Ancient Strengthening Technique เทพอสูรบรรพกาล 1327-1333
บทที่ 1327 – เข็มแห่งชีวิต เข็มแห่งความตาย การเริ่มต้นใหม่ที่ดี เส้นทางสู่การเป็นหมอ
ผลของราชสีห์ปีศาจโลหิตนั้นกำลังจะหายไป ผังสือถูรู้สึกว่าร่างกายของตนเองนั้นหนักขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่ามันจะไม่ได้ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดแต่ความเร็วของเขานั้นหายไปถึงครึ่งหนึ่งในตอนนี้ มันสร้างความกดดันครั้งใหญ่ให้แก่เขา เขาควรจะจัดการกับชายคนนี้ได้แม้ว่าจะไม่มีผลของราชสีห์ปีศาจโลหิต แต่มันกลับยากยิ่งนักที่เขาจะทำเช่นนั้นได้ แต่เขาก็ยังคงมั่นใจว่าศัตรูของเขานั้นคงไม่อาจทำลายการป้องกันของเกราะอสูรสำแดงของเขาได้ดังนั้นเขาจึงไม่ได้กังวลมากเกินไป
กลับกันเขารู้สึกเป็นกังวลอย่างยิ่งกับสัตว์อสูรขนาดใหญ่สีม่วงนั่น โชคดีที่สัตว์อสูรตัวนั้นยังไม่ได้มีพลังมากเท่าไหร่ มิฉะนั้นมันคงจะสังหารเขาไปแล้ว
ชิงสุ่ยต้องการใช้เถาวัลย์อสูรกระหายเลือดจริงๆ น่าเสียดายที่ดุฌหมือนยังไม่ถึงเวลาที่เขาจะใช้มันได้ ดังนั้นเขาจึงลดความเร็วและปฏิกิริยาตอบสนองของศัตรูลงไปเรื่อยๆ หากเขาสามารถใช้เถาวัลย์อสูรกระหายเลือดเพื่อพันธนาหารศัตรูได้ ชิงสุ่ยมั่นใจว่าเขาจะสามารถจัดการกับผังสือถูได้ในช่วงเวลาสั้นๆแม้ว่าเขาจะทรงพลังกว่าชิงสุ่ยหลายเท่าก็ตาม
มันน่าเสียดายที่เขายังไม่ได้มีโอกาสทำเช่นนั้น หลังจากที่อสูรอัสนีคลั่งโจมตีออกไปก่อนหน้านี้ทำให้ศัตรูของเขาเริ่มระมัดระวังตัวมากขึ้น ดังนั้นมันย่อมยากมากขึ้นที่เขาจะใช้กลยุทธ์แบบเดิมได้แม้ว่าศัตรูของเขาจะไม่สามารถใช้ราชสีห์ปีศาจโลหิตได้ในช่วงเวลาสั้นๆนี้ โชคดีที่ชิงสุ่ยอยู่ในสถานการณ์ที่ได้เปรียบในตอนนี้
ดังนั้นเรื่องนี้ก็ยังคงจะไม่ได้จบง่ายๆ
ชิงสุ่ยไม่อยากที่จะให้เวลายาวนานไปกว่านี้ ผลของการประลองที่ออกมาเสมอนั้นก็ไม่เลวนักแม้ว่ามันอาจจะเกินกว่าสิ่งที่ทุกๆคนคาดคิดเอาไว้ แต่จากสถานการณ์ในตอนนี้มันถือว่าค่อนข้างเสมอกัน
ชิงสุ่ยนั้นมีกลยุทธ์ที่หลากหลายและผังสือถูนั้นมีพลังที่พลังที่เหนือกว่า แต่คนนอกนั้นย่อมไม่อาจรับรู้เรื่องนี้ได้ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถมองเห็นได้อย่างแท้จริงว่าสถานการณ์ในตอนนี้เป็นเช่นไรและพวกเขานั้นล้วนเคยประมือกับผังสือถูมามากกว่าชิงสุ่ย
ชิงสุ่ยนำเข็มแห่งชีวิตและความตายออก
เข็มแห่งชีวิตและเข็มแห่งความตาย!
ในตอนแรกนั้นชิงสุ่ยต้องการให้ผลการประลองครั้งนี้ออกมาเสมอแต่นั่นก็เป็นเพียงความในตอนแรกเริ่มเท่านั้น แต่เขาตระหนักได้ว่าตระกูลผังย่อมได้รับความอับอายแม้ว่าผลของการประลองครั้งนี้จะออกมาว่าผังสือถูแพ้หรือเสมอ สำหรับชิงสุ่ยนั้นไม่มีทางที่เขาจะปล่อยให้ตัวเองแพ้ได้เช่นกัน เมื่อเป็นเช่นนี้เขาก็คงต้องทุ่มพลังทั้งหมดของตนเองเพื่อบดขยี้ศัตรูและเอาชนะในการต่อสู้ครั้งนี้
ชิงสุ่ยถือเข็มแห่งชีวิตและความตายเอาไว้ในมือของเขา ซึ่งปลายของมันนั้นปลดปล่อยปราณแห่งความตายออกมาจากนั้นเขาก็พุ่งไปยังผังสือถู
“ดี!”
ผังสือถูนั้นกำลังรำคาญที่เขาไม่อาจไล่ตามศัตรูได้ทันด้วยความเร็วในตอนนี้ของเขา แม้ว่าเขาจะมีพลังมากกว่าศัตรูแต่เขาก็ไม่อาจสัมผัสศัตรูได้เลย เขารู้สึกว่าหมัดอันทรงพลังของตนเองนั้นทำได้เพียงจั่วลมเท่านั้น
ดวงตาของผังสือถูเบิกกว้างขึ้น ตอนนี้ชิงสุ่ยกำลังเริ่มที่จะพุ่งเข้ามาโจมตี โอกาสของเขามาถึงแล้ว เขาจะไม่ปล่อยให้ชิงสุ่ยหนีออกไปได้อีกครั้ง
‘เขาเข้ามาใกล้แล้ว!’
ผังสือถูนั้นกำลังจับตามองชิงสุ่ยที่เริ่มเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆโดยไม่ได้คิดที่จะหลบการโจมตีแม้แต่น้อย เขาไม่กังวลกับการโจมตีครั้งนี้เลยเพราะศัตรูไม่อาจทำลายเกราะอสูรสำแดงของเขาได้ สิ่งเดียวที่เขาต้องทำในตอนนี้คือจัดการกับชายผู้นี้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
ชิงสุ่ยรู้ถึงความตั้งใจของศัตรูในตอนนี้ ดังนั้นเมื่อเขาเข้าไปใกล้ผังสือถู เขาก็ได้อันตรธานหายไป
ทักษะย่างก้าว 9เทวา อันตรธาน!
มันแตกต่างจาก ‘ทักษะย่างก้าว 9เทวา ว่างเปล่า’ แต่ทั้ง 2 ท่วงท่านี้ก็ให้ผลที่คล้ายคลึงกัน แต่ด้วยท่วงท่านี้จะทำให้เขาอันตรธานหายไปรวมถึงกลิ่นอายของเขาและอื่นด้วยเช่นกัน ทักษะย่างก้าว 9เทวา ว่างเปล่านั้นจะยังคงทิ้งภาพติดตาเอาไว้เบื้องหลัง ดังนั้น ‘ทักษะย่างก้าว 9เทวา, อันตรธาน’ จึงเป็นท่วงท่าที่มีระดับที่สูงกว่า ในตอนที่เขาได้อันตรธานหายไป หัวใจของผังสือถูก็เต้นระรัว แต่เขาก็ยังคงรู้สึกมั่นใจเพราะว่าเขายังมีเกราะอสูรสำแดงของตนเองอยู่ เขามุ่งมั่นไปที่การป้องกันของตนเองในตอนนี้เขาเตรียมที่จะให้ชิงสุ่ยโจมตีเขาในตอนนี้
ฉึก!
ชิงสุ่ยที่ได้อันตรธานหายไป ปรากฏตัวขึ้นทันทีข้างหลังของผังสือถู เขาแทงเข็มแห่งชีวิตและความตายไปยังผังสือถู มันเจาะทะลวงเกราะอสูรสำแดงที่ทรงพลังเข้าไปราวกับเกราะอสูรสำแดงนี้ไม่ได้มีอยู่เลย
ในเวลาเดียวกันพลังในร่างกายของผังสือถูก็ระเบิดออกมาทันที เมื่อเขาพร้อมที่จะให้ชิงสุ่ยโจมตีเข้ามาพลังศักดิ์สิทธิ์ของชิงสุ่ยก็ได้ระเบิดออกทันทีและมันถูกแทงเข้าไปยังสมองของศัตรูด้วยเข็มแห่งชีวิตและความตาย
ปราณแห่งความตายได้เข้าไปยังสมองของผังสือถู แม้เพียงน้อยนิดมันก็ยังสามารถทำให้ผังสือถูก้าวเข้าสู่ความตายไปแล้วครึ่งตัวในทันที แม้ว่าการโจมตีครั้งสุดท้ายของผังสือถูจะถูกลดทอนพลังลงไปมันก็ยังสามารถโจมตีไปยังชิงสุ่ยได้ มันไม่ได้โจมตีโดนส่วนที่สำคัญของเขาแต่ก็ทำให้ชิงสุ่ยต้องบาดเจ็บหนักอีกครั้ง
ผังสือถูไม่ได้ตายจากไปทันทีจากการโจมตีครั้งนี้แต่เขาก็ต้องตื่นตระหนกเมื่อพบว่าพลังในร่างกายของตนเองเริ่มหายไป เขารู้สึกตกตะลึงที่ตนเองได้กลายเป็นเพียงคนธรรมดาในตอนนี้ ในตอนนี้เขารู้สึกผิดหวังอย่างยิ่ง เขารู้สึกสูญเสียแรงจูงใจในการใช้ชีวิตไปราวกับคนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือคนที่เจ็บป่วยอย่างรุนแรง มันผ่านมาหลายปีแล้วที่เขาเคยรู้สึกแบบนี้ ในตอนนี้เขาได้ตระหนักว่าชีวิตของคนนั้นเปราะบางมากเพียงใด
“ข้าแพ้แล้ว!” ผังสือถูยกเลิกเกราะอสูรสำแดงของเขาและกล่าวกับชิงสุ่ยที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา
ชิงสุ่ยไม่ได้สังหารผังสือถูเพราะว่าเขาตระหนักได้ว่าเข็มแห่งชีวิตและความตายนั้นจะทิ้งร่องรอยของปราณแห่งความตายเอาไว้ในร่างกายหลังจากที่มันได้กลืนกินเขาเข้าไปแล้ว หากไม่มีความช่วยเหลือของชิงสุ่ย เขาเหลือเวลาชีวิตอีกไม่นานบางทีอาจจะเหลือเพียงหนึ่งปีเท่านั้น ไม่เพียงแค่นั้นมันย่อมไม่มีโอกาสแล้วที่ระดับพลังของเขาจะได้รับการยกระดับขึ้น
ไม่มีประโยชน์อะไรในการฆ่าผังสือถูในตอนนี้ ดังนั้นเขาจึงทิ้งชายผู้นี้เอาไว้ให้อยู่กับความหวาดกลัวไปตลอดชีวิต พอถึงเวลาที่เขาต้องตายไปพวกเขาจะได้ไม่โทษชิงสุ่ย หากเขาสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ตระกูลผังย่อมไม่อาจทำอะไรกับชิงสุ่ยได้
“ไปเถอะ พวกเจ้าทั้งหมด ข้าหวังว่าพวกเจ้าทั้งหมดจะปฏิบัติตามข้าตกลงระหว่างเรา” ชิงสุ่ยกล่าวขณะที่เขาเช็ดคราบเลือกออกจากมุมปากของตนเอง
“มั่นใจได้เลย ตระกูลผังรักษาคำพูดของตนเองเสมอ” ผังสือถูกล่าวด้วยรอยยิ้ม แม้ว่ามันจะเป็นรอยยิ้มที่ขมขื่น
จากตอนแรกเริ่มผังสือถูก็มีความรู้สึกว่าเขาจะต้องพ่ายแพ้ในวันนี้ แม้ว่าจะไม่ใช่ชิงสุ่ยตระกุลอื่นๆก็น่าจะออกมาจัดการกับเขา เมื่อเขาได้คิดเช่นนี้เขาก็กระอักเลือดออกมา ผังเต๋อนั้นไร้สมองอย่างแท้จริง เขารู้สึกอยากจะสังหารชิงสุ่ยในตอนนี้ เขาได้เปิดรับการเดิมพันหลังจากที่สถานการณ์เริ่มวุ่นวายยิ่งขึ้น เพื่อประโยชน์ในการหลีกเลี่ยงไม่ให้ชิงสุ่ยนั้นแค้นเคืองตระกูลผัง ผังสือถูนั้นมีชีวิตอยู่มาหลายปีแล้ว เขาจึงบอกได้เลยว่าชายหนุ่มผู้นี้สักวันหนึ่งทะยานขึ้นสู่สวรรค์เหมือนมังกรอันยิ่งใหญ่ แม้แต่ในตอนนี้เขาก็ไม่ใช่คนที่ตระกูลผังจะไปสร้างความบาดหมางได้
นี่คือความสามารถของแพทย์ที่น่าเกรงขาม
“น้องชาย เจ้าเป็นอะไรหรือไม่?” หมอปีศาจตรงเข้ามาหาเขาด้วยความกังวล
“พี่ชาย ท่านลืมไปแล้วงั้นหรือว่าข้าเองก็เป็นหมอ?” ชิงสุ่ยหัวเราะ นี่ย่อมไม่อาจทำอะไรเขาได้
“น้องชาย ลงมารักษาอาการบาดเจ็บของเจ้าก่อน อย่าช้าอยู่เลย” ลี่จี๋รีบกล่าวกับชิงสุ่ย
ชิงสุ่ยหันไปและพยักหน้าให้กับผู้อาวุโสปู้หยางและคนอื่นๆก่อนที่เขาจะกลับไปยังห้องอาหารแห่งจักรพรรดิ
ไม่นานหลังจากนั้นผู้อาวุโสลี่และลี่เหยียนก็ได้เข้ามาพบชิงสุ่ยเช่นกัน พวกเขาได้มาที่นี่พร้อมกันในตอนนี้ ชิงสุ่ยรู้สึกยินดีเมื่อได้เห็นลี่เหยียน นางมีร่องรอยจากโลกก่อนหน้านี้ของเขาที่เขาไม่อาจขจัดออกไปได้
ในโลกก่อนหน้านี้ของเขานางถือว่างดงามยิ่งนัก แม้ว่านางจะไม่ได้งดงามที่สุดในสายตาของชิงสุ่ย เขาก็ชอบผู้หญิงประเภทนี้มากที่สุด เหล่าหญิงสาวที่เขาเคยได้พบหลังจากที่มายังโลกใบนี้แล้ว สือฉิงจวง ชางห่าย หมิงเยวี่ย ติ๊เฉิน และอีเย่ เจี้ยนเก้อนั้นมีความงามที่ไม่มีผู้ในในโลกก่อนหน้านี้ของเขาจะเทียบได้แม้จะใช้เครื่องสำอางหรือสิ่งใดก็ตาม มันยังมีความแตกต่างกันอยู่มากระหว่างความงามที่แท้จริงและความงามจากภาพถ่ายที่ได้กับการปรับแต่งรูป แม้ว่าในตอนนี้เขาจะมีหญิงสาวรอบกายมากมายแต่เขาก็ไม่อยากลืมเลือนหญิงสาวที่เขาเคยชื่นชอบที่สุดในชีวิตที่แล้วไปได้
นางมีดวงตาที่กลมโตสวยและเปร่งประกาย เสียงของนางก็คล้ายคลึงกับผู้หญิงที่เขาเคยชื่นชอบ ชิงสุ่ยรู้ดีว่าหญิงสาวผู้นี้ไม่ใช่คนเดียวกับผู้หญิงในชีวิตที่แล้วของเขาเช่นเดียวกับชายผู้นั้นที่กลับมายังมหาทวีปทั้ง 5 ที่ดูคล้ายกับพี่ใหญ่ของเขา แต่เขาก็ไม่ใช่คนเดียวกันชิงสุ่ยยังคงให้โอกาสเขาเพื่อให้เขามีโอกาสในชีวิตที่เหลืออยู่
ตอนนี้เขามาพบกับหญิงสาวของตระกูลลี่เขารู้ในทันทีว่าเขาไม่อาจลืมผู้หญิงที่เขาเคยชื่นชอบไปได้ แต่พวกนางทั้ง 2 คนก็ไม่ใช่คนเดียวกัน พวกนางเพียงแค่คล้ายคลึงกันเท่านั้น เขาไม่ได้รักผู้หญิงที่เขาเคยชื่นชอบในชีวิตก่อนหน้านี้เพียงแต่ชื่นชอบตัวตนของนางและกลิ่นอายที่นางปลดปล่อยออกมา
“ท่านชิง ท่านเป็นอะไรหรือไม่?” ลี่เหยียนไม่ได้ตระหนักถึงความคิดของนางที่ได้เข้าไปยังจิตใจของชิงสุ่ย นางเพียงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่กังวลเล็กน้อย แต่ทันทีที่นางมาถึงชิงสุ่ยก็ได้รักษาอาการบาดเจ็บของเขาหมดแล้วพร้อมกับได้เปลี่ยนเสื้อผ้าของตนเอง เขายังไม่ได้ล้มลงเลยแม้แต่ครั้งเดียว
“ท่านหญิงเหยียนเอ๋อ ข้าเป็นหมอ จะมีอะไรสำคัญกับอาการบาดเจ็บเล็กน้อยเช่นนี้กัน? ขอบคุณสำหรับความห่วงใยของท่าน”
ในตอนนี้ชิงสุ่ยได้เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยของนางทำให้เขานึกถึงช่วงเวลาที่นางก้มลงมาผูกเชือกรองเท้าให้เขาในชีวิตก่อนหน้านี้ ในช่วงเวลานั้นเขาอยากที่จะโอบกอดนางจริงๆแต่น่าเสียดายที่เขาไม่อาจทำเช่นนี้ได้ เขามีความเสียใจอย่างมากในชีวิตก่อนหน้านี้
ลี่เหยียนผงะไปเมื่อนางได้เห็นชิงสุ่ย ใบหน้าที่ซับซ้อนของเขาทำให้นางรู้สึกเขินอายจนไม่กล้าที่จะจ้องตากับเขา ชิงสุ่ยยิ้มขณะที่เขาเชิญให้นางนั่งลง ผู้อาวุโสลี่นั้นนั่งอยู่บนเก้าอี้นวมและกำลังพูดคุยกับหมอปีศาจ และคนอื่นๆ
พื้นที่ของชั้นที่ 5 เป็นพื้นที่ส่วนตัวที่ต้องได้รับอนุญาตเท่านั้นจึงจะสามารถเข้ามาได้
“ไม่เป็นไร ข้าควรขอบคุณท่านสักครั้ง” ลี่เหยียนยืนยันความหวังดีของนางและหัวเราะออก
“ท่านช่างคล้ายคลึงกับสหายของข้ายิ่งนัก” ชิงสุ่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“สหายผู้ใดกัน?” ลี่เหยียนสงสัย
“สหายที่สนิทชิดเชื้ออย่างยิ่ง”
“ผู้ใดกันที่เหมือนกันข้า? เช่นนั้นข้าขอพบนางได้หรือไม่?” ลี่เหยียนดูเหมือนจะอยากเห็นอย่างยิ่ง
“ข้าคงไม่อาจจะพบนางได้อีกแล้ว นางได้อันตรธานหายไปจากโลกของข้าแล้ว” ชิงสุ่ยไม่รู้ว่าเขาควรรู้สึกเช่นไรดีเมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้
“ข้าต้องขอโทษด้วย!”
“ไม่เป็นไร ข้าชินแล้ว เรื่องนี้มันได้ผ่านมานานหลายสิบปี” ชิงสุ่ยครุ่นคิดครู่หนึ่ง เขายังคงไม่อาจลืมเลือนนางได้แม้เวลาจะผ่านไปนานหลายปีแล้วก็ตาม เขาคิดว่าลี่เหยียนคงเข้าใจคำพูดของเขาผิดไป กล่าวตามตรงเขาเช่นกันที่ได้อันตรธานหายไปจากโลกของนาง
“โอ้ เช่นนั้นก็หมายความว่านางอายุมากกว่าข้านะสิ” ลี่เหยียนหัวเราะ
ชิงสุ่ยส่ายศีรษะของเขา ในใจของเขานั้นอายุของหญิงสาวผู้นั้นได้ถูกหยุดนิ่งเอาไว้เพราะนางเป็นเพียงความทรงจำของเขา เขาไม่รู้จะบอกนางยังไงดีจึงเปลี่ยนเรื่องที่จะพูดกับลี่เหยียนเป้นเรื่องอื่น
สำหรับหญิงสาวผู้นี้ชิงสุ่ยไม่ต้องการที่จะไล่ตามนางอีกต่อไป หากนางเป็นหญิงสาวจากชีวิตก่อนหน้านี้ของเขาจริงๆตอนนี้เขาก็จะไม่ปล่อยให้นางหลุดมือไปอีก น่าเสียดายที่คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเป็นเพียงคนที่คล้ายคลึงกันเท่านั้น
แต่บางครั้งมนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่เชื่อในสิ่งที่ตนเองได้เห็น แม้ว่าเขาจะเข้าใจดีว่าพวกนางไม่ใช่คนๆเดียวกัน หัวใจของเขายังคงมองเห็นนางในฐานะตัวแทนของกันและกันและภาพของทั้งคู่ก็ค่อยๆทับซ้อนกัน เขาไม่แน่ใจว่านี่คือการทดแทนกันหรือไม่ จะมีคนที่สามารถเป็นตัวแทนกันได้อย่างสมบูรณ์แบบงั้นหรือ?
หลังจากที่ได้พูดคุยกันทั้ง 2 คนก็เริ่มที่จะมีความสนิทสนมกันมากยิ่งขึ้น การสนทนาของพวกเขาเป็นไปอย่างไหลลื่นราวกับรู้จักกันมานานและการพูดคุยกันก็มีแต่ความสบายใจ
รอยยิ้มบนใบหน้าของผู้อาวุโสลี่ฉีกกว้างออกทันทีเมื่อเขาเห็นชิงสุ่ยได้พูดคุยกับลี่เหยียน แต่เขาตระหนักดีว่าหมอเทวดาผู้นี้ย่อมไม่ใช่คนธรรมดา แม้ว่าเด็กสาวผู้นี้จะงดงามแต่ตระกูลลี่นั้นถือว่าด้วยกว่าชิงสุ่ยยิ่งนักเมื่อเทียบกันแล้ว หากเด็กสาวผู้นี้มาจากตระกูลหลักของตระกูลลี่บางทีเรื่องนี้อาจจะพอมีหวังก็เป็นได้
……
ในเวลาเพียงไม่กี่วันชิงสุ่ยก็ได้รักษาผู้คนไปมากมาย พวกเขาทั้งหมดต่างเป้นคนของตระกูลใหญ่ นอกจากนี้ยังมีการให้คำปรึกษาแก่หมอที่เป็นอาสาสมัครสัปดาห์ละครั้งที่ห้องอาหารแห่งจักรพรรดิ ชื่อเสียงของเขาในนามของหมอเทวดากระจายออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงแค่นั้นเขายังเป็นที่รู้จักในฐานะหมอที่มีน้ำใจ
ดังนั้นผู้คนนับไม่ถ้วนจึงถูกดึงดูดให้มาหาเขาเพราะว่าชื่อเสียง…
ก่อนที่เขาจะตระหนักถึงเรื่องนี้ได้ ชิงสุ่ยก็พบว่าตัวเองอยู่ในตำแหน่งที่สูงส่งอย่างยิ่ง ผู้คนในชั้นที่ 4 ของห้องอาหารแห่งจักรพรรดิได้เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับสาขาหลักของตระกูลลี่และตระกูลซื่อกงรวมไปถึงตระกูลปู้หยาง ตระกูลตู่กู๋ และตระกูลอื่นๆ ชิงสุ่ยได้ก้าวเข้าสู้พื้นที่ของตระกูลเหล่านี้แล้ว
เด็กหญิงจากตระกูลปู้หยางในที่สุดก็หายขาดในวันนี้ ผู้อาวุโสปู้หยางมองไปยังชิงสุ่ยด้วยความนยินดี “หากท่านมีลูก เรามาหมั้นหมายกันดีหรือไม่?”
ชิงสุ่ยตกตะลึงไปครู่หนึ่งก่อนที่จะหัวเราะออกมา “ข้าชื่นชอบเด็กหญิงน้อยเฉิงหมิงยิ่งนัก หากท่านยินดีที่จะทำเช่นนั้นข้าก็จะไม่คัดค้านใดๆ ข้าเพียงกังวลว่าพวกเขาทั้ง 2 คนอาจจะไม่ถูกใจกันในอนาคตและอาจจะสาปแช่งพวกเราเอาได้”
บทที่ 1328 – การหมั้นตั้งแต่เยาว์วัย พลังของระดับพลังปราณบรรณชาสวรรค์พินาจมีมากเพียงใดกัน? กลับบ้าน
“หากจะทำเช่นนั้นก็ไม่เป็นไร ในอนาคตหากพวกเขาไม่ถูกใจกันและเข้ากันไม่ได้ ตอนนั้นเราจะลืมเรื่องที่คุยกันนี้ในตอนนี้ไป ท่านคิดเช่นไร? เด็กหญิงน้อยผู้นี้มีชีวิตที่ยากลำบากอย่างยิ่งแต่นางมีพรสวรรค์ในการฝึกยุทธ เมื่อข้าได้พบท่าน ท่านชิง ข้าก็คิดทันทีว่าท่านคือคนที่ข้าตามหา ข้าเพียงหวังว่าเฉิงหมิงจะมีวาสนาที่ดีในอนาคต” ผู้อาวุโสปู้หยางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เมื่อพูดถึงเรื่องหมั้นหมายเขาไม่คิดว่าชายชราจะยืนกรานเรื่องนี้ เขากำลังมองหาผู้ที่เหมาะสมในอนาคตของบุตรหลานของตนเองและชิงสุ่ยก็เป็นตัวเลือกที่ดี แต่เด็กหญิงน้อยนั้นจะหมั้นหมายกับลูกชายของเขาแทน แม้ว่าชายชราผู้นี้จะไม่รู้ว่าลูกชายของเขาในอนาคตนั้นจะเป็นเช่นไรแต่เขาก็รู้สึกว่าตนเองนั้นมีสายตาที่เฉียบแหลมอย่างยิ่ง
“หากเป็นเช่นนั้น เราคงต้องก็แก้ปัญหาของนางก่อนในตอนนี้ท่านผู้อาวุโส ขอโทษด้วยเด็กหญิงน้อยต้องมาพบเจอเรื่องแบบนี้” ชิงสุ่ยยิ้ม
“ไม่เป็นไร มันถือเป็นเกียรติของตระกูลปู้หยางของเรา” ผู้อาวุโสปู้หยางกล่าวด้วยความยินดี
ชายชราผู้นี้เป็นผู้ที่ชาญฉลาดอย่างแท้จริง ชิงสุ่ยไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไรกับเรื่องนี้ ชายชราผู้นี้รู้ว่าชิงสุ่ยย่อมประสบความสำเร็จมากขึ้นไปอีกในอนาคตและผ่านไปถึงระดับพลังปราณบรรณชาสวรรค์พินาจได้แล้วลูกหลานของเขาก็จะได้รับผลของความสำเร็จนั้นเช่นกัน ชิงสุ่ยสงสัยว่ามีผู้ฝึกยุทธระดับพลังปราณบรรณชาสวรรค์พินาจที่อยู่ในตระกูลปู้หยางหรือไม่ เขาคิดว่ามันอาจไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเขาที่จะบรรลุความแข็งแกร่งในระดับเดียวกันกับตระกูลปู้หยาง
ชิงสุ่ยนำสิ่งที่ดีๆต่างๆออกมามากมายและช่วยเด็กหญิงน้อยผู้นี้ชำระล้างสิ่งสกปรกที่อยู่ในร่างกายของนาง เด็กหญิงน้อยผู้นี้คือลูกสะใภ้ของเขาในอนาคต เขาหวังว่าหลงเอ๋อจะไปได้ดีกับนาง
“ท่านผู้อาวุโส พลังของขั้นแรกเริ่มระดับพลังปราณบรรณชาสวรรค์พินาจนั้นมีมากเพียงใดกัน?” ชิงสุ่ยถามคำถามนี้ออกไปด้วยความสงสัย เพราะมีเพียงแค่เขาและผู้อาวุโสปู้หยางที่อยู่ด้วยกันในห้องนี้
เด็กหญิงน้อยได้ออกไปเดินเล่นกับลี่จี๋
“หนึ่งล้านสุริยา!” คำตอบของผู้อาวุโสปู้หยางนั้นชัดเจนอย่างยิ่ง
ชิงสุ่ยรู้สึกมึนงงทันทีเมื่อเขาได้ยินจำนวนของมัน มันน่ากลัวเกินไป ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมแม้แต่ตอนที่เขาเห็นระดับพลังปราณบรรณชาสวรรค์พินาจนั้นมันอยู่ไกลเกินเอื้อมราวกับดวงอาทิตย์ที่อยู่บนท้องฟ้า เขาสามารถไปหามันได้แต่เวลาที่ต้องใช้นั้นมหาศาลจนเกินไป
พลังหนึ่งล้านสุริยาจึงจะสามารถเข้าสู่ขั้นแรกเริ่มระดับพลังปราณบรรณชาสวรรค์พินาจ มันน่าจะเป็นพลังที่สูงที่สุดในมหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำรวมถึงมหาทวีปมังกรอหังกาล และมหาทวีปอุดรเทวา ชิงสุ่ยอยู่ในความตกตะลึงเป็นเวลานานก่อนที่เขาจะกลับสู่ความเป็นจริงและเห็นชายชรากำลังมองเขาด้วยรอยยิ้ม
“ข้าเหม่อลอยไปหน่อย ช่างน่าอายยิ่งนัก” ชิงสุ่ยยิ้มด้วยความรู้สึกที่เขินอาย
“โอ้ ไม่ ชิงสุ่ย ท่านจะต้องไปถึงระดับพลังปราณบรรณชาสวรรค์พินาจได้อย่างแน่นอนในอนาคต” ผู้อาวุโสปู้หยางกล่าวด้วยรอยยิ้ม น้ำเสียงของเขานั้นดูมั่นใจอย่างยิ่ง
“โอ้? ท่านดูมั่นใจอย่างยิ่งในเรื่องนี้ ส่วนข้านั้นไม่เชื่อมั่นแม้แต่ตนเอง ท่านผู้อาวุโสบอกเหตุผลนั้นแก่ข้าได้หรือไม่?” ชิงสุ่ยต้องการฟังเหตุผลของผู้อาวุโสปู้หยาง
“สัญชาตญาณน่ะ ข้าไม่อาจอธิบายมันเป็นคำพูดได้”
ผู้อาวุโสปู้หยางให้คำตอบแก่ชิงสุ่ยจนเขาเองก็พูดไม่ออก เป็นที่รู้กันดีว่าสัญชาตญาณของผู้หญิงนั้นน่ากลัว แต่ดูเหมือนว่าคำตอบนี้จะไม่ถูกต้องเสมอไปเพราะสัญชาตญาณของผู้ชายนั้นก็อาจจะน่ากลัวมากเช่นกัน
“มีผู้ฝึกยุทธระดับพลังปราณบรรณชาสวรรค์พินาจในอาณาจักรอี่หวงหรือไม่?”
ผู้อาวุโสปู้หยางนั้นเป็นหนึ่งในผู้ที่ทรงพลังที่สุดในอาณาจักรอี่หวง แม้แต่ชิงสุ่ยก็ไม่อาจบอกได้ว่าพลังของเขานั้นมีมากเพียงใด เขารู้สึกเพียงว่ามันล้ำลึกและไม่อาจประเมินค่าได้
“มี แต่ก็ไม่กี่คนเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีบางคนที่กำลังจะก้าวเข้าสู่ระดับพลังปราณบรรณชาสวรรค์พินาจแต่ยังไม่อาจยกระดับขึ้นไปได้” ผู้อาวุโสปู้หยางยิ้มให้กับชิงสุ่ย
“จุดสูงสุดระดับพลังปราณจักรพรรดินั้นมีพลังมากเพียงใดกัน?” ชิงสุ่ยดูเหมือนจะนึกคำถามนี้ขึ้นได้อย่างฉับพลัน
“300,000 สุริยาบางคนก็ 500,000 สุริยา บางคนหยุดการพัฒนาหลังจาก 300,000 สุริยา บางคนก็ไม่อาจพัฒนาต่อไปได้หลังจาก 500,000 สุริยา เว้นแต่พวกเขาจะยกระดับขึ้นสู่ระดับพลังปราณบรรณชาสวรรค์พินาจได้พวกเขาจะต้องติดอยู่กับระดับพลังนี้ตลอดไป ไม่มีผู้ใดจะมีพลังเกินไปกว่า 500,000 สุริยาก่อนที่จะเข้าสู่ระดับพลังปราณบรรณชาสวรรค์พินาจ”
“ขอบคุณ ท่านผู้อาวุโส นี่ทำให้ข้าเข้าใจสิ่งต่างๆได้ในทันที ข้าเพิ่งจะมาที่นี่เพียงไม่กี่วัน ข้าสงสัยว่าอาณาจักรอี่หวงนั้นอยู่ในการปกครองของจักรวรรดิใดหรือไม่?”
“อาณาจักรอี่หวงนั้นถูกปกครองโดยตระกูลขุนนาง มหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำนั้นส่วนใหญ่จะถูกปกครองด้วยตระกูลขุนนางและกลุ่มของตระกูลขุนนาง ตระกูลขุนนางในมหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำนั้นคือผู้ที่ทรงพลังที่สุด ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับตระกูลเหล่านั้น ตระกูลขุนนางชั้นสูงนั้นไม่ได้แตกต่างจากนิกายใหญ่หรือจักรวรรดิเลย” ผู้อาวุโสปู้หยางหัวเราะ
ชิงสุ่ยหยุดถามผู้อาวุโสปู้หยางเรื่องความแข็งแกร่ง ในตอนนี้เขารู้คร่าวๆแล้วว่าพลังของอาณาจักรอี่หวงนั้นมีมากเพียงใด ที่นี่ยังมีผู้ฝึกยุทธระดับพลังปราณบรรณชาสวรรค์พินาจด้วยเช่นกันแต่ก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น อาจมีมากขึ้นในเมืองหลวงของทวีป อาณาจักรอี่หวงนั้นมีเพียงไม่กี่คนแต่ก็มีผู้ที่มีพลัง 300,000 สุริยาด้วยเช่นกัน บางทีอาจจะมีบางคนที่มีพลัง 500,000 สุริยาแต่นั่นก็มีเพียงหยิบมือเดียวเท่านั้น
เมื่อคนๆหนึ่งได้ยกระดับขึ้นสู่ระดับพลังปราณบรรณชาสวรรค์พินาจ พลังของเขาจะเพิ่มขึ้นหลายเท่า ความแตกต่างระหว่างผู้ฝึกยุทธที่มีพลัง 300,000 สุริยาและหนึ่งล้านสุริยามันไม่อธิบายมาเป็นคำพูดได้เลย ผู้ที่มีพลัง 300,000 สุริยานั้นย่อมไม่อาจแม้แต่อย่าแตะต้องผู้ที่มีพลังหนึ่งล้านสุริยา แต่ผู้ที่มีพลังหนึ่งล้านสุริยานั้นสามารถบดขยี้ผู้ที่มีพลัง 300,000 หรือ 500,000 สุริยาได้ราวกับมดตัวหนึ่ง นี่คือความแตกต่างระหว่างพวกเขา
……
เพียงพริบตาก็ผ่านมากว่า 20 วันแล้วนับตั้งแต่ชิงสุ่ยได้มาถึงมหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำ เขาได้มาอยู่บนเส้นทางที่ถูกต้องแล้ว เขาไม่เคยคาดหวังว่าศาสตร์แห่งการรักษาและการปรุงอาหารนั้นจะสามารถผสมผสานกันได้ภายในอาณาจักรอี่หวงนี้ แต่ตระกูลอี่หวงที่ลึกลับนั้นกลับไม่เคยแม้แต่จะมาพูดคุยกับเขาเลย ด้วยคำพูดของอี่หวง กู่หวู๋ ชิงสุ่ยย่อมไม่คิดจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลอี่หวงตามลำพังอย่างแน่นอน
มีผู้ที่อยู่ในระดับพลังปราณบรรณชาสวรรค์พินาจในอาณาจักรอี่หวง ดังนั้นย่อมต้องมีผู้ที่อยู่ในระดับพลังปราณบรรณชาสวรรค์พินาจในตระกูลอี่หวง สำหรับชิงสุ่ยตระกูลอี่หวงนั้นเป็นเหมือนตัวตนอันยิ่งใหญ่ ที่สามารถกลายเป็นตระกูลขุนนางชั้นสูงได้ภายในอาณาจักรอี่หวง แน่นอนว่าตระกูลอี่หวงนั้นจะต้องใช้พลังของพวกเขาในการปกครองอาณาจักรอี่หวงอย่างนี้ เพราะในโลกแห่งการฝึกยุทธนี้มีเพียงพลังเท่านั้นที่จะปกครองทุกสิ่ง
ถึงแม้ว่าตระกูลปู้หยางและตระกูลตู่กู๋จะเป็นตระกูลขุนนางชั้นสูงแบบเดียวกับตระกูลอี่หวงในอาณาจักรอี่หวงหากมองเพียงผิวเผิน ก็ยังมีความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ระหว่างพวกเขามันเหมือนกับเหล่าจักรวรรดิ์และตระกูลต่างๆในมหาทวีปอู่เซียตะวันตก
ชิงสุ่ยอยากจะถามว่ามีผู้ที่อยู่ในระดับพลังปราณบรรณชาสวรรค์พินาจหรือไม่ในตระกูลปู้หยางแต่เขาก็ไม่ได้ถามออกไป มีผู้ที่อยู่ในระดับพลังปราณบรรณชาสวรรค์พินาจในอาณาจักรอี่หวงแต่เขาไม่รู้ว่าคนพวกนั้นอยู่ที่ใดบ้าง ที่เขารู้ในตอนนี้คือมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นและมันไม่สำคัญหรอกว่าพวกเขาจะอยู่ในตระกูลปู้หยางหรือไม่ เขาไม่ต้องการที่จะพึ่งพาใคร
จุดประสงค์หลักในตอนนี้คือชิงสุ่ยไม่ควรเข้าใกล้ตระกูลอี่หวง เขามีความรู้สึกว่าเขาจะต้องเกี่ยวพันกับตระกูลอี่หวงไม่เร็วก็ช้า และปัญหาของเรื่องนี้คือสัญญาที่เขาได้ให้ไว้กับอี่หวง กู่หวู๋
“ชิงสุ่ย เจ้าให้สัญญากับข้าเรื่องหนึ่งได้หรือไม่?”
“จงอย่ารักษาผู้ป่วยคนไหนของตระกูลอี่หวง”
“ข้าให้สัญญากับเจ้า!”
เมื่อเขาคิดถึงเรื่องนี้ ชิงสุ่ยส่ายศรีษะเพื่อให้คำถามต่างๆหมดไปจากหัวของเขา เขาทิ้งใบอบเชยหยก ปลาชีพนิรันดร์ และสิ่งอื่นๆไว้ที่นี่มากมาย เพราะเขากำลังเตรียมตัวที่จะกลับไปยังมหาทวีปทั้ง 5 ในอีกไม่กี่วันนี้
ธงสวรรค์ปัญจธาตุที่ถูกตั้งไว้ในทุกตำแหน่งสามารถใช้งานได้ 1 ครั้งต่อเดือนแต่ไม่ใช่ 30 วัน และตอนนี้เขาก็สามารถใช้มันเดินทางได้อีกครั้ง
เขามีหมอปีศาจที่คอยจับตามองเหล่าหมอที่เก่งกาจและรับสมัครคนที่เหมาะสมเข้าร่วมกับห้องอาหารแห่งจักรพรรดิแต่พวกเขาจะต้องมีศักยภาพที่ดีด้วยเช่นกัน หมอปีศาจตัดสินได้ง่ายว่าใครก็ตามที่ต้องการเข้าร่วมและมีส่วนร่วมกับห้องอาหารแห่งจักรพรรดิย่อมต้องไม่ด้อยไปกว่าตัวเขาเอง
นี่เป็นครั้งที่ 2 ที่เขาได้กลับไปยังมหาทวีปธรรมไตร แม้ว่าเขาจะไม่ได้ตื่นเต้นเท่ากับครั้งที่แล้วแต่เขาก็ยังรู้สึกตื่นเต้นอยู่เล็กน้อย สิ่งที่เขาไม่เคยฝันถึงเลยในอดีตก็กลายเป็นความจริง มันเป็นเรื่องง่ายเมื่อเขาสามารถทำมันได้ หากไม่มีธงสวรรค์ปัญจธาตุมันก็คงจะทำให้เขารู้สึกยากยิ่งกว่าการที่จะทะยานขึ้นไปบนสวรรค์
ทันทีที่ชิงสุ่ยกลับไปยังตระกูลชิง คนแรกที่เขาเห็นคือเหวินเหรินอูซวง มู่ชิง และอวี้เหอ
พวกนางได้กลับมาแล้ว
สิ่งแรกที่ชิงสุ่ยได้เห็นทันทีที่เขาเข้าไปในบ้านของเขานั้นคือพวกนาง พวกนางยังคงงดงามเหมือนครั้งแรกที่เขาได้เห็น เหวินเหรินอูซวงแต่งกายด้วยชุดสีขาวราวหิมะเต็มตัวพร้อมกับอวี้เหอ ยกเว้นที่อวี้เหอนั้นสวมชุดที่ไม่มีสายหนังรัด นางมีกายาร้อยบุปผาซึ่งเป็นที่รักของหมู่บุปผา มู่ชิงนั้นอยู่ในชุดวิหคเพลิงสีทองพร้อมกับกระโปรงจีบซึ่งแสดงให้เห็นถึงร่างกายอันงดงามของนาง หญิงสาวทั้งสามคนตกตะลึงในทันทีเมื่อพวกนางได้เห็นชิงสุ่ย ก่อนที่ความประหลาดใจจะปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพวกนาง
ชิงสุ่ยพุ่งเข้าไปหาพวกนางในทันทีพร้อมกับกอดเหวินเหรินอูซวงด้วยแขนข้างหนึ่งและกอดมู่ชิงด้วยแขนอีกข้าง แต่เขาก็รีบปล่อยพวกนางและเข้าไปกอดกับอวี้เหอ
ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับอวี้เหอนั้นค่อนข้างกระท่อนกระแท่น เขาเคยมีความรู้สึกกับนางในเมืองร้อยไมล์ แต่ในตอนนั้นทั้ง 2 กำลังงุนงงกับความรู้สึกครั้งนั้นและต้องแยกจากกันไปกว่า 20 ปี เขายังได้รู้จักเหวินเหรินอูซวงในเมืองร้อยไมล์ นางเป็นหนึ่งในผู้ฝึกยุทธที่ทรงพลังที่สุดที่เขาได้พบในตอนนั้นเมื่อนางอยู่ในระดับพลังปราณเทวะเซียนเทียน
หัวใจของอวี้เหอนั้นบีบคั้นเมื่อนางได้เห็นชิงสุ่ยกอดกับเหวินเหรินอูซวงและมู่ชิงแต่มันก็ไม่ได้มากจนรู้สึกเจ็บปวดใจ แต่ทันทีที่เขามากอดนางความรู้สึกเช่นนั้นก็ได้หายไป
ความจริงแล้วพวกนางต่างรับรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างทุกๆคนตั้งแต่ครั้งที่แล้ว ชิงสุ่ยได้ตัดสินใจที่จะไม่ปล่อยให้พวกนางไปไหนอีก
ไม่นานหลังจากนั้นทุกๆคนของตระกูลชิงก็มาปรากฏตัวที่นี่เช่นกัน เด็กหลายๆคนก็ได้วิ่งออกมา มันผ่านมา 1 เดือนแล้วนับตั้งแต่ชิงสุ่ยได้กลับมาที่นี่ครั้งที่แล้ว ด้วยเหตุนี้พวกเขาทั้งหมดจึงเชื่อว่าชิงสุ่ยจะกลับมาที่นี่เดือนละครั้ง
หลังจากได้ทักทายกับคนในครอบครัวของเขาชิงสุ่ยก็นำซาลาเปาหยกและอาหารอื่นๆออกมา พวกมันถูกเก็บเอาไว้ในดินแดนหยกยุพราชอมตะเพื่อเป็นของขวัญสำหรับพวกเด็กๆ นอกจากนั้นเขายังช่วยปรับปรุงร่างกายของคนอื่นๆด้วยเข็มแห่งชีวิตและความตายพร้อมกับฤดูใบไม้ผลิแห่งชีวิต
เขามีฤดูใบไม้ผลิแห่งชีวิตมากมายและยังมีอย่างอื่นๆอย่างเช่นหยาดน้ำค้างแห่งจิตวิญญาณ เขายังมีศิลาวิญญาณหมื่นปีเมื่อตอนที่เขาได้กลับไปที่มหาทวีปอู่เซียตะวันตก เขาได้รับค่อนข้างมากในสิ่งที่เขาไม่อาจหาได้ในมหาทวึปทั้ง 5 นี้ที่มหาทวีปอู่เซียตะวันตกและมหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำ
โดยเฉพาะในมหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำ หมอปีศาจนั้นได้รวบรวมสมุนไพรเอาไว้มากมายเพราะว่าสิ่งที่ ‘ลูกค้า’ ที่อยู่ในชั้นที่ 4 ของห้องอาหารแห่งจักรพรรดิจ่ายให้นั้นไม่ได้ถูกจำกัดไว้เพียงเงินตราแต่ยังรวมไปถึงสมุนไพรและสมบัติอื่นๆด้วยเช่นกัน
หมอปีศาจไม่ได้ขาดเงินตรา ความจริงแล้วมันเป็นเรื่องที่ยากยิ่งนักสำหรับเหล่ายอดฝีมือที่จะใช้เงินตราเพียงอย่างเดียว
การทำความสะอาดสิ่งสกปรกภายในร่างกายและการบำรุงร่างกายเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับการพัฒนาพรสวรรค์ที่มีมาแต่กำเนิดและการสร้างพื้นฐานของร่างกายที่ดี แม้แต่คนอย่างชิงอี้และชิงหลัวที่ถูกจํากัดเอาไว้โดยยาเม็ดทองคำเซียนเทียนก็สามารถหลุดพ้นออกจากผลของยานั้นมาได้
นี่เป็นการค้นพบครั้งใหม่และยังเป็นผลงานของเข็มแห่งชีวิตและความตายด้วยเช่นกัน แต่แน่นอนว่าทุกๆอย่างล้วนเกี่ยวข้องกับฤดูใบไม้ผลิแห่งชีวิต
นอกจากนี้ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ชิงสุ่ยมีความสุขนั่นก็คือหญ้าทะลวงสวรรค์
หญ้าทะลวงสวรรค์ในดินแดนหยกยุพราชอมตะนั้นสามารถใช้ได้แล้วในตอนนี้ เขาสามารถปรุงยาเม็ดเสริมสร้างลมปราณสวรรค์ ยาเม็ดเสริมสร้างเส้นลมปราณตู และยาเม็ดอสรพิษทองคำให้ออกมาดีมากขึ้นเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ ด้วยศาสตร์แห่งการรักษาของเขาเขาสามารถทำให้พวกนางซึมซับยานี้เข้าไปได้
ยาเม็ดเสริมสร้างลมปราณสวรรค์สามารถชำระล้างจุดลมปราณที่สำคัญในร่างกายของมนุษย์ได้ จุดลมปราณเทียนตู
ชิงสุ่ยใช้เวลาตลอดทั้งวันในการช่วยเหลือผู้คนของตระกูลชิงเพื่อยกระดับความแข็งแกร่งของพวกเขาและเตรียมที่จะปรุงยา
ตลอดมื้ออาหารค่ำชิงสุ่ยนั้นอุ้มชิงหลงพร้อมยิ้มให้กับจรู้ชิง “ข้าได้หมั้นหมายหลงเอ๋อไว้ที่มหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำในตอนนี้ อีกฝ่ายนั้นเป็นตระกูลที่ทรงพลังอย่างยิ่ง แต่หากเด็กทั้งสองคนนั้นเข้ากันไม่ได้ในอนาคต เราก็จะไม่บังคับพวกเขา”
“ท่านพี่สุ่ย มันจะไม่เร็วเกินไปหน่อยหรอ! ข้ายังไม่ได้แต่งงานเลยด้วยซ้ำ!” ชิงเป่ยร้องอุทานด้วยความตกใจ
“เป่ยน้อยของเรามีมาตรฐานที่สูงยิ่ง แต่ข้าไม่อยากแนะนำให้เจ้าแต่งงานเร็วเกินไปเพราะข้าอาจจะพาเจ้าไปยังที่ไหนสักแห่งที่กว้างใหญ่ไพศาลในอนาคต ตอนนั้นเจ้าจะได้พบชายหนุ่มรูปงามมากมาย ดังนั้นเจ้าจงตัดสินใจให้รอบคอบจะดีกว่า อย่าไปรู้สึกอิจฉาคนอื่นด้วยเช่นกัน” ชิงสุ่ยหัวเราะ
“เจ้ากล่าวเรื่องไร้สาระอะไรกัน?” ชิงอี้ขบขันออกมาเล็กน้อย
จรู้ชิงยิ้มด้วยความยินดีและปล่อยให้ชิงสุ่ยตัดสินใจ หลงเอ๋อนั้นยังคงเด็กนัก เมื่อถึงเวลานั้นพวกเขาทั้งสองคงจะได้รู้จักกันก่อน บางทีมันอาจจะเป็นเรื่องที่ดีก็ได้
รุ่นที่ 3 ของตระกูลชิงนั้นไม่ถือว่าเป็นรุ่นเยาว์อีกต่อไป แม้ว่าพวกเขาจะยังอายุน้อยเมื่อเทียบกับเหล่าผู้ฝึกยุทธ นอกจากนี้พลังของพวกเขายังพัฒนาไปได้อย่างรวดเร็วอย่างน้อยก็เกินกว่าค่ามาตรฐานของ 5 มหาทวีปนี้ เมื่อเทียบกับคนอื่นแล้วการพัฒนาของพวกเขานั้นถือว่ารวดเร็วกว่าและที่สำคัญที่สุดคือพื้นฐานทางร่างกายของพวกเขานั้นก็ดีกว่าด้วยเช่นกัน
ชิงสุ่ยและพยายามอย่างมากในการช่วยพัฒนาพื้นฐานทางร่างกายของพวกเขา เพราะพวกเขาถูกจำกัดเอาไว้โดยพรสวรรค์แต่กำเนิดตั้งแต่ก่อนหน้านี้ เขาคิดว่าเขาอาจจะช่วยพวกเขาสร้างพื้นฐานของร่างกายให้ดีขึ้นได้ซึ่งนั่นจะดีกว่าการฝึกฝนเพื่อความสมบูรณ์แบบ อย่างเช่น เคล็ดกระบี่พื้นฐานของเก่า ความจริงแล้วชิงสุ่ยได้เตรียมการเรื่องนี้เอาไว้แล้ว ด้วยความหวังว่าวันหนึ่งเขาสามารถเปลี่ยนมันด้วยยาและศาสตร์แห่งการรักษาของเขาได้
ในตอนนี้โอกาสนั้นได้มาถึงแล้ว เขาใช้เข็มแห่งชีวิตและความตาย ฤดูใบไม้ผลิแห่งชีวิต และยาอื่นๆ ในตอนนี้พลังของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเพราะพรสวรรค์ตามธรรมชาติของพวกเขาได้รับการพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด นี่คือการยกระดับครั้งใหญ่สำหรับตระกูลชิง พลังของตระกูลชิงสามารถไปถึงระดับผู้พิทักษ์เทวะธรรมได้ ตอนนั้นเวลาชีวิตของทุกๆคนย่อมเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ตอนนี้ยังมีโอกาสที่จะทำเช่นนั้นได้ และมันจะเกิดขึ้นกับรุ่นที่ 4 ของตระกูลชิงด้วยเช่นกัน
ที่จริงแล้วความหวังครั้งนี้ถูกวางเอาไว้กับรุ่นที่ 4 ของตระกูลเพราะว่าพวกเขาสามารถทำให้มันเป็นจริงได้ง่ายดายยิ่งขึ้น ตราบใดที่ผู้ที่อยู่ในรุ่นที่ 3 ของตระกูลนั้นสามารถประสบความสำเร็จครั้งใหญ่ได้
บทที่ 1329 – ชำระล้างเส้นลมปราณสวรรค์เส้นที่ 8 เพิ่มความแข็งแกร่งอีกครั้ง
ไม่ต้องบอกกก็รู้ว่าตำแหน่งของชิงสุ่ยในตระกูลของเขานั้นยิ่งใหญ่เพียงใด แต่เขาก็ยังคงเข้าหาคนอื่นๆได้อย่างไม่ถือตัว นี่คือสิ่งที่ชิงสุ่ยปรารถนา เขารักครอบครัวที่อยู่ด้วยกันแบบธรรมดามากกว่าครอบครัวที่แบ่งแยกชนชั้น
“ท่านแม่ ลูกอาจจะพูดอะไรที่ไร้สาระไปบ้าง ตราบเท่าที่ทุกๆคนยังรอคอยก่อนตอนนี้ข้าการันตีได้เลยว่าทุกๆคนจะต้องได้มีการแต่งงานที่ดีที่สุดในอนาคต เพื่อประโยชน์ของอนาคตตระกูลชิง ข้าจะหาภรรยาที่พวกเขาจะต้องพึงพอใจได้อย่างแน่นอน” ชิงสุ่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม ในตอนนี้มีผู้คนมากมายอยากจะแต่งงานกับตระกูลชิงเพื่อสานความสัมพันธ์ แต่แน่นอนว่าการแต่งงานแบบนี้เป็นเพียงการแต่งงานเพื่อสานความสัมพันธ์เท่านั้น
แต่เขาไม่อาจบอกได้ว่ามันจะมันเป็นการได้ประโยชน์หรือสูญเสียเพราะทุกอย่างนั้นขึ้นอยู่กับความพึงพอใจ ส่วนใหญ่ของการแต่งงานนั้นทำไปโดยไม่ได้มีความรู้สึกใดๆ แต่ความรักความสัมพันธ์ก็จะเพิ่มขึ้นไปตามกาลเวลาหากทั้ง 2 ฝ่ายไม่ได้มีความเกลียดชังต่อกัน มิฉะนั้นมันย่อมยากยิ่งนักที่ความสัมพันธ์จะพัฒนาต่อไปได้
ชิงสุ่ยนั้นเกลียดการแต่งงานเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์แม้กระทั่งตอนนี้ สำหรับการหมั้นหมายของหลงเอ๋อ เขายังคงให้เด็กทั้ง 2 คนเป็นผู้ตัดสินใจเองในอนาคต
“เอาหละ เอาหละ ข้าหวังว่าพวกเขาจะหาคนที่พวกเขารักได้ การแต่งงานนั้นมิใช่การทำธุรกิจ มันเป็นอีกหนึ่งอย่างที่จะอยู่กับเราไปตลอดชีวิต” ชิงอี้ยิ้มและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลาย
หัวใจของชิงสุ่ยรู้สึกเจ็บปวดทันทีเมื่อเขาได้ยินเช่นนี้และเขาก็จำได้ว่าแม่ของเขานั้นกำลังรอคอยคนนั้นๆตลอดมา เขาตัดสินใจที่จะออกตามหาคนนั้นๆ เขาต้องรอจนกว่าความแข็งแกร่งของเขาจะยกระดับขึ้นมากกว่านี้อีกและเมื่อเขามีอิทธิพลมากพอ แต่ถึงตอนนั้นมันย่อมเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขาที่จะตามหา
ชิงสุ่ยมีลางสังหรณ์ว่าเขาน่าจะคุ้นเคยกับคนๆนั้นอยู่บ้าง มิฉะนั้นย่อมต้องมีผู้อื่นที่มายังมหาทวีปทั้ง 5 นี้และลักพาตัวเขาไป
“ลูกทราบดี ท่านแม่ โปรดวางใจเถอะ นั่นคือเหตุผลที่ลูกพยายามแสวงหาความแข็งแกร่งอยู่เสมอ ตอนนั้นพวกเขาได้เข้าสู่โลกใบใหม่ที่กว้างใหญ่ขึ้น แต่แน่นอนว่าหากพวกเขาได้พบคนที่ใช่ในตอนนั้นก็ย่อมเป็นโอกาสของพวกเขา” ชิงสุ่ยรู้สึกว่าสิ่งที่เขากล่าวไปก่อนหน้านี้
หลังจากอาหารค่ำทั้งตระกูลของเขาก็พูดคุยกันที่ห้องโถงใหญ่ บรรยากาศช่างสดใสและมีชีวิตชีวาอย่างยิ่ง ลูกๆของชิงสุ่ยต่างอยู่ที่นี่พร้อมกับลูกๆของชิงจือ ฉางเฟิงนั้นมีอายุมากที่สุดในหมู่พวกเขา เขาเติบโตขึ้นมากกว่าครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ ในหมู่รุ่นที่ 4 ของตระกูลชิงเขาเป็นเด็กผู้ชายที่มีอายุมากที่สุดหากไม่นับหลวนหลวนและอวี้ช่าง
แม้ว่าเขาจะยังอายุน้อยพื้นฐานของเขานั้นก็ยังดีกว่าชิงจือก่อนหน้านี้ หลังจากที่เฟิง เฟ้ยเยี่ยนได้แต่งงานกับชิงจือนางก็ดูเหมือนจะอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น นางไม่มีริ้วรอยใดๆเลยแต่ดูเป็นผู้ใหญ่มากยิ่งขึ้น
ชิงฉางเฟิงนั้นคล้ายคลึงกับชิงจือยิ่งนัก เขาแข็งกร่งราวกับลูกพยัคฆ์แต่ก็มีใบหน้าที่คล้ายคลึงกับเฟิง เฟ้ยเยี่ยนด้วยเช่นกัน ชิงสุ่ยไม่ได้หมายความว่าชิงจือนั้นอัปลักษณ์ เขาเพียงแค่ดูไม่ฉลาดเท่านั้น
ชิงสุ่ยได้ดูแลลูกๆของชิงจือเป็นอย่างดีไม่ต่างจากที่เขาดูแลลูกของตนเองเลย
ในหมู่ ชิงหุย ชิงฮู ชิงฉาน ชิงหยู ชิงสือ มีเพียงชิงฉานและเซียงหยวนเท่านั้นที่แต่งงานแล้ว ชิงหยูได้เลิกกับคนรักในวัยเด็กของเขา หญิงสาวผู้นั้นทิ้งเขาไปตลอดกาลเพราะเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด นี่ทำให้ชิงหยูเสียใจอยู่เป็นเวลานาน
มีคนไม่มากในหมู่รุ่นที่ 3 ของตระกูลชิง และมีผู้หญิงเพียง 2 คนเท่านั้น – ชิงเป่ยและชิงชิง ชิงชิงได้แต่งงานไปแล้ว สำหรับตระกูลอื่นๆตระกูลชิงนั้นถือว่าเป็นตระกูลที่มีขนาดเล็กยิ่งนักเมื่อเทียบจากจำนวนสมาชิก
ชิงหลัวนั้นวาดฝันเอาไว้ว่ารุ่นถัดไปของตระกูลชิงนั้นจะรุ่งเรืองยิ่งขึ้น รุ่นที่ 4 ของตระกูลชิงในตอนนี้นั้นมีอยู่หลายคน ชิงสุ่ยนั้นก็มีลูกหลายคนแล้วและคงจะมีเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต ชิงจือนั้นมีลูกชาย 3 คนและลูกสาว 1 คน ชิงฉานก็มีลูก 2 คนในตอนนี้เป็นชายและหญิงอย่างละคน
เด็กทั้ง 2 คนนั้นชิงสุ่ยเป็นคนตั้งชื่อให้ เด็กผู้ชายมีนามว่าชิงหลิงขณะที่เด็กผู้หญิงมีนามว่าชิงฉี ทั้ง 2 คนห่างกัน 2 ปี เด็กผู้ชายนั้นแก่กว่าและมีอายุประมาณ 3 ขวบส่วนเด็กผู้หญิงนั้นมีอายุประมาณ 1 ขวบ
ยังมีผู้ติดตามอีกหลายคนของตระกูลชิงที่อยากเป็นเหมือนพ่อบ้านของตระกูลชิง พวกเขาต่างดูแลธุรกิจส่วนใหญ่ของตระกูลชิงตั้งแต่ตระกูลชิงยังไม่ได้ยิ่งใหญ่เหมือนตอนนี้
ชาง หวู่ย่าได้กลับไปยังนิกายเทวโลก เฟย หวู่จี้ก็ได้กลายเป็นพ่อคน เมื่อชางห่าย หมิงเยวี่ยและหลวนหลวนได้ไปส่งผู้อาวุโสพวกนางต่างมีของขวัญมากมายที่มอบให้แก่เฟย หวู่จี้
……
ชิงหลัวและหลิน ซานห่านได้เกษียณตัวเองไม่นานหลังจากนั้น ชายชราทั้ง 2 คนนี้ต่างมีความสุขอย่างยิ่ง หลิน ซานห่านได้พบกับลูกหลานของตนเองและความปราถนาของเขาได้รับการเติมเต็มแล้ว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่สันเขาราชันย์ราชสีห์ก็จบลงแล้วเช่นกัน ภาระอันยิ่งใหญ่ในหัวใจของเขาได้ถูกปลดออกไปทำให้เขารู้สึกโล่งใจอย่างยิ่ง
ชิงอี้และคนอื่นๆได้ออกไปแล้ว หลงเอ๋อก็ได้หลับไปแล้ว จรู้ชิงและหญิงสาวคนอื่นๆก็อุ้มพวกเด็กๆออกไปเช่นกัน ไม่นานหลังจากนั้นก็เหลือเพียงชายหนุ่มในรุ่นที่ 3 ของตระกูลชิงที่ดื่มสุราด้วยกันอยู่ที่นี่
“ท่านพี่ชิงสุ่ย มหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำนั้นงดงามอย่างยิ่งใช่หรือไม่?”
“แน่นอน!”
“มันงดงามมากเพียงใดกัน?” ชิงหยูหัวเราะออกมา
“มากๆเลยละ!” ชิงสุ่ยตอบกลับพร้อมเสียงหัวเราะ
“เอาละเช่นนั้น ข้าจะรอคอยอีกสัก 2-3 ปี ตอนนั้นท่านคงหาหญิงสาวจากตระกูลขุนนางดีๆสักคนให้แก่ข้าได้ โอ้ใช่ ข้าคาดหวังว่านางจะต้องเป็นหญิงสาวจากตระกูลขุนนางชั้นสูงแต่ว่านางต้องไม่ใช่คนที่ไม่มีเหตุผล” ชิงหยูกล่าวด้วยความคาดหวัง
……
ยังคงไม่มีข่าวคราวใดๆจากอีเย่ เจี้ยนเก้อแม้ว่ามันจะผ่านมากว่า 1 เดือนแล้ว ก่อนที่ชิงสุ่ยจะตระหนักถึงเรื่องนี้ได้เขาก็ได้มาหยุดลงตรงหน้าประตูห้องนอนขแงเหวินเหรินอูซวง มันเปิดออกทันทีเมื่อเขาผลักและชิงสุ่ยก็เดินเข้าไปทันที
ครั้งนี้มันแตกต่างกันเมื่อเทียบกับครั้งที่แล้ว เพราะเขาเพิ่งมาที่นี่เมื่อเดือนที่แล้ว
เหวินเหรินอูซวงนั้นแต่งตัวอย่างเรียบร้อยและยืนอยู่ที่หน้าต่าง นางกำลังมองไปยังความมืดยามค่ำคืน นี่ช่างน่าทึ่งอย่างยิ่ง นางยิ้มขึ้นทันทีเมื่อนางได้เห็นชิงสุ่ย “มันนานมากแล้วนับตั้งแต่เจ้ากลับมาครั้งที่แล้ว เจ้าควรจะแบ่งเวลานี้ให้แก่คนอื่นๆก่อน”
ชุดของนางในตอนนี้มีสีขาวยิ่งกว่าหิมะและผมอันยาวสลวยของนางได้ปรกไหล่ที่งดงามของนางในตอนนี้ ใบหน้าของนางดูสง่างาม มันไม่ได้ดูเย้ายวนแต่มันดูงดงามอย่างยิ่ง นางดูสูงศักดิ์ ล้ำค่า ชาญฉลาด และเพรียบพร้อมราวกับพี่สาวข้างบ้านที่ไม่อาจใฝ่ฝันถึงได้
“ครั้งที่แล้วที่ข้ากลับมาเจ้าไม่อยู่ที่นี่ ครั้งนี้ข้าจะกลืนกินเจ้า จงมาเป็นหญิงสาวของข้าซะ อูซวง” ชิงสุ่ยยิ้มและเดินเข้าไปจับมือของนาง
ร่างกายอันชดช้อยของเหวินเหรินอูซวงเริ่มสั่นขึ้น นางส่ายศีรษะเบาๆ “มันเสี่ยงเกินไป เจ้ายังมีหญิงสาวอีกมากมาย ไม่จำเป็นต้องมาเสี่ยงกับเรื่องนี้ ข้าจะเป็นหญิงสาวของเจ้าตลอดไป”
ชิงสุ่ยส่งยิ้มให้แก่นาง“อูซวง เจ้าไม่อยากเป็นหญิงสาวของข้างั้นหรือ?” เขาถามขึ้นเบาๆ
จะมีหญิงใดกันที่ไม่ปราถนาความรัก? ความรักและความปราถนานั้นมีอยู่ในมนุษย์ทุกๆคน ใบหน้าของเหวินเหรินอูซวงแดงขึ้นทันทีเมื่อได้ยินคำถามของชิงสุ่ย นางคิดว่าตนเองนั้นเป็นหญิงสาวของเขามานานแล้ว น่าเสียดายที่ร่างกายของนางได้ปลุกนางตื่นขึ้นในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดนั้น แต่หากมีอะไรเกิดขึ้นในตอนนั้นนางคงไม่อาจให้อภัยแก่ตนเองได้เลยทีเดียว
“ข้าอยากแต่ข้าทำไม่ได้” สีหน้าของเหวินเหรินอูซวงจางลงเมื่อได้คิดถึงเรื่องนี้
นางไม่อาจใกล้ชิดกับคนที่นางรักได้ เมื่อความรักระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงไปถึงจุดสูงสุด เพศสัมพันธ์ย่อมเกิดขึ้นตามธรรมชาติ ความรักนั้นสื่อสารกันผ่านทางคำพูดและการกระทำ นี่เป็นความต้องการทางร่างกายและความต้องการทางอารมณ์ มันคือสิ่งที่สืบทอดกันทางกรรมพันธุ์ การมีเพศสัมพันธ์ระหว่างชายและหญิงนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
“อูซวง สิ่งที่เจ้ากังวลในตอนนี้มันจะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน ข้ามีกายา 9 หยางในตำนานและยิ่งไปกว่านั้นมันก็อยู่ในระดับสมบูรณ์ครั้งยิ่งใหญ่ เจ้าเป็นของขวัญที่สวรรค์ได้มอบให้แก่ข้าเพราะมีเพียงแค่เท่านั้นที่จะสามารถใกล้ชิดเจ้าได้แม้แต่เหล่าทวยเทพยังต้องอิจฉาค่า” ชิงสุ่ยยืนยันกับนางด้วยรอยยิ้ม
สายตาของนางที่มองไปยังชิงสุ่ยนั้นเต็มไปด้วยความตึงเครียด สีหน้าของหน้างดงามยิ่งนักในตอนนี้เมื่อนางได้เดินเข้ามาสวมกอดชิงสุ่ยอย่างแนบแน่น “จริงหรือ?”
“ข้าไม่ต้องการให้เจ้าอยู่เพียงลำพัง เจ้าคิดว่าข้าจะปล่อยให้เจ้าต้องอยู่ที่นี่อย่างโดดเดียวงั้นหรือ?” ชิงสุ่ยหัวเราะและจุมพิตลงไปยังจมูกที่ตรงสวยของนาง
……
เสื้อผ้าของเหวินเหรินอูซวงและชิงสุ่ยถูกถอดออกไปในพริบตา รูปร่างอันงดงามของนางปรากฏขึ้นตรงหน้าชิงสุ่ย ชิงสุ่ยจุมพิตไปที่ริมฝีปากของนางพร้อมกับค่อยๆดูดอย่างช้าๆในขณะที่มือของเขากำลังลูบไล้อยู่ที่หน้าอกของนางทั้ง 2 มือ
ความเย้ายวนที่อยู่ตรงหน้านี้ทำให้เลือดภายในร่างกายของเขาสูบฉีดอย่างรวดเร็ว กลิ่นหอมจางๆจากร่างกายของนางได้เข้ามาสู่จมูกของชิงสุ่ย เขาไม่อาจยับยั้งตนเองจากการลิ้มรสร่างกายของนางด้วยปากของเขาได้ขณะที่มือทั้ง 2 ข้างของเขาก็ยังคงเคลื่อนไหวอยู่เช่นกัน
……
ชิงสุ่ยส่งกระบองของเขาเข้าไปยังพื้นที่ที่ร้อนและเปียกยิ่งนัก มันร้อนอย่างยิ่งแต่ก็มีความรู้สึกของความเย็นจัดแทรกซึมเข้ามา ความรู้สึกที่กระปรี้กระเปร่าได้หลั่งไหลตามมาพร้อมกับความร้อนนั้นแต่ก็ไม่ได้รุนแรงมากเกินไป หากไม่ใช่เพราะกายา 9 หยางในตำนานของเขา เขาคิดว่าเขาอาจจะต้องตายไปในทันที แต่ในตอนนี้เกือบจะทั้งหมดของชิงสุ่ยต่างเข้าไปแล้ว หรือนี่จะเป็นต้นตอของเคล็ดอัคคีน้ำแข็งระดับสูง…?
ในตอนที่เขาทะลวงเข้าไปในร่างกายของนาง เคล็ดวิชาทวิไร้นามก็ถูกเปิดขึ้นด้วยตัวมันเอง ในเวลาเดียวกันชิงสุ่ยยังมีเหวินเหรินอูซวงที่สามารถใช้เคล็ดวิชาทวิไร้นามได้ เขาเคยสอนนางเมื่อนานมาแล้ว
ย่าห์!
ตามที่คาดเอาไว้ 1 ใน 12 เส้นลมปราณสวรรค์ได้รับการชำระล้างในตอนนี้!
เส้นลมปราณสวรรค์เส้นที่ 8 ได้รับการชำระล้าง…
เส้นลมปราณสวรรค์ 8 เส้นจาก 12 เส้นได้รับการชำระล้างแล้ว คลื่นพลังอันงดงามปะทุขึ้นภายในร่างกายของเขา มันบริสุทธิ์อย่างยิ่งและหลอมรวมเข้ากับร่างกายของเขาอย่างรวดเร็ว ไม่นานหลังจากนั้นคลื่นพลังอันบริสุทธิ์นี้ก็ปะทุขึ้นอีกครั้งและจากนั้นมันก็เข้าไปยังร่างกายของเหวินเหรินอูซวงตรงส่วนที่ร่างกายของพวกเขาทั้ง 2 คนกำลังเชื่อมต่อกันอยู่ ในช่วงกลางวันเขาได้ช่วยนางบำรุงร่างกายไว้แล้ว ครั้งนี้นางอยู่ในช่วงการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้แผ่นดินต้องสะเทือน
ไม่นานหลังจากนั้นก็มีคลื่นพลังที่หลั่งไหลมาจากร่างกายของเหวินเหรินอูซวงเข้ามาสู่ร่างกายของเขา
……
เป็นเวลากว่า 2 ชั่วโมงที่ร่างกายของพวกเขาทั้ง 2 คนนั้นทรงพลังมากขึ้นเรื่อยๆ พลังอันบริสุทธิ์มากมายได้หลั่งไหลเข้ามาในร่างกายของทั้งคู่ มันเป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆจนกระทั่งพลังอันบริสุทธิ์นี้แยกออกเป็น 2 สายและหลอมรวมเข้ากับร่างกายของทั้ง 2 คน
ก่อนที่เหวินเหรินอูซวงจะได้ประหลาดใจชิงสุ่ยก็เริ่มเคลื่อนไหว ทั้งห้องนี้ก็เต็มไปด้วยเสียงร้องที่เย้ายวน
ทั้ง 2 ไม่ได้หยุดพักเลยจนเวลาเที่ยงคืนได้ผ่านไป เหวินเหรินอูซวงนอนอยู่บนอกของชิงสุ่ยด้วยท่าทีที่อ่อนระทวยในความสุขในขณะที่เฝ้ามองเขา
“สามีของข้า…” ใบหน้าของเหวินเหรินอูซวงแดงขึ้นทันทีเมื่อนางกล่าวออกมาด้วยความเขินอาย
“เจ้ารู้สึกดีหรือไม่? พึงพอใจหรือไม่?” มือของชิงสุ่ยกำลังโอบกอดที่ด้านหลังของเธอ พวกเขาทั้ง 2 คนต่างรู้สึกราวกับได้หลอมรวมเป็นคนๆเดียวกัน
“มันรู้สึกยอดเยี่ยมยิ่งนัก ซวงเอ๋อรู้สึกเพียงว่ามันเป็นสิ่งที่น่ารืนรมย์ยิ่งนัก ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเหตุใดเจ้าจึงชอบทำเรื่องเช่นนี้กับเหล่าพี่สาว” เหวินเหรินอูซวงโน้มตัวไปกระซิบที่ข้างๆหูของชิงสุ่ย
หน้าอกของนางก็อยู่ตรงกับใบหน้าของชิงสุ่ย เขาไม่อาจหักห้ามใจของตนเองไม่ใช้ไปลิ้มรสมันได้ ในตอนที่เขาดูดมันเข้าไปร่างกายของเหวินเหรินอูซวงก็อ่อนยวบไปในทันที
……
เหวินเหรินอูซวงนั้นหลับไปอย่างรวดเร็วแต่ชิงสุ่ยไม่อาจหลับลงได้ เส้นลมปราณสวรรค์เส้นที่ 8 ของเขาได้รับการชำระล้าง เส้นลมปราณสวรรค์เส้นที่ 4 จากก่อนหน้านี้ได้มาถึงจุดเปลี่ยนที่คล้ายคลึงกับระดับขั้นแรกเริ่มและพลังของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อเส้นลมปราณสวรรค์เส้นที่ 8 ได้รับการชำระล้างไปในตอนนี้ พลังของเขาก็พัฒนาขึ้นทันทีและมากยิ่งกว่าตอนที่เส้นลมปราณสวรรค์เส้นที่ 4 ได้รับการชำระล้าง ด้วยเคล็ดวิชาทวิไร้นามและบางทีร่างกายของเหวินเหรินอูซวงและร่างกายหยิน พลังพื้นฐานของเขาได้เพิ่มขึ้นทันทีกว่า 2 สุริยา
ตอนนี้พลังพื้นฐานของเขามีมากกว่า 4 สุริยาแล้ว ในช่วงเวลานี้พลังของเขานั้นพัฒนาจากการฝึกฝนด้วยตนเองได้อย่างเชื่องช้าอย่างยิ่ง เขาไม่แน่ใจว่านี่เป็นผลของการได้ครอบครองเคล็ดวิชาทวิไร้นามมังกรไอยราเกล็ดทองคำหรือไม่ ไม่ว่ายังไงเขาก็รู้สึกเบื่อหน่ายกับมันเล็กน้อย การฝึกยุทธของเขาเป็นไปได้อย่างเชื่องช้าแต่หากพลังพื้นฐานของเขาได้เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยจะทำให้พลังทั้งหมดของเขาเพิ่มขึ้นมากมายด้วยเช่นกัน เพราะเขามีทั้งก้อนเมล็ดเจ็ดสี อาวุธวิญญาณ ซึ่งก็คือกระบี่ดารายุพฆาต เม็ดทองคำ เกราะอสูรสำแดง รูปแบบดาราจักร และลูกประคำอธิษฐานศักดิ์สิทธิ์ เมื่อเขาคิดถึงเรื่องนี้มันก็ถือว่ายุติธรรมดีเพราะเขานั้นเหมือนเป็นปีศาจในสายตาของคนอื่นๆ
เส้นลมปราณสวรรค์เส้นที่ 8… ชิงสุ่ยมีข้อสงสัยตอนนี้ว่าความสามารถนี้ไม่ได้จำกัดเฉพาะหญิงสาวที่อยู่ในภาพโฉมงามเท่านั้น เขามีหญิงสาว 6 คนที่อยู่ในภาพโฉมงาม เหวินเหรินอูซวง ชางห่าย หมิงเยวี่ย โม่ซุน ติ๊ชิง ห่าย ต่งชิง และอวี้ ลู่หยาน และเรื่องนี้ทำให้ชิงสุ่ยต้องรู้สึกงุนงงอย่างยิ่ง
อวี้ซูหนี่และมู่ชิงก็ได้ชำระล้างเส้นลมปราณสวรรค์ให้แก่เขาเช่นกันแต่เขาไม่อาจบอกได้ว่าพวกนางเป็นหญิงสาวที่อยู่ในภาพโฉมงามหรือไม่
บทที่ 1330 – การตื่นขึ้นอย่างสมบูรณ์ของกายาร้อยบุปผา ดวงดาวสีทองดวงที่ 2 รูปแบบ9ดาราคล้อย 9 สวรรค์
ถ้าเขาจะต้องตั้งสมมติฐานจากเส้นลมปราณสวรรค์ซึ่งเป็นตัวเชื่อมต่อของเรื่องนี้ เขาอาจจะต้องตามหาหญิงสาวที่อยู่ในภาพโฉมงามทั้ง 12 คน อย่างไรก็ตามเขายังคงมีความรู้สึกว่าทุกอย่างมันไม่ได้ง่ายดายนัก แต่เขาก็หยุดคิดเรื่องนี้ไปหลังจากที่คิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาตัดสินใจปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ แม้ว่าเขาอาจไม่ได้พบเจอหญิงสาวในภาพโฉมงามทั้ง 12 คน แต่อีก 2 คนสุดท้ายนั้นจะเป็นอวี้ซูหนี่และมู่ชิงได้หรือไม่?
ในตอนนี้เหวินเหรินอูซวงก็ได้รับผลประโยชน์เช่นกัน นางสามารถเป็นคนแรกนอกจากเขาที่จะไปถึงระดับผู้พิทักษ์เทวะธรรมได้ หากนางอยู่ที่มหาทวีปอู่เซียตะวันตกอาจจะไม่ได้โดดเด่นเพราะแม้แต่ชิงซาก็ถือเป็นผู้พิทักษ์เทวะธรรม แต่ที่นี่คือมหาทวีปทั้ง 5 พลังในระดับผู้พิทักษ์เทวะธรรมหนังสามารถอยู่เหนือทุกคนในมหาทวีปทั้ง 5 นี้ได้เลย
เป็นไปได้หรือไม่ว่ามันเป็นเพราะเธอเป็นหนึ่งในหญิงสาวจากภาพโฉมงาม? หรือมันอาจจะเป็นเพราะพลังของนางเอง? เหวินเหรินอูซวงไม่เพียงแต่สามารถไปถึงระดับผู้พิทักษ์เทวะธรรม ร่างกายของนางนั้นก็เต็มไปด้วยพลังอันลึกลับ พลังในร่างกายของนางนั้นมีสีแดงและสีน้ำเงินเล็กน้อย นี่น่าจะเป็นอะไรบางอย่างที่มีเพียงร่างกายของนางเท่านั้นที่มี ในตอนนี้ร่างกายของนางได้ถือว่าตื่นขึ้นแล้ว ในภายภาคหน้าพลังของเธอคงจะต้องเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในระดับที่น่ากลัว
ในตอนนี้ชิงสุ่ยไม่ได้ตั้งใจที่จะพยายามควบคุมน้ำเชื้อของเขา ในตอนนี้เขาไม่ได้กังวลกับการตั้งครรภ์ เขาเชื่อว่าในภายภาคหน้าด้วยรองเท้า 9เทวาและธงสวรรค์ปัญจธาตุ การเดินทางไปมาแต่ละมหาทวีปย่อมไม่ใช่เรื่องที่ยากอย่างแน่นอน
ในอดีตแม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดคุยกับเหวินเหรินอูซวงมากนักแต่เขาก็บอกได้ว่านางเป็นคนที่ชอบเด็ก เหวินเหรินอูกั่วนั้นไม่ได้อยู่ที่นี่อีกแล้วตัวเขาเองและผู้คนของตระกูลชิงต่างก็เป็นคนที่ใกล้ชิดกับนางมากที่สุด มันน่าจะเป็นความคิดที่ดีที่นางจะได้มีลูกเป็นของตนเองเช่นกัน
……
“ท่านพ่อ ซาลาเปา ข้าต้องการกินซาลาเปาหยก” ชิงหยุนวิ่งเข้ามาที่นี่ทันทีเมื่อนางเห็นชิงสุ่ย
ชิงสุ่ยอุ้มนางขึ้นมาทันที“เด็กน้อย อดใจรอก่อน แม่ของเจ้าและคนอื่นๆกำลังทำมันอยู่ในตอนนี้ อีกไม่นานก็เสร็จแล้ว”
สิ่งที่เขาได้มอบให้กับตระกูลชิงนั้นมีมากมาย แม้แต่สระน้ำของตระกูลชิงก็เต็มไปด้วยปลา เต่า ปู กุ้ง และอื่นๆจากดินแดนหยกยุพราชอมตะ ไม่ว่ายังไงการขยายพันธุ์ของมันก็ไม่ได้เป็นปัญหาอีกต่อไปเมื่ออยู่ในดินแดนหยกยุพราชอมตะของเขา หากไม่ใช่เพราะว่าสระน้ำแห่งนี้ได้พัฒนาจนเทียบได้กับทะเลสาบขนาดเล็กแล้ว มันย่อมไม่พอที่จะใส่ทุกๆสิ่งลงไปได้
เขายังใส่แม้แต่ปลาชีพนิรันดร์ลงไปในสระน้ำนี้เช่นกันเพื่อให้พวกนางสามารถปรุงบะหมี่ชีวิตยืนยาวเมื่อใดก็ตามที่ผู้อาวุโสในตระกูลถึงวันเกิดของพวกเขา สำหรับปลาอื่นๆ พวกเขาต่างใช้มันเป็นอาหารในทุกๆวัน สิ่งที่เขาได้ใส่ไว้ในอดีตก็หมดไปแล้ว เขาลืมเรื่องนี้ไปแล้ว ดังนั้นเขาจำเป็นต้องกลับมาที่นี่ในทุกๆเดือน ในยามนี้ทุกๆสิ่งสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ทุกๆครั้งที่เขาเติมสัตว์ต่างๆเข้าไปในสระน้ำแห่งนี้ปริมาณของมันก็เพียงพอที่จะให้ทุกๆคนในตระกูลกินได้เป็นเวลาครึ่งปี เพราะจำนวนที่เขาใส่ลงไปนั้นมากมายอย่างยิ่ง
ตลอดทั้งวันเขาช่วยเหลือคนอื่นๆด้วยการชำระล้างสิ่งสกปรกภายในร่างกาย บำรุงร่างกาย และยกระดับพื้นฐานร่างกายของพวกเขาด้วยการฝังเข็ม เมื่อใดก็ตามที่เขารู้สึกเหนื่อยเขาจะกลับเข้าไปยังดินแดนของตนเองและพักผ่อนพร้อมกับปรุงยาขึ้นมา เขาทำเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆจนเวลาผ่านไปหลายวัน
ในตระกูลชิงไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่พวกเขาทั้งหมดต่างได้รับการบำรุงร่างกายด้วยเข็มแห่งชีวิตและความตาย พวกเขายังได้รับการชำระล้างสิ่งสกปรกภายในร่างกายด้วยเช่นกัน นอกจากนี้พวกเขายังได้รับยาเม็ดเสริมสร้างลมปราณสวรรค์ ยาเม็ดเสริมสร้างเส้นลมปราณตู ยาเม็ดอสรพิษทองคำ ยาเสริมกระดูก และอื่นๆ ซึ่งทั้งหมดนั้นถูกพัฒนาขึ้นด้วยฤดูใบไม้ผลิแห่งชีวิตและหยกจากราชสีห์หยกที่ใส่เข้าไป ทำให้ผลของยาพวกนี้นั้นดีขึ้นไปอีก
ในยามค่ำคืนนอกเหนือจากคืนแรกชิงสุ่ยก็ได้เข้าห้องหนึ่งออกห้องหนึ่งตลอดทั้งคืน โดยทั่วไปแล้วเขาไม่ได้พักผ่อนตลอดทั้งคืน เขาต้องการที่จะหลับนอนกับหญิงสาวทั้งหมดพร้อมกับๆ แต่เขารู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะทำเช่นนั้น เขาไม่อยากสร้างเรื่องที่ยุ่งยากให้แก่เหล่าหญิงสาว เขารู้ดีว่าพวกนางทั้งหมดต่างเป็นหญิงสาวที่ภาคภูมิใจในตนเอง และเขาเองก็รู้สึกพึงพอใจเช่นกันที่พวกนางเป็นเช่นนั้น
คืนนี้เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่ชิงสุ่ยจะเปิดเข้าไปยังห้องของอวี้เหอ
อวี้เหอที่อยู่ในชุดนอนนั้นงดงามอย่างยิ่งจนไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ เพียงแต่ดูเหมือนนางจะเหนื่อยล้าในตอนนี้ นางยิ้มขึ้นทันทีเมื่อได้เห็นชิงสุ่ย “ที่นี่มีอะไรที่เจ้าต้องการงั้นหรือ สายเกินไปหรือเปล่าที่จะมาหาข้าในตอนนี้?”
“ใช่ มีบางอย่างที่ข้าต้องการพูดคุยกับเจ้า!” ชิงสุ่ยเข้าไปยังห้องของนางและลงกลอนประตูทันที
ในตอนนั้นชิงสุ่ยรู้สึกได้ว่าหัวใจของอวี้เหอเริ่มเต้นเร็วยิ่งขึ้น แต่เขาก็เลือกที่จะไม่พูดถึงเรื่องนี้ กลับกันเขามองตรงไปที่นาง
ชิงสุ่ยลูบจมูกของเขาพร้อมกับยิ้ม “มาคุยกันเถอะ!”
พรึ่บ!
“เหตุผลที่เจ้าลงกลอนประตูเพียงเพื่อต้องการพูดคุยกับข้างั้นหรือ?” อวี้เหอกล่าวติดตลกในตอนนี้เพราะนางรู้สึกมีความสุขอย่างยิ่ง
“เหตุใดเราไม่ไปคุยเรื่องนี้กันบนเตียงล่ะ?” ชิงสุ่ยกล่าวขณะที่จับมือของนาง
“ชิงสุ่ย ข้าอยู่ในตำแหน่งใดกันในใจของเจ้า?” อวี้เหอถามด้วยน้ำเสียงที่เศร้าซึม
ชิงสุ่ยตกตะลึง เขาจับมือของนางและนั่งลงพร้อมกันบนเก้าอี้นวมข้างๆ “อันที่จริงแล้ว ข้าเริ่มชื่นชอบเจ้าตั้งแต่ตอนที่เราอยู่ด้วยกันในเมืองร้อยไมล์ เพียงแต่ในตอนนั้นเจ้าคงคิดว่าข้าเป็นเด็กคนหนึ่ง อันที่จริงแล้วข้าไม่อาจจะลืมเจ้าได้เลย ข้าคงรู้สึกโศกเศร้าอย่างแท้จริงหากรู้ว่าเจ้าได้ตกไปอยู่ในมือของคนอื่น แต่ข้าก็คงจะไม่แสดงท่าทีใดๆออกมาแม้ว่าข้าจะเจ็บปวดมากเพียงใด ในตอนนั้นเมื่อข้าได้พบกับเจ้าและรับรู้ในสิ่งที่เจ้าได้ทำมาตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ ในตอนนั้นข้าก็รู้ทันทีว่าข้าต้องการโอบกอดเจ้าไว้ในอ้อมแขนของข้า”
“ข้ารักเจ้ามาโดยตลอด แต่บางครั้งข้าก็มีความรู้สึกว่าข้าไม่คู่ควรกับเจ้า แม้แต่ในตอนนี้ข้าก็ยังมีความรู้สึกเช่นนั้น ชิงสุ่ย บอกข้ามา ว่าข้าควรทำเช่นไร?”
“สิ่งใดกันที่เจ้าไม่คู่ควรกับข้า? เคล็ดวิชาของเจ้างั้นหรือ?” ชิงสุ่ยมองไปที่นาง
“ประมาณนั้น!”
“เจ้าคงมีความรู้สึกว่าเจ้าต้องเป็นศัตรูกับข้า เพียงแต่เมื่อเจ้าอยู่กับข้าย่อมสามารถรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง เหตุผลที่เรามาอยู่ด้วยกันก็คือเพื่อให้แน่ใจว่าเราสามารถต่อสู้กันได้” ชิงสุ่ยกล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม
“ข้าอยากจะช่วยเหลือเจ้า!” อวี้เหอพูดไม่ออกในตอนนี้ นางกลอกตาทันทีขณะที่มองไปยังชิงสุ่ย
“ความรักนั้นย่อมเกิดขึ้นทั้ง 2 ฝ่าย เจ้าคิดว่าเราได้มาเป็นสามีภรรยากันเพียงเพราะเจ้าอยากช่วยเหลือข้างั้นหรือ?” ชิงสุ่ยมองไปยังหญิงสาวที่ปากแข็งผู้นี้
“ข้ารู้ดี อันที่จริงแล้ว ข้ายังคิดถึงสิ่งต่างๆตลอดเวลาเมื่อข้าตัดสินใจที่จะอยู่ที่นี่” อวี้เหอรู้ว่าชิงสุ่ยได้สำเร็จในสิ่งที่เขาปราถนาไปส่วนใหญ่แล้ว สำหรับสิ่งที่เขากำลังทำในตอนนี้ย่อมเป็นสิ่งที่ไม่อาจเร่งรีบได้
“พี่สาวอวี้ เจ้ายังจำวันที่เราพบกันที่เมืองร้อยไมล์ได้หรือไม่?”
“จำได้สิ เจ้าเป็นเด็กที่แปลกประปลาดในตอนนั้น เอาแต่คิดที่จะฉวยโอกาสจากข้า” เมื่ออวี้เหอคิดเรื่องวันวานในเมืองร้อยไมล์ นางก็รู้สึกคิดถึงมันยิ่งนัก
ชิงสุ่ยกอดนางให้อยู่ในอ้อมแขนของเขาทันที อวี้เหอร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ หลังจากนั้นนางก็มองไปยังชิงสุ่ยด้วยสีหน้าที่เขินอาย
แม้ว่านางจะยังคงสวมเสื้อผ้าอยู่แต่เขาก็ดูดลงไปบนส่วนที่เว้าโค้งของนาง อวี้เหอรีบปิดปากของนางด้วยมืออย่างรวดเร็ว ร่างกายของนางกำลังสั่น อีกมือหนึ่งของนางนั้นโอบไปที่คอของชิงสุ่ยทันที
“อวี้เหอ เจ้าคือหญิงสาวของข้า โปรดมอบร่างกายของเจ้าให้แก่ข้า!” ชิงสุ่ยเงยหน้าขึ้นและมองไปยังหญิงสาวที่งดงามผู้นี้
อื้ม!
นางส่งเสียงออกมาเบาๆ
อวี้เหอนั้นราวกับหญิงสาววัยเยาว์ที่เพิ่งจะแต่งงาน เมื่อเทียบกันแล้วดูเหมือนร่างของนางจะมีเอวที่กลมกลึงมากกว่า แต่นางก็เป็นหญิงสาวที่ไม่เคยใกล้ชิดกับชายใดมาก่อน นางเคยแต่งงานครั้งหนึ่งก่อนหน้านี้แต่น่าเสียดายที่ชายที่อายุสั้นคนนั้นไม่ได้มีโอกาสแม้แต่จะเฉลิมฉลองคืนแรกในเรือนหอของเขา
หญิงสาวทุกๆคนต่างก็มีสเน่ห์ตามแบบของตนเอง พวกนางมีลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง อวี้เหอนั้นกล้าหาญอย่างยิ่งขณะที่นางจับจ้องไปยังชายที่กำลังเปลื้องผ้าของนางออก
กว่า 20 ปีมาแล้ว นางรู้จักกับเขามากว่า 20 แล้ว
“พี่สาวอวี้ เจ้าเคยหลงใหลในชายใดหรือไม่?” มือของชิงสุ่ยนั้นเคลื่อนไหวอยู่ตรงส่วนที่เปียกแฉะ เขาถามคำถามนี้ขณะที่จุมพิตเข้าไปที่หูของนาง
“นอกเหนือจากเจ้า ข้าก็ไม่เคยหลงใหลในชายใดมาก่อน ผู้ชายไม่ได้เป็นสิ่งที่ดี แต่สำหรับเจ้าแม้ว่าเจ้าจะเลวร้ายยิ่งกว่าข้าก็ยังคงหลงใหลในตัวเจ้า ข้าได้กล่าวออกไปก่อนหน้านี้แล้ว ในชีวิตนี้ของข้านอกเหนือจากเจ้าข้าก็ไม่คิดจะลงเอยกับผู้ใดอีก” อวี้เหอกล่าวขณะที่นางโอบรอบคอของชิงสุ่ย น้ำเสียงของนางจริงจังอย่างยิ่งขณะที่นางกล่าวเช่นนี้
“ขอโทษที่ทำให้เจ้าต้องทุกข์ทรมานมาตลอดหลายปี” ไม่ว่าชายใดก็ต้องรู้สึกภูมิใจเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่หญิงงามเช่นนางเป็นคนกล่าว
คำพูดเหล่านี้ช่างมีน้ำหนักอย่างยิ่ง ตัวอย่างเช่น อาวุธสังหารของชิงสุ่ยที่แข็งราวกับเหล็กซึ่งไม่อาจควบคุมได้ในตอนนี้เมื่อมันถูกบีบรัดจากช่องแคบดอกไม้ที่นุ่มและเปียก
เคล็ดวิชาทวิไร้นามทำงานอีกครั้ง
ทะเลแห่งปัญญาของเขารู้สึกราวกับว่ามันถูกเปิดออก การเชื่อมต่อระหว่างเส้นลมปราณสวรรค์ยังไม่ได้ก่อตัวขึ้น แต่สิ่งที่ชิงสุ่ยรู้สีกตกตะลึงในตอนนี้เป็นดวงดาวสีทองอีกดวงปรากฏขึ้นในทะเลแห่งปัญญาของเขา ดวงดาวภายในทะเลแห่งปัญญาได้ขยายตัวออกไปกว่า 1 เท่าตัว
ในตอนนี้เขารู้สึกว่าประสาทสัมผัสของเขานั้นชัดเจนอย่างยิ่ง การรับรู้ทางจิตวิญญาณของเขาสามารถรับรู้ถึงสิ่งต่างๆได้อย่างชัดเจนในตอนนี้ นั่นหมายความว่าเปลวเพลิงแห่งชีวิตแต่ละจุดนั้นได้สว่างไสวมากยิ่งขึ้น ในอดีตมันมีเพียงสีดำและสีขาว แต่ในตอนนี้มันกลับมีหลากหลายสี นี่คือการเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลให้การรับรู้ทางจิตวิญญาณของเขาทรงพลังมากยิ่งขึ้น
พลังวิญญาณของเขาก็เพิ่มขึ้น 1 เท่า พลังของรูปแบบดาราจักรกำลังจะได้รับการเปลี่ยนแปลงด้วยเช่นกัน ในตอนนี้เขาควรจะเริ่มฝึกฝนรูปแบบ9ดาราคล้อย 9 สวรรค์
แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะคิดถึงเรื่องเหล่านี้ เหตุผลนั่นก็เพราะว่าในตอนนี้อวี้เหอกำลังอยู่ในระหว่างการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่กว่าเขา ร่างกายของนางเปล่งแสงเรืองรองออกมา นอกจากนี้ดอกไม้จำนวนมากก็ปรากฏขึ้นในห้องนี้ ดอกไม้แต่ละดอกนั้นมีความแตกต่างกันออกไป นี่คือดอกไม้แห่งพลังวิญญาณ มันลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า หลังจากนั้นมันก็รวมตัวกันจนเป็นรูปร่างของมังกรและพุ่งทะยานเข้ามายังร่างกายของอวี้เหอ ไม่นานหลังจากนั้นพลังอันบริสุทธิ์ก็โคจรไปมาระหว่างชิงสุ่ยและอวี้เหอ
กายาร้อยบุบผาได้ตื่นขึ้นอย่างสมบูรณ์!
เมื่อสิ่งที่เปลี่ยนแปลงทั้งหมดมีได้หายไปอวี้เหอก็หันไปมองรอบๆและทับลงไปบนร่างกายของชิงสุ่ยด้วยร่างกายของนาง นางเขินอายอย่างยิ่งตอนที่มือทั้ง 2 ข้างของนางค้ำลงไปบนหน้าอกของชิงสุ่ย นางค่อยๆขยับเอวอย่างช้าๆ ในตอนนั้นเองมันก็รู็สึกราวกับว่าโลกใบนี้กำลังสั่นสะเทือน
……
ทั้งห้องเริ่มเงียบลง ในเวลาเดียวกันแสงของวันใหม่ก็ส่องเข้ามาจากภายนอก อีกไม่นานหลังจากนี้ท้องฟ้าก็คงจะสว่างขึ้นแล้ว ในทางกลับกันอวี้เหอนั้นรู้สึกดีไปจนถึงจิตวิญญาณ ชิงสุ่ยก็เช่นกัน ทั้งสองคนกำลังกอดกันอย่างแนบแน่นพูดคุยอย่างสนิทสนมกัน บางครั้งเสียงหัวเราะที่อ่อนโยนและเขินอายก็ดังขึ้น
“ชิงสุ่ย ข้าจะเริ่มเก็บตัวสู่ความสันโดษในวันพรุ่งนี้ ร่างกายของข้าได้ตื่นขึ้นอย่างสมบูรณ์แล้ว ตอนนี้ข้าสามารถฝึกฝนเคล็ดวิชาศักดิ์สิทธิ์ของของหุบเขาร้อยบุบผาได้แล้ว” อวี้เหอกล่าวอย่างเปิดเผย
“โอ้ เช่นนั้นก็ดี” ชิงสุ่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ข้าไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าร่างกายของข้าจะตื่นขึ้นด้วยวิธีการเช่นนี้ มันเป็นสิ่งที่ข้าไม่เคยคิดถึงเลย” อวี้เหอทั้งตกตะลึงทั้งเขินอายในเวลาเดียวกัน
“เช่นนั้นเราค่อยทำกันอีกในอนาคต”
“เจ้าจอมวายร้าย!”
“ใครกันนะที่กดข้าให้อยู่ข้างล่าง”
“หยุดพูดเลย หากเจ้าพูดออกมาอีกก็อย่าหวังว่าจะได้ทำเรื่องนี้กับข้าอีกเลย” อวี้เหอตะโกนใส่ชิงสุ่ยด้วยความโกรธ
“พี่สาวอวี้อ เจ้ากำลังจะเข้าสู่ความสันโดษ เหตุใดจึงไม่ให้ข้าลองใส่มันดูอีกสักครั้ง” ชิงสุ่ยกระซิบที่ข้างหูของนาง
“อ๊า!” อวี้เหอรู้สึกตกตะลึงและเขินอายในเวลาเดียวกัน
“หืม? โปรดช่วยเติมเต็มความหวังเล็กๆน้อยๆนี้ของสามีเจ้าด้วย” ชิงสุ่ยกัดลงไปที่ใบหูของนาง
อวี้เหอค่อยๆคลานขึ้นมา นางค่อยๆยกสะโพกที่กลมสวยขึ้น ส่วนที่งดงามที่สุดบนร่างกายของนางปรากฏขึ้นตรงหน้าของชิงสุ่ยอย่างชัดเจน
……
เช้าตรู่ในวันรุ่งขึ้นอวี้เหอก็ได้เข้าสู่การเก็บตัว
ในทางกลับกันชิงสุ่ยยังคงฝึกฝนรูปแบบ9ดาราคล้อย 9 สวรรค์ของเขา รูปแบบ9ดาราคล้อย 9 สวรรค์ที่เขาไม่อาจบรรลุถึงแม้ว่าเขาจะฝึกฝนมันหนักเพียงใดในตอนนี้กำลังพัฒนาอย่างไม่น่าเชื่อ ก่อนหน้านี้เขามักจะขาดดาวดวงสุดท้ายไปเสมอ ในตอนนี้เขากำลังจัดวางดวงดาวสีทองดวงใหม่ซึ่งได้ปรากฏขึ้นไม่นานนี้
กลุ่มดาวในทะเลแห่งปัญญาของเขาได้ขยายออกไปอีกครั้ง นี่คือมหาสมุทรแห่งพลังวิญญาณของเขา ความสามารถในการกักเก็บของมันเพิ่มมากขึ้น ด้วยสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ย่อมทำให้การโจมตีด้วยพลังวิญญาณของเขาทรงพลังขึ้นเช่นกัน ไม่เพียงแค่นี้รูปแบบ9ดาราคล้อย 9 สวรรค์ยังสามารถปรับเปลี่ยนรูปร่างได้
ด้วยรูปแบบ9ดาราคล้อย 9 สวรรค์ ทั้งรูปแบบ7ดาราคล้อย 7 สวรรค์และรูปแบบ8ดาราคล้อย 8 สวรรค์นั้นต่างก็ไร้ประโยชน์ไปในเวลาเดียวกัน
รูปแบบ9ดาราคล้อย 9 สวรรค์นั้นช่วยเพิ่มการโจมตีด้วยพลังวิญญาณของเขาขึ้นอีก 3 เท่า นี่ทำให้มันมีพลังมากกว่าเดิมถึง 4 เท่า( 3เท่า ของเดิม1) มันยังสามารถช่วยเพิ่มพลังพื้นฐานของเขาอีก 1 เท่า การป้องกันของพลังวิญญาณนั้นเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่า รูปแบบนี้หมุนเวียนด้วยตนเองจึงไม่ใช้พลังใดๆ การโจมตีจะใช้พลังเหมือนการโจมตีปกติ
ชิงสุ่ยรู้สึกผ่อนคลายทางความคิดและความรู้สึกของเขาเป็นเวลานาน เขาไม่คาดคิดว่าพลังของเขาจะเพิ่มมากขึ้นขนาดนี้ในการเดินทางกลับมาครั้งนี้ เขายังได้รับการชำระล้างเส้นลมปราณสวรรค์ 8 เส้นจาก 12 เส้นอีกด้วย
ในตอนนี้ชิงสุ่ยสามารถโจมตีออกไปได้มากถึง 50,000 สุริยาด้วยพลังวิญญาณของเขาเมื่อเขาใช้ตราประทับแห่งวิหคศักดิ์สิทธิ์ หากเขาสำเร็จโอกาสที่จะเพิ่มพลังโจมตีขึ้นเป็น 2 เท่า พลังโจมตีของเขาจะพุ่งทะยานไปถึง 100,000 สุริยา
การโจมตีของหุบเขา 9 เทวาก็มีมากถึง 40,000 สุริยา การโจมตีปกติของเขานั้นมีพลังประมาณ 20,000 สุริยา หากเขาสำเร็จโอกาสที่จะเพิ่มพลังโจมตีขึ้นเป็น 2 เท่า มันย่อมเทียบได้กับพลังของหุบเขา 9 เทวา น่าเสียดายที่หุบเขา 9 เทวาไม่อาจเพิ่มพลังขึ้นเป็น 2 เท่าได้ อย่างไรก็ตามพลังโจมตีของมันนั้นก็มากกว่าเขาถึง 2 เท่า หุบเขา 9 เทวานั้นสามารถยกระดับขึ้นได้แต่น่าเสียดายที่มันนานมากแล้วนับตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่มันได้ยกระดับขึ้น
บทที่ 1331 – เคล็ดวิชาแปลงอสูรพยัคฆ์หยกขาว, เรื่องในอดีตของอี่หวงกู่หวู๋
พลังที่ถูกพัฒนาขึ้นทำให้ชิงสุ่ยมีความสุขเป็นอย่างมาก พลังของเขาเพิ่มขึ้นอยู่หลายครั้งในช่วงไม่กี่วันมานี้ตั้งแต่กลับมาที่ตระกูลชิง ปรากฏการณ์เหล่านี้ทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกว่าเขากำลังไปถึงเคล็ดเสริมสร้างบรรพกาลขั้นที่แปด ในอดีตเขาเคยคิดว่ามันเป็นภูเขาสูงที่เขามิอาจเอื้อม แต่ในตอนนี้เขารู้สึกได้ว่าหนทางได้ปรากฏออกมาแล้วและเขาสามารถคว้ามันมาได้ตราบเท่าที่ฝึกฝนอย่างหนัก
เขาสามารถก้าวไปยังอาณาจักรพลังปราณบรรชาสวรรค์พินาจได้อย่างแน่นอนเมื่อบรรลุเคล็ดเสริมสร้างบรรพกาลขั้นที่แปด ดังนั้นชิงสุ่ยจึงไม่ต้องคิดเรื่องที่ต้องเตรียมเพื่อให้บรรลุระดับปราณบรรชาสวรรค์พินาจอีก
นอกเหนือจากนั้น มันยังเป็นเคล็ดวิชาไร้นามตรงตามกับที่เขาคาดคิดเอาไว้ มันมีที่มาจากนิกายฌานเริงรมย์จากนิกายพุทธองค์ เพียงแต่เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่ามันจะทรงพลังถึงเพียงนี้ ทั้งหมดก็เป็นเพราะหญิงสาวที่เขาได้พบมาก่อนหน้าช่างไร้ที่ติ
ในเคล็ดวิชาทวิบ่มเพาะ หยินและหยางต่างหลอมรวมซึ่งกันและกัน หยินหรือหยางเพียงฝ่ายเดียวมิอาจเสริมสร้างสิ่งใดได้ ด้วยวิธีการลดหยินไปเพิ่มหยาง หรือลดหยางเสริมสร้างหยินล้วนเป็นเคล็ดวิชาทวิบ่มเพาะขั้นต่ำ แต่สิ่งที่ดีกว่านั้นคือการทำให้ทั้งสองสิ่งเติบโตขึ้นไปพร้อมๆกัน ยอดฝีมือจะสามารถเสริมสร้างทั้งสองสิ่งไปพร้อมๆกันได้ แต่สิ่งที่เหนือไปกว่านั้นจัดเป็นของระดับตำนานและระดับพระเจ้า ซึ่งเคล็ดวิชาทวิบ่มเพาะเหล่านั้นสามารถเสริมสร้างหยินและหยางไปพร้อมๆกันได้
ราวกับว่าเคล็ดวิชาไร้นามนี้มีไว้สำหรับพวกระดับตำนาน วิชายุทธิ์เหล่านี้ให้ประโยชน์กับตัวชิงสุ่ยเป็นอย่างยิ่ง ไม่เพียงแค่ตัวเขาเท่านั้นแต่หญิงสาวของเขาก็ได้รับประโยชน์พวกนี้ไปด้วย
และในตอนนี้ตัวเขาเองก็ได้รับคำตอบแล้ว หากมีภาพโฉมงามเพียงสิบสองชิ้น อย่างน้อยเขาต้องลบหญิงสาวในตระกูลอวี้ออกจากในรายการ เหตุเพราะนางไม่สามารถเชื่อมต่อกับสิบสองเส้นลมปราณสวรรค์ได้ แต่กลับปลุกให้เกิดดวงดาวสีทองขึ้นมาแทนและมันส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางพลังวิญญาณของนาง
อาจกล่าวได้ว่าในตอนนี้สิบสองภาพโฉมงามนั้นได้เสร็จสิ้นลงแล้ว นอกเหนือจากหญิงสาวที่สง่างามในพระราชวังผู้ที่นังอยู่เหนือมังกรมรกต ตัวชิงสุ่ยเองได้เห็นทุกส่วนของผู้หญิงมาแล้วทั้งสิ้น
ชิงสุ่ยนั่งพักอยู่ข้างในศาลา มันเป็นเวลาเกือบจะเช้า คนอื่นๆต่างออกไปฝึกวิชายุทธ เหล่าผู้ที่ยึดถือความสันโดษต่างกระทำกันเช่นนี้เสมอ ในครั้งนี้ชิงสุ่ยได้มอบโอกาสมากมายแก่พวกเขา รวมถึงเหล่ารุ่นที่สามเช่นกัน ทุกๆคนต่างอยากเดินทางไปยังอีกสามมหาทวีปที่เหลือ ชายผู้ใดล่ะที่ไม่มีความกล้าหาญ? ชายผู้ใดล่ะที่ปราศจากความทะเยอทะยาน?
เหล่าชายหนุ่มล้วนถือกระบี่ยาวเอาไว้ในมือและต้องการบรรลุสิ่งที่พวกเขาต้องการ
หยุนต้วนและห่ายต่งชิงต่างเดินทางมาถึง แต่ชิงหยุนกำลังเล่นกับใครบางคนอยู่ หญิงสาวทั้งสองตรงเข้ามาหาชิงสุ่ยในขณะที่พวกนางเห็นเขากำลังฝันกลางวัน ชิงสุ่ยเพิ่งมารู้สึกตัวก็ตอนที่หญิงสาวทั้งสองเดินเข้ามายังศาลาแล้ว
เขายืนขึ้นพร้อมกับโอบกอดทั้งสองคนไว้และนั่งลงอีกครั้ง
“เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่เช่นนั้นหรือ? ดูเหมือนว่าเจ้ากำลังคิดถึงอะไรบางอย่างอยู่” ห่ายต่งชิงยิ้มและถาม
“ข้ากำลังคิดอยู่ว่าเมื่อใดเจ้าจะตั้งครรภ์เสียที หลังจากที่ข้าได้ทำงานไปอย่างหนัก” ชิงสุ่ยยิ้มและมองไปยังหญิงสาวที่ฉลาดและสง่างาม
“เจ้าอยากตายงั้นหรือ?!” ห่ายตงชิงตะโกนใส่ชิงสุ่ย หน้าของนางเปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อย ใบหน้าของนางถูกเติมเต็มไปด้วยสีแดงในทุกๆครั้งที่คิดถึงตอนที่นางและชิงสุ่ยอยู่ด้วยกันสองต่อสอง ชายผู้นี้เป็นคนที่มีความต้องการมาก และเมื่อเขาปลดปล่อยมันออกมา ช่างเป็นภาษาและท่าทางที่น่าอายเหลือเกิน
เมื่อหยุนต้วนเห็นการแสดงออกของห่ายตงชิง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหน้าของนางก็แดงตามไปตั้งแต่เมื่อใด ชิงสุ่ยมองไปยังใบหน้าของนางก็หัวเราะออกมาเมื่อเห็นท่าทีเขินอายของพวกนางทั้งสอง เขารู้สึกภูมิใจในตัวเองมาก ในตอนนี้เขารู้สึกพอใจในตนเองอย่างเหลือเชื่อ
“ถึงเวลาที่เจ้าต้องไปอีกครั้งแล้วสินะ” ห่ายตงชิงยิ้มและถามด้วยท่าทีที่กลับมาเป็นปกติ
“ใช่ ข้าสามารถกลับมาได้เดือนละหนึงครั้ง มันคงจะดีกว่าเดิมเมื่อเทียบกับเมือก่อน ในอนาคตข้าคงสามารถพาพวกเจ้าเคียงข้างไปได้ เมื่อถึงตอนนั้นพวกเราจะไม่ต้องแยกจากกันอีก”
“ใช่แล้ว ข้ารู้สึกมีความสุขเหลือเกิน ในตอนแรกข้าคิดว่าคงจะไม่ได้เจอกันในสิบปีหรือยี่สิบปีนี้” หยุนต้วนกล่าวอย่างมีความสุข
เป็นเพราะเคล็ดวิชาทวิบ่มเพาะ พลังของเหล่าหญิงสาวของชิงสุ่ยต่างถูกพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด แม้ว่าพวกนางจะไม่ได้มาจากภาพโฉมงามแต่ก็ยังพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว ตัวอย่างเช่น หยุนต้วน หมิงเยวี่ยเก้อโหลว พวกนางทั้งสองไม่ได้ด้อยไปกว่าเหล่าหญิงสาวในภาพโฉมงามเลย พวกนางต่างเป็นคนที่งดงามมาก
ชิงสุ่ยไม่ได้กังวลเกี่ยวกับเหล่ารุ่นที่สี่ในตระกูลชิงนัก ด้วยความสามาถในปัจจุบันของเขาถ้าหากเขาสามารถสร้างรากฐานให้ตั้งแต่ยังเด็ก พวกเขาจะกลายมาเป็นนักรบที่มากความสามาถได้ในอนาคต สิ่งหลักๆต้องมุ่งไปที่เหล่ารุ่นที่สองและรุ่นที่สามในตระกูลชิงต่างหาก
พวกเขาเหล่านั้นต้องมีพลังแข็งแกร่ง นั่นเป็นสิ่งที่ชิงสุ่ยรู้สึก ช่องว่างของพลังระหว่างเขาและแม่ช่างต่างกันยิ่งนัก แต่นั้นมันก็หลายปีมาแล้ว ผู้คนล้วนต่างเปลี่ยนไป เขาไปอยู่ที่ใดกัน? ในตอนนี้เขายังน่าเกรงขามอยู่อีกหรือไม่?
ในวันสุดท้าย ชิงสุ่ยใช้เวลากับเหล่าภรรยาและลูกๆ เขามองไปยังหญิงสาวทั้งหลายที่ล้วนแล้วแต่เป็นผู้หญิงของเขา แน่นอนว่ารวมถึงลูกสาวเช่นกัน พวกนางเป็นเหมือนองค์หญิงตัวน้อยของเขา เมื่อเทียบกันแล้วเขามีลูกชายอยู่น้อยกว่า ชิงซุน ชิงหมิน ชิงหลง ซึ่งชิงซุนและชิงหมินได้รับการยืนยันแล้วว่าไม่มีปัญหาในการพัฒนาต่อไปได้ในอนาคต.
ชิงหลงยังเด็กอยู่มาก เขาเป็นเหมือนกับลูกวัวตัวเล็กๆ แม้ว่าเขาจะยังเด็กอยู่ แต่ชิงสุ่ยก็ช่วยตัดสินเส้นทางในการฝึกยุทธของเขาเอาไว้แล้ว เขาจะเป็นผู้ฝึกฝนทางร่างกาย
……
ชิงสุ่ยได้กลับมายังตระกูลชิงกว่าหนึ่งสัปดาห์ หลังจากที่ใช้เวลาในการอำลาทุกคน เขาใช้ธงสวรรค์ปัญจธาตุเพื่อเดินทางกลับ และเขาต้องการแวะไปเยี่ยมเยียนมหาทวีปอู่เซียตะวันตกเสียหน่อย อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้เขาสามารถเดินทางไปได้ทุกที่ที่เขาต้องการ
ในครั้งนี้พวกเขาไม่ได้รู้สึกอึดอัดต่อกันอีกต่อไป อี่หวงกู่หวู๋ยืนอยู่ที่หน้าต่างของบ้านไม้ไผ่ เมื่อชิงสุ่ยปรากฏตัวออกมาข้างๆ นางหันกลับมาพร้อมส่งยิ้มให้ “เจ้ากลับมาแล้ว”
“ใช่แล้ว ท่านปรมารย์ป้า ท่านกำลังคิดถึงอะไรอยู่เช่นนั้นหรือ?” ชิงสุ่ยยืนอยู่ข้างนางที่กำลังมองออกไปยังท้องฟ้าที่ไร้ที่สิ้นสุดและผืนโลกอันกว้างใหญ่ ทันใดนั้นเองเขาก็พบว่าตัวเขาค่อยๆรู้สึกสงบลง
“พลังของเจ้าพัฒนาขึ้นรวดเร็วมาก” อี่หวงกู่หวู๋เปลี่ยนบทสนทนาและกล่าวออกมา
ชิงสุ่ยดึงตัวนางเบาๆในขณะที่เห็นดวงตาอันเหนื่อยล้าของนาง “มาเถอะ ข้าจะช่วยให้ท่านผ่อนคลายเอง”
ชิงสุ่ยนั่งลงในฝั่งตรงข้าม เขายื่นมือออกและวางไว้บนไหล่ของนาง จากนั้นยกนิ้วทั้งสิบขึ้นและกดลงไปอย่างรวดเร็ว เขาทำมันด้วยกำลังที่พอเหมาะ อีกทั้งยังมีพลังงานบางอย่างที่เป็นเอกลักษณ์แฝงเอาไว้เช่นกัน
“ท่านปรมารย์ป้า ให้ข้าได้สอนวิชาแก่ท่าน ด้วยประเภทของร่างกายท่าน ข้าคิดว่าน่าจะเหมาะกับมัน ข้ารู้สึกได้ถึงพลังลึกลับบางอย่างในตัวท่าน ท่านควรจะดีงพลังเหล่านั้นออกมา” ชิงสุ่ยรู้สึกได้ในขณะที่ลงมือนวดให้แก่นาง
“อ้ะ วิชาแบบไหนหรือ?” อี่หวงกู่หวู๋รู้สึกสงสัย
“เคล็ดรูปแบบพยัคฆ์!”
“ตกลง!”
พวกเขาทั้งสองตกลงและเริ่มลงมือฝึก ชิงสุ่ยและหญิงสาวมุ่งตรงไปยังชายหาดข้างนอกในขณะที่อวี้ลู่หยานและถานท่ายหยวนต่างเก็บตัวฝึกวิชาอยู่ อี่หวงกู่หวู๋กล่าวว่าพวกนางได้ก้าวขั้นสู่ขั้นแรกเริ่มได้อย่างบังเอิญแล้ว ถ้าโชคดีก็คงจะได้พบกับเส้นทางแห่งสวรรค์ในเร็วๆนี้ ซึ่งเส้นทางแห่งสวรรค์ไม่ใช่ว่าจะมีพลังอย่างเดียวแล้วจะสามาถก้าวไปถึงได้
หนทางที่จะก้าวไปถึงนั้นมีมากมายหลายเส้นทาง ตัวอย่างเช่น เหล่านักวิชาการผู้ยิ่งใหญ่ ศิลปินชั้นยอด พวกหมอ หรือพวกนักปรุงยา พวกช่างทั้งหลาย และอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งพวกเขาเหล่านี้สามารถไปถึงเส้นทางแห่งสวรรค์ได้เช่นกันและกลายเป็นผู้ชำนาญการในแต่ละด้านไป
ชิงสุ่ยเริ่มลงมือฝึกอย่างไม่หยุ่นหย่อน ด้วยระดับในปัจจุบันของเขาไม่จำเป็นต้องค่อยเป็นค่อยไปอีกแล้ว เขาพยายามอย่างหนักเพื่ออธิบายทุกๆอย่างในขณะที่เขาแสดงท่าทางเคล็ดรูปแบบพยัคฆ์ออกมา และค่อยๆแสดงให้เห็นร่างพยัคฆ์ทองคำขนาดใหญ่
ร่างอสูรสำแดง!
ชิงสุ่ยได้รับวิชาร่างอสูรสำแดง เมื่อเขาใช้หมัดออกด้วยเคล็ดรูปแบบพยัคฆ์ เสือทั้งตัวจึงปรากฏออกมาราวกับว่ามีเสือปรากฏขึ้นอยู่จริงๆ
หญิงสาวเริ่มเคลื่อนไหวเมื่อชิงสุ่ยหยุดนิ่ง นางเริ่มเคลือนไหวอย่างเชื่อช้าแต่กลับทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกตกใจ
อย่าที่ได้คิดเอาไว้ ร่างกายของนางถูกสร้างขึ้นมาเพื่อวิชาเคล็ดรูปแบบพยัคฆ์โดยเฉพาะ
ถึงแม้ว่านางจะเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ แต่ทุกท่วงท่าที่แสดงออกกลับดูสง่างามและน่าทึ่งเป็นอย่างยิ่ง นอกเหนือจากนั้น นางพัฒนาตัวเองขึ้นด้วยความเร็วที่น่าตกใจ ชิงสุ่ยรู้สึกได้ว่าหญิงสาวคนนี้สามารถก้าวข้ามคล็ดรูปแบบพยัคฆ์ไปแล้วด้วยการรับรู้ทางวิญญาณของเขา
โฮ่กก!
ทันได้นั้นเอง หญิงสาวได้ปล่อยหมัดของนางออกมา ขณะที่กำลังทำเช่นนั้น พยัคฆ์หยกขาวก็ปรากฏตัวขึ้นมาข้างหน้าของนาง มันไม่ได้สลายหายไปไหนและให้ความรู้สึกถึงกลื่นอายอันสูงส่ง
เคล็ดวิชาแปลงอสูรพยัคฆ์หยกขาว!
ชิงสุ่ยมองไปยังพยัคฆ์หยกขาวด้วยเคล็ดวิชาเบิกเนตรสวรรค์และรู้สึกตกใจ
พยัคฆ์หยกขาวระดับเงิน เกิดจากการรวมตัวกันของพลังเข้าด้วยกัน มันมีพลังมากกว่าเจ้าของอยู่หนึ่งส่วน ไม่ต้องใช้พลังในการหล่อเลี้ยง มีเวลาใช้งานราวสิบห้านาที ควบคุมโดยการใช้จิตสำนักซึ่งไม่สิ้นเปลืองพลัง อาจถูกทำลายให้หายไปเมื่อได้รับความเสียหายที่เพียงพอ
หรือหญิงสาวคนนี้จะกลับมาจุติใหม่ด้วยร่างพยัคฆ์หยกขาวกันนะ? ชิงสุ่ยรู้สึกตกใจในขณะที่มองไปยังพยัคฆ์ตัวสีขาวที่มีความสูงกว่าห้าสิบเมตร เวลาผ่านไปครึ่งค่อนวันหญิงสาวสามารถบรรลถเคล็ดรูปแบบพยัคฆ์ที่ชิงสุ่ยถ่ายทอดให้ได้
ณ ปัจจุบัน หญิงสาวรู้สึกราวกับเพิ่งตื่นหลังจากฝันไปเนิ่นนาน หลังจากที่นางใช้สมาธิอีกครั้ง พยัคฆ์หยกขาวที่ดูเหมือนกับตัวก่อนปรากฏตัวขึ้นมาข้างๆนาง
“ในตอนนี้ พยัคฆ์หยกขาวสองตัวถูกใช้ออกในเวลาพร้อมกัน แต่ในทุกๆครั้งที่ข้าสร้างพยัคฆ์หยกขาวออกมา มันจะกินพลังไปหนึ่งในสิบส่วนของตัวข้า” อี่หวงกู่หวู๋มองไปยังชิงสุ่ยที่กำลังตกใจกับความงดงามของนาง
“ดูเหมือนว่าคงมีแค่เพียงท่านที่จะสามารถบรรลุเคล็ดรูปแบบพยัคฆ์ในขั้นนี้ได้ คนอื่นๆคงไม่อาจบรรลุมัน” แม้แต่ตัวชิงสุ่ยเองก็อดชื่นชมนางไม่ได้ คงจะดีไม่น้อยหากตัวเขาเองสามารถบรรลุถึงขั้นนี้ได้
“จริงๆแล้วตัวข้าเองก็ไม่รู้เช่นกันว่าทำไมผลถึงออกมาในรูปแบบนี้ ในก่อนหน้านี้ข้าคิดว่ามันเป็นเพียงความฝันเท่านั้น” ดูเหมือนว่าอี่หวงกู่หวู๋กำลังพยายามนึกถึงสิ่งที่เกิดในก่อนหน้านี้อย่างหนัก
“มันควรจะเป็นเช่นนี้แหละ” ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าวตอบกลับไป
“ขอบใจเจ้ามาก สำหรับข้าแล้ววิชานี้ถูกจัดเป็นวิชาขั้นสูงสุดอีกวิชาหนึ่งเลย” อี่หวงกู่หวู๋กล่าวด้วยความตื่นเต้น
“ท่านปรมารย์ป้า ทุกๆอย่างในมหาทวีปอู่เซียตะวันตกยังสงบดีใช่ไหม?” ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าวถาม
“ใช่แล้ว อย่าไปกังวลถึงมันเลย เจ้าควรจะผ่อนคลายให้มากขึ้นเมื่ออยู่กับข้า ณ ที่นี้ ที่นี่ไม่ใช่มหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำหรือสองมหาทวีปที่เหลือ ”
“เข้าใจแล้ว ท่านปรมารย์ป้า ถ้าตระกูลอี่หวงในอาณาจักรอี่หวงเดินทางมาหาข้า ข้าควรทำเช่นไร? ” ชิงสุ่ยกล่าวถามในขณะที่คิดอยู่ชั่วครู่
“สังหารซะ ถ้าเจ้าสามารถทำได้ แต่สิ่งที่เจ้าต้องคำนึงถึงเป็นอย่างแรกคือความปลอดภัยของตัวเจ้าเอง ก่อนจะไปถึงจุดสูงสุดของอาณาจักรพลังปราณจักรพรรดิอย่าเพิ่งต่อสู้กับตระกูลอี่หวง” อี่หวงกู่หวู๋กล่าวหลังคิดอยู่ชั่วครู่
“หรือท่านกังวลว่าจะมีคนในระดับปราณบรรชาสวรรค์พินาจอยู่ในตระกูลอี่หวง?” ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าว
“ข้ารู้ ตราบเท่าที่ตระกูลอี่หวงยังไม่เผชิญเข้ากับเรื่องวิกฤต คงไม่มีใครกล้าไปรบกวนคนในระดับปราณบรรชาสวรรค์พินาจหรอก” อี่หวงกู่หวู๋กล่าวอย่างใจเย็น
ชิงสุ่ยถอนหายใจออกเมื่อได้ยินคำพูดของอี่หวงกู่หวู๋ เขายิ้มและกล่าว “ท่านปรมารย์ป้า หรือท่านเป็นคนจากตระกูลอี่หวง?”
อี่หวงกู่หวู๋มองไปยังชิงสุ่ย หลังจากที่คิดอยู่ชั่วครู่ นางพูดออกอย่างช้าๆ “ไม่ หรือสิ่งที่เจ้าสงสัยคือแซ่ของข้าที่ใช้อยู่”
ชิงสุ่ยพยักหน้าและไม่ได้กล่าวอะไรต่ออีก
“แม่ของข้าถูกดูถูกโดยคนจากตระกูลอี่หวง หลังจากนั้นพวกเขาขับไล่นางออกมาราวกับรองเท้าที่ไร้ค่า แต่แม่ของข้าได้ถูกใครบางคนช่วยชีวิตเอาไว้ เขาเป็นสมาชิกจากหนึ่งในสาขาของตระกูลอี่หวง เขาชอบพอแม่ของข้าแม้ว่าแม่ของข้าจะตั้งครรภ์แล้ว เขายังคงแต่งงานกับนางและรับนางเป็นภรรยา เมื่อข้าได้ลืมตาขึ้นมาดูโลกแล้วเขายังคอยดูแลข้าราวกับว่าข้าเป็นลูกสาวแท้ๆของเขา แต่ต่อมาเมื่อคนๆนั้นรู้เรื่องเข้า เขาลงมือสังหารพ่อเลี้ยงของข้า แม่ของข้าฆ่าตัวตายตามไปเช่นกัน เป็นเพราะนางครอบครัวทางฝั่งพ่อเลี้ยงของข้าถูกสังหารจนหมดสิ้น ดังนั้นแซ่อี่หวงของข้ามาจากพ่อเลี้ยง ไม่ใช่อี่หวงในปัจจุบันนี้” เมื่ออี่หวงกู่หวู๋พูดจบนางรู้สึกสงบลง อย่างไรก็ตามชิงสุ่ยรู้สึกถึงจุดมุ่งหมายในการฆ่าลึกๆลงไปในจิตใจของนาง
ไม่น่าแปลกใจเลยที่นางดูเหนื่อยล้า นางพยายามทำตัวเหมือนไม่เป็นอะไรและมีความสุขอยู่ตลอดเวลา ไม่ต้องสงสัยเลยว่าในมหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำนี้นาง…
“ท่านปรมาจารย์ป้า เชื่อข้าเถอะ ท่านสามารถล้างแค้นได้ในเร็ววันนี้อย่างแน่นอน ท่านมีความสามารถพอที่จะทำมัน” ชิงสุ่ยเชื่อว่านางคงไม่ลังเลที่จะสังหารพ่อที่มีสายเลือดเดียวกับนาง เหตุเพราะพวกเขาไม่ได้แบ่งปันความรู้สึกที่ดีต่อกันเลยแม้แต่น้อยตรงกันข้ามกลับมีแต่ความรู้สึกเกลียดชัง อีกทั้งแม่ของนางยังถูกขับไล่ใสส่งอย่างไม่ใยดี สำหรับคนพวกนั้นเหมาะสมแล้วที่จะถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ
ชิงสุ่ยได้เข้าใจเรื่องของนางกับตระกูลอี่หวงมากขึ้น เมื่อนางบอกว่าจะไม่ช่วยเหลือใครจากตระกูลอี่หวงเป็นอันขาด แต่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าเรื่องราวทั้งหมดจะเป็นเช่นนี้ ในความเป็นจริงแล้วตระกูลชั้นสูงทั้งหลายมักมีเรื่องพวกนี้เกิดขึ้นอยู่เสมอ แต่คงเป็นไปไม่ได้ที่ทุกตระกุลจะมีคนเช่นอี่หวงกู่หวู๋อยู่
บทที่ 1332 – ความเข้าใจผิด, การพัฒนาอีกรูปแบบหนึ่ง, เดินทางกลับหอคอยจักรพรรดิ
อี่หวงกู่หวู๋หัวเราะอย่างมีความสุขเมื่อได้ยินคำพูดของชิงสุ่ย “ข้าปราศจากความเชื่อมันในอดีต แต่ในตอนนี้ข้ามีพร้อมแล้ว ขอบใจเจ้ามาก”
“ท่านปรมารย์ป้า ท่านไม่ต้องขอบใจข้าหรอก ยังไงมันก็เป้าหมายของท่านอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นท่านก็บรรลุความเปลี่ยนแปลงของเคล็ดรูปแบบพยัคฆ์แล้ว ข้ารู้สึกมีความสุขที่ท่านแข็งแกร่งขึ้น” ชิงสุ่ยตอบด้วยท่าทียินดี
“ใช่แล้ว เจ้าก็ได้รับประโยชน์มากมายไปจากข้าเช่นกัน หรือข้าเป็นผู้หญิงของเจ้าไปเสียแล้ว? แต่ยังไงก็เถอะข้าจะไม่แต่งงานกับใครทั้งนั้นและเจ้าก็ห้ามแตะต้องตัวข้าด้วยเช่นกัน” อี่หวงกู่หวู๋ยิ้มด้วยท่าทีล้อเลียน นางชอบล้อเล่นต่อชิงสุ่ย ชายหนุ่มผู้นี้มอบความรู้สึกปลอดภัยให้แก่นางเสมอ ถ้าหากว่านางจะไม่แต่งงานจริงๆคงไม่ใช่เรื่องสำคัญหากเป็นเพียงการแต่งงานแค่เพียงนาม แต่อย่างไรก็ตามถ้านางอยากเป็นผู้หญิงเต็มตัวนางควรแต่งงานกับใครกันนะ?
อี่หวงกู่หวู๋รู้สึกหงุดหงิดเมื่อนึกถึงเรื่องเหล่านี้ แต่นางก็รีบสลัดความคิดนั้นทิ้งไปอย่างรวดเร็ว ถ้านางอย่างเป็นผู้หญิงเต็มตัว นางควรจะมีความสุขและปราศจากความกังวล
“แน่นอน!” ชิงสุ่ยตอบ อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถปฏิเสธคำกล่าวของนางได้ เขาไม่ต้องการให้นางรู้สึกเป็นทุกข์เกี่ยวกับร่างกายของนาง เพราะมันอาจส่งผลต่อการฝึกยุทธิ์
“เจ้าจะอยู่นี่ต่ออีกสองสามวันได้หรือไม่?” อี่หวงกู่หวู๋กล่าวและยิ้มออกมา
“ข้าจะจากไปในวันรุ่งขึ้น แต่ในวันนี้ข้าจะอยู่ช่วยท่านฝึกฝน!” ชิงสุ่ยหยิบเข็มแห่งชีวิตและความตายออกมา
ยาเม็ดเสริมสร้างลมปราณสวรรค์และยาเม็ดเสริมสร้างเส้นลมปราณตูเหมาะสำหรับผู้คนในทุกระดับ พวกมันส่งผลต่อผู้ฝึกยุทธิ์ขั้นต่ำและผู้ฝึกยุทธิ์ขั้นสูงอย่างเท่าเทียมกัน แต่อาจมีผลข้างเคียงกับผู้ฝึกยุทธิ์ขั้นต่ำอยู่บ้าง สำหรับคนที่แข็งแกร่งกว่านั้นมันจะช่วยเพิ่มพลังธรรมชาติได้ ยิ่งไปกว่านั้นยาเม็ดจะทรงพลังขึ้นเมื่อถูกปรุงด้วยหญ้าทะลวงสวรรค์ ซึ่งสามารถช่วยชำระลมปราณเญิ่นและจุดเทียนตู่ได้
ในตอนนี้เข็มแห่งชีวิตและความตายของเขาสามารถเพิ่มการดูดซึมได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยมันสามารถช่วยฟื้นฟูร่างกายและชำระกระดูกได้เพื่อให้ร่างกายฟืนฟูได้อย่างเต็มที่
หลังผ่านค่ำคืนนี้ไป พลังของหวงกู่หวู๋ถูกเพิ่มขึ้นกว่าสี่หมื่นสุริยา แม้ว่าชิงสุ่ยจะคาดเอาไว้แล้วแต่เขายังคงแปลกใจเล็กน้อย
ผู้คนส่วนใหญ่ในตระกูลชิงมีพลังเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว แต่ระดับการฝึกฝนดูลดลงมาก แต่ในทางตรงกันข้ามชิงสุ่ยรู้สึกประสบความสำเร็จในการช่วยเหลือให้ผู้คนได้มีพลังมากขึ้นเช่นเดียวกับอี่หวงกู่หวู๋
อี่หวงกู่หวู๋รู้สึกประหม่า คนที่แข็งแกร่งที่สุดในมหาทวีปอู่เซียนตะวันตกยังไม่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ สำหรับผู้คนในมหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำที่มาถึงยังจุดนี้ คนผู้นั้นย่อมมีสมบัติบางหรือยาวิเศษบางชนิด
ตัวชิงสุ่ยเองมีความสามารถด้านการปรุงยา นั่นเป็นเหตุว่าทำไมเขามีความสามารถด้านการแพทย์อย่างน่าเหลือเชื่อ นางรู้สึกว่าสิ่งที่เป็นประโยชน์สูงสุดกับตัวนางในตอนนี้กลับไม่ใช่พลังที่ถูกเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล แต่มันคือการเสริมสร้างรากฐานของตัวนางเองให้มั่นคงขึ้น ทำให้สามารถเพิ่มระดับการฝึกยุทธิ์ให้สูงขึ้นได้ ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่าความสามาถในการฝังเข็มของชิงสุ่ยถือเป็นหนึ่งในความสามารถที่ดีที่สุดของเขา
“ชิงสุ่ย ข้าจะไปอาบน้ำเสียหน่อย ตามข้ามาสิ!” อี่หวงกู่หวู๋ยิ้มพร้อมกับดึงตัวเขาเข้ามาก่อนที่จะเอ่ยปากพูด
มันเป็นอ่างอาบน้ำเพียงอ่างเดียวทั้งสองต้องแช่ตัวลงในอ่างเดียวกัน ระดับน้ำในอ่างสูงถึงระดับอก ทั้งสองคนต่างเปลือยกายอยู่ในนั้น แต่ด้วยระดับน้ำที่สูงทำให้ผิวน้ำปิดกั้นมุมมองของชิงสุ่ยต่อร่างกายของหญิงสาวเอาไว้ ทำให้สถานการณ์ที่เผชิญอยู่เกิดความเร่าร้อนมากยิ่งขึ้น
ครึ่งบนของหน้าอกของนางโผล่ขึ้นอยู่เหนือระดับน้ำแต่ด้วยกลีบดอกไม้บางส่วนเคลื่อนไหวไปมาช่วยป้องปิดมันเอาไว้ ชิงสุ่ยไม่รู้ว่ามันคือเหตุบังเอิญหรือตั้งใจที่ขาของทั้งสองต่างสัมผัสกันอยู่ตลอด ทุกๆครั้งนางจะใช้นิ้วทางของนางถูไปมาอยู่ข้างล่าง ในขณะที่ส่วนนั้นของชิงสุ่ยก็พุ่งออกไปราวกับหอกในสายน้ำ
“มันดึงกลับไปยากใช่ไหม?” อี่หวงกู่หวู๋รู้สึกเขินอายและย้ายตัวไปนั่งอยู่บนชิงสุ่ยราวกับท่านั่งของนางเงือก ชิงสุ่ยสูดหายใจอย่างเร่าร้อนเขารู้สึกได้ว่าส่วนนั้นของเขาขยายขึ้นอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันหญิงสาวก็ส่งเสียงร้องออกมาในขณะที่นั่งอยู่เหนือชิงสุ่ย ทั้งคู่ต่างหยุดนิ่งอยู่ในภาวะนั้น
หญิงสาวส่งเสียงออกด้วยเสียงที่สั่นเครือและร่างกายของนางก็เริ่มสั่น เมื่อถึงจุดๆนั้นหอกยาวของชิงสุ่ยก็พุ่งเข้าสู่จุดที่อบอุ่น
จากด้านหลัง…
อวัยวะของชิงสุ่ยแข็งขึ้นอีกครั้งเมื่อเขาคิดถึงเรื่องนี้ ด้วยน้ำในอ่างที่เป็นน้ำมันหล่อลื่น เขาส่งเสียงร้องออกมาด้วยเสียงที่ผ่อนคลาย ร่างกายอี่หวงกู่หวู๋เริ่มสั่นขึ้นอีกครั้ง นางเป็นผู้ฝึกยุทธิ์ส่งผลให้ร่างกายมีความยืหยุ่นเป็นอย่างมาก แต่นางก็ไม่สามารถหยุดการส่งเสียงร้องออกมาจากลำคอได้ นางหันไปกอดคอของชิงสุ่ยเอาไว้นางปล่อยร่างกายให้เคลื่อนไหวตามไป ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยสีแดงในตอนนี้
“ตอนนี้พวกเราได้อยู่ด้วยกันด้วยความใกล้ชิดที่สุดแล้วใช่หรือไม่?” อี่หวงกู่หวู๋ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น นางเพียงที่จะล้อเล่นต่อชิงสุ่ยหรือจะช่วยให้ชิงสุ่ยผ่อนคลายขึ้นเท่านั้น นางไม่รู้ว่ามันไปถึงขั้นนี้ได้อย่างไรแต่เมื่อรู้ตัวอีกทีเรื่องมั้งหมดก็ได้เกิดขึ้นเสียแล้ว ถ้านางรู้ว่าจะเกิดเรื่องเหล่านี้ขึ้นนางคงไม่ยอมอาบน้ำกับเขา
ไม่ใช่ว่านางจะไม่รู้ถึงมันเลย มันเป็นเรื่องทั่วไปที่ถูกบันทึกลงในตำรา หญิงสาวหลายคนช่วยผ่อนคลายให้ผู้ชายด้วย ปาก มือ น้ำเสียงและทรวงอก มันคือความสุขทางเพศ อย่างไรก็ตามนางไม่เคยนึกถึงเรื่องราวเหล่านี้มาก่อนและไม่ได้คาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน
“ท่านเป็นผู้หญิงของข้าและมันควรรู้สึกใกล้ชิดกันเช่นนี้” ชิงสุ่ยสวมกอดนางและรู้สึกเอ็นดูนางเหลือเกิน หญิงผู้นี้ที่เขาเรียกว่าท่านปรมารย์ป้าผู้ที่หัวรั้นและมั่นใจในตนเองก็เป็นผู้หญิงที่น่าสงสารอีกคนเท่านั้น ที่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอาจเป็นเพราะผลประโยชน์จากตัวเขาหรือนางต้องการให้มันเกิดขึ้นระยะยาวก็มิอาจทราบ? ชิงสุ่ยอยากจะกล่าวว่าจะทำให้นางเป็นผู้หญิงที่สมบูรณ์ให้ได้แต่กลับไม่พูดออกไป เขาคิดว่ามันคงไม่ใช่เวลาที่เหมาะนัก นางพยายามสุดความสามารถเพื่อให้ชิงสุ่ยถึงจุดๆนั้น แม้จะเป็นการมีสัมพันธ์ทางข้างหลัง แต่นางกลับรู้สึกว่านี่เป็นหนทางเดียวที่จะได้รู้สึกถึงความรัก
ชิงสุ่ยไม่ได้ควบคุมตัวเองเป็นพิเศษแต่อย่างใด แต่มันก็กินเวลาไปกว่าหนึ่งชั่วโมง ในความเป็นจริงแล้วมีเพียงห่าวหยุนลิ่วลี่เท่านั้นที่กล้าจะทำกับชิงสุ่ยในท่านี้ แต่ก็เพียงนานๆครั้งเท่านั้น
……
ชิงสุ่ยและอี่หวงกู่หวู๋ต่างสานสัมพันธ์กันต่อบนเตียง หลังจากนั้นเขารู้สึกว่าอี่หวงกู่หวู๋เป็นคนที่สงบมาก อีกทั้งยังมีมุมของหญิงสาวที่อ่อนแออยู่ในตัว ราวกับว่าในตอนนี้นางกลายเป็นหญิงสาวที่ปกติแล้ว
“เมื่อไหร่หยวนเอ๋อและลู่หยานจะออกจากการเก็บตัวฝึกฝน?” ชิงสุ่ยถามอย่างแผ่วเบา เขาไม่ได้อยากรู้ถึงเวลาที่พวกนางจะกลับมาแต่อยากรู้ว่าถ้าพวกนางรู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเขาและอี่หวงกู่หวู๋พวกนางจะรู้สึกเช่นไร พวกนางอาจจะรู้อยู่บ้างแล้วแต่คงไม่คิดว่าจะมาถึงในขั้นนี้
“เจ้ากังวลถึงเรื่องความสัมพันธ์ของพวกเรา?” อี่หวงกู่หวู๋ถามชิงสุ่ยในขณะที่มองไปยังเขา
ชิงสุ่ยส่ายศีรษะ “หากข้ากังวลจริงๆ ข้าคงไม่กล่าวถามออกมา”
“ดูเหมือนว่าพวกนางจะเป็นศิษย์ของเขา แต่ก็เพียงในนามเท่านั้น” พวกนางต่างเรียกข้าว่าพี่หวู๋ แต่จริงๆแล้วข้าเพียงช่วยถ่ายทอดวิชาให้พวกนางเช่นเดียวกับที่เจ้าถ่ายทอดให้ข้าก็เท่านั้น เจ้าอยากให้ข้าเรียกเจ้าว่าท่านอาจารย์ไหม? อี่หวงกู่หวู๋ยิ้ม
“ดูเหมือนว่าหยวนเอ๋อดูจะติดแจท่านมาก พวกท่านต่างมีความใกล้ชิดกัน”
“มันก็เพียง “ดูเหมือน” เท่านั้น ถึงพวกเราสนิทสนมกันจริงๆ นางเองก็เป็นคนที่สนับสนุนให้ข้าเปิดใจเพราะนางสังเหตุเห็นว่าข้าชอบเจ้า ในที่สุดการส่งเสริมของนางก็ได้ผล” อี่หวงกู่หวู๋หัวเราะคิดคัก
……
“ท่านปรมารย์ป้า พลังของท่านได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและความปราถนาของท่านคงจะเป็นจริงในเร็ววันนี้” ชิงสุ่ยกล่าวอำลาต่ออี่หวงกู่หวู๋เล็กน้อย เขาไม่ได้กล่าวถึงเรื่องที่จะช่วยนางแก้แค้นเพราะรู้ดีว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนหัวรั้น ด้วยเคล็ดรูปแบบพยัคฆ์ในตอนนี้สิ่งที่เหลือก็คือเวลาเท่านั้น
“ข้าก็มั่นใจเช่นนั้น รักษาตัวด้วย ไม่ต้องห่วงเรื่องในมหาทวีปอู่เซียนตะวันตก ข้าจะช่วยเจ้าดูแลคนอื่นๆเอง” อี่หวงกู่หวู๋รู้ว่าชิงสุ่ยกังวลในสิ่งใดอยู่
ชิงสุ่ยโบกมือลาและหายตัวไปจากทะเลทางใต้ในทันที
……
ชิงสุ่ยมาถึงมหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำอีกครั้ง เขารู้สึกสงบยิ่งขึ้น เขาใช้ทักษะย่างก้าวเก้าเทวามุ่งมายังหอคอยจักรพรรดิ และถึงกับต้องตกใจเมื่อเดินทางมาถึง มีรถม้าสัตว์อสูรจำนวนมากอยู่ภายนอก แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาตกใจ สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจคือผู้คนจำนวนมากที่ไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธิ์ต่างหาก
ผู้คนบางส่วนเป็นคนในพื้นที่ แต่ก็ไม่ได้ครอบครองบ้านหรือสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่เช่นเดียวกับคนรวย แต่พวกเขามีห้องพักขนาดใหญ่และใช้สวนหย่อมร่วมกัน เช่นเดียวกับวิถีชีวิตในก่อนหน้า
หอคอยจักพรรดิให้การรักษาฟรีในวันนี้และคนก็มาใช้บริการมากมายจริงๆ หมอปิศาจกำลังยุ่งกับการวินิจฉัยอาการและสั่งยาสำหรับผู้ป่วยทำให้ไม่ทันสังเกตุเห็นชิงสุ่ยจนกระทั่งเขาเดินเข้ามาข้างๆแล้ว
“เจ้าน้องชาย เจ้ากลับมาจนได้” หมอปิศาจรู้สึกตกใจ เขารู้สึกเครียดเล็กน้อยในช่วงที่ชิงสุ่ยไม่อยู่ ดังนั้นเขารู้สึกโล่งมากเมื่อได้เจอชิงสุ่ย
“ใช่แล้ว มาช่วยผู้ป่วยกันก่อน”
ด้วยการช่วยเหลือจากชิงสุ่ย ผู้ป่วยจึงได้รับการรักษาอย่างรวดเร็ว ชิงสุ่ยใช้เวลารักษาผู้ป่วยเพียงไม่กี่นาที บางคนเพียงต้องการฝังเข็มแบบง่ายๆเท่านั้น
“เขาเป็นหมอศักดิ์สิทธิ์แห่งหอคอยจักรพรรดินี้ แม้แต่หมอปิศาจเองยังได้เขาช่วยรักษา”
“เขายังหนุ่มอยู่มาก!”
“นี่คงเป็นครั้งแรกของท่านในการมาที่นี่ หมอศักดิ์สิทธิ์ชิงเป็นคนที่ยึดถือคุณธรรม เขากล่าวเอาไว้ว่าจะรักษาทุกคนไม่ว่าจนหรือรวย แต่แน่นอนว่าต้องไม่ใช่คนที่มีจิตใจเยี่ยงสัตว์เดรัจฉาน”
“ข้าจะจ่ายค่ารักษาอย่างไรดี ข้าไม่มีเงินติดตัวเลย”
“เจ้ารู้ถึงเรื่องการกุศลหรือไม่?” ผู้คนหลากหลายย่อมจ่ายค่ารักษาที่แตกต่างกัน และเขาจะไม่มีการเจราจาต่อรองเรื่องค่ารักษานี้ แม้ว่าคนรวยจะมีอาการเจ็บป่วยเช่นเดียวกับคนจน คนจนก็ไม่ต้องจ่ายค่ารักษาแม้แต่นิดเดียว แต่ในขณะที่พวกคนรวยอาจจะต้องจ่ายเงินครึ่งหนึ่งของพวกเขาเพื่อรักการรักษา
“นี่ล่ะข้าถึงได้กล่าวว่าพวกเขาเป็นหมอที่แท้จริง พวกเขาเป็นคนที่ยึดถือคุณธรรมที่ยิงใหญ่”
……
ฝูงชนทั้งหลายต่างแยกย้ายตัวกันไปเมื่อยามค่ำคืนมาถึง ชิงสุ่ย หมอปิศาจและลี่จี๋ต่างมุ่งหน้าไปยังชั้นห้าแห่งหอคอยจักรพรรดิ มีผู้คนต่างๆอยู่จำนวนมากหลากหลายตระกูล และเมื่อตระกูลปู้หยางอยู่ที่นี่ สถานที่แห่งที่ก็เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา
“พี่ชาย มีอะไรเกิดขึ้นหรือไม่เมื่อข้าไม่อยู่?” ชิงสุ่ยกล่าวถาม
“ไม่เลย มีใครบางคนอยากเข้าร่วมกับหอคอยจักรพรรดิ แต่เขายืนยันว่าอยากจะพบเจ้าก่อน” หมอปิศาจตอบกลับอย่างเป็นกันเอง
“ทักษะด้านการรักษาของคนๆนี้คงจะยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก” ชิงสุ่ยหัวเราะออกมา เห็นได้ชัดเลยว่าหมอปิศาจมีท่าทีค่อนข้างพอใจ
บทที่ 1333 – ตระกูลเหยา, เหยาชูบิง, ผู้มาเยือนจากตระกูลอี่หวง
“ทักษะการรักษาของเขาจัดว่าเยี่ยมมาก คงเก่งกว่าข้าเสียอีก” หมอปิศาจหัวเราะ
ชิงสุ่ยสงสัยในตัวหมอปิศาจเล็กน้อย หมอปิศาจสามารถวิเคราะห์อาการของคนไข้ได้ด้วยทักษะรักษาห่วงวิญญาณของเขา ซึ่งช่วยให้การตรวจรักษาเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น แม้ว่าทักษะของเขาจะยังไม่อยู่ในขั้นสูงสุด เขาก็ยังเป็นถึงหมออันดับต้นๆที่ไม่มีการวินิจฉัยโรคผิด
“พี่ชาย ท่านก็ถ่อมตัวจนเกินไป ด้วยทักษะรักษาห่วงวิญญาณของท่าน บวกกับฝึกวิชาฝังเข็มที่ข้าสอนไปอีกนิดหน่อย ข้าว่าท่านจะเก่งขึ้นอีกมากเลย” ชิงสุ่ยยิ้มกว้าง
“ใช่แล้ว อย่างที่ข้าได้กล่าวไป ข้าได้ลองใช้ทักษะพวกนั้นในสองวันมานี้แล้ว” หมอปิศาจเห็นด้วยอย่างอารมณ์ดี
ลี่จี๋มองไปยังหมอปิศาจและชิงสุ่ย รอยยิ้มอันมีความสุขปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนาง ความปราถนาของนางเป็นจริงขึ้นมาได้เพราะเจ้าหนุ่มคนนี้ และถ้านางสามารถมีลูกกับหมอปิศาจได้ก็ไม่มีอะไรให้เสียใจอีกแล้ว.
“อย่างไรก็เถอะ คนๆนั้นเป็นคนในท้องถิ่นใช่ไหม?” ชิงสุ่ยเกรงว่าเขาจะมากจากเมืองอี่หวง
“เขามาจากตระกูลหมอศักดิ์สิทธิ์ ตระกูลเหยา ตระกูลเหยาเป็นตระกูลชั้นสูงซึ่งมีชื่อเสียงด้านการแพทย์และมีหมอและนักปรุงยาอยู่เป็นจำนวนมาก พวกเขาเป็นตระกูลหมอที่ดีที่สุดของเมืองอี่หวง” หมอปิศาจกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง.
“ดีขนาดนั้นเลยหรือ? เหตุใดเขาถึงอยากเข้าร่วมหอคอยจักรพรรดิของพวกเราล่ะ?” ชิงสุ่ยไม่ค่อยเข้าใจ ถ้าหากเขามาจากตระกูลหมอชั้นสูง เหตุใดจึงไม่อยู่ศึกษาที่ตระกูลของตน? ยิ่งไปกว่านั้น เขายังอยู่ในตระกูลหมอที่ดีที่สุดอีกด้วย ถ้าจะให้พูดง่ายๆ เขาควรจะอยู่กับตระกูลของตนเองเว้นแต่ว่าจะมีเหตุผลอื่น
“เขาไม่มีสิทธิ์มีเสียงที่เหมาะสม แม้ว่าจะมีทักษาด้านการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม แต่ก็ได้รับโอกาสน้อยมากในตระกูล เขาจึงตัดสินใจเดินทางออกมาเพื่อค้นหาว่ามีเส้นทางอื่นสำหรับเขาอีกหรือไม่”
“เช่นนั้น เขาเลยต้องการมาอยู่กับพวกเรา อายุของเขาล่ะ?” ชิงสุ่ยรู้สึกว่านี่เป็นเรื่องที่สำคัญ
“เขามีอายุมากกว่าเจ้าเล็กน้อย และยังดูหนุ่มเป็นอย่างมาก” หมอปิศาจกล่าวตอบหลังใช้เวลาคิดอยู่ชั่วครู่
“ให้คนไปเชิญเขามาที่นี่่ในวันพรุ่งนี้ ข้าอยากจะดูว่าเขาเหมาะสมจะเข้าร่วมกับหอคอยจักรพรรดิของพวกเราหรือไมื”
“ข้าเชิญเขาไปเรียบร้อยแล้ว”
……
ชิงสุ่ยมีเวลาว่างในค่ำคืนนี้ เขาจึงเข้าไปยังดินแดนหยกยุพราชอมตะเพื่อฝึกฝนต่อ เขาเริ่มตรวจสอบสมบัติของเขาอีกครั้ง ในตอนนี้ยังไม่มีสัญญาณใดๆจาก หินสลักมังกรขด กลองสะบั้นสวรรค์ ตะเกียงร้อยวิญญาณและรูปแบบเนตรศิลาศักดิ์สิทธิ์ที่จะพัฒนาขึ้นเลย หยกผสานวิญญาณถูกพัฒนาขึ้นหนึ่งระดับช่วยให้ชิงสุ่ยสามารถจัดการกับเครื่องมือต่างๆได้รวดเร็วขึ้น เขาต้องเผชิญกับปัญหาคอขวดของเชือกตรึงอสูรและระฆังสะท้านจิตอีกด้วย ตั้งแต่ที่ระฆังสะท้านจิตถูกพัฒนาขึ้นไปถึงระดับที่เก้า เขาก็ยังไม่ทราบวิธีในการพัฒนาให้มันขึ้นไปสู่ระดับที่สิบเลย
ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบผนึกหรือกฏแห่งพระราชวังเก้าเทวา เขาก็ต้องพบกับปัญหาในการฝึกฝนด้วยหน้าที่ต่างๆที่เพิ่มพูนขึ้น แม้ว่าเขาจะมีเวลาก็ยังคงต้องปรุงยาเม็ดเพิ่มเติมรวมถึงเหล้าองุ่นในการทำอาหาร
รวมถึงรูปแบบวิหคศักดิ์สิทธิ์ในเคล็ดวิชาเลียนแบบสัตว์เก้าอสูร เขาไม่ทราบว่าจะพัฒนาตราประทับแห่งวิหคศักดิ์สิทธิ์ต่อไปได้หรือไม่ ส่วนหัวใจแห่งวิหคศักดิ์สิทธิ์อยู่ในภาวะสมบูรณ์แบบแล้วจึงไม่มีความคืบหน้าเพิ่มเติมอีก มันคงเป็นเรื่องของโชคลางหากเขาค้นพบในวิธีในการพัฒนามันต่อเช่นเดียวกับวิหคศักดิ์สิทธิ์สยายปีกซึ่งยากที่จะบรรลุขอบเขตปัจจุบันออกไปได้
เหมือนเช่นเคย เขายังคงฝึกฝนเคล็ดพันค้อนกัมปนาทแห่งสรวงสวรรค์ต่อไปเพราะเขาต้องการสร้างอาวุธระดับพระเจ้าขึ้นมา นอกจากนี้มันยังใช้เป็นวิชาในการต่อสู้และมีพลังอันสูงส่งอีกด้วย เขาฝึกมันด้วยค้อนดาราเทพอัสนีพยุหราชรวมถึงกระบี่ดารายุพฆาต เขาใช้ค้อนดาราเทพอัสนีพยุหราชเป็นตัวฝึกหัดในวิชาค้อนเนื่องจากเขาไม่สามารถพัฒนาทักษะด้านการโจมตีได้ นอกเหนือจากนั้นเขายังหวังอีกว่าจะสามารถพัฒนาพลังของค้อนดาราเทพอัสนีพยุหราชขึ้นได้ ถ้าเขาทำได้สำเร็จ เขาจะมีอาวุธอันทรงพลังถึงสองชิ้นแม้ว่าจะไม่มั่นใจว่าจะทำสำเร็จหรือไม่
……
วันถัดมาหลังอาหารเช้า เขาได้รับข่าวดี ลี่จี๋ตั้งครรภภ์แล้ว ชิงสุ่ยนับวันรอเสมอตั้งแต่ที่เขาช่วยรักษาให้กับหมอปิศาจ มันยังไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำ เขาไม่คาดคิดว่ามันจะเกิดได้เร็วขนาดนี้ ชิงสุ่ยใช้การรับทางจิตวิญญาณตรวจลี่จี๋ และพบสัญญาณชีพของสองคน หนึ่งคนแข็งแรงกว่าส่วนอีกคนค่อนข้างอ่อนแอ ซึ่งทั้งสองเป็นทารกในครรภ์ของลี่จี๋
“พี่ชาย ยินดีด้วย!”
ทุกสิ่งทุกอย่างได้ถูกเตรียมการเอาไว้เรียบร้อบแล้ว หมอปิศาจตัดสินใจที่จะแต่งง่านกับลี่จี๋ ไม่ว่านางจะตั้งครรภ์ให้เขาหรือไม่ก็ตาม
เมื่อถึงเวลาบ่าย หมอจากตระกูลเหยาก็เดินทางมาถึง ชิงสุ่ยสังเกตุเขาได้จากชั้นที่ห้า ชายผู้นี้อยู่ในวัยกลางคน เขามีหน้าตาหล่อเหลาและสงบเสงี่ยม ในขณะที่เขาเดินตรงขึ้นมาก็แสดงให้เห็นถึงความสง่างาม “ท่านพี่หมอปิศาจ ชายผู้นี้คงเป็นหมอศักดิ์สิทธิ์ชิง ให้ข้าได้แนะนำตัวเอง ข้ามีนามว่าเหยาชูบิง” ชายผู้นั้นยิ้มออกมาด้วยท่าทีที่หยิ่งยโส ดูเหมือนจะเป็นคนที่เข้าใจได้ง่ายแต่เขาดูเหมือนจะไม่เชื่อถือในตัวชิงสุ่ย
“เรียกข้าว่าชิงสุ่ย พี่เหยา” ชิงสุ่ยกล่าวทักทายชายหนุ่ม
หมอปิศาจกวาดมือเพื่อเชิญให้เขานั่ง
“ข้าเป็นคนที่ตรงไปตรงมา น้องชิง ได้โปรดอย่าโกรธข้าหากกล่าววาจาล่วงเกินไป ข้าต้องการจะเห็นทักษะในการรักษาของท่าน หากว่าข้าประทับใจ ข้าจะขอเข้าร่วมหอคอยจักรพรรดิแห่งนี้” เหยาชูบิงกล่าวถึงจุดมุ่งหมายของเขาตรงๆ
“นี่ไม่ใช่เรื่องของการค้า เช่นนั้นแล้วเอาอย่างนี้ ท่านต้องการพิจารณาว่าข้ามีความสามารถพอหรือไม่ส่วนตัวข้าเองก็ต้องการทดสอบท่านเช่นกัน มาดูกันว่าพวกเราจะประทับใจซึ่งกันและกันหรือไม่!” ชิงสุ่ยรู้สึกได้ว่าเหยาชูบิงเป็นคนที่โกรธง่ายและความอดทนน้อบ
“ตกลง ข้าต้องขออภัยด้วย หากข้าได้กล่าวล่วงเกินอะไรไป”
“ไม่เป็นไร ข้าเข้าใจดี ตราบเท่าที่ท่านมีความสามารถ ท่านจะตรงไปตรงกว่านี้อีกกี่สิบเท่าก็ย่อมได้” ชิงสุ่ยกล่าวพร้อมกับยิ้มออกมา
เหยาชูบิง พยักหน้ารับ “ท่านชิง เราจะทดสอบกันเช่นไรดี?”
“เมื่อท่านเป็นแขกของข้าในวันนี้เช่นนั้นข้าจะให้ท่านเป็นฝ่ายเริ่มก่อน” ชิงสุ่ยชี้ไปยังเหยาชูบิงให้ทดสอบเขาก่อน
เหยาชูบิงคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะตอบกลับไป “ตกลง ข้ามีอาการบาดเจ็บอยู่ในระยะยาว ข้าอยากรู้ว่าท่านสามารถวิเคราะห์และรักษาอาการของข้าได้หรือไม่?”
ชิงสุ่ยหัวเราะ “ท่านเหยา แท้จริงแล้วท่านไม่อาจรักษาตัวเองได้?”
“ไม่ใช่อย่างนั้น” เหยาชูบิงตอบกลับด้วยท่าทีเจื่อนๆ
มีหมอมากมายหลายคนต้องพบเจอกับปัญหาเช่นเดียวกัน นั่นคือพวกเขาไม่สามารถรักษาตนเองได้ ไม่ว่าเขาจะมีทักษะในการรักษามามากมายเท่าไร ก็ไม่สามาถหลีกพ้นจากความตายได้
“ท่านมีความผิดปกติอยู่ในสายเลือด หัวใจของท่านทำงานได้ไม่ดีเพราะมีขนาดสี่ในห้าส่วนของหัวใจของคนทั่วไปเท่านั้น ท่านต้องกินผลหัวใจศักดิ์สิทธิ์เพื่ออยู่ให้รอดไปในแต่ละเดือนก็เท่านั้น” ชิงสุ่ยตอบอย่างเรียบง่าย
หมอปิศาจสามารถวินิฉัยอาการของเขาได้อย่างง่ายดายแต่ก็ไม่พบกับวิธีที่จะรักษาเขาให้หายได้ แม้เขาจะได้เรียนรู้ทักษะการฝังเข็มจากชิงสุ่ยแต่เขาก็ไม่มีพลังเก้าหยาง ปราณจากเคล็ดเสริมกายาบรรพกาล รวมถึงเข็มแห่งชีวิตและความตาย รวมถึงอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งการที่เขาสามารถช่วยฟื้นฟูผู้คนได้ หนึ่งถึงสองในร้อยส่วนถือเป็นความสามารถที่ยอดเยี่ยมแล้ว
“ท่านสามารถรักษาอาการของข้าได้หรือไม่ ท่านชิง?” เหยาชูบิงไม่ได้ประหลาดใจ เมื่อรู้ว่าชิงสุ่ยรู้จักกับหมอปิศาจ คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่จะรู้ถึงอาการของเขา เขากังวลเรื่องวิธีในการรักษามากกว่า
“หากข้าตอบว่าข้าสามารถรักษาอาการของท่านได้ ท่านคาดหวังสิ่งใดล่ะ?” ชิงสุ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
“ข้าหวังว่าท่านจะช่วยรักษาอาการของข้า”
“ทำไมข้าถึงต้องทำเช่นนั้น?”
“ถ้าท่านทำได้ ข้าก็จะรู้ถึงความสามารถของท่าน เมื่อข้าได้รับการรักษาแล้วขาให้สัญญาว่าจะเข้าร่วมกับหอคอยจักรพรรดิ” เหยาชูบิงกล่าวออกมา ด้วยสถานการณ์ตอนนี้เข้ารู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อบ
“ความสามารถของท่านไม่มากพอที่จะเป็นหมอของหอคอยจักรพรรดิ” ชิงสุ่ยส่ายศีรษะ
“แต่ท่านยังไม่ได้ทำการทดสอบข้าเลย เหตุใดจึงกล่าวเช่นนั้น” เหยาชูบิงกล่าวด้วยความงุนงงและท่าทีที่เปลี่ยนไป
“ข้าทดสอบท่านแล้ว แต่น่าเสียดายที่ท่านล้มเหลว” ชิงสุ่ยยืนขึ้นและเดินจากไปหลังสิ้นสุดคำพูด
“หมอศักดิ์สิทธิ์ชิง ได้โปรดบอกเงื่อนไขของท่านมา ข้าจะต้องทำสิ่งใดบ้างเพื่อที่จะให้ท่านรักษาตัวข้า?” เหยาชูบิงเปลี่ยนท่าทีที่เขาเรียกชิงสุ่ย
“ข้าต้องการสมบัติครึ่งหนึ่งของตระกูลหมอ ท่านให้ข้าได้ไหมล่ะ?” ชิงสุ่ยหันกลับมามองเหยาชูบิง
“ข้าจะให้ท่านได้อย่างไร ข้าไม่ได้อยู่ในตระกูลอีกต่อไปแล้ว” เหยาชูบิงกล่าวด้วยท่าทีสลดใจ
“เมื่อท่านไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว เหตุใดถึงเดินทางมายังหอคอยจักรพรรดิ? ท่านคิดว่าเมื่อมาถึงที่นี่แล้วหอคอยจักรพรรดิจะให้การต้อนรับอย่างดีงั้นหรือ?” ชิงสุ่ยกล่าวอย่างเชื่องช้า เขาไม่ชอบชายผู้นี้ตั้งแต่แรกเริ่ม ชายผู้นี้เป็นคนที่ไม่รู้จักประมาณตน เขาประเมิณไว้แล้วว่าเมื่อเหยาชูบิงได้รับการรักษา บางทีอาจจะอยู่ช่วยที่นี่ต่อไปแต่จิตใจคงห่วงหาตระกูลตลอดเวลา
“ท่าน ได้โปรดช่วยชีวิตข้าด้วย ข้าจะทำงานอยู่ที่นี่ไปจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต” เหยาชูบิงคุกเข่าลงและร้องอ้อนวอน เขารู้ว่าหากไม่ได้รับการรักษาผลหัวใจศักดิ์สิทธิ์คงช่วยให้เขามีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกไม่ถึงสิบปี และหากเขาต้องตายทุกๆอย่างก็คงจะสิ้นสุดลง
ชิงสุ่ยไม่คุ้นเคยในเรื่องที่มีคนคุกเข่าต่อหน้าเขา เขาขยับตัวและมองไปยังเหยาชูบิง “ท่านยังมีอายุยืนยาวได้อีกสิบปี หากข้ารักษาอาการของท่าน ท่านจะต้องทำงานอยู่ที่นี่ไปครบสิบปี”
ชิงสุ่ยยังไม่รักษาอาการของชายหนุ่มในตอนนี้ เขาจะรักษาก็ต่อเมื่อผ่านไปอีกสิบปี เหยาชูบิงต้องตัดสินใจเองแล้วว่าจะเชื่อในความสามารถของชิงสุ่ยหรือไม่ เหยาชูบิงเปลี่ยนเสื้อผ้าไปเป็นของสมาชิกแห่งหอคอยจักรพรรดิ แต่เขาถือเป็นคนงานที่สามารถทำหน้าทีในการรักษาได้
ชิงสุ่ยไม่มีเรื่องอะไรให้ค้างคาใจอีก สิบปีคงเป็นเวลามากพอในการแก้ทัศนคติของบุคคลได้ และนี่คือชีวิตของมนุษย์ทุกคน โดยทั่วไปแล้วเขาคงทำหน้าที่เป็นหมอและได้รับค่าแรง แต่ในตอนนี้เขาเป็นเพียงคนรับใช้แต่ก็ไม่รู้ว่าสิบปีถัดไปจะเปลี่ยนชีวิตของเขาไปทางไหน
หมอปิศาจไม่ได้แสดงความเห็นใดๆต่อการตัดสินใจของชิงสุ่ย
“พี่ชาย ท่านคิดว่าในเวลาสิบปีนี้ ตระกูลหมอทั้งหมดจะเป็นเขาหรือไม่?” ชิงสุ่ยกล่าวอย่างสนุกสนาน
“แน่นอน!” หมอปิศาจกล่าวด้วยความเชื่อมั่น
……
ชิงสุ่ยมองดูถนนและผู้คนที่วุ่นวายจากหน้าต่างชั้นห้า เขาไม่รู้ว่าการผ่อนคลายต้องทำเช่นไร เขาไม่เคยปล่อยให้ตัวเองรู้สึกสบายมากมาย แม้ว่าเขาจะต้องการช่วยประมุขอสูรและพระราชวังจอมอสูร เขาต้องบรรลุระดับปราณบรรชาสวรรค์พินาจให้ได้เสียก่อน อีเย่เจี้ยนเก้อไปอยู่ที่ใดกันนะ? อยู่ในห้ามหาทวีปหรือไม่ มหาทวีปอู่เซียนตะวันตกหรืออีกสามมหาทวีปที่เหลือ?
อสูรผลึกเจ็ดเศียรจะแข็งแกร่งขึ้นแค่ไหนและอีเย่เจี้ยนเก้อจะมีพลังเพิ่มขึ้นเพียงใด? เขารู้ดีว่าเป็นเรื่องยากที่จะได้พบกับนาง และเมื่อผู้หญิงแต่ละคนของเขาต่างแยกย้ายกันไป เขาไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาเท่าไรในการที่จะพบกับทุกคนอีกครั้ง
นี่เป็นสิบปีที่ค่อนข้างสำคัญหรับเขา เป็นสิบปีที่สำคัญกับลูกๆของเขาเช่นกัน รวมถึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆสำหรับตระกูลชิงของเขาเองด้วย เขาจะบรรลุทุกอย่างที่ต้องการได้ภายในสิบปีได้หรือไม่?
ก็อก ก็อก!
หมอปิศาจเดินเข้ามาและมองไปยังชิงสุ่ย “มีใครบางคนต้องการพบกับเจ้า เป็นคนจากตระกูลอี่หวง”
ชิงสุ่ยรู้สึกประหลาดใจเมื่อได้ยินคำว่า “ตระกูลอี่หวง” ดูเหมือนว่าสิ่งที่เขาพยายามจะหลีกเลี่ยงมักพุ่งตรงเข้าหาตัวเขาอยู่เสมอ นี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเร็วกว่าที่ได้คาดเอาไว้ เขาพยักหน้าและเดินนำออกไป ชิงสุ่ยต้องการทราบว่าพวกเขามาที่นี่ทำไมและหวังว่าพวกเขาจะไม่สร้างปัญหาให้เกิดขึ้น
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น