Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย 415-421

ตอนที่ 415

 

เลาหมิงเม้มปาก ถึงแม้เขารู้ว่าตอนนี้มันไม่ใช่เวลาที่ควรจะพูดแต่เขาก็ห้ามตัวเองไม่อยู่ “โอ้! งั้นใครเป็นคนปล่อยข่าวว่าชูฮันไปก่อกวนและสร้างความวุ่นวายล่ะ? บอกว่าชูฮันอยากจะทดลองพลังของอาวุธใหม่ในพื้นที่ผู้ลี้ภัย? มันมีคำพูดสำหรับแบบนี้อยู่ เขาเรียกว่าอะไรน่ะ…ใช่อันนั้นมั้ย? มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ!”


 


ความไม่พอใจอย่างออกนอกหน้าของเลาหมิงทำให้หลายคนรู้สึกกระดากอายและไม่กล้าสู้หน้า พวกเขาก้มหน้าราวกับกำลังงมหาอะไรบางอย่างอยู่ที่พื้น บางคนก็อยากจะเอาหน้ากระแทกกำแพงให้รู้แล้วรู้รอด และทันใดนั้นเองมันก็มีเสียงฝีเท้าที่กำลังวิ่งอย่างเร่งรีบมุ่งหน้ามาที่ห้องประชุม จากที่ได้ยินทำให้คนฟังรู้ได้เลยว่ามันคงจะเป็นเรื่องใหญ่มาก


 


“รายงานครับ——” นายทหารที่พึ่งวิ่งเข้ามามีอาการหอบเหนื่อยจนแทบจะหายใจไม่ทัน ตามมาด้วยท่าทางประหลาดใจที่ได้เห็นว่าภายในห้องมีนายทหารสองอยู่อีกสองคน…ซึ่งสองคนนั้นก็คือนายทหารที่ก่อนหน้านี้ได้เข้ามารายงานสถานการณ์เร่งด่วนเหมือนกัน “แย่แล้วครับ! พลเอกชูฮันทำร้ายกัปตันเหมิงไซในเขตพื้นที่ผู้ลี้ภัย!”


 


ทั้งห้องประชุมเงียบสงัดทันที ทุกคนตกใจและประหลาดใจกับสิ่งที่ได้ยิน ชูฮันวิ่งหนีออกจากการประชุมไปกลางคันเพื่อไปแก้ไขปัญหาลูกผสมแต่หลังจากที่ทุกอย่างลงตัวเขากลับไปทำร้ายกัปตันของพื้นที่ผู้ลี้ภัย สถานการณ์ที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็วช่างไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด


 


นี่มันเกิดอะไรขึ้นที่นั่นกัน?


 


ถึงแม้มันจะประหลาดใจและน่างงงวย สถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันและหมุนเปลี่ยนไปมาอย่างกระทันหัน ใครจะรู้ไม่แน่ต่อไปจู่ๆอาจจะมีคนวิ่งเข้ามารายงานสถานการณ์ต่ออีกก็ได้?


 


ไม่มีใครพูดอะไรออกมา หากเหมิงหมิงพี่ชายของเหมิงไซ ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งกัปตันที่ดูแลทั้งซางจิงก็รีบกระเด้งเข้าไปคว้าตัวนายทหารที่เข้ามารายงานสถานการณ์ทันที น้ำเสียงเต็มไปด้วยความอาฆาต “แกพึ่งพูดว่าอะไรน่ะ ใครทำอะไรใครห้ะ?”


 


การเป็นกัปตันดูแลควบคุมความเรียบร้อยและปลอดภัยของทั้งค่ายซางจิงแน่นอนว่าต้องเป็นคนที่มีอำนาจพอสมควร ดังนั้นเหมิงหมิงไม่ใช่แค่มีความสามารถที่โดดเด่นเท่านั้นแต่เขายังเป็นถึงวิวัฒนาการระยะ 3 ที่มีพละกำลังอันยอดเยี่ยมอีกด้วย


 


ในตอนนั้นเหมิงหมิงไม่แม้แต่จะปกปิดจิตสังหารที่แผ่ออกมา เขากระชากคอเสื้อของนายทหารที่เข้ามารายงานสถานการณ์ซึ่งตอนนี้กลัวจนเหงื่อแตก หากยังไม่ทันที่นายทหารคนนั้นจะได้เอ่ยปากพูดอะไร


 


“ปัง!”


ทันใดนั้นประตูห้องประชุมก็ถูกเปิดออกกระทันหันอย่างรุนแรงขึ้นเป็นครั้งที่ 4 ทว่าครั้งนี้มันแตกต่างไปจาก 3 ครั้งก่อนหน้านี้ที่มีการเคาะประตูก่อนจะวิ่งเข้ามา ครั้งนี้ประตูห้องประชุมถูกเตะเปิดออกอย่างรุนแรงจนบานประตูแทบจะพัง


 


เฮือก!


 


ชูฮันลากเหมิงไซที่แทบจะสลบมากับพื้นตลอดทางเข้ามาในห้องประชุม เสียงรองเท้าบู้ททหารของชูฮันที่กระทบกับพื้นห้องดังก้องไปทั่วห้องประชุม มันทั้งทรงพลังและให้อารมณ์ที่น่าเกรงขาม แววตาของชูฮันเต็มไปด้วยจิตสังหารที่น่ากลัวอย่างมาก ราวกับว่าเขาพร้อมจะระเบิดห้องนี้ให้กลายเป็นจุลได้ทุกเมื่อ


เงียบกริบ—–


 


ไม่ว่าจะเป็นผู้บัญชาการมู๋ เลาหมิง ฉางกวนหลงและตวนเจียงเหว่ยที่คอยดูสถานการณ์อยู่ข้างสนามมาตลอด ทุกคนในตอนนี้ต่างยืนมองภาพตรงประตูอย่างตะลึงงัน ชูฮันและ…คนที่เขาลากมาในมือ…


 


แม้แต่เหอเฟิงที่พยายามควบคุมผู้คนในห้องประชุมมาตลอดก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากนิ่ง หากเขาไม่ได้อารมณ์เย็นสายตาของเหอเฟิงขยับไล่ไปตามแขนของชูฮันจนถึงร่างของคนที่ชูฮันลากมากับพื้น ผู้ชายที่มีสภาพเละเทะและดูเลอะเลือนคนนี้ดูคุ้นหน้าคุ้นตา…


 


“เหมิงไซ!” เสียงแหกปากร้องอย่างตกใจของเหมิงหมิงดังลั่นขึ้นมาพร้อมกับวิ่งพุ่งเข้าไปหาน้องชายของเขาทันทีอย่างไม่ลังเล เหมิงหมิงมองร่างของน้องชายที่เนื้อปริ้นหลุดลุ่ยและเลือดที่ไหลยาวตามทางพร้อมกับกรามล่างที่หัก ร่างของเหมิงหมิงอัดแน่นสั่นระริกไปด้วยความโกรธกำลังจะระเบิดออก


 


“ไม่ได้ตายซะหน่อย อะไร?” ชูฮันแสยะยิ้มและปล่อยมือเหมิงไซออก น้ำเสียงของชูฮันเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน


 


เหมิงหมิงที่โดนกระทำอย่างยั่วยุ ถึงแม้เขาจะไม่ได้มีตำแหน่งใหญ่โตสุดในซางจิงหากเขาก็มีหน้าที่ควบคุมทั้งค่ายซางจิง ใครมันกล้าหักหน้าเขาแบบนี้? ทุกคนต้องได้รับการอนุมัติจากเขาถึงจะผ่านเข้ามาในค่ายซางจิงได้? แม้แต่เจ้าหน้าที่เวรยามทั้งเมืองก็อยู่ภายใต้การควบคุมของเขาทั้งหมด!


 


แก ชูฮัน…พลเอกที่พึ่งได้รับแต่งตั้งยังไม่ถึงวันดี กล้ามาอวดเบ่งในเขตของเขา?


 


“เยี่ยม” เหมิงหมิงตัวสั่นเทิ้ม ยกนิ้วชี้ใส่หน้าชูฮัน “ดี! แก ชูฮัน! คนชั้นต่ำ!”


 


แท้จริงแล้ว อารมณ์ของเหมิงหมิงในตอนนี้ได้ไต่ขึ้นมาถึงระดับสูงสุดในชีวิตแล้ว ตอนนี้เขาต้องการจะสั่งสอนบทเรียนให้แก่ชูฮัน


 


ป๊อก!


เกิดเสียงไม่ดังมากราวกับอะไรบางอย่างหัก


 


“อ๊ากกกกก” เสียงร้องเจ็บปวดของเหมิงหมิงดังลั่น “นิ้ว นิ้วฉันนนนน!”


 


ทุกคนในห้องตัวสั่นจ้องไปที่นิ้วชี้ของเหมิงหมิงที่หักโค้งขึ้นชี้ฟ้า ชูฮันปล่อยเหมิงไซที่มีสภาพน่าสังเวชทิ้งไว้ที่พื้นและยังมาจัดการกับนิ้วของเหมิงหมิงอีกได้อย่างไม่มีความลังเลเลยแม้แต่น้อย!


 


คนคนนี้ไม่ใช่พลเอก นี่มันโจรชั่วชัดๆ!


 


แม้แต่ฉางกวนหลงและตวนเจียงเหว่ยที่นิ่งสงบและไม่เคยส่งเสียงมาตลอดก็ไม่สามารถใจเย็นต่อไปได้อีกในสถานการณ์นี้ ชูฮันออกไปแล้วจู่ๆก็กลับมาแบบนี้…มันเกิดอะไรขึ้น ชูฮันถึงอัดแน่นไปด้วยความโกรธได้ขนาดนี้?


 


ผู้บัญชาการมู๋และเลาหมิงมองกันและกันและตกอยู่ในอาการงงงวย


 


เหอเฟิงยังคงนิ่งและเงียบสนิท


 


ชูฮันไม่คิดจะมองผู้คนรอบตัวเลยแม้แต่น้อย จากนั้นก็ทิ้งลงนั่งกับเก้าอี้ใกล้ๆ ชูฮันมองไปที่เหมิงหมิงและเหมิงไซที่กองอยู่กับพื้นตรงหน้า เขากำลังอารณ์ไม่ดีสุดๆ อยากจะคุยใช่มั้ย? ได้!


 


อีกครั้งที่ทั้งห้องประชุมต้องช็อคกับการกระทำของชูฮัน เป็นเวลาพักหนึ่งที่ไม่มีใครพูดอะไรออกมา มีเพียงแค่เหมิงหมิงและเหมิงไซที่อยู่ที่พื้นร้องโอดอวยด้วยความเจ็บปวด


 


ทั้งห้องประชุมเต็มไปด้วยเสียงเจ็บปวดของสองพี่น้อง


 


“ชูฮัน!” นายทหารที่ต่อต้านชูฮันทนกับภาพตรงหน้าไม่ไหว เขาผุดขึ้นชี้นิ้วตะคอกใส่ชูฮัน “แกมันไอ้กบฎ!”


 


ชูฮันไม่ลังเลที่จะโต้กลับ “เอาแต่หาเรื่องฉันทั้งวัน ทำตัวเป็นกบฎ อยากจะเป็นกบฎกับฉันใช่มั้ย!”


 


“แก! นี่แกขู่ฉัน?” ชายร่างใหญ่ตกใจมองมาที่ชูฮันอย่างไม่อยากจะเชื่อ


 


“คิดจะทำอะไร? ฉันยังคงมีตำแหน่งเหนือพวกแกอยู่!” ประโยคถัดมาของชูฮันทำให้หลายคนถึงกับหายใจติดขัด


 


ปัง!


“ทุกคนเงียบ!” ผู้บัญชาการมู๋ตบมือลงโต๊ะอย่างหงุดหงิด น้ำเสียงเต็มไปด้วยความโกรธ “ชูฮัน นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้น?”


 


ชูฮันไม่มีอารมณ์จะมารักษาหน้าผู้บัญชาการมู๋ เขาพูดไปตามธรรมชาติ “มีลูกผสมปรากฏตัวขึ้นที่พื้นที่ผู้ลี้ภัย ผมออกจากการประชุมมากลางคันพร้อมกับเฉินช่าวเย่เพื่อมาจัดการลูกผสม มันคือการต่อสู้ ช่วยชีวิตผู้คน สถานการณ์มันก็ดุเดือดขึ้น”


 


“เพ้อเจ้อ! แล้วนายรู้ได้ยังไงว่ามันมีลูกผสมก่อนหน้าที่จะออกจากห้องประชุมไป? เห็นได้ชัดว่านายจงใจไปที่พื้นที่ผู้ลี้ภัยก่อนแล้วพอเจอกับลูกผสมนายถึงได้ฆ่ามัน!” ทันใดนั้นก็มีคนโต้แย้งออกมาทันที “นายอย่าเอามาใช้เป็นข้ออ้างที่หนีออกจากการประชุมไปกลางคันดีกว่า!”


 


“ผมรู้ล่วงหน้าว่าลูกผสมอยู่ที่นั่น” น้ำเสียงของชูฮันเย่อหยิ่ง


 


“อย่ามาสร้างเรื่อง!” ผู้ชายคนนั้นยังคงไม่หยุด “ถ้านายรู้อยู่แล้ว ทำไมถึงไม่รายงาน?”


 


“ถ้าฉันบอกแล้วนาย IQ ติดลบโง่เง่าอย่างนายจะเชื่อมั้ย?” ชูฮันโพล่งคำหยาบคายออกมา ใจเขาหงุดหงิดรำคาญมากจนทนไม่ไหวแล้ว ค่ายซางจิงมีปัญหามากเป็นพิเศษ

 

 

 


ตอนที่ 416

 

“แก! แก แก แก!” ชายคนนั้นพูดไม่ออกเมื่อเจอชูฮันพูดขัด จนในที่สุดก็นึกเหตุผลขึ้นมาแย้งชูฮันได้ “ตอนที่แกออกจากห้องประชุม รู้ตัวรึเปล่าว่าได้ทำผิดกฏของทหาร?”


 


“หึ! ฉันจะไปรู้ได้ยังไงในเมื่อฉันพึ่งรับตำแหน่งวันนี้เป็นวันแรก” ชูฮันกรอกตาและมองชายคนนั้นด้วยสายตาดูถูก “ในสมองหมูของแกนี่คิดอะไรไม่ได้เลยสินะ เร็วเข้า ไหนมีเรื่องอะไรต่ออีก?”


 


ต่อไป


ชูฮันยังกล้าพูดว่าเรื่องต่อไป


 


นายทหารคนนั้นอับอายเกินกว่าจะกล้าอวดดีต่อ


 


นายทหารระดับสูงหลายคนในห้องประชุมแทบจะสำลักออกมา ชูฮันทำให้พวกเขารู้สึกหายใจไม่ออก แม้แต่ฉางกวนหลงและตวนเจียงเหว่ยก็ยังนิ่งอึ้ง นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้พบกับชูฮัน หากชูฮันกลับแสดงพฤติกรรมอันธพาลและหัวรุนแรงอย่างมากให้เห็นแล้ว


 


“อะแฮ่ม!” เลาหมิงกระแอมเบาพร้อมกับเผยรอยยิ้มแปลกๆ “ชูฮัน ให้ฉันอธิบายดีกว่าทำไมเหมิงหมิงถึงมีอาการไม่พอใจแบบนั้น? เขาเป็นผู้ตรวจสอบดูแลความเรียบร้อยของทั้งซางจิงและหน้าที่ของเขาไม่ใช่เล็กๆ!”


 


แน่นอนว่าชูฮันได้ยินคำพูดของเลาหมิง…พื้นหลังของไอ้เหมิงหมิงนี่ไม่ใช่ธรรมดา แต่นอกเหนือจากเหมิงหมิงและไอ้คนที่คอยสนับสนุน มันก็ยังไม่มีเหตุผลหนักแน่นพอที่เขาจะยอมปล่อยเรื่องนี้ไป


 


“ผมมีเรื่องต้องพูด!” ชูฮันผุดลุกขึ้นยืน ท่าทางอัดแน่นไปด้วยความโกรธ “เหมิงไซเป็นผู้ดูแลเขตพื้นที่ผู้ลี้ภัยแต่เขากลับปล่อยให้มีลูกผสมเข้าไปปะปนอยู่ในพื้นที่ภายใต้การควบคุมของเขา! วันนี้ผมโชคดีที่สามารถฆ่าไอ้ลูกผสมนั้นได้ แต่ถ้าวันไหนมีลูกผสมเข้ามาตั้งรกรากในพื้นที่ผู้ลี้ภัยล่ะ! ใครจะเป็นคนรับผิดชอบเรื่องนี้?”


 


ทันใดนั้นหลายคนที่ก่อนหน้านี้มีท่าทีเดือดดาลก็เริ่มสงบลงและประหลาดใจที่ได้เห็นคำพูดชอบธรรมจากชูฮัน ถึงแม้ในใจของหลายคนจะไม่พอใจกับการกระทำของชูฮันแต่ก็ต้องยอมรับว่าชูฮันพูดถูก


 


โดยไม่คำนึงถึงสายตาที่เต็มไปด้วยความสับสนของหลายคนที่มองมา ชูฮันยังคงกล่าวต่อไป “การละเลยหน้าที่ของเหมิงไซอาจเป็นแค่เรื่องเล็กๆ แต่วิกฤตที่อาจเกิดได้ไปทั่วทั้งค่ายซางจิงเป็นเรื่องใหญ่ หลังจากผมได้แก้ปัญหาเรื่องลูกผสมเสร็จเรียบร้อย นอกจากเหมิงไซไม่เพียงแต่จะไม่เพิ่มความปลอดภัยและรักษาการณ์ภายในบริเวณผู้ลี้ภัยเพิ่มขึ้น แต่เขากลับยังมาหาเรื่องผมและให้ผมให้ความร่วมมือในการตรวจสอบในฐานะผู้ต้องสงสัยว่าร่วมมือกับลูกผสม? นี่มันใช่สิ่งที่สมควรแล้วเหรอไงวะห้ะ?”


 


“ชูฮัน อย่าสบถ” หนึ่งในฝ่ายต่อต้านชูฮันที่ทำตัวน่ารังเกียจเหมือนแมลงสาบเหลือบมองชูฮันพร้อมแย้งขึ้นทันที


 


“โอ๊ะ โทษที ผมตื่นเต้นไปหน่อย” ชูฮันกระซบตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว และทันในนั้นก็ตามมาด้วยเสียงแหกปาก “คิดว่าผมควรทำยังไงกับหมาแบบนี้ล่ะ? ผมไม่รุนแรงพอที่จะฆ่าเขาหรอกมันก็แค่ผลจากการระบายอารมณ์ของผมเพื่อที่จะได้ไม่ส่งผลต่อความเสียหายใหญ่หลวงของซางจิง!”


 


หลายคนไม่ส่งเสียงเยาะเย้ยอีกต่อไป หากเป็นเพราะพวกเขาเพิกเฉยต่อผลกระทบที่ซางจิงจะได้รับเมื่อมีลูกผสมปะปนเข้ามาในค่าย พื้นที่ผู้ลี้ภัยเป็นพื้นที่ที่ถูกทำลายทุกวันอยู่แล้ว ไม่ใช่เพราะมีลูกผสมเข้ามา ในขณะที่ชูฮันกำลังพูด เหล่าคนที่กลัวตายเริ่มจะรู้สึกเอนเอียงอยู่ในใจ มันไม่มีอะไรรับประกันความปลอดภัยของพวกเขา


 


เมื่อได้เห็นสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายใต้แววตาของผู้คนที่มองมา ชูฮันก็แสยะยิ้มอยู่ในอกพร้อมกับพูดสรุปอย่างไม่ลังเล “ดังนั้นเหมิงไซไม่ควรจะได้รับมอบหมายและดำรงตำแหน่งกัปตันของพื้นที่ผู้ลี้ภัยต่อไป เขาควรจะถูกปลดทันทีและโยนให้ไปใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่ผู้ลี้ภัยเพื่อเป็นบทเรียน”


 


“ฉันเห็นด้วย!”


 


“ไม่มีการคัดค้าน”


 


“เรื่องของเหมิงไซเป็นเรื่องจริงก็จริง แล้วเรื่องเหมิงหมิงล่ะ?” ชายที่มีท่าทางหยิ่งจองหองอย่างมากและเป็นศัตรูกับชูฮันลุกขึ้นยืนต่อต้าน “เหมิงหมิงเป็นคนดูแลทั้งค่ายซางจิง! มันหมายความว่ายังไงที่แกไปหักนิ้วของเหมิงหมิงทันทีที่เข้ามา? คิดว่าการที่ตัวเองเป็นวิวัฒนาการระยะ 4 มันดีเริศแล้วใช่มั้ย?”


 


เมื่อได้ฟังคำของผู้ชายคนนี้ แววตาของชูฮันก็ขยับไปเหลือบมองที่คนพูดทันที “แล้วแกคิดว่าตัวเองเป็นผู้บริหารของซางจิงเหรอไง? แม้แต่วิวัฒนาการระยะ 1 ก็ยังไม่ใช่ ก็แค่ไอ้แก่ไร้ประโยชน์!”


 


“แก? แก? แกมัน—-” ใบหน้าของชายคนนั้นแดงก่ำ


 


“แกเ*ยไรวะ ทำไม?” ชูฮันไม่ลังเลที่จะสบถอีกครั้ง ชูฮันพ่นคำพูดใส่หน้าชายคนนั้น “วันที่ผมตกลงรับตำแหน่งพลเอก ผมก็แจ้งกฏระเบียบไว้ชัดเจนว่าผมมีสิทธิตอบโต้กลับทันทีถ้ามีใครมาชี้หน้าว่าร้ายหรือหาเรื่องใส่ ตามแต่สถานการณ์ที่อาจเบาหรือรุนแรง ผมสามารถเลือกได้ว่าจะฆ่าหรือไม่”


 


เมื่อได้ยินคำพูดของชูฮัน หลายคนก็เบิกตากว้างและแทบจะหายใจไม่ออก วันนั้น…สิทธิพิเศษของชูฮันในการยอมรับตำแหน่ง


 


ฉางกวนหลงและตวนเจียงเหว่ยและพลเอกคนอื่นๆต่างลังเลที่จะเอ่ยขัดเพราะมันก็เป็นไปตามข้อตกลงทุกอย่าง และชูฮัน…ผู้ชายคนนี้หยิ่งผยองเกินไป


 


น่าเสียดาย ชูฮันจะไม่ยอมปล่อยคนพวกนี้ไป เขาเอ่ยปากพูดต่อ “เหมิงหมิงแค่ชี้นิ้วใส่ผมเหรอ? สายตานับร้อยคู่ของพวกคุณทั้งหมดก็เห็น นี่มันเป็นเรื่องจริง! ผมไม่อยากจะพูดเลยว่าน้องชายของเขาทำเรื่องร้ายแรงขนาดไหน ทั้งเห็นแก่ตัวและมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการปกปิดความผิด ผมมีเมตตามากพอแล้วที่ไม่ได้ฆ่าเขาทันทีที่เขตผู้ลี้ภัย พวกคุณจะบอกว่าผมทำผิดเหรอ? ถ้างั้นสิทธิพิเศษของผมในฐานะพลเอกคือเรื่องหลอกลวง?”


 


หลายคนส่งเสียงดังกันไม่หยุดเมื่อได้ยินชูฮันพูดแบบนี้


 


ชายที่มีอำนาจใหญ่ที่ก่อนหน้านี้ยืนขึ้นต่อว่าชูฮันยังคงจะหาเรื่องต่อ “ถ้างั้น แกไม่สามารถ—–“


 


“ไม่สามารถ? นี่มันไม่ใช่ มันไม่ถูกต้อง พวกคุณยังอยากจะให้ผมเป็นพลเอกอยู่มั้ย?”


 


ชูฮันพูดแทรกขึ้นมาทันที นัยน์ตาสีดำสนิทจ้องไปที่ชายคนนั้นด้วยดวงตาเศร้าโศกที่เสแสร้ง “พวกคุณก็เห็นว่ามันเป็นยังไง…ให้ผมได้มีเวลาพักบ้าง”


 


ชายคนนั้นเดินมาตรงหน้าชูฮัน หากชูฮันกลับไม่แม้แต่จะสนใจและยังมองเมินไปทางอื่นอีก


 


“พวกคุณนั่งอยู่ในห้องประชุม กินอาหารอร่อยและนั่งสบายๆ พูดคุยเรื่องวิธีที่จะยกระดับความสบายและร่ำรวยของตัวเอง และทอดทิ้งพื้นที่ผู้ลี้ภัยอย่างไม่แยแส และตอนนี้ที่ผมช่วยพวกคุณจากลูกผสมแต่พวกคุณก็ยังจะหาทางแทงผมให้ได้! พระเจ้าเถอะ!”


 


“ชูฮันอย่าเป็นแบบนี้ พวกเราก่อนหน้านี้แค่เข้าใจผิด!”


 


“ท่านพลเอกชูฮัน แน่นอนว่าท่านคือดาวแห่งความโชคดีของจีนเรา!”

 

 

 


ตอนที่ 417

 

ชูฮันสูดลมหายใจพลางพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มลึก “ด้วยคำพูดของพวกคุณตำแหน่งของพลเอกมันก็คุ้มค่าจริงๆ เอาล่ะไหนเมื่อผมแก้ไขปัญหาลูกผสมได้ ไหนล่ะคุณความดีหรือรางวัล? ผมขอเหรียญล่มสลาย 20,000 เหรียญ”


 


ชูฮันที่รู้ที่จะยอมรับ เขารู้ว่าต่อให้เขาไม่พอใจจริงๆแต่เขาก็ไม่สามารถมีปัญหากับทุกคนได้


 


พัฟ! เสียงกระอักเลือดในอกของผู้คนในห้องประชุมดังตามกันมาเรื่อยๆ ส่วนคนที่มีอายุมากก็แทบจะเป็นลมล้มไป


 


ทั้งสองพี่น้องเหมิงหมิงและเหมิงไซได้สำลักออกมาเป็นเลือดไปแล้วสามครั้งและมันทำให้พวกเขาเกือบตาย ในตอนนี้ทั้งคู่มองไปที่กลุ่มคนที่เห็นได้ชัดว่าพร้อมจะสละพวกเขาทิ้ง ซึ่งมันยิ่งทำให้เหมิงหมิงเสียใจอย่างสุดซึ้งขณะมองไปที่เหมิงไซที่ยังไม่รู้สึกตัวเลย…ถ้าแกไม่มีอะไรทำ แกจะไปสร้างปัญหาอะไรก็ได้ แต่ทำไมต้องไปยั่วโมโหชูฮัน?


 


การปลดของเหมิงไซไม่ใช่เรื่องเกินจริงและเหมิงไซยังถูกตราหน้าว่าเป็นคนไร้ความสามารถ แม้แต่การรักษาทางกองทัพก็ยังไม่ดูแลให้ ส่วนเหมิงหมิงถูกถอดออกจากตำแหน่งของกัปตันและถูกจับไปอยู่ในตำแหน่งที่ไม่มีอำนาจอะไรเลย แถมยังไม่ได้อยู่ในเมืองชั้นในด้วยซ้ำ


 


หลายคนที่ได้ประจักษ์กับพฤติกรรมกล้าแกร่งของชูฮันก็ยิ่งเป็นการย้ำเตือนพวกเขาไม่ให้มีเรื่องกับชูฮัน เพราะสุดท้ายแล้วชูฮันจะยืนอยู่บนฝั่งที่มีเหตุผลและไม่ช้าก็เร็วชูฮันจะคว่ำเรือที่ฝ่ายต่อต้านพยายามสร้างขึ้นมาจนไม่เหลือซาก


 


ทุกคนต่างกลับไปที่ที่พักของตนเองเพื่อสรุปผลการอภิปรายในวันนี้ และเหนือข้อยกเว้น การประกาศใช้เหรียญล่มสลายจะเริ่มต้นขึ้นในวันพรุ่งนี้


 


เฉินช่าวเย่ถือปืนไรเฟิลพิเศษกลับมาในเมืองชั้นใน และเมื่อได้เห็นสองพี่น้องเหมิงที่ประคองตัวกันออกมา เฉินช่าวเย่ก็รู้เลยว่าอารมณ์ของหัวหน้าคงดิ่งถึงขีดสุด เฉินช่าวเย่รีบเร่งไปบ้านพักของชูฮันและทันทีที่เหยียบเท้าผ่านประตูเข้าไป เฉินช่าวเย่ก็ต้องชะงักฝีเท้า


 


บรรยากาศภายในห้องแปลกมาก ชูฮันนั่งเงียบอยู่บนโซฟา สีหน้าท่าทางไม่แย่หรือดี แต่สัมผัสพิเศษของเฉินช่าวเย่สัมผัสได้ว่ามันค่อนติดลบอย่างหนักหากเฉินช่าวเย่ก็ยังไม่รู้แน่ชัดว่ามันเป็นเพราะอะไร ถัดไปเป็นหลิวยู่ติงที่ก็เงียบสนิทเช่นกัน


 


เฉินช่าวเย่อยากจะพูดว่า ‘เขาฆ่าผู้ชายคนนั้นแล้ว’ แต่เฉินช่าวเย่ก็ต้องกลืนคำพูดลงคอไป ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่ชูฮันบอกไว้แล้วว่าไม่ต้องรู้ผลลัพธ์


 


อีกครั้งที่เฉินช่าวเย่จ้องไปที่มุมถัดไปจากโซฟา สถานที่ตรงนั้นคือมุมอับสายตาของหลิวยู่จิงแต่ไม่ใช่ของเขา ตรงปลายเท้าของชูฮันมันมีกระต่ายสีขาวที่กำลังแทะน่องไก่อยู่ เฉินช่าวเย่กลัวจนตัวกระเด้ง ตาเบิกกว้างและได้เห็นต่ออีกว่ามันมีซากกระดูกไก่กองพะเนินอยู่ที่พื้น


 


นี่มันกระต่ายอะไร?


 


หวังไคที่กำลังแทะไก่ไม่หยุดต้องถอนหายใจในอกเมื่อรับรู้ถึง…สายตาของไอ้อ้วนที่จ้องมา!


 


ไม่นานหลิวยู่ติงก็รับรู้ถึงการมาของเฉินช่าวเย่ที่ยืนอยู่ตรงทางเข้าประตู เฉินช่าวเย่เดินเข้ามาในตัวบ้านเรื่อยๆและนั่งลงที่โซฟาถัดจากหลิวยู่ติง


 


บรรยากาศภายในบ้านยิ่งแปลกประหลาดขึ้นไปอีก ไม่มีใครเอ่ยปาก ชูฮันยังคงเงียบนิ่งไม่ขยับราวกับรูปปั้น


 


เฉินช่าวเย่อดไม่ได้ที่จะเลียริมฝีปากและมองหลิวยู่ติงด้วยความสับสน


 


หลิวยู่ติงหันหน้ามามองเฉินช่าวเย่ จากนั้นก็ส่งสัญญาณให้เฉินช่าวเย่ดูเอกสารบนโต๊ะที่วางไว้ เฉินช่าวเย่จึงรีบคว้ามาดูอย่างรวดเร็วและทันทีที่ได้เห็นตัวอักษรตัวโตบนหน้าเอกสารที่ชัดเจน——-


 


รายงานภารกิจของทีมหลงยา


 


เฉินช่าวเย่ตะลึงตาค้างพลางหันไปมองชูฮันด้วยท่าทางแปลกๆ…หัวหน้าสุดยอดมาก


 


หลิวยู่ติงถอนหายใจอย่างเป็นกังวล เขาไม่เคยเห็นชูฮันในรูปแบบนี้มาก่อน รายงานของทีมหลงยาไม่ใช่สาเหตุที่ชูฮันมีท่าทีหดหู่ เขากลับมาจากห้องประชุมพร้อมกับชูฮัน ตั้งแต่เข้ามาในบ้านพักชูฮันก็ทำเพียงแค่วางเอกสารลงบนโต๊ะทันที ไม่มีการหยิบมาเปิดดูอะไรทั้งนั้น


 


ตำแหน่งของหลิวยู่ติงไม่สูงพอที่จะได้เข้าร่วมการประชุมเมื่อตอนบ่าย แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่จากเสียงซุบซิบที่ได้ยินมา ชูฮันไม่มีทางจะเป็นบ้าได้ขนาดนี้นอกจากจะโดนกระตุ้นมาอย่างหนัก สิ่งที่เกิดขึ้นภายในการประชุมไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่อชูฮันแต่มันคือทางออกของชูฮันต่างหาก


 


มันไม่ใช่การกล่าวเกินจริงเลยถ้าเรียกการประชุมนั้นว่าการปาหี่


 


หลิวยู่ติงเป็นเพื่อนเล่นกับชูฮันเมื่อตอนเด็ก พวกเขามีมิตรภาพที่ยิ่งใหญ่ ไม่มีใครรู้จักตัวตนของชูฮันได้ดีกว่าเขาแล้ว มันเป็นปกติที่ชูฮันจะแสร้งทำตัวร้ายกาจ สิ่งที่ชูฮันทำกับกองทัพอาจดูไร้เหตุผลแต่มันคือความตั้งใจของชูฮันที่จะปล่อยช่องโหว่ไว้ ชูฮันขุดหลุมเพื่อรอให้คนกระโดดลงมาติดกับและตาย


 


มันก็แค่การประชุมในบ่ายวันนี้มันแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง เห็นได้ชัดว่ามันคือการล่าหัว มันเกิดอะไรขึ้นกับความโกรธของชูฮันกัน?


