Apocalypse Meltdown 347-361
347
“ไม่!” เด็กชายตะเกียจตะกายตัวขึ้นเงยหน้าจ้องเขม็งไปที่คู่รักนั่นด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความแค้นใจและเกลียดแค้น “พวกเขาจะขโมยของของผม! ผมก็แค่สู้สุดชีวิต พวกพี่ชายดูสิ พวกเขาต่างหากที่รังแกผม!”
น้ำเสียงของเด็กชายเต็มไปด้วยความคับแค้นใจและเกลียดชังและความรู้สึกซับซ้อนที่อัดแน่นเต็มไปหมด แววตาของชูฮันเป็นประกายขณะมองเด็กชาย
“ช่างเป็นการแสดงที่ยอดเยี่ยมสุดๆ!” หวังไคในกระเป๋าชูฮันส่งเสียงประชด
“แก ไอ้เด็กเหลือขอ อยากจะตายเหรอไง!” ชายที่เป็นคู่รักกับหญิงสาวโกรธจัด เขาก้าวเท้าเข้าไปใกล้เด็กชายที่นั่งอยู่ที่พื้นและเตะเข้าไปที่ลำตัวเด็กชายอย่างแรงจนเด็กชายคนนั้นกระอักออกมาเป็นเลือด
เด็กชายตัวน้อยไม่มีกำลังที่จะขัดขืนอะไรทั้งนั้น ได้แต่เพียงมองไปที่ฝูงชนที่ยืนดูอยู่ด้วยแววตาเกลียดแค้น
“พี่หวังไค พี่ว่าใครโกหก?” ไก๋หนานเอ่ยปากถามชูฮันที่เป็นวิวัฒนาการระยะ 3
คนอื่นๆเองก็ต่างมองมาที่ชูฮันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามเหมือนกัน เด็กชายได้รับบาดเจ็บและยังคงอ้วกออกมาเป็นเลือด ขณะที่คู่รักก็มีสีหน้าท่าทางที่ดูหวาดกลัวเหลือเกิน ทว่าเมื่อสังเกตทั้ง 3 คนแล้ว ทุกอย่างมันชัดเจนสำหรับชูฮันว่าเด็กชายถูกใครทำร้ายและภาพฉากที่เด็กชายร้องไห้ท่ามกลางฝูงชนก่อนหน้านี้ก็พอจะทำให้เหล่าทหารเดาสาเหตุที่มาของเหตุการณ์นี้ออกได้และพวกทหารก็เชื่อในคำพูดของคู่สามีภรรยาคู่นี้
เห็นได้ชัดว่าเด็กชายนี้จะฆ่าคู่รัก!
เด็กชายตัวเล็กจ้องไปที่ชูฮันด้วยสายตาอ้อนวอน จากนั้นก็จ้องเขม็งไปที่คู่รักด้วยแววตาโกรธเกลียด
ชูฮันจับคางตัวเองพร้อมกับพูดบางอย่างที่ทำให้ทุกคนมองมาด้วยสายตาประหลาดใจ “ฉันก็เห็นแบบนั้น”
ใบหน้าโกรธจัดของคู่สามีภรรยาเปลี่ยนเป็นตกใจภายในฉับพลัน จากนั้นก็จ้องมาที่ชูฮันด้วยแววตาโมโห ฝ่ายผู้ชายจึงเปิดปากพูด “ไอ้เด็กนี้โจมตีใส่เรา นายไม่เห็นเหรอไงตอนที่มาถึง? อาวุธของไอ้เด็กนี้ยังอยู่ที่พื้นอยู่เลย และพวกเราไม่ได้ขโมยของอะไรของมันมาเลยสักนิด เราไม่รู้จักเด็กนี้ เด็กนี้ต่างหากที่จะฆ่าเรา!”
คู่รักสามีภรรยาไม่คิดว่าชูฮันจะยื่นมือเข้ามาท่ามกลางสภานการณ์แบบนี้ นี่ชูฮันจงใจจะช่วยเด็กนั่นใช่มั้ย?
เด็กชายตัวเล็กที่นั่งอยู่ที่พื้นกระพริบตาอย่างมึนงงขณะมองไปที่ชูฮันด้วยสายตาประหลาดใจและซาบซึ้ง แม้จะยังไม่เข้าใจว่าชูฮันมองออกได้อย่างไรว่าสองสามีภรรยานั้นโกหก
เหล่าทหารทั้งกองนิ่วหน้าด้วยความไม่เข้าใจ คำตอบของชูฮันอยู่เหนือความคาดหมายของพวกเขากันหมด พวกเขาจึงเลือกที่จะฟังอย่างเงียบๆแทน
ไก๋หนานขมวดคิ้วขณะจ้องไปที่คน 4 คนตรงหน้าเขาที่รวมถึงชูฮันผู้ซึ่งได้กลายเป็นเป้าหมายหลักของความสงสัยทุกอย่างไปแล้ว ใครโกหกกันแน่?
“พาทั้ง 3 คนนี้ไป” เสียงของไก๋หนานเต็มไปด้วยพลังและความแข็งขัน เขาเผชิญหน้ากับชูฮันพลางพูด “หวังไค สองสามวันนี้นายไม่ควรห่างจากตัวฉันเกิน 10 เมตร”
ปรากฏว่าแม้แต่ชูฮันก็กลายเป็นผู้ต้องสงสัยไปด้วย วิวัฒนาการคนอื่นๆรีบมาที่จุดเกิดเหตุทันทีที่ได้ยินข่าว โดยเฉพาะหลูชูซเวที่มึนงงมากกับผลตัดสินที่ชูฮันได้รับ ชูฮันผู้ซึ่งมักจะได้รับความนับถือและไว้วางใจจากไก๋หนานกลับกลายเป็นผู้ต้องสงสัยเหมือนกันงั้นเหรอ?
“ฮ่าฮ่าฮ่า! โง่ โง่เง่าสุดๆ” ตวนฮงไม่ยอมปล่อยโอกาสที่จะได้ทับถมชูฮันหลุดไป “เป็นไงล่ะ เชื่อมันหนักหนา ฉันบอกแล้วว่ามันก็แค่ขยะ!”
เป็นครั้งแรกที่ไม่มีใครขัดคำสบถด่าของตวนฮง บางคนเริ่มสงสัยชูฮันอย่างจริงจัง บางคนก็มองไปที่ชูฮันด้วยสายตาเย็นชา
บางคนคิดว่าชูฮันอาจจะบงการความคิดพวกเขาอยู่? เพราะสุดท้าย ระยะเวลาที่เริ่มมีการหายตัวไปของผู้คนนั้นก็เป็นช่วงเวลาใกล้เคียงกับการปรากฏตัวของชูฮันพอดี
หวังไคที่อยู่ในกระเป๋าชูฮันไม่เข้าใจ “ทำไมนายไม่บอกความจริงไปเลย?”
ชูฮันที่ยังคงเดินตามกลุ่มที่เดินนำหน้าอยู่ตอบหวังไคในหัว น้ำเสียงหมองๆ “ฉันไม่รู้สถานการณ์จริงๆ”
“เหอะ” หวังไคพูด “นายแน่ใจเหรอว่านายอยู่ที่นั่นจริงๆ?”
“แต่ฉันไม่ได้ทำ ฉันแค่เห็นเด็กนั่นกำลังจะฆ่าคู่สามีภรรยา เพราะสองสามีภรรยานั่นเอาแต่ทำร้ายเขา แต่เด็กมันโกหก?”
“นี่อาจจะเป็นสาเหตุของการโกหก?” ชูฮันยิ้มและยิ้ม ทว่ามันมาพร้อมกับความเย็นยะเยือกที่ระงับไว้ในอก “คู่รักคู่นี้น่าสนใจมาก เห็นได้ชัดว่าพวกเขารู้สึกละอาย”
“แต่ตอนนี้นายเป็นคนที่โดนเพ่งเล็ง!” หวังไคพูดขึ้นอีกครั้ง น้ำเสียงแฝงไปด้วยความกังวลง “ไก๋หนานที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับนายก็ยังสงสัยในตัวนาย นายจะมากังวลเรื่องคู่สามีภรรยานั่นทำไม?”
“มันมีการสมรู้ร่วมคิดมากมายในโลกาวินาศ ฉันต้องทำยังไงดีกับเรื่องนี้?” เสียงของชูฮันนิ่งสงบ “แต่ไม่มีใครเห็นฉัน”
มันเป็นไปไม่ได้ที่จะพักผ่อนในช่วงกลางดึก ทุกคนต่างเหนื่อยล้าหากความเร็วในการเดินไม่ได้ลดลงเลยโดยเฉพาะกลุ่มทหารและวิวัฒนาการที่นำหน้าอยู่ พวกเขาไม่มีปัญหาเรื่องอาหารและสมรรถภาพทางกายภาพ พวกเขามักจะแข็งแรงและมีพละกำลังอยู่เสมอ ก้าวเดินไปเรื่อยๆอย่างสม่ำเสมอ ทำให้กลุ่มผู้รอดชีวิตขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านหลังไม่สามารถหยุดพักได้
คู่สามีภรรยาถูกล้อมตัวไว้อย่างแน่นหนา เช่นเดียวกับเด็กชาย ทว่าพวกเขาเป็นแค่คนธรรมดาที่แทบจะหมดลมหายใจอยู่ด้านหน้าของขบวน โดยเฉพาะเด็กชายตัวผอมบางที่ดูเหมือนพร้อมจะเป็นลมไปได้ทุกเมื่อ
ไก๋หนานเดินเข้ามาประชิดชูฮันจากทางด้านหลังและพูดด้วยน้ำเสียงกระซิบที่ไม่มีใครสามารถได้ยินนอกจากพวกเขาทั้งคู่ “หวังไค บอกความจริงฉันมา”
ไก๋หนานเฝ้าสังเกตมาทั้งวัน สังเกตได้ว่าตั้งแต่แรกเริ่มเด็กชายไม่ได้มีท่าทียั่วยุใดๆเลยสักนิดและสายตาที่เด็กชายมองมาที่ชูฮันก็มีแต่ความขอบคุณและความอิจฉา ทว่าสายตาที่มองไปที่คู่สามีภรรยากลับเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเด็กชายอาจจะพูดความจริง
ชูฮันบิดริมฝีปากขณะจ้องไปที่ไก๋หนานด้วยสายตาเย็นยะเยือกและพูดน้ำเสียงเบาๆ “แล้วถ้าฉันไม่บอกล่ะ?”
ลมหายใจของไก๋หนานรุนแรงและยุ่งเหยิงทันที เมื่อลองย้อนกลับไปนึกถึงคำพูดของตวนฮงก่อหน้านี้ มันเป็นครั้งแรกที่ไก๋หนานรู้สึกว่าตัวเขากำลังถูกเล่นเกมส์อยู่!
พรึบ!
ไก๋หนานชักมีดสั้นออกมาโดยไม่มีการเตือนใดๆทั้งสิ้นพร้อมกับเล็งเป้าพุ่งเข้าไปที่เอวของชูฮัน!
ในขณะเดียวกัน เสียงของไก๋หนานก็ดังขึ้น “นายเป็นวิวัฒนาการระยะ 3 แต่ฉันลืมบอกนายไปอย่างหนึ่ง ฉันเองก็เป็นวิวัฒนาการระยะ 3 เหมือนกัน”
ตึง!
มีเสียงดังลั่น ไก๋หนานรู้สึกชาที่แขน มันมีกริชที่มีด้ามจับสีดำด้านสกัดมีดสั้นของไก๋หนานเอาไว้ พร้อมกับเสียงที่เบาหวิวของชูฮัน “นายเป็นวิวัฒนาการระยะ 3 แต่ฉันก็ลืมบอกนายไปอีกอย่าง หวังไคไม่ใช่ชื่อจริงของฉัน”
348
แน่นอนว่ามันคือการยั่วยุ!
ความโกรธพวยพุ่งขึ้นมาจากอกของไก๋หนาน ตาของไก๋หนานคมกริบพร้อมกับมีดสั้นในมือที่พุ่งเป้าโจมตีเข้าใส่ลำตัวช่วงบนของชูฮัน เขาจงใจจะฆ่า!
ชูฮันบิดมือซ้ายของเขาโดยที่แขนแทบไม่ได้ขยับเคลื่อนเลย เพียงแค่การขยับข้อมือเล็กน้อยมันก็เกิดภาพการเคลื่อนไหวของการต่อสู้อันสวยงามขึ้น มุมและจังหวะนั้นถูกต้องอย่างแม่นยำและสามารถป้องกันการโจมตีของไก๋หนานได้อีกครั้งหนึ่ง มีดสั้นที่เป็นอาวุธที่ต้องอาศัยความคุ้นเคยและเทคนิคในการใช้งาน ทว่าชูฮันกลับใช้งานมันได้อย่างสมบูรณ์แบบโดยที่ลมหายใจของเขาแทบไม่ได้เปลี่ยนไปเลยสักนิดขณะกำลังต่อสู้
ตึง!
ชูฮันค่อยๆปรือตาขึ้นจ้องหน้าไก๋หนาน “ยังมีอีกอย่างหนึ่งที่ฉันลืมบอกนาย นายไม่ควรโจมตีที่ฝั่งซ้ายของฉัน”
โดยปกติแล้วผู้คนมักจะถนัดมือขวา ชูฮันเองก็เช่นกัน เขาไม่ใช่พวกนัดมือซ้ายทว่าไก๋หนานต้องนึกไม่ออกแน่ๆเพราะชูฮันได้ฝึกฝนใช้กริชด้วยมือซ้ายมาเป็นเวลามากกว่า 10 ปีแล้ว
ขณะนั้นเอง ชูฮันก็รู้สึกประหลาดใจเหมือนกันที่ได้เห็นไก๋หนานถือมีดสั้นไว้ในมือ มันเป็นไก๋หนานคนเดียวกับที่เขารู้จักในชาติที่แล้วจริงๆด้วย แต่ในชาตินี้มันกลับไม่มีแผลเป็นบนใบหน้าของไก๋หนาน ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ชูฮันจำไก๋หนานไม่ได้ในครั้งแรกที่เจอกันในชาตินี้
มุมปากของชูฮันยกยิ้มขณะคิด ผู้ชายคนนี้ยังหุนหันพลันแล่นเหมือนเดิมเสมอ
ชูฮันบิดข้อมืออีกครั้งพร้อมกับปลายคมของกริชในมือที่ถูกกระดกขึ้น ส่งผลให้มีดสั้นในมือของไก๋หนานอยู่ในมุมที่ไม่สามารถควบคุมได้ ทันใดนั้นชูฮันก็ยกมือข้างซ้ายขึ้นอย่างรวดเร็วโดยไร้สัญญาณเตือนใดๆ และในจังหวะที่ไก๋หนานปรับมุมข้อมือที่จับมีดสั้นในมือไว้ได้ กริชที่เย็นเฉียบของเขาชูฮันก็ปราดไปจ่อเข้าที่ลำคอของไก๋หนานไว้เรียบร้อยแล้ว
จังหวะการเดินของทั้งสองคนไม่ได้เปลี่ยนไป ทั้งคู่ยังคงเดินไปกับกลุ่มเหมือนเดิมตั้งแต่เริ่มจนจบ ภาพที่ทุกคนมองมาก็คือทั้งคู่เดินตัวติดกันมากเท่านั้นเอง หากไม่มีใครดูออกว่าแท้จริงแล้วทั้งคู่กำลังห่ำหั่นกันอยู่
กริชที่เย็นเฉียบและคมกริบของชูฮันสามารถเฉือนคอไก๋หนานตรงเข้าไปตัดเส้นเลือดใหญ่และตายได้ในทันที เพียงแค่การขยับมุมเพียงเล็กน้อยของทั้งคู่ก็มากพอที่จะทำให้กริชแหลมคมตัดเข้าผิวเนื้อตรงลำคอของไก๋หนานแล้ว แต่มันเป็นเรื่องง่ายมากสำหรับชูฮันที่จะควบคุมกำลังและมุมของกริชเอาไว้ตลอดทางที่ยังคงเดินอยู่ ทำให้ไก๋หนานไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร
มันไม่มีการหยุดฝีเท้า และทุกคนที่เดินตามหลังพวกเขามาก็ยังคงคิดว่าทุกอย่างปกติ
หน้าของไก๋หนานครึ้มตลอดทางพร้อมกับที่มีปลายคมของกริชที่จ่อลำคอเขาเอาไว้ ไก๋หนานไม่กล้าแม้แต่จะพูดอะไรออกมาสักคำด้วยเพราะการขยับเพียงน้อยนิดอาจจะเป็นการทำร้ายตัวเองได้ แต่ดูเหมือนว่า ‘พี่หวังไค’ ที่อยู่ข้างๆดูเหมือนจะชื่นชอบการปั่นประสาทเหลือเกิน เพราะคมมีดที่นาบอยู่ตรงลำคอเขานั้นจะหลวมและแน่น สลับไปมาทุก 5 นาที!
ถือให้มันดีๆหน่อยไม่ได้เหรอไง! มือมึงมีปัญหาเหรอ?
ขณะที่ไก๋หนานกำลังจะทนกับเกมส์ปั่นประสาทของชูฮันไม่ไหว จู่ๆชูฮันก็ชักกริชกลับไป ทำให้ไก๋หนานได้เห็นจังหวะเชือกที่ผูกกับกริชไว้ที่แขนขวาของชูฮัน
ความคิดของการลอบโจมตีลุกโชนขึ้นในหัวของไก๋หนานทันที ไก๋หนานยิ้ม…การโจมตีกริชของหวังไครวดเร็วจนมองไม่เห็น และหวังไคยังสามารถป้องกันการลอบโจมตีครั้งแรกของเขาได้ แถมยังหยุดครั้งที่สองต่อได้อีกก็ตาม
เมื่อมองไปที่มีดสั้นของตัวเอง ไก๋หนานก็ไม่กล้าจะยกมันขึ้นมาต่อหน้าชูฮันอีก การป้องกันแบบนี้ ชูฮันสามารถซ่อนกริชไว้ได้โดยไม่ที่ไม่มีใครมองเห็นทว่าชูฮันกลับแสดงให้เขาเห็นอย่างจงใจ ไม่ใช่ว่าตำแหน่งของที่ซ่อนกริชไม่ได้รับการปกปิดทว่ามันเป็นเพราะชูฮันมีความมั่นใจอย่างที่สุดต่างหากว่าไก๋หนานจะทำอะไรเขาไม่ได้
ไก๋หนานรู้สึกพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์แบบ เขาถูกชูฮันเอาชนะได้อย่างง่ายๆ ไม่ว่าจะทั้งการต่อสู้ทางด้านกายภาพหรือจิตใจ
ไก๋หนานไม่มีอะไรจะพูด ชูฮันเองก็ไม่พูด เหมือนกับว่าความอดทนเป็นทักษะที่เต็มเปี่ยมสำหรับชูฮัน
“นายเป็นใคร?” สุดท้าย ไก๋หนานก็เป็นคนแรกที่เปิดปากพูด
“ถ้าเราได้มีโอกาสเจอกันอีกในอนาคต ฉันจะบอกนาย” ชูฮันยิ้มที่มุมปาก…นายเป็นนายทหาร ไม่ช้าก็เร็วนายก็ต้องทำความเคารพหัวหน้าของนาย
ไก๋หนานสูดลมหายใจเข้าลึกและตัดสินใจที่จะไม่เสียเวลาไปกับเรื่องนี้อีก เขาเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “เมื่อคืนนี้มันเกิดอะไรขึ้น”
“ดูที่ชื่อของนายและมีดอยู่ตรงหางตาขวา” ชูฮันพูดประโยคที่กำกวมขึ้นมา ตามด้วย “ฉันให้นายได้แต่คำใบ้ ฉันไม่ได้ทำอะไรในคืนนั้น”
“อะไรน่ะ?” ไก๋หนานได้ยินเสียงกรีดร้องที่ดังมาจากฝูงชน
“อะไร?” เสียงฝีเท้าของชูฮันมีการเปลี่ยนแปลง น้ำเสียงของชูฮันแฝงไปด้วยความรังเกลียดเล็กน้อย “อารมณ์ของผู้คนยังคงเป็นเรื่องสำคัญ!”
ไก๋หนานตกใจกับประโยคที่สองของชูฮันเป็นเวลาพักใหญ่ มันหมายความว่ายังไง?
ไม่นานไก๋หนานก็สนใจกับข้อมูลที่ชูฮันให้มา “ถ้านายไม่ได้ทำ นั่นก็หมายความว่าเด็กนั่นถูกคู่สามีภรรยาใส่ร้าย? แต่พวกเราทุกคนคิดว่าเป็นนาย นี่มันภาพลวงตาชัดๆ สรุปว่านายไม่ได้ทำอะไรเมื่อคืนนี้เพียงแค่ไปอยู่ตรงนั้นพอดี ส่วนคู่สามีภรรยานั้นคือตัวปัญหา?”
“อาจจะ” ชูฮันเองก็ไม่มีคำตอบ
“ไม่ใช่ว่าทั้งสองคนนั่นพึ่งจะแต่งงานกันเมื่อวานนี้เพื่อตบตาพวกเราเหรอไง?” เสียงของไก๋หนานเต็มไปด้วยความโกรธ
“ไม่” ชูฮันแก้ไขการเข้าใจผิดของไก๋หนาน “เด็กนั่นเป็นฝ่ายที่โกหก”
“เอ่อ–?” ไก๋หนานประหลาดใจและสับสน
ทว่าสักพักไก๋หนานก็ชะงัก ทำไมเขาถึงโดนชูฮันชักนำได้? อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่เรื่องสำคัญ สิ่งที่สำคัญก็คือเรื่องเมื่อคืนได้เปิดเผยความผิดปกติบางอย่างให้เห็น เด็กชายที่ดูบริสุทธิ์ และการกระทำแปลกๆของคู่สามีภรรยา และตัวตนที่ปกปิดของชูฮัน
สถานการณ์นี้มันคืออะไรกัน?
“ทำไมเมื่อวานนี้นายไม่บอกความจริงล่ะ?” นี่เป็นสิ่งที่ไก๋หนานคิดว่ามันไม่สมเหตุสมผลที่สุด ทำไมชูฮันถึงยินดีที่จะพูดวันนี้แต่เมื่อวานกลับเลือกที่จะเงียบ?
“เมื่อวานนี้นายอยู่ในช่วงจังหวะวิกฤตที่พร้อมจะระเบิดอารมณ์อย่างไม่ยั้งคิด เพียงแค่อะไรกระทบนิดหน่อยมันอาจจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ ถ้าฉันพูดความจริงออกไปในตอนนั้น นายจะยอมรับได้เหมือนในตอนนี้ที่นายได้ทบทวนและวิเคราะห์อย่างมีเหตุผลมั้ยล่ะ?” ชูฮันแสยะยิ้ม “ฉันคิดว่าเด็กนั้นคงจะถูกลากไปทรมานเค้นความจริง ถูกมั้ย?”
ไก๋หนานเงียบ ชูฮันพูดถูกแล้ว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกระทันและต่อเนื่องเมื่อคืนนี้ทำให้พวกเขาเสียการควบคุม ถ้ามันไม่ใช่เพราะชูฮันตัดสินใจที่จะเงียบไว้ตั้งแต่แรก พวกเขาทั้งหมดก็คงต้องเสียใจในการกระทำของตัวเองเป็นแน่
“ขอบคุณมากสำหรับความหวังดี ขอบคุณพี่ชาย” ไก๋หนานพูดขอบคุณหวังไคออกมา จากนั้นก็ผละออกไป ชูฮันคิดว่าไก๋หนานคงจะไปปรึกษากับพรรคพวกของเขาอย่างแน่นอน
“ทำไมไม่พูดไปล่ะว่าเพราะนายขี้เกียจเกินกว่าจะมานั่งจัดการ? เหมือนที่นายบอกฉัน?” หวังไคพูดขึ้นในหัวชูฮัน “ฉันไม่เชื่อเรื่องไร้สาระที่นายพูดเมื่อกี้หรอก ไอ้การวิเคราะห์อย่างมีเหตุผลอะไรนั้นก็แค่ข้ออ้าง? ความจริงแล้วนายไม่สนด้วยซ้ำว่าเด็กนั้นจะเป็นหรือตาย”
“ใช่ ฉันไม่ได้อยากจะพูด แต่บางทีฉันก็เปลี่ยนความคิดได้?”
หวังไค “…”
349
หลังจากวันแห่งการเร่งรีบ ทุกคนต่างเหนื่อยล้าหลังจากผ่านการเดินทางมาตลอดทั้งวัน พวกเขาออกเดินทางตั้งแต่เช้าตรู่และหยุดพักในตอนค่ำ
เด็กชายเหนื่อยล้าอย่างสุดขีดจนแทบจะเป็นลม แต่เขาก็ยังพยายามฝืนตัวเองอย่างเต็มที่ซึ่งทำให้ชูฮันประหลาดใจเล็กน้อย
“นายชื่ออะไร?” ชูฮันถามขึ้นมาขณะมองเด็กชายที่กำลังกินบางอย่างอยู่
“ซงเสี่ยว” เสียงของเด็กชายอ่อนโยนขณะมองตาของชูฮันและพูดต่อ “ทำไมเมื่อวานนี้พี่ถึงช่วยผม? พี่ก็เห็นทุกอย่างหนิ ว่าฉันอยากจะฆ่าพวกมัน?”
ชูฮันพยายามจะตอบคำถาม ทว่าจู่ๆมันก็มีน้ำเสียงน่ารังเกียจดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง
“เหอะ! ขยะสองตัวนั่งอยู่ด้วยกัน? แน่นอนว่าขยะก็เป็นได้แค่เพื่อนกับขยะด้วยกันเท่านั้นแหละ ถ้าแกอยากจะเป็นหมา แกควรจะเรียนรู้วิธีเห่าก่อนนะ” ตวนฮงมีสีหน้าชั่วร้ายและคำพูดของเขาที่พูดออกมาก็ยิ่งแสดงให้เห็นถึงความคิดที่ชั่วร้ายยิ่งกว่า
หน้าของซงเสี่ยวเดือดดาลทันที ซงเสี่ยวแทบจะอยากจะเอามีดแทงตวนฮง!
“แกเห็นอะไรล่ะ? ของเหม็นเน่าสินะ!” ตวนฮงรู้การเคลื่อนไหวและความวุ่นวายของเรื่องคืนนั้นหมดแล้ว ตวนฮงจ้องไปที่ตาของชูฮันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยการยั่วยุและเยาะเย้ยที่ไม่รู้จบ “หมามันจะสนใจอะไร? ฉันจะดูว่าแกจะทนได้นานแค่ไหน อย่ามาคุกเข่าขอร้องอ้อนวอนฉันละกัน!”
หลังจากพูดจบ ตวนฮงก็เดินจากไปด้วยท่าทางมีชัย ตวนฮงได้แต่วาดฝันอยู่หลายครั้งว่าสักวันชูฮันที่เป็นวิวัฒนาการระยะ 3 จะต้องอิจฉาเขา มันน่าตื่นเต้นชะมัด!
ชูฮันไม่ได้พูดอะไรออกไปสักคำ เขาไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมาด้วยซ้ำ ยังคงนั่งกินอย่างช้าๆต่อไป
“พี่ไม่โกรธเหรอ?” ซงเสี่ยวมองไปที่ชูฮันด้วยความประหลาดใจ สายตาของซงเสี่ยวเต็มไปด้วยความโกรธ หน้าขึ้นสี เขายังเด็กเกินไปกว่าจะเข้าพฤติกรรมที่หลากหลายของชูฮันได้
ชูฮันตอบ “ก็แค่เสียงหมาบ้าเห่าเฉยๆ”
เสียงของชูฮันไม่ได้ดังลั่นหรืออะไร ทว่าตวนฮงที่ยังเดินห่างออกไปได้ไม่ไกลกลับได้ได้ยินทุกอย่าง ทันใดนั้นเลือดในกายของตวนฮงก็เดือดพล่านทันที รู้สึกหัวหมุน และหายใจหอบตามอารมณ์ที่ลุกฮือ ปัจจัยสำคัญคือคำพูดของชูฮัน…ว่าพฤติกรรมเขาเหมือนหมาบ้า
หลูชูซเวที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดและลอบสังเกตอยู่ก็ได้เพิ่มความระระวังตัวที่มีต่อชูฮันไปถึงขีดสุด หลังจากหยุดพักครั้งที่สอง หลูชูซเวก็จากไปพร้อมกับถอนหายเล็กน้อย
ผู้ชายคนนี้ลึกลับสุดๆ!
ชูฮันรู้ว่าหลูชูซเวที่หลบอยู่ด้านหลังได้จากไปแล้วก็ยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ในที่สุดเขาก็จำผู้หญิงคนนี้ได้
มันเป็นค่ำคืนที่แสนจะเหนื่อยล้าสำหรับทุกคน ทุกคนแทบจะสลบเหมือดกันหมด ทั้งค่ายเงียบสนิท มีเพียงแค่คนที่ได้รับหน้าที่เฝ้าเวรยามเท่านั้นที่ยังคงเดินตรวจตราไปรอบๆค่าย
ชูฮันงีบไปเพียงแค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้น ทันใดนั้นจู่ๆเขาก็สัมผัสได้ถึงพลังงานผันผวนในอากาศ
ซงเสี่ยวค่อยๆสัมผัสที่เต้นท์นอนของชูฮันอย่างเงียบๆ ทักษะในการลักลอบของซงเสี่ยวนั้นเป็นที่จับตัวได้ยาก แม้แต่เหล่าทหารก็ยังสัมผัสไม่ได้ ซงเสี่ยวเข้ามาในเต้นท์นอนของชูฮันและก็ได้เจอกับชูฮันที่นั่งอยู่บนกองผ้าห่มพร้อมกับจ้องมาที่ซงเสี่ยวด้วยสายตาที่มองออกทะลุปรุโปร่ง
“จะขโมยอะไร?” รอยยิ้มของชูฮันไม่ใช่การรังเกียจ หากมันแฝงไปด้วยการล้อเลียน
ทันใดนั้นซงเสี่ยวก็ได้สติหลังจากอึ้งไปชั่วขณะ เมื่อมั่นใจแล้วถึงความสามารถที่ชูฮันมี ซงเสี่ยวก็ส่ายหัว “ผมมาเพื่อรายงาน”
ชูฮันเบนสายตาออกไปมองด้านนอกเต้นท์และหันกลับมามองเด็กชายตัวน้อยตรงหน้าเขาอีกครั้ง อดไม่ได้ที่ตาจะเปล่งประกาย…สรุปว่าเป็นเจ้าหน้าที่ข่าวกรองสินะ!
ซงเสี่ยวรายงานข้อมูลที่น่าสนใจให้ชูฮันฟัง
“จากการสังเกตการณ์ของผม คู่สามีภรรยานั่นจะลงมืออีกครั้งในคืนนี้” เสียงเด็กๆของซงเสี่ยวเต็มไปด้วยความจริงจังกับสิ่งที่เขาพูด “และในขณะเดียวกันไก๋หนานและทหารทั้งหลายก็ได้เตรียมตัวพร้อมรับมือไว้แล้ว แต่ผู้รอดชีวิตส่วนใหญ่ยังไม่รู้เรื่องราวอะไร ผมรู้สึกว่ามันจะต้องมีการเคลื่อนไหวครั้งยิ่งใหญ่เกิดขึ้นครั้งนี้ เพียงแค่ไม่รู้ว่าเป้าหมายของพวกมันคือใคร”
“เอ่อ” ชูฮันชะงักเพื่อครุ่นคิดชั่วครู่ก่อนจะพูดขึ้น “ครั้งต่อไปที่นายจะรายงาน นายควรตรวจสอบปัจจัยทางอารมณ์และเวลาและสถานที่ให้แม่นยำกว่านี้ อย่าลืมที่จะมีเหตุผลและยุติธรรม”
“อ่าา…” ซงเสี่ยวคิดว่าชูฮันกำลังคิดเรื่องวิธีที่จะเปิดเผยหน้ากากที่แท้จริงของคู่สามีภรรยานั่นอยู่ แต่ไม่นึกเลยว่าชูฮันจะกำลังพูดเรื่องนี้กับตัวเขาอยู่ ซึ่งมันทำให้ซงเสี่ยวถึงกับพูดอะไรไม่ออก
หวังไคที่อยู่ในกระเป๋าชูฮันก็พูดอะไรไม่ออกเช่นกัน เมื่อไหร่กันที่ชูฮันให้ความสนใจกับการปลูกฝังผู้ใต้บังคับบัญชา? และถึงแม้ชูฮันอาจจะสนใจในตัวซงเสี่ยว แต่ทำไมถึงมารีบพูดอะไรในเวลาแบบนี้? นายควรจะสนใจและสงสัยความจริงของการหายตัวไปของในกลุ่มมากกว่ามั้ย?!
แน่นอนว่าชูฮันไม่ได้อยากจะรู้ว่าคู่สามีภรรยานั้นมีความสัมพันธ์แบบไหนกับกลุ่มผู้รอดชีวิตที่หายตัวไปก่อนหน้านี้ ด้วยเพราะความจริงมันชัดเจนอยู่แล้ว และเขาก็ได้คาดการณ์ไว้หมดแล้ว
“ไป ไปด้วยกัน” ชูฮันลุกขึ้น
ในตอนนั้นเอง จู่ๆบรรยากาศภายนอกเต้นท์ก็กลายพลิกผันอย่างกระทันหัน มันเริ่มมีเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ บางคนก็แหกปากร้องว่า ‘มีวิวัฒนาการหายไป’
“วิวัฒนาการ?” ซงเสี่ยวตกใจมาก “พวกมันสามารถจัดการกับวิวัฒนาการได้ยังไงกัน?”
ชูฮันไม่ได้ตอบคำถามของซงเสี่ยว เขาเพียงแค่พูดอีกอย่างขึ้นมาแทน “ฉันจะออกไปก่อน ส่วนนายก็ซ่อนตัวไว้และคอยดูที่เต้นท์พักนอนของค่าย”
“อ่า…” ซงเสี่ยวไม่เข้าใจที่ชูฮันสั่ง ทว่าเขาก็เลือกที่จะพยักหน้าและรับปาก “ครับ”
มันเป็นอีกคืนที่ไร้ความเงียบสงบ เหล่าวิวัฒนาการและทหารต่างรวมตัวกันอยู่นอกเต้นท์นอนของหลูชูซเว บนหน้าของหลายคนมีความกลัวฉายชัดอยู่ คนที่หายตัวไปก่อหน้านี้มักจะมีแต่พวกผู้รอดชีวิต แต่ตอนนี้จู่ๆวิวัฒนาการก็หายไปตัวด้วยเหมือนกัน คนต่อไปที่จะหายไปจะเป็นพวกเขาหรือเปล่า?
“หายไปแล้วจริงๆ มันมีร่องรอยการต่อสู้ด้วย!”
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันแน่? นรกเอ๊ย!”
“คู่รักนั่นหายไปแล้ว ส่วนพวกทหารที่เฝ้าตัวพวกนั้นไว้ก็หายไปด้วยเหมือนกัน รวมถึงหลูชูซเวและตวนฮง ทั้งหมดรวมเป็นวิวัฒนาการ 3 คนและผู้รอดชีวิต 2 คน!”
ประโยคที่เต็มไปด้วยความกลัวขณะกล่าวถึง…การหายตัวโดยไร้คำเตือนใดๆภายใต้การเฝ้าระวังของเวรยาม!
ชูฮันยืนอยู่เงียบๆที่ท้ายสุดของกลุ่มฝูงชนที่กำลังพูดคุยกันอยู่ หากสายตาของชูฮันกลับจ้องเขม้งไปในความมืด
ในที่สุดการถกเถียงก็ชะงักเมื่อไก๋หนานผละออกมาเพื่อป่าวประกาศสถานการณ์โดยรวมให้ทุกคนได้รับฟัง “มันเป็นไปไม่ได้ที่จะหายตัวไปพร้อมกันหมดอย่างไร้ร่องรอย ทุกคนช่วยกันหาเบาะแสเท่าที่หาได้และช่วยกันตรวจสอบเต้นท์นอนทุกเต้นท์!”
ทุกคนถูกจับกลุ่มแบ่งออกเป็นกลุ่มละ 3-5 คนทันที และเริ่มทำการไล่ตรวจสอบแต่ละเต้นท์
ชูฮันเห็นร่างผอมๆยืนโบกมือให้เขาอยู่ไกลออกไป แม้เขาจะเห็นใบหน้าของซงเสี่ยวไม่ชัดเจนท่ามกลางความมืด ทว่าชูฮันกลับมองเห็นสายตาโปร่งแสงที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นชัดเจน
“ผมเจอบางอย่าง!”
350 ชูฮันเงยหน้าขึ้นมอง “ทางไหน?”
ตาของซงเสี่ยวเป็นประกาย “ทางด้านซ้ายที่ออกไปถนนหลวง”
ตอนแรก ซงเสี่ยวไม่เข้าความคิดของชูฮัน แต่เมื่อได้เห็นทุกคนมารวมตัวเพื่อถกเถียง และหลายคนในเต้นท์ใช้เวลาเพียงแค่ชั่วครู่ก็จากไปอย่างรวดเร็ว
ซงเสี่ยวรู้สึกชื่นชมชูฮันอย่างสุดใจ ชูฮันแทบไม่ได้ใช้อารมณ์ในการพิจารณาสถานการณ์เลย ถ้ามันช้าไปกว่านี้แค่ไม่กี่นาที ร่องรอยของคนพวกนั้นอาจจะยากที่จะหาได้พบ
ชูฮันก้าวเท้าเดินออกไป ซงเสี่ยวที่อยู่ข้างๆรีบคว้าชายเสื้อชูฮันไว้ “พี่พาผมไปด้วยได้มั้ย?”
ชูฮันออกตัวก้าวเดินไปข้างหน้าและคำนวณและสรุปเวลาที่เขาใช้ไปกับการละเล่นนี้ จากนั้นก็มองลงไปที่ซงเสี่ยวที่สูงเพียงแค่ไหล่ของเขา “นายควรจำไว้นะเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรอง ความรับผิดชอบไม่ใช่การต่อสู้ แต่มันคือการเก็บข้อมูลได้ทุกที่ที่เวลาและส่งมอบให้กับบุคคลที่เหมาะสมที่สุดต่างหาก”
หลังจากนั้นชูฮันก็ก้าวถอยหลังกลับไปหาซงเสี่ยว “นายรู้มั้ยว่าตอนนี้นายควรทำอะไร?”
“กินบาร์บีคิว?” จู่ๆหวังไคก็พูดโพล่งขึ้นมาในหัวชูฮัน ทำให้ชูฮันแทบอยากจะชกใส่มันสักหมัด
ซงเสี่ยวยืนนิ่งอยู่ที่เดิมและขบคิดบางอย่างอยู่ในหัว จากนั้นก็หมุนตัวและเดินออกไป ขณะที่ซงเสี่ยวเดินไปได้แค่ครึ่งทางจู่ๆเขาก็หยุดชะงักพลางมองไปที่ชูฮัน “ขอบคุณครับท่าน!”
หวังไคหยุดชะงักพลางหันไปดูซงเสี่ยว “เด็กนี้คือใครกัน? มันพูดขอบคุณ? มันรู้มั้ยว่ามันต้องทำอะไร? แถมยังเรียกนายว่า ท่าน อีก?
หวังไคไม่เข้าใจเรื่องราวอย่างจริงจัง นี่มันปริศนาอะไรกัน?
“มันอาจจะเป็นอะไร—-” ชูฮันตอบคำถามสุดท้ายของหวังไคอย่างสุ่มๆ จากนั้นก็หมุนตัวกลับและหายไปอย่างรวดเร็วท่ามกลางความมืดมิด
——————-
เดิมทีบี๋เทียนเป็นคนธรรมดา มีการศึกษาธรรมดาทั่วไปและเกิดมาเป็นคนธรรมดา ทุกอย่งธรรมดาทั่วไป รวมถึงชีวิตหลังโลกาวินาศเช่นกัน เขาไม่ได้กลายเป็นซอมบี้หรือวิวัฒนาการหรือพรสวรรค์ ยังคงเป็นมนุษย์ธรรมดาเหมือนเดิม
เขาเพียงต้องการมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างธรรมดาเหมือนเดิม ทว่าวันหนึ่งมีคนชุดดำปรากฏตัวต่อหน้าเขาพร้อมกับกำลังกินคนเป็นๆต่อหน้าต่อเขา
ความกลัวทำให้บี๋เทียนไม่กล้าจะขัดขืนคนชุดดำตรงหน้า และนั่นอาจจะเป็นสาเหตุที่ลูกผสมพาตัวเขามาและให้ติดตามไปกับกลุ่มของทหารและผู้รอดชีวิต
“แฝงตัวเข้าไป ช่วยฉันจับคนมาตอนดึก”
ลูกผสมออกคำสั่งกับบี๋เทียนโดยไม่ต้องกังวลว่าตัวมันจะถูกค้นพบหรือไม่เพราะมันใช้บี๋เทียนเป็นเหยื่อล่อ ในสายตาของลูกผสมบี๋เทียนก็แค่เครื่องมือที่จะช่วยกลืนกินมนุษยชาติไปช้าๆ
แรกเริ่ม มันแค่เพียงสองหรือสามคน ทว่าไม่กี่วันก่อนหน้านี้จู่ๆเจ้าลูกผสมก็อยากอาหารขึ้นมามากกว่าเดิม วันหนึ่งมันกินมนุษย์ถึง 6 คน บี๋เทียนก็ยังคงคิดว่าไม่ใครจับตัวเขาได้แต่บี๋เทียนไม่นึกเลยว่าเมื่อคืนหนึ่งเรื่องราวมันจะเปลี่ยนไป ในที่สุดบี๋เทียนก็หาผู้หญิงมาช่วยปกปิดเรื่องราวสมมติของเขาได้ทว่าจู่ๆมันก็เด็กผู้ชายคนหนึ่งวิ่งออกมาทำข้อตกลงกับเขา
โดยปกติแล้ว บี๋เทียนคงจะฆ่าเด็กนี้แล้วเอาไปเป็นขนมกินเล่นให้ลูกผสมไปแล้ว ทว่าบี๋เทียนไม่นึกเลยว่าสถานการณ์มันจะพลิกผันไปอีกครั้ง จู่ๆวิวัฒนาการที่ชื่อหวังไคก็ปรากฏตัวขึ้น บี๋เทียนจึงได้แต่ตามน้ำไปเพื่อไม่ให้เรื่องมันใหญ่โตไปกว่าเดิม
น่าเสียดายที่เรื่องมักไม่เป็นไปตามที่หวัง เรื่องแต่งที่พวกเขากุขึ้นมาเริ่มออกไปไกลจนผิดเพี้ยนไปหมด พยานอย่างหวังไคก็เห็นได้ชัดว่าน่าจะเห็นเรื่องราวทุกอย่างตั้งแต่ต้น แต่แปลกที่หวังไคกลับเลือกที่จะปิดบังไว้
บี๋เทียนคิดไม่ออกเลยว่าหวังไคคิดอะไรอยู่กันแน่ แต่สุดท้ายเขาก็สามารถเข้าไปอยู่ท่ามกลางกลุ่มของทหารและวิวัฒนาการได้ จากนั้นเจ้าลูกผสมที่ความยากอาหารเพิ่มเอาแต่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก็เริ่มขอวิวัฒนาการมากินแทน!
บี๋เทียนรู้ว่าตัวเขาคนเดียวไม่มีทางจะจับวิวัฒนาการสองคนไปได้แน่ แต่เขาก็ทำทุกวิถีทาง เริ่มจากสร้างความวุ่นวาย บี๋เทียนและลูกผสมร่วมมือกันจัดการทหารและตวนฮงก็ให้ความร่วมมือด้วย บี๋เทียนไม่รู้ว่าสาเหตุที่ตวนฮงเริ่มมือด้วยคืออะไร
ส่วนหลูชูซเวที่เป็นวิวัฒนาการระยะ 2 นั้นก็ถูกลูกผสมจัดการจนได้รับบาดเจ็บสาหัส
วิวัฒนาการทั้งหมด 3 คน หมดสติไปแล้ว 2 ส่วนอีกคนก็หมดพลังต่อสู้ ลูกผสมชอบกินเนื้อสดๆเพราะฉะนั้นมันจึงยังไม่ฆ่าทันที บี๋เทียนและผู้หญิงที่แสร้งว่าเป็นภรรยาเขาต่อหน้าคนอื่นเดินตามลูกผสมไป บนไหล่ของลูกผสมมีหลูชูซเวอยู่ ส่วนอีกฝั่งนั้นมันใช้เล็บของมันจ่อเข้าที่คอของตวนฮงให้เดินตามมา ขณะที่ตวนฮงก็เดินแบกทหารที่เป็นวิวัฒนาการเหมือนกันทว่ามีสภาพย่ำแย่ตามไปด้วย
ตวนฮงก็เป็นวิวัฒนาการระยะ 2 เช่นกันทว่าเขาไม่สามารถขัดขืนอะไรได้เลย
บี๋เทียนเดินตามลูกผสมไป เขารู้ว่าลูกผสมกำลังมองหาสถานที่ที่จะเริ่มกินได้อยู่ ผู้หญิงที่อยู่ข้างเขากลัวจนแทบจะไม่มีสติหลงเหลืออยู่แล้ว
วิวัฒนาการทั้ง 3 คน แต่ไม่มีใครรับมือกับลูกผสมได้เลย แม้แต่ตวนฮงยังไม่มีศักดิ์ศรีของวิวัฒนาการหลงเหลือเลย ทันใดนั้นบี๋เทียนก็รู้สึกได้ว่ามนุษย์น่าจะเป็นเชื้อชาติที่อ่อนแอที่สุดแล้ว และลูกผสมน่าจะเป็นเผ่าพันธุ์เดียวในโลกาวินาศที่จะรุ่งโรจน์
แววตาของบี๋เทียนเปลี่ยนไปขณะมองไปที่แผ่นหลังของลูกผสมตรงหน้าเขา ในใจของเขามีความเกลียดชังต่อชีวิตในทุกวันนี้ คนคนนี้สามารถมีพลังที่ยิ่งใหญ่ได้จากการกินเนื้อคน แล้วทำไมเขาจะมีด้วยไม่ได้ล่ะ?
ทำไมเขาถึงต้องแค่มีชีวิตอยู่ไปแบบธรรมดาๆ โดนกลั่นแกล้งตลอดเวลาจนตอนนี้ก็ยังต้องกลายมาเป็นสุนัขรับใช้ให้กับลูกผสมอีก?
ผั้วะ!
ทันใดนั้นบี๋เทียนก็คว้าเข้าที่ปากของผู้หญิงข้างๆและลากเธอไปที่พุ่มหญ้าข้างทางพร้อมออกวิ่ง เขาไม่อยากจะถูกควบคุมอีกต่อไปแล้ว ผู้หญิงคนนี้ต้องถูกเขากินวันนี้!
เจ้าลูกผสมตรงหน้าไม่คิดว่าเลยบี๋เทียนจะวิ่งหนีไป มันแยกเขี้ยวพร้อมกับเลียริมฝีปาก หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่งมันก็แสยะยิ้มออกมา “รอให้ฉันกินเสร็จก่อนเถอะ ในเมื่อแกอยากจะวิ่งนัก งั้นก็กลายเป็นของหวานฉันซะ”
ลูกผสมไม่เชื่อว่าบี๋เทียนจะวิ่งหนีไปได้ไกล เพราะบี๋เทียนก็เป็นแค่คนธรรมดาที่ไม่ได้มีข้อได้เปรียบด้านความเร็วอะไร และแน่นอนว่ามันรู้ว่าพลังของมันจะต้องเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอนหลังจากได้กินเนื้อวิวัฒนาการวันนี้!
แววตาของตวนฮงเต็มไปด้วยความกลัวขณะมองไปที่สิ่งที่ดูคล้ายกับซอมบี้ข้างหน้า ทว่าสัตว์ประหลาดตัวนี้กลับพูดภาษามนุษย์ได้ “แก แก?”
“ตวน ฮงเหว่ย?” จู่ๆเจ้าลูกผสมก็พูดชื่อของตวนฮงขึ้นมา
ตวนฮงตกใจมาก “แก? แกรู้ได้ยังไง?
ตวนฮงปกปิดความจริงกับทุกคนในกลุ่ม เขาไม่ได้ชื่อตวนฮงแต่ชื่อตวนฮงเหว่ยเพราะเขาเป็นผู้หลบหนีคดี ประเด็นสำคัญคือเขาโดนตัดสินโทษให้จำคุกตลอดชีวิต
ตวนฮงเหว่ยฆ่าคนตายเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ถ้าเขารู้ว่าทุกอย่างกำลังจะถูกเปิดเผยแบบนี้เขาคงเปลี่ยนชื่อและหลบหนีไปแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะโลกาวินาศที่ปะทุขึ้นมา เขาก็คงไม่กล้าที่จะใช้เส้นทางนี้ไปอีกตลอดชีวิตเพราะเส้นทางนี้จะพาไปสู่เมืองที่เขาเคยก่อคดีฆาตกรรมไว้
“ตวนเจียงเหว่ยคือลูกพี่ลูกน้องของแกใช่มั้ย??” ลูกผสมยังคงถามต่อ
ตอนที่ 351
เมื่อได้ยินชื่อตวนเจียงเหว่ย ตวนฮงเหว่ยก็มีอารมณ์รุนแรงขึ้นมาทันที เขาอยากจะฆ่าลูกพี่ลูกน้องคนนี้ของเขาให้ตายซะ เขาเป็นคนฆ่าพ่อของตวนเจียงเหว่ย ซึ่งก็คือลุงของเขาเอง ตวนเจียงเหว่ยที่อายุ 17 ปีก็อยู่ในรายชื่อคนที่เขาต้องฆ่าเหมือนกัน ทว่าโชคร้ายที่วันนั้นตวนเจียงเหว่ยไม่ได้อยู่บ้าน
มันเกิดมามีชีวิตดีกว่าเขา มีความสามารถมากกว่าเขา ตวนฮงเหว่ยมักจะรู้สึกอับอายเสมอเมื่อพูดถึงลูกพี่ลูกน้อง แม้ตัวตวนเจียงเหว่ยเองจะไม่ได้ทำตัวเป็นภัยคุกคามอะไรต่อตวนฮงเหว่ยเลยก็ตาม ทว่าในใจของตวนฮงเหว่ยกลับอยากจะฆ่าตวนเจียงเหว่ยให้ได้อยู่เต็มอก!
“หึ เหมือนจะรู้จักสินะ” เจ้าลูกผสมแสยะยิ้ม “พวกเราต้องการฆ่าคน แกอยากจะเข้าร่วมกองกำลังกับพวกเรามั้ยล่ะ?”
ทันใดนั้นตวนฮงเหว่ยก็ปริปากพูด “แกหมายถึงอะไร?”
“เป้าหมายของกลุ่มเดินทางกลุ่มนี้คือค่ายรอดชีวิตตวนใช่มั้ย?” น้ำเสียงของลูกผสมแฝงไปด้วยจิตสังหารที่บรรยายไม่ถูก “เดาว่าแกคงไม่รู้ว่าตวนเจียงเหว่ยที่ปีนี้อายุแค่ 22 ปีจะกลายเป็นผู้มีอิทธิพลไปแล้วสินะ จำนวนผู้รอดชีวิตในค่ายคือ 20,000 และวิวัฒนาการที่มากถึง 300 คน ซางจิงถึงกับมอบตำแหน่งพลโทให้!”
อีกครั้งที่หน้าของตวนฮงเหว่ยฉายความไม่พอใจออกมา มันไม่ใช่น้องเล็กของเขาอีกแล้ว? แถมยังตั้งค่ายของตัวเองขึ้นมาอีก?
พลโท! มันยังได้ตำแหน่งเป็นถึงพลโท!
เมื่อได้เห็นสีหน้าของตวนฮงเหว่ย เจ้าลูกผสมก็พอใจอย่างมาก “แกฆ่าก่อนจะหลบหนีมาแถมข้อมูลทั้งหมดก็ถูกกวาดล้าง และโชคดีที่คนพวกนี้ไม่รู้จักแก ตอนนั้นตวนเจียงเหว่ยอายุเพียงแค่ 17 ปี ไม่มีความสามารถที่จะตรวจสอบอะไร เขาไม่รู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของพี่ชายตัวเอง ถ้าแกสามารถแทรกซึมเข้าไปในค่ายของมันได้แกก็จะได้รับความไว้วางใจจากพวกเรา แล้วเราจะร่วมมือกันได้ ตกลงมั้ย?”
ตาของตวนฮงเหว่ยเป็นประกายอย่างเห็นได้ชัดว่าอยากจะตกลงด้วย
“ตวนเจียงเหว่ยมีพี่ชายด้วย ทำไมฉันถึงไม่รู้?” จู่ๆก็มีเสียงเหยียดหยามของชูฮันดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง
ชูฮันแค่มีชีวิตอยู่ในโลกาวินาศมา 10 ปี ความบาดหมางระหว่างตวนเจียงเหว่ยและตวนฮงเหว่ยนั้นชัดเจน ทว่ามันก็เกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้นหลังจากนั้นที่ทำให้ตวนฮงเหว่ยตาย
และตวนเจียงเหว่ยคนนี้เป็นคนที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริงในโลกาวินาศในชาติที่แล้ว ในชาติที่แล้วตลอดระยะเวลา 10 ปี ค่ายตวนมักจะอยู่ใน 3 อันดับสูงสุดเสมอของอันดับของการต่อสู้
ค่ายตวนพัฒนาการขึ้นมาจากค่ายเล็กๆธรรมดาทั่วไปภายในเวลาแค่ 5เดือน ซึ่งตอนนี้มันถูกจัดเป็นอันดับที่ 10 จากทั้งจีน ดังนั้นตวนเจียงเหว่ยจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นพลโทในเดือนที่ 5 ของโลกาวินาศ และถ้าชูฮันจำไม่ผิด ไม่นานตวนเจียงเหว่ยจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นพลเรือเอกอีกด้วย
เมื่อได้ยินเสียงของชูฮัน ตวนฮงเหว่ยรีบหันหลังกลับไปทันที!
“นี้มันใครกัน?” เจ้าลูกผสมนิ่วหน้าพลางถาม
ตวนฮงเหว่ยในตอนนี้ไม่สามารถทำใจให้สงบได้ เมื่อได้เห็นชูฮันต่อหน้า ตวนฮงเหว่ยก็แทบทนไม่ไหวที่จะทำให้ชูฮันเละเป็นโจ๊ก น้ำเสียงที่พูดกับลูกผสมเต็มไปด้วยความเกลียดชังและดูหมิ่น “ชื่อของมันคือหวังไค ครึ่งคนครึ่งหมา ฉันให้มันเป็นจานอาหารของขวัญแก่แกละกัน!”
ตวนฮงเหว่ยต้องการกลั่นแกล้งหวังไคให้สะใจตัวเอง ตวนฮงเหว่ยไม่รู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของชูฮันกำลังจะเปิดเผย มันรู้ว่าลูกผสมตรงหน้ามันทรงพลังขนาดไหนและอดไม่ได้ที่จะรอดูภาพความสะใจตรงหน้า
“แม่มึงสิ! ไอ้เวร!” หวังไคที่อยู่ในกระเป๋าชูฮันอดทนไม่ไหวอีกต่อไป มันโผล่หน้าออกมาจากกระเป๋าชูฮันและตะคอกใส่ตวนฮงเหว่ย “มึงสิเป็นหมา ขยะสังคม มึงน่าจะเอาขยะทุบหัวตัวเองให้ตายไปซะ อยู่ไปก็รกโลก!”
ในตอนนี้ที่นายทหารและหลูชูซเวยังสลบอยู่ คนที่เห็นหวังไคจึงมีแค่ลูกผสมและตวนฮงเหว่ย หวังไคไม่สนใจที่จะปกปิดตัวเองอีกต่อไปแล้ว มันไม่สามารถทนตวนฮงเหว่ยต่อไปได้อีกแล้ว
ทั้งตวนฮงเหว่ยและลูกผสมต่างตกใจและนิ่งอึ้งอยู่กับที่ด้วยเพราะการปรากฏตัวอย่างกระทันหันของบางอย่างที่กระโดดออกมาจากกระเป๋าชูฮันลงไปที่พื้นและกลายร่างเป็นกระต่ายที่ยืนยืดแข้งยืดขา นี่มันไม่สมเหตุสมผลและไม่ใช่เรื่องธรรมดา มันทำให้สมองของทั้งคู่ช็อคและชะงักไป
กระต่ายพูด? กระต่ายสบถได้?
ชูฮันอดไม่ได้ที่จะปรบมือเมื่อเห็นทั้งคู่เอาแต่ยืนนิ่งทำหน้าโง่ หวังไคนี่มันผู้ช่วยระดับเทพจริงๆ น่าเสียดายที่ควรจะปรับปรุงบางอย่างนิดหน่อย มันถูกต้องแล้วเหรอที่จะใช้คำหยาบคายแบบนี้แก้ปัญหา?
ภายในพริบตามันก็มีขวานยักษ์สีดำปรากฏขึ้นบนมือของชูฮัน พร้อมกับโอกาสที่จะใช้ประโยชน์จากความตกใจซึ่งชูฮันจะไม่รอให้มันเสียไปโดยเปล่าประโยชน์อย่างแน่นอน!
ผั้วะ!
เงาสีดำพุ่งเข้ามาที่ลูกผสมอย่างรวดเร็ว
“ปัง!” เกิดเสียงปะทะดังขึ้น ลูกผสมเหยียดกรงเล็บที่เหมือนกับซอมบี้ขึ้นมากันไว้ได้ทันเวลาและปะทะเข้ากับขวานซิ่วโหลที่พุ่งเข้ามาโดยความเร็วสูง
ลูกผสมที่ใช้กรงเล็บของมันกั้นขวานไว้กำลังรอให้พลังของมันฟื้นตัวและตั้งหลักโจมตีกลับ
พัฟ!
ลูกผสมถูกผ่าแยกออกเป็นสองส่วน เลือดสาดกระจายไปทั่วบริเวณ
“ก็แค่ระยะ 2?” หลังจากฆ่าลูกผสมเสร็จ ชูฮันก็นิ่วหน้าพลางคิดในใจ คู่สามีภรรยาปลอมนั่นหายไปไหน?
ตวนฮงเหว่ยหวาดกลัวอย่างมาก แม้แต่ลูกผสมที่ทรงพลังยังถูกหวังไคผ่าแยกออกเป็นสองส่วนอย่างง่ายๆ การต่อสู้มันรวดเร็วมากและง่ายดาย แล้วหวังไคพูดว่าอะไรน่ะ?
แค่ระยะ 2! แค่!?
ปกติแล้วลูกผสมระยะ 2 จะแข็งแกร่งกว่าวิวัฒนาการระยะ 3 นี่เป็นเรื่องทั่วไปที่ทุกคนรู้ดี แต่ทำไมหวังไคที่เป็นวิวัฒนาการระยะ 3 ถึงสามารถตัดลูกผสมระยะ 2 ออกเป็นสองส่วนได้ง่ายๆแบบนี้!
ตวนฮงเหว่ยทำอะไรไม่ถูกและลังเล ในตอนนี้มันไม่กล้าจะใช้ทัศนคติแบบเดิมที่เคยมีก่อนหน้านี้พูดกับหวังไคอีกด้วยเพราะมันรู้สึกกลัวอย่างมาก มันเห็นว่าตั้งแต่แรกชูฮันไม่ได้ตั้งใจยิงใส่มัน
“ปัง!”
ตวนฮงเหว่ยลงนั่งที่พื้น พร้อมกับแหกปากกอดขาชูฮัน “หวังไค ฉันผิดไปแล้ว ฉันไม่อยากตาย ฉันเป็นขยะ ฉันเป็นขยะสังคม ฉันเป็นหมา…”
นอกเหนือจากที่พูดไป ตวนฮงเหว่ยก็คิดทางอื่นไม่ออกที่จะให้ชูฮันเว้นชีวิตเขาไว้
เมื่อมองดูตวนฮงเหว่ยในตอนนี้แล้ว ชูฮันก็รู้เลยว่าคนคนนี้ไม่มีขีดจำกัดของตัวเอง เขาเป็นคนประเภทที่ทำได้ทุกอย่างเพื่อตัวเอง
ไม่ต้องพูดถึงตวนเจียงเหว่ยที่พ่อๆแท้โดยตวนฮงเหว่ยฆ่าตายด้วยซ้ำ แม่แต่ชูฮันก็ยังทนไม่ไหวที่จะฆ่าคนคนนี้ให้เละเป็นโจ๊ก ทำไมคนที่ชั่วช้าสารเลวแบบนี้ถึงมีชีวิตรอดมาจนถึงทุกวันนี้ได้?
ไม่อยากจะเชื่อ!
เมื่อได้เห็นภาพที่ตวนฮงเหว่ยยื่นลิ้นออกมาและกำลังจะเลียที่รองเท้าของชูฮัน ทันใดนั้นชูฮันก็รีบเหยียดขาตรง—-
พ้ะ!
เพียงแค่ลูกเตะเดียวก็ทำให้ตวนฮงเหว่ยกระเด็นออกไปไกลถึง 5 เมตร!
ตอนที่ 352
ไก๋หนานและคนอื่นๆที่กำลังค้นหาตามเต้นท์ของทั้งแคมป์ได้พลาดโอกาสที่ดีที่สุดในการไล่ตามคนร้ายตัวจริงไปแล้ว ไม่เพียงแต่พวกเขาจะปรากฏตัวทีหลังจากคนร้ายหายไปตัวแล้ว แต่พวกเขายังหาเบาะแสอะไรไม่เจอเลยอีก ในตอนนี้พวกเขาก็ได้แต่กวาดดูตามเต้นท์ไปเรื่อยๆ และจู่ๆไก๋หนานที่พึ่งเดินออกมาจากเต้นท์ล่าสุดก็ก้าวเท้าเดินเข้าไปหาเด็กชายที่มีท่าทีนิ่งสงบ
“ซงเสี่ยว?” ไก๋หนานนิ่วหน้า เพราะตอนที่เขาเอาแต่วิ่งไล่ตามหาตัวการอยู่ เขาก็ลืมไปเลยว่ามันมีอีกคนอยู่ที่นี้ แล้วก่อนหน้านี้ซงเสี่ยวไปอยู่ที่ไหนมากัน?
“ทางด้านซ้ายมีถนน พวกเขาผ่านไปทางนั้น” ซงเสี่ยวพูดขึ้นมาแค่นั้น และไม่ได้อ้างอะไรถึงชูฮันเลย
เก็บรวบรวมข้อมูลและส่งมอบมันให้คนที่เหมาะสมที่สุด!
หลังขบคิดอยู่พักหนึ่งในที่สุดเด็กชายที่แสนเฉลียวฉลาดก็เข้าใจในคำพูดของชูฮันอย่างถ่องแท้ การรวบรวมข้อมูลควรครอบคลุมทุกที่ทุกเวลาและควรรู้ว่าข้อมูลไหนควรบอกคนที่มีลักษณะแตกต่างกันไปยังไง เขาเรียกชูฮันว่า นายท่าน ซึ่งมันก็แสดงชัดอยู่แล้วว่าข้อมูลที่เขาบอกไก๋หนานและคนอื่นๆจะเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นและต้องไม่เกี่ยวข้องกับนายท่านของเขา
ถ้าหวังไคได้เห็นว่าซงเสี่ยวบอกอะไรแก่ไก๋หนานบ้าง มันจะเข้าว่าทำไมชูฮันถึงเสียเวลาสั่งสอนเด็กนี้ ช่างแสนฉลาดและน่ากลัวในเวลาเดียวกัน!
นี่เป็นอีกสาเหตุที่ชูฮันไม่ให้ซงเสี่ยวออกไปไล่ตามพวกคนร้ายด้วย ชูฮันไม่ชอบการต้องมาคอยรับผิดชอบดูแลใคร แต่เขาก็แอบบอกใบ้คำสั่งให้กับซงเสี่ยวไป ความจริงแล้ว ชูฮันก็แค่ลองพนันกับตัวเองดูว่าซงเสี่ยวจะเข้าใจเข้าความหมายแฝงที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของเขารึเปล่าและซงเสี่ยวจะนำไปพูดกับไก๋หนานยังไง
———–
บนถนนในยามค่ำคืน ตวนฮงเหว่ยนอนตัวช้ำอยู่ที่พื้นด้วยฝีมือของชูฮัน มีเลือดสาดกระเซ็นไปอยู่ที่พื้น
หวังไคพุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็วยิ่งกว่าชูฮัน มันตรงเข้าไปนั่งยองๆอยู่ข้างๆหน้าของตวนฮงเหว่ยพร้อมกับเตะอัดสีข้างของตวนฮงเหว่ยพร้อมตะคอกอย่างเกรี้ยวกราด “มึงกล้าดูถูกชื่อกูทุกวันๆ หวังไคเป็นสิ่งมีชีวิตที่หล่อเหลาที่สุด มึงมันก็แค่ขยะ? กล้าดียังไงมาดูถูกคู่หูของคนหล่อ?!”
หวังไคระบายความโกรธของตัวเองอยู่ประมาณ 5 นาที และทันทีที่หวังไคหยุด หน้าของตวนฮงเหว่ยทั้งหน้าก็บวมเละจนมองเห็นหน้าเดิมไม่ออก
“เฮ้อออออ” หวังไคถอนหายใจด้วยความโล่งก่อนจะหันหน้าไปหาชูฮัน “อืม ชูฮัน นายฆ่ามันสิ”
ตวนฮงเหว่ยโดนอัดจนเละ ชูฮันอยากจะพูดว่าทำไมไม่ทำเอง ทว่าทันใดนั้นเขาก็หันไปเห็นหลูชูซเวที่นอนกองอยู่ที่พื้นซะก่อน
ตวนฮงเหว่ยตะลึงค้างกับชื่อที่ได้ยินจากปากหวังไค ตาของมันแทบจะเด้งหลุดออกมาจากเบ้าด้วยความช็อคพร้อมกับจ้องไปที่ชูฮัน ไอ้กระต่ายที่พึ่งเหยียบเขามันพูดว่าอะไรน่ะ?
ชูฮัน?!
ในตอนนั้นเองตวนฮงเหว่ยรู้สึกเสียดายจากใจจริงๆ สีหน้าของตวนฮงเหว่ยเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เหงื่อท่วมเต็มหน้าผากด้วยความช็อค ตวนฮงเหว่ยรู้สึกท้อแท้ ผู้ชายที่กำจัดลูกผสมระยะ 2 ได้ง่ายๆตรงหน้าเขาไม่ได้ชื่อหวังไค แต่เขาชื่อ ชูฮัน!
ผู้ชายคนนี้คืออันดับหนึ่งของรายชื่อต่อสู้ระยะ 2 แถมยังได้คะแนน S+ ติดต่อกันทั้งสองครั้ง และเป็นคนที่ไก๋หนานและอีกหลายคนมักจะพูดถึงว่าเป็นนายพลที่อายุน้อยที่สุดของจีน…ชูฮัน!
สมองของตวนฮงเหว่ยชาจนทำอะไรไม่ถูกและรู้สึกอับอายกับตัวเอง ตวนฮงเหว่ยรู้ว่าชีวิตตัวเองจบแล้วอย่างแน่นอน!
“ชูฮัน?” เมื่อชูฮันไม่ปริปากพูดอะไร หวังไคก็เริ่มก่อกวนในหัว “เร็วเข้ารีบอัดไอ้ขยะนี้สิ!”
“คนนี้ฉันไม่ฆ่า” ทันใดนั้นชูฮันก็ตัดสินใจ
“เอ่อ…” หวังไคช็อค “นายมีไข้งั้นเหรอ?”
แรกเริ่มชูฮันเองก็ตั้งใจจะฆ่าตวนฮงเหว่ยเหมือนกันทว่าเมื่อรวบรวมเบาะแสของหลูชูซเวและตวนฮงเหว่ยเข้าด้วยกันแล้ว ทันใดนั้นชูฮันก็นึกถึงบางอย่างขึ้นได้
พัฟ!
จู่ๆขวานซิ่วโหลของชูฮันก็ตัดเข้าที่คางของตวนฮงเหว่ย และต่อด้วยเอ็นร้อยหวายและกระแทกเข้าที่ตาของตวนฮงเหว่ย ชูฮันยืนบิดริมฝีปากขณะมองดูตวนฮงเหว่ยที่นอนส่งเสียงทุรนทุรายอยู่ที่พื้นด้วยความเจ็บ
เมื่อได้เห็นแบบนั้นหวังไคก็ไม่ปริปากพูดขึ้นมาอีก มันเองก็ตะลึงไปเหมือนกัน
หลังจากที่ตาของตวนฮงเหว่ยถูกกระแทกไปเขาก็ไม่สามารถพูดอะไรได้อีก มีเสียงฝีเท้าที่ดูเร่งรีบกำลังมุ่งหน้ามาในระยะใกล้ ไก๋หนานและคนอื่นๆที่พึ่งมาถึงต่างมีสายตาหวาดกลัวเมื่อได้เห็นภาพน่าสยองตรงหน้าประกอบกับชูฮันที่ยืนหน้านิ่งอยู่
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน?” ไก๋หนานถามทันที
ชูฮันชี้นิ้วไปที่พื้นและบรรยายเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างรวบรัดให้ทุกคนฟัง “ลูกผสมระยะ 2 ประกอบกับคนร้ายที่ปลอมตัวเข้ามา 2 คน ซึ่งก็คือคู่สามีภรรยาแต่พวกมันอยู่ไหนฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ไอ้ลูกผสมนั่นฉันฆ่าเอง ส่วนหลูชูซเวและทหารก็บาดเจ็บหนักแต่ไม่ตาย ตวนฮงเหว่ยก็พิการ”
คำพูดที่ไม่ยาวและไม่ซับซ้อน ทว่าคนที่ได้ฟังกลับแทบจะเป็นลมและหายไม่ออก ขนาดของข้อมูลมันยิ่งใหญ่เกินไป พวกเขาต้องการความเงียบเพื่อตั้งสติ!
หลังจากความเงียบ 5 วินาที กลุ่มคนก็เริ่มส่งเสียง ถกเถียง โวยวาย จนจับเนื้อหาใจความแทบไม่ค่อยได้
“ฉันเข้าใจผิด?”
“นี่นายฆ่าลูกผสมระยะ 2 ด้วยตัวเองเลยเหรอ”
“ก่อนที่เราจะมาถึงมันมีแค่พี่หวังไคอยู่คนเดียวเหรอ?”
“หวังไคอยู่คนเดียวจริงๆ”
“พระเจ้า! แล้วทำไม—-“
“เงียบ!” ไก๋หนานตะโกนแทรกขึ้นมาด้วยความโกรธ เขาเดินวนไปมาอยู่สักพักแล้วจู่ๆเขาก็หยุดพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าลึกขณะจ้องไปที่ชูฮัน “ฉันจำเป็นต้องตัดสินใจบางอย่าง ฉันต้องการให้นายตอบคำถามก่อน”
ชูฮันที่ไม่สนใจอะไรพยักหน้า
ไก๋หนานมีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย “นายฆ่าลูกผสมระยะ 2 ใช่มั้ย?”
ชูฮันพยักหน้า
ไก๋หนานเริ่มมีสีหน้าตกใจเช่นเดียวกับน้ำเสียงที่เริ่มสั่น “ตวนฮงไม่ได้ชื่อตวนฮงแต่ชื่อตวนฮงเหว่ย?”
ชูฮันพยักหน้าต่อ
ไก๋หนานเริ่มเนื้อตัวสั่นและถามคำตอบสุดท้ายออกมา “นายเป็นคนทำร้ายตวนฮงเหว่ยใช่มั้ย?”
ชูฮันพยักหน้า
ไก๋หนานไม่ถามอะไรต่ออีก อีกครั้งที่บรรยากาศเงียบนิ่งอย่างสุดขีด
หลังจากผ่านไปพักใหญ่ ในที่สุดก็มีคนพูดพึมพำขึ้นมา—
“ตวนฮงเหว่ย…เกี่ยวข้องอะไรกับพลโทตวนเจียงเหว่ยมั้ย?”
ตอนที่ 353
น้ำเสียงที่พูดแผ่วเบา ทว่ามันกลับกระตุ้นคลื่นนับพันให้ก่อตัวขึ้นมาได้!
ไม่…
“ปัญหาใหญ่แล้ว!”
“ฉันควรทำยังไงดี? พลโทตวนเจียงเหว่ย ถ้าเขารู้ว่าพี่ชายเขาถูกทำให้กลายเป็นอย่างนี้ แบบนี้ล่ะก็—-“
“หยุด” เป็นอีกครั้งที่ไก๋หนานขัดความตื่นเต้นของทุกคนขึ้นมาและชี้นิ้วไปที่ 3 คนที่พื้น “พา 3 คนนี้กลับไปรักษาเดี๋ยวนี้”
มีกลุ่มคนรีบเข้ามาแบกตัวทั้ง 3 คนไปทันที พวกเขาพยายามหลีกเลี่ยงที่จะเผชิญหน้ากับชูฮันตรงๆ
ทุกคนต่างเดินหนีออกไป มีเพียงแค่ไก๋หนานและชูฮันที่ยังคงอยู่ ไก๋หนานพุ่งเข้าไปหาชูฮันและตะคอกด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด “นายเจอปัญหาใหญ่หลวงแล้ว!”
ชูฮันพยักหน้าอย่างใสซื่อ
ตวนฮงเหว่ยที่นอนอยู่ที่พื้นนั้นมีสภาพบอบช้ำอย่างหนัก แน่นอนว่าตอนนี้ชูฮันตกอยู่ในวิกฤตใหญ่หลวงแล้ว ง่ายๆคือเขากำลังเจอกับความตาย
“ไปซะ!” หลังจากผ่านไปสักพัก ทันใดนั้นไก๋หนานก็ตัดสินใจได้ “ฉันไม่สามารถเชื่อนายได้ ฉันจะบอกตวนเจียงเหว่ยทุกอย่างที่ตวนฮงเหว่ยทำ และจะไม่บอกชื่อจริงของนายกับเขา ฉันไม่อยากให้เขารู้ว่านายคือใคร”
“ให้ฉันไปก่อนไหม?”
“เร็วๆ!” ไก๋หนานรู้สึกหดหู่ มันยากที่สร้างมิตรในเมื่อมันเรื่องราวมันใหญ่โตขนาดนี้แล้ว
“ถ้างั้น เราก็แยกกันตรงนี้ นายต้องไปทางขวา แต่ฉันต้องไปทางซ้าย!” ชูฮันยิ้มเผยให้เห็นฟันเรียงขาวสะอาด
ชูฮันรู้ว่าไก๋หนานกำลังกังวลอย่างมาก “ไม่ต้องบอกฉันว่านายกำลังจะไปไหน!”
ในใจของชูฮันกำลังหัวเราะอยู่ ทว่าสุดท้ายเขาก็ยังไม่ลืมที่จะอธิบาย “ฝากนายบอกเด็กซงเสี่ยวนั่นด้วยให้เขารอฉันอยู่ที่ค่ายตวน ฉันจะไปรับเขาที่นั่น”
“ยังไม่ไปอีก!” ไก๋หนานแทบจะวิ่งเข้าหาชูฮัน “นายยังกล้าไปค่ายตวนอีกเหรอ? นายอยากให้ฉันฆ่านายจริงๆใช่มั้ย!”
“มั่นใจเลย” ชูฮันรีบพูดประโยคสุดท้ายทิ้งท้าย “ถ้านายจะพูดอะไรกับซงเสี่ยว นายควรโกหกเขาแทนและปล่อยให้เขาได้คิดเอง เด็กคนนี้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับฉัน!”
หลังจากกล่าวอำลากับไก๋หนานแล้ว ชูฮันก็ออกตัววิ่งไปทางซ้ายของถนน ทว่าไม่นานจู่ชูฮันก็เปลี่ยนทิศทางและมุ่งหน้าไปที่ถนนสายกลาง
“ไหนนายบอกว่าจะไปทางซ้าย?” หวังไครู้สึกชินชากับนิสัยของชูฮัน
รอยยิ้มที่ปรากฏบนหน้าชูฮันนั้นมีความหมายบางอย่างแฝงอยู่ “นายเชื่อเหรอไง? โง่ชะมัด”
เป็นอีกครั้งที่หวังไคโมโหเพราะชูฮัน มันได้แต่สาบานกับตัวเอง “คอยดูเถอะ!”
เมื่อทั้งชูฮันและไก๋หนานจากไป มันก็มีร่างที่โชกไปด้วยเลือดค่อยๆโผล่ออกมาจากป่าและเดินออกมาจากที่กลางถนน
“เฮ้ เฮ้ โอ๊ะ!” บี๋เทียนยิ้มกว้างขณะมองไปที่ลูกผสมที่ร่างแบ่งเป็นสองส่วนด้วยฝีมือชูฮัน หน้าของบี๋เทียนบ่งบอกถึงสภาวะที่ไม่ปกติและบ้าคลั่ง “การกินเนื้อคนจะทำให้กลายเป็นลูกผสม แล้วถ้ากินเนื้อลูกผสมล่ะ?”
———-
2 วันต่อมา ไก๋หนานและกลุ่มของเขาก็ปรากฏตัวขึ้นในฐานของผู้รอดชีวิต ในที่สุดทุกคนก็เดินทางมาถึงฐานที่อุดมสมบูรณ์ ทุกคนมารวมตัวกันตรงกลางของฐานซึ่งเป็นศูนย์กลางของสถานที่ที่ตั้งของบ้านพักและที่ทำงานของตวนเจียงเหว่ย
“สวัสดี เดินทางยากลำบากหน่อยใช่มั้ย?” ตวนเจียงเหว่ยออกมาต้อนรับทุกคนด้วยตัวเองที่ห้องโถง
ด้วยวัย 22 ปี ตวนฮงเหว่ยในสายตาของคนภายนอกอาจดูธรรมดาไม่มีพิษมีภัยอะไรนอกจากแค่เด็กหนุ่มคนหนึ่ง ทว่าเบื้องหน้าเขากลับเต็มไปด้วยเหล่าทหารและวิวัฒนาการที่นั่งเงียบสงบ ไม่มีใครกล้าขยับตัวทั้งนั้น เพราะพวกเขารู้ว่าสำหรับคนคนหนึ่งที่สร้างฐานขึ้นมาจากไม่มีอะไรเลยจนกลายเป็นฐานอันดับที่ 10 ของจีนได้ภายในเวลาเพียง 5 เดือนนั่นต้องไม่ใช่คนธรรมดาอย่างที่รูปลักษณ์ภายนอกแสดงออกอย่างแน่นอน
ท่ามกลางกลุ่มคน มีเพียงแค่หลูชูซเวเท่านั้นที่เปลี่ยนพฤติกรรมไปทันทีที่เข้าไปในห้องโถง มันมีรอยยิ้มกว้างฉายชัดบนหน้าเธอราวกับว่าได้กลับคืนสู่บ้าน
“รายงานครับ” ไก๋หนานแสดงความเคารพทางทหารต่อตวนเจียงเหว่ย จากนั้นก็รายงานทุกอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างการเดินทางรวมถึงเรื่องของตวนฮงเหว่ยด้วย เขาไม่ปิดบังอะไรเลย ทว่าเมื่อมาถึงเรื่องของชูฮัน ไก๋หนานก็มีอาการชะงักไปเล็กน้อย “เขาเชื่อหวังไค วิวัฒนาการระยะ 3”
หลังจากได้ยินเรื่องราวทั้งหมด ทั้งโถงก็ตกอยู่ในความเงียบ ทุกคนต่างกลั้นหายใจรอให้ตวนเจียงเหว่ยปะทุความโกรธออกมา มีเพียงแค่หลูชูซเวที่นั่งอยู่บนเก้าอี้กำลังดื่มชาอย่างผ่อนคลาย
“อย่าดื่ม!” วิวัฒนาการคนหนึ่งกระซิบหลูชูซเว เขามีสีหน้ากระวนกระวาย “เธอดูสถานการณ์ด้วย!”
ตวนเจียงเหว่ยที่เงียบไปพักใหญ่จู่ๆก็หันหน้ามาหาหลูชูซเว ทำให้วิวัฒนาการคนนั้นถึงกับชะงักค้าง ไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว
“ใช่เรื่องจริงมั้ย?” ไม่มีใครคิดว่าตวนเจียงเหว่ยจะเอ่ยปากถามหลูชูซเว
ไก๋หนานรู้สึกกลัวพลางรีบหันไปจ้องหลูชูซเวที่ร่วมเดินทางมาด้วยกันทันที นี่ผู้หญิงคนนี้กับตวนเจียงเหว่ยรู้จักกันงั้นเหรอ?
“มันเป็นเรื่องจริง” หลูชูซเวตอบ จากนั้นเธอกลับไปมีท่าทีผ่อนคลายต่อเหมือนเดิม
ตวนเจียงเหว่ยไม่สนใจ เขาเพียงยิ้มเศร้าๆออกมา “แล้วพี่ชายของฉันล่ะ? ฉันอยากเจอเขา”
“ผมเอาตัวเขาไปไว้ที่ห้องๆหนึ่ง สภาพเขาไม่ค่อยดีเท่าไหร่” ไก๋หนานพูดอย่างระมัดระวังคำ
“ให้ใครก็ได้พาตัวเขามา” ตวนเจียงเหว่ยพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพกับไก๋หนาน
ไก๋หนานอึ้ง “ให้พามาที่นี้เหรอครับ?”
มันดีสำหรับคนเจ็บจริงๆงั้นเหรอ? สถานการณ์ของตวนฮงเหว่ยตอนนี้มันย่ำแย่มาก เด็กๆอาจหวาดกลัวจนเป็นลมได้ถ้าได้เห็นตวนฮงเหว่ยเข้า
“ถูกต้อง” ตวนเจียงเหว่ยยังคงยิ้มอยู่ “พาเขามาที่นี่”
10 นาทีต่อมา ร่างที่ชุ่มไปด้วยเลือดของตวนฮงเหว่ยก็ปรากฏขึ้น หน้าตาของเขาดูย่ำแย่และดูแทบไม่ได้ เขาถูกพามาที่กลางห้องโถง ห้องโถงเดิมที่เคยสะอาดเอี๋ยมอ๋องกลายเป็นสกปรกทันทีด้วยเพราะเลือดของตวนฮงเหว่ย
ทุกคนต่างหวาดกลัวเมื่อเห็นตวนฮงเหว่ยที่มีสภาพแบบนี้
หัวใจของไก๋หนานเต้นรัว เรื่องของชูฮันเขาก็กังวลมากพออยู่แล้ว แถมหลูชูซเวยังดูเหมือนกับจะรู้จักตวนเจียงเหว่ยดีอยู่แล้ว แล้วเรื่องที่เขาเป็นคนไล่ให้ชูฮันไปอีก
เขาไม่น่าบุ่มบ่ามเลย!
ไก๋หนานอยากตบหน้าตัวเอง
ตอนที่ 354
เมื่อมองไปที่สภาพของตวนฮงเหว่ย ตวนเจียงเหว่ยก็ประหลาดใจพอสมควร ทว่าไม่ได้มีสีหน้าท่าทางอะไรแสดงออกมาให้ใครเห็น เขายืนเงียบๆอยู่ประมาณ 2 นาที ส่งผลให้ทั้งห้องเงียบสนิท บรรยากาศหนาวเย็นราวกับความตาย
และทันใดนั้นตวนเจียงเหว่ยก็มองไปที่หลูชูซเว “เธอวิเคราะห์สิว่าทำไมอีกคนโดนฆ่า อีกคนไม่โดนแต่กลับโดนทรมานอย่างหนัก มันเร็วและง่ายกว่าการฆ่าเหรอ?”
หัวใจของทุกคนในห้องโถงแทบจะพุ่งออกมาจากอก ตวนเจียงเหว่ยโกรธจัดจริงๆ! และมันไม่มีอะไรเลวร้ายกว่าการฆ่า นี่มันคือการดูถูกที่รุนแรงมาก!
หลูชูซเวคิดอยู่พักหนึ่ง “จากการสังเกตของฉัน หวังไคไม่ใช่ชื่อจริงของผู้ชายคนนั้น และคนคนนี้เก่งกาจมากเรื่องการหลบซ่อน เขาไม่น่ามีสาเหตุอะไรให้ฆ่าตวนฮงเหว่ย ฉันเกรงว่านี่จะเป็นเรื่องจงใจ”
คำพูดของหลูชูซเวทำให้ทุกคนในห้องโถงต่างพุ่งสายตาประหลาดใจไปที่เธอกันหมด นี่เธอสังเกตหวังไคอย่างละเอียดขนาดนั้นเลยเหรอ? และเธอยังตบตาตวนฮงเหว่ยได้อย่างสมบูรณ์แบบอีก?
ตวนเจียงเหว่ยกระพริบตาจากนั้นก็ยิ้มกว้าง “น่าเสียดายที่ฉันไม่รู้ชื่อจริงของเขาหรือหน้าตาเขาเป็นอย่างไร ต้องขอบคุณความเมตตาของเขา”
เมื่อตวนเจียงเหว่ยพูดออกมา ไก๋หนานยิ่งรู้สึกกลัว ตวนเจียงเหว่ยพูดว่า ‘ขอบคุณเขาสำหรับความเมตตาของเขา?’
ทุกคนในห้องโถงทั้งตะลึงและประหลาดใจ ตวนฮงเหว่ยถูกทรมานจนมีสภาพแบบนี้ ทำไมอารมณ์ของพลโทถึงได้ดีขนาดนี้และยังพูดขอบคุณอีก?
ทว่าไม่ต้องรอให้ทุกคนได้มีความคิดอะไรอีก—–
ปัก!
จู่ๆมันก็มีของมีคมบางอย่างพุ่งออกมาจากบริเวณเอวของตวนเจียงเว่ยและแสงเย็นที่เป็นประกายวาบปรากฏอยู่ชั่วหนึ่ง
ปึก!
มีดปักเข้าที่ตวนฮงเหว่ยอย่างจัง!
ทั้งห้องโถงเงียบสงัด สายตาของทุกคนเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและระแวง ภาพฉากที่ไม่คาดฝันตรงหน้าทำให้หัวใจพวกเขาเต้นระรัว มีเพียงหลูชูซเวเท่านั้นที่ยิ้มออกมาและลบมันออกไปอย่างรวดเร็วโดยไม่พูดอะไรสักคำ เธอหยิบกระดาษออกมาหนึ่งแผ่นและเริ่มลงมือวาดอะไรบางอย่าง
ไม่มีใครกล้าจะปริปากพูดหรือส่งเสียงใดๆออกมา ไก๋หนานเบนหน้าจากภาพที่น่าตะลึงไปที่หลูชูซเวที่กำลังขีดเขียนบางอย่างลงบนกระดาษท่ามกลางห้องโถงที่เงียบสนิท
และในตอนนั้นเองมันก็มีเสียงกรีดของมีดดังอย่างน่าหวาดกลัวขึ้นในใจของคนที่ได้ยิน เลือดของตวนฮงเหว่ยไหลย้อยมาตามข้อมือของตวนเจียงเหว่ยจนมันไม่มีเลือดให้ไหลอีก
ปึก!
ตวนเจียงเหว่ยปักมีดของเขาเก็บเข้าไปในปอกมีดที่เอวดังเดิม สายตาของตวนเจียงเหว่ยเต็มไปด้วยความเย็นชา “ต้องขอบคุณที่เหลือร่างหมาๆของตวนฮงเหว่ยไว้ให้ฉันจัดการ!”
เฮือก!
ผู้คนต่างช็อคกับคำพูดที่โหดร้ายและเย็นชาของตวนเจียงเหว่ย ทุกคนต่างคิดไม่ออกว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ตวนฮงเหว่ยถูกทรมานแบบนี้แต่ตวนเจียงเหว่ยกลับไม่โกรธแถมยังเป็นคนปลิดชีพตวนฮงเหว่ยด้วยตัวเองอีก แถมก็ขอบคุณคนร้ายคนนั้นที่ช่วยทรมานตวนฮงเหว่ยให้?
หลังจากดึงมีดกลับคืนมา ตวนเจียงเหว่ยยืนนิ่งและมองไปที่ท้องฟ้าสีเทาด้านนอกพลางพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ตวนฮงเหว่ยตอนนั้นไม่ได้มีความชั่วร้ายครอบงำให้บังคับฆ่าพ่อแม่ฉันด้วยซ้ำ ศีลธรรมของมันยังสู้ซอมบี้ไม่ได้เลย เอาศพมันไปแขวนไว้ที่ทางเข้า”
“ครับ!” มีคนสองคนเดินเข้ามารับคำสั่งอย่างรวดเร็ว
คำพูดเพียงไม่กี่คำ หากทำให้ผู้คนในห้องโถงเต็มไปด้วยความสยอง ไม่มีใครนึกว่าลูกพี่ลูกน้องของตวนเจียงเหว่ยจะเป็นคนที่ฆ่าพ่อแม่ของเขาเอง!
สำหรับทฤษฎีสมคบคิด…การที่ตวนฮงเหว่ยส่งคนเชื่อใจอย่างหลูชูซเวไปตามหาพี่ชายของเขาไม่ใช่เพราะเขาต้องการให้พี่ชายของเขากลับมาอยู่ที่ค่ายตวนด้วยกันอย่างมีความสุข แต่เป็นเพราะตวนเจียงเหว่ยรู้ความจริงตั้งนานแล้ว เมื่อวันที่พ่อแม่ของเขาถูกฆาตกรรม เขาไม่ได้ออกไปข้างนอก แต่เขาอยู่ตรงระหว่างประตูและชั้นเก็บของ เขาเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับตาตัวเอง!
ตวนเจียงเหว่ยอยากจะออกไปจัดการกับตวนฮงเหว่ยด้วยตัวเองอย่างสิ้นหวัง ทว่าเป็นเพราะตวนฮงเหว่ยมีปืนอยู่ในมือ และในตอนนั้นเขาก็อายุเพียงแค่ 17 ปีเท่านั้น เขาไม่สามารถทำอะไรได้ สิ่งเดียวที่เขาคิดได้ตอนนั้นคือแจ้งตำรวจ
เหตุการณ์นี้เป็นหนามตำใจของตวนเจียงเหว่ยมาตลอด การแก้แค้นให้พ่อแม่ของเขาคือจุดมุ่งหมายในการมีชีวิตรอดของเขา และในขณะเดียวกันเขาก็เชื่อว่ามันไร้ประโยชน์ที่จะฝากความหวังของเขาไว้ที่คนอื่น ชีวิตของตวนฮงเหว่ยจะถูกฆ่าทิ้งได้โดยเขาแค่คนเดียวเท่านั้น!
เขาไม่ได้อ่อนกำลัง เขาได้เรียนรู้อะไรมากมายที่คนอื่นๆไม่สามารถเรียนรู้ได้แม้จะใช้เวลาถึง 20 ปี ไม่ว่าจะเรื่องการใช้มีดหรือความรู้เรื่องอื่นๆ เรื่องสีขาวและสีดำต่างๆ แม้แต่ในตอนยุคศิวิไลซ์ มือของเขาก็เปื้อนเลือดของชีวิตคนไปมากมายแล้ว
หลูชูซเวเป็นหนึ่งในคนที่เขาเชื่อใจที่ติดตามเขามาตลอด และความสามารถของเธอก็แข็งแกร่งมากเช่นกัน
และในตอนนั้นเองที่จู่ๆโลกาวินาศก็ปะทุ ตวนเจียงเหว่ยไม่ได้คิดว่ามันคือวันสิ้นโลก กลับกันเขาคิดว่ามันคือโอกาส โอกาสอันยิ่งใหญ่ในการระบายความเกลียดชังของเขาและแสดงตัวตนที่แท้จริงของเขาออกมา
และมันก็เป็นเพราะโลกาวินาศ ทำให้เขาได้ไปสถานที่ที่ซึ่งเขาคงไม่มีวันได้ไปถ้าเป็นในยุคศิวิไลซ์ มันมีข้อมูลมากมายที่นั่นและกระดาษหน้าหนึ่งก็ปรากฏขึ้นแสดงให้เห็นถึงตำแหน่งของตวนฮงเหว่ย
ตวนฮงเหว่ยไม่มีทางอยู่รอดด้วยตัวคนเดียวตลอด 5 ปีได้โดยไม่ถูกคนพบถ้าไม่ใช่เพราะมีคนคอยช่วย!
แต่นั่นมันไม่สำคัญ โลกาวินาศได้มาถึง ทุกอย่างในยุคศิวิไลซ์ถูกลบทิ้งไปหมด หลูชูซเวถูกเขาส่งไปเพื่อล่อตวนฮงเหว่ยให้มาที่ค่ายตวนและจากนั้นเขาก็จะจัดการกับมันด้วยตัวเอง!
อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้ได้พลิกผันโดยวิวัฒนาการระยะ 3 ที่ชื่อว่า หวังไค
หลูชูซเวและตวนฮงเหว่ยเกือบจะถูกลูกผสมฆ่า แม้ว่าตวนเจียงเหว่ยจะอยากทรมานตวนฮงเหว่ยด้วยตัวเองทว่าหวังไคก็ยังไว้ชีวิตของตวนฮงเหว่ยไว้ให้เขาได้จัดการขั้นสุดท้ายเอง เพราะฉะนั้นตวนเจียงเหว่ยจึงถือว่าตอนนั้นเขาเป็นหนี้บุญคุณหวังไคแล้ว
และถ้าไม่ใช่เพราะหวังไค เขาก็คิดว่าคนที่เขาเชื่อใจอย่างหลูชูซเวก็คงจะตายไปแล้ว
“ไม่มีปัญหา” จู่ๆเสียงของหลูชูซเวก็ดังแทรกห้องโถงที่เงียบสนิทขึ้นมาและทำให้ทุกคนสะดุ้งตื่นจากภวังค์ เธอยื่นกระดาษสีขาวใบหนึ่งบนโต๊ะไปให้ตวนเจียงเหว่ย “นี่คือภาพของคนคนนั้น”
บนกระดาษสีขาวมีภาพเสมือนที่ถูกวาดอย่างสวยงาม มันคือภาพของ…ชูฮัน!
ไก๋หนานแทบจะเป็นบ้า สถานการณ์ได้พัฒนาไปอย่างเหนือความคาดหมายของเขา นอกจากตวนเจียงเหว่ยจะไม่เพียงไล่ตามพี่หวังไคแล้วแต่ยังรู้สึกขอบคุณที่พี่หวังไคอีกจับลูกพี่ลูกน้องมาให้?
หลังจากที่ตวนเจียงเหว่ยรับภาพวาดมา เขาก็นิ่วหน้าพร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ “ยังหนุ่มอยู่เลย?”
“ใช่” หลูชูซเวตอบรับ “อายุไม่เกิน 20 อย่างแน่นอน”
“เขาเป็นคนซื่อสัตย์?” ตวนเจียงเหว่ยถามอีกครั้ง สายตาดูลึกลับ
“ถูกต้อง” หลูชูซเวพยักหน้า “อย่างน้อยเราก็เห็นแบบนั้น ใช่มั้ยไก๋หนาน?”
ไก๋หนานที่ถูกถามทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น
ในตอนนั้น จู่ๆมันก็มีร่าง 2 ร่างปรากฏขึ้นที่ทางเข้า ผู้ชายสองคนแต่งกายด้วยเครื่องแบบทหารเต็มยศ พวกเขามีท่าทางหยิ่งยโสและเดินตรงเข้ามาในห้องโถง!
ตอนที่ 355
คนที่มาใหม่ก็คือ…เหอเฟิงและเติงฮ่าว
“สวัสดี ฉันคือร้อยเอกเหอเฟิงจากค่ายซางจิง” เหอเฟิงเปิดปากแนะนำตัวเองก่อนและยื่นกล่องใบหนึ่งส่งมาให้ด้วยท่าทางสุภาพ
ตวนเจียงเหว่ยมองไปที่ร้อยเอกหนุ่มตรงหน้าด้วยความงงงวย
พ้ะ!
ทันใดนั้นเหอเฟิงก็รีบแสดงทำความเคารพแบบทหารต่อตวนเจียงเหว่ยทันทีในขณะที่ผู้คนในห้องโถงยังคงยืนอึ้งและไม่ได้สติจากอาการช็อคของเหตุการณ์ก่อนหน้านี้เลยกลับต้องช็อคอีกครั้งกับระเบิดลูกใหม่ที่ร้อยเอกเหอเฟิงโยนลงมา “ขอแสดงความยินดีด้วยครับพลเรือเอกตวนเจียงเหว่ย!”
ตึง!
มีเสียงของตกกระทบพื้นดังขึ้นทันทีที่ได้ยินคำพูดของเหอเฟิง ผู้คนที่ยังไม่ได้สติดีจากเหตุการณ์ฆ่าก่อนหน้านี้ต่างสะดุ้งตื่นขึ้นมา ตามมาด้วยเสียงพูดคุยที่เริ่มดังเซ็งแซ่ไปทั่วห้องโถง
“พลเอก?”
“เลื่อนยศ—-“
“พลเอกอายุแค่ 22 ปี นี้มัน?”
“มีพลเอกกี่คนในจีนกัน?”
“รวมพลเอกตวนเจียงเหว่ยคนใหม่ด้วยก็เป็นทั้งหมด 15 คน”
“พระเจ้า นี่ฉันยืนอยู่กับพลเอก!”
พลเอกมีเพียงแค่ 15 คน ซึ่งรวมถึงนายพลหลายคนที่เคยเป็นพลเอก ทว่าหลังจากโลกาวินาศมันเหลือเพียง 4 คนเท่านั้นที่มีตำแหน่งพลเอก คนแรกคือจวงฮงที่ทำผลงานครั้งยิ่งใหญ่ให้แก่ค่ายซางจิง คนที่สองประจำอยู่ที่ค่ายผู้รอดชีวิตในหนานตู้และเป็นพ่อของฉางกวนยวีซิน ส่วนตวนเจียงเหว่ยและชูฮันคือสองคนสุดท้าย
สองคนแรกนั่นมีอายุเข้าวัยกลางคนแล้ว ทั้งคู่เป็นทหารตั้งแต่ยุคศิวิไลซ์จนถึงยุคโลกาวินาศ พวกเขาต่างสร้างผลงานยิ่งใหญ่ให้จีน ขณะที่ชูฮันและตวนเจียงเหว่ยเป็นพลเอกมือใหม่ คนหนึ่งอายุ 22 ความสามารถเป็นที่น่าอัศจรรย์ ส่วนอีกคนอายุเพียงแค่ 20 ปี ยังไม่แม้แต่จะเรียนจบมหาวิทยาลัยด้วยซ้ำ
ชายหนุ่มที่อายุเพียง 20 ปียังคงไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองมีตำแหน่งเป็นถึงพลเอก
ส่วนตวนเจียงเหว่ยนั้นก็ไม่ได้คิดเลยว่าทางซางจิงจะเลื่อนตำแหน่งให้เขาเร็วขนาดนี้ ทว่ามันก็พอจะเข้าใจได้ จำนวนผู้รอดชีวิตในค่ายตวนนั้นมีมากถึง 20,000 คน แถมยังมีวิวัฒนาการะยะ 5 ที่พึ่งจะก้าวข้ามผ่านระยะมาเมื่อวานนี้ และยังมีกลุ่มนักรบวิวัฒนาการที่มากถึง 300 คนในค่ายอีก
และในขณะที่ทั้งห้องโถงกำลังเต็มไปด้วยเสียงดังลั่นของผู้คนที่ดีใจกับการเลื่อนตำแหน่งของตวนเจียงเหว่ยอยู่นั้น เหอเฟิงกลับยืนนิ่งเงียบขณะใช้ความคิด ส่วนเติงฮ่าวที่พึ่งได้รับตำแหน่งใหม่หมาดๆ จู่ๆก็หันไปชี้ภาพวาดที่ยังอยู่ในมือของตวนเจียงเหว่ยพร้อมกับตะโกน “ชูฮัน?”
ทันทีที่คำสองคำนั้นออกมา ห้องทั้งห้องที่ก่อนหน้านี้เต็มไปด้วยเสียงดังก็ตกอยู่ในความเงียบทันที
ความเงียบที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหันทำให้เติงฮ่าวอดไม่ได้ที่จะรีบเอามือขึ้นมาปิดปากเมื่อตระหนักได้ว่า…เขาสร้างเรื่องแล้ว!
เติงฮ่าวพึ่งได้รับตำแหน่งร้อยเอกใหม่ จู่ๆเขาก็ได้รับตำแหน่งจากพลเรือนมาเป็นร้อยเอกในกองทัพอย่างกระทันหัน เขายังไม่เข้าใจอะไรอีกหลายอย่างและเขาไม่สามารถเข้าใจวิธีการรับมืออะไรหลายๆอย่างของเหอเฟิง ครั้งนี้เขาติดตามเหอเฟิงออกมาจากค่ายเพื่อที่เขาจะได้ศึกษาจากเหอเฟิงโดยตรง
เมื่อได้เห็นทุกคนตรงหน้าเขายืนอึ้ง เขาก็แทบอยากจะหนีออกไปซะเดี๋ยวนี้เลย นั่นมันภาพวาดของชูฮันไม่ใช่เหรอ ทำไมทุกคนถึงทำหน้าแบบนั้น?
น่าอายชะมัด!
เหอเฟิงเป็นคนที่มีปฏิกิริยารวดเร็วที่สุด เขายังไม่เคยเจอชูฮันตัวเป็นๆ ดังนั้นพอผู้ช่วยของเขาที่มักจะทำเรื่องผิดพลาดจู่ๆก็แหกปากขึ้นมา จิตใต้สำนึกของเหอเฟิงก็รีบบอกให้เขาจดจำภาพวาดเสมือนตรงหน้าทันทีพร้อมกับหันหน้าไปหาเติงฮ่าวเพื่อยืนยัน “นายแน่ใจว่านี่คือชูฮัน? ดูให้แน่ใจอีกทีสิ!”
เติงฮ่าวรีบมองภาพอีกครั้ง ท่ามกลางความตะลึงของทุกคน เติงฮ่าวก็พูดบางอย่างที่ทำให้ทุกคนแทบจะเป็นลมขึ้นมา “ใช่! ผมเคยเจอชูฮันมาแล้ว นี่คือชูฮัน!”
อัก!
ไก๋หนานแทบจะกระอักเลือดออก…คนบ้านั่นคือชูฮัน?
แม่ง!
พี่หวังไค คือ พลเอกชูฮัน?
ความสำเร็จ S+ ที่เหนือชั้น อันดับหนึ่งของพลังการต่อสู้โดยรวมของระยะ 2 คนมักก้าวข้ามผ่านคำว่ามหัศจรรย์เสมอ ฆ่าซอมบี้ 5,000 เป็นกองศฑ และยังได้ครอบครองตำแหน่งพลเอกที่อายุน้อยที่สุดของจีนอีก!
แต่เขากลับตั้งนามแฝงให้ตัวเองว่า หวังไค
และฉันก็เชื่อ!
ไม่แปลกใจที่ไก๋หนานจะช็อคเพราะชื่อเสียงของชูฮันนั้นกว้างใหญ่มาก
เด็กหนุ่ม ทรงพลัง จัดการกองศพซอมบี้ได้ด้วยตัวคนเดียว อาวุธที่ใช้ก็มีเพียงแค่ขวานดำยักษ์ ฆ่าคนได้โดยไม่กระพริบตา หยิ่งยโสไม่สนใจใคร ทุกอย่างคือลักษณะของชูฮัน
อย่างไรก็ตาม พี่หวังไค ที่ไก๋หนานรู้จักไม่ได้เพียงแค่แข็งแกร่งในด้านพละกำลังเท่านั้น แต่ยังมีด้านอื่นอีกด้วย!
อย่างแรกคือ อาวุธที่เห็นได้ชัดเจน…ขวาน? ตั้งแต่แรกเริ่มจนจบเขาไม่เคยเห็นขวานดำของชูฮันเลย อาวุธเดียวที่เขาเคยเห็นก็คือ กริช
อย่างที่สองคือ การฆ่าคนโดยไม่กระพริบตา ยิ่งยโสจนไม่สนใจใครในสายตา
หลูชูซเวเองก็แทบยืนไม่อยู่ เธอก็คิดอยู่แล้วว่าหวังไคคนนั้นดูแปลกไปทุกอย่าง!
ที่ไหนได้ปรากฏว่าเขาคือชูฮัน คือชูฮันคนนั้น!
หลูชูซเวอดไม่ได้ที่จะนึกเสียดาย ในฐานะคนเชื่อใจของตวนเจียงเหว่ย เธอทำได้การศึกษาเหล่าวิวัฒนาการที่มีชื่อเสียงและอันดับสูงๆไว้อย่างละเอียด และคนที่ต้องระมัดระวังมากที่สุดก็คือชูฮัน แม้แต่ระดับอันตรายของป่ายหวีเนอก็ยังไม่เทียบเท่าเท่ากับชูฮัน ไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเธอเองจะปล่อยชูฮันผ่านหน้าไปแบบนี้ได้?
พระเจ้า!
ทันใดนั้นหลูชูซเวก็รู้สึกจุก เธอรู้ว่าเธอควรจะสังเกตการณ์และคอยเฝ้าระวัง 24 ชั่วโมง เพราะไม่เช่นนั้นเธออาจพลาดโอกาสบางอย่างไปได้
สายตาของตวนเจียงเหว่ยเย็นยะเยือกขึ้นมา ตวนฮงเหว่ยที่ปางตายถูกจงใจส่งมาถึงเขาโดยฝีมือของชูฮัน?
ผู้ชายคนนี้ยิ่งใหญ่เกินไป!
นอกเหนือจากที่ชูฮันจะวิเคราะห์ตวนเจียงเหว่ย ตัวตวนเจียงเหว่ยเองก็วิเคราะห์ชูฮันหลายครั้งเช่นกัน เพราะยังไงชูฮันก็คือคนที่มีชื่อเสียงโด่งดังเกินกว่าจะมองข้ามไปได้ ตั้งแต่แรกเริ่มตวนเจียงเหว่ยคิดว่าผู้ชายคนนี้ก็แค่คนขี้ขลาดคนหนึ่ง ทว่าหลังจากได้รับข้อมูลบางอย่างประกอบกับข้อมูลที่ไก๋หนานให้มา
ตวนเจียงเหว่ยก็สรุปได้ว่าชูฮันรู้เรื่องทุกอย่างอยู่แล้ว!
การฆ่าเป็นเรื่องกล้วยๆสำหรับชูฮัน แค่ตวนฮงเหว่ยทำให้ชูฮันอับอายก็มากพอแล้วสำหรับโทษตาย ทว่าสุดท้ายชูฮันกลับไม่ฆ่า? นี่มันไม่ใช่วิธีการของชูฮันเลย ตวนเจียงเหว่ยทำการศึกษาข้อมูลของชูฮันมาอย่างละเอียด
ผู้ชายคนนี้เป็นคนบ้าแท้ๆนี่เอง!
อย่างไรก็ตาม ชูฮันไม่ฆ่าตวนฮงเหว่ยแต่กลับส่งมาให้เขาเป็นคนฆ่าด้วยมือตัวเอง
ความหมายของการกระทำนี้คืออะไรกัน? ต้องการทำข้อตกลง?
นักรบผู้บ้าคลั่งรู้วิธีการสื่อสารจริงๆงั้นเหรอ?
สายตาของตวนเจียงเหว่ยจับจ้องไปที่ภาพวาดอีกครั้ง—-
ตอนที่ 356
ภาพวาดของหลูชูซเวนั้นดูดีมาก ทุกคนต่างจับจ้องสายตามาที่ภาพวาดนั่น
เนื่องจากชูฮันแสร้งทำตัวใสซื่อต่อหน้าทุกคน เขาทั้งเจ้าเล่ห์และร้ายกาจราวกับสุนัขจิ้งจอก!
มีแต่ผีเท่านั้นที่รู้ว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของชูฮันคืออะไร?
“นายเคยเจอพลเอกชูฮัน? เขาอยู่ที่ไหน?” เหอเฟิงไม่ปล่อยโอกาสทิ้งไป ผู้คนที่ค่ายซางจิงต่างกำลังตามหาตัวชูฮันกันอย่างบ้าคลั่ง พวกเขาไล่ค้นทีละเมือง พลิกแผ่นดินตามหาตัวชูฮันกันอยู่
ทุกคนต่างจ้องไปที่ไก๋หนานและหลูชูซเวด้วยสายตาไม่ไว้วางใจ คนอื่นๆก็แทบจะกระอัก พวกเขาเองก็ถูกชูฮันหลอกเหมือนกัน แล้วไก๋หนานล่ะ? เขาเองก็เผชิญหน้าพลเอกทั้งสองคนเหมือนกัน
“ฉันเห็นเขา!” ไก๋หนานวิ่งนำหน้าออกมาพร้อมกับบอกข้อมูลของชูฮันที่เขารู้ “เขาไปทางซ้ายของถนน!”
เนื่องจากนั่นคือพลเอกชูฮันและเขาก็เหมือนกำลังได้ช่วยตวนเจียงเหว่ยอยู่ เขาเองก็ไม่ได้มีความเกลียดชังใครและก็ไม่ใช่ศัตรูของเขา แล้วเขามีอะไรจะต้องกังวล? ในสายตาของเหล่าทหาร ไก๋หนานมักจะอึดอัดใจเสมอแต่ตอนนี้เขาดูสบายใจขึ้นมาก
หลูชูซเวอ้าปากค้าง…ผู้ชายคนนี้รู้ว่าชูฮันไปไหนจริงๆ!
“ถ้างั้นพลเอกตวนเจียงเหว่ย ผมขอตัวก่อน” เหอเฟิงกับเติงฮ่าวรีบจากไปตามถนนที่ไก๋หนานชี้บอกทันที ทุกคนที่ซางจิงต่างวางตำแหน่งชูฮันไว้สำคัญมาก และเวลานี้เหอเฟิงไม่มีเวลามาสนใจคนอื่นๆ ไม่ว่าชูฮันจะเป็นคนอย่างไรก็ตามตอนนี้เขาต้องหาตัวชูฮันให้เจอก่อน
ตวนเจียงเหว่ยมองตามหลังของทั้งสองคนที่จากไปด้วยรอยยิ้มประหลาดๆ ในเมื่อชูฮันต้องการซ่อนตัว เขาคิดว่าเส้นทางไปทางซ้ายนั่นก็คงจะไม่ใช่เส้นทางจริงที่ชูฮันไป
การแข่งขันกับสุนัขจิ้งจอก จะมีกี่คนในจีนกันที่มองเห็นจุดประสงค์ที่แท้จริงของชูฮันกัน?
————–
ขณะนี้ ชูฮันที่เดินทางออกมาจากจุดเดิมไกลแล้ว ก็ยืนอยู่ด้านนอกของหมู่บ้านเล็กๆพร้อมกับจ้องไปที่เด็กชาย 5 ขวบตรงหน้า
“นายชื่ออะไร?” เมื่อได้เห็นเด็กชายตัวเล็กตรงหน้า ชูฮันก็อดไม่ได้ที่จะสงสัย มองไปที่หมู่บ้านที่อยู่ไม่ไกลออกไปเขาก็ยิ่งประหลาดใจขึ้นไปอีก เด็กนี้คือใคร ทำไมถึงออกมาอยู่ข้างนอก?
เด็กตัวน้อยไม่ตอบคำถาม แต่กลับมองมาที่ชูฮันด้วยตาใสแป๋ว
“ครอบครัวนายอยู่ไหน?” ชูฮันถามต่อ
ทว่าเด็กตัวน้อยก็ยังคงไม่พูดอะไรเหมือนเดิม แม้แต่ท่าทางไม่เปลี่ยน ดวงตาก็ยังคงจ้องมาที่ชูฮันใสแจ๋วเหมือนเดิม
ชูฮันเลิกคิ้วขณะมองไปที่เด็กชายตัวน้อยที่ยืนห่างกับเขา อีกฝ่ายยืนอยู่ห่างจากชูฮันประมาณ 10 เมตร ทว่าชูฮันกลับไม่สามารถสัมผัสได้ถึงสัมผัสใดๆ จากนั้น—–
พ้ะ!
ทันใดนั้นกระต่ายสีขาวก็ถูกโยนออกมาจากกระเป๋าของชูฮัน หวังไคถูกโยนออกมาโดยไม่มีการเตือนใดๆทั้งนั้น มันกลิ้งหลุนๆไปกับพื้นโคลนอยู่หลายตลบ เด็กชายตรงหน้ายืนจ้องกระต่ายตรงหน้าตาไม่กระพริบไม่เลิกจนหวังไครู้สึกขนลุก
ขณะเดียวกัน ชูฮันที่ยืนห่างออกไปก็หัวเราะออกมาเล็กน้อย “คนที่ซ่อนอยู่ในที่มืด ออกมา?”
ในตอนนั้น หวังไคช็อคและตะโกนอยู่ในหัวชูฮัน “ชูฮัน! นายใช้ฉันเป็นเหยื่อล่อ?”
“ก็ นายบอกว่าทำได้หลายหน้าที่นี้!” ชูฮันตอบอย่างไม่แยแสอะไร ทว่าสายตาของเขากลับจดจ้องไปที่ริมถนนอย่างคมกริบ
มีเสียงฝีเท้าดังมาจากริมถนนข้างป่า ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินมาตามกลางถนนอย่างเย็นชา ชื่อของเขาคือหลูปิงเซ่อ เขาได้ซ่อนตัวอยู่ในที่มืดมาตลอด
ชูฮันมองผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเขาและตะโกนออกมา “หวังไค กลับมา”
ชูฮันเพิ่มความระแวงที่มีต่อผู้ชายคนนี้ขึ้นทันที มันเป็นครั้งแรกสำหรับเขาที่มีที่ซ่อนตัวอยู่ใกล้ขนาดนี้แต่เขาสัมผัสไม่ได้ถึงการมีตัวตนของอีกฝ่าย ถ้าไม่ใช่เพราะมีเด็กชายตัวน้อยอยู่ตรงนี้ประกอบกับการที่เขาโยนหวังไคออกมาอย่างกระทันหันเพื่อขัดบรรยากาศละก็คือเขาก็คงหาหลูปิงเซ่อไม่เจอ
ด้วยสายตาที่จ้องมาไม่กระพริบของเด็กน้อยทำให้หวังไครีบกลิ้งตัวกลับไปหาชูฮันทันทีและยอมที่จะปล่อยให้ชูฮันตราหน้าว่าเป็นคนอ่อนแอดีกว่าเพราะยังไงตัวมันก็เคยชินกับการกลั่นแกล้งของชูฮันอยู่แล้ว
เด็กชายตัวน้อยเปลี่ยสีหน้าทันทีที่เห็นกระต่ายน่ารักกลิ้งหนีหายไปจากระยะสายตา
หลูปิงเซ่อเห็นภาพตรงหน้า เขาเลิกคิ้วขึ้นใส่ชูฮัน “ผู้ชายตัวโตเลี้ยงกระต่าย?”
“นายก็ไม่ได้เลี้ยงเด็กเหมือนกันเหรอไง?” ชูฮันกรอกตาใส่พร้อมกับพูดตอบ…อย่าประมาทหวังไคเชียว มันมีดีมากกว่าที่เห็น
หลูปิงเซ่อประหลาดใจกับความเงียบที่เกิดขึ้นอยู่สักพัก จากนั้นเขาก็เอ่ยปากพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ได้เป็นมิตรมากเท่าไหร่ “นายไม่ได้เป็นศัตรู นายสามารถเข้าหมู่บ้านได้”
สายตาของชูฮันเต็มไปด้วยความประหลาดใจทันทีที่ได้ยินแบบนั้น หลูปิงเซ่อหันหน้าไปหาเด็กน้อยและอ้าปากขยับพูดแบบไร้เสียงกับเด็กน้อย ส่วนเด็กน้อยก็รีบเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มกว้างทันทีพร้อมกับพยักหน้าและเดินเข้าไปหาหลูปิงเซ่อ
สายตาของชูฮันไม่สามารถซ่อนความสับสนที่เขามีได้…นี่มันอะไรกัน?
หลูปิงเซ่อนิ่วหน้าใส่ชูฮันที่ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม “เขาชื่อ เจิ่งเทียนอี้…เขามีปัญหาด้านการได้ยิน ส่วนฉันชื่อ หลูปิงเซ่อ เร็วเข้ามันจะมืดแล้ว”
หลังจากพูดจบหลูปิงเซ่อก็ไม่สนใจปฏิกิริยาของชูฮันอีก เขาดึงมือของเจิ่งเทียนอี้เดินไปทางเข้าหมู่บ้านด้วยกัน เขาค้นพบแล้วว่าเด็กชายตัวน้อยนี้หูหนวกแต่เขายังไม่เข้าใจ และมันน่าประหลาดใจว่าหลูปิงเซ่อสื่อสารกับเจิ่งเทียนอี้ได้อย่างไร?
พรสวรรค์? มีเพียงแค่เหตุผลเดียว มันเป็นความสามารถของพรสวรรค์แบบไหนกัน?
นี่เป็นหมู่บ้านเล็กๆที่ทำให้ชูฮันประหลาดใจอีกครั้ง จำนวนของผู้คนในหมู่บ้านนี้มันน่าทึ่งมาก มันไม่ได้เงียบสงบและธรรมดาเหมือนกับหมู่บ้านอื่นๆ สิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุดก็คือเขาได้พบกับพรสวรรค์มากมายตลอดทางเดินในหมู่บ้าน!
และน่ากลัวยิ่งขึ้นไปอีกก็คือหมู่บ้านนี้ได้พัฒนาอารยธรรม มันมีทางเดินราดที่ดูเรียบง่าย มันเป็นค่ายผู้รอดชีวิตขนาดใหญ่ที่มีความสามารถและวิธีที่จะประดิษฐ์ของออกมา!
“แปลกไหมล่ะ?” หลูปิงเซ่อที่เดินข้างๆชูฮันพูดขึ้น “ทุกๆคนที่มาถึงที่นี้มักจะมีท่าทีแบบนี้เสมอ ฉันเองก็ประหลาดใจมากเหมือนกันเลยเลือกที่จะตัดสินใจอยู่ที่นี้ วันโลกาวินาศที่เป็นเหมือนภัยพิบัติทั่วทั้งจีนสำหรับทุกคน แต่กับที่นี้มันคือสวรรค์”
แปลก?
ชูฮันบิดปาก
ตอนที่ 357
ร้านอาหารมืด
“มันมีเสาหินอยู่แถวนี้ใช่มั้ย?” ชูฮันไม่ได้มีปฏิกิริยากับคำพูดของหลูปิงเซ่อ หากกลับเดินก้าวใหญ่ๆเข้าไปในร้านอาหารที่มีผู้คนแน่นหนาที่อยู่ข้างๆ
ถ้ามีเสาหินอยู่แถวๆ มันก็เป็นเรื่องปกติที่จะมีวิวัฒนาการจำนวนมากรวมตัวกันอยู่ที่นี้ เพราะฉะนั้นมันก็ไม่ได้น่าประหลาดใจอะไรที่ค่ายหมู่บ้านเล็กๆนี้จะมีจำนวนผู้คนสูงขนาดนี้ มันเป็นครั้งแรกของชูฮันที่มาสถานที่แบบนี้ในชาตินี้ แต่เมื่อชาติที่แล้วเขาได้ไปสถานที่แบบนี้มาเยอะแล้ว
หลูปิงเซ่อประหลาดใจที่เห็นชูฮันจู่ๆก็เดินเข้าไปในร้านอาหารด้วยตัวเอง ท่าทางของชูฮันไม่ได้ดูช็อคและเหลือเชื่อเหมือนกับครั้งแรกที่เขาเห็นที่นี้ เขาเคยมาที่นี้มาก่อนงั้นเหรอ? ต้องใช่แน่ๆ ไม่อย่างนั้นทำไมเขาถึงรู้ว่ามันมีเสาหินอยู่ใกล้ๆนี้?
ชูฮันไม่ได้สนใจหลูปิงเซ่อที่ยืนประหลาดใจอยู่ด้านนอกร้านอาหาร หลังจากเข้ามาร้านอาหารเขาก็กวาดตารอบๆเพื่อหาโต๊ะว่างและนั่งลง ทุกคนในร้านต่างนั่งดื่มไวน์และมีอาการมึนเมา ในร้านนี้คนที่อ่อนแอที่สุดคือวิวัฒนาการระยะ 1
หลายคนเห็นชูฮันและพูดจาล้อเลียนอย่างไร้มารยาทและความกระดากใจ
“ฮ่าฮ่าฮ่า! คนมาใหม่อีกคน!”
“มันมีพวกคนที่ดูเหมือนหมา แต่ไม่รู้คำสั่งไม่กี่คำ?”
“วิวัฒนาการหรือพรสวรรค์?”
“ใครจะรู้ นายจะได้เห็นในวันพรุ่งนี้”
“หึ! อย่าลืมเดิมพันวันพรุ่งนี้ล่ะ”
“ฉันจะลืมได้ยังไง ถ้านายได้ยศสูงกว่าฉันฉันจะให้คริสตัลของซอมบี้ระยะ 2 กับนายสองชิ้นเลย!”
“แค่สองเนี่ยนะ มันใช้ซื้อไวน์ได้แค่สองขวดเอง!”
หัวข้อการสนทนาเปลี่ยนจากชูฮันไปอย่างรวดเร็ว เพราะสุดท้ายแล้วหลังจากได้เห็นหน้าคนมาใหม่และได้พูดจาตลกล้อเลียนทักทายแล้ว คนมาใหม่ก็ไม่มีค่าอะไรให้พวกเขาให้ความสนใจต่ออีกนอกจากว่าคนคนนั้นจะเป็นหนึ่งในอันดับรายชื่อต้นๆของความสามารถในการสู้รบโดยรวม
“จะดื่มอะไร?” เจ้าของร้านดูไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่นัก เธอตะโกนใส่ชูฮันจากในมุม ขี้เกียจแม้แต่จะลุกขึ้นยืน
“น้ำแก้วหนึ่ง” ชูฮันวางกระสุน 2 นัดลงบนโต๊ะ
ทันทีที่ชูฮันพูดออกมา ทั้งร้านอาหารก็ค่อยเงียบเสียงลงทันที ทุกคนต่างมองชูฮันอย่างคนขี้ขลาดตาขาว…คนมาใหม่ที่เข้ามาในร้านอาหารเพื่อสั่งน้ำเปล่าหนึ่งแก้ว
“ผีเน่าน่าสมเพช!” เจ้าของร้านพูดขึ้นทำลายความเงียบ เธอบิดเอวคว้าแก้วน้ำมาวางบนโต๊ะชูฮันแถมทำให้มันหกไปเยอะพอสมควร จากนั้นก็หยิบกระสุน 2 นัดบนโต๊ะที่ชูฮันวางไว้ไป
“เฮ้—–” มีเสียงแหกปากดังตามมา ในไม่ช้าภายในร้านก็เต็มไปด้วยเสียงดังสนั่นอีกครั้ง
“ช่างเป็นผีเร่ร่อนที่น่าสมเพชจริงๆ! กระสุน 2 นัด? ฮ่าฮ่าฮ่า!”
“และก็ยังเป็นผีเร่ร่อนอยู่! ซื้อน้ำด้วยกระสุน 2 นัด?”
“ฉันแค่อยากจะดื่มน้ำ กระสุนสามารถแลกน้ำได้สองขวดด้วยซ้ำ!”
“ฉันมาที่นี้โดนเฉพาะเพื่อจะดื่มน้ำเพราะฉันเป็นคนใจกว้าง!”
ในการแลกเปลี่ยนสิ่งของ การแลกเปลี่ยนขั้นพื้นฐานได้ถูกนำมาใช้ตลอดระยะเวลาของโลกาวินาศ 5 เดือนที่ผ่านมา มันมีสินค้าเบ็ดเตล็ดมากมายให้แลกเปลี่ยนระหว่างเหล่าผู้รอดชีวิต ทว่าสำหรับวิวัฒนาการกลับมักจะใช้ไม่กระสุนก็หัวซอมบี้…ที่ข้างในมีคริสตัล
กระสุนสามารถแลกน้ำดื่มได้ 2 ขวด แต่คริสตัลของซอมบี้ระยะ 2 สามารถแลกน้ำได้ 2 ลัง
ต่อหน้าทุกคนภายในร้านอาหาร มันมีแก้วที่ไวน์วางตั้งอยู่ คาดว่าคงจะแลกเปลี่ยนด้วยอาหารมากมายและกระสุนเพื่อไวน์เพียงแก้วเล็กๆแก้วเดียว คนส่วนใหญ่สามารถใช้คริสตัล 1 หรือ 2 ชิ้นเพื่อแลกกับไวน์หนึ่งแก้ว คริสตัลของซอมบี้ระยะ 2 เป็นที่แพร่หลายใช้โดยทั่วไป แต่ไม่มีใครเอาคริสตัลของซอมบี้ระยะ 3 ออกมาใช้แลกเปลี่ยนของกัน แม้ทุกคนจะยังไม่รู้แน่ชัดว่าคริสตัลพวกนี้ใช้งานยังไง ด้วยเพราะสุดท้ายแล้วทางกองทัพยินดีรับคริสตัลเสมอทำให้พวกเขายิ่งเพิ่มมูลค่าของคริสตัลขึ้นเรื่อยๆ
ร้านอาหารอยู่ท่ามกลางป่าเขา ทำให้ราคาของไวน์พุ่งกระฉูด และวิวัฒนาการเหล่านี้ก็มีกำลังในการแลกเปลี่ยนกันทั้งนั้น เนื่องจากสภาพแวดล้อมที่คนส่วนใหญ่มักจะมีคริสตัลเป็นถุงกันอยู่แล้วเป็นส่วนใหญ่ เพราะฉะนั้นการที่ชูฮันใช้กระสุนแลกเปลี่ยนน้ำดื่มจึงดูน่าสมเพชในสายตาของทุกคน
และที่สำคัญที่สุดก็คือ ความสามารถในการมีคริสตัลก็เป็นข้อพิสูจน์ว่าวิวัฒนาการหรือพรสวรรค์มีพลังมากแค่ไหน
และการปฏิเสธที่จะซื้อไวน์ด้วยคริสตัลมาดื่มนั่น…จึงทำให้ทุกอดไม่ได้ที่จะหัวเราะใส่ชูฮันด้วยความดูถูก!
ชูฮันไม่สนใจ โดยปกติแล้วมันเป็นไปได้ไม่ได้ที่จะเอาคริสตัลของซอมบี้ระยะ 2 ซึ่งมีค่าเท่ากับ 5 คะแนนเพื่อเอามาแลกในสถานที่แบบนี้ ในเมื่อเขามีกระสุนมากมายและเขาต้องการแค่น้ำแก้วเดียว เพียงเพื่อต้องการนั่งที่นี้และดูรอบๆหมู่บ้านเพื่อสังเกตสถานการณ์เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ในสายตาของคนอื่น นี่มันเป็นการกระทำที่ไร้ค่าและน่าดูถูกอย่างมาก ถ้าชูฮันไม่เข้ามาในร้านอาหารเลยก็ยังจะดีซะกว่าเข้ามาแล้วซื้อน้ำเปล่าด้วยกระสุนแบบนี้
หลูปิงเซ่อพาเจิ่งเทียนอี้เดินเข้ามาและเห็นชูฮันพร้อมกับน้ำหนึ่งแก้ว ผู้ชายที่ไม่เคยตะโกนมาก่อนจู่ๆก็เกือบจะแหกปากขึ้นมาทันที เขาเกือบจะระงับไว้ไม่ทัน…ผู้ชายคนนี้เข้ามาทำไม?
เจ้าของร้านมองหลูปิงเซ่ออย่างดูถูกและดูหมิ่นก่อนจะรีบเปลี่ยนสีหน้าพร้อมกับยิ้มอย่างเสแสร้งใส่หลูปิงเซ่อ “ต้องการดื่มอะไร?”
“เบียร์ดำ” จากนั้นหลูปิงเซ่อก็โยนคริสตัลของซอมบี้ระยะ 2 ใส่มือของเจ้าของร้าน พร้อมกับเดินมุ่งหน้าไปหาชูฮัน
ชูฮันไม่แม้แต่จะเหลือบตามอง เขายังคงนั่งนิ่งดื่มน้ำเงียบๆจนมันไม่เหลือน้ำให้ดื่มอีก สำหรับสภาพที่ยากแค้นในตอนนี้ มันไม่ใช่เรื่องดีที่จะเหลืออาหารและเครื่องดื่ม ชูฮันเหลือบตาไปสนใจหลูปิงเซ่ออยู่ครู่หนึ่ง เขามีไวน์ตั้งมากมายอยู่ในประตูมิติของเขา เรื่องอะไรเขาต้องเสียคริสตัลทิ้งไปฟรีๆ?
“พอ! อย่าเสียกำลังคนไปเปล่าๆ” เสียงของหวังไคดังขึ้นในหัวชูฮัน มันแทบพูดอะไรไม่ออกกับความอิจฉาและตัวตนที่แท้จริงของชูฮัน
“ในอนาคต เรายังต้องการกำลังคนอีกมาก ค่ายที่มีผู้คนนับหมื่น คริสตัลคือเงิน เราจะสร้างค่ายขึ้นมาโดยไม่ต้องใช้เงินเหรอไ? การสร้างกองทัพไม่ต้องใช้เงินเหรอ?”
ในตอนนั้น ความคิดของชูฮันก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย โดยเฉพาะหลังจากได้เข้าร้านอาหารนี้มาและมองเห็นผลประโยชน์
“แล้วนายก็ไม่สามารถจ่ายได้! ฉันไปล่ะ นายก็คิดทบทวนเอาเองละกัน อย่าคิดว่าฉันไม่รู้อะไรน่ะ!”
ชูฮันกรอกตาด้วยความผิดหวัง ในตอนนี้หลูปิงเซ่อได้เดินมาถึงโต๊ะชูฮันเรียบร้อย พร้อมกับนั่งลงข้างๆชูฮันทันที ภาพที่เกิดขึ้นตกอยู่ในสายตาของทุกคนในร้าน ก่อให้เกิดเสียงกระซิบที่ดังเซ็งแซ่ไม่หยุด
“คนมาใหม่นี้คือใครกัน?”
“ฉันไม่รู้ว่า นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นหลูปิงเซ่อนั่งโต๊ะเดียวกับคนอื่น”
“ดูเจิ่งเทียนอี้สิ!” จู่ๆก็มีผู้ชายคนหนึ่งส่งเสียงขึ้นมา ทำให้ทุกคนรีบหันหน้าไปดูตามทันที ทำให้ได้เห็นเด็กชายตัวน้อยยืนอยู่ต่อหน้าชูฮันด้วยท่าทางไร้เดียงสา
เมื่อเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้ ริมฝีปากของชูฮันก็บิดเล็กน้อยจากนั้นเขาก็หันหน้าไปหาหลูปิงเซ่อที่นั่งอยู่ข้างๆ “นายพูดอะไรกับเขา? ทำไมเขาถึงมองฉันด้วยสายตาแบบนี้?”
“ฉันบอกเขาว่านายจะให้กระต่ายกับเขา” หลูปิงเซ่อตอบ
หวังไคที่อยู่ในกระเป๋าของชูฮันช็อค
ตอนที่ 358
ฉันนำทาง นายให้เงินฉัน
เจ้าของร้านสนใจเพียงแค่การขายสุราราคาสูงเท่านั้น ส่วนกลุ่มวิวัฒนาการมารวมตัวกันไม่ใช่เพียงเพื่อเปรียบเทียบว่าใครรวยกว่ากัน แต่ยังเป็นเพราะความจริงที่ว่าหลูปิงเซ่อดื่มเบียร์อยู่ข้างๆชูฮัน
“แสดงว่า เสาหินก็อยู่ห่างออกไปไกลพอสมควรเหรอ?” จู่ๆชูฮันก็เอ่ยปากถามขึ้นมา
“เอ่อ” หลูปิงเซ่อพยักหน้า “มันไม่ได้ใกล้ มันอยู่ในภูเขา รถไม่สามารถขับเข้าไปได้ ฉันจะนำทางไปให้ถ้านายจ่าย”
“แล้วราคามันคือเท่าไหร่?” ชูฮันแสยะยิ้ม
หลูปิงเซ่อยิ้มมุมปาก “30 ชิ้นของคริสตัลซอมบี้ระยะ 2”
“เฮ้” เสียงของหวังไคดังขึ้นในหัวชูฮัน “มืดมนชะมัด! ฉันคิดว่าเจ้าของร้านนี้มืดแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าหลูปิงเซ่อจะยิ่งกว่า ใช้คริสตัลตั้ง 30 ชิ้นเพื่อไป แล้วไปกลับก็รวมกันเป็น 60 เนี่ยนะ!”
“นี่มันเป็นหนทาง—-” ชูฮันหันความสนใจไปที่หลูปิงเซ่อ “ที่นี้มีกฎมั้ย?”
“ถ้าไม่มีการนำทางของฉัน นายไม่มีทางหามันเจอได้เอง” หลูปิงเซ่อพูดอย่างตรงๆด้วยน้ำเสียงแข็งแรง “มันใช้เวลาเดินทางหนึ่งอาทิตย์ พรุ่งนี้เราจะออกเดินทาง”
“นั่นแหละ ถ้าฉันไม่จ่ายด้วยคริสตัล ฉันเป็นข้อยกเว้นได้มั้ย?” ชูฮันต่อ “ฉันสามารถเดินตามหลังกลุ่มได้ นายช่วยให้ฉันได้ไปได้มั้ย?”
“ไม่ได้เด็ดขาด!” หลูปิงเซ่อยิ้มอย่างมีนัยนะ “และฉันก็ไม่รับประกันความปลอดภัยของนายด้วย”
คิ้วของชูฮันกระตุก…นั่นมันหมายความว่ายังไง? นอกจากนี้ ผู้ชายคนนี้ดูแข็งแกร่งอย่างมาก เพราะงั้นวิวัฒนาการหลายคนเลยต้องการการคุ้มครองจากเขาเท่านั้นงั้นเหรอ?
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” ในตอนนั้นเอง คนในร้านคนหนึ่งก็ยิ้มออกมาพร้อมพูด “เจ้าคนมาใหม่ ฉันแนะนำให้แกจ่ายคริสตัลไปซะ การนำทางไปจากหมู่บ้านนี้กลายเป็นกฎบังคับไปแล้ว”
โดยไม่ต้องรอปฏิกิริยาตอบสนองของชูฮัน ผู้ชายคนนั้นก็รอไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะใส่ “แต่มันก็มีแค่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าจะตายหรือมีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้น”
ในตอนนั้นเองหลูปิงเซ่อก็ยื่นมือข้างหนึ่งมาหน้าชูฮัน รอยยิ้มบนหน้าของเขาดูเป็นมืออาชีพมาก “ฉันเป็นคนนำทางและนายก็ให้เงินฉัน”
“ชูฮัน” ทันใดนั้นหวังไคที่อยู่ในหัวชูฮันก็พูดขึ้น “ฉันว่านายควรตามเขาไป ฉันไม่รับรองว่าฉันจะหาเสาหินได้เจอ”
อะไรนะ? ชูฮันมึนตึบ “นายสัมผัสอะไรไม่ได้เลยเหรอไง?”
เสียงของหวังไคฟังดูไร้หนทาง “ตั้งแต่เริ่ม บางครั้งสัญญาณมันก็ขาดๆหายๆ ฉันคิดว่ามันเป็นเพราะระยะทางที่ไกลเกินไป มันไม่ได้อยู่ใกล้บริเวณนี้ มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น ดูเหมือนจะมีบางอย่างรบกวนสัญญาณอยู่ มันก็คล้ายๆกับสนามแม่เหล็ก ฉันโดนรบกวนสัญญาณ เป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นเพราะมันมีเสาหินอยู่แถวนี้มากกว่าหนึ่งอัน”
มีเสาหินมากกว่าหนึ่ง?
ตอนนั้นเองชูฮันรู้สึกประหลาดใจ เขารู้มาว่าโดยปกติเสาหินแต่ละอันจะมีระยะห่างที่ห่างกันพอสมควรเลยทีเดียว แต่ตอนนี้คือมันมีเสาหินอยู่ใกล้ๆกัน แสดงให้เห็นชัดเจนเลยว่า หนึ่งในเสาหินจะต้องเป็นประเภทเคลื่อนที่ไปมา ส่วนอีกอันก็อยู่ประจำที่เดิม
หลูปิงเซ่อมองเห็นความลังเลของชูฮัน ส่งผลให้รอยยิ้มบนหน้าหลูปิงเซ่อยิ่งกว้างขึ้นพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงกระตุ้น “นายคิดว่าไง? แม้มันจะมีซอมบี้อยู่บ้างในภูเขาและสัตว์ป่ามากมาย”
สัตว์ป่า? ชูฮันกระพริบตา
“หวังไค กลับเข้าหลุมนายไปซะ” ชูฮันพูดในใจ จากนั้นก็หันกลับไปหาหลูปิงเซ่อพร้อมยิ้มด้วยท่าทางมืออาชีพ และวางลูกกระสุนใส่ลงในฝ่ามือของหลูปิงเซ่อ “นี่เป็นรางวัลสำหรับการนำทางของนาย ส่วนสำหรับความปลอดภัย นายกังวลกับคนอื่นที่ต้องการเถอะ”
ล้อเล่นเหรอไง เขาไม่ต้องการคนคุ้มกัน อยากได้คริสตัลของเขางั้นเหรอ? ไม่มีทาง!
หลูปิงเซ่อมองกระสุนในมือและทำให้นึกถึงมูลค่าของกระสุน 2 นัดที่ชูฮันใช้เพื่อซื้อน้ำหนึ่งแก้ว รอยยิ้มบนหน้าของหลูปิงเซ่อก็หายไปทันทีแทนที่ด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ฉันเข้าใจได้ว่านายกำลังดูถูกฉันอยู่?”
“ไม่” ชูฮันส่ายหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง “ฉันเป็นสุภาพบุรุษกับผู้หญิงเสมอ”
กล่าวอีกนัยก็คือ น้ำแก้วเดียวก่อนหน้านี้ไม่คุ้มค่ากับกระสุน 2 นัดด้วยซ้ำ คำพูดของชูฮันทำให้หวังไคพูดไม่ออก ใครกันที่ผลักให้บูชาเด็กสาวอายุ 16 ปีออกไปเดินทางตัวคนเดียว? ชูฮันเป็นสุภาพบุรุษ? เหอะ ล้อเล่นเหรอไง!
สายตาของเจ้าของร้านคมกริบราวกับมีดตามมาด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย “ผีเน่าน่าสมเพช ข้อแก้ตัวเยอะเหลือเกิน!”
ภาพที่เกิดขึ้นอยู่ในสายตาของทุกคนในร้าน สายตาของทุกคนมีบางอย่างไม่ชัดเจนอยู่ในแววตา
ไอ้หนุ่มนี้มันจบแล้ว!
เช้าวันต่อมา วิวัฒนาการมากกว่า 30 คนพร้อมที่ออกเดินทาง
การเคลื่อนไหวของวิวัฒนาการมากกว่า 30 คนนั้นมีขนาดไม่น้อย ชาวบ้านหลายคนต่างอิจฉาขณะมองคณะเดินทางมุ่งหน้าเข้าไปในภูเขา ความเร็วของทุกคนนั้นรวดเร็วมาก เพียงแค่ 2 ชั่วโมง เงาของตัวหมู่บ้านก็ไม่สามารถมองเห็นได้ในระยะสายตาแล้ว หลงเหลือเพียงแค่ความเงียบและป่าทึบ
หลูปิงเซ่อเดินนำหน้า ส่วนวิวัฒนาการทั้งหมดก็รักษาความเร็วคงที่ตามหลังมา แต่ชูฮันรู้ดีว่าสมรรถภาพทางกายภาพของหลูปิงเซ่อนั้นมีจำกัด มันไม่ใช่เพราะต้องดูแลวิวัฒนาการระยะ 1 จึงทำให้จำเป็นต้องจำกัดความเร็วไม่ให้เร็วเกินไปจนวิวัฒนาการระยะ 1 ตามไม่ทัน…
พรสวรรค์ระยะ 2!
ชูฮันตัดสินจากลักษณะพิเศษของหลูปิงเซ่อ ความเร็วของหลูปิงเซ่อนั้นช้าพอกับวิวัฒนาการระยะ 1 เพราะฉะนั้นพรสวรรค์ระยะ 2 คือระยะสูงสุดที่หลูปิงเซ่อจะเป็นได้
มันยิ่งทำให้ชูฮันจองหองขึ้นไปอีก ความสามารถที่แท้จริงของผู้ชายคนนี้มันคืออะไรกันแน่?
2 ชั่วโมงต่อมา พวกเขาได้อยู่ในภูเขาเรียบร้อยแล้ว ท้องฟ้าก็ค่อยเปลี่ยนเป็นสีดำ และตอนนั้นเองจู่ๆหลูปิงเซ่อก็หยุดพร้อมกับปาดเหงื่อบนหน้าผากออก “พักค้างคืนกันก่อน”
จากนั้นก็เบนสายตามาที่ชูฮันพร้อมกับร่องรอยประหลาดใจบนสีหน้า เช่นเดียวกันวิวัฒนาการหลายคนก็ต่างจับจ้องสายตามาที่ชูฮันกันหมด
ชูฮันที่กลายเป็นจุดสนใจของคนนั้นจู่ๆเขาก็ได้ยินเสียง ซือ ซือ ดังมาจากข้างบน
มันเป็นงู งูเต็มไปหมด!
ตอนที่ 359
ให้กระสุนอีก
งูพวกนี้มีอยู่ประมาณเกิน 20 ตัวได้ ผิวหนังของพวกมันดูหนามาก ต่อให้งูตัวที่เล็กที่สุดก็ยังมีขนาดยาวมากกว่า 2 เมตร พวกมันเลื้อยกันอยู่บนต้นไม้ตามกิ่งก้าน พวกมันกดกิ่งของต้นไม้ให้ต่ำลงเรื่อยๆเพื่อจะโจมตี การเคลื่อนไหวของงูพวกนี้ดูมีรูปแบบ ดูน่าสงสัยอย่างมาก!
ชูฮันมองไปที่กิ่งก้านดอกไม้ต่างๆที่พวกงูเลื้อยอยู่บนหัวเขา ทว่าเมื่อมองไปที่บนหัวของคนอื่นๆเขากลับต้องรู้สึกประหลาดใจขึ้นมา งูพวกนี้เล็งเป้ามาที่เขาคนเดียวเท่านั้น?
วิวัฒนาการ 30 คนต่างมารวมตัวกันรอบๆหลูปิงเซ่อด้วยความกลัว หลูปิงเซ่อมีอาการเหงื่อแตกพลั่กแต่มันกลับมีรอยยิ้มฉายอยู่บนใบหน้าของเขาขณะจ้องมาที่ชูฮัน “งูเต็มไปหมด!”
คนอื่นๆที่อยู่รอบตัวหลูปิงเซ่อก็ต่างส่งสายตาไม่พอใจมาที่ชูฮันเช่นกัน
“เหตุผลของการได้คริสตัลของที่นี้มันคืออะไร? มันอาจจะคุ้มค่าความพยายาม แต่มันไร้ราคา”
“อย่าดันทุรัง แกก็เคยเห็นคนประเภทนี้ ตอนนี้ฉันอยู่ระยะ 1 ฉันคิดว่าฉันจะไม่รอดแล้ว ฉันถูกล้อมไว้ด้วยสัตว์ประหลาด”
“มันจะอะไรกันนักกันหนา!”
“ส่งคริสตัลมา หลูปิงเซ่อสามารถปกป้องแกได้ อ้อ ฉันลืมบอกแกไป เขาเป็นพรสวรรค์ที่แข็งแกร่งมาก!”
พรสวรรค์นั้นหาได้ยากมาก โดยเฉพาะเมื่อ เฉินช่าวเย่ กลายเป็นที่รู้จักและจดจำไปทั่วในฐานะพรสวรรค์ ทำให้ในสายตาทุกคนพรสวรรค์ถูกจดจำว่าเป็นหาได้ยากและทรงพลังมากๆไปแล้ว
ในตอนนี้ หลูปิงเซ่อ ก็เป็นเช่นนั้นในสายตาทุกคน ทว่าเขาไม่ได้มีร่างกายที่แข็งแกร่งเหมือนกับวิวัฒนาการ และถึงแม้เขาจะมีพรสวรรค์ที่หาได้ยาก แต่มันก็เป็นเพราะความสามารถที่เขามี เพราะเขาสามารถสร้างความแตกต่างได้และทำให้ทุกคนเชื่อฟังสิ่งที่เขาพูด
ชูฮันมองไปที่เหล่างูบนหัวเขาที่ต่างส่งเสียงขู่พร้อมจะโจมตีใส่เขา จากนั้นก็หันกลับไปมองหลูปิงเซ่อ “นายควบคุมพวกมันให้โจมตีฉัน?”
“ไม่ ไม่” หลูปิงเซ่อยิ้ม “ฉันแค่บอกพวกมันว่าอย่าโจมตีคนรอบๆตัวฉัน”
ชูฮันประหลาดใจมาก “นายสามารถสื่อสารกับงูได้?”
หลูปิงเซ่อยิ่งยิ้มกว้างขึ้นไปอีก แต่ถ้ามองดีๆรอยยิ้มนั้นเต็มไปด้วยการยั่วยุ “ฉันเป็นเพื่อนที่ดีกับพวกสัตว์”
ชูฮันนิ่งไปชั่วขณะ…เป็นความสามารถที่แปลกและน่าเหลือเชื่อ!
ความสามารถนี้เป็นเรื่องที่ชูฮันเคยได้ยินอยู่ในชาติที่แล้ว ประกอบกับได้เห็นภาพที่หลูปิงเซ่อสื่อสารกับเจิ่งเทียนอี้มากับตา ชูฮันจึงยิ่งแน่ใจกับความสามารถที่หลูปิงเซ่อมี มันน่าจะเป็นอะไรที่เกี่ยวกับคลื่นสมอง หลูปิงเซ่อสามารถใช้คลื่นความถี่วิทยุเพื่อสื่อสารกับสิ่งมีชีวิตทุกชนิดอย่างไร้อุปสรรค มันไม่มีอุปสรรคทางด้านภาษา เพียงแค่สังเกตคลื่นความถี่ที่อีกฝ่ายใช้และใช้ตามเพื่อจะสื่อสารด้วย
คนที่มีพรสวรรค์แบบนี้มักไม่ค่อยเป็นที่รู้จักด้วยเพราะกล่าวกันว่าความสามารถแบบนี้ใช้ได้แค่การแลกเปลี่ยนหรือปลอมตัวเท่านั้น หลูปิงเซ่อสามารถใช้ความสามารถนี้กับสัตว์เมื่ออยู่เข้ามาในป่าเท่านั้น แต่ตัวเขานั้นไม่มีพลังในการต่อสู้ และไม่สามารถผ่านการประเมิณผลของเสาหินได้ด้วยเพราะเขาไม่มีความสามารถในการต่อสู้
ความสามารถของหลูปิงเซ่อมีขีดจำกัดและมันหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะฉะนั้นหลูปิงเซ่อจะไม่สามารถควบคุมพวกสัตว์ได้ตลอดเวลา
หลูปิงเซ่อมองไปที่ชูฮันที่ยืนนิ่งอย่างไร้อารมณ์ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสับสนและไม่เข้าใจ “ตราบใดที่มีคริสตัล ฉันสามารถบอกให้เพื่อนฉันไปได้ทันที”
“เร็วสิ! อย่าทำให้พวกเราเสียเวลา!” ชายที่อยู่ข้างๆหลูปิงเซ่อตะโกนใส่ชูฮันอย่างหมดความอดทน “ส่งคริสตัลมาซะที เสียเวลามานานแล้ว!”
ชูฮันใช้มือทั้งสองข้างจับขวานซิ่วโหลขึ้นพาดบนไหล่ จากนั้นเขาก็จ้องตาหลูปิงเซ่อและแสยะยิ้มออกมา “ต่อให้จะเป็นคนที่ช่วยชีวิตแม่ฉันมาขอคริสตัล แม้แต่ครึ่งหนึ่งฉันก็ไม่ให้”
สายตาของหลูปิงเซ่อเปลี่ยนเป็นเย็นชา “แสดงว่านายจะไม่ให้ใช่มั้ย? อยากจะสู้ใช่มั้ย? รู้ไว้ด้วยว่างูพวกนี้มีพิษร้ายแรง แต่ให้นายเป็นวิวัฒนาการระยะ 3 ก็ช่วยอะไรไม่ได้”
“สำหรับคนขี้เหนียวแบบฉัน มันเป็นไปไม่ได้ที่จะให้คริสตัล” สีหน้าของชูฮันยังคงไร้อารมณ์ดังเดิม ทว่าประโยคต่อมาของเขากลับฟังดูเหมือนยั่วโมโห “ฉันสามารถให้ได้แต่ลูกกระสุน”
หน้าของหลูปิงเซ่อดำมืดทันทีด้วยความโมโห พร้อมกับพวกงูที่จู่ๆก็จู่โจมใส่ชูฮันทันที…เห็นได้ชัดว่ามันได้รับคำสั่งมา!
ทุกคนที่ยืนอยู่ข้างๆหลูปิงเซ่อต่างแสยะยิ้มและพูดคุยกัน
“ไอ้หนุ่มนี้มันรนหาที่ตายชัดๆ”
“ฉันหวังว่าศพมันจะไม่ล่อสัตว์อื่นมา”
“สบายใจได้” เสียงของหลูปิงเซ่อเย็นยะเยือก “มันจะสะอาดเรียบร้อย–“
หลูปิงเซ่อพูดยังไม่ทันจบ มันก็เสียง——
พึบ!
พึบ!
เสียงของขวานที่ฟาดฟันงูดังขึ้น ราวกับเครื่องจักรที่เคลื่อนไหวรวดเร็วและแม่นยำ งูหลายตัวถูกตัดขาดกองอยู่ที่พื้นไปแล้วเรียบร้อย และมีอีกหลายตัวที่ที่ยังไม่ตายทันทีแต่แค่จะมีชีวิตรอดไปได้ก็ถือว่าโชคดีแล้ว ทว่าวินาทีต่อมาก็มีขวานยักษ์โจมตีลงมาด้านบน พุ่งลงมากระแทกหัวของพวกมันจนเละเป็นโจ๊กอย่างแม่นยำและรวดเร็ว
มีเสียงขู่ของงูหลายตัวที่พุ่งเข้ามาใส่ชูฮันที่ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับ เขาฟาดขวานใส่พวกมันขาดเป็นสองท่อนภายในพริบตา งูมากกว่า 30 ตัวถูกฆ่าอย่างรวดเร็วภายในการแกว่งขวานแค่ไม่กี่ครั้ง
วิวัฒนาการระยะ 3 ก็ช่วยอะไรไม่ได้? แต่ว่าชูฮันไม่ใช่วิวัฒนาการระยะ 3 ธรรมดา…
สีหน้าของทุกคนที่กำลังรอดูการแสดงที่จะได้เห็นชูฮันถูกกัดและถูกพวกงูกลืนกินไปกลายเป็นนิ่งค้าง หลูปิงเซ่อหน้าตาซีดเซียว เหงื่อแตกพลั่กเต็มหน้าผาก
ชูฮันฆ่างูทั้งหมดและเตะซากกองศพพวกมันที่ขวางทางออกไป ฝูงชนต่างรีบเดินถอยหลังหนีโดยอัตโนมัติ หนึ่งในนั้นพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นๆพร้อมกับเหงื่อโชก “วิวัฒนาการระยะ 4 งั้นเหรอ?”
ขณะเดียวกันสีหน้าของวิวัฒนาการมากกว่า 30 ต่างบิดเบี้ยวน่าเกลียด วิวัฒนาการและพรสวรรค์ส่วนใหญ่จะเคารพคนที่มีพลังสูงกว่า แต่พวกเขาได้เยาะเย้ยและพูดจาดูถูกอีกฝ่ายตั้งแต่เมื่อวานที่ร้านอาหาร และวันนี้มันก็ยิ่งหนักกว่าเดิมอีก พวกเขาคิดว่าอีกฝ่ายก็แค่วิวัฒนาการหน้าใหม่ธรรมดาๆ ใครจะไปรู้ว่าเป็นคนที่น่ากลัวและแข็งแกร่งได้ขนาดนี้
ทุกคนต่างไม่เข้าใจ คนที่ทรงพลังขนาดนี้ควรจะอยู่ในค่ายขนาดใหญ่ที่อุดมสมบูรณ์ เขามาทำอะไรในถิ่นทุรกันดารแบบนี้กัน?
ชูฮันเดินอย่างสบายๆตรงเข้ามาหาฝูงชนพร้อมกับตอบคำถามอย่างสุภาพ “ไม่ใช่ระยะ 4 แค่ระยะ 3”
ขณเดียวกันฝูงชนต่างมีสีหน้าหวาดกลัวและสยดสยองทันทีที่ได้ยินคำตอบ ชูฮันตบมือลงที่ไหล่หลูปิงเซ่อ น้ำเสียงดังแผ่วอยู่ในหูของหลูปิงเซ่อ “ขอโทษนะที่ฆ่างูของนายตายหมดก่อนที่นายจะได้ทันบอกให้พวกมันยอมจำนน”
ตอนที่ 360
มืดกินมืด
อย่างที่ชูฮันคิด หลูปิงเซ่อไม่ใช่ว่าจะสามารถสื่อสารกับสัตว์ได้ทุกชนิดทุกเวลาได้หมด การสื่อสารเป็นงานที่ยากลำบาก คลื่นความถี่ในสมองของสัตว์แต่ละชนิดนั้นแตกต่างกัน พูดอีกคำก็คือ ภาษาต่างกัน ประกอบกับการล่อลวงและการทำให้พวกมันยอมจำนนก็ต้องใช้เวลาพอสมควร
นั้นจึงทำให้ชูฮันสามารถกวาดล้างพวกมันได้ภายในพริบตาอย่างง่ายดาย ตอนนี้หลูปิงเซ่อหน้าตาซีดเซียวและเหงื่อแตกพลั่ก เขาแทบอยากจะร้องไห้ออกมา!
หลูปิงเซ่อ มองไปที่ไหล่ของชูฮันด้วยรอยยิ้มลึก ขณะคิดว่าชูฮันจงใจทำแบบนี้อย่างแน่นอน
แต่ปัญหาก็คือตอนนี้งูได้ตายหมดแล้ว เขาไม่มีเวลาทำให้พวกมันได้ยอมจำนนด้วยซ้ำ แล้วเขาจะทำอย่างไรต่อดี ถนนเส้นต่อไปอันตรายมาก? พวกเขาจะยังไปที่เสาหินกันได้มั้ย? แต่เขาได้เก็บคริสตัลมาจากทุกคนแล้ว เขาเลยพูดอะไรไม่ได้นอกจากน้ำท่วมปาก!
เมื่อมองไปที่หลูปิงเซ่อที่กำลังดิ้นรนอย่างกระวนกระวาย ชูฮันก็หัวเราะเยาะอยู่ในใจ ไหนบอกว่าเป็นเจ้านายของเหล่าสัตว์ทั้งหลายไง?
วิวัฒนาการที่ต่างจ่ายคริสตัลเป็นจำนวนมากให้หลูปิงเซ่อไปไม่กล้าจะพูดอะไรออกมา หน้าตาซีดเซียวของหลูปิงเซ่อมันบอกชัดเจนแล้วว่าอะไรเป็นอะไร บรรยากาศมันเงียบสงบอย่างน่าประหลาด ทุกคนยืนสังเกตการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปอย่างเงียบๆ
สุดท้ายแล้วหลูปิงเซ่อก็ตัดสินใจพูดบางอย่างที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจออกมา “ถ้างั้น นายให้กระสุนฉันอีกอันแล้วฉันจะนำทางไปให้”
วิวัฒนาการหลายคนต่างกลืนน้ำลายอึกด้วยความตึงเครียด ทุกคนรู้ดีว่าชื่อเสียงของหลูปิงเซ่อในหมู่บ้านนั้นค่อนข้างสูง ไม่มีใครกล้าหักหน้าหลูปิงเซ่อและอารมณ์ของหลูปิงเซ่อมักจะคุ้มค่าราคาที่จ่ายไปเสมอ แต่ครั้งนี้หลูปิงเซ่อกลับยอมเสียหน้าให้กับคนมาใหม่นี้จริงๆ?
ชูฮันมีสีหน้าเย็นชา…กล้าขอให้เขาส่งกระสุนให้? ตอนนี้ไม่ต้องพูดถึงกระสุนเลย แม้แต่เปลือกหอยเปล่าๆเขาก็ไม่ให้!
เมื่อเห็นว่าชูฮันไม่ขยับเขยื้อนใดๆ หลูปิงเซ่อก็พยายามอีกครั้ง “ถ้างั้น ไม่มีค่าใช้จ่าย?”
ชูฮันเป็นผู้ชายที่มักชอบการเผชิญหน้าอย่างตรงๆ เขาเดินผ่านหน้าหลูปิงเซ่อไป ทว่าจู่ๆเขากลับรู้สึกหนักตรงแถวๆขาทั้งสองข้าง
“พี่ชาย! อย่าไป!” หลูปิงเซ่อกอดขากางเกงทั้งสองข้างของชูฮันไว้และอ้อนวอนอย่างน่าไม่อาย “ผมจะให้คริสตัล 2 อันกับพี่ ผมนำทางเองแต่พี่ช่วยปกป้องผมได้มั้ย?”
“ห้ะ!”
คำพูดของหลูปิงเซ่อทำให้วิวัฒนาการทั้งหมดต่างช็อค หลูปิงเซ่อพูดแบบนี้จริงๆงั้นเหรอ? เป็นไปได้มั้ยว่างูหลายสิบตัวก่อนหน้าคือความสามารถสูงสุดของหลูปิงเซ่อ? พวกเขาถูกตบตางั้นเหรอ?
ชูฮันไม่สนใจว่าปฏิกิริยาของทุกคนจะยิ่งใหญ่ขนาดไหน นอกเหนือจากสีหน้าที่พร้อมจะร้องไห้ของหลูปิงเซ่อ ชูฮันเพียงแค่หลุบตามองต่ำใส่หลูปิงเซ่อพร้อมกับหัวเราะเยาะ “นายอยากให้ฉันปกป้องนายด้วยคริสตัล 2 อัน? เรียกผีแถวนี้มาช่วยนายเองละกัน!”
วิวัฒนาการระยะ 1 ต่างมีสีหน้าย่ำแย่กันหมดและกลัวที่จะพูด คำพูดของชูฮันไม่มีเพียงแต่จะเป็นการล้อเลียนหลูปิงเซ่อ แต่ยังเป็นการพูดข่มพวกเขาด้วย
หลูปิงเซ่อรู้ว่าทุกอย่างจะจบทันทีถ้าเขาทำพังอีกครั้ง เขาส่งกระเป๋าไปที่มือของชูฮัน “คริสตัล 70 อันทั้งหมดนี้เป็นของพี่ชายหมดเลย?”
หลูปิงเซ่อใช้คำพูดเกลี้ยกล่อมให้เหล่าวิวัฒนาการยอมจ่ายคริสตัลได้อย่างเต็มใจ เพราะฉะนั้นเขาจำเป็นต้องทำภารกิจให้สำเร็จไม่เช่นนั้นกลุ่มวิวัฒนาการทั้งหมดนี้จะไม่มีทางปล่อยให้เขารอดไปอย่างแน่นอน
หวังไครู้สึกกลัวพลางถามขึ้น “นายจงใจใช่มั้ย?”
ความอับอายของหลูปิงเซ่อได้มาถึงขีดสุด เพราะไกด์อย่างเขากลับไม่สามารถทำหน้าที่ตัวเองต่อได้ หลูปิงเซ่อรู้สึกเสียใจ…เขาไม่น่าไปยั่วโมโหผู้ชายคนนี้เลยตั้งแต่แรก ตอนนี้ไม่เพียงแต่เขาจะทำมาหากินต่อไม่ได้แล้วหลังจากนี้ แต่คริสตัลที่เขาได้มาทั้งหมดก็ไม่เหลือ!
จางโบฮั่นหนึ่งในวิวัฒนาการที่อยู่ในกลุ่มก็ร่วมมือกับหลูปิงเซ่อตบตาทุกคน หลูปิงเซ่อรับหน้าที่ล่อวิวัฒนาการเข้ามาในหมู่บ้าและเป็นคนคอยนำทางไปเสาหิน ส่วนจางโบฮั่นก็มีหน้าที่พาคนมาที่ร้านสร้างเพื่อสร้างบรรยากาศทางการเงิน การโยนคริสตัลไปให้เจ้าของร้านเพื่อซื้อไวน์ก็เป็นกลเม็ดที่ดีอย่างหนึ่งเหมือนกัน ทั้ง 2 คนต่างช่วยกันเล่นละครตบตากันเพื่อผลกำไรมหาศาล
เด็กชายตัวน้อยอย่างเจิ่งเทียนอี้เองก็เป็นหนึ่งในเหยื่อล่อ การที่เจิ่งเทียนอี้หูหนวกนั้นไม่ใช่เรื่องหลอก ทว่ามันเป็นจุดประสงค์ที่แท้จริงที่จะก่อให้เกิดความตกใจ ใครก็ตามที่เห็นการสื่อสารแบบนี้ก็จะตกใจแล้วจากนั้นก็จะรู้สึกชื่นชมอยู่ในหัวใจ
แต่การจะหลอกเอาผลประโยชน์จากชูฮันนั้นมันไม่มีทางสำเร็จ
ในตอนนี้หลูปิงเซ่อไม่อยากจะพูดอะไรเลย เขาแค่หวังว่าจะผ่านช่วงเวลานี้ไปก่อนแล้วจากนั้นก็จะรีบหลบหนีไปจากหายนะนี้!
หวังไคอึ้งอย่างมากกับวิธีหาเงินของชูฮัน นี้มันอะไรกัน? มืดกว่ากินมืด?
ชูฮันยิ้มและตบไหล่หลูปิงเซ่อ “ไอ้หนุ่ม ตามให้ทันล่ะ”
หลังจากนั้นชูฮันก็หมุนตัวและเดินจากไป หลูปิงเซ่อก็รีบเดินตามไปทันที
เบื้องหลังคือกลุ่มวิวัฒนาการ พวกเขาต่างมองหน้ากันและกันไปมา
ไม่มีใครพูดอะไรแต่ในใจพวกเขาได้อัดหลูปิงเซ่อจนเละไปแล้ว
และจู่ๆชูฮันก็หยุดเดินและหมุนตัวกลับมามองกลุ่มวิวัฒนาการ “พวกนายจะทำอะไรฉัน?”
ทุกคนต่างเบิกตากว้างด้วยความตกใจขณะจ้องไปที่ชูฮันอย่างไม่อยากจะเชื่อ เขาหมายความว่ายังไงกัน?
แต่ประโยคต่อมาของชูฮันก็ช่วยไขข้องใจของทุกคนได้ “ฉันแค่บอกว่าจะปกป้องหลูปิงเซ่อ ไม่ได้บอกว่าจะปกป้องพวกนายด้วย?”
“เหอะ!” หวังไคเป็นคนแรกที่สบถออกมา ชูฮันไม่สามารถหยุดยั้งความเห็นแก่เงินของเขาได้เลยเหรอไง “นายกะจะหาคริสตัลให้ได้เท่าไหร่กัน?”
“เงียบปาก” ชูฮันไม่แม้แต่ลังเลที่จะสวนกลับหวังไค “อย่าดูถูกเงินจำนวนเล็กน้อย!”
“แล้วเฉินช่าวเย่สำหรับนายล่ะ” หวังไคปราศจากคำพูดต่อชูฮัน
“ไร้สาระ เขาเป็นคนของฉัน” เหตุผลของชูฮันดีพอสมควร “แต่คนพวกนี้ไม่ใช่คนของฉัน”
หนึ่งในวิวัฒนาการระยะ 2 อดไม่ไหวที่จะเอ่ยปากถามขึ้นมา “เราต้องจ่ายคริสตัลด้วยเหรอ?”
“แน่นอนว่าใช่” เสียงหัวเราะของชูฮันไม่ใช่การล้อเล่นเลยสักนิด
ตอนที่ 361
ตบตา
“แต่พวกเราให้หลูปิงเซ่อไปแล้ว” วิวัฒนาการระยะ 2 อีกคนพูดขึ้น
หลูปิงเซ่อรีบก้มหน้าทันที พยายามลดความมีตัวตนของเขาออกไป
ชูฮันไม่ขยับเขยื้อน เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงหลอกล่อแบบเดียวกับที่หลูปิงเซ่อใช้ “เขาคือเขา ฉันก็คือฉัน และตอนนี้เป็นฉันที่สามารถปกป้องพวกนายได้ นายต้องแยกความแตกต่างนี้ให้ออก”
มันฟังดูเหมือนจะสมเหตุสมผล พลังน่ากลัวที่ชูฮันแสดงให้เห็นก่อนหน้านี้ทำให้บางคนไม่กล้าจะปฏิเสธ วิวัฒนาการระยะ 2 คนนั้นตัดสินใจที่จะเผชิญหน้ากับชูฮัน เขาถามขึ้น “แต่ละคนต้องจ่ายคริสตัลเท่าไหร่?”
ดูจากลักษณะนิสัยของชูฮันที่ข่มหลูปิงเซ่อ คริสตัล 2 ชิ้นไม่น่าจะเป็นไปได้
เป็นคำถามที่ดี…ชูฮันที่รอคอยประโยคนี้อยู่ยิ้มกว้างออกมาทันที “หนึ่งคนต่อคริสตัล 10 ชิ้น”
“10—10?!” แม้แต่คนที่เตรียมใจมาแล้วอย่างวิวัฒนาการระยะ 2 ก็ยังตกใจจนโพล่งออกมา “10 นั่นมันทั้งหมดที่ฉันมีเลยนะ!”
คนส่วนใหญ่เต็มไปด้วยอารมณ์โกรธ “นี่มันขู่กรรโชกกันชัดๆ!”
“ถูกต้อง อย่ามาพูดถึง 10 คริสตัลเลย แค่ 5 ยังมากไปด้วยซ้ำ!” มีคนรีบส่งเสียงสนับสนุน
“คริสตัลมันสำคัญขนาดนั้นเลย?” ชูฮันยิ้มกับคำพูดที่ได้ยิน เขาจำได้ว่าเมื่อวานที่ร้านอาหาร คนพวกนี้พูดจาอีกแบบ
แน่นอนว่าทุกคนที่ได้ยินประโยคนี้ต่างปิดปากกันทันที พวกคนร่ำรวยได้แต่ถอนหายใจกับคริสตัลที่ต้องเสียไปกับความไม่แน่นอนของการต่อสู้ ทว่ามันก็ยังมีบางคนที่ไม่มีกำลังจะจ่าย ในตอนนั้นเองเป็นอีกครั้งที่ชูฮันให้เหตุผลที่คนอื่นไม่สามารถปฏิเสธได้
“ไม่สามารถจ่ายได้? ก็ขอยืมสิ!”
เพราะฉะนั้น ครึ่งชั่วโมงต่อมา ชูฮันเดินตามการนำทางของหลูปิงเซ่อมุ่งหน้าไปที่เสาหินประเมิณผล ด้านหลังคือกลุ่มวิวัฒนาการ บรรยากาศมันเงียบสนิท ไม่มีใครพูดอะไรเลย
ชูฮันอารมณ์ดีตลอดการเดินทาง…เขาได้คะแนนนับพันมาอย่างง่ายๆ!
แน่นอนว่า การทำธุรกิจแบบนี้มันได้คะแนนเร็วกว่าการไล่ฆ่าซอมบี้ ตอนแรกชูฮันคิดว่ามันไม่สมเหตุสมผลอย่างมากกับการใช้คริสตัลของซอมบี้เพื่อแลกเป็นคะแนน แต่ตอนนี้มันสมเหตุสมผลแล้วเมื่อเห็นแบบนี้…มันคือช่องโหว่ของระบบ!
สมองอันของชูฮันได้แต่ประมวลผลแผนการอันแยบยลในหัวในการหาวิธีการพัฒนาการทิศทางในอนาคต พร้อมกับฟังเสียงพูดของหวังไคในหัวไปด้วยตลอดทาง
———
บี๋เทียนยืนอยู่ตรงทางแยกของถนน ตอนนี้รูปร่างของเขาได้แตกต่างไปจากแต่ก่อน มันดูคล้ายๆกับซอมบี้ สภาพเขาดูย่ำแย่ แขนทั้งสองข้างยาวลงมาถึงพื้น นี่เป็นความผันแปรทางพันธุกรรมครั้งที่สองที่เกิดขึ้นจากการกินเนื้อของลูกผสม
ด้านหลังของบี๋เทียนคือกางซากศพของซอมบี้จำนวนมาก เขายื่นลิ้นที่น่ารังเกียจออกมา ปากและฟันดูน่าสยดสยองพร้อมกับเล็บที่แหลมคมขูดไปกับพื้นตามถนน
บี๋เทียนมองซ้ายขวาอย่างระมัดระมังไปที่ถนน 3 แยกตรงหน้า เขาจำได้แม่นว่าค่ายตวนที่ไก๋หนานและคนอื่นๆมุ่งหน้าไปอยู่ทางขวา ส่วนชูฮันก็บอกว่าเขาจะไปทางด้านซ้าย เพราะฉะนั้น——
พรึบ!
เงาของบี๋เทียนที่อยู่ตรงพื้นกระโดดพุ่งตัวไปข้างหน้า
———
ในขณะเดียวกัน เฮลิคอปเตอร์ก็หยุดที่พรมแดนระหว่าง 2 ประเทศ เติ่งฮ่าวที่อยู่บนเฮลิคอปเตอร์ก็มองไปที่ชายแดนที่อยู่ตรงหน้าเขา
ไม่นานเหอเฟิงก็ลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ มองไปที่ชายแดนตรงหน้า…มันไม่มีหนทางให้ไปต่อ ฝั่งตรงข้ามไม่ใช่จีน ในโลกาวินากาศที่แม้แต่กิจกาจภายในประเทศก็ยังไม่สงบเรียบร้อยดี มันจึงอันตรายอย่างมากที่จะข้ามไปประเทศอื่นที่เราไม่รู้เรื่องภายในของเขาเลย
ไม่มีใครรู้ว่าประเทศอื่นมีสภาพเป็นอย่างไร
แต่ชูฮันจะไปที่นั้นมั้ย? เหตุผลคืออะไร? จำเป็นที่ต้องรู้ว่าประเทศฝั่งตรงข้ามมีประชากรขนาดใหญ่หรือไม่ และเป็นไปไม่ได้ที่จีนจะมีความสามารถในการตอบสนองและกำลังทหารได้ครบทุกด้าน จำนวนซอมบี้ขนาดใหญ่จนอาจกลืนกินทั้งประเทศไปแล้วก็เป็นได้ และอาจไม่มีมนุษย์หลงเหลืออยู่อีก
ชูฮันไปไหนกัน?
“ร้อยเอกเหอเฟิง” เติงฮ่าวกลืนคำพูดของเขาลงคอไปด้วยความกังวล “เราจำเป็นต้องข้ามไปจริงๆเหรอ? ฉันไม่คิดว่าเราจะผ่าน—–“
เหอเฟิงเผยอปาก
“และเราไม่มีอาหารและน้ำมากพอ” เติงฮ่าวพูดต่ออย่างกระวนกระวาย น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความกังวล “คำถามที่สำคัญที่สุดคือ ชูอันไปทำอะไรที่ฝั่งตรงข้ามกัน? เราไม่รู้ว่ามันมีอะไรอยู่ที่นั่น มันมีอะไรที่ชูฮันต้องการงั้นเหรอ?”
“มีอะไร? เขาต้องการอะไร?” เหอเฟิงจมลงไปในความคิดของตัวเอง ทันใดนั้นความโกรธก็พวยพุ่งขึ้นมาจากอกเขา เขาไม่รอให้เติงฮ่าวได้มีปฏิกิริยาตอบสนอง จู่ๆเขาก็หันหลังเดินกลับ
“ร้อยเอกเหอเฟิง?” เติงฮ่าวงงงวยและรีบเดินตามไปถาม “เราจะกลับงั้นเหรอ? ไม่ต้องตามหาชูฮันแล้ว?”
“ให้ไปหาพระแสงอะไรล่ะ! เขาไม่ได้มาที่นี่ด้วยซ้ำ!” เหอเฟิงเต็มไปด้วยความโกรธที่สุมอก เขาลืมไปได้ยงไงกัน เมื่อตอนที่ไก๋หนานบอกว่าชูฮันพูดว่าจะไปทางซ้าย แต่พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชูฮันนับทิศจากทางไหน?
ผู้ชายคนนี้!
เหอเฟิงเดินก้าวเท้าไปเรื่อยๆพร้อมกับพูดกับเติงฮ่าว “ก่อนหน้านี้เราได้สำรวจเสาหินที่ไหนมาบ้าง?”
“เอ่อ—-? บนแผ่นที่ครับ ผมทำเครื่องหมายไว้แล้ว” เติงฮ่าวรีบยื่นแผนที่ส่งให้อย่างไว
เหอเฟิงมองไปที่ภาพแผนที่ในมือด้วยสายตากังวลและโกรธ “ฉันจำได้ว่าก่อหน้านี้นายพูดว่าเจอเขาในเมืองอันลู ตอนนั้นเขาอยู่ระยะเท่าไหร่?”
“ระยะ 3 ครับ”เติงฮ่าวตอบทันทีตามจิตใต้สำนึก
“อันดับที่ 1 ของการเมิณผลการต่อสู่โดยรวมของระยะ 2 ชื่อของชูฮันยังอยู่ที่สถิติเดิม พวกเราถูกตบตาแล้ว!”
ชูฮันได้รับการแต่งตั้งตำแหน่ง เพราะฉะนั้นแน่นอนว่าชูฮันจะต้องอยากทำการทดสอบวัดฝีมือ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น