Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย 422-428

ตอนที่ 422

 

ห้องที่สภาพดีๆจู่ก็ถูกทำลายจนไม่เหลืออะไร ทั้งสถานที่ตกอยู่ในความวุ่นวายราวกับถูกอาวุธทำลายล้างสูงโจมตี เหล่าทหารที่ยังคงอยู่ในห้องยิ่งมีสภาพเละเทะขึ้นเรื่อยๆ ฝุ่นเปรอะเปื้อนเต็มใบหน้า เศษปูนปลิวว่อนในอากาศและติดเสื้อผ้าประกอบกับหิมะที่ตกลงมา ทั้งความหนาวและความตกใจที่ได้รับ ส่งผลให้ทุกคนนิ่งค้าง


 


เฉินช่าวเย่พร้อมกับขาหมูในมือหลบอยู่ในจุดที่เพดานไม่ถล่ม ทันทีที่ชูฮันใช้เท้าเตะผนังครั้งแรก เขาก็รีบหาจุดที่คิดว่าจะปลอดภัยและรีบวิ่งมา


 


เพดานทั้งห้องถล่มลงมาเกือบหมดจนกลายเป็นพื้นที่เปิดโล่ง กลุ่มพลทหารครึ่งหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านนอกตกใจค้าง เพียงแค่กลุ่มทหารที่เหลือไม่ยอมออกมาพลเอกชูฮันถึงกับเอาห้องออกไปเลยงั้นเหรอ?


 


พระเจ้า!


หลิวยู่ติงเองก็อึ้งค้างไปครู่หนึ่ง เขาพูดอะไรไม่ออก หากเขาเองก็รู้สึกโชคดีเช่นเดียวกับกลุ่มทหารที่ยืนอยู่ถัดไป ทุกคนต่างคิดว่าโชคดีที่ออกมาก่อน ไม่งั้นพวกเขาคงโดนเพดานถล่มทับไปแล้ว


 


ปึก! ปึก!


เสียงของรองเท้าบู้ททหารของชูฮันเหยียบลงกระทบกับพื้นและเดินฝ่าเศษฝุ่นออกไป เนื้อตัวของชูฮันไม่เปรอะเปื้อนอะไรเลยสักนิด แสดงให้เห็นชัดว่าชูฮันใช้ความเร็วเหนือฟ้าพุ่งตัวออกมาก่อนที่เพดานจะถล่ม ขณะนี้ชูฮันมองไปที่กลุ่มทหารตรงหน้าที่มีใบหน้าเปื้อนฝุ่นปูนจนเป็นสีเทาและเนื้อตัวสั่นด้วยความหนาว ชูฮันก็ยิ้มออกมาราวกับคนคลั่ง


 


“พวกคุณยังจะต่อต้านต่อหรือไม่?” เสียงของชูฮันฟังดูน่ากลัวมากสำหรับทุกคน หลังจากชูฮันพูดจบมันก็เกิดความเงียบขึ้นทันที


 


หลี่บี๋เฟิงที่ยืนอย่างโง่เขลาอยู่ท่ามกลางกลุ่มพลทหารที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเต็มไปด้วยสีเทา


 


คนอื่นๆก็กลัวเกินกว่าจะกล้าพูดอะไรออกมา หลายคนแสดงท่าทางหวาดกลัวและเริ่มมีอาการตัวสั่น


 


“เยี่ยม” น้ำเสียงของชูฮันแฝงไปด้วยความพึงพอใจ หลังจากกวาดสายตามองหลุ่มทหารกว่าสองร้อยนาย เขาก็เปิดปากพูดอีกครั้ง “งั้นก็ยืนต่อไป ยืนจนกว่าฉันจะบอกให้เลิก อย่าคิดจะมีลูกเล่นหรือทำอะไร ไม่อย่างนั้น….หึ หึ! พวกคุณก็น่าจะรู้ดี!”


 


ชูฮันขู่อย่างจริงจัง!


 


ไม่รอให้นายทหารพวกนี้ได้มีปฏิกิริยาตอบโต้หรืออะไร ชูฮันก็พูดประโยคต่อไปทันที “พลตรีหลิวยู่ติง ในฐานะหัวหน้าควบคุม….ใครก็ตามที่ขยับตบหน้าได้เลย!”


 


“ครับท่าน!” หลิวยู่ติงตอบรับอย่างรวดเร็ว


 


ไม่มีใครกล้าคิดจะพูดอะไรขึ้นมาอีกเลย ทุกคนยืนด้วยท่าปฏิบัติพื้นฐานของทหารด้วยสีหน้าจริงจัง!


 


ชูฮันแสยะยิ้มอยู่ในอก สิ่งที่เขาต้องการก็คือคนที่เหมือนเฉินช่าวเย่ที่ไม่ลังเลจะปฏิบัติตามคำสั่งของเขา ไม่ต้องตั้งคำถาม ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน เขาต้องอยู่เหนือทุกอย่าง ต้องอยู่ในใจของทุกคน คำสั่งของเขาคือที่สุดและต้องปฏิบัติตามอย่างทันที!


 


ในเมื่อคนพวกนี้มีข้อเรียกร้องมากมาย งั้นก็…ไปหาแม่พวกแกสิ!


 


จากนั้นชูฮันก็มองไปที่ผนังด้านที่สี่ซึ่งเป็นประตู ซึ่งก่อนหน้านี้พลทหารคนนั้นที่กระโดดเข้ามาตะโกนใส่เขาอย่างไร้ความเคารพก็ได้วิ่งหนีผ่านประตูนั้นไปแล้ว


 


ภายในพริบตา ชูฮันก็เดินตรงไปที่ประตู “ร้อยโทเฉินช่าวเย่ ตามมา”


 


“ครับ หัวหน้า!” เฉินช่าวเย่รีบกลืนเนื้อคำโตที่พึ่งกัดลงทันที เฉินช่าวเย่มองและเดินตามหลังชูฮันไป


 


หลิวยู่ติงอึ้งอีกครั้งหนึ่ง เมื่อมองไปที่ชูฮันที่เดินไปพร้อมกับเฉินช่าวเย่ที่กำลงยัดขาหมูเข้าปาก มันช่างเป็นอะไรที่สุดยอดที่ไอ้อ้วนนั่นจะยัดอาหารลงไปได้เร็วขนาดนี้


 


คนอื่นๆมีสีหน้าขม พลทหารทั้งหมดยืนหนาวสั่นท่ามกลางหิมะที่กำลังตก นายทหารนับร้อยที่ยืนอยู่ในห้องที่เพดานโดนทำลายต่างรู้สึกเสียใจ ผลลัพธ์ของการต่อต้านชูฮันนั้นพวกเขาไม่อยากจะจินตนาการเลย


 


ชูฮันและเฉินช่าวเย่ที่ก้าวเท้าผ่านประตูไปเข้าไปในสำนักงานก็ได้เจอกับเจ้าหน้าที่ในสำนักงานที่กำลังรวมตัวกันอย่างหวาดกลัวและมองชูฮันที่เดินผ่านเข้ามา บางคนกลัวถึงกระทั่งหลบไปซ่อนอยู่ใต้โต๊ะทำงาน คนพวกนี้เป็นแค่ข้าราชารพลเรือนธรรมดาเท่านั้น ไม่มีทางที่จะกล้าเผชิญหน้ากับพลเอกได้ ไม่ต้องไปพูดถึงพลเอกชูฮันเลย แม้แต่ได้ยินเสียงคำรามของเฉินช่าวเย่ก็ทำให้พวกเขาขาอ่อนแล้ว


 


ชูฮันหยุดชะงักและมองไปรอบๆภายในสำนักงานโลจิสติกส์ ทว่าพันชางเซียนไม่ได้อยู่ที่นี้ ชูฮันกวาดตามองให้ทั่วจากนั้นก็ก้าวเท้าเดินต่อไปมุ่งหน้าไปหาข้าราชการพลเรือนคนหนึ่ง


 


กลุ่มคนในสำนักงานเมื่อได้ยินเสียงเสมือนฝีเท้าของปีศาจที่กำลังคืบคลานเข้ามาก็ต่างก้มหน้าลงต่ำด้วยความกลัว หากรู้สึกดีใจที่ชูฮันไม่ได้เดินมุ่งหน้มาหาตัวเองเพราะไม่อย่างนั้นพวกเขาก็ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร


 


ข้าราชพลเรือนที่อยู่ในสายตาชูฮันตัวสั่นเทิ้มด้วยความกลัวขณะชูฮันกำลังขยับตัวเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆเขาก็หลับตาปี๋


 


ปึก!


เสียงฝีเท้าของชูฮันหยุดลง เขาจ้องไปที่ชายตรงหน้าที่มีท่าทางกลัวเขาจนลนลาน เขาก็แค่มาเอาของบางอย่างเฉยๆ ทำไมคนพวกนี้ต้องทำท่ากลัวเขาอะไรขนาดนี้?


 


ชูฮันยื่นมือชี้ไปที่คนที่อยู่ที่พื้นและมองไปที่ผู้คนที่ไปกระจุกตัวกันอยู่ตามมุมห้อง


 


ชูฮันรู้สึกหงุดหงิดและดึงเอาใบรับรองจากซองเอกสารขึ้นมา น้ำเสียงแสดงว่าเขาเริ่มหมดความอดทน “ใครคุมที่นี้? ออกมาและเตรียมของพร้อมให้ฉันที?”


 


“ผมเอง ผมเป็นคนคุมที่นี้” ชายวัยกลางคนที่มีร่างท้วมก้าวออกมาด้านหน้า และรับใบรับรองที่ชูฮันส่งมา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความกลัว “ผมจะดูให้ท่านทันทีเลย ท่าน ท่านอย่าพังสำนักงานเราเลย”


 


“เฮ้—–” เฉินช่าวเย่ยิ้มออกมา หากไม่ใช่รอยยิ้มใจดี


 


ชูฮันมองอย่างหมดความอดทน “เร็วสิ”


 


“ครับ ครับท่าน” ชายคนนั้นพยักหน้ารัวๆ


 


———–


 


ในขณะนี้ ณ ห้องที่กลายเป็นซากปรักหักพังไปแล้ว พลทหารที่หนีไปก่อนหน้านี้กำลังวิ่งกลับมาพร้อมตะโกนโหวกเหวกโวยวายมาแต่ไกล ตามมาด้วยคนอีกสองคนตามหลังมา


 


พลทหารคนนั้นโกรธจัด “ดูที่คนตำแหน่งใหญ่โตทำสิ เห็นมั้ยว่าเขาทำอะไร? นี่มันพวกนอกรีตชัดๆ ดูสิว่าห้องถูกพังทลายไปแล้ว!”


 


สองคนที่ตามหลังพลทหารคนนั้นมา…คนหนึ่งคือพันชางเซียน ส่วนอีกคนมีร่างกำยำใส่ชุดลายพรางทหาร ตรงเอวมีอาวุธมีดพกติดไว้ ดูท่าทางจะเป็นมือสังหาร


 


พันชางเซียนที่เห็นภาพตรงหน้าก็มีอาการโกรธขึ้นมาพร้อมกับปล่อยพลังผันผวนออกมาทันที พริบตาเดียวพันชางเซียนก็มาปรากฏด้านหน้าและได้เห็นนายทหารกว่าสองร้อยคน พันชางเซียนตะคอกออกไปอย่างหมดความอดทน “นายท่านของพวกแก??! บอกให้เขามาอธิบายเดียวนี้!”


 


เงียบกริบ—–


 


ไม่มีใครตอบพันชางเซียนเลย โดยเฉพาะกลุ่มพลทหารที่ถูกเพดานถล่มใส่โดยฝีมือชูฮัน พวกเขาถึงกับก้มหัวซ่อนหน้าซ่อนตาด้วยซ้ำ ถ้าชูฮันรู้ว่าพวกเขาปริปากพูดละก็พวกเขาต้องเละแน่ๆอย่างไม่ต้องสงสัย


 


และไม่ว่ายังไง…


 


พวกเขาก็พูดไม่ได้เพราะหลิวยู่ติงยืนอยู่ข้างๆ!

 

 

 


ตอนที่ 423

 

“พูดอะไรสักอย่างสิวะ!” พันชางเซียนยิ่งโกรธขึ้นไปอีก “พวกแกแข็งไปหมดแล้วเหรอไง?”


 


เงียบกริบ——


 


ยังคงไม่มีใครปริปากพูด พลทหารกว่าสองร้อยนายที่นอกเหนือจากหลิวยู่ติงซึ่งเป็นฝ่ายชูฮันอยู่แล้วถูกโอนถ่ายจากคำสั่งของผู้บัญชาการมู๋ให้มาเป็นคนของชูฮัน ทว่าในใจพวกเขาไม่ถูกกับชูฮันและไม่พอใจกับการกระทำของชูฮันเข้าไส้


 


หากครั้งนี้ ทุกคนต่างปิดปากเงียบอย่างไม่มีทางเลือก เพราะถึงอย่างไรก็ตาม พวกเขาก็คือทหารของชูฮันแล้ว มีหน้าที่เพื่อช่วยชูฮันสร้างค่ายใหม่ขึ้นมา ซึ่งหมายความว่าถ้าพวกเขายังไม่ถูกถ่ายโอนไปประจำการที่อื่น พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องติดตามและฟังคำสั่งของชูฮันไป


 


และหลิวยู่ติง? เขาไม่คิดจะฟังคำสั่งของพันชางเซียนอยู่แล้ว


 


“ดี! พวกแกจะไม่พูดใช่มั้ย?!” ร่างของพันชางเซียนสั่นเทิ้มไปด้วยความโกรธ เขาพุ่งไปที่ประตูและออกคำสั่งกับชายร่างกำยำที่อยู่ข้างๆ “จางตง เมื่อฉันเข้าไป ฉันจะบอกนายว่าคนไหนแล้วนายก็จัดการมันให้รู้เรื่องซะ!”


 


ชายร่างกำยำชื่อว่าจางตง เขามีสีหน้าเอื่อยหลังจากส่งเสียงกรนเพราะหลับในด้วยความเบื่อหน่าย จางตงยกมือตบหน้าตัวเองให้ตื่น จากนั้นก็หยิบมีดที่พกไว้ตรงเอวออกมา น้ำเสียงค่อนข้างอวดดี “มั่นใจได้ ฉันจะหาตัวมันมาเลาะฟันออกเอง!”


 


พันชางเซียนมีท่าทีพอใจกับคำพูดของจางตง โชคดีที่ก่อนหน้านี้ที่โรงอาหารจางตงดื่มไวน์มาไม่เยอะมากเท่าไหร่เขาจึงไม่มีอาการเมามาย ด้วยเพราะจางตงเป็นคนร่างใหญ่มากแถมยังคอแข็ง ประกอบกับพอดีกับที่ลูกน้องของเขารีบเข้ามารายงานสถานการณ์ จางตงเมื่อได้ยินก็พลันปล่อยจิตสังหารออกมาทันทีและด้วยความภักดีที่มีต่อพันชางเซียนเขาก็ขอติดตามมา ถ้าไม่เช่นนั้นพันชางเซียนอาจจะเป็นอันตรายได้ถ้าต้องเผชิญหน้ากับชูฮันเพียงลำพัง


 


ทั้งสองคนซึ่งอารมณ์รุนแรงเดินเข้ามา ก่อนหน้านี้พันชางเซียนเคยรู้สึกหวาดกลัวชูฮัน แต่ตอนนี้เขาไม่กลัวแล้วเพราะเขาพาจางตงซึ่งเป็นวิวัฒนาการระยะ 4 ซึ่งพึ่งจะกลับมาถึงซางจิงมาด้วยกัน สถานการณ์ตอนนี้แตกต่างจากในห้องประชุมอย่างสิ้นเชิง


 


ชูฮันเป็นวิวัฒนาการระยะ 4 และเป็นอันดับที่ 1 ในรายชื่อประเมิณของวิวัฒนาการระยะ 3 ด้วยคะแนน S+ แต่เหตุการณ์นั้นมาผ่านมาสักพักแล้ว ไม่มีใครไม่รู้ว่าตอนนี้ชูฮันคือวิวัฒนาการระยะ 4 และทำไมชูฮันถึงแข็งแกร่งได้ขนาดนี้?


 


ส่วนพันชางเซียนที่ถึงแม้จะไม่ใช่ทั้งวิวัฒนาการและพรสวรรค์แต่เขาก็สามารถไต่เต้าตัวเองขึ้นมาเป็นหนึ่งในคนใหญ่คนโตของซางจิงได้ และเขาก็มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับวิวัฒนาการอยู่พอสมควร ช่วงเวลาที่วิวัฒนาการแข็งแกร่งขึ้นและใช้พลังเต็มที่ มักจะง่ายต่อการยกระดับระยะ ที่ด้านนอกของค่ายซางจิงมีเสาหินตั้งอยู่ ทว่าชูฮันที่เป็นวิวัฒนาการระยะ 4 กลับไม่ยอมเข้าทำการทดสอบของระยะ 4 พันชางเซียนรู้ดีว่ามันต้องมีเหตุผลบางอย่าง เขาคิดว่าชูฮันน่าจะโลภมาก ชูฮันน่าจะรอจนกระทั่งพละกำลังของตัวเองอยู่ในระดับสูงสุดของระยะ 4 แล้วค่อยเข้าไปทำการทดสอบเพื่อจะได้คะแนน S+ มา เดาได้ง่ายๆเลย!


 


ส่วนจางตง เขาอยู่ในอันดับที่ 8 ของรายชื่อระยะ 4 เพราะฉะนั้นแค่จางตงคนเดียวก็ยิ่งกว่าพอแล้วสำหรับการรับมือกับชูฮัน!


 


พลทหารกว่าสองร้ายนายยังคงยืนนิ่งเงียบท่ามกลางอากาศหนาวที่พัดหิมะมา จู่ๆร่างของจางตงก็ระเบิดพลังผันผวนออกมาอย่างรุนแรง จนพันชางเซียนถึงกับหน้าซีดด้วยความกดดันที่ได้รับ


 


ในขณะเดียวกัน ชูฮันที่ไม่รู้เรื่องราวอะไรเลยกำลังจ้องไปที่ชายร่างท้วมตรงหน้า น้ำเสียงของชูฮันหมดความอดทนอย่างสุดๆ “คุณหมายถึงว่าคุณไม่สามารถหาของให้ฉันได้วันนี้? ไหนบอกเหตุผลดีๆมาให้ฉันสิ!”


 


“ผม ผม ผม ผมทำอะไรไม่ได้ มันคือกระบวนการ!” ผู้ช่วยของพันชางเซียนร้องไห้เมื่อต้องเจอกับคำข่มขู่ของพลเอกชูฮันที่ทำให้เขากระวนกระวาย มือสั่นเทาพร้อมกับยื่นเอกสารออกไป พยายามจะสื่อสารกับชูฮัน “ท่านพลเอก ท่านเห็นนี่มั้ย? ไข่ไก่อบสดๆพันลูก แล้วผมจะไปหาจากไหนมาให้ท่าน?”


 


ชูฮันมองไปที่ใบรับรอง เมื่อตอนที่อยู่ในห้องทำงานของผู้บัญชาการมู๋เขาเพียงแค่เหลือบมองมันเท่านั้นและจิตใจของเขาก็จดจ่ออยู่กับนายทหารกว่าสองร้อยนายที่ถูกถ่ายโอนมาอยู่ใต้บังคับบัญชาของเขา เขาเลยไม่ได้สังเกตรายละเอียดที่เขียนไว้บนรายการวัสดุ และในตอนนี้เมื่อเขามองดูบนกระดาษมันเขียนคำว่าไข่ไก่อบสดๆพันลูกจริงๆ นี่ผู้บัญชาการมู๋และเลาหมิงเป็นคนกำหนดรายการนี่เองจริงๆงั้นเหรอ? พวกเขาทำอะไรผิดพลาดรึเปล่า?!


 


และในขณะที่ชูฮันก็มีสีหน้ากลืนไม่เข้าคลายไม่ออก เฉินช่าวเย่เองก็มีสีหน้าแปลกๆพร้อมกับเลียริมฝีปากตัวเองเมื่อได้ยินคำว่าของกิน


 


“ปัง!”


เกิดเสียงดังขึ้น ประตูถูกกระแทกเข้ามาอย่างแรง จางตงพุ่งเข้ามาด้วยจิตสังหารรุนแรงพร้อมกับมีดในมือ ตัวมีดคมวาวส่องประกายความเย็นชาออกมา พลังผันผวนของจางตงไต่ขึ้นถึงระดับสูงสุดพร้อมกับพละกำลังทางกายภาพของวิวัฒนาการระยะ 4 ที่ระเบิดออกมาอย่างเต็มที่!


 


ทันใดนั้นทุกคนก็หันหน้าไปทางข้างหลังทันที ทุกคนต่างมองไปที่คนแปลกหน้าที่เข้ามาใหม่ ชุดเครื่องแบบลายพรางทหาร หากมันเป็นชุดเครื่องแบบปลอม คนคนนี้ไม่ใช่ทหารของซางจิงแล้วเขาเข้ามาได้ยังไง? โอ้! ใช่ วิวัฒนาการระยะ 4! คนคนนี้น่าจะเป็นคนดังในรายชื่อแน่ๆ!


 


ชูฮันเองก็นิ่งไปครู่หนึ่งเช่นกัน เขากวาดสายตามองคนที่เข้ามาใหม่ขึ้นลง…พลังผันผวนของคนนี้สูงมาก ดูท่าจะเป็นคนแข็งแกร่งพอสมควร


 


อีกครั้งที่เฉินช่าวเย่แสดงความหิวโหยของตัวเองออกมา เขาคว้ากล่องข้าวกลางวันของใครสักคนที่ไม่รู้จักข้างๆตัวขึ้นมา และถอยไปที่ด้านหลังในมุมพร้อมกับเริ่มกิน


 


และในขณะที่ทุกคนกำลังประหลาดใจและไม่กล้าเอ่ยปากอะไรออกมา ตาของจางตงก็กวาดมองไปรอบๆราวกับเขากำลังมองหาใครอยู่—–


 


ผั้วะ!


ร่างของพันชางเซียนพุ่งตามเข้ามาและไม่ทันได้เห็นประตูที่ปลิวไปด้วยฝ่าเท้าของจางตง และทันทีที่เข้ามาพันชางเซียนก็เห็นชูฮันทันที เขาแหกปากขึ้นมา “จางตง! นั่นไงมัน!”


 


ทันใดนั้นจางตงก็มีปฏิกิริยาเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ราวกับสัตว์ป่าดุร้ายที่กำลังจ้องไปที่เหยื่อของมันอย่างรอจังหวะตะครุบ จางตงกับมีดในมือเหมือนผสมผสานเป็นร่างเดียว ความคมกริบของตัวมีดส่องประกายกระหายเลือด!


 


ผั้วะ!


มีเงาดำพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว มันมีความคมเย็นยะเยือกอยู่ในเงาดำมืดซึ่งก็คือมีดคมในมือจางตงนั่นเอง จางตงมีสีหน้ามุ่งมั่นที่จะตวัดมีดเข้าที่คอของชูฮัน


 


หนึ่งในการฆ่าที่โหดร้าย!


 


“อ๊ากกกกก—-” ผู้ช่วยของพันชางเซียนกลัวมากจนร่างทั้งร่างตกอยู่ในอาการตระหนก แหกปากร้องทำท่าจะวิ่งหนีออกไป


 


“ฟึบ—–“


เสียงของอะไรบางอย่างถูกตัด มีดของจางตงคมและยืดหยุ่นมาก มันตัดเข้าที่กระดาษที่ผู้ช่วยคนนั้นโยนกระจายในอากาศไว้จากนั้นก็เล็งพุ่งเข้าโจมตีชูฮันต่ออีกครั้ง จางตงมีสีหน้าโหดเหี้ยมยิ่งกว่าเดิม…ไอ้เด็กนี่! กูจะให้บทเรียนกับมึงเอง!


 


ทันใดนั้นทุกคนในห้องก็หวาดกลัวจนผวา หลบหนีกันวุ่นวายไปหมด พันชางเซียนเหงื่อแตกพลั่กพลางมองไปที่มีดของจางตงที่กำลังจะตัดหัวของชูฮัน


 


“หยุด” พันชางเซียนรีบตะโกนออกมา เขาแค่ต้องการให้จางตงสั่งสอนบทเรียนให้ชูฮัน ไม่ใช่ฆ่า ถ้าชูฮันตายที่นี้ถ้างั้นเขานั่นแหละที่เป็นคนต่อไปที่จะโดนตัดหัว!


 


ทว่า ยังไม่ทันที่เสียงของพันชางเซียนจะจางลง—–


 


“ปัง!”


 


“เปรี๊ยะ!”


 


หลังจากมีเสียงดังเกิดขึ้นสองเสียงในเวลาไล่เลี่ยกัน ทันใดนั้นโครงสร้างของห้องก็เริ่มหล่นลงมา

 

 

 


ตอนที่ 424

 

ชูฮันดึงเท้าข้างขวาที่ปล่อยลูกเตะออกไปกลับมาและมองไปที่จางตงที่กำลังมองไปที่กำแพงที่แตกด้วยสายตาสับสนมึนงง ผู้ชายคนนี้คือใครกัน?


 


ประโยคต่อมาของพันชางเซียนติดอยู่ในลำคอ ตาของเขาแดงก่ำขณะจ้องเขม็งไปอย่างไม่อยากเชื่อสายตา ก่อนหน้านี้พวกเขายังเห็นมีดในมือจางตงอยู่เลย ชูฮันสามารถรับมือการโจมตีได้รวดเร็วขนาดนี้แถมยังโจมตีกลับมาอีกด้วยได้ยังไง?


 


นี่มันเกินกว่าตรรกะทางวิทยาศาสตร์จะรับได้!


 


กลุ่มคนในห้องต่างอึ้งจนลืมหายใจเช่นกัน พวกเขาเป็นแค่พลเรือนธรรมดา ไม่ใช่แม้กระทั่งวิวัฒนาการระยะ 1 พวกเขาจึงมองไม่เห็นการเคลื่อนไหวที่เร็วปานสายฟ้าของชูฮันเลย ในสายตาของพวกเขาแม้กระทั่งการเคลื่อนไหวของจางตงพวกเขาก็ยังมองตามไม่ทันเลยด้วยซ้ำ พวกเขามองเห็นแค่เงาดำที่พุ่งเข้าไปหาชูฮันอย่างรวดเร็วเท่านั้นเอง จากนั้นก็เห็นชายผ้าของร่างเงาที่พัดปลิวตามลมและอีกทีมันก็มีก็เป็นภาพจางตงปลิวกระเด็นลอยไปกระแทกกำแพงแล้ว


 


“อะ–อะ–เอ–เออ—” เสียงตะกุกตะกักติดอยู่ในลำคอดังขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ


 


ชูฮันก้มศีรษะลงเล็กน้อยมองไปที่ผู้ช่วยที่หวาดกลัวจนล้มลงไปนอนอยู่ที่พื้นพร้อมกับกัดฟันสั่นๆ ผู้ชายคนนี้ไม่มีเวลาพอที่จะวิ่งหนี เขาลื่นล้มกระแทกกับพื้นด้วยความลนลานเ อีกทั้งก่อนหน้านั้นมีดของจางตงได้ตัดกระดาษในอากาศขาดกระจุยและลอยตกลงมาใส่ตัวผู้ช่วยคนนี้จนเศษกระดาษคลุมเต็มตัวไปหมด


 


ผู้ช่วยคนนี้หวาดกลัวมากจริงๆ น้ำเสียงสั่นเทาอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้


 


จางตงที่ถูกชูฮันทำให้ปลิวกระเด็นไป เขาสะบัดหัวเพื่อไล่อาการมึนจากนั้นก็หันหน้าไปมองหามีดของเขา เค้าโดนคนที่ต้องการสั่งสอนบทเรียนจัดการซะเอง นี่มันคิดว่ามันมีพลังแล้วจะตั้งกฏเองได้เหรอไง?


 


แม่ง เค้าอยากจะอัดไอ้เด็กเวรนี่ให้จมดิน!


 


พันชางเซียนไม่ได้สังเกตสีหน้าของจางตงเลย เขาโกรธจัดและตะคอกขึ้นมา “ดูสิ่งที่แกทำกับที่นี้สิ แม้แต่ห้องแกยังกล้าทำลายจนพังไม่เหลือ แกรู้ตัวบ้างมั้ยว่าแกกำลังทำลายทรัพย์สินสาธารณะอยู่!”


 


ชูฮันยังไม่ทันได้ตอบโต้อะไรเลย—–


 


“ไปเ*ย! ไปตายซะ! กูจะฆ่ามึง!” ทันใดนั้นจางตงก็แหกปากขึ้นมาและหยิบมีดขึ้นมาอีกครั้ง ครั้งนี้เขาไม่การสำรองใดๆทั้งนั้น เขาระเบิดพลังผันผวนของตัวเองออกมาจนหมด


 


“ปัง”


เกิดวงล้อมฝุ่นลอยละล่องตีขึ้นจากพื้นไปทั่ว อากาศเป็นสีขาวเนื่องจากฝุ่นละอองฟุ้งอยู่ในอากาศ


 


จางตงปล่อยพลังมหาศาลออกมาอย่างเกินคาดหมายมันรุนแรงเกินกว่าที่มนุษย์จะรับไหวได้ พลังผันผวนก่อนหน้านี้ที่ปล่อยมาก็ทำให้พันชางเซียนหน้าซีดแล้ว แต่ตอนนี้ที่จางตงปล่อยพลังออกมาเต็มขั้นของวิวัฒนาการระยะ 4 พลังของการเป็นอันดับที่ 8 ในรายชื่อประเมิณวิวัฒนาการระยะ 4 ของเสาหินได้แสดงออกมา!


 


แววตาของชูฮันเย็นยะเยือก ก่อนหน้านี้ผู้ชายคนนี้ซ่อนพลังของตัวเองไว้ ซึ่งแน่นอนว่าเขามองออกเขาจึงใช้แค่เท้าข้างเดียว แม้ตอนนี้พลังในร่างกายของเขาจะยังไม่ได้รับการกระตุ้นแต่ในเมื่ออีกฝ่ายมาขนาดนี้ เพราะฉะนั้น…


 


ชูฮันค่อยๆยกเท้าข้างขวาขึ้นมาพร้อมกับเหลือบตามองจางตง


 


ความเร็วของจางตงเพิ่มขึ้นแทบจะสองเท่าของก่อนหน้านี้ ตาของจางตงเป็นประกายจ้าด้วยความดุดัน จิตสังหารที่เด่นแรงกล้าขึ้น เมื่อจางตงเห็นชูฮันยกขาข้างขวา เขาก็แสยะยิ้มอยู่ในใจ สีหน้าที่คลั่งเต็มที่ จะจัดการเขาด้วยวิธีเดิมงั้นเหรอ?


 


เดาทางง่ายชะมัด! ตายซะเถอะ!


 


ฟับ ฟับ—


เสียงตวัดมีดไปมาของจางตงดังขึ้น


 


อย่างไรก็ตาม เสียงกวัดแกว่งของมีดคมกริบดังอยู่แค่ครู่เดียวเท่านั้น เพราะทันใดนั้นชูฮันก็เข้าประชิดตัวจางตงที่ปล่อยพลังผันผวนสูงทะลุออกมาและระเบิดพลังออกมาสุดโต่ง


 


“ปัง”


พลังผันผวนของจางตงถูกชูฮันทำลายลงในพริบตา พร้อมกับระลอกคลื่นพลังที่กระจายออกรอบตัวชูฮัน


 


“ปัง!” เท้าข้างหนึ่งของชูฮันเหยียบอยู่บนหน้าท้องของจางตง ตรงจุดเดิมอย่างพอดีกับก่อนหน้านี้และเป็นการเคลื่อนไหวแบบเดิมเช่นกัน จางตงหวาดกลัวชูฮันจนเห็นได้ชัด เขารู้ว่าตัวเองสู้ไม่ได้ตั้งแต่สัมผัสได้ถึงพลังผัวผวนอันน่าหวาดกลัวของชูฮันแต่เขาไม่สามารถตามความเร็วของชูฮันได้ทันทำให้เขาไม่สามารถหลบหลีกได้ จางตงไม่มีแม้แต่เวลาจะคิดอะไรและเป็นอีกครั้งที่จู่ๆตัวเขาก็ปลิวกระเด็นออกไป


 


“ปัง!” “ปัง!” “ปัง!” “ปัง!”


 


หลังจากเสียงระเบิด 4 ครั้งติดต่อกัน ทันใดนั้นทั้งห้องก็สั่นสะเทือนตามมาด้วยอิฐปูนนับไม่ถ้วนที่ทยอยตกลงกระแทกพื้น จากนั้นทุกคนก็ต่างจ้องไปที่จางตงที่ลงไปนอนกับพื้นหลังจากกระแทกอัดเข้ากับกำแพงสี่ด้าน


 


ร่างของจางตงกระแทกเข้ากับกำแพงทั้งสี่ด้าน!


 


ความตกใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของทุกคน นี่ชูฮันสามารถเตะอัดวิวัฒนาการระยะ 4 ที่อยู่ในอันดับรายชื่อได้แถมยังอัดใส่กำแพงทั้งสี่ด้านอีก?!


 


ชูฮันชักเท้าตัวเองกลับ ก่อนหน้านี้นายซ่อนพลังไว้หนิ ใช่มั้ย? แต่มันคืออะไรกันแน่ถึงต้องมาหาเรื่องเขา?


 


จากนั้นจู่ๆชูฮันก็จำภาพที่ได้เห็นป่ายหวีเนอในอันลูได้ขึ้นมา ในตอนนั้นเธออยู่ที่วิวัฒนาการระยะ 4 เธอต่อยคนคนหนึ่งและอัดทะลุกำแพง 3 ด้าน หากเขาใช้เท้าซึ่งมันมีกำลังมากกว่าหมัดอยู่แล้วจึงสามารถอัดจางตงได้ถึงสี่กำแพง เพราะฉะนั้นเมื่อเทียบพลังของเขาในตอนนี้แล้วน่าจะพอๆกับป่ายหวีเนอในตอนนั้น


 


ป่ายหวีเนอนี่เป็นนักฆ่าจริงๆ


 


จางตงที่ถูกอัดกับกำแพงสี่ด้านโดยชูฮันถึงกับซี่โครงหักไปหลายซี่ ปากก็กระอักเลือดออกมาลงพื้นห้อง เจ้าหน้าที่พลเรือนหลายคนที่ทำงานในสำนักงานนี้ต่างหวาดกลัวว่ามันจะเกิดการระเบิดพลังอะไรขึ้นมา…


 


“แค่ก! แค่ก! แค่ก!”  หลังจากสำลักเลือดออกมาเยอะพอสมควร จางตงก็มองไปที่สายตาตกตะลึงของหลายๆคนที่มองมาและเริ่มเขยิบตัวขึ้นไปพิงผนังเพื่อตั้งตัว ตอนนี้เขาไม่สามารถยืนขึ้นได้อีกแล้วแต่เขาต้องยันตัวขึ้นมา!


 


จางตงไต่กำแพงไถตัวเขยิบไปเรื่อยๆ ทุกคนต่างจับจ้องมาที่ภาพร่างที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดของจางตงที่เหมือนราวกับผี


 


และในขณะนั้นภายในห้องที่เกิดเหตุการณ์ขึ้น กลุ่มคนต่างหมอบหลบอยู่ในมุมห้องและไม่กล้าส่งเสียงอะไรออกมาเพราะชูฮันเริ่มทำการพังห้องขึ้นอีกครั้งแล้ว!


 


พันชางเซียนกลืนน้ำลายอึก ไม่ใช่ว่าชูฮันมีขวานยักษ์สีดำไม่ใช่เหรอ? ทำไมเขาถึงไม่ใช้อาวุธเลย? ข้อมูลที่เขาได้มามันไม่ใช่แบบนี้!


“เอิ้กกกก!!” ท่ามกลางความเงียบภายในห้อง จู่ๆมันก็มีเสียงเรอของเฉินช่าวเย่ดังขึ้น


 


สายตาประหลาดใจผสมอึ้งของทุกคนจับจ้องไปที่เฉินชาวเย่ที่กำลังกินอาหารอยู่ในมุม ผู้ชายคนนี้…ปัญญาอ่อนเหรอไง?


 


“เอ่อ ต่อเลย ต่อเลย” เฉินช่าวเย่ยิ้มเอียงอาย “ฉันกินจัดเต็มเลย”


 


เฉินช่าวเย่ไม่ได้กังวลเลยสักนิด นี้ยังไม่ใช่ผลสรุปอะไรเลยด้วยซ้ำ หัวหน้าของเขายังไม่ได้เอาอาวุธออกมาใช้เลย ถ้าขวานซิ่วโหลทรงพลังปรากฏขึ้นมาเมื่อไหร่นั่นแหละถึงจะของจริง ฮ่าฮ่าฮ่า!

 

 

 


ตอนที่ 425

 

พันชางเซียนและเฉินช่าวเย่ต่างมองไปที่ชูฮันด้วยสายตาแบบเดียวกันพร้อมขบคิดอยู่ในหัว แน่นอนว่าชูฮันไม่รู้ว่าในหัวของทั้งคู่นั่นคิดอะไรอยู่ ชูฮันคุกเข่าลงไปหาผู้ช่วยร่างท้วมของพันชางเซียนที่มีกองเศษกระดาษซึ่งก็คือใบรับรองรายการที่ถูกทำลายโดยมีดของจางตงคลุมตัวอยู่


 


คิ้วของชูฮันย่นขณะมองไปที่เศษกระดาษพลางขบคิด


 


พันชางเซียนไม่คิดเลยว่าคนที่เขาตั้งใจพามาเพื่อสั่งสอนชูฮันกลับกลายเป็นโดนชูฮันสั่งสอนเองแทนซะงั้น ในตอนนี้เขามืดแปดด้าน ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรต่อไป


 


พันชางเซียนสูดลมหายใจเข้าออกลึกเพื่อปรับอารมณ์ให้คงที่อยู่พักหนึ่ง “ชูฮัน! วันนี้ฉันต้องได้คำอธิบายจากแก!”


 


ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา พวกเขาต่างพยายามหดตัวให้เล็กลงชิดอยู่ในมุมห้องเพื่อรอดูการเปลี่ยนแปลง บางคนถึงกับคิดว่าควรจะวิ่งหนีออกไปจากห้องตอนนี้เลยดีมั้ย ทว่าถ้าหากพวกเขาล้มขึ้นมาและโดนเพดานถล่มทับใส่ พวกเขาต้องตายแน่ๆ


 


“ชูฮัน! ฉันพูดกับแกอยู่! ได้ยินมั้ย?” เมื่อเห็นว่าชูฮันไม่หือไม่อืออะไรเลย พันชางเซียนก็ยิ่งโมโหขึ้นไปอีก…ถ้ามันไม่ใช่เพราะเขาไม่มีพลังอะไรเลยละก็ ป่านนี้เขาคงพุ่งเข้าไปจัดการชูฮันเองแล้ว


 


ในที่สุดชูฮันก็ลุกขึ้นและหันไปมองพันชางเซียนจากนั้นก็เหลือบมองผู้ช่วยร่างท้วมด้วยสายตาดิ่งลึก


 


“แกมองอะไรฉัน?” เมื่อได้เห็นท่าทางของชูฮัน พันชางเซียนก็ตะคอกใส่ชูฮันทันที “นี่ไม่ใช่สถานที่ที่แกจะมาทำตัวป่าเถื่อนได้ นี่เป็นแผนกโลจิสติกส์ที่หล่อเลี้ยงค่ายซางจิง! ครั้งแรกที่แกมาถึงแกก็ทำลายห้องไปหนึ่งห้อง ตอนนี้แกยังพังกำแพงทะลุไปสี่ชั้น  นี่แกอยากจะโดนล่ามโซ่ไว้ใช่มั้ย? แกมาที่นี้เพื่อรายการสิ่งของหรือสร้างปัญหากันแน่?”


 


ข้อสงสัยของพันชางเซียนมีความสมเหตุสมผล แผนกโลจิสติกส์เป็นเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงเมือง สิ่งของเครื่องใช้ประจำวันรวมถึงอาหารถูกแจกจ่ายจากตรงจุดนี้ ไม่มีพลเอกคนไหนมาที่นี้โดยไร้ความเคารพหรือมารยาท มีเพียงแค่ชูฮันที่กล้ามาทำตัวต่ำแบบนี้!


 


เฉินช่าวเย่กังวลมากจริงๆ เขาอาศัยอยู่ที่ซางจิงนี้มาพักใหญ่แล้วเขาจึงพอรู้ว่าแผนกโลจิสติกส์มีความสำคัญมากขนาดไหน และการที่ชูฮันทำแบบนี้กับที่นี้มันมากเกินไปจริงๆ สถานการณ์ในตอนนี้จึงตึงเครียดมากๆ


 


กลุ่มคนในห้องยังคงไม่พูดอะไร หากพวกเขากลับพยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับคำพูดของพันชางเซียนอย่างสิ้นหวัง…ใช่ ชูฮันทำเกินไป โชคดีที่ตอนนี้หัวหน้าพันชางเซียนเข้ามาควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดได้ก่อน ไม่อย่างนั้นทั้งแผนกโลจิสติกส์คงเหลือแต่ซากไว้ให้ผีอยู่ไปแล้ว!


 


ชูฮันยังคงไม่เอ่ยอะไร หากเขากำลังคิดเกี่ยวกับเนื้อหาของรายการวัสดุที่ผู้บัญชาการมู๋ให้มาก่อนหน้านี้


 


“พูดสักอย่างสิวะ! เป็นใบ้ไปแล้วเหรอไง?” พันชางเซียนยังคงด่าชูฮันต่อ “เห็นมั้ยว่าสภาพที่นี้มันเป็นยังไง? แกจะชดเชยยังไง? ฉันไม่คิดว่าแกจะได้ทรัพยากรไปสร้างค่ายแล้วล่ะ เพราะพวกมันทั้งหมดจะถูกยึดเป็นค่าซ่อมแซมแผนกโลจิสติกส์แทน!”


 


พรึบ! พรึบ!


กลุ่มคนในห้องพยักหน้าอย่างเห็นด้วย แผนกต้องได้รับการซ่อมแซม


 


ในที่สุดชูฮันก็หันหน้าไปหาพันชางเซียน เขาก้าวเท้าขึ้นและเดินตรงไปหาพันชางเซียน


 


“แกกำลังจะทำอะไร? หยุดนะ! อย่าเข้ามา!” พันชางเซียนเริ่มวิตก


 


โชคร้ายที่ชูฮันยังคงไม่หยุดเดิน ฝีเท้าของชูฮันรวดเร็วมาก เขาสามารถเดินเข้ามาถึงตัวพันชางเซียนได้ภายในสามก้าวเท่านั้น จากนั้นทุกคนในห้องก็ตกอยู่ในอาการช็อค—–


 


เพี้ยะ!


เสียงมือของชูฮันตบเข้าที่หน้าของพันชางเซียนอย่างไม่ลังเล!


 


ทุกคนเงียบสนิทและมองไปที่ภาพตรงหน้าด้วยความตระหนก ไม่นานแก้มของพันชางเซียนก็เริ่มบวมแดงพร้อมกับกล่องอาหารกลางวันในมือเฉินช่าวเย่ที่ร่วงลงพื้น


 


“รำคาญ!” ชูฮันทำให้ทุกคนตะลึง สายตาจ้องเขม็งใส่พันชางเซียนพร้อมตะคอก “ฉันมาที่นี้เพื่อเอาของที่เป็นของฉัน แล้วแกมีสิทธิอะไรไม่ทราบที่จะมายึดของของฉันฌดยพลการ?”


 


“ฉัน—-ฉันไม่ได้” พันชางเซียนกลัวจนหัวหด พูดจาตะกุกตะกัก สมองของเขาหยุดทำงานไปครู่หนึ่ง เขาคิดไม่ออกว่าควรจะพูดอะไรดี


 


“แล้วยังไง? ก่อนหน้านี้แกพูดว่ายังไง?!” ชูฉันเข้าถึงตัวพันชางเซียนอีกครั้ง


 


“ไม่ ไม่ใช่” พันชางเซียนรีบปฏิเสธ “แต่แก—–“


 


เพี้ยะ!


ตบเข้าที่หน้าอีกครั้ง!


 


“แกคิดว่าแกเก่งมาจากไหน?!” ชูฮันในตอนนี้ดูเหมือนกับปีศาจคลั่ง เขาแหกปากใส่พันชางเซียน “แกเข้ามาหาเรื่องฉันพร้อมกับวิวัฒนาการระยะ 4 แกมีความผิดโทษฐานตั้งใจทำร้ายฉัน! ไอ้คนที่ใช้มีดเป็นอาวุธนั้นฉันยังไม่อยากจะสู้กลับด้วยซ้ำ กระจอกมาก แกคิดว่าฉันจะอ่อนขนาดปล่อยให้คนแบบนั้นตัดหัวได้ง่ายๆงั้นเหรอ?”


 


“แก!” พันชางเซียนคำรามในอก


 


ชูฮันถอนหายใจ จากนั้นก็รีบปรับสีหน้าของเขาและตะคอกใส่พันชางเซียนอีกครั้ง “แกรู้ใช่มั้ยว่าฉันเป็นวิวัฒนาการระดับสูง และแกก็จงใจพาคนมาทำร้ายฉันจนสถานที่พังเละเทะ แต่แกกลับมาโทษว่าที่สถานที่พังเป็นความผิดฉัน? เห็นได้ชัดว่าแกเจตนาจงใจใส่ร้ายฉัน!”


 


พันชางเซียนส่านหัวทันที “ค่อก แค่ก—-“


 


“หุบปากซะที!” ชูฮันพูดขัดขึ้นมา “แถมมันยังมีใบรับรองรายการวัสดุ ที่แกจงใจปล่อยให้มันเป็นเศษกระจุยโดยฝีมือคนของแก แล้วแกก็ยังคิดจะยึดของๆฉันไปทั้งหมด?”


 


“เปล่า” ในที่สุดพันชางเซียนก็พูดขึ้น ทว่าน่าสงสารที่ชูฮันไม่ปล่อยโอกาสให้เขาได้พูดต่อ


 


“ฉันรำคาญ! แกจงใจชัดๆ!” เสียงของชูฮันเต็มไปด้วยความกดดัน “รายการของในวัสดุไม่ใช่น้อยๆ แกจะเสียเวลาอีกนานเท่าไหร่? ฉันจะพร้อมในอีกหนึ่งชั่วโมง ถ้าแกไม่เตรียมของไว้ให้ฉัน ฉันจะระเบิดแกไปพร้อมกับแผนกโลจิสติกส์นี้ซะ!”


 


หลังจากชูฮันพูดจบ ร่างของพันชางเซียนที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อก็ล้มลงพื้นทันทีและมองไปที่ชูฮันด้วยสายตาหวาดกลัว


 


“เตรียมของให้พร้อม!” พันชางเซียนรีบผุดลุกขึ้นวิ่งไปหาผู้ช่วยของเขาพร้อมออกคำสั่ง “ไปเตรียมตัวให้พร้อมเดี๋ยวนี้”


 


เตรียมของให้เรียบร้อยเพื่อส่งไอ้โจรเถื่อนนี้ไปไกลๆ!


 


“ไม่สามารถทำได้! ผมไม่ทราบว่ามันมีรายการกี่อย่าง” ผู้ช่วยร่างท้วมร้องพลางพูดต่อ “ใบรายการถูกทำลายไปแล้วและผมจำพวกมันทั้งหมดไม่ได้”


 


“ทำยังไงดี?” ทันใดนั้นพันชางเวียนเริ่มวิตกกังวล


 


“ไม่เป็นไร” ชูฮันยิ้ม “ก็แค่เปลี่ยนมาใช้เหรียญล่มสลาย โอ๊ะ! มันยังไม่ได้ตีพิมพ์ออกมาเป็นทางการ สำหรับรายการ ไม่เป็นไร ฉันจะเขียนสำเนาให้เอง แต่นอนว่านี่เป็นงานพิเศษเพิ่มเติมเพราะฉะนั้นแกต้องจ่ายเงินให้ฉัน”


 


หลังจากพูดคุย โดยไม่คำนึงถึงสีหน้าตะลึงค้างของทุกคน ชูฮันก็เดินตรงไปที่โต๊ะคว้ากระดาษและปากกาขึ้นมาเขียน


 


“ไข่ไก่สดอบหนึ่งพันลูก อาหารสำหรับทหารสองร้อยนายสำหรับ 7 วัน เต้นท์นอน 200 เต้นท์—–“


 


หลังจกาเขียนรายการลงกระดาษเสร็จเรียบร้อย ชูฮันก็โยนมันใส่หน้าพันชางเซียน พร้อมกับรอยยิ้มราวกับปีศาจ “ไม่มีน้อยกว่านี้”

 

 

 


ตอนที่ 426

 

พันชางเซียนหยิบใบรายการมาดู ตอนนี้เขาไม่มีเวลามาคิดเรื่องการเอาคืนลูกตบสองลูกนั่นแล้ว ตอนนี้เขาภาวนาให้แก้ปัญหาตรงหน้าได้เร็วที่สุดและส่งชูฮันไปไกลๆก่อน


 


โชคร้ายที่ทันทีที่พันชางเซียนกวาดสายตามองรายการก็ถึงกับต้องตกใจ พลันเงยหน้าขึ้นมองชูฮันทันที “นี่เป็นรายการสินค้าของท่านจริงๆเหรอ? ท่านไม่ได้โกหกใช่มั้ย?”


 


ชูฮันยิ้มเยาะ “ต้องการโดนอีกใช่มั้ย?”


 


“นี่มันไม่ใช่” พันชางเซียนมองชูฮันอย่างสงสัย จากนั้นก็ส่งใบรายการไปให้ผู้ช่วย “ตรวจสอบดูสิ”


 


รายการนี้เป็นปัญหาอย่างแน่นอน พันชางเซียนได้ส่งมอบสินค้าและวัสดุขั้นพื้นฐานให้แก่พลเอกหลายคนเพื่อนำไปก่อตั้งค่ายขึ้น แม้แต่พลเอกตวนเจียงเหว่ยที่ตอนนี้ค่ายของเขากลายเป็นหนึ่งในค่ายที่ดีที่สุด ก็ยังมีรายการเพียงแค่ครึ่งหนึ่งของชูฮันที่ส่งมา แต่ชูฮันที่พึ่งจะเข้ารับตำแหน่งในฐานะพลเอกคนใหม่ทำไมกลับได้ของมากมายขนาดนี้?


 


และมันมีของหลายอย่างในรายการที่ไม่สามารถหามาให้ได้ โดยเฉพาะไข่ไก่อบสดๆพันลูก นี่มันตลกเหรอไง? การสร้างค่ายจะต้องใข้ไข่ไปทำไม?


 


ผู้ช่วยรับกระดาษมาจากนั้นก็นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่งจากนั้นก็พูดโพล่งขึ้นมา “อันนี้ดูไม่เหมือนกับอันก่อนหน้านี้ที่ผมเคยเห็น?”


 


“พลเอกชูฮัน!” แน่นอนว่าพันชางเซียนรีบหันมาหาเรื่องชูฮันทันที “นี่ท่านปลอมรายการสินค้าเพื่อมาหลอกเรา? ผมไม่เคยเห็นพลเอกคนไหนมาขอไข่ไก่หนึ่งพันลูกมาก่อน และรายการด้านล่างทั้งหมดนี้ก็เป็นฝีมือท่านใช่มั้ย?”


 


พลันแววตาของชูฮันก็เย็นยะเยือก พูดตอบด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ “พันชางเซียน ฉันบอกแล้วไงว่าให้ถามฉันก่อนจะถามผู้ช่วย แต่ถ้านายจะลิ้มลองรสตบอีกละก็?…”


 


“แกมันภัยคุกคาม—–” ยังไม่ทันที่พันชางเซียนจะพูดจบ


 


“ไข่ไก่เป็นเรื่องจริงครับ” ทันใดนั้นผู้ช่วยร่างท้วมก็พูดขัดพันชางเซียนที่กำลังต่อว่าชูฮันอยู่ขึ้นมา “ผมจำได้ว่ารายการอันนี้มีอยู่ในใบรายการอันก่อนจริงๆครับ”


 


กลุ่มคนรอบๆพร้อมใจกันพยักหน้าอีกครั้งเพื่อยืนยัน ใบรายการอันก่อนเกี่ยวกับเรื่องไข่พันลูกเป็นเรื่องที่ชัดเจนและเด่นอย่างมาก ทุกๆคนจำมันได้ขึ้นใจ


 


พันชางเซียนนิ่งค้าง นี่มันมีรายการไข่ไก่อบสดๆพันลูกจริงๆงั้นเหรอ? แล้วสุดท้ายแล้วใครจะเป็นคนหาของพวกนี้มาให้ชูฮัน!


 


ผู้ช่วยตัวอ้วนค่อยๆเอ่ยปากถามอย่างกลัวๆ “อะไรคือด้านหลังที่เขียนว่าสมาชิกในครอบครัวร้อยคน ผมไม่เคยเห็นอันนี้มาก่อน ท่านพลเอกชูฮัน ท่านมีสมาชิกในครอบครัวหนึ่งร้อยคนเหรอครับ?”


 


“สมาชิกในครอบครัวหนึ่งร้อยคนเป็นสิ่งที่ฉันเพิ่มมาเอง” ชูฮันตอบตามความจริง และพูดถึงบรรทัดสุดท้ายในรายการ “มันมีค่าช่วยเขียนสำเนาขึ้นมาใหม่ 1,000 เหรียญล่มสลาย เพราะงั้นฉันเลยเพิ่มมันเข้าไปเองและเปลี่ยนไปเป็นผลึกคริสตัลแทน”


 


“ท่านเพิ่มมันเข้ามาเอง?” ความหยิ่งผยองของพันชางเซียนตีตื้นขึ้นมาอีกครั้ง หากสีหน้าของเขายงคงเต็มไปด้วยความกลัวและความเจ็บที่หน้า น้ำเสียงสั่นๆ “พลเอกชูฮัน  นี่มันผิดกฏระเบียบ และผมจำได้ว่าข้อมูลส่วนตัวของท่านระบุไว้ว่าไม่มีคนในครอบครัวไม่ใช่เหรอ? เพราะฉะนั้นเราไม่สามารถส่งสินค้าไปให้สมาชิกในครอบครัวตามที่ท่านต้องการได้”


 


ชูฮันยิ้มมุมปาก “ตอนนั้นมันวุ่นวาย แต่ความจริงฉันมีสมาชิกในครอบครัว!”


 


“ท่าน!” พันชางเซียนอึ้งและพยายามจะควบคุมอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ “ถึงงั้นท่านก็ไม่สามารถมีสมาชิกครอบครัวเป็นร้อยได้”


 


ชูฮันยังคงยิ้มมุมปาก จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่ง “นายจะบอกว่ามันเป็นไปไม่ได้? แต่เมื่อวานนี้ฉันยังกำลังดื่มและกินข้าวอยู่กับครอบครัวที่โต๊ะเป็นร้อยอยู่เลย”


 


ทุกคนต่างพูดอะไรไม่ออกและมองมาที่ชูฮันด้วยสายตาแปลกๆ


 


พันชางเซียนกลั้นความโมโหเอาไว้ในอก “พลเอกชูฮัน ผมต้องทำการยืนยัน ไม่เช่นนั้นท่านจะถูกตั้งข้อสงสัยว่าฉ้อโกง!”


 


ชูฮันไม่สนใจ “ดูไปที่ประตูเมืองชั้นในสิ ฉันมีพี่น้องนับร้อยที่นับถือฉันและพวกเขากำลังรอให้ฉันพาไปเริ่มชีวิตใหม่!”


 


เฉินเสี้ยนกาวมีคนทั้งหมด 100 คน ตามรูปแบบการทำงานของเหอเฟิงที่ถึงแม้เขาจะไม่เต็มใจทำ แต่ยังไงเขาก็เป็นคนมีความรับผิดชอบ และเวลานี้ตามที่เขาคาดไว้เฉินเสี้ยนกาวก็น่าจะอยู่กับผู้คนนับร้อนรอคอยอยู่ที่ประตูเมืองแล้ว


 


“แก! ไปดูสิว่าจริงมั้ย!” พันชางเซียนไม่เชื่อคำพูดของชฮูัน เขาสั่งให้ลูกน้องคนหนึ่งออกไปดู และในขณะเดียวกันก็รู้สึกอับอายอยู่ในอก เรื่องอื่นๆเขาไม่มีความกล้าจะเผชิญหน้าชูฮันเลยแต่กลับมายืนเถียงกับชูฮันเรื่องสมาชิกในครอบครัวนับร้อย


 


ข้าราชการพลเรือนคนที่ถูกเรียกรีบวิ่งออกไปดูด้านนอกทันที


 


ชูฮันยิ้ม นิ้วของเขาชี้ไปที่ใบรายการที่อยู่ในมือของผู้ช่วย พลางใช้น้ำเสียงเรียกร้อง “มีปัญหาอะไรหรือเปล่า? ถ้าไม่ ก็ไปเตรียมของและส่งมันมาให้ฉันได้แล้ว!”


 


ผู้ช่วยของพันชางเซียนแทบจะล้ม เขารีบตอบอย่างลนลาน “ท่านพลเอกชูฮัน เราจะไม่เตรียมของให้ท่าน มันมีของจำนวนมากที่ไม่สามารถนำมาให้ท่านได้ อย่างเต้นท์ 200 เต้นท์นี่ เราไม่มีมากขนาดไหน ท่านเข้าใจไหมครับ?”


 


ชูฮันมีสีหน้าอึมครึมทันทีที่ผู้ช่วยพูดขึ้นมาแบบนั้น พันชางเซียนรู้ว่าชูฮันเริ่มไม่พอใจ  เขาจึงรีบขัดคำพูดของผู้ช่วยตัวเองขึ้นมา “ให้คริสตัลเป็นจำนวนที่เท่ากันให้พลเอกชูฮันไปแทน เร็วเข้า! นอกเหนือจากสมาชิกในครอบครัวร้อยคน รายการอื่นๆก็หาให้เขาให้หมดซะ!”


 


“อ่า—–” ผู้ช่วยตะลึงค้าง “แต่มันไม่ใช่ว่ามีแต่คริสตัลเท่านั้นที่สามารถแลกเป็นเหรียญได้เหรอครับท่าน? มันสามารถแลกกลับกันได้ด้วยเหรอครับ?”


 


คริสตัลกำลังถูกค้นคว้าอย่างจริงจังและจำนวนที่ใช้วิจัยไปแล้วก็สูงมาก ทุกค่ายต่างโยนอาหารทิ้งจำนวนมากเพื่อแลกกับคริสตัล เพราะฉะนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาคริสตัลไปแลกเพื่ออาหาร แถมยังเพิ่มมูลค่ามันเป็นสองเท่า


 


“หยุดพูด! ให้พลเอกไปซะ!” พันชางเซียนไม่ต้องการต่อยอดเรื่องนี้ต่อ ในตอนนี้เขาแค่ต้องให้ชูฮันออกไปพ้นๆสักที


 


นั่นแหละ หึ!


 


ชูฮันยิ้มพลางมองไปที่เจ้าหน้าที่โลจิสติกส์ที่อึ้งไปกับอาการของหัวหน้าตัวเอง ตอนแรกเขาคิดไม่ออกเลยว่าทำไมรายการสินค้าที่ผู้บัญชาการมู๋มอบให้มันถึงไม่สมเหตุสมผลแบบนี้ แต่ตอนนี้เมื่อคิดถึงสองเฒ่าจิ้งจอกนั่นที่ใช้เขาเป็นปืนแทน ชูฮันก็ได้แต่ยิ้มเยาะในใจกับความร้ายกาจของสองคนนี้


 


เมื่อตอนที่ได้เห็นรายการสินค้าแปลกๆ ชูฮันก็คิดออก เห็นได้ชัดว่าสองเฒ่าจิ้งจอกนั่นกำลังบอกใบ้บางอย่างกับเขา


 


ไข่ไก่อบสดๆพันลูกมันเป็นแค่กับดัก จุดประสงค์จริงๆก็คือเพื่อถ่วงเวลาและทำให้อีกฝ่ายหมดความอดทน สินค้าถูกกักตุนไว้ที่นี้หมด และสองเฒ่านั้นก็ขุดหลุมขนาดใหญ่และยืมมือเขาเล่นงานแผนกโลจิสติกส์ที่ค่อนข้างระคายเคืองสองเฒ่านั่น ไม่มีใครรู้ว่ามันมีหลุมดำขนาดใหญ่แค่ไหนในแผนกโลจิสติกส์ ไม่มีใครรู้ว่าพันชางเซียนเป็นใคร แต่อย่างน้อยที่ชูฮันรู้แน่ๆก็คือผู้ชายคนนี้อยู่คนละฝ่ายกับผู้บัญชาการมู๋อย่างแน่นอน

 

 

 


ตอนที่ 427

 

มันก็แค่ไม่มีใครคิดว่าแผนกโลจิสติกส์ซึ่งเป็นแผนกที่วุ่นวายและมีปัญหามากที่สุดจะลงเอยแบบนี้ ไม่เพียงแต่พันชางเซียนซึ่งเป็นผู้อำนวยการของแผนกจะโดนชูฮันตบหน้าแล้ว แม้แต่รายการของสินค้ายังถูกทำลายอีก


 


ทว่า นั่นมันเพียงแค่เล็กน้อย! ความจริงแล้วชูฮันรู้สึกขอบคุณพันชางเซียนอยู่ในใจด้วยซ้ำ ต้องขอบคุณที่คิดจะลอบทำร้ายเขา และพาจางตงที่หยิ่งผยองมาตัดใบรายการสินค้าเป็นเศษๆ ซึ่งมันได้สร้างโอกาสที่ดีสำหรับเขาที่จะสร้างกับดักขึ้นมา


 


สิ่งที่ระบุในรายการคืออะไร? เขารู้ดีว่าเขาไม่ได้มองมันอย่างถี่ถ้วน แต่เขาไม่รู้ว่ามันไม่ได้ห้ามเขาจากการใช้โอกาสที่สองเฒ่าจิ้งจอกนั้นมอบให้พูดเกินจริง เพราะงั้นเขาจะเริ่มที่ของเป็นร้อยเป็นพันก่อน!


 


เฉินช่าวเย่กลืนน้ำลายอึกและก้มหยิบกล่องอาหารที่พื้นขึ้นมากินต่อ…หัวหน้าเขาสุดยอดชะมัด เพียงแค่ตบหน้าและพูดไม่กี่คำก็สามารถทำให้พันชางเซียนหวาดกลัวได้แล้ว


 


ขณะที่ผู้ช่วยของพันชางเซียนวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วเพื่อเตรียมคริสตัลจำนวนมากให้ชูฮัน ส่วนพันชางเซียนก็ได้แต่ก้ใหน้าก้มตาหลบหน้าที่บวมเฉ่ง ขณะที่คนอื่นๆในห้องก็ไม่มีใครกล้าปริปากพูด——


 


ฟืด! ฟืด!


มีเสียงบางอย่างไม่ดังมากเกิดขึ้นตรงผนัง และในที่สุดจางตงก็ใช้ตัวไถผนังปีนขึ้นมาได้ ร่างของเขาโชกไปด้วยเลือดที่จมอยู่ในกองอิฐและเศษปูน สภาพของเขาดูย่ำแย่อย่างมาก มันดูแย่ยิ่งกว่าผู้ลี้ภัยซะอีก


 


ทันใดนั้นบรรยากาศภายในห้องก็เปลี่ยนไปทันที กลุ่มคนมองไปที่จางตงที่ยังคงพยายามตะกายตัวเองขึ้นมา ผู้ชายคนนี้ต้องการอะไรกันแน่?


 


พันชางเซียนที่หน้าบวมเละหันไปเห็นจางตงวิวัฒนาการระยะ 4 ในสภาพน่าสมเพชก็อยากจะร้องไห้ออกมา เขาคิดว่าจางตงผู้ทรงพลังจะสามารถควบคุมและจัดการชูฮันได้ ผลกลับกลายเป็นว่าไม่เพียงแต่จางตงจะถูกชูฮันจัดการจนเละ แต่สินค้ามากมายของพลเอกคนอื่นๆที่เขากักไว้กลับถูกชูฮันเพิ่มเป็นเท่าตัว จนเขาต้องเสียคริสตัลเป็นกองเพื่อชดเชยของที่ไม่พอ ยังไม่เพียงแค่นั้นสิ่งที่ทำให้พันชางเซียนทนไม่ได้มากที่สุดก็คือเขาโดนตบถึงสองครั้ง และยังเป็นต่อหน้าลูกน้องของเขาอีกด้วย!


 


เขาไม่น่าพูดอะไรแบบนั้นเลย ไม่น่าจะต่อต้านชูฮันเลย!


 


หวังไคที่อยู่ในกระเป๋าชูฮันอดไม่ได้ที่จะพูด “ผู้ชายคนนี้จะปีนขึ้นมาทำไม เขาอยากจะเอาคืนเหรอไงกัน?”


 


ชูฮันเองก็ไม่เข้าใจท่าทีของจางตงเลยสักนิด


 


จางตงแหกปากส่งเสียงขณะไต่ขึ้นมา ตาแดงก่ำจ้องมาที่ชูฮัน น้ำเสียงเย่อหยิ่ง “ไอ้หนุ่ม แกเป็นใคร?”


 


ชูฮันกรอกตา เขาเห็นเก้าอี้ตัวหนึ่งจึงนั่งลงทันที และเมินเฉยต่อไอ้หน้าโง่ที่แหกปากอยู่


 


“บอกชื่อแกมา!” จางตงยังไม่หยุด


 


พันชางเซียนรู้สึกรำคาญกับพฤติกรรมของจางตง เขาจึงหันไปชี้คนรอบๆ “พาเขาไปที่ห้องพยาบาลเพื่อรักษาซะ”


 


“ฉันไม่ไป!” จางตงขึ้นเสียงกลับมาทันทีพร้อมจ้องเขม็งไปที่ชูฮัน “แกเป็นใคร?”


 


ขณะเดียวกัน ผู้ช่วยร่างท้วมของพันชางเซียนที่หายตัวไปเป็นเวลานานก็วิ่งกลับเข้ามาพร้อมกับเหงื่อโชก “มาแล้วครับ สินค้าที่มีไม่พอถูกเปลี่ยนเป็นคริสตัลตามราคาตลาดอยู่นี้แล้วครับ ส่วนของที่เหลือนั่นวางอยู่ด้านนอก”


 


“รีบเอาไปให้พลเอกสิ” พันชางเซียนโบกมือให้ผู้ช่วยของเขาส่งของไปให้ชูฮัน


 


“พลเอกชูฮัน” ผู้ช่วยร่างท้วมส่งถุงในมือของตัวเองให้ชูฮัน “เราไม่มีคริสตัลของซอมบี้ระยะ 4 มากอย่างที่ท่านต้องการ นี่คือคริสตัลของซอมบี้ระยะ 4 หนึ่งร้อยชิ้น ที่เหลือผมเอาคริสตัลระยะ 3 และระยะ 2 มาให้แทน”


 


แน่นอนว่าใครๆก็รู้ว่าคริสตัลของซอมบี้ระยะ 4 หายากมาแค่ไหน แต่การที่ชูฮันหยุดทำลายข้าวของมันก็พอแล้วสำหรับพันชางเซียนที่จะยอมเสียคริสตัลจำนวนมากพวกนี้ไป


 


ชูฮันเพียงแค่รับถุงมือและลุกขึ้นยืนและทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างดึงขาเขาอยู่ และเมื่อมองลงไปก็ได้เจอกับจางตงที่ไม่รู้ว่าคลานมาถึงตัวเขาได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ จางตงกำลังจ้องเขม็งมาที่ชูฮันด้วยสายตาดุดัน


 


ชูฮันพูดอะไรไม่ออก คนคนนี้ต้องการอะไร? ดูสภาพเละเทะขนาดนี้ ยังจะคลานมาหาเขาอีก?


 


ไม่ต้องพูดถึงชูฮัน ทุกคนรอบๆต่างไม่เข้าใจว่าจางตงต้องการอะไรเหมือนกัน โดยเฉพาะพันชางเซียนที่มองจางตงที่กำลังทำตัวเหมือนหมา เขาคิดว่าจางตงจะเป็นคนที่ทรงพลังมาก แต่ตอนนี้ที่เขาเห็นคือจางตงไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะทำอะไรชูฮันด้วยซ้ำ พระเจ้า! อยากจะบ้าตาย!


 


นี่มันถูกอัดจนเละขนาดนี้ยังจะกล้ามาแหกปากใส่ชูฮันอีกเนี่ยนะ?


 


“แก!” ท่ามกลางความเงียบ จางตงก็แหกปากใส่ชูฮัน “แกคือชูฮัน!?”


 


พึ่งตอนนั้นเองที่จางตงได้ยินผู้ช่วยร่างท้วมพูดคำว่า พลเอกชูฮัน


กลายเป็นว่าไอ้หนุ่มนี้คือชูฮัน พลเอกคนดังคนใหม่


 


ชูฮันหลุบตามองจางตงพร้อมย่นคิ้ว


 


“จางตง แกต้องการทำอะไร? ถอยกลับมา” พันชางเซียนทนไม่ไหว ตอนนี้มันยังจะยั่วโมโหชูฮันอีกเหรอไง? ชูฮันไม่ใช่คนที่จะต่อกรได้ด้วยง่ายๆ!


 


ยังไม่ทันที่เสียงของพันชางเซียนจะจางหายไป จู่ๆเสียงของระบบล่มสลายในหัวชูฮันก็ดังขึ้น…ความภักดีของจางตงอยู่ที่ 60% และมีคะแนนเป็น 10%


 


หือ? ชูฮันยกยิ้มมุมปากอย่างไม่เข้าใจ เขาก้มลงไปมองหน้าจางตงที่ยังคงจ้องหน้าเขาอยู่


 


ระบบรวบรวมคะแนนของระบบล่มสลายจะสะสมออกมาเป็นเปอร์เซ็นต์ ทุกครั้งที่จางตงฆ่าซอมบี้ ชูฮันจะได้ 10% ของซอมบี้ที่ถูกฆ่า!


 


หวังไคเองก็ตะลึงอยู่ในหัวของชูฮันเหมือนกัน


 


อีกครั้งที่มันเกิดบรรยากาศแปลกๆขึ้นภายในห้อง เสียงแหกปากของจางตงที่กรีดร้องเรียกชูฮัน และชูฮันที่มองไปที่จางตงด้วยสายตาแปลกๆ ทุกคนรอบๆต่างไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ พันชางเซียนที่อยู่ด้านข้างเองก็ตะลึงค้าง มันเกิดอะไรขึ้น?


 


และในขณะที่ทุกคนเงียบสินท จางตงก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง


 


“นายคือชูฮันงั้นเหรอ!” เสียงของจางตงดูตื่นเต้นมากๆ “นายบอกว่านายคือชูฮัน นายคือไอดอลของฉันเลย ฉันมาที่ซางจิงโดยเฉพาะเพื่อตามหานาย อ่า นี่ฉันพึ่งคิดจะทำร้ายนายไปเหรอ? ขอโทษ ชูฮัน ฉันไม่รู้ว่านายจะดูเด็กขนาดนี้ แต่นายจองหองเกินไป!”


 


เฮ้!


พันชางเซียนอ้าปากค้างด้วยความช็อค เขาพูดโพล่งขึ้นไปทันที “จางตง! นี่! แก! นี่มัน!”


 


นี่มันโง่และบ้าใช่มั้ย? นี่มันยังมีศักดิ์ศรีของคนดังในรายชื่ออยู่รึเปล่า?


 


พันชางเซียงพูดอะไรไม่ออก ตอนนี้ไม่ว่าจะกองทัพหรือผู้คนต่างชื่นชมชูฮันกันหมด อย่างแรกก็เพราะประวัติที่เก่งกาจของชูฮันและความลึกลับของตัวตนเขา อย่างที่สองก็เพราะคำสาบานตนที่ได้ใจผู้คน เหล่าทหารจำนวนนับไม่ถ้วนเป็นแฟนคลับของชูฮัน กระทั่งมีคนมากมายเดินทางมาเข้าร่วมกับกองทัพเพราะมีชูฮันเป็นไอดอล

 

 

 


ตอนที่ 428

 

จางตงเองก็เป็นหนึ่งในคนที่มีความสงสัยเกี่ยวกับชูฮัน เมื่อตอนที่เขามาซางจิง เขาอยากจะเจอกับชูฮันคนดัง ความจริงแล้วเขาอยากจะเรียนรู้จากชูฮันและดูว่าใครเก่งกว่ากันกันแน่ ทว่าทันทีที่เขาพึ่งจะมาถึงซางจิงวันนี้และยังไม่มีเวลาได้สอบถามอะไรเลย เขาก็ตามพันชางเซียนมาที่แผนกโลจิสติกส์และถูกชูฮันอัดจนเละแล้ว


 


ไม่น่าเชื่อ! ว่าคนที่ได้คะแนนประเมิณ S+ ถึงสามครั้งรวดกลับดูอ่อนแอบอบบางกว่าที่คิด!


 


เมื่อมองไปที่จางตง ชูฮันก็บิดปากหนักขึ้นไปอีกขณะเหลือบมองไปที่จางตงที่มีความภักดีต่อเขาสูงถึง 60% เขาพูดอะไรไม่ออก เฉินเสี้ยนกาวและพรรคพวกยังมีความภักดีต่อเขาแค่ 20% หรือ 40% และค่อยๆเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ คนคนเดียวที่ความภักดีกระโดดขึ้นอย่างพุ่งพรวดก็คือเฉินช่าวเย่แต่มันก็เป็นเพราะหลังจากรู้จักและใช้ชีวิตต่อสู้ฝูงซอมบี้เคียงบ่าด้วยกันมา


 


หากจางตงคนนี้ไม่เลวเลย ครั้งแรกที่พบกันโดนเขาซ้อมแทบปางตาย หากความภักดีกลับมีถึง 60%!


 


ไม่แปลกใจเลยที่คนคนนี้ถึงลงมือก่อนจะพูด เห็นได้ชัดว่าผู้ชายคนนี้น่าจะโดนพันชางเซียนหลอกมา


 


“ฉันว่านาย—” เมื่อเห็นท่าทางหยิ่งผยองของจางตงชูฮันก็อดไม่ได้ที่จะพูด “ปกตินายพูดจาแบบนี้งั้นเหรอ?”


 


“หัวหน้าชูฮัน ท่าทางของผมไม่ดีอย่างนั้นเหรอ?” จางตงเรียกชูฮันว่าหัวหน้าทันที พร้อมจ้องตาชูฮันด้วยสีหน้าดุดัน


 


ชูฮันเบนสายตาไปที่อื่น “เปล่า มันดีแล้ว ทำแบบเดิมนี่แหละ”


 


“ไมมีปัญหาครับ! หัวหน้า!” จางตงตั้งคอตรง สีหน้าดุดันไม่เปลี่ยน


 


คนรอบตัวต่างช็อคกับการกระทำของจางตงกันหมด เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นคนที่จงรักภักดีแต่ยังคงมีสีหน้าดุดันแบบนี้ นี่มันต้องเป็นประวัติการณ์อย่างแน่นอน


 


และในขณะที่ชูฮันตะลึงกับบุคลิกอันเป็นเอกลักษณ์ของจางตงอยู่ มันก็เกิดการจลาจลใหญ่ขึ้นตรงประตูเมือง


 


เจ้าหน้าที่ที่ถูกพันชางเซียนส่งไปดูสถานการณ์ที่ประตูเมืองวิ่งไปที่ประตูท่ามกลางอากาศที่ติดลบสิบองศา ในตอนแรกชายคนคนนั้นคิดว่าตัวเองแค่ต้องทำเป็นวิ่งวนและกลับไป เพราะสิ่งที่ชูฮันพูดนั้นมันไม่มีทางเป็นจริง ไม่ต้องพูดถึงพันชางเซียนเลยแม้แต่ทุกคนก็ไม่อยากจะเชื่อ


 


น่าสมเพชที่เขาต้องวิ่งมาถึงปรตูเมืองแบบนี้ หากชายคนนั้นต้องประหลาดใจมากเมื่อได้เจอกับคนนับร้อยตรงหน้าแถมคนพวกนี้ไม่ได้สวมเสื้อผ้าที่หนาพอกับอากาศแบบนี้ ฝูงชนยืนสั่นท่ามกลางความหนาว


 


“พวกนายเป็นใคร?” เจ้าหน้าที่คนนั้นโพล่งถามขึ้นมา


 


เฉินเสี้ยนกาวที่เห็นคนกำลังมุ่งเข้ามา ตัวเฉินเสี้ยกาวเองยังคงอยู่ในชุดเครื่องแบบทหารก็เดินออกมาแสดงตัวด้านหน้าทันที “สวัสดีครับ ผมขอถามได้มั้ยว่าน้องชูฮันกำลังมาใช่รึเปล่า?”


 


“ชูฮัน?!” เจ้าหน้าที่คนนั้นมองเฉินเสี้ยนกาวด้วยความประหลาดใจอย่างมาก “แถมยังเป็นน้องอีก?”


 


“โอ้ ให้อภัยกับความโง่เขลาของผม” เฉินเสี้ยนกาวตบหัวตัวเองอย่างรำคาญใจ “ตอนนี้เขาเป็นพลเอกแล้ว เรียกเขาว่าน้องไม่ได้แล้ว”


 


เจ้าหน้าที่คนนั้นยิ่งช็อคขึ้นไปอีก คนพวกนี้เป็นญาติพี่น้องกับชูฮันจริงๆงั้นเหรอ? ไม่มีทาง!


 


“ความสัมพันธ์ของนายกับชูฮันคืออะไร?” เจ้าหน้าที่คนนั้นเต็มไปด้วยความสงสัย หากยังคงต่อต้านชูฮันอยู่ในใจ


 


เยวจึไม่พอใจและอยากจะหัวเราะ ไอ้นี่มันเป็นใครถึงมาเรียกชื่อชูฮันห้วนๆแบบนี้ “พวกนายคิดว่าไง เจ้าหน้าที่ตัวเล็กนี้กล้าเรียกชื่อชูฮันห้วนๆ แกควรจะเรียกเขาว่าพลเอก!”


 


เจ้าหน้าที่คนนั้นรู้สึกราวกับโดนตบหน้า ความอดทนขาดผึง “แกกล้าดียังไงพูดจากับฉันแบบนี้? กล้าดียังไงและญาติพี่น้องของหัวขโมยแบบนั้นก็คงไม่ต่างกันและก็คงไร้มารยาทเหมือนชูฮันนั่นแหละ!”


 


“ฉันจะอัดแกให้เละ แกเป็นใครวะ?”


 


“ไปตายห่าซะ มึงกล้าด่าชูฮัน มึงไม่ตายดีแน่!”


 


“จัดการมัน พี่น้อง!”


ฝูงชนรุมอัด เตะ ต่อย เจ้าหน้าที่คนนั้นจนเกิดเป็นความวุ่นวายและย่ำแย่


 


———-


 


ขณะนั้น ณ แผนกโลจิสติกส์


เมื่อมองไปที่จางตงที่ยังคงอยู่ที่พื้นท่วมเลือดและไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้ พันชางเซียนก็ไม่มีความอดทนที่จะจัดการปัญหานี้ต่อแล้ว เขาอดกลั้นความเจ็บบนหน้าและความอยากฆ่าชูฮันเอาไว้พลางหันไปพูดกับชูฮันด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ “พลเอกชูฮัน ทุกอย่างเตรียมพร้อมสำหรับท่านแล้ว เห็นมั้ยครับ?”


 


ทุกอย่างที่แกต้องการก็ได้แล้ว ทำไมยังไม่ไปอีก?


 


ชูฮันมองพันชางเซียนด้วยสายตาลึกลับ “มันยังมีสมาชิกครอบครัวของพลเอกหนึ่งร้อยคน ฉันต้องได้ของตามสิทธิของพลเอก”


 


“ชูฮัน! อย่ามากเกินไป!” พันชางเซียนแหกปากขึ้นมาอย่างทนไม่ไหว “ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่อยู่ในใบรายการสินค้า ฉันหมดคำจะพูด พลเอกที่ไหนจะขอทุกอย่างหนึ่งร้อยชุด? ถ้านายบอกว่าขอสองชุด ฉันจะให้ แต่หนึ่งร้อยชุด ไหนนายบอกฉันมาสิว่าใครคือสมาชิกในครอบครัวร้อยคนของนายบ้าง? นายมีปัญหาจะไล่ชื่อพวกเขามั้ย?!”


 


ชูฮันเปิดหน้าจอของระบบล่มสลายในหัวขึ้นมา ซึ่งมันมีเพียงแค่เขากับหวังไคเท่านั้นที่สามารถเห็นได้ จากนั้นก็เปิดรายชื่อคนที่ภักดีต่อเขา “เฉินเสี้ยนกาว เยวจึ เจียงโจว ชูเซีย ติงเซว…”


 


อยากจะรู้ชื่อใช่มั้ย? ได้ ได้สิ!


 


ทุกคนในห้องตะลึง พันชางเซียนยิ่งโกรธจนคลั่ง!


 


และพอชูฮันรายงานรายชื่อสมาชิกในครอบครัวเขาไปได้ประมาณครึ่งหนึ่ง ทันใดนั้นก็มีเสียงตื่นตระหนกของคนคนหนึ่งโพล่งขึ้นมา “แย่แล้ว เจ้าหน้าที่พลเรือนของเราถูกซ้อมอยู่ตรงประตูเมือง!”


 


พันชางเซียนตกใจพลางรีบถามกลับ “เจ้าหน้าพลเรือนคนไหน? แล้วมันไปทำอะไรตรงประตู?”


 


“ท่านสั่งให้เขาไปเองไม่ใช่เหรอครับ?” ชายคนนั้นมองพันชางเซียนอย่างงงวย “เพื่อยืนยันญาติพี่น้องของพลเอก”


 


“โอ้ อย่างนั้นเหรอ” พันชางเซียนไม่ทันสังเกตเห็นรอยยิ้มแปลกๆของชูฮัน เขาเพียงถามอย่างโกรธจัด “ใครมันกล้ามาทำร้ายคนของฉัน? จัดการพวกมันซะ!”


 


ชายคนนั้นรีบส่ายหัว “ไม่ได้ครับท่าน เราสู้ไม่ไหว”


 


“ทำไมพวกแกถึงจัดการไม่ได้?” พันชางเซียนโมโหอย่างมาก “ฉันอยากจะเห็นนักว่าพวกมันเป็นใครกล้ามาจากไหน แม้แต่คนของแผนกโลจิสติกส์มันยังกล้า!”


 


“ครับ พวกเขาเป็นครอบครัวของพลเอก” ชายคนนั้นมองชูอันอย่างกังวล ตามมาด้วยเสียงกระซิบ “เฉินเสี้ยนกาว เยวจึ…”


 


พรึบ!


พันชางเซียนยืนไม่ไหว เขาทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ด้านหลัง มองไปที่ชูฮันอย่างตื่นตระหนกพร้อมสายตาที่แฝงไปด้วยคำถาม ชื่อพวกนี้…มันชื่อเดียวกัน?


 


ชูฮันยิ้มพลางพยักหน้า “ครอบครัวจำนวนหนึ่งร้อยคนของฉัน ตามสิทธิของพลเอก”


 


“เตรียมของให้เขาซะ!” พันชางเซียนกัดฟันออกคำสั่ง


 


ครึ่งชั่วโมงต่อมา…ชูฮันก็หิ้ววัสดุที่มีมูลค่ามากมายและคริสตัลที่เพิ่มเป็นเท่าตัวเดินออกไป ตามมาด้วยนายทหารสองร้อยนายที่โดนแช่แข็งจนแทบจะกลายเป็นน้ำแข็ง


 


“เจ้าหน้าที่พันชางเซียนแห่งโลจิสติกส์” ชูฮันยิ้มพลางมองไปที่พันชางเซียนที่ยืนด้านข้างระหว่างเดิน “ขอบคุณสำหรับเฮลิคอปเตอร์”


 


พันชางเซียนพูดอะไรไม่ออก…เฮลิคอปเตอร์ 3 ลำได้บินพาเจียงโจวและเหล่าผู้หญิงและเด็กออกไป นี่คือสิ่งที่ชูฮันขอบคุณเขาก่อนหน้านี้


 


“พลเอกชูฮัน เรื่องของเรายังไม่จบแค่นี้แน่” พันชางเซียนใช้ความกล้าที่สุดของตัวพูดประโยคนี้ออกมา


 


หลังจากนี้ แกจะไม่มีเวลาแม้แต่จะนอนตายตาหลับไอ้ระยำ!


 


ชูฮันตบไหล่พันชางเซียนและเดินออกไป ตามหลังมาด้วยเฉินเสี้ยนกาวและคนอื่นๆที่ยืนรอมาเป็นเวลานาน จากนั้นก็ตามมาด้วยเฉินช่าวเย่ หลิวยูติงและกลุ่มพลทหารพร้อมอาวุธ


 


มุ่งหน้าไปจากซางจิง…

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม