Ancient Strengthening Technique เทพอสูรบรรพกาล 1355-1361

 บทที่1355 – รักษาได้หรือไม่?


 


นี่ก็ผ่านมาหลายปีแล้ว ที่เขาป่วยด้วยโรคนี้ เขาไม่รู้ว่าในทุกๆวันนี้เขานั้นอยู่รอดมาได้ยัง อย่างไรก็ตามเขาได้กล่าวออกมาในตอนนี้ว่า “ท่านบรรพบุรุษลืมมันไปเถอะ ไม่มีใครที่สามารถรักษาข้าได้”


 


เสียงของเทียนฮี่ เรินโม่ นั้นดูอ่อนแอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีความขมขื่นอยู่ในน้ำเสียงของเขา มีหมอมากมายกว่า1หมื่นคนที่เขามารักษาเขา แต่ก็ไม่มีใครเลยที่สามารถรักษาเขาได้


 


“ตราบเท่าที่มีความหวังเจ้าไม่ควรยอมแพ้ หรือเจ้ายอมรับสิ่งที่เป็นอยู่ในตอนนี้ได้แล้ว และเจ้าไม่ต้องการกลับมาเป็นเช่นดังเก่าอย่างนั้นรึ?”


 


“ป่าว ข้าไม่เคยยอมแพ้ เพียงแค่ตอนนี้ข้าต้องยอมรับความเป็นจริงเท่านั้น”เทียนฮี่เรินโม่กล่าวออกมาอย่างผิดหวัง


 


เป็นเรื่องยากที่ผู้ชายจะยอมรับความพ่ายแพ้  โดยเฉพาะคนอย่างเทียนฮี่ เรินโม่


 


“ในเมื่อเจ้าได้พยายามทดลองมาหลายครั้งแล้ว ทำไมเจ้าไม่ลองดูอีกสักครั้งละ นี่คือหมอแห่งปาฏิหาริย์ จากหอคอยจักรพรรดิ เจ้าหน้าจะลองดูอีกสักครั้ง”ชายชรากล่าวออกมา


 


“ก็ได้ข้าจะเชื่อท่านบรรพบุรุษอีกสักครั้ง แม้ว่าข้าจะอายุเยอะแล้ว ข้านั้นยังทำให้ท่านเป็นกังวลอีกข้าขอโทษจริงๆ”เทียนนฮี่เรินกล่าวอย่างขมขื่น


 


“เจ้าเด็กโง่ เจ้ารู้ไหมว่าทำไม ข้าถึงตั้งชื่อเจ้าว่าเรินโม่?”


 


“ไม่ ??”เทียนฮี่เรินโม่ส่ายหัวและกล่าว


 


“เพราะเจ้านั้นมีหัวใจที่แสนบริสุทธิ์ยังไงละ มันจึงทำให้เจ้านั้นต้องพบเจอกับชะตากรรมที่แสนลำบาก และยากเย็นกว่าคนอื่นหลายเท่า เจ้าจะเป็นที่รักและที่ชังของผู้คนมากมาย นอกจากนี้เจ้านั้นยังต้องแบบรับตระกูลเทียนฮี่ต่อไปในอนาคต”ชายชรากล่าออกมาอย่างหดหู่


 


“ข้าขอโทษ และต้องรบกวนท่านหมอแล้ว”เทียนฮี่ เรินโม่กล่าวออกมากับชิงสุ่ยและหยวนสู่


 


“อย่ากล่าวเช่นนั้นเลยหากข้ารักษาท่านได้ ข้าก็จะได้รับรางวัลเช่นเดียวกัน ท่านไม่ต้องนอบน้อมอะไรกับข้ามากนัก”ชิงสุ่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม


 


ชิงสุ่ยรู้ดีว่าชายคนนี้ไม่ได้หวังอะไรในตัวของเขามากนัก เพราะเขาและหยวนสู่นั้นยังดูเด็กอย่างมาก นอกจากนี้นั้นไม่มีใครรู้อาการของเขาดีเท่ากับตัวของเขา เส้นลมปราณที่ถูกทำลายลงไปนั้นเป็นสิ่งร้ายแรงอย่างมาก มันนั้นจะส่งผลโดยตรงต่อตันเถียนของพวกเขา มันเป็นเรื่องแปลกมากที่เขานั้นยังมีชีวิตอยู่ได้ในตอนนี้


 


หลังจากนั้นกลุ่มของชายชราได้เดินนำพวกเขาไปที่ห้องนั่งเล่น  และปล่อยให้ที่ชิงสุ่ยตรวจชีพจรของเทียนฮี่ เรินโม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีหมอคนไหนทำได้  ขณะนี้ชิงสุ่ยใช้เวลาสักพักก่อนที่จะยกมือขึ้นมา


 


“ท่านหมอชิง เป็นอย่างไรบ้าง”


 


เมื่อเห็นชิงสุ่ยยกมือขึ้นชายชราได้กล่าวขึ้นมา แม้เสียงของเขาจะเต็มไปด้วยความสงบ แต่มันก็เต็มไปด้วยความกังวลอย่างมาก


 


“มันสามารถรักษาได้ แต่…”ชิงสุ่ยกล่าวออกมาขณะที่โก่งคิ้วขึ้น


 


“แต่?”


 


“แต่ ต้องใช้เวลาสักพัก!”ชิงสุ่ยกล่าวออกมาสักพัก


 


“ใช้เวลาสักพัก?แล้วมันจะนานขนาดไหน?นี่เจ้าพยายามจะลากมันไปเรื่อยๆ โดยที่เจ้าไม่สามารถรักษามันได้ใช่รึไม่? ก่อนหน้านี้มีคนมากมายที่ทำตัวเช่นเดียวกับเจ้า”


 


ชายชราที่ตัวสูงใหญ่กล่าวออกมา ด้วยน้ำเสียงที่ไม่พึงพอใจ


 


ชิงสุ่ยหันไปมองหน้าของเขา ด้วยความไม่สนใจ ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น


 


“หยานซู เจ้าห้ามหยาบคาย” ชายชรากล่าวออกมาขณะมองที่ชิงสุ่ย “ข้าขอโทษแทนเขาด้วย มีผู้คนมากมายที่เขามาหลอกพวกเราด้วยวิธีนี้ หวังว่าท่านหมอจะไม่ถือสา”


 


ชิงสุ่ยส่ายหน้าและกล่าว “ที่ท่านอาวุโสพูดนั้นถูกแล้ว คงจะเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อเด็กเช่นข้า แต่ข้ารับประกันว่าอาจของเขาจะหายดีหลังจากนี้หนึ่งเดือน ด้วยการรักษาของข้า ข้าสงสัยว่าเวลาประมาณนี้พวกท่านพอที่จะยอมรับได้หรอไม่?”


 


“หนึ่งเดือน? ”ชายชรากล่าวด้วยความตกใจ เช่นเดียวกับคนอื่นๆที่อยู่รอบๆตัวของเขา


 


“มันนั้นนานเกินไปรึ? แล้วถ้าเป็น 25วันละ? ”เมื่อได้ยินคำพูดของชายชรา ชิงสุ่ยรีบกล่าวออกมาในทันที


 


“ไม่ ไม่ใช่อย่างนั้น มันเร็วเกินไป?”เมื่อได้ยินสิ่งที่ชิงสุ่ยกล่าวชายชรารีบกล่าวกลับมาในทันที


 


“ถ้านั้นข้าขอเวลาหนึ่งเดือน แต่ข้านั้นสามารถอยู่ที่นี่ได้เพียงหนึ่งสัปดาห์เท่านั้น หลังจากนั้นข้าต้องกลับไปที่หอคอยจักรพรรดิแล้ว จะเป็นการสะดวกหรือไม่ถ้าตอนนั้น เขาจะถูกย้ายตัวไปรักษาต่อทีหอคอยจักรพรรดิ”ชิงสุ่ยกล่าวออกมาด้วยท่าทางที่จริงๆจัง


 


“มันไม่สำคัญว่า เราจะรักษากันที่ไหน เพียงแค่รักษาเขาได้ข้ายินดีทุกอย่าง ”ชายชรากล่าวออกมา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินว่ามีคนที่สามารถรักษาโรคนี้ได้ภายในเวลาหนึ่งเดือน


 


“เดี๋ยวข้าจะรักษาเขาในขั้นต้นก่อน หลักจากนี้พวกท่านจะไม่รู้ว่าสิ่งที่ข้ากล่าวออกมานั้นเป็นจริงได้หรือไม่?”


 


ขณะที่ชิงสุ่ยพา เทียนฮี่เรินโม่ตรงเข้าไปในห้อง


 


…………………….


 


ความเร็วในรักษาของชิงสุ่ยนั้นรวดเร็วอย่างมาก ในตอนนี้ตันเถียนและเส้นลมปราณของเทียนฮี่ เรินโม่นั้นค่อยๆฟื้นฟูขึ้นอย่างเร็วน้อย และเช่นเดียวกันด้วยความแข็งแกร่งที่เทียนฮี่ เรินโม่มีในอดีตทำให้เขาสามารถฟื้นตัวได้เร็วกล่าวที่ชิงสุ่ยคาดการณ์ไว้มาก แม้ว่าเขาจะสามารถเดินลมปราณเพื่อรักษาตัวเองได้ แต่เขานั้นยังต้องพึ่งปราณของชิงสุ่ยในการโคจรปราณรอบร่างๆ


 


ในตอนนี้ขณะที่ชิงสุ่ยดึงเข็มออกมา เรินโม่รู้สึกประหลาดใจอย่างมาก เขามองไปทิ่ชิงสุ่ยด้วยสายตาแปลกประหลาด กี่ปีมาแล้วที่เขานั้นต้องทนกินยา กี่ปี่มาแล้วที่เขานั้นได้ใช้ของวิเศษมากมายในการรักษา แต่มันก็ไม่เคยช่วยอะไรเขาได้เลย


 


นอกจากนี้ยังมีสมุนไพรแห่งคนตาย ที่เขานั้นเคยได้ทดลองกับตัวถึงแม้ว่าสมุนไพรแห่งคนตายจะเป็นสิ่งที่หายากอย่างมากและเป็นสิ่งที่มีค่าเทียบกับเมืองทั้งเมืองก็มิอาจที่จะช่วยอะไรเขาได้ อาจเป็นเพราเส้นลมปราณของเขานั้นได้รับบาดเจ็บอย่างแสนสาหัสจึงไม่สามารถดูดซับมันได้อย่างงเต็มที่


 


ในขณะนี้ชิงสุ่ยได้เดินออกไปข้านอก ในขณะที่กลุ่มของชายชราได้รุกเขามาหาเขาและกล่าว


 


“ท่านหมอตกลงว่ามันเป็นอย่างไรบ้าง ”


 


“ท่านสามารถรักษาเขาได้จริงๆใช่รึไม่?”


 


….


 


ในตอนนั้นเองชิงสุ่ยไม่ได้กล่าวอะไรออกมา นอกจากยิ้มเล็กน้อย


 


ในตอนนั้นเองเทียนฮี่เรินโม่ได้เดินออกมาจากห้อง และกล่าว “เขานั้นเป็นหมอแห่งปาฏิหาริย์จริงๆ ในตอนนี้ข้าคิดว่าอาการของข้าสามารถหายขาดได้ในหนึ่งเดือน”เที่ยนฮี่ เรินโม่กล่าวออกมาอย่างมีความสุข ในตอนนี้คงไม่มีใครแล้วที่มีความสุขมากว่าตัวของเขา


 


“เยี่ยม นี่มันจะเยี่ยมเกินไปแล้ว!”


 


“นี่เป็นเรื่องใหญ่ รับไปเตรียมงานเลี้ยงเร็ว ท่านหมอชิงเป็นหมอแห่งปาฏิหาริย์จริงๆด้วย ข้าต้องขอโทษ ในสิ่งที่ข้าทำไปในก่อนหน้าจริงๆ หวังว่าท่านจะไม่ถือโทษโกรธข้า”เทียนฮี่ หยานซู กล่าวออกมาด้วยความเขินอาย


 


“ไม่เป็นไร ข้าเข้าใจดีว่าท่านเป็นห่วงอาการของพี่เรินโม่”


 


ในตอนนี้ชิงสุ่ย ได้เดินออกไปและพูดคุยกับเหล่าชายชราอย่างสนุกสนาน เช่นเดียวกับหยวนสู่ที่เดินตามชิงสุ่ยออกมาโดยไม่กล่าวอะไรสักคำ


 


ในตอนนี้ชายชราเชื่องแล้วว่า ชิงสุ่ยนั้นเป็นหมอแห่งปฏิหาริย์จริง ด้วยความสามารถที่เขามีจะทำให้ผู้คนมากมายนั้นยอมติดตามเขา แม้ว่าพวกเขาจะเป็นคนที่แข็งแกร่งขนาดไหนก็ตาม  ด้วยความสามารถที่สามารถควบคุมชีวิตและความตายได้ เขานั้นจะต้องการเป็นตัวตนที่ยิ่งใหญ่ในโลกใบนี้ในอนาคตอย่างแน่นอน


 


ในตอนนี้งานเลี้ยงนั้นไม่ได้มีผู้คนมากมายนัก แต่ถึงอย่างไรถูกคนที่มาร่วมงานเลี้ยงแห่งนี้นั้นเป็นบุคคลสำคัญทั้งสิ้น แม้แต่ท่านบรรพบุรุษก็มาเข้าร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้  ในขณะนี่นอกจากนี้เขานั้นยังสามารถสัมผัสความแข็งแกร่งของชิงสุ่ยได้อีกด้วย ด้วยความสามารถที่ไกลเคียงกับเทียนฮี่เรินโม่ และวิชาการแพทย์ที่แสนอัศจรรย์ รวมถึงอายุที่ยังไม่มากนัก ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวชิงุส่ยด้วยใจจริง


 


ตอนนี้เขารู้ดีว่าชิงสุ่ยนั้นร้ายกาจขนาดไหน แม้ตอนนี้ชิงสุ่ยจะไม่สามารถต่อกรกับเขาได้ จาในอนาคตอีกไม่นาน เขานั้นจะไม่มีทางทำอะไรชิงสุ่ยได้เลย มันยิ่งทำให้เขาประทับใจในตัวของผู้ชายคนนี้อย่างมาก และเหนืออื่นใด เขานั้นก็ไม่ได้พยายามที่แสดงท่าทีจองหองเลยสักครั้ง


 


เป็นปกติที่ชิงสุ่ยจะไม่กล่าวถึงเรื่องนี้ นั้นเพราะเขานั้นให้ความเขาเคารพชายชราและยังต้องการสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลเทียนฮี่  นั้นก็เพื่อประโยชน์ในการไปไหนมาไหนในอนาคตของเขา


 


ในตอนนี้เวลากลางคืน ตระกูลเทียนฮี่ได้จัดเตรียมที่พักให้พวกเขา ทั้งหมดในตอนนี้คิดว่าชิงสุ่ยและหยวนสู่นั้นเป็นสามีภรรยากัน พวกเขาจึงจัดให้พวกเขานั้นพักอยู่ในตึกเดียวกัน แต่ถึงอย่างไรก็โชคดีที่ในตึกแห่งนั้นก็มีห้องพักหลายๆห้อง ทำให้พวกเขาสามารถแยกห้องกันได้


 


“-ข้าจะไปนอนแล้ว ราตรีสวัสดิ์ ” หยวนสู่รีบกล่าวออกมาและรีบวิ่งไปที่ห้องของเธอ


 


ชิงสุ่ยยิ้มออกมา ขณะที่เขาเดินกลับไปที่ห้องของเขา


 


ในตอนนี้เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ในการปรุงยา ในการกลับเข้ามาในครั้งนี้ทำให้เขารู้ได้ว่าหากเขาใช้บรรพกาลแรกเริ่ม เขาจะสามารถเข้าไปสู่จุดสูงสุดของปราณจักรพรรดิในทันที


 


ในตอนนี้จุดสูงสุดของปราณจักรพรรดินั้นมีความแข็งแกร่งอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า5แสนสุริยา หรืออาจมากกว่านั้น


 


ในตอนนี้หากเขากินยาเม็ดลงไป เขาจะสามารถกินได้อีกครั้งในอีก15วัน  นั้นเพราะเขามีดินแดนหยก ซึ่งเป็นสมบัติแห่งสวรรค์ ด้วยความสามารถเช่นนี้ทำให้ชิงสุ่ยมั่นใจได้ว่าความแข็งแกร่งของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และด้วยความสามารถที่เขามีจะไม่มีใครเลยในรุ่นที่จะสามรถเทียบเขาได้ เขานั้นจะกล่าวเป็นสัตว์ประหลาดที่ยังมีชีวิตอยู่


 


ถึงแม้เวลาในดินแดนหยกจะหมุนเวียนไปมากเท่าไรก็ตามมันก็จะไม่ส่งผลต่อตัวของเขา นั้นเพราะชีวิตจริงๆของเขานั้นขึ้นอยู่ในเวลาภายนอก นั้นหมายความว่าแม้ว่าเวลาในดินแดนหยกจะผ่านไปเป็นหมื่นปีก็ตามที มันก็ไม่ส่งผลอะไรต่อชีวิตภายนอกของเขาเลย อายุของเขานั้นจะเคลื่อนตามเวลาภายนอกเท่านั้น นี้จึงทำให้ชิงสุ่ยได้เปรียบกว่าคนอื่นๆหลายเท่าในเรื่องของเวลา


 


…………


 


ในเช้าวันถัดไปชิงสุ่ยได้ออกไปเดินรอบนอกพร้อมๆกับหยวนสู่ แม้จะใช้เวลาไม่น้อยกว่าครึ่งวันพวกเขานั้นก็ยังเดินไปไม่ถึงครึ่งหนึ่งของเมืองเทียนฮี่เลย เมืองแห่งนี้นั้นมีขนาดใหญ่อย่างมากแลเต็มไปด้วยตระกูลที่ใหญ่โตมากมาย


 


ในขณะที่พวกเขาเดินอยู่พวกเขาก็ถูกหยุดด้วยใครไม่รู้  ซึ่งในตอนนี้มันสร้างความสบายใจให้ชิงสุ่ยอย่างมากนั้นเพราะคนที่หยุดพวกเขาไว้คือคนที่งดงามอย่างมาก


 


เธอนั้นงดงามอย่างมาก และมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก ขณะที่กายแต่งกายของเธอนั้นดูยั้วยวนอย่างมาก โดยชุดที่ของเธอสวมนั้นเผยให้เห็นหัวไหล่ที่งดงามและ เผยให้เห็นเนินอกสีขาวที่งดงาม ซึ่งมันนั้นเป็นสิ่งที่กระตุ้นอารมของผู้ชายได้ดีอย่างมาก


บทที่ 1356 – รูปแบบอสรพิษ


 


ชิงสุ่ยไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงหยุดเขาไว้  แต่ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ได้กังวลเลยแม้แต่น้อย ก่อนที่จะถามไปว่า “สาวน้อยทำไม เจ้าถึงได้พยายามหยุดข้าเอาไว้ละ?”


 


“ท่านลุงท่านป้า พวกท่านนั้น ทั้งหล่อและงดงามอย่างมาก ขอเวลาพวกท่านสักนิดหน่อย ช่วยเดินเล่นเป็นเพื่อนข้าได้รึไม่?”


 


การแสดงออกของเธอดูผ่อนคลายอย่างมาก แต่ก็แฝงไว้ด้วยความจริงใจเอาไว้


 


หยวนสู่ได้แต่ยิ้มออกมาและมองไปที่ชิงสุ่ย  เธอกำลังดูว่าชิงสุ่ยจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไง


 


“เพียงแค่พวกข้าดูดี พวกข้าจึงต้องไปเดินเล่นกับเจ้าอย่างนั้นรึ?”ชิงุส่ยยิ้มออกมา หลังจากที่เขามองไปที่เธอเขาสามารถบอกได้ทันทีว่า เธอนั้นต้องเป็นที่มาจากตระกูลที่มีฐานะอย่างแน่นอน ด้วยผิวพรรณที่สวยงาม และการบ่มเพาะที่ไม่ได้อ่อนแอ ชิงสุ่ยมั่นใจอย่างมาก


 


“น้องเตีย ในเมื่อพวกเขาไม่เห็นแก่หน้าของเจ้า ให้ข้านั้นสอนบทเรียนให้เขาสักนิดก็แล้วกัน”ชายที่อยู่ข้างหลังเธอกล่าวออกมา


 


“อย่าลืมใช้ทักษะที่สุดยอดของท่านด้วยละ”


 


“แน่นอน”


 


ชายวัยรุ่นที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ตรงเข้ามา เขานั้นมีร่างกายที่สูงใหญ่พอๆกับชิงสุ่ย


 


ในขณะที่กำปั้นของเขาผสานเขาด้วยกัน เงาสีแดงเข็มได้ไหลวนไปรอบๆแขนทั้งสองของเขา กลิ่นอายที่ทรงพลังและเยือกเย็นได้แพร่กระจายออกมาเป็นวงกว้างในตอนนี้ ขณะที่เงาสีแดงเข็มได้เลื่อยวนไปรอบๆแขนของเขา ขณะที่พุ่งมาทางชิงสุ่ย


 


หมัดอสรพิษราชันย์ไอยรา!


 


ดวงตาของชิงสุ่ยเปิดกว้างขึ้น  เขาค่อยๆยกมือขึ้นพร้อมที่จะตีลงไปที่กำปั่นของชายหนุ่มเบาๆ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นไม่เป็นเช่นนั้น ราวกับมีกรงเล็บของนกเรียนอมตะโผล่ขึ้นเหนือแขนของเขา ก่อนที่มันจะโฉบลงไปที่แขนของเขา


 


เปรี๊ยะ!


 


หลังจากที่เห็นชายผู้คนนั้นได้แต่ยิ้มออกมาด้วยความขมขื่นและกล่าวว่า “ขอบคุณที่ยั้งมือ”


 


แขนทั้งสองข้างของเขานั้นบวม และเจ็บบวกอย่างมาก  แต่สิ่งอื่นใดคือหัวใจของพวกเขาที่เต็มไปด้วยความกลัว


 


ชิงสุ่ยยิ้มและไม่ได้กล่าวอะไรออกมา เขาเดินเข้าไปใกล้หญิงสาวคนนั้น ขณะที่เธอดึงแส้สีขาวออกมา


 


“ข้ารู้ว่าท่านั้นลุงนั้นเกรงกาจขนาดไหนแต่ท่านกกล้าสู้กับข้าด้วยพลังที่เท่ากันรึไม่?”เธอนกคิ้วขึ้นและมองไปที่ชิงสุ่ย


 


“เห้อ รีบพูดมาว่าเจ้าต้องการอะไรจากข้า ทำไมต้องหยุดข้าไว้ นอกจากนี้ถึงแม้ข้าจะใช้พลังที่เทียบเท่ากับเจ้า เจ้าก็ไม่มีโอกาสสักครั้งที่จะรับมือข้าได้ รีบๆกล่าวออกมา หากเจ้าพูดความจริงออกมาข้ายินดีที่จะฟังมัน”ชิงสุ่ยกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม


 


“ท่านคือท่านหมอชิงสุ่ยใช่หรือไม่?”ท่าทางของเธอนั้นเปลี่ยนไปและกล่าวออกมาอย่างสุภาพ


 


“เจ้าก็รู้คำตอบอยู่แล้วนิ?”เขากล่าวกลับไปด้วยรอยยิ้ม แต่ก็แอบแปลกใจที่ชื่อเสียงของเขานั้นได้กระจายไปทั่ว รวดเร็วขนาดนี้


 


“ที่จริงที่ข้าหยุดท่านเอาไว้ เพื่อให้ท่านช่วยเหลือพ่อของข้า เขานั้นป่วยหนักอย่างมากแลไม่มีหมอคนไหนที่รักษาเขาได้…”เธอกล่าวออกมาด้วยความจริงจัง


 


ชิงสุ่ยนั้นมั่นใจได้เลยว่าเธอนั้นกำลังพูดความจริงอยู่ นั้นเพราะสายตาของเธอนั้นเต็มไปด้วยความห่วงใยและเสียใจอย่างมาก สายตานั้นเป็นหน้าต่างของหัวใจ แม้แต่คนที่โกหกเก่งขนาดไหนก็ไม่มีทางที่จะโกหกได้ผ่านทางสายตา


 


“แล้วทำไมเจ้าถึงต้องใช้วิธีนี้ด้วยละ? ราวกับเจ้านั้นต้องการท้าทายข้า และยิ่งไปกว่านั้นราวกับเจ้านั้นกำลังใจบีบบังคับข้าอยู่?”ชิงสุ่ยกล่าวขณะมองไปที่เธออย่างจริงจัง


 


“ก็หมอทั่วไปนั้นมักจะเป็นคนที่หยิ่งผยอง และมีอารมที่แปรปรวน พวกเขาไม่ชอบช่วยเหลือใครๆ ที่พวกเขาไม่ต้องการรักษา ดังนั้นข้าจึงจำเป็นต้องใช้วิธีนี้เพื่อให้ท่านนั้นรักษาพ่อของข้า!”


 


ชิงสุ่ยได้แต่ลูบหัวของเขาและกล่าว “ก็ได้ หากเจ้าชนะข้าได้ ข้าจะไปกับเจ้า นอกจากอื่นใดข้าจะใช้พลังที่ใกล้เคียงกับเจ้า”


 


เธอพยักหน้า และเริ่มขยับร่างกายของเธอ


 


อสรพิษโฉมงาม!


 


ในตอนนี้ชิงสุ่ยพบว่าเธอนั้นเป็นคนที่ฝึกรูปแบบอสรพิษ  ถึงแม้รูปแบบเลียแบบสัตว์อสูรทั้ง9ของเขาจะไม่มีรูปแบบนี้อยู่ แต่เขาก็สามารถตะหนักได้ว่ามันเป็นหนึ่งในรูปแบบพื้นฐานในการต่อสู้ที่มีอยู่


 


หมัดอสรพิษนั้นเน้นเป็นหนึ่งเดียวกับร่างกาย เน้นการเคลื่อนไหวของร่างกายส่วนบนเป็นหลัก เน้นความยืดหยุ่น รวดเร็ว คล่องตัวเป็นหลัก เช่นเดียวกับงูที่อาศัยความว่องไว คล่องตัว ยืดหนุนในการจู่โจม


 


นอกจากนี้ยังมีอีกความสามารถหนึ่งที่เป็นจุดเด่นของมัน นั้นก็คือคือความสามารถในการผูกมัดเหยื่อ มัน มันจะรัดเหยื่อของมันด้วยกล้าเนื้อของมัน จนเหยื่อของมันจะขาดอากาศ และตายลงในที่สุด


 


ความแข็งแกร่งของรูปแบบนี้นั้นคือการเคลื่อนไหวที่พริบไหวในแนวตั้งและแนวนอน ความต่อเนื่องและพลิ้วไหว นั้นทำให้การจู่โจมของมันแทบจะไร้ทิศทาง นอกจากนี้ยังมีการสนับสนุนระหว่างแขนทั้งสองข้างที่ช่วยในการถ่านเทพลังทำให้รูปแบบนี้เป็นรูปแบบที่สมดุลอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีการใช้เอวเป็นตัวถ่ายพละกำลังจึงทำให้พลังของมันนั้นไม่อ่อนแอเลยแม้แต่น้อย


 


ดวงตาของชิงสุ่ยเปิดกว้างขึ้น โลกแห่งนี้เต็มไปด้วยความประหลาดอย่างแท้จริง  เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะได้เห็นทักษะที่มีความสมดุลเช่นนี้มากก่อน


 


เส้นทางมังกรทะยาน!


 


ในขณะนี้ชิงสุ่ยค่อยๆเดินเข้าไปใกล้เธอด้วยไม่ใช้ทักษะอะไร แต่เขานั้นกำลังใช้เพลงหมัดไท๊เก๊ก หากพูดถึงความสมดุลเพลงหมัดไทเก๊กนั้น ถือว่าเป็นศาสตร์ที่สมดุลที่สุดในโลก แรกเริ่มทักษะนี้นั้นเป็นต้นแบบของทักษะเกือบทั้งหมด


 


แม้ว่าเธอนั้นจะเป็นคนที่แข็งแกร่งถึงอย่างไรเธอนั้นก็เป็นแค่ผู้บ่มเพาะระดับนักบุญเท่านั้น มันจึงเป็นเรื่องยากที่เธอจะรับมือกับชิงสุ่ย แม้ชิงสุ่ยจะไม่ได้ใช้พลังออกมาแม้แต่น้อย


 


ในตอนนี้ชิงสุ่ยนึกถึงชิงซา อายุของเธอนั้นคงใกล้เคียงกัน แต่ถึงอย่างไรก็ตามก็มีความแตกต่างในเรื่องความแข็งแกร่งอย่างมากระหว่างทั้งสอง


 


งูพิษออกจากถ้ำ!


 


อสรพิษจู่โม!


 


หัวใจอสรพิษ!


 


อสรพิษกลืนไอยรา!


 


อสรพิษทะยานสู่มังกร!


 


แส้มังกรเพลิงแรกเริ่ม!


 


ในขณะนั้นแส้เพลิงที่ปราศจากปราณของเขาได้ฟาดลงไปที่แส้ของเธอ ก่อนที่มันจะหลุดกระเด็นและลอยออกมาไป


 


ในตอนนี้ด้วยการเคลื่อนไหวของเธอมันทำให้เขานั้นสามารถเข้าใจถึงทักษะแส้เพลิงของเขาได้ดียิ่งขึ้น ด้วยการเคลื่อนไหวที่พริวไหว้ดังสายลม และความสมดุล ทำให้ชิงสุ่ยนั้นสามารถใช้ทักษะแส้เพลิงของเขาได้ดียิ่งขึ้น ตอนนี้ชิงสุ่ยคิดว่าความแข็งแกร่งของมันคงเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าได้ในตอนนี้


 


………..


 


“ขอบคุณ ความสามารถของข้านั้นห่างไกลกับท่านมากนัก”ในขณะที่เธอหยุดลงด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย


 


“เจ้าเป็นอะไร ไปกันเถอะ พาข้าไปดูพอของเจ้าสิ ข้าสัญญาว่าข้าจะชวยเขา” ชิงสุ่ยคิดว่านี้อาจเป็นวิธีที่เขาสามารถตอบแทนเธอได้ในตอนนี้


 


“จริงรึท่านจะรักษาให้พอ่ข้าจริงรึ?”เธอกล่าวออกมาด้วยความตกตะลึง


 


“มาเถอะข้าจะช่วยเจ้า เหมือนพ่อของเจ้าหายดีแล้วจะได้ไม่มีใครรังแกเจ้าได้!”ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าว


 


“หึ ใครกล้ารังแกข้า? ไม่มีเลยตระกูลเม่ยของเรานั้นไม่ใช่ตระกูลที่อ่อนแอ และยอมให้ใครมารังแกง่าย!”เธอกล่าวออกมาด้วยความมั่นใจ


 


ชิงสุ่ยยิ้มออกมาและเดินไปที่หยวนสู่ก่อนที่จะตาม  สาวน้อยไปที่ตระกูลเม่ย


 


ตระกูลเม่ยเป็นตระกูลใหญ่ตระกูลหนึ่ง พวกเขามีพื้นที่ๆใหญ่โตอย่างมาก นอกจากนี้ภายในตระกุลนั้นยังประดับไปด้วยรูปปั้นอสรพิษและไอยราขนาดใหญ่จำนวนมาก หรือว่าตระกูลแห่งนี้จะได้รับการถ่ายทอดรูปแบบแห่งไอยราและอสรพิษมา ชิงสุ่ยกำลังสงสัยในเรื่องนี้ หากเป็นเช่นนั้นชิงสุ่ยจึงไม่แปลกใจที่ว่าทำไมเธอจึงได้มั่นใจในตระกูลของเธอมากนัก


 


…………


 


เมื่อย่างก้าวผ่านประดูเขามา ชิงสุ่ยนั้นรู้สึกระแวงเป็นอย่างมากที่แห่งนี้เต็มไปด้วยกลิ่นอายที่ลึกลับ และไม่อาจอาดเดาได้ มันนั้นเงียบสงบจนผิดปกติมากเกินไป ราวกับว่ามียางสิ่งที่พร้อมจะจู่โจมออกมาได้ทุกๆเมื่อ


 


“เกิดอะไรขึ้นกับพ่อของเจ้า!”ชิงสุ่ยถามออกมาขณะที่เดินเข้าไปภายในตระกูล


 


“เขาถูกวางยาพิษ!”เธอกล่าวออกมาอย่างหดหู่


 


เธอนั้นดูเป็นคนสำคัญอย่างมากในตระกูลเม่ย เมื่อผู้คนเห็นเธอต่างกล่าวทักทายและยิ้มให้ดับเธอย่างเคารพ นอกจากนี้เธอนั้นยังแสดงออกมาอย่างเป็นมิตรกับทุกๆคน ต่างกับตอนที่เธอพบเจอเขาในตอนแรก


 


“น้องเล็ก!”


 


เสียงที่อ่อนโยนดังขึ้นมากจากระยะไกล!


 


“พี่สอง”เธอยิ้มออกมาอย่างเป็นมิตร


 


เขานั้นเป็นผู้ชายที่มีร่างกายสูงโปร่ง ใบหน้ารูปไข่ และมีคิ้วที่งดงามดังหญิงสาว แต่ถึงอย่างไรเขาก็มีกล้ามเนื้อที่ชัดเช่นอย่างมาก  แม้ว่าตอนนี้เขาจะดูอ่อนยาว์แต่ เขานั้นก็มีอายุอยู่ในวัยกลางคนแล้ว


 


“พวกเขาเป็นใครกันรึ?”


 


“คือหมอแห่งปฏิหาริย์จากหอคอยจักรพรรดิ พวกเขามาที่นี่เพื่อดูอาการให้ท่านพ่อ”เม่ย เตียกล่าว


 


“เห้อ เจ้าก็รู้ว่าท่านพ่อไม่อนุญาตให้หมอคนไหนตรวจอาการ ยากเว้นพี่สาวของท่านคนเดียว ข้าขอโทษท่านหมอด้วยที่ทำให้ท่านลำบาก” ชายคนนั้นกล่าวด้วยความจริงใจ


 


“คุณชายเกรงใจเกินไปแล้ว ”


 


“พี่สองข้ารู้ดี แต่ถึงอย่างไรข้าก็อยากจะลองดู”เธอกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม


 


“ข้าเข้าใจแล้ว!”ชายคนนั้นนิ้มออกมาก่อนที่จะเดินจากไป


 


ในตอนนี้ชิงสุ่ยนั้นเข้าใจได้ในทันทีว่าทำไม พ่อของเม่ย เตียถึงไม่ยอมพบหมอคนไหน นั้นเพราะเขาไม่เชื่อว่าจะมีใครรักษาเขาได้อย่างไรก็ตามเขาก็จะอนุญาตแค่หมอเฉพาะตัวของเขาเท่านั้นดูอาการ


 


พวกเขาเดินไปถึงลานที่เงียบสงบ


 


เม่ เถิงเฟยคือผู้นำของตระกูลเม่ย เขาเป็นพ่อของเม่ย เตีย เขามีบุตรชายทั้งหมดแดคน และมีบุตรสาวหนึ่งคน นอกจากนี้เม่ย เตียนั้นยังเป็นบุตรสาวคนเดียวของเขาและยังเป็นน้องเล็กอีกด้วย  หลังจากที่คลอดเธอออกมา ภรรยาของเขาก็ได้ตายจากไป  ดังนั้นเขาจึงรักเม่ย เตียเป็นพิเศษมากกว่าลูกคนอื่นๆ


 


ในตอนที่ชิงสุ่ยพบเจอ เม่ย เถิงเฟย  ชิงสุ่ยตกตะลึงอย่างมากเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมีคนที่ผอมแห้งเช่นนี้อยู่ในโลกใบนี้ เขาดูอ่อนล้าและเหนื่อยอย่างมาก แต่ถึงอย่างไรกลิ่นอายที่สง่างามของเขาก้ไม่ได้จางลงเลยแม้แต่น้อย


 


“ท่านพ่อ!”


 


ในขณะที่เธอเห็นเขา เธอได้วิ่งออกไปและกอดเขาไว้อย่างมีความสุข


 


“สาวน้อยดูเหมือน เจ้าจะพาหมอมารักษาพ่ออีกแล้วสินะ”ชายผู้นั้นกล่าวออกมา


 


“ใช่เลยท่านพ่อ เขาเป็นหมอที่เก่งมากๆ และมรฉายาว่าหมอแห่งปฏิหาริย์แห่งหอคอยจักรพรรดิ ”


 


“น่าเสียดาย ถึงเขาจะเก่งขนาดไหน เขาก็ไม่สามารถรักษาพ่อได้หรอก สิ่งที่พ่อได้รับมันนั้นไม่มีทางรักษา”ชายชรายิ้มขณะที่ลูบไปที่หัวของเธอ


 


“ไหนๆก็ไหนๆให้เขาลองดูเถอะท่านพ่อ เป็นเรื่องยากกว่าที่ข้าจะเชิญเขามาได้ นอกจากนี้เขานั้นเคยรักษาคนที่ป่วยด้วยพิษมามากมาย และเมื่อเร็วๆนี้เขานั้นยังรักษาคุณชายใหญ่แห่งตระกูลเทียนฮี่จนหายดีอีกด้วย ”เธอกล่าวออกมาด้วยความคาดหวัง


 


“เอาละก็ได้ ขอโทษที่ต้องรบกวนท่านหมอ เชิญไปท่านนั่งก่อน”


 


“ใครกันที่เป็นคนชั่ว ที่วางยาท่านด้วยพิษที่ทำจากแก่นแท้เลือดอสูรโลหะ”


บทที่ 1357 – ย่างก้าวอสรพิษไอยรา


 


ท่าทางของเม่ย เถิงเฟยเปลี่ยนไปเมื่อได้ยินสิ่งที่ชิงสุ่ยพูดออกมา “ดูเหมือนว่าเจ้าจะเป็นหมอที่เก่งกาจจริงๆ ที่สามารถรู้ได้เพียงแค่มองว่ามันเป็นเพราะพิษเลือดอสูรโลหะ”


 


ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าวออกมา “แสดงว่าท่านคงรู้สินะว่าใครเป็นคนวางยาท่าน?”


 


ในอดีตชิงสุ่ยเคยศึกษาเกี่ยวกับพิษชนิดนี้มา มันเป็นพิษที่เกิดขึ้นจากชนเผาๆหนึ่งทางตอนเหนือใน 5 ทวีป ซึ่งอาจกล่าวได้ว่ามันพิษที่ร้ายกาจอย่างมาก ในอดีตที่เขาเคยศึกษามา พิษหนอนสวรรค์ แก่นแท้พิษโลหิต และพิษเลือดอสูรโลหะนั้นจัดได้ว่าเป็นพิษที่ทรงอนุภาพอย่างมาก พวกมันนั้นไม่ใช่เพียงแค่จะสังหารผู้ที่โดนมัน แต่จะค่อยๆกันกร่อนร่างกายของคนเหล่านั้นจนตายไปอย่างช้าๆ และเป็นพิษที่ยากจะกำจัดอีกด้วย นอกจากนี้ในพิษทั้งสาม พิษเลือดอสูรโลหะนั้นจัดได้ว่าเป็นพิษที่อันตรายที่อยู่ในอันตับแรกอีกด้วย


 


พิษเลือดอสูรโลหะนั้นเป็นดังปรสิตที่แฝงอยู่ในกระแสโลหิต  นอกจากนี้มันยังสามารถเติบตจได้ด้วยการกินเลือดเนื้อของเจ้าของร่าง และที่สำคัญมันยังสามารถเคลื่อนไหวได้เป็นอิสระภายในร่างกายได้อีกด้วย  ซึ่งยากที่จะกำจัดมันออกไป


 


เม่ย เถิงเฟยเคยใช้พิษมากมายเพื่อที่จะกำจัดพวกมันออกไป แต่ถึงอย่างไรก็ตามมันนั้นไม่เคนได้ผลเลยแม้แต่สักครั้ง นอกจากนี้พิษเหล่านั้นกลับมาย้อนทำลายเขาเสียเองอีกด้วย จึงทำให้พิษเลือดอสูรโลหะนั้นยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น


 


“ท่านอา ท่านสามารถรักษามันได้รึไม่? แล้วท่านรู้รึไม่ใครเป็นคนวางยาท่านพ่อ?”


 


“ข้าสามารถรักษาได้ ส่วนเรื่องใครวางยานั้นข้าคิดว่า เจ้าควรไปถามพ่อของเจ้าเอง เขาน่าจะรู้ดีที่สุด!เพราะพิษเช่นนี้นั้นสามารถวางได้โดยผ่านอาหารและเครื่องดื่มเท่านั้น”


 


ในตอนนี้ใบหน้าของเม่ย เถิงเฟยดูดีขึ้นอย่างมากเมื่อได้ยินว่าเขามีทางรักษา แต่ก็มีสีหน้าไม่มีความสุขเมื่อได้ยินสิ่งที่ชิงสุ่ยกล่าวในตอนหลัง


 


“ท่านพ่อใครกันกล้าวทำเรื่องโหดร้ายกับท่าน?”เม่ย เตียมองไปที่หน้าพ่อของเธอ


 


“ลูกสาวของท่านคนนี้นั้นเป็นเด็กดีจริงๆ นอกจากนี้เธอยังเป็นคนที่ตั้งใจมากๆ ขนาดถึงกับใช้กำปั้นบังคับให้ข้ามาถึงที่นี่ได้ นอกจากนี้จากที่ข้าดูแล้ว ทักษะเพลงหมัดของพวกท่านั้นก็นับว่าเป็นเลิศอย่างมาก มันนั้นเป็นกระบวนท่า ที่อ่อนไหว แต่สงบ ดุดันแต่สง่างาม เป็นทักษะที่ยอดเยี่ยมอย่างมากจริงๆ หากในอนาคตข้ามีโอกาส ข้าก็อย่างจะศึกษาพวกมันบ้างจริงๆ ”ชิงสุ่ยกล่าวติดหัวเราะออกมา


 


“นี่ท่านพึ่งประลองก็ข้าเพียงครั้งเดียว ท่านสามารถเข้าใจมันได้แล้วรึ?”เม่ย เตียกล่าวออกมาด้วยความตกใจ


 


“ก็เพียงแค่รูปแบบเท่านั้น มาเถอะให้ข้าดูอาการของพ่อของเจ้า”ชิงสุ่ยยิ้มขณะที่ยิบเข็มทองออกมา


 


เนตรสวรรค์!


 


หลังจากนั้นชิงสุ่ยได้ปักเข็มลงไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่เขากดไปที่จุดต่างๆเพื่อปิดกันการเคลื่อนไหวของพิษเอาไว้ ก่อนที่เขาจะปล่อยหนอนไหมทองคำเข้าไปจัดการพิษเหล่านั้น


 


หลังจากที่ผ่านมากสักพัก หลังจากที่พิษเริ่มถูกกำจัดไปชิงสุ่ยได้พบความจริงที่ว่าเม่ย เถิงเฟยนั้นเป็นผู้บ่มเพาะที่อยู่ในระดับบัญชาสวรรค์ หลักจากที่พิษถูกกำจัดไปกว่าครึ่งความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขานั้นได้ปรากฏออกมา นอกจากนี้ชิงสุ่ยรู้สึกว่าการรักษาในครั้งนี้นั้นคุ้มค่ากว่าที่เขาคิดอย่างมาก การที่หนอนไหมทองคำของเขาได้ดูดกลืนเลือดของผู้บ่มเพาะที่อยู่ในระดับบัญชาสวรรค์เช่นนี้นั้นจะทำให้พวกมันนั้นเติบโตได้เร็วขึ้นอย่างมาก


 


ในตอนนี้เลือดเนื้อของเม่ย เถิงเฟยนั้นได้ถูกดูดกลืนไปเป็นจำนวนมาก แต่อย่างไรมันก็สามารถฟื้นฟูกลับมาได้เพียงแค่ต้องใช้เวลาสักหน่อย เมื่อเวลาผ่านไปเขาก็จะกลับมาเป็นปกติ ในตอนนี้ชิงสุ่ยนั้นต้องกำจัดพิษในร่างกายของเขาให้หมดไม่ว่าเขาจะสูญเสียเลือดไปมากมายเท่าไร หากไม่ทำเช่นนั้นพิษในร่างกายของเขาจะสามารถฟื้นกลับมาได้อีกครั้ง ดังนั้นชิงสุ่ยจึงต้องรักษาเขาให้สำเร็จในเพียงครั้งเดียว


 


ในขณะนี่เวลาได้ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วยาม ชิงสุ่ยค่อยๆดึงมือขึ้นและมองไปที่เม่ย เถิงเฟ่ยและกล่าว “ท่านอาวุโสตอนนี้ท่านคงรู้สึกได้แล้วสินะว่าพิษทั้งหมดได้ถูกกำจัดออกไปแล้ว อีกไม่นานท่านจะหายดี”


 


“ท่านอา ท่านพ่อของข้าจะหายจริงๆรึ?”เม่ย เตียกล่าวออกมาด้วยท่าทางที่ยากจะเชื่อ


 


“พ่อของเจ้านั้นได้รับบาดเจ็บมาเป็นเวลานาน มันคงต้องใช้เวลาสักพักเพื่อให้เขาฟื้นตัว เขาจำเป็นต้องได้รบอาหารที่มีประโยชน์และยาบำรุงอีกจำนวนมากเพื่อรักษาอาการ จากที่ข้าดูแล้วๆ คงไม่เกินครึ่งปี เขาก็จะหายดี”ชิงสุ่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม


 


“ขอบคุณท่านอา! ข้าจะรีบเข้าไปบอกในครัวเพื่อจัดงานเลี้ยงฉลอง ดังนั้นวันนี้ท่านและท่านป้าต้องพักที่นี่นะ?”


 


“ท่านหมอชิง ทำไมท่านไม่พักที่นี่สักคืนละ ให้ข้าได้เลี้ยงขอบคุณท่านก่อน? นอกจากนี้ ข้ายังสัมผัสได้ว่าท่านนั้นมีความสนใจในทักษะของเรา รับนี่ไปสิ ข้าคิดว่าท่านต้องชอบมันแน่ๆ? ”ชายคนนั้นส่งผ่านตำราเก่าๆให้กับชิงสุ่ย


 


ทักษะการเคลื่อนไหวอสรพิษไอยรา!


 


ชิงสุ่ยเปิดตำรานั้นขึ้นดู ก่อนที่จะมองผ่านไปสักครู่ ก่อนที่เขาค่อยซึมซับทุกๆอย่างไว้ในความทรงจำของเขา ภาพเหล่านั้นเป็นภาพของอสรพิษไอยราที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ ร่างกายของมันนั้นกำลังเคลื่อนไหวราวกับสายลม  แต่มีความแข็งแกร่งราวกับสุริยา ภาพของช้างที่มีงวงเป็นงูกำลังฟาดทะลายสรวงสวรรค์อยู่ต่อหน้าของเขาในตอนนี้ งวงที่ยืดยาวออกมานั้นสามารถฉีกกระชากสวรรค์ชั้นฟ้าได้ในพริบตา นี่คือความสามารถของทักษะดังกล่าว


 


“ใช่ข้าชอบมันมากๆ ดังนั้นข้าจะขอรับมันไว้”ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าว


 


“ท่านสมควรได้รับมัน จริงๆนอกจากนี้ท่านหมอชิงอย่างพึ่งบอกใครเกี่ยวกับอาการของข้าจะได้รึไม่?”เม่ยเถิงเฟยกล่าวออกมา


 


“ไม่ใช่ปัญหา ข้าไม่ใช่คนที่ชอบพูดเรื่องของคนอื่นเท่าไร นอกจากนี้นี่ยังเป็นคุณธรรมของการเป็นหมอของข้าอีกด้วย ข้าจะไม่เปิดเผยข้อมูลคนไข้ของข้า”


 


…..


 


ในตอนนี้ชิงสุ่ยและหยวนสู่ได้เดินออกมาข้านอก เหลือเพียงเม่ย เตียและพ่อของเธอ “ท่านพ่อเป็นพี่ใหญ่ใช่รึไม่?”


 


เม่ย เถิงเฟยยิ้มออกมา และลูบไปที่หัวของเธอ “เด็กโง่ เจ้าคิดมากไปแล้ว พอแล้วหยุดคิดเถอะ!”


 


เธอถอนหายใจออกมาและกล่าว “ก็ได้ท่านพ่อพักผ่อนซะ อีกครั้งปีท่านก็จะหายดีแล้ว”


 


เมื่อเธอเดินจากไปชายชราคนหนึ่งที่ดูชาญฉลาดได้ปรากฏตัวออกมา เขานั้นมีผมสีขาวยาวถึงพื้นและมีร่างกายที่ผอมบางราวกับกิ่งไม้ หากดูไกลคงมีคนเข้าใจผิดว่าเข้านั้นเป็นผีก็ไม่แปลก


 


“นายท่าน!”ชายชรากล่าวออกมา


 


“ส่งคุณชายใหญ่ออกไปทำงานข้างนอกสักพัก!”เม่ยเถิงเฟ่ยปิดตาและกล่าว


 


“รับทราบ นายท่าน!”


 


……………..


 


วันถัดไป


 


หลังจากนั้นเรื่องงในตระกูลเม่ยก็ไม่ใช่ธุระของชิงสุ่ยอีกต่อไป เขาไม่สนใจอะไรอีกต่อไป ในขณะนี้เขาได้ตรงกลับไปที่ตระกูลเทียนฮี่


 


“ชิงสุ่ย เจ้ารู้รึไม่ใครเป็นคนวางยาเขา?”หยวนสู่ถามออกมาด้วยความอยากรู้


 


“ข้าไม่รู้”ชิงสุ่ยยิ้มและพูดอย่างตรงไปตรงมา


 


“เจ้ากำลังโกหก  เจ้าต้องรู้แน่ๆว่าเป็นใคร หรือไม่เจ้าก็ต้องสามารถคาดเดาได้ว่าใครเป็นคนทำ?”


 


“ก็ใช่ แต่ตระกูลเม่ยนั้นเป็นตระกูลที่มีอำนาจอย่างมาก บางทีจะเป็นการดีกว่าหากเราไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของพวกเขา มิเช่นนั้นมันจะกล่าวเป็นปัญหาของเราแทน”ชิงสุ่ยปฏิเสธที่จะบอกหยวนสู่ ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าใครแต่เขาก็พอคาดการได้ นอกจากนี้ชิงสุ่ยนั้นยังรู้ดีว่าเม่ย เถิงเฟยนั้นต้องรู้แน่นอนว่าใครเป็นคนวางยาเขา


 


พริบตาหนึ่งอาทิตย์ได้ผ่านไป พรุ่งนี้จะเป็นวันที่เขาต้องเดินทางกลับไปเมืองฮี่หวงแล้ว ในตอนนี้อาการบาดเจ็บของเทียนฮี่ เรินโม่นั้นก็ฟื้นคืนมาได้หนึ่งในสามแล้ว ตอนนี้ท่าทางและความแข็งแกร่งของเขาเริ่มกลับคืนมาแล้ว


 


เทียนฮี่ เรินโม่นั้นมีอายุมากกว่าชิงสุ่ย ด้วยความรู้สึกที่ดีและมีความคิดที่คล้ายคลึงกัน ทำให้ทั้งสองนั้นเข้ากันได้ดีอย่างมาก ในหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาชิงสุ่ยได้อยู่ใกล้เขาและรักษาเขาอย่างใกล้ชิด ทำให้ชิงสุ่ยสัมผัสได้ว่า หลังจากที่เขาหายดีเขามีโอกาสที่จะทะลวงเข้าสู่ขั้นบัญชาสวรรค์ได้ นี่คือประโยชน์จากเคราะห์กรรมที่เขาได้รับ นอกจากนี้เขานั้นยังเป็นชายที่มีอายุประมาณ300ปี หากเขาสามารถทะลวงมันไปได้ในตอนนี้ เขานั้นจะจัดได้ว่าเป็นอัจฉริยะที่สามารถเข้าสู่ระดับบัญชาสวรรค์ได้ก่อนอายุ500ปี ซึ่งมีน้อยอย่างมากในทวีปแห่งนี้


 


ทำลายแลก่อเกิด!


 


นี่อาจถือได้ว่าเป็นโชคของเขา ที่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้ โดยทั่วไปโลกของเรานั้นก็เกิดจากการทำลายและสร้างขึ้นมาใหม่ เมื่อทุกๆสิ่งถูกทำลาย สิ่งใหม่ๆก็จะเกิดขึ้นมา เช่นเดียวกับเทียนฮี่ เรินโม่ในตอนนี้ที่สามารถเอาชนะเคราะห์กรรมไปได้จึงสามารถทะลวงเข้าสู่ระดับถัดไปได้


 


ในหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาเทียนฮี่ เรินโฒ่ได้พูดคุยกับชิงสุ่ยบ่อยครั้งจนในที่สุดพวกเขาก็ได้ตกลงเป็นพีน้องกัน ด้วยความเคารพและนับถือเรินโม่ได้ยกให้ชิสุ่ยนั้นเป็นพี่ของเขา แต่ก็ถูกชิงสุ่ยปฏิเสธ นั้นเพราะพวกเขามีอายุที่ห่างกันอย่างมาก นอกจากนี่มันจึงทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกแปลกๆ แต่ถึงอย่างชิงสุ่ยก็ไม่ได้ปฏิเสธให้เขานั้นเป็นพี่ชายของเขา


 


ในตอนดีกชิงสุ่ยได้เข้าไปในดินแดนหยก ก่อนที่จะเริ่มกินยาเม็ดบรรพกาลแรกเริ่มอีกครั้ง นี่เป็นเวลาครบรอบ 1ปีพอดีหลังจากเขาได้กินยาเม็ดเก่าไป


 


ในตอนนี้หลังจากที่เขากินยาไป ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นมาเป็น31สุริยา และด้วยความแข็งจากทักษะสนับสนุนต่างๆเข้าจะมีความแข็งแกร่งถึง 2.5แสนสุริยา ในขณะที่หุบเขาเก้าเทวาของเขานั้นจะมีความแข็งแกร่งถึง 4.5แสนสุริยา


 


แต่ในตอนนี้ความแข็งแกร่งของพลังวิญญาณของเขานั้นน่ากลัวอย่างมาก เขานั้นมีความแข็งแกร่งถึง 4.1แสนสุริยา และเมื่อเขาใช้ทักษะหัวใจวิหคศักดิ์สิทธิออกมา มันจะทำให้พลังวิญญาณของเขาเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่านั้น หมายความว่าเขานั้นมีความแข็งแกร่งถึง 8.2แสนสุริยาในตอนนี้


 


ในสุดท้ายเขาก็ตัดสินใจ กลืนยาลงไปอีกเม็ดหนึ่ง!


 


ในขณะนี้ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มมาถึง 37.5สุริยา ในขณะที่ความแข็งแกร่งของหุบเขาเก้าเทวาได้เพิ่มขึ้นจนถึงจุดสูงสุดที่ 5แสนสุริยาเรียบร้อยแล้ว นี่เป็นขอบเตสุดท้ายก่อนที่จะทะวงเข้าสู่จุดสูงสุดของปราณจักรพรรดิ  เมือใดที่เขาสามารถทะลวงเข้าไปได้ขอบเขตต่อไปของหุบเขาเก้าเทวาก็จะเปิดขึ้นอีกครั้ง เป็นไปได้ที่ว่าในอนาคตพลังของมันนั้นจะมากกว่า1ล้านสุริยา


 


ในตอนนี้ชิงสุ่ยรู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้น จามันนั้นยังหากไกลอีกมากกับระดับบัญชาสวรรค์ เขาไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไรกว่าจะทะลวงเข้าสู่จุดสูงสุดของปราณจักรพรรดิ   และอีกนานเท่าไรกล่าวจะเข้าสู่ระดับบัญชาสวรรค์ แต่ที่เขารู้คือเขาต้องเข้าสู้ขั้นที่แปดของเคล็ดเสริมกายาบรรพกาลให้ได้เสียก่อน เมื่อเขาสามารถทะลวงเข้าสู่ขั้นที่8ได้ เขาจะได้รับความแข็งแกร่งอีกมากมาย


 


ในตอนนี้ชิงสุ่ยสงสัยว่าหากเขาสามารถทะลวงเข้าสู่ขั้นที่8 ในตอนนั้นจะมีใครในทวีปแห่งนี้ต่อกรกับเขาได้อีกหรือไม่ และเขาจะมีความแข็งแกร่งอยู่ในระดับไหนกัน?


 


ขั้นที่แปดของเคล็ดเสริมกายาบรรพกาล นั้นเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่อย่างมาก ชิงุส่ยไม่ทราบว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้างสำหรับตัวของเขา บางทีเขาอาจจะได้เห็นประตูสู่สรวงสวรรค์อีกครั้งก็ได้ ? นั้นคือสิ่งที่เขาคาดหวังอย่างมากในตอนนี้


 


ระดับบัญชาสวรรค์พินาศ นั้นคือเทพเจ้าสำหรับทวีปเหล่านี้


 


นอกจากนี้อีกไม่นานชิงสุ่ยก็จะสามารถฝึกรูปแบบวิหคเพลิงศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว  เนื่องจากรูปแบบวิหคศักดิ์สิทธิ์ของเขานั้นใกล้ถึงจุดสูงสุดแล้ว หลังจากที่มองย้อนกลับไปชิงสุ่ยพบว่ารูปแบบวิหคศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นรูปแบบที่เขานั้นทุ่มเทกับมันมากที่สุด และนานที่สุดเท่าที่เขาเคยฝึกมา


 


เขาคิดว่าเมื่อเข้าสู่ขั้นที่ได้ 8 เขาก็จะสามารถฝึกรูปแบบวิหคเพลิงศักดิ์สิทธิ์ ส่วนรูปแบบมังกรนั้นยังห่างไกลเกินไปสำหรับเขา มันเป็นรูปแบบในตำนาน และเป็นรูปแบบของอสูรอมตะซึ่งมีระดับชั้นต่ำที่สุดก็อยู่ช่วงระดับบัญชาสวรรค์พินาศ นอกจากนี้มันยังเป็นรูปแบบของอสูรอมตะที่ไม่ได้มีตัวตนในโลก9ทวีปแห่งนี้


 


แต่มีตำนานมากมายกว่าหว่าพวกมันนั้นหลับใหลอยู่ใต้มหาสมุทรทีไร้ก้นเบื้อง!


 


นอกจากนี้ยังเหลือสองทวีปที่ชิงสุ่ยนั้นยังไม่เคยไป เขานั้นก็ไม่แน่ใจว่าจะมีพวกมันอาศัยอยู่รึไม่ในที่เหล่านั้น?


บทที่ 1358 – บุตรของหมอปิศาจ


 


ในวันถัดมาชิงสุ่ยได้อำลาตระกูลเทียนฮี่ ในขณะที่เทียนฮี่เรินโม่ นั้นไม่ได้เดินทางมาพร้อมกับชิงสุ่ย แต่ถึงอย่างไรพวกเขาจะเดินทางตามมาในภายหลัง


 


เทียนฮี่เรินโม่นั้นไม่ต้องการรบกวนชิงสุ่ยและหยวนสู่ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะตามชิงสุ่ยมาในวันถัดไป อีกหนึ่งนี่เป็นทางเลือกที่ดีอย่างมากสำหรับชิงสุ่ย เพราะชิงสุ่ยเองนั้นก็ยังต้องการเก็บเรื่องย่างก้าวเก้าเทวาไว้เป็นความลับเช่นเดียวกันนั้น


 


หลังจากเหาะมาได้สักพักใหญ่ๆชิงสุ่ยได้ใช้ย่างก้าวเก้าเทวาออกมา ในพริบตาพวกเขาก็มาถึงเมืองอี่หวงแห่งนี้ ในครั้งนี้แม้ว่าหยวนสู่จะมีประการณ์จากครั้งก่อนอยู่แล้วก็อดที่จะตกตะลึงไม่ได้ มันยิ่งทำให้เธอรู้สุกว่าผู้ชายคนนี้นั้นลึกลับกว่าที่เธอรู้อย่างมาก


 


ในตอนนี้หมอปิศาจรู้สึกมีความสุขอย่างมากเมื่อเห็นทั้งสองกลับมา เพราะในตอนนี้ลี่จี๋นั้นกำลังจะคลอดลูกของเธอแล้ว ดังนั้นเขาจึงต้องการใช้เวลานี้อยู่กับลูกเมียของเขาให้มากที่สุด


 


ในตอนแรกเขานั้นได้ก้าวเข้าสู่วัยชราเรียบร้อยแล้ว แต่เพราะชิงสุ่ยช่วยเหลือเขา มันจึงทำให้เขากลับมาดูหนุ่มขึ้นมาอีกครั้ง นอกจากนี้ชิงสุ่ยยังได้รักษาอาการบาดเจ็บภายในของเขาอีกด้วย มันจึงทำให้เขานั้นรู้สึกขอบคุณชิงสุ่ยด้วยใจจริงๆ


 


ในตอนนี้ชิงสุ่ยนั้นได้รับวัตถุดิบชั้นยอดมากมายมาไว้ครอบครอง มันจึงทำให้เขาสามารถสร้างน้ำซุบที่ดีเลิศออกมากว่าเก่าได้มากมาย และที่สำคัญมันนั้นก็ยังมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้


 


นอกจากอื่นใดตอนนี้ความแข็งแกร่งของเขานั้นก็มาถึงจุดสูงสุดแล้ว ในอนาคตหากเขานั้นต้องการก้าวหน้าต่อไปก็มีเพียงต้องทำลายกำแพงอันนี้ลงไปให้ได้ ตอนนี้ชิงสุ่ยรู้สึกว่าเขานั้นเป็นยังปลาคาร์พตัวเล็กๆที่มาถึงประตูแห่งการเปลี่ยนแปลง หากเขาสามารถก้าวข้ามไปได้เขานั้นก็จะไม่ใช่ปลาคาร์พอีกต่อไป แต่เขาจะกลายเป็นมังกรที่โดดเด่น แต่ถึงอย่างไรก็ตามมีผู้คนมากมายที่มาอยู่ในจุดเดียวกับเขา แต่จะมีสักกี่คนที่สามารถฝ่ามันไปได้?


 


นอกจากนี้อุปสรรค์นี่ของชิงสุ่ยนั้นไม่ใช่ปัญหาที่เล็กน้อยด้วยทักษะการบ่มเพาะที่แตกต่างออกไป อาจกล่าวได้ว่าอุปสรรค์นี่ของเขานั้นยากเย็นกว่าคนอื่นๆมากนัก


 


หลังจากนั้นสองวัน เทียนฮี่เรินโม่ได้มาถึงหอคอยจักรพรรดิเรียบร้อยแล้ว เมื่อมาถึงเขานั้นได้เลือกซื้อคฤหาสน์เล็กๆในเมืองแห่งนี้ เพราะกฑของหอคอยจักรพรรดิที่ไม่ยอมให้ผู้ที่ไม่ใช่สาวกนั้นพักอยู่ที่แห่งนั้น  การมาของตระกูลเทียนฮี่ สร้างจุดสนใจให้กระตระกูลมากน้อยในเมืองฮี่หวง พวกเขานั้นเคลื่อนไหวเป็นครั้งคราวเพื่อสืบข่าวของตระกูลเทียนฮี่ที่มาเยือนในครั้งนี้


 


โดยปกติแล้วตระกูลที่ทรงอำนาจและเป็นตระกูลอันดับหนึ่งของเมืองนั้นจะมีข้อบังคับหนึ่งอย่างก็คือเมื่อเดินทางไปต่างเมือง จะถูกห้ามไม่ให้พาผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่งจำนวนมากมาด้วย นั้นก็เพราะหลีกเลี่ยงปัญหาสงครามระหว่างเมือง และนอกจากนี้เมื่อมาถึงพวกเขานั้นต้องไปแนะนำตัว ทักทายกับผู้ดูแลเมืองเสียก่อนเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา


 


ในเวลาไม่ถึงครึ่งเดือนในตอนนี้อาการของเทียนฮี่ เรินโม่นั้นหายดีแล้ว นอกจากอื่นใดเขานั้นได้ทะลวงเข้าสู่ระดับบัญชาสวรรค์พินาศเรียบร้อยแล้ว แม้ว่าเขานั้นจะหายดีแล้วก็ตามความจริงใจที่เขามีให้ชิงสุ่ยนั้นก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งคู่นั้นก็ยังเป็นพี่น้องที่ดีต่อกันเช่นดังเก่า ที่สำคัญด้วยความสำเร็จในตอนนี้เทียนฮี่เรินโม่นั้นจะต้องได้รับสืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูลในอนาคตอย่างแน่นอน มันยิ่งส่งผลดีกับชิงสุ่ย หากเขามีปัญหาอะไร เขาเชื่อว่าตระกูลเทียนฮีนั้นจะไม่มีวันปฏิเสธและไม่ช่วยเหลือเขา


 


อย่างไรก็ตามชิงสุ่ยนั้นก็ไม่เคยหวังและต้องการความช่วยเหลือจากคนอื่นๆ เขานั้นเชื่อมั่นแค่เพียงความแข้งแกร่งของตัวเองเท่านั้น แต่ก็มีบางครั้งที่เขานั้นต้องขอช่วยคนอื่นๆในการแก้ไขปัญหาบางอย่างที่เกินกว่าเขาจะรับมือได้


 


ในตอนนี้ชิงสุ่ยไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไรกว่าเขาจะทะลวงข้ามไปได้ บางทีอาจจะเป็น6เดือน 1ปีหรือมากกว่านั้น แต่ตอนนี้ชิงสุ่ยนั้นหวังเอาไว้ว่าเขาอาจจะก้าวสู่ระดับบัญชาสวรรค์พินาศได้ในอีกสามเดือนข้างหน้า


 


หลังจากที่รักษาตัวจนเสร็จ ตระกูลเทียนฮี่ก็ได้เดินทางกลับเมืองของพวกเขา!


 


หลังจากนั้น5วัน ทารกก็ได้ถือกำเนิดเกิดออกมา เขาเกิดมาเป็นเด็กน้อยที่แข็งแกรงและน่ารักอย่างมาก ทารกน้อยนั้นมีน้ำหนักแรกเกิดอยู่ที่ประมาณ4กิโลกรัม นอกจากนี้เขายังมีดวงตาที่คล้ายกี่ลี่จี๋ และมีจมูกที่เหมือนกับหมอปิศาจ ชิงสุ่ยสามารถมองออกได้ในทันทีหากเขาโตขึ้นในอนาคตเขาต้องเป็นชายหนุ่มที่รูปงามอย่างแน่นอน


 


ย้อนกลับไปหมอปิศาจได้ยกเขาให้เป็นลูกบุตรธรรมของชิงสุ่ย มันจึงทำให้เขานั้นมีสิทธิเป็นคนตั้งชื่อเด็กคนนี้


 


ชิงสุ่ยใช้เวลาอยู่นั้นก่อนที่จะสามารถตัดสินใจได้ “อวี้”ชิงสุ่ยตัดสินใจตั้งชื่อนี้ให้กับเขา ในอนาคตของชิงสุ่ยนั้นต้องการให้เขานั้นเป็นคนที่ดีและยิ่งใหญ่ดังนั้นจึงได้เลือกใช้คำนี้เป็นชื่อของเขา นอกเหนือจากนี้ก็ไม่มีความหมายใด ๆ ที่แอบซ่อนอยู่


 


ด้วยท่าทางที่อ่อนโยนและการกระทำที่เป็นกันเองชิงสุ่ยได้ถ่านถอดปราณเซียนเทียนเขาไปในร่างกายของเด็กน้อย ด้วยวิธีนี้เขาจะโตขึ้นมาโดยปราศจากโรคภัยและยังมีร่างกายที่แข็งแกร่งกว่าเด็กทั่วๆไป นอกจากนี้เขายังสามารถทะลวงเขาสู่ระดับเซียนเทียนได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องฝึกฝนเท่ากับคนอื่นๆ ถึงแม้ระดับเซียนเทียนนั้นจะเป็นระดับที่ต่ำในทวีปแห่งนี้ แต่หมอปิศาจก็มีความสุขอย่างมาก นั้นเพราะลูกน้อยของเขานั้นถือได้ว่าสามารถบรรลุระดับเซียนเทียนได้ด้วยวัยเพียงแรกเกิดเท่านั้น นอกจากอื่นใดอาจกว่าได้ว่าลูกชายคนนี้ของเขานั้นเขาสู่ระดับเซียนเทียนได้เล็กที่สุดเท่าที่เขาเคยพบมา แม้ว่าจะมียาเม็ดเซียนเทียนทองคำอยู่ในทวีปแห่งนี้ แต่มันก็เป็นยาที่หายอย่างมาก แม้ตระกูลใหญ่ๆก็ไม่สามารถครอบครองมันได้อย่างง่ายๆ นอกจากนี้ยังติดกับเงื่อนไขที่ว่าต้องเป็นเด็กที่มาอายุมากกว่า10ปี่เท่านั้นถึงจะสามารถกินมันได้ ดังนั้นมันจึงทำให้หมอปิศาจนั้นมีความสุขอย่างมากในตอนนี้


 


ในขณะที่เด็กทั่วไปนั้นร้องไห้ออกมาในครั้งแรกที่เกิด แต่เด็กน้อยคนนี้ต่างออกไปเขานั้นได้ปลดปล่อยปราณที่บริสุทธิ์ออกมา ทำให้สิ่งของรอบๆตัวของเขานั้นถูกทำลายลงไป ชิงสุ่ยจึงตัดสินใจที่จะผนึกมันไว้ก่อนและรอเขานั้นเติบโตกว่านี้


 


หลังจากนั้นสองสามวัน ชิงสุ่ยได้ขอตัวลาหมอปิศาจ จากนั้นเขาและหยวนสู่ได้ใช้ธงสวรรค์ปัญจธาตุ เพื่อเดินทางกลับไปยังบ้านของเขา


 


โดยปกติชิงสุ่ยนั้นจะกลับไปบ้านของเขาในทุกๆเดือน และทุกๆครั้งที่เขากลับไปเขาจะมีความสุขอย่างมาก การได้พบเจอครอบครัว ภรรยาและแม่นั้นคือความสุขที่แท้จริงของเขา


 


เมื่อเขากลับไปในครั้งนี้สิ่งที่พบคืออู่ซวง และติ๊ชิงนั้นได้อุ้มท้องลูกของเขาอยู่ ชิงสุ่ยจึงใช้เวลาอยู่กับพวกเธอเป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็มๆ ก่อนที่จะกลับมา ในครั้งนี้ชิงสุ่ยนั้นไม่ได้รีบที่จะพาพวกเขาทั้งหมดมาที่ทวีปอู่เซียนั้นเพราะเขานั้นเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของทุกๆคน


 


โดยที่เขานั้นได้ติดสินใจเอาไว้เมื่อลูกของเขาเกิดและเติบโตได้สักพักแล้ว เขาจะนำตระกูลชิงมาตั้งรกรากใหม่ที่ทวีปอู่เซียในอนาคต เช่นนี้จำทำให้เขาสบายใจมากกว่ารีบพาพวกเขามาในตอนนี้ในขณะที่พวกเขาไม่พร้อม


 


เช่นเดียวกับอูซวงที่ยังคงคิดถึงพี่สาวของเธอ มันจึงทำให้เธอนั้นไม่พร้อมที่จะย้ายออกมา แต่ถึงอย่างไรชิงสุ่ยนั้นก็หวังไว้ว่าหลังจากที่เธอคลอดลูกออกมามันจะทำให้เธอนั้นรู้สึกดีขึ้นและก้าวต่อไปได้อีกครั้ง


 


ครั้งนี้หลังจากที่เขากลับมาเขาพบได้ว่าจรู้ชิงนั้นเปลี่ยนแปลงไปบางเล็กน้อย เธอดูแก่ขึ้นแต่ก็ยังแฝงด้วยความงดงามแบบสาวใหญ่อยู่ ต่างกับชางห่าย หมิงเยวี่ย ติ๊ชิง และอูซวง ที่ยังคงงดงามเช่นดังเก่าแทบไม่มีความเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าและความงามของพวกเธอเลย พวกเธอนั้นยังคงดูงดงามราวกับดอไม้แรกแย้มและสดใสดังดวงตะวันเช่นดังเก่า


 


แม้ว่าในการกลับมาในครั้งนี้เขาจะใช้เวลาอยุ่ที่นี่นานกว่าปกติ แต่ถึงอย่างไรเขาก็ยังไม่เคยได้รับข่าวของอี่เย่ เจี้ยนเก้อเลย ถึงแม้เขาจะแข็งแกร่งขนาดไหนมันก็เป็นเรื่องยากที่จะตามหาเธอ เขานั้นไม่รู้ว่าเธอนั้นอยู่ที่ไหนในตอนนี้ และไม่รู้ว่าเธอนั้นอยู่ที่ทวีปแห่งใด?


 


ชิงสุ่ยได้แต่ลืมเรื่องนี้ไปก่อน ก่อนที่เขาจะแจกจ่ายยาและสมุนไพรล้ำค่าให้กับตระกูลของเขา


 


ในตอนนี้ตระกูลชิงได้ก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว มันทำให้เขานั้นมีความสุขอย่างมาก นั้นเพราะทุกๆคนคือพี่น้องและครอบครัววของเขา


 


ชิงซุนและชิงหมิงนั้นได้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับชิงอวี้ที่ชอบแยกตัวอยู่ตามลำพัง ขณะที่ชิงหยินนั้นเป็นคนที่มีนิสัยคล้ายเขาที่สุดนอกจากนี้เธอนั้นยังหลงใหลในเพลงกระบี่อีกด้วย  มันจึงทำให้เขานั้นคิดถึงตัวของเขาตอนเยาว์วัยทุกๆครั้งเมื่อมองไปที่เธอ


 


เช่นเดียวกับหยวนและอวี้ชางที่เติบโตขึ้นเป็นสาวงาม แม้ว่าพวกเธอจะโตขึ้นสักเท่าไรพวกเธอนั้นก็ยังแสดงท่าทางที่เป็นเด็กออกมาทุกๆครั้งเมื่ออยู่ข้างหน้าชิงสุ่ย ในตอนนี้ไม่มีใครสักคนที่คิดว่าพวกเธอนั้นไม่ใช่ลูกแท้ๆของชิงสุ่ย ทุกๆคนรักพวกเธอดังพวกเธอนั้นเป็นพี่น้องครอบครัวและมีสายเลือดเดียวกัน


 


ในตอนนี้ด้วยสูตรยาที่เขาได้รับมาจากหยวนสู่ เขานั้นสามารถทำให้ผู้คนมากมายในตระกูลเติบโตขึ้น ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ เช่นเดียวกับปู่ของเขา และหลิยซานหลาง ที่ได้สามารถพัฒนาตัวเองขึ้นมาอีกระดับได้ มันทำให้พวกเขานั้นสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกยาวนาน


 


ในเวลานี้ชิงสุ่ยได้เข้าไปในดินแดนหยกยุพราชอมตะ และใช้ยาที่เขาได้สร้างมาจากสูตรยาของหยวนสู่ในทันที ในครั้งนี้หลังจากที่เขากินยาเม็ดบรรพกาลแรกเริ่มเข้าไปมันทำให้ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นมาเป็น 45สุริยา


 


หลังจากที่ใช้มันครั้งนี้ชิงสุ่ยรู้สึกว่า นี่เป็นครั้งสุดท้ายของเขาแล้ว เขาคงไม่สามารถใช่มันได้อีกในครั้งต่อไป


 


แต่ถึงอย่างไรก็ตามเขาสามารถให้คนในตระกูลของเขาใช้มันได้ ดังนั้นชิงสุ่ยจึงตัดสินใจที่จะสร้างมันขึ้นมาเก็บเอาไว้ในจำนวนมากๆ ในอนาคตพวกเขานั้นก็จะได้สามารถแข็งแกร่งได้เช่นเดียวกัน และนอกจากนี้ยาทั้งหมดที่เขามีจะเป็นวัตถุล้ำค่าที่ช่วยในการส่งเสริมคนรุ่นใหม่ออกมาพวกมันนั้นจากกลายเป็นมรดกประจำตระกูลของพวกเขา เช่นเดียวกับตระกูลเทียนฮี่ที่มีการถ่ายทอดปราณลงไปในร่างกายของพวกเขา


 


นอกจากนี้ในตอนนี้สายเลือดของชิงสุ่ยนั้นก็แข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก ชิงสุ่ยไม่แน่ใจๆว่าลูกๆของเขาที่กำลังจะเกิดออกมานั้นจะได้รับการถ่ายทอดพลังทางสายเลือดนี้ของเขารึไม่  แต่ถึงอย่างไรชิงสุ่ยคิดไว้ว่ามันมีโอกาสเป็นไปได้สูงที่สายเลือดของเขานั้นจะถ่านทอดผ่านไปยังบุตรของเขาโดยตรง


 


ในอนาคตสายเลือดทองคำอินทนิลของเขานั้นจะกลายเป็นมรดกประจำตระกูลของเขาและเป็นสมบัติล้ำค่าที่สุดที่ไม่มีตระกูลใดเทียบได้


 


แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ว่าใครๆจะมีสายเลือดที่มีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง ดังเพื่อให้แน่ใจชิงสุ่ยจึงต้องตรวจสอบลูกของอูซวงและติ๊ชิงที่กำลังจะเกิดออกมาว่าพวกเขานั้นได้รับการถ่ายทอดสายเลือดที่บริสุทธิ์ทั้งหมดของเขามาลืมไม่


บทที่ 1359 –ติ๊เฉิน


 


เป็นเรื่องยากที่ใครจะมีมรดกเป็นของตัวเอง นั้นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะบุคคลเท่านั้น นอกจากสายเลือดของเขาแล้ว ชิงสุ่ยนั้นก็ยังอยากที่จะสืบทอดกายาเก้าหยางทองคำของเขาอีกด้วย


 


เพียงแค่เขาไม่รู้ว่ามันจะเป็นไปได้หรือไม่


 


ในตอนนี้หยวนหยวน และคืออื่นๆนั้นก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็วอย่างมากด้วยทรัพยากรที่ชิงสุ่ยนั้นมอบให้กับพวกเธอ มันยิ่งทำให้พวกเธอนั้นพร้อมที่จะตามเขาไปในอนาคต


 


นอกจากนี้พวกเธอนั้นยังได้รัยยาเม็ดบรรพกาลแรกเริ่มอีกด้วย มันยิ่งทำให้ทุกๆอย่างนั้นง่ายขึ้นไปอย่างมาก การทะลวงเข้าสู่ระดับต่างๆของพวกเธอสามารถทำได้อย่างง่ายดายด้วยยาเม็ดชนิดนี้ ชิงสุ่ยคิดไว้ว่าอีกไม่เกินสิบปีข้างหน้าพวกเธอนั้นก็จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่งแห่งทวีปได้อีกครั้ง นี่เป็นสิ่งที่ทำให้เขามีความสุขอย่างมาก


 


ถึงแม้สิ่งของหล่านี้จะเป็นของที่ค่อนข้างมีคุณค่า แต่ชิงสุ่ยนั้นก็ไม่ใส่ใจมันเขานั้นสามารถสร้างมันได้เท่าไรก็ได้ที่เขาต้องการ มันยิ่งทำให้เขานั้นไม่สนใจมันเลยแม้แต่น้อย ต่างกับคนอื่นๆหากมีใครรู้เข้าว่าตระกูลชิงนั้นมีการใช้ขายเหล่านี้เหมือนกับขนม พวกเขาคงต้องอกแตกตายเป็นแน่


 


นอกเหนือจากยาเหล่านั้นยังมียาเม็ดย่างก้าวมรกตที่สมบูรณ์แบบที่เขาพึ่งได้รับมากจาหยวนสู่ ยาเม็ดชนิดนี้เป็นยาเม็ดที่คล้ายคลึงกับยาเม็ดเซียนเทียนทองคำอย่างมาก ไม่ว่าจะผลและรูปร่างของมัน


 


สำหรับผู้ที่ไม่เคยฝึกฝนใดหลังจากที่กินยาเม็ดนี้ไปจะกลายเป็นผู้บ่มเพาะปราณเทวะกษัตริย์ จึงทำไหม้นั้นได้รับการขนานนามว่ายาเม็ดในตำนาน นอกจากนี้มันยังไม่ได้หยุดเพียงแค่ปราณเทวะกษัตริย์เท่านั้น แต่มันสามารถทำให้คนที่กินเข้าไปเขาสู่รับดับสูงสุดของปราณเทวะกษัตริย์ได้ในครั้งเดียว แต่ถ้าเป็นคนที่มีความแข็งแกร่งที่ต่างๆจากคนอื่นๆหรือผู้ที่มีพนสวรรค์พวกเขานั้นอาจจะสามารถกล่าวสู่ระดับนักบุญได้โดยยาเพียงเม็ดเดียวเท่านั้น


 


ยาชนิดนี้นั้นเป็นยาที่คู้ควรเรียกว่ายาในตำนานอย่างแท้จริง มันสามารถทำให้คนธรรมดากลายเป็นผู้บ่มเพาะโดยไม่รู้ตัว ในตอนนี้ชิงสุ่ยได้ทดลองใช้มันผลปรากฏว่าความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มพียงแค่ครึ่งสุริยานั้น มันทำให้เขารู้ว่ายาชนิดนี้ไม่มีผลเท่าไรกับผู้บ่มเพราะที่มีพลังแข็งแกร่งเช่นเขา ซึ่งมันเป็นเรื่องที่เขาคาดการไว้แล้ว


 


ถึงอย่างไรเขาก็ยังมีเข็มแห่งชีวิตและความตาย ด้วยพวกมันเขาสามารถการฝังเข็มด้วยปราณศักดิ์สิทธิ์ได้ มันนั้นจะเป็นผลดีสำหรับเด็กและคนที่พึ่งเริ่มบ่มเพาะอย่างมาก มันจะกระตุ้นพลังที่หลับใหลในร่างกายของคนเราออกมา นอกจากนั้นมันยังได้ปรับรากฐานในการบ่มเพาะให้เหมาะสมอีกด้วย โดยวิธีนี้มันทำให้คนที่ทำการบ่มเพาะวางใจได้ว่าพวกเขาจะไม่เจอกับปัญหาคอขวดหรือเส้นลมปราณเสียหายได้ในอนาคต


 


ในตอนนี้5ทวีปนั้นไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ทุกๆคนยังคงอาศัยอยู่ที่เดิมและทำตัวเช่นเดิมดังที่เคยเป็นมา สำหรับตระกูลที่ทรงอำนาจบางตระกูลที่ตั้งตัวเป็นอริกับตระกูลชิงนั้น ก็ถูกบีบจากตระกูลชิงจนต้องหนี และแอบซ่อนตัว บางตระกูลถึงกับได้หนีออกไปที่4มหาทวีปเพื่อความอยู่รอด นี่เป็นทางเดียวที่พวกเขาจะยังคงรักษาอำนาจของตนได้


 


ที่จริงแล้วชิงสุ่ยนั้นก็ต้องการพาพวกเขาทั้งหมดไปที่ 4 มหาทวีป  แต่ถึงอย่างไรมันก็อีก5ปีแท่นเคลื่อนย้ายบรรพกาลจะเปิดตัวอีกครั้ง ดังนั้นชิงสุ่ยจึงได้วางแผนที่จะทำให้ทุกๆคนในที่แห่งนี้ก้าวหน้าและแข็งแกร่งขึ้นอย่างมากที่สุดไม่จะด้วยทักษะหรือยาที่เขามีอยู่


 


ในคืนนั้นชิงสุ่ยได้นอนกับหมิงเยวี่ย และใช้ความสุขร่วมกับเธอ ชิงสุ่ยยังไม่เคยลืมหน้าอกที่งดงามดังหิมะของเธอ จุดสีชมพูอ่อนยังคงทำให้หัวใจของเขานั้นเต้นถี่ได้ทุกๆครั้งที่มองไปที่พวกมัน


 


“หมิงเยวีย เจ้าและคนอื่นๆจะสามารถก้าวหน้าขึ้นได้มากกว่านี้ในทวีปอู่เซีย เจ้าต้องการไปที่แห่งนั้นหรือไม่?”ชิงสุ่ยลองถามออกมาในตอนนี้


 


“เจ้าต้องการพาพวกข้าไปที่นั้นอย่างนั้นรึ?”เธอยิ้มและกล่าวออกมากับชิงสุ่ย


 


“แน่นอน แต่สำหรับพวกเด็กยังคงไม่ได้ ข้าต้องรอให้พวกเขาโตกว่านี้เสียก่อน ”


 


“จะเป็นเรื่องที่ดีกว่าหากพวกเรายังคงอยู่ที่นี่ มันจะทำให้เจ้านั้นไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องของเรา ยิ่งไปกว่านี้ตราบเท่าที่เราอยู่ใน5ทวีปแห่งนี้จะไม่มีใครกล้าแตะต้องตระกูลของพวกเรา”เธอกล่าวออกมาหลังจากคิดอยู่พักใหญ่


 


“ก็จริงของเจ้า เอาแบบนี้เมื่อถึงเวลาที่ข้าแข็งแกร่งกว่านี้ พวกเราทั้งหมดจะไปที่นั้นด้วยกัน และยิ่งไปนั้นจะไม่มีใครที่กล้าทำร้ายพวกเจ้าหรือทำอะไรพวกเจ้าได้อีกและพวกเราจะไม่ต้องแยกกันอีกต่อไป”ชิงสุ่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม


 


“เช่นนั้น ตอนนี้เจ้าก็มามีความสุขกับข้าก่อนดีกว่า ตอนนี้ยังมีอีกหลายๆคนที่รอเจ้าอยู่!”เธอกล่าวออกมาและซุกลงที่อกของชิงสุ่ย


 


……….


 


เวลาได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว นี่เป็นวันที่4หลังจากที่เขากลับมา ชิงสุ่ยได้มองไปที่ยาเม็ดบรรพกาลแรกเริ่มอีกครั้ง นี่คือครั้งสุดท้ายของเขาแล้วที่จะใช้มัน หลังจากครั้งนี้มันนั้นจะไม่ได้ผลกับเขาอีกต่อไป


 


หลังจากที่กินมันพลังของเขาเพิ่มขึ้นเป็น50สุริยาและมันก็มาถึงจุดอิ่มตัวของเขาแล้ว อย่างน้อยยาชนิดนี้ก็จะไม่มีผลอีกต่อไปสำหรับเขา ในขณะนี้ความแข็งแกร่งโดยรวมของเขาอยู่ที่230000สุริยา ขณะที่หุบเขาเก้าเทวาที่เขาคิดว่าไม่สามารถก้าวหน้าได้แล้วในครั้งก่อนได้ ทะลวงระดับเพิ่มเล็กน้อย ในขณะที่ความแข็งแกร่งของมันเพิ่มเป็น 7แสนสุริยา นี่มันเป็นเรื่องที่เกินกว่าชิงสุ่ยคาดเดาไว้ในตอนแรก เดิมทีชิงสุ่ยคิดว่ามันนั้นจะหยุดลงเมื่อความแข็งแกร่งของมันมาถึง 5แสนสุริยา นี่ทำให้ชิงสุ่ยนั้นรู้สึกว่าสิ่งของชิ้นนี้เป็นสมบัติที่เต็มไปด้วยความลึกลับอย่างมาก


 


ขณะที่พลังวิญญาณของเขานั้นเพิ่มมาถึง 650000สุริยา และเมื่อเขาใช้รูปแบบวิหกศักดิ์สิทธิ์ มันจะเพิ่มขึ้นถึง 1.3ล้านสุริยา


 


การเคลื่อนไหวอสรพิษไอยรา!


 


ชิงสุ่ยได่ฝึกมันบ่อยครั้งหลังจากที่เข้ามาในดินแดนหยก  อสรพิษไอยรานั้นเป็นสัตว์อสูรที่เกือบจะเป็นอสูรอมตะ แต่อย่างไรก็ตามมันนั้นก็ยังไม่สามารถก้าวข้ามไปสู่ความเป็นอมตะได้ ในอดีตมีตำนานกว่าว่าพวกมันนั้นเป็นสัตว์อสูรที่ได้รับสายเลือดมาจากมังกรเก้าหัว  จึงทำให้มันนั้นยังคงมีความแข็งแกร่งคล้ายกับมังกรอยู่


 


มังกรเก้าหัวจัดได้ว่าเป็นสายพันธุ์มังกรที่บริสุทธิ์ มันนั้นเป็นมังกรที่มีความสามารถเทียบเท่ากับมังกรบรรพกาล แต่ถึงอย่างไรมันนั้นก็ไม่ใช่มังกรที่แท้จริง นั้นเพราะมันนั้นเป็นสัตว์อสูรประเภทงูที่เกิดการกลายพันธ์ออกมา นอกจากนี้ในรุ่นหลังๆ สายเลือดที่แท้จริงของมันนั้นก็ได้ถูกผสมและเลือนหายไปจนเกือบหมด จึงทำให้อสรพิษไอยรานั้นไม่สามารถเทียบได้กับมังกรเก้าหัวได้ แต่ถึงอย่างไรเมื่ออสรพิษไอยรานั้นโตเต็มที่งวงที่เป็นช้างของมันจะเปลี่ยนเป็นหัวจริงๆ งาและหูของช้างจะหายไป จะเป็นช้างที่มีหัวเป็นงู และมีขนาดที่ใหญ่โตอย่างมาก แต่ถึงอย่างไรมันนั้นก็มีร่างกายที่เล็กกว่า มังกรเก้าหัวอยู่6เท่า


 


ด้วยส่วนผสมของงูและช้างทำให้มันนั้นมีพลังและความเร็วอย่างมาก โดยการเคลื่อนไหวของมันส่วนมากจะมาจากหัวที่เป็นงู  เช่นเดียวกันชิงสุ่ยได้เรียนแบบท่าทางของมันและใช้มันผสานกับแส้เพลิงของเขา ด้วยการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วและทรงพลังเช่นนี้ทำให้ทักษะแส้เพลิงของเขานั้นทรงอำนาจยิ่งขึ้นกว่าเก่า


 


ในไม่นานเขานั้นก็สาสามารถใช้รูปแบบนี้ได้อย่างคล่องแคล่ว โดยไม่รู้ว่านานขนาดไหนตั้งแต่เขาเริ่มฝึก ขณะนี้เขาได้เข้าใจถึงแก่นแท้ของทักษะชนิดนี้แล้ว


 


โดยส่วนตัวของชอบทักษะนี้อย่างมาก เพราะมันนั้นดูเหมาะกับเขาเป็นอย่างดี ในตอนนี้ทักษะแส้เพลิงของเขาได้ผสานเป็นหนึ่งเดียวกับทักษะชนิดนี้ทำให้เกิดเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่เหมือนกับใคร ด้วยทักษะนี้ยากที่จะมีใครหนีรอดออกไปจากแส้ของเขาได้


 


หลังจากอยู่ที่นี่อีกสองวันชิงสุ่ยได้ลาทุกๆคนและเดินทางกลับไปยัง4ทวีป


 


เมื่อเขากลับมาก็พบว่ามีหญิงสาวสามคนที่รอเขาอยู่  หนึ่งในนั้นคือฮี่หวง กู่หวู๋ พวกเธอทั้งหมดรู้สึกมีความสุขอย่างมากที่เห็นเขากลับมาในตอนนี้ ในตอนนี้นั้นเองชิงสุ่ยได้เดินไปกอดพวกเธอทั้งหมด ทำให้ฮี่หวงกูหวู๋และถานท่าย หยวนนั้นรู้สึกเขินอายอย่างมาก ต่างกับอวี้ลู่หยานที่เคยชินกับท่าทางเช่นี้ของเขาแล้ว


 


ในตอนนี้ฮี่หวงกู่หวู๋ได้ข้ามประตูสวรรค์ไปแล้ว มันทำให้ความแข็งแกร่งของเธอนั้นเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย อย่างไรก็ตามเธอนั้นก็ยังรู้สึกขอบคุณชิงสุ่ยอยู่ตลอดเวลา


 


ในตอนนี้ชิงสุ่ยนั้นได้ตั้งใจที่จะให้เธอนั้นใช้ยาเสริมสร้างเส้นลมปราณอีกครั้ง


 


….


 


หลังจากนั้นพวกเขาใช้เวลาในครึ่งวันที่เหลือเพื่อพูดคุยกัน หลังจากนั้นชิงสุ่ยได้ใช่ความสามารถของเขาเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้ทุกๆคนมากที่สุดเท่าที่ทำได้ ไม่ว่าจะเป็นการฝังเข็ม หรือการกระตุ้นพลังปราณ ทุกๆอย่างได้ดำเนินซ้ำไปซ้ำมาตลอดทั้งวัน


 


ด้วยความช่วยเหลือในครั้งนี้ทั้งหมดจะสามารถก้าวสู่ระดับจุดสูงสุดของปราณจักรพรรดิได้โดยไม่มีปัญหาอย่างไรก็ตามนี้ไม่รวมฮี่หวง กู่หวู๋ที่ก้าวข้ามตรงนี้ไปแล้ว


 


ในตอนนี้ฮี่หวง กู่หวู๋และถานท่ายหยวนนั้นยังคงความบริสุทธิ์อยู่ แต่มันก็เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น ในครั้งสุดท้ายชิงสุ่ยกับฮี่หวง กู่หวู๋เกือบได้เป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว แต่ก็ไม่สามารถทำได้ แต่ถึงอย่างไรเธอนั้นก็พยายามเขาหาเขาอยู่บ่อยๆครั้ง มันให้นี่คือเสน่ห์ของเธอ ต่างกับถานท่ายหยวนทีเขาต้องพยายามเข้าหาเธอ


 


หลังจากนั้นเขาก็ได้แวะไปเยี่ยมติ๊เฉินที่นิกายบงกชเทวะ เธอนั้นรู้สึกดีใจอย่างมากที่เห็นเขา ในขณะที่พุ่งเข้ามากอดเขาในทันทีที่แรกเจอ ชิงสุ่ยนั้นสามารถสัมผัสความเหงาของเธอได้ผ่านทางสายตา


 


ในตอนนี้มีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับตัวเธอมากมาย ไม่ว่าจะกลิ่นอายหรือความแข็งแกร่ง และความงดงามของเธอ ในตอนนี้เป็นอีกครั้งที่ชิงสุ่ยนั้นคิดว่าเธอนั้นอาจจะหลุดลอยจากมือของเขาไป  แต่นั้นเป็นเพียงสิ่งที่เขาคิด ต่างจากท่าทางของเธอๆนั้นยังคงเป็นเธอคนเดิม คนที่พร้อมจะทิ้งทุกอย่างไปอยู่กับเขา


 


ในตอนนี้ความแข็งแกร่งของติ๊เฉินนั้นไม่ต่างกับฮี่หวง กู่หวู๋มากนัก นั้นเป็นเพราะเธอนั้นได้ก้าวผ่านประตูแห่งสวรค์มาแล้ว ทำให้เธอได้รับพลังทิ่ย่งใหญ่ที่เก็บซ่อนไว้ในตัวออกมา


 


“เฉินเอ๋อ ตอนนี้ชิงเอ๋อได้ตั้งครรภ์แล้วนะ!”ชิงสุ่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม


 


ใบหน้าของเธอนั้นแสดงออกถึงความตกใจแล้ว มีความสุขในเวลาเดียวกัน “นี่เป็นข่าวที่ดีมากๆ จะดีกว่านี้ถ้าข้ามีโอกาสไปหานางในเวลาที่ทารกน้อยเกิดออกมา”


 


“เจ้าสามารถ เจ้ายังมีเวลาอีกตั้งหกเดือนก่อนที่เขาจะเกิดออกมา”ชิงสุ่ยกล่าวและปลอบโยนเธอ


 


“ชิงสุ่ยทำไมเราถึงไม่มามีลูกของเราเองกันละ?”สิ่งที่เธอกล่าวออกมาสร้างความตกใจให้ชิงสุ่ยอย่างมาก  อย่างไรก็ตามเรื่องนี้มันก็ยังคงทำให้เธอเขินอาย และลำบากที่จะกล่าวออกมา ในขณะที่กล่าวเธอนั้นแทบไม่ได้มองหน้าเขาเลยแม้แต่น้อย


 


ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าวว่า “ก็ได้หากเจ้าต้องการ ว่าแต่เจ้าอยากจะมีลูกก่อนหรือหลังจากที่ขึ้นเป็นผู้นำของนิกายก่อนกันละ?”


 


“ตามที่เจ้าต้องการเลย แต่มันจะเป็นการณ์ดีกว่านี้ถ้าหากรอไปอีกสักพักก่อน”เธอก้มลงขณะที่กล่าวออกมา ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงเข็มดังกับลูกท้อ


บทที่ 1360 – เตรียมสร้างยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่4


 


ติ๊เฉินจับไปที่มือของเขาและเดินไปตามทุ่งหญ้า ชิงสุ่ยรู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกขณะที่เขามองไปที่เธอ เธอนั้นเป็นสาวงามที่สุดเท่าที่เขาเคยพบมาในชีวิตนี้


 


ความงามของผู้หญิงนั้นไม่ได้หมายถึงเพียงรูปลักษณ์ของพวกเธอเท่านั้น นั้นรวมถึงท่าทางและนิสัยของพวกเธอด้วย ถึงแม้พวกเธอจะเป็นหญิงสาวที่สวยงามแต่ท่าทางที่หยาบกระด่างนั้นก็ทำให้ความงามของพวกเธอลดลง ดั่งแจกันที่ประดับด้วยดอกไม้ที่เต็มไปด้วยดอกไม้ที่เหี่ยวเฉา ถึงแม้ว่าแจกันจะสวยขนาดไหนก็ไม่มีใครจ้องมองไปที่มัน


 


นอกจากนี้ยังมีหลายๆคนที่พยายามเสริมแต่งตัวเองมากมายให้ดูงดงาม แต่ถึงอย่างไรพวกเธอนั้นก็ไม่ได้รับความงามที่แท้จริงมาก


 


ธรรมชาติและความเหมาะสมเท่านั้น ที่เป็นความงามที่แท้จริง


 


ชิงสุ่ยนั้นรู้สึกว่าผู้หญิงทั้งหมดของเขานั้น เป็นผู้หญิงที่งดงามอย่างแท้จริง แต่ถึงอย่างไรพวกเธอก็มีเอกลักษณ์ที่เป็นของตัวเอง ซึ่งนั้นเป็นจุดเด่นที่ทำให้เขาหลงใหลพวกเธอ ไม่มีคำว่าดีเกินไปและไม่มีคำว่าด้อยกว่า ทั้งหมดนั้นเป็นเสน่ห์ที่ทุกคนนั้นมีแตกต่างกัน


 


“ชิงสุ่ย ท่านอาจารย์ต้องการให้ข้าขึ้นครองนิกายหลังจากปีใหม่!”ติ๊เฉินกล่าวออกมาด้วยเสียงงที่แผ่วเบา


 


ด้วยความสามารถของเธอในตอนนี้คงไม่มีใครเลยที่จะกล้าคัดค้าน นอกจากนี้ทุกๆคนก็รู้ดีว่าเธอนั้นเป็นว่าที่ผู้นำนิกายคนต่อไปอยู่แล้ว


 


“ดีจริงๆ ที่เฉินเอ๋อของข้าจะได้เป็นผู้นำนิกายบงกชเทวะในเร็วๆนี้”ชิงสุ่ยยิ้มและมองไปที่เธอ


 


………


 


หลังจากพักอยู่กับเธอคืนหนึ่ง ชิงสุ่ยได้กลับไปที่สำนักสวรรค์เร้นลับ   เพื่อดูว่าที่แห่งนั้นเป็นยังไงบ้าง ด้วยย่างก้าวเก้าเทวาชิงสุ่ยนั้นสามารถเดินทางไปถึงที่แห่งนั้นอย่างรวดเร็ว


 


ในช่วงแรกชิงสุ่ยนั้นได้เริ่มต้นเรื่องราวของตัวเองขึ้นที่ทวีปอู่เซียตะวันตก มันจึงทำให้ทวีปแห่งนี้ดังแหล่งอำนาจของเขา นอกจากนี้มันอาจกว่าได้ว่าเป็นบ้านหลังแรกในสี่ทวีปของเขาอีกด้วย


 


พาลัยหิมะหวน!


 


ขณะที่ชิงสุ่ยมาถึงพาลัยหิมะหวน เขาได้พบเจอกลุ่มของหญิงสาวที่กำลังฝึกซ้อมเพลงกระบี่อยู่ หนึ่งในนั้นคือองค์หญิงใหญ่ ในขณะนั้นเองเธอสัมผัสได้ถึงการมาของชิงสุ่ยเธอได้หยุดลงและหันมายิ้มให้กับเขา


 


ในตอนนี้เธอเดินเข้ามาหาเขาด้วยรอยยิ้ม


 


“ท่านพ่อ!”ชิงซา วิ่งออกมาโดยไม่รอให้ชิงสุ่ยเดินเข้าไป ขณะที่เธอวิ่งเข้าไปกอดเขา ก่อนที่ชิงสุ่ยจะเดินไปถึงองค์หญิงใหญ่


 


ในตอนนี้องค์หญิงเล็กและองค์หญิงเจ็ดก็อยู่ที่แห่งนี้ด้วย  ตลอดครึ่งปีที่ผ่านมาพวกเธอได้ย้ายมาอยู่กับองค์หญิงใหญ่เพื่อเพิ่มพูนความแข็งแกร่ง แต่สิ่งที่หน้าแปลกใจอย่างมากคือความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นของชิงซา ความแข็งแกร่งของเธอนั้นก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็วและทรงพลัง นอกจากนี้กลิ่นอายของเธอนั้นก็ยังเต็มไปด้วยความดุดันและหน้าเกรงข้าม แม้แต่ชิงสุ่ยเองก็มิอาจเลียนแบบเธอได้


 


ชิงสุ่ยนั้นรู้ดีว่ามันนั้นเป็นสายเลือดที่ตื่นขึ้นของเธอ และเป็นเพราะมันจึงทำให้เธอก้าวหน้าได้ไวกว่าคนอื่นๆ


 


ในขณะนี้ชิงสุ่ยได้มอบย่าล้ำค่าให้กับทุกๆคนและ ยังด้วยช่วยปรับแต่งรากฐานให้ทุกๆคนอย่างเท่าเทียมกัน


 


“สาวน้อยการบ่มเพาะของเจ้าเพิ่มขึ้นเร็วมากจริงๆ”ชิงสุ่ยยิ้มและพูด


 


“มันเร็วเกินไปหรอ?”ชิงซากล่าวกับชิงสุ่ยด้วยความกังวล


 


“ไม่เป็นไรเจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลไป มันไม่ได้เป็นอันตรายใดๆ นั้นเป็นเพราะสายเลือดที่แปลกประหลาดของเจ้า”หลังจากที่ตรวจดูชิงสุ่ยนั้นก็ได้ผ่อนคลายลง เพราะมันนั้นจะไม่เป็นปัญหาสำหรับเธอในอนาคต นี่นั้นเป็นเพราะสายเลือดที่แข็งแกร่งของเธอ


 


ดาวหายนะ…แม้ชิงสุ่ยจะไม่รู้ว่าชิงซาจะเปลี่ยนไปอย่างไรในอนาคต แต่เขารู้ว่าเธอนั้นต้องเป็นผู้บ่มที่แข็งแกร่งอย่างแน่นอน นอกจากนี้ชิงสุ่ยนั้นยังแอบกังวลอยู่เมื่อเธอดินแดนพลังเทวะแห่งเต๋า (เส้นทางแห่งสวรรค์) เธอนั้นจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร บางทีเธออาจกลายเป็นดาวหายนะอย่างที่คนอื่นๆพูดจริงๆก็ได้


 


ตอนนี้กลิ่นอายที่ชั่วร้ายร่างกายของเธอนั้นได้ตื่นขึ้นมาแล้ว มันจึงทำให้ความแข็งแกร่งของเธอเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ภายในเวลาสั้นๆ แม้แต่ผู้บ่มเพาะบัญชาสวรรค์พินาศก็ยังมิอาจต่อกรกับกลิ่นอายของเธอนอกจากนี้ชิงสุ่ยยังแอบกังวลเมื่อเธอนั้นต้องการทะลวงเข้าสู่ระดับบัญชาสวรรค์พินาศ


 


เธอนั้นต้องได่รับความเจ็บปวดมากถึงคนอื่นถึงสามเท่า นอกจากนี้เธอนั้นยังต้องทนพลังปิศาจในร่างกายของเธอในเวลาเดียวกัน ซึ่งมันเป็นเรื่องยากที่เธอจะรับมือกับมันได้พร้อมๆกัน


 


เมื่อถึงเวลานั้น ชิงสุ่ยหวังว่าเขานั้นจะสามารถเข้าสู่ระดับชั้นที่แปด ของทักษะเสริมสร้างบรรพกาลได้แล้ว หากเป็นเช่นนั้นเขาอาจะพอช่วยเหลืออะไรเธอได้บ้าง


 


สำหรับเหยียนจินอวี้และองค์หญิงเจ็ด เป็นสองคนที่มีความก้าวหน้าช้าที่สุด อย่างไรก็ตามมันก็เร็วกว่าคนทั่วๆไปในระดับเดียวกัน ทั้งสองนั้นทุ่มเทอย่างมากในการบ่มเพาะในแต่ละวัน แต่ถึงอย่างไรเพราะแรงกดดันจากชิงซาทำให้พวกเธอนั้นรู้สึกท้อแท้อย่างมากในความไร้ความสามารถของตัวเอง


 


……………


 


“ความก้าวหน้าของซาเอ๋อนั้นเร็วเกินไป”


 


“นอกจากนี้ในร่างกายของเธอนั้นยังมีกลิ่นอายชั่วร้ายจากบรรพกาลหลับใหลอยู่ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่จะพบได้ทุกๆหมื่นปี ถึงมันจะมีข้อดีแต่มันก็มีข้อเสียในเวลาเดียวกัน ถึงแม้ในตอนนี้เธอนั้นยังไม่มีปัญหาใด แต่ในอนาคตนั้นเป็นเรื่องที่ยากจะคาดเดาอย่างมาก ข้าคิดว่าเราควรเตรียมแผนการรับมือเอาไว้”ชิงสุ่ยกล่าวกับองค์หญิงใหญ่


 


ในตอนนี้พาลัยหิมะหวนนั้นเติบโตขึ้นอย่างมากมีสาวกจำนวนมากถึงแปดพันคนและทุกๆคนนั้นก็เป็นผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้ทุกๆคนนั้นก็ได้รับเลือกโดยตรงจากองค์หญิงใหญ่ นอกจากนี้ทุกๆคนที่เข้ามาใหม่จะได้รับการปรับแต่งรากฐานโดยชิงสุ่ยทั้งหมด มันจึงทำให้ตอนนี้พาลัยหิมะหวนนั้นเป็นขุมอาจทีแข้งแกร่งที่สุดในสำนักสวรรค์เร้นลับไปแล้ว


 


นี่ยังไม่ต้องพูดถึงผลของยาเม็ดบรรพกาลแรกเริ่มที่ชิงสุ่ยมอบให้ มันนั้นสามารเพิ่มความแข้งแกร่งได้อีก20%ปี นี่นับว่าเป็นเรื่องที่น่ากลัวอย่างมาก


 


ในตอนนี้ติ๊เฉินนั้นก็จะกลายเป็นผู้นำนิกายบงกชเทวะ ในขณะที่องค์หญิงใหญ่ก็ได้กลายเป็นขุมอำนาจที่แข็งแกร่งที่สุดในสำนักสวรรค์เร้นลับ ส่วนฮี่หวง กูหวู๋นั้นก็ใกล้จะมีพลังมาพอไปเพื่อกลับไปจัดการกับปัญาหาเรื่องในตระกูลของเธอ และเมื่อเวลานั้นมาถึงถานท่ายหยวนก็จะกลายเป็นผู้นำคนต่อไปของเทอกเขาปู๋โถว


 


……


 


ในคืนนั้นชิงสุ่ยได้ใช้เวลาทั้งคืนอยู่ร่วมกับองค์หญิงใหญ่ เขานั้นไม่สามารถทนต่อร่างกายที่ทรงเสน่ห์ของเธอได้เลยแม้แต่น้อย และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขานั้นมีอาการเช่นนี้


 


ในขณะที่เธอค่อยๆถอดเสื้อออกและซุกลงที่หน้าอกของชิงสุ่ย ชิงสุ่ยเองก็ชอบมากเวลาที่เธอนั้นอยู่ด้านบนร่างกายของเขา ในขณะที่เขาชอบบังคับร่างกายให้อยู่ข้าล่างและเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ ในขณะที่หน้าอกคู่งามของเธอนั้นเคลื่อนไหวขึ้นลงมันทำให้เขามีความสุขอย่างมากและชอบมองเธอจากมุมนี้มากที่สุด


 


…………


 


ชิงสุ่ยนั้นได้พักอยู่ที่นี่สองสามวัน เพื่อช่วยเหลือการบ่มเพาะให้ผู้หญิงคนอื่นๆ ในทุกๆวันชิงสุ่ยจะทำการฝังเข็มให้ทุกๆคนเพื่อเสริมสร้างรากฐานให้พวกเธอ นอกจากนี้มันยังเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเสริมสร้างการบ่มเพาะอีกด้วย


 


นอกจากนี้ชิงสุ่ยยังให้พวกเธอนั้นใช้ยาเสริมสร้างเส้นลมปราณทั่งสองเพื่อช่วยเพิ่มรากฐานให้พวกเธอ ถึงแม้พวกมันนั้นจะมีค่าเทียบเท่ากับสมองของคนเราแต่ชิงสุ่ยก็ไม่รู้สึกเสียดายที่มอบมันให้กับพวกเธอ


 


ในตอนนั้นเมื่อชิงสุ่ยกลับไปถึงทวีปวิหคเพลิงร่ายระบำมันนั้นก็ผ่านไปสิบวันแล้ว ตระกูลชิงและสหายที่อยู่ในทวีปอู่ฌวียนได้รับความก้าวอย่างต่อเนื่องด้วยความสามารถของเขา นี่เป็นการสร้างฐานอำนาจที่มั่นคงสำหรับชิงสุ่ย


 


แต่ในตอนนี้เขาเองที่ดูเหมือนว่าจะมีปัญหาการบ่มเพาะของเขานั้นเริ่มที่จะชะลอตัว อย่างไรก็ตามมันก็ยังเป็นสิ่งที่พอเข้าใจได้ นั้นเพราะผลของยาเม็ดสวรรค์หยางรับดับ 1-3 และยาเม็ดบรรพกาลแรกเริ่มนั้นได้ได้หมดฤทธิ์ลงแล้ว  พวกมันนั้นไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ใดอีกเมื่อเขากินพวกมันลงไป ถึงอย่างไรด้วยความสามารถของยาเหล่านี้ ความแข็งแกร่งของเขาก็เพิ่มขึ้นมาเป็น120สุริยาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว


 


120สุริยานั้นไม่ใช่เป้าหมายที่เขาพึงพอใจเลย แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่สามารถทำอะไรกับมันได้ในตอนนี้


 


ในตอนนี้ชิงสุ่ยเริ่มคิดถึงยาสวรรค์หยางระดับถัดไป เดิมทียาสวรรค์หยางระดับ1นั้นจะสามารถใช้ได้เฉพาะปรมาจารย์ระดับที่1 ส่วนยาสวรรค์หยางระดับ-2 นั้นจะสามารถใช้ได้เฉพาะปรมาจารย์ระดับที่2ตามลำดับ ดังนั้นยาเม็ดสวรรค์หยางจึงจัดได้ว่าเป็นยาที่ล้ำค่าอย่างมาก และเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะทุกๆคนฝันถึง


 


หลังจากที่หารือกับหมอปิศาจ และหยวนสู่แล้ว ชิงสุ่ยก็ได้เข้าไปในห้องของเขา และเข้าไปสู่ดินแดนหยกในทันที ในตอนนี้เขารู้สึกว่ามันเป็นเวลาที่เหมาะสมแล้วในการกลั่นยาเม็ดสวรรค์หยางระดับ 4


 


ครึ่งปีที่ผ่านมา ในดินแดนหยกนั้นยังดำเนินไปไม่ถึง100ปี แต่ถึงอย่างไรก็ตามเขายังมีสมุนไพรวิญญาณ และดอกไม้แห่งชีวิต หรือน้ำทิพย์แห่งฤดูใบไม้ผลิแห่งชีวิตอยู่มากพอที่จะกลั่นยาเม็ดสวรรค์หยางระดับ 4 จริงๆแล้วเขานั้นสามารถกลั่นมันได้ตั้งนานแล้ว แต่เป็นตัวของเขาเองที่รู้สึกว่ามันยังไม่เหมาะเท่าไรที่จะกลั่นมันขึ้นมาในเวลานั้น


 


ช่องว่างระหว่างยาเม็ดสวรรค์หยางระดับ 3และยาเม็ดสวรรค์หยางระดับ 4นั้นเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่อย่างมาก เขาไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นหลังจากที่เขากลั่นยาเม็ดสวรรค์หยางระดับ 4ออกมาได้ นอกจากมันนั้นผลที่เป็นเอกลักษณ์เฉาพะแบบของมันอีกด้วย


 


ชิงสุ่ยรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก นั้นเพราะยาเม็ดสวรรค์หยางนั้นเป็นปัจจัยสำคัญในการยกระดับกายาเก้าหยางทองคำของเขา และด้วยผลของพวกมันทำให้กายาเก้าหยางทองคำของเขานั้นเลือนมาอยู่ที่จุดสูงสุดของขั้นสมบูรณ์แบบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มันจึงทำให้เขานั้นคาดหวังว่ามันจะสามารถทะลวงเข้าสู้ระดับถัดไปได้ก่อนที่เขาจะทะลวงเข้าสู่ระดับบัญชาสวรรค์พินาศในอนาคต


บทที่ 1361 – ยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 4 เสร็จสิ้น ธงสวรรค์ปัญจธาตุไปถึงระดับที่ 3


 


ชิงสุ่ยได้เตรียมสมุนไพรต่างๆเอาไว้แล้ว เขายังคงจำความล้มเหลวครั้งที่แล้วได้แม้ว่าตอนนั้นเขาจะใช้หญ้าอสรพิษทองคำด้วยก็ตาม แต่ในครั้งนั้นเหตุผลที่ใหญ่ที่สุดของการล้มเหลวคือคุณภาพของสมุนไพรที่เขาใช้นั้นไม่ดีพอ


 


ในตอนนี้เขามีความมั่นใจในตนเองมากขึ้น แต่เขาก้ยังคงมีความรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย เขาทำความสะอาดส่วนประกอบของยาทุกๆอย่างจากนั้นก็นอนพักครู่หนึ่งเพื่อให้สภาพร่างกายของเขาอยู่ในระดับที่พร้อมที่สุดจากนั้นเขาก็เริ่มขั้นตอนการปรุงยานี้


 


เมื่อการปรุงยาเริ่มต้นขึ้นทุกๆสิ่งที่เป็นไปได้อย่างราบรื่นกว่าครั้งที่แล้ว แต่ในครั้งนี้ชิงสุ่ยตระหนักว่าการปรุงครั้งนี้ยานี้อาจใช้เวลานานและอาจยาวนานกว่าครั้งที่แล้วกว่า 10 เท่า


 


เมื่อท้องฟ้าเริ่มมืดลงและกำลังจะเปลี่ยนเป้นวันถัดไปหม้อกลั่นยาเหล็กทองคำประกายเพลิงก็มีเสียงที่กระจ่างใสดังขึ้น มันกังวาลอย่างยิ่ง นี่แสดงให้เห็นว่าความพยายามตลอด 2 วันที่ผ่านมาของเขานั้นล้มเหลว


 


 


แม้ว่าเขาจะล้มเหลวแต่ชิงสุ่ยก็ยังรู้สึกมีความสุข เป็นเพราะดูเหมือนเขาจะสามารถรับรู้ถึงความรู้สึกนี้ได้เป็นอย่างดี


 


เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและกลับมาเริ่มใหม่อีกครั้ง เวลาผ่านพ้นไปเรื่อยๆกและชิงสุ่ยได้ควบคุมเปลวเพลิงของเขาได้อย่างชำนาญ ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นไปได้ด้วยดี


 


ตุบ!


 


ในวันที่ 3 เสียงที่คุ้นเคยก็ดังออกมาอีกครั้ง แม้ว่าชิงสุ่ยจะรู้ว่าความสำเร็จของมันนั้นจะไม่สูงนักแต่เขาก็รู้สึกไม่มีความสุขเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงนี้ เขาเสียเวลาเปล่าไป 3 วันแล้ว


 


หลังจากได้พักผ่อนและทานอาหารชิงสุ่ยก็เริ่มใหม่อีกครั้ง เขาคิดว่าตนเองนั้นถือเป็นคนประเภทดื้อรั้นในการทำบางสิ่งบางอย่างที่เขาไม่อาจทำได้สำเร็จหรือเขาไม่อาจยอมรับมันได้ เมื่อเขาล้มเหลวซ้ำๆและเวลาที่ใช้นั้นก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ บางครั้งก็เสียเวลาไปครึ่งชั่วโมงแต่บางครั้งก้เสียเวลาไปหลายวัน เขาเตรียมสมุนไพรต่างๆที่จำเป็นต้องใช้ขึ้นอย่างรวดเร็ว ชิงสุ่ยไม่มีทางเลือกทำได้เพียงแต่ต้องเตรียมวัตถุดิบต่างๆเท่านั้น มันคงเป็นเรื่องโกหกหากเขาจะบอกว่าเขาไม่ได้สูญเสียแต่อย่างใดเพราะสมุนไพรแต่ละอย่างนั้นล้ำค่าอย่างยิ่ง


 


5 วัน! 6 วัน!


 


หลังจากที่ล้มเหลวต่อเนื่องมาหลายครั้ง นี่ก็ผ่านไปกว่า 6 วันแล้วที่ชิงสุ่ยพยายามทำมัน เขาทำได้เพียงกัดฟันและทำมันต่อไปเรื่อยๆ หากเกิน 7 วันไปเขาคงหยุดเพียงแค่วันที่ 9 เท่านั้น เพราะหากต้องล้มเหลวต่อไปอีกเขาเองก็คงต้องยอมแพ้


 


7 วัน!


 


ติ๊ง!


 


หลังจากที่ล้มเหลวมามากกว่า 10 ครั้งในที่สุดชิงสุ่ยก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคย มันเป็นเสียงที่เสนาะหูอย่างยิ่งและชิงสุ่ยก็รู้สึกดีใจเหลือเกิน เพราะเขาล้มเหลวมาหลายครั้ง หากเขายังคงล้มเหลวอีกเวลาภายในดินแดนหยกยุพราชอมตะคงจะหมดไป โชคดีที่เขาสำเร็จในครั้งสุดท้ายที่ทำ


 


ชิงสุ่ยไม่อาจทนรอได้และเปิดหม้อกลั่นยาเหล็กทองคำประกายเพลิงออกและพบยาเม็ดสวรรค์หยางที่เปร่งประกายสีทองอยู่ภายในนั้น ขนาดของมันนั้นยังคงเท่าเดิมแต่สีและจิตแห่งปราณของมันนั้นเข้มยิ่งขึ้น


 


ชิงสุ่ยไม่อาจทนรอด้วยและตรวจสอบมันด้วยเคล็ดวิชาเบิกเนตรสวรรค์


 


ยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 4!


 


ผล: ปรับปรุงร่างกายครั้งใหญ่ เพิ่มพลังพื้นฐานได้ 1 สุริยากรือพลังทั้งหมดได้ 100 สุริยา มีผลที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้แก่จุดตันเถียน เส้นลมปราณ และอวัยวะภายใน


 


มนุษย์แต่ละคนสามารถกินมันได้ 1 เม็ดต่อปีและกินได้ไม่เกิน 10 ครั้งต่อคน ไม่เกี่ยวข้องกับยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 1 ยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 2 และยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 3


 


ข้อกำหนดเบื้องต้น: ผู้ที่ใช้ยานี้ต้องมีพลัง 100 สุริยาหรือมากกว่านั้น


 


มีผลพิเศษสำหรับผู้ที่มีร่างกายที่เป็นเอกลักษณ์ ผลนั้นจะเกี่ยวข้องกับร่างกายของแต่ละบุคคล


 


ชิงสุ่ยเก็บยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 4 เอาไว้ เขาไม่เหลือเวลาพอที่จะลองใช้มันเพราะตอนนี้เวลาของดินแดนหยกยุพราชอมตะได้หมดลงแล้ว เขาต้องอาบน้ำและเตรียมตัวที่จะออกไป


 


ในตอนนี้คนอื่นๆเริ่มที่จะทานอาหารเย็นกันแล้ว ชิงสุ่ยก็คิดถึงเรื่องเวลานี้แล้วเช่นกันดังนั้นเขาจึงไม่ได้ทานอาหารในดินแดนหยกยุพราชอมตะ เพราะที่หอคอยจักรพรรดินั้นไม่เคยขาดอาหารอยู่แล้ว


 


“ชิงสุ่ย มาช่วยข้าเอาอาหารออกไปหน่อย” เมื่อหยวนสู่เห็นชิงสุ่ยนางก็ยิ้มและโบกมือ


 


ชิงสุ่ยตามนางเข้าไปยังห้องครัว มีอาหาร 4 จานและซุป 1 ถ้วย มี 2 จานที่เป็นจานเนื้อและอีก 2 จานเป้นจานผัก ยังมีถาดของซาลาเปาหยกและขวดสุราด้วยเช่นกัน ชิงสุ่ยมองไปยังหยวนสู่ด้วยความอยากรู้อยากเห็น “หืม? มีโอกาสอะไรงั้นหรือวันนี้?”


 


มันไม่ได้หรูหรามากมายแต่อย่างใดแต่ชิงสุ่ยรู้สึกได้ว่ามีอะไรบางอย่าง ด้วยความรู้สึกนี้เขาจึงถามขึ้นมา


 


“วันนี้เป็นวันเกิดของข้า เพราะเจ้ากับมาจึงได้ร่วมฉลองวันเกิดกับข้า ทุกๆปีข้าจะฉลองวันเกิดคนเดียวเสมอ” หยวนสู่ยิ้มและกล่าวขึ้น


 


ชิงสุ่ยตกตะลึงจากนั้นก็ยิ้มและกล่าวขึ้น “สุขสันต์วันเกิด”


 


“ขอบคุณ!”


 


จากนั้นชิงสุ่ยก็นำต่างหูสีม่วงที่เป็นรูปดอกหงส์ฟู่ออกมาคู่หนึ่ง เขายื่นมันให้แก่หยวนสู่ “ข้าไม่ได้เตรียมสิ่งใดเอาไว้ ข้าจึงของมอบสิ่งนี้ให้แก่เจ้า”


 


“เพียงแค่เจ้ากลับมาและฉลองวันเกิดกับข้า ข้าก็มีความสุขมากแล้ว เจ้าช่วยข้าได้ในเรื่องนี้ ข้าไม่สะดวกที่จะรับมันในตอนนี้เพราะข้ากำลังถือจานอยู่” หยวนสู่เดินออกไปและเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ตอนนี้นางอยู่ห่างจากชิงสุ่ยเพียงระยะก้าวเท้าเท่านั้น


 


แม้ว่าจะมีกลิ่นของอาหารที่ลอยเข้ามาชิงสุ่ยก็ยังสามารถได้กลิ่นจางๆของนาง ใบหน้าอันอ่อนโยนและไร้ตำหนิของนางราวกับเชิญชวนให้เขาไปสัมผัส ริมฝีปากอันเย้ายวนขอฃนางและดวงตาอันสงบนิ่งและกระจ่างใสของนางมองไปยังชิงสุ่ยโดยไม่กระพริบตา


 


ชิงสุ่ยยิ้มและค่อยๆรวมปอยผมของนางไปไว้หลังใบหูเผยให้เห็นใบหูอันงดงามของนาง จากนั้นเขาก็สวมต่างหูสีม่วงคู่นี้ไปยังใบหูที่งดงามของนาง ต่างหูสีม่วงทำให้นางดูสง่างามยิ่งขึ้น ดอกหงส์ฟู่นั่นช่างเหมาะสมกับนางอย่างยิ่ง


 


“มันดูเป็นเช่นไรบ้าง?” หยวนสู่มองไปยังชิงสุ่ยและยิ้มพร้อมกับถามขึ้น


 


“งดงามอย่างยิ่ง!” ชิงสุ่ยพยักหน้าและกล่าวขึ้น


 


“ขอบคุณ!” หลังจากกล่าวเช่นนี้หยวนสู่ก็จุมพิตไปที่ริมฝีปากของชิงสุ่ยและรีบหนีออกไปจากห้องครัวทันที


 


ชิงสุ่ยรับรู้ได้ถึงคสามอ่อนนุ่มของริมฝีปากของนางก่อนหน้านี้ มันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วแต่เขาก็รู้สึกถึงมันได้อย่างชัดเจน แม้เพียงสัมผัสช่วงสั้นๆแต่เขาก็ยังคงคิดถึงมัน


 


ชิงสุ่ยไม่ได้ติดใจอะไรกับความรู้สึกนี้แต่สงสัยว่าหยวนสู่ทำเช่นนี้หมายความว่าอะไร จากนั้นเขาก็หยิบจานอีก 2 ใบที่เหลือขึ้นมาและเดินตามนางออกไป


 


การฉลองวันเกิดของโลกนี้คล้ายคลึงกับโลกก่อนหน้านี้ของเขา ที่นี่ไม่มีเทียนแต่มีหินแสงสว่างแทน ผู้คนก็อธิฐานขอพรเช่นกันโดยเฉพาะเหล่าหญิงสาว ผู้ชายส่วนใหญ่จะข้ามเรื่องนี้ไป


 


หยวนสู่ยังคงทำตัวเหมือนปกติราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น


 


นางประกบฝ่ามือทั้ง 2 ข้างเข้าด้วยกันพร้อมกับปิดตาและอธิฐาน ขนตายาวของนางเป็นแพหนา มันทำให้นางนั้นดูเย้ายวนใจอย่างยิ่ง


 


ชิงสุ่ยไม่ได้ถามว่าหยวนสู่นั้นขออะไร เพราะอย่างน้อยในตอนนี้พวกเขาก็ยังไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกัน หากนางเป็นหญิงสาวของเขา เขาคงจะถามไปแล้ว “ชิงสุ่ย ข้ามีความรู้สึกว่าเจ้าคงไม่อาจอยู่ที่นี่ได้อีกนานนัก” หยวนสู่มองไปยังชิงสุ่ยด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย


 


สายตาของนางที่มองไปยังชิงสุ่ยดูหวั่นไหวเล็กน้อย แต่เมื่อชิงสุ่ยได้เห็นมันเขาก็แอบเห็นความโดดเดี่ยวที่อยู่ในสายตาของหยวนสู่ มันคงอยู่เพียงครู่เดียวเท่านั้นและหยวนสู่ก็รีบกลับมาเป็นปกติที


 


“ข้ายังไม่ได้ตัดสินใจอะไรเลย ข้าอาจจะอยู่ที่นี่ต่อไปอีกสักหน่อยและรอจนกว่าจะสามารถยกระดับไปยังระดับพลังปราณบรรชาสวรรค์พินาจ”


 


หยวนสู่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ชิงสุ่ยปฏิเสธไม่ได้ว่านางทำให้เขามาถึงระดับนี้ได้อย่างรวดเร็ว อย่างน้อยที่สุดนางก็เคยช่วยเหลือเขามาหลายครั้ง


 


หยวนสู่ยิ้มและไม่ได้พูดอะไรออกมา นางรินสุราออกมา 2 แก้วสำหรับชิงสุ่ยและสำหรับตัวนางเอง


 


“พี่สาวสู่ มาชนแก้วกันเถอะ ข้าขอให้ท่านเยาว์วัย สง่างาม และมีความสุขตลอดไป”


 


“ขอบคุณ!”


 


“มาเถอะ มาลองชิมอาหารที่ข้าทำเอง ข้าไม่ได้ใช้เครื่องเทศใดๆ” หยวนสู่คีบอาหารมาให้ชิงสุ่ย


 


อาหารพวกนี้ช่างอร่อยยิ่งนัก การกินอาหารคือสิ่งที่ทำให้เกิดอารมณ์แห่งความสุขมากที่สุดและชิงสุ่ยก็หิวอย่างยิ่งในตอนนี้ เขารู้สึกว่ามันยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง การทำให้อาหารให้มีหน้าตาที่น่ากินช่วยให้ความเจริญอาหารนั้นมีมากยิ่งขึ้น


 


มื้ออาหารนี้กินเวลากว่า 3 ชั่วโมงและพวกเขา 2 คนก็ได้พูดคุยกันมากมาย


 


แต่พวกเขาไม่ได้ใส่อารมณ์มากเกินไปหรือพูดอะไรที่สนิทกันเกินไป หยวนสู่มีความสุขอย่างยิ่ง นางดูมีความสุขอย่างยิ่งในตอนนี้


 


“มันดึกมากแล้ว พี่สาวสู่ ท่านไปพักผ่อนเถอะ ข้าหวังว่าท่านจะหลับฝันดี” ชิงสุ่ยยืนขึ้น พวกเขาอยู่ในห้องรับแขกของหยวนสู่ มีห้องคู่อยู่ที่ชั้นห้าและห้องโถงก็เหมือนทางเดิน


 


หยวนสู่ส่งชิงสุ่ยออกไปและในตอนที่ประตูปิดลง หยาดน้ำตาก็ไหลรินอาบแก้มของนาง นางไม่ได้ตระหนักเลยว่าตนเองได้หลงรักชายหนุ่มผู้นี้ในปีที่ผ่านมา นางเป็นหญิงสาวที่รักนวลสงวนตัวและจุมพิตที่นางมอบให้แก่เขาก่อนหน้านี้และการใช้เขาสวมต่างหูให้นั้นก็เป็นการยั่วยวนเขา


 


เขาไม่ได้ชอบข้า…


 


ในตอนนั้นหยวนสู่รู้สึกว่างเปล่าอย่างยิ่งและยิ้มเยาะเย้ยตัวเอง นางเป็นหญิงสาวที่มั่นใจในตนเองและแม่ว่านางจะไม่ได้ฝึกยุทธในอดีตแต่นางก็ยังไม่ได้มีคู่ครองใดๆ เพราะนางไม่เคยรู้สึกเช่นนี้กับใครมาก่อน


 


ครั้งนี้แม้ว่าจะอยู่ในมหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำมันก้ทำให้นางรู้สึกว่าไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรดี เพียงแต่หลังจากที่นางที่ได้พบกับชิงสุ่ยนางก็รู้สึกมีความสุขอย่างยิ่ง เมื่อเวลาผ่านไปนางไม่รู้ว่าความรู้สึกเช่นนี้มันพัฒนาขึ้นตั้งแต่เมื่อใด


 


แต่ในตอนนี้นางมีความรู้สึกว่าชิงสุ่ยไม่ได้ชอบนางหรือไม่ได้สนใจนาง


 


นางรู้สึกขมขื่นเล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกเจ็บปวดแต่นางก็ยังรู้สึกว่ามันน่ากลัวอย่างยิ่ง


 


นางไม่ได้หวังที่จะสารภาพเรื่องนี้กับชิงสุ่ย นางกลัวการปฏิเสธของเขา และยังคงปล่อยมันให้เป็นเพียงความคาดหวังของนาง นางทำได้เพียงทิ้งมันไว้ให้เป็นความฝันที่ไม่อาจไขว่คว้าได้!


 



 


ชิงสุ่ยกลับไปที่ห้องของเขาและไม่ได้คิดอะไรมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ แม้ว่าการกระทำก่อนหน้านี้ของหยวนสู่จะดูแปลกประหลาดไปนัก อาจเป็นเพราะสถานการณ์เช่นนี้เคยเกิดขึ้นแล้วเมื่อตอนที่พวกเขาอยู่ในทั้ง 5 มหาทวีป ดังนั้นเขาจึงไม่ได้คิดอะไรมากในเรื่องนี้


 


เมื่อเข้าไปยังดินแดนหยกยุพราชอมตะ ชิงสุ่ยก็ยังคงฝึกฝนต่อไปเรื่อยๆ…


 


การฝึกฝนในครั้งนี้ทำให้มีเขามีรอยยิ้มขึ้นมา ธงสวรรค์ปัญจธาตุที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงมาเป็นเวลานานได้ยกระดับขึ้น ในตอนนี้ชิงสุ่ยรู้สึกตื่นเต้นและรีบตรวจสอบมันอย่างรวดเร็ว มันกะทันหันอย่างยิ่ง


 


ธงสวรรค์ปัญจธาตุ (ตัวส่ง)!


 


ระดับที่ 3 สามารถปรับเปลี่ยนได้ด้วยโลหิตแก่นแท้ 3 ครั้งต่อวัน ในตอนนี้สามารถปักจุดหมายได้ 3 จุดบนแผนที่ของธงสวรรค์ปัญจธาตุ จำนวนยจุดหมายนั้นสามารถเพิ่มขึ้นได้ตามระดับของธง ผู้ใช้สามารถเคลื่อนที่ไปมาระหว่างตำแหน่งที่ปักเอาไว้ได้ มันสามารถใช้เดินทางได้ 1 ครั้งต่อเดือน


 


สถานะ: จดจำการเป็นเจ้าของแล้ว!


 


มันสามารถใช้ด้วยกันกับธงสวรรค์ปัญจธาตุ (ตัวรับ) ในการเดินทางไปมาระหว่างจุด 2 จุดโดยไม่มีข้อจำกัดใดๆ ข้อจำกัดเพียงอย่างเดียวคือใช้ได้เฉพาะผู้ที่เป็นเจ้าของทั้ง 2 คนของธงสวรรค์ปัญจธาตุเท่านั้น!


 


ในตอนนี้ชิงสุ่ยสามารถตั้งตำแหน่งได้ 3 แห่ง เขาเข้าไปยังช่องว่างของธงสวรรค์ปัญจธาตุ สำหรับตำแหน่ง 2 ตำแหน่งก่อนหน้านี้เขาวางไว้ที่มหาทวีปธรรมไตรและศูนย์กลางของมหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำ


 


ชิงสุ่ยยังไม่รู้ว่าเขาจะตั้งตำแหน่งที่ 3 ตรงไหนดี เขาไม่รู้ว่าธงสวรรค์ปัญจธาตุของอี่หวง กู่หวู๋นั้นได้ยกระดับขึ้นหรือยังในตอนนี้


 


เพราะเวลาที่เขาใช้ในการยกระดับไประดับที่ 2 นั้นเป็นเวลาเพียงประมาณ 1 ปี ชิงสุ่ยก็ไม่ได้ยกระดับไประดับที่ 3 เลยตลอดทั้งปี เมื่อเขาเห็นว่าเขาสามารถตั้งตำแหน่งตรงไหนได้เขาก็ตะลึงอีกครั้ง


 


มหาทวีปอุดรเทวา!


 


ตอนแรกเขาคิดจะวางมันเอาไว้ที่ทางแยกของทั้ง 3 มหาทวีปแต่ตอนนี้เขามีความคิดใหม่แล้ว มหาทวีปอุดรเทวานั้นกว้างใหญ่เกินไป หากเขาวางเอาไว้ตรงจุดตัดของมหาทวีปอุดรเทวา มหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำ และมหาทวีปมังกรอหังกาล มันย่อมเป็นการสูญเปล่าเกินไป


 


นี่เป็นเพราะเขารู้สึกว่าตำแหน่งที่ 2 ของอี่หวงนั้นน่าจะวางเอาไว้ที่ กู่หวู๋มหาทวีปมังกรอหังกาล ดังนั้นไม่จำเป็นที่เขาจะต้องไปวางที่จุดตัดกันระหว่างมหาทวีปอุดรเทวา มหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำ และมหาทวีปมังกรอหังกาล


 


นี่คือความคิดของชิงสุ่ยในตอนนี้ เขาจะต้องไปยังมหาทวีปอุดรเทวาไม่ช้าก็เร็ว เมื่อถึงตอนนั้นรองเท้า 9เทวาของเขาก็ควรจะยกระดับขึ้นแล้วเช่นกัน ดังนั้นชิงสุ่ยจึงตัดสินใจตั้งตำแหน่งที่ 3 เอาไว้ที่ใจกลางของมหาทวีปอุดรเทวาอันกว้างใหญ่


 


ด้วยธงสวรรค์ปัญจธาตุที่ยกระดับสูงขึ้นพร้อมกับอี่หวง กู่หวู๋ เขาจะสามารถเคลื่อนที่ไปที่ต่างๆในโลก 9 มหาทวีปได้ตามที่เขาต้องการ แต่เขาไม่รู้ว่าความคิดนี้จะเปลี่ยนแปลงไปอีกครั้งหรือไม่เมื่อธงสวรรค์ปัญจธาตุได้ยกระดับขึ้นอีกครั้งในอนาคต

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม