Ancient Strengthening Technique เทพอสูรบรรพกาล 1320-1326

 บทที่ 1320 –ผู้หญิงที่ชาญฉลาด


 


 


หมอปิศาจพึ่งดึงสติกลับมาได้หลังจากตกตะลึงไปชั่วขณะ โดยไม่รู้ตัวทุกๆอย่างนั้นได้ผ่นไปหนึ่งชั่วยามแล้วเขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำทำไมเขาถึงยืนอยู่ที่นั้นได้เป็นเวลานานขณะนี้


 


เมื่อเดินลงไปเขาพบชิงสุ่ยที่ยืนรออยู่ น้ำตาใสๆได้ไหลรินออกมา เขานั้นรู้สึกขอบคุณชิงสุ่ยด้วยใจจริง ในตอนนี้ความข้อสงสัยทั้งหมดของเขาได้หายไปหดแล้ว แม้ว่าชิงสุ่ยนั้นจะมีอายุน้อยกว่าเขา แต่ตอนนี้เขาเชื่อและว่าผู้ชายคนนี้มีความสามารถมากกว่าเขาอย่าแน่นอน


 


“พี่ใหญ่ท่านดูเปลี่ยนไปมากนะ”ชิงสุ่ยกล่าวออกมาขณะมองดูร่างกายที่เปลี่ยนแปลงไปจนสมบูรณ์ของหมอปิศาจ  แม้ว่าชิงสุ่ยจะรู้ว่าเขาจะดูอ่อนเยาว์ขึ้นแต่นี้มันเกินกว่าที่เขาจิตนาการไว้มากนัก ผลในครั้งนี้เปลี่ยนให้ชายชรากลับมาเป็นชายวัยกลางคน มีหรือที่จะไม่สร้างความประหลาดใจให้กับตัวเขาเอง


 


นี่คือผลของเข็มแห่งชีวิตและความตาย แต่แน่นอนหากปราศจากน้ำทิพย์แห่งฤดูใบไม้ผลิแห่งชีวิตและพลังบรรพกาลหวนคืนของชิงสุ่ยมันไม่ทางเลยที่ตะออกมาเป็นเช่นนี้


 


“ข้าไม่รู้จะตอบแทนเจ้าอย่างไรดี!”คราบน้ำตาปรากฏออกมาบนใบหน้าของหมอปิศาจในตอนนี้


 


 


“ข้าไม่ต้องการอะไรจากท่านเลย เพียงแต่ให้ท่านเป็นพี่ชายที่ดีของข้าตลอดไปก็พอ ถึงแม้ว่าเราจะไม่ใช่พี่น้องกันจริงๆ แต่ข้าก็นับถือท่านเหมือนพี่ชายที่แท้ๆของข้า”ชิงสุ่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม


 


หมอปิศาจนั้นมีพรสวรรค์ทางธรรมชาติในการเป็นหมอ นั้นเพราะเขามีเส้นลมปราณวิญญาณเทวะ ทำให้เขาสามารถหาจุดฝังเข็มหรือคาดการณโรคได้อย่างแม่นยำ ดังนั้นเขาจึงเหมาะอย่างมากที่จะได้รับการถ่ายทอดความรู้ในการฝังเข็มจากชิงสุ่ย นอกจากนี้เขานั้นยังเป็นสหายคนแรกในทวีปแห่งนี้ของชิสุ่ยอีกด้วย


 


“ใช่เราจะเป็นพี่น้องกันตลอดไป นับจากนี่ตลอดไปสายสัมพันธ์ของพวกเราจะไม่มีวันพังทลาย มาที่บ้านข้าสิ ตอนนี้ข้านั้นพร้อมจะแต่งงานแล้ว นอกจากนี้ข้าจะให้เจ้าเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวของข้าอีกด้วย ”หมอปิศาจกล่าวอย่างมีความสุข


 


 


ชิงสุ่ยก็มีความสุขเช่นเดียวกัน ในขณะที่ชิงสุ่ยได้เดินตามเขาลงไปที่ชั้นล่าง แม้แต่คนที่คุ้นเคยต่างก็จ้องมองไปที่หมอปิศาจด้วยความประหลาดใจ ตอนนี้ชายชราคนก่อนได้กลับมาเป็นชายวัยกลางคนมีรึที่ใครๆจะไม่ตกใจและประหลาดใจในการเปลี่ยนแปลงนี้


 


หมอปิศาจเป็นหมอที่มีชื่อเสียงอย่างมาก นอกจากนี้เขายังมีอาหารและยาที่ช่วยเพิ่มอายุไขและชะลอความเยาว์วัยอีกมากมาย นั้นจึงทำให้เขาได้รับความสนใจอย่างมากสำหรับผู้บ่มเพาะ ไม่ว่าชายหรือว่าหญิง


 


แต่ตัวยาเหล่านั้นก็ไม่สามารถเทียบได้กับการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ของเขา นี่เกินกว่ายาและอาหารที่จะสามารถทำได้


 


 


หมอปิศาจไม่เคยคิดว่าตัวเขาเองจะกลายเป็นจุดขายให้กับธุรกิจของเขาในตอนนี้  การเปลี่ยนแปลงของเขานั้นกลายเป็นข่าวที่ดังไปทั่วทั้งเมืองอย่างรวดเร็ว  ข่าวนี้ทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกระแวงเล็กน้อย และคิดว่าเขาควรรีบจากไปก่อนที่เขาจะเดือดร้อนเสียดีกว่าในตอนนี้


 


 


แต่เมื่อนึกเช่นนั้นเขาก็อดที่จะขำตัวเองไม่ได้  คติของหมอนั้นต้องไม่กลัวว่าตัวเองจะมีชื่อเสียงที่ดีหรือเลวร้ายอย่างไร เพียงแค่พวกเขานั้นต้องช่วยเหลือชีวิตให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้เท่านั้น ในตอนแรกชิงสุ่ยนั้นต้องการสร้างชื่อเสียงให้กับหอคอยจักรพรรดิเพื่อตอบแทนหมอปิศาจ แต่โดยไม่คาดคิดสิ่งที่เขาทำลงไปนั้น ได้ผลลัพธ์เกินกว่าที่เขาคาดไว้เสียอีก


 


เช่นเดียวกับลี่ หูเฉิง ไม่ว่าเขาจะสามารถหายาถอนผิดได้หรือไม่ แต่เขาก็รู้สึกขอบคุณชิงสุ่ยที่ให้โอกาสเขาต่อสู้อีกครั้ง นอกจากนี้และตระกูลลี่ก็ยังเป็นผู้ทรงอำนาจในแถบนี้ ถึงแม้จะไม่แกร่งเท่าตระกูลอี่หวง  แต่พวกเขาก็จัดได้ว่าเป็นตระกูลที่แข็งแกร่ง มันจะเป็นการดีที่มีพวกเขาคอยสนับสนุนตัวของชิงสุ่ยในอนาคต


 


 


ตอนนี้ชิงสุ่ยกำลังคิดว่าเขากำลังจะทำอะไรต่อไปดี เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับสหายของเขาอย่างนั้นรึ มันก็เป็นเรื่องดีถ้าเขามีกลุ่มอำนาจที่แข็งแกร่งสนับสนุนอยู่ และนี่ก็เป็นหนทางที่ดีที่เขาจะผสานสี่ทวีปให้เป็นหนึ่ง เมื่อถึงเวลานั้นเขาจะมีอำนาจที่จะทำอะไรก็ได้


 


 


ในขณะนี้ชิงสุ่ยและหมอปิศาจได้นั่งรถลากสัตว์อสูรอีกครั้ง ก่อนที่พวกเขาจะตรงไปที่บ้านของหมอปิศาจ


 


 


หลังจากที่ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม ชิงสุ่ยก็พบว่ารถลากนั้นได้หยุดลงที่คฤหาสน์เล็กแห่งหนึ่ง แม้จะไม่ใหญ่โตมากแต่มันก็ประดับด้วยสิ่งของมีค่ามากมาย


 


 


“น้องชาย ที่นี่คือบ้านของข้า ที่แห่งนี้เป็นที่สำคัญมากสำหรับข้าอย่างมาก และตอนนี้มันก็เป้นบ้านของเจ้าเช่นเดียวกัน!”


 


ในตอนนี้ชิงสุ่ยรู้สึกตื้นตันใจอย่างมากราวกับว่าเขาได้กลับมาที่ตระกูลชิงอีกครั้งก็มิปาน นี่คือความรู้สึกที่เรียกได้ว่าครอบครัว


 


ชิงสุ่ยยิ้มและพยักหน้า “ขอบคุณพี่ใหญ่ ข้ามีความสุขจริงๆ”


 


 


ขณะที่ทั้งคู่เขาไปในคฤหาสน์ มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกมา เธอนั้นดูค่อนข้างมีอายุ แต่ยังคงงดงามอยู่ เธอมีรูปราวที่สูงและมีขาวที่เรียวงาม ผมของเธอยาวปะบ่าของเธอเพียงเล็กน้อย นอกจากนี้ดวงตาของเธอยังดูสง่างามอย่างมากอีกด้วย


 


 


เธอนั้นดูสมบูรณ์แบบอย่างมาก แต่เธอนั้นก็ยังปราศจากความรู้สึกที่แสดงออกมาบนสีหน้าของเธอเท่านั้น


 


ในตอนนี้ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความตกใจเมื่อมองไปที่หมอปิศาจและชิงสุ่ย ก่อนที่จะอุทานออกมา “พี่หมอ ท่านดูอ่อนเยาว์ลงหรือไม่?”


 


 


“ฮ่าๆ ลี่จี๋!” เขาวิ่งเข้าไปกอดเธอในทันทีด้วยความสุข และอุ้มเธอหมุนไปมาสองสามรอบ ก่อนที่จะจูงมือเธอไปทางชิงสุ่ย


 


ในตอนนี้ชิงสุ่ยรู้ได้ในทันทีนี่คือคนรักของหมอปิศาจที่เขาเคยกล่าวถึง คนที่ไม่ยอมทิ้งเขาไปไหน แม้ว่าเขาจะไม่อะไรก็ตาม


 


“ลี่จี่นี่ชิงสุ่ย เขาเป็นเหมือนน้องชายแท้ๆของข้า!”หมอปิศาจกล่าวด้วยรอยยิ้ม


 


“น้องชิงสุ่ย!”ลี่จี๋กล่าวด้วยรอยยิ้ม


 


“พี่สะใภ้ ท่านดูงดงามอย่างมากและเหมาะกับพี่ใหญ่จริงๆ”ชิงสุ่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม เช่นเดียวกับลี่จี๋ที่มีท่าทางเขินอาย ถึงเธอจะไม่ได้แต่งงานกับหมอปิศาจแต่สถานะของทั้งสองก็ชัดเจนอย่างมาก


 


 


“ฮ่าๆๆ เข้าไปดื่มฉลองกันเถอะ วันนี้พี่ใหญ่ยู๋ โหลวจะเลี้ยงฉลองให้เจ้า จริงสิลี่จี๋จากนี้ไปเจ้าจะเป็นภรรยาของข้าอย่างเป็นทางการ พรุ่งนี้เราจะจัดงานเลี้ยงและงานแต่งงานกัน! หมอปิศาจจับไปที่มือของลี่จี๋ ขณะใช้มืออีกข้างกอดไหล่ของชิงสุ่ยเอาไว้


 


 


ลี่จี๋มองไปที่หมอปิศาจด้วยความงงงวยและด้วยความไม่เข้าใจ “พี่หมอนิท่านล้อข้าเล่นรึไม่ ไม่ใช่หูข้าฟาดไปใช่มั้ย?”


 


“ป่าวเลยมันคือความจริงทั้งหมด ข้านั้นปล่อยให้เจ้ารอมานานหลายปีแล้วถึงเวลาแล้วที่เราจะแต่งงานกัน นอกจากนี้อาการบาดเจ็บของข้าก็ได้รับการรักษาจนเกือบหายดีแล้ว ด้วยฝีมือของน้องชิงสุ่ย ดังนั้นข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้ารออีกต่อไป แต่งงานกับข้าเถอะ!”หมอปิศาจจับที่มือของเธอจนแน่น


 


ลี่จี๋มองไปที่หน้าของหมอปิศาจอย่างมีความสุขก่อนที่จะกล่าวย้ำอีกครั้ง “ท่านหายแล้วจริงๆรึ?”


 


“ฮ่าๆ ต้องขอบคุณน้องชิงสุ่ย เขาเป็นหมอน่าอัศจรรย์ที่เกินกว่าข้าเป็นร้อยเท่าพันเท่า นอกจากนี้เขาเป็นคนที่รักษาให้กับข้า และเสริมสร้างพลังให้ข้าอีกด้วย และทำให้ข้ากลับมาดูอ่อนเยาว์อีกครั้ง  “


 


“น้องชิงสุ่ย พูดคุยกับพี่หมอไปก่อนแล้วกัน ข้าจะไปเตรียมอาหารให้กับพวกเจ้า หวังว่าน้องเขยจะสามารถท่านอาหารฝีมือข้าได้นะ?”ตอนนี้ลี่จี๋นั้นมีความสุขอย่างมากจึงได้กล่าวหยอกล้อออกมา เพราะตอนนี้ความฝันของเธอใกล้จะเป็นจริงแล้ว


 


 


เดิมทีเธอนั้นรักหมอปิศาจมากๆ และตั้งใจจะแต่งงานกับเขา แต่ด้วยอุบัติเหตุที่หมอปิศาจได้รับจึงทำให้ทั้งคู่ไม่ได้แต่งงานกัน  เธออย่างไรเธอนั้นก็ไม่ได้จากไปไหนและรอวันที่เขาจะหายดีและกลับมาแต่งงานกับเธอ และแล้ววันนั้นก็มาถึง มันจึงจำให้เธอมีความสุขอย่างมากในตอนนี้


 


“พี่สะใภ้กล่าวเกินไปแล้ว ข้าท่านอะไรก็ได้ ฮ่าๆ”ชิงสุ่ยกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม


 


ชิงสุ่ยกล่าวออกมาก่อนที่จะเดินตามหมอปิศาจเข้าไปในห้องโถง เช่นดียวกับลี่จี๋หมอปิศาจนั้นอยู่ในอารมณ์ที่ดีมาก นั้นเพราปัญหากว่า300ปีของเขานั้นได้ถูกคลี่คลายแล้ว และเขาก็สามารถมีลูกได้ นี่คือสิ่งที่เขาฝันถึงมาโดยตลอด


 


 


“พี่ใหญ่ ข้าต้องการปรับปรุงหอคอยจักรพรรดิสักเล็กน้อยท่านคิดว่ายังไงบ้าง?”ชิงสุ่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม


 


 


“ตามใจน้องชิงสุ่ยเลย ไม่ว่าเจ้าต้องการทำอะไรข้าจะสนับสนุนเจ้าทุกๆอย่างๆ”หมอปิศาจกล่าวด้วยรอยยิ้ม


 


 


“พี่ใหญ่ท่านยังสนใจที่เรียนทักษะการแพทย์อีกหรือไม่?”ชิงสุ่ยนั้นไม่ต้องการปักหนักที่นี่นานนัก ดังนั้นสิ่งนี้เป็นทางเดียวที่เขาจะทำได้ นอกจากนี้หมอปิศาจยังเป็นคนที่มีพรสวรรค์อีกด้วยดังนั้นนี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้


 


 


“แน่นอน วิชาการแพทย์นั้นคือความปรารถนาทั้งชีวิตของข้า แต่ข้าก็ไม่รู้ว่าข้าจะสามารถเรียนมันได้หรือไม่ บางทีมันอาจยากเกินไปสำหรับข้า ”


 


“ให้ข้าช่วยท่านเอง เช่นเดียวกันข้ายังคงต้องการให้ท่านช่วยเหลือเรื่องต่างๆในหอคอยจักรพรรดิเช่นเดียวกัน การที่เราจะขยายหอคอยจักรพรรดิได้นั้น เราต้องเพิ่มทักษะการแพทย์ให้ท่านก่อน”ในตอนนี้ชิงสุ่ยกล่าวออกมาด้วยความจริงใจ


 


“ได้ข้าจะพยายามด้วยความสามารถทั้งหมดของข้า ข้าจะช่วยเจ้าแบ่งเบาภาระในหอคอยจักรพรรดิ จริงสินอกจากนี้ข้าจะแบ่งกำไร10%ที่ได้มาให้เจ้าด้วย เจ้าเห็นว่าไง?”เขารู้ดีหากเขามอบของขวัญหรือสิ่งอื่นๆให้กับชิงสุ่ย จะต้องถูกปฏิเสธอย่างแน่นอน นอกจากนี้สิ่งที่กำลังจะได้รับจากชิงสุ่ยนั้นก็มากมายเกินกว่ากำไรที่เขามอบให้ชิงสุ่ยมากนัก ดังนั้นเขาจึงไม่ลำบากใจเลยที่จะกล่าวเช่นนี้ออกมา


 


“เช่นนั้นข้าจะไม่ปฏิเสธมัน  แต่เงินส่วนนี้ข้าจะฝากไว้ที่พี่สะใภ้ ให้ใช้ดูแล และขยายหอคอยต่อไปในอนาคต ?”ชิงสุ่ยยิ้มและพูด


 


ดวงตาของหมอปิศาจเปิดกว้างขึ้น เขาถูกปฏิเสธอีกครั้งมนตอนนี้ “ข้าเข้าใจแล้ว ข้าและลี่จี๋จะดูแลเงินส่วนนี้ให้เจ้า” เขายิ้มออกมาอีกครั้ง


 


 


“เอาละตอนนี้ เรื่องสำคัญคือเพิ่มพูนทักษะการแพทย์ของท่านก่อน”


 


“อือ!”


 


ในขณะที่ลี่จี๋ถือถาดอาหารเข้ามา ในตอนนี้เธอมองไปที่หน้าของหมอปิศาจที่มีความสุขอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน


 


 


“พี่หมอ มาๆเรามาดื่มให้น้องชายของเรากันก่อนดีกว่า!” ลี่จี๋ได้กล่าวขึ้นในขณะเดินเข้ามา  ในตอนนี้เธอรู้สึกประทับใจในตัวของน้องเขยของเธออย่างมาก แม้ว่าจะไม่ได้แอบฟังแต่เธอก็ได้ยินบทสนทนาทั้ง อาจเป็นเพราะมันใช่เรื่องที่ต้องปิดบังดังนั้น พวกเขาจะปล่อยให้เธอได้ยินมัน


 


ในตอนนี้ชิงสุ่ยยิ้มและจอกเหล้าขึ้น “ขอให้พี่ใหญ่และพี่สะใภ้มีความสุขมากๆ มีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง และมีชีวิตที่มีความสุขมากๆ!  จริงๆสิข้ารู้สึกได้ว่าอีกบางทีพวกท่านอาจมีลูกที่น่ารักด้วยกันอย่างแน่นอน ฮ่าๆๆ”


 


 


ใบหน้าของลี่จี๋แดงขึ้นเล็กน้อย แต่ก็เป็นใบหน้าที่มีความสุข “น้องชิงสุ่ยเมื่อใดที่ข้ามีลูก เจ้าจะเป็นพ่อทูนหัวของพวกเขาไม่ว่าข้าจะมีลูกชายหรือลูกสาวก็ตาม”


 


 


ชิงสุ่ยมองไปที่ทั้งสองด้วยรอยยิ้มและกล่าว “เห็นทีว่าข้าต้องบำรุงพี่ใหญ่ของข้าให้ดีเสียแล้ว ข้าเริ่มอยากเห็นหน้าเด็กๆในเร็วนี้เสียแล้ว!”


 


 


ในตอนนั้นเองหมอปิศาจก็ได้หัวเราะออกมา ก่อนที่จะมองไปที่ลี่จี๋ ด้วยสายตาที่แปลกประหลาด


 


 


หลังจากสังสรรค์ ชิงสุ่ยได้ออกไปพักในห้องพักที่อยู่ใกล้ ที่ซึ่งลี่จี๋ได้จัดเตรียมเอาไว้ ก่อนที่จะเข้าไปในดินแดนหยก


 


เขาเข้าไปเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อที่จะสอนให้กับหมอปิศาจ ด้วยพรสวรรค์เส้นลมปราณวิญญาณเทวะ ทำให้เขานั้นมีความสามารถในการคาดการณ์โรคที่แม่นยำ และยังสามารถหาจุดฝังเข็มได้อย่างถูกต้องอีกด้วย ดังนั้นชิงสุ่ยจึงได้ตัดสินใจถ่ายทอดวิชาฝังเข็มให้กับเขาถึงมันจะไม่ใช่ความรู้ทั้งหมดของเขาก็ตาม นั้นเพราะความสามารถของเขายังมีขีดจำกัดอยู่


 


 


ในตอนนี้ชิงสุ่ยตั้งใจจะถ่ายทอด เข็มพฤกษาในรูปแบบเบญจธาตุให้กับเขา  นั้นเป็นทักษะที่เหมาะสมกับการบ่มเพาะของเขาอย่างมาก ในตอนแรกชิงสุ่ยต้องการถ่ายทอดทักษะทั้งหมดให้กับเขา แต่คงเป็นเรื่องยากที่เขาจะใช้มันได้ นอกจากนี้มันจะเป็นการดีกว่าหากเขาสำเร็จทักษะใดอย่างหนึ่งอย่างเชียวชาญดีกว่า สำเร็จทุกๆอย่างๆครึ่งๆกลาง นอกจากนี้เข็มพฤกษาในรูปแบบเบญจธาตุนั้นเป็นทักษะที่ดีอย่างมากในการรับแต่งการบ่มเพาะพื้นฐาน ถึงแม้มันจะเป็นพื้นฐานในรูปแบบเข็มเบญจธาตุแต่มันก็เป็นรากฐานที่สำคัญที่สุดและมีความสำคัญอย่างมาก


บทที่ 1321 – ศาสตร์แห่งการปรุงอาหารอันทรงพลัง ปราณแห่งการปรุงอาหาร ซาลาเปาหยก


 


ชิงสุ่ยเคยอยากเรียนรู้เรื่องการฝังเข็มในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา แต่ในตอนนี้มันกับไม่เหมือนกัน เหมือนดังคำพูดที่ว่า ‘ทุกๆสิ่งนั้นเป็นไปได้เสมอ’


 


ปราณธาตุไม้นั้นเป็นปราณที่สำคัญ มันเป็นพลังปราณที่ดีที่สุดในการรักษาอาการเจ็บป่วย ชิงสุ่ยนั้นแยกทักษะการฝังเข็มความหมายของเขาออกจากทักษะการฝังเข็มเบญจธาตุได้ เนื่องจากหมอปีศาจนั้นไม่อาจศึกษาทุกๆธาตุของธาตุทั้ง 5 ได้ เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับร่างกายของเขา


 


พลังปราณแห่งเคล็ดเสริมกายาบรรพกาลของชิงสุ่ยนั้นมหัศจรรย์ยิ่งนักมันเหมือนกับธาตุทั้ง 5 เลย ดังนั้นมันจึงง่ายดายยิ่งนักในการใช้หลักการเรื่องการเสริมกันและการหักล้างกันของธาตุทั้ง 5 ในการรักษาอาการเจ็บป่วยและล้างพิษ


 


นอกจากนี้การฝังเข็มยังเป็นเคล็ดวิชาที่ช่วยบำรุงร่างกายได้ แต่ทั้งหมดนั้นก็ขึ้นอยู่กับความสามารถหมอปีศาจ ชิงสุ่ยนั้นสนใจเพียงศาสตร์แห่งการปรุงอาหารหลังจากได้ศึกษาเรื่องนี้


 


ในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขานั้น เขาไม่เคยสนใจศาสตร์แห่งการปรุงอาหารเลย ดังนั้นเขาจึงรู้วิธีการทำอาหารเพียงเล็กน้อย เขารู้ว่าตนเองได้พลาดอะไรไปมากเพียงใดเมื่อได้เห็นห้องอาหารแห่งจักรพรรดิ ดูเหมือนว่าอาหารพวกนี้ก็ถือเป็นการบ่มเพาะที่ทรงพลังอย่างยิ่งรูปแบบหนึ่ง


 


ข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งที่เขาได้รับรู้ตั้งแต่โลกก่อนหน้านี้ของเขานั่นก็คือ ผู้ที่มีความหิวกระหายในอาหารมากนั้นมักจะเป็นผู้ที่ทรงพลัง ผู้ที่หิวกระหายในอาหารน้อยนั้นมักจะอ่อนแอ นี่เห็นได้ชัดว่าร่างกายของมนุษย์นั้นมีการดูดซึมพลังจากอาหารด้วยเช่นกัน ยิ่งได้กินอาหารที่ดีเข้าไปมากเท่าไรร่างกายก็จะดูดซึมพลังได้มากขึ้นเท่านั้น แน่นอนว่าการกินที่มากจนเกินไปย่อมเป็นผลเสียต่อร่างกายด้วยเช่นกัน


 


ยิ่งร่างกายของผู้บ่มเพาะทรงพลังมากเพียงใดก็จะยิ่งดูดซึมสารอาหารได้มากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นอาหารที่ดีจึงสามารถช่วยในเรื่องการบ่มเพาะได้ มันไม่เหมือนกับอาหารธรรมดาทั่วๆไป


 


เมื่อมองไปยังศาสตร์แห่งการปรุงอาหารของเขา เขาเองก็ไม่ได้ตระหนักเลยว่าเขาได้เรียนรู้ศาสตร์แห่งการปรุงอาหารไปมากมาย เขาไม่ได้คิดถึงสิ่งต่างๆที่เขาเคยได้ทำมาตั้งแต่อดีตอย่างเช่น การหมักสุรา


 


เหล้าดอกบ๊วยผลิบาน เหล้าน้ำค้างโอชารส สุราวิศิษฎ์พิสุทธิ… ยังมีเหล้าเชี่ยงชุนกระดูกเสือและรวมไปถึงเหล้าน้ำดีอสรพิษ… แต่ของพวกนี้นั้นเป็นเพียงสุราระดับต่ำเท่านั้น


 


สุรานั้นก็มีการแบ่งระดับชั้นคุณภาพจากอายุของมัน ยิ่งสุรามีอายุมากเพียงใดก็จะยิ่งมีคุณภาพที่ดีมากขึ้นเท่านั้น อายุของสุรานั้นจึงมีความสำคัญหากคุณภาพของสุรานั้นไม่ได้สูงมากนัก


 


นอกเหนือจากสุราพวกนี้ชิงสุ่ยก็ได้เห็นซาลาเปา…


 


เขาลูบจมูกของตนเอง มีซาลาเปาในโลกใบนี้ด้วยเช่นกันแต่ชิงสุ่ยมันไม่เคยคิดถึงมันมาก่อนเลย เมื่อเขาได้เห็นมันเขาก็รู้สึกอยากจะลิ้มลองมัน ดังนั้นเขาจึงรีบมองหาสูตรของการทำซาลาเปาในทันที


 


แม้ว่าชิงสุ่ยจะรู้จักศาสตร์แห่งการปรุงอาหาร เขาก็ยังคงต้องการส่วนประกอบในการทำซาลาเปา ชิงสุ่ยลองตรวจสอบดูและพบว่ามูลค่าของส่วนประกอบในการทำซาลาเปานั้นมากยิ่งนัก มันต้องการส่วนประกอบประมาณ 10 อย่างและภายในนั้นยังมีผงกระดูกสัตว์อสูรและเนื้อของสัตว์อสูรแล่บางๆ…


 


นี่ย่อมทำให้ซาลาเปาในโลกก่อนหน้านี้ของเขานั้นเทียบไม่ติดเลยเพราะในโลกก่อนหน้านี้ของเขาส่วนประกอบของมันนั้นมีเพียงสิ่งที่หาได้อย่างง่ายดาย สูตรของซาลาเปานี้นอกเหนือจากมันจะต้องใช้สมุนไพรเป็นส่วนประกอบแล้วมันยังมีผงกระดูกของสัตว์อสูร ในโลกก่อนหน้านี้ของเขานั้นคงจะทำไม่ได้เพราะที่นั่นไม่ได้มีสัตว์อสูรอาศัยอยู่


 


จากนั้นเขาก็ได้เห็นเนื้อไหมสวรรค์หยก น้ำค้างแห่งต้นหลิวหยก ซุปหัวไชเท้าหยก น้ำค้างทองคำ 1000 ปี…


 


สำหรับชิงสุ่ยนั้นการได้ศึกษาพวกมันทำให้เขามีความสุขอย่างยิ่ง เขายังได้พบอาหารบางอย่างที่คุ้นเคยเช่นสุรา 100 รส นี่เป็นสุราประเภทหนึ่งที่ใช้การหมักอันยอดเยี่ยม มันเป็นสุราที่หมักจากส่วนประกอบนับร้อยชนิด แม้ว่ามันจะง่ายดายยิ่งนักสำหรับชิงสุ่ย แต่มันคงจะยากสำหรับคนอื่นที่ต้องผสมส่วนประกอบนับร้อยชนิดเข้าด้วยกัน


 


เขาเองก็ลืมไปเลยว่าเขาก็มีเหล้าเทวะหมอกมึนเมา สุราเมามายมิรู้ลืมและของอื่นๆที่คล้ายคลึงกัน แต่เพียงได้รับรู้สูตรของมันนั้นก็ดีมากพอแล้วเพราะคุณภาพของมันนั้นสามารถเพิ่มขึ้นได้จากอายุในการหมักบ่ม


 


ยกตัวอย่างเช่นเหล้าดอกบ๊วยผลิบานของชิงสุ่ย ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาในดินแดนหยกยุพราชอมตะ บ๊วยบุปผชาติ 1000 ปีนั้นไม่ได้เป็นเพียงบ๊วยบุปผชาติ 1000 ปีอีกต่อไป ดังนั้นผลของเหล้าดอกบ๊วยผลิบานที่เขาได้หมักบ่มเอาไว้นั้นจึงดียิ่งกว่าเก่า


 


พลังของเหล่าสัตว์อสูรของเขานั้นยังคงเติบโตอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง หมูป่านักล่าสมบัติและราชินีผึ้งหยกจักรพรรดินั้นได้อยู่ในจุดสูงสุดของขั้นที่ 2 อสูรโอสถแห่งจิตวิญญาณและพวกมันกำลังจะยกระดับขึ้นไปในเร็ววันนี้ ในตอนนี้หมูป่านักล่าสมบัตินั้นถือเป็นสัตว์อสูรที่มากความสามารถของชิงสุ่ย มันสามารถใช้ค้นหาสมบัติ ดูแลสมุนไพร และยังสามารถร่วมมือกับเขาเพื่อจัดการศัตรูได้


 


นอกจากนี้ชิงสุ่ยยังเห็นอาหารอื่นๆอีก บะหมี่ชีวิตยืนยาว!


 


มัจฉาชีวิตยืนยาวมันเป็นหนึ่งในวัตถุดิบที่จำเป็นสำหรับบะหมี่ชีวิตยืนยาว ชิงสุ่ยพูดไม่ออกทันทีที่ได้เห็นเช่นนี้ บะหมี่ชีวิตยืนยาวที่เขาได้กินในโลกก่อนหน้านี้ของเขานั้นเป็นเพียงบะหมี่ทั่วๆไปที่ทุกคนจะกินกันในวันเกิดเท่านั้น นี่เป็นเพียงประเพณีที่สืบทอดกันมาเท่านั้นและแน่นอนว่ามันไม่ได้ช่วยยืดอายุขัยแต่อย่างใด


 


แต่บะหมี่ชีวิตยืนยาวในโลกใบนี้นั้นแตกต่างออกไป มันเป็นบะหมี่ที่สามารถช่วยยืดอายุขัยได้จริงๆ แน่นอนว่ามันจะเป็นการดีหากไม่ต้องใส่มัจฉาชีวิตยืนยาวในบะหมี่ชีวิตยืนยาว ไม่ว่าผลของมันจะถูกลดลงไปมากเพียงใด นอกจากนี้บะหมี่ประเภทนี้ยังแปลกประหลาดยิ่งนักมันจะช่วยยืดอายุขัยได้ 1 ปีในการกินบะหมี่นี้ 1 ครั้ง คนธรรมดาสามารถเพิ่มพลังชีวิตของพวกเขาได้สูงสุด 50 ปี นั่นหมายความว่าพวกเขาสามารถกินบะหมี่นี้ได้สูงสุด 50 ครั้งเท่านั้นใน 1 ปี


 


ในทำนองเดียวกันผู้บ่มเพาะในระดับผู้พิทักษ์เทวะธรรมนั้นก็สามารถยืดอายุขัยของพวกเขาได้เช่นกันแต่สูงสุดเพียง 200 ปีเท่านั้น


 


บะหมี่ชีวิตยืนยาวไม่เพียงแต่สามารถยืดอายุขัยได้ มันยังสามารถรักษาอาการผิดปกติบางอย่างได้ เสริมสร้างความแข็งแกร่งของร่างกาย ดังนั้นมันจะช่วยเพิ่มพลังให้แก่ผู้ที่กินเข้าไปแต่ก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นจนเห็นได้ชัด


 


แต่มันก็ถือว่าเป็นอาหารที่ท้าทายสวรรค์ยิ่งนัก มัจฉาชีวิตยืนยาว 1 ตัวนั้นสามารถปรุงบะหมี่นี้ขึ้นมาได้ 2-3 ถ้วย ผลของมัจฉาชีวิตยืนยาวนั้นก็ถือว่าดียิ่งนักแต่มันก็มีขีดจำกัดของมัน ผลของมันนั้นจะไม่แสดงออกมาอีกต่อไปเมื่อผู้ใช้ได้กินมันครบจำนวนครั้งแล้ว มิฉะนั้นมันคงไม่มีประโยชน์ที่จะใช้มัจฉาชีวิตยืนยาวเป็นส่วนประกอบของบะหมี่ชีวิตยืนยาวเพราะการได้กินมัจฉาชีวิตยืนยาวเข้าไปตรงๆนั้นยังถือว่ามีประโยชน์มากยิ่งกว่าการได้กินบะหมี่ชีวิตยืนยาว แม้ว่ามันจะถือว่าเป็นการสิ้นเปลืองในการใช้มัจฉาชีวิตยืนยาวมาปรุงเป็นบะหมี่ชีวิตยืนยาว แต่บางครั้งมันก็ต้องมีการสูญเสียกันบ้าง


 


ชิงสุ่ยเห็นทักษะที่เขียนอยู่ในตอนท้าย ปราณแห่งการปรุงอาหาร!


 


มันจะเป็นการดีที่สุดหากทำความสะอาดส่วนประกอบในการทำอาหารด้วยปราณแห่งการปรุงอาหารในขณะที่เตรียมอาหาร ด้วยวิธีนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดความเหนื่อยล้าเท่านั้นมันยังให้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งกว่า


 


ในท้ายที่สุดชิงสุ่ยก็ตัดสินใจที่จะศึกษาเรื่องสุรา ซาลาเปา และบะหมี่ชีวิตยืนยาวในตอนนี้


 


บะหมี่ชีวิตยืนยาวนั้นไม่ได้ใช้สำหรับขายและต้องสั่งจองล่วงหน้า แต่ราคาของมันนั้นคงจะไม่ได้ถูกสำหรับทุกคน ดังนั้นแม้ว่ามันจะถูกวางขายก็มีเพียงพวกคนพิเศษเท่านั้นจะซื้อได้ ดังนั้นมันจึงไม่ได้ถูกวางขายเพื่อแลกกับเงิน


 


……


 


ชิงสุ่ยตื่นขึ้นมาในตอนเช้าวันถัดไป หลังจากที่เขาออกมาจากห้องเขาก็ได้เห็นหมอปีศาจกำลังฝึกฝนตอนเช้าอยู่ เขากำลังฝึกฝนวิชาหมัดและพลังปราณของตนเอง ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้นแม้แต่ลี่จี๋ก็ตื่นมาฝึกฝนเคล็ดวิชาดาบของนางในตอนเช้า


 


ลี่จี๋มันก็ถือเป็นผู้บ่มเพาะในระดับผู้พิทักษ์เทวะธรรม แม้ว่านางจะอยู่เพียงขั้นที่ 1 ผู้พิทักษ์เทวะธรรมแต่นางก็ถือว่าโดดเด่นยิ่งนัก


 


ชิงสุ่ยเดินออกมา เมื่อหมอปีศาจและลี่จี๋ได้เห็นเขา พวกเขาก็ทักทายชิงสุ่ย ลี่จี๋นั้นดูสดใสยิ่งขึ้นในตอนนี้ นางดูอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น นี่ต้องเป็นเพราะ ‘ความสุขนั้นได้ใส่หัวใจเข้าไปในร่างกายของมนุษย์’


 


“น้องชาย เจ้าจะฝึกฝนพลังปราณในตอนนี้หรอ?”


 


นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร พวกหมอนั้นไม่ได้ฝึกฝนพลังปราณของตนเองเลยเพราะพวกเขาคิดว่ามันไม่ได้สำคัญ หมอทุกๆคนนั้นมีแนวทางของตนเองในการฝึกฝนพลังปราณ ชิงสุ่ยนั้นไม่เคยรู้ว่าเขาฝึกฝนพลังปราณแบบไหนกัน แต่เขาก็อยากรู้วิธีการฝึกฝนของคนอื่นๆและบางทีมันอาจนำไปสู่การพัฒนาเคล็ดวิชาเลียนแบบสัตว์ 9 อสูรหรือเคล็ดวิชาอื่นๆ


 


เรื่องพวกนี้ไม่อาจดูถูกได้เพราะมันอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ชิงสุ่ยนั้มีความสามารถมากพอจะทำเช่น ความสำเร็จในเรื่องการต่อสู้ของเขานั้นถือว่าทรงพลังอย่างยิ่งในตอนนี้ดังนั้นเขาจึงสามารถปรับปรุงเคล็ดวิชาหรือทักษะอื่นๆได้


 


หลังจากที่ทานอาหารเสร็จเขาไม่ได้ไปยังห้องอาหารแห่งจักรพรรดิในทันที แต่กลับกันชิงสุ่ยบอกพวกเขาว่ามีบางอย่างที่เขาอยากจะพูดคุยกับพวกเขา


 


มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับการยกระดับสิ่งของบางอย่าง


 


ชิงสุ่ยนั้นได้เตรียมสุราที่เขาได้หมักบ่มก่อนหน้านี้เอาไว้ แม้ว่ามันจะมีคุณภาพต่ำแต่มันก็ถูกหมักบ่มมาเป็นเวลานาน สิ่งของที่ชิงสุ่ยพูดถึงนั้นไม่ใช่สิ่งที่ทุกๆคนจะสามารถใช้ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องการให้หมอปีศาจป่าวประกาศเรื่องนี้ ดังนั้นชิงสุ่ยจึงต้องสละเวลาในการจัดการเรื่องนี้


 


ชิงสุ่ยนำไหเหล้าดอกบ๊วยผลิบานออกมา ทั้งสามคนดื่มสุรานี้ไปด้วยขณะที่พูดคุยกัน รสชาติและผลของเหล้าดอกบ๊วยผลิบานนั้นทำให้หมอปีศาจและลี่จี๋ต้องตกตะลึง เพียงแค่รสชาติของมันก็ไม่อาจหาสิ่งใดเปรียบเทียบได้ มันยังสามารถเสริมความแข็งแกร่งให้แก่เส้นลมปราณและร่างกายของพวกเขาได้เช่นกัน


 


นี่ยังไม่มีปราณแห่งการปรุงอาหารเข้ามาเกี่ยวข้อง เขาสงสัยว่าสุรานี้จะให้ผลที่ดียิ่งขึ้นหรือไม่หากเขาใช้ปราณแห่งการปรุงอาหารในการเตรียมบ๊วยบุปผชาติก่อนหมักบ่ม


 


คำอธิบายของมันนั้นเขียนว่ามันจะช่วยทำให้อาหารนั้นได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น นั่นหมายความว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นจะให้ผลที่มากขึ้นอย่างน้อย 1 เท่านั้นหรือ?


 


จากนั้นก็มีซาลาเปา แม้ว่ามันจะดูธรรมดาไปหน่อย ชิงสุ่ยก็ยังอยากจะลองทำมันดู โชคดีที่ซาลาเปานั้นมีชื่อของมันอยู่แล้ว เช่น ซาลาเปาหยกและเต้าหู้หยก แต่ชิงสุ่ยไม่เคยลงมือทำมันมาก่อน


 


……


 


ชิงสุ่ยนึกถึงใครบางคนจากโลกก่อนหน้านี้ของเขา ‘หน้ากากซาลาเปา’ (จากรายการ  The Mask singer ของไทยเลย ดอกจันของต้นฉบับเลย)  เมื่อเขาคิดว่าในวันนี้ตนเองต้องมานึ่งซาลาเปาปากของเขาก็กระตุกขึ้น…


 


ไม่ใช่ว่าเขารู้สึกอายเพียงแต่เขารู้สึกไม่อยากจะเชื่อ


 


หลังจากที่ชิงสุ่ยได้อธิบายแผนการของเขาให้กับหมอปีศาจพวกเขาก็ไม่ได้ติดปัญหาอะไรมากมาย พวกเขาสามารถเจาะตลาดได้อย่างช้าๆ เพียงแต่ส่วนใหญ่แล้วจะต้องทนกับแรงกดดันบางอย่าง เพราะหลังจากที่ทุกอย่างทรงตัวได้แล้วก็ต้องมีคนที่อยากจะขัดขวางการค้าของพวกเขาอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงต้องการหาหุ้นส่วนที่ทรงพลัง ตราบใดที่พวกเขาทรงพลังมากพอก็จะไม่มีใครมาทำอะไรได้


 


โชคดีที่หมอปีศาจนั้นมีชื่อเสียงมากมายในหมู่ผู้คน เพราะเขาได้รับการว่าจ้างจากตระกูลอี่หวงในอดีต ด้วยความจริงในข้อนี้ทำให้ใครหลายๆคนไม่กล้าที่จะลงมือกับพวกเขาโดยไม่คิดให้ดี


 


“จากนั้นพวกเราจะไปที่ห้องอาหารแห่งจักรพรรดิในวันนี้และให้พวกเขาลองลิ้มรสมันดู” ชิงสุ่ยยิ้มหลังจากที่เขาตัดสินใจได้ในตอนนี้


 


หมอปีศาจและลี่จี๋ต่างตกลงด้วยความยินดี


 


ห้องอาหารแห่งจักรพรรดิปกติแล้วนั้นจะดูแลโดยลี่จี๋ เพราะหมอปีศาจนั้นต้องรักษาคนไข้อยู่ตลอดเวลา


 


ตอนนี้ใกล้จะถึงเวลายามบ่ายแล้ว แต่ก็ยังมีผู้คนมากมายอยู่ในชั้นแรกของห้องอาหารแห่งจักรพรรดิ ราคาอาหารของชั้นแรกนั้นไม่ถือว่าแพงมากนัก นอกจากนี้มันยังเป็นเรื่องปกติที่จะมีคนรวยจำนวนมากในเมืองหลวงเช่นนี้


 


เมื่อพวกเขาได้ขึ้นมาโดยใช้วิธีชิงสุ่ยก็ได้บอกสูตรของซาลาเปาหยกไปและให้พวกเขาจดจำสูตรของมันเอาไว้ก่อนที่พวกเขาจะลองทำมันขึ้นมา ทั้งสามคนทดลองทำมันร่วมกันด้วยความช่วยเหลือจากเหล่าคนรับใช้


 


แต่แน่นอนว่าพวกคนรับใช้นั้นไม่ได้รับรู้ถึงสูตรนี้!


 


แม้ว่าสูตรนี้จะต้องการผงกระดูกของสัตว์อสูร แต่มันก็ยังสามารถใช้เงินหาซื้อมาได้ ชิงสุ่ยปรุงซาลาเปาด้วยการใช้ปราณแห่งการปรุงอาหาร


 


สำหรับเนื้อสัตว์เขาเลือกใช้เนื้อปราศจากไขมันของสัตว์อสูรที่มีคุณภาพสูง หม้อนึ่งของที่นี่มีขนาดใหญ่ มีส่วนผสมที่พิเศษในเนื้อแป้งของซาลาเปาตามสูตรของชิงสุ่ย สิ่งเหล่านี้มีความสำคัญยิ่งนักเพราะหากปราศจากใบอบเชยหยก ก็จะไม่สามารถปรุงซาลาเปาหยกและเต้าหู้หยกขึ้นมาได้ ชิงสุ่ยไม่ได้รู้สึกประหลาดใจแต่อย่างใดเพราะศาสตร์แห่งการปรุงอาหารของเขาและสถานการณ์เช่นนี้ก็เคยเกิดขึ้นกับเขาบ่อยๆ พูดง่ายๆก็คือเรื่องเหล่านี้อาจจะต่างออกไปหากไม่ใช่เพราะเขาเป็นคนทำ ชิงสุ่ยไม่แน่ใจว่าเขาควรดีใจหรือเสียใจกับเรื่องนี้ดี


 


สิ่งที่ดีก็คือมันเป็นเรื่องง่ายดายสำหรับเขาที่จะจัดการเรื่องตลาด หากไม่มีใบอบเชยหยกของเขาแม้ว่าเขาจะมีสูตรของมันเขาก็จะไม่สามารถทำซาลาเปาหยกขึ้นมาได้ นี่หมายความว่าวัตถุดิบชิ้นนี้นั้นสำคัญยิ่ง…


 


การลงมือทำของเขาเป็นไปได้อย่างไหลลื่น ไม่นานนักเขาก็ได้สร้างก้อนขนมปังที่มีสีเขียวอ่อนขึ้นมา มันมีขนาดเพียงกำปั้นของเด็กและดูงดงามยิ่งนัก ชิงสุ่ยไม่ได้คาดคิดว่ามันจะออกมางดงามเช่นนี้


 


จากนั้นเขาก็เริ่มนึ่งมัน นี่เป็นกระบวนการที่เขาต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษโดยเฉพาะความแรงของเปลวไฟ ต้องเพิ่มกิ่งและใบของสมุนไพรลงไปยังเปลวไฟที่ใช้นึ่งมัน โชคดีที่มันไม่ได้ใช้เวลานานมากนัก ซาลาเปานี้ใช้เวลานึ่งประมาณ 2 ชั่วโมง


 


ในตอนนี้มีซาลาเปาประมาณ 200 ลูกในหม้อนึ่ง ในตอนที่เขาเปิดฝาหม้อออกชิงสุ่ยและคนอื่นๆก็ต้องตกตะลึง กลิ่นหอมที่ไม่อาจบรรยายได้ลอยออกมา นอกจากนี้ซาลาเปาหยกเหล่านี้มันได้เปล่งประกายสดใสราวกับงานศิลปะ


 


ในอดีตชิงสุ่ยนั้นเคยคิดว่าซาลาเปาเป็นเพียงอาหารระดับต่ำ แต่ในตอนนี้เขาก็ได้รับรู้ว่าแม้แต่ซาลาเปาก็สามารถกลายเป็นอาหารหรูหราชั้นสูงได้…


 


ชิงสุ่ยตรวจสอบความสามารถซาลาเปาหยกนี้


 


เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ร่างกาย เติมพลังกายและพลังวิญญาณที่ใช้ไปได้บางส่วนได้ มีรสชาติที่อร่อยยิ่งนัก


 


แม้ว่าผลที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ร่างกายของมันนั้นจะไม่ได้ถือว่ายอดเยี่ยมเท่าไหร่แต่ด้วยความจริงที่ว่ามันสามารถกินได้ทุกๆวันนั่นก็เพียงพอแล้ว นอกจากนี้มันยังสามารถเติมพลังกายและพลังวิญญาณที่ใช้ไปได้บางส่วนได้ในทันทีอีกด้วย


บทที่ 1322 – การมาถึงของลี่หูเฉิง หมอเทวดา ผู้าเยี่ยมเยียนจากตระกูลผัง


 


เขาคำนวณเอาไว้แล้วว่าทุกๆคนจะต้องตกตะลึงกับกลิ่นหอมของซาลาเปาหยกนี้ เพราะมันมีเครื่องเทศจากดินแดนหยกยุพราชอมตะของชิงสุ่ยอยู่ภายในนั้นด้วย เพียงแค่รสชาติของมันเพียงอย่างเดียวก็สามารถตีตลาดได้แล้ว น่าเสียดายที่ชิงสุ่ยไม่ได้มีแผนที่ขายมันจำปริมาณที่มากๆ…


 


“มาลิ้มลองรสชาติของมันกันเถอะ”


 


ชิงสุ่ยเรียกหมอปีศาจ ลี่จี๋ และหญิงรับใช้คนอื่นๆให้เข้ามา บางทีอาจเป็นเพราะกลิ่นอันหอมหวนของซาลาเปาหยกนี้และเหตุผลอื่นๆจึงทำให้เหล่าหญิงรับใช้ไม่ปฏิเสธคำสั่งนี้เลย ห้องอาหารแห่งจักรพรรดินั้นเป็นสถานที่ที่หรูหรา หญิงรับใช้ของที่นี่มีมากถึงหนึ่งพันคน พวกนางนั้นมีอายุน้อย งดงาม อ่อนโยน และกระตือรือร้น


 


ชิงสุ่ยกัดมันเข้าไป มันชุ่มฉ่ำอย่างยิ่งแต่ก็ไม่ได้มันมากจนเกินไป กลิ่นของซาลาเปานี้แผ่กระจายไปโดยรอบ มันเป็นกลิ่นหอมอย่างเหลือเชื่อและทำให้รู้สึกราวกับว่ามันอาจจะเป็นอาหารที่อร่อยที่สุดในโลกใบนี้


 


แม่แต้ซุปเนื้อที่ชิงสุ่ยได้ต้มไว้ก่อนหน้านี้พร้อมกับเครื่องเทศจากดินแดนหยกยุพราชอมตะนั้นจะมีรสชาติที่อร่อยโดดเด่นแต่ก็ไม่ได้อร่อยไปกว่าซาลาเปานี้เลย แต่ชิงสุ่ยยอมรับเลยว่าไม่มีสิ่งใดที่เขาเคยกินมาก่อนหน้านี้จะอร่อยเทียบได้กับซาลาเปาหยกเลย


 


หมอปีศาจก็รีบกัดมันเข้าไปเช่นกัน เขากินมันเข้าไปจนหมดอย่างรวดเร็วภายใน 2-3 คำจากนั้นก็เอื้อมมือไปหยิบอีกลูกหนึ่ง ลี่จี๋ดูเหมือนจะยังเขินอายอยู่ชิงสุ่ยจะส่งซาลาเปานี้ให้นางพร้อมกับหญิงรับใช้คนอื่นๆ


 


ทุกๆคนกินซาลาเปานี้ไปกว่า 10 ลูกก่อนที่พวกเขาจะหยุดลงแต่พวกเขาก็ยังรู้สึกว่าตนเองยังกินไม่จุใจเลย ชิงสุ่ยและหมอปีศาจไม่ได้รู้สึกอายเกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะทั้งคู่เป็นผู้ชาย แต่กับเหล่าหญิงสาวพวกนางรู้สึกอายเล็กน้อย


 


หญิงรับใช้หลายคนออกไปทำตามหน้าที่ของตนเองเหลืออยู่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น


 


“พี่ใหญ่ เราจะประกาศขายซาลาเปานี้ยังไงดี?” ชิงสุ่ยถามหมอปีศาจช้าๆ มันเป็นไปไม่ได้สำหรับพวกเขาที่จะขายมันให้กับทุกๆคนได้เพราะเขาไม่อาจนึ่งมันในจำนวนที่มากกว่านี้ได้ แม้ว่าพวกเขาจะคิดผลิตแบบเป็นอุตสาหกรรมแต่แบบนั้นก็คงให้คุณภาพที่ไม่ดีนัก


 


ห้องอาหารแห่งจักรพรรดินั้นไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะสมสำหรับคนธรรมดา แขกของที่นี่นั้นล้วนแต่เป็นคนที่ร่ำรวยและทรงอิทธิพล ส่วนเป็นผู้บ่มเพาะและพ่อค้าที่ร่ำรวย ความจริงแล้วยิ่งผู้บ่มเพาะมีระดับพลังที่สูงมากเพียงใดพวกเขาก็จะร่ำรวยมากขึ้นเท่านั้น


 


“วางใจได้เลย น้องชาย ไม่ต้องกังวลไป พวกเราไม่ต้องโฆษณาอะไรมากในเรื่องนี้เพราะมันย่อมโด่งดังด้วยตัวมันเองได้ มันยังมีเหลืออีกมากมายและยังมีลูกค้าอีกมากที่ชั้น 4 ถ้าเราให้ซาลาเปานี้แก่พวกเขาคนละลูกในวันนี้ ซาลาเปาหยกของห้องอาหารแห่งจักรพรรดิจะต้องเป็นที่โด่งดังในอาณาจักรอี่หวง” หมอปีศาจดูเหมือนจะมั่นใจอย่างยิ่งในเรื่องนี้


 


ชิงสุ่ยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและคิดว่ามันก็น่าจะเป็นอย่างนั้น ลูกค้าที่อยู่บนชั้น 4 นั้นเป็นลูกค้าที่ทรงเกียรติที่สุดห้องอาหารแห่งจักรพรรดิ พวกเขาส่วนใหญ่นั้นมีความสามารถที่เทียบได้กับประมุขของตระกูลลี่ มันย่อมเป็นการดีหากจะให้พวกเขาเป็นตัวช่วยกระจายข่าวเรื่องนี้ออกไป


 


ชิงสุ่ยให้สูตรของซาลาเปานี้แก่หมอปีศาจและภรรยา ใบอบเชยหยกนั้นจะใช้เพียงปริมาณเล็กน้อยในทุกๆครั้ง พวกเขายังตัดสินใจที่จะจำกัดการขายซาลาเปาหยกให้แก่ลูกค้าที่มาใช้บริการชั้น 4 เท่านั้นและลูกค้าแต่ละคนนั้นสามารถซื้อได้เพียงวันละ 2 ลูกเท่านั้น


 


เขาเรียกหญิงรับใช้เข้ามาหลายคนและบอกให้พวกนางกระจายซาลาเปาหยกที่เหลืออยู่นี้ให้แก่ลูกค้าที่อยู่ในชั้น 4 จำนวนของมันมีมากพอที่จะมอบให้แก่ลูกค้าทุกๆคน


 


แต่ก่อนที่หญิงรับใช้จะได้ออกไปก็มีชายคนหนึ่งเข้ามาจากข้างนอก เป็นชายคนเดียวกันกับที่มาในครั้งที่แล้ว เขามาที่นี่เพื่อแจ้งหมอปีศาจว่าลี่หูเฉิงได้มาถึงแล้ว


 


“หยวนหลง ท่านชิงสุ่ยจะได้เป็นปรมาจารย์ระดับสูงสุดนับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป จงไปบอกกล่าวเรื่องนี้แก่ทุกๆคนและเชิญให้ท่านลี่เข้ามาที่นี่!” หมอปีศาจชี้ไปทางชิงสุ่ยและอธิบายด้วยรอยยิ้ม


 


“ท่านอาจารย์ชิง!” แม้ว่าชายที่มีนามว่าหยวนหลงนี้จะไม่เข้าใจว่ามันเรื่องอะไร แต่เขาก็ยังรู้ว่าตนเองต้องทำอะไร


 


“ไม่จำเป็นต้องมากพิธีไป มันไม่มีอะไรเปลี่ยนไปหรอก ท่านพี่หมอปีศาจก็จะยังคงอยู่ที่นี่” ชิงสุ่ยหัวเราะและเงาไปยังชายพรุ่งนี้ เขารู้ว่าหากต้องจากลาห้องอาหารแห่งจักรพรรดินี้ไป เขาจำเป็นจะต้องมีกลุ่มคนที่คอยช่วยเหลือเขาอยู่ที่นี่


 


พลังของชายที่มีนามว่าหยวนหลงนั้นก็ค่อนข้างเหมาะสม เขาอยู่ในขั้นแรกเริ่มของระดับพลังปราณนักบุญพิโรธและเป็นเด็กยกอาหารของห้องอาหารแห่งจักรพรรดิแห่งนี้ ที่แสดงให้เห็นว่าหมอปีศาจได้ประเมินเขาเอาไว้สูง


 


เมื่อชิงสุ่ยได้เห็นลี่หูเฉิง เขารู้ในทันทีว่าต้องจัดการเรื่องการค้นหายาแก้พิษแล้ว เขาไม่ได้เพิ่งจะเคยพบกันวันนี้จึงได้รู้ว่าอีกฝ่ายแตกต่างออกไปจากก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง อารมณ์ของเขาดีอย่างยิ่งในตอนนี้และเขาก็ได้เห็นซาลาเปาหยกเหล่านี้ด้วยเช่นกัน


 


หมอปีศาจชี้เพื่อบอกให้เขาหยิบเอาตามต้องการได้เลย แต่เขากลับหยิบมาเพียงลูกเดียวก่อนให้หญิงรับใช้นำไปแจกจ่ายให้ลูกค้าที่อยู่ในชั้นที่ 4


 


แต่เขาก็ต้องรู้สึกเสียใจทันทีที่ไม่ได้หยิบมันมามากกว่านี้เมื่อได้กัดมันเข้าไปคำแรก แต่การที่จะลงไปข้างล่างเพื่อไปหยิบซาลาเปานี้เพิ่มอีกนั้นจะเป็นการทำให้เขาต้องเสียหน้าเล็กน้อย เมื่อนึกถึงสถานะของเขาดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงยิ้มอย่างน่าอับอายและบอกว่าซาลาเปานี้อร่อยและแปลกใหม่ยิ่งนัก


 


เขาไม่ได้รู้สึกตกตะลึงมานานแล้ว มิฉะนั้นเขาย่อมสามารถมีเวลาสักหน่อยก่อนที่เหล่าหญิงรับใช้จะลงไปด้านล่าง…


 


“หืม ท่านอาจารย์ ท่านยังดูอายุน้อยยิ่งนัก…”


 


เพียงแค่ซาลาเปานี้ก็สามารถทำให้ประสาทสัมผัสของเขาเชื่องช้าลงไปได้ เขาได้ตระหนักถึงมันตั้งแต่เริ่มแรกแล้ว แต่ก็ไม่สามารถตอบสนองได้หลังจากที่ได้กัดซาลาเปาเข้าไปจนถึงบัดนี้ ดังนั้นเขาจึงมองไปยังหมอปีศาจด้วยความตกตะลึงอย่างยิ่งอีกครั้ง


 


“่ท่านลี่ ทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของน้องชายของข้า ข้าเชื่อว่าท่านจะได้เห็นศาสตร์แห่งการรักษาด้วยเช่นกัน!” หมอปีศาจไม่ได้ปล่อยโอกาสให้ผ่านไป การบอกกล่าวเช่นนี้กับลี่หูเฉิงถือเป็นการกระจายเรื่องนี้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น


 


“ท่านอาจารย์เองก็เป็นหนึ่งในหมอเทวดา โปรดยกโทษให้หูเฉิงที่ไม่ได้เห็นเรื่องเหล่านี้ ข้าคงเสียชีวิตไปแล้วหากไม่ใช่เพราะท่าน เป็นดังที่ท่านเคยพูดเอาไว้ข้าถูกยาพิษจริงๆ ข้ารีบร้อนมาหาท่านเพื่อที่จะตรวจสอบดูว่ายาพิษในร่างกายของข้านั้นหายไปอย่างสมบูรณ์แล้วไม่” ลี่หูเฉิงดูตื่นเต้นอย่างยิ่งเมื่อพูดเช่นนี้ เขารู้สึกขอบคุณจริงๆ


 


“ยินดีเสมอ มันไม่ใช่ปัญหาอะไรเลย!”


 


ชิงสุ่ยตรวจสอบชีพจรของลี่หูเฉิงจากนั้นก็ยิ้มออก “ยินดีด้วย่ท่านลี่ ท่านหายเป็นปกติแล้ว”


 


“ต้องขอบคุณท่าน ท่านหมอ ข้าไม่คาดคิดเลยว่าท่านจะทำเช่นนี้ได้ ท่านได้ช่วยชีวิตของข้าเอาไว้ดังนั้นไม่ต้องกังวลเลยว่าจะร้องขอข้าให้ช่วยในเรื่องใด สิ่งที่ข้าติดค้างท่านนั้นไม่ใช่เรื่องที่จะสามารถชดใช้ได้ด้วยการกระทำเพียงครั้งหรือสองครั้ง ข้ามาที่นี่เพื่อการันตีให้ท่านทราบว่า เพียงแค่ท่านบอกข้ามา ข้าก็จะช่วยท่านด้วยความสามารถทั้งหมดที่มี” ลี่หูเฉิงบอกกล่าวกับชิงสุ่ยเรื่องความจริงจัง


 


“่ท่านลี่ ท่านเยินยอข้าเกินไปแล้ว ข้าไม่ต้องการช่วยเหลืออะไรหรอก” ชิงสุ่ยกล่าวกับเขาด้วยรอยยิ้ม เขารู้ว่าลี่หูเฉิงตั้งใจที่จะกล่าวเช่นนี้เพราะว่าหมอปีศาจนั้นได้ดูอ่อนเยาว์ลงไปในทันที อาจเป็นเพราะเหตุนี้หรืออย่างน้อยก็ต้องมีบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้


 


“ไม่ คำพูดของท่านในตอนนั้นเป็นเหมือนโอสถแห่งชีวิต เป็นท่านที่ได้ช่วยเหลือข้าวไว้ ข้าอยากจะเชิญท่าน พี่ชายหมอปีศาจและภรรยาของเขามาเป็นแขกผู้มีเกียรติในคฤหาสน์ของข้า ให้ข้าแสดงความกตัญญู แม้ว่าข้าจะรู้ดีว่าอาหารจากพ่อครัวของข้านั้นย่อมด้อยกว่าที่แห่งนี้ข้าก็ยังอยากจะเชิญท่านไป”


 


ลี่หูเฉิงได้เปลี่ยนวิธีที่เขาเรียกหมอปีศาจไปโดยไม่รู้ตัว ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลลี่และหมอปีศาจงั้นยังถือว่าดียิ่งนักดังนั้นเขาจึงอยากจะเรียกว่าท่านอาจารย์ แต่หมอปีศาจนั้นดูอ่อนเยาว์นักในตอนนี้


 


ไม่ต้องบอกชิงสุ่ยก็เข้าใจได้ว่าเขาสามารถใช้ความช่วยเหลือจากตระกูลลี่ได้นับตั้งแต่ตอนนี้ ลี่หูเฉิงยังไม่กล้าที่จะถามเรื่องซาลาเปาที่เขาได้กินเข้าไปก่อนหน้านี้


 


ชิงสุ่ยบอกพวกเขาว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะผลิตออกมาเป็นจำนวนมากๆ ลี่หูเฉิงกล่าวว่าเขารู้สึกเสียดายที่มันหมดแล้วในวันนี้และเขาจะมาใหม่ในวันพรุ่งนี้ ชิงสุ่ยอยากบอกให้เขาช่วยกระจายชื่อเสียงของห้องอาหารแห่งจักรพรรดิออกไปอีกด้วย


 


ลี่หูเฉิงนั้นดูเหมือนจะไม่มีปัญหาอะไรจะทำเช่นนี้!


 


ความจริงแล้วข่าวเกี่ยวกับเรื่องที่หมอปีศาจได้กลับมาเยาว์วัยอีกครั้งนั้นแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วยิ่งกว่าไฟป่า จากนั้นเขาก็จะสร้างชื่อเสียงให้แก่ตนเอง


 


เวลากว่าครึ่งวันได้ผ่านพ้นไปและลี่จี๋ได้ออกไปทำอย่างอื่น


 


ชิงสุ่ยได้สอนเคล็ดวิชาการฝังเข็มแก้หมอปีศาจและแม้แต่สาธิตการฝังเข็มในจุดต่างๆ เขาปักเข็มลงบนร่างกายของหมอปีศาจเพื่อให้รับรู้ว่าเมื่อปักเข็มลงไปแล้วนั้นจะมีความรู้สึกอย่างไร หมอปีศาจนั้นมีพื้นฐานด้านการฝังเข็มอยู่มากแล้วและยังมีพรสวรรค์ด้านโอสถด้วยเช่นกัน ที่ยังเป็นเหตุผลที่ทำไมชิงสุ่ยถึงได้เลือกชายผู้นี้ เขาเชื่อว่าเขาจะสามารถสถาปนาตนเองให้กลายเป็นหมอปีศาจที่เชี่ยวชาญทางด้านการแพทย์ได้อย่างแท้จริง


 


……


 


เกือบจะในวันเดียวกันชื่อเสียงของซาลาเปาหยกแห่งห้องอาหารแห่งจักรพรรดิก็ได้แพร่กระจายออกไป แต่พวกเขาก็ยังไม่ได้ทำอะไรเหมือนปล่อยให้มันเป็นเพียงข่าวลือ เพราะซาลาเปาหยกกว่า 200 ลูกได้ถูกแจกจ่ายออกไปและได้หมดลงทันทีในตอนนี้ แต่ผลของข่าวลือนั้นก็ได้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วเพราะเหล่าคนที่บอกกล่าวถึงเรื่องนี้ก็ต่างเป็นคนที่มีชื่อเสียง


 


นอกเหนือจากนั้นข่าวเกี่ยวกับหมอปีศาจที่ได้กลับสู่วัยเยาว์ก็ได้แพร่กระจายออกไปเช่นเดียวกัน นี่ต้องใช้ศาสตร์ที่ทรงพลังยิ่งกว่าการรักษา มันทำให้รับรู้ได้ทันทีว่าชิงสุ่ยนั้นทรงพลังมากเพียงใด ดังนั้นเรื่องของหมอเทวดารวมไปถึงห้องอาหารแห่งจักรพรรดิจึงถูกพูดคุยกันปากต่อปากไปอย่างรวดเร็ว


 


เวลา 3 วันได้ผ่านไปในช่วงพริบตา!


 


ชิงสุ่ยไม่ได้คาดคิดว่าข่าวลือจะแพร่ไปอย่างปากต่อปากได้รวดเร็วเช่นนี้ คนจำนวนมากต้องการจะมาเป็น ‘ลูกค้า’ ของห้องอาหารแห่งจักรพรรดิ น่าเสียดายที่มีคุณสมบัติในการเป็น ‘ลูกค้า’ ของที่แห่งนี้ได้นั้นสูงยิ่งนัก


 


มันไม่ใช่ว่าชิงสุ่ยดึงดูดทุกๆคนมาด้วยซาลาเปาหยก มันเป็นเพียงกลยุทธ์การตลาดรูปแบบนั้น อย่างไรก็ตามชั้นที่ 4 กำลังได้รับลูกค้ามากขึ้น


 


……


 


การบริหารงานของห้องอาหารแห่งจักรพรรดิมันกำลังมุ่งไปสู่ทิศทางที่เหมาะสมรวมไปถึงสุราของชิงสุ่ยด้วยเช่นกัน เขายังไม่ได้ทำบะหมี่ชีวิตยืนยาวขึ้นมาและยังไม่ได้คิดเรื่องนั้นในตอนนี้ แต่เขาก็จะลงมือทำมันในเร็วๆนี้


 


แต่ผู้คนจำนวนมากก็มารวมตัวกันที่ห้องอาหารแห่งจักรพรรดิในวันนี้ พวกเขาทั้งหมดต่างสวมเสื้อผ้าที่พร้อมจะต่อสู้ เมื่อชิงสุ่ยออกมา เขาก็ได้เห็นสีหน้าอันแปลกประหลาดบนใบหน้าของหมอปีศาจ เขาหันมาหาชิงสุ่ยและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลว่า “คนเหล่านี้มาจากตระกูลผัง หนึ่งในตระกูลใหญ่แห่งอาณาจักรอี่หวง แม้ว่าพวกเขาอาจจะได้กว่าตระกูลอี่หวง แต่พวกเขาก็ทรงพลังยิ่งกว่าตระกูลลี่”


 


มีคนประมาณ 10 กว่าคนที่อยู่ที่นี่ คนที่อยู่ตรงกลางนั้นเป็นชายวัยกลางคนคนหนึ่ง เขามีร่างกายที่กำยำ ใหญ่โตแข็งแรง ราวกับภูเขาที่เดินได้ ใบหน้าของเขาแสดงให้เห็นถึงความอดทน มีคิ้วหนา ดวงตาที่เป็นประกาย และกลิ่นอายที่ดูชาญฉลาด ผมบางส่วนของเขาเริ่มเป็นสีเทาทำให้เขาดูเป็นผู้ใหญ่ที่โตเต็ม


 


“ท่านพี่หมอปีศาจ ข้าเห็นว่าท่านดูอ่อนเยาว์ยิ่งนักในตอนนี้ ข้าจะไม่สร้างปัญหาใดๆให้แก่ท่านหากท่านแนะนำท่านหมอเทวดาให้แก่ข้า” ชายคนนี้ไม่เสียเวลาไปกับเรื่องที่ป่าประโยชน์เลย


 


ชิงสุ่ยยื่นแขนออกเขาออกมาและหยุดหมอปีศาจ ชายที่อยู่ตรงหน้านี้ดูอันตรายอย่างยิ่งหรือมันอาจจะเป็นธรรมชาติของเขาอยู่แล้ว มันอาจจะเป็นเพราะเขาได้รับการยกย่องจากคนอื่นมาเป็นเวลานาน


 


“ขอโทษนะ ท่านเป็นใครกัน? มีธุระอะไรถึงมาปิดทางเข้าของห้องอาหารแห่งจักรพรรดิ?” ชิงสุ่ยนั้นยังคงสงบนิ่ง เขาไม่ได้แสดงรอยยิ้มหรือความไม่พอใจใดๆ


 


“ข้ามีนามว่าผังเต๋อ ท่านคือหมอเทวดางั้นหรือ?” ชายคนนั้นมองไปยังชิงสุ่ยด้วยความตกตะลึง เพราะเขาเองก็ยังดูเด็กนัก


 


“ข้าเพียงรู้ศาสตร์แห่งการรักษาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ท่านผัง ตอนนี้ข้ากำลังยุ่งยิ่งนัก ท่านมีธุระอะไรถึงมาที่นี่? หากท่านไม่ได้มาที่นี่เพื่อที่จะเป็น ‘ลูกค้า’ เช่นนั้นที่แห่งนี้ก็ไม่ได้ต้อนรับท่าน”


 


สีหน้าของผังเต๋อนั้นบิดเบี้ยวไปแต่ก็กลับเป็นปกติอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็หันไปหาทุกๆคนและกล่าวว่า “พวกเจ้าทุกๆคนกลับไปก่อน!”


 


“ท่านหมอเทวดา ตระกูลผังอยากจะเชิญชวนท่านไปยังตระกูลของเราเพื่อพูดคุยกัน หากท่านพอมีเวลาว่างบ้างแล้วขอให้โปรดตามข้ากลับไปด้วย” ผังเต๋ออธิบายด้วยรอยยิ้ม


 


หมอปีศาจหันไปมองชิงสุ่ย แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าควรจะจัดการกับสถานการณ์เช่นนี้อย่างไรดี ตระกูลผังนั้นทรงอิทธิพลยิ่งนัก แต่แม้แต่อัจฉริยะอย่างเขาก็ยังคิดไม่ออกว่าทำไมตระกูลผังถึงได้มาตามหาชิงสุ่ย


 


“ขอโทษด้วย ข้านั้นยุ่งยิ่งนักและคงไม่อาจแบ่งเวลาไปได้ ท่านผัง เหตุใดเราจึงไม่มาพูดคุยกันที่นี่เผื่อบางทีข้าจะได้มีเวลาว่างมากขึ้น?” คำตอบของชิงสุ่ยนั้นตรงไปตรงมา


 


ดวงตาของหมอปีศาจเบิกกว้างขึ้นเมื่อได้ยินคำตอบของชิงสุ่ย เขารู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา เขารู้ว่าชิงสุ่ยนั้นปกปิดตัวเองเอาไว้จนแม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าชายผู้นี้นั้นทรงพลังมากเพียงใด


 


ด้วยการกระทำและทัศนคติของตระกูลผัง เขาคิดว่าชิงสุ่ยจะไม่ไปที่นั่นถึงแม้ว่าจะเป็นตระกูลอี่หวงที่มาที่นี่  เขาไม่เคยถูก ‘เชื่อเชิญ’ ด้วยวิธีการเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้นเขายังทรงพลังยิ่งนักในตอนนี้ เข็มแห่งชีวิตและความตายไม่เพียงแต่สามารถใช้รักษาอาการเจ็บป่วยได้มันยังสามารถใช้เป็นอาวุธในการสังหารได้เช่นกัน


บทที่ 1323 – เวลา 3 วัน ผู้อาวุโสปู้หยาง ผู้ที่มีเส้นลมปราณสวรรค์


 


ท่าทีของชิงสุ่ยนั้นทำให้ผังเต๋อต้องตกตะลึง เขารู้ว่าผู้ที่รู้ว่าตนเองนั้นอยู่เหนือกว่าคนอื่นๆมักจะหยิ่งผยองอย่างยิ่ง เมื่อเขาได้เห็นสีหน้าของชิงสุ่ยเขาก็ยิ้มขึ้น การที่จะทำตัวหยิ่งผยองก็ต้องมีความสามารถมากพอที่จะทำเช่นนั้นได้ มิฉะนั้นสิ่งเดียวที่จะเกิดขึ้นคือความเลวร้าย


 


“โปรดทำตามคำขอของข้า ตระกูลผังของข้านั้นต้องการที่จะพบท่านจริงๆ พวกเราอยากที่จะร่วมมือกับท่านจริงๆ นี่ควรเป็นข่าวดีสำหรับท่าน เหตุใดท่านจึงไม่ไปตระกูลผังพร้อมกับข้ากัน? พวกเราจะพูดคุยกันถึงการร่วมมือกันและจะไม่มีการทำร้ายท่านอย่างแน่นอน” ผังเต๋อยิ้มและพูดอย่างมั่นใจ


 


ตระกูลผังนั้นถือเป็นตระกูลขุนนาง หากมีใครได้รับการติดต่อจากตระกูลผังคนๆนั้นจะถือว่าโชคดีอย่างยิ่ง มีคนจำนวนนับไม่ถ้วนที่พยายามทุกวิถีทางเพื่อที่จะได้พบปะกับตระกูลผัง ดังนั้นผังเต๋อยิ่งคิดกับตนเองว่าชิงสุ่ยย่อมตกลงในข้อเสนอของเขา


 


ในสองฟากฝั่งของถนนเส้นนี้หากตระกูลผังต้องการที่จะร่วมงานกับผู้ใดคนๆนั้นก็ถือว่าโชคดียิ่งนัก มันถึงเป็นโชคชะตาที่ดีในชีวิตหากถูกตระกูลผังหมายตาไว้ น่าเสียดายที่ชิงสุ่ยไม่ใช่คนธรรมดาแบบนั้น


 


“ข้าต้องขอโทษด้วยแต่ข้าไม่ได้สนใจที่จะร่วมงานกับพวกท่าน” ชิงสุ่ยปฏิเสธไปอย่างสุภาพ


 


ผังเต๋อนั้นได้คิดถึงเรื่องต่างๆมากมายแต่เขาไม่เคยคิดว่าชิงสุ่ยจะปฏิเสธคำขอของเขา ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้เชิญชวนให้ชิงสุ่ยมาร่วมงานกับตระกูลผัง กลับกันเขาร้องขอให้ชิงสุ่ยมาร่วมงานกับเขาด้วยซ้ำ แต่ในความเป็นจริงแล้วทั้งสองอย่างนี้ก็มีความหมายเหมือนๆกัน


 


ชิงสุ่ยได้เกิดมาเป็นมนุษย์แล้วถึง 2 ครั้ง เขาย่อมสามารถมองเห็นเจตนาที่แท้จริงของคำเชิญชวนเช่นนี้ได้ ดังนั้นเขาจึงปฏิเสธมันไปอย่างไม่ลังเลเลยด้วยซ้ำ ตระกูลผังอาจจะทรงพลัง แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะส่งกองกำลังที่ทรงอิทธิพลที่สุดของพวกเขามาเพื่อร้องขอในเรื่องนี้ ดังนั้นเขาจึงพยายามปฏิเสธคนพวกนี้ต่อไปและพยายามเพิ่มพลังให้แก่ตนเองให้ได้มากที่สุด


 


พลัง มีเพียงพลังที่แท้จริงเท่านั้นจึงจะสามารถเป็นใหญ่ได้


 


“ท่านปฏิเสธที่จะร่วมงานกับตระกูลผังงั้นหรือ?” ผังเต๋อยังคงมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า แต่สายตาที่เขาใช้มองชิงสุ่ยนั้นดูเฉียบคมยิ่งขึ้น


 


ชิงสุ่ยยิ้ม เขามองไปยังผังเต๋อ “ข้าจะบอกท่านอย่างชัดเจน ข้าไม่ได้ปรารถนาที่จะร่วมงานกับผู้ใดเลย ท่านมีสิ่งอื่นที่อยากจะพูดคุยกับข้าอีกหรือไม่? ตอนนี้ข้ากำลังยุ่งวุ่นวายยิ่งนัก”


 


“ท่านเชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถทำให้ห้องอาหารแห่งจักรพรรดินั้นหายไปได้?” ผังเต๋อยิ้มและถามขึ้น


 


“สิ่งต่างๆในห้องอาหารแห่งจักรพรรดิล้วนไม่ได้มีค่าอันใดมากนัก มันไม่ได้มีค่าอะไรมากนักหรอก แต่มันคงจะน่าผิดหวังจริงๆหากตระกูลผังได้กระทำอะไรเช่นนี้” เดิมทีชิงสุ่ยหนังกำลังจะหันหลังกลับไป แต่เขาก็หันหน้ากลับมาพร้อมกับยิ้มให้กับผังเต๋อ


 


เมื่อเห็นรอยยิ้มนี้ผังเต๋อก็ตกตะลึง เขามั่นใจว่าเขาได้เห็นรอยยิ้มจากเด็กหนุ่มผู้หญิง ความมั่นใจนี้เองได้ทำให้เขารู้สึกหวั่นวิตก นั่นเป็นรอยยิ้มซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขาได้วางแผนทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว มันเป็นรอยยิ้มซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้กลัวอะไรเลย


 


ในตอนที่ชิงสุ่ยกล่าวจบเขาก้เดินกลับเข้าไปยังห้องอาหารแห่งจักรพรรดิ


 


“มันจะเป็นการดีที่สุดหากท่านพิจารณาข้อดสนอของข้า ข้าจะให้เวลาท่าน 3 วัน โปรดมาพบข้าที่ตระกูลผังหากท่านได้เปลี่ยนใจแล้ว” ผังเต๋อจากไปทันทีเมื่อเขาได้กล่าวจบ


 


มีคนจำนวนมากที่อยู่โดยรอบบริเวณนี้ ในตอนนี้พวกเขากำลังพูดคุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้น


 


“ภัยพิบัติจะเกิดขึ้นกับห้องอาหารแห่งจักรพรรดิอย่างแน่นอนในตอนนี้”


 


“เหตุใดเขาจึงปฏิเสธโอกาสดีๆเช่นนี้? ข้าอยากจะทำงานร่วมกับตระกูลผังมาโดยตลอด เพียงแต่พวกเขาไม่ให้โอกาสข้าเลย”


 


“จากที่ห้องอาหารแห่งจักรพรรดิได้พัฒนาขึ้นมาไม่กี่วันนี้ รวมไปถึงความจริงที่ว่ามีท่านหมอเทวดาได้ร่วมมือกับพวกเขาอยู่เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะปฏิเสธข้อเสนอเช่นนี้ แค่ว่าตระกูลผังตัดสินใจที่จะลงมือเคลื่อนไหวก่อน ข้าคิดว่าในเร็วๆนี้ตระกูลอื่นๆก็จะเริ่มจับตามองห้องอาหารแห่งจักรพรรดิเช่นกัน”


 


“เช่นนั้นท่านคิดว่าห้องอาหารแห่งจักรพรรดิจะร่วมงานกับตระกูลผังหรือไม่?”


 


“ยากที่จะบอกได้ แต่จากที่ตระกูลผังได้กล่าวไปในวันนี้ หากข้อเสนอนี้ล้มเหลวพวกเขาคงจะทำลายห้องอาหารแห่งจักรพรรดินี้ไปอยากได้นอน ไม่มีทางที่พวกเขาจะยอมให้ห้องอาหารแห่งจักรพรรดิได้ร่วมงานกับกลุ่มอำนาจอื่นๆ”


 


“แต่พวกเขายังมีท่านหมอเทวดานะ หากผู้ใดกล้าทำร้ายพวกเขาแสดงว่าคนๆนั้นกำลังทำร้ายหมอเทวดาด้วยเช่นกัน ดังนั้นพวกเขาจะต้องเตรียมรับมือกับผลที่ตามมาหลังจากที่ได้สังหารหมอเทวดาไป”


 


“ไม่จำเป็นต้องเป็นเช่นนั้น ในหมู่หมอเองก็มีการแข่งขันอยู่สูง ดังนั้นพวกเขาอาจไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น”


 


……


 


“น้องชาย เราควรทำเช่นไรดี? ตระกูลผังนั้นเหี้ยมโหดยิ่งนัก มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างสงบสุข” หมอปีศาจถามขึ้น เขาดูกังวลอย่างยิ่ง


 


“ท่านพี่อย่ากังวลไปเลย ช่วยข้าดูหน่อยว่ามีรุ่นเยาว์จากตระกูลใดบ้างที่สามารถยืนหยัดต่อกรกับตระกูลผังได้ ท่านช่วยข้าดูหน่อยว่าตระกูลเหล่านั้นมีผู้ป่วยที่ต้องการการรักษาหรือไม่ ไม่ว่าอาการเจ็บป่วยจะเป็นอะไรก็ตาม มันคงจะดีหากพวกเขาไม่ได้เจ็บป่วยในเมื่อพวกเขากล้าที่จะยืนหยัดต่อกรกับตระกูลผัง” ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าว


 


ดวงตาของหมอปีศาจเป็นประกายขึ้น ด้วยคำพูดนี้เขาก็รับรู้ได้ทันทีว่าความสามารถในการรักษาของชิงสุ่ยนั้นทรงพลังมากเพียงใด คนทีที่ชิงสุ่ยกล่าวเช่นนี้ เขาก็รู้ทันทีว่าเขาควรทำเช่นไร เขากล่าวขึ้นมาด้วยความประหลาดใจว่า “เรื่องนี้ข้าจะจัดการให้เอง ข้าสามารถบอกเจ้าตอนนี้เลยก็ยังได้”


 


“เช่นนั้นจะดี ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไปเรามาพูดคุยเรื่องนี้กันเถอะ เวลา 3 วันนั้นก็เพียงพอ” ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าวก่อนที่จะเดินออกไปพร้อมกับหมอปีศาจ


 


ผู้คนจำนวนมากออกจากที่แห่งนี้ไปก่อนที่จะทานอาหารเสร็จ อย่างน้อยภายใน 3 วันนี้คงไม่กล้ามีใครมาทานอาหารที่นี่ มีผู้คนจำนวนมากยอมสูญเสียคุณสมบัติของ “ลูกค้า” แห่งห้องอาหารแห่งจักรพรรดิ ทุกๆคนล้วนกลัวว่าจะเป็นการสร้างปัญหาให้แก่ตระกูลผัง


 


โดยเฉพาะลูกค้าของชั้นที่สี่ 99% ของคนทั้งหมดต่างยอมสูญเสียคุณสมบัติของการเป็น “ลูกค้า” ไปมีเพียงไม่กี่คนที่หลงเหลืออยู่และมาที่นี่นานๆครั้งเท่านั้น ลูกค้าของชั้นที่ 3 นั้นก็มีหลงเหลืออยู่บ้างแต่ก็เพียงสองสามคนเท่านั้น ชั้นที่สองและชั้นแรกนั้นเหลือลูกค้าเพียง 1 ใน 3 จากจำนวนลูกค้าก่อนหน้านี้ ผู้คนที่มีสถานะต่ำต้อยและไม่ได้ทรงพลังต่างคิดว่าตระกูลผังคงไม่มาจัดการพวกเขาอย่างแน่นอนเพราะนั่นคงเป็นการเสียเวลา ดังนั้นหลายคนจึงเลือกที่จะทานอาหารที่นี่ต่อไป


 


หมอปีศาจกำลังมองไปที่บัตรทองคำที่ทรงคุณค่าตรงหน้าเขา สิ่งที่จะเป็นข้อพิสูจน์สำหรับลูกค้าแต่ละชั้น เกือบทั้งหมดได้กลับมาสู่มือของเขาแล้วในตอนนี้ อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้พอใจเลยสักนิด


 


ในทางตรงกันข้ามชิงสุ่ยรู้สึกยินดีอย่างยิ่ง มันย่อมดีกว่าที่บัตรทองคำพวกนี้ยังได้กลับคืนมา พวกเขาจะไม่ได้รับมันแม้ว่าพวกเขาต้องการมันในครั้งต่อไป แม้ว่าพวกเขาจะยอมจ่ายราคาที่สูงกว่าเดิมถึง 10 เท่าก็จะไม่ได้รับบัตรนี้ไป อย่างน้อยบัตรทองคำนี้ก็สามารถทำให้พวกเขารู้สึกปลอดภัยได้ น่าเสียดายที่พวกเขาได้เลือกที่จะทิ้งมันไปในตอนแรก


 


“ในหมู่รุ่นเยาว์นั้นมีตระกูลมากมายที่สามารถยืนหยัดต่อกรกับตระกูลผังได้ เช่น ตระกูลหวง ตระกูลคัง ตระกูลซู ตระกูลซื่อกง และตระกูลอี้เหวิน ตระกูลเหล่านี้ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลยเมื่อเทียบกันแล้ว ที่แห่งนี้คือเมืองหลวงของมหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำและแต่ละตระกูลที่ทรงพลังก็สามัคคีกลมเกลียวกันอย่างยิ่ง ยังมีบางตระกูลที่เหนือกว่าตระกูลผังในด้านพลังแต่ว่าชื่อเสียงของพวกเขานั้นไม่ได้มีมากพอข้าจึงยังไม่มีข้อมูลที่สมบูรณ์”


 


ในตอนนี้มีเสียงเคาะประตูดังมาจากข้างนอก หลังจากนั้นหยวนหลงก็ได้เข้ามา “นายท่าน มีผู้อาวุโสคนหนึ่งต้องการพบท่านที่ด้านนอก”


 


ปกติแล้วมีเพียงคนที่อยู่ในชั้น 4 เท่านั้นจึงจะมีสิทธิพิเศษในการขอพบเขาได้ ดังนั้นพวกเขาจึงสั่งให้หยวนหลงพาคนๆนั้นขึ้นมาที่นี่


 


คนที่มาที่นี่นั้นเป็นชายชรา ทันทีที่หมอปีศาจได้เห็นชายชราผู้นี้เขาก็รีบพุ่งไปหากันที “ผู้อาวุโสปู้หยาง สิ่งใดทำให้ท่านมาที่นี่กัน?”


 


ชายชราผู้นี้นั้นดูเป็นมิตรอย่างยิ่ง เขาอุ้มเด็กหญิงน้อยมาด้วยคนหนึ่ง นางน่าจะอายุประมาณ 3-4 ขวบ หรืออาจจะ 5 ขวบ ผิวของนางนั้นขาวอย่างยิ่ง ผมเปียเล็กๆบนศีรษะของนางนั้นทำให้นางดูงดงามอย่างยิ่ง ดวงตาทั้งสองของนางนั้นมีสีดำราวกับอัญมณี เมื่อชิงสุ่ยได้เห็นเด็กหญิงผู้นี้เขาก็นึกถึงลูกสาวของตนเองขึ้นมาทันที


 


หมอปีศาจรู้สึกตื่นเต้นยิ่ง ตั้งแต่เมื่อใดกันที่ผู้อาวุโสปู้หยางได้มาเป็นลูกค้าของห้องอาหารแห่งจักรพรรดิแห่งนี้


 


“โอ้ ท่านรู้จักข้าด้วยนั้นหรือ ยอดเยี่ยมยิ่งนัก ข้ามีสหายอยู่คนหนึ่ง ข้าได้ซื้อซาลาเปาหยก 2 ลูกไปพร้อมกับเขา ข้ากินมันไปลูกหนึ่ง จากนั้นข้าก็ได้มอบอีกลูกหนึ่งให้แก่หลานสาวของข้า หลังจากนั้นเรื่องทุกๆอย่างก็ได้เกิดขึ้น”


 


ชายผู้นี้ไม่ได้กล่าวอะไรมากนักแต่ก็อธิบายทุกๆอย่างได้อย่างละเอียด


 


“ผู้อาวุโสปู้หยาง นี่คือน้องชายของข้า เขาเชี่ยวชาญในด้านการแพทย์มากกว่าข้าถึง 10 เท่า ซาลาเปานั่นก็เป็นสิ่งที่เขาได้ปรุงขึ้นมา เพียงแต่ว่าเขาสามารถปรุงมันได้จำนวนจำกัดในแต่ละวันเพราะว่าส่วนผสมที่หามาได้นั้นมีจำนวนจำกัด” หมอปีศาจรีบแนะนำชิงสุ่ยให้แก่ชายชรา


 


หมอปีศาจอาจไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับผู้อาวุโสปู้หยางหรือตระกูลปู้หยาง แต่ชิงสุ่ยก็รับรู้มันได้จากท่าทีของหมอปีศาจ เขาเป็นหมอที่ทรงพลัง ไม่เคยแสดงความเคารพต่อผู้ใดเลย แม้ว่าจะเป็นยอดฝีมือที่มีพลังมากกว่าเขา แต่เขาก็ไม่เห็นว่ามันจะเป็นอะไรที่สำคัญ เขาเป็นหมอ เขาสามารถควบคุมได้ทั้งชีวิตและความตายของคนอื่นๆ


 


แต่หมอปีศาจนั้นเคารพชายชราผู้นี้อย่างลึกซึ้ง นอกจากนี้ชิงสุ่ยยังไม่อาจสัมผัสได้ถึงพลังของชายชราได้ มันเหมือนกับทะเลที่ลึกจนไร้ก้นบึ้ง


 


“เจ้าเป็นคนหนุ่มที่มีพรสวรรค์จริงๆ หมอเทวดาน้อย คนที่มีความทะเยอทะยานอย่างเจ้าจะต้องยิ่งใหญ่ในอนาคต ข้าสงสัยว่าซาลาเปานั่นขายหมดแล้วหรือยังในวันนี้” ชายชราถามด้วยความกังวลเล็กน้อย จากนั้นเขาก็มองไปยังหลานสาวของตนเอง


 


หมอปีศาจกำลังจะพูดอะไรบางอย่างแต่เขาก็ถูกชิงสุ่ยขัดจังหวะ “ขอบคุณสําหรับความห่วงใยของท่าน เรายังพอมีเหลืออยู่บ้าง แต่ว่าท่านจะต้องรออีกสักหน่อย”


 


“ได้เลย เช่นนั้นข้าจะลงไปรอข้างล่างเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนเจ้า” ชายชรากล่าวลาชิงสุ่ย เขาจูงมือเด็กหญิงน้อยได้เดินลงไปด้านล่าง


 


“ผู้ที่มีเส้นลมปราณสวรรค์!”


 


ชิงสุ่ยมองไปยังเด็กหญิงน้อยและกล่าวออกมาช้าๆ


 


ชายชราหันกลับมาทันทีและมองมายังชิงสุ่ยด้วยความประหลาดใจ “เจ้าสมควรได้รับชื่อหมอเทวดาจริงๆ”


 


ชายชรายิ้มขึ้นทันทีที่เขากล่าวจบ หลังจากนั้นเขาก็เดินลงไปข้างล่างพร้อมกับเด็กหญิงน้อย


 


“พี่ใหญ่ ท่านบอกข้าเรื่องความเป็นมาของผู้อาวุโสท่านนี้ได้หรือไม่?” ชิงสุ่ยถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น


 


“ตระกูลปู้หยางนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าตระกูลอี่หวงเลย แต่ตระกูลปู้หยางนั้นมักจะทำตัวติดดินอยู่เสมอ ผู้อาวุโสท่านนี้มาที่นี่เพื่อซาลาเปาหยก ถ้าเขามาเร็วกว่านี้สักหน่อยผังเต๋อคงไม่กล้าที่จะหยาบคายเช่นนั้น” หมอปีศาจดูเหมือนจะรู้สึกเสียดายอยู่ไม่น้อย


 


“เหลือคนอีกไม่มากที่อยู่บนชั้น 4 เรามาแจกซาลาเปานี้ให้แก่พวกเขาได้แก่พวกเขาด้วยแล้วกัน ไม่ว่าใครก็ตามที่ยังอยู่ที่นี่พวกเขาทั้งหมดที่เป็นลูกค้าชั้นดีของห้องอาหารแห่งจักรพรรดิ” ชิงสุ่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม


 


“ใช่ ใช่แล้ว น้องชาย ผู้ที่มีเส้นลมปราณสวรรค์คืออะไรกัน?” หมอปีศาจถามด้วยความงุนงง


 


“ผู้ที่ไม่มีเส้นลมปราณ!” ชิงสุ่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม


 


หมอปีศาจหยุดพูดไปในทันที นี่เป็นอาการเจ็บป่วยที่หาได้ยากยิ่งนัก มันไม่อาจรักษาได้ แม้ว่าจะมียาอย่างยามหัศจรรย์กระดูกมรณะมันไร้ประโยชน์สำหรับอาการเจ็บป่วยชนิดนี้ เหตุผลที่ผู้ป่วยไม่มีเส้นลมปราณทั่วทั้งร่างกายนั้น เดิมทีผู้ที่มีเส้นลมปราณสวรรค์นั้นไม่ควรจะสามารถที่จะมีชีวิตอยู่ได้ แต่เนื่องจากเด็กหญิงตัวน้อยผู้นี้มีพลังปราณอยู่ภายในกล้ามเนื้อ กระดูก และอวัยวะของเธอ จึงทำให้เธอสามารถมีชีวิตอยู่ได้


 


“น้องชายสามารถรักษามันได้หรือไม่?” หมอปีศาจมองไปยังชิงสุ่ยด้วยความสงสัย


 


“ข้าเองก็ไม่แน่ใจ” หากชิงสุ่ยไม่มีเข็มแห่งชีวิตและความตาย เขาคงบอกว่าเขาทำไม่ได้ แต่ในตอนนี้เขารู้สึกว่าตนเองมีความมั่นใจขึ้นมาเล็กน้อย


 


…..


 


ซาลาเปาหยกได้ถูกทำขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ชิงสุ่ยถือถาดของซาลาเปานี้เดินลงไปข้างล่าง แต่เขาถือลงไปเพียงเฉพาะของชายชราและเด็กหญิงน้อยเท่านั้น ดูเหมือนจะมีซาลาเปามากขึ้นกว่าปกติในวันนี้


 


ชายชรายืนขึ้นทันทีเมื่อเขาเห็นชิงสุ่ยถือซาลาเปานี้ลงมาด้วยตนเอง ตั้งแต่เริ่มต้นนั้นชิงสุ่ยก็รู้ว่าชายชราผู้นี้นั้นไม่ใช่ชายชราที่หยิ่งผยอง เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ปกติอย่างยิ่งแตกต่างจาก ผังเต๋อ ที่หยิ่งผยองและทำตัวเหนือผู้อื่นเพียงเพราะเขารู้สึกว่าตนเองนั้นอยู่เหนือกว่า


 


“ขอโทษที่สร้างปัญหาให้นะ หมอเทวดาน้อย” ชายชราป่วยเห็นรอยยิ้มที่อบอุ่น


 


“มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร นี้สำหรับเด็กหญิงน้อยผู้นี้น่ารักยิ่งนัก” ชิงสุ่ยยิ้มเมื่อเขาวางถาดของซาลาเปาลงบนโต๊ะ


 


“ขอบคุณค่ะ คุณลุง!”


 


เด็กน้อยกล่าวด้วยความยินดี บางทีนางอาจไม่ได้ยินดีที่ได้พบเขาแต่นางยินดีที่ได้รับซาลาเปานี้อีกครั้ง ชิงสุ่ยก็รู้สึกได้เช่นกัน


 


“ท่านผู้อาวุโส ทำไมท่านไม่ลองกินมันสักหน่อย? หากท่านชอบข้าจะมอบมันให้แก่ท่านในทุกๆวัน ด้วยวิธีนี้ท่านก็จะไม่ต้องพาเด็กหญิงน้อยผู้นี้มาที่นี่ในทุกๆวัน”


 


“ที่แห่งนี้นั้นค่อนข้างวุ่นวาย กล่าวตามตรงมันทำให้ข้าลดความเบื่อหน่ายของตนเองลงไปได้ ข้าต้องการที่จะทำให้เด็กหญิงน้อยคนนี้พึงพอใจตราบเท่าที่นางต้องการ” ชายชรามองไปยังเด็กหญิงน้อย เขารักนางอย่างสุดซึ้ง นอกจากนี้ยังมีร่องรอยของความโศกเศร้าในสายตาของเขาเมื่อได้มองไปที่นาง


 


“เช่นนี้เป็นไร ท่านผู้อาวุโส ในช่วง 2-3 วันนี้ข้าจะพยายามหาวิธีเพื่อที่จะช่วยเหลือนาง?” เหตุผลที่ชิงสุ่ยต้องการช่วยเหลือเด็กหญิงน้อยผู้นี้ไม่ใช่เพราะว่านางเป็นคนของตระกูลปู้หยาง แม้ว่าจะเป็นคนที่มาจากตระกูลธรรมดาเขาก็จะยืนยันที่จะช่วยเหลือ ชิงสุ่ยไม่เคยเปลี่ยนแปลงปฏิญาณของเขาในเรื่องนี้


 


“หมอเทวดาน้อย เจ้าสามารถรักษานางได้งั้นหรือ?” ร่างกายของผู้อาวุโสปู้หยางสั่นขึ้นทันทีเมื่อเขามองไปยังชิงสุ่ย


 


“ข้ายังไม่อาจกล่าวได้ว่าข้าสามารถรักษานางได้ 100% แต่อย่างน้อยข้าก็สามารถรับประกันได้ว่าข้าจะทำให้นางมีชีวิตอยู่ต่อไปได้”


 


“ยอดเยี่ยมยิ่งนัก พ่อและแม่ของเด็กสาวผู้นี้จากไปตั้งแต่นางได้เกิดมา ตอนที่ข้าเห็นนางครั้งแรกนั้นนางกำลังร้องไห้อยู่ แม้ว่าพวกเราจะอยู่ห่างกันหลายรุ่นแต่เมื่อข้าได้กอดนางนางก็หยุดร้องไห้ลง หากเป็นคนอื่นกอดนางจะยังคงร้องไห้ต่อไป มันสำคัญกับข้ายิ่งนัก ข้าไม่คาดคิดมาก่อนว่านางจะเป็นผู้ที่มีเส้นลมปราณสวรรค์ ดังนั้นนางยังมีชีวิตอยู่ได้ก็เพราะลมปราณแรกเริ่มของข้า แต่หากนางเติบโตต่อไปเรื่อยๆ มันจะเป็นเรื่องที่ยากยิ่งนักสำหรับข้าที่จะทำเช่นนี้ต่อไป” น้ำเสียงของผู้อาวุโสปู้หยางนั้นดูตื่นเต้นอย่างยิ่ง


บทที่ 1324 – แม้แต่หมอก็ทรงพลัง ตระกูลซื่อกง หมดอายุขัยก่อนวัยอันควร


 


ผู้อาวุโสปู้หยางหยุดเด็กหญิงน้อยไม่ให้กินเพิ่มอีกหลังจากที่นางกินไปกว่า 3 ลูกแล้ว เขาเก็บบางส่วนเอาไว้ให้นางและบอกนางว่าไว้ค่อยกินอีกหลังจากนี้ เขาจากไปหลังจากที่ขอบคุณชิงสุ่ยด้วยความเคารพ เขายังบอกชิงสุ่ยว่าเขาจะมาที่นี่ในทุกๆวัน ไม่เพียงแค่นั้นหากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเขาบอกกับชิงสุ่ยว่าเขาพร้อมที่จะช่วยเหลือด้วยความยินดี


 


ชิงสุ่ยไม่รู้ว่าผู้อาวุโสปู้หยางนั้นทราบหรือไม่ว่านั่นคือตระกูลผัง บางทีอาจเป็นเพราะเขาอายุมากแล้วจึงไม่สนใจเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นในโลกใบนี้ แต่เขาดูจริงจังอย่างยิ่งโดยเฉพาะเมื่อตอนที่เขาได้บอกกับชิงสุ่ยว่าพร้อมที่จะช่วยเหลือทุกเรื่องด้วยความยินดี


 


แต่เรื่องนี้นั้นสำคัญอย่างยิ่งชิงสุ่ยย่อมเลือกที่จะไม่ขอความช่วยเหลือจากผู้ใด เพียงแต่ในตอนนี้เขายังรู้สึกว่าเขายังไม่อาจรักษาเด็กหญิงน้อยพรุ่งนี้ได้


 


ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในตอนนี้ตราบใดที่ชิงสุ่ยต้องการทำ เขาก็จะทำมันไม่ว่ามันจะอันตรายมากเพียงใด ชิงสุ่ยไม่แน่ใจว่าตระกูลผังดันทรงพลังมากเพียงใด เขาอยากจะรู้ว่าเขาจะสามารถรับมือกับตระกูลผังได้หรือไม่ นี่เป็นเหมือนบททดสอบในชีวิตของเขา


 


ในตอนนี้หมอปีศาจเดินออกไปด้วยความยินดี ก่อนหน้านี้เขาได้ยินสิ่งที่ผู้อาวุโสปู้หยางพูดอย่างชัดเจน ในตอนนี้เขาได้ตกตะลึงไปกลับความสามารถของชิงสุ่ย เพียงแค่ซาลาเปาไม่กี่ลูกก็สามารถทำให้ผู้อาวุโสปู้หยางต้องให้คำสัญญาได้ ตราบใดที่ชิงสุ่ยขอความช่วยเหลือไป ชายชราผู้นี้ย่อมต้องมาช่วยเหลือเขาอย่างแน่นอน


 


“น้องชาย เราควรทำเช่นไรกันดี? เราจะขอความช่วยเหลือจากผู้อาวุโสปู้หยางหรือไม่?” หมอปีศาจยิ้มและถาม


 


“ไม่ต้องรีบร้อนไปในเรื่องนี้ ตอนนี้มันยังไม่ใช่เรื่องที่สำคัญอะไร เราควรทำตามแผนการเดิมของเราไปก่อน เมื่อถึงตอนนั้นย่อมมีคนมากมายที่จะคอยช่วยเหลือเรา” ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าวขึ้น


 


ในตอนนี้หมอปีศาจย่อมเชื่อในทุกคำพูดของชิงสุ่ย ชิงสุ่ยนั้นกลับไปยังห้องของเขาเพื่อเตรียมตัว หลังจากนั้นเขาก็เตรียมพร้อมที่จะให้หมอปีศาจพาเขาไปยังตระกูลต่างๆที่ต้องการเขา แน่นอนว่าหมอปีศาจได้ติดต่อพวกเขาเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว เขาได้โอ้อวดสรรพคุณของชิงสุ่ยออกไป อันที่จริงแล้วนี่ไม่สิ่งที่จำเป็นเลยเรื่องที่หมอปีศาจได้กลับมาเยาว์วัยอีกครั้งนั้นถือเป็นการสร้างชื่อเสียงที่ดีที่สุดให้แก่ชิงสุ่ย


 


เมื่อชิงสุ่ยก้าวเข้ามาภายในห้องของเขา เขาก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมจางๆและรู้ได้ทันทีว่าอี่หวง กู่หวู๋นั้นอยู่ที่นี่


 


ในเวลาไม่ถึง 1 ช่วงลมหายใจอี่หวง กู่หวู๋ก็ได้มาปรากฏตัวข้างๆชิงสุ่ย กลิ่นหอมจางๆจากร่างกายของนางได้เข้ามายังจมูกของชิงสุ่ยทันที นางดูเหนื่อยล้ายิ่งนักทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกเจ็บปวดภายในหัวใจของตนเอง “ทุกๆอย่างปกติดีหรือไม่?”


 


ขณะที่กล่าวนั้นชิงสุ่ยก็วางมือลงบนชีพจรของนาง


 


“สภาพของข้าเป็นอย่างไร?”


 


“โอ้ ยินดีด้วยหญิงสาวของข้า เป็นเด็กผู้หญิง” ชิงสุ่ยกล่าวอย่างจริงจัง


 


“เจ้าบ้า เจ้าพยายามทำให้ข้าโกรธใช่หรือไม่?” หญิงสาวผู้นี้ดูเกรี้ยวกราดเล็กน้อยแต่ในเวลาเดียวกันนางกลับยิ้มออกมา อย่างไรก็ตามนางไม่อาจซ่อนเร้นความรู้สึกที่โดดเดี่ยวภายในสายตาของนางได้


 


“อย่ากังวลไปเลย ข้าเป็นหมอเทวดา ข้าจะรักษาท่านเอง หากข้าไม่อาจทำเช่นนั้นข้าจะมอบลูกให้แกท่านเอง” ชิงสุ่ยกล่าวเบาๆขณะที่กดลงไปบนร่างกายของนาง เมื่อเขาทำเช่นนี้พลังศักดิ์สิทธิ์ก้เริ่มแผ่กระจายออกมารอบๆตัวนาง


 


“เจ้าล้อข้าเล่นเสมอเลย!” หญิงสาวยิ้มอย่างยินดีเมื่อนางได้เห็นชิงสุ่ยเป็นแบบนี้


 


“แน่นอนว่าข้าไม่เคยโกหก ข้ารับประกันให้กับท่านได้เลย แต่ท่านก็ต้องหายดีด้วยเช่นกัน หากไม่มีท่านมันย่อมยากยิ่งนักสำหรับข้าที่จะกลับไปยังมหาทวีปอู่เซียตะวันตก”


 


“ข้าเป็นเพียงแค่เครื่องมืองั้นหรือ เจ้าช่างเย็นชายิ่งนัก เอาหละลืมเรื่องนี้ไปซะเถอะ ข้าจะไปแล้ว” อี่หวง กู่หวู๋ดูเหมือนจะดูดียิ่งขึ้นในตอนนี้


 


“อย่าเร่งรีบไปเลย เหตุใดท่านจึงไม่ลองกินซาลาเปานี้ดูก่อน? ท่านควรได้รับสารอาหารให้เพียงพอ” ชิงสุ่ยเหลือซาลาเปาอีกหลายลูกในดินแดนของเขา เขาใส่เข้าไปในดินแดนก่อนหน้านี้ตอนนี้มันยังอุ่นๆอยู่เลย


 


“มันสวยจัง นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ข้าได้เห็นซาลาเปาที่งดงามเช่นนี้”


 


อี่หวง กู่หวู๋กล่าวด้วยความยินดีขณะที่รับเอาซาลาเปานี้ไป ทันทีที่นางกล่าวจบนางก็กัดมันเข้าไปทันที นางตกตะลึงไปครู่หนึ่งขณะที่ดวงตาอันงดงามของนางนั้นเบิกกว้างขึ้น ขนตาของนางนั้นทำให้นางดูเย้ายวนอย่างยิ่ง นางกินซาลาเปานี้จนหมดไปอย่างรวดเร็ว


 


“ชิงสุ่ย เจ้าทำอะไรมาบ้างในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา?” หญิงสาวยิ้มและจับมือชิงสุ่ย แต่ในตอนนี้เองหมอปีศาจก็ได้เดินเข้ามา


 


“เอิ่ม น้องชาย โปรดอย่าสนใจข้าเลยจงสนใจธุระของเจ้าต่อไป” หมอปีศาจรู้สึกงุนงงอย่างยิ่งในตอนนี้ หญิงงามผู้นี้ปรากฏตัวมาจากที่ใดกัน? ในขณะที่เขาชื่นชมโชคทางด้านหญิงสาวของชิงสุ่ย เขาก็รีบเดินออกไปทันที


 


ชิงสุ่ยยิ้ม อี่หวง กู่หวู๋นั้นยังคงสงบนิ่ง นอกจากนี้นางยังยิ้มและพยักหน้าให้กับหมอปีศาจ


 


“ข้าได้เปิดโรงหมอที่นี่พร้อมกับใครบางคน นี่คือพี่ชายของข้าเอง หมอปีศาจ คนที่ข้าได้รู้จักเมื่อตอนที่ไปรักษาคนของตระกูลอี่หวง” ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าว


 


ร่างกายของอี่หวง กู่หวู๋สั่นไปในทันที หลังจากนั้นนางก็กล่าวขึ้นช้าๆ “ชิงสุ่ย เจ้าสัญญากับข้า 1 อย่างได้หรือไม่?”


 


“สัญญาอะไรกัน? ตราบใดที่มันเป็นสิ่งที่ข้าทำได้ข้าก็จะทำเพื่อเจ้า” ชิงสุ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจ


 


“โปรดอย่ารักษาผู้ป่วยของตระกูลอี่หวง” อี่หวง กู่หวู๋มองไปยังชิงสุ่ย


 


ชิงสุ่ยคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ข้าจะให้สัญญากับท่าน ไม่ว่ายังไงตระกูลอี่หวงก็คงจะไม่สนใจคนอย่างข้า อย่างน้อยก็ในตอนนี้ ข้าให้สัญญาว่าตราบใดที่ท่านไม่เต็มใจข้าก็จะไม่รักษาผู้ป่วยของตระกูลนั้น”


 


“ขอบคุณ!” อี่หวง กู่หวู๋ยิ้มด้วยความยินดี


 


“ท่านปรมาจารย์ป้าพวกเราจะยังคงสุภาพต่อกันเช่นนี้ไปจนถึงเมื่อไหร่?”


 


“เอาหละ เราไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้นก็ได้ ข้าต้องไปแล้ว เจ้ามอบซาลาเปานี้ให้ข้าอีกได้หรือไม่?” อี่หวง กู่หวู๋ถอนหายใจและขาวขึ้น


 


“ข้าได้เตรียมมันไว้ให้ท่านแล้ว” ชิงสุ่ยนำซาลาเปาออกมาจำนวนนึงและวางเอาไว้บนถาด ตั้งแต่วันแรกที่เขามาที่นี่เขาก็ได้เตรียมมันเอาไว้ให้แก่หญิงสาวผู้นี้แล้ว น่าเสียดายที่เขายังไม่อาจกลับไปที่มหาทวีปธรรมไตรได้ หรือมิฉะนั้นเขาก็ต้องปรุงซาลาเปานี้ทิ้งเอาไว้อีกเป็นจำนวนมาก


 


อี่หวง กู่หวู๋ยิ้มขณะที่นางหยิบซาลาเปาไป หลังจากนั้นชิงสุ่ยก็รีบกอดนางในตอนนี้ในขณะที่นางยังไม่ทันระวังตัว “ข้าต้องไปแล้ว โปรดดูแลตัวเองด้วย”


 


ชิงสุ่ยกอดนางเอาไว้และกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “อื้ม ท่านก็ต้องดูแลตนเองด้วยเช่นกัน โปรดจำเอาไว้ว่าข้าสามารถรักษาท่านได้ทุกๆอย่าง ในภายภาคหน้าท่านคงต้องยุ่งวุ่นวายกับการให้กำเนิดเด็กๆอย่างแน่นอน”


 


……


 


เมื่อหญิงสาวจากไป ชิงสุ่ยก็ออกมาจากห้อง หมอปีศาจนั้นไม่ได้ถามชิงสุ่ยว่านางเป็นใคร กลับกันเขากล่าวว่า “ไปที่ตระกูลซื่อกงกันเถอะในวันนี้ มีคนมากมายที่มาหาพวกเราตั้งแต่เมื่อวานแล้ว”


 


หมอปีศาจได้เลือกตระกูลจากตระกูลที่เขาได้กล่าวเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ตัวอย่างเช่น ตระกูลซื่อกง ตระกูลซื่อกงนั้นเป็นหนึ่งในตระกูลที่เขาได้กระจายข้อมูลไปอย่างแน่นอน นอกจากนี้ไม่ว่าอาการเจ็บป่วยแบบใดพวกเขาก็สามารถรักษาจนหายได้


 


ปกติแล้วชิงสุ่ยนั้นมักจะออกความเห็นใดๆกับเรื่องแบบนี้ เขานั่งไปบนสัตว์อสูรของหมอปีศาจ กระเรียนเงาทมิฬ ตระกูลซื่อกงนั้นไม่ได้อยู่ไกลจากที่นี่มากนัก แน่นอนว่านั่นเป็นเพราะสัตว์อสูรของมหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำที่ความเร็วที่มากจนน่ากลัว หากเป็นเขาเมื่อก่อนระยะทางเช่นนี้ย่อมห่างไกลอย่างยิ่ง


 


ชิงสุ่ยได้ให้สัญญากับผู้อาวุโสปู้หยางว่าจะช่วยเหลือเด็กหญิงน้อยในอีก 2-3 วัน แต่ในตอนนี้เขาต้องมุ่งหน้าไปรักษาคนอื่นๆที่เจ็บป่วยแทน บางครั้งมันก็เกิดความรู้สึกที่ไม่เหมาะสม แต่ก่อนหน้านี้เขาได้บอกกับชายชราว่าเขาต้องการเวลาเพื่อที่จะเตรียมพร้อม เพราะเขาอาจต้องใช้เวลานานในการรักษานาง


 


1 ชั่วโมงก็เพียงพอสำหรับการเดินทาง


 


ตระกูลซื่อกงตั้งอยู่บนพื้นที่กว้างใหญ่มาก อาคารของพวกเขานั้นก็ยิ่งใหญ่และหรูหรา มีองครักษ์มากมายที่ยืนอยู่ ในตอนที่พวกเขาเห็นหมอปีศาจและชิงสุ่ย ชายวัยกลางคนคนหนึ่งก็เดินออกมา


 


“ท่านหมอเทวดา พวกท่านได้มาถึงแล้ว ท่านผู้อาวุโสกำลังรอคอยพวกท่านอยู่นานแล้ว”


 


ชิงสุ่ยมองไปยังชายวัยกลางคนผู้นี้ ชายผู้นี้สวมชุดสีขาวและให้ความรู้สึกที่ผ่อนคลาย รอยยิ้มของเขานั้นดูมีสเน่ห์แต่มันก็ดูน่ากลัวและยุติธรรม


 


“ขอโทษด้วยที่ต้องสร้างปัญญาให้ ท่านฟาง”


 


“ด้วยความยินดี”


 


ชิงสุ่ยและหมอปีศาจเดินตามชายสกุลฟางผู้นี้ไปขณะที่พวกเขาเดินเข้าไปยังตระกูลซื่อกง ชิงสุ่ยมองดูรอบๆขณะที่เดินไป ทุกสัดส่วนของที่แห่งนี้นั้นดูเหมาะสมอย่างยิ่ง มันให้ความรู้สึกเหมือนภูเขาที่ตั้งอยู่ข้างแหล่งน้ำและสิ่งอื่น แน่นอนว่าทั้งหมดนั้นสร้างขึ้นจากมือของมนุษย์


 


ทันใดนั้นชายที่ดูมีอายุก็เดินออกมาจากประตูของห้องโถงใหญ่ ร่างกายของชายชราผู้นี้ตรงดิ่งดุจเข็ม กลิ่นอายที่ทรงพลังบางๆแผ่กระจายออกมาจากร่างกายของเขา แต่ละย่างก้าวของเขานั้นราวกับมังกรย่างกรายพยัคฆ์ย่างก้าว


 


อันที่จริงแล้วนี่เป็นกลิ่นอายที่มีสเน่ห์


 


สายตาของชายชรานั้นดูเฉลียวฉลาดและมองการณ์ไกล มันดูสดใสแต่ก็ดูหยิ่งผยองทำให้ดูขัดแย้งกันเล็กน้อย


 


“ท่านหมอเทวดาทั้ง 2 ในที่สุดก็มาถึงแล้ว ท่านหมอเทวดา ท่านดูอ่อนเยาว์กว่าก่อนหน้านี้มาก” ชายชราก้าวออกมาหาและตบมือให้กับหมอปีศาจและชิงสุ่ยขณะที่ต้อนรับพวกเขา


 


“ผู้อาวุโสซื่อกง ท่านยังดูแข็งแรงเหมือนเช่นเคย นี่คือชิงสุ่ย เขาเหนือกว่าข้านับร้อยเท่าในด้านการแพทย์” หมอปีศาจแนะนำชิงสุ่ยให้แก่ชายชราด้วยความยินดี


 


“คารวะ ท่านผู้อาวุโสซื่อกง พี่ชายของข้าดูเหมือนจะยกยอข้าเกินไปหน่อย”


 


“เข้ามาก่อน เข้ามาก่อน!” ชายชราพูดอย่างมีความสุขในขณะที่เขาเชิญชวนหมอปีศาจและชิงสุ่ยพร้อมกับจับมือของพวกเขาให้เข้ามายังห้องโถงแห่งนี้


 


หากเป็นโลกก่อนหน้านี้ของเขาชิงสุ่ยคงรู้สึกสยิวหัวใจแปลกๆที่ได้เห็นผู้ชาย 3 คนเดินจับมือกัน แต่ในตอนนี้เขาไม่ได้มีความรู้เช่นนั้นเลย เพราะชายชราผู้นี้นั้นก็ดูมีอายุมากแล้ว ทั้งตัวเขาเองและหมอปีศาจนั้นถือว่าเป็นลูกของชายชราผู้นี้ได้เลย


 


ห้องรับแขกแห่งนี้ใหญ่โตอย่างยิ่ง มันไม่มีฝุ่นละอองแม้แต่น้อย นอกจากนี้ยังมีเครื่องเรือนมากมายอยู่รอบ ๆ ชายชราเชิญชิงสุ่ยและหมอปีศาจให้นั่งลง จากนั้นก็มีคนมากมายที่เดินเข้ามาในห้องนี้พร้อมกับน้ำชาอย่างรวดเร็ว


 


“ท่านผู้อาวุโส ผู้ใดกันที่ท่านต้องการให้ข้ารักษา? ข้าคิดว่ามันจะเป็นการดีหากเราได้เห็นผู้ป่วยก่อน” ชิงสุ่ยไม่แตะต้องน้ำชาที่อยู่บนโต๊ะเลย


 


“เช่นนั้นก็ดี!” ชายชรายิ้มขณะที่เขาตบมือหลายครั้ง


 


ชายวัยกลางคนก่อนหน้านี้ก็ได้เดินเข้ามา


 


“ชางซู พาตงหลางมาที่นี่!”


 


“ขอรับ!”


 


ทันใดนั้น “ชายที่ดูชรา” ที่ดูอ่อนแอและเปราะบางก็เดินเข้ามา ชายชราผู้นี้นั้นดูผอมแห้ง ผมของเขาเป็นสีเทา ชุดที่สวมใส่ของเขานั้นดูสะอาด “ชายที่ดูชรา” กล่าวเบาๆเมื่อเขาได้เห็นผู้อาวุโสที่อยู่ในห้อง “ท่านปู่ทวด ลืมมันไปซะเถอะ!”


 


ชิงสุ่ยรู้สึกตกตะลึง เขารู้สึกว่ามีบางอย่างที่ไม่ปกติ “ชายที่ดูชรา” ผู้นี้นั้นดูไม่ใช่ชายชราปกติ นี่เป็นโรคร้ายแบบหนึ่ง หมดอายุขัยก่อนวัยอันควร!


 


หมดอายุขัยก่อนวัยอันควร เป็นสภาพร่างกายที่ดำเนินไปเร็วกว่าปกติ 5 เท่าถึง 10 เท่า ผู้ป่วยที่ป่วยเป็นโรคดังกล่าวจะมีลักษณะคล้ายกับชายชรา อวัยวะภายในของพวกเขาก็จะเสื่อมสภาพอย่างรวดเร็วและการทำงานร่างกายของพวกเขาก็จะด้อยลงไปเช่นกัน ชิงสุ่ยยังคงรู้บางสิ่งเกี่ยวกับหมดอายุขัยก่อนวัยอันควร


 


“ข้าแน่ใจว่าท่านทั้ง 2 ต้องรับรู้เรื่องนี้ได้เช่นกัน อายุขัยของเขานั้นรวดเร็วกว่าวัยอันควร พวกเราไม่รู้เลยว่าเขาเป็นโรคนี้ได้อย่างไร เขาได้รับยารักษาไปจำนวนมากแต่นั่นก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย……”


 


“ร่างกายของเขาคงปฏิเสธยาส่วนใหญ่ แม้แต่ยาที่ดีที่สุดก็อาจจะไร้ค่าเมื่อนำมาใช้กับเขา เหตุผลนั่นก็เพราะร่างกายของเขานั้นไม่อาจดูดซึมยาพวกนี้ได้” ในตอนนี้ชิงสุ่ยก็ยืนและกล่าวขึ้น


 


หมอปีศาจก็ยืนขึ้นเช่นกัน


 


“เช่นนั้น ท่านหมอเทวดารักษาโรคนี้ได้หรือไม่?” ผู้อาวุโสซื่อกงถามด้วยความตื่นเต้น


 


ชิงสุ่ยรู้แล้วว่าเหตุใดตระกูลซื่อกงจึงได้เชิญเขามา หมอปีศาจนั้นได้กลับมาเยาว์วัยอีกครั้งและนั่นก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่สำคัญ


 


“ได้ แต่ข้าต้องการเวลาอย่างน้อยครึ่งเดือน” ชิงสุ่ยกล่าวขึ้นหลังจากคิดครู่หนึ่ง


 


“จริงหรือ? ไม่สำคัญหรอกว่าจะเป็นเวลาครึ่งเดือนนานกว่านั้น ข้ารอได้หากชสามารถรักษาโรคนี้ได้จริงๆ!”


 


ร่างกายของชิงสุ่ยนั้นมีปราณแห่งการหวนคืน เขาสามารถกระตุ้นให้มันออกมาจากร่างกายของเขาได้ แต่เขาต้องเพิ่มฤดูใบไม้ผลิแห่งชีวิตไปสักหน่อยเพื่อเพิ่มอัตราความสำเร็จให้มากขึ้น


 


ชายชราไม่ค่อยตื่นเต้นเมื่อได้ยินที่ชิงสุ่ยได้กล่าวขึ้น เขาเพียงคิดว่าชายผู้นี้อาจจะกล่าวเพื่อยืดเวลา แต่ในเวลาเดียวกันเขาก็รู้สึกได้ว่านี่ไม่ใช่การพูดเรื่องราวที่ไร้สาระ เหตุผลนั่นก็เพราะชายผู้นี้สามารถพูดถึงเรื่องเหตุผลที่ยาต่างๆนั้นไม่ได้ผลและสามารถอธิบายเรื่องนี้ออกมาได้


 


“เช่นนั้น ข้าจะช่วยฝังเข็มให้ก่อนในตอนนี้ มันจะช่วยให้รู้สึกดีขึ้นแต่ก็ไม่ใช่การรักษาให้หายขาด เขาจะสามารถรู้สึกได้อย่างแน่นอน”


 


เวลาสำหรับการรักษาทั้งหมดนั้นไม่ได้ยาวนานนัก กินเวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง เมื่อดำเนินการไปได้สักพักชิงสุ่ยก็ป้อนฤดูใบไม้ผลิแห่งชีวิตให้เขาได้กิน ชิงสุ่ยยังใช้เข็มแห่งชีวิตและความตายและเมื่อเขารวมมันเข้ากับปราณแห่งการหวนคืน เขาก็เห็นได้ว่า “ชายที่ดูแก่ชรา” ผู้นี้ดูอ่อนเยาว์ขึ้นมาทันที ก่อนหน้านี้เขาดูมีอายุประมาณ 100 ปีแต่ในตอนนี้เขาเริ่มดูมีอายุประมาณ 90 ปี แม้ว่ามันจะไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แต่มันก็พอให้เห็นการเปลี่ยนแปลงได้ นี่เป็นสิ่งที่สำคัญเพราะว่าจิตวิญญาณของผู้ป่วยนั้นได้รับการรักษาเช่นกัน ในเวลาเดียวกันชายผู้นี้ก็ดูแข็งแรงมากยิ่งขึ้น ร่างกายของเขานั้นดูมีชีวิตชีวามากขึ้น


 


“ตงหลาง เจ้ารู้สึกเช่นไรบ้าง?” ผู้อาวุโสซื่อกงถามด้วยความตื่นเต้น


บทที่ 1325 – บะหมี่ชีวิตยืนยาว ผู้คนตระกูลผังได้มาถึง ผังสือถู อุบัติเหตุ


 


“มันได้ผลจริงๆ” ซื่อกงตงหลางมองไปยังชิงสุ่ยด้วยความตกตะลึง ในตอนนี้เขารู้สึกว่าตนเองฟื้นฟูกลับมาเล็กน้อยแต่มันก็เหมือนกับแสงอันลิบหรี่ท่ามกลางความมืดมิด แต่มันก็ทำให้เขารู้สึกมีความหวังขึ้นมาได้


 


ผู้อาวุโสตงหลางก็สามารถสัมผัสถึงมันได้เช่นกัน อย่างไรก็ตามเขารู้สึกว่ามันยากที่จะเชื่อ ด้วยพื้นฐานครอบครัวของตระกูลซื่อกง มันง่ายอย่างยิ่งสำหรับเขาที่จะหาหมอหรือนักปรุงยาที่ดีที่สุด เพียงแต่ไม่มีใครเลยที่สามารถรักษาอาการของโรคร้ายนี้ได้


 


“ท่านผู้อาวุโสวันนี้พวกเราต้องขอลาไปก่อน ข้าจะมาที่นี่ในทุกๆ 2 วันเพื่อทำการรักษาเขา  หากทุกๆอย่างเป็นไปได้ด้วยดี ข้าสัญญาได้เลยว่าเขาจะหายเป็นปกติภายในครึ่งเดือน” ชิงสุ่ยยืนขึ้นและกล่าวด้วยรอยยิ้ม


 


“ข้าได้เตรียมงานเลี้ยงเอาไว้เสร็จสิ้นแล้ว ไม่ว่ายังไงพวกท่านทั้งสองก็ควรจะพักอยู่ที่นี่ก่อน ข้าได้พบกับแพทย์ที่มีชื่อเสียงมากมายในที่แห่งนี้เพียงแต่ข้าก็ได้รับรู้ว่าหลายๆคนนั้นไม่คู่ควรกับชื่อเสียงนั้นเลย ข้าจะป่าวประกาศเรื่องเกี่ยวกับตงหลางของท่านหมอเทวดาทั้งสอง” ผู้อาวุโสตงหลางรู้สึกดีกับชิงสุ่ยและหมอปีศาจ


 


“ท่านผู้อาวุโส พวกเรายังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องทำในวันนี้ ยังมีคนอีกหลายคนที่ยังรอคอยพวกเราไปช่วยชีวิต โปรดรอจนกว่าพวกเราจะรักษาอาการเจ็บป่วยของตงหลางให้เสร็จก่อน เมื่อถึงตอนนั้นเราค่อยมาดื่มด้วยกันท่านว่าดีหรือไม่?”


 


เมื่อเขากล่าวเช่นนี้ออกมาผู้อาวุโสตงหลางก็ไม่อาจหยุดยั้งชิงสุ่ยเอาไว้ได้ เขาลังเลที่จะปล่อยทั้งสองคนไปและพูดด้วยรอยยิ้ม “เช่นนั้นก็ได้ถือว่าเราทำข้อตกลงกันแล้ว พวกเราจะมาดื่มด้วยกันเมื่อตงหลางหายดีแล้ว”


 


“ตกลง พวกเราจะทำเช่นนั้นอย่างแน่นอน!”


 


……


 


พวกเขาไปเยี่ยมเยือนอีกหลายตระกูลในวันนี้ ตระกูลเหล่านี้มีผู้ป่วยที่พิเศษในครอบครัวของเขา ผู้ป่วยเหล่านี้มีความสำคัญมากและในขณะเดียวกันก็เป็นผู้ป่วยที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน ชิงสุ่ยได้สร้างความสัมพันธ์กับตระกูลเหล่านี้ในขณะที่เขาทำการรักษา ที่สำคัญไปกว่านั้นคือทักษะด้านการแพทย์ของชิงสุ่ยได้โด่งดังไปไกลทั่วพื้นที่แห่งนี้


 


ในเวลาเดียวกันชื่อเสียงของชิงสุ่ยก็ได้โด่งดังออกไปไกลเช่นเดียวกัน แน่นอนว่านั่นยังรวมถึงซาลาเปาหยกและสุราต่างๆ


 


น่าเสียดายที่การผิดใจกันของชิงสุ่ยและตระกูลผังนั้นคงดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน


 


ตระกูลผัง!


 


ผังเต๋อกำลังดื่มสุราของเขาอยู่ มีชายวัยกลางคนที่ดูเหมือนนักปราชญ์ยืนอยู่ตรงหน้าเขา ชายผู้มีกลิ่นอายนี้ทำให้ผู้คนนั้นรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่และลึกลับของเขา


 


“ท่านพี่ผัง ท่านวางแผนจะจัดการกับเจ้าเด็กนั่นยังไงดี? หากท่านยังปล่อยมันไป ในอนาคตเจ้าเด็กนั่นย่อมพัฒนาจนแข็งแกร่งยิ่ง อีกทั้งเขายังเป็นหมออัจฉริยะ หากเป็นเช่นนี้ต่อไปภายในเวลาไม่ถึงครึ่งปีชื่อเสียงของเขาย่อมโด่งดังจนเราไม่อาจสัมผัสได้” นักปราชญ์วัยกลางคนผู้นี้หยิบแก้วสุราขึ้นมาพร้อมจิบสุราในแก้ว


 


“ในอีก 3 วัน ข้าจะออกไปทำลายมันไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น” ผังเต๋อกล่าวยืนยันหลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง


 


“ท่านแน่ใจหรือ?”


 


“ยี่เหอ มีอะไรกันหรือ?”


 


“ข้ายังคงมีความรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้กับหมอแค่คนหนึ่ง มันดูไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย” นักปราชญ์วัยกลางคนผู้ที่มีนามว่ายี่เหอกล่าวพร้อมกับมองไปยังผังเต๋อ


 


“คำพูดนี้ได้ออกมาจากปากของข้าแล้ว ข้าไม่อาจยอมให้ตระกูลผังต้องพบกับความอัปยศได้ นอกจากนี้มันยังเป็นเพียงหมอแม้ว่ามันจะประสบความสำเร็จมากเพียงใดในอนาคต แต่การสังหารมันย่อมง่ายดายราวกับขยี้มดตัวหนึ่ง” เจตนาสังหารของผังเต๋อนั้นชัดเจนอย่างยิ่ง


 


ร่องรอยของความผิดหวังปรากฏขึ้นในสายตาของนักปราชญ์วัยกลางคน แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้แสดงมันออกมาอย่างชัดเจน ในทางตรงกันข้ามเขายังคงดื่มสุรากับผังเต๋อต่อไป


 


……


 


ตระกูลปู้หยาง.


 


“ท่านปู่ ท่านมองข้าทำไม?”


 


ชายวัยกลางคนกล่าวด้วยรอยยิ้มขณะกำลังเดินเข้ามาใกล้ผู้อาวุโสปู้หยางที่ลานฝึกฝน


 


“หงหู ในที่สุดก็มีความหวังที่เฉิงหมิงจะรอดชีวิตไปได้แล้ว แต่ดูเหมือนว่าเรามีปัญหาใน 2-3 วันนี้ ผู้ที่มีนามว่าชิงสุ่ยแห่งห้องอาหารแห่งจักรพรรดินั้นสามารถช่วยชีวิตของนางได้ เพียงแต่ดูเหมือนว่าตระกูลผังกำลังคิดที่จะกำจัดเขา พวกเราต้องจับตามองดูเขาอย่างลับๆและเข้าช่วยเหลือในยามที่จำเป็น” ผู้อาวุโสปู้หยางกล่าวด้วยรอยยิ้ม


 


“ท่านปู่ อย่ากังวลไปเลย ตลอดมาไม่มีผู้ใดสามารถช่วยเหลือเฉิงหมิงได้ ตระกูลปู้หยางจะปกป้องเขาเอง” ปู้หยางหงหูกล่าวออกมาด้วยความยินดี


 


เฉิงหมิงนั้นเกิดมาพร้อมกับชีวิตที่ต้องสู้ ชื่อของเด็กหญิงผู้นี้นั้นผู้อาวุโสปู้หยางได้ตั้งขึ้นมา มันหมายถึงการที่เธอต้องต่อสู้เพื่อชีวิตของเธอจากพระเจ้า


 


……


 


ในเวลาเดียวกันตระกูลซื่อกงรวมถึงตระกูลอื่นๆก็เริ่มเคลื่อนไหวแล้วเช่นกัน อย่างน้อยพวกเขาทั้งหมดก็กำลังวางแผนที่จะตอบแทนบุญคุณของชิงสุ่ย


 


ทันทีที่ชิงสุ่ยกลับมายังห้องอาหารแห่งจักรพรรดิ เขาก็รีบเข้าไปในดินแดนทันที ในวันนี้เขาจะเริ่มลงมือทำบะหมี่ชีวิตยืนยาว


 


แม้ว่าปลาชีพนิรันดร์จะมีไม่มากนัก แต่ก็ถือว่ามากพอให้เขาสามารถใช้ได้ เหตุผลที่เป็นเช่นนี้เพราะเขายังมีหยกจากราชสีห์หยกด้วยเช่นกัน ด้วยวิธีนี้มันจะเพียงพอสำหรับปลาชีพนิรันดร์ที่จะค่อยๆรวมตัวกับหยกนี้อย่างช้าๆ


 


ซาลาเปาหยกก็ได้กลายเป็นที่โด่งดังในตอนนี้ นอกจากนี้ความนิยมของมันยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในตอนนี้ใครก็ตามที่ได้กินซาลาเปานี้จากห้องอาหารแห่งจักรพรรดินั้นถือว่าน่าภาคภูมิใจอย่างยิ่ง มันสามารถประสบความสำเร็จเช่นนี้ได้ในเวลาเพียงไม่กี่วัน มันยังเป็นสิ่งที่ตระกูลผังเฝ้าจับตามองอยู่ ทำให้ตระกูลผังมีความตั้งใจที่จะพิชิตห้องอาหารแห่งจักรพรรดิมากยิ่งขึ้น


 


วันนี้เพียงวันเดียวก็มีลูกค้าเพิ่มขึ้นอีกมากมายที่ชั้น 4 ของห้องอาหารแห่งจักรพรรดิ สถานะของเขานั้นสูงส่งยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ ในเวลาเพียงพริบตาเขาก็ได้เพิ่มระดับของห้องอาหารแห่งจักรพรรดิขึ้นไปอย่างเห็นได้ชัด ผู้คนที่เคยลาจากที่แห่งนี้ไปในครั้งที่แล้วต่างก็รู้สึกเสียใจจนใบหน้าของพวกเขากลายเป็นสีเขียว


 


ในเวลาเดียวกันผังเต๋อก็เป็นอีกคนหนึ่งที่รู้สึกเสียใจเช่นกัน หากเขารู้ก่อนหน้านี้เขาคงไม่ให้เวลาเพียง 3 วัน แม้ว่าเขาจะให้เวลาเพียงแค่วันเดียวเขาก็รู้ว่าชิงสุ่ยย่อมไม่มาหาอย่างแน่นอน มันเป็นไปไม่ได้สำหรับตระกูลผังที่จะบังคับให้เขาเข้าร่วมกับตระกูลผัง ตราบใดที่เขาปฏิเสธที่จะเข้าร่วมย่อมมีผู้คนมากมายที่จะคอยช่วยเหลือเขาอยู่


 


แต่ตระกูลผังไม่อาจทนเสียหน้าของพวกเขาได้ ก่อนหน้านี้พวกเขาได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนแล้ว พวกเขาจะแก้ไขสิ่งต่างๆได้อย่างไรกันในตอนนี้? พวกเขาได้แต่หวังว่าคนอื่นๆจะไม่มาข้องเกี่ยวในวันนั้น หรือไม่อย่างนั้นพวกเขาก็หวังว่าจะสามารถใช้วิธีการที่นุ่มนวลได้ ด้วยวิธีนี้พวกเขาอาจจะสามารถรักษาหน้าตาของตนเองเอาไว้ได้


 


ผังเต๋อเริ่มรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเองโดยไม่รู้ตัว


 


ในวันถัดมาบะหมี่ชีวิตยืนยาวก็ได้ถูกปรุงขึ้น ทั้งผู้อาวุโสปู้หยางและเด็กหญิงน้อยต่างก็มาที่นี่ ทั้งหมดนี้ไม่มีการเก็บเงินใดๆ สำหรับในตอนนี้ที่ชั้นที่ 4 นอกเหนือจากการเก็บเงินปีละครั้งพวกเขายังสามารถรักษาอาการเจ็บป่วยใดๆก็ได้โดยไม่ต้องเสียเงินเช่นเดียวกัน กฏเช่นนี้คล้ายคลึงกับสโมสรต่างๆในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา


 


ในตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดนั่นคือการโฆษณา ผลที่เกิดขึ้นสูงสุดสามารถทำได้โดยการรับประทานอาหารในวันเกิดดังนั้น พวกเขาจึงสัญญาว่าจะส่งบะหมี่ชีวิตยืนยาวไปให้ผู้คนเหล่านี้ในวันเกิด


 


……


 


ในเวลาเพียงพริบตาเวลา 3 วันก็ได้ผ่านพ้นไป วันนี้เป็นวันที่ตระกูลผังจะมาที่นี่ ชิงสุ่ยรอคอยพวกเขาอยู่ภายในห้องอาหารแห่งจักรพรรดิ


 


ในยามบ่ายผู้คนของตระกูลผังก็ได้มาถึง ครั้งนี้พวกเขามาประมาณ 10 คน แต่ละคนนั้นนั่งอยู่บนอสูรราชสีห์เมฆาขนาดยักษ์ หลังจากนั้นพวกเขาก็กระโดดลงมาจากท้องฟ้าตรงมาที่หน้าประตูของห้องอาหารแห่งจักรพรรดิ


 


ชิงสุ่ย หมอปีศาจ และลี่จี๋ได้รับข่าวเรื่องนี้มานานแล้ว


 


ไม่นานหลังจากผู้คนของตระกูลผังได้ยืนอยู่หน้าประตู ชิงสุ่ยและกลุ่มของเขาก็เดินออกมา


 


มีผู้คนจำนวนมากที่อยู่รอบๆที่แห่งนี้ ก่อนหน้านี้มีผู้คนจำนวนมากที่ได้ยินคำพูดที่ตระกูลผังได้กล่าวไว้เมื่อ 3 วันที่แล้ว ดังนั้นตั้งแต่เช้าตรู่ของวันนี้ก็มีผู้คนจำนวนมากมารวมกันที่นี่ด้วยความสนใจ นอกจากนี้ผู้คนยังตามมาสมทบกันที่นี่เลยเรื่อยๆ แม้แต่ตระกูลขุนนางก็มาอยู่ที่นี่จำนวนมากเช่นกัน


 


โรงเตี๊ยมจำนวนมากที่อยู่ตรงข้ามฝั่งถนนก็รู้สึกยินดีกับโชคร้ายครั้งนี้ของพวกเขาเล่นกัน ผู้คนจำนวนมากต่างอิจฉาห้องอาหารแห่งจักรพรรดิเมื่อได้เห็นชิงสุ่ยเข้าร่วมกับพวกเขาและเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างไปแน่นอนว่ามีคนจำนวนมากพยายามที่จะปกป้องเพราะพวกเขาได้รับการรักษาความเจ็บป่วยของตนเอง


 


แม้ว่าลูกค้าของที่นี่จะเป็นคนร่ำรวย แต่พวกเขาก็ยังคงใช้เวลาจำนวนมากเพื่อรักษาความเจ็บป่วยของคนที่อยู่ในชั้น 1 ไม่เพียงแค่นี้การรักษายังไม่เก็บเงินในๆด้วย นอกจากนี้ยังมีการแจกจ่ายยาให้กับคนธรรมดา สิ่งเดียวคือพวกเขาต้องเป็นคนธรรมดาเท่านั้น สำหรับพวกคนเลวร้าย คนที่รวยแต่หยิ่งผยอง และคนที่ชอบรังแกผู้อื่นชิงสุ่ยจะไม่รักษาให้กับพวกเขาไม่ว่าพวกเขาจะร่ำรวยเพียงใดก็ตาม เขายังรักษากฎนี้มาตั้งแต่ตอนที่เขาอยู่ในมหาทวีปทั้ง 5


 


ตัวอย่างเช่น สำหรับตระกูลอย่างตระกูลผัง แม้ว่าเขาจะไม่มีความขัดแย้งใดๆกับคนพวกนี้มาก่อน แต่เมื่อเขาได้รับรู้ว่าคนพวกนี้เป็นคนแบบไหน มันย่อมเป็นไปไม่ได้สำหรับพวกเขาที่จะได้เป็นลูกค้าของห้องอาหารแห่งจักรพรรดิไม่ว่าพวกเขาจะร่ำรวยมากเพียงใดก็ตาม เพราะพวกเขาเป็นตระกูลที่มีทั้งความชั่วร้ายและความหยิ่งผยอง


 


“นี้ก็ผ่านมา 3 วันแล้ว เจ้ายังไม่มาที่ตระกูลผังดังนั้นข้าจะมาที่นี่ในวันนี้เพื่อมาทำในสิ่งที่ข้าได้พูดไว้แล้ว” ผังเต๋อมองมายังชิงสุ่ยและเริ่มที่จะพูดคุย


 


เสียงของเขานั้นดังยิ่งรัก เขาได้บอกแก่คนอื่นๆว่าตระกูลผังจะทำตามสัญญาที่พวกเขาได้ให้ไว้และเขาหวังว่าจะไม่มีผู้ใดเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ สำหรับตระกูลผังการต้องเสียหน้านั้นเป็นสิ่งที่พวกเขายอมรับไม่ได้


 


“ข้าได้บอกไปก่อนหน้านี้แล้ว ข้าไม่สนใจที่จะยุ่งเกี่ยวใดๆกับคนแบบพวกท่าน หรือท่านอย่างจะให้เรื่องราวมันใหญ่โตเช่นนี้เพียงเพราะข้าปฏิเสธพวกท่าน?” ชิงสุ่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม


 


แม้ว่าชิงสุ่ยจะไม่ได้พูดเสียงดังมากนักแต่ทุกๆคนที่อยู่โดยรอบที่แห่งนี้ก็สามารถได้ยินสิ่งที่เขาพูดอย่างชัดเจน


 


“คนของตระกูลผังนั้นชอบบังคับขู่เข็ญคนอื่นๆอยู่เสมอ ข้าคิดว่าพวกเขาคงอยากจะเป็นเจ้าของห้องอาหารแห่งจักรพรรดิทั้งหมดเพียงเพราะพวกเขารู้สึกว่าจะหาประโยชน์จากมันได้”


 


“ใช่แล้ว ข้ายังสงสัยว่าเหตุใดจึงไม่มีผู้ใดมาหยุดตระกูลผังสักที ที่นี่ยังมีตระกูลอี่หวง ตระกูลปู้หยาง และตระกูลกู่หู…… มีตระกูลมากมายที่สามารถต่อกรกับตระกูลผังได้ เหตุใดพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่สนใจเรื่องนี้?”


 


“เจ้าไม่รู้งั้นหรือ ตระกูลอย่างตระกูลผังนั้นเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างของตระกูลที่ ‘ดี’ และ ‘เลว’   นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมไม่มีผู้ใดมาทำลายล้างตระกูลผังแม้ว่าพวกเขาจะทำเรื่องเลวร้ายต่างๆ”


 


……


 


ชิงสุ่ยกำลังฟังฝูงชนที่พูดคุยกันอยู่รอบตัวเขา ดูเหมือนว่าจะต้องมีเหตุผลสำหรับบางสิ่งบางอย่างหากมันยังดำรงอยุ่ นี่เปรียบเสมือนกฏที่ไม่ได้เขียนไว้


 


“ตระกูลผังไม่เคยรังแกผู้คน เช่นนี้เป็นไร เราจะสู้กันทั้งหมด 3 รอบในวันนี้และฝ่ายที่ชนะได้ 2 รอบก็จะถือว่าเป็นผู้ที่ชนะไป หากค่าชนะเจ้าต้องสัญญาว่าจะมาร่วมงานกับตระกูลผัง หากเจ้าชนะข้าจะลืมเรื่องการร่วมงานครั้งนี้ไปและจะขอโทษเจ้า เจ้าคิดเช่นไร?” ผังเต๋อดูเหมือนจะตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนไปในทันที


 


“ท่านจะบอกข้าว่าหากข้าชนะ ข้าจะได้รับคำขอโทษงั้นหรือ?” ชิงสุ่ยมองไปยังผังเต๋อ


 


ผังเต๋อตกตะลึง “เช่นนั้นจงบอกสิ่งที่เจ้าต้องการมา ข้าจะยอมรับมันไม่ว่ามันคืออะไร”


 


“เช่นนั้นเราจะต่อสู้กันและหาผู้ที่ชนะภายในครั้งเดียว หากท่านชนะข้าจะทำตามสิ่งที่ท่านต้องการ หากข้าชนะ ในภายภาคหน้าตระกูลผังจะต้องไม่มาเหยียบถนนเส้นนี้อีก” ชิงสุ่ยกล่าวด้วยความสงบนิ่ง แต่สิ่งที่เขากล่าวออกไปนั้นทำให้ผู้ฟังต่างก็รู้สึกโกรธฉันที


 


บางสิ่งบางอย่างก็ไร้ค่าทั่วทั้งอาณาจักรอี่หวง นอกเหนือจากตระกูลขุนนางจำนวนไม่มาก ตระกูลที่อยู่ในระดับเดียวกันกับตระกูลผังและตระกูลซื่อกงต่างก็เป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด แน่นอนว่ายังมีอีกหลายตระกูลที่อยู่ในอาณาจักรแห่งนี้ เพราะเมืองอี่หวงนั้นถือว่ากว้างใหญ่ยิ่งนัก มีตระกูลที่อยู่ในระดับเดียวกันกับตระกูลผังในที่แห่งนี้อย่างน้อยก็ 10 ตระกูล


 


มุมปากของผังเต๋อกระตุกขึ้น เขารู้สึกอายตัวเองยิ่งรัก จากนั้นเขาก็ตอบกลับด้วยใบหน้าไม่พอใจ “เอาล่ะ ข้าจะยอมรับเงื่อนไขของเจ้า”


 


ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าจะทำให้เรื่องนี้จบลงอย่างราบรื่นด้วยการขอโทษ แต่ชิงสุ่ยไม่สนใจที่จะยอมรับ ‘คำขอโทษ’ ของเขาอย่างเห็นได้ชัด กลับกันเขากลับกล่าวว่าไม่ต้องการให้คนของตระกูลผังเหยียบเข้ามาในถนนเส้นนี้อีกและอีกนัยหนึ่งนั่นหมายความว่าสายตาของผู้คนของตระกูลผังนั้นเป็นที่น่าขยะแขยงจนเขารู้สึกไม่อยากจะมอง…


 


ชิงสุ่ยมองไปรอบๆตัวเขาอย่างช้าๆ เขารับรู้ได้ว่าคนอื่นๆกำลังให้ความสนใจในตัวเขา แต่กลิ่นอายของคนพวกนี้นั้นอ่อนโยนอย่างยิ่ง มันไม่ได้มีเจตนาร้ายใด ๆ ดังนั้นเขาจึงเลิกสนใจในเรื่องนี้และก้าวขึ้นไปบนท้องฟ้า


 


ผังเต๋อเองก็ทะยานขึ้นไปเช่นกัน แต่ในตอนนี้เขาก็เห็นอสูรราชสีห์เมฆาบินขึ้นไปพร้อมกับเขา เมื่อเขาได้เห็นชายชราที่อยู่บนนั้นเขาก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาทันที เขาหยุดนิ่งรอคอยชายชราที่กำลังมาถึงตรงหน้าเขาอย่างสุภาพ


 


“ท่านลุงสาม!” ผังเต๋อทักทายเขาอย่างสุภาพ


 


ชายชราผู้นี้มีร่างกายที่สูงและความงามยิ่งนัก เขาดูมีอายุน้อยกว่าผังเต๋อ เขาดูมีอายุเพียงเล็กน้อยเท่านั้นยังไม่ได้แก่เกินไป เพราะความจริงที่ว่าผังเต๋อมีใบหน้าซึ่งดูคล้ายกับชายวัยกลางคนจึงทำให้เขาดูแก่เกินอายุ


 


“เข้าใจแล้ว เอาล่ะ จงเก็บตัวเข้าสู่ความสันโดษเมื่อเจ้าได้กลับไป” สายตาของชายชรานั้นราวกับไม้ที่ได้แกะสลัก มันดูเย็นชาอย่างยิ่ง


 


“ขอรับ!” ร่างกายของผังเต๋อสั่งขึ้นทันที อย่างไรก็ตามเขาก็ยังคงตอบกลับไปด้วยความสุภาพ


 


ชายชราหันมองไปรอบรอบ “ไม่มีผู้ใดสามารถเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของตระกูลผังได้”


 


ในตอนที่ชายชรากล่าวจบ เขาก็ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าทันที ตัวเขานั้นเหมือนกับวิหคขนาดใหญ่ที่รวดเร็วราวกับสายฟ้า


 


“ข้ามีนามว่าผังสือถู ในวันนี้ข้าจะเป็นตัวแทนของตระกูลผังที่จะมาประลองกับเจ้า หากข้าชนะข้าก็ไม่ได้ต้องการสิ่งใดเพิ่มเติม และหากข้าแพ้ข้าจะมาขอโทษเจ้านับแต่วันนี้เป็นต้นไป ตราบใดที่เจ้ายังมีชีวิตอยู่จะไม่มีคนของตระกูลผังคนไหนจะเหยียบย่ำเข้ามาในถนนเส้นนี้อีก” ผังสือถูมองไปยังชิงสุ่ยในขณะที่เขากล่าวด้วยความจริงจัง


บทที่ 1326 – ปะทะกับผู้ที่มีพลัง 70,000 สุริยา ขั้นที่ 1 ของกฏแห่งพระราชวังเก้าเทวา


 


คำพูดของผังสือถูนั้นทำให้ชิงสุ่ยต้องประหลาดใจ เขาไม่รู้ว่าชายชราผู้นี้กำลังวางแผนอะไรอยู่ เหตุผลนั้นก็เพราะว่าไม่เพียงแต่ชายชราจะมไ่ได้ประโยชน์อะไรจากการชนะครั้งนี้ หากเขาแพ้ตระกูลผังจะต้องเสียหน้าครั้งใหญ่


 


ทันใดนั้นชิงสุ่ยก็ได้เห็นความเย็นชาภายในดวงตาของชายชราผู้นี้ นั่นคือเจตนาสังหาร!


 


ชิงสุ่ยก็เข้าใจเรื่องนี้ขึ้นมาได้ทันที ปกติแล้วหากพวกเขาแพ้ ชิงสุ่ยจะเป็นผู้ตัดสินใจเรื่องผลลัพธ์เองและหากพวกเขาชนะพวกเขาก็จะไม่ได้อะไรเลย นอกจากนี้ยังมีสิ่งหนึ่งที่ไม่ได้กล่าวถึงอย่างเปิดเผยและนั่นก็คือพวกเขาสามารถฆ่าชิงสุ่ยได้ในการประลองครั้งนี้ ทำให้สิ่งต่างๆดูเหมือนเป็นอุบัติเหตุและทำให้พวกเขาพ้นจากคำสัญญาที่ได้ให้ไว้..


 


ชายชราย่อมเป็นคนหนึ่งที่มั่นใจว่าจะต้องสังหารศัตรูได้อย่างแน่นอน หากเขาสังการศัตรูในการประลองครั้งนี้ได้เขาย่อมปกป้องตระกูลจากอันตรายในอนาคตได้ หากเขาเขาไม่สามารถทำได้เขาก็มีวิธีการเอาตัวรอดของตนเอง จนถึงตอนนี้เขาสามารถทำ้เช่นนั้นได้


 


ชิงสุ่ยยิ้ม หลังจากนั้นเขาก็กล่าวขึ้นมาช้าๆ “มั่นใจได้เลย หากข้าแพ้ ข้าจะปกป้องชีวิตของท่านเอง ข้าไม่สนใจว่าคนๆนั้นจะเป็นใคร แม้ว่าจะเป็นคนที่อยู่ในขอบเขตแห่งความตาย ตราบเท่าที่คนๆนั้นเป็นคนที่ท่านบอกกล่าว ข้าก็จะช่วยยืดอายุขัยของพวกเขาได้อย่างน้อย 100 ปี”


 


เมื่อไม่รู้ว่าศัตรูของเขานั้นทรงพลังมากเพียงใด นอกจากนี้ชิงสุ่ยยังไม่มั่นใจว่าเขาจะสามารถจัดการชายชราผู้นี้ได้ ดังนั้นมันย่อมเป็นการดีที่สุดหากเขาจะสามารถเบี่ยงเบนความตั้งใจของศัตรูและทำให้ศัตรูรู้สึกลังเลใจก่อนที่จะลงมือสังหารตนเองได้


 


ดวงตาของผังสือถูกระตุกขึ้น เขารู้เรื่องของชิงสุ่ยมามากทีเดียว ดังนั้นไม่ว่าเขาจะเชื่อหรือไม่ในตอนนี้หัวใจของเขาก็ได้เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย ชิงสุ่ยอาจรู้สึกได้ว่าเจตนาสังหารของศัตรูของเขานั้นลดลงไป


 


ชิงสุ่ยทำสำเร็จเป้าหมายตามที่ตั้งใจไว้แล้ว เขาจึงยิ้มและกล่าวออกมาอีกครั้งว่า “มาเริ่มกันเถอะ! กระบี่ไม่มีตา โปรดระมัดระวังด้วย!”


 


“โชคชะตาจะกำหนดว่าเราตายหรือมีชีวิตอยู่ในวันนี้!” ผังสือถูนำกระบี่เศียรราชสีห์ขนาดใหญ่ออกมาขณะที่พูด


 


มันยาวประมาณ 3 เมตร กว้าง 0.3 เมตร กระบี่เศียรราชสีห์นั้นมีสีแดงฉาน ปลายกระบี่เป็นหัวราชสีห์ซึ่งดูสมจริงอย่างยิ่ง หัวของราชสีห์มีลักษณะคล้ายกับเปลวเพลิง มันปลดปล่อยกลิ่นอายของความดุร้ายและร้ายกาจออกมา


 


เกราะอสูรสำแดง!


 


ชิงสุ่ยใช้เกราะอสูรสำแดง แต่เขายังไม่ได้ถืออาวุธใดๆ เหตุผลนั่นก็เพราะๆเขาไม่จำเป็นต้องถือมัน


 


เกราะอสูรสำแดง!


 


ผังสือถูก็ใช้เกราะอสูรสำแดงของเขาเช่นกัน เกราะอสูรสำแดงของเขานั้นเป็นดอกที่มีสีแดง ดูเหมือนว่ามันจะเป็นชุดเดียวกันกับกระบี่เศียรราชสีห์ ในตอนที่เขาเห็นว่าชิงสุ่ยไม่ได้ถืออาวุธใดๆ เขาก็กลับมาว่า “ลงมือถือ ข้าจะไม่ยั้งมืออีกต่อไป”


 


ชิงสุ่ยพยักหน้า หลังจากนั้นเขาก็เรียกมังกรไอยราเกล็ดทองคำออกมา


 


วชิระสยบอสูร!


 


ตั้งแต่ที่ชิงสุ่ยเตรียมที่จะจู่โจม เขาก็เรียกมังกรไอยราเกล็ดทองคำออกมาทันทีและใช้เคล็ดวิชาลดความแข็งแกร่งศัตรูของมัน และในตอนนี้เมื่อศัตรูของเขายังอยู่ในความตกตะลึง เขาก็ใช้ปราณจักรพรรดิของตนเองออกมาทันที


 


ปราณจักรพรรดิ!


 


ในเวลาเดียวกันเมื่อชิงสุ่ยลดความแข็งแกร่งของชายชรา เขายังรู้สึกทึ่งกับพลังของตนเอง พลังกว่า 20,000 สุริยาของชายชราถูกลดลงไปทันทีโดยชิงสุ่ย


 


ชายชราผู้นี้มีพลังประมาณ 70,000 สุริยา


 


ตระกูลผังเองก็มีผู้ที่ทรงพลัง ตระกูลอี่หวงและตระกูลปู้หยางก็ย่อมต้องมีเช่นกัน ผังสือถูนั้นทรงพลังที่สุดในตระกูลผังหรือไม่นะ? ผู้ที่ทรงพลังในมหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำนั้นมีมากเพียงใดกัน?


 


เพียงพริบตาเขาก็ต้องสูญเสียพลังไปกว่า 20000 สุริยาแล้ว แม้แต่คนอย่างผังสือถูก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงทางสีหน้าอย่างชัดเจน เขากวัดแกว่งกระบี่เศียรราชสีห์ขนาดยักษ์ที่อยู่ในมือ ส่งรังสีกระบี่สีแดงให้พุ่งออกไป หลังจากนั้นราชสีห์ที่มีเปลวไฟลุกโชนก็ปรากฏขึ้นและพุ่งไปทางชิงสุ่ย


 


เขายังคงหลงเหลือพลังอีกกว่า 50,000 สุริยา และยังมีช่องว่างขนาดใหญ่อยู่ระหว่างพลังของชิงสุ่ยและพลังของเขา แต่อย่างไรก็ตามชิงสุ่ยก็คิดว่ามันยังมีหนทางชนะเพราะสามารถทำให้ศัตรูนั้นอ่อนแอลงได้ เหตุผลอีกอย่างนั่นก็เพราะชิงสุ่ยนั้นเป็นผู้ที่ได้ก้าวเข้าสู่เส้นทางแห่งเต๋า ในทางกลับกันผังสือถูนั้นอาจจะทรงพลังแต่เขาก็ยังไม่ได้ก้าวเข้าสู่ประตูเทวะแห่งเต๋าในตอนนี้


 


นอกจากนี้ยังมีโอกาส 80% ที่เขาจะสามารถต่อกรกับชายชราผู้นี้ได้ด้วยการโจมตีด้วยพลังวิญญาณ ดังนั้นชิงสุ่ยจึงไม่ได้กังวลแต่อย่างใด โชคร้ายอย่างยิ่งสำหรับผังสือถูที่เคล็ดวิชาของเขานั้นเป็นธาตุไฟ


 


หุบเขา 9 เทวา!


 


ทันทีที่ชิงสุ่ยเปิดใช้งานด้วยพลังจิต หุบเขา 9 เทวาก็พุ่งเข้าไปปะทะกับราชสีห์ที่พุ่งเข้ามาทันที


 


ปัง!


 


หุบเขา 9 เทวาถูกตัดออกไปถึงครึ่งหนึ่ง ในตอนนี้ชิงสุ่ยสะบัดมือของเขาและก็มีอะไรบางอย่างพุ่งไปหาผังสือถู


 


ตราประทับซวนเทียน!


 


ขั้นที่ 2 ตราประทับซวนเทียน! ลดความเร็วและปฏิกิริยาตอบสนองของศัตรูลงไป 20%


 


ในช่วงเวลานี้ตราประทับซวนเทียนของชิงสุ่ยได้ยกระดับขึ้นไปยังขั้นที่ 2


 


ย่าห์!


 


ไป!


 


ชิงสุ่ยควบคุมหุบเขา 9 เทวาและเข้าไปปะทะกับผังสือถูทันที


 


ในตอนนี้ผังสือถูรู้สึกได้ว่าชิงสุ่ยนั้นแปลกประหลาดอย่างยิ่ง เดิมทีเขาคิดว่าเขาจะสามารถสังหารชายผู้นี้ได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว แต่ในตอนนี้เขารู้แล้วว่ามันไม่ง่ายอย่างที่คิด เขาเรียกกระบี่เศียรราชสีห์กลับมาและพุ่งเข้าไปฟาดฟันหุบเขา 9 เทวาอีกครั้งเมื่อกระบี่ของเขากลับมา ในตอนนี้เขาต้องใช้พลังมากกว่าก่อนหน้านี้


 


ในตอนที่เขากำลังพุ่งออกไปชายชราก็เริ่มเคลื่อนไหวเช่นกัน เขาเข้ามาปะทะกับชิงสุ่ยทันที เกราะอสูรสำแดงของเขานั้นปกปิดร่างกายทุกส่วน กระบี่เศียรราชสีห์นั้นปลดปล่อยเปลวเพลิงสีแดงฉานราวกับโลหิตออกมา


 


เมื่อชิงสุ่ยสะบัดมือของเขาแส้เปลวเพลิงมังกรขั้นแรกเริ่มก็ฟาดไปยังผังสือถู


 


ทักษะย่างก้าว 9เทวา!


 


รูปแบบเนตรศิลาศักดิ์สิทธิ์ช่วยเพิ่มพลังของรูปแบบของเขาได้ 1 เท่า มันยังรวมถึงทักษะย่างก้าว 9เทวาด้วยเช่นกัน ทันใดนั้นชิงสุ่ยก็ปรากฏตัวขึ้นหลังผังสือถูทันที เขาฟาดแส้เปลวเพลิงมังกรขั้นแรกเริ่มไปยังผังสือถู


 


เมื่อได้ก้าวเข้าสู่ประตูเทวะแห่งเต๋ารวมกับท่วงท่าอันลึกลับของทักษะย่างก้าว 9เทวา ชิงสุ่ยนั้นสามารถจัดการกับศัตรูที่มีพลังมากกว่าหลายเท่าได้อย่างคล่องแคล่ว


 


มังกรไอยราเกล็ดทองคำได้ปรากฏตัวขึ้นอยู่ไม่ไกล ทันทีที่ชิงสุ่ยเริ่มเคลื่อนไหวมันก็เข้าโจมตีด้วยทันที


 


ปราณกระบี่วชิระ!


 


มันสามารถช่วยลดความเร็ว 20% ……


 


มังกรไอยราเกล็ดทองคำนั้นมีสายเลือดที่ไม่ด้อยกว่าสายพันธุ์มังกร และในตอนนี้มันมีพลังมากกว่า 10000 สุริยา การเติบโตของมันเพิ่มขึ้นด้วยความเร็วที่น่ากลัวอย่างมาก


 


นี่คือช่วงเวลาที่พลังของมังกรไอยราเกล็ดทองคำกำลังพุ่งทะยาน มันเหมือนกับเมื่อมนุษย์ที่ได้ผ่านวัยแรกรุ่น หากพวกเขาได้รับสารอาหารที่เหมาะสมร่างกายของพวกเขาจะเติบโตอย่างรวดเร็ว นี่เป็นเหมือนการยกระดับทุกสิ่งทุกอย่าง


 


ตำนานกล่าวไว้ว่ามังกรไอยราเกล็ดทองคำนั้นจะยิ่งใหญ่กว่ามังกรยามที่มันได้เติบโตขึ้น ไม่ว่ามังกรไอยราเกล็ดทองคำจะแข็งแกร่งขึ้นมากเพียง พลังของชิงสุ่ยก็จะเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน แต่น้ำที่เต็มแก้วนั้นไม่อาจเพิ่มน้ำเข้าไปอีกได้ ดังนั้นชิงสุ่ยจะต้องยกระดับไปยังระดับพลังปราณบรรชาสวรรค์พินาจให้เร็วที่สุด


 


ด้วยสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ความเร็วของผังสือถูนั้นเชื่องช้ากว่าชิงสุ่ยอย่างเห็นได้ชัด หากปราศจากความเร็วแล้วโอกาสที่จะชนะศัตรูนั้นก็จะเหลือน้อยยิ่งนักไม่ว่าเขาจะมีพลังมากกว่าศัตรูสิบเท่าหรือร้อยเท่าก็ตาม ดังนั้นเขาก็จะสามารถ ‘ได้รับชัยชนะเหนือยอดฝีมือที่มีแต่พลังเพียงอย่างเดียว’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้พลังที่แท้จริงก็อาจจะไร้ประโยชน์ไปเลย


 


ในตอนนี้ผังสือถูนั้นอยู่ในตำแหน่งที่ตั้งรับ อย่างไรก็ตามเขาก็ยังสามารถป้องกันการโจมตีของชิงสุ่ยได้ แม้ว่าเขาจะโดนโจมตีบ้างบางครั้ง น่าเสียดายที่การโจมตีของชิงสุ่ยนั้นไม่อาจสร้างความเสียหายใดๆให้แก่เขาได้ นี่ทำให้เขาหัวเราะออกมาได้


 


“ข้าจะยืนอยู่ที่นี่และให้เจ้าโจมตีตามที่เจ้าต้องการเลย เจ้าไม่อาจทําอันตรายใดๆแก่ข้าได้” ท้ายที่สุดผังสือถูก็ตัดสินใจที่จะอยู่นิ่งๆ เกราะอสูรสำแดงที่ทรงพลังของเขาทำให้เขาเหมือนกับเต่าที่ไม่มีวันตาย


 


“เจ้าจะไม่เคลื่อนไหวแล้วงั้นหรือ?” ชิงสุ่ยยิ้ม


 


“ข้าจะไม่เคลื่อนไหวแล้ว!”


 


ชิงสุ่ยก็เรียกอสูรอัสนีคลั่งออกมาทันที


 


อัสนีกัมปนาท!


 


ผังสือถูนั้นไม่ได้สนใจพลังโจมตีอันน้อยนิดของอสูรอัสนีคลั่งเลย เพียงแต่ทันใดนั้นเขาก็ได้รู้ว่าเขาคิดผิดครั้งใหญ่ ใบหน้าของเขาเปลี่ยนแปลงไปทันทีเมื่อเขาต้องกลับมาจับกระบี่อีกครั้ง


 


หัวราชสีห์สีแดงที่อยู่บนปลายของกระบี่เศียรราชสีห์มันเริ่มมีสีเข้มขึ้นเรื่อยๆทำให้มันดูน่ากลัวมากยิ่งขึ้น หัวราชสีห์นั้นก็เปล่งแสงสีแดงโลหิตออกมาปกคลุมรอบตัวของชายชรา


 


ราชสีห์ปีศาจโลหิต!


 


ชิงสุ่ยเห็นได้ชัดว่านอกเหนือจากปราณจักรพรรดิ ผลของเคล็ดวิชาอื่นๆนั้นต่างก็หายไป นอกจากนี้พลังของเขายังเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน ในพริบตาเขาก็พุ่งเข้ามาหาอสูรอัสนีคลั่ง


 


อสูรอัสนีคลั่งรีบหลบการโจมตีอย่างรวดเร็ว แต่ดูเหมือนมันจะสายไปเล็กน้อยที่ทำเช่นนั้น


 


ลึกๆในใจชิงสุ่ยก็รู้สึกทึ่งกับสิ่งที่เกิดขึ้น


 


ทักษะย่างก้าว 9เทวา มิติผกผันฉับพลัน!


 


ชิงสุ่ยสลับตำแหน่งของเขากับผังสือถูทันที ผังสือถูที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก็ยังคงพุ่งเข้าไปหาเป้าหมายของเขาอยู่ ร่างกายของเขาเป็นประกายด้วยสีแดงและเมื่อเขารู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นมันก็ทำให้เขาต้องรู้สึกโกรธทันที


 


“ข้าอยากรู้จริงๆว่าเจ้าจะสามารถรับการโจมตีของข้าได้กี่ครั้ง!


 


ก้าวพสุธามังกรไอยรา!


 


มังกรไอยราเกล็ดทองคำกระทืบลงไปยังผังสือถู


 


น่าเสียดายที่มันไม่ได้ผล


 


ปราณกระบี่วชิระ!


 


ไม่ได้ผล!


 


ชิงสุ่ยไม่ลังเลเลยที่จะเรียกทั้งมังกรไอยราเกล็ดทองคำและอสูรอัสนีคลั่งให้กลับไป เขาใช้แหวนศิลาหยกสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์เพื่อหลบการโจมตีที่น่ากลัวของผังสือถู


 


ผังสือถูนั้นแข็งแกร่งอย่างยิ่งในตอนนี้ แต่ก็เป็นช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น นอกเหนือจากปราณจักรพรรดิเคล็ดวิชาอื่นๆที่ลดพลังนั้นจะไร้ผล ดังนั้นชิงสุ่ยต้องการรอจนกว่าผลของราชสีห์ปีศาจโลหิตนี้จะหมดไป


 


ราชสีห์ปีศาจโลหิต เล็งเป้า!


 


ทันใดนั้นแสงสีแดงโลหิตจากปลายกระบี่ของผังสือถูก็เริ่มห่อหุ้มร่างกายของชิงสุ่ยราวกับใยแมงมุม หลังจากนั้นผังสือถูก็หายไปเหลือไว้เพียงภาพติดตาเท่านั้น สิ่งที่ตามมานั่นก็คือกลิ่นอายที่สะเทือนไปทั้งโลกาเข้ามาปะทะกับชิงสุ่ย


 


ชิงสุ่ยรู้สึกได้ถึงเหงื่ออันเย็นเยียบที่ไหลลงมาจากร่างกายของเขา เขารีบถอยหลังกลับไปอย่างรวดเร็ว


 


ปัง!


 


สิ่งเดียวที่ชิงสุ่ยรู้สึกได้ในตอนนี้คือมีภูเขาขนาดมหึมาพุ่งเข้ามาปะทะเขา เขากระอักเลือดออกมา โชคดีที่เขายังสามารถทนรับการโจมตีครั้งนี้ได้


 


พลังธรรมชาติของเขาไม่อาจหยุดแสงสีแดงนี้ได้…..


 


เขตแดนแห่งราชันย์


 


โชคดีที่เขตแดนแห่งราชันย์ร้านสามารถขจัดมันไปได้ แต่ในตอนนี้ผังสือถูก็พุ่งเข้ามาหาชิงสุ่ยอีกครั้ง


 


ปู้หยางหงหูนั้นกำลังให้ความสนใจกับการสู้รบที่เกิดขึ้นครั้งนี้ กำปั้นทั้งสองของเขากำลังเคลื่อนไหวไปมา แต่ในตอนนี้ก็มีเสียงดังขึ้นมา “ข้ารู้ว่าท่านต้องการทำอะไรแต่สำหรับตอนนี้การช่วยเหลือของท่านนั้นไม่ใช่สิ่งที่ดีนัก หากข้าจำเป็นจริงๆ ข้าจะบอกท่านให้ทราบ ขอบคุณ!”


 


ชิงสุ่ยได้สังเกตเห็นคนพวกนี้มานานแล้ว เมื่อคิดว่าพวกเขามาที่นี่เพื่อช่วยชีวิตของตนเอง เขาก็ไม่คิดอีกต่อไปว่าคนๆนั้นจะเป็นใคร น่าจะเป็นคนจากหลายๆตระกูลก่อนหน้านี้ เขารู้สึกว่าคนพวกนี้น่าจะมาจากตระกูลปู้หยาง แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ไม่ค่อยแน่ใจเรื่องนี้


 


ทักษะย่างก้าว 9เทวา ย่างก้าวอากาศธาตุ!


 


ร่างกายของชิงสุ่ยเชื่องช้าลงและเริ่มสลายไป หลังจากนั้นเขาก็ปรากฏตัวขึ้นในระยะไกลๆ


 


ย่างก้าวดาวตก!


 


ชิงสุ่ยยิงลูกปัดเหล็กกล้าเหมันต์ 10000 ปี 2 ลูกไปยังผังสือถู


 


ติ๊ง ติ๊ง!


 


ภายใต้ผลของราชสีห์ปีศาจโลหิต เขานั้นเป็นเหมือนเต่าศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่มีทางโผล่หัวออกมา ทำให้คนอื่นๆไม่รู้ว่าจะต้องจัดการกับมันยังไงดี


 


ชิงสุ่ยนั้นทำได้เพียงหลบอย่างต่อเนื่อง ภายใต้ตำแหน่งเทวาทั้ง 9 เขาคือราชันย์


 


ราชันย์แห่งเทวาทั้ง 9!


 


ชิงสุ่ยดูเหมือนจะคิดอะไรได้บางอย่าง หลังจากนั้นเขาก็เริ่มทำอะไรหลายๆอย่าง ขณะที่เขากำลังหลบหนีการโจมตีอยู่นั้นเขาก็นึกถึงตำแหน่งของตนเองในตำแหน่งเทวาทั้ง 9 นับตั้งแต่เขาสามารถฝึกฝนทักษะย่างก้าว 9เทวาได้ เขาก็คิดว่ามันไม่อาจสามารถพัฒนาต่อไปได้แล้ว


 


เขาผสมผสานเคล็ดวิชาการเคลื่อนไหวต่างๆของเขาเข้ากับทักษะย่างก้าว 9เทวา ดูเหมือนเขาจะสามารถเข้าใจพวกมันมากขึ้นได้อย่างช้าๆ นั่นเป็นความรู้สึกมหัศจรรย์มาก มันรู้สึกราวกับว่าทุกสิ่งในตำแหน่งเทวาทั้ง 9 นั้นได้มีชีวิตขึ้นมา


 


เพิ่มแรงโน้มถ่วง!


 


ทันใดนั้นชิงสุ่ยก็ได้เห็นจุดสีจุดหนึ่งในทะเลแห่งปัญญาของเขากำลังเข้มขึ้นเรื่อยๆ ในตอนนี้เขากำลังตกตะลึงเขาไม่คาดคิดว่าการกระทำเช่นนี้จะได้ผลจริงๆ นี่คือกฏแห่งพระราชวังเก้าเทวา


 


มันก็เหมือนกับกฏแห่งสวรรค์และโลก เขามีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจทุกอย่างภายในตำแหน่งเทวาทั้ง 9 กฎของมันดูเหมือนจะสร้างขึ้นจากตัวเขาเอง


 


ทันใดนั้นชิงสุ่ยก็สังเกตเห็นได้ว่าทักษะย่างก้าว 9เทวาในตอนนี้นั้นได้ไปถึงขั้นที่ 1 ของกฏแห่งพระราชวังเก้าเทวา


 


ระดับสวรรค์ขั้นที่ 1  ปลดปล่อยกฏแห่งพระราชวังเก้าเทวา สามารถทำให้ศัตรูตกอยู่ภายใต้ขนของแรงโน้มถ่วง 10 เท่าได้


 


แรงโน้มถ่วง 10 เท่า ถ้าเขาอยู่ในชาติก่อนหน้านี้เขาจะสามารถสังหารศัตรูของเขาได้ทันที แต่ในตอนนี้ศัตรูของเขานั้นเป็นผู้ฝึกยุทธที่ทรงพลัง มันอาจส่งผลต่อศัตรูของเขาแต่ก็ไม่ได้มากมายจนเห็นได้ชัด ไม่ว่ายังไงมันก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรเลย และเขายังสามารถยกระดับมันขึ้นไปอีกได้ในอนาคต


 


กลืนกิน สามารถลืมกินแก่นแท้ของศัตรูได้ ระดับขั้นแรกนั้นสามารถกลืนกินได้อย่างช้าๆ ทำให้อัตราความเหนื่อยล้าของเป้าหมายนั้นเพิ่มขึ้น 10%.


 


สวรรค์ทะลาย ราชันย์แห่งตำแหน่งเทวาทั้ง 9 นั้นสามารถซ้อนทับการโจมตีของเขาเข้าด้วยกันได้ ช่วยเพิ่มพลังได้ 10% มีโอกาสสูงที่จะทำให้เป้าหมายกระเด็นไปข้างหลังและมีโอกาสเล็กน้อยที่จะทำให้เป้าหมายตกอยู่ในความตื่นตระหนก ลดพลังของเป้าหมายและทำให้พลังนั้นสลายไป


 


นี่คือกฏแห่งพระราชวังเก้าเทวาในระดับสวรรค์ขั้นที่ 1 ชิงสุ่ยรู้สึกพึงพอใจอย่างยิ่ง เขาสามารถใช้มันเมื่อไหร่ก็ได้ตามที่เขาต้องการ


 


แรงโน้มถ่วง 10 เท่า! กลืนกิน!


 


ชิงสุ่ยปลดปล่อยกฏแห่งพระราชวังเก้าเทวาในระดับสวรรค์ขั้นที่ 1 ไปยังผังสือถูฉันที


 


และในตอนนี้แสงสีแดงรอบๆตัวของผังสือถูนั้นเริ่มหายไป ชิงสุ่ยนั้นดูมีหน้าตาซีดเซียวแต่อาการบาดเจ็บส่วนใหญ่ของเขานั้นได้หายดีแล้ว เมื่อรวมกับกระดูกที่ทรงพลังของเขาไม่มีปัญหาใดจะใหญ่เกินไปเมื่ออยู่ตรงหน้าเขา เขารู้ว่าในตอนนี้โอกาสของเขานั้นได้มาถึงแล้ว

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม