Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย 401-407

ตอนที่ 401

 

“ชูฮัน?” เสียงของเหอเพ่ยหยวนเต็มไปด้วยความประหลาดใจ


 


“ชูฮัน?” เสียงของเหอเฟิงเองก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจเช่นกัน


 


“ชูฮัน!” เสียงของคู่แฝดที่ดังขึ้นก็เต็มไปด้วยการแข่งขัน


 


ชูฮันที่ยืนอยู่นอกบ้านแสยะยิ้มอยู่เสี้ยววินาที นี่มันอะไร? นี่มันค่อนข้างแปลกนิดหน่อยกับปฏิกิริยาแบบนี้!


 


“ชูฮัน? เข้ามาก่อนสิ!” เหอเพ่ยหยวนรีบชักชวนชูฮันเข้ามาข้างในทันทีอย่างตื่นเต้น “นายมาซางจิงได้ยังไง? ทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้วเหรอ? นายเจอพ่อแม่มั้ย? เอ่อ นี่คือลูกชายฉัน—-“


 


ทันทีที่เหอเพ่ยหยวนหมุนตัวกลับไป


คำพูดของเขาก็ติดอยู่ในลำคอกับภาพที่ได้เห็น เขาตะลึงเมื่อได้เห็นสภาพของทั้งสามคนบนโต๊ะอาหาร เขาพึ่งเดินไปเปิดประตู มันเกิดอะไรขึ้นกับสามคนนี้?


 


เหอเฟิงยิ่งตะลึงกว่าเมื่อมองหน้าพ่อของเขาเอง อะไรคือท่าทางคุ้นเคยแบบนั้น พ่อเขารู้จักชูฮันงั้นเหรอ? ทำไมเขาไม่รู้เรื่องนี้?


 


จุนจื่อและจุ้ยชูเองก็ตะลึง ทำไมไอ้คนชั่วที่ปล้นภารกิจของพวกเขาถึงมาอยู่ที่นี้ได้?


 


หลังจากชูฮันเข้ามาในบ้าน เขาก็มองไปรอบๆและมองสีหน้าที่น่าขำของเหอเฟิง จุนจื่อและจุ้ยชู


 


เมื่อตอนที่อยู่ในห้องประชุม เขาก็พอจะเดาได้อยู่ว่าชายหนุ่มคนนี้คือเหอเฟิง ถึงแม้ชูฮันจะไม่เคยเจอกับเหอเฟิงมาก่อนแต่เขาพอจะคาดเดาได้จากลักษณะและพฤติกรรม ชื่อของเหอเฟิงพึ่งจะเป็นที่รู้จักหลังจากการปะทุผ่านไป 5 ปี ชัยชนะการสงครามครั้งใหญ่ทำให้เขาสร้างชื่อขึ้นมาและกลายเป็นที่รู้จักทั่วโลก


 


และฉายาที่เขาได้รับคือ—–


 


เทพพระเจ้าแห่งเครื่องจักร!


 


เขามาบ้านของเหอเพ่ยหยวนเพื่อที่จะมาตรวจสอบว่าใช่เหอเฟิงคนเดียวกันกับที่เขาคาดเดาไว้มั้ยแต่กลายเป็นว่ามันเป็นครั้งแรกที่เขาได้รู้ว่าแท้จริงแล้วเหอเฟิงคือหัวหน้าแสนจะลึกลับของทีมฮูหยา!


 


ทีมฮูหยาต่างจากหลงยา หัวหน้าของทีมหลงยานั้นไม่ได้จงใจจะปิดบังตัวตนตั้งแต่แรกเริ่มเหมือนเหอเฟิง แถมวิธีการทำงานของทีมก็ค่อนข้างเย่อหยิ่ง ทีมหลงยาจัดว่าเป็นหน่วยงานที่แข็งแกร่งที่สุดของจีน รวมถึงบุคลิกที่แข็งแกร่งที่หัวหน้าทีมที่ไม่สามารถแยกออกจากกันได้


 


แต่ทีมฮูหยาจะเต็มไปด้วยเล่ห์ ไม่ได้จงใจจะทำตัวไร้ตัวตนแต่มักจะตามมาทีหลัง ซึ่งเกี่ยวข้องกับหัวใจการทำหลักของทีมและวิธีการทำงานของหัวหน้า


 


เหอเฟิงและเขี้ยวมังกรเป็นคนที่ดุดันทั้งคู่ หากพวกเขาเดินคนละเส้นทางกันอย่างสิ้นเชิง ซึ่งนำไปสู่หน้าที่การทำงานและภารกิจที่แตกต่างกันออกไป


 


“หึ!” ดูน่าสนใจนิดหน่อย!


 


ทุกอย่างภายในบ้านนิ่งวงัด มันมีประกายบางอย่างฉาบผ่านนัยน์ตาชูฮันไปอย่างรวดเร็วและในขณะที่กำลังขบคิดบางอย่าง—-


 


“ปัง!”


 


ประตูที่พึ่งจะปิดลงไม่นานจู่ๆก็ถูกกระแทกเปิดออก พร้อมเสียงดังลั่นที่ดังพุ่งเข้ามา “เกี๊ยว!—–“


 


มีคนสองคนเดินเข้ามา คนหนึ่งตัวโตอีกคนตัวเล็ก เขาไม่รู้ว่าชายหนุ่มตัวโตนั้นคือใคร แต่สำหรับเด็กผู้หญิงนั้น——


 


“พี่ชายชูฮัน?!” เลาเสี่ยวเสียวตะโกนด้วยเสียงที่ตื่นเต้นดีใจอย่างมาก เธอพุ่งเข้าสู่อ้อมแขนของชูฮันทันทีพร้อมกับร้องไห้โฮออกมาอย่างหนัก


 


เลาเสี่ยวเสียวที่ชื่อเสียงโด่งผู้ไม่เคยเกรงกลัวใครและไม่มีใครในซางจิงกล้าจะขัดคำสั่งเธอ แม้แต่มือปืนพระเจ้าอย่างเฉินช่าวเย่ยังตกเป็นของเล่นของเธอที่ไม่สามารถขัดใจเธอได้เช่นกัน


 


แต่ตอนนี้เลาเสี่ยวเสียวกลับร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนชูฮัน?


 


ทันใดนั้นชาช่าวหน่านก็รู้สึกอับอายขึ้นมา เขาตกใจที่พึ่งนึกว่าเลาเสี่ยวเสียวในปีนี้อายุแค่ 12 ปี และหลังจากผ่านวันนี้ไปเธอจะอายุ 13 ปี ไม่ว่าเธอจะเป็นคนที่เฉลียวฉลาดมากแค่ไหน เขาก็ยังเป็นเพียงแค่เด็กสาว


 


จุนจื่อและจุ้ยชูรู้สึกสยองมันเหมือนกับเห็นผีที่ได้เห็นภาพเลาเสี่ยวเสียวร้องไห้ ผู้ชายคนนี้ทำไมถึงทำให้เลาเสี่ยวเสียวร้องไห้ได้?


 


จุนจื่อและจุ้ยชูเงียบสนิท จะบอกได้ว่าคนที่พวกเขากลัวมากที่สุดไม่ใช่หัวหน้าฮูหยาของพวกเขา หรือฟานผู้เก่งกาจจากทีมหลงยา แต่เป็นเลาเสี่ยวเสียวคนคลั่ง เธอสามารถทำให้ทุกคนสลายตัวได้ในพริบตากับความคลั่งของเธอ เธอไม่มีกฏระเบียบหรือวินัยใดๆ ทุกอย่างมาตามอารมณ์ที่แสนจะเอาแต่ใจของเธอเท่านั้น


 


ในตอนนี้ที่ได้เห็นภาพเลาเสี่ยวเสียวกอดชูฮันทันทีที่เห็น ประกอบกับที่ชูฮันได้ปล้นภารกิจจากพวกเขาไปแล้วถึง 2 ครั้ง สมาชิกของฮูหยาทั้งสองคนรู้สึกมึนหัวจนอยากจะอ้วก


 


เหอเฟิงขี้เกียจเกินกว่าจะคิดเรื่องปัญหาของชูฮัน การวิเคราะห์ต่างๆและกลยุทธ์ที่เตรียมการไว้ก่อนหน้านี้เพื่อรับมือกับชูฮันได้หายไปในพริบตา!


 


เหอเฟิงรู้ในทันทีที่พ่อเขาส่งอาหารให้ชูฮัน การเตรียมการก่อนหน้าจบสิ้นแล้ว!


 


หลังจากชูฮันและเลาเสี่ยวเสียวได้เจอกัน เด็กน้อยก็ไม่ยอมจากไป เธอเอาแต่จ้องมดที่ไต่ขึ้นหม้อเกี๊ยวและรอจนในที่สุดมันก็เป็นเวลาเที่ยงคืนและเข้าสู่เวลาส่งท้ายของปีเก่า เลาเสี่ยวเสียวจึงยอมที่จะกลับเข้าไปในเมืองชั้นใน


 


ชูฮัน เฉินช่าวเย่และหลิวยู่ติงเองก็บอกลาทุกคน


 


เวลา 2 โมงในตอนเช้า เฉินช่าวเย่กลับมาที่พักของเขา และทันทีที่เปิดประตูก็ได้เห็นภาพเซียเหว่ยที่นั่งร้องไห้ราวกับฝน ส่วนจานต่างๆที่แตกกระจายวันก่อนถูกเธอเก็บกวาดเรียบร้อยหมดแล้ว เซียเหว่ยรอคอยอยู่ที่นี้คนเดียวหนึ่งวันเต็มและดูเหมือนจะร้องไห้มาตลอด


 


“ท่านพลโท ในที่สุดท่านก็กลับมา” สีหน้าของเซียเหว่ยแฝงไว้ด้วยความไม่พอใจ


 


เฉินช่าวเย่มองเธอด้วยสายตาแปลกๆ “นี่เธอรอมาวันหนึ่งเลยเหรอ?”


 


เซียเหว่ยพยักหน้า ตาของเธอแดงก่ำและเต็มไปด้วยความเศร้า “ปีใหม่ปีแรก แต่ฉันอยู่คนเดียวและยังไม่ได้กินอะไรเลย”


 


“แล้วทำไมเธอไม่กิน?” เฉินช่าวเย่ไม่เข้าใจจุดประสงค์ของเซียเหว่ย ถึงเขาจะแสยะยิ้มอยู่ในอกหากกลับแสร้งทำเป็นห่วงใยเซียเหว่ยอย่างมากพลางชี้ไปตามบ้าน “เธอไม่หิวแย่เหรอไง โง่รึเปล่า?”


 


เซียเหว่ยไม่รู้จะตอบอย่างไร เฉินช่าวเย่ไม่เข้าใจอารมณ์ของเธอ เธอจึงแสร้งหลอกถามเฉินช่าวเย่ “ทำไมท่านถึงออกไปโดยไม่บอกกล่าว? ปล่อยให้ฉันวิ่งตามหาท่านไปทั่วในวันปีใหม่?”


 


เฉินช่าวเย่เพียงเดินขึ้นบันไดและหันมามองเซียเหว่ย “ให้ฉันเปลี่ยนผู้ช่วยดีมั้ย?”


 


“ไม่ค่ะ—-” เซียเหว่ยตกใจและรีบอ้าปากเพื่อจะขอโทษ


 


“ไม่!” เฉินช่าวเย่พูดขัดเซียเหว่ยขึ้นมา”ไปทำอาหาร ฉันไม่ได้บอกให้ฉันทำอาหาร 20 จานก่อนฉันไปเหรอไง? แล้วไหนล่ะ?!”


 


“เอ่อ…” เซียเหว่ยโกรธอยู่ในอก หากเธอยังคงดื้อดึง “แต่ท่านไม่ได้กินที่นี้—-“


 


“ไม่ได้กินที่นี้?” เฉินช่าวเย่ขัดเซียเหว่ยอีกครั้ง “นั้นใช่อาหารเช้าสำหรับหัวหน้ามั้ย? ฉันบอกว่าฉันต้องได้เห็นอาหารไง ฉันจะขายเธอไปในพื้นที่ผู้ลี้ภัย!”

 

 

 


ตอนที่ 402

 

ปี 2016 วันที่ 1 มกราคม เวลา 8.30 น. ในตอนเช้าตรู่ จัตุรัสกลางเมืองขนาดใหญ่เต็มไปด้วยผู้คนจากทั่วทั้งค่ายซางจิงมารวมตัวกัน ในตอนนี้มันเบียดอัดแน่นจนไม่มีที่ให้ใครเบียดเข้ามาเพิ่มได้แล้วนอกจากจะปีนขึ้นไปอยู่บนหลังคา


 


วันนี้เป็นวันแรกของปีใหม่ในยุคโลกาวินาศ เป็นวันเริ่มต้นชีวิตใหม่ของทุกคน ถือเป็นวันที่ดี!


 


เหล่าหน่วยทหารในซางจิงถูกส่งออกไปปฏิบัติหน้าที่ ทั้งเมืองต่างตื่นเต้น เหล่าผู้มีอำนาจทั้งหลายในซางจิงต่างมารวมกันที่นัดสำคัญและรอคอยการเฉลิมฉลองปีใหม่อยู่ที่ห้องสังสรรค์ด้านหลัง


 


ในขณะนั้นเองภายในบ้านพักของพลเอก ชูฮันกำลังจ้องไปที่ชุดเครื่องแบบทหารตรงหน้าเขาที่มีถุงเถ้าเสียบคาไว้ที่กระเป๋าเสื้อ ตัวเสื้อมีแถวกระดุมอยู่เป็นจำนวนมาก นอกจากนั้นยังมีรองเท้าบู้ททหาร เข็มขัดและหมวก ตอนนี้ชูฮันรู้สึกได้ถึงความวุ่นวาย


 


เขาจะไม่ยอมใส่ของพวกนี้!


 


ใครก็ได้บอกเขาทีว่าทำไมเครื่องแบบทหารถึงต้องซับซ้อนขนาดนี้? เขาจำได้ว่าเครื่องแบบของพลเอกในชาติที่แล้วไม่ได้เป็นแบบนี้!


 


ภายในห้องสังสรรค์ด้านหลังจัตุรัส เลาหมิงเอาแต่คอยมองนาฬิกา มัน 8:50 แล้วทำไมชูฮันถึงยังไม่มา?


 


ไม่เพียงแต่เลาหมิงแต่ทั้งห้องสังสรรค์ที่เต็มไปด้วยเหล่านายทหารชั้นสูงต่างแทบจะหมดความอดทนกันหมด นี่มันเป็นนัดสำคัญทำไมถึงมีคนมาสาย!


 


ผู้บัญชาการมู๋นิ่วหน้า เมื่อวานนี้เขาบอกชูฮันว่างานเริ่มตอน 9 โมงเข้า หรือว่าเด็กนี้วางแผนจะมาตรงเวลาพอดีเลย?


 


ผู้ชายคนนี้ไม่รู้เหรอไงว่ามันมีหลายอย่างต้องเตรียมการล่วงหน้าก่อน?


 


“ชูฮันยังไม่มาอีก! เขาจงใจแน่ๆ!” จวงฮงเป็นคนแรกที่ยืนขึ้นพูดเสียงดังท่ามกลางภายในห้องที่เงียบสนิท


 


“นายพลจวง อย่าใจร้อนสิ รอก่อน” มีคนแนะนำ


 


“รอบ้าอะไรล่ะ!” จวงฮงหันกลับไปโต้เถียงชายคนนั้นทันที จากนั้นก็แสยะยิ้ม “งานจะเริ่มภายในไม่ถึง 10 นาที นอกเหนือจากคำพูดของผู้บัญชาการมู๋ที่ผมเชื่อใจ แต่นี่มันไม่มีการรับรองเป็นลายลักษณ์อักษร เพราะฉะนั้นจะให้เรารอผู้ชายคนนั้นอย่างเดียวได้ยังไง?”


 


ที่จวงฮงพูดนั้นถูกแล้ว การประชุมสำคัญระดับนี้แต่พลเอกชูฮันกลับไม่แม้จะสนใจ เขารู้ว่ามันต้องมีหนังสือรับรองแต่เขาคิดว่ามันไม่จำเป็น


 


“เลาหมิง” ผู้บัญชาการมู๋กระซิบถาม “รู้มั้ยว่าเกิดอะไรขึ้น?”


 


เลาหมิงยิ้มพลางส่ายหัว จากนั้นก็กวาดตามองดูคนรอบๆภายในห้อง “อาจจะหลับยาว? ชูฮันพึ่งมาถึงเมื่อวานนี้ ฉันยังไม่มีโอกาสได้บอกเขาเลยกำหนดงาน เรื่องฉันได้ยินมาว่าเมื่อคืนกลางดึกชูฮันไปที่บ้านของเฉินเสี้ยนกาวและกลับมาเมื่อตอนเที่ยงคืน ฉันกำลังคิดว่าจะบอกเขาเช้าวันนี้ แต่บทสรุปในตอนนี้ก็คือเขาไม่มา…”


 


ผู้บัญชาการมู๋กระพริบตาพลางมองไปที่ผู้คนที่อยู่ตรงจัตุรัส “ส่งคนไปตามเขา เพราะถ้าเขาจะมาตอนนี้เส้นทางมันถูกปิดกั้นหมดแล้ว”


 


เลาเสี่ยวเสียวที่อยู่ด้านข้างเป็นกังวล เธอเอาแต่คอยมองไปที่ประตู มือเล็กๆจับกับมืออ้วนๆของเฉินช่าวเย่ไว้แน่น


 


“มันยังเหลืออีก 2 นาที” เฉินช่าวเย่พูดปลอบ ในตอนนั้นเองเจ้าหน้าที่ที่แต่งตัวเรียบร้อยคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับน้ำเสียงติดกังวลเล็กน้อย “พร้อมจะเริ่มหรือยังครับท่าน?”


 


“เริ่มกันเลย! ไม่ต้องรออะไรแล้ว!” จวงฮงรีบเร่งให้เปิดพิธีการ จากนั้นก็หันไปพูดกับผู้บัญชาการมู๋ด้วยท่าทางไม่พอใจ “นี่ท่านจงใจเลื่อนเวลาให้ล่าช้าเพื่อรอคนคนเดียว? มีคนมากมายรออยู่ด้านนอกนั้น!”


 


ผู้บัญชาการมู๋เงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้าและออกคำสั่ง “เตรียมตัว เราจะออกไปภายใน 2 นาที”


 


พรึบ!


ทุกคนรีบผุดลุกขึ้นยืนทันที จัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยเข้าที่ พร้อมกับเอกสารที่เหมือนจะเตรียมมาให้ชูฮัน


 


“ไอ้พวกขี้เรื้อน!” เลาเสี่ยวเสียวกัดฟันพูดอย่างหัวร้อน ตามมาด้วยเสียงตบเข้าที่หัวของเฉินช่าวเย่ “ทำไมตอนที่แกมาแกไม่เรียกพี่ชูฮันมาด้วย อยากตายเหรอไง?”


 


เฉินช่าวเย่ชี้ไปที่กล่องอาหารที่ปลายเท้า “ฉันเอาอาหารเช้า 20 ที่มาเซอไพรซ์หัวหน้า แต่ตอนนี้อาหารมันเย็นชืดหมดแล้ว”


 


ในขณะที่กลุ่มคนกำลังโมโหและไม่พอใจกันอยู่ จู่ๆมันก็มีเสียงโต้เถียงดังมาจากด้านนอกห้อง


 


“นายเป็นใคร? นายไม่มีสิทธิเข้าไปในนี้!”


 


“ฉันมีเรื่องต้องทำ”


 


“ไม่! ถอยไป อย่าคิดจะเข้ามา!”


 


ยังไม่ทันที่เลาเสี่ยวเสียวจะได้ส่งเสียง มันก็มีเสียงของอีกคนตะโกนดังขึ้นมาอย่างรุนแรง พร้อมกับเสียงฝีเท้าจำนวนมากที่กำลังวิ่งเข้ามา


 


“ขวางมันไว้! มันเป็นคนร้ายแน่ๆ!”


 


“หยุดมัน! มันทำร้ายเจ้าหน้าที่ทุกคนในพื้นที่ระดับ 2!”


 


“เตือนภัย! เตือนภัย!”


 


“เร็วเข้า ไอ้คนนี้มันวิ่งเข้าออกไปมา มันกำลังวางแผนร้ายแน่ๆ!”


 


ในตอนนั้นเองเฉินช่าวเย่ก็มีปฏิกิริยาตอบสนอง เขารีบพุ่งออกไปและในขณะที่กำลังจะเอ่ยปากพูด—–


 


ฟึบ! ฟึบ!—–


เสียงเตะที่ดังมาชุด ตามมาด้วยเสียงร้องโอดครวญเจ็บปวดของทหารหลายคนที่กลิ้งไปกับพื้น


 


มีเสียงของคนที่ดูราวกับหมดหนทางดังขึ้น “มันจะต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นแน่    ไอ้คนไม่มีตรานี่มันตัวปัญหาจริงๆ ฉันรู้ว่าลูกน้องของหลิวยู่ติงต้องอยู่แถวนี้แน่ๆ”


 


เกิดความเงียบแปลกประหลาดขึ้นภายในห้องสังสรรค์ทันทีที่ไดยินเสียงจากด้านนอก คำไม่กี่คำทำให้หลายคนถึงกับค้าง ไม่มีตรา อาละวาดไปทั่ว เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ 2 โดนทำร้ายหมด…


 


พวกเขาลืมไปเลยว่าชูฮันไม่มีตราตำแหน่ง!


 


ตราเป็นเหมือนใบรับรองตัวตน ในพื้นที่จุดแรกจะต้องได้รับการยืนยันตราก่อนถึงจะเข้ามาได้ และในตอนนี้ขณะที่ทุกคนกำลังนั่งอยู่ในห้องสังสรรค์และคิดถึงเรื่องตราที่ยังไม่ได้ส่งมอบให้ขูฮัน มันก็แก้ไขปัญหาทุกอย่างให้กระจ่างหมดแล้วว่าทำไมชูฮันถึงมาสาย


 


หากไม่มีตรา มันเป็นปกติที่จะโดนขัดขวางไม่ให้เข้ามา หน่วยทหารรักษาความปลอดภัยจะไม่มีวันยอมปล่อยไป แต่ชูฮันไม่ได้ใส่เครื่องแบทหารหรอกเหรอ? เครื่องแบบทหารถูกวางไว้ในบ้านพักของชูฮันเรียบร้อยแล้ว ชูฮันไม่ได้ใส่มันเหรอไง?


 


เอาล่ะ นั้นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นก็คือชูฮันฝ่าเข้ามาถึงพื้นที่บริเวณ 2 จนมาถึงหน้าห้องสังสรรค์ท่ามกลางการป้องกันที่หนาแน่นแบบนี้ได้?!


 


นี่เขาใช่คนหรือเปล่า?


 


ภายในห้องขณะที่ทุกคนไม่รู้ว่าควรจะทำตัวอย่างไร และได้แต่ฟังเสียงประตูที่ขยับไปมาและชูฮันก็เดินเข้าด้วยเสื้อผ้าลำลอง


 


ชูฮันไม่ได้ใส่ชุดเครื่องแบบจริงๆด้วย!


 


จากนั้นทุกคนก็เบนสายตาไปที่ด้านหลังของชูฮัน ซึ่งที่พื้นด้านนอกห้องสังสรรค์นั้นมีนายทหารมากมายนอนเรียงราย เนื้อตัวบอบช้ำอยู่ที่พื้น ทุกคนเห็นอย่างที่เห็นกันใช่มั้ย? การเตือนภัยในพื้นที่บริเวณ 2 ล้มเหลว แถมในพื้นที่จุดแรกก็ไม่มีใครสามารถหยุดชูฮันได้


 


เมื่อมองไปที่สีหน้าประหลาดๆของทุกคนภายในห้อง ชูฮันก็ไม่คิดจะพูดอะไร เขาเพียงมองไปที่นาฬิกาและนาทีสุดท้ายของการประชุมกำลังเริ่มต้น!


 


ชูฮันดึงซิปด้านหลังออกและเผยให้เห็นชุดเครื่องแบบพลเอกที่ถูกพับเก็บไว้อย่างเรียบร้อย “ใครบอกได้ว่าชุดนี้ใส่ยังไง?”


 


@#$%^&*!&)


 


เสียงดังเซ็งแซ่ของทุกคนดังขึ้น นี่เขาไม่รู้วิธีใส่เครื่องแบบทหารได้ไง?


 


ผู้บัญชาการมู๋แทบจะกลั้นสีหน้าไม่ไหว เขารีบพูด “คุณไม่จำเป็นต้องใส่ มันจะสายเกินไป แค่ออกไปข้างนอกเลย!”


 


หลายคนพยักหน้าไม่หยุดอย่างเห็นด้วย มันเหลือเวลาอีกแค่หนึ่งนาทีเท่านั้น เครื่องแบบทหารนี้มันซับซ้อนเกินกว่าจะเสร็จได้ทันเวลา


 


และในขณะที่ทุกคนมีสีหน้าป่วยๆ จู่ๆมันก็มีเสียงดังขึ้น “เดี๋ยว ฉันทำเอง!”

 

 

 


ตอนที่ 403

 

ทันใดนั้นเลาเสี่ยวเสียวก็ฝ่าฝูงชนออกมา หยิบเสื้อผ้าของชูฮันในถุงออกมาและรีบวางใส่มือชูฮัน พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นใจอย่างเร่งรีบ “พี่ชายชูฮัน ตอนนี้พี่รีบเปลี่ยนชุดก่อน ฉันรับประกันว่าพี่จะเรียบร้อยภายใน 30 วินาที!”


 


ชูฮันเหลือบตามอง เฉินช่าวเย่เองก็รีบเขวี้ยงอาหารในมือตัวเองทิ้งและวิ่งไปหาชูฮันเพื่อช่วยจับขากางเกงของชูฮันเข้าไปในรองเท้าบู้ททหารที่แสนจะซับซ้อน เฉินช่าวเย่ที่พยายามจะช่วยยัดเท้าชูฮันเข้ารองเท้าบู้ทเริ่มเหงื่อแตก


 


 


มันมีเสียงหัวเราะเยาะเย้ยจากผู้คนรอบข้าง เครื่องแบบของพลเอกจะมีจำนวนชิ้นมากกว่าตำแหน่งอื่น ไม่มีใครสามารถแต่งตัวให้เสร็จเรียบร้อยได้ภายในนาทีเดียวด้วยซ้ำ และประโยคที่เลาเสี่ยวเสียวบอกว่าจะทำให้เสร็จภายใน 30 วินาทีนั้มันเรื่องตลกชัดๆ ขนาดกระดุม 15 อันสถิติเวลาที่เร็วที่สุดยังคือ 2 นาที แถมนี้ไม่ใช่กระดุมธรรมดาอีก เพื่อที่จะสะท้อนความสง่างามและความทนทาน มันเป็นการร่วมออกแบบที่ซับซ้อนอย่างมาก เป็นการแสดงถึงความสำคัญของกองทัพ!


 


“เฮอะ!” สีหน้าของจวงฮงค่อนข้างแสดงออกถึงความดูถูก จากนั้นก็หันหน้าไปหาผู้บัญชาการมู๋ “ถอดกระบวนการของชูฮันออก เมื่อวานนี้เรายังไม่ได้ใส่ชื่อเขาไปในกระบวนการเลย เพราะฉะนั้นตอนนี้เราจะดำเนินการตามกระบวนการเดิมที่วางไว้ ตอนนี้มันสายไปแล้วที่จะเปลี่ยนชุดเครื่องแบบ”


 


“ถูกต้อง” เหล่าคนที่ไม่พอใจชูฮันรีบตอบรับสนับสนุนจวงฮงทันที “ถ้าไม่ขอให้เขาสาบานตนตามแบบทหารทั่วไปก็ง่ายๆคือไม่ต้องออกไปเลย”


 


“ขายขี้หน้า” น้ำเสียงของคนหนึ่งดังขึ้น มันเต็มไปด้วยความไม่พอใจและเยาะเย้ย


 


ผู้บัญชาการมู๋มีท่าทีลังเล หางตาเหล่มองคนสามคนตรงมุมที่กำลังวุ่นวายกันอยู่ ถ้าชูฮันยังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกไปทั้งด้วยชุดเดิมแล้วบอกว่าลืม ชูฮันก็แค่ทำให้ตัวเองอายแต่ชูฮันก็คงจะไม่สนใจอยู่แล้ว แต่ในตอนนี้ชูฮันเปลี่ยนไปแล้วครึ่งตัว และเวลาตอนนี้มันก็สายไปแล้ว มันยากที่จะให้ชูฮันถอดเครื่องแบบออกตอนนี้?


 


นี่มันยิ่งน่าอับอายมากกว่าเดิมอีก แถมยังทำให้ทั้งกองทัพขายขี้หน้าด้วย!


 


“แล้วถ้าแบบนี้ล่ะ” มุมปากของเลาหมิงยกยิ้ม “เราจะทำตามกระบวนการก่อนหน้านี้ที่วางไว้ ชูฮันก็รีบเปลี่ยนชุดแล้วตามมาให้ทันแถวเดินคนสุดท้ายจะออกมา มันไม่ใช่เรื่องใหญ่สักหน่อย ให้พลเอกเดินตามหลังพลตรีออกมาก็คงไม่มีใครว่าหรอก?”


 


ผู้บัญชาการมู๋พยักหน้า มองไปที่ชูฮันในแววตาวูบหนึ่งมีความผิดหวังอยู่ “ถ้าอย่างนั้น ชูฮันจะเดินตามหลังพลตรีออกมา ดังนั้นจะได้มีเวลาเตรียมตัวมากขึ้น”


 


หลายคนมีสีหน้ายิ้มเยาะ พลเอกที่ยศสูงกว่าพลตรี แต่กลับต้องเดินต่อท้ายพลตรี มันถือเป็นควมอับอายขายหน้า ยังดีซะกว่าถ้าไม่ออกไป!


 


และในตอนนั้นเอง ขณะที่ชูฮันพึ่งจะใส่เสื้อเสร็จ เลาเสี่ยวเสียวก็ส่งอุปกรณ์ด้านบนมาให้ชูฮันด้วยความตื่นเต้น


 


“ย่อตัวลง! ฉันจะใส่ให้” เสียงของเลาเสี่ยวเสียวเป็นที่น่าสงสัยของทุกคน


 


ชูฮันปฏิบัติตามคำแนะนำของเลาเสี่ยวเสียวทันที เขาไม่เข้าใจการใส่ชุดเครื่องแบบ โชคดีที่ส่วนของรองเท้าบู้ทได้เฉินช่าวเย่ช่วยใส่ไม่อย่างมันคงวุ่นวายมากกว่านี้


 


“ขนาดนี้ฉันยังเท่าหน้าอกพี่เอง!” เลาเสี่ยวเสียวที่ยืนอยู่บนเก้าอี้จ้องสายตาไปที่ชูฮันอยู่ตรงหน้า สายตาของเธอเป็นประกาย นิ้วของเธอเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและยืดหยุ่นอย่างมากขณะกลัดกระดุมเสื้อคลุมให้ชูฮัน


 


และในขณะนั้นเป็นเวลา 9 นาฬิกา มีความวุ่นวายเกิดขึ้นที่จัตุรัส งานเฉลิมฉลองได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว!


 


“เริ่มได้ ไปกันเถอะ” ผู้บัญชาการมู๋เดินออกจากห้องสังสรรค์ไปเป็นคนแรก


 


เลาหมิงที่เดินตามผู้บัญชาการมู๋หันมามองชูฮันและเลาเสี่ยวเสียวเพียงเสี้ยววินาที หลังจากนั้นเหล่านายทหารในห้องก็ทยอยออกไปกันทีละคนอย่างภาคภูมิ หลังตรงอกผายไหล่ผึ่ง


 


ทุกคนค่อยๆทยอยออกไปเรื่อยๆ ไม่มีใครสนใจชูฮันอีก


 


อย่างไรก็ตาม เลาเสี่ยวเสียวที่อยู่ในมุมได้ทำการกลัดกระดุมให้ชูฮันสำเร็จเรียบร้อยพอดี เทคนิคและความรวดเร็วของเธอนั้นทำให้ตาของเฉินช่าวเย่เป็นประกาย ไม่ต้องพูดถึง 30 วินาทีเลย สาวน้อยนี่ใช้เวลาทั้งหมดแค่ 20 วินาทีเท่านั้น ไม่อยากจะเชื่อ!


 


ชูฮันยิ้มและให้เลาเสี่ยวติดเข็มขัดให้เขาเป็นส่วนสุดท้าย ชูฮันถามเสียงกระซิบ “พวกเธอดูคุ้นเคยกับเครื่องแบบทหารพวกนี้ดีนะ?”


 


“แน่นอน!” สีหน้าของเลาเสี่ยวเสียวเต็มไปด้วยความภูมิใจ “เพราะฉันมีส่วนร่วมในการออกแบบไง”


 


“เธอมีส่วนร่วมการออกแบบงั้นเหรอ?” ชูฮันแปลกใจที่ได้ยิน ไม่แปลกใจที่ทำไมตอนที่เขาเห็นเครื่องแบบของเหอเฟิงและของพลเอกของเขามันถึงดูแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง “เธอออกแบบส่วนไหน?”


 


“เดาสิ!” คำตอบของเลาเสี่ยวเสียวทำให้ชูฮันถอนหายใจอยู่ในอก


 


ชูฮันบิดริมฝีปาก “ใช่ไอ้กระดุมที่แสนจะลำบากนี่ใช่มั้ย?”


 


“ใช่” น้ำเสียงของเลาเสี่ยวเสียวเต็มไปด้วยความภูมิใจ “ดูหล่อมั้ย?”


 


“ดูดีนะมันดูดี แต่ช่วยบอกฉันทีว่าทำไมถึงออกแบบซับซ้อนขนาดนี้ แถมยังกระดุมทั้งหมดตั้ง 56 อัน?” นี่คือจุดที่ชูฮันคิดว่ามันไม่สมเหตุสมผลเลย กระดุม 56 อัน และชูฮันยังสังเกตเห็นอีกว่ากระดุมแต่ละอันจะมีลวดลายแตกต่างกันไป!


 


ปึก!


เข็มขัดถูกรัดเรียบร้อย เลาเสี่ยวเสียวจัดเสื้อผ้าให้ชูฮันได้อย่างเรียบร้อยพร้อมกับส่งยิ้ม “เรามี 56 สัญชาติอยู่ในจีน!”


 


ชูฮันเหลือบตา ไม่เพียงแต่ชูฮัน หากเฉินช่าวเย่เองก็เช่นกัน ทั้งสองคนประหลาดใจมากกับสาวน้อยที่ยืนอยู่บนเก้าอี้ ช่างเป็นเด็กสาวที่ฉลาดหลักแหลมเหลือเกิน


ใช่ จีนมี 56 สัญชาติ และกระดุม 56 อันก็สะท้อนถึงหน้าที่และความรับผิดชอบของพลเอก


 


ชูฮันมองเลาเสี่ยวเสียวด้วยสายตาล้ำลึก เป็นครั้งแรกที่เขามีสีหน้าจริงจังแบบนี้ เขารับหมวกมาจากเฉินช่าวเย่และสวมลงศีรษะ จากนั้นก็เดินหน้าไปที่ประตู


 


และนั้นคือจังหวะที่พลเอกคนสุดท้ายเดินออกไป ร้อยโทคนแรกที่กำลังจะก้าวเท้าออกไปด้านนอกสู่สายตาประชาชนเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและภาคภูมิ


หากในจังหวะที่เขากำลังจะก้าวเท้าออกไปนั้นเองจู่ก็มีคนมาตัดหน้าเขา


 


ชูฮันก้าวมายืนหน้าร้อยโทด้วยชุดเครื่องแบบที่สวมอย่างเรียบร้อยและสมบูรณ์ ชูฮันหันหน้ากลับมามองนายทหารข้างหลังเขา พลางพูด “คนต่อไปคือฉัน…”


 


เมื่อชูฮันพูดจบ เขาก็ก้าวเท้าเดินออกไปเพื่อตามฝีเท้าของพลเอกคนก่อนหน้าให้ทัน


 


ร้อยโทด้านหลังชูฮันพูดอะไรไม่ออก ชูฮันสามารถแต่งตัวได้ทันเวลาได้อย่างไร? รวดเร็วมาก!


 


ใส่ชุดเครื่องแบบภายในเวลาไม่ถึง 1 นาที มันจะเป็นไปไม่ได้ได้อย่างไรในเมื่อเลาเสี่ยวเสียวเป็นคนออกแบบเครื่องแบบนี้เอง ไม่มีใครคุ้นเคยกับมันมากกว่าเธอแล้ว รวมถึงโดยแท้แล้วสาวน้อยคนนี้มีนิ้วมือที่ยืดหยุ่นอย่างมาก ไม่จึงไม่เป็นปัญหาเลยที่จะช่วยชูฮันกำจัดร้อยโทได้เวลาก่อนจะออกไป!


 


ในขณะนี้ที่มีเหล่าประชาชนอัดแน่นอยู่ตรงจัตุรัส ชูฮันเดินตามกลุ่มพลเอกมาถึงลานสูง ที่ซึ่งมีผู้บัญชาการมู๋และนายทหารยศสูงคนอื่นๆนั่งกันอยู่ ส่วนพลเอกนั่งอยู่แถวสอง ทันทีที่เหล่าพลเอกนั่งลงเก้าอี้พวกเขาก็ได้เห็นชูฮันที่อยู่ในชุดเครื่องแบบเต็มยศ ทุกคนต่างตกใจและนิ่งค้าง ไม่มีใครขยับตัว


 


ผู้ชายคนนี้ทำได้ยังไง?!

 

 

 


ตอนที่ 404

 

ไม่เพียงแต่คนที่นั่งไปแล้ว แต่ร้อยโทและพลตรีอีกมากที่เดินตามหลังมาต่างก็ยืนบื้อกันหมดและมองไปที่ชูฮันที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ตำแหน่งของชูฮันเองและในจังหวะนั้นเหล่าทหารที่เดินตามมาถึงพึ่งจะสังเกตเห็นว่าชูฮันได้เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วและอยู่ในชุดเรื่องแบบของพลเอกเต็มยศ


 


กระบวนการทุกอย่างสอดคล้องอย่างสมบูรณ์แบบ ไม่มีร่องรอยแห่งความผิดพลาด แม้แต่พระเจ้าก็คงไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้ทำได้ยังไง!


 


“เฮ้ย! หยุดจ้องกันได้แล้ว!” พลเอกคนหนึ่งพูดกับจวงฮงที่นั่งอยู่ข้างๆ “ไม่อายเหรอไง? ผู้คนข้างล่างกำลังดูอยู่นะ!”


 


จวงฮงรีบดึงสายตาออกจากชูฮัน การที่เขายอมถอนสายตาไม่ใช่เพราะความตกใจและปากที่อ้าค้าง แต่เป็นเพราะตรงหน้ามีผู้คนอัดแน่นกันอยู่จำนวนมากต่างหาก การที่ชูฮันเดินออกมาโดยไม่มีอะไรให้ติเลยสักนิด การปรากฏตัวอย่างสง่างาม การนั่งลงเก้าอี้โดยไม่สนใจสายตาของเขาที่มองไปเลย มันทำให้เขาประหลาดใจอย่างมากและนิ่งค้าง


 


เมื่อได้เห็นคนจำนวนมากข้างล่าง จวงฮงที่จินตนาการไว้ว่าจะได้เห็นภาพทุกคนหัวเราะเยาะชี้หน้าถากถางชูฮัน กลับมลายหายไป!


 


ตาของผู้บัญชาการมู๋เป็นประกายและเต็มไปด้วยความโล่งใจต่อชูฮัน


 


“ฉันบอกแล้วว่าไม่ต้องกังวล!” ใบหน้าของเลาหมิงเรียบสนิท “ถ้านายไม่ไว้ใจชูฮัน นายก็ควรจะไว้ใจหลานสาวของฉัน?”


 


ผู้บัญชาการมู๋เบะปาก “นี่มันไม่ใช่วันธรรมดา ความผิดพลาดแค่นิดเดียวอาจนำไปสู่ปัญหาใหญ่โตได้ แล้วจนถึงตอนนี้เด็กหนุ่มนั้นก็ยังไม่ได้เห็นหนังสือรับรองเลย ฉันรู้สึกเป็นกังวลตลอดเวลา”


 


เลาหมิงเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็ถอนหายใจและพูด “ดูสถานการณ์ตอนนี้สิ เตรียมตัวให้ดี เดี๋ยวนายจะต้องขึ้นไปกล่าวปราศัย”


 


ผู้บัญชาการมู๋พยักหน้า ลุกขึ้นยืนและเดินไปที่แท่นเพื่อกล่าวปราศัย บทพูดของผู้บัญชาการค่อนข้างเป็นกลาง เขาพูดถึงเรื่องการจัดเตรียมการในอนาคตและปลอบประโลมใจผู้คน ส่วนที่เหลือคือเรื่องไร้สาระ…นั่นคือสิ่งที่ชูฮันคิด


 


“หลังจากที่ได้รับมอบตราพลเอก นายรู้รึยังว่าต้องพูดสาบานตนยังไง?” จู่ๆก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากข้างๆตัว เสียงนั้นไม่ได้ใหญ่อะไรแต่ก็ไม่สามารถเพิกเฉยได้ น้ำเสียงที่ใช้นั้นนิ่งสงบไม่ได้แสดงถึงอารมณ์ใดๆในน้ำเสียงเลย เหมือนกับการพูดคุยทั่วไป


 


ชูฮันเหลือบมองผู้ชายที่นั่งข้างเขา มุมปากของชูฮันบิดเล็กน้อย “ฉันรู้ มีอะไรรึป่าว?”


 


พลเอกก็ต้องนั่งข้างพลเอก ชูฮันเป็นพลเอกคนสุดท้ายในพลเอกทั้งหมด โดยไม่คำนึงถึงอายุหรือคุณความดี และการเฉลิมฉลองปีใหม่ในครั้งนี้มีพลเอกเข้าร่วมทั้งหมด 15 คน


 


ท่าทางของชายที่นั่งข้างชูฮันดูแล้วน่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญมีดผู้โด่งดัง วิวัฒนาการระยะ 5 ของค่ายตวน…ตวนเจียงเหว่ย


 


เมื่อได้ยินคำตอบสบายๆของชูฮัน ปากของตวนเจียงเหว่ยก็บิดเล็กน้อย หมวกเขาของช่วยปิดบังสายตาที่รุกล้ำของเขาเอาไว้ เขามองตรงไปทางด้านข้างของตัวเมืองเล็กน้อย


 


“ฉันได้ยินมาว่าปีนี้นายอายุ 20 ปี?” จู่ๆตวนเจียงเหว่ยก็ถามเรื่องส่วนตัวขึ้นมา


 


ชูอันตื่นตัวหากการแสดงออกของเขากลับดูง่ายๆไม่สนใจอะไร “21 วันนี้”


 


“โอ้ ขอโทษที” ตวนเจียงเหว่ยนิ่งสงบ และอีกครั้งเขาพูดขึ้น “นายยังไม่ได้เข้าร่วมกับกองทัพ นายน่าจะไม่รู้เรื่องหนังสือรับรองอย่างเป็นทางการ?”


 


“ไม่รู้…” ชูฮันส่ายหัว จากนั้นก็ชี้นิ้วไปที่กลุ่มทหารผ่านศึกที่ตะโกนคำว่า สาบาน กันอย่างพร้อมเพรียงกับคำว่าปราศัยของผู้บัญชาการมู๋ “การสอนนอกสถานที่”


 


“นั่นมันคือคำสาบานของทหารทั่วไป” เสียงของตวนเจียงเหว่ยแฝงไปด้วยเล่ห์ “พลเอกไม่ใช่ทหารธรรมดา เพราะพลเอกแทบทุกนายจะมีค่ายเป็นของตัวเอง เพราะฉะนั้นลายลักษณ์อักษรจึงค่อนข้างซับซ้อนและมีภาระผูกพันที่จะต้องบรรลุมากขึ้น”


 


ชูฮันเลิกคิ้ว “งั้นเหรอ?”


 


ตวนเจียงเหว่ยมีรอยยิ้มลึก “นายต้องการให้ฉันช่วยมั้ย?”


 


ชูฮันส่ายหัว “ไม่”


 


“จริงเหรอ?” ตวนเจียงเหว่ยหันหน้ามามองหน้าชูฮันทันที สายตาเต็มไปด้วยความรู้สึกที่อดกลั้น “นายยังไม่ได้เห็นลายลักษณ์อักษร จู่ๆนายจะเดินขึ้นไปพูดเลย?”


 


ชูฮันดูผ่อนคลาย “ฉันจะพูดธรรมดา”


 


ตวนเจียงเหว่ยชะงัก เขาหมุนตัวกลับไปและเลิกคุย ผู้ชายคนนี้ไม่ยอมเล่นตามเกมของเขา!


 


ชูฮันนั่งหลังตรง รอยยิ้มบนหน้าเขาเหมือนกับสุนัขจิ้งจอง เขาไม่มีความอดทนพอที่จะมานั่งคิดเรื่องอารมณ์ของใคร ถ้านายบังคับให้ฉันขอความช่วยเหลือฉันก็จะต้องติดหนี้นาย


 


ความจริงแล้วตวนเจียงเหว่ยไม่ควรมาอยู่ที่นี้ เขาควรจะอยู่ฉลองปีใหม่ที่ค่ายตวนกับคนของเขา แต่ที่ตวนเจียงเหว่ยมาที่นี้ก็เพราะสงสัยและใคร่รู้ในตัวชูฮัน เขาอยากจะเจอคนที่สามารถสร้างปฏิหาริย์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าและทำให้ทุกคนดูกลายเป็นคนโง่ได้? อีกทั้งอภิสิทธิที่ชูฮันได้รับในฐานะพลเอก แม้แต่ตวนเจียงเหว่ยที่ได้รับบ้านพักหรูหราและร่ำรวยอย่างมากยังรู้สึกอิจฉา


 


หลายคนไม่เข้าใจ หากตวนเจียงเหว่ยผู้เคยเฝ้าระวังชูฮันมาตั้งแต่แรกรู้ดีว่าเหล่าคนใหญ่โตในซางจิงนั้นตามหาตัวชูฮันกันมาตั้งแต่แรกเริ่ม ชูฮันอาจจะวางแผนทุกอย่างไว้ตั้งแต่แรก ถ้ามองภาพรวม แล้วชูฮันก็แค่รอให้ทุกคนกระโดดลงไปในเกมส์ที่เขาวางเอาไว้


 


“ต่อไปนี้คือการแต่งตั้งพลเอกคนใหม่ของจีน เขาได้รับคะแนนการประเมิณจากเสาหินที่ S+ สามครั้งติดต่อกัน และได้อันดับที่หนึ่งติดต่อกันสามครั้งจากการประลองเสาหินของวิวัฒนาการ…ชูฮัน กรุณาขึ้นมาบนเวทีเพื่อรับตราตำแหน่ง!”


 


ขณะที่เสียงของคนประกาศบนเวทีดังขึ้น ทันใดนั้นทั่วทุกที่ก็ดังสนั่นไปด้วยเสียงปรบมือแสดงความยินดี สายตาของทุกคนพุ่งมาที่แท่นสูงรอคอยให้ชูฮันปรากฏตัวขึ้นมาสู่สายตา ชื่อแปลกๆอย่างชูฮัน พวกเขาอยากจะรู้ว่าคนคนนี้จะหน้าตาเป็นอย่างไร!


 


ไม่เพียงแต่ประชาชนที่เฝ้ารอดู หากยังรวมเหล่าทหารของกองทัพที่ยืนประจำตำแหน่งอยู่ ทุกคนต่างหันสายตามาที่แท่นสูงรอชูฮันให้ก้าวขึ้นมาแสดงตน ชื่อของชูฮันเป็นตัวแทนของหลายความหมาย…หาก ปฏิหาริย์ คำคำนี้คือสิ่งที่ทำให้หลายคนใคร่รู้


 


จวงฮงมีสีหน้าอึมครึม มันก็แค่นายพลเอกคนใหม่ที่ได้รับการแต่งตั้งหลังจากวันปีใหม่วันแรกของยุคโลกาวินาศ ทำไมตอนที่เขาได้รับการแต่งตั้งเขาไม่เห็นจะมีช่วงเวลาน่ายินดีแบบนี้เลย?


 


ตอนนี้ชูฮันไม่ได้แค่ได้รับการตั้งแต่ในวันแรกของปีใหม่ หากยังเป็นที่อิจฉาของใครหลายคน รวมถึงอภิสิทธิที่ชูฮันได้รับจากตำแหน่งที่เกินจะบรรยายอีก


 


แม่ง! ทำไมชูฮันถึงได้ครอบครองทุกอย่างที่ดีไปหมด!


 


หากไม่นานจวงฮงก็รีบปรับสีหน้าของเขาเปลี่ยนมาเป็นเยาะเย้ย ขณะคิด เขายังมีฉากสำคัญให้รอดูอยู่ ชูฮันไอ้เด็กหนุ่มนี้มันยังอ่อนต่อโลก เดี๋ยวมันก็ต้องแสดงความโง่ออกมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ชูฮันพึ่งจะมาถึงแถมยังมาสาย ต่อให้มีใครอยากจะช่วยชูฮันแต่มันก็สายเกินไปแล้วที่จะบอกเขาเรื่องกฏปฏิบัติต่างๆ ไอ้คนที่กลัวเวทีแบบนี้จะกล้าเดินขึ้นไปพูดคำสาบานได้อย่างไร?


 


ฮ่าฮ่าฮ่า! เขาทนรอดูการแสดงสนุกๆตรงหน้าแทบไม่ไหวแล้ว!

 

 

 


ตอนที่ 405

 

ฉางกวนหลงที่นั่งอยู่ตรงกลางระหว่างจวงฮงและตวนเจียงเหว่ยหันไปทางชูฮันที่กำลังค่อยๆลุกขึ้นยืนช้าๆ


 


นี่คือชูฮันที่ลูกสาวเขาพูดถึงงั้นสินะ?


 


ฉางกวนหลงเพียงแค่มองจากนั้นก็ดึงสายตากลับไป


 


ชูฮันที่ยืนอยู่ท่ามกลางสายตาที่เป็นประกายจ้าของหลายคนที่มองมา แววตาของชูฮันนิ่งเรียบไร้คลื่นอารมณ์ใดๆ ฝีเท้าการเดินของเขาก็นิ่งสงบขณะก้าวเดินไปทางแท่นสูง เครื่องแบบทหารเต็มยศบนตัวชูฮันดูพิถีพิถัน กระดุม 56 เม็ดบนหน้าอกส่องประกายสะท้อนไฟแวววาวสวยงาม


 


“พรึบ!”


ร่างของชูฮันได้ปรากฏต่อสายตาของทุกคน ทุกคนตื่นเต้นอย่างมากขณะมองไปที่ท่าเดินของชูฮันขณะก้าวเท้าขึ้นไปบนแท่นสูง เสียงพูดคุยของเหล่านายทหารทั้งหลายยิ่งดังลั่นไม่หยุดกว่าเดิม


 


“กลายเป็นว่าผู้ชายคนนี้คือชูฮัน”


 


“เร็วเข้ารีบจำหน้าเขาไว้!”


 


“ยังเด็กอยู่เลย! เขาดูหนุ่มมาก!”


 


“แน่นอน เขาอายุแค่ 20 ปีเอง ฉันได้ยินว่าปีนี้เขาอายุ 21 และเขาเป็นนายพลเอกที่เด็กที่สุด”


 


“ครองแผ่นฟ้า วันแรกของปีใหม่ เหล่าผู้คนทั้งค่ายซางจิงกำลังเฝ้าดูชูฮันได้รับการแต่งตั้ง!”


 


“น่าอิจฉา”


 


“ฉันอิจฉา”


ในขณะที่สายจองทุกคนเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อนมากมายหลากหลาย ชูฮันก็เดินขึ้นไปหาผู้บัญชาการมู๋ที่อยู่ตรงกลางของแท่นสูง ความเร็วไม่ได้ล่าช้าแม้แต่น้อยกว่าการก้าวปกติ และภายในพริบตาเดียวชูฮันก็ไปถึงที่หมาย


 


จากนั้นชูฮันก็ทำท่าพิธีการทางทหารเพื่อแสดงความเคารพต่อผู้บัญชาการมู๋


 


ผู้บัญชาการมู๋ที่รู้สึกจะเป็นลมเมื่อเห็นชูฮันกำลังเดินมาโดยไม่รู้กฏระเบียบอะไรเลย หากทันทีที่ชูฮันมาถึง ผู้บัญชาการมู๋ก็ต้องตะลึงกับพิธีการทางทหารที่ชายหนุ่มตรงหน้าแสดงออกมา ไม่เพียงแต่ผู้บัญชาการมู๋ หากเหล่านายทหารยศสูงที่อยู่บนเวทีทั้งหลายต่างก็ตะลึงกันหมด รวมถึงเจ้าหน้าที่และทหารทุกตำแหน่งที่ตะลึงค้างกันถ้วน แม้แต่เฉินช่าววเย่ก็ยังอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ


 


นี่มันมาตรฐานสูงสุดของพิธีการทางทหาร!


 


ตั้งแต่ท่าเดินออกไปและทำท่าวันทยาหัตถ์แสดงความเคารพ ทุกท่วงท่าของชูฮันนั้นเรียบรื่นอย่างไร้ที่ติราวกับว่าชูฮันคุ้นเคยกับการทำแบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วน


 


แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ชูฮันขึ้นมายืนบนแท่นสูงนี่ มันเป็นครั้งแรกที่ชูฮันเข้าร่วมกับกองทัพใช่มั้ย?


 


ฉางกวนหลงและตวนเจียงเหว่ยต่างนิ่วหน้าพร้อมกันทั้งคู่ ตามข้อมูลที่ได้รับมา ชูฮันไม่เคยเข้าร่วมกับกองทัพหรือมีอะไรเกี่ยวข้องกับกองทัพมาก่อนเลย มีเพียงแค่ไม่กี่คนรอบตัวเขาเท่านั้นที่เป็นคนของกองทัพ ใครสอนพิธีการทางทหารที่แสนจะสง่างามแบบนี้ให้เขากัน? พวกเขาเกรงว่าทักษะการเคลื่อนไหวแบบนี้มันน่าจะทำมาแล้วมากกว่าพันครั้ง


 


ทว่าในโลกาวินาศเช่นนี้ ชูฮันไม่น่าจะมีเวลาหรือโอกาสที่จะฝึกฝนเรียนรู้ได้


 


จวงฮงแทบจะกระอักเลือดในอก แม่งใครก็ได้บอกเขาทีว่าทำไมชูฮันถึงทำท่าได้มาตรฐานมากกว่าเขาซะอีก?!


 


แววตาของผู้บัญชาการมู๋เป็นประกายอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากมองชูฮันลึกลงไป ความพึงพอใจและความซาบซึ้งในสายตาของผู้บัญชาการมู๋ก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้น แม้มันจะสายไปมาก แม้ว่ามันเกือบจะผิดพลาด แม้ว่ามันจะเต็มไปด้วยอุปสรรคมากมาย หลายคนในซางจิงต้องหัวปั่นกันไม่หยุด แม้ท่าทางที่หยิ่งผยองและอวดดีของชูฮันจะน่าหมั่นไส้


 


ทว่าพิธีการทางทหารที่ชูฮันแสดงออกมานี่เห็นได้ชัดว่ามันได้รับการฝึกมาโดยเฉพาะ ดูภายนอกชูฮันอาจจะดูไม่เหมือนทหารเลย หากพิธีการทางทหารสูงสุดที่ชูฮันแสดงออกมาได้บ่งบอกทัศนคติของเขาแล้ว


 


ชูฮันไม่ใช่คนอ่อนน้อมถ่อมตน หากเขายังคงแสดงความเคารพตามควรจะเป็น และแม้ว่านี่จะเป็นครั้งแรกของชูฮันในการเข้าร่วมกับกองทัพแต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่รู้ถึวมารยาทปฏิบัติของทหาร ในชาติที่แล้วเขาเดินทางไปทั่วทุกหนแห่งและได้พบเจอกับผู้คนมาหน้าหลายตา


 


ผู้บัญชาการมู๋ยกมือขึ้นตอบรับชูฮัน แม้ว่าชายหนุ่มตรงหน้าผู้บัญชาการมู๋จะเด็กกว่าท่านอยู่หลายเท่า หากชายแก่ก็ยอมรับนับถือชูฮันจากหัวใจ


 


ผู้ชายสองคนในชุดเครื่องแบบยืนอยู่บนแท่นสูงและมองหน้ากันและกัน ภาพนี้ปรากฏต่อสายของทุกคน


 


วินาทีต่อมา ทั้งสองก็ชักมือลงพร้อมๆกัน


 


ตามกระบวนการของพิธีการ ผู้บัญชาการมู๋หยิบตราตำแหน่งมาจากนายทหารข้างๆที่ส่งมาให้และติดตราให้กับชูฮันด้วยตัวท่านเอง


 


พรึบ! พรึบ! พรึบ!


พายุของเสียงปรบมือดังสนั่น ทุกคนต่างตื่นเต้นจนปรบมือกันอย่างแรง ผู้บัญชาการมู๋ที่เป็นผู้นำสูงสุดของค่ายซางจิงส่งมอบตราตำแหน่งให้ชูฮันด้วยตัวเอง ช่างเป็นเกียรติอย่างยิ่ง!


 


ผู้บัญชการมู๋กระซิบพูดกับชูฮัน “คำสาบานตนคือสิ่งที่จำเป็นอย่างมากของค่ายซางจิง แต่นายยังไม่ได้ดูหรือซ้อมส่วนนี้เลย เดี๋ยวจะมีคนส่งระเบียบขั้นตอนการพูดเป็นลายลักษณ์อักษรให้ ส่วนพิธีการทางทหารก่อนหน้านี้ฉันไม่รู้จริงๆว่านายรู้ได้ไง”


 


ชูฮันมีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็เปลี่ยนสีหน้าให้กลับมานิ่งเฉยเหมือนเดิม


 


หลังจากได้รับการติดตราตำแหน่งเรียบร้อย ผู้ชายทั้งสองคนก็ผ่านกันไป ผู้บัญชาการมู๋เดินลงไปจากแท่นสูง ส่วนชูฮันก็เดินไปที่แท่นเพื่อกล่าวคำสาบานตนในขณะเดียวกันนั้นเองก็ทหารที่ยืนอยู่ถัดไปก็ยืนถือขั้นตอนการปฏิบัติอยู่ในมือ


 


เสียงปรบมือของผู้คนเริ่มซาลงจนในที่สุดมันก็กลับมาเงียบดังเดิม สายตาของทุกคนจับจ้องมาที่ชูฮันที่อยู่บนแท่นสูง รอคอยชูฮันให้กล่าวคำสาบานตน


 


ชูฮันที่ยืนอยู่บนแท่นสูงและถือลายลักษณ์อักษณ์ไว้ก็เปิดออกอ่าน และเมื่อเขาเห็นบรรทัดแรกในกระดาษ เขาก็หัวเราะออกมา


 


กลุ่มมคนที่นั่งไม่ไกลออกไปต่างส่งเสียงกระซิบกระซาบไม่หยุด ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ประสิทธิภาพของชูฮันนั้นไร้ที่ติ หากสำหรับการกล่าวคำสาบานตนถือเป็นครั้งแรกที่ผู้คนได้เห็นชูฮันต้องอ่านกระบวนการปฏิบัติ ซึ่งมันทำให้หลายคนเริ่มมีเหงื่อซึมจากความกังวล หากในขณะเดียวกันก็มีหลายคนที่ยิ้มมุมปากด้วยความสะใจ หึ! ไหนชูฮันที่คำนวนทุกอย่างล่วงหน้าไว้แล้ว ไม่ได้คำนวนเรื่องพิธีกล่าวสาบานตนนี้ไว้ด้วยเหรอ!


 


พิธีการสาบานตนนี่คือโอกาสที่จะจัดการกับชูฮัน ช่องโหว่นี้สามารถทำให้ชูฮันเสียศักดิ์ศรีในกองทัพได้ ถึงแม้ตำแหน่งพลเอกของชูฮันจะไม่สามารถเปลี่ยนแปงได้ แต่เขาสามารถทำให้คุณค่าของพลตรีนั้นเพิ่มพูนขึ้นได้ โดนเฉพาะในตอนนี้ที่มีสายตาของผู้คนมากมายจับจ้องกันอยู่


 


“ฉันค่อนข้างกังวล” ผู้บัญชาการมู๋พูดออกมาเมื่อกลับมาถึงเก้าอี้นั่ง


 


เลาหมิงมองชูฮันจากนั้นก็เปลี่ยนเป็นสายตาเรียบเฉย “จะต้องมีคนใช้โอกาสของช่องโหว่นี่แน่ๆ พวกเราไม่ปลอดภัยแล้ว”


 


ผู้บัญชาการมู๋ถอนหายใจและเมื่อกระพริบตาอีกครั้งท่าทางของผู้บัญชาการมู๋ก็กลายเป็นนิ่งสงบ “ใจเย็นไว้ ฉันได้พูดเตือนเขาแล้วว่ามันอาจจะมีอะไรเกิดขึ้น มันไม่ง่ายสำหรับเขาที่จะทำมันตอนนี้ แต่เราจะได้อะรได้? ดูเขาตอนนี้สิ?”


 


“ไม่รีบเหรอไง?” มีน้ำเสียงยิ้มเยาะของทหารคนหนึ่งที่กำลังมองชูฮันที่อยู่บนแท่นสูงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความล้อเลียน “ผมชูฮัน สาบานต่อตราพลเอกนี่จะปฏิบัติตามคำสั่งของค่ายซางจิงอย่างจริงจัง ยึดมั่นตามกฏระเบียบ จะไม่เพิ่มภาระให้กับค่ายหรือผู้ลี้ภัย จะทำให้ค่ายเป็นค่ายแห่งการเพาะปลูกที่แรก และจะส่งมอบอาหาร 80% ให้ซางจิง ชีวิตของผู้คนและความตายไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของฉัน…ฮ่าฮ่าฮ่า!”


 


และในขณะที่เสียงนั้นกำลังล้อเลียนและหัวเราะเยาะชูฮันอยู่ จู่ๆเสียงของชูฮันก็ดังออกไปก้องกังวานไปทั่วทั้งค่ายซางจิงผ่านลำโพง “ผมชูฮัน สาบานกับตราพลเอกของจีน—–“

 

 

 


ตอนที่ 406

 

“ฉันชูฮัน ขอสาบานกับตราพลเอกของจีน—-” ชูฮันกำหมัดมือขวาวางไว้ตรงหัวใจ ตาสีดำสนิทของเขามองตรงไปข้างหน้า ชูฮันไม่เคยมีสายตาที่จริงจังขนาดนี้ จากนั้นเขาก็พูดออกมา “จะจงรักภักดีต่อจีนตลอดชีวิต”


 


ชูฮันไม่ได้มองกระดาษที่มีข้อความตรงหน้าเลยสักนิด!


 


เหตุการณ์ทั้งหมดตกอยู่ในความเงียบสงบ ทุกคนตะลึงเมื่อได้ยินคำสาบานที่แปลกไปจากปกติ


 


พวกคนที่ต่อต้านชูฮันที่นั่งอยู่ต่างก็ทำอะไรไม่ถูกกันหมด คำสาบานตนไม่สามารถเป็นแบบนี้ได้ กระดาษมันก็อยู่ตรงหน้าชูฮันแล้ว ทำไมเขาถึงไม่อ่าน!


 


ชูฮันยกยิ้มอย่างเย้ยหยัน ขณะยังคงกำหมัดแน่นคาที่หน้าอกข้างซ้ายและยืนนิ่งเงียบอยู่ที่เดิม


 


คำสาบานตนของชูฮันที่มีต่อกองทัพ มีง่ายๆสั้นๆเพียงแค่นี้!


 


&%$@%^!@$


เกิดเสียงปรบมืออย่างลุกฮือราวกับระเบิดที่จู่ๆก็ปะทุขึ้นมา ผู้คนทั้งค่ายซางจิงปรบมือกันด้วยความรู้สึกฮึกเฮิม นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้ยินคำสาบานที่เรียบง่ายและชัดเจนแบบนี้ หากด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยพลังแข็งแกร่งผลกระทบมันจึง—-


 


สดใหม่อย่างมาก ดูดีอย่างมาก และให้ความรู้สึกที่ดีมากแก่คนฟัง!


 


คนที่เคยกล่าวคำสาบานตนก่อนหน้านี้ต่างตะลึงกันหมด พวกเขาต่างรู้สึกเสียดาย ทำไมพวกเขาถึงไม่มีคำสาบานตนที่ดูหล่อเหลาแบบชูฮัน?


 


สถานการณ์ในตอนนี้ที่ตกอยู่ในความวุ่นวาย หลายคนตะโกนโวยวายเสียงดัง ทำไมคำสาบานตนถึงดูง่ายๆไม่เป็นทางการแบบนี้ แต่พวกเขาก็ว่าไม่ได้ว่ามันผิด…


 


ชูฮันทำทุกอย่างถูกต้อง ภักดีต่อใคร? ภักดีต่อค่ายซางจิง? ภักดีต่อผู้บัญชาการมู๋?


 


ไม่…เขาจงรักภักดีต่อจีนเท่านั้น


 


หลังจากคำสาบานตนของชูฮันถูกประกาศออกไป ชูฮันไม่มีความสำนึกผิดใดๆ ถึงแม้ชูฮันจะเป็นคนที่รอบคอบและสมเหตุสมผลที่สุดในซางจิง แต่เขาไม่ได้ภักดีต่อซางจิง เขาสาบานตนต่อตราพลเอกว่าจะรักภักดีต่อจีนเท่านั้น


 


พระเจ้า! คำสาบานตนของชูฮันไม่มีข้อบกพร่องให้แย้งเลย!


 


ฉางกวนหลงและตวนเจียงเหว่ยต่างมีสีหน้าอิหลักอิเหลื่อ พวกเขาสามารถเข้าใจแบบนี้ได้มั้ย…มันอาจจะมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันที่ชูฮันจะนำทัพมาโจมตีค่ายของพวกเขา? ด้วยเหตุผลที่ค่ายพวกเขาไม่จงรักภักดีต่อจีน นี่เขากำลังจะแสดงตนว่าเป็นคนที่จงรักภักดีต่อจีนที่สุดเหรอไง


 


โกหกสิ้นดี! ชูฮันกำลังเล่นละครครั้งยิ่งใหญ่!


 


“ไอ้เวรเอ๊ย! แก!” มีเสียงสบถไม่พอใจของบางคนดังขึ้น


 


เหล่าทหารที่นั่งอยู่ด้านหลังชูฮันแทบจะกระเด้งตัวขึ้นจากเก้าอี้แหกปากร้องด้วยความไม่พอใจอย่างสุดขีดหน้าตาที่บิดเบี้ยวอัดแน่นไปด้วยความไม่พอใจและอับอาย


 


“นี่มันคือการยั่วยุชัดๆ!”


 


“แล้วกระดาษที่ให้ไปล่ะ? ทำไมเขาถึงไม่อ่าน?”


 


“ชูฮัน! ผู้ชายคนนี้เกินกว่าใครจริงๆ!”


 


“แต่เขาเหมือนจะพูดถูก” บางคนก็มีความคิดต่างออกไป “วัตถุประสงค์ของคำสาบานตนก็คือเพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อจีน มันก็แค่เขาพูดมันอย่างตรงไปตรงมาเท่านั้นเอง”


 


“ในอดีตจงรักภักดีต่อจีนมันก็ถูกแล้ว แต่ตามกฏของซางจิงแล้วที่ตอนนี้เป็นหลักในการปกครอง เขาก็ต้องภักดีต่อซางจิง!”


 


ผู้บัญชาการมู๋และเลาหมิงที่นั่งอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนค่อนข้างประหลาดใจอย่างมาก ทั้งสองต่างจ้องหน้ากันไปมาอย่างเงียบๆ สายตาเป็นประกายแวววาว คำสาบานตนของชูฮันถูกประกาศออกมาแล้ว!


 


ไม่มีใครสามารถรับประกันได้ว่าซางจิงจะไม่เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นในอนาคต ถ้าการบริหารระดับสูงของซางจิงถูกควบคุมโดยคนคดโกง เช่นนั้นคำสาบานที่จะภักดีต่อซางจิงก็จะถูกกั้นไว้ด้วยตัวคำพูดเอง หากมันไม่เหมือนกันถ้าเป็นการสาบานว่าจะจงรักภักดีต่อจีน ในกรณีที่มีคนชั่วร้ายในค่ายซางจิง ชูฮันก็จะเป็นนเดียวที่กล้าส่งกองกำลังทหารมาจัดการในฐานะพลเอกที่รักดีต่อความมั่นคงของจีนไม่ใช่ค่ายซางจิง!


 


มันสง่างามและสมบูรณ์แบบมากจนแม้แต่ผู้บัญชาการมู๋และเลาหมิงยังคาดไม่ถึงเลยว่าชูฮันจะสาบานตนแบบนี้


 


จิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ทั้งสองคนหัวเราะออกมาพร้อมกัน หากขณะคนอื่นๆดูเหมือนกำลังจะเป็นบ้า


 


ชูฮันที่ปฏิญาณตนต่อคำสาบาน เพิกเฉยต่อความคิดเห็นของคนอื่นๆรอบๆ แน่นอนว่าเขารู้ว่าคำสาบานของเขาจะนำพาความไม่พอใจของหลายๆคนในซางจิงมา แต่นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น? จะให้เขาสาบานตนต่อซางจิงได้อย่างไร?


 


แล้วไหนจะเรื่องที่มันจะมีวิกฤตครั้งใหญ่เกิดขึ้นในซางจิงอีกปีครึ่งหลังจากนี้อีก ถ้าเขาสาบานว่าจะยกซางจิงขึ้นเหนือหัว เขาจะไม่สามารถสั่งการต่อสู้ได้เมื่อมันเกี่ยวข้องกับซางจิง?


 


อีกอย่างเขาพึ่งมาซางจิงได้แค่สองวันเท่านั้นแต่เขาสังเกตเห็นความผิดปกติของเมืองแล้ว มือที่คอยโจมตีผู้บัญชาการมู๋มีเข้ามามากกว่าสามทาง เพียงแต่ว่าความวุ่นวายมันยังไม่เดือดสุด และเขาก็ขี้เกียจเกินกว่าจะอยากมีส่วนร่วมกับเรื่องนี้


 


เขาจะเดินตามแผนที่เขาวางไว้ดีกว่า กลับไปสร้างค่ายของเขา ฆ่าซอมบี้เพื่อเก็บคะแนน สร้างทีมเขี้ยวหมาป่าขึ้น


 


และเขาจะภักดีแค่กับจีนเท่านั้น ใครกล้าจะลอบกัดเขา? ถ้ากล้าจะลอบกัดเขา เขาจะกลืนกินมันให้ไม่เหลือซาก!


 


เมื่อมองไปที่กระดาษคำสาบานปลอมที่เขียนข้อความเกินจริงตรงหน้า ชูฮันก็ยิ้มออกมา ต้องขอบคุณสำหรับของขวัญนี้ไม่อย่างนั้นเขาคงหาเหตุผลที่เหมาะสมที่จะเปลี่ยนคำสาบานตนไม่ได้


 


อยากให้เล่นตามบท?


ขอบคุณ! อย่าพึ่งเลิกเล่นก่อนล่ะ!


หลังจากงานเฉลิมฉลองผ่านพ้นไป ผู้คนก็สลายตัวกลับไปที่เดิมของตัวเอง ในตอนเช้ามันคือการนัดพบเพื่อการเฉลิมฉลอง และในตอนบ่ายมันคือการประชุมของคนระดับสูงในซางจิง พลเอกทั้งหมดที่มาซางจิงต่างเข้าร่วมกันหมด ชูฮันเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น


 


“ชูฮัน! ตอนบ่ายนายรอโดนกล่าวโทษได้เลย!” ชายคนหนึ่งชี้นิ้วมาทางชูฮันพร้อมแหกปากข่มขู่


 


“แม้แต่คำสาบานนายยังกล้าที่จะเปลี่ยน นายรอรับการรายงานให้ลดตำแหน่งได้เลย!” ชายแก่คนหนึ่งที่ดูมีอำนาจพูดข่มขู่ขณะเดินผ่านชูฮันไป


 


“ชูฮัน นายจบแล้ว ต่อจากนี้เราไม่รู้จักกัน” คนหนึ่งที่มักมองชูฮันในแง่ดีมาตลอดผิดหวังกับชูฮันอย่างมาก


 


“มันเป็นความจริงมั้ยที่คนหนุ่มสาวมีความซื่อสัตย์?”


 


“อย่าไปเชื่ออะไรแบบนี้ ฉลาดหน่อยสิ!”


 


ทีละคนๆที่เดินผ่านชูฮันไปต่างทิ้งคำพูดทิ้งท้ายไว้ให้ชูฮันกันหมด และรอคอยที่จะได้เจอกับชูฮันอีกครั้งที่การประชุมในช่วงบ่าย


 


ชูฮันไม่สนใจเลยสักนิด เขาได้ส่งคำสาบานปลอมนั้นให้เลาหมิงแล้ว ทางที่สุดที่สุดก็คือเลาหมิงไม่ตามหาคนที่เป็นคนส่งมอบกระดาษแผ่นนี้มา ไม่อย่างนั้นใครจะรู้คนๆนั้นอาจคนถูกลดขั้นหรือปลดออกได้


 


“หัวหน้า” เฉินช่าวเย่เดินมาหาชูฮันอย่างกังวล มือที่ถือไก่อยู่สั่นเทิ้ม “ฉันควรทำอย่างไร? ตำแหน่งพลเอกของหัวหน้าจะโดนปลดมั้ย?”


 


เพี้ยะ!


ชูฮันตบหัวเฉินช่าวเย่ “กินน่องไก่ของแกไปซะเหมือนหวังไค!”


 


“ใครคือหวังไค?”


 


“ทาสของฉัน”


 


“….”


 


“พี่แกสิ!” หวังไคตะโกนตอบอยู่ในหัวชูฮันขึ้นมาทันที ตามด้วยคำบ่นที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ “ฉันวิ่งวุ่นช่วยนายมาตลอด คอยช่วยนายตรวจสอบการติดตาม แต่นายกลับพูดจาแบบนี้กับฉัน? ฉันจะบอกให้ชูฮัน อย่ามาขอให้ฉันช่วยนายตรวจสอบอะไรอีก! นี่มันเกินกว่าจะรับได้—–“


 


ชูฮันแตะจมูกตัวเอง “น่องไก่สิบน่องติดต่อกันสามวัน”


 


หวังไค “ตกลง”

 

 

 


ตอนที่ 407

 

เฉินช่าวเย่หยิบจานอาหารที่เย็นชืดแล้ว 20 จานขึ้นมาและตามไปที่บ้านพักของชูฮัน เฉินช่าวเย่มองไปรอบพร้อมถอนหายใจ “ที่พักของพลเอกช่างหรูหราเหลือเกิน ฉันคิดว่าของฉันหรูหราพอแล้วนะ แต่ไม่คิดว่าของหัวหน้าจะขนาดนี้!”


 


ชูฮันมองไปที่การประดับประดาภายในบ้านและพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย


 


“ชูฮัน” ทันใดนั้นก็มีเสียงกระซิบของหลิวยู่ติงอยู่ด้านนอกของบ้าน


 


เฉินช่าวเย่มองไปที่น่องไก่ในมือ สายตาของชูฮันเป็นประกายจากนั้นเขาก็ออกคำสั่งกับหวังไคที่อยู่ห่างออกไปจากเขาหลายกิโลเมตรทันที “เมื่อถึงตอนบ่ายที่ฉันจะเข้าไปในห้องประชุม นายลอบเข้าไปในห้องข้อมูลแล้วช่วยฉันขโมยบางอย่างที…”


 


“นายจะพึ่งพาฉัน?” หวังไคแทบจะเป็นลม “นี่นายจะใช้แรงงานเด็ก?”


 


“เรื่องนี้ต้องรีบจัดการให้โดยเร็วที่สุด” ชูฮันพูดอย่างจริงจัง


 


“มันมากเกินไป ฉันสู้กับหนู 5 ตัววันนี้ ฉันเกือบจะถูกจับได้แล้วจนเกือบจะโดนเอาไปย่างกิน” หวังไคพูดไม่หยุดวัง “นี่ฉันยังไม่ทันได้หายใจ นายจะใช้งานฉันอีกแล้ว?”


 


“งั้นฉันจะไม่ให้น่องไก่นาย!”


 


“ฉันจะวางแผนเดี๋ยวนี้เลย”


 


———


 


ปี 2016, 1 มกราคม เวลาบ่ายโมงตรง ณ ห้องประชุมขนาดใหญ่ภายในเมืองชั้นในของค่ายซางจิงได้เปิดประชุมระดับสูงครั้งแรกของยุคโลกาวินาศขึ้น


 


ตลอดระยะเวลา 6 เดือนที่มนุษยชาติต้องประสบกับโลกาวินาศและซอมบี้จำนวนมหาศาลที่บุกทะลวง อีกทั้งยังมีการกำเนิดสายพันธุ์ลูกผสม การกดขี่ระยะยาวได้กดดันให้ผู้คนกลายเป็นนักรบได้ภายในเวลาไม่นาน ทั้งกองทัพซอมบี้ กลุ่มลูกผสมที่กำลังจะสร้างสงครามกับมนุษย์ ตอนนี้นำโดยซางจิงได้รวบรวมวิวัฒนาการและพรสวรรค์ระยะสูงและพลเอกจำนวน 15 คน เพื่อมาพูดคุยเกี่ยวกับแผนการการอยู่รอดของมนุษยชาติ!


 


ครั้งนี้เป็นการประชุมที่มีความสำคัญอย่างมาก ไม่มีใครมาสายและชูฮันก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น


 


ห้องมีโต๊ะยาวตั้งอยู่กลางวงล้อมประกอบไปด้วยผู้มีอำนาจที่แท้จริงของซางจิงและพลเอก 15 คน ที่นั่งถูกจัดตามลำดับตำแหน่ง และในจำนวนคนที่นั่งล้อมวงกันอยู่ก็มีคนที่ชูฮันรู้จักอยู่พอสมควร ทั้งเขี้ยวมังกร อี้ ฟาน จุนจื่อ จุ้ยชู และเฉินช่าวเย่


 


มองไปที่ความกดดันบนสีหน้าของแต่ละคน มันเป็นการประชุมที่ใหญ่โตที่สุดที่เคยมีมาตั้งแต่เกิดการปะทุ การเดินทางครั้งนี้ไม่เปล่าประโยชน์เลย!


 


ทางด้านซ้ายของชูฮันคือตวนเจียงเหว่ย ส่วนทางด้านขวาชูฮันไม่รู้จัก ส่วนฝั่งตรงข้ามคือพลเอกจวงฮงซึ่งอยู่ห่างออกไปแค่เพียง 1 เมตร สีหน้าของจวงฮงอัดแน่นไปด้วยอารมณ์หลากหลาย


 


ผู้บัญชาการมู๋ที่นั่งอยู่เก้าอี้ตัวแรกเปิดการประชุม


 


เลาหมิง ที่นั่งถัดไปจากผู้บัญชาการมู๋พยักหน้าและเริ่มดำเนินการประชุมหลังจากมองไปรอบๆ “เรื่องแรกก็คือ ข้อเสนอที่จะปลดตำแหน่งของชูฮันจากจดหมายลงนามของนายทหารจำนวนมาก ถูกปฏิเสธ”


 


พรึบ! พรึบ! พรึบ!


สายตานับร้อยพุ่งมาหาชูฮันทันที สายตาที่มองมาเหมือนจะทิ่มแทงชูฮันไปได้หลายรูแล้ว


 


แค่ก! แค่ก!


ชูฮันไอออกมา เรื่องแรกของการประชุมกลายเป็นการถกเถียงประเด็นของเขาว่าควรออกจากตำแหน่งมั้ย? คนพวกนี้อยากจะเล่นกับเขาจริงๆสินะ!


 


“ทำไมถึงปฏิเสธครับ?” จวงฮงรีบแย้งขึ้นมาทันที “มีคนมากมายร่วมลงนามและจำนวนลายเซ็นต์ที่ลงนามที่เกินมากกว่าครึ่งของคนในห้องนี้ แล้วทำไมเรื่องนี้ถึงถูกปฏิเสธ? ผู้เฒ่าเลา ท่านเห็นแก่ตัวมาก!”


 


“ท่านครับ” บางคนรีบผุดลุกขึ้นพูดเสียงดัง “ชูฮันทำการปลอมแปลงเอกสารด้วยตัวเองอย่างลับๆ ไม่เคารพต่อตราตำแหน่งพลเอก ไม่เคารพค่ายซางจิง และไม่เคารพทุกคนที่เตรียมการคำสาบานตนให้เขา คนคนนี้เหมาะสมกับการเป็นพลเอกแล้วเหรอ?”


 


ชูฮันส่ายหัวอย่างหมดหนทาง เขาคิดว่ามันจะเป็นการประชุมที่เข้มวงดและจริงจัง แต่กลายเป็นว่ามันเป็นเรื่องดีที่สามารถสู้กันได้ในการประชุม ในเมื่อการประชุมนี่ไม่ได้เป็นระเบียบและทางการอย่างที่เขาคิด ใครก็สามารถลุกขึ้นมาคัดค้านได้ การประชุมแบบนี้ช่างเหมาะสมกับเขาสุดๆ!


 


“นี่เป็นคำสาบานตนที่ถูกมอบให้ชูฮันเมื่อเช้านี้ คนที่เป็นคนส่งมอบให้ชูฮันได้ถูกควบคุมตัวไว้แล้วในตอนนี้ เพราะฉะนั้นหัวข้อนี้ไม่ควรจะถูกยกขึ้นมาพูด โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากคุณ” เลาหมิงพูดอย่างขี้เกียจ จากนั้นก็โยนกระดาษลงกลางโต๊ะ


 


จวงฮงหยิบกระดาษที่มีคำสาบานตนขึ้นมาดูทันที และทันทีที่เขากวาดตาอ่านมัน ตาของจวงฮงก็เบิกกว้างตามมาด้วยความเงียบ คำสาบานตนถูกส่งต่อไปรอบๆวงและสุดท้ายก็กลับมาที่เลาหมิง ทั้งห้องประชุมตกอยู่ในความเงียบสงบทันทีที่ทุกคนได้เห็นกระดาษแผ่นนั้น


 


“เฮอะ!” เลาหมิงแสยะยิ้ม “อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าแต่ละคนคิดอะไรอยู่ ก่อนที่จะทำเรื่องนี้คิดถึงผลลัพธ์ที่ตามมาด้วย จะให้ปลดตำแหน่งพลเอกงั้นเหรอ?”


 


“ข้อเสนอแรกถูกปฏิเสธไป” ในจังหวะนั้นผู้บัญชาการมู๋ก็พูดขัดเลาหมิงที่กำลังจิบชาอยู่ “มีข้อคัดค้านอะไรมั้ย?”


 


“ไม่”


 


“ไม่”


 


“ข้อต่อไป”


 


ทั่วทั้งห้องประชุมไม่มีใครส่งเสียงคัดค้าน อีกครั้งที่สถานการณ์นี้ทำให้ชูฮันอยากจะแหกปากออกมา มันทำให้เขาตะลึงมาก เป็นไปได้อย่างไรที่คนมากมายขณะนี้มีส่วนร่วมกับเหตุการณ์เมื่อเช้านี้? เหตุการณ์ถูกเปิดเผยและเสียงที่คัดค้านทั้งหลายก็เงียบไปทันที นี่มันเกินไป!


 


และในจังหวะที่เลาหมิงกำลังจะพูดต่อ จู่ๆชูฮันก็ลุกขึ้นและพูดด้วยท่าทางโกรธจัด “ผมคัดค้าน!”


 


เสียงที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหันของชูฮันไม่เพียงแต่ทำให้ทุกคนตะลึง แต่ตวนเจียงเหว่ยที่นั่งอยู่ข้างชูฮันก็ไม่อาจเข้าใจได้ว่าชูฮันกำลังคิดอะไรอยู่


 


“ชูฮัน! คุณจะทำอะไร?” ผู้จัดการทรัพยากรในซางจิง…พันชางเซียนกลัวมากเขารีบลุกขึ้นถามเพื่อให้ชูฮันหยุดประเด็นนี้ “คุณจะบอกว่าตำแหน่งพลเอกนี้ผิด? หรือมันยุ่งยาก? เรื่องก่อนหน้านี้ก็ได้รับการตรวจสอบแล้ว”


 


ชูฮันสูดลมหายใจเข้าลึกมองไปที่พันชางเซียนอย่างหมดความอดทน ตามาด้วยสายตาของกลุ่มคนที่มองมาอย่างไม่เข้าใจ “ผมไม่ได้พูดว่าผมไม่อยากเป็นพลเอก?”


 


“แล้วคุณคัดค้านเรื่องอะไร?” พันชางเซียงโพล่งออกมา แต่เมื่อหลุดปากออกมาพันชางเซียนก็ต้องตะครุบปากตัวเอง ฉันจะถามเขาไปทำไม? นี่มันโอกาสของชูฮันชัดๆ!


 


มีรอยยิ้มบนหน้าชูฮันแวบผ่านจากนั้นเขาก็เอ่ยปาก “ผมอยากจะให้ตำแหน่งของผมเป็นการรับประกันแบบตลอดชีวิต!”


 


อย่างไรก็ตาม ชูฮันไม่ปล่อยโอกาสให้คนพวกนี้ได้ทันตั้งตัว เขาพูดต่อทันที “ดูสิ่งที่ผมได้พบเจอตั้งแต่ที่ผมมาถึงซางจิงสิ ถูกผู้คนรวมกันปองร้าย ถูกหลอกลวงและข่มขู่ชีวิต และตอนนี้ก็ยากที่จะรักษาตำแหน่งพลเอกเอาไว้ได้ แถมยังมีคนที่คอยจะทำร้ายอยู่ตลอด! ผมถูกปลอมแปลงเอกสารและจะบอกว่ามันง่ายที่จะเอาเรื่องคนที่จงใจทำเหรอ คิดว่ามันง่ายเหรอที่จะคิดคำสาบานตนขึ้นใหม่ทันที? ผมถูกกลั่นแกล้งบนต่อหน้าสายกี่พันคู่ที่มองมาตอนอยู่บนเวทีโดยที่ไม่สามารถทำอะไรได้ มันไม่ง่ายเลยที่จะคิดคำสาบานตนใหม่และรวดเร็วทันทีแบบนั้น แล้วผมทำให้กองทัพเสียหน้ามั้ย? เปล่า! ผมทำอะไรที่เป็นผลเสียต่อซางจิงมั้ย? เปล่า! ผมไม่ได้ทำอะไรผิดเลยแต่ทำไมผมต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่เสี่ยงต่อการโดนปลดตำแหน่งแบบนี้!”


 


“เพราะฉะนั้น ผมจะต้องทำให้มั่นใจว่าเรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกในอนาต ผมขอให้ตำแหน่งพลเอกของผมมีผลตลอดชีวิต!”

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม