย ความหนักแน่นในการลงขวาน องศาที่ใช้เหวี่ยง มันไม่มีเรื่องอย่างคำว่าเรื่องบังเอิญอะไรทั้งนั้น ทุกอย่างถูกออกแบบและวางแผนมาอย่างระมัดระวังแล้ว


 


ทิศทางที่ซอมบี้ระยะ 4 สองตัวนี้ออกวิ่งหนีชูฮันไปนั้นแยกกันไปคนละทิศทาง อีกทั้งความเร็วที่พวกมันใช้วิ่งหนีชูฮันก็เป็นความเร็วระดับ 4 ทว่าผลลัพธ์คือพวกมันทั้งคู่กลับถูกชูฮันฆ่าตายอย่างเรียบง่ายภายในการลงขวานทั้งหมดสามครั้ง


 


การโจมตีครั้งแรกชูฮันไม่ต้องการจะทำให้ซอมบี้ตายตั้งแต่แรกแต่เป็นการทำให้การโจมตีครั้งต่อไปนั้นง่ายขึ้น อีกทั้งการทำให้ความเร็วของมันลดลงก็เป็นการสร้างโอกาสและเวลาสำหรับเขาเองด้วย


 


แต่เป็นเพราะทั้งหลิวยู่ติงและเฉินช่าวเย่เข้าใจดีและรู้จักชูฮันมันจึงไม่สร้างความตกใจแก่ทั้งคู่เท่ากับเหล่าคนที่มองมาซึ่งในขณะที่พวกเขากำลังหวาดกลัวสุดขั้วหัวใจเมื่อเผชิญหน้ากับซอมบี้ระยะ 4 และเพราะการกระทำของชูฮันที่เข้ามาช่วยจึงส่งผลให้เขาได้รับความเคารพบูชาจากทุกคนอย่างสุดหัวใจ


 


พรึบ! ขวานซิ่วโหลในมือชูฮันเหวี่ยงมุมกลับมาที่ข้างตัวเขาในอากาศอย่างสวยงาม


 


ลำแสงสีดำจากตัวขวานหายไปแล้วเช่นเดียวกับพลังผันผวนและลมหมุนในอากาศ ร่างของชูฮันปรากฏต่อสายตาของทุกคนอีกครั้ง


 


สีหน้าของชูฮันนิ่งสงบ เขายืนนิ่ง เนื้อตัวสะอาดไร้รอยใดๆจากเลือดของซอมบี้แม้แต่หยดเดียว!


 


อึก! อึก!


เกิดเสียงกลืนน้ำลายอึกของหลายคนดังไล่ขึ้นมาเรื่อยๆ ทุกคนที่ได้เห็นภาพการต่อสู้ต่างช็อคและตะลึงอ้าปากค้าง ไม่เพียงแต่จะฆ่าซอมบี้ระยะ 4 ได้ทั้งสองตัว แต่ชูฮันยังคงทุกอย่างเหมือนเดิมไม่มีแม้แต่เลือดของซอมบี้เปื้อนตัวเขาสักหยดเดียว?


 


นี่เขายังเป็นคนอยู่รึเปล่า?! ชูฮันซึ่งฆ่าซอมบี้ระยะ 4 ไปสองตัวไม่มีอารมณ์ใดๆแสดงออกมาเลยสักนิด เขามองเข้าไปในวงล้อมต่อสู้เป็นครั้งแรกและเผยรอยยิ้มพึงพอใจออกมา


 


คนหนึ่งร้อยคนในวงล้อมต่อสู่ในที่สุดก็สามารถฆ่าซอมบี้ระยะต่ำๆที่เหลือทั้งหมดได้ ถนนทั้งเส้นกลับสู่ความนิ่งสงบอีกครั้ง เนื้อตัวของหนึ่งร้อยคนที่ทำการต่อสู้เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดสีดำของซอมบี้ไปทั้งตัว มีภาพกองซากศพของซอมบี้ก่อขึ้นเหมือนกับกำแพงอยู่เต็มวงล้อมเกิดเป็นภาพที่น่าสยองสำหรับคนที่มองมา


 


อาวุธและจำนวนคนไม่ได้เป็นเครื่องมือยืนยันระดับของความสำเร็จ ทว่ามันอาศัยกลยุทธ์และความร่วมมือสำหรับการต่อสู้กับกองซากศพซอมบี้สามพันตัวที่นอนอยู่ตรงนี้


 


เฉินเสี้ยนกาวอ้าปากค้างหลังจากได้เห็นศพของซอมบี้ระยะ 4 สองตัวที่นอนกองอยู่ที่พื้นใกล้ๆเท้าของชูฮัน เขารีบปรับอารมณ์ช็อคของตัวเองให้หายไปและปรับอารมณ์ให้คงที่และรีบยกมือขึ้นวันทยาหัตถ์แสดงความเคารพต่อชูฮันด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิ “รายงานครับท่าน การต่อสู้จบลงแล้วครับ!”


 


เสียงรายงานผลของเฉินเสี้ยนกาวดังขึ้นดึงสติทุกคนให้กลับมา

 

 

 


ตอนที่ 451

 

กริ้ง!


คริสตัลของซอมบี้ระยะ 4 ในมือของชายคนหนึ่งที่โชกไปด้วยเลือดสีดำของซอมบี้ร่วงลงกระทบพื้นจนเกิดเสียง…หลีบี๋เฟิงนั่นเอง


 


หลี่บี๋เฟิงที่ยืนอยู่ริมถนนเนื้อตัวโชกไปด้วยเลือดนิ่งค้างอย่างสมบูรณ์แบบ แววตาเต็มไปด้วยความตกใจขณะจ้องค้างมาที่ภาพตรงหน้า พวกเขาทั้งห้าคนใช้ความร่วมมือและพลังอย่างสุดฝีมือที่มีร่วมกันต่อสู้กับซอมบี้ระยะ 4 จนเหนื่อยล้าแทบจะไม่แรงเหลือ


 


เขาคิดว่าพวกเขาน่าจะเป็นพวกที่แข็งแกร่งที่สุดแล้ว หลังจากนั้นก็รีบวิ่งกลับมาที่นี้พลางคิดในใจว่าทุกคนจะต้องชื่นชมและบูชาพวกเขาอย่างแน่นอน


 


ทว่าเมื่อพวกเขารีบวิ่งกลับมาพร้อมกับคริสตัลของซอมบี้ระยะ 4 ล้ำค่านี้ มันกลับเกิดความช็อคจนพูดไม่ออกแก่ทั้งห้าคนและได้แต่ยืนนิ่งค้างอย่างทำอะไรไม่ถูก


 


ฝูงซอมบี้มหาศาลไม่มีเหลืออีกต่อไปแทนที่ด้วยภาพซากศพซอมบี้เกือบสามพันกว่าตัวปรากฏภาพต่อสายตาแทน


 


ซากศพพวกนี้ไม่ใช่ของปลอม คลื่นซอมบี้ที่เห็นก่อนหน้านี้มีจำนวนกว่าสามพันตัว และคนในวงล้อมส่วนใหญ่ก็คือพวกของเฉินเสี้ยนกาวซึ่งเป็นแค่คนธรรมดาเท่านั้น


 


มันเป็นไปได้อย่างไรกัน?


 


ทุกอย่างจบแล้ว ไม่ทันรอให้พวกเขาทั้งห้าได้สติกลับมาจากอาการตกใจ มันก็มีภาพที่ยิ่งกว่าเหลือเชื่อปรากฏขึ้นต่อหน้าพวกเขาอีกครั้ง


 


การวาดขวานทั้งสามครั้งของชูฮันที่ใช้เวลาทั้งหมดเพียงแค่ไม่กี่วินาทีก็สามารถจัดการฆ่าซอมบี้ระยะ 4 ทั้งสองตัวได้ภายในพริบตา อีกทั้งพลังผันผวนของชูฮันที่ปล่อยออกมา และการเคลื่อนไหวราวกับปุยเมฆที่เหมือนกับฝึกซ้อมมานับๆหมื่นๆครั้งจนชำนาญ


 


การต่อสู้ของชูฮันปรากฏชัดต่อสายตาของหลี่บี๋เฟิงและเขามองเห็นทุกการกระทำของชูฮัน


 


พวกเขาทั้งหมดจับกลุ่มคนที่แข็งแกร่งที่สุดด้วยกันห้าคนเพื่อจัดการกับซอมบี้ระยะ 4 ตัวเดียวด้วยความยากลำบากจนเกือบจะไม่รอดกันและยังใช้เวลานานมาก


 


แม้ไม่อยากจะยอมรับและยังลังเล แถมยังไม่สามารถควบคุมอาการช็อคและความรู้สึกขมขื่นที่เกิดขึ้นในอกตัวเองได้ พวกเขาอยากจะก่นด่าลั่นด้วยความอัดอั้น——


 


แม่ง! นี่มันวันบ้าบออะไรวะ!


 


ชูฮันยืนอยู่กลางถนน เหลือบมองกลุ่มห้าคนของหลี่บี๋เฟิงด้วยหางตา พร้อมรอยยิ้มที่มุมปาก ถึงแม้ทั้งห้าคนจะรู้สึกอับอายแต่พวกเขาก็ยังยืนตัวตรงต่อหน้าคนหนึ่งร้อยคนที่มองมาด้วยสายตาที่ทั้งห้าคนไม่มีวันลืม…


 


ภูมิใจ…ความภูมิใจที่เหนือชั้นกว่า!


 


ชูฮันเองก็ภูมิใจเช่นกัน เขาไม่เคยมีท่าทางภาคภูมิแสดงออกมาเช่นนี้มาก่อนและเช่นกันที่ไม่เคยพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยอารมณ์คลั่งไคล้แบบนี้ “เก็บคริสตัลทั้งหมดและนับจำนวนสถิติเสียชีวิต!”


“ครับท่าน!” เฉินเสี้ยนกาวตอบรับคำสั่งดังลั่น จากนั้นก็หมุนตัวหันไปสั่งงานผู้คนต่อ


 


แม้ว่าพวกเขาจะฆ่าซอมบี้เป็นจำนวนมากและเหนื่อยล้าอย่างถึงที่สุด แต่หลังจากได้ลงมือทำงานหลังการต่อสู้จบลงพวกเขาก็รู้สึกกระตือรือร้นขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากสงครามจบลงและได้รับชัยชนะ…นี่คือสิ่งที่พวกเขาชอบที่สุด


 


นี่คือสถิติของพวกเขา นี่คือชื่อเสียงของพวกเขา!


 


เหล่าทหารจากซางจิงที่ยืนอยู่รอบนอกวงล้อมที่ไม่ได้เข้าร่วมการต่อสู้และกลุ่มของหลี่บี๋เฟิงต่างยืนนิ่งอยู่ที่เดิมของตัวและได้แต่มองไปที่ภาพของคนหนึ่งร้อยคนที่กำลังวุ่นวายกับหน้าที่ของตัวเองกันอยู่อย่างไม่รู้ต้องทำตัวอย่างไร


 


ไม่นานคริสตัลทั้งหมดก็ถูกเก็บใส่ถุงพิเศษและส่งมอบให้กับพลตรีหลิวยู่ติง ขณะที่เฉินเสี้ยนกาวก็วิ่งไปที่หน้าชูฮันด้วยสายตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นฉายชัดอยู่ในนัยน์ตา


“รายงานครับท่าน!” เสียงของเฉินเสี้ยนกาวไม่เคยตื่นเต้นขนาดนี้มาก่อน “ศัตรูทั้งหมดสามพันตัวถูกฆ่าเรียบร้อยครับ ไม่เหลือรอดสักตัว และพวกเราทั้งหมด 105 คน จำนวนผู้เสียชีวิต——-“


 


เฉินเสี้ยนหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง ตาของเขาแดงก่ำด้วยความภาคภูมิใจ พยายามดันพลังทั้งหมดที่มีเพื่อกลั่นเสียงออกมาจากอกให้ดังกุก้อง “เรามีคนทั้งหมด 105 คน! จำนวนผู้เสียชีวิตเป็นศูนย์! จำนวนผู้บาดเจ็บคือศูนย์ครับ!”


 


ไม่มีใครได้รับอันตราย


 


“รายงานเสร็จสมบูรณ์ครับ!”


 


พรึบ!


อีกครั้งที่เฉินเสี้ยนยืนตัวตรงทำท่าวันทยาหัตถ์แสดงความเคารพต่อชูฮัน คนอีกกว่าหนึ่งร้อยคนด้านหลังของเฉินเสี้ยนกาวต่างทำท่าวันทยาหัตถ์ต่อชูฮันอย่างพร้อมเพรียง ทุกคนยืนตรงด้วยความตื่นเต้นและตื้นตันจนน้ำตาไหล


 


มันคือความภาคภูมิใจและเกียรติยศ…ที่พวกเขาไม่ได้รู้สึกแบบนี้มานานเท่าไหร่กันแล้ว?


 


ตั้งแต่สงครามเมืองตง พวกเขาก็คาดหวังที่จะได้สัมผัสกับความรู้สึกแบบนี้อีกครั้งมาตลอด เมื่อครั้งแรกที่สงครามเมืองตงนั้นทุกอย่างขึ้นอยู่กับการสั่งการและการวางแผนทั้งหมดของชูฮันโดยใช้ข้อได้เปรียบทางจากภูมิศาสตร์ อีกทั้งยังโชคดีที่ตอนนั้นฝูงซอมบี้ทั้งหมดเป็นเพียงแค่ซอมบี้ระยะ 1 และจำนวนฝูงซอมบี้นั้นสูงถึงหลักหมื่น


 


ทว่าครั้งนี้ตัวเลขข้อมูลทั้งหมดเกิดจากการต่อสู้ของพวกเขาเอง ซอมบี้สามพันตัวต่อพวกเขาหนึ่งร้อยคน เรียกได้ว่าพวกเขาแต่ละคนฆ่าซอมบี้ 30 ตัวต่อคนโดยเฉลี่ย!


 


แล้วพวกเขาจะไม่ภูมิใจกับการต่อสู้ครั้งนี้ได้อย่างไร?


 


ซูเซียงหลงที่อยู่ในกลุ่มคนหนึ่งร้อยคนตื้นตันจนอยากจะร้องไห้ออกมาและหัวเราะไปในเวลาเดียวกัน ถ้าไม่ใช่เพราะกลัวว่ามันจะไม่เหมาะสมกับสถานการณ์เขาอยากจะกระโดดเต้นด้วยความดีใจที่สุมอยู่ในอกด้วยซ้ำ


 


พวกเขาไม่เคยสัมผัสกับความตื่นเต้นขนาดนี้มาก่อน ไม่เคยได้เห็นภาพที่น่าช็อคมากขนาดนี้ และมันสุดยอดอย่างมากที่ได้ร่วมต่อสู้ไปกับท่านพลเอกชูฮัน!


 


หลิวยู่ติงประหลาดใจกับชูฮันคนใหม่มานานแล้วตั้งแต่การกลับมาเจอกันอีกครั้ง เด็กนี้ไปเรียนรู้การสั่งการการรบแบบนี้มาจากไหน? เขาไม่เจอกับชูฮันเพียงแค่สองปีแต่ชูฮันกลับเติบโตขึ้นด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ หลิวยู่ติงอยากจะเรียกชูฮันว่าหัวหน้าตามเฉินช่าวเย่เลยซะเดี๋ยวนี้


 


เมื่อกวาดภาพมองโดยรอบ ความภักดีของหลายคนได้พุ่งสูงขึ้นไปกว่า 60% ทำให้ชูฮันยิ้มลึกด้วยความดีใจ แน่นอนว่ามันไม่มีทางมีจำนวนผู้เสียชีวิต เฉินช่าวเย่มือปืนพระเจ้าคอยจ้องเฝ้าระวังอยู่ด้านข้างตลอด ถ้าหากใครเกิดอันตายหรือสุ่มเสี่ยงเฉินช่าวเย่ก็พร้อมจะจัดการซอมบี้ให้ทันที แต่ถ้ามันไม่ใช่อันตรายร้ายแรงอะไรเฉินช่าวเย่ก็จะไม่เหนี่ยวไกปืนออกมา


 


ซอมบี้เกือบสี่พันตัวสามารถจัดการได้โดยเขาและเฉินช่าวเย่เพียงสองคน ทว่าสิ่งที่ชูฮันต้องการคือการฝึกฝนจริงสำหรับคนหนึ่งร้อยคนนี้ ทำให้การต่อสู้ระหว่างซอมบี้สามพันตัวและคนหนึ่งร้อยคนจึงไม่มีผู้บาดเจ็บหรือผู้เสียชีวิต!


 


มันไม่ใช่แค่ความภักดีแต่มันยังเป็นความเชื่ออย่างแรงกล้าจากคนของเขาเอง ชูฮันจะไม่พูดสิ่งที่พวกเขาต้องการได้ยิน แต่จะวางทุกอย่างต่อหน้าและให้พวกเขาลงมือและกระจ่างมันด้วยตัวเอง


 


ดูซะ!


 


พวกคุณคือกองกำลังอาสา พวกคุณส่วนใหญ่เป็นแค่คนธรรมดา ทว่าพวกคุณกลับสามารถจัดการฆ่ากับฝูงซอมบี้สามพันตัวที่ทำให้เหล่าทหารวิวัฒนาการจากซางจิงแหกปากวิ่งหนีด้วยกลัวด้วยฝีมือตัวเอง ไม่เพียงแต่ได้รับชับชนะแต่ยังไม่มีแม้แต่จำนวนผู้บาดเจ็บเลยด้วยซ้ำ พวกคุณได้สร้างชัยชนะที่ยิ่งใหญ่


 


ดู!


 


พวกคุณทำได้!


ติดตามเขา แล้วไม่มีอะไรที่พวกคุณจะทำไม่ได้!


 


อีกด้านของถนน เหล่าทหารวิวัฒนาการจากซางจิงกว่าเจ็ดสิบคนไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมอง ฝูงซอมบี้ขนาดใหญ่นั่นถูกชูฮันและกองกำลังอาสาพวกนั้นจัดการหมดแล้วจริงๆงั้นเหรอ?


 


มันเป็นไปได้อย่างไร? นี้มันไม่ยุติธรรม! ถ้าคนธรรมดาพวกนี้สามารถสู้กับฝูงซอมบี้ได้ แล้ววิวัฒนาการและพรสวรรค์ล่ะ?


 


หลังจากจัดการวิกฤตของคลื่นซอมบี้เรียบร้อย ในที่สุดชูฮันก็หมุนตัวหันกลับไปที่กลุ่มทหารกว่าเจ็ดสิบนายที่ยืนอยู่ริมถนน

 

 

 


ตอนที่ 452

 

เมื่อมองไปที่กลุ่มทหารวิวัฒนาการจากซางจิงกว่า 70 นายที่ไม่กล้าจะเงยหน้าขึ้นมาต่อหน้าเขา แววตาของชูฮันพลันมีประกายแวบผ่าน เขาก้าวเท้าขึ้นออกเดิน รองเท้าบู้ททหารค่อยๆกระทบกับพื้นทีละก้าวอย่างช้าๆเป็นจังหวะเสียงรองเท้าดังก้องกังวาล เขาค่อยๆเดินผ่านหน้าทีละคนไปอย่างช้าๆ


 


เฉินช่าวเย่ที่ยังคงอยู่บนหลังคารถจี๊ปหยิบปืนขึ้นมามองเล็งไปที่ชูฮัน ชูฮันหันหน้ามาเผชิญกับทั้ง 70 ราวกับผู้พิพากษา เฉินช่าวเย่ไม่รู้จะบรรยายยังไงกับภาพที่ได้เห็นทว่าเขารู้สึกหวาดหวั่นอยู่ในอก


 


เฉินช่าวเย่เหลือบมองติงเซวที่ยืนอยู่ข้างเขาและกำลังมองไปที่เหตุการณ์ข้างหน้าเช่นกัน จากนั้นก็หันกลับไปมองหลิวยู่ติงที่อยู่ด้านหลังซึ่งกำลังมองถุงคริสตัลที่ทุกคนเก็บมาได้ในมือตัวเอง


 


เฉินเสี้ยนกาวและคนอื่นๆเองก็สังเกตเห็นถึงความผิดปกติบางอย่าง ฝูงชนพลันเงียบสนิททันทีส่งผลให้ถนนทั้งเส้นเงียบสงัด เหลือเพียงเสียงกระทบของรองเท้าชูฮันที่มีให้ได้ยินอย่างเป็นจังหวะที่แสนจะอึดอัดสำหรับทุกคน


 


กึก! กึก!


แต่ละจังหวะของรองเท้าที่กระทบพื้นเต็มไปด้วยพละกำลังอัดแน่น


 


ชูฮันเดินทีละก้าวไปเรื่อยๆผ่านหน้าคนพวกนี้ สายตาอัดแน่นไปด้วยความรู้สึกทะลุทะลวงจนทั้งเจ็ดสิบกว่าคนไม่กล้าจะเงยหน้าขึ้นมาสบตา ทุกคนต่างก้มหน้าก้มตาหลบหนีชูฮัน ความอับอายสุมแน่นอยู่ในอกของพวกเขาจนแทบจะปะทุ ก่อนหน้านี้พวกเขาประณามชูฮันดังลั่นว่าไร้ประโยชน์และความสามารถ ทว่าตอนนี้เวลาผ่านไปไม่นานชูฮันสามารถนำทีมกองกำลังอาสาจัดการคลื่นซอมบี้ได้หมดโดยไม่มีแม้แต่ผู้บาดเจ็บ


 


แม้แต่ชูฮันเองก็ฆ่าซอมบี้ระยะ 4 ไปถึงสองตัวด้วยตัวคนเดียว!


 


ใครจะสามารถยืนหยัดอย่างมั่นคงและโจมตีชูฮันต่อไปได้? ใครจะกล้าต่อต้านชูฮัน?


 


ภายใต้แรงกดดันของความแข็งแกร่งที่แท้จริงของชูฮัน พวกเขาจะต้องระวังอย่างมากกับการกระทำต่อไปจากนี้!


“กองทัพของเรามีคนทั้งหมด 280 คน” เสียงของชูฮันค่อยเปล่งขึ้นมา ไม่ช้าเกินไปแต่เป็นจังหวะของเสียงที่เต็มไปด้วยอำนาจ เสียงฝีเท้าของชูฮันยังคงไม่หยุด “ทุกคนเห็นพ้องว่าทหาร 20 นายสร้างความอับอายขายขี้หน้าให้แก่กองทัพ ดังนั้นในนามของพลเอกฉันตัดสินให้โทษประหารชีวิต”


 


ทันทีที่เสียงฝีเท้าของชูฮันหยุดอย่างกระทันหัน มันก็ตามมาด้วยเสียงเยือกเย็นของเขา “ฆ่า!”


 


เหล่าทหารวิวัฒนาการกว่าเจ็ดสิบนายที่ยืนอยู่ต่อหน้าชูฮันต่างหวาดกลัวอยู่ในอกจนขาสั่นพลางเงยหน้าขึ้นมองชูฮัน…ฆ่างั้นเหรอ? ใครฆ่าใคร? ไม่นะ ไม่ 20 คนนั้นตายไปแล้ว อย่าฆ่าพวกเขา


 


ทุกคนที่มองมาต่างรู้สึกกลัวกับการกระทำอย่างฉับพลันของชูฮัน แต่ไม่นานพวกเขาก็ปรับอารมณ์ให้คงที่และยืนดูเหตุการณ์ต่อไป หากไม่มีใครเข้าใจว่าทำไมจู่ๆชูฮันถึงพูดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่เกิดขึ้นกับติงเซวที่พวกเขาเกือบลืมไปแล้ว 20 คนนั้นตายไปนานแล้วและก็คงถูกคลื่นซอมบี้ที่พัดมากลืนกินไปจนไม่เหลือแม้แต่ซากให้เห็น


 


ระหว่างเว้นช่วงพักไปครู่หนึ่ง จากนั้นเสียงของชูฮันก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้น้ำเสียงไม่มีจิตสังหารแฝงเหมือนก่อนหน้านี้ ทว่ายังคงจริงจังและผสมไปด้วยความซาบซึ้ง “มือปืนเฉินช่าวเย่ต้องลงมาจัดการความวุ่นวายและสงบสถานการณ์ลง อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาเช่นนี้เงื่อนไขต่างๆยังไม่เพียงพอ เพราะฉะนั้นรางวัลตอบแทนและคุณประโยชน์จะถูกมอบให้ภายหลัง พลตรีหลิวยู่ติงช่วยจดบันทึกลงไปด้วย”


 


หลิวยู่ติงที่ยืนอึ้งมาพักหนึ่งรีบควักปากกาขึ้นมาจดในสมุดบันทึกทันที ในขณะนี้พลตรีซึ่งเป็นเพื่อนเล่นกับชูฮันมาตั้งแต่เด็กกำลังเกิดอาการงุนงง หากเขาก็จดทุกอย่างลงไปตามที่ชูฮันสั่งและในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมก่อนหน้านี้ชูฮันถึงมอบสมุดให้เขาและบอกให้เขาพกมันไว้กับตัว


 


ผู้ชายคนนี้เตรียมพร้อมสำหรับวันแบบนี้ไว้อยู่แล้วงั้นเหรอ? มันพิเศษยังไงกัน?!


 


แต่ชูฮันต้องการจะทำอะไร?


 


เฉินช่าวเย่กลืนน้ำลายอึกด้วยเพราะเขาเกือบหลุดตะโกนขอบคุณหัวหน้าออกมาดังๆแล้ว เฉินช่างเย่ยิ้มกว้างอย่างดีใจ “ขอบคุณท่านพลเอกสิคุณภรรยา”


 


ติงเซวอยากจะกรีดร้องออกมาอย่างอัดอั้นอยู่ในอก เธอกำมือแน่น และรู้สึกอับอายอย่างถึงที่สุด


 


ในตอนนั้นเป็นอีกครั้งที่ชูฮันออกก้าวเท้าเดินอีกครั้ง ด้วยจังหวะช้าๆและเรียบนิ่งจากนั้นก็หยุดพร้อมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หลังจากที่คลื่นซอมบี้โผล่มาเรามีจำนวนทหารในกองทัพทั้งหมด 260 นาย 80 นายไม่ได้สังกัดหน่วยงานไหนหรือมีการฝึกอบรมใดๆ พวกเขาเป็นแค่คนธรรมดา ส่วนที่เหลือล้วนเป็นวิวัฒนาการและเป็นทหารจากซางจิง หากกลับทำให้วิวัฒนาการเสื่อมเสียเกียรติและสร้างความอับอายในฐานะทหารของพลเอก ฉันขอประณามการกระทำอันน่าอดสูนี่เป็นอาชญากรรมที่ต้องได้รับโทษ”


 


เสียงฝีเท้าของชูฮันดึงขึ้นอีกครั้ง ตามมาด้วยเสียงเรียบนิ่ง “ฆ่า”


หลังจากนั้นชูฮันก็ก้าวเท้าเดินต่อ ตามมาด้วยเสียงพูด ความกดดันในบรรยากาศเริ่มอัดแน่นขึ้นเรื่อยๆ หลังจากเสียงเรียบนิ่งที่พูดคำว่า ‘ฆ่า’ ออกมาทั้งพื้นก็เกิดความเงียบสงัดขึ้นอีกครั้ง


 


ทหารเจ็ดสิบกว่านายตรงหน้าชูฮันไม่มีสักคนกล้าจะปริปากออกมาหรือแม้แต่จะเงยหน้าขึ้น พวกเขาไม่รู้ว่าคำพูดต่อไปของชูฮันจะเป็นอะไรและไม่สามารถคาดเดาได้เลยสักนิด


 


“กองทัพของเรายังมีทหารเหลืออยู่อย่างเปล่าประโยชน์อีกกว่า 160 นาย ส่วนอีกหนึ่งร้อยคนกลับเชื่อฟังและเข้าร่วมการรบกับคลื่นซอมบี้ ชัยชนะของซอมบี้สามพันตัวตกเป็นของกองกำลังหนึ่งร้อยนายที่ร่วมกันต่อสู้” หลังจากพูดจบมันก็มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากของชูฮัน “คุณความดีและรางวัลตอบแทนของหนึ่งร้อยคนนี้จะได้รับการบันทึกได้และพวกเขาจะถูกส่งไปที่ค่ายเขี้ยวหมาป่าของฉันพร้อมกับเฉินช่าวเย่”


 


หลิวยู่ติงรีบยกมือที่ถือปากกาไว้ขึ้นมาจดบันทึกทันที หากจู่ๆเขาก็รู้สึกมีเรื่องข้องใจขึ้นมา เขาเองก็เป็นพลตรีและร่วมรบในสงครามครั้งนี้และเช่นกันเขาเองก็ฆ่าซอมบี้ไปหลายตัวอีกด้วย!


 


ในตอนนั้นเอง เสียงของชูฮันก็ดังต่อขึ้นมาอีก “เฉินช่าวเย่ฆ่าซอมบี้ระยะ 3 ไปหลายร้อยตัว ส่วนหลิวยู่ติงก็ฆ่าซอมบี้ระยะ 2 ไปหลายร้อยตัว จดบันทึกลงไปด้วยว่าทั้งคู่ก็ต้องไปรับคุณความดีและรางวัลตอบแทน”


 


ตาของหลิวยู่ติงเป็นประกายพลางจดบันทึกลงไปด้วยความรวดเร็ว


 


เฉินช่าวเย่จับหัวตัวเองอย่างทำอะไรไม่ถูกผสมกับเขินอายเล็กน้อย ขณะมองไปที่ติงเซวและเอ่ยสรรเสริญเธอออกมา “เพราะได้กำลังใจจากจากผู้หญิงของฉันต่างหาก ฮ่าฮ่าฮ่า!”


 


เหล่ากองกำลังอาสากว่าหนึ่งร้อยคนหัวเราะตามเฉินช่าวเย่ ในใจของทุกคนรู้สึกตื่นเต้นและภาคภูมิ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะได้รับรางวัลแต่ยังได้การยกย่องชมเชยอีก!


 


เหล่าห้าคนที่พึ่งกลับมาถึงหน้าตาซีดเซียว พวกเขามาเข้าร่วมในเวลาที่สายไปแบบนี้พวกเขาคงจะถูกเพิกเฉยอย่างแน่นอน


 


“ฉันรู้” ชูฮันพูดต่อ “มีห้าคนที่เข้าร่วมสงครามได้เพียงครึ่งทาง ถึงแม้มีเขาจะมีสติเมื่อตอนที่สายไปแต่มันยังไม่ถือว่าสิ้นหวัง มันอาจไม่มีรางวัลตอบแทนแต่พวกเขาจะได้รับการจดบันทึกไว้”


 


ฟรึบ!


หลิวยู่ติงจดลงด้วยความรวดเร็วตามคำพูดของชูฮันทุกคำ


 


หลี่บี๋เฟิงและพรรคพวกที่รวมกันห้าคนซึ่งยืนนิ่งกันเป็นเวลานานเงยหน้ามองชูฮันด้วยความตะลึงผสมกับความกลัว บอกตามตรงพวกเขาไม่คิดเลยว่าชูฮันคือพลเอกจริงๆสำหรับพวกเขา อย่างมากที่สุดก็คือนับถือว่าเป็นคนที่เก่งกาจและทรงพลังในการสู้รบกับซอมบี้อย่างมาก ชายหนุ่มแข็งแกร่งและน่าเกรงขาม หากคำว่าพลเอกนั่นสูงเกินไปสำหรับเขาคนนี้


 


หากตอนนี้ตั้งแต่การจัดการคลื่นซอมบี้อย่างเรียบง่ายและสวยงามจนสิ้นสุดลง ขณะที่ชูฮันกำลังยืนพูดต่อหน้าทุกคนในอตนนี้ไม่มีใครกล้าที่ขัดขึ้นมา รวมถึงหลี่บี๋เฟิง เฉินช่าวเย่ หลิวยู่ติง แม้แต่ทหารจากซางจิงกว่าเจ็ดสิบนายที่ไม่ได้รับการจดบันทึกจากชูฮันก็ต้องประหลาดใจกับผู้ชายที่ยืนอยู่ต่อหน้าคนนี้


 


ทำผิด ถูกตัดสินทำโทษ


 


ทรงพลัง ได้รับผลตอบแทน


 


พลเอกที่อายุน้อยที่สุดของจีน!

 

 

 


ตอนที่ 453

 

ทั้งห้าคนที่พึ่งเข้าร่วมมาทีหลังไม่มีอะไรจะพูด การตัดสินใจของชูฮันถือว่าเมตตาต่อพวกเขามากแล้ว ในตอนนั้นชูฮันสั่งการให้ล้อมวงเพื่อฆ่าซอมบี้ ดังนั้นห้าคนที่เข้าร่วมในภายหลังไม่มีอะไรจะพูด การตัดสินใจของชูฮันนั้นถือใจดีมากจริงๆแล้ว


 


หลังจากออกคำสั่งไป ชูฮันก็มองไปที่หลี่บี๋เฟิงและทั้งห้าอย่างจริงจังเป็นครั้งแรก


 


“พวกคุณห้าคน ชื่อ ระยะวิวัฒนาการหรือพรสวรรค์ รายงานมา” เสียงของชูฮันดังขึ้นด้วยอำนาจกดดันที่แฝงมา


 


ทั้งห้าคนตะลึงงันเพราะไม่คิดว่าชูฮันยังจะให้โอกาสพวกเขาอีก และจู่ๆการที่ชูฮันหันมาถามข้อมูลของพวกเขาอย่างไวนั่นทำให้พวกเขาตั้งตัวไม่ทันโดยเฉพาะหลี่บี๋เฟิง แต่ทันทีที่ได้สติหลี่บี๋เฟิงก็รีบหันไปตอบคำถามของชูฮันทันทีเป็นคนแรก


 


“หลี่บี๋เฟิง พึ่งยกระดับขึ้นมาเมื่อยี่สิบนาทีที่แล้ว ตอนนี้อยู่ที่วิวัฒนาการระยะ 4!”


 


“เหลียงยงฮ่าว วิวัฒนาการระยะ 3!”


 


“หลูเหวินเชิง พึ่งยกระดับขึ้นมาเมื่อยี่สิบนาทีที่แล้ว ตอนนี้อยู่ที่พรสวรรค์ระยะ 4!”


 


“หวังหลิง พรสวรรค์ระยะ 3!”


“เหล่ยเซอ พรสวรรค์ระยะ 3!”


ด้วยการพูดเปิดของทั้งห้าคน ทุกคนที่ได้ยินต่างถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ทั้งหมดห้าคนนี้ต่างเป็นวิวัฒนาการหรือพรสวรรค์ระยะ 3 ขึ้นไปหมด    แถมอีกสองคนยังพึ่งยกระดับขึ้นไปที่ระยะ 4 เมื่อยี่สิบนาทีที่แล้วด้วย


 


ไม่แปลกใจเลยที่ห้าคนนี้กล้าที่จะแยกตัวไปจัดการกับซอมบี้ระยะ 4!


ชูฮันกวาดสายตามองหน้าของทั้งห้าคนหากเขาไม่ได้แสดงความตกใจออกมาเหมือนกับคนอื่น เขารู้ดีว่าห้าคนนี้แข็งแกร่งกว่าคนอื่นๆ แต่พวกคนพวกนี้ก็แค่แข็งแกร่งเท่านั้น หนทางในการจะแข็งแกร่งยิ่งกว่านี้ยังอีกยาวไกล


 


“หลี่บี๋เฟิง เหลียงยงฮ่าว หลูเหวินเชิง หวังหลิง เหล่ยเซอ ฆ่าซอมบี้ระยะ 4 ให้ขึ้นตำแหน่งให้ทุกคนพร้อมกับให้รางวัลตอบแทน จดบันทึกลงไปด้วย”


 


วิวัฒนาการและพรสวรรค์ระดับสูงทั้งห้าคนร่วมกันฆ่าซอมบี้ระยะ 4 ได้จึงได้เลื่อนอันดับตำแหน่ง


 


ฟรึบ!


หลิวยู่ติงรีบจดบันทึกทันทีพร้อมกับในใจที่รู้สึกชื่นชมชูฮันไปด้วย หลี่บี๋เฟิงและพรรคพวกทั้งห้าคนเกือบจะถูกเลือมลืนไปแล้วด้วยสถิติการฆ่าซอมบี้ระยะ 4 สองตัวด้วยตัวคนเดียวของชูฮัน ทำให้ทุกคนมองเมินทั้งห้าคนนั้นไป หากชูฮันกลับยังไม่ลืมและยังให้เกียรติทั้งห้าคนอีก


 


ทั้งห้าคนได้แต่ถามตัวเองว่ามันเป็นไปได้มั้ยที่จะมีคนทำได้มากกว่าชูฮัน!?


 


ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจแล้ว ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมซางจิงต้องกดดันอย่างมากเพื่อให้ชูฮันได้ขึ้นเป็นพลเอก คนที่พิเศษอย่างชูฮันไม่สามารถหาได้อีกแล้ว


 


ชูฮันได้สร้างความประหลาดใจและความน่าเหลือเชื่อแก่ทุกคน เมื่อตอนที่อยู่ซางจิงภายในเมืองชั้นในที่มีแต่เรื่องสับสนอลหม่านวุ่นวายในห้องประชุมซึ่งเกิดจากฝีมือของพลเอกหนุ่ม จนทุกคนได้ตั้งแต่คำถามว่าเราจะต้องเคารพและเชื่อฟังคนแบบนี้เหรอ?


 


มีเพียงเฉินช่าวเย่ที่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ขนาดหันไปมองหน้าติงเซวพร้อมกับรอยยิ้มล้อเลียน พลางคิดว่าหัวหน้าของเขาสุดยอดที่สุดแล้ว


 


ในเหล่ามนุษย์ด้วยกัน ไม่มีใครเทียบเท่าหัวหน้าของเขาอีกแล้ว


 


เหล่าคนทำผิดก็โดนลงโทษตายกันหมดแล้ว ส่วนคนที่ทำการต่อสู้ก็ได้รับการลงบันทึกไว้แล้ว


 


ชูฮันหมุนตัวกลับ มันมีรอยยิ้มที่แฝงด้วยนัยนะบางอย่างที่มุมปากของเขาและยังคงก้าวเดินเป็นจังหวะคุกคามต่อไป จากนั้นก็เอ่ยปากขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดังพอให้ทุกคนได้ยิน “ส่วนพวกคุณที่เหลือ 70 คน ไม่เพียงแต่จะไม่ต่อสู้แล้วแต่ยังทิ้งผองเพื่อนที่กำลังต่อสู้อยู่หนีไปอีก ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือจำนวนผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก มันคือการกระทำที่น่าละอาย เป็นการดูถูกตราตำแหน่งบนหน้าอกพวกคุณ ในฐานะวิวัฒนาการอีกทั้งเป็นทหารของซางจิงซึ่งเป็นกองกำลังพิเศษและทรงคุณค่า การกระทำของคุณมันน่าอับอายที่สุด!”


 


ทุกคนได้แต่กรีดร้องอยู่ในอก พวกเขาหันหลังและเห็นแก่ตัวจริงๆ ในตอนแรกพวกเขาไม่คิดว่าชูฮันจะแข็งแกร่งได้ขนาดนี้


 


หลิวยู่ติงชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็รีบจดบันทึกคำพูดของชูฮัน


 


ทหารกว่าเจ็ดสิบนายยังคงยืนนิ่งเงียบ “และนายซึ่งเป็นร้อยโทและวิวัฒนาการระยะ 3 พาทหารหนีออกไปจากพวกเฉินเสี้ยนกาวปล่อยให้พวกเขาเผชิญหน้าฝูงซอมบี้เพียงลำพังกันเอง อีกทั้งเมื่อตอนที่ฉันสั่งให้ล้อมวงเพื่อล้อมฆ่าซอมบี้ยังมาเยาะเย้ยกลยุทธ์ของฉันอีก ในสนามรบห้ามสงสัยหรือขัดข้องในคำสั่งของฉันไม่อย่างนั้นมันจะนำไปสู่หายนะและจะนำไปสู่การใช้ทรัพยากรอาวุธและกระสุนอย่างสิ้นเปลืองมหาศาลโดยเปล่าประโยชน์”


 


ร้อยโทที่ยืนอยู่ต่อหน้าชูฮันกลัวจนเหงื่อตก เงยหน้ามองชูฮันด้วยความกลัวพยายามขยับปากจะพูดหากพูดอะไรไม่ออกสักคำ ผู้หมวดหนุ่มยืนอยู่หน้าชูฮันจนเหงื่อเริ่มซึมออก…เขาไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะโดนชูฮันข่มได้ขนาดนี้


 


มันเป็นไปได้ยังไง? ชูฮันไม่ได้ออกจากรถมาตั้งแต่ไม่ใช่เหรอไง? ชูฮันรู้ได้ยังไงว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง?


 


ชูฮันมีรอยยิ้มเย้ยหยัน ตามมาด้วยสายตาที่แสดงออกว่ารู้ทัน


 


“โทษคือตาย!”


“เฮือก!!!”


วิวัฒนาการระยะ 3 ตะลึงค้าง เหงื่อแตกซึมตรงหน้าผาก แววตาอึ้งมองมาที่ชูฮันค้าง ชูฮันไม่ลังเลเลยสักนิดหรือไง? ชูฮันพึ่งจะพูดว่าตาย ฆ่าเขา?


 


วิวัฒนาการคนอื่นๆที่ยืนอยู่รอบร้อยโทคนนี้ก็ต่างตกใจมากกันหมด นี้มันหมายความว่ายังไง? พวกเขาไม่ใช่แค่วิวัฒนาการทั่วไปแต่เป็นทหารของซางจิง แล้วชูฮันจะมาสั่งลงโทษตายพวกเขาได้ยังไง?!


 


ทุกคนกำลังจะโต้แย้งขึ้นหากมันสายไปแล้ว


 


พัฟ!


 


ทันใดนั้นก็มีประกายวาววับของขวานยักษ์สีดำสะท้อนขึ้นมาตามมาเลือดสีแดงสดที่กระเซ็น


 


กึก!


เสียงหัวที่ถูกตัดกลิ้งหลุนๆไปกับพื้น มันคือหัวของร้อยโทวิวัฒนาการระยะ 3 ที่ถูกตัดขาด สีหน้ายังคงค้างด้วยความหวาดกลัวและตกใจไว้กลิ้งเลอะไปกับพิ้นที่นองไปเลือดสีแดงสด


 


ชูฮันปาดเลือดที่เลอะบนขวานซิ่วโหลออกและไม่ลังเลที่จะดำเนินการต่อ ภายในพริบตาเดียวชูฮันก็มายืนต่อหน้าคนต่อไปแล้ว


 


“นาย! วิวัฒนาการระยะ 2 ตำแหน่งสิบเอก พลักเพื่อนทหารด้วยกันออกจากรถให้ซอมบี้ที่กำลังจะกัดนายกัดเพื่อนทหารแทน”


“โทษคือตาย!”


พัฟ!


 


“นาย! วิวัฒนาการระยะ 1 สิบโท…โทษคือตาย!”


พัฟ!


 


“นาย! พรสวรรค์ระยะ 1 …โทษคือตาย!”

 

 

 


ตอนที่ 454

 

ความเร็วในการพูดและฆ่าอย่างรวดเร็วของชูฮันทำให้ทุกคนไม่มีจังหวพทันได้ตอบสนองอะไรจึงได้แต่ยืนนิ่งอึ้ง ชูฮันได้ทำการฟันหัวคนไปแล้ว 10 หัวแล้วเรียบร้อย ฝีมือการฟันอย่างประณีตและคมกริบ และทุกๆครั้งที่เขาฆ่านั่นเขาสามารถรายงานตำแหน่งและระยะวิวัฒนาการของคนคนนั้นได้หมดรวมถึงความผิดของแต่ละคนด้วย


 


มีแต่เสียงลงขวาน ตัดหัว และเลือดที่สาดกระเซ็นดังขึ้นมา ท่ามกลางความเงียบสงบที่ทั้งตกใจและหวาดกลัวของทุกคนที่ดังต่อเนื่องไม่หยุด ชูฮันยังคงไม่หยุดและทุกครั้งที่เขาเดินมาหยุดต่อหน้าแต่ละคน มันจะมาพร้อมกับพายุรุนแรงที่โหมกระหน่ำมาอย่างไม่ลังเล


 


ไม่นานทั้งพื้นก็เจิ่งนองไปด้วยเลือดสีแดงสดและกระโหลกที่กลิ้งหลุนๆไปมา ไม่ต่างกับโรงฆ่า


 


ความช็อคฉายชัดอยู่บนสีหน้าของทุกคน หลังจากชูฮันไล่พูดลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกอย่างในวันนี้จนหมด เขาก็เริ่มทำการสังหารหมู่ทันที


 


ภายในเวลาเพียงแค่หนึ่งนาที คนมากกว่าสิบคนตายไปแล้วเรียบร้อย  เหล่าทหารวิวัฒนาการทั้งหลายเต็มไปด้วยความกลัวที่ไม่รู้จบ บางคนเริ่มหวาดกลัวจนหลอนและบางคนก็กลัวจนตัวสั่นลงไปนั่งที่พื้น หากยังคงเต็มไปด้วยเสียงต่อว่าและคำถามที่ไล่ออกมาไม่หยุด


 


“ไปตายซะ! แม่แกสิ! ไอ้ชูฮัน!” “เขาเป็นบ้าไปแล้ว! นี้มันคนบ้า!” “แกไม่มีสิทธิทำแบบนี้? พวกเราไม่ใช่คนธรรมดา—-“


 


พัฟ!


เสียงของเลือดจากนายทหารที่กำลังพูดอยู่พุ่งกระเซ็นออกมาทั้งๆที่นายทหารคนนี้ยังพูดไม่ทันจบด้วยซ้ำ เกิดความตระหนกและวิตกกังวลครอบคลุมในหัวใจของทุกคน


 


ขวานซิ่วโหลถูกตวัดกลับมาตามมาด้วยเลือดที่กระเซ็นตามขวาน เสียงของชูฮันทั้งเย็นชาและไร้ความปราณี “ตาย…นี่แหละคือเหตุผล”


 


“ปัง!” ทันใดนั้นก็มีเสียงหัวเข่ากระแทกกับพื้นอย่างแรงดังขึ้นตรงหน้าชูฮัน หน้าผากของนายทหารคนนั้นกระแทกลงกับพื้นอย่างสิ้นหวังตามมาด้วยเสียงอ้อนวอนและเลือดที่กระอักออกมาจากปาก “อึก! ท่านพลเอกคือยอดชาย ผมไม่ได้ตั้งใจครับ ผมไม่กล้าจะทำอีกแล้ว ได้โปรดให้โอกาสผมสักครั้งเถอะครับ ผม——“


 


พัฟ!


ฉันยกโทษให้…ตายซะ!


 


ทันใดนั้นก็มีเสียงของคนหนึ่งกรีดร้องขึ้นมาตรงทางออก “ไอ้เหี้ยชูฮัน! ชาติหมา! มึง! กู—–“


 


พัฟ!


 


ฆ่าอีกครั้ง!


 


เสียงของชูฮันราวกับปีศาจโหดเหี้ยม “ดูถูกพลเอก โทษคือตาย”


 


พัฟ!


 


“ถอยหนีโดยไม่ต่อสู้ โทษตาย” ตามมาด้วยเสียงกระโหลกที่ถูกตัดออกจากร่าง เช่นเดียวกับน้ำเสียงที่ไม่แสดงถึงความแยแสเลยสักนิดของชูฮัน พื้นเจิ่งนองไปด้วยเลือด มีกระโหลกของมนุษย์อยู่ทุกที่และร่างที่ไร้หัวเต็มไปหมด


 


ผู้คนมากกว่าร้อยที่อยู่ด้านหลังของกลุ่มทหารจากซางจิงเองก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัวเช่นกัน ถึงแม้ชูฮันจะไม่ได้ทำอะไรพวกเขา ทว่าภาพที่เห็นตรงหน้าก็ยังสร้างความหวาดกลัวในใจของพวกเขาทุกคน โดยเฉพาะกลุ่มห้าคนของหลี่บี๋เฟิงที่ในใจเต็มไปด้วยความวิตกและดีใจผสมกัน…ถ้าพวกเขาไม่เปลี่ยนใจทันขึ้นมาละก็ งั้นหนึ่งในที่ชูฮันฆ่าก็คงจะมีพวกเขาอยู่อย่างแน่นอน


 


โชคยังดีที่พวกเขารู้สึกได้ถึงความผิดชอบชั่วดี แต่พวกเขาเชื่อแล้วว่าพลเอกชูฮันเป็นอย่างที่ข่าวลือว่าไว้จริงๆ…อวดดีและจองหอง แถมยังฆ่ามนุษย์กันเอง!


 


หลี่บี๋เฟิงและนายทหารทั้งห้าได้แต่ยืนนิ่งงันอย่างคนโง่เป็นเวลานาน เดิมจากวิวัฒนาการผู้ทรงพลังจนมาถึงพลเอกอย่างแท้จริง และในตอนนี้ก็กลายเป็นฆาตรกรสังหารหมู่ไปแล้ว พฤติกรรมและการกระทำของชูฮันที่ดำเนินไปเรื่อยๆทำให้พวกเขาทำอะไรไม่ถูก


 


หลิวยู่ติงกลัวจนแทบจะทำสมุดบันทึกหลุดจากมือ สายตาจ้องไปที่ชูฮันอย่างตะลึงงันขณะรู้สึกแปลกๆ…เขารู้ว่าจริงๆแล้วชูฮันเป็นคนยังไง และเขาเองก็รู้ว่าภายในของชูฮันจริงๆแล้วเป็นคนรุนแรง แต่เขาไม่รู้เลยจริงๆว่าชูฮันจะสามารถฆ่าคนตายได้อย่างง่ายๆแบบนี้


 


ถึงแม้ความผิดของคนพวกนี้จะมากพอสำหรับโทษตาย แต่ชูฮันตั้งใจจะฆ่ากลุ่มทหารนั่นหมดเลยเหรอไง? นี้มันคือเจ็ดสิบชีวิตของมนุษย์ ไม่ใช่ซอมบี้เจ็ดสิบตัวหรือลูกผสม!


 


เฉินช่าวเย่ยังไม่กระจ่าง ไม่เหมือนกับคนอื่น…เขาไม่ได้รู้สึกผิดกับการฆ่ามนุษย์ด้วยกันเพราะมันไม่เหมือนกับที่ชูฮันสอนเข้าตั้งแต่เกิดการปะทุแรกๆ…อย่าฆ่าแล้วเก็บเหยื่อไว้ใช้ในอนาคต? นั่นคือสิ่งที่หัวหน้าเขามักทำเสมอ สายตาที่ชาญฉลาดของเฉินช่าวเย่สามารถมองเห็นได้ถึงปัญหาที่แท้จริง


 


หากเฉินช่าวเย่ก็ยังคิดไม่ตก เพราะมันเป็นโทษและความผิดตั้งแต่แกรเริ่มจนจบ ทำไมหัวหน้าถึงรายงานความผิดของทุกคนก่อนจะฆ่า? ต้องการหาเหตุผลเพื่อปลอบใจที่จะฆ่า? ไม่…หัวหน้าไม่ใช่คนมีความคิดน่าเบื่อแบบนี้


 


“รีบเร็ว! วิ่ง!”  เกิดเสียงดังกึกก้องขึ้นในหมู่เหล่าทหารจากซางจิง


 


ทันใดนั้นกลุ่มทหารก็แตกกระจายไปทั่วทุกทิศทาง ขณะวิ่งหนีกันกระเจิงก็ยังไม่ลืมจะหันมาก่นด่าชูฮันกันอีก


 


“ชูฮัน รอถึงทีของกูก่อนเถอะ!” “เมื่อไหร่ที่กูไปถึงวิวัฒนาการระยะ 4 กูจะจัดการมึงไม่ให้เหลือซาก!”


 


“มึงเป็นบ้าอะไร? มึงรอเจอพวกกูที่ซางจิงก่อนเถอะ กูจะไปเรียกคนมาจัดการกับมึง!”


 


“วิวัฒนาการจากซางจิงถูกสังหารหมู่ ชูฮัน แกตายแน่ รอคอยโทษประหารได้เลย!”


 


สถานการณ์เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นความโกลาหล เหล่าคนที่อยู่ด้านหลังอย่างหลิวยู่ติง เฉินเสี้ยนกาวและหลี่บี๋เฟิงต่างยืนค้างกันหมด ตั้งแต่การประกาศคุณงามความดีและมอบรางวัลให้ไปสู่การฆาตรกรรม จากนั้นก็มีกลุ่มคนหลบหนีแตกกระเจิง ทุกอย่างมันเกินกว่าจะคาดได้ถึง


 


ส่วนคนที่ลงมือสังหารอย่างชูฮันกลับมีสีหน้าทื่อๆ ขณะที่ขวานซิ่วโหลเปล่งลำแสงสีดำและทิ้งร่องรอยไว้ในอากาศตามจุดที่มันฟาดฟัน


 


“เฉินช่าวเย่ จัดการ!” ด้วยเสียงคำสั่งของชูฮัน


 


ปัง! ปัง! ปัง!


 


เสียงรัวกระสุนดังขึ้นทันทีที่เสียงคำสั่งของชูฮันเอ่ยออกมา ร่างของเหล่าทหารวิวัฒนาการที่กำลังวิ่งหนีอยู่ ค่อยๆร่วงไปกับพื้นทีละคนๆ


 


เฉินช่าวเย่ยิงจนกระสุนหมดแม็ก จากนั้นก็วางปืนลงเพื่อเปลี่ยนแม็กกระสุนขณะยังคงอยู่บนหลังคารถ ติงเซวหันมาดูเฉินช่าวเย่ คำสั่งจากชูฮันนั้นไม่อาจคาดการณ์ได้ แต่ความเร็วในการยิงของเฉินช่าวเย่นั้นรวดเร็วยิ่งกว่า


 


และเมื่อมองไปข้างหน้าอีกครั้ง นอกเหนือจากชูฮัน ทุกคนหายไปไหนกันหมด?


 


ทุกคนตายหมดแล้ว! อึก! อึก!


 


เสียงน้ำลายกลืนอึกอย่างเบาๆดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ มากกว่าร้อยคนที่ยืนอยู่กลัวเกินกว่าจะกล้าขยับตัว แม้พวกเขาจะรู้ดีอยู่แก่ใจว่าปัญหานั้นจบลงไปแล้ว และรู้ว่าชูฮันจะไม่ฆ่าพวกเขา ทว่าพวกเขาก็ยังคงไม่กล้าจะขยับตัวอยู่ดี


 


วันนี้ชูฮันได้มอบการฆ่าที่แท้จริงให้แก่พวกเขาและยังมอบบทเรียนอันตื่นเต้นให้ …คนแบบไหนถึงจะได้คุณงามความดีและรางวัล และคนแบบไหนที่ควรจะโดนโทษประหาร


 


ไม่มีใครในที่นี้สับสนและไม่เข้าใจอีก!


 


ในขณะที่ถนนทั้งเส้นกำลังเงียบสงัดและทุกคนพยายามอย่างมากที่จะระวังเสียงลมหายใจของตัวเอง เสียงเยือกเย็นของชูฮันก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง


 


“แยกตัวออกไปจากกองทหารของตัวเองโดยไม่ได้รับอนุญาต…โทษประหารชีวิต”


 


“เฮือก!”


จังหวะการเต้นหัวใจของทุกคนพลันหยุดชะงักทันที พลางเหลือบมองไปที่ชูฮัน ถึงแม้จะมองเห็นเพียงแค่แผ่นหลัง ทว่าพวกเขากลับสัมผัสได้ถึงพลังกดดันสูงแล้ว


 


การตัดสินแห่งความเป็นความตาย!


 


ณ ตอนนี้พลังอำนาจและความแข็งแกร่งของชูฮันเองก็ไต่มาถึงระดับสูงสุดเช่นกัน เขาแสดงให้ทุกคนเห็นถึงกฏระเบียบของกองทัพและกฏระเบียบส่วนตัวของเขา เฉินช่าวเย่ที่เก็บปืนลงไปในถุง พร้อมกับมีความสงสัยอยู่ข้างในใจลึกๆ หากมันเป็นเพียงแค่ชั่วแวบเดียวเท่านั้น อย่างไรก็ตาม…หัวหน้าทำทุกอย่างอย่างมีเหตุผลเสมอ เขาไม่จำเป็นต้องคิดอะไรมาก

 

 

 


ตอนที่ 455

 

หลังจากจบทุกอย่างลง ทุกคนก็ออกจากที่ตรงนี้ไปทันที ถนนทั้งเส้นอัดแน่นไปด้วยซากศพของซอมบี้และมนุษย์บางส่วนที่กระจัดกระจายเต็มพื้นไปหมด รวมถึงรถจี๊ป 20 คันที่ถูกทำลายจนพังหมดตั้งแต่ก่อนหน้านี้ ในตอนนี้ชูฮันเหลือเพียงแค่รถจี๊ปสองคันเท่านั้นที่ได้มาจากแผนกโลจิสติกส์ที่ยังคงเหลือใช้งานอยู่


 


รถทั้งสองคนถูกชูฮันสั่งให้ขนข้าวของอุปกรณ์อาหารทั้งหมดขึ้นไปไว้บนรถ ส่วนคนที่เหลือร้อยกว่าคนต้องเดินเท้ากันไป


 


การออกเดินทางต่อทันทีหลังจากการต่อสู้ที่จบลงทำให้ทุกคนแทบจะต้องกัดปากอดทนสู้ด้วยความเหนื่อยล้าสุดขีด หากเป็นเพราะว่าคลื่นซอมบี้ที่ปะทุออกมาก่อนหน้านี้ไม่ใช่ขนาดเล็กๆ ใครจะรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ถ้าพวกเขาไม่รีบออกเดินทางต่อ


 


บนถนนตลอดทางเงียบสนิทมีเพียงแต่เสียงฝีเท้าของทุกคนให้ได้ยิน หลิวยู่ติงเดินอยู่ข้างชูฮัน


 


“ฉันไม่เข้าใจ” หลิวยู่ติงที่ครุ่นคิดมาตลอดในที่สุดก็ต้องหาทางออกให้ตัวเองเพราะทนต่อความสงสัยไม่ไหว เขาหันมามองชูฮันและถามขึ้น “กลุ่มคนที่นายต้องการจะฆ่า ทำไมนายต้องเสียน้ำลายไล่บอกความผิดต่อหน้าพวกมันก่อนจะฆ่าด้วย?”


 


เฉินช่าวเย่ที่ยืนถัดไปพร้อมกับแทะขาไก่ในมือกินเองก็ฉุกคิดขึ้นมาเช่นกัน เนื่องจากเขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน!


 


“เดินอยู่ข้างๆนั่นแหละ แล้วกินให้น้อยลงหน่อย! อาหารส่วนใหญ่ของพวกเราลงไปอยู่ในกระเพาะของนายหมดแล้ว!” ตอนนี้หลิวยู่ติงที่ค่อนข้างเริ่มคุ้นเคยกับเฉินช่าวเย่มากขึ้นแล้ว มันจึงช่องว่างระหว่างตำแหน่งสูงและต่ำของกันและกัน ถือเป็นเรื่องเอือมระอาสำหรับหลิวยู่ติงด้วยซ้ำที่เฉินช่าวเย่เอาแต่กินตลอดทั้งวันไม่หยุด


 


“ช่างสิ เรามีของเยอะแยะ ฉันแค่พยายามจะช่วยลดน้ำหนักที่รถสองคันต้องแบกอยู่ต่างหาก” เฉินช่าวเย่เถียงแก้มแดงด้วยความอาย


 


ตาของหลิวยู่ติงและเฉินช่าวเย่หม่นลงอย่างสงสัย ทำไมชูฮันถึงต้องพูดอธิบายต่อหน้าคนพวกนั้นก่อนจะฆ่า เพื่อบอกคนพวกนั้นว่าพวกเขาไร้ประโยชน์และพาไปนรกเพื่อสารภาพบาปงั้นเหรอ?


 


ชูฮันยังคงเดินเท้าต่อไป พลางมองไปที่ฟ้าที่กำลังเริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำ จากนั้นก็หันไปกวาดสายตามองคนร้อยกว่าคน “ฉันพูดให้คนที่มีชีวิตอยู่ฟัง”


 


หลิวยู่ติงและเฉินช่าวเย่หยุดชะงักทันที สำหรับเฉินช่าวเย่ที่แต่เดิมเขาเป็นคนไม่คิดอะไรมาก เขาเพียงแค่ต้องการติดตามชูฮันและมีอาหารให้เขากินต่อไป เรื่องอื่นเฉินช่าวเย่ไม่สนใจจะฟัง แต่เมื่อได้ยินชูฮันพูดแบบนี้มันจึงกลายเป็นเรื่องกวนใจให้เขาอยากรู้ขึ้นมาเล็กน้อย


 


ทว่าหลิวยู่ติงซึ่งเป็นคนคิดมาก เมื่อได้ยินชูฮันพูดแบบนี้เขาจึงชะงักไปทันที


 


“นี่คือการเตือนใช่มั้ย?!” นี่คือเหตุผลเดียวที่หลิวยู่ติงคิดออก


 


“ฮัวหมิง หลี่ซิงยู กูเหลียงเฉิน” ชูฮันค่อยๆร่ายรายชื่อออกมาสามชื่ออย่างช้าๆ “ฉันให้ความสนใจสามคนนี้โดยเฉพาะ” “เอ่อ….” เมื่อได้ยินขื่อแปลกๆทั้งสามชื่อ หลิวยู่ติงจิงมีปฏิกิริยาตอบสนอง “สามชื่อนี้มันคืออะไรกัน?”


 


เฉินช่าวเย่เองก็ขมวดคิ้ว “ความจริงแล้วฉันรู้จักทหารทั้งยี่สิบนายจากทั้งหมดนั่นดี แต่ฉันไม่รู้จักสามชื่อนี้ ฉันไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนเลย แต่หัวหน้า…เอ่อ คนพวกนี้ หัวหน้าช่วยบอกเหตุผลหน่อย?”


 


“หลบไป!” หลิวยู่ติงไล่เฉินช่าวเย่ไปให้พ้นทาง


 


ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาสรรเสริญกันอย่างหูดับตาบอด เขารู้จักชูฮันมายี่สิบปี เขารู้ดีว่าชูฮันไม่มีทางพูดชื่อสามชื่อนี้ออกมาอย่างไม่มีเหตุผล ในเมื่อชูฮันพูดชื่อสามคนนี้ออกมาอย่างเจาะจงแสดงว่าทั้งสามคนนี้จะต้องมีปัญหาบางอย่างอย่างแน่นอน!


 


ชูฮันเพียงแค่ยิ้มและไม่ได้พูดอะไร ฮัวหมิง หลี่ซิงยู และกูเหลียงเฉิน ชูฮันไม่รู้จักทั้งสามคนนี้ มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะจำชื่อคนหนึ่งร้อยสิบคนที่มีชีวิตอยู่ได้ แต่เขารู้ว่าสามคนนี้อยู่ด้านหน้าท่ามกลางทั้งทีมหนึ่งร้อยสิบคน


 


พวกเขาหลบซ่อนมามากพอแล้ว!


 


ห้าวันต่อมา


 


พวกเขาจากซางจิงมาไกลมากแล้วและถนนก็ยิ่งเดินทางยากลำบากขึ้นเรื่อยๆ อุณหภูมิท่ามกลางป่าในฤดูหนาวต่ำมาก อีกทั้งมันพึ่งแค่ผ่านมาห้าวันเท่านั้นกับพายุหิมะ ทว่าทุกกลับพบว่ามันยากลำบากที่จะเดินบนหิมะต่อไปแล้ว


 


ลมพายุหิมะพัดพาหิมะลงคลุมปิดเส้นทางเดินตลอดทาง แต่ละก้าวที่ก้าวเดินเท้าของทุกคนมักจะจมลึกลงไปในหิมะจนแทบถึงเข่า ซึ่งมันยากลำบากมากสำหรับทุกคนที่จะเดินฝ่าหิมะชั้นหนาขนาดนี้ไปได้ ไม่มีใครรู้ว่าควรจะทำอย่างไร รถจี๊ปสองคันถูกหิมะคลุมจนมองไม่เห็นล้อรถไปแล้ว


 


ต้องขอบคุณความช่วยเหลือของเฉินช่าวเย่และหวังไค ที่ทำให้วัตถุดิบอาหารต่างๆในรถนั้นลดปริมาณด้วยอัตราความเร็วที่น่าเหลือเชื่อจนมันไม่น่าจะมีอาหารพอสำหรับทุกคนจนไปถึงค่ายของชูฮัน


 


“ท่านครับ”


 


ขณะที่ชูฮันเดินตามทางลาดลงไปเรื่อยๆ จู่ๆก็มีคนหนึ่งวิ่งหน้าตั้งเข้ามาหาชูฮันอย่างวิตกกังวล “มันไม่มีทางข้างหน้าแล้วครับ!”


 


ชูฮันขมวดคิ้ว ไม่มีถนนอะไร? “พาฉันไปดูสิ”


 


ทุกอย่างขาวโพลนไปด้วยหิมะสีขาวปประกอบกับรถจี๊ปทั้งสองคันอยู่ในสภาพกึ่งใช้งานได้กึ่งพัง ถ้าไม่ใช่เพราะข้างในขนของและอาหารต่างๆอยู่ละก็ชูฮันอยากจะสั่งให้ทิ้งรถไปเลยซะด้วยซ้ำ


 


มองไปที่แถวหน้า ทุกคนในทีมต่างมีสภาพซบเซาและอ่อนล้าอย่างเห็นได้ชัด และในที่สุดชูฮันก็เข้าใจความหมายของคำว่า ‘ไม่มีทาง’ ที่คนคนนั้นรายงานมา


 


รอยแตกขนาดใหญ่ลัดเลาะตามกึ่งกลางของถนนลึกลงไปราวกับก้นบึ้งเหวลึก ส่วนฝั่งตรงข้ามที่แยกตัวขนานออกไปก็อยู่ห่างออกไปสิบเมตร รอยแตกนั้นทั้งกว้างและยาวเป็นแนวตลอดทั้งสองฝั่ง แม้แต่ชูฮันซึ่งมีวิสัยทัศน์ของวิวัฒนาการระยะ 4 ยังไม่สามารถมองเห็นได้เลยว่าจุกสิ้นสุดของรอยแตกอยู่ตรงไหน?


 


พวกเขาถูกกั้นไว้อย่างสิ้นเชิงแล้ว มันไม่มีสะพาน พวกเขาข้ามไปไม่ได้!


“เป็นความผิดพลาดที่เกิดจากแผ่นดินไหว? หรือว่าแม่น้ำแห้งกัน?” หลิวยู่ติงเองก็มองไปที่ภาพตรงหน้าเช่นกันอย่างสงสัย


 


ชูฮันก้าวเท้าพาตัวเองออกมาจากกองหิมะ นิ้วสัมผัสเข้าที่รอยแตกของหน้าผาพลางย่นคิ้วจนรอยย่นที่หน้าผากเริ่มแน่นตัวขึ้น ถึงแม้ว่ามันจะเหลือเชื่อแต่รอยแตกนี้ไม่ได้เกิดจากภัยธรรมชาติ


 


“เอาแผนที่ออกมา”


หลิวยู่ติงรีบหยิบเอาแผนที่จากตรงแขนเขาส่งมาให้ชูฮันทันที


 


ชูฮันกางแผนที่ออกและเริ่มมองหาตำแหน่งที่ตั้งของพวกเขาในตอนนี้บนแผนที่


 


“บนถนนเส้นนี้” หลิวยู่ติงชี้บอก


 


“ถ้าพวกเราไม่ข้ามไปก็ต้องอ้อมภูเขา” หลังจากชูฮันพูดจบ เขาก็เงยหน้าขึ้นมองภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะหนาทางด้านซ้าย


 


ถนนภูเขาเส้นนี้ล้อมรอบไปด้วยภูเขาซึ่งเป็นเส้นทางที่ใกล้ที่สุดที่จะเดินทางไปเมืองอันลู ทว่าเขาไม่คาดเลยว่าถนนเส้นนี้จะถูกทำลายอย่างสิ้นเชิงอีกทั้งยังไม่รู้ด้วยว่าสาเหตุของถนนที่แตกนั้นเกิดจากอะไร ในตอนนี้ถ้าต้องการจะไปที่ค่ายเขี้ยวหมาป่าและไม่ต้องการย้อนเส้นทางกลับไปมันมีเพียงแค่ทางเดียวเท่านั้นคือฝ่าภูเขาไป


 


“ข้ามภูเขาไป” เฉินเสี้ยนกาวเสนอขึ้นมา “เราเดินทางมาไกลแล้วถึงห้าวัน ถ้าจะให้เดินอ้อมและหรือหาเส้นทางอื่นแทน มันก็อาจนำพาเราไปสู่อุปสรรคอื่นๆได้เหมือนกัน”


 


“ฉันเองก็เสนอให้ปีนภูเขาไปเหมือนกัน ดีกว่าอ้อมไป” หลิวยู่ติงพิจารณาอีกครั้งพร้อมกับชี้ไปที่ภูเขาที่มีหิมะตกหนักอยู่ทางด้านซ้าย “ภูเขาลูกนี้ดูสูงมากแต่พวกเราอยู่เหนือไหล่เขาขึ้นมาแล้วและกำลังจะไปถึงด้านบนสุดของภูเขา และจากทางลาดชันตรงนี้ มุมของมันเล็กมากเพราะฉะนั้นเราน่าจะสามารถปีนขึ้นไปได้อย่างง่ายๆ อีกอย่างมันไม่มีของเหลืออะไรมากมายในรถจี๊ปเท่าไหร่แล้ว มันจะดีกว่าถ้าเราสละรถทิ้งไว้และเดินเท้าแบกของกันไป”


 


“สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเราสามารถเดินไปตามถนนได้หลังจากที่เราข้ามภูเขาไปได้” หลี่บี๋เฟิงไม่รู้ว่าการปรึกษาพูดคุยไปถึงไหนแล้ว “รอยแตกนี้น่าจะอยู่แค่บนถนนเส้นนี้ ส่วนเส้นถนนหลังจากข้ามภูเขาไปแล้วน่าจะเป็นปกติเหมือนเดิม”


 


“ข้ามภูเขา!” ชูฮันตัดสินใจ

 

 

 


ตอนที่ 456

 

ทุกคนพลันกรูกันเข้ามาที่ตัวรถจี๊ปทันที แต่ละคนถูกมอบหมายให้แบกของกัน และเริ่มปีนภูเขาพร้อมกับแบกสะพายของไว้ที่หลังของแต่ละคน


 


หลี่บี๋เฟิงเป็นคนเปิดเส้นทาง หลิวยู่ติงและเฉินเสี้ยนกาวคอยดูแลสถานการณ์โดยรวม ส่วนชูฮันและเฉินช่าวเย่เดินปิดท้าย เนื่องจากสมรรถภาพทางกายภาพของเฉินช่าวเย่นั้นอ่อนแอยิ่งกว่าวิวัฒนาการระยะ 2 ซะอีก ดังนั้นจึงต้องอาศัยพละกำลังมหาศาลของชูฮันพาเดินปิดท้ายพร้อมกับดูแลทุกคนไปด้วย


 


ขณะนี้ ในช่วงเวลาแห่งความสิ้นหวัง ถึงแม้ทุกคนจะเรียกชูฮันว่าท่าน ทว่าหลังจากผ่านการกินนอนอยู่ด้วยกันมาหลายครั้งตลอดระยะเวลาแห่งการเดินทาง ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาจึงเริ่มใกล้ชิดมากขึ้นพอสมควร


 


“ตั้งแคมป์พักกันก่อนคืนหนึ่ง” เมื่อเห็นว่าท้องฟ้าเริ่มมืดแล้วชูฮันจึงออกคำสั่ง


 


กลุ่มคนที่เดินฝ่าหิมะผ่านภูเขามาเป็นเวลาร่วมวันเริ่มทำการตั้งแคมป์เพื่อพักผ่อน ติงเซวและชูเซี่ยที่หยิบเอาอุปกรณ์ทำครัวออกมาจากรถจี๊ปและแบกเดินกันมาเองอย่างลำบากโดยไม่ได้พึ่งความช่วยเหลือจากใครเลยสักนิด พวกเธอเดินกันมาอย่างช้าๆเนื่องจากของจำนวนและหนักจึงทำให้พวกเธอเดินยรั้งท้ายขบวน


 


เหล่าทการจากซางจิงที่อยู่ตรงจุดตั้งแคทป์ เมื่อได้เห็นติงเซวและชูเซี่ยที่พึ่งเดินทางมาถึงพร้อมกับภาพที่แบกอุปกรณ์ทำอาการตามมาอย่างยากลำบากก็เริ่มเกิดความรู้สึกผิดขึ้นในใจ จากนั้นก็รีบอดไม่ได้ที่จะเมินต่อความเหนื่อยล้าของตัวเองและเสนอตัวช่วยพวกเธอ…ตำแหน่งภรรยาพลโทของติงเซวที่สูงขนาดนี้ แต่การที่ติงเซวไม่ใช้อำนาจที่ตัวเองมีโดยการใช้ให้เหล่าทหารแบกของมาแทนนั้น ประกอบการทันทีที่มาถึงจุดตั้งแคทป์พวกเธอก็เริ่มลงมือปรุงอาหารให้กับทุกคนทันทีทั้งๆที่ก็เหนื่อยล้ากับการแบกของมาไม่ต่างจากพวกเขา…ความคิดนี้ยิ่งสร้างความละอายใจให้กับเหล่าทหาร


 


ชูฮันเองก็เดินเข้ามาหาติงเซวพร้อมกับโยนเฉินช่าวเย่และถุงของขนาดใหญ่สองถุงที่เขาแบกมาตลอดทางลงพื้น เฉินช่าวเย่ตัวอ้วนเสียหลักจนแทบจะหน้าทิ่มพื้น แม้มันจะเหนื่อยเกินไปสำหรับชูฮันที่จะแบกถุงของขนาดใหญ่สองถุงและคนอ้วนอีกหนึ่งคน แต่เฉินช่าวเย่เองนั้นก็อ่อนแอเกินกว่าจะสามารถเดินข้ามภูเขามาเองได้!


 


ไอ้อ้วนนี้จะทำอะไรอย่างอื่นไม่ได้เลยนอกจากยิงปืนและกินแล้วเหรอไง?


 


ชูฮันไม่อยากจะคิดอะไรมากกับเรื่องเฉินช่าวเย่ให้ปวดหัวอีก เขาจึงพูดกับทุกคนด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย “ในช่วงเวลาแบบนี้ อย่าเรื่องมากอะไรเรื่องอาหารกันนัก แค่ต้มอะไรสักอย่างเป็นหม้อใหญ่หม้อเดียวก็พอ”


 


“เอ่อ” ติงเซวที่กำลังยุ่งวุ่นวายกับการทำอาหารที่ได้เห็นภาพของเฉินช่าวเย่ก็โมโหและทนไม่ไหว จึงยื่นมือออกไปฟาดเข้าที่เอวของเฉินช่าวเย่…น่าอายจริงๆ! “ท่าน ท่านจะกินอาหารกับพวกเรามั้ย?” ซูเซียงหลงมองไปที่ชูฮันด้วยความประหลาดใจ


 


ชูฮันมองกลับมาด้วยสายตามีนัยนะ “ใช่ มีปัญหาอะไรรึเปล่า?”


 


ซูเซียงหลงค่อนข้างระวังตัว เขาจับหัวตัวเองพลางพูดขึ้นมาด้วยท่าทางอายๆ “เหลือเชื่อ ปกติแล้วเหล่านายพลระดับพลตรีขึ้นไปจะไม่กินอาหารร่วมกับทหารอย่างพวกเรา ผมไม่เคยเห็นภาพที่พลเอกและพลโทเป็นกันเองกับทหารแบบนี้มาก่อน”


 


“งั้นเหรอ?” หลี่ชวนวิ่งเข้ามา เขาไม่ใช่ทหารของกองทัพตั้งแต่แรก ดังนั้นเขาจึงไม่ค่อยรู้อะไรมาก


 


“พลเอกชูฮัน” หลี่บี๋เฟิงเดินออกมาท่ามกลางฝูงชนและพูดต่อ “อันที่จริง ของต่างๆของพวกเราก็ไม่ได้มีมากขนาดนั้น ท่านพลเอกท่านไม่จำเป็นต้องลดตัวลงมาเหนื่อยกับพวกเราเพื่อแบกของเลย อีกทั้งมันยังมีกฏเงื่อนไขต่างๆของกองทัพระบุไว้อยู่แล้วเรื่องสิทธิตำแหน่ง”


 


ในยุคโลกาวินาศ นายพลของกองทัพทหารจะต้องมีความสง่างาม นี่เป็นกฏที่ไม่ได้เขียนบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษรของกองทัพ ทว่าเป็นเรื่องที่รู้กันเองว่า…ไม่ว่าสถานการณ์จะยากลำบากขนาดไหน นายพลระดับพลตรีขึ้นไปจะได้รับการปฏิบัติที่พิเศษที่สุดเสมอ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพลเอกชูฮันที่ได้รับสิทธิพิเศษเหนือกว่านายพลคนไหนๆอีกด้วย


 


กลุ่มคนรอบๆเริ่มเงียบเสียงลงพลางจ้องไปที่ชูฮัน เมื่อพวกเขาเห็นตราพลเอกตรงที่หน้าอกของพลเอกชูฮัน พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกชื่นชมชูฮันขึ้นมา ทั้งๆที่พลเอกชูฮันมีสิทธิพิเศษเหนือกว่าคนอื่นแต่เขากลับไม่ทำตัวเหนือใคร


 


ชูฮันยิ้มมุมปากและต่อมาท่ามกลางสายตาที่ประหลาดใจของทุกคน ร่างกลมท้วมของเฉินช่าวเย่ที่นั่งจมปักอยู่ที่พื้นเพราะไม่สามารถลุกขึ้นมาเองได้ก็ถูกชูฮันดึงขึ้นให้มายืนข้างๆ “ไม่ ฉันจะกินกับทุกคน”


 


“ฮึบ…อ๋า” เฉินช่าวเย่เว้นจังหวะส่งเสียงขณะพยายามลุกขึ้นตามแรงดึง “ในที่สุดฉันก็ขึ้นมาได้ ขอบคุณครับหัวหน้า”


 


หลายคนหัวเราะหนักเมื่อได้เห็นภาพนี้ เฉินช่าวเย่คนนี้ช่างตลกซะจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะฝีมือการยิงปืนอันน่าเหลือเชื่อและเทคนิคในการฆ่าที่น่ากลัวและไร้ความลังเลของเฉินช่าวเย่ที่พวกเขาได้เห็นกับตาตัวเองมาก่อนหน้านี้ละก็ ทุกคนคงหาความน่าเกรงขามจากเฉินช่าวเย่ในตอนนี้ไม่ได้เลย ส่วนพลเอกชูฮันที่ฆ่าคนอย่างเหี้ยมโหดต่อหน้าต่อตาทุกคนกลับทำปฏิบัติตัวต่อผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างเท่าเทียมจนเหนือความคาดหมาย!


 


ชูฮันหยุดพักช่วยครู่จากนั้นก็คว้าฟืนที่อยู่ข้างๆมาจุดกองไฟ กองไฟถูกจุดติดขึ้นอย่างรวดเร็วตามมาควันร้อนที่ลอยขึ้นในอากาศ “เอาละ กระจายตัวกันอยู่รอบๆ หาที่อุ่นๆ”


 


“เฮ้!” หลี่ชวนเป็นคนแรกที่ส่งเสียงขึ้น เขาและชูฮันรู้จักกันเมื่อในสงครามเมืองตง


 


“นี่หลี่ชวนไม่ใช่เหรอไง?” ชูฮันพูดติดตลก “ฉันไม่ได้ยินนายร้องเพลงมานานแล้ว”


 


“ฮ่าฮ่าฮ่า!” เกิดเสียงหัวเราะดังลั่นขึ้นท่ามกลางฝูงชน ซึ่งมันช่วยสร้างความสนิทสนมระหว่างชูฮันและทุกคน


 


“ผมไม่ ผมไม่ร้องเพลง! ถ้าผมร้องเมื่อไหร่ทุกคนต้องหัวเราะผมแน่” หลี่ชวนหลบสายตา หากจู่ๆเขาก็รีบมองไปที่ซูเซียงหลง “บอกให้เขามาเต้นกับผมสิแล้วผมจะร้องเพลง”


 


“ฮ้า!” ซูเซียงหลงตกใจ


 


“ใช่!” ชูฮันเริ่มสนใจและหันไปตะโกนใส่ซูเซียงหลง “นายจะเต้นหงส์ขาวมั้ย?”


 


“พัฟ! ฮ่าฮ่าฮ่า!” เสียงหลุดหัวเราะของฝูงชนดังขึ้นมาอีกครั้ง ซูเซียงเองก็เกือบหลุดยิ้มออกมา พลเอกคนนี้มีความคิดแปลกๆเยอะดีนี่?


 


ติงเซวเองก็ยิ้มมุมปากขณะที่มือของเธอยังคงคนอาหารอยู่ในหม้อไปด้วยไม่หยุด


 


เฉินช่าวเย่ที่ยืนข้างๆติงเซวเมื่อได้เห็นแก้มแดงปลั่งของเธอก็เอ่ยปากพูดขึ้นมาทันทีอย่างไม่ทันคิด “คุณผู้หญิง อันที่จริงคุณควรจะเต้นท่าหงส์ คุณจะเต้นรำกับผมได้มั้ย? ไม่ต้องห่วงเรื่องความอ้วนของผม ผมสามารถเต้นได้อย่างพริ้วไหวเลยล่ะ”


 


ติงเซวตกใจจนฝาหม้อในมือเกือบจะหลุด


 


“ฮ่าฮ่าฮ่า!” คนกว่าหนึ่งร้อยต่างหัวเราะเสียงดังลั่นกันใหญ่


 


คนกว่าหนึ่งร้อยคนที่ยืนล้อมรอบกองไฟกันเป็นวงกลมไม่ได้พูดอะไร พวกเขาเริ่มมีความตระหนักมากขึ้นและรู้ดีแก่ใจว่าชูฮันเป็นคนที่น่าสนใจมากแค่ไหน ผู้บัญชาการสนามรบอันน่าเกรงขามหากกลับไม่มีท่าทีถือตัวหรือต้องการอยู่เหนือใคร ช่างเป็นคนที่น่าสนใจอย่างมาก


 


หวังหลิง หลูเหวินเชิง เหลียงยงฮ่าว และเหล่ยเซอ นั่งรวมกันอยู่ในฝูงชน พวกเขายังคงอึ้งตะลึงกับเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้อยู่และยังไม่ได้สติดี


 


“พลเอกชูฮันช่างเป็นคนแปลกจริงๆ!” หลูเหวินเชิงมองไปที่ภาพกลุ่มคนที่กำลังพูดคุยกันอย่างสนุกปาก


 


“เฮ้อ”


 


“เฮ้อ”


 


“เฮ้อ”


 


ทั้งสามคนต่างส่งเสียงเบื่อหน่ายไล่ตามกันออกมาทีละคนๆ จากนั้นมันก็ไม่มีเสียงอะไรอีก


 


หัวใจของหลูเหวินเชิงเต้นระรัวขณะชี้ไปที่เฉินช่าวเย่ที่กระโดดเข้ามากลางวงพร้อมกับเต้นท่าหงส์ “อันที่จริง ฉันเล่นเครื่องดนตรีได้ นายอยากให้ฉันเล่นเพลงให้เขามั้ย?”


 


ทั้งสามคนต่างเงียบสนิทและอดไม่ได้ที่จะมองไปที่ร่างอ้วนท้วมทว่าเคลื่อนไหวได้อย่างพริ้วไหวของเฉินช่าวเย่


 


“เร็วเข้า ทุกคนแนะนำตัว ทำความรู้จักกันและกันซะ” จู่ๆเสียงของชูฮันก็ดังขึ้นมาท่ามกลางทุกคน “จากทางซ้ายของฉัน เริ่มที่หลี่ชวนเป็นคนแรก”

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม