Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย 436-442
ตอนที่ 436
“พรสวรรค์ระยะ 4 มือปืนพระเจ้าแห่งจีน เฉินช่าวเย่!” หลิวยู่ติงยิ้มพลางพูด “ไอ้หนุ่มนี่มันบ้าไปแล้ว!”
ชูฮันปิดหน้าต่างพลางยิ้มออกมาด้วยให้กับหวังไคที่ซ่อนอยู่มุมที่หลิวยู่ติงไม่สามารถมองเห็น
เฉินช่าวเย่ที่หลังจากรวบรวมความกล้าพูดประโยคนั้นออกไป ก็มีอาการกังวลและตื่นกลัวไม่กล้าจะหันกลับไปมองปฏิกิริยาของติงเซว เขาจึงจ้องเขม็งไปที่กลุ่มทหารตรงหน้าแทน เขากำปืนที่ถือไว้ในมือแน่นจนกล้ามเนื้อเกร็งขึ้นเป็นเส้นเลือด ใครก็ตามที่กล้ายุ่งกับติงเซวเขาจะจัดการมันทันทีอย่างไม่รีรอ
ผ่านไปครู่หนึ่ง โดยไม่ต้องสนใจศพนับสิบๆศพของทหารที่ถูกเฉินช่าวเย่ฆ่า พลทหารเกือบสองร้อยนายและกลุ่มคนฝ่ายเฉินเสี้ยนกาวต่างมีสภาพย่ำแย่กันหมด คนที่จิตใจไม่แข็งแรงพอก็เป็นลมไป บางคนก็ช็อคค้าง เฉินช่าวเย่พึ่งพูดอะไรออกมาน่ะ?
ภรรยาของเฉินช่าวเย่…ติงเซว ติงเซวเป็นภรรยาของมือปืนพระเจ้าแห่งจีน!
นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นและไม่ใช่เรื่องตลกอย่างแน่นอน เหล่าคนที่ก่อนหน้านี้ก่อความวุ่นวายและมีความคิดจะข่มเหงติงเซวต่างหวาดกลัวจนหัวหด สถานะทางทหารของภรรยาพลโทนั้นมันอีกเรื่องหนึ่งเลย ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมด การที่พวกเขาพูดจาดูถูกคุณนายนั้น ไม่รู้เลยว่าจะได้รับโทษอย่างไร?
เฉินเสี้ยนกาว เยวจึและคนอื่นๆตกใจจนอ้าปากค้าง ติงเซวเป็นภรรยาตามกฏหมายของเฉินช่าวเย่? ทำไมพวกเขาไม่รู้เลย? สองคนนี้ไปตกหลุมรักกันตอนไหน?
ติงเซวเขินจนแก้มขึ้นสี เธอประหลาดใจอย่างมากกับการกระทำของเฉินช่าวเย่ เธอคุ้นเคยกับเขาดีเพราะเขาเป็นคนของชูฮัน แต่เธอกับเฉินช่าวเย่? นี่มันเหลือเชื่อเพราะเธอไม่เคยเห็นเฉินช่าวเย่คิดเรื่องอีกนอกจากการกินกับชูฮันเลย
แต่วันนี้เมื่อเฉินช่าวเย่ไม่มีท่าทีลังเลเลยสักนิดที่จะปกป้องเธอ ทันใดนั้นติงเซวก็รู้กสึกดีกับเฉินช่าวเย่ขึ้นมาเหมือนกัน มันไม่ใช่สิ่งที่เธอคาดว่าจะได้เห็นจากพฤติกรรมของเฉินช่าวเย่ ถึงแม้เฉินช่าวเย่จะกินเก่งและกินอย่างเดียวแต่เธอเองก็ทำอาหารเก่งเหมือนกัน!
นอกจากนั้น เธอเองก็จำเป็นต้องพึ่งพาเขา อีกทั้งคนที่พูดจาดูถูกเธอนั้นเฉินช่าวเย่ไม่ลังเลเลยสักนิดที่จะฆ่าทิ้ง ถึงแม้คนพวกนั้นจะมีตำแหน่งไม่ธรรมดาเลยก็ตาม
ขณะคิด ติงเซวก็หลุบสายตาลง มองอะไรไปเรื่อยเปื่อย จากนั้นก็ไปจบที่ศพของคนที่ตายรอบๆตัว ทุกคนถูกยิงเข้าจุดตายอย่างแม่นยำ มันเหลือเชื่อที่ปืนนั้นสามารถยิงเข้ากลางหน้าผากได้อย่างแม่นยำแบบนี้
ทั้งๆที่เฉินช่าวเย่มีกระสุนไม่เท่ากับจำนวนศพที่ตายด้วยซ้ำ ก่อนหน้านี้ติงเซวไม่เข้าใจ แต่ตอนนี้หลังจากผ่านกระบวนการคิดไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้วเธอก็เข้าใจแล้วว่าเฉินช่าวเย่ทำได้อย่างไร
ปืนในมือของเฉินช่าวเย่เป็นปืนทั่วๆไปที่มีในคลังแสงของกองทัพ แต่คนที่ตายอยู่ที่พื้นมากกว่าสิบคนถูกกระสุนเจาะทะลุผ่านช่องหูไปด้วยพละกำลังและความเร็วสูงจนทำให้สมองตาย จากนั้นก็ทะลุออกมาอีกด้านด้วยความเร็วและพลังทำลายล้างที่สูงอยู่พุ่งเข้าใส่อีกคนที่อยู่ถัดไปอาจจะเป็นทางปากหรือจมูกทะลุเข้าไปทำลายสมองจนตาย
ไม่มีใครรู้ดีกว่าติงเซวว่าคนพวกนี้รวดเร็วขนาดไหนและมันเหลือเวลาเพียงแค่ช่วงสั้นมากๆก่อนที่เฉินช่าวเย่จะเริ่มเปิดการยิง เฉินช่าวเย่ไม่แม้แต่จะตั้งท่าเล็งด้วยซ้ำ
ไม่เพียงแต่ติงเซวที่สังเกตเห็น หากหลายคนที่อยู่รอบๆบริเวณนั้นก็ช็อคไปเช่นกัน โดยเฉพาะหลี่บี๋เฟิง เขาเห็นชัดเจนเลยว่าเฉินช่าวฆ่าทหารกว่ายี่สิบนายตามด้วยฟานเหวินเฉิงวิวัฒนาการระยะ 3
ปกติแล้ววิวัฒนาการระยะ 3 จะสามารถรับมือการต่อสู้กับปืนธรรมดาแบบนี้ได้อยู่แล้ว ทว่าฟานเหวินเฉิงกลับชะงักคาที่ภายในการยิงปืนนัดเดียวของเฉินช่าวเย่จากนั้นหลังจากโดนสาดกระสุนใส่อีกสองนัดเขาก็ตายคาที่ทันที กระสุนถูกบีบอัดทะลักออกมาทางตา ตามมาด้วยของเหลวในสมองที่ทะลักกระจาย
มนุษย์ไม่เหมือนกับซอมบี้ ลูกตาไม่ได้เสื่อมโทรมและถือเป็นส่วนที่เปราะบางที่สุดก็ว่าได้ ไม่ว่าร่างกายจะแข็งแรงขนาดไหน หากถูกจู่โจมด้วยอย่างฉับพลันและรุนแรงจากเฉินช่าวเย่
มันก็ยากที่จะป้องกัน!
ความกลัวปะทุขึ้นในใจของทุกคน ในที่สุดวันนี้ความหมายของมือปืนพระเจ้าก็กระจ่างแล้วสำหรับพวกเขา ความกลัวต่อพลังและอำนาจของชูฮันยังคงไม่เลือนหาย ทว่าเจ้าอ้วนที่พวกเขาละเลยมาตลอดกลับทรงพลังไม่ต่างกัน…น่าประหลาดใจ
ชูฮัน เขาช่างไม่ต่างอะไรกับเสือที่ซ่อนมังกรไว้ในมือ!
และในขณะที่ทุกคนกำลังช็อคกันอยู่จนพูดอะไรไม่ออก
จู่ๆชูฮันที่อยู่ในรถจี๊ปก็เปิดผ้าม่านในรถออกและมองจ้องไปด้านหน้า
หลิวยู่จิงที่ยังคงพยายามมองไปรอบๆด้านนอกหากกลับโดนชูฮันที่เอาตัวบังไว้ไม่ให้หลิวยู่ติงมองเห็นภาพด้านนอก “นี่นายกำลังทำอะไร? ดูสิ ฉันอยากรู้ว่าเฉินช่าวเย่จะทำอะไรต่อไป?”
“ออกไปรอฉันข้างนอก อย่าปล่อยให้ใครเข้ามา” ชูฮันหยิบกล่องขนาดใหญ่ใต้เบาะนั่งออกมาและพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ฉันต้องเตรียมประกอบอาวุธ”
อาวุธ…ขวานยักษ์สีดำที่เขาร่ำรือกันน่ะเหรอ? หลิวยู่ติงกระพริบตาคิดอยู่ในหัว จ้องเขม็งไปที่กล่องในมือชูฮัน “อาวุธที่สามารถถอดชิ้นส่วนและประกอบเข้าใหม่ได้ มันล้ำมาก? ฉันขอดูได้มั้ย?!”
“ไม่มีใครได้เห็นมัน นี่คือไพ่ลับของฉัน” ชูฮันยิ้มอย่างมีเลศนัยและจ้องตาหลิวยู่ติง “นักฆ่ายักษ์”
อึก!
หลิวยู่ติงกลืนน้ำลายอึกมองมาอย่างสงสัย หากพยักหน้ารับ “ดี! แต่หลังจากเสร็จแล้ว นายต้องให้ฉันดูก่อนนะ ฉันยังไม่ได้เห็นขวานของนายเลย!”
“ไม่มีปัญหา” ชูฮันเริ่มเปิดล็อครหัสผ่านบนกล่อง
หลิวยู่ติงกระโดดลงจากรถโดยไม่หันกลับไปมอง เขามองออกไปด้านหน้ารอคอยอยู่ด้านนอกตัวรถ
ภายในรถจี๊ป ตัวล็อครหัสผ่านถูกชูฮันเปิดออก เผยให้เห็นกล่องที่เต็มไปด้วยเนื้อ น่องไก่ เบค่อน และหมูสามชั้น
หวังไคกระโดดออกมาจากมุมและคว้าอาหารในกล่องทันที น้ำเสียงเต็มไปด้วยอาการกระตือรือร้น “เสียงยิงปืนดังมากเลย มันมีฝูงซอมบี้หรือซากศพ หรือสัตว์ประหลาด?”
ชูฮันหยิบขวานซิ่วโหลออกมาจากประตูมิติอย่างเงียบๆ เขามองผ่านผ้าม่านออกไปด้านนอก มองไปที่ศพที่พื้น สายตาของเขาทั้งโหดร้ายและไร้ความปรานี ทหารสองร้อยนายถูกบังคับโดยคำสั่งจากผู้บัญชาการมู๋ เขาไม่รู้เลยว่าในอนาคตมันจะมีกี่คนที่จะกลายมาเป็นคนของเขาจริงๆและจะมีอีกกี่คนที่จะเหลือแต่กระดูกตามถนนแบบนี้
เพราะฉะนั้นวันนี้ขอเขาดูหน่อยว่าคนพวกนี้จริงๆแล้วเป็นคนยังไงท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่คาดฝัน!
ตอนที่ 437
“พวกแกมีอะไรต้องพูดอีก?” เฉินช่าวเย่กวาดสายตามองกลุ่มทหารที่ปิดปากเงียบกันหมดตรงหน้า “มันไม่มีอะไรต้องพูดกันอีกแล้ว ยืนตั้งแถวซะ!”
เหล่าทหารต่างมีท่าทีซบเซาและยืนเรียงแถวทันที
หลี่บี๋เฟิงออกตัวเป็นครั้งแรก “ท่านเฉินช่าวเย่ ท่านต้องการให้พวกเราทำอะไร?”
“ไม่มีอะไร ไปจัดแถว!” เฉินช่าวเย่ที่ถูกชูฮันครอบงำไปแล้ว เขากลายเป็นคนเย่อหยิ่งและยโส เขาตบหลี่บี๋เฟิงวิวัฒนาการระยะ 3
หลี่บี๋เฟิงที่โดนฝ่ามือของเฉินช่าวเย่ก็มึนจนถอยหลังหนีไปหลายก้าว มันเป็นเวลาพักใหญ่กว่าหลี่บี๋เฟิงจะตั้งสติให้ยืนมั่นได้ เป็นครั้งแรกที่หลีบี๋เฟิงได้เห็นคนที่ไม่เหตุผลขนาดนี้ จริงๆแล้วเฉินช่าวเย่ต้องการจะทำอะไรกันแน่?
กลุ่มคนๆรอบเองก็ตะลึงและทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน
และในตอนนั้นเองเฉินช่าวเย่ก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง น้ำเสียงยังคงแฝงไว้ด้วยความโกรธ ไม่แม้แต่จะปิดบังจิตสังหารในนัยน์ตาเลยสักนิด “คนที่ดูถูกภรรยาของฉันก่อนหน้านี้ ยืนขึ้นให้หมด!”
“@#$%&!*$%*&%$##!!!!!”
ทันทีที่เฉินช่าวเย่ออกคำสั่ง บรรยากาศก็กลายเป็นกระอักกระอ่วนยิ่งกว่าเดิม เหล่าทหารต่างหวาดกลัวจนหัวใจเต้นกระเด็นออกมาจากอก พวกเขาต่างมีตำแหน่งพอสมควรแต่กลับต้องโดนกระทำแบบนี้
ถึงแม้หลี่บี๋เฟิงจะไม่ได้มีส่วนร่วมในความวุ่นวายก่อนหน้านี้แต่เขาก็รู้สึกวิตกกังวลขณะมองไปที่เฉินช่าวเย่ที่ถือปืนอยู่ในมือ ผู้ชายบ้าคนนี้ต้องการจะทำอะไร?
“ท่านเฉินช่าวเย่!” หลี่บี๋เฟิงหันหน้าที่แดงก่ำมาทันทีและพูด “พวกเขายังไม่ได้ลงมือทำร้ายคุณนายอย่างร้ายแรงอะไรเลย อีกอย่างการกระทำก่อนหน้านี้ของท่านก็มากเกินพอแล้ว ท่านยังต้องการจะทำอะไรอีกถึงเรียกพวกเขาให้ลุกขึ้น?”
คำพูดของหลี่บี๋เฟิงค่อนข้างชอบธรรม เขาไม่พอใจอย่างมากกับการกระทำของชูฮันและวิธีการจัดการเรื่องต่างๆ และครั้งนี้ชูฮันไม่จัดการกลุ่มคนให้เป็นเรื่องเป็นราวและปล่อยให้เรื่องมันมาถึงขนาดนี้ ก่อนหน้านี้ที่ทั้งสองฝั่งมักทะเลาะกันบ่อยๆเขาเองก็ไม่ได้สนใจอะไรปล่อยให้จัดการกันเองเพราะมันไม่ได้ร้ายแรงอะไร
แต่ครั้งนี้เรื่องมันร้ายแรงขึ้นเรื่อยๆและสุดท้ายมีคนตาย ถึงแม้ก่อนหน้านี้เขาจะขี้เกียจที่จะยืนหยัดขึ้นต่อต้าน แต่ครั้งนี้เวลานี้เขาจำเป็นต้องทำแล้ว ชูฮันบ้าเกินไปแล้วและผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา…เฉินช่าวเย่
ถ้าเฉินช่าวเย่ยังคงแบบนี้ต่อไป มันจะเกิดอะไรขึ้นต่อ? วิวัฒนาการพวกนี้จะโดนทำอะไร? ถูกเชือดทิ้งให้ดูเหมือนเป็ดไก่!
เมื่อได้หลี่บี๋เฟิงนำ คนอื่นๆก็รีบส่งเสียงแก้ตัวตามมาทันที
“ใช่และคนที่เข้าใกล้ตัวคุณนายก็ถูกท่านฆ่าทิ้งเองหมดแล้ว ท่านยังต้องการทำอะไรอีก? จะฆ่าพวกเรา?”
“มันไม่มากเกินไปเหรอท่านพลโทเฉิน? พวกเราไม่ใช่คนธรรมดานะ ทุกคนตรงนี้ล้วนเป็นวิวัฒนาการกันทั้งนั้น?”
“จากทหารวิวัฒนาการสองร้อยนายได้ตายไปแล้วมากกว่ายี่สิบนาย แม้แต่วิวัฒนาการระยะ 3 ฟานเหวินเฉิงและวิวัฒนาการระยะ 2 หลิวยี้ก็ตายแล้วด้วยปืนของท่าน ท่านเป็นถึงพลโท ไม่ใช่ปีศาจที่ไล่ฆ่าคนโดยไม่กระพริบตา”
ประโยคคำถามแล้วประโยคเล่าถูกตั้งคำถามออกมา เฉินเสี้ยนกาว เยวจึและคนอื่นๆเองก็รู้สึกว่าเฉินช่าวเย่ทำเกินไป ถึงแม้การฆ่าคนในยุคโลกาวินาศจะไม่ผิดกฏหมาย แต่การฆ่าอย่างสบายๆอย่างไม่แยแสอะไรเลยแบบนี้มันมากเกินไป พวกเขารับไม่ไหว
“เฉินช่าวเย่” ติงเซวเองก็กังวลอย่างมาก เธอรีบกระตุกชายเสื้อของเฉินช่าวเย่ พยายามพูดจาโน้มน้าว “อย่าฆ่าคนอีกเลย พวกเขาเป็นทหารที่ซางจิงมอบหมายมาให้ชูฮันนะ!”
นี่ไม่ใช่แค่ความกังวลของติงเซวคนเดียวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเฉินเสี้ยนกาวและคนอื่นๆด้วยเช่นกัน เพราะถึงอย่างไรแล้ว อีกฝ่ายก็เป็นทหารภายใต้บังคับบัญชาของชูฮัน
การฆ่าคนพวกนี้ถึงแม้ชูฮันจะไม่ได้ออกคำสั่งแต่ปัจจัยหลักคือมันเกิดขึ้นภายใต้การควบคุมของชูฮัน และตอนนี้ชูฮันกำลังอยู่ในช่วงสร้างค่ายขึ้น และการที่เฉินช่าวเย่ออกมาไล่ฆ่าทหารแบบนี้ ผลลัพธ์ที่ตามมาจะต้องร้ายแรงอย่างมากอย่างแน่นอน
และในกรณีที่เลวร้ายที่สุดที่ซางจิงอาจรู้เรื่องที่เกิดขึ้น มันจะมีปัญหามากมายแค่ไหนตามมาสู่ชูฮันและทั้งทีม? ไม่แน่มันอาจจะส่งผลกระทบกับการก่อตั้งค่ายของพวกเขาได้และความสงบสุขของผู้คนนับพันๆ ใครจะรู้ว่ามันจะเป็นยังไงเพราะในโลกาวินาศอะไรก็เกิดขึ้นได้!
“พิจารณาถึงผลที่ตามมา” เฉินเสี้ยนกาวกระซิบบอกเฉินช่าวเย่ด้วยท่าทางกังวล
จากนั้นเฉินเสี้ยนกาวก็หันไปพูดกับกลุ่มคนตรงหน้า “ใครบอกว่าท่านเฉินจะฆ่าพวกเนาย? ท่านเฉินไม่มีกระสุนเหลือแล้ว!”
หลี่บี๋เฟิงมีสีหน้าไม่เข้าใจ ถ้าไม่ต้องการฆ่าแล้วเฉินช่าวเย่จะให้คนลุกขึ้นยืนทำไม?
“ลุกขึ้นมาแสดงตัวต่อหน้าฉัน!” เฉินช่าวเย่ไม่สนใจที่คนอื่นคิด เขาแหกปากใส่ “เรียงคิวเข้ามาขอโทษภรรยาฉันได้เลย!”
แน่นอนว่าไม่ใช่การฆ่า เฉินช่าวเย่รู้ว่าชูฮันมีแผนการอย่างอื่นสำหรับคนพวกนี้แล้ว การฆ่าไม่กี่คนก่อนหน้านี้ก็เป็นแค่การเชือดไก่ให้ลิงดูเท่านั้น แต่การดูถูกติงเซวจะต้องได้รับการขอโทษ ถ้าใครไม่ขอโทษเขาจะบังคับให้มันทำเอง
ติงเซวถอนหายใจอย่างโล่งอกและอยากจะพูด——
“เธอไม่ต้องพูด วันนี้พวกมันต้องขอโทษ!” เฉินช่าวเย่ไม่แม้แต่จะเหลียวหลังไปมองติงเซว ทว่าน้ำเสียงของเฉินช่าวเย่กลับมีความกังวลเล็กน้อยต่อติงเซวผสมอยู่
ติงเซวตะลึงค้างกับคำว่าภรรยาที่เฉินช่าวเย่พูดออกมาเต็มปาก
“กลายเป็นว่าขอโทษ เป็นเรื่องที่ยอมรับได้” หลี่บี๋เฟิงพยักหน้า จากนั้นก็หันหน้าไปทางกลุ่มทหารที่พูดจาดูถูกติงเวซ “ท่านเฉินเป็นคนที่มีคุณธรรม ใครที่ก่อนหน้านี้ทำเกินไปก็รีบขอโทษซะ อย่าทำให้เรื่องมันใหญ่ไปมากกว่านี้”
หลี่บี๋เฟิงรู้สึกขัดเคืองอยู่ในอก นี่มันเป็นปัญหาจริงๆ การเดินทางบนถนนพร้อมชูฮันคาดว่าคงจะไม่มีความสงบเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
หลายคนที่สร้างปัญหาลุกขึ้นเดินไปตั้งแถวด้านหน้า เฉินช่าวเย่บอกว่าต้องการให้พวกเขาขอโทษทีละคน เพราะเขาต้องการกู้หน้าและชื่อเสียงคืนให้ติงเซวเพราะงั้นพวกเขาต้องอดทนทำมัน เพราะถึงอย่างไรแล้วติงเซวก็คือคุณนาย…ภรรยาของพลโท
“ใครอีก? ฉันเห็นว่ามันมีมากกว่านี้!” เฉินช่าวเย่คำรามใส่กลุ่มทหารที่กล้าดูถูกภรรยาเขา พวกมันยังอยากจะรักษาหน้าตาตัวเองอีกเหรอ? เขาไม่ยอม!
มีเพียงแค่ทหารจำนวนไม่มากที่ลุกขึ้นยืน และทันใดนั้นเองจู่ๆมันก็มีคนตะโกนขึ้นมา เสียงไม่ดังไม่เบาจนเกินไปหากทุกคนกลับได้ยินชัดเจน
“อย่ามาโกหกกันเลย ทุกคนก็รู้ดีว่าทั้งสองคนนี้ไม่ใช่สามีภรรยากัน!”
“เหอะ! ฉันรู้ว่ามันมีเหตุผลที่ซ่อนอยู่ ท่านเฉินถึงยอมทำแบบนี้!”
ตอนที่ 438
ชูฮันที่อยู่ในรถจี๊ปกระพริบตาอย่างเย็นชา เขาจ้องไปที่ทหารคนนั้นอย่างโหดร้าย อยากจะทำให้เป็นเรื่องใหญ่ใช่มั้ย?
“มีกี่คนในกลุ่มตอนนี้ที่ภักดีกับนาย?” หวังไคถามขณะกินไปด้วย
“ศูนย์” น้ำเสียงของชูฮันเย็นเฉียบ
“หึ! ไม่มีสักคนในจำนวนสองร้อยคนที่สามารถพาไปค่ายได้?” แม้แต่หวังไคยังเยาะเย้ย อัตราส่วนนี้มันเกินไป
ชูฮันเอามือตบเก้าอี้เบาๆพยายามคิดบวก “มันไม่ใช่เรื่องจำเป็นอะไร อีกอย่างมันพึ่งผ่านมาแค่สองวันเอง มันยังไม่มีเหตุการณ์อะไรให้พวกเขารู้สึกเคารพบูชาฉัน ปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนจำเป็นต้องมีเหตุการณ์มากระตุ้นมันถึงจะสามารถผลิตอารมณ์ที่แตกต่างได้”
ส่วนสถานการณ์ด้านนอก หลี่บี๋เฟิงกำลังมีสีหน้าแข็งๆตามมาด้วยสายตาสงสัยกับเรื่องที่ได้ยิน
เฉินเสี้ยนกาวเองก็มีความกังวล ในความคิดของเฉินเสี้ยนกาวผู้ชายที่พูดขึ้นมาเมื่อกี้ก็พูดถูกแล้ว เฉินช่าวเย่และติงเซวจริงๆแล้วก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลย
เมื่อได้เห็นสีหน้าของเฉินเสี้ยนกาวและเยวจึ คนไม่กี่คนที่ยืนขึ้นและต้องการจะขอโทษก็ไม่สามารถมองหาเห็นเหตุผลได้เช่นกัน พวกเขาแทบจะเห็นการปฏิสัมพันธ์เกือบเป็นศูนย์ระหว่างเฉินช่าวเย่และติงเซวตลอดสองวันที่ผ่านมา มันจึงทำให้พวกเขาทั้งช็อคและตามมาด้วยอารมณ์โกรธต่อเฉินช่าวเย่
“ไม่ได้เป็นคู่รักกัน? นี่ท่านกำลังหลอกพวกเราเหรอ?”
“จะเป็นคู่รักกันได้ยังไง แตกต่างกันเกินไป ถ้าบอกว่าเป็นพี่น้องยังดีซะกว่า?”
“พวกเราขอเหตุผลที่เชื่อถือได้หน่อย ท่านอย่ากลืนน้ำลายตัวเองละ!”
“พวกเราทุกคนเป็นวิวัฒนาการกันหมด ท่านอยากจะปกป้องไอ้คนพวกนี้มากจนถึงกับฆ่าทหารด้วยกัน แล้วตอนนี้ยังจะให้พวกเราขอโทษผู้หญิงที่ไม่ใช่วิวัฒนาการอีกด้วยซ้ำเนี่ยนะ?”
“นี่วิวัฒนาการมีค่าเป็นขยะในทีมของชูฮันงั้นเหรอ?”
“ท่านใช้อะไรมาแบ่งลำดับความสำคัญกัน?”
“นี่มันไม่มีกฎในทีมนี้เลยเหรอไง? ท่านอยากจะฆ่ายังไงก็ได้ตามใจชอบ?”
“ถ้างั้นเราก็ฆ่าท่านเหมือนกัน ในเมื่อเราไม่มีอะไรจะเสีย!”
เสียงแห่งความโกรธเริ่มปะทุออกมาเรื่อยๆ
“หุบปากซะ!” เฉินช่าวเย่ตะโกนใส่เสียงดัง “ฉันบอกว่าเธอเป็นภรรยาฉันก็คือภรรยาฉัน!”
“ถ้างั้นทำไมพวกคุณไม่นอนด้วยกัน?” มีคนถามขึ้นมาทันที
เฉินช่าวเย่ยังคงปล่อยจิตสังหารออกมา “แกคิดว่าแกอยู่ในหน่วยทหารธรรมดางั้นเหรอ? นี่มันหน่วยพิเศษ ฉันและภรรยาถือเรื่องของทีมก่อนเป็นที่หนึ่งและเรื่องส่วนตัวไว้ทีหลัง!”
พอเฉินช่าวเย่พูดจบ ทุกคนก็เงียบสนิท หลี่บี๋เฟิงยืนอึ้งขณะมองไปที่เฉินช่าวเย่ที่พูดคำพูดอันน่าชอบธรรมออกมา…ไม่มีใครสามารถค้านเหตุผลนี้ได้แน่ๆ
เฉินเสี้ยนกาวและเยวจึเองก็อึ้ง ทุกคนตะลึงกับคำพูดของเจ้าอ้วนที่ทำเป็นแต่กินไปวันๆ
“พวกแกต้องการจะทำอะไรกับภรรยาของฉัน? ยังมีความเป็นคนอยู่มั้ย? งั้นพวกแกก็ไม่ต่างอะไรกับซอมบี้ที่พวกแกฆ่า?” เฉินช่าวพยายามใช้สำนวนในการโน้มน้าวคนแบบเดียวกับที่ชูฮันทำในห้องประชุม ทำให้ทุกคนที่ได้ฟังพูดหรือเถียงอะไรไม่ออก
หวังไคที่อยู่ในรถจี๊ปอดไม่ได้ที่จะปรบมือ ชูฮันเองก็ประหลาดใจที่ได้เห็นเจ้าอ้วนเป็นแบบนี้ ฉลาดดี!
และในขณะที่กลุ่มทหารโดนความยุติธรรมของเฉินช่าวเย่จัดการจนพูดอะไรไม่ออก จู่ๆมันก็มีบางอย่างพุ่งมาในอากาศอย่างรวดเร็วไปที่ด้านหลังของกลุ่มทหาร
ฟิ้วววว! เลือดไหลทะลักออกมาตรงลำคอของนายทหารคนหนึ่ง ไม่กี่วินาทีต่อมาหัวที่หลุดของนายทหารคนนั้นก็ตกกระทบกับพื้น สีหน้ายังคงค้างไว้ที่อาการอึ้งกับคำพูดของเฉินช่าวเย่อยู่เลย
เฉินเสี้ยนกาวและเยวจึที่เห็นเหตุการณ์ช็อคค้าง ส่วนนายทหารเกือบสองร้อยนายยังคงไม่ได้สติและอึ้งค้างกับคำพูดของเฉินช่าวเย่อยู่ เสียงของเลือดที่ไหลกระเซ็นและเสียงของศีรษะที่กระทบพื้นที่ไม่ได้ดังอะไรทำให้เหล่าทหารไม่ได้ยิน เพราะฉะนั้นมันจึงมีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่สังเกตเห็นว่ามันมีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นและเมื่อหันกลับไปดูและก็ต้องช็อค
“อ๊ากกกกกก! ซอมบี้!” คนหนึ่งแหกปากดังลั่น
“ถอยเร็ว! ซอมบี้กำลังมา!” กลุ่มคนเริ่มแหกปากกันสนั่น
นายทหารที่ยืนอยู่หลังสุดและไม่ได้ยินเสียงมองไปที่ความวุ่นวายด้านหน้าอย่างไม่เข้าใจ จากนั้นเขาก็รู้สึกถึงน้ำที่กระเซ็นมาโดนตัวเองจึงเอื้อมมาไปแตะดูที่หลังคอตัวเองพลางคิดว่ากระติกน้ำน่าจะแตก
เขาจึงชักมือกลับมาดู จากนั้นสายตาก็พลันเปลี่ยนเป็นเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
มือของเขาเต็มไปด้วยเลือด!
นัยน์ตาดำหดตัวอย่างรุนแรง กลไกการทำงานอัติโนมัตของร่างกายสั่งให้หันตัวไปด้านข้าง ตามมาด้วยเสียงแหกปากร้องที่เต็มไปด้วยความกลัว “อ๊ากกกกกกกก!”
ซอมบี้!
ซอมบี้ตัวใหญ่ยักษ์ยืนอยู่ด้านหลัง เล็บของมันแหลมคมเช่นเดียวกับเคี้ยวที่คมกริบและดูแข็งแรงอย่างมาก ถึงแม้ผิวจะซีดเซียวแต่เห็นได้ชัดว่าภายใต้นั้นเป็นกล้ามเนื้อที่แน่นและแข็งแรง ภายในปากของเจ้าซอมบี้กำลังเคี้ยวเนื้อของมนุษย์ในปากอยู่ แม้แต่กระดูกก็ยังถูกมันกลืนลงท้องไปจนไม่เหลือ มันแทะกินร่างของนายทหารคนนั้นจนแทบจะไม่เหลือซากอย่างน่าสยดสยอง!
มันไม่มีเสียงของการมาของซอมบี้เลยสักนิด แม้แต่ตอนที่มันกำลังกินและเคี้ยวกระดูก กลับเงียบสนิท ไม่มีใครรู้เลยว่ามันมาจากไหน…
เมื่อได้ยินเสียงแหกปากดังสนั่นเกินเหตุของคนหนึ่ง ทุกคนที่อยู่ด้านหน้าจึงรีบหันหน้ามาดูที่ด้านหลังทันที
“ซอมบี้ระยะ 4?!” เสียงของหลี่บี๋เฟิงดังขึ้น ถ้ามันไม่ใช่ซอมบี้ระยะ 4 ละก็ ไม่มีทางที่เหล่าวิวัฒนาการอย่างพวกเขาจะไม่รับรู้ถึงการลอบโจมตีอย่างไม่มีเสียงแบบนี้
ซอมบี้ระยะ 3 เริ่มมีร่องรอยของการคิด พวกมันเริ่มมีความฉลาดเมื่อเทียบกับมนุษย์ แต่ถ้าเทียบกับสัตว์ถือว่าพวกมันมีความฉลาดล้ำเลิศเลยทีเดียว พวกมันรู้ว่าต้องย่องเบา ห้ามลงน้ำหนักเท้า ห้ามส่งเสียง รู้แม้กระทั่งว่าต้องลอบโจมตี นี่คือสิ่งที่หลี่บี๋เฟิงได้ยินข่าวมาจากในซางจิงเกี่ยวกับซอมบี้ระยะ 4
และในขณะที่ทุกคนกำลังตกอยู่ในอาการแตกตื่น จู่ๆพื้นดินที่ยืนอยู่ก็เริ่มมีความสั่นสะเทือนเกิดขึ้น หิมะที่เกาะอยู่บนกิ่งก้านต้นไม้เริ่มตกลงมา
ต่อหน้าสายตาของทุกคน ภาพของแยกถนนข้างหน้าที่ห่างไกลออกไปจู่ๆก็ล้นไปทะลักไปด้วยจุดสีดำเต็มไปหมดที่เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆและตามมาด้วยเสียงคำรามที่ไล่ๆกันมา!
ฝูงซอมบี้!
ฝูงซอมบี้ขนาดใหญ่กำลังมุ่งหน้าเข้ามาโดยไม่ทราบจำนวน พวกมันเริ่มเข้ามาใกล้ทุกคนขึ้นเรื่อยๆ และเสียงก็ดังขึ้นเรื่อยๆ!
เจ้าซอมบี้ระยะ 4 ได้กินทหารไปแล้ว 3 นาย เคี้ยวขนาดใหญ่และแหลมคมของมันกัดเข้าที่คนตรงหน้าอย่างแรงและกระชากจนร่างขาด
พรึบ! ชึก!
มันเคี้ยวหนักๆและกลืนลงคอไป!
“หนีเร็ว! ฝูงซอมบี้มา! ฝูงซอมบี้มาแล้ว!”
ทันใดนั้นทุกคนก็ตกอยู่ความตระหนกและโกลาหล เสียงแหกปากกรีดร้องดังสนั่นไปทั่ว บางคนถึงกระทั่งขโมยของที่จำเป็นและหาที่ซ่อนตัว วิ่งวุ่นกันไปทั่วจนสถานที่เละเทะไปหมด ข้าวของกระจุยกระจายอย่างไร้ซึ่งความอับอายต่อชุดเครื่องแบบที่ทหารที่สวมใส่อยู่เลย…
ไม่มีการตอบโต้ ไม่มีการขัดขืน ไม่มีความเหนียวแน่นของพวกพ้อง!
“มีแต่พวกแมลงสาบ!” ชูฮันบ่นและเลิกผ้าม่านขึ้นไปอีก สายตาของเขายังคงเย็นชาและไร้ความปราณี
ตอนที่ 439
ฝูงซอมบี้ที่ปรากฏขึ้นอย่างกระทันหันทำให้ทุกคนตกอยู่ในสภาวะตื่นตระหนก จำนวนของซอมบี้ที่มากกว่า 4,000 ตัวทั้งยังผสมไปด้วยซอมบี้ระยะ 2 และ3 เป็นหลัก คนทั้งหมด 300 คนไม่มีการแบ่งแยกออกเป็นสองฝ่ายอีกต่อไป เฉินเสี้ยนกาวเป็นผู้นำเริ่มออกคำสั่งกับทุกคน
เฉินเสี้ยนกาวเริ่มมอบหมายหน้าที่ให้ทุกคน “ใครที่มีพลังในการต่อสู้ต่ำอย่าออกมานอกรถเด็ดขาด พวกคุณไม่สามารถรับมือกับซอมบี้กลุ่มนี้ได้แน่ คอยหลบอยู่ด้านหลังไว้แล้วค่อยหาจังหวะเวลาที่จะฆ่าซอมบี้” เสียงของเฉินเสี้ยนกาวเร่งรีบ มันเป็นครั้งแรกที่เขาออกคำสั่ง “ขึ้นไปตั้งปืนบนหลังคารถเล็งไปที่ส่วนอ่อนแอของซอมบี้ ไม่จำเป็นต้องฆ่าให้ตายทันที ขอแค่ทำให้ลดความเร็วของพวกมันลดลงได้! คนที่มีระดับสูงกว่าวิวัฒนาการระยะ 2 ก็ขึ้นไปด้านบนคอยป้องกันมือปืนไว้!”
ทุกคนรีบกระจายตัวตามคำสั่งทันที อาวุธมากมายถูกแจกจ่าย นี่เป็นสิ่งที่พวกเขาคุ้นเคยกันดีเมื่อตอนที่ได้ทำสงครามเมืองตงกับชูฮัน และตั้งแต่ตอนนั้นมาทุกครั้งที่มีการต่อสู้กับซอมบี้พวกเขาจะสามารถจัดวางตำแหน่งเพื่อเตรียมตัวต่อสู้ได้อย่างรวดเร็วเสมอ
ชูฮันได้ให้บทเรียนแรกแก่พวกเขา ซึ่งก็คือการใช้ประโยชน์จากตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ และตอนนี้สิ่งเดียวที่พวกเขามีก็คือรถ
“จำไว้ มันมีซอมบี้มากเกินไป หน้าที่หลักของเราไม่ใช่การฆ่า แต่คือการสู้ซอมบี้ คนขับรถเข้าประจำที่ได้!” เสียงของเฉินเสี้ยนกาวดังลั่น เขาไม่เข้าใจว่าทำไมชูฮันถึงยังไม่ออกมา ถ้าหัวหน้าออกมาละก็ พวกฝูงซอมบี้พวกนี้จะไม่ใช่เรื่องน่ากลัวเลยสักนิด แต่ในเมื่อหัวหน้าชูฮันให้พวกเขารับมือกับมันด้วยตัวเอง เฉินเสี้ยนกาวก็พร้อมใช้แผนการสู้รบที่มีรับมืออย่างเต็มกำลังเพื่อรักษาความปลอดภัยให้ทุกคน
เขาเข้าใจว่าชูฮันทรงพลังแต่ชูฮันไม่ใช่นักบุญอุปถัมภ์ของพวกเขา ทุกคนต้องโตขึ้นและเผชิญหน้ากับความยากลำบากด้วยตัวเองเพื่อที่จะได้เดินหน้าไปกับชูฮัน!
ชูฮันที่อยู่ในรถและมองไปที่ปฏิกิริยาของทุกคนด้านนอกและพยักหน้าอย่างเห็นด้วย การตอบสนองของเฉินเสี้ยนกาวน่าทึ่งอย่างมาก ขณะที่กลุ่มทหารวิวัฒนาการกำลังหวาดกลัวที่มีฝูงซอมบี้ปรากฏขึ้นมา แต่เฉินเสี้ยนกาวกลับมีสติและจัดการได้ มันไม่ใช่ง่ายๆเลย
และนอกเหนือจากเฉินเสี้ยนกาวแล้ว กลุ่มทหารก็กำลังสับสนวุ่นวาย วิ่งวุ่นกันไปทั่ว มันมีรถมากมายรายล้อมจอดอยู่ หากทุกคนกลับต้องการจะกระโดดเข้าไปอยู่ในรถเพื่อจะได้สู้กลับหรือเพื่อรักษาชีวิตรอด เพราะมันเป็นที่กำบังที่ปลอดภัยที่สุดในตอนนี้ และเพราะผู้คนที่อัดแน่นและแออัดมากเกินไป รถทั้งหลายจึงไม่สามารถขับออกไปได้ มีรถสองคันที่ถึงกับเทคว่ำไปกับพื้นด้วยน้ำหนักคนที่มากเกินไป ทำให้วัสดุของที่อยู่ในรถเทกระจาดออกมาหมด
ฝูงซอมบี้สี่พันตัวที่กำลังมุ่งหน้าเข้ามาได้ช่วยเปิดเผยความจริงที่อัปลักษณ์ของกลุ่มทหารสองร้อยนายแห่งซางจิงที่คิดว่าตัวเองเป็นคนระดับสูงและมีความสามารถกว่าคนอื่นว่าแท้จริงแล้วเป็นพวกขี้ขลาดที่ดีแต่อวดเก่ง
ในที่สุดหวังไคก็เข้าใจว่าทำไมตลอดสองวันที่ผ่านชูฮันถึงให้อิสระแก่คนพวกนี้ เขาต้องการทดสอบคุณภาพทางจิตวิทยาและปฏิกิริยาตอบสนองตามสัญชาตญาณ ทว่าเฉินเสี้ยนกาวที่เป็นหัวหน้าทีมของคนธรรมดากลับทำได้ดีกว่ากลุ่มทหารวิวัฒนาการของซางจิงซะอีก ด้วยเพราะตัวค่ายซางจิงถูกสร้างมาอย่างสมบูรณ์แบบจนซอมบี้ไม่สามารถฝ่าเข้าไปได้ ทหารพวกนี้จึงได้รับการป้องกันอยู่ตลอดและไม่เคยได้เผชิญหน้ากับเหตุการณ์ร้ายแรงอะไร ดังนั้นพอได้เห็นซอมบี้จำนวนมากอย่างกระทันกันพวกเขาจึงกลัวจนตัวสั่นและทำอะไรไม่ถูก ทั้งๆที่ความจริงแล้วฝูงซอมบี้พวกนี้นั้นมีจำนวนน้อยกว่าที่ชูฮันต่อสู้ด้วยตัวคนเดียวที่เมืองอันลูซะอีก
“นายจะไม่ออกไปเหรอไง?” หวังไคถาม หากมันไม่มีความสงสารในน้ำเสียงของหวังไคเลยสักนิด เพราะชูฮันเคยพูดไว้ว่าถ้าในกลุ่มนี้ไม่มีสายลับของลูกผสมซ่อนอยู่ อย่างน้อยคนพวกนี้ก็คงจะตายบนท้องถนน
ชูฮันเอื้อมมือไปหยิบขวานซิ่วโหลขึ้นมาอย่างสบายพลางพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ฉันจะรอดูว่าขีดจำกัดของเฉินเสี้ยนกาวจะถึงระดับไหน”
สำหรับพลทหารเกือบสองร้อยนายที่ซางจิงส่งมา เขาล้มเลิกความหวังกับพวกน้ันไปแล้ว กองทัพจะมีการฝึกอบรมไปเพื่ออะไรมันไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย?
หลิวยู่ติงที่ยืนอยู่ด้านนอกรถจี๊ปที่ชูฮันอยู่ข้างในก็เหงื่อโชกไปท่วมไปทั้งตัว หันรีหันขวางไปทั่วอย่างตระหนก หัวใจเต้นรัวเกินสองร้อยครั้งต่อนาที การที่ชูฮันเตรียมอาวุธก่อนการมาถึงของฝูงซอมบี้ยิ่งทำให้หลิวยู่ติงกลัวอยู่ในอก
ทุกย่างก้าวอยู่ในการคาดการณ์ของชูฮันไว้หมดแล้ว…ชูฮันรู้ดีว่าฝูงซอมบี้จะระเบิดออกมา!
จากนั้นเมื่อมองไปเห็นกลุ่มคนที่แบ่งออกเป็นสองฝ่ายตรงหน้า ซึ่งมีพฤติกรรมแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง หลิวยู่ติงก็กำหมัดแน่นอย่างโมโห ไม่แปลกใจที่ชูฮันไม่ยุ่งเกี่ยวกับการกระทำของเฉินช่าวเย่และคนอื่นๆก่อนหน้านี้ ไอ้พวกขี้ขลาดตาขาวที่อวดดีว่าตัวเองเป็นวิวัฒนาการกลับกลัวจนหัวหดเมื่อเจอกับซอมบี้ พวกมันยังมีหน้ามาเข้าร่วมกองทัพได้อีก?
อย่างที่ชูฮันพูดไว้ทุกอย่าง เปล่าประโยชน์!
“พลตรีหลิวยู่ติง!” เหล่าทหารที่ไม่สามารถอัดเข้าไปอยู่ในรถได้วิ่งมาหาหลิวยู่ติงด้วยความวิตก แหกปากร้องใส่หลิวยู่ติง “พวกมันจะปล่อยให้ผมตาย!”
ในขณะเดียวกัน หลายคนที่เหลือที่ไม่มีที่ซ่อนก็โวยวายตามมา
“ท่านพลตรี! ช่วยด้วย!”
“พลเอกชูฮันล่ะ? ทำไมเขาไม่ออกมาฆ่าซอมบี้?”
“เรียกชูฮันออกมา เขาเป็นที่หนึ่งของรายชื่อประลองวิวัฒนาการระยะ 3 ไม่ใช่เหรอ? เร็วเข้า!”
“ชูฮันเป็นคนที่แข็งแกร่งและอวดเก่งดีนักไม่ใช่เหรอ? ไหนว่ามีความสามารถในการฆ่าซอมบี้! ทำไมถึงเอาแต่ซ่อนตัวล่ะ?”
“ชูฮัน! นายคิดจะซ่อนตัวอยู่แบบนี้เหรอไง? ออกมา!”
ตั้งแต่แรกเริ่ม เหล่าทหารอยากจะกระโดดขึ้นรถและขับหนีออกไปและตอนนี้พวกเขาก็เริ่มหันมาต่อว่าโทษชูฮัน แทนกลุ่มทหารวิวัฒนาการเกือบสองร้อยนายหวาดกลัวฝูงซอมบี้อย่างมากจนขาดเหตุผลไปอย่างสิ้นเชิง
สีหน้าของหลิวยู่ติงยิ่งเย็นชาขึ้นเรื่อยๆ หมัดที่กำแน่นเริ่มคลายตัวลง เขายังคงยืนอยู่ด้านนอกตัวลงอย่างเงียบสนิท เขาโตขึ้นมากับชูฮันและเข้าใจเจตนาของชูฮันดี ยังไงก็ตามชูฮันจะไม่ออกมาถ้าเขาไม่อยากออก
ท่ามกลางฝุ่นตลบที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย คนของฝ่ายเฉินเสี้ยนกาวต่างเข้าประจำที่ตั้งของตัวเองเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ และในตอนนั้นันก็มีกลุ่มคนพุ่งเข้าใส่เผชิญหน้ากับฝูงซอมบี้
หลี่บี๋เฟิงแหกปากเสียงดังอย่างคนคลั่ง “จัดการพวกมันให้สิ้นซาก!”
“ตายซะ!”
“ฆ่ามันให้เละ!”
“พวกมึงกินพ่อแม่กู วันนี้กูจะฆ่าพวกมึงคืน!”
“กูจะฆ่าพวกมึงให้หมด แก้แค้นที่มึงฆ่าลูกสาวกู!”
เสียงแหกปากโห่ร้องเรียกกำลังใจและเสียงแตกตื่นของผู้คนดังระงมไปทั่วประกอบกับเสียงกระโหลกของซอมบี้ที่แตกกระจาย
แววตาของชูฮันมีร่องรอยของความประหลาดใจเมื่อเปิดผ้าม่านออกไปดูด้านนอกและได้เห็นหลี่บี๋เฟิงวิวัฒนาการระยะ 3 ที่เนื้อตัวโชกไปด้วยเลือดสีดำของซอมบี้ ในมือมีมีดขนาดใหญ่กำลังไล่ฟันซอมบี้พร้อมกับแหกปากไปด้วย หลี่บี๋เฟิงเผชิญหน้ากับซอมบี้อย่างไม่เกรงกลัว ไล่ฆ่าพวกมันไปเรื่อยๆทีละตัว
“เขาเก่งด้านการฆ่าดี” หวังไคที่เงียบอยู่พักหนึ่งพูดขึ้น
ชูฮันเอามือลูบคางขณะมองภาพตรงหน้าอย่างสงสัย หลี่บี๋เฟิงไม่คิดจะสู้กับเขาเมื่อตอนที่เจอกันครั้งแรก ทั้งๆที่ความจริงแล้วหลี่บี๋เฟิงก็เป็นคนมีฝีมือ เขาไม่เคยออกหน้าอวดตัวว่าเก่งแต่กลับเผชิญหน้ากับฝูงซอมบี้อย่างไม่เกรงกลัวและออกนำด้วยซ้ำ?
ท่ามกลางความวุ่นวาย เฉินช่าวเย่พรสวรรค์ระยะ 4 จับมือติงเซวเป็นครั้งแรกอยู่ภายในรถ จากนั้นเขาก็ออกมายืนอยู่ด้านนอกตัวรถข้างติงเซวที่แก้มแดงราวกับมะเขือเทศด้วยความเขินอาย
หลังจากผ่านความตื่นตระหนกและเขินอายไป จู่ๆติงเซวก็ตกใจพร้อมกับนึกขึ้นมาได้ “ทำไมคุณไม่ยิงปืนล่ะ?”
ตอนที่ 440
มือของชูฮันที่ถือปืนไว้จู่ๆก็สั่นขึ้นมา เขาขยับริมฝีปากทำท่าจะพูดอยู่หลายครั้ง จนในที่สุดเขาก็พูดออกมา “ฉันชอบกินขนมปังเนื้อ”
อะไรน่ะ?
ติงเซวมองไปที่เฉินช่าวเย่ด้วยความตกใจ รู้สึกสับสนอย่างมาก…นี่มันเป็นคำตอบของคำถามเธอตรงไหน?
เฉินช่าวเย่กังวลอย่างมากจนตัวสั่นเพราะจู่ๆติงเซวก็ถามเขาขึ้นมา มันทำให้เฉินช่าวเย่ทำอะไรไม่ถูก
ฝูงซอมบี้พุ่งทะลักเข้ามาจนเต็มล้นถนน คนที่เชื่องช้าก็ถูกฝูงซอมบี้ที่พัดเข้ามากลืนกินหายไปไม่เหลือแม้กระทั่งกระดูก เช่นเดียวกับซอมบี้บางตัวที่ก็ถูกฆ่าตาย ทุกอย่างเละเทะเต็มไปด้วยเนื้อและเลือด
ผู้คนวิ่งถอยหนีกันอย่างสิ้นหวัง ท่ามกลางความโกลาหลที่ไม่รู้ว่าตอนนี้มีคนเหลือชีวิตรอดกี่คนและกี่คนที่ถูกซอมบี้ฆ่า
เฉินเสี้ยนกาวมองไปที่กลุ่มทหารสองร้อยนายจากซางจิงที่กำลังแตกตื่นและอดไม่ได้ที่จะตะโกนใส่ “ใครที่มีปืนก็ยิงปืนสิ ส่วนใครไม่มีก็ไปที่รถหยิบอาวุธที่ด้านหลังรถออกมา อย่าเบียดอัดเข้าไปในรถ ไม่อย่างนั้นทุกคนก็ตายกันหมด!”
“แกคิดว่าแกเป็นใครถึงกล้ามาออกคำสั่งกับพวกฉัน?!”
“ลงไปซะ รถนี้เป็นทรัพย์สินของซางจิง ให้พวกเราขึ้นไปเดี๋ยวนี้!”
คำพูดของเฉินเสี้ยนกาวกลับกลายเป็นสร้างความไม่พอใจให้แก่เหล่าทหารและยิ่งทำให้สถานการณ์ตึงเครียดขึ้นไปกว่าเดิมอีกจนเผยส่วนที่ชั่วร้ายที่สุดของมนุษย์ที่แฝงอยู่ตามธรรมชาติออกมา
“ปัง!”
เสียงปืนดังขึ้น จากนั้นรถที่เฉินเสี้ยนกาวอยู่ก็สั่นไปมาอย่างแรงจนแทบทรงตัวไม่อยู่ มือปืนที่เฝ้าอยู่บนหลังคารถทนไม่ไหวจนผลัดตกลงมา
ปัง! ปัง! ปัง!
เสียงยิงปืนรัวดังขึ้น
“ระเบิดยางรถของพวกมัน! ดูสิว่าพวกมันยังจะหนีเอาตัวรอดไปได้อีกมั้ย?”
“ไอ้พวกเลี้ยงเสียข้าวสุก ให้พวกเราขึ้นไปเดี๋ยวนี้!”
ปืนที่มีไม่เอาไปใช่ฆ่าซอมบี้แต่กลับเอามายิงระเบิดยางรถที่คนของเฉินเสี้ยนกาวอยู่แทน!
เฉินเสี้ยนกาวจ้องไปที่กลุ่มทหารตรงหน้าอย่างโกรธจัด ช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้คนพวกนี้ยังจะมาระเบิดยางรถอีกเนี่ยนะ ท่ามกลางรถจี๊ปที่มี 20 คัน พวกเขา 80 คนเบียดกันอยุ่ภายในรถแค่ 4 คัน และให้รถที่เหลือกับทหารพวกนั้นแต่พวกนั้นยังไม่พอใจเพราะหาทางหนีไม่ได้เลยมาระเบิดยางรถพวกเขา นอกจากจะไม่ฟังคำแนะนำในการเอาตัวรอดที่เขาบอกไปแล้ว ยังจะลากพวกเขาให้ไปตายด้วยอีกเนี่ยนะ?
พวกมันใช่คนรึเปล่า?!
ชูฮันที่ยังคงอยู่ในรถจี๊ปเอามือเช็ดขวานไปเรื่อยๆพลางมองไปที่เหตุการณ์ด้านนอก ถ้าผู้บัญชาการมู๋และเลาหมิงรู้ว่าทหารที่ตัวเองส่งมาเป็นแบบนี้คงจะตะลึง ทหารทำตัวเป็นศัตรูกับผู้คนซะเอง? นอกเหนือจากกลุ่มทหารที่มีหลี่บี๋เฟิงเป็นคนนำต่อสู้ ไม่มีใครอื่นคิดจะต่อสู้กับฝูงซอมบี้เลย
รถจี๊ป 4 คันหยุดชะงักพร้อมๆกัน พวกเขามองไปที่ยางรถ…
“สละรถทิ้ง!” เฉินเสี้ยนกาวออกคำสั่ง “ซ่อนตัวอยู่ข้างหลังรถและหยิบอาวุธมาสู้กับซอมบี้ซะ!”
พวกเขาสูญเสียพาหนะสำหรับการเดินทางไปแล้ว มันจึงเหลือแต่การหนี ทุกคนรู้สึกสิ้นหวังอย่างมากและทันใดนั้นเฉินเสี้ยนกาวก็สังเกตเห็นว่ารถของชูฮันไม่ได้ขยับไปไหนเลย แถมยังมีหลิวยู่ติงยืนเฝ้าอยู่ด้านนอกรถพร้อมกับศพซอมบี้ที่นอนรายล้อมอยู่ที่เท้า
ตราบใดที่ชูฮันยังอยู่ที่นี้ มันก็ไม่มีอะไรต้องกลัว!
ผู้คนรีบลงมาจากรถและพยามซ่อนตัวโดยใช้ตัวรถเป็นกำบังพร้อมกำอาวุธในมือกันแน่น ถ้ามันไม่ใช่เพราะว่าตอนนี้พวกเขากำลังเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายกับฝูงซอมบี้อยู่ละก็ พวกเขาอยากจะพุ่งเข้าไปจัดการกับไอ้พวกทหารจากซางจิงซะเดี๋ยวนี้
ความเร็วของฝูงซอมบี้รวดเร็วอย่างมาก พวกมันใช้ปากกว้างใหญ่และเคี้ยวแหลมคมกัดทำลายทุกอย่าง ทั้งถนนเละเทะไปหมดและถูกกลืนกินด้วยฝูงซอมบี้สีดำจนมองอะไรไม่เห็น
“ฆ่ามันให้ตาย!”
เฉินเสี้ยนกาวตะโกนกู่ก้องออกคำสั่งโดยอาศัยรถเป็นที่กำบัง ทุกคนต่างยื่นอาวุธออกมาเตรียมต่อสู้
และในขณะที่ทุกคนเริ่มเผชิญหน้ากับซอมบี้ กลุ่มทหารเล็กๆที่ยืนเร่ร่อนบนถนนก็ไม่รู้จะต้องไปตรงไหน พวกเขาจึงวิ่งเข้าไปเบียดอัดรวมตัวกับกลุ่มของเฉินเสี้ยนกาวทั้งๆที่ยังคงใส่ชุดเครื่องแบบทหารซางจิง ในมือทุกคนถือปืน สีหน้ากลับเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง
ทหารกลุ่มเล็กๆนี้เป็นกลุ่มแรกในทหาร 200 นายที่ต่อสู้ พวกเขาวิ่งเข้ามาหลังจากได้เห็นพวกพ้องของตัวเองยิงรถของกลุ่มเฉินเสี้ยนกาวจนต้องสละรถ ไม่ใช่ว่าทหารทั้ง 200 นายจะไร้ประโยชน์และเป็นขยะกันซะหมด มันยังมีกลุ่มทหารที่ผู้บัญชาการมู๋และเลาหมิงส่งมา เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดและจริงแท้ที่สุดสำหรับชูฮัน
ความยุ่งเหยิงของทหารกลุ่มนี้ก็คือพวกเขาไม่มีผู้นำ เมื่อตอนที่ฝูงซอมบี้ปะทุออกมา พวกเขามีประสิทธิภาพและความสามารถที่จะต่อสู้ได้อย่างดุดันทว่าไม่มีใครเป็นผู้นำออกคำสั่งพวกเขา และในตอนนี้เมื่อพวกเขาได้ยินการสั่งการของเฉินเสี้ยนกาวพวกเขาจึงเข้าร่วมทันที พวกเขาไม่สนใจว่าใครจะเสียหน้าหรืออะไร พวกเขาต้องการมีชีวิตรอดและการสั่งการของเฉินเสี้ยนกาวก็ดูเป็นประโยชน์จริงๆ
เฉินช่าวเย่ที่ยืนคุ้มกันติงเซวอยู่จู่ๆก็มีทหารวิ่งเข้ามาหาเขา คนคนนั้นคือซูเซียงหลง เขาเป็นชายหนุ่ม ด้านหลังแบกดาบขนาดใหญ่มา ขณะที่ปืนในมือยังคงกราดยิงใส่ซอมบี้ตรงหน้าไปด้วย พร้อมกับพูดเปิดประโยคที่แสดงความไม่พอใจต่อเฉินช่าวเย่ออกมา “เฉินช่าวเย่ ทำไมท่านไม่ยิง?”
ทำไมถึงถามคำถามกับเขาอีกแล้ว!
“วิวัฒนาการมุ่งหน้าขึ้นไปสู้! มันมีซอมบี้ระยะสูงมากเกินไป มายิงปืนแบบนี้มันเสียเปล่า” เฉินช่าวเย่พูดอย่างจริงจัง “แล้วส่งปืนให้คนธรรมดาแทน ให้คนของเฉินเสี้ยนกาวยิงปืนต้านซอมบี้ไว้! ส่วนวิวัฒนาการเข้าไปต่อสู้!”
กลุ่มทหารกลุ่มเล็กๆนี้ประหลาดใจไปชั่วขณะหนึ่ง จากนั้นพวกเขาก็ส่งปืนและกระสุนให้คนของเฉินเสี้ยนกาวและพุ่งตัวออกไปต่อสู้กับซอมบี้โดยไม่มีอาวุธ
เฉินเสี้ยนกาวและคนอื่นๆต่างตะลึงไปชั่วขณะ หากไม่นานพวกเขาก็รู้สึกซาบซึ้ง
ซูเซียงหลงที่ยืนถัดจากเฉินช่าวเย่หันหน้ากลับไปมองอย่างตกใจขณะที่ปืนในมือยังคงกราดยิงอยู่ เขาจ้องหน้าเฉินช่าวเย่ “ท่านเฉิน ที่ท่านสั่งมันสมเหตุสมผลสุดๆ!”
เฉินช่าวเย่เลียริมฝีปากพลางเหลือบตาจ้องไปที่รถของชูฮัน…หัวหน้าของเขายังคงไม่เคลื่อนไหว
ชูฮันที่อยู่ในรถจี๊ปเอามือลูบคางพลางขบคิด สีหน้าของเขาไม่ค่อยดีเท่าไหร่ คนที่เขาสามารถนำมาเป็นคนของตัวเองได้ท่ามกลางทหาร 200 นายนั้นในที่สุดก็เปิดเผยตัวออกมา
“ผู้บัญชาการมู๋ขี้งกชะมัด!” เสียงของหวังไค้ดังขึ้นในหัวชูฮัน “ฉันพึ่งนับเสร็จ มันมีแค่ 20 คนเท่านั้นเองที่ใช้งานได้ จากทั้งหมด 200 คน มีเพียงแค่ 20 เท่านั้นที่มีประโยชน์จริงๆ?”
ชูฮันพยักหน้า “แม่ง! ถ้ารู้แบบนี้ฉันน่าจะเพิ่มปริมาณวัสดุไปอีกเท่าตัวเพราะต้องให้คนเป็นร้อยที่ไร้ประโยชน์กินใช้แบบเสียเปล่า!”
ท่ามกลางความโกลาหล ติงเซวก็คว้าปืนมาจากมือซูเซียงหลง “เอาปืนให้ฉัน!”
จากนั้นเธอก็กระโดดไปที่ด้านหลังของตัวรถ กระแทกปืนเล็งไปที่ฝูงซอมบี้และเริ่มกราดยิง
ซูเซียงหลงที่ตอนแรกอยากจะเอ่ยถาม ‘เธอยิงปืนเป็นเหรอไง?’ ต้องรีบเปลี่ยนคำถามแทบไม่ทัน “เธอไม่เอาปืนของท่านเฉิน แต่กลับเอาปืนของฉัน? แล้วท่านเฉิน…ท่านจะไม่ยิงเหรอไง?”
ตอนที่ 441
เฉินช่าวเย่พยายามอดทนความรู้สึกที่อยากจะซัดซูเซียงหลงให้สลบ เขาชี้ปืนในมือใส่ซูเซียงหลง “ปืนนี้ใช้ฆ่าได้แค่ซอมบี้ระยะ 1 เท่านั้น”
ซูเซียงหลงที่พร้อมจะชักดาบเล่มใหญ่ที่หลังออกมา แต่เขายังคงไม่เข้าใจ “งั้นเหรอ?” “ดังนั้นฉันจะใช้พรสวรรค์ระยะ 4 ของฉันเผชิญหน้าเอง!” เฉินช่าวเย่ต้องหาเหตุผลมาอ้าง เพราะเขาไม่สามารถพูดได้ว่าเพราะหัวหน้าชูฮันไม่อนุญาตให้ยิง
“ผมได้ยินมาว่าพรสวรรค์มีข้อกำจัด ไม่ทางกายภาพก็ทางสมอง” ซูเซียงหลงมองเฉิน
ช่าวเย่ “ท่านอาจไม่รู้แต่มันมีปืนมากมายให้ท่านหยิบขึ้นมาใช้ได้ มันคงเป็นเพราะข้อจำกัดอย่างที่ได้ยินมาจริงๆ?”
เฉินช่าวเย่หมดความอดทน “จะพูดไร้สาระอีกนานแค่ไหน? ฆ่าพวกซอมบี้ซะที!”
ฟรึบ!
หลังจากคำสั่งครั้งที่สอง ซูเซียงหลงก็บดขยี้กระโหลกของซอมบี้ทันที พลางหันไปมองหน้าเฉินช่าวเย่อย่างใสซื่อ “ผมก็กำลังฆ่าอยู่”
เฉินช่าวเย่ใช้ร่างอ้วนท้วมของตัวเองกั้นติงเซวพร้อมกับเหลือบมองซูเซียงหลง “ไม่ใช่ตรงนี้!”
“ไม่ครับ! ผมต้องการรักษาความปลอดภัยให้พลโทและคุณนาย!” ซูเซียงหลงไม่ขยับ เฉินช่าวเย่ไม่ใช่วิวัฒนาการ ความแข็งแรงทางกายภาพคือจุดด้อยของเฉินช่าวเย่
พัฟ!
กระโหลกของซอมบี้อีกตัวถูกทำลายโดยซูเซียงหลง จากนั้นก็หันตัวมาถามเฉินช่าวเย่ต่อ “จริงมั้ยครับที่พลเอกชูฮันเป็นคนค้นพบท่านเฉินช่าวเย่? แล้วพวกท่านสนิทกันมากมั้ย? พลเอกทรงพลังขนาดไหน—–“
จู่ๆเฉินช่าวเย่ก็แย่งปืนมาจากทหารนายหนึ่งและเหนี่ยวไกใส่ซอมบี้ระยะ 3
“ปัง!”
ซอมบี้ระยะ 3 ที่กำลังพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วหยุดชะงัก ร่างของมันล้มลงพื้นทันที หิมะกระจายตัวลอยขึ้นมาจากแรงกระแทก กระโหลกของซอมบี้ที่ถูกลูกกระสุนเจาะโดยเฉินช่าวเย่ระเบิดกระจาย เลือดและของเหลวในสมองเหนียวๆสาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ
ซูเซียงหลงอึ้งค้างไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็แหกปากขึ้น “สุดยอด อ๊ากกก! กระสุนปืนสามารถฆ่าซอมบี้ระยะ 3 ได้ด้วยเหรอ??”
เฉินช่าวเย่แอบรู้สึกภูมิใจอยู่ในอก ไอ้นี่มันรู้แล้วสินะว่าเขาเป็นคนน่าทึ่ง? จากนั้นตาของเฉินช่าวเย่ก็มองไปที่ติงเซว…ภรรยาของฉัน เห็นมั้ยว่าฉันเก่งแค่ไหน?
ติงเซวยิ้มให้เฉินช่าวเย่ ขณะในใจรู้สึกหมดหนทาง…นี่เฉินช่าวเย่รู้มั้ยว่าสถานการณ์ตอนนี้มันอันตรายขนาดไหน?
และในขณะที่เฉินช่าวเย่กำลังยืดอกอยู่ จู่ๆมันก็มีน้ำเสียงที่คุ้นเคยดังมาจากทางหลังหู “คริสตัลซอมบี้ระยะ 3 มีมูลค่าเท่ากับ 200 เหรียญล่มสลาย ฉันจะหักมันจากเงินเดือนของแก”
“หัวหน้า?” เฉินช่าวเย่หันหน้ากลับมาและได้เห็นชูฮันยืนอยู่ข้างตัวเอง ทันใดนั้นเฉินช่าวเย่ก็มีสีหน้าข่มขืน เขาหลุดการควบคุม เขาลืมตัวเพราะอยากจะทำเก่งต่อหน้าซูเซียงหลงจนลืมเรื่องนี้ไปเลย!
ชูฮันยืนอยู่ข้างเฉินช่าวเย่ นัยน์ตาสีดำลึกจดจ้องไปที่ฝูงซอมบี้ด้านหน้า ซอมบี้กลุ่มแรกนั่นมีจำนวนไม่มากและค่อนข้างเป็นระยะต่ำๆซะส่วนใหญ่ พวกมันส่วนใหญ่เป็นซอมบี้ระยะ 1 ที่รุมล้อมรถจี๊ปและกลุ่มเฉินเสี้ยนกาว ตอนนี้ผู้คนเริ่มจะสิ้นหวังแล้วพวกเขาต่อสู้กันจนสุดกำลังของตัวเอง จำนวนคนตายของทั้งกลุ่มทหารและคนธรรมดาก็ไม่ได้มากมายอะไร อย่างไรก็ตามการได้ต่อสู้กับซอมบี้ระยะ 1 ก่อนจะทำให้พวกเขามีประสบการณ์
ทว่าตอนนี้คลื่นของซอมบี้ระยะ 2 กำลังเข้ามาใกล้ และครั้งนี้จำนวนของพวกมันมีมากกว่าเท่าตัวของครั้งแรก ส่วนใหญ่จะเป็นซอมบี้ระยะ 2 และซอมบี้ระยะ 3 ก็มีไม่น้อยเลยทีเดียว คลื่นซอมบี้ลูกที่สองเหยียบย่ำซากศพของซอมบี้คลื่นแรกที่ตายกองอยู่พื้นและมุ่งหน้าเข้ามา พวกมันไม่ลังเลที่จะกัดและกลืนกินมนุษย์ที่มันเจอ
เสียงกรีดร้องไม่มีสิ้นสุด คลื่นซอมบี้ลูกที่สองที่พุ่งเข้ามาได้ทำให้วิวัฒนาการที่ระดับไม่สูงมากบาดเจ็บและตายไปหลายคน
หลิวยู่ติงที่ยืนถัดอยู่จากชูฮันโมโห “คนพวกนี้ไม่แม้แต่จะสามารถต่อต้านได้ด้วยซ้ำ? ผลลัพธ์ของการฝึกซ้อมที่ผ่านมา ไม่ต่างอะไรกับป้อนตัวเองเข้าปากซอมบี้!”
ชูฮันยิ้มเยาะพลางมองไปที่ซอมบี้ระยะ 4 ตรงหน้าเขา ครั้งนี้หลี่บี๋เฟิงและทหารอีกห้านายกำลังต่อสู้กับซอมบี้อยู่ ทั้งห้าคนคือวิวัฒนาการระยะ 3 กันหมด พวกเขารวมพลังกันสู้กับซอมบี้ระยะ 4 เห็นได้ชัดเลยว่าหลี่บี๋เฟิงและทหารห้าคนนั้นค่อนข้างแข็งแรงพอสมควร
เฉินเสี้ยนกาวและคนอื่นๆเมื่อเห็นชูฮันปรากฏตัวขึ้นก็รู้สึกโล่งอกอย่างมาก เพราะถ้าคราวนี้หัวหน้ายังไม่ออกมาอีกพวกเขาก็ไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว!
เฉินเสี้ยนกาววิ่งข้ามมาหาชูฮัน “ท่านครับ เราทำอย่างไรต่อดี?”
ไม่มีการเรียกหัวหน้าอีกต่อไป ไม่มีการเรียกน้องชูฮันอีกต่อไป ตอนนี้เฉินเสี้ยนกาวและคนอื่นๆเต็มใจที่จะเรียกชูฮันด้วยคำเฉพาะเจาะจง พวกเขากำลังจะไปที่ค่ายเขี้ยวหมาป่าของชูฮันและในไม่ช้าก็จะกลายเป็นทหารภายใต้พลเอกชูฮัน!
รถจี๊ปสี่คันที่อยู่ข้างหลังชูฮันมีสภาพพังยับเยินไม่เหลือ ส่วนที่เหลืออยู่อีกสิบกว่าคันก็ยังคงอัดแน่นไปด้วยคนจำนวนมากที่เบียดอัดกันเข้าไป และเนื่องจากซอมบี้รวมตัวกันเป็นจำนวนมากจนรถไม่สามารถขับฝ่าออกไปได้ ผู้คนจึงต้องทนอัดแน่นใช้รถเป็นที่กำบังอยู่แบบนั้นต่อไปโดยไปไหนไม่ได้ เพราะถ้าออกไปเมื่อไหร่พวกเขาจะโดนซอมบี้เป็นพันๆตัวรุมทึ้งทันที
จะเลือกทางไหนมันก็หลีกเลี่ยงซอมบี้ไม่ได้ทั้งนั้น เพราะฉะนั้นแล้วทุกอย่างขึ้นอยู่กับผู้นำสูงสุดของพวกเขาในที่นี้…พลเอกชูฮัน
เสียงของชูฮันที่ดังแว่วขึ้นมา ทำให้ทุกคนรำลึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อไม่กี่เดือนก่อน ในสงครามเมืองตง ทุกคนนิ่งสงบพลางคิดถึงความหลังเมื่อได้ยินเสียงคำสั่งของชูฮัน “จัดทีมห้าคน แต่ละทีมต้องมีทั้งมือปืนและวิวัฒนาการ อาวุธรุนแรงและผู้ช่วยสองคน”
“ครับ!” เฉินเสี้ยนกาวตอบรับเสียงดัง สายตาแน่วแน่ด้วยความรู้สึกที่อัดแน่น กลุ่มคนที่ยอมทิ้งทุกอย่างที่มีเพื่อติดตามชูฮันผู้ทรงพลัง!
เฉินเสี้ยนกาวหันไปออกคำสั่งกลับสมาชิกด้านหลังทันที “ทุกคนฟัง! แบ่งทีมด่วน เร็ว!”
ฟรึบ! ฟรึบ! ฟรึบ!
เหล่าคนธรรมดาที่เคยมีประสบการณ์การต่อสู้แบบนี้มาแล้วจากสงครามเมืองตงรีบปฏิบัติตามคำสั่งเฉินเสี้ยนกาวอย่างรวดเร็วยิ่งกว่าเหล่านายทหาร 20 นายของซางจิงที่ได้รับการฝึกฝนจากกองทัพซะอีก
การเชื่อฟังและการเชื่อใจกันอย่างเกินเหลือเชื่อนี่มันอะไรกัน?!
“แล้วพวกเราล่ะ?” ซูเซียงหลงรีบหันไปถามชูฮันต่อ
นายทหาร 20 นายเองก็รวมตัวเข้ากันอย่างรวดเร็วเช่นกัน ความเร็วของพวกเขาไม่ช้าเลยจะเรียกว่าเร็วก็ได้ด้วยซ้ำ เหล่านายทหารยืนอย่างเป็นระเบียบเรียงต่อหน้าชูฮันรอคอยที่จะรับคำสั่ง ในความคิดของพวกเขา พวกเขาแตกต่างไปจากพวกของเฉินเสี้ยนกาว พวกเขามีฝีมือมากกว่าที่จะทำตามคำสั่งที่ชูฮันมอบให้กับเฉินเสี้ยนกาวและพรรคพวก เพราะฉะนั้นชูฮันจะต้องออกคำสั่งต่างหากให้กับพวกเขาอย่างแน่นอน พวกเขาเชื่ออย่างนั้น
ชูฮันดึงสายตากลับมาที่กลุ่มทหาร 20 นายตรงหน้า เขาจ้องไปที่หลี่บี๋เฟิงด้วยสายตาเย็นชา น้ำเสียงแฝงไปด้วยอารมณ์กดขี่ “ฉันบอกว่าให้จัดทีม พวกนายงงเหรอไง?”
“พวกเราให้กำลังสนับสนุนที่ครอบคลุมมากกว่า” ซูเซียงหลงมองชูฮันด้วยสายตาประหลาดใจ “ท่านจะให้เราไปรวมตัวกับทีมที่พร้อมจะแตกของเฉินเสี้ยนกาวอย่างนั้นเหรอ?” ชูฮันมองไปที่คลื่นซอมบี้ลูกที่สองที่พุ่งเข้ามามากกว่าพันตัว ชูฮันเริ่มวางแผนคิดในหัว ด้วยจำนวนซอมบี้มากกว่าพันตัวกับจำนวนคนเพียงหนึ่งร้อยคน มันอาจจะมีจำนวนผู้เสียชีวิตสูงเลยทีเดียว
ด้วยสายตาที่จ้องมาของซูเซียงหลง ทันใดนั้นชูฮันก็เบนสายตากลับไปจ้องตากับซูเซียงหลง “ในสนามรบ ฉันจะไม่พูดเป็นครั้งที่สอง จะเชื่อฟังหรือ—–“
ขณะพูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก ขวานยักษ์สีดำก็ปรากฏขึ้นในมือของชูฮันภายในพริบตา มันสะท้อนเป็นประกายแวว ตามมาด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดของชูฮัน
“ตาย!”
ตอนที่ 442
“แต่พวกเราทุกคนเป็นวิวัฒนาการและแข็งแกร่งกว่าคนที่เก่งที่สุดที่พวกนั้นมีซะอีก” มีทหารนายหนึ่งรีบพูดปฏิเสธคำสั่งของชูฮันขึ้นมาทันที “ผมคิดว่าการที่ท่านทำกับเราแบบนี้มันไม่สมเหตุสมผลเลย นี่มันเป็นการสูญเสียความสามารถของพวกเราอย่างเปล่าประโยชน์”
นายทหาร 20 นายรวมถึงซูเซียงหลงต่างมีสีหน้าอารมณ์ไปทางเดียวกันหมด ทุกคนเป็นวิวัฒนาการ…การจะให้พวกเขาไปต่อสู้เข้าทีมกับคนธรรมดานั้นมันเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ แน่นอนว่าพวกเขาไม่อยากทำ พวกเขามีศักดิ์ศรีของพวกเขา
ขวานซิ่วโหลในมือของชูฮันเริ่มเปล่งลำแสงสีดำออกมา ชูฮันหันหน้าไปเผชิญหน้ากับเหล่านายทหาร ด้านหลังของชูฮันคือฝูงซอมบี้นับพันที่กำลังมุ่งหน้ามา หากชูฮันกลับดูเหมือนไม่สนใจอันตรายข้างหลังตัวเองเลย สายตาคมเฉียบจ้องเขม็งมาที่นายทหารคนที่ไม่เชื่อฟังคำสั่งของเขา
วร๊ากกกกก!
เสียงคำรามสนั่นของซอมบี้ที่ทำให้คนแทบหูหนวกได้!
สถานการณ์เริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ กระแสของฝูงซอมบี้กำลังเข้ามาใกล้ขึ้นทุกขณะ และในขณะที่ซูเซียงหลงและนายทหารกำลังมองหน้าชูฮันอยู่และอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองขวานซิ่วโหลในมือชูฮันไปด้วย——-
เพี้ยะ!
เสียงตบเข้าที่หน้าของนายทหารคนนั้นดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงแหกปากของหลิวยู่ติง “นาย! สามเดือนของตลอดการฝึกฝนในกองทัพ! ยังไม่เข้าใจอีกเหรอ รวมทีมซะ! คำสั่งของผู้บังคับบัญชาคือที่สุด!”
ฟรึบ!
นายทหาร 20 นายกระจายตัวกันไปอย่างรวดเร็ว ไม่มีเสียงโต้เถียงชูฮันหรือการต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรีของพวกเขาอีกต่อไป ฝูงซอมบี้ตรงหน้าอยู่ห่างจากพวกเขาออกไปเพียงแค่ไม่กี่เมตรเท่านั้น ถ้าพวกเขาไม่ทำอะไรตอนนี้พวกเขากลัวว่าจะต้องตายไปอย่างไม่ได้แม้แต่จะต่อสู้ถึงจิตใจข้างในจะไม่อยากเชื่อฟังคำสั่งของชูฮันก็ตาม
และประเด็นที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือสายตาของชูฮันที่ทำให้พวกเขารู้สึกมวลท้อง มันเหมือนราวกับว่ากำลังจ้องตากับเทพเจ้าแห่งความตายอยู่ พวกเขาไม่รู้เลยว่าถ้าจ้องต่อไปอีกแม้แต่วินาทีเดียวพวกเขาจะมีชีวิตรอดมั้ย
“แยกย้ายซะ หาทีมที่ไม่มีวิวัฒนาการและเข้าไปรวมซะ!” เฉินเสี้ยนกาวมองไปที่นายทหาร 20 นายที่กำลังวิ่งกระจายกันไปมาตามคำสั่งของชูฮัน ส่วนผู้คนอื่นๆที่เคยร่วมสงครามเมืองตงกับชูฮันมาแล้วต่างมีสีหน้าพอใจ
การตบเมื่อสักครู่จากหลิวยู่ติงนั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่การเตือนสตินายทหาร 20 นายที่ดื้อรั้น แต่ยังเป็นการขัดขวางจิตสังหารของชูฮันอีกด้วย
หลิวยู่ติงที่ยืนอยู่ข้างชูฮันพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเคารพ “ผมขอโทษครับท่าน ผมผิดที่เข้ามาขัดแต่พวกเขาเป็นทหารที่ดีจริงๆผมไม่อยากให้พวกเขาตายเปล่าๆ”
ส่วนตัวกันแล้วเขานับถือเป็นพี่น้องกับชูฮัน แต่ในสนามรบเขาเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของชูฮัน หลิวยู่ติงที่มีตำแหนงพลตรีรู้สถานะของตัวเองดี
ชูฮันถอนสายตากลับมามองไปที่ฝูงซอมบี้ขนาดใหญ่ที่กำลังมุ่งเข้ามา เสียงของชูฮันไร้ร่องรอยของอารมณ์ใดๆ “สามเดือนของการฝึกฝนอย่างยากลำบาก”
“ครับ!” หลิวยู่ติงตอบรับทันที
ในขณะเดียวกันเขาก็คาดหวังว่าชูฮันจะต่อสู้กับกระแสซอมบี้ ตั้งแต่ที่ได้กลับมาเจอและอยู่ด้วยกันมาสามวันติด หลิวยู่ติงพบว่าชูฮันในตอนนี้แตกต่างจากในอดีตอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะเมื่อเผชิญหน้ากับซอมบี้จำนวนมาก พลังที่หลิวยู่ติงสัมผัสได้ยิ่งทำให้หลิวยู่ติงรู้สึกบูชา…นี่คือออร่าที่ผู้บัญชาการควรจะมี
เฉินช่าวเย่ที่อยู่ห่างออกไปได้หยิบปืนไรเฟิลขึ้นไปเตรียมพร้อมอยู่บนหลังคารถแล้ว ส่วนติงเซวถูกบังคับให้ตามติดอยู่ข้างกายของเฉินช่าวเย่ ภารกิจของเฉินช่าวเย่ไม่ใข่การฆ่าซอมบี้แต่เป็นการคอยระวังหลังให้ชูฮัน ในกรณีฉุกเฉินชูฮันจะต้องสามารถเชื่อใจเฉินช่าวเย่ได้
ปืนในมือของเฉินช่าวเย่นั้นทรงพลังมากกว่าปืนที่ใช้ฆ่าเหล่าทหารก่อนทหารก่อนหน้านี้ แต่ไม่มากพอที่จะฆ่าซอมบี้ระยะ 3 ได้ มันเป็นไรเฟิลธรรมดาที่ทหารในซางจิงใช้กัน ถึงขั้นมีการปรึกษาว่าจะกำจัดปืนนี้ทิ้งเพราะไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้ ทว่านี่คือเฉินช่าวเย่ คนที่ฝึกฝนใช้งานกับปืนมากที่สุด…เทพเจ้ามือปืน
พลังทำลายล้างที่ไม่เพียงพอทำให้ไม่สามารถสร้างความเสียหายอะไรแก่ซอมบี้ระดับสูงได้เท่าไหร่ เนื่องจากอย่างไรแล้วซอมบี้ก็แตกต่างจากคน การจะฆ่าพวกมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่จะยิงตรงไหนก็ได้ มันมีจุดยิงจำกัดในการยิงและตัวปืนก็ต้องมีพลังทำลายพอสมควรเช่นกัน ไม่อย่างนั้นคริสตัลที่อยู่ในกระโหลกของซอมบี้ก็จะแตกระเบิดอย่างสูญเปล่า!
วร๊ากกกกกก—–
ฝูงซอมบี้พุ่งเข้ามาถึงหน้าชูฮันแล้ว พวกมันส่งเสียงคำรามดังสนั่น อ้าปากกว้างเผยให้เห็นเขี้ยวที่ยังคงมีชิ้นเนื้อและเศษกระดูกมนุษย์ติดอยู่ตามซอก น้ำเลือดที่ไหลเยือดย้วยตามปาก
“ทุกคนรอฟังคำสั่ง—-” เสียงของชูฮันค่อนข้างดังชัดก้องไปทั่วบริเวณ ขณะที่ขวานซิ่วโหลในมือชูฮันฟาดลงมา “ไล่ต้อนพวกมันมาให้ฉันที่ตรงกลาง ต้อนมันล้อมวงเข้ามา! ล้อมรอบซอมบี้ไว้!”
“อะไรน่ะ?” หลายคนต่างงุนงงและพูดอะไรไม่ออก
“อย่ามัวแต่อึ้ง! เร็วๆสิ!” เหล่าคนธรรมดาเริ่มวิ่งไปประจำตำแหน่ง ทุกคนวิ่งผ่านกลุ่มทหาร 20 นายที่เอาแต่ยืนนิ่ง
ซูเซียงหลงช็อคอย่างมาก
ทว่ายังไม่ทันที่ซูเซียงหลงจะได้เอ่ยปากถาม ทีมของซูเซียงหลงก็ลากเขาออกวิ่งแล้ว ทำให้ซูเซียงหลงได้มึนงงพร้อมกับวิ่งตามแรงดึงไปอย่างไม่รู้ตัว ทุกคนออกวิ่งและสร้างวงล้อมขึ้นมาทำให้ฝูงซอมบี้มุ่งหน้าตรงไปหาชูฮัน
เฉินเสี้ยนกาวและคนอื่นๆทั้งหมด 80 คน บวกกับทหารอีก 20 นาย รวมเป็น 100 คนออกตัววิ่งกันทันทีที่ชูฮันออกคำสั่งปฏิกิริยาตอบสนองของพวกเขารวดเร็วมาก
ชูฮันที่ยืนอยู่ใจกลางของวงล้อมพร้อมกับขวานในมือที่กวัดแกว่งฟาดฟันใส่ซอมบี้ไม่หยุด หลิวยู่ติงที่อยู่ข้างๆชูฮันกับเฉินช่าวเย่บนหลังคามองกันอย่างส่งสัญญาณ มันมีความกลัวซ่อนอยู่ในนัยน์ตาของเฉินช่าวเย่…ชูฮันมีอำนาจมหาศาลเหลือเกิน
กลิ่นเลือดคละคลุ้งไปทั่ว ฝูงซอมบี้มากกว่าพันตัวกำลังพุ่งเข้ามาหาคนสองคนที่ยืนอยู่ หลิวยู่ติงที่เป็นอัมพาตค้างไปแล้วเพราะความกลัวไม่นานก็เริ่มผ่อนคลาย ทั้งๆที่ฝูงซอมบี้ทั้งน่ากลัวและมีจำนวนมาก ทว่าไม่มีซักตัวที่สามารถเข้ามาใกล้เขาได้เกิน 1 เมตร
ชูฮันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่มีกองซากศพซอมบี้ตั้งศูงขึ้นจนแทบจะกลายเป็นกำแพง มันไม่ใช่กำแพงที่สร้างขึ้นจากศพของซอมบี้แต่เป็นกำแพงที่สร้างขึ้นจากชิ้นส่วนต่างๆที่ฉีกขาดของซอมบี้
มันมีทั้งแขน ขา แม้กระทั่งครึ่งซีกของร่างที่ไร้หัว ชิ้นส่วนต่างๆของซอมบี้กองทับถมกันสูงขึ้นเรื่อยพร้อมกับเลือดสีดำเหนียวเนอะที่เจิ่งนองไปทั่วพื้น กำแพงสูงจนซอมบี้ไม่สามารถฝ่าเข้ามาได้
หลิวยู่ติงตะลึงค้างอย่างทำอะไรไม่ถูก ตอนนี้เขายังคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชูฮันต้องการจะทำอะไร ฝูงซอมบี้พวกนี้ชูฮันสามารถฆ่ามันได้ด้วยตัวคนเดียวด้วยซ้ำ เห็นได้ชัดเลยว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงคือชูฮันต้องการฝึกฝนคนพวกนี้!
ไม่ช้า ข้างในของหลิวยู่ติงก็ปั่นป่วนจนแทบจะเป็นบ้า เพื่อที่จะฝึกฝน ชูฮันถึงกับใช้วิธีสุดโต่งขนาดนี้ หนึ่งร้อยคนกับซอมบี้กว่าพันตัว จำนวนที่มากกว่าถึงสิบเท่า ชูฮัน…นายนี่มันเกินไปจริงๆ!
ชูฮันวาดขวานยักษ์ในมือพร้อมกับออกคำสั่งคนหนึ่งร้อยคนี่อยู่วงนอก “จัดขบวนเป็นทีม ฆ่าซอมบี้ซะ!”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น