 


ชูฮันหลับตาแน่น และเห็นภาพฟางหลงที่แทบไม่เหลือความเป็นคน และใบหน้าบ้าคลั่งของเติ้งเวยป๋อ…เพื่อนรวมกัน 4 คน ตายไปแล้ว 2


 


ชูฮันสูดลมหายใจเข้าลึก เปิดตาขึ้นหลังจากหลับสนิทไปสิบวินาที เขาพยายามจัดการอารมณ์ของตัวเองให้คงที่จากนั้นก็ยื่นมืออกไปหยิบรายงานขึ้นมาดู


 


นี่เป็นข้อมูลที่หวังไคเสี่ยงชีวิตไปขโมยมาจากส่วนที่ลึกที่สุดของห้องข้อมูล และก็เป็นจุดประสงค์หลักของชูฮันในการมาซางจิง การประชุมในบ่ายวันนี้ก็เป็นเพียงแค่ข้อสรุป สิ่งที่ทีมหลงยาทำสำเร็จไม่ใช่เรื่องเปิดเผย มีเพียงแค่ไม่กี่คนที่เฉพาะเจาะจงเท่านั้นที่รู้


 


ชูฮันรีบพลิกหน้ากระดาษรายงานในมือทันที ทันใดนั้นนิ้วของเขาก็หยุดอยู่ที่รายงานหน้าที่ 5 และตัวพิมพ์บนเอกสารนั้นทำให้หัวใจของชูฮันแทบหยุดเต้น


 


เจอแล้ว!


 


หลิวยู่ติงและเฉินช่าวเย่ที่นั่งอยู่ข้างๆตลอดกระบวนการ มีเพียงแค่เสียงที่ชูฮันพลิกหน้ากระดาษให้ได้ยินและทันใดนั้นเสียงมันก็หยุดลง ในตอนนั้นเองทั้งสองคนก็มองไปที่ชูฮันพร้อมกันและจังหวะนั้นพวกเขาก็ได้เห็นชูฮันขมวดคิ้ว หากสายตาของชูฮันเป็นประกาย และเนื้อหาในหน้าที่ 5 ของรายงานก็เปิดเผยสู่สายตาของทั้งเฉินช่าวเย่และหลิวยู่ติงเช่นกัน


 


ภารกิจที่ 5 : ช่วยชีวิตชูยุนเทียน


ข้อมูลของชูยุนเทียน : สมาชิกหลักขององค์กร Mensa มีค่า IQ เป็นอันดับที่ 10 ของ Mensa สาขาประเทศจีน


ภารกิจ : เสร็จสมบูรณ์


 


พรึบ! พรึบ!


เฉินช่าวเย่และหลิวยู่ติงผุดลุกขึ้นทันทีอย่างพร้อมเพรียงและมองไปที่ข้อมูลในมือชูฮันด้วยความตกใจอย่างยิ่ง


 


ชูยุนเทียน?!

 

 

 


ตอนที่ 418

 

เฉินช่าวเย่ตกใจอย่างมากเพราะชื่อ ชูยุนเทียน มันทำให้เขานึกถึงชื่อ ชูฮัน ขึ้นมาทันที การเชื่อมต่อที่เห็นได้ชัดทำให้เฉินช่าวเย่นึกถึงพ่อแม่ของชูฮันขึ้นมาทันที เขารู้ว่าชูฮันตามหาพ่อแม่มาตลอดและยังคงไม่พบหลังจากตัดสินใจมาซางจิง เฉินช่าวเย่เองก็ไม่กล้าถามถึง แต่ตอนนี้เมื่อได้เห็นการแสดงออกที่เปี่ยมไปด้วยอารมณ์มากล้น มันก็ชัดเจนเลยว่ามันต้องเกี่ยวข้องกับพ่อแม่ของชูฮันอย่างแน่นอน


 


แต่ Mensa?


มันคืออะไรกัน?


 


ความลับของ Mensa คือไม่แค่เพียงสมาชิกในองค์กรจะเป็นคนระดับต้นๆของจีนเท่านั้น มันยังมีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้เกี่ยวกับ Mensa แม้แต่เฉินช่าวเย่ที่ตอนนี้มีตำแหน่งสูงในกองทัพก็ยังไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกได้เลย ตอนนี้หัวของเฉินช่าวเย่ว่างเปล่า เขาไม่รู้จริงๆว่า Mensa คืออะไรและไม่เข้าใจด้วยว่ามันเป็นอะไร


 


หลิวยู่ติวแตกต่างจากเฉินช่าวเย่อย่างสิ้นเชิง หัวใจของหลิวยู่ติงเต้นระรัวพลางชี้นิ้วไปที่ชื่อบนเอกสาร “ชูฮัน นี้มัน? ชูยุนเทียน นี่มันชื่อพ่อนายไม่ใช่เหรอ?”


 


แม้ว่าหลิวยู่ติงจะไม่รู้ว่า Mensa คืออะไร แต่เขาก็รู้อะไรมากกว่าเฉินช่าวเย่ ชูยุนเทียนต้องเป็นชื่อของพ่อชูฮันแน่ๆแต่ที่เขาไม่แน่ใจและตกใจมากก็คือ…


 


ทำไมชื่อพ่อชูฮันถึงมาอยู่ในรายงานภารกิจของทีมหลงยา?


 


แม้โลกาวินาศจะปะทุและการก่อตั้งที่เคยทำไว้ในยุคศิวิไลซ์หลายอย่างจะสลายหายไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หากทีมหลงยายังคงเป็นทีมอันดับหนึ่งของจีนเหมือนเดิม ถึงแม้ในตอนนี้วิวัฒนาการและพรสวรรค์ได้เข้ามามีบทบาทอย่างมาก ทว่าสมาชิกของทีมหลงยาก็ยังคงเป็นที่น่าเกรงขามและหวาดกลัวเหมือนเดิม พวกเขามีพละกำลังในการต่อสู้มากที่สุดในจีน


 


ในยุคโลกาวินาศ ภารกิจของทีมหลงยาจะเรียกได้ว่ายากลำบากมากหรือสำคัญอย่างยิ่ง มันมีความสำคัญมากจนถึงขนาดอาจส่งผลกระทบต่อทั้งจีนได้!


 


และชูยุนเทียน?


ภารกิจของช่วยชีวิตชูยุนเทียนคือภารกิจที่ 5 ดังนั้นความสำคัญของภารกิจจึงเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัด


 


ทว่า…


ชูยุนเทียนเป็นชื่อของพ่อชูฮัน จีนมีจำนวนประชากรขนาดใหญ่มาก หลายคนมีทั้งชื่อและนามสกุลซ้ำกัน หลิวยู่ติงมองเอกสารในมือชูฮันที่บ่งบอกถึงความสำคัญของภารกิจนี้


 


เพราะฉะนั้นชูยุนเทียนที่ทีมหลงยาปฏิบัติภารกิจช่วยชีวิตจะต้องเป็นพ่อของชูฮันแน่ๆ!


 


อย่างไรก็ตาม หลิวยู่ติงก็สงสัยมากเช่นกัน เขาและชูฮันโตขึ้นมาด้วยกันและเขาก็รู้สถานการณ์ครอบครัวของชูฮันดี พ่อแม่ของชูฮันเป็นคนใช้แรงงานธรรมดาทั่วไป พวกเขาเป็นคนธรรมดาไม่มีอะไรพิเศษ เป็นไปได้ยังไงที่ทีมหลงถึงกับต้องทำภารกิจช่วยชีวิตพ่อแม่ชูฮัน?


 


แล้วนี่มันองค์กรอะไรที่ชื่อว่า Mensa?


ไหนจะค่า IQ เป็นอันดับที่ 10…นี่มันหมายความว่าอะไร? มันมีการทดสอบทางปัญญาสำหรับองค์กรนี้ด้วยเหรอ?


 


เฉินช่าวเย่และหลิวยู่ติงทั้งตกใจและเต็มไปด้วยความสงสัย ขณะนั้นชูฮันก็ไล่สายตาอ่านเนื้อหาทั้งหน้ากระดาษ ซึ่งมันค่อนข้างมีรายละเอียดเยอะมากเกี่ยวกับขั้นตอนการช่วยเหลือและการเตรียมการต่างๆหลังจากการช่วยเหลือ


 


พรึบ!


ชูฮันปิดรายงานในมือ สายตาเต็มไปด้วยความจริงจัง ตั้งแต่เกิดการปะทุขึ้นเขาไม่เคยได้ยินข่าวพ่อแม่เขาเลย แต่เนื้อหาในรายงานนี้แสดงให้เห็นว่าตอนนี้พ่อของเขาอยู่ที่หนานตู้!


 


ความสงสัยมากมายที่ไม่มีคำตอบฉายชัดบนสีหน้าของชูฮัน ทุกอย่างมันยิ่งสับสนขึ้นไปอีกสำหรับชูฮัน หลายๆจุดที่ดูกำกวมในอดีตเริ่มจะชัดเจนขึ้น


 


อำนาจของซางจิงยังไม่หนักแน่น ไม่ว่าจะทั้งทีมฮูหยาหรือหลงยาไม่ได้อยู่ข้างฝั่งอำนาจไหนเลย ถึงแม้ว่าคำสั่งปฏิบัติภารกิจจะมาจากผู้บัญชาการสูงสุดทว่านั่นเป็นผลสรุปจากการปรึกษาหารือของกลุ่มนายทหารชั้นสูง เช่นเดียวกับภารกิจช่วยเหลือพ่อของเขา ถ้าก่อนหน้านี้ชูฮันวิ่งไปถามสมาชิกของทีมหลงยาหรือผู้บัญชาการมู๋ ทุกอย่างก็จะถูกเปิดเผยออกมาหมด โดยเฉพาะเมื่อหลังจากได้เห็นเนื้อหาในรายงานนี้ชูฮันก็ยิ่งกลัวขึ้นไปอีก ต้องขอบคุณหวังไคที่เข้าไปขโมยข้อมูลนี้มาให้เขาได้ก่อน


 


ในตอนนี้ ยังไม่มีใครรู้ว่าพ่อของเขาคือชูยุนเทืยน และไม่มีใครรู้ว่าพ่อของเขามีลูกเป็นพลเอก


 


เขายังมีเวลา!


 


แต่เมื่อนั้นเอง…


 


จู่ๆชูฮันก็รีบมองไปที่เนื้อหาของภารกิจในรายงาน ที่ซึ่งมีข้อมูลส่วนตัวของพ่อเขาอยู่ เนื้อหามันไม่เยอะมากแต่มันมีคำพูดหลักๆที่ทำให้ชูฮันสนใจ


 


“สมาชิกหลัก…อันดับ 10”


 


เพราะงั้นมัน…


 


ชูฮันนึกบางอย่างออก…หวังไคเป็นฝ่ายที่ไปขโมยสำเนารายงานภารกิจของทีมหลงยามา ถึงแม้มันจะไม่มีการจัดอันดับอย่างเป็นทางการ แต่มันก็เป็นที่รู้กันดีว่าทีมหลงยาคืออันดับหนึ่งและฮูหยาคืออันดับสอง


 


ในตอนนั้นที่ชูฮันรีบเข้าไปช่วยแม่เขาออกมา เขาก็รู้แล้วว่าพ่อของเขาถูกทีมหลงยาพาตัวออกไปและในตอนนั้นทีมหลงยาก็ใช้สมาชิกที่แกร่งที่สุดถึงสามคนเพื่อปฏิบัติภารกิจ ทว่าภารกิจช่วยเหลือแม่เขากลับเป็นหน้าที่ของทีมฮูหยาและใช้เจ้าหน้าที่เพียงแค่สองคนเท่านั้น และสมาชิกคนหนึ่งของฮูหยาก็ตายก่อนที่ภารกิจจะเริ่มขึ้นเสียอีก ส่วนเจ้าหน้าอีกหนึ่งคนที่เหลือก็คือติงซือเย้านั้นเอง และติงซือเย้าก็ไม่รู้รายละเอียดเฉพาะของแม่เขาเนื่องจากอำนาจที่มีอย่างจำกัด


 


แม่ของเขาก็เป็นสมาชิกของ Mensa เหมือนกันแต่การปฏิบัติและความสนใจที่ได้รับกลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ชูฮันยังคงหาสาเหตุของเรื่องนี้ไม่พบจนกระทั่งวันนี้


 


พ่อของเขาเป็นคนที่มีอำนาจจริงๆ แม้แต่ใน Mensa ที่รวบรวมสมาชิกระดับอัจฉริยะ พ่อของเขายังมีค่า IQ อยู่อันดับที่ 10 แถมยังเป็นถึงสมาชิกหลักขององค์กรด้วย


 


“หึ!”


ในไม่ช้าชูฮันก็เผยรอยยิ้มขมขื่นออกมา พ่อแม่ที่ดูธรรมดาของเขา เขาไม่คิดเลยว่าพวกท่านจะซ่อนความลับที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ไว้


 


หลังจากได้อ่านรายงานภารกิจของทีมหลงยาเสร็จ ชูฮันก็หยิบเอกสารที่วางซ้อนไว้ข้างหลังอีกชิ้นขึ้นมาดู นอกเหนือจากข้อมูลเกี่ยวกับครอบครัวของฟางเฉิงและภารกิจของทีมหลงยา เขายังให้หวังไคเอาบางอย่างมาให้เขาอีกด้วย


 


มันคือความลับทางทหารเช่นเดียวกัน แต่นี่เป็นรายชื่อคุ้มครอง ไม่เหมือนกับกรณีภารกิจช่วยเหลือพ่อแม่ชูฮัน รายชื่อคุ้มครองนี่ไม่สามารถส่งทีมแบบฮูหยาหรือหลงยาไปช่วยเหลือได้เพียงเพราะคนในรายชื่อมีตำแหน่งสูง อีกทั้งยังมันไม่ลึกลับและสำคัญเท่ากับสมาชิกของ Mensa


 


จำนวนรายชื่อของคนในรายชื่อคุ้มครองค่อนข้างใหญ่หากมันไม่ได้มากขนาดนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นครอบครัวของนายทหารระดับสูงกันและเลาเสี่ยวเสยวก็อยู่ในอันดับที่ 5 ของรายชื่อนี้


 


โชคดีชูฮันที่เคยเห็นมันมาก่อนในชาติที่แล้วแต่การได้เห็นมันอีกครั้งในตอนนี้กลับให้ความรู้สึกที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง ตอนนี้ชื่อของเลาเสี่ยวเสียวในรายชื่อคุ้มครองไม่ได้เขียนว่า หายตัว อีกต่อไปแต่กลับถูกทำเครื่องหมายว่า เรียบร้อย ไว้ หากรายชื่อด้านบนและด้านล่างของชื่อเธอกลับเขียนคำว่า หายตัว แทน


 


และในบรรทัดที่สองที่มีชื่ออันดับที่ 2 อยู่แสดงถึงความสำคัญอย่างมาก และทำให้ชูฮันต้องบิดปาก


 


ซงเสี่ยว เจ้าเด็กนั่น!


ชูฮันค่อนข้างประหลาดใจเมื่อได้เห็นชื่อซงเสี่ยว ถึงแม้ว่าเจ้าเด็กนี่จะมีอายุเท่ากับเลาเสี่ยวเสียวทว่าทักษะความสามารถของซงเสี่ยวนั้นแตกต่างจากเด็กอายุ 12 ปี อย่างสิ้นเชิง อีกทั้งความคิดและพฤติกรรมที่ซ่อนเร้นของซงเสี่ยวทำให้ชูฮันรู้ทันทีตั้งแต่แรกเห็นว่าคนคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา


 


และนั่นก็เป็นเหตุผลที่เขาให้หวังไคขโมยรายชื่อนี้มาเหมือนกัน หนึ่งเพื่อยืนยันว่าใช่คนคนเดียวกับที่เขาคาดไว้หรือไม่ และสองเขาอยากจะรู้ว่ารายชื่อตอนนี้กับชาติที่แล้วจะต่างกันมั้ย ชูฮันกวาดตามองอย่างรวดเร็ว ข้อมูลของหลายคนที่เขาจำไม่ได้และยังคงมีชีวิตอยู่


 


ในตอนนี้เมื่อได้เห็นชื่อของซงเสี่ยวอีกครั้งแถมอันดับความสำคัญของเด็กนี่ยังสูงกว่าเลาเสี่ยวเสียวอีก จึงทำให้ชูฮันไม่สามารถห้ามหัวใจที่เต้นราวกับจะระเบิดออกมาได้…อายุ 12 ปี ใช่ คือเขานั่นเอง!

 

 

 


ตอนที่ 419

 

เมื่อได้เห็นชูฮันเผยรอยยิ้มน่ากลัวออกมาหลังจากดูเนื้อหาในรายชื่อคุ้มครอง เฉินช่าวเย่และหลิวยู่ติงก็ปั่นป่วนกันทั้งคู่ โชคดีที่เฉินช่าวเย่เคยชินกับหัวหน้าของเขาดี ไม่ว่าหัวหน้าจะทำอะไรหรือสั่งอะไรเขาก็พร้อมจะทำตามทันทีอยู่แล้วอย่างไม่ลังเลเพราะงั้นเฉินช่าวเย่จึงไม่คิดอะไรมาก แต่หลิวยู่ติงนั้นต่างออกไป ทันทีที่หลิวยู่ติงเห็นท่าทางของชูฮันเขาก็รู้ทันทีว่ามันมีเรื่องบางอย่างกวนใจชูฮันอยู่


 


ในขณะเดียวกันหลิวยู่ติงก็รู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาอีกครั้ง เอกสารทั้งสองชุดตรงหน้าเป็นความลับสุดยอดของซางจิง แน่นอนว่าเขาไม่มีสิทธิที่จะได้เห็นเนื้อหาในเอกสารพวกนี้ แต่เขากลับได้เห็นรายละเอียดภารกิจของทีมหลงยาไปแล้วถึง 5 ภารกิจ!


 


ดูจากการระมัดระวังของชูฮันแล้ว ชูฮันน่าจะสามารถหาทางแอบดูเอกสารนี้ได้คนเดียวโดยที่ทั้งเขาและเฉินช่าวเย่ไม่มีทางรู้ แต่นี่ชูฮันกลับจงใจปล่อยให้เขาและเฉินช่าวเย่ได้เห็นเนื้อหาของเอกสารพวกนี้


 


นี่เขาถูกชูฮันวางกับดักงั้นเหรอ?


 


เมื่อนึกถึงข้อด้อยของตัวเอง หลิวยู่ติงก็มักโดนชูฮันหลอกล่อมาตั้งแต่เด็ก เขาอาจสามารถเดาบางความคิดของชูฮันได้ แต่เมื่อหลังจากรู้ว่าตัวเองตกลงไปในกับดักของชูฮัน หลิวยู่ติงก็อยู่ในภาวะอารมณ์เหี่ยวเฉาทันที


 


“ชูฮัน” หลิวยู่ติงขยับปากอย่างเหนื่อยอ่อน “บอกความจริงกับฉันมา นายได้เอกสารพวกนี้มาโดยวิธีปกติใช่มั้ย?”


 


หลังจากรู้ข้อมูลเกี่ยวกับพ่อของเขาและยืนยันตัวตนของซงเสี่ยวได้แล้ว อารมณ์ของชูฮันก็ดีขึ้นมาก ในตอนนี้เมื่อได้ยินหลิวยู่ติงเอ่ยปากถาม ชูฮันก็หันหน้าไปและเผยรอยยิ้มแปลกๆ “นายก็รู้จักฉัน”


 


หลิวยู่ติงแทบจะล้ม…เพราะเขารู้ดีไง!


 


“ชูฮัน!” หลิวยู่ติงแหกปากตามด้วยคว้าไหล่ชูฮันอย่างตระหนก “นายแน่ใจใช่มั้ยว่าจะไม่โดนจับได้? ในเมื่อตอนนี้ฉันได้เห็นมันแล้วและถือว่าสมคบคิดกับนาย เพื่อทำลายหลักฐาน ไม่สิ! รวมถึงเฉินช่าวเย่ด้วย นายต้องทำลายหลักฐานซะ!”


 


“ไม่ต้องห่วง” ชูฮันยิ้มมุมปาก “ตราบใดที่นายไม่ไปปริปากบอกใคร ก็จะไม่มีใครรู้เด็ดขาด”


 


ไม่มีใครรู้ ยกเว้นหวังไค…ที่ไม่ใช่มนุษย์


 


———–


 


หลังจากงานเฉลิมฉลองปีใหม่ผ่านพ้นไป ทั้งค่ายซางจิงก็เข้าสู่กระบวนการพัฒนาอย่างรวดเร็ว หลังจากการประชุมที่ชูฮันเกือบจะฆ่าคนตายมันก็มีคำสั่งประกาศออกใช้ทั่วทั้งค่าย รูปแบบของเหรียญล่มสลายทำการตีพิมพ์ในเช้าตรู่วันถัดมาทันทีและชูฮันก็มาเข้าพบผู้บัญชาการมู๋ในเช้าวันนั้นเช่นกัน


 


ชูฮันเข้าพบผู้บัญชาการมู๋เพื่อยืนยันการรับตำแหน่งพลเอก และรับฟังกฏระเบียบและหน้าที่ต่างๆ เมื่อวานนี้ที่ชูฮันได้เข้าร่วมงานเฉลิมฉลองวันปีใหม่และการประชุมระดับสูง เขาได้ฆ่าลูกผสมและจัดการเจ้าหน้าที่ที่ละเลยหน้าที่ไปสองนาย วันนี้พึ่งเป็นเพียงวันที่สามของชูฮันในซางจิงเท่านั้น แม้แต่ชูฮันเองก็ยังแปลกใจกับตัวเอง ในเวลาเพียงแค่สองวันเขาทำงานไปมากโขอยู่


 


มีเพียงแค่สองคนอยู่ในห้องทำงานของผู้บัญชาการมู๋…ผู้บัญชาการมู๋และเลาหมิง


 


เมื่อมองชูฮันที่อยู่ตรงหน้าที่แต่งกายด้วยเครื่องแบบทั่วไป เลาหมิงก็เลียริมฝีปากพลางหันไปมองคู่หูข้างๆที่ยังไม่เอ่ยปากพูดเลยสักคำ


 


“กระแอ่ม!” ผู้บัญชาการมู๋ส่งเสียงกระแอมตามด้วยโยนซองเอกสารลงบนโต๊ะ “ชูฮัน นี่สำหรับนาย”


 


ชูฮันมองสองคนตรงหน้า ผู้บัญชาการมู๋ที่นั่งอยู่ด้วยท่าทางน่าเกรงขาม และเลาหมิงที่นั่งข้างๆขณะกำลังใช้สายตาสำรวจเขา สองคนตรงหน้าเขานี่ไม่ต่างอะไรกับจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์เลย


 


“ผมไม่ต้องการ” ชูฮันตอบ


 


“นี่คือรางวัลของนาย” รอยยิ้มของเลาหมิงไม่มีความหมายอะไรเลย แถมยังพูดเสียงกระซิบต่อ “พลทหาร”


 


“ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่พวกคุณให้รางวัลกับทหาร?” ชูฮันเองก็เผยรอยยิ้มจิ้งจอกออกมาเหมือนกัน


 


ผู้เฒ่าทั้งสองไม่แปลกใจกับผลตอบรับของชูฮัน ทั้งสองคาดการณ์ไว้แล้วว่ามันจะเป็นแบบนี้


 


“อย่าพูดเหมือนมันเป็นของน่ารังเกียจสิ!” เลาหมิงจงใจยั่วเย้าชูฮัน เขาจ้องตาชูฮัน “นายไม่ได้ฆ่าลูกผสมเพราะต้องการแก้ไขปัญหาให้ซางจิง และเหมิงหมิงและเหมิงไซก็ไม่ได้ไร้ความสามารถอย่างที่นายกล่าว นายไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นต่อ อ๋อออก็เพราะนายออกไปก่อน นายบอกว่าต้องการเหรียญล่มสลาย 20,000 เป็นรางวัล แต่เหรียญชุดแรกยังไม่ได้ตีพิมพ์ออกมาด้วยซ้ำ แต่ถึงยังไงเรายังมีบัตรกำนัลให้”


 


โชคดี เหอะ!


 


ชูฮันตื่นตัวทันที เขาไม่เชื่อคำที่ว่ามันจะมีเรื่องที่ดีซ่อนอยู่ในเรื่องไม่ดี คริสตัลของซอมบี้ระยะ 4 มีค่าเท่ากับเหรียญล่มสลาย 500 แต่ตาเฒ่าสองคนนี้กลับบอกว่าไม่สามารถให้เขา 20,000 เหรียญล่มสลายได้ มันจะเป็นไปได้อย่างไร?


 


“ค่อก แค่ก!” ผู้บัญชาการมู๋ส่งเสียงขัดทั้งคู่ น้ำเสียงของผู้บัญชาการมู๋เต็มไปด้วยความจริงจัง “ชูฮัน เลาหมิงพูดความจริง นอกเหนือจากบัตรกำนัลที่ให้ไปในซองเอกสาร นายจะได้รับเงินเดือนของพลเอกปีแรกและการสถาปนาค่ายของตัวเอง อุปกรณ์ต่างๆถือเป็นรางวัลจากซางจิงเพื่อส่งเสริมให้พลเอกตั้งถิ่นฐาน”


 


“พลเอกทุกคนมีเหมือนกันหมด” เลาหมิงกล่าวเสริมอีกประโยค น้ำเสียงเต็มไปด้วยการยั่วยุ “หรือนายต้องการจ่ายดอกเบี้ยเหมือนค่ายอื่น?”


 


ชูฮันหัวเราะหึ แม้เขายังไม่อยากจะเชื่อคำโกหกของสองคนนี้ แต่เขาก็ยอมเปิดเอกสารออกมาดู เขาต้องการจะเห็นว่าตาเฒ่าสองคนนี้ใช้อะไรมาล่อเขา


 


และในจังหวะที่ชูฮันหยิบเอกสารในซองออกมา ผู้บัญชาการมู๋และเลาหมิงก็เผยรอยยิ้มเล่ห์เหลี่ยมออกมา


 


พรึบ!


หลังจากชูฮันกวาดสายตาดูกระดาษในมือ เขาก็ต้องเลียริมฝีปากออกมา


 


เหอะ! สองเฒ่านี้ล้อเขาเล่นเหรอไง!


 


“แล้วมันเท่าไหร่น่ะ? ถ้าจำไม่ผิด น่าจะเหรียญล่มสลาย 20,000 เหรียญ ถึงแม้เงินเดือนของนายจะไม่สูงมากแต่มันก็มี และยังไม่รวมอย่างอื่นอีก” เลาหมิงยิ้มพลางพูดต่อ “พวกเราปฏิบัติกับนายดีมากเลยใช่มั้ยล่ะ?”


 


“ยังไม่” เสียงของชูฮันลอดไรฟันออกมา


 


ผู้บัญชาการมู๋มีสีหน้าจริงจัง หากแววตากลับเป็นประกาย “ในกรณีนั้น นายสามารถเริ่มหาสถานที่เพื่อสร้างค่ายและทำมันได้เลย!”


 


ชูฮันสูดลมหายใจเข้าลึกและถามต่อ “รายการข้างในที่บอกคือผมต้องไปแผนกโลจิสติกส์?”


 


“ใช่! ใช่แล้ว!” เลาหมิงยิ้มกว้าง “เมื่อไปถึวนายสามารถจัดการทุกอย่างได้เลยด้วยตัวเอง”


 


“ถ้างั้นผมจะไปบ่ายนี้” ชูฮันวางเอกสารลงและขี้เกียจเกินกว่าจะต่อล้อต่อเถียงกับสองเฒ่านี้ต่อ “ผมจะไปบ่ายนี้”


 


“ดีแล้วที่รีบไปก่อนไวๆ” เลาหมิงไม่ประหลาดใจเลยสักนิดกับการตัดสินใจของชูฮัน


 


ชูฮันไม่ตอบ หากเขาหมุนตัวและเดินออกไปทันที ซองเอกสารในมือถูกเขากำแน่น ผู้บัญชาการมู๋และเลาหมิงที่อยู่ข้างหลังยิ้มกว้าง สายตาเต็มไปด้วยความคาดหวัง…ดีมาก ไอ้หนุ่ม พึ่งมาถึงซางจิงแต่สามารถแก้ปัญหามากมายของซางจิงได้ภายในแค่สามวัน พวกเขาจะขอความช่วยเหลือจากชูฮันต่อ อย่าทำให้พวกเขาผิดหวังล่ะ! 

 

 


ตอนที่ 420

 

หลังจากชูฮันก้าวออกไปจากห้องทำงานของผู้บัญชาการมู๋ ชูฮันก็รู้สึกไม่สบายใจ เขาถูกสองเฒ่าจิ้งจอกนั่นใช้เป็นเครื่องมือในการจัดการปัญหา ทั้งๆที่เขามักจะเป็นฝ่ายที่ใช้คนอื่นแทนเสมอ ครั้งนี้เขาไม่สามารถต้านทานได้เลย


 


“ทำความเคารพครับ ท่านพลเอก!”


 


“ท่านพลเอกชูฮัน!”


 


เหล่าทหารที่กำลังเดินอยู่ในทางเดินในสำนักงานเห็นชูฮันกำลังเดินมามาจากห้องสุดทางเดินก็รีบวางงานของตัวเองลงและทำท่าวันทยาหัตถ์ให้ชูฮันทันที สุดทางเดินนี้คือห้องทำงานของผู้บัญชาการมู๋และตอนนี้ชูฮันก็เดินออกมาจากทางนั้น ตลอดทางชูฮันได้ยินแต่เสียงทำความเคารพของเหล่าทหาร หากชูฮันในตอนนี้ไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะทักทายใคร เขาเมินเฉยต่อนายทหารทุกนายที่เดินผ่าน ทว่าจู่ๆชูฮันก็หยุดฝีเท้าและมองไปที่โต๊ะตัวหนึ่งในสำนักงานที่ไม่โดดเด่นอะไรแต่เขาก็ไม่สามารถมองผ่านไปได้เฉยๆ


 


“กัปตันเหอเฟิง” ทันใดนั้นชูฮันก็ยิ้มมุมปากและเดินไปหาเหอเฟิที่อยู่ตรงหน้า


 


เหอเฟิงมองไปที่ชูฮันอย่างสงสัย น้ำเสียงค่อนข้างเบื่อหน่าย “พลเอก”


 


คนรอบๆหันมาดูสีหน้าของเหอเฟิงและชูฮันอย่างเงียบๆ ก่อนหน้านี้เรื่องราวในห้องประชุมได้แพร่ไปทั่วหมดแล้ว ถึงแม้ปกติกัปตันเหอเฟิงจะเป็นคนเรียบๆไม่โดดเด่นอะไร แต่มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่จะกล้าจ้องตากัปตันเหอเฟิงมากกว่า 10 วินาที


 


ในตอนนี้จู่ๆชูฮันก็เรียกชื่อเหอเฟิง หลายคนเริ่มสงสัย เหอเฟิงมีตำแหน่งในกองทัพที่ไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากแต่มันเป็นไปไม่ได้เลยที่ใครๆจะสนิทกับเลาหมิงได้…ใครจะไม่รู้จักเหอเฟิงบ้าง? คนที่อยู่ข้างกายเลาหมิง แม้แต่การประชุมระดับลับสุดยอดยังอนุญาตให้เหอเฟิงเข้าร่วมได้ และตอนนี้ชูฮันกำลังหาเรื่องเหอเฟิง?


 


ฮ่าฮ่า! นี่จะต้องโชว์ที่สนุกอย่างแน่นอน!


 


ชูฮันกวาดสายตาขึ้นมองตราตำแหน่งตรงหน้าอกของเหอเฟิง น้ำเสียงแผ่วเบา “ว่างรึเปล่า? ช่วยฉันส่งผ่านข้อความทีสิ บอกเฉินเสี้ยนกาว…ให้เก็บของและออกไปรอฉันที่นอกเมือง ฉันต้องไปแล้ว”


 


เหอเฟิงกระพริบตาและเอ่ยปฏิเสธอย่างเด็ดขาด “ฉันไม่รู้จักเฉินเสี้ยนกาว”


 


ชูฮันยกมือขึ้นจับปากกาบนโต๊ะของเหอเฟิงเล่น “ถามพ่อนายดูสิ”


 


เหอเฟิงสูดลมหายใจเข้า พยายามระงับอารมณ์ สายตาเต็มไปด้วยความเย็นชา “ฉันไม่ใช่ผู้ใต้บังคับบัญชาของนาย”


 


ชูฮันยิ้มอย่างไม่แยแส ยกมือขึ้นด้วยท่าทางสบายๆและวางปากกาลงบนตราตรง


หน้าอกเหอเฟิง ปลายปากกาสัมผัสกับตราที่แวววาวพร้อมกับเสียงขูดขีดที่ดังขึ้น


 


ชูฮันไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไร ทว่าท่าทางของชูฮันได้แสดงทุกอย่างออกมาชัดเจน…กัปตันเหอเฟิง ตำแหน่งนายคือกัปตัน ฉันเป็นพลเอก นายต้องทำตามคำสั่งของฉันไม่ใช่เหรอ?


 


เหอเฟิงกำหมัดแน่น จากนั้นเขาก็คว้าหมวกขึ้นมาสวมและออกเดิน หากมันกลับมีน้ำเสียงของชูฮันดังขึ้นขณะที่เหอเฟิงเดินผ่านไป เสียงนั้นแผ่วเบาและรวดเร็ว “ไปเดินกัน!”


 


ชูฮันวางปากกาลงและหมุนตัวออกเดิน


 


สำหรับผู้บัญชาการมู๋และเลาหมิง…สองเฒ่านั่น ชูฮันไม่กล้าที่จะหาเรื่องหรือต่อกร แต่กลับเหอเฟิง….เขากล้า ถ้าเหอเฟิงเผชิญหน้ากับเขาในฐานะกัปตันของทีมฮูหยาแน่นอนว่าชูฮันคงไม่สามารถกลั่นแกล้งอะไรได้ แต่ในเมื่อเหอเฟิงเลือกที่จะปกปิดตัวตนและแสร้งทำเป็นแค่นายทหารตำแหน่งเล็กๆ สถานการณ์มันจึงพลิกผันไปอย่างสิ้นเชิง


 


ทั้งสองฝายต่างกำลังเล่นแง่กันอยู่ ทั้งคู่ไม่ต้องการให้ใครรู้ความจริง!


 


เหอเฟิงเป็นหัวหน้าทีมฮูหยา เป็นความจริงที่มีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้และวิธีการทำงานของเหอเฟิงก็ชัดเจนว่าเขาจงใจที่จะปิดบังเอาไว้ มันไม่ใช่ว่าชูฮันพึ่งจะมารู้เรื่องราวที่โต๊ะอาหารเมื่อตอนที่ชูฮันได้เข้ามาเห็นเหอเฟิงอยู่กับสมาชิกอีกสองคนของฮูหยา แต่เหอเฟิงคาดว่าชูฮันน่าเก็บความลับนี่มานานแล้วจนถึงตอนนี้ ชูฮันน่าจะรู้ความลับของเขามานานแล้ว


 


ชูฮันคิดว่าเรื่องนี้เป็นอะไรที่สุดยอดมาก….3 องค์กรในโลกาวินาศ ทีมหลงยา ทีมฮูหยา และทีมเขี้ยวหมาป่า


 


ทีมหลงยาเป็นจุดเริ่มต้นของทั้งหมด สมาชิกของหลงยามีแต่รายชื่อของคนโด่งดัง ส่วนทีมฮูหยาก็รองลงมาทว่าหัวหน้าทีมเป็นคนที่ลึกลับมาก ส่วนทีมเขี้ยวหมาป่าไม่ได้มีบทบาทอะไรในยุคศิวิไลซ์หากในยุคโลกาวินาศป่ายหวีเนอที่เป็นหัวหน้าได้แสดงพลังขั้นสุดยอดออกมาให้ทุกคนได้กระจ่าง


 


ถึงแม้ว่าชูฮันจะไม่รู้ว่าทำไมหัวหน้าของฮูหยาถึงเป็นแค่ทหารตำแหน่งเล็กๆแบบนี้ แต่จริงๆแล้วเบื้องหลังเหอเฟิงจะต้องเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงอย่างแน่นอน เห็นได้ชัดจากพฤติกรรมของผู้บัญชาการมู๋และเลาหมิง


 


สองเฒ่าจิ้งจอกนั้นมีความสุขมากที่ได้แกล้งเขา ถ้างั้นเขาก็จะแกล้งคนของสองเฒ่านั่นกลับ


 


ขณะนี้ชูฮันได้เดินห่างออกไปหลายสิบเมตรแล้ว ความจริงแล้วลูกเล่นแรกชูฮันแค่ต้องการทดสอบอารมณ์ของเหอเฟิงเพื่อยืนยันว่าเหอเฟิงใช่คนของเลาหมิงจริงๆรึเปล่า หรือภารกิจที่เป็นไปไม่ได้จะถูกส่งไปให้คนอื่นทำแทน แต่ตอนนี้ชูฮันได้ข้อสรุปแล้วว่าเหอเฟิงได้ยืนอยู่ท่ามกลางอำนาจมากมายในซางจิง!


 


ไม่สงสัยว่าทำไมสุดท้ายเหอเฟิงถึงต้องการปกปิดตัวตนของตัวเอง ในฐานะหัวหน้าของทีมฮูหยา ตามระเบียบแล้วจะไม่สามารถมีอคติส่วนตัวได้


 


เมื่อเห็นเหอเฟิงและชูฮันเดินคู่กันออกไป ทุกคนในพื้นที่สำนักงานก็โพล่งเสียงออกมา


 


“กัปตันเหอเฟิงจะไปไหน?”


 


“พลเอกชูฮันดื้อรั้นเกินไปแล้ว แม้แต่กัปตันเหอเฟิงยังก็ยังไม่เว้น ผู้ชายคนนี้น่ากลัวเกินไป!”


 


“ไม่ นี่แสดงให้เห็นว่าพลเอกชูฮันสูงกว่ากัปตันเหอเฟิงที่อยู่กับเลาหมิง”


 


“ความจริงแล้ว มันก็ควรจะเป็นไปตามนั้น ยังไงเหอเฟิงก็เป็นแค่กัปตัน”


 


“ถึงแม้จะเป็นกัปตัน แต่ใครๆก็รู้ว่าเลาหมิงถือว่าเหอเฟิงเป็นทายาท?”


 


“ชู๊ววววว! หยุด!”


 


โดยไม่สนใจเสียงกระซิบที่ไล่ตามหลังมา ชูฮันมองไปที่แผนกโลจิสติกส์ด้วยสายตาร้ายกาจ การได้กลั่นแกล้งกัปตันทีมฮูหยา เจ๋ง!


 


ครึ่งชั่วโมงต่อมา ชูฮันได้เดินผ่านอาคารหลายหลังจนมาถึงแผนกโลจิสติกส์ เมื่อเขาก้าวเท้าแรกผ่านประตูเข้าไปชูฮันก็ต้องหยุดฝีเท้าทันที เนื่องจากมันมีกลุ่มคนปรากฏตัวต่อหน้าชูฮัน แต่ที่ชูฮันหยุดไม่ใช่เพราะเห็นคนพวกนี้แต่เป็นเพราะว่าจำนวนคนที่มายืนอยู่ข้างหน้าในตอนนี้ต่างหากที่แออัดมากเกินไป


 


มันมีคนอัดแน่นอยู่ในนี้มากกว่าสองร้อยคน!


 


“ท่านพลเอก!” กลุ่มทหารตะโกนกันออกมาอย่างพร้อมเพรียง เสียงดังก้อง


 


แต่มันไม่มีค่าอะไรเท่ากับที่มีเฉินช่าวเย่และหลิวยู่ติงอยู่ท่ามกลางในนั้น ทั้งสองคนมีท่าที่ตื่นเต้นมากและแต่งกายด้วยเครื่องแบบทหารเต็มยศ


 


ท่ามกลางคนสองร้อยกว่าคน มีแค่เฉินช่าวเย่และหลิวยู่ติงที่ชูฮันรู้จัก ส่วนคนอื่นๆเป็นคนแปลกหน้าทั้งนั้น เรื่องสำคัญจริงๆก็คือคำพูดของผู้บัญชาการมู๋และเลาหมิงก่อนหน้านี้…ในคนพวกนี้มันมีคนที่จงรักภักดีกับฝ่ายอื่นอยู่ หาตัวและกำจัดมันออกไปซะ!


 


ถือเป็นโอกาสที่ดีในการกำจัดกำลังของศัตรู ฉันจะเตรียมการทุกอย่างให้เหมาะสม ทำให้ดีละชูฮัน!


 


นี่เป็นหลุมขนาดใหญ่ที่ผู้บัญชาการมู๋และเลาหมิงโยนมาให้เขา!


 


ท่าทางของชูฮันทำให้ฝูงชนนิ่ง จากนั้นชูฮันก็เบนสายตาออกไปด้านนอก “ทุกคน ออกไปข้างนอก”


 


หลังจากพูดจบชูฮันก็เดินออกไปด้านนอกทันที—-


 


“อะไรน่ะ?” บางคนเริ่มไม่พอใจและตะโกน “ข้างนอกมันลบสิบองศา จะให้เราออกไปอยู่ข้างนอกเนี่ยนะ? มีความเป็นคนบ้างรึเปล่า?”

 

 

 


ตอนที่ 421

 

พลทหารกว่าสองร้อยคนก็ไม่มีใครกล้าส่งเสียงพูดออกมา


 


ชูฮันเดินต่อไปข้างหน้า โดยไร้สัญญาณเตือนจู่ๆชูฮันก็หมุนตัวกลับหันมาจ้องพลทหารที่ตะโกนเมื่อสักครู่ด้วยสายตาแข็งกร้าว


 


พลทหารคนนั้นไม่คิดจะถอนสายตาจากชูฮัน และจ้องตากลับใส่ชูฮันอย่างไม่เป็นมิตรเช่นกัน


 


สายตาของชูฮันเย็นชาเช่นเดียวกับน้ำเสียง “นายชื่ออะไร?”


 


“หลี่บี๋เฟิง!” พลทหารคนนั้นตอบเสียงดัง จ้องตาชูฮันกลับ ท่าทางหยิ่งผยอง


 


“หึ!” ชูฮันหัวเราะเยาะออกมา จากนั้นเขาก็ตวัดสายตาหันไปกวาดตามองพลทหารกว่าสองร้อยนายตรงหน้า ชูฮันไม่ได้ตะคอก ทว่าเสียงของเขากลับดังกังวาล “พวกคุณลืมคำสาบานที่ให้ไว้กับกองทัพแล้วเหรอไง?”


 


“ไม่ลืมครับ!” หลิวยู่ติงรีบตอบกลับเสียงดังฟังชัดทันที “เชื่อฟังคำสั่งของผู้บังคับบัญชาไว้ ห้ามปฏิเสธ!”


 


ใบหน้าของหลี่บี๋เฟิงตึง หากเขายังคงไม่ยอม “แต่มันก็ลบสิบองศาข้างนอกนั่น ผมคิดว่า—–“


 


“คำสั่งของผู้บังคับบัญชาการคือสูงสุด ถึงแม้มันจะติดลบร้อยองศา นายก็ต้องทำตามคำสั่ง!” หลิวยู่ติงรีบพูดแทรกหลีบี๋เฟิงที่กำลังพูดอยู่ขึ้นมาทันที จากนั้นเขาก็แทรกตัวออกมาจากฝูงชน โค้งคำนับให้ชูฮันพร้อมกับวันทยาหัตถ์ จากนั้นก็หมุนตัวและเดินออกไปด้านนอกและยืนนิ่งเหมือนกับเสาหินท่ามกลางหิมะ


 


ทหารสองร้อยนายกว่าสะบัดหัวขณะมองไปที่ภาพตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา พวกเขาทั้งหมดตกใจไม่ต่างกัน ไม่ใช่แค่กลุ่มทหารเท่านั้น แต่แม้แต่ชูฮันก็ยังบิดริมฝีปาก


 


เฉินช่าวเย่เบนสายตาไปที่หลี่บี๋เฟิงที่กำลังทำตัวโง่เง่าอย่างมาก


 


หลี่บี๋เฟิงมองไปที่หลิวยู่ติงที่ยังคงยืนนิ่งอยู่ด้านนอกท่ามกลางหิมะ นี่ผู้ชายคนนี้ยอมทำจริงๆงั้นเหรอ?


 


“อุณหภูมิทั้งเขตคือลบสิบองศา แต่อุณหภูมิของทหารคือเท่าไหร่? ข้อดีของการเป็นวิวัฒนาการและพรสวรรค์คืออะไร?” น้ำเสียงของชูฮันช่างเย็นชา แต่มันเต็มไปด้วยพลังและความน่าเกรงขาม “ฉันบอกให้ออกไปยืน ไปยืนท่าปฏิบัติทหาร 2 ชั่วโมง! เดี๋ยวนี้!”


 


เฮือก!


 


คนกว่าครึ่งรีบเดินออกไปด้านนอกทันทีอย่างไม่กล้าสงสัยอะไรอีก หากยังคงมีบางคนที่ต่อต้านชูฮันอยู่เพราะไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ก็เหมือนกับที่ชูฮันพูดด้านนอกมันคือลบสิบองศา ถึงแม้ร่างกายของพวกเขาอาจจะไม่ได้รับผลกระทบเท่าคนทั่วไปแต่ถึงยังไงมันติดกับภูเขายังไงพวกเขาก็ต้องทรมานกับความหนาวของลมหิมะอันรุนแรงอยู่ดี


 


กลุ่มทหารที่เหลือครึ่งหนึ่งยังคงไม่ต้องการจะออกไปด้านนอก หลี่บี๋เฟิงเองก็เป็นหนึ่งในนั้น


 


“ท่านพลเอกชูฮัน!” พลทหารคนหนึ่งที่ทนไม่ไหวพูดขึ้น “คำสั่งของท่านมันโหดเกินไปรึเปล่า?”


 


ชูฮันทำเพียงแค่เหลือบตาไปมองพลทหารคนนั้นและไม่ได้พูดอะไรออกมา


 


หากพลทหารคนนั้นยังคงไม่หยุด ยิ่งชูฮันแสดงท่าทางไม่สนใจ พลทหารคนนั้นก็ยิ่งมีอารมณ์ “พวกเราไม่ใช่ทาสหรือผู้ลี้ภัยที่ท่านจะทำอย่างไรกับเราก็ได้ และพวกเราส่วนใหญ่ก็เป็นวิวัฒนาการและพรสวรรค์ที่ทรงเกียรติกันทั้งนั้น อย่างน้อยท่านควรจะให้เกียรติพวกเราบ้าง”


 


ชูฮันยิ้มมุมปากและยังคงมองพลทหารคนนั้นไม่หยุด


 


พลทหารคนนั้นเห็นว่าชูฮันไม่ตอบโต้อะไร ในใจของพลทหารคนนั้นก็ยิ่งเดือดขึ้นไปอีก เขาพูดเสียงดัง “พวกเราทุกคนมีมีเกียรติและถือเป็นทหารที่ดีที่สุดในซางจิง พวกเราได้รับคำสั่งให้ติดตามท่าน เราไม่ได้ขอเฮลิคอปเตอร์หรืออะไรเลน แต่อย่างน้อยท่านควรเห็นแก่พวกเราบ้าง ไม่ใช่เหรอ?”


 


“ถูกต้อง” มีคนพูดตามมาอย่างเห็นด้วย “ถึงแม้ว่าท่านจะเป็นพลเอก แต่พวกเราทุกคนก็มีตำแหน่งพอสมควรในซางจิงเหมือนกัน การที่เราไม่ได้เงินเดือนเท่าท่านไม่ได้หมายความว่าท่านจะทำอย่างไรกับเราก็ได้!”


 


ชูฮันหัวเราะหึ “ไม่ออกไปข้างนอกใช่มั้ย? ดี”


 


กลุ่มทหารที่อยู่ด้านในตะลึง หากยังไม่ทันจะได้ทำอะไร——


 


“ปัง!”


โดยไม่มีสัญญาณเตือน มันก็มีเสียงกระแทกผนังดังขึ้น ด้วยพละกำลังของวิวัฒนาการระยะ 4 และความสามารถพิเศษด้านพละกำลังระดับ 4 ที่ชูฮันมี ผนังในห้องจึงถล่มลงมาทันที แม้แต่อิฐปูนก็กลายเป็นผุยผง


 


ตัวด้านหนึ่งห้องเปิดโล่งสู่ด้านนอก


 


ลมหนาวจากหิมะข้างนอกแผ่กระจายไปทั่วห้อง กลุ่มคนในรู้สึกหนาวขึ้นมาทันที จ้องไปที่ชูฮันอย่างช็อค ผู้ชายคนนี้ทุบเอาผนังออกอย่างไม่ลังเลเลยเนี่ยนะ? พระเจ้า พวกเขาแค่ไม่อยากจะออกไปหนาวตายข้างนอก มันจำเป็นต้องทำขนาดนี้เลยเหรอ? รู้รึเปล่าว่ามันต้องใช้ทรัยพากรคนและเงินมากแค่ไหนเพื่อสร้างผนังในเมืองชั้นในภายในค่ายแบบนี้?


 


พวกเขารู้ว่าแล้วอารมณ์ของพลเอกชูฮันเกรี้ยวกราดขนาดไหน นี่พวกเขาพูดมากไปจนยั่วอารมณ์พลเอกให้คลั่งได้ขนาดนี้เลยเหรอ?


 


โชคร้ายที่ความเสียใจและความตกใจทั้งหลายมันพึ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น ไม่รอให้คนพวกนี้ได้มีโอกาสพูดอะไรขึ้นมาอีก——


 


“ปัง!”


เท้าอีกข้าง!


 


ในช่วงเวลาที่ทุกคนกำลังตกใจกับลูกเตะแรกที่ทำลายผนังลง ชูฮันไม่แม้แต่จะลังเลที่จะทำลายผนังอีกด้านลงทันที มีเสียงอิฐปูนแตกถล่มดังสนั่นพร้อมกับลมแรงที่พุ่งปะทะเข้ามาในห้อง


 


ทุกคนรีบหันไปทางเสียงดังครั้งที่สองอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา มองไปที่ผนังที่ถล่มตรงหน้าทั้งสองด้าน


 


ผลของการที่ผนังทั้งสองด้านที่ถล่มส่งผลให้ตัวห้องเริ่มไม่มั่นคง เพดานเริ่มโคลงเคลง ผนังอีกสองด้านที่เหลือไม่แข็งแรงพอที่จะรองรับน้ำหนักของเพดานอาคารได้ เพดานเริ่มสั่นไหวราวกับพร้อมจะถล่มลงมาในอีกไม่ช้า


 


ไม่ทันรอให้ทุกคนได้แสดงอาการตระหนก ชูฮันก็ยกเท้าขึ้นเตรียมแตะผนังที่สามแล้ว!


 


“หยุดนะ!”


 


“ไม่!”


 


เท้าของชูฮันหยุดค้าง


 


พลทหารที่อยู่ในห้องมีอาการหวั่นวิตก พวกเขารู้สึกเสียใจกับการกระทำของตัวเอง พวกเขาไม่น่าไปยั่วอารมณ์ของพลเอกบ้านี่เลย ถ้าผนังที่สามพังขึ้นมาห้องนี้จะต้องถล่มแน่นอนอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้!


 


ผนังด้านที่สี่นั้นเชื่อมต่อกับอีกห้องหนึ่ง ทุกคนมองไปที่ผนังที่ถล่มไปแล้วสองด้านตรงหน้าและด้านที่สามที่ขาของชูฮันยกค้างไว้อยู่


 


“ชูฮัน!” พลทหารคนเดิมตะโกนลั่น “ท่านทำบ้าอะไรอยู่? หยุดเดี๋ยวนี้!”


 


ชูฮันเผยรอยยิ้มแปลกๆให้พลทหารคนนั้น และทันใดนั้นขาข้างขวาของชูฮันก็เกร็งกล้ามเนื้อและแตะเข้าใส่ผนังด้านที่สามตรงหน้า!


 


“ปัง!”


ฝ่าเท้าของชูฮันกระแทกเข้ากับผนังด้านที่สาม จนเกิดเสียงดังลั่น


 


ครืน!


ผนังถล่มลง


 


ครืนนนนนนนน——


เพดานถล่มลงมา และกลุ่มพลทหารที่ไม่ยอมออกไปด้านนอกช็อคอย่างมากกับสิ่งที่เกิดขึ้น


 


หลังจากผ่านไปพักหนึ่ง เนื้อตัวของพลทหารที่อยู่ในห้องก็ถูกคลุมไปด้วยเศษฝุ่นจากปูนและอิฐ ทุกคนต่างมีสีหน้าย่ำแย่และไม่พอใจ

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม