Ancient Strengthening Technique เทพอสูรบรรพกาล 1348-1354
บทที่ 1348 –ความเปลี่ยนแปลงในครึ่งปี
นอกจากนี้ยังมีผู้คนจำนวนน้อยในตระกูลชิงที่จะมีความแข็งแกร่งในระดับหมิงเยวี่ย ห่ายตงชิง มู่ชิง โดยเฉพาะกลุ่มของเด็กรุ่นใหม่และคนชรา
นอกจากนั้นยังมีคนที่ชิงสุ่ยกังวลเป็นอย่างมากนั้นก็คือสือฉิงฉวง จรู้ชิง หยุ่นต้วนที่กำลังแข็งแกร่งขึ้นอย่างช้า ถึงแม้พวกเธอนั้นจะอ่อนแอกว่าคนอื่นๆแต่อย่างไรก็ตามตอนนี้พวกนั้นกำลังแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องมาจากทักษะของชิงสุ่ยนั้นทำให้ความแข็งแกร่งของทุกๆคนในตระกูลชิงเพิ่มขึ้นมารวดเร็วกว่าเมื่อก่อน และนอกจากนี้มันยังทำให้รากฐานของพวกเขานั้นมั่นคงอย่างมาด
แต่ถึงอย่างไรหยุ่น ต้วนและสือฉิงฉวงนั้นยังไม่ต่อยพอใจกับผลลัพธ์ในครั้งนี้เท่าไร โดนเฉพาะสือฉิงฉวงเพราะเธอนั้นมักจะนำตัวเองไปเทียบกับคนอื่นๆ นอกจากนี้เธอนั้นยังภรรยาคนแรกของชิงสุ่ยอีกด้วย ถึงแม้เธอจะไม่กล่าวออกมาโดยตรงแต่ชิงสุ่ยนั้นก็สามารถสัมผัสได้ผ่านทางสายตาของเธอ
ในทางตรงข้ามจรู้ชิงนั้นรู้สึกพอใจกับความแข็งแกร่งของเธอในตอนนี้อย่างมาก เธอมักใช้เวลาส่วนมากในการดูแลเหล่าเด็กมากกว่าทำการบ่มเพาะ นั้นเพราะเธอชอบบรรยากาศที่มีเหล่าเด็กๆอย่ารอบๆข้างกายเธอตลอกเวลา มันทำให้ชิงสุ่ยนั้นรู้ได้ทันทีว่าเธอนั้นต้องการที่จะมีลูกเป็นของตัวเองเช่นเดียวกัน
ชิงสุ่ยนั้นได้พยายามใช้ยาและทักษะต่างๆมากมายเพื่อรักษาเธอ แต่ถึงอย่างไรมันก็ไร้ความหมาย เขานั้นไม่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บของเธอได้ในที่นี้
ตลอดเวลา6เดือนที่ผ่านมาชิงสุ่ยรู้สึกมีความสุขอย่างมาก นั้นเพราะสัตว์อสูรของเขาทุกๆตัวนั้นมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน พวกๆมันทุกๆตัวนั้นได้อัดแน่นไปด้วยพลังธรรมชาติที่พร้อมจะประทุออกมาตลอดเวลา
ในตอนนี้ชิงสุ่ยนั้นให้ความสำคัญกับมังกรไอยราของเขาอย่างมาก เนื่องจากเวลา6เดือนในโลกภายนอกนั้นมีค่าเท่ากับ10ปีในดินแดนหยก ในช่วงเวลาดังกล่าวเขาไม่เคยลืมที่ป้อนยาให้กับมันเลย จึงทำให้มันนั้นเติบขึ้นอย่างมากภายในเวลาดังกล่าวพลังของมันนั้นมีความเสถียรมากขึ้นเมือเทียบกับเมื่อก่อน แต่ถึงอย่างไรมันก็ยังแอบซ่อนความรุนแรงและอันตรายเอาไว้
ในตอนนี้ความแข็งแกร่งของมันอยู่ที่ 45สุริยาซึ่งเป็นพลังที่จัดได้ว่ามากมายสำหรับสัตว์อสูรในชั้นจักรพรรดิ ตอนนี้ชิงสุ่ยกำลังสงสัยว่ามันนั้นจะมีโอกาสที่จะทะลวงขึ้นเป็นสัตว์อสูรอมตะได้หรือไม่?
ชิงสุ่ยได้แต่มองที่ไปมันอย่างช้าๆ!
พลังคชสารผสานมังกร:พลังที่จะช่วยเพิ่มความเข็งแกร่งของมังกรไอยราขึ้นอีก 70เท่า
จากสองเดือนก่อนที่ชิงสุ่ยนั้นได้สังเกตมัน เขาพบว่าในครั้งก่อนมันสามารถเพิ่มพลังให้กับมังกรไอยราได้เพียงแค่ 60เท่าๆนั้นซึ้งในตอนนี้มันนั้นได้เพิ่มขึ้นมีอีกถึง10เท่า ด้วยพลังดังกล่าวจะทำให้ความแข็งแกร่งของมันนั้นเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย
นอกจากนี้ก้าวพสุธามังกรไอยรานั้นได้ทะลวงเข้าสู่ขั้นสมบูรณ์แบบเรียบร้อยแล้ว ด้วยพลังของมันจะให้การจู่โจมของมันเพิ่มขึ้นอีก 8เท่า และมีโอกาสที่ทำให้ติดสถานะมึนงงอีกด้วย
วชิระลี้ภัย:ภายใต้ระยะสามพันเมตร มันให้มังกรไอยราสามารถเคลื่อนที่ไปบริเวณไหนก็ได้ในพริบตา
ปราณกระบี่วชิระ:หลังจากที่ปลดปล่อยปราณออกมา ปราณที่แท้จริงจะเข้าจู่โจมอีกฝ่ายมีโอกาสอย่างมากที่จะให้เกิดอาการบาดเจ็บที่รุนแรง นอกจากนี้ยังมีโอกาสสามารถลดความเร็วของอีกฝ่ายลงได้ถึง 20% มีผล2ชั่วยาม
วชิระสยบอสูร:ภายใต้รัศมีหนึ่งพันเมตรฝ่ายตรงข้ามจะถูกจำกัดความแข็งแกร่งลง10% มีผล2ชั่วยาม
การจู่โจมมังกรไอยราคุ้มคลั่ง:เมื่อใช่มันออกมาจะเพิ่มความแข็งแกร่งทางกายภาพเพิ่มขึ้นอีก10เท่า เมื่อจู่โจมออกไปในครั้งเดียว
เพลิงนรก:เปลวเพลิงสีดำที่อยู่ด้ายล่างเท้าของมังกรไอยรา จะให้พลังจู่โจมของมันเพิ่มขึ้นอีก20% เมื่อมันได้กระทืบออกมา นอกจากนี้ยังให้ความเร็วของมันเพิ่มขึ้นอีก20%เมื่อมันนั้นเคลื่อนที่ในอากาศ
เกราะเกล็ดมังกร:เป็นทักษะติดตัวที่ช่วยเพิ่มพลังป้องกัน และเพิ่มความอดทนให้กับมันได้ถึงสามเท่า นอกจากนี้มันยังเป็นทักาะที่ทรงพลังที่สุดของมังกรไอยรา
ชิงสุ่ยมองไปที่ทักษะสุดท้ายด้วยความตกตะลึง เขาไม่เคยคิดว่า เกราะเกล็ดมังกรจะเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นได้เป็น3เท่า ด้วยทักษะดังความจะทำให้มันมีพลังป้องกันที่มากถึง 1แสนสามหมื่นสุริยา ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะมีสัตว์อสูรระดับจักรพรรดิเทียบเท่าพลังป้องกันของมัน
ในช่วงเวลาหกเดือนที่ผ่านมีความแข็งแกร่งของชิงสุ่ยนั้นได้เพิ่มขึ้นมาเพียง 1สุริยาเท่านั้นซึ่งทำให้เขามีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ21สุริยา
แต่ด้วยพลังของกระบี่ดารายุพฆาตและพลังที่อยู่ในตันเถียนของทำให้เขามีความแข็งแกร่งมากกว่า 1หมื่นสุริยา และเมื่อปลดพลังทั้งหมดออกมา เขาจะมีความแข็งแกร่งไม่น้อยกว่า 1แสนสุริยา นอกจากนี้เขายังมีความสามารถจู่โจมทวีคูณอยู่ นั้นทำให้เขานั้นสามารถจู่โจมด้วยพลังสูงสุดถึง 2แสนสุริยา ในขณะที่หุบเขาเก้าเทวาของเขานั้นมีพลังถึง 2.9แสนสุริยาในตอนนี้ ด้วยพลังของเขาในตอนนี้อีกไม่นานเขาก็จะสามารถทะลวงเข้าสู่ระดับจุดสูงสุดของปราณจักรรพรรดิได้ในอีกไม่ช้า
ในตอนนี้หากบอกว่าเขาไม่มีความสุขนั้นก็จะเป็นเรื่องโกหก พลังของหุบเขาเก้าเทวานั้นมากมายและมหาศาลอย่างมาก มันนั้นเป็นอาวุธที่ร่ายกาจและสำคัญอย่างมากสำหรับเขา ด้วยพลังที่มากจนเกือบถึง 3แสนสุริยา ทำให้มันเป็นเรื่องยากที่จะผู้บ่มเพาะในระดับจักรพรรดิจะสามารถต่อกรกับเขาได้
นอกจากนี้พลังวิญญาณของชิงสุ่ยนั้นก็มีความแข็งแกร่งอยู่ที่ 1.6แสนสุริยา และเมื่อเขาใช้ตราประทับวิหกศักดิ์ออกมามันจะทำให้พลังวิญญาณของเขาเพิ่มขึ้นถึง 2.8แสนสุริยา และเมื่อเขาใช้การจู่โจมทวีคูณออกมามันมีโอกาสที่จะเพิ่มขึ้นถึง 5.6แสนสุริยาในทีเดียว นั้นเป็นพลังที่มากที่สุดเท่าที่เขาใช้ออกมาได้ในตอนนี้
ในตอนนี้เคล็ดกายาเสริมสร้างบรรพกาลของเขาได้มาถึงจุดสูงสุดในระดับชั้นสวรรค์ที่7เรียบร้อยแล้ว ชิงสุ่ยรู้สึกว่าเขานั้นได้ปีนขึ้นมาอยู่กลางยอดเขาเรียบร้อยแล้ว ซึ่งยอดเขาดังกล่าวนั้นได้ทีประตูขนาดใหญ่ที่ปิดกั้นทางเดินต่อไปอยู่ ซึ่งในตอนนี้ เขานั้นยังไม่มีวิธีที่จะเปิดประตูบานนั้นเพื่อเดินทางต่อ
แต่ถึงอย่างไรเขาก็มั่นใจว่าอีกไม่นานเขานั้นจะสามารถเปิดมันออกและก้าวขึ้นไปสู่ยอดเขาที่แท้จริงได้ในไม่ช้า
เมื่อเขาก้าวผ่านชั้นสวรรค์ที่ 8 เขารู้สึกว่าเขาจะสามารถปล่อยมือในสิ่งต่างๆที่เขาแบกรับอยู่ได้ ชั้นสวรรค์ที่8จะทำให้ร่างกายของเขามีพลังมากยิ่งขึ้น และทำให้ภาระที่เขาแบกอยู่นั้นลดลงไป
ชิงสุ่ยไม่รู้ว่าเขาจะสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเองขึ้นถึง 5แสนสุริยาได้เมื่อไร่กัน หากเขานั้นต้องมีความแข็งแกร่งในระดับนั้น เขาจำเป็นต้องมีความแข็งแกร่งที่แท้จริงในตอนนี้ให้ถึง 40สุริยาเสียก่อน ด้วยยาเม็ดสวรรค์หยางที่เขามีเขาเชื่อว่าอีกไม่นานเขาจะสามารถไปถึงจุดๆนั้นได้ในไม่ช้า เมื่อไปถึงจุดๆนั้นได้ระดับบัญชาสวรรค์พินาศคือเป้าหมายต่อไปของเขา และนอกจากนี้เขายังเชื่ออีกว่าหากเขาทะลวงไปสู่ชั้นสวรรค์ที่8ได้ เขานั้นก็สามารถการเป็นผู้บ่มเพาะระดับบัญชาสวรรค์พินาศได้อย่าแน่นอน
ในตอนนี้ชิงสุ่ยรู้สึกพึงพอใจกับสิ่งที่เขานั้นกำลังคิดอยู่อย่างมาก หากเมื่อเวลานั้นมาถึงแม้เขาจะยังไม่ได้ก้าวสู่ระดับบัญชาสวรรค์พินาศ แต่เขาก็จะมีพลังไม่ด้อยกว่าผู้บ่มเพาะระดับนั้น ด้วยพลังที่เขามีจะทำให้ผู้บ่มเพาะในจุดสูงสุดของปราณจักรพรรดินั้นแทบไม่สามารถแต่ต้องเขาได้เลยแม้แต่น้อย
แต่ถึงอย่างชิงสุ่ยก็รู้ว่าสิ่งที่เขาคิดนั้นยังเป็นเรื่องที่ยากเกินไปสำหรับเขาในตอนนี้ เขายังไม่สามารถหาหนทางที่จะเปิดประตูบานนั้นเพื่อก้าวต่อไปได้
เช่นเดียวกับฮี่หวง กูหวู่ที่ได้ก้าวผ่านประตูสวรรค์ไปแล้วทำให้ความสามารถของเธอนั้นได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ผนวกด้วยรูปแบบพยัคฆ์ที่ชิงสุ่ยนั้นได้ถ่ายทดให้ทำความแข็งแกร่งของเธอนั้นเพิ่มขึ้นกว่าเก่ามากนัก รวมถึงกลิ่นที่ดุดัยที่ปลดปล่อยออกมานั้นก็ยังมีความเสถียรมากกว่ามากนัก ซึ่งในตอนแรกชิงสุ่ยคิดว่าเธอนั้นต้องใช้เวลาอีกประมาณสิบปีที่จะกลับที่ตระกูบฮี่หวงได้ แต่ในตอนนี้เมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงของเธอมันทำให้เขาต้องคิดเสียใหม่
“ไม่เกินสามปี!”
6เดือนที่ผ่านมาอำนาจของหอคอยจักรพรรดิได้แพร่ออกไปทั่วเมื่องฮี่หวง แม้กระทั้งเมืองใกล้เคียงนั้นก็ยังได้รับผลกระทบของชื่อเสียงของหอคอยจักรพรรดิ พวกเขานั้นต่างเดินทางมาเมืองแห่งนี้เพื่อ ทำความรู้จักกับชิงสุ่ย
หนึ่งในนั้นคือคนของตระกูลเทียนฮี่ พวกเขานั้นเคยมาของความช่วยเหลือจากชิงสุ่ย แต่ถึงอย่างไรพวกเขานั้นก็ไม่ได้พยายามสร้างมิตรภาพที่ลึกซึ้งกับชิงสุ่ยเท่าไร ภายในหกเดือนที่ผ่านมาชิงสุ่ยนั้นยังไม่ดีมีสหายที่แท้จริงเท่าไร คนที่เข้ามาหาเขานั้นต่างก็หวังผลประโยชน์จากเขาเกือบทั้งหมด จึงทำให้การพบเจอสหายที่ดีเช่นหมอปิศาจนั้นนับว่าเป็นเรื่องที่ยากอย่างมากสำหรับเขา
ผลประโยชน์ ยาล้ำค่า สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่แอบซ่อนอยู่เบื้องหลังของผู้คนที่มากหาเขา!!
ในเวลาหกเดือนที่ผ่านมาหมอปิศาจและหยวนสู่นั้นมีความเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากมายความแข็งแกร่งของพวกเขาค่อยๆเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆแต่มั่นคง แต่สิ่งที่สร้างความประทับใจให้กับชิงสุ่ยนั้นก็คือทักษะทางการแพทย์ของทั้งสอง ที่เพิ่มขึ้นราวเป็นคนละคน สิ่งนี้ทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกมีความสุขและผ่อนคลายเป็นอย่างมาก
ใน6เดือนที่ผ่านมาชิงสุ่ยได้ทำการรักษาปู๋หยาง ชิงเดือนละ4 –5ครั้ง อย่างต่อเนื่อง จนในตอนนี้อาการของเธอนั้นแทบจะหายดีแล้ว หากในช่วงนี้ไม่เกิดข้อผิดพลาดขึ้นเขาก็จะหายดีและกลายเป็นผู้บ่มเพาะบัญชาสวรรค์พินาศ
เคยมีคนกล่าวว่าผู้บ่มเพาะบัญชาสววรค์พินาศนั้นเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองฮี่หวงแห่งนี้ แต่การทะลวงเข้าสู้รัดับนั้นเป็นเรื่องที่ยากเย็นอย่างมาก จากข้อมูลที่ชิงสุ่ยได้รับมันให้เขานั้นรู้ได้ดีว่าการกลายเป็นผู้บ่มเพาะบัญชาสวรรค์พินาศสำหรับเขานั้นเป็นสิ่งที่ยากกว่าคนอื่นๆมากกว่าหลายเท่า นอกจานี้มันยังเป็นเรื่องที่เสียงต่อชีวิตของเขามากๆเช่นเดียวกัน มีผู้คนมากมายที่ต้องตายลงไปเพื่อต้องการทะลวงขึ้นสู่ระดับสวรรค์พินาศ นี่จึงทำให้เห็นว่ามีผู้บ่มเพาะบัญชาสวรรค์พินาศเพียงน้อยนิดในโลกใบนี้
ดังนั้นในตอนนี้ปู๋หยาง ชิงได้ทะลวงขึ้นสู่ระดับใหม่ชิงสุ่ยจึงอยู่ใกล้ๆเธอ และค่อยช่วยเหลือฝังเข็มเพื่อให้ทุกๆอย่างนั้นผ่านไปได้อย่างราบรื่น และเพิ่มโอกาสที่จะช่วยเหลือเธอให้ก้าวหน้าขึ้นไป ซึ่งในครั้งนี้มันให้เขาพบว่าเส้นทางของหมอและเส้นทางของผู้บ่มเพาะบัญชาสวรรค์พินาศนั้นเป็นเส้นทางที่สอดคล้องกัน
บทที่ 1349 – ปู้หยางกับการทะลวงเข้าสู่ระดับบัญชาสวรรค์พินาศ
“ข้ารู้สึกว่ารอบนี้มันต้องได้ผล!”ปู้หยางชิงกล่าวอย่างมั่นใจกับชิงสุ่ย
ชิงสุ่ยยิ้มและมองไปที่ปู้หยางชิง และยิ้มออกมา
น้ำทิพย์ฤดูใบไม้ผลิแห่งชีวิต!
ปู้หยางชิงนั้นเคยผิดพลาดมาก่อนในการทะลวงระดับครั้งแรกแต่โชคดีที่เธอนำโอสรที่เตรียมเอาไว้มากินได้ทันไม่เช่นนั้นเธออาจไม่สามารถมายืนอยู่ตรงนี้ได้ในเวลานี้ ด้วยบทเรียนจากครั้งแรก เธอจึงได้เล่าให้ชิงสุ่ยฟัง จึงทำให้ชิงสุ่ยนั้นได้ตัดสินใจมอบน้ำทิพย์ฤดูใบไม้ผลิแห่งชีวิตเพื่อช่วยเหลือเธอในครั้งนี้
ชิงสุ่ยมั่นใจว่าครั้งนี้เธอต้องทำได้สำเร็จอย่างแน่นอน หากไม่ใช่เพราะอาการบาดเจ็บในตอนแรกชิงสุ่ยคิดว่าเธอคงจะสามารถทะลวงระดับได้ตั้งแต่ครึ่งเดือนก่อนหน้านี้แล้ว แต่ถึงอย่างไรซะระดับบัญชาสวรรค์นั้นก็เปรียบได้ดังกับประตูแห่งทวยเทพและมนุษย์ดังนั้นเธอต้องขอความช่วยเหลือจากชิงสุ่ยเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับตัวเอง
ตลอดครึ่งปีที่ผ่านมานอกเหนือจากการรักษาชิงสุ่ยนั้นยังได้เชื่อมต่อเส้นลมปราณทั้งหมดของเธอเข้าด้วยกัน นอกจากนี้เธอยังได้รับยาเม็ดเริ่มสร้างเส้นลมปราณมากมายจากชิงสุ่ยทำให้ปัญหาคอขวดของเธอนั้นค่อยๆถูกทำลายลงไปอย่างช้าๆ
ยาเม็ดเสริมสร้างเส้นลมปราณของสุ่ยนั้นจัดได้ว่าเป็นยาที่มหัศจรรย์อย่างมากมันนั้นสามารถช่วยเหลือได้แม้กระทั้งผู้บ่มเพาะบัญชาสวรรค์พินาศเอง ดังนั้นชิงสุ่ยจึงรู้สึกทีความสุขอย่างมากที่เธอนั้นสามารถสร้างมันขึ้นมาได้
ในขณะนี้ปู้หยางชิงกำลังเริ่มรีบที่จะทะลวงผ่านระดับของเธอ โดยที่ชิงสุ่ยได้ใช้การฝังเข็มเพื่อช่วยป้องกันอวัยวะภายในและเส้นลมปราณของเธออยู่ในตอนนี้ ในบางขณะชิงสุ่ยก็ได้ใช้ปราณของเขาเพื่อกระตุ้นศักยภาพของปู้หยางชิงได้ในทำนองเดียวกัน
หนึ่งครั้ง สองครั้ง…
ตอนนี้ปู้หยางชิงได้รวบรวมพลัง เข้าประทะกับประตูที่ปิดกั้นเธอไว้อยู่ หลังจากผ่านไปหลายครั้ง ตอนนี้เธอรู้สึกได้ว่าประตูบานนั้นกำลังจะสลายลงไปในไม่ช้า แต่ถึงอย่างไรก็ตามมันนั้นยังไม่ใช่ในครั้งนี้
อย่างต่อเนื่องปู้หยางชิงได้รวบรวมพลัง เข้าประทะกับประตูอีกครั้งหนึ่ง!
ตูม!
เสียงกำแพงที่ถูกทำลายออกได้ดังสนั่นออกมาจากร่างกายของเธอ พลังที่น่าสะพรึงกลัวได้ระเบิดและประทุออกมาจะร่างกายของเธอ
โชคดีที่มีชิงสุ่ยช่วยสนับสนุนนอยู่ จึงทำให้เธอไม่ไดรับบาดเจ็บแต่อย่างใด ในขณะนี้เธอกำลังรวบรวมพลังทั้งหมดในร่างของเธอและโคจรมันให้สงบ
ในขณะนั้นเองชิงสุ่ยได้ช่วยเหลือเธอและได้นำปราณที่ประทุออกมาเคลื่อนกลับเข้าไปในตันเถียนของเธออย่างช้าๆ ด้วยความกังวลชิงสุ่ยได้เรียกหุบเขาเก้าเทวาออกมาเพื่อปิดกันพลังที่ต้องการไหลย่อนกลับในช่วงเวลานี้
ตูม!
พลังงานบริสุทธิ์ได้เธอประทะกับหุบเขาเก้าเทวาของชิงสุ่ย แต่ถึงอย่างไรมันก็ถูกปิดกั้นเอาไว้ในตอนนี้
แต่ก็มีปราณบางส่วนที่หลุดรอดออกมาได้ มันได้ตรงเข้าสู่ร่างกายของชิงสุ่ย แต่ถึงไรก็ตามมันก็ได้ถูกดูดกลืนไปด้วยเม็ดสีทองลึกลับในตันเถียนของเขา
ในขณะนี้เป็นช่วงเวลาที่สำคัญอย่างมากผู้บ่มเพาะสวนมากจะได้รับบาดเจ็บหรือตายลงหลังจากที่พลังได้ประทุออกมา หากร่างกายของพวกเขาไม่สามารถปรับตัวได้
แม้กระทั้งปู้หยางชิงที่มีชิงสุ่ยคอยช่วยเหลืออยู่ก็ยังกระอักเลือดออกมา หลังจากที่พลังในร่างกายของเธอถูกปลุกขึ้น แต่ถึงอย่างไรก็ตามเธอโชคดีที่มีชิงสุ่ยคอยดูดซับพลังที่เกินออกมาอยู่ทำให้เธอไม่ได้รับบาดเจ็บหนักเหมือนกับคนอื่นๆ
ในตอนนี้ชิงสุ่ยสัมผัสได้แล้วว่าเธอได้ทำมันสำเร็จ ด้วยความช่วยเหลือของเขาในครั้งนี้ ชิงสุ่ยได้ช่วยให้ชายชราคนนี้ทะลวงผ่านระดับเข้าไปได้ มันทำให้การบ่มเพาะของเธอเพิ่มขึ้นและกลายเป็นผู้บ่มเพาะบัญชาสวรรค์พินาศในที่สุด
ขณะนี้ชิงสุ่ยมองไปที่เธอ ซึ่งกำลังพยายามดูดซับปราณที่ร่างกายของเธอได้ปลดปล่อยออกมาเข้าไปในตันเถียนของเธอ ……
ในตอนนี้ปู้หยางชิงต้องใช้เวลาอีกประมาณครึ่งวันในการปรับแต่งพลังของเธอ นี่เป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นทุกๆครั้งสำหรับผู้ที่ได้ทะลวงเข้าสู่ขอบเขตใหม่
ในตอนนี้ชิงสุ่ยไม่อะไรที่ทำได้อีกต่อไปเม็ดสีทองในตันเถียนของเขานั้นก็อิ่มตัวแล้ว มันได้ขยายใหญ่ขึ้นเป็นสองเท่า แต่ถึงอย่างไรก็ตามมันก็ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรสำหรับเขาเลย แม้ในตอนแรกเขานั้นหวังไว้ว่าหุบเขาเก้าเทวาของเขานั้นจะได้รับการเติบโตจากการทะลวงระดับปู้หยางชิงในครั้งนี้ แต่มันก็ไม่ได้เป็นไปตามที่เขาคิดไว้
ในช่วงค้ำปู้หยางชิงค่อยๆลืมตาขึ้น ประกายแสงสีทองได้สาดส่องออกมาจากดวงตาของเธอ นี้เป็นการบ่งบอกว่าเธอนั้นพึ่งทะลวงพลังได้สมบูรณ์ ขณะที่เธอเปิดตาขึ้นและเห็นชิงสุ่ยที่นั่งอยู่ข้างหน้าเธอ เธอนั้นไม่รู้จะกล่าวออะไรออกมาดีในตอนนี้
“ข้านั้นไม่รู้จะกล่าวขอบคุณเจ้าอย่างไรดี ตลอดชีวิตของข้านั้นเฝ้ารอช่วงเวลานี้มาโดยตลอด ข้าใช้เวลาทั้งชีวิตเฝ้ารอมันจนข้านั้นได้ถอดถอนใจไปนานแล้ว แต่กับเป็นเจ้าที่ช่วยเหลื่อข้าจนมีวันนี้”เธอกล่าวออกมาด้วยสายตาทราบซึ้งใจ และยิ้มออกมา
“ท่านยายกล่าวเกินไปแล้ว พวกเรานั้นจัดได้ว่าเป็นสหายที่ดีต่อกัน มีรึที่ข้าจะไม่ช่วยท่าน มีคนมากมายที่ต้องการคบหาข้าเพื่อผลประโยชน์แต่ไม่ใช่ท่านที่คบหาข้าด้วยใจ แล้วมีรึที่ข้าจะไม่ช่วยเพื่อนของข้า”
“แล้วถ้าหากที่ข้ามาตีสนิทกับเจ้าเพื่อผลประโยชน์ละ”เธอกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม
ชิงสุ่ยยิ่มและส่ายหัว “ข้ารู้ดีว่านั้นมันไม่มีทางเป็นไปได้ และข้าก็รู้อีกว่าตระกูลปู้หยางนั้นเป็นตระกูลที่มีศักดิ์ศรีขนาดไหน พวกเขาจะไม่มีทางทำเรื่องที่ทำให้ชื่อเสียงของพวกเขาเสียหายอย่างแน่นอน!”
“ฮ่าๆ ในเมื่อตอนนี้ท่านยายผู้นี้ได้ทะลวงกลายเป็นผู้บ่มเพาะระดับบัญชาสวรรค์พินาศแล้ว ให้ข้าได้ตอบแทนเจ้าสักหน่อย แต่ข้าก็ไม่รู้ว่าจะมอบอะไรให้เจ้าดี เอาเป็นแบบนี้ ข้าจะให้คำมั่นกับเจ้า ต่อไปนี้ตระกูลปู้หยางของข้าจะเป็นสหายกับเจ้าตลอดไป ไม่ว่าเจ้ามีปัญหาอะไร พวกเราจะคอยสนับสนุนเจ้าเสมอ และพวกเราจะคอยปกป้องและอยู่เคยข้าเจ้าตลอดไป” ในตอนนี้เธอไม่ต้องการมอบของขวัญใดๆให้กับชิงสุ่ย นั้นเพราะจะเป็นการดูดถูกน้ำใจของเขา ดังนั้นเธอจึงให้คำมั่นดังกล่าวออกไป
……………
หลังจากที่กลับมา ชิงสุ่ยได้รีบเข้าสู่ดินแดนหยกในทันที ในตอนนี้เขาไม่ได้ทำอะไรนอกจากทำความเข้าใจประสบการณ์ที่ได้รับมา ขณะที่เขาปล่อยให้ตัวเองจมดิ่งลงไปในห้วงแห่งภวังค์ ราวกับว่าเป็นเขาเสียเองที่ได้ทะลวงเข้าสู้ระดับบัญชาสวรรค์พินาศในตอนนี้
ในตอนนี้พลังลึกลับได้พุ่งเข้ามาที่จุดลมปราณป่ายฮุ่ยของเขา แต่ถึงอย่างไรก็ตามมันก็ไม่สามารถทะลวงกำแพงลมปราณไปได้ น่าเสียที่ครั้งนี้มันทำได้ไม่สำเร็จจึงไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆกับเข้า
ในครั้งก่อนปู้หยางชิงนั้นมีพลังไม่ถึง5แสนสุริยาด้วยซ้ำ แต่หลังจากที่เธอทะลวงระดับไปได้มันทำให้พลังของเธอเพิ่มขึ้นมาเป็น1.5ล้านสุริยา ซึ่งมันได้เพิ่มขึ้นมาประมาณสามเท่าของพลังที่เธอมี มันเป็นตัวเลขที่น่าทึ่งอย่างมาก
หลังจากที่เขาทบทวนเรื่องทั้งหมดจบลงเขาได้ออกจากดินแดนหยก และออกไปเดินที่ห้องโถง ในขณะนั้นเองเขาพบหยวนสู่ที่กำลังดื่มน้ำอยู่ในตอนนี้
“ระวังนะหากเจ้าดื่มชาในเวลาเช่นนี้ ข้าเกรงว่าในคืนเจ้าคงไม่ได้หลับไม่ได้นอน!”ชิงสุ่ยกล่าวออกมาขณะที่ลงไปนั่งตรงข้ามเธอ
“ก็เพราะข้านอนไม่หลับเนี่ยแหละ ข้าจึงได้ออกมาดื่มมัน”เธอกล่าวออกมา
ในตอนนี้ชิงสุ่ยค่อยๆเทชาลงในถ้วยของเขา
“แล้วทำไมเจ้าถึงไม่นอนละ?”เธอกล่าวออกมาขณะที่ค่อยๆยกถ้วยชาขึ้น และมองไปที่ชิงสุ่ย
“ข้านั้นหลับไปแล้ว แต่เหมือนได้ยินเสียงบางอย่างเลยออกมาดู และพบเจอเจ้าที่นั่งอยู่เพียงลำพัง ราวกับว่ามีเรื่องกลุ้มใจอะไร ข้าจึงตัดสินใจเดินเข้ามาหาเจ้า แล้วตกลงเจ้าเป็นอะไรหรือไม่?”ในช่วงเวลาครึ่งปีมานี่ทั้งคู่นั้นสนิทสนมกันอย่างมาก โดยเฉพาะหยวน สู่ที่มักรู้สึกเป็นอิสระทุกๆครั้งที่อยู่ใกล้ๆเขา ถึงแม้ตอนนี้ความสัมพันธ์ทางชู้สาวของพวกเขาจะไม่พัฒนามากนัก แต่ทั้งคู้ก็ถือว่าเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน
แต่ถึงแม้พวกเขาจะสนิทกันแต่ทั้งคู่ก็ไม่เคยเปิดเผยเรื่องในใจให้แกกันมากนัก นอกจากนี้พวกเขาไม่เคยพูดถึงเรื่องเกิดขึ้นในอดีต จึงทำให้ทั้งคู่นั้นรู้สึกสบายใจทุกครั้งที่ได้พูดคุยกัน ในเวลาปกติชิงสุ่ยจะกลับไปเยี่ยมตระกูลชิงเดือนละครั้ง มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เธอต้องการติดตามเขาไปด้วย แต่เหตุผลบางอย่างทำให้ทั้งสองนั้นไม่ได้เดินทางไปด้วยกัน นอกจากนี้ชิงสุ่ยนั้นก็ไม่เคยปิดบังเรื่องธงสวรรค์ปัญจธาตุ ซ้ำเขายังบอกกับเธออีกว่าเมื่อใดที่เธอต้องการเดินทางไปกับเขาให้มาบอกเขา เขาจะพาเธอกลับไปด้วย
“วันนี้มีผู้หญิงจากตระกูลลี่มาหาเจ้าด้วย!”หยวนสู่กล่าวออกมาขณะเปลี่ยนหัวข้าสนทนา
“โอ้ว นางมาจริงๆรึ?”
ในช่วงเวลาที่ผ่านมาชิงสุ่ยนั้นไม่ค่อยได้ติดต่อกับตระกูลลี่มากนัก เพราะเขานั้นมีธุระมากมายต้องทำ และเขาก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องเข้าไปยุ่งกับเธอ นอกจากนี้เขายังรู้จักเธอเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และเขาก็ไม่ได้คิดอะไรกับเธอเลย
ชิงสุ่ยนั้นเคยรักษาให้กับบรรพบุรุษของตระกูลลี่เพียงครั้งเดียวเท่านั้น และพวกเขานั้นก็ได้ให้เข็มแห่งชีวิตและความตายกับเขามา ในตอนนี้พวกเขาจัดได้ว่าเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันอย่างมาก แต่เมื่อเวลาผ่านไปความสัมผัสของพวกเขาก็ไม่ได้พัฒนาไปมากกว่านั้น และชิงสุ่ยนั้นก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพวกเขา ในเมื่อตอนนี้เขาก็ได้รับของตอบแทนเป็นเข็มแห่งชีวิตและความตายมาแล้ว
“ใช่ และข้าก็รู้สึกได้ว่านางนั้นอาจชอบเจ้าอยู่นะ!”เธอยิ้มและกล่าวออกมา
ชิงสุ่ยแอบตกใจเล็กน้อย เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าลี่เหยียนจะแอบชอบเขา อีกอย่างเขานั้นก็ไม่เคยสัมผัสมันได้เลยทุกๆครั้งที่เขขาได้พบเจอกับเธอ ดังนั้นชิงสุ่ยจึงไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย
“ข้าไม่คิดอย่างนั้น ข้าเพียงแค่เคยช่วยปู่ของนางไว้เท่านั้นเอง”
“ข้าแค่บอกว่าอาจจะชอบเท่านั้น นอกจากนี้คุณชายชิงของเราก็เป็นชายหนุ่มรูปงามที่มีความสามารถ ก็ไม่หน้าแปลกใจอะไรที่จะมีหญิงงามมาติดพันด้วย และยิ่งไปกว่านั้นก็มีแต่คนที่ต้องการคุณชายของเราไปเป็นลูกเขย หลานเขยจำนวนมากเสียด้วย”เธอกล่าวออกมาด้วยท่าทางติดตลก
บทที่ 1350 – สูตรยาเม็ดบรรพกาลแรกเริ่ม
ชิงสุ่ยมองไปที่เธอด้วยท่าทางที่แปลกประหลาดก่อนที่จะยิ้มออกมา “อีกสองสามวันข้าจะไปข้านอก ข้าต้องรบกวนเจ้าและพี่ใหญ่จัดการเรื่องทางด้วยแล้วกัน!”
“ได้เลยเจ้าไม่ต้องเป็นห่าวง”เธอยิ้มและกล่าว
“ถ้าเจ้ามีเวลาเจ้าก็ลองศึกษาสูตรตำหรับยาดูบางสิ บางทีมันอาจทำให้ความสามารถของเจ้าเพิ่มขึ้นก็ได้ และมันก็เป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับเจ้าในตอนนี้” ชิงสุ่ยกล่าว
ในตอนนี้หยวนสู่นั้นมุ่งเน้นแต่เพียงทักษะการแพทย์เท่านั้น จนทำให้เธอละเลยความสามารถในด้านนี้ไป ตอนนี้ชิงสุ่ยไม่รู้ว่าธอนั้นมีสูตรยาชนิดใดเก็บไว้บ้างเขาอาจจะสามารถขอยืมมันมาจากเธอได้
แน่นอนชิงสุ่ยนั้นไม่ได้พยายามหาผลประโยชน์จากเธอ ทุกๆครั้งที่เขาได้รับสูตรยาจากเธอนั้นเป็นเธอเองที่มอบให้เขา
เมื่อเธอได้ยินสิ่งที่เขาพูด เธอได้แต่ยิ้มและกล่าวว่า “ข้าน้อยน้อมรับคำสั่งจากคุณชายชิง ข้าน้อยก็ลืมไปเลยว่ามีความสามารถในด้านนี้อยู่ พะยะค่ะ”
ชิงสุ่ยได้แต่ลูบศีรษะของเขาด้วยความมึนงงในท่าทางของเธอ ในตอนนี้พวกเขาสนิทกันอย่างมากมันให้ท่าทางของเธอนั้นดูเป็นธรรมชาติและเป็นกันเองมากยิ่งขึ้น ในอดีตเขานั้นดูเธอเป็นคนเรียบร้อยและสง่างาม และให้ความรู้สึกสงบอย่างมาก แต่ในเวลานี้เธอเปลี่ยนไปเป็นผู้หญิงตลก และสดใส มันให้ชิงสุ่ยนั้นรู้สึกว่าคนเรานั้นไม่สามารถวัดกันได้เพียงแค่มุมมองด้านเดียวเท่านั้น
“เอาล่ะข้าไม่ล้อเจ้าแล้วก็ได้ ด้วยความสามารถของเจ้าในตอนนี้คงไม่มีสูตรยาอะไรที่คู่ควร แต่ข้านั้นมีสูตรยาชนิดหนึ่งที่คิดว่ามันคงเป็นประโยชน์กับเจ้าแน่นอน”ขณะที่เธอส่งม้วนหนังสัตว์ให้กับเขา
หนังสัตว์ดังกล่าวถูกทำออกมาโดยไม่ประณีตเท่าไร ไม่เพียงเท่านั้นมันยังมีกลิ่นแปลกๆอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตามมันนั้นก็เป็นกลิ่นหอมอ่อนๆไม่ใช่กลิ่นเหม็แต่อย่างใด
ในตอนนี้ชิงสุ่ยได้ยื่นมืออกไปรับมัน “แล้วเจ้ายังมีสูตรยาชนิดอื่นๆหรือไม่ บางทีข้าอาจปรุงมันขึ้นเพิ่มความสามารถให้กับคนอื่นๆ ถึงแม้มันจะไม่มีประโยชน์ต่อข้าก็ตาม”
“โอ้ ข้ามีๆ เจ้าลองดูพวกมันสิ เจ้าสามารถสร้างมันขึ้นมาได้หรือไม่ แต่ตัวข้าเองนั้นได้ลองตั้งหลายๆครั้งแล้วก็มิอาจทำมันได้ ข้าหวังว่าเจ้าจะสามารถปรุงมันขึ้นมาได้”เธอรีบกล่าวออกมาอย่างตื่นเต้น สิ่งที่เธอหยิบออกมานั้นทำให้ชิงสุ่ยถึงกับกล่าวไม่ออก
เธอนั้นกำลังรอให้เขานั้นพูดแบบนี้อยู่นานแล้ว นั้นเพราะเธอรู้ดีถึงความสามารถของเขา สำหรับครึ่งปีที่ผ่านมาเธอได้ค้นพบสูตรยามากมายที่เกินความสามารถของเธอจะปรุงได้ดังนั้นเขาคือความหวังของเธอ
“นั้นข้าก็ไม่เกรงใจแล้วนะ”ชิงสุ่ยยิ้มและเก็บสูตรยาเหล่านั้นในทันที สูตรยาที่เขาได้รับอาจจะมีประโยชน์สำหรับเขาหรือไม่อาจจะมีประโยชน์สำหรับคนอื่นๆดังนั้นชิงสุ่ยจึงไม่จำเป็นที่จะต้องปฏิเสธมัน
ในขณะที่เขาได้เปิดดูสูตรยาที่ได้รับมาม้วนแรก
ยาเม็ดบรรพกาลแรกเริ่ม!
ในนั้นระกอบด้วยชื่อสมุนไรมากมายที่มากกว่า70ชนิด นอกจากนี้ยิ่งมีชิ้นส่วนของสัตว์อสูรที่เป็นส่วนประกอบอีกด้วย แต่ถึงอย่างไรชิงสุ่ยก็ได้มองข้ามมันและมองไปที่ผลของมันที่อยู่ล่างสุด
เพิ่มความแข็งแกร่งให้ร่างกายถึง 10% หรือมีโอกาสเพิ่มความแข็งแกร่งทั้งหมดขึ้นอีก10%
ใช้ได้เฉพาะปรมาจารย์เท่านั้น
ข้อจำกัดสามารถใช่ได้เพียงปีละหนึ่งครั้ง และเมื่อไปถึงจุดสูงสุดของระดับจักรพรรดิ จะสามารถใช้มันได้เพียงแค่ครั้งเดียว
ชิงสุ่ยรู้สึกตกใจอย่างมาก ที่มันนั้นสามรถเพิ่มพลังให้ผู้บ่มเพาะขึ้นไปถึงระดับจักรพรรดิ แต่ถึงอย่างไรก็ตามมันนั้นสามารถใช้ได้ปีละครั้งเท่านั้น แต่หากเขาใช้ยาเม็ดตำหรับคู่ร่วมเข้าไป เขาก็สามรถใช้มันได้ปีละสองครั้ง
ในตอนนี้ความแข็งแกร่งของเขาอยู่ที่ 21สุริยาหากเขาใช้มัน ความแข็งแกร่งของเขาจะเพิ่มขึ้นมาอีกปีละ 4.5สุริยาๆนั้นเป็นอะไรที่สำคัญสำหรับเขามากๆในตอนนี้ ดังนั้นสูตรยาชนิดนี้เป็นอะไรที่มีประโยชน์อย่างมากสำหรับเขา นอกจากนี้เขานั้นยังสามารถมอบมันให้คนใกล้ๆตัวของเขาได้อีกด้วยตราบได้ที่พวกเขาสามารถก้าวขึ้นมาเป็นระดับปรมาจารย์ได้ ด้วยพลังของยาสวรรค์หยางและยาเม็ดบรรพกาลแรกเริ่ม มันจะทำให้คนรอบตัวของเขานั้นแข้งแกร่งขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
“เจ้าน่าจะรีบให้ข้าก่อนหน้านี้นะ”ชิงสุ่ยยิ้มและลุกขึ้น เขาตั้งใจที่จะเขาไปกลั้นมันในดินแดนหยกในทันที
มันเป็นเรื่องยากอย่างมากสำหรับผู้บ่มเพาะที่จะพบยาเช่นนี้ นั้นเพรายาส่วนมากสามารถใช้ได้เพียงสองสามครั้งเท่านั้น พวกมันก็จะไม่ส่งผลใดๆออกมาอีกต่อไปนั้นเป็นเพราะร่างกายของคนเรานั้นมีความเคยชินกับยาชนิดนั้นๆ แม้แต่ยาเม็ดเซียนเทียนทองคำที่เป็นยาในตำนาน แม้ระดับตำสุดก็ยังเรียกว่ายาในตำนานอยู่ดี ในขณะที่ยาเม็ดระดับสูงนั้นสามารถทำให้ผู้ที่กินเข้าไปนั้นยกระดับเป็นจุดสูงสุดของระดับเซียนเทียน หรืออาจก้าวไปถึงระดับปราณเทวะกษัตริย์เลยก็ได้ มันนั้นเป็นผลของระดับยาและความต้านทานของร่างกายคนเรา
หยวนสู่มองไปที่ชิงสุ่ยที่รีบร้อนลุกขึ้นและวิ่งเข้าไปในห้องของเขา อย่างมึนงงก่อนที่เธอจะยิ้มออกมาและมองไปที่แผ่นหลังของชิงสุ่ยที่หายลับไป
ความสัมพันธ์ของเธอกับเขาเคยใกล้ชิดอย่างมาก อาการป่วยของเธอก็ได้รับการรักษาโดยเขา นอกจากนี้เขานั้นก็เคยเห็นร่างกายทั้งหมดของเธอแล้วด้วย แต่นั้นเป็นเพราะความต้องการของเธอ ในตอนแรกเธอคิดว่าเธอคงไม่อยากพบเขาอีก เช่นเดียวกับเขาที่เคยกล่าวออกไปว่าจะไม่กลับไปเมืองสัตตะดาราอีกครั้ง
เธอรู้ดีว่าตอนนั้นเขานั้นคงจะโกรธมากๆ นั้นเพราะเขาเป็นคนรักษาเธอแต่เธอกลับเป็นคนที่ไล่เขาไป และเธอไม่รู้ว่าเขานั้นลืมเรื่องดังกล่าวไปแล้วหรือยัง ซึ่งเรื่องนี้มันได้กลายเป็นปัญหาที่ติดอยู่ในหัวใจของเธออยู่ตลอดเวลา
และในตอนนั้นในขณะที่เธอหลงเข้าไปในดินแดนต้องห้ามของตระกูลทำให้เธอมาปรากฏตัวอยู่ที่ทวีปแห่งนี้ เธอก็หวังไว้ตลอดเวลา เธอจะได้พบกับชิงสุ่ยอีกครั้ง และเป็นเขาคนเดียวที่จะสามารถพาเธอกลับไปได้ แต่ถึงอย่างไรเธอก็รู้ว่ามันเป็นเรื่องยากที่เขาจะมาที่4ทวีปในเร็ววัน ถึงแม้เขาจะเป็นคนที่มีพรสวรรค์ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะมีที่แห่งนี้ นอกจากนี้ดินแดนในทวีปแห่งนี้ก็มีขนาดใหญ่มาก มันเป็นเรื่องยากที่ทั้งสองจะได้พบเจอกัน แต่ถึงอย่างไรเธอก็คาดหวังไว้ตลอด และแล้วเข้าก็มา ในสองปีที่ผ่านมาเธอนั้นพบเจอความลำบากมามากมาย และการพบเจอเขาอีกครั้งมันทำให้เธอมีความสุขด้วยใจจริง
ตลอดสองปีที่ผ่านมาเธอได้เอาตัวรอดด้วยความสามารถการแพทย์ของเธอ ด้วยความสามารถที่มีทำให้เธอนั้นมีชื่อเสียงระดับหนึ่ง มีหลายๆคนที่ต้องการชักชวนเธอเข้าร่วมด้วย หรือแม้ต้องการเรือนร่างของเธอ แต่ด้วยความฉลาดของเธอทำให้เธอนั้นรอดพ้นมาได้ จนเธอได้มาพบกับหอคอยจักรพรรดิและได้พบกับเขาอีกครั้ง
ในตอนนี้ชิงสุ่ยได้เดินตรงไปที่ห้องของเขา แต่ยังคงสัมผัสได้ถึงสายตาของหยวนสู่ที่จ้องมองเขาอยู่ เขาส่ายหัวเล็กน้อยและได้ตรงเข้าไปที่ห้องของเขาในทันที จากนั้นเขาก็ได้เข้าสู่ในดินแดนหยกในทันที
ในตอนนี้เข้าได้ตัดสินใจที่จะเดินทางไปที่เมืองเทียนฮี่ในวันรุ่งเช้า เพื่อจัดการกับคำขอร้องที่เขาได้รับในครั้งแรก รับหรับเมืองฮี่หวงในตอนนี้เขาสามารถมั่นใจได้เลยว่ารากฐานของเขานั้นมั่นคงแล้วไม่ว่าจะตระกูลปู้หยางหรือหอคอยจักรพรรดินั้นก็เป็นขุมกำลังสำคัญที่สามารถสนับสนุนเขาได้ตลอกเวลา นอกจากนี้เขาก็ยังมีความสัมผัสที่ดีกับตระกูลอี่หวงอีกด้วยดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องกังวลใดๆ นอกจากนี่ชิงสุ่ยกำลังรอให้ฮี่หวงกู่หวู๋นั้นแข็งแกร่งกว่านี้ เพื่อจะรอดูว่าเธอนั้นจะจัดการปัญหากับตระกูลของเธอยังไงอีกด้วย
ในตอนนี้ชิงสุ่ยนั้นยังไม่รู้ว่าใครคือพ่อของเธอ หรือบางที่พ่อของเธออาจตายไปแล้ว ซึ่งเขานั้นก็ไม่มีทางรู้ได้ แต่ที่รู้ๆเขานั้นมั่นใจได้ว่าฮี่หวง กู่หสู๋นั้นจะไม่ยอมปล่อยตระกูลฮี่หวงไปอย่างง่ายๆ
ในขณะนี้ชิงสุ่ยหยิบสูตรยาชนิดอื่นๆขึ้นมา และอ่านที่ไปจำนวนสมุนไรที่ต้องใช้ ก่อนที่จะยิ้มออกมาทั้งหมดเป็นสมุนไพรที่หาได้ยาก และมีจำนวนถึงหนึ่งร้อยชนิด นั้นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมหยวนสู่จึงไม่สามารถปรุงมันได้สำเร็จ มันเป็นเรื่องยากที่จะผสานสมุนไพรมากกว่าร้อยชนิดเข้าด้วยกัน แม้แต่เขาองก็คิดว่ามันเป็นเรื่องยากอย่างมาก นอกจากนี้การรวบรวมสมุนไพรทั้งหมดให้ได้นั้นก็เป็นอีกปัญหาที่สำคัญ
ในขณะที่เขามองเข้าไปที่สูตรยาดังกล่าว ชิงสุ่ยได้ปรับปรุงมันเล็กน้อยเพื่อลดผลสะท้อนของสมุนไพรแต่ละชนิดที่ขัดแย้งกัน ด้วยความสามารถของเขาในตอนนี้เขาสามารถทำมันได้อย่างสมบูรณ์ ขณะที่เขามองไปที่มันผลที่ได้ออกมานั้นแทบจะไม่มีประโยชน์อะไรเลยสำหรับเขา แต่อย่างไรก็ตามมันนั้นมีประโยชน์อย่างมากสำหรับเด็ดรุ่นใหม่ในตระกูลชิง
ด้วยความสามารถของหยวนสู่ในตอนนี้ชิงสุ่ยนั้นต้องยอมรับว่าเธอนั้นมีความสามารถอย่างแท้จริง สูตรยาทั้งหมดนั้นเป็นสิ่งที่เขาต้องการเกือบทั้งหมด แต่ถึงอย่างไรมันก็ไร้ความหมายหาพวกมันตกลงไปอยู่ในมือของคนอื่นที่ไม่ใช่ชิงสุ่ย
ดังนั้นการจับคู่ระหว่างชิงสุ่ยกับหยวนสู่นั้นเป็นอะไรที่ลงตัวอย่างมาก อาจกล่าวได้ว่าทั้งคู่เป็นคู่ที่เหมาะและได้รับการถูกเลือกจากสมุนไพรก็ว่าได้
หลังจากสูตรยาทั้งหมดแล้ว มีเพียงสูตรยาครึ่งหนึ่งที่เป็นประโยชน์เท่านั้น นั้นเพราะเขาไม่มีสมุนไพรทั้งหมดสำหรับที่ใช้สร้างสูตรยาทั้งหมด อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นปัญหาใหญ่ๆก็คือการขัดแย้งกันระหว่างสมุนไพรซึ่งในตอนนี้มันเป็นเรื่องยากที่เขาจะแก้ไขมันด้วยสุมนที่มีในตอนนี้
ในตอนนี้ชิงสุ่ยเริ่มการกลั่นยาเม็ดด้วยเวลาที่เหลือ อย่างไรก็ตามเขาใช้เวลาเพียงครึ่งวันเท่านั้น ในการเตรียมสมุนไพรทั้งหมด และใช้เวลาอีกที่เหลือในการเตรียมความพร้อมทั้งหมด
ในตอนนี้เขาได้เริ่มปรุงยาเม็ดบรรพกาลแรกเริ่มขึ้นมา แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่จะปรับแต่งมัน มีสมุนไพอยู่หนึ่งชนิดที่เขามีมันอยู่น้อยมาก แต่อย่างเราก็ตามเขาสามารถแทนที่มันได้ด้วยน้ำทิพย์แหล่งฤดูใบไม้ผลิ
ในตอนนี้มือของเขานั้นสั่นทอนเล็กน้อย เขาไม่รู้ว่าเขาจะว่าเขานั้นจำเป็นต้องใส่หญ้าอสรพิษทองคำลงไปหรือไม่ แต่เพื่อป้องกันความผิดพลาดเข้าจึงจำใจต้องใส่มันลงไป แต่ถ้าเขายังล้มเหลวในครั้งนี้ นั้นหมายความว่าเขานั้นจะต้องสูญเสียน้ำทิพย์แหล่งฤดูใบไม้ผลิและหญ้าอสรพิษทองคำไปพร้อมๆกัน
ล้มเหลว!
ล้มเหลว!
…
มันนั้นได้เริ่มต้นด้วยความล้มเหลว ทำให้ชิงสุ่ยนั้นรู้สึกเจ็บปวดไม่น้อย แต่ถึงอย่างไรเขาก็ได้พยายามต่อ อย่างไรก็ตามความล้มเหลวหลายครั้งติดต่อกันได้บั่นทอนกำลังใจของเขาอย่างมา แม้ว่าเขาจะมีหญ้าอสรพิษสีทองและน้ำทิพย์ฤดูใบไม้ผลิแห่งชีวิตสะสมอยู่จำนวนมากแต่มันก็ทำให้เขาอดที่จะเสียดายไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นหญ้าอสรพิษทองคำยังเป็นชิ้นส่วนสำคัญในการกลั่นยาเม็ดสวรรค์หยางระดับ 4 อีกด้วยมันจึงทำให้ชิงสุ่ยนั้นเริ่มไม่มั่นใจที่จะใช้มันเท่าไรในตอนนี้
ในตอนนี้ชิงสุ่ยพยายามทำให้จิตใจของเขาสงบลง และพยายามกลั่นมันอีกครั้ง
ล้มเหลว!
คราวนี้ชิงสุ่ยรู้สึกโกรธอย่างมากราวกับเลือดของเขานั้นกำลังเดือดอยู่ปาน เป็นเขานั้นได้สูฯเสียสมุนไพรล้ำค่าจำนวนมาไปพร้อมๆกับในเวลาเดียว
หลังจากที่ได้บทเรียนชิงสุ่ยค่อยๆแก้ไขข้อผิดพลาดที่เกิด และค่อยๆถ่ายพลังวิญญาณลงไปในเตาหลอม เพื่อแก้ข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นในอดีต ในขณะที่เขาควบคุมพลังวิญญาณเพื่อช่วยในการผสานของสมุนไพรอยู่เสียที่คุ้นเคยก็ได้ดังขึ้นมา
ติ๊ง!
เสียงที่แหล่มคมดั่งเสียงกระดิ่งได้ดังขึ้น มันทำให้เขานั้นรู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างมาก ในที่สุดเขาก็สามารถกลั่นมันได้สำเร็จ
ถึงแม้เวลากลั่นยานั้นจะไม่ได้มากมายนัก แต่ชิงสุ่ยจำเป็นต้องใช้สติจำนวนมากในการกลุ่นมันขึ้นมา
บทที่1351 – อี่หวง ตูซิน
หลังจากกระบวนการจบลงชิงสุ่ยก็ไม่สามารถหักห้ามใจไม่ให้เปิดเตาหลอมออกมา ข้างในเตานั้นมียาเม็ดสีขาวขยาดใหญ่อยู่2เม็ด นอกจากนี่มันยังเต็มไปด้วยกลิ่นอายที่รุนแรงอัดแน่นอยู่ภายข้างใน
เมื่อมองไปที่มันหากเขากินหนึ่งในมันตอนนี้เขาก็สามารถทะลวงเข้าสู่จุดสูงสุดของระดับจักรพรรดิได้ แต่ถึงอย่างไร หากเขาไม่ใช้มันก็สามารถไปถึงจุดๆนั้นได้อยู่ดีอาจจะเวลาอีกไม่นานนัก แต่อย่างไรก็ตาความแข็งแกร่งของจุดสูงสุดของระดับจักรพรรดินั้นเป็นสิ่งที่ดึงดูดอย่างมาก 5แสนสุริยาคือความแข็งแกร่งที่เขาจะได้รับเมื่อทะลวงเข้าไป นอกจากนี้เมื่อไปถึงจุดนั้นได้เขาก็ยังจะสามารถใช้ยาเม็ดพรรพกาลแรงเริ่มเพิ่มความแข็งแกร่งให้เขาขึ้นไปอีกระดับได้
ในตอนนี้ชิงสุ่ยไม่ได้เร่งรีบที่จะกินมันเข้าไป แต่เขากลับปรับแต่งร่างกายของเขาให้เสถียร หลังจากที่ใช้เวลายาวนานในการกลั่นยาครั้งนี้ชิงสุ่ยจำเป็นต้องพักผ่อนเสียก่อนเพื่อฟื้นฟูพลังวิญญาณที่เขาสูญเสียไปในก่อนหน้า แม้ว่าครั้งนี้จะไม่นานเท่าครั้งก่อนแต่อย่างไรก็ตามพลังวิญญาณที่เขาสูญเสียออกไปนั้นแทบไม่ต่างกันมากนัก
ยาเม็ดบรรพกาลแรกเริ่ม…….
ในตอนนี้ชิงสุ่ยได้นั่งสมาธิลงและทำการฟื้นฟูร่างกายของเขา ในตอนนั้นเขาได้ทบทวนถึงสิ่งต่างเช่นสูตรการปรุงยาชนิดอื่นๆ เมื่อนึกไปนึกมาในตอนนั้นเองชิงสุ่ยได้นึกถึงสูตรที่เขาได้รับมานั้นทั้งหมดก็เพราะหยวนสู่ทั้งหมดเขาต้องขอบคุณเธอจริงๆ
นอกจากสูตรยาที่เขาได้รับมาจากเธอ ชิงสุ่ยยังมีสูตรยาเม็ดย่างก้าวมรกตที่ไม่สมบูรณ์ที่เขาได้รับมาในก่อนหน้านี้ เขานั้นไม่รู้ว่าสมุนไพรชนิดใดที่ขาดหายไป และสามารถใช้ยาชนิดใดแทนได้บ้าง นอกจากนี้ยาเม็ดที่เขาทำออกมาจากสูตรยาที่มีอยู่ถึงแม้จะสามารถใช้ได้ แต่ก็มีโอกาส1%ที่มันจะทำลายเส้นลมปราณทั้งหมด ดังนั้นชิงสุ่ยจึงไม่ได้สนใจที่จะปรับแต่งมันต่อไป 1% ไม่ถือว่ามากมายนัก แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่อันตราย หากโชคร้าย สิ่งที่เขาพยายามสร้างมาทั้งหมดจะพังพินาศไป ดังนั้นชิงสุ่ยจึงไม่ต้องการที่จะเสี่ยงกับมัน
ถึงแม้เขาจะมีวิชาการแพทย์ที่เก่งกาจเท่าไร แต่การรักษาเส้นลมปราณที่ถูกทำลายไปนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ยากเย็นอย่างมาก มันทำให้เขานึกถึงครั้งที่ถูกทำลายเส้นลมปราณ ยิ่งทำให้เขาไม่กล้าที่จะเสี่ยงกับมันอีกครั้ง
ในตอนนี้เขาได้แต่พยายามหาว่าอะไรคือส่วนที่ขาดหายไป ถ้าไม่มีโอกาสจริงๆเขาก็จำเป็นที่ต้องใช้มัน หนึ่งในหนึ่งร้อยนั้นถือว่าเป็นโอกาสที่ต่ำ แต่ชิงสุ่ยเองก็ไม่กล้าเอาชีวิตตัวเองไปฝากไว้กับมัน
หยวนสู่ ชิงสุ่ยนึกถึงหยวนสู่ขึ้นมา หากเขาให้เธอศึกษามันเขาเชื่อว่าเธอต้องพบทางแก้ไขมันได้อย่างแน่นอน
เมื่อคิดถึงวิธีการที่จะจัดการมันขึ้นมาได้มันให้ชิงสุ่ยรู้สึกมีความสุขอย่างมาก ยาเม็ดย่างก้าวมรกตนั้นเป็นยาเม็ดที่เต็มไปด้วยพลังที่มหาศาลมันสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้ผู้ที่ใช้มันได้มากมายนัก
นอกจากนี้มันยังสามารถใช้ได้กับคนทุกๆระดับการบ่มเพาะ แต่ถึงอย่างไรก็จะแสดงผลที่แตกต่างออกมาตามความแข็งแกร่งของแต่ละบุคคล
ในครึ่งปีที่ผ่านมากสมบัติบางอย่างของเขาได้รับการยกระดับขึ้นไปสู่อีกระดับไม่ว่าจะธงสวรรค์ปัญจธาตุหรือของอื่นๆก็ตาม
เช่นเดียวกับมังกรไอยราเกล็ดทองคำที่ใกล้เขาสู่จุดสุดของระดับจักรพรรดิ และภายใต้กลองสะบั้นสวรรค์จะทำให้มันนั้นเข็งแกร่งขึ้นอีกเท่าตัว และเมื่อใดที่มันเข้าสู่จุดสุดของระดับจักรพรรดิ จะไม่มีใครในระดับจักรพรรดิที่สามารถต่อกรกับมันได้อีกต่อไป
นอกจากนี้ชิงสุ่ยสามารถสัมผัสได้ว่าอีกไม่นานมันก็จะสามารถทะล่วงเข้าสู่จุดสุดของระดับจักรพรรดิ และเมื่อนั้นมันต้องต่อกรกับชะตาอสูรสวรรค์ ซึ่งเป็นอุปสรรคที่สำคัญของสัตว์อสูรที่จะทะลวงเข้าสู่ปราณบัญชาสวรรค์พินาศ
หากมันก้าวข้ามสิ่งนี้ไปได้ มันก็จะกลายเป็นสัตว์อสูรสวรรค์ และได้รับขอบเขตพลังและการเปลี่ยนแปลงใหม่อีกครั้ง
ในเช้าวันถัดไปชิงสุ่ยได้ออกมาข้างนอกในเวลาไม่สายมาก ทุกๆครั้งที่เขาออกมาจากดินแดนหยกมันก็จะเป็นเวลาเช้าเสมอ ในตอนนี้เขานั้นยังไม่ได้กินยาที่เขาพึ่งปรุงขึ้นมาสำเร็จ เขายังต้องใช้เวลาอีกสักพักในการตัดสินใจในตอนนี้
นอกจากนี้ตอนนี้เขาก็ไม่รู้ว่าหยวนซุทำอะไรอยู่ บางทีตอนนี้เธอกำลังเรียนทำอาหารหรือกำลังศึกษาเรื่องเครื่องปรุงอยู่ก็ได้ นั้นเป็นเพราะชิงสุ่ยที่ทำให้เธอนั้นต้องการเปลี่ยนแปลงตัวเองขึ้นมาก เวลานี้ทำให้เธอนั้นยุ่งกับตัวเองมากยิ่งขึ้น
ในขณะเดินเข้าไป เขาเห็นเธอที่กำลังขะมักเขม้นกับการทำอาหารอยู่ มันอดที่จะทำให้เขายิ้มออกมาไม่ได้ เมื่อเห็นเขา เธอเองรู้สึกเขินอายเล็กน้อย และแสดงท่าทางตื่นตะหนกออกมา “เจ้าอยากลองชิมฝีมือข้าหรือไม่ ข้าทำอะไรบางอย่างไว้ให้เจ้าด้วย?”
“แน่นอน!”ชิงสุ่ยกล่าวออกมา
ไม่นานนักหยวนสู่ได้นำถ้วยที่บรรจุอะไรบางอย่างเอาไว้วางลงที่บนโต๊ะ
ในขณะที่ชิงสุ่ยนั่งลงและดมกลิ่นของอาหารที่หยวนสู่ทำขึ้น ขณะที่เธอนั่งลงตรงข้ามกับเขา
“ชิงสุ่ยเจ้าเคยได้ยินเรื่องตระกูลอี่หวงและตระกูลสุ่ยหรือไม่ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมีความคิดเห็นที่ไม่ลงตัวกัน”
“ไม่ลงตัวกัน?”
“ดูเหมือนตระกูลสุ่ยจะเข้าไปยุ่งกับการค้าของตระกูลอี่หวง เพื่อเป็นการท้าทายและประกาศสงครามกับตระกูลอี่หวง”หยวนสู่กล่าวออกมาขณะที่หยิบขนมขึ้นมากิน
“เจ้าคิดว่าระหว่างผู้นำตระกูลอี่หวงกับตระกูลสุ่ยใครกันที่เหมาะจะเป็นผู้นำเมืองอี่หวงมากกว่ากัน?”ชิงสุ่ยยิ้มและถาม เดิมทีเขานั้นไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับตระกูลสุ่ยมากนัก
หยวนสู่กระพริบตาและมองไปที่ชิงสุ่ย “ทั้งคู่เหมาะสมที่จะเป็นผู้นำ แต่ก็ไม่เหมาะที่จะเป็นเหมือนกัน แล้วเจ้ารู้ไหมคนที่คอยตามข้าอยู่คือใครกัน?”
“ใครรึ?”
“อี่หวง ตูซิน!”
ชิงสุ่ยรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยในตอนนี้ “แล้วเขายังคงตามตื้อเจ้าอยู่อีกไหม?”
“ใช่ เมื่อสองวันก่อนเขามาหาข้าและกล่าวว่าแม้ข้าจะกลายเป็นคนของหอคอยจักรพรรดิไปแล้ว แต่ก็ไม่ใช่ว่าข้าจะหนีพ้นเอื้อมมือของเขาไปได้” ในตอนนี้เธอตัดสินใจที่จะบอกชิงสุ่ยและขอร้องให้เขาช่วยเธออีกครั้ง
อี่หวงตูซิน นั้นเป็นคนของตระกูลอี่หวง และคำว่า ‘ตู’นั้นคือฉายาที่ไดรับเลือกมาให้เป็นผู้อาวุโสของตระกูล ในตอนนี้ชิงสุ่ยกำลังสงสัยว่าเขาคือพ่อที่ไร้มนุษยธรรมของของอี่หวงกู่หวู๋หรือไม่?
“แล้วมีอะไรที่เขาพูดออกมาอีกไหม?”ชิงสุ่ยถามออกมาเพราะตอนนี้เขาจะไม่อยู่อีกสองสามวัน
“เขาบอกว่าเขาจะกลับมารับตัวข้าอีกสองสามวัน ให้ข้าเตรียมใจเป็นภรรยาน้อยคนที่25ของเขาเอาไว้”
“หน้าด้าน หากเขากล้ามา ข้าจะทำให้เขาสูญพันธ์!”ชิงสุ่ยไม่สามารถระงับอารมของเขาไว้ได้อีกต่อไป
หยวนสู่เขินอายเล็กน้อยเธอนั้นเขาใจได้ดีถึงความหมายของชิงสุ่ย เมื่อเห็นท่าทางของเขามันทำให้เธอมีความสุขอย่างมากในตอนนี้
“อย่าได้กังวล หากมีใครกล้าแตะต้องคนของหอคอยจักรพรรดิมันจะได้เจอดีกับข้า และข้าจะทำให้มันเสียใจไปตลอดชีวิต!”
“ข้าจะอยู่ที่นี่สักพัก หากมีอะไรเจ้าสามารถช่วยเหลือข้าได้ในทันที แต่หากเจ้าไม่สามารถทำอะไรได้ก็โปรดอย่ายื่นมือเข้ามา อย่าเสี่ยงเพราะพวกตระกูลอี่หวงนั้นแข็งแกร่งอย่างมากในเมืองแห่งนี้”หยวนสู่กล่าวออกมาเบาๆ
“เจ้าเป็นสหายของข้า ไม่ว่าอีกฝ่ายเป็นใครตราบเท่าที่พวกเขากล้าข่มเหงเพื่อนของข้า พวกเขาต้องตาย เจ้าไว้ใจได้จะไม่มีใครที่สามารถรังแกเจ้าได้”ชิงสุ่ยกล่าวออกมาด้วยท่าทางผ่อนคลาย
“ขอบคุณ สหายของข้า!” เธอรู้สึกขอบคุณเขาจากใจจริง ย้อนกลับไปตอนห้าทวีปเธอรู้ดีว่าชิงสุ่ยเป็นคนรักษาสัญญาขนาดไหน ดังนั้นเธอจึงสามารถว่างใจได้แล้วในตอนนี้
“จริงสิข้ามีเรื่องที่จะให้เจ้าช่วยสักหน่อย พอดูสูตรยาของข้ามันยังไม่สมบูรณ์ ข้าอยากให้เจ้าช่วยตรวจดูมันหน่อย”
“มันคือ?”
“สูตรยาที่ข้าบังเอิญได้รับมา แต่มันยังไม่สมบูรณ์ ดังนั้นข้าจึงอยากให้เจ้าช่วยทำให้มันสมบูรณ์”
ในตอนนี้ชิงสุ่ยค่อยๆส่งสูตรยาดังกล่าวไปให้กับหยวนสู่
ชิงสุ่ยรู้ดีว่าหยวนสู่นั้นไม่มีทางเลือกจึงได้บอกเรื่องดังกล่าวกับเขา ซึ่งแน่นอนเธอต้องยินดีช่วยเขาแน่นอน หากยาตัวนี้มันมีประโยชน์กับชิงสุ่ยในตอนนี้ เธอจะช่วยเขาโดยไม่ลังเลใจ
ในตอนนั้นเองมีคนเดินเข้ามา คนๆนั้นคือหยวนหลง
“นายท่าน ท่านหญิงซู นายท่านอี่หวงต้องการพบท่านหญิง!”
“ทำไมเขาถึงมาเร็วเช่นนี้ หยวนหลงไปบอกเขาว่าท่านหญิงจะออกไปเจอเขา”ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าว
“ชิงสุ่ย..”
“มาดูสิว่า เขาต้องการอะไรกัน?”ชิงสุ่ยยิ้มและเดินออกไป
เมื่อเห็นอี่หวงตูซิน เขาสามารถรู้ได้ทันทีว่าเขาคือพ่อแท้ๆของอี่หวงกู่หวู๋ คนที่กู่หวู๋ไม่ยอมรับว่าเขาคือพ่อของเธอ แต่ถึงอย่างไรพวกเขานั้นก็มีท่าทางรูปร่างใบหน้าที่คล้ายคลึงกันอย่างมาก
เขาเป็นผู้ชายที่หล่อเหล่าและดูเหมือนชายวัยกลางคน นอกจากนี้เขายังมีกลิ่นอายที่สง่างามและดูสูงศักดิ์
เขานั้นเป็นอัจฉริยะ ที่ขี้เกียจถึงจะมีความสามารถมากมายเท่าไร่เขาก็ไม่เคยสนใจมัน ยกเว้นเรื่องผู้หญิง หากเขาสนใจหญิงใดเขาจะไม่ยอมปล่อยเธอไปจนกว่าจะได้มาครอบครอง ในอดีตไม่ว่าจะเป็นแม่หม้าย หรือหญิงที่แต่งงานแล้วก็ถูกเขาครอบงำเกือบทั้งหมด แม้จะรู้ส่ามันไม่ดีแต่เขาก็ไม่สามารถหักห้ามใจได้
เมื่อมองไปที่เขาชิงสุ่ยรู้ได้ในทันทีว่าเขาอยู่ในจุดสูงสุดของระดับจักรพรรดิขั้นต้น ชิงสุ่ยมั่นใจได้เลยว่าเขาคืออัจฉริยะจริงๆตามที่เคยได้ยินมา
หากในตอนนี้เกิดการสู้กันชายคนนี้คงมิอาจสู้เขาได้ด้วยเทือกเขาเก้าเทวาที่มีพลังถึง 290000สุริยา และความเร็วในตอนนี้ของชิงสุ่ยเป็นเรื่องยากที่เขาจะต่อกรได้ แต่ถึงอย่างไรชิงสุ่ยก็มิอาจประมาทชายคนนี้นั้นมีความแข็งแกร่งไม่ต่ำกว่า 3แสนสุริยา นอกจากนี้หากยืดเยื้อนานไปจะเป็นเขาที่เสียเปรียบ ด้วยทักษะและความสามารถของเขาๆต้องมีไพ่ตายแอบซ่อนอยู่เช่นเดียวกัน แต่หากเขาใช้การจู่โจมทวีคูณออกมาคงจะไม่ทางใดเลยที่ชายคนนี้จะรับมือเขาได้
ชิงสุ่ยยิ้มออกมาด้วยความเหนือชั้น ในขณะที่ชิงสุ่ยมองไปที่ผู้ติดตามของอี่หวงตูซินสองสามคนข้างหลัง แต่อย่างไรก็ตามพวกเขาอ่อนแอเกินที่จะทำให้เขาสนใจ
“สวัสดี นายท่านอี่หวง! ”ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าว
“สวัสดีท่านหมอชิง และแม่นางหยวน”เขากล่าวออกมาแม้ว่าตอนนี้เขาจะยังไม่ลงจากเกี๊ยวก็ตาม
หยวนสู่ไม่สามารถทำอะไรได้ๆแต่มองไปที่ชิงสุยและมองไปที่อี่หวงตูซินเป็นครั้งคราว
“ท่านมีธุระอันใดรึถึงมาหา ท่านหญิงซู ถึงที่นี่? ในตอนนี้เธอยุ่งมากๆเลย”ชิงสุ่ยตั้งใจยิงคำถามที่ตรงประเด็น ใส่เขาในทันที
บทที่ 1352 – 3แสนสุริยา
“ยังไงรึท่านหมอชิงสุ่ย ข้าไม่มีสิทธิที่จะมาที่นี่อย่างนั้นรึ ที่นี่ไม่ได้เป็นสถานที่มีไว้ช่วยเหลือผู้คนอย่างนั้ยรึ?”
ในตอนนี้ถึงแม้อี่หวง ตูซินจะไม่พอใจแต่เขาก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมา นั้นเพราะเขาแสดงท่าทีหยาบคายกับหยวนสู่ในครั้งก่อนจึงทำให้เขานั้นได้รับการต่อรับไม่ดีเท่าไรในครั้งนี้ แต่ถึงอย่างไรนี่คือเรื่องที่เขาคิดเอาไว้แล้ว นอกจากนี้เรื่องที่เกิดยิ่งทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นและต้องการตัวหยวนสู่มากขึ้น อะไรที่มันได้มายากๆมันยิ่งทำให้เขารู้สึกภูมิใจ
“เกรงว่านายท่านอี่หวงจะเข้าใจผิดแล้ว ที่นี่ไม่ใช่ร้านค้าหรือร้านค้าทั่วๆไป ที่แห่งนี้มีไว้ช่วยเหลือคนที่ป่วยและเดือดร้อนเท่านั้น และดูเหมือนว่านายท่านั้นก็ไม่มีปัญหาอะไรเช่นนั้นเลย หากท่านไม่มีอะไรแล้วก็เชิญท่านกลับไปเถอะ!”ชิงสุ่ยนั้นพยายามกล่าวอย่างสุภาพ แต่แฝงเอาไว้ด้วยความเย่อหยิ่งในน้ำเสียงของเขา
“ฮ่าๆนี่เป็นครั้งแรกที่มีคนกล่าวกับข้าเช่นนี้ ประเสริฐจริงๆ”ในตอนนี้ท่าทางของเขาได้เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
“ข้าจะขอพูดอะไรหน่อย หยวนสู่เป็นหมอของหอคอยจักรพรรดิ ได้โปรดอย่าสร้างความลำบากใจให้นางอีก เพราะท่านไม่มีข้าที่จะทำเช่นนั้น”ชิงสุ่ยกล่าวออกมาอย่างสงบนิ่ง
“เจ้าเดียรฉาน คิดว่าข้ายอมให้หน่อยก็ได้ใจแล้วรึ เจ้ารู้ไหมข้าคือใคร ข้าอี่หวงตูซิน เจ้าเคยได้ยินรึไม่?”เขากล่าวออกมาด้วยความโกรธแค้นใจ
“เห้อ เข้ารู้สึกหดหูแทนตระกูลอี่หวงจริงๆ ที่มีคนเช่นเจ้าอยู่ในตระกูล เพราะคนเช่นเจ้านั้นจะเป็นตัวปัญหาที่นำภัยไปหาตระกูลของเจ้าเอง”ชิงสุ่ยกล่าวออกมาอย่างไม่แยแส
“เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าข้าเจ้าเพราะเจ้าเป็นหมอที่เก่งกาจอย่างนั้นรึ?”ดวงตาของเขาปรากฏความกระหายเลือดออกมา ขณะที่เขาจ้องมองไปที่ชิงสุ่ยด้วยความโกรธแค้น
“เจ้ารู้รึไม่มีคนมากมายที่เรียกเจ้าว่าลูกเดียรฉาน นั้นเพราะเจ้านั้นเป็นเพียงเศษสวะในเศษวะอย่างไงละ!”ชิงสุ่ยยังคงกล่าวออกมาด้วยท่าทางไม่สนใจใยดี
“จริงรึ แต่ข้าได้ยินมา มีแต่คนยกยอว่าข้าคือบุตรแห่งสวรรค์ นอกจากนี้อีกไม่นานข้าก็จะกล่าวเป็นผู้บ่มเพาะบัญชาสวรรค์พินาศแล้ว เจ้าคิดว่าข้าจะทำยังไงกับพวกสวะที่กล่าวเช่นนั้นกับข้ากัน! ”
ในตอนนี้อี่หวงตูซินนั้นเต็มไปด้วยความหยิ่งผยอง นั้นเพราะเขามีพลังอำนาจที่แข็งแกร่งและมีขุมอำนาจที่ยิ่งใหญ่สนับสนุนอยู่ ยิ่งในตอนนี้เขาอยู่ในจุดสูงสุดของปราณจักรพรรดิ ที่มีพลังถึง3แสนสุริยา แทบไม่มีใครเลยในรุ่นเดียวกับเขาที่เทียบเขาได้
“ถ้าเช่นนั้นเรามาลองสู้กัน หากเจ้าชนะก็พาหยวนสู่กลับไป แต่ถ้าแพ้เจ้าก็อย่ามายุ่งกับนางอีก”ชิงสุ่ยนั้นไม่ต้องการเป็นอริกับตระกูลอี่หวงดังนั้นนี้คือทางออกที่ดีที่สุด นอกจากนี้อี่หวงกู่หวู๋ยังเป้นของตระกูลอี่หวงอีกด้วย และเธอก็เป็นคนสำคัญของเขา คงจะไม่เป็นเรื่องดีเท่าไรหากจะมีเรื่องกับตระกูลของเธอ
“แพ้ให้คนเช่นเจ้าอย่างนั้นรึ?”เขาได้แต่หัวเราะและมองไปที่ชิงสุ่ย
“ทำไมเจ้าไม่กล้ารึ?” ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าว
“ได้หากเจ้าแพ้ ข้าจะพานางไป แต่ถ้าเจ้าแพ้ข้าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับนางอีกต่อไป แต่เจ้าคิดจริงๆรึว่าจะสามารถเอาชนะข้า?”เขามองไปที่ชิงสุ่ยและกล่าวอย่างจริงจัง
“ก็ลองดู!”
“ดี ถ้าเจ้าแพ้ข้าจะให้เจ้าเป็นลูกน้องของข้า และสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรเจ้า!”อี่หวงตูซินกล่าวออกมาอย่างไม่ยำเกรง
“ได้ ข้าก็สัญญาว่าข้าจะไม่ทำร้ายเจ้า ออกไปข้านอกกัน เราะจะตัดสินแพ้ชนะกันในครั้งเดียว” ด้วยเหตุนี้ชิงสุ่ยจึงเดินนำออกไปข้านอกอย่างรวดเร็ว
เช่นเดียวกันผู้คนที่อยู่ใกล้บริเวณนั้นต่างลุกขึ้นและออกมาดูการประลองในครั้งนี้ การประลองสำหรับผู้มีชื่อเสียงนั้นหาดูได้ยากอย่างมากในทวีปแห่งนี้ นั้นเพราะพวกเขานั้นต้องระวังถึงขุมกำลังที่สนับสนุนพวกเขาอยู่ แต่นั้นไม่สามารถใช่กับชิงสุ่ยผู้ไม่สนใจอะไร ไม่ว่าสวรรค์รึพิภพ
“นี่ๆ หมอลึกลับของหอคอยจักรพรรดิจะสู้กับอี่หวงตูซินของตระกูลอี่หวง เจ้าเห็นรึไม่?”
“ใช่ๆจริงด้วย ไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะสู้กันจริงๆ แล้วเจ้าคิดว่าใครจะชนะ?”
“เมื่อสิบปีก่อน อี่หวงตูซินได้ทะลวงเข้าสู่จุดสูงสูดของปราณจักรพรรดิแล้ว ตอนนี้เขานั้นแข็งแกร่งอย่างมาก และมีข่าวว่าอีกไม่นานเขาก็จะทะลวงเข้าสู่ขั้นบัญชาสวรรค์พินาศได้ แล้วเจ้าคิดว่าใครจะนะกันละ?”
“นั้นสิ พวกเขาห่างชั้นกันเกินไป แต่ถึงอย่างไรข้าก็อย่างให้ท่านหมอชิงชนะอยู่ดี เขานั้นมีทักษะการแพทย์ที่เก่งกาจอย่างมาก แต่ข้าก็ไม่รู้ว่าการบ่มเพาะของเขาจะแข็งแกร่งงขนาดไหนกัน”
“ในตอนนี้ข้าคิดว่าคงมีหลายๆคนที่ยื่นมือเข้าไปช่วยท่านหมอแน่นอนหากมีอะไรเลวร้ายเกิดขึ้นจริงๆ ด้วยฝีมือการแพทย์ของเขาแล้วมีแต่ผู้คนที่อยากได้ตัวเขาไว้?”
“เช่นเดียวกับตระกูลอี่หวงข้าคิดว่าเจ้าผู้ชายเสเพลคนนั้นคงไม่กล้าลงมือกับท่านหมอจริงจังหรอก มิเช่นเขาอาจถูกตระกูลของเขาตำหนิได้”
“เห้อ อี่หวงตูซินนะอี่หวงตูซิน เขาเป็นคนที่เก่งอย่างมากแต่ไม่น่ามีนิสัยเสเพลเช่นนี้เลย ด้วยฐานะความสามารถ และหน้าตาเขานั้นสามารถหาผู้หญิงได้อีกมากมาย แต่ทำไมเขาต้องมายุ่งกับสหายของท่านหมอชิงด้วยละ เห้อ! !”
ในตอนนี้มีผู้คนมากมายกล่าวออกมาด้วยความเป็นห่วงชิงสุ่ย
…..
ภายในระยะเวลาอันสั้นๆ ความโกลาหลได้เกิดขึ้นไปทั่วบริเวณนั้น
ชิงสุ่ยยืนอยู่กลางอากาศ เช่นเดียวกับอี่หวงตูซินที่อยู่ไม่ไกลออกไป ในตอนนี้ชิงสุ่ยนั้นไม่ได้นพอาวุธออกมา เพราะกระบี่ดาราบุพฆาตได้ผสานเป็นหนึ่งเดียวกับดวงดาวในตันเถียนของเขาเรียบร้อยแล้ว
เช่นเดียวกันอี่หวงตูซินนั้นก็ไม่ได้นำอาวุธออกมา
“มาเริ่มกันเถอะ”ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าว
“มา ให้ข้าดูสิว่านอกจากฝีมือทางการแพทย์แล้วเจ้ามีดีอะไรอีกบ้าง?”เขายกมือขึ้นและกวักมือเรียกชิงสุ่ย
“ข้าจะไม่ทำให้เจ้าผิดหวัง!”
ในทันทีหุบเขาเก้าเทวาถูกเรียกออกมาและเข้าประทะกับอี่หวงตูซิน ถึงแม้จะไม่ได้ถูกเขากับตัวของเขาแต่มันก็ให้เขาต้องหลบออกมาอย่างทุลักทุเล
เร็วขึ้น เร็วขึ้น เร็วขึ้น ความเร็วของชิงสุ่ยเพิ่มขึ้นมาอีกสามเท่าในตอนนี้
เช่นเดียวกันในตอนนี้อี่หวงตูซินได้เรียกเราะอสูรสำแดงออกมา
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้รับการประทะโดยตรงจากหุบเขาเก้าเทวา แต่เขาก็ได้รับบาดเจ็บอยู่ไม่น้อยจะแรงประทะ เช่นเดียวกันในตอนนี้หุบเขาเก้าเทวาได้เข้าตรงไปที่ข้างหน้าของเขาอีกครั้งหนึ่ง
ในตอนแรกชิงสุ่ยนั้นไม่ได้สนใจใยดีเขา เขาปล่อยให้อีกฝ่ายนั้นเรียกเกราะอสูรสำแดงออกมาโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดมัน นั้นเพราะเขาไม่สนว่าอีกผ่ายจะใช้ลูกไม้อะไรก็ตามที นอกจากนี้หากชิงสุ่ยไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายเรียกเกราะอสูรสำแดงออกมา เกรงว่าอี่หวงตูซินคงสินชื่อไปในการประทะเพียงครั้งเดียว
กระบี่!
ในเวลานี้เขาได้ดึงกระบี่ออกมา มันเป็นกระบี่ที่มีความยาวถึง3ฟุต ที่อัดแน่นไปด้วยพลัง ขณะที่เขามองไปที่ชิงสุ่ยด้วยความไม่เชื่อตัวเอง
ชิงสุ่ยนั้นไม่ได้ไล่กดดันเขา เพราะเขามันใจว่าอี่หวงตูซินนั้นไม่มีทางเลยที่จะรับมือเขาได้ นอกจากนี้หากเขารีบไล่ให้อี่หวงตูซินแพ้ไป ชายผู้นี้คงไม่มีทางรับได้ละคงไม่ยอมตัดใจจากหยวนสู่ง่ายๆ ดังนั้นชิงสุ่ยจึงตัดใสใจให้เขาใช้ทุกๆอย่างออกมา
“ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะมีสมบัติเช่นนี้อยู่”ในตอนนี้กระบี่ในมือของเขาค่อยๆสันสะท้านและปล่อยกลิ่นอายที่รุนแรงออกมา
“เข้ามาด้วยทุกสิ่งที่เจ้ามีซะ มิเช่นนั้นจะหาว่าข้าไม่เตือน มิเช่นนั้นเจ้าจะได้เสียใจไปตลอดชีวิต!”
“นั้น เจ้าก็ลองรับกระบี่ของข้าดู”
ด้วยการเคลื่อนไหนที่อัดแน่นไปด้วยพลัง อี่หวงตูซินฟาดกระบี่ออกมา ในขณะนี่ห้วงอากาศแยกออกจากกันและตรงเข้าหาชิงสุ่ย ราวกับความมืดมิดได้ตรงเข้ามากลื่นกินชิงสุ่ย
“ทักษะกระบี่เหงาภูต!”
เมื่อเห็นเช่นนั้นชิงสุ่ยเดาะลิ้นของเขาขึ้น “สมกับเป็นตระกูลอี่หวง ทักษะของเขาแข็งแกร่งจริงๆ หากเป็นคนอื่นๆคงยากที่จะรับมือกับห้วงมิติที่ฉีกขาดเช่นนี้ !”
อี่หวงตูซินคิดว่าความสามารถของชิงสุ่ยนั้นมาจากหุบเขาที่อยู่ข้างหน้าเขา หาไม่ใช่ความแข็งแกร่งของเขาเอง ตราบเท่าที่เขาสามารถหลบมันไปได้และจู่โจมเขาใส่ชิงสุ่ยได้ ชัยชนะก็จะตกเป็นของเขา
ในตอนนี้ขณะที่คลื่นกระบี่ตรงเข้ามาอย่างรวดเร็ว ความเร็วของชิงุส่ยก็ได้เพิ่มขึ้น และหลบมันไปได้อย่างง่ายดาย
ย่างก้าวเก้าเทวา!
กฎแรงโน้มถ่วง!
ในตอนนั้นเองร่างกายของอี่หวงตูซินกลับเปลี่ยนเป็นหนักอย่างมาก จนไม่สามารถขยับตัวไปไหนได้ ขณะที่เงาของพระราชวังขนาดไหนได้ปรากฏขึ้นและกดทับเขาเอาไว้
กฎแห่งการกลืนกิน!
หุบเขาเก้าเทวา!
ตูม!
เสียงประทะดังสั่นขึ้น ถึงอย่างไรก็ตามชิงสุ่ยก็ไม่ได้ซ้ำและจู่โจมลงไป
อย่างไรก็ตามการจู่โจมดังกล่าวนั้นก็ทำให้อี่หวงตูซินนั้นใช้พลังทั้งหมดออกมา ในตอนนั้นเองเขาได้กระอักเลือดกองโตออกมา ชิงสุ่ยได้บังคับหุบเขาเก้าเทวาจู่โจมลงไปอีกครั้งเพื่อจบเรื่อง
“ท่านหมอชิงโปรดยั้งมือก่อน!”
ทันใดนั้นเสียงที่ทรงพลังได้ดังขึ้นมาจากระยะไกลๆ
มุมปากของชิงสุ่ยยิ้มขึ้นเล็กน้อย ในตอนนี้ตระกูลอี่หวงได้ติดหนี้เขาหนึ่งครั้งแล้ว ในอนาคตจะไม่มีใครที่จะมากล่าวก่ายเขาได้อีก
ในเวลานี้อี่หวงตูซินไม่สามารถทำใจยอมรับสิ่งที่เกิดได้ เขาทั้งสับสนและมึนงง เขาเป็นถึงคนที่แข็งแกร่งที่สุดในรุ่นและเป็นความหวังของคนในตระกูล กลับมาแพ้ให้กับเด็กที่อายุน้อยกว่าตัวเองมากๆ และแทบที่จะไม่สามารถรับมือเขาได้เลย มันทำให้หัวใจของเขาเจ็บปวดอย่างมาก ราวกับว่าสิ่งที่เขาเชื่อถือมาตลอดได้พังทลายลงไปในตอนนี้ คงเหลือไว้เพียงแค่ความอัปยศอดสูเท่านั้น
บทที่ 1353 – ชื่อเสียง
ในตอนนี้อี่หวงตูซินนั้นเต็มไปด้วยความอับอาย ความเชื่อที่เขามีมาถูกทำลายลงไปจนหมด ความหวังความเชื่อของขาได้สลายหายไปเหลือเพียงแค่ฝุ่นผง
เมื่อได้ยินเสียงชิงสุ่ย ที่เขามาใกล้ เขาได้หยุดมือลงเดิมทีเขานั้นก็ไม่ได้ต้องการฆ่าอี่หวงตูซิน หลังจากที่หยุดมือเขาได้แต่มองกลับไปที่ชายชราที่บินอยู่ไม่ไกลมากนัก
“สวัสดีท่านอาวุโส ทำไมท่านถึงมาที่นี่ได้”ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าวออกมา
ชายชราจ้องมองไปที่ชิงสุ่ยด้วยรอยยิ้ม ในความเป็นจริงเขารู้สึกอึดอัดและเจ็บปวดอย่างมาก เขานั้นรู้ดีว่าอี่หวงตูซินแข็งแกร่งขนาดไหน แต่เขากลับฝ่ายแพ้ลงอย่างง่ายดาย อีกทั้งอีกฝ่ายนั้นก็ดูแข็งแกร่งอย่างมาก
“ท่านหมอได้โปรดเห็นแก่หน้าชายชราสักครั้ง ช่วยปล่อยเขาไปได้ไหม ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพราะพวกข้าเอง ขอรับมันไว้ และขอโทษท่านหมอในที่นี้ด้วย” ชายชรากว่าออกมาอย่างนอบน้อม
“ท่านอาวุโสกล่าวเกินไปแล้ว ข้ากับนายท่านอี่หวงได้ทำการเดิมพันกันเพียงเล็กน้อย เราพนันกันว่าหากเขาพ่ายแพ้เขาจะต้องไม่มายุ่งกับคนของหอคอยจักรพรรดิเท่านั้นเอง ข้าไม่ได้ต้องการสังหารเขาเสียหน่อย ในเมื่อตอนนี้ทุกอย่างจบลงแล้วข้าอยากให้ท่านช่วยเป็นพยานได้รึไม่?” นี่คือสิ่งที่เขาตั้งใจมาตั้งแต่ต้น
แม้ว่าชายชราจะยิ้มออกมา แต่ในใจเขาท้อแท้อย่างมาก “ท่านหมอ ข้ารับปากได้ว่าเรื่องเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก!”
ในตอนนี้ชายชราได้เดินเขาไปที่อี่หวงตูซิน และลากเขากลับไป เงาของทั้งสองได้หายลับไปอย่างช้า ในขณะนี้เขานั้นดูเหมือนคนที่ตายไปแล้ว จิตใจของเขาได้ถกทำลายไปจนหมดสิ้น
แต่ถึงอย่างไรก็ตามหากเขาก้าวผ่านสิ่งนี้ไปได้ เขาก็จะสามารถก้าวข้ามไปได้ นี่อาจเป็นประโยชน์สำหรับเขา มันจะทำให้เขามีแรงผลักดันและเข้าสู่ระดับต่อไปได้ง่ายยิ่งขึ้น
การปรากฏตัวของชายชราจากตระกูลอี่หวงนั้นทำให้เห็นว่า อี่หวงตูซินนั้นเป็นคนสำคัญขนาดไหน นอกจากนี้เหตุการณ์่เกิดขึ้นถือว่าเป็นบทเรียนราคาแพงอย่างมากสำหรับพวกเขา
ในตอนนี้ชายชราเองก็รู้สึกขอบคุณชิงสุ่ยอยู่ไม่น้อยด้วยนิสัยของอี่หวงตูซินนั้นเป็นคนขี้เกียจ เขาจะไม่พยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองหากไม่มีอะไรมาผลักดัน นี่เป็นนิสัยที่แย่ของเขา แต่ตอนนี้มันได้ถูกทำลายลงด้วยชิงสุ่ย ชิงสุ่ยจะกล้าเป็นเป้าหมายของเขาและทำให้เขานั้นพยายามที่จะแข็งแกรงขึ้น และนี่ก็เป็นเรื่องที่ดีอย่างมากสำหรับอี่หวงตูซิน
“นี่มันอัศจรรย์จริงๆ นอกจากเขาเป็นหมอที่เก่งกาจแล้ว การบ่มเพาะของเขาก็ไม่ได้อ่อนแอเลยแม้แต่น้อย เขาเป็นคนที่น่ากลัวจริงๆ”
“ข้าไม่แปลกใจเลยที่ใครๆก็ต่างกันพาอยากได้ตัวของเขา นอกจากนี้ด้วยอำนาจของหอคอยจักรพรรดิ อาจกล่าวได้ว่าเขานั้นเป็นอีกขั้วอำนาจหนึ่งที่หน้าจับตามองออย่างมาก”
“ข้าสงสัยจริงๆว่าเขานั้นจะรับศิษย์หรือไม่?”
“เจ้าอยากเป็นหมออย่างนั้นรึ? ลืมมันไปซะ มันไม่ใช่สิ่งที่คนเช่นเจ้าจะทำได้”
“ป่าวเลย ข้าหมายถึงลูกชายของข้า เขานั้นมีพรสวรรค์ในด้านการแพทย์อย่างมาก ข้าอยากให้เขานั้นเป็นศิษย์ของท่านหมอชิงจริงๆ”
…….
ชิงสุ่ยเหาะลงมาและเดินเข้าไปในหอคอยจักรพรรดิอย่างช้า พร้อมด้วยหยวนสู่และหมอปิศาจ ทั้งหมดได้ตรงไปที่ชั้นที่5อย่างรวดเร็ว ในตอนนั้นเองพวกเขาตระหนักได้ว่าปู๋หยาง ชิงนั้นได้นั่งรอพวกเขาอยู่ที่นั้น หลังจากที่ทักทายชิงสุ่ย เธอได้หยิบยาบางอย่างขึ้นมาและวางมันไว้ก่อนที่จะจากไป เดิมทีเธอนั้นเป็นห่วงเขาอย่างมาก แต่เมื่อเธอเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นเธอได้แค่ยิ้มออกมาอย่างหมดห่วง
“ชิงสุ่ยข้าขอบคุณเจ้าจริงๆ”หยวนสู่ยิ้มและกล่าว
ในตอนนี้หมอปิศาจไม่ได้เดินขึ้นไปที่ชั้นที่5 เขาหยุดอยู่ที่ชั้นล่างและคุยกับคนอื่นๆ
“เจ้ากล่าวเกินไปแล้ว เจ้าเป็นคนของหอคอยจักรพรรดิ พวกเราควรช่วยเหลือกันและกันถึงจะถูก”ชิงสุ่ยกล่าวอย่างผ่อนคลาย
“ข้าดีใจๆจริงที่วันนี้เขาได้รับบทเรียน เขานั้นเป็นคนที่มองเห็นเพียงแค่ตัวเอง วันนี้เขาได้รับบทเรียนไปแล้วข้าหวังว่าเขาจะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้นกว่าเก่า ”
ชิงสุ่ยไม่ได้พูดอะไรออกมาผู้หญิงส่วนมากนั้นจะมีความคิดเป็นของตัวเองดังนั้นชิงสุ่ยจะไม่ได้กล่าวอะไรออกมาที่ไปขัดใจเธอ
“ในเมื่อทุกๆอย่างจบลงแล้ว นั้นก็ถึงเวลาที่ข้าต้องออกเดินทางแล้ว”ชิงสุ่ยกล่าวออกมา
“ข้ายังกลัวเขาอยู่ ทำไมเจ้าไม่พาข้าไปด้วยละ…”หยวนสู่กล่าวอย่างตื่นเต้น
ชิงสุ่ยตกตะลึงกับสิ่งที่เขาได้ยินในตอนนี้ เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเธอจะกล่าวเช่นนี้ออกมา เขามองไปที่หยวนสู่ที่ก้มหน้าลงเล็กน้อย ขณะที่ใบหน้าของเธอนั้นได้เปลี่ยนเป็นสีแดงอมชมพูในตอนนี้
เขารู้ดีว่าเธอนั้นเป็นคนที่มั่นใจในตัวเองอย่างมาก บางครั้งเขาจะสามารถให้เธอช่วยเหลือในการปรุงยาก็ได้ แต่ในตอนนี้เขานั้นยังมีสิ่งที่ต้องทำอีกหลายๆอย่าง และต้องพบเจอผู้คนและสิ่งที่แปลกใหม่อีกมาย มันจึงทำให้เขาอยากตอบรับเธอและปฏิเสธเธอในทำนองเดียวกัน
“ก็ดีที่จะมีสาวงามร่วมเดินทางไปกับข้า งั้นเราจะเดินทางในวันพรุ่งนี้ เจ้าไปเตรียมตัวซะ เดี๋ยวของจะไปบอกพี่ใหญ่ก่อน”ชิงสุ่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ชิงสุ่ยถอนหายจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ เขาก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงไม่ได้ปฏิเสธเธออกไป อาจเป็นเพราะความงามของเธอหรือเขานั้นแอบหลงใหลในตัวของเธอ จึงทำให้เขาตัดสินใจเช่นนี้
ในตอนนี้ชิงสุ่ยนั้นไม่ด้องการมีใครเพิ่ม แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่กับหยวนสู่ เธอและเขานั้นรู้จักกันมานานมากแล้ว และทั้งสองนั้นก็มีใจให้กันมาโดยตลอด นี่อาจเป็นสิ่งที่เรียกว่าโชคชะตากำหนดไว้ก็เป็นไปได้ ที่ทำให้ทั้งสองกลับมาพบเจอกัน
จริงๆแล้ว หมอปิศาจก็สัมผัสได้ว่าชิงสุ่ยและหยวนสู่นั้นมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน และด้วยผลที่ออกมาในวันนี้ทำให้ทุกๆคนนั้นยิ่งคิดว่าเธอนั้นคือผู้หญิงของชิงสุ่ยอย่างแน่นอน
เวลาไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในตอนนี้ชิงสุ่ยได้เข้ากลับไปในดินแดนหยก ในตอนนี้เขามีแผนที่จะใช้ยาบรรพกาลแรกเริ่ม
ในอตนี้ชิงสุ่ยปรับแต่งร่างกายของเขาให้ปลอดโปร่ง ในการทดลองครั้งนี้หากมันเป็นผลดีจริงๆ เขาสามารถทำมันและมอบให้กับสหายของเขา ด้วยความสามารถของปรมาจารย์ระดับต่าง พวกเขาสามารถใช้มันได้ปีละ1เม็ด จนกว่าพวกเขาจะไปถึงจุดสูงสุดของระดับจักรพรรดิ และเมื่อไปถึงระดับนั้นตัวยาจะไม่มีผลอีกต่อไป
ถึงอย่างไรนั้นผลที่ออกมาก็ตะแตกต่างออกไปขึ้นอยู่กับระดับของปรมาจารย์แต่ระดับ หากปรมาจารย์ระดับระดับต้นกินมันเข้าไปก็จะสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งได้เพียงแค่10%เท่านั้น แต่ถ้าเป็นปรมาจารย์ระดับสูงกินมันเข้าไปอาจเพิ่มความแข็งแกร่งได้ถึง 30% ขึ้นกับความแข็งแกร่งของพวกเขา
ในตอนนี้ชิงสุ่ยได้ทานยาเม็ดแรกลงไป เข้าใจปราณในร่างค่อยๆดูดซับพลังของมันเอาไว้ ความสดชื่นและทรงพลังได้ปะทุออกมาทั่วร่างของเขา พลังที่บริสุทธิ์ได้ซึมซับเข้าไปในกระดูกและเส้นลมปราณของเขาในตอนนี้มันได้ซึมซับเข้าไปทุกๆส่วนในร่างกายของเขา
เวลาได้ผ่านไปสักพักใหญ่ อย่างไรก็ตามในตอนนี้ความแข็งแกร่งของเขาได้เพิ่มขึ้นมาอีก2สุริยา
ในขณะที่ชิงสุ่ยนั้นได้ถือยาอีกเม็ดไว้ในมือ ตอนนี้ความแข็งแกร่งของเขาอยู่ที่ 26สุริยา และเมื่อใช้ทักษะทั้งหมด เขาจะมีความแข็งแกร่งถึง 2แสนสุริยา แต่นั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาพอใจในตอนนี้ ต่างกับที่หุบเขาเก้าเทวาที่มีความแข้งแกร่งเพิ่มขึ้นถึง 360000สุริยาเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งในตอนนี้มันก็มากกว่าจุดสูงสุดของผู้บ่มเพาะจักรพรรดิ ทีมีความแข็งแกร่งถึง3แสนสุริยาไปแล้ว
ในทางตรงกันข้าม พลังวิญญาณของชิงสุ่ยนั้นเป็นอะไรที่น่ากลัวอย่าง เมื่อเขาใช้ทักษะหัวใจแห่งวิหคศักดิ์ออกมา จะทำให้ความแข็งแกร่งทางวิญญาณของเขาทะลุขึ้นถึง 7แสนสุริยา
ในขณะนี่ชิงสุ่ยได้ลองใช้ยาอื่นๆ ทั้งหมดดู เพื่อตรวจสอบดูว่าพวกมันนั้นไม่มีปัญหาอะไร ทั้งหมดนี้ชิงสุ่ยรู้สึกขอบคุณหยวนสู่อย่างบอกไม่ถูก ทั้งหมดนั้นเป็นเพราะเธอ ยาเหล่านี้คือยาที่มีอำนาจต่อต้านสวรรค์ทั้งหมด
ในตอนนี้ชิงสุ่ยมองไปที่มังกรไอยรา อีกไม่นานมันก็จะทะลวงเข้าสู่ระดับบัญชาสวรรค์พินาศ มันทำให้เขาสงสัยว่าหากเขาใช้ความสามารถลดระดับขออีกฝ่าย พวกเขาจะยังอยู่ระดับบัญชาสวรรค์พินาศอีหรือไม่
ในตอนนี้ชิงสุ่ยนั้นมั่นใจในตัวเองอย่างมากด้วยพลังกว่า7แสนสุริยา นั้นไม่ใช่พลังที่ใครจะต่อต้านเขาได้ แต่นี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาภูมิใจที่สุด เคล็ดพลังศักดิ์สิทธิ์กลั่นหลอมเบญจธาตุที่สามารถปรับแต่งได้หลากหลาย และก็ยังมีความสามารถของเถาวัลย์อสูรกระหายเลือด ที่สามารถจำกัดความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายได้ นอกจากนี้ยังมีกระบี่สีทอง และทักษะอื่นๆของเขาที่สามารถจัดการอีกฝ่ายได้ในทันที
บทที่ 1354 –เมืองเทียนฮี่
ในส่วนมากทักษะทั่วไปในโลกแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อสังหารอีกฝ่าย นอกจากนี้ยังมีทักษะสนับสนุนอยู่บ้าง เช่นทักษะหลอนจิตใจ และเพิ่มความสามารถในช่วงเวลาหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีการร่ายรำที่เป็นทักษะที่มีประสิทธิภาพเช่นเดียวกัน แต่นั้นต้องขึ้นอยู่กับว่าใครเป็นคนที่ใบ้มันออกมา
เช่นเดียวกับหญิงงามล้มเมืองพวกเธอนั้นมีความสามารถที่จะสะกดผู้คนเอาไว้โยไม่ต้องใช้ทักษะใดๆ ทั้งหมดนั้นเพียงแค่เสน่ห์และรูปลักษณ์ของเธอเท่านั้น ยิ่งไปกว่านี้หากพวกเธอไปคนใช่ทักษะที่สามารถสะกดจิตใจเหล่านั้นพวกมันก็จะได้ผลที่รุนแรงกว่าคนอื่นๆหลายเท่า
หลังจากปรับแต่งร่างกายชิงสุ่ยได้ทำการปรับแต่งยาเม็ดชนิดอื่นๆเพื่อเอาไว้ใช้ในตอนจำเป็น
เช่นเดียวกับในตอนนี้ผลไม้ลึกลับถูกใช้ออกมา เพื่อปรับแต่งยาเม็ดแห่งโชคชะตา
ทุกๆครั้งเขาที่เขากลั่นยาชิงสุ่ย จะชำระล้างของเขาทุกๆครั้ง หนึ่งเพื่อให้ง่ายต่อการกลั่น สองเพื่อช่วยปรับแต่งรากฐานของเขา นี่คือสิ่งที่เขาทำทุกๆครั้งๆที่เขาเข้ามาในดินแดนหยก
…..
“พี่ใหญ่ ข้าขอโทษท่านจริงๆ ที่ให้ท่านแบกรับทุกๆสิ่งเอาไว้”ชิงสุ่ยกล่าวออกมา
“ไม่เป็นไร ข้าจะดูแลที่นี่เอง เจ้าก็เดินทางอย่างระมัดระวังตัวด้วยละ”หมอปิศาจกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“แล้วข้าจะรีบกลับมาก่อนที่ลูกของท่านจะคลอดออกมา” ในไม่นานลูกของเขาจะลืมตาออกมาดูโลกแล้ว ทำให้หมอปิศาจนั้นอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ ดังนั้นชิงสุ่ยจึงตั้งใจจะที่กลับมาก่อนถึงเวลานั้นเพื่อแบ่งเบสภาระของเขา
…
ในตอนนี้ชิงสุ่ยและหยวนสู่ได้นั่งลงบนมังกรไอยราเกล็ดทองคำแลบินไปทางเมืองเทียนฮี่ในทันที หลังจากออกเดินทางมาสักพักชิงสุ่ยรู้สึกว่าการเดินทางของเขาช้าอย่างมาก ชิงสุ่ยจึงได้กล่าวออกมา
“ในตอนนี้เราเดินทางช้ากว่ากำหนดอย่างมาก แต่ข้ามีวิธีที่จะไปถึงที่นั้นเร็วกว่านี้ แต่เจ้าต้องเสียสละสักเล็กน้อยได้รึไม่?”ชิงสุ่ยถามออกมา
“วิธีอะไรรึ แล้วมันจะเร็วขนาดไหนกัน?”หยวนสู่กล่าวออกมาอย่างสับสน
“เราสามารถไปถึงเมืองเทียนฮี่ได้ในวันนี้ แต่เจ้าต้องให้ข้าจับมือของเจ้า”ชิงสุ่ยกล่าวอย่างจริงจัง
“เจ้าแน่ใจรึ?” หยวนสู่มองไปที่ชิงสุ่ยด้วยความงงงวย
“แน่ใจ!”ในตอนนี้ชิงสุ่ยเรียกมังกรไอยรากลับเข้าไปในแดนหยก
หยวนสู่ได้ยกมือขึ้น ชิงสุ่ยได้คว้าไปที่มือของเธอโดยไม่ลังเล สัมผัสนุ่มนวลที่เกิดขึ้น ชิงสุ่ยรู้สึกว่ามือของเธอนั้นนุ่มนิ่มอย่างมากรางกับปุยฝ้าย
ย่างก้าวเก้าเทวา!
…………
เมื่อรู้สึกตัวหยวนสู่ก็รู้สึกตัวว่าเธอมาอยุ่ที่เมืองฮี่เรียบร้อยแล้ว
ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความตกใจอย่างมากก่อนที่จะมองไปที่ชิงสุ่ยด้วยความตกใจ เธอไม่รู้ว่าเขาทำอะไรและทำไมเขาถึงมาอยู่ที่แห่งนี้ได้ นี่คือความสามารถของเขาอย่างนั้นรึ เขาสามารถเดินทางเช่นนี้ได้ยังไงกัน
จริงแล้วเขาไม่จำเป็นต้องจับมือของเธอ เพื่อแค่ใช้ปราณห่อหุ้มร่างของเธอเอาไว้เท่านั้นเพียงแค่เขาลืมมันไปแล้วว่าสามารถทำเช่นนี้ได้ นอกจากนี้เขานั้นก้ยังต้องการจับมือของเธอีกด้วย
เมืองเทียนฮี่นั้นไม่ค่อยต่างกับเมืองอี่หวงมากนัก แต่ก็มีกลิ่นอายบางอย่างที่แตกต่างออกไป เนื่องจากวัฒนธรรม และสิ่งต่างๆ
ในโลกใบนี้นั้น เมืองต่างๆจะถูกจู่โจมด้วยสัตว์อสูรอยู่บ่อยๆครั้ง เช่นเดียวกับผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่งก็สามารถถูกทำร้ายได้ด้วยสัตว์อสูรอมตะ ดังนั้นอาจากกว่าได้ว่ามนุษย์ในโลกใบนี้นั้นกำลังทำสงครามกับสัตว์อสูรอยู่ตลอดเวลา แต่ ถึงอย่างไรก็ตามพื้นที่ในตัวเมืองนั้นก็จัดได้ว่าเป็นเขตปลอด เพราะมีทหารและผู้บ่มเพาะระดับสูงที่ค่อยปกป้องมันอยู่
“ชิงสุ่ย เรามีธุระกับเมืองแห่งนี้ไหม?”หยวนสู่เงยหน้าขึ้นและถามออกมา ขณะเดินตามชิงสุ่ยไปตามท้องถนน
“แน่นอน ข้าจึงต้องเวะมาที่เมืองแห่งนี้”ชิงสุ่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“โอ้จริงสิดูเหมือนว่าข้าจะลืมเรื่องนี้ไปนานแล้ว ข้าจำได้ว่ามีคนของตระกูลเทียนฮี่ ที่เคยสงจัดหมายเพื่อขอความช่วยเหลือของเรา แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ค่อยคาดหวังมากนัก”หยวนซุกล่าวด้วยรอยยิ้ม
หลังจากได้ข้อมูลที่อยู่ของตระกูลเทียนฮี่ ชิงสุ่ยก็ได้เรียกมังกรไอยราออกมาและออกเดินทางอีกครั้งไปยังที่ตั้งของพวกเขา
…….
ตระกูลเทียนฮี่!
“ฮาวเอ๋อ เจ้าสัมผัสมันได้รึไม่ ? ”
ชายชราคนหนึ่งในชุดที่ดูสง่างามกล่าวออกมา ขณะที่มองไปที่ชายหนุ่มที่ดูอ่อนเยาว์ และหล่อเหล่า นอกจากนี้ใบหน้าของเขานั้นยังคงดูเด็กอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเต็มไปด้วยกลิ่นอายที่ลึกลับอีกด้วย
“ใช่ข้าสัมผัสมันได้ เมื่อยี่สีบปีก่อนมันเคยเกิดขึ้นมาครั้งหนึ่งแล้ว มันเป็นกลิ่นอายของคนที่มากจากทวีปเมฆามรกตที่แยกตัวออกไปนับพันๆปีก่อน มีเพียงพวกเราตระกูลเทียนฮี่เท่านั้นที่สามารถสัมผัสมันได้ ใครคิดว่าหลังจากผ่านไป20ปีแล้ว มันจะมาปรากฏที่แห่งนี้อีกครั้ง”
“เรารีบออกไปดูเถอะ ข้าอยากรู้จริงๆว่าเป็นผู้ใดกันที่มาจากทวีปแห่งนั้น”
“ดีเลยท่านปู่ ข้าก็สงสัยเช่นเดียวกัน!”
ในไม่ช้าชิงสุ่ยก็ปรากฏตัวที่ข้างรูปปั่นกระเรียนสีขาว มันนั้นเป็นรูปปั่นที่มีขนาดใหญ่ เกือบร้อยเมตร ในขณะที่มันอยุ่ในท่าที่พร้อมจะทะยานออกไปท้องฟ้าได้ทุกเมื่อ
ในขณะที่ชิงส่ยกำลังเข้าไปใกล้ๆ ชิงสุ่ยสัมผัสได้ถึงพลังที่แข็งแกร่งสองจุดพุ่งตรงมาที่เขา
เช่นเดียวกัน เมื่อชายชรามองเห็นมังกรไอยราของชิงสุ่ยเขาเองก็รู้สึกประหลาดใจอยุ่ไม่ใช่น้อย
“ข้าเป็นคนของหอคอยจักรพรรดิ นามว่าชิงสุ่ย”ชิงสุ่ยไม่ได้กล่าวอะไรมาก จากมุมมองตรงนี้
“โอ้วเป็นท่านหมอชิงสุย หมอแห่งปาฏิหาริย์ ผู้นั้นๆเอง เยี่ยมจริงๆเลยข้าไม่คิดเลยว่าหมอแห่งปาฏิหาริย์ ที่เลื้องชื่อจะยังคงเป็นแค่ชายหนุ่มคนหนึ่งอยู่” ชายชรากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตร
ชิงสุ่ยนั้นยิ้มออกมาเขาชอบการพูดของชายชราคนนี้อย่างมาก “ท่านอาวุโสกล่าวเกินไปแล้ว ข้านั้นไม่ได้เก่งกาจอะไรเช่นนั้น”
“ข้า เทียนฮี่ ฮวี้ ส่วนนี้หลายของข้าเทียน ฮ้าว!”
“สวัสดีท่านหมอแห่งปาฏิหาริย์ ชิงสุ่ย !”เทียนฮ้าวอไม่สามารถบอกความรู้ในตอนนี้ได้ ได้แต่ทักทายชิงสุ่ยออกมาอย่างสุภาพ
“ท่านกล่าวเกินไปแล้ว!” ชิงสุ่ยคำนับ
ในตอนนี้ชิงสุ่ยกลายเป็นแบบอย่างให้กับผู้คนมากมายไปแล้ว ด้วยฝีมือทางการแพทย์ของเขาทำให้เขาได้รับฉายาหมอแห่งปาฏิหาริย์มาโดยไม่รู้ตัว แม้แต่เทียนฮี่ ฮ้าวที่ได้รับฉายาว่าองค์ชายฮ้าวนั้นก็ยังให้ความเคารพเขา นอกจากนี้การให้ความเคารพและให้เกียรตินั้น นั้นเป็นการแสดงออกถึงความจริงใจที่ดีที่สุด
“เขิน ท่านหมอเขามาก่อน พวกเรามีเรื่องอีกมากมายที่ต้องคุยกัน”ชายชรากล่าว
ชิงสุ่ยได้เรียกมังกรไอยราเกล็ดทองคำกลับมา และเดินไปยังตระกูล เทียนฮี่ พร้อมกับหยวนสู่ละคนอื่นๆ เช่นเดียวกับเทียนฮี่ ฮ้าวได้ยิ้มออกมาและกล่าวทักทายหยวนซุ ขณะนี่เขามองไปที่เธอด้วยความจริงใจและปราศจากความคิดที่ไม่ได้ สิ่งนี้ช่วยให้เขาได้รับความนับถือด้วยใจจริงจากชิงสุ่ย มากขึ้น คนชั่วย่อมไม่สามารถซ่อนกลิ่นอายที่แท้จริงๆไม่ว่าพวกเขาจะเสแสร้งยังไงก็ตาม
ขณะที่เข้ามาชิงสุ่ยสามารถพบได้ทันทีว่าพื้นที่ทั้งหมดของตระกูลเทียนฮี่นั้นมีขนาดใหญ่อย่างมาก แม้ว่าชิงสุ่ยจะเคยได้ยินเรื่องเช่นนี้มาก่อนแต่นี่อยู่เหนือจินตนาการของเขาอย่างมาก พวกเขานั้นเป็นตระกูลที่ตั้งอยู่นับพันปี ด้วยรากฐานที่มั่นคงทำให้พวกเขานั้นเป็นที่ยำเกรงอย่างมากในเมืองแห่งนี้
ด้วยความรู้สึกทางวิญญาณของชิงสุ่ยนั้นมีความชัดเจนอย่างมาก ในขณะที่เขาเข้ามาที่ตระกูลเทียนฮี่ เขาสามารถสัมผัสได้ถึงพลังอันยิ่งใหญ่มากมาย ที่คงอยู่ในตระกูลแห่งนี้ พวกเขาคือผู้คนที่เป็นผู้อยู่บนจุดสูงสุดของเมืองแห่งนี้ พวกเขานั้นเป็นยอดฝีมือที่แฝงตัวอยู่และค่อยสนับสนุนตระกูลเทียนฮี่อยู่อย่างลับๆ แม้ว่าจะรู้อยุ่แล้วว่าพวกเขานั้นแข็งแกร่งแต่นี้เกินกว่าที่เขขาคิดไว้มากมายนัก
“ท่านหมอชิงสุ่ยโปรดเพลิดเพลินกับชาถ้วยแห่งนี้ไปก่อน เดี๋ยวข้าจะกลับมาเร็ว ๆ นี้.”ชายชรากล่าว
“ตามสบายเถอะท่านอาวุโส” ชิงสุ่ยกล่าวออกมา
เขารู้สึกว่าทั้งเทียนฮี่ อวี้และเทียนฮี่ ฮ้าวนั้นแข็งแกร่งอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตามพวกเขาดูเหมือนจะไม่ได้มาจากสาขาหลักของตระกูล และพวกเขาก็ดูเหมือนจะไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของตระกูลนี่ เช่นเดียวกัน
“สวัสดี ข้าสงสัยว่าใครกันในตระกูลเทียนฮี่ ที่ต้องให้ข้ารักษา?” ชิงสุ่ยไม่รู้จะกล่าวอะไรถึงได้กล่าวออกมาโดยตรงกับเทียนฮี่ ฮ้าว
“เขาคือคุณชายใหญ่ของตระกูลเทียนฮี่” การแสดงออกของเทียนฮี่ ฮ้าวดูแปลก ๆ เมื่อพูดถึงประเด็นนี้ ท่าทางของเขาเปลี่ยนไป และมันได้แสดงออกผ่านสีหน้าของเขา
ชิงสุ่ยเองประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อเห็นสีหน้าของเทียนฮี่ ฮ้าว
“แล้วเขามีอาการยังไงบ้างละ?”
ในขณะที่เทียนฮี่ ฮ้าวกำลังคุยอยู่กับชิงสุ่ย เทียนฮี่อวี้และชายชราบางคนก็เข้ามา ชายชราที่เดิมมาพร้อมกับเทียนฮี่ อวี้ ดูเป็นคนดีและอ่อนโอยนอย่างมาก ใบหน้าของเขาดูคล้ายเทพแห่งอายุขัยเล็กน้อย ดวงตาทั้งสองข้างของเขาเป็นขีดยาวราวกับมันกำลังยิ้มอยู่ นอกจากนี้เขายังมีคิ้วที่ยาวสีขาวราวกับเทพเซียน
“ท่านต้องเป็นหมอแห่งปาฏิหาริย์ชิงสุ่ย ใช่หรือไม่?!”
ตอนนี้ชิงสุ่ยมั่นใจแล้วว่าตระกูลเทียนฮี่นั้นน่ากลัวขนาดไหน ชายชราคนนี้นั้นมีระดับการบ่มเพาะอยู่ในขั้นปราณบัญชาสวรรค์ อย่างแน่นอน นี่เป็นอีกครั้งที่ เขาได้พบกับผู้บ่มเพาะระดับนี้อย่างใกล้ชิด นอกจากนี้พวกเขายังมีกองกำลังของผู้บ่มเพาะที่อยู่ในจุดสูงสุดของปราณจักรวรรดิอีกไม่ต่ำกว่า30คน
“ข้าน้อยชิงสุ่ย!”
“ตระกูลอี่หวงมีคนที่น่าเกรงขามเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร? “
“ป่าวเลย ข้านั้นไม่ใช่คนที่น่าเกรงข้ามเช่นนั้นหรอก ” ชิงสุ่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ชายชราคนนั้นได้แต่นิ่งและยิ้มออกมา “ไม่เลว ๆ ไหนเล่าลองให้ข้าฟังสิว่าเจ้าคุยอะไรกับหลานชายของข้าไปบ้าง”
…….
โรคปราณพิการ!
หลังจากที่ชายชรากล่าวถึง ถึงมันออกมา ชิงสุ่ยสามารถเข้าใจสถานการณ์ได้ ไม่เพียงปราณที่พิการไป เส้นลมปราณของเของคนที่ป่วยเป็นโรคนี้ จะถูกทำลายไปอย่าช้าๆ มีหมอจำนวนมากที่เคยพบเจอโรคเช่นนี้มาก่อน แต่ก็ไม่มีใครเลยที่สามารถรักษามันได้ มันจึงได้เรียกว่าโรคที่ไม่มีทางรักษา
สำหรับคนที่ป่วยในตอนนี้เป็นคนที่มีอายุมากกว่าเทียนฮี่ ฮ้าว ไม่เพียง แค่นั้นเขายังก็เป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลเทียนฮี่ และเป็นที่รู้จักในฐานะอัจฉริยะที่แข็งแกร่ง
เขาเป็นที่รู้จักในนาม เทียนฮี่ เรินโม่ ด้วยความสามารถโดยธรรมชาติของเขาอยู่ในหมู่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลเทียนฮี่ นอกจากนี้เขายังคงเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดอีกด้วย แต่ด้วยความจริงที่ว่า เทียนฮี่ เรินโม่ นั้นป่วยเป็นโรคปราณพิการ ทำให้ผู้คนจำนวนในจากตระกูลเทียนฮี่นั้นรู้สึกเสียใจอย่างมาก แต่ก็มีบางคนที่รู้ศึกยินดีกับเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามก็ยังมีคนที่หวังว่าเทียนฮี่ เรินโม่นั้นจะหายดีและกลับมาแข็งแกร่งได้อย่างเก่า
เทียนฮี่ โม่เรินนั้นเกลียดความชั่วร้ายอย่างมาก และคนที่ชั่วร้ายทั้งหมดนั้นเป็นศัตรูของเขา เขาเป็นคนที่ไม่เคยอ่อนข้อให้กับคนเลวเลยแม้แต่สักคน นอกจากนี้เขายังมีผมสีแดงที่เข็มดังโลหิตทำให้เขานั้นดูราวกับเทพแห่งความตายก็มิปาน แน่นอนว่าชิงสุ่ยนั้นไม่ได้ฟังเรื่องนี้ แต่เขานั้นกับเห็นมันได้ด้วยตัวเอง
ขณะนี้เขามองไปที่เทียนฮี่ โม่เรินที่เดินอยู่ท่ามกลางแสงแดด เขายืนอยู่ที่นั้นด้วยความเงียบเหงา เขานั้นเป็นคนที่โตเต็มที่ และเป็นคนที่มีอายุอยู่ในวัยกลางคน แม้ว่าเส้นลมปราณของเขาจะถูกทำลายไป แต่ถึงอย่างไรเขานั้นก็ยังมีชีวิตที่ปกติราวกับคนทั่วไป
ถึงแม้ว่าเขาจะสูญเสียการบ่มเพาะไป แต่รัศมีของนักรบที่แข็งแกร่งยังคงอยู่รอบๆตัวของเขา เขาคนที่ดูน่าเคารพแข็งแกร่งอย่างมาก แม้ว่าตอนนี้เขาจะเป็นคนที่ป่วยอยู่ก็ตาม
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น