Ancient Strengthening Technique เทพอสูรบรรพกาล 1334-1340

 บทที่ 1334 –  วันเกิดของผู้อาวุโสแห่งตระกูลอี่หวง, ศักยภาพแห่งบะหมี่ชีวิตยืนยาว


 


เมื่อได้ยินคำว่า ‘ตระกูลอี่หวง’ ชิงสุ่ยรู้สึกกังวลเล็กน้อย เป็นเพราะพวกเขาเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่ปกครองทั่วทั้งอาณาจักรแห่งนี้ อาณาจักรในมหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำเทียบขนาดได้กับทวีปๆหนึ่งในห้ามหาทวีปเลยทีเดียว แต่สิ่งทำสำคัญไปกว่านั้นคืออาณาจักรแห่งนี้ตั้งอยู่ในมหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำ.


 


ถ้าอี่หวงกู่หวู๋ไม่ได้เล่าถึงความเป็นมาของนาง เขาคงไม่มีเรื่องให้คิดเยอะขนาดนี้ ดังนั้นเขาคงทำอะไรไม่ได้มากมาย ส่วนตัวเขาเองไม่มีปัญหาอะไรในการรักษาให้กับคนในตระกูลอี่หวง แต่เรื่องเหล่านั้นไม่ใช่สิ่งที่เขาจะสามารถตัดสินใจเองได้ เพราะอี่หวงกู่หวู๋บอกเอาไว้ว่าอย่าไปรักษาให้กับคนในตระกูลอี่หวง แต่สิ่งที่เขาจะทำคือให้การรักษา แต่ไม่รักษาให้หายขาดทั้งหมด


 


ชิงสุ่ยและหมอปิศาจเดินออกมาจากห้องและตรงมายังห้องโถง มีชายวัยกลางคนสองคนนั่งรออยู่ที่ชั้นห้า อีกไม่นานนักชายทั้งสองคงจัดอยู่ในกลุ่มคนชราแล้ว


 


ทั้งสองสวมใส่ชุดคลุมสีม่วงลวดลายวิหคอัคคี กลิ่นอายอันทรงพลังถูกแผ่ออกมาและมีกลิ่นอายที่เหนือชั้นพุ่งออกมาอีกครั้ง


 


เมื่อเห็นชิงสุ่ยและหมอปิศาจ พวกเขาทั้งสองยืนขึ้นและเผยให้เห็นรอยยิ้ม “ท่านหมอปิศาจ ท่านนี้คงเป็นหมอเทวดาชิง ช่างน่าอิจฉาจริงๆที่พวกวัยหนุ่มมีผลงานที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้”


 


“ข้าไม่สมควรได้รับคำชมเชย ตระกูลอี่หวงเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเมืองอี่หวงแห่งนี้ มีผู้คนมากมายต่างอิจฉาพวกท่านทั้งสอง” ชิงสุ่ยยิ้ม พร้อมเดินต่อไปและส่งสัญญาณให้พวกเขานั่ง


 


มีคนเอาน้ำชามาออกมาให้ ซึ่งคนๆนั้นคือเหยาชูบิงนั่นเอง


 


บุคคลทั้งสองต่างส่งสัญญาณให้ชิงสุ่ยและหมอปิศาจนั่งลงเช่นกัน


 


“ข้าคืออี่หวงตูซุยและนี่คือพี่ของข้าอี่หวงตูซิง” ชายคนที่กำลังพูดอยู่มีผมสีดำแต่ยุ่งเหยิงเล็กน้อยราวกับว่ามันปลิวไสวไปมาแม้จะไม่มีลมพัดผ่าน


 


ชิงสุ่ยตกตะลึงเล็กน้อย ชื่อของเขามีตัวอักษรอยู่มากมาย ในตระกูลอี่หวงในรุ่นอี่ห่วงกู่หวู๋ทุกๆคนมีนาม ‘กู่’ อยู่ในชื่อ แต่ในรุ่นถัดมามีคำว่า ‘ตู’ อยู่ในชื่อแทน อย่างไรก็ตามอี่หวงกู่หวู๋ถือว่ามีอายุน้อยที่สุดในรุ่นของนาง และนั่นทำให้นางมีอายุที่ห่างกับคนจากรุ่น ‘ตู’ อยู่มาก เป็นเพราะตระกูลอี่หวงเป็นตระกูลที่ใหญ่มากและมีผู้คนมากมาย


 


“เป็นชื่อที่ดี ข้าอยากทราบว่าเหตุใดท่านทั้งสองจึงมาที่นี่ในวันนี้” ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าวถาม


 


“ข้าจะขอกล่าวอย่างตรงไปตรงมา ตระกูลอี่หวงรู้สึกว่าท่านหมอเทวดาชิงมีความสามารถที่ยอดเยี่ยมดังนั้นจึงอยากเชิญชวนท่านให้มาร่วมมือกับพวกเรา อย่าเพิ่งรีบปฏิเสธไปได้โปรดฟังพวกข้าก่อน ท่านจะได้ทุกสิ่งที่ปราถนาตราบเท่าที่กล่าวมันออกมา ตระกูลอี่หวงจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อทำมันให้สำเร็จ ท่านสามารถกล่าวออกมาได้ทุกเงื่อนไขตามความพึงพอใจของท่าน” อี่หวงตูซุยยิ้มและกล่าว


 


ช่างบ้าบอสิ้นดี! เมื่อมาคิดว่าพวกเขาจะยอมทำตามทุกเงื่อนไข แต่ช่างน่าเสียดายที่ชิงสุ่ยไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขาเอ่ยปากออกมาแล้ว เขาจะลองคุยด้วยเสียหน่อย เมื่อถึงเวลานั้น ก่อนที่พวกเขาจะได้ร่วมมือกันอย่างจริงจัง ตระกูลอี่หวงคงเกิดความวุ่นวายโดยอี่หวงกู่หวู๋


 


“เงื่อนไขของข้าง่ายดายนัก ช่วยข้าตามหาใครบางคน ถ้าหากพวกท่านสามารถหาตัวเขาพบ พวกเราจะพูดคุยถึงความร่วมมือต่อกัน อย่างไรก็ตามดั่งที่ข้าได้กล่าวไป ถ้าหากพวกท่านไม่สามารถหาตัวได้พบ ข้าจะไม่ทำงานกับพวกท่าน ข้าทำหน้าที่เป็นหมอ ดังนั้นข้าจะไม่ทำสิ่งที่เป็นอันตรายแก่ผู้อื่นและเป็นอิสระต่อพวกท่านที่จะเลือกรักษาใครก็ได้ ข้าให้คำมั่นว่าจะช่วยรักษาเพียงหนึ่งคนภายในหนึ่งเดือน จำนวนนี้ไม่สามารถเพิ่มเติมได้ แต่เนื่องด้วยชีวิตเป็นสิ่งที่มีค่าพวกท่านสามารถใช้สิทธิ์ล่วงหน้าได้” ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าวออกมา


 


คำพูดของชิงสุ่ยทำให้หมอปิศาจถึงกับต้องถอยหลังกลับ ในตอนแรกเขาคิดว่าชิงสุ่ยจะปฏิเสธมันออกไป และไม่ได้คาดคิดว่าชิงสุ่ยจะยอมรับได้ อย่างไรก็ตามหมอปิศาจเชื่อถือในตัวชิงสุ่ยและไม่ได้กล่าวอะไรออกมา


 


“ตราบเท่าที่บุคคลนั้นอยู่ในมหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำ ข้ามั่นใจว่าจะตามหาบุคคลนั้นให้พบได้” อี่หวงตูซุยกล่าว


 


“ข้ารู้เพียงว่าบุคคลนั้นอยู่ในสามมหาทวีปที่เหลือ อาจจะไม่ได้อยู่ในมหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำ ถ้าหากมันง่ายถึงเพียงนั้น ข้าคงไม่ยื่นข้อเสนอออกไป?”


 


อี่หวงตูซิงรู้สึกโกรธขึ้นมาเล็กน้อยแต่ยังคงเก็บเงียบ


 


“อ้ะ? คนๆนั้นเป็นใคร? มีข้อมูลอะไรบ้างหรือไม่?” เช่น รูปวาดของเขา สถานที่คร่าวๆ ความสามารถของเขา…


 


ชิงสุ่ยหยิบรูปวาดของเหยียนจงเยว่ออกมาและชูขึ้น “เขาคือคนๆนี้ เขาเป็นคนที่แข็งแกร่งมาก พวกท่านเริ่มงานกันได้เลย”


 


รูปวาดของเหยียนจงเยว่ช่างคล้ายกับชิงสุ่ยยิ่งนัก แต่ก็ชัดเจนว่าพวกเขาคือคนละคนกัน ในขณะที่กำลังดูรูปวาด อี่หวงตูซิงเข้าใจในทันทีว่าบุคคลนี้มีอยู่จริง ไม่ใช่การที่ชิงสุ่ยเอารูปออกมามั่วๆแล้วให้พวกเขาออกตามหาอย่างยากลำบาก


 


“ชายในรูปวาดนั่นช่างดูคล้ายกับหมอเทวดาชิง” อี่หวงตูซุยยิ้มและกล่าว


 


“ถ้าเป็นเรื่องของสายเลือดแล้ว ข้าคงต้องเรียกเขาว่าท่านพ่อ แต่ข้าไม่เคยพบเขามาก่อนและนั่นเป็นเหตุที่ข้าอยากตามหาเขา” ไม่มีความรู้สึกของสายใยอยู่ในคำพูดของชิงสุ่ยและคนอื่นอาจมองว่าพวกเขาเป็นศัตรูกันเสียด้วยซ่ำ ทำให้ทั้งสองคนรู้สึกอึดอัดและไม่รู้ว่าควรกล่าวอะไรออกมา


 


“นี่เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ว่าทำไมข้าถึงอยู่ที่นี่ คงจะดีมากถ้าหากพวกท่านสามารถให้ข้อมูลของเขาแก่ข้าได้” ถึงจะเป็นเรื่องยากที่ความช่วยเหลือจะมาถึงในเร็ววันนี้แต่พวกเขาก็เป็นถึงตระกูลใหญ่คงมีความสามารถในการค้นหา เพื่อให้ได้ผลลัพธ์โดยไม่ต้องลงมือเอง… ราวกับเป็นการฆ่านกสองตัวด้วยก่อนหินเพียงก้อนเดียว


 


“ตกลง ข้าขอยอมรับเงื่อนไขของหมอเทวดาชิง แต่ในตอนนี้มีใครบางคนในตระกูลอี่ห่วงที่กำลังรอความช่วยเหลือจากท่าน ไม่ทราบว่าท่านสะดวกหรือไม่? ”


 


“แน่นอน!”


 


ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าวตอบ เขารู้ดีว่าตระกูลอี่หวงจะต้องเชื้อเชิญและคงไม่อาจปฏิเสธได้ มนุษย์ทุกคนควรจะปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ แต่จะดีกว่านั้นถ้าสามารถใช้ประโยชน์ซึ่งกันและกันได้


 


“หมอเทวดาชิง ในวันพรุ่งนี้จะเป็นวันเกิดของผู้อาวุโสและคนๆนั้นคือคนที่ต้องการได้รับการรักษา จะเป็นเกียรติอย่างยิ่งหากท่านสามารถเดินทางมาได้ในวันพรุ่งนี้?” อี่หวงตูซิงและกล่าว


 


ชิงสุ่ยพยักหน้า “ถ้าหากว่าเป็นวันเกิดของผู้อาวุโสแห่งตระกูลท่านแล้ว ดังนั้นข้าจะเดินทางไป”


 


เรื่องทั้งหมดเป็นเพราะตระกูลอี่หวงถือเป็นกลุ่มชนชั้นนำและชิงสุ่ยยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะลุกขึ้นต่อกร อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ต้องการคล้อยตามไปตลอดเช่นคนขลาด เมื่อเขาเอาตัวเขาไปเล่นด้วยแล้ว เขาจะค่อยๆดำเนินการอย่างช้าๆ ตระกูลอี่ห่วงคงจะไม่สามารถทะนงตนได้ตลอดไป


 


อี่หวงตูซุยและอี่หวงตูซิงเดินทางกลับไป มันเป็นวันเกิดของผู้อาวุโสแห่งตระกูลอี่หวงและคนๆนั้นเป็นบุคคลที่ต้องการได้รักการรักษา ชิงสุ่ยคิดไม่ตกว่าหากเขาเป็นคนในระดับปราณบรรชาสวรรค์พินาจที่มีการดำรงอยู่ในตระกูลอี่หวงหรือไม่แต่ความเป็นไปได้คงมีอยู่น้อยมาก


 


มีอีกเหตุผลที่ทำให้ชิงสุ่ยตัดสินใจเดินทางไปนั่นคือการนำมาซึ่งความมีชื่อเสียง เขาจะต้องไปเพื่อยกระดับตัวเองให้มากขึ้น เขาจำต้องทำให้ทุกคนๆรู้ถึงการมีอยู่ของเขา


 



 


วันถัดมาชิงสุ่ยและหมอปิศาจไม่ได้รีบออกเดินทางไปยังตระกูลอี่ห่วง พวกเขามาถึงในเวลาก่อนเที่ยง มีผู้คนอยู่มากมายอยู่ในที่แห่งนี้ ทุกๆคนล้วนเป็นชนชั้นสูง


 


อี่หวงตูซุยและอี่หวงตูซิงกำลังกวาดตามองหาใครบางคนอยู่และมันคือชิงสุ่ยที่ปรากฏออกมา ทุกๆคนในตระกูลรู้ดีว่าพวกเขากำลังรอแขกพิเศษบางคนอยู่


 


เมื่อเห็นชิงสุ่ยปรากฏตัวขึ้นอี่หวงตูซุย, อี่หวงตูซิง รวมถึงคนอื่นๆในตระกูลอี่หวงต่างรีบออกมาต้อนรับเป็นอย่างดี ชิงสุ่ยกำลังถือสิ่งของแสดงคำอวยพรที่ถูกคลุมไปด้วยผ้าปักและไม่มีเศษฝุ่นแตะอยู่เลย


 


ชิงสุ่ยยิ้มและให้การทักทายอี่หวงตูซุยและคนอื่นๆ จากนั้นเขาเดินไปยังจุดที่มองเห็นได้ชัดที่สุด ชายชราผู้องอาจนั่งอยู่บนนั้น ชายชราผู้นี้ดูเหมือนจะเป็นคนที่มีอายุมากที่สวมใส่รอยยิ้มเอาไว้บนใบหน้า เขาดูเหมือนกับภูเขาที่สูงส่งเลยทีเดียว


 


ผู้อาวุโสแห่งตระกูลอี่หวงไม่ได้ลุกขึ้นยืน ซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมดา ทุกๆคนรู้ดีว่าเขาสมควรจะนั่งอยู่ที่นั่น ซึ่งสมาชิกคนอื่นๆในตระกูลอี่หวงได้แสดงมารยาทที่ดีต่อชิงสุ่ยแล้ว “ขอให้ท่านผู้อาวุโสมีอายุมั่นขวัญยืนตลอดไป!” ชิงสุ่ยยิ้มและวางสิ่งของแสดงคำอวยพรบนโต๊ะของผู้อาวุโส


 


“หมอเทวดาชิงช่างสง่างามไม่เหมือนใครจริงๆ!” ชายชรายิ้มและกล่าว


 


ชิงสุ่ยรู้ดีว่าชายชราพยายามจะบอกว่าเขาชอบทำตัวให้เด่น แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจและยิ้มกลับไป “เมื่อเทียบกับผู้อาวุโสแล้ว ข้าเป็นเพียงแสงสลัวๆที่เทียบกับพระอาทิตย์และพระจันทร์ที่เฉิดฉายเท่านั้น ก่อนหน้านี้มีผู้ป่วยบางคนที่อยู่ในอาการวิกฤตทำให้พวกเราต้องล่าช้า ต้องขออภัยทุกท่านจริงๆ”


 


“ชื่อเสียงของท่านในฐานะหมอช่างเป็นของจริง หมอเทวดาชิง วันนี้เป็นวันเกิดของข้าและก็มีความเป็นไปได้สูงว่ามันอาจจะเป็นวันสุดท้ายของข้าเช่นกัน ท่านจะช่วยยืดอายุไขของข้าได้หรือไม่?” ชายชรายิ้มให้และกล่าวออกไปตรงๆ


 


ชิงสุ่ยรู้สึกตกใจเล็กน้อยแต่ยังคงร้อยยิ้มเอาไว้และกล่าวไปว่า “ข้าได้ให้คำอวยพรแก่ผู้อาวุโสไปก่อนหน้าแล้วนี่คือบะหมี่ชีวิตยืนยาวและสามารถกินได้เฉพาะในวันเกิดเท่านั้น เมื่อกินไปหนึ่งชามจะทำให้มีอายุยืนยาวหนึ่งปี”


 


เมื่อผู้อาวุโสจากตระกูลอี่หวงได้ยินคำกล่าวของชิงสุ่ย เขาได้เดาเอาไว้แล้วว่าคงเป็นบะหมี่อายุยืนยาว อย่างไรก็ตามเขายังไม่เชื่อในเรื่องนี้ แต่เวลาของเขามีไม่มากแล้วทำได้เพียงแค่ต้องลองกินเท่านั้น


 


ผู้อาวุโสอี่ห่วงค่อยๆเอาผ้าคลุ่มออกจากถ้วยชามอันนั้น มันเป็นชามดินเผาสีขาวที่ประดับประดาอย่างสวยงามและมีลายของวิหคอัคคีประดับอยู่ และบนฝาชามมีรูปวิหัคอัคคีตัวเล็กๆอีกตัวประดับไว้เช่นกัน


 


ดวงตาของชายชราเป็นประกาย แม้ว่าชายชราผู้นี้จะเป็นคนถือมันเอาไว้ ถ้วยชามอันนี้ก็ยังคงดูเปล่งประกายอยู่ แน่นอนมันต้องเป็นเพราะหมอเทวาดาหนุ่มผู้นี้


 


ชายชราค่อยๆเปิดฝาชามออก ไอร้อนข้างในค่อยๆเผยออกมาพร้อมกับกลิ่นหอมอ่อนๆ หลายๆคนถึงกับต้องตกตะลึง เป็นเพราะบะหมี่ชีวิตยืนยาวมีอยู่เพียงไม่กี่ชามเท่านั้นที่เคยปรากฏออกมาและมีเพียงไม่กี่คนที่เคยได้ลิ้มลองมันที่หอคอยจักรพรรดิ แต่ผลลัพธ์ที่เคยได้ยินมาก็ไม่เท่าสิ่งที่ได้เห็นด้วยตาในวันนี้ นี่คือบะหมี่ชีวิตยืนยาว สัญลักษ์แห่งความมีชื่อเสียง สถานะ และฐานะอันมั่งคั่ง


 


“หอมจริงๆ!” แม้แต่ผู้อาวุโสอี่หวงก็อดที่จะชื่นชมไม่ได้


 


“ท่านหมอเทวดาชิง บะหมี่ชีวิตยืนยาวนี้เป็นสิ่งอัศจรรย์จริงๆเช่นนั้นหรือ? เหตุใดท่านจึงไม่ปรุงมันออกมาเพิ่ม?” ชายชราถามอย่างสงบ


 


“ผู้อาวุโส ท่านจะทราบเองเมื่อท่านได้ลองลิ้มรส ถ้าหากท่านสามารถหาปลาชีพนิรันดร์ให้ข้าเพิ่มได้ ข้าก็จะสามารถปรุงมันออกมาได้อีกเช่นกัน ” ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าวอย่างเป็นธรรมชาติ


 


“ไม่ต้องสงสัยเลยว่าปลาชีพนิรันดร์คือสิ่งที่จำเป็นต้องใช้” ชายชราจ้องมองไปยังชิงสุ่ยด้วยท่าทีที่เปลี่ยนไปมาก


 


“บุคคลๆหนึ่งสามารถกินบะหมี่ชีวิตยืนยาวได้กี่ชามกัน?” เป็นไปได้ไหมว่าบุคคลนั้นจะกินมันไปมากมายตราบเท่าที่หาปลาชีพนิรันดร์มาปรุงได้? นอกเหนือจากนั้นปลาชีพนิรันดร์มีข้อจำกัดในการกินหนึ่งถึ


งสองตัวจริงหรือไม่? ถ้าเขาได้กินมันไปก่อนแล้ว”


“ข้ารู้มาว่ามันให้ผลลัพธ์สูงสุดในการยืดอายุถึงห้าสิบปี ข้าก็ไม่มั่นใจเช่นกันว่ามันจะมีผลกระทบอะไรบ้างหรือไม่” ชิงสุ่ยกล่าว


 


ชายชรามีสีหน้ายิ้มแย้มพร้อมพยักหน้าและหยิบบะหมี่ชีวิตยืนยาวขึ้นมากินต่อ


 


ชายชรารีบกินมันอย่างรวดเร็วและเพียงชั่วอึดใจเขาก็จัดการมันเสร็จเรียบร้อย เขาวางชามลงราวกับว่าจะขอเพิ่มอีก หลังจากนั้นเขาหลับตาลงราวกับกำลังพักผ่อน


 


ผู้คนทั้งหลายจ้องมองด้วยความสงสัย พวกเขากำลังรอคำกล่าวจากผู้อาวุโสอี่หวงหลังจากได้กินบะหมี่ชีวิตยืนยาวไป ในไม่นานนักผู้อาวุโสอี่หวงลืมตาขึ้นและมองไปยังชิงสุ่ย “มันเป็นสิ่งที่วิเศษจริงๆ แต่ข้ารู้มาว่าท่านยังมีวิธีอื่นๆอีกในการยืดชีวิตออกไป”


 


“ร่างกายของท่านถูกเติมเต็มไปด้วยสมบัติแห่งสวรรค์และโลกซึ่งนำพาร่างกายของท่านมาถึงขีดจำกัด ในตอนนี้ข้ายังไม่มีวิธีอื่นใด เว้นเสียแต่ว่าข้าจะบรรลุทักษะทางการแพทย์เพิ่มขึ้นอีก ไม่ต้องกังวลไปข้ายืนยันว่าข้าสามารถยืดชีวิตให้ท่านออกไปอีกครั้งภายในห้าสิบปีนี้ ข้าจะบรรลุทักษะทางการแพทย์เพิ่มขึ้นให้ได้ภายในห้าสิบปี แต่ถ้าข้าโชคดีมันอาจะกินเวลาเพียงสิบปีเท่านั้น และโอกาสก็มีอยู่สูงมาก”


 


ชิงสุ่ยไม่มีอาการแสดงออกแต่อย่างใดเมื่อเขากำลังโกหก ในตอนนี้สิ่งที่เขาต้องการคือการขับชายชราคนนี้ออกจากตระกูลอี่หวงด้วยบะหมี่ชีวิตยืนยาว เขาเชื่อว่าอย่างน้อยที่สุดในตอนนี้ตระกุลอี่ห่วงจะไม่ลงมือทำอะไรต่อเขาเพราะพวกเขาไม่รู้วิธีปรุงบะหมี่ชีวิตยืนยาว อีกทั้งมันคงเป็นไปได้ยากที่จะหาปลาชีพนิรันดร์มาได้อย่างทันเวลา แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการที่ไม่รู้วิธีปรุงบะหมี่ชีวิตยืนยาว


 


ชิงสุ่ยได้วางแผนเอาไว้ทุกอย่างแล้วตั้งแต่ได้พบกับชายชรา


บทที่ 1335 – ราชินีผึ้งหยกจักรพรรดิสอดแนม, การกลายพันธุ์ของอสูรแมงมุม, อาณาจักรเทียนฮี่


 


เมื่อชิงสุ่ยรู้ถึงสถานการณ์ของชายชรา เขามีความมั่นใจเรื่องสถานการณ์ต่างๆมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นชีวิตของชราเองก็อยู่ในกำมือของเขาแล้ว ในตอนแรกเขามีความกังวลว่าตระกูลอี่หวงจะข่มขู่เขา แต่ในตอนนี้เขารู้แล้วว่าตนเองคิดผิดไป


 


นอกจากชิงสุ่ยและผู้อาวุโสอี่หวงแล้ว ทุกๆคนต่างรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก คำพูดของผู้อาวุโสอี่หวงทำให้ทุกอย่างชัดเจนขึ้น บะหมี่ชีวิตยืนยาวมีประสิทธิภาพสูงจริงๆ เมื่อมาถึงจุดสิ้นสุดของชีวิตแล้วพวกเขาสามารถยืดอายุของตนออกไปได้ห้าสิบปีเมื่อได้กินบะหมี่ชีวิตยืนยาว


 


ในสถานการณ์ปัจจุบันนี้ เวลาห้าสิบปีถือว่าสั้นมากแต่เมื่อต้องเผชิญกับบั้นปลายของชีวิตแล้ว แม้ว่าห้าปีหรือสิบปีล้วนเป็นเวลาที่มีค่า นับประสากับอะไรหากมีอายุเพิ่มขึ้นได้อีกห้าสิบปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่ยังไม่บรรลุความปราถนาทั้งหมดในชีวิต


 


อีกสิ่งหนึ่งก็คือชิงสุ่ยกล่าวเอาไว้ว่า เขาอาจจะบรรลุวิชาแพทย์ขึ้นไปอีกภายในห้าสิบปีนี้ หรืออาจจะเร็วกว่านั้นถ้าหากเขาโชคดี เมื่อเขาบรรลุแล้ว เขาจะสามาถยืดอายุขัยให้เพิ่มขึ้นได้อีก ถ้าหากเรื่องที่ว่าเป็นความจริง แน่นอนว่าผู้คนจากตระกูลอี่หวงต้องการทดลองมันอย่างแน่นอน ในตอนนี้สิ่งที่พวกเขากำลังคิดอยู่คือการมีสัมพันธฺที่ดีกับหมอเทวดาคนนี้


 


ชิงสุ่ยไม่ได้นำซาลาเปาหยกมาด้วยเพราะมีหลายคนได้ลองกินกันไปแล้ว นอกเหนือจากนั้นผู้คนในวันนี้มีอยู่จำนวนมาก มันคงไม่มากพอที่จะแจกจ่ายให้ทุกคน


 


เป้าหมายของชิงสุ่ยไม่ใช่การขายซาลาเปาของเขา แต่การขายซาลาเปาช่วยสร้างสมบัติให้มากขึ้น และคงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีมากพอสำหรับทุกๆคน นอกเหนือจากบะหมี่ชีวิตยืนยาวแล้วยังมีเหล้าดอกบ๊วยผลิบานอีกด้วย


 


เหล้าดอกบ๊วยผลิบานได้สร้างความปั่นป่วนให้เกิดขึ้นอีกครั้ง เป็นเพราะเหล้าจากหอคอยจักรพรรดิถูกแพร่กระจายไปทั่วเมืองอี่หวงในเวลาอันสั้น ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่ทุกๆคนจะได้ลิ้มลองมัน มันคือแผนของชิงสุ่ยที่จะสร้างชื่อเสียงให้มากขึ้น


 


ผู้อาวุโสอี่หวงมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง เขาไม่เคยได้ลิ้มรสอาหารและเหล้าที่มีรสชาตดีอย่างนี้มาก่อนเลยในชีวิต มนุษย์ทุกคนเกิดมาพร้อมกับสัญชาตญาณในการกินและการสืบพันธุ์ และการกินถือเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด และมันช่วยแสดงให้เห็นว่าอาหารมีความสำคัญเพียงใด


 


“เหล้าดี ท่านหมอเทวดามีมันอยู่จำนวนมากใช่หรือไม่?” ผู้อาวุโสอี่หวงมีท่าทีหยาบคายเล็กน้อยเมื่อกล่าวถึงสิ่งนี้ เพราะเป็นการเรียกขอของขวัญจากผู้ที่เพิ่งมอบของขวัญให้เขาไป


 


“เหล้านี้ใช้เวลามากมายในการทำขึ้นมา มันทำมาจากบ๊วยบุปผชาติที่ต้องมีอายุกว่าพันปีและต้องเก็บไว้อีกหลายพันปีเพื่อให้ได้รสชาตเช่นนี้ รวมถึงบะหมี่ชีวิตยืนยาวที่ใช้วิธีการเตรียมที่ยากกว่าเหล้าอีก” ชิงสุ่ยไม่ได้กล่าวอะไรเพิ่มเติมอีก


 


ผู้อาวุโสจะไม่รู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร? นอกเหนือจากนั้นด้วยสถานะของเขาเอง มันคงไม่สุภาพเท่าไรนักที่กล่าวออกไปเช่นนั้น


 


“ข้ามีอยู่ไม่มากแล้วแต่ข้าสามารถมอบให้ท่านได้อีกสองไห ผู้คนที่ดื่มมันเยอะอาจจะติดมันเข้าก็ได้ และมันอาจทำให้กินเหล้าชนิดอื่นไม่ได้อีกเลย ดังนั้นคงจะเป็นเรื่องดีหากท่านค่อยๆดื่มมันทีละนิด และคงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีมันดื่มไปทั้งชีวิต”


 


“เช่นนั้นแล้วข้าต้องขอขอบใจท่านหมอเทวดามาก ได้เวลาแล้วเริ่มงานเลี้ยงฉลองได้เลย”


 


ทุกๆคนยืนขึ้นเพื่อดื่มอวยพรให้กับผู้อาวุโสอี่หวงก่อนที่จะแยกย้ายไปทำกิจกรรมของตน บางคนไปทำความรู้จักกับคนในตระกูลอี่หวง บางคนก็สร้างสัมพันธ์กับผู้คนรอบๆ ซึ่งทำให้เกิดความมีชีวิตชีวาเป็นอย่างมาก


 


อย่างไรก็ตาม ชิงสุ่ยไม่ได้เข้าไปทำความรู้จักกับใครอีก เขาวางตัวให้ดูห่างเหินกับคนอื่นๆ เพื่อสร้างศักดิ์ศรีของเขาในฐานะหมอเทวดาขึ้นมา ด้วยเหตุนี้ในอนาคต ผู้คนจะคอยพึ่งพาเขาในฐานะหมอเทวดา


 


ชิงสุ่ยไม่ได้ใช้เวลาอยู่ต่อ เขาลุกขึ้นยืนพร้อมกล่าวอำลาผู้คนในตระกูลอี่หวง ผู้คนในตระกูลอี่หวงต่างรั้งตัวให้เขาอยู่ต่อ ชิงสุ่ยและหมอปิศาจกล่าวปฏิเสธอย่างสุภาพ พวกเขาไม่อยากสร้างมิตรกับคนในตระกูลอี่หวง


 


นอกเหนือจากชิงสุ่ยแล้วมีผู้คนไม่มากนักที่สามารถออกจากงานเลี้ยงตอนต้นได้ นอกเหนือจากจะมีภาระหน้าที่ที่สำคัญจริงๆ พวกเขาล้วนต้องอยู่จนงานเลี้ยงเลิกรา ผู้คนที่ทรงพลังมักทำให้ตัวเองรู้สึกมีเกียรติด้วยการปรากฏตัวขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ แต่ในทางตรงกันข้ามคนที่ด้อยกว่าจะต้องอยู่ไปจนจบงาน


 


ผู้อาวุโสอีห่วงถือเป็นหนึ่งในบุคคลชั้นสูง แม้ชิงสุ่ยจะไม่รู้ถึงระดับที่แท้จริงของเขา แต่ก็มั่นใจว่าไม่ใช่คนในระดับปราณบรรชาสวรรค์พินาจ ถ้าหากมีบุคคลในระดับปราณบรรชาสวรรค์พินาจอยู่ในตระกูลอี่หวง บุคคลผู้นั้นคงยังไม่เผยตัวออกมา


 


ชิงสุ่ยไม่แน่ใจว่าพลังของผู้อาวุโสอี่หวงอยู่ในระดับใดระหว่างสามแสนสุริยาถึงห้าแสนสุริยา


 


เมื่อคิดถึงความสามารถขึ้นมาแล้ว ชิงสุ่ยย้อนกลับไปที่ตระกูลชิงอีกครั้ง ในตอนนี้พลังของเขาถูกจัดอยู่ในขั้นสูงและถือเป็นบุคคลที่สำคัญ อีกทั้งยังมีความสามารถในการรักษาอีกด้วย มันไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไปเมื่อเขาเผชิญหน้ากับผู้ที่มีพลังต่ำกว่าหนึ่งแสนห้าหมื่นสุริยา


 



 


เวลาช่างผ่านไปรวดเร็ว ในที่สุดก็ผ่านไปสองเดือน


 


ทุกๆอย่างดำเนินไปย่างราบรื่นแต่เขาก็ยังไม่ได้บรรลุพลังเพิ่มเติม เหล่าสัตว์อสูรของเขากำลังพัฒนาตัวเองขึ้นด้วยความเร็วที่น่ากลัว มีบางอย่างปรากฏขึ้นที่จุดตันเถียนของชิงสุ่ย ซึ่งเป็นผลที่เขาได้รับพลังมาจากมังกรไอยราเกล็ดทองคำ แม้ว่าจะไม่ได้มากมายนัก แต่โดยรวมก็ถือว่าดี ชิงสุ่ยไม่ได้รีบร้อนที่จะผสานมันเข้า


 


ภายในสองเดือนนี้ สิ่งที่ทำให้ชิงสุ่ยดีใจคงเป็นหมูป่านักล่าสมบัติและราชินีผึ้งหยกจักรพรรดิที่กลายมาเป็นสูรโอสถแห่งจิตวิญญาณขั้นสาม สมุนไพรเยียวยาในดินแดนหยกยุพราชอมตะที่กำลังเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ชิงสุ่ยไม่ได้มองมันจากอายุแต่มองจากผลที่ให้ต่างหาก ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีถ้ามันมีผลต่อทางการแพทย์


 


รูปร่างของหมูป่านักล่าสมบัติไม่ได้เปลี่ยนไปนัก มันยังคงน่ารักเช่นเดิมแต่ความเร็วของมันถูกเพิ่มขึ้นและรุนแรงขึ้น ในขณะที่ราชินีผึ้งหยกจักรพรรดิได้ให้กำเนิดราชินีผึ้งหยกจักรพรรดิออกมากลุ่มหนึ่ง อย่างไรก็ตามราชินีผึ้งหยกจักรพรรดิกลุ่มนี้มีความต่างกับผู้ให้กำเนิดอย่างชัดเจนและยังมีจิตแห่งปราณอยู่ภายในร่างกายอีกด้วย นี่คงเป็นความจริงที่ว่าราชินีผึ้งหยกจักรพรรดิได้กลายเป็นอสูรโอสถแห่งจิตวิญญาณไปแล้ว


 


แน่นอนว่าเหล่าราชินีผึ้งหยกจักรพรรดิวัยเยาว์เหล่านี้ไม่ได้เป็นอสูรโอสถแห่งจิตวิญญาณ แต่พวกมันถือเป็นสัตว์อสูรแห่งจิตวิญญาณ ชิงสุ่ยให้อาหารพวกมันด้วยน้ำหวานแห่งราชินีผึ้งจากราชินีผึ้งหยกจักรพรรดิซึ่งเป็นถึงอสูรโอสถแห่งจิตวิญญาณขั้นสาม ไม่เพียงเท่านี้ชิงสุ่ยยังใส่ผลึกเสริมกายาลงไปน้ำหวานแห่งราชินีผึ้งอักด้วย


 


เหตุผลที่ชิงสุ่ยทำสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เพราะต้องการให้ ราชินีผึ้งหยกจักรพรรดิวัยเยาว์กลายมาเป็นสัตว์อสูรที่ทรงพลังแต่ต้องการให้พวกมันกลายเป็นผึ้งสอดแนมมากกว่า ชิงสุ่ยรู้ตัวว่าตนเองนั้นยังมีข้อมูลที่ไม่มากพอเขาจึงหวังว่าจะให้ราชินีผึ้งหยกจักรพรรดิพวกนี้เป็นหน่วยที่สืบหาข้อมูลมาให้ เพื่อที่จะกลายมาเป็นหูและเป็นตาให้เขา


 


นี่เป็นสิ่งที่ราชินีผึ้งหยกจักรพรรดิได้สื่อสารกับชิงสุ่ยเช่นกัน ในตอนแรกชิงสุ่ยต้องการเลี้ยงดูอย่างอื่นเพื่อให้มันเป็นฝ่ายเสาะหาข้อมูลให้กับเขา แต่ในตอนนี้เขาขอลองดูก่อนว่าราชินีผึ้งหยกจักรพรรดิมีความสามารถพอหรือไม่และค่อยตัดสินใจอีกครั้ง อย่างไรก็ตามชิงสุ่ยยังไม่มั่นใจในความสามารถของพวกมันนัก


 


สาเหตุที่ต้องเรียกพวกมันว่าสัตว์อสูรแห่งจิตวิญญาณเป็นเพราะการติดต่อสื่อสารของพวกมันและยังสามารถเข้าใจในภาษามนุษย์อีกด้วย แม้ว่าพวกมันไม่ฉลาดเท่ากับพวกมนุษย์ แต่ก็มีความสามารถพิเศษบางอย่างในบางพื้นที่ เช่น ความสามารถในการหาข้อมูลของพวกผึ้งสอดแนม


 


พวกผึ้งและสิ่งมีชีวิตจำพวกมดมักอยู่กันเป็นกลุ่มและสามารถแบ่งหน้าที่ต่อกันได้ดังเช่น ทหาร แรงงาน และแน่นอนว่าต้องมีกลุ่มที่คอยสืบเสาะหาข้อมูล และชิงสุ่ยเลือกที่จะฝึกฝนเหล่าราชินีผึ้งหยกจักรพรรดิ


 


เขาต้องการใช้เวลาอยู่บ้างแต่ในดินแดนหยกยุพราชอมตะแห่งนี้ มันคงใช้เวลาไม่นานนัก อีกสิ่งหนึ่งคือเรื่องของอสูรแมงมุมมังกรเจ็ดเศียร เขาไม่รู้ว่าอสูรแมงมุมมังกรเจ็ดเศียรได้เกิดการกลายพันธุ์หรือไม่ หรือบางส่วนของมันถูกพัฒนาขึ้นแล้ว


 


มันอาจกลายเป็นอสูรแมงมุมโพรงดิน อสูรแมงมุมกาฝาก อสูรแมงมุมพิษ อสูรแมงมุมวชิระ อสูรแมงมุมอัสนี หรืออาจเป็นอสูรแมงมุมชักใย


 


ชิงสุ่ยชอบการที่อสูรแมงมุมกลายพันธุ์ เป็นเพราะความสามารถของพวกมันจะถูกยกระดับขึ้น อสูรแมงมุมโพรงดินจะสามารถเคลื่อนไหวไปมาได้ในใต้ดิน รวมถึงการลอบโจมตี อสูรแมงมุมกาฝากสามารถวางไข่ที่เป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว แม้เป้าหมายของมันจะแข็งแกร่งดังเหล็กกล้าก็ตาม อีกทั้งอสูรแมงมุมจำพวกนี้เป็นหนึ่งในสิ่งที่ผู้คนหวาดกลัวที่สุด


 


อสูรแมงมุมพิษที่เต็มไปด้วยสีดำบนร่างกายและปล่อยกลิ่นอายอันมืดมัวออกมา พิษของมันมีฤทธิ์เท่าเทียมกับพังพอนหมื่นพิษเลยทีเดียว แต่ด้วยจำนวนของพวกมันแล้วพังพอนหมื่นพิษคงไม่อาจต่อกรด้วยได้


 


อสูรแมงมุมวชิระมีสีทองไปทั่วทั้งตัวและรับการโจมตีที่น่ากลัวได้ เมื่อเป้าหมายถูกรัดด้วยขาและเส้นใยของพวกมันก็ต้องพบกับจุดจบ


 


อสูรแมงมุมอัสนีสามารถเคลื่อนไหวได้รวดเร็วราวกับกระโดดไปมา สิ่งนี้มีประโยชน์อย่างยิ่งในการทำลายการโจมตีอันทรงพลังของฝ่ายตรงข้าม อีกทั้งพวกมันยังมีขาที่แหลมคนอีกด้วย


 


ส่วนอสูรแมงมุมชักใยมีความสามารถดั่งชื่อของพวกมัน และไม่มีความสามารถพิเศษใดๆเพิ่มอีก เพียงแต่ใยของพวกมันมีความแข็งแรงและเหนียวเป็นอย่างมาก แน่นอนว่ามันแข็งแรงกว่าใยทั่วๆไปกว่าสิบเท่า แต่พวกมันก็ยังอ่อนแอกว่าเมื่อเทียบกับอสูรแมงมุมมังกรเจ็ดเศียร


 


การกลายพันธุ์เหล่านี้เกิดจากไข่ที่ถูกวางโดยอสูรแมงมุมมังกรเจ็ดเศียรหลังจากที่มันมีเศียรมังกรเพิ่มออกมา นี่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมชิงสุ่ยจึงรู้สึกได้ว่ามีการกลายพันธุ์ของอสูรมงกุฎเจ็ดเศียร โดยรวมแล้วถือเป็นเรื่องที่ดี


 


เรื่องเหล่านี้เป็นผลดีสำหรับตัวชิงสุ่ยที่จะมีกองทัพอสูรแมงมุมมากมาย


 


ในตอนนี้หอคอยจักรพรรดิถือเป็นจุดสนใจ ไม่เพียงแค่ผู้คนจากเมืองอี่หวงเท่านั้นที่รู้ถึงการมีอยู่ของสถานที่แห่งนี้ แม้แต่ที่อื่นๆในอาณาจักรอี่หวงรวมถึงอาณาจักรอื่นๆก็เดินทางมาเพื่อรับการรักษา ชื่อเสียงของชิงสุ่ยมีมากขึ้นและมากขึ้นเรื่อยๆ


 


ชิงสุ่ยไม่มีสิ่งใดให้กลัวอีกแล้ว ข้อดีของการที่เขาแสดงตัวว่าเป็นหมอคือไม่มีผู้ใดหมายปองจะสังหารเขา แน่นอนว่าย่อมมีสิ่งที่ยกเว้นอยู่นั่นคือบุคคลที่อยู่ในตำแหน่งเดียวกัน อย่างไรก็ตามโอกาสที่จะเกิดเรื่องพวกนี้ขึ้นมีอยู่น้อยมาก เนื่องจากบุคคลที่อ่อนแอกว่าเขาย่อมมิอาจทำเรื่องเหล่านี้ได้และผู้ที่แข็งแกร่งกว่าต่างพากันเชื่อเชิญให้เขาร่วมเป็นพรรคพวก


 


อีกเหตุผลก็คือเหล่าหมอที่มากด้วยฝีมือมักถูกคุ้มครองโดยผู้ที่มีพลังอำนาจ ตัวอย่างเช่น การที่ตระกูลอี่หวงต้องการจะทำงานร่วมกับชิงสุ่ย แต่ช่างน่าสงสารที่ตระกูลอี่หวงยังไม่ได้ข่าวคราวของเหยียนจงเยว่เลย


 


ชิงสุ่ยไม่ได้รู้สึกประหลาดใจแต่อย่างใด เขารู้ว่าการหาตัวเหยียนจงเยว่ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายนัก อีกสิ่งที่เขาไม่แน่ใจคือรูปร่างที่เปลี่ยนไปของหยียนจงเยว่หรือความทรงจำที่เลือนลางของตัวเขา ดังนั้นชิงสุ่ยจึงไม่ได้หวังอะไรมากมายกับตระกูลอี่หวง


 


“พี่ชาย ท่านรู้เกี่ยวกับนิกายสาปอสูรบ้างหรือไม่?”


 


เวลาส่วนใหญ่ของชิงสุ่ยที่อยู่ในหอคอยจักรพรรดิต่างหมดไปกับการเรียนรู้ด้านการปรุงอาหาร แน่นอนว่าเขามีอย่างอื่นให้ทำอีกมากมาย ในตอนนี้ลี่จี๋ได้ตั้งครรภ์เป็นเวลากว่าสามเดือนแล้วและต้องการได้รับการพักผ่อนที่มากขึ้น


 


“นิกายสาปอสูรเป็นผู้ปกครองแห่งอาณาจักรอสูรศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นหนึ่งในอาณาจักรที่แข็งแกร่งกว่าอาณาจักรอี่หวง นิกายสาปอสูรย่อมเป็นอีกนิกายที่แข็งแกร่งกว่าตระกูลอี่หวงเช่นกัน” หมอปิศาจไม่เข้าใจว่าเหตุใดชิงสุ่ยจึงถามถึงนิกายสาปอสูรขึ้นมา


 


“เช่นนั้นแล้วอาณาจักรอสูรศักดิ์สิทธิ์ตั้งอยู่ที่ใดกัน? มันอยู่ไกลจากอาณาจักรอี่หวงแห่งนี้หรือไม่? ชิงสุ่ยไม่คาดคิดมาก่อนว่านิกายสาปอสูรจะทรงพลัง ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมีผู้ฝึกยุทธิ์ในระดับปราณบรรชาสวรรค์พินาจอยู่”


 


“พวกมันถูกคั่นอยู่โดยอาณาจักรเทียนฮี่”


 


“อาณาจักรเทียนฮี่?” ชิงสุ่ยรู้สึกว่าตนเองได้ละเลยสิ่งที่สำคัญไป


 


“อาณาจักรเทียนฮี่ถือเป็นอาณาจักรที่มีความเป็นเอกลักษณ์ แม้ว่าจะมีเขตแดนอยู่ห่างจากเมืองหลวงของมหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำและไม่ถูกจัดว่าเป็นส่วนหนึ่งของทวีป แต่ก็ไม่มีใครละเลยการดำรงอยู่ของพวกเขาได้ ข้าก็ไม่มั่นใจเช่นกันแต่ข้ารู้มาว่าอาณาจักรเทียนฮี่นั้นทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง และมีผู้คนอยู่จำนวนไม่มากจากมหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำที่จะกล้าต่อกรกับพวกเขา”


 


“อาณาจักรเทียนฮี่แข็งแกร่งเช่นนั้นหรือ? หรือพวกเขาครอบครองพลังบางอย่างเลยทำให้ดูแข็งแกร่ง?” ชิงสุ่ยให้ความเห็นเล็กน้อยและกล่าวถาม


 


“เมืองเทียนฮี่เป็นเมืองหลวงของอาณาจักรเทียนฮี่ ตระกูลเทียนฮี่เป็นผู้สืบทอดมรดกและปกครองต่อๆกันมาโดยไม่เสื่อมถอยลง มีคนจำนวนน้อยจากมหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำเท่านั้นที่จะสามารถเทียบเคียงกับตระกูลเทียนฮี่ได้” หมอปิศาจยิ้มและกล่าวออกมา


 


อาณาจักรเทียนฮี่และอาณาจักรอี่หวงมีความใกล้ชิดซึ่งกันและกัน โดยเมืองเทียนฮี่ถือเป็นเมืองที่อยู่ใกล้ที่สุดในอาณาจักรเทียนฮี่ อย่างไรก็ตามอาจจะมีพื้นที่ว่างคั่นกลางอยู่ระหว่างสองอาณาจักรทำให้ไม่ทราบว่าเมืองเทียนฮี่แท้จริงแล้วอยู่ใกล้อาณาจักรอี่หวงเพียงใด


 


ชิงสุ่ยรู้สึกว่าเขาจะต้องเพิ่งพลังขึ้นให้สูงกว่านี้ หลังจากนั้นเขาจะสามารถยืนอยู่ในเมืองหลวงของมหาทวีปได้และออกตามหาหญิงสาวจากพระราชวังจอมอสูร แต่ก่อนจะไปถึงขั้นนั้น เขาจะต้องบรรลุระดับปราณบรรชาสวรรค์พินาจให้ได้เสียก่อน


 


ปราณบรรชาสวรรค์พินาจ… สามปี? ห้าปี? หรือสิบปีกันนะ? ต้องใช้เวลาอีกเท่าไรกัน? โอสถหยาง… เขาวางแผนที่จะหลอมรวมกับโอสถหยางในเร็วๆนี้


บทที่ 1336 – ทักษะรักษาห่วงวิญญาณของชิงสุ่ย, หวู๋หวู่น้อย, หญิงสาวทั้งสองออกจากการเก็บตัวฝึกวิชา


 


เขาคงต้องใช้งานโอสถหยางในเร็วๆนี้แล้ว นี่อาจเป็นปัจจัยสำคัญ แม้ว่าเขาจะยังไม่ได้ประโยชน์มากมายจากโอสถหยางในเร็ววันนี้ แต่ก็ยังมีครอบครัวและมิตรสหายรอบๆตัวเขา ตราบที่พวกเขายังมีความต้องการใช้งานโอสถหยาง ความสามารถของพวกเขาจะถูกเพิ่มอย่างก้าวกระโดด


 


ด้วยเวลาอันแสนสั้น ชิงสุ่ยจะมีความแข็งแกร่งขึ้น อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุด สิ่งที่สำคัญจริงๆก็คือการทำให้พลังมีความมั่นคงขึ้น ชิงสุ่ยใช้เข็มแห่งชีวิตและความตายเพื่อเสริมสร้างพลังให้กับตนเองเพื่อพัฒนาวิชากายาทองคำเก้าหยาง


 


วิชากายาทองคำเก้าหยางของเขาในตอนนี้อยู่ในขั้นสมบูรณ์แบบ เขาไม่รู้เช่นกันว่ามันจะพัฒนามาถึงขั้นนี้ เส้นใยโลหิตทองคำอินทนิลในกระแสเลือดของคำมีความหนาขึ้นกว่าสองเท่า พลังในกระแสเลือดของเขาทำให้ความสามรถของชิงสุ่ยถูกเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตามสิ่งถูกพัฒนามากขึ้นที่สุดคือความเสียหายที่เขาสามารถระเบิดมันออกมาได้


 


ในวันนี้ชิงสุ่ยรู้สึกต้องการเดินทางกลับไปยังมหาทวีปอู่เซียตะวันตกเพื่อเยี่ยมเยียนเสียหน่อย ทั้งหมดก็เพราะเป็นเวลานานมากแล้วที่เขากลับไปเยี่ยมองค์หญิงใหญ่และคนอื่นๆ


 


ชิงสุ่ยบอกกล่าวเรื่องนี้กับหมอปิศาจ ในระยะเวลานี้แม้ความสามารถของเขาจะตามหลังชิงสุ่ยอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันกับก่อนหน้าแล้ว แน่นอนว่าที่เขาพัฒนาขึ้นรวดเร็วเช่นนี้เกิดจากทักษะรักษาห่วงวิญญาณอันแข็งแกร่งของเขา


 


หมอปิศาจสอนทักษะรักษาห่วงวิญญาณแก่ชิ่งสุ่ย ซึ่งในตอนแรกชิงสุ่ยไม่ต้องการที่จะเรียนมัน แต่เขาก็มิอาจปฏิเสธน้ำใจของหมอปิศาจนี้ได้ ผู้คนทั้งหลายคงไม่รู้สึกอึดอัดหรอกถ้าพวกเขามีทักษะที่มากมาย ยิ่งไปกว่านั้นทักษะรักษาห่วงวิญญาณสามารถยืดอายุขัยของคนออกไปได้ถึงสามวัน สำหรับชิงสุ่ยเองแล้วภายสามวันสามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้มากมายหลายอย่าง


 


แน่นอนว่าเมื่อชิงสุ่ยได้เรียนรู้ทักษะรักษาห่วงวิญญาณแล้ว เขาก็ต้องพบว่ามันไม่ได้ง่ายดั่งที่หมอปิศาจได้บอกเอาไว้ วินิจฉัยและยืดอายุขัยสามวันของบุคคลเป็นเพียงขั้นตอนเบื้องต้นเท่านั้น


 


อาจเป็นเพราะหมอปิศาจทำสิ่งเหล่านี้ซ้ำๆมาตลอดแต่ชิงสุ่ยชอบเรียนและทดลองสิ่งใหม่ๆตลอดเวลา เขาค้นพบความสามารถอื่นๆที่แฝงมากับทักษะรักษาห่วงวิญญาณอีกเช่นกัน เช่น เมื่อทักษะรักษาห่วงวิญญาณหลอมรวมเข้ากับร่างกายและปราณจากเคล็ดเสริมกายาบรรพกาลแล้ว มันช่วยให้สามารถเสริมสร้างการป้องกันขึ้นได้ ซึ่งมีความแข็งแกร่งกว่าการใช้ทักษะปราการจู่โจมเสียอีก


 


เมื่อเทียบกับปราณแห่งการหวนคืนของชิงสุ่ยแล้ว มันอาจจะช่วยกระตุ้นพลังในร่างกายและช่วยให้เพิ่มอายุขัยขึ้นอีกเช่นกัน


 


อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้ยังไม่ทำให้ชิงสุ่ยประหลาดใจมากนัก เรื่องที่น่าตกใจก็คือการใช้มันร่วมกับพลังเส้นทางแห่งสวรรค์ส่งผลให้พลังมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตั้งแต่ที่เขาสามารถก้าวไปสู่เส้นทางแห่งสวรรค์ได้แล้ว เขาพยายามคิดถึงเรื่องการใช้พลังเหล่านี้ในการต่อสู้มาตลอด เขาไม่คิดมาก่อนว่าเมื่อใช้มันกับสิ่งอื่นๆจะให้ผลดีเช่นนี้


 


เคล็ดเสริมกายา… ชิงสุ่ยใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับสิ่งเหล่านี้ ด้วยมังกรไอยราเกล็ดทองคำและเคล็ดวิชาทวิบ่มเพาะไร้นาม เขาต้องการมั่นใจว่ารากฐานของเขาจะถูกเสริมสร้างอย่างไม่หยุดหย่อน ซึ่งมันทำให้เขาสามารถเพิ่มความสามรถแก่ตนเองขึ้นไปได้อีก


 


แม้ว่าผลลัพธ์จะยังออกมาไม่ดีเท่าที่ควรแต่ชิงสุ่ยเองก็ยังพอใจกับมันมาก เคล็ดเสริมกายาบรรพกาลเป็นการเสริมพลังให้กับร่างกายและกายาทองคำเก้าหยางช่วยเสริมให้สมบูรณ์ขึ้นอีกขั้น เขาหวังว่าเมื่อเวลานั้นมาถึงโอสถหยางจะช่วยเพิ่มความสามารถให้กับเขาอย่างมหาศาล


 


เมื่อหมอปิศาจรู้ว่าชิงสุ่ยต้องการจะออกเดินทาง เขาไม่ได้รู้สึกแปลกใจแต่อย่างใด ด้วยระยะเวลาเหล่านี้ชิงสุ่ยมักจะออกไปที่อื่นๆ เป็นเวลาแปดถึงสิบวันในทุกๆเดือน และเรื่องเหล่านี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นประจำ


 


เมื่อชิงสุ่ยเดินทางมาถึง อี่หวงกู่หวู๋กำลังอ่านตำราและนั่งลงอยู่บนที่นอนอันแสนนุ่ม นางดูเงียบสงบและแฝงไปด้วยความฉลาดราวกับเป็นบุคคลในภาพวาด เมื่อนางหันกลับมาและพบกับชิงสุ่ย นางถึงกับอุทาน “เจ้ากลับมาแล้ว!”


 


“เจ้ากำลังมองหาสิ่งใดอยู่เช่นนั้นหรือ?” ชิงสุ่ยนั่งลงข้างๆและโอบลงที่เอวของนาง


 


“ไม่มีเสียหน่อย อ้อ ใช่แล้ว ลู่หยานและหยวนเอ๋อได้ออกมาจากการเก็บตัวฝึกวิชายุทธแล้ว” อี่หวงกู่หวู๋ปิดตำราลงพร้อมกล่าวพร้อมรอยยิ้ม


 


“พวกนางออกมาแล้ว? พวกนางเป็นอย่างไรกันบ้าง?” ชิงสุ่ยถามด้วยความประหลาดใจ


 


“ถือว่าไม่เลวเลย พวกนางแข็งแกร่งขึ้นเป็นอย่างมาก แต่ถ้าเจ้าช่วยได้อีกแรง พวกนางจะพัฒนาไปได้ไกลกว่านี้อีก”  อี่หวงกู่หวู๋ยิ้มพร้อมกับผลักตัวชิงสุ่ยลงไปยังที่นอนพร้อมใช้ร่างกายอันสวยงามทับลงไปที่ตัวชิงสุ่ย ในตอนชิงสุ่ยรู้สึกว่าเลือดในร่างกายของเขากำลังเดือดพล่าน


 


“รายกาจยิ่งนัก!”


 


ชิงสุ่ยไม่ได้ถอยกลับและจูบลงไปที่ริมฝีปากอันน่าเย้ายวนของนาง ในขณะที่ใช้เมือลูบเล้าไปยังภูเขาทั้งสอง อี่หวงกู่หวู๋รีบโต้ตอบกลับทันที ลิ้นของนางกำลังพัวพันอยู่กับชิงสุ่ยในตอนนี้


 


เป็นเวลากว่าสองเดือนแล้วที่เกิดเรื่องนั้นขึ้น ชิงสุ่ยได้เดินทางกลับมากว่าสองครั้งในช่วงนี้แต่ก็ไม่มีที่ท่าว่าจะได้ทำมันอีก อย่างไรก็ตามพวกเขายังคงสัมผัสและจูบซึ่งกันและกัน ชิงสุ่ยอยากจะกล่าวกับนางว่าพวกเขาสามารถทำมันได้อีก แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างจึงหยุดความคิดนั้นเอาไว้ก่อน


 


รออีกเสียหน่อย สิ่งดีๆมักจะคู่ควรกับการรอคอยเสมอ


 


เขาซุกศีรษะเข้าไปยังชุดคลุมของนางตรงเข้าไปหาเนินทั้งสอง พร้อมสูดหายใจเข้าอย่างกับคนตะกละตะกลาม  อี่หวงกู่หวู๋มองไปยังชิงสุ่ยและใบหน้าของหน้าเริ่มเปลี่ยนไปเล็กน้อย


 


“ปรมจารย์ป้า จำสิ่งที่ข้าเคยกล่าวเอาไว้ได้หรือไม่ ท่านควรจะรู้เรื่องร่างกายของตนเอง ตัวข้าเองมีกายาเก้าหยาง แม้ว่าพวกเราจะสามารถทำมันได้ในตอนนี้ แต่ได้โปรดรออีกหน่อย เช่น เมื่อข้าสามารถไปถึงอาณาจักรพลังปราณบรรชาสวรรค์พินาจได้แล้ว ข้าจะสามารถมีสัมพันธ์กับท่านได้โดยปราศจากปัญหาใดๆ” ชิงสุ่ยรู้ดีว่าเขาควรให้ความหวังแก่นางเสียหน่อยและถือเป็นเรื่องใหญ่เสียด้วย


 


เมื่อได้ยินคำพูดของชิงสุ่ย ดวงตาขออี่หวงกู่หวู๋ก็เบิกกว้างขึ้น นางไม่มีปัญหาใดๆกับคำพูดของชิงสุ่ย ยิ่งไปกว่านั้นร่างกายของนางมีความอ่อนไหวเป็นอย่างมาก เรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งที่แล้วทำให้นางรู้ดีว่าร่างกายของชิงสุ่ยมีความเป็นเอกลักษณ์ ความอบอุ่นที่มาจากร่างกายของเขาทำให้นางรู้สึกผ่อนคลายจริงๆ มันมีความน่าดึงดูดมาก ราวกับเป็นแรงดูดของแม่เหล็กขั้วเหนือและใต้เลยทีเดียว


 


ซึ่งตรงกับเหตุผลที่ว่าในครั้งแรกที่อี่หวงกู่หวู๋และชิงสุ่ยได้พบกัน นางทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกราวกับว่านางเป็นคนเข้าถึงยาก เพราะร่างกายของนางได้สัมผัสกับความรู้สึกบางอย่างที่ถูกปล่อยออกมาจากร่างกายของชิงสุ่ย อย่างไรก็ตามนางไม่อยากทำให้ชิงสุ่ยเกิดความลำบากใจ ดังนั้นไม่ว่าชิงสุ่ยจะกล่าวอะไรออกมา นางยังคงไม่เชื่อมันทั้งหมด


 


แต่ถึงอย่างนั้น นางยังคงฝันและหวังไว้ว่าสักวันหนึ่งนางจะกลายเป็นของเขาในที่สุด นางรู้สึกว่าโอกาสนั้นมีน้อยลงขึ้นทุกที แม้ว่าร่างกายของชิงสุ่ยจะไม่เลวนักแต่ร่างกายของนางต่างหากที่เป็นปัญหา


 


แต่เมื่อนางได้ยินสิ่งที่ชิงสุ่ยกล่าวออกมาในวันนี้ ทำให้นางรู้สึกว่าคงเชื่อถือได้ ถ้าชิงสุ่ยสามารถบรรลุระดับปราณบรรชาสวรรค์พินาจได้แล้ว เรื่องเหล่านี้อาจเป็นไปได้ขึ้นมา เมื่อคิดย้อนกลับไปนางรู้สึกว่านางตัดสินใจได้ดีจริงๆ เป็นเพราะนางรู้สึกว่าชิงสุ่ยเป็นคนที่สามารถบรรลุระดับปราณบรรชาสวรรค์พินาจได้ เพียงแค่ต้องให้เวลากับเขาเสียหน่อย ซึ่งความหวังเหล่านี้อาจเป็นจริงขึ้นมา


 


“เช่นนั้นแล้วข้าจะถือว่ามันเป็นคำสัญญา เมื่อเจ้าสามารถบรรลุขั้นปราณบรรณชาสวรรค์พินาจพวกเราจะทำมันอีกครั้ง…”อี่หวงกู่หวู๋กล่าวพร้อมก้มหน้าลง


 


“ทำอะไรเช่นนั้นหรือ? เจ้าหวู๋หวู่น้อย?” ชิงสุ่ยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ในขณะที่มองไปยังหญิงสาว


 


อี่หวงกู่หวู๋รู้สึกตกใจเพราะชิงสุ่ยได้เรียกชื่อเล่นของนางออกมา ไม่ใช่ว่าเพราะนางรู้สึกอ่อนแอหรือเพราะความรู้สึกเขินอาย แต่นางกลับรู้สึกมีความสุขมาก นางไม่คาดคิดมาก่อนว่าชายหนุ่มคนนี้จะเรียกนางว่าหวู๋หวู่น้อยอย่างสนิทสนม สีหน้าของนางเป็นประกายขึ้นเล็กน้อย นางจ้องมองชิงสุ่ย “ชิงสุ่ย ข้ามีความสุขมากๆในวันนี้”


 


“ในภายภาคหน้า ท่านจะมีความสุขตลอดไป ข้าให้สัญญาว่าจะทำให้ท่านเป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุด”


 


“ข้าเชื่อในตัวเจ้า”


 


“ท่านปรมจารย์ป้า…”


 


“ข้าไม่ชอบให้เจ้าเรียกข้าเช่นนั้น” อี่หวงกู่หวู๋ใช้มือทั้งสองคล้องคอของชิงสุ่ยเอาไว้และกล่าวออกมาด้วยเสียงน่ารัก


 


“หวู๋หวู่น้อย…”


 


“มันน่าสะอิดสะเอียนเกินไป… เจ้าสามารถเรียกข้าด้วยชื่อนั้นเมื่อมีแค้เพียงเราสองคนเท่านั้น”


 


“ในตอนนี้ก็มีแค่เพียงสองเรา”


 


“หืมมมม!”


 


“มีคนจากตระกูลอี่หวงมาพบข้า” ชิงสุ่ยพยายามจะบอกเรื่องเหล่านี้ต่ออี่หวงกู่หวู๋


 


“หืม เป็นอย่างที่คาดเอาไว้จริงๆ ถ้าเจ้าไม่สามารถปฏิเสธพวกมันได้ เช่นนั้นเจ้าก็คล้อยตามไปก็แล้วกัน เพียงแต่อย่าถลำลึกเข้าไปมากและปล่อยให้พวกมันได้ใจไว้ก่อน” อี่หวงกู่หวู๋มองไปยังชิงสุ่ยและกล่าวอย่างสงบ นางไม่อยากให้ปัญหาเกิดขึ้นกับชิงสุ่ย เป็นเพราะตระกูลอี่หวงไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะต่อต้านได้ในตอนนี้


 


“ข้ายังไม่ได้ร่วมมือกับพวกเขาเสียทีเดียว ข้าให้พวกเขาช่วยเหลือบางอย่างและจะร่วมมือก็ต่อเมื่อพวกเขาทำได้สำเร็จ เมื่ออยากร่วมมือด้วยกันแล้ว พวกเขาควรแสดงความจริงใจออกมาเสียหน่อย ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีทางเลือกเลยต้องตกลงกับข้าไป นอกเหนือจากนั้นในไม่นานนักท่านคงพร้อมที่จะต่อกรกับตระกูลอี่หวงแล้ว เมื่อเวลานั้นมาถึง ข้าจะอยู่ข้างๆท่าน” ชิงสุ่ยกล่าวอย่างสบายใจ


 


“มันคงต้องใช้เวลาอีกยาวนาน ต้องขอบใจเจ้าเรื่องเคล็ดรูปแบบพยัคฆ์ เมื่อข้าบรรลุวิชานี้ขึ้นไป มันจะช่วยเพิ่มความสามารถของข้าขึ้นอีก และข้าจะสามารถขึ้นไปยืนอยู่ในระดับเดียวกันกับตระกูลอี่หวงได้” อี่หวงกู่หวู๋รู้ดีว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะต่อกรกับพวกระดับพลังปราณจักรพรรดิ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีคนในระดับปราณบรรชาสวรรค์พินาจอยู่ในตระกูลอี่หวงอีกด้วย แม้ว่าคนๆนั้นจะอยู่ในระดับปราณบรรชาสวรรค์พินาจขั้นต้นแต่ก็ยังนับว่าเป็นคนในระดับปราณบรรชาสวรรค์พินาจอยู่ดี


 


คนในระดับปราณบรรชาสวรรค์พินาเปรียบดั่งเทพเจ้าที่ปกครองโลกใบนี้ ซึ่งมีความต่างทางระดับชั้นอยู่ อาจกล่าวได้ว่าระดับปราณบรรชาสวรรค์พินาจครอบครองวิชาเคล็ดวิชาสรวงสวรรค์ขั้นสูงอยู่ ระดับปราณบรรชาสวรรค์พินาจที่ครอบครองพลังหนึ่งล้านสุริยาสามารถสังหารคนในระดับพลังปราณจักรพรรดิที่ครอบครองพลังห้าแสนสุริยาได้กว่าร้อยคน และนี่คือความน่ากลัวของเคล็ดวิชาสรวงสวรรค์ ตัวอย่างเช่น เคล็ดวิชาสรวงสวรรค์สามารถเพิ่มพลังโจมตีและป้องกันเป็นจำนวนมากในช่วงเวลาสั้นๆ และอาจให้ผู้ใช้ได้หยิบยืมพลังแห่งสวรรค์และโลกเพื่อปลดปล่อยพลังโจมตีที่น่ากลัว ผู้ฝึกยุทธระดับปราณบรรชาสวรรค์พินาจบางคนอาจสามารถเรียกเมฆฝน สายฟ้า และอาจถึงขั้นใช้สายฟ้าฟาดลงมาบนผืนโลกได้


 


ผู้ฝึกยุทธิ์ระดับปราณบรรชาสวรรค์พินาจสามารถพลิกได้แม้กระทั่งแม่น้ำและมหาสมุทร บีบอัดอากาศหรือแม้กระทั่งเสกสรรค์ภูเขาขึ้นมา สำหรับพวกเขาแล้วการสร้างภูเขาขึ้นมาสักลูกไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป


 


ถ้าอี่หวงกู่หวู๋ต้องการต่อสู้กับคนในตระกูลอี่หวง อย่างน้อยนางต้องบรรลุระดับราณบรรชาสวรรค์พินาจและพึ่งพาเคล็ดรูปพยัคฆ์ในการต่อสู้กับผู้ฝึกยุทธิ์ อย่างไรก็ตามไม่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะบรรลุเคล็ดวิชาในช่วงเวลาสั้นๆ อาจต้องกินเวลาถึงสิบปีหรือมากกว่านั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะกำจัดตระกูลที่ทรงพลังเช่นตระกูลอี่หวง


 


ดังนั้นอี่หวงกู่หวู๋จึงค่อนข้างกังวล อย่างไรก็ตามในช่วงนี้นางรู้สึกมีความสุข ในตอนนี้นางมีความก้าวหน้าขึ้นมากเมื่อเทียบกับก่อนหน้า นางกำลังก้าวเข้าใกล้กับความหวังเข้าไปทุกที


 



 


กว่าที่ชิงสุ่ยจะได้พบกับอวี้ลู่หยานและถานท่ายหยวนก็เป็นวันรุ่งขึ้นแล้ว พวกนางทั้งสองมีความก้าวหน้าขึ้นอย่างมหาศาล มีกลื่นอายของยอดยุทธิ์ที่เฉียบคมเผยให้เห็น ชิงสุ่ยรู้ดีว่าพวกนางยังไม่สามารปรับตัวได้สมบูรณ์นัก และคงจะค่อยๆดีขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป เมื่อถึงเวลาพวกนางจะได้พบกับความเปลี่ยนแปลงและได้แสดงพลังออกมาอย่างเต็มที่


 


เมื่อไม่ได้พบกับชิงสุ่ยมาหลายเดือน อวี้ลู่หยานวิ่งเข้ามาและสวมกอดชิงสุ่ยอย่างแน่นแฟ้น แม้แต่ชิงสุ่ยเองก็รู้สึกได้ถึงความรู้สึกของนางที่มีต่อเขา เขาคิดถึงอวี้ลู่หยานเป็นอย่างมาก จากนั้นทั้งสองก็ผละตัวออกจากกัน อวี้ลู่หยานยิ้มให้และเดินไปหาถานท่ายหยวน “เจ้าต้องการกอดกับเขาด้วยใช่ไหม? เขาก็เป็นของเจ้าแล้วเช่นกัน”


 


“ข้าไม่สนเรื่องนั้นหรอก” เป็นเพราะถานท่ายหยวนและชิงสุ่ยไม่ได้ใกล้ชิดกันสักระยะแล้ว ทำให้นางรู้สึกกระวานกระวายใจถ้าเป็นเพราะเรื่องอื่นๆนางคงไม่รู้สึกกระวานกระวายเช่นนี้ อย่างไรก็ตามนางยังคงรู้สึกตื่นเต้นในความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิง อีกทั้งยังมีความกังวลที่จะสูญเสียมันไป


บทที่ 1337 – ร่างกายที่ทรงพลัง, เหล้าเหนือฝง, อานุภาพของยาเม็ดตำรับคู่!


 


ชิงสุ่ยรู้ถึงความคิดของถานท่ายหยวนในทันทีที่เห็นการแสดงออกของนาง แม้ว่าจะไม่ได้เข้าใจทั้งหมด แต่อย่างน้อยเขาก็ตีความบางส่วนได้ ดังนั้นเขาจึงส่งยิ้มให้พร้อมกับยื่นมือไปจับมือทั้งสองของนาง


 


ชิงสุ่ยและถานท่ายหยวนพยายามหลีกเลี่ยงการจ้องตากันในตอนที่ได้พบเจอ อย่างไรก็ตามชิงสุ่ยยังคงยื่นมือไปข้างหลังและสวมกอดนางเอาไว้ ด้วยท่าดังกล่าวทำให้หน้าอกของนางมีความนุ่นมนวลขึ้น ส่วนโค้งเว้าดังกล่าวทำให้ใครที่เห็นต้องรู้สึกตื่นเต้น โดยมันเป็นจุดสนใจโดยสายตาโดยเฉพาะ


 


ชิงสุ่ยลูบคลำไปยังร่างกายของนางทำให้ถานท่ายหยวนไม่สามารถสงบสติอารมณ์ลงได้ นางเป็นคนที่เห็นเหตุการณ์ระหว่างชิงสุ่ยและอวี้ลู่หยานในก่อนหน้า ในตอนนี้ภาพเหล่านั้นย้อนกลับมาอยู่ในหัวของนาง


 


โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมือของชิงสุ่ยถูกวางอยู่บนหน้าอกของนาง มันทำให้นางรู้สึกเขินอายและให้ความรู้สึกงงงวยอยู่เล็กน้อย ต่อจากนั้นความรู้สึกที่เร่าร้อนก็เกิดขึ้น ภาพในหัวของนางตอนนี้คือตอนที่ชิงสุ่ยกำลังหมกหมุ่นอยู่กับเนินทั้งสองของอวี้ลู่หยาน


 


ชิงสุ่ยรู้ดีว่าเขาไม่ควรทำให้นางรู้สึกอับอาย เขาจึงคว้าตัวนางมากอดและจูบไปที่ใบหูของนาง อย่างไรก็ตามการกระทำในครั้งนี้ทำให้ถานท่ายหยวนตัวสั่นขึ้นกว่าเดิม นางสวมกอดชิงสุ่ยเอาไว้แน่นเพื่อหยุดการเคลื่อนไหวของชิงสุ่ย


 


“หยวนเอ๋อ เจ้าคิดถึงข้าบ้างหรือไม่?” ชิงสุ่ยสนุกสนานกับการหยอกล้อหญิงสาวผู้ที่ยืนกรานว่าไม่ได้ชอบเขา


 


“ไม่ ข้าไม่คิดถึงเจ้าหรอก” ถานท่ายหยวนกอดชิงสุ่ยและกล่าวด้วยท่าที่หยอกล้อ


 


ความเป็นจริงแล้วนางไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าน้ำเสียงของนางเปลี่ยนไปมากเพียงใดเมื่อเทียบกับก่อนหน้า แม้แต่ตัวชิงสุ่ยเองก็รู้สึกตกใจ หรืออาจเป็นเพราะนิสัยของนางเปลี่ยนไปจากการเก็บตัวฝึกวิชาเพียงครั้งเดียว?


 


ด้วยสิ่งเหล่านี้ ทำให้ชิงสุ่ยคิดถึงอีกหนึ่งความเป็นไปได้ ในขณะที่นางเก็บตัวฝึกวิชาเพื่อพัฒนาตน นางอาจเข้าใจสิ่งต่างๆได้มากขึ้น เช่น ความสัมพันธ์ระหว่างตัวนางและเขา มันเป็นเพราะเขายังไม่แน่ใจถึงวิธีการที่นางกำลังมองถึงความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสอง


 


“เช่นนั้นแล้ว เจ้าคิดถึงใคร?” ชิงสุ่ยยิ้มและหยอกล้อนางต่อไป


 


“ข้าไม่คิดถึงใครทั้งนั้น”


 


“เช่นนั้นแล้วคงมีข้าที่คิดมากไปคนเดียว ข้าคิดถึงคนๆนึงอยู่ทุกๆวันแต่นางกลับไม่ได้คิดถึงข้าเลยแม้แต่น้อย” ชิงสุ่ยถอนหายใจออกมาใกล้ๆหูของนาง


 


“เจ้าคนพาล หรือว่าเจ้าคิดถึงข้า” ณ เวลานั้นที่ถานท่ายหยวนได้ยินคำหล่าวของชิงสุ่ย นางรู้สึกมีความสุขมากไม่ว่าคำพูดของเขาจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่นางก็ยังเต็มใจที่จะฟัง นี่เป็นเรื่องปกติของเหล่าหญิงสาวที่มีความรักเป็นครั้งแรกมักจะเป็น


 


ชิงสุ่ยไม่คาดคิดว่าหญิงสาวคนนี้ยังมีท่าทีเมินเฉยต่อเขา ดูเหมือนว่าเขาจะต้องค่อยๆเปลี่ยนนางไปทีละนิด แต่การที่นางยอมให้เขาสวมกอดคงหมายถึงนางเริ่มยอมรับในความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาขึ้นมาบ้างแล้ว


 


“เจ้าพูดถูกแล้ว ข้าอาจจะเป็นคนพาล แต่มนุษย์ทุกคนล้วนเกิดมาทำบาปตั้งแต่แรกแล้ว นี่เป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ ถ้าพวกเขาไม่มีความต้องการแล้วพวกเขาจะดำรงเผ่าพันธุ์ไว้ได้อย่างไร? อีกอย่างคู่รักคู่ใดบ้างที่ไม่ทำเรื่องสกปรกพวกนั้น?” ชิงสุ่ยยิ้มอย่างนุ่มนวล


 


“เจ้าช่างหน้าไม่อาย ความคิดสกปรก” ถานท่ายหยวนยิ้มในขณะที่พูด


 


ชิงสุ่ยยิ้มให้และปล่อยตัวนางออก หลังจากนั้นเขาใช้มือข้างหนึ่งจับมือของถ่านท่ายหยวนเอาไว้ส่วนอีกข้างจับมือของอวี้ลู่หยาน พวกเขาเดินทางไปยังบ้านไม้ไผ่ด้วยกัน อี่หวงกู่หวู๋นั่งรออยู่ที่นั่นแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ชิงสุ่ยไปเดินเล่นอยู่ชายหาดกับหญิงสาวทั้งสอง


 


หญิงสาวทั้งสองอยากจะเอามือออกจากชิงสุ่ยที่จับเอาไว้ แต่เป็นเพราะชิงสุ่ยจับมือของพวกนางเอาไว้อย่างแน่นหนา พวกนางจึงไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากปล่อยให้ขับจับต่อไป จนกระทั่งได้พบกับอี่หวงกู่หวู๋ ถานท่ายหยวนยิ้มและกล่าว “ท่านอาจารย์!”


 


“เจ้าสบายดีไหม?” อี่หวงกู่หวู๋ยิ้มและกล่าวถาม นางเดินเข้าไปหาพวกเขาและจับมือของอวี้ลู่หยานและถานท่ายหยวนเอาไว้ ในตอนนี้ทั้งสี่คนได้จับมือกันเป็นวงกลมเลยทีเดียว


 


“พวกเราจะให้ชิงสุ่ยเป็นคนปรุงของอร่อยๆให้พวกเราทานในวันนี้ พวกเรามาสนุกกันในมือเย็นและดื่มอะไรกันเสียหน่อย” อี่หวงกู่หวู๋เสนอแนะ


 


“ใช่แล้ว วันนี้เป็นวันเกิดของท่านอาจารย์” ถานท่ายหยวนกล่าวพร้อมกับยิ้ม


 


ชิงสุ่ยรู้สึกตกใจพร้อมมองไปยังอี่หวงกู่หวู๋ นอกจากวันเกิดของพวกลูกๆและแม่ของเขาแล้ว เขาไม่ได้จำวันเกิดของคนอืนๆเลย ไม่ต้องสงสัยว่าเขามีความรักที่แท้จริงให้หรือไม่ เขาเพิ่งรู้สึกสงสัยว่าเหตุใดในอดีตเขาจึงไม่นึกถึงเรื่องการฉลองในงานวันเกิดเสียเลย?


 


ชิงสุ่ยปรุงบะหมี่ชีวิตยืนยาวขึ้นมาสามชาม แม้ว่าจะไม่ใช่วันเกิดของอวี้ลู่หยานและถานท่ายหยวนก็ตาม ยังมีอย่างอื่นอีกมากมาย มันเป็นมื้อเย็นที่แสนอร่อย เขาหยิบเหล้าเหนือฝงออกมา(เหล้าจีน) เมื่อเหล่าหญิงสาวได้ดื่มเหล้าเหนือฝงเข้าไป ใบหน้าของพวกนางต่างเปลี่ยนเป็นสีแดง


 


ระหว่างชายและหญิง มีเพียงสามีและภรรยาเท่านั้นที่สามารถดื่มเหล้าเหนือฝงด้วยกันได้ แน่นอนว่าการที่เหล่าผู้อาวุโสดื่มด้วยกันย่อมเป็นเรื่องปกติ แต่การที่ชายหญิงดื่มด้วยกันนั้นมีความหมายว่าพวกเขาต้องเป็นสามีภรรยากัน โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่นี้ เป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ


 


และในตอนนี้การที่ชิงสุ่ยกำลังดื่มเหล้าเหนือฝงกับหญิงสาวทั้งสาม ไม่ต้องอธิบายอะไรให้มากความ ความหมายเป็นไปดังคำกล่าว ในความเป็นจริงแล้วหญิงสาวทั้งสองรู้ดีว่าชิงสุ่ยและอี่หวงกู่หวู๋มีความสัมพันธ์บางอย่างต่อกัน อย่างไรก็ตามถานท่ายหยวนเป็นคนเดียวที่รู้ถึงความลับของอี่หวงกู่หวู๋ เมื่อฟังจากชื่อเรียกแล้วอี่หวงกู่หวู๋และถานท่ายหยวนดูเหมือนจะเป็นศิษย์อาจารย์กัน แต่ในความเป็นจริงแล้วพวกนางสนิทสนมกันราวกับพี่น้อง และอาจใกล้ชิดกันกว่าพี่น้องในสายเลือดเสียด้วยซ้ำ อีกทั้งในตอนนี้ยังมีอวี้ลู่หยานอีกคนด้วย


 


อี่หวงกู่หวู๋คิดมาก่อนแล้วว่าวันแสนสุขเช่นนี้จะมาถึง ดังนั้นนางจึงเลี้ยงดูอวี้ลูหยานราวกับเป็นน้องสาวแท้ๆ ไม่ใช่ว่านางจะวางแผนไว้แล้วอย่างรอบคอบ แต่นางทำไปตามสถานการณ์เท่านั้น ก่อนที่จะลงมือทำอะไรเราต้องใส่ใจกับสิ่งๆนั้นก่อนเสมอ


 


ถานท่ายหยวนมีความสุขมากจริงๆเมื่อได้เห็นอี่หวงกู่หวู๋มีความสุข ถ้าอี่หวงกู่หวู๋สามารถกลายมาเป็นภรรยาของชิงสุ่ยได้จริงๆ นางคงเป็นสุขยิ่งกว่าการที่นางและชิงสุ่ยได้เป็นสามีภรรยากันเสียอีก เมื่อนางพาตัวเองเข้าหาชิงสุ่ยแล้ว นางไม่คาดคิดมาก่อนว่าท่านอาจารย์ของนางจะเป็นอย่างนางเช่นกัน ด้วยเรื่องเหล่านี้จะทำให้พวกเขาได้อยู่ด้วยกันไปตลอด มันคือความสุขของน้องสาวที่ไม่สามารถที่อธิบายออกมาเป็นคำพูดได้


 


“พี่หยานมาดื่มให้พี่หวู๋กัน พวกเราจะเป็นพี่น้องที่ดีตลอดไป” ถานท่ายหยวนจับมือกับอวี้ลู่หยานพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม


 


ด้วยคำพูดเหล่านี้ ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างกระจ่างขึ้น ถานท่ายหยวนและอวี้ลู่หยานมองไปยังอี่หวงกู่หวู๋ด้วยรอยยิ้ม


 


อี่หวงกู่หวู๋มองไปยังชิงสุ่ย ชิงสุ่ยเพียงแต่ยิ้มตอบและอยู่ในความเงียบงัน อย่างไรก็ตามเขากำลังพยายามกระตุ้นตัวนางด้วยสายตาของเขา ในตอนนี้ตัวเขาและอี่หวงกู่หวู๋ก็ไม่ต่างอะไรกันกับสามีภรรยาแล้ว แต่ถ้านางยกจอกของนางขึ้นในตอนนี้ก็เป็นการยืนยันสถานะของตัวนางได้อย่างชัดเจน


 


อี่หวงกู่หวู๋ยกจอกเหล้าขึ้นมา “ลู่หยาน หยวนเอ๋อ พวกเราจะเป็นพี่น้องกันตลอดไป”


 


หลังจากที่ทั้งสามเสร็จสิ้นจากการดื่ม ชิงสุ่ยใช้เวลาที่เหลือดื่มกับอี่หวงกู่หวู๋ต่อ ก่อนที่จะทำเช่นนี้กับถานท่ายหยวนและอวี้ลู่หยานเช่นกัน เวลาผ่านไปครึ่งวันกับการกินและดื่ม พวกเขาพูดคุยกันถึงเรื่องต่างๆนาๆทำให้มีความใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น


 


ในยามบ่ายชิงสุ่ยเริ่มฟื้นฟูร่างกายให้กับพวกนางทั้งสอง หญิงสาวทั้งสองบรรลุขั้นจนสามารถใช้ยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่หนึ่งและสองได้แล้ว ซึ่งในก่อนหน้านี้พวกนางเพิ่งจะบรรลุระดับผู้พิทักษ์เทวะธรรม ซึ่งเงื่อนไขในการใช้งานยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่หนึ่งได้นั้นจะต้องมีพลังในระดับผู้พิทักษ์เทวะธรรมขั้นหนึ่งเสียก่อน


 


ตั้งแต่ที่หญิงสาวทั้งสองออกจากเก็บตัวฝึกวิชา พวกนางก็ได้บรรลุไปถึงผู้พิทักษ์เทวะธรรมขั้นสองแล้ว ด้วยวิธีการรักษาของชิงสุ่ยเขาใช้ทักษะรักษาห่วงวิญญาณรวมถึงทักษะปราการจู่โจม ช่วยให้พวกนางได้รับพลังเพิ่มขึ้นหนึ่งสุริยา ที่สำคัญกว่านั้นคือพื้นฐานของพวกนางถูกเพิ่มขึ้นเป็นอย่างดี นี่เป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดของการฟื้นฟูร่างกาย มันอาจจะทำให้หญิงสาวทั้งสองมีพลังเพิ่มขึ้นสองถึงสามเท่าหรืออาจะมากถึงสิบเท่า


 


การกินทั้งยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่หนึ่งและสองไปพร้อมๆกันช่วยให้พลังถูกเพิ่มขึ้นกว่าห้าสุริยา ยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่หนึ่งและสองสามารถกินได้อย่างละหนึ่งเม็ดต่อหนึ่งปีเท่านั้น นอกเหนือจากนี้ยังสามารถกินได้เพียงจำนวนสิบเม็ดจากชนิดของยาเม็ดสวรรค์หยางทั้งหมด ดังนั้นชิงสุ่ยจึงพยายามปรุงยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่สามและสูงกว่านั้น ซึ่งวิธีเหล่านี้ถือเป็นเรื่องง่ายในการช่วยเหลือผู้คนรอบๆตัวเขา


 


อี่หวงกู่หวู๋ก็ใช้มันแล้วเช่นกัน  พลังสามสุริยาไม่ใช่จำนวนที่มากมายนัก เช่นเดียวกับยุงที่มีขนาดเล็กแต่ก็นับว่ามันมีอยู่ไม่ใช่ไม่มีเลย ส่วนชิงสุ่ยเองก็กำลังจะใช้พวกมันในเร็วๆนี้ สำหรับยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่หนึ่งและสองไม่ได้มีความสามารถแค่การเพิ่มพลังขึ้นเท่านั้น แต่มันยังช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับร่างกายอีกด้วย นี่เป็นความสามารถของยาเม็ดชั้นเลิศ


 


แต่หลังจากที่อี่หวงกู่หวู๋ได้ใช้มัน นางกลับพบว่ายาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่หนึ่งสามารถเพิ่มพลังให้กับนางได้ถึงสองสุริยา หลังจากนั้นนางจึงกินยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่สองต่อไปและพบว่าพลังถูกเพิ่มขึ้นถึงสี่สุริยา หลังจากคิดอยู่ชั่วครู่ สิ่งเดียวที่เดาได้คงเป็นเพราะความสามารถของร่างกายของตัวนาง


 


เป็นไปได้ว่าร่างกายของนางมีคุณสมบัติด้านความเย็น ทำให้นางต้องการพลังหยางมากกว่าคนอื่นๆ ดังนั้นเมื่อกินพวกมันเข้าไปแล้ว จึงสามารถดูดซึมพลังพวกนั้นได้มากกว่าคนอื่นๆถึงสองเท่า และถ้าเป็นยาเม็ดสวรรค์หยางขั้นสูงกว่านี้ล่ะ? ในตอนนี้ชิงสุ่ยอยากรู้ว่าถ้าเป็นยาเม็ดสวรรค์หยางระดับสามจะให้พลังมากกว่าสามสุริยาหรือไม่? และยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่สี่ล่ะ? โดยปกติแล้วเรื่องที่คาดเดาไม่ถึงมักเกิดขึ้นที่ยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่สี่ ที่เขารู้มามันให้ประสิทธิภาพในการเพิ่มพลังกว่าสี่สุริยาแน่นอน


 


ชิงสุ่ยรู้สึกว่าความเป็นไปได้มีอยู่มาก รวมถึงตำรายาสวรรค์เก้าหยางมีผลดีจริงๆ


 


“ชิงสุ่ยเจ้ามียาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่สูงกว่านี้หรือไม่?” อี่หวงกู่หวู๋มองไปยังชิงสุ่ยที่กำลังตกใจ


 


“ข้ามี เพียงแต่ยังไม่ได้ปรุงมันขึ้นมา ข้าไม่มั่นใจว่าจะปรุงมันขึ้นมาได้สำเร็จหรือไม่ ในตอนนี้ยังมีข้อจำกัดในเรื่องจำนวนที่ข้าสามารถทำได้อยู่”


 


“ข้ามีสูตรยาซึ่งเจ้าจะต้องสนใจอย่างแน่นอน”  อี่หวงกู่หวู๋กล่าวหลังคิดอยู่ชั่วครู่


 


“อ้ะ เป็นสูตรยาแบบไหนกัน?” แม้แต่ชิงสุ่ยจะรู้สึกดีใจ แต่ไม่ได้แสดงออกมามาก พวกสูตรยาต่างๆไม่ได้ปรากฏให้เขาเห็นได้บ่อยนัก


 


“เจ้าดูไม่รู้สึกดีใจเลย ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่ชอบมัน เช่นนั้นแล้วข้าเก็บเอาไว้ดีกว่า! ” อี่หวงกู่หวู๋เบ้ปากและยิ้ม


 


เมื่อหญิงสาวที่โตเต็มวัยแสดงออกเช่นนี้ มันอาจะทำให้ผู้คนคลุ้มคลั่งได้ ชิงสุ่ยจับมือของและตบเข้าที่บั้นท้ายนาง มีเสียงที่ดังชัดเจนดังออกมา แม้จะไม่ได้รู้สึกเจ็บ แต่มันก็มากพอที่ทำให้อี่หวงกู่หวู๋รู้สึกเขินอาย


 


เหตุเพราะทั้งถานท่ายหยวนและอวี้ลู่หยานก็อยู่ที่นั่นด้วย


 


ในขณะที่หญิงสาวทั้งสองต่างพากันหัวเราะอย่างมีความสุข ดวงตาของพวกนางดูสว่างไสว นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นหญิงงามต้องตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ แม้แต่อวี้ลู่หยานก็มิอาจเทียบเคียงในด้านความงามกับนางได้


 


ในมุมมองของถานท่ายหยวนและอวี้ลู่หยาน อี่หวงกู่หวู๋เป็นคนที่มีความภาคภูมิและสง่างามอยู่เสมอไม่ว่านางจะอยู่ที่ใด เรื่องที่ทำให้นางต้องแปลกใจตือการที่นางถูกหยอกล้อโดยชายหนุ่มคนนี้


 


“เจ้าเด็กพาล ไว้หน้าข้าบ้างเมื่ออยู่ต่อหน้าพวกนาง…” อี่หวงกู่หวู๋กวาดตาขวางไปยังชิงสุ่ย


 


“พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ในตอนนี้ก็เอาสูตรยามาให้สามีของเจ้าดูได้แล้ว ” ชิงสุ่ยยื่นศีรษะออกพร้อมกับจูบลงที่แก้มของนาง


 


อี่หวงกู่หวู๋รีบนำสูตรยามอบให้แก่ชิงสุ่ย หลังจากนั้นนางก้าวถอยหลังออกไป นางรู้ดีว่าไม่ควรให้เรื่องระหว่างนางและชิงสุ่ยถูกเผยแพร่ให้คนอื่นได้เห็น นางรู้สึกอับอายอยู่บ้างแต่ก็ทำให้มันเป็นเรื่องน่าขันเมื่ออยู่ต่อหน้าหญิงสาวทั้งสอง ในความเป็นจริงแล้วนางไม่ได้กลัวที่จะถูกเห็นจากหญิงสาวทั้งสอง เพราะพวกนางเป็นพี่น้องกันแล้ว แล้วจะมีเรื่องใดอีกที่พวกนางไม่สามาถแบ่งปันกันได้?


 


ชิงสุ่ยหยิบมันมาพร้อมรอยยิ้ม เขาถึงกับต้องตกใจเมื่อได้เห็นมัน สูตรยาจากกระดาษใบนี้มีความต่างออกไป มันเป็นสิ่งที่ถูกสืบต่อกันมาเป็นเวลานานแล้ว มันดูเก่าแก่มากแต่ไม่มีรอยขีดข่วนอยู่เลย ชื่อบนสูตรยานั่นเป็นชื่อที่ประหลาดจริงๆ


 


ยาเม็ดตำรับคู่!!


 


ชิงสุ่ยมองไปยังสมุนไพรที่เขียนอยู่บนสูตรยานั่นและพบว่าเขาไม่ต้องใช้พวกสมุนไพรที่มีค่ามากมาย แต่เพียงต้องใช้ความหลากหลายเขาช่วยเท่านั้น ความสามารถของมันคือการช่วยเพิ่มศักยภาพของบุคคล หนึ่งในนั้นคือสมุนไพรกำเนิดกายา มันเป็นสมุนไพรล้ำค่าท่ามกลางส่วนผสมทั้งหลาย อย่างไรก็ตามชิงสุ่ยมีสิ่งเหล่านี้อยู่ในดินแดนของเขา ซึ่งพวกมันกำลังมีอายุได้ที่ เป็นเพราะเขาได้เพาะปลูกมาเนิ่นนานและตอนนี้พวกมันก็เติบโตแล้ว ในความเป็นจริงชิงสุ่ยรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เป็นเพราะเขาใช้มันไปกับยาเม็ดฟื้นฟูและปรุงซุปกระดูกพยัคฆ์


 


ไม่มีใครคาดคิดว่าสิ่งเหล่านี้จะเป็นของดี สมุนไพรเหล่านี้มีประโยชน์อย่างยิ่ง ในความจริงแล้วมันเป็นสมุนไพรที่มีประสิทธิภาพสูงสุด สาเหตุที่เขาทราบเป็นเพราะเขาได้เห็นส่วนผสมจากสูตรย่านั่น


 


ความสามารถ : ช่วยลดผลกระทบจากยาเม็ดเทพโอสถลงครึ่งหนึ่ง


 


นั่นหมายความว่าเขาสามารถได้รับผลจากยามากกว่าเมื่อก่อน ตัวอย่างเช่น ในอดีตเขาสามารถกินยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่หนึ่งได้เพียงสิบเม็ด แต่ในตอนนี้เขาสามารถกินมันได้ถึงยี่สิบเม็ด เมื่อก่อนเขาสามารถกินมันได้หนึ่งเม็ดต่อหนึ่งปี แต่ในตอนนี้สามารถกินมันได้ถึงสองเม็ดต่อหนึ่งปี นั้นก็เท่ากับเพิ่มคุณสมบัติถึง 2 เท่า


บทที่ 1338 – การผสมผสานยาเข้ากับยาเม็ดตำรับคู่ ยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 1


 


ทรงพลังอย่างยิ่ง!


 


นี่คือความรู้สึกของชิงสุ่ยเมื่อเขาได้เห็นผลของยาเม็ดตำรับคู่ เขาก็สามารถใช้ผลของยาอื่นๆ  ได้ถึง 2 เท่า นี่ทำให้ผลของยาเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ความสามารถของมันทรงพลังมากเพียงใดกัน?


 


เมื่ออี่หวง กู่หวู๋ได้เห็นสีหน้าของชิงสุ่ยนางก็ยิ้มขึ้นทันที นางรู้ดีว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายนักในการปรุงยาแต่ทุกๆคนคงรู้สึกมีความสุขเมื่อได้เห็นสูตรของมัน เหตุผลที่นางมอบมันให้กับชิงสุ่ยก็เเพราะสัญชาตญาณของนางหลังจากที่นางได้ทราบว่าชิงสุ่ยนั้นเป็นทั้งแพทย์และนักปรุงยา เขาเป็นคนเดียวที่นางจะมอบสิ่งนี้ให้


 


“หวู๋หวู๋น้อย สินสอดของเจ้านั้นถือว่าล้ำค่ามากยิ่งนัก เจ้านี่เป็นเหมือนเครื่องรางแห่งโชคลาภของสามีเจ้าเลยจริงๆ” ชิงสุ่ยกล่าวอย่างยินดี


 


อี่หวง กู่หวู๋ไม่คาดคิดว่าชิงสุ่ยจะเรียกนางเช่นนี้ต่อหน้าของถานท่าย หยวนและถานท่าย หยวน นางอาจจะดูสง่างามและดูเป็นผู้ใหญ่แต่ในตอนนี้ใบหน้าของนางนั้นแดงฉานราวกับดวงอาทิตย์ ในอดีตนางนั้นมักจะชอบเย้าหยอกคนอื่นๆ ใครจะคิดกันว่าวันหนึ่งนางจะโดนเย้าหยอกเองบ้าง? นอกเหนือนางความรู้สึกเขินอายนางยังรู้สึกวาบหวิวอยู่ภายในจิตใจ


 


“หวู๋หวู๋น้อย…… สินสอด…… สามี……”


 


ในทำนองเดียวกันหญิงสาวทั้งสองคนก็ตกตะลึงไปอยู่นานและยังคงเงียบจนถึงตอนนี้ ท้ายที่สุดพวกนางก็หันไปมองชิงสุ่ยก่อนที่จะหันไปมองอี่หวง กู่หวู๋ที่กำลังเขินอายอยู่และหัวเราะออกมา มันเป็นเสียงหัวเราะที่ชัดเจนและมีเสน่ห์ ทำให้อี่หวง กู่หวู๋รู้สึกอยากจะวิ่งหนีไปจากที่แห่งนี้


 


ชิงสุ่ยลูบจมูกของเขา ก่อนหน้านี้เป็นเพราะเขามีความสุขจนเกินไป เมื่อผู้คนรู้สึกยินดีและภูมิใจในตนเองมากเกินไปพฤติกรรมที่ไม่ดีก็อาจจะเกิดขึ้นได้ เมื่อเขามองไปยังหญิงสาวทั้งสองคนที่ยังคงหัวเราะออกมาเขาก็หัวเราะไปกับพวกนางด้วยเช่นกัน ทั้งถานท่าย หยวนและอวี้ ลู่หยานไม่เคยหัวเราะเช่นนี้มาก่อน มันยากยิ่งนักที่จะได้เห็นพวกนางหัวเราะออกมาอย่างเต็มเสียงเช่นนี้


 


“เจ้าพวกบ้า พวกเจ้ายังหัวเราะไม่พอหรือยังไง? หากเจ้าทั้ง 2 คนยังหัวเราะต่อไปข้าจะพูดอะไรบางอย่างที่เจ้าทั้ง 2 คนคงอยากจะได้ยินออกมา” อี่หวง กู่หวู๋รู้สึกเขินอายอย่างยิ่งเพราะเสียงหัวเราะของหญิงสาวทั้งสองคนนี้


 


“เอาละ เราจะไม่หัวเราะต่อไปแล้ว”


 


หญิงสาวทั้งสองกล่าวออกมาเช่นนี้พร้อมกับกลั้นหัวเราะแต่มันก็ยังมีเสียงหัวเราะเบาๆเล็ดลอยออกมา


 


“หยวนหยวนน้อย, หยานหยานน้อย มันตลกนักหรือไง?” เพื่อไม่ให้บรรยากาศตึงเครียดชิงสุ่ยรีบเรียกหญิงสาวทั้งสองคนขณะที่มือของเขาโอบไปที่เอวของทั้งคู่ ใบหน้าของเขานั้นด้านชาอย่างยิ่งโดยเฉพาะกับหญิงสาวของตนเอง


 


ในตอนที่เขาเรียกพวกนางหญิงสาวทั้งสองก็รับรู้ได้ทันที พวกนางหันไปมองชิงสุ่ยและหยุดหัวเราะ


 


“ชิงสุ่ย สูตรของยานี้ใช้ได้หรือไม่?” อี่หวง กู่หวู๋ถามอย่างสงบนิ่งโดยพยายามรักษาท่าทีปกติเอาไว้


 


“ได้สิ ไม่เพียงแค่นั้น พวกมันยังปรุงขึ้นได้ภายในครึ่งวัน” ชิงสุ่ยรู้สึกตื่นเต้นมากเมื่อเขาพูดถึงเรื่องนี้ นี่จะสามารถทำให้พลังของเขาเพิ่มขึ้นได้เล็กน้อย ไม่เพียงแค่นี้ทุกๆคนรอบตัวเขาก็จะทรงพลังยิ่งขึ้นเช่นกัน


 


“โอ้ จริงหรือ?” อี่หวง กู่หวู๋รวมถึงหญิงสาวทั้งสองคนต่างก็ตกตะลึง


 


“แน่นอน ข้าจะอยู่ที่นี่อีกสักสองสามวัน หลังจากนั้นข้าจะปรุงยานี้และรวมไปถึงยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 1 และยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 2 หากเป็นไปได้ข้าหวังว่าข้าจะสามารถปรุงยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 3 ได้”ชิงสุ่ยกล่าวด้วยความมั่นใจ


 


ชิงสุ่ยไม่อยากเสียเวลาอีกต่อไปและเริ่มปรุงยาเม็ดตำรับคู่ เพียงแต่ว่าเขาไม่รู้ว่าเขาจะสามารถปรุงยาเม็ดสวรรค์หยางได้หรือไม่ นอกจากนี้ยาเม็ดตำรับคู่นั้นให้ผลเฉพาะกับยาเท่านั้น เขาไม่รู้ว่ามันจะให้ผลนี้กับอาหารอื่นๆด้วยหรือไม่ เมื่อทานยาเม็ดตำรับคู่เข้าไป เขาจะเพิ่มผลของยาที่ทานตามเข้าไปเพียงอย่างเดียวหรือจะส่งผลต่อยาทั้งหมดที่เขาทั้งหมดที่เขาทานตามเข้าไปหลังจากนั้นกัน?


 


หลังจากที่คิดอยู่ครู่หนึ่งชิงสุ่ยก็ยิ้มขึ้นมา ดูเหมือนว่าคำถามนี้จะไม่สามารถหาคำตอบได้ในตอนนี้ เมื่อเขาสามารถปรุงมันขึ้นได้สำเร็จทุกๆอย่างก็จะได้รู้เอง เขาไม่คาดคิดว่าอี่หวง กู่หวู๋จะทำให้เขาต้องตกตะลึงหลายต่อหลายครั้ง และทุกๆครั้งที่เป็นเช่นนั้นประโยชน์ที่เขาได้รับนั้นก็มากมายมหาศาล


 


……


 


เมื่อเห็นว่ามันยังไม่สายเกินไปชิงสุ่ยเข้าไปในดินแดนของเขาและเริ่มสร้างสิ่งของอื่นๆก่อน จากนั้นเขาก็เริ่มปรุงยาเม็ดตำรับคู่ ในอนาคตเขาคงต้องการใช้ยานี้มากมาย ดังนั้นเขาจึงต้องจัดหาพื้นที่จัดเก็บยานี้เป็นจำนวนมาก


 


ชิงสุ่ยเตรียมสมุนไพรที่เขาต้องการใช้จากนั้นก็เริ่มปรุงยานี้ทันที สมุนไพรที่จำเป็นสำหรับยาเม็ดตำรับคู่นั้นต่างก็มีอยู่ในดินแดนหยกยุพราชอมตะ ความจริงแล้วความกว้างใหญ่ของดินแดนแห่งนี้นี่แหละคือสิ่งที่น่ากลัวอย่างแท้จริง


 


สำหรับยาส่งเสริมจิตวิญญาณซึ่งสามารถช่วยเพิ่มความเร็วในการฝึกฝนได้ ชิงสุ่ยได้เก็บมันเอาไว้จำนวนมาก นอกจากนี้ พวกมันต่างก็เป็นยาส่งเสริมจิตวิญญาณ 6 เท่า ซึ่งถือว่าเป็นยาที่มีคุณภาพมากที่สุดในหมู่ยาส่งเสริมจิตวิญญาณ เขาได้พบกับสูตรของยาส่งเสริมจิตวิญญาณที่มีระดับสูงกว่านี้เมื่อเขาได้ไปยังมหาทวีปอู่เซียตะวันตก


 


เวลาที่ใช้ในการปรุงยานั้นไม่ได้นานมากนัก ประมาณ 1 ชั่วโมงเขาก็ปรุงมันได้สำเร็จ บางทีอาจเป็นเพราะคุณภาพของยานี้ไม่ได้ถือว่าสูงมากนัก ที่สำคัญที่สุดคือเพราะว่ามันมีผลที่เป็นเอกลักษณ์


 


ชิงสุ่ยตกตะลึงในทันทีเมื่อเปิดหม้อกลั่นยาเหล็กทองคำประกายเพลิงขึ้น ยาที่มีสีขาวราวหิมะขนาดประมาณหัวแม่โป้งประมาณ 30 เมตรอยู่ในหม้อนี้ พวกมันส่งกลิ่นของความหวานออกมาจางๆ แม้จะไม่ใช่กลิ่นที่ดีแต่ก็ไม่ใช่กลิ่นที่แย่มากนัก


 


ชิงสุ่ยรีบตรวจสอบยานี้ทันทีด้วยความรู้สึกตื่นเต้น


 


ยาเม็ดตำรับคู่!


 


ชื่ออะไรกัน! ถึงแม้นี่จะเป็นยาที่ทรงพลังอย่างยิ่งแต่ชื่อของมันก็ไม่ควรที่จะธรรมดาเช่นนี้ แต่ยังไงสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือผลของยาชนิดนี้


 


ผล: มันสามารถช่วยลดการต่อต้านยาลงไปได้ครึ่งหนึ่งและเพิ่มปริมาณยาที่ผู้ใช้สามารถรับได้ขึ้นอีก 1 เท่าตัว


 


วิธีใช้: ทานยาเม็ดตำรับคู่ควบคู่ไปกับยาที่ต้องการให้แสดงผลพร้อมกัน รออย่างก่อนหนึ่งก้านธูปก่อนที่ผู้ใช้จะสามารถทานยาที่ต้องการให้แสดงผลอีกหนึ่งครั้ง ยาเม็ดตำรับคู่แต่ละเม็ดสามารถใช้กับยาจำนวนมากที่เป็นชนิดเดียวเดียวกันได้


 


ชิงสุ่ยรู้สึกพึงพอใจ เขารีบนำยาเม็ดฟื้นฟูมหัศจรรย์และยาเม็ดตำรับคู่ออกมาจากนั้นก็กินมันลงไปพร้อมกัน ผลของมันก็เริ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้มันให้ผลที่ทรงพลังยิ่งกว่าเดิม ยาเม็ดฟื้นฟูมหัศจรรย์ที่เขาได้ทานลงไปในตอนนี้ได้ถูกยกระดับขึ้นแล้วตั้งแต่ก่อนหน้านี้


 


หลังจากได้รู้ว่าผลของยาเม็ดตำรับคู่เป็นเช่นไร ชิงสุ่ยก็เริ่มปรุงมันต่อไปทันที หนึ่งเตาต่อหนึ่งชั่วโมง เมื่อเวลาผ่านไปเขาก็ได้รับมันมาเป็นจำนวนมาก เขาสามารถลดเวลาไปได้ 1 ก้านธูปทำให้เวลาที่ปรุงนั้นเหลืออยู่เพียง 45 นาที


 


ชิงสุ่ยรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นยาเม็ดตำรับคู่บรรจุอยู่เต็มขวด สำหรับคนอื่นๆยานี้สามารถซื้อเมืองเล็กๆได้เลย หากใช้มันกับตัวอย่างเช่น ยาที่สามารถช่วยเพิ่มเวลาชีวิตได้ 20 ปีและทุกๆคนสามารถใช้มันได้เพียงครั้งเดียว แต่หากพวกเขามียาเม็ดตำรับคู่ย่อมสามารถกินมันได้อีก 1 เม็ดและสามารถยืดอายุไปได้อีก 20 ปี สำหรับคนที่กำลังจะตายเวลาเพียงแค่ 1 ปีก็เป็นความหวังอันสูงสุดแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่กำลังจะตายและมียาที่ไม่สามารถใช้ได้ ยานั้นย่อมไร้ค่าอย่างยิ่ง……


 


เขาไม่กล้าที่จะหยุดปรุงยานี้แม้ว่าจะได้สะสมมันเอาไว้มากมายในตอนนี้ ความสุขภายในหัวใจของเขาในตอนนี้ไม่สามารถอธิบายมาเป็นคำพูดได้ เขาปรุงยานี้ต่อไปอีกประมาณ 1 เดือน ในระหว่างปรุงยานี้นอกเหนือจากนอนหลับเขาก็ใช้เวลาช่วงสั้นๆไปกับการฝึกฝนเท่านั้น


 


ชิงสุ่ยเริ่มตั้งมั่นในที่การปรุงยาเม็ดสวรรค์หยางหลังจากที่เขาได้พักผ่อน


 


ชิงสุ่ยจำสูตรของยาเม็ดสวรรค์หยางจากตำรายาสวรรค์เก้าหยางได้อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตามเขาเคยอ่านมันมาหลายครั้ง หลังจากนั้นเขาก็เริ่มเตรียมตัวที่จะปรุงมัน วัตถุดิบจำนวนมากที่ต้อวการในการปรุงยาเม็ดสวรรค์หยาง เพียงแต่ว่ามันเทียบไม่ได้เลยกับสมุนไพรที่ใช้ในการปรุงยาเม็ดตำรับคู่ แต่สมุนไพรที่จำเป็นสำหรับยาเม็ดสวรรค์หยางนั้นก็มีจำนวนมากเช่นกัน


 


ชิงสุ่ยได้วางแผนเอาไว้แล้ว ในตอนนี้ชิงสุ่ยมีอสูรโอสถแห่งจิตวิญญาณ 2 ตัวและก็ถือว่ามากพอแล้ว แน่นอนว่ามันย่อมดียิ่งกว่านี้หากเขาได้รับพวกมันเพิ่มขึ้นมาอีก


 


เขายังคงรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยที่จะปรุงยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 1 เมื่อไปถึงขั้นที่ 1 ผู้พิทักษ์เทวะธรรมนั้นจำเป็นต้องทานยาเม็ดสวรรค์หยางเพื่อที่จะยกระดับพลังอย่างรวดเร็ว ก่อนหน้านี้เมื่อเขาได้พบยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 1 และยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 2 ครั้งแรกนั้นพวกมันก็เหลืออยู่เพียงน้อยนิดเท่านั้น


 


เขายังได้เพิ่มหญ้าอสรพิษทองคำเข้าไปในการปรุงยาครั้งนี้ ไม่ว่ายังไงเขาก็มีหญ้านี้มากมายในดินแดนของเขา เมื่อถึงเวลาที่เขาสามารถปรับตัวให้เข้ากับการปรุงยานี้ได้เขาก็จะไม่ใช้หญ้าอสรพิษทองคำ เพราะมันก็ถือว่าล้ำค่าอย่างยิ่ง ในอนาคตเขาจำเป็นต้องใช้มันอีกมากมายอย่างแน่นอน


 


ในตอนนี้กระบวนการปรุงยานั้นเป็นไปอย่างราบรื่น เมื่อชิงสุ่ยได้ยินเสียงที่ดังออกมาอย่างชัดเจนเขาก็รู้สึกราวกับว่าได้ยินเสียงดนตรีที่ไพเราะที่สุดในโลกใบนี้ เขาใช้เวลาไปไม่ถึง 1 ชั่วโมงในการปรุงยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 1


 


ชิงสุ่ยเปิดหม้อกลั่นยาเหล็กทองคำประกายเพลิงด้วยความกระตือรือร้น ในตอนนี้มันมีอยู่ 2 เม็ดภายในนั้น ชิงสุ่ยไม่ได้รู้สึกผิดหวังแต่อย่างใด เขายังรู้สึกยินดีที่ได้ปรุงมันขึ้นมาถึง 2 เม็ด ความจริงแล้วแม้ว่ามันจะเหลือเพียง 1 เม็ดแต่เขาก็ยังคงมีความสุขอย่างยิ่ง เขารู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะปรุงมันออกมาจำนวนมากมาย ด้วยความล้ำค่าของยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 1 มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะปรุงมันออกมาปริมาณมากๆในครั้งเดียว แค่ 2 เม็ดนี้ก็เกินกว่าที่เขาได้คาดคิดไว้ตอนแรกแล้ว


 


ผลของมันยังคงเหมือนเดิม ชิงสุ่ยยังคงปรุงยานี้ต่อไปจนกว่าจะถึงเวลาที่เขาจะต้องออกจากดินแดนแห่งนี้ เขาได้สะสมยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 1 เอาไว้มากมาน น่าเสียดายที่เขายังปรุงยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 2 ไม่ได้เลย เขาวางแผนที่จะทำเช่นนั้นต่อไปในวันพรุ่งนี้และนอกจากนี้เขายังพยายามที่จะปรุงยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 3


 


เมื่อเขามีดินแดนแห่งนี้มันย่อมไม่มีปัญหาที่เขาจะปรุงยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 3 ขึ้นมาได้ด้วยผลของสมุนไพรอย่างหญ้าสวรรค์หยาง การปรุงยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 4 นั้นเป็นสิ่งที่ยากเกินไป แต่อย่างไรก็ตามชิงสุ่ยรู้สึกว่าเขาได้เข้าใกล้มันมากขึ้นแล้ว ด้วยดอกไม้แห่งชีวิตและอสูรโอสถแห่งจิตวิญญาณขั้นที่ 3 รวมไปถึงจำนวนเวลาที่เขามี นี่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่แต่อย่างใด


 


เมื่อตอนที่เขาออกมาจากดินแดนหยกยุพราชอมตะมันก็เป็นเวลากลางคืนแล้ว พวกนางไม่ได้รู้สึกประหลาดใจแต่อย่างใดที่ได้เห็นชิงสุ่ยปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง พวกนางรู้ดีว่าชิงสุ่ยนั้นได้ซ่อนความลับของตัวเองเอาไว้อยู่แต่ใครกันล่ะที่จะไม่มีความลับอยู่เลย?


 


ทั้งสามสาวกำลังคุยกันอย่างสนิทสนม ชิงสุ่ยก็ตระหนักเรื่องนี้ได้เช่นกันตลอดเวลาที่ผ่านมานี้พวกนางได้พูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องของเขามากมาย เพราะก่อนหน้านี้เขาได้ยืนยันความสัมพันธ์ที่มีต่อพวกนางแล้ว


 


เมื่อเห็นชิงสุ่ยเข้ามา อวี้ ลู่หยานก็ยืนขึ้น “ข้าจะไปนำอาหารออกมา”


 


“ไปด้วยกันเถอะ” ถานท่าย หยวนก็ยืนขึ้นเช่นกันและจากมือของอวี้ ลู่หยานก่อนที่จะเดินไปยังห้องครัวพร้อมๆกัน อี่หวง กู่หวู๋งั้นไม่ได้ไป กลับกันนางยืนมองชิงสุ่ยด้วยสายตาแปลกๆ


 


“มีอะไรงั้นหรือ? เหตุใดเจ้าจึงมองข้าเช่นนี้?” ชิงสุ่ยลูบใบหน้าของเขา


 


“ข้าสงสัยจังว่าเจ้ามีดีอะไร เหตุใดทั้งลู่หยานและหยวนเอ๋อต่างก็ถูกเจ้าครอบงำจิตใจ?”


 


“เจ้าอยากรู้งั้นหรือ?” ชิงสุ่ยยิ้ม คำถามนี้ไม่ใช่คำถามจริงๆ นอกจากนี้นางเองก็เป็นหนึ่งในหญิงสาวของเขา นางควรจะถามตนเองเสียมากกว่า


 


“ข้าอยากรู้” อี่หวง กู่หวู๋กล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม


 


“อันที่จริงแล้วมันก็ไม่ได้มีอะไรมากหรอก เพียงแค่ข้าเก่งกาจในการทำเรื่องนั้น” ชิงสุ่ยหัวเราะออกมาเบาๆที่ข้างหูของนาง ในเวลาเดียวกันเขาก็แนบชิดกับนางและนางได้สัมผัสร่างกายของเขา


 


ฮึ!


 


หญิงสาวหัวเราะออกมา นางโอมกอดรอบคอของชิงสุ่ยเอาไว้ “เจ้าพูดถูกในเรื่องนี้ ในวันนั้นข้าได้เห็นเจ้ากระทำกับลู่หยาน เจ้าเก่งกาจมากจริงๆ ข้าจะไปถามลู่หยานหลังจากนี้ว่าเจ้าเก่งกาจจริงๆหรือไม่”


 


ชิงสุ่ยยังคงยิ้มอยู่ เมื่อปีศาจสาวของเขาเริ่มทำตัวเช่นนี้เขาเองก็ไม่อาจควบคุมนางได้


 


“เจ้าไม่จำเป็นต้องถามหรอก เจ้าจะได้รู้เองในอนาคต ข้าจะทำให้เจ้ารู้สึกดีจนเจ้ารู้สึกราวกับว่าตนเองกำลังจะตายไป” ชิงสุ่ยกล่าวพร้อมกับกัดไปที่ใบหูของนาง


 


“ข้าเองก็รอวันนั้นอยู่” อี่หวง กู่หวู๋กล่าวอย่างเย้ายวนข้างๆหูของชิงสุ่ย


 


ทั้งอวี้ ลู่หยานและถานท่าย หยวนต่างก็ถือจานอาหารออกมา อี่หวง กู่หวู๋ได้แยกตัวออกมาจากชิงสุ่ยและเดินเข้าไปยังห้องครัว


 


อี่หวง กู่หวู๋จากไปทันทีเมื่อนางทานอาหารเสร็จ เป็นเพราะว่านางรู้สึกเหนื่อย ในทำนองเดียวกันถานท่าย หยวนก็ยืนขึ้นเช่นกันและกอดแขนของอี่หวง กู่หวู๋เดินออกไปพร้อมกัน


 


“ลู่หยาน ข้าจะนอนกับหยวนเอ๋อในคืนนี้ เจ้าค่อยนอนกับข้าพรุ่งนี้นะ”


 


อวี้ ลู่หยานหน้าแดงเล็กน้อย นางมองไปยังอี่หวง กู่หวู๋และถานท่าย หยวนที่ได้เดินออกไปแล้ว ถานท่าย หยวนแทบจะวิ่งออกไปข้างนอก เพียงแต่หลังจากนั้นอวี้ ลู่หยานก็จับตามองมายังชิงสุ่ย


บทที่ 1339 – ยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 2 ยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 3 ยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 4 ที่ล้มเหลว


 


ชิงสุ่ยไม่ได้คิดอะไรมากและเมื่อได้สบสายตากับอวี้ ลู่หยาน อวี้ ลู่หยานก็หันหนีไปด้วยความเขินอาย ระยะเวลาที่เขาจากไปนั้นไม่ได้ถือว่ายาวนานแต่อย่างใดแต่นางกลับรู้สึกคิดถึงเขาอย่างยิ่ง ในตอนนี้ความรู้สึกนั้นก็เริ่มรุนแรงมากยิ่งขึ้น แต่นางก็เป็นหญิงสาวที่รักนวลสงวนตัว แม้ว่านางจะเป็นภรรยาของชิงสุ่ยแล้วและได้ใกล้ชิดกับเขามาหลายครั้ง แต่นางก็ยังคงไม่อาจทำเรื่องนี้ออกไปอย่างเปิดเผยได้


 


เมื่อมองไปยังวอวี้ ลู่หยานที่งดงามไม่แพ้หมิงเยวี่ย เก้อโหลวและเป็นหญิงสาวที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่อย่างเต็มที่และสง่างาม หัวใจของชิงสุ่ยก็หลุดลอยไป ความงามของอวี้ ลู่หยานนั้นเป็นความงามของผู้ใหญ่ สงบนิ่ง เมื่อเทียบกับอดีตนางเป็นหญิงสาวที่สง่างามอย่างยิ่ง


 


ชิงสุ่ยยิ้มและเดินเข้ามานั่ง เขายังรู้สึกได้ว่าหัวใจของเขาเต้นเร็วมาก นี่ทำให้เขารู้สึกสุขใจอย่างยิ่ง เมื่อหัวใจของทั้ง 2 คนเต้นระรัวขึ้นพร้อมๆกันนั่นก็เป็นความรู็สึกของการใกล้ชิดกันในตอนนี้ ชิงสุ่ยไม่ได้คาดคิดว่าหญิงสาวผู้นี้จะรักเขามากมายถึงเพียงนี้ แต่นางก็รักนวลสงวนตัวอย่างยิ่งไม่ว่านางจะปราถนามากเพียงใดนางก็จะไม่เป็นคนริเริ่มในเรื่องนี้ นางกลัวว่ามันจะทำให้นางดูมักมากในกามจนเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากชิงสุ่ยคิดเช่นนั้น


 


“ลู่หยาน!” ชิงสุ่ยจับมือของนางและลลุกไปนั่งข้างๆนาง


 


“อื้ม!” อวี้ ลู่หยานเงยหน้าขึ้นและมองไปยังชิงสุ่ย ใบหน้าของนางแดงเล็กน้อย


 


ชิงสุ่ยอยากจะพูดอะไรบางอย่างออกมาแต้ก็ไม่ได้พูด เขาอุ้มนางออกไปพร้อมกับยิ้มและกระซิบข้างหูนาง “เจ้าหิวหระหายงั้นหรือ?”


 


“อ๊า!” อวี้ ลู่หยานร้องออกมาอย่างเขินอายและซุกหน้าลงไปที่ลำคอของชิงสุ่ยโดยไม่กล้ายกขึ้นมาอีก


 


“พวกเราเองก็เป็นสามีภรรยากันมานานแล้ว เหตุใดเจ้าจึงยังเขินอายเช่นนี้?” ชิงสุ่ยทุกๆครั้งที่เขาอยู่กับอวี้ ลู่หยานนั้นให้ความรู้สึกราวกับครั้งแรกที่เขาได้พบกับนาง ความรู้กสึกนี้ช่างน่าอัศจรรย์ใจและทุกๆครั้งที่เขาได้พบนางก็เหนือความคาดหมาย เขาเองก็รู้สึกว่าหัวใจของตนเองเต้นเร็วขึ้นเล็กน้อย


 



 


หลังจากทำกันหลายรอบตอนนี้ก็เป็นเวลาดึกมากแล้ว อวี้ ลู่หยานนั้นนอนอยู่บนหน้าอกของชิงสุ่ยใบหน้าของนางนั้นเต็มไปด้วยความพึงพอใจ หญิงสาวผู้นี้ดูงดงามยิ่งขึ้นเมื่อใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความพึงพอใจ นางมองไปยังชิงสุ่ยด้วยความรักใคร่


 


“ลู่หยาน เสียงร้องของเจ้าช่างไพเราะยิ่งนัก” ทั้ง 2 มือของชิงสุ่ยลูบไล้บั้นท้ายอันกลมกลึงของนาง


 


“หากเจ้ายังพูดอีก ข้าจะไม่ร้องอะไรอีกในอนาคต…”


 


“เจ้าคิดว่าเจ้าจะทนไหวงั้นหรือ?” ชิงสุ่ยยิ้มและจากนั้นก็พลิดตัวทันที


 


“อื้ม…”


 


หลังจากผ่านไปอีกหลายรอบอวี้ ลู่หยานก็ขดตัวอยู่ที่หน้าอกของชิงสุ่ยราวกับลูกแมว ร่างกายของนางอ่อนระทวยราวกับของเหลวและสายตาของนางเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “เจ้ามันสัตว์ร้าย…”


 


ชิงสุ่ยยิ้มอย่างมีความสุข “ลู่หยาน ข้าจะเล่าเรื่องตลกให้ฟัง”


 


“ตกลง!” อวี้ ลู่หยานรู้สึกยินดีทุกครั้งที่นางได้อยู่ด้วยกันกับชิงสุ่ย


 


“มีหญิงสาวและชายหนุ่มที่นอนอยู่บนเตียงเดียวกัน หญิงสาวขีดเส้นตรงกลางเตียงและบอกว่าหากชายหนุ่มข้ามเส้นนี้มาเจ้าคือสัตว์ร้าย ท้ายที่สุดชายหนุ่มก็ไม่ได้ข้ามเส้นนั้นไปเลยเขาหลับสนิทตลอดทั้งคือ ในวันถัดมาตบหน้าชายผู้นี้และกล่าวว่า ‘เจ้าเลวร้ายยิ่งกว่าสัตว์ร้าย!’ “


 


“ลู่หยาน เจ้าคิดว่าข้านั้นเป็นสัตว์ร้ายหรือว่าเลวร้ายยิ่งกว่าสัตว์ร้า?”


 


“เจ้านั้นเป็นสัตว์ร้าย!” อวี้ ลู่หยานกอดชิงสุ่ยกระซิบเบาๆที่ข้างหูของเขา แม้ว่าอวี้ ลู่หยานจะนักนวลสงวนตัวแต่ก็มีบางครั้งที่นางปล่อยตัวปล่อยใจเมื่ออยู่ด้วยกันกับชิงสุ่ย ทำให้หัวใจที่ยุ่งเหยิงของชิงสุ่ยนั้นรู้สึกพึงพอใจอย่างยิ่ง


 


“ชิงสุ่ย ข้าอยากจะบอกอะไรบางอย่างแก่เจ้า”


 


“โอ้? อะไรงั้นหรือ?” ชิงสุ่ยเห็นสีหน้าของอวี้ ลู่หยานแปลกไปเล็กน้อย


 


“จริงๆแล้ว เจ้าเป็นผู้ชายคนแรกของข้า”


 


หลังจากที่ได้ยินเช่นนี้ชิงสุ่ยก็ตกตะลึงทันทีจากนั้นเขาก็มองไปที่นาง ชิงสุ่ยชอบนางอย่างยิ่งแต่น่าเสียดายที่เขาได้พบกับนางช้าเกินไป ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจอดีตของนาง แต่ชายหนุ่มทุกๆคนย่อมหวังว่าพวกเขาจะเป็นชายหนุ่มเพียงคนเดียวของหญิงสาว แม้ว่าจะไม่เป็นอย่างนั้นแต่เขาก็ยังพึงพอใจตราบใดที่นางมีความรักต่อเขา แต่เมื่อชิงสุ่ยได้ยินเช่นนี้เขาก็รู้สึกพึงพอใจอย่างยิ่ง


 


ตอนที่พวกเขาได้มีเพศสัมพันธ์กันครั้งแรกที่สระน้ำนมหยกขาว แม้ว่าเขาจะรู้สึกว่าร่างกายของนางนั้นกระชับอย่างยิ่งแต่ด้วยสถานการณ์ในตอนนั้นมันยากยิ่งนักที่จะเห็นรอยเลือดใดๆ ยิ่งไปกว่านั้นสำหรับหญิงสาวบางคนแม้ว่าพวกนางจะไม่ได้เลือดออก แม้ว่าพวกนางจะเยื่อบางๆนั่น แต่พวกนางก็ยังคงบริสุทธิ์อยู่


 


ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเหตุใดเขาจึงรู้สึกเสมอว่านางเหมือนกับหญิงสาวที่ไม่เคยมีลูกมาก่อน แต่แล้วสามีกับลูกสาวของนางล่ะ?


 


แม้ว่าชิงสุ่ยจะไม่ได้รู้รายละเอียดของเรื่องนี้ ทุกอย่างก็สมเหตุสมผลเมื่อนางบอกว่าเขาเป็นคนแรกของนาง มันไม่จำเป็นต้องถามอีกต่อไป ยิ่งไปกว่านั้นไม่ต้องสงสัยด้วยเช่นกันว่านางพูดความจริงหรือไม่


 


“ข้าชอบที่เจ้าเป็นเจ้า เช่นเดียวกับที่ข้าชอบเก้อโหลว ข้าทำได้เพียงด่าตัวเองที่ได้พบกับนางช้าเกินไป แต่ข้าก็มีความสุขอย่างยิ่งที่พระเจ้าส่งนางเข้ามาในชีวิตของข้า” ชิงสุ่ยกล่าวด้วยความจริงจัง


 


“ข้ารู้ ที่ข้าไม่บอกเรื่องนี้แก่เจ้าก่อนหน้านี้เพราะข้ากลัวว่าหลิงฉวงจะไม่อาจทนรับเรื่องนี้ได้”


 


“เช่นนั้นก็จงอย่าบอกนาง หลิงฉวงนั้นไม่เหมือนกับก่อนหน้านี้แล้ว ตอนนี้นางมีลูกมีครอบครั้วเป็นของตนเองแล้วและความสำคัญในชีวิตของนางย่อมเปลี่ยนไปแล้ว เข้าไม่ต้องกังวลเรื่องของนางอีกต่อไป แต่ข้าควรจะเป็นห่วงเจ้ามากกว่า” ชิงสุ่ยยิ้มและมองไปที่นาง


 


“ชิงสุ่ย ข้าอยากมีลูก ข้าอยากมีลูกกับเจ้า” ใบหน้าของอวี้ ลู่หยานซุกไปที่หน้าอกของชิงสุ่ย


 


“ตกลง เช่นนั้นก็มาเริ่มกันเลย”


 



 


ในวันถัดมาชิงสุ่ยไม่ได้ตื่นขึ้นมาเช้ามากนัก เมื่อเขาปรากฏพร้อมกับอวี้ ลู่หยาน ทั้งอี่หวง กู่หวู๋และถานท่าย หยวนยิ้มและมองไปยังอวี้ ลู่หยาน มองไปยังหญิงสาวที่ดูเขินอายผู้นี้อย่างมีความสุข


 


“เอาหละ มาทานอาหารเช้ากันเถอะ ข้าได้ปรุงทั้งยาเม็ดตำรับคู่และยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 1 แล้ว ข้ายังมียาอื่นๆอีกด้วย พวกเข้ามารับมันได้นะ” ชิงสุ่ยพยายามที่จะเปลี่ยนเรื่องที่จะคุย


 


เมื่อได้ยินที่ชิงสุ่ยกล่าวหญิงสาวเหล่านี้ก็รู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่ง เพราะพวกนางไม่ได้เห็นชิงสุ่ยปรุงยาใดๆ เขาเพียงเข้าไปในห้องพร้อมกับอวี้ ลู่หยานตลอดทั้งคือ พวกนางรู้ว่าชิงสุ่ยก็มีความลับของตนเองและดังนั้นถึงแม้ว่าพวกนางจะประหลาดใจมันก็เป็นเพียงแค่ความประหลาดใจเท่านั้น


 


หลังจากอาหารเช้าชิงสุ่ยก็วางแผนจะเข้าไปปรุงยาต่อในดินแดนหยกยุพราชอมตะ แต่เขาก็รู้สึกไม่สบายใจและตัดสินใจที่จะอยู่ที่นี่ก่อนและดูพวกนางรับยาของเขาไป


 


ชิงสุ่ยมอบยาเม็ดตำรับคู่กว่า 100 เม็ดและยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 1 ในปริมาณที่เพียงพอแก่หญิงสาวแต่ละคน เขาเฝ้ามองพวกนางใช้ยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 1 ด้วยเช่นกัน ความสามารถของทั้งอวี้ ลู่หยานและถานท่าย หยวนนั้นเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล สำหรับอี่หวง กู่หวู๋แม้ว่ายาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 1 จะช่วยเพิ่มพลังของนางได้ถึง 2 สุริยาแต่การเพิ่มขึ้นนั้นก็ถือว่าเล็กน้อยสำหรับนาง


 


จากนั้นชิงสุ่ยก็มอบยาอื่นๆให้แก่นางด้วยเช่นกัน แต่มันก็ยังมีข้อจำกัดในการได้รับอยู่ แม้ว่าพวกนางจะไม่ได้ใช้ยาชนิดเดียวกันแต่มันก็ไม่ได้มากมายนัก ชิงสุ่ยทิ้งยาไว้ให้พวกนางมากมายเกินกว่าที่พวกนางต้องการ จากนั้นเมื่อเห็นว่าเวลาผ่านไปเกือบครึ่งวันแล้วเขาก็ไม่อยากเสียเวลาเพิ่มอีกและเดินตรงกลับไปยังห้องของเขาเพื่อเข้าสู่ดินแดนหยกยุพราชอมตะ


 


ชิงสุ่ยเริ่มฝึกฝนตามปกติของเขา จากนั้นเขาก็เริ่มเตรียมตัวที่จะปรุงยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 2 และยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 3 ในตอนนี้เขาต้องการปรุงยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 3 ให้สำเร็จเป็นอย่างน้อย สำหรับยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 4 ชิงสุ่ยไม่ได้หวังมากนัก ตามตำรายาสวรรค์เก้าหยางมีการแบ่งแยกระหว่างยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 3 และยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 4 อย่างชัดเจน การใช้สมุนไพรต่างๆของมันจะเพิ่มมากขึ้นและความเชี่ยวชาญของนักปรุงยาก็ต้องสูงขึ้นเช่นกัน การแบ่งแยกนี้จะมีทุกๆ 3 ระดับ มันยังเขียนเอาไว้ว่ายาเม็ดสวรรค์หยางในระดับที่สูงกว่านั้นจะให้ผล 2 เท่าเป็นอย่างน้อยเมื่อเทียบกับระดับที่ต่ำกว่า 1 ระดับ


 


ทันใดนั้นชิงสุ่ยเข้าสู่การปรุงยา เขาปรุงยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 2 อย่างรวดเร็วด้วยเวลาประมาณ 2 ชั่วโมงเขาปรุงมันออกมาได้ประมาณ 2 เม็ด เมื่อเทียบกับตอนที่เขาปรุงยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 1 เวลาที่ใช้นั้นเพิ่มเป็นสองเท่าแต่เขาก็ยังสามารถปรุงมันได้สำเร็จ แน่นอนว่าชิงสุ่ยก็เพิ่มหญ้าอสรพิษทองคำเข้าไปด้วยเช่นกัน


 


ในตอนนี้ชิงสุ่ยสามารถปรุงยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 1 ได้สำเร็จโดยไม่ต้องใช้หญ้าอสรพิษทองคำ จากนั้นเขาก็เริ่มปรุงยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 2 ด้วยเวลา 2 ชั่งโมงภายในดินแดนหยกยุพราชอมตะ เขาหยุดมือหลังจากที่ระดับความชำนาญของเขาเพิ่มมากขึ้นจนไม่ต้องใช้หญ้าอสรพิษทองคำ เขาเก็บยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 2 เอาไว้ด้วยเช่นกัน ในระหว่างที่ปรุงยานี้เขาล้มเหลวไป 2 ครั้งเมื่อเขาไม่ใช้หญ้าอสรพิษทองคำ ชิงสุ่ยรู้สึกเจ็บปวดกับความล้มเหลว เพราะสนุมไพรต่างๆที่ใช้ในการปรุงยาเม็ดสวรรค์หยางนั้นล้ำค่าอย่างยิ่ง


 


เมื่อชิงสุ่ยเตรียมที่จะปรุงยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 3 เขาก็ยังคงรู้สึกตื่นเต้นอย่างยิ่ง ตอนนี้เขาสามารถปรุงยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 1 และยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 2 ได้จากตำรานั่น ดังนั้นแม้ว่าเขาจะตื่นเต้นเมื่อเขาได้ปรุงยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 1 และยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 2 ก่อนหน้านี้แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นมากนัก ระดับของการตื่นเต้นนี้เทียบไม่ได้เลยกับตอนที่เขาปรุงยาเม็ดตำรับคู่ได้


 


แต่มันแตกต่างจากยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 3 มันเพราะว่าชิงสุ่ยรู้สึกว่าตำรายาสวรรค์เก้าหยางสามารถเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของตระกูลของเขาได้ แม้ว่าเขาจะได้รับประโยชน์จากมันมากมาย ตัวอย่างเช่น ด้วยกายา 9 หยางของเขายาเม็ดสวรรค์หยางไม่เพียงแต่เพิ่มพลังให้แก่เขาได้แต่มันยังสามารถพัฒนากายา 9 หยางของเขาได้เช่นกัน แม้ว่าการพัฒนานั้นจะถือว่าเชื่องช้าอย่างยิ่งแต่ชิงสุ่ยก็สามารถสัมผัสถึงมันได้ เขาเชื่อว่ายาเม็ดสวรรค์หยางในระดับที่สูงขึ้นย่อมทรงพลังยิ่งขึ้น


 


4 ชั่วโมง!


 


ชิงสุ่ยก็ได้คาดการณ์เอาไว้ก่อนหน้านี้แล้วแต่ก็ยังรู้สึกว่าอัตราการปรุงยาสำเร็จของเขานั้นถือว่าสูงมาก หลังจากที่ปรุงยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 3 ไปครู่หนึ่งชิงสุ่ยก็ไม่อาจหยุดความต้องการของตนเองได้และเตรียมที่จะปรุงยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 4 แต่ชิงสุ่ยก็ต้องโศกเศร้าทันที เขาล้มเหลว 3 ครั้งซ้อนแม้ว่าเขาจะใช้หญ้าอสรพิษทองคำร่วมด้วย ในการปรุงยาครั้งที่ 3 เขาล้มเหลวหลังจากปรุงยาไปได้ 2 ชั่วโมง จากการคาดการณ์การปรุงยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 4 ย่อมต้องใช้เวลาอย่างน้อย 8 ชั่วโมงหรือมากกว่านั้น ดังนั้นนี่แสดงให้เห็นว่าเขายังเหลือหนทางอีกยาวไกล นี่เป็นการล้มเหลวครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์การปรุงยาของชิงสุ่ยเลย


 


แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกโศกเศร้าจนเกินไป เพราะเหตุผลใหญ่ที่สุดของการล้มเหลวนั้นคือหญ้าสวรรค์หยางและสมุนไพรอื่นๆยังไม่ดีพอที่จะปรุงยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 4 ได้


 


เมื่อเป็นเช่นนี้เขาก็ทำได้เพียงรอคอยต่อไป มันย่อมอีกไม่นานแล้วอย่างแน่นอน


 


หลังจากที่ปรุงยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 3 เพิ่มากขึ้นไปอีกมันก็ถึงเวลาที่ชิงสุ่ยต้องออกจากดินแดนหยกยุพราชอมตะ


 


ในยามเย็นอยู่ภายนอกบ้านหลังนี้หญิงสาวทั้ง 3 คนกำลังเดินเล่นไปตามชายหาด เพียงพริบตาชิงสุ่ยก็ปรากฏตัวขึ้นข้างๆพวกนาง พวกนางมี 3 คนแต่เขามีเพียง 2 มือเท่านั้น มันอาจจะดูไม่สำคัญว่าเขาจะจับมือของใคร แต่อวี้ ลู่หยานมองตรงไปที่ชิงสุ่ยทันทีขณะที่นางจับมือของอี่หวง กู่หวู๋อยู่


 


ชิงสุ่ยยิ้ม กระพริบตา และโอบกอดนาง จากนั้นเขาก็จับมือของหญิงสาวทั้ง 2 คนขึ้นมา พวกนางยังคงเดินต่อไปชายหาดเพื่อชื่นชมกับสายลมและคลื่น พวกนางทั้งหมดยังคงเงียบ เมื่อท้องฟ้าเริ่มมืดลงอวี้ ลู่หยานและ ถานท่าย หยวนก็ออกไปเตรียมอาหารค่ำขณะที่ชิงสุ่ยยังคงเดินต่อไปพร้อมกับอี่หวง กู่หวู๋


 


“เจ้าจะจากไปแล้วหรือ?” อี่หวง กู่หวู๋ยิ้มและถามขึ้น


 


“ข้าจะจากไปในวันพรุ่งนี้!” ชิงสุ่ยได้วางแผนทุกๆอย่างเอาไว้แล้ว


 


“เจ้าควรไปที่ห้องของหยวนเอ๋อในคืนนี้ เด็กคนนั้นอาจจะพูดไม่ดีแต่นางชอบเจ้าจริงๆ” อี่หวง กู่หวู๋ยิ้มและพูด


 


“ข้าจะไปแต่ข้าจะข้าจะยังไม่กลืนกินนาง ข้ารู้สึกว่านางยังไม่พร้อม…” ชิงสุ่ยกล่าวด้วยความกระอักกระอ่วน


 


“การทำเช่นนั้นให้ความรู้สึกดีจริงหรอ?” ใบหน้าของอี่หวง กู่หวู๋เปลี่ยนเป็นสีแดงทันทีเมื่อนางถามเช่นนี้ขึ้นเบาๆ


 


ชิงสุ่ยยิ้มและจากนั้นเขาก็กระซิบอะไรบางอย่างข้างหูของนางทำให้นางต้องวิ่งหนีไปทันที


 


“ลู่หยาน คืน มานอน….”


 


เมื่อได้เห็นอี่หวง กู่หวู๋และอวี้ ลู่หยานยิ้มและเดินหนีไป ถานท่าย หยวนก็เริ่มรู้สึกกังวลและอยากที่จะหนีไปเช่นกัน แต่นางถูกรั้งเอาไว้โดยชิงสุ่ย “สาวน้อย เจ้าไม่อาจหนีไปไหนได้หรอก”


บทที่ 1340 – ยาเม็ดเสริมสร้างเส้นลมปราณตูและเส้นลมปราณสวรรค์ สามารถใช้ได้ 2 ครั้งหรือ? ประมาท


 


ถานท่าย หยวนต้องการที่จะจากไปแต่นางก็ถูกชิงสุ่ยรั้งตัวเอาไว้ เมื่อนางร้องออกมานางก็ได้เข้าสู้อ้อมอกของชิงสุ่ย


 


เขาไม่รู้ว่าถานท่าย หยวนอยากจะหนีออกไปจริงๆหรือนางเพียงรักนวลสงวนตัวในตอนนี้ ในช่วงเวลานี้อี่หวง กู่หวู๋และอวี้ ลู่หยานได้อกไปแล้ว ถานท่าย หยวนมองไปยังชิงสุ่ยและยังคงเงียบ นางมองไปยังชิงสุ่ยด้วยความดื้อรั้น


 


ชิงสุ่ยนั้นไม่ได้ข่มขู่นางแต่อย่างใด เขากำลังหลงใหลผิวพรรณที่ขาวดั่งหยกของนาง ผิวที่เรียบเนียนและกระจ่างใสของนางนั้นมีกลิ่นหอมจางๆที่ทำให้รู้สึกอยากจะกัดนางออกมาจนไม่อาจต้านทานได้


 


ถานท่าย หยวนดิ้นหนีทันทีขณะที่ชิงสุ่ยเอนตัวไปตามนา “อย่ายื่นลิ้นของเจ้ามา มันน่ารังเกียจ!”


 


ชิงสุ่ยยอมถอยกลับไปและเลียริมฝีปากของนาง “หยวนเอ๋อ… เจ้าเกลียดความสกปรกจริงๆหรือเพียงเย็นชาต่อข้า?”


 


“ไม่ใช่ทั้งคู่…!” ถานท่าย หยวนยื่นมือออกไปเขกศีรษะของชิงสุ่ย


 


“แต่เจ้าเพิ่งบอกว่าเจ้ารังเกลียดเมื่อครู่นี้ หรือว่าเจ้าไม่สามารถตั้งครรภ์ได้? มาเถอะขอข้าจับชีพจรหน่อย” ชิงสุ่ยจับมือของนางและโอบเอวพร้อมหัวเราะออกมา


 


“พอแล้ว ชิงสุ่ย หยุดทำตัวโง่เง่าซะที” ถานท่าย หยวนบุ้ยปาก


 


“เช่นนั้นเจ้ารู้สึกรังเกลียดอีกหรือไม่?” ชิงสุ่ยยิ้มและถามนาง


 


“ไม่อีกแล้ว ชิงสุ่ย เราค่อยคุยกันคืนนี้ ตกลงไหม?” ถานท่าย หยวนมองไปยังชิงสุ่ยด้วยความกังวล


 


“นั่นข้าก็คิดไว้เช่นกัน หยวนเอ๋อ เจ้ากำลังคิดจะทำอย่างอื่นไหม?” ชิงสุ่ยหยอกล้อนางต่อไป


 


“จะ เจ้าจอมวายร้าย คนบ้า!” ถานท่าย หยวนทั้งอายและโกรธในเวลาเดียวกัน


 


“มาเถอะ เรามาคุยกันเรื่องเป้าหมายชีวิตของเราบนเตียง” ชิงสุ่ยอุ้มนางขึ้นและตรงไปยังห้องนอน


 


นางมีห้องนอนอยู่ที่นี่และแน่นอนว่าชิงสุ่ยก็เพิ่มห้องนอนของทุกๆคนเอาไว้ที่นี่เช่นกัน อาคารไม้ไผ่ที่ตั้งอยู่ที่เทือกเขาปู๋โถวนั้นดูศักดิ์สิทธิ์ที่สุดบนดินแดนแห่งนี้จริงๆรวมถึงห้องนอนสำหรับมนุษย์ที่อยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน เขาสงสัยว่าคนอื่นๆจะคิดเช่นไรเมื่อหญิงสาวทั้ง 3 คนที่ดูศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในเทือกเขาปู๋โถวต่างก็ตกเป็นของชายเพียงคนเดียว


 


“ชิงสุ่ย อย่าสัมผัสข้า เจ้าสามารถสัมผัสข้าได้ก็ต่อเมื่อเจ้าทำให้ข้าตกหลุมรักเจ้าสุดหัวใจเท่านั้น” ถานท่าย หยวนไม่ได้ขัดขืนในอ้อมแขนของชิงสุ่ยแต่กลับกันนางได้โอบรอบคอของเขาเอาไว้


 


ชิงสุ่ยก็ไม่ได้หยุดนิ่งเช่นกัน “อย่ากังวลไปเลย ตราบใดที่เจ้าไม่อนุญาตให้ข้าใส่เข้าไป ข้าก็จะไม่ทำ เช่นนี้ดีหรือไม่?”


 


ถานท่าย หยวนตกตะลึงไปกับคำพูดของเขา พวกเขาหยาบคายและป่าเถื่อนแต่ก็ยังมีผลต่อนางอย่างมาก นางไม่อาจหักห้ามใจตนเองไม่ให้กัดไปที่ไหล่ของชิงสุ่ยได้


 


ถานท่าย หยวนนั้นไม่ได้หลงรักชิงสุ่ย กล่าวให้ถูกต้องคือนางไม่ได้รักเขาอย่างสนิทใจตอนนี้ หญิงสาวแบบนางย่อมเลือกที่จะไล่ตามความสมบูรณ์แบบและย่อมไม่เต็มใจที่จะอุทิศตัวให้กับชายคนหนึ่งตราบเท่าที่นางไม่ได้รักเขาจริงๆ หากชิงสุ่ยนั้นบังคับนางจริงๆเช่นนั้นนางก็คงไม่อาจต้านทานเขาเอาไว้ได้ แต่มันย่อมทำให้หัวใจของนางต้องเจ็บช้ำ


 


แม้ว่าชิงสุ่ยจะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านความรักแต่เขาก็ก็ยังคงเข้าใจหญิงสาวของเขา นอกเหนือจากนั้นด้วยความที่เขามีชีวิตอยู่มาถึง 2 ครั้งทำให้เขาเข้าใจธรรมชาติของมนุษย์ได้อย่างแท้จริง เขาได้บอกอี่หวง กู่หวู๋ไว้ก่อนหน้านี้ว่าเขาจะไม่กลืนกินถานท่าย หยวนในคืนนี้ ความจริงแล้วเขาก็ต้องการมันจริงๆเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น


 


สำหรับอีเย่ เจี้ยนเก้อ ชิงสุ่ยได้สาบานว่าเขาจะทำให้นางเปลื้องผ้าต่อหน้าเขาและทำให้นางต้องเป็นคนที่ขึ้นขี่เขา…


 


แต่ชิงสุ่ยไม่อยากที่จะยอมรับว่าแม้ว่าเขาจะเคยพูดออกไปอย่างกล้าหาญเช่นนั้น แต่เขาคิดว่ามันไม่น่าเป็นไปได้มากนัก ชิงสุ่ยย่อมไม่เชื่อเช่นกันแม้ว่าจะมีหญิงสาวคนอื่นๆบอกเช่นนี้ แม้ว่านี่จะไม่ใช่เรื่องจริงจังระหว่างชายและหญิง ชิงสุ่ยก็จะพยายามให้ถึงที่สุดเพราะนั่นคือสิ่งที่เขาใฝ่ฝันหามากที่สุด…


 


ห้องนอนนี้ไม่ได้มีขนาดใหญ่มากเกินไป แต่ก็ดูอบอุ่น สบาย เตียงไม้ไผ่ถูกปกคลุมด้วยแผ่นเตียงหยกสีเขียวที่บางมากแต่มันก็ให้ความรู้สึกที่สบายอย่างยิ่ง มันดูงดงามอย่างยิ่งเมื่ออยู่ด้วยกันกับไม้ไผ่สีเขียวรอบข้าง


 


เตียงไม้ไผ่นี้ไม่ได้สูงเกินไปนักมันสูงในระดับหัวเข่าของเขา มันเป็นเตียงขนาดเล็กที่ประณีตบรรจง แม้ว่ามันจะแคบเกินไปสำหรับนอน 2 คนแต่ก็กว้างเกินพอสำหรับนอนคนเดียว ชิงสุ่ยมองไปยังเตียงไม้ไผ่นี้ “มันจะพังเพราะน้ำหนักของเรา 2 คนรึเปล่า?”


 


“ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าขึ้นมาบนเตียงของข้า…”


 


ใบหน้าที่น่ารักของถานท่าย หยวนแดงขึ้นในทันที นางมีดวงตาคู่สวยซึ่งดูแปลกตาและดูสง่างาม มันยังดูเย้ายวนอย่างยิ่ง ในสายตาของชิงสุ่ยตอนนี้ความเย้ายวนของนางนั้นรุนแรงอย่างยิ่ง


 


ชิงสุ่ยอุ้มนางขึ้นและนั่งลงไปบนเตียง เตียงนี้ไม่ได้พังลงมาอย่างที่เขาคาดคิดไว้ มันเพียงโก่งตัวเล็กน้อยโดยไม่ได้ส่งเสียงออกมาแต่อย่างใด


 


ไม่ต้องสงสัยเลยนี่เป็นเตียงที่ทำมาจากไม้ไผ่จากทะเลทิศทักษิณาที่ยืดหยุ่นแต่ก็แข็งแรงอย่างยิ่ง แม้จะรับน้ำหนักของคน 4 คนมันก็เพียงแค่โก่งตัวเท่านั้น นอกจากนี้ชิงสุ่ยเคยมีประสบการณ์เช่นนี้แล้วกับเตียงของอวี้ ลู่หยาน เขาจึงเพียงเย้าหยอกถานท่าย หยวนเท่านั้น


 


“หยวนเอ๋อ เตียงนี้ดียิ่งนัก มันแค่โก่งตัวเท่านั้น โอ้ ใช่แล้ว หยวนเอ๋อ จงบอกสามีของเจ้ามาว่าจะทำให้เจ้าพึงพอใจได้อย่างไร?” ชิงสุ่ยทับร่างกายของนางเอาไว้ หญิงสาวที่ทะนงในตนเองแบบนางนั้นเขาต้องกระตุ้นอย่างหนักเพื่อที่จะนำด้านลามกของนางอกมาได้


 


“เจ้าเป็นคนเดียวที่มีความต้องการ…”


 


“ข้าจะทำและข้าก็รู้สึกถึงมันได้ในตอนนี้ บอกข้าหน่อย ว่าข้าจะทำเรื่องนี้ได้เช่นไร?” ชิงสุ่ยยิ้มและค่อยๆวางมือของเขาลงบนศีรษะของนาง


 


“อย่าลืมสิ่งที่เจ้าได้พูดไปก่อนหน้านี้” ถานท่าย หยวนผลักไปที่หน้าอกของชิงสุ่ยด้วยมือทั้งสองของนาง


 


“แต่นอน ข้าจะยังไม่กลืนกินเจ้า แต่ข้าก็ยังสามารถทำเรื่องอื่นกับเจ้าได้”


 


ชิงสุ่ยยิ้มขณะที่มือข้างหนึ่งของเขาเลื่อนไปที่เอวของนางช้าๆ เขาลูบไล้ที่ตรงนั้นของนางเบาๆทำให้ถานท่าย หยวนต้องปิดตาของนางลงและสั่นสะท้าน


 


บางทีด้วยคำพูดของชิงสุ่ยก่อนหน้านี้จึงทำให้นางสงบลง ดวงตาของนางปิดสนิทและมือทั้ง 2 ข้างของนางได้คลายออก


 


ชิงสุ่ยยิ้มจางนั้นก็จูบลงไปที่ริมฝีปากของนาง มือทั้ง 2 ข้างของเขาลูบไล้ไปที่เอวและแผ่นหลังของนาง ก่อนที่เขาจะตระหนักได้มือทั้ง 2 ข้างของเขาก็เข้าไปอยู่ใต้ร่มผ้าของนางแล้ว


 


ตอนที่มือของเขาได้สัมผัสกับทรวงอกอันกลมกลึงของนาง ลิ้มของเขาก็ทะลวงผ่านขากรรไกรของนางเข้าไปได้และสัมผัสกับลิ้นของนางอย่างนุ่มนวล


 


ถานท่าย หยวนไม่ได้คิดอะไรเมื่อนางเปิดตาขึ้นแต่ใบหน้าของนางนั้นแดงฉานอย่างยิ่ง


 


ชิงสุ่ยค่อยๆถอดเสื้อผ้าของนางออกช้าๆ นางไม่ได้ต่อต้านแต่อย่างใด นางรู้ดีว่าเขาต้องการจะทำอะไร นั่นคือฉากที่คุ้นเคยที่ตราตรึงอยู่ในจิตใจของนาง


 


เมื่อชิงสุ่ยซุกศีรษะของเขาลงไประหว่างความกลมนุ่มของนาง ร่างกายของนางก็สั่นขึ้นขณะที่เขาดูดมัน มือของนางกอดศีรษะของชิงสุ่ยเอาไว้อย่างแน่นหนา


 


……


 


“หยวนเอ๋อ เจ้าเกือบทำข้าหายใจไม่ออกตาย” ชิงสุ่ยกำลังกอดถานท่าย หยวน ร่างกายครึ่งบนของพวกเขานั้นถูฏถอดเสื้อผ้าออกไป ถานท่าย หยวนไม่อนุญาตให้เขาถอดเสื้อผ้าของนางมากกว่านี้และชิงสุ่ยก็ไม่อยากที่จะมีปัญหาดังนั้นเขาจึงทำตามเช่นนั้น


 


“เจ้ายังกล้าที่จะพูดเช่นนั้น…”


 


เมื่อถานท่าย หยวนนึกย้อนกลับไปก่อนหน้านี้นางไม่รู้ว่าเหตุใดนางจึงโอบรอบคอของเขาเอาไว้ ราวกับว่านางต้องการให้เขาเข้ามายังร่างกายของนางด้วยพลังทั้งหมดของนาง นั่นไม่ใช่สิ่งที่ดีเลย… เจ้าจอมวายร้ายนั่นกำลังเย้าหยอกนาง


 


“เอาหละ เอาหละ ข้าจะไม่พูดอะไรอีก นั่นช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก!”


 


ถานท่าย หยวนพูดไม่ออก


 


ในวันถัดมาชิงสุ่ยได้มอบยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 2 และยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 3 ให้แก่หญิงสาวทั้ง 3 คน หลังจากที่ใช้ยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 2 และยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 3 ไปอย่างละ 2 เม็ด พลังของอี่หวง กู่หวู๋ก็เพิ่มขึ้นถึง 16 สุริยา นี่ไม่ได้มากหรือน้อยเกินไป ยาเม็ดสวรรค์หยางนั้นช่วยเสริมสร้างร่างกายโดยตรงและผลประโยชน์จากเรื่องนั้นก็ไม่ได้ด้วยไปกว่าการช่วยเพิ่มพลังขึ้นเลย


 


ชิงสุ่ยก็ใช้ยานี้ไป 2 เม็ดเช่นกัน น่าเสียดายที่ยานี้ไม่ได้เพิ่มพลังพื้นฐานให้แก่เขา แม้ว่ามันจะให้ผลเพียงเล็กน้อยแต่พลังของเขาก็ยังคงเหนือกว่าอี่หวง กู่หวู๋


 


แต่มันต่างออกไปสำหรับถานท่าย หยวนและอวี้ ลู่หยาน พลังของพวกนางนั้นเพิ่มขึ้นเกือบจะเป็น 2 เท่า นี่คือสิ่งที่ทรงพลังของยาเม็ดสวรรค์หยาง การเพิ่มขึ้นของพลังจำนวนมากนี้ไม่เพียงแต่สร้างความมั่นคงให้แก่รากฐานแต่ยาเม็ดสวรรค์หยางยังสามารถส่งผลต่อการสร้งรากฐานและการพัฒนาของร่างกายและกระดูก


 


ชิงสุ่ยรู้สึกว่าร่างกายและกระดูกได้รับการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น บางทีอาจเป็นเพราะกายาทองคำ 9 หยางของเขา


 


เขานึกถึงยาเม็ดเสริมสร้างเส้นลมปราณสวรรค์และยาเม็ดเสริมสร้างเส้นลมปราณตูที่เขาได้เตรียมเอาไว้สำหรับพวกนาง ยา 2 ชนิดนี้ก็เสริมความแข็งแกร่งของร่างกายให้แก่เขาเช่นกัน จากนั้นเขาก็นึกถึงยาเม็ดตำรับคู่และเริ่มคิดอะไรบางอย่าง หรือเขาจะสามารถใช้มันได้อีกครั้ง?


 


ก่อนหน้านี้ชิงสุ่ยไม่เคยคิดที่จะใช้ยาประเภทนี้ได้ 2 ครั้ง ตอนนี้เมื่อเขาคิดเช่นนี้มันน่าจะได้ผล มันสามารถช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งได้ดังนั้นมันน่าจะมีขีดจำกัดอยู่ มันอาจจะเพิ่มความแข็งแกร่งได้ 2 เท่าหรือแม้แต่ 3 เท่า แน่นอนว่านั่นย่อมต้องใช้กับยาเม็ดตำรับสาม


 


ชิงสุ่ยไม่ได้เร่งรีบแต่อย่างใดในเรื่องนี้ นี่จะเป็นครั้งที่ 2 ที่เขาได้ใช่มันดังนั้นเขาจึงให้หญิงสาวทั้ง 3 คนได้ใช้ยานี้ก่อน ยาทั้งสองชนิดนี้ถือเป็นยาที่ดีที่สุดในการเสริมสร้างร่างกายดังนั้นเขาจึงให้พวกนางได้ใช้มันก่อน


 


เส้นลมปราณสวรรค์และเส้นลมปราณตูนั้นต่างก็เป็นเส้นลมปราณที่สำคัญที่สุดในร่างกายของมนุษย์ มันทำให้หลอดเลือดในร่างกายแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น คนแรกที่ได้ใช้ยาเหล่านี้นั้นคืออี่หวง กู่หวู๋ สิ่งที่ทำให้ชิงสุ่ยต้องตกตะลึงนั้นคือเขาไม่แน่ใจว่าจะเป็นเพราะความแข็งแกร่งหรือเป็นเพราะพลังของอี่หวง กู่หวู๋นัน้มากยิ่งกว่าตอนที่เขาได้ใช้มันครั้งแรกแต่พลังของอี่หวง กู่หวู๋นั้นเพิ่มขึ้นมากกว่า 1 เท่า ในตอนนี้นางมีพลังเกือบจะถึง 70,000 สุริยาแล้ว ทั้งชิงสุ่ยและอี่หวง กู่หวู๋ต่างก็ตกตะลึง


 


นี่คือยาที่ส่งผลเป็นพิเศษต่อสภาพของร่างกาย พลังที่เพิ่มขึ้นนั้นจะแตกต่างกันไปสำหรับแต่ละบุคคล เพราะมันไม่ได้เพิ่มพลังเป็นค่าคงที่ดังนั้นพลังของผู้ใช้นั้นอาจเพิ่มขึ้นได้ตั้งแต่ 50% ถึง 300% นี่คือผลลัพธ์หลังจากได้เสริมความแข็งแกร่งของเส้นลมปราณ แน่นอนว่ามันอาจจะน้อยกว่า 50% ก็ได้เช่นกันเพราะมันขึ้นอยู่กับร่างกายของผู้ใช้และพรสวรรค์ที่มีมาแต่กำเนิด ผู้ที่มีพรสวรรค์แต่กำเนิดนั้นจะสามารถกักเก็บยานี้เอาไว้ในร่างกายได้ นั่นหมายความว่าหากผู้ใช้ที่อ่อนแอเกินกว่าที่จะดูดซึมยานี้ได้มันจะค่อยๆละลายเข้าไปในร่างกายและเพิ่มความเร็วในการฝีกยุทธในอนาคตได้ ผลลัพธ์ก็เหมือนกับการใช้ยาระดับสูง


 


ผู้ที่ใช้มันถัดไปนั้นคือถานท่าย หยวนและอวี้ ลู่หยาน ชิงสุ่ยก็ต้องตกตะลึงอีกครั้งกับพลังที่เพิ่มขึ้นของหญิงสาวทั้ง 2 คนนี้เพราะพลังของพวกนางนั้นเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่า… แต่แน่นอนว่า 2 เท่าของพวกนางนั้นเป็นเพียง 10 สุริยาเท่านั้นไม่อาจเทียบกับอี่หวง กู่หวู๋ได้เลย แต่ผลของยาที่กักเก็บอยู่ภายในร่างกายของพวกนางนั้นมีมากกว่าอี่หวง กู่หวู๋ แม้ว่าพวกนางจะไม่ได้ฝึกยุทธในอนาคตแต่พลังของพวกนางก็จะยังคงเพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอจนกว่าผลของยานี้ภายในร่างกายของพวกนางจะหมดไป ผลลัพธ์ของพวกนางทั้ง 2 คนนั้นดียิ่งกว่าตอนที่ชิงสุ่ยกินเข้าไปก่อนหน้านี้เมื่อเทียบกันแล้ว


 


ด้วยยาเม็ดตำรับคู่ ชิงสุ่ยคิดว่ามันอาจจะดีขึ้นในครั้งนี้ เขาหยุดลังเลและลองใช้มันด้วยตนเอง ตอนนี้ร่างหายของพวกนางไม่อาจรับยานี้ได้อีกต่อไป อี่หวง กู่หวู๋มีผลลัพธ์ที่น่าพอใจมากที่สุด พลังของนางเกือบจะไปถึง 70,000 สุริยา หากนางใช้พลังของพยัคฆ์ขาวแห่งรูปแบบพยัคฆ์มันย่อมเกือบจะถึง 140,000 สุริยา


 


ชิงสุ่ยคิดว่าเขาน่าจะยังเหนือกว่านาง พลังของเขาในการต่อสู้น่าจะอยู่ที่ประมาณ 150,000 สุริยา


 


เขากินยาเม็ดตำรับคู่และยาเม็ดเสริมสร้างเส้นลมปราณสวรรค์ลงไปในตอนนี้


 


เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะกินยาเม็ดตำรับคู่และยาเม็ดเสริมสร้างเส้นลมปราณตูตามลงไป


 


ไม่นานนักคลื่นพลังอันไร้ขีดจำกัดก็ปะทุขึ้นภายในเส้นลมปราณของเขา ชิงสุ่ยรู้สึกเสียใจในทันที การกระทำของเขาก่อนหน้านี้เป็นสิ่งที่ประมาทเกินไป

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